My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---  (อ่าน 33720 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pigha2: ทำไม​ถึง​ดู​น่ารัก​อย่างนี้​

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ถอดแบบกันมาทั้งตระกูลเลยนะคะ นายท่านคิมกับแอชเหมือนกันเลย 555

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Taohoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3
รู้สึกเหมือนกำลังอ่านแนวจีนๆเลยค่ะ เหมือนบรรยายแบบนั้น :L2: จริงๆนะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักกกก เห่อกว่าใครเพื่อนเลยคิดชื่อไว้แล้วด้วย 5555

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอยยย น่าร๊ากกกกก เราชอบบรรยากาศในเรื่องนี้มาก
ชอยเรื่องนี้มาก ซินเธีนน่ารัก แอชลีย์ก็น่าหมั้นไส้
เรื่องนี้ของยาวๆนะคะ อย่าพึ่งรีบจบแบบเจย์เดน์น้าาาาา
ขอยาวๆ 40-50 ตอนไปเลยยยยยย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0


บทที่ 25




   เวลาผ่านไปรวดเร็วพอกับการเติบโตของเด็กๆ ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายระหว่างซินเธีย ไม่ว่าจะเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ความอยากอาหาร อาการแพ้ท้องก็ทุเลาลงมากจนแทบจะเรียกว่าหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากสุดคงจะเป็นรูปร่างของคุณแม่ลูกแฝด โดยเฉพาะผิวท้องที่ดูนูนมากขึ้นกว่าปกติเกือบเท่าตัว


   ในช่วงเวลาหนึ่งตอนรุ่งสางจู่ๆ เด็กหนุ่มก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดเพราะความรู้สึกบางอย่างและแรงสะดุ้งนั้นทำเอาคนที่นอนกกกอดกันอยู่ด้านหลังลืมตาตื่นขึ้นตาม


   ซินเธียคล้ายเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบวาบอยู่ภายในร่างกาย มือข้างหนึ่งรีบเลื่อนขึ้นมาทาบจับบนหน้าท้องนูนของตัวเองโดยอัตโนมัติ ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับคนตัวโตด้านหลัง


“เกิดอะไรขึ้น” แอชลีย์ที่ช่วงนี้ก็พลอยรู้สึกอ่อนไหวตามคุณแม่ไปด้วยรีบถามเมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของภรรยาผ่านความมืดอันเลือนรางในห้องนอน รีบยืดตัวไปเปิดโคมไฟจากหัวเตียงเพื่อเพิ่มความสว่าง


ตอนนี้เป็นเวลาราวๆ ตีห้า ไม่ใช่เวลาตื่นนอนตามปกติของคนทั้งสอง สำหรับซินเธียยิ่งแล้วใหญ่ คุณแม่เขาเดี๋ยวนี้ใช้เวลานอนมากถึงสิบชั่วโมง กว่าจะตื่นขึ้นมาเองก็ใกล้มื้อสายแล้ว


เด็กหนุ่มส่ายหน้าเนื่องจากตนก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน จู่ๆ ก็สะดุ้งตื่นเหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุก พอลองตั้งสติแล้วลูบฝ่ามือไปรอบหน้าท้องของตัวเองอยู่ชั่วครู่ ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงแรงดิ้นจากภายใน


ใช้เวลาอยู่นานในที่สุดก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว เด็กหนุ่มพลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนหงายพลางขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียง แสงสลัวสีนวลพอให้เห็นใบหน้าคมคร้ามของชายผู้เป็นสามี เขาสบลึกเข้าไปในดวงตาอำพันคู่นั้นขณะเอ่ยสิ่งที่คิดในใจออกไป


“ดูเหมือนลูกจะดิ้นนะครับ”


พอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นอกจากฟังคำแนะนำจากคุณหมอแล้วตัวเองก็อ่านหนังสือศึกษาเพิ่มเติมมาอยู่ไม่น้อย ตามจริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะศึกษาอะไรมากมายเพียงแต่เผอิญเจอพวกตำราคู่มือสำหรับคุณแม่มือใหม่อยู่ในห้องหนังสือหลายต่อหลายเล่ม แถมยังมีมาใหม่เรื่อยๆ เป็นระยะ ก็ไม่รู้ใครที่ไหนสั่งซื้อมา เอาเป็นว่าเขาจะไม่สืบหาตัวการก็แล้วกัน


ในหนังสือพวกนั้นพูดถึงพัฒนาการของเด็กๆ เอาไว้มากมายในแต่ละเดือน ซินเธียเลยพอมีความรู้อยู่บ้างสำหรับมือใหม่แบบตนเอง ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนก็พอมีอาการให้สังเกตเป็นระยะแต่เพราะเด็กๆ คงยังตัวเล็กเกินไปบวกกับอาการดิ้นเหล่านั้นยังไม่ชัดเจนซินเธียเลยยังไม่ค่อยรู้สึกแน่ชัดว่าลูกดิ้นแล้ว หรือบางครั้งก็เพียงคิดไปว่าตัวเองน่าจะท้องอืด แต่สำหรับวันนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่าพวกเขากำลังส่งสัญญาณบอกคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าตัวแล้วล่ะ


“อ๊ะ ดิ้นอีกแล้ว” คราวนี้เป็นฝั่งทางซ้าย “ดิ้นทั้งสองคนเลย”


คนฟังได้แต่ขมวดคิ้ว พลิกตัวขึ้นมาลองทาบมือใหญ่ไปบนผิวท้องนูนบ้าง จับทางขวาทีหนึ่งก่อนจะไล้ไปทางซ้ายแล้วก็นิ่งไป


“ไม่เห็นรู้สึกอะไร” แล้วก็ชักมือกลับ


“แต่เมื่อครู่เราจับลูกก็ยังดิ้นอยู่เลยนะครับ อ๊ะๆ นี่ไง ดิ้นอีกแล้วคราวนี้แรงเชียวสงสัยจะตื่นเต็มตาแล้วล่ะ”


พอสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นของลูกๆ ที่ชัดเจนขึ้นกว่าครั้งแรกอีกระดับเด็กหนุ่มก็รีบจับมือคนเป็นสามีมาวางทาบเอาไว้บนหน้าท้องทันที ทว่า ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม คนตัวโตก็เลยเลิกสนใจแล้วบอกให้นอนต่ออีกหน่อย


รอจนกระทั่งทั้งสองตื่นมาทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ว่าที่คุณแม่ก็นั่งลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างเป็นสุข พอได้เห็นพัฒนาการของเด็กๆ สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเป็นครั้งแรกจากฝ่ามือของตัวเองแบบนี้แล้วอารมณ์วันนี้จึงแจ่มใสมากเป็นพิเศษ ทานอะไรก็อร่อยไปหมด แม้แต่ของหวานก็ยังจัดการจนเกลี้ยง ส่งเสียงเล็กเสียงน้อยกระซิบพูดคุยกับลูกๆ อย่างชื่นบาน


“สงสัยลูกจะชอบพายผลไม้ ดีใจกันใหญ่เลย”


ซินเธียลูบๆ จับๆ หน้าท้องเมื่อรู้สึกว่าเด็กๆ กำลังคึกคักหลังจัดการพายผลไม้รวมไปถึงสองชิ้น


“จริงหรือคะ พรุ่งนี้แมรี่จะรีบตื่นแต่เช้ามาอบพายให้คุณชาย... เอ่อ หรือคุณหนู” เด็กสาวเกาหัวแกรกด้วยไม่แน่ใจว่าเจ้านายตัวน้อยเหล่านั้นแท้จริงแล้วเป็นคุณชายผู้น่ารักหรือคุณหนูผู้งดงามกันแน่ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนไปกระตือรือร้นกับความมุ่งมั่นในการอบพายชิ้นใหม่สำหรับครั้งต่อไปแทน


“หรือมื้อค่ำท่านชายจะรับอีกดีคะ”


สาเหตุที่เธอดีใจมากมายขนาดนี้เป็นเพราะเด็กสาวพึ่งจะได้รับอนุญาตให้ไปฝึกทำงานในครัวได้ไม่นานและตอนนี้ก็กำลังเริ่มทำพวกของหวานไว้เสิร์ฟเคียงหลังมื้ออาหารด้วยตนเองบ้างแล้ว พอได้ยินว่าฝีมือของตัวเองซึ่งคอยเคี่ยวกรำกันมานานเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าเจ้านายก็นึกตื่นเต้นดีใจจนลืมเก็บอาการ พอเห็นสายตาเป็นเชิงเตือนของคุณพ่อบ้านถึงได้สงบเสงี่ยมลงแล้วถอยไปยืนด้านหลังอีกนิด


“ทานมากไปเดี๋ยวก็ปวดท้องเอาหรอก”


แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเบิกบานใจในเช้าวันนี้สักเท่าไหร่ ชายหนุ่มผู้ครอบครองตำแหน่งเก้าอี้ประธานหัวโต๊ะตีหน้าเคร่งขรึม เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบอยู่แล้วสร้างความหวั่นเกรงให้กับเหล่าสาวใช้ไม่น้อย


จะมีก็แต่เจ้าของเก้าอี้ฝั่งขวานั่นแหละที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นึกอ่อนใจเพราะทราบดีว่าต้นเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวเหล่านี้มาจากไหน


ก็คุณพ่อเขาน่ะ พอได้ยินว่าลูกดิ้นแล้วก็อยากจะลองสัมผัสลูกบ้างแต่ไม่ว่าจะลองจับกี่ครั้งก็ยังไม่รู้สึกถึงแรงดิ้นเสียที ตอนตื่นขึ้นมารอบที่สองก็ลองให้จับไปหนึ่งรอบ หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ให้มาลองจับอีกหนึ่งรอบผลก็ยังคงเดิม


เรื่องแบบนี้มันไม่แน่นอนนัก ซินเธียเป็นคนอุ้มท้องเลยรู้สึกได้ถึงลูกแทบจะตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนคุณแอชลีย์เขาก็เดาว่าคงเข้ามาจับไม่ถูกจังหวะนั่นแหละ เด็กๆ พึ่งแสดงตัววันนี้ชัดเจนวันแรกแถมในแต่ละครั้งก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ซินเธียจึงยังบอกไม่ได้ว่าลูกจะชอบดิ้นเวลาไหนบ้าง คงต้องคอยนับกันไปเรื่อยๆ ก่อน เขาเลยบอกอีกคนว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้รอเวลาสักหน่อยก็แล้วกัน


“คุณดูสิ ตอนนี้ลูกกำลังดิ้นใหญ่เลย” เรียกให้คนแอบน้อยใจแต่ทำเป็นแสดงท่าทางขึงขังให้เอื้อมมือเข้ามาใกล้กันอีกครั้ง


ชายหนุ่มพอได้ยินคำว่ากำลังดิ้นใหญ่ก็รีบลุกจากเก้าอี้ลงมาย่อตัวลงให้ใบหน้าเสมอกับหน้าท้องนูนของภรรยาซึ่งกำลังยิ้มหวานส่งมาให้ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสผิวท้องผ่านเนื้อผ้าโปร่งสีฟ้าอ่อนของคุณแม่แช่ค้างไว้แบบนั้นอยู่พักใหญ่ จากด้านขวาเคลื่อนไปทางซ้ายจนกระทั่งลูบวนหน้าท้องก็แล้ว


“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย” ว่าแล้วก็หน้าบูดกลับไปนั่งที่เดิม




ช่วงบ่ายคุณชายอิลลาเรียนซึ่งไม่ได้พบหน้ากันมานานก็แวะมาจิบน้ำชายามบ่ายด้วยกัน เจ้าตัวบ่นเรื่องหิมะที่ตกลงมาเกาะตามเสื้อผ้าระหว่างเดินทางมาเล็กน้อยขณะคลายผ้าพันคอผืนหนาออก


“อีกไม่นานก็ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลแห่งชีวิตแล้ว ทำไมอากาศไม่อุ่นขึ้นเลยนะ” คุณชายเจ้าของผมบลอนด์บ่นเล็กน้อยเนื่องจากตนเป็นคนขี้หนาว ยิ่งหิมะตกก็เดินทางลำบาก


“ชาขิงครับ”


อีริคนำน้ำชามาเสิร์ฟให้แก่ผู้เป็นนายและแขกคนสำคัญ กลิ่นชาหอมอ่อนๆ ผสมกับไอร้อนฟุ้งกระจายยามน้ำชาถูกรินออกจากกา ด้านข้างเป็นคุกกี้ธัญญาพืชอบใหม่กับสกอนสอดไส้แยมสตรอว์เบอร์รี่วางเคียงกัน


 บทสนทนาระหว่างจิบชาวันนี้ส่วนใหญ่คือเรื่องเกี่ยวงานงานเลี้ยงวันคริสต์มาสในวันอาทิตย์หน้า และมันดูเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับชาวแดนเหนือมาก ออร์เวลพูดถึงของตกแต่งมากมายรวมถึงการจัดต้นคริสต์มาสด้วยตนเองกับลูกชาย


“เมื่อวานพึ่งพาเจมี่ไปเลือกของมา ปกติเราจะใช้พวกของที่มีอยู่แล้วเดิมๆ อย่างทุกปี แต่ปีนี้พิเศษหน่อย พอเด็กเริ่มรู้ความก็มักจะตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่” เขาพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงความป่วนระหว่างซื้อของเมื่อวาน เรียกว่าอยากได้นู่นได้นี่เต็มไปหมด


“เราก็เตรียมของขวัญไว้ให้เจเรมี่กับเจสเปอร์ด้วยนะ ตอนแรกว่าจะฝากผ่านแอชลีย์ไป” ตามจริงแล้วก็อยากนำของขวัญไปมอบให้หลานๆ ด้วยตนเองเพราะมันคงมีความสุขมากเวลาเห็นพวกเขายิ้มแย้มดีใจตอนได้รับของ และตื่นเต้นขณะแกะห่อของขวัญตรงนั้น ติดก็เสียว่าตอนนี้ให้ไปเองคงเดินทางไม่สะดวก


“ไม่เป็นอะไรเลยครับ แค่คุณซินเธียนึกถึงเด็กๆ ผมก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะ”


“อื้ม เดี๋ยวตอนกลับเราเอาให้นะ”


สำหรับซินเธีย เทศกาลคริสต์มาสคืออะไรก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เท่าที่ได้ฟังได้ศึกษามาตามความเข้าใจของเขาก็คงเป็นวันพิเศษสำหรับครอบครัว จัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อทานอาหารร่วมกัน ปีนี้นับเป็นคริสต์มาสปีแรกสำหรับเด็กหนุ่ม ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็อดตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ได้ พอรู้แล้วก็รีบไปเลือกซื้อของเล่นมาให้กับหลานๆ เลยทีเดียว


“เดี๋ยวพอถึงตาหนูน้อยคนนี้บ้างรับรองจะจัดการให้เป็นพิเศษแน่นอน” คุณชายอิลลาเรียนกล่าวอย่างชอบอกชอบใจ เลื่อนสายตาลงมองหน้าท้องซึ่งเริ่มนูนจนเห็นชัดเจนของท่านชายวาเลนเธีย


“ว่าแต่ ตอนนี้กี่เดือนแล้วหรือ”


“ก็ประมาณ 5 เดือนครับ” ซินเธียว่ามือก็ลูบหน้าท้องอย่างรักใคร่


“โอ้ 5 เดือนเอง แต่ท้องดูใหญ่มากเลยนะ” ทั้งจากประสบการณ์ส่วนตัวและการมองเห็นคนรอบตัว ตามหลักแล้วท้องแรกมักจะไม่โตมากอยู่แล้ว หรือจะเป็นท้องปกติทั่วไปสำหรับ 5 เดือนก็นับว่ามองเห็นได้ชัดเจนแต่สำหรับท่านชายซินเธียนั้นจะดูใหญ่คล้ายคนอายุครรภ์ราวๆ 6-7 เดือนมากกว่านั่นเลยทำให้ออร์เวลอดจะแปลกใจไม่ได้


ฟังประโยคนั้นทำเอาคุณแม่ลูกแฝดหัวเราะออกมาเสียงเบา “ความจริงแล้วมีสองคนน่ะครับ”


“สองคน!” คุณชายอิลลาเรียนตาโต “พระเจ้า นั่นมันยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย” มีทั้งทีก็ได้มาถึงสองคนนี่ไม่นับว่าเป็นโชคสองชั้นเลยหรือ ถึงจะเหนื่อยจนแทบจินตนาการความวุ่นวายในอนาคตออกคร่าวๆ แต่ก็คงเป็นความวุ่นวายที่มีความสุขที่สุดในโลก


สำหรับออร์เวลมีลูกแค่หนึ่งคนก็มีความสุขจนไม่อาจหาถ้อยคำใดมาอธิบายแล้ว คงไม่ต้องถามเลยว่าท่านชายวาเลนเธียได้มาถึงสอง เป็นครอบครัวไม่เล็กไม่ใหญ่จะยิ่งมีความสุขมากกว่าขนาดไหน


ซินเธียยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร


“แล้วตอนนี้รู้เพศเด็กๆ หรือยังครับ”


“วันมะรืนคุณหมอนัดตรวจ คงได้รู้เพศวันนั้นแล้วครับ”


“เหรอครับ” คนถามยิ้มอย่างคนยินดี “แล้ว... ซินเธียอยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”


คำถามนี้คงเป็นคำถามพื้นฐานสำหรับว่าที่คุณแม่ทุกคน แม้แต่คุณหมอยังอยากรู้ ซึ่งซินเธียก็ตอบออกมาทันทีแทบไม่ต้องคิด


“เป็นเด็กผู้ชายครับก็ดีครับ”


“หืม ทำไมล่ะ” ถามอย่างสนใจพลางยกแก้วชาขึ้นจิบ ความจริงสำหรับคนรักเด็กอย่างท่านชายคนนี้ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายดูแล้วเจ้าตัวก็คงยินดีหมด แต่พอได้ยินคำตอบซึ่งค่อนข้างเฉพาะเจาะจงเลยนึกสนใจถึงเหตุผลขึ้นมา


“ก็...” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไป เอนกายพิงกับหมอนอิงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งก็คอยลูบหน้าท้องนูนไปมาคล้ายกำลังพูดคุยกับเด็กน้อยในครรภ์เสียมากกว่า “เราอยากพวกเขาโตขึ้นมาเป็นคนที่แข็งแกร่งดังเช่นคุณพ่อของเขา”


สง่าผ่าเผย เคร่งขรึมเจือไปด้วยกลิ่นอายดุดัน แต่ก็มีมุมน่ารักในแบบของเจ้าตัว ขอเพียงมีคนผู้นี้อยู่เคียงข้างก็รู้สึกอุ่นใจไม่ว่าว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ไหน


พอได้ฟังคำตอบนั้นแล้วก็เรียกรอยยิ้มจากคนฟัง เป็นเหตุผลที่ดีสมกับความเป็นซินเธีย


“ขอให้สมหวังนะครับ” เขาอวยพร “แล้วแบบนี้คุณแอชลีย์เขาว่าอย่างไรล่ะครับนั่น”


“คนนั้นเขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากหรอกครับ” พูดถึงตรงนี้ก็อดจะหลุดขำออกมาไม่ได้ “ถึงถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร”


ออร์เวลลเลยบอก “นึกภาพคุณแอชลีย์เป็นพ่อคนไม่ออกเลยนะเนี่ย”


แล้วบทสนทนาก็จบลงตรงนั้นแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ จากโอเมก้าทั้งสองคน เชื่อว่าคำถามนี้แม้แต่คุณพ่อบ้านอีริคเองซึ่งแอบยิ้มอยู่มุมหนึ่งของห้องรับแขกก็คงจะเคยคิดเช่นเดียวกันไม่มียกเว้น



   หลังส่งแขกซินเธียขึ้นไปพักผ่อนจนถึงช่วงมื้อเย็น วันนี้คนตัวโตบอกกันตั้งแต่เช้าแล้วว่าคงกลับมาไม่ทันมื้อเย็น ยังมีงานเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจของตระกูลให้จัดการอยู่ไม่น้อย กว่าจะกลับก็คงเลยเวลาไปแล้ว เด็กหนุ่มทานอาหารตามปกติแล้วขึ้นชั้นสองไปชำระกายตามปกติ


   เหลือบมองเวลาก็ยังพอเหลือเวลาก่อนเข้านอนอีกหน่อยทั้งแอชลีย์ก็ยังไม่กลับเลยตัดสินใจเขียนจดหมายหาท่านพ่อสักฉบับ ระยะหลังมานี้เด็กหนุ่มยังไม่ได้เล่าเรื่องหลานๆ ให้ท่านพ่อฟังเลยสักครั้ง


   เนื้อความในจดหมายเริ่มต้นด้วยการถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนทางแดนใต้ ก่อนจะเกริ่นเล่าเรื่องราวในแต่ละวันของตัวเอง และตบท้ายด้วยการแจ้งข่าวสำคัญว่าท่านพ่อกำลังจะมีหลานตัวน้อยๆ แล้ว หวังว่าท่านพ่อคงจะดีใจมาก ฝ่ายคุณสามีเองถึงจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมายแต่ก็สัมผัสได้ว่าเขายินดีกับของขวัญล้ำค่านี้จากใจจริง


   เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็บรรจงประทับตราของตระกูลคิมปิดผนึกจดหมาย กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกระดาษเนื้อดีพลอยทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นสุข ในจดหมายฉบับนั้นเขาแจ้งความจริงไปเพียงครึ่งเดียว แต่ไม่ได้บอกว่าหลานที่ว่าของท่านพ่อน่ะ มีถึงสองคนเชียว เขาคิดเอาไว้ว่าหลังกลับไปแดนใต้ตามธรรมเนียม ถึงเวลานั้นท่านพ่อจะต้องตกใจมากแน่ๆ เพียงแค่คิดก็รู้สึกสนุกสนาน


   เสียงเปิดประตูห้องนอนดึงความสนใจจากเด็กหนุ่มที่นั่งเขียนจดหมายอยู่ริมกระจก คนตัวสูงเดินเลยเข้าไปทางห้องแต่งตัวเพื่อจัดการธุระของตัวเองในห้องน้ำเห็นดังนั้นซินเธียเลยวางจดหมายไว้บนโต๊ะแล้วเก็บกวาดพวกอุปกรณ์นำกลับไปวางไว้ในจุดเดิมของมันก่อนจะขึ้นไปนั่งรออีกคนบนเตียงรอเข้านอนพร้อมกัน


แอชลีย์ใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่นาน พอกลับเข้ามาเห็นภรรยาตัวน้อยนั่งจ้องตัวเองอยู่ก็เลิกคิ้วสงสัย


“มีอะไรหรือเปล่า”


“คุณลองมาตรงนี้สิครับ” ไม่ตอบ แต่กวักมือเรียกให้เข้ามาหาแทน


เพียงประโยคนั้นก็พอจะเดาจุดประสงค์ของคนอ่อนกว่าได้แล้ว ชายหนุ่มแสดงใบหน้าเรียบเฉยทว่าก็สอดตัวขยับเข้าไปชิดภรรยาใต้ผ้านวมเดียวกัน


“ลองจับดูอีกครั้งนะ เราพอจะเดาได้แล้วว่าลูกจะชอบดิ้นทุกๆ สิบนาทีถ้าเขาตื่นอยู่”


“พวกเขาตื่นอยู่หรือตอนนี้” แอชลีย์เอ่ยถามเสียงเนิบ ไม่ได้คิดคาดหวังอะไรกับคำบอกเล่านี้อีกแล้ว วันนี้เขาพยายามจะสัมผัสลูกมาทั้งวันแต่ก็ไม่เคยรู้สึกถึงอะไรเลย คิดว่าตอนนี้ต่อให้อีกคนยืนยันก็คงเหมือนเดิม


“อื้ม เมื่อครู่ก็ยังคึกคักกันอยู่เลย ลองจับดูสิครับ”


“ก็เหมือนเดิม” ชายหนุ่มว่าหลังลองลูบไปบนเนินท้องนูนนั้น


“เพราะคุณไม่ค่อยพูด ลูกเลยไม่รู้ว่าใคร คุณลองพูดกับพวกเขาดูสิครับ” คุณหมอบอกว่าช่วงนี้เด็กๆ จะได้ยินเสียงของพ่อกับแม่แล้ว แล้วหากหมั่นพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์บ่อยๆ พวกเขาก็จะสามารถจดจำได้ว่าน้ำเสียงของคุณพ่อเป็นแบบไหน คุณแม่เป็นแบบไหน


สำหรับซินเธียไม่มีอะไรต้องห่วง เขาน่ะพูดคุยกับลูกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ได้อยู่กับเด็กๆ ตลอดเวลา แต่คุณพ่อเขาน่ะสิ ปกติก็ทั้งเงียบทั้งขรึมเกรงว่าลูกจะจำไม่ได้เอา หากจะโดนเมินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้ว เลยต้องกระตุ้นเสียหน่อย


“ให้พูดอะไร” แอชลีย์ขมวดคิ้ว ไม่รู้จริงๆ


“อะไรก็ได้ครับ”


ไอ้อะไรก็ได้น่ะมันยากยิ่งกว่ายาก พอลองพยายามคิดถึงบทสนทนาแล้วคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก แล้วปกติต้องพูดอะไรกับลูกล่ะ ยิ่งคิดหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดกันจนแทบจะเป็นปม ไม่รู้คนอื่นได้ประสบปัญหาเดียวกับตนบ้างหรือเปล่า


“จำเป็นต้องพูดด้วยเหรอ”


“จำเป็นสิครับ อย่างนั้นลูกก็จำไม่ได้สิว่าคุณพ่อเขาเสียงเป็นแบบไหน”


แล้วสรุปต้องพูดอะไรล่ะ กับคนปกติทั่วไปน่ะมันไม่น่าคิดมากแบบนี้หรอกเพราะเมื่อจะสนทนากับใครสักคนแน่นอนว่าต้องมีจุดประสงค์ของการพูดคุยนั้น พูดไปก็มีคำตอบกลับมา แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน จะให้เขาพูดกับ... หน้าท้องของภรรยาน่ะหรือ มันไมคล้ายกับการพูดคนเดียวหรือย่างไง แล้วแบบนั้นใครมันจะไปทำได้กัน เหมือนคนบ้าชัดๆ


สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาเอนตัวลงเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าท้องของอีกคนสองมือยกขึ้นประคองหน้าท้องนูนแผ่วเบาแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ คิดอยู่นานสุดท้ายก็เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง


“สวัสดี”


ซินเธียยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบังริมฝีปากซ่อนรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ นึกอ่อนอกอ่อนใจอย่างไรชอบกลให้คนที่กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับหน้าท้องตัวเองอยู่ข้างๆ


แต่ก็เอาเถอะ ได้ประมาณนี้ก็ดีแล้ว





TBC


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอ็นดูคุณพ่อมือใหม่นะคะ ไม่ค่อยพูดเน้นทำก็งี้แหละ
น่ารักๆ อยากให้ลูกดิ้นก็ต้องคุยกับลูกบ่อยๆนาาาาาาาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
55555​ ทำไมน่ารัก

ออฟไลน์ Kungkakung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เอ็นดูคุณพ่อแอชเขานะคะ555555555
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารคุณพ่อมือใหม่ :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คุณพ่อสู้ๆค่า 555555555555
พูดบ่อยๆเดี๋ยวก็คล่อง

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารคุณพ่อมือใหม่ไม่ได้จับตอนลูกดิ้นซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คุณพ่อน่ารักมากๆเลย 5555 ความขรึมของคุณแอชช ทำไมน่ารักขนาดนี้

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ขุ่นพ่อออออออออออออออออ :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ็นดูในความน้อยใจที่ลูกไม่ดิ้นตอนตัวเองจับ 55555 :laugh:

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0


บทที่ 26



   ซินเธียตื่นเต้นมากกับการไปโรงพยาบาลวันนี้ พวกเขาจะได้รู้กันแล้วว่า เด็กๆ ที่ซนอยู่ด้านในท้องของตนเหล่านี้จะเป็นคุณชายน้อยหรือคุณหนูน้อยกันแน่


อันที่จริงก็นึกตื่นเต้นทุกครายามถึงนัดประจำเดือน ซินเธียมักมีความสุขกับการไปตรวจมากเขาชอบที่จะได้ฟังคุณหมอเล่าว่าตอนนี้ลูกๆ มีพัฒนาการเป็นแบบไหน น้ำหนักตัวเท่าไหร่ โตขึ้นมากเท่าใดแล้ว


ทันทีเมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องตรวจคุณหมอสาวสวยก็ส่งยิ้มอ่อนหวานให้อย่างทุกครั้ง


“สวัสดีค่ะ คุณแม่สบายดีไหมคะ”


“สบายดีครับ เด็กๆ ก็ดูสดใสคึกคักมาก” ตอบในขณะลูบหน้าท้องนูนของตัวเอง พวกเขาดิ้นกันเก่งมาก ยิ่งเวลาได้ยินเสียงพูดคุยของคุณแม่ก็ยิ่งคึกคักเช่นเดียวกับตอนได้ทานขนมอร่อยๆ


เราเริ่มต้นด้วยการทักทายอย่างผ่อนคลาย สอบถามอาการเบื้องต้น ซินเธียเล่าให้เธอฟังว่าตลอดหนึ่งเดือนมานี้มีความเปลี่ยนแปลงใดบ้าง อาการแพ้ท้องหมดไปแล้วจากที่ทานมากก็ยิ่งมีความอยากอาหารบ่อยครั้งเพิ่มขึ้น แลกเปลี่ยนสอบถามกันในระหว่างตรวจร่างกายเบื้องต้น


“ผลเลือดปกตินะคะ ความดัน หัวใจก็ดีค่ะ” เธอจดข้อมูลลงในบันทึกประจำตัวของคนไข้คนสำคัญ ริมฝีปากอิ่มก็ขยับอธิบายโดยไม่ติดขัด “คุณแม่ทานได้มากขึ้น อืม เป็นเรื่องดีนะคะแต่ต้องระวังเรื่องน้ำหนักเล็กน้อย”


พอได้ยินแบบนั้นคนที่ระยะหลังมานี้มีความสุขกับการทานอาหารก็มีสีหน้าเจื่อนลง


“น้ำหนักตอนนี้นับว่ายังไม่เกินเกณฑ์มากค่ะ แต่หมอแนะนำว่าไม่ควรให้เพิ่มขึ้นเกินเดือนละ 2 กิโลกรัม เรื่องนี้จะส่งผลต่อเด็กๆ ด้วย หากพวกเขามีน้ำหนักมากและตัวใหญ่เกินไปจะมีปัญหาตอนคลอดได้”


วิธีการคลอดด้วยธรรมชาติย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่สุขภาพแข็งแรงและอายุยังน้อย การฟื้นตัวหลังคลอดรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน คุณแม่บางรายคลอดคืนนี้ เช้ามาก็สามารถเดินได้คล่องรอบโรงพยาบาลแล้ว ยิ่งเป็นท้องแรกการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติจะยิ่งดีสำหรับครอบครัวที่คิดจะมีทายาทคนต่อไป


การผ่าคลอดย่อมมีข้อดีแต่ข้อเสียก็มีไม่น้อย แผลจากการผ่าตัดต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ต้องดูแลตัวเองอย่างระมัดระวัง เช่น การออกแรงมากหรือยกของหนัก ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงต่อแผลผ่าตัดปริแตก อีกทั้งในครรภ์ต่อไปก็ต้องระวังมากขึ้น การดูแลก็จะต้องรัดกุมกว่าเดิมเนื่องจากมดลูกเคยได้รับการผ่าตัดมาแล้วโอกาสจะเกิดอาการแทรกซ้อนก็ย่อมมีมากกว่าวิธีธรรมชาติ และมันยากหากเคยผ่าตัดมาแล้วและในครั้งที่สองต้องการเลือกการคลอดด้วยตนเอง


ซินเธียรับฟังคำอธิบายเหล่านั้นด้วยความตั้งใจ จดบันทึกสั้นๆ ลงสมุดบันทึกประจำตัวลงไปด้วยโดยไม่ให้ตกหล่นถ้อยคำสำคัญแม้แต่คำเดียว ด้วยไม่ต้องพะวงเรื่องคำถามฝั่งตัวเองเนื่องจากผู้เป็นสามีได้ทำหน้าที่นั้นแทนเรียบร้อย เรื่องที่ควรถามก็ถามแล้ว เรื่องที่ควรรู้ก็ไขความกระจ่างสิ้น ฉะนั้นซินเธียเลยมีเวลาเต็มที่ในการจดบันทึก


“พักหลังมานี้เขาชอบทานพวกขนมหวานหลังอาหารทุกมื้อ ยังไม่รวมกับของว่างระหว่างเวลาน้ำชาอีก” แอชลีย์จัดการสาธยายตัวการที่ทำให้คุณแม่ตัวเล็กน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเกินเส้นแดงที่ขีดเอาไว้แล้ว


ที่ผ่านมาตนไม่คิดห้าม เห็นเจ้าตัวมีความสุขกับการทานอาหารของว่างมากมายก็มีความสุขตาม ก็เมื่อก่อนท่านชายวาเลนเธียเป็นคนทานน้อย ถึงร่างกายจะพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างแต่ก็ยังดูผอมบางอยู่ดี คราวนี้นิสัยการกินเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ทานมากขึ้น อยากอาหารมากขึ้น การได้กินอิ่มนอนหลับสบายไม่นับว่าเป็นเรื่องดีหรอกหรือ ประเด็นนี้ชายหนุ่มมักถูกคุณแม่เน้นย้ำตลอดเวลายามได้พบหน้ากัน ท่านหญิงคิมจะแสดงความเกรี้ยวกราดแน่นอนหากพบว่าลูกชายคนนี้ไม่ดูแลลูกสะใภ้สุดรักให้อิ่มหนำสำราญใจ


แต่ใครจะคิดว่าการทานมากไปก็ชักเริ่มไม่ใช่เรื่องดี สงสัยคราวนี้กลับไปต้องบอกให้อีริคจัดการดูแลเรื่องอาหารของท่านชายใหม่เสียแล้ว พวกขนมหวานของว่างก็ควรลดลงตามที่หมอแนะนำมา


“แบบนั้นจะเสี่ยงเรื่องเบาหวานได้นะคะ” ประโยคนี้ยังกล่าวไม่จบแต่สีหน้าของท่านชายเสียนำไปก่อนแล้วพอได้ยินว่าการทานขนมหวานมากไปไม่ใช่เรื่องดี หญิงสาวเลยรีบเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มใจดี


“ไม่ได้แปลว่าต้องงดเด็ดขาด แต่หมอแนะนำว่าควรลดจำนวนลงดีกว่าค่ะ อย่างพวกเค้ก ของที่มีครีมน้ำตาลมาก ลดลงเหลือวันละชิ้นจะดีที่สุด อาจจะเป็นมื้อบ่าย ส่วนมื้อเช้ากับเย็นลองเปลี่ยนเป็นผลไม้ดีไหมคะ”


“ทาร์ตผลไม้ได้ไหม”


“นั่นก็ของหวาน” คนตัวสูงหันมามองพลางขมวดคิ้ว “ต่างจากเค้กตรงไหน”


“แต่มันมีผลไม้นี่” คนที่นั่งตัวลีบบนเก้าอี้กล่าวอ้อมแอ้ม ทาร์ตผลไม้รวมที่แมรี่สาวใช้ในบ้านทำอร่อยมากจนจัดการไปหลายชิ้น ไม่ใช่ว่าตัวเองตะกละตะกรามขึ้นแต่ตอนนี้เขาต้องเลี้ยงเด็กถึงสองคนเลยนะ ปริมาณอาหารก็ต้องมากขึ้นสิ


มองแค่ตาก็พอจะดูออกแล้วว่าภรรยาตัวน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ ก็คงยกเรื่องลูกมาอ้างนั่นแหละ แอชลีย์ส่ายหน้าอ่อนใจ เห็นชัดว่าตัวเองอยากทานเสียส่วนใหญ่ ลูกตัวแค่นั้นจะไปรู้ความอะไร ท่านชายวาเลนเธียถึงจะกิริยางามพร้อมวางตัวดีฐานะสูงส่งมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งในสายตาของแอชลีย์อยู่ดี พออยู่ด้วยกันนานมากเข้าจนคุ้นเคย บ่อยครั้งเจ้าตัวมักจะเผลอแสดงด้านเด็กน้อยออกมาโดยไม่รู้ตัว


อัลฟ่าสาวได้แต่ยิ้มกับภาพตรงหน้า กว่าจะจบประเด็นเรื่องของว่างไปก็ใช้เวลาพอดูก่อนจะเปลี่ยนไปอีกหนึ่งประเด็นสำคัญเมื่อซินเธียนึกบางสิ่งขึ้นได้


“ปกติเราอยู่กับลูกตลอดเวลาเลยสัมผัสได้เวลาพวกเขาดิ้น แต่เวลาคุณพ่อเขาจะจับไม่ค่อยดิ้นเลยคุณหมอว่าแปลกไหมครับ”


“อืม ก็ไม่นับว่าแปลกเท่าไหร่นะคะ” คุณหมอวางปากกาในมือเปลี่ยนมาเป็นประสานกันเอาไว้หลวมๆ แทน “การพูดคุยกับทารกในครรภ์เป็นอีกวิธีในการเสริมสร้างพัฒนาการของพวกเขาค่ะ ในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ทารกจะได้ยินเสียงชัดมากขึ้น การตอบสนองก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุครรภ์”


“เขาไม่รู้จะคุยอะไรนี่สิครับ” ซินเธียเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของผู้เป็นสามี “เลยพูดได้แค่สวัสดี” นึกขำในใจกับเหตุการณ์ในคืนก่อน ตั้งแต่ชายหนุ่มกล่าวประโยคแสนน่ารักอย่างการสวัสดีออกมาจนตอนนี้ความสัมพันธ์ของสามพ่อลูกก็ยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่


“ระยะนี้หมั่นพูดคุยกับพวกเขาให้มากเด็กจะจดจำเสียงของคุณพ่อกับคุณแม่ได้นะคะ เวลาคุยเค้าก็จะแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง”


แพทย์สาวอมยิ้มส่งไปทางคุณพ่อผู้มีมาดเคร่งขรึม “คุณแอชลีย์ไม่ต้องเขินนะคะ ครั้งแรกมันก็ต้องมีติดขัดกันบ้างตอนนี้พวกเขาอาจจะยังไม่ค่อยตอบสนองแต่อย่าพึ่งหมดกำลังใจไป ลองเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันก็ได้ค่ะ อย่างวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง มื้อเย็นเป็นอะไร หรือจะเล่านิทานก็ได้ ระหว่างนั้นก็ลองใช้วิธีสัมผัส ลูบท้องขณะเล่าไปด้วยจะดีมากเลยค่ะ”


สำหรับอัลฟ่าหรือโอเมก้า กลิ่นของพ่อและแม่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เด็กทารกสามารถจดจำและคุ้นเคยได้ว่าพวกเขาเป็นใคร สำหรับสายเลือดเดียวกันกลิ่นมักจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้การเริ่มกระชับสัมพันธ์ตั้งแต่อยู่ในท้องจะเป็นเรื่องดีที่สุด เป็นการสร้างความผูกผันระหว่างพ่อกับลูก


“เป็นเด็กแฝดแบบนี้คุณแม่ดูแลคนเดียวคงไม่ไหวนะคะ” เธอหัวเราะพลางเย้าคุณพ่อมือใหม่ “เอาล่ะเรามาลองดูเด็กๆ กันดีกว่าค่ะ”


แพทย์สาวผายมือเชิญคุณแม่ให้เดินไปทางเตียงแสนคุ้นเคยเพื่อเริ่มการอัลตร้าซาวด์ เจลเย็นๆ ถูกทาทั่วหน้าท้องนูนก่อนเครื่องมือจะถูกวางทาบลงบนผิวท้องแผ่วเบา ค่อยๆ ลากวนไปทีละจุด จากนั้นก็เริ่มวัดขนาดตัว น้ำหนัก รวมถึงคลื่นเสียงหัวใจของทารกทีละคน


“เหมือนคนซ้ายจะตัวใหญ่กว่านิดหน่อยนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่บนจอเช่นเดียวกับคู่สามีภรรยาทั้งสอง “โตตามเกณฑ์ดี... อืม น้ำหนักก็พอดีค่ะ โดยรวมไม่มีปัญหา”


ลำดับถัดมาเป็นการตรวจเพศของทารกในครรภ์ ตรงนี้ค่อนข้างขลุกขลักเนื่องจากเด็กน้อยทั้งสองไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก เริ่มแรกก็นอนหนีบขาเสียมิด อีกคนก็หันไปอีกทางมองแทบไม่ออก ซินเธียต้องทำการกระตุ้นให้เด็กๆ เปลี่ยนท่าทางอยู่นานกว่าจะสามารถมองเห็นได้


“ซนกันจริงๆ อ๊ะ เห็นแล้วค่ะ” แพทย์สาวว่า กดขยายเฉพาะส่วนให้คุณพ่อคุณแม่ได้มองเห็นชัดเจนขึ้น “เป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคนเลย ยินดีด้วยนะคะ”


“ตรงนั้นคือ...” ซินเธียรีบกระตุกแขนของคนตัวโตที่ชี้มือไปตรงส่วนแหลมเล็กซึ่งชี้ออกมาจากกลางลำตัวของเด็กน้อยในจอภาพเชิงห้ามก่อนอีกคนจะเอ่ยคำพูดน่าเกลียดออกมา แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือยังจะถามซ้ำให้ได้อะไรขึ้นมาอีก


แอชลีย์กระแอม จ้องมองสิ่งนั้นของลูกต่ออีกนิดคล้ายพิจารณาอะไรบางอย่าง “ไม่เลว” กล่าวออกมาสองพยางค์แล้วก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมาอยู่คนเดียว ไม่อาจทราบได้ว่าในหัวของอัลฟ่าหนุ่มตอนนี้นั้นกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่


---


   
นัดประจำเดือนจบลงด้วยดี ทั้งสองเดินทางกลับคฤหาสน์ในเวลาต่อมา ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปเลือกซื้อสมุดนิทานตามคำแนะนำของคุณหมอ ส่วนวันนี้ก็กลับมาพักผ่อนก่อนดีกว่า ถึงการเดินทางไปจัตุรัสไวท์สแควร์หลายครั้งจะเสียเวลาแต่ยามนี้ซินเธียเริ่มขยับร่างกายไม่ค่อยถนัดนัก เดินมากก็ปวดขา นั่งรถนานก็ปวดหลังแถมยังเพลียง่ายกว่าปกติ แอชลีย์เลยตัดสินใจว่าค่อยกลับไปอีกทีวันรุ่งขึ้นดีกว่า เผื่ออีกคนจะอยากซื้อของเพิ่มเติมจะได้เดินเล่นอย่างสดชื่น


   กิจวัตรก่อนเข้านอนพักนี้มีอีกหนึ่งกิจกรรมเพิ่มขึ้นมาคือการทาครีมบนหน้าท้องเพื่อป้องกันรอยแตกของคุณแม่ แอชลีย์ซึ่งพึ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้าห้องนอนมาได้จังหวะพอดี ดวงตาคมเหลือบมองแก้วนมอุ่นบนโต๊ะข้างเตียงครู่หนึ่งแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างเด็กหนุ่มที่กำลังหยิบกระปุกครีมออกมาเปิดเตรียมทา


“ทำไมไม่ดื่มนม” การดื่มนมก่อนนอนก็เป็นอีกเรื่องที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน เพื่อบำรุงให้ลูกๆ แข็งแรง


“เดี๋ยวเราขอทาครีมเสร็จก่อน” คนตัวเล็กว่า ก้มหน้าก้มตาตั้งใจหมุนฝากระปุกแต่เหมือนมันจะปิดแน่นเกินไป หมุนจนมือแดงแล้วดันขยับแค่มิลเดียว


“มันจะชืดหมดน่ะสิ” แอชลีย์ว่า ยื่นมือไปคว้ากระปุกครีมนั้นมาถือไว้ในมือเสียเอง ออกแรงหมุนเพียงหนึ่งในสี่ก็สามารถเปิดออกมาได้อย่างง่ายดาย “เธอรีบดื่มนมเสีย” กล่าวเพียงประโยคเดียวแต่ใจความมีถึงสอง ซินเธียเข้าใจจุดประสงค์ของคนตัวสูงในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการให้ตนดื่มนม ส่วนเรื่องครีมตนจะเป็นคนทำเอง


เด็กหนุ่มไม่ทำตัวเรื่องมาก หันไปหยิบแก้วนมมายกดื่ม ดวงตาก็เหลือบมองสามีตั้งอกตั้งใจปาดเนื้อครีมบำรุงลงบนหน้าท้องนูนแล้วบรรจงลูบไล้ให้ทั่วอย่างเบามือ พอได้สัมผัสกับฝ่ามือใหญ่แสนอบอุ่นของคนตัวสูงแล้วพานให้รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ทั้งในใจก็มีความสุขอย่างมากกับการได้รับสัมผัสจากคู่ชีวิต


ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเอาใจด้วยการช่วยทาครีม บางวันซินเธียก็รู้สึกเพลียมากจนอยากนอนเสียเดี๋ยวนั้น เกียจคร้านขนาดว่าแม้แต่ทาครีมก็ยังเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ ขาดไปวันสองวันคงไม่ส่งผลกระทบอะไรมาก ตัวเองไม่เดือดร้อน ดันไปเดือดร้อนสามีแทน แอชลีย์ไม่คิดปลุกแต่กลับเดินไปหยิบกระปุกครีมออกมาเปิดแล้วทาให้เขาเงียบๆ


เริ่มแรกก็จั๊กจี๋บ้าง แต่พอถูกปรนนิบัติหลายครั้งเข้าก็เริ่มชิน


คิดอะไรเสียเพลินไม่ทันรู้ตัว คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาลูบไล้ฝ่ามือบนผิวท้องนูนไม่พูดจา ทาจนใต้ฝ่ามือไม่มีเนื้อครีมแล้วแต่ก็ยังไม่หยุดลูบซ้ำยังผลุบหายเข้าไปใต้เนื้อผ้านุ่มลากขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนกระปุกครีมก่อนหน้าไม่รู้ปลิวหายไปอยู่ไหน


“อื้ม…”


ซินเธียส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเมื่อมือใหญ่ไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นอกก่อนจะบีบขยำเนินเนื้ออิ่มเรียกเสียงกระเส่าดังอยู่ข้างใบหู เป็นตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มพึ่งสังเกตว่าร่างกายของคนตัวโตได้บดเบียดเข้ามาจนชิดใกล้แล้ว


“ดะ เดี๋ยว อื้อ!” ริมฝีปากชื้นซุกไซ้ลำคอขาวสูดกลิ่นหอมเย้ายวนแบบไม่ตั้งใจของคุณแม่ ออกแรงดูดเม้มจนขึ้นรอยจางๆ


ร่างกายของคุณแม่ลูกแฝดในขณะนี้มีน้ำมีนนวลขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด จะจับไปตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปเสียหมด ไหนจะกลิ่นฟีโรโมนที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยนั่นอีก มันดูเย้ายวนใจอย่างน่าประหลาด


และเพื่อลูกๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาในอนาคต ยอดอกสีหวานค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นไปตามวันเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายช่วงตั้งครรภ์ แอชลีย์ประทับริมฝีปากไปทั่วลำคอระหงส่วนสองมือก็บีบเฟ้นเนินเนื้ออิ่มอย่างมันมือทำเอาคนในอ้อมกอดแขนขาอ่อนเปลี้ยแทบหมดแรง


ดอมดมจนพอใจแล้วถึงค่อยเปลี่ยนไปวุ่นวายกับริมฝีปากอิ่ม เลาะเล็มเก็บหยาดน้ำนมบริเวณมุมปากจนหมดสิ้น ทั้งที่เป็นนมสดรสจืดจนฝืดคอในยามปกติ แต่ไม่รู้ทำไมได้มาลิ้มรสจากปากของภรรยาแล้วมันถึงได้หอมหวานชวนให้อยากฉกชิมมากขึ้น และมากขึ้น


เด็กหนุ่มเอนตัวลงตามแรงดันจากคนด้านบนถูกกักขังเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงด้วยความยิ่งกว่าเต็มใจ เปลือกตาสีอ่อนเลื่อนปิดลงโอบสองแขนรอบลำคอ กกกอดให้ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกันมากขึ้นสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวกายผ่านเนื้อผ้าบาง น้อมรับทุกความกระหายปล่อยให้อีกฝ่ายฉกชิมไปทั่วโพรงปากจนกว่าจะสาแก่ใจ


กลิ่นของฟีโรโมนฟุ้งกำจายอยู่ทั่วห้องผสมปนเปกับกลิ่นอายบุรุษเพศแสนดุดันของคนที่กำลังป้อนความเร่าร้อนให้ขณะนี้ บรรยากาศหอมหวานราวกับเราสองต่างตกอยู่ในห้วงของราคะ ดูดกลืนลมหายใจของกันและกัน สลับกันมอบสลับกันรับโดยไม่นึกตระหนี่


ดำเนินจวบจนอีกคนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วนั่นแหละถึงได้ผละออกมาอย่างนึกเสียดาย ดวงตาของเด็กหนุ่มฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์เหลือบมองแอชลีย์ซึ่งกำลังลากริมฝีปากผ่านผิวเนื้อไล่ลงจนถึงแผ่นอก กระดุมเสื้อถูกปลดออกไปตอนไหนไม่อาจทราบ ริมฝีปากที่พึ่งป้อนจูบกันไปเมื่อครู่ครอบลงไปบนยอดอกสีหวาน ดูดดึงสลับไล้เลียชำนิชำนาญทำเอาคนไต้ร่างอยู่ไม่เป็นสุข สองเท้าจิกเกร็งกับผืนเตียงต่างระบายความเสียวซ่าน ริมฝีปากเผยออ้าสูดอากาศเข้าปอดอดกลั้นไม่อยากส่งเสียงน่าอายออกไป


ดื่มด่ำจนพอควรแล้วคนตัวโตก็ผละจากสองเนินอิ่มอย่างตัดใจ เขารู้ว่าช่วงนี้ซินเธียจะรู้สึกคัดหน้าอกเป็นพิเศษจากการที่ขนาดของมันเริ่มขยายขึ้น สัมผัสบริเวณนั้นจึงค่อนข้างอ่อนไหวมากกว่าปกติ วุ่นวายกับมันนานเข้าจากความเสียวกระสันน่าจะกลายเป็นเจ็บปวดแล้ว จึงเปลี่ยนเส้นทางเป็นไปชิมส่วนอื่นของร่างกายอันน่าหลงใหลนี้แทน


“อ๊ะ!”


สติของซินเธียใกล้จะกระเจิดกระเจิงไปตามแรงอารมณ์แล้ว ทว่า จู่ๆ ก็รู้สึกคล้ายแรงกระตุกจากผิวหน้าท้อง คนด้านบนเองก็สะดุ้งไปเช่นเดียวกัน เนื่องจากเจ้าตัวกำลังจูบซับไปบนผิวท้องนูนของภรรยาอยู่พอดี


เด็กหนุ่มนิ่วหน้าประคองตัวเองค่อยๆ ลุกขึ้นไปเอนพิงกับหัวเตียง มือก็ลูบผิวท้องไปมาแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลมให้ความวุ่นวายด้านในสงบลง ทางด้านแอชลีย์ยังคงสติกลับมาไม่ครบถ้วนใบหน้าหล่อเหลามีความมึนงงอยู่หลายส่วน


“อะไรน่ะ” ความรู้สึกเมื่อครู่มันคล้ายมีอะไรบางอย่างมาดันตรงปากเขาพอดี


“ดูเหมือนลูกจะดิ้นนะครับ”


“ฮะ?” แอชลีย์เอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วเงียบไป อะไรๆ ที่มันเคยลุกโชนขึ้นมาก็พลอยมอดดับลงไปภายในเสี้ยววินาที


“ดิ้นใหญ่เลย คุณลองจับดูสิครับ”


อีกคนว่ามาถึงขนาดนั้น อัลฟ่าหนุ่มซึ่งคิดจะล้มเลิกความพยายามในการสื่อสารกับลูกชั่วคราวเลยต้องลองทาบฝ่ามือลงไปบนหน้าท้องของภรรยาเป็นครั้งที่เท่าใดก็คร้านจะนับ ทว่าคราวนี้ไม่ได้มีแต่ความเงียบงันอย่างที่เคยเป็น แรงกระทุ้งน้อยๆ จากใต้ผิวท้องสะท้อนมายังฝ่ามือของตนนั้นทำเอาชายหนุ่มแข็งค้างไปเลยทีเดียว


“เป็นอย่างไรบ้างครับ” ซินเธียอมยิ้มพอเห็นคุณพ่อเขานิ่งไปหลังได้สัมผัสรับรู้การมีอยู่ของลูกเป็นครั้งแรก เจ้าตัวลองลากฝ่ามือไปทางซ้ายทีก็ตามมาถีบที ลากไปทางขวาทีก็ตามมาถีบอีกทีเป็นอยู่แบบนั้นหลายครั้งจนมั่นใจว่า นี่แหละ ไม่ผิดแน่ ลูกกำลังดิ้นอยู่จริงๆ


แอชลีย์ยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง เขายกกำปั้นขึ้นบังริมฝีปากไม่พูดจานัยน์ตาอำพันจับจ้องไม่กะพริบ ถึงจะไม่เห็นว่าใต้มือข้างนั้นกำลังซ่อนสิ่งใดอยู่ไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ซินเธียเห็นอย่างชัดเจนก็คือใบหูทั้งสองของคุณพ่อลูกแฝดซึ่งขณะนี้กำลังแดงแจ๋เลยล่ะ


ความรู้สึกแปลกใหม่ตีรวนอยู่ภายในอก นี่สินะสิ่งที่อัลฟ่าหนุ่มโหยหามาตลอดหลายวัน ตอนนี้เขาแยกแยะอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยถูกว่าควรจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี พยายามมาตั้งหลายวันไม่เห็นจะมีอะไรจากคนลูก พอวันนี้จะมีอะไรๆ กับคนแม่บ้างสักหน่อยดันแย่งกันแสดงตัวกันวุ่นวาย


นึกจะโมโห ก็ดันเป็นเรื่องที่มันไม่สามารถนำมาโมโหได้เสียนี่





ย่านการค้าของจัตุรัสไวท์สแควร์แวะมากี่คราก็ยังคงความครึกครื้นสม่ำเสมอ ยิ่งช่วงเทศกาลทั่วทั้งถนนถูกประดับไปด้วยของตกแต่งสีแดงสลับเขียว ทั้งป้าย ธง ไฟประดับพอรวมเข้ากับกองหิมะบนพื้นถนนแล้วก็ยิ่งให้บรรยากาศสดชื่น


ซินเธียกระชับผ้าพันคอสีแดงเบอร์กันดีเข้าคู่กับโค้ตตัวโตของคนข้างกาย ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยเป่าไล่ความหนาวเย็นจนเกิดเป็นไอจางลอยอยู่ในอากาศ ด้านบนศีรษะสวมเบเรต์สีเดียวกันปกป้องเกล็ดหิมะ


จุดหมายแรกของวันนี้คือร้านจิวเวอร์รี่มีชื่อเจ้าเดียวกับที่พวกเขาเคยมาเมื่อครั้งเลือกแหวนแต่งงาน การต้อนรับจากพนักงานยังคงเต็มไปด้วยความสุภาพนอบน้อม ซินเธียคงรู้สึกประทับใจกับการบริการคุณภาพยอดเยี่ยมมากกว่านี้หากเมื่อหลายเดือนก่อนเขาไม่บังเอิญเจอเหตุการณ์ชวนหมองใจเข้า


สองสามีภรรยาถูกเชิญไปนั่งยังส่วนรับรองสำหรับลูกค้าคนสำคัญเหมือนครั้งแรกที่เคยมา ผู้ดูแลร้านกำลังจะยกชามาเสิร์ฟตามปกติติดตรงถูกคนตัวสูงข้างกายเอ่ยปากปฏิเสธไปเสียก่อนแล้วขอเพียงน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้ว เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรตอนบ่ายซินเธียก็ต้องกลับไปดื่มชาคู่ของว่าง เพื่อการปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งคัด น้ำชาวันละหนึ่งแก้วก็จะยังคงเป็นวันละหนึ่งแก้วไม่มียกเว้น


รอไม่นานของที่สั่งก็ถูกนำมาให้ ซินเธียรับกล่องกำมะหยี่ขนาดเท่าฝ่ามือสองกล่องมาถือไว้ ค่อยๆ บรรจงเปิดดูทีละกล่องด้วยความทะนุถนอม เป็นกำไลทองคำขาวขนาดเล็กสองวงฝังอควอมารีน เดิมอัญมณีชิ้นนี้เป็นสร้อยของท่านแม่ซึ่งเหลือทิ้งไว้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายสำหรับเด็กหนุ่ม เขานำมันติดตัวมาด้วยตอนเดินทางมาวินเทอร์ฟอล เก็บรักษาเอาไว้อย่างดีจนตอนนี้ได้นำมาเจียระไนใหม่เพื่อฝังในกำไลข้อมือสำหรับลูกๆ ทั้งสองคน


ขนาดของกำไลสองวงนี้พอดีสำหรับข้อเท้าของเด็กทารก เนื้อสัมผัสเบาไม่ก่อความระคายเคืองต่อผิว อีกทั้งยังถูกออกแบบมาให้สามารถปรับขยายขนาดได้ตามการเจริญเติบโตของพวกเขา ซินเธียตั้งใจทำออกมาเพื่อให้เป็นของขวัญต้อนรับลูกชายที่รักทั้งสองคน สำหรับอควอมารีน คนแดนใต้เชื่อว่ามันคืออัญมณีแห่งการอวยพร การปกป้อง อีกทั้งยังเป็นเครื่องรางให้ผู้สวมใส่พบเจอแต่ความสุขสงบ ด้านในตัวกำไลเมื่อพลิกดูแล้วจะพบตัวอักษรสลักเอาไว้ บ่งบอกผู้เป็นเจ้าของชัดเจน

Francis K.

และ

Faylyn K.

“สวยไหมครับ” เขาส่งกำไลเล็กๆ ทั้งสองให้คนข้างกายดู


แอชลีย์พยักหน้ารับ ใบหน้าฉายแววพึงใจออกมาไม่น้อย เรื่องนี้ซินเธียไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีทั้งหมด เด็กหนุ่มเพียงเป็นฝ่ายเสนอความคิดเรื่องนำสร้อยของท่านแม่มาเจียระไนใหม่และออกความคิดเห็นอีกเล็กน้อย ส่วนการออกแบบดำเนินการจัดทำทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของชายหนุ่ม


เนื่องจากมีกรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อนและใช้ความละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะข้อควรระวังว่าวัสดุที่ใช้ผลิตเหล่านี้จะไม่ทำอันตรายต่อผิวของเด็กทารกแอชลีย์เลยต้องเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเองบ่อยครั้ง กว่าจะออกมาเป็นของขวัญชิ้นนี้ได้ก็ใช้เวลาร่วมเดือนอยู่เหมือนกัน ส่วนมูลค่าไม่ต้องพูดให้มากแล้วเมื่อประเมินกับความรู้สึกทางใจก็นับว่าไม่อาจนำมาเทียบกันได้


“เธอลองสวมดูก่อนว่าชอบไหม” ไม่ถูกใจก็จะได้สั่งแก้มันเดี๋ยวนั้น ไม่ว่าเพียงอย่างเดียวแต่ช่วยกดตัวล็อคขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวกำไลเพื่อขยายขนาดให้พอดีกับข้อมือบางของผู้เป็นภรรยาแล้วจะสวมให้


สีเงินของทองคำขาววาววับอยู่บนข้อมือสีน้ำผึ้งให้ความรู้สึกสวยงามไปอีกแบบ ไม่ต่างไปจากแหวนแต่งงานบนนิ้วนาง ซินเธียพลิกข้อมือพิจารณาทุกด้านแล้วก็พยักหน้ารับ พึงพอใจกล่าวสรุปความไม่ต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดอีกแล้ว


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ตกลงชำระเงิน ซินเธียเดินกอดถุงกระดาษสีเข้มของร้านออกมาอย่างเบิกบานใจ มุ่งหน้าสู่จุดหมายที่สองของวัน


ร้านค้าสำหรับเด็กอ่อน ร้านนี้ได้รับคำแนะนำมาจากคุณแม่มือโปรอย่างคุณชายอิลลาเรียนและท่านชายมัวร์มาว่าของทุกอย่างล้วนคุณภาพดี มีครบครันตามต้องการทุกอย่างไม่ต้องไปเดินหาหลายร้านให้เหนื่อย


คำกล่าวนั้นฟังครั้งแรกอาจจะเกินจริงไปบ้างแต่เมื่อเข้ามาด้านในก็เป็นจริง แม้แต่หนังสือนิทานก็ยังมีให้เลือกหลากหลายประเภท เด็กหนุ่มเปิดดูเล่มนู้นเล่มนี้อย่างตื่นตาตื่นใจอยากได้ไปเสียทุกเล่ม


“เล่มนี้ดีไหมครับ” หยิบสมุดที่หน้าปกเป็นลูกแมวสามตัวแสนน่ารักขึ้นมาชูให้คนเป็นสามีดู ตัวเล่มมีสีสันสดใสดึงดูดสายตาของทั้งคุณพ่อคุณแม่ คิดว่าพวกเด็กๆ เองก็น่าจะชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน


คนตัวสูงไม่พูดออกความเห็นแต่ไม่ว่าจะเล่มไหนขอเพียงซินเธียเอ่ยปากชมแม้ไม่ตั้งใจหรือแค่ต้องการดูเฉยๆ ก็ถูกอีกคนคว้าไปถือไว้หมดโดยไม่ปริปากบ่น หันไปเจออีกทีก็ตอนจะเดินออกจากโซนหนังสือสำหรับเด็กนั่นแหละ ทำเอาคุณแม่ต้องเลือกออกไปวางคืนเสียหลายเล่ม


“เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ” เขาว่า เหลือหนังสือในมือของคนตัวโตแค่สามสี่เล่ม


“ทำไม” เล่มหนึ่งบางเสียจนอ่านไม่ถึงห้านาทีก็คงจบ ซื้อไปแค่นี้จะไปพออะไร แอชลีย์ขมวดคิ้วไม่ค่อยเข้าใจกับความคิดของภรรยานัก จะว่าอีกคนมัธยัสถ์หรือนึกเกรงใจก็ไม่น่าจะใช่ ถึงอย่างไรหนังสือเล่มไม่กี่เหรียญตระกูลคิมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว


“เราค่อยๆ ทยอยซื้อก็ได้ อ่านสลับกันไปแบบนี้ดีกว่านะครับพวกลูกๆ ยังไม่รู้ความหรอก” เขายิ้ม “อีกอย่างคุณต้องเป็นคนอ่านนะครับ”


“ไม่” เอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด เห็นแบบนั้นซินเธียเลยขยับเข้าไปใกล้คนเป็นสามีอีกนิด กอดแขนแข็งแรงเอาไว้หลวมๆ เป็นเชิงออดอ้อน


“ก็คุณไม่รู้วิธีคุยกับลูก เราว่าอ่านนิทานถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”


เจ้าตัวยืนเงียบเม้มริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายใช้ความคิด คำพูดของคุณหมอเมื่อวานหลั่งไหลเข้ามาพอให้ระลึกถึงว่าตัวของผู้เป็นบิดาเองควรจะหมั่นสร้างสายสัมพันธ์กับลูกเพื่อความคุ้นเคย สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา


จะเห็นแก่ที่ภรรยาแสดงท่าทางออดอ้อนซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นบ่อยครั้ง เขาจะลองทบทวนเรื่องนี้ดูอีกครั้งก็แล้วกัน




อีกด้านหนึ่งจากดินแดนแสนห่างไกล


“ท่านครับ”


ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดสีเข้มกระชับรูปร่างดูคล่องตัวเคาะประตูไม้สลักบานใหญ่สามครั้งก่อนเอ่ยเสียงเบา และเมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของห้องจึงเปิดเข้าไปด้านในพร้อมยื่นจดหมายประทับตาฉบับหนึ่งส่งให้


นัยน์ตาสีเงินเหลือบมองสิ่งนั้นเพียงชั่วครู่ เปิดผนึกหยิบกระดาษแผ่นบางออกมาด้วยท่าทางเกียจคร้านกวาดสายตาอ่านเนื้อความด้านในเพียงไม่นานก็เอนตัวพิงกับเก้าอี้บุนวม ปลายนิ้วข้างหนึ่งเคาะลงบนโต๊ะทำงานไม้สีเข้มเนื้อดีคล้ายกำลังใช้ความคิด


“จัดการซะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเพียงสามพยางค์สั้นๆ แต่ได้ใจความ คนฟังเข้าใจความหมายทั้งหมดทันทีโดยไม่ต้องถามซ้ำให้รำคาญใจ


ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ได้นึกเกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้นเพียงแต่เขาก็ไม่อยากให้มันมีมารหัวขนที่ไหนมายุ่งวุ่นวายเหมือนกัน เรื่องในอนาคตจะเป็นเช่นไร เดินไปทิศทางไหนไม่อาจมีใครคาดคิดแต่สำหรับชายผู้นี้แล้วเขามีความคิดเดียวคือการกรุยทางให้ไร้ขวากหนาม แม้แต่ต้นวัชพืชเล็กๆ ก็ต้องถางออกให้หมด ปัญหาเล็กน้อยในวันนี้ก็อาจนำมาซึ่งความยุ่งยากในวันหน้าได้


ชายผู้รับคำสั่งถึงจะเข้าใจความนัยดี หากแต่ใบหน้าคมเข้มนั้นกลับมีแววกังวลใจอยู่หลายส่วน


เขาเอ่ยน้ำเสียงเกรงใจด้วยพยายามไม่ให้ผู้เป็นนายโกรธเคือง “บางทีเด็กนั่นอาจจะเป็นโอเมก้าก็ได้นะครับ ยังไงเรา...”


“หุบปาก” เสียงตบโต๊ะดังลั่นทำเอาคนฟังชะงัก ปิดปากสนิทตามคำสั่ง “มันจะเป็นตัวอะไรก็ตามฉันไม่สน จัดการตามนั้นก็พอ”


สำหรับคู่ที่เป็นอัลฟ่าและโอเมก้าแล้วโอกาสในการที่เด็กจะออกมาเป็นอัลฟ่านั้นมีสูง แต่ถึงจะไม่ใช่แล้วอย่างไร การป้องกันไว้ตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว


“เข้าใจแล้วครับ”




TBC

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กำลัง​เพลินๆกับมาดคุณ​พ่อก็มาสะดุด​ กึก!!

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แงงงงง คุณพ่อเจ้าแฝดไม่อนุญาต 555555555555
แต่อยากอ่านพาร์ทแอชลีย์บ้างว่าคิดอะไรอยู่ตอนไปหาหมอ
พ่อของซินเธียเหรอ? จะทำอะไรเจ้าแฝด  :z3: :z3:

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
กบฎยึดครองเมืองแล้วเหรอ พ่อซินเธียยังอยู่ไหมเนี่ย จดหมายนี่ใครเป็นครเปิดอ่าน เจ้าแฝดจะโดนอะไรหรือเปล่าเนี่ยย

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ตัวร้ายออกมาแล้ววว

คุณพ่อแอชดูแลลูกกับเมียดีๆนะจ๊ะ

 :mew1: :mew1:

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด