My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---  (อ่าน 33667 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 น้องงอนหนักแล้วจะแย่นะแอชลีย์

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
คนขี้แกล้งงงงงงงงงง

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิพี่มันร้ายยยยยแกล้งน้องได้ลงคอ55555
สงสาร  :-[  :กอด1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แอชแกล้งน้องทำไมมมมม

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คนขี้แกล้ง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0



บทที่ 20


   ซินเธียพลิกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด พอหันหลับไปมองอีกด้านหนึ่งของเตียงก็พบเข้ากับแอชลีย์ที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่ เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอนกระสับกระส่ายอยู่เป็นนานจนสุดท้ายร่างกายมันคงถึงขีดจำกัดแล้วหลับลงไปเอง


   รู้ว่าอีกคนนั้นเป็นคนเด็ดขาด ทุกถ้อยคำทุกวาจาที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาล้วนถูกกลั่นกรองออกมาแล้วและเขาหมายความแบบนั้นทุกประโยค และยังเข้าใจเหตุผลของการลงโทษครั้งนี้ เรื่องอะไรแบบนี้น่ะหากท่านพ่อรู้คงโดนตีจนตายไม่ต่างกัน ทั้งการแอบ ‘ยืม’ เสื้อผ้าคนอื่นโดยไม่บอกกล่าวมันไม่ใช่นิสัยของคนอย่างท่านชายวาเลนเธียเลยสักนิด แต่ช่วงนี้ตัวมันดันไปก่อนสมองไตร่ตรอง ซินเธียเองก็ควบคุมความต้องการจะ ‘ยืม’ เสื้อผ้าของคุณสามีไม่ได้จริงๆ


เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะตลบผ้าห่มลุกออกจากเตียง ถึงจะเข้าใจแต่ก็น้อยใจอยู่ดีสับสนในตัวเองจนรู้สึกหงุดหงิด สุดท้ายเลยได้แต่ลากเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องในสุด คิดเอาไว้ว่าจะขอนอนในรังต่ออีกสักพัก


คล้อยหลังซินเธีย แอชลีย์ก็ลืมตาด้วยเวลาไม่ห่างกันมาก สัมผัสพื้นเตียงว่างเปล่าข้างกายแล้วได้รับไอเย็นเล็กน้อยบ่งบอกว่าเจ้าของพื้นที่ตรงนี้คงลุกไปสักพักแล้วเห็นดังนั้นเลยลุกขึ้นบ้าง เดินไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำก่อนจะมุ่งหน้าไปทางห้องแต่งตัว


ตู้เสื้อผ้าวันนี้มีสิ่งที่ต้องการอู่ครบถ้วย ไม่ขาดไม่หายอีกแล้ว เขากระตุกมุมปากก่อนจะหยิบเชิ้ตสีครามออกมาสวม



คนที่คิดว่าตื่นแล้วคงมาอยู่ชั้นล่างกลับไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่เงา แอชลีย์สงสัยเล็กน้อยพอเจอแม่บ้านคนหนึ่งเดินผ่านมาเลยเรียกไว้ สอบถามได้ความภรรยาแมวน้อยของเขายังไม่ลงมาเลยเช้านี้ คำตอบนั้นทำเอาต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ แต่พอนึกดูดีๆ หากในห้องนอนไม่มี ชั้นล่างไม่มีก็คงมีอยู่ที่เดียวแล้วล่ะที่เด็กคนนั้นจะไป


ปล่อยไว้แบบนั้นก่อนก็แล้วกัน แอชลีย์เดินไปยังห้องอาหารนั่งจิบกาแฟไปพลางฟังพ่อบ้านรายงานเรื่องราวภายในบ้านช่วงสัปดาห์ที่ผ่านนี้ไปพลาง ช่วงนี้อุณหภูมิลดลงต่ำอย่างต่อเนื่องและคาดว่ามันคงยังไม่ถึงจุดต่ำสุดในเร็ววันนี้ พวกคนงานที่จ้างประจำอย่างคนดูแลสวน คนทำความสะอาดมาขอลาหยุดเพื่อเก็บตัวรักษาร่างกายให้อุ่นอยู่ในบ้าน แอชลีย์พยักหน้ารับอย่างตั้งใจ เอ่ยอนุญาตพร้อมสั่งให้อีริคมอบเงินพิเศษให้พวกเขาไปใช้ชีวิตในช่วงสิ้นปีคนละก้อนเล็กๆ เหตุการณ์แบบนี้นับเป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำทุกปี


“วันนี้คุณท่านจะออกไปไหนหรือไม่ครับ” คนเป็นนายส่ายหน้า


“พักสักวันก็แล้วกัน”


ช่วงท้ายปีอากาศจะหนาวมากเป็นพิเศษ หิมะก็ตกหนักขึ้นมากสุดก็คือตกทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันหลายวัน ถนนหนทางเต็มไปด้วยกองเกล็ดน้ำแข็งจนไม่สามารถเดินทางได้สะดวก ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหล่าคนงานมักขอลาหยุดพักผ่อนเป็นเรื่องปกติแม้แต่ขนาดคนระดับชนชั้นสูงยังไม่นึกอยากขยับตัวไปไหน แอชลีย์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยากจะลาพักผ่อน เพราะแบบนั้น ไม่ใช่แค่คนงานที่จ้างประจำแต่คนในคฤหาสน์ใครประสงค์อยากลากลับบ้านก็ล้วนได้รับอนุญาตหมด หลังจากวันนี้ไปนอกจากอีริคที่เป็นพ่อบ้านพักอาศัยอยู่รับใช้ตระกูลคิมมานานนับสิบปีก็คงมีแม่บ้านอีกสองสามคนที่เหลืออยู่ที่นี่


สั่งงานจนครบทุกอย่างแล้วพ่อบ้านก็ขอตัวไปเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คนจากห้องครัวเดินเข้ามา


“อาหารพร้อมแล้วค่ะ จะให้ไปตามท่านชายมาเลยไหมคะ”


“เดี๋ยวฉันจัดการเอง ตั้งโต๊ะเลย”


“ค่ะ”


แอชลีย์ลุกขึ้นปล่อยให้คนมาเก็บกวาดโต๊ะอาหารเตรียมตั้งโต๊ะสำหรับมื้อเช้า ส่วนตัวเองก็มุ่งหน้าสู่ชั้นสองเพื่อไปจัดการกับคนขี้เซาที่นอนอย่างสบายอกสบายใจอยู่ในรัง


หมู่นี้เขาสั่งเกตว่าซินเธียนอนมากเป็นพิเศษ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะยังไม่ชินกับอากาศหนาวๆ หรือเปล่านะเลยส่งผลให้เกิดอาการอยากซุกตัวนอนบนเตียงตลอดทั้งวัน แต่ดูไปดูมาเริ่มคิดว่าไม่ใช่แล้ว การนอนกมากไปก็อาจก่อให้เกิดผลเสียได้ นี่ก็ไม่รู้แอบมานอนตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน แถมดูท่าแล้วว่าห้องเก่าของชายหนุ่มจะถูกคุณภรรยายึดเข้าให้เรียบร้อย บรรยากาศภายในห้องแค่เปิดประตูเดินเข้ามากลิ่นของเจ้าตัวก็ฟุ้งไปทั่ว


   แอชลีย์ย่อตัวลงนั่งลงข้างสถานที่อันเรียกว่ารังของคนตรงหน้าไม่กล้าเข้าไปโดยพลการเนื่องจากจดจำคำที่คาร์ลินเคยย้ำเอาไว้ว่ารังของโอเมก้าถือเป็นเขตหวงห้าม


   เขาจ้องมองใบหน้าหวานยามหลับใหลเงียบๆ ช่างเป็นภาพที่ดูไร้เดียงสา เส้นผมยาวแผ่กระจายไปทั่วหมอนดูยุ่งเหยิงเป็นผลมาจากการนอนไปมุดไปของเจ้าตัว นอนขนาดนี้มีอยู่สองกรณีแล้วหากไม่ป่วยก็คือขี้เกียจดีๆ นี่เอง แต่พอยื่นมือเข้าไปแตะตามเนื้อตัวเริ่มตั้งแต่หน้าผากมน ปรางแก้มนิ่มทั้งสองไล่ลงมาถึงซอกคอแต่ก็ไม่พบอุณหภูมิผิดปกติอะไรถึงได้วางใจ


นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้คนขี้เซาเขาได้นอนต่ออีกสักพักถึงได้ตัดสินใจปลุก ซินเธียรู้สึกตัวตั้งแต่สัมผัสแล้วแต่เพราะยังงัวเงียเลยนอนแช่ต่ออีกเป็นนาน


“ลงไปทานข้าวได้แล้ว”


พอได้ยินคำว่าอาหารสมองก็เหมือนได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาโดยอัตโนมัติ จากท่าทีงัวเงียอืดอาดก็พลันเปลี่ยนเป็นสดใสฉับพลัน กระตือรือร้นที่จะลุกออกจากรังลงไปชั้นล่างทันที



จบมื้อเช้าลงแอชลีย์พาซินเธียมาเดินย่อยอาหารในสวนด้านหลัง เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปรอบกาย ตอนนี้ต้นไม้ผลัดใบจนร้างไปหมดทั้งต้นแล้วเหลือแต่กิ่งโล้นๆ มองไปทางไหนก็ดูแห้งแล้ง คนที่มีภูมิต้านทานกับอากาศหนาวน้อยหน่อยกระชับผ้าคลุมบนลาดไหล่ทั้งสองข้าง เดินไปเดินมาไม่ค่อยมีอะไรให้มองก็เริ่มเบื่อ


“แอชลีย์” หยุดเดินก่อนจะหันไปประจันหน้ากับคนข้างกาย เจ้าของชื่อหลุบตาลงมองนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรแต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าพร้อมจะรับฟัง


“เราไปสนามม้าครั้งก่อนอีกได้หรือไม่”


แอชลีย์ก้มลงมองมือบางที่ตนกุมเอาไว้มันขึ้นสีแดงระเรื่อจากการโดนอากาศเย็นนานเกินไป พอเลื่อนขึ้นจนถึงใบหน้าหวานปรางแก้มทั้งสองเองก็ขึ้นสีไม่ต่างกัน ทุกลมหายใจออกมักจะมีควันสีขาวลอยออกมาด้วยเบาบาง เขาจ้องเข้าไปในดวงตาเปล่งประกายราวกับคริสตัลของคนตรงหน้าเงียบๆ ท้ายที่สุดก็พยักหน้าตกลง


“รออากาศอุ่นขึ้นกว่านี้อีกหน่อยค่อยไปแล้วกัน”



รอจนช่วงบ่ายในที่สุดซินเธียก็ได้กลับมายังสนามขี่ม้าแห่งนี้อีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สองในการมาเยือนทว่ากลับมีความรู้สึกราวได้กลับมายังสถานที่อันคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เด็กหนุ่มสูดกลิ่นอายของทุ่งหญ้าเข้าจนสุดปอดพลันความมืดครึ้มในใจราวถูกปัดเป่ารู้สึกร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา


“ดูสิวันนี้ผมเจอใคร” เสียงทักร่าเริงมาพร้อมเสียงหัวเราะ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร


แอชลีย์ยังคงจดจ่อสมาธิตั้งอกตั้งใจแต่งตัวให้ภรรยาโดยไม่คิดสนใจเจ้าของน้ำเสียงกวนประสาทนั้น ต่อให้โรเมโอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ไม่คิดหันไปมอง แม้แต่คำทักทายสักครึ่งคำยังไม่มีหลุดให้ได้ยินทำเอาคนมาใหม่หมดสนุกทันที


“เฮ้ เสียมารยาทชะมัด” คุณชายแบล็ควู้ดหน้าบึ้งตึง


“ถึงไม่มีหิมะแต่เมื่อคืนน้ำค้างก็ลงมากค่อยๆ ขี่ไประวังลื่นล่ะ” เขากำชับเด็กหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย สองมือก็คอยจัดนั่นแต่งนี่ตรวจสอบความเรียบร้อยจนพอใจแล้วถึงค่อยปล่อยให้คนเด็กกว่าไปขี่ม้าเล่นโดยก่อนไปซินเธียก็ไม่ลืมเอ่ยทักทายโรเมโออีกสองสามคำ


“นายมาทำอะไรที่นี่” แอชลีย์เปิดปากหลังเล่นสงครามประสาทมาร่วมนาที ใบหน้าเบื่อหน่าย


“ที่นี่สนามของผมนะครับ ผมจะมาเดินหายใจเล่นทิ้งตามอำเภอใจก็ย่อมได้ต้องขออนุญาตใครด้วยหรือ” โรเมโอวาดมือไปทางสนามอันกว้างใหญ่ของตนเองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจวางท่าใหญ่โต


“งั้นก็เชิญนายเดินหายใจทิ้งต่อไปก็แล้ววัน”


แอชลีย์ตอบด้วยท่าทีไม่แยแสแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางฝั่งที่จัดเตรียมเอาไว้ให้สำหรับนั่งพักผ่อนร้อนจนคุณชายผู้ป่าวประกาศว่าจะเดินเล่นเล่นตามอำเภอใจต้องสับเท้าเดินตาม


กับความสัมพันธ์สำหรับคนทั้งสองแล้วจะว่ามิตรก็ไม่เชิงจะว่าศัตรูก็ไม่ใช่ เป็นความก้ำกึ่งที่ไม่คิดจะมีฝ่ายไหนขยับขยายมันเลยสักนิด แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็พอใจกับระยะห่างประมาณนี้


“ได้ยินว่าหลายวันก่อนนายก็มาที่นี่”


“พาแมวมาวิ่งเล่น”


“ไหนแมว” คนฟังขมวดคิ้ว ประโยคนี้ไม่ต้องตีความมากมายก็พอจะเดาได้ ดูจากสายตาแล้วก็รู้ทันทีว่าแมวตัวที่ว่าคงจะเป็นแมวขนสีส้มที่กำลังควบม้าเล่นอยู่กลางสนามอย่างสนุกสนาน แต่ถึงแบบนั้นคุณชายแบล็ควู้ดก็ยังคงแสร้งทำไม่รู้ความจี้ถามอย่างรื่นเริง แต่พอเห็นใบหน้าราวรูปหินสลักพันปีนั่นแล้วความสนุกก็หมดลง


“เมื่อเช้าคาร์ลินถามถึงนาย”


แอชลีย์เหลือบตามอง “อากาศหนาวขนาดนี้เขายังต้องการอะไรจากฉันอีก”


“คนหนาวที่ไหนยังพาแมวออกมาเดินเล่นแบบนี้กัน” คุณชายเจ้าสำราญอย่างโรเมโอพอมีช่องก็ไม่สามารถพลั้งปากหยอกล้อได้


“แมวฉันจะพามาเดินหายใจเล่นทิ้งตามอำเภอใจตอนไหนก็ย่อมได้” เขาเลียนแบบคำพูดอีกฝ่าย มุมปากกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะทำเอาโรเมโอพูดแทบไม่ออกสุดท้ายก็ล้มเลิกความพยายามก่อกวนแล้วนั่งสงบปากสงบคำ


   
ซินเธียขี่ม้าเล่นอยู่เป็นชั่วโมงก็รู้สึกพอใจ ตามลำคอและขมับมีเหงื่อผุดซึมขึ้นมาจากการได้ออกแรงเป็นเวลานาน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับความชื้นทั้งหมดออกรู้สึกว่าผิวพรรณเปล่งประกายขึ้นมาทันตาเห็น พอได้กลับมาทำในสิ่งที่ชื่นชอบหลังห่างหายไปนานพลันในใจรู้สึกสดชื่น


เหงื่อออกช่วงหน้าหนาวนี่มันดีจริงๆ ต่อให้ใช้แรงไปมากแค่ไหนเหงื่อก็ยังแค่ซึมตามผิวหนังเล็กน้อยเท่านั้น


แดนใต้น่ะอากาศร้อนและมีแดดแรง ขี่ม้าออกไปเที่ยวเล่นกลับวังมาแต่ละทีเหงื่อโซมกายพาลให้เหนียวเหนอะหนะตามตัวไปหมด แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่เคยสร้างความรำคาญ ซินเธียคิดว่าช่วงเวลาที่ได้แช่น้ำเย็นๆ หลังเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตแล้ว


บางทีหลังกลับคฤหาสน์แล้วเขาควรจะไปแช่น้ำพร้อมกับจุดเทียนหอมเสียหน่อย ตั้งแต่ได้มาก็ยังไม่เคยใช้เลยสักครั้ง


เมื่อวางแผนกิจกรรมในหัวเสร็จเด็กหนุ่มก็ควบม้ากลับไปหาคนตัวสูงซึ่งนั่งรออยู่ด้านข้างของสนาม แอชลีย์ตอนนี้กำลังนั่งอยู่เพียงลำพัง


“คุณโรเมโอกลับแล้วหรือครับ” ทักอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้ยังเห็นนั่งคุยกันท่าทางสนุกสนานอยู่เลย


“เขาปวดท้องน่ะรีบไปเข้าห้องน้ำ” แอชลีย์ตอบคล้ายไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปหาภรรยาแมวน้อยซึ่งกำลังพยายามปีนลงมาจากหลังม้า


เดิมซินเธียคิดจะกระโดดลงมาเฉกเช่นที่เคยทำเสมอมาแต่วันนี้ความคล่องแคล่วในอดีตกลับไม่รู้กระเด็นหายไปไหน แข้งขามันพาลอ่อนล้าสมองขาวโพลนไปชั่วขณะจนไม่สามารถสั่งการได้ดังเดิมจนพลัดตกลงมา


“ระวัง!” แอชลีย์รีบโผเข้าไปรับร่างของเด็กหนุ่มทันที แม้ใบหน้าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแต่ข้างในหัวใจมันแกว่งนำไปแล้ว “เป็นอะไร” ก่อนหน้านี้ที่ไม่เข้าไปช่วยเพราะวางใจในความชำนาญของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนหลังจากนี้ไปเขาต้องทบทวนความคิดของตัวเองใหม่เสียแล้ว


“อ่า...” ด้านคนหน้ามืดกะทันหันยังคงมึนงงอยู่เลยเผลอซบใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างของเจ้าของอ้อมกอดนี้ สิ่งที่เกิดเมื่อครู่มันรวดเร็วมากจนไม่ทันแม้แต่จะตกใจหรือประมวลผลอะไรเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มแค่จะกระโดดลงมาเหมือนเช่นปกติที่ทำมาตลอดชีวิต 20 ปี ทว่าจังหวะนั้นโลกมันเหมือนทะลายลงคล้ายหลุมดำมืดดูดเอาร่างเขาลงไปข้างใต้นั่น


ไม่รู้จะพูดอะไรเลย


   เด็กหนุ่มพักอยู่ในอ้อมกอดของแอชลีย์ร่วมสิบนาทีพอรู้สึกดีขึ้นถึงได้ค่อยๆ พยุงร่างอ่อนเปลี้ยของตัวเองขึ้นมายืนเต็มความสูงดังเดิม


“เรา... ไม่เป็นอะไรแล้ว” ว่าไปอย่างนั้นทั้งที่ใบหน้าซีดเซียวสวนทางกับคำกล่าว


แอชลีย์จ้องเขม็งมองคนในอ้อมแขน ทบทวนถึงสาเหตุแล้วแต่คิดเท่าไหร่ก็ยังหาไม่พบ จะว่าป่วยก็ไม่ใช่ร่างกายดูปกติดี จะว่าเหนื่อยเกินไม่ก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ไหนแต่ไรซินเธียเป็นคนร่างกายแข็งแรงอยู่แล้วไม่น่าจะมาล้มเอากับเรื่องง่ายๆ อย่างการขี่ม้าจนเหนื่อย


ยิ่งเรื่องพักผ่อนน้อยหรือตัดไปได้เลย ทุกวันนี้นอนจนคล้ายจำศีลเข้าไปทุกที พฤติกรรมเหมือนแมวน้อยแสนขี้เกียจไม่มีผิด


ตอนนี้ไม่สามารถสรุปอะไรได้ประเด็นนี้จึงถูกปัดตกลงไปชั่วคราว เมื่อพิจารณาสภาพการโดยรวมจนแน่ใจแล้วว่าอีกคนดีขึ้นแล้วจริงถึงได้พยักหน้ารับหากแต่สองแขนยังโอบประคองคนเด็กกว่าไม่ห่างจนกระทั่งขึ้นรถกลับมาถึงคฤหาสน์


กลับมาถึงนั่งพักต่ออีกสักหน่อยอาการก็ดีขึ้นมา ใบหน้าไร้เลือดฝาดก็เริ่มกลับมาดูเปล่งประกาย ซินเธียจึงเริ่มเรียกร้องถึงแผนการที่วางไว้ทันที


“เราอยากไปแช่น้ำสักหน่อย” ประโยคนี้ไม่มีความจำเป็นต้องบอกกล่าวกันหากไม่ติดว่าเจ้าของอ้อมแขนที่เอาแต่รัดตนเหมือนงูนี้ยอมผละจากไปเสียที


“อากาศหนาวขนาดนี้จะไปแช่ทำไม” แน่นอน แอชลีย์ขมวดคิ้วหน้าเข้มทันทีหลังได้ยินคำกล่าวนั้น


“เมื่อก่อน...” เขาเกริ่น “หลังกลับจากการล่าหรือขี่ม้าเที่ยวเล่นเรามักจะกลับมาแช่น้ำเสมอ อีกทั้งน้ำอุ่นยังช่วยผ่อนคลายขจัดความเมื่อยล้าได้ดี”


พอเห็นใบหน้าเรียบเฉยของคนจ้องเขม็งมาแล้วก็เกิดอาการเลิกลั่ก รีบสำทับไปอีกประโยคคล้ายว่ากลัวจะไม่ได้รับคำอนุญาต “เอ่อ... เราอยากลองจุดเทียนหอมที่ซื้อมาจากอีสเทิร์นพอร์ตคราวนั้นด้วย”


“…”


“ก็ได้”


ครู่ใหญ่เขาก็ตอบตกลงในที่สุด ซินเธียเกือบจะแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมาแล้วหากว่าไม่ได้ยินประโยคถัดมาซึ่งชวนให้ร่ายกายแข็งค้างเข้าเสียก่อน


“แต่ฉันจะเข้าไปด้วย”


“มะ ไม่ต้องก็ได้” รีบโบกมือทันที


“เธอพึ่งฟื้นตัวเกิดเข้าไปแล้วหน้ามืดซ้ำขึ้นมาอีกจะทำยังไง ฉันไม่วางใจ”


“เราดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องรบกวน...” เขายังพยายามปฏิเสธความหวังดีนั้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าต่อให้ชักแม่น้ำมาทั้งคลองก็ไม่เกิดผล ซ้ำยังจะหาเรื่องเข้าตัวเพิ่มอีก


“ไปจุดเทียนสิ”


“...”




ต่อให้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไปถึงไหนต่อไหนทำกันไปเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง ทว่า ทำก็ส่วนทำ เรื่องบนเตียงบางครั้งสติมันก็หลุดลอยไปบ้างตามแรงอารมณ์ ไม่เหมือนกับการต้องมาเปลือยกายในห้องน้ำแบบนี้ สติครบถ้วนแจ่มแจ้ง


ซินเธียนั่งตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของแอชลีย์ ไม่กล้าจะขยับตัวมากนักด้วยกลัวจะพาเอาสะโพกของตัวเองไปทิ่มโดนส่วนที่ไม่ควรโดนเข้า


ภาพนั้นทำเอาคนที่อยู่ด้านหลังกระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยมุมมองนี้เขาสามารถมองเห็นลักษณะท่าทางของเจ้าแมวน้อยตัวนี้ได้อย่างชัดเจน ผิวนวลสีน้ำผึ้งเปล่งปลั่งดูอิ่มน้ำขึ้นสีระเรื่อไม่อาจทราบว่าเป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ำในอ่างหรือเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังรู้สึกกระดากอายอย่างถึงที่สุด แถมระยะนี้ตัวของซินเธียไม่ว่าจะจับไปตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือชวนให้เพลิดเพลินไปหมด


เหมือนว่าภรรยาของเขาคนนี้... จะดูอวบขึ้นหรือเปล่า?


“ไหนว่าการแช่น้ำทำให้รู้สึกผ่อนคลาย” หยอกไปหนึ่งคำ


“อะ อื้ม เรารู้สึกดีมากเลย... อ๊ะ!”


คนผ่อนคลายที่ไหนเกร็งได้ขนาดนี้ อัลฟ่าหนุ่มลอบขันในใจขณะใช้มือข้างหนึ่งกระชับรอบเอวบางดึงให้เอนซบลงมาบนแผ่นอกกว้าง กายแนบสนิทไปทุกสัดส่วนรับรู้ได้ถึงความขึงขังโอฬารภายใต้ผืนน้ำชัดเจน


ซินเธียได้แต่หลับตาลงอย่างไม่อาจทนมองตัวเองได้ เขาลูบปอยผมชื้นน้ำส่วนหนึ่งที่ร่วงลงมาจากการรวบมวยขึ้นแก้ความประหม่า แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น คนด้านหลังเองก็ไม่ได้คิดจะมายุ่มย่ามอะไรกันอีกเพราะแบบนั้นเด็กหนุ่มถึงได้ปล่อยวางแล้วหันมาดื่มด่ำกับน้ำอุ่นๆ ในอ่าง รู้สึกสบายทั้งกายทั้งใจ


อีกทั้งเทียนหอมกลิ่นนี้ยังช่วยพาให้บรรยากาศภายในห้องน้ำแห่งนี้ดูนุ่มนวลขึ้นอีกด้วยนับว่าไม่เลวจริงๆ คุ้มแล้วกับเงินที่เสียไปไม่น้อย


หากให้พูดกันตามตรง เทียนหอมที่กำลังจุดอยู่นี้มีราคาสูงมาก ซินเธียเกือบจะถอดใจจากพวกมันแล้วหลังเจรจาต่อรองกับพ่อค้าต่างแดนอยู่นาน สุดท้ายเจ้าคนหน้าเลือดนั่นก็ยังไม่ยอมลดให้แม้แต่สักเหรียญเดียว ไม่รู้ว่าแอชลีย์เริ่มหมดความอดทนหรืออย่างไร วันนั้นอากาศค่อนข้างร้อนแค่ยืนอยู่ในท่าเรือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็รู้สึกเหนียวไปทั้งตัวแล้ว สุดท้ายก็กวาดเทียนหอมพวกนั้นมาเกือบสิบกล่อง


“คุณชอบกลิ่นมันไหมครับ เราเอาไปวางไว้ที่ห้องทำงานด้วย” เขาเอี้ยวตัวไปถามคนที่นอนหลับตาพิงขอบอ่างด้วยท่วงท่าหย่อนอารมณ์เป็นที่สุด


“อืม” ฝ่ายนั้นครางรับมาหนึ่งคำ


“ถ้าอย่างนั้นเราจะจุดให้…”


“หอม”


“อ่า...”


ไอ้หอมน่ะไม่ทราบว่าหมายถึงคนหรือเทียนเนื่องจากคนที่ตอนแรกยังนอนสบายอารมณ์อยู่จู่ๆ ก็เบียดกายเข้ามาซุกไซ้กันเสียอย่างนั้น ซินเธียได้ยินเจ้าตัวบ่นงึมงำอะไรสักอย่างอยู่กับต้นคอของตัวเองจนจั๊กจี้ไปหมด


“ฮีทเธอกำลังจะมาหรือเปล่า”


“เราว่าน่าจะยังนะ” กว่าจะตอบประโยคนี้ได้ไม่ง่ายเลย ส่วนหนึ่งเพราะต้องพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ความวาบหวามที่ได้รับทำเอาเกือบจะเผลอครางออกมาหลายครั้งในตอนที่คนตัวโตยังเอาแต่วุ่นวายอยู่กับซอกคอของซินเธียไม่ห่าง


และเพราะมัวพะวงกับด้านบน หารู้ไม่ว่าส่วนล่างนั้นคืบคลานไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


“อื้ม...”


เขาพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้วแต่ใครใช้ให้คนบ้าคนนี้แทรกกายเข้ามาอย่างเอาแต่ใจกัน!


“เหรอ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” แอชลีย์กระซิบเสียงพร่าขณะแช่ค้างส่วนนั้นเอาไว้ในกายของซินเธีย ชายหนุ่มรู้สึกว่าอีกคนปล่อยฟีโรโมนออกมาระยะหนึ่งแล้ว มันยังไม่รุนแรงถึงระดับเดียวกับตอนฮีทแต่มันก็ไม่ใช่กลิ่นเหมือนปกติ


“กลิ่นเธอช่วงนี้มันหอมเป็นพิเศษ รู้ตัวหรือเปล่า”


“มะ ไม่รู้ อื้อ!” ซินเธียรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมดยามฝ่ายหลังเริ่มโถมกระทั้นกายขึ้นมา คล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นวาบขึ้นสู่สมอง ปัดป่ายมือสั่นระริกไปคว้าขอบอ่างแล้วกำมันเอาไว้แน่นราวกับต้องการระบายความเสียวซ่านที่พุ่งพล่านไปทั้งร่างกาย


แอชลีย์คำรามเสียงทุ้มผสมผสานไปกับเสียงหอบกระเส่ายามรู้สึกได้ถึงแรงโอบอุ้มของผนังอุ่นร้อนรัดรึงตัวตนเอาไว้แน่น กลิ่นอายบุรุษเพศผสมปนเปกับความหอมเย้ายวนตลบอบอวนไปทั่วห้องน้ำ กลิ่นเทียนหอมดั่งเชื้อเพลิงช่วยนำพาอารมณ์ให้พุ่งทะยานอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ซินเธียสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง หวีดผวาอารามตกใจเมื่อถูกผลักให้ถลาไปยังปลายอ่าง สะโพกถูกยกโด่งขึ้นสมองมือใหญ่ฟอนแฟ้นลงบนก้อนเนื้อหนั่นแน่นจนสร้างรอยแกงไว้ทั่วเนื้อเนียน


คนที่พอถูกยกตัวขึ้นมาจากผิวน้ำก็เริ่มรับรู้ได้ถึงไอเย็นจากภายนอกทว่าเด็กหนุ่มไม่มีเวลามากพอจะมาสนใจกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น คนด้านบนยังคงถาโถมเข้ามาไม่รู้จบ เขากำขอบอ่างเอาไว้แน่นหนึ่งเพื่อพยุงตัวและสองเพื่อกันไม่ให้ตัวเองต้องลื่นถลาลงไปในอ่าง


“ลึกไป อื้อ... แล้ว”


กับสถานที่แบบนี้มันค่อนข้างเปลืองแรงกว่าบนเตียงปกติเอามาก ซินเธียหอบหายใจถี่กระชั้นมวยผมหลุดลุ่ย ไม่รู้ผ่านมานาน รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวร้องจนแสบคอเสียงแทบจะไม่มีให้เปล่งออกมาอยู่แล้ว



วันถัดมาทั่วทั้งวินเทอร์ฟอลหิมะตกอย่างนักลากยาวมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน บนพื้นถนนมีแต่หิมะปกคลุมไปทั่วสูงขึ้นมาเกือบถึงหน้าขา อุณหภูมิกลายเป็นติดลบหลายองศา


ซินเธียที่พึ่งตื่นมาได้สักพักนั่งเกาะหน้าต่างเฝ้ามองเกล็ดน้ำแข็งสีขาวสะอาดตาโปรยปรายลงมาจากฟ้า ต้นไม้ในสวนถูกหิมะพวกนั้นปกคลุมจนกลายเป็นสีเงิน สภาพอากาศข้างนอกมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความขาวโพลนดูบริสุทธิ์ แทบไม่สามารถเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดได้เลยน้องจากต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งแห้งๆ จากปกติที่ในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ตระกูลคิมก็ไม่ค่อยมีพวกดอกไม้มากมายอยู่แล้วหากเทียบกับบ้านอื่น เมื่อกลายเป็นแบบนี้เลยดูยิ่งแห้งแล้งไปใหญ่


“พออากาศเป็นแบบนี้แล้วในสวนก็ไม่มีดอกไม้ให้มองเลย” เด็กหนุ่มพึมพำแต่เสียงนั้นมันดันลอยไปเข้าหูคนที่พึ่งเดินเข้าห้องมาพอดี


“ที่ฮิลตันมีสวนวิสทีเรียอยู่” ผู้มาใหม่ยื่นแก้วน้ำขิงอุ่นๆ มาให้


“ขอบคุณครับ” ซินเธียรับมันมากุมไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายก่อนถึงค่อยยกขึ้นจิบ “สวนวิสทีเรียหรือครับ”


“อืม ถ้าเธอต้องการ” เขาเว้นจังหวะ “แต่คงต้องรอสักช่วงต้นปีตอนฤดูใบไม้ผลิ”


“เราจะรอนะ” แมวน้อยยิ้มกว้างจนตาหยี ผละออกมาจากบานหน้าต่างแล้วปีนขึ้นไปซุกตัวนอนบนเตียงกอบโกยเอาความอบอุ่น จดจำเอาคำสัญญานั้นไว้ในใจขณะที่ดวงตาเริ่มปรือลงเรื่อยๆ


“จะนอนอีกแล้วหรือ” เหมือนจะเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ คนขี้เซาเพียงงึมงำฟังไม่ได้ความกลับมา


อยากให้ถึงฤดูใบไม้ผลิเร็วๆ จังนะ





TBC



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อยากรู้ว่าจะรู้กันตอนไหน 5555555555555

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: ทำไม2 คนนี้รู้ตัวช้าจังนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะรู้ว่าท้องกันตอนไหนนนน ตื่นเต้นนนน :katai1:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ลุ้นอยู่อย่างเดียวว่าจะรู้กันตอนไหนเนี่ยช้าจริงเลยทั้งคู่ แต่จะว่าก็ไม่ได้ไม่มีประสบการณ์กันทั้งคู่นี่ 555

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

บทที่ 21




   ไม่นึกว่าอาการเล็กน้อยที่มองข้ามไปนานวันจะยิ่งทวีมากขึ้น ตั้งแต่เช้าแล้วที่ซินเธียตื่นขึ้นมาแล้วเอาแต่อาเจียนไม่หยุด บ้วนปากแล้วเดินกลับไปนั่งพักปลายเตียงหายใจหายคอยังไม่ทันคล่องดีไอ้ความพะอืดพะอมมันก็ตีรวนขึ้นลำคอมาอีกครั้ง วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่จนช่วงสายถึงค่อยทุเลาลง


เป็นแบบนี้มาสองวันแล้วและมักจะเป็นแค่ช่วงเช้า


แต่วันนี้ดูน่าจะหนักกว่าเมื่อวาน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตนอาเจียนออกมาเริ่มมีแต่ลมแล้ว โหวงไปทั้งท้องจนตาลายสุดท้ายก็ต้องทรุดตัวลงนั่งพิงกับผนังห้องน้ำระคนหมดแรง ใบหน้าหวานซีดเซียวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดซึม


เมื่อรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตัวเองเริ่มกลับมาแล้วถึงค่อยเดินลากเท้าพาร่างอันอ่อนเปลี้ยของตัวเองออกจากห้องน้ำ โดยไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบร่างสูงใหญ่ของสามียืนมองอยู่ด้านหน้า


“คุณ...” เขาชะงักไป เอ่ยถามเสียงแหบแห้งจนคล้ายกระซิบ “ยังไม่ไปทำงานหรือครับ”


เวลาจนป่านนี้แล้วอีกคนควรจะออกไปทำงานหลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จตามปกติ ไม่คิดว่าจะยังมัวมาเอ้อระเหยอยู่แถวนี้


“มานั่งก่อนเถอะ” นอกจากไม่ยอมตอบคำถามแล้วยังเข้ามาประคองซินเธียให้เดินไปนั่งตรงโซฟาชุดเล็กริมระเบียง ใบหน้าเครียดขรึมฉายแววกังวลผ่านดวงตา ชายหนุ่มเองก็คอยสังเกตอาการอีกคนเช่นกัน ข้าวแทบไม่ตกถึงท้องไม่รู้เอาอะไรมาออกนักหนา


“เห็นเธอไม่ลงไปทานข้าวสักที” เขาเริ่มเปิดปาก


“เดี๋ยวเราจะลงไป ขอพักอีกหน่อย” เอ่ยตอบเสียงอ่อน ใบหน้าหวานซบลงบนแผ่นอกกว้างกำยำคล้ายคนหมดแรง กลิ่นของอีกฝ่ายที่โอบล้อมตนเอาไว้ทั้งร่างช่วยบรรเทาให้ความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นน้อยลง


“ไม่ต้อง ฉันให้คนยกอาหารขึ้นมาแล้ว”


เจ้าตัวพูดมาถึงขนาดนี้แล้วซินเธียก็ไม่คิดปฏิเสธอะไรอีก ดีเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาหมดแรงจะเดินไปไหนแล้ว ท้องก็แสบไปหมด หน้ามืดตาลายจนไม่อยากขยับตัวไปไหน ประโยคก่อนหน้าที่ตอบอีกคนไปก็เพื่อความสบายใจของคนตัวสูง คิดว่าพอเขาออกไปทำงานแล้วจะรั้งนอนอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน


คล้อยหลังคำกล่าวนั้นของแอชลีย์ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะเป็นคำอนุญาตก่อนประตูจะถูกเปิดเข้ามาพร้อมคุณพ่อบ้านเดินถือถาดอาหารเข้ามาสองสามอย่าง


“เอาวางไว้บนโต๊ะนั่น”


ซินเธียเหลือบตามองทุกความเคลื่อนไหวภายในห้อง รอจนคุณพ่อบ้านขอตัวกลับออกไปแล้วถึงค่อยพยุงตัวลุกขึ้นมองสำรวจบรรดาอาหารบนโต๊ะ ทว่า แม้จะหิวมากแค่ไหนแต่เพียงแค่ชิมไปคำเดียวก็ต้องวางส้อมลง ใบหน้าซีดเซียวดูย่ำแย่กว่าเดิม


“เป็นอะไร”


แอชลีย์รู้สึกกังวลเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนทำท่าคล้ายอยากอาเจียนอีกครั้ง ในสมองเริ่มประมวลความเป็นไปได้ คงไม่ใช่ว่าเกิดแพ้อาหารอะไรขึ้นมาอีกหรอกนะ เนื่องจากอาการของเด็กหนุ่มคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งอยู่ในคฤหาสน์แลมเบิร์ตแต่ยังไม่ดูรุนแรงเหมือนตอนนั้น เขาตรวจสอบตามร่างกายแล้วการหายใจปกติดีอีกทั้งตามผิวก็ไม่มีผื่นแดงขึ้น


ไม่น่าจะแพ้อาหาร


ถ้าอย่างนั้นเป็นอะไรกันล่ะ


“ให้หมอมาตรวจดูดีไหม” ป้องกันไว้ก่อนก็คงจะดี ทว่าคนในอ้อมแขนก็ส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว ปากพึมพำแต่คำว่าไม่เป็นไรจนนึกอ่อนใจ


“อย่างนั้นฉันจะให้อีริคเอาอาหารมาเปลี่ยน”


แต่ไม่ว่าจะลองเปลี่ยนเมนูไปสักกี่ครั้งอาการของท่านชายก็ยังคงดังเดิม ซินเธียไม่ได้ถึงขั้นทานอะไรเข้าไปแล้วอาเจียนออกไปหมด แต่เด็กหนุ่มรู้สึกพะอืดพะอม รู้สึกว่าอาหารทุกอย่างตรงหน้ามันเลี่ยนไปหมดหากฝืนกล้ำกลืนทานเข้าไปอีกหน่อยจะต้องได้ล้วงเอาทุกอย่างในลำคอออกมาหมดแน่


ตอนนี้ซินเธียรู้สึกหิวมาก หิวจนแสบไปหมดทั้งท้อง ทั้งลำคอ แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกอยากทานอาหารจานไหนเลย ความรู้สึกเหล่านี้พาลทำให้รู้สึกหงุดหงิด จากความหงุดหงิดกลายเป็นความโกรธ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร อาหารพวกนี้ก็ทานกันอยู่ทุกวันทำไมวันนี้เขาถึงจัดการมันไม่ได้ ทุกความคิดพรั่งพรูอยู่เต็มสมองรู้ตัวอีกทีก็กลั่นความรู้สึกทั้งหมดออกมาเป็นหยาดน้ำหยดแหมะลงบนหลังมือของแอชลีย์ซึ่งกำลังกุมมือตนเอาไว้ออยู่


อัลฟ่าหนุ่มชะงักไปหลังได้รับสัมผัสเปียกชื้นบนผิวหนังรีบตวัดสายตามองคนเด็กกว่าในอ้อมแขนทันที น้ำตาของภรรยาทำเอาหัวใจของเขาปวดร้าว


“เป็นอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าปกติหลายส่วน ด้วยกลัวว่าเผลอจะไปทำอะไรกระตุ้นต่อมน้ำตาอีกคนอีกเพราะเขาไม่รู้สาเหตุของน้ำตาหยดนี้ทั้งยังค้นสาเหตุที่เป็นวิทยาศาสตร์ไม่พบด้วย


“ไม่รู้” แมวน้อยสูดน้ำมูก ส่ายหน้าจนปอยผมสั่นไปตามแรงขยับ “ไม่รู้ แต่เราหิวมาก เราอยากทานพวกมันแต่ทำไมทานไม่ได้ก็ไม่รู้”


“เข้าใจแล้วๆ” แล้วท่านชายคิมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากกระชับคนตัวบางในอ้อมแขนให้ร่างกายแนบสนิทกันมากขึ้นหวังแต่ว่ากลิ่นของตนที่อีกคนชื่นชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น มือข้างหนึ่งก็คอยลูบศีรษะคนเป็นภรรยาเป็นการปลอบประโลม เขาส่งสายตาเชิงขอความเห็นจากพ่อบ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างๆ เพราะเขาก็ไม่รู้จะจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างไรดี ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกกับการได้เห็นน้ำตาของใครสักคน ทั้งบุคคลนั้นยังเป็นภรรยาของตนอีกด้วย


เขารู้ว่าซินเธีย วาเลนเธียเป็นประเภทแข็งนอกอ่อนใน ภายนอกดูเข้มแข็งปราดเปลี่ยวแตกต่างจากโอเมก้าทั่วไป แต่ภายในก็เป็นแค่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาคนหนึ่งเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์จริงใจ


ต่อให้ต้องห่างบ้านเมือง เข้างานวิวาห์กับคนแปลกหน้า พบเจอกับคำพูดดูถูกเหยียดหยามแค่ไหน ซินเธียก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลยสักนิด


แล้วครั้งนี้ท่านชายกลับกำลังนั่งน้ำตาหยดแหมะๆ เพราะ... หิวข้าว?


ฝ่ายอีริคก็รู้สึกไม่สบายใจไม่แพ้กัน เขาเลยลองเสมอความเห็นหลังนิ่งเงียบมานาน


“อย่างนี้ดีหรือไม่ครับ ตอนนี้ท่านชายอยากทานสิ่งไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับผมจะลองไปจัดหามาให้”


คนถูกถามสูดน้ำมูกไปอีกฟืดหนึ่งแล้วนิ่งไปคล้ายกำลังครุ่นคิด หมดสิ้นซึ่งความสง่างามอย่างที่เคยเป็นมาตลอดกลายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งนั่งตัวลีบอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นสามี


“เราอยากทานสิ่งนั้น ผลเล็กๆ สีแดงๆ” เงียบไปเพื่อคิดอีกครู่หนึ่ง “เคยลองทานครั้งหนึ่งตอนงานเลี้ยงของคุณชายแสตนลีย์ อร่อยมาก”


แม้เวลาจะผ่านมาร่วมเดือนแล้วแต่รสชาติเปรี้ยวอมหวานยังจดจำได้ดีเพียงแค่นึกถึงก็ราวกับได้สัมผัสเนื้อแน่นฉ่ำน้ำอบอวลอยู่เต็มปาก ซินเธียไม่แน่ใจว่าเจ้าผลเล็กฉ่ำน้ำนั้นคืออะไร ในดินแดนทางใต้ไม่เคยมีพืชชนิดนี้แต่ลิ้มลองไปเพียงครั้งเดียวก็นึกติดใจอยู่มาก


“มันคืออะไร” แอชลีย์ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าสิ่งที่คนตัวบางอธิบายออกมาเลย ในชีวิตนี้ไม่ใช่คนจะมาสนใจเรื่องหยุมหยิม ยิ่งเรื่องในครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อให้อธิบายออกมาละเอียดยิบก็นึกไม่ออกอยู่ดี


“ท่านชายคงจะหมายถึงมะเขือเทศเชอร์รี่หรือเปล่าครับ” แต่รายละเอียดอันน้อยนิดนี้คงไม่อาจหลุดพ้นสายตาอันเฉียบคมของคุณพ่อบ้านผู้รอบรู้และสารพัดประโยชน์คนนี้ไปได้


“อะไรก็เถอะ ลองไปหามาให้เขาลองทานดู” แน่นอนว่าต่อให้พูดชื่อมาแอชลีย์ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีเลยได้แต่โบกมือให้อีกคนรีบไปจัดการ


“ครับ ผมจะรีบไปจัดการ”


แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ดูแลตระกูลคิมที่สั่งสมมานานหลายสิบปีอีริคย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง ผ่านไปแค่ไม่นานชายชราก็ถือจานที่เต็มไปด้วยผลมะเขือเทศเชอร์รี่เข้ามา


เมื่อของถูกนำมาแน่นอนว่าคนที่นอนหน้าซีดเซียวตัวอ่อนอยู่ครึ่งค่อนวันก็เริ่มกลับมาสดใส หยิบเจ้าผลไม้ลูกเล็กนั้นทานไม่ขาดจนริมฝีปากอิ่มชุ่มไปด้วยน้ำวาววับแดงระเรื่อกลายเป็นภาพเย้ายวนคนมองโดยไม่ได้ตั้งใจ แอชลีย์เบือนหน้าออกจากสิ่งนั้นก่อนจะกระแอมหนึ่งครั้ง ยิ่งช่วงนี้เจ้าตัวชอบปล่อยฟีโรโมนแปลกๆ ออกมาเดิมสภาพจิตใจของชายหนุ่มก็ไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว


“ทานมากแบบนี้จะดีหรือ” เขาถามเหมารวมทั้งคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานเต็มปากและคนที่ยืนอยู่ข้างกายด้วย


“ถ้าคุมปริมาณให้ดีก็ไม่เป็นปัญหาครับ มะเขือเทศชนิดนี้ให้ประโยชน์มากมายอีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย” แต่คุณพ่อบ้านก็ช่วยตอบคำถามอย่างรู้งาน


   ถึงจะเห็นคนทานอะไรได้บ้างแล้วแต่แค่นี้มันคงยังไม่เพียงพอ พลังงานที่จำเป็นก็ยังขาดอีกมากดูก็รู้แล้วว่าคงอยู่ท้องไม่นาน ซินเธียที่เดิมก็ทานอาหารไม่ต่างกับแมวดมช่วงหลังแม้ดูเจริญอาหารมากขึ้นแต่ก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้นอกจากจะกลับมาทานน้อยแล้วมิหนำซ้ำยังน้อยกว่าเดิมเพราะเห็นอะไรขึ้นโต๊ะก็พะอืดพะอมไปเสียหมด


   “ลองให้หมอมาตรวจดูดีไหม” ชายหนุ่มเสมออีกครั้งหลังซินเธียทานจนสบายท้องแล้วส่วนตอนนี้ก็ตั้งใจจะไปล้มตัวนอนในรังเสียหน่อย อาเจียนมาทั้งวันรู้สึกเพลียไปหมดทั้งร่าง


   “ตอนนี้เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว ได้ทานอาหารกับพักผ่อนมากหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะครับ”


   คนดื้อเขาว่าอย่างนั้น


แต่พอตื่นเช้ามาสิ่งที่เจ้าตัวอุปทานไปเองว่าดีขึ้นอาการเดิมก็ถาโถมลงมาอีกครั้ง แถมดูท่าจะหนักกว่าเดิมด้วยเป็นแบบนั้นอยู่หลายวันสุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็เป็นแอชลีย์เสียเอง เขายื่นคำขาดให้เด็กหนุ่ม ครั้งนี้ไม่ใช่คำถามที่เป็นเพียงความเห็น แต่เป็นคำประกาศิต


“คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ปกติแล้ว เธอต้องได้รับการตรวจ”


ซินเธียซึ่งนั่งเกาะโถชักโครกอยู่หอบหายใจรวยรินจนต้องยกมือขึ้นมากุมแผ่นอกเอาไว้ได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ฉับพลัน ก็ดันนึกถึงคำถามเรื่องฮีทที่แอชลีย์มักพร่ำถามเสมอในช่วงนี้ขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตกรอกไปมาอย่างคนใช้ความคิด มันนานแค่ไหนแล้ว ปกติมันควรจะมาแล้วสิ วูบหนึ่งที่ความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมาจนเขาใจสั่น


คงไม่หรอกมั้ง...


“พรุ่งนี้ฉันจะเชิญหมอเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องตรวจแล้ว” แอชลีย์ยื่นคำขาด ชายหนุ่มทนมองอีกคนเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว


“อะ อื้ม...”


เมื่อไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีกซินเธียได้แต่ครางรับแล้วนิ่งไป สติดูเลื่อนลอย มือข้างที่ทาบอยู่บนแผ่นอกเผลอขยุ้มเนื้อผ้าแน่น



นายแพทย์เดินทางจากจัตุรัสไวท์สแควร์มาถึงคฤหาสน์ตระกูลคิมในช่วงสายคลาดกับแอชลีย์ซึ่งต้องรีบไปทำงานหลังเอ้อระเหยมัวพะวกพะวงกับซินเธียมาหลายวันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเนื่องด้วยเช้าวันนี้มีหิมะตกลงมาถึงจะไม่หนักมากแต่มันก็เป็นปัญหากับคนที่ต้องเดินทางไกลพอสมควร


พ่อบ้านอีริคเดินนำคนเข้ามายังโถงรับรองแขกซึ่งมีท่านชายวาเลนเธียนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ซินเธียวันนี้หน้าตาดูสดชื่นกว่าเมื่อวานส่งยิ้มอ่อนให้กับนายแพทย์ประจำตระกูลคิมผ่านการแนะนำจากคุณพ่อบ้าน


“สวัสดีตอนสายครับท่านชาย” แพทย์คนนี้เป็นอัลฟ่าวัยกลางคน รูปร่างสูงสมส่วนตามมาตรฐานอัลฟ่าทั่วไป สวมแว่นกรอบสายตาขับภาพลักษณ์ให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ ครอบครัวของชายผู้นี้ประกอบอาชีพเป็นศัลยแพทย์มาหลายต่อหลายรุ่นอีกทั้งยังคอยดูแลตระกูลคิมมานาน เห็นเหล่าสะใภ้ตระกูลคิมมาก็มากมีทั้งคนธรรมดาไปจนถึงคุณหญิงคุณชายจากตระกูลมีชื่อ


แต่เชื่อได้เลยว่าตลอดชีวิตการทำงานรับใช้ตระกูลคิมของเจอร์ราร์ดไม่มีใครสง่างามได้เท่าท่านชายวาเลนเธียผู้นี้แล้ว


ผิวสีน้ำผึ้งกับนัยน์ตาสีเงินเปล่งประกายราวกับคริสตัลคู่นั้นเป็นเสน่ห์อันหาพบได้ยากยิ่ง และทั่วทั้งแดนเหนือนี้คงไม่มีผู้ใดเทียบเคียง


“ได้ยินเรื่องราวของท่านชายมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบช่างเป็นเรื่องน่ายินดี” นายแพทย์วาดแขนค้อมศีรษะให้เป็นการแสดงความเคารพ


“คุณหมอเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ” เด็กหนุ่มยื่นมือไปจับทักทายตามมารยาท


“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ขออนุญาตนะครับ” เพื่อไม่ให้เสียเวลานายแพทย์เจอร์ราร์ดขออนุญาตก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เพื่อวัดค่าความดัน ฟังเสียงหัวใจและวัดไข้ตรวจอาการเบื้องต้น ระหว่างนั้นก็ให้ท่านชายบอกเล่าอาการของตัวเองไปด้วย


ซินเธียเล่าไปว่าหมู่นี้ตัวเองมักจะชอบอาเจียนตอนเช้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่แน่ใจว่าตนนั้นเป็นอะไร ก่อนหน้านี้เคยมีประวัติแพ้อาหารทะเลเพียงแต่ว่าถึงอาการจะใกล้เคียงกันแต่ดูแล้วก็มีข้อแตกต่างอยู่ ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ ไม่มีผื่นขึ้น เดินเหินได้ปกติติดจะแต่ชอบหน้ามืดเวลาต้องออกแรงมากหน่อย แถมยังรู้สึกเบื่ออาหารเห็นอะไรก็พาลพะอืดพะอมไปเสียหมด


เจอร์ราร์ดรับฟังด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง สมองก็คอยประเมินอาการเบื้องต้นออกมาทั้งหมด มีหลายสาเหตุที่เขาคิดได้ เพียงแต่ว่าเห็นจะมีอยู่อาการหนึ่งดูเด่นชัดเป็นพิเศษ ฉะนั้นนายแพทย์จึงสอบถามเพิ่มเติมอีกหน่อยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง


“นอกเหนือจากนี้ท่านชายมีอาการอะไรที่คิดว่าแปลกอีกไหมครับ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้”


ซินเธียทำท่านึก “ระยะนี้เรานอนมากเป็นพิเศษ รู้สึกกังวลอยู่เหมือนกันว่าจะส่งผลเสียหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการที่เหนื่อยง่ายด้วยหรือเปล่าถึงได้อยากนอน”


“ที่ว่าเหนื่อยง่ายนี้เป็นมานานหรือยังครับ หรือพึ่งจะเป็น”


“ไม่เลย เมื่อก่อนเราใช้แรงมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร แต่ช่วงสองสามสัปดาห์มานี้แค่จัดการเรื่องเล็กน้อยในบ้านก็แทบหมดแรง หน้ามืดแล้ว”


เด็กหนุ่มมองนายแพทย์ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงในสมุดพก ใบหน้าใจดีระบายรอยยิ้มจางๆ ที่เขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไมแต่ตอนนี้ซินเธียเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว


 “เท่าที่ฟังท่านชายเล่ามารวมถึงการตรวจร่างกายเบื้องต้นผมก็พอจะวินิจฉัยได้คราวๆ แต่เพื่อความแม่นยำคงจะต้องไปตรวจโรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ”


“คุณหมอว่า...” เขาลากเสียง ค่อยๆ เอ่ยทีละประโยคราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ หัวใจเต้นแรงเสียจนต้องบีบมือเอาไว้


“ครับ ตอนนี้ท่านชายกำลังตั้งครรภ์ น่าจะอยู่ในช่วง 9 – 10 สัปดาห์ครับ”


ซินเธียเผลอกลั้นหายใจในขณะที่ได้ยินคำตอบนั้นออกมาจากปากของนายแพทย์ตรงหน้า เขาเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วก็หลับตาลงช้าๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกคล้ายกำลังรวบรวมสติ ยามเมื่อนัยน์ตาสีเงินถูกเปิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นตอนที่ริมฝีปากอิ่มขยับเปล่งออกมาคำหนึ่งเสียงแผ่ว


“ตั้งครรภ์... หรือครับ”


“ครับ ยินดีด้วยนะครับ” คุณหมอระบายรอยยิ้มกว้าง พูดเน้นย้ำชัดทุกถ้อยคำ


มัน เกิดขึ้นจริงสินะ


เด็กหนุ่มเหลือบมองคุณพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างโซฟา ชายชราเองก็แสดงสีหน้ายินดีออกมาไม่ต่างกันกับข่าวดีของตระกูล จะนับว่าเป็นข่าวใหญ่ในรอบหลายเดือนเลยก็ว่าได้ หลังงานวิวาห์จบลง


ก่อนจะกลับนายแพทย์เจอร์ราร์ดยังคงกำชับให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อความแม่นยำ หลังจากนั้นก็จะได้ดำเนินการเรื่องฝากครรภ์ต่อไป โดยก่อนหน้าก็ได้มอบยาลดอาการแพ้รวมถึงให้คำแนะนำการดูแลตัวเองเบื้องต้นสำหรับว่าที่คุณแม่มือใหม่ ไม่ว่าจะอาหารการกิน สิ่งไหนที่ควร สิ่งไหนที่ต้องเลี่ยง ทั้งยังกำชับอีกว่าช่วงไตรมาสแรกนี้ทารกในครรภ์อาจจะยังไม่พัฒนาจนเป็นรูปร่างดีนักแต่พัฒนาการจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เด็กจะต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอควบคู่ไปกับการพักผ่อนของว่าที่คุณแม่เพื่อเป็นการเสริมสร้างพัฒนาที่ดี กิจกรรมอะไรที่ต้องออกแรงมากหรือสุ่มเสี่ยงต้องงดเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะการขี่ม้า การเดินทางไกล


ระยะแรกของการตั้งครรภ์นี้ถือเป็นช่วงอันตรายที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเมื่อร่างกายได้รับการกระทบกระเทือนมากเข้านั่นหมายถึงว่ามีสิทธิจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของเด็กในครรภ์


ซินเธียพยักหน้ารับ หนึ่งในข้อห้ามคือน้ำชาซึ่งมีคาเฟอีนทางที่ดีควรงดดื่มเป็นการชั่วคราวจะดีที่สุด แต่ในกรณีที่ว่าร่างกายเคยชินกับการดื่มก็สามารถค่อยๆ ลดปริมาณลงจนเหลือวันละไม่เกินสองแก้วได้ ด้วยเข้าใจดีว่าชาววินเทอร์ฟอลนั้นชื่นชอบการดื่มชาจนต้องมีเครื่องดื่มชนิดนี้ร่วมด้วยทุกมื้ออาหาร อีกทั้งเครื่องดื่มชนิดนี้ยังเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอันสำคัญของชาวแดนเหนือหากจะสั่งห้ามไปเลยคงเป็นเรื่องยากแต่เราสามารถลดจำนวนมันลงได้ หากร่างกายได้รับในปริมาณปกติก็จะไม่ส่งผลเสียอะไร


ประเด็นนี้ซินเธียไม่ค่อยมีปัญหากับมันนัก แม้ว่าจะเคยชินกับวัฒนธรรมดื่มชาของชาวแดนเหนือแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ติดมันจนขาดไม่ได้ หากจะงดไปเลยก็ไม่มีปัญหา


เด็กหนุ่มเดินมาส่งนายแพทย์ประจำตัวด้วยตัวเองหน้าประตูโถงทางเข้า อันที่จริงก็เพราะมีจุดประสงค์


“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ รบกวนให้ท่านชายต้องเดินมาส่งช่างเสียมารยาทจริงๆ”


“ไม่หรอกครับ” เขาส่ายหน้าน้อยๆ “เอ่อ... คุณหมอครับ”


“ครับ?”


“เรื่องในวันนี้...” ซินเธียบีบมือของตัวเองแน่น รู้สึกว่ามันยากที่จะเอ่ยออกไปจริงๆ “เรื่องในวันนี้รบกวนคุณหมออย่าพึ่งรายงานคุณแอชลีย์ได้หรือเปล่า”


คนฟังพอได้ยินประโยคนั้นรอยยิ้มก็จางลงทันที ใบหน้าซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัยแสดงความฉงนออกมาโดยไม่ปิดบัง


“ทำไมล่ะครับ ผมคิดว่าคุณท่านคงจะดีใจมากหากรู้ว่าท่านชายกำลังตั้งครรภ์”


“คือเราอยากจะบอกเขาด้วยเองน่ะ” คำตอบนี้จริงเท็จแค่ครึ่งเดียว


เจอร์ราร์ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา “เป็นอย่างนี้นี่เอง ท่านชายคงอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแอชลีย์สินะครับ ผมเข้าใจแล้ว” เขาพยักหน้าเข้าใจแล้วให้คำมั่นว่าจะไม่มีทางหลุดปากบอกออกไปก่อนแน่นอนแล้วขอตัวกลับไป


ซินเธียยืนมองจนกระทั่งรถสีดำของนายแพทย์เคลื่อนออกรั้วคฤหาสน์ไปแล้วถึงได้หันกลับมากำชับคนที่ยืนสงบนิ่งรอรับคำสั่งอยู่เบื้องหลัง


“เรื่องนี้เราฝากคุณอีริคกำชับทุกคนในคฤหาสน์ด้วยนะครับ”


ชายชราค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการรับคำสั่ง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วยแต่เพราะผู้เป็นนายยืนยันมาแบบนั้นตนเองที่เป็นแค่พ่อบ้านก็ไม่อาจออกหน้าอะไรมากได้จนเกินขอบเขต




หลังจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้น ซินเธียพาร่างอันอ่อนแรงของตัวเองเข้ามานั่งในรัง ดวงตาเหม่อลอยเต็มไปด้วยความคิดมากมายภายในหัว สองมืออันสั่นเทายกขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองแผ่วเบา เมื่อครู่หลังได้ยินคำยืนยันจากคุณหมอ ซินเธียทั้งดีใจและยินดีมาก เป็นความยินดีที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ


หลายต่อหลายครั้งที่เขาวาดฝันถึงเรื่องการสร้างครอบครัวและลูกของเรา คิดว่าตัวเองคงมีความสุขมากยามได้เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งที่เหมือนพ่อของเขา สั่งสอนแต่สิ่งดีๆ ให้เด็กคนนั้นเติบใหญ่มาอย่างสง่างาม เช่นเดียวกับพ่อของเขา


วาดฝันเอาไว้มากมาย คิดไปหลายต่อหลายครั้ง


แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันกับข่าวดีครั้งนี้ ข่าวดีสำหรับตนเอง ข่าวดีสำหรับใครหลายๆ คน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สุดอย่างเขาคนนั้นหรือเปล่า


ยังไม่พร้อมที่จะบอกใครอีกคนว่าขณะนี้ภายในท้องของตนกำลังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งสองอยู่ สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน


เพราะซินเธียกลัว


กลัวว่าหลังเขาได้รับรู้เรื่องนี้แล้วจะไม่แสดงความยินดีออกมา กลัวการต้องมองใบหน้าเย็นชากับดวงตาเรียบเฉยของเขา ทุกคำพูดทุกประโยคจากวันแรกจนถึงปัจจุบันซินเธียจดจำมันได้ขึ้นใจทั้งยังเกาะกุมอยู่ภายในมาจนถึงตอนนี้ มากกว่าคำพูดคือท่าทางเมินเฉย


เพราะเมื่อเป็นแบบนั้นซินเธียคงรับไม่ไหว


หลากกลายความรู้สึกตีรวนอยู่ในภวังค์ความคิด ทั้งสุข ทั้งยินดี ทั้งกังวลและหวาดกลัว มากมายเสียจนรู้สึกสับสน


เด็กหนุ่มก้มลงมองสิ่งที่สองแขนของตนกำลังโอบประคองอยู่แล้วกอดมันเอาไว้พลางคิดว่าเขาจะเป็นแม่ที่ดีได้หรือเปล่านะ จะเลี้ยงเขาได้ดีพอหรือเปล่าและมันต้องทำอย่างไร จะดูแลเขาในขณะที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ข้างในนี้ได้อย่างไร


จู่ๆ ก็คิดถึงท่านแม่ขึ้นมา


ไม่รู้หากว่าเป็นท่านในตอนนี้จะสามารถจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร บางที บางทีหากท่านแม่ยังอยู่ท่านคงจะสามารถให้คำแนะนำและปลอบประโลมตนได้ มันน่าแปลกเพราะเดิมซินเธียไม่ได้มีความผูกพันใดกับตัวมารดาเลยเนื่องจากท่านจากไปตั้งแต่เขายังเด็กมาก เด็กเกินไปที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ นานา ยิ่งความคิดถึงโหยหายิ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้น


แต่น่าแปลก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซินเธียรู้สึกคิดถึงท่านแม่และนึกอยากให้ท่านอยู่ด้วยกันในตอนนี้


คล้ายก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอและซินเธียกำลังพยายามกลืนมันลงไป เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วปาดเอาหยาดน้ำตรงปลายหากตาออกแล้วล้มตัวนอนลงเงียบๆ


ขอเวลาอีกนิดก็แล้วกัน


ซินเธียรู้ดี ถึงอย่างไรแอชลีย์ก็ต้องรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผลลัพธ์จะออกมาเช่นไรก็ต้องบอกออกไปสักวัน เรื่องแบบนี้ไม่มีทางปิดบังเอาไว้ได้และแอชลีย์ คิมก็ไม่ใช่คนโง่ ชายคนนั้นไม่ได้มีความอดทนมากพอ ต่อให้ปิดบังดีแค่ไหนก็ไม่มีทางจะตบตาฝ่ายนั้นได้ เดิมทีชายหนุ่มก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาแค่อาจจะยังไม่รู้ว่าอาการเหล่านี้เป็นสาเหตุของอะไร แต่อีกไม่นานแน่ๆ


คนปิดบังได้ ทว่าอาการอันเป็นรูปธรรมเหล่านี้ปิดบังไม่ได้ ต่อให้เจอร์ราดไม่พูด อีริคไม่พูด สุดท้ายเขาก็จะต้องมีวิธีไปค้นหาคำตอบมาได้อยู่ดี


แน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรู้และสมควรได้รู้ทั้งในฐานะสามี และในฐานะของคนเป็นพ่อ


แต่ขอเวลาอีกหน่อยก็แล้วกัน ขอเวลาให้เขาได้เตรียมใจ


แค่วันเดียวก็ยังดี


ซินเธียนอนขดตัวอยู่ท่ามกลางเครื่องใช้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นของใครอีกคนซึ่งทำให้จิตใจของตนสงบ คิดทบทวนเรื่องราวมากมายอยู่เป็นนานกว่าสติจะค่อยๆ เลือนหายเข้าสู่ห้วงนิทราไป





ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
นั่นไง ไม่กล้าบอกเพราะแอชลีย์เคยพูดอยู่  :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เอ็นดูซินเธีย แอชต้องเลิกซึนได้แล้ว 5555

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น้อนนนนนนนนนนนนนนน :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โธ่ บอกไปเถอะเวลานี้มันไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้วอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปแล้วนะซินเธีย

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว่าแล้ววววน้องไม่กล้าบอก :hao5:

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0


บทที่ 22



   เมื่อวานเพราะไม่สามารถหยุดงานได้ แถมยังมีเรื่องต้องให้ตามไปจัดการอีกมากแอชลีย์เลยไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่แพทย์ประจำตระกูลเข้ามา แต่หลังจากติดต่อไปถามข่าวคราวกับเจอร์ราร์ดแล้วทางนั้นบอกว่าภรรยาของตนร่างกายแข็งแรงปกติดี ยาก็จัดให้มาแล้ว รายงานจากอีริคก็ปกติดีชายหนุ่มเลยไม่ได้ติดใจอะไร


   แต่ทำไมซินเธียยังมีอาการเหมือนเดิมไร้ความเปลี่ยนแปลง ยาที่กินไปนั้นเหมือนจะช่วยแต่ก็ไม่ช่วยอะไร สุดท้ายก็ยังคอยวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำเป็นว่าเล่นอยู่ดี พอถามอีกคนก็ทำท่าอึกอักเลี่ยงไปอยู่หลายครั้ง ถึงใบหน้าจะดูปกติดี ทว่า ภายในดวงตาสีเงินคู่นั้นคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่


   ไม่ได้การแล้ว


แอชลีย์คิดว่าตนเองคงไม่มีสมาธิทำงานหากยังไม่จัดการอะไรให้มันเด็ดขาดไปเสียที กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่ค่อยสบายตัว หน้าซีดหน้าเซียวอยู่ได้ทั้งวัน ร่างนุ่มนิ่มที่เคยกอดอยู่ทุกวันแค่มีความเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดก็สัมผัสได้แล้วว่าภรรยาของตนนั้นผอมลง


ในส่วนของฝีมือคุณหมอเจอร์ราร์ดนั้นไม่นึกกังขา นายแพทย์คนนี้เป็นแพทย์ประจำตระกูลมานาน ครอบครัวของเจ้าตัวเองก็รับใช้ตระกูลคิมมาหลายต่อหลายรุ่น ชายหนุ่มรู้ว่าทุกอย่างที่เจอร์ราร์ดพูดออกมานั้นถูกต้องไม่มีบิดพลิ้ว เพียงแต่ว่ายังพูดออกมาไม่หมดเสียก็เท่านั้น



ทางด้านคนที่นอนอ่อนแรงอยู่ในรังไม่อาจรู้ได้เลยว่าด้านล่างเกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มลูบหน้าท้องของตัวเองแผ่วเบาพึมพำพูดกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ซึ่งกำลังเติบโตอยู่ภายในนั้นทั้งที่รู้ว่าพูดไปตอนนี้ลูกก็คงยังไม่ได้ยิน ฟังไม่รู้ความแต่ซินเธียกับรู้สึกชอบการสื่อสารกับลูกอยู่ดี


“อย่าดื้อกับแม่นักเลย” พูดไปพลางถอนหายใจไปพลาง “ลูกดื้อจนแม่เวียนหัวไปหมด ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปคุณพ่อต้องดุแน่เลย” ไม่ใช่ดุลูกนะ ดุคนแม่นี่แหละ


แต่มาคิดดูแล้ว มันก็อดมีความสุขไม่ได้จริงๆ กับข่าวคราวที่พึ่งได้รับมาเมื่อวันก่อน ลึกๆ ในใจแล้วซินเธียแอบอิจฉาคุณชายมัวร์อยู่ไม่น้อย มีลูกชายน่ารักวัยกำลังซน วันทั้งวันไม่ต้องทำอะไรแค่มองเด็กคนนั้นวิ่งเล่นไปมาก็สุขใจมากแล้ว มิหนำซ้ำตอนนี้กำลังจะมีสมาชิกเพิ่มเข้าตระกูลมาอีกคน ทั้งคุณคาร์ลิน ทั้งเจย์เดนคงมีความสุขไม่น้อย


ชีวิตของซินเธียในตอนนี้ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้มีครอบครัวเล็กๆ เป็นของตัวเอง และความปรารถนานั้นกำลังจะเป็นจริง ยิ่งคิดก็ยิ่งหุบรอยยิ้มไม่ลง


ดูท่าแล้วแล้วสิ่งที่คุณหมอเจอร์ราร์ดพูดจะไม่ผิดเพี้ยนไปเลย อารมณ์ของว่าที่คุณแม่ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยสมดุลนักมีขึ้นบ้างลงบ้าง อาการในตอนนี้คงแสดงออกมาได้ชัดเจนที่สุด เพราะนอกจากความกังวลแล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกมีความสุขด้วยในช่วงเวลาเดียวกัน


ขณะกำลังหัวร่อต่อกระซิกตามประสาแม่ลูกเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆ สามครั้งเป็นสัญญาณให้รับรู้ ซินเธียพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งในช่วงเวลาเดียวกับที่บานประตูถูกเปิดเข้ามาพอดิบพอดี


ร่างสูงใหญ่ของแอชลีย์เดินเข้ามาภายในห้อง ใบหน้าเรียบนิ่ง รอบกายแผ่กลิ่นอายของบุรุษเพศให้ความรู้สึกความแข็งแกร่งอันเป็นลักษณะเฉพาะของอัลฟ่าช่างเป็นภาพที่ขัดกับการถือบางสิ่งบางอย่างในมือยิ่งนัก


ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ไม่คิดล่วงล้ำเข้ามาภายในอาณาเขตของว่าที่คุณแม่เฉกเช่นที่เคยปฏิบัติมาโดยตลอด เขายื่นจานเล็กๆ มาให้ ซินเธียตาวาวทันทีเมื่อมองเห็นสีแดงของมะเขือเทศเชอร์รี่ซึ่งช่วงนี้โหยหา มีความรู้สึกอยากทานอยู่ตลอดเวลาหากแต่โดนคุณสามีจำกัดปริมาณให้ทานวันละไม่เกินสองจานเล็ก


เพียงแค่กัดเข้าไปผลแรกรสชาติเปรี้ยวอมหวานของเจ้าผลไม้สีแดงสดก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก เนื้อแน่นๆ กับความกรอบเป็นสิ่งการันตีว่าเจ้ามะเขือเทศเหล่านี้ทั้งสดทั้งสะอาดราวกับพึ่งถูกปลิดขั้วมาใหม่ๆ จากต้น


“รู้สึกอย่างไรบ้าง”


คำถามนี้ไม่ได้หมายถึงรสชาติ แม้จะไม่เข้าใจก็ตามว่าเจ้าผลสีแดงโง่ๆ นี่มันอร่อยยังไง เห็นทานเสียเอร็ดอร่อย ตอนไปงานเลี้ยงคฤหาสน์แสตนลีย์คราวนั้นเห็นแล้วว่าคงจะถูกใจรสอยู่ไม่น้อย ทว่า กลับมาก็ไม่เคยเห็นพูดถึงอีกซ้ำเวลาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้วไม่คิดว่าจู่ๆ ตอนนี้จะดันมานึกอยากกิน ถึงจะพยายามคิดตามแต่แอชลีย์ก็เข้าไม่ถึงอยู่ดีเลยได้แต่ปล่อยให้เจ้าตัวทานไป ส่วนตัวเองก็ยื่นมือไปวัดอุณหภูมิทั้งหน้าผาก ทั้งซอกคอ จนมาถึงแก้มเนียนซึ่งกำลังเคี้ยวกรวมๆ ไม่หยุดปาก ฝ่ายคนถูกรบกวนยามเมื่อถูกมือใหญ่ทาบลงมาบนผิวแก้มก็หรี่ตาลงโดยอัตโนมัติใบหน้าเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยตามแรงกดของน้ำหนักมือ


อันที่จริงอีกคนก็ไม่ได้กินมูมมามจนเสียกิริยาอะไร ยังคงบรรจงหยิบใส่ปากค่อยๆ เคี้ยวไปทีละลูกอย่างตั้งใจขยับริมฝีปากโดยไร้เสียงทุกจังหวะของการขยับแทบไม่ยอมเปิดให้เห็นฟันขาวเรียงตัวสวยเลยสักครั้ง แผ่นหลังเหยียดตรงสง่างามไม่สร่างซา


พอวัดจนมั่นใจแล้วก็ดึงมืองกลับมารอจนกระทั่งซินเธียกินจนพอใจแล้วถึงได้เก็บจานคืนมา


“เดี๋ยวได้ทานยาอีกสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้วครับ” อีกคนตอบหลังเคี้ยวจนหมดปากแล้ว


“ฉันจะให้หมอมาตรวจอีกสักรอบ” คราวนี้แอชลีย์เอ่ยถึงจุดประสงค์แท้จริงของการเข้ามาหาภรรยาถึงในห้องอันเป็นสถานที่ส่วนบุคคลแห่งนี้ พอมันถูกใช้เป็นพื้นที่สร้างรังของอีกฝ่ายแล้วแอชลีย์ก็สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาด้านในอีกโดยเฉพาะอัลฟ่าอย่างคุณหมอเจอร์ราร์ดหรือกระทั่งพ่อบ้าน


“ไม่ต้องรบกวนคุณหมอหรอกครับ” ซินเธียรีบปราม ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมา มือเข้าหนึ่งเผลอกำหน้าท้องโดยไม่รู้ตัว “เราดีขึ้นมาแล้วจริงๆ”


แอชลีย์เหลือบสายตาลงมองตามมือบางข้างนั้น พอเห็นว่าถูกจับจ้องว่าที่คุณแม่ก็รับขยับแขนออกอย่างแนบเนียน


“ดีขึ้นตรงไหน ก็ยังเห็นเหมือนเดิม” เพราะรู้ว่าคนอย่างซินเธียภายนอกดูเป็นพวกว่าง่ายแต่แท้จริงแล้วก็แอบซ่อนนิสัยดื้อรั้นเอาไว้ บางครั้งไม้อ่อนก็ไม่ได้ผลเขาเลยกำชับไปอีกคำเสียงเข้ม “ตรวจซ้ำให้มันแน่นอน”


“แต่....”


”หมอรออยู่ด้านล่างแล้ว”


“…”



บรรยากาศเดิมกลับมาอีกครั้งติดแต่ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมรับชมมากมายเป็นพิเศษ ซินเธียเดินกุมมือตัวเองมานั่งอย่างสงบเสงี่ยมบนโซฟาตัวยาวพร้อมทั้งพยักหน้าน้อยๆ ให้กับคุณหมอซึ่งนั่งอยู่เยื้องกัน ฝ่ายคนตัวโตน่ะหรือยืนกอดอกอยู่ข้างกันนี่อย่างไรล่ะ พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมนั้นแล้วทำเอาซินเธียดื้อด้านไม่ออกอีกต่อไปเลยทีเดียว


“ตรวจเขาเลย” ประมุขของบ้านกล่าวเสียงเรียบ ผายมือเชิญให้คุณหมอลงมือทำงานของตนเอง เจอร์ราร์ดส่งยิ้มให้กับท่านชาย ภายนอกคล้ายรอยยิ้มปกติธรรมดาทั่วไป ทว่า ในสายตาของซินเธียมันคือรอยยิ้มให้กำลังใจ


เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วหลับตาลงปล่อยให้นายแพทย์ประจำตระกูลตรวจร่างกายของตัวเอง กิจกรรมทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน ไล่ตั้งแต่วัดไข้ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อด้วยการฟังเสียงหัวใจ การวัดความดัน สุดท้ายคือการสอบถามอาการประจำวัน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นครบกระบวนการแล้งเจอร์ราร์ดก็ขยับตัวออกมานั่งโซฟาตัวเล็กดังเดิม มือเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋าหนังสำหรับใส่เครื่องมือทางการแพทย์ขนาดพกพา


“เป็นอย่างไรบ้าง”


“ท่านชายไม่มีไข้ครับ ความดันก็ปกติดี โดยรวมถือว่าสุขภาพแข็งแรงปกติ”


“ผมไม่เข้าใจ” แอชลีย์ขมวดคิ้วทันทีหลังได้ยิน “เขาอาเจียนทุกเช้า ทานอาหารก็ไม่ค่อยได้ผ่านมาเกือบจะเป็นสัปดาห์แล้วแต่อาการไม่ทุเลาลงเลยมีแต่จะมาขึ้นด้วยซ้ำ ตรงไหนที่เรียกว่าปกติกันครับคุณหมอ”


ไม่ว่าจะฟังตรงไหนก็ยังมองไม่เห็นถึงความสมเหตุสมผล เขาเดินอ้อมมาทรุดตัวลงนั่งอีกฝั่งข้างผู้เป็นภรรยาแล้วส่งสายตาเป็นคำถามไปให้ทำเอาอัลฟ่าอย่างเจอร์ราร์ดถึงขั้นลืมวิธีการหายใจไปวินาทีหนึ่ง


เหตุที่ก่อนหน้านี้แอชลีย์ยังยอมปล่อยเพราะประเมินดูแล้วสถานการณ์มันไม่ได้ฉุกเฉินเหมือนครั้งไปเยือนอีสเทิร์นพอร์ต ซินเธียมักจะมีอาการแบบนี้แค่ช่วงเช้าเท่านั้นจากการสอบถามคนในบ้านมาและเท่าที่ตาตนเองเห็น พอได้นอนพักผ่อนสักหน่อยอาการมันก็ทุเลาลงเขาหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ซินเธียเองก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้ความแล้ว ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าตนเองไหวเขาก็เคารพการตัดสินใจลองดูอาการปล่อยให้จัดการกันเอง ทว่า ผ่านมาวันแล้ววันเล่าจนถึงขณะนี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ดูเหมือนว่าแอชลีย์คงจะต้องใส่ใจภรรยาของตนให้มากกว่านี้ สุดท้ายก็ต้องใช้ไม้แข็งบังคับกันบ้าง เผื่อว่าเป็นอะไรจะได้รีบรักษาทันการณ์


   “สำหรับท่านชายวาเลนเธียขณะนี้นับว่าร่างกายแข็งแรงปกติจริงครับ อาการที่ท่านเป็นก็นับว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกัน...” ยิ่งฟังก็ดูเหมือนใบหน้าคมคร้ามนั้นจะมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ เจอร์ราร์ดจึงต้องรีบสรุปความโดยเร็วที่สุด ไม่อาจทราบสาเหตุของความมาคุนี้เช่นกันว่าทำไมได้อีกทั้งยังรู้สึกงงงวยกับท่าทางของแอชลีย์อีกด้วย


   คล้ายกับว่ายังไม่รู้อย่างไรอย่างนั้น


   เจอร์ราดสลัดความกังขาในใจของตนเองออกไปด้วยไม่อยากเสียเวลามากรีบกล่าวอธิบายด้วยข้อความที่คล้ายกับเมื่อวาน


“โดยทั่วไปแล้วคุณแม่มักจะมีอาการแพ้ท้องในช่วงแรกของการตั้งครรภ์และอาการจะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุครรภ์โดยปกติมักจะสิ้นสุดที่ช่วง 12 สัปดาห์โดยประมาณ ทั้งนี้ก็แล้วแต่บุคคลด้วยครับ บางคนอาจเป็นบ้างช่วงไตรมาสแรกบางคนอาจแพ้ท้องไปจนช่วงคลอด...”


“ คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องจะสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน SCG ซึ่งผลิตจากรกโดยเจ้าสิ่งนี้คือฮอร์โมนที่บ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ เพราะทันทีที่เนื้อรกฝังตัวเข้ากับมดลูก เซลล์รกเพิ่มจำนวนขึ้นก็จะเกิดฮอร์โมน SCG ขึ้นทันทีสำหรับเด็กคนหนึ่งจะทำการเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุก 2-3 วัน...”


“อาการแพ้ท้องของคุณแม่อาจจะดูทรมานนะครับแต่ว่าก็นับเป็นข้อดีเช่นกัน เพราะยิ่งท่านชายมีอาการแพ้มากเท่ากับว่าฮอร์โมน SCG ถูกสร้างขึ้นจำนวนมาก เป็นตัวบ่งชี้ถึงรกในครรภ์ว่าแข็งแรงดีและสามารถสร้างอาหารไปเลี้ยงตัวอ่อนได้มากมาย ฉะนั้นสบายใจได้เลยครับว่าเด็กแข็งแรงดี” นายแพทย์ระบายรอยยิ้มพลางยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบดับกระหายหลังพูดอธิบายมายืดยาวแล้วกล่าวเสริม


“แต่ว่าบางครั้งอาการแพ้ท้องที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ผลดีเสมอไป ทางที่ดีท่านชายควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองนะครับ เช่นน้ำหนักลดลงมากจนผิดปกติ หรือแพ้จนไม่สามารถทานอะไรได้แม้กระทั่งน้ำเปล่าแบบนั้นเริ่มผิดปกติแล้วครับ ซึ่งจากที่ผมสอบถามอาการท่านชายเมื่อวานยังพอทานอะไรได้บ้างก็นับว่าดีครับ ต้องทานอาหารให้เพียงพอเพื่อจะไปเลี้ยงเด็กในครรภ์”


แอชลีย์ซึ่งได้รับข้อมูลจำนวนมหาศาลในคราวเดียวเกิดอาการมึนงงเนื่องจากย่อยข้อมูลไม่ทัน เขากระพริบตาหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่แน่ใจ


“คือยังไงนะครับ?”


ทางด้านเจอร์ราร์ดหลังฟังประโยคนั้นจบเองก็เงียบไปเพราะเกิดความสับสนเช่นกัน ชายวัยกลางคนมองสองสามีภรรยาสลับกันไปมา ท่านชายซินเธียนั่งเงียบไม่พูดอะไรส่วนคุณแอชลีย์เองก็เงียบไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อบ้านอย่างอีริคซึ่งเลือกจะเบือนหน้าออกไปอีกทางไม่ขอมีส่วนร่วมใดใดทั้งสิ้น


พลันทั้งห้องก็เกิดบรรยากาศอันแปลกประหลาดคล้ายเมฆครึ้มฝนกำลังก่อตัวทีละน้อย


“นี่หรือว่า... ท่านชายยังไม่ได้บอกคุณแอชลีย์หรือครับ” นับว่าคำถามนี้ต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก ดูจากสีหน้าของอัลฟ่าตรงหน้าก็ราวกับมีกระดาษถูกเขียนเอาไว้บนหน้าชัดเจนว่าชายผู้นี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


ซินเธียเม้มปากก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ท่าทางกล้ำกลืนเหลือทน


“บอกอะไร” เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มเข้มเต็มไปด้วยพลังอำนาจ


“ท่านชายวาเลนเธียตั้งครรภ์ครับ น่าจะราว 9 – 10 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อความแม่นยำต้องไปทำการตรวจด้วยเครื่องมือที่โรงพยาบาลอีกครั้ง”


ประโยคหลังเป็นอะไรฟังไม่ได้ความแล้ว แอชลีย์นิ่งไปทันทีหลังจบประโยคแรกคล้ายคนหูดับแม้แต่ตาก็ยังลืมกระพริบ ซินเธียเหลือบมองคนข้างกาย ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาอย่างไรดี ชายหนุ่มนิ่งมาก สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงจนนึกสงสัยว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ หรือไม่ได้คิดอะไร เป็นเพียงถ้อยคำบอกเล่าธรรมดาที่ลอยผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาเท่านั้น ภาพตรงหน้าไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงทำเอาหัวใจคนมองวูบโหวง


ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่ จนกระทั่งนายแพทย์เจอร์ราร์ดกล่าวบางอย่างอีกสองสามคำทิ้งท้ายแล้วขอตัวกลับเนื่องด้วยคิดว่าคงหมดเรื่องของตนแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวตนไม่สะดวกใจจะอยู่หารือร่วมด้วย


“...ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอแสดงความยินดีกับท่านชายทั้งสองคนอีกครั้ง” เขาระบายยิ้มพลางหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย


“ผมจะไปส่ง” แอชลีย์พูดออกมาในที่สุด ลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายเดินนำออกไปส่งแขกด้วยตนเอง หายไปอยู่ครู่หนึ่งกระทั่งกลับเข้ามาในห้องรับแขกแล้วก็ยังเห็นว่าซินเธียยังคงนั่งอยู่จุดเดิมไม่ขยับไปไหน เขาเลยเดินเข้าไปนั่งข้างๆ


สองคนนั่งเงียบกันอยู่นานสุดท้ายคนอายุมากกว่าก็เป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน


“ทำไมเธอไม่บอกฉัน”


ซินเธียเงยหน้ามองคนตัวสูงข้างกาย พยายามค้นหาสิ่งที่อยู่ในดวงตาอำพันคู่นั้น ทว่าก็ไม่พบอะไรอยู่ดี เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแล้วก้มหน้าลงเปลี่ยนไปจ้องสองมือบนหน้าตักของตัวเองทน


“คุณเคยบอก...” พูดไปก็บีบมือไป “ว่าการมีลูกไม่เคยอยู่ในความคิด... คุณไม่ได้คิดถึงเรื่องแบบนั้น เราก็เลย... ก็เลย” แล้วก็เงียบไป


“ก็เลยอะไร”


“...กลัวคุณจะไม่พอใจ”


ชายหนุ่มถอนหายใจ ไม่รู้ควรจะต้องรู้สึกอย่างไรกับคำตอบเหล่านั้นดีเลยได้แต่รั้งกายคนข้างตัวเข้ามาแนบอกกอดกระชับเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ ซินเธียหลับตาลงซึมซับทุกอณูของตัวชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี


“คิดมาก” เขาลูบศีรษะคนเด็กกว่าแผ่วเบาหวังบอกกลายๆ ว่าไม่อยากให้คิดแบบนั้น “การที่ฉันบอกว่าไม่คิด ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยินดีเมื่อมีเขา


“จริงหรือครับ” คนในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นทันทีหลังได้ฟังประโยคนั้น ในดวงตากลมโตรื้นไปด้วยกระแสของความหวังแล้วกลั่นกรองออกมาเป็นธารใสเปียกชื้นแพขนตา แล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำยินยันอันหนักแน่น


“แน่นอนสิ เห็นว่าฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือไงที่ขนาดลูกของตัวเองก็ไม่ยินดี”


แน่นอนอยู่แล้วสิ


ประโยคนั้นซินเธียได้แต่คิดอยู่ในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมาให้ได้ยินด้วยกลัวว่าจะไปสะกิดอารมณ์ร้ายของคุณสามีให้ต้องผละตนออกจากอ้อมกอด


สองแขนค่อยๆ เลื่อนไปโอบกระชับรอบเอวสอบด้วยความขลาดอาย พอได้รับคำยืนยันแบบนั้นแล้วก็ปิดตาอย่างเป็นสุข ตัวเบาโหวงหลังปลดระวางเรื่องราวกังวลใจออกจนหมดสิ้น


“ขอบคุณนะ”




หลังส่งว่าที่คุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนยามบ่ายแล้วฝ่ายที่พึ่งรู้ว่ากำลังจะได้เป็นพ่อคนก็เดินลงบันไดมายังชั้นล่าง เรียกหาพ่อบ้านทันทีเมื่อสองเท้าเหยียบพื้น ด้านอีริคเองก็รีบมาทันทีเหมือนรออยู่ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นที่ต้องการของผู้เป็นนายแน่นอน


“พรุ่งนี้ฉันจะพาซินเธียไปโรงพยาบาล เตรียมรถด้วยนะ”


“เรื่องนั้นผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ ของที่ต้องจัดเตรียมก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อยเช่นกัน” ผู้เป็นนายพยักหน้ารับพึงพอใจ พ่อบ้านคนนี้รู้ใจเขาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องการสิ่งไหน ไม่ต้องเอ่ยปากให้เปลืองแรงอีริคก็พร้อมจะจัดการและจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เรียบร้อยล่วงหน้าเสมอ


“ให้คนนำจดหมายแจ้งข่าวคนในตระกูลเสีย ตอนเย็นหลังกลับจากโรงพยาบาลก็ตั้งโต๊ะเตรียมรับรอง”


เดิมทีคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้นำตระกูลคิมสายหลัก ส่วนเครือญาติคนอื่นๆ ในตระกูลรวมถึงคุณพ่อคุณแม่จะแยกกันอยู่กระจายออกไป ไม่ค่อยชอบอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่นัก


“เรื่องนั้นผมจะรีบจัดการให้ทันทีเลยครับ” พ่อบ้านวัยชราจดจำคำพูดของผู้เป็นนายเอาไว้ทุกถ้อยคำ ในหัวก็คอยจัดเรียงรายการอาหารสำหรับรับรองแขกคนสำคัญมากมาย สิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร ประเภทของคาวหวาน เครื่องดื่มหลากชนิดล้วนถูกจัดสรรในเวลาอันรวดเร็ว อาหารมื้อนี้ไม่ใช่อาหารเย็นธรรมดาหากแต่เป็นมื้อสำคัญเพื่อแจ้งข่าวแก่คนในตระกูล เมื่อเรียบเรียงทุกอย่างเรียบร้อยแล้วอีริคก็เตรียมจะไปร่างเทียบเชิญต่อ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมแสดงความยินดีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่คิดเลยว่าคุณชายน้อยที่ตนดูแลในวันนั้น ขณะนี้จะโตพอที่จะสามารถสร้างครอบครัวของตัวเองได้แล้ว


“แล้วก็ ยินดีกับคุณท่านด้วยนะครับ”


คำพูดนั้นทำเอาคนฟังชะงักอยู่ไม่น้อย เขากระแอมหนึ่งทีก่อนจะตอบกลับ


“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”








ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขี้เก๊กที่สุดอ่ะคุณชายยยยยยย  :hao3:

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ขำความสามีอารมณ์ร้าย 555 แอชลีย์โคตรซึนเลยพ่อ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ตีหน้านิ่ง หน้ามึน ทำเอาน้องใจเสีย :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด