รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020  (อ่าน 58658 ครั้ง)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตอนอ่านเรื่องสั้นก็ว่าดีต่อใจแล้ว
พอเป็นเรื่องยาว มันดีต่อใจสุด ๆ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
คุณตัวเล็กนุ่มนิ่มขยายเป็นเรื่องยาว เย้ จุดพลุ!

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คู่แห่งโชคชะตาคุณฮานรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น

Bite & Bond





แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวผืนบางเข้ามาต้องเปลือกตาบังคับให้ผมผมบอกลาห้วงนิทราออกมาอย่างเสียไม่ได้ ดวงตากลมลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเบนสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง


เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย


ผมใช้มือสองข้างเขี่ยขี้ตาออกสลับกับบิดขี้เกียจอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนค่อยๆ พยุงร่างกายโงนเงนให้ลุกขึ้นนั่งตรงได้ในอีกหลายสิบนาทีต่อมา


นอนดึกทีไรแล้วเป็นแบบนี้ทุกที


แต่ก็นะ เรื่องแบบนี้มันเลี่ยงได้ที่ไหนกันล่ะ...


ผมขยับตัวไปทางซ้ายทีขวาทีอีกสองสามครั้งเพื่อไล่อาการงัวเงีย จากนั้นจึงเริ่มดำเนินกิจวัตรประจำวันอย่างที่ควรจะเป็นจนถึงประมาณบ่ายโมง จากนั้นการทำงานของผมก็เริ่มต้นขึ้น


การทำงานที่ผมรัก การทำงานในอาชีพที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด...


หน้าจอคอมสว่างจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า โปรแกรมสำหรับพิมพ์งานเอกสารที่เปิดค้างเติ่งไว้ตั้งแต่เมื่อวานดูเหมือนว่าจะมีที่ว่างมากกว่าตัวหนังสือ


น่าหดหู่ใจเสียไม่มี


ผมทิ้งแผ่นหลังลงพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


ตั้งแต่เรียนจบ นี่ก็ปาเข้าไปเดือนที่สามแล้ว ทั้งที่พยายามยื่นใบสมัครไปตั้งมากมายแต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะชวดมันเสียทุกงาน สุดท้ายก็เลยทำได้แค่พยายามปั่นต้นฉบับนิยายระหว่างรอให้บริษัทสักแห่งติดต่อมา ฝันหวานเอาไว้ว่าถ้าสามารถเขียนนิยายที่ผู้คนชื่นชอบจนสามารถขายได้มากมายก็คงจะดี


แต่ก็นะ ฝันก็คือฝันนั่นล่ะ


ถึงแม่จะเคยเปรยขึ้นเป็นทำนองว่า ‘ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก’ ก็เถอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ดันมาพบว่า ไอ้การบากหน้ากลับไปบอกพ่อแม่ว่าที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเรียนถึงมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงนั้นมันช่างเสียเปล่าน่ะเป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่คนๆ นึงจะทำได้เลย


งานก็หาไม่ได้ เงินเก็บก็ร่อยหรอลงทุกวัน ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาทำงานพิเศษช่วยอาจารย์ที่ห้องสมุดควบคู่ไปกับการรับเงินค่าเทอมจำนวนน้อยนิดจากพ่อแม่มาด้วยก็เลยพออยู่ได้แบบเดือนชนเดือน แต่พอจบแล้ว งานพิเศษตรงนั้นก็ต้องส่งต่อให้รุ่นน้องที่ยังเรียนอยู่เพราะคุณสมบัติที่ระบุไว้ก็คือ ‘งานพิเศษสำหรับนักศึกษา’ พอไม่เป็นนักศึกษาแล้วก็เลยทำต่อไม่ได้ ไอ้ครั้นจะไปหางานพิเศษข้างนอกทำตอนนี้มันก็ท่าจะลำบาก


ก็แหม ผมนอนน้อยกว่าเก้าชั่วโมงไม่ได้นี่นา แต่พวกงานพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกงานร้านสะดวกซื้อช่วงกลางคืน ไม่ก็งานก่อสร้างช่วงกลางคืนเท่านั้น ถ้าขืนสมัครไปเดี๋ยวเขาคงโดนไล่ออกเพราะหลับในหน้าที่อยู่ดี


เอ๊ะ แต่อันที่จริง แต่ถ้าเป็นงานพวกร้านกาแฟหรือจะเป็นพวกงานร้านอาหารก็น่าจะพอไหวอยู่นะ ถึงตำแหน่งพาร์ทไทม์สำหรับผู้ใหญ่จะน้อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่พยายามอะไรเลย


แผ่นหลังเล็กกลับมาตั้งตรงอีกครั้งในขณะที่กรอกข้อมูลค้นหาตำแหน่งงานลงในคอมพิวเตอร์ตรงหน้า


อย่างน้อยผมก็ควรเตรียมตัวเอาไว้บ้าง เผื่อว่าสักวันหนึ่งอาจจะโดนขอให้ออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้...


โดนขอให้ออก...งั้นเหรอ


ดวงตาของผมกวาดมองไปรอบห้องด้วยสีหน้าหม่นหมอง ภาพความทรงจำในวันเก่าย้อนคืนกลับมาในหัวคล้ายต้องการย้ำเตือนว่าสถานที่นี้ไม่ใช่ที่ของผมเลย


นั่นสินะ สาเหตุที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่น่ะ ย้อนกลับไปคิดถึงแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน


ในตอนนั้น ผมเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่เพิ่งเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก การสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นของแปลกในหมู่บ้านเขา แปลกพอๆ กับการเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง เท่าที่จำได้ พวกผู้คนในหมู่บ้านไม่ค่อยเดินทางถ้าไม่จำเป็น สาเหตุคงเพราะอาชีพเกษตรกรรมนั่นล่ะ เรือกสวนไร่นาเหล่านั้นจำเป็นต้องมีคนดูแลและเฝ้าระวัง หากเสียหายไปก็อาจจะหมายถึงหายนะของชีวิตและครอบครัว


พวกคนคนหนุ่มในหมู่บ้านเอง ถ้าไม่เรียนกันที่มหาวิทยาลัยในเมืองใกล้ๆ ก็เลือกที่จะกลับมาทำงานช่วยครอบครัวหลังจากจบโรงเรียนมัธยมปลายกันเป็นส่วนใหญ่ ผมก็เลยกลายเป็นแกะดำที่น่าแปลกประหลาดใจ


ผมก็เลยกลายเป็นไอ้งั่งเพราะไม่รู้สักนิดว่าการเข้ามาเรียนในเมืองใหญ่แบบนี้ต้องทำอะไรบ้าง


วันนั้น เป็นวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าฝนจะตกหนักที่สุดในรอบเดือน รถไฟจากรัฐโอเซน บ้านเกิดของผมเข้าเทียบท่าที่ชานชาลาในเวลาเที่ยงวันตรงตามกำหนดการในตั๋วพอดิบพอดีเป๊ะ ในชุมทางรถไฟใหญ่นั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ กว่าจะออกจากสถานที่นั้นมาได้ ผมก็ใช้พลังงานไปจนแทบหมดหลอด


รสบัสที่นั่งเคลื่อนที่ผ่านสถานที่สำคัญของประเทศที่เคยเห็นแค่เพียงภาพในหนังสือมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตึกสูงระฟ้าจนแทบจะขึ้นไปแตะปุยเมฆเหล่านั้นก็ดูไม่ได้เกินจริงไปจากคำพูดของคุณลุงข้างบ้านที่เคยเล่าให้ฟังเลยสักนิด รถยนต์มากมายที่สัญจรไปมา ร้านรวงต่างๆ ที่เปิดไฟตกแต่งสวยงามเตรียมรับเทศกาลเฉลิมฉลองในฤดูใบไม้ร่วง


ภาพเหล่านั้นช่างแปลกตาและผมมั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่า น้อยคนในเมืองโอเซนจะเคยเห็นทิวทัศน์เหล่านี้ ยิ่งในหมู่บ้านของผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง


สวย...สวยจนจับใจ นี่สินะ ความศิวิไลซ์ของเมืองหลวง


‘สถานีถัดไป มหาวิทยาลัยเอียนเด สถานีถัดไป มหาวิทยาลัยเอียนเด กรุณาตรวจสอบสัมภาระของท่านก่อนลงจากรสโดยสาร ขอบคุณค่ะ’


เสียงเตือนที่ดังออกมาจากลำโพงทำให้ผมต้องละสายตาจากภาพวิวด้านนอกแล้วกุลีกุจอขนย้ายสิ่งของไปยืนรอบริเวณหน้าประตูรถเพื่อเตรียมลงในป้ายถัดไป


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ รถบัสก็หยุดลงพร้อมกับประตูที่เปิดออก วินาทีที่ได้เห็นมหาวิทยาลัยด้วยสองตาของตัวเองครั้งแรก
หัวใจของผม เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น

“เอ๊ะ หอพักเต็มแล้วเหรอครับ”


“ค่ะ หอพักของมหาวิทยาลัยเราต้องจองผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ระบบก็ปิดไปแล้ว และเราไม่มีนโยบายรับนักศึกษาเข้าพักเพิ่มผ่านการวอร์คอินค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”


ทำไม...ถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ


“ถ้ายังไง นักศึกษาลองไปเดินดูที่เลคทาวน์ที่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลดูนะคะ ที่เมืองนั้นมีหอพักนักศึกษาเยอะ ตอนนี้ก็น่าจะยังพอหาห้องว่างได้อยู่บ้าง”


เลคทาวน์...เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่อยู่กับมหาลัย เมืองที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่พอๆ กับวิวทิวทัศน์ที่สวยเกินห้ามใจนั่นน่ะเหรอ...
ไม่ไหวหรอก เงินที่มีอยู่ในกระเป๋าตอนนี้น่ะเช่าโรงแรมข้างนอกในแถบนี้นอนยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“เอ่อ ไม่ทราบว่านอกจากเลคทาวน์แล้ว พอจะมีที่อื่นอีกไหมครับ”


“ถ้าไม่ใช่เลคทาวน์เหรอคะ” เธอทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ก็ต้องเป็นเมืองเฟนที่อยู่ห่างออกไปเกือบยี่สิบกิโลเลยล่ะค่ะ ฉันว่ามันไม่เหมาะหรอกนะคะ เมืองนั้นอยู่ไกลเกินไป ที่สำคัญ...”


เธอลดเสียงลงจนกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบ


“เมืองนั้นอาชญากรรมชุกชุมเชียวค่ะ อย่าเสี่ยงดีกว่า”


สิ้นหวัง สิ้นหวังโคตรๆ


“ขอบคุณครับ”


“ยินดีค่ะ”


สุดท้ายแล้วผมก็ทำได้เพียงแค่พูดขอบคุณแล้วก็เดินจากมาเท่านั้นเอง


ผมทอดสายตามองสัมภาระมากมายที่กองอยู่ตรงทางเดินเข้าหอด้วยความสิ้นหวัง แต่เรื่องนี้จะให้ไปโทษใครอื่นก็คงไม่ได้ ถ้าขอเพียงแค่ผมหมั่นเข้าไปใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตในตัวเมืองถี่สักหน่อยก็คงจะรู้ข่าวเร็วกว่านี้


ช่างเถอะ รู้สึกเสียใจไปก็เท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่มีวันได้เข้าอยู่ในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว สู้เอาเวลามานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คืนนี้ตัวเองมีที่ซุกหัวนอนดีกว่า


อา โจทย์ยากเกินไป ขอผ่านไปก่อนได้ไหมครับ...


ในขณะที่ผมกำลังนั่งถอนหายใจอยู่นั้น เสียงฟ้าร้องที่มาพร้อมกับสายลมกรรโชกที่พัดวูบผ่านหน้าไปทำให้ผมต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่สายฝนจะสาดซัดลงมาจนสัมภาระทุกอย่างเละเทะไปหมด


แต่ว่า...จะไปไหนดีล่ะ


ให้กลับเข้าไปในสำนักงานหอพักก็คงไม่ได้ จะไปที่อื่นก็ไม่รู้ว่าควรหรือต้องไปที่ไหน


-ครืน-


แย่แล้ว แย่จริงๆ แล้วสิ ถ้าที่นี่เป็นโรงเรียนสมัยมัธยมก็แค่เอาตัวเองไปหลบในห้องสมุดจนฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้แท้ๆ ....เอ๊ะ...


ผมหยิบแผนที่มหาวิทยาลัยที่ปริ้นต์ติดมือไว้มากางออกพลางกวาดตามอง


ห้องสมุดของมหาลัยก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่นี่นา


...ได้การล่ะ...


แผนที่แผ่นใหญ่ถูกพับเก็บยัดลงกระเป๋าเสื้อตามเดิมก่อนที่มือสองข้างจะจัดการหยิบคว้าเอาสัมภาระทั้งหมดมาถือว่า แล้วผมก็เริ่มออกเดิน


มหาวิทยาลัยเอียนเดไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับโหล่หรืออะไร จะเรียกว่ากลางๆ ค่อนไปทางบนก็คงจะได้ อันที่จริง ผมไม่ได้สนใจเรื่องลำดับของมหาวิทยาลัยอะไรนั่นสักเท่าไหร่หรอก สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ น่ะ...


“เลโอนาร์ด เอียนเด”


ผมอ่านชื่อป้ายอนุสาวรีย์รูปปั้นขนาดเท่าคนจริงที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอาคารสีขาวหลังใหญ่ด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ชายชราตรงหน้านี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่า ท่านผู้นี้คือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ผมเลือกที่จะจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลแสนไกลเพื่อมาอยู่ตรงนี้ ไอดอลเพียงหนึ่งเดียวที่ผมเคารพรักจากใจอย่างไร้ข้อแม้


เลโอนาร์ด เอียนเด นักเขียนผู้เลื่องชื่อ หนึ่งในผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพทาสเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ทั้งก่อตั้งมหาวิทยาลัยที่เน้นศาสตร์ด้านวรรณกรรม ทั้งส่งเสริมให้ศิลปะของประเทศนี้เจริญขึ้นสู่จุดสูงสุดจนเป็นผลพวงให้อาชีพนักเขียนและศิลปินในประเทศเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้


ทำไมถึงได้เป็นคนที่น่าเคารพยกย่องขนาดนี้กันน้า


 “นี่”


ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมอนุสาวรีย์ของไอดอลอยู่นั้นก็พลันมีเสียงเรียกปริศนาที่ดังขึ้นจากด้านหลังจนผมต้องรีบหันขวับไปมอง
คนที่เอ่ยเรียกผมเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมของเขาเป็นสีดำขลับรับกับตาสีเดียวกันที่ซ่อนอยู่หลังแว่นสายตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชายคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้าง...อืม...ดูดีอย่างที่หาไม่ได้ในหมู่บ้านที่ผมจากมา ผิวสีแทนของเขานั้นก็แปลกประหลาด มันทั้งสวยทั้งน่าดึงดูดพิกล แต่ที่สำคัญเหนือเสน่ห์เย้ายวนของสีผิวสวยนั้น ผมเผลออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ในเมื่อลินเดียเป็นประเทศที่ค่อนข้างหนาว แถมเสียงอาทิตย์ก็ไม่ค่อยมี ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่เลยมีผิวขาวจัดค่อนไปทางซีดมากกว่าจะเป็นผิวสีแทนสวยสุขภาพดีแบบนี้


ท่าทางจะเป็นลูกคนรวยที่มีเงินไปนอนอาบแดดที่ประเทศทางใต้ซะละมั้ง


ผมค้อมหัวให้เขาเล็กน้อยเป็นการทักทายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายที่มีท่าทางเหมือนอย่างจะพูดอะไรสักอย่างเมื่อครู่นี้ พอเห็นหน้าผมก็ดันเงียบไปเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น


อะไรกันเล่า อยากพูดอะไรก็พูดสิ ทำท่าทางแบบนี้แล้วมันน่าหงุดหงิดแปลกๆ นะ


ในขณะที่ผมกำลังบ่นขิงบ่นข่าอยู่ใน จู่ๆ ในหัวมันก็ดันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น


ลูกคนรวย ผิวสีแทน ผมสีดำ ตาสีดำงั้นเหรอ...เอ รู้สึกเหมือนว่าจะเคยเจอคนที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อนนี่นา...ใครกันน้า เหมือนจะเป็นใครสักคนที่เคยเจอเมื่อตอนเด็กๆ...


ในขณะที่ผมกำลังตบตีกับความทรงจำในหัวของตัวเองอยู่นั้น หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าอีกคนกำลังเดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างหมายมาด


“เฮ้ เจเล็ต คนรู้จักเหรอ”


เอ๊ะ


คำพูดจากชายที่กำลังเดินเข้ามาทำให้ผมต้องหรี่ตามองชายตรงหน้าอย่างตั้งใจยิ่งขึ้นกว่าเก่า


เจเล็ต...เหรอ


“เฮ้ยๆ อะไรกันหมอนี่ เด็กใหม่ไม่ใช่เหรอ อย่ามาจ้องเจเล็ตสุ่มสี่สุ่มห้าสิวะ”


ผู้ชายคนนั้นเดินเอาตัวเข้ามาขวางระหว่างผมกับชายผมดำคนแรกด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรนัก ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าตรงหน้าผมมีผู้ชายตัวโตผมทองที่กำลังยืนทำหน้าตาถมึงทึงแทนชายผมดำที่เอ่ยทักเมื่อครู่ไปเสียได้


ไม่เอาน่า จะมามีเรื่องตั้งแต่ก่อนมหาลัยเปิดแบบนี้ไม่ได้นะ


“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอกนะครับ” ผมพยายามอธิบายพลางไหวมือไปมาเป็นการปฏิเสธ “แบบว่า...เขาแค่หน้าคล้ายเพื่อนสมัยเด็กของผมเฉยๆ น่ะครับ”


ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่เลิกคิ้ว


“เพื่อนวัยเด็กเหรอ” แล้วเขาก็พลันหัวเราะออกมา “อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลยน่า”


เสียงหัวเราะนั้นเงียบลงก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน


“นายน่ะดูยังไงก็เป็นเด็กใหม่ อายุคงน้อยกว่าพวกฉันสักสามสี่ปีอย่างต่ำ ที่สำคัญนะ...”


ปลายนิ้วชี้ใหญ่มุ่งตรงมายังผมอย่างจำเพาะเจาะจง


“พวกฉันไม่ค่อยนิยมคบค้าสมาคมกับพวกโอเมก้าสักเท่าไหร่น่ะนะ”


อึก


ความรู้สึกจุกอกที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจทำให้ผมเผลอก้มหน้าต่ำลงพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อปิดปลอกคอสีดำของตัวเองโดยอัตโนมัติ


เรื่องชนชั้นอะไรนั่น ต่อให้มีกฎหมายออกมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรสินะ


ฟันของผมขบเข้าหากันอย่างแค้นใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีพลังมากพอจะพูดต่อต้านอะไรออกไป


ไม่ใช่ไม่อยากสู้ แต่เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดที่มาจากคนต่ำกว่านั้นย่อมไม่ได้รับการรับฟัง


ตราบใดที่ผู้คนในประเทศนี้ยังยกย่องชื่นชมกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวให้เหนือกว่าคนอื่นอยู่ ความเท่าเทียมระหว่างอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้แน่ สุดท้าย กฎหมายก็จะเป็นเพียงกระดาษที่ถูกทำให้ไร้ค่าโดยคนในสังคมของตัวเอง
น่าเวทนา...ประเทศนี้ช่างน่าเวทนาเหลือกะ...


“พูดมากเกินไปแล้วนะเมเน็ต”


เอ๊ะ?


“ป่านนี้แล้ว ยังใส่ใจเรื่องชนชั้นไร้สาระพวกนั้นอีกรึไง”


ผมค่อยๆ ลดมือลงจากคอเสื้อก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนพูดช้าๆ


“จะเป็นอัลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้า ทุกคนก็มีหนึ่งชีวิตเท่ากันทั้งนั้นล่ะ อีกอย่าง...”


แล้วตอนนั้นเอง นัยน์ตาสีรัตติกาลของเขากับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของผมก็สบเข้าหากัน


“อัลฟ่าน่ะ ไม่สามารถอยู่โดยขาดโอเมก้าได้หรอก”


แล้วตอนนั้นเอง สายลมแห่งโชคชะตาก็เริ่มโหมกระหน่ำรอบตัวพวกเรา...










“อะ...”


เรื่องพวกนั้น ผ่านมากี่ปีแล้วนะ


“เอ...”


ทั้งที่ผ่านมาตั้งนาน ไม่รู้ทำไมผ่านที่จำได้ถึงยังชัดเจนอยู่ได้ขนาดนี้


“เอล...”


หรือบางที นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าผมกำลังแก่รึเปล่านะ


“เอมานูเอล เฟอเรส!”


“ครับอาจารย์!”


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ผมเรียนจบแล้วนี่ มันจะไปมีอาจารย์ได้ยังไงล่ะ อีกอย่างผมก็ยังอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ด้วย เพราะฉะนั้น...


“ฮาน!”


ผมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความหัวเสีย และเมื่อหันหน้ากลับไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวเราะจนตัวงอแล้วก็ยิ่งชวนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่


“ฮานเงียบเลยนะ!”


ไม่ว่าเปล่า ผมยังกระโดดผลุงจากเก้าอี้ไปดึงแขนเป็นเชิงปรามอีกคนเอาไว้ด้วย


แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่น่ะนะ...


“ครับอาจารย์เหรอ ฮ่าๆ แสดงว่านี่แอบหลับในห้องเรียนบ่อยใช่ไหม”


โอ๊ย เขารู้ความลับของผมเข้าเสียแล้ว น่าอายเป็นบ้าเลย


“จะหลับหรือไม่หลับก็เรียนจบเหมือนกันล่ะน่า!”


“แต่ท่าทางเมื่อกี้นี่ตลกจริงๆ นะ”


“ฮาน!”


สิ้นเสียงของผมเขาก็ยกมือสองข้างชูขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงยอมแพ้


“โอเคๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้”


แล้วสีหน้าล้อเล่นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังในชั่วพริบตา


รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ


“ฮาน มีอะไรรึเปล่า”


อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมาในทันที นัยน์ตาสีดำไล่มองผมหัวจรดเท้าอยู่อึดใจก่อนจะเอ่ยปากออกมา


“เดือนนี้คุณไม่เห็นมาขอยาผมเลย”


ยางั้นเหรอ ยาอะไรกันล่ะ...


เอ๊ะ


ปากของผมค่อยๆ เปิดออกทีละนิดก่อนจะ...


“อ๊า! แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้วแน่ๆ เลยฮาน” ผมว่าพลางเขย่าแขนเขาไม่เบานัก “ลืมกินยาอะ ลืมไปเลย แย่แล้ว แย่แน่ๆ เลย”


สภาพผมในตอนนี้ไม่ต่างจากหนูแฮมสเตอร์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอมุดเข้าไปในซอกที่มีเจ้าแมวลายเสือเป็นเจ้าถิ่นเลยสักนิด ใจของผมได้หล่นหายไปอยู่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เผลอทำสิ่งผิดพลาดที่โง่เง่าที่สุดลงไป


ไอ้เจ้าบ้าเอมานูเอล ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมกินยากันฮีทเนี่ยนะ!


โอ๊ย แย่แน่ แย่แน่ๆ


ผมผละจากท่อนแขนใหญ่ของฮานก่อนจะพุ่งตัวไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะที่กางอยู่ไม่ไกลนัก ปากกาสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาคำนวณความน่าจะเป็นลงบนกระดาษปฏิทินอย่างรวดเร็ว


วันนี้วันที่ยี่สิบห้า ปกติแล้วไข่ผมจะตกในช่วงวันที่สามสิบ


อา แย่จริง อีกห้าวันเท่านั้นเอง


ตามหลักการทำงานของยากันฮีท เป็นอันรู้กันโดยสากลว่าต้องกินก่อนวันไข่ตกสองอาทิตย์ ถ้ากินหลังจากนั้นประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงเรื่อยๆ จนถึงไม่สามารถแสดงผลได้ ห้าวันที่เหลือ อย่างไรเสียก็คงไม่ทัน เพราะปกติแล้วฮีทของโอเมก้าจะเริ่มก่อนวันไข่ตกประมาณสามถึงห้าวัน นั่นหมายความว่าคืนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าผมจะเริ่มฮีท และอาการฮีทก็คงจะเริ่มขึ้นและจะอยู่อย่างนั้นไปจนกว่าจะถึงวันที่เจ็ดเดือนหน้า


หมดกัน แผนหางานพิเศษทำ


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง


“ฮาน ผมขอโทษนะ แต่ตั้งแต่คืนนี้ไปผมขอ...”


อ๊ะ อะไรกันความรู้สึกนี้


ไม่นะ อย่าบอกนะว่า


ร่างกายที่จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนขึ้นมาราวกับถูกเอาไปวางไว้บนเตาถ่านไร้ซึ่งเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ขาสองข้างที่เคยพยุงตัวเองเอาไว้ก็พลันอ่อนแรงลงจนทำให้ตัวผมล้มพับลงไปกับพื้น


บ้า...บ้าชะมัด


“ไม่ทันแล้วล่ะเอล”


น้ำเสียงแบบนั้นของฮาน ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย


ใบหน้าของผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนก้มหน้านิ่งที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก กลิ่นหอมหวานแปลกประหลาดโชยออกมาคละคลุ้งไปทั้งห้องจนชวนปวดหัว นัยน์ตาของผมพร่าเบลอลงอย่างน่าสังเวท ผมพยายามหรี่ตาลงเพื่อให้สามารถมองคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาได้ชัดขึ้น


ผมอยากรู้ว่าเขาคนนั้น เพื่อนวัยเด็กของผมคนนั้น กำลังเป็นยังไง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเส้นทางที่พวกเรากำลังจะเลือกเดินต่อจากนี้ไม่อาจจะย้อนกลับได้อีกแล้วก็ตาม


แต่ถ้าเกิด...ถ้าเกิดว่าเขาอดทนพาตัวเองเดินออกไปได้ ถ้าเกิดว่าผมกับเขาไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากัน ถ้าเกิดมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ฮานก็จะไม่เกิดอาการรัท และนั่นจะเป็นโอกาสให้ผมกับเขาสามารถเดินด้วยกันในเส้นทางสายเดิมได้


ถ้าโชคชะตาไม่ยอมรับ พวกเราก็คงจะสามารถเป็นเพื่อนกันต่อไปได้...


“เอมานูเอล เฟอเรส”


กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกมะลิคละคลุ้งไปทั่วห้องรุนแรงกว่าเมื่อครู่มากเสียจนผมเริ่มจะตั้งสติไม่อยู่เข้าไปทุกที


กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นของผม...ไม่ใช่กลิ่นของชาวลินเดียคนไหนทั้งนั้น กลิ่นดอกไม้เมืองร้อนแบบนี้ ไม่มีทางพบเจอได้ในสายเลือดของชาวลินเดียที่เป็นผู้คนในแถบเมืองหนาวแน่


เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนั้นได้ เปลือกตาทั้งสองของผมก็ปิดลงพร้อมกับมีคำพูดที่เคยได้ฟังเมื่อนานมาแล้วผุดขึ้นมาในหัว


‘โดยทั่วไปแล้ว อัลฟ่าสามารถปล่อยกลิ่นของตนเพื่อข่มศัตรูหรือแสดงอาณาเขตได้ แต่กลิ่นพวกนั้นน่ะต่างกับกลิ่นตอนที่อัลฟ่าเกิดอาการรัทอยู่มาก’


เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มเตรียมใจ


‘อาการรัทคืออาการที่อัลฟ่าสูญเสียการควบคุมตัวเองเนื่องมาจากกลิ่นและฮอร์โมนจากฮีทของโอเมก้า เมื่อไหร่ก็ตามที่อัลฟ่าเกิดอาการรัท กลิ่นที่แท้จริงของพวกเขาจะโชยออกมาในปริมาณที่เข้มข้นมหาศาล แม้เบต้าจะไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้ แต่สำหรับโอเมก้านั้นเรียกว่าเป็นภัยร้ายมหันต์ กลิ่นนั้นจะทำให้พวกเธอ...เหล่าโอเมก้าทั้งหลาย ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทั้งสติสัมปชัญญะก็จะถูกลบเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว และขอเตือนเอาไว้ตรงนี้เลยว่า อัลฟ่าที่กำลังเกิดอาการรัทนั้นเป็นอะไรที่อันตรายยิ่งกว่าเครื่องจักรสังหาร พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่าถ้าต้องการ เพราะฉะนั้น เหล่าเบต้าและโอเมก้าผู้เป็นศิษย์ครูทั้งหลาย จงจำไว้ว่าอย่าได้เข้าไปยุ่งกับอัลฟ่าที่เกิดอาการรัทสุ่มสี่สุ่มห้าเชียว ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรก็จงแจ้งตำรวจไว้ก่อน เข้าใจไหม’


หลังจากนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป


ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามืออุ่นบริเวณลำคอ


‘แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าพวกลูกศิษย์ตัวน้อย ถึงอัลฟ่ารัทจะดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วเหล่าอัลฟ่านั้นไม่ได้รัทกันง่ายๆ’


นิ้วมือเรียวไล้ไปตามปลอกคอสีดำรอบคอของผมคล้ายต้องการจะหาที่ปลดล็อก แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ปลอกคอของโอเมก้าถูกออกแบบมาให้คนใส่เท่านั้นที่สามารถถอดได้เพื่อป้องกันการโดนกัดคอจับคู่โดยไม่สมยอม


แต่ตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์แล้ว


มือของผมเอื้อมไปแตะบริเวณด้านหลังของปลอกคอก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่า


“ปลดล็อก”


แล้วทันใดนั้นปลอกคอก็หลุดออกไป


ผม...ตัดสินใจแล้ว


‘จริงอยู่ที่อัลฟ่ากับโอเมก้าจะเรียกร้องหากันและกันระหว่างช่วงฮีทเพื่อการผสมพันธุ์ แต่จงจำไว้ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่โอเมก้าฮีท อัลฟ่าจะต้องรัท และไม่ใช่ว่าการฮีทของโอเมก้าจะส่งผลต่ออัลฟ่าทุกคนเท่ากัน บางครั้งอาการฮีทของโอเมก้าเออาจจะไม่ได้ส่งผลต่ออัลฟ่าบีสักเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันอาการฮีทของโอเมก้าเอ อาจจะทำให้อัลฟ่าซีคลั่งและดุร้ายราวกับสัตว์ป่า หรือที่เราเรียกกันว่ารัทขึ้นมาได้ เหตุผลที่อัลฟ่าจะรัทขึ้นมานั้นมีอยู่เพียงแค่สองข้อเท่านั้น’


“ตัวเล็กของผม เอมานูเอลของฮาน”


เสียงที่กระซิบอยู่ข้างใบหูนั้นทั้งต่ำ ทั้งแหบพร่าจนคล้ายเสียงคำราม


‘ถ้าหากไม่เป็นคู่แห่งโชคชะตากัน อัลฟ่านั้นก็ต้องรู้สึกรักและหวงแหนโอเมก้าคนนั้นมาก แน่นนอนว่าไม่ใช่แค่ความรู้สึกรักและอยากปกป้องแบบทั่วไป การที่อัลฟ่าจะรัทขึ้นมาได้ทั้งที่ไม่ได้มีโชคชะตาเป็นตัวช่วย ความรู้สึกที่ใช้กระตุ้นมันต้องรุนแรงกว่าแค่ความรักธรรมดา และครูหวังไว้ตรงนี้ว่าคงไม่มีลูกศิษย์ของครูคนไหนจะต้องเผชิญหน้ากับกรณีที่สองนะ เพราะความรู้สึกแบบนั้นจะเรียกว่าความรักได้เต็มปากไหมก็ไม่รู้’


สัมผัสอุ่นของหน้าอกแกร่งที่ทาบทับลงบนแผ่นหลังทำให้ร่างกายสั่นเทิ้มจนไม่อาจควบคุม


‘ความรักที่รุนแรงจนสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการรัทขึ้นมาได้ หากไม่บิดเบี้ยวจนผิดรูปร่างก็คงรุนแรงและบ้าคลั่งดั่งพายุหมุน หากวันหนึ่งมันระเบิดออกมา เมืองทั้งเมืองอาจจะราบเป็นหน้ากลองก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเหล่าโอเมก้าทั้งหลาย...’


ลมหายใจอุ่นร้อนถอยห่างจากลำคอของผมไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น


‘จงภาวนาให้ได้เจอกับคู่แห่งโชคชะตาแทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนแห่งพันธนาการที่แสนอันตรายนั้นเถอะ’


แล้วคมเขี้ยวของหมาป่าคลั่งก็สลึกลงบนร่างผมลึกไปจนถึงแก่นวิญญาณ




*******************************************************************************





ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
ฮานรัทเพราะแบบที่ 2 อ่อออ น่ากลัวอ่าาา

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เห้ยยยยย น้องยังไม่เจอคู่หรอ

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
แต่นี่ก็เป็นคู่แห่งโชคชะตานี่นาเนาะ ^^

เอ...หรือคุณฮานต้องอดทนมานานกันแน่ อิอิ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
หวีดแรงมากก
คุณอัลฟ่าไม่ใช่โซลเมตนุ่มนิ่ม
แต่รักน้องมากใช่ไหม
ฮื่อออ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นรัทแบบไหนก้อไม่รู้แต่พี่แอบคิดว่า โรแมนติกอ่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หือออ คุณฮานนี่กรณีหลังใช่ไหมคะเนี่ย?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :a5:  ฮานรัทเพราะอย่างหลังเหรอ ?

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Pangpang24pp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรางงอ่ะ ฮานกะน้องไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันหรอ รึใช่แล้วฮานทั้งรักทั้งหลงน้องจนรัน งงอ่า

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ฮานเป็นแบบหลังใช่ไหมเนี้ย

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แต่ฮานรักคุณตัวเล็กมากนี่หน่า โซลเมตแหละ เชื่อเรา!!!

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไปค่า  :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
กำลังลุ้น
รอตอนต่อไปค่ะ

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โซลเมทสิ เนื้อคู่แห่งโชคชะตา

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ฮานเป็นคู่แห่งโชคชะตาใช่ไหมม

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถ้าอิงตามที่ฮานพูดทั้งคู่ก็เป็นคู่แห่งโชคชะตาของกันและกัน และการที่เอลเกิดอาการฮีทและฮานรัทขึ้นมาก็เพราะเป็นคู่แห่งโชคชะตา แล้วฮานก็ดูจะตั้งใจให้มันเกิดขึ้นด้วย เพราะบอกเอลว่าจะไม่ต้องใช้ปลอกคอแล้ว นี่ฮานวางแผนเตรียมพร้อมมากัดคอตัวเล็กเพื่อสร้างพันธะหลังตัวเล็กเรียนจบหรือเปล่าคะเนี่ย ไม่รู้ว่าความเป็นคู่แห่งโชคชะตากับความรักที่ฮานมีให้ตัวเล็กอันไหนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ฮานเกิดอาการรัทมากกว่ากัน และฮานกัดตัวเล็กแล้ว น้องก็ยินยอมโดยดีด้วย ฮือออ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจให้คุณนักเขียน ยังเขียนนิยายได้ดีเหมือนเดิมเลยค่ะ  ขอบคุณสำหรับการสร้างผลงานที่ดีนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แล้วฮานรู้ตัวตอนไหนว่าตัวเองเป็นโซลเมทของเอล  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ MANUTPLAII

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao3:
น้องงงงงงงงง  คุณฮาน่าจะรู้อะไรเยอะแต่น้องไม่น่ารู้

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น


Knotting





ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหนกันนะ


“อ๊า”


เสียงนั่น ทำไมเหมือนเสียงของผมจัง


“ฮาน ได้โปรด”


ฮานเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับฮานงั้นเหรอ


“เอล เอลของผม”


เสียงกระซิบข้างหูนี้ใช่เสียงของฮานแน่เหรอ ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยได้ยินเลยล่ะ แล้วสัมผัสอุ่นร้อนที่ล้อมอยู่รอบตัวนี้มาจากไหนกัน นี่ผมกำลังอยู่ที่ไหนกันนะ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกันนะ...เอ๊ะ...


“อ๊ะ”


เดี๋ยวสิเสียงนั่นมันออกมาจากปากของผมเองไม่ใช่เหรอ


“เด็กดี เด็กดีของผม”


นั่นก็เป็นเสียงของฮานไม่ผิดแน่ แต่ทำไมเขาถึงพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นล่ะ


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ก่อนหน้านี้เหมือนจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นนี่นา...


‘ตัวเล็กของผม เอมานูเอลของฮาน’


เอ๊ะ


“ขอโทษนะตัวเล็ก แต่ผมไม่ไหวแล้วล่ะ”


เอ๊ะ


“ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้ ผมจะรับผิดชอบเอง”


เอ๊ะ!


“อ๊า!”


สิ้นคำของเขา ปากมันก็พลันเปล่งเสียงเสียงออกมาทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็พอจะรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ สรุปอย่างง่ายคือผมฮีท และฮีทของผมก็ไปกระตุ้นให้ฮานเกิดอาการรัท แม้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าอาการรัทของฮานในตอนนี้เกิดจากการที่เข้ารู้สึกกับผมมากเกินไปหรือเป็นเพราะเขาเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผม


ตั้งแต่วินาทีที่คมเขี้ยวของเขาฝังลงบนต้นคอ เส้นทางของมิตรภาพระหว่างผมกับฮานก็จางหายไปแล้ว


หยาดน้ำรักอุ่นร้อนปริมาณมหาศาลที่พุ่งเข้ามาในร่างทำให้ผลเผลอขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ และเหมือนว่านี่คงเป็นปฏิกิริยาของโอเมก้าที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณ เพราะทันทีที่ผมขยับตัวคล้ายจะคลานหนี ท่อนแขนแกร่งของคนที่อยู่ด้านหลังก็พลันคว้าล็อกต้นขาของผมไว้ไม่ให้ไปไหน ในตอนแรกผมกะจะหันไปต่อว่าฮานที่ทำเกินกว่าเหตุไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่า...


“อย่าขยับ”


นัยน์ตาสีรัตติกาลสวยที่ผมหลงใหลคู่นั้นไม่เหลือแววตาของฮานในยามปกติอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สะท้อนออกมาจากตาคู่สวยมีเพียงสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่แสนดุร้ายเท่านั้น


นี่สินะ อาจารย์ตอนมัธยมถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าได้เข้าไปใกล้อัลฟ่าที่กำลังรัท


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างกายเบื้องล่างก็พลันรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ คนที่อยู่ด้านหลังขยับตัวถอยห่างออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะ...


“อ๊า!”


แรงกระแทกจากด้านหลังส่งให้บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะหาได้ในร่างกายของเบต้าและโอเมก้าถูกดันเข้ามาในร่างของผม อวัยวะส่วนที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ของอัลฟ่า...ของฮาน ถูกกระตุ้นด้วยอาการฮีทของผมจนถึงจุดสูงสุด และตอนนี้ มันก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่อย่างไม่น่าให้อภัย


สิ่งที่เพิ่งถูกดันเข้ามาในตัวผมหมาดๆ ขยายใหญ่ขึ้นและหามุมล็อกตำแหน่งลงในตัวผมได้พอดิบพอดีเสียจนโมโห เจ้าก้อนแข็งขยายล็อกร่างของผมให้ติดยึดอยู่กับคนด้านหลังโดยไม่อาจขัดขืนได้


บ้าจริง โดนน็อทเข้าเสียแล้ว


ก้อนเนื้อแข็งใหญ่ในตัวดูเหมือนจะขยายขึ้นอีกหน่อยเพื่อทำหน้าที่เสมือนจุกกั้นไม่ให้น้ำเชื้อชั้นดีของอัลฟ่าไหลย้อนหกออกไปให้เสียของ น้ำรักที่ยังพ่นพรายออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดประกอบกับการทำหน้าที่ของเจ้าอวัยวะน่ารำคาญทำให้ผมเริ่มอึดอัดในช่องท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องใช้มือทั้งสองกำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่เพื่อระบายอาการไม่สบายตัว


อา นี่สินะสิ่งที่อาจารย์เคยบอกเอาไว้ ไม่สบายตัวเลยจริงๆ ด้วยสิ


‘อาการน็อทหรืออาการล็อกติดกับร่างของอัลฟ่านั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นจากการที่อวัยวะพิเศษของอัลฟ่าขยายขนาดขึ้นในร่างของโอเมก้า อวัยวะนั้นจะทำหน้าที่ล็อกตัวโอเมก้าเอาไว้ไม่ให้ไปไหนเพื่อเพิ่มโอกาสในการผสมระหว่างเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ เหตุผลที่ต้องเกิดกระบวนการนี้ก็เพราะเมื่อครั้งในอดีตหลายพันปีก่อน ก่อนที่มนุษย์จะมีสติปัญญาเช่นทุกวันนี้ การดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของกลุ่มย่อมต้องมีจ่าฝูง และจ่าฝูงย่อมไม่ยอมใช้โอเมก้าร่วมกับใคร เพราะฉะนั้นเจ้าอวัยวะนี้จึงมีหน้าที่เพิ่มโอกาสในการผสมพันธุ์และลดโอกาสที่จะให้อสุจิของอัลฟ่าตัวอื่นได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นชีวิตใหม่’


ทั้งที่มนุษย์ในปัจจุบันวิวัฒนการมาได้ไกลถึงขึ้นมีนวัตกรรมทันสมัยมากมายแล้ว ทำไมถึงไม่ทำให้เจ้าสัญชาตญาณนี้หายไปด้วยนะ


‘ถึงจุดเริ่มต้นจะเกิดจากอัลฟ่าและโอเมก้า แต่แท้จริงแล้วอาการนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่ผสมพันธุ์กับอัลฟ่า และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดขึ้น จงอย่าได้ตื่นตระหนกไป โดยปกติแล้วอาการน็อทจะอยู่ประมาณสิบถึงสี่สิบห้านาที แต่ในรายของอัลฟ่าที่มีพละกำลังมากก็อาจจะอยู่ได้นานถึงเก้าสิบนาที เพราะฉะนั้น หากโอเมก้าถูกน็อทเมื่อไหร่ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะพุ่งขึ้นสูงเกือบแตะร้อยละเก้าสิบเลยทีเดียว แต่ก็นะ อาการน็อทไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ถ้าฮีทของโอเมก้าไม่ส่งผลต่ออัลฟ่านั้นรุนแรงพอ อาการน็อทก็จะไม่เกิด ตรงนี้ออกสอบนะ จดเอาไว้ด้วยล่ะ’


ตอนนี้เวลาผ่านไปกี่นาทีแล้วนะ แล้วถ้าต้องอยู่กับความอึดอัดนี้ไปจนถึงเก้าสิบนาทีอย่างที่อาจารย์เคยบอก ผมจะได้ทนได้ไม่นะ
บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ได้


“ฮาน”


ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่ในคอแห้งผากจนแทบเป็นผงแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าศึกที่ผมเจอนั้นหนักหนาขนาดไหน ในระหว่างที่สติของผมล่องลอยออกไป กายหยาบทางฝั่งนี้น่าจะรับมือหนักทีเดียว


อาการรัทของอัลฟ่านี่น่ากลัวจริงๆ


ดวงตาของผมลอบมองคนที่ยังติดยึดอยู่กับผมด้วยท่าทีสำรวจ ฮานดูสงบลงกว่าเมื่อครู่มาก แต่เพราะเขาก้มหน้าต่ำลง ผมเลยไม่มีโอกาสได้สังเกตว่าแววตาในตอนนี้ของเขาเป็นอย่างไร


เท่าที่รู้สึกตอนนี้ อาการร้อนรุ่มในตัวผมเบาลงไปมากแล้ว อันเป็นสัญญาณว่ากลิ่นฮีทที่ปล่อยมาก็น่าจะเบาบางลงไปด้วย
เอ๊ะ กลิ่นเหรอ...


ผมสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่พลางพยายามแยกกลิ่นที่ดมเข้าไปในใจเงียบๆ


กลิ่นดอกมะลิ...จางลงแล้วนี่นา...


“ครับตัวเล็ก”


ฮานนะฮาน บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกว่าตัวเล็ก


ช่างเถอะ เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ...


“ฮานเคยน็อทรึเปล่า”


สิ้นคำของผม สัมผัสชวนจั๊กจี้ของเส้นผมก็พลันคลอเคลียลงบนแผ่นหลัง


ถ้าให้เดา ตอนนี้เขาคงกำลังเอาหัวถูไถไปกับแผ่นหลังของผมแน่ๆ เลย


“ไม่เคย”


เสียงของเขายังแหบพร่าคล้ายเสียงคำราม แต่ก็ฟังดูดุร้ายน้อยลงกว่าเมื่อครู่นี้มากอยู่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ได้ได้ไหมนะ


“งั้นเหรอ” ผมเอ่ยรับคำพลางพยายามหาวิธีถามที่ดูนิ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ “แล้ว...ฮานคิดว่าเราจะต้องอยู่อย่างนี้กันไปอีกนานแค่ไหนเหรอ”


“ไม่รู้สิ” เขาตอบกลับมาแทบจะทันทีที่ผมถามจบ “น่าจะสักสี่สิบนาทีได้ล่ะมั้ง”


สี่สิบนาทีเหรอ นานขนาดนั้นเชียว


“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ตอนน็อทน่ะดีกว่าเมื่อกี้นี้เยอะเลยนะ”


ผมขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามไปทั้งที่ไม่สามารถหันไปมองหน้าอีกคนได้


“น็อทดีกว่างั้นเหรอ ทำไมล่ะ”


“ทำไมน่ะเหรอ”


ผมรู้สึกได้ถึงแรงขยับของบางอย่างในตัว อาการร้อนรุ่มที่เคยหายไปได้สักพักเริ่มกลับมาอีกครั้ง


นี่มันอะไรกัน...


“เวลาที่เกิดน็อท โอเมก้าจะหยุดฮีทชั่วคราว ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้อาการรัทของอัลฟ่าทุเลาลงด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การน็อทจบลง...”


ผมรู้สึกได้ ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าอวัยวะพิเศษนั่นกำลังถอยออกไปจากร่างกายของผม


กลิ่นนี้...กลิ่นมะลินี้เริ่มรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องอีกแล้ว


ไม่นะ อย่าบอกนะว่า...


“อาการฮีทและรัทก็จะกลับมา”


“อ๊า!”


แรงสวนกระแทกที่ดันกลับเข้ามาจนร่างทั้งร่างแทบลอยไปด้านหน้าทำเอาผมตาพร่าไปพักใหญ่ ช่วงเอวของผมถูกมือใหญ่ที่ร้อนจนแทบไหม้ของฮานจับไว้แน่นราวกับเขากลัวว่ามันจะหายไป แรงดันหนักหน่วงจากทางด้านหลังทำให้เรี่ยวแรงพยุงตัวตรงช่วงแขนของผมหายไปจนหมดเกลี้ยง สภาพของผมในตอนนี้ ต่อให้ใครมาเห็นก็คงรับไม่ได้


ใบหน้าของผมซุกลงกับเตียงนอน ริมฝีปากและฟันกัดผ้าปูเตียงเอาไว้แน่นพอๆ กับมือสองข้างที่จิกทึ้งผ้าผืนสีขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย


ผมเคยได้ยินมาอยู่หรอกว่าอัลฟ่ารัทนั้นดุร้ายและรุนแรง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้นี่นา


“ฮาน ไม่ไหว” ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องขอความเมตตา “ไม่ไหวแล้ว”


ใบหน้าของผมซุกลงกับเตียงพลางหอบหายใจจนตัวโยน


นี่ขนาดฮีทผมยังรู้สึกทรมานเจียนขาดใจขนาดนี้ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าผมต้องโดนทำในวันที่ไม่ได้ฮีท ผมจะรู้สึกทรมานขนาดไหน
ไม่ไหว อัลฟ่าในตระกูลเก่าแก่น่ากลัวเกินไปแล้ว


“เหนื่อย...งั้นเหรอ”


คำเอ่ยถามจากคนที่อยู่ด้านหลังฉุดรั้งให้สติที่เกือบจะหลุดหายไปอยู่รอมร่อของผมกลับมายังกายเนื้ออีกครั้ง


เขาหยุดเคลื่อนไหวแล้ว แรงกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงเมื่อครู่หายไปแล้ว


อา เหมือนได้ฟื้นจากความตายเลย


ผมพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองพลางพยักหน้ารัวเป็นการตอบ


“อือ ผมไม่ไหวแล้ว” ลมหายใจของผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ “เอลไม่ไหวแล้วล่ะฮาน”


สิ้นคำของผมอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปอึดใจก่อนที่ส่วนแข็งแกร่งของเขาจะถูกถอดถอนออกไปจากร่าง ทันทีที่มันหายไป ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้ว่าความร้อนในร่างกายจะยังคงสูงมากเมื่อเทียบกับปกติ จากการน็อทเมื่อครู่...หลังจากได้รับน้ำเชื้อตามกระบวนการที่ควรเป็น อาการฮีทของผมก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมากจนไม่สติหลุดเหมือนช่วงแรกแล้ว


ถ้าเป็นอย่างนี้ บางทีผมคงสามารถผ่านช่วงฮีทนี้ไปได้โดยไม่จำเป็นต้องทำอีก...


“เหวอ!”


ในขณะที่ผมกำลังนั่งวางแผนอยู่อย่างสบายใจนั้น ต้นแขนขวาของผมก็พลันถูกดึงเข้าหาคนที่อยู่ด้านหลังก่อนที่ร่างทั้งร่างของผมจะถูกกดลงกับเตียงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกำลังนอนหงายเผชิญหน้ากับอัลฟ่าที่คร่อมร่างผมอยู่โดนบนโดยสมบูรณ์


ไม่ดี ท่านี้ไม่ดีเอาเสียเลย


กลิ่นมะลิหอมเย็นที่ลอยฟุ้งออกจากตัวของคนด้านบนเริ่มทำให้ภาพในตาของผมพร่าเบลอขึ้นพร้อมๆ กับอุณหภูมิร่างกายที่เริ่มสูงเรื่อยๆ


อาการฮีทของผมรุนแรงขึ้นอีกแล้ว


“อะ”


เสียงที่หลุดออกมาจากปากโดยไม่ตั้งใจเหมือนเป็นสัญญาณให้อีกคนรู้ว่าอาการฮีทของผมกลับมาสมบูรณ์เหมือนเมื่อสองชั่วโมงก่อนเรียบร้อยแล้ว


ไม่สิ นี่มันอาจจะมากกว่าเมื่อกี้นี้ด้วยซ้ำ


“เอลของฮาน”


“อ๊ะ”


ผมเปล่งเสียงร้องเมื่อปลายลิ้นอุ่นตวัดลงบริเวณสะดือ ใจผมหวังให้เขาหยุดแค่นั้น แต่เหมือนว่าพระเจ้าจะไม่เข้าข้างผมเอาเสียเลย...


“ฮาน อ๊ะ ฮาน”


ปลายลิ้นเรียวไล้ชิมรสตั้งแต่สะดือของผมเป็นทางยาวไปจนถึงช่องทางด้านหน้า คนขี้ซนแวะหยอกล้อกับส่วนกลางลำตัวของผมเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนที่ลงไปยังจุดหมายปลายทาง


ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลียบริเวณด้านล่างจนผมเริ่มรู้สึกเขินอายจนเกินทนไว้ ทั้งที่ใจอยากจะเอ่ยปากห้าม ไม่รู้ทำไมร่างกายมันถึงได้ไม่ฟังเอาเสียเลย


“อ๊า!”


สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ไล้ทำความสะอาดรอบช่องทางทำให้ผมดิ้นเร้าจนแทบเป็นบ้า ความชื้นร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้มันรู้สึกแปลกเสียจนอยากจะหุบขาหนีเสียตอนนี้ ถ้าไม่ติดว่าอีกคนเอามือกดต้นขาของผมไว้มั่นจนขยับไม่ได้แบบนี้น่ะนะ


ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว


ผมหอบหายใจจนตัวโยนเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น


ผมรู้...ผมรู้ดีว่าตัวเองต้องรีบทำให้ร่างกายผ่อนคลายให้มากที่สุด เพราะหลังจากนี้เทปม้วนเดิมกำลังจะถูกกรอซ้ำอีกครั้ง
ร่างกายอ่อนแรงของผมถูกท่อนแขนแกร่งของคนตรงหน้ายกอุ้มขึ้นไปนั่งบนหน้าขากว้างอย่างง่ายดาย ท่าทางในตอนนี้ของพวกเราหมิ่นเหม่อย่างน่าใจหาย


นิดเดียว ถ้าผมเผลอขยับตัวลงไปกว่านี้อีกนิดเดียว...


“อ๊า!”


ไม่รอให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ส่วนแข็งแกร่งอีกฝ่ายก็พลันเคลื่อนเข้ามาในร่างของผมอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเป็นช่วงฮีทบวกกับเพิ่งจะน็อทมาสดๆ ร้อนๆ แต่ส่วนที่เข้ามานั้นก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถทำใจให้ชินได้โดยง่ายเลยสักนิด


ใบหน้าของผมซุกลงกับไหล่กว้างพลางหอบหายใจจนตัวโยน ในขณะมือของอีกฝ่ายก็ลูบปลอบแผ่นหลังของผมไม่ห่าง


“เจ็บไหมเอล”


เสียงของเขายังคงเจือแรงอารมณ์จากอาการรัท แต่มันก็เบาไปกว่าครั้งแรกมาก


ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว


ผมส่ายหน้าช้าๆ พลางซุกเข้าหาซอกคอของอีกคนมากขึ้น


“ไม่เจ็บ แต่อึดอัด”


“ขอโทษนะ” เขาว่าพลางลูบหัวผมช้าๆ “หลังจากนี้จะพยายามเบามือแล้วกัน”


เปลือกตาสองข้างของผมปิดลงช้าๆ พลางพยักหน้ารับเป็นการตกลง


ตกลง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายทำไม่ได้หรอก


อัลฟ่าที่เกิดอาการรัท ควบคุมตัวเองให้พูดคุยได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว


คู่ของผมนี่ เกินมาตรฐานอัลฟ่าธรรมดาจริงๆ แฮะ


ไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น คนด้านล่างก็เริ่มเคลื่อนไหว


ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้


“อ๊ะ ฮาน ตรงนั้น”


ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นเป็นแบบนี้


“ฮาน แรงอีก ได้โปรด”


ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าตัวเองเตรียมใจไว้พร้อมแล้วแท้ๆ


“อ๊า!”


แต่พอโดนน็อทอีกครั้ง สติมันก็เหมือนจะดับวูบไปตรงนั้นเสียเฉยๆ


ไม่ไหว ครั้งนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ


อวัยวะพิเศษในตัวเหมือนจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าครั้งก่อนอย่างรู้สึกได้ชัด หยาดน้ำรักที่พ่นพรายในตัวคราวนี้ก็มากมายเสียจนรู้สึกอึดอัดมากกว่าครั้งก่อนเป็นสองเท่า


ไม่ไหว แน่นท้องไปหมดแล้ว


“นี่ฮาน เราต้องอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหนเหรอ”


คนด้านล่างลูบไล้เส้นผมของผมช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนท่าทางอย่างระมัดระวังแล้วช่วยวางผมนอนลงบนเตียง


“ครั้งนี้น่าจะนานหน่อย หลับพักไปก่อนก็ได้นะ”


เอ๊ะ


ผมเบิกตาที่ปรือจนแทบปิดให้กว้างขึ้นอีกหน่อยเพื่อมองหน้าอีกคนให้ชัดเจนขึ้น


นัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว...ดีจัง...


ฝ่ามือชื้นเหงื่อของผมไล้ไปตามใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายช้าๆ


“กลับมาแล้วเหรอฮาน”


คนข้างๆ พยักหน้ารับก่อนก้มลงมาประทับจูบลงบนหน้าผากผมแผ่วเบา


“ขอโทษนะที่รุนแรง”


ผมส่ายหน้า


“ไม่เป็นไรหรอก เหตุสุดวิสัยน่ะ”


แล้วพวกเราก็เงียบไป ปล่อยไว้เพียงสายตาสองคู่ที่จับจ้องกันคล้ายต่างฝ่ายต่างอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา


สุดท้าย เขาก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน


“ที่ทำไปทั้งหมด นอกจากอาการรัทแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุสุดวิสัยหรอกนะ”


ผมก้มหน้างุดทันทีที่ฟังอีกฝ่ายจบ


ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุสุดวิสัยอะไรกันเล่า นี่มันคำสารภาพรักชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง


“รอยกัดนี่” ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสของปลายนิ้วบริเวณแผลกัดตรงต้นคอ “ก็ไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัยนะ”


ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้นี่มัน...


“คิดว่าถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ผมจะยอมปลดล็อกปลอกคอไหมเล่า” แล้วผมก็ซุกหน้าเข้ากับหน้าอกกว้างของอีกฝ่ายเพื่อเลี่ยงที่จะมองดวงตาสีดำจอมซุกซน “เจ้าบ้าฮาน รับผิดชอบเลยนะ”


เขาหัวเราะ อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะของเขาไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่


“รับทราบครับคุณตัวเล็ก”


“นี่” ผมเอ็ด “เลิกเรียกผมว่าคุณตัวเล็กๆ ได้แล้วน่า ผมไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นสักหน่อย”


“ครับๆ” เจ้าของเสียงทุ้มหัวเราะอีกครั้ง “คุณตัวเล็ก”


ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้...ช่างเถอะ ขี้เกียจจะเถียงแล้วด้วยสิ


ผมขยับซุกหน้าเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเก่าก่อนที่เปลือกตาทั้งสองจะปิดลง


ก่อนที่สติจะหลุดลอยไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่คอยลูบไล้หัวผมอย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขาต้องกล่อมผมนอน


“ฝันดีนะครับ คุณตัวเล็กของผม”


อือ ฝันดีนะครับ คุณตัวโตของผม






***************************************************************************





ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ฮานเบาๆกับน้องเอลหน่อย..   :m25:
น็อทแล้วน็อทอีก ตัวเล็กอีกคนคงมาอีกไม่ช้า  :-[

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2019 18:18:00 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อ่อนโยนได้อีก..กกกกกก  :ling1:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :-[ น็อทสองรอบบบ โอ้โห ขนาดนี้ไม่ท้องไม่รู้จะพูดอะไรแล้วว

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่ท้องให้รู้ไปซิ น็อทสองรอบติดแบบนี้ ไม่แฝด 4 ให้รู้ไปเลยล่ะ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ท้องแน่นอน 100% :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งุยยยยน็อทแต่ละครั้งแฝดชัวร์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด