My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---  (อ่าน 33593 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
แล้วถ้าพวกที่ตามล่ามาตอนอยู่คนเดียวจะทำยังไง.  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Kungkakung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยลุ้นๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ NCJung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 988
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-5
ท่านแอชจะมาช่วยทันไหม
ข้างหน้าจะมีหมู่บ้านหรือเปล่า
พวกกบฎจะตามมาทันไหม
ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ไหม
คนสั่งปารเป็นใคร

ตอนนี้มีคำถามเต็มไปหมด​
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :serius2:ได้อ่านแล้ววางไม่ลงเลยค่ะสนุกมากกกกกก
ขอให้เด็กแฝดปลอดภัคุณแม่ก็ต้องปลอดภัยด้วยนะ
ท่านตาจะยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าเป็นห่วงทุกคนเลย
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Keawmikami

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยบีบหัวใจ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอให้ซินเธียกับเด็กๆปลอดภัย เพี้ยงงง!!! :call:

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

บทที่ 29





ซินเธียนอนหายใจรวยรินกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกับผนังถ้ำ ดวงตาทั้งสองปิดสนิทอดกลั้นต่อความเจ็บปวด สันกรามเกร็งจากการต้องขบฟันเพื่อต่อสู้กับความทรมานเหล่านั้น มันไม่ได้ต่อเนื่อง ทว่า มาเป็นระยะ ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเคยรู้สึกประมาณนี้มาบ้างแล้ว แต่ระดับความรุนแรงไม่มากเท่า ซ้ำยังไม่ถี่ขนาดนี้ เกิดชั่วครั้งชั่วคราวก็หายไป คุณหมอเจ้าของไข้กล่าวว่ามันเป็นเพียงสัญญาณเตือนของกลไกร่างกายยังไม่อันตรายอะไรเว้นเสียแต่ว่าความเจ็บนั้นจะดูผิดปกติ


ดังเช่นตอนนี้


ไม่รู้ผ่านมานานเท่าใดแล้ว เขารู้สึกเพียงแต่ว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีราวชั่วกัปชั่วกัลป์ นอกจากความเจ็บปวดแล้วจิตใจยังเต็มไปด้วยความกังวลปนหวาดระแวง ได้แต่หวังว่าแมรี่จะกลับมาอย่างปลอดภัย


เพราะสติไม่เต็มร้อยสัญชาตญาณการระวังตัวจึงถดถอยไปมาก กระทั่งมีคนเข้ามาใกล้ยังไม่ทันรู้ตัว ซินเธียสะดุ้งเฮือกสะบัดแขนที่ถูกจับทิ้งแล้วขยับตัวถอยห่างออกมาจากจุดที่นั่งอยู่ด้วยความตระหนก นัยน์ตาเงินลืมโพรงสะท้อนวูบอยู่ท่ามกลางความมืด


“แมรี่เองค่ะ” หญิงสาวกระซิบ เห็นท่าทางของท่านชายแล้วเธอเองก็ตกใจเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็พอจะเข้าใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเลยรีบอธิบายเสริมไปว่า “คุณยายคนนี้คือหมอตำแยจากหมู่บ้านใกล้ๆ นี้ค่ะ”


ซินเธียลากสายตาไปทางด้านหลังของแมรี่ เห็นเป็นเงาตะคุ่มเลือนรางซึ่งฝั่งนั้นก็คงรู้ตัวถึงได้ขยับออกมาอีกนิดพอให้แสงจันทร์จากปากถ้ำตกกระทบบนใบหน้าของตัวเอง  เป็นหญิงชราท่าทางแข็งแรงคนหนึ่ง เธอสวมเสื้อผ้าเก่าๆ สองมือหอบเอาถุงผ้าขนาดใหญ่ติดมือมาด้วย


พอเห็นท่าทีสงบลง แมรี่รีบเล่าที่มาที่ไปให้กับผู้เป็นนายฟังว่าเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนเธอวิ่งลัดเลาะไปตามทิศทางที่ท่านชายบอก สองข้างทางมือมากแถมยังมีสัตว์ป่าออกมาเดินเพ่นพ่าน โชคดีไม่ใช่สัตว์ดุร้ายแต่สำหรับเด็กสาวที่ไม่คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดความหวาดกลัวอยู่ดี เธอจึงอดทนซ่อนตัวอยู่บริเวณพุ่มไม้เพื่อรอให้มันไปก่อนแล้วจึงค่อยเร่งรีบเดินทางต่อ


นอกจากสัตว์แล้วยังไม่พบร่องรอยกลุ่มคนที่ไล่ตามมาแต่ก็คนของทางเราเองก็ไม่พบเช่นกัน รอบกายมันเงียบมาก แมรี่กัดฟันวิ่งมาจนนถึงช่วงเนินเขาเห็นแสงไฟริบหรี่จากกระท่อมหลังหนึ่งก็ใจชื้นขึ้นมาจนรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ไม่นึกว่ากระท่อมผุพังหลังนั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของหญิงชราคนนี้ เห็นว่าเป็นหมอตำแยประจำหมู่บ้าน หากเดินเท้าขึ้นเนินเขาต่อไปอีกนิดจะพบกับหมู่บ้านเล็กๆ


ในความเป็นจริงแมรี่รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจหญิงชราหม้ายคนนี้เท่าไหร่ เธออาศัยอยู่คนเดียวไร้คู่ชีวิตไร้ลูกหลานแม้จะดูร่างกายแข็งแรงแต่อย่างไรก็เป็นคนแปลกหน้าแถมคำว่าหมอตำแยนั้นไม่ใช่อาชีพแต่เป็นแค่คนหนึ่งที่มีประสบการณ์ทำคลอดมาหลายครั้งก็เท่านั้น เนื่องจากหมู่บ้านเล็กๆ นี้อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง เร้นอยู่ตามเชิงเขาเวลามีหญิงตั้งครรภ์ในหมู่บ้าน เป็นอะไรขึ้นมากว่าจะเดินทางข้ามหุบเขาเข้าเขตธอร์นก็ใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามชั่วโมงซึ่งมันคงไม่ทันการณ์ พวกเขามีแค่เกวียนกับวัวแก่ๆ หนึ่งตัวเท่านั้น เธอที่พอมีความรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้างก็คอยให้ความดูแลช่วยเหลือตลอดจนช่วยทำคลอด นานวันเข้าก็เป็นประสบการณ์สั่งสม


แต่ตอนนี้เด็กสาวไม่มีทางเลือกมาก คงได้แต่อ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้ท่านชายกับเหล่าคุณชายน้อยปลอดภัยแล้ว


“ดูเหมือนต้องคลอดแล้ว” หญิงชราพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบสภาพร่างกายของซินเธีย ใบหน้าที่ดูโรยราไปตามช่วงวัยว์เครียดขึง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น “ท้องแฝดหรือ?”


ดูจากความใหญ่ของท้องเลยเดาได้ไม่ยากว่าเด็กทารกข้างในนั้นอย่างน้อยต้องมีมากกว่าหนึ่งคน
ซินเธียพยักหน้ารับทั้งที่มีเหงื่อโซมกาย


“ยากนะ” การทำคลอดเด็กหนึ่งคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดสำหรับสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่เมื่อเด็กมีมากกว่าหนึ่ง ความยากและความเสี่ยงจึงมีมากกว่าเท่าตัว


หญิงชราหม้ายคนนี้มีประสบการณ์ไม่น้อยตามคำบอกเล่า ทันทีที่ประเมินสถานการณ์แล้วก็รีบเปิดหอผ้าขนาดใหญ่หยิบข้าวของอุปกรณ์ออกมาอย่างคล่องแคล่ว


“จุดไฟเป็นหรือไม่” แมรี่ส่ายหน้าระรัว ตอนอยู่คฤหาสน์อุปกรณ์ทำครัวครบครัน ไม่เคยต้องก่อกองไฟสักครั้ง


คำตอบจากเด็กสาวไม่ได้ทำให้หญิงชราเหนือความคาดหมายเท่าใด เธอจึงสั่งให้เด็กสาวไปรวบรวมกิ่งไม้ท่อนไม้จากบริเวณโดยรอบมา ส่วนตัวเองก็ทำการจุดไฟ เตรียมสถานที่ทำคลอดฉุกเฉิน ปูผ้าสะอาด สิ่งไหนจำเป็นต้องใช้ก็ถูกนำมาวางเรียงกันจนหมด กว่าแมรี่จะกลับมาทุกอย่างก็พร้อมสรรพแล้ว เด็กสาวต้องวิ่งวนกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบเพราะไม่สามารถขนบรรดาเชื้อเพลิงทั้งหลายมาได้ภายในครั้งเดียว พอกลับมาก็ถูกใช้ให้ไปต้มน้ำร้อนต่อ ไม่ว่าหญิงชราจะสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามด้วยความแข็งขันไม่ปริปากบ่น


แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วจะสามารถดำเนินการณ์ได้ทันที ขณะนี้แมรี่ย้ายมานั่งอยู่เหนือศีรษะของซินเธีย ใช้ตัวให้ท่านชายพิงเอาไว้ ส่วนหญิงชรานั่งอยู่ตรงหน้าสองขาที่ถูกจัดวางในท่าตั้งชัน เธอนั่งมองอยู่แบบนั้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจาอยู่นานจนจะเข้าชั่วโมงที่สอง มีเสียงครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดของซินเธียดังมาเป็นระยะ ด้วยระดับความปวดหน่วงนั้นรุนแรงขึ้นกว่าชั่วโมงที่แล้ว บางครั้งเลยมาสามารถทนอดกลั้นได้


“ท่านชายจะไม่ไหวแล้วนะคะ คุณกำลังรออะไรอยู่” สุดท้ายก็เป็นเด็กสาวที่ทนไม่ไหว ยิ่งมองผู้เป็นนายหัวใจของเธอก็ยิ่งเจ็บปวดตาม


 “รออีกนิด” หญิงชรายังคงสงบนิ่งสมาธิจดจ่อ เธอเงียบไปพักใหญ่เมื่อคิดว่าได้จังหวะแล้วก็เอ่ยให้ซินเธียทำการเริ่มเบ่งทันที


“หายใจลึกๆ นะคะท่านชาย” จิตใจของแมรี่ร้อนรนเป็นอย่างมาก เธอช่วยซับเม็ดเหงื่อบนใบหน้านวลนั้นเป็นระยะ คอยช่วยลุ้น ช่วยเชียร์เป็นระยะ


ยังดีว่าระหว่างนั้นหญิงชราก็คอยสอนวิธีการเบ่งให้เป็นจังหวะ พอได้สัญญาณก็ให้เบ่งออกมาแรงๆ ส่วนเรื่องที่ว่าเธอทำอะไรกับช่วงล่างของตนบ้างซินเธียไม่มีเวลามาสนใจ เขารับรู้ได้แต่เพียงความเจ็บปวดทรมานยากสุดจะบรรยาย อยากกรีดร้องออกมาให้ดังจนสุดปอดแต่ก็กลัวว่าเสียงของตัวเองจะดังเล็ดลอดออกไปภายนอกจึงต้องพยายามกัดฟันข่มกลั้นไว้จนหน้าดำหน้าแดง กัดจนได้ยินเสียงบดกระทบของเนื้อฟัน


“ใกล้แล้วๆ เห็นหัวเด็กแล้ว เบ่งอีกครั้ง!”


“ออกแรงอีกนิดค่ะท่านชาย ใกล้แล้ว!!”


ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวด เขาคิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่ นึกอยากให้ช่วงเวลาสุดแสนยากลำบากนี้จบลงไปโดยเร็วเสียที แต่เวลานี้ภาพปรากฏชัดแจ้งสุดในห้วงความคิดของเด็กหนุ่มคือใบหน้าเคร่งขรึมของอัลฟ่าคู่ชีวิต เขาอยากให้แอชลีย์อยู่ตรงนี้เหลือเกิน อยากได้กลิ่นของอีกฝ่ายให้จิตใจสงบลง


ซินเธียสูดหายใจเข้าลึก หน้ามืดตาลายไปหมดแต่ก็พยายามพยุงสติของตัวเองเอาไว้ เด็กหนุ่มขยับแขนอันอ่อนแรงของตัวเองเข้ามาใกล้แล้วใช้ฟันกัดชายแขนเสื้อเอาไว้แน่นพลางออกแรงสุดกำลังจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว


“อีกนิดค่ะท่านชาย แข็งใจไว้ อีกนิดค่ะ!”



“มาแล้ว!!”


หญิงชรานำเด็กคนแรกออกมาได้ก็รีบห่อด้วยผ้าสะอาดเอาไว้ หลังจัดการบรรดาคราบต่างๆ ที่อาจจะอุดกั้นการหายใจจนหมดก็ทำการกระตุ้นเพื่อให้เด็กร้องออกมา


แค่คนแรกก็แทบจะสูบเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดของคนแม่หายไปจนหมดสิ้น ซินเธียทรุดลงกับแผ่นอกของแมรี่อย่างคนหมดแรง ใบหน้าซีดเซียวจนคล้ายกระดาษไปทุกที เขานอนนิ่งไม่ขยับอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง ความปวดหน่วงตรงหน้าท้องยังไม่จางหายไปทั้งหมด ทว่า พอได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องจ้าขึ้นมา ดวงตากลมสีเงินจึงค่อยๆ เลื่อนขึ้นตามหาต้นเสียงเชื่องช้า ภาพใบหน้ายังคงพร่าเลือน


“เรารีบนำคนที่สองออกมาก่อนดีกว่า” หญิงชรายังไม่มีเวลาจะมาให้คนเป็นแม่ชื่นชม เธอวางเด็กคนแรกไว้ตรงกองผ้าใกล้กองไฟก่อนจะหันมาตั้งใจกับอีกคนที่ยังเหลืออยู่


พอคนแรกออกไปได้คนที่สองก็ไม่ยากนัก แต่เวลาก็ล่วงไปจนค่อนคืนแล้ว ซินเธียพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดให้กลับมาอีกครั้งเพื่อเริ่มเบ่งคนที่สองออกมา คราวนี้คุณแม่แฝดสองสิ้นแรงจนลุกไม่ขึ้น ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อยก็ทรุดลงนอนทันทีจนแมรี่ต้องรีบพยุงผู้เป็นนายให้นอนได้สบายขึ้น


เด็กน้อยทั้งสองสลับกันร้องไห้อยู่ระยะหนึ่ง พอล้างตัวทำความสะอาดเบื้องต้นเสร็จก็ถูกจับห่อในผ้าสะอาด หญิงชราอุ้มทั้งสองคนมาวางเอาไว้ข้างตัวซินเธียที่นอนอ่อนแรงอยู่


“คนเล็กดูไม่ค่อยแข็งแรง เขามีปัญหากับการหายใจ” หญิงชรากล่าวอย่างเป็นกังวล ถึงตอนคลอดจะไม่ยากเย็นมากแต่กว่าจะออกมาก็ห่างกับคนแรกเกือบ 5 นาที ซ้ำขนาดตัวก็ยังเล็กมากจนน่าเป็นห่วง


“พวกคุณควรรีบออกจากที่นี่แล้วพาเขาไปโรงพยาบาลดีกว่า”


เธอกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นไม่อาจรั้งรออยู่ได้นานเช่นกัน พอจัดการเรื่องที่ควรทำในส่วนของตัวเองจนเสร็จสิ้นก็เก็บของเตรียมกลับทันที แมรี่ถึงอยากไปส่งเธอแค่ไหนก็ไม่อาจทิ้งท่านชายเอาไว้ลำพังแบบนี้ได้ซึ่งหญิงชราก็เข้าใจในส่วนนั้นดีเลยแค่รับคำขอบคุณจากทั้งสองคนแล้วจากไป


ซินเธียขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองดูลูกๆ ในอ้อมแขนทั้งสองคนได้ถนัดซึ่งพอสงบลงแล้วก็พากันนอนหลับอยู่ในห่อผ้า


“แมรี่ช่วยเราถอดเสื้อคลุมหน่อยได้ไหม” เขาร้องขอ หญิงสาวรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงผู้เป็นนายลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกทันที


“ท่านชายไม่หนาวหรือคะ” ในถ้ำอากาศค่อนข้างเย็น ยิ่งเป็นช่วงกลางดึก


“เรายังพอทนได้ ฉีกมันออกเป็นสองส่วนที”


“ค่ะ” เธอรีบทำตามโดยไม่อิดออดแม้จะสงสัย ดีว่าเสื้อคลุมนี้ค่อนข้างบางใช้หินปลายแหลมช่วยตัดหน่อยก็พอได้ แต่ต่อมาก็ได้รับความกระจ่างเมื่อซินเธียรับเสื้อคลุมของตัวเองทั้งสองมาแล้วบรรจงห่อตัวเด็กทั้งสองคนทับอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากผ้าสะอาดที่หญิงชรานำติดตัวมีไม่มาก ใครจะคิดว่าคนที่เธอต้องมาทำคลอดจะเป็นครรภ์แฝด ตอนนี้ก็เลยต้องแบ่งให้สามารถใช้ห่อตัวเด็กสองคนอาจจะบางไปหน่อยแต่ก็พอแก้ขัด


ซินเธียเอนตัวลงนอนดังเดิมโดยหันหน้าตะแคงจ้องมองสองดวงใจที่กำลังหลับใหลอยู่เบื้องหน้า พวกเขาตัวเล็กมาก โดยเฉพาะเฟย์ลินน์ลูกคนเล็ก ท่าทางหายใจติดๆ ขัดๆ ในบางเวลาทำเอาคนเป็นแม่รู้สึกปวดใจ แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดไปได้มากกว่านี้ เขาจดจ้องอยู่อีกพักใหญ่ก่อนใช้ปลายนิ้วเขี่ยบนพวงแก้มนิ่มก่อนย้ายลงมาแตะปลายริมฝีปากกระจับเล็กน่ารักแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าทำรุนแรงแล้วจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กน้อย


“คุณชายน้อยทั้งสองน่ารักมากเลยนะคะ” แมรี่นั่งมองอยู่ข้างๆ ใบหน้ายิ้มแย้มรู้ยินดีกับผู้เป็นนายจากใจจริง


“อื้ม”


ซินเธียเองก็ยิ้มละไมไม่ต่าง พอได้เห็นหน้าลูกทั้งสองคนแล้วความเจ็บปวดและเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้พลันหายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สายตาจับจ้องใบหน้าเล็กๆ ทั้งสองไม่ยอมละสายตา


ทั้งปาก จมูก ดวงตา ไหนจะเส้นผมดกดำเหล่านั้นราวกับถอดแบบจากผู้เป็นบิดามาทุกกระเบียดนิ้ว เขาโน้มลงใช้ปลายจมูกหอมฟรานซิสกับเฟย์ลินน์คนละทีพลางขยับกายเข้าโอบทั้งสองเข้าแนบอกเต็มไปด้วยความทะนุถนอมรักใคร่ ท่ามกลางเรื่องเลวร้ายในวันนี้อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ดี หัวใจของซินเธียมีความสุขเป็นอย่างมาก นึกอยากให้เจ้าตัวได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง


ว่าลูกๆ ของพวกเราน่ารักมากขนาดไหน





ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
รุ่งสางกำลังย่างเข้ามาอีกไม่นาน ซินเธียสะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นครั้งที่ไม่รู้เท่าใด ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถนอนหลับลงได้อย่างสบายใจ ส่งผลให้หลับๆ ตื่นๆ อยู่แบบนั้นค่อนคืน ทางฟังสาวรับใช้ก็ไมต่างเธอแทบจะไม่หลับตาลงด้วยซ้ำ ต้องพยายามฝืนลืมตาเอาไว้เพื่อระวังภัย


“ตื่นแล้วหรือคะ รู้สึกอย่างไรบ้าง”


ซินเธียกะพริบตา สายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบก่อนเอี้ยวตัวลงมองสองแฝดข้างกาย อาจเพราะคลอดก่อนกำหนดเป็นเดือนร่างกายของเด็กๆ เลยไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะเฟย์ลินน์จังหวะการหายใจของเขาไม่ค่อยมั่นคง ตอนนี้ยังไม่ร้ายแรงมากแต่ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้นานเข้าก็ไม่แน่ใจว่าลูกจะทนไหวหรือเปล่า


แถมพวกเราทุกคนในตอนนี้ยังไม่มีใครได้อาหารตกถึงท้องเลยสักคน เด็กหนุ่มรู้สึกผิดต่อลูกมากต่อให้ร้องไห้แค่ไหนซินเธียก็ไม่สามารถให้นมได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการเด็กทั้งสอง ร่างกายของเขาไม่มีสารอาหารมากพอ


“เราคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้” ซินเธียเปรย


ไม่มีสิ่งไหนรับประกันว่าคนเหล่านั้นจะรามือ เมื่อวานอาจจะหนีรอดมาได้ วันนี้ก็ไม่แน่จะพ้นหรือไม่ พวกเขาไม่ควรรั้งอยู่จุดเดิมนานเกินไปอีกทั้งเสียงร้องของเด็กก็ยังเป็นปัญหา


“แมรี่จะออกไปดูลาดเลาให้นะคะ” เด็กสาวทำท่าจะผุดลุกทันทีหลังกล่าววาจากล้าหาญจนซินเธียต้องฉุดเธอเอาไว้ บนใบหน้าหวานเจือแววกังวล


“จะให้เราปล่อยแมรี่ออกไปเสี่ยงคนเดียวได้อย่างไร”


แค่เมื่อวานก็แย่มากพอ เขาไม่อยากเอาเปรียบเด็กสาวอีกแล้วทั้งที่เธอก็อายุแค่ 16 17 คน ทักษะการต่อสู้อะไรก็ไม่มี แล้วแบบนี้จะกล้าเอาเธอมาเป็นโล่กำบังซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างได้ ซินเธียรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีก่าย รู้ได้ถึงความซื่อสัตว์ ความเอาใจใส่ของเธอ เพราะแบบนั้นถึงได้ใช้เธอไม่ลง


“เราออกไปด้วยกัน” กล่าวอย่างมุ่งมั่น นัยน์ตาสีเงินฉายแววเด็ดเดี่ยวว่าคำกล่าวนี้ได้รับการไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว


“แต่ท่านชายคะ...” แมรี่เหลือบสายตาไปยังคุณชายน้อยทั้งสอง สถานการณ์แบบนี้แค่พวกเธอก็น่าเป็นห่วงมากพอแล้ว การต้องคอยอุ้มเด็กอ่อนออกไปด้วยมันเสี่ยงมาก โดยเฉพาะเด็กที่ว่ามีถึงสองคน แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้ท่านชายต้องเป็นอะไรไป ยิ่งคุณชายน้อยที่พึ่งลืมตาดูโลกได้ยังไม่ครบวัน ก็ยิ่งไม่อยากให้พวกเขาต้องรับอันตราย


ซินเธียมองลูกทั้งสอง ฟรานซิสอาจจะพอไหวแต่เฟย์ลินน์เขาจะทนได้หรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เด็กหนุ่มเม้มปากอย่างใช้ความคิด หนทางสุดท้ายนี้มันก็บ้ามาก แต่...


จัดการถอดกำไลทั้งสองวงออกก่อนจะจัดการสวมมันเข้าไปยังข้อเท้าของสองแฝดจัดแจงรวบเศษผ้าบนชุดของตัวเองออกมาเพื่อห่อตัวเด็กน้อยจนหนาแน่นเหลือเพียงใบหน้าพอให้หายใจสะดวก


เขาไม่ได้อยากพาลูกคนใดคนหนึ่งออกไปเสี่ยง และก็ไม่อยากปล่อยลูกคนใดคนหนึ่งไว้ลำพัง ซ้ำจะเลือกทางใดทางหนึ่งให้เด็ดขาดไปเลยก็ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป


ดวงตากลมโตสะท้อนแวววูบไหวแดงก่ำ สูดลมหายใจเข้าลึก ตัดสินใจเรื่องที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต อุ้มลูกคนเล็กวิ่งเข้าไปด้านในถ้ำให้ลึกอีกหน่อยแล้วซ่อนเขาเอาไว้ในซอกหินขนาดใหญ่แล้วกลับมาอุ้มอีกคนวิ่งออกมาจากถ้ำแห่งนั้นให้ไวที่สุด


“ไป!”



คนทั้งสองมุ่งหน้าให้ออกจากตัวถ้ำพยายามออกห่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่เรี่ยวแรง ณ ขณะนั้นจะไหว


พระอาทิตย์ขึ้นมาทีละน้อยแล้ว หนทางไม่ยากลำบากเท่าเมื่อคืน ซินเธียคิดว่าจะหนีไปทางทิศเหนือ อย่างน้อยให้ออกเขตจากธอร์นไปก็ยังดี ไม่รู้ว่าผู้ติดตามคนที่ไปขอความช่วยเหลือเมื่อคืนจะทำสำเร็จหรือไม่ หากมันสำเร็จก็ดีไป แต่กว่าจะตามมาอย่างไรก็ต้องใช้เวลาสู้เขาวิ่งกลับไปทางเหนือเผื่อเราจะเจอกันเร็วขึ้น


ผ่านมาครู่ใหญ่ฟรานซิสก็เริ่มส่งเสียงร้องอีกแล้ว ซินเธียได้แต่กอดลูกเอาไว้แน่นๆ เขารู้ว่าลูกอาจจะหิวแต่พวกเราไม่มีทางเลือก ซ้ำยังไม่มีอาหาร


“อดทนไว้ก่อนนะลูก”


เขาทำได้เพียงแค่กอดปลอดประโลม ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นเรื่องดีหรืออะไรเพราะเป็นเด็กแรกเกิดยังไม่รู้ความ หากยังไม่หิวจนขีดสุดหรือเกิดสิ่งผิดปกติกับร่างกายเขาก็จะไม่ร้องไห้ อย่างน้อยน้ำนมอันน้อยนิดที่ลูกพยายามฝืนดูดเพื่อเค้นน้ำนมออกมาพอประทังให้สงบไปอีกพักใหญ่


เสียงความเคลื่อนไหวดังแว่วมาจากที่ไกลๆ สัญชาตญาณของเด็กหนุ่มตื่นตัวจนถึงขีดสุดรีบพากันไปซ่อนยังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง


“รีบหาเร็วเข้า! เป็นแค่โอเมก้ากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นมันไปไหนไม่ได้ไกลหรอก”


ยิ่งเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เท่ามด หัวใจของเด็กหนุ่มก็บีบรัดมากขึ้นเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจ สองมือกดเด็กน้อยเอาไว้แนบอกแน่น


“พวกมันไปกันแล้วค่ะ” แมรี่กระซิบ งะเง้อมองชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินห่างไปอีกทาง มีราวๆ 4-5 คนได้


“ไม่แน่ใจว่ามีกี่กลุ่มที่กำลังตามล่า เรารีบไปกันเถอะ”


ตรวจจนแน่ใจอีกครั้งแล้วจึงออกวิ่งต่อ โชคร้าย ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลกลับต้องหยุดชะงักเพราะมาเจอเข้ากับกลุ่มที่สองจริง!


“!?”


“อรุณสวัสดิ์ครับ เจ้าชาย”


เสียงเย็นทว่าใบหน้ากับเหยียดยิ้ม ซินเธียคิดว่ามันทั้งน่ารังเกลียดและน่าหวาดผวาในคราวเดียวกัน แต่ก็คงสร้างความตกใจเท่าว่า ชายคนนี้เป็นผู้ใด


“คุณ... แฟรงค์!!”


ใบหน้านี้ต่อให้พบกันไม่บ่อยแต่ก็จดจำได้ดี เขาคือผู้ติดตามคนสนิทของท่านอา แต่ทำไม... เด็กหนุ่มสับสนเป็นอย่างมาก ขยับเท้าถอยหลังกำลังจะหนี แต่ไม่คิดว่าชายผู้นี้ไม่ได้ยืนอยู่เพียงคนเดียว กว่าจะรู้ตัวเหล่าชายฉกรรจ์ก่อนหน้าก็กลับมาล้อมพวกเขาเอาไว้หมดแล้ว


“ไม่เอาน่า ท่านคิดจะหนีไปไหนล่ะอยู่คุยกันก่อนสิ” แฟรงค์กล่าวด้วยท่าทีหย่อนอารมณ์


“หมายความว่าอย่างไร”


“หมายถึงอะไรล่ะ” เจ้าตัวไหวไหล่


“คุณอย่ามาเล่นลิ้น ปล่อยเราออกไปเดี๋ยวนี้” ไม่บ่อยกับการต้องใช้น้ำเสียงเชิงคำสั่ง แต่เดิมซินเธียไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวเรื่องในตระกูลมากอยู่แล้ว ยิ่งกับพวกญาติคนอื่นก็แทบไม่ยุ่งเกี่ยวกันทำให้มั่นใจว่าตนไม่เคยไปสร้างความหมองใจกับใคร


“ผมปล่อยแน่ครับ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้าย “โอ้ นั่นคือเจ้าชายน้อยใช่หรือไม่”


ซินเธียกระชับอ้อมแขนเบี่ยงตัวพาเด็กน้อยในอ้อมแขนหลบจากสายตาของอัลฟ่าตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้


“ถอยออกไป”


“ไม่เอาน่า ผมแค่อยากจะดูเจ้าชายน้อยใกล้ๆ เท่านั้น” คำพูดช่างสวนกับการกระทำ มันพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังสั่งการให้ลูกน้องจับตัวของซินเธียไว้แล้วเข้ามายื้อแย่งออกไป เด็กหนุ่มกอดลูกเอาไว้จนสุดกำลัง ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง แต่เรี่ยวแรงของตนตอนนี้หรือจะสู้อัลฟ่าพวกนั้นได้ สุดท้ายก็ได้แต่กรีดร้อง ดึงดันจะเข้าไปนำเด็กกลับมา


“ปล่อยเรา! ส่งลูกคืนมานะ อึก!!”


แฟรงค์ถีบร่างของโอเมก้าตรงหน้าให้พ้นทางก่อนจะกระชากเด็กออกมา เพราะความรุนแรงนั้นทำให้ทารกส่งเสียงร้องไห้ดังลั่นทำเอาหัวใจของผู้เป็นมารดาแทบจะแตกสลาย


“ท่านชายคะ!” แม่รี่รีบเข้าไปรับร่างของผู้เป็นนายเอาไว้ ตวัดสายตาจดจ้องคนชั่วช้าเขม็ง


“ท่าทางจะเป็นอัลฟ่านะ” มันพรายยิ้ม “จัดการที่เหลือด้วย”


“หยุดนะ จะเอาลูกเราไปไหน!”


ซินเธียพยายามจะวิ่งเข้าไปแต่กลับถูกอัลฟ่าเมื่อครู่สกัดเอาไว้


“เจ้าชาย”


มันจิกผมของซินเธียขึ้นอย่างแรงบังคับให้แหงนหน้าไปสบตา เด็กหนุ่มจดจ้องเขม็งส่งผ่านความเกลียดชังไปอย่างไม่ปิดบัง


“โอ้ ดูสายตานั่นสิ” มันหัวเราะ น้ำเสียงเย้ยหยัน “ทำไม อยากตามไปเอาลูกคืนเหรอ”


“พวกคุณจะเอาลูกของเราไปที่ไหน!”


เด็กหนุ่มตะคอกแม้ทั่วทั้งร่างจะชาไปหมดไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า แต่ความเจ็บปวดทางกายเหล่านี้เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกภายในใจ ลูกของเขา ถูกพวกมันช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตา


“เอาไปไหนหรือ” มันเลิกคิ้วกระชากให้ศีรษะของเด็กหนุ่มแหงนกว่าเดิมแล้วบังคับให้หันไปอีกทางที่มีร่างไร้วิญญาณของแมรี่นอนอยู่ “ส่งไปอยู่กับพี่เลี้ยงมันเป็นไง แกจะได้ไม่ต้องลำบากจริงไหม”


หัวใจของซินเธียพลันกระตุก ความคับแค้นแล่นทะลุจนแทบจะกระอักออกมา


“ให้มันตายไปซะ เด็กนั่นมันไม่สมควรเกิดมาเป็นมารให้นายท่านต้องระคายใจ” ดุจเสียงปีศาจกระซิบข้างใบหู วินาทีนั้นสมองของเขามันอื้ออึงไปหมด เนื้อตัวสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยโทสะ เขากรีดร้องออกมาราวกับเสียสติมือชักดาบสั้นตรงข้างเอวมันออกมาตัดฉับกับเส้นผมของตัวเองโดยไม่แม้แต่จะยั้งคิด


มันเบิกตากว้างไม่คาดคิดกับการกระทำของโอเมก้าตรงหน้า เศษเส้นผมสีจินเจอร์ปลิวฟุ้งไปในอากาศตัดขาดพันธนาการจากคนทั้งสอง ร่างของซินเธียกลิ้งไปอีกทางตามแรงเหวียง มันก้มมองเส้นผมยาวในกำมือก่อนจะสะบัดทิ้ง


“แก!!”


สำหรับชาวแดนใต้แล้วเส้นผมก็เหมือนชีวิตและศักดิ์ศรีทั้งหมด ราวกับสมบัติล้ำค่า ยิ่งยาวก็ยิ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งและประสบการณ์ ใครจะคิดว่าเจ้าชายจะกล้าตัดผมตัวเองทิ้งเพื่อให้หลุดจากเงื้อมือของคนตรงหน้า


แต่กว่าที่มันจะตั้งสติกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้า ซินเธียก็มีเวลามากพอจะคว้าดาบในมือของทหารคนหนึ่งที่นอนตายอยู่ข้างๆ มือขวาถือดาบสั้น อีกมือถือดาบยาว ดวงตาสีเงินฉายแววเด็ดเดี่ยวจ้องเขม็งไปยังคนที่ไม่สามารถให้อภัยได้ชั่วชีวิต


“อ๊ากก!”


ไวราวกับภาพลวงตา ร่างบอบช้ำทุ่มพลังทั้งหมดพุ่งเข้าตวัดดาบฟาดลงบนกลางลำตัวของคู่ต่อสู้ นัยน์ตาไร้ชีวิตสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมดสิ้น ภายในสมองของเด็กหนุ่มตรงหน้ามีแต่การแก้แค้น


คนที่มันกล้าจะเอาชีวิตลูกชายของเขาไป


ลูกชายที่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาบนโลกได้เพียงวันเดียวกลับต้องถูกมันทั้งหลายช่วงชิงไป


ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ไม่มีวัน!


คนทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันตวัดดาบอย่างไม่มีใครยอมใคร การถูกฟันเมื่อครู่สร้างโทสะให้กับอัลฟ่าน่ารังเกียจตรงหน้าไม่น้อยมันแทงดาบในมือเข้ามาหวังปลิดชีวิตตอหนามยอกอกตรงหน้าแต่ก็ถูกดาบสั้นในมือตั้งรับเอาไว้ ซินเธียหมุนข้อมือแทงดาบอีกด้ามแทงทะลุทรวงอกของมันทันทีไร้ซึ่งความปราณี


ยังเหลืออีกสองคน หนึ่งในนั้นพุ่งเข้ามาหวังปลิดชีพเด็กหนุ่มด้วยความเดือดดาลหลังเห็นเพื่อนถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา ซินเธียไขว้แขนทั้งสองใช้คมดาบและมีดสั้นตั้งรับด้วยความทุลักทุเล ขบกรามแน่นนามต้องเกร็งทั้งลำตัวเพื่อต้านรับอาวุธตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่ง นัยน์ตาสีเงินส่องประกายวาบเลือดเย็น ตวัดมองร่างของชายฉกรรจ์อีกหนึ่งที่พุ่งตัวมาจากด้านข้าง เขาย่อตัวลงในเสี้ยววินาทีสร้างความเสียศูนย์ให้กับชายคนแรก พลิกข้อมือหมุนแล้ววาดคมดายเฉือนผิวเนื้อของอัลฟ่าทั้งสองเป็นแนวครึ่งวงกลม


“อ๊ากกกกก!”


การกระทำนั้นสร้างโทสะจากพวกมันจนถึงขีดสุด พอตั้งสติได้ก็เหวี่ยงดาบหวังแทงลงบนลำตัวของเด็กหนุ่มทันที แต่ซินเธียไหวตัวทันรีบกลิ้งตัวหลบปลายแหลมนั้นได้อย่างฉิวเฉียด เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่รัว ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือดและเม็ดดิน ผมสีจินเจอร์บัดนี้เหลือเพียงช่วงบ่ากระเซอะกระเซิงจากการต่อสู้


แรงดาบเมื่อครู่สร้างความเสียหายให้กับพวกมันพอสมควร แต่นั่นก็เป็นเรี่ยวแรงจากการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของชีวิตแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทันได้ฟื้นตัวดีดวงตาทั้งสองเริ่มพร่าเลือน สองขาสั่นระริกไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจนึก เขากำอาวุธในมือทั้งสองแน่นขณะมองคนชั่วช้าพวกนั้นเล็งปลายดาบเข้าหา


หลบ ไม่ไหวแล้ว...


เขาหลับตาลง


ปัง! ปัง!


   ไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียง ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ล้มตึงลงแทบเท้าของเด็กหนุ่มคร่าชีวิตของพวกมันก่อปลายดาบจะทันได้แต่ผิวกายเพียงเสี้ยววินาที


ซินเธียลืมตาโพรง ปล่อยอาวุธในมือหล่นลงพื้นด้วยหัวใจเต้นระรัว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกขณะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่


อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเรียบขรึมแสนคุ้นเคยทว่าวันนี้มันดูน่ากลัวกว่าปติ ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีอันตรายออกมารุนแรง โดยเฉพาะนัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารจนแม้แต่ซินเธียเองก็ยังควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นสะท้านไม่ได้


“บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”


แอชลีย์สืบเท้าเข้ามาใกล้รีบย่อตัวลงสำรวจร่างบอบช้ำตรงหน้า อีกฝ่ายส่ายศีรษะแรงๆ นัยน์ตาคู่งามแดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำแม้สักหยดไหลซึมออกมา


“ขอโทษ ขอโทษที่มาช้า”


ร่างกายถูกคว้าเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรงที่โหยหา เด็กหนุ่มเอาส่ายหน้าอยู่ในอ้อมแขน ซุกซบใบหน้าหาความอบอุ่น ไม่นึกโกรธเคืองหรือโทษชายหนุ่มเลยแม้แต่สักนิด ตอนนี้แค่ได้พบกันความกลัว ความกังวลทั้งหมดทั้งมวลที่ถ่วงรั้งเอาไว้ก็สลายหายไปจนสิ้นแล้ว


“ลูกล่ะ?”


แอชลีย์ลูบหลังคอคู่ชีวิตของตนเบาๆ เป็นการปลอบประโลม รอจนอีกฝ่ายสงบลงแล้วจึงได้ถามถึงลูกๆ หลังสังเกตว่าหน้าท้องที่เคยนูนใหญ่ของเจ้าตัวขณะนี้มันไม่เป็นดั่งเคย


“ลูก... ลูก” ซินเธียพึมพำคล้ายเหม่อลอย ดวงตากลอกไปมาก่อนจะกำชายเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้แน่น “เฟย์ลินน์อยู่ในถ้ำ เราซ่อนเขาเอาไว้เพราะลูกร่างกายอ่อนแอมาก” เขาร้อนลน “แต่ว่า แต่ว่า! พวกมันเอาไป พวกมันเอาฟรานซิสไป แอชลีย์ คุณต้องช่วยพาเขากลับมา”


ซินเธียพูดระรัวด้วยดวงตาแดงกำ สองมือที่กำขายเสื้อเอาไว้ก็บีบเข้าหากันแน่นจนขึ้นข้อขาว ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มราวกับกำลังจะสูญเสียสติไปอีกครั้ง


“ช่วยพาเขากลับมาที ลูกของเรา ได้โปรด แอชลีย์ พาเขากลับมา”


สภาพของภรรยาที่ไม่ได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่วันทำให้หัวใจของแอชลีย์ปวดหนึบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยามได้เห็นเส้นผมที่เคยยาวสลวยระบั้นเอวแต่ตอนนี้กลับถูกหั่นจนเหลือเพียงประบ่า


ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นได้แต่พูดคำว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงทุกอย่างจะเรียบร้อย ทว่า ภายในใจขณะนี้ไม่ต่างไปจากภูเขาซึ่งข้างใต้เต็มไปด้วยเพลิงร้อนระอุกำลังเดือดพล่านรอวันเวลาปะทุในอีกไม่ช้า นิ้วมือทั้งห้าซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกใช้ลูบแผ่นหลังบางค่อยๆ ขยับเข้าหากันเชื่องช้า บีบแน่นจนได้ยินเสียงลั่นของกระดูกข้อนิ้ว ชวนให้คนที่ได้ยินหวาดผวาเป็นอย่างมาก


เขาจูบซับขมับของเด็กหนุ่มกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่าตนจะรีบไปตามลูกกลับมาแก่อีกฝ่ายซึ่งกำลังอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ นัยน์ตาอำพันคมกริบตวัดไปด้านหลังส่งผ่านคำพูด ทางด้านฮิลล์ที่ตามมาด้วยก็พยักหน้าเข้าใจโดยไม่ต้องรอให้เอ่ยออกมา นายท่าแลมเบิร์ตรีบเข้ามารับช่วงต่อดูแลท่านชายให้ สั่งการคนของตัวเองออกค้นหาพวกสวะที่เหลือ ส่วนแอชลีย์นำคนแยกไปตามทางที่เด็กหนุ่มบอกจุดซ่อนตัวของลูกชายคนเล็กเอาไว้


เขาจะไม่ปล่อยพวกหมาลอบกัดเอาไว้แน่


แม้แต่ชีวิตโง่ๆ ของมันตอนนี้ก็ร้องขอไม่ทันแล้ว





ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

บทที่ 30


   ในวันนั้น แอชลีย์นำคนกลุ่มหนึ่งแยกออกมาตามหาลูกคนเล็กตามทิศที่ซินเธียบอก การค้นหาเป็นไปอย่างราบรื่น ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็พบทารกคนหนึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในซอกของโขกหินขนาดใหญ่ลึกเข้าไปในตัวถ้ำ เนื่องจากได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาเป็นตัวนำทาง


อัลฟ่าหนุ่มไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกครั้งแรกยามได้เห็นหน้าลูกชายของตนออกมาเช่นไร เขาไม่รู้ว่าสำหรับพ่อคนอื่นแล้วพวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไรยามได้พบลูกชายเป็นครั้งแรก ได้สัมผัสตัวพวกเขาเป็นครั้งแรก อาจจะกู่ร้อง ดีใจ ร้องไห้ หรือนิ่งอึ้ง


แต่สำหรับเขาในตอนนี้ ยามได้อุ้มทารกตัวน้อยขึ้นมาในอ้อมอกหัวใจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปวดหนึบ


ตอนแรกแอชลีย์มีท่าทีกังวลเล็กน้อยเนื่องด้วยตนไม่รู้วิธีอุ้มเด็กทารก ยิ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าก่อนจะพบกันเขาได้เผชิญกับสถานการณ์ใดมาบ้าง รีบร้อยไปก็กลัวจะยิ่งเป็นการทำร้ายร่างอันแสนบอบบางนี้ไป โชคดีว่าหนึ่งในคนที่ติดตามมามีคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วจึงมีประสบการณ์มาบ้างเลยช่วยให้คำแนะนำในการอุ้มเด็กแรกเกิดให้กับผู้เป็นนาย


เฟย์ลินน์ตัวเล็กมาก ยิ่งถูกกระชับเข้ามาในอ้อมแขนของอัลฟ่าหนุ่มก็ราวกับจะจมหายลงไปในอก เขาร้องไห้เสียงดังแต่เป็นเสียงแหบแห้งแสนอ่อนแรง ใบหน้าแดงก่ำ แอชลีย์ไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร เขาเลยลองพูดเป็นเชิงปลอบประโลมโดยใช้น้ำเสียงแบบเดียวที่พูดกับคนแม่เมื่อครู่ดูพร้อมทั้งโยกตัวเล็กน้อยตามคำแนะนำของผู้มีประสบการณ์ข้างกาย


“พ่ออยู่ตรงนี้”


พอถูกรับเข้าสู้อ้อมกอดแม้เด็กน้อยจะยังไม่หยุดร้องแต่เขาดูสงบกว่าตอนเข้ามาพบครั้งแรก คล้ายได้กลิ่นและน้ำเสียงแสนคุ้นเคย


“ทำไมเขาไม่หยุดร้องเลยล่ะ” แอชลีย์พยายามปลอบลูกตามคำแนะนำของผู้ติดตามด้วยท่าทีเก้กัง แขนทั้งสองข้างแข็งไปหมดจนเริ่มชาเนื่องด้วยไม่กล้าขยับเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน โดยเฉพาะส่วนคอของทารกทั้งบอบบางและอ่อน ไหนจะผิวเนื้ออุ่นรุมๆ นี่อีก ร้อนจนคุณพ่อมือใหม่ต้องให้คนช่วยถอดเสื้อสูทออกให้แล้วนำมาห่อตัวเฟย์ลินน์อีกชั้นหนึ่ง ในถ้ำนี้อากาศเย็นสำหรับเด็กมากเกินไปจริงๆ


“คุณชายน้อยอาจจะหิวหรือเปล่าครับ” หนึ่งในผู้ติดตามคาดคะเน


“ถ้าอย่างนั้นรีบออกไปจากที่นี่”


อัลฟ่าหนุ่มสั่งการโดยไม่ลังเล ตอนนี้พวกเขาต้องรีบออกเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด น่าเป็นห่วงอาการทั้งคนแม่คนลูกประเมินไม่ได้เลยว่าใครย่ำแย่กว่ากัน




ซินเธียลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนอนหลับไปนาน เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าตัวเองหมดสติไปตอนไหน อาจจะเป็นตั้งแต่ที่อัลฟ่าหนุ่มหันหลังวิ่งไปยังทิศทางของถ้ำเพื่อตามหาลูกๆ พอได้พบใบหน้าอันคุ้นเคยเขาก็ปล่อยวางทุกอย่างให้ความเหนื่อยล้าตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาเล่นงานอย่างง่ายดาย มันเกินขีดจำกัดของร่างกายเขามามากพอแล้ว


เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาได้ชั่ววินาทีก็ต้องหลับลงไปอีกครั้ง ใช้เวลาปรับตัวกับแสงสว่างอยู่พักใหญ่ถึงได้มองเห็นบรรยากาศรอบกายชัดขึ้น


สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดและกลิ่นยาอบอวลไปทั่ว ไอน้ำจากเครื่องฟอกอากาศ เมื่อขยับศีรษะไปอีกด้านพบชุดโซฟาว่างเปล่าและกระเช้าผลไม้บนโต๊ะกระจกต่างจากกระเช้าของเยี่ยมอื่นบนโต๊ะอาหารขนาดสองที่นั่งตรงมุมห้องอีกด้านราวกับว่ามันพึ่งถูกนำเข้ามายังไม่ได้รับการจัดเรียงให้เข้าที่


“อา...”


ครางออกมาแผ่วเบารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมันช่างแสนจะหนักอึ้ง ซินเธียกะพริบตาอีกสองสามครั้งพลางสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามจะดันกายลุกขึ้นนั่งเป็นจังหวะเดียวกับที่บานประตูส่วนในถูกเปิดเข้ามาแผ่วเบา ปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าผู้นำตระกูลคิม ใบหน้าคมคร้ามยังคงสงบนิ่งดังปกติ ทว่า นัยน์ตาอำพันคู่นั้นมีแววยินดีหลังจากเห็นว่าคนที่นอนหลับมาถึงสองวันเต็มตื่นขึ้นมาแล้ว


“ค่อยๆ”


แอชลีย์สาวเท้าเข้ามาใกล้โอบประคองร่างของภรรยาให้นั่งพิงหมอนได้สะดวก มือใหญ่ไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวได้รูปซึ่งบัดนี้ดูซีดเซียวไปมาก พอแน่ใจว่าอุณหภูมิของร่างกายปกติดีก็วางใจ กำลังจะย้ายมือไปลูบกลุ่มผมจินเจอร์ตามความเคยชินกลับต้องชะงักไปเพราะลูบลงมาได้ถึงช่วงลำคอก็ต้องพบแต่อากาศว่างเปล่า


ชายหนุ่มกำมือเข้าหากันก่อนจะชักกลับมาวางข้างตัวอย่างแนบเนียน เอ่ยปากถามไถ่อาการอย่างนึกเป็นห่วง


“รู้สึกอย่างไรบ้าง”


“ลูกๆ ล่ะครับ” น้ำเสียงแหบแห้งสวนขึ้นด้วยคำถาม วูบหนึ่งมองเห็นแวววูบไหวในดวงตาอำพันครู่นั้น แต่ก็เป็นระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีหากไม่สังเกตก็คงไม่พบความผิดปกติ


“พวกเขาอยู่ที่ไหน” ถามย้ำด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบไป ดวงตาทั้งสองเริ่มแดงก่ำ


แอชลีย์ทรุดตัวนั่งข้างเตียงก่อนจะดึงกายบางเข้ามาสวมกอดยามเอ่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่อีกคนนอนหลับอยู่


“เฟย์ลินน์ตอนนี้อยู่ในห้องสำหรับเด็กอ่อน เพราะเขาคลอดก่อนกำหนดทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตอนนี้จำเป็นต้องอยู่ในตู้อบสักระยะเพื่อจะได้ง่ายสำหรับดูแล” เขาเลี่ยงจะใช้คำว่าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดอย่างที่หมอเคยพูดเอาไว้ เพราะสภาพจิตใจของซินเธียตอนนี้เขาจะยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม


เพราะว่า...


“ทำไมคุณพูดถึงแต่เฟรย์ล่ะ แล้วฟรานอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือครับ” ซินเธียขืนตัวออกมาจากอ้อมกอด จับต้นแขนทั้งสองของผู้เป็นสามีแน่นเค้นเอาคำตอบกับคนที่เงียบไปหลังเอ่ยประโยคแรกจบทั้งยังไม่มีวี่แววจะพูดอะไรต่อ


หมดแล้วหรือ มีเพียงเท่านี้น่ะหรือ?


“ผมจะรีบตามหาเขาให้พบ”


เพียงเท่านั้นน้ำตาที่รื้นอยู่ก็หลั่งไหลออกมาเป็นสายราวกับว่ามันถูกกักเก็บไว้นานจนเกินไปพอถึงเวลาปะทุออกมาถึงได้มีมากมายมหาศาล ไม่อาจหยุดยั้งได้ สองมือสั่นเทิ้มที่จับต้นแขนแข็งแรงเอาไว้เปลี่ยนเป็นขยำเนื้อผ้าแน่น


“เขา... เขา” ซินเธียกลอกตาไปมาอย่างคนเหม่อลอย สมองสับสนอันแน่นไปด้วยความคิดมากมาย


แอชลีย์กระชับร่างสั่นระริกเข้าสู่อ้อมแขนแน่น เขาวางใบหน้าด้านหนึ่งไว้บนกลุ่มผมสีจินเจอร์ มืออีกข้างก็คอยลูบแผ่นหลังคอยปลอบประโลมไม่หยุด


หัวใจรู้สึกเจ็บปวดกับทุกๆ เรื่อง


ทุกเรื่องจริงๆ มันมากมายไปเสียหมด


“ขอโทษ”


“เขาพึ่งลืมตาได้ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ ไม่ถึงหนึ่งวัน ฮึก... แม้แต่น้ำนมสักหยดก็ยังไม่มีโอกาสได้ดื่มกินดีๆ...” ซินเธียสะอื้น ตั้งแต่เกิดมาเป็นครั้งแรกที่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมาเป็นสายธารขนาดนี้


อดทนฝ่าฟันมาได้ทั้งคืน ตอนนี้เพียงได้ตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งเขาก็ยอมปล่อยให้ความอ่อนแอทั้งหมดออกมา พรั่งพรูความในใจแสนอัดอั้นออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“เพราะเราให้เขามากอย่างที่ต้องการไม่ได้ เราพยายามแล้ว” แต่ร่างกายของตนก็ไม่มีสารอาหารมากพอจะกลั่นเป็นน้ำนมให้กับลูกๆ ได้ในตอนนั้น “คนพวกนั้นต้องการอะไร ทำไมเขาต้องเอาฟรานไปด้วย เขาก็เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ยังไม่ทันจะได้ลืมตาด้วยซ้ำ”


“ฉันส่งคนไปค้นหาเพิ่มแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องพาลูกกลับมา”


ต่อให้ต้องเผาทั้งป่าบ้าๆ นั่น เขาก็จะทำให้มันมอดไหม้จนใช้มุดหัวไม่ได้


แอชลีย์ขบกรามแน่นพลางกระชับอ้อมแขนแน่น


วันนั้นหลังจากพาตัวเฟย์ลินน์กลับมาได้ คนจากฝั่งที่ไปค้นหาฟรานซิสยังไม่กลับมา แอชลีย์ไม่ต้องการทิ้งคนใดคนหนึ่งไว้แต่อาการของซินเธียกับลูกคนเล็กก็น่าเป็นห่วงไม่อาจรั้งรอได้นานกว่านี้แล้ว ยิ่งกว่าพวกเขาจะเดินทางออกจากเขตของแดนใต้ออกไปยิ่งใช้เวลา ขามากับขาไปนั้นสภาพการเดินทางย่อมต้องแตกต่าง ต่อให้รีบแค่ไหนตอนนี้ก็มีคนเจ็บและเด็กอ่อนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


แอชลีย์ตัดสินอย่างเด็ดขาด เขารีบพาตัวภรรยาและลูกคนเล็กมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน ส่วนฮิลล์รั้งรอพาคนของตัวเองค้นหาต่อ ตอนนี้แอชลีย์ได้พาคนของทางตระกูลคิมออกไปค้นหาสมทบแล้วคิดว่าอีกไม่นานก็คงจับตัวพวกมันมาได้


ครั้งแรกหลังได้รับข่าวเรื่องการลอบโจมตีนั้นอัลฟ่าหนุ่มทั้งตกตะลึงและโกรธแค้น โชคดีว่าอีสเทิร์นพอร์ตนั้นเมื่อเทียบระยะทางแล้วอยู่ใกล้กว่า และที่นั่นมีฮิลล์ แลมเบิร์ต นายท่าแห่งนาวีเจี้ยนผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง และการจัดการอย่างเด็ดขาดของฮิลล์ เขาสามารถนำคนออกมาช่วยเหลือได้ทันเวลา


แน่นอนว่าความช่วยเหลืออันยอดเยี่ยมเหล่านี้ต้องแลกกับอะไรไปไม่น้อย แอชลีย์ไม่ลังเลเลยที่จะทำการค้ากับฮิลล์อีกครั้ง แม้ระดับความเสียเปรียบจะมีมากกว่าการเจรจาธุรกิจทั่วไปเกือบสองเท่าตัว ความเด็ดเดี่ยวไม่ลังเลของอัลฟ่าหนุ่มข้อนี้ไม่เคยทำให้นายท่าแห่งนาวีเจี้ยนผิดหวัง เขายิ้มกว้างพร้อมมอบกำลังคนให้อย่างใจกว้าง


ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ขณะประคองร่างของภรรยาลงนอนดังเดิม ซินเธียร้องไห้จนเหนื่อยแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขาลูบปลายผมสั้นระลำคอของคนหลับเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ พอได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ผละออกมาโดยไม่ลืมช่วยจัดผ้าห่มให้ ตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีตรงไหนน่าห่วงแล้วก็เดินออกไปคุยธุระกับผู้ติดตามคนหนึ่งที่มาแจ้งข่าวสาร


ตอนค่ำเด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาด้วยสภาพที่ดีกว่าตอนแรกเล็กน้อย ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีริ้วสีของเลือดฝาด พอได้ทานอาหารอ่อนๆ ร่างกายก็ฟื้นตัวมากขึ้น ด้วยความที่คลอดเองระดับการฟื้นตัวจึงใช้เวลาไม่นาน นอนพักสักคืนหลังคลอดก็สามารถเดินเหินได้คล่องแล้วหากไม่ติดว่าตลอดช่วงเวลาเมื่อสองวันก่อนซินเธียต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวสุดระทึกมา ร่างกายขาดทั้งน้ำขาดทั้งอาหาร ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายจึงอ่อนเพลียมากส่งผลให้พอถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลก็นอนหลับไปถึงสองวัน ตอนนี้ก็เริ่มขยับร่างกายได้ดังเดิมแล้วเพียงแค่อาจจะไม่คล่องแคล่วนัก


เรื่องของแมรี่ก็ทำให้ซินเธียรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยร่างของเธอถูกนำกลับมาด้วย แอชลีย์เล่าว่าได้จัดการเรื่องฝังศพและทำพิธีโดยครอบครัวของเธอเรียบร้อย ทางตระกูลคิมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่และไม่ลืมแสดงความเสียใจกับขอโทษทางครอบครัวเธอจากใจจริง ชายหนุ่มยังกล่าวอีกว่าเมื่อร่างกายของซินเธียดีขึ้นมากกว่านี้หากต้องการเขาจะพาไปเยี่ยมเด็กสาว


“เราอยากเจอเฟรย์” ซินเธียเอ่ยหลังทานมื้อเย็นเสร็จ ภายในใจของเด็กหนุ่มยังคงร้อนรน เขาจะไม่วางใจหากไม่ได้เห็นหน้าลูกด้วยตนเองว่าเขาปลอดภัยดี


“ได้สิ” แอชลีย์ใช้ผ้าช่วยซับปากให้เด็กหนุ่มก่อนยื่นยากับน้ำเปล่าให้ “ทานยาก่อนนะแล้วฉันจะพาไป”


แน่นอนว่าคุณแม่ตัวเล็กยอมทำตามโดยไม่อิดออด หลังนั่งรอให้อาหารย่อยสักพักคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการ เธอกล่าวว่าร่างกายของเด็กหนุ่มฟื้นตัวได้เร็วเพราะแข็งแรงอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไรขอเพียงได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและทานยาบำรุงที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ บาดแผลจากการคลอดเองก็ไม่มีอะไรต้องห่วง รออีกสักวันแล้วก็สามารถออกโรงพยาบาลได้ แต่สำหรับเด็กนั้นต้องอยู่ในตู้อบเพื่อเฝ้าดูอาการอีกระยะ


“ปอดของเขาไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ อาจจะเป็นเพราะตอนคลอดออกมาช้าเกินไป” สำหรับเด็กแฝดส่วนใหญ่แล้วคนที่สองจะออกมาห่างจากคนแรกไม่เกินหนึ่งนาที อาจจะด้วยความไม่สะดวกและสภาพแวดล้อมในขณะนั้นรวมกับการคลอดก่อนกำหนดเลยทำให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความไม่ราบรื่น


“แล้วจะมีผลเมื่อเขาโตขึ้นไหมครับ” ซินเธียถามอย่างกังวลใจ


“ถ้าดูแลดีๆ ก็จะไม่เป็นปัญหาค่ะ ช่วงนี้ก็ต้องดูกันไปก่อนหากไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรเข้ามาทุกอย่างก็จะราบรื่น” แพทย์สาวส่งยิ้มให้กำลังใจ “โดยรวมแล้วหัวใจของเขาปกติดี ส่วนปอดตอนนี้แม้จะไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตรายค่ะ หมอจะให้เขาอยู่ในตู้อบสักระยะ ประมาณสัปดาห์หน้าก็น่าจะกลับได้แล้ว”


อยู่คุยกันเรื่องอาการโดยรวมต่อไม่นานคุณหมอก็ขอตัวกลับไป แอชลีย์เลยพาเด็กหนุ่มไปยังชั้นสำหรับเด็กอ่อน สำหรับวันนี้ยังไม่สามารถเข้าไปด้านในได้คนทั้งสองเลยได้แต่มองลูกผ่านกระจกกั้นบานใหญ่


ซินเธียเดินเข้าไปแนบฝ่ามือเข้ากับบานกระจกใส ริมฝีปากสีซีดระบายรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเฟย์ลินน์กำลังนอนหลับอยู่ในนั้น ลูกดูสบายดี การหายใจก็ไม่ดูทรมานเท่าคืนแรกแล้ว พอได้เห็นแบบนั้นหัวใจอันหนักอึ้งก็เริ่มเบาขึ้นส่วนหนึ่ง


“เขาเหมือนคุณมากเลยนะครับ”


ซินเธียเงยหน้าขึ้นเอ่ยทั้งรอยยิ้มให้กับคนตัวสูงที่ขยับเข้ามาชิดพลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบเอวกันแผ่วเบา


“ผมก็ทั้งดกทั้งเข้ม รูปปาก จมูก ดวงตา” หัวเราะคิกคักออกมา ขณะขยับมือวาดไปตามตำแหน่งต่างๆ ที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่ “ฟรานก็เหมือนกัน พวกเขาทั้งสองเหมือนกันมาก แต่เพราะตอนนั้นเฟรย์ออกมาทั้งตัวเล็กแถมยังดูอ่อนแรง เราเลยแยกเขาออก”


ท้ายประโยคนี้น้ำเสียงของท่านชายคล้ายจะหม่นลง แต่ด้วยความไม่อยากทำตัวปล่อยพลังงานด้านลบต่อหน้าลูกซินเธียถึงได้พยายามฝืนยิ้มอีกครั้งขณะบรรยายความคล้ายคลึงซึ่งถอดแบบผู้เป็นบิดาของลูกทั้งสองคนออกมา


“สีตาของเขาก็เป็นอำพัน สวยมากเลยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูผ่อนคลาย ในเนื้อความนั้นแฝงแววยินดีเอาไว้ไม่น้อย “ตอนอุ้มครั้งแรก เขาตัวเล็กมากจริงๆ นั่นแหละ”


“จริงหรือครับ” ซินเธียแสดงสีหน้าสนใจ


“อืม”


ในช่วงระหว่างที่ซินเธียยังไม่ได้สติ ชายหนุ่มคอยวนเวียนมาเฝ้าลูกเป็นระยะ บางครั้งก็นั่งมองเงียบๆ อยู่เกือบครึ่งวันไม่นึกเบื่อ เฟย์ลินน์พออยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วอาการทรงตัวขึ้นมาก คุณพ่อมือใหม่จึงมีโอกาสได้สังเกตอากัปกิริยาต่างๆ ของลูกได้มากมาย มีบางครั้งเขาก็ลืมตาขึ้นมามองบ้าง นัยน์ตาของเด็กน้อยเป็นสีอำพันงดงามราวกับอัญมณี บางครั้งพอยื่นมือเข้าไปใกล้ นิ้วทั้งห้าเล็กๆ นั่นก็กำนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ต่อให้นอนหลับไปแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย จะแกะออกก็ไม่กล้า เพราะแบบนั้นจึงมีบางช่วงเวลาที่แอชลีย์ต้องนั่งอยู่ในท่าเดิมหลายชั่วโมง และบางครั้งเจ้าตัวน้อยก็ยิ้มออกมาโดยไร้เหตุผล ตาของเด็กวัยนี้ยังไม่สามารถทำงานได้ดี บางครั้งพวกเขาก็ทำเพียงมองเหม่อไปเรื่อยไร้จุดหมาย ถึงรู้แบบนั้นแอชลีย์ก็ยังเผลอส่งยิ้มคืนไปให้ลูกอยู่ดี ต่อให้จะคิดไปเองคนเดียวว่าลูกยิ้มให้ก็ตาม


“เวลายิ้ม เขาก็เหมือนเธอมากนะ” คิดมาถึงเรื่องนี้เขาเลยเอ่ยออกไป


“จริงเหรอ” คนแม่พอได้ฟังแบบนั้นก็สุขใจเป็นอย่างมาก ละสายตากลับไปจ้องเจ้าตัวน้อยในตู้อบที่ขณะนี้เริ่มขยับแขนขายุกยิกแล้ว


“ว่าแต่ช่วงที่เราหลับไป เขาได้ทานอะไรบ้างไหมครับ”


“ต้องใช้น้ำนมของคนอื่นชั่วคราวน่ะ แต่ตอนนี้เธอฟื้นแล้วหมอบอกว่าต้องปั๊มนมให้ไปก่อนยังไม่สามารถอุ้มออกมาข้างนอกได้”


“อ่า...” เด็กหนุ่มครางรับ ทั้งที่ในใจอยากจะให้ลูกได้ดื่มนมจากอกตนมากกว่า “แล้วใครเป็นคนป้อนเขา คุณหรือครับ”


“ใช่”


คนตัวโตตอบออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เห็นแบบนั้นแล้วคุณแม่ก็นึกตลกขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าตอนป้อนนมลูกอีกคนจะทำหน้าอย่างไรกันนะ นั่งป้อนด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอย่างนี้น่ะหรือ กับผู้ชายตัวโตๆ เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าเกรงขามช่างเป็นภาพที่นึกไม่ออกเลยจริงๆ มันคงทั้งแปลกประหลาดและน่ารักไม่น้อย


“แล้วคุณได้คุยกับลูกบ้างไหม”

อัลฟ่าหนุ่มขมวดคิ้ว “คุยบ้าง...”


“พูดอะไรไปบ้างครับ”


แอชลีย์กระแอม เบือนหน้ากลับไปมองลูกเสียอย่างนั้น ทำเอาเจ้าของคำถามส่ายหน้าไปมา มุมปากกระตุกรอยยิ้มเจือจาง ไม่คิดคาดคั้นสิ่งใดอีก



ซินเธียพักฟื้นต่ออีกหนึ่งวันร่างกายก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมอย่างที่คุณหมอกล่าวไว้ เด็กหนุ่มได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกหนึ่งวันถัดมา ทว่า ด้วยความที่เฟย์ลินน์นั้นยังคงต้องได้รับการดูแลในห้องสำหรับเด็กอ่อนอย่างต่อเนื่อง คนทั้งสองเลยตัดสินใจว่าจะยังพักผ่อนอยู่ในโรงพยาบาลต่อ เนื่องด้วยซินเธียไม่อยากออกห่างจากลูก จะให้กลับไปนอนโรงแรมต่อเขาคงนอนไม่หลับ สู้อยู่ต่ออีกระยะยังสามารถไปอยู่กับลูกได้ตลอดเวลา


ทางด้านแอชลีย์นั้นไม่ได้ขัดข้องอะไร ห้องระดับวีไอพีภายใต้การจัดการของนายท่านาวีเจี้ยนทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้สุขสบายไม่ต่างจากโรงแรมระดับห้าดาว เอาไว้เฟย์ลินน์ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยเดินทางกลับวินเทอร์ฟอลทีเดียวเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องไปเช่าโรงแรมให้วุ่นวายแล้ว


ในระหว่างนั้นนอกจากดูแลคุณแม้แล้วอัลฟ่าหนุ่มก็ยังแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนลูกชายคนเล็กอย่างสม่ำเสมอ เรื่องการตามหาฟรานซิสเองก็ยังดำเนินต่อเนื่อง


ขณะนี้เป็นวันที่สี่หลังจากเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล คนของฮิลล์ทำงานได้รวดเร็วและยอดเยี่ยมแต่ด้วยฐานะของฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างคนทั่วไป การไปเชิญอีกฝ่ายมาพบนั้นเลยต้องใช้เวลานานกว่าปกติเล็กน้อย


กลางดึก หลังจากส่งซินเธียเข้านอนเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินเอื่อยมาจนถึงห้องเด็กอ่อนตามความเคยชิน นัยน์ตาอำพันจับจ้องทารกน้อยซึ่งกำลังนอนหลับใหลอย่างสงบอยู่ในตู้ เขายืนล้วงกระเป๋ามองอยู่แบบนั้นเงียบๆ หน้ากระจกพักใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้แผ่วเบา


แอชลีย์ไม่ได้หันกลับไปมองแม้ผู้มาใหม่จะยืนอยู่ด้านหลังแล้ว ยังคงเอาแต่จับจ้องด้วยท่าทางดังเดิม แผ่นหลังกว้างเหยียดตรงดูสงบ เคร่งขรึม

“ได้ตัวมาแล้วครับ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น


“อยู่ที่ไหน”


“ท่าเรือนาวีเจี้ยนครับ คุณฮิลล์กำลังรับรองอยู่”


หลังจบคำรายงานนั้น นัยน์ตาอำพันส่องประกายวูบหนึ่งก่อนริมฝีปากบางจะเหยียดขึ้นเล็กน้อย


“ดี ฉันจะไปพบแขกสักหน่อย”


กล่าวจบกายสูงใหญ่ก็หันหลังย่ำเท้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไร้ความรีบร้อนไปตามโถงทางเดินเงียบสงัดท่ามกลางความมืด




TBC

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
โอ้ยยยย สงสารฟราน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :o12: สงสารซินเธีย แมรี่ด้วย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ใจกระตุ้กเลยสงสารแฝด​

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอให้เอาคืนมาได้  :hao5:
เหนื่อยน่าดูเลยคุณแม่ลูกก็เพิ่งคลอดยังต้องมารับศึก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
คนเรานะบ้าอำนาจกันจริง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Kungkakung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารแฝด :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ Keawmikami

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พาน้องกลับมานะ

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
สงสารแฝดต้องบู๊ตั้งแต่เป็นเบบี๋เลยลู้กก

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอให้ฟรานปลอดภัย :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ตามทันแล้วว อ่านสนุกมากค่ะ เป็นแนวฟิลกู๊ด ความรักน่าเอ็นดูของซินเธีย มุมขี้เก็กๆที่ดูน่าขำของ คุณคิมผู้เคร่งขรึม เห็นหน้านิ่งๆแต่เวลาอยู่บนเตียงหื่นกระหาย มันย้อนแย้งและกร๊าวววใจ  :-[

ตอนเผชิญความเป็นความตาย ร้องไห้สงสารเด็กๆมาก ฟราน หนูต้องปลอดภัยกลับมานะลูก คุณพ่อหนูเท่มาก!

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เป็นห่วงตาหนูฟราน :ling2:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารน้องง ป่านนี้เป็นไงบ้างนะะ
อยากเห็นคุณพ่อแอชลีย์เลี้ยงลูกอีกจัง น่ารักมากก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นห่วงเจ้าหนูฟรานมากเลย ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีรึป่าว

ออฟไลน์ bnmshhhhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารฟราน :mew4:

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รอนะคะ สนุกกกกกก กำลังลุ้นเลย :katai1:

ออฟไลน์ ตัวไหมอ้วนกลม

  • สาว Y ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นแล้วรักษาไม่หายนะคะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
ลุ้นหนักมาก ๆๆๆๆๆๆๆ    :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เจ้าฟรานนนน

ออฟไลน์ johnsonti

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ตามหาเจ้าฟรานไปเดือนกว่า  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด