- Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)  (อ่าน 18483 ครั้ง)

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จะลงเอยกันยังไงเนี่ยคู่นี้

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เพิ่งได้อ่านสนุกดีอ่ะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่พี่เก้าจะเปิดใจรับได้ว่าตัวเองก็ชอบเหมียวจริง ๆ ก่อนที่เหมียวจะตัดใจได้จริง ๆ จะแย่นะพี่เก้า

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


ความคิดที่อยากจะทำให้แมวเหมียวเป็นของตัวเอง




“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริง ๆ เหรอ” เจ้าของห้องเอ่ยถามน้องตาละห้อย

“ไม่ครับ บอกแล้วไง..ว่าเหมียวอยากไปเอง” วิฬาร์ยืนยันคำตอบมาเป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้แล้ว

“ถ้าหลงทางหรือเกิดอะไรขึ้น..รีบโทรหาพี่เลยนะ”

วิฬาร์พยักหน้า ยิ้มน้อย ๆ ให้กับความห่วงจนเกินเหตุของคนตรงหน้า เขามายืนรอส่งพี่เก้าไปทำงานที่หน้าประตู ฝ่ามือใหญ่ลูบผมเขาอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละตัวออกไปเปิดประตูห้อง

“ไปดีมาดีน้า~” แมวเหมียวบอกโบกมือบ๊ายบาย

การินพยักหน้ารับ เขาเดินออกมาจากห้องพร้อมกับความสดชื่นที่มีมากกว่าที่เคย ความรู้สึกดีเกิดขึ้นราวกับอยู่ในภวังค์ ใบหน้าหล่อผุดยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่แมวเหมียวยืนโบกมือลา คงจะดีไม่น้อยถ้ามีน้องมาทำแบบนี้ให้ทุกวัน...

ความคิดไม่สมควรผุดแวบขึ้นมาในหัว ฝ่ามือใหญ่ลูบหน้าตัวเองอย่างต้องการจะลบมันออกจากหัวไปให้พ้น ๆ ความคิดโสโครกที่เขาพยายามฝังกลบมันลงไปให้มิด

..ความคิดที่อยากจะทำให้แมวเหมียวเป็นของตัวเอง..


.
.
.


วิฬาร์กลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เลือกเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงสีขาวห้าส่วนพอดีตัวมาใส่ เขาออกจากห้องตรงไปหยิบกล่องข้าวออกมาอุ่นไมโครเวฟ มันเป็นข้าวกล่องที่เฮียกับพี่เก้าสั่งมาจากร้านในไอจี ซึ่งครบถ้วนไปด้วยคุณค่าทางอาหารและไม่มีของที่เขาไม่ชอบกิน แต่เมื่อตักใส่ปากเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรมากนัก

..กับข้าวของแม่ยังอร่อยกว่าเยอะ..

แมวเหมียวล้างจานที่ใช้กิน หยิบเป้ที่วางบนโต๊ะขึ้นมาสะพาย ก่อนจะออกจากห้องก็เดินเช็กความเรียบร้อยตามที่แม่เคยสอนเอาไว้ ปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้ก็ต้องถอดออกให้หมด เมื่อพอใจในผลงานแล้วถึงได้เดินทางไปเรียนพิเศษ

เฮียจองคอร์สเรียนพิเศษที่ไม่ใช่ของโรงเรียนติวชื่อดัง แต่เป็นคอร์สของนักศึกษาระดับประเทศที่มารวมตัวกันเปิดคอร์สติวเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งรับนักเรียนต่อห้องแค่ 15 คน ถ้าให้แมวเหมียวเดานะ..เฮียคงจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมากพอสมควรแน่เลย

วิฬาร์ถึงห้องเรียนก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนจะหาที่นั่งก็จัดการลงชื่อและรับเอกสารการเรียนกับพี่คนสวยที่หน้าห้อง เขาเลือกที่จะนั่งตรงมุมหลังห้องเงียบ ๆ คนเดียวไม่สนใจใคร

“นาย ๆ”

แมวเหมียวหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากข้าง ๆ “อะไรเหรอ”

“ขอนั่งข้าง ๆได้ไหม”

แมวเหมียวมองไปรอบ ๆ ห้อง ที่ว่างก็เหลือเยอะแยะ..ทำไมจะต้องมานั่งติดกันด้วย “ตามใจสิ” แต่ก็ต้องตอบอีกคนไปตามมารยาท

อีกฝ่ายยิ้มกว้างก่อนจะทรุดตัวนั่ง ใบหน้าขาวหันกลับมาสนใจหนังสือนิยายในมือต่อ แต่ก็ถูกสะกิดที่แขนอีกครั้ง แมวเหมียวหันกลับไปมองด้วยใบหน้านิ่ง รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน

“เราชื่อศรุตหรือจะเรียกว่ารุตก็ได้ นายชื่ออะไรเหรอ”

“...เหมียว”

“น่ารักจัง เอ่อ..หมายถึงชื่อน่ะ น่ารักดี” ศรุตเกาหัวแกรก ๆ หัวเราะแฮะ

“ขอบใจ” วิฬาร์ยิ้มที่อีกฝ่ายชมชื่อที่แม่ตั้งให้ว่าน่ารัก ดู ๆ ไปหมอนี่ก็ตลกดี..ถึงจะน่ารำคาญไปสักนิดก็เถอะ

ศรุตใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นเพื่อนใหม่ยิ้ม เขาจ้องอีกคนมาตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องแล้ว ความประทับใจแรกที่ทำให้เข้ามาทักทายก็คือความน่ารักที่จับใจเขาเหลือเกินนี่แหละ

“เวลาที่นายยิ้มก็น่ารักนะ” เขาเอ่ยชม

วิฬาร์หุบปากฉับ ไม่มีผู้ชายที่ไหนชอบเวลาที่ถูกชมว่าน่ารักหรอกนะ แล้วอีกอย่าง..คนที่จะชมเขาได้ก็มีแค่ป๊า แม่ เฮีย กับพี่เก้าเท่านั้น

“ห้ามบอกว่าเราน่ารักอีก”

“ขอโทษ ๆ” ศรุตบอกด้วยหน้าตารู้สึกผิด เห็นอีกฝ่ายหันกลับไปเลื่อนมือถือเล่นเขาก็เลยชวนคุยต่อ “นายมาจากโรงเรียนไหนอะ”

“โรงเรียน***”

“ไม่เห็นคุ้นเลย”

“เรามาจาก***น่ะ”

“อ๋อ” ศรุตพยักหน้า “แล้วนี่นั่งรถตู้มาเรียนเหรอ”

“...นายจะถามอะไรเยอะแยะนักเนี่ย” วิฬาร์ย้อนถาม สงสัยว่าอีกฝ่ายจะอยากรู้เรื่องอะไรของเขานักหนา “ให้เราเขียนใบประวัติให้นายอ่านเลยไหม”

“อ่า...โทษที” ศรุตอึ้ง เขาไม่เคยเจอใครพูดขวานผ่าซากใส่ขนาดนี้มาก่อน “พอดีเราไม่มีเพื่อนมาเรียนที่นี่ด้วย เลยอยากรู้จักนายน่ะ ถ้าเรารบกวนมากไปก็โทษทีนะ”

“เดี๋ยว!” แมวเหมียวเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจะย้ายที่หนี เขารู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีออกไป ทั้งที่แค่อีกฝ่ายก็แค่อยากผูกมิตรด้วย “คือ..เราขอโทษนะ..ที่พูดไม่ดีกับนาย”

วิฬาร์ถูกว่าอยู่บ่อย ๆ ถึงเรื่องที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ขี้รำคาญ และมักพูดจาขวานผ่าซาก

“ไม่เป็นไร ๆ” ศรุตโบกมือ “เราก็เซ้าซี้นายมากเกินไปเหมือนกัน”

ยิ่งศรุตเป็นคนดีเท่าไหร่แมวเหมียวก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดีมากเท่านั้น

“คือ..นั่งด้วยกันก็ได้นะ..เราเองก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” วิฬาร์พูดด้วยความกระดากจากเรื่องที่ทำไม่ดีไปเมื่อครู่

ศรุตไม่ใช่คนที่โกรธใครง่าย เพียงแค่เหมียวขอโทษเขาก็ยินดีแล้ว เขานั่งลงที่เดิมพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนใหม่

“นาย..ตัวสูงดีจัง” แมวเหมียวทัก

“เราเล่นบาสน่ะ แต่จริง ๆ กรรมพันธุ์บ้านเราก็สูงอยู่แล้วนะ”

..ทีบ้านเขานี่เฮียตัวเบ้อเริ่มเลย ทำไมเขาไม่เห็นจะสูงเหมือนเฮียบ้าง..แมวเหมียวคิดในใจ

ศรุตเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี และตัวสูงโปร่ง เด็กสาวคนอื่นในห้องต่างมองมาที่เขาเป็นระยะ แต่น่าเสียดายที่ศรุตไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ เพราะเขา...ชอบผู้ชาย

..โดยเฉพาะเพื่อนใหม่คนนี้..


.
.
.


การินกลับมาถึงคอนโดตอนที่ฟ้าหมดแสงแล้ว งานในวันจันทร์ช่วงปลายเดือนมักจะยุ่งแบบนี้อยู่เสมอ กว่าจะฝ่ารถติดกลับมาถึงห้องได้ก็ทำเอาแทบหมดแรง ดีที่ว่าพรุ่งนี้เข้างานช่วงสายได้

ตอนที่เปิดประตูเข้าไปเขานึกว่าจะไม่เจอแมวเหมียวซะแล้ว แต่น้องกลับวิ่งมาต้อนรับเขาพร้อมรอยยิ้มทำเอาชื่นใจชะมัด

“มา ๆ เหมียวช่วย” วิฬาร์ยื่นมือไปหมายจะคว้ากระเป๋าทำงานของพี่เก้ามาถือ แต่คนพี่กลับส่งเสื้อสูทให้

“แมวเหมียวกินอะไรหรือยังครับ” การินถาม วางกระเป๋าบนโซฟา เขาดึงเนกไทที่คลายแล้วออกทิ้งไปบนโซฟา ปลดกระดุมข้อมือแล้วพับแขนเสื้อขึ้น เตรียมหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น

“เหมียวกินขนมไป..” น้องตอบ “ข้าวเย็นก็รอกินกับพี่ไง!” รีบตอบเสียงดังเพราะเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

การินส่ายหน้า “วันหลังถ้าดึกขนาดนี้ไม่ต้องรอนะรู้ไหม”

แมวเหมียวหน้าหงอยลง “...ครับ”

การินชะงักไปเมื่อเห็นน้องมีสีหน้าหมองลง เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย วางมือใหญ่ลงบนหัวกลม “ขอโทษนะ พี่ลืมไปว่าแมวเหมียวไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”

วิฬาร์ก้มหน้าเม้มปากเก็บความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ ทั้งที่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาไม่ควรเอามันมาทำให้เป็นเรื่อง เขาจะมาเอาแต่ใจเป็นเด็กไม่ได้แล้ว

ยิ่งเห็นว่าน้องก้มหน้าคางแทบจะชิดอกอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด คว้ามือเล็ก ๆ ของน้องขึ้นมาจับเอาไว้ทั้งสองข้าง

“พี่ขอโทษที่พูดไม่ดีกับแมวเหมียวนะ”

คนอายุน้อยกว่ารีบเงยหน้าขึ้น “ไม่ ๆๆ พี่ไม่ผิดอะไร..ไม่ต้องขอโทษเหมียวหรอก”

การินเห็นขอบตาแดง ๆ ของน้องใจก็อ่อนยวบลงไปอีก เขาดึงมือของแมวเหมียวขึ้นมา ฝั่งจมูกลงไปบนหลังมือขาว “พี่..”

แมวเหมียวไม่รอให้พี่เก้าพูดจบ เจ้าตัวดึงมือออกด้วยความตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น…

“ไม่เป็นไรนะ” เขาพยายามพูดให้เป็นปกติที่สุด ยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไร ก่อนจะเดินปลีกตัวไปทางครัว “เราไปกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวเหมียวอุ่นให้”

การินเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ปิดตาลง หัวเสียกับตัวเองที่ทำอะไรไปไม่คิดก่อน จนอารมณ์มันเริ่มคงที่การินถึงตามน้องไปที่ครัว

“ดีที่พี่สั่งข้าวกล่องมาไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำ” วิฬาร์บอกเมื่อพี่เก้าเดินมาใกล้

“เหมียวอุ่นแซลมอนย่างเกลือให้พี่นะ” เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบอะไรเขาก็เลยพูดไปเรื่อย

..ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมันเปลี่ยนไป..

“ไม่รู้ว่าพี่ชอบ..” เหมียวสะดุ้งเมื่อถูกจับเข้าที่ข้อมือ เขายืนนิ่งอยู่กับที่..ไม่กล้าขยับ

“ไปนั่งรอเถอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง”

วิฬาร์ขยับตัวออกไปเมื่ออีกฝ่ายปล่อยข้อมือ เขาขยับไปนั่งรอที่โต๊ะเงียบ ๆ แต่ในใจกลับว้าวุ่น เพราะพี่เก้า...ปฏิบัติกับเขาแปลกไป นึกไม่ออกว่าอะไรทำให้มันแปลกไปได้ขนาดนี้

คนอายุมากกว่าวางจานข้าวลงตรงหน้าน้องก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม แมวเหมียวยังนิ่งไม่ขยับเขยื้อน..เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“แมวเหมียวครับ” การินเรียก ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ หันมาจ้องเขา “กินข้าวเร็ว เดี๋ยวปวดท้องนะ”

คนถูกทักพยักหน้าสองสามทีอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะตักข้าวเข้าปากทั้งที่ยังร้อน

“อ้อน(ร้อน)!!” แมวเหมียวร้องข้าวเต็มปาก เจ้าตัวตาเหลือกดีดดิ้นไปมาพร้อมกับเป่าลมผ่านข้าวในปาก

การินตกใจที่เห็นน้องกระโดดโหยง ๆ เขาวิ่งไปหยิบน้ำเย็นในตู้ ส่งให้หลังจากที่แมวเหมียวกลืนอาหารลงไปแล้ว

“เหม่ออะไรเนี่ย” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

วิฬาร์หน้างอ ใครจะไปกล้าพูดล่ะว่าเป็นเพราะอีกฝ่าย เขาอมน้ำไว้ในปากสักพักก่อนจะกลืน

“ก็..เหมียวหิวนี่นา”

“วันหลังถ้าพี่บอกว่ากลับดึก..ให้กินไปก่อนได้เลยนะรู้ไหม ไม่ต้องรอพี่” การินบอก “เดี๋ยวโรคกระเพาะก็กำเริบอีก”

คนน้องพยักหน้าอย่างจำยอม ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา...ที่มีแม่คอยกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ พี่เก้าต้องทำงานจะมาคอยเอาอกเอาใจเขาตลอดไม่ได้หรอก แมวเหมียวตระหนักอะไรบางอย่างได้

..การจะโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งแรกที่จะต้องทำให้ได้คือกินข้าวคนเดียวให้เป็นสินะ..


.
.
.


“แล้ววันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง” การินเอ่ยถาม

“ก็ดีครับ พี่เขาสอนสนุก มีวิธีทำให้จำสูตรได้ง่ายมากขึ้น” วิฬาร์ตอบขณะที่กำลังกินไอศกรีมบนโซฟาหน้าทีวี

“หาเพื่อนได้หรือยังครับ”

เหมียวพยักหน้า “มีแล้วครับ ไอ้นี่มันเข้ามาตื๊อถามโน่นถามนี่อยู่นั่นแหละ ตอนแรกเหมียวรำคาญมันมากเลย แต่พอได้คุยกันจริง ๆ มันก็นิสัยดีนะ”

“เพื่อนผู้ชายเหรอ”

“ครับ ชื่อศรุต”

การินที่เอนหลังอยู่พยักหน้าเนือย ๆ เขายินดีที่น้องหาเพื่อนได้ เพราะแมวเหมียวไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครง่ายนัก ตอนสมัยยังเด็กก็ไม่ยอมให้ใครอุ้มนอกจากคนในครอบครัวกับเขาแค่สี่คนเท่านั้น

“พี่เก้าล่ะ..วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม”

คนถูกถามเอียงคอมองน้องพร้อมกับยิ้มบาง “เหนื่อยสิ แต่พี่เห็นแมวเหมียวใกล้ ๆ แบบนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว”

วิฬาร์ย่นจมูกเมื่อได้ยินคำตอบที่สวนทางกับความเป็นจริง ก็เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายดูอ่อนล้าเหลือเกิน “อย่ามาหลอกเลย”

“หลอกได้ไง พี่ไม่ใช่ผีสักหน่อย”

ใบหน้าน่ารักง้ำงอเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดกวนประสาท “คนเขาเป็นห่วงแท้ ๆ” เจ้าตัวพึมพำ..จงใจให้พี่เก้าได้ยิน

“อย่างอนพี่เลย” การินบอก “มานวดบ่าให้พี่หน่อยสิ” เขาบอกน้องที่ทำหน้าตูมอยู่ข้าง ๆ พลางตบลงบนบ่าที่ตึงจนปวดไปหมด

วิฬาร์เหลือบตามองพี่เก้าที่ขยับหมุนหัวไปมา ตอนแรกว่าจะไม่สนใจ..แต่ได้ยินเสียงกระดูกลั่นก็อดไม่ได้ ร่างบอบบางขยับเข้าไปใกล้ ๆ

“หันหลังมาสิ”

“แบบนี้ดีกว่า” การินจับน้องให้นั่งห้อยขาส่วนตัวเองทรุดลงนั่งกับพื้นระหว่างขาทั้งสองข้างของแมวเหมียวเขาเงยหน้าขึ้นหนุนขาน้องเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ลงมือสักที “นิ่งอะไรล่ะครับ..นวดสิ”

เส้นผมของพี่เก้าปัดโดนขาแมวเหมียวจนเจ้าตัวสะดุ้ง เพราะเขาใส่กางเกงขาสั้น...ก็เลยโดนเต็ม ๆ แต่พออีกคนทักท้วง ฝ่ามือทั้งสองข้างก็เลยต้องทำงานตามที่เขาได้ออกปากไป

“อืม..ตรงนั้นแหละ..กดแรงอีกหน่อยครับ”

วิฬาร์ตั้งอกตั้งใจเพ่งสมาธิไปที่การนวดอย่างเต็มที่ สมองจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านอะไรอีก แต่พอเผลอสายตาก็เหลือบมองไปตามกล้ามเนื้อด้านหลังของอีกฝ่าย พี่เก้าตัวใหญ่กว่าเขามาก ก็แน่ล่ะ..ในเมื่อเจ้าตัวมีเชื้อสายเยอรมันครึ่งหนึ่งอยู่ในตัว เขาเองก็อยากจะมีรูปร่างที่สมชายชาตรีอย่างพี่เก้าบ้าง แต่ถ้ามันจะต้องเหนื่อยแบบที่เฮียบอก..เขายอมตัวแค่นี้ก็ได้วะ

“พอได้ยังอะ เหมียวปวดมือไปหมดแล้ว” แมวเหมียวเริ่มงอแง

การินขยับคอ หมุนไหล่ไปมา “อืม..พอได้แล้วล่ะ” เขาหมุนตัวกลับมาก็เจอแมวเหมียวจ้องเขาอยู่ “ขอบใจมากนะ”

คนน้องหลบตาวูบ ค่อย ๆ ยกขาขึ้นขยับขึ้นไปบนโซฟา กางเกงขาสั้นร่นลงต่ำเห็นอะไรต่อมิอะไรวับ ๆ แวม ๆ การินเฉสายตามองไปทางอื่นทันที เขารู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย...รู้สึกตกใจกับตัวเองที่คิดอคติกับเด็กคนที่เขาเห็นและดูแลมาแต่เล็กแต่น้อยคนนี้ได้

หลังจากที่การินได้มีสัมพันธ์ทางกายกับชายแปลกหน้าที่ห้องน้ำในผับวันนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองแปลกไป…

จากที่ไม่เคยมีความคิดความรู้สึกในทางที่ไม่ดีกับแมวเหมียว กลับเกิดขึ้นอย่างควบคุมแทบไม่ได้ เขาพยายามแล้ว..พยายามอีก

..แต่มันก็มักจะเกิดอยู่ทุกขณะจิต..

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” การินลุกขึ้นทั้งที่ยังพูดไม่จบเพราะไอ้น้องชายไม่รักดีใต้กางเกงทำงานเริ่มมีอาการขึ้นมา...เพียงแค่เห็นขาอ่อนของแมวเหมียว

วิฬาร์ที่นั่งชันเข่ากดเกมในมือพยักหน้าโดยไม่ได้มองคนพูด เพราะเจ้าตัวเองก็กำลังดึงความสนใจของตัวเองไปอยู่ที่เกมตรงหน้าเหมือนกัน

คนอายุมากกว่ากลับเข้าห้อง เขาถอดเสื้อผ้าออกทิ้งลงตะกร้า แล้วจึงเดินเปลือยเข้าห้องน้ำ การินเปิดฝักบัวรดหัวตัวเอง..หวังว่าจะให้ความรุ่มร้อนของตัวเองจางหายไปกับสายน้ำ

การินเสยผมที่เปียกน้ำขึ้นอย่างหงุดหงิด เพราะแทนที่น้ำเย็นจะช่วยให้ส่วนนั้นของเขามันสงบ แต่สิ่งที่ทำให้มันยิ่งรุนแรงก็เป็นเพราะเสี้ยวความคิดของเขาจินตนาการถึงคืนนั้น แต่คนที่เขากระทำด้วยไม่ใช่ชายหนุ่มคนเดิม

..แต่กลับเป็นแมวเหมียว..




tbc…
พี่เก้า~ไอ้คลบ้าาา~
ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยเซ่!
 :hao7:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2019 17:10:04 โดย กานดา. »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แมวเหมียวตัวน้อยกำลังจะโดนงาบแล้วนะไอ้พี่เก้า มัวจ้องอยู่นั่นแหละ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอาแล้วพี่เก้าไม่รู้ตัวแน่ๆ มีคนชอบน้องเหมียวอีกคนแล้วน้าาา

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่เก้ารีบรู้ตัวได้แล้ววว T_T

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ระวังเถอะสุนัขจะคาบรับประทานนะคะ

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page




พี่ว่า..เหมียวควรจะลองดูดีไหม




“เดี๋ยวไปหาไรกินกันดีไหม” ศรุตถาม วันนี้พวกเขาเลิกเรียนเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมงเพราะเป็นวันศุกร์ เขาอยากจะสนิทกับเหมียวมากกว่านี้ เลยหาเรื่องชวนไปเที่ยวด้วยกัน

คนถูกถามหยุดคิดเล็กน้อย “จะไปไหนล่ะ”

“ที่ห้าง***อะ ไปกินชาบูกัน”

“เอาสิ” แมวเหมียวเห็นว่าไม่ไกลจากที่นี่มากนักเลยตอบตกลงไป “แต่ไม่เอาบุฟเฟต์นะ เรากินไม่เยอะ มันไม่คุ้ม”

ศรุตหัวเราะ “ถึงว่า..ตัวเล็กจัง”

“ตัวเล็กแล้วไงวะ” วิฬาร์พูดสวนทันที คิ้วขมวดแน่น

ศรุตเหวอไปเล็กน้อย “ก็ไม่ยังไงหรอก…” พูดพร้อมกับหัวเราะแฮะ

เหมียวกระแอม “โทษที”

“ไม่เป็นไร ๆ ทำตัวสบาย ๆ จะพูดกูมึงหรือจะด่าเราก็ได้นะ” ศรุตบอก  เขาเองเวลาที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนก็ไม่ได้พูดสุภาพอะไรกันอยู่แล้ว

“เอ้า แล้วมึงก็ไม่บอกกันตั้งแต่ทีแรก กูก็เกร็งซะตั้งนาน”

ศรุตเหวออีกรอบก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดัง เห็นหน้าตาน่ารักก็ไม่คิดว่าเหมียวจะเป็นคนแบบนี้

“หัวเราะอะไร”

“ก็มันตลกดี” เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นตัวของตัวเองบ้าง “จังหวะเมื้อกี้ซิทคอมฉิบหาย”

“ปกติกูไม่ใช่คนพูดหยาคายมากหรอกนะ แต่ให้มาเรา ๆ นาย ๆ กับเพื่อนมันก็ไม่ถนัดอะ”

ศรุตพยักหน้าเข้าใจ “งั้นวันนี้กูกับมึงไปหาอะไรกินกัน โอเค๊”

“เออ ๆ” วิฬาร์ตอบรับ “แต่เดี๋ยวของไลน์บอกพี่ก่อน” เขากดส่งข้อความหาพี่เก้าเพื่อบอกว่าอาจจะกลับถึงบ้านช้าและจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนที่ห้าง

เหมียวเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ไม่รอให้อีกคนตอบกลับ เพราะคิดว่าคงไม่มีเวลาว่าง..น่าจะกำลังทำงานอยู่

แต่เครื่องมือสื่อสารที่เพิ่งเก็บไปกลับสั่นขึ้นมา เป็นพี่เก้าที่โทรกลับมาทันที แมวเหมียวเอียงคอมองก่อนจะรับสาย

‘เพื่อนน่ะ..คนที่เล่าให้ฟังเหรอ’ การินถามเสียงห้วน

“..ครับ” คนน้องตอบกลับงง ๆ

‘จะกลับกี่โมงครับ พี่จะไปรับเอง’

“ไม่เป็นไรครับ เหมียวกลับเองได้”

‘พี่อยู่แถวนั้นพอดี’ การินพูดปด ‘ไม่ลำบากหรอก’

แมวเหมียวเม้มปาก “แป๊บนะพี่” เขาหันไปถามศรุตที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ “มึง ๆ เราจะเสร็จประมาณกี่โมงวะ พี่กูเขาจะไปรับ”

คนถูกถามก้มมองนาฬิกาข้อมือ “สักห้าโมงมั้งนะ”

วิฬาร์พยักหน้ารับก่อนจะบอกเวลาไป

‘โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไปรับ..เที่ยวให้สนุกนะ’ การินบอกน้ำเสียงดีขึ้นก่อนจะวางสายไป

ศรุตที่ทำเหมือนไม่สนใจแต่หูนี่ผึ่งฟังแล้วเก็บทุกเม็ด นั่นทำให้เขาคิดว่าพี่ของอีกฝ่ายท่าทางจะหวงน้องน่าดู แต่มันก็น่าอยู่หรอก..ก็มีน้องน่ารักขนาดนี้

“ไปกันเหอะ” แมวเหมียวเก็บของเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมศรุต


.
.
.


ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าร้านสเต๊กแทนที่จะเป็นชาบูอย่างที่ตกลงกันไว้ เพราะวิฬาร์อยากกินสลัดบาร์ และศรุตเองก็ตามใจ ในร้านคนไม่ค่อยเยอะนัก อาจจะเป็นเพราะเป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว

วิฬาร์เลือกสั่งปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด เขาไม่ใช่สายกินเนื้อ เพราะมันย่อยยาก..กินทีไรท้องอืดทุกที

“ไปตักสลัดก่อนนะ” เขาบอกศรุต อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ ในขณะที่เขาเป็นสายกินผัก ในขณะที่เพื่อนใหม่ของเขาเป็นสายกินเนื้อที่ไม่แตะผักเลย

แมวเหมียวตักผักใส่จานอย่างละนิดหน่อย พร้อมกับซุปเห็ดกลับไปกินด้วย

“กินน้อยจริง” ศรุตมองก่อนจะพูด “แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งกระเพาะกูเลย”

“กูก็กินแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” แมวเหมียวส่ายหัวยิ้มขำ แม่เล่าให้ฟังว่าเขากินน้อยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว คะยั้นคะยอให้กินเยอะไปก็มีแต่จะอ้วกออกมาหมด หลังจากนั้นก็เลยให้กินแต่พอดี

“เพราะแบบนี้มึงเลยโตช้าหรือเปล่า”

วิฬาร์มองค้อนก่อนจะด่า “ไอ้ควาย”

ศรุตหัวเราะเอิ๊ก ๆ เขาคิดว่าเพื่อนใหม่คนนี้น่าจะเปิดใจให้เขามากขึ้นแล้ว จากที่เริ่มแรกอีกฝ่ายดูเป็นคนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ซะเลย จนตอนนี้เขาสามารถพูดเล่นแบบนี้ได้ นั่นอาจจะแปลว่าพวกเขาสนิทกันไปอีกขั้นแล้วล่ะมั้ง

“แล้ว..มึงมีแฟนหรือยัง” ศรุตเอ่ยถาม อย่างน้อยก่อนจะลงมือจีบเขาก็อยากรู้ว่าเหมียวมีใครหรือเปล่า

คนถูกถามชะงักไปก่อนจะส่ายหัว “ไม่มี”

“กูก็ยังไม่มีแฟนนะ”

“ใครถามมึง”

ศรุตหัวเราะอีกครั้งเมื่อถูกย้อน “ไม่มีใครถาม..กูอยากเสนอตัวเองแหละ”

แมวเหมียวขมวดคิ้วมองหน้าศรุตงง ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะสื่อเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่คิดจะถามเพื่อให้หายงง ก้มหน้าจิ้มผักในจานเคี้ยวต่อ

“นี่มึงจะไม่ถามสักนิดเลยเหรอ”

“ถามไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่กูอยากเสนอตัวไง”

วิฬาร์ใช้ความคิดพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ “ไม่อะ ไม่เห็นอยากรู้เลย”

“งั้นเดี๋ยวกูบอกเอง” ศรุตก็ไม่คิดจะย่อท้อกับความซื่อของคนตรงหน้า

“แล้วมึงจะถามเพื่อ” แมวเหมียวบ่นพลางคนซุปในถ้วยให้คลายร้อน

“กูเสนอตัวให้มึงไง”

วิฬาร์ที่กำลังจะอ้าปากงับผักกาดแก้วชะงักค้างอยู่กับที่ ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองหน้าอีกคนที่พูดประโยคแปลก ๆ ใส่เขา

“ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ล่ะก็..กูสนใจมึง..และถ้ามึงสนใจ”

“เดี๋ยว ๆๆ”

ศรุตหยุดปากตัวเองเมื่อคนตรงข้ามยกมือขึ้นห้าม

“พล่ามอะไรของมึงเนี่ย” วิฬาร์ขมวดคิ้วแน่น “กูผู้ชายนะเว้ย”

“เสียงเบาหน่อยสิ” คนตัวใหญ่กว่าเอ่ยอย่างใจเย็น เขาไม่โกรธที่เหมียวใช้คำแรง..ที่เป็นปัญหาน่ะคือเสียงดังต่างหาก

คนถูกปรามพยายามตั้งสติก่อนจะย้อนถามด้วยเสียงที่เบาลง “นี่มึงบ้าไปแล้วเหรอ”

“มึงเห็นกูเหมือนคนบ้าหรือเปล่าล่ะ” ศรุตย้อนกลับด้วยใบหน้ายิ้ม

“กูว่ามึงบ้า” เหมียวหยุดพูดเมื่ออาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ ตากลมจ้องศรุตที่กำลังกลั้นหัวเราะเขม็ง

“อย่าโมโหสิวะ” ศรุตบอก “มึงไม่ชอบกูเหรอ”

วิฬาร์ถอนหายใจ “ไม่ใช่แบบนั้น”

“หรือมึง..มีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

แมวเหมียวเม้มปาก “กูกำลังอยู่ในระยะพยายามตัดใจอยู่”

“ทำไมล่ะ” ศรุตถาม “เขาไม่ชอบมึงเหรอ”

“ไม่หรอก...” วิฬาร์หลุบตาลง “แต่พวกเราทั้งคู่..มันไม่สามารถเป็นไปได้”

ศรุตเงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น รับรู้ได้ถึงความเสียใจของอีกฝ่าย..ผ่านสีหน้าและน้ำเสียง เขารู้ว่าความรักที่ไม่สามารถเป็นไปได้มันทรมานมากแค่ไหน

“บางทีการเปิดใจเพื่อใครสักคนมันอาจจะช่วยให้มึงตัดใจจากเขาคนนั้นได้ก็ได้นะ” ศรุตบอก

วิฬาร์เงยหน้าขึ้นสบตากัน อีกฝ่ายไม่มีทีท่ากวนประสาทอย่างเมื่อครู่อีก เขาลองใช้ความคิดกับสิ่งที่ศรุตบอก

แมวเหมียวถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหิน ประกอบกับเป็นพวกชอบเก็บตัวอยู่บ้าน..ไม่ได้ออกไปเจอใครมากนัก เขาไม่เคยคิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่พี่เก้าเพียงคนเดียวที่เขาจะชอบได้มาก่อน

“ว่าไง...จะลองเปิดใจให้กูดูไหม”


.
.
.


ศรุตยืนเป็นเพื่อนเหมียวที่กำลังรอให้พี่มารับกลับบ้านอยู่ริมถนน รูปร่างสูงใหญ่ประกอบรวมกับใบหน้าที่เรียกว่าดูดี ส่งผลให้ใครต่อใครต่างมองมาไม่ขาดสาย

วิฬาร์ลอบมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันด้วยความสงสัย หมอนี่ก็รูปร่างหน้าตาดีทำไมถึงได้มาสนใจคนหน้าตาธรรมดาแถมยังตัวเตี้ยแบบเขาได้ ทั้งที่ก็น่าจะหาคนที่ดูดีกว่าเขาได้ไม่ยาก

ศรุตบอกว่ายังไม่ต้องคบกันตอนนี้ก็ได้..อยากให้ลองศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันไปก่อน..

‘พอดีกูไม่รีบ’ มันว่าอย่างนั้น

แมวเหมียวคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร บางทีศรุตอาจเป็นคนที่ทำให้เขาตัดใจจากพี่เก้าได้ในสักวันหนึ่งก็ได้ มันเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี..ออกจะเข้ากันได้ดีด้วยซ้ำ พวกเขาชอบอ่านหนังสือและดูหนังในสไตล์เดียวกัน ชอบเล่นเกมแนวเดียวกัน มีความคิดต่อเรื่องราวต่าง ๆ ไปในทิศทางคล้ายกัน

วิฬาร์จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าพี่เก้าขับรถมาเทียบฟุตปาธตรงหน้าแล้ว เป็นศรุตที่เห็นคนในรถเปิดกระจกแล้วมองตรงมาที่พวกเขา มือใหญ่สะกิดเรียกคนที่กำลังยืนเหม่อ

“เหมียว พี่มึงหรือเปล่าอะ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะอีกฝ่ายหน้าตาคนละโลกกับเพื่อนเขาคนนี้เลย

แมวเหมียวได้สติขึ้นมามองตรงไปเห็นพี่เก้ามองมาด้วยใบหน้านิ่ง “ใช่ ๆ กูไปก่อนนะ” มือขาวยกขึ้นมาโบกบ๊ายบายก่อนจะวิ่งออกไป

“วันจันทร์เจอกัน” ศรุตบอกพร้อมยกมือขึ้นโบกกลับ ยืนส่งจนรถที่เพิ่งมาจอดขับออกไป

วิฬาร์ยกมือขึ้นไหว้คนอายุมากกว่าทันทีที่ขึ้นมาบนรถ “สวัสดีครับ”

“อืม..” การินตอบสั้น ๆ เขากดอารมณ์ไม่พอใจที่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนยืนส่งแมวเหมียวของเขาด้วยสายตาแบบนั้น..สายตาที่ไม่ได้ไว้ใช้มองเพื่อนด้วยกัน

..อารมณ์คุกรุ่นนี้ทำให้เขาหลงลืมไป..ว่าตนเองมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจ..

บรรยากาศในรถเงียบสงัด วิฬาร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เขาเหลือบมองพี่เก้าเป็นระยะ อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาจนดูน่ากลัว เมื่อเช้านี้ยังดี ๆ อยู่เลย..หรือว่าเป็นเพราะงานที่ทำมีเรื่องเครียด

“พี่เก้า..ทำงานเหนื่อยเหรอ” วิฬาร์เอ่ยทำลายความเงียบ “หน้าเครียดเชียว”

การินถอนหายใจ..รู้สึกไม่ดีที่ทำให้น้องเป็นกังวล พยายามไล่ความขุ่นข้องหมองใจออกไป ฝ่ามือใหญ่ขยับไปลูบท้ายทอยของแมวเหมียว

“พี่ขอโทษนะ”

“ขอโทษ..เรื่องอะไรเหรอ”

“ที่ทำให้เหมียวเป็นห่วงไงครับ”

คนน้องส่ายหัวถูกับฝ่ามือใหญ่ของพี่เก้าอย่างออดอ้อน “ไม่เป็นหรอกครับ..พี่กับเหมียวอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นห่วงกันอยู่แล้ว”

อารมณ์เมื่อสักครู่ค่อย ๆ คลายลงเมื่อเจอความอ้อนของแมวเหมียวเข้าไป


.
.
.


“แมวเหมียวกินอะไรมาหรือยัง” การินเอ่ยถามตอนที่ถึงห้องแล้ว

“กินมาแล้วครับ” ตอบพลางเก็บรองเท้าเข้าที่ให้เป็นระเบียบ

คนอายุมากกว่าพยักหน้าเป็นอันเข้าใจว่ามื้อนี้เข้าต้องกินข้าวคนเดียว การินพับแขนเสื้อขึ้นก่อนจะไปล้างมือเตรียมตัวอุ่นกับข้าวที่สั่งมาแช่ไว้ในตู้ ทั้งหมดนี่ก็ของน้องทั้งนั้น เพราะเวลาที่เขาอยู่คนเดียวก็มักจะหากินจากข้างนอกก่อนเข้าบ้านเสมอ

“พี่ไปอาบน้ำเถอะ” วิฬาร์เดินเข้ามาจิ้มเอวพี่เก้าที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าตู้เย็น “เดี๋ยวเหมียวเตรียมมื้อเย็นให้พี่เอง” เขาเห็นอีกฝ่ายเหนื่อยและเครียดกับงานก็เลยอยากให้ไปอาบน้ำ..จะได้สบายตัว

“ไม่เป็นไรครับ..แมวเหมียวไปพักเถอะ”

เจ้าตัวส่ายหน้า “เหมียวจะอุ่นข้าวให้พี่”

“ดื้อเอ๊ย!” การินดึงจมูกรั้นเบา ๆ เขาขยับตัวออกเพื่อให้น้องได้แทรกตัวเข้าไป

“พี่อยากกินอะไร ระหว่างแกงเขียวหวานกับไก่กระเทียม” เหมียวถามชูกล่องข้าวในมือทั้งสองข้างสลับไปมา

การินยิ้มเอ็นดู “ไก่กระเทียมครับ”

“อะเค~” คนน้องเอากล่องที่ไม่ถูกเลือกยัดกลับเข้าตู้เย็นเหมือนเดิม “มองไรอะ ไปอาบน้ำสิ~”

คนที่กำลังยืนพิงกำแพงมองน้องทำโน่นนี่ให้ขานรับก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องไปพร้อมกับหัวใจอิ่มเอม

การินออกมาอีกทีแมวเหมียวก็จัดการตั้งโต๊ะรอไว้เรียบร้อย ส่วนเจ้าตัวแสบก็นั่งละเลียดเครปเค้กที่ตนซื้อไว้ให้

“อร่อยไหม” เขาถามพร้อมกับนั่งลง

วิฬาร์พยักหน้าทั้งที่ปากยังอมช้อน “พี่ซื้อจากที่ไหนมาเหรอ”

“ร้านของเพื่อนน่ะ ถ้าชอบวันหลังพี่จะได้ซื้อมาให้อีก” การินบอกก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

“ขอบคุณครับ” คนอายุน้อยกว่าบอกอารมณ์ดี

“แล้ว...คนนั้นน่ะ..เพื่อนที่ว่าเหรอ” การินถามขึ้น

“หืม” เหมียวเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร “อ๋อ ใช่ครับ..ที่เหมียวเคยเล่าให้ฟังไง”

“ไม่เห็นแนะนำให้พี่รู้จักเลย”

“เอ่อ…” คนอายุน้อยกว่ากะพริบตา ตอนนั้นคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ลืมไปเลย “เหมียวขอโทษครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้ ฝ่ามือถูกันไปมา “ไว้โอกาสหน้าเหมียวจะแนะนำให้รู้จักกับพี่นะ”

การินพยักหน้ายิ้มบาง..เขาไม่ได้ถือโทษโกรธน้องหรอก

“คือว่า...เหมียวขอปรึกษาอะไรพี่หน่อยได้ไหมอะ” แมวเหมียวเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้เมื่อพี่เก้าถามถึงศรุต เขาไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร คนที่คุยเรื่องนี้ด้วยได้ก็น่าจะมีแค่พี่เก้าเพียงคนเดียวด้วย

“ได้สิ ว่ามาเลย” การินตั้งใจรอฟัง

“คือ...ไอ้ศรุตคนที่พี่เจอเมื่อเย็นนี้อะ” วิฬาร์เม้มปาก “มันบอกว่ามันสนใจเหมียว”

การินนิ่งอึ้งไป…

“เหมียวก็บอกมันไปแล้วนะว่าเหมียวยังไม่พร้อม แต่มันบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้ มันบอกลองเปิดใจศึกษากันดูไปก่อน ให้เหมียวลองกลับมาคิดดูว่าจะเปิดใจให้มันได้ไหม”

การินมองใบหน้าของแมวเหมียวที่กำลังสับสน...เขารู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจจะมาทำให้เขารู้สึกหึงหรือหวงอะไร

..ก็ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายบอกเองว่าเรื่องของ ‘เรา’ มันไม่มีวันเป็นไปได้..

“พี่ว่า...เหมียวควรจะลองดูดีไหม”

“...แล้วอีกฝ่ายเป็นคนดีหรือเปล่า”

เนิ่นนาน..กว่าที่เขาจะเอ่ยถามออกไปได้ การินแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เขารู้สึกราวกับถูกกระชากหัวใจออกไป ในอกมันโหวงไปหมด...พอ ๆ กับหัวสมองของเขาในตอนนี้

วิฬาร์ยู่ปาก “มันก็ดีนะ นิสัยก็โอเคด้วย”

การินเงียบไปอย่างไม่รู้จะพูดจะบอกอะไรดี ไม่กล้าถามต่อว่า ‘แล้วแมวเหมียวชอบอีกฝ่ายไหม’

คนน้องจ้องอีกฝ่ายที่ดูเหม่อ ๆ เขี่ยข้าวในจานไปมา “พี่” เหมียวเรียกแต่ก็ไม่มีเสียตอบรับ มือบางขยับไปแตะปลายนิ้วพี่เก้าที่วางอยู่บนโต๊ะ

พอรู้สึกตัว..การินก็เงยหน้ามองแมวเหมียว “ครับ?”

“พี่ทำงานเหนื่อยจริง ๆ ด้วย” วิฬาร์พูดใบหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง

การินถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบใบหน้า “นั่นสิ..พี่คงจะเหนื่อยจริง ๆ”

“กินข้าวให้หมดแล้วไปนอนพักนะ” คนอายุน้อยกว่าบอก

“ไม่ล่ะ” เขาวางช้อนลง “พี่ไม่ค่อยอยากอาหาร ขอตัวไปนอนก่อนนะ”

วิฬาร์มองตามอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นเอาจานไปล้าง เขาเองพอเห็นว่าพี่เก้าเหนื่อยแบบนี้เลยไม่กล้าไปรบกวนอะไรอีก ก่อนพี่เก้าจะไปก็เดินมาลูบหัวเขาแล้วบอกราตรีสวัสดิ์อย่างเคย

เจ้าตัวนั่งกินขนมคนเดียวให้หมดเงียบ ๆ เอาจานไปล้างเก็บแล้วจึงเข้าห้องของตัวเองไป เล่นเกมสักพักก่อนจะผล็อยหลับไป


.
.
.


การินนอนไม่หลับ..เขาพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงมาพักใหญ่แล้ว ก่อนนี้เขาก็เล่นโทรศัพท์นานสองนาน จนไม่รู้ว่าจะดูอะไรในนั้นอีก ก็เลยพยายามข่มตานอนให้หลับ

..แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล..

คนที่ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากดีดตัวขึ้นนั่ง เขานึกถึงไวน์ที่ได้เป็นของขวัญจากลูกน้องในบริษัท บางที่นั่นอาจจะช่วยให้เขาหลับได้ ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานอยู่แล้ว กินสักนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร

รูปร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องท่ามกลางความมืดโดยใช้ความเคยชินของตัวเอง การินเดินไปหยิบไวน์และแก้วพร้อมที่เปิดจากในครัว ก่อนจะเดินกลับมาที่โซฟาชุดใหญ่ เขาเปิดเพียงโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้านข้างเพียงเท่านั้น

เครื่องดื่มสีแดงในแก้วทรงสูงค่อย ๆ ไหลผ่านลำคอลงไป การินนั่งเงียบ..พอมีแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดก็ทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เขาได้กดมันเอาไว้ภายในใจผุดขึ้นมาให้เขาต้องยอมรับกับมัน

ทั้งที่เขาพยายามแล้วพยายามอีกที่จะกดมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจและปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริง

..ว่าเขารักแมวเหมียว...แค่น้อง..

แต่พอเห็นว่ามีใครคนอื่นมาชอบแมวเหมียว..มันก็ทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านจนเผลอใส่อารมณ์กับน้อง ทั้งที่ตัวเขาเป็นคนปฏิเสธและผลักไสความรักของแมวเหมียวเอง แต่ตอนนี้กลับมานั่งปวดใจราวกับคนอกหัก…เขายอมรับว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อแมวเหมียวนั้นไม่เหมือนเดิม เขาทั้งรักและหวงอีกฝ่าย...ไม่อยากยกให้เป็นของใครก็ตาม

การินดื่มไวน์ผ่านไปแก้วแล้วแก้วเล่า..จนเครื่องดื่มสีแดงนั้นหมดขวด เขารู้สึกมึนมากจนขี้เกียจเดินกลับไปนอนที่ห้อง เลยเอนตัวนอนหลับบนโซฟาตรงนั้นเลย




tbc…
รอดูตอนหน้านะคะ หึหึ...

 :hao6:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตอนหน้า อย่าบอกนะว่าอิพี่มันเมาแล้วปล้ำน้องอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ม่ายยย ถ้าเมาแล้วปล้ำน้องน้องจะเสียใจกว่าเดิมแน่ๆ แงงงงง ดราม่า
ไม่รู้จะลงเอยยังไง ใครพระเอก ยังใช่คุณพี่อยู่มั้ย แอบเชียร์เพื่อนน้องเหมียวแล้วนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอยยย คุณพี่คะะะะะะะะะะ  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอิ่มม

ออฟไลน์ pearlluv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอเลยยยยยย  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อยากให้มาต่อไวๆจัง

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอบคุณมากๆค่า นิยายสนุกมาก
หายไปเลย รออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page

เหมียวขอโทษ
   




**มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ใครก็ตามอย่าได้เอาเยี่ยงอย่างลูกชายคนนี้ของแม่นะคะ**




วิฬาร์ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก เขารู้สึกคอแห้งมาก แต่น้ำในห้องหมดพอดี ทำให้ต้องไปเอาที่ห้องครัว เหมียวแปลกใจที่ออกมาพบเจ้าของคอนโดนอนหลับอยู่บนโซฟา สายตามองสำรวจไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยไวน์และเบียร์กระป๋อง มือเรียวหยิบขวดไวน์ขึ้นมาส่องดู

“กินจนหมดเลยเหรอเนี่ย” เขาพึมพำเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปเขย่าตัวอีกฝ่าย “พี่เก้า ไปนอนที่ห้องดี ๆ สิ”

เมื่อเห็นว่าเรียกหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เหมียวก็นั่งลงใกล้ ๆ อย่างอ่อนใจ เขาพินิจใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า นานมากแล้วที่ไม่ได้จ้องมองอีกฝ่ายเต็มตาแบบนี้

พักหลังมานี้เขามักจะลอบมองพี่เก้าในเวลาที่อีกคนเผลอมากกว่า แมวเหมียวไม่กล้ามองตรง ๆ เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถตัดใจได้สักที ฝ่ามือขาวขยับเข้าไปใกล้ใบหน้ายามหลับใหลของพี่เก้า แตะเข้าที่แก้มสาก เหมียวไล้นิ้วไปตามตอหนวดเคราที่ไม่ได้โกนเล่น คนที่นอนหลับขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับขยับหนี

วิฬาร์หัวเราะเสียงเบา ดวงตายังคงจับจ้องคนตรงหน้านิ่งงัน ความรู้สึกที่กดเอาไว้ภายในค่อย ๆ ตีรวนขึ้นมาทีละน้อยจนแมวเหมียว..ควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้พี่ ใบหน้าขาวใสก้มลงช้า ๆ และประทับจูบลงบนริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ จากพี่ ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ไม่เห็นพี่เก้าสูบบุหรี่เลย อาจเป็นเพราะว่าเขาเคยบอกว่าไม่ชอบ พี่ก็เลยแอบสูบ

แมวเหมียวผละออกมาเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่ายังคงหลับอยู่ก็ขยับเข้าไปอีกครั้ง อยู่ ๆ ก็นึกถึงหนังผู้ใหญ่ที่เคยดูเมื่อไม่กี่วันมานี้ ปากเล็กค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่พอผ่านไปไม่นานกลับดูดดึงริมฝีปากล่างสลับบนอย่างตั้งใจ พร้อมกับขยับกายขึ้นไปคร่อมพี่เก้าจนลืมไปว่าตัวเองกำลังลักหลับอีกฝ่ายอยู่

ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อคนด้านใต้จูบตอบพร้อมกับกอดรัดเอวผอมให้แนบชิดกันเข้าไปอีก ในตอนแรกแมวเหมียวนึกว่าพี่เก้าคงจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่กลับไม่ใช่…เขาปล่อยให้คนที่เมาหลับไม่ได้สติกอดและจูบแบบนั้นจนส่วนกลางลำตัวของเขาทั้งคู่ตื่นตัวเสียดสีกันผ่านเสื้อผ้าไปมา

แมวเหมียวดันตัวออกมาเมื่อหายใจไม่ทัน มองไปที่ส่วนนั้นของพี่เก้า ริมฝีปากเจ่อแดงเม้มเข้าหากัน ตากลมลอบมองใบหน้าหล่อที่ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาสองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้ทำตามความปรารถนาของตัวเอง แมวเหมียว...ซ่อนมันไว้ในส่วนที่ลึกสุดของหัวใจ เพราะคิดว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ เลยตั้งใจปล่อยให้มันกลายเป็นเพียงแค่ความฝันไป

..ฝันว่าตัวเองกลายเป็นของพี่เก้า..

วิฬาร์หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดหลังจากถูกอีกฝ่ายที่ไม่มีสติเผลอตัวจูบอย่างหนัก ในหัวประมวลผลว่าจะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าเขาทำมันลงไปต่อไปก็อาจจะเข้าหน้ากันไม่ติด แต่อีกใจก็ไม่อยากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป

รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังคิดมันไม่ดี..ไม่ดีมาก ๆ แต่แมวเหมียวก็อยากให้ครั้งแรกของเขาเป็นพี่เก้า...คนที่เป็นรักครั้งแรก ต่อให้อีกฝ่ายจะบอกว่าเขานั้นเข้าใจผิดไป...ความรักที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่ถ้ามันไม่ใช่จริง ๆ ทำไมหัวใจเขาถึงได้คิดถึงแต่พี่เก้าล่ะ
ร่างผอมบางขยับลงจากกายใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเร็ว ๆ ไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อไปหยิบเจลและถุงยางที่แอบซื้อเอาไว้ออกมา จะบอกว่าเขาแก่แดดก็ได้ แต่แมวเหมียวคิดว่าตัวเองศึกษาการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันมาดีพอสมควรเลย

มือเรียวถอดกางเกงนอนเนื้อบางของตัวเองลงไปกองบนพื้น ร่างเล็กขยับขึ้นไปอยู่ในท่าเดิม เขาบีบเจลลงบนมือก่อนจะเอื้อมไปที่ช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมพร้อมจะรับส่วนนั้นของพี่เก้าเข้าไปได้ มันออกจะทุลักทุเลไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แมวเหมียวทำอะไรแบบนี้ ถึงจะได้ทฤษฎีแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยปฏิบัติ มันก็ถือว่ายังไม่ได้เรื่องอยู่ดี กว่าที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง กว่าที่แมวเหมียวจะรู้สึกตื่นตัวไปกับสิ่งกำลังทำ ก็เล่นเอาเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด

ในตอนที่เขาปลดกางเกงของพี่เก้าลงก็นึกอะไรได้ เขาลืมคิดไปว่าถุงยางอนามัยมันมีขนาด แล้วเขาหยิบขนาดอะไรมาเนี่ย! มันใช้ได้ที่ไหนกัน นี่ขนาดมันยังไม่ตื่นเต็มที่ยังขนาดนี้ แล้วถ้าเวลาผงาดเต็มตัวจะขนาดไหน

แมวเหมียวมือสั่นเล็กน้อยในตอนที่เลื่อนมือไปจับส่วนนั้นของพี่เก้า เขาไม่ลืมที่จะบีบเจลติดมือไปด้วย..จะได้ลื่น ๆ เขาคิดว่าดูท่าพี่เก้าคงจะไม่ค่อยได้ทำเรื่องพวกนี้ สังเกตได้ว่าเวลาไม่นานนักเก้าน้อยก็พร้อมรบ และก็อย่างที่คิดเอาไว้...ถุงยางอนามัยที่ซื้อมามันไม่น่าจะสวมได้พอดี

เจ้าตัวนิ่งงันไปก่อนจะตัดสินใจทำขั้นต่อไป รู้ว่ามันไม่ดี แต่อารมณ์ที่ค้างคาส่งผลให้เขาเลือกที่จะทำมันต่อไปแม้ไม่มีเครื่องป้องกัน
ตอนที่ส่วนปลายชำแรกเข้ามาแมวเหมียวเจ็บเหมือนถูกฉีกร่างออกจากกัน วูบหนึ่งเขาอยากจะหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ แต่ก็คิดได้ว่าหลังจากนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว เจ้าตัวกัดฟันทำต่อไป จากที่เจ็บเหมือนจะตายก็มีความรู้สึกวาบหวามขึ้นมาบ้าง

สายตาของแมวเหมียวจับจ้องที่ใบหน้าของพี่เก้า เพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจะตื่นหรือไม่ แต่สงสัยน่าจะเมามากเลยทำให้พี่เก้าไม่มีสติรับรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เรียวคิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันแน่น บางครั้งก็เผลอสวนกายขึ้นมาตามสัญชาตญาณของตัวเอง
สะโพกเล็กขยับขึ้นลงไม่หยุดจนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนปลดปล่อยเข้ามาในกาย มันรู้สึกดีจนแมวเหมียวเองก็เสร็จตามไปติด ๆ กัน

วิฬาร์หอบหายใจหนัก รู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ไม่กล้าทิ้งกายนอนทับบนตัวพี่เก้า เขาค่อย ๆ ดึงสะโพกขึ้นให้ส่วนที่เชื่อมต่อหลุดออกจากกัน มือขาวหยิบกางเกงนอนของตัวเองขึ้นมาทำความสะอาดให้คนที่นอนหลับ สำรวจว่าทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยดีก็ดึงกางเกงของอีกฝ่ายขึ้นให้เหมือนเดิม

แมวเหมียวพาตัวเองกลับมาที่ห้องอย่างยากลำบาก ขาเล็กสั่นระริกยามก้าวเดินจนจะล้มมิล้มแหล่ แต่เขาก็ต้องกัดฟันพาตัวเองกลับห้องไปให้ได้

ร่างบางทิ้งตัวคว่ำลงบนที่นอนนุ่มทันที อันที่จริงแมวเหมียวอยากจะไปล้างตัวเอาคราบคาวที่ค้างอยู่ออก แต่เขาก็เจ็บเกินกว่าจะขยับตัว

คนเจ็บปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข..ในที่สุดเขาก็สมหวัง แม้จะไม่ได้หัวใจของพี่เก้ามาครอบครอง แต่การได้ครอบครองร่างกาย..แค่ครั้งเดียวก็ถือว่าดีมากแล้ว



/



การินเปิดเปลือกตาขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน เมื่อกายใหญ่ลุกขึ้นนั่งอาการปวดหัวก็วิ่งแล่นเข้าใส่ทันที ไม่บ่อยนักที่เกิดอาการแฮงค์แบบนี้ เขาใช้นิ้วมือกดบริเวณศีรษะของตัวเอง หวังจะให้มันหายปวด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร เขาค่อย ๆ ลุกจากโซฟาด้วยใบหน้าเหยเก เดินตรงไปที่แพนทรีเพื่อชงกาแฟดำมาดื่มแก้เมาค้างสักแก้ว

หลังจากได้กาแฟร้อน เขาก็ถือมันกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม นัยน์ตาสีเขียวนั่งเหม่อพลางจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ พอเมื่ออาการปวดทุเลาลงเขาก็กวาดตามองมรสุมขวดไวน์รวมถึงเบียร์กระป๋องที่เขาดื่มทิ้งเอาไว้เมื่อคืน เพราะแบบนี้ไงถึงได้อาการหนักขนาดนี้
ชายหนุ่มนั่งเหม่อ เมื่อคืนเขาฝัน...เป็นฝันที่เหมือนจริงจนน่าประหลาด เขาฝัน..ว่าตัวเองมีอะไรกับแมวเหมียว เพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาเขาปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

สายตาเหลือบมองประตูห้องที่แมวเหมียวนอน ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วแต่น้องก็ยังคงไม่ตื่น เป็นเรื่องแปลก เพราะปกติแล้วแมวเหมียวเป็นเด็กที่ตื่นเช้า และถ้าน้องตื่นขึ้นมาเห็นเขานอนอยู่ตรงนี้ ยังไงก็ต้องปลุกแน่นอน

ร่างสูงลุกขึ้นไปที่หน้าประตูห้องของแมวเหมียว ข้อนิ้วแข็งแรงเคาะประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เขาลองขยับลูกบิดดูก็พบว่ามันล็อกอยู่ การินนิ่งคิดไปว่าจะเอายังไงดี บางทีแมวเหมียวอาจจะนอนดึกเลยอยากตื่นสายก็ได้

..แต่ถ้าเกิดว่าน้องไม่สบายขึ้นมาล่ะ..

เจ้าของคอนโดหันหลังเดินกลับไปหยิบกุญแจสำรองที่แขวนอยู่บนผนังก่อนจะกลับมาไขประตูเข้าไป ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำและมืดมาก ช่วงขายาวค่อย ๆ เข้าไปใกล้เตียงนอน เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟให้สว่างขึ้น

“แมวเหมียวครับ” การินนั่งลงบนเตียงแล้วส่งเสียงเรียกน้องที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่ปิดจนเหลือแค่ครึ่งหน้า

“...”

คนอายุมากกว่าสังเกตเห็นท่าทางไม่ค่อยดี เขาเลยขยับมือไปแตะหน้าผากของแมวเหมียว มันร้อนจนน่าตกใจ การินพลิกตัวน้องนอนหงาย ใบหน้าซีดเซียวของแมวเหมียวทำเอาเขาใจไม่ดีเลย

“เหมียวครับ” เขาตบแก้มน้องเบา ๆ

ดวงตากลมค่อยปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปิดลงเหมือนเดิม

“อาการเป็นยังไงบ้าง..บอกพี่หน่อยสิ”

“หื้อ~” เหมียวไม่ตอบแต่ส่งเสียงอืออาในลำคอ “เหมียวหนาว”

การินไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน แต่ก็พอรู้พื้นฐานมาบ้างว่าต้องทำให้ไข้ลดลงก่อน เขาหายออกไปจากห้องก่อนจะกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำ

“ให้พี่เช็ดตัวหน่อยนะคนดี” เขาว่าพร้อมกับจับตัวน้องให้นอนหงายอีกครั้ง การินเริ่มเช็ดจากใบหน้าก่อนจะไล่มาที่ซอกคอร้อนผ่าว แมวเหมียวย่นคอเล็กน้อยเมื่อถูกความเย็นจากผ้าขนหนู

ฝ่ามือใหญ่เปิดผ้านวมออกเพื่อจะเช็ดช่วงลำตัว แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าท่อนล่างของคนป่วยเปลือยเปล่า เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่ากางเกงของแมวเหมียวมันถูกกองไว้ที่ตรงไหน

การินไม่อยากคิดอะไรมาก เขาลงมือเช็ดไปตามแขนและลำตัวก่อนจะเลิกเสื้อของแมวเหมียวขึ้นเช็ดตามลำตัว มือใหญ่พลิกตัวน้องให้นอนตะแคงไปอีกทางเพื่อจะได้เช็ดแผ่นหลังได้ แต่จุดสีแดงจาง ๆ บนที่นอนก็ดึงความสนใจของเขา นัยน์ตาสีเขียวไล่มองไปที่บั้นท้ายของน้องทันที เขาเห็นคราบอะไรบางอย่างแห้งกรังตั้งแต่ก้นไปจนท่อนขาเล็กของแมวเหมียว

คนอายุมากกว่าใจหายวาบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ความทรงจำอันเลือนรางฉายชัดเข้ามาในสมอง เมื่อคืนนี้...ไม่ใช่ความฝัน การินซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง กระบอกตาร้อนผ่าว

..มันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง!..

วิฬาร์เปิดเปลือกตาขึ้นเพราะความหนาว ภาพตรงหน้าเลือนรางไปหมดด้วยเพราะพิษไข้ ร่างบอบบางพยายามพลิกหงายกลับมา ริมฝีปากแห้งผากส่งเสียงเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“พี่..เก้า”

เจ้าของชื่อได้สติ เงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ ขยับเข้าไปใกล้น้องโดยอัตโนมัติ “ว่าไงครับ”

“หนาว” แมวเหมียวตอบเสียงแหบแห้ง

“ให้พี่เช็ดตัวก่อนนะ” การินกล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บช้ำลงไป เขาต้องทำในสิ่งที่ควรทำตอนนี้ก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นค่อยพูดคุยกันอีกทีตอนที่แมวเหมียวอาการดีขึ้นก็ได้

ใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย เขาทำความสะอาดคราบที่เรียวขาจนสะอาด เว้นแต่จุดนั้นที่ยังไม่กล้าแตะต้อง

“เดี๋ยวพี่ไปต้มข้าวให้ แมวเหมียวกินสักหน่อยนะ จะได้กินยา”

แมวเหมียวพยักหน้าตอบทั้งที่ตายังปิด

“เดี๋ยวถ้าไข้ลงแล้ว..พี่จะอาบน้ำให้นะ เหมียวจะได้สบายตัว” การินลูบผมน้องก่อนจะห่มผ้าให้เหมือนเดิมหลังเปลี่ยนชุดใหม่ให้คนป่วย เขารู้ว่าแมวเหมียวคงไม่ได้ใช้ถุงยาง และด้านหลังของน้องก็คงเหนอะหนะ

แมวเหมียวพยักหน้าตอบอีกครั้ง ตากลมเปิดขึ้นมองจ้องพี่เก้า “เหมียว..ขอโทษนะครับ”

คนอายุมากกว่าแค่นยิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องเบา ๆ ก่อนจะบอกเสียงนุ่ม “ไม่เป็นไร..แมวเหมียวหลับไปก่อนนะ ถ้าข้าวเสร็จแล้วพี่จะยกเข้ามาให้”

การินไม่อยากคิดเอาเองว่าน้องเอ่ยขอโทษเรื่องอะไร แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธหรือรู้สึกอะไรกับน้องเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเพราะตัวเขา ถ้าจะมีใครผิด...มันก็คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น



/



การินทำข้าวต้มทรงเครื่องที่น้องชอบ เมื่อทำเสร็จแล้วก็ตั้งทิ้งไว้ให้มันคลายร้อนสักหน่อย เพราะแมวเหมียวไม่กินอาหารร้อน ระหว่างนั้นเขาก็ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ออกมาข้าวก็อุ่นกำลังดี

เขายกชามข้าวพร้อมยาเข้าห้องไปปลุกน้อง แน่นอนว่าคนป่วยมีท่าทีอิดออดไม่ยอมกิน

“กินสักหน่อยนะ จะได้ดีขึ้นไง”

สุดท้ายแมวเหมียวก็ยอมกินไปไม่กี่คำ เจ้าตัวนอนหลับทันทีหลังจากที่กินยาเสร็จ การินปลีกตัวออกมาจากห้อง เขาเก็บสิ่งที่ตัวเองทำรกไว้เมื่อคืน ตอนที่จัดหมอนอิงให้เข้าที่ก็เหลือบไปเห็นคราบเลอะบนโซฟา

ความรู้สึกผิดโถมเข้ามาอีกครา เขาไม่ควรดื่มจนตัวเองเมาขนาดนั้น อย่างน้อยถ้าเขามีสติหลงเหลืออยู่บ้าง..เรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
กายใหญ่ทรุดนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า เอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดี แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เขาไม่คิดว่าน้องจะเป็นฝ่ายเริ่มทำเรื่องแบบนี้ เพราะเมื่อคืนเราก็ยังคุยกันเรื่องที่ว่าแมวเหมียวจะลองเปิดใจให้กับเพื่อนคนที่เรียนพิเศษด้วยกันอยู่เลย

..เขานึกว่าแมวเหมียวตัดใจจากเขาไปแล้ว..

แต่ไม่ใช่ว่าพอได้รู้ความจริงว่าน้องยังไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ แล้วการินจะฉวยโอกาสนี้ทำตามความปรารถนาลึก ๆ ของตัวเอง เพราะต่อให้ความรู้สึกของเขาจะบิดเบี้ยวไปมากแค่ไหน..เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิม

แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าการินได้มีความสัมพันธ์กับแมวเหมียวไปแล้ว ถึงว่าเวลาที่ทำมัน..ตนจะไม่มีสติรู้ตัวก็ตาม จะให้การินปัดความรับผิดชอบทิ้งก็ทำไม่ได้ เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

..บางที...การที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้...มันน่าจะดีกว่าหรือเปล่านะ..



/







ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


คนอายุมากกว่าคอยเฝ้าเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนให้กับแมวเหมียวทั้งวัน เวลานี้สองทุ่มแล้วน้องก็ยังไม่ตื่น แต่อย่างน้อยไข้ก็ลดต่ำลงมาก เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง นึกว่าจะต้องหอบน้องเข้าโรงพยาบาลซะแล้ว

การินนั่งกอดอกจ้องคนป่วยอยู่ข้างเตียง ดวงตามองใบหน้าเด็กที่เข้าเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกตั้งแต่สมัยตัวยังแดง ๆ เพราะเกิดก่อนกำหนดถึงได้ตัวเล็กมาก สุขภาพก็ไม่แข็งแรง แต่น้องก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่งี่เง่างอแง แถมยังยิ้มง่าย รอยยิ้มของน้องเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์สวยงามที่สุด ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องแย่ ๆ มามากแค่ไหน แต่เมื่อได้รับรอยยิ้มจากน้อง..เพียงเท่านั้นก็ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นได้เสมอ

แมวเหมียวเป็นสิ่งมีชีวิตแสนบริสุทธิ์เพียงคนเดียวในชีวิตของเขา การินรักเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกพบ และตั้งใจว่าจะรักตลอดไป

..ถึงแม้จะเกิดเรื่องผิดพลาดนี้ขึ้น เขาก็ยังคงรักและหวังดีกับแมวเหมียว..

ความอ่อนเพลียสะสมมาทั้งวันทำให้คนอายุมากกว่าที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ปิดตาลง หวังจะพักสายตาเพียงครู่เดียว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเผลอหลับไป และฝันถึงคนตรงหน้าในวัยเด็กน้อยไร้เดียงสา


‘แมวเหมียว~ เหมียว ๆ พี่เก้ามาแล้ว’
เด็กน้อยวัยห้าขวบวิ่งเตาะแตะมาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูง
‘อู้ม~’
การินที่เพิ่งเริ่มทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็สองอาทิตย์ครั้ง ต่างจากตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่กลับทุกอาทิตย์ เขาสอดแขนยกตัวแมวเหมียวขึ้น หอมแก้มขาวนุ่มนิ่มด้วยความคิดถึง
‘คิดถึงแมวเหมียวจังเลย’
‘หนูก้อคิดตึ๋งพี่ก้าว~”
หัวใจห่อเหี่ยวของการิงพองโตด้วยความดีใจ เขากอดน้องไว้แนบแน่น ในขณะที่ตัวแสบก็เลียนแบบโดยการออกแรงกอดเขากลับเหมือนกัน
‘ติดพี่เขาเกินไปไหมลูก’ แม่ที่ยืนมองอยู่แซวลูกชายคนเล็ก
‘ดีใจยิ่งกว่าเห็นพี่มันอีกเนี่ย’ พี่ชายแท้ ๆ แขวะ
การินหัวเราะ และแมวเหมียวก็หัวเราะตาม ทำเอาคนอื่น ๆ หัวเราะกับความซื่อของเด็กน้อยคนนี้ไปตาม ๆ กัน



“ยิ้มอะไรของเขาเนี่ย” แมวเหมียวที่ตื่นมาเห็นพี่เก้านั่งอยู่ข้างเตียง เขาพึมพำขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มออกมาทั้งที่กำลังหลับสนิท

วิฬาร์นอนตะแคงมองคนอายุมากกว่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดว่าพี่เก้าคงรู้แล้วว่าเขาทำอะไรลงไป เขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ แต่ในเมื่อทำลงไปแล้ว...เขาก็ทำได้แค่เพียงยอมรับผลของการกระทำที่จะตามมาเท่านั้น

“อืม…”

คนบนเตียงสะดุ้งเมื่อคนที่หลับส่งเสียงครางในลำคอ เขารีบหลับตาแกล้งหลับต่อไปเพราะยังไม่กล้าเผชิญหน้า แมวเหมียวได้ยินเสียงพี่เก้าขยับตัวก่อนฝ่ามือใหญ่จะทาบลงบนหน้าผาก ความอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำเอากระบอกตาของเขาร้อนผ่าว

“แมวเหมียว” การินส่งเสียงเรียก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว

คนอายุน้อยกว่าทำเป็นส่งเสียงสะลึมสะลือ

“ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ”

ดวงตากลมลืมตาขึ้นมองคนปลุกตาแป๋ว การินที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไป ต่างคนต่างจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น..ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“พี่มีอะไรให้เหมียวกินเหรอ” แมวเหมียวถามเสียงเบา

คนถูกถามได้สติ “กินข้าวต้มอีกมื้อได้ไหม”

“ได้สิ” วิฬาร์ตอบพร้อมกับดันตัวจะลุก แต่เพียงแค่ขยับนิดเดียวอาการเจ็บเบื้องล่างมันก็ทำเอาเจ้าตัวร้องโอ๊ยออกมา

การินพุ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่จับต้นแขนเล็ก “เจ็บมากหรือเปล่า..” พอรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ผละออกมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน

“อ่า..นิดหน่อยน่ะครับ” แมวเหมียวรู้สึกปวดใจขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป แต่ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้เอง ก็ต้องยอมรับให้ได้ เขาพยายามกัดฟันลุกขึ้นนั่ง บอกตามตรงว่าพอก้นแนบไปกับเตียงแบบนี้แล้วเจ็บมาก ๆ ไม่อยากนึกถึงเวลาที่ต้องเดินเลย

แมวเหมียวลุกขึ้นยืน ขาสั่น ๆ ทำให้เขาเซเล็กน้อย แต่พี่เก้าก็เข้ามาประคองเอาไว้ได้ทัน คนอายุน้อยกว่าแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ก่อนจะบอกขอบคุณที่ช่วย และอีกฝ่ายก็ประคองเขาเดินไปจนถึงโต๊ะกินข้าว

“เดี๋ยวพี่ไปอุ่นข้าวต้มให้นะ” การินบอก

วิฬาร์มองคนอายุมากกว่าที่ถึงแม้จะถูกเขาลักหลับ..แต่ยังคงทำโน่นทำนี่ให้ ดูแลเขาที่ป่วยอย่างดีแบบนี้ ดวงตากลมโตสลดวูบด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ

การินวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ น้องเงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาแดงก่ำ เขาวางมือลงบนศีรษะกลม ก่อนจะบอกเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มบาง “กินเยอะ ๆ นะ แมวเหมียวน่ะผอมเกินไปแล้ว”

หลังจากที่พี่เก้าเดินออกไป น้ำตาเม็ดใหญ่ก็กลิ้งหล่นจากกลางตา มือเรียวหยิบช้อนขึ้นตักข้าวเข้าปาก ข้าวต้มที่พี่เก้าอุ่นให้ไม่เย็นและไม่ร้อนเกินไป ความใส่ใจที่มีให้แก่กันทำให้แมวเหมียวเสียใจหนักเข้าไปอีก



/



แมวเหมียวกินเสร็จก็ตั้งใจว่าจะยกชามไปล้าง แต่ยังไม่ได้เดินไปไหนก็ถูกพี่เก้าหยิบออกจากมือไปพร้อมกับส่งยาและน้ำให้

“เดี๋ยวพี่ล้างเองครับ”

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เขามองยาในมือก่อนจะกลืนมันลงไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมา แต่สุดท้าย...มันก็ยังคงไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง แมวเหมียวรีบเช็ดออกแต่ก็ถูกพี่เก้าเห็นเข้าเสียก่อน

การินเดินเข้ามาใกล้น้อง จับเข้าที่ข้อมือบางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขยี้ตาจนมันช้ำ เวลานี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี เขาทำได้แค่เพียงเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาบนแก้มใสซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พวกเขาทั้งสองคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนแมวเหมียวเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อน

“เหมียวขอโทษ”

“...ไม่เป็นไรครับ”

“เหมียว..ฮึก..เป็นเด็กไม่ดี..”

การินเจ็บหัวใจราวกับมีเข็มพันเล่มแทงเข้ามา เขายกมือขึ้นลูบศีรษะน้องเบา ๆ “อย่าว่าตัวเองแบบนั้นเลย แมวเหมียวไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกนะ”

วิฬาร์เงยหน้าขึ้น “พี่อย่าพูดเอาใจเหมียวนักเลย”

คนอายุมากกว่าส่ายหน้า “พี่ไม่ได้พูดเอาใจ แต่พี่เข้าใจว่าที่แมวเหมียวทำลงไปก็เพราะยังอายุน้อย เลยทำให้ขาดความยับยั้งใจ”

การินบอกพร้อมกับรอยยิ้มบาง เขาเองก็เคยอายุ 17 มาก่อน ทำให้เข้าใจว่าเด็กวัยนี้กำลังอยู่ในช่วงใจกล้าบ้าบิ่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากรู้อยากลองเรื่องเซ็กซ์ ครั้งแรกที่เขาได้ลองมีอะไรกับเพศตรงข้ามก็อายุประมาณนี้

คนฟังน้ำตาร่วงเผาะ “ยังไงเหมียวก็ผิด..ฮึก..เหมียวทำเรื่องที่ไม่สมควร..รู้ทั้งรู้ว่าพี่ไม่ได้..อึก..รักเหมียวแบบนั้น..แต่ว่าเหมียวรักพี่”

การินเข้าไปกอดน้องจนแน่น รู้สึกปวดร้าวไปหมด เวลานี้เขายอมรับกับตัวเองแล้วว่ารักแมวเหมียว..รักในแบบที่น้องปรารถนา แต่ตนไม่สามารถเอ่ยออกไปได้ ยิ่งในเวลาแบบนี้ด้วยแล้ว...ยังไงก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ลงไปให้ลึกสุดใจ

“เหมียว..ขอแค่ครั้งเดียว..ที่ได้เป็นของพี่..ฮึก..แค่ครั้งเดียว..ต่อไปเหมียวจะไม่ขออะไรจากพี่อีกเลย..แม้แต่อย่างเดียวก็จะไม่ขอ” วิฬาร์พูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย “เหมียว..จะตัดใจ..จะกลับไปเป็นน้องคนเดิมของพี่..อย่างที่เคยเป็น”

การินลูบหัวลูบหลังปลอบน้องโดยไร้ซึ่งคำพูด มันจุกจนพูดไม่ออก เขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายยังเด็ก..คงเข้าใจอะไรผิดไป ไม่รู้มาก่อนว่าแมวเหมียวจะจริงจังถึงขนาดนี้

“พี่ขอโทษ” เขาพูดเสียงเบา ก้มลงจูบกลางกระหม่อม “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักแมวเหมียวนะครับ”

“..เหมียวรู้”

“พี่ขอโทษ” เขาเอ่ยอีกครั้ง “ขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้แมวเหมียวเสียใจ”

คนอายุน้อยกว่าถูใบหน้ากับอกแกร่ง

“พี่เก้าไม่ผิดอะไรเลย..เหมียวต่างหากที่ผิด..เหมียวทำให้พี่ลำบากมากเกินไปแล้ว”

“ถ้าเหมียวผิด พี่ก็ผิดยิ่งกว่า”

วิฬาร์แหงนหน้าขึ้น

“ทำไมพวกเราจะต้องมาแย่งกันเป็นฝ่ายผิดด้วย”

การินลูบผมน้อง

“พวกเราทั้งคู่ต่างก็มีส่วนผิดด้วยกันนั่นแหละครับ”

แมวเหมียวเถียงไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าพี่เก้าผิดเลยสักครั้ง คิดแต่ว่าเพราะความเอาแต่ใจของตัวเองทำให้พี่ลำบาก เขารู้ว่าพี่ก็คงทุกข์ใจกับเรื่องของเขาไม่น้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้..สอนให้เขาไม่กล้าทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไปอีกเลย

“พี่พาไปนั่งพักเอาไหม”

คนอายุมากกว่าถาม คิดเอาเองว่าน้องอาจจะยังไม่สบายตัว

เหมียวพยักหน้า ค่อย ๆ ก้าวขาเดิน เขาเลือกที่จะกลับห้องนอน ไม่กล้าไปที่โซฟาเพราะเรื่องเมื่อคืน

“อยากได้อะไรอีกไหม” การินเอ่ยถามเมื่อน้องนั่งลงบนเตียง

“เอ่อ..” คนถูกถามอ้ำอึ้ง “คือ..เหมียวอาบน้ำได้หรือเปล่าครับ แบบว่ามัน..น่าจะยังมี..ไอ้นั่นอยู่ข้างใน” เหมียวเรียนรู้มาหมดแล้วว่าจะต้องทำความสะอาดยังไงติดอยู่อย่างเดียวคือเขาเจ็บก้นมาก

การินเข้าใจในสิ่งที่น้องจะสื่อ เขาวางมือบนหน้าผากมน อันที่จริงก็ยังไม่อยากให้อาบเท่าไหร่ เพราะเพิ่งจะหายไข้ แต่น้องก็คงรู้สึกเหนอะหนะไม่น้อย

“พี่อาบให้..”

“ไม่ ๆๆ” วิฬาร์ไม่รอให้พี่พูดจบ โบกมือเป็นพัลวัน “เหมียวอาบเองได้ครับ”

“แล้ว…จะเอามันออกเองได้หมดเหรอ”

แมวเหมียวหน้าแดงวาบ ได้แต่อึกอัก “มะ เหมียวจะลองดู”

การินส่ายหน้า “รู้ไหมว่าถ้าทำไม่สะอาด มันจะไม่สบายเอาได้นะ”

คนฟังมีสีหน้ากังวล

“ไม่ต้องอายพี่หรอก” การินลูบหัวน้องเบา ๆ “พี่น่ะเห็นแมวเหมียวโป๊มาตั้งแต่เด็กแล้ว”

น้องหน้าแดง ถึงจะลังเล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยืนยันที่จะทำเอง พี่เก้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไร วิฬาร์ยืนทำใจอยู่ในห้องน้ำหลังจากที่เปิดน้ำอุ่นราดตัวอยู่พักใหญ่ เขาเอื้อมมือไปด้านหลัง กว่าจะจัดการเสร็จจนคิดว่าสะอาดเอี่ยมก็ทำเอาน้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บที่ยังหลงเหลืออยู่ มันเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนเขาได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ

“เรียบร้อยดีไหม” การินเดินเข้าไปถามหลังจากที่น้องเปิดประตูออกมา แมวเหมียวพยักหน้าตอบ “ดีแล้ว” เขายิ้มบาง

วิฬาร์สบตาเข้ากับอีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเมื่อความรู้สึกที่ตนกดเอาไว้ส่งให้หัวใจเต้นแรง “พะ พี่ไปพักผ่อนเถอะครับ”

“ให้พี่ส่งแมวเหมียวเข้านอนเรียบร้อยก่อน แล้วพี่จะไป”

“เหมียวโตแล้วนะ” เจ้าตัวย้อนพร้อมกับเดินหนี เขาขึ้นไปบนที่นอนแล้วหยิบหมอนให้มากอง ๆ ข้างตัว เมื่อพอใจแล้วจึงล้มตัวลงนอน

การินเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งที่ริมเตียง ยกมือลูบหน้าผากเนียนของน้อง “นั่นสิเนอะ แมวเหมียวของพี่โตขึ้นแล้ว”

วิฬาร์เม้มปาก ความรู้สึกวูบโหวงเกิดขึ้นในใจ ราวกับว่ามีหลุมใหญ่เกิดขึ้นในนั้น สิ่งที่เขาทำลงไป..ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

“...เหมียวขอโทษ...”

คนอายุมากกว่ายิ้มบาง “อย่าคิดมากเลย นอนเถอะครับ” ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนหัวน้องเบา ๆ “ราตรีสวัสดิ์นะเด็กดีของพี่” เขาบอกก่อนจะลุกออกจากห้องไป

หลังจากที่บานประตูลง การินยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เขาหลับตาลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาการเมาค้างประกอบกับความเครียดที่ถูกกักเก็บไว้เพราะไม่อยากแสดงให้แมวเหมียวเห็นถูกปล่อยออกมาเมื่อได้อยู่คนเดียว

ร่างสูงใหญ่ก้าวขาเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เขาล้มตัวลงนอนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ วันนี้ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด
..น่าแปลกที่ไม่รู้สึกหิวหรือว่าอ่อนเพลียเลยแม้แต่นิดเดียว..

วันนี้เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากทำให้แมวเหมียวเสียใจไปมากกว่านี้

ส่วนตัวเขาน่ะ..จะเป็นอย่างไรก็ได้ ขอแค่แมวเหมียวไม่ต้องเจ็บปวดหรือเสียใจก็พอ เขาหวังว่าสภาพจิตใจของน้องจะดีขึ้นเร็ว ๆ กลับไปเป็นแมวเหมียวที่ร่าเริงเหมือนเดิม




tbc…
ไม้เรียวในมืออิแม่สั่นไปหมดแล้ว แมวเหมียวลูกแม่ทำไมทำแบบเน้!

 :m16: :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องเหมียวลูกกกก ตายแล้ววววหนู แม่จะตี!

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องงงงงงงงงงงงงงงงง
แต่พี่คิดจะหนีน้องเหรอ!!

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page

ลาก่อนความรักครั้งแรก




หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ แมวเหมียวตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปเป็นน้องชายคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสิบเจ็ดปี และจะไม่เรียกร้องอะไรจากพี่เก้าอีกเลย

“ตื่นแล้วเหรอ เหมียวกำลังทำอาหารเช้าอยู่เลย พี่หิวไหม”

วิฬาร์ทักทายคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เขากำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา ถึงจะบอกว่ากำลังทำก็เถอะ แต่มันก็แค่ปิ้งขนมปัง ทอดไข่ดาวและแฮมง่าย ๆ เท่านั้นเอง

“เอ่อ…” การินที่กำลังเมาขี้ตายืนงง

“ไม่ตอบ งั้นเหมียวทำเผื่อแล้วกันนะ”

คนพี่พยักหน้า นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองน้องที่ดูอารมณ์ดีผิดหูผิดตา เจ้าตัวฮัมเพลงพร้อมกับโยกหัวไปมาเป็นจังหวะ ดูก็รู้ว่าแมวเหมียวพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่เขาก็อดถามไม่ได้

“หายเจ็บแล้วเหรอ”

คนถูกถามแก้มแดงขึ้น กว่าจะตอบได้ก็อึกอักอยู่สักพัก “ดีขึ้นแล้วครับ” อันที่จริงก็ยังเจ็บอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้ใครมองว่าเขามันอ่อนแอ

การินกลับเข้าห้องไป ขณะที่กำลังล้างหน้าแปรงฟันเขาก็คิดถึงเรื่องของแมวเหมียว ท่าทีของน้องในวันนี้ต่างไปจากเมื่อวานราวกับเป็นคนละคนจนน่าแปลกใจ มองไม่ออกว่าน้องกำลังคิดอะไรอยู่ และมันก็ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

“เสร็จพอดีเลย”

ทันทีที่การินออกจากห้อง คนที่อายุน้อยกว่าก็บอกเสียงใส เขานั่งลงตามที่อีกฝ่ายบอกด้วยความงุนงง ร่างเล็กหยิบจานที่เตรียมไว้แล้วเดินกลับมาด้วยท่าทางขัด ๆ วางจานลงตรงหน้าเขาก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตัวเอง คนอายุมากกว่ามองน้องไม่วางตา

“กินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ” แมวเหมียวบอกขมวดคิ้วน้อย ๆ

“อะ อืม” การินลงมือกินตามคำบอก ระหว่างนั้นเขาก็มองน้องที่ก้มหน้าก้มตากินท่าทางหิวโหยเป็นระยะ

“พี่”

“หืม” เขาขานรับตามเสียงเรียก

“อาทิตย์หน้า..เหมียวเรียนอาทิตย์สุดท้ายแล้วนะ”

ถ้าแมวเหมียวไม่บอกเขาก็ลืมไปเลยว่าน้องใกล้จะเรียนจบคอร์สแล้ว ยิ่งสองสามวันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะจนหัวแทบระเบิดซ้ำไปอีก

“ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม”

น้องส่ายหน้า “เดี๋ยวเฮียมารับที่นี่ครับ”

“อ่า…” การินพยักหน้าเชื่องช้า เขาเงียบอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอะไร ใช้ส้อมในมือเขี่ยไส้กรอกไปมาเพราะรู้สึกอิ่มขึ้นมา

“พี่” เหมียวเรียกอีกครั้ง

“ครับ” การินเงยหน้าขึ้นสบตา

“พี่อย่าเครียดนะ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วด้วย” น้องบอกพร้อมกับยิ้ม “เหมียวนอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งคืนเลย เหมียวตัดสินใจแล้ว..คราวนี้เหมียวจะตัดใจจากพี่จริง ๆ จะกลับไปเป็นน้องชายของพี่เหมือนเดิม พี่สบายใจได้แล้วนะ”

คนฟังจ้องแมวเหมียวที่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมใบหน้าแย้มยิ้ม ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อวาน การินพูดไม่ออก เสียงของเขามันจุกอยู่ที่ลำคอ ทั้ง ๆ ที่ควรจะโล่งอกที่น้องตัดสินใจแบบนั้น แต่เขากลับปวดหน่วงในใจ

“...พ”

“เรื่องที่เกิดขึ้น...เหมียวสัญญาว่าจะไม่บอกใครแม้แต่คนเดียว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”

การินซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง ความรู้สึกภายในตีกันยุ่งเหยิง เสียงข้างในอกมันร้องบอกว่าเขารักแมวเหมียว แต่มันก็ไม่สามารถให้น้องรับรู้ได้ เพราะถูกความผิดชอบชั่วดีมาสกัดเอาไว้ก่อน

เขาไม่สามารถรักแมวเหมียวเกินกว่าการเป็นพี่น้องไปได้ ถ้าเขาทำตามหัวใจตัวเอง คนรอบข้างจะคิดอย่างไร แล้วเขาจะถูกด่าว่ามันไม่เหมาะสมหรือเปล่า

“พี่ขอโทษ” การินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

แมวเหมียวตาโต โบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ ๆๆ พี่ไม่ผิดเลย” เขาบอกสายตาลดต่ำลงเล็กน้อย “เหมียวต่างหากที่ผิด..ทั้งคิดผิดและทำผิด”

คนอายุน้อยกว่าถอนหายใจเสียงดังเพื่อปรับอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับการิน “พี่ต้องสัญญากับเหมียวนะ”

“สัญญาอะไรเหรอ”

“รับปากเหมียวก่อนสิ”

การินชั่งใจคิดชั่วครู่ “อืม พี่สัญญา”

“สัญญานะ..ว่าพี่จะไม่โทษตัวเอง”

“...”

“สัญญาว่าพี่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

“...”

“เพราะถ้าพี่มีความสุข เหมียวก็จะมีความสุขเหมือนกัน”

การินจ้องใบหน้ายิ้มของน้อง ถ้าเขาไม่อยากให้แมวเหมียวมีความทุกข์ เขาก็จะต้องมีความสุขสินะ…

“พี่จะพยายามนะครับ”



/



พี่เก้าติดงานในวันที่วิฬาร์ต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ใจลึก ๆ แล้วเขาเองก็อยากให้พี่รอส่ง แต่ก็รู้ตัวว่าเอาแต่ใจมามากเกินไปแล้ว แมวเหมียวเลยตื่นแต่เช้าเพื่อรอส่งพี่เก้าไปทำงานเหมือนที่เคยทำ

“พี่” เขาเรียกในตอนที่อีกฝ่ายกำลังใส่รองเท้า

การินเงยหน้าขึ้น “ว่าไงครับ”

แมวเหมียวอึกอัก “คือ…”

คนพี่ยืนตัวตรง ก้มลงมองน้องยิ้ม ๆ “มีอะไรเหรอครับ”

“ก่อนกลับ..เหมียวขออะไรพี่อีกอย่างได้ไหม”

การินยิ้มบาง ฝ่ามือใหญ่วางลงลูบบนกลุ่มผมนิ่มที่ยาวขึ้นกว่าตอนเปิดเทอมมาก “ได้สิ”

“พี่กับเหมียว..เอ่อ..พวกเรายังกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหมครับ” วิฬาร์เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หัวใจเต้นถี่ ตื่นกลัวกับคำตอบที่จะได้รับ รู้ว่ามันเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัว ทั้งที่เขาทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้นลงไป ถ้าเป็นปกติก็คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว แต่เขายังอยากจะมีพี่เก้าเป็นพี่ชายต่อไปเหมือนที่ผ่านมา

การินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขามองน้องที่ช้อนตามองอย่างเว้าวอนด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มก่อนจะเข้าไปใกล้แล้วกอดแมวเหมียวไว้แน่น

“แมวเหมียวจำไว้นะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ยังคงรักน้องคนนี้เสมอ...ไม่เปลี่ยนแปลง”

“เหมียวขอกอดพี่ได้ไหม”

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”

แขนเล็กค่อย ๆ ขยับขึ้นกอดพี่แน่น “เหมียวก็รักพี่นะ สัญญาว่าต่อไปนี้จะเป็นเด็กดี ฟจะไม่ทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจอีกแล้ว”

วิฬาร์บอกพี่ด้วยความรู้สึกจริง ๆ จากใจ หลายวันมานี้เขาตั้งคำถามให้ตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปว่ามีความสุขไหม เขาตอบได้อย่างไม่ต้องคิดเลยว่า..ไม่มีความสุขสักนิดเดียว

ถึงตัวเองจะสมความปรารถนาที่เคยตั้งเอาไว้ แต่มันกลับทำร้ายคนที่รักและหวังดีกับเขามาตลอด ไม่คุ้มกันเลยสักนิดกับสิ่งที่ได้มา
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เหมียวสำนึกได้ พอแล้วกับความเอาแต่ใจของตัวเอง เขาจะต้องปรับปรุงตัวเองใหม่ ต่อจากนี้ไปก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่ไม่ต้องทำให้ใครเสียใจอีก

“พี่ต้องไปทำงานแล้วครับ”

วงแขนเล็กปล่อยเอวพี่และถอยตัวออกมา “ขับรถดี ๆ นะครับ” แมวเหมียวบอก โบกมือให้พร้อมกับยิ้มกว้าง

“แมวเหมียวก็เดินทางปลอดภัยนะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกพี่ด้วยล่ะ”

“อื้อ” วิฬาร์พยักหน้า ยืนรออยู่ตรงนั้นจนเจ้าของห้องปิดประตู

..ลาก่อนความรักครั้งแรก..

เขาหันหลังกลับไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่ขนมา พอคิดว่าจะได้กลับบ้านที่ห่างมาเป็นเดือนก็น้ำตาซึมขึ้นมา ถึงแม้จะได้คุยกับแม่เกือบทุกวัน แต่มันก็ไม่เหมือนกับการที่ได้อยู่ใกล้กัน

..อยากกลับไปกอดแม่เร็ว ๆ จังเลย..



/



เปิดเทอม ม.6 วิฬาร์ก็ยังคงได้อยู่ห้องเดียวกับสองแฝดเช่นเคย ช่วงปิดเทอมที่ผ่านไปพวกเขาไม่ได้เจอกันเลย เป็นเพราะว่าพวกมันหลังจากจบคอร์สเรียนพิเศษก็ถูกที่บ้านส่งให้ไปอยู่กับปู่ย่าที่ต่างจังหวัด

ทั้งสามคนเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียนพอดี แมวเหมียวขมวดคิ้วมองทั้งสองคนสลับไปมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นี่พวกมึงตัวสูงขึ้นเหรอ” เจ้าตัวทักขึ้น เป็นเพราะระดับสายตาของเขาที่มองพวกมันเปลี่ยนไป..ทำไมถึงต้องเงยหน้าเยอะขึ้นกว่าเก่า

“อืม น่าจะห้าเซนมั้ง” ต้นข้าวตอบยิ้มบาง

“ส่วนมึงก็ดู...มีน้ำมีเนื้อขึ้นนะ” ต้นกล้าเดินวนรอบตัวเพื่อนรักตัวน้อยอย่างพิจารณา “ช่วงปิดเทอมแม่มึงหาวิตามินมาบำรุงหรือไง”

คนถูกทักก้มมองพุงตัวเอง ช่วงนี้เขาเองก็กินเก่งขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ จะว่าไปกางเกงตัวเดิมที่เคยใส่ได้แบบหลวม ๆ ก็พอดีตัวขึ้นมาแล้ว

“ไม่มีหรอก ช่วงนี้เจริญอาหารผิดปกติว่ะ”

สองแฝดขมวดคิ้ว ปกติเพื่อนเขามันกินยังกับแมวดม ทำไมถึงกินเก่งขึ้นมาได้ล่ะ

“กินเก่งแต่ดันขยายข้างซะอย่างนั้น”

“ไอ้เหี้ย!” วิฬาร์ไล่แตะต้นกล้าที่แซวในเรื่องที่เขามักจะเป็นกังวล

ทั้งสองคนวิ่งวนรอบ ๆ ต้นข้าว แฝดพี่หัวเราะร่าที่แกล้งเพื่อนให้โมโหได้ สุดท้ายแมวเหมียวที่ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นทุนอยู่แล้ว
เหนื่อยจนหอบถึงได้หยุดวิ่ง เขาจับข้อมือแฝดน้องเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น

“ไปหาที่นั่งพักกันก่อนดีกว่า” ต้นข้าวบอกพร้อมกับพาเพื่อนตัวเล็กเดินไปด้วยกัน โดยมีแฝดพี่เดินตามหลัง



“แล้วกับพี่เก้า..เป็นไงบ้าง” ต้นข้าวถามขึ้นหลังจากหาที่นั่งได้ เขานึกได้ว่าตอนปิดเทอมเหมียวไปค้างที่คอนโดพี่เก้าอยู่เป็นเดือน
คนถูกถามยักไหล่ “ก็ไม่ยังไง กูตัดใจจากพี่เขาแล้ว”

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ต้นกล้าร้องขึ้นอย่างแปลกใจ

วิฬาร์มองแฝดพี่ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ไม่ง่ายหรอก ตอนนี้กูทำใจได้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็อาการหนักอยู่เหมือนกันแหละ”

“มึงโอเคจริงนะ” แฝดน้องถาม ถึงเพื่อนของเขามันจะไม่ใช่คนคิดมากอะไรก็ตามแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“เออ โอเคสิวะ” เหมียวตอบ “คิดดูแล้วก็ดีเหมือนกันนะ สบายใจทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องมาทนลำบากใจกันด้วย กูอยากมีความรักที่ดีมีความสุขมากกว่านะ”

สองพี่น้องเงียบไปเมื่อได้ยินแมวเหมียวพูดแบบนั้น

“เป็นอะไร” เหมียวมองสองแฝดสลับไปมา “ทำหน้าเหมือนปวดขี้”

“ปะ เปล่า ๆ” ต้นกล้ารีบตอบพร้อมกับยิ้มแห้ง “กูก็แค่คิดตามในสิ่งที่มึงพูด”

“นั่นสิเนอะ” ต้นข้าวยิ้มให้เพื่อนรักตัวน้อย “ใคร ๆ ก็อยากมีความรักที่มีแล้วสบายใจด้วยกันทั้งนั้น”

“เนอะ ๆๆ” วิฬาร์ยกนิ้วให้เพื่อน เจ้าตัวมีท่าทีร่าเริงขึ้นเมื่อได้พูดความในใจออกไปบ้าง



/



“ผมจะส่งคุณไปประจำสาขาใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งนะ”

ประธานบริษัทเรียกพบการินด่วนโดยที่ไม่มีการนัดล่วงหน้าในตอนเช้า พอได้ยินดังนั้น..เจ้าตัวก็นิ่งงันไป

“ขอโทษที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ผมต้องการให้คนเก่ง ๆ อย่างคุณไปบริหารที่นั่นในช่วงเริ่มต้นก่อน”

“นานแค่ไหนเหรอครับ” เขาเอ่ยถามออกไป เพราะรู้ว่านั่นคือคำสั่งไม่ใช่การขอ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปอยู่ดี

“ผมขอสักห้าปีนะ”

การินใจหายวาบ มันนานกว่าที่คิดไว้มาก

“แล้ว..ผมต้องไปวันไหนครับ”

“ถ้าสะดวก คุณเดินทางภายในสิ้นเดือนนี้ได้เลยนะ”



ตั้งแต่ที่แมวเหมียวกลับบ้านไป..การินกลับมาใช้ชีวิตไปวัน ๆ ตื่นเช้าไปทำงาน และกลับบ้าน

วันนี้เขากลับมานั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียว ในหัวสมองคิดอะไรหลายอย่างจนเรียบเรียงออกมาเป็นเรื่อง ๆ ไม่ได้ ความเงียบรอบตัวมันทำให้เขาคิดถึงคนที่มักจะพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด

‘วันนี้พี่อยากกินอะไรเหรอ เหมียวจะอุ่นให้’

พอนึกถึงประโยคที่น้องมักจะถามก็ทำให้เจ้าตัวหัวเราะในลำคอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นซึมในทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าน้องไม่อยู่ตรงนี้แล้ว เรียกว่าในตอนนี้การินอาการค่อนข้างหนักเลยทีเดียว..

หลังจากดื่มจนพอใจเขาก็ไปอาบน้ำ การินก้มดูเวลาบนโทรศัพท์ในขณะที่กำลังเช็ดผมมันบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ไม่แน่ใจว่าแมวเหมียวนอนหลับหรือยัง เขาเลยลองส่งข้อความไปถามดูก่อน

‘นอนหรือยังเอ่ย’

ไม่นานนักก็มีการกดอ่าน หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็วิดีโอคอลกลับมา การินรับทันที ใบหน้าขาวใสปรากฏแก่สายตาทำเอาเขายิ้มออกมาได้ในรอบหลายวัน

‘เหมียวกำลังจะนอนเลย’

“พี่กวนหรือเปล่าครับ”

‘ไม่ ๆๆ แค่กำลัง..ยังไม่ได้นอนสักหน่อย’

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศของคนทั้งสอง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงแค่จ้องหน้ากันราวกับตกอยู่ในภวังค์ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ เป็นคนอายุน้อยกว่าที่หลุดออกมาจากความเงียบนี้

‘จ้องอะไรนักหนาเล่า’ แมวเหมียวพูดเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมกับขมวดคิ้ว

การินหัวเราะในลำคอ “ไม่เจอตั้งหลายวัน”

‘คิดถึงเหมียวอะดิ๊’

“ใช่ครับ” เขาตอบอย่างไม่ต้องคิด อีกคนดูผงะไปเล็กน้อย คงไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากเขา “ไม่มีแมวเหมียวส่งเสียงเหมียว ๆ อยู่ในห้องแล้วเหงาหูจังเลย”

‘เหมียวไม่ใช่แมวนะ’ คนน้องว่าปากยื่น

“อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอเนี่ย”

เมื่อถูกคนอายุมากกว่าพูดหยอก แมวเหมียวก็ยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่

“โอ๋ ๆๆ ไม่งอนพี่นะครับ”

‘ไม่ได้งอนสักหน่อย’ น้องพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง ‘เหมียวแกล้งงอนพี่ไปงั้นแหละ’

การินมองเด็กตรงหน้าด้วยแววตาเอ็นดู “ที่ผ่านมาถ้าพี่ทำอะไรให้เหมียวไม่พอใจ..พี่ขอโทษนะครับ”

แมวเหมียวเงียบไป ดวงตากลมโตมองกลับมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ

‘มีเรื่องอะไรเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า’

“ไม่มีอะไรครับ” การินยังคงยิ้ม “แต่เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้พี่ต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศสักพักนะ”

‘...พี่ไม่ได้จะหนีเหมียวใช่ไหม’

การินชะงักไปเมื่อน้องถามแบบนั้น วูบหนึ่งที่สายตาแสดงความตระหนก แต่ก็ปิดบังมันได้มิด เขาส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ใช่หรอก..เจ้านายขอให้ไปน่ะ”

‘...’

“แต่เรียกว่าเป็นคำสั่งให้ไปน่าจะถูกกว่าแฮะ” คนพี่ว่าหัวเราะกลบเกลื่อนบรรยากาศมาคุระหว่างเขากับน้อง

..สายตาของแมวเหมียวมันบ่งบอกว่าน้องไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด..

ความจริงก็คือเขาก็ใช้โอกาสนี้เอาตัวเองออกห่างอย่างที่น้องพูดจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและแมวเหมียวมันทำให้เขารู้สึกผิดจนทนไม่ไหวที่จะอยู่ที่นี่ ถึงตอนแรกเขาจะใจหายที่จะต้องย้ายไปทำงานในที่ที่ห่างไกล แต่พอมาคิดดูแล้ว..มันอาจจะดีกว่าที่เขาอยู่ไกลกับน้อง มันอาจจะดีกว่าถ้าแมวเหมียวเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้

‘...ทำไมเจ้านายพี่ใจร้ายจัง’ คนที่เงียบไปสักพักเปิดปากพูด

การินยักไหล่ “เป็นพวกเผด็จการน่ะ แต่ดีที่เขาเพิ่มเงินเดือนให้ แถมสวัสดิการก็คุ้มค่า”

‘แล้วป้าเกดกับลุงคาร์ลรู้หรือยังว่าพี่ต้องไป’

“ยังเลยครับ พี่บอกแมวเหมียวคนแรกเลยนะเนี่ย”

‘ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย’ เจ้าตัวย่นจมูก ‘แล้วพี่ต้องไปนานไหม’

“อย่างต่ำก็ 5 ปีครับ”

ดวงตากลมเบิ่งโตขึ้น ‘นานมาก! เจ้านายพี่จ่ายให้คุ้มแน่นะ’

การินหัวเราะขำท้องแข็ง

‘หัวเราทำไมเนี่ย ตอบเหมียวสิว่าเขาจ่ายให้พี่คุ้มแน่นะ’

คนถูกดุหยุดหัวเราะ เขาปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง

“คุ้มสิ” การินตอบความจริง

‘ก็แล้วไป ถ้าให้น้อยนะ..เหมียวจะไปฟ้องป้าเกดว่าพี่ทำงานไม่คุ้มเงินเดือน’

การินยิ้มเอ็นดูเด็กตรงหน้า อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องไปเป็นลูกน้องใครเลยด้วยซ้ำ เพราะลำพังกิจการของครอบครัวการินก็อยู่ได้อย่างสบาย ๆ แต่เพราะสมัยวัยรุ่นเขามีความสัมพันธ์กับที่บ้านไม่ค่อยดีนัก มักจะมีเรื่องผิดใจกันอยู่ประจำ พอเรียนจบเขาก็เลยหนีปัญหาโดยการตั้งใจหางานทำที่เมืองกรุงคนเดียว แต่พอเวลาล่วงเลยไปจนอายุมากขึ้นก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเขามันงี่เง่าเกินไป

แต่เพราะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวจนเคยชิน ทำให้การินเลือกที่จะทำงานอยู่ที่นี่เหมือนเดิมจนกว่าพ่อจะเกษียรตัวเอง คนเป็นแม่ก็ได้แต่บ่นและขู่เอาไว้ว่าถ้าทำงานไม่คุ้มเงินเดือนเมื่อไหร่เขาต้องลาออกแล้วกลับไปรับช่วงที่บ้านสถานเดียว

“เดี๋ยวจบงานนี้พี่ก็ว่าจะลาออกแล้วล่ะ” ตั้งใจว่าจะใช้เงินที่เก็บมาทั้งหมดนี้เปิดบริษัทเป็นของตัวเองบ้าง

‘จริงนะ’

การินพยักหน้ายิ้ม ๆ

‘ดีเลย ป้าเกดกับลุงคาร์ลจะได้ไม่เหงา’ เจ้าตัวบอกพร้อมกับอ้าปากหาว

“ไปนอนได้แล้วตัวยุ่ง”

แมวเหมียวขยับตัวนอนตะแคง ดวงตาปรือ ‘พี่ก็นอนได้แล้ว’

“ครับ ๆๆ พี่ก็จะไปนอนแล้ว” การินตอบรับพลางยิ้มขำเมื่อถูกน้องพูดยอกย้อนย้อน

‘ฝันดีนะครับ’

“ครับ..ฝันดี”



tbc…
พี่เก้าเป็นพวกชอบหนีปัญหาค่ะ
ใครอยากด่านาง ด่าได้เลย
ฉันเองก็อยากจะด่านางเหมือนกันค่ะ
 :angry2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่เก้าจะทิ้งน้องเหรอ พี่เก้าทำไมไม่ลองพูดกับผู้ใหญ่ดูเผื่อว่าเขาจะเข้าใจจะได้ไม่ต้องตัดใจจากน้อง ดีด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายเลย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เหมียวท้องใช่ไหม

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ม่ายยยยย เศร้าจัง ห้าปีเชียวนะ ลูกโตพอดี  :hao5:

ออฟไลน์ pearlluv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รอค่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page



เหมียวสมบูรณ์




วิฬาร์ไม่ได้ไปส่งพี่เก้าเดินทางที่สนามบินพร้อมกับป้าเกดและลุงคาร์ลที่เอ่ยปากชวนให้ไปด้วยกัน เขาคิดว่าในเมื่อตั้งมั่นที่จะตัดใจแล้วก็ไม่ควรอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายมากนัก เหมียวเลยเลือกที่จะส่งข้อความไปบอกลาแทน แต่ก็ถูกตัดพ้อว่าเป็นคนใจร้ายซะอย่างนั้น

ถึงเวลานี้พี่เก้าไปต่างประเทศได้เกือบห้าเดือนแล้ว แต่เหมียวกลับรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไกลกันเลย อีกฝ่ายทักทายเขาทางข้อความอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็วิดีโอคอลคุยกัน แต่นั่นก็เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง เพราะเวลาไม่ได้ตรงกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าก็เกือบเดือนละมั้ง

วิฬาร์เองก็รู้สึกเป็นห่วงพี่เก้าไม่น้อย ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าไม่ค่อยสบาย ทั้งเวียนหัวและอาเจียนอยู่บ่อย ๆ จนต้องลางานหลายครั้ง บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป อ้างแต่ว่าการรักษาพยาบาลของที่นั่นไม่ได้สะดวกเหมือนกับที่ไทย พี่เก้าบอกว่าน่าจะเกิดจากการนอนไม่พอ ถ้าได้นอนเยอะ ๆ ก็อาจจะดีขึ้น

แมวเหมียวคิดว่าตนเองไม่ได้มีสิทธิ์จะไปบังคับให้พี่เก้าทำอะไรตามใจตัวเอง เลยทำได้แค่เป็นห่วงอยู่ตรงนี้ และบอกให้พี่เก้าดูแลตัวเองให้ดี ล่าสุดนี้ที่ได้คุยกันพี่เก้าบอกว่าดีขึ้นจนเป็นปกติแล้ว แบบนี้เขาก็ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาจะไปฟ้องลุงคาร์ลกับป้าเกดแน่

ในตอนนี้แมวเหมียวเริ่มคุ้นเคยกับการที่ไม่มีพี่เก้าไปมาหาสู่กัน อย่างวันวาน รวมทั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่เคยมีก็เบาบางลงแทบไม่เหลือ แต่ไม่ใช่ว่าความรักที่มีมันหายไปพร้อมกัน

เขายังคงรักพี่เก้า..ความรักที่มีอยู่มันไม่ได้จางหายไปไหน..ถึงแม้ว่าวันใดความรักนี้อาจเปลี่ยนรูปแบบไปไม่เหมือนเดิม หรือสักวันเขาอาจเจอคนที่เหมาะสมที่จะรัก

..แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ยังคงรัก ‘พี่ชาย’ คนนี้ตลอดไปอยู่ดีนั่นแหละ..





“ดูสิกินจนตัวบวมไปหมดแล้ว” พี่ชายคนโตที่เพิ่งกลับจากที่ทำงานยืนมองน้องที่กำลังนอนเคี้ยวขนมหยับ ๆ ดูทีวีบนโซฟา จนอดไม่ได้ที่ต้องออกปากแซว

ช่วงนี้วิฬาร์ใช้เวลาหลังจากการทำการบ้านและทบทวนบทเรียนหมดไปกับการนอนเล่นเกม ดูเน็ทฟลิกซ์และกินขนม จนรูปร่างที่เคยผอมบางดูมีเนื้อมีหนังขึ้นพอสมควร

ดวงตากลมโตมองเฮียตาขวาง มือข้างที่ว่างดึงชายเสื้อที่ร่นขึ้นทำเห็นให้เห็นท้องป่อง ๆ ลงมาปิดให้มิด

“นี่เฮียบูลลี่เหมียวเหรอ”

ธีราหัวเราะ ทรุดตัวนั่งลงเบียดกับน้อง เอื้อมมือไปดึงแก้มยุ้ยอย่างเบามือ

“บูลลี่ที่ไหนกัน พูดเรื่องจริงหรอก ดูสิ! แก้มย้วยเชียว”

“อื้อ!” แมวเหมียวสะบัดหน้าหนี

“แม่ว่าแบบนี้ก็ดีนะ น่ารักออก” เกวลินยกจานขนมให้ลูกชายคนโต “แม่อยากให้แมวเหมียวตัวนุ่มนิ่มแบบนี้มานานแล้ว”

ความจริงวิฬาร์ก็ไม่ได้อ้วนอะไรมากมายนัก แต่ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาแล้ว ตั้งแต่เด็ก ๆ เขาค่อนข้างผอมมาก ไม่ใช่เป็นเพราะกินอะไรก็ไม่อ้วน แต่เพราะกินน้อยเหมือนแมวดมต่างหาก

เกวลินที่เห็นลูกชายคนเล็กกินเก่งขึ้นก็รู้สึกดีใจ ตอนนี้แมวเหมียวของเธอแก้มกลมขึ้น รูปร่างก็มีน้ำมีนวลขึ้น จับไปก็แทบไม่เจอกระดูกซี่โครงกับกระดูกสันหลังแล้ว

“ดูเป็นเด็กสมบูรณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว” ป๊าเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือบอกพร้อมรอยยิ้มบาง มองลูกทั้งสองคนด้วยแววตาเอ็นดู โดยเฉพาะคนเล็ก

“ป๊าบูลลี่เหมียว!” ลูกคนเล็กเด้งตัวขึ้นนั่งพร้อมกับร้องโวย

“พุงเป็นชั้นเลยน้า~” ธีราเอื้อมมือไปบีบพุงน้อง

“แม่~~” พอถูกรุมเจ้าตัวก็โผหามารดาทันที ทำเอาทั้งป๊าและเฮียต่างหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

“ป๊ากับเฮียเขาก็พูดหยอกหนูไปอย่างนั้นแหละครับ” เกวลินบอกพร้อมกับลูบหัวลูบหลัง “หนูไม่ได้อ้วนขึ้นอะไรเยอะแยะขนาดนั้นหรอกลูก”

“แต่กางเกงเหมียวก็คับขึ้นจริง ๆ นะแม่” เจ้าตัวแย้ง

แม่ดันตัวลูกชายคนเล็กออก ขยับสายตามองไปรอบ ๆ “แต่แม่ชอบที่เหมียวเป็นแบบนี้นะครับ” ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงเธอก็ชอบอยู่ดีนั่นแหละ

“อันที่จริงป๊าก็ชอบนะ น่ารักดี” จักรชัยเอ่ยขึ้นด้วยความกลัวว่าลูกคนเล็กจะคิดมากขึ้นมาจริง ๆ

“แล้วเฮียล่ะ” แมวเหมียวหันไปถามตัวต้นเรื่อง

ธีราทำท่าลีลาเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดเมื่อโดนน้องเล็กถลึงตาใส่ “ชอบจ๊ะชอบ”

วิฬาร์ยิ้มกริ่มหายหงุดหงิดขึ้นมาทันที น้องน้อยขยับตัวไปนอนที่เดิม หยิบขนมที่ยังกินไม่หมดเข้าปากเคี้ยวต่อจนแก้มป่อง

อันที่จริงแมวเหมียวก็ไม่ได้สนใจกับรูปร่างของตัวเองสักนิด แต่พอถูกคนในบ้านแซวแล้วมันก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างนั้น พักหลังนี้พวกแฝดมันก็ชอบบอกว่าเขาดูแปลก ๆ บทจะอารมณ์ดีก็ดี๊ดี หงุดหงิดง่ายแต่ก็หายเร็ว อารมณ์ขึ้นลงเร็วจนน่าตกใจ นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงพวกมันคิดว่าเขาคงฮอร์โมนเปลี่ยนเพราะวันแดงเดือดแน่ ๆ

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาดังขึ้น วิฬาร์เหลือบมองเห็นว่ามันอยู่ใกล้กับพี่ชาย

“ใครไลน์มาเหรอเฮีย”

ธีราหยิบขึ้นมาดูแจ้งเตือนบนหน้าจอ “ศรุต”

“มันว่าไงอะ”

“เอาไปอ่านเองสิวะ” พี่ชายส่งให้เด็กขี้เกียจที่ไม่ยอมขยับตัวเอาแต่ขยับปาก

“อย่าพูดวะกับน้องสิ” เกวลินตีแขนลูกเบา ๆ เป็นการเตือน

คนถูกแม่เอ็ดกลอกตาให้กับความรักของแม่ที่มีต่อน้อง “ครับคุณแม่~~” เจ้าตัวลากเสียงประชด จนมารดาหัวเราะตาหยี

วิฬาร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก สักพักแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกับศรุตเลย ตั้งแต่ที่ถูกปฏิเสธไปหมอนั่นก็บอกว่าจะหายไปทำใจสักระยะ สงสัยหายดีแล้วมั้งถึงได้ทักกลับมา

‘ทำไรอยู่’

‘กินขนม นอน ดูทีวี’

‘สบายจริงนะมึง ระวังอ้วนเป็นหมู’

สงสัยจะสบายดีแล้วจริง ๆ ถึงได้กวนตีนแบบนี้ แต่เขาจะไม่ถือสาหรอกนะ ถือซะว่าชดใช้ที่ไปหักอกมัน

‘อ้วนแล้ว’

‘อ้วนได้ไง มึงกินยังกับแมวดม’

‘ไม่ดมแล้วโว้ย เขมือบเลย’

ศรุตส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะก๊ากมาให้

‘อยากเจอเลยว่ามึงจะอ้วนขนาดไหน’

‘ว่าง ๆ ก็ลงมาเที่ยวดิ’

‘ไปนอนค้างบ้านมึงได้ปะ’

เหมียวคิดก่อนจะหันไปเอ่ยถามบิดา “ป๊าครับ ถ้าเพื่อนของเหมียวมาเที่ยวจะมานอนค้างที่บ้านเราได้ไหม”

“สองแฝดเหรอ”

วิฬาร์ส่ายหัว “เพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพอะครับ”

“ไว้ใจได้เหรอ” ธีราย้อนถาม

แมวเหมียวกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารัว “ได้สิ ๆ เหมียวคอนเฟิร์ม”

“งั้นก็ตามใจหนูเลย” คนเป็นพ่อตอบ ยิ้มยินดีที่เห็นลูกชายมีเพื่อนคนอื่นนอกจากสองแฝดบ้าง ลูกคนเล็กของเขามันเพื่อนน้อยเกินไป

“มาวันไหนก็บอกนะจ๊ะ แม่จะได้เตรียมห้องให้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ให้มันนอนกับเหมียวก็ได้ ขอแค่ฟูกก็พอครับ” เหมียวเกรงใจแม่ แค่ทำงานในบ้านก็เหนื่อยมากแล้ว

‘จะมาก็มา ป๊ากับแม่อนุญาตแล้ว’





หลังจากนั้นไม่กี่วันศรุตก็เดินทางมาเที่ยวตามคำที่ได้บอกไว้ เหมียวยืนรอรับเพื่อนที่คิวรถตู้สายที่อีกฝ่ายนั่งมาใบหน้าน่ารักบึ้งตึง ด้วยอากาศที่อบอ้าวบวกกับความหิวเลยทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“หน้าบูดเหมือนอมขี้เลยนะมึง”

เสียงคุ้นเคยทักขึ้นโดยที่วิฬาร์ไม่ทันได้ตั้งตัว “อมขี้พ่อง”

ศรุตหัวเราะร่า ดวงตามองสำรวจอีกฝ่ายไปทั่ว “มึงดู..อวบขึ้นจริง ๆ ด้วย”

คนถูกทักเหล่มองพุงตัวเองนิดหน่อย “ก็บอกแล้ว”

“แต่ทำไมมึงดูลงพุงจังวะ” ศรุตขมวดคิ้ว รูปร่างของเหมียวมันแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่สมส่วน

“พุงอาเสี่ยไง” แมวเหมียวยิ้มพลางตบพุงตัวเอง “แล้วนี่มึงกินข้าวมายัง”

“จะชวนกินว่างั้น”

“เออ”

ศรุตยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปกอดไหล่เพื่อนแล้วพาเดินไปด้วยกัน “กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวละ”

วิฬาร์นัดสองแฝดเอาไว้ที่ห้างสรรพสินค้า เขาอยากกินชาบูมานานแล้ว ในที่สุดก็หาโอกาสได้สักที

“ไหนมึงว่าไม่ค่อยชอบกินบุฟเฟต์ไง” ศรุตพูดขึ้นทันทีที่มายืนอยู่หน้าร้านชาบู

“ก็ตอนนี้กูอยากกิน” เหมียวตอบเสียงห้วน

“เอ้า” ศรุตร้อง “ทำไมต้องหงุดหงิดใส่กูด้วยเนี่ย” ช่วงขายาวเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน อะไรของมัน..ผีเข้าผีออก

“คนนี้ต้นกล้า คนนี้ต้นข้าว ส่วนนี่ศรุต รู้จักกันไว้นะพวกมึง” วิฬาร์ชี้คนนั้นทีคนนี้ทีพร้อมกับบอกชื่อไปด้วย เจ้าตัวรีบลุกขึ้นไปตักอาหารอย่างหิวโหย ทิ้งเพื่อนใหม่ไว้กับเพื่อนเก่าโดยไม่สนใจไยดี

ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมาพร้อมกับยิ้มแห้งอย่างทำตัวไม่ถูก

“หวัดดี” ศรุตบอกด้วยท่าทีประดักประเดิด “พวกนาย..”

“คุยแบบปกติก็ได้” ต้นข้าวบอกยิ้ม ๆ

“พวกกูไม่ถือ” ต้นกล้าเสริม

ศรุตพยักหน้าก่อนจะชี้ไปที่ซุ้มอาหาร “ไปตักก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า กูหิวจะแย่แล้ว”

ทั้งสามคนแยกย้ายกันไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของกินที่วางจนเต็มโต๊ะ ศรุตเข้ากันได้ดีกับเพื่อนของแมวเหมียว โดยเฉพาะต้นกล้าที่มีอะไรหลายอย่างที่ชอบคล้าย ๆ กัน

“ไอ้นี่ก็เอาแต่กินไม่พูดไม่จาเลยนะ” ศรุตเหล่มองคนข้างตัว

แมวเหมียวโยกศีรษะในขณะที่กำลังเคี้ยวเต็มปากอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะหยุดเคี้ยวเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายของตัวเอง เรียวคิ้วบางขมวดแน่น

“เป็นอะไรวะ” ต้นข้าวถามเมื่อเห็นเพื่อนมีอาการแปลกไป

“ไม่รู้ว่ะ เหมือนมีอะไรดุน ๆ ในท้อง” เหมียวตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ ตรงตำแหน่งที่มีอาการ

“ไปหาหมอไหมมึง” ต้นกล้าบอกด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้อง ๆ” เจ้าตัวส่ายหน้า “ดีขึ้นแล้ว”

“ถ้ามีอาการอีกรอบต้องรีบไปหาหมอนะเว้ย” ต้นกล้าว่าคนกลัวหมอกลัวโรงพยาบาล

“อือ ๆ” วิฬาร์ตอบรับเนือย ๆ ความอยากอาหารลดลงไปในพริบตา เมื่อเพื่อนถามว่าไม่กินอีกเหรอก็ตอบกลับไปว่าอิ่มแล้ว

“แล้วพวกกูต้องมานั่งเก็บกวาดของมึงเนี่ยนะ!” ศรุตว้าก

“แดก ๆ ไปเถอะ อย่าพูดมาก” เพื่อนตัวน้อยว่าก่อนจะหยิบเอาซูชิยัดเข้าปากอีกฝ่ายให้หุบปาก

“ถ้าอาการไม่ดีขึ้นยังไงก็ต้องไปหาหมอนะรู้ไหม” ต้นข้าวย้ำคำพี่ชายอีกรอบ

แมวเหมียวพยักหน้ายิ้มบาง “จ๊ะ ๆๆ”

ต้นข้าวส่ายหน้ายิ้มหน่าย เขารู้ว่าเหมียวตอบรับไปอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ร้ายแรงจริง ๆ มันเองก็คงไม่ยอมไปโรงพยาบาลหรอก





“สวัสดีครับ ผมชื่อศรุต” ศรุตยกมือไหว้พร้อมกับแนะนำตัวเองท่ามกลางครอบครัวของเหมียวที่อยู่กันอย่างพร้อมหน้า เขาไล่สบสายตาทุกคนเริ่มจากพ่อกับแม่ที่มองเขายิ้ม ๆ พลางทักทายกลับ จนมาที่คนสุดท้าย..พี่ชายของไอ้เหมียว

..ทำไมจะต้องมองเขาหัวจรดเท้าด้วยสายตาแบบนั้นด้วยนะ..

“เฮีย!” วิฬาร์เรียกพี่ชายเสียงดัง

คนถูกเรียกหันไปมองน้องชายช้า ๆ “จะเรียกเสียงดังทำไม”

“นั่งจ้องหน้าเพื่อนเหมียวอะไรขนาดนั้น ไม่ทักทายหน่อยเหรอ” คนน้องว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ยังไงเขาก็อยากให้เพื่อนได้รับการต้อนรับที่ดีจากครอบครัวอยู่นะ

“สวัสดี”

“แค่เนี้ยะ!”

“ก็แล้วจะเอาแค่ไหนล่ะ”

คนน้องจ้องพี่ชายตาโตพร้อมอ้าปากค้าง อยากจะด่า..ถ้าไม่ติดว่าเป็นเฮียนี่ต้องโดนสักที!

“ทั้งสองคนกินอะไรมากันหรือยังครับ” เกวลินถามขึ้นมาก่อนที่ลูกชายสองคนจะตีกัน

“เมื่อกลางวันกินไปแล้วครับ” ศรุตตอบ

“แล้วเย็นนี้มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษไหมจ๊ะ”

“เอ่อ..” ศรุตเหล่มองไปที่เหมียว “ผมกินอะไรก็ได้ครับ”

“เหมียวอยากกินหมึกไข่นึ่งมะนาว!” ลูกชายคนเล็กออกความเห็นแทน

“ได้เลย” เกวลินตอบรับก่อนจะหันไปหาลูกชายคนโต “น้ำครับ ไปตลาดซื้อของให้แม่หน่อยสิ”

“แม่..นี่วันหยุดผม”

“ทำให้น้องแค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”

“ทำให้เหมียวแค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”

ธีรามองไอ้น้องตัวแสบที่เลียนแบบประโยคพูดของแม่เพื่อมากวนประสาทเขา

“แต่..”

“หรือจะให้แม่ไปเองครับ”

“ครับ ๆๆ ไปให้ก็ได้” ธีราจำยอมต้องไปอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เองก็เย็นแล้ว โชคดีที่จังหวัดที่เขาอยู่ติดทะเล ขับรถไปไม่ไกลมากก็จะมีสะพานปลาที่มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของทะเลสด ๆ กันให้เต็ม เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปเรียกน้องชายกับเพื่อนให้ไปด้วยกัน

“ทำไมเหมียวต้องไปด้วยเล่า~” เจ้าตัวร้อง

“ใครอยากกินคนนั้นก็ต้องไป” พี่ชายพยายามดึงแขนให้น้องลุกขึ้น “ดูสิ! ตัวหนักชะมัด”

เสียงทะเลาะอย่างไม่จริงจังของสองพี่น้องเรียกรอยยิ้มให้กับศรุตได้อย่างดี เขาคิดอยู่แล้วว่าเหมียวจะต้องเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น เพราะแบบนี้เหมียวถึงได้เป็นคนที่น่ารักและมองโลกในแง่ดี

..ต่างจากเขา..

“ไอ้หนู!”

ศรุตสะดุ้ง “ครับ?”

“เหม่ออะไรน่ะ ลุกเร็ว” ธีราเร่งพร้อมกับลากน้องชายที่กำลังโวยวายไปที่รถ

ขับรถจากบ้านไปถึงสะพานปลาใช้เวลานานกว่าที่คิด เพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวเลยทำให้รถติด แถมยังหาที่จอดรถยากมาก น้องคนเล็กบ่นหิวเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทาง

“สมน้ำหน้า อยากกินอะไรที่มันไม่มีในบ้านดีนัก” เฮียว่า

แมวเหมียวเบะปากเอ่ยเสียงเครือ “ก็เหมียวอยากกินนี่”

คนเป็นพี่ชะงักไปด้วยไม่คิดว่าแค่นี้จะทำให้น้องชายร้องไห้ได้ “แมวเหมียว..ร้องไห้ทำไม” เขาเอ่ยถามพลางเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชาย

“ก็เฮียว่าเหมียว” เจ้าตัวเช็ดน้ำตาป้อย ๆ รู้สึกโมโหตัวเองที่ดันร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนอีกด้วย

ศรุตปิดปากเงียบเมื่อบรรยากาศในรถไม่ค่อยดี เขาเองก็แอบตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าเหมียวอารมณ์แปรปรวนมากขนาดนี้ วันนี้เขายังอยู่กับอีกฝ่ายไม่เต็มวันยังเปลี่ยนไปมาเร็วจนเขายังผิดสังเกต จำได้ว่าตอนเรียนด้วยกันที่กรุงเทพ เหมียวมันก็ไม่ใช่คนที่อารมณ์ขึ้นลงไวแบบนี้

“แค่หยอกเล่นเอง” ธีราบอกเสียงอ่อน นึกสงสัยว่าทำไมน้องชายของเขาถึงอ่อนไหวผิดปกติ ฝ่ามือใหญ่ลูกผมนิ่มอย่างเบามือ “เฮียขอโทษนะ”

วิฬาร์สูดน้ำมูก “เฮียต้องไถ่โทษ”

“อยากได้อะไรอีกล่ะเรา” พี่ชายถามยิ้มมุมปาก เพื่อน้องชายคนนี้แล้ว..เขาให้ได้ทุกอย่างนั่นแหละ

“เกมใหม่”

ธีราหัวเราะในลำคอ “โอเค ๆ พรุ่งนี้เราไปซื้อกัน”

“เย้!” น้องคนเล็กชูมือดีใจ ยิ้มกว้างทั้งที่ขอบตายังแดง

ศรุตเห็นแบบนี้ก็ส่ายหน้ายิ้มขำ คนอะไรอารมณ์ขึ้นลงไวแบบนี้ เขาลอบมองพี่ชายของเหมียว..เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนี้ใจดีกว่าที่คิดอีก อาจจะเพราะช่วงวัยที่ห่างกันมากและร่างกายที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเลยทำให้เหมียวถูกประคบประหงมดูแลจากพี่ชายดีมากขนาดนี้ก็เป็นได้

ธีราพาเด็ก ๆ เดินตลาดสะพานปลาเพื่อเลือกซื้อของสดตามที่ได้รับคำสั่งจากมารดา เขาได้ปลาหมึกไข่ขนาดกำลังพอดีสองกิโล ปลาทูสดอีกหนึ่งกิโล และกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่อีกสองโล โดยมีเด็กหนุ่มเพื่อนของน้องชายรับหน้าที่อาสาถือของให้ ส่วนแมวเหมียวแยกตัวไปซื้อลูกชิ้นทอดใกล้ ๆ นี้

“อยากกินอะไรไหม” ธีราถามศรุต

“เอ่อ..ผมอะไรก็ได้ครับ”

ดวงตาคมจ้องใบหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง “ไม่มีหรอกนะไอ้อะไรก็ได้น่ะ”

“...” ศรุตอึ้งเมื่อถูกย้อน ในหัวคิดหาคำตอบเอาตัวรอด “ผม..กินอะไรก็ได้ที่พี่ชอบครับ”

เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่มันเข้าใจตอบ ธีราพยักหน้าช้า ๆ “แล้ว..ชอบแมวเหมียวเหรอ”

“ครับ?” เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าจากถามเรื่องของกินแล้วเปลี่ยนมาเรื่องนี้ได้ไง

“ต้องให้ถามซ้ำเหรอ”

“ไม่ครับ” ศรุตส่ายหน้าหวือ แล้วทำไมต้องโหดกับเขาขนาดนี้ด้วยเนี่ยยย

“คำตอบล่ะ”

“...ก่อนหน้านี้เคยชอบครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้ชอบในแบบนั้นแล้ว” ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดูหวงน้องมากแค่ไหน แต่เขาก็เลือกที่จะตอบความจริงออกไป “น้องพี่หักอกผมดังเป๊าะเลย”

คนอายุมากกว่าหลุดขำ ศรุตหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย ถึงเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหมียวแล้ว แต่พอถูกหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยแบบนี้แล้วมันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้

ธีรากระแอม “โทษที ไม่ได้หัวเราะที่เธอถูกหักอกหรอกนะ แต่หัวเราะที่คนอย่างแมวเหมียวมันหักอกคนเป็นแล้วต่างหาก ไม่นึกว่าเด็กหน้าตาดีอย่างเธอจะมาชอบคนบ๊อง ๆ แบบนี้ด้วย”

“แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของเหมียวนะครับ”

คนฟังเหลือบมองเด็กหนุ่มที่พูดจาถูกใจเขาเหลือเกิน “นั่นสิเนอะ” ธีรายิ้มให้ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาน้องชายที่กลับมาพร้อมลูกชิ้นถุงใหญ่

ศรุตนิ่งไปเมื่อได้รับรอยยิ้มแรกจากพี่ชายของเพื่อน สายตามองภาพตรงหน้า ไม่รู้ทำไม..ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ภาพของพี่ชายตัวใหญ่ที่ยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวน้องด้วยความอ่อนโยนมันช่างตราตรึงใจเขาเหลือเกิน





“กินให้เยอะ ๆ เลยนะจ๊ะ จะได้โตไว ๆ นะ” เกวลินบอกกับเพื่อนลูกชายที่มองกับข้าวบนโต๊ะตาโต

“โห ถ้าแค่นี้ยังไม่เรียกว่าโต เหมียวก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ” ลูกคนเล็กว่าก่อนจะจิ้มกุ้งชุบแป้งทอดขึ้นมากัดคำโต

“ถ้าตัวโตได้เท่ากับป๊าหรือเฮียก็ดีนะจ๊ะ”

“ศรุตอายุน้อย ยังมีโอกาสสูงได้อีกนะคุณ” จักรชัยเอ่ยกับภรรยา

“แต่เด็กแถวนี้…” ธีราลากเสียง สายตาเหลือบมองน้องชาย “ดูท่าจะขยายข้างมากกว่านะ”

“เฮีย!!”

นานมากแล้วที่ศรุตไม่ได้นั่งกินข้าวกับครอบครัว ความทรงจำที่มีร่วมกับพ่อและแม่มันเลือนรางจนเขาคิดถึงความรู้สึกที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ออก แต่วันนี้..เขากลับได้รับมันจากครอบครัวของเหมียว

ได้ทานอาหารพร้อมหน้า อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น นั่นคือสิ่งที่เขา..เคย..ปรารถนาอยากได้จากพ่อกับแม่มาตลอด แต่ในตอนนี้เขาคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นเท่ากับสมัยเด็กอีกต่อไปแล้ว

เพราะในสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้พบกับครอบครัวของเขาเอง คนที่จะเป็นความสุข เป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เป็นทุก ๆ อย่างของกันและกันเหมือนกับครอบครัวของแมวเหมียว

เด็กหนุ่มอมยิ้มให้กับภาพของสองพี่น้องตรงหน้า คุณแม่ของบ้านตักกับข้าวที่อยู่ใกล้กับท่านมาวางบนจานของเขาพลางบอกว่า ‘กินให้หมดนะ’

ศรุตกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เขากล้าพูดได้เลยว่าอาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุด..และเขาก็มีความสุขมาก




“เดี๋ยวกูล้างให้ มึงรอเช็ดจานไป”

หลังจากทานอาหารเสร็จ เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็รับหน้าที่ล้างจานไป ศรุตบอกกับเพื่อนตัวเล็กที่กำลังกวาดเศษอาหารลงถุง

“โอเค” วิฬาร์ยิ้ม เขาไม่ค่อยชอบล้างจานสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

“ยิ้มแป้นเลยนะมึง” ศรุตผลักหัวอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะหยิบจานขึ้นมาล้างน้ำเปล่าก่อนหนึ่งน้ำแล้วค่อยต่อด้วยน้ำยาล้างจาน

“มึงล้างจานเก่งดีนะ” เหมียวบอกอย่างคาดไม่ถึงว่ามันจะทำเรื่องแบบนี้ได้คล่องแคล่ว ศรุตมันดูเป็นลูกคุณหนูออก

เจ้าตัวหัวเราะในลำคอ “กูเก่งทุกเรื่องน่ะแหละ”

“จ้ะ ๆๆ” แมวเหมียวตอบรับด้วยความหมั่นไส้ในความมั่นใจในตัวเองของศรุต

“อ้าว! ทำไมแมวเหมียวไม่ช่วยเพื่อนล่ะลูก” เกวลินที่ยกกับข้าวที่เหลือเข้ามาเก็บในครัวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกชายยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์เฉย ๆ

“ผมเป็นคนบอกให้เหมียวเป็นคนเช็ดจานแล้วค่อยเก็บเองครับ”

ลูกคนเล็กผงกหัวหงึก “เราแบ่งหน้าที่กันแล้วนะครับ”

“จ้า ๆ งั้นหนูมาช่วยแม่เก็บกับข้าวหน่อยมา”

วิฬาร์ไม่มีท่าทีอิดออด เขาหยิบจานกับข้าวที่เหลือเทลงกล่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเก็บแช่ตู้เย็น

“โอ๊ะ!” แมวเหมียวร้องขึ้นในทันทีที่รู้สึกว่ามีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นในท้องของตัวเองอีกครั้ง

“เป็นอะไรเหรอลูก” แม่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นลูกชายร้องก่อนจะเอามือลูบท้องไปมา

“มัน..ในท้องเหมียวมัน..แปลกจังเลยครับ”

“เจ็บเหรอครับ”

แมวเหมียวส่ายหัว “เหมียวก็บอกอาการไม่ถูกเหมือนกัน มัน..เหมือนมีอะไรกระตุกหรือดุน ๆ ในท้องเลย”

เกวลินที่คิ้วขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก เธอไม่อยากคิดเอาเองว่ามันเป็นคืออาการของโรคอะไร เลยชวนลูกไปให้หมอวินิจฉัยดีกว่า แต่แมวเหมียวก็เม้มปากแน่นไม่ยอมตอบว่าจะไปหรือไม่ไป

“ไปเถอะลูก ไม่ต้องกลัวนะครับ” บอกพร้อมกับลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา

วิฬาร์ที่กลัวการไปหาหมอมาก ยอมพยักหน้าแต่โดยดี ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรหนัก แล้วจะแก้ไขอะไรไม่ทันถ้าช้าเกินไป




TBC…
มาช้าอีกแน้ววว  :mew2:
ค่อยเป็นค่อยไปค่า
ใครที่ทายว่าแมวเหมียวจะป่องหรือเปล่าก็คงเดาได้แล้ว  :hao3:
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า  :mew1:
ขอบคุณค่ะ
 :L2:



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด