บทที่ 21
ไม่นึกว่าอาการเล็กน้อยที่มองข้ามไปนานวันจะยิ่งทวีมากขึ้น ตั้งแต่เช้าแล้วที่ซินเธียตื่นขึ้นมาแล้วเอาแต่อาเจียนไม่หยุด บ้วนปากแล้วเดินกลับไปนั่งพักปลายเตียงหายใจหายคอยังไม่ทันคล่องดีไอ้ความพะอืดพะอมมันก็ตีรวนขึ้นลำคอมาอีกครั้ง วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่จนช่วงสายถึงค่อยทุเลาลง
เป็นแบบนี้มาสองวันแล้วและมักจะเป็นแค่ช่วงเช้า
แต่วันนี้ดูน่าจะหนักกว่าเมื่อวาน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตนอาเจียนออกมาเริ่มมีแต่ลมแล้ว โหวงไปทั้งท้องจนตาลายสุดท้ายก็ต้องทรุดตัวลงนั่งพิงกับผนังห้องน้ำระคนหมดแรง ใบหน้าหวานซีดเซียวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดซึม
เมื่อรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตัวเองเริ่มกลับมาแล้วถึงค่อยเดินลากเท้าพาร่างอันอ่อนเปลี้ยของตัวเองออกจากห้องน้ำ โดยไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบร่างสูงใหญ่ของสามียืนมองอยู่ด้านหน้า
“คุณ...” เขาชะงักไป เอ่ยถามเสียงแหบแห้งจนคล้ายกระซิบ “ยังไม่ไปทำงานหรือครับ”
เวลาจนป่านนี้แล้วอีกคนควรจะออกไปทำงานหลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จตามปกติ ไม่คิดว่าจะยังมัวมาเอ้อระเหยอยู่แถวนี้
“มานั่งก่อนเถอะ” นอกจากไม่ยอมตอบคำถามแล้วยังเข้ามาประคองซินเธียให้เดินไปนั่งตรงโซฟาชุดเล็กริมระเบียง ใบหน้าเครียดขรึมฉายแววกังวลผ่านดวงตา ชายหนุ่มเองก็คอยสังเกตอาการอีกคนเช่นกัน ข้าวแทบไม่ตกถึงท้องไม่รู้เอาอะไรมาออกนักหนา
“เห็นเธอไม่ลงไปทานข้าวสักที” เขาเริ่มเปิดปาก
“เดี๋ยวเราจะลงไป ขอพักอีกหน่อย” เอ่ยตอบเสียงอ่อน ใบหน้าหวานซบลงบนแผ่นอกกว้างกำยำคล้ายคนหมดแรง กลิ่นของอีกฝ่ายที่โอบล้อมตนเอาไว้ทั้งร่างช่วยบรรเทาให้ความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นน้อยลง
“ไม่ต้อง ฉันให้คนยกอาหารขึ้นมาแล้ว”
เจ้าตัวพูดมาถึงขนาดนี้แล้วซินเธียก็ไม่คิดปฏิเสธอะไรอีก ดีเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาหมดแรงจะเดินไปไหนแล้ว ท้องก็แสบไปหมด หน้ามืดตาลายจนไม่อยากขยับตัวไปไหน ประโยคก่อนหน้าที่ตอบอีกคนไปก็เพื่อความสบายใจของคนตัวสูง คิดว่าพอเขาออกไปทำงานแล้วจะรั้งนอนอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน
คล้อยหลังคำกล่าวนั้นของแอชลีย์ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะเป็นคำอนุญาตก่อนประตูจะถูกเปิดเข้ามาพร้อมคุณพ่อบ้านเดินถือถาดอาหารเข้ามาสองสามอย่าง
“เอาวางไว้บนโต๊ะนั่น”
ซินเธียเหลือบตามองทุกความเคลื่อนไหวภายในห้อง รอจนคุณพ่อบ้านขอตัวกลับออกไปแล้วถึงค่อยพยุงตัวลุกขึ้นมองสำรวจบรรดาอาหารบนโต๊ะ ทว่า แม้จะหิวมากแค่ไหนแต่เพียงแค่ชิมไปคำเดียวก็ต้องวางส้อมลง ใบหน้าซีดเซียวดูย่ำแย่กว่าเดิม
“เป็นอะไร”
แอชลีย์รู้สึกกังวลเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนทำท่าคล้ายอยากอาเจียนอีกครั้ง ในสมองเริ่มประมวลความเป็นไปได้ คงไม่ใช่ว่าเกิดแพ้อาหารอะไรขึ้นมาอีกหรอกนะ เนื่องจากอาการของเด็กหนุ่มคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งอยู่ในคฤหาสน์แลมเบิร์ตแต่ยังไม่ดูรุนแรงเหมือนตอนนั้น เขาตรวจสอบตามร่างกายแล้วการหายใจปกติดีอีกทั้งตามผิวก็ไม่มีผื่นแดงขึ้น
ไม่น่าจะแพ้อาหาร
ถ้าอย่างนั้นเป็นอะไรกันล่ะ
“ให้หมอมาตรวจดูดีไหม” ป้องกันไว้ก่อนก็คงจะดี ทว่าคนในอ้อมแขนก็ส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว ปากพึมพำแต่คำว่าไม่เป็นไรจนนึกอ่อนใจ
“อย่างนั้นฉันจะให้อีริคเอาอาหารมาเปลี่ยน”
แต่ไม่ว่าจะลองเปลี่ยนเมนูไปสักกี่ครั้งอาการของท่านชายก็ยังคงดังเดิม ซินเธียไม่ได้ถึงขั้นทานอะไรเข้าไปแล้วอาเจียนออกไปหมด แต่เด็กหนุ่มรู้สึกพะอืดพะอม รู้สึกว่าอาหารทุกอย่างตรงหน้ามันเลี่ยนไปหมดหากฝืนกล้ำกลืนทานเข้าไปอีกหน่อยจะต้องได้ล้วงเอาทุกอย่างในลำคอออกมาหมดแน่
ตอนนี้ซินเธียรู้สึกหิวมาก หิวจนแสบไปหมดทั้งท้อง ทั้งลำคอ แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกอยากทานอาหารจานไหนเลย ความรู้สึกเหล่านี้พาลทำให้รู้สึกหงุดหงิด จากความหงุดหงิดกลายเป็นความโกรธ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร อาหารพวกนี้ก็ทานกันอยู่ทุกวันทำไมวันนี้เขาถึงจัดการมันไม่ได้ ทุกความคิดพรั่งพรูอยู่เต็มสมองรู้ตัวอีกทีก็กลั่นความรู้สึกทั้งหมดออกมาเป็นหยาดน้ำหยดแหมะลงบนหลังมือของแอชลีย์ซึ่งกำลังกุมมือตนเอาไว้ออยู่
อัลฟ่าหนุ่มชะงักไปหลังได้รับสัมผัสเปียกชื้นบนผิวหนังรีบตวัดสายตามองคนเด็กกว่าในอ้อมแขนทันที น้ำตาของภรรยาทำเอาหัวใจของเขาปวดร้าว
“เป็นอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าปกติหลายส่วน ด้วยกลัวว่าเผลอจะไปทำอะไรกระตุ้นต่อมน้ำตาอีกคนอีกเพราะเขาไม่รู้สาเหตุของน้ำตาหยดนี้ทั้งยังค้นสาเหตุที่เป็นวิทยาศาสตร์ไม่พบด้วย
“ไม่รู้” แมวน้อยสูดน้ำมูก ส่ายหน้าจนปอยผมสั่นไปตามแรงขยับ “ไม่รู้ แต่เราหิวมาก เราอยากทานพวกมันแต่ทำไมทานไม่ได้ก็ไม่รู้”
“เข้าใจแล้วๆ” แล้วท่านชายคิมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากกระชับคนตัวบางในอ้อมแขนให้ร่างกายแนบสนิทกันมากขึ้นหวังแต่ว่ากลิ่นของตนที่อีกคนชื่นชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น มือข้างหนึ่งก็คอยลูบศีรษะคนเป็นภรรยาเป็นการปลอบประโลม เขาส่งสายตาเชิงขอความเห็นจากพ่อบ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างๆ เพราะเขาก็ไม่รู้จะจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างไรดี ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกกับการได้เห็นน้ำตาของใครสักคน ทั้งบุคคลนั้นยังเป็นภรรยาของตนอีกด้วย
เขารู้ว่าซินเธีย วาเลนเธียเป็นประเภทแข็งนอกอ่อนใน ภายนอกดูเข้มแข็งปราดเปลี่ยวแตกต่างจากโอเมก้าทั่วไป แต่ภายในก็เป็นแค่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาคนหนึ่งเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์จริงใจ
ต่อให้ต้องห่างบ้านเมือง เข้างานวิวาห์กับคนแปลกหน้า พบเจอกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามแค่ไหน ซินเธียก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลยสักนิด
แล้วครั้งนี้ท่านชายกลับกำลังนั่งน้ำตาหยดแหมะๆ เพราะ... หิวข้าว?
ฝ่ายอีริคก็รู้สึกไม่สบายใจไม่แพ้กัน เขาเลยลองเสมอความเห็นหลังนิ่งเงียบมานาน
“อย่างนี้ดีหรือไม่ครับ ตอนนี้ท่านชายอยากทานสิ่งไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับผมจะลองไปจัดหามาให้”
คนถูกถามสูดน้ำมูกไปอีกฟืดหนึ่งแล้วนิ่งไปคล้ายกำลังครุ่นคิด หมดสิ้นซึ่งความสง่างามอย่างที่เคยเป็นมาตลอดกลายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งนั่งตัวลีบอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นสามี
“เราอยากทานสิ่งนั้น ผลเล็กๆ สีแดงๆ” เงียบไปเพื่อคิดอีกครู่หนึ่ง “เคยลองทานครั้งหนึ่งตอนงานเลี้ยงของคุณชายแสตนลีย์ อร่อยมาก”
แม้เวลาจะผ่านมาร่วมเดือนแล้วแต่รสชาติเปรี้ยวอมหวานยังจดจำได้ดีเพียงแค่นึกถึงก็ราวกับได้สัมผัสเนื้อแน่นฉ่ำน้ำอบอวลอยู่เต็มปาก ซินเธียไม่แน่ใจว่าเจ้าผลเล็กฉ่ำน้ำนั้นคืออะไร ในดินแดนทางใต้ไม่เคยมีพืชชนิดนี้แต่ลิ้มลองไปเพียงครั้งเดียวก็นึกติดใจอยู่มาก
“มันคืออะไร” แอชลีย์ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าสิ่งที่คนตัวบางอธิบายออกมาเลย ในชีวิตนี้ไม่ใช่คนจะมาสนใจเรื่องหยุมหยิม ยิ่งเรื่องในครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อให้อธิบายออกมาละเอียดยิบก็นึกไม่ออกอยู่ดี
“ท่านชายคงจะหมายถึงมะเขือเทศเชอร์รี่หรือเปล่าครับ” แต่รายละเอียดอันน้อยนิดนี้คงไม่อาจหลุดพ้นสายตาอันเฉียบคมของคุณพ่อบ้านผู้รอบรู้และสารพัดประโยชน์คนนี้ไปได้
“อะไรก็เถอะ ลองไปหามาให้เขาลองทานดู” แน่นอนว่าต่อให้พูดชื่อมาแอชลีย์ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีเลยได้แต่โบกมือให้อีกคนรีบไปจัดการ
“ครับ ผมจะรีบไปจัดการ”
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ดูแลตระกูลคิมที่สั่งสมมานานหลายสิบปีอีริคย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง ผ่านไปแค่ไม่นานชายชราก็ถือจานที่เต็มไปด้วยผลมะเขือเทศเชอร์รี่เข้ามา
เมื่อของถูกนำมาแน่นอนว่าคนที่นอนหน้าซีดเซียวตัวอ่อนอยู่ครึ่งค่อนวันก็เริ่มกลับมาสดใส หยิบเจ้าผลไม้ลูกเล็กนั้นทานไม่ขาดจนริมฝีปากอิ่มชุ่มไปด้วยน้ำวาววับแดงระเรื่อกลายเป็นภาพเย้ายวนคนมองโดยไม่ได้ตั้งใจ แอชลีย์เบือนหน้าออกจากสิ่งนั้นก่อนจะกระแอมหนึ่งครั้ง ยิ่งช่วงนี้เจ้าตัวชอบปล่อยฟีโรโมนแปลกๆ ออกมาเดิมสภาพจิตใจของชายหนุ่มก็ไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว
“ทานมากแบบนี้จะดีหรือ” เขาถามเหมารวมทั้งคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานเต็มปากและคนที่ยืนอยู่ข้างกายด้วย
“ถ้าคุมปริมาณให้ดีก็ไม่เป็นปัญหาครับ มะเขือเทศชนิดนี้ให้ประโยชน์มากมายอีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย” แต่คุณพ่อบ้านก็ช่วยตอบคำถามอย่างรู้งาน
ถึงจะเห็นคนทานอะไรได้บ้างแล้วแต่แค่นี้มันคงยังไม่เพียงพอ พลังงานที่จำเป็นก็ยังขาดอีกมากดูก็รู้แล้วว่าคงอยู่ท้องไม่นาน ซินเธียที่เดิมก็ทานอาหารไม่ต่างกับแมวดมช่วงหลังแม้ดูเจริญอาหารมากขึ้นแต่ก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้นอกจากจะกลับมาทานน้อยแล้วมิหนำซ้ำยังน้อยกว่าเดิมเพราะเห็นอะไรขึ้นโต๊ะก็พะอืดพะอมไปเสียหมด
“ลองให้หมอมาตรวจดูดีไหม” ชายหนุ่มเสมออีกครั้งหลังซินเธียทานจนสบายท้องแล้วส่วนตอนนี้ก็ตั้งใจจะไปล้มตัวนอนในรังเสียหน่อย อาเจียนมาทั้งวันรู้สึกเพลียไปหมดทั้งร่าง
“ตอนนี้เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว ได้ทานอาหารกับพักผ่อนมากหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะครับ”
คนดื้อเขาว่าอย่างนั้น
แต่พอตื่นเช้ามาสิ่งที่เจ้าตัวอุปทานไปเองว่าดีขึ้นอาการเดิมก็ถาโถมลงมาอีกครั้ง แถมดูท่าจะหนักกว่าเดิมด้วยเป็นแบบนั้นอยู่หลายวันสุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็เป็นแอชลีย์เสียเอง เขายื่นคำขาดให้เด็กหนุ่ม ครั้งนี้ไม่ใช่คำถามที่เป็นเพียงความเห็น แต่เป็นคำประกาศิต
“คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ปกติแล้ว เธอต้องได้รับการตรวจ”
ซินเธียซึ่งนั่งเกาะโถชักโครกอยู่หอบหายใจรวยรินจนต้องยกมือขึ้นมากุมแผ่นอกเอาไว้ได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ฉับพลัน ก็ดันนึกถึงคำถามเรื่องฮีทที่แอชลีย์มักพร่ำถามเสมอในช่วงนี้ขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตกรอกไปมาอย่างคนใช้ความคิด มันนานแค่ไหนแล้ว ปกติมันควรจะมาแล้วสิ วูบหนึ่งที่ความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมาจนเขาใจสั่น
คงไม่หรอกมั้ง...
“พรุ่งนี้ฉันจะเชิญหมอเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องตรวจแล้ว” แอชลีย์ยื่นคำขาด ชายหนุ่มทนมองอีกคนเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“อะ อื้ม...”
เมื่อไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีกซินเธียได้แต่ครางรับแล้วนิ่งไป สติดูเลื่อนลอย มือข้างที่ทาบอยู่บนแผ่นอกเผลอขยุ้มเนื้อผ้าแน่น
นายแพทย์เดินทางจากจัตุรัสไวท์สแควร์มาถึงคฤหาสน์ตระกูลคิมในช่วงสายคลาดกับแอชลีย์ซึ่งต้องรีบไปทำงานหลังเอ้อระเหยมัวพะวกพะวงกับซินเธียมาหลายวันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเนื่องด้วยเช้าวันนี้มีหิมะตกลงมาถึงจะไม่หนักมากแต่มันก็เป็นปัญหากับคนที่ต้องเดินทางไกลพอสมควร
พ่อบ้านอีริคเดินนำคนเข้ามายังโถงรับรองแขกซึ่งมีท่านชายวาเลนเธียนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ซินเธียวันนี้หน้าตาดูสดชื่นกว่าเมื่อวานส่งยิ้มอ่อนให้กับนายแพทย์ประจำตระกูลคิมผ่านการแนะนำจากคุณพ่อบ้าน
“สวัสดีตอนสายครับท่านชาย” แพทย์คนนี้เป็นอัลฟ่าวัยกลางคน รูปร่างสูงสมส่วนตามมาตรฐานอัลฟ่าทั่วไป สวมแว่นกรอบสายตาขับภาพลักษณ์ให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ ครอบครัวของชายผู้นี้ประกอบอาชีพเป็นศัลยแพทย์มาหลายต่อหลายรุ่นอีกทั้งยังคอยดูแลตระกูลคิมมานาน เห็นเหล่าสะใภ้ตระกูลคิมมาก็มากมีทั้งคนธรรมดาไปจนถึงคุณหญิงคุณชายจากตระกูลมีชื่อ
แต่เชื่อได้เลยว่าตลอดชีวิตการทำงานรับใช้ตระกูลคิมของเจอร์ราร์ดไม่มีใครสง่างามได้เท่าท่านชายวาเลนเธียผู้นี้แล้ว
ผิวสีน้ำผึ้งกับนัยน์ตาสีเงินเปล่งประกายราวกับคริสตัลคู่นั้นเป็นเสน่ห์อันหาพบได้ยากยิ่ง และทั่วทั้งแดนเหนือนี้คงไม่มีผู้ใดเทียบเคียง
“ได้ยินเรื่องราวของท่านชายมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบช่างเป็นเรื่องน่ายินดี” นายแพทย์วาดแขนค้อมศีรษะให้เป็นการแสดงความเคารพ
“คุณหมอเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ” เด็กหนุ่มยื่นมือไปจับทักทายตามมารยาท
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ขออนุญาตนะครับ” เพื่อไม่ให้เสียเวลานายแพทย์เจอร์ราร์ดขออนุญาตก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เพื่อวัดค่าความดัน ฟังเสียงหัวใจและวัดไข้ตรวจอาการเบื้องต้น ระหว่างนั้นก็ให้ท่านชายบอกเล่าอาการของตัวเองไปด้วย
ซินเธียเล่าไปว่าหมู่นี้ตัวเองมักจะชอบอาเจียนตอนเช้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่แน่ใจว่าตนนั้นเป็นอะไร ก่อนหน้านี้เคยมีประวัติแพ้อาหารทะเลเพียงแต่ว่าถึงอาการจะใกล้เคียงกันแต่ดูแล้วก็มีข้อแตกต่างอยู่ ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ ไม่มีผื่นขึ้น เดินเหินได้ปกติติดจะแต่ชอบหน้ามืดเวลาต้องออกแรงมากหน่อย แถมยังรู้สึกเบื่ออาหารเห็นอะไรก็พาลพะอืดพะอมไปเสียหมด
เจอร์ราร์ดรับฟังด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สมองก็คอยประเมินอาการเบื้องต้นออกมาทั้งหมด มีหลายสาเหตุที่เขาคิดได้ เพียงแต่ว่าเห็นจะมีอยู่อาการหนึ่งดูเด่นชัดเป็นพิเศษ ฉะนั้นนายแพทย์จึงสอบถามเพิ่มเติมอีกหน่อยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง
“นอกเหนือจากนี้ท่านชายมีอาการอะไรที่คิดว่าแปลกอีกไหมครับ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้”
ซินเธียทำท่านึก “ระยะนี้เรานอนมากเป็นพิเศษ รู้สึกกังวลอยู่เหมือนกันว่าจะส่งผลเสียหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการที่เหนื่อยง่ายด้วยหรือเปล่าถึงได้อยากนอน”
“ที่ว่าเหนื่อยง่ายนี้เป็นมานานหรือยังครับ หรือพึ่งจะเป็น”
“ไม่เลย เมื่อก่อนเราใช้แรงมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร แต่ช่วงสองสามสัปดาห์มานี้แค่จัดการเรื่องเล็กน้อยในบ้านก็แทบหมดแรง หน้ามืดแล้ว”
เด็กหนุ่มมองนายแพทย์ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงในสมุดพก ใบหน้าใจดีระบายรอยยิ้มจางๆ ที่เขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไมแต่ตอนนี้ซินเธียเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว
“เท่าที่ฟังท่านชายเล่ามารวมถึงการตรวจร่างกายเบื้องต้นผมก็พอจะวินิจฉัยได้คราวๆ แต่เพื่อความแม่นยำคงจะต้องไปตรวจโรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ”
“คุณหมอว่า...” เขาลากเสียง ค่อยๆ เอ่ยทีละประโยคราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ หัวใจเต้นแรงเสียจนต้องบีบมือเอาไว้
“ครับ ตอนนี้ท่านชายกำลังตั้งครรภ์ น่าจะอยู่ในช่วง 9 – 10 สัปดาห์ครับ”
ซินเธียเผลอกลั้นหายใจในขณะที่ได้ยินคำตอบนั้นออกมาจากปากของนายแพทย์ตรงหน้า เขาเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วก็หลับตาลงช้าๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกคล้ายกำลังรวบรวมสติ ยามเมื่อนัยน์ตาสีเงินถูกเปิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นตอนที่ริมฝีปากอิ่มขยับเปล่งออกมาคำหนึ่งเสียงแผ่ว
“ตั้งครรภ์... หรือครับ”
“ครับ ยินดีด้วยนะครับ” คุณหมอระบายรอยยิ้มกว้าง พูดเน้นย้ำชัดทุกถ้อยคำ
มัน เกิดขึ้นจริงสินะ
เด็กหนุ่มเหลือบมองคุณพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างโซฟา ชายชราเองก็แสดงสีหน้ายินดีออกมาไม่ต่างกันกับข่าวดีของตระกูล จะนับว่าเป็นข่าวใหญ่ในรอบหลายเดือนเลยก็ว่าได้ หลังงานวิวาห์จบลง
ก่อนจะกลับนายแพทย์เจอร์ราร์ดยังคงกำชับให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อความแม่นยำ หลังจากนั้นก็จะได้ดำเนินการเรื่องฝากครรภ์ต่อไป โดยก่อนหน้าก็ได้มอบยาลดอาการแพ้รวมถึงให้คำแนะนำการดูแลตัวเองเบื้องต้นสำหรับว่าที่คุณแม่มือใหม่ ไม่ว่าจะอาหารการกิน สิ่งไหนที่ควร สิ่งไหนที่ต้องเลี่ยง ทั้งยังกำชับอีกว่าช่วงไตรมาสแรกนี้ทารกในครรภ์อาจจะยังไม่พัฒนาจนเป็นรูปร่างดีนักแต่พัฒนาการจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เด็กจะต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอควบคู่ไปกับการพักผ่อนของว่าที่คุณแม่เพื่อเป็นการเสริมสร้างพัฒนาที่ดี กิจกรรมอะไรที่ต้องออกแรงมากหรือสุ่มเสี่ยงต้องงดเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะการขี่ม้า การเดินทางไกล
ระยะแรกของการตั้งครรภ์นี้ถือเป็นช่วงอันตรายที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเมื่อร่างกายได้รับการกระทบกระเทือนมากเข้านั่นหมายถึงว่ามีสิทธิจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของเด็กในครรภ์
ซินเธียพยักหน้ารับ หนึ่งในข้อห้ามคือน้ำชาซึ่งมีคาเฟอีนทางที่ดีควรงดดื่มเป็นการชั่วคราวจะดีที่สุด แต่ในกรณีที่ว่าร่างกายเคยชินกับการดื่มก็สามารถค่อยๆ ลดปริมาณลงจนเหลือวันละไม่เกินสองแก้วได้ ด้วยเข้าใจดีว่าชาววินเทอร์ฟอลนั้นชื่นชอบการดื่มชาจนต้องมีเครื่องดื่มชนิดนี้ร่วมด้วยทุกมื้ออาหาร อีกทั้งเครื่องดื่มชนิดนี้ยังเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอันสำคัญของชาวแดนเหนือหากจะสั่งห้ามไปเลยคงเป็นเรื่องยากแต่เราสามารถลดจำนวนมันลงได้ หากร่างกายได้รับในปริมาณปกติก็จะไม่ส่งผลเสียอะไร
ประเด็นนี้ซินเธียไม่ค่อยมีปัญหากับมันนัก แม้ว่าจะเคยชินกับวัฒนธรรมดื่มชาของชาวแดนเหนือแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ติดมันจนขาดไม่ได้ หากจะงดไปเลยก็ไม่มีปัญหา
เด็กหนุ่มเดินมาส่งนายแพทย์ประจำตัวด้วยตัวเองหน้าประตูโถงทางเข้า อันที่จริงก็เพราะมีจุดประสงค์
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ รบกวนให้ท่านชายต้องเดินมาส่งช่างเสียมารยาทจริงๆ”
“ไม่หรอกครับ” เขาส่ายหน้าน้อยๆ “เอ่อ... คุณหมอครับ”
“ครับ?”
“เรื่องในวันนี้...” ซินเธียบีบมือของตัวเองแน่น รู้สึกว่ามันยากที่จะเอ่ยออกไปจริงๆ “เรื่องในวันนี้รบกวนคุณหมออย่าพึ่งรายงานคุณแอชลีย์ได้หรือเปล่า”
คนฟังพอได้ยินประโยคนั้นรอยยิ้มก็จางลงทันที ใบหน้าซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัยแสดงความฉงนออกมาโดยไม่ปิดบัง
“ทำไมล่ะครับ ผมคิดว่าคุณท่านคงจะดีใจมากหากรู้ว่าท่านชายกำลังตั้งครรภ์”
“คือเราอยากจะบอกเขาด้วยเองน่ะ” คำตอบนี้จริงเท็จแค่ครึ่งเดียว
เจอร์ราร์ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา “เป็นอย่างนี้นี่เอง ท่านชายคงอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแอชลีย์สินะครับ ผมเข้าใจแล้ว” เขาพยักหน้าเข้าใจแล้วให้คำมั่นว่าจะไม่มีทางหลุดปากบอกออกไปก่อนแน่นอนแล้วขอตัวกลับไป
ซินเธียยืนมองจนกระทั่งรถสีดำของนายแพทย์เคลื่อนออกรั้วคฤหาสน์ไปแล้วถึงได้หันกลับมากำชับคนที่ยืนสงบนิ่งรอรับคำสั่งอยู่เบื้องหลัง
“เรื่องนี้เราฝากคุณอีริคกำชับทุกคนในคฤหาสน์ด้วยนะครับ”
ชายชราค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการรับคำสั่ง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วยแต่เพราะผู้เป็นนายยืนยันมาแบบนั้นตนเองที่เป็นแค่พ่อบ้านก็ไม่อาจออกหน้าอะไรมากได้จนเกินขอบเขต
หลังจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้น ซินเธียพาร่างอันอ่อนแรงของตัวเองเข้ามานั่งในรัง ดวงตาเหม่อลอยเต็มไปด้วยความคิดมากมายภายในหัว สองมืออันสั่นเทายกขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองแผ่วเบา เมื่อครู่หลังได้ยินคำยืนยันจากคุณหมอ ซินเธียทั้งดีใจและยินดีมาก เป็นความยินดีที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
หลายต่อหลายครั้งที่เขาวาดฝันถึงเรื่องการสร้างครอบครัวและลูกของเรา คิดว่าตัวเองคงมีความสุขมากยามได้เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งที่เหมือนพ่อของเขา สั่งสอนแต่สิ่งดีๆ ให้เด็กคนนั้นเติบใหญ่มาอย่างสง่างาม เช่นเดียวกับพ่อของเขา
วาดฝันเอาไว้มากมาย คิดไปหลายต่อหลายครั้ง
แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันกับข่าวดีครั้งนี้ ข่าวดีสำหรับตนเอง ข่าวดีสำหรับใครหลายๆ คน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สุดอย่างเขาคนนั้นหรือเปล่า
ยังไม่พร้อมที่จะบอกใครอีกคนว่าขณะนี้ภายในท้องของตนกำลังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งสองอยู่ สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน
เพราะซินเธียกลัว
กลัวว่าหลังเขาได้รับรู้เรื่องนี้แล้วจะไม่แสดงความยินดีออกมา กลัวการต้องมองใบหน้าเย็นชากับดวงตาเรียบเฉยของเขา ทุกคำพูดทุกประโยคจากวันแรกจนถึงปัจจุบันซินเธียจดจำมันได้ขึ้นใจทั้งยังเกาะกุมอยู่ภายในมาจนถึงตอนนี้ มากกว่าคำพูดคือท่าทางเมินเฉย
เพราะเมื่อเป็นแบบนั้นซินเธียคงรับไม่ไหว
หลากกลายความรู้สึกตีรวนอยู่ในภวังค์ความคิด ทั้งสุข ทั้งยินดี ทั้งกังวลและหวาดกลัว มากมายเสียจนรู้สึกสับสน
เด็กหนุ่มก้มลงมองสิ่งที่สองแขนของตนกำลังโอบประคองอยู่แล้วกอดมันเอาไว้พลางคิดว่าเขาจะเป็นแม่ที่ดีได้หรือเปล่านะ จะเลี้ยงเขาได้ดีพอหรือเปล่าและมันต้องทำอย่างไร จะดูแลเขาในขณะที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ข้างในนี้ได้อย่างไร
จู่ๆ ก็คิดถึงท่านแม่ขึ้นมา
ไม่รู้หากว่าเป็นท่านในตอนนี้จะสามารถจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร บางที บางทีหากท่านแม่ยังอยู่ท่านคงจะสามารถให้คำแนะนำและปลอบประโลมตนได้ มันน่าแปลกเพราะเดิมซินเธียไม่ได้มีความผูกพันใดกับตัวมารดาเลยเนื่องจากท่านจากไปตั้งแต่เขายังเด็กมาก เด็กเกินไปที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ นานา ยิ่งความคิดถึงโหยหายิ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้น
แต่น่าแปลก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซินเธียรู้สึกคิดถึงท่านแม่และนึกอยากให้ท่านอยู่ด้วยกันในตอนนี้
คล้ายก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอและซินเธียกำลังพยายามกลืนมันลงไป เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วปาดเอาหยาดน้ำตรงปลายหากตาออกแล้วล้มตัวนอนลงเงียบๆ
ขอเวลาอีกนิดก็แล้วกัน
ซินเธียรู้ดี ถึงอย่างไรแอชลีย์ก็ต้องรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผลลัพธ์จะออกมาเช่นไรก็ต้องบอกออกไปสักวัน เรื่องแบบนี้ไม่มีทางปิดบังเอาไว้ได้และแอชลีย์ คิมก็ไม่ใช่คนโง่ ชายคนนั้นไม่ได้มีความอดทนมากพอ ต่อให้ปิดบังดีแค่ไหนก็ไม่มีทางจะตบตาฝ่ายนั้นได้ เดิมทีชายหนุ่มก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาแค่อาจจะยังไม่รู้ว่าอาการเหล่านี้เป็นสาเหตุของอะไร แต่อีกไม่นานแน่ๆ
คนปิดบังได้ ทว่าอาการอันเป็นรูปธรรมเหล่านี้ปิดบังไม่ได้ ต่อให้เจอร์ราดไม่พูด อีริคไม่พูด สุดท้ายเขาก็จะต้องมีวิธีไปค้นหาคำตอบมาได้อยู่ดี
แน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรู้และสมควรได้รู้ทั้งในฐานะสามี และในฐานะของคนเป็นพ่อ
แต่ขอเวลาอีกหน่อยก็แล้วกัน ขอเวลาให้เขาได้เตรียมใจ
แค่วันเดียวก็ยังดี
ซินเธียนอนขดตัวอยู่ท่ามกลางเครื่องใช้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นของใครอีกคนซึ่งทำให้จิตใจของตนสงบ คิดทบทวนเรื่องราวมากมายอยู่เป็นนานกว่าสติจะค่อยๆ เลือนหายเข้าสู่ห้วงนิทราไป