พิมพ์หน้านี้ - - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: กานดา. ที่ 10-06-2019 22:00:06

หัวข้อ: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 10-06-2019 22:00:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




.....




(https://uppic.cc/d/KXYr) (https://uppic.cc/v/KXYr)



นี่เป็นเรื่องราวของแมวเหมียว ที่ไม่ใช่แมว

..แต่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเหมียว..





วิฬาร์ มีชื่อเล่นว่า ‘เหมียว’ แต่คนที่สนิทกันก็มักจะเรียก ‘แมวเหมียว’ จนติดปาก

อายุ 17 ปี เรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินแห่งหนึ่ง

เขาโตมาท่ามกลางความรักและทะนุถนอมจากครอบครัว เพราะเจ้าตัวมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก มีสาเหตุมาจากการคลอดก่อนกำหนด

เหมียวนั้นคิดว่าเขาโชคดีแล้วที่ร่างกายไม่มีอะไรพิกลพิการหรือผิดปกติตรงไหนเลยสักที่

..จะมีก็แค่ตัวเล็กแกร็นกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปเท่านั้น..

ทั้งป๊า แม่ และพี่ชายต่างเลี้ยงดูเขามาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชีวิตนี้วิฬาร์ไม่เคยรู้จักคำว่าผิดหวังมาก่อน

จนกระทั่ง...มาชอบเพื่อนของพี่ชาย

แมวเหมียวแอบชอบเพื่อนของพี่ชายที่ตัวเองเห็นมาตั้งแต่จำความได้ เขาคนนั้นชื่อว่า ‘พี่เก้า’

ใช่แล้ว… ‘เขา’ที่ใช้เป็นสรรพนามสำหรับเรียกผู้ชาย

แถมอีกฝ่ายยังอายุมากกว่ากันถึง 18 ปี

เจ้าตัวเคยได้ยินได้ฟังมาเหมือนกันว่า..รักครั้งแรกมักไม่สมหวัง..แต่เหมียวก็อยากจะพยายามให้ถึงที่สุดดูสักครั้ง
ถึงแม้ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่าอย่างน้อยก็น่าจะพยายามเพื่อรักครั้งแรกสักหน่อยก็ยังดี









...

ยังคิดชื่อเรื่องไม่ออกเลยใช้ชื่อแท็กไปก่อนนะคะ 555

เราอยากลองเขียนแนวนี้มาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ ได้เวลาลงมือทำเสียที ^^

เรื่องนี้เป็นนิยายที่ผู้ชายตั้งท้องได้ ถ้าไม่ชอบก็ขอความกรุณาปล่อยผ่านไปนะคะ

อาจจะไม่ได้มาต่อบ่อยนัก แต่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ

ติดแท็กในทวิตเตอร์ได้ที่ #ความรักของแมวเหมียว

...



Twitter : @gandabossom
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 1.คนที่แมวเหมียวแอบชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 10-06-2019 22:46:45


คนที่แมวเหมียวแอบชอบ





นี่เป็นเรื่องราวของแมวเหมียว ที่ไม่ใช่แมว
..แต่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเหมียว..


วิฬาร์ มีชื่อเล่นว่า ‘เหมียว’ แต่คนที่สนิทกันก็มักจะเรียก ‘แมวเหมียว’ จนติดปาก อายุ 17 ปี เรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินแห่งหนึ่ง

เขาโตมาท่ามกลางความรักและทะนุถนอมจากครอบครัว เพราะเจ้าตัวมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก มีสาเหตุมาจากการคลอดก่อนกำหนด

เหมียวนั้นคิดว่าเขาโชคดีแล้วที่ร่างกายไม่มีอะไรพิกลพิการหรือผิดปกติตรงไหนเลยสักที่

..จะมีก็แค่ตัวเล็กแกร็นกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปเท่านั้น..

ทั้งป๊า แม่ และพี่ชายต่างเลี้ยงดูเขามาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชีวิตนี้วิฬาร์ไม่เคยรู้จักคำว่าผิดหวังมาก่อน

จนกระทั่ง...มาชอบเพื่อนของพี่ชาย

แมวเหมียวแอบชอบเพื่อนของพี่ชายที่ตัวเองเห็นมาตั้งแต่จำความได้ เขาคนนั้นชื่อว่า ‘พี่เก้า’

ใช่แล้ว… ‘เขา’ที่ใช้เป็นสรรพนามสำหรับเรียกผู้ชาย

แถมอีกฝ่ายยังอายุมากกว่ากันถึง 18 ปี

เจ้าตัวเคยได้ยินได้ฟังมาเหมือนกันว่า..รักครั้งแรกมักไม่สมหวัง..แต่เหมียวก็อยากจะพยายามให้ถึงที่สุดดูสักครั้ง ถึงแม้ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่าอย่างน้อยก็น่าจะพยายามเพื่อรักครั้งแรกสักหน่อยก็ยังดี

/

เวลาหัวค่ำ เหมียวที่เพิ่งทำการบ้านเสร็จเดินออกมาจากห้องของตัวเองที่อยู่บนชั้นสอง เป้าหมายคือไปหาขนมกินในครัวตามปกติ

“แม่มีอะไรให้เหมียวกินบ้างไหมครับ”

“มีทาร์ตผลไม้รวมอยู่ในตู้เย็นจ้า” คนเป็นแม่ตอบ พร้อมกับยกจานอาหารที่เพิ่งทำเสร็จเดินไปหาเหมียวที่ยืนอยู่กลางครัว “แต่ก่อนจะกิน ช่วยเอานี่ไปให้เฮียที่หลังบ้านหน่อยนะลูก”

ลูกชายคนเล็กก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในจาน มันเป็นไก่ทอดสมุนไพร..นี่มันของแกล้มเหล้าชัด ๆ

“ใครมาเมาเหรอครับ” เหมียวถามพลางรับจานมาถือไว้

“พี่เก้าคนโปรดเรานั่นแหละ”

พอได้ยินชื่อผู้ที่มาเยือนก็ทำเอาคนฟังตื่นเต้นทันที ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งดูโตเข้าไปอีก เหมียวตอบรับพร้อมกับรีบหันหลังเดินออกไป

“ค่อย ๆ เดินก็ได้ลูก เดี๋ยวจะล้มเอานะ” แม่ร้องบอกกลั้วหัวเราะ

เกวลินส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อเห็นท่าทางดีใจของลูกชายคนเล็กเมื่อรู้ว่าใครที่เพิ่งมา ‘เก้า’คือเพื่อนสนิทของลูกชายคนโตของเธอตั้งแต่สมัยเรียนประถม และก็มักจะมาเที่ยวที่บ้านอยู่บ่อย ๆ นั่นทำให้อีกฝ่ายได้เจอกับแมวเหมียวตั้งแต่สมัยตัวยังแดง ๆ อยู่เลย

เก้ามักจะตามใจเหมียวโดยการซื้อทั้งขนมทั้งของเล่นมาให้ และเล่นกับเหมียวทุกครั้งที่มาหา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมลูกชายคนเล็กของเธอติดอีกฝ่ายแจเสียยิ่งกว่าพี่ชายแท้ ๆ ซะอีก

สองปีที่ผ่านมานี้อีกคนย้ายไปทำงานที่กรุงเทพจะกลับมาบ้านก็อาทิตย์ละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง แรก ๆ แมวเหมียวก็ดูเหงาหงอยอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเจ้าน้ำซื้อโทรศัพท์ให้เป็นของขวัญที่สอบเข้า ม.4ได้ ลูกชายคนเล็กของเธอก็มีช่องทางติดต่อกับพี่ชายคนโปรดได้สะดวกขึ้น หลังจากนั้นก็แทบจะไม่เคยบ่นคิดถึงพี่เก้าอีกเลย

เธอเองก็เอ็นดูเก้าเหมือนกับลูกชายอีกคน และอีกหนึ่งปีแมวเหมียวก็คงจะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพแล้ว ถ้าจะฝากให้ใครดูแลลูกชายคนเล็กแทนคนในครอบครัว..เก้าก็เป็นคนแรกที่เกวลินจะไว้ใจฝากฝังให้คอยดูแลแก้วตาดวงใจคนนี้ของเธออย่างแน่นอน

/

วิฬาร์ประคองจานไว้ทั้งสองมือพร้อมกับค่อย ๆ เดิน เพราะกลัวจะพลาดทำตกไปตามที่แม่เอ่ยเตือนตามหลังมา ในตอนที่เปิดประตูกำลังจะออกไปที่สวนหลังบ้านเขาก็ได้ยินเสียงของเฮียเอ่ยขึ้นมา..เป็นประโยคที่ทำให้เขายืนค้างอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจเต้นรัว

“มึงห้ามมายุ่มย่ามกับน้องกูนะ”

คนถูกเอ่ยเตือนชะงักเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะในลำคอกลบเกลื่อนเหมือนกับว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องขำขัน

“พูดอะไรบ้า ๆ น้องมึงมันก็เหมือนน้องกูนะ..เลี้ยงกันมาตั้งแต่ตีนเล็กกว่าฝาหอยอีก”

เก้าตอบ เมื่อนึกถึงตอนที่ได้เจอกับแมวเหมียวครั้งแรกก็ทำเอาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว น้องตัวเล็กนิดเดียวจนเขาแทบไม่กล้าแตะ แต่ในที่สุดก็ต้องช่วยกันกับไอ้น้ำเช็ดฉี่เช็ดอึเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้อง ถึงแม้มันจะทุลักทุเลไปบ้างก็ตาม แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกดี

“ไม่รู้ล่ะ กูเตือนมึงไว้ก่อน” สายตาคมปลาบมองจ้องเพื่อนรัก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจกัน แต่เขาต้องชิงพูดกันไว้ก่อน ถึงเพื่อนเขามันจะไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน แต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ทั้งใจอ่อนและใจดีกับแมวเหมียว..มากเกินไป

“มึงคิดอะไรอยู่ถึงต้องมาเตือนกู” เขาย้อนถามก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่

“นี่มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอ” ธีราถามขมวดคิ้วมุ่น ปกติแล้วอีกฝ่ายมันก็ไม่ใช่คนที่ความรู้สึกช้า ถ้าตนยังรู้สึก..มีหรือที่มันจะไม่รู้ หรือว่ามันรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ

"เรื่องอะไร"

"เรื่องที่…" ธีราลดเสียงลง "ที่น้องกูมันชอบมึงน่ะ"

ใบหน้าของการินแปรเปลี่ยนเป็นหนักใจ เจ้าตัวถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด อายุตั้งขนาดนี้แล้ว..ผ่านคนมาตั้งเท่าไหร่ เขามองออกอยู่แล้วว่าแมวเหมียวน่ะ..คิดอย่างไร

"ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะ"

"นั่นแหละกูถึงได้เตือนมึงว่าอย่ายุ่งกับน้องกูไง"

เก้าจ้องหน้าอีกฝ่าย "...นี่มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ กู-"

"กับแกล้มมาส่งแล้วจ้า!"

ทั้งสองคนต่างหันไปทางคนมาใหม่ทันที ใช่..เหมียวจงใจที่ขัดจังหวะ เพราะตนไม่อยากได้ยินในสิ่งที่พี่เก้ากำลังจะพูดต่อไป ถ้าให้เดาว่ามันจะส่งผลยังไงต่อเขา...แน่นอนว่ามันคงจะเจ็บน่าดู

ตอนนี้แมวเหมียวเลยพยายามเก็บอาการและความรู้สึกทั้งหมด ต้องให้เนียนที่สุด เขาไม่อยากถูกจับได้อีกแล้ว

...แต่เจ้าตัวคงลืมไปว่าถูกพี่ชายทั้งสองคนนี้เลี้ยงมากับมือ

มีหรือว่าจะดูไม่ออกว่าน้องรักมีอะไรผิดปกติ..

“ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ” เก้าเป็นฝ่ายถาม ท่าทางดูปกติจนทั้งคนพี่และคนน้องสงสัยว่าเจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือยังไง

“เรียบร้อยแล้ว” เหมียวตอบด้วยใบหน้าอมยิ้ม

“นั่งด้วยกันสิ”

แมวเหมียวของพี่ ๆ ส่ายหัว..ใบหน้าน่ารักมีรอยยิ้มแต่สายตากลับดูเศร้าสร้อย ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งดูออกง่ายมากเท่านั้น

“พอดีเหมียวหิว แม่ทำขนมไว้ให้..ขอตัวก่อนนะครับ”

พูดจบวิฬาร์ก็หันหลังเดินหนีออกไปทันที แต่จุดมุ่งหมายกลับไม่ใช่ในครัวอย่างที่ได้บอกไว้ เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเอง เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็กดล็อกประตูทันที

แมวเหมียวน้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ ขาเล็กก้าวไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าลงกับหมอน นี่แค่ได้ได้ฟังเขาคุยกันยังเป็นแบบนี้ แล้วถ้าเกิดเขาสารภาพความรู้สึกออกไปแต่กลับโดนปฏิเสธล่ะ..จะไม่หนักไปกว่านี้เหรอ

การมีความรักที่ไม่มีใครยอมรับ หรือความรักที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้ มันก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวดเปล่า ๆ

..หรือว่าควรจะยอมแพ้กันนะ..

ร่างเล็กพลิกตัวนอนหงาย ยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง สายตาเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่

“ใครจะไปยอมแพ้! ต้องสู้สิวะไอ้เหมียว!” วิฬาร์บอกกับตัวเองเสียงดังพร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอน แต่ก็สะดุดล้มจนเข่าแดง เจ้าตัวกัดฟันยืนขึ้นแล้วเดินกะเผลกออกจากห้อง เจ็บจนลืมเรื่องเศร้า กลายเป็นหงุดหงิดที่ตัวเองมีนิสัยซุ่มซ่ามไม่หายสักที

คนเจ็บค่อย ๆ เดินลงบันได เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับพี่เก้าที่ออกมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งสองคนสบตากันชั่วครู่ แมวเหมียวก็หลบสายตาแล้วขยับตัวหมายจะเดินหนี

“เข่าเป็นอะไรน่ะ” การินถามเมื่อไล่สายตาลงไปเห็นหัวเข่าของน้องเป็นแผลถลอกแดงมีเลือดซิบ

“อะ- อ๋อ เหมียวสะดุดล้มในห้อง ว่าจะไป-”

คนอายุมากกว่าจับเข้าที่ข้อมือบางจนแมวเหมียวสะดุ้ง น้องขืนตัวโดยอัตโนมัติ

ตาโตมองจ้องอีกฝ่ายว่าจะทำอะไรตัวเอง ตอนนี้อารมณ์ของเขายังไม่ปกติพอที่จะทำตัวเป็นปกติกับพี่เก้าได้ เพราะงั้นเลยอยากอยู่ห่างกันมากกว่า

“มา..เดี๋ยวพี่พาไป”

น้องส่ายหน้าหวือ “ไม่ ๆๆ เหมียวไปเองได้!”

“น่า..ขาเจ็บแบบนี้เดี๋ยวก็ไปล้มข้างหน้าอีก”

“ไม่ล้มหรอก พี่ไปกินเหล้ากับเฮียเถอะ”

“เดี๋ยวค่อยกินก็ได้ ยังมีวันหยุดอีกหลายวัน”

วิฬาร์ยังคงขืนตัวเอาไว้ไม่ไปตามที่อีกฝ่ายพยายามดึงข้อมือให้เดินตาม พี่เก้าขมวดคิ้วคงจะหงุดหงิดไม่น้อย

“เหมียวไปเองได้จริง ๆ นะ” เขาบอกเสียงอ้อน

คนอายุมากกว่าถอนหายใจเสียงดัง “ทำไมถึงดื้อนัก...” เจ้าตัวว่าแบบนั้นก่อนจะปล่อยข้อมือบอบบาง แต่กลับพุ่งตัวเข้าไปช้อนใต้เข่าขึ้นอุ้มน้องเหมือนตอนเด็ก ๆ

..การอุ้มแมวเหมียวไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด เขาตัวใหญ่เพราะมีสายเลือดเยอรมันมาจากแม่ครึ่งหนึ่ง แถมแมวเหมียวก็ตัวนิดเดียว..

วิฬาร์ร้องเสียงหลงจนคนเป็นแม่วิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยความตกใจว่าลูกคนเล็กจอมซุ่มซ่ามเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กกำลังดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเก้าก็แปลกใจ

“มีอะไรกันเหรอลูก”

ทั้งคู่หันกลับไปมองตามเสียงของแม่

“พอดีว่าแมวเหมียวล้มเข่าเป็นแผลน่ะครับ ผมจะพาไปทำแผลแต่น้องไม่ยอมเลย…”

“เหมียวบอกแล้วไงว่าจะไปเอง!”

“พี่เป็นห่วงนี่”

“โอ๊ย! พี่พูดยังกับว่าเหมียวขาขาดงั้นแหละ”

การินพ่นหัวเราะเมื่อได้ยินเหมียวแว้ดใส่แบบนั้น เกวลินเองก็ยิ้มขำ..เธอเดินเข้าไปใกล้ลูกชายคนเล็กเพื่อดูแผล

“ให้พี่เขาพาไปเถอะลูก เก้ารู้ใช่ไหมครับว่ากล่องพยาบาลอยู่ตรงไหน”

“รู้ครับ”

“ฝากน้องหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ขอไปทำกับข้าวให้ป๊าในครัวให้เสร็จก่อนนะ” เธอบอกเก้าก่อนจะหันไปหาลูกชาย “รออยู่ตรงนั้นแล้วแม่จะเอาขนมไปให้นะ”

แมวเหมียวถอนหายใจเฮือก ใบหน้าบึ้งตึง ยอมอยู่นิ่งให้อีกฝ่ายอุ้ม หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเมื่อได้ใกล้ชิดกัน นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ กลิ่นบุหรี่จาง ๆ กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นน้ำหอมที่พี่เก้าใช้เป็นประจำโชยมาแตะจมูกพานทำให้หัวใจสั่นไหว

..ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตนปรารถนาอยากให้พี่เก้ากอดมากเพียงใด..

/

เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นเขาถูกวางลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวลก่อนที่พี่เก้าจะไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในตู้มุมห้อง อีกฝ่ายเดินกลับมาทรุดนั่งลงกับพื้น

“เฮ้ยพี่! ขึ้นมานั่งบนนี่สิ” เหมียวตกใจที่เห็นแบบนั้น เขาจะชักขากลับเมื่อคนอายุมากกว่าคว้าเขาที่ข้อเท้าบาง

“อยู่เฉย ๆ หน่อยสิ” การินว่าเสียงดุ

เหมียวหยุดดิ้นก่อนจะบอกเสียงอ่อนลง “พี่ขึ้นมาทำบนนี่ก็ได้นี่นา..”

“แบบนี้มันถนัดกว่าน่ะ”

วิฬาร์มองคนอายุมากกว่าที่กำลังตระเตรียมเครื่องมือทำแผลให้เขาก่อนจะบรรจงทำแผลให้อย่างเบามือ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่

..ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่เก้าก็อ่อนโยนกับเขาเสมอ..

เหมียวมองแพขนตายาวของอีกฝ่าย พี่เก้าขนตายาวมากเมื่อเทียบกันกับเขา ไล่สายตามองไปที่จมูกโด่งสวย ก่อนจะเหลือบขึ้นมามองบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน

“อ๊ะ! พี่มีผมหงอกแล้วนี่”

คนอายุมากกว่าหัวเราะในลำคอ “แปลกหรือไง อย่าลืมสิว่าพี่อายุ 35 แล้วนะ”

“เหมียวไม่ลืมหรอกน่า”

การินฉีกปลาสเตอร์ยากันน้ำปิดลงบนแผล “เรียบร้อย” เขาลูบตามขอบของปลาสเตอร์ให้ติดแนบไปตามผิวของน้อง น้ำจะได้ไม่เข้า แต่เหมียวกลับสะดุ้งทั้ง ๆ ที่ตอนทำแผลยังไม่มีอาการสะดุ้งหรือร้องสักนิด

ใบหน้าคมสันเงยขึ้นมองน้องที่หน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าแมวเหมียวเป็นอะไร เพราะแววตาของอีกฝ่ายไม่เคยปิดบังอะไรเขาได้เลย..รอบหัวเข่าน่าจะเป็นจุดอ่อนของน้อง และเขาจะจำเอาไว้ว่าอย่าไปแตะต้องมันอีก

“พี่ไปก่อนดีกว่า”

“เดี๋ยว-!” วิฬาร์ร้อง จับต้นแขนของพี่เก้าที่กำลังคุกเข่าเตรียมจะลุกขึ้นยืน เขาสบตากับนัยน์ตาสีเขียวของคนอายุมากกว่า

เจ้าตัวกู่ร้องอยู่ในใจว่า..เหมียวชอบพี่!! ..แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

“มีอะไรเหรอ” การินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องเอาแต่จ้องหน้าตน แมวเหมียวทำท่าเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำเพียงแค่อ้าปากพะงาบอยู่อย่างนั้น เขายิ้มเอ็นดูเด็กที่เห็นมานาน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนหัวกลมที่ตัดผมรองทรงก่อนจะโยกไปมา

..เขารู้ว่าน้องคิดยังไง..และต้องการจะบอกอะไร..

“เหมียว…ช-”

“ไอ้เก้าโว้ย!”

เสียงของธีราดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเสียอีก คนเป็นน้องปิดปากฉับ ก่นด่าพี่ตัวเองอยู่ในใจที่ขัดจังหวะได้ตรงเวลาที่เหลือเกิน

..ไอ้เฮียบ้า! บ้า ๆๆๆ !! ..

“เออ” การินขานรับพลางลุกขึ้นยืนเมื่อเด็กตรงหน้าปล่อยแขนของเขา น้องทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนอิงหน้ามุ่ยอย่างทุกทีเมื่อถูกขัดใจ

“นึกว่าตกส้วมตายห่าไปแล้ว” ธีราเดินมาทันเห็นเพื่อนรักกำลังเก็บกล่องปฐมพยาบาลเข้าตู้พอดี เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “มีอะไรเหรอวะ”

การินบุ้ยปากไปที่โซฟา “แมวเหมียวล้ม กูเลยพามาทำแผล”

โซฟาตัวที่วิฬาร์นอนอยู่ตั้งหันหลังให้กับทางเข้า เลยทำให้คนเป็นพี่มองไม่เห็น เขาเดินไปใกล้ก็เห็นว่าน้องนอนตะแคงกอดหมอนอิงอยู่

“ไปทำอีท่าไหนมาถึงล้มได้"

"สะดุดหนังสือที่พื้นอะ"

ธีราโน้มตัวลงลูบหัวน้อง "วันหลังเก็บห้องให้เรียบร้อยนะ ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่นะเราน่ะ"

"ครับ"

เมื่อพี่ชายทั้งสองคนเดินออกไปกินเหล้าต่อที่หลังบ้าน วิฬาร์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

เกือบไปแล้วไหมล่ะ..ถ้าเฮียไม่เข้ามาเสียก่อน เขาอาจจะบอกความในใจไปแล้วก็ได้ สายตามองไปที่แผลตรงหัวเข่า เขายังรู้สึกร้อนวูบอยู่เลย ตอนที่อีกฝ่ายไล้นิ้วมือไปตามปลาสเตอร์ยามันทำเอามวนท้องไปหมด

วิฬาร์ไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ๆ แล้ว ถึงเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศ แต่ก็รู้แล้วว่ามันเป็นอย่างไร เหมียวโตพอที่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เจ้าตัวนอนสงบสติอารมณ์ตัวเองเงียบ ๆ พลางคิดหาโอกาสที่จะสารภาพความในใจกับอีกฝ่าย

อยากจะบอกต่อหน้าตรง ๆ มากกว่าบอกผ่านโทรศัพท์หรือตัวอักษร

เขาอยากมองตา อยากรู้ว่าพี่เก้าคิดอย่างไร และแสดงออกแบบไหน แต่ถ้าเกิดว่าคำตอบของพี่เก้านั้น..ไม่ได้ออกมาอย่างที่ต้องการ เขาก็จะไม่ยอมตัดใจง่าย ๆ หรอก จะพยายามจนกว่าตัวเองจะทนไม่ไหวหรืออีกฝ่ายจะหนีเขาไปนั่นแหละ




...

ฝากเป็นกำลังใจให้กับเรื่องนี้ด้วยนะคะ
แล้วจะรออยู่ที่แท็ก #ความรักของแมวเหมียว น้า~
 :L2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 1.คนที่แมวเหมียวแอบชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-06-2019 23:10:47
 :pig2:
 :กอด1:
รออ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 1.คนที่แมวเหมียวแอบชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-06-2019 01:31:17
น้องงงง  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 1.คนที่แมวเหมียวแอบชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 11-06-2019 21:13:13
แมววววววววววว
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 2.เหมียวชอบพี่ (28/07/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 28-07-2019 15:25:34


เหมียวชอบพี่



“กูแอบชอบเพื่อนของเฮียว่ะ”

เพื่อนฝาแฝดมองวิฬาร์ที่จู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา ด้วยสายตาไม่แน่ใจนักว่าพวกตนได้ยินถูกหรือเปล่า ทั้งคู่รู้จักบ้านของอีกคนเป็นอย่างดี มีป๊าและแม่อย่างละคน กับพี่ชายอีกหนึ่ง

..ถ้ามันชอบเพื่อนของเฮีย แสดงว่าอีกฝ่ายก็น่าจะอายุ 35 น่ะสิ..

“ทำหน้าอะไรของพวกมึงเนี่ย!” วิฬาร์ฟาดต้นแขนเพื่อนรักไปคนละทีเมื่อเห็นว่าพวกมันเหลือบตามองบนพร้อมกับอ้าปากหวอ

“กูกำลังนึกอยู่ว่าเฮียน้ำนี่..อายุ 35 ใช่ปะวะ” แฝดคนพี่ที่มีชื่อว่า ‘ต้นกล้า’ เอ่ยขึ้น

“อืม”

“แล้วมึงชอบเพื่อนเฮียคนไหนอะ” แฝดน้องที่ชื่อ ‘ต้นข้าว’ ถาม

พวกเขาสองคนพี่น้องเคยไปเที่ยวบ้านของเหมียว บางครั้งก็ได้เจอเฮียและผองเพื่อนอยู่บ้าง ถ้าพวกเขาเคยเจอก็น่าจะจำได้

“...พี่..เก้า” วิฬาร์ตอบด้วยความประหม่า เพราะไม่รู้ว่ามันทั้งสองคนจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าเขาชอบผู้ชาย

“นี่มึง...เป็นเกย์เหรอวะ”

แมวเหมียวนิ่งงันไปเมื่อต้นกล้าถามอย่างนั้น “กูไม่เคยชอบใครมาก่อน ถ้าคนแรกที่กูชอบเป็นผู้ชาย..ก็คงจะใช่ล่ะมั้ง”

“มึงจริงจังเหรอเนี่ย” ต้นข้าวไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน

วิฬาร์พยักหน้าช้า ๆ “เออ”

ต้นกล้าตบหน้าผากตัวเองเสียงดังจนน้องชายและเพื่อนที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาตอบหันมองด้วยความตกใจ

“เป็นบ้าอะไรเนี่ย!” แฝดน้องถามเสียงดัง

“ตบเรียกสติตัวเอง” กล้าตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาคิดมาตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้วว่าคนอย่างไอ้เหมียวน่ะไม่เหมาะที่จะเป็นผัวใครได้เลยสักนิด แล้วในที่สุดความคิดของเขามันก็เกิดขึ้นจริง..ให้ตายเหอะ นี่มันน่าตื่นเต้นจนเขาคุมไม่ให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เลยจริง ๆ

“มึงมันบ้า” ต้นข้าวว่าพี่ชาย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันน่ะคนบ้า แต่ก็อดที่จะว่าไม่ได้

“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไปวะ” ต้นกล้าไม่สนที่น้องชายว่า ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาแมวเหมียวที่มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่รู้ว่ะ” เหมียวตอบ เขายังไม่ได้คิดเลยว่าจะเอายังไงต่อไปดี

ต้นกล้าขมวดคิ้ว “อ้าว..”

“กูว่า...เขาต้องปฏิเสธกูแน่ ๆ เลย” วิฬาร์ว่าแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจ ถึงจะพยายามทำให้ตัวเองฮึกเหิม แต่ในบางทีมันก็อดจะห่อเหี่ยวไม่ได้อยู่ดี เขาไม่ชอบความผิดหวัง แต่เรื่องนี้ดูยังไงก็มีคำตอบเดียว..ก็คือถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน

“มึงก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิ” ข้าวบอก “ลองดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป”

“ใช่” แฝดคนพี่เสริม “ลองดูก่อน อย่าเพิ่งพูดเหมือนพวกหมาขี้แพ้แบบนั้นดิวะ”

แมวเหมียวหันขวับไปมองต้นกล้าตาขวางเมื่อถูกพูดแบบนั้นใส่ ยิ่งเจ้าตัวเป็นพวกฆ่าได้หยามไม่ได้ ความคิดที่กำลังจะยอมแพ้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที

“ไอ้สัตว์ ใครบอกว่ากูจะยอมแพ้!”

ต้นกล้าแสยะยิ้ม “แล้วเมื่อกี้แมวตัวไหนมันทำหน้าหงอยวะ”

“กูไม่ได้ทำ!”

“กูไม่ได้ว่ามึงสักหน่อย..ร้อนตัวทำไม”

แมวเหมียวหนวดกระตุกเมื่อถูกเพื่อนรักกวนประสาทจนอยากจะข่วนให้หน้าแหกจนหมดหล่อไปเลย เจ้าตัวแยกเขี้ยวใส่ ในขณะที่อีกฝ่ายพ่นหัวเราะอย่างไม่ได้มีความรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

..เพราะยังไงมันก็น่ารักมากกว่าน่ากลัวอยู่วันยังค่ำ..

“พวกมึงหยุดทะเลาะกันสักที เวลานี้พวกเราต้องร่วมมือร่วมใจกันสิวะ” ต้นข้าวว่าน้ำเสียงจริงจัง

“มึงนี่จริงจังกว่ากูอีกนะ” วิฬาร์บอกยิ้มขำ

“กูก็แค่อยากให้มึงสมหวัง” ต้นข้าวบอกพลางยิ้มแห้ง

“กูเองก็อยากสมหวัง” เหมียวยิ้มบาง “แต่เขาว่ากันว่าส่วนใหญ่รักครั้งแรกมักไม่สมหวังไม่ใช่เหรอวะ”

“อย่าคิดแบบนั้นสิ” ข้าวปลอบใจเพื่อน พวกเขายังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าเรื่องที่คนพูดต่อกันมามันจริงหรือไม่จริง นอกจากว่าจะเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเองเท่านั้น

“แล้วเฮียมึงจะยอมเหรอวะ” กล้าพูดขึ้น

วิฬาร์ถอนหายใจ “นั่นแหละปัญหา”

“ไมวะ”

“กูแอบไปได้ยินมา เฮียมันบอกพี่เก้าว่าห้ามยุ่งกับกู”

ต้นข้าวอ้าปากค้าง “อย่าบอกว่า..”

“เฮียรู้เรื่องที่มึงชอบพี่เก้างั้นสิ” ต้นกล้าไม่แปลกใจสักนิดที่เฮียจะรู้ว่าเหมียวมันชอบเพื่อนของตัวเอง..ก็เลี้ยงมันมากับมือ แถมเหมียวมันยังเป็นพวกดูออกง่าย ปิดอะไรใครไม่ค่อยมิดหรอก

“เออ” แมวเหมียวขมวดคิ้ว “รู้ได้ไงวะ กูว่ากูก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรนะ”

“เหรอออ” แฝดพี่ลากเสียงยาว ในขณะที่ต้นข้าวหัวเราะคิก

วิฬาร์มองค้อนเพื่อนรักที่ส่งเสียงกระแนะกระแหนตนอีกครั้ง “มึงไม่กวนตีนกูสักวันแล้วจะตายหรือไง”

“ไม่ตายหรอก แต่กูคงเหงา”

“เหงาพ่อง”

ต้นกล้าหัวเราะเสียงดัง ถ้าจะให้บอกตามตรงก็คือ..การกวนตีนเพื่อนเหมือนเป็นงานอดิเรกของเขาไปแล้ว

“ข้าว มึงคอยดูพี่มึงนะ สักวันกูจะฆ่ามัน”

“เอาเลยสิ” ต้นข้าวไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“อ้าว ๆๆ ทำแบบนี้กับกูได้เหรอข้าว” ต้นกล้าบีบท้ายทอยน้องชายที่เกิดห่างกันไม่กี่นาที “ระวังตัวไว้นะมึง”

คนกลางอย่างข้าวหัวเราะเอิ๊ก เขาแกะมือต้นกล้าออกมาจับเอาไว้ “คิดว่ากูกลัวมึงเหรอ”

แฝดพี่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะหันมาสนใจวิฬาร์

“แต่จะรุกคนอายุมากกว่ามันไม่ง่ายนะเว้ย”

“กูรู้”

“แล้วยิ่งเขาเป็นเพื่อนของเฮีย มันก็ยากเข้าไปอีก”

“นี่มึงจะพูดเพื่อให้กูมีแรงฮึดหรือให้ยอมแพ้ไปกันแน่” วิฬาร์ว่า “เมื่อกี้ยังบอกกูห้ามยอมแพ้อยู่หมาด ๆ ที่มึงพูดมานี่กูแทบจะอยากยอมแพ้แล้วนะไอ้เวร”

“มันอยู่ที่มึงว่าจะกล้าเสี่ยงหรือเปล่า” ต้นกล้ายิ้มมุมปาก “ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้..มึงอาจจะสมหวังหรือเสียเขาไปเลยก็ได้ แล้วมึงว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงไหม”

วิฬาร์นิ่งงัน เขารู้อยู่เต็มอกว่ามันเสี่ยงแค่ไหน ถ้าลองเสี่ยงดู...มันจะคุ้มหรือเปล่า ความคิดในหัวมันตีรวนจนเขาสับสนไปหมดแล้ว

“มึงนี่สงสัยจะดูละครเยอะนะ” ต้นข้าวนั่งเท้าคางพลางพูดกัดพี่ตัวเอง

“กู..จะลองดู”

“มึงว่าอะไรนะ” ต้นกล้าแกล้งไม่ได้ยิน

“กูจะลองดู” เขาเน้นย้ำทีละคำ และเพราะรู้ว่าอีกฝ่าแกล้งไม่ได้ยินถึงได้หงุดหงิด

“เออ! มันต้องอย่างนี้สิวะ” ฝ่ามือใหญ่ตบลงที่หลังสองสามทีจนแมวเหมียวที่ตัวเล็กนิดเดียวสะเทือน

“โว้ย!!” วิฬาร์ร้องก่อนจะตีมันคืนบ้าง

“พอได้แล้ว!” ต้นข้าวเป็นฝ่ายห้าม ไม่อย่างนั้นศึกนี้คงอีกยาว เพราะฝ่ายหนึ่งก็ชอบยั่วประสาท ในขณะที่อีกคนก็อารมณ์ขึ้นง่ายเหลือเกิน

วิฬาร์ชี้หน้าทะเล้นของต้นกล้าพลางทำปากขมุบขมิบด่าต้นกล้า ยิ่งเห็นมันลอยหน้าลอยตาก็ยิ่งหมั่นไส้

“หมดยกที่หนึ่ง” ต้นข้าวดันหน้าของทั้งคู่ออกทันทีเมื่อเสียงออดดัง “ขึ้นเรียนได้แล้วพวกมึง”

/

ถึงเวลาเลิกเรียน วิฬาร์ยืนรอให้แม่มารับอย่างเช่นทุกวัน โตป่านนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยขอกลับบ้านเอง แต่เพราะเคยเป็นลมบนรถเมล์นั่นแหละ เลยทำให้ต้องมายืนแกร่วรวมกับเด็กประถมที่กำลังรอผู้ปกครองมารับเหมือนกัน

ช่วงเวลาที่ยืนรอเฉย ๆ เขาก็ได้แต่กลัดกลุ้มเรื่องปัญหาหัวใจของตัวเองไปพลาง ๆ

*ปี๊น*

เหมียวเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ เห็น bmw x3 สีเทาเข้มคุ้นตาและเลขทะเบียนรถที่จำได้ขึ้นใจ ทำเอาเขาอดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ มือเรียวกุมสายกระเป๋าเป้แน่นก่อนจะก้าวขาออกวิ่งตรงไปที่รถ โดยลืมสิ่งที่กำลังกลุ้มอยู่ไปทันตา

“วิ่งเร็วแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก” เมื่อน้องเข้ามานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วการินก็พูดเตือนด้วยความเป็นห่วง

“แล้วล้มหรือเปล่าล่ะ” วิฬาร์ย้อนเสียงใส

คนอายุมากกว่าส่ายหน้าระอาเล็กน้อย ริมฝีปากแย้มยิ้มอย่างเอ็นดู เขาเลื่อนเกียร์ก่อนจะเหยียบคันเร่งพร้อมกับหมุนพวงมาลัยออกจากที่จอดรถรับส่งนักเรียน

วันไหนที่เขากลับมาจากกรุงเทพก็มักจะเป็นฝ่ายเข้ามารับแมวเหมียวที่โรงเรียนแทนคุณน้าแบบนี้เสมอตั้งแต่น้องเด็ก ๆ แล้ว

“วันนี้อยากกินอะไรไหม” การินถาม

วิฬาร์นึก “เหมียวอยากกินน้ำแข็งไสอะ มีร้านเปิดใหม่ด้วยนะ”

“หืม..พี่ว่าไม่ดีมั้ง เดี๋ยวก็อาหารเป็นพิษอีก”

คนถูกปรามหน้าสลดลง เขาก็รู้ว่าตัวเองกินอะไรซี้ซั้วอย่างคนอื่นไม่ได้ ตนชอบกินน้ำแข็งไสมาก แต่กินทีไรก็ท้องเสียทุกที ล่าสุดนี่อาหารเป็นพิษจนถูกลากไปโรงพยาบาลนอนให้น้ำเกลืออยู่สองวัน

“แต่..ร้านนี้เขา..น่าจะทำสะอาดก็ได้นะครับ”

การินยิ้มขำ ทุกครั้งที่แมวเหมียวเริ่มพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานและลงท้ายประโยคเพราะ ๆ แบบนี้ นั่นคือการออดอ้อนตามแบบฉบับเขาล่ะ

“กินอย่างอื่นได้ไหมครับ”

“เหมียวอยากกินน้ำแข็งไส..นะพี่ น้า~” เหมียวส่งเสียงอ้อนพร้อมกับเขย่าแขนอีกฝ่ายเบา ๆ

“ถ้าพี่พาแมวเหมียวไปกินแล้วเป็นอะไรขึ้นมา พี่ต้องถูกคุณน้าด่าแน่ ๆ เหมียวไม่สงสารพี่เหรอครับ”

น้องหยุดมือพร้อมกับทำปากยื่น ถูกขัดใจทีไรทำหน้าแบบนี้ทุกที แต่ก็ดูน่ารักในสายตาของการินเสมอ

“ไปกินเค้กร้านนั้นไหม ที่แมวเหมียวชอบน่ะ” เขาเสนอ แมวเหมียวคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบ การินยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบผมอย่างเอ็นดู “เด็กดี”

ก้อนเนื้อในอกของวิฬาร์เต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แก้มขาวแดงขึ้น เขาเขินอายทั้งที่ตัวเองก็ถูกอีกฝ่ายกระทำแบบนี้ด้วยตลอดมา
มันอาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ในสายตาของเขา..พี่เก้าคือพี่ชายที่แสนดีอีกคน แต่ในตอนนี้สายตาที่เขามองอีกฝ่ายมันได้เปลี่ยนไปแล้ว

..เขามองพี่เก้าในแบบอื่นไปแล้ว..

วิฬาร์หันหน้าหนีออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง สิ่งที่กำลังกลุ้มใจตอนที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนย้อนกลับมาให้ได้ขบคิดอีกครั้ง
เขาจะเริ่มต้นตรงไหน ทำอะไรยังไง จะบอกความในใจตอนไหน แล้วถ้าเกิดพี่เก้าปฏิเสธล่ะ..เขาจะเสียอีกฝ่ายไปเลยหรือเปล่า

“เป็นอะไรเหรอ” การินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้องเงียบไป

“หะ! อ่อ..ไม่มีอะไรหรอกครับ” เจ้าตัวสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันหน้ามาตอบ

“มีอะไรกลุ้มใจหรือไงครับ”

“...”

“แสดงว่ามีสินะ”

“...” วิฬาร์เม้มปากแน่น นี่เขาไม่เคยปิดบังอะไรใครได้เลยหรือไงกัน

“มีเรื่องอะไรก็บอกพี่ได้นะ”

คนอายุน้อยกว่าส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกน่า”

การินเหล่มอง “มีใครแกล้งแมวเหมียวของพี่หรือเปล่า”

วิฬาร์ใจเต้นแรงขึ้นอีก..แมวเหมียวของพี่งั้นเหรอ..ใช่ เขาอยากเป็นของพี่เก้า คำพูดของอีกฝ่ายปลุกเร้าความรู้สึกดำมืดของตนขึ้นมา มันทำให้เขาโผล่งออกไปอย่างลืมตัว

“เพราะพี่เก้านั่นแหละ”

“พี่เหรอ?”

จะมาปิดปากตัวเองตอนนี้มันก็ไม่ทันเสียแล้ว ในเมื่อเผลอพูดออกไป เขาก็ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น

“กะ ก็พี่เก้านั่นแหละ ที่ทำให้เหมียวเป็นแบบนี้”

“อ่า…” เพียงเท่านี้การินก็รู้แล้วว่าน้องเป็นอะไร เขาไม่ได้ซักไซ้อะไรต่ออีก และตั้งใจขับรถต่อด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่ง

วิฬาร์มองไม่ออกว่าพี่เก้าคิดหรือรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกไปเมื่อครู่ เพราะอีกฝ่ายนิ่งเสียจนเขานึกสงสัย

“แค่นั้นเหรอ”

การินเลิกคิ้ว “หืม?”

“แค่..อ่า..เท่านั้นเหรอ”

คนอายุมากกว่าเม้มปาก เขารู้และเข้าใจในสิ่งที่น้องจะสื่อดี แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแมวเหมียวถึงจะเจ็บน้อยที่สุด เพราะเขาไม่สามารถตอบสนองต่อความรู้สึกของน้องได้

การินเงียบไปไม่นานนัก ก่อนจะย้อนถาม ทำตัวราวกับไม่รู้ถึงความในใจของน้อง

“แล้วพี่ทำอะไรผิดเหรอ”

วิฬาร์อ้าปากค้างกับปฏิกิริยาของอีกคน คิดไม่ถึงว่าจะมาไม้นี้ จากบทสนทนาของเฮียกับพี่เก้าในคืนนั้น ตนมั่นใจว่าอีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาคิดอย่างไร

เหมียวนึกว่าพี่เก้าจะยอมรับตรง ๆ ว่ารู้สึกถึงความในใจของเขา แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะทำเหมือนไม่รับรู้เลยแบบนี้ และนั่นก็ทำให้เขารู้แย่

“อันที่จริงแล้วพี่ไม่ผิดหรอก” วิฬาร์บอก “ที่เหมียวเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่า...เหมียวชอบพี่”

“...”

ช่วงเวลาที่พี่เก้าเงียบนั้นมันทำให้เขาปวดมวนท้องไปหมด

“พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน วิฬาร์ก็เอ่ยถาม โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นเว้าวอนมากแค่ไหน

“พี่คิดแบบนั้นกับแมวเหมียวไม่ได้หรอกนะ”

“เหมียวรู้”

“...”

“ไม่ใช่ว่าเหมียวไม่พยายามตัดใจจากพี่นะ เหมียวพยายามแล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้” วิฬาร์บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นึกย้อนไปถึงตอนที่เพิ่งรู้ตัวว่าชอบพี่เก้า ตอนนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ควร คิดหาสารพัดวิธีที่จะทำให้เลิกชอบอีกฝ่ายให้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นทางที่จะทำให้เลิกชอบได้เลย

คนอายุมากกว่าขับรถจอดเทียบข้างทางเพื่อที่จะพูดคุยกันได้ถนัด

“เหมียว..พี่เห็นเรามาแต่เล็กแต่น้อย พี่ชอบเราแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ” การินบอกย้ำอย่างหนักแน่นอีกครั้ง

น้ำเสียงที่จริงจังของอีกฝ่ายทำเอาวิฬาร์รู้สึกวูบโหวงในอก ยามปกติพี่เก้ามักจะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงมุ้งมิ้งว่า ‘แมวเหมียว’ ตามคนที่บ้านของเขามาตลอด แต่นี่อะไรกัน ทำมาเป็นเรียกชื่อเสียงเข้ม

เขาเม้มปากแน่นแล้วแอบเถียงพี่เก้าอยู่ในใจ..ทำไมจะคิดแบบอื่นไม่ได้กันล่ะ ในเมื่อเราไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ สักหน่อย



TBC...
แมวเหมียวกลับมาแล้วจ้าาาา
ฝากเอ็นดูนุ้งด้วยน้า~~~~
 :L2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 2.เหมียวชอบพี่ (28/07/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-07-2019 19:44:52
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 2.เหมียวชอบพี่ (28/07/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-07-2019 23:35:47
ใจแข็งจัง  :hao5: :hao5:
เจ้าเหมียวจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 29-08-2019 11:38:01



"รักเหมียวสิ"





การินเห็นแมวเหมียวของเขามีสีหน้าเศร้าหมอง..หัวใจที่คิดว่าเข้มแข็งก็พลันอ่อนยวบ

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

วิฬาร์เงยหน้าขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวสวยที่ก็จ้องมองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน

“พี่เก้าไม่ชอบเหมียวที่ตรงไหนเหรอ เหมียว..จะได้ปรับปรุงตัวเองใหม่”

การินส่ายหน้าช้า ๆ ยิ้มบางด้วยความเอ็นดู “สำหรับพี่ แมวเหมียวที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว”

“ก็ถ้ามันน่ารักดีอยู่แล้วทำไมพี่ถึงไม่ชอบล่ะ”

การินชะงักไปเมื่อถูกน้องยอกย้อนอย่างนั้น “...แมวเหมียวน่ะยังเด็กเกินไป”

วิฬาร์ย่นจมูกเมื่อพี่เก้าหยิบยกข้อนี้ขึ้นมาอ้าง ตนคิดว่ามันไม่แฟร์เอาเสียเลย ทำไมล่ะ..เด็กจะมีความรักบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน

“เด็กที่ไหนกัน อายุตั้ง 17 แล้วเหอะ”

“เทียบกับพี่ที่อายุ 35 แล้วเด็กหรือเปล่าล่ะ พี่สามารถเป็นพ่อของเราได้เลยนะ” เก้าว่ายิ้มมุมปากเล็กน้อย “อีกอย่าง...เราเป็นน้องชายของไอ้น้ำ มันไม่เหมาะสม”

วิฬาร์เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเพื่อนของพี่หรือน้องเป็นคนที่เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตนไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดเหรอ..มันถึงได้เป็นสิ่งที่ไม่ควร

ในเมื่อคนมันชอบไปแล้ว..จะให้ทำยังไง

“ที่เหมียวชอบพี่..มันเป็นสิ่งที่ผิดเหรอ” วิฬาร์ถาม พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น เขาตั้งใจไว้แล้ว..ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าพี่เก้าเด็ดขาด

“ไม่ใช่แบบนั้น คือ…”

“หรือว่าที่จริงแล้ว ที่พี่ชอบเหมียวไม่ได้..เพราะเหมียวเป็นผู้ชาย”

วิฬาร์เห็นอีกฝ่ายดูอึ้งไปเมื่อถูกถามแบบนั้น เห็นแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ตนแอบคิดว่าพี่เก้าเองก็คงไม่ได้รังเกียจผู้ชายด้วยกันหรอกมั้ง

เขาคิดว่าพี่เก้าคงเครียดพอสมควร ดูได้จากที่เวลาปกติแล้วจะไม่เป็นคนอ้ำอึ้งแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่ควรจะทำให้พี่เก้ารู้สึกไม่ดี ทั้งที่ควรจะหยุดปากตัวเองแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ทำ..

เพราะเหมียวรู้ดี..ว่าพี่เก้าแคร์ความรู้สึกของตัวเองมากแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะขออะไรก็ตาม พี่เก้าไม่เคยปฏิเสธ หรือพูดตรง ๆ ก็คือ..พี่เก้าไม่เคยปฏิเสธตนได้เลย กับครั้งนี้เขาก็หวังอยู่ลึก ๆ ว่าพี่เก้าคงจะใจอ่อนให้กับตนบ้างน่ะแหละน่า

“คือ..พี่ไม่ใช่เกย์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่ชอบเหมียวนะ แต่พี่ไม่ได้ชอบในความหมายนั้น” การินพยายามตอบให้นุ่มนวลที่สุด เพราะไม่อยากให้น้องต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

คำตอบของพี่เก้าแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้วิฬาร์จะมั่นใจว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน แต่ก็คงไม่ได้มากพอขนาดที่จะเปลี่ยนใจคนตรงหน้าได้

เขารู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ค่อยออก อาการแบบนี้เหรอที่เขาเรียกกันว่า..อกหัก และทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามก็จะไม่ยอมร้องไห้ให้พี่เก้าเห็น

สุดท้าย...ก็ทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้เลยสักอย่าง

เหมียวหันหน้าหนีพี่เก้า มองออกไปนอกหน้าต่างรถพร้อมกับเช็ดน้ำตาทิ้งเงียบ ๆ ไม่อยากให้พี่เก้ารู้ว่าเขาร้องไห้ แต่ทั้งคู่ก็นั่งใกล้กันแค่นี้ เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ และทันทีที่รู้...พี่เก้าก็เอื้อมมือเข้ามาจับไหล่ของเขาไว้

“แมวเหมียวร้องไห้เหรอ?”

เสียงของพี่เก้าอ่อนโยน..จนน้ำตามันไหลลงมาอีกครั้ง เหมียวเช็ดมันทิ้งลวก ๆ ก่อนจะตอบ พยายามไม่ให้เสียงสั่น

“เปล่าครับ”

“แมวเหมียว หันมาหาพี่หน่อยสิ”

พี่เก้าบอกแบบนั้น วิฬาร์กลับไม่ยอมทำตาม เพราะขืนหันไปเห็นหน้าอีกฝ่ายตอนนี้ต่อมน้ำตาได้แตกอีกครั้งแน่

นานนับนาที...การินที่ทนไม่ไหวจับเข้าที่ข้อมือบางจนน้องสะดุ้ง

“เหมียว..พี่บอกว่าให้หันมาหาพี่” การินกดเสียงต่ำเป็นเชิงบังคับ

วิฬาร์เบะปากก่อนจะค่อย ๆ หันไปด้วยความกลัว เพราะถึงเขาจะมั่นหน้าขนาดไหนว่าอีกฝ่ายไม่กล้าที่จะทำอะไรตน แต่เขาเองก็สำนึกเสมอว่าพี่เก้าอายุมากกว่าเยอะ..มากซะด้วย

การินใช้มืออีกข้างดันคางน้องให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา

“ไหนบอกว่าไม่ได้ร้องไห้”

“ไม่ได้-”

น้ำตามันไหลลงมาอีกทั้งที่ยังพูดไม่จบ แม่งเอ๊ย..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยเนี่ย! เหมียวโมโหตัวเองมากที่วันนี้ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจคิดสักเรื่อง

“ก็เห็นอยู่ว่าร้อง” การินแซว เขายิ้มมุมปาก

ปกติวิฬาร์ชอบที่พี่เก้ามักจะยิ้มให้..แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาไม่ตอบโต้อะไร แต่กลับจ้องหน้าอีกฝ่ายเงียบด้วยความไม่พอใจเมื่อถูกล้อเลียน ทั้งสองคนจ้องตากันอย่างนั้น เหมียวมองจ้องที่นัยน์ตาสีเขียวของอีกฝ่าย แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าพี่เก้าคิดอะไรกันแน่

รู้อย่างเดียวคือ..ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามพี่เก้ามักจะใช้สายตาแบบนี้มองเขาอยู่เสมอ

การินปล่อยมือออกจากคางของแมวเหมียวก่อนจะลูบบนหัวเบา ๆ

“ร้องไห้ทำไม..หืม?”

“เหมียวร้องไห้ไม่ได้เหรอ” ย้อนถามเสียงสะอื้น ถึงตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าพี่เก้าจะมองตนยังไง แต่เขาทนเก็บน้ำตานี้ไม่ไหวอีกแล้ว

“ไม่ใช่แบบนั้น..”

“เหมียวเสียใจ..แล้วเหมียวไม่มีสิทธิ์จะร้องไห้เหรอ แค่พี่เก้าปฏิเสธ..เหมียวก็เสียใจมากพอแล้ว นี่ยังจะไม่ให้เหมียวร้องไห้อีกเหรอ”

วิฬาร์ถาม น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายต้องคาดคั้นเรื่องที่ตนร้องไห้นี่ด้วย เขาเป็นคนมีชีวิตจิตใจ เสียใจก็ต้องร้องไห้เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือไง

อีกคนดูอึ้งไปเมื่อเห็นน้องในโหมดนี้ มือที่ลูบหัวเมื่อครู่หยุดไปแล้ว นั่นยิ่งทำให้คนอายุน้อยกว่าอาการหนักเข้าไปอีก

“พี่ขอโทษนะ” เขาบอกพร้อมกับประคองใบหน้าน้องไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้าง นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาอย่างแผ่วเบา

“หยุดร้องได้ไหม”

ยิ่งการินอ่อนโยนมากเท่าใด วิฬาร์ก็ยิ่งเจ็บปวด แค่คิดว่าความอ่อนโยนของพี่เก้าไปเป็นของคนอื่นที่ไม่ใช่เขาเพียงแค่คนเดียว..น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก

การินทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด เขาแนบหน้าผากของตัวเองลงกับหน้าผากของน้อง

“หยุดร้องไห้นะครับ...พี่ขอร้อง”

เหมียวดันตัวออกจากอีกฝ่ายแต่พี่เก้ากลับไม่ปล่อย ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงแค่คืบ

“พี่ทำแบบนี้ทำไม!” เขากระชากเสียงถาม

คนอายุมากกว่าตอบไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ทันได้คิดคำตอบไว้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้

“แล้วทำไมพี่ต้องขอร้องให้เหมียวหยุดร้องไห้ด้วย”

“เพราะพี่ไม่อยากเห็นแมวเหมียวร้องไห้”

วิฬาร์จ้องหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าของผู้ชายที่เขาแอบชอบมานานอยู่ใกล้นิดเดียว เขาปล่อยให้พี่เก้าเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า

“หยุดร้องแล้ว” การินยิ้มบาง

วิฬาร์สะบัดหน้าหนีออกจากมือของพี่เก้า “คนเห็นแก่ตัว”

“พี่เป็นแบบนั้นเหรอ?”

“หรือไม่ใช่” วิฬาร์ขึ้นเสียงเมื่อพี่เก้าย้อนถามด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ “พี่หักอกเหมียว แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าไม่อยากเห็นเหมียวร้องไห้อีก”

“พี่ก็ขอโทษแล้วไง อย่าโกรธพี่เลยนะ”

คนอายุมากกว่ายังคงไม่หุบยิ้ม เห็นแบบนี้แล้วมันยิ่งทำให้แมวเหมียวโมโหเข้าไปใหญ่

“ไม่! เหมียวจะโกรธ”

“งั้น..พี่ต้องทำยังไงแมวเหมียวถึงจะหายโกรธเหรอ”

สายตาเหลือบมองเมื่อพี่เก้าถามด้วยเสียงเย้าแหย่ “รักเหมียวสิ”

“พี่ก็รักแมวเหมียวอยู่แล้วนี่นา” การินเอียงคอบอก

“ไม่ใช่รักแบบน้องชายเซ่!”

การินหัวเราะเล็กน้อยเมื่อถูกโวยวายใส่

พูดก็พูดเถอะ เหมียวไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกคนถึงเป็นเพื่อนกับเฮียได้ ก็แม่ง..กวนตีนไม่ได้แพ้กันเลยนี่สิ

“ถ้าพี่รักแมวเหมียวแบบนั้น..ไอ้น้ำได้แหกอกพี่ตายแน่ ๆ”

“ไม่ต้องห่วง” วิฬาร์ตบมือลงกับอกสองครั้ง “เหมียวจะปกป้องพี่เอง ไว้ใจได้เลย”

การินจับหัวเล็ก ๆ โยกไปมา “ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้จะไปสู้มันได้ยังไง”

วิฬาร์หยุดแล้วคิดภาพตาม นั่นสิ..ตนจะไปสู้ไอ้เฮียน้ำไหวได้ยังไง เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงชัด ๆ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แถมเฮียเวลาโมโหแม่งเหมือนหมาบ้าเลย เหมียวกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก

“ไม่รู้แหละ! ถ้าพี่ไม่รับรักเหมียวก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมาเล่น ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกเลย!” เจ้าตัวโวยกลบเกลื่อนพร้อมกับสะบัดหน้าหนี

การินเงียบไป เขาขยับตัวกลับไปนั่งพิงเบาะเหมือนเดิม

คนอายุน้อยกว่าแอบเหลือบตามองด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไอ้ที่ปากดีไปเมื่อกี้น่ะ..ในใจก็แอบกลัวว่าพี่เก้าจะเลือกอีกทางที่เขาไม่ได้อยากให้เป็นอยู่เหมือนกัน แต่ถึงสุดท้ายแล้วถ้าอีกคนยังยืนยันคำเดิม วิฬาร์ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว ตนก็คงไม่ไปร้องไห้ฟูมฟายอ้อนวอนใส่พี่เก้าหรอก

สุดท้ายแล้วถ้ามันไม่ได้จริง ๆ เหมียวก็คงต้องตัดใจ

คิดเสียว่าอย่างน้อยเราก็ได้พยายามแล้ว...

“ไม่มีทางเลือกอื่นให้พี่บ้างเลยเหรอ?” การินถามขึ้น

วิฬาร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ย

“ยังจะมีทางไหนได้อีกล่ะ”

“ทางที่ 3 คือพี่จะปล่อยให้เราได้รักพี่อย่างที่อยากรัก แต่..พี่ก็คงจะให้มากกว่านี้ไม่ได้จริง ๆ”

วิฬาร์อ้าปากค้างกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เมื่อเขาได้สติและกำลังจะต่อว่าต่อขาน อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาอีก

“พี่น่ะ...รักแมวเหมียวมากนะ และคงทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้คุยหรือเล่นกับแมวเหมียวอีก อันที่จริงแล้ว..พี่ไม่อยากให้แมวเหมียวมาเสียเวลากับคนอย่างพี่เลย พี่อยากให้แมวเหมียวได้เจอคนดี คนที่พร้อมจะรักแมวเหมียวโดยที่ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ”

รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นกับการลูบหัวอย่างอ่อนโยนจากพี่เก้าไม่สามารถลบล้างคำพูดที่หวังดีแต่แฝงไปด้วยความใจร้ายเมื่อครู่นี้ได้เลย

วิฬาร์กะพริบตาถี่อย่างไม่เข้าใจ ‘คนแบบพี่’ นี่มันเป็นยังไงกัน รู้จักกันมา 17 ปี คิดว่าตัวเองรู้จักพี่เก้าดีพอ เพราะตลอดมาอีกฝ่ายก็เป็นพี่ชายที่ดีมาก ๆ อีกคน

แต่บางทีเขาอาจจะคิดผิด…
ตลอดมาเขาอาจไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยก็เป็นได้…

“พี่...ใจร้าย” วิฬาร์เบะปากร้องไห้ออกมาราวกับเด็กตัวน้อย

การินรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองถูกบีบ นึกย้อนไปถึงอดีต..ตอนที่ได้เจอกับแมวเหมียวครั้งแรก น้องเพิ่งเกิดได้แค่สองเดือน ตัวเล็กไปหมดทุกส่วนจนเขาไม่กล้าแตะต้อง

ครั้งแรกที่ได้อุ้มเป็นตอนที่แมวเหมียวอายุ 8 เดือน น้องตัวหอมและนิ่มไปทั้งตัว การินบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำให้น้องร้องไห้เป็นอันขาด

..เขาจะดูแลและปกป้องแมวเหมียวตลอดไป..

แต่วันนี้เขาได้ผิดคำพูดของตัวเอง แมวเหมียวร้องไห้และเสียใจก็เพราะเขา แต่..จะให้ทำอย่างไร การินไม่เคยคิดว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ เขาที่ไม่มีพี่น้อง และมองแมวเหมียวเป็นเหมือนน้องชายแท้ ๆ มาตลอด

..เขาจะตกลงเรื่องแบบนั้นได้ยังไง..

ฝ่ามือใหญ่เช็ดน้ำตาให้น้อง ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่ เขาทำอะไรผิดไปที่ตรงไหนกันนะ แมวเหมียวถึงได้รู้สึกกับตนในแง่นั้น

“พี่ขอโทษ…”

วิฬาร์คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าถ้าถูกปฏิเสธมันจะต้องเจ็บ เขาเตรียมใจไว้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเจ็บหนักขนาดนี้ เขาถูกดึงเข้าไปกอดแน่น

“พี่ขอโทษจริง ๆ”

คนน้องส่ายหน้าไปมากับอกพูดสะอึกสะอื้น “พี่เก้าไม่ผิด..ไม่ต้องขอโทษ..เหมียวหรอก”

“พี่ทำให้แมวเหมียวร้องไห้ พี่ขอโทษ”

“เหมียวผิดเอง ผิดที่รัก..ในแบบที่พี่ไม่ต้องการมัน”

พอได้ยินน้องพูดแบบนั้น ในอกของคนอายุมากกว่าก็ปวดแปลบขึ้นมาทันที

“ขอเวลาเหมียวหน่อยนะ เหมียวจะพยายามตัดใจจากพี่ให้ได้”

“...”

“ขออย่างเดียว..ช่วงนี้พี่ช่วยอย่าเพิ่งมายุ่งกับเหมียวสักระยะได้ไหม”

น่าแปลกที่การินควรจะโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่มันกลับตรงกันข้าม “เหมียวหมายความว่า..” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
วิฬาร์พยักหน้า “เหมียวกลัวว่าถ้าได้เจอกับพี่แล้วจะตัดใจไม่ได้”

“นานไหม..”

คนอายุน้อยกว่าส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน วันไหนถ้าเหมียวโอเคแล้วจะบอกพี่นะ”

การินพยักหน้าน้อย ๆ “อืม แล้วพี่จะรอนะ”

เหมียวเช็ดน้ำตาบนหน้าทิ้ง พร้อมกับนั่งนิ่งเงียบไปตลอดทางกลับบ้าน การจราจรที่ติดขัดไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพนานจนทำเอาดวงตากลมค่อย ๆ ปิดลง

..เขาเหนื่อยเหลือเกิน..

การินเหลือบมองคนน้องข้างกายเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าแมวเหมียวหลับก็เอื้อมมือไปลูบหัวกลมของน้องอย่างเบามือ ในอกยังรู้สึกหน่วงไม่หาย เพราะหลังจากวันนี้ไป..ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่พวกเขาจะกลับมาสนิทใจได้เหมือนเดิม

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักแมวเหมียว แต่เขาไม่สามารถมองน้องในแง่นั้นได้จริง ๆ เด็กที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมานาน หวังให้เติบโตมาพบเจอแต่สิ่งที่ดี ไม่อยากให้เสียใจกับอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่สุดท้ายก็เป็นเขา..ที่ทำให้น้องต้องเสียใจ เขานี่มันเป็นคนที่แย่จริง ๆ



/



นานแล้ว...ที่วิฬาร์ไม่ได้ติดต่อกับพี่เก้าเลย เขาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พยายามไม่ยึดติดกับอีกฝ่ายเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด
ในช่วงแรกวิฬาร์รู้สึกเหงามาก ปกติเขาจะไลน์หาพี่เก้าวันละหลาย ๆ ครั้ง แถมวิดีโอคอลก่อนนอนอีกหนึ่ง พอไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นก็รู้สึกว่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาตลอด

เขาไปเรียนหนังสือ เที่ยวเล่นกับเพื่อน ว่างก็อ่านหนังสือ แถมเขาเพิ่งอ้อนให้เฮียซื้อ play station มาให้หมาด ๆ แลกกับการที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นให้ได้ ตอนนี้เลยมีเกมให้เล่นอีกเป็นพะเรอเกวียน เลยทำให้ความเหงาที่เคยมีเบาบางลงไปบ้าง

ช่วงเวลาที่เขาคิดถึงพี่เก้ามักจะเป็นก่อนนอนอยู่เสมอ หลายครั้งที่เขาอยากจะกดโทรศัพท์โทรไปหาอีกฝ่ายเพราะทนความคิดถึงที่มีไม่ไหว แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อเขาบอกไปแล้วว่าจะตัดใจ..ก็ต้องรักษาคำพูดของตัวเองให้ได้

วิฬาร์ไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ช่วงนี้เขาพูดคุยกับตัวเองบ่อยขึ้น ว่าเรื่องก่อนหน้าที่เขาทำลงไปมันถูกหรือเปล่า ใครจะมีความสุขกับมันบ้าง คำตอบของเขาคือ..ไม่มีใครมีความสุขเลย

รักแรกของใครบางคนอาจสมหวัง กับใครหลายคนอาจผิดหวัง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป เพราะมันก็สอนให้วิฬาร์รู้จักความรักในรูปแบบอื่นเป็นครั้งแรก

รัก..ที่ไม่ใช่แบบที่รักป๊า แม่ หรือเฮีย

หลังจากนี้เขาก็จะเก็บความรักครั้งแรกนี้ไว้ในหัวใจ และกลับไปเป็นน้องน้อยของพี่เก้าตามเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

..บางทีการเป็นเพียงแค่พี่น้องกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว..




...
#ความรักของแมวเหมียว

 :L2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 29-08-2019 12:50:27
 :katai5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-08-2019 22:50:46
สงสารน้องงง แต่ก็แบบคนไม่รักก็คือคนไม่รัก
ขอบคุณที่น้องหันมารักตัวเอง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2019 23:57:33
สงสารน้องจัง
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 30-08-2019 00:25:29
 :ling1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-08-2019 20:27:53
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 3.รักเหมียวสิ (29/08/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 31-08-2019 09:00:58
สงสารน้องจัง แมวเหมียวหนูน่ารักหาใหม่ได้อยู่แล้ววว
พี่เก้าจะใช่พระเอกมั้ยคะเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 4.พี่คิดถึงแมวเหมียว (11/10/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 11-10-2019 17:15:40



พี่คิดถึงแมวเหมียว




การินตัดสินใจออกไปเที่ยวกับเพื่อนในคืนวันศุกร์ตามคำชวนของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ออกเที่ยวมานานเกือบปีแล้ว สาเหตุก็เป็นเพราะว่าแมวเหมียวเอ่ยปากขอเอาไว้ในวันเกิดปีที่ 16 ของเจ้าตัว หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นคนที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมาโดยตลอด จะดื่มเหล้าก็เฉพาะเวลากลับบ้านแล้วแวะเข้าไปดื่มกับไอ้น้ำเท่านั้น

อันที่จริงตอนนี้ตนก็ไม่ได้มีอารมณ์ออกไปเลยแม้แต่น้อย แต่คงจะเป็นเพราะเขารู้สึกว่าทุกอย่างมันว่าง...มันว่างเปล่าไปหมด

..ชีวิตที่ไม่มีแมวเหมียวมันช่างเงียบเหงาสิ้นดี..



“ไงมึง ไม่ได้เจอกันนาน” พิรัลทักทายเมื่อเห็นเพื่อนเดินทางมาถึง

การินไหวไหล่ก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟา “ก็ไม่ยังไง” เขาหยิบบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าออกมาจุดสูบ

“พวกกูชวนเป็นร้อยครั้งมึงไม่เคยมา วันนี้ผีเข้าหรือยังไง”

“กูก็แค่เบื่อ”

“อกหักเหรอวะ” ลวิตรเอ่ยถามก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม

คนถูกถามขมวดคิ้วแน่น “ทำไมคิดอย่างนั้น”

“ก็หน้ามึงมันบอก” ลวิตรตอบใบหน้ายิ้มเยาะ นาน ๆ จะได้เห็นคนอย่างไอ้เก้าทำหน้าเหมือนหมาถูกทิ้ง ไอ้วิตรล่ะสะใจจริงโว้ย เขาหยิบแก้วเปล่าอีกใบขึ้นมาเพื่อเทเหล้าให้เพื่อนรัก “เอ้า ดื่มย้อมใจหน่อยเพื่อน!”

“ไหน ๆๆ อาการเป็นยังไงไหนบอกหมอสิ” กนต์รพีที่นั่งติดกันเอาหลังมือแตะหน้าผากของเพื่อน

“ไอ้พวกเหี้ย” การินด่าหน้าหงิก เขานั่งเงียบครุ่นคิดถึงคำพูดของไอ้วิตรที่ว่า ‘หน้ามึงมันบอก’

หน้ามันบอกงั้นเหรอ...

เขาเนี่ยนะดูเหมือนคนอกหัก...

ชายหนุ่มพรูลมหายใจออกมาก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

..ไร้สาระสิ้นดี..



การินแยกตัวออกไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับอาการมึนเล็กน้อย ก็ไอ้วิตรมันเล่นเทเหล้าให้ไม่หยุดมือ ดีที่เขาเป็นพวกคอแข็งเลยทำให้ไม่ได้เมาอะไรมากมายนัก

เพราะความเหม่อลอยของตัวเอง ทำให้เขาเดินชนเข้ากับผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งตรงประตูทางเข้าห้องน้ำ มือใหญ่คว้าเข้าที่ต้นแขนเล็กจับเอาไว้แน่นช่วยไม่ให้อีกฝ่ายหงายหลังไป

“อ๊ะ!”

“ผมขอโทษ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่-” คนถูกชนเอ่ยปากไม่ทันจบประโยค แต่เมื่อได้มองใบหน้าของคนที่ชนเต็ม ๆ ก็รีบเปลี่ยนคำตอบทันที “เอ่อ..เจ็บตรงข้อเท้านิดหน่อย” เขาตอบ ช้อนตามองการินไม่วางตา

ผู้ชายอายุ 35 มีหรือจะมองอะไรแบบนี้ไม่ออก แต่เขาจะไม่สนใจคนแบบนี้เลย ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับแมวเหมียวที่เขากำลังคิดถึงอยู่เต็มหัว

“ให้ผมพยุงไหมครับ” ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงทำให้การินเสนอตัวเพื่อช่วยเหลือคนตรงหน้า

“ถ้าไม่รบกวน..ช่วยพาผมไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม”

การินพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะโอบแขนเข้าที่รอบเอวบาง คนคนนี้หน้าคล้ายแมวเหมียวก็จริง แต่รูปร่างยังสูงกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าน้องน่าจะยังโตไม่เต็มที่..ตัวก็เลยเล็กจิ๋วแค่นั้น

เขาส่งอีกฝ่ายที่หน้าห้องน้ำแยก “ผมรอตรงนี้นะ แล้วจะพาไปส่งที่โต๊ะ”

อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะหายเข้าไปสักพัก ประตูค่อย ๆ เปิดออก เจ้าตัวชะโงกหน้ามองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ดึงข้อมือของการินให้ตามเข้ามา

ในห้องน้ำเล็กแคบ การินก้มลงมองคนแปลกหน้าที่เงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มมุมปากอย่างยั่วยวน

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ” เขาถามร่างเล็กตรงหน้าทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไร”

การินจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายไม่วางตา ตนไม่เคยลองกับผู้ชายมาก่อน แต่ใบหน้านี้..ทำให้ความรู้สึกอยากลองบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว

“ก็ลองดูสิ” การินเอ่ยเสียงเรียบ

ใบหน้าน่ารักยิ้มมุมปาก “งั้น..ขออนุญาตนะครับ”

คนแปลกหน้าทรุดตัวนั่งลงบนฝาชักโครก ฝ่ามือเรียวเค้นคลึงอยู่ตรงกลางลำตัวของการิน ก่อนจะแนบใบหน้าคลอเคลียส่วนนั้นของเขาผ่านกางเกงเนื้อหนา และเมื่อถูกกระตุ้นตรงนั้นของเขามันก็เกิดอารมณ์ขึ้นตามธรรมชาติ

การินมองสิ่งที่อีกคนทำอย่างไม่วางตา ทั้งเรียวลิ้นและริมฝีปากบางที่กำลังปรนเปรออยู่นั้น ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนเท่ากับเห็นใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับแมวเหมียวกำลังทำเรื่องแบบนี้ให้

ตอนแรกการินอยากลองใจตัวเองดูว่าเขาจะตื่นตัวกับคนคนนี้ไหม แต่ผลก็คือ...

..เขากลับมีอารมณ์มากกว่าที่คิด..



“คุณมีถุงยางหรือเปล่า?” ริมฝีปากที่แดงและฉ่ำจากกิจกรรมเมื่อครู่เอ่ยถาม

“ถามทำไม” การินขมวดคิ้ว

“ไม่น่าถาม” เจ้าตัวยิ้มขัน “ก็ใส่ของคุณน่ะสิ”

การินจ้องหน้าอีกฝ่ายเงียบ ความสับสนก่อตัวขึ้นในจิตใจ ไม่ใช่ว่าตนไม่เคยมีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้า แต่เขากลัวใจตัวเองมากกว่า เพราะแค่อีกฝ่ายออรัลด้วยใบหน้าแบบนี้ก็ทำเอาสติเตลิดจนคุมแทบไม่อยู่แล้ว

“หรือว่า..ไม่ชอบทำในห้องน้ำแบบนี้” คนแปลกหน้าถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

คนตัวสูงได้สติ เขาส่ายหน้าก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เปิดออกแล้วหยิบถุงยางออกมา

“เดี๋ยวผมใส่ให้” มือบางรับไปถือเอาไว้ ก่อนจะใช้อีกมือรูดรั้งตัวตนของเขาให้แข็งขึ้นมาอีกหลังจากที่เสร็จไปหนึ่งรอบ อีกฝ่ายแกะถุงยางออกแล้วสวมทับความแข็งขืนนั้นลงไป

เด็กหนุ่มตรงหน้ายืนขึ้น เจ้าตัวหันหลังพร้อมกับถอดกางเกงออก ขยับลงมาเผยให้เห็นก้นเล็กเนียนขาวก่อนจะโน้มตัวลงเกาะชักโครกเอาไว้พร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของตัวเอง นวดคลึงให้มันผ่อนคลายเพื่อรองรับตัวตนของการิน

การินเห็นช่องทางสีสวยปิดสนิทของอีกฝ่ายก็ลอบกลืนน้ำลาย ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มีเซ็กซ์กับผู้ชายด้วยกัน

“เบา ๆ หน่อยนะครับ” คนด้านใต้บอกเมื่อถูกส่วนนั้นจ่อเข้าที่ปากทาง “ของพี่มันใหญ่”

ถึงแม้ว่าตนจะเคยมีเซ็กซ์อยู่เป็นประจำจนช่องทางคุ้นชิน แต่ขนาดของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลย แถมดูเหมือนว่าคนที่อายุมากกว่าคนนี้จะไม่เคยมีเซ็กซ์ทางประตูหลังเสียด้วย ถ้าพรวดพราดใส่เข้ามาละก็..ตูดแหกแน่

การินชะงักไปเมื่อถูกเรียกว่า ‘พี่’ เขาสะบัดหัวไล่ความไม่เข้าท่าออกไป ก่อนจะค่อย ๆ กดส่วนหัวดันเข้าไปในช่องทางตรงหน้า แต่มันก็ทั้งแน่นและฝืดเกินกว่าที่จะใส่เข้าไปได้ง่าย

“อา…” เด็กหนุ่มครางด้วยความเจ็บ มันตึงแน่นไปหมด “พี่ไม่มีเจลติดตัวมาบ้างเลยเหรอ”

“ใครมันจะไปพกล่ะ” การินตอบกลับ เขาพยายามดันเข้าไป ไม่นานนักก็สุดทาง

“เข้ามาหมดแล้วเหรอครับ” คนด้านใต้ถามเสียงพร่า

“ใช่” การินตอบ “ขยับเลยได้ไหม?”

คนแปลกหน้าหัวเราะในลำคอ “จัดเลยพี่”

ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่เอวบางก่อนจะขยับการเข้าออกช้า ๆ ด้านในของเด็กหนุ่มทั้งคับแน่นและตอดหนึบทำเอาการินอดไม่ได้ที่จะกระแทกเข้าไปแรงเสียจนเจ้าตัวเผลอหวีดร้องออกมา

ฝ่ามือขาวตะครุบปากตัวเอง เขาเอี้ยวตัวหันไปบอกอีกฝ่ายเสียงพร่า “อ๊ะ..พี่..เบา ๆ หน่อยสิ”

การินเหลือบมอง ภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าถูกซ้อนทับเป็นเด็กที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายวัน ยามนี้..ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกกดเอาไว้..ถูกทำลายลงด้วยฝีมือน้ำเมาที่ตนได้ดื่มเข้าไป บางที...นี่อาจจะเป็นจิตใต้สำนึกที่เจ้าตัวไม่อยากจะยอมรับก็เป็นได้

เขาเลิกเสื้อตัวบางของคนตรงหน้าขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนและเอวคอด สายตามองสะโพกเล็กที่แนบชิดอยู่กับหน้าขาของเขา ฝ่ามือทั้งสองเลื่อนลงจับก้อนเนื้อทั้งสองให้อ้าออก ก่อนจะดึงตัวตนออกมายาวและกระแทกกลับเข้าไปจนสุด การินมองภาพทั้งหมดนี้ด้วยความพึงใจ

“อา…” เสียงทุ้มครางด้วยความรู้สึกดี

ยามนี้การินมัวเมากับรสเพศจนไม่มีสติ

ภาพที่เขาเห็น...เสียงครางที่เขาได้ยิน...มีแต่ภาพของเด็กที่เขาเฝ้าคิดถึง   

..แมวเหมียว..เด็กน้อยของเขา..



/



วันนี้การินกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอตกเย็นเขาก็แวะไปกินเหล้ากับเพื่อนรักอย่างเคย แต่มีสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สอดส่ายสายตามองหาแมวเหมียวบ่อยเท่านี้

“มึงมองหาใคร” ธีราถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูผิดปกติ

คนถูกทักสะดุ้งเล็กน้อย “เหมียว เอ่อ..แมวเหมียวไม่อยู่เหรอวะ”

“อยู่บนห้องโน่น” คนเป็นพี่ชายตอบในขณะที่หยิบกับแกล้มเข้าปาก “กูเพิ่งซื้อเครื่องเกมให้ ช่วงนี้เลยติดงอมแงมเลย”

“เหรอ..” การินพยักหน้ารับเบา ๆ

“พวกมึงสองคนมีอะไรวะ” ธีราเอ่ยถาม เพราะกลับมาคราวนี้ไอ้เก้ามันดูหงอยอย่างเห็นได้ชัด แถมไอ้แมวเหมียวของเขาก็ผิดปกติอีก ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่ไอ้เก้ากลับมา มันนี่แทบจะถลาบินมาหาพี่เก้าของมันเลยด้วยซ้ำ

“...”

“มึงไปทำอะไรให้แมวเหมียวมันงอนหรือไง”

การินถอนหายใจ “ประมาณนั้นมั้ง”

“อ้าว” ธีราร้อง คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากัน “เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

“ช่างมันเหอะ” การินบอกปัดก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่

ธีรามองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามต่อ เพราะก็รู้นิสัยกันอยู่ คนปากแข็งอย่างนี้ ถ้ามันไม่อยากพูดอยากบอก เอาอะไรมาง้างปากมันก็ไม่ได้หรอก

การินนั่งดื่มด้วยจิตใจไม่สงบนัก หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาแมวเหมียวไม่ติดต่อเขามาเลย..ไม่มีเลยสักครั้ง ตนเองก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายทักไปก่อน เพราะน้องได้ขอเอาไว้ว่าถ้าโอเคเมื่อไหร่จะบอกเขาเมื่อนั้น

..แต่มันเมื่อไหร่กันล่ะ..

ความอดทนของการินเหลือน้อยเต็มที ตอนที่เขาอยู่กรุงเทพ..มันก็พอจะพยายามไม่นึกถึงได้บ้าง จนวันนี้ที่ได้มาอยู่ใกล้น้อง แค่เขาเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง ก็จะได้เจอกับแมวเหมียวแล้ว มันก็เลยทำให้เขาร้อนรนจนอยู่ไม่สุข

ไหนจะเรื่องคืนนั้นที่ตนได้ลองมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก แถมอีกฝ่ายยังมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับแมวเหมียว จนทำให้เขารู้สึกผิด

เขายอมรับ...ว่าเซ็กซ์ครั้งนั้น...เขาจินตนาการถึงแมวเหมียว เขาทำเรื่องไม่ดีลงไปแบบนี้..ไม่รู้ว่าเมื่อได้เจอกันตรง ๆ จะเข้าหน้ากันติดไหมนะ

“เดี๋ยวกูขอไปหาแมวเหมียวแป๊บนะ พอดีซื้อของมาฝากน้อง” การินตัดสินใจบอกพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้

“เออ ๆ รีบเอาเครื่องเซ่นไปง้อมัน เดี๋ยวก็หาย”

แต่ก่อนที่การินจะก้าวขาเดินออกไป ธีราก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

“ใจแข็งไว้นะมึง”

การินรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร พวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานพอจะรู้ว่าต่างคนต่างคิดอะไรอยู่ในใจ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อนก่อนจะครางรับ

“อืม”

มันโบกมือไล่ เขาถึงได้เดินออกมา การินไปหยิบของฝากที่วางอยู่ในตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ของแม่ที่เขาขี่มา มันเป็นขนมที่แมวเหมียวมักจะฝากซื้อประจำเมื่อเขากลับบ้าน



ขายาวก้าวขึ้นบันได แต่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ การินเลยต้องพยายามก้าวให้มั่นคงที่สุด เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของแมวเหมียวนานสองนาน ลังเลว่าเมื่อเจอหน้ากันจะพูดอะไรกับน้องดี แต่พอยกมือขึ้นหมายจะเคาะ ประตูกลับเปิดออกมาเสียก่อน

พวกเขาสองคนยืนจ้องหน้ากันด้วยความตกใจอยู่ครู่ใหญ่ จนคนน้องเป็นฝ่ายหลบหน้าหลบตาก่อน

“พี่..ยืนขวางเหมียวอยู่นะ” วิฬาร์บอก เขาจะไปเข้าห้องน้ำ พี่เก้าตัวใหญ่ยืนบังประตูแทบจะมิดอยู่แล้ว

“จะไปไหนเหรอ” เขาถามขึ้นทันทีโดยไม่ได้คิด

“ไปฉี่”

“อ๋อ ๆ” การินขยับหลีกทางให้น้อง

วิฬาร์เดินออกไปก่อนจะบอกเมื่อเห็นพี่เก้ายืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน “พี่ไปรอเหมียวอยู่ในห้องก่อนก็ได้”

คนอายุมากกว่ายิ้มออกมา..เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เขาเดินเข้าไปในห้องของแมวเหมียว การินมองไปรอบห้องที่เขาไม่ได้เข้ามานานแล้ว

มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก จะมีเพิ่มก็แค่ทีวีกับเครื่องเกมที่เพื่อนเขาว่า แผ่นเกมหลายแผ่นกระจายอยู่เต็มพื้น เขานั่งยอง ๆ หยิบบางแผ่นขึ้นมาดูหน้าปก

“sekiro งั้นเหรอ” เขาพลิกดูด้านหลัง “แมวเหมียวชอบเล่นเกมแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”

แมวเหมียวหายไปไม่นานก็กลับมา น้องมองหน้าเขาตาแป๋ว ใบหน้าน่ารักเอียงคอน้อย ๆ ก่อนจะเผยยิ้มแล้วถามคนพี่ “พี่มาหาเหมียวเหรอ”

“อะ- อือ” การินตอบรับ ยื่นถุงขนมให้น้อง “พี่ซื้อขนมที่เราชอบมาฝาก”

“ขอบคุณครับ” วิฬาร์ยกมือไหว้ก่อนจะยื่นมือออกไปรับไว้

คนอายุมากกว่ามองแมวเหมียวไม่วางตา แล้วจู่ ๆ เรื่องราวในห้องน้ำที่คลับคืนนั้นก็ไหลย้อนกลับมา ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“จะมองอะไรนักหนาล่ะ!” วิฬาร์ถาม พอเจอสายตาแบบนี้ของพี่เก้ามันก็ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ร่างกายเล็ก ๆ หันหลังหนีกลบเกลื่อนความขัดเขินของตัวเอง

“พี่คิดถึงแมวเหมียว”

วิฬาร์ก้าวขาไม่ออก ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้จนทำให้การหายใจลำบากมากขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าพี่เก้าจะพูดแบบนี้ทำไมหลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดนั้นไปแล้ว

“พี่..อย่าพูดแบบนั้น” เขาพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะหันกลับมาพร้อมสายตาที่ยังคงมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ข้างใน “อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีกนะ”

“พี่ขอโทษ” การินเอ่ยใบหน้าสลดลง รู้สึกวูบโหวงในอก

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เวลาที่เขาบอกว่าคิดถึง แมวเหมียวจะกระโดดกอดคอแล้วอย่างลิงโลด พร้อมกับพูดว่า ‘เหมียวก็คิดถึงพี่เก้าที่ซู๊ดด’

..ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วสินะ..

การินเข้าใจว่าน้องอยู่ในช่วงรักษาแผลใจ และคงไม่อยากให้มีอะไรไปกระทบกระเทือนใจตัวเองจนแผลมันปริแตกออกมาอีก
ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนพูดเองว่าไม่สามารถคิดกับแมวเหมียวได้เกินไปกว่าพี่น้อง และในตอนนี้แมวเหมียวก็กำลังทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งที่ควรจะสบายใจ..แต่ทำไมในอกมันถึงได้ปวดร้าวนัก

อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับน้องกำลังจะเปลี่ยนไป สิ่งที่เขาได้รับและเคยชินมาตลอดตั้งแต่น้องเกิดมา..มันกำลังจะหายไป

เพียงแค่คิดว่าแมวเหมียวจะไม่อ้อน ไม่กอด ไม่พูดคุยกับเขาเหมือนเดิม เพียงเท่านี้ในอกมันก็บีบรัดจนทรมาน

แต่การินก็ต้องก้มหน้ายอมรับมันให้ได้

ไม่ใช่เพื่อใคร..แต่เพื่อความสุขของแมวเหมียวทั้งนั้น

วิฬาร์หลับตา เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมายาว ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มบางให้กับพี่เก้า

“ไม่เป็นไร ๆ พี่เก้าลงไปกินเหล้ากับเฮียต่อเถอะ”

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“หืม?” แมวเหมียวเอียงคอ

“เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” การินถามด้วยใบหน้าจริงจังต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ

แมวเหลียวหลบตาวูบ อันที่จริงเขาก็ดีขึ้นมาก ๆ จนแทบจะเป็นปกติแล้ว แต่แผลมันยังสดใหม่เกินไป ทำให้ยังมีอาการเจ็บแปลบขึ้นมาบ้าง

“..เราที่ว่า พี่หมายถึงอะไรเหรอ” เขาช้อนตาขึ้นมองแล้วย้อนถาม ไม่แน่ใจว่ามันหมายถึงตัวเขา...หรือเราทั้งคู่

คนอายุมากกว่าเม้มปาก “พี่กับแมวเหมียว..จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

วิฬาร์ชะงักไป “เหมียวเองก็ยังตอบไม่ได้ แต่ว่า..พี่ไม่ต้องคิดมากนะ”

..ถึงอะไรจะเปลี่ยนไป ยังไงเหมียวก็ยังรักพี่เก้าเหมือนเดิม..

เขาได้แต่คิดในใจ ไม่ได้บอกออกไปให้อีกคนได้รับรู้

“พี่จะรอนะ”

“อื้อ”

“เอ่อ…”

การินอึกอัก ไม่ยอมออกไปสักที วิฬาร์เห็นแบบนั้นเลยเอ่ยถาม

“อะไรเหรอ”

“จะว่าอะไรไหม..ถ้าพี่จะขอกอดแมวเหมียว”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” คนอายุน้อยกว่ายิ้มขำออกมา เขาอ้าแขนออกรอให้อีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด

การินดึงน้องเข้ามากอดไว้แนบอก ในขณะที่น้องก็ใช้แขนกอดเอวเขาไว้ด้วย นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กอดแมวเหมียว อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนศีรษะของน้อง ร่างกายที่ปกติก็เล็กและบอบบางกว่าเด็กวัยเท่า ๆ กันอยู่แล้ว ตอนนี้เข้ารู้สึกว่าแมวเหมียวผอมลงกว่าเดิมอีก

“ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย”

“นิดหน่อยครับ”

“กินเยอะ ๆ นะ”

“ก็มันไม่หิวนี่นา”

“ไม่หิวก็ต้องกินบ้าง ผอมแบบนี้โดนลมพัดก็ปลิวแล้ว ถ้าแมวเหมียวปลิวหายไป..พี่เหงาแย่เลย”

วิฬาร์หัวเราะคิก “พี่ก็พูดเกินไป”

การินดันตัวเองออกเล็กน้อย ก่อนบอกย้ำ “พี่พูดจริงนะ..พอไม่มีแมวเหมียวแล้วพี่เหงามาก ๆ เลย”

..อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ..

คนน้องหน้าแดงวาบ เจ้าตัวเข้าไปกอดพี่เก้าเสียแน่น ถูหน้าเข้ากับอกแกร่ง ก่อนจะพูดงึมงำด้วยความเขิน

“รู้แล้วน่า”

การินยิ้มบาง การกระทำของแมวเหมียวทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้รู้ว่าทั้งเขาและแมวเหมียวน่าจะมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้



/



หลังจากที่พี่เก้าออกไปจากห้อง วิฬาร์ยืนหน้าแดงอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน มือบางยกขึ้นมาถูแก้มตัวเองไปมาด้วยความขัดเขิน

“ให้ตายเหอะ” เจ้าตัวพึมพำออกมาเสียงเบา

..พี่เก้าแม่งขยันทำให้ใจเต้นแบบนี้อยู่เรื่อย แล้วจะไปไหนรอดได้ยังไงกันล่ะ..

สายตาจับจ้องที่กล่องขนมในมือ ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังคิดถึงกัน

วิฬาร์ขยับตัวเอาขนมไปวางบนโต๊ะ เขาค่อย ๆ แกะออกมาดู ในกล่องมีขนมที่เขาเคยฝากซื้อทุกอย่างไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว

“เป็นแบบนี้แล้วจะให้เหมียวทิ้งพี่ไปได้ยังไงล่ะ”

วิฬาร์ถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายกางแขนกางขาอยู่บนที่นอน นึกถึงใบหน้าของพี่เก้าเมื่อครู่แล้วก็ถอนหายใจซ้ำอีกรอบ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกไป

..สายตาของพี่เก้าที่ใช้มองเขามันเปลี่ยนไปนิดหน่อยหรือเปล่านะ..

ปกติแล้วเขาจะไม่รู้สึกขัดเขินเวลาที่ถูกอีกฝ่ายมอง หรือมันอาจจะเป็นที่เราไม่ได้พบกันมาสักพักหรือเปล่า

วิฬาร์เหม่อมองเพดาน จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่สักพักก็เด้งตัวขึ้นนั่ง

เจ้าตัวยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติอยู่สองสามที

"ไม่เอา ๆ อย่าคิด ๆ" เขาบอกกับตัวเอง "เล่นเกมต่อดีกว่า"

ร่างเพรียวบางไถลตัวลงจากที่นอนก่อนจะคลานไปเล่นเกมต่อจากที่ค้างไว้

สุดท้ายแมวเหมียวก็จมจ่อมอยู่กับเกมที่ไม่ว่าเล่นเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านสักที..จนลืมสิ่งที่กำลังคิดเอาไว้เมื่อครู่ไปหมด



tbc…

คนน้องก็ตั้งใจจะมูฟออน
ในขณะที่คนพี่ดันสับสนในตัวเอง
มันน่าตีนัก…

ฝาก #ความรักของแมวเหมียว ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 4.พี่คิดถึงแมวเหมียว (11/10/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 11-10-2019 18:32:40
สงสารน้องงงเหมียวว  :hao5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 4.พี่คิดถึงแมวเหมียว (11/10/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-10-2019 19:11:29
แงพี่เก้าทำอะไรกับใครลงไปน่ะะะ
สงสารน้องเหมียววว
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 4.พี่คิดถึงแมวเหมียว (11/10/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-10-2019 23:27:18
น้องงงงงงงงงงงงงงง
พี่ชายก็รู้ทันอีก
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 07-11-2019 19:21:45


ก้าวแรกของแมวเหมียว




“คิดเอาไว้หรือยังว่าจะเรียนพิเศษที่ไหน” ธีราถามน้องระหว่างที่ทานมื้อเย็นกันลำพังสองคนพี่น้อง เพราะคืนนี้ป๊ากับแม่ไปงานเลี้ยงกว่าจะกลับก็ดึก น้ำเลยต้องซื้อข้าวมากินกับน้องสองคน

วิฬาร์ที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากวางช้อนลงแล้วส่ายหน้าตาแป๋ว “เฮียจัดการให้เหมียวเลยก็ได้”

“เฮียว่าจะให้เหมียวไปเรียนที่ xx ในกรุงเทพช่วงปิดเทอมนะ”

ปีหน้าแมวเหมียวก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ธีราเห็นว่าน้องต้องเริ่มเตรียมตัว เขาเลือกสถาบันกวดวิชาที่ดีที่สุดให้น้อง จะได้เข้าเรียนในคณะที่ตั้งใจเอาไว้ได้ แต่ถึงจะสอบเข้าไม่ได้น้ำเองก็ไม่คิดจะว่าอะไรหรอก เขามีปัญญาส่งน้องเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

คนเป็นน้องขมวดคิ้ว ปกติไม่มีทางที่เฮียจะปล่อยเขาไปไหนไกลนี่นา อีกฝ่ายหวงแมวเหมียวยิ่งกว่าป๊ากับแม่เสียอีก ไอ้เรื่องจะให้นั่งรถตู้ไปกลับเพื่อเรียนพิเศษเนี่ยตัดออกไปได้เลย แล้วอะไรเข้าสิงจะให้เข้าไปเรียนพิเศษในกรุงเทพเนี่ย

“ช่วงที่ไปเรียนก็ไปพักอยู่กับไอ้เก้ามันก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลให้เหนื่อย”

ลมหายใจของวิฬาร์สะดุดเมื่ออีกฝ่ายบอกเช่นนั้น แต่ครู่เดียวเขาก็เปลี่ยนท่าทีกลบความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

“จะดีเหรอ พี่เก้าเขาจะได้รำคาญเหมียวเอาสิ” วิฬาร์พูดทำปากยื่น

ธีราหัวเราะในลำคอ “น้ำหน้าอย่างมันเนี่ยนะ มีแต่จะรอเลี้ยงดูปูเสื่อเราอย่างดีน่ะสิ”

น้องคนเล็กหลุบตาลงต่ำอย่างไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรไปเถียงดี ระยะนี้ความสัมพันธ์ของเขากับพี่เก้าก็ดีขึ้นจน...แทบจะเหมือนเดิมแล้ว  พวกเขาติดต่อพูดคุยกันเป็นปกติ แต่ทั้งแมวเหมียวและพี่เก้าต่างรู้ตัวดีว่ามันไม่ได้เหมือนเดิมเต็มร้อย

“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกเฮียได้นะ”

วิฬาร์ลอบถอนหายใจเสียงเบา เงยหน้าขึ้นปั้นยิ้มเหมือนไม่มีอะไรในใจ “เอาตามนั้นก็ได้ครับ” บอกก่อนจะหยิบช้อนกินข้าวต่อ

“นี่” ธีราเรียก “ถ้าไม่อยากไปก็บอก เฮียไม่บังคับแมวเหมียวหรอก”

“ฮื้อ~” น้องส่ายหน้ารัว “เหมียวจะไป”

“แน่ใจนะ อย่ามาหาว่าเฮียบังคับล่ะ”

น้องคนเล็กพยักหน้ารัว “เหมียวรู้ว่าเฮียหวังดี เหมียวไม่คิดอย่างนั้นหรอก”

ธีรายื่นมือไปขยี้ผมน้องด้วยความรักและเอ็นดู พอมาคิด ๆ ดูว่าอีกไม่นานแมวเหมียวของเขาก็ต้องเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพก็อดจะใจหายไม่ได้ ช่วงเวลาที่ได้เลี้ยงดูน้องตั้งแต่ตัวแดง ๆ จนตอนนี้ รู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งผ่านไปไม่นานเอง

ในสายตาของธีราแมวเหมียวก็ยังคงเป็นน้องตัวน้อยของเขาอยู่ดี การที่จะให้ไปไกลหูไกลตาเขาก็ไม่ค่อยสบายใจนัก แต่โชคดีที่ไอ้เก้ามันทำงานอยู่กรุงเทพ อย่างน้อยอีกฝ่ายมันก็รักแมวเหมียว ธีราก็ไว้ใจที่จะฝากน้องไว้กับเพื่อนคนนี้อย่างสบายใจ

"งั้นแมวเหมียวอยากลงวิชาไหนก็บอกนะ เดี๋ยวเฮียไปจัดการให้"

แมวเหมียวพยักหน้ายิ้มตาหยีทั้ง ๆ ที่ในปากยังมีข้าวอยู่เต็มจนแก้มป่อง

คนน้องกินข้าวไม่กี่คำก็อิ่ม พี่ชายเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าในจานยังมีข้าวเหลืออยู่เลย

"กินน้อยขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่จะโต"

น้องชายของเขาผอมแห้งแรงน้อยจนดูน่าห่วง เด็กผู้ชายส่วนใหญ่พอขึ้น ม.ปลายร่างกายก็จะเริ่มพัฒนามีกล้ามเนื้อมากขึ้น แต่พอหันมาดูแมวเหมียวแล้ว...ไม่ได้ต่างไปจากตอนอยู่ ม.ต้นเลยสักนิด อาจจะสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังผอมเหมือนเดิม

"ว่าไปนั่น!" วิฬาร์ร้องเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ "เหมียวสูงขึ้นตั้งห้าเซน” ยกมือขึ้นมาชูห้านิ้ว “ตอนนี้ร้อยหกสิบห้าแล้วนะ!"

..เมื่อก่อนเขาตัวเท่า ๆ เด็กผู้หญิง แต่ตอนนี้เหมียวสูงกว่าผู้หญิงบางคนแล้วนะ โธ่เอ๊ย~ไม่อยากจะคุย..

"ก็แค่ร้อยหกสิบห้า ไม่อยากตัวใหญ่เท่าเฮียเหรอ" ธีรายิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าน่ารักที่กำลังง้ำงอของน้อง

"ยะ อยากสิ…" วิฬาร์อึกอัก "เหมียวต้องทำยังไงถึงจะสูงเท่าเฮียเหรอ"

..ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากตัวเตี้ยหรอก แต่เอาแค่ส่วนสูงเท่าเฮียก็พอ ความหนาคงไม่ไหว..

"กินอาหารให้ครบห้าหมู่ แถมดื่มนมวันละลิตรครึ่ง เล่นกีฬาสม่ำเสมอ"

คนน้องอ้าปากค้าง บ้าบอ! ไม่ต้องพูดถึงออกกำลังกายเลย เขาตายตั้งแต่นมวันละลิตรครึ่งแล้ว

"ต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ"

วิฬาร์กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนตอบเสียงแผ่ว "เหมียวขอตัวเท่านี้ก็พอแล้วครับ"

วิฬาร์ขอยอมแพ้ ตัวใหญ่คงไม่ใช่ทางของเขาจริง ๆ เขากินไม่เก่งแถมยังไม่ชอบออกกำลังกายอีกด้วย ขอนอนสบาย ๆ ในห้องดีกว่าไปทำให้ตัวเองเหนื่อยเพื่อส่วนสูงหรือมีกล้ามอะไรนั่นท่าจะดีที่สุด

..คนเราต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวมีสิ..

ธีราหัวเราะออกมา "แต่อย่างน้อยก็ต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่นะรู้ไหม ถ้าเข้าไปเรียนที่กรุงเทพเมื่อไหร่พี่จะกำชับไอ้เก้าให้จัดอาหารให้แมวเหมียวให้ดี ไม่ใช่ให้กินแต่อาหารเม็ดทุกมื้อ”

“เฮีย!” แมวเหมียวโวยวาย “เหมียวไม่ใช่แมวนะ!”

“นั่นเรียกเฮียหรือด่าว่าเหี้ยน่ะ” ธีราย้อนหัวเราะลั่น

คนเป็นน้องนั่งหน้าบูดเมื่อถูกล้อเลียนแบบนั้น สมัยเด็ก ๆ เขาเคยเกลียดชื่อเหมียวหรือแมวเหมียว แต่พอได้รู้ถึงที่มาของชื่อเขาก็เปลี่ยนความคิดนั้นไป ก็แม่อุตส่าห์คิดมาอย่างดี อยากให้เขาที่เป็นเด็กเสี่ยงครรภ์เป็นพิษมีชีวิตรอดปลอดภัยเหมือนอย่างแมว 9 ชีวิต...แต่ก็ใช่ว่าจะชอบให้มาแซวเรื่องนี้นะ

“โอ๋ ๆๆ” ธีราลูบหัวน้อง “หยอกน่า”

น้องเล็กนั่งกอดอก สะบัดหน้าหนีไม่สนใจเฮีย ถ้าจะมาง้อไม่จริงใจแบบนี้ก็อย่าง้อซะดีกว่า

“แหม ไม่คุยด้วยแบบนี้ก็แย่เลยนะเนี่ย” ธีราพูดลอย ๆ

วิฬาร์หูผึ่ง ค่อย ๆ เหลือบมองเฮียทีละน้อย

“ไอ้เราก็ว่าจะพาไปซื้อเกมใหม่สักหน่อยน้า~” บอกก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

ได้ยินแบบนี้น้องน้อยก็หันขวับไปทำตาโตใส่คนเป็นพี่ทันที “จริง ๆ นะ!”

“หืม” ธีราหันมาช้า ๆ ทำเหมือนไม่ได้ยิน

“เฮียจะพาเหมียวไปซื้อเกมจริง ๆ นะ” วิฬาร์เกาะขอบโต๊ะยื่นหน้ายื่นตาถามเฮีย

“นะอะไรครับ”

“นะครับ~” เหมียวลากเสียงตามที่อีกฝ่ายต้องการ “จริง ๆ นะครับ”

“ถ้าแมวเหมียวหายงอนเมื่อไหร่เฮียถึงจะพาไปครับ” ธีรายิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เขาเลี้ยงน้องมากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร

“หายแล้ว ๆ”

เจ้าตัวหายงอนเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่ได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าจะพาไปซื้อเกมแล้ว ทั้ง ๆ ไอ้กองที่มีอยู่ยังเล่นไม่หมดเลยด้วยซ้ำ

คนเป็นพี่ยิ้มกริ่ม “โอเคครับ กินข้าวในจานให้หมดแล้วเดี๋ยวเราไปกันนะ”

“เย้!” วิฬาร์ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นด้วยความดีใจ น้องพยายามกระเดือกข้าวที่เหลือให้หมดทั้งที่ก็จุกท้องจะแย่อยู่แล้ว แต่เพื่อเกมใหม่แมวเหมียวทำได้!







ธีราขับรถพาน้องไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเวลาสองทุ่ม กว่าจะวนหาที่จอดรถได้ก็นานหลายนาที แต่แมวเหมียวก็นั่งฮัมเพลงโดยไม่มีท่าทีหงุดหงิดแม้แต่น้อย ปกติถ้ารถเยอะขนาดนี้ละก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปตั้งแต่เลี้ยวรถเข้าห้างแล้ว

“อยากได้เกมอะไรเหรอ” เขาถามน้องชายในระหว่างที่เดินไปร้าน

“nintendo switch!” แมวเหมียวในชุดนักเรียนบอกอย่างรื่นเริง

คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขาไม่รู้หรอกว่าที่น้องบอกมันคือเกมอะไร แต่สังหรณ์ใจว่าคงได้เสียเงินไม่น้อยแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เริงร่าได้ขนาดนี้

วิฬาร์ในชุดนั่งเรียนวิ่งเข้าร้านขายเกมร้านเดียวในโซนอุปกรณ์มือถือ เขาจับมือเฮียวิ่งเข้ามาด้วย นี่ถ้าหน้าตาไม่ละม้ายคล้ายกันคนอื่นคงนึกว่าอาเสี่ยพาเด็กเลี้ยงมาซื้อของแน่นอน

“นี่ไง ๆ ที่เหมียวอยากได้”

น้องชี้มือไปที่เครื่องในตู้โชว์ ธีราเพ่งดูราคาแล้วถึงกับถลึงตาโต เขาหันมองแมวเหมียวที่กำลังจ้องเขาตาหวานฉ่ำ

“ที่บ้านก็มีอยู่แล้วเครื่องหนึ่งไง” เฮียบอกเสียงเรียบ

“มันไม่เหมือนกันนี่” วิฬาร์เอียงคอตอบกะพริบตาปริบ ๆ

“แล้วมันต่างกันตรงไหน” ไม่ใช่ว่าธีราไม่มีปัญญาซื้อให้น้องหรอก เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากให้แมวเหมียวเป็นเด็กใช้เงินเก่งทั้งที่ยังหาเงินเองไม่ได้

“เครื่องนั้นมันเอาไปเล่นที่อื่นไม่ได้ ที่สำคัญก็คือเกมมันไม่เหมือนกัน แล้วเหมียวจะได้เอาไปเล่นที่กรุงเทพได้ด้วยไงครับ”

เหตุผลของแมวเหมียวดูไม่ค่อยเข้าท่านัก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องเกมราคาเป็นหมื่นให้น้องเลยสักนิด

จนกระทั่ง…มือเล็กของน้องยกขึ้นมาเกาะแขนของธีราอย่างออดอ้อน

“นะเฮียน้า~ ซื้อให้เหมียวหน่อยน้า~” วิฬาร์บอกลากเสียงเล็กเสียงน้อย

“ถ้าพี่ซื้อวันนี้เดี๋ยวผมแถมฟิล์ม เคส พร้อมเกมให้อีกหนึ่งเกมเลยครับ” เจ้าของร้านวัยรุ่นเสริม

“ซื้อให้เหมียวเถอะนะ~”

ธีราเงียบหน้าตาขึงขัง เขากำลังจะใจอ่อนให้น้องที่ช่างออดอ้อนไม่หยุด เหอะ! มันจะอ้อนก็เฉพาะเวลาอยากได้อะไรเท่านั้นน่ะแหละ

“สัญญามาก่อน” คนเป็นพี่พูดขึ้นมาหลังจากเงียบอยู่นาน

“จ๋า~” แมวเหมียวรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ต่อไปนี้อย่าดื้อกับเฮียนะ”

“ได้เลยครับผม” คนน้องตอบรับ

ธีราถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปหาเจ้าของร้าน “จัดไปหนึ่งเครื่องครับ”

..สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนให้แมวเหมียวทุกที มันน่าโมโหนัก!..

“เยส!” วิฬาร์กระโดดกอดพี่ชายตัวใหญ่ “รักเฮียที่ซู้ด~”

ธีราทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ในใจราวกับมีทุ่งดอกไม้เบ่งบาน ไอ้คำว่า ‘รักที่ซู้ด’ ปกติแมวเหมียวมันเอาไว้ใช้เฉพาะไอ้เก้าเท่านั้น ในที่สุดเฮียคนนี้ก็ได้รับคำนี้สักที!







“ปิดเทอมพวกมึงไปเรียนพิเศษที่ไหนอะ” วิฬาร์ถามเพื่อนแฝดในระหว่างพักกลางวัน พวกเขากำลังแบ่งกันจิ้มลูกชิ้นทอดในชามเดียวกันเข้าปากคนละชิ้นสองชิ้น

“มีแล้ว” ต้นข้าวตอบโบกไม้เสียบลูกชิ้นไปมา “พ่อกูให้พี่แถวบ้านมาสอนว่ะ”

“เหรอ” เหมียวตอบเสียงแผ่วปากยื่นด้วยความเสียดาย นึกว่าพวกมันไม่มีที่เรียนเขาจะได้ชวนไปเป็นเพื่อนสักหน่อย

“มึงไปเรียนไหนวะ” ต้นกล้าเอ่ยถามหลังเคี้ยวลูกชิ้นสองลูกจนหมด

“เฮียจัดให้ไปเรียนในกรุงเทพอะดิ”

“ว่าละ” ต้นข้าวบอก ไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด เฮียน้ำมักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้น้องเสมอ

“พวกมึงไปเรียนเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ” วิฬาร์บอกเพื่อนทั้งสองคน เขาไม่ใช่คนที่เข้ากรุงเทพบ่อยนัก ไปคนเดียวก็กลัวจะเหงาอีก

“เออ ๆ เดี๋ยวกูลองถามพ่อกับแม่ก่อน แต่ไม่รับปากนะโว้ย” ต้นกล้าตอบก่อนจะจิ้มปูอัดทอดเข้าปากตามด้วยแตงกวาสดเคี้ยวตุ้ย ๆ

“แล้วมึงจะนั่งรถตู้ไปกลับเหรอ” ต้นข้าวถามด้วยความสงสัย

วิฬาร์ส่ายหน้า “หึ เฮียจัดให้กูไปนอนกับพี่เก้าจนกว่าจะจบคอร์ส”

“มึงจะทำหน้าเครียดทำไม ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ” ต้นกล้าว่า

“ดีกะผีอะไรล่ะ” เหมียวย้อนเขี่ยลูกชิ้นในชามไปมา

“จะได้สานต่อเจตนารมณ์ของมึงไง” ต้นข้าวเสริม

วิฬาร์ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เขายังไม่ได้เล่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดให้เพื่อนฟังเลย อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเล่านักหรอก ขี้เกียจมานั่งตอบคำถามให้ตัวเองช้ำใจ

ต้นกล้าเห็นเพื่อนทำหน้าม่อยก็คิดว่าคงมีเรื่องอะไรที่พวกเขายังไม่รู้ เลยลองถามดู “มีอะไรเหรอไง”

คนถูกถามเหลือบมอง “อืม”

“เล่าให้พวกกูฟังได้นะเว้ย”

“กูกำลังตัดใจจากพี่เก้าอยู่ ก็เลย…” วิฬาร์ถอนหายใจอีกครั้งพร้อมยักไหล่ “ไม่ค่อยอยากอยู่ด้วยกันลำพังเท่าไหร่ แต่กูไม่อยากปฏิเสธเฮีย เพราะเขาก็หวังดีกับกูอะ”

ฝาแฝดสองคนพยักหน้าพร้อมกัน

“ทำไมจู่ ๆ ก็ตัดใจวะ” ต้นข้าวถาม ก่อนหน้านี้ยังเห็นว่ายังไงก็จะไม่ยอมแพ้อยู่เลย

คนถูกถามเงียบไปช่วงอึดใจ “บางทีการเป็นพี่น้องแบบนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง”

“กูจะพยายามสู้กับพ่อเพื่อขอเข้าไปเรียนกรุงเทพให้ได้นะมึง” ต้นกล้าบอกขึ้นมา

“แต่บอกก่อนว่าอาจจะยากหน่อยนะ” ต้นข้าวจับไหล่บอบบางของเพื่อนบีบเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ เดาว่าที่ผ่านมาน่าจะเกิดอะไรสักอย่างขึ้น เหมียวมันคงไม่ได้ตั้งใจจะปิด แต่คงไม่อยากพูดถึงให้เจ็บมากกว่า

วิฬาร์ยิ้มน้อย ๆ เขารู้สึกขอบคุณที่พวกมันไม่ถามอะไรมากนัก และก็ขอภาวนาให้พ่อของพวกมันยอมให้ลูกฝาแฝดเข้าไปเรียนพิเศษในกรุงเทพด้วยเถอะ







สุดท้ายแล้วคำภาวนาของวิฬาร์ก็ไม่เป็นจริง ทั้งต้นข้าวและต้นกล้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเรียนพิเศษในกรุงเทพได้ เหมียวก้มหน้าจัดกระเป๋าเดินทางด้วยใจห่อเหี่ยว

พรุ่งนี้เฮียจะขับรถพาเขาไปส่งที่คอนโดของพี่เก้าในตอนเช้า บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาชักไม่อยากไปขึ้นมาแล้วสิ แต่บอกตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะว่าสมัครเรียนไปเรียบร้อยแล้ว

มือขาวหยิบเกมเครื่องใหม่ที่เฮียเพิ่งจ่ายเงินซื้อให้พร้อมอุปกรณ์ลงกระเป๋าไปด้วย สายตาเหลือบมองไปทั่วห้องคิดว่าต้องเอาอะไรไปอีก แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

พักหลังมานี้เป็นพี่เก้าที่วิดีโอคอลมาหาเขาก่อนเสมอ

วิฬาร์ปรับอารมณ์ตัวเองก่อนรับสาย “ดีจ้า~”

“ทำอะไรอยู่ หืม” คนอายุมากกว่าถามยิ้มน้อย ๆ

“เก็บของไปเรื่อย ๆ แหละ” แมวเหมียวตอบเดินรอบห้องพลางหยิบจับของโยนลงกระเป๋า

“ไม่ต้องเอามาเยอะก็ได้ ขาดเหลืออะไรเดี๋ยวพี่พาไปซื้อ”

คนน้องย่นจมูก “ไม่อะ พี่อย่าตามใจเหมียวนักเลย เดี๋ยวเฮียจะว่าเอา”

“มันจะว่าอะไร เงินของพี่ น้องคนเดียวพี่เลี้ยงได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”

วิฬาร์ชะงักไป แอบเสียดที่หัวใจน้อย ๆ แต่เจ้าตัวก็ปั้นหน้ายิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“รู้แล้วครับว่ารวย แต่เก็บเงินเอาไว้เลี้ยงลูกเมียในอนาคตของตัวเองดีกว่าไหม” วิฬาร์ค่อนขอด สาบานเลยว่าไม่ได้พูดประชดอะไรอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

การินหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่มีก็เลี้ยงน้องไปก่อนไง”

“เดี๋ยวเฮียก็มาว่าเหมียวเอาแต่ใจอีก” คนน้องว่าทิ้งตัวนอนหงายบนที่นอน

“ง่วงแล้วเหรอครับ” การินถามน้อง

“นิดหน่อยครับ” เหมียวขยี้ตา

“อย่าขยี้แรงสิ เดี๋ยวตาแดงนะ” การินว่าน้อง

แมวเหมียวหน้าบูดเมื่อถูกว่า แต่ก็ยอมหยุดมือ เขาพลิกตัวนอนคว่ำจ้องหน้าพี่เก้าตาปรือ

“นอนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันนะ พี่ซื้อขนมที่แมวเหมียวชอบมารอไว้แล้วด้วย”

น้องเม้มปากกลั้นยิ้ม หัวใจพองฟูด้วยความดีใจ “ขอบคุณครับ”

หลังจากวางสายแมวเหมียวก็ผล็อยหลับไปโดยไม่ได้ปิดไฟในห้อง กระเป๋าเดินทางยังเปิดอ้าค้างอยู่แบบนั้น ข้าวของกระจัดกระจายเพราะยังจัดไม่เสร็จดี



คนเป็นแม่เข้ามาเช็กความเรียบร้อยตามปกติที่ทำเป็นปกติ เห็นลูกชายคนเล็กนอนคว่ำอยู่บนเตียงทั้งที่อะไรก็ยังไม่เรียบร้อยดีก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ เกวลินเดินไปห่มผ้าให้แมวเหมียวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ บนเตียง ฝ่ามือเล็กลูบผมนิ่มของลูกชายที่พรุ่งนี้จะไปอยู่กรุงเทพสักระยะ

ครั้งนี้เหมือนกับการซ้อมเล็ก ให้เธอเตรียมใจว่าอีกไม่นานลูกชายที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาอย่างดีต้องอยู่ไกลจากอกแม่เพื่อไปเรียนในกรุงเทพ แอบใจหายเหมือนกันที่แมวเหมียวโตขนาดนี้แล้ว

นึกย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว…

เกวลินตั้งท้องลูกคนที่สองตอนอายุ 37 เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะมาท้องอีกครั้งเอาตอนนี้ เพราะลูกชายคนแรกก็อายุปาเข้าไป 17 ปีแล้ว

เนื่องจากเธอสุขภาพไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หมอก็ให้คำแนะนำว่าควรจะเอาออกดีกว่า เพราะเสี่ยงครรภ์เป็นพิษเนื่องจากคนเป็นแม่อายุมากและตั้งครรภ์ห่างจากครั้งแรกเกิน 10 ปี แต่เกวลินก็ยืนกรานที่จะอุ้มท้องลูกน้อยของเธอต่อไปโดยไม่ฟังคำทัดทานอะไรทั้งสิ้น

เธอตั้งชื่อลูกชายคนเล็กว่า ‘วิฬาร์’ ที่แปลว่าแมว พร้อมกับตั้งชื่อเล่นน่ารัก ๆ ให้ หวังว่าจะให้ลูกคนนี้ของเธอเป็นเหมือนแมว 9 ชีวิตที่ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องร้ายแค่ไหน...ลูกก็จะผ่านมันไปได้

สุดท้ายเกวลินก็มีอาการครรภ์เป็นพิษตอนที่ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน…ทำให้หมอต้องรีบผ่าตัดทันทีเพื่อรักษาชีวิตของเธอเอาไว้
แมวเหมียวเกิดมามีน้ำหนัก 850 กรัม โชคดีที่ไม่มีอาการหนักหนาสาหัสอะไรนอกจากตัวเล็กมาก ๆ สามารถกินได้ ขับถ่ายได้ เหมียวอยู่โรงพยาบาลนานเป็นเดือนกว่าที่หมอจะปล่อยให้กลับบ้านได้

เธอภาวนาทุกวัน...แค่ลูกชายคนเล็กได้มีชีวิตรอด...เพียงเท่านี้เธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ได้เห็นแมวเหมียวเติบโตขึ้นในแต่ละวันเพียงเท่านี้ก็เหมือนเป็นรางวัลชีวิตให้กับเธอแล้ว…

คนเป็นแม่นั่งจัดของในกระเป๋าที่แมวเหมียวโยนของลงมาอย่างไม่เป็นระเบียบให้จนเรียบร้อยดีถึงได้ปิดไฟและออกจากห้องไป







“ทำหน้าอะไรแบบนั้น นอนไม่พอหรือไง”

ชลกรที่เพิ่งกลับมาจากประชุมที่ต่างประเทศทักทายยิ้มขำเมื่อเห็นลูกชายนั่งทำหน้าบูดในระหว่างกินมื้อเช้า

แมวเหมียวเงยหน้าขึ้น ร้องงอแง

“เหมียวไม่อยากไปแล้วอะป๊า~”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวเฮียได้ยินแล้วจะเสียใจเอานะ”

เหมียวเงียบทำแก้มพองลม

“โตแล้วต้องเริ่มหัดใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้แล้วนะรู้ไหม” ป๊าบอกเสียงนุ่มนวล

“เหมียวยังไม่โตสักหน่อย” ลูกชายคนเล็กบ่นอุบ

“แล้ววันก่อนใครมันเถียงเฮียปาว ๆ ว่า ‘โตแล้ว’ นะ”

คนที่เพิ่งเดินเข้ามาพูดขึ้น ธีรานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับน้อง เห็นไอ้ตัวดีปิดปากเงียบแถมหน้ายังบูดบึ้งก็หัวเราะออกมา

“แม่จ๋า~” ลูกคนเล็กร้องขึ้นเมื่อเห็นแม่เดินกลับเข้ามา

คนเป็นแม่เห็นแมวเหมียวร้องจ้าก็ยิ้มขำพร้อมกับเดินเข้ามากอดศีรษะของเหมียวเอาไว้แนบอก “โอ๋ ๆๆ ไม่เป็นเป็นไรนะครับ”

“แม่ไปกับเหมียวได้ไหม” เหมียวเงยหน้าขึ้นถาม แววตาเว้าวอน

“โถ่ลูก…” เกวลินลูบผมแมวเหมียว “แม่ก็อยากไปนะครับ”

“แล้วทำไมแม่ถึงไม่ไป..”

“พอเลย” ธีราพูดขัดขึ้น “แมวเหมียวอายุ 17 แล้ว ต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้แล้วนะรู้ไหม”

ทั้งป๊าและเฮียต่างพูดแต่คำนี้จนแมวเหมียวเริ่มรู้สึกว่าหรือตัวเขาจะต้องทำแบบนั้นแล้วจริง ๆ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ เหมียวมีคนดูแลทุกอย่างให้หมด ไม่เคยต้องนั่งรถไปเรียนหนังสือเอง ทั้งเสื้อผ้าหรือกับข้าวกับปลาก็ได้แม่ทำให้ตลอดจนเขาเคยตัว

ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันเงียบจนผู้ใหญ่ในบ้านลุ้นว่าแมวเหมียวจะว่าอย่างไร

“ก็ได้ครับ เหมียวจะพยายามดูแลตัวเองให้ได้”

“ลูกแม่คนนี้เก่งที่สุดเลยครับ” เกวลินก้มหอมกลางศีรษะลูกคนเล็กด้วยความรัก

“ป๊าภูมิใจในตัวเหมียวนะ” ชลกรบอกพร้อมกับรอยยิ้มบาง แมวเหมียวของเขาเก่งมาตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีชีวิตรอดมาได้ขนาดนี้

พี่ชายคนโตมองน้องชายคนเดียวแล้วยิ้มออกมา เขารู้ว่าแมวเหมียวอาจจะดื้อรั้นบ้างในบางเวลา แต่ถ้าพูดด้วยดี ๆ เป็นเหตุเป็นผล ใช้เวลาไม่นานน้องก็จะคิดได้เอง



หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งป๊าและแม่ต่างก็มายืนรอส่งแมวเหมียวที่หน้าบ้าน

“รักษาตัวเองดี ๆ นะลูก อย่าดื้อกับพี่เก้าเขานะ”

“ครับ” เหมียวกอดตอบคนเป็นแม่แน่น เขาสูดดมกลิ่นกายของแม่ “ป๊ากับแม่อย่าลืมโทรหาเหมียวบ้างนะ”

“จ๊ะ ๆ”

“ขับรถดี ๆ ล่ะ” ชลกรหันไปบอกลูกชายคนโต ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวแมวเหมียวแฝงไว้ด้วยความอาทร

ธีราพยักหน้าตอบ แล้วบอกน้อง “ไปได้แล้วลูกแหง่”

“อย่ามาว่าเหมียวนะ!” วิฬาร์แว้ดใส่เฮีย ก่อนจะเดินตามไปแต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองบุพการีด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฝ่ามือขาวยกขึ้นโบกบ๊ายบาย

แมวเหมียวขึ้นมานั่งบนรถเงียบ ๆ ยังรู้สึกใจหายที่จะต้องห่างจากครอบครัว “เฮียเหงาไหมตอนที่ย้ายไปเรียนกรุงเทพ”

“จะว่ายังไงดี” ธีราย้อนนึกถึง เพราะมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว “มันก็มีบ้างนะ”

“แล้วเหมียวไปเรียน...เฮียไม่คิดถึงเหมียวเหรอ” คนน้องถามเพราะไม่เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีใจหายเมื่อเขาจะไปอยู่ไกลเลย

“คิดถึงสิ” คนพี่ตอบทันที “ถ้าไม่มีเรื่องเรียนเฮียก็ไม่อยากให้เหมียวไปไกลหรอก แต่มันจำเป็นนี่นะ”

วิฬาร์เม้มปาก ในใจครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง การเป็นผู้ใหญ่มันคืออะไร ต้องตื่นเช้าไปทำงาน พออายุประมาณหนึ่งก็ต้องมีครอบครัว มีลูกสักคนสองคน และก็ทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวไปอย่างไม่มีวันจบงั้นเหรอ

..ถ้าการโตเป็นผู้ใหญ่มันยากขนาดนี้
เขาไม่เห็นอยากจะเป็นผู้ใหญ่เลย..



tbc…
จริง ๆ แล้วแมวเหมียวเป็นเด็กน่ารักน้า~~~
 :L2:



 
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 07-11-2019 20:52:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-11-2019 20:57:32
น้องเหมียววววว
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 07-11-2019 21:56:36
เอาใจช่วยน้องแมวเหมียว
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-11-2019 00:34:47
น้องทำได้ลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-11-2019 07:51:05
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 5.ก้าวแรกของแมวเหมียว (7/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 09-11-2019 15:00:33
น้องเหมียวจะตัดใจได้ยังไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 22-11-2019 14:27:08



โกรธเหมียวเหรอ




คอนโดของพี่เก้าตั้งอยู่ใจกลางเมืองและอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ไกลนัก เดินไป 5 นาทีก็ถึง ซึ่งมันสะดวกกับเหมียวมาก เพราะโรงเรียนกวดวิชาของเขาก็อยู่ใกล้กับสถานี

พี่เก้าคงจะรายได้ดีกว่าที่วิฬาร์คาดคิดเอาไว้มาก เฮียบอกว่าราคาห้องของพี่เก้านี่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านแน่ ๆ

วิฬาร์อ้าปากค้างตอนที่เฮียบอกราคา เอาจริง ๆ มันก็ดูหรูหรามาตั้งแต่ทางเข้าแล้ว ยิ่งได้เข้าไปในอาคารยิ่งหรูเข้าไปอีก

ธีราลากกระเป๋าของน้องเดินไปตามทาง เขาโทรเรียกให้เพื่อนลงมารอด้านล่างเรียบร้อยแล้ว ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่ดีมาก ไม่มีทางที่พวกเขาสองคนพี่น้องจะขึ้นไปเองตามใจชอบได้

แมวเหมียวเดินตามเฮียต้อย ๆ จนเห็นพี่เก้ายืนรอรับอยู่บริเวณล็อบบี้ เมื่ออีกฝ่ายหันมาก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาเหมียวหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างคุมไม่ได้ มือบางยกขึ้นกุมอกตัวเอง

..ไอ้เหมียวใจเย็นก่อนสิโว้ย..

“เป็นอะไรน่ะ” ธีราเอ่ยถามเมื่อเห็นแมวเหมียวยืนหลบหลังเขาพร้อมกับเอามือกุมอก

คนน้องส่ายหน้าหวือก่อนจะหันไปยกมือขึ้นไหว้พี่เก้า “สวัสดีครับ”

การินยิ้ม “ไป ๆ ขึ้นห้องกันเถอะ” เขาพาสองพี่น้องเดินผ่านล็อบบี้เข้าไปสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าตัวอาคาร

ห้องของพี่เก้าอยู่ชั้นสิบ ตอนแรกเหมียวนึกว่าเปิดเข้าไปก็คงเหมือนคอนโดที่เคยเห็นในหนังทั่วไป แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ไอ้กว้างน่ะมันกว้างแน่นอนอยู่แล้ว ราคานี้คงไม่ใช่ห้องแคบเท่ารังนกหรอก

ที่ทำให้วิฬาร์แปลกใจคือเพดานห้องที่สูงโปร่งพร้อมกระจกบานใหญ่ ให้ความรู้สึกโล่งหายใจสะดวกเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ มากกว่าคอนโดทั่วไปที่มักจะทำให้รู้สึกว่าอึดอัดเพราะเพดานเตี้ย

“พี่จัดห้องไว้ให้แมวเหมียวแล้วนะ” การินบอกเมื่อเห็นน้องมองไปรอบห้องด้วยความสนใจ

คนน้องพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขอตัวเอาของไปเก็บในห้องเล็กที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้

“ฝากน้องกูด้วยนะ” ธีราบอกพร้อมกับตบไหล่ของเพื่อน

“เออ ไม่ต้องบอกกูก็ดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”

“อย่าให้น้องกูกินแต่อาหารเม็ดล่ะ” เมื่อเหลือบเห็นแมวเหมียวออกมาจากห้องคนพี่ก็จงใจพูดแกล้งน้อง

“เฮีย!!”

พี่ชายสองคนพากันหัวเราะงอหงาย การได้แกล้งแมวเหมียวถือเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของธีรา ในขณะที่คนน้องยืนหน้างอส่งสายตามองค้อนเขาอยู่ตรงที่เดิม

“โอ๋ ๆๆ” เป็นการินที่เดินเข้าไปง้อ ฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะกลม “เดี๋ยววันนี้พี่พาไปหาของอร่อยกินนะ”

“อื้อ” เหมียวครางรับ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ อยากจะเป็นพวกกินเก่งชะมัด พ่อจะกินให้ล้มละลายเลย!

วิฬาร์ลงมาส่งเฮียกลับบ้านโดยมีพี่เก้าลงมาด้วย อีกฝ่ายบอกว่าจะพาแมวเหมียวไปลงประวัติว่ามีคนเข้ามาพักใหม่ที่นิติพร้อมกับเพิ่มลายนิ้วมือที่ประตูให้เรียบร้อย ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ


.
.
.


พอเฮียกลับไปแมวเหมียวถึงได้กลับมาสำนึกว่าหลังจากนี้เขาจะต้องอยู่กับพี่เก้าสองต่อสองเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ยิ่งมายืนอยู่กลางห้องของอีกฝ่ายแบบนี้ด้วย เล่นเอาปวดหน่วงในท้องขึ้นมาทันทีเลยแฮะ

“เป็นอะไรเหรอ สีหน้าไม่ค่อยดี” การินเข้าไปถามน้องที่ยืนตัวแข็งอยู่กลางห้องด้วยใบหน้าซีดลง

เหมียวเงียบอย่างไม่รู้จะตอบคำถามยังไงดี

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” ฝ่ามือใหญ่เช็ดเหงื่อที่ผุดอยู่บนหน้าผากกลมเกลี้ยงแผ่วเบา

“เหมียว..ปวดท้องนิดหน่อยอะ” ปากตอบไปอย่างนั้นแต่ในใจกลับอยากตะโกนกู่ก้องว่า ‘เอามือออกไปนะ! เดี๋ยวเหมียวก็แย่อีกหรอก!’

“ปวดมากหรือเปล่า ให้พี่พาไปหาหมอไหม”

“ไม่ ๆๆ” วิฬาร์รีบตอบ “พี่ใจเย็น ๆ เหมียวไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น เดี๋ยวก็หาย”

การินดึงแมวเหมียวเข้ามาใกล้แล้วกอดเอวน้องหลวม ๆ เขาวางแก้มลงบนศีรษะกลมด้วยความโล่งใจนิดหน่อย

“มีอะไรต้องรีบบอกพี่เลยนะรู้ไหม”

แก้มใสขึ้นสีกับการกระทำของคนอายุมากกว่า หัวใจเจ้ากรรมเต้นรัวอย่างกับกลองเพลงร็อก ดีที่ร่างกายของเขากับพี่เก้าไม่ได้แนบชิดติดกัน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงรับรู้ได้แน่นอน

“อะ อื้อ” วิฬาร์ตอบอย่างเลื่อนลอย

..อยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ จัง..

แมวเหมียวที่เผลอคิดแบบนั้นรีบดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของพี่เก้า ดวงตาเหลือบขึ้นมองอีกคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก จนเขารู้สึกผวา แต่วูบเดียวพี่เก้าก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม

“งั้นวันนี้แมวเหมียวอยากกินอะไรครับ”

“เหมียวไม่ค่อยอยากออกไปสักเท่าไหร่...” เรื่องปวดท้องเขาไม่ได้พูดโกหกหรอกนะ เพราะแบบนี้เขาเลยไม่อยากออกไปจริง ๆ

“ได้สิ งั้นมื้อเย็นอยากกินอะไร...ข้าวต้มหมูทรงเครื่องฝีมือพี่ดีไหม”

วิฬาร์ยิ้มกว้าง “ดีครับ เหมียวไม่ได้กินมานานแล้ว” เขาชอบข้าวต้มของพี่เก้าที่สุด ครั้งแรกที่ได้กินเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 12 ปี ที่ป๊ากับแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนเฮียก็ต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด เขาเลยถูกทิ้งให้พี่เก้าที่ว่างอยู่คนเดียวเพราะอยู่ในช่วงลาพักร้อนพอดีรับหน้าที่เลี้ยงไป

ความซวยเกิดขึ้นเมื่อเขาดันป่วยขึ้นมากะทันหัน พี่เก้าเลยต้องพาไปหาหมอ เช็ดตัว หาข้าว เตรียมยาให้กิน และตอนนั้นแหละที่เขาได้กินข้าวต้มหมูทรงเครื่องฝีมือพี่เก้า

วิฬาร์นั่งรอที่เคาน์เตอร์ตรงส่วนครัว สายตาจ้องมองพี่เก้าเงียบ ๆ

“พี่ไม่มีข้าวสาร ขอใช้ข้าวสวยไปก่อนนะ”

“อื้อ” เหมียวตอบ น่าเสียดาย...ถ้าใช้ข้าวสารต้มจะทั้งหอมทั้งหวานกว่านี้แท้ ๆ แต่พี่เก้าอยู่คนเดียวคงจะไม่ได้ทำอาหารบ่อยนัก ดูได้จากข้าวก็เป็นข้าวสวยสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อ

พี่เก้าเริ่มจากการหมักหมูบดที่เขาบอกว่าเพิ่งไปซื้อมาเมื่อวาน แล้วก็เอาผักชีออกมาล้างแล้วหั่น ยังอุตส่าห์จำได้ว่าเขาไม่กินต้นหอม เลยใส่แค่ผักชีอย่างเดียว ความใส่ใจนี้ทำเอาแมวเหมียวลอบยิ้มออกมาน้อย ๆ

“ยิ้มอะไรครับ”

คนถูกทักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เปล่าสักหน่อย”

การินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อถูกย้อน เขาส่ายหน้าปลง ไม่คิดติดใจจะถามต่อ “อีกพักเลยกว่าจะเสร็จ แมวเหมียวจะไปนอนพักก่อนก็ได้นะ”

“ถ้าเหมียวจะไปเดี๋ยวก็ไปเองแหละ”

“ต่อปากต่อคำนักนะ” การินว่าก่อนบีบปลายจมูกโด่งรั้น เขาเดินหยิบจับอะไรในครัวต่อเพื่อทำข้าวต้มให้น้องกิน เพราะรู้ว่าแมวเหมียวชอบกินเมนูนี้ของเขา เมื่อวานนี้เลยไปซื้อวัตถุดิบมาเตรียมเอาไว้ แต่ก็ดันพลาดซื้อข้าวสารมาด้วยเสียนี่

เมื่อวิฬาร์รู้สึกผ่อนคลายกับการอยู่กับพี่เก้ามากขึ้นอาการปวดท้องของเด็กหนุ่มหายดีเป็นปลิดทิ้ง

ผ่านไปสี่สิบนาทีข้าวต้มหนึ่งหม้อก็พร้อมกิน การินตักใส่ชามโดยมีน้องน้อยอย่างแมวเหมียวยืนรออยู่ข้าง ๆ

“เหมียวยกเอง ๆ”

การินยิ้มอย่างเอ็นดู “ร้อนนะครับ ระวังหกล่ะ”

“ครับผม” วิฬาร์รับมาถือไว้ในมือ ค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงเพราะกลัวจะทำหกอย่างที่อีกฝ่ายเตือน เขามันพวกซุ่มซ่าม ชอบสะดุดโน่นสะดุดนี่อยู่เรื่อย

เด็กหนุ่มนั่งรอกินพร้อมกับพ่อครัวใจจดใจจ่อ ก่อนหน้านี้เขาถ่ายรูปข้าวส่งเข้าไปในกรุ๊ปไลน์ของครอบครัวที่เพิ่งสร้างก่อนเขาเดินทางมาเรียนพิเศษที่กรุงเทพเรียบร้อย

“ไม่ต้องรอพี่ก็ได้ หิวไม่ใช่เหรอ”

วิฬาร์ส่ายหน้า “ไม่ได้ ต้องกินด้วยกัน”

..เขาไม่ชอบกินข้าวคนเดียว..

“นั่นสิเนอะ แมวเหมียวไม่ชอบกินข้าวคนเดียวนี่นา”

คนน้องยิ้ม ดีใจที่พี่จำได้

“ถ้าวันทำงานพี่จะพยายามกลับมากินข้าวเย็นกับแมวเหมียวทุกวันนะครับ” การินบอก พลางใช้ช้อนคนข้าวต้มให้คลายร้อน “แต่วันไหนถ้าพี่ติดงานกลับมาไม่ทันพี่จะโทรบอกนะ”

แมวเหมียวพยักหน้ารับ เข้าใจว่าพี่เก้ามีการมีงานที่จะต้องทำ คงไม่ได้ว่างมานั่งดูแลเขาได้ตลอดเวลา

“เหมียวจะพยายามไม่รบกวนพี่นะครับ” วิฬาร์บอก ก่อนจะตักข้าวต้มร้อน ๆ ขึ้นมาเป่า

การินขมวดคิ้ว “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ แมวเหมียวจะรบกวนพี่ได้...ไม่เป็นไรเลย”

“ไม่ได้ครับ” น้องส่ายหน้า “ทุกคนที่บ้านบอกว่าเหมียวต้องเริ่มหัดใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้แล้ว”

“นั่นก็ใช่ แต่มันคนล่ะเรื่องกัน…”

“พี่อยากให้เหมียวรบกวนพี่เหรอ” วิฬาร์ย้อน “พี่ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เหมียวไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพี่”

การินชะงักไปเมื่อถูกย้อนถามแบบนั้น “...ทำไมจะรบกวนไม่ได้ล่ะ แมวเหมียวเป็นน้องพี่นะ”

“อ่า…เข้าใจแล้วครับ” วิฬาร์พยักหน้าช้า ๆ เขาตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า รู้สึกแย่นิดหน่อย...แต่ตอนนี้เขาก็ทำใจได้มากแล้ว จะมีก็แค่หงุดหงิดเท่านั้น

..เข้าใจแล้วว่าเราเป็นได้แค่พี่น้องกัน จะย้ำทำไมนักหนา..

คนอายุมากกว่ามองแมวเหมียวที่เงียบไป อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจเขา คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น อยากถามว่า..เข้าใจอะไร..แต่ก็ไม่กล้า

ระหว่างคนทั้งคู่เกิดความเงียบเข้าครอบคลุม บรรยากาศอึดอัดชวนให้หายใจไม่ออก จนการินเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเลยคิดหาเรื่องชวนคุย

“เหมียวเรียนพิเศษวันไหนบ้างเหรอครับ”

วิฬาร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาสบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียว “วันจันทร์ถึงศุกร์ครับ”

“กี่โมงเหรอ”

“เก้าโมงถึงสี่โมงเย็นครับ” เหมียวตอบพลางตักข้าวต้มเข้าปากเรื่อย ๆ

“ให้พี่ไปรับไปส่งไหม”

“ไม่ครับ” วิฬาร์ตอบทันที “เหมียวอยากดูแลตัวเองให้ได้” เขารับปากกับที่บ้านไว้แล้วก็อยากจะทำให้ได้

การินนึกฉุนขึ้นมากับความดื้อแพ่งของแมวเหมียว เขาเป็นห่วง...เพราะน้องเพิ่งเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพ

“อย่าโอ๋เหมียวนักเลย” คนน้องบอกเมื่อเห็นพี่เก้าขมวดคิ้วหน้ามุ่ย “สักวันเหมียวก็ต้องโตขึ้น ต้องดูแลตัวเอง” เหมียวยักไหล่ “ไม่แน่นะ..วันใดวันหนึ่งก็อาจจะต้องดูแลลูกเมียด้วยก็ได้”

คนฟังเงยหน้าขึ้นมอง “ลูก..เมีย..เหรอ”

“อื้อ” วิฬาร์พยักหน้า “เหมียวเป็นผู้ชาย..มีลูกมีเมียแล้วแปลกตรงไหนล่ะ”

..เขาชอบพี่เก้าก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเกย์สักหน่อย..

การินกะพริบตาพยายามดึงสติตัวเองกลับมา “ไม่แปลกหรอก พี่แค่คิดว่าแมวเหมียวยังเด็กไปที่จะคิดเรื่องพวกนี้น่ะ” เขาก้มหน้าคนโจ๊กในชามไปเรื่อย ๆ

ในอกรู้สึกวูบโหวงเมื่อคิดว่าสักวันแมวเหมียวอาจจะมีครอบครัว...มีภรรยาและลูกน้อยที่น่ารัก...เหมือนกับแมวเหมียวของเขา

..คิดแค่นี้ก็ปวดหน่วงในอกขึ้นมา..

“ตอนนี้เหมียวอาจจะยังเด็กในสายตาพี่ แต่ไม่นานหรอก..เผลอแป๊บเดียวเหมียวก็โตแล้ว”

“นั่นสิเนอะ..พี่เองก็ลืมไป” การินยิ้มบาง “รีบกินเถอะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ จะได้รีบไปพักผ่อน”

ทั้งสองต่างคนต่างกินโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก วิฬาร์จ้องมองอีกฝ่ายเป็นระยะ แต่พี่เก้ากลับไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากชามข้าวตรงหน้าเลย ความรู้สึกผิดค่อย ๆ เกิดขึ้นในใจ จนพานทำให้กินไม่ลง

พี่เก้ากินเสร็จก็ลุกขึ้นเอาจานไปล้าง แมวเหมียวกลืนก้อนสะอื้นที่จู่ ๆ มันก็ตีขึ้นมา เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปใกล้อีกฝ่าย

มือบางยกขึ้นดึงชายเสื้อพี่เก้า “พี่..โกรธเหมียวเหรอ”

“...เปล่าครับ” การินเงียบไปก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

เอาจริง ๆ เขาโกรธแมวเหมียวไม่ลงหรอก อารมณ์ในตอนนี้จะเรียกว่าไม่พอใจก็ไม่ใช่ น้อยใจก็ไม่เชิงมากกว่า

“ไม่ได้โกรธแต่ทำไมไม่มองหน้าเหมียวล่ะ”

คนอายุมากกว่าล้างฟองออก เช็ดมือ แล้วถึงหันกลับมา นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองใบหน้าหงอยของน้องนิ่งก่อนจะเอ่ยถาม “ทำไมถึงคิดว่าพี่โกรธเหมียวล่ะ”

วิฬาร์เม้มปาก “พี่ไม่คุยกับเหมียว แถมเมื่อกี้ยัง...ไม่เรียกเหมียวว่าแมวเหมียวอีก”

“แล้วอย่างนั้น..คิดว่าพี่โกรธเรื่องอะไร”

“อาจจะเป็นเรื่องที่เหมียวไม่ยอมรับความเป็นห่วงของพี่..มั้งครับ”

วิฬาร์ตอบอย่างไม่มั่นใจนัก เพราะพี่เก้าเองก็หน้าตึงตั้งแต่พูดเรื่องมีลูกมีเมียแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าพี่เก้าจะไม่พอใจเรื่องนี้หรอก..ก็อีกฝ่ายบอกเองนี่นา..ว่าไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้น

“พี่โกรธแมวเหมียวไม่ลงหรอก” การินพูดเสียงอ่อนโยน

“จริงนะ” เหมียวเกาะเสื้อของพี่เก้าแล้วเงยหน้าถาม

คนสูงกว่ายิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบผม “จริงสิ อย่าห่วงเลย”

วิฬาร์ยิ้มตาม รู้สึกโล่งขึ้นมา “เหมียวน่ะ..ถูกเฮียล้อบ่อย ๆ ว่าเป็นลูกแหง่ เลยคิดว่าอยากจะโตและพึ่งพาตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ไม่ได้อยากให้พี่เก้าคิดว่าเหมียวไม่ต้องการพี่แล้วนะ”

“ครับ ๆ พี่เข้าใจแล้ว” เขาเกาท้ายทอยน้องเบา ๆ “เหมียวไปกินข้าวให้หมดเถอะ เดี๋ยวคืนนี้หิวกลางดึกไม่รู้ด้วยนะ”

คนน้องพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะผละออกไป ถึงจะรู้สึกว่าพี่เก้ามีอะไรอยู่ในใจก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้าไปแตะต้องตรงส่วนนั้นหรอก
เพราะกว่าจะตัดใจจากพี่เก้ามันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ขนาดตอนนี้เขาเองก็ยังมีความหวั่นไหวซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน เพียงแต่เขาจะไม่ขุดมันออกมาทำร้ายจิตใจของตัวเองอีกแล้ว

อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน...ในวันนี้เขาอาจจะรักพี่เก้าในแบบนี้ ต่อไปความรักก็อาจเปลี่ยนไปเป็นแบบอื่นก็ได้

อย่างที่บอกไป...ในอนาคตข้างหน้าเขาอาจจะเจอผู้หญิงดี ๆ สักคนที่พร้อมจะแต่งงานสร้างครอบครัวไปด้วยกัน แมวเหมียวอาจจะได้เป็นพ่อของเด็กสักคนหรือสองคนก็ได้ เพราะเขาชอบเด็ก

..เด็กตัวเล็ก ๆ หอม ๆ นิ่ม ๆ น่ารักดีออก..

หรือถ้าไม่เจอผู้หญิง...จะเป็นผู้ชายด้วยกันเขาก็ไม่ซีเรียสอะไร ขอแค่คนคนนั้นเป็นคนดีและรักเขาก็เพียงพอแล้ว




tbc…
สงสารพี่เก้าแกบ้างนะคะ คิกค้าก  :laugh:
 :L2:

หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-11-2019 21:24:01
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-11-2019 23:48:25
โอ่ยยยยย อึดอัดแทน
พี่เขาก็ดูไม่รู้ตัวเอง  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-11-2019 10:28:30
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 24-11-2019 09:54:12
จะลงเอยกันยังไงเนี่ยคู่นี้
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] 6.โกรธเหมียวเหรอ (22/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-11-2019 18:04:46
เพิ่งได้อ่านสนุกดีอ่ะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่พี่เก้าจะเปิดใจรับได้ว่าตัวเองก็ชอบเหมียวจริง ๆ ก่อนที่เหมียวจะตัดใจได้จริง ๆ จะแย่นะพี่เก้า
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 01-12-2019 16:49:15


ความคิดที่อยากจะทำให้แมวเหมียวเป็นของตัวเอง




“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริง ๆ เหรอ” เจ้าของห้องเอ่ยถามน้องตาละห้อย

“ไม่ครับ บอกแล้วไง..ว่าเหมียวอยากไปเอง” วิฬาร์ยืนยันคำตอบมาเป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้แล้ว

“ถ้าหลงทางหรือเกิดอะไรขึ้น..รีบโทรหาพี่เลยนะ”

วิฬาร์พยักหน้า ยิ้มน้อย ๆ ให้กับความห่วงจนเกินเหตุของคนตรงหน้า เขามายืนรอส่งพี่เก้าไปทำงานที่หน้าประตู ฝ่ามือใหญ่ลูบผมเขาอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละตัวออกไปเปิดประตูห้อง

“ไปดีมาดีน้า~” แมวเหมียวบอกโบกมือบ๊ายบาย

การินพยักหน้ารับ เขาเดินออกมาจากห้องพร้อมกับความสดชื่นที่มีมากกว่าที่เคย ความรู้สึกดีเกิดขึ้นราวกับอยู่ในภวังค์ ใบหน้าหล่อผุดยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่แมวเหมียวยืนโบกมือลา คงจะดีไม่น้อยถ้ามีน้องมาทำแบบนี้ให้ทุกวัน...

ความคิดไม่สมควรผุดแวบขึ้นมาในหัว ฝ่ามือใหญ่ลูบหน้าตัวเองอย่างต้องการจะลบมันออกจากหัวไปให้พ้น ๆ ความคิดโสโครกที่เขาพยายามฝังกลบมันลงไปให้มิด

..ความคิดที่อยากจะทำให้แมวเหมียวเป็นของตัวเอง..


.
.
.


วิฬาร์กลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เลือกเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงสีขาวห้าส่วนพอดีตัวมาใส่ เขาออกจากห้องตรงไปหยิบกล่องข้าวออกมาอุ่นไมโครเวฟ มันเป็นข้าวกล่องที่เฮียกับพี่เก้าสั่งมาจากร้านในไอจี ซึ่งครบถ้วนไปด้วยคุณค่าทางอาหารและไม่มีของที่เขาไม่ชอบกิน แต่เมื่อตักใส่ปากเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรมากนัก

..กับข้าวของแม่ยังอร่อยกว่าเยอะ..

แมวเหมียวล้างจานที่ใช้กิน หยิบเป้ที่วางบนโต๊ะขึ้นมาสะพาย ก่อนจะออกจากห้องก็เดินเช็กความเรียบร้อยตามที่แม่เคยสอนเอาไว้ ปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้ก็ต้องถอดออกให้หมด เมื่อพอใจในผลงานแล้วถึงได้เดินทางไปเรียนพิเศษ

เฮียจองคอร์สเรียนพิเศษที่ไม่ใช่ของโรงเรียนติวชื่อดัง แต่เป็นคอร์สของนักศึกษาระดับประเทศที่มารวมตัวกันเปิดคอร์สติวเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งรับนักเรียนต่อห้องแค่ 15 คน ถ้าให้แมวเหมียวเดานะ..เฮียคงจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมากพอสมควรแน่เลย

วิฬาร์ถึงห้องเรียนก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนจะหาที่นั่งก็จัดการลงชื่อและรับเอกสารการเรียนกับพี่คนสวยที่หน้าห้อง เขาเลือกที่จะนั่งตรงมุมหลังห้องเงียบ ๆ คนเดียวไม่สนใจใคร

“นาย ๆ”

แมวเหมียวหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากข้าง ๆ “อะไรเหรอ”

“ขอนั่งข้าง ๆได้ไหม”

แมวเหมียวมองไปรอบ ๆ ห้อง ที่ว่างก็เหลือเยอะแยะ..ทำไมจะต้องมานั่งติดกันด้วย “ตามใจสิ” แต่ก็ต้องตอบอีกคนไปตามมารยาท

อีกฝ่ายยิ้มกว้างก่อนจะทรุดตัวนั่ง ใบหน้าขาวหันกลับมาสนใจหนังสือนิยายในมือต่อ แต่ก็ถูกสะกิดที่แขนอีกครั้ง แมวเหมียวหันกลับไปมองด้วยใบหน้านิ่ง รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน

“เราชื่อศรุตหรือจะเรียกว่ารุตก็ได้ นายชื่ออะไรเหรอ”

“...เหมียว”

“น่ารักจัง เอ่อ..หมายถึงชื่อน่ะ น่ารักดี” ศรุตเกาหัวแกรก ๆ หัวเราะแฮะ

“ขอบใจ” วิฬาร์ยิ้มที่อีกฝ่ายชมชื่อที่แม่ตั้งให้ว่าน่ารัก ดู ๆ ไปหมอนี่ก็ตลกดี..ถึงจะน่ารำคาญไปสักนิดก็เถอะ

ศรุตใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นเพื่อนใหม่ยิ้ม เขาจ้องอีกคนมาตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องแล้ว ความประทับใจแรกที่ทำให้เข้ามาทักทายก็คือความน่ารักที่จับใจเขาเหลือเกินนี่แหละ

“เวลาที่นายยิ้มก็น่ารักนะ” เขาเอ่ยชม

วิฬาร์หุบปากฉับ ไม่มีผู้ชายที่ไหนชอบเวลาที่ถูกชมว่าน่ารักหรอกนะ แล้วอีกอย่าง..คนที่จะชมเขาได้ก็มีแค่ป๊า แม่ เฮีย กับพี่เก้าเท่านั้น

“ห้ามบอกว่าเราน่ารักอีก”

“ขอโทษ ๆ” ศรุตบอกด้วยหน้าตารู้สึกผิด เห็นอีกฝ่ายหันกลับไปเลื่อนมือถือเล่นเขาก็เลยชวนคุยต่อ “นายมาจากโรงเรียนไหนอะ”

“โรงเรียน***”

“ไม่เห็นคุ้นเลย”

“เรามาจาก***น่ะ”

“อ๋อ” ศรุตพยักหน้า “แล้วนี่นั่งรถตู้มาเรียนเหรอ”

“...นายจะถามอะไรเยอะแยะนักเนี่ย” วิฬาร์ย้อนถาม สงสัยว่าอีกฝ่ายจะอยากรู้เรื่องอะไรของเขานักหนา “ให้เราเขียนใบประวัติให้นายอ่านเลยไหม”

“อ่า...โทษที” ศรุตอึ้ง เขาไม่เคยเจอใครพูดขวานผ่าซากใส่ขนาดนี้มาก่อน “พอดีเราไม่มีเพื่อนมาเรียนที่นี่ด้วย เลยอยากรู้จักนายน่ะ ถ้าเรารบกวนมากไปก็โทษทีนะ”

“เดี๋ยว!” แมวเหมียวเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจะย้ายที่หนี เขารู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีออกไป ทั้งที่แค่อีกฝ่ายก็แค่อยากผูกมิตรด้วย “คือ..เราขอโทษนะ..ที่พูดไม่ดีกับนาย”

วิฬาร์ถูกว่าอยู่บ่อย ๆ ถึงเรื่องที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ขี้รำคาญ และมักพูดจาขวานผ่าซาก

“ไม่เป็นไร ๆ” ศรุตโบกมือ “เราก็เซ้าซี้นายมากเกินไปเหมือนกัน”

ยิ่งศรุตเป็นคนดีเท่าไหร่แมวเหมียวก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดีมากเท่านั้น

“คือ..นั่งด้วยกันก็ได้นะ..เราเองก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” วิฬาร์พูดด้วยความกระดากจากเรื่องที่ทำไม่ดีไปเมื่อครู่

ศรุตไม่ใช่คนที่โกรธใครง่าย เพียงแค่เหมียวขอโทษเขาก็ยินดีแล้ว เขานั่งลงที่เดิมพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนใหม่

“นาย..ตัวสูงดีจัง” แมวเหมียวทัก

“เราเล่นบาสน่ะ แต่จริง ๆ กรรมพันธุ์บ้านเราก็สูงอยู่แล้วนะ”

..ทีบ้านเขานี่เฮียตัวเบ้อเริ่มเลย ทำไมเขาไม่เห็นจะสูงเหมือนเฮียบ้าง..แมวเหมียวคิดในใจ

ศรุตเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี และตัวสูงโปร่ง เด็กสาวคนอื่นในห้องต่างมองมาที่เขาเป็นระยะ แต่น่าเสียดายที่ศรุตไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ เพราะเขา...ชอบผู้ชาย

..โดยเฉพาะเพื่อนใหม่คนนี้..


.
.
.


การินกลับมาถึงคอนโดตอนที่ฟ้าหมดแสงแล้ว งานในวันจันทร์ช่วงปลายเดือนมักจะยุ่งแบบนี้อยู่เสมอ กว่าจะฝ่ารถติดกลับมาถึงห้องได้ก็ทำเอาแทบหมดแรง ดีที่ว่าพรุ่งนี้เข้างานช่วงสายได้

ตอนที่เปิดประตูเข้าไปเขานึกว่าจะไม่เจอแมวเหมียวซะแล้ว แต่น้องกลับวิ่งมาต้อนรับเขาพร้อมรอยยิ้มทำเอาชื่นใจชะมัด

“มา ๆ เหมียวช่วย” วิฬาร์ยื่นมือไปหมายจะคว้ากระเป๋าทำงานของพี่เก้ามาถือ แต่คนพี่กลับส่งเสื้อสูทให้

“แมวเหมียวกินอะไรหรือยังครับ” การินถาม วางกระเป๋าบนโซฟา เขาดึงเนกไทที่คลายแล้วออกทิ้งไปบนโซฟา ปลดกระดุมข้อมือแล้วพับแขนเสื้อขึ้น เตรียมหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น

“เหมียวกินขนมไป..” น้องตอบ “ข้าวเย็นก็รอกินกับพี่ไง!” รีบตอบเสียงดังเพราะเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

การินส่ายหน้า “วันหลังถ้าดึกขนาดนี้ไม่ต้องรอนะรู้ไหม”

แมวเหมียวหน้าหงอยลง “...ครับ”

การินชะงักไปเมื่อเห็นน้องมีสีหน้าหมองลง เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย วางมือใหญ่ลงบนหัวกลม “ขอโทษนะ พี่ลืมไปว่าแมวเหมียวไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”

วิฬาร์ก้มหน้าเม้มปากเก็บความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ ทั้งที่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาไม่ควรเอามันมาทำให้เป็นเรื่อง เขาจะมาเอาแต่ใจเป็นเด็กไม่ได้แล้ว

ยิ่งเห็นว่าน้องก้มหน้าคางแทบจะชิดอกอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด คว้ามือเล็ก ๆ ของน้องขึ้นมาจับเอาไว้ทั้งสองข้าง

“พี่ขอโทษที่พูดไม่ดีกับแมวเหมียวนะ”

คนอายุน้อยกว่ารีบเงยหน้าขึ้น “ไม่ ๆๆ พี่ไม่ผิดอะไร..ไม่ต้องขอโทษเหมียวหรอก”

การินเห็นขอบตาแดง ๆ ของน้องใจก็อ่อนยวบลงไปอีก เขาดึงมือของแมวเหมียวขึ้นมา ฝั่งจมูกลงไปบนหลังมือขาว “พี่..”

แมวเหมียวไม่รอให้พี่เก้าพูดจบ เจ้าตัวดึงมือออกด้วยความตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น…

“ไม่เป็นไรนะ” เขาพยายามพูดให้เป็นปกติที่สุด ยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไร ก่อนจะเดินปลีกตัวไปทางครัว “เราไปกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวเหมียวอุ่นให้”

การินเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ปิดตาลง หัวเสียกับตัวเองที่ทำอะไรไปไม่คิดก่อน จนอารมณ์มันเริ่มคงที่การินถึงตามน้องไปที่ครัว

“ดีที่พี่สั่งข้าวกล่องมาไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำ” วิฬาร์บอกเมื่อพี่เก้าเดินมาใกล้

“เหมียวอุ่นแซลมอนย่างเกลือให้พี่นะ” เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบอะไรเขาก็เลยพูดไปเรื่อย

..ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมันเปลี่ยนไป..

“ไม่รู้ว่าพี่ชอบ..” เหมียวสะดุ้งเมื่อถูกจับเข้าที่ข้อมือ เขายืนนิ่งอยู่กับที่..ไม่กล้าขยับ

“ไปนั่งรอเถอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง”

วิฬาร์ขยับตัวออกไปเมื่ออีกฝ่ายปล่อยข้อมือ เขาขยับไปนั่งรอที่โต๊ะเงียบ ๆ แต่ในใจกลับว้าวุ่น เพราะพี่เก้า...ปฏิบัติกับเขาแปลกไป นึกไม่ออกว่าอะไรทำให้มันแปลกไปได้ขนาดนี้

คนอายุมากกว่าวางจานข้าวลงตรงหน้าน้องก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม แมวเหมียวยังนิ่งไม่ขยับเขยื้อน..เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“แมวเหมียวครับ” การินเรียก ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ หันมาจ้องเขา “กินข้าวเร็ว เดี๋ยวปวดท้องนะ”

คนถูกทักพยักหน้าสองสามทีอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะตักข้าวเข้าปากทั้งที่ยังร้อน

“อ้อน(ร้อน)!!” แมวเหมียวร้องข้าวเต็มปาก เจ้าตัวตาเหลือกดีดดิ้นไปมาพร้อมกับเป่าลมผ่านข้าวในปาก

การินตกใจที่เห็นน้องกระโดดโหยง ๆ เขาวิ่งไปหยิบน้ำเย็นในตู้ ส่งให้หลังจากที่แมวเหมียวกลืนอาหารลงไปแล้ว

“เหม่ออะไรเนี่ย” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

วิฬาร์หน้างอ ใครจะไปกล้าพูดล่ะว่าเป็นเพราะอีกฝ่าย เขาอมน้ำไว้ในปากสักพักก่อนจะกลืน

“ก็..เหมียวหิวนี่นา”

“วันหลังถ้าพี่บอกว่ากลับดึก..ให้กินไปก่อนได้เลยนะรู้ไหม ไม่ต้องรอพี่” การินบอก “เดี๋ยวโรคกระเพาะก็กำเริบอีก”

คนน้องพยักหน้าอย่างจำยอม ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา...ที่มีแม่คอยกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ พี่เก้าต้องทำงานจะมาคอยเอาอกเอาใจเขาตลอดไม่ได้หรอก แมวเหมียวตระหนักอะไรบางอย่างได้

..การจะโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งแรกที่จะต้องทำให้ได้คือกินข้าวคนเดียวให้เป็นสินะ..


.
.
.


“แล้ววันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง” การินเอ่ยถาม

“ก็ดีครับ พี่เขาสอนสนุก มีวิธีทำให้จำสูตรได้ง่ายมากขึ้น” วิฬาร์ตอบขณะที่กำลังกินไอศกรีมบนโซฟาหน้าทีวี

“หาเพื่อนได้หรือยังครับ”

เหมียวพยักหน้า “มีแล้วครับ ไอ้นี่มันเข้ามาตื๊อถามโน่นถามนี่อยู่นั่นแหละ ตอนแรกเหมียวรำคาญมันมากเลย แต่พอได้คุยกันจริง ๆ มันก็นิสัยดีนะ”

“เพื่อนผู้ชายเหรอ”

“ครับ ชื่อศรุต”

การินที่เอนหลังอยู่พยักหน้าเนือย ๆ เขายินดีที่น้องหาเพื่อนได้ เพราะแมวเหมียวไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครง่ายนัก ตอนสมัยยังเด็กก็ไม่ยอมให้ใครอุ้มนอกจากคนในครอบครัวกับเขาแค่สี่คนเท่านั้น

“พี่เก้าล่ะ..วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม”

คนถูกถามเอียงคอมองน้องพร้อมกับยิ้มบาง “เหนื่อยสิ แต่พี่เห็นแมวเหมียวใกล้ ๆ แบบนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว”

วิฬาร์ย่นจมูกเมื่อได้ยินคำตอบที่สวนทางกับความเป็นจริง ก็เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายดูอ่อนล้าเหลือเกิน “อย่ามาหลอกเลย”

“หลอกได้ไง พี่ไม่ใช่ผีสักหน่อย”

ใบหน้าน่ารักง้ำงอเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดกวนประสาท “คนเขาเป็นห่วงแท้ ๆ” เจ้าตัวพึมพำ..จงใจให้พี่เก้าได้ยิน

“อย่างอนพี่เลย” การินบอก “มานวดบ่าให้พี่หน่อยสิ” เขาบอกน้องที่ทำหน้าตูมอยู่ข้าง ๆ พลางตบลงบนบ่าที่ตึงจนปวดไปหมด

วิฬาร์เหลือบตามองพี่เก้าที่ขยับหมุนหัวไปมา ตอนแรกว่าจะไม่สนใจ..แต่ได้ยินเสียงกระดูกลั่นก็อดไม่ได้ ร่างบอบบางขยับเข้าไปใกล้ ๆ

“หันหลังมาสิ”

“แบบนี้ดีกว่า” การินจับน้องให้นั่งห้อยขาส่วนตัวเองทรุดลงนั่งกับพื้นระหว่างขาทั้งสองข้างของแมวเหมียวเขาเงยหน้าขึ้นหนุนขาน้องเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ลงมือสักที “นิ่งอะไรล่ะครับ..นวดสิ”

เส้นผมของพี่เก้าปัดโดนขาแมวเหมียวจนเจ้าตัวสะดุ้ง เพราะเขาใส่กางเกงขาสั้น...ก็เลยโดนเต็ม ๆ แต่พออีกคนทักท้วง ฝ่ามือทั้งสองข้างก็เลยต้องทำงานตามที่เขาได้ออกปากไป

“อืม..ตรงนั้นแหละ..กดแรงอีกหน่อยครับ”

วิฬาร์ตั้งอกตั้งใจเพ่งสมาธิไปที่การนวดอย่างเต็มที่ สมองจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านอะไรอีก แต่พอเผลอสายตาก็เหลือบมองไปตามกล้ามเนื้อด้านหลังของอีกฝ่าย พี่เก้าตัวใหญ่กว่าเขามาก ก็แน่ล่ะ..ในเมื่อเจ้าตัวมีเชื้อสายเยอรมันครึ่งหนึ่งอยู่ในตัว เขาเองก็อยากจะมีรูปร่างที่สมชายชาตรีอย่างพี่เก้าบ้าง แต่ถ้ามันจะต้องเหนื่อยแบบที่เฮียบอก..เขายอมตัวแค่นี้ก็ได้วะ

“พอได้ยังอะ เหมียวปวดมือไปหมดแล้ว” แมวเหมียวเริ่มงอแง

การินขยับคอ หมุนไหล่ไปมา “อืม..พอได้แล้วล่ะ” เขาหมุนตัวกลับมาก็เจอแมวเหมียวจ้องเขาอยู่ “ขอบใจมากนะ”

คนน้องหลบตาวูบ ค่อย ๆ ยกขาขึ้นขยับขึ้นไปบนโซฟา กางเกงขาสั้นร่นลงต่ำเห็นอะไรต่อมิอะไรวับ ๆ แวม ๆ การินเฉสายตามองไปทางอื่นทันที เขารู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย...รู้สึกตกใจกับตัวเองที่คิดอคติกับเด็กคนที่เขาเห็นและดูแลมาแต่เล็กแต่น้อยคนนี้ได้

หลังจากที่การินได้มีสัมพันธ์ทางกายกับชายแปลกหน้าที่ห้องน้ำในผับวันนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองแปลกไป…

จากที่ไม่เคยมีความคิดความรู้สึกในทางที่ไม่ดีกับแมวเหมียว กลับเกิดขึ้นอย่างควบคุมแทบไม่ได้ เขาพยายามแล้ว..พยายามอีก

..แต่มันก็มักจะเกิดอยู่ทุกขณะจิต..

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” การินลุกขึ้นทั้งที่ยังพูดไม่จบเพราะไอ้น้องชายไม่รักดีใต้กางเกงทำงานเริ่มมีอาการขึ้นมา...เพียงแค่เห็นขาอ่อนของแมวเหมียว

วิฬาร์ที่นั่งชันเข่ากดเกมในมือพยักหน้าโดยไม่ได้มองคนพูด เพราะเจ้าตัวเองก็กำลังดึงความสนใจของตัวเองไปอยู่ที่เกมตรงหน้าเหมือนกัน

คนอายุมากกว่ากลับเข้าห้อง เขาถอดเสื้อผ้าออกทิ้งลงตะกร้า แล้วจึงเดินเปลือยเข้าห้องน้ำ การินเปิดฝักบัวรดหัวตัวเอง..หวังว่าจะให้ความรุ่มร้อนของตัวเองจางหายไปกับสายน้ำ

การินเสยผมที่เปียกน้ำขึ้นอย่างหงุดหงิด เพราะแทนที่น้ำเย็นจะช่วยให้ส่วนนั้นของเขามันสงบ แต่สิ่งที่ทำให้มันยิ่งรุนแรงก็เป็นเพราะเสี้ยวความคิดของเขาจินตนาการถึงคืนนั้น แต่คนที่เขากระทำด้วยไม่ใช่ชายหนุ่มคนเดิม

..แต่กลับเป็นแมวเหมียว..




tbc…
พี่เก้า~ไอ้คลบ้าาา~
ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยเซ่!
 :hao7:




หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-12-2019 20:09:23
แมวเหมียวตัวน้อยกำลังจะโดนงาบแล้วนะไอ้พี่เก้า มัวจ้องอยู่นั่นแหละ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 01-12-2019 21:45:12
เอาแล้วพี่เก้าไม่รู้ตัวแน่ๆ มีคนชอบน้องเหมียวอีกคนแล้วน้าาา
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-12-2019 22:40:34
พี่เก้ารีบรู้ตัวได้แล้ววว T_T
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-12-2019 11:07:24
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 7 หน้า 2 (01/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-12-2019 16:04:31
ระวังเถอะสุนัขจะคาบรับประทานนะคะ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 11-12-2019 11:58:11




พี่ว่า..เหมียวควรจะลองดูดีไหม




“เดี๋ยวไปหาไรกินกันดีไหม” ศรุตถาม วันนี้พวกเขาเลิกเรียนเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมงเพราะเป็นวันศุกร์ เขาอยากจะสนิทกับเหมียวมากกว่านี้ เลยหาเรื่องชวนไปเที่ยวด้วยกัน

คนถูกถามหยุดคิดเล็กน้อย “จะไปไหนล่ะ”

“ที่ห้าง***อะ ไปกินชาบูกัน”

“เอาสิ” แมวเหมียวเห็นว่าไม่ไกลจากที่นี่มากนักเลยตอบตกลงไป “แต่ไม่เอาบุฟเฟต์นะ เรากินไม่เยอะ มันไม่คุ้ม”

ศรุตหัวเราะ “ถึงว่า..ตัวเล็กจัง”

“ตัวเล็กแล้วไงวะ” วิฬาร์พูดสวนทันที คิ้วขมวดแน่น

ศรุตเหวอไปเล็กน้อย “ก็ไม่ยังไงหรอก…” พูดพร้อมกับหัวเราะแฮะ

เหมียวกระแอม “โทษที”

“ไม่เป็นไร ๆ ทำตัวสบาย ๆ จะพูดกูมึงหรือจะด่าเราก็ได้นะ” ศรุตบอก  เขาเองเวลาที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนก็ไม่ได้พูดสุภาพอะไรกันอยู่แล้ว

“เอ้า แล้วมึงก็ไม่บอกกันตั้งแต่ทีแรก กูก็เกร็งซะตั้งนาน”

ศรุตเหวออีกรอบก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดัง เห็นหน้าตาน่ารักก็ไม่คิดว่าเหมียวจะเป็นคนแบบนี้

“หัวเราะอะไร”

“ก็มันตลกดี” เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นตัวของตัวเองบ้าง “จังหวะเมื้อกี้ซิทคอมฉิบหาย”

“ปกติกูไม่ใช่คนพูดหยาคายมากหรอกนะ แต่ให้มาเรา ๆ นาย ๆ กับเพื่อนมันก็ไม่ถนัดอะ”

ศรุตพยักหน้าเข้าใจ “งั้นวันนี้กูกับมึงไปหาอะไรกินกัน โอเค๊”

“เออ ๆ” วิฬาร์ตอบรับ “แต่เดี๋ยวของไลน์บอกพี่ก่อน” เขากดส่งข้อความหาพี่เก้าเพื่อบอกว่าอาจจะกลับถึงบ้านช้าและจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนที่ห้าง

เหมียวเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ไม่รอให้อีกคนตอบกลับ เพราะคิดว่าคงไม่มีเวลาว่าง..น่าจะกำลังทำงานอยู่

แต่เครื่องมือสื่อสารที่เพิ่งเก็บไปกลับสั่นขึ้นมา เป็นพี่เก้าที่โทรกลับมาทันที แมวเหมียวเอียงคอมองก่อนจะรับสาย

‘เพื่อนน่ะ..คนที่เล่าให้ฟังเหรอ’ การินถามเสียงห้วน

“..ครับ” คนน้องตอบกลับงง ๆ

‘จะกลับกี่โมงครับ พี่จะไปรับเอง’

“ไม่เป็นไรครับ เหมียวกลับเองได้”

‘พี่อยู่แถวนั้นพอดี’ การินพูดปด ‘ไม่ลำบากหรอก’

แมวเหมียวเม้มปาก “แป๊บนะพี่” เขาหันไปถามศรุตที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ “มึง ๆ เราจะเสร็จประมาณกี่โมงวะ พี่กูเขาจะไปรับ”

คนถูกถามก้มมองนาฬิกาข้อมือ “สักห้าโมงมั้งนะ”

วิฬาร์พยักหน้ารับก่อนจะบอกเวลาไป

‘โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไปรับ..เที่ยวให้สนุกนะ’ การินบอกน้ำเสียงดีขึ้นก่อนจะวางสายไป

ศรุตที่ทำเหมือนไม่สนใจแต่หูนี่ผึ่งฟังแล้วเก็บทุกเม็ด นั่นทำให้เขาคิดว่าพี่ของอีกฝ่ายท่าทางจะหวงน้องน่าดู แต่มันก็น่าอยู่หรอก..ก็มีน้องน่ารักขนาดนี้

“ไปกันเหอะ” แมวเหมียวเก็บของเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมศรุต


.
.
.


ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าร้านสเต๊กแทนที่จะเป็นชาบูอย่างที่ตกลงกันไว้ เพราะวิฬาร์อยากกินสลัดบาร์ และศรุตเองก็ตามใจ ในร้านคนไม่ค่อยเยอะนัก อาจจะเป็นเพราะเป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว

วิฬาร์เลือกสั่งปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด เขาไม่ใช่สายกินเนื้อ เพราะมันย่อยยาก..กินทีไรท้องอืดทุกที

“ไปตักสลัดก่อนนะ” เขาบอกศรุต อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ ในขณะที่เขาเป็นสายกินผัก ในขณะที่เพื่อนใหม่ของเขาเป็นสายกินเนื้อที่ไม่แตะผักเลย

แมวเหมียวตักผักใส่จานอย่างละนิดหน่อย พร้อมกับซุปเห็ดกลับไปกินด้วย

“กินน้อยจริง” ศรุตมองก่อนจะพูด “แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งกระเพาะกูเลย”

“กูก็กินแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” แมวเหมียวส่ายหัวยิ้มขำ แม่เล่าให้ฟังว่าเขากินน้อยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว คะยั้นคะยอให้กินเยอะไปก็มีแต่จะอ้วกออกมาหมด หลังจากนั้นก็เลยให้กินแต่พอดี

“เพราะแบบนี้มึงเลยโตช้าหรือเปล่า”

วิฬาร์มองค้อนก่อนจะด่า “ไอ้ควาย”

ศรุตหัวเราะเอิ๊ก ๆ เขาคิดว่าเพื่อนใหม่คนนี้น่าจะเปิดใจให้เขามากขึ้นแล้ว จากที่เริ่มแรกอีกฝ่ายดูเป็นคนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ซะเลย จนตอนนี้เขาสามารถพูดเล่นแบบนี้ได้ นั่นอาจจะแปลว่าพวกเขาสนิทกันไปอีกขั้นแล้วล่ะมั้ง

“แล้ว..มึงมีแฟนหรือยัง” ศรุตเอ่ยถาม อย่างน้อยก่อนจะลงมือจีบเขาก็อยากรู้ว่าเหมียวมีใครหรือเปล่า

คนถูกถามชะงักไปก่อนจะส่ายหัว “ไม่มี”

“กูก็ยังไม่มีแฟนนะ”

“ใครถามมึง”

ศรุตหัวเราะอีกครั้งเมื่อถูกย้อน “ไม่มีใครถาม..กูอยากเสนอตัวเองแหละ”

แมวเหมียวขมวดคิ้วมองหน้าศรุตงง ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะสื่อเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่คิดจะถามเพื่อให้หายงง ก้มหน้าจิ้มผักในจานเคี้ยวต่อ

“นี่มึงจะไม่ถามสักนิดเลยเหรอ”

“ถามไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่กูอยากเสนอตัวไง”

วิฬาร์ใช้ความคิดพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ “ไม่อะ ไม่เห็นอยากรู้เลย”

“งั้นเดี๋ยวกูบอกเอง” ศรุตก็ไม่คิดจะย่อท้อกับความซื่อของคนตรงหน้า

“แล้วมึงจะถามเพื่อ” แมวเหมียวบ่นพลางคนซุปในถ้วยให้คลายร้อน

“กูเสนอตัวให้มึงไง”

วิฬาร์ที่กำลังจะอ้าปากงับผักกาดแก้วชะงักค้างอยู่กับที่ ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองหน้าอีกคนที่พูดประโยคแปลก ๆ ใส่เขา

“ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ล่ะก็..กูสนใจมึง..และถ้ามึงสนใจ”

“เดี๋ยว ๆๆ”

ศรุตหยุดปากตัวเองเมื่อคนตรงข้ามยกมือขึ้นห้าม

“พล่ามอะไรของมึงเนี่ย” วิฬาร์ขมวดคิ้วแน่น “กูผู้ชายนะเว้ย”

“เสียงเบาหน่อยสิ” คนตัวใหญ่กว่าเอ่ยอย่างใจเย็น เขาไม่โกรธที่เหมียวใช้คำแรง..ที่เป็นปัญหาน่ะคือเสียงดังต่างหาก

คนถูกปรามพยายามตั้งสติก่อนจะย้อนถามด้วยเสียงที่เบาลง “นี่มึงบ้าไปแล้วเหรอ”

“มึงเห็นกูเหมือนคนบ้าหรือเปล่าล่ะ” ศรุตย้อนกลับด้วยใบหน้ายิ้ม

“กูว่ามึงบ้า” เหมียวหยุดพูดเมื่ออาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ ตากลมจ้องศรุตที่กำลังกลั้นหัวเราะเขม็ง

“อย่าโมโหสิวะ” ศรุตบอก “มึงไม่ชอบกูเหรอ”

วิฬาร์ถอนหายใจ “ไม่ใช่แบบนั้น”

“หรือมึง..มีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

แมวเหมียวเม้มปาก “กูกำลังอยู่ในระยะพยายามตัดใจอยู่”

“ทำไมล่ะ” ศรุตถาม “เขาไม่ชอบมึงเหรอ”

“ไม่หรอก...” วิฬาร์หลุบตาลง “แต่พวกเราทั้งคู่..มันไม่สามารถเป็นไปได้”

ศรุตเงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น รับรู้ได้ถึงความเสียใจของอีกฝ่าย..ผ่านสีหน้าและน้ำเสียง เขารู้ว่าความรักที่ไม่สามารถเป็นไปได้มันทรมานมากแค่ไหน

“บางทีการเปิดใจเพื่อใครสักคนมันอาจจะช่วยให้มึงตัดใจจากเขาคนนั้นได้ก็ได้นะ” ศรุตบอก

วิฬาร์เงยหน้าขึ้นสบตากัน อีกฝ่ายไม่มีทีท่ากวนประสาทอย่างเมื่อครู่อีก เขาลองใช้ความคิดกับสิ่งที่ศรุตบอก

แมวเหมียวถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหิน ประกอบกับเป็นพวกชอบเก็บตัวอยู่บ้าน..ไม่ได้ออกไปเจอใครมากนัก เขาไม่เคยคิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่พี่เก้าเพียงคนเดียวที่เขาจะชอบได้มาก่อน

“ว่าไง...จะลองเปิดใจให้กูดูไหม”


.
.
.


ศรุตยืนเป็นเพื่อนเหมียวที่กำลังรอให้พี่มารับกลับบ้านอยู่ริมถนน รูปร่างสูงใหญ่ประกอบรวมกับใบหน้าที่เรียกว่าดูดี ส่งผลให้ใครต่อใครต่างมองมาไม่ขาดสาย

วิฬาร์ลอบมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันด้วยความสงสัย หมอนี่ก็รูปร่างหน้าตาดีทำไมถึงได้มาสนใจคนหน้าตาธรรมดาแถมยังตัวเตี้ยแบบเขาได้ ทั้งที่ก็น่าจะหาคนที่ดูดีกว่าเขาได้ไม่ยาก

ศรุตบอกว่ายังไม่ต้องคบกันตอนนี้ก็ได้..อยากให้ลองศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันไปก่อน..

‘พอดีกูไม่รีบ’ มันว่าอย่างนั้น

แมวเหมียวคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร บางทีศรุตอาจเป็นคนที่ทำให้เขาตัดใจจากพี่เก้าได้ในสักวันหนึ่งก็ได้ มันเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี..ออกจะเข้ากันได้ดีด้วยซ้ำ พวกเขาชอบอ่านหนังสือและดูหนังในสไตล์เดียวกัน ชอบเล่นเกมแนวเดียวกัน มีความคิดต่อเรื่องราวต่าง ๆ ไปในทิศทางคล้ายกัน

วิฬาร์จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าพี่เก้าขับรถมาเทียบฟุตปาธตรงหน้าแล้ว เป็นศรุตที่เห็นคนในรถเปิดกระจกแล้วมองตรงมาที่พวกเขา มือใหญ่สะกิดเรียกคนที่กำลังยืนเหม่อ

“เหมียว พี่มึงหรือเปล่าอะ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะอีกฝ่ายหน้าตาคนละโลกกับเพื่อนเขาคนนี้เลย

แมวเหมียวได้สติขึ้นมามองตรงไปเห็นพี่เก้ามองมาด้วยใบหน้านิ่ง “ใช่ ๆ กูไปก่อนนะ” มือขาวยกขึ้นมาโบกบ๊ายบายก่อนจะวิ่งออกไป

“วันจันทร์เจอกัน” ศรุตบอกพร้อมยกมือขึ้นโบกกลับ ยืนส่งจนรถที่เพิ่งมาจอดขับออกไป

วิฬาร์ยกมือขึ้นไหว้คนอายุมากกว่าทันทีที่ขึ้นมาบนรถ “สวัสดีครับ”

“อืม..” การินตอบสั้น ๆ เขากดอารมณ์ไม่พอใจที่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนยืนส่งแมวเหมียวของเขาด้วยสายตาแบบนั้น..สายตาที่ไม่ได้ไว้ใช้มองเพื่อนด้วยกัน

..อารมณ์คุกรุ่นนี้ทำให้เขาหลงลืมไป..ว่าตนเองมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจ..

บรรยากาศในรถเงียบสงัด วิฬาร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เขาเหลือบมองพี่เก้าเป็นระยะ อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาจนดูน่ากลัว เมื่อเช้านี้ยังดี ๆ อยู่เลย..หรือว่าเป็นเพราะงานที่ทำมีเรื่องเครียด

“พี่เก้า..ทำงานเหนื่อยเหรอ” วิฬาร์เอ่ยทำลายความเงียบ “หน้าเครียดเชียว”

การินถอนหายใจ..รู้สึกไม่ดีที่ทำให้น้องเป็นกังวล พยายามไล่ความขุ่นข้องหมองใจออกไป ฝ่ามือใหญ่ขยับไปลูบท้ายทอยของแมวเหมียว

“พี่ขอโทษนะ”

“ขอโทษ..เรื่องอะไรเหรอ”

“ที่ทำให้เหมียวเป็นห่วงไงครับ”

คนน้องส่ายหัวถูกับฝ่ามือใหญ่ของพี่เก้าอย่างออดอ้อน “ไม่เป็นหรอกครับ..พี่กับเหมียวอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นห่วงกันอยู่แล้ว”

อารมณ์เมื่อสักครู่ค่อย ๆ คลายลงเมื่อเจอความอ้อนของแมวเหมียวเข้าไป


.
.
.


“แมวเหมียวกินอะไรมาหรือยัง” การินเอ่ยถามตอนที่ถึงห้องแล้ว

“กินมาแล้วครับ” ตอบพลางเก็บรองเท้าเข้าที่ให้เป็นระเบียบ

คนอายุมากกว่าพยักหน้าเป็นอันเข้าใจว่ามื้อนี้เข้าต้องกินข้าวคนเดียว การินพับแขนเสื้อขึ้นก่อนจะไปล้างมือเตรียมตัวอุ่นกับข้าวที่สั่งมาแช่ไว้ในตู้ ทั้งหมดนี่ก็ของน้องทั้งนั้น เพราะเวลาที่เขาอยู่คนเดียวก็มักจะหากินจากข้างนอกก่อนเข้าบ้านเสมอ

“พี่ไปอาบน้ำเถอะ” วิฬาร์เดินเข้ามาจิ้มเอวพี่เก้าที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าตู้เย็น “เดี๋ยวเหมียวเตรียมมื้อเย็นให้พี่เอง” เขาเห็นอีกฝ่ายเหนื่อยและเครียดกับงานก็เลยอยากให้ไปอาบน้ำ..จะได้สบายตัว

“ไม่เป็นไรครับ..แมวเหมียวไปพักเถอะ”

เจ้าตัวส่ายหน้า “เหมียวจะอุ่นข้าวให้พี่”

“ดื้อเอ๊ย!” การินดึงจมูกรั้นเบา ๆ เขาขยับตัวออกเพื่อให้น้องได้แทรกตัวเข้าไป

“พี่อยากกินอะไร ระหว่างแกงเขียวหวานกับไก่กระเทียม” เหมียวถามชูกล่องข้าวในมือทั้งสองข้างสลับไปมา

การินยิ้มเอ็นดู “ไก่กระเทียมครับ”

“อะเค~” คนน้องเอากล่องที่ไม่ถูกเลือกยัดกลับเข้าตู้เย็นเหมือนเดิม “มองไรอะ ไปอาบน้ำสิ~”

คนที่กำลังยืนพิงกำแพงมองน้องทำโน่นนี่ให้ขานรับก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องไปพร้อมกับหัวใจอิ่มเอม

การินออกมาอีกทีแมวเหมียวก็จัดการตั้งโต๊ะรอไว้เรียบร้อย ส่วนเจ้าตัวแสบก็นั่งละเลียดเครปเค้กที่ตนซื้อไว้ให้

“อร่อยไหม” เขาถามพร้อมกับนั่งลง

วิฬาร์พยักหน้าทั้งที่ปากยังอมช้อน “พี่ซื้อจากที่ไหนมาเหรอ”

“ร้านของเพื่อนน่ะ ถ้าชอบวันหลังพี่จะได้ซื้อมาให้อีก” การินบอกก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

“ขอบคุณครับ” คนอายุน้อยกว่าบอกอารมณ์ดี

“แล้ว...คนนั้นน่ะ..เพื่อนที่ว่าเหรอ” การินถามขึ้น

“หืม” เหมียวเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร “อ๋อ ใช่ครับ..ที่เหมียวเคยเล่าให้ฟังไง”

“ไม่เห็นแนะนำให้พี่รู้จักเลย”

“เอ่อ…” คนอายุน้อยกว่ากะพริบตา ตอนนั้นคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ลืมไปเลย “เหมียวขอโทษครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้ ฝ่ามือถูกันไปมา “ไว้โอกาสหน้าเหมียวจะแนะนำให้รู้จักกับพี่นะ”

การินพยักหน้ายิ้มบาง..เขาไม่ได้ถือโทษโกรธน้องหรอก

“คือว่า...เหมียวขอปรึกษาอะไรพี่หน่อยได้ไหมอะ” แมวเหมียวเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้เมื่อพี่เก้าถามถึงศรุต เขาไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร คนที่คุยเรื่องนี้ด้วยได้ก็น่าจะมีแค่พี่เก้าเพียงคนเดียวด้วย

“ได้สิ ว่ามาเลย” การินตั้งใจรอฟัง

“คือ...ไอ้ศรุตคนที่พี่เจอเมื่อเย็นนี้อะ” วิฬาร์เม้มปาก “มันบอกว่ามันสนใจเหมียว”

การินนิ่งอึ้งไป…

“เหมียวก็บอกมันไปแล้วนะว่าเหมียวยังไม่พร้อม แต่มันบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้ มันบอกลองเปิดใจศึกษากันดูไปก่อน ให้เหมียวลองกลับมาคิดดูว่าจะเปิดใจให้มันได้ไหม”

การินมองใบหน้าของแมวเหมียวที่กำลังสับสน...เขารู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจจะมาทำให้เขารู้สึกหึงหรือหวงอะไร

..ก็ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายบอกเองว่าเรื่องของ ‘เรา’ มันไม่มีวันเป็นไปได้..

“พี่ว่า...เหมียวควรจะลองดูดีไหม”

“...แล้วอีกฝ่ายเป็นคนดีหรือเปล่า”

เนิ่นนาน..กว่าที่เขาจะเอ่ยถามออกไปได้ การินแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เขารู้สึกราวกับถูกกระชากหัวใจออกไป ในอกมันโหวงไปหมด...พอ ๆ กับหัวสมองของเขาในตอนนี้

วิฬาร์ยู่ปาก “มันก็ดีนะ นิสัยก็โอเคด้วย”

การินเงียบไปอย่างไม่รู้จะพูดจะบอกอะไรดี ไม่กล้าถามต่อว่า ‘แล้วแมวเหมียวชอบอีกฝ่ายไหม’

คนน้องจ้องอีกฝ่ายที่ดูเหม่อ ๆ เขี่ยข้าวในจานไปมา “พี่” เหมียวเรียกแต่ก็ไม่มีเสียตอบรับ มือบางขยับไปแตะปลายนิ้วพี่เก้าที่วางอยู่บนโต๊ะ

พอรู้สึกตัว..การินก็เงยหน้ามองแมวเหมียว “ครับ?”

“พี่ทำงานเหนื่อยจริง ๆ ด้วย” วิฬาร์พูดใบหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง

การินถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบใบหน้า “นั่นสิ..พี่คงจะเหนื่อยจริง ๆ”

“กินข้าวให้หมดแล้วไปนอนพักนะ” คนอายุน้อยกว่าบอก

“ไม่ล่ะ” เขาวางช้อนลง “พี่ไม่ค่อยอยากอาหาร ขอตัวไปนอนก่อนนะ”

วิฬาร์มองตามอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นเอาจานไปล้าง เขาเองพอเห็นว่าพี่เก้าเหนื่อยแบบนี้เลยไม่กล้าไปรบกวนอะไรอีก ก่อนพี่เก้าจะไปก็เดินมาลูบหัวเขาแล้วบอกราตรีสวัสดิ์อย่างเคย

เจ้าตัวนั่งกินขนมคนเดียวให้หมดเงียบ ๆ เอาจานไปล้างเก็บแล้วจึงเข้าห้องของตัวเองไป เล่นเกมสักพักก่อนจะผล็อยหลับไป


.
.
.


การินนอนไม่หลับ..เขาพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงมาพักใหญ่แล้ว ก่อนนี้เขาก็เล่นโทรศัพท์นานสองนาน จนไม่รู้ว่าจะดูอะไรในนั้นอีก ก็เลยพยายามข่มตานอนให้หลับ

..แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล..

คนที่ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากดีดตัวขึ้นนั่ง เขานึกถึงไวน์ที่ได้เป็นของขวัญจากลูกน้องในบริษัท บางที่นั่นอาจจะช่วยให้เขาหลับได้ ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานอยู่แล้ว กินสักนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร

รูปร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องท่ามกลางความมืดโดยใช้ความเคยชินของตัวเอง การินเดินไปหยิบไวน์และแก้วพร้อมที่เปิดจากในครัว ก่อนจะเดินกลับมาที่โซฟาชุดใหญ่ เขาเปิดเพียงโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้านข้างเพียงเท่านั้น

เครื่องดื่มสีแดงในแก้วทรงสูงค่อย ๆ ไหลผ่านลำคอลงไป การินนั่งเงียบ..พอมีแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดก็ทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เขาได้กดมันเอาไว้ภายในใจผุดขึ้นมาให้เขาต้องยอมรับกับมัน

ทั้งที่เขาพยายามแล้วพยายามอีกที่จะกดมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจและปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริง

..ว่าเขารักแมวเหมียว...แค่น้อง..

แต่พอเห็นว่ามีใครคนอื่นมาชอบแมวเหมียว..มันก็ทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านจนเผลอใส่อารมณ์กับน้อง ทั้งที่ตัวเขาเป็นคนปฏิเสธและผลักไสความรักของแมวเหมียวเอง แต่ตอนนี้กลับมานั่งปวดใจราวกับคนอกหัก…เขายอมรับว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อแมวเหมียวนั้นไม่เหมือนเดิม เขาทั้งรักและหวงอีกฝ่าย...ไม่อยากยกให้เป็นของใครก็ตาม

การินดื่มไวน์ผ่านไปแก้วแล้วแก้วเล่า..จนเครื่องดื่มสีแดงนั้นหมดขวด เขารู้สึกมึนมากจนขี้เกียจเดินกลับไปนอนที่ห้อง เลยเอนตัวนอนหลับบนโซฟาตรงนั้นเลย




tbc…
รอดูตอนหน้านะคะ หึหึ...

 :hao6:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-12-2019 15:21:21
ตอนหน้า อย่าบอกนะว่าอิพี่มันเมาแล้วปล้ำน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-12-2019 17:56:20
ม่ายยย ถ้าเมาแล้วปล้ำน้องน้องจะเสียใจกว่าเดิมแน่ๆ แงงงงง ดราม่า
ไม่รู้จะลงเอยยังไง ใครพระเอก ยังใช่คุณพี่อยู่มั้ย แอบเชียร์เพื่อนน้องเหมียวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-12-2019 22:51:35
โอยยย คุณพี่คะะะะะะะะะะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-12-2019 23:29:44
เอิ่มม
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 12-12-2019 00:02:11
รอเลยยยยยย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-12-2019 00:19:15
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-12-2019 20:33:23
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-02-2020 02:05:10
อยากให้มาต่อไวๆจัง
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 8 หน้า 2 (11/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 09-02-2020 19:08:17
ขอบคุณมากๆค่า นิยายสนุกมาก
หายไปเลย รออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 9 หน้า 2 (03/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 03-05-2020 11:49:07

เหมียวขอโทษ
   




**มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ใครก็ตามอย่าได้เอาเยี่ยงอย่างลูกชายคนนี้ของแม่นะคะ**




วิฬาร์ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก เขารู้สึกคอแห้งมาก แต่น้ำในห้องหมดพอดี ทำให้ต้องไปเอาที่ห้องครัว เหมียวแปลกใจที่ออกมาพบเจ้าของคอนโดนอนหลับอยู่บนโซฟา สายตามองสำรวจไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยไวน์และเบียร์กระป๋อง มือเรียวหยิบขวดไวน์ขึ้นมาส่องดู

“กินจนหมดเลยเหรอเนี่ย” เขาพึมพำเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปเขย่าตัวอีกฝ่าย “พี่เก้า ไปนอนที่ห้องดี ๆ สิ”

เมื่อเห็นว่าเรียกหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เหมียวก็นั่งลงใกล้ ๆ อย่างอ่อนใจ เขาพินิจใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า นานมากแล้วที่ไม่ได้จ้องมองอีกฝ่ายเต็มตาแบบนี้

พักหลังมานี้เขามักจะลอบมองพี่เก้าในเวลาที่อีกคนเผลอมากกว่า แมวเหมียวไม่กล้ามองตรง ๆ เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถตัดใจได้สักที ฝ่ามือขาวขยับเข้าไปใกล้ใบหน้ายามหลับใหลของพี่เก้า แตะเข้าที่แก้มสาก เหมียวไล้นิ้วไปตามตอหนวดเคราที่ไม่ได้โกนเล่น คนที่นอนหลับขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับขยับหนี

วิฬาร์หัวเราะเสียงเบา ดวงตายังคงจับจ้องคนตรงหน้านิ่งงัน ความรู้สึกที่กดเอาไว้ภายในค่อย ๆ ตีรวนขึ้นมาทีละน้อยจนแมวเหมียว..ควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้พี่ ใบหน้าขาวใสก้มลงช้า ๆ และประทับจูบลงบนริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ จากพี่ ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ไม่เห็นพี่เก้าสูบบุหรี่เลย อาจเป็นเพราะว่าเขาเคยบอกว่าไม่ชอบ พี่ก็เลยแอบสูบ

แมวเหมียวผละออกมาเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่ายังคงหลับอยู่ก็ขยับเข้าไปอีกครั้ง อยู่ ๆ ก็นึกถึงหนังผู้ใหญ่ที่เคยดูเมื่อไม่กี่วันมานี้ ปากเล็กค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่พอผ่านไปไม่นานกลับดูดดึงริมฝีปากล่างสลับบนอย่างตั้งใจ พร้อมกับขยับกายขึ้นไปคร่อมพี่เก้าจนลืมไปว่าตัวเองกำลังลักหลับอีกฝ่ายอยู่

ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อคนด้านใต้จูบตอบพร้อมกับกอดรัดเอวผอมให้แนบชิดกันเข้าไปอีก ในตอนแรกแมวเหมียวนึกว่าพี่เก้าคงจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่กลับไม่ใช่…เขาปล่อยให้คนที่เมาหลับไม่ได้สติกอดและจูบแบบนั้นจนส่วนกลางลำตัวของเขาทั้งคู่ตื่นตัวเสียดสีกันผ่านเสื้อผ้าไปมา

แมวเหมียวดันตัวออกมาเมื่อหายใจไม่ทัน มองไปที่ส่วนนั้นของพี่เก้า ริมฝีปากเจ่อแดงเม้มเข้าหากัน ตากลมลอบมองใบหน้าหล่อที่ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาสองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้ทำตามความปรารถนาของตัวเอง แมวเหมียว...ซ่อนมันไว้ในส่วนที่ลึกสุดของหัวใจ เพราะคิดว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ เลยตั้งใจปล่อยให้มันกลายเป็นเพียงแค่ความฝันไป

..ฝันว่าตัวเองกลายเป็นของพี่เก้า..

วิฬาร์หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดหลังจากถูกอีกฝ่ายที่ไม่มีสติเผลอตัวจูบอย่างหนัก ในหัวประมวลผลว่าจะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าเขาทำมันลงไปต่อไปก็อาจจะเข้าหน้ากันไม่ติด แต่อีกใจก็ไม่อยากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป

รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังคิดมันไม่ดี..ไม่ดีมาก ๆ แต่แมวเหมียวก็อยากให้ครั้งแรกของเขาเป็นพี่เก้า...คนที่เป็นรักครั้งแรก ต่อให้อีกฝ่ายจะบอกว่าเขานั้นเข้าใจผิดไป...ความรักที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่ถ้ามันไม่ใช่จริง ๆ ทำไมหัวใจเขาถึงได้คิดถึงแต่พี่เก้าล่ะ
ร่างผอมบางขยับลงจากกายใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเร็ว ๆ ไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อไปหยิบเจลและถุงยางที่แอบซื้อเอาไว้ออกมา จะบอกว่าเขาแก่แดดก็ได้ แต่แมวเหมียวคิดว่าตัวเองศึกษาการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันมาดีพอสมควรเลย

มือเรียวถอดกางเกงนอนเนื้อบางของตัวเองลงไปกองบนพื้น ร่างเล็กขยับขึ้นไปอยู่ในท่าเดิม เขาบีบเจลลงบนมือก่อนจะเอื้อมไปที่ช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมพร้อมจะรับส่วนนั้นของพี่เก้าเข้าไปได้ มันออกจะทุลักทุเลไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แมวเหมียวทำอะไรแบบนี้ ถึงจะได้ทฤษฎีแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยปฏิบัติ มันก็ถือว่ายังไม่ได้เรื่องอยู่ดี กว่าที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง กว่าที่แมวเหมียวจะรู้สึกตื่นตัวไปกับสิ่งกำลังทำ ก็เล่นเอาเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด

ในตอนที่เขาปลดกางเกงของพี่เก้าลงก็นึกอะไรได้ เขาลืมคิดไปว่าถุงยางอนามัยมันมีขนาด แล้วเขาหยิบขนาดอะไรมาเนี่ย! มันใช้ได้ที่ไหนกัน นี่ขนาดมันยังไม่ตื่นเต็มที่ยังขนาดนี้ แล้วถ้าเวลาผงาดเต็มตัวจะขนาดไหน

แมวเหมียวมือสั่นเล็กน้อยในตอนที่เลื่อนมือไปจับส่วนนั้นของพี่เก้า เขาไม่ลืมที่จะบีบเจลติดมือไปด้วย..จะได้ลื่น ๆ เขาคิดว่าดูท่าพี่เก้าคงจะไม่ค่อยได้ทำเรื่องพวกนี้ สังเกตได้ว่าเวลาไม่นานนักเก้าน้อยก็พร้อมรบ และก็อย่างที่คิดเอาไว้...ถุงยางอนามัยที่ซื้อมามันไม่น่าจะสวมได้พอดี

เจ้าตัวนิ่งงันไปก่อนจะตัดสินใจทำขั้นต่อไป รู้ว่ามันไม่ดี แต่อารมณ์ที่ค้างคาส่งผลให้เขาเลือกที่จะทำมันต่อไปแม้ไม่มีเครื่องป้องกัน
ตอนที่ส่วนปลายชำแรกเข้ามาแมวเหมียวเจ็บเหมือนถูกฉีกร่างออกจากกัน วูบหนึ่งเขาอยากจะหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ แต่ก็คิดได้ว่าหลังจากนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว เจ้าตัวกัดฟันทำต่อไป จากที่เจ็บเหมือนจะตายก็มีความรู้สึกวาบหวามขึ้นมาบ้าง

สายตาของแมวเหมียวจับจ้องที่ใบหน้าของพี่เก้า เพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจะตื่นหรือไม่ แต่สงสัยน่าจะเมามากเลยทำให้พี่เก้าไม่มีสติรับรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เรียวคิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันแน่น บางครั้งก็เผลอสวนกายขึ้นมาตามสัญชาตญาณของตัวเอง
สะโพกเล็กขยับขึ้นลงไม่หยุดจนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนปลดปล่อยเข้ามาในกาย มันรู้สึกดีจนแมวเหมียวเองก็เสร็จตามไปติด ๆ กัน

วิฬาร์หอบหายใจหนัก รู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ไม่กล้าทิ้งกายนอนทับบนตัวพี่เก้า เขาค่อย ๆ ดึงสะโพกขึ้นให้ส่วนที่เชื่อมต่อหลุดออกจากกัน มือขาวหยิบกางเกงนอนของตัวเองขึ้นมาทำความสะอาดให้คนที่นอนหลับ สำรวจว่าทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยดีก็ดึงกางเกงของอีกฝ่ายขึ้นให้เหมือนเดิม

แมวเหมียวพาตัวเองกลับมาที่ห้องอย่างยากลำบาก ขาเล็กสั่นระริกยามก้าวเดินจนจะล้มมิล้มแหล่ แต่เขาก็ต้องกัดฟันพาตัวเองกลับห้องไปให้ได้

ร่างบางทิ้งตัวคว่ำลงบนที่นอนนุ่มทันที อันที่จริงแมวเหมียวอยากจะไปล้างตัวเอาคราบคาวที่ค้างอยู่ออก แต่เขาก็เจ็บเกินกว่าจะขยับตัว

คนเจ็บปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข..ในที่สุดเขาก็สมหวัง แม้จะไม่ได้หัวใจของพี่เก้ามาครอบครอง แต่การได้ครอบครองร่างกาย..แค่ครั้งเดียวก็ถือว่าดีมากแล้ว



/



การินเปิดเปลือกตาขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน เมื่อกายใหญ่ลุกขึ้นนั่งอาการปวดหัวก็วิ่งแล่นเข้าใส่ทันที ไม่บ่อยนักที่เกิดอาการแฮงค์แบบนี้ เขาใช้นิ้วมือกดบริเวณศีรษะของตัวเอง หวังจะให้มันหายปวด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร เขาค่อย ๆ ลุกจากโซฟาด้วยใบหน้าเหยเก เดินตรงไปที่แพนทรีเพื่อชงกาแฟดำมาดื่มแก้เมาค้างสักแก้ว

หลังจากได้กาแฟร้อน เขาก็ถือมันกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม นัยน์ตาสีเขียวนั่งเหม่อพลางจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ พอเมื่ออาการปวดทุเลาลงเขาก็กวาดตามองมรสุมขวดไวน์รวมถึงเบียร์กระป๋องที่เขาดื่มทิ้งเอาไว้เมื่อคืน เพราะแบบนี้ไงถึงได้อาการหนักขนาดนี้
ชายหนุ่มนั่งเหม่อ เมื่อคืนเขาฝัน...เป็นฝันที่เหมือนจริงจนน่าประหลาด เขาฝัน..ว่าตัวเองมีอะไรกับแมวเหมียว เพียงแค่นึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาเขาปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

สายตาเหลือบมองประตูห้องที่แมวเหมียวนอน ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วแต่น้องก็ยังคงไม่ตื่น เป็นเรื่องแปลก เพราะปกติแล้วแมวเหมียวเป็นเด็กที่ตื่นเช้า และถ้าน้องตื่นขึ้นมาเห็นเขานอนอยู่ตรงนี้ ยังไงก็ต้องปลุกแน่นอน

ร่างสูงลุกขึ้นไปที่หน้าประตูห้องของแมวเหมียว ข้อนิ้วแข็งแรงเคาะประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เขาลองขยับลูกบิดดูก็พบว่ามันล็อกอยู่ การินนิ่งคิดไปว่าจะเอายังไงดี บางทีแมวเหมียวอาจจะนอนดึกเลยอยากตื่นสายก็ได้

..แต่ถ้าเกิดว่าน้องไม่สบายขึ้นมาล่ะ..

เจ้าของคอนโดหันหลังเดินกลับไปหยิบกุญแจสำรองที่แขวนอยู่บนผนังก่อนจะกลับมาไขประตูเข้าไป ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำและมืดมาก ช่วงขายาวค่อย ๆ เข้าไปใกล้เตียงนอน เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟให้สว่างขึ้น

“แมวเหมียวครับ” การินนั่งลงบนเตียงแล้วส่งเสียงเรียกน้องที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่ปิดจนเหลือแค่ครึ่งหน้า

“...”

คนอายุมากกว่าสังเกตเห็นท่าทางไม่ค่อยดี เขาเลยขยับมือไปแตะหน้าผากของแมวเหมียว มันร้อนจนน่าตกใจ การินพลิกตัวน้องนอนหงาย ใบหน้าซีดเซียวของแมวเหมียวทำเอาเขาใจไม่ดีเลย

“เหมียวครับ” เขาตบแก้มน้องเบา ๆ

ดวงตากลมค่อยปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปิดลงเหมือนเดิม

“อาการเป็นยังไงบ้าง..บอกพี่หน่อยสิ”

“หื้อ~” เหมียวไม่ตอบแต่ส่งเสียงอืออาในลำคอ “เหมียวหนาว”

การินไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน แต่ก็พอรู้พื้นฐานมาบ้างว่าต้องทำให้ไข้ลดลงก่อน เขาหายออกไปจากห้องก่อนจะกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำ

“ให้พี่เช็ดตัวหน่อยนะคนดี” เขาว่าพร้อมกับจับตัวน้องให้นอนหงายอีกครั้ง การินเริ่มเช็ดจากใบหน้าก่อนจะไล่มาที่ซอกคอร้อนผ่าว แมวเหมียวย่นคอเล็กน้อยเมื่อถูกความเย็นจากผ้าขนหนู

ฝ่ามือใหญ่เปิดผ้านวมออกเพื่อจะเช็ดช่วงลำตัว แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าท่อนล่างของคนป่วยเปลือยเปล่า เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่ากางเกงของแมวเหมียวมันถูกกองไว้ที่ตรงไหน

การินไม่อยากคิดอะไรมาก เขาลงมือเช็ดไปตามแขนและลำตัวก่อนจะเลิกเสื้อของแมวเหมียวขึ้นเช็ดตามลำตัว มือใหญ่พลิกตัวน้องให้นอนตะแคงไปอีกทางเพื่อจะได้เช็ดแผ่นหลังได้ แต่จุดสีแดงจาง ๆ บนที่นอนก็ดึงความสนใจของเขา นัยน์ตาสีเขียวไล่มองไปที่บั้นท้ายของน้องทันที เขาเห็นคราบอะไรบางอย่างแห้งกรังตั้งแต่ก้นไปจนท่อนขาเล็กของแมวเหมียว

คนอายุมากกว่าใจหายวาบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ความทรงจำอันเลือนรางฉายชัดเข้ามาในสมอง เมื่อคืนนี้...ไม่ใช่ความฝัน การินซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง กระบอกตาร้อนผ่าว

..มันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง!..

วิฬาร์เปิดเปลือกตาขึ้นเพราะความหนาว ภาพตรงหน้าเลือนรางไปหมดด้วยเพราะพิษไข้ ร่างบอบบางพยายามพลิกหงายกลับมา ริมฝีปากแห้งผากส่งเสียงเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“พี่..เก้า”

เจ้าของชื่อได้สติ เงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ ขยับเข้าไปใกล้น้องโดยอัตโนมัติ “ว่าไงครับ”

“หนาว” แมวเหมียวตอบเสียงแหบแห้ง

“ให้พี่เช็ดตัวก่อนนะ” การินกล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บช้ำลงไป เขาต้องทำในสิ่งที่ควรทำตอนนี้ก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นค่อยพูดคุยกันอีกทีตอนที่แมวเหมียวอาการดีขึ้นก็ได้

ใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย เขาทำความสะอาดคราบที่เรียวขาจนสะอาด เว้นแต่จุดนั้นที่ยังไม่กล้าแตะต้อง

“เดี๋ยวพี่ไปต้มข้าวให้ แมวเหมียวกินสักหน่อยนะ จะได้กินยา”

แมวเหมียวพยักหน้าตอบทั้งที่ตายังปิด

“เดี๋ยวถ้าไข้ลงแล้ว..พี่จะอาบน้ำให้นะ เหมียวจะได้สบายตัว” การินลูบผมน้องก่อนจะห่มผ้าให้เหมือนเดิมหลังเปลี่ยนชุดใหม่ให้คนป่วย เขารู้ว่าแมวเหมียวคงไม่ได้ใช้ถุงยาง และด้านหลังของน้องก็คงเหนอะหนะ

แมวเหมียวพยักหน้าตอบอีกครั้ง ตากลมเปิดขึ้นมองจ้องพี่เก้า “เหมียว..ขอโทษนะครับ”

คนอายุมากกว่าแค่นยิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องเบา ๆ ก่อนจะบอกเสียงนุ่ม “ไม่เป็นไร..แมวเหมียวหลับไปก่อนนะ ถ้าข้าวเสร็จแล้วพี่จะยกเข้ามาให้”

การินไม่อยากคิดเอาเองว่าน้องเอ่ยขอโทษเรื่องอะไร แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธหรือรู้สึกอะไรกับน้องเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเพราะตัวเขา ถ้าจะมีใครผิด...มันก็คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น



/



การินทำข้าวต้มทรงเครื่องที่น้องชอบ เมื่อทำเสร็จแล้วก็ตั้งทิ้งไว้ให้มันคลายร้อนสักหน่อย เพราะแมวเหมียวไม่กินอาหารร้อน ระหว่างนั้นเขาก็ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ออกมาข้าวก็อุ่นกำลังดี

เขายกชามข้าวพร้อมยาเข้าห้องไปปลุกน้อง แน่นอนว่าคนป่วยมีท่าทีอิดออดไม่ยอมกิน

“กินสักหน่อยนะ จะได้ดีขึ้นไง”

สุดท้ายแมวเหมียวก็ยอมกินไปไม่กี่คำ เจ้าตัวนอนหลับทันทีหลังจากที่กินยาเสร็จ การินปลีกตัวออกมาจากห้อง เขาเก็บสิ่งที่ตัวเองทำรกไว้เมื่อคืน ตอนที่จัดหมอนอิงให้เข้าที่ก็เหลือบไปเห็นคราบเลอะบนโซฟา

ความรู้สึกผิดโถมเข้ามาอีกครา เขาไม่ควรดื่มจนตัวเองเมาขนาดนั้น อย่างน้อยถ้าเขามีสติหลงเหลืออยู่บ้าง..เรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
กายใหญ่ทรุดนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า เอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดี แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เขาไม่คิดว่าน้องจะเป็นฝ่ายเริ่มทำเรื่องแบบนี้ เพราะเมื่อคืนเราก็ยังคุยกันเรื่องที่ว่าแมวเหมียวจะลองเปิดใจให้กับเพื่อนคนที่เรียนพิเศษด้วยกันอยู่เลย

..เขานึกว่าแมวเหมียวตัดใจจากเขาไปแล้ว..

แต่ไม่ใช่ว่าพอได้รู้ความจริงว่าน้องยังไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ แล้วการินจะฉวยโอกาสนี้ทำตามความปรารถนาลึก ๆ ของตัวเอง เพราะต่อให้ความรู้สึกของเขาจะบิดเบี้ยวไปมากแค่ไหน..เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิม

แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าการินได้มีความสัมพันธ์กับแมวเหมียวไปแล้ว ถึงว่าเวลาที่ทำมัน..ตนจะไม่มีสติรู้ตัวก็ตาม จะให้การินปัดความรับผิดชอบทิ้งก็ทำไม่ได้ เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

..บางที...การที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้...มันน่าจะดีกว่าหรือเปล่านะ..



/






หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 9 หน้า 2 (03/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 03-05-2020 11:50:02


คนอายุมากกว่าคอยเฝ้าเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนให้กับแมวเหมียวทั้งวัน เวลานี้สองทุ่มแล้วน้องก็ยังไม่ตื่น แต่อย่างน้อยไข้ก็ลดต่ำลงมาก เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง นึกว่าจะต้องหอบน้องเข้าโรงพยาบาลซะแล้ว

การินนั่งกอดอกจ้องคนป่วยอยู่ข้างเตียง ดวงตามองใบหน้าเด็กที่เข้าเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกตั้งแต่สมัยตัวยังแดง ๆ เพราะเกิดก่อนกำหนดถึงได้ตัวเล็กมาก สุขภาพก็ไม่แข็งแรง แต่น้องก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่งี่เง่างอแง แถมยังยิ้มง่าย รอยยิ้มของน้องเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์สวยงามที่สุด ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องแย่ ๆ มามากแค่ไหน แต่เมื่อได้รับรอยยิ้มจากน้อง..เพียงเท่านั้นก็ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นได้เสมอ

แมวเหมียวเป็นสิ่งมีชีวิตแสนบริสุทธิ์เพียงคนเดียวในชีวิตของเขา การินรักเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกพบ และตั้งใจว่าจะรักตลอดไป

..ถึงแม้จะเกิดเรื่องผิดพลาดนี้ขึ้น เขาก็ยังคงรักและหวังดีกับแมวเหมียว..

ความอ่อนเพลียสะสมมาทั้งวันทำให้คนอายุมากกว่าที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ปิดตาลง หวังจะพักสายตาเพียงครู่เดียว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเผลอหลับไป และฝันถึงคนตรงหน้าในวัยเด็กน้อยไร้เดียงสา


‘แมวเหมียว~ เหมียว ๆ พี่เก้ามาแล้ว’
เด็กน้อยวัยห้าขวบวิ่งเตาะแตะมาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูง
‘อู้ม~’
การินที่เพิ่งเริ่มทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็สองอาทิตย์ครั้ง ต่างจากตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่กลับทุกอาทิตย์ เขาสอดแขนยกตัวแมวเหมียวขึ้น หอมแก้มขาวนุ่มนิ่มด้วยความคิดถึง
‘คิดถึงแมวเหมียวจังเลย’
‘หนูก้อคิดตึ๋งพี่ก้าว~”
หัวใจห่อเหี่ยวของการิงพองโตด้วยความดีใจ เขากอดน้องไว้แนบแน่น ในขณะที่ตัวแสบก็เลียนแบบโดยการออกแรงกอดเขากลับเหมือนกัน
‘ติดพี่เขาเกินไปไหมลูก’ แม่ที่ยืนมองอยู่แซวลูกชายคนเล็ก
‘ดีใจยิ่งกว่าเห็นพี่มันอีกเนี่ย’ พี่ชายแท้ ๆ แขวะ
การินหัวเราะ และแมวเหมียวก็หัวเราะตาม ทำเอาคนอื่น ๆ หัวเราะกับความซื่อของเด็กน้อยคนนี้ไปตาม ๆ กัน



“ยิ้มอะไรของเขาเนี่ย” แมวเหมียวที่ตื่นมาเห็นพี่เก้านั่งอยู่ข้างเตียง เขาพึมพำขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มออกมาทั้งที่กำลังหลับสนิท

วิฬาร์นอนตะแคงมองคนอายุมากกว่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดว่าพี่เก้าคงรู้แล้วว่าเขาทำอะไรลงไป เขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ แต่ในเมื่อทำลงไปแล้ว...เขาก็ทำได้แค่เพียงยอมรับผลของการกระทำที่จะตามมาเท่านั้น

“อืม…”

คนบนเตียงสะดุ้งเมื่อคนที่หลับส่งเสียงครางในลำคอ เขารีบหลับตาแกล้งหลับต่อไปเพราะยังไม่กล้าเผชิญหน้า แมวเหมียวได้ยินเสียงพี่เก้าขยับตัวก่อนฝ่ามือใหญ่จะทาบลงบนหน้าผาก ความอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำเอากระบอกตาของเขาร้อนผ่าว

“แมวเหมียว” การินส่งเสียงเรียก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว

คนอายุน้อยกว่าทำเป็นส่งเสียงสะลึมสะลือ

“ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ”

ดวงตากลมลืมตาขึ้นมองคนปลุกตาแป๋ว การินที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไป ต่างคนต่างจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น..ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“พี่มีอะไรให้เหมียวกินเหรอ” แมวเหมียวถามเสียงเบา

คนถูกถามได้สติ “กินข้าวต้มอีกมื้อได้ไหม”

“ได้สิ” วิฬาร์ตอบพร้อมกับดันตัวจะลุก แต่เพียงแค่ขยับนิดเดียวอาการเจ็บเบื้องล่างมันก็ทำเอาเจ้าตัวร้องโอ๊ยออกมา

การินพุ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่จับต้นแขนเล็ก “เจ็บมากหรือเปล่า..” พอรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ผละออกมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน

“อ่า..นิดหน่อยน่ะครับ” แมวเหมียวรู้สึกปวดใจขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป แต่ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้เอง ก็ต้องยอมรับให้ได้ เขาพยายามกัดฟันลุกขึ้นนั่ง บอกตามตรงว่าพอก้นแนบไปกับเตียงแบบนี้แล้วเจ็บมาก ๆ ไม่อยากนึกถึงเวลาที่ต้องเดินเลย

แมวเหมียวลุกขึ้นยืน ขาสั่น ๆ ทำให้เขาเซเล็กน้อย แต่พี่เก้าก็เข้ามาประคองเอาไว้ได้ทัน คนอายุน้อยกว่าแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ก่อนจะบอกขอบคุณที่ช่วย และอีกฝ่ายก็ประคองเขาเดินไปจนถึงโต๊ะกินข้าว

“เดี๋ยวพี่ไปอุ่นข้าวต้มให้นะ” การินบอก

วิฬาร์มองคนอายุมากกว่าที่ถึงแม้จะถูกเขาลักหลับ..แต่ยังคงทำโน่นทำนี่ให้ ดูแลเขาที่ป่วยอย่างดีแบบนี้ ดวงตากลมโตสลดวูบด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ

การินวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ น้องเงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาแดงก่ำ เขาวางมือลงบนศีรษะกลม ก่อนจะบอกเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มบาง “กินเยอะ ๆ นะ แมวเหมียวน่ะผอมเกินไปแล้ว”

หลังจากที่พี่เก้าเดินออกไป น้ำตาเม็ดใหญ่ก็กลิ้งหล่นจากกลางตา มือเรียวหยิบช้อนขึ้นตักข้าวเข้าปาก ข้าวต้มที่พี่เก้าอุ่นให้ไม่เย็นและไม่ร้อนเกินไป ความใส่ใจที่มีให้แก่กันทำให้แมวเหมียวเสียใจหนักเข้าไปอีก



/



แมวเหมียวกินเสร็จก็ตั้งใจว่าจะยกชามไปล้าง แต่ยังไม่ได้เดินไปไหนก็ถูกพี่เก้าหยิบออกจากมือไปพร้อมกับส่งยาและน้ำให้

“เดี๋ยวพี่ล้างเองครับ”

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เขามองยาในมือก่อนจะกลืนมันลงไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมา แต่สุดท้าย...มันก็ยังคงไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง แมวเหมียวรีบเช็ดออกแต่ก็ถูกพี่เก้าเห็นเข้าเสียก่อน

การินเดินเข้ามาใกล้น้อง จับเข้าที่ข้อมือบางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขยี้ตาจนมันช้ำ เวลานี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี เขาทำได้แค่เพียงเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาบนแก้มใสซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พวกเขาทั้งสองคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนแมวเหมียวเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อน

“เหมียวขอโทษ”

“...ไม่เป็นไรครับ”

“เหมียว..ฮึก..เป็นเด็กไม่ดี..”

การินเจ็บหัวใจราวกับมีเข็มพันเล่มแทงเข้ามา เขายกมือขึ้นลูบศีรษะน้องเบา ๆ “อย่าว่าตัวเองแบบนั้นเลย แมวเหมียวไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกนะ”

วิฬาร์เงยหน้าขึ้น “พี่อย่าพูดเอาใจเหมียวนักเลย”

คนอายุมากกว่าส่ายหน้า “พี่ไม่ได้พูดเอาใจ แต่พี่เข้าใจว่าที่แมวเหมียวทำลงไปก็เพราะยังอายุน้อย เลยทำให้ขาดความยับยั้งใจ”

การินบอกพร้อมกับรอยยิ้มบาง เขาเองก็เคยอายุ 17 มาก่อน ทำให้เข้าใจว่าเด็กวัยนี้กำลังอยู่ในช่วงใจกล้าบ้าบิ่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากรู้อยากลองเรื่องเซ็กซ์ ครั้งแรกที่เขาได้ลองมีอะไรกับเพศตรงข้ามก็อายุประมาณนี้

คนฟังน้ำตาร่วงเผาะ “ยังไงเหมียวก็ผิด..ฮึก..เหมียวทำเรื่องที่ไม่สมควร..รู้ทั้งรู้ว่าพี่ไม่ได้..อึก..รักเหมียวแบบนั้น..แต่ว่าเหมียวรักพี่”

การินเข้าไปกอดน้องจนแน่น รู้สึกปวดร้าวไปหมด เวลานี้เขายอมรับกับตัวเองแล้วว่ารักแมวเหมียว..รักในแบบที่น้องปรารถนา แต่ตนไม่สามารถเอ่ยออกไปได้ ยิ่งในเวลาแบบนี้ด้วยแล้ว...ยังไงก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ลงไปให้ลึกสุดใจ

“เหมียว..ขอแค่ครั้งเดียว..ที่ได้เป็นของพี่..ฮึก..แค่ครั้งเดียว..ต่อไปเหมียวจะไม่ขออะไรจากพี่อีกเลย..แม้แต่อย่างเดียวก็จะไม่ขอ” วิฬาร์พูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย “เหมียว..จะตัดใจ..จะกลับไปเป็นน้องคนเดิมของพี่..อย่างที่เคยเป็น”

การินลูบหัวลูบหลังปลอบน้องโดยไร้ซึ่งคำพูด มันจุกจนพูดไม่ออก เขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายยังเด็ก..คงเข้าใจอะไรผิดไป ไม่รู้มาก่อนว่าแมวเหมียวจะจริงจังถึงขนาดนี้

“พี่ขอโทษ” เขาพูดเสียงเบา ก้มลงจูบกลางกระหม่อม “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักแมวเหมียวนะครับ”

“..เหมียวรู้”

“พี่ขอโทษ” เขาเอ่ยอีกครั้ง “ขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้แมวเหมียวเสียใจ”

คนอายุน้อยกว่าถูใบหน้ากับอกแกร่ง

“พี่เก้าไม่ผิดอะไรเลย..เหมียวต่างหากที่ผิด..เหมียวทำให้พี่ลำบากมากเกินไปแล้ว”

“ถ้าเหมียวผิด พี่ก็ผิดยิ่งกว่า”

วิฬาร์แหงนหน้าขึ้น

“ทำไมพวกเราจะต้องมาแย่งกันเป็นฝ่ายผิดด้วย”

การินลูบผมน้อง

“พวกเราทั้งคู่ต่างก็มีส่วนผิดด้วยกันนั่นแหละครับ”

แมวเหมียวเถียงไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าพี่เก้าผิดเลยสักครั้ง คิดแต่ว่าเพราะความเอาแต่ใจของตัวเองทำให้พี่ลำบาก เขารู้ว่าพี่ก็คงทุกข์ใจกับเรื่องของเขาไม่น้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้..สอนให้เขาไม่กล้าทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไปอีกเลย

“พี่พาไปนั่งพักเอาไหม”

คนอายุมากกว่าถาม คิดเอาเองว่าน้องอาจจะยังไม่สบายตัว

เหมียวพยักหน้า ค่อย ๆ ก้าวขาเดิน เขาเลือกที่จะกลับห้องนอน ไม่กล้าไปที่โซฟาเพราะเรื่องเมื่อคืน

“อยากได้อะไรอีกไหม” การินเอ่ยถามเมื่อน้องนั่งลงบนเตียง

“เอ่อ..” คนถูกถามอ้ำอึ้ง “คือ..เหมียวอาบน้ำได้หรือเปล่าครับ แบบว่ามัน..น่าจะยังมี..ไอ้นั่นอยู่ข้างใน” เหมียวเรียนรู้มาหมดแล้วว่าจะต้องทำความสะอาดยังไงติดอยู่อย่างเดียวคือเขาเจ็บก้นมาก

การินเข้าใจในสิ่งที่น้องจะสื่อ เขาวางมือบนหน้าผากมน อันที่จริงก็ยังไม่อยากให้อาบเท่าไหร่ เพราะเพิ่งจะหายไข้ แต่น้องก็คงรู้สึกเหนอะหนะไม่น้อย

“พี่อาบให้..”

“ไม่ ๆๆ” วิฬาร์ไม่รอให้พี่พูดจบ โบกมือเป็นพัลวัน “เหมียวอาบเองได้ครับ”

“แล้ว…จะเอามันออกเองได้หมดเหรอ”

แมวเหมียวหน้าแดงวาบ ได้แต่อึกอัก “มะ เหมียวจะลองดู”

การินส่ายหน้า “รู้ไหมว่าถ้าทำไม่สะอาด มันจะไม่สบายเอาได้นะ”

คนฟังมีสีหน้ากังวล

“ไม่ต้องอายพี่หรอก” การินลูบหัวน้องเบา ๆ “พี่น่ะเห็นแมวเหมียวโป๊มาตั้งแต่เด็กแล้ว”

น้องหน้าแดง ถึงจะลังเล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยืนยันที่จะทำเอง พี่เก้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไร วิฬาร์ยืนทำใจอยู่ในห้องน้ำหลังจากที่เปิดน้ำอุ่นราดตัวอยู่พักใหญ่ เขาเอื้อมมือไปด้านหลัง กว่าจะจัดการเสร็จจนคิดว่าสะอาดเอี่ยมก็ทำเอาน้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บที่ยังหลงเหลืออยู่ มันเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนเขาได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ

“เรียบร้อยดีไหม” การินเดินเข้าไปถามหลังจากที่น้องเปิดประตูออกมา แมวเหมียวพยักหน้าตอบ “ดีแล้ว” เขายิ้มบาง

วิฬาร์สบตาเข้ากับอีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเมื่อความรู้สึกที่ตนกดเอาไว้ส่งให้หัวใจเต้นแรง “พะ พี่ไปพักผ่อนเถอะครับ”

“ให้พี่ส่งแมวเหมียวเข้านอนเรียบร้อยก่อน แล้วพี่จะไป”

“เหมียวโตแล้วนะ” เจ้าตัวย้อนพร้อมกับเดินหนี เขาขึ้นไปบนที่นอนแล้วหยิบหมอนให้มากอง ๆ ข้างตัว เมื่อพอใจแล้วจึงล้มตัวลงนอน

การินเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งที่ริมเตียง ยกมือลูบหน้าผากเนียนของน้อง “นั่นสิเนอะ แมวเหมียวของพี่โตขึ้นแล้ว”

วิฬาร์เม้มปาก ความรู้สึกวูบโหวงเกิดขึ้นในใจ ราวกับว่ามีหลุมใหญ่เกิดขึ้นในนั้น สิ่งที่เขาทำลงไป..ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

“...เหมียวขอโทษ...”

คนอายุมากกว่ายิ้มบาง “อย่าคิดมากเลย นอนเถอะครับ” ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนหัวน้องเบา ๆ “ราตรีสวัสดิ์นะเด็กดีของพี่” เขาบอกก่อนจะลุกออกจากห้องไป

หลังจากที่บานประตูลง การินยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เขาหลับตาลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาการเมาค้างประกอบกับความเครียดที่ถูกกักเก็บไว้เพราะไม่อยากแสดงให้แมวเหมียวเห็นถูกปล่อยออกมาเมื่อได้อยู่คนเดียว

ร่างสูงใหญ่ก้าวขาเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เขาล้มตัวลงนอนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ วันนี้ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด
..น่าแปลกที่ไม่รู้สึกหิวหรือว่าอ่อนเพลียเลยแม้แต่นิดเดียว..

วันนี้เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากทำให้แมวเหมียวเสียใจไปมากกว่านี้

ส่วนตัวเขาน่ะ..จะเป็นอย่างไรก็ได้ ขอแค่แมวเหมียวไม่ต้องเจ็บปวดหรือเสียใจก็พอ เขาหวังว่าสภาพจิตใจของน้องจะดีขึ้นเร็ว ๆ กลับไปเป็นแมวเหมียวที่ร่าเริงเหมือนเดิม




tbc…
ไม้เรียวในมืออิแม่สั่นไปหมดแล้ว แมวเหมียวลูกแม่ทำไมทำแบบเน้!

 :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 9 หน้า 2 (03/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-05-2020 13:40:47
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 9 หน้า 2 (03/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-05-2020 20:48:16
น้องเหมียวลูกกกก ตายแล้ววววหนู แม่จะตี!
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 9 หน้า 2 (03/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-05-2020 02:06:59
น้องงงงงงงงงงงงงงงงง
แต่พี่คิดจะหนีน้องเหรอ!!
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 25-06-2020 17:40:31

ลาก่อนความรักครั้งแรก




หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ แมวเหมียวตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปเป็นน้องชายคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสิบเจ็ดปี และจะไม่เรียกร้องอะไรจากพี่เก้าอีกเลย

“ตื่นแล้วเหรอ เหมียวกำลังทำอาหารเช้าอยู่เลย พี่หิวไหม”

วิฬาร์ทักทายคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เขากำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา ถึงจะบอกว่ากำลังทำก็เถอะ แต่มันก็แค่ปิ้งขนมปัง ทอดไข่ดาวและแฮมง่าย ๆ เท่านั้นเอง

“เอ่อ…” การินที่กำลังเมาขี้ตายืนงง

“ไม่ตอบ งั้นเหมียวทำเผื่อแล้วกันนะ”

คนพี่พยักหน้า นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองน้องที่ดูอารมณ์ดีผิดหูผิดตา เจ้าตัวฮัมเพลงพร้อมกับโยกหัวไปมาเป็นจังหวะ ดูก็รู้ว่าแมวเหมียวพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่เขาก็อดถามไม่ได้

“หายเจ็บแล้วเหรอ”

คนถูกถามแก้มแดงขึ้น กว่าจะตอบได้ก็อึกอักอยู่สักพัก “ดีขึ้นแล้วครับ” อันที่จริงก็ยังเจ็บอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้ใครมองว่าเขามันอ่อนแอ

การินกลับเข้าห้องไป ขณะที่กำลังล้างหน้าแปรงฟันเขาก็คิดถึงเรื่องของแมวเหมียว ท่าทีของน้องในวันนี้ต่างไปจากเมื่อวานราวกับเป็นคนละคนจนน่าแปลกใจ มองไม่ออกว่าน้องกำลังคิดอะไรอยู่ และมันก็ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

“เสร็จพอดีเลย”

ทันทีที่การินออกจากห้อง คนที่อายุน้อยกว่าก็บอกเสียงใส เขานั่งลงตามที่อีกฝ่ายบอกด้วยความงุนงง ร่างเล็กหยิบจานที่เตรียมไว้แล้วเดินกลับมาด้วยท่าทางขัด ๆ วางจานลงตรงหน้าเขาก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตัวเอง คนอายุมากกว่ามองน้องไม่วางตา

“กินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ” แมวเหมียวบอกขมวดคิ้วน้อย ๆ

“อะ อืม” การินลงมือกินตามคำบอก ระหว่างนั้นเขาก็มองน้องที่ก้มหน้าก้มตากินท่าทางหิวโหยเป็นระยะ

“พี่”

“หืม” เขาขานรับตามเสียงเรียก

“อาทิตย์หน้า..เหมียวเรียนอาทิตย์สุดท้ายแล้วนะ”

ถ้าแมวเหมียวไม่บอกเขาก็ลืมไปเลยว่าน้องใกล้จะเรียนจบคอร์สแล้ว ยิ่งสองสามวันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะจนหัวแทบระเบิดซ้ำไปอีก

“ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม”

น้องส่ายหน้า “เดี๋ยวเฮียมารับที่นี่ครับ”

“อ่า…” การินพยักหน้าเชื่องช้า เขาเงียบอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอะไร ใช้ส้อมในมือเขี่ยไส้กรอกไปมาเพราะรู้สึกอิ่มขึ้นมา

“พี่” เหมียวเรียกอีกครั้ง

“ครับ” การินเงยหน้าขึ้นสบตา

“พี่อย่าเครียดนะ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วด้วย” น้องบอกพร้อมกับยิ้ม “เหมียวนอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งคืนเลย เหมียวตัดสินใจแล้ว..คราวนี้เหมียวจะตัดใจจากพี่จริง ๆ จะกลับไปเป็นน้องชายของพี่เหมือนเดิม พี่สบายใจได้แล้วนะ”

คนฟังจ้องแมวเหมียวที่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมใบหน้าแย้มยิ้ม ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อวาน การินพูดไม่ออก เสียงของเขามันจุกอยู่ที่ลำคอ ทั้ง ๆ ที่ควรจะโล่งอกที่น้องตัดสินใจแบบนั้น แต่เขากลับปวดหน่วงในใจ

“...พ”

“เรื่องที่เกิดขึ้น...เหมียวสัญญาว่าจะไม่บอกใครแม้แต่คนเดียว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”

การินซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง ความรู้สึกภายในตีกันยุ่งเหยิง เสียงข้างในอกมันร้องบอกว่าเขารักแมวเหมียว แต่มันก็ไม่สามารถให้น้องรับรู้ได้ เพราะถูกความผิดชอบชั่วดีมาสกัดเอาไว้ก่อน

เขาไม่สามารถรักแมวเหมียวเกินกว่าการเป็นพี่น้องไปได้ ถ้าเขาทำตามหัวใจตัวเอง คนรอบข้างจะคิดอย่างไร แล้วเขาจะถูกด่าว่ามันไม่เหมาะสมหรือเปล่า

“พี่ขอโทษ” การินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

แมวเหมียวตาโต โบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ ๆๆ พี่ไม่ผิดเลย” เขาบอกสายตาลดต่ำลงเล็กน้อย “เหมียวต่างหากที่ผิด..ทั้งคิดผิดและทำผิด”

คนอายุน้อยกว่าถอนหายใจเสียงดังเพื่อปรับอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับการิน “พี่ต้องสัญญากับเหมียวนะ”

“สัญญาอะไรเหรอ”

“รับปากเหมียวก่อนสิ”

การินชั่งใจคิดชั่วครู่ “อืม พี่สัญญา”

“สัญญานะ..ว่าพี่จะไม่โทษตัวเอง”

“...”

“สัญญาว่าพี่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

“...”

“เพราะถ้าพี่มีความสุข เหมียวก็จะมีความสุขเหมือนกัน”

การินจ้องใบหน้ายิ้มของน้อง ถ้าเขาไม่อยากให้แมวเหมียวมีความทุกข์ เขาก็จะต้องมีความสุขสินะ…

“พี่จะพยายามนะครับ”



/



พี่เก้าติดงานในวันที่วิฬาร์ต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ใจลึก ๆ แล้วเขาเองก็อยากให้พี่รอส่ง แต่ก็รู้ตัวว่าเอาแต่ใจมามากเกินไปแล้ว แมวเหมียวเลยตื่นแต่เช้าเพื่อรอส่งพี่เก้าไปทำงานเหมือนที่เคยทำ

“พี่” เขาเรียกในตอนที่อีกฝ่ายกำลังใส่รองเท้า

การินเงยหน้าขึ้น “ว่าไงครับ”

แมวเหมียวอึกอัก “คือ…”

คนพี่ยืนตัวตรง ก้มลงมองน้องยิ้ม ๆ “มีอะไรเหรอครับ”

“ก่อนกลับ..เหมียวขออะไรพี่อีกอย่างได้ไหม”

การินยิ้มบาง ฝ่ามือใหญ่วางลงลูบบนกลุ่มผมนิ่มที่ยาวขึ้นกว่าตอนเปิดเทอมมาก “ได้สิ”

“พี่กับเหมียว..เอ่อ..พวกเรายังกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหมครับ” วิฬาร์เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หัวใจเต้นถี่ ตื่นกลัวกับคำตอบที่จะได้รับ รู้ว่ามันเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัว ทั้งที่เขาทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้นลงไป ถ้าเป็นปกติก็คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว แต่เขายังอยากจะมีพี่เก้าเป็นพี่ชายต่อไปเหมือนที่ผ่านมา

การินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขามองน้องที่ช้อนตามองอย่างเว้าวอนด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มก่อนจะเข้าไปใกล้แล้วกอดแมวเหมียวไว้แน่น

“แมวเหมียวจำไว้นะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ยังคงรักน้องคนนี้เสมอ...ไม่เปลี่ยนแปลง”

“เหมียวขอกอดพี่ได้ไหม”

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”

แขนเล็กค่อย ๆ ขยับขึ้นกอดพี่แน่น “เหมียวก็รักพี่นะ สัญญาว่าต่อไปนี้จะเป็นเด็กดี ฟจะไม่ทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจอีกแล้ว”

วิฬาร์บอกพี่ด้วยความรู้สึกจริง ๆ จากใจ หลายวันมานี้เขาตั้งคำถามให้ตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปว่ามีความสุขไหม เขาตอบได้อย่างไม่ต้องคิดเลยว่า..ไม่มีความสุขสักนิดเดียว

ถึงตัวเองจะสมความปรารถนาที่เคยตั้งเอาไว้ แต่มันกลับทำร้ายคนที่รักและหวังดีกับเขามาตลอด ไม่คุ้มกันเลยสักนิดกับสิ่งที่ได้มา
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เหมียวสำนึกได้ พอแล้วกับความเอาแต่ใจของตัวเอง เขาจะต้องปรับปรุงตัวเองใหม่ ต่อจากนี้ไปก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่ไม่ต้องทำให้ใครเสียใจอีก

“พี่ต้องไปทำงานแล้วครับ”

วงแขนเล็กปล่อยเอวพี่และถอยตัวออกมา “ขับรถดี ๆ นะครับ” แมวเหมียวบอก โบกมือให้พร้อมกับยิ้มกว้าง

“แมวเหมียวก็เดินทางปลอดภัยนะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกพี่ด้วยล่ะ”

“อื้อ” วิฬาร์พยักหน้า ยืนรออยู่ตรงนั้นจนเจ้าของห้องปิดประตู

..ลาก่อนความรักครั้งแรก..

เขาหันหลังกลับไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่ขนมา พอคิดว่าจะได้กลับบ้านที่ห่างมาเป็นเดือนก็น้ำตาซึมขึ้นมา ถึงแม้จะได้คุยกับแม่เกือบทุกวัน แต่มันก็ไม่เหมือนกับการที่ได้อยู่ใกล้กัน

..อยากกลับไปกอดแม่เร็ว ๆ จังเลย..



/



เปิดเทอม ม.6 วิฬาร์ก็ยังคงได้อยู่ห้องเดียวกับสองแฝดเช่นเคย ช่วงปิดเทอมที่ผ่านไปพวกเขาไม่ได้เจอกันเลย เป็นเพราะว่าพวกมันหลังจากจบคอร์สเรียนพิเศษก็ถูกที่บ้านส่งให้ไปอยู่กับปู่ย่าที่ต่างจังหวัด

ทั้งสามคนเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียนพอดี แมวเหมียวขมวดคิ้วมองทั้งสองคนสลับไปมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นี่พวกมึงตัวสูงขึ้นเหรอ” เจ้าตัวทักขึ้น เป็นเพราะระดับสายตาของเขาที่มองพวกมันเปลี่ยนไป..ทำไมถึงต้องเงยหน้าเยอะขึ้นกว่าเก่า

“อืม น่าจะห้าเซนมั้ง” ต้นข้าวตอบยิ้มบาง

“ส่วนมึงก็ดู...มีน้ำมีเนื้อขึ้นนะ” ต้นกล้าเดินวนรอบตัวเพื่อนรักตัวน้อยอย่างพิจารณา “ช่วงปิดเทอมแม่มึงหาวิตามินมาบำรุงหรือไง”

คนถูกทักก้มมองพุงตัวเอง ช่วงนี้เขาเองก็กินเก่งขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ จะว่าไปกางเกงตัวเดิมที่เคยใส่ได้แบบหลวม ๆ ก็พอดีตัวขึ้นมาแล้ว

“ไม่มีหรอก ช่วงนี้เจริญอาหารผิดปกติว่ะ”

สองแฝดขมวดคิ้ว ปกติเพื่อนเขามันกินยังกับแมวดม ทำไมถึงกินเก่งขึ้นมาได้ล่ะ

“กินเก่งแต่ดันขยายข้างซะอย่างนั้น”

“ไอ้เหี้ย!” วิฬาร์ไล่แตะต้นกล้าที่แซวในเรื่องที่เขามักจะเป็นกังวล

ทั้งสองคนวิ่งวนรอบ ๆ ต้นข้าว แฝดพี่หัวเราะร่าที่แกล้งเพื่อนให้โมโหได้ สุดท้ายแมวเหมียวที่ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นทุนอยู่แล้ว
เหนื่อยจนหอบถึงได้หยุดวิ่ง เขาจับข้อมือแฝดน้องเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น

“ไปหาที่นั่งพักกันก่อนดีกว่า” ต้นข้าวบอกพร้อมกับพาเพื่อนตัวเล็กเดินไปด้วยกัน โดยมีแฝดพี่เดินตามหลัง



“แล้วกับพี่เก้า..เป็นไงบ้าง” ต้นข้าวถามขึ้นหลังจากหาที่นั่งได้ เขานึกได้ว่าตอนปิดเทอมเหมียวไปค้างที่คอนโดพี่เก้าอยู่เป็นเดือน
คนถูกถามยักไหล่ “ก็ไม่ยังไง กูตัดใจจากพี่เขาแล้ว”

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ต้นกล้าร้องขึ้นอย่างแปลกใจ

วิฬาร์มองแฝดพี่ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ไม่ง่ายหรอก ตอนนี้กูทำใจได้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็อาการหนักอยู่เหมือนกันแหละ”

“มึงโอเคจริงนะ” แฝดน้องถาม ถึงเพื่อนของเขามันจะไม่ใช่คนคิดมากอะไรก็ตามแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“เออ โอเคสิวะ” เหมียวตอบ “คิดดูแล้วก็ดีเหมือนกันนะ สบายใจทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องมาทนลำบากใจกันด้วย กูอยากมีความรักที่ดีมีความสุขมากกว่านะ”

สองพี่น้องเงียบไปเมื่อได้ยินแมวเหมียวพูดแบบนั้น

“เป็นอะไร” เหมียวมองสองแฝดสลับไปมา “ทำหน้าเหมือนปวดขี้”

“ปะ เปล่า ๆ” ต้นกล้ารีบตอบพร้อมกับยิ้มแห้ง “กูก็แค่คิดตามในสิ่งที่มึงพูด”

“นั่นสิเนอะ” ต้นข้าวยิ้มให้เพื่อนรักตัวน้อย “ใคร ๆ ก็อยากมีความรักที่มีแล้วสบายใจด้วยกันทั้งนั้น”

“เนอะ ๆๆ” วิฬาร์ยกนิ้วให้เพื่อน เจ้าตัวมีท่าทีร่าเริงขึ้นเมื่อได้พูดความในใจออกไปบ้าง



/



“ผมจะส่งคุณไปประจำสาขาใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งนะ”

ประธานบริษัทเรียกพบการินด่วนโดยที่ไม่มีการนัดล่วงหน้าในตอนเช้า พอได้ยินดังนั้น..เจ้าตัวก็นิ่งงันไป

“ขอโทษที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ผมต้องการให้คนเก่ง ๆ อย่างคุณไปบริหารที่นั่นในช่วงเริ่มต้นก่อน”

“นานแค่ไหนเหรอครับ” เขาเอ่ยถามออกไป เพราะรู้ว่านั่นคือคำสั่งไม่ใช่การขอ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปอยู่ดี

“ผมขอสักห้าปีนะ”

การินใจหายวาบ มันนานกว่าที่คิดไว้มาก

“แล้ว..ผมต้องไปวันไหนครับ”

“ถ้าสะดวก คุณเดินทางภายในสิ้นเดือนนี้ได้เลยนะ”



ตั้งแต่ที่แมวเหมียวกลับบ้านไป..การินกลับมาใช้ชีวิตไปวัน ๆ ตื่นเช้าไปทำงาน และกลับบ้าน

วันนี้เขากลับมานั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียว ในหัวสมองคิดอะไรหลายอย่างจนเรียบเรียงออกมาเป็นเรื่อง ๆ ไม่ได้ ความเงียบรอบตัวมันทำให้เขาคิดถึงคนที่มักจะพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด

‘วันนี้พี่อยากกินอะไรเหรอ เหมียวจะอุ่นให้’

พอนึกถึงประโยคที่น้องมักจะถามก็ทำให้เจ้าตัวหัวเราะในลำคอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นซึมในทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าน้องไม่อยู่ตรงนี้แล้ว เรียกว่าในตอนนี้การินอาการค่อนข้างหนักเลยทีเดียว..

หลังจากดื่มจนพอใจเขาก็ไปอาบน้ำ การินก้มดูเวลาบนโทรศัพท์ในขณะที่กำลังเช็ดผมมันบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ไม่แน่ใจว่าแมวเหมียวนอนหลับหรือยัง เขาเลยลองส่งข้อความไปถามดูก่อน

‘นอนหรือยังเอ่ย’

ไม่นานนักก็มีการกดอ่าน หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็วิดีโอคอลกลับมา การินรับทันที ใบหน้าขาวใสปรากฏแก่สายตาทำเอาเขายิ้มออกมาได้ในรอบหลายวัน

‘เหมียวกำลังจะนอนเลย’

“พี่กวนหรือเปล่าครับ”

‘ไม่ ๆๆ แค่กำลัง..ยังไม่ได้นอนสักหน่อย’

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศของคนทั้งสอง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงแค่จ้องหน้ากันราวกับตกอยู่ในภวังค์ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ เป็นคนอายุน้อยกว่าที่หลุดออกมาจากความเงียบนี้

‘จ้องอะไรนักหนาเล่า’ แมวเหมียวพูดเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมกับขมวดคิ้ว

การินหัวเราะในลำคอ “ไม่เจอตั้งหลายวัน”

‘คิดถึงเหมียวอะดิ๊’

“ใช่ครับ” เขาตอบอย่างไม่ต้องคิด อีกคนดูผงะไปเล็กน้อย คงไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากเขา “ไม่มีแมวเหมียวส่งเสียงเหมียว ๆ อยู่ในห้องแล้วเหงาหูจังเลย”

‘เหมียวไม่ใช่แมวนะ’ คนน้องว่าปากยื่น

“อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอเนี่ย”

เมื่อถูกคนอายุมากกว่าพูดหยอก แมวเหมียวก็ยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่

“โอ๋ ๆๆ ไม่งอนพี่นะครับ”

‘ไม่ได้งอนสักหน่อย’ น้องพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง ‘เหมียวแกล้งงอนพี่ไปงั้นแหละ’

การินมองเด็กตรงหน้าด้วยแววตาเอ็นดู “ที่ผ่านมาถ้าพี่ทำอะไรให้เหมียวไม่พอใจ..พี่ขอโทษนะครับ”

แมวเหมียวเงียบไป ดวงตากลมโตมองกลับมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ

‘มีเรื่องอะไรเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า’

“ไม่มีอะไรครับ” การินยังคงยิ้ม “แต่เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้พี่ต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศสักพักนะ”

‘...พี่ไม่ได้จะหนีเหมียวใช่ไหม’

การินชะงักไปเมื่อน้องถามแบบนั้น วูบหนึ่งที่สายตาแสดงความตระหนก แต่ก็ปิดบังมันได้มิด เขาส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ใช่หรอก..เจ้านายขอให้ไปน่ะ”

‘...’

“แต่เรียกว่าเป็นคำสั่งให้ไปน่าจะถูกกว่าแฮะ” คนพี่ว่าหัวเราะกลบเกลื่อนบรรยากาศมาคุระหว่างเขากับน้อง

..สายตาของแมวเหมียวมันบ่งบอกว่าน้องไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด..

ความจริงก็คือเขาก็ใช้โอกาสนี้เอาตัวเองออกห่างอย่างที่น้องพูดจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและแมวเหมียวมันทำให้เขารู้สึกผิดจนทนไม่ไหวที่จะอยู่ที่นี่ ถึงตอนแรกเขาจะใจหายที่จะต้องย้ายไปทำงานในที่ที่ห่างไกล แต่พอมาคิดดูแล้ว..มันอาจจะดีกว่าที่เขาอยู่ไกลกับน้อง มันอาจจะดีกว่าถ้าแมวเหมียวเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้

‘...ทำไมเจ้านายพี่ใจร้ายจัง’ คนที่เงียบไปสักพักเปิดปากพูด

การินยักไหล่ “เป็นพวกเผด็จการน่ะ แต่ดีที่เขาเพิ่มเงินเดือนให้ แถมสวัสดิการก็คุ้มค่า”

‘แล้วป้าเกดกับลุงคาร์ลรู้หรือยังว่าพี่ต้องไป’

“ยังเลยครับ พี่บอกแมวเหมียวคนแรกเลยนะเนี่ย”

‘ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย’ เจ้าตัวย่นจมูก ‘แล้วพี่ต้องไปนานไหม’

“อย่างต่ำก็ 5 ปีครับ”

ดวงตากลมเบิ่งโตขึ้น ‘นานมาก! เจ้านายพี่จ่ายให้คุ้มแน่นะ’

การินหัวเราะขำท้องแข็ง

‘หัวเราทำไมเนี่ย ตอบเหมียวสิว่าเขาจ่ายให้พี่คุ้มแน่นะ’

คนถูกดุหยุดหัวเราะ เขาปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง

“คุ้มสิ” การินตอบความจริง

‘ก็แล้วไป ถ้าให้น้อยนะ..เหมียวจะไปฟ้องป้าเกดว่าพี่ทำงานไม่คุ้มเงินเดือน’

การินยิ้มเอ็นดูเด็กตรงหน้า อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องไปเป็นลูกน้องใครเลยด้วยซ้ำ เพราะลำพังกิจการของครอบครัวการินก็อยู่ได้อย่างสบาย ๆ แต่เพราะสมัยวัยรุ่นเขามีความสัมพันธ์กับที่บ้านไม่ค่อยดีนัก มักจะมีเรื่องผิดใจกันอยู่ประจำ พอเรียนจบเขาก็เลยหนีปัญหาโดยการตั้งใจหางานทำที่เมืองกรุงคนเดียว แต่พอเวลาล่วงเลยไปจนอายุมากขึ้นก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเขามันงี่เง่าเกินไป

แต่เพราะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวจนเคยชิน ทำให้การินเลือกที่จะทำงานอยู่ที่นี่เหมือนเดิมจนกว่าพ่อจะเกษียรตัวเอง คนเป็นแม่ก็ได้แต่บ่นและขู่เอาไว้ว่าถ้าทำงานไม่คุ้มเงินเดือนเมื่อไหร่เขาต้องลาออกแล้วกลับไปรับช่วงที่บ้านสถานเดียว

“เดี๋ยวจบงานนี้พี่ก็ว่าจะลาออกแล้วล่ะ” ตั้งใจว่าจะใช้เงินที่เก็บมาทั้งหมดนี้เปิดบริษัทเป็นของตัวเองบ้าง

‘จริงนะ’

การินพยักหน้ายิ้ม ๆ

‘ดีเลย ป้าเกดกับลุงคาร์ลจะได้ไม่เหงา’ เจ้าตัวบอกพร้อมกับอ้าปากหาว

“ไปนอนได้แล้วตัวยุ่ง”

แมวเหมียวขยับตัวนอนตะแคง ดวงตาปรือ ‘พี่ก็นอนได้แล้ว’

“ครับ ๆๆ พี่ก็จะไปนอนแล้ว” การินตอบรับพลางยิ้มขำเมื่อถูกน้องพูดยอกย้อนย้อน

‘ฝันดีนะครับ’

“ครับ..ฝันดี”



tbc…
พี่เก้าเป็นพวกชอบหนีปัญหาค่ะ
ใครอยากด่านาง ด่าได้เลย
ฉันเองก็อยากจะด่านางเหมือนกันค่ะ
 :angry2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-06-2020 10:06:43
พี่เก้าจะทิ้งน้องเหรอ พี่เก้าทำไมไม่ลองพูดกับผู้ใหญ่ดูเผื่อว่าเขาจะเข้าใจจะได้ไม่ต้องตัดใจจากน้อง ดีด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายเลย
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-06-2020 15:49:04
เหมียวท้องใช่ไหม
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 20-07-2020 08:34:53
ม่ายยยยย เศร้าจัง ห้าปีเชียวนะ ลูกโตพอดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 25-07-2020 11:37:44
รอนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 10 หน้า 2 (25/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-07-2020 12:27:42
รอค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 11 หน้า 2 (29/08/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 29-08-2020 12:56:58



เหมียวสมบูรณ์




วิฬาร์ไม่ได้ไปส่งพี่เก้าเดินทางที่สนามบินพร้อมกับป้าเกดและลุงคาร์ลที่เอ่ยปากชวนให้ไปด้วยกัน เขาคิดว่าในเมื่อตั้งมั่นที่จะตัดใจแล้วก็ไม่ควรอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายมากนัก เหมียวเลยเลือกที่จะส่งข้อความไปบอกลาแทน แต่ก็ถูกตัดพ้อว่าเป็นคนใจร้ายซะอย่างนั้น

ถึงเวลานี้พี่เก้าไปต่างประเทศได้เกือบห้าเดือนแล้ว แต่เหมียวกลับรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไกลกันเลย อีกฝ่ายทักทายเขาทางข้อความอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็วิดีโอคอลคุยกัน แต่นั่นก็เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง เพราะเวลาไม่ได้ตรงกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าก็เกือบเดือนละมั้ง

วิฬาร์เองก็รู้สึกเป็นห่วงพี่เก้าไม่น้อย ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าไม่ค่อยสบาย ทั้งเวียนหัวและอาเจียนอยู่บ่อย ๆ จนต้องลางานหลายครั้ง บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป อ้างแต่ว่าการรักษาพยาบาลของที่นั่นไม่ได้สะดวกเหมือนกับที่ไทย พี่เก้าบอกว่าน่าจะเกิดจากการนอนไม่พอ ถ้าได้นอนเยอะ ๆ ก็อาจจะดีขึ้น

แมวเหมียวคิดว่าตนเองไม่ได้มีสิทธิ์จะไปบังคับให้พี่เก้าทำอะไรตามใจตัวเอง เลยทำได้แค่เป็นห่วงอยู่ตรงนี้ และบอกให้พี่เก้าดูแลตัวเองให้ดี ล่าสุดนี้ที่ได้คุยกันพี่เก้าบอกว่าดีขึ้นจนเป็นปกติแล้ว แบบนี้เขาก็ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาจะไปฟ้องลุงคาร์ลกับป้าเกดแน่

ในตอนนี้แมวเหมียวเริ่มคุ้นเคยกับการที่ไม่มีพี่เก้าไปมาหาสู่กัน อย่างวันวาน รวมทั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่เคยมีก็เบาบางลงแทบไม่เหลือ แต่ไม่ใช่ว่าความรักที่มีมันหายไปพร้อมกัน

เขายังคงรักพี่เก้า..ความรักที่มีอยู่มันไม่ได้จางหายไปไหน..ถึงแม้ว่าวันใดความรักนี้อาจเปลี่ยนรูปแบบไปไม่เหมือนเดิม หรือสักวันเขาอาจเจอคนที่เหมาะสมที่จะรัก

..แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ยังคงรัก ‘พี่ชาย’ คนนี้ตลอดไปอยู่ดีนั่นแหละ..





“ดูสิกินจนตัวบวมไปหมดแล้ว” พี่ชายคนโตที่เพิ่งกลับจากที่ทำงานยืนมองน้องที่กำลังนอนเคี้ยวขนมหยับ ๆ ดูทีวีบนโซฟา จนอดไม่ได้ที่ต้องออกปากแซว

ช่วงนี้วิฬาร์ใช้เวลาหลังจากการทำการบ้านและทบทวนบทเรียนหมดไปกับการนอนเล่นเกม ดูเน็ทฟลิกซ์และกินขนม จนรูปร่างที่เคยผอมบางดูมีเนื้อมีหนังขึ้นพอสมควร

ดวงตากลมโตมองเฮียตาขวาง มือข้างที่ว่างดึงชายเสื้อที่ร่นขึ้นทำเห็นให้เห็นท้องป่อง ๆ ลงมาปิดให้มิด

“นี่เฮียบูลลี่เหมียวเหรอ”

ธีราหัวเราะ ทรุดตัวนั่งลงเบียดกับน้อง เอื้อมมือไปดึงแก้มยุ้ยอย่างเบามือ

“บูลลี่ที่ไหนกัน พูดเรื่องจริงหรอก ดูสิ! แก้มย้วยเชียว”

“อื้อ!” แมวเหมียวสะบัดหน้าหนี

“แม่ว่าแบบนี้ก็ดีนะ น่ารักออก” เกวลินยกจานขนมให้ลูกชายคนโต “แม่อยากให้แมวเหมียวตัวนุ่มนิ่มแบบนี้มานานแล้ว”

ความจริงวิฬาร์ก็ไม่ได้อ้วนอะไรมากมายนัก แต่ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาแล้ว ตั้งแต่เด็ก ๆ เขาค่อนข้างผอมมาก ไม่ใช่เป็นเพราะกินอะไรก็ไม่อ้วน แต่เพราะกินน้อยเหมือนแมวดมต่างหาก

เกวลินที่เห็นลูกชายคนเล็กกินเก่งขึ้นก็รู้สึกดีใจ ตอนนี้แมวเหมียวของเธอแก้มกลมขึ้น รูปร่างก็มีน้ำมีนวลขึ้น จับไปก็แทบไม่เจอกระดูกซี่โครงกับกระดูกสันหลังแล้ว

“ดูเป็นเด็กสมบูรณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว” ป๊าเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือบอกพร้อมรอยยิ้มบาง มองลูกทั้งสองคนด้วยแววตาเอ็นดู โดยเฉพาะคนเล็ก

“ป๊าบูลลี่เหมียว!” ลูกคนเล็กเด้งตัวขึ้นนั่งพร้อมกับร้องโวย

“พุงเป็นชั้นเลยน้า~” ธีราเอื้อมมือไปบีบพุงน้อง

“แม่~~” พอถูกรุมเจ้าตัวก็โผหามารดาทันที ทำเอาทั้งป๊าและเฮียต่างหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

“ป๊ากับเฮียเขาก็พูดหยอกหนูไปอย่างนั้นแหละครับ” เกวลินบอกพร้อมกับลูบหัวลูบหลัง “หนูไม่ได้อ้วนขึ้นอะไรเยอะแยะขนาดนั้นหรอกลูก”

“แต่กางเกงเหมียวก็คับขึ้นจริง ๆ นะแม่” เจ้าตัวแย้ง

แม่ดันตัวลูกชายคนเล็กออก ขยับสายตามองไปรอบ ๆ “แต่แม่ชอบที่เหมียวเป็นแบบนี้นะครับ” ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงเธอก็ชอบอยู่ดีนั่นแหละ

“อันที่จริงป๊าก็ชอบนะ น่ารักดี” จักรชัยเอ่ยขึ้นด้วยความกลัวว่าลูกคนเล็กจะคิดมากขึ้นมาจริง ๆ

“แล้วเฮียล่ะ” แมวเหมียวหันไปถามตัวต้นเรื่อง

ธีราทำท่าลีลาเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดเมื่อโดนน้องเล็กถลึงตาใส่ “ชอบจ๊ะชอบ”

วิฬาร์ยิ้มกริ่มหายหงุดหงิดขึ้นมาทันที น้องน้อยขยับตัวไปนอนที่เดิม หยิบขนมที่ยังกินไม่หมดเข้าปากเคี้ยวต่อจนแก้มป่อง

อันที่จริงแมวเหมียวก็ไม่ได้สนใจกับรูปร่างของตัวเองสักนิด แต่พอถูกคนในบ้านแซวแล้วมันก็ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างนั้น พักหลังนี้พวกแฝดมันก็ชอบบอกว่าเขาดูแปลก ๆ บทจะอารมณ์ดีก็ดี๊ดี หงุดหงิดง่ายแต่ก็หายเร็ว อารมณ์ขึ้นลงเร็วจนน่าตกใจ นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงพวกมันคิดว่าเขาคงฮอร์โมนเปลี่ยนเพราะวันแดงเดือดแน่ ๆ

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาดังขึ้น วิฬาร์เหลือบมองเห็นว่ามันอยู่ใกล้กับพี่ชาย

“ใครไลน์มาเหรอเฮีย”

ธีราหยิบขึ้นมาดูแจ้งเตือนบนหน้าจอ “ศรุต”

“มันว่าไงอะ”

“เอาไปอ่านเองสิวะ” พี่ชายส่งให้เด็กขี้เกียจที่ไม่ยอมขยับตัวเอาแต่ขยับปาก

“อย่าพูดวะกับน้องสิ” เกวลินตีแขนลูกเบา ๆ เป็นการเตือน

คนถูกแม่เอ็ดกลอกตาให้กับความรักของแม่ที่มีต่อน้อง “ครับคุณแม่~~” เจ้าตัวลากเสียงประชด จนมารดาหัวเราะตาหยี

วิฬาร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก สักพักแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกับศรุตเลย ตั้งแต่ที่ถูกปฏิเสธไปหมอนั่นก็บอกว่าจะหายไปทำใจสักระยะ สงสัยหายดีแล้วมั้งถึงได้ทักกลับมา

‘ทำไรอยู่’

‘กินขนม นอน ดูทีวี’

‘สบายจริงนะมึง ระวังอ้วนเป็นหมู’

สงสัยจะสบายดีแล้วจริง ๆ ถึงได้กวนตีนแบบนี้ แต่เขาจะไม่ถือสาหรอกนะ ถือซะว่าชดใช้ที่ไปหักอกมัน

‘อ้วนแล้ว’

‘อ้วนได้ไง มึงกินยังกับแมวดม’

‘ไม่ดมแล้วโว้ย เขมือบเลย’

ศรุตส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะก๊ากมาให้

‘อยากเจอเลยว่ามึงจะอ้วนขนาดไหน’

‘ว่าง ๆ ก็ลงมาเที่ยวดิ’

‘ไปนอนค้างบ้านมึงได้ปะ’

เหมียวคิดก่อนจะหันไปเอ่ยถามบิดา “ป๊าครับ ถ้าเพื่อนของเหมียวมาเที่ยวจะมานอนค้างที่บ้านเราได้ไหม”

“สองแฝดเหรอ”

วิฬาร์ส่ายหัว “เพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพอะครับ”

“ไว้ใจได้เหรอ” ธีราย้อนถาม

แมวเหมียวกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารัว “ได้สิ ๆ เหมียวคอนเฟิร์ม”

“งั้นก็ตามใจหนูเลย” คนเป็นพ่อตอบ ยิ้มยินดีที่เห็นลูกชายมีเพื่อนคนอื่นนอกจากสองแฝดบ้าง ลูกคนเล็กของเขามันเพื่อนน้อยเกินไป

“มาวันไหนก็บอกนะจ๊ะ แม่จะได้เตรียมห้องให้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ให้มันนอนกับเหมียวก็ได้ ขอแค่ฟูกก็พอครับ” เหมียวเกรงใจแม่ แค่ทำงานในบ้านก็เหนื่อยมากแล้ว

‘จะมาก็มา ป๊ากับแม่อนุญาตแล้ว’





หลังจากนั้นไม่กี่วันศรุตก็เดินทางมาเที่ยวตามคำที่ได้บอกไว้ เหมียวยืนรอรับเพื่อนที่คิวรถตู้สายที่อีกฝ่ายนั่งมาใบหน้าน่ารักบึ้งตึง ด้วยอากาศที่อบอ้าวบวกกับความหิวเลยทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“หน้าบูดเหมือนอมขี้เลยนะมึง”

เสียงคุ้นเคยทักขึ้นโดยที่วิฬาร์ไม่ทันได้ตั้งตัว “อมขี้พ่อง”

ศรุตหัวเราะร่า ดวงตามองสำรวจอีกฝ่ายไปทั่ว “มึงดู..อวบขึ้นจริง ๆ ด้วย”

คนถูกทักเหล่มองพุงตัวเองนิดหน่อย “ก็บอกแล้ว”

“แต่ทำไมมึงดูลงพุงจังวะ” ศรุตขมวดคิ้ว รูปร่างของเหมียวมันแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่สมส่วน

“พุงอาเสี่ยไง” แมวเหมียวยิ้มพลางตบพุงตัวเอง “แล้วนี่มึงกินข้าวมายัง”

“จะชวนกินว่างั้น”

“เออ”

ศรุตยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปกอดไหล่เพื่อนแล้วพาเดินไปด้วยกัน “กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวละ”

วิฬาร์นัดสองแฝดเอาไว้ที่ห้างสรรพสินค้า เขาอยากกินชาบูมานานแล้ว ในที่สุดก็หาโอกาสได้สักที

“ไหนมึงว่าไม่ค่อยชอบกินบุฟเฟต์ไง” ศรุตพูดขึ้นทันทีที่มายืนอยู่หน้าร้านชาบู

“ก็ตอนนี้กูอยากกิน” เหมียวตอบเสียงห้วน

“เอ้า” ศรุตร้อง “ทำไมต้องหงุดหงิดใส่กูด้วยเนี่ย” ช่วงขายาวเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน อะไรของมัน..ผีเข้าผีออก

“คนนี้ต้นกล้า คนนี้ต้นข้าว ส่วนนี่ศรุต รู้จักกันไว้นะพวกมึง” วิฬาร์ชี้คนนั้นทีคนนี้ทีพร้อมกับบอกชื่อไปด้วย เจ้าตัวรีบลุกขึ้นไปตักอาหารอย่างหิวโหย ทิ้งเพื่อนใหม่ไว้กับเพื่อนเก่าโดยไม่สนใจไยดี

ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมาพร้อมกับยิ้มแห้งอย่างทำตัวไม่ถูก

“หวัดดี” ศรุตบอกด้วยท่าทีประดักประเดิด “พวกนาย..”

“คุยแบบปกติก็ได้” ต้นข้าวบอกยิ้ม ๆ

“พวกกูไม่ถือ” ต้นกล้าเสริม

ศรุตพยักหน้าก่อนจะชี้ไปที่ซุ้มอาหาร “ไปตักก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า กูหิวจะแย่แล้ว”

ทั้งสามคนแยกย้ายกันไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของกินที่วางจนเต็มโต๊ะ ศรุตเข้ากันได้ดีกับเพื่อนของแมวเหมียว โดยเฉพาะต้นกล้าที่มีอะไรหลายอย่างที่ชอบคล้าย ๆ กัน

“ไอ้นี่ก็เอาแต่กินไม่พูดไม่จาเลยนะ” ศรุตเหล่มองคนข้างตัว

แมวเหมียวโยกศีรษะในขณะที่กำลังเคี้ยวเต็มปากอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะหยุดเคี้ยวเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายของตัวเอง เรียวคิ้วบางขมวดแน่น

“เป็นอะไรวะ” ต้นข้าวถามเมื่อเห็นเพื่อนมีอาการแปลกไป

“ไม่รู้ว่ะ เหมือนมีอะไรดุน ๆ ในท้อง” เหมียวตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ ตรงตำแหน่งที่มีอาการ

“ไปหาหมอไหมมึง” ต้นกล้าบอกด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้อง ๆ” เจ้าตัวส่ายหน้า “ดีขึ้นแล้ว”

“ถ้ามีอาการอีกรอบต้องรีบไปหาหมอนะเว้ย” ต้นกล้าว่าคนกลัวหมอกลัวโรงพยาบาล

“อือ ๆ” วิฬาร์ตอบรับเนือย ๆ ความอยากอาหารลดลงไปในพริบตา เมื่อเพื่อนถามว่าไม่กินอีกเหรอก็ตอบกลับไปว่าอิ่มแล้ว

“แล้วพวกกูต้องมานั่งเก็บกวาดของมึงเนี่ยนะ!” ศรุตว้าก

“แดก ๆ ไปเถอะ อย่าพูดมาก” เพื่อนตัวน้อยว่าก่อนจะหยิบเอาซูชิยัดเข้าปากอีกฝ่ายให้หุบปาก

“ถ้าอาการไม่ดีขึ้นยังไงก็ต้องไปหาหมอนะรู้ไหม” ต้นข้าวย้ำคำพี่ชายอีกรอบ

แมวเหมียวพยักหน้ายิ้มบาง “จ๊ะ ๆๆ”

ต้นข้าวส่ายหน้ายิ้มหน่าย เขารู้ว่าเหมียวตอบรับไปอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ร้ายแรงจริง ๆ มันเองก็คงไม่ยอมไปโรงพยาบาลหรอก





“สวัสดีครับ ผมชื่อศรุต” ศรุตยกมือไหว้พร้อมกับแนะนำตัวเองท่ามกลางครอบครัวของเหมียวที่อยู่กันอย่างพร้อมหน้า เขาไล่สบสายตาทุกคนเริ่มจากพ่อกับแม่ที่มองเขายิ้ม ๆ พลางทักทายกลับ จนมาที่คนสุดท้าย..พี่ชายของไอ้เหมียว

..ทำไมจะต้องมองเขาหัวจรดเท้าด้วยสายตาแบบนั้นด้วยนะ..

“เฮีย!” วิฬาร์เรียกพี่ชายเสียงดัง

คนถูกเรียกหันไปมองน้องชายช้า ๆ “จะเรียกเสียงดังทำไม”

“นั่งจ้องหน้าเพื่อนเหมียวอะไรขนาดนั้น ไม่ทักทายหน่อยเหรอ” คนน้องว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ยังไงเขาก็อยากให้เพื่อนได้รับการต้อนรับที่ดีจากครอบครัวอยู่นะ

“สวัสดี”

“แค่เนี้ยะ!”

“ก็แล้วจะเอาแค่ไหนล่ะ”

คนน้องจ้องพี่ชายตาโตพร้อมอ้าปากค้าง อยากจะด่า..ถ้าไม่ติดว่าเป็นเฮียนี่ต้องโดนสักที!

“ทั้งสองคนกินอะไรมากันหรือยังครับ” เกวลินถามขึ้นมาก่อนที่ลูกชายสองคนจะตีกัน

“เมื่อกลางวันกินไปแล้วครับ” ศรุตตอบ

“แล้วเย็นนี้มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษไหมจ๊ะ”

“เอ่อ..” ศรุตเหล่มองไปที่เหมียว “ผมกินอะไรก็ได้ครับ”

“เหมียวอยากกินหมึกไข่นึ่งมะนาว!” ลูกชายคนเล็กออกความเห็นแทน

“ได้เลย” เกวลินตอบรับก่อนจะหันไปหาลูกชายคนโต “น้ำครับ ไปตลาดซื้อของให้แม่หน่อยสิ”

“แม่..นี่วันหยุดผม”

“ทำให้น้องแค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”

“ทำให้เหมียวแค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”

ธีรามองไอ้น้องตัวแสบที่เลียนแบบประโยคพูดของแม่เพื่อมากวนประสาทเขา

“แต่..”

“หรือจะให้แม่ไปเองครับ”

“ครับ ๆๆ ไปให้ก็ได้” ธีราจำยอมต้องไปอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เองก็เย็นแล้ว โชคดีที่จังหวัดที่เขาอยู่ติดทะเล ขับรถไปไม่ไกลมากก็จะมีสะพานปลาที่มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของทะเลสด ๆ กันให้เต็ม เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปเรียกน้องชายกับเพื่อนให้ไปด้วยกัน

“ทำไมเหมียวต้องไปด้วยเล่า~” เจ้าตัวร้อง

“ใครอยากกินคนนั้นก็ต้องไป” พี่ชายพยายามดึงแขนให้น้องลุกขึ้น “ดูสิ! ตัวหนักชะมัด”

เสียงทะเลาะอย่างไม่จริงจังของสองพี่น้องเรียกรอยยิ้มให้กับศรุตได้อย่างดี เขาคิดอยู่แล้วว่าเหมียวจะต้องเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น เพราะแบบนี้เหมียวถึงได้เป็นคนที่น่ารักและมองโลกในแง่ดี

..ต่างจากเขา..

“ไอ้หนู!”

ศรุตสะดุ้ง “ครับ?”

“เหม่ออะไรน่ะ ลุกเร็ว” ธีราเร่งพร้อมกับลากน้องชายที่กำลังโวยวายไปที่รถ

ขับรถจากบ้านไปถึงสะพานปลาใช้เวลานานกว่าที่คิด เพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวเลยทำให้รถติด แถมยังหาที่จอดรถยากมาก น้องคนเล็กบ่นหิวเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทาง

“สมน้ำหน้า อยากกินอะไรที่มันไม่มีในบ้านดีนัก” เฮียว่า

แมวเหมียวเบะปากเอ่ยเสียงเครือ “ก็เหมียวอยากกินนี่”

คนเป็นพี่ชะงักไปด้วยไม่คิดว่าแค่นี้จะทำให้น้องชายร้องไห้ได้ “แมวเหมียว..ร้องไห้ทำไม” เขาเอ่ยถามพลางเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชาย

“ก็เฮียว่าเหมียว” เจ้าตัวเช็ดน้ำตาป้อย ๆ รู้สึกโมโหตัวเองที่ดันร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนอีกด้วย

ศรุตปิดปากเงียบเมื่อบรรยากาศในรถไม่ค่อยดี เขาเองก็แอบตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าเหมียวอารมณ์แปรปรวนมากขนาดนี้ วันนี้เขายังอยู่กับอีกฝ่ายไม่เต็มวันยังเปลี่ยนไปมาเร็วจนเขายังผิดสังเกต จำได้ว่าตอนเรียนด้วยกันที่กรุงเทพ เหมียวมันก็ไม่ใช่คนที่อารมณ์ขึ้นลงไวแบบนี้

“แค่หยอกเล่นเอง” ธีราบอกเสียงอ่อน นึกสงสัยว่าทำไมน้องชายของเขาถึงอ่อนไหวผิดปกติ ฝ่ามือใหญ่ลูกผมนิ่มอย่างเบามือ “เฮียขอโทษนะ”

วิฬาร์สูดน้ำมูก “เฮียต้องไถ่โทษ”

“อยากได้อะไรอีกล่ะเรา” พี่ชายถามยิ้มมุมปาก เพื่อน้องชายคนนี้แล้ว..เขาให้ได้ทุกอย่างนั่นแหละ

“เกมใหม่”

ธีราหัวเราะในลำคอ “โอเค ๆ พรุ่งนี้เราไปซื้อกัน”

“เย้!” น้องคนเล็กชูมือดีใจ ยิ้มกว้างทั้งที่ขอบตายังแดง

ศรุตเห็นแบบนี้ก็ส่ายหน้ายิ้มขำ คนอะไรอารมณ์ขึ้นลงไวแบบนี้ เขาลอบมองพี่ชายของเหมียว..เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนี้ใจดีกว่าที่คิดอีก อาจจะเพราะช่วงวัยที่ห่างกันมากและร่างกายที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเลยทำให้เหมียวถูกประคบประหงมดูแลจากพี่ชายดีมากขนาดนี้ก็เป็นได้

ธีราพาเด็ก ๆ เดินตลาดสะพานปลาเพื่อเลือกซื้อของสดตามที่ได้รับคำสั่งจากมารดา เขาได้ปลาหมึกไข่ขนาดกำลังพอดีสองกิโล ปลาทูสดอีกหนึ่งกิโล และกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่อีกสองโล โดยมีเด็กหนุ่มเพื่อนของน้องชายรับหน้าที่อาสาถือของให้ ส่วนแมวเหมียวแยกตัวไปซื้อลูกชิ้นทอดใกล้ ๆ นี้

“อยากกินอะไรไหม” ธีราถามศรุต

“เอ่อ..ผมอะไรก็ได้ครับ”

ดวงตาคมจ้องใบหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง “ไม่มีหรอกนะไอ้อะไรก็ได้น่ะ”

“...” ศรุตอึ้งเมื่อถูกย้อน ในหัวคิดหาคำตอบเอาตัวรอด “ผม..กินอะไรก็ได้ที่พี่ชอบครับ”

เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่มันเข้าใจตอบ ธีราพยักหน้าช้า ๆ “แล้ว..ชอบแมวเหมียวเหรอ”

“ครับ?” เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าจากถามเรื่องของกินแล้วเปลี่ยนมาเรื่องนี้ได้ไง

“ต้องให้ถามซ้ำเหรอ”

“ไม่ครับ” ศรุตส่ายหน้าหวือ แล้วทำไมต้องโหดกับเขาขนาดนี้ด้วยเนี่ยยย

“คำตอบล่ะ”

“...ก่อนหน้านี้เคยชอบครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้ชอบในแบบนั้นแล้ว” ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดูหวงน้องมากแค่ไหน แต่เขาก็เลือกที่จะตอบความจริงออกไป “น้องพี่หักอกผมดังเป๊าะเลย”

คนอายุมากกว่าหลุดขำ ศรุตหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย ถึงเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหมียวแล้ว แต่พอถูกหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยแบบนี้แล้วมันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้

ธีรากระแอม “โทษที ไม่ได้หัวเราะที่เธอถูกหักอกหรอกนะ แต่หัวเราะที่คนอย่างแมวเหมียวมันหักอกคนเป็นแล้วต่างหาก ไม่นึกว่าเด็กหน้าตาดีอย่างเธอจะมาชอบคนบ๊อง ๆ แบบนี้ด้วย”

“แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของเหมียวนะครับ”

คนฟังเหลือบมองเด็กหนุ่มที่พูดจาถูกใจเขาเหลือเกิน “นั่นสิเนอะ” ธีรายิ้มให้ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาน้องชายที่กลับมาพร้อมลูกชิ้นถุงใหญ่

ศรุตนิ่งไปเมื่อได้รับรอยยิ้มแรกจากพี่ชายของเพื่อน สายตามองภาพตรงหน้า ไม่รู้ทำไม..ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ภาพของพี่ชายตัวใหญ่ที่ยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวน้องด้วยความอ่อนโยนมันช่างตราตรึงใจเขาเหลือเกิน





“กินให้เยอะ ๆ เลยนะจ๊ะ จะได้โตไว ๆ นะ” เกวลินบอกกับเพื่อนลูกชายที่มองกับข้าวบนโต๊ะตาโต

“โห ถ้าแค่นี้ยังไม่เรียกว่าโต เหมียวก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ” ลูกคนเล็กว่าก่อนจะจิ้มกุ้งชุบแป้งทอดขึ้นมากัดคำโต

“ถ้าตัวโตได้เท่ากับป๊าหรือเฮียก็ดีนะจ๊ะ”

“ศรุตอายุน้อย ยังมีโอกาสสูงได้อีกนะคุณ” จักรชัยเอ่ยกับภรรยา

“แต่เด็กแถวนี้…” ธีราลากเสียง สายตาเหลือบมองน้องชาย “ดูท่าจะขยายข้างมากกว่านะ”

“เฮีย!!”

นานมากแล้วที่ศรุตไม่ได้นั่งกินข้าวกับครอบครัว ความทรงจำที่มีร่วมกับพ่อและแม่มันเลือนรางจนเขาคิดถึงความรู้สึกที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ออก แต่วันนี้..เขากลับได้รับมันจากครอบครัวของเหมียว

ได้ทานอาหารพร้อมหน้า อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น นั่นคือสิ่งที่เขา..เคย..ปรารถนาอยากได้จากพ่อกับแม่มาตลอด แต่ในตอนนี้เขาคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นเท่ากับสมัยเด็กอีกต่อไปแล้ว

เพราะในสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้พบกับครอบครัวของเขาเอง คนที่จะเป็นความสุข เป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เป็นทุก ๆ อย่างของกันและกันเหมือนกับครอบครัวของแมวเหมียว

เด็กหนุ่มอมยิ้มให้กับภาพของสองพี่น้องตรงหน้า คุณแม่ของบ้านตักกับข้าวที่อยู่ใกล้กับท่านมาวางบนจานของเขาพลางบอกว่า ‘กินให้หมดนะ’

ศรุตกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เขากล้าพูดได้เลยว่าอาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุด..และเขาก็มีความสุขมาก




“เดี๋ยวกูล้างให้ มึงรอเช็ดจานไป”

หลังจากทานอาหารเสร็จ เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็รับหน้าที่ล้างจานไป ศรุตบอกกับเพื่อนตัวเล็กที่กำลังกวาดเศษอาหารลงถุง

“โอเค” วิฬาร์ยิ้ม เขาไม่ค่อยชอบล้างจานสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

“ยิ้มแป้นเลยนะมึง” ศรุตผลักหัวอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะหยิบจานขึ้นมาล้างน้ำเปล่าก่อนหนึ่งน้ำแล้วค่อยต่อด้วยน้ำยาล้างจาน

“มึงล้างจานเก่งดีนะ” เหมียวบอกอย่างคาดไม่ถึงว่ามันจะทำเรื่องแบบนี้ได้คล่องแคล่ว ศรุตมันดูเป็นลูกคุณหนูออก

เจ้าตัวหัวเราะในลำคอ “กูเก่งทุกเรื่องน่ะแหละ”

“จ้ะ ๆๆ” แมวเหมียวตอบรับด้วยความหมั่นไส้ในความมั่นใจในตัวเองของศรุต

“อ้าว! ทำไมแมวเหมียวไม่ช่วยเพื่อนล่ะลูก” เกวลินที่ยกกับข้าวที่เหลือเข้ามาเก็บในครัวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกชายยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์เฉย ๆ

“ผมเป็นคนบอกให้เหมียวเป็นคนเช็ดจานแล้วค่อยเก็บเองครับ”

ลูกคนเล็กผงกหัวหงึก “เราแบ่งหน้าที่กันแล้วนะครับ”

“จ้า ๆ งั้นหนูมาช่วยแม่เก็บกับข้าวหน่อยมา”

วิฬาร์ไม่มีท่าทีอิดออด เขาหยิบจานกับข้าวที่เหลือเทลงกล่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเก็บแช่ตู้เย็น

“โอ๊ะ!” แมวเหมียวร้องขึ้นในทันทีที่รู้สึกว่ามีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นในท้องของตัวเองอีกครั้ง

“เป็นอะไรเหรอลูก” แม่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นลูกชายร้องก่อนจะเอามือลูบท้องไปมา

“มัน..ในท้องเหมียวมัน..แปลกจังเลยครับ”

“เจ็บเหรอครับ”

แมวเหมียวส่ายหัว “เหมียวก็บอกอาการไม่ถูกเหมือนกัน มัน..เหมือนมีอะไรกระตุกหรือดุน ๆ ในท้องเลย”

เกวลินที่คิ้วขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก เธอไม่อยากคิดเอาเองว่ามันเป็นคืออาการของโรคอะไร เลยชวนลูกไปให้หมอวินิจฉัยดีกว่า แต่แมวเหมียวก็เม้มปากแน่นไม่ยอมตอบว่าจะไปหรือไม่ไป

“ไปเถอะลูก ไม่ต้องกลัวนะครับ” บอกพร้อมกับลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา

วิฬาร์ที่กลัวการไปหาหมอมาก ยอมพยักหน้าแต่โดยดี ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรหนัก แล้วจะแก้ไขอะไรไม่ทันถ้าช้าเกินไป




TBC…
มาช้าอีกแน้ววว  :mew2:
ค่อยเป็นค่อยไปค่า
ใครที่ทายว่าแมวเหมียวจะป่องหรือเปล่าก็คงเดาได้แล้ว  :hao3:
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า  :mew1:
ขอบคุณค่ะ
 :L2:


หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 11 หน้า 2 (29/08/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2020 18:42:05
ป่องแบบนี้เป็นเรื่องแน่ คนก่อเรื่องอยู่ไกลเสียด้วยสิ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 11 หน้า 2 (29/08/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-08-2020 23:11:55
รองับ
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 11 หน้า 2 (29/08/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-08-2020 23:50:13
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 11 หน้า 2 (29/08/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-08-2020 09:56:21
เฮ้ยยยย!!! ลูกดิ้น
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 12 หน้า 3 (04/10/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 04-10-2020 16:16:09


**นิยายตอนนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ทั้งหมดทั้งปวงเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ โปรดใช้จักรยานในการอ่านจ้า**



เป็นลูกของเหมียวแค่คนเดียว




“คุณหมอว่าอะไรนะคะ! ท้องเหรอ” เกวลินพูดเสียงสูงด้วยความตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากนายแพทย์ตรงหน้า คนอื่นในครอบครัวที่อยู่ในห้องฟังผลก็ตกใจไม่แพ้กัน

“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน..ลูกผมเป็นผู้ชายนะครับ” จักรชัยบอกราวกับจะเตือนสติอีกฝ่ายว่าไม่ได้กำลังอ่านผลการรักษาของคนอื่นอยู่แน่นะ

นายแพทย์หนุ่มหน้าเครียด เขาพลิกหน้ากระดาษไปมา “ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ แต่ผลตรวจทุกอย่างยืนยันได้ว่าลูกชายของคุณพ่อกับคุณแม่กำลังตั้งครรภ์จริง ๆ ครับ”

วิฬาร์ไม่ได้ยินเสียงคนรอบตัวว่ากำลังพูดหรือโต้ตอบอะไรกันบ้าง เขาหูอื้อไปตั้งแต่ที่ได้ยินว่าตัวเองกำลังตั้งท้องแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ…

ดวงตากลมโตมองมือที่กำลังจิกเข้าหากันจนเลือดซึม แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด มันชาไปหมดทั้งตัวตั้งแต่ได้รับรู้ถึงผลจากการกระทำของตัวเอง

“แมวเหมียว!”

เสียงของพี่ชายดังขึ้นพร้อมกับง้างมือของเขาที่กำลังกำแน่นโดยไม่รู้ตัวให้คลายออกจากกัน

“ได้ยินพี่ไหม”

วิฬาร์ขอบตาแดงก่ำ เขากะพริบตาถี่ก่อนจะพยักหน้าเมื่อเริ่มได้สติ ไม่รู้ว่าเฮียเรียกอยู่นานแค่ไหน แต่ใบหน้าของเฮียที่อยู่ต่ำกว่า
เพราะกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าเขานั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจนเขารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา

“กลับบ้านกัน” เสียงทุ้มบอกพลางส่งยิ้มบางมาให้ แมวเหมียวเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ก็เห็นป๊ากับแม่มองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้ม

“กลับบ้านกันนะครับ”



-----



เด็กหนุ่มเหม่อลอยไปตลอดทางกลับบ้าน สายตามองออกไปยังดวงไฟบนท้องถนนยามค่ำคืน บนรถเงียบงัน..ไม่มีใครพูดอะไรกันแม้สักคำเดียว แต่แมวเหมียวก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงจากฝ่ามือของแม่ที่กุมมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

วิฬาร์ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง มือบางยกขึ้นลูบท้องที่ป่องขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เด็กคนนี้เป็นลูกของพี่เก้า ไม่สิ..ลูกของเขาคนเดียว เด็กคนนี้ไม่ได้เกิดมาจากความเต็มใจของพี่เก้า..แต่เป็นเด็กที่เกิดจากความเอาแต่ใจของเขา

..เป็นลูกของเขาแค่คนเดียว..

เกวลินเหลือบมองลูกชายคนเล็กที่กำลังลูบท้องตัวเองมีท่าทีเหม่อลอยด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอคิดถึงเรื่องที่จะพูดคุยกับแมวเหมียว ด้วยหนักใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะเหมียวเองก็มีอาการช็อกมาก เธอไม่อยากให้ความเครียดส่งผลกระทบต่อทั้งลูกและหลานตัวน้อย ๆ ในท้อง

“แมวเหมียวกินข้าวต้มปลาไหม” ธีราถามน้องชายเมื่อกำลังจะขับรถผ่านร้านเจ้าโปรดของน้องชาย

“เหมียว..ไม่หิวครับ” คนถูกถามก้มหน้าตอบเสียงเบา

“ไม่กินแน่นะ” พี่ชายถามย้ำอีกที

วิฬาร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนตอบ “..ครับ”

ธีราเหลือบมองน้องผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยอมรับว่าเขาก็ตกใจกับสิ่งเพิ่งที่ได้ยินมา อยากจับน้องเขย่า ๆ แล้วถามว่าไปท้องกับใครหน้าไหน แต่พอเห็นท่าทีของแมวเหมียวแล้ว ความเป็นห่วงก็ทำให้เขาต้องปิดปากตัวเอง และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่ว่าเมื่อไหร่..เขาก็อยากให้น้องมีแต่ความสุข

“กินหน่อยก็ดีนะลูก” ป๊าเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “เดี๋ยวจะหิวเอานะ น้ำจอดรถลงไปซื้อให้น้องหน่อยไป” จักรชัยบอกลูกชายคนโต

วิฬาร์เม้มปาก ยิ่งทุกคนทำดีกับเขามาก..ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาทำเรื่องที่ไม่สมควรแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากกว่าเดิม แมวเหมียวพยายามกลั้นก้อนสะอื้น เขาไม่อยากร้องไห้อีกต่อไปแล้ว

..เพราะต่อจากนี้ไปเขาจะต้องเข้มแข็งเพื่อสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ในท้อง..



-----



เมื่อกลับถึงบ้านทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แม่บอกให้ศรุตขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง เหลือแต่บุคคลในครอบครัว ป๊ากับแม่มองตากันว่าใครควรจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน สุดท้ายจักรชัยก็พยักพเยิดให้ภรรยารับหน้าที่นี้ไป

เกวลินทอดสายตามองลูกคนเล็กที่เอาแต่นั่งก้มหน้า เธอรู้ว่าแมวเหมียวคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ในเมื่อมีเด็กเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องคิดหาทางออกกัน

ฝ่ามือเล็กวางลงบนศีรษะได้รูป “แมวเหมียวครับ”

วิฬาร์เงยหน้าขึ้นสบตากับมารดา ดวงตากลมโตสั่นไหวแถมยังแดงก่ำ “เหมียว..ขอโทษนะครับ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกลูก มันเป็นเรื่องสุดวิสัย หนูเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้นี่นา”

“เหมียวไม่น่าทำเลย” พูดแล้วก็พานจะทำให้น้ำตาไหล เจ้าตัวกลั้นเอาไว้ พยายามไม่ให้มันไหลลงมา

“มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มนุษย์เราถ้าเกิดความรักหรือชอบใครสักคน..เราก็อยากสานสันพันธ์กับคนคนนั้นอยู่แล้ว” จักรชัยพูดขึ้นมา ไม่อยากให้ลูกชายคิดว่าเรื่องที่ทำไปมันเป็นสิ่งไม่ดี “เพียงแต่ว่า..แมวเหมียวอาจจะมีมันเร็วไปสักนิดนะ”

วิฬาร์พยักหน้ารับก่อนจะบอกเสียงสลด “ขอโทษครับ”

“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไป ตอนนี้หนูต้องหาทางออกให้กับเรื่องนี้นะครับ” แม่บอกพร้อมกับลูบแผ่นหลังบางของลูกคนเล็ก

“ทางออก?”

“ตอนที่คุณหมอพูดไม่ได้ฟังเลยสิเรา” พี่ชายที่นั่งประกบอยู่ยกมือขึ้นโคลงหัวน้องไปมา

“เหมียวตกใจอยู่” น้องบอกเสียงแผ่ว

“ทุกคนก็ตกใจที่แมวเหมียวมีเบบี๋ได้ทั้งนั้นแหละ” แม่บอกกลั้วหัวเราะ

“...ไม่มีใครโกรธเหมียวเลยเหรอ”

เกวลินประคองใบหน้าของลูกชายคนเล็ก เธอยิ้มอย่างไม่คิดจะถือโทษโกรธเคือง ฝ่ามือของแม่เช็ดเหงื่อที่ชุ่มอยู่ตามกรอบหน้า แมวเหมียวของเธอเครียดมากจนเหงื่อซึมแถมยังมือไม้เย็นไปหมด

“ไม่โกรธหรอกครับ แม่ ป๊า กับเฮียเข้าใจหนูนะ”

เจ้าตัวเม้มปากกลั้นสะอื้นด้วยความโล่งอก “ขอบคุณ..นะครับ”

“พรุ่งนี้มีนัดกับหมอเฉพาะทางนะ” ธีราบอกน้องชาย

“ไม่ใช่ว่าเหมียวต้องไป..ฝากท้องเหรอครับ”

“ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้นครับ” แม่ตอบ “อย่างแรกคือเหมียวตั้งใจจะตั้งท้องเด็กคนนี้หรือเปล่า เพราะหนูเป็นเคสพิเศษที่มีความเสี่ยงสูง ถ้าไม่คิดจะเก็บเขาเอาไว้เราก็ต้องทำการยุติการตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยต่อตัวแมวเหมียวนะ”

ดวงตากลมโตกะพริบปริบ “ยุติการตั้งครรภ์..” เขาทวนคำ ไม่มั่นใจนักว่าตัวเองเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินถูกหรือเปล่า

“พวกเราจะไม่บังคับลูก ถ้าหนูไม่พร้อม...เราสามารถทำแท้งได้นะ” จักรชัยเอ่ย ในยุคนี้การยุติการตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยก็ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น

วิฬาร์เบิกตาโตขึ้นหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ป๊าบอก น้ำตาหยดไหลลงบนแก้มเนียน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ แต่พอคิดถึงว่าจะต้องทำลายสิ่งมีชีวิตในท้อง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย...มันก็ทำให้ปวดหนึบในอกจนหายใจไม่ออก

ฝ่ามือวางลงบนหน้าท้องที่ยื่นออกมาน้อย ๆ อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ แต่ก็กลัวที่จะพูดออกไป เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีปัญญาเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพได้ ตัวเองยังเอาไม่รอด ยังต้องให้ทุกคนส่งเสียเลี้ยงดูแท้ ๆ

“แมวเหมียว…” คนเป็นแม่พอเห็นน้ำตาของลูกชายก็ดึงแมวเหมียวเข้ามากอด “แม่ไม่บังคับหนูนะครับ หนูคิดอะไรอยู่..หนูบอกแม่เถอะลูก”

พี่ชายคนโตพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่เพียงลูบหลังปลอบแมวเหมียวของเขา เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป แต่ไม่ว่าจะลงเอยแบบไหน..เขาก็พร้อมจะซัพพอร์ตน้องเสมอ

จักรชัยมองภาพลูกชายคนเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ปวดใจไม่แพ้กัน เขาคิดว่าลูกคงทั้งกังวลและกลัวไปหมด ยิ่งลูกดูช็อกหลังจากที่เขาพูดถึงเรื่องยุติการตั้งครรภ์แล้ว..เขาคิดว่าแมวเหมียวเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นกับเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คนนี้หรอก แต่คงไม่กล้าที่จะพูดคำว่าอยากเก็บเอาไว้ออกมา

“ถ้าเหมียวอยากจะเลี้ยงเด็กคนนี้ ป๊าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะลูก”

“จริงเหรอครับ” ดวงตากลมรื้นน้ำสบเข้ากับใบหน้าของป๊า “เรา ฮึก เลี้ยงเขาได้..จริงเหรอครับ”

“ได้สิ ลูกตั้งสองคนป๊ายังเลี้ยงมาได้ นี่หลานแค่คนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ล่ะ” จักรชัยตอบส่งยิ้มให้

สิ้นคำบอกจากพ่อ แมวเหมียวก็ร้องไห้โฮด้วยความโล่งใจ กอดมารดาแน่น 

แม่ลูบหลังปลอบประโลม “หลังจากนี้แมวเหมียวต้องมีความสุขให้มาก ๆ นะรู้ไหม..ถ้าหนูเศร้า ลูกก็จะเศร้าไปด้วยนะครับ”
วิฬาร์ร้องไห้อยู่สักพักถึงได้หยุด เจ้าตัวยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาพร้อมกับสูดน้ำมูก ป๊ากับเฮียแยกออกไปสูบบุหรี่ที่หน้าบ้าน ส่วนมารดาแยกตัวไปห้องน้ำ

“ดูสิ ตาบวมฉึ่งเลย” เกวลินเดินกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูก เธอมองใบหน้าหมดจดก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาที่ท้องของแมวเหมียว มือบางยื่นออกไปแตะลูบเบา ๆ ไม่อยากเชื่อว่าลูกชายตัวน้อยของเธอกลายเป็นแม่คนแล้ว

“...แม่” แมวเหมียวครางเสียงเครือ

“พ่อของเด็กคนนี้เป็นใครเหรอครับ” เกวลินถูกสองพ่อลูกให้มาถามอีกคำถามที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมาแมวเหมียวก็อยู่ในสายตาของทุกคนในครอบครัวมาตลอด ไม่เคยเห็นมีทีท่าว่ามีแฟนตั้งแต่ตอนไหน ไม่มีใครคิดออกเลยจริง ๆ ว่าลูกชายคนเล็กจะไปมีสัมพันธ์กับใครได้

แมวเหมียวเม้มปากเงียบ..จะไปตอบได้ยังไงว่าเป็นพี่เก้า

“เลิกกันแล้วเหรอ” แม่ถามอีกเมื่อเห็นว่าลูกเงียบ

แมวเหมียวครุ่นคิด จะเลิกกันได้ยังไงในเมื่อ..เราไม่เคยคบกันเสียหน่อย “เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันครับ”

เกวลินพยักหน้ารับ “แล้วหนูคิดจะบอกอีกฝ่ายเรื่องลูกไหม”

วิฬาร์ส่ายหัวทันที กลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะตอบในสิ่งที่คิดมาแล้วอย่างแน่วแน่ออกไป “เหมียว..ไม่อยากบอกครับ เหมียวอยากเลี้ยงเขา..เป็นปะป๊าของเขาแค่คนเดียว”

คนเป็นแม่ยิ้มบาง จะหาว่าเธอกับสามีสปอยล์ลูกเกินไปก็ยอมรับ แต่เธอทำใจบังคับลูกไม่ได้จริง ๆ และแมวเหมียวเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตั้งท้องได้ ถ้ารู้..ลูกก็คงไม่ทำโดยที่ไม่ได้ป้องกันแบบนี้

“งั้น…” เกวลินลากเสียงพร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้ลูก วาดแขนกอดไหล่บาง “ปะป๊าตัวน้อยก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ”

แมวเหมียวยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะผงกหัวหงึกหงัก “เหมียวสัญญาว่าจะกินแต่ของมีประโยชน์ แล้วก็จะไม่ดื้อกับแม่นะครับ” พูดจบก็โผเข้ากอดแม่แน่น

“แล้วเฮียกับป๊าล่ะ” ธีราเอ่ยถามเมื่อกลับมาทันได้ยินน้องพูดสัญญากับแม่

“เหมียวก็จะไม่ดื้อกับป๊ากับเฮียด้วยเหมือนกัน”

ธีราเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขยี้ผมน้อง “กลายเป็นแมวเชื่องไปแล้วแฮะ” พูดแบบนั้นก่อนจะเปลี่ยนไปเกาคาง

“ไม่ใช่แมวสักหน่อย”

พี่ชายโคลงหัวอย่างไม่สนใจคำพูดของน้อง “แล้วนี่หิวไหม”

“ไม่-”

โครกกกก~~~

กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่เสียงท้องร้องก็ดันดังซะเหลือเกิน  แมวเหมียวหัวเราะแฮะ ทุกคนต่างหลุดหัวเราะลั่น

“น้ำไปอุ่นข้าวต้มให้หลานหน่อยไป ดูสิ..ตัวแค่นี้ก็รู้จักเรียกร้องจะกิน โตขึ้นมาจะขนาดไหน” จักรชัยพูดอย่างอารมณ์ดี

“ก็ดูตัวแม่สิ..กลมอย่างกับลูกขนุน”

“เฮีย!” น้องชายแหวเสียงแหลม

บรรยากาศในบ้านกลับมาดีขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน วิฬาร์รู้สึกขอบคุณทุกคนจริง ๆ ทั้งที่เขาก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับไม่มีการต่อว่าสักคำ ทำให้แมวเหมียวตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้ป๊าแม่และเฮียต้องทุกข์ใจกับเขาอีก เขาจะเป็นลูกที่ดี น้องที่ดี

..และสำคัญที่สุดคือการเป็นพ่อกับแม่ที่ดีให้กับเจ้าตัวน้อยในท้อง..



-----



“มึงว่าอะไรนะ!” ศรุตย้อนถามเสียงดังจนแมวเหมียวต้องยกนิ้วขึ้นมาแนบปากส่งเสียง ‘ชู่’ เป็นการบอกให้เสียงเบาหน่อย

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำได้ไหม” เจ้าตัวว่าคิ้วขมวด

เพื่อนตัวโตใช้นิ้วแคะหูตัวเอง “กูแค่อยากรู้ว่ากูหูเพี้ยนไปหรือเปล่าถึงได้ยินมึงบอกว่ามึงท้อง”

“เออ ตามนั้น”

ศรุตอ้าปากค้างพะงาบ ๆ อยู่หลายครั้ง ตอนแรกที่เห็นทุกคนกลับมาบ้านด้วยใบหน้าเคร่งเครียดตนก็คิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้!

“นี่..มึง- มึงเป็น..ผู้หญิงเหรอวะ”

“ไอ้บ้า! ผู้ชายโว้ย!”

“ก็แล้วถ้ามึงเป็นผู้ชาย มึงจะ..ท้องได้ไงล่ะ”

วิฬาร์ส่ายหัว “กูคงเป็นคนพิเศษล่ะมั้ง” เจ้าตัวที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงก้มมองท้องตัวเองด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับลูบอย่างแผ่วเบา

ศรุตแหงนหน้าเหม่อมองแมวเหมียวในมุมที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน

“แล้วใครเป็นพ่อเด็กวะ”

วิฬาร์สบตาเข้ากับคนถามชั่วครู่ “กูนี่ไง”

“โว้ย มึงนี่จะกวนตีนกูให้ได้ตลอดเลยหรือไง” ศรุตหงุดหงิด “มึงคงไม่ได้จู่ ๆ ก็ท้องขึ้นมาเองได้หรอก”

“...” แมวเหมียวปิดปากเงียบ

“อย่าบอกนะว่าเป็น..พี่คนนั้นนะ” ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มน้อย ๆ หายไปทันทีเมื่อเขาถามจบ นั่นทำให้ศรุตแน่ใจได้เลยว่าพ่อของเด็กในท้องเป็นพี่คนที่เขาเคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียว แต่ศรุตยังคงจำได้ไม่เคยลืมว่าอีกฝ่ายมองมาที่เขากับแมวเหมียวด้วยสายตาไม่พอใจแค่ไหน

“นี่...จริงเหรอวะ”

วิฬาร์พ่นลมหายใจออกมาทางปาก เงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนที่จ้องมาอย่างต้องการคำตอบ เขาพยักหน้าด้วยความจำยอม

“แต่มึงอย่าไปบอกใครนะ..กูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”

“ไม่บอกได้ไงวะ นี่มันพรากผู้เยาว์นะเว้ย” ศรุตว่าลดเสียงให้เบาลง

“ไม่ใช่ซะหน่อย” แมวเหมียวบอกเสียงอ่อย ก็คนต้นเรื่องมันเขาทั้งนั้น

“แล้วนี่พี่มันฟันแล้วทิ้งเหรอวะ” ศรุตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ไม่ใช่แบบนั้น” คนท้องพยายามปฏิเสธ

“มันจะไม่ใช่ได้ยังไงวะ มึงก็ปกป้องกันเกินไป- โอ๊ย!” ศรุตยังพูดไม่ทันจบก็ถูกแมวเหมียวปาหมอนใส่หน้า

“หุบปากแล้วก็ฟังกันหน่อยสิโว้ย!”

คนที่นั่งอยู่กับพื้นลูบจมูกโด่งป้อย ๆ “พูดดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายกันเลย”

“ก็พูดดีไปแล้วเข้าหูบ้างไหมล่ะ”

“แฮ่ม! โทษที..มึงว่ายังไงนะ”

“เรื่องนี้มันเป็นฝีมือของกูคนเดียวทั้งหมดแหละ”

ศรุตขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่เชื่อ “ตลกละ เรื่องแบบนี้มันทำคนเดียวได้ที่ไหนกัน”

วิฬาร์อยากจะบ้าตาย ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องมาตอบคำถามกับไอ้ศรุตด้วย ขนาดครอบครัวกูยังไม่ถามเรื่องนี้เลย!

“กูทำของกูเองคนเดียว พอใจมึงยัง!” แมวเหมียวเผลอเสียงดังขึ้นมาก่อนจะรีบยกมือปิดปากตัวเอง ยิ่งเห็นหน้าไอ้ศรุตที่อ้าปากค้างด้วยแล้วก็ส่งผลให้แก้มแดงขึ้นมาอีกด้วย

“มึง..ขืนใจพี่เขาหรือว่าลักหลับวะ”

“..อย่าถามกูอีกเลย” ใบหน้าขาวแดงจัด แมวเหมียวอายจะแย่อยู่แล้ว “กูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก”

ศรุตที่กำลังอยากรู้อยากเห็นชะงักไป “เออ ๆ โทษที ไม่ถามแล้ว ๆ”

หลังจากปิดไฟ เพื่อนตัวน้อยเอนตัวลงนอนตะแคง วันนี้ทุกเรื่องราวประดังประเดเข้ามาจนเขารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน มือเพรียววางลงบนท้อง..ครุ่นคิดถึงคนที่เป็นสายเลือดอีกครึ่งของเด็กคนนี้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยของวันแล้วล่ะมั้ง

“แต่จะว่าไปนะ...” ศรุตพูดขึ้นในความมืด “มึงนี่ก็สุดยอดไปเลยว่ะ”

“โว้ย! หุบปาก!”

แมวเหมียวผุดลุกขึ้นกระหน่ำเอาหมอนข้างฟาดไปที่อีกคนไม่ยั้ง ขณะที่ศรุตก็ยกแขนขึ้นมาบังตัวเองพร้อมกับหัวเราะเอิ๊ก ๆ เขาก็แค่อยากให้เพื่อนหลุดออกจากอารมณ์เศร้าหมองก็เท่านั้นเอง



-----



วันนี้วิฬาร์มีนัดกับหมอเฉพาะทาง ที่โรงพยาบาลเดิม ทุกคนในครอบครัวมากันพร้อมหน้า แถมศรุตพ่วงมาด้วยอีกหนึ่งหน่อ

“มึงจะตามมาทำไมเนี่ย” เจ้าตัวบ่นเพื่อนที่นั่งติดกันบนโซฟาของโรงพยาบาลเสียงเบา พวกเขากำลังรอเรียกคิวอยู่

“มึงจะทิ้งให้กูอยู่บ้านคนเดียวอีกหรือไง พรุ่งนี้กูก็กลับแล้วนะ”

แมวเหมียวรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ ที่ไม่ได้พาเพื่อนไปเที่ยวไหนเลย “อยากไปเที่ยวไหนไหม เดี๋ยวให้เฮียพาไป”

“ไม่ดีกว่า” ศรุตปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เขาไม่ได้ไม่ชอบอีกฝ่ายหรอก เพียงแค่รู้สึกไม่ค่อยดียามอยู่ใกล้แค่นั้น “กลับบ้านไปเล่นเกมด้วยกันตามที่เคยคุยไว้ก็พอ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า”

“กูไม่ได้เกรงใจครับเพื่อน” ศรุตกัดฟันเน้นย้ำทีละคำด้วยเสียงที่เบาที่สุด

แมวเหมียวทำหน้างง แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรก็ถูกพยาบาลขานชื่อซะก่อน เขารีบลุกขึ้นยืนด้วยความเร็วก่อนจะโดนแม่ดุว่าต่อไปนี้จะลุกจะนั่งก็ให้ระมัดระวังให้มาก

“ขอโทษครับ” ลูกชายคนเล็กยิ้มแห้ง

“ไม่ต้องขอโทษหรอกลูก แม่แค่เตือนเฉย ๆ ต่อไปนี้หนูไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะครับ” เกวลินบอกด้วยความเป็นห่วง แมวเหมียวร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย เวลานี้ยิ่งต้องระวังเข้าไปอีก



“สวัสดีครับ” วิฬาร์ยกมือไหว้คุณหมอก่อนทันทีที่เข้าไปในห้องตรวจ

นายแพทย์หนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นานรับไหว้พร้อมกับรอยยิ้ม “เชิญครับ ๆ พี่มลช่วยหาเก้าอี้มาเพิ่มให้หน่อยได้ไหมครับ” เขาหันไปบอกพี่พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นว่านอกจากคนไข้แล้วยังมีญาติมาอีกหลายคน

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมกับลูกชายยืนได้ครับ” จักรชัยบอกอย่างเกรงใจ ให้ภรรยากับแมวเหมียวนั่งเก้าอี้ไป ส่วนเขากับน้ำ และศรุตยืนฟังก็ได้

“เดี๋ยวขอหมอดูประวัติหน่อยนะครับ” มือขาวเปิดแฟ้มคนไข้ขึ้นมา ใบหน้าเกลี้ยงเกลาพยักหน้าช้า ๆ กับข้อมูลที่ได้อ่าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม “เป็นเคสที่หายากมากเลยนะครับ หมอเองก็เคยแต่อ่านงานวิจัย เป็นครั้งแรกที่ได้เจอด้วยตัวเองเลย”

แมวเหมียวกะพริบตาปริบ ๆ จากที่เกร็ง ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหมอตรงหน้าดูเป็นกันเองมากกว่าที่คิด

“เคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอคะ” เกวลินเอ่ยถาม

“ครับ” นายแพทย์หนุ่มตอบรับ “เคยมีเพศชายตั้งครรภ์เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้วในอเมริกา ที่ไม่ได้เป็นข่าวเพราะเจ้าตัวไม่ได้อยากเปิดเผยให้ใครทราบน่ะครับ”

“แล้ว..เขาปลอดภัยดีไหมครับ” จักรชัยถามถึงสิ่งที่กังวล

“ปลอดภัยดีทั้งคู่ครับ”

คนเป็นพ่อค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย ที่เขาเป็นกังวลที่สุดก็คือลูกชายของเขาจะเป็นอันตรายมากกว่า

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยนะครับ ปกติร่างกายผู้ชายก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตั้งครรภ์อยู่แล้ว และด้วยวัยของน้องเขาก็ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ผมกังวลว่าน่าจะลำบากสักหน่อยครับ”

“แล้วทางคุณหมอมีคำแนะนำให้กับพวกเราไหมครับ” ธีราเอ่ยถามในขณะที่ทุกคนกำลังอึ้ง

“ในเวลานี้หมอว่าทางไหนมันก็เสี่ยงไปหมดนะครับ ถ้าเลือกยุติการตั้งครรภ์ ในข้อนี้ระยะปลอดภัยอายุครรภ์ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ แต่หมอประเมินอายุครรภ์ในตอนนี้คาดว่าน่าจะ 18-22 สัปดาห์เข้าไปแล้ว ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ แต่ถ้าน้องเลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อไปก็ต้องระวังให้มาก ๆ และมาพบหมอทุกครั้งเมื่อมีนัด หรือมีอะไรผิดปกติก็ควรจะรีบมาโรงพยาบาลทุกครั้ง”

วิฬาร์ได้ยินแบบนั้นก็มือสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

นายแพทย์หนุ่มที่สังเกตได้ถึงความเครียดของเขาก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องตัดสินใจยังไงก็บอกพี่หมอได้นะ” รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ายังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ในเรื่องนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายควรเป็นคนตัดสินใจจะดีกว่า

คนอายุน้อยหันมองหน้ามารดาเพื่อขอความกล้าในการที่จะพูดความในใจออกไป เธอพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ นั่นทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมากเลยทีเดียว

“ผมจะอุ้มท้องเขาต่อไปครับ รบกวนพี่หมอด้วยนะครับ”

“ไว้ใจพี่หมอได้เลยครับ” นายแพทย์หนุ่มยิ้ม

หลังจากนั้นแมวเหมียวก็ถูกพาไปอัลตร้าซาวด์ ครั้งแรกที่ได้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ในท้องของตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมออกมา บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขารู้สึกอย่างไร มันผสมปนเปไปหมด..ทั้งดีใจ แปลกใจ และกังวลใจ

“ตรงนี้เป็นส่วนลำตัวนะครับ หัวใจมีครบ 4 ห้องปกติดี ตรงนี้เป็นกระเพาะอาหาร อยู่ข้างเดียวกับหัวใจนะครับ ข้างซ้ายปกติ ตรงนี้เป็นข้างขวาของน้อง อันนี้เป็นตับ นี่เป็นไตสองข้างนะครับ อันนี้เป็นสายสะดือ ผนังหน้าท้องปิดดี ไม่มีลำไส้รั่วออกมาด้านนอก ตรงนี้เป็นกระเพาะปัสสาวะ สองท่อนนี้เป็นต้นขาของน้องนะครับ ตรงกลางระหว่างขามีขีด ๆ ได้ลูกสาวนะครับ”

จักรชัยกับธีราแอบแท็กมือกันเบา ๆ ในที่สุดครอบครัวของเราก็มีสาวน้อยมาเป็นเพื่อนคุณแม่สักที ส่วนศรุตนั้นก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง จ้องภาพทารกในจอด้วยความไม่อยากเชื่อ..แต่ก็ต้องเชื่อ

นายแพทย์หนุ่มเคลื่อนหัวตรวจไปตามท้องนูนพร้อมกับจับภาพให้ทุกคนเห็นไปด้วย ทั้งนับนิ้วเท้า นิ้วมือ ตรวจดูว่าทารกในครรภ์ปกติดีหรือเปล่า ซึ่งผลออกมาก็ปกติดีอย่างที่ทุกคนหวังเอาไว้ 

“อยากฟังเสียงหัวใจไหมครับ”

วิฬาร์ตาโต รีบพยักหน้าหงึก ๆ

“จังหวะการเต้นของหัวใจดีนะครับ”

วินาทีที่ได้ยินเสียงหัวใจนั้นทำเอาเขากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว จนแม่ที่นั่งจับมืออยู่ข้าง ๆ กันหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ทั้งที่ตัวเธอเองก็ซาบซึ้งไม่แพ้กัน

“รกก็ไม่มีปัญหา น้ำหนักถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ สรุปว่าทุกอย่างปกติดีนะครับ ถ้าอยากเห็นหน้าน้องชัดกว่านี้ต้องรอประมาณ 30 สัปดาห์นะครับ”

แมวเหมียวยิ้มให้พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ เขาอยากเห็นหน้าลูกตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน แต่ตอนนี้แค่ได้รู้ว่าลูกปกติดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว



-----



“ตัดสินใจแบบนี้คิดดีแล้วใช่ไหม” จักรชัยถามย้ำ หลังจากที่ลูกชายคนเล็กบอกว่าจะออกจากโรงเรียน แล้วเปลี่ยนไปเรียนโฮมสคูลเอา

วิฬาร์พยักหน้า แววตากลมโตหนักแน่นไร้ซึ่งความไม่มั่นใจ เขาคิดมาดีแล้ว เพราะการไปเรียนในระบบมันทำให้เขาดูแลตัวเองลำบาก และถึงแม้ว่าหมอจะบอกว่าเขานั้นท้องเล็กมาก แต่นานไปมันก็จะดูออก บอกตามตรงว่าแมวเหมียวไม่อยากให้บ้านของเขาต้องเป็นขี้ปากใครต่อใคร

“ทางนี้เป็นทางที่ดีที่สุดแล้วครับ..เพื่อทุกคน”

คนเป็นพ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ท่านรู้ว่าแมวกำลังเหมียวพยายามในแบบของตัวเองอยู่

“แมวเหมียวไม่ต้องคิดมากนะครับ ยังไงหนูก็ยังมีแม่อยู่ข้าง ๆ เสมอ”

“ขอบคุณครับ” เหมียวยิ้ม “เหมียวรู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องสร้างภาระอะไรต่าง ๆ ให้กับทุกคนอีกมาก แต่เหมียวจะพยายามนะครับ”

“พูดอะไรแบบนั้น..หลานแค่คนเดียวเฮียเลี้ยงได้สบาย ๆ อยู่แล้ว” ธีราตบไหล่น้องชาย ในใจก็อดที่จะโมโหไอ้คู่กรณีของแมวเหมียวไม่ได้ ทำไมมันจะต้องเป็นน้องของเขาคนเดียวที่ต้องแบกรับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่ตัวของมันก็เล็กแค่นี้ แต่ในเมื่อแมวเหมียวยืนกรานที่จะไม่บอกอีกฝ่าย เขาก็ต้องยอมรับการตัดสินใจนั้น

“ขอโทษ -”

“เลิกขอโทษได้แล้วน่า” เฮียเขย่าตัวน้องจนหัวสั่นหัวคลอน

“ต่อไปนี้อนุญาตให้พูดแค่คำว่าขอบคุณเท่านั้นนะ” ป๊าบอก “ไหนลองพูดสิ”

“ขอบคุณครับ” เจ้าตัวก้มหน้าบอกเสียงเบา

“ดัง ๆ” ธีราบอก

“ขอบคุณครับ!”

“ดังขึ้นอีก”

“เหมียวไม่ใช่ดอร่านะ!” แมวเหมียวหลุดยิ้ม

“นั่นแหละ อย่าลืมยิ้มให้มันกว้าง ๆ ด้วย ถ้าแม่มันมีความสุขลูกมันก็จะมีความสุขไปด้วยนะรู้ไหม”

วิฬาร์ประชดด้วยการยื่นหน้าไปใกล้เฮียพร้อมกับฉีกปากยิ้มกว้าง

“พอใจยัง ๆ”

เสียงหัวเราะในครอบครัวดังขึ้นในรอบหลายวัน บรรยากาศผ่อนคลายเมื่ออะไร ๆ ลงตัว หวังว่าต่อจากนี้ไปจะมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น ต่อจากนี้ไปแมวเหมียวคิดเอาไว้แล้วว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงผลที่จะตามมา

วิฬาร์รู้แล้วว่าการมีลูกในวัยที่ยังไม่พร้อม..มันเป็นสิ่งที่หนักหนา และเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป โดยการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วกว่าเดิม มีความรับผิดชอบให้มากกว่าเดิม และ...ลืมพี่เก้าให้ได้เร็วกว่าเดิม



tbc…
แมวเหมียวของแม่เติบโตไปอีกขั้นแล้วน้า  :impress3:




หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 12 หน้า 3 (04/10/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 08-10-2020 01:58:33
 o13
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 12 หน้า 3 (04/10/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-10-2020 04:52:59
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 13 หน้า 3 (02/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 02-11-2020 14:41:19


น่ารักเหมือนแมวเหมียว



ครรภ์ของวิฬาร์เริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 แล้ว แต่แมวเหมียวก็ยังคงท้องเล็กจนทุกคนเป็นกังวล แต่ผลอัลตร้าซาวด์ล่าสุดบ่งบอกว่าเด็กในท้องสมบูรณ์แข็งแรงดี นั่นทำให้คลายความกังวลของทุกคนหายไปได้บ้าง

หมอบอกว่าอาจจะเพราะแมวเหมียวเป็นคนตัวเล็กและผอม บวกกับเป็นท้องแรกเลยทำให้ท้องเล็ก แต่หลังจากนี้ถ้าอายุครรภ์มากขึ้นหน้าท้องก็จะขยายใหญ่มากกว่านี้จนสังเกตเห็นได้ชัดแน่นอน

..และมันก็เป็นจริงอย่างที่หมอว่า..

พอท้องโตขึ้นแมวเหมียวเริ่มเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกไปไหนนอกจากไปโรงพยาบาลอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ตอนท้องยังเล็กเขามักจะไปเดินเล่นกับแม่ที่สวนสาธารณะแถวบ้าน ดันบังเอิญไปเจอกับป้าเกดแม่ของพี่เก้าที่นานทีปีหนจะได้พบกันสักครั้ง

ท่านถามอยู่ว่าทำไมไม่เห็นไปโรงเรียน คนมีชนักปักหลังไม่กล้าตอบ แม่ก็เลยบอกไปว่าสุขภาพไม่ค่อยดีเลยให้เขาเปลี่ยนมาเรียนอยู่ที่บ้านแทน ป้าเกดไม่ได้ถามอะไรต่อ เอาแต่ลูบหัวแล้วบอกให้เขาแข็งแรง ๆ

หลังจากวันนั้นแมวเหมียวก็ไม่เคยโผล่หัวออกไปให้ใครเห็นอีกเลย…



-----



“แมวเหมียว” ธีราเรียกน้องชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา

น้องหันไปมอง “หือ?”

คนพี่เข้าไปนั่งเบียดกับน้องแล้วยกมือขึ้นลูบผมที่เริ่มยาว ก่อนจะเอ่ยถาม “อยากไปไหนไหม”

“ไม่ครับ” เขาส่ายหน้าตอบพลางลูบท้องไปด้วย ดิ้นใหญ่เลย...สงสัยอยากจะไปเที่ยวกับอาแปะสิเนี่ย

ธีรามองแมวเหมียวนิ่ง หลายอาทิตย์มานี้น้องไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน เอาแต่หมกตัวจนเขากลัวว่าน้องจะกลายเป็นซึมเศร้า ยิ่งฮอร์โมนแปรปรวนอยู่ด้วย

“กลัวอะไรหรือไง..หืม”

“ไม่ได้กลัว..เหมียวแค่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”

คนฟังถอนหายใจ เขาโอบไหล่เล็กแล้วดึงให้น้องขยับเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น บางครั้งเขาก็ไม่ชอบใจนักกับการคิดมากของแมวเหมียว เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เอามาคิดยิ่งเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่พ้นเก็บเอาไปคิดแล้วคิดอีกอยู่นั่นแหละ

“คิดว่าตัวเองจะปิดเรื่องนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน” เขาย้อนถาม “เด็กคนหนึ่งเลยนะ วันข้างหน้าลูกของแมวเหมียวก็ต้องโตขึ้น ใครต่อใครก็ต้องรู้อยู่ดี”

วิฬาร์เม้มปากแน่นเมื่อถูกความจริงกระแทกใส่ มันก็จริงอย่างที่เฮียบอก เขาจะสามารถเก็บเด็กคนนี้เป็นความลับไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

“อย่าคิดมากสิ..แมวเหมียวน่ะต้องเปลี่ยนนิสัยนี้ของตัวเองได้แล้วนะรู้ไหม” ธีราบอกดันหัวน้องให้ซบลงมา “เฮียว่าตอนนี้สาวน้อยในท้องของแมวเหมียวต้องอยากไปเที่ยวกับอาแปะแน่ ๆ เลย..ใช่ไหม”

“อื้อ” เหมียวอมยิ้ม “ดิ้นไม่ยอมหยุดเลยเนี่ย” เขาจับมือเฮียวางลงบนหน้าท้อง

“นั่นไง” อาแปะคนใหม่หัวเราะเสียงทุ้ม “อย่ากดดันตัวเองเลย ถ้ามันดีกับลูกและตัวเองแมวเหมียวก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะนินทาอะไรหรอก”

“ขอบคุณนะครับ” น้องคนเล็กบอกเสียงพร่า

“หือ..ขอบคุณอะไรกัน”

“ที่ใจดี..กับเหมียว..ไม่ด่าที่เหมียวทำตัวไม่ดี”

ฝ่ามือใหญ่ลูบเบา ๆ บนผมนิ่ม “ทำไมต้องด่าล่ะ เซ็กซ์มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เฮียมีอะไรกับแฟนครั้งแรกก่อนแมวเหมียวซะอีก”

เหมียวตาโต “ตอนไหนอะ”

“ถ้ารู้แล้วอย่าบอกป๊ากับแม่นะ” ธีรากระซิบ

“อื้อ ๆๆ”

“14”

น้องน้อยอ้าปากค้าง “..เร็วจัง”

“ก็บอกแล้วว่ามันธรรมดา..แต่ที่เหมียวท้องได้มันก็อยู่นอกเหนือจากความธรรมดานะ เฮียเชื่อว่าถ้าแมวเหมียวรู้ก่อนว่าตัวเองท้องได้ก็คงป้องกันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” ธีราบอกอย่างเข้าใจ “แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ควรจะต้องป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับแฟนนะ เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มันอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีโรคอะไรแฝงอยู่ในตัวหรือเปล่า”

“ครับ” เจ้าตัวถอนหายใจให้กับความโง่และบ้าของตัวเอง เขามันคิดน้อยไปจริง ๆ

“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็แล้วไป ตอนนี้เรามามีความสุขกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังเติบโตคนนี้ดีกว่านะ” ธีราบอกพร้อมกับผละตัวออกมาแล้วลูบท้องของน้องด้วยสองฝ่ามืออย่างแผ่วเบา “ว่าแต่..ได้คิดชื่อเอาไว้แล้วหรือยัง” เขาเงยหน้าถาม

“คิดแล้ว ๆ” วิฬาร์พยักหน้ายิ้ม ๆ

“ชื่ออะไร”

น้องส่ายหน้า “เอาไว้น้องคลอดก่อนแล้วเหมียวจะบอก”

“อะไรกัน ทีเฮียยังบอกความลับของเฮียเลย”

“อะ ๆๆ บอกก็ได้” แมวเหมียวรีบพูดเมื่อเห็นพี่ชายบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “แต่เฮียห้ามบอกใครนะ”

ธีราตอบรับก่อนจะนิ่งรอฟังน้อง แต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้..ป๊ากับแม่ก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทำเอาเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเซ็ง เขาชี้หน้าคาดโทษน้องที่ทำหน้าล้อเลียน..โดนแน่ไอ้ตัวแสบ!

“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะสองพี่น้อง” จักรชัยเอ่ยถามเมื่อเห็นคนพี่ชี้หน้าน้องที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่

“เปล่าครับ” ธีราตอบส่ายหน้าน้อย ๆ

“แมวเหมียวอยากกินอะไรไหมลูก” เกวลินเอ่ยถาม

ลูกชายคนเล็กนั่งคิดสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ “อยากกินแกงส้มไข่ปลาเรียวเซียวที่ร้าน N ครับ”

เกวลินพยักหน้า “น้ำครับ...”

“เราไปด้วยกันนะครับ” เขาบอกกับแม่ “เหมียวอยากไปเดินริมทะเล”

เกวลินยิ้มกว้าง รู้สึกโล่งใจที่แมวเหมียวก็ยอมออกจากบ้านสักที “เดี๋ยวแม่แต่งตัวให้นะคะ ไปโดนลมทะเลแรง ๆ แล้วเดี๋ยวป่วยเอา”



-----



“อากาศดีจังเลยเนอะ”

“ครับ”

แมวเหมียวหันไปยิ้มตอบแม่ เขาสูดลมหายใจลึก หลายสัปดาห์แล้วที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน จนเขารู้สึกว่าสภาพจิตใจของตัวเองไม่ดีเอาเสียเลย 

เขาถอดรองเท้ายืนบนหาดทรายสีขาวสะอาด ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปใกล้ผืนน้ำมากขึ้น ให้น้ำทะเลซัดสาดเข้าที่เท้าเปล่าก่อนจะหายออกไป

“เย็นจัง”

เกวลินเอียงคอมองลูกชายที่ยิ้มออกมาน้อย ๆ แต่เธอดูออกว่าแมวเหมียวเริ่มผ่อนคลายตัวเองมากขึ้นแล้ว เธอจับมือของลูกเอาไว้ก่อนจะสอดประสานนิ้วเข้าไว้ด้วยกัน

“แม่ดีใจที่หนูยอมออกจากบ้านสักทีนะครับ”

“มีเด็กดิ้นอยากออกไปเที่ยวครับ ไม่รู้มีนิสัยชอบเที่ยวเหมือนใคร”

คนเป็นแม่หัวเราะ “เด็กคนนี้โตขึ้นมาคงฉลาดน่าดูเลย”

“โอ๊ะ!” วิฬาร์จับปีกหมวกหมวกทรงบักเก็ตสีครีมที่ทำท่าจะปลิวไปตามลม จู่ ๆ ลมก็พัดแรงขึ้น ดีที่แม่จับให้เขาใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงห้าส่วนกันลมทะเลเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงหนาวแย่

“เข้าไปในร้านดีกว่า แม่กลัวหนูจะไม่สบาย” เกวลินบอกดึงให้แมวเหมียวเดินตาม

บรรยากาศรอบตัวของแมวเหมียวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าพวกเขาใกล้จะได้ลูกและน้องชายคนเดิมกลับมาแล้ว แมวเหมียวกลับมากินเก่งขึ้น แถมยังยิ้มกว้างและหัวเราะเสียงดัง

“หมอสั่งให้คุมน้ำหนักไม่ใช่เหรอ” ธีราเบรกน้องที่กำลังเอ่ยปากขอเบิ้ลข้าวจานที่สอง

วิฬาร์เบะปาก “จานแรกของเหมียว ตะ- แต่จานนี้ของหลานนะ” บอกน้ำเสียงงุ้งงิ้งน่ารัก เขายังไม่อิ่มเลย ได้กินของโปรดแล้วมันทำให้เขาเจริญอาหารจริง ๆ

“ให้น้องกินไปเถอะลูก มื้อนี้แม่ให้พิเศษจ๊ะ”

แมวเหมียวฉีกยิ้มจนตาหยี รับจานข้าวที่แม่ส่งให้ “ขอบคุณครับ”

“ระวังท้องแตกแล้วกัน”

“เหมียวดูแลตัวเองนะ” เขาทาครีมตามที่แม่บอกทุกวัน ตอนนี้ยังไม่มีรอยแตกสักเส้นเดียว

“กินของหวานอะไรไหม” จักรชัยถามยิ้มเอ็นดูสองพี่น้อง “วันนี้เห็นว่ามีสละลอยแก้ว”

ลูกคนเล็กพยักหน้าตอบรับแทนเพราะอมข้าวเต็มปาก แก้มทั้งสองข้างป่องเหมือนหนูแฮมเตอร์ ธีราเห็นแล้วก็ขำเสียงดังจนแมวเหมียวมองค้อน



-----



การินตื่นแต่เช้าจนเป็นนิสัยไปแล้วถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดก็ตาม เขาออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะแถวอพาร์เม้นท์ ก่อนจะกลับมาเก็บกวาดทำความสะอาดห้องที่ทำอาทิตย์ละครั้ง ที่จริงจะจ้างแม่บ้านก็ได้..แต่เขาอยากจะประหยัดเงินเอาไว้ เพราะคิดว่าถ้าจบจากหน้าที่ตรงนี้ก็จะลาออกสักที พ่อกับแม่ก็รอให้เขากลับไปสืบทอดกิจการนานมากแล้วด้วย

นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่ายังมีเวลาเหลือเลยไปอาบน้ำฆ่าเวลารอที่จะวิดีโอคอลหาแมวเหมียว

..เขาคิดถึงแมวเหมียว..

ความจริงก็คิดถึงอยู่ทุกวัน แต่โทรไปหาทุกวันมันก็คงไม่ดี น้องเคยบอกว่าไม่อยากให้โทรไปหาบ่อย ๆ เพราะมันทำใจลำบาก เขาก็เคารพการตัดสินใจนั้น แม้มันจะทำให้..รู้สึกทรมานอยู่บ้างก็ตาม

น่าแปลก..ไม่รู้ทำไมพักหลังเขาถึงได้คิดถึงน้องได้มากขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะนึกถึง..ราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว



ตอนอาบน้ำเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มของประเทศไทยพอดี เขาหยิบมือถือขึ้นมากดวิดีโอคอลหาแมวเหมียว รอสายอยู่สักพักเจ้าตัวก็รับ นานกว่าสองสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าน้อง อีกฝ่ายดูอวบอิ่มขึ้นนิดหน่อย

“จะนอนแล้วเหรอครับ” การินถามยิ้มบาง

‘เหมียวเพิ่งอาบน้ำเสร็จ วันนี้ออกไปข้างนอกมาครับ’ แมวเหมียวตอบ ดวงตากลมโตปรือปรอยด้วยความง่วง ตั้งแต่เข้าไตรมาสที่สามมาอาการอ่อนเพลียก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ‘วันนี้ออกไปกินข้าวที่ร้าน N มาด้วยแหละ’ เขาอวด

“ไม่พ้นแกงส้มไข่ปลาของโปรดแหงเลย” การินบอกอย่างรู้ทัน น้อยพยักหน้าตอบหงึกหงัก ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้าง..อย่างที่เขาไม่ได้เห็นมานาน

‘เหมียวกินข้าวไปตั้งสองจาน’

“ช่วงนี้กินเก่งนี่เอง มิน่าแก้มป่องเชียว”

‘ธรรมด๊า~’ เหมียวว่าเสียงสูง..ก็คนกำลังท้องกำลังไส้นี่นา..เขาต่อประโยคในใจ

“ง่วงแล้วล่ะสิ”

‘อื้อ..ช่วงนี้เหมียวเพลีย ๆ อ่า’ วิฬาร์หาวปากกว้าง

“แมวเหมียวไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” การินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อีกฝ่ายส่ายหน้ายิ้มบาง

‘เหมียว..สบายดีครับ’

“จริงนะ”

‘จริงสิ’ ฝ่ามือบางลูบท้องที่เจ้าตัวน้อยกำลังดิ้นไปมาตั้งแต่เริ่มคุยกับอีกฝ่าย ความจริงแล้วเขากำลังเคลิ้มจะหลับแล้วด้วยซ้ำ แต่พอเห็นว่าพี่เก้าโทรมาก็รีบรับทันที สงสัยเจ้าหนูนี่คงอยากจะได้ยินเสียง..พ่อตัวเองล่ะมั้ง

การินพยักหน้าช้า ๆ แล้วเงียบไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

‘พี่เหงาไหม’

คนอายุมากกว่าชะงัก เขาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน คำถามของแมวเหมียวเหมือนเป็นมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจเขาจนปวดหนึบ การินฝืนยิ้มออกมา

“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”

แมวเหมียวสั่นหัว ‘ไม่รู้ครับ’ เขาแค่รู้สึกแบบนั้น..ก็พี่เก้าเป็นคนขี้เหงานี่นา..เมื่อก่อนนี้โทรหาเขาได้ทุกวี่ทุกวัน ถ้าไม่เรียกว่าเหงาจะเรียกว่าอะไร

“ตาจะปิดแล้วนั่น” การินพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อย่างนั้นความเหงานี้มันคงจะทำให้เขาอยากกลับประเทศให้เร็วขึ้น ที่ทำมาทั้งหมดมันก็จะสูญเปล่าน่ะสิ

‘พี่ลองหาแฟนสักคนไหม’ แมวเหมียวเว้นวรรค ‘จะได้ไม่เหงา’ เขาไม่ได้พูดประชด แต่เพราะคิดอย่างที่บอกไปจริง ๆ เขา..อยากให้พี่เก้ามีใครสักคนที่รักกัน คอยเอาใจใส่ดูแลกันยามแก่เฒ่า

 การินปวดแปล๊บในอก “ไม่เอาหรอก” เขาพยายามปั้นยิ้มให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด “ไว้ให้แมวเหมียวมีแฟนก่อน..แล้วพี่ค่อยหา”
‘งั้นก็อีกนานเลยน่ะสิ’ เจ้าตัวบอกเสียงเบา นิ่วหน้าเล็กน้อยที่จู่ ๆ ลูกก็ดิ้นแรงขึ้น

“ทำไมล่ะครับ”

‘กะ ก็เหมียวยังเรียนไม่จบ แต่พี่อายุเยอะแล้ว ถ้าไม่รีบมีครอบครัว...จะมีลูกไม่ทันใช้เอานะ’ แมวเหมียวบอกเสียงเบา

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” การินพูดอย่างที่คิด ตนอยากเห็นก่อนว่าแมวเหมียวที่เขารักมีคนที่เหมาะสมคอยอยู่เคียงข้าง แล้วเขาถึงจะวางใจได้

‘พี่อยากมีลูกไหม’ วิฬาร์หลุดปากถามออกไป มือบางปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

“พี่เหรอ..” เขาหยุดคิด แล้วภาพของแมวเหมียวในวัยเด็กก็ลอยเข้ามา ความน่ารักสดใสของน้องทำให้เขาหลงรักตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน “ถ้าลูกพี่น่ารักเหมือนแมวเหมียวก็คงดีเนอะ”

คนน้องยิ้มจาง ‘..นั่นสิเนอะ’

การินเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง “โห..ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ แมวเหมียวไปนอนเถอะครับ” น้องพยักหน้าช้า ๆ พูดคุยกันอีกสองสามคำก่อนจะวางสาย หลังจากนั้นเขาจึงโทรหาพ่อกับแม่เป็นอันดับต่อไป



-----



หลังจากที่พี่เก้าวางสายไปแมวเหมียวก็กึ่งนั่งกึ่งนอนเงียบ ๆ บนเตียง จากที่ง่วงนอนก็กลับตาสว่าง ฝ่ามือบางลูบท้องที่โตขึ้นมากจนปิดบังใครไม่ได้อีกต่อไป พักหลังมานี้เขามักจะมีอาการอ่อนเพลียและง่วงอยู่เป็นประจำ เวลานี้แมวเหมียวต้องหลับไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พออีกฝ่ายโทรมา..ก็อดไม่ได้ที่จะรับ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าลูกคงอยากได้ยินเสียง ‘อีกครึ่งของตัวเอง’ หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงนานหลายวัน แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกัน แมวเหมียวยอมรับว่าเขา...มีความสุขมากจริง ๆ วิฬาร์เชื่อว่าความรู้สึกนี้มาจากลูกในท้องที่ส่งตรงมาถึงเขา

..บางที..นี่อาจเป็นความผูกพันของสายเลือดก็ได้..

“นอนได้แล้วนะคะ ดึกแล้วน้า~” เขาบอกกับลูกในท้อง “ดูสิ..ได้ยินเสียงพ่อละดิ้นใหญ่ ดีใจใช่ไหมคะ”

‘ถ้าลูกพี่น่ารักเหมือนแมวเหมียวก็คงดีเนอะ’

“นี่..เกิดมาหนูต้องเหมือนปะป๊าให้ได้รู้ไหมคะ” วิฬาร์บอกกับลูกน้อยในท้อง ภาวนาให้ลูกออกมาหน้าตาเหมือนเขา โดยเฉพาะอยากให้สีผมและสีตาเป็นสีดำ

แมวเหมียวไม่อยากให้พี่เก้ารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกที่เกิดมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าเขาทำอะไรที่ไม่ดีลงไปบ้าง..เขากลัว

“แต่จะว่าไป..ถ้าหนูได้สีตากับสีผมของพ่อ หนูจะต้องเป็นคนสวยมากแน่เลยเนอะ” แรงดุนในท้องทำเอาปะป๊าตัวน้อยหัวเราะคิก “แต่ถ้าเป็นแบบนั้น...เรื่องของหนูกับปะป๊าก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปนะคะ”

วิฬาร์นึกถึงคำพูดของตัวเองที่บอกให้พี่เก้าลองหาแฟนสักคนดูแล้วก็ปวดหน่วงในอก ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะคิดว่าถ้าอีกฝ่ายมีคนรักสักคนแล้วเขาคงตัดใจได้จริง ๆ สักที

เขามองหน้าท้องด้วยเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย ถ้าเป็นไปได้..ก็อยากให้ลูกของเขามีพร้อม..เหมือนอย่างที่ตัวเขามีทั้งป๊าและแม่ที่พร้อมหน้า แต่ในเมื่อมันไม่ถูกต้องตามที่อีกฝ่ายคอยย้ำ..ว่าสำหรับเรามันไม่สามารถเป็นไปได้..เขาต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ให้เติบโตขึ้นมามีความสุขเหมือนอย่างเขาให้ได้

แมวเหมียวถอนหายใจ เลิกคิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาไม่อยากให้อารมณ์มัวหมองเข้ามามีบทบาทกับชีวิตและจิตใจของเขาอีกต่อไป

...ถ้าแม่ทุกข์ ลูกก็จะเป็นทุกข์ไปด้วย...

“นอนหลับกันดีกว่าเนอะคนสวย พรุ่งนี้เราไปอ้อนให้อาแปะพาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันอีกดีกว่าเนอะ”

เขาขยับตัวนอนตะแคง หยิบรีโมทออกมากดปิดไฟในห้อง ความสะดวกสบายนี้ได้มาจากเฮียที่กังวลเหลือเกิน กลัวว่าถ้าท้องใหญ่มากขึ้นเขาจะลุกนั่งลำบาก ก็เลยรีบเปลี่ยนให้ล่วงหน้า

ทุกวันนี้คนในครอบครัวเห่อหลานสาวคนนี้เอามาก ๆ ต่างคนก็ไม่ยอมน้อยหน้ากัน สรรหาของที่มีประโยชน์สารพัดมาบำรุง ซื้อของใช้เด็กอ่อนมารอจนเต็มบ้าน มีทั้งเปล คาร์ซีท รถเข็น ที่นึ่งขวดนม เสื้อผ้าอีกเยอะแยะเต็มไปหมดจนเขาตาลาย

โดยเฉพาะป๊ากับแม่ที่มีแต่ลูกชาย พอรู้ว่าจะมีเด็กผู้หญิงเกิดขึ้นคนแรกของครอบครัวก็เลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม่เคยบอกว่าถ้าตัวเองไม่อายุเยอะเกินไปและร่างกายแข็งแรงกว่านี้ก็อยากจะลุ้นมีลูกผู้หญิงอีกสักคน แต่ก็ไม่มีวาสนานั้น...ตอนที่รู้ว่าจะได้หลานสาวเลยดีใจมาก

แมวเหมียวเองก็ดีใจที่ทุกคนรักเขาและลูกขนาดนี้ ไม่เคยมีคำด่าว่าในสิ่งที่เขาทำลงไป มีแต่ความรักความเข้าใจ และยินดีกับชีวิตน้อย ๆ ที่เกิดขึ้นมา หลังจากนี้ถ้าจะมีคนรักใหม่สักคน ถ้ารักเขาไม่ได้เท่ากับครอบครัว...ก็ไม่มีมันไปเลยดีกว่า เพราะเท่าที่มีอยู่นี้ก็เพียงพอจนเขาไม่รู้สึกขาดอะไรอีกแล้ว





#ความรักของแมวเหมียว

เป็นกำลังใจให้แม่แมวด้วยนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 13 หน้า 3 (02/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-11-2020 20:42:12
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 13 หน้า 3 (02/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-11-2020 21:11:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 24-11-2020 18:20:16

เด็กหญิงแก้วเกล้า




“ไหน ๆ วันนี้หลานกูเป็นยังไงบ้าง” ต้นกล้ารีบพุ่งเข้าใส่ท้องของแมวเหมียวที่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วางมือลงบนท้องกลมรอให้หลานตัวน้อยทักทายกัน ไม่นานเขาก็รับรู้ถึงสิ่งนั้น

“แข็งแรงดีไหมล่ะ” แมวเหมียวที่นอนเอนตัวบนโซฟาถามแสยะยิ้ม

“หลานแท็กมือกับกูด้วย”

วิฬาร์ส่งเสียง ‘เห๊อะ’ ออกมาอย่างดูแคลน “ลูกกูใช้ตีนถีบมึงหรือเปล่า”

ต้นกล้าอ้าปากจะด่าแต่ก็โดนต้นข้าวเอ่ยปรามเอาไว้ก่อน

“อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเด็กสิ”

“หา?” แฝดพี่หันไปจ้องหน้าคนบอก “อยู่ในท้องแบบนี้จะไปได้ยินได้ยังไงกัน”

“ไม่ได้ยินก็แย่แล้ว กูเปิดเพลงคลาสสิคให้ฟังทุกวัน” แมวเหมียวบอก “กูอ่านมา..เขาบอกว่าตอนนี้ลูกกูสามารถหันหน้าตามเสียงที่ได้ยินได้แล้วนะมึง”

ต้นกล้าทำหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน

“เด็กจะจำเสียงของคนเป็นแม่ได้แล้วด้วยนะ” ต้นกล้าบอกในสิ่งที่ได้ศึกษามา

แฝดพี่ขมวดคิ้วมองหน้าน้อง “ทำไมมึงรู้ดีจังวะ หรือมึงเป็นพ่อเด็ก”

“พ่อมึง!” แมวเหมียวว่าพร้อมกับตบหัวเพื่อน

“อย่าพูดจาไม่เพราะสิครับ” เกวลินเดินเข้ามาได้ยินลูกชายด่าเพื่อนพอดีก็เอ่ยเตือน เธอวางขนมลงบนโต๊ะ ส่วนของแมวเหมียวเป็นผลไม้ เพราะดีต่อการขับถ่ายมากกว่า

วิฬาร์ส่งยิ้มแห้งให้กับมารดา เวลาอยู่กับเพื่อนทีไรเขามักจะลืมตัวแบบนี้ทุกที ไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันจริงเท็จแค่ไหน แต่ถ้าผลที่ได้ออกมามันดี..เขาก็ควรจะเชื่อเอาไว้ก่อนล่ะนะ

“ต้นกล้ากับต้นข้าวก่อนจะกลับรอเอากับข้าวไปฝากที่บ้านด้วยนะลูก”

“ขอบคุณคร้าบ/ขอบคุณครับ” สองพี่น้องบอกพร้อมกัน

“แล้วนี่หมอนัดผ่าคลอดวันไหนเหรอ” ต้นข้าวถามหลังจากที่คุณแม่ออกไปแล้ว

“วันที่ 25 เดือนหน้าอะ” วิฬาร์ตอบ

“กูตื่นเต้นแล้วเนี่ย อยากเห็นหน้าหลาน~”

ต้นกล้าพูดขยับตัวดุ๊กดิ๊กไปมา ดูน่าถีบในสายตาของเหมียวมาก ติดที่ว่าเขาท้องแก่จนขยับตัวลำบากไปหมด

“ถ้าออกมาน่ารักเหมือนมึงก็ดีสิเนอะ” แฝดน้องบอก ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เพราะเพื่อนของเขาไม่ยอมบอก แถมยังปกป้องว่าอีกคนไม่ได้เกี่ยวอะไร เด็กคนนี้เป็นลูกของมันแค่คนเดียว แต่ต้นข้าวก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจนไม่อยากให้ดีเอ็นเอของไอ้คนนั้นอยู่บนหน้าของเด็กคนนี้แม้แต่น้อย

“เนอะ” ต้นกล้าเห็นด้วย

“นั่นสิเนอะ”

ภาพที่เพื่อนรักของเขาก้มมองท้องด้วยสายตาและรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับลูบท้องโย้นั้นอย่างทะนุถนอมนั้นตรึงสายตาของพวกเขาเอาไว้

ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าแมวเหมียวลาออกจากโรงเรียน ฝาแฝดทั้งคู่ตกใจมาก ยิ่งพอรู้ถึงสาเหตุ...เรียกว่าช็อกไปเลยดีกว่า ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่สามารถตั้งท้องได้จะมีอยู่จริง แถมยังใกล้ตัวมากเสียด้วย

วิฬาร์ขอร้องให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ พวกเขาคิดว่าการท้องมันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร แต่ในเมื่อเพื่อนรักขอ..ฝาแฝดก็เคารพการตัดสินใจนั้น



-----



เมื่อถึงวันใกล้คลอดมากเท่าไหร่ วิฬาร์ก็ยิ่งไม่สบายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ อุ้ยอ้าย ขยับตัวลำบาก เพราะพอเข้าไตรมาสที่สามมานี้น้ำหนักเขาขึ้นเกือบห้ากิโล ตัวก็บวม หายใจก็ลำบาก แถมยังฉี่บ่อยอีกด้วย

เกวลินย้ายไปนอนกับลูกในห้องนั่งเล่นที่ดัดแปลงไว้เป็นห้องนอนเด็กช่วงสองอาทิตย์สุดท้ายก่อนผ่าคลอดด้วยความเป็นห่วง แมวเหมียวช่วงนี้ก็อ้อนแม่มากเป็นพิเศษ ปกติก็ขี้อ้อนอยู่แล้ว พอไม่สบายตัวก็ยิ่งไปกันใหญ่

“แม่..เหมียวเจ็บท้องจัง”

“หืม” เกวลินรีบเดินเข้าไปหาเมื่อลูกชายพูดหน้านิ่ว “เจ็บยังไงครับ”

“ตรงนี้” ชี้ตรงท้องน้อย “มันเจ็บมาได้สักพักแล้ว แต่พอเหมียวนั่งพักมันก็ดีขึ้น แล้วมันก็เจ็บใหม่”

“แม่ว่าหนูน่าจะเจ็บเตือนแล้วล่ะจ๊ะ” ท่านบอก แต่ประเด็นคือวันนี้ยังไม่ถึงกำหนดนัดผ่าเลย

เกวลินปลีกตัวออกจากห้องนั่งเล่นเพื่อโทรปรึกษาคุณหมอเจ้าของเคส ท่านแนะนำให้แมวเหมียวแอดมิทเข้าโรงพยาบาลตอนนี้เลย หลังจากวางสายเธอโทรหาสามีเพื่อบอกข่าวนี้ ก่อนจะรีบจัดของใช้เพิ่มเติมจากที่ได้เตรียมเอาไว้บ้างแล้วเพื่อไปโรงพยาบาล
ใช้เวลาไม่นานธีราก็กลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ วิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาน้อง

“แมวเหมียวเป็นยังไงบ้าง”

คนน้องมองหน้าเฮียงง ๆ  “หา?”

“ก็..เจ็บท้องไม่ใช่เหรอ”

“ตอนนี้ไม่เจ็บ แต่เมื่อกี้นี้..เจ็บนะ”

ธีราจ้องหน้าน้องตาปริบ ๆ เขารีบเพราะป๊าบอกว่าน้องเจ็บท้องใกล้จะคลอดแล้วถึงได้ทิ้งงานให้ป๊าจัดการต่อแล้วรีบขับรถกลับบ้านหน้าตั้ง ตอนนี้ยังเหนื่อยหอบอยู่เลย

“ไหนแม่บอกว่าแมวเหมียวใกล้จะคลอด”

“บ้า! เหมียวคลอดเองไม่ได้หรอก เห็นแม่บอกว่านี่เจ็บเตือน..พี่หมอเลยให้เข้าไปเตรียมผ่าคลอดก่อนที่จะเจ็บจริงอะ” เหมียวทำปากยื่นพร้อมกับลูบท้อง “เหมียวกลัวเจ็บจัง”

เห็นน้องกลัวแบบนี้ธีราก็เข้าไปกอดปลอบ “เข้มแข็งเอาไว้นะปะป๊าตัวน้อย”

วิฬาร์มองตามพี่ชายที่เดินหายไปช่วยแม่ยกของขึ้นรถ เขาสูดหายใจลึกพยายามขจัดความกลัวออกไป มันก็ไม่ได้หายกลัวกันง่าย ๆ หรอก แต่ตอนนี้รู้สึกอึดอัดมากกว่า

“อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้วเนอะ” เขาพูดกับลูกสาว



-----



การผ่าคลอดผ่านไปเร็วกว่าที่แมวเหมียวคิดเอาไว้ ระหว่างผ่าตัดได้แม่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงกลัวจนสติแตก

วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าลูก น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง เขาลืมเลือนความเจ็บก่อนหน้านี้ไปเลยด้วยซ้ำ แมวเหมียวเข้าใจคำพูดนี้ของแม่แล้ว ‘แค่ได้เห็นหน้าลูกก็หายเจ็บ’ มันเป็นแบบนี้เองเหรอ..



“ดูสิ..หน้าตาเหมือนแมวเหมียวตอนเกิดใหม่จังเลย” เกวลินเอ่ยชมเด็กหญิงในอ้อมกอดของปะป๊าคนใหม่ หลังจากที่ทุกคนผลัดกันอุ้มชื่นชมคนละนิดคนละหน่อยแล้ว

วิฬาร์ก้มมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยแล้วก็อมยิ้มไม่หยุด

“แล้วสรุปว่าแมวเหมียวตั้งชื่อลูกว่าอะไรเหรอ” ธีราเอ่ยถาม “เฮียจะได้ไปแจ้งเกิด”

“ชื่อ..แก้วเกล้าครับ”

“หืม?” คนพี่ได้ยินไม่ถนัดนัก เพราะน้องก้มหน้าพูดเสียงเบา

“แก้วเกล้าครับ ชื่อเล่นน้องแก้ว” วิฬาร์บอกอีกครั้ง เขาบังเอิญไปเจอชื่อนี้เข้า ความหมายก็ดี...และใกล้เคียงกับชื่อของพ่อเขาด้วย
“หมายถึง..ผู้เป็นมิ่งขวัญ ผู้ที่มีคุณค่ายิ่งครับ”

“ชื่อเพราะจังเลยครับ” เกวลินลูบหัวลูกชายคนเล็ก

“หาเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” จักรชัยเอ่ยชมจนแมวเหมียวหันมายิ้มแป้น

“เด็กหญิงแก้วเกล้า รุ่งวิกรัย” เกวลินพึมพำกับตัวเอง ก้มลงหอมแก้มหลานแผ่วเบา “จะว่าไปก็ชื่อคล้ายกับตาเก้าเลยนะ”

นิ้วที่กำลังเขี่ยแก้มนุ่มชะงักไป “ก็แค่บังเอิญน่ะครับ” แมวเหมียวบอก

“แล้วกับไอ้เก้าก็จะไม่บอกมันหน่อยเหรอไง” เฮียถามเพราะเห็นว่าปกติแล้วแมวเหมียวมันติดเพื่อนเขาจะตายไป มีอะไรก็คอยบอกคอยเล่าให้ฟังตลอด

วิฬาร์เงยหน้าขึ้น ปั้นยิ้มที่คิดว่าเป็นธรรมชาติสุด ๆ “ไม่ดีกว่าครับ”

“ทำตัวแปลกไปนะเรา”

“เหมียวก็แปลกตั้งแต่อุ้มท้องแม่คนนี้ขึ้นมาแล้วนะครับ”

“ทำหน้าทะเล้นได้แล้วแสดงว่าหายเจ็บแผลแล้วสิ” ธีราว่าใช้นิ้วจิ้มลงที่กลางหน้าผาก “แบบนี้ก็เดินได้แล้ว”

น้องชายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น “ให้หายเจ็บก่อนไม่ได้เหรอครับ” วิฬาร์หันไปหาแม่

“ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องฝืนนะ”

แมวเหมียวเบะปาก “แง~”

“ดูสิ มีลูกแล้วยังงอแงอีก” จักรชัยว่าเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น

“ก็เหมียวกลัวนี่นา แค่ทุกวันนี้ขยับตัวนิดหน่อยยังเจ็บเลย”

“ต้องอดทนนะครับ ไม่นานก็หายดีแล้ว” เกวลินลูบผมปะป๊าอายุยังน้อย แต่เธอเชื่อว่าแมวเหมียวจะผ่านทุกปัญหาไปได้ด้วยดี




หลังจากที่นอนแต่บนเตียงอยู่สองวัน วิฬาร์ก็โดนพี่หมอบังคับให้เริ่มเดินได้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าแค่เห็นหน้าลูกก็หายเจ็บนั้น ถือว่าตนไม่เคยพูดก็แล้วกัน ที่ตอนนั้นหายเจ็บก็เพราะมียาชากับยาแก้ปวดล้วน ๆ ตอนนี้สิของจริง

เด็กหนุ่มเกาะแขนเฮียเดินโดยมีพี่พยาบาลคอยควบคุมอยู่ข้าง ๆ เหมียวยอมรับว่ามันเจ็บมาก แต่ก็ต้องอดทนเดินให้ได้ เพราะเขาตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกเอง ถ้ายังเจ็บอยู่แบบนี้ก็ต้องลำบากแม่เพิ่มอีก

“ค่อย ๆ ก้าวขาค่ะ ไม่ต้องใจร้อน”

พี่พยาบาลเอ่ยบอกเสียงหวาน แมวเหมียวหายใจเข้าออกลึก ก่อนจะยกขาไปข้างหน้า มันยังคงยกสูงไม่ได้ จากที่กลัวเจ็บ..กลับกลายเป็นหงุดหงิดที่ทำไม่ได้อย่างใจคิด

“แมวเหมียวใจเย็น” ธีราบอกเสียงเข้ม เมื่อเห็นน้องกัดปากพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น

“ก็-” แมวเหมียวจะเถียงแต่ก็ถูกเฮียจ้องเขม็ง “ก็ได้ ๆ ไม่เห็นต้องดุกันเลย” เจ้าตัวบ่นทำปากมุบมิบ

“เฮียไม่ได้ดุสักหน่อย” ธีราบอกในขณะที่ประคองน้องเดินไปเรื่อย ๆ

วิฬาร์ยู่ปากก่อนจะพูด “ดุ” คำเดียว

คนเป็นพี่หัวเราะในลำคอ ส่ายหัวอย่างปลง “ปล่อยให้เดินเองดีไหม เถียงเก่งนัก”

“ห้ามปล่อยน้า!” แมวเหมียวร้องเมื่อเฮียทำท่าจะปล่อยจริง ๆ “ฮือ~ คนใจร้าย”

ภาพการทะเลาะกันของสองพี่น้องทำเอาพี่พยาบาลที่อยู่ใกล้ปิดปากหัวเราะเสียงเบาอย่างอดไม่ได้

“พี่เขาหัวเราะแล้วเห็นไหม” ธีรายังพูดหยอกน้องต่อไป “โตจนมีลูกแล้วยังงอแงอีก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอแก้ต่าง “พี่ขำเพราะเห็นพี่น้องทะเลาะกันน่ารักดีต่างหากค่ะ”

หลังจากนั้นสองพี่น้องก็เดินไปเถียงกันไปได้ไม่มีหยุด ธีราตั้งใจกวนประสาทน้องไปอย่างนั้นเองแหละ อย่างน้อยก็ดึงความสนใจจากความเจ็บของแมวเหมียวออกไปสักนิดก็ยังดี เขารู้ว่าการผ่าคลอดลูกมันเจ็บมากแค่ไหนก็ตอนที่เห็นแม่ต้องคลอดน้องด้วยวิธีนี้นั่นแหละ

แต่แมวเหมียวโชคดีกว่าตรงที่ร่างกายยังเด็กเลยฟื้นตัวไว วันต่อมาก็เริ่มลุกได้เองแล้ว ทีนี้ก็เดินไปป้อนนมลูกที่เนอสเซอรี่เอง เรียนวิธีการดูแลอาบน้ำให้ลูก เดินทั้งวันขนาดนี้รับรองว่าไม่มีพังผืดเกาะแน่นอน



-----



วันนี้เด็กหญิงแก้วเกล้าอายุครบสามเดือน เธอเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มเก่ง และเลี้ยงง่ายมาก ไม่ค่อยงอแงให้คนเลี้ยงปวดหัว จนเฮียแซวเอาว่าแมวเหมียวตอนเด็กยังงอแงมากกว่าลูกอีก

ทุกคนในบ้านต่างหลงรักน้องแก้ว..เรียกว่าหัวปักหัวปำ ยิ่งหน้าตาเหมือนแมวเหมียวอย่างกับโขลกกันออกมาแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่มีใครไปไหนรอดสักราย

แต่สิ่งที่ทุกคนคิดตรงกันว่ามันแปลกก็คือสีผมกับสีตาของหลานคนนี้ แก้วเกล้ามีผมสีน้ำตาลเข้ม ในขณะที่นัยน์ตาตอนแรกเกิดจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่ยิ่งนานวันเข้า..ก็เริ่มมีสีเขียวเข้ามาผสมทีละน้อย

ไม่มีใครอยากคิดถึงเรื่องพ่อของหลาน แต่พอเห็นแบบนี้...มันก็อดคิดถึงการินที่เพิ่งย้ายไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้

เหตุการณ์หลายอย่างมันประจวบเหมาะไปหมด ช่วงเวลาที่น้องคนเล็กตั้งท้อง..ถ้านับเวลาที่คาดว่าเริ่มมีการปฏิสนธิก็จะเป็นช่วงที่แมวเหมียวไปอยู่กรุงเทพพอดี

ประกอบกับเรื่องที่แมวเหมียวมีท่าทีกับอีกฝ่ายต่างไปจากเดิมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ แถมยังไม่ยอมให้บอกเรื่องลูกกับครอบครัวทางบ้านนั้นอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้ทุกคนต่างคิดเห็นตรงกันว่าพ่อของยัยหนูอาจจะเป็นฝ่ายนั้นหรือเปล่า

ธีราเดาว่าเพื่อนของเขามันต้องไม่รู้เรื่องที่แมวเหมียวตั้งท้องและมีลูกแล้วแน่ ๆ ช่วงนี้ก็เห็นมันถามหาน้องอยู่บ่อย ๆ เขาคิดว่าคงไม่ได้คุยกันเลยละมั้ง




“แมวเหมียวครับ” เกวลินเรียกลูกชายที่กำลังนั่งพักหลังจากเพิ่งป้อนนมลูกเสร็จ

วันนี้เธอตัดสินใจจะถามเรื่องที่ทุกคนกำลังคาใจอยู่ เพราะไม่ได้อยากจะปรักปรำใครโดยที่ไม่รู้เรื่อง ทางเดียวที่มีก็คือถามเจ้าตัวเองนั่นแหละ แต่ที่สำคัญกว่าคือ...ไม่มีใครอยากให้แมวเหมียวเครียด เลยส่งเธอมาคุยกับลูกเพียงลำพัง น่าจะดีกว่าอยู่กันพร้อมหน้า

“ครับ”

“แม่ถามอะไรหน่อยได้ไหม”

ลูกคนเล็กเอียงคอ “ได้สิครับ”

“ก่อนถาม แม่อยากบอกหนู..ว่าแม่กับป๊าและเฮีย..รักหนูมาก ๆ เลยนะลูก”

วิฬาร์ยิ้ม “เหมียวรู้ครับ” เหมือนกับตัวเขานั้นรู้ว่าแม่กำลังจะถามอะไร มันต้องเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขาแน่นอน

..ถึงหน้าจะเหมือนเขาก็เถอะ แต่เล่นได้สีผมกับตาจากพ่อมาเลยนี่นะ..

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าคำตอบของหนูจะออกมาแบบไหน..ก็จะไม่มีใครต่อว่าหนูทั้งนั้น” เกวลินกุมมือลูกแล้วบีบเบา ๆ “พวกเราอยู่ข้างหนูนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

“พ่อของน้องแก้ว..ใช่ตาเก้าหรือเปล่า”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ วิฬาร์รู้อยู่แล้วว่าไม่มีมีความลับบนโลก เขาขอแค่เวลาทำใจเพียงเท่านั้น จนตอนนี้..เขาไม่กลัวที่จะต้องโดนต่อว่าอีกแล้ว กลัวก็แต่ทุกคนในครอบครัวจะพาลโกรธพี่เก้าที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมากกว่า

แมวเหมียวพยักหน้ารับ เขาขยับเข้าไปกุมมือบอบบางของมารดาแล้วบีบเบา ๆ “แต่เรื่องทั้งหมดนี้ มันเป็นเพราะเหมียวเอง แม่อย่าไปโทษพี่เก้าเขาเลยนะครับ”

“ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิลูก” เกวลินส่งยิ้มให้ เอื้อมมือไปดึงให้ลูกเอนหัวมาซบไหล่ เธอเชื่อในสิ่งที่ลูกบอก เพราะก็คิดอยู่ว่าคนอย่างตาเก้าคงไม่กล้าทำอะไรแมวเหมียวหรอก..ก็รักน้องซะขนาดนั้น

“เหมียวชอบพี่เก้า..ชอบมานานมากแล้ว พอเหมียวไปสารภาพ พี่เก้าก็ปฏิเสธทันทีเลย ไม่มีหยุดคิดก่อนสักนิด” เหมียวพูดกลั้วหัวเราะทั้งที่น้ำตาซึมออกมา “แต่เหมียวตัดใจไม่ได้ ตามตื๊อเขาอยู่นั่นแหละ”

เกวลินนั่งฟังเงียบ ๆ มือบางลูบต้นแขนแมวเหมียวแทนการพูดปลอบใจ

“เหมียวพยายามแล้วนะแม่” เจ้าตัวบอกเสียงเครือ “พยายามแล้ว..พยายามอีก แต่มันก็ยากจังเลย”

“ไม่แปลกหรอกครับก็หัวใจเป็นสิ่งที่ควบคุมยากที่สุดแล้วนี่นา..”

“จนตอนที่ไปอยู่กรุงเทพ เหมียวผิดเองที่ฉวยโอกาสตอนที่พี่เก้าเมาไม่มีสติทำเรื่องแบบนั้นลงไป พี่เก้ามารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มาเช็ดตัวให้เหมียวเป็นไข้ ไม่มีคำต่อว่าสักคำ บอกว่าเหมียว..ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะเหมียวยังเด็ก..เลยทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีก่อน” วิฬาร์พรั่งพรูความลับที่เก็บมานานให้มารดาได้รับรู้ เขาผละออกมานั่งหันหน้าเข้าหาแม่ จับมือของท่านเอาไว้

“เรื่องนี้เหมียวผิดเอง แม่อย่าโทษว่าเป็นความผิดพี่เก้าเลยนะครับ”

เกวลินมองลูกชายคนเล็กของเธอ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้แมวเหมียวคงจะร้องห่มร้องไห้ใหญ่โตกว่านี้มาก แต่พอมีลูกก็คงทำให้จิตใจเข้มแข็งมากขึ้นแล้วสินะ

“ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของพี่เก้าหรอกครับ ไม่อย่างนั้นจะส่งแม่มาถามเรื่องนี้กับหนูก่อนทำไมล่ะ ถ้าคิดแบบนั้น..ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนตาน้ำคงจะบินไปแหกอกเพื่อนถึงที่แล้ว”

เมื่อได้พูดให้ใครสักคนได้รับรู้ วิฬาร์ก็รู้สึกโล่งเหมือนยกหินออกจากอก ความรู้สึกกลัวที่คอยกัดกินอยู่ทุกวันค่อย ๆ เบาบางลง แต่เขาก็รู้ว่าการที่ทำแบบนี้ลงไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอมก็ไม่ได้ต่างไปจากการข่มขืน มันคงเป็นตราบาปในใจของทั้งเขาและพี่เก้าไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้

“ไม่เป็นไรนะครับ” เกวลินดึงลูกเข้ามากอดลูบหลังแผ่วเบา “ถ้าแม่เศร้า..ลูกก็จะเศร้าด้วย อย่าไปคิดว่าเด็กเขาฟังไม่ออกแล้วจะไม่รับรู้นะครับ” เธอไม่อยากให้ลูกเครียดหรือคิดมาก

แม่หลังคลอดหลายคนมักจะเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหลังคลอด โชคดีที่สมัยนี้มีการตรวจประเมินสภาพจิตใจหลังคลอด อย่างน้อยก็โชคดีที่แมวเหมียวยังไม่เสี่ยง แต่ก็ยังน่าห่วงอยู่ดี

“ครับ” วิฬาร์ตอบรับ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันจะไม่หายไปไหน แต่เวลานี้สิ่งที่ต้องสนใจก็คือลูกที่เกิดขึ้นมาแล้ว เขาไม่มีเวลามานั่งคิดถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไป

..‘แก้วเกล้า’ คืออนาคตที่เขาต้องให้ความสำคัญ..

ต่อไปนี้เขาจะต้องเลี้ยงดูลูกให้มีคุณภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ รวมถึงให้ความรักและเอาใจใส่..เหมือนอย่างที่ป๊า แม่ และเฮียให้เขามาโดยตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง ถึงลูกของเขาจะมีไม่ครบแบบที่เขามี แต่เธอจะต้องไม่รู้สึกขาด

วิฬาร์คิดมาตลอดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของป๊ากับแม่ เขาเองก็อยากให้ลูกคิดเหมือนกัน...โชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของเขา

“แม่ถามอีกอย่างได้ไหม”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” นอกจากเรื่องที่บอกไป แมวเหมียวก็ไม่เคยมีความลับกับแม่อยู่แล้ว

“หนูยังรักพี่เก้าอยู่ใช่ไหม”

หลังจบคำถามก็เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ ใบหน้าขาวใสยิ้มบาง “รักครับ” ความรู้สึกนั้นยังคงอบอวลอยู่เต็มหัวใจ “เหมียวเลิกรักเขาไม่ได้หรอกครับ”

เกวลินลูบหัวของลูก “แม่เข้าใจครับ ก็พี่เก้าอยู่กับหนูมาตั้งแต่เกิดนี่นา..แถมแมวเหมียวก็ยังติดพี่เขามากกว่าเฮียจริง ๆ เสียอีก”

..เพราะความผูกพันนั้นตัดยากกว่าอะไรทั้งหมด..

“แล้วเรื่องของหนูแก้ว..”

“สักวันเขาก็ต้องรู้” วิฬาร์พูดแทรกเพราะรู้ว่าแม่จะพูดอะไร “แต่เหมียวก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไรอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากมาหาลูกก็มาได้ เหมียวไม่กีดกันหรอกครับ แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น..เหมียวขอนะ..อย่าเพิ่งบอกอะไรกับใครเลยนะครับ”

“จ้ะ” แม่ยิ้มรับ แต่บทสนทนาของแม่ลูกก็ต้องหยุดลงเมื่อเด็กน้อยส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียงเบา

“ดูสิ” วิฬาร์ส่ายหน้า “พูดถึงพ่อหน่อยก็ไม่ได้”

“หืม”

แมวเหมียวอุ้มลูกขึ้นมาตบหลัง “ตั้งแต่ที่อยู่ในท้องแล้วครับ เวลาที่เหมียวคุยกับพี่เก้าทีไรก็จะดิ้นแรงทุกที ได้ยินเสียงพ่อไม่ได้เลย”

“แล้วนี่ไม่ได้คุยกับพี่เก้ามานานหรือยังเนี่ย”

“ตั้งแต่คลอดครับ” แมวเหมียวตอบ

ตั้งแต่แก้วเกล้าลืมตาดูโลก วิฬาร์ก็หลับนอนไม่เป็นเวลาตามลูกไปด้วย เขาเลยบอกกับอีกฝ่ายว่าช่วงนี้คงไม่มีเวลาคุยด้วย เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ไม่รู้ว่าจะอ้างแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนเหมือนกัน

คิดถึง..แต่ไม่ได้โหยหา ตอนนี้ความสุขของแมวเหมียวคือการได้อยู่ดูแลลูก เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่มีบ่นสักคำ

“แมวเหมียวก็นอนพักเถอะลูก เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอานะ”

ลูกชายคนเล็กส่งยิ้มให้แม่ วางลูกสาวลงบนฟูกก่อนตัวเองจะล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ฝ่ามือบางตบบนอกเป็นจังหวะแผ่วเบา
“หลับนะน้องแก้วคนดี ป๊ารักหนูนะคะ” 




tbc…

 :L2:

#ความรักของแมวเหมียว
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-11-2020 21:02:09
 :mew6:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-11-2020 21:08:56
  :pig4: :pig4: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-11-2020 09:17:10
เฮ้อออออ สงสารทั้งคู่ อยากให้ปรับความเข้าใจกันเร็ว ๆ จัง
นี่ก็จะครบปีแล้วนะที่อิพี่มันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเป็นพ่อคนกับเขาแล้ว
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 26-11-2020 13:14:44
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 14 หน้า 3 (24/11/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 27-11-2020 18:29:50
อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 15-12-2020 18:52:56

ความกังวลของคุณแม่มือใหม่




การินนั่งนิ่งเหม่อมองเพดานห้องมาร่วมสิบนาทีแล้ว หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อกับแมวเหมียวมาเกินครึ่งปี...ก็ทำเอาเจ้าตัวอาการหนักขึ้นทุกวัน แมวเหมียวบอกกับเขาว่าต้องการโฟกัสเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

การินเข้าใจ..แต่มันต้องถึงกับเลิกติดต่อกับเขาเลยหรือ

“หรือว่าน้องจะมีแฟน” เจ้าตัวพึมพำ ในอกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

แต่เขาจะไปมีสิทธิ์รู้สึกอะไรได้ ก็คนที่เอาแต่ผลักไสแมวเหมียวมาตลอดมันก็คือตัวเขาเอง ถ้าน้องจะตัดใจ..มันก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว การินส่งข้อความหาเพื่อนของเขา ถามหาน้องชายของอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ธีราที่กำลังทำงานผละออกมาตอบข้อความเพื่อน แถมยังเป็นพ่อของหลานสาวสุดที่รักของเขา

‘กำลังตั้งใจกับเรื่องตรงหน้าอย่างดีเลย มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก’

‘เออ กูก็แค่คิดถึงน้อง ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว’

‘คิดถึงก็กลับมาหาสิวะ มันจะไปยากอะไร’

ธีรารับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของเพื่อนสนิทผ่านตัวอักษร การเป็นคนกลางนี่มันก็ลำบากใจเหลือเกิน คนนั้นก็น้อง คนนี้ก็เพื่อน

‘กูยังกลับไม่ได้ว่ะ สัญญาระบุไว้ว่ากูจะลากลับบ้านได้ก็หลังจากสามปีไปแล้ว’ หนุ่มลูกครึ่งถอนหายใจ เขาน่ะอยากจะเลิกทำงานนี้แล้วกลับบ้านจะแย่ แต่ค่าผิดสัญญามันแพง ถึงจะไม่ได้เดือดร้อน..แต่ก็เสียดายเงิน

“เออ ตั้งใจทำในสิ่งที่มึงต้องทำไปก่อน แล้วค่อยกลับมาก็ได้”

การินเม้มปาก เขาอยากเห็นหน้าแมวเหมียวจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

‘อยากเห็นหน้าแมวเหมียวว่ะ’

‘อดทน น้องมันพร้อมเมื่อไหร่..มึงคงได้เห็นเอง’

3 ปีเลยเหรอ...เขาย้ายมานี่ได้เกือบปีแล้ว อีกสองปีกว่ามันจะทรมานแค่ไหนกัน บางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดไปหรือเปล่า ถ้าเพียงแค่ตัวเขามีความกล้ามากกว่านี้

..เรื่องของเขากับแมวเหมียวคงไม่ลงเอยแบบนี้..



-----



“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว” ศรุตดัดเสียงเล็กเสียงน้อยร้องเพลงหยอกล้อกับน้องแก้วที่ดิ้นดึ๊ก ๆ พร้อมกับส่งเสียงอ้อแอ้คลอตามไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ ๆ มึงต้องร้องว่ามีแม่เป็นแมวเหมียวหรือเปล่าถึงจะถูก” ต้นกล้าบอกจิ้มแก้มนุ่มของยัยหนู

“งั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นหนูแก้วเกล้าด้วยงั้นสิ” ต้นข้าวว่าสายตาทอดมองหลานด้วยความเอ็นดู

“อัจฉริยะ” ศรุตกับต้นกล้าพูดพร้อมกัน

วิฬาร์ที่กำลังพับผ้าอ้อมอยู่ที่มุมห้องส่ายหัวให้กับความบ้าบอของเพื่อน ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวสี่วันติด พวกมันทุกคนเลยมากองรวมอยู่ที่บ้านเขาเพื่อเล่นกับหลาน

ลูกสาวของแมวเหมียวตอนนี้มีพัฒนาการตามวัยที่ดี ร่าเริง ยิ้มเก่ง

“ว่าไงเด็ก ๆ” ธีรากลับมาพร้อมกับขนมสองถุงใหญ่ในมือ เด็ก ๆ ที่ว่าหันไปยกมือไหว้กันมือเป็นระวิง เขาเดินตรงไปหาหลานสาวก่อนจะส่งเสียงเรียกเสียงหวาน “น้องแก้ว~”

เด็กน้อยพอเห็นหน้าและเสียงที่คุ้นตัวก็ส่งเสียงอื้อ ๆ ในลำคอพร้อมกับตีแขนตีขาเรียกร้องให้อุ้ม

“เดี๋ยวมาน้า~ ขอไปล้างมือกับเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

แก้วเกล้าที่ไม่เห็นหน้าอาแปะก็เริ่มเบะปาก และก่อนที่จะร้องไห้โยเยก็ถูกปะป๊าอุ้มขึ้นมาแนบอก

“ติดเฮียน่าดูเลยวะ” ศรุตพูดขึ้น

“ใช่ สงสัยคิดว่าเป็นพ่อล่ะมั้ง” วิฬาร์พูดติดตลก

“ตลก” ต้นกล้าว่า

แมวเหมียวไม่ตอบแต่หัวเราะในลำคอ

“แล้วมึงไม่คิดจะบอกอะไรกับพ่อน้องแก้วบ้างเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถาม

ตอนนี้คนที่รู้เรื่องพ่อของลูกเขาก็มีคนที่บ้าน ศรุต และสองแฝดที่เขาไม่ต้องบอกก็รู้ได้เอง เพราะนับวันสีตาและสีผมของลูกก็ยิ่งเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน ในบางครั้งแมวเหมียวมองลูกสาวก็ครุ่นคิดอยู่คนเดียวว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้มันผิดหรือเปล่า

พี่เก้าควรจะรู้ไหม..ว่าตัวเองมีลูกแล้วนะ

แถมยังน่ารักมากเสียด้วย…

“ไม่ล่ะ อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว...เด็กคนนี้เกิดมาเพราะความเอาแต่ใจของกู พี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมีด้วยซ้ำ” เขาบอกเพื่อนและย้ำกับตัวเอง

“ไม่ได้ตั้งใจ...แต่ถ้าไอ้เก้ามันรู้ว่ามันมีลูกแล้ว มันก็คงจะดีใจนะ”

วิฬาร์เงยหน้ามองพี่ชายที่กำลังส่งยิ้มให้เขาที่ปั้นหน้าไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายบอกแบบนั้น

..พี่เก้าจะดีใจจริงเหรอ..

“มาหาอาแปะนะคะ” ธีราหันไปสนใจหลานสาวตัวน้อยที่ส่งเสียงอื้อ ๆ เขาอุ้มมากอดหอมด้วยความคิดถึง “ลูกมันน่ารักขนาดนี้..มันคงหลงตายชัก”

แมวเหมียวเม้มปาก “แต่เหมียวยังไม่พร้อม”

..เพราะลึก ๆ แล้วก็กลัวว่าพี่เก้าจะไม่ยินดี..

ธีราไหวไหล่ “ก็แล้วแต่ ไม่ว่ายังไงเฮียตามใจแมวเหมียวเสมออยู่แล้ว” เขาเว้นวรรค “แต่จะทำอะไรก็คิดถึงใจลูกบ้างนะ เด็กน่ะ...ต้องการพ่อทุกคนนั่นแหละ”

ธีราบอกแบบนั้นได้เพราะเขารู้จักเพื่อนเขาดี แล้วยิ่งถ้าเป็นลูกของแมวเหมียวด้วยแล้ว...ขี้คร้านจะรวบเอาทั้งแม่ทั้งลูกน่ะสิ

วิฬาร์เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบอะไร ไม่ใช่ว่าจะกีดกันพ่อลูก แต่เขาขอแค่เวลาเตรียมใจเท่านั้นเอง

เพื่อนสามคนมองสองพี่น้องสนทนากันแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบ ในใจอดคิดสงสารพี่เก้าไม่ได้ เพราะอีกคนไม่ได้ผิดเลยด้วยซ้ำ เพื่อนเขาต่างหากที่เป็นไอ้ตัวแสบ ยิ่งสองแฝดที่รู้จักพี่เก้าเป็นอย่างดี..อีกฝ่ายรักแมวเหมียวขนาดไหนทำไมพวกเขาจะไม่รู้

“เดี๋ยวเฮียพาหลานไปนอนเล่นตรงสวนนะ”

วิฬาร์ที่เห็นพี่ชายอุ้มหลานสาวออกไปก็หันกลับมายิ้มแย้มชวนเพื่อนกินขนม ทำเหมือนไม่มีอะไรในใจ เหมือนกับว่าตัวเขาไม่ได้รู้สึกอะไรอีกต่อไป



-----



ธีราอุ้มหลานสาวออกมานั่งเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้านที่เพิ่งต่อเติมออกมาเป็นห้องแอร์ ป๊าลงทุนตกแต่งสวนใหม่ให้เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้างามตา เอาไว้เวลาที่อากาศดี ๆ ยัยหนูจะได้ออกไปรับอากาศธรรมชาติบ้าง ไม่ใช่อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน

“หนูคิดถึงพ่อไหมคะ” เขาเอ่ยถามเด็กน้อยในอ้อมแขน แก้วเกล้าดิ้นดุ๊กดิ๊ก ส่งเสียงอืออา ราวกับรับรู้ได้ว่าเขาถามอะไร “รอหน่อยนะลูก รอให้ปะป๊าเขาพร้อมก่อนเนอะ”

วันนี้เขาได้คุยกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว..บอกตามตรงว่าเขาสงสารน้องตัวเองก็ไม่เท่ากับสงสารเพื่อนตัวเอง ดูมันแล้วคงจะอาการหนักน่าดู ก็แมวเหมียวมันเล่นหายไปจากชีวิตมันเลยแบบนี้

ทุกคนในบ้านไม่มีใครโกรธไอ้เก้าเลยสักคนเดียว กลับกันแล้วรู้สึกเห็นใจด้วยซ้ำที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ แมวเหมียวมันเป็นเด็กที่ถ้าจะเอาก็จะเอาให้ได้..แต่ถ้าไม่ก็คือไม่

..สำคัญกว่านั้นก็คือสงสารหลานนี่แหละนะ..

“พ่อกับปะป๊าหนูนี่ทำอะไรกันไม่รู้เนอะ ไม่เห็นคิดถึงใจหนูบ้างเลย” ธีราเขี่ยแก้มแดงของหลาน หวังว่าแมวเหมียวจะทำใจและคิดได้เร็ว ๆ แต่ถ้ามันนานจนไอ้เก้ากลับมาเห็นเอง..มันคงจะเจ็บน่าดูที่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงยัยหนูนี่ตอนเด็กน่ารัก ๆ แบบนี้

“ทำอะไรกันสองคนครับ” เป็นเกวลินที่เปิดประตูเข้ามา แก้วเกล้าที่เห็นอาม่าก็ดีใจใหญ่

“กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”

“หืม?” แม่ทำหน้าสงสัย นั่งลงบนเบาะที่พื้น “น้องแก้วฟังรู้เรื่องไหมล่ะ”

ธีราหัวเราะในลำคอ “ผมว่ารู้เรื่องนะ ตอนถามว่าคิดถึงพ่อไหมก็พูดใหญ่เลย”

“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันเนอะ” เกวลินพึมพำพลางลูบหัวหลานสาวเบา ๆ

“วันนี้ผมคุยกับไอ้เก้า” ธีราเปรย “มันบ่นว่าคิดถึงแมวเหมียว”

“ก็น่าอยู่หรอก”

“ผมเลยบอกไปว่าถ้าคิดถึงก็กลับมาหาสิ” ธีราหัวเราะ “ถ้าไม่ติดว่ารับปากน้องไว้ ผมจะแนบรูปลูกไปให้มันดูด้วย”

เกวลินหัวเราะบ้าง “แบบนั้นตาเก้าคงบินกลับมาแทบไม่ทันเลยล่ะ”

“ผมก็ว่างั้นครับ”

บทสนทนาหยุดลงเมื่อแก้วเกล้าเริ่มโยเยขึ้นมา “สงสัยจะเริ่มหิวแล้ว เดี๋ยวแม่พาไปเองจ๊ะ” เกวลินว่าก่อนจะรับหลานสาวมาอุ้มแล้วเดินออกไป

ธีราถอนหายใจอีกคน “ไอ้เก้านะไอ้เก้า” เขาพึมพำออกมาก่อนจะเอนตัวหลับตาพักสายตาสักหน่อย



-----



แก้วเกล้าพลิกตัวและเริ่มคลานเองได้แล้ว แถมยังเริ่มหยิบนั่นนี่เข้าปากด้วยตัวเอง นั่นทำให้แมวเหมียวต้องคอยระวังเพิ่มอีกเท่าตัว จนเจ้าตัวเริ่มมีอาการอ่อนเพลียให้เห็น

“แม่ว่าเราจ้างแนนนี่มาช่วยดีไหมลูก” เกวลินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นขอบตาคล้ำของลูกชาย

“คืออะไรเหรอครับ”

“พี่เลี้ยงเด็กไง”

แมวเหมียวส่ายหน้าหวือ “ไม่ต้องหรอกครับ เปลืองเงินเปล่า ๆ เหมียวเลี้ยงได้”

“แต่แม่กลัวหนูจะแย่เอานะครับ” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง แมวเหมียวเองก็ใช่ว่าจะสุขภาพร่างกายแข็งแรงนัก แถมยังไม่ยอมให้เธอช่วยเลี้ยงด้วย จะยอมให้แค่ดูแลนิดหน่อยในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนก็ดูแลอยู่คนเดียว

“เฮียเคยบอกแล้วไงว่าเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” ธีราพูดขึ้น “เคยส่องกระจกดูสภาพตัวเองหรือเปล่าว่าตอนนี้เป็นยังไง”

วิฬาร์เบะปาก “อย่าดุเหมียวสิ”

“เฮียเขาไม่ได้ดุหนูหรอก” คนเป็นแม่ลูบผมนิ่ม “ทุกคนตอนนี้เป็นห่วงหนูกันทั้งนั้นนะครับ ถ้าหนูเกิดป่วยขึ้นมาจะแย่เอานะ”

เด็กหนุ่มนิ่งและคิดตาม “แล้วเขาจะไว้ใจได้เหรอครับ เหมียวเห็นในข่าว..”

“เดี๋ยวเฮียดูจากบริษัทที่เชื่อถือได้ โอเคไหม”

น้องคนเล็กบ่นในใจว่าตัวเขาบอกไม่โอเคได้ด้วยเหรอ ทำหน้าดุอย่างกับหมาขนาดนั้น ดวงตากลมเหลือบมองลูกสาวที่โตขึ้นเร็วมาก เขาไม่อยากไว้ใจให้ใครก็ไม่รู้มาดูแลลูก แต่ก็ยอมรับว่าตัวเขาเองก็อ่อนล้าขึ้นทุกวัน

“ถ้าไม่ไว้ใจใคร เหมียวก็ให้พี่เลี้ยงเด็กดูแลลูกช่วงกลางวัน แล้วแม่จะคอยเป็นหูเป็นตาให้ ส่วนหนูก็ดูแลช่วงกลางคืนเหมือนเดิม โอเคไหมครับ”

วิฬาร์พยักหน้าเร็วพร้อมกับยิ้มกว้าง “ถ้ามีแม่คอยช่วย เหมียวก็สบายใจขึ้นหน่อยครับ”

“ทำไมเป็นเด็กคิดมากแบบนี้นะ” ธีราว่าผลักหัวน้องไม่แรงนัก

แมวเหมียวไม่เถียง เพราะว่าเขาก็รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ

“คิดมาแบบนี้มันไม่ดีนะรู้ไหม” เกวลินบอกลูกชาย “ถ้าแมวเหมียวอยากจะมีความสุขอย่างแท้จริง..ต้องวางบางเรื่องลงบ้างนะครับ” เธอบอกเป็นนัย

“ขอบคุณครับ”

วิฬาร์ตอบรับ ไม่แน่ใจหรอกว่าสิ่งที่แม่จะสื่อถึงน่ะมันเรื่องไหนกัน แต่เขาก็จะเก็บสิ่งที่ท่านสอนเอาไว้

หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีพี่เลี้ยงเด็กมาที่บ้านในตอนเช้าพร้อมกับชุดยูนิฟอร์มของบริษัทอะไรสักอย่าง แมวเหมียวมองสำรวจก่อนจะนั่งดูพี่คนนี้ดูแลน้องแก้ว ท่าทางคล่องแคล่วใจเย็นแล้วก็ค่อนข้างพอใจ แต่ที่ยอมน่ะก็เพราะมีแม่คอยเป็นหูเป็นตาให้ต่างหาก ถ้าไม่มีแม่เขาก็คงไม่ไว้ใจอยู่ดี



-----



“น้องแก้วกินอีกคำนะคะ”

ช้อนกินข้าวถูกยื่นมาตรงหน้า นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมองแป๋วก่อนจะอ้าปากงับเข้าไปอมแก้มตุ่ย

“อย่าอมข้าวค่ะ” ปะป๊าตัวน้อยบอกเสียงอ่อน แก้วเกล้าฟังแล้วดิ้นดุ๊กดิ๊กบนโต๊ะกินข้าวสำหรับเด็กทำหน้าแป้นแล้น แมวเหมียวคิดในใจว่าเด็กคนนี้มันกวนได้ใครกันมานะ

“สงสัยจะได้นิสัยกวนมาจากอาแปะแน่เลย”

“ว่าเฮียเหรอ เดี๋ยวเหอะ” ธีราเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ทำท่าจะตีน้อง แมวเหมียวหลบฝ่ามือพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

แก้วเกล้าเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เมื่อกลืนจนหมดก็เอายางกัดรูปสตอเบอรี่ที่ถืออยู่เข้าปาก แมวเหมียวส่ายหน้ายิ้มบาง ก่อนจะเอาจานข้าววางไว้บนโต๊ะ เขาหยิบผ้าอ้อมชุบน้ำเช็ดที่ริมฝีปากและแก้มอย่างเบามือ

“วันนี้เราจะทำอะไรกันดีน้า~” เขาถามลูกสาว อุ้มตัวเล็กขึ้นจากเก้าอี้กินข้าวของเด็ก “วันนี้เรามาดูคุณสัตว์กันดีกว่าเนอะ” เด็กน้อยส่งเสียงตอบอย่างอารมณ์ดี

เขาวางร่างเล็กให้นั่งลงบนเบาะนุ่มที่ครอบครัวพอเห็นว่าหลานเริ่มอยู่ไม่เป็นที่ก็กลัวว่าไปล้มหัวฟาดพื้นเลยลงทุนปูให้ทั้งห้อง วิฬาร์เลือกแฟลชการ์ดที่อาแปะซื้อเอาไว้เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้กับน้องแก้วกองใหญ่

จะบอกว่าคนที่จริงจังกับการเลี้ยงแก้วเกล้าที่สุดก็คือเฮียนี่แหละ สรรหาของเล่นเสริมพัฒนาการหลานสาวมาให้จนเต็มบ้าน

อย่างเฟลชการ์ดนี่เขาก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันจะช่วยอะไรได้ เด็กอายุแค่ไม่กี่เดือนจะจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษกับภาพได้เหรอ แต่เขาก็ทำตามที่เฮียสอนทุกวัน และลูกก็จะนิ่งมองและฟังทุกครั้ง

แมวเหมียวสับการ์ดในมือไปเรื่อย ๆ ภาพละหนึ่งวินาทีพร้อมบอกศัพท์ภาษาอังกฤษของภาพสัตว์นั้นจนหมดชุด แล้วจึงจบด้วยคำถามอย่างทุกที แมวเหมียวหยิบรูปช้างกับม้าลายขึ้นมา

“which one is elephant”

มือป้อมค่อย ๆ ขยับเข้าไปแตะที่ภาพช้าง วิฬาร์ตกใจ และคิดเอาเองว่าอาจจะแค่ฟลุ๊กก็ได้ เขาเลยลองอีกครั้ง

“which one is cat”

แก้วเกล้าแตะถูกอีกครั้ง แมวเหมียวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวตอบถูก

“เก่งจัง ๆ ลูกป๊าเก่งที่สุดเลย” เขาเอ่ยชมพร้อมกับหอมแก้มยุ้ย

“เสียงดังอะไรกัน หืม” ธีราที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเด็กได้ยินเสียงน้องพูดอะไรสักอย่าง

“เฮีย! แก้วตอบได้แล้ว!”

“จริงอะ” ธีรารีบขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ ด้วยความตื่นเต้น

“เนี่ย ๆ ดูนะ” เขาหยิบการ์ดขึ้นมา “which one is monkey”

ธีราจ้องมองมือเล็กที่ขยับไปมาก่อนจะตรงไปแตะที่ภาพลิงอย่างไม่ลังเล “เย้!” เขาอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดและหอมด้วยความดีใจ “หลานแปะเก่งที่สุดเลยค่ะ” ไม่ผิดหวังที่ซื้อของพวกนี้มากองจนเต็มบ้านไปหมด

“ไม่ชมเหมียวด้วยเหรอ” วิฬาร์ชี้นิ้วเข้าตัวเอง “นี่ถ้าไม่ได้เหมียวนั่งสับแฟลชการ์ดทุกวันอย่างงไม่รู้เป้าหมาย จะได้แบบนี้เหรอ”

“จ้า ๆ แม่คนเก่ง”

“ไม่ใช่แม่!”

“พ่อจ้าพ่อ” ธีราลูบหัวน้องชาย ที่ถึงจะมีลูกแซงหน้าเขาไปแล้ว แต่แมวเหมียวก็ยังเป็นแค่เด็กอายุแค่ 18 แถมเลี้ยงลูกได้ดีขนาดนี้

“เก่งสุดยอดไปเลยน้องเฮีย”

ดวงตากลมโตมองพี่ชายน้ำตารื้น ปากแดงเบะก่อนน้ำตาจะไหลอาบแก้ม

“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม”

“เหมียว..ไม่รู้” คนน้องตอบเสียงเครือ ยกแขนเช็ดน้ำตา 

ธีราขยับเข้าไปนั่งชิดแมวเหมียว เขาคิดว่าน้องคงกลัวมาตลอดว่าตัวเองจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดีและอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับลูก แม่มือใหม่ก็เป็นแบบนี้แทบทั้งนั้น ถ้าเป็นเรื่องลูกก็กังวลไปหมดจนบางคนก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า

ฝ่ามือใหญ่ดึงให้แมวเหมียวเอนลงมาซบไหล่ “กลัวเหรอ”

“ฮึก..คะ ครับ เหมียวกลัว..ว่าจะเลี้ยงลูกไม่ดี”

“ไม่ต้องกลัว แมวเหมียวของเฮียทำได้ดีมาก ๆ แล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเลย อย่าเครียดหรือกดดันตัวเองมากไปรู้ไหม”

“ครับ”

“แมวเหมียวมีครอบครัวที่พร้อมจะช่วยเหลืออยู่เสมอนะ น้องแก้วไม่ใช่ภาระรับผิดชอบที่แมวเหมียวจะต้องแบกไว้ อย่าคิดว่าตัวเองเผชิญเรื่องนี้อยู่คนเดียว ทุกคนน่ะรักแมวเหมียวกับน้องแก้วมาก ๆ เลยนะรู้ไหม”

แก้วเกล้าที่อยู่ในอ้อมแขนของธีรามองป๊าของตัวเองที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลพราก ๆ ตาแป๋ว ตัวเล็กโผเข้าหาวิฬาร์ทั้งตัวจนแมวเหมียวเกือบรับไม่ทัน มือเล็กป้อมแตะเข้าที่ใบหน้าของป๊าราวกับจะเช็ดน้ำตาให้

“เห็นไหม น้องแก้วยังไม่อยากให้แมวเหมียวร้องไห้เลย ถ้าพูดได้ก็คงบอกป๊าอย่าร้องไห้เลยนะคะ”

วิฬาร์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เขาดึงลูกมากอดแน่น “ไม่ร้องแล้วค่ะ ป๊าไม่ร้องแล้วนะ” บอกพร้อมกับเอาหน้าถูไปตามเสื้อของลูกสาว
“อย่าลืมที่เฮียเคยบอกสิ เด็กเขารับรู้อารมณ์ของคนเป็นแม่ได้นะ”

แมวเหมียวพยักหน้ารับก่อนจะบอกขอบคุณพี่ชาย ความหนักอึ้งที่อยู่ในใจตลอดมาค่อย ๆ เบาบางลง




tbc…
เราไม่เคยเป็นแม่ เคยแต่เลี้ยงหลานเกิดใหม่มาบ้างค่ะ
ตอนนั้นยังอายุน้อยกว่าแมวเหมียว ไม่ได้มีความรู้สึกของความเป็นแม่สักเท่าไหร่
มารู้สึกถึงความกังวลเหมือนแมวเหมียวก็ตอนเลี้ยงลูกหมาเกิดใหม่ที่แม่ไม่มีน้ำนมเลี้ยงนี่แหละค่ะ 555555555

ขอบคุณที่ยังติดตามและเป็นกำลังใจนะคะ /กอดดดด

 :L2: :กอด1:



หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-12-2020 21:24:05
กอดรวบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-12-2020 21:58:26
:กอด1: :กอด1: มาให้กำลังใจน้อง :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 16-12-2020 01:03:46
อยากให้เก้ารู้เร็ว ๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 16-12-2020 07:11:25
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 15 หน้า 3 (15/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-12-2020 13:12:52
สงสารพี่เก้า พี่เก้ารีบกลับมาเร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 22-12-2020 18:34:49


ลูกของเหมียวเองครับ




“แม่ว่าก่อนที่น้องแก้วจะเข้าโรงเรียน หนูต้องพาลูกไปหัดเข้าสังคมบ้างแล้วนะ” เกวลินบอกลูกชาย

วิฬาร์ที่กำลังตัดเล็บให้ลูกที่กำลังนอนหลับอยู่ เงยหน้าขึ้นมองแม่ “ครับ?”

“น้องแก้วน่ะแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย ถ้าไปอยู่กับเด็กคนอื่น ๆ จะลำบากเอานะจ๊ะ”

“อ่า…” คนเป็นลูกคราง “เหมียวเข้าใจแล้วครับ”

เกวลินมองลูกชายที่เงียบไป “เริ่มต้นจากการพาไปเล่นบ่อทรายที่สวนก่อนดีไหมครับ” เธอลองแนะนำดู

วิฬาร์ยิ้มจางก่อนจะพยักหน้ารับ สองปีกว่าที่ผ่านมา..เขาเองก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วเหมือนกัน เหมียวมองลูกสาวแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง...มันสมควรแก่เวลาแล้วจริง ๆ

“เย็นนี้เลยดีไหมครับ”

“จ๊ะ” เกวลินยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจที่ในที่สุดแมวเหมียวก็พร้อมแล้วสักที

เด็กหญิงตัวน้อยเติบโตขึ้นมาก ตอนนี้น้องแก้วอายุเกือบ 3 ขวบแล้ว จะว่าช้าก็ช้า แต่จะว่าเร็วมันก็เร็ว แมวเหมียวรู้สึกว่าวันที่ลูกของเขาคลอดออกมาลืมตาดูโลกใบนี้เหมือนมันเพิ่งผ่านมาไม่นานเอง

ตอนนี้น้องแก้วสามารถทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเองแล้ว ทั้งแปรงฟัน ใส่เสื้อผ้า กินข้าว หรือแม้กระทั่งปั่นจักรยานสามล้อ ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ทำได้ดีมาก

แก้วเกล้าใกล้จะต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลอีกไม่นานนี้ ครอบครัวของเขาเลยเลือกให้เข้าในโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้านที่มีหลักสูตรสองภาษา โชคดีที่ไม่ต้องเดินทางไกล เขาเองก็ไม่อยากให้ลูกต้องรีบตื่นเช้าเพื่อฝ่ารถติดไปเรียน



“ป๊าขา~”

“ขา~” ป๊าที่โดนเรียกเสียงหวานตอบรับ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกเป็นเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงขายาวพอดีตัวสีชมพู เส้นผมสีน้ำตาลถูกถักเอาไว้เป็นเปียทั้งสองข้าง พร้อมกับใส่หมวกกันแดดให้ด้วย

“ไปไหนคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามเสียงใส แมวเหมียวยิ้มพร้อมกับผูกเชือกที่ติดกับหมวกไว้ใต้คางกันหล่น

“ไปเที่ยวกันค่ะ ดีไหมคะ”

แก้วเกล้าพยักหน้าหงึกหงัก มือเล็กตบแปะ ๆ ด้วยความดีใจ ก่อนจะร้องขึ้นมา “เย้ ๆๆ”

พอเห็นท่าทางของลูกสาวก็พาลให้แมวเหมียวรู้สึกผิดขึ้นมา เขาไม่ค่อยได้พาน้องแก้วออกจากบ้านเลย ก่อนหน้านี้ถ้าจะออกก็ต้องไปที่ไกลบ้านจนเขาคิดว่าไม่เจอคนรู้จักแน่ ๆ ถึงจะยอม ที่ผ่านมาเขาปิดกั้นไม่ใครเข้าถึงตัวลูกสาวได้ เพียงเพราะแค่ความกลัวของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องก้าวผ่านมันไปได้แล้ว

“วันนี้ป๊าจะพาหนูไปเล่นก่อปราสาททรายนะคะ”

“เย้” น้องแก้วชูมือดีใจ

“สัญญากับป๊าก่อนว่าหนูจะไม่ดื้อนะคะ”

“หนูจะไม่ดื้อ” แก้วเกล้ารับปาก แมวเหมียวยิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืนพร้อมกับจูงมือลูกสาวเดินไปด้วยกัน

“หนู..หนูถือ” เด็กน้อยเห็นอาม่าถือถังอุปกรณ์เล่นทรายอยู่ในมือจึงอาสาเป็นคนถือเอง

“ถือไหวเหรอคะ” เกวลินถามหลาน

“ไหวค่า”

ถังไม่ใหญ่นักอาม่าจึงส่งให้หลานสาวรับไปถือไว้ น้องแก้วกระตุกขากางเกงป๊าเร่งให้ไปได้แล้ว แมวเหมียวหัวเราะกับความเร่งรีบของลูกสาว ก่อนจะจูงมือไปต่อ

บ่อทรายที่ว่านี้อยู่ที่สวนสาธารณะแถวบ้าน เป็นบ่อขนาดใหญ่ที่สมัยเด็กแมวเหมียวก็มักจะมาเล่นอยู่บ่อย ๆ พอหันกลับไปที่ลูกก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง

“น้องแก้ว”

“ขา~”

“ต่อไปนี้ป๊าจะพาหนูไปเที่ยวบ่อย ๆ ดีไหมคะ”

“ดีค่า”

ทั้งสามคนเดินไปด้วยกัน ไม่ไกลนักก็ถึง ครั้งแรกที่แก้วเกล้าได้เห็นบ่อทรายก็รีบก้าวเร็ว ๆ ด้วยความตื่นเต้น แมวเหมียวหัวเราะแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร ไม่ได้กลัวว่าลูกจะล้มจนเจ็บตัว เขาไม่ได้โอ๋ลูกขนาดนั้น

“ม่านั่ง ๆ ป๊านั่ง ๆ” น้องแก้วนั่งลงบนทรายก่อนจะตบลงตรงที่ข้างตัวแปะ ๆ “เล่นกับน้องนะคะ”

เกวลินกับลูกชายมองหน้ากันก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา

“เดี๋ยวอาม่าไปนั่งตรงนั้นดีกว่าค่ะ อาม่าปวดเข่า” เธอบอกกับหลานสาว

แก้วเกล้าพยักหน้าหงึกหงัก “ดะ ดูแลตัวเอง..ดี ๆ นะคะ” เด็กน้อยพูดเลียนแบบป๊าที่มักจะบอกแบบนี้กับเธออยู่เสมอ

“จ้า ๆ ขอบคุณนะคะ” เกวลินก้มตัวลูบหัวน้องแก้วด้วยความเอ็นดู แล้วจึงปลีกตัวออกไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่อยู่ไม่ไกล หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสลับกับคอยมองลูกชายกับหลานสาวเป็นระยะ



วิฬาร์กับน้องแก้วเล่นทรายด้วยกันอยู่สักพักก็มีเด็กผู้ชายเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งยอง ๆ มองรถตักดิน เขาเงียบมองดูปฏิกิริยาที่ลูกสาวมีต่อเด็กแปลกหน้า เป็นเรื่องปกติที่เด็กวัยนี้จะหวงของ สำหรับน้องแก้วก่อนหน้านี้ก็จะมีหวงกับคนในครอบครัวบ้าง แต่เหมียวก็ปรับพฤติกรรมจนดีขึ้น รู้จักแบ่งปันของให้กับคนรอบข้างแล้ว

“คนนี้มองทำไมเหรอคะ” แก้วเกล้าหันไปถามป๊าพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เด็กอีกคน

“เขาคงอยากเล่นกับน้องแก้วล่ะมั้ง” เหมียวตอบ ก่อนจะหันไปถามเด็กชาย “ใช่ไหมครับ” เด็กคนนั้นพยักหน้าตอบ

วิฬาร์จึงหันไปถามลูกเพื่อขออนุญาตก่อน “น้องแก้วแบ่งของเล่นให้เขาเล่นด้วยได้ไหมคะ”

เด็กหญิงมองของเล่นที่ตัวเองมีอย่างพิจารณา มือป้อมหยิบไปที่รถตักดินก่อนจะยื่นให้ “เล่นด้วยกันนะ”

เกวลินที่คอยมองอยู่ห่าง ๆ ว่าหลานสาวจะทำอย่างไรเมื่อมีเด็กที่ไม่รู้จักมาขอแบ่งของเล่นที่เป็นของตัวเอง ลุ้นแทบแย่ว่าจะมีอาการหวงของไหม สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพียงเท่านี้เธอก็รู้สึกโล่งอกแล้ว

ทั้งหมดนี้ต้องชมแมวเหมียวของเธอว่าเลี้ยงลูกได้ดีมาก ทุ่มเทอย่างสุดตัวจริง ๆ ตอนแรกที่น้องแก้วอายุครบขวบเธอบอกให้ลูกกลับไปเรียนต่อ แต่ลูกก็ไม่ฟัง..ยืนยันว่าจะขอเลี้ยงจนกว่าน้องแก้วเข้าอนุบาลก่อนถึงค่อยกลับไป



ก่อนที่ฟ้าจะมืดเกวลินเรียกให้ลูกชายและหลานสาวกลับบ้าน น้องแก้วหน้างอเล็กน้อย แต่เมื่อแมวเหมียวสัญญาว่าคราวหน้าจะพามาอีกก็ยิ้มได้ เหมียวถอดหมวกของลูกออก เช็ดเหงื่อที่เปียกตามไรผมออกให้

ขากลับแมวเหมียวเลือกที่จะอุ้มน้องแก้วเดินกลับแทน เพราะกลัวว่าลูกจะปวดขา “วันนี้น้องสนุกไหมคะ” เขาเอ่ยถาม เด็กหญิงยิ้มกว้าง

“สนุกค่า~”

“แล้วน้องหิวหรือยัง” ลูกสาวพยักหน้าตอบรัว “วันนี้ป๊าพามาเที่ยวหนูต้องกินข้าวให้หมดนะคะ”

แก้วเกล้าเป็นเด็กเลือกกินและกินน้อย เป็นปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ได้สักที เฮียยังแซวว่านอกจากจะหน้าเหมือนแล้วยังเลือกกินเหมือนกันอีก เธอได้ยินแบบนั้นก็ทำปากยื่น ก่อนจะพยักหน้ารับแม้ไม่ได้เต็มใจนักก็ตาม

“เก่งมากค่ะ” วิฬาร์ชม

ก่อนจะถึงบ้านแมวเหมียวก็บังเอิญพบกับคนที่ไม่ได้อยากเจอนัก ผู้ใหญ่ทั้งสองคนทักทายกันตามประสาคนคุ้นเคย ป้าเกดดูตกใจที่เห็นเขา และแปลกใจที่พบว่าเขากำลังอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แมวเหมียวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“สวัสดีครับป้าเกด”

“ไม่เจอกันนานเลยลูก สบายดีแล้วหรือยังครับ”

“ดีแล้วครับ” วิฬาร์ตอบ “น้องแก้วสวัสดีคุณย่าก่อนนะคะ” เขาบอกลูกสาว

เด็กน้อยทำตามอย่างไม่ได้อิดออด นัยน์ตาสีเขียวอ่อนจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย พอสบตากันก็เสหลบวูบเอาหน้าซุกบ่าป๊าพร้อมกับกอดคอแน่น

“เด็กคนนี้...ลูกใครเหรอจ๊ะ” เกดถาม รู้สึกคุ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะทั้งสีผมและดวงตานั้น ช่างเหมือนตาเก้าลูกชายเสียเหลือเกิน

“คือ..” เกวลินทำท่าจะตอบแต่ก็ถูกลูกชายขัดเอาไว้ก่อน

วิฬาร์ยิ้มบาง “ลูกของเหมียวเองครับ” เขาตอบน้ำเสียงหนักแน่น

“จริงเหรอจ๊ะ”

แมวเหมียวพยักหน้าย้ำอีกครั้ง

“เหมียวมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ป้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“อ่า...เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้วน่ะครับ” เหมียวหลีกเลี่ยงที่จะตอบเรื่องจริง ทำได้แค่ยิ้มแห้ง

เกดเองก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากพูดถึงเลยไม่ทู่ซี้ถามต่อ เธอไม่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้มานานมาก สายตามองสำรวจทั้งตัว แมวเหมียวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ รูปร่างภายนอกอาจไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ แต่เธอรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้เติบโตขึ้นมากจริง ๆ

“คนสวย..ไหนขอคุณย่าดูหน้าหน่อยสิคะ” เกดหันไปสนใจเด็กน้อยที่เกาะติดแมวเหมียวอยู่ “หนูชื่ออะไรเหรอคะ”

“...” เด็กน้อยไม่ตอบเอาแต่ซุกหน้าลงกับอกของป๊า

“น้อง..บอกคุณย่าหน่อยสิคะว่าหนูชื่ออะไรเอ่ย” เกวลินบอกกับหลานสาว

ใบหน้าเล็กค่อย ๆ หันกลับมามองคนแปลกหน้า เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังยิ้มให้ดูท่าทางใจดีเธอก็ยอมตอบ “แก้ว..เกล้า..ค่ะ”

“แก้วเกล้าหรือจ๊ะ”

“ครับ”

“ชื่อเพราะจังเลยค่ะ” เมื่อเธอชม เด็กน้อยก็ยิ้มหวานให้ ก่อนจะหลบซุกหน้าเข้ากับอกแมวเหมียวอย่างเขินอาย เกดรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก “ให้ย่าอุ้มหน่อยได้ไหมคะ”

แก้วเกล้ากอดคอแมวเหมียวแน่นขึ้นบ่งบอกว่าไม่ยอม เขาหัวเราะในลำคอ “เอาไว้คุ้นเคยกันก่อนดีกว่านะครับ”

คนสูงอายุพยักหน้ารับอย่างเสียดาย “ไว้ป้าจะไปเยี่ยมที่บ้านนะลูก”

“ครับ”

พวกเขาพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก็ต้องขอกลับบ้านก่อน เนื่องจากว่าน้องแก้วบ่นขึ้นมาว่าหิวข้าว ระหว่างแมวเหมียวคิดถึงท่าทางของป้าเกด อีกฝ่ายดูแปลกใจ แต่เขาคิดว่าคงไม่ได้เอะใจ ก็นะ..ใครจะไปคิดว่าผู้ชายก็ท้องได้



-----



การินมีหมายกำหนดการกลับบ้านช่วงปลายปีนี้ ซึ่งก็อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นเอง ในระหว่างที่เขากำลังเก็บของอยู่แม่ก็วิดีโอคอลมาหา

“ครับแม่”

“ทำอะไรอยู่เหรอลูก”

“กำลังเก็บของครับ” เขาตอบพลางหยิบจับของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงกระเป๋า เขาไม่ได้เอาอะไรกลับไปมากนัก เพราะลาได้แค่สองอาทิตย์เท่านั้น

“รีบจัง ตื่นเต้นเหรอครับ”

การินยิ้มน้อย ๆ “ก็ไม่ได้กลับตั้งนาน ป่านนี้อะไรก็คงเปลี่ยนไปหลายอย่างแล้วสิครับ” จากที่แพลนเอาไว้ว่าสามปีจะกลับ แต่กลายเป็นว่างานของเขามันกินเวลามากกว่านั้นอีกหลายเดือน

“ใช่จ้ะ ขนาดแมวเหมียวยังมีลูกแล้วเลย แม่ล่ะอิจฉาเกล..ทางโน้นเขามีหลานแล้วนะ แม่ยังไม่มีสักคนเลย”

เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วครู่ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินนั้นผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า “แม่ว่าอะไรนะครับ”

“อ้าว นี่ลูกไม่รู้เหรอ..ว่าแมวเหมียวมีลูกแล้วนะ”

การินส่ายหัว “ไม่ครับ”

“เด็กคนนี้น่ารักมากเลย แม่ชอบ”

“หน้าตาเป็นยังไงเหรอครับ” เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“หน้าเหมือนแมวเหมียว ผมสีน้ำตาลอ่อน แถมยังตาสีเขียวคล้าย ๆ ลูกเลยนะ แต่คงเลิกกับแม่เด็กนานแล้ว ดูท่าไม่ค่อยอยากพูดถึง”

การินกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ทำไม..เขาถึงได้รู้สึกว่าเด็กที่พูดถึงอยู่เป็นลูกของเขา แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน..ก็แมวเหมียวเป็นผู้ชายนี่นา

“ตาเก้า!”

“คะ ครับ”

“เหม่ออะไรน่ะเรา”

“ผม..กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้ออะไรไปฝากน้องดี น้องเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายเหรอครับ”

“ผู้หญิงจ๊ะ”

การินยิ้มมุมปาก เผลอคิดไปว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นที่หน้าเหมือนแมวเหมียวต้องน่ารักมากแน่ ๆ “แม่รู้ไหมว่ากี่ขวบแล้วครับ”

“เกือบสามขวบแล้ว”

สองคนแม่ลูกคุยกันต่ออีกหน่อย คนเป็นแม่ก็ขอวางสายไปนอน เพราะที่ไทยตอนนี้ก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว การินยิ้มโบกมือบ๊ายบายให้แม่ ก่อนที่หน้าจอนั้นจะดับมืดลง

รูปร่างสูงใหญ่เอนตัวลงนอนบนพื้นพรมอย่างหมดแรง ครุ่นคิดถึงเรื่องที่แม่เล่าให้ฟัง มันก็นานมากแล้วที่แมวเหมียวหายไปจากชีวิตเขา การินเองก็ไม่ได้ทู่ซี้อะไร เพราะคิดว่าน้องคงอยากจะตัดใจจากเขาจริง ๆ

การินเหม่อคิดไปถึงเรื่องเก่าที่ผ่านไปนานแล้ว ในตอนนั้นที่แมวเหมียวแอบทำอะไรในตอนที่ตนเมาไม่ได้สติ และไม่ได้มีการป้องกัน..มันจะเป็นไปได้ไหมนะที่ผู้ชายสามารถตั้งท้องได้..จะบอกว่าคิดอะไรบ้า ๆ ก็ได้ แต่มันก็อดคิดไม่ได้

เขานอนนับนิ้วดูแล้ว ถ้าแมวเหมียวจะมีลูกอายุประมาณนี้ได้ จะต้องทำใครท้องได้ก็ตอนที่เขาเดินทางมาที่นี่ใหม่ ๆ เลย แล้วมันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไงที่เด็กคนนั้นมีสีผมอ่อน และนัยน์ตาสีเดียวกับเขา

คนตัวโตเดินไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนสนิท

“ฮัลโหล โทรมามีอะไรวะ” ธีราเอ่ยถามน้ำเสียงงุนงง ปกติพวกเขาจะแค่ส่งข้อความหากันมากกว่าโทรแบบนี้

“กูมีเรื่องจะถาม”

“...เรื่อง?”

การินอัดนิโคตินเข้าปอด แล้วพ่นออกมาเป็นควันสีขาวลอยไปตามลม “แมวเหมียว..มีลูกแล้วเหรอ”

คนถูกถามเงียบไป “เออ มีแล้ว”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“เริ่มท้องหลังจากมึงไปทำงาน” ธีราบอก แต่หลีกเลี่ยงความจริงบางอย่างไป

เก้าครางรับในลำคอ “ส่งรูปให้ดูหน่อยสิ”

“มึงรอกลับมาดูเองกับตาจะดีกว่านะ”

“เด็กผู้หญิงใช่ไหม”

“เออ”

“อืม โอเค ไว้เจอกัน” การินบอก

“ไอ้เก้า” ธีราเรียกเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสาย “เลิกบุหรี่ได้แล้วนะมึง”



tbc…
ใกล้แล้วววว
ตื่นเต้ลลลล
 :hao7:

 

หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-12-2020 21:22:05
กลับมารับผิดชอบเลย
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-12-2020 01:38:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-12-2020 09:32:57
เฮ้ออออ ขอให้ปรับความเข้าใจกันได้นะ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 23-12-2020 17:11:39
มาแล้ว ๆๆ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: conunGB ที่ 23-12-2020 23:43:56
พ่อลูกจะได้เจอกันแล้วววว :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 16 หน้า 3 (22/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 24-12-2020 17:39:46
คุณพ่อจะกลับมาแล้ว คุณแม่จะว่ายังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 17 หน้า 3 (31/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 31-12-2020 19:07:48


ชื่อเราสองคนเหมือนกันเลยเนอะ




“แปะขา~” น้องแก้วเดินไปเกาะขาพร้อมกับเรียกเสียงหวาน

คนถูกเรียกก้มลงมองหน้าหลานสาวแล้วใจละลายรอบที่ล้าน ทำไมถึงน่ารักได้มากขนาดนี้นะ เด็กผู้หญิงมันน่ารักแบบนี้นี่เอง

“ว่าไงคะ”

“น้องอยากดูตูนค่ะ”

ธีราหันมองซ้ายมองขวา เขารู้ว่าแมวเหมียวไม่ค่อยให้ลูกดูการ์ตูนมากนัก เน้นหนักไปทางกิจกรรมพัฒนาร่างกายและสมองมากกว่า

“ดูได้นิดเดียวนะคะ” เขาแอบกระซิบ

น้องแก้วพยักหน้าหงึกหงัก “ค่า~”

“แปะอุตส่าห์กระซิบแล้วน้องจะเสียงดังทำไมล่ะคะ” ปัดโธ่!

แก้วเกล้าหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะโดนคุณแปะอุ้มขึ้นมาเป่าพุงดังปู้ด ๆ เธอไม่เข้าใจหรอกว่าอีกฝ่ายเสียงเบาทำไม รู้แต่ว่าดีใจที่จะได้ดูการ์ตูนที่ชอบ

ธีราเปิด baby looney tunes โดยเลือกเป็นภาษาอังกฤษให้หลานสาวดู เด็กน้อยนั่งมองนิ่ง บางครั้งก็พูดคำภาษาอังกฤษง่าย ๆ ที่ตัวเองพอรู้จักออกมาด้วย

ไม่นานนักแมวเหมียวก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พอเห็นว่าเขาแอบเปิดการ์ตูนให้หลานก็มองตาเขียว ดีที่ว่าอันนี้มันเป็นแค่คลิปสั้น ๆ ไม่กี่นาทีเท่านั้น น้องชายของเขาก็เลยทำได้แค่ส่ายหัวปลง

“เฮียก็ตามใจน้องแก้วเกินไป”

คนถูกว่าหัวเราะในลำคอ “แมวเหมียวก็อย่าตึงเกินไปนัก ผ่อนบ้าง..เดี๋ยวหน้าเหี่ยวนะ”

วิฬาร์มองค้อนประหลับประเหลือก “เหี่ยวอะไร เหมียวอายุแค่ 20 เอง”

“แต่มีลูกนำหน้าเฮียไปแล้วนะ”

“เฮียไม่ยอมหาเองมากกว่า อายุปาเข้าไป 38 ละ..ไม่คิดจะมีลูกของตัวเองบ้างหรือไง”

ธีราส่ายหน้า “แค่เลี้ยงน้องแก้วก็พอแล้ว..ยกให้เป็นที่หนึ่งในดวงใจเลย”

“ปากหวานเป็นด้วยเหรอเนี่ย” แมวเหมียวแสร้งทำเป็นตกใจ

“จะหาว่าปกติเฮียปากหมาหรือไง”

“เหมียวเปล่าน้า~~ โอ๊ย ฮ่า ๆๆ” เหมียวร้องออกมาเพราะโดนคว้าคอด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเขย่าไปมา เจ้าตัวหัวเราะขำที่แหย่เฮียได้

“แปะทำอะไรป๊า” แก้วเกล้ายืนจ้องตาแป๋ว

“แปะเล่นกับป๊าค่ะ”

น้องแก้วยิ้มตาหยี ก่อนจะพยายามปีนขาแปะ “เล่นด้วยค่า~”

ธีราช้อนตัวหลานขึ้นมานั่งตัก หอมแก้มนุ่มนิ่มไปมาจนหลานหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะถูกตอหนวดทิ่มแก้ม “พอแล้ว ๆ”

“อ้าว ไม่เล่นด้วยแล้วเหรอคะ”

“น้องเจ็บ” แก้วเกล้าบอกพร้อมกับปีนไปนั่งตักป๊า ซบหน้าลงกับอกแบนราบอย่างออดอ้อน

วิฬาร์มองนาฬิกา เห็นว่าใกล้จะได้เวลามื้อเย็นแล้ว

“น้องแก้วหิวไหมคะ”

“ม่าย~ ค่า~”

“แต่ถึงเวลาต้องกินแล้วนะคะ”

เด็กน้อยทำปากจู๋ ไม่รู้ว่าจะเถียงยังไงดีก็เลยปิดปากเงียบ แมวเหมียวที่เห็นแบบนี้ก็เริ่มปวดหัวกับความเลือกกินของลูก น้องแก้วไม่ค่อยชอบกินข้าว แต่จะชอบผลไม้มาก ๆ

“วันนี้ป๊ามีสตรอว์เบอร์รี่ให้น้องแก้วกินด้วยนะคะ อยากกินไหมคะ”

“อยากกินค่า”

“แต่น้องต้องกินข้าวก่อนนะ โอเค๊”

เด็กหญิงหยุดคิดสักแป๊บ ความอยากกินของโปรดมีมากกว่า ใบหน้าเล็กจึงพยักหน้าด้วยดวงตาแป๋วแหวว “ป๊าขา~ น้องหิว..”
อาแปะพ่นหัวเราะออกมาส่วนอาป๊ายิ้มเอ็นดูลูกสาว

“งั้นเราไปกินข้าวด้วยกันนะคะ” เขาปล่อยลูกลงพื้นเดินจูงมือออกไปไปห้องกินข้าวด้วยกัน

ธีรายังคงมีรอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า บางครั้งแมวเหมียวก็พูดว่าน้องแก้วไปเอานิสัยฉอเลาะช่างพูดมาจากไหนกัน หารู้ไม่ว่าลูกสาวน่ะเหมือนตัวเองสมัยเด็กอย่างกับอะไรดี แต่จะมีความออดอ้อนมากกว่าด้วยความที่เป็นเด็กผู้หญิง

วันพรุ่งนี้แล้วที่เพื่อนของเขามันเดินทางกลับมา ไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องน้องแก้วมากแค่ไหนก็เลยไม่ได้บอกอะไรมาก เอาไว้ให้มันมาเห็นและคิดเอาเองจะดีกว่า ถ้าไอ้เก้ามันคิดว่าน้องแก้วเป็นลูกแล้วอยากทำหน้าที่พ่อ แมวเหมียวเองก็ไม่ได้คิดกีดกันอะไรทั้งนั้น



-----



การินเดินทางมาถึงไทยในช่วงบ่ายแก่ พ่อกับแม่มารับด้วยใบหน้าท่าทางดีใจแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ภาพที่แม่กอดเขาแล้วร้องไห้มันสะเทือนใจจนเขาคิดว่าตัวเองคิดผิดที่ทิ้งครอบครัวไปไกลขนาดนี้

ถึงแม้จะเดินทางไปเยี่ยมได้ แต่พ่อของเขาอายุมากแล้ว เดินทางไกลมันลำบาก

“ขอโทษนะครับ” การินสวมกอดพ่อพร้อมกับบอกท่านด้วยความรู้สึกผิด

“It’s ok” พ่อบอก ตบบ่าเขาอย่างที่เคยทำประจำ ทั้งที่เขาจากบ้านไปแค่ 3 ปีกว่า การินมองพ่อที่ดูแก่ขึ้นมาก กระบอกตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาพร้อมกับพูดขอโทษอีกครั้ง

“กลับบ้านกัน” เกดบอกลูกชายคนเดียว “อยากกินอะไรไหม” เธอถามในขณะที่เดินไปด้วยกัน

“ข้าวผัดกุ้งครับ” การินตอบ มันเป็นอาหารง่าย ๆ ที่เป็นของโปรดเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ไปหากินที่ไหนก็ไม่เหมือนฝีมือแม่

“แค่นั้นเหรอ”

“ครับ แค่นั้นก็พอแล้ว” ลูกชายยิ้มจาง เขาเพลียจากการเดินทางไกลเลยไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่นัก

อีกใจก็เป็นกังวลกับเรื่องที่จะได้เจอแมวเหมียว...ในรอบสามปีที่เราห่างหายกันไป

ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางไปรับตำแหน่งงานไกล การินคิดว่าระหว่างเราจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป...เราจะเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม
โดยลืมคิดไป..ว่านั่นมันความต้องการของเขาแค่คนเดียว คนมีความผิดเป็นชนักปักหลังอย่างน้องก็ทำได้แค่เก็บกลืนความเจ็บปวดลงไป และก้มหน้ายอมรับสถานะนั้นที่เขามอบให้

ถ้าเขายอมรับความจริงสักนิด ก็จะเห็นว่าแมวเหมียวฝืนและพยายามมากขนาดไหน..เพื่อทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องตามที่เขาต้องการ

ความจริงก็คือมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป...แม้กระทั่งความรู้สึกของเขาเอง

จากสนามบินไปจนถึงบ้านใช้เวลาไม่มากนัก แม่ขับรถผ่านหน้าบ้านของเด็กที่อยู่ในห้วงความคิดของเขามาตลอดระยะหลายปีมานี้ การินมองตามจนลับสายตา

ตั้งใจว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์มาหาหลังจากที่นอนหลับพักผ่อนแล้ว เขาไม่อยากพบกันในตอนที่สติไม่ครบถ้วนแบบนี้

การินกลับถึงบ้านก็ขอตัวไปนอนหลับพักผ่อนทันที เขาก้าวเข้าไปในห้องที่ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปภาพที่ถูกติดไว้บนผนัง เขามองไล่ตั้งแต่ภาพครอบครัวที่เริ่มต้นตั้งแต่เขายังแบเบาะ แต่ที่ตรึงสายตาเขาเอาไว้..เป็นรูปที่เขาอุ้มแมวเหมียวในวัยสามขวบที่กำลังหลับเอาไว้แนบอก

มันถูกถ่ายโดยน้ำ และมันก็เอามาให้แม่ของเขาเพื่อเป็นหลักฐานว่าเขาช่วยเลี้ยงน้องจริง ๆ แม่ชอบใจมากเสียจนเอาใส่กรอบและมันถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่เดิมไม่เคยย้ายไปไหน

เขานอนแผ่หลาบนเตียง คิดหาคำพูดแรกที่จะทักทายแมวเหมียว แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย เปลือกตาหนักปิดลงพร้อมกับใบหน้าของน้องที่ยังฉายชัดในความรู้สึก



-----



ชายหนุ่มลูกครึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าบ้านขนาดกลางคุ้นตาในเวลาสี่โมงเย็น เขายืนทำใจอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปกดกริ่งสักที มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น การินรีบหาที่หลบทันที ก่อนจะมาคิดทีหลังว่าเขาจะหลบแบบนี้ทำไม

“ป๊า~ วันนี้น้องอยากกินน้ำแข็งไสค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวขากลับเราแวะกินกันที่ร้านของลุงชมพูนะคะ”

“ค่า~”

เสียงเล็กที่เคล้าคลอไปกับเสียงนุ่มหูดังขึ้นก่อนที่เก้าจะเห็นเจ้าของเสียงนั้น เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

เด็กหญิงตัวน้อยออกมาจากรั้วตามหลังแมวเหมียวเหลือบตาเห็นเขาที่นั่งแอบอยู่หลังพุ่มไม้หน้าบ้าน นัยน์ตาสีเขียวจ้องสบตาเข้ากับการิน..เขารู้ได้ในทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาอย่างแน่นอน

ในขณะที่การินอยู่ในภวังค์ แก้วเกล้าดึงขากางเกงของป๊ายิก ๆ

“คะ?”

“คนนั้นใครคะ” นิ้วเล็กชี้ไปที่คนแปลกหน้า การินผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อม ๆ กันที่แมวเหมียวหันหลังกลับไปก็ได้พบกับคนที่เขาหลีกเลี่ยงมาตลอด

เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วครู่ การินมองสำรวจเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แมวเหมียวสูงขึ้น โครงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นทำให้ดูเป็นหนุ่มมากขึ้น เสียงที่ได้ยินก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย ส่วนแมวเหมียวที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับพี่เก้าแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีสีหน้าตะลึงงัน

แก้วเกล้ามองผู้ใหญ่สองคนที่จ้องกันและกันเงียบ ๆ เด็กน้อยมองคนนั้นทีคนนี้ทีก่อนจะเขย่าขากางเกงป๊าอีกครั้ง

แมวเหมียวสะดุ้งเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงยิ้มให้ลูกสาว ก้มลงอุ้มขึ้นมาไว้ในวงแขน เขาหันไปส่งยิ้มให้พี่เก้า

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”

“เมื่อเช้าน่ะ”

“...พี่สบายดีไหม”

การินพยักหน้าช้า ๆ “แมวเหมียวล่ะ..สบายดีไหม”

“ครับ ดีมากเลย” เขาตอบก่อนจะพูดกับลูกสาวที่ยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา “น้องแก้วสวัสดีค่ะหน่อยเร็ว”

มือป้อมยกขึ้นไหว้ “สวัสดีค่า~”

การินเผลอยิ้มออกมากับความน่ารักของเด็กน้อย “สวัสดีครับ”

เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง การเผชิญหน้ากันในรอบเกือบสี่ปีดูแปลกประหลาดไปหมด เพราะเขาทั้งคู่ดูราวกับไม่ใช่คนที่เคยสนิทสนมกันอีกต่อไป



-----



การินเดินตามแมวเหมียวที่เดินจูงมือลูกไปสวนสาธารณะแถวบ้านเงียบ ๆ เขามองทั้งสองคนเล่นทรายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม สักพักก็มีเด็กผู้ชายเข้ามาร่วมวงเล่นกับเด็กหญิงตัวเล็ก น้องหันกลับมามองเขา..สบตากันนิ่ง

“ป๊าไปนั่งเก้าอี้ตรงนั้นนะคะ เล่นกันดี ๆ นะครับ” วิฬาร์บอกกับลูกสาวในประโยคแรกพร้อมกับชี้ไปตรงที่พี่เก้านั่งอยู่ไม่ไกล และหันกลับไปบอกเด็กชาย เสียงใสประสานตอบกันอย่าพร้อมเพรียง แมวเหมียวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พี่เก้า

“ชื่ออะไรน่ะ” เขาเอ่ยถามสายตามองตรงไปที่เด็กน้อย

“แก้วเกล้าครับ”

ใจคนฟังกระตุกขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะชื่อของเด็กคนนี้ การินกลืนน้ำลายก่อนถามตรง ๆ

“ลูกของพี่ใช่ไหม”

แมวเหมียวเงียบ รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในสักวัน เขาจึงตอบออกไปอย่างไม่ลังเล

“ใช่ครับ”

“ทำไมถึง...ไม่บอกพี่ล่ะ” การินถามเสียงพร่า

แมวเหมียวที่กำลังมองตรงไปที่เด็กเล็กทั้งสองคนไม่วางตา กลัวว่าถ้าคลาดสายตาไปแล้วอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ เจ้าตัวยังคงยิ้มบาง เบนสายตากลับมามองคนอายุมากกว่าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นิดเดียวก็หันหน้ากลับไปตามเดิม

“ไม่มีความจำเป็นนี่ครับ น้องแก้วเกิดขึ้นมาก็เพราะความเอาแต่ใจของเหมียวทั้งนั้น”

“แต่…”

“พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ” วิฬาร์พูดต่อโดยไม่รอฟังพี่เก้าสักนิด “เหมียวไม่ได้เดือดร้อนหรือลำบากอะไรเลยครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

“พี่น่ะ” แมวเหมียวเว้นวรรคหันไปส่งยิ้มให้ “ควรจะสร้างครอบครัวกับคนที่พี่รักมากกว่านะครับ ส่วนน้องแก้ว..พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
ยามที่เอ่ยออกไป..หัวใจของแมวเหมียวก็ปวดหนึบขึ้นมา แต่เขาก็ปกปิดมันเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มอันสดใสที่คิดว่าตัวเองปั้นแต่งมันออกมาได้เป็นธรรมชาติที่สุด

“แต่พี่-”

“ป๊าขา~”

“ว่าไงคะ”

ก่อนที่การินจะได้พูดอะไรออกไป ลูกสาวตัวน้อยก็ส่งเสียงเรียกป๊าพร้อมกับกวักมือเรียก แมวเหมียวหันมายิ้มให้ก่อนจะขอตัวออกไป ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความทุกข์ที่ยังหาทางออกไม่เจอ



-----



วิฬาร์พาลูกสาวไปกินน้ำแข็งไสตามที่ได้รับปากเอาไว้ โดยมีการินพ่วงมาด้วยอีกหนึ่งคน ลุงเจ้าของร้านเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาด้วยก็ออกปากถาม

“พี่ชายเหรอ”

เหมียวพยักหน้ายิ้ม ๆ “ครับ”

“นึกว่าเป็นพ่อตัวจริงของยัยหนูซะอีก สีตาเหมือนกันเลย”

แมวเหมียวไม่ได้ว่าอะไร เสียงทุ้มหวานทำเพียงแค่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันไปถามน้องแก้วว่าอยากกินอะไรบ้าง

“สีแดง ๆ กับหนมปังค่ะ”

“ก็เหมือนเดิมไม่ใช่เรอะ” ลุงชมพูว่าหัวเราะเสียงดัง เขาปลีกตัวไปทำของโปรดของลูกค้าประจำที่มักจะแวะมาทุกอาทิตย์

“พี่เก้าล่ะ กินไหม” แมวเหมียวถามเมื่อนั่งลงที่โต๊ะประจำของเขาสองคนกับลูก พี่เก้านั่งอีกมุมหนึ่งของโต๊ะที่ติดกับเด็กหญิง

“อ่า..ครับ”

“เหมือนเดิมนะ”

“จำได้ด้วยเหรอ”

คนอายุน้อยกว่าชะงัก เหลือบมองพี่เก้านิดหน่อย “ก็..ครับ” เขาตอบก่อนจะรีบเดินไปสั่งเพิ่มให้กับคนตัวโต ไม่อยากให้ถูกจับได้..ว่าความรู้สึกของเขานั้นยังเหมือนเดิม

การินยิ้มออกมาเป็นครั้งที่สองของวัน สายตาของเขามองตามร่างบอบบางอยู่แบบนั้น จนรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองจ้องอยู่ และเมื่อเขาเลื่อนมาสบตาเข้า น้องแก้วก็ฉีกยิ้มให้

“ชื่ออะไรเหรอคะ” เด็กน้อยถาม จำได้ว่าคนตรงหน้ายังไม่ได้แนะนำตัวกับเธอเลย

“ชื่อเก้าครับ”

“หนูก็ชื่อแก้วเกล้าค่ะ”

 “ชื่อเราสองคนคล้ายกันเลยเนอะ”

แมวเหมียวเดินกลับมาก็เห็นพ่อกับลูกคุยกันจุ้งจิ้ง จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแนะนำพี่เก้าให้น้องแก้วเรียกว่าอย่างไรดี

“ป๊า~”

“คะ?”

“คนนี้เขาก็ชื่อเก้า หนูก็ชื่อแก้วเกล้า ชื่อเราคล้ายกันเลย”

วิฬาร์หันไปสบตากับพี่เก้าก่อนจะคลี่ยิ้ม “พี่อยากให้น้องแก้วเรียกพี่ว่าอะไรดีครับ” เขาให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือกดีกว่า

การินเลียริมฝีปากแห้งผากของเขา ไม่มีความลังเลอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลัวมากกว่า…แมวเหมียวยังคงจ้องเขาด้วยดวงตากลมโตสดใส รอคอยคำตอบจากเขา

“เรียก..พ่อได้ไหม”

คนอายุน้อยกว่าพยักหน้า “ได้สิครับ”




tbc…
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าคนอ่านทุกคนเลยนะคะ
สำหรับปีนี้ก็ขอบคุณมาก ๆ ที่สนับสนุนคนเขียนตัวน้อย ๆ อย่างดิฉัน
ส่วนปีหน้านั้นก็ขอฝากทุกคนช่วยติดตามผลงานต่อไปด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 17 หน้า 3 (31/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-01-2021 14:19:12
 :pig4:
 :3123:
สวัสดีปีใหม่2564ค่ะ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 17 หน้า 3 (31/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-01-2021 15:58:08
ขอให้ปรับความเข้าใจกันได้เร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 17 หน้า 3 (31/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 01-01-2021 21:18:09
เรียกพ่อแล้ววววว :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 17 หน้า 3 (31/12/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-01-2021 22:11:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 17-01-2021 13:14:20


ผมรักเขา




แก้วเกล้ายังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าพ่อมากนัก เพราะเกิดมาก็มีแต่อากง อาม่า อาแปะ และป๊า นอกนั้นก็มีเจ็กกล้า เจ็กข้าว แล้วก็เจ็กรุต ดังนั้นในตอนที่แมวเหมียวบอกให้เธอเรียกคนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกว่าพ่อ..จึงไม่ได้มีความรู้สึกใด และเรียกออกไปราวกับว่านั่นเป็นชื่อคน

“พ่อขา ๆ” น้องแก้วเรียกผู้ชายตัวโตที่นั่งด้านข้าง

“คะ?” การินตอบรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเมื่อถูกเรียกว่าพ่อ แม้ในใจจะยังคงมีความกระอักกระอ่วนอยู่..แต่มันก็ช่างอบอุ่นอ่อนหวานจนหัวใจพองโตคับอกเสียเหลือเกิน

“น้องอยากกินอันนั้นจังเลยค่ะ” นิ้วเล็กชี้อะไรสักอย่างที่เป็นเส้นสีเหลือง ๆ ในชามของอีกฝ่าย

“ขนุนเหรอคะ” การินตักขึ้นมาให้ลูกดู เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ สายตามองอย่างมีความหวัง เขาหันไปหาแมวเหมียว “ลูกกินได้ไหม”

วิฬาร์ส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ”

การินเห็นลูกหน้าสลดลงก็สงสาร เขาทำได้เพียงแค่ลูบหัวน้องแก้วเป็นการปลอบใจ เท่าที่เขาสังเกตแมวเหมียวเลี้ยงลูกได้ดีจริง ๆ เพราะถ้าเป็นเด็กทั่วไปถ้าโดนขัดใจก็มักจะออกอาการงอแงกันแทบทุกราย แต่น้องแก้วกลับไม่มีให้เห็นเลย มีแค่สลดลงนิดหน่อย พอผ่านไปไม่น่าก็กลับมาร่าเริงตามปกติ

“แล้วแมวเหมียวเรียนที่ไหนเหรอ” เขาเอ่ยถาม ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน น้องบอกว่าขอโฟกัสกับการเรียนก่อน หลังจากนั้นน้องก็หายไปไม่ได้ติดต่อกันอีก

วิฬาร์กลืนน้ำแข็งไสที่แบ่งกันกินกับลูกลงท้อง “ไม่ได้เรียนครับ แค่เลี้ยงลูกอย่างเดียวก็ไม่มีเวลาไปทำอะไรแล้ว”

คนถูกถามตอบกลับพร้อมรอยยิ้มจางราวกับไม่ใส่ใจนัก วิฬาร์ยอมรับว่าในตอนแรกที่ได้เห็นเพื่อนต่างแยกย้ายกันไปเรียน โดยที่เขาต้องเลี้ยงลูกมันก็ทำให้รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง แต่น้องแก้วคือเด็กที่เขาจะต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู เพราะเธอเกิดจากการกระทำที่คิดน้อยของตัวเขาเอง ไม่ใช่ผลักให้แม่ที่อายุมากแล้วทำแทน

คิดได้แบบนั้นแมวเหมียวก็ปรับความคิดตัวเองใหม่ โชคดีที่ครอบครัวของเขานั้นมีมากพอที่ให้เขาเลี้ยงดูลูกได้อย่างสบาย หน้าที่ของเขาในตอนนี้ไม่ใช่การเรียนอย่างคนอื่น แต่เป็นการเลี้ยงดูและสอนสั่งให้ลูกโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีคุณภาพต่างหาก

“เลี้ยงลูกก็ไม่ได้แย่นะครับ สนุกดีเหมือนกัน ได้เห็นพัฒนาการที่ดีของน้องแก้วในทุก ๆ วัน เหมียวมีความสุขมากเลยแหละ”

การินได้ยินแบบนั้นก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้น้องต้องเสียอนาคตของตัวเอง เขาพ่นลมหายใจออกทางปากด้วยความอึดอัดก่อนจะบอกเสียงเบา

“...พี่ขอโทษ”

วิฬาร์โบกมือ “เห้ย! ไม่ ๆๆ พี่ไม่ผิดสักหน่อย”

“แต่ว่า-”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรต่อหน้าลูกเลยครับ มีเรื่องอะไรเอาไว้เราค่อยคุยกันนะ”

การินพยักหน้ารับเงียบ ๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งกินน้ำแข็งไสท่ามกลางเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงแก้วเกล้าต่อไป



ขากลับวิฬาร์อุ้มลูกเดินกลับเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำ เหมียวมักจะพาลูกไปเล่นทรายที่สวนสาธารณะอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง จนคนแถวบ้านที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานานต่างรู้กันหมดแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเขา

การินเป็นฝ่ายเดินตามหลัง เขากวาดสายตามองแมวเหมียว น้องดูสูงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ช่วงไหล่ก็กว้างขึ้น ที่เหมือนเดิมก็คงเป็นความผอม ตอนยังเด็กที่ร่างกายไม่ได้เจริญเติบโตมากเท่าเวลานี้..เขาก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่พอร่างกายของน้องมันยืดขยายแล้วน้ำหนักมันน้อยกว่าที่ควร..มันก็ทำให้กระดูกหลายส่วนปูดจนสามารถเห็นผ่านเสื้อผ้าได้

“พี่ช่วยอุ้มไหมครับ” เก้าเสนอตัว เด็กสามขวบถึงจะตัวไม่ใหญ่มากแต่น้ำหนักก็คงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ดูได้จากท่าทางการเดินของแมวเหมียว

วิฬาร์หยุดเดินแล้วหันไปหาพี่ มีท่าทีลังเลนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะหวงลูก แต่น้องแก้วยังอยู่ในช่วงวัยที่หวงตัว ถ้าไม่คนสนิทสนมก็จะไม่ยอมให้จับหรืออุ้มเลย แมวเหมียวกลัวว่าถ้าลูกแสดงอาการแบบนั้นออกไป พี่เก้าคงใจแป้วแย่เลย

 “ให้พ่ออุ้มหน่อยได้ไหมคะ” เขาถามลูกสาว

การินยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรอ น้องแก้วมองหน้าเขาก่อนจะกางแขนโน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อให้อุ้ม ใบหน้าเล็ก ๆ ซบลงกับแผ่นอกอย่างน่ารัก ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อเต้นแรงขึ้นมา

วินาทีที่ได้อุ้มลูกครั้งแรกนั้น มันไม่เหมือนกันตอนที่ได้อุ้มแมวเหมียวครั้งแรกเลย เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ถึงแม้จะเกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกรักน้องแก้วอย่างไม่มีข้อแม้สักนิด

แมวเหมียวมองพี่เก้าที่ทำหน้าตาไม่ถูกก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสดงถึงความดีใจ เขายิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังอย่างกว้างแผ่วเบา อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา

“กลับบ้านกันนะครับ น้องแก้วจะต้องอาบน้ำก่อนกินมื้อเย็นครับ”

“ลูกตัวหนักเหมือนกันนะ”

คนฟังหัวเราะก่อนจะออกปากแซว “หนักตรงไหนกัน พี่แก่แล้วน่ะสิ..เรี่ยวแรงเลยไม่เหมือนเดิม”

“ถึงจะแก่แต่ก็ยังเตะปี๊บดังอยู่นะ”

แมวเหมียวหน้าแดงวาบ ก่อนจะหลบหน้าแล้วเดินหนีพี่

“ป๊า~~”

ก้าวขาได้แค่สองครั้งก็เป็นอันต้องหันกลับมาเพราะโดนลูกสาวเรียก

“ป๊าจะไปไหน”

“ไม่ได้ไปไหนค่ะ”

สุดท้ายเขาก็ต้องเดินเคียงข้างไปกับผู้ชายที่เขาเคยรักมาก..ถึงเวลานี้ก็ยังคงรัก..แต่เขาก็จะไม่หวนกลับไปอยู่ในความรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว



-----



การินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก เขากำลังก้หน้าต่อเลโก้กับลูกสาว ขณะที่แมวเหมียวกำลังไปเตรียมมื้อเย็นให้น้องแก้วกับแม่ ส่วนคนอื่น ๆ ในบ้านวันนี้ยังไม่กลับจากที่ทำงาน

เขาแปลกใจมากที่คุณแม่ไม่มีท่าทีโกรธเคืองเขาเลย แถมยังฝากให้เล่นเป็นเพื่อนกับลูกอีกต่างหาก

“พ่อขา~”

“ว่าไงคะ”

“หนูปวดฉี่”

การินทำตัวไม่ถูกเนื่องจากไม่เคยดูแลเด็กผู้หญิงมาก่อน เขาจูงมือลูกสาว แต่เนื่องจากตัวสูงเกินไปเลยต้องเดินก้มหลังตามไป

“แมวเหมียว” เขาเรียกน้อง

“ครับ?” วิฬาร์มองสองพ่อลูกด้วยสายตาสงสัย

“ลูกปวดฉี่” การินบอกพร้อมกับที่น้องแก้วเริ่มยืนบิดไปบิดมา แมวเหมียวรีบวางมือก่อนจะพุ่งตัวไปอุ้มลูกพาไปห้องน้ำเพราะกลัวว่าลูกจะฉี่ราดเสียก่อน

เกวลินส่ายหน้ายิ้มเมื่อเห็นความวุ่นวายของทั้งสามคน เธอรู้จากน้ำล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะกลับบ้าน น้ำบอกกับเธอว่าตาเก้ารู้แล้วว่าแมวเหมียวมีลูกแล้ว..เพียงแค่ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกของตัวเอง

..แต่ดูท่าตอนนี้คงรู้แล้วสินะ..

หลานสาวของเธอก็อีกคน ปกติเด็กวัยนี้ไม่ใช่ว่าจะสนิทกับคนแปลกหน้าได้ง่ายและติดแม่มาก ๆ แต่นี่แมวเหมียวสามารถปล่อยให้อยู่กับเก้าได้โดยไม่มีร้องตาม นี่คงเป็นความมหัศจรรย์ของสายเลือดล่ะมั้ง

“แมวเหมียวเก่งจังเลยนะครับ” คนพ่อเอ่ยชมน้องกับคุณแม่ เขาปล่อยให้เหมียวเป็นฝ่ายจัดการลูกดีกว่า กับเด็กผู้หญิงเขายังรู้สึกเคอะเขินที่จะต้องทำอะไรแบบนั้นอยู่

“แม่ก็ว่าแบบนั้น” เกวลินพูดในขณะที่กำลังหั่นผักไปด้วย “ตอนที่แมวเหมียวท้อง แม่ยังคิดอยู่เลยว่าเด็กคนนี้จะสามารถเลี้ยงลูกเองได้ไหมนะ แต่ดูตอนนี้สิ...แม่แทบไม่ต้องช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ”

“...น้องเลี้ยงเองคนเดียวเลยเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ จะหาพี่เลี้ยงมาช่วยก็ไม่เอา”

การินปวดหนึบขึ้นมาในอก “ผม...”

เขาพูดไม่ออก ถ้าเขายอมรับหัวใจของตัวเองแต่แรก ไม่ไปคิดถึงเรื่องไม่เหมาะไม่ควร ทุกอย่างก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ แมวเหมียวก็คงได้ใช้ชีวิตตามวัยของตัวเอง ได้ไปเรียนหนังสือพร้อมเพื่อน ๆ ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงเด็กแบบนี้ แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น...ก็คงไม่มีน้องแก้วเกิดขึ้นมา

หลากความคิดหลายความรู้สึกตีรวนอยู่ในสมองและหัวใจจนหาทางออกไม่ได้...ทั้งขมและหวานอบอวลอยู่ในอกจนแยกไม่ออก

“คืนนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะจ๊ะ” เกวลินเอ่ยชวน “เก้าเองก็คงมีเรื่องที่อยากจะพูดเหมือนกันใช่ไหม”

นัยน์ตาสีเขียวมองคุณแม่ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม การินพยักหน้ารับ

“พี่เก้า” แมวเหมียวเรียกก่อนจะบอกเมื่ออีกฝ่ายหันมา “ฝากดูลูกก่อนนะครับ เหมียวใกล้จะทำข้าวลูกเสร็จแล้ว”

คนตัวสูงพยักหน้าอีกครั้ง น้องแก้วค่อย ๆ เดินเข้ามาดึงขากางเกงพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ไปเล่นกันค่า”

การินนั่งเล่นกับลูกอีกประมาณสิบนาที แมวเหมียวก็มาพาน้องแก้วไปนั่งบนเก้าอี้กินข้าวของเด็ก

“ทำอะไรให้ลูกกินน่ะ” เขาเดินตามไปด้วย

“ผัดมักกะโรนีกุ้งครับ”

“ทำเองเลยเหรอ”

วิฬาร์เดินไปหยิบชามข้าวลูก เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “ใช่สิครับ พี่พูดเหมือนไม่เชื่อเลย”

“ก็เมื่อก่อนแมวเหมียวทำได้แค่อุ่นไมโครเวฟเองนี่นา” การินพูด นั่งลงมองลูกที่ตักกินเองจนแก้มเลอะไปหมด

“นั่นมันเมื่อก่อนครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว”

คนอายุมากกว่าชะงักไป “อ่า...นั่นสิเนอะ” ไม่แน่ใจว่าแมวเหมียวตั้งใจจะสื่อถึงอะไรหรือเปล่า แต่มันก็คือความจริง

..ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว..



-----



จักรชัยกับธีรากลับมาถึงบ้านก็พบกับคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามานาน ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เป็นพ่อของหลานสาวสุดที่รัก

“มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” น้ำทักทายเพื่อนเสียงเบาลงเมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองนอนหลับคาอกของอีกฝ่าย

“เมื่อเช้า สวัสดีครับพ่อ” การินตอบเพื่อนก่อนจะหันไปยกมือไหว้คนสูงอายุที่ก็ยิ้มรับไหว้เขาดี

“กินข้าวหรือยัง” จักรชัยเอ่ยถามเสียงทุ้ม

“น้องแก้วกินแล้วครับ ตอนนี้แมวเหมียวกำลังช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่ในครัว” เก้าตอบ

“พ่อหมายถึงเก้าน่ะกินหรือยัง”

การินยิ้มแห้ง “ยังครับ”

“เย็นนี้อยู่กินด้วยกันนะ”

คนถูกชวนถึงสองครั้งยิ้มจาง เขาพยักหน้ารับ เก้าส่งข้อความบอกแม่ว่าจะอยู่กินข้าวบ้านนี้ก่อนแล้วถึงจะกลับ แม่ตอบกลับมาว่าดีที่ยังไม่ได้ทำกับข้าวเผื่อแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร

การินวางโทรศัพท์ลงก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมนิ่มที่กระจายอยู่บนแผ่นหลังเล็กอย่างแผ่วเบา ก้มลงหอมศีรษะด้วยความรัก เขาเคยมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้งตอนที่แมวเหมียวเกิด

และครั้งที่สองนี้ก็เป็นลูกของเขา...กับแมวเหมียว

มันจะผิดไหมนะ..ที่แอบคิดว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นช่วยเติมเต็มหัวใจของเขาที่เหี่ยวเฉามานานหลายปี จนลึก ๆ แล้วเขาไม่เสียใจเลยที่มีลูกเกิดขึ้นมา

“เป็นไง” ธีราถามเสียงเบาหลังจากที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างมือเรียบร้อย

การินเงยหน้าขึ้นก่อนจะก้มลงมองสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ บนอก “กู...ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีลูก”

“กูก็ไม่เคยคิดว่าน้องกูจะท้องได้”

การินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนั้นควรจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมากกว่า เขาพยักหน้าช้า ๆ “นั่นสินะ แมวเหมียวตอนท้องคงลำบากแย่เลยใช่ไหม”

“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก กินได้นอนหลับ ไม่มีอาการแพ้ท้องสักนิด”

“ไม่มีเลยเหรอ”

“เออ หรือว่ามึงมี” ธีราย้อน ให้เดาว่ามันมีแน่นอน

“กูไม่แน่ใจ แต่ตอนไปช่วงแรก..กูเวียนหัวอ้วกเบื่ออาหารอยู่พักหนึ่งเลยว่ะ”

คนฟังหลุดขำ “มึงนี่นะ…”

“อะไร” การินขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

ยังไม่ทันที่ธีราได้ตอบกลับก็ถูกแมวเหมียวเรียกให้ไปกินข้าวเสียก่อน โดยที่ตัวเองจะเป็นคนดูแลน้องแก้วต่อเอง

“แล้วแมวเหมียวล่ะ”

“เหมียวกินแล้วครับ” วิฬาร์ตอบยิ้ม ๆ

“มึงหยุดทำตาละห้อยได้แล้ว รีบมาเร็ว” ธีราว่าเพื่อนที่มัวแต่ชักช้าลีลากว่าจะส่งลูกให้กับแมวเหมียวได้ แถมยังมองน้องเขาแบบนั้นอีก น้ำไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่มันก็รักแมวเหมียวขนาดนี้

ทำไมถึงไม่ตอบรับความรักของแมวเหมียว

ทำไมมันถึงไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง



-----



“วันนี้แม่ไม่รู้ว่าเก้าจะมา เลยไม่ได้เตรียมของชอบให้เลย” เกวลินพูดอย่างเสียดาย

“ไม่เป็นไรครับ” เก้าบอก ตอนนี้เขาไม่ค่อยมีความอยากอาหารสักเท่าไหร่อยู่แล้ว น่าจะเกิดจากความเครียดหลาย ๆ อย่าง

“แล้วนี่กลับมาอยู่กี่วันล่ะ” จักรชัยเอ่ยถาม

“ผมลาได้สองอาทิตย์ครับ” การินตอบ “แต่เดี๋ยวปิดจ๊อบนี้ ผมก็ตั้งใจว่าจะลาออกอยู่แล้ว”

“ดี ๆ” คนพ่อพยักหน้า “จะได้มาอยู่กับลูก”

การินหลุบตามองจานข้าวตรงหน้าเงียบ ๆ แบบนี้มันไม่แปลกไปเหรอ ทุกคนควรจะต้องต่อว่าเขา ไม่ใช่ทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

“เฮ้ย เงียบไมวะ”

“ผมต้องขอโทษป๊ากับแม่ด้วยนะครับ”

“เก้าครับ” เป็นแม่ที่เรียกเก้าให้เงยหน้าขึ้นมา “เรื่องนี้ไม่มีใครผิดแล้วก็ไม่มีใครถูกทั้งนั้นนะลูก”

“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผม-”

“มึงทำดีที่สุดแล้ว น้องกูมันเป็นไอ้ตัวแสบ..ที่ทำลงไปมึงก็ไม่ได้เต็มใจไม่ใช่หรือไงล่ะ”

“แต่ถ้ากูไม่หละหลวม-”

“โว้ย! เลิกพูดเรื่องใครผิดใครถูกได้แล้ว” ธีราโวยวาย

“ใจเย็น ๆ” จักรชัยปรามลูกชายด้วยเองด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ “อย่างที่แม่กับน้ำบอก..เก้าก็เลิกคิดโทษตัวเองได้แล้ว เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่าเหมียวรักเก้า และเพราะยังเด็กเลยไม่คิดอะไรให้ถี่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นมันเพราะร่างกายของน้องไม่เหมือนกับผู้ชายทั่วไปด้วย..เลยทำให้ไม่มีใครควบคุมอะไรได้ เก้าทำดีที่สุดแล้วจริง ๆ ต่อจากนี้ไปถ้าอยากมาหาลูกเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอนะ”

การินหลุบตาลงเม้มปาก โล่งใจที่ไม่มีใครต่อว่าอะไรเขา ความรู้สึกผิดนั้นมันคงไม่หายไปในเร็ว ๆ นี้ แต่เขาก็จะพยายามเลิกโทษตัวเองตามที่ทุกคนได้บอก แล้วทุ่มเทเวลาที่เหลืออยู่นั้นไปให้กับแมวเหมียวและลูก แทนที่จะเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้

“เก้า” เกวลินเรียก “แม่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“ครับ” การินสบตากับอีกฝ่ายที่ยังคงมีรอยยิ้มยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าอยู่เสมอ

“เก้าคิดยังไงกับแมวเหมียวเหรอครับ”

“ผมรักเขาครับ” การินตอบอย่าไม่ลังเล

“แล้วรักแบบไหนเหรอจ๊ะ”

คนถูกถามเงียบไป ความรู้สึกที่แท้จริงถูกตีจนปั่นปวนไปหมด

“ผม…”

“ตอบมาตามตรงเถอะจ้ะ”

“ผมรักแมวเหมียว...เกินกว่าพี่น้องครับ”

“มันแพ้ท้องแทนน้องเลยนะแม่ คิดดูแล้วกันว่ารักขนาดไหน”

เกวลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง “จริงเหรอจ๊ะ”

“เอ่อ..ผมก็ไม่..แน่ใจเหมือนกัน” การินมองสายตาและรอยยิ้มของทุกคนแล้วก็ทำตัวไม่ถูก “ตอนผมไปที่นั่นช่วงแรก จู่ ๆ ก็ป่วยหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งเวียนหัวแล้วก็อาเจียนอยู่พักใหญ่เลยครับ”

“เพราะแบบนี้แมวเหมียวของแม่ถึงไม่ได้มีอาการแพ้ท้องเลย”

“แล้วรู้ตอนไหนเหรอครับว่าท้อง”

“ตอนลูกมึงดิ้นไง” ธีราตอบกลั้วหัวเราะ “ก็ว่าทำไมแมวเหมียวมันท้องบวม ๆ กูก็หลงนึกว่ามันอ้วน”

“พ่อที่แพ้ท้องแทนแม่นี่แสดงว่าเป็นสามีที่รักภรรยามากเลยนะ” จักรชัยพูดขึ้นมาทำเอาชายหนุ่มลูกครึ่งแก้มขึ้นสี

“แหนะ มีเขินว่ะ”

“หุบปากไปเลย”



แมวเหมียวที่ยืนหลบอยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าแดงก่ำและหัวใจเต้นระส่ำ ฝ่ามือเพรียวยกขึ้นทาบหน้าอกตัวเอง ตอนแรกเขาตั้งใจที่จะมาล้างขวดนม แต่ก็ดันได้ยินแม่ถามพี่เก้าว่าคิดยังไงกับเขา ขามันก็หยุดเดินเองโดยอัตโนมัติ

สุดท้ายวิฬาร์ก็เลือกที่จะเดินกลับมาที่ห้องลูก เขาล้มตัวลงนอนข้างน้องแก้ว ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยิน ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็ไม่ใช่ เพราะยังรู้สึกนั่นแหละ เขาถึงได้ปวดใจอยู่แบบนี้

เขาไม่เคยคิดว่าพี่เก้าจะรู้สึก..รักเขาในแง่นั้นมาก่อนเลยสักครั้ง เพราะทุกครั้งที่อีกฝ่ายถูกเขาสารภาพก็มักจะบอกปฏิเสธตลอด
ไม่น่าเลย..เขาไม่น่าเดินเข้าไปฟังเลย แมวเหมียวรำพันกับตัวเอง




tbc…
รอดูกันต่อไปว่าพี่เก้าเขาจะเอายังไง
จะเอาทั้งลูกทั้งแม่เลยหรือป่าวน้า

 :hao3:



หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 17-01-2021 21:08:56
ดีจังเลย มาเป็นครอบครัวพร้อมหน้า
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-01-2021 21:49:00
อยากให้รักกันในแบบที่ควรจะเป็นแล้ว สิ่งที่เหนี่ยวไหว้ก็ปล่อยๆได้แล้ว ไม่ใช่ว่าพี่เก้าไปมีพันธะกับใครแล้วไหม :hao5:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-01-2021 23:14:47
 :-[ :mew1: :mew3: ดีใจแทนน้อง
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: conunGB ที่ 25-01-2021 20:09:55
 :L2: o13
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 18 หน้า 4 (17/01/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-01-2021 23:09:55
ชอบเขารักเขาก้อทำมห้มันถูกต้องจ้า
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 04-02-2021 18:14:30


สิ่งที่พี่ต้องการ




วิฬาร์เก็บกลืนความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นลงไปแล้วทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินอะไรทั้งนั้น เขายังคงยิ้มแย้มเมื่อพี่เก้ามาหาลูก แต่ก็เว้นระยะห่างระหว่างเรา แมวเหมียวรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกถึงระยะห่างนี้ เพราะพี่เก้ามักจะทำหน้าเศร้าอยู่เสมอเมื่อเวลาที่เขาทำตัวห่างเหิน

เมื่อเกือบสี่ปีก่อนเขาตัดสินใจว่าจะตัดใจจากพี่เก้า...และความตั้งใจนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม ถึงมันจะยากแต่เขาก็ต้องพยายาม ถึงแม้จะล้มเหลวกี่ครั้ง เขาก็จะพยายามต่อไป



น้องแก้วตื่นเวลาเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน หลังจากตื่นแล้วก็จะนอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนอีกสักพักใหญ่ถึงจะลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน ปกติแล้วแมวเหมียวจะกระเตงลูกไปนั่งรอเล่นอยู่ในครัวระหว่างที่เตรียมอาหารเช้า แต่หลายวันมานี้ไม่ต้องเพราะพี่เก้าจะแวะเข้ามาดูแลน้องแก้วให้ในระหว่างที่เขาไปเตรียมข้าวเช้าให้ลูก

“วันนี้พ่อขาจะมาหาน้องไหมคะ” แก้วเกล้าถามคำถามนี้ทุกเช้าหลังจากตื่นเต็มตาแล้ว

“น่าจะมานะคะ” วิฬาร์ตอบยิ้มบาง เขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าน้องแก้วได้เจอพ่อเมื่อไหร่ จะต้องติดพ่อเป็นตังเมแบบนี้แน่นอน ก็ขนาดตอนที่อยู่ในท้อง แค่ได้ยินเสียงพี่เก้ายังดิ้นแรงเลย

ไม่นานนักคนที่ถูกถามถึงก็เปิดประตูห้องเข้ามา น้องแก้วรีบลุกจากที่นอนหลังจากที่เอาแต่โอ้เอ้อยู่นาน แขนป้อมสองข้างอ้าออกจากกันเป็นการบ่งบอกว่าอยากให้อีกฝ่ายอุ้ม

“น้องคิดถึงพ่อขาจังเลย”

การินหัวเราะในลำคอ “พ่อก็คิดถึงน้องแก้วที่สุดเลยค่ะ” หอมเข้าที่แก้มนิ่ม น้องแก้วหัวเราะคิกคักที่โดนตอหนวดทิ่ม เห็นแบบนี้คนพ่อก็ยิ่งหอมไม่หยุด

แมวเหมียวมองสองพ่อลูกสวีทกันแล้วก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะขยับไปเก็บพับที่นอนให้เรียบร้อย “พี่เก้ากินอะไรมาหรือยังครับ” เขาถามเพราะวันนี้อีกฝ่ายมาเช้ากว่าทุกวัน

“ยังเลย” การินตอบ

“พี่จะกินอะไรไหม”

“อะไรก็ได้ครับ เหมียวให้พี่กินอะไร..พี่กินได้หมดแหละ”

คนอายุน้อยกว่าชะงักก่อนจะหันหน้าหนีหลบสายตาของพี่เก้าที่มองตรงมา หัวใจดวงน้อยสั่นรัวอย่างที่ไม่อยากให้มันเป็น แต่ก็ควบคุมยากเสียเหลือเกิน “อ่า..งั้น..เดี๋ยวเหมียวเตรียมเผื่อนะ” แมวเหมียวบอกก่อนจะรีบออกจากห้องไป

การินยิ้มมุมปากที่เห็นว่าเขายังสามารถทำให้น้องเกิดอาการได้อยู่ จากที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสแล้ว เพราะแมวเหมียวดูเหมือนว่าจะตัดใจจากเขาได้แล้วจริง ๆ

“พ่อขา” น้องแก้วที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อเรียกเสียงอ้อน

“ว่าไงคะ”

“ทำไมพ่อขาถึงไม่นอนกับเราเหรอคะ”

คนพ่อชะงักไปเมื่อลูกถามแบบนั้น ในอกรู้สึกปวดหนึบขึ้นมา

“น้องอยากให้พ่อนอนด้วยเหรอคะ”

แก้าเกล้าพยักหน้ารัว ถึงแม้น้องแก้วจะไม่เข้าใจถึงคำว่าพ่อดีนัก แต่เธอกลับรู้สึกผูกพันทั้งที่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่วัน จนอยากให้พ่อขาคนนี้อยู่ด้วยกันนาน ๆ

การินยิ้มบาง “พ่อก็อยากนอนกับน้องแก้วนะคะ”

“งั้นนอน ๆ”

“น้องแก้วต้องขอป๊าก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นพ่อก็มานอนด้วยไม่ได้”

น้องแก้วพยักหน้าตอบรับอย่างใสซื่อ ประจวบเหมาะกับที่แมวเหมียวเดินกลับเข้ามาในห้อง

“น้องแก้วไปล้างหน้าแปรงฟันกันนะคะ” วิฬาร์ทรุดตัวลงคุกเข่าข้าง ๆ กายคนตัวใหญ่ ลูกสาวขยับตัวเข้ามาในอ้อมกอดของเขาอย่างว่าง่าย

“ป๊าขา”

“หืม?”

“ให้พ่อขานอนกับเราได้ไหมคะ”

ปะป๊าตัวน้อยเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เก้า นัยน์ตาสีเขียวมองเขาด้วยแววตาสื่อความหมาย..ลึกซึ้งจนเขาต้องเบือนหน้าหนี

การินค่อย ๆ เอื้อมไปจับปลายมือของน้อง แมวเหมียวไม่ได้ชักมือหนี ใบหน้าขาวใสนั้นแดงระเรื่ออย่างน่ารัก เขายังหาโอกาสที่จะบอกความในใจกับอีกฝ่ายไม่ได้ ตอนนี้เลยรู้สึกอึดอัดพอสมควร

“ให้พี่นอนด้วยได้ไหมครับ”

“นะคะ”

แมวเหมียวเม้มปากเมื่อถูกมือใหญ่คลึงท้องนิ้วไปมา ก่อนจะพยักหน้าตอบอย่างช่วยไม่ได้ ก็เล่นแพ็กคู่มาอ้อนใส่แบบนี้ใครจะไปปฏิเสธได้ลงล่ะ เขาดึงมือออกจากการกอบกุมของพี่เก้าช้า ๆ แล้วขอตัวพาลูกไปล้างหน้าแปรงฟัน

“เหมียวปิ้งขนมปังกับทำซุปไว้ให้พี่แล้วนะ”

“ขอบคุณครับ”


-----


ตกกลางคืนการินอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมาค้างคืนตามที่ได้บอกเอาไว้ เขาเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่อจะขออนุญาตจากเจ้าของบ้านก่อน

“ใครให้มึงมานอนบ้านกู” ธีราว่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“น้องแก้วอยากให้กูมานอนด้วย อีกอย่างกูขอแมวเหมียวแล้ว”

ธีราส่งเสียงเหอะอย่างไม่พอใจนัก

“น้องแก้วติดเราน่าดูเลยนะ” จักรชัยบอก “แบบนี้ถ้าต้องกลับไปทำงานจะทำยังไงเนี่ย”

การินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขายังเหลือสัญญาที่ต้องประจำอยู่ที่นั่นอีกปีกว่า มันไม่ใช่เวลาที่ยาวนาน..แต่ก็ไม่ได้สั้นเลย เด็ก ๆ มักจะโตเร็ว แค่สามปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่น้องแก้วเกิดและเติบโตมันก็ทำให้เขาเจ็บมากพอแล้ว

“อย่ากังวลไปเลยนะจ๊ะ” เกวลินเอ่ยปลอบ “แค่ปีกว่า..แป๊บเดียวมันก็ผ่านไปแล้ว”

“แต่ผม..” การินพูดไม่ออก

เขากลัวว่าถ้าไปอยู่ไกล แมวเหมียวจะทำตัวห่างเหินกับเขา ไม่ให้เขาได้พบเจอกับลูก อย่างตอนนี้ถ้าไม่เพราะเขากลับบ้านมาเจอเอง แมวเหมียวก็คงไม่เป็นฝ่ายบอกเขาเองหรอก

“กลัวว่าแมวเหมียวจะไม่ให้มึงได้เจอลูกเหรอไง”

คนถูกถามพยักหน้าช้า ๆ “แมวเหมียวใจแข็งกว่าที่กูคิดอีก”

“คิดแบบนั้นเหรอจ๊ะ” เกวลินถามยิ้มบาง “คิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ”

“ผมเองก็ไม่อยากคิดแบบนั้นครับ แต่น้องปิดเรื่องลูกกับผมไว้โดยไม่คิดจะบอกกล่าวอะไรเลยมาตั้งหลายปีแบบนี้”

“ที่แมวเหมียวทำไปก็เพื่อเก้าทั้งนั้นเลยนะลูก” เกวลินบอก “น้องน่ะ..คิดว่าตัวเองเอาแต่สร้างความลำบากใจให้กับเก้ามาเยอะแล้ว ส่วนน้องแก้วเกิดขึ้นมาก็เพราะความเอาแต่ใจของตัวเอง แมวเหมียวไม่อยากให้เก้าต้องเอาชีวิตมารับผิดชอบในสิ่งที่เก้าไม่ได้ทำนะจ๊ะ”

การินนิ่งอึ้ง พูดไม่ออกเมื่อได้ฟังสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้รับรู้มาก่อน

“แมวเหมียวน่ะรักเก้ามากเลยนะ”

ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง

“มีอะไรในใจก็บอกน้องเถอะ” จักรชัยเอ่ยขึ้น “ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปนะ”

การินพยักหน้ารับ “ขอบคุณครับ”

“กูล่ะไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ก็รักแมวเหมียวมันแล้วจะปฏิเสธหัวใจตัวเองไปเพื่อ!”


-----


แมวเหมียวกำลังอ่านนิทานให้ลูกฟังอยู่ในห้อง ยังไม่ทันจบพี่เก้าก็ค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามา น้องแก้วที่เห็นหน้าพ่อก็ดีใจส่งเสียงเรียกพร้อมกับกวักมือเรียกยกใหญ่

การินแทรกตัวลงไปนอนตะแคง เอามือดันหัวไว้ มองหน้าลูกสาวที่จ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะเหลือบไปมองแมวเหมียวที่ก็มองมาเขาอยู่เหมือนกัน

“ยังไม่ง่วงอีกเหรอคะ”

“ยังค่ะ หนูฟังเรื่องของคุณหมีอยู่ค่ะ”

“เหรอ ให้พ่อฟังด้วยได้ไหมคะ”

แมวเหมียวหน้าตึง เมื่อประโยคคำถามเมื่อครู่ดูเหมือนว่าถามน้องแก้ว..แต่สายตากลับมองหน้าเขา มันจะไม่อะไรเลยถ้าไม่มีนัยแฝงอยู่ในสายตานั้น เขาหันหน้าหนีอย่างไม่สนใจแล้วเริ่มอ่านนิทานต่อจากที่ค้างเอาไว้

ไม่นานนักน้องแก้วก็ผล็อยหลับไปโดยที่แมวเหมียวไม่ทันได้สังเกต การินเห็นแต่ก็ไม่อยากบอกเพราะอยากฟังน้องเล่านิทาน เขามองใบหน้านวลเนียนที่เอาแต่จดจ้องนิทานตรงหน้า เสียงที่เคยแหลมเล็กแปรเปลี่ยนนุ่มทุ้มละมุนหู

เด็กน้อยที่เขาเคยบอกรักเขาในวันวาน เวลานี้ดูเหมือนว่าจะตัดใจจากเขาได้แล้ว การินรู้ว่ามันอาจจะสายไป แต่เขาก็อยากจะลองดู เผื่อว่าแมวเหมียวจะยังมีใจหลงเหลือให้กันอยู่บ้าง

วิฬาร์เหลือบตามองลูกก่อนจะเห็นว่าน้องแก้วหลับไปแล้ว แต่คนเป็นพ่อนอนตะแคงมองตาแป๋ว คิ้วเรียวขมวดฉับ ในใจคิดบ่นอีกฝ่ายว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกกัน ปล่อยให้เขาอ่านอยู่ได้ เหมียวห่มผ้าให้ลูกดี ๆ ก่อนจะลุกจากที่นอน

“จะไปไหนเหรอ” การินถามเสียงเบา

“ไปเข้าห้องน้ำครับ” วิฬาร์ตอบก่อนจะออกจากห้องไป เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็เจอกับพี่เก้าที่กำลังยืนรออยู่แล้ว เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรอยากจะคุยด้วยแต่ยังคงหาจังหวะไม่ได้

“พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

แมวเหมียวยิ้มบาง “ครับ”

ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน โดยทิ้งระยะห่างเพียงน้อยนิด เพราะไม่อยากรบกวนลูกที่นอนหลับด้วยเสียงพูดคุยที่ดังเกินไป

แมวเหมียวนั่งขัดสมาธิรอฟังว่าพี่เก้าจะพูดอะไร แต่ก็เหมือนจะเดาได้จากพฤติกรรมที่ผ่านมาหลายวันนี้ที่อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะทางสายตาหรือการกระทำว่ารู้สึกกับเขาอย่างไร วิฬาร์รู้แต่ก็ทำเหมือนไม่อยากรู้ แต่จะให้บอกปฏิเสธไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะว่าพี่เก้ายังไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ

“ที่ผ่านมาเลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหม”

“เหนื่อยสิครับ เลี้ยงลูกคนหนึ่งไม่ได้ง่ายเลย เหมียวโชคดีที่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ต คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีทุกคนคอยช่วยเหลือเหมียวกับลูกจะเป็นยังไง แต่ว่าตอนนี้น้องแก้วโตขึ้นเยอะ เหมียวก็ไม่เหนื่อยเท่าตอนแรกแล้วครับ”

การินอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องอย่างที่เคยทำ แต่ทำได้เพียงกำหมัดแน่น..เพราะความไม่กล้าพอของตัวเอง

“อีกเดี๋ยวน้องแก้วก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว เหมียวก็จะมีเวลาว่างมากขึ้น”

“แมวเหมียวคิดจะทำอะไรต่อล่ะ” การินถาม

“เหมียวว่าจะกลับไปเรียน”

“แต่เหมียวอยากเรียนอีกมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ”

วิฬาร์ยิ้มบาง “ที่นั่นก็ได้ครับ” เขาหมายถึงมหาวิทยาลัยในจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเล “ความจริงที่นั่นก็ไม่ได้แย่อะไรนะครับ เหมียวแค่อยากเรียนให้จบเท่านั้นเอง ในอนาคตจะได้ช่วยงานที่บริษัทได้”

คนอายุมากกว่าเงียบลงอีกครั้ง เขาจุกในอกจนพูดไม่ออก เพื่อลูก...แมวเหมียวต้องละทิ้งอะไรหลายอย่างไป ทั้งชีวิตวัยรุ่นและความฝัน เขาที่ได้ใช้ชีวิตมาจนคุ้มค่า พอเห็นน้องเป็นแบบนี้ก็อดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้เลย

“พี่เก้ามีอะไรจะพูดกับเหมียวเหรอ” เหมียวถามเพราะเขารู้สึกง่วงมากแล้ว

“คือพี่…” คนอายุมากกว่ากลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า อึกอักอยู่นานจนแมวเหมียวอ้าปากหาวขึ้นมา

“ขอโทษครับ” เจ้าตัวเอ่ยปาก เขาไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่มันง่วงจริง ๆ ปกติตอนนี้เขาจะนอนหลับไปพร้อมลูกแล้วด้วยซ้ำ

“พี่รักแมวเหมียวนะ” การินตัดสินใจบอกออกไป

วิฬาร์ยิ้มบาง “เหมียวรู้”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” การินคว้ามือบางที่เคยนุ่มนิ่มแต่ตอนนี้มันเริ่มกร้านขึ้นมากุมไว้ “พี่อยากจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับแมวเหมียวและลูก”

“เหมียวว่า…เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะครับ เหมียวสัญญาว่าจะไม่กีดกันพี่กับลูกนะ”

คนถูกปฏิเสธนิ่งอึ้งไปครู่ “แมวเหมียว..อยากให้ลูกขาดพ่อเหรอ”

วิฬาร์ชะงักไปด้วยไม่คิดว่าพี่เก้าจะพูดแบบนี้ออกมา น้ำตาที่แห้งเหือดไปนานคลอหน่วย เขาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ฝ่ามือขาวพยายามบิดออกจากมือของอีกฝ่าย

“พี่คิดว่าเหมียวอยากให้ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้เหรอ”

“พี่ไม่..”

“เหมียวเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกขาดใครไป แต่ถ้าพี่อยากจะทำแบบนี้เพราะรู้สึกผิดก็อย่าเลย เหมียวไม่อยากให้พี่ต้องมาทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่พี่ไม่ได้เต็มใจก่อสร้างขึ้นมา-”

“ชู่ ๆๆ” การินดึงน้องที่กำลังโมโหเข้ามากอดก่อนจะกระซิบที่ริมหู “ใจเย็น ๆ นะ” แมวเหมียวไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน ทำเพียงร้องไห้กับอกเขาเงียบ ๆ “พี่ขอโทษ”

“เหมียวน่ะ..อยากให้พี่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น เหมียวไม่เคยคิดให้พี่ต้องมารับผิดชอบอะไร เหมียวอยากให้พี่มีความสุขก็เท่านั้นเอง”

“แล้วแมวเหมียวรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่พี่ต้องการ”

วิฬาร์เงียบเพราะไม่รู้

“เหมียวบอกว่าอยากให้พี่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น และพี่อยากเป็นคนรักของแมวเหมียวและเป็นพ่อของน้องแก้ว เหมียวบอกว่าไม่ต้องการให้พี่รับผิดชอบอะไร แต่พี่อยากจะรับผิดชอบทั้งหมด เหมียวบอกว่าอยากให้พี่มีความสุข พี่จะมีความสุขได้ยังไงในเมื่อคนที่พี่รักเอาแต่ปฏิเสธ”

วิฬาร์นิ่งอึ้งไปหลังจากได้ยินความในใจของพี่เก้า

“ที่พี่บอกว่ารัก..นั่นคือความในใจของพี่จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเพราะแมวเหมียวเกิดมีลูกขึ้นมาพี่ถึงคิดอยากรับผิดชอบ พี่อดทนเก็บความรู้สึกมานาน เพราะเคยคิดว่าระหว่างเรามันไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้พี่ไม่อยากเก็บมันเอาไว้อีกต่อไปแล้ว พี่ไม่ได้อยากได้แค่ลูก..แต่ต้องการแมวเหมียวด้วยนะ”

วิฬาร์ค่อยผละออกจากอ้อมกอดของพี่เก้า เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ตัวเองเฝ้ารักมานานหลายปี “พี่..พูดจริงใช่ไหม” เขาเอ่ยถามเสียงเครือ “ไม่- ไม่ได้หลอกเหมียวนะ”

การินยิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มแผ่วเบา “ที่ผ่านมาพี่เอาแต่หลอกตัวเอง แต่ต่อจากนี้ไปจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้วครับ”

น้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มอีกครั้ง แต่คราวนี้แมวเหมียวไม่ต้องเช็ดมันเองอีกแล้ว แต่ได้มือของคนที่รักเช็ดออกจากใบหน้าให้อย่างนุ่มนวล หลังจากฟังความในใจของพี่..ความตั้งใจที่พยายามสร้างมาตลอดพังครืนลงอย่างไม่เป็นท่า

การินดึงน้องเข้ามาแนบชิดพร้อมกับปลอบโยนด้วยการลูบแผ่นหลังบาง เขากดจูบที่ขมับด้วยความรักและคิดถึง

“แมวเหมียว” เขาเรียก

“ครับ”

“เป็น..” การินหยุดคิด “เป็นแฟนพี่นะ”

ใบหน้าขาวแดงซ่าน พยักหน้าเร็ว ๆ หลายที ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองลูกสาว “เราเป็นแฟนกันเหรอครับ”

“อืม..พี่ก็ว่าเป็นแฟนมันแปลก ๆ นะ เอางี้เป็นเมียดีกว่าไหม”

วิฬาร์หัวเราะคิกคัก “มันจั๊กจี้อะ”

“ลูกก็มีด้วยกันแล้ว ไม่เป็นเมียจะเป็นอะไรล่ะ..หืม” คนอายุมากกว่าดันตัวน้องออก ย้อนถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

แมวเหมียวไม่ตอบ เอาแต่เหม่อมองใบหน้าของพี่เก้าที่อยู่ในระยะประชิดด้วยความคิดถึง ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้..ไม่มีแม้สักวันเลยที่เขาตัดใจจากอีกฝ่ายได้ ที่ผ่านมามีแต่พยายามยอมรับและทำใจเพียงเท่านั้น

“พี่ขอจูบแมวเหมียวได้ไหม”

ใบหน้าขาวแดงขึ้นอีกครา คนถูกขอเม้มปากก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ การินไม่รอช้าขยับเข้าใกล้ แขนข้างหนึ่งโอบเข้าที่เอวเพรียวบางให้ขยับชิดใกล้กันอีก มืออีกข้างจับเข้าที่ลำคอเล็ก เพียงริมฝีปากแตะกันแค่แผ่วเบาก็ทำเอาใจที่เคยห่อเหี่ยวกลับพองฟู

การินพรมจูบไปทั่วใบหน้าขาว ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ขมับ ปลายจมูก แก้ม และจบลงที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม บดเบียดกันเพียงแค่ภายนอกสักพักคนอายุมากกว่าก็ขบเม้มปากน้องบนล่างสลับไป

เวลานี้แมวเหมียวเองก็ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้มากประสบการณ์อะไรนัก เขาพยายามเลียนแบบพี่เก้าจนอีกฝ่ายนึกเอ็นดูเลยร่างเลยดึงน้องให้ขยับขึ้นมาคร่อมตัก

“อ้าปากให้พี่หน่อยนะครับ” การินบอก และน้องก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากที่ใฝ่หา บดขยี้และดูดดึงด้วยความรักและใคร่ นานมากแล้วที่เก้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใคร ความปรารถนามันเลยจุดติดได้ง่าย

แมวเหมียวเองก็ไม่ต่างกัน เจ้าตัวดันกายออกห่างเมื่อถูกมือใหญ่ล้วงเข้ามาในเสื้อ “พี่..ลูกอยู่นะ”

การินชะเง้อมองลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงที่ตั้งอยู่อีกมุมห้อง “น้องแก้วตื่นง่ายไหม” เขาถามพลางลูบเอวบาง

“มะ ไม่ครับ แต่เหมียวว่ามันไม่เหมาะ” เหมียวตอบตะกุกตะกักเมื่อใบหน้าของพี่เก้าขยับเข้ามาดมที่ซอกคอ ปกติแล้วน้องแก้วเป็นเด็กที่หลับลึก ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่มีตื่นกลางดึก แต่เขาก็ไม่อยากทำเรื่องแบบนี้ในห้องที่มีลูกสาวนอนหลับด้วยอยู่ดี “เหมียวกลัวลูกตื่น”

การินนิ่งคิดก่อนจะซบหน้าผากลงกับอกแบนราบของน้อง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจ” เขาอายุเยอะแล้ว ต้องรู้จับควบคุมตัวเองให้ได้

แมวเหมียวประคองใบหน้าพ่อของลูกขึ้นมาหอมแก้มซ้ายทีขวาที “คนเก่ง” แล้วเอ่ยชมราวกับอีกฝ่ายเป็นลูกอีกคน

“แต่แมวเหมียวยังไม่สรุปให้พี่เลยนะว่าเราเป็นอะไรกัน” การินทวง

“อื้อ”

“อื้อ อะไร”

“ก็..อื้อไง”

มือใหญ่บีบจมูกน้อง “ตกลงเราเป็นอะไรกันครับ ไหนตอบพี่สิ”

วิฬาร์รู้สึกเขินเกินกว่าจะพูดออกจากปาก เขาโถมตัวกอดอีกฝ่ายแน่นพร้อมกับเอาหน้าซุกไหล่

“อย่าหนีสิ ตอบพี่ก่อน” การินบอกกลั้วหัวเราะ “ให้พี่ชื่นใจหน่อยนะ”

“...เมีย”

“อะไรนะ” คนอายุมากกว่าแกล้งไม่ได้ยิน

แมวเหมียวพ่นลมจากจมูกดังฟืด เขาขยับไปกระซิบ “เป็นเมียพี่ พอใจยัง”

“หึ พูดจาไม่เพราะแบบนี้ต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม” คนพี่ว่าก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่

“พี่ไม่กล้าหรอก”

การินหัวเราะในลำคอ ก็จริงอย่างที่แมวเหมียวว่า เอาเข้าจริงเขาไม่กล้าทำอะไรน้องหรอก มีแต่จะยกขึ้นหิ้งดูแลอย่างดี คนรักเมียบูชาเมียเขาว่าได้ดีทั้งนั้น

“ครับ ใครจะไปกล้าหือกับเมีย” เขายอมรับแล้วจึงหอมแก้มนิ่มตรงหน้า “ขอบคุณนะครับ..ที่ยังรักพี่”

แมวเหมียวยิ้ม “พี่รู้ไหม ตอนที่เราห่างกัน..เหมียวทำใจแล้วว่าเรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้จริง ๆ เหมียวตั้งใจที่จะตัดใจจากพี่ พยายามแล้ว..พยายามอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งเลยมั้ง น่าตลกนะ..เหมียวไม่เคยทำอย่างที่ใจคิดหรือบอกคนอื่นได้เลยสักครั้ง”

“ขอโทษนะครับ” การินทาบมือเข้ากับแก้มใส ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมา “ถ้าตอนนั้นพี่ยอมรับหัวใจตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เรื่องของเรามันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แมวเหมียวก็จะได้ไม่ต้องท้องในวัยที่ยังไม่พร้อม และต้องลำบากแบบนี้”

วิฬาร์ส่ายหน้า “เหมียวเข้าใจ..พี่ทำก็เพราะหวังดี เหมียวเองซะอีกที่ฉวยโอกาสตอนพี่เมาทำเรื่องแบบนั้น น้องแก้วเป็นสิ่งย้ำเตือนเรื่องที่เหมียวได้ทำลงไป สอนให้เหมียวรู้จักโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น ถึงแม้จะต้องเสียอะไรหลายอย่างในชีวิตไป เหมียวไม่เคยเสียใจเลยนะที่อุ้มท้องและคลอดเขาออกมา”

“พี่เสียใจ..ที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลเหมียวตอนท้องและคลอด ไม่มีโอกาสได้ช่วยเลี้ยงลูก เสียดายที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการของน้องแก้วเลย”

“...เหมียวขอโทษน้า~” เหมียวบอกพร้อมเข้าไปกอดคลอเคลีย ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าพี่เก้ามีใจให้กัน เขาก็คงจะไม่ปิดบังเรื่องลูก

“ไม่เป็นไร ๆ พี่เข้าใจครับ” คนพี่กอดเอวบาง “ไว้เราค่อยมีอีกคนก็ได้”

“ต้องรอให้เหมียวเรียนจบก่อนนะ” คนอายุน้อยกว่าบอก

“อ่า...” การินคำนวณในใจ “ตอนนั้นพี่ก็อายุสี่สิบกว่า”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ใครกันนะขี้คุยว่ายังเตะปี๊บดังอยู่”

มือใหญ่เลื่อนลงมาบีบก้นน้อง “ถ้าไม่ติดว่าลูกอยู่นะ พ่อจะพิสูจน์ให้ดูเลยเชียว”

แมวเหมียวหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเอ่ยชวนให้ไปนอนด้วยกัน เพราะพรุ่งนี้เขายังต้องตื่นแต่เช้า การินก็พยักหน้าตอบรับ

คืนนี้บนเตียงนอนใหญ่ไม่ได้เงียบเหงาอีกต่อไปเพราะมีคนตัวใหญ่มาเพิ่ม น้องแก้วนอนริมที่นอนฝั่งติดกำแพงเหมือนเดิม ในขณะที่แมวเหมียวนอนตรงกลาง ตามมาด้วยการินที่นอนกอดแม่แมวอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองคนนอนหลับไปด้วยความสุขที่อบอวลอยู่ในหัวใจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนที่มีความสุขเท่าวันนี้ การินสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำให้แมวเหมียวต้องเสียใจเพราะเขาอีกต่อไป เขากดจูบลงที่หลังคอ

“ราตรีสวัสดิ์นะครับที่รัก”




tbc…

ในที่สุดดดดดดดดด!!
คนขี้ป๊อดอย่างพี่เก้าก็ทำในสิ่งที่ทุกคนต้องการสักที!!
พอคืนดีกันได้ก็นัวเนียปากไม่ห่างกันเลยนะ หมั่นไส้!!
 :hao7:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: conunGB ที่ 04-02-2021 19:47:46
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-02-2021 23:32:57
 :mew1: :mew1: :mew1: ได้เมียคืนแล้ว
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 04-02-2021 23:38:22
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-02-2021 10:21:13
ได้คืนดีกับเมียซะทีนะพี่เก้า
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 06-02-2021 11:58:11
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 06-02-2021 15:35:36
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 06-02-2021 22:07:58
คืนดีกันแล้ว :L2:
อ่านไปลุ้นไปว่าจะผลิตคนที่สองคืนนี้เลยมั้ย :hao6:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 19 หน้า 4 (04/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-02-2021 16:33:40
 :L2: :L1:รักกันซักที
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 27-02-2021 19:27:15



ได้ทั้งลูกทั้งพ่อ




วันต่อมาการินขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านไปล้างหน้าแปรงฟันและกินข้าวกับครอบครัว แม่ของเขาเอ่ยปากถามว่าทำไมช่วงนี้ถึงไปบ้านโน้นบ่อย แถมยังไปขลุกอยู่ที่นั่นแทบทั้งวัน แล้วเมื่อคืนนี้ยังไปนอนค้างอีก

“เอ่อ..” เจ้าตัวอึกอักที่โดนถามเป็นชุด

“หรือว่าแอบไปที่อื่นที่แม่ไม่รู้” การะเกดหรี่ตาถามอย่างจับผิด

“ไม่ใช่นะครับ” การินส่ายหน้าหวือ

“ปิดบังอะไรแม่อยู่” คนเป็นแม่เลี้ยงลูกมากับมือทำไมจะดูไม่ออกว่าลูกชายกำลังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกเธออยู่

การินหลบสายตาที่มองจ้องอย่างจับผิด “ไม่มีอะไรหรอกครับ มา ๆ เดี๋ยวผมนวดขาให้นะ”

การะเกดดึงขาออกไม่ให้ลูกชายที่ทรุดตัวนั่งบนพื้นจับ “อย่าเปลี่ยนเรื่องนะ บอกแม่มาว่าเธอปิดบังอะไรอยู่”

คาร์ลที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์หัวเราะออกมา “บอกไปเถอะ เดี๋ยวแม่เขาจะน้อยใจเอานะ” เขาบอกออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่คุ้นปากมากกว่า ถึงเขาจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องเพราะอยู่นาน แต่เรื่องพูดเนี่ยไม่คล่องปากเอาซะเลย

ลูกชายคนเดียวอึกอัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ถ้ารู้แล้วอย่าด่าผมนะ”

“ถ้าไม่พูดแม่จะด่าเดี๋ยวนี้แหละ!”

“แม่จำลูกของแมวเหมียวได้ไหม”

การะเกดชะงักไปชั่วขณะ เธอพยักหน้ารับหนึ่งครั้ง

“เด็กคนนั้นเป็นลูกของผม”

คนเป็นแม่กะพริบตาถี่ด้วยความงุนงง “อะไรนะ..ลูกของใคร”

“ลูกของผม”

“กับใคร”

“แมวเหมียวครับ”

“อย่ามาหลอกแม่นะ น้องเป็นผู้ชายจะไปท้องได้ยังไง เธอไปทำใครท้องแล้วเอาไปฝากบ้านนั้นเลี้ยงใช่ไหม” เกดว่าเสียงดัง ลูกชายของเธอไม่ได้ตอบอะไรอีก แต่สายตาที่มองมาที่เธอไม่มีแววของความล้อเล่นแม่แต่น้อย “...เรื่องจริงเหรอ”

การินพยักหน้ารับ “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่นะครับ”

“ลูกรู้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ” คาร์ลเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ไม่ครับ ผมเพิ่งรู้ตอนที่กลับมาที่นี่ น้องไม่เคยบอกผมเลย”

การะเกดนั่งเงียบเพื่อตั้งสติ เพิ่งเข้าใจคำว่าปุ๊บปั๊บรับโชคเอาก็วันนี้ ได้ทั้งสะใภ้และหลานมาในคราวเดียวกัน นึกถึงวันนั้นที่เจอเด็กน้อยนัยน์ตาสีเขียวสวยก็ไม่ได้เอะใจเลย เพราะเด็กคนนั้นหน้าตาไม่ได้กระเดียดมาทางตาเก้าเลยสักนิด

“แม่ครับ”

“ว่า?”

“โกรธเหรอครับ” การินถามเสียงหงอยเมื่อเห็นแม่นิ่งเงียบไป

“เปล่า” ตอบก่อนจะถอนหายใจแล้วก้มลงมองหน้าลูกที่กำลังเกาะขาเธออยู่ “ฉันกำลังตั้งสติอยู่”

การินเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันคงเกินกว่าจะเข้าใจได้ แต่เขาเชื่อว่าพ่อกับแม่ของเขายังไงก็ต้องหลงรักน้องแก้วอย่างแน่นอน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดอัลบั้มภาพให้แม่ดูรูปกับวิดีโอที่เขาได้ถ่ายลูกสาวไว้ ท่านคว้าไปดูกับพ่อที่ขยับเข้ามาใกล้ สองปู่ย่าดูไปยิ้มไป

“พวกเราไปหาหลานด้วยกันไหมคะ” การะเกดเอ่ยถามสามี อีกฝ่ายพยักหน้าตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปสั่งลูกชาย “ตาเก้าพาแม่ไปหาหลานเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“จ้าแม่~”



-----



การินขับรถพาพ่อกับแม่ไปหาซื้อของฝากหลานสาวตัวน้อยก่อน เขาเห็นท่านเดินวนอยู่ในโซนของเล่นเด็กอย่างเพลิดเพลินเลยใช้จังหวะนี้..ส่งข้อความบอกแมวเหมียวให้รู้ตัวก่อน

[พอกับแม่พี่รู้เรื่องของเราแล้วนะ เดี๋ยวท่านจะแวะไปหานะครับ]

ไม่นานนักแมวเหมียวก็กดอ่าน

[ทำไมทำกับเหมียวแบบนี้!!]

[ขอโทษครับ แต่คุณเกดเขาสงสัยเลยบังคับให้พี่พูด] การินบอก รู้สึกผิดที่ไม่ได้ให้น้องเตรียมตัวล่วงหน้าก่อน เขาแอบถ่ายรูปพ่อกับแม่ส่งไปให้อีกฝั่ง [แต่ไม่ต้องกังวลนะ ท่านกำลังหาซื้อของให้หลานอยู่แหละ]

แมวเหมียวส่งสติ๊กเกอร์รูปสติชทำตาปิ๊ง ๆ กลับมาพร้อมกับบอกว่าจะรอนะครับ การินมองจอแล้วยิ้มออกมาด้วยความรักและเอ็นดู
“ทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” การะเกดค่อนขอด “ทีตอนอยู่ที่โน่นแม่โทรไปหาทีไรก็ทำหน้าซึมเป็นหมาหงอย”

“คนกำลังมีความรักก็แบบนี้” คาร์ลว่าเป็นภาษาอังกฤษ

การินไม่ตอบอะไรเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้นจนแม่ด่าว่าบ้า เขาจ่ายเงินค่าตุ๊กตาหมาตัวเล็กแต่ราคาทำเอาสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันเอาอะไรมาแพงขนาดนี้

“มีเท่านี้เหรอครับ”

“แม่ยังไม่รู้ว่าน้องแก้วชอบอะไรบ้าง เท่านี้ก่อนก็แล้วกัน”

“น้องแก้วชอบเล่นทรายมาก ๆ เลยครับ ผมกับแมวเหมียวพาไปแทบทุกวันเลย”

“เหรอ เหมือนแม่ไม่มีผิดเลยนะ” เกดบอกกลั้วหัวเราะ

ในขณะที่เก้าก็พยักหน้าเห็นด้วย นึกถึงตอนที่แมวเหมียวยังเด็กเขาก็ต้องพาไปเล่นบ่อทรายอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน น้องแก้วนอกจากจะหน้าคล้ายไปทางเหมียวมากกว่าเขาแล้ว นิสัยก็ยังเหมือนกันอีกต่างหาก

“เหมือนแมวเหมียวก็ดีแล้วล่ะครับ” การินว่ายิ้มบาง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคำพูดที่เคยพูดเอาไว้จะเกิดขึ้นจริง..โชคดีอะไรอย่างนี้
“คุณดูสิ ลูกเรานี่หลงลูกหลงเมียซะจริง”

“เหมือนผมไงที่รัก” คาร์ลบอกก่อนจะโน้มตัวลงหอมแก้มภรรยา “จนตอนนี้ผมก็ยังหลงรักคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

การะเกดหน้าแดงขึ้นมา “พูดอะไรต่อหน้าลูกเนี่ย!” เธอโวยวายเล็กน้อยแล้วเดินหนี “ไป ๆ รีบพาฉันไปหาหลานได้แล้ว”

สองพ่อลูกมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วจึงเดินตามผู้หญิงที่รักไป



-----



“สวัสดีค่ะคุณปู่กับคุณย่าสิลูก” แมวเหมียวบอกกับน้องแก้วที่นั่งอยู่บนตัก เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มหวานก่อนจะทิ้งตัวลงกับอกแม่แล้วหมุนตัวกอดเขาเอาไว้ แต่สายตายังคงแอบมองคนแปลกหน้าตาแป๋ว เหมียวยิ้มแห้งให้กับป้าเกดและลุงคาร์ล “ขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ” การะเกดตอบอย่างเข้าใจ ถึงน้องแก้วจะฉลาดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังเด็กมากอยู่ดี “น้องแก้วจำคุณย่าได้ไหมคะ”
พอโดนถามแก้วเกล้าก็รีบมุดหน้าเข้าหาอกแม่อีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากทุกคน

“ไหนดูสิปู่กับยามีอะไรมาฝากหนูด้วยน้า~”

คาร์ลหยิบตุ๊กตาที่แอบเอาไว้ออกมาจากถุงกระดาษ มันเป็นตุ๊กตาหมาขนาดพอเหมาะกับเด็กสามขวบ เขาจับขาหน้ามันขยับไปมาเรียกร้องความสนใจจากเด็กน้อย

แก้วเกล้ามองของเล่นตาโตก่อนจะร้องขึ้นมาเสียงแหลม “หมา!” นิ้วเล็กชี้ไปที่ตุ๊กตา “ป๊าขา หมา ๆๆ”

“อยากได้ไหมคะ” วิฬาร์ถาม น้องแก้วพยักหน้าหงึก ๆ “คุณปู่กับคุณย่าซื้อมาให้หนูต้องทำยังไงคะ”

มือป้อมยกขึ้นไหว้กับอกป๊า “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ใช่ป๊าสิคะ” เขาจับลูกให้ลงยืนบนพื้น ขยับลงไปนั่งใกล้ลูก “หนูต้องไปขอบคุณใกล้ ๆ คุณปู่คุณย่านะคะ”

เด็กน้อยมองหน้าป๊าสลับกับคนแปลกหน้าอย่างลังเล วิฬาร์พยักหน้าเสริมความมั่นใจให้กับลูก “ไม่ต้องกลัวค่ะ คุณปู่กับคุณย่าใจดีนะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นน้องแก้วก็เดินไปหาปู่กับย่า ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับบอกขอบคุณค่ะเสียงหวาน เมื่อได้ตุ๊กตามากอดก็วิ่งกลับไปหาป๊าอีกครั้ง

“ต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ” วิฬาร์บอก

“ป้าเข้าใจจ๊ะ เด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละ” การะเกดโบกไม้โบกมือ “วันนี้ที่มาก็เพราะว่าอยากจะเห็นหน้าหลานให้ชื่นใจสักหน่อยก็พอแล้ว”

แมวเหมียวเงียบอย่างไม่รู้จะตอบกลับว่าอย่างไรดี

“...ขอโทษนะครับ”

“จะขอโทษป้าทำไมล่ะลูกเอ๊ย”

“ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับป้าเกดให้รู้ครับ” เหมียวเพิ่งนึกออกว่าทั้งลุงคาร์ลกับป้าเกดก็อายุมากแล้ว อยู่กันสองคนคงเหงา “ตอนนั้นเหมียวเอาแต่เก็บตัว..ไม่ได้คิดถึงใครเลย”

“แมวเหมียวไม่ยอมออกจากบ้านพักใหญ่เลยค่ะ ตอนนั้นลินเป็นห่วงลูกมาก กลัวว่าจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเอาเหมือนกัน”
“เล่าให้ป้าฟังได้ไหมลูก ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

วิฬาร์มองสบตากับพี่เก้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ ก่อนจะเริ่มพูดถึงจุดเริ่มต้นที่เขาเคยบอกกับครอบครัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

“มันเริ่มต้นจากที่เหมียวรู้สึกกับพี่เก้าเกินกว่าพี่ชายครับ แน่นอนว่าพอบอกไปพี่เก้าก็ปฏิเสธหัวชนฝาเลย” เขาพูดจบก็หัวเราะออกมานิดหน่อย “แต่เหมียวก็เอาแต่ใจ ฉวยโอกาสตอนที่อยู่ด้วยกันแล้วพี่เก้าเมาไม่สติ แล้วก็เกิดมาเป็นน้องแก้วเกล้าคนนี้แหละครับ” แมวเหมียวเอี้ยวหน้ามองลูกที่เอาแต่เล่นกับตุ๊กตาตัวใหม่ เด็กหญิงที่ได้ยินชื่อตัวเองยิ้มให้วิฬาร์ เขาจึงก้มลงไปหอมแก้มนิ่งหนึ่งที

“แต่ผมก็ผิดด้วยส่วนหนึ่ง” การินเอ่ยขึ้น “ผมผิดที่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง เรื่องมันถึงเลยเถิดไปแบบนี้” เขายิ้มเมื่อมองไปที่ลูกสาว

“เอาเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว จะมาแย่งกันผิดมันก็ไม่ทันแล้วล่ะ” การะเกดไหวไหล่ “อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ได้หลานสมใจอยากแล้วด้วย แมวเหมียวนี่นะ..จะไม่บอกตาเก้าก็ได้ก็น่าจะแอบบอกป้าสักหน่อย ป้าอยากเลี้ยงหลาน”

“แม่..” การินครางเรียกมารดา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ผมกับลินเองก็เพิ่งมารู้เอาตอนที่น้องแก้วคลอดมาได้สักพักหนึ่งแล้วว่าเป็นลูกของเก้าเขา” จักรชัยบอก “แต่ที่ไม่บอกใครเป็นเพราะแมวเหมียวขอเอาไว้ เขาคิดอยู่แล้วว่าวันใดวันหนึ่งเก้าก็ต้องรู้เรื่องของน้องแก้ว เขาเลยขอเวลาทำใจ..นานหน่อยน่ะ”

แมวเหมียวยิ้มแห้งก่อนจะบอกขอโทษอีกครั้ง

“แม่เอาไว้เลี้ยงคนหน้าก็ได้นะ”

“แบบนี้หมายความว่า…” เกดหรี่ตามอง

“ครับ..ผมกับแมวเหมียวเราตกลงคบกันแล้วครับ” การินเป็นฝ่ายตอบแทนคว้ามือของน้องมากุมเอาไว้ “พวกเราจะสร้างครอบครัวกัน แต่น้องดันขอเอาไว้ว่าถ้าจะมีอีกคนขอเป็นหลังเรียนจบ”

“พี่!” วิฬาร์แหวใส่อีกฝ่าย แก้มแดงแจ๋ พี่เก้าหน้าเหลอหลาเมื่อโดนขึ้นเสียงดุ “เรายังไม่รู้เลยนะว่าจะมีได้อีกหรือเปล่า ไปพูดแบบนั้นได้ยังไง” นี่มันก็เท่ากับให้ความหวังพ่อกับแม่ ถ้าเกิดเขาไม่สามารถมีได้อีกก็แย่สิ

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยิ้มเอ็นดูกับข้าวใหม่ปลามัน จักรชัยกับเกวลินเบาใจขึ้นเมื่อเห็นว่าในที่สุดลูกชายคนเล็กก็ได้มีความสุขสมหวังเสียที หลายปีที่ผ่านมานี้แมวเหมียวดูมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา ถึงปากจะบอกว่าตัดใจจากเก้า แต่พวกท่านก็รู้ว่าแมวเหมียวไม่มีทางทำได้อย่างที่ปากพูดหรอก

ในขณะที่คาร์ลกับการะเกดที่เห็นลูกชายดูซึม ๆ ตลอดเวลาที่ไปอยู่ต่างประเทศกลับมามีรอยยิ้มสดใสแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจ



-----



การินเอ่ยปากชวนครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันก่อนที่ตนจะกลับไปทำงานต่อ แต่เนื่องจากว่าเขาบอกกะทันหันเกินไป เลยทำให้ไม่มีใครสามารถไปด้วยได้ เพราะติดงานที่ต้องทำ สุดท้ายก็มีแค่เขา แมวเหมียว และน้องแก้วสามคนเท่านั้น เขาเลยมอบหมายให้แมวเหมียวเป็นฝ่ายเลือกว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหน

แมวเหมียวนั่งบนโซฟาในห้อง น้องแก้วหลับไปแล้ว และเขากำลังคิดหนักกับการเลือกสถานที่ ใจจริงแล้วเขาอยากไปทางเหนือ แต่ก็เกรงว่าน้องแก้วจะเหนื่อยกับการเดินทางเกินไป อีกอย่างเขาคิดว่าเด็ก ๆ คงไม่อภิรมย์กับการดูภูเขาชมทะเลหมอกนัก
“ไปไหนดีครับ” การินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขานั่งลงตัวติดกับน้อง ก้มลงหอมหัวไหล่กลมหลังจากเอ่ยถาม

“ไปสวนผึ้งนะครับ” แมวเหมียวชี้ให้ดูในไอแพท “พาน้องแก้วไปดูอัลปาก้าด้วยนะครับ”

“ได้สิ”

“แกะด้วยนะ”

“ครับ” เขาตอบอมยิ้มให้กับท่าทางเด็ก ๆ ของแมวเหมียว ไม่รู้ว่าแม่หรือลูกที่ตื่นเต้นกับการไปเที่ยวมากกว่ากัน การินอดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงกับแก้มนิ่มที่หอมกลิ่นแป้งเด็ก

วิฬาร์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหล่ตามองพี่ “คนฉวยโอกาส”

“พี่ฉวยคืนบ้างจะเป็นไรไป” การินย้อน

แมวเหมียวเม้มปากก่อนจะขยับตัวขึ้นคร่อมตักพี่ แขนทั้งสองข้างคล้องเข้าที่ลำคอหนา แล้วหอมแก้มอีกฝ่ายคืนบ้าง หอมซ้ายทีขวาทีสลับไปมา ก่อนจะเปลี่ยนไปจูบตามลำคอหนา

พอถูกรุกเร้ามากเข้า ฝ่ามือที่เย็นจากการอาบน้ำเพิ่งเสร็จสอดเข้าไปจับเอวบางภายใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ ก่อนจะเปิดมันขึ้นจนเห็นแผ่นอกบาง นัยน์ตาสีเขียวเงยขึ้นสบกับคนรัก เขาโน้มหน้าเขาไปจูบลงบนหน้าอกฝั่งซ้าย

เมื่อได้สัมผัสกันและกัน...ความรู้สึกที่คั่งค้างจากเมื่อคืนของทั้งคู่ก็แตกซ่าน การินถูกแมวเหมียวดึงใบหน้าให้ขึ้นมารับจูบ เรียวลิ้นเกี่ยวพันกัน..ช่วงชิงลมหายใจกัน ฝ่ามือที่เคยกอบกุมเอวบางเลื่อนลงไปบีบคลึงบั้นท้ายนิ่ม

วิฬาร์ดันตัวออกเหลือบมองไปที่ลูกสาวที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่อีกฝั่งของห้อง “พี่..ไป- ไปในห้องน้ำได้ไหม”

การินพยักหน้า “กอดพี่เอาไว้” เขาบอก เมื่อน้องกอดเขาเอาไว้ทั้งแขนและขา เขาก็ยกแมวเหมียวขึ้นทั้งตัว ช่วงขายาวเดินตรงไปที่ห้องน้ำ หลังจากที่ปิดประตูมิดชิดแล้วเขาก็วางน้องให้นั่งบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า

“ทำแค่ภายนอกพอนะ” การินบอกเสียงพร่า “เดี๋ยวเราจะเดินไม่ไหวอีก” แล้วตอบเมื่อเห็นคำถามบนหน้าน้อง

แมวเหมียวหน้าแดงเข้าไปอีกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น เขายังจดจำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ทุกอย่าง รู้..ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน เขาก้มลงมองเป้าของพี่เก้า ขนาดของมันใหญ่ขนาดไหนเขาก็ไม่ได้ลืม เจ้าตัวพยักหน้ารับรู้ แต่พี่เก้าก็ไม่ให้เวลาเขาขัดเขินมาก ก็ถูกอีกฝ่ายเข้าประชิดตัวอีกครั้ง

เพราะไม่รู้ว่าน้องแก้วจะตื่นกลางดึกหรือเปล่าทำให้พวกเขาทั้งคู่ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งมากนัก ทั้งสองกอดจูบกันอย่างโหยหา ส่วนร้อนเสียดสีกันผ่านกางเกงนอนตัวบาง

แมวเหมียวหายใจไม่ทันเลยดันตัวออก ใบหน้าขาวเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศดูน่ารักจนการินอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแรง ๆ หนึ่งที มือเล็กขยับลงไปกอบกุมแท่งร้อน

“แข็งมากเลย”

การินหัวเราะในลำคอ “ทำเหมือนเพิ่งเคยเห็นไปได้”

“ตอนนั้นมันไม่แข็งขนาดนี้นี่นา”

“คงเพราะเมาไม่มีสติน่ะ”

แมวเหมียวพยักหน้ารับรู้ เจ้าตัวเลียริมฝีปากก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขอเสียงอ้อน “เหมียวขอเลียได้ไหมครับ”

การินชะงักไป เขากัดกรามเมื่อน้องสอดมือเข้าไปในกางเกงแล้วคลึงท่อนลำไปมาโดยเฉพาะตรงจุดที่ไวต่อสัมผัส

“เมียพี่ทำไมถึงได้ซุกซนแบบนี้นะ”

วิฬาร์ยิ้มกว้างเมื่อพี่เก้าไม่ได้ปฏิเสธ เขาดันตัวใหญ่โตของอีกฝ่ายให้ถอยออกไปแล้วถึงขยับตัวลงจากเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
“ถ้าไม่ซุกซนแล้วจะได้ลูกมาให้พี่เหรอ”

การินหัวเราะคนช่างต่อปากต่อคำ “ไม่ได้ลูกอย่างเดียวนะ ได้พ่อมันด้วย”




tbc…

ห่างหายไปหลายวันเลยเนอะ
จู่ ๆ เราก็ไม่มีมู้ดจะพิมพ์อะไรอยู่นานเป็นเดือน ๆ เลยค่ะ
แต่สุดท้ายก็พยายามบิ้วขึ้นมาจนได้
สำหรับเรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว
เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำเล่มดีหรือเปล่า
เพราะยังไม่หายเจ็บจากทะเลจันทร์เลยค่ะ แฮะ ๆๆ
แต่ก็อาจจะมีอีบุ๊คสำหรับคนที่รักแมวเหมียวนะคะ
ยังไงก็รอติดตามด้วยค่า

 :L2:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 27-02-2021 23:08:52
 :hao6: :mew1: :mew3:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 28-02-2021 00:20:30
 :o8: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-03-2021 21:56:39
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-03-2021 16:36:52
:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 20 หน้า 4 (27/02/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-05-2021 01:00:23
ดีใจกับเขา แงงงงงงง
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 28-05-2021 19:39:59


ความรักของแมวเหมียว (จบ)




“ป๊า~” แก้วเกล้าร้องพร้อมกับชี้ไปที่สัตว์หน้าขน “อะ อะปาก้า”

“อัลปาก้าครับ” แมวเหมียวทวนคำให้ถูกต้องด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ลูกสาวพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันไปมองเจ้าอัลปาก้าตาโต เด็กน้อยยืนยิ้มแล้วจ้องมองอยู่ไกล ๆ เท่านั้น

“ไม่เข้าไปดูใกล้ ๆ เหรอคะ” การินนั่งยอง ๆ ลงเอ่ยถามลูกสาว

แก้วเกล้าเงยหน้าขึ้นมองพ่อ “หนูอยากมองตรงนี้ค่ะ” ตอบเสร็จก็หันไปมองคุณอัลปาก้าเหมือนเดิม

คนเป็นพ่อยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกเบา ๆ

“เหมียวสอนลูกเองแหละครับ” แมวเหมียวบอกพี่เก้า “เหมียวสอนให้ลูกมองสัตว์อยู่ไกล ๆ อย่าเดินบุ่มบ่ามเข้าไปรบกวนหรือแตะตัวเขาโดยพลการ”

การินยิ้มตอบ “ดีแล้วล่ะ ไม่ใช่สัตว์ทุกตัวที่ชอบให้มนุษย์แตะตัว ยิ่งเป็นเด็กเล็ก ๆ แบบนี้ยิ่งต้องระวัง”

หลังจากนั้นการินก็พาลูกไปดูสัตว์ต่าง ๆ ในฟาร์ม ทั้งเต่า กระต่าย เฟอเรท แพรี่ด๊อก แต่ที่น้องแก้วดูจะชอบมากที่สุดก็คือนก ขาสั้นพาตัวเองเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นนิ้วออกไปเมื่อพนักงานของฟาร์มส่งนกมาให้เกาะ ใบหน้าน่ารักยิ้มสดใส ส่งเสียงเรียกพ่อกับป๊าให้ดูใหญ่

การินยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บรูปและวิดีโอของลูกกับคนรักเอาไว้เยอะมาก เผื่อว่าเวลากลับไปทำงานจะได้คลายคิดถึงลงได้บ้าง

“หนูอยากได้” เด็กหญิงบอกกับป๊าเมื่อนกบินออกไปจากนิ้ว

“เอากลับไปเลี้ยงที่บ้านเราเหรอคะ” ลูกสาวพยักหน้าตอบ วิฬาร์ส่ายหน้ายิ้ม “ยังไม่ได้นะคะ หนูยังเด็กเกินไปที่จะเลี้ยงเขาให้ดีนะ เอาไว้หนูสามารถรับผิดชอบตัวเองได้มากกว่านี้ ป๊าจะให้เลี้ยงนะคะ”

แก้วเกล้าฟังพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ ถึงจะไม่เข้าใจมากนักว่าเพราะอะไร แต่ก็รับรู้ได้ว่าป๊ามีเหตุผล ตอนนี้ยังไม่ได้..แต่วันหน้าจะเลี้ยงได้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ สีหน้ารื่นเริงเมื่อครู่ซึมไปนิดหน่อย เธอเดินเข้าไปกอดป๊าขอให้อุ้ม

วิฬาร์อุ้มลูกขึ้นมาแนบอก แขนข้างหนึ่งช้อนก้น มืออีกข้างลูบหัวลูบหลังเป็นการปลอบโยน เขาหอมแก้มแดงของลูกสาว ก่อนจะสบตาเข้ากับคนพ่อที่ส่งยิ้มมาให้เขา อีกฝ่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพเอาไว้ แมวเหมียวส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้

ไม่นานนักน้องแก้วก็กลับมาร่าเริงได้อีกครั้งเมื่อได้พบกับฝูงแมวเปอร์เซียที่ทางฟาร์มเพาะไว้ขาย การินมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มขำ

“ขำอะไรของพี่น่ะ”

“เปล่าสักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะ”

การินยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องด้วยความเอ็นดู “พี่ก็แค่คิดว่าน่ารักดีนะ แม่แมวลูกแมวเล่นกับแมว...หรือเราจะซื้อแมวไปไว้ที่บ้านสักตัวดี”

“ซื้อค่ะ ๆๆ” เด็กหญิงกระตือรือร้นตอบเสียงดัง

วิฬาร์มองพี่ตาขุ่น พอจะหันไปปรามลูกก็ถูกสายตาเป็นประกายมองมาอย่างมีความหวัง แมวเหมียวเม้มปากด้วยความใจอ่อน

“พ่อขาซื้อให้หนูหน่อยนะคะ” น้องแก้วปีนขึ้นนั่งบนตักพ่อ พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน “น้า~” แล้วก็ซบหน้าลงบนอก

“ต้องขอป๊าก่อนนะคะ” ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ใจเหลวเป็นน้ำแล้ว ลูกสาวของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน

น้องแก้วขยับตัวกลับไปปีกบนตักป๊า “ป๊าขา..ให้หนูนะคะ”

แมวเหมียวถอนใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมีความคิดว่าอยากเลี้ยงแมวเหมือนกัน แต่พอมีลูกก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว

ตอนนี้พอมาพิจารณาดู..น้องแก้วก็เริ่มพูดรู้เรื่องขึ้น และการเลี้ยงสัตว์คู่กับเด็กก็มีประโยชน์หลายอย่างด้วย

“น้องต้องสัญญากับป๊าก่อนว่าเราจะช่วยกันดูแลน้องแมวนะคะ”

น้องแก้วพยักหน้าตอบหลายครั้ง “ช่วยค่ะ ๆ หนูจะช่วยเลี้ยงน้อง”

วิฬาร์ยิ้ม “งั้นก็ได้ค่ะ”

“เย้!”

หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว ทั้งสามคนก็ติดต่อกับทางฟาร์ม น้องแก้วเลือกลูกแมวสีดำตัวเดียวในฝูง เจ้าของแอบกระซิบมาว่าตัวนี้ยังไม่มีใครสนใจสักที อาจเป็นเพราะเกิดมาสีดำ เลยทำให้ไม่มีใครมอง จนทางฟาร์มคิดว่าอาจจะต้องเก็บไว้เลี้ยงเองเสียแล้ว

“ทำไมน้องถึงเลือกตัวนี้เหรอคะ” การินถามลูกสาว

“เหมือนป๊า” เด็กหญิงตอบเสียงใส คนถูกบอกว่าเหมือนแมวทำหน้าประหลาด

“เหมือนตรงไหนเนี่ย”

“พี่ก็ว่าเหมือนนะ” คนพ่อเห็นด้วย “ผมดำ ตากลม แล้วก็น่ารัก”

แก้มขาวขึ้นสี แมวเหมียวงึมงำว่าคนบ้าก่อนจะหันไปสนใจเจ้าดำที่น้องแก้วเรียกไม่หยุดปาก

การินปล่อยให้สองแม่ลูกทำความรู้จักกับเจ้าดำ ส่วนเขานัดแนะวันเวลาเพื่อมารับเจ้าตัวน้อยในวันเดินทางกลับบ้านกับเจ้าของฟาร์มให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทางไปยังที่พัก



*



ที่พักที่การินเลือกนั้นมีสวนน้ำอยู่ในสถานที่ด้วย เรียกว่าเอาใจลูกสาวสุด ๆ ไปเลย รีสอร์ตแห่งนี้มีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบ แต่ที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือหลังไหนที่มีอ่างอาบน้ำ..ก็เลือกหลังนั้นแหละ

อย่าหาว่าหื่นอะไรนักหนา จากเรื่องราวที่ผ่านมาหลายปีมันทำให้เขาไม่รีรอที่จะแสดงความรักต่อแมวเหมียวอีก แต่เวลาที่จะได้อยู่กับน้องก่อนที่จะต้องไปทำงานมันก็น้อยเหลือเกิน ไอ้แค่กอดหรือหอมแก้มมันจะทำตอนไหนก็ได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ต้องแอบไม่ให้ลูกเห็นอีก

คนกลัดมันแบบเขามันอึดอัดนัก!

หลังจากที่เช็กอินเรียบร้อย การินจัดการอุ้มลูกสาวที่กำลังหลับเข้าห้องพัก เขาให้ทางรีสอร์ตจัดที่นอนเสริมเอาไว้ให้อีกหนึ่งชิ้นสำหรับลูก เพราะน้องแก้วเคยชินกับการนอนบนที่นอนแบบไม่มีเตียง

แมวเหมียวที่ตะลอนมาทั้งวันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงบ้าง

“เหนื่อยเหรอ”

วิฬาร์ไม่ตอบแต่พลิกตัวไปนอนตักพี่..กอดเอวแล้วเอาหน้าซุกท้องพี่

“เป็นอะไรไปครับ” การินเกลี่ยเส้นผมนิ่มมือไปทัดไว้ที่หลังหู

“ถ้าพี่ไปทำงาน..เหมียวกับลูกคงคิดถึงพี่มากแน่ ๆ เลย”

“พี่..”

“ห้ามไปมีคนอื่นนะ” วิฬาร์ไม่รอให้พี่เก้าพูดจบก็เงยหน้าขึ้นแล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ้อน

การินยิ้มเอ็นดู “จะไปมีคนอื่นได้ยังไง แม่ของลูกน่ารักขนาดนี้ พี่ไม่มีหัวใจไว้ไปรักใครอีกแล้วครับ”

“หืม” คนน้องครางในลำคอก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ให้กับความเลี่ยนที่ได้ยินเมื่อครู่ “พี่นี่สมกับเป็นลูกของลุงคาร์ลจริง ๆ เลย..พวกคลั่งรัก”

เขาเห็นอยู่บ่อย ๆ ตอนที่ได้ไปบ้านของพี่เก้า ลุงคาร์ลนี่..หลงรักป้าเกดหนักมาก

“ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบสิ” เหมียวตอบอย่างไม่ลังเล “เหมียวรอให้พี่รักตอบมาตั้งนาน ยิ่งพี่คลั่งรักเหมียวมาก ๆ เหมียวยิ่งดีใจ”

การินมองใบหน้าของเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิด แต่ไหนแต่ไรแมวเหมียวก็เป็นเด็กที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ เป็นตนเสียอีกที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง การินจับมือของน้องขึ้นมากดจูบที่หลังมือ

“ถ้าพี่คลั่งมากก็อย่าบ่นล่ะ”

สายตาวาววับราวกับเสือรอตะครุบเหยื่อของพี่เก้าไม่ได้ทำให้แมวเหมียวรู้สึกหวั่นแต่อย่างใด รู้ได้เลยว่าถ้าเขาสองคนได้ร่วมรักกันจริง ๆ เมื่อไหร่ พี่เก้าคงจะแสดงความคลั่งนั่นออกมาแน่ เพราะแค่สัมผัสกันภายนอกพี่เก้าก็ทำเอาเขาแทบหมดแรงแล้ว

เขาอยากจะรู้แล้วสิ...ว่าถ้าพ่อแมวคนนี้ลอกคราบกลายเป็นเสือจะร้อนแรงมากแค่ไหน

“ลูกนอนอยู่ตรงนี้นะครับ” วิฬาร์ปรามพร้อมกับจับเข้าที่ข้อมือของพี่ เมื่ออีกฝ่ายใช้ฝ่ามือลูบอยู่ที่หน้าอกพลางเขี่ยจุดไวสัมผัสไปมาเบา ๆ ทำเอารู้สึกร้อนวูบวาบ

“นั่นสิเนอะ” การินหยุดการกระทำแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดาย

หลังจากนั้นเขากับแมวเหมียวก็นอนคุยกันไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งคู่ มาตื่นอีกทีก็เพราะน้องแก้วส่งเสียงเรียกว่าหิวข้าวแล้วนั่นแหละ



*



วิฬาร์จับลูกสาวอาบน้ำเตรียมตัวนอนหลังจากที่กลับมาจากกินข้าวเรียบร้อย เขาไม่ลืมที่จะหยิบนิทานเรื่องโปรดติดมือมาอ่านให้น้องแก้วฟังด้วย มันเป็นกิจกรรมที่เขาทำจนเป็นนิสัยตั้งแต่ตอนท้องแล้ว

คนเป็นพ่อหลังจากที่ไปเตรียมน้ำอุ่นจนเต็มอ่างก็กลับมานอนตะแคงฟังนิทานกับน้องแก้วพร้อมกับมองหน้าแมวเหมียวไปด้วย พลางคิดไปว่าแมวเหมียวที่อายุ 17 เทียบกับแมวเหมียวที่อายุ 20 นั้นต่างกันมาก

สามปีที่แล้วน้องยังตัวเล็กและผอมกว่านี้ น้ำเสียงก็นุ่มทุ้มขึ้นเล็กน้อย แต่ที่เปลี่ยนไปเลยคือแมวเหมียวใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้น เพราะแบบนี้น้องแก้วถึงได้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่อารมณ์ดีและน่ารักมาก

เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมันช่างสั้นนัก เขาอยากอยู่กับทั้งสองคนไปตลอด ถ้าไม่ติดว่ามีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเขาก็จะไม่ยอมแยกไปไหนแน่นอน คิดแล้วก็เจ็บใจ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้...เขาไม่มีทางตอบรับไปทำงานไกลขนาดนั้นหรอก

“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” วิฬาร์ถามเมื่อเห็นว่าพี่เก้าดูเหม่อลอย เขาขยับไปถอดเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำบ้าง

“เรื่องเก่า ๆ น่ะ” เขาตอบ “ขอพี่อาบด้วยสิ”

คนตัวขาวหันขวับเมื่อพี่มันขยับตัวลงจากเตียง ที่บอกว่าจะรอฟังนิทานมันก็แค่ข้ออ้าง ที่จริงแล้วพี่เก้ามันมีแผนอยู่แล้วสินะ

“ลูกอยู่นะ” วิฬาร์ย้ำเมื่อถูกหอมที่ซอกคอ

“พี่ไม่ทำอะไรหรอกครับ”

“ใครมันจะไปเชื่อ”

“นะครับ” การินจูบไปตามใบหน้าและลำคอ “พี่รู้ว่าแมวเหมียวเองก็ชอบ”

ใบหน้าขาวแดงซ่าน ไม่เถียงอะไร เพราะมันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่านั่นแหละ ไม่อย่างนั้นจะได้ลูกสาวมาเลี้ยงเหรอ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะร่วมรักแบบเต็มรูปแบบเท่านั้นเอง แมวเหมียวยกแขนขึ้นโอบรอบคอพี่

“แค่ภายนอกพอนะ”

การินยิ้มขัน “พี่ไม่ทำอะไรจริง ๆ แค่อยากอาบน้ำพร้อมเมียเท่านั้นเอง” พูดจบก็หอมแก้มไปหนึ่งฟอดแล้วดันหลังน้องเข้าห้องน้ำไปพร้อมกัน

“เหมียวไม่เชื่อพี่หรอก” เจ้าตัวเบะปาก “เดี๋ยวพอเข้ามานัวเนียก็ได้เรื่องทุกที”

คนถูกค่อนขอดหัวเราะในลำคอ จับน้องถอดเสื้อผ้า มองร่างกายเปลือยเปล่าตรงหน้า “ก็แมวเหมียวของพี่น่าฟัดขนาดนี้ พี่จะอดใจไหวได้ไง”

“ก็เคยไหวไม่ใช่เหรอครับ” แมวเหมียวอมยิ้มก่อนจะปลีกตัวไปอาบน้ำชำระคราบไคล ไม่นานนักพี่เก้าก็ตามเข้ามา อีกฝ่ายไม่ได้เข้ามารุ่มร่ามตามที่บอกเอาไว้ มีเพียงแค่พูดคุยหยอกล้อพร้อมกับอาบน้ำไปด้วยกัน

เมื่อร่างกายสะอาดดี ทั้งสองคนลงแช่น้ำอุ่นในอ่างคลายความเมื่อยล้าที่เกาะกินขามาทั้งวัน พวกเขานั่งกันคนละฝั่งพูดคุยถึงเรื่องทั่วไป

“เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปทำงานแล้ว” วิฬาร์กอดเข่าเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา ในอกรู้สึกวูบโหวง ถ้าเป็นไปได้...เขาก็ไม่อยากห่างจากพี่เก้าอีกเลย

การินที่เห็นว่าแมวเหมียวของเขาทำหน้าเศร้าก็ฝืนยิ้มออกมา เขาดึงข้อมือน้องให้เข้าอยู่ในอ้อมกอด

“พี่ไปไม่นานก็กลับแล้วครับ”

วิฬาร์พยักหน้า “เหมียวรู้..แต่มันก็อดใจหายไม่ได้นี่นา” เขาซุกตัวเข้ากับอ้อมแขนกว้าง

“พี่ต้องคิดถึงแมวเหมียวกับลูกมากแน่ ๆ เลย” การินกดจูบที่ขมับชื้น

“...เหมียวถามอะไรพี่หน่อยได้ไหมครับ” เจ้าตัวเม้มปาก พี่เก้าตอบรับในลำคอ “ตอนที่เราห่างกัน..พี่เคยมีใครหรือเปล่า”

การินยิ้ม ขยับมือขึ้นลูบแผ่นหลังบาง “ไม่มีหรอกครับ วัน ๆ พี่เอาแต่หมกมุ่นคิดถึงแต่แมวเหมียว จะเอาเวลาที่ไหนไปหาคนอื่นล่ะ”

หัวใจดวงน้อยเต้นแรง วิฬาร์ดันตัวออก ใบหน้าแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากสีสวยของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยปากหยอกเย้า “ปากหวานนะเราน่ะ”

คนพี่หัวเราะพรืดกับท่าทางกลบเกลื่อนความเขินของน้อง

“พี่ไม่ได้ปากหวานเอาใจหรอกนะ” การินแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับหน้าผากของอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนจะผละออกมาส่งยิ้มให้
“ตอนอยู่ที่นั่นพี่เอาแต่ทำงานเพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง พอว่างพี่ก็จะหาอะไรทำไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ ตอนแรกที่แมวเหมียวขาดการติดต่อไปพี่นี่ไปไม่เป็นเลยนะ ต้องดื่มเหล้าให้เมาจะได้หลับได้ เป็นอยู่นานจนเกือบติดแล้ว หลังจากนั้นเลยเปลี่ยนมาเป็นออกกำลังกายแทน ถึงได้ตัวล่ำแบบนี้นี่ไง”

วิฬาร์มองพี่ที่พูดเรื่องในวันวานไปด้วยหัวเราะไปด้วย ราวกับมันมีอะไรตลกนักหนา ทั้งที่ความจริงก็คือ..เราทั้งสองต่างก็เจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน ในเวลานั้นตัวเขาเองก็แย่ แต่เขายังมีป๊ามีแม่มีเฮีย มีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่พี่เก้าไม่มีใครเลย…

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

ฝ่ามือขาวทั้งสองข้างยกขึ้นแนบแก้มพี่ จุ๊บปากหนึ่งทีเป็นการปลอบใจ แล้วเข้าไปกอดแน่น

“เหมียวรักพี่นะ”

“พี่ก็รักแมวเหมียวครับ”

“กลับมาครั้งหน้า...เหมียวจะไม่ปล่อยให้พี่ไปไหนอีกแล้ว”

การินหัวเราะ “พี่ก็จะไม่หนีเราไปไหนอีกแล้วเหมือนกัน”



*



การินแอบเตรียมแหวนไว้เพื่อจะขอแมวเหมียวแต่งงาน แต่เขาเองก็ไม่รู้จะขออย่างไรดี เจ้าตัวคิดแล้วคิดอีกจนนอนไม่หลับ แอบหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋า เพ่งมองมันอย่างพิจารณา

วันก่อนเขาไปเดินห้างเพื่อหาแหวนให้แมวเหมียวโดยเฉพาะ เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ทั้งวันก็ยังไม่เจอวงที่ถูกใจ ร้านนี้เป็นร้านสุดท้ายที่เขาเข้า พอแจ้งกับพนักงานว่ากำลังหาแหวนแต่งงาน พนักงานนำเสนอ LOVE RING ให้กับเขา

วงที่การินเลือกขึ้นมาเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่น love ring ที่เป็นที่นิยม ตัวแหวนเป็นสี pink gold และ white gold สองวงซ้อนกัน ประดับด้วยเพชร 6 เม็ด ตอนเห็นราคาก็แอบงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมแหวนวงเล็ก ๆ แค่นี้มันถึงได้แพงนัก แต่พอได้ฟังถึงประวัติความเป็นมาของรุ่น LOVE แล้วก็ทำเอาการินไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินเลย

เขาพลิกตัวนอนตะแคงมองน้องที่กำลังนอนหลับสนิท ไหน ๆ พวกเขาทั้งสองคนก็ทำเรื่องลัดขั้นตอนทุกอย่างมาจนมีน้องแก้วแล้ว ไม่ขงไม่ขอละ บังคับใส่ไปเลยแล้วกัน เพราะอีกเดี๋ยวแมวเหมียวจะต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย ไม่รู้จะมีแมลงตัวไหนมาตอมหรือเปล่า ยังไงก็กันเอาไว้ก่อนดีกว่า

การินจัดการสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นการจับจองและประกาศไปในตัวว่าคนน่ารักคนนี้มีเจ้าของแล้ว ห้ามใครมายุ่งเด็ดขาด!



*



แก้วเกล้าตื่นเช้ากว่าใครเป็นปกติ เด็กหญิงปีนขึ้นเตียงของพ่อกับป๊า เห็นทั้งสองคนนอนกอดกันกลมก็นึกอยากเป็นส่วนหนึ่งบ้าง
ตัวเล็ก ๆ ขยับคลานปีนขึ้นไปบนตัวพ่อจ๋าที่ตัวใหญ่กว่า จนการินตื่นลืมตาขึ้นแล้วจับเจ้าหนูที่กำลังซนมากอดแน่น

“ทำอะไรเหรอคะ”

“รักกันรักกัน” น้องแก้วตอบเสียงสดใส ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มพ่อขาซ้ายขวาซ้ำกันไปมาหลายครั้ง

การินหอมคืนด้วยความรักและเอ็นดู แต่ตอหนวดเจ้ากรรมดันไปทิ่มแก้มใสจนน้องแก้วดิ้นเพราะจั๊กจี้ แถมยังหัวเราะเสียงดังจนทำแมวเหมียวตื่น

“ป๊าตื่นแล้วค่ะ” การินบอกลูกสาว

“ป๊าขา~ รักกันน้า~” น้องแก้วโผเข้าหาอีกคน

แมวเหมียวที่ถูกลูกทับหน้าอกแบบไม่ทันตั้งตัว หนักจนต้องร้อง ‘อั่ก’ ออกมา การินเห็นแบบนั้นก็หัวเราะอย่างขบขัน

“น้องแก้วเบา ๆ ลูก ป๊าเขาเจ็บนะ”

เด็กน้อยรู้สึกผิด มือป้อมประกบเข้ากับแก้มของป๊าแล้วแนบแก้มเข้ากับใบหน้าของป๊า “ขอโทษนะคะ”

วิฬาร์ตบหลังลูกเบา ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เรามารักกันดีกว่าเนอะ” เขายิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนิ่ม “ป๊ารักน้องแก้วที่สุดเลยน้า~”

“หนูก็รักป๊าที่ซู๊ดดด” ลากเสียงจบก็กอดป๊าแน่น สองคนกอดกันไม่สนใจพ่อตัวโตที่นอนมองตาละห้อยอยู่ข้าง ๆ สักนิด จนเจ้าตัวต้องสงเสียงกระแอมขึ้นมาหนึ่งทีเพื่อเรียกสายตาของทั้งคู่

การินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “แล้วพ่อล่ะคะ”

“หนูก็รักพ่อขา” แก้วเกล้าตอบฉะฉาน แถมขยับตัวไปหาพ่ออีกครั้ง แมวเหมียวหัวเราะเบา ๆ ปล่อยให้สองพ่อลูกปล้ำกันไป เขาลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะรู้สึกแปลก ๆ ที่นิ้วนางข้างซ้าย เขายกหลังมือขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจจนริมฝีปากอ้าค้าง

นี่มันแหวนแต่งงาน...หรือเปล่านะ

“พี่” แมวเหมียวส่งเสียงเรียก สบตากับนัยน์ตาสีเขียว เขายกมือขึ้น “นี่ไรอะ”

“แหวนไงครับ” การินตอบใบหน้ายิ้ม

“แหวนไรอะ”

“แหวนแต่งงานไง”

วิฬาร์พลิกหลังมือตัวเองดูอีกครั้ง จู่ ๆ ก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับแหวนจากพี่เก้า แมวเหมียวคิดแค่เพียงว่าต่อจากนี้ไปเราก็คงอยู่ด้วยกันไปแบบนี้

“ชอบไหมครับ” การินถามทั้งที่กำลังเล่นกับลูก

“ชอบครับ” วิฬาร์ตอบเสียงสั่นเครือ

การินจับได้ว่าน้ำเสียงของน้องแปร่งไปก็ขยับตัวขึ้นมา แล้วก็ได้เห็นว่าน้องร้องไห้ ลูกสาวนั้นไวกว่า เมื่อเห็นแบบนั้นเจ้าตัวก็รีบพุ่งเข้าไปกอดคอป๊าสุดที่รักทันที

“ป๊าขา..ร้องไห้ทำไม” น้องแก้วที่นั่งบนตักเอ่ยถาม คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนเหรอคะ”

“เปล่าค่ะ” วิฬาร์ส่ายหน้า มือขาวปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะยิ้มให้ลูกสาว “ป๊าก็แค่..ดีใจ ดีใจมาก ๆ ก็แค่นั้นเอง” เขาดึงลูกเข้ามากอดแนบอก ตามองไปยังผู้ชายที่เขารักมาหลายปีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักอย่างปิดไม่ปิด

“ขอบคุณนะครับ”

คนอายุมากกว่าไม่ได้ตอบอะไร เขายิ้มรับพร้อมกับเข้าไปกอดสองคนแม่ลูกเอาไว้จนเต็มวงแขน กระซิบเบา ๆ ที่ใบหูว่าเขารักอีกคนมากแค่ไหน



*



“เดินทางปลอดภัยนะครับ” วิฬาร์บอกกับพี่เก้า วันนี้เขาเดินทางมาส่งที่สนามบินกับครอบครัว คนตัวเล็กจิตใจห่อเหี่ยวแต่ก็พยายามทำเป็นสดชื่นปกปิดความรู้สึกเอาไว้ เพราะไม่อยากให้พี่ต้องเป็นห่วงหรือไม่สบายใจ

ทุกคนในครอบครัวปล่อยให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาด้วยกันก่อนที่จะต้องแยกห่างกันอีกครั้ง

“พี่ดีใจนะ..ที่ครั้งนี้แมวเหมียวมาส่งพี่” การินขยับเข้าไปใกล้ จับมือบางขึ้นมากุม กดจูบที่หลังมือตามด้วยแหวนที่สวมใส่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย

“จะไม่มาได้ยังไงล่ะ”

“คราวที่แล้วยังไม่ยอมมาเลย”

“ครั้งนี้กับครั้งนู้นมันจะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะ ตัวเองหักอกเค้าแล้วยังจะหวังให้เค้ามาส่งเนี่ยนะ” น้องแหวใส่ แต่พี่เก้ากลับยิ้มขำ

“ครับ ๆ พี่ผิดเอง” การินดึงให้น้องเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เมื่อมองดูเวลาก็ต้องใจหายเมื่อใกล้เวลาที่จะต้องแยกกันแล้ว เขาหอมลงบนกลุ่มผมดำอย่างอาลัยอาวรณ์ “...ไม่อยากไปเลย”

พอพี่พูดแบบนั้นความรู้สึกที่กักเก็บเอาไว้ก็ทะลักออกมาเป็นน้ำตา แมวเหมียวซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกหนา ร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ จนน้ำตาเปียกซึมเสื้อตัวหนาของพี่จนเป็นดวง

“เหมียวกับลูกจะรอพี่กลับมาอยู่ด้วยกันนะ”



*



หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: กานดา. ที่ 28-05-2021 19:40:19



การินเดินทางกลับมาทำงานตามหน้าที่ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เขารู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อต้องห่างไกลลูกเมีย พอบ่นว่าอยากลาออกซะเดี๋ยวนี้ก็โดนแมวเหมียวดุกลับมาว่าอย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ โตแล้วก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง เลยทำให้เขาต้องกัดฟันอดทนทำงานต่อไป

เลขาที่ทำงานมาด้วยกันสังเกตพฤติกรรมเจ้านายอย่างสนใจ ก่อนหน้าที่จะลากลับเมืองไทย เจ้านายของเธอเรียกได้ว่าบ้านงานแบบสุด ๆ ไปเลย แต่พอกลับมาแล้วก็ดูเหม่อลอย บางครั้งก็มองที่โทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหมือนอย่างเช่นตอนนี้

“มีอะไรดี ๆ เหรอคะบอส” อแมนด้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเจ้านายอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

“ครับ?”

“เห็นช่วงนี้บอสยิ้มกับโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ เลยสงสัยน่ะค่ะ ขอโทษถ้าเสียมารยาทนะคะ”

“อ๋อ” การินยิ้มก่อนจะโชว์รูปน้องแก้วที่แมวเหมียวเพิ่งส่งมาให้เลขาสาวดู “ลูกสาวน่ะครับ”

อแมนด้าตาโต “ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยค่ะว่าบอสมีลูกแล้ว”

“เรื่องมันยาวน่ะครับ พอรู้ตัวอีกทีลูกสาวก็สามขวบแล้ว” การินบอก “เสียดาย..ได้อยู่ด้วยกันแค่สองสัปดาห์เอง”

“อีกแค่ปีกว่าเองค่ะ ไม่นานก็ผ่านไปแล้ว สู้ ๆ นะคะ” อแมนด้าให้กำลังใจ

“ขอบคุณมากครับ” การินยิ้ม

หลังจากนั้นเขาก็ตั้งอกตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลับไปการินตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลังให้กับแมวเหมียวกับน้องแก้ว และลูก ๆ ที่เขาตั้งใจอยากมีเพิ่มนั่นเอง



ด้านวิฬาร์กับลูกเองก็คิดถึงคุณพ่อไม่ต่างกัน น้องแก้วมักจะถามหาพ่อขาอยู่ทุกวัน พี่เก้าจะวิดีโอคอลมาในช่วงกลางคืนก่อนลูกหลับเสมอ

“หนูอยากกอดพ่อขาจังเลยค่ะ” เด็กหญิงถือโทรศัพท์ติดมือเอาไว้แล้วนอนในท่าตะแคงข้าง “ทำไมพ่อขาถึงไม่มาหาหนูบ้างเลย”

‘ขอโทษนะคะ’ การินบอกเจ็บในอก ‘พ่อมาทำงานไกลมากเลย ไว้ถ้าเสร็จแล้วพ่อขาจะรีบกลับนะ’

แก้วเกล้าได้แบบนั้นบ่อยเข้าก็เบะปากน้ำตาคลอก่อนจะปล่อยโทรศัพท์แล้วร้องไห้ออกมา ใจคนเป็นพ่อปวดหนึบเมื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ทั้งการินและวิฬาร์ต่างคิดโทษตัวเองกันทั้งคู่ เป็นเพราะพวกเขาแท้ ๆ น้องแก้วถึงต้องพบเจอเรื่องราวแบบนี้

แมวเหมียวขยับเข้าไปกอดลูกเอาไว้แนบอก เห็นว่าพี่เก้าเองก็มีสีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน เจ้าตัวไม่เอ่ยคำใดออกจากปากเพราะรู้ว่าพูดไปตอนนี้น้องแก้วก็ยังไม่เข้าใจ เขาได้แต่กอดปลอบจนลูกหลับไปเองแล้วถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“ไม่ต้องคิดมากนะครับ ตอนนี้ยังใหม่ ๆ อีกสักพักน้องแก้วก็ชิน”

‘ถ้าไม่ติดว่าน้องแก้วต้องเตรียมเข้าโรงเรียน พี่คงพาลูกกับแมวเหมียวมาอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว’ การินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“เดี๋ยวน้องแก้วไปโรงเรียนวันแรกเหมียวจะถ่ายรูปไปฝากนะครับ”

คนพ่อถอนหายใจอีกครั้ง ‘พี่พลาดอะไรไปหลายอย่างเลยนะเนี่ย ทั้งวันที่ลูกคลอด วันที่ลูกเริ่มหัดเดิน วันที่ลูกพูดครั้งแรก แล้วนี่ยังเข้าโรงเรียนวันแรกอีก’

“โอ๋ ๆๆ ไม่เป็นไรนะครับ” แมวเหมียวปลอบคนพ่อ “ไว้เรามีด้วยกันอีกคนก็ได้ เหมียวจะให้พี่เลี้ยงให้เต็มที่เลย”

‘เราต้องเลี้ยงด้วยกันสิ อยากได้ลูกสาวอีกสักคนเนอะ’

“ไม่อยากได้ผู้ชายบ้างเหรอครับ”

‘หญิงหรือชายก็ได้ครับ แต่เด็กผู้หญิงก็น่ารักดี..ขี้อ้อน’

“แล้วเด็กผู้ชายล่ะ” วิฬาร์ถามพร้อมกับชี้เข้าหาตัวเอง

‘ดื้อ’ การินเห็นน้องทำปากยื่นก็หัวเราะในลำคอ ‘แต่ลูกของแมวเหมียวยังไงก็น่ารัก ดื้อหรือซนเหมือนแม่ก็ยังน่ารักครับ’

แก้มใสขึ้นสีชมพูระเรื่อ “ปากหวานจังน้า~”

‘อย่างอื่นก็หวานนะ’

“ลามก!” วิฬาร์รู้ทันหรอกว่าพี่เก้าหมายถึงอะไร เจ้าตัวถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุ ๆ หวานอะไรกัน..คาวจะตาย

‘พี่ลามกเหรอครับ’

“ก็ใช่น่ะสิ” คนน้องรีบเถียงกลับ เสียงทุ้มที่ดังลอดออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มมุมปาก พร้อมกับนัยน์ตาสีเขียวจ้องมาอย่างมีนัย..ทำเอาเขาใจเต้นรัว

“หยุดจ้องเหมียวแบบนั้นนะ!”

การินหัวเราะเอ็นดู เขามองคนรักที่อยู่อีกซีกโลกผ่านหน้าจอโทรศัพท์เล็ก ๆ ด้วยความคิดถึงมากมาย เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าก่อนจะถอนหายใจแรง

“พี่เก้าเป็นอะไร” แมวเหมียวละล่ำละลักถามอย่างเป็นห่วง

‘พี่..คิดถึงแมวเหมียวกับลูก’

วิฬาร์น้ำตาซึมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดถึงเขาแค่ไหน ดีใจที่ไม่ได้มีแค่ตัวเองที่อาการหนักอยู่ฝ่ายเดียว

“เหมียวก็คิดถึงพี่” เขาบอกพร้อมกับยิ้มบาง “อีกแค่ปีกว่าก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เรามาอดทนไปด้วยกันเนอะ”



*


เวลาหนึ่งปีกว่าอาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่กับคนที่ต้องห่างจากคนรักที่เพิ่งได้เคลียร์ใจกันไปแล้วก็ต้องแยกจากกันอีก นั่นมันทำให้รู้สึกว่ามันยาวนานเหมือนสิบปี

การินเดินทางถึงบ้านเกิดในช่วงเวลาดึกมากแล้ว เขานัดเวลากับไอ้น้ำเพื่อนรักเอาไว้เรียบร้อย วันนี้ก็คงมีแต่มันนั่นแหละที่มารับ ดึกขนาดนี้เขาไม่อยากให้พ่อแม่กับลูกเมียต้องมานั่งถ่างตารอ

“ไงมึง” ธีราทักทายเพื่อน

“เมื่อยฉิบหายอะ”

ธีราหัวเราะขำคนที่บ่นแล้วบิดตัวไปมาคลายความเมื่อย “แก่แล้วก็แบบนี้”

การินเหล่ตามองอีกฝ่าย “อย่าลืมว่าตัวมึงก็อายุเท่ากูนะ” จะมาบอกว่าเขาแก่ฝ่ายเดียวได้ยังไง “แต่ยังโชคดี ได้เมียเด็กเลยกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเยอะ”

พี่ชายของเมียที่ว่าหมั่นไส้ ตบหัวมันไปหนึ่งทีก่อนจะช่วยมันลากกระเป๋าแล้วตรงไปที่รถ พวกเขาคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ทั้งเรื่องวันแรกที่น้องแก้วต้องไปโรงเรียนแล้วร้องไห้อยู่เป็นอาทิตย์ ไหนจะเรื่องที่แมวเหมียวกลับไปเรียนมหาวิทยาลัย ลามไปเรื่องบ้านที่การินฝากธีราให้เป็นธุระจัดการแทน

“แล้วคืนนี้มึงจะนอนไหน” คนขับรถเอ่ยถาม

“ถามมาได้” การินขมวดคิ้ว “ก็ต้องนอนกับลูกเมียสิวะ”

“ก็คิดว่ามึงอาจจะคิดถึงพ่อกับแม่บ้างอะไรบ้าง”

“มันไม่เหมือนกันโว้ย! พ่อแม่กูก็คิดถึงอยู่แล้ว แต่มันไม่เหมือนแมวเหมียวกับน้องแก้วนี่หว่า” การินโวยวายในตอนแรก แต่พอท้ายประโยคกลับงึมงำพึมพำอยู่ในลำคอ

“กูพูดเล่นน่า” ธีราหัวเราะ..ก็แค่แซวเล่นไปอย่างนั้นเอง



ยิ่งใกล้ถึงปลายทางมากเท่าไหร่หัวใจของการินก็เต้นแรงขึ้น อายุที่เข้าใกล้เลขสี่ไม่ได้ทำให้เขาใจเย็นกับความรักที่มีต่อแมวเหมียวได้เลย ราวกับเป็นวัยรุ่นแรกรักจนน่าขำ

ที่แมวเหมียวบอกว่าเขานั้นคลั่งรัก..มันไม่ได้เกินจริงเลย

การินค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเพราะกลัวว่าจะรบกวนสองคนแม่ลูกที่กำลังหลับอยู่ เพราะแมวเหมียวมักจะเปิดโคมไฟดวงเล็ก ๆ ไว้ที่มุมห้องฝั่งปลายเท้าอยู่เสมอจึงทำให้เขามองเห็นภายในห้องได้อย่างสะดวก

ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาเมื่อเห็นทั้งสองคนที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดนอนหลับอยู่บนเตียง มือใหญ่เปิดผ้าห่มออกอย่างเบามือพร้อมกับขยับเข้าไปนอนเบียดกับแมวเหมียว เขาดึงน้องเข้ามากอดจนแผ่นหลังบางแนบกับอกแน่น

การินดมกลิ่นหอมประจำตัวของน้องไม่หยุดจนแมวเหมียวเริ่มรู้สึกตัว

“อือ…” วิฬาร์ครางในลำคอขยับตัวยุกยิก เขาพยายามจะพลิกตัวมาอีกด้านแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะโดนกอดเอาไว้

“..พี่เก้าเหรอ..”

“ครับ พี่เอง” การินตอบเสียงเบา ประทับจูบที่หลังคอ

วิฬาร์ตื่นเต็มตารีบพลิกตัวหันมาหาพี่ มือเล็กยกขึ้นทาบแก้มสากที่เต็มไปด้วยตอหนวด มองใบหน้าที่แสนคิดถึงภายใต้แสงรางเลือนจากโคมไฟที่ตั้งตรงมุมห้อง..ไม่ใช่ความฝัน พี่เก้ากลับมาแล้วจริง ๆ

“พี่กลับมาแล้วครับ”

“ฮึก-”

การินดึงน้องเข้ามากอดอีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน

“ร้องไห้ทำไม..หืม”

“เหมียวคิดถึงพี่..โคตรคิดถึงพี่เลย”

คนอายุมากกว่าหัวเราะในลำคอ “พี่ก็คิดถึงครับ..ที่สุดเลย”

“พี่อย่าไปไหนไกลแบบนี้นาน ๆ อีกนะ”

“ไม่อีกแล้ว พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้วครับ”

ใบหน้าเล็กถูไถที่หน้าอกพร้อมกับดมกลิ่นของพี่ วงแขนพยายามกอดอีกฝ่ายให้แน่นเข้าไปอีกจนพี่เก้าหัวเราะออกมา

“คิดถึงจัง”

“พี่ก็คิดถึง”

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ผลัดกันพร่ำบอกว่าคิดถึงและรักมาก สลับกับหอมแก้มจุ๊บปากกันอยู่นานจนใกล้เช้า น้องแก้วเริ่มรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงรบกวน เด็กหญิงลุกขึ้นนั่งตาปรือ มือเล็กขยี้ตาไปมาก่อนจะจ้องมองคนข้างตัว

“น้องแก้ว” การินส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าลูกจ้องเหมือนไม่แน่ใจ “พ่อขากลับมาแล้วนะคะ”

เมื่อได้สติแก้วเกล้าเบะปากก่อนจะส่งเสียงร้องไห้จ้า เด็กหญิงตัวเล็กโผเข้าหาพ่อที่ขยับเข้ามาใกล้

“โอ๋ ๆๆ พ่อขาคิดถึงน้องแก้วนะคะ” การินหอมแก้มนิ่มที่เปียกไปด้วยน้ำตา “ไหนหอมแก้มพ่อขาหน่อยเร็ว”

น้องแก้วหยุดร้องไห้เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นเล็ก ๆ แล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนจะโถมตัวเข้ากอดพ่อขา

“หนูคิดถึง”

การินลูบหลังลูกสาวเบา ๆ “พ่อก็คิดถึงน้องแก้วนะคะ”

“ไม่ไปแล้วนะคะ”

“ค่ะ” การินยิ้มบาง สบตาเข้ากับคนรักที่รอคอยเขามาตลอด “พ่อจะไม่ไปไหนแล้ว จะอยู่กับน้องแก้วและป๊าขาไปตลอดเลย”



...จบ...


ขอบคุณทุกคนที่รักและเอ็นดูครอบครัวแมวเหมียวมาเกือบ 2 ปีนะคะ

เราต้องขอโทษที่มาต่อนิยายช้าตลอดๆๆๆ แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น รวมถึงภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็ทำให้บางครั้งก็พิมพ์อะไรไม่ออกเลยค่ะ

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาก็ทำเอาอยากเลิกเขียนนิยายอยู่เหมือนกัน แต่ก็เพราะรักที่จะทำก็เลยยังไม่ยอมไปไหน รวมถึงยังคงมีนักอ่านที่ยังติดตามเราอยู่เป็นกำลังใจ เอาไว้ถ้าไม่มีคนอ่านแล้วเราค่อยเลิกทำแล้วกันเนอะ 55555


สำหรับแมวเหมียวคิดว่าจะทำเป็น e book เท่านั้นค่ะ

รับรองว่าพี่เก้าของเราได้จัดหนักจัดเต็มน้องแน่นวล ฮิฮิ

ฝากรอติดตามด้วยนะคะ จุ๊บจุ๊บ

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 31-05-2021 22:38:05
น่ารักอบอุ่นมาก ๆ เลย ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ คลั่งรักที่สุกเลย อ่อนโยนมาก   :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 03-06-2021 22:12:09
น่ารักมากๆเลยครับ  อยากให้มีตอนพิเศษ  มีน้องอีกคน  ให้พี่แก้วเลี้ยง  คงวุ่นวายน่าดูเลยครับ  ^^
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-06-2021 11:15:51
จบแล้ว น่ารักมากๆเลยค่ะ
กว่าจะเข้าใจกันแล้วรักกัน
เราชอบแนวนี้มากๆ
หลังๆหาอ่านแนวนี้ยากมาเลยค่ะ
อยากให้น้องท้องคนที่สอง อิอิ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ
อยากอ่านตอนพิเศษจังเลย
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-06-2021 22:29:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 24-08-2021 15:00:18
นิยายน่ารักมากเลยค่ะ แอบน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 27-08-2021 14:46:20
สนุกค่ะน้องแก้วน่ารัก พี่เก้ากว่าจะรู้ใจตัวเองเสียเวลาไปหลายปีเลย แต่ก็ยังดีที่รู้ใจตัวเอง ไม่ปล่อยให้เหมียวรอเก้อ
หัวข้อ: Re: - Make it right - #ความรักของแมวเหมียว [MPREG] ตอน 21(จบ) หน้า 4 (28/05/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-12-2021 07:44:01
จบแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะ น้องแก้วน่ารักมากค่ะ อ่านแล้วต้องอมยิ้มตามตลอด