ผ า เ พี ย ง ฟ้ า
26
"I LOVE YOU"
_________
:-)
_________
เสียงพูดคุยกันบริเวณโถงทางเดินดังกระหึ่ม อาจเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียนผู้คนเลยจับกลุ่มอยู่โดยทั่ว ผมรีบทิ้งบุหรี่ในมือแล้วเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ มุ่งหน้ายังปลายทางหรือห้องเรียนที่กำลังจะเริ่มในไม่ช้า เพราะที่นี่เป็นตึกเรียนรวมของมหาวิทยาลัยดังนั้นเลยมีนักศึกษาหลากหลายคณะที่เข้าใช้งาน สายตาพวกเราเลยมักจะสอดส่องมองไปโดยรอบอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะไอ้มาร์ทมันน่ะนะ ของแบบนี้มันเคยพลาดซะที่ไหน
ผมเบี่ยงตัวหลบพวกผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่บนทางเดินแคบ ได้กลิ่นบุหรี่ของตัวเองลอยปะปนกับคนอื่นๆจนฉุนจมูก ทั้งๆที่คิดว่าก็ไม่ได้สูบเยอะ แต่สงสัยเพราะเพื่อนๆมันก็สูบเหมือนกันเลยอบอวลควันจากพวกมันมาด้วย
ห้องขนาดกว้างมีผู้คนเข้ามาบ้างแล้วตอนที่เรามาถึง ไอ้ตินเลือกนั่งบริเวณกลางห้องค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นผมและคนอื่นๆก็ตามไปติดๆ ไม่นานอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับที่นั่งที่ถูกจับจองจนแน่นเอี๊ยด
เสียงบรรยายจากผู้หญิงวัยกลางคนทำเอาเสียงพูดคุยเงียบลงไปถนัดตา ผมตั้งใจอ่านเนื้อหาบนกระดาษแผ่นเล็กสลับกับมองกระดานที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่อัดแน่น มองเห็นคนอื่นๆในห้องก็ตั้งใจไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจเพราะวิชานี้ต้องเรียนรวมกับเด็กคณะอื่นที่ขึ้นชื่อเรื่องหัวกะทิ ดังนั้นเราเลยกลัวว่าคะแนนที่ได้จากการสอบจะน้อยจนส่งผลกระทบถึงเกรดในตอนท้ายเทอม
“เอาล่ะ อาจารย์อยากให้แบ่งกลุ่ม6 คน เพื่อทำงานมาส่งในครั้งหน้า”
ก่อนที่จะหมดเวลาเรียนจู่ๆ หญิงสาวก็ประกาศขึ้น เสียงพูดคุยเริ่มกลับมาตามเดิม พวกผมมองหน้ากันก่อนจะพบว่าคงต้องหาสมาชิกเพิ่ม
“5 คนหรือ 6 คนก็ได้นะ ช่วยกรอกรายชื่อจากลิ้งก์ที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ในไลน์ภายในสิบนาที ใครไม่มีกลุ่มแจ้งอาจารย์ได้ จะได้จัดหาให้ทีหลัง”
เมื่อจบคำสั่งไอ้มาร์ทก็พูดต่อทันที
“ภีมมึงกรอกให้ที”
เพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดคนโดนร้องขอเลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วกรอกรายละเอียดต่างๆลงไป ไม่ต้องบอกอะไรมันมากเพื่อนผมก็สามารถจัดการทุกอย่างได้จนหมด แต่ก่อนที่จะได้กดส่ง จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าที่เข้ามาจนทำให้พวกเราต้องหันไปมองกันทั้งกลุ่ม
“ขอโทษนะคะ” คนแปลกหน้ายิ้มให้ ท่าทางประหม่าเล็กน้อยยามที่พูด “พอดีเรากับเพื่อนยังไม่มีกลุ่ม เลยอยากถามว่าพอจะรับคนเพิ่มได้ไหม”
เจ้าตัวชี้ไปยังคนด้านข้าง หญิงสาวสองคนหน้าตาน่ารักทำเอาสายตาวิบวับปกปิดเอาไว้ไม่มิด
เฮ้อ
ไอ้พวกหน้าม่อ
“ได้สิ พวกเรามี5 คนเอง” ไอ้แทนตอบ ยิ้มหวานกลับไปจนผมต้องส่ายหน้าในใจเพียงคนเดียว
“งั้นตาลอยู่นี่ เดี๋ยวเราไปหากลุ่มใหม่แล้วกันนะ” หญิงสาวที่มาด้วยกันผละออกไปอีกทาง แต่โชคดีที่ได้เตรั้งไว้ได้ทันและเสนอทางออกใหม่
“เดี๋ยวเราไปถามอาจารย์ก่อนว่ากลุ่ม7 คนได้ไหม อาจารย์ไม่น่าจะว่านะ จะได้ไม่ต้องไปหาคนอื่น”
“นั่นสิ อยู่นี่แหละ ไม่เป็นไรหรอก”
เจ้าตัวทำสีหน้าลำบากใจแต่สุดท้ายก็ยอมรับข้อตกลง คนเสนอจึงเดินไปหน้าห้องเพื่อสอบถามก่อนจะได้รับข่าวดีว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ เมื่อเป็นดังนั้นเราจึงมีสมาชิกใหม่อีกสองคนที่แสนจะถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนๆผมเอง
ครับ
ไม่แปลกใจเลยสักนิด
“งั้นตั้งกลุ่มไลน์ดีไหม จะได้คุยกันสะดวก” ไอ้ภีมเป็นคนเสนอ ตาลและนุ่นที่ตามไม่ทันแผนการพวกมันก็พยักหน้ารับเบาๆ เป็นการตอบรับ รอยยิ้มจากเสือซ่อนเล็บไม่ทันเผยให้เห็นจนผมต้องผลักหัวมันไปที
“น้ำลายเยิ้มแล้วมึงน่ะ” เสียงกระซิบผมเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“เฮ้ย โอกาสมาทั้งที ต้องรีบคว้าไว้หน่อยแล้ว”
ผมส่ายหัว คงมีเพียงแต่ไอ้แทนที่ยังนั่งนิ่งแต่ก็ต้อนรับแขกใหม่โดยไม่ให้เสียมารยาท เพราะมันมีแฟนแล้วเหมือนกัน อาการของผมกับมันเลยต่างจากอีกสามคนที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตลอดเวลา
เมื่อเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงมานั่งยังโรงอาหาร ได้ยินแว่วๆจากไอ้มาร์ทว่ามันแอดไลน์ส่วนตัวนุ่นกับตาลเป็นที่เรียบร้อย เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้งานเหมือนช่ำชองมาเป็นอย่างดี ผมรีบรับประทานมื้อเที่ยงเพื่อเตรียมเรียนต่อในตอนบ่าย เมื่อทานเสร็จก็ได้รับข้อความจากใครบางคนที่ส่งเข้ามา
บ่งบอกว่าตอนเย็นวันนี้เขาอยากให้ผมรอที่ใต้คณะ และเราจะกลับด้วยกัน
เค้าเลิกสี่โมง : AMAN
เธอล่ะ? : AMAN
Pha : สี่โมงเหมือนกัน
กลัวเธอเลิกก่อนแล้วต้องมารอเค้าไง : AMAN
Pha : จำตารางเรียนมึงได้น่า
ประโยคสั้นๆของผาทำให้ผมเก็บรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้ ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยแสดงออกมากเท่าไหร่แต่การกระทำกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ผาพูดไม่เก่ง แต่ก็ชัดเจนกับความสัมพันธ์ของเราเสมอผ่านการกระทำ
งั้นเจอกันหน้าร้านถ่ายเอกสารนะ : AMAN
เค้าลงบันไดฝั่งนั้น : AMAN
Pha : เค
เขาตอบสั้นๆ และผมก็อดไม่ได้ที่จะส่งกลับไปอีก
คิดถึงเธอครับ : AMAN
ก็แค่อยากบอก ผาไม่ต้องตอบรับมันก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เล่นงานผมจนหนีไปไหนไม่รอดอยู่ดี
Pha : คิดถึงมากกว่าครับ
จากประโยคสุดท้ายที่ถูกส่งมา บ่งบอกว่าเจ้าตัวก็คิดถึงผมไม่ต่างหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันนานเป็นเวลาเกือบอาทิตย์
คราวนี้รอยยิ้มผมกว้างกว่าเดิม เก็บโทรศัพท์ไว้ยังกระเป๋าหลังก่อนยกบุหรี่ขึ้นสูบเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน พร้อมกับความคิดหลายอย่างที่ปะปนกันอยู่ในหัว
ส่วนมากก็เป็นความคิดเกี่ยวกับเขา
และเป็นความคิดเกี่ยวกับเรื่องของเรา
ที่ทำให้ผมมีความสุขเสียจนรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดี
ความรักมันก็เป็นแบบนี้
แบบที่ทำให้เราลุ่มหลงเสียจนโงหัวไม่ขึ้น
/
ผมมองเห็นแต่ไกลว่ามีใครที่นั่งรออยู่บนม้านั่ง เรียกชื่อเขาครั้งเดียวเจ้าตัวก็หันมาพร้อมกับลุกขึ้น
“หิว ไปกินข้าวกัน” ผาเอ่ยชวน เมื่อผมพยักหน้ารับจึงเดินนำไปยังลานจอดรถ
“ทำไมวันนี้หิวไว?”
“ตอนเที่ยงกินแค่แซนด์วิชเอง”
“ไม่เห็นบอก”
“รีบไง จารย์ปล่อยช้าไม่มีเวลาไปกิน”
ผมยีหัวเขาเบาๆ ผาไม่ได้ปัดออกเหมือนเคย
“กินเยอะๆดิ ผอมลงตั้งเยอะเธอน่ะ”
“หรอ?” เขาถาม ก้มลงมองหุ่นตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผอมจะตายเนี่ย”
“เปล่านี่” อีกฝ่ายเถียง คิ้วยังขมวดเมื่อผมยังยืนยันคำเดิม
“กอดอยู่ทุกวันยังจะมาเถียง”
คราวนี้เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมหันกลับคงเพราะกลัวว่าผมจะเห็นแก้มแดงๆนั่นเข้า
แม่ง
น่ารักอีกแล้ว
ผมหันซ้ายหันขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครมากนักระหว่างทางเดินจึงเข้าไปชิดอีกคน ใช้จังหวะที่มือเรากระทบกันแผ่วเบารวบมือเขาเข้าหา สานมือของตัวเองแน่นจนความอุ่นส่งผ่าน ชำเลืองมองปฏิกิริยาของผาว่าจะทำอย่างไรกับการจับมือกันในที่สาธารณะเพราะเราไม่เคยทำมันมาก่อน
แต่ผาก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกเช่นเคย นั่นทำให้ผมยืดตัวขึ้นอย่างลำพองใจ มากกว่านั้นเจ้าตัวยังกระชับมือผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับก้มหน้าลงแล้วเดินไปตามทางเงียบๆ
ก็ตามนิสัยเขาล่ะนะ
แต่ทำไมมันช่างน่ารักเป็นบ้าเลยวะ
ผมหลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว
/
เราเลือกย่านร้านค้าที่นึงเพื่อรับประทาน พอมาถึงเขาก็เลือกซื้อน้ำปั่นก่อน สงสัยเพราะกระหายน้ำระหว่างทาง ส่วนผมก็ทำได้แค่ยืนรออยู่ข้างๆ และตัดสินใจว่าจะทานอะไร
“ม่าน”
เสียงเรียกชื่อผมดังเบาๆ แต่ก็พอให้ได้ยินจนต้องหันไปมอง พบว่าหญิงสาวที่เราเพิ่งรู้จักกันในคาบวิชาเมื่อตอนเช้านั่นเองที่เป็นคนทัก
“มากินข้าวแถวนี้หรอ?” ตาลเอ่ยถาม ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ใช่ๆ ตาลล่ะ?”
“มากินข้าวเหมือนกัน...กับพวกเพื่อนๆน่ะ” เจ้าตัวเว้นช่วงไปพักนึง ก่อนที่จะชี้นิ้วไปด้านหลังจนพบกับคนอื่นๆ ผมส่งยิ้มเป็นการทักทายเหมือนกัน
“ใครอ่ะ? รู้จักกันหรอ?” เหมือนผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างสงสัยในความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง สายตาเจ้าเล่ห์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“นี่ม่านเพื่อนเรา เรียนเสรีด้วยกันเมื่อเช้า”
“อ่ออ” เสียงลากยาวพร้อมกับทำตาโต หญิงสาวหันมาทางผม ก่อนจะพูดต่ออย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้ว่ามีเพื่อนหล่อขนาดนี้ ไม่งั้นลงเรียนไปด้วยแล้ว”
เพราะผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยหัวเราะตามไป การหยอกล้อยังดำเนินต่อไปโดยที่ผมเอาแต่รับฟัง
“ม่านไปทานข้าวด้วยกันสิ ไปไหม นุ่นก็มานะ”
ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้พูดจบ ผาก็เดินเข้ามาชิดพร้อมกับทำหน้าสงสัยให้กับเหตุการณ์ที่เกิด และดูเหมือนสองสาวจะแปลกใจที่เห็นว่าผมมีคนมาด้วยเช่นกัน
“อะไรหรอ?” เขาถาม ยกแก้วน้ำปั่นขึ้นดูดพลางมองคนที่อยู่ตรงหน้า
“เพื่อนเค้าชวนไปกินข้าวน่ะ”
สองสาวยิ้มรับ ผมแทบจะหาคำพูดไม่ได้เมื่อผาจ้องหน้าเพื่อนของตาลอย่างรู้ทันว่าคิดอะไรแม้จะทำได้เพียงสบตา
“ไปด้วยกันไหมคะ ตาลเขาอยากชวนม่านไปด้วย” อีกคนออกโรงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเจ้าของชื่อก็ใช้ศอกสะกิดเพื่อนแล้วซุบซิบบางอย่างที่เราไม่ได้ยิน
ผาเหลือบมอง ใบหน้านิ่งๆนั่นทำให้ผมขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ใช้ความเงียบเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ทำเอาเราทั้งสามคนรู้ว่ามันไม่ปกติเข้าแล้วจริงๆ
น่ากลัวฉิบ
“มึงอยากไปไหมล่ะ?” เขาถาม ความอึดอัดที่ส่งผ่านทำเอาผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ด้วยเพราะไม่รู้จะตอบแบบไหนถึงจะต้องรักษาน้ำใจทั้งสองฝ่าย ดังนั้นผมเลยต้องคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาให้รอบคอบ
คนนึงก็แฟน
ส่วนอีกคนก็ต้องทำงานร่วมกันอีกนาน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาเหตุผลมารองรับแม้ผมจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตามที
“ขอโทษทีนะตาล พอดีวันนี้เรากะจะรีบไปเคลียร์งาน เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวก” นานกว่าความเงียบจะจบลง สุดท้ายผมก็เลือกคำตอบแรกที่อยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร เอาไว้ครั้งหน้าก็ได้”
ผมยิ้มรับ ก่อนจะพูดต่อ “ได้สิ จะได้ชวนพวกไอ้ภีม ไอ้ตินมาด้วย”
“ดีเลย”
หญิงสาวยิ้มกว้าง คราวนี้มองผมกับผาสลับกันไปมา คงเพราะระยะห่างระหว่างเราทั้งคู่มันเริ่มลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการขยับของผา และนั่นทำให้ผมรู้ว่าเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉยไปเสียทีเดียว
“หิวแล้ว ไปกันได้ยัง” เขาพูดเบาๆ จากนั้นผมเลยรีบบอกวาเพราะกลัวว่าคนข้างกายจะหงุดหงิดเข้าเสียก่อน
“เราไปก่อนนะ”
อีกสองคนพยักหน้า ส่วนผาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้บอกลาอะไร ผมแทบจะถอนหายใจออกมา แต่เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่เอวฝั่งขวาทำให้ลืมทุกอย่างไปจนหมด
ผาเอื้อมมือมากอด โอบไว้คลายๆแสดงความเป็นเจ้าของเพียงเสี้ยววินาที คงอยากให้ใครบางคนรับรู้ชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกันและไม่ใช่ความสัมพันธ์เพียงชั่วคราว
ผมอมยิ้ม ก่อนจะดึงมือเขาให้กลับมาอยู่ที่เดิมแล้วจับเอาไว้
เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของไม่ต่าง
แม้จำนวนผู้คนจะมาก แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เขินอายอะไรอีก
/
“ทำอะไรอยู่หรอ?” เจ้าของห้องหยุดยืนด้านข้าง ชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะวางของต่างๆไว้บนโต๊ะ
“พรีเซนต์”
“พรีวันไหน?”
“วันศุกร์ครับ”
ผมตอบก่อนจะใช้นิ้วลงน้ำหนักบนแป้นพิมพ์ มองเขาที่อยู่ในชุดพร้อมนอน
“อีกนานเลยอ่ะดิ?” ผาถามแล้วใช้มือยีศีรษะผมเบาๆ คล้ายกับว่าเจ้าตัวเห็นอกเห็นใจคนที่นั่งทำงานมานานแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
“อืม เธอนอนก่อนเลย”
“เอางั้นหรอ?”
เจ้าตัวถามย้ำ ถ้าเป็นปกติคงจะตอบรับสั้นๆแล้วเดินจากไป แต่ดูเหมือนการที่เราค้างด้วยกันบ่อยๆจะทำให้เขาเริ่มชินกับการที่มีผมนอนข้างๆ ผาไม่เคยบอกอีกเช่นกัน แต่การกระทำเขามันเด่นชัดเสียจนผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้
“ช่วยไม่ได้ ก็งานเค้าเหลืออีกเยอะ”
“งั้นก็อย่าดึกมากล่ะ พรุ่งนี้มึงมีเรียน”
“ครับ ถ้าเธอจะนอนก็หรี่ไฟเลยนะ เดี๋ยวเค้าเปิดโคมไฟเอาก็ได้”
แม้จะอยากนอนพร้อมกันแต่ผมก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองที่รับมา ผาพยักหน้าสองสามครั้งแล้วเดินจากไป จากนั้นในห้องก็เหลือเพียงแสงสลัวจนผมต้องเปิดโคมไฟให้ความสว่างเสียแทน คิดว่าอีกฝ่ายคงจะนอนไปแล้วแต่ก็ผิดคาดเมื่อเห็นว่ามีเครื่องดื่มร้อนพร้อมกับขนมปังที่ถูกวางไว้ให้
“เผื่อหิว” เขาพูดแค่นั้น สำรวจสภาพของผมที่นั่งตรงนี้นานเกือบห้าชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่อเจ้าตัวยังไม่ละไปไหนสุดท้ายจึงโดนรั้งข้อมือเอาไว้พร้อมกับแรงดึงให้นั่งลงบนตัก
“ไม่เอา” ผางอแง แต่มีหรือที่คนแบบผมจะหยุด
“แปบเดียว”
ไม่รู้ว่าเขาแพ้ลูกอ้อนหรืออยากจะตามใจเพราะหลังจากนั้นผาเองก็ไม่ขัดขืน เขานั่งลงด้านหน้า ระหว่างขาของผมอีกที โชคดีที่เก้าอี้ตัวใหญ่เจ้าตัวเลยสามารถนั่งได้อย่างสบายและไม่เบียด มือข้างหนึ่งของผมเลื่อนขึ้นมาโอบเอว ส่วนอีกข้างยังจับไว้ยังเมาส์เพื่อทำงานต่อ
“ตัวเธออุ่นจัง” เสียงกระซิบชิดใบหู คงเพราะผมเอาคางเกยไว้ที่ไหล่เขาอีกที บางครั้งก็แอบจรดปลายจมูกลงบนผิวที่มีเนื้อผ้าคั่น สูดดมกลิ่นหอมของอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพอเลื่อนสถานะแล้วยอมเก่ง
“อืออ มันจั๊กจี้” ไม่รู้เพราะเล่นมากไปหรือเปล่าเขาเลยต้องจับแขนที่ลูบหน้าท้องบางเอาไว้เพื่อหยุด เพราะตอนนี้มันเริ่มจะสอดเข้าไปด้านในเสื้อและสัมผัสร่างกายของเขาอย่างจาบจ้วง ผาดิ้นเล็กน้อยแต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
ก็ใช่สิ กำไรแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ
“พอก่อนม่าน”
คราวนี้เขาทำเสียงจริงจังจนผมหัวเราะออกมา สุดท้ายก็ทำได้แค่เกบคางไว้ที่ไหล่เหมือนเดิม เอื้อมมือไปบิดแก้มเจ้าตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม
“เธอหึงเขาหรอ?”
“...”
ผายังไม่ตอบ แต่ผมคิดว่าเขาเข้าใจว่าผมกำลังสื่อถึงเรื่องไหน
“ก็บอกแล้วไง”
“...”
“ว่ามีให้หึงอยู่คนเดียว”
คราวนี้ผมกดจูบลงกับแผ่นหลัง เวลาอยู่กับผาทีไรหุบยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง กลัวว่าเขาจะมองผมเป็นคนบ้าเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
“แล้วใคร?”
“ครับ?”
“คนนั้นน่ะใคร”
ผมเคยคิดว่าอาการหึงหวงน่ะมันน่ารำคาญไม่น้อย แต่ทำไมพอมันเกิดกับผามันถึงดูน่ารักและผมก็ชอบที่เขาหึงผมเอาซะมากๆแบบนี้
“เพื่อนที่รู้จักกันตอนเรียนเสรี ห้องเค้าเรียนกับบัญชีแล้วพอดีอาจารย์ให้ทำงานกลุ่มเลยได้รู้จักกัน”
“...”
“...”
“อืม”
เจ้าตัวตอบรับสั้นๆ คงเพราะเห็นผมนิ่งไปนานละมั้งเลยถามต่อ
“ไม่ทำแล้วหรองานน่ะ?”
“ทำสิ”
“อือออ ม่าน”
“...ทำอยู่”
ผมไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศเป็นใจหรือผมแค่อยากสัมผัสเขามากกว่านี้ มือไม่รักดีมันเลยเลื่อนลงต่ำจนทาบทับเข้ากับส่วนอ่อนไหว ผมอาศัยช่วงที่ผาอ่อนแรงมอบจูบเชื่องช้าส่งให้ เขาใช้ลิ้นตอบรับในไม่ช้าก่อนที่จะมันจะถูกเร่งจังหวะจากคนที่นั่งด้านหลัง
มือเล็กเลื่อนมาประคองใบหน้าผมทางด้านหลัง เพื่อให้จูบเราสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่เสียจังหวะ มือเขาอีกข้างวางไว้ยังขาแกร่ง บีบมันเข้าหากันเพื่อผ่อนปรนอารมณ์ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากให้จูบนั้นยาวนานมากนัก แต่พอได้ลองลิ้มรสแล้วผมก็ไม่อยากละจากแม้แต่เสี้ยววิ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลุกขึ้นพร้อมกับออกแรงให้ผาลุกตาม เสื้อผ้าของเราทั้งคู่เริ่มยับยู่ยี่ดูไม่ได้จากการที่คลอเคลียกันอย่างหนักจนแทบไม่มีอากาศลอดผ่านระหว่างเราทั้งคู่
ผมใช้มือข้างขวาปลดกระดุมชุดนอนตัวเก่งของอีกฝ่าย ส่วนมือข้างซ้ายก็งุ่นง่านอยู่หลังศีรษะ ขยุ้มเส้นผมสีดำขลับตอบรับจังหวะการจูบที่ยังไม่ละไปไหน ผมรีบเร่ง เขาตอบรับ ผมลงสัมผัสหนัก เขาก็ยังโอบกอดเอาไว้ไม่ห่างบ่งบอกว่าต้องการมันมากเหมือนกัน
ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่
กระเป๋าตังใบเล็กถูกหยิบขึ้นจังหวะหนึ่งก่อนมันจะถูกโยนลงไปบนเตียงอย่างไม่ไยดี คล้ายกับรู้ว่าทุกอย่างจะจบลงตรงไหน เพราะไม่นานร่างของผาก็ตามลงไปพร้อมกับผมที่ขยับชิดจนคร่อมอีกฝ่ายไว้ด้านบน
เม็ดสีหน้าอกขาวโผล่พ้นสาบเสื้อเมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดลุ่ย ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก บางส่วนด้านล่างแข็งขืนจนผาก็รับรู้มันได้ ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวมากเท่าไหร่ ผมก็ก้มลงไปพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนปรนเปรอจนเสียงครางหวานดังลั่นทั่วห้อง
“อ๊าาา” ผาเชิดหน้า สองมือขยุ้มศีรษะผมเอาไว้ คงเพราะจุดอ่อนไหวอีกข้างก็โดนผมเล่นงานเช่นกัน ไม่เช่นนั้นตัวเขาก็คงไม่บิดเร่าจนแทบรันจวนใจแบบนี้
“อืออ อื้ออ ม่านน”
“ครับ”
เสียงกระซิบตอบรับ กดร่างกายส่วนล่างให้บดเบียดกันอีกครั้ง ขยับไปมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงของเราสอง
ผมมีความต้องการ
และผมอยากจะทำมันตอนนี้ร่วมกันกับเขา
ผมใช้ขาของตัวเองแหวกขาเขาออก แทรกตัวให้พอดีกับร่างบางที่นอนอยู่ กดจูบลงไปอีกครั้งแล้วจัดการถอดชิ้นส่วนเบื้องล่างของเราทั้งคู่จนเปลือยเปล่า
“อืมมม” อดส่งเสียงร้องออกไปไม่ได้เมื่อผิวเนื้อเรากระทบกันจนวาบหวิว ผมผละตัวออก ถอดเสื้อยืดให้พ้นทางศีรษะ เห็นผาเหลือบมองร่างกายของตัวเองแล้วหยุดที่บางอย่างด้านล่าง เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยรวบแท่งร้อนทั้งสองเข้าหากันแล้วขยับขึ้นลงเป็นจังหวะที่พอใจ
“อ่าส์”
“อืออ อ๊ะ”
เรานอนตะแคงหน้าเข้าหากัน ผมบังคับให้ผาซบเข้ายังอกแกร่ง คงเพราะเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างกำลังขึ้นสี เกรงว่าจะมีคนเขินอายแต่สุดท้ายผาก็เงยหน้าขึ้นสบตา ซรุกไซร้บริเวณลำคอคล้ายกับอยากปรนเปรอผมบ้าง มันจะไม่แย่เท่าไหร่ถ้าเขาไม่ใช้ลิ้นแลบเลียจุดอ่อนไหวข้างใบหูจนผมกระตุกเกร็ง มันน่าอายนิดหน่อยตรงที่เขาทำให้ผมเสร็จได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที
“...เธอ” เสียงผมกระเส่า ผายังกอดผมเอาไว้แน่น
“...เสร็จแล้วหรอ?”
ผมไม่ตอบ แต่กลับเลื่อนมือไปขยับให้ส่วนของเขาต่อ
“...เพราะเธอน่ะแหละ”
“กู —อื้ออ—ผิดงั้นหรอ?”
“ผิด”
มือผมยังขยับต่อไปเรื่อยๆ
“ยั่วเค้าแบบนั้นทำไมวะ”
ไม่นานผาก็กอดผมแน่นอีกครั้ง คงเพราะทนแรงต้านทานไม่ไหวเจ้าตัวเลยปลดปล่อยออกมา ผมควานหากระเป๋าตัง หยิบถุงยางที่ซ่อนเอาไว้แล้วใส่มันอย่างรวดเร็ว ผาเบือนหน้าไปอีกทาง อาการแบบนั้นผมรู้ได้ว่ากำลังเขิน
“มองเค้า” มือใหญ่หันกลับไปเชยคางเขากลับมา มอบจูบให้อีกครั้งเพื่อปลอบประโลมกลัวอีกฝ่าย ผมรีบเอื้อมไปหยิบเจลตรงหัวเตียงแล้วบีบมันใส่ในมือ ค่อยๆสอดใส่ไปยังช่องทางอุ่นร้อนเพื่อเตรียมพร้อมให้กับบทรักที่จะเกิด
ผาครางในลำคอ รู้ได้ว่าคงเจ็บให้กับการขยับของผมไม่น้อย เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยเบาจังหวะ แล้วค่อยๆจูบไปตามร่างกายสมส่วนโดยไม่ลืมที่จะทิ้งรอยเอาไว้เป็นที่ระลึก ไล่ไปตั้งแต่หน้าท้องขาว ข้างเอวคอด ไล่ไปจนถึงไหปลาร้าที่โชว์เด่นชัด
ช่องทางด้านหลังเขาตอดรัดนิ้วผมจนแทบบ้า ผมบังคับให้เขาหันกลับมามองตัวเองบ้างบางจังหวะ แต่ก็พบว่าเมื่อไหร่ที่หันกลับมา สีหน้ายั่วเย้านั้นก็ปลุกอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี
เมื่อถึงจังหวะหนึ่งผมจึงเริ่มขยับตัวเข้าชิดเขาอีกครั้ง ผาใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบลำคอ คงเพราะรู้จากการที่ส่วนแข็งขืนจ่อยังส่วนอ่อนไหว เขาบีบแขนผมแน่นในตอนที่ค่อยๆสอดใส่ ผมรอจนกว่าปฏิกิริยาอีกฝ่ายจะไม่น่าเป็นห่วง จากนั้นขึงขยับเบาๆกลัวว่าเขาจะเจ็บขึ้นมาอีก
“ช—...ช้าๆ” เขาร้องขอ เชิดหน้าขึ้นแล้วกัดฟันแน่น
“...ครับ” ผมดึงมือเขาขึ้นมากดจูบ กอดจะพาดมันผ่านลำคอดังเดิม ความนุ่มที่โอบรัดพร้อมกับอุณหภูมิอุ่นร้อนทำให้ผมกัดฟันกรอด รู้สึกดีจนเผลอลืมตัวกระแทกเขาไปหนึ่งรอบจนผาส่งเสียง
“อ๊ะ”
“อืมมม”
“ช้าๆ — ก่อน”
ผมใช้มือลูบศีรษะเขาเพื่อเป็นการขอโทษ พอได้ที่ก็เริ่มเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ผาไม่รั้ง แต่กลับตอบรับการขยับของผมด้วยเสียงหวานตามมา ผมยกขาเขาขึ้นหนึ่งข้าง ปรนเปรอทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เจ้าตัวมีความสุขไปด้วยกันกับเรื่องบนเตียง
“ทำไมของเธออุ่นจัง”
สาบานว่าไม่ใช่ความผิดผมที่ทำให้เขาตอบไม่ได้ ผาหายใจหนัก มือข้างหนึ่งดันหน้าท้องผมไว้คงเพราะอยากให้ช้าลงอีกหน่อย แต่มันคงยากเกินกว่าความสามารถผมแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้เขาทำให้ผมแทบบ้ากับจังหวะที่รันจวนใจ
“ซี๊ดด” ผมเงยหน้าขึ้น จับเขาเปลี่ยนท่าโดยให้นอนคว่ำ ใช้แขนทั้งสองข้างกับเข่ายันไว้บนฟูกนุ่ม
“เธ—เธออ”
“อืออ ครับ”
“อ๊ะะ อ้ะ อ๊าาา”
ตัวผาสั่นเทา เขาแทบจะทำให้ผมไปถึงจุดนั้นอีกครั้งถ้าไม่หยุดทุกอย่างเอาไว้ก่อน พอได้ทำกับผาแล้วผมแทบจะไปก่อนตลอด อาจเพราะเขาเป็นคนที่ผมชอบมากๆ ทุกอย่างเลยดูอ่อนไหวไปเสียหมด
ผมโน้มตัวลงไปหาอีกคนอย่างจงใจ นั่นทำให้ส่วนอ่อนไหวเข้าไปลึกกว่าเดิม
“ชอบไหม?” ผมกระซิบชิดใกล้ ผากำมือแน่นไว้กับผ้าห่มเพื่อผ่อนปรน
“...” เสียงลมหายใจเขาขาดห้วง ก่อนที่ผมจะแกล้งโดยการที่ขยับช้าๆแต่รู้ว่าท่านั้นมันไม่ปลอดภัยเอาซะมากๆ
ไม่ใช่แค่กับผา
แต่กับตัวเองด้วยเช่นกัน
“ชอบเค้าไหมครับ?”
คราวนี้ผมใช้มือดันเจ้าตัวให้ลุกขึ้น โอบร่างกายส่วนบนให้ทาบทับเข้าหากัน โดยที่เข่าทั้งสองข้างยังรับน้ำหนักบนเตียง
“อ๊ะ อ๊าาา ม่านน อ้ะ พอ”
“อืมม ของเธอแม่งอุ่นสัส”
ฟันคมกัดเข้าที่ไหล่คนด้านหน้า ออกแรงไม่มากแต่ก็ทิ้งรอยไว้พอสมควร ผาครางกระเส่า ไม่ต่างจากผมที่เริ่มระรัวเอวเข้าหาอย่างไม่หยุด
“ม—ม่าน อื้ออ”
อีกคนเรียก มือเล็กโน้มลำคอผมเข้าหาเพื่อจูบ ก่อนที่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดจะส่งให้ผมถึงปลายทางอย่างรวดเร็ว
“เค้ารัก—เธอนะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำว่ารักจากเขา ยาวนานเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ แต่อย่างน้อยมันก็ถูกส่งให้และเขาช่างรู้เวลาว่าตอนไหนที่จะทำให้มันพิเศษ
“เค้าก็รักเธอครับ”
มันไม่ใช่ครั้งแรกของผา และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของผมอีกเช่นกัน
แต่ครั้งแรกของเรามันกลับมีความสุขเสียจนผมแทบไม่ปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดอีกเลย
“อ๊ะ อ๊าา”
#ผาเพียงฟ้า
เหมือนส่งลูกเข้าเรือนหออีกแล้ว
ทำไมกันนะ
;-;
21/01/20
before30october