My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Valenthia #วิวาห์ในแดนฝัน (Omegaverse) : บทที่29-30 [P.10] --- 26/08/62 ---  (อ่าน 33735 ครั้ง)

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ขี้เก็กไม่มีใครเกินแอชลีย์เลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอชลีย์ต้องแสดงออกมากกว่านี้ น้องน้อยใจไปหมดนะ อย่าขี้เก๊ก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เข้ามาอ่านทันถึงตอนล่าสุดแล้วค่ะ
สนุกมากๆเลย รอตอนต่อไปนะคะ อยากเห็นคุณพ่อมือใหม่เห่อลูกแล้ว


ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาติดตามค่ะ น้องน่ารักน่าเอ็นดู สงสารตอนไม่กล้าบอกแอชลีย์ที่ตัวเองท้อง  :hao5: :hao4:

ออฟไลน์ Kungkakung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอคุณพ่อมือใหม่ค่ะ :katai5: :katai5: :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0


บทที่ 23




   วันนี้ซินเธียตื่นเช้ากว่าปกติเนื่องจากมีนัดสำคัญกับโรงพยาบาล เด็กหนุ่มใช้แปรงสางเส้นผมยาวระบั้นเอวของตัวเองอย่างพิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่ค่อยๆ แปรงจากปลายผมไล่ขึ้นมาทีละน้อย การทำแบบนี้อาจจะใช้เวลานานมากหน่อยขนาดที่ว่าคนตัวโตเข้าไปชำระกายในห้องน้ำจนแล้วเสร็จ ซินเธียพึ่งจะเริ่มสางผมฝั่งซ้ายของตัวเอง



   ปกติแล้วมีคนช่วยชัดการให้ตลอดตั้งแต่สมัยอยู่ในแดนใต้ แคลร์คนสนิทที่ช่วยดูแลซินเธียมาตั้งแต่เด็กช่วยจัดการเรื่องส่วนตัวให้ทุกอย่างตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมไปจนถึงงานจิปาถะ อาหารการกิน อำนวยความสะดวกทุกอย่าง พอมาคิดดูแล้วซินเธียค่อนข้างคิดถึงเด็กคนนั้นเหมือนกัน มันน่าเสียดายที่ไม่สามารถนำเธอติดตามมายังวินเทอร์ฟอลได้ ส่วนแมรี่หญิงรับใช้ของคฤหาสน์คิมที่แอชลีย์หามาให้ช่วยดูแลซินเธียเธอได้รับอนุญาตให้ลาพักผ่อนอยู่ที่บ้านเดิมในช่วงสิ้นปีแบบนี้ ฉะนั้นนอกจากพ่อบ้านกับแม่ครัวแล้วคงเหลือคนเก่าแก่อีกไม่กี่คน


แคลร์สำหรับซินเธียแล้วเป็นมากกว่าหญิงรับใช้ข้างกาย เธอเปรียบเสมือนพี่น้อง เราโตมาด้วยกันแม้ว่าเจ้าตัวจะมีอายุน้อยกว่าซินเธียสองปีก็ตาม


แคลร์เป็นลูกของหนึ่งในหญิงรับใช้ในวังกับทหารคนหนึ่ง หลังจากคลอดออกมาก็ถูกเลี้ยงดูในวังไปพร้อมกับการทำงานรับใช้เชื้อพระวงศ์ ด้วยความที่เด็กสาวคนนั้นเป็นโอเมก้าจึงถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในคนข้างกายของซินเธีย อาจเพราะเราเหมือนกันเลยสามารถเข้าใจกันได้มากกว่าสาวใช้คนอื่นซึ่งเป็นเบต้าเสียส่วนใหญ่ ซินเธียสามารถพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองได้กับอีกฝ่ายทันที บางครั้งไม่ต้องพูดออกมาแคลร์ก็จะเข้าใจและช่วยเตรียมวิธีรับมือให้ โดยเฉพาะในวันนั้น วันที่ซินเธียฮีทครั้งแรกก็ได้เด็กสาวคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ไม่ห่าง


หลังจากนี้เราคงได้พบกัน แดนใต้มีธรรมเนียมอันเคร่งครัดเกี่ยวกับการกลับไปคลอดบุตรบ้านเดิมของภรรยา เรื่องนี้ซินเธียยังไม่ได้ปรึกษาคนเป็นสามี ทว่า ถึงอย่างไรหลังคลอดแล้วก็คงต้องพาเด็กคนนี้ไปพบท่านตาของเขาสักครั้ง ไม่รู้ขณะนี้คนที่นั่นจะเป็นอย่างไรบ้างตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลคิมมาก็ไม่ได้รับข่าวสารจากธอร์นอีกเลย แต่เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าบางทีท่านพ่ออาจจะยุ่งมากอีกทั้งการติดต่อระหว่างทั้งสองดินแดนค่อนข้างลำบากและใช้เวลาหลายวันกว่าจดหมายจะเดินทางไปถึง อย่างไรเสียหนึ่งในเหตุผลของงานวิวาห์ครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกันซินเธียให้ออกห่างจากเรื่องราวในธอร์นอยู่แล้วเขาพอใจกับการเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวัน เล่าถึงสิ่งแปลกใหม่ที่ได้พบใจในดินแดนแห่งนี้ไม่คิดมากว่าจะได้รับจดหมายตอบกลับหรือไม่ ไว้เราค่อยพูดคุยกันตอนกลับไปเยี่ยมก็ได้ ถึงเวลานั้นซินเธียจะนำเทียนหอมกับน้ำชาไปฝากท่านพ่อกับแคลร์ พวกเขาจะต้องชื่นชอบมากแน่นอน


สำหรับคนทั่วไปแล้วใบชาถือเป็นสินค้าราคาสูง ยิ่งใช้กระบวนการในการผลิตพิถีพิถันมากเท่าใดราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แม้ว่าชาวแดนเหนือจะชื่นชอบดื่มชากันจนกลายเป็นวัฒนธรรม สำหรับครอบครัวที่มีฐานะไม่เลวก็จะมีกำลังในการซื้อใบชาคุณภาพดี แต่กับครอบครัวที่ฐานะปานกลางไปจนถึงยากจนมักจะเลือกซื้อชาในราคาต่ำซึ่งรสชาติกับคุณภาพก็จะแตกต่างกันพอสมควร


ท่านชายเหลือบมองคนตัวโตผ่านเงาสะท้อนบนกระจกซึ่งขณะนี้กำลังยืนกลัดกระดุมอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ทำตัวเป็นคนถ้ำมองอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องรีบหันกลับมาจัดการกับตัวเองเพราะกลัวถูกจับได้ หลังตรวจสอบความเรียบร้อยทุกอย่างจนมั่นใจแล้วถึงค่อยออกมานั่งรอบริเวณปลายเตียงหลังโต


วันนี้คนทั้งสองจะเดินทางเข้าเมืองจัตุรัสไวท์สแควร์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการเดินทางราวครึ่งชั่วโมง สำหรับกำหนดการก็คือไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติสำหรับโอเมก้าเพื่อตรวจร่างกายและทำการฝากครรภ์


ซินเธียทั้งตื่นเต้นและกังวลไม่น้อยวันนี้เลยสามารถตื่นแต่เช้าโดยไม่ต้องเป็นธุระให้คุณสามีต้องปลุก ตอนนี้ก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางมานั่งรออีกคนตาแป๋ว


ฝ่ายแอชลีย์ซึ่งรู้สึกถึงสายตาจับจ้องตามทุกการเคลื่อนไหวมาพักใหญ่ เขาอดทนผูกเนคไทให้เสร็จแล้วถึงได้เดินเข้ามาหาคุณแมวน้อย ในแววตาสีเงินคู่นั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายหนึ่งในนั้นคือความกังวล แต่ไม่แน่ใจว่ากังวลเรื่องอะไร


“เป็นอะไร” เอ่ยถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างกัน


ซินเธียหันมามองคนข้างกาย ดวงตาสอดประสานจับจ้องเข้าไปราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น


“คุณแอชลีย์”


“หืม?”


“คุณ...” เอ่ยถึงตรงนี้แล้วเบนสายตาลงเล็กน้อยด้วยไม่กล้าจับจ้องอำพันคู่นั้น มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นกอบกุมบริเวณท้องน้อยเอาไว้ราวกับกำลังปกป้องบางสิ่งบางอย่าง “คุณยินดีกับเด็กคนนี้จริงๆ ใช่ไหมครับ”


ถึงเมื่อวานอีกฝ่ายจะให้คำตอบออกมาแล้วแต่ซินเธียก็ยังรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงฝัน กลัวว่าสิ่งที่ประสบพบเจอเมื่อวานนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเอง พอลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันถัดไปสิ่งนั้นมันก็จะจางหายไปคล้ายไม่เคยมีอยู่จริง ราวกับหมอกควัน


เลยอยากจะย้ำ


ให้ตัวเองตระหนักอย่างแท้จริง ว่านี่มิใช่ความฝัน


“...”


“แต่ต่อให้คุณไม่ยินดี เราไม่ถือสา”


จบประโยคนี้ซินเธียถึงสามารถลากสายตากลับไปได้อีกครั้ง เนิ่นนานกับการสอดประสานกันโดยไร้ซึ่งคำตอบใดใด จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังมาจากคนข้างกาย


“ขยับมาใกล้ๆ สิ”


ช่างเป็นคำตอบที่ทำเอาคนเฝ้ารอไปไม่เป็น แต่เพราะนัยน์ตาอำพันคู่นั้นซึ่งกำลังจับจ้องมาอย่างไม่วางตาเด็กหนุ่มถึงได้จำใจขยับกายเข้าไปอีกนิด แต่ระยะห่างนั้นก็คงยังไม่อาจทำให้อีกฝ่ายพอใจได้เขาถึงได้พูดซ้ำอีกหนึ่งครั้ง ผิดวิสัยคนไม่ชอบพูดซ้ำซาก


“มาใกล้ๆ”


แล้วพอขยับเข้าไปจนไหล่แทบจะชนกันอยู่แล้วซินเธียถึงได้รู้ว่าคนตัวโตเรียกเข้าไปหาด้วยจุดประสงค์ต้องการโอบกอดร่างตนเข้าสู่อ้อมแขน ใบหน้าด้านหนึ่งของเด็กหนุ่มซบอยู่บนซอกคออุ่นๆ เต็มไปด้วยกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าเฉพาะตัวพาให้รู้สึกจิตใจสงบขึ้นหลายเท่าตัว


“คุณ...”


“ลองถามอีกรอบสิ”


“ครับ?” คราวนี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยความฉงน แต่เพราะระยะอันชิดใกล้จนเรียกว่าแนบสนิทไปทั้งตัวนั้นทำให้ภาพตรงหน้าไม่สามารถมองได้ชัดเจน เห็นเพียงปลายคางของอีกฝ่ายเท่านั้น


แต่ถึงจะไม่เข้าใจอย่างไรซินเธียก็รีบเอ่ยคำถามแรกซ้ำอีกครั้งด้วยทราบดีว่าอัลฟ่าผู้นี้ไม่ได้มีความอดทนมากพอจะรอให้เขามัวแต่อมพะนำ


“คุณยินดีกับเด็กคนนี้จริงๆ ใช่ไหมครับ”


“ยินดีสิ” เสียงทุ้มชวนให้ใจระส่ำ พอได้ฟังในระยะประชิดแบบนี้อัตราความรุนแรงต่อหัวใจก็ยิ่งมีมากขึ้น “เขาเป็นลูกของเรานี่ ทำไมจะไม่ยินดีล่ะ” เอื้อนเอ่ยประโยคเรียบง่ายทว่าหนักแน่น


ลูกของเรา คำคำนี้ช่างเป็นคำที่ไพเราะที่สุด


ซินเธียหลับตาลงเพื่อใช้หัวใจในการรับฟัง และบันทึกทุกถ้อยคำเมื่อครู่จดจำเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ


ไม่ต้องใช้คำพูดสวยหรูมากมายมาบรรยาย ไม่ได้อยากเห็นท่าทางแสดงยินดีจนออกหน้า แค่คำคำเดียวเท่านั้น แค่นี้หัวใจของเขาก็เป็นสุขมากจนแทบเอ่อล้นแล้ว


“อย่าได้คิดถามแบบนี้อีก เข้าใจหรือเปล่า” แอชลีย์ผละออกไปเล็กน้อยให้เราสามารถมองหน้ากันได้ถนัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้เส้นผมของคนในอ้อมแขนเล่น ท่าทางเพลิดเพลิน


แอชลีย์ดูพอใจกับเส้นผมยาวๆ ของซินเธียมาก เด็กหนุ่มสังเกตมาสักพักแล้ว เขามักจะจับมันทุกครั้งยามเมื่อมีโอกาสชิดใกล้กัน


 “ซินเธีย”


“ครับ”


“จำสิ่งที่ฉันเคยพูดเอาไว้ในงานแต่งงานของเราได้ไหม” คำถามนี้ซินเธียไม่ได้ตอบออกไป เขารู้ว่ามันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำกล่าวที่ต้องการเพียงเกริ่นเรื่องราวเท่านั้น เขาจึงเงียบเพื่อรอฟังว่าใจความสำคัญแท้จริงแล้วคือสิ่งใด


 “เป็นหนึ่ง ไม่มีสอง”


“จะรักและดูแล ปกป้องหวงแหนตราบชั่วชีวิต”


คำกล่าวนี้ หนึ่งคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่า หนักแน่นจริงใจ อีกหนึ่งเอ่ยทวนในใจราวกับต้องการสลักย้ำมิให้ลบเลือน


แอชลีย์โน้มตัวลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งจรดลงบนช่อผมสีจินเจอร์ในมือหนา สูดดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับริมฝีปากประทับลงบนจุดเดียวกัน ยามเมื่อนัยน์ตาสีอำพันเหลือบขึ้นมาสอดประสานกันด้วยแววตาล้ำลึกกักขังถ้อยคำมากมายบีบอัดอยู่ด้านในนั้น เป็นวินาทีเดียวกับที่เส้นผมบนมือค่อยๆ ไล้ผ่านตามแนวแปลายนิ้วถูกปล่อยทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง


ช่วงเวลานั้นเอง ซินเธียเชื่ออย่างหมดใจว่าชายคนนี้จะทำตามคำสัตย์สาบานดังที่เคยกล่าวเอาไว้ไร้ซึ่งคำบิดพลิ้ว


เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นโดยไม่ละสายตาออกจากเจ้าของอ้อมแขน จรดจุมพิตตรงมุมปาก ผะแผ่ว บางเบาดังกลีบบุปผาร่วงลงแตะผืนน้ำ ลอยเคว้งอยู่ในธารากว้างใหญ่ไม่ต่างไปจากความรู้สึกของคนทั้งสองในขณะนี้

การกระทำดังกล่าวนับว่าต้องใช้ความกล้าและแรงใจมหาศาลเลยทีเดียว ไม่บ่อยนักกับการจะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปผ่านทางภาษากายสำหรับซินเธีย หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับกลองหนังก้องสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย แต่ไหนเลยใครจะรู้ว่าแรงผลักดันในครั้งนี้ล้วนมาจากความเอ่อล้นภายในใจซึ่งอีกคนเป็นผู้มอบให้ จุดประกายความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่กระทำการดังสามีภรรยาหรือคนรักทั่วไปพึงมีต่อกันในยามปกติ


เมื่อผละออกมาแล้วนอกจากการกระทำของตัวเองก็เห็นจะมีสายตาร้อนแรงของคนตรงหน้าที่ส่งผ่านมาถึงกันราวกับจะแผดเผาให้หลอมละลายอยู่ในอ้อมกอด สองปรางแก้มแดงระเรื่อร้อนฉ่าจำเป็นต้องเบนสายตาออกมาแล้วพึมพำตอบคำถามก่อนหน้านั้นเสียงเบา


“อื้ม เราจะไม่ถามแบบนั้นอีก”



ด้วยเพราะการจัดการที่ดีของคุณพ่อบ้าน นัดหมายแบบส่วนตัวของคุณหมอซึ่งกำลังจะกลายมาเป็นแพทย์ผู้ดูแลประจำตัวในระยะเวลาตลอดการตั้งครรภ์ของซินเธียดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อเดินทางมาถึงก็สามารถเข้าพบเพื่อตรวจได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลารอ


“สวัสดีค่ะ”


เมื่อเข้ามาภายในห้องตรวจก็พบกับแพทย์หญิงหน้าตานุ่มนวลผู้หนึ่งอายุดูแล้วไม่เกิน 35 ปีกล่าวทักทายยิ้มแย้ม เธอเป็นอัลฟ่าผู้มากความสามารถและมากความสามารถจนได้กลายมาเป็นแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่อายุยังน้อย


การตรวจช่วงแรกคือการสอบถามอาการทั่วไปและตรวจร่างกายเบื้องต้นอย่างที่คุณหมอเจอร์ราร์ดเคยทำ และผลก็ออกมาตามที่เขาเคยประมาณเอาไว้คือครรภ์นี้มีอายุได้ 10 สัปดาห์แล้ว แต่ครั้งนี้เพิ่มการตรวจผลเลือกรวมถึงปัสสาวะเข้ามาด้วย ซินเธียบอกเล่าอาการและความเปลี่ยนแปลงของตัวเองในตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างหนัก หน้ามืดอ่อนเพลียง่าย และการนอนเยอะจนผิดปกติของตัวเอง


“เวลาการนอนของเขาเดี๋ยวนี้ราวๆ 10 -12 ชั่วโมงเลยครับ” แอชลีย์ช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะอาการบางอย่างตัวคุณแม่เองคงจะสังเกตไม่เห็น “ช่วงก่อนทานมากกว่าปกติ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นทานน้อยลงเพราะมีหลายอย่างที่ไม่ค่อยถูกปาก”


“ไม่เชิงไม่ถูกปาก แต่เรารู้สึกว่าทานแล้วมันเลี่ยนจนอยากคลื่นไส้” ข้อนี้ซินเธียเถียงผู้เป็นสามี “อาหารบางอย่างก็มีกลิ่นเหม็น”


อาการเหม็นอาหารนับเป็นเรื่องปกติแต่โชคดีที่ซินเธียไม่ค่อยประสบในด้านนี้นัก ส่วนใหญ่จะเป็นอาการเลี่ยนมากกว่าทานเลี่ยนจนทานต่อไม่ไหว


“เรื่องการนอนมากสำหรับคุณแม่นับเป็นเรื่องปกติค่ะ ช่วงเวลาประมาณนี้นับว่าดีมากแล้ว ช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้มากหน่อยนะคะ ลดกิจกรรมที่ใช้แรงหรือสุ่มเสี่ยงกรกระทบกระเทือนเข้าไว้” คุณหมอเธอว่าแบบนั้น


“เรื่องอาการเป็นเรื่องสุดวิสัยค่ะ มันอาจจะลำบากไปสักหน่อยแต่หมอแนะนำให้คุณแม่พยายามทานมากๆ นะคะช่วงนี้เขากำลังต้องการสารอาหารจำนวนมากเพื่อเจริญเติบโต” ตรงประโยคเธอกำหลังหมายถึงเด็กน้อยในครรภ์ของคนไข้ “ระวังอย่าให้ท้องว่าง หมอแนะนำว่าให้กินทีละน้อยแต่กินเรื่อยๆ ก็ได้ค่ะ”


หลังจากนั้นเธอก็เอ่ยแนะนำอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กและคุณแม่ออกมาอีกหลายอย่าง อะไรที่ควร อะไรที่ไม่ควรล้วนถูกกล่าวออกมาหมด ซินเธียไม่ได้ฟังเพื่อปล่อยผ่านหูไปเรื่อยแต่เด็กหนุ่มเตรียมตัวสำหรับวันนี้มาอย่างดีโดยการพกสมุดประจำตัวที่ใช้บันทึกอยู่บ่อยๆ นำมาจดข้อมูลและข้อแนะนำต่างๆ ตามที่คุณหมอบอกกล่าวมาด้วยโดยไม่ปล่อยให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว


“คร่าวๆ ก็ประมาณนี้นะคะ ผลเลือดก็ปกติดี ร่างกายท่านชายแข็งแรงไม่มีปัญหาค่ะ เอาล่ะเรามาดูเจ้าตัวน้อยกันดีกว่า”


ซินเธียถูกเชิญให้ไปนอนบนเตียงสำหรับตรวจ ข้างๆ มีเครื่องมือหน้าตาประหลาดตั้งอยู่สร้างทั้งความตื่นเต้นทั้งความกังวลให้กับว่าที่คุณแม่ไม่น้อยจนมือเย็นไปหมด หลังเอนตัวนอนราบลงไปคุณหมอก็กำลังจัดเตรียมเครื่องมือเพื่อทำการอัลตร้าซาวด์ เด็กหนุ่มหันไปหาคนตัวสูงซึ่งตามมายืนอยู่ข้างเตียงไม่ห่างพอได้เห็นแบบนั้นแล้วความกังวลก็ลดลงหลายส่วน


“ขออนุญาตนะคะ” พยาบาลผู้ช่วยกล่าวขออนุญาตด้วยความเกรงใจกับสายตาเคร่งขรึมของอัลฟ่าอีกคนซึ่งยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงก่อนจะเลิกชายเสื้อของท่านชายขึ้นจนโชว์ผิวเนื้อเนียนสีน้ำผึ้งที่ขณะนี้หน้าท้องเริ่มนูนขึ้นแล้ว


“พอเปิดแบบนี้เห็นค่อนข้างชัดเลยนะคะเนี่ย” พยาบาลกล่าวขณะทาเจลลงไปบนหน้าท้อง ขนาดประมาณนี้นับว่าใหญ่กว่าอายุครรภ์จริงประมาณหนึ่ง


สัมผัสแรกของความเย็นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย แต่พอชินแล้วก็กลับมาเป็นปกติ คุณหมอใช้เครื่องมือวนรอบผิวหน้าท้องสายตาจับจ้องไปบนเจอเล็กตรงหน้า พอมองตามแล้วทั้งสองสามีภรรยาก็รู้สึกสับสนเนื่องจากมองภาพเหล่านั้นไม่ออกเลยสักนิด เห็นเพียงแต่สีดำๆ เทาๆ เต็มไปหมด


“โอ้...” คุณหมอส่งเสียงออกมาคำหนึ่งแล้วพิจารณาภาพในจอเพื่อความแน่ใจก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “ดูเหมือนจะมีสองคนนะคะเนี่ย” แล้วรอยยิ้มก็กว้างมากขึ้นขณะชี้ภาพเพื่ออธิบายส่วนต่างๆ ของทารกในครรภ์


“เห็นไหมคะ ตรงนี้มีหนึ่งคนส่วนตรงนี้ก็มีอีกหนึ่งคนกำลังนอนกลับหัวอยู่...”


“ตรงนี้เป็นถุงน้ำคร่ำค่ะ ลองดูตรงสีขาวตรงนี้นะคะ คือตัวของเด็กๆ จุดกระพริบๆ ตรงนี้คือหัวใจ”


เธออธิบายอีกหลายอย่างแต่คำพูดเหล่านั้นแทบไม่เข้าหัวของซินเธียอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนสมองของเด็กหนุ่มจะเริ่มหยุดทำงานไปตั้งแต่ตอนได้ยินคุณหมอบอกว่ามีเด็กตัวเล็กๆ สองคนอาศัยอยู่ในตัวของตน


“ลูกๆ ตัวเล็กมากเลย” ซินเธียกำมือเอาไว้ตรงปากขณะดวงตาจังจ้องไปยังจอภาพเบื้อหน้า ถึงจะดูไม่ค่อยออกแต่แค่นี้ก็รู้สึกว่าหัวใจพองโตมากพอแล้ว


เด็กๆ ตอนนี้อาจเทียบได้กับองุ่นแดงลูกโตสองผลคุณหมอพูดเรื่องขนาดตัวทั้งสองคนว่ามีขนาดกี่เซนติเมตร และก็อีกหลายๆ อย่าง แต่ซินเธียคิดว่าตัวเองไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้อีกแล้วจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหัวใจของเด็กทั้งสองคนเป็นครั้งแรก


เสียงหัวใจเต้นระรัวมากแยกไม่ค่อยออกเลยว่านี่คือเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นอย่างรุนแรง หรือเสียงหัวใจของลูกกันแน่ ยิ่งได้ฟังหยาดน้ำจากดวงตาทั้งสองข้างก็ยิ่งหลั่งริน


ไพเราะอะไรเช่นนี้


“เด็กๆ แข็งแรงดีนะคะ หัวใจของคนแรกเต้นประมาณ 171 ครั้ง/นาที ส่วนอีกคน 173 ถือว่าปกติดีทั้งคู่ค่ะสำหรับ 10 สัปดาห์”


“เสียงหัวใจพวกเขาเต้นแรงมากเลยนะครับ”


“สำหรับอายุครรภ์ประมาณนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ อัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยจะอยู่ที่ 175”


“อ่า... ” ซินเธียยังคงจับจ้องหน้าจอไม่ยอมละห่างแม้จะกำลังคุยกับคุณหมออยู่ก็ตาม น่าแปลกทั้งที่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเขาแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นความรู้สึกรัก ผูกพันกลับก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


เป็นความรู้สึกไร้ซึ่งคำอธิบาย ไร้ซึ่งเหตุผล


“สำหรับครรภ์แฝดการดูแลอาจต้องละเอียดอ่อนกว่าครรภ์ปกติหน่อยนะคะ อาหารที่ทานก็ต้องเพิ่มปริมาณคุณแม่ต้องพยายามทานให้มากๆ เพื่อให้เพียงพอสำหรับเด็กสองคน” แพทย์หญิงอธิบาย


“เพราะแบบนี้หรือเปล่า เราถึงได้แพ้ท้องมาก” ซินเธียเอ่ยถึงข้อสงสัยออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ช่วงที่ผ่านมาเด็กหนุ่มลำบากมากจริงๆ กับอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง


“มีส่วนค่ะ อาการแพ้ท้องมีสาเหตุมาจากที่ ฮอร์โมน HCG ซึ่งมีค่อนข้างสูงอยู่แล้วพอยิ่งเป็นแฝดปริมาณก็จะยิ่งมากขึ้นส่งผลต่ออาการแพ้ค่ะ”


“แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ”


เขาพยักหน้ารับและฟังคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการดูแลตัวในครรภ์แฝดนี้ในระหว่างนั้นก็รอให้คุณหมอเช็ดทำความสะอาดเจลบนผิวท้องไปด้วย


“ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ คุณพ่อคุณแม่ทั้งสอง” หญิงสาวระบายรอยยิ้มยินดีจากใจจริงให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มจากซินเธียกลับคืนไป เขากำลังจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง อีกเดี๋ยวต้องออกไปรับยาบำรุงหลังจากตรวจเสร็จ ทว่าก็ต้องชะงักเพราะคนตัวสูงที่ยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน


“แอชลีย์?”


ซินเธียเอ่ยเรียกสามีเบาๆ แสดงสีหน้าประหลาดใจแต่ก็เหมือนอีกคนไม่ได้ยินกันเสียอย่างนั้นเขาเลยเอื้อมมือไปจับแขนอีกคนเพื่อสะกิดเรียก


“คุณแอชลีย์”


“หื้ม” คนที่คล้ายพึ่งได้สติรีบก้มลงมองตามทิศทางของเสียงหัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ใบหน้ายังคงมีแววสับสนอยู่หลายส่วนก่อนหันไปมองสลับระหว่างจอภาพที คุณหมอที และสุดท้ายก็ภรรยาตัวน้อยที่นั่งจับต้นแขนตัวเองอยู่


“เสร็จแล้วครับ เราไปรับยากันเถอะ”


“อ้อ... อืม ไปสิ” ชายหนุ่มช่วยประคองคนบนเตียงให้ค่อยๆ ขยับลงมายืนกับพื้นจนกระทั่งตอนหันไปลากับคุณหมอสองแขนที่ช่วยโอบประคองกันก็ยังไม่ยอมผละจากไปทำเอาคนมองอย่างซินเธียแอบขำกับภาพนั้นไม่น้อย


ก็ตอนที่เรียกน่ะ คุณพ่อเขาเอาแต่จ้องภาพบนจอไม่แม้แต่กระพริบตาเลยน่ะสิ





TBC


ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
น่ารักจังเลยยย อยากเจอน้องแฝดแล้ว
อยากเห็นอาการคุณพ่อมือใหม่ด้วย

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ถึงกับเหม่อเลย

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คุณพ่อลูกสองง 555 น่าเอ็นดูจังเลยค่ะคุณแอช

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: มาทีเดียว2 คนเลย คุ้มมากแอชลีย์

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :katai2-1:
ได้ลูกแฝดเลย
 o13

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ได้แฝดซะด้วย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นแฝดด้วย เก่งจริงๆเล้ย
ดูแลตัวเองดีๆนะซินเธีย  :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ได้แฝดเลยนะคะคุณพ่อ :katai2-1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชอบเรื่องนี้มากกก อ่านวันเดียวถึงตอนล่าสุดแล้วววววววววววววว
รออยู่นะคะ ชอบพระเอกซึนๆแบบนี้ เห่อลูกแน่ๆ  :hao7:

ออฟไลน์ monrita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0



บทที่ 24





เดินพ้นห้องตรวจออกมาได้ไม่ทันไรคนที่ช่วยประคองกันเดินออกมาก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้เลยพาซินเธียมานั่งตรงจุดนั่งรอตรวจโดยเลือกเก้าอี้ตัวที่ห่างไกลจากผู้ใช้บริการคนอื่นมากหน่อย บอกกำชับให้นั่งรออย่าลุกเดินเพ่นพ่านไปไหนเด็ดขาดให้รอจนกว่าอีกคนจะกลับมาแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปรับยากัน



แอชลีย์หายเข้าไปในห้องตรวจอยู่พักใหญ่ ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มเข้าไปคุยอะไรกับแพทย์สาวคนนั้น ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้นึกอยากจะคุยอะไรเห็นยืนเงียบอยู่เป็นนาน ก็ไม่รู้ว่าเพราะมัวแต่อึ้งอยู่หรืออย่างไรว่าที่คุณพ่อของน้องแฝดถึงได้เกิดอาการใบ้กินไปชั่วขณะ


ซินเธียลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนของตัวเองอย่างรักใคร่หากไม่เปิดหน้าท้องดูมองจากภายนอกก็ยังดูไม่ออกนักว่าร่างกายได้มีความเปลี่ยนแปลง ซินเธียไม่แน่ใจแต่เหมือนเคยได้ยินแอชลีย์พึมพำครั้งหนึ่งตอนที่เรากอดกันว่ากลิ่นของตนเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่คิดว่าจะเกิดจากการมีสมาชิกใหม่กำลังเพิ่มเข้ามา


ตอนได้ยินว่าภายในท้องของตนไม่ได้มีเจ้าตัวน้อยเพียงคนเดียวหัวใจมันก็เต้นระรัวจนแทบระเบิด ทั้งดีใจ ตกใจ ซาบซึ้ง  หลากหลายความรู้สึกอัดแน่นกันเต็มไปหมดจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา


เด็กหนุ่มหยิบสมุดบันทึกซึ่งนำติดตัวมาด้วยเปิดอ่านทวนข้อมูลและข้อแนะนำอ่านอย่างตื่นเต้น อาหารอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แต่พวกผลไม้ก็เป็นจำพวกของที่ตนได้ทานเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างน้ำชาก็ต้องลดปริมาณลงเพราะทานมากไม่ค่อยดี


เดี๋ยวก่อนกลับบอกให้แอชลีย์แวะร้านใบชาเสียหน่อยดีกว่า จู่ๆ ว่าที่คุณแม่น้องแฝดก็เกิดอาการอยากลองดื่มชาประเภทอื่นนอกเหนือจากที่เคยมีในบ้าน มันไม่ได้มีความรู้สึกอยากลองอะไรเป็นพิเศษ แต่เป็นความอยากที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน


อืม มีอะไรอีกนะ


ต้องนอนให้มากหน่อย พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามอย่าให้ตัวเองเครียด ตอนกล่าวประโยคนี้คุณหมอเธอดูจะเน้นพูดให้ฝ่ายคุณสามีฟังมากกว่า เพื่อสุขภาพจิตของคุณแม่ที่ดีและลูกในครรภ์อารมณ์ของคุณแม่ต้องแจ่มใสเป็นพิเศษ แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีปัญหานักเพราะที่ผ่านมาอีกคนก็ไม่เคยทำให้ตนต้องรู้สึกทุกข์ใจอะไร กลับกัน เขาได้รับความดูแลเอาใจใส่อย่างดีด้วยซ้ำ


ในสายตาของคนอื่นไม่แน่ใจว่าแอชลีย์ คิมเป็นแบบไหน ไม่แน่ใจว่าในฐานะของสามีเขาได้ปฏิบัติอย่างดีแล้วหรือเปล่า สำหรับซินเธียชายคนนั้นแม้อาจจะดูเย็นชาในบางครั้ง พูดจาอาจจะทั้งสั้นทั้งห้วนไปหน่อย แต่ แอชลีย์ คิม คือคนที่อยู่คอยดูแล คอยเคียงข้าง ไม่เคยทอดทิ้งให้ต้องโดดเดี่ยวกลางดินแดนอ้างว้างแห่งนี้


“ไปกันเถอะ”


นั่งคิดอะไรกับตนเองไปเรื่อยเปื่อยเสียงทุ้มก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ มือหนาถูกส่งมาเอให้เขาจับแล้วประคองตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูง ณ ขณะนี้ใบหน้าหล่อก็ยังคงเคร่งขรึม เย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง ทว่า ด้วยใบหน้าเดียวกันนั้นกลับทำให้รู้สึกสั่นสะท้านดวงใจอยู่บ่อยครั้ง


“คุณลืมอะไรไว้หรือเปล่าครับ”


“เปล่า” เขาตอบระหว่างพาเดินไปทางห้องจ่ายยา “แค่ถามอะไรนิดหน่อย”


“ถามอะไรครับ” ยังมีอะไรต้องถามอีกอย่างนั้นหรือ เรื่องที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนไม่น่ามีสิ่งไหนให้ต้องสงสัยอีกซินเธียนึกอยู่ในใจแต่พออีกคนตอบกลับมาเสียงเรียบคล้ายพูดเรื่องลมฟ้าอากาศคนถามนึกอยากจะถอนคำพูดตัวเองเมื่อครู่คืนให้หมดเสียเดี๋ยวนั้น


“ถามว่าเธอท้องแบบนี้แล้วยังจะทำเรื่องแบบนั้นได้อีกหรือเปล่า”


เรื่องแบบนี้จำเป็นต้องถามด้วยหรืออย่างไร!


ซินเธียหน้าม้านไปทันทีหลังได้ยินคำตอบบ้าๆ นั่น เขาเม้มปากแน่นเรียกเสียงหัวเราะในลำคอของของคนตัวสูง เจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดแล้วก้มลงกระซิบชิดใบหูด้วยน้ำเสียงแสนเจ้าเล่ห์


“หมอบอกว่าได้หมดทุกท่านั่นแหละ ขอแค่อย่ารุนแรงเกินไปก็พอ”


อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหูจริงๆ เรื่องดีไม่คิดเคยเห็นจะพูดเกินสองประโยคทีแบบนี้ละทำไมถึงได้พูดออกมาอย่างน่าไม่อายดีนัก เด็กหนุ่มอายจนรู้สึกโมโหแต่ก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้ขยับตัวเดินนำอีกคนไปตามป้ายบอกทางไปห้องรับยาโดยไม่คิดรั้งรอคนตัวสูงซึ่งดูอารมณ์ดีจนหน้าหมั่นไส้ ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้ เขายอมให้อีกคนกลับไปปั้นหน้าเย็นชาพูดจาสงวนคำพูดดังเดิมเสียดีกว่า


“อย่าเดินเร็วนักสิ”


ด้วยช่วงขาที่มีความห่างชั้นกันถึงสองระดับ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ก้าวแอชลีย์ก็เดินมาทันว่าที่คุณแม่ซึ่งดูอารมณ์เสียไปถนัดตา แม้อีกคนจะยังคงควบคุมกิริยาท่าทางของตัวเองไม่ให้หลุดกรอบแต่คนใกล้ชิดกันย่อมดูออก ซึ่งเจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ตัวว่าถึงใบหน้าจะเรียบนิ่งแต่ดวงตาคริสตัลคู่นั้นได้บ่งบอกทุกอารมณ์ออกมาหมดแล้ว


“ฉันมีบางอย่างให้เธอดู”


ชายหนุ่มล้วงบางสิ่งบางอย่างขนาดเท่าฝ่ามือออกมาส่งให้ ซินเธียรับมันมาพิจารณา เป็นภาพถ่ายขาวดำรูปร่างหน้าตาคล้ายกับสิ่งที่อยู่ในจอภาพของเครื่องอัลตร้าซาวด์ก่อนหน้านี้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันทีก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่มอบมันมาให้


“นี่คือ...”


“ภาพของลูกๆ ฉันให้เธอช่วยพิมพ์ออกมา” เอ่ยถึงแพทย์หญิง แน่นอนว่าสำหรับรูปถ่ายทารกในครรภ์แบบนี้ไม่ได้มีมอบให้กับคนไข้ทุกคน ด้วยเพราะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่มีราคาสูงในขณะนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับรูปหนึ่งใบเลยมีตัวเลขค่อนข้างมาก เขาคิดว่าอีกคนน่าจะอยากเก็บไว้ดูเลยถือโอกาสขอมาด้วยระหว่างเข้าไปสอบถามข้อมูล ‘สำคัญ’ เพิ่มเติมเมื่อครู่


“พวกเขาน่ารักมากเลยจริงๆ” ซินเธียยิ้มกว้างจนตาหยี ตาจ้องรูปถ่ายในมือไม่กระพริบ สองมือประคองภาพถ่ายใบเล็กเอาไว้อย่างทะนุถนอมราวกับสิ่งล้ำค่า ความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏในรูปถ่ายจะเป็นภาพขาวดำมองไม่ค่อยชัดจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่จุดสองจุดสีขาวในรูปก็พอบอกได้ว่าพวกเขาคือลูกๆ ของเรา ช่างเป็นรูปที่สวยงามที่สุดแล้วในสายตาของซินเธีย แค่นี้หัวใจของเด็กหนุ่มก็มีความสุขมากแล้ว


“เราเห็นคุณเงียบมากตอนมองลูกๆ ในจอ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่หรือครับ” หลังจ้องจนพอใจแล้วก็หันมาถามอีกหนึ่งสิ่งค้างคาใจตอนอยู่ในห้องตรวจ


แอชลีย์เลิกคิ้วแล้วเงียบไป นานจนซินเธียนึกถอดใจแล้วเพราะสำหรับชายหนุ่มเขาจะพูดแค่สิ่งที่เขาอยากพูดเท่านั้น การคาดคั้นไม่ใช่สิ่งสมควรและไม่ใช่นิสัยของตนด้วยเลยเลิกสนใจแล้วสอดรูปถ่ายของลูกๆ เก็บในสมุดบันทึกกอดเอาไว้แนบอกเริ่มออกเดินไปทางห้องจ่ายยาอีกครั้ง


หากแต่คนที่เดินตามมากลับพูดขึ้นมาลอยๆ เสียงเบา จนคนที่ล้มเลิกความสนใจไปแล้วเกือบจะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าชายหนุ่มหมายถึงสิ่งใด จนกระทั่งถึงประโยคหลังนั่นแหละ


“ตอนแรกที่รู้ก็คิดชื่อเอาไว้มากมาย”


“…”


“ก็ไม่คิดว่าจะมีสองคน ตอนนั้นก็เลยรีบกลับมาคิดทบทวนดูว่ามีชื่อไหนที่สามารถตั้งให้คล้องจองสำหรับเด็กสองคนได้บ้าง”


ซินเธียหลุดยิ้ม “แล้วได้หรือยังครับ”


“อืม”


“ชื่อว่าอะไรบ้างครับ”


“รอรู้เพศก่อนแล้วฉันค่อยตัดสินใจอีกทีแล้วกัน”


เรื่องเตรียมการรวดเร็ว หากคุณแอชลีย์ คิมเป็นที่สองแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งแล้วล่ะ




หลังรับยาทั้งสองก็มุ่งหน้าออกจากโรงพยาบาลโดยก่อนกลับเด็กหนุ่มได้ขอให้ช่วยแวะร้านใบชาก่อนสักครู่ เพียงแค่เดินเข้าร้านมากลิ่นของใบชาก็ลอยฟุ้งอยู่รอบตัว เป็นกลิ่นอ่อนๆ แต่ชวนเวียนหัวสำหรับซินเธียในตอนนี้มากขอเพียงแค่ใบหน้ามีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยคนข้างกายก็รับรู้ได้ทันทีรีบเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง มือใหญ่แตะลงบนสะโพกแผ่วเบา


“คลื่นไส้อีกแล้วหรือ”


ซินเธียส่ายหน้าเป็นคำตอบ ยกปลายนิ้วขึ้นบังปลายจมูกแล้วเดินเข้าไปเลือกชาชนิดต่างๆ ตามคำแนะนำของผู้ดูแลร้าน ที่นี่มีชาให้เลือกเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นของนำเข้า ส่วนชาต้นตำหรับของวินเทอร์ฟอลที่มักถูกส่งไปยังตระกูลชั้นสูงต่างๆ นั้นจะมีร้านขายแยกโดยเฉพาะ ซึ่งเด็กหนุ่มไม่ค่อยสนใจมันเสียเท่าไหร่ เวลานี้เขานึกอยากลองดื่มชาแปลกๆ ที่ยังไม่เคยลิ้มลองดูบ้าง


“คุณชายท่านนี้ ลองดื่มดูหน่อยดีไหมครับ ชาพวกนี้ทางร้านพึ่งได้รับมาใหม่เมื่อเช้าเลย”


ผู้ช่วยเบต้าคนหนึ่งถือถาดที่มีแก้วชาขนาดเล็กวางเรียงกันสามถึงสี่แก้วมาให้ลองชิมดู ชาเหล่านั้นนอกจากกลิ่นแล้วยังมีสีที่แตกต่างกันอีกด้วย ซินเธียมองอย่างสนใจแล้วเลือกหยิบชาสีแดงจากทางขวาสุดขึ้นมาจิบ


แม้ใบหน้าจะยังเรียบนิ่งแต่ภายในนั้นแทบอยากจะคายทิ้ง ชาชนิดนี้รสค่อนข้างแรงดื่มแล้ววียนหัวคงไม่เหมาะกับตนตอนนี้สักเท่าไหร่ แต่ด้วยต้องการรักษาน้ำใจเขาเลยรีบกลืนแล้ววาแก้วชาลงอย่างเป็นธรรมชาติ สอบถามถึงที่มาที่ไปก่อนแสร้งเดินไปดูมุมอื่นบ้าง


รสมันติดลิ้นเสียจนเด็กหนุ่มไม่ยากดื่มแก้วอื่นให้มันตีกันในปาก เพราะขืนเป็นแบบนั้นตนคงได้อาเจียนออกมาจริงแน่นอน


ใช้เวลาอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงประจวบกับฟังผู้ดูแลร้านเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของชาในแต่ละท้องถิ่นก็แทบจะกินเวลาไปเกินครึ่ง สุดท้ายเลยได้ชาแปลกๆ จากต่างแดนติดมือกลับมาด้วยหลายถุง


เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ซินเธียก็ถูกคนตัวโตไล่ขึ้นไปพักผ่อน ครึ่งวันนี้เดินทางร่วมชั่วโมงร่างกายของว่าที่คุณแม่ก็อ่อนเพลียไม่น้อย พอโดนบอกแบบนั้นเขาก็พยักหน้ารับเปลี่ยนเป็นชุดที่สบายขึ้นหน่อยก่อนจะไปซุกตัวหาความอบอุ่นภายในรังจนถึงช่วงเย็น


มื้ออาหารสำหรับค่ำวันนี้พิเศษกว่าปกติ เนื่องจากถือเป็นมื้อแรกในรอบหลายปีสำหรับคนของตระกูลคิมที่มาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า และยิ่งพิเศษมากกว่ากับการประกาศข่าวสำคัญของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน อันเป็นธรรมเนียมยึดถือปฏิบัติมาช้านาน


เมื่อผู้นำตระกูลมีทายาทจะต้องทำการประกาศให้คนในตระกูลรับทราบและถือเป็นการยืนยันว่าเด็กที่กำลังจะเกิดมานั้นถือเป็นผู้สืบเชื้อสายอย่างถูกต้องและเป็นที่ยอมรับของทุกคนในตระกูล


หกนาฬิกาตรง อาหารทุกอย่างถูกจัดเตรียมตั้งโต๊ะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แขกคนสำคัญมากันครบพร้อมหน้าพร้อมตา คุณพ่อคุณแม่ของแอชลีย์เป็นสองคนแรกที่เดินทางมาถึงก่อน ทันทีที่ได้พบหน้าลูกสะใภ้ท่านหญิงคิมก็รีบปรี่เข้าไปกอดเด็กหนุ่มก่อนลูกชายที่คลอดมาด้วยตัวเองเสียอีก


“เป็นอย่างไรบ้างคะลูก ไม่ได้พบหน้าเสียนานสบายดีไหม”


“สบายดีครับ คุณแม่ล่ะ”


“ดีมากเลยค่ะ” เธอหัวเราะเสียงนุ่มฟังดูรื่นหูชวนให้คนรอบข้างพลอยยิ้มตามไปด้วย พบกันคราวนี้ลูกสะใภ้ของเธอดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน ผิวพรรณหรือก็เปล่งปลั่งจับตรงไหนก็ให้ความรู้สึกนุ่มฟูไปหมด เจ้าตัวอาจจะไม่ได้ดูขนาดว่าเจ้าเนื้ออะไรแบบนั้นแต่ก็ดีกว่าผอมแห้งเหมือนครั้งแต่งเข้าตระกูลใหม่ๆ ดูท่าคราวก่อนที่ดุลูกชายไปจะพอช่วยอะไรได้บ้างเจ้านั่นถึงได้ดูแลสะใภ้ของเธอได้ดีขนาดนี้ ยิ่งคิดอารมณ์แจ่มใสของท่านหญิงคิมก็ดีเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน


“อาหารพร้อมแล้วครับ” คุณพ่อบ้านเดินมาเชิญให้ไปห้องอาหารท่านหญิงยิ้มรับก่อนจะควงแขนคนเป็นลูกสะใภ้ชวนคุยกันเจื้อยแจ้วไปโดยแทบจะลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้กอดลูกชายคนเดียวของตนเองเลยทำเอานายท่านคิมอดจะเยาะเย้ยคนเป็นลูกชายไม่ได้


“เป็นไงล่ะเรา ถูกเมินเสียแล้ว” คำกล่าวนั้นทำเอาคนลูกกระตุกยิ้ม “เมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ตั้งแต่มีแกแม่เขาก็ไม่ค่อยสนใจพ่อแล้ว คราวนี้ล่ะถึงตาแกบ้าง”


คล้ายว่าคำพูดหยอกเย้านั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อคนเป็นลูกเสียเท่าไหร่ แต่ไหนแต่ไรมาแอชลีย์ก็ไม่ใช่ลูกแหง่ติดพ่อแม่อยู่แล้ว ทุกครั้งตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมาถึงจะไม่ได้รำคาญกับการแสดงความรักของผู้เป็นมารดาทว่าก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรือติดสัมผัสอะไร


“อีกไม่นานคุณแม่จะเป็นยิ่งกว่าเมินพวกเราแน่นอน” ทิ้งประโยคปริศนาเอาไว้แก่บิดาก่อนจะเดินนำเข้าไปทางห้องอาหาร ทิ้งให้ชายวัยล่วงเข้าเลขหกหน้านิ่วคิ้วขมวด


บนโต๊ะอาหารตัวยาววันนี้ถูกเติมเต็มครบทุกที่นั่ง เริ่มจากตำแหน่งประธานกลางหัวโต๊ะคือนายท่านใหญ่ ชายชราผู้มีศักดิ์เป็นคุณปู่ของแอชลีย์ ฝั่งขวาคือผู้เป็นบิดาและมารดา ส่วนฝั่งซ้ายเป็นแอชลีย์กับซินเธีย และลำดับถัดไปก็เป็นอารอง อาหญิงกับครอบครัวของเธอไล่ระดับตามความอาวุโส


บรรยากาศเริ่มแรกค่อนข้างเงียบสงบแม้แต่เสียงของมีดส้อมหรือจานยังแทบไม่มีให้ได้ยิน ไม่ใช่เพราะทั้งหมดต่างอึดอัดต่อกันแต่เป็นบรรยากาศปกติสำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหาร รอจนกระทั่งหลายคนเริ่มอิ่มแล้วเสียงพูดคุยอย่างรื่นเริงจึงเริ่มดังขึ้นเป็นระยะ


ทางด้านคุณปู่นั้นค่อนข้างเคร่งขรึม เจ้าระเบียบให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรงเสียยิ่งกว่าสองพ่อลูกรวมกัน หากไม่ทำเรื่องอะไรให้ท่านหมองใจหรือพูดจาไม่ระวังปากก็นับเป็นคนสูงวัยที่น่าชื่นชมมากประสบการณ์คนหนึ่ง ทางด้านคุณอาทั้งสองของแอชลีย์ อารองครองตัวเป็นโสด ได้ยินว่าเขาเคยมีคู่เป็นอัลฟ่าหญิงคนหนึ่งแต่เธอเสียชีวิตไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายสิบปีก่อน ถึงจะยังหนุ่มแต่ก็ไม่คิดแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ส่วนอาหญิงนั้นแต่งเข้าตระกูลชั้นสูงตระกูลหนึ่งที่มาจากเมืองข้างเคียง ปัจจุบันเปิดธุรกิจร้านอาหารมีชื่ออยู่ในจัตุรัสไวท์แสคว์ นานครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่วินเทอร์บ้างตามช่วงเทศกาล


นอกจากคุณแม่แล้วซินเธียไม่ค่อยสนิทกับเครือญาติคนอื่นทางฝั่งสามีมากนักด้วยไม่ค่อยได้พบเจอกัน มีเพียงคำถามไถ่ตามมารยาทบ้างเพื่อไม่ให้บทสนทนาระหว่างครอบครัวกระอักกระอ่วน หากให้ประเมินแล้วจัดว่าเป็นความสัมพันธ์ในระดับไมเลว ยิ้มหัวเราะกันไปตามเรื่องราว


“จริงสิ แอชเรียกทุกคนมาในวันนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญมาบอกพวกเราด้วยหรือเปล่าคะลูก” พูดคุยกันจนหอมปากหอมคอแล้วท่านหญิงคิมจึงเอ่ยปากพาทุกคนเข้าประเด็น ช่วงเวลาสำหรับครอบครัวก็ส่วนหนึ่ง เวลาของสามีภรรยาก็อีกส่วนหนึ่ง พวกเธอคงไม่ขออยู่รบกวนเจ้าบ้านนานจนดึกดื่นนัก เมื่อจบมื้ออาหารลงแล้วก็ถึงเวลาเข้าเรื่องสำคัญเสียที


“ครับ” แอชลีย์ตอบกลับไปคำหนึ่งก่อนล้วงเอาบางอย่างออกมาจากเสื้อสูท เลือกส่งให้คุณปู่ก่อนเป็นลำดับแรก ชายชรารับรูปนั้นมาพิจารณา คิ้วสีดอกเลาเลิกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้ารับแล้วส่งต่อของในมือให้ลูกชายต่ออีกทอดหนึ่ง


สองสามีรับมาพิจารณา สิ่งของในมือเพียงมองแวบแรกคนที่มีครอบครัวแล้วอย่างไรย่อมดูออกได้ทันทีจะมีก็เพียงอารองซึ่งไม่ค่อยเข้าใจนัก


“เซอร์ไพรส์มากเลยค่ะ” ท่านหญิงคิมรับรูปใบเดิมกลับมาจากน้องเขยเพื่อมองซ้ำอีกครั้ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบแก้มของตัวเองไว้ในแววตาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น


“โอ้ นี่คือหลานของแม่หรือคะเนี่ย”


“คุณแม่ต้องพูดว่าหลานๆ ต่างหากล่ะครับ” แอชลีย์แก้คำ


ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารส่งความฉงนมาทางสายตาโดยมิได้นัดหมาย โดยเฉพาะท่านหญิงคิมซึ่งดูจะมีปฏิกิริยาตอบลับมากเป็นพิเศษ เธอมองคนเป็นลูกชายที่บัดนี้นั่งตัวตรง สีหน้าท่าทางยังคงปกติทุกอย่างแต่ดูเหมือนในความปกตินั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป คล้ายคนที่กำลังบอกเรื่องราวบางอย่างด้วยความภาคภูมิใจ สิ่งเหล่านั้นทำเอาคนกำลังจะเป็นย่าเบิกตากว้างรีบหันกลับไปพิจารณารูปถ่ายในมือตัวเองให้ดีอีกครั้ง


“โอ้ นี่มัน...” เธอหันไปมองคนเป็นสามีสลับกับลูกชายลูกสะใภ้ หัวใจคนกำลังจะเป็นย่าขณะนี้พองฟูอย่างเป็นสุข “สองคนเลยหรือนี่”


“แน่มากเจ้าหลานชาย” แม้แต่นายท่านใหญ่คิมยังเข้าร่วมวงยินดี เขายกมือขึ้นตบบ่าหลานชายคนเดียว สองคนสบตากันก็เข้าใจว่าต่างคนต่างก็ภาคภูมิใจไม่แพ้กัน จะต่างกันก็แค่จุดประสงค์ของความภาคภูมิใจนั้น


“ยินดีด้วยนะคะ น้องซินเธีย วันหลังอาจะให้คนที่ร้านส่งอาหารบำรุงมาให้เยอะๆ เลย ช่วงนี้เรากำลังคิดค้นเมนูเพื่สุขภาพใหม่ๆ กันเยอะแยะ” อาหญิงกล่าวอย่างใจดี ร้านอาหารของเธอนั้นมีชื่อทั้งยังเน้นไปที่การบำรุงสุขภาพของลูกค้าเป็นหลัก ข้อมูลเหล่านี้ซินเธียเคยแต่ได้ฟังผ่านคำบอกเล่าของเจ้าตัวเองแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปลิ้มลองเลยสักครั้ง พอคนพูดมาแบบนี้ก็นึกเกรงใจมาก


“ขอบคุณนะครับ อาหญิง”


“เกรงใจกันไปแล้ว”


“แล้วนี่คิดชื่อไว้บ้างหรือยัง” นายท่านคิม


“คุณนี่ก็ หลานพึ่งจะเท่าไหร่เองเชียว รีบไปไหน” ท่านหญิงคิม


“คิดไว้แล้วครับคุณพ่อ” แอชลีย์


ท่านหญิงคิม “...”


“มันต้องแบบนี้แหละ หลานชาย” นายท่านใหญ่พยักหน้า


“ดีเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นเรื่องดีแล้ว” คุณพ่อกอดอกแสดงสีหน้าเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด


ซินเธียได้แต่ยิ้มเจื่อน ให้กับบรรดาคุณอาทั้งสองรวมถึงคุณแม่ ไร้ซึ่งคำพูดโต้ตอบขอทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดชั่วขณะ



TBC



ติดตามข่าวสารนิยายได้ที่

Twiter @Monrita_novel

Fanpage Monrita

#วิวาห์ในแดนฝัน

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พ่อลูกเหมือนกันนี่เอง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่ค่อยเห่อเล้ยยยย คิดชื่อไว้ไวมาก
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม้เห่อค่ะไม่เห่อ แต่แค่คิดชื่อไว้แล้วเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :laugh: ผู้ชายบ้านนี้เป็นเหมือนกันหมดสิ้นะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด