#รักไม่คาดคิดในวันพุธ : พุธที่ 16 (18/12/2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #รักไม่คาดคิดในวันพุธ : พุธที่ 16 (18/12/2019)  (อ่าน 14167 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่คิดว่าน้องแทนกายจะเป็นซึมเศร้าเลยหวังว่าน้องจะดีขึ้นนะ :mew6:

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เอาใจช่วยน้องแทนกาย ขอให้คุณหมอคนใหม่เข้าใจและให้คำปรึกษาน้องถูกทางค่ะ อยากให้น้องกลับมาสดใสสมวัยเร็วๆ ที่จริงอยากให้น้องได้บอกครอบครัวให้รับรู้เพราะคิดว่าครอบครัวที่เข้าใจจะมีส่วนช่วยให้อาการน้องดีขึ้นได้และช่วยระวังเหตุการณ์อื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงที่น้องรู้สึกไม่ดี แต่ตอนนี้อย่างน้อยน้องก็มีล้งเล้งและทะเลเป็นกำลังใจและรับฟังน้องขอให้น้องอาการดีขึ้นเร็วๆนะคะ


ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ปักรอค่า เห็นใจทะเลมากสู้ๆน้า ล้งเล้งต้องแอบเขินจริงๆสักวัน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เป็นภาวะซึมเศร้านี่เอง,,, เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ,,,

ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น้องแทนกาย เป็นกำลังใจให้หนูนะ

ล้งเล้ง เป็นหมาที่น่ารักจริงๆ ตอนนี้คุยกับทะเลได่แล้ว

Sent from my HMA-L29 using Tapatalk


ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
9th Wednesday

#รักไม่คาดคิดในวันพุธ





“เนื้อคู่มึงอยู่ใกล้ตัวมากเลยนะ” 





เสียงมูเตลูพูดขึ้นในตอนที่พวกเขากำลังนั่งทำงานกลุ่มด้วยกัน มันเป็นวิชาที่พวกเขาจะต้องแบ่งกันอ่านหนังสือ แล้วอัดเสียงวิเคราะห์ว่าตัวเองคิดยังไงกับหนังสือเรื่องนั้น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยประเด็นไหน ซึ่งตอนนี้ประเด็นที่คุยกันดันไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์ถามแล้ว




กูว่าเนื้อคู่เนี่ย ไม่น่าใช่งาน




“เอาล่ะ เนื้อคู่เกี่ยวเหี้ยอะไรกับฟ้ามีตา”

“เนื้อคู่มึงไง กูเห็นจริงๆ นะ”

“ไร้สาระ”




ล้งเล้งพูดตัดบทโดยไม่สนใจท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือในการพูดเรื่องเนื้อคู่ของมูเตลู ล้งเล้งถอนหายใจ ถ้ามนุษย์เพื่อนในเสื้อสีส้มแสบตา กับกางเกงสีม่วงไลเลคจะเข้าใจบทเรียนเหมือนที่สนใจเรื่องเนื้อคู่ที่ตัวเขาก็ไม่อยากรู้ว่าใครบ้าง เย็นวันอังคารของล้งเล้งคงไม่ต้องปวดหัวขนาดนี้




สิ่งหนึ่งที่ล้งเล้งรู้แน่ชัดคือสีเสื้อมงคลของวันนี้ไม่เป็นสีส้มก็ต้องม่วงแน่นอน




“น้องล้งเล้งอย่ากริ้ว”

“พี่ๆ เป็นห่วง”

“สเต๊กไก่มั้ยเย็นนี้?”

“หรือจะกินไส้กรอกซีพีดี?”




แน่นอนว่าสองเสียงนี้เป็นของบุ๋มกับบีม ที่ทิ้งชีทแล้วแอบกินไส้กรอกกับสเต๊กที่ไปซื้อมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วเอาเข้ามาในห้องสมุดได้อย่างไรล้งเล้งก็ไม่รู้ว่ามีความสามารถไหนในการแอบเอาของกินเข้ามาที่นี่เหมือนกัน




อันที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ความหิวคนมันห้ามไม่ได้


แต่… สเต๊กไก่ มันก็ออกจะเกินคาดหมายไปนิดเหมือนกัน




“พวกมึงอ่านจบหรือยัง กูถามแค่นี้”




เจ๋งเป้งถอดแว่นพร้อมกับนวดขมับอย่างหงุดหงิด เขานั่งถ่างตาอ่านหนังสือ ‘ฟ้ามีตา’ มาเป็นสัปดาห์สลับกับการคัดภาษาจีน แต่ต้องมาเจอเพื่อนนั่งกินสเต๊กกันอยู่ตรงหน้า บางทีเขาก็อยากจะเป็นบ้าไปให้รู้แล้วรู้รอด




“อ่านแล้ว”

“พวกเราแบ่งกันอ่าน”

“คนละบท”

“สลับกันไป”




บุ๋มบีมตอบทั้งที่กำลังนั่งกินกันอยู่ ซึ่งล้งเล้งถอนหายใจหนักมาก ในวิชานี้พวกเขาตัดสินใจแบ่งกันอ่านหนังสือคนละหมวด ล้งเล้งรับการอ่านหนังสือเรื่องหนึ่ง ซึ่งเจ๋งเป้งกับมูอ่านอีกเล่ม ส่วนอีกเล่มเป็นของบุ๋มบีมที่อ่านด้วยกัน ซึ่งล้งเล้งไม่รู้ว่างานตัวเองจะได้คะแนนเท่าไหร่ พนันด้วยอะไรก็ได้ว่ามันอ่านไปกินสเต๊กไก่ กับไส้กรอกแน่นอน



“พวกมึงรู้เรื่องแน่นะ”




ล้งเล้งถามย้ำอีกครั้ง คะแนนกลุ่มนะเว้ย! พวกเหี้ย!




“แน่นอน!”

“น้องล้งเล้งไว้ใจพวกเรา!”




ในเมื่อบุ๋มบีมบอกมาแบบนั้น เขาก็ปล่อยๆ มันไป ตอนนี้กำลังอัดเทปเล่มของเจ๋งเป้งกับมูอยู่ซึ่งจบไปแล้วรอบหนึ่ง ต่อมาพวกเขาจะรีวิวว่ามันโอเค ก่อนที่จะอัดเทปเรื่องของล้งเล้งต่อ แล้วบุ๋มบีมเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะมันมือเปื้อนซอสอยู่ เลยยังไม่พร้อมทำงาน




ไลน์!




ล้งเล้งพักเรื่องปวดประสาทของเพื่อนที่ยังคงคุยเรื่องของกิน กับเนื้อคู่แล้วมาสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เมื่อเห็นว่าใครทักมา เขาก็รีบกดเข้าไปดู


น้องแทนกาย




sky: พี่ล้งเล้ง

sky: ผมขอบคุณมากๆ เลยนะครับ

sky: สำหรับเรื่องเมื่อวันก่อน ที่พี่ไปโรงพยาบาลกับผม

sky: ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ผมขอบคุณมากจริงๆ

sky: ขอบคุณครับ




รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนหน้าของชายหนุ่ม บางทีการที่เขาลงแรงไปทั้งหมดมันสร้างความรู้สึกดีให้เด็กอีกคน ซึ่งหากพูดให้ลึกลงไปกว่านั้น น้องแทนกายเป็นเด็กที่เขาเอ็นดูโดยส่วนตัวอยู่แล้วด้วย วันนั้นน้องผิดปกติจริงๆ ตามปกติแล้วเด็กที่นิ่งเงียบตลอดคลาสพูดเรื่องของตัวเองเยอะขนาดนั้น ไม่ว่ามองยังไงมันก็แปลก



ล้งเล้ง: ไม่เป็นไรเลย

ล้งเล้ง: พี่เต็มใจมากๆ

ล้งเล้ง: ตอนนี้เป็นไงมั่ง?

ล้งเล้ง: ดีขึ้นแล้วใช่ป้ะ?




ทันทีที่เขาส่งข้อความไปนั้น น้องแทนกายอ่านทันทีเหมือนกับกำลังเปิดอ่านหน้าจอไลน์ของเขาอยู่แล้ว เพียงแค่อึดใจเดียว เด็กน้อยก็ตอบกลับมา




sky: ผมดีขึ้นมากเลยครับ

sky: พอเจอหมอคนใหม่ คนนี้เขาดีกับผมมากเลย

sky: อย่างน้อยก็ไม่ไล่ผมไปนั่งสมาธิแล้ว

sky: เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผมอยากหาย

sky: ถ้าไม่ได้พี่ล้งเล้ง ผมก็คงไม่ได้เจอหมอคนนี้

sky: ขอบคุณมากเลยครับ

sky: ขอบคุณพี่ทะเลด้วย




บางที นี่อาจจะเป็นโมเมนต์แรกตั้งแต่เป็นติวเตอร์มา ที่ล้งเล้งรู้สึกว่าหัวใจตัวเองพองฟูอย่างแท้จริง





------- Wednesday In Class -------




“ลูกหมา!”




เสียงเรียกจากทางด้านหลังเรียกให้ล้งเล้งหันไปมอง ตอนนี้ล้งเล้งอยู่ที่มหาลัยแถวกลางเมือง เพราะวันนี้น้องลูกเกด ลิลลี่ แล้วก็โจโจ้ลงสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของทางมหาวิทยาลัยเอาไว้ ตัวเขาเลยมาให้กำลังใจน้อง




แต่ที่ไม่คิดว่าจะเจอ ก็คือนายทะเลที่เดินยิ้มกวนส้นตีนเข้ามาหานี่แหละ



“กูไม่ใช่ลูกหมา”




ล้งเล้งพูดปัดแบบขอไปที เอาจริงสำหรับพวกเขาสองคน การพูดแบบนี้มันก็คล้ายกับการทักทายไปแล้ว ล้งเล้งไม่ได้ขัดอะไรตอนที่ทะเลเดินมานั่งเสนอหน้าอยู่ข้างๆ เขาที่เมื่อครู่เปิดสมุดจดโน๊ตภาษาจีนที่เพิ่งเรียนไปเมื่อวันพฤหัส ปิดมันลงเพราะรู้สึกไม่มีสมาธิอีกต่อไป




“มึงมาทำไรสามย่าน?”




ทะเลชวนอีกฝ่ายคุย ชายหนุ่มวางกระเป๋าใบใหญ่ลงข้างตัว วันนี้คู่ปรับของล้งเล้งไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษาแบบที่มักจะบังเอิญเจอในวันพุธ ทะเลอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ ผมของอีกฝ่ายที่ยาวจนล้งเล้งนึกงงว่ามันไม่ตัดมั่งหรือไงวะถูกรวบแบบหลวมๆ ไปด้านหลัง




ถ้ามองแบบไม่อคติ ทะเลก็ถือว่าหน้าตาดีระดับหนึ่ง


แค่ระดับเดียวเท่านั้นแหละ! มองรวมๆ ยังไง ล้งเล้งก็รู้สึกว่าตัวเองหล่อกว่าอยู่ดี




“เมื่อเช้าเด็กติวกูมาสอบ CU-TEP”

“มึงก็เลยมาเป็นดินสอให้น้อง?”

“กูมาเป็นปากกา”

“เห้ยมึง เขาใช้ดินสอสอบ”

“มาเป็นกำลังใจก็พอมั้งไอ้เหี้ย กวนตีนกูจังเลยนะมึงน่ะ”




ทะเลหัวเราะเมื่อสามารถทำให้เพื่อนสมัยเด็กของตัวเองทำหน้าบู้บี้ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ถูกกวนประสาทได้ มือใหญ่ยื่นไปขยี้หัวอีกคนเล่นอย่างอารมณ์ดี ซึ่งก็ถูกปัดออกอย่างแรงทันทีเช่นเดียวกัน




“แล้วมึงมาทำไร มีเรียนวันเสาร์ด้วยเหรอวะ?”




ล้งเล้งถามอีกฝ่ายกลับบ้าง หลังจากผ่านเรื่องแทนกายมาเขาก็มานั่งคิดว่าบางที (แค่บางทีนะ) ทะเลอาจจะไม่ใช่เด็กหน้านิ่งกวนส้นตีนในความทรงจำคนนั้นที่เขาเคยเกลียดมาตลอดก็ได้




หากเป็นตัวเองสมัยมัธยมเขาคงจะตบหัวตัวเองไปแล้วที่มีความคิดแบบนี้ แต่ล้งเล้งในวัยที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ เขานิ่งกว่าเดิมมาก แล้วก็ยอมรับแบบหน้าไม่อายว่าตัวเองเติบโตขึ้นจากเมื่อหลายปีก่อน ทั้งในด้านความคิด และอารมณ์




บางที เขากับทะเลอาจจะเป็นเพื่อนกันได้… ละมั้ง?




“กูมาช่วยงานเพื่อน”




ทะเลตอบด้วยน้ำเสียงยานคางตามสไตล์ มือเสยผมที่เริ่มยาวลงมาปรกหน้า ล้งเล้งนึกรำคาญแทน มันอาบน้ำสระผมจะใช้เวลาเท่าไหร่กันวะในชีวิตเนี่ย มันต้องนานแน่นอน ขนาดผมเขาไม่ได้ยาวมากยังหงุดหงิดเวลาที่ต้องสระผมให้เสร็จ กว่าจะแห้งอีก รำคาญ!




“แล้วมานั่งกับกูทำไม? ไปทำงานมึงสิ”

“ก็เสร็จแล้ว”

“งั้นมึงก็กลับบ้านไปดิ”

“โหย ลูกหมา ไล่เหรอวะ”




ทะเลเอามือขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นอย่างสนุกสนาน โดยที่ล้งเล้งโวยวายด่าพ่อของเขาไปด้วย ซึ่งทะเลไม่ถือสาเอาความ หากพูดตามจริงแล้ว กับล้งเล้งน่ะ เขาไม่เคยถือสาอะไรเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยต่อยเขาเสียตาเขียวก็เถอะ




สำหรับทะเลแล้ว ล้งเล้งเป็นข้อยกเว้นเสมอ




“ใช่ กูไล่”




ไอ้ตัวเล็กที่ทะเลเรียกในใจหันมาพูดด้วย ใบหน้าน่ารักของอีกฝ่ายบูดบึ้งแต่ไม่มีแววตาของการพูดเล่นอยู่ในนั้น หนึ่งในเรื่องที่ล้งเล้งไม่เคยรู้ตัวเลยก็คือเจ้าตัวน่ารักแค่ไหน




ถึงแม้จะดูห่ามๆ แต่ล้งเล้งจัดเป็นเด็กที่มีใบหน้าน่ารักเหมือนกับตุ๊กตา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สมัยมัธยมจะมีเด็กผู้ชายมาขอเบอร์ (แล้วก็โดนกระทืบ) อยู่เสมอ แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลชอบที่จะเข้าไปวอแวล้งเล้งไม่ใช่หน้าตาแบบที่คนอื่นเป็น




เขามองลึกลงไปกว่านั้น




“ไปสิมึง ไป๊!”

“ไปกับกู”

“อะไรของมึงนะ?”

“ไปไง ไปกับกู”



ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากกว่านั้น ทะเลจับแขนอีกฝ่ายฉุดให้ลุกขึ้นยืน ล้งเล้งที่ตอนแรกกำลังนั่งอยู่ก็เหวอ ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะทำอะไร แต่ด้วยขนาดร่างกายที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ล้งเล้งต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามมันไปเสียอย่างนั้น




“มึงจะลากกูไปไหนเนี่ย?!”

“ขึ้นรถป๊อป”



ทะเลพูดนิ่งๆ ยานคางแบบตามปกติที่ล้งเล้งคุ้นเคย จนเมื่อมั่นใจว่ามันไม่ยอมปล่อยแน่ๆ ล้งเล้งก็เลยตามเลย ขึ้นรถป๊อปไปกับมันด้วย อาจจะเป็นโชคดีของพวกเขาที่ไม่ต้องรอรถป๊อปนานมากนัก สายที่ต้องการก็มาถึง




“แล้วตกลงมึงจะพากูไปไหน”

“สยาม”

“ไปสยามเพื่อ?”

“แดกข้าวกัน”

“มึงก็แดกของมึงไปสิ มาวุ่นวายกับกูเพื่อ?”

“หาคนหาร”

“สารเลว! พ่อมึงจะต้องรู้เรื่องนี้!”

“อินมัลฟอยในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์เหรอ? งั้นกูเป็นอะไรดี?”




พวกเขาคุยกันบนรถป๊อป วันนี้คนมามหาลัย C มหาศาล พวกเขาทั้งสองคนเลยต้องยืนกันอยู่บนนั้น โดยที่ล้งเล้งกับทะเลยืนกันสบายๆ โดยที่ก็ยังคงเถียงกันอยู่แบบนั้น โดยไม่ได้สนใจเด็กผู้หญิงในชุดนักศึกษาสองสามคนที่ศอกกันไปมาเหมือนกับกำลังชี้ชวนให้ดูพวกเขา




“เดรโก มัลฟอย ในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์มันฟ้องพ่อตัวเองมั้ย อันนี้กูจะฟ้องพ่อมึง!”




ล้งเล้งพูดถึงตัวละครในหนังที่เขาชอบดู ซึ่งตัวละครหัวทองที่ดูเย่อหยิ่งนั้น มีคำพูดติดปากว่า ‘พ่อฉันจะต้องรู้เรื่องนี้แน่!’ ทะเลที่คุยกับเขารู้เรื่อง ก็คงจะดูหนังเรื่องนี้เหมือนกัน


“อ่อ งั้นเดี๋ยวกูฟ้องพ่อกูเอง มึงจะฟ้องพ่อกูด้วยก็ได้นะ แบ่งๆ กัน”

“เพื่อ? ไอ้สัตว์นี่! ยืนเฉยๆ ไป!”

“นี่กูก็ยืนอยู่นะ” ทะเลพูดนิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉยนั้นมีรอยยิ้มกวนประสาทอยู่ “หรือว่ามึงนอน?”

“มึงอยากลงไปนอนมั้ยล่ะ? เดี๋ยวกูยัน!”




เถียงกันไปมาสักพักก็ถึงสยามอย่างที่ตั้งใจไว้ ล้งเล้งเดินตามทะเลลงจากรถ เขาไม่ได้สนใจเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองที่เดินนำหน้ามากนัก อาจจะเพราะว่าตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับแชทกลุ่มสอนพิเศษ ตอนแรกเขาตั้งใจจะรอให้น้องออกมา ดูฟี๊ดแบคหลังจากสอบของน้องๆ แต่คิดอีกทีก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก เพราะสองในสามของน้องมีพ่อแม่มารอรับอยู่แล้ว




น้องๆ ของครูล้งเล้งผู้หล่อเหลา (5)

ล้งเล้ง: สอบเสร็จแล้วบอกพี่หน่อยนะ

ล้งเล้ง: พอดีพี่ถูกเพื่อนลากมากินข้าว

ล้งเล้ง: เลยไม่ได้รอจนพวกเราสอบเสร็จ

ล้งเล้ง: อย่าลืมบอกพี่นะ!




มีคนอ่านหนึ่งคน ซึ่งล้งเล้งคิดว่าน่าจะเป็นน้องแทนกาย เด็กคนเดียวที่ไม่ได้ลงสอบกับเพื่อนคนอื่นด้วย เพราะเจ้าตัวไม่รู้ว่าอยากจะเข้าอะไร แต่ไม่อยากจะเข้าภาคอินเตอร์เลยไม่ได้สอบตั้งแต่แรก ซึ่งต่างจากน้องลูกเกด ลิลลี่ แล้วก็โจ้ที่อยากหาโอกาสให้ตัวเองมากเท่าที่มากได้ เลยกว้านสอบไปทั่ว




“มึงอยากกินอะไร?”




ล้งเล้งถูกดึงออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อคนที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดแล้วถามเขา ชายหนุ่มสั่นหัวยักไหล่คล้ายกับจะบอกว่า ‘ไม่รู้ แล้วกูก็ไม่สนใจด้วย’ ซึ่งนั่นไม่ใช่คำตอบที่ทะเลต้องการ




“มึงจะกินอะไร?”

“อะไรก็ได้”

“ร้านไหนในสยามขายอะไรก็ได้ พากูไปหน่อย”

“เอ๊ะ มึงกวนตีนกูเหรอ?!”




ตอนนี้ล้งเล้งสนใจทะเลมากกว่าโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะเป็นความสนใจที่คล้ายๆ กับการอยากต่อยให้ตาเขียวก็ตาม




“เอ๊า กูก็ไม่รู้” ทะเลยังคงพูดนิ่งๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มมุมปากคล้ายกับกำลังทำเรื่องสนุกเหมือนเคย “เผื่อมึงรู้ไง เลยถาม”

“ไอ้สัตว์ กวนส้นตีน”

“แล้วสรุปอยากกินไร?”

“เลือกๆ มาเถอะ สักร้านอ่ะ!”




มื้อเที่ยงของวันนั้นตกเป็นร้านสุกี้ชื่อดังที่พวกเขารู้จักกันดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ MK สุกี้ ล้งเล้งถลึงตามองอีกคนด้วยความแบบ ‘นี่มึงเอาจริง?’ แต่ทะเลไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เขาลากล้งเล้งดุ่มๆ ไปเอาคิวที่ร้านสาขาสยามสแควร์วัน ถึงแม้จะขึ้นมาสูงหน่อยแต่พวกเขาคิดว่าสาขานี้น่าจะคนน้อยกว่าสาขาสยามพาราก้อนแน่นอน




“ถ้าบอกตัวเองตอนประถมว่าวันนึงจะมานั่งกินสุกี้หม้อเดียวกันกับมึงนะ กูคงหัวเราะฟันหัก”




ล้งเล้งพูดตอนที่พวกเขากำลังดูเมนูในหน้าจอ ตอนนี้เขากำลังกดสั่งเนื้อและผักลงหม้อไว้กินด้วยกันอยู่ มีบางทีที่ทะเลกวนตีนคอยเลื่อนกลับหลังตอนที่เขากำลังจะสไลด์เมนูให้เลื่อนไปบ้าง แต่พอเตะขามันใต้โต๊ะสักที ก็ยอมนั่งเงียบๆ เรียบร้อยไปสักพักเหมือนกัน




“มึงกินติ่มซำป้ะ?”

“เอาๆๆ กูขอฮะเก๋ากับซาลาเปาหมูแดง”

“ฮะเก๋าอร่อยยังไงวะ ขนมจีบดิดีกว่าเยอะ”

“เสือก! มึงมันลิ้นจระเข้”

“ก็มันจริง จะให้กูโกหกหรือไง?”

“กดเลือกเมนูไปเถอะมึงน่ะ กูจะแดก!”




ทะเลพยักหน้าเงียบๆ ปล่อยให้ล้งเล้งกดเลือกติ่มซำที่ตัวเองอยากกินไป เท่าที่สั่งดูแล้วเมนูที่รอให้มาส่งนั้นมีอะไรเบสิกสามัญตามแบบที่คนทานร้านนี้ส่วนใหญ่จะสั่ง หมี่หยดเป็ดย่าง ผักชุดเล็ก ชุดเนื้อ กับซีฟู๊ดตามปกติ อาจจะเป็นโชคดีที่พวกเขาทั้งสองคนไม่มีใครแพ้อาหารทะเล เลยสั่งกันได้อย่างเต็มที่ตามที่อยากทาน




รอไม่นานนักอาหารบางส่วนที่พวกเขาสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ เท่าที่กองอยู่บนโต๊ะตอนนี้เหมือนส่วนใหญ่จะเป็นพวกชุดผัก ลูกชิ้นต่างๆ แล้วก็มีบะหมี่หยกเป็ดย่างที่มาเสิร์ฟก่อน




ล้งเล้งมองอาหารตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว นี่หมี่ห้าก้อนกับเป็ดจานใหญ่เหรอวะ ทำไมมันน้อยขนาดนี้ เดี๋ยวไอ้เหี้ยทะเลแย่งกินหมดแล้วเขาจะทำยังไง? ถึงจะถามแบบนี้ แต่ในใจมีภาพตัวเองเอาถาดบะหมี่ฟาดหัวมันไปเรียบร้อยแล้ว




“มึง”

“ว่า?”




นักศึกษาหนุ่มมองอีกคนที่จ้องจานหมี่หยกที่วางอยู่บนโต๊ะระหว่างพวกเขาสองคนด้วยสายตาจริงจัง ก่อนที่เสียงยานคางนั่นจะเอ่ยถามออกมา




“มึงลวกหมี่หยกมั้ยวะ?”




คำถามวัดใจ


ล้งเล้งนิ่งไปนิดนึง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบ




“กูลวก บ้านกูลวกทั้งบ้านอ่ะ ทุกคนลวกทุกอย่างในหม้อหมด เหมือนอาม่าจะเชื่อว่าถ้าอะไรที่ยังไม่ลงหม้อสุกี้ถือว่าไม่สุก”




เด็กหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาเปิดฝาหม้อสุกี้ที่ตอนนี้กำลังเดือดปุด กลิ่นน้ำซุปหอมฟุ้งลอยออกมาแตะจมูกของพวกเขาทันที ล้งเล้งรู้สึกเหมือนกับท้องของเขากำลังกรีดร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่ง




เขาต้องการอาหาร เดี๋ยวนี้!




หิวเว้ย!




“อืม”




ทะเลรับคำแต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ล้งเล้งไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายกำลังวุ่นวายอยู่กับการเอาผักลงหม้อหรือเปล่า




“แล้วมึงอ่ะ?” ล้งเล้งถามอีกฝ่ายดูบ้าง

“ไม่ลวก”

“นั่นไง กูว่าแล้ว”




ล้งเล้งตบโต๊ะด้วยความยินดีเมื่อสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ถูกต้อง อย่างไอ้ทะเลน่ะเหรอจะมีอะไรเหมือนกันกับเขา ไม่มีทางหรอกชาตินี้




“ว่าอะไร?”

“ยังไงมึงก็ต้องตรงข้ามกูอยู่แล้ว ถ้ากูลวกมึงก็ต้องไม่ลวกไง เดาไม่เห็นยาก”

“เดาไม่ยากจริงเหรอ?”

“ใช่สิ”  ล้งเล้งตอบคำถามก่อนหน้านั้น พร้อมทั้งเอาเนื้อหมู กับลูกชิ้นลงไปในหม้อ “มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่หรือไง?”




ทะเลไม่ได้ตอบอะไรเพิ่มเติม สิ่งที่ชายหนุ่มทำคือเขาเอาตะเกียบคีบหมี่หยกบนจานขึ้นมาส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะเอาใส่กระชอน แล้ววางไว้ในหม้อต้ม




“อ้าว! ไหนมึงบอกมึงไม่ลวกหมี่หยกไง?”

“กูแค่พูดตรงข้ามกับมึงไปงั้นอ่ะ”

“เพื่อ?”




ล้งเล้งถามอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่มือก็ตักกุ้งที่เพิ่งสุกในหม้อมากินด้วย ปากก็เคี้ยวกุ้งไป ตาก็มองหน้าคนที่นั่งตักอาหารทานอยู่ฝั่งตรงข้าม




“ล้อเล่น”

“โว๊ะ!”

“งั้นจริงจังละกัน”

“ฮะ?”

“เพื่อกวนตีนมึงไง”

“...”

“กวนตีนมึงอย่างจริงจัง”

“ไอ้เหี้ย!”




ทะเลพูดเรื่องต่างๆ กับล้งเล้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งยานคางของเจ้าตัว ใบหน้าของอีกคนประดับด้วยรอยยิ้มมุมปากแบบที่ล้งเล้งเห็นจนชินตา ซึ่งล้งเล้งก็แก้แค้นอีกฝ่ายด้วยการแย่งกุ้งมากินคนเดียว มึงแดกผักไปเล กวนส้นตีนดีนัก กุ้งนี้เป็นของกู!




ท่ามกลางการแย่งเป็ดและโต้เถียงกันเล็กน้อยนั้น สุกี้หม้อนี้ผ่านไปได้ดีกว่าที่ล้งเล้งเคยคิดไว้มากโข พวกเขาคุยเล่นกัน กัดกัน หัวเราะเรื่องตลกที่ต่างคนต่างเจอมา ตัวตนที่เป็นมิตรของทะเลที่ล้งเล้งเพิ่งจะสัมผัสได้ครั้งแรกนั้นทำเอาภาพความทรงจำในวัยเด็กเลือนราง




อันที่จริง ทะเลแม่งก็ไม่ได้เหี้ยนี่หว่า




“ลูกหมา”

“กูต้องบอกมึงกี่ครั้งว่ากูไม่ใช่ลูกหมา”




ล้งเล้งตอบอีกคนกลับไปเสียงขุ่น ตอนนี้พวกเขามายืนอยู่หน้าโรงหนังด้วยกัน หากนับกันตามตรง นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาจะดูหนังร่วมโรงเดียวกัน ซึ่งในครั้งแรกนั้น ล้งเล้งแพ้อีกฝ่ายหมดรูปในการแข่งขันไม่เข้าห้องน้ำ ครั้งนี้ทะเลเลยยื่นข้อเสนอให้แข่งกันใหม่ ซึ่งล้งเล้งกระโดดรับคำท้าทันที




“ตกลงน้องคนนั้น เขาโอเคแล้วใช่มั้ย?”

“คนไหน?”

“แทนกาย”




ติวเตอร์ตัวเล็กนิ่งไปสักพักเมื่อใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเด็กที่สอนแว๊บเข้ามาในหัวทันทีหลังสิ้นคำของอีกคน ชายหนุ่มส่ายหัวสะบัดภาพนั้นทิ้งไป ก่อนจะตอบอีกฝ่าย




“น้องโอเคแล้วมึง ล่าสุดก็ไลน์มาบอกว่าโอเคนะ แต่อาจจะต้องดูอาการไปเรื่อยๆ เพราะหมอใหม่ยังไม่อยากปรับยาอะไรน้อง เลยแค่นัดเจอเพื่อพูดคุยก่อน อันนี้ตามที่น้องบอกกูมานะ”

“อืม” ทะเลรับคำสั้นๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายคลายความกังวลลงเล็กน้อย “ดีแล้วแหละ”

“นั่นดิ กูสงสารน้อง”

“อืม”

“ตอนนั้นกูโคตรเครียด แบบมึงเข้าใจใช่มั้ย เด็กที่มึงสอนอ่ะ เห็นเขาเป็นแบบนั้นกูก็อดเป็นห่วงไปด้วยไม่ได้ ไหนจะไม่อยากให้กูบอกพี่ชายอีก เหมือนเป็นผู้กุมความลับอะไรบางอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้ยังไง โคตรเครียด” 




ทะเลพยักหน้ารับคำพูดยืดยาวของอีกคน พร้อมกับกดจองตั๋วหนังไปด้วย รอบนี้พวกเขาเลือกดูภาพยนตร์แอคชั่นคล้ายกับครั้งที่แล้ว อันที่จริงทะเลไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าหนังที่กดมันคืออะไร เลือกๆ มาสักเรื่องนั่นแหละ




เขาแค่อยากดูหนังกับล้งเล้ง หนังเรื่องอะไรก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับว่าคนข้างๆ ของเขาเป็นใคร 




“ตอนที่น้องไลน์มาบอกว่าตอนนี้สบายใจขึ้นกว่าตอนที่หาหมอคนเดิม กูเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยว่ะ โคตรดีใจ”




ล้งเล้งยังคงพูดบ้งเบ้งเหมือนอย่างเคย ใบหน้าของอีกฝ่ายเปื้อนยิ้มกว้างที่เป็นหลักฐานชั้นดีว่าตัวเองมีความสุขแค่ไหน ซึ่งนั่นทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้


ล้งเล้งเหมือนพระอาทิตย์

ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็ได้รับพลังบวกจากตัวชายหนุ่มเสมอ 




“เก่งแล้ว ไอ้ลูกหมา”




ทะเลพูดพร้อมกับเอามือไปขยี้หัวคนที่ตัวเล็กกว่าทันที ส่งผลให้อีกคนโวยวายด่าพ่อเหมือนที่ชอบทำ แต่ครั้งนี้นั้นพวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ดีว่ามันมีอะไรแปลกไป ล้งเล้งไม่ได้โกรธ ทะเลไม่โดนทำร้ายร่างกาย บรรยากาศของพวกเขาทั้งสองคนนั้น ต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง




“ต้องบอกมึงอีกกี่ทีว่ากูไม่ใช่ลูกหมา!”




นิสิตหนุ่มไม่ได้สนใจคนข้างๆ ที่แย้งออกมาอยู่แบบนั้น เขาเดินดุ่มๆ เพื่อไปซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำสำหรับสองที่ ยังไม่ทันที่ล้งเล้งจะอ้าปากบอกว่าตัวเองเอาอะไร ทะเลก็จัดการทุกอย่างเสียหมด




“รสหวานครับ”

“ไอ้เหี้ยทะเล กูไม่กินหวาน”

“กูรู้” ทะเลตอบนิ่งๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มมุมปากปรากฏอยู่

“แล้วซื้อมาเพื่อ? กวนตีนกูหรือไง?”

“เก่งนี่หว่า”

“สัตว์เอ้ย คนอย่างมึงนี่นะ!”




พวกเขาเล่นกันอย่างไม่จริงจังนัก การดูหนังครั้งนั้นเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ทั้งที่มันเป็นแค่การใช้เวลาร่วมกันไม่กี่ชั่วโมงกับจอภาพยนตร์ตรงหน้า แต่ล้งเล้งกลับรู้สึกสบายใจ บางที เขาอาจจะมองอีกฝ่ายในแง่ดีขึ้นมากตั้งแต่เรื่องแทนกาย หากพูดแบบไม่อายล่ะก็ เพียงตัวเขาคนเดียว ณ ตอนนั้นน่ะ ไม่สามารถหาทางออกเรื่องนั้นได้แน่นอน




ยิ่งพอมาเจอกันในตอนนี้ ตอนที่ล้งเล้งเริ่มวางอคติในใจของตัวเองลงไปแล้ว เขาค้นพบว่าทะเลเป็นคนที่ความคิดดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องเกร็ง หากพูดด้วยความสัตย์จริงเลย ทะเลเป็นคนที่คุยสนุกมากคนหนึ่ง




ถ้าพูดแบบจริงมากกว่านั้นอีกล่ะก็ … พวกเขาเข้ากันได้ดีกว่าที่คิด




ไม่ว่าล้งเล้งจะพูดหรือจะทำอะไร เดินไปที่ไหนในห้างนั้น ทะเลเหมือนจะรู้จักเขาดีไปหมด พวกเขาไปร้านหนังสือด้วยกัน ตัดสินใจดูหนังด้วยกันแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก


“โคตรสนุก”




ล้งเล้งเป็นคนแรกที่เปิดปากหลังจากออกมาจากโรงภาพยนตร์ พวกเขาเดินแทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่บางส่วนก็คุยกันออกรสถึงเนื้อเรื่องที่เพิ่งจะจบไป บ้างก็เล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งล้งเล้งอยู่ในกลุ่มแรกอย่างไม่ต้องสงสัย




“มันก็ดี”

“ใช่ป้ะมึง” คนตัวเล็กยังจ้อไม่หยุด “ยิ่งตอนที่พระเอกกระโดดนะ กูแบบ โห ไปสุดว่ะ”




พวกเขาเดินคุยเรื่องหนังกันมาเรื่อยๆ จนถึงบนสถานีรถไฟฟ้า ตอนแรกล้งเล้งที่คิดว่าตัวเองจะต้องโหนรถกลับไปบ้านคนเดียวนั้นก็ได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เพราะบ้านของพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ขึ้นกลับทางเดียวกันมันก็ถูกแล้ว




ทั้งที่ตามปกติแล้วการขึ้นรถไฟฟ้าสำหรับล้งเล้งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ครั้งนี้กลับสั้นลงเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น อาจจะเพราะมีเพื่อนร่วมทางที่คุยกันรู้เรื่องมาด้วย ชายหนุ่มทั้งสองคุยเรื่องภาพยนตร์ เรื่องหนังสือ เรื่องแนวคิดทางการเมืองบางมุม แม้กระทั่งลวกหมี่หยกยังลวกเหมือนกันน่ะ!




นี่มันมิตรภาพชัดๆ!




“มึงรู้ป้ะ?”




ล้งเล้งเปิดประเด็นตอนที่พวกเขายืนอยู่บนรถไฟฟ้าด้วยกัน อีกสามสถานีจะถึงบ้านของทั้งคู่ ตอนนี้โทรศัพท์ของนักศึกษาหนุ่มที่แบตหมดไปแล้วอยู่ในมือของเจ้าตัว ที่เอาพาวเวอร์แบงค์ของคนที่มาด้วยกันชาร์จไว้อยู่




“ไม่รู้ว่ะ”

“อ้ะ ไอ้เหี้ยทะเล จะช่วยดีกับกูสักวินาทีได้มั้ย?”




เด็กหนุ่มคนที่ตัวเล็กกว่าพูดพร้อมกับแกล้งศอกใส่คนที่ยืนโหนราวอยู่ข้างๆ ไม่แรงมากนัก คล้ายกับจะเป็นการหยอกเย้ามากกว่าทำให้เจ็บตัว




“ตกลงมึงมีไร?”

“กูแค่รู้สึกดี” ล้งเล้งพูดด้วยหน้าตาเปล่งปลั่ง ดวงตากลมของอีกคนเป็นประกายคล้ายกับเด็กที่ได้เจอเรื่องสนุก “หมายถึง กูมีความสุขนะที่ออกมากับมึงวันนี้ เชี่ย รู้งี้กูคุยกับมึงไปตั้งนานแล้ว เสียเวลากระทืบมึงฉิบหาย”

“...”

“ตอนอยู่กับมึงแม่งโคตรสบายใจเลยว่ะ แบบยอมรับแมนๆ เลยเนี่ย”

“...”

“กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงว่ะ ทะเล”



พูดออกไปแล้ว




เด็กหนุ่มตัดสินใจเรียบเรียงคำพูดในหัวแล้วเปล่งออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ ล้งเล้งยังคงตื่นเต้นกับความรู้สึกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเขาสามารถ แฮงก์เอาท์กับเพื่อนคนนี้ได้บ่อยๆ มันคงต้องสนุกมาก ทะเลอาจจะเป็นเพื่อนที่ดี … น่าจะเป็นเพื่อนที่ดี




ฉับพลัน สีหน้าทะเลเปลี่ยนไป




มันยังคงเป็นใบหน้านิ่งเรียบ หากแต่รอยยิ้มมุมปากที่ล้งเล้งเห็นจนชินตานั้นละลายหายไป แววตามีความสุขของอีกคนหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะรู้ตัว ทะเลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยานคางเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่น้ำหนักของมันกลับจริงจังเสียจนหัวใจของล้งเล้งรับรู้ได้




“ไม่อ่ะ”

“...”

“กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมึง”




------- TBC -------







เรางานเยอะมาก แบบมากๆ (บ่นไม่ได้อีกเพราะรับฟรีแลนซ์ งานเยอะคือดีแล้ว แง)

เลยมาอัพช้ามาาาาาาา


ขอบคุณทุกคนที่อ่านน้า


#รักไม่คาดคิดในวันพุธ


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากเป็นแฟน ได้ยินมั้ยอยากเป็นแฟนนนน!!! ((ทะเลไม่ได้กล่าว))
โถถถถ ลูกกกก วงวาร พอเปิดใจอยากเป็นเพื่อนกับเค้า เค้าก็ไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย น้องเข้าใจผิดหมดแล้ว เอ๊ะ หรือพี่ทะเลแค่กวนน้องกันคะ
ปล. นิยายสนุกมากเลยค่ะคุณนักเขียน เซ็ตติ้งมธ.นี่คือนึกภาพออกเลย อยากเดินไปหาน้องที่ตึกสินสาดจังเลย จะเจอมั้ยน้าาา 55555555 รอตอนต่อไปนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ๊ยๆถ้าทะเลบอกไปตอนนี้ล้เล้งจะรับไหวหรอ
ตั้งตัวทันมั้ยนั่น

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เล้งอย่าพึ่งเข้าใจผิดนะลู้กกกก ทะเลเขาน่ะเกินเพื่อนไปนานแร้วว

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ทำไมตัดแบบเนร้ล่าาาาาาา
ล้งเล้งเงิบแน่นอนอะตอนนี้

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ทะเลจะสารภาพแล้วหรอ??

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทะเลเขาอยากเป็นแฟนนะล้งเล้งไม่อยากเป็นเพื่อน แล้วนี่ต้องพูดต่อให้จบเด้อเดี๋ยวล้งเล้งใจเสียขึ้นมายากเลยนะ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
10th Wednesday

#รักไม่คาดคิดในวันพุธ



นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?




ล้งเล้งถามตัวเองเป็นรอบที่สาม หลังจากที่ทะเลพูดประโยคทำร้ายจิตใจของล้งเล้งแบบนั้นเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินออกจาก BTS ไปเลย ทิ้งไว้เพียงแค่ล้งเล้งที่ยืนเอ๋อ กว่าเขาจะรู้ตัวประตูรถไฟก็ส่งเสียงร้องแจ้งเตือนว่าจะปิด แล้วรถก็วิ่งต่อเพื่อไปสถานีบ้านของเขาที่เขาควรจะต้องลงกับทะเล




แต่กลับเหลือเพียงล้งเล้งคนเดียว




ชายหนุ่มไม่ได้ฉงนกับการกระทำของมนุษย์มากนัก แล้วเขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งหาเหตุผลกับคำพูดและการกระทำของทะเลเลยสักครั้งในชีวิตนี้


ทั้งที่เขากำลังคิดว่าพวกเราจะเข้ากันได้ อีกฝ่ายกลับพูดออกมาว่า ‘ไม่อยากเป็นเพื่อน’ กัน มันใช้ได้ที่ไหนวะ!




นอกจากความรู้สึกงุนงงแล้ว อีกอย่างที่เขามั่นใจว่าตัวเองรู้สึกแน่นอนคือความไม่เข้าใจ เขาทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ทำไมคนๆ หนึ่งที่ดูเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องถึงไม่ได้อยากเป็นเพื่อนด้วย


งง


ไม่เข้าใจ


เหี้ยอะไรวะ!?


ล้งเล้งจมอยู่กับความไม่เข้าใจตั้งแต่วินาทีที่ทะเลก้าวขาออกจากรถไฟฟ้าออกไปในวันนั้น จนกระทั่งถึงตอนนี้ เรื่องทั้งหมดผ่านมาสองสามวันแล้ว ล้งเล้งกลับไม่สามารถสลัดมันออกไปจากห้วงความคิดได้ ในหัวของชายหนุ่มมีแต่คำถาม


อะไรวะ ไม่เข้าใจอ่ะ


ไอ้ทะเล ไอ้เวรเอ๊ย!


.

.

.



“น้องล้งเล้ง เป็นอะไร?”

“ทำไมเหม่ออ่ะ?”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เที่ยงนี้กินสเต็กไก่มั้ย?”

“หรือจะกินไส้กรอกซีพี?”


บุ๋มบีมที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดกับล้งเล้งที่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่ น่ากลัวน้อยเสียทีไหน บางทีก็เหมือนกับคนที่งงบทเรียน แต่หลายครั้งก็ส่ายหน้าเหมือนกับไม่มั่นใจในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พอบุ๋มบีมสังเกตมากๆ เข้าถึงได้รู้ว่ามันเป็นบ้าแล้ว ไม่ใช่เป็นที่อาจารย์สอนแต่อย่างใด


“ไม่อ่ะ ไม่หิว”


เนี่ย! แปลก!!


การที่บุ๋มบีมกวนประสาทแล้วไม่โดนล้งเล่งด่าเนี่ย แปลก!


นักศึกษาหนุ่มออีกสี่คนมองหน้ากันโดยปล่อยให้เสียงอาจารย์ที่กำลังบรรยายอะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องเป็นเพียงแค่เสียงนกเสียงกา เรื่องเพือนที่นั่งอยู่ตรงหน้าย่อมน่าสนใจกว่าอยู่แล้ว


“ล้งเล้ง มึงไม่สบายเหรอ?”

“เปล่านี่”


ล้งเล้งพูดตอบเพื่อน เด็กหนุ่มปล่อยให้เรื่องของแนวคิดของนักจิตวิทยาชื่อคุ้นหูไหลผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาไม่สามารถสลัดความสงสัยที่มีต่อทะเลออกไปได้


“ล้งเล้ง วันนี้ไม่ปกตินะ เป็นไรบอกพวกกูได้นะ”


เจ๋งเป้งถามเพื่อนตัวเล็กอีกครั้งตอนที่พวกเขาทั้งหมดขนย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่โรงอาหาร ในขณะที่มูเตลูนั่งอยู่ในชุดสีแสบตาเหมือนเคย แต่วันนี้ล้งเล้งไม่มีอารมณ์จะใส่ใจมากนัก


ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของไอ้เหี้ยทะเล! ทุกอย่างนั่นแหละ!


“ไม่อ่ะ”

“...”

“มีนิดหน่อยก็ได้”


ตอนนี้แม้กระทั่งบุ๋มบีมที่กำลังแย่งลูกชิ้นในจานกันถึงกับหันมามอง มูเตลูเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่กำลังจัดคิวดูดวงให้ลูกค้า แม้กระทั่งเจ๋งเป้งที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะลงไปซื้อโกโก้ปั่นให้อีกฝ่ายถึงกับต้องหยุดเพื่อฟัง น้อยครั้งมากที่ล้งเล้งจะไม่ตั้งใจเรียน มันต้องมีเหตุผลเบื้องหลัง!


“ถ้ามีคนบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง มึงจะทำไงวะ?”


ทั้งวงเงียบ มองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่มูเตลูจะเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา


“ก็ช่างหัวแม่งไง”

“ช่างหัวมันเลยเหรอ?”

“ก็เออดิ วุ่นวาย ไม่อยากคบกูก็ไม่ต้องคบครับผม คนอย่างกูเลือกเพื่อนด้วยวาสนาเท่านั้น พวกบุญไม่ถึงคือไม่มีสิทธิ์เป็นเพื่อนกับกู!”


มูเตลูพูดพร้อมกับสะบัดหัวที่วันนี้ใส่หมวกปีกกว้างสีม่วงนีออน คล้ายกับจะบอกว่าเรื่องนีไร้สาระเกินจะใส่ใจ


“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”


ล้งเล้งถามต่ออย่างไม่แน่ใจ มูเตลูยักไหล่เหมือนกับจะบอกว่า ‘ง่ายอย่างงั้นแหละ ทำอะไรให้มันยาก’


“มันก็ง่ายน่ะสิ”

“ทำไมน้องล้งเล้งต้องทำให้มันยากด้วยล่ะ?” 


บุ๋มบีมพูดตอบมา ซึ่งล้งเล้งขมวดคิ้วให้กับคำพูดของเพื่อนสนิทในกลุ่ม


“มันจะไม่เหี้ยไปหน่อยเหรอวะ?”

“ไม่เห็นเกี่ยว”  มูเตลูพูดขัด เจ้าตัวถึงกับถอดหมวกปีกกว้างบนหัวลงเพื่อคุยกับล้งเล้ง “มันไร้สาระมากมึง กูพูดเลย”

“เหรอวะ”

“อ่ะ ลองแบบนี้ ถ้ากูบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงอ่ะ มึงจะทำไง?”

“เอ้า ไอ้เหี้ย ทำไมพูดงี้”

“สมมุติสิเว้ย” มูเตลูว้ากขึ้นมาที “ตอนเจอกันครั้งแรก ถ้ามึงถามกูว่าเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย แล้วกูบอกไม่เป็นเพื่อนกับมึงงี้อ่ะ มึงจะทำไง?”

“ก็เรื่องของมึงไงไอ้เหี้ย”

“เออ ก็แค่นั้นแหละ”


มูเตลูวางโทรศัพท์ที่เป็นเคสสีม่วงไว้บนโต๊ะ (ล้งเล้งเพิ่งสังเกตวันนี้เองว่าแม้กระทั่งเคส มันก็เปลี่ยนตามวันที่ใช้เป็นสีมงคล ไปให้สุดเลยเว้ยเพื่อน) ล้งเล้งเงยหน้าสบตาเพื่อนที่มองอยู่ก่อนแล้ว มันทำท่าเหมือนอยากจะเอามือมาลูบหัวหรือไม่ก็ดีดเหม่งอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ มูพูดทิ้งท้ายไว้แค่ว่า


“มันไร้สาระ เห็นมั้ยล่ะ”

“...”

“ถ้าคนที่พูดไม่สำคัญกับมึงจริงๆ มึงคงไม่มานั่งคิดมากกับเรื่องไร้สาระของเขาขนาดนี้หรอก”




------- Wednesday In Class -------



วันนี้เขาจะต้องเจอไอ้เหี้ยทะเล


ติวเตอร์ตัวเล็กคิดถึงแต่การไปเจอหน้านิสิตในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนทั้งเช้าทั้งบ่ายเขามีแต่วิธีที่จะง้างปากทะเลอยู่ในหัว ล้งเล้งหมายมั่นปั้นมือมาจากมหาลัย วันนี้เขาจะต้องเจอไอ้เหี้ยทะเลให้ได้ ต่อให้จะต้องเคี้ยวมันเหมือนกับกินแมคฟิชก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมมันถึงพูดจาหมาไม่แดกแบบนั้นออกมา


มันหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก


เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ตัวเองทำอะไรผิดไป จะเทมันทิ้งเหมือนกับที่เทคนอื่นก็ประหลาดอยู่ดี คนมันเคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แถมก็รู้สึกว่าเข้ากันได้แล้วด้วย… แค่เสียดายหรอก แค่อยากรู้ด้วย! มันก็แค่นั้นแหละ!


ในแม็คโดนัลร้านประจำของครูล้งเล้ง โต๊ะที่เขามักจะเลือกนั่งเสมอมีเด็กหลายคนนั่งอยู่ ล้งเล้งโยนเรื่องของติวเตอร์คู่แข่งที่ติดอยู่ในหัวมาสามสี่วันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี บทบาทของคุณครูคนเก่งกลับมาอีกครั้ง


ช่างหัวไอ้เหี้ยทะเล ตอนนี้เขาต้องเอาน้องมาก่อนเป็นอันดับแรก



“เด็กๆ มากันนานแล้วเหรอ?”


ล้งเล้งทักเมื่อเห็นว่าพวกน้องๆ นั่งกันอยู่ที่โต๊ะแล้ว กวาดตามองบรรดาเด็กน้อยที่เขาชินตา ทุกคนนั่งกันอยู่ตรงโต๊ะแล้ว ตอนที่กวาดตามองครั้งแรกนั้น เด็กที่เห็นมีมากกว่าที่เขาสอนอยู่เสียหน่อย ซึ่งไม่แปลกเพราะบางครั้งลิลลี่กับลูกเกดก็พาเพื่อนมานั่งด้วย บางทีเพื่อนของโจโจ้ก็มาส่ง หรือแม้แต่บางครั้งสมัยที่เด็กต้นยังเรียน เขาก็เคยเห็นเด็กผู้ชายโรงเรียนเดียวกับน้องเป็นกลุ่มมานั่งอยู่ใกล้ๆ คิดว่าคงรอให้เพื่อนเรียนพิเศษเสร็จแล้วจะได้ไปเที่ยวเล่นกันต่อ


แต่เมื่อมองดีๆ อันที่จริงเด็กนักเรียนของเขา กับเด็กอีกกลุ่มนั้นนั่งแยกโต๊ะกัน ไม่ได้คุยเล่นกันเสียด้วยซ้ำ …


เอ๊ะ?


ติวเตอร์หนุ่มหรี่ตามองดีๆ นั่นมันเด็กของทะเลงั้นหรือ?


ใช่จริงๆ ด้วย!


เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่มุมโต๊ะฝั่งหนึ่งคือน้องหมูแดงหรือหนูแดงอะไรสักอย่าง ที่เป็นเด็กที่ทะเลมันสอน ข้างๆ กันนั้นก็เป็นน้องผู้หญิงในเครื่องแบบลายสต็อกเหมือนกันกับเด็กหนูแดง ที่น่าจะชื่อซีน เด็กหน้าจีนที่อยู่ในชุดมอปลายรัฐบาลอีกคนเหมือนจะชื่อปาล์มมี่


ล้งเล้งคิดว่าตัวเองมองไม่ผิด สามคนนี้เป็นนักเรียนของทะเล!


“ใช่ค่ะพี่ล้งเล้ง มานั่งนี่ๆ”


น้องลิลลี่เป็นคนแรกที่พูดดึงความสนใจของเขากลับมาที่โต๊ะของน้องตัวเอง เด็กๆ ที่เหลือจัดแจงที่นั่ง ให้มีที่พอสำหรับล้งเล้งแทรกตัวลงไปนั่งได้ ในขณะที่สามเด็กหญิงที่ทะเลสอนนั้นเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อย แล้วก็ก้มลงไปคุยกันต่อเท่านั้น


ถ้านี่มีเด็กของทะเล แสดงว่าเดี๋ยวอีกสักพักมันต้องโผล่หัวมา


“ทำการบ้านมาใช่มั้ย?”


ติวเตอร์คนเก่งสลัดเรื่องของไอ้หน้านิ่งออกไปจากหัว ล้งเล้งถามน้องๆ ที่นั่งมองหน้าเขาตาแป๋ว รวมถึงแทนกายที่ตอนนี้ดูสดใสขึ้นกว่าช่วงที่เขาเคยเป็นห่วงเด็กหนุ่มอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ในวันนี้ของเขาแล้วล่ะนะ


“ทำค่า”

“ทำครับ”

“เรียบร้อยแล้ว… เมื่อกี้เลย”


เด็กๆ ต่างตอบรับกันเกรียวกราว เอาเถอะ ถึงแม้จะเพิ่งทำเมื่อกี้แต่ก็ยังรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ล้งเล้งก็ไม่มีอะไรที่จะต้องมีปัญหาล่ะนะ


“งั้นเรามาต่อกันจากคราวที่แล้วนะ”


ล้งเล้งหยิบชีทข้อสอบ GAT ขึ้นมา ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับที่เขาซีร็ออกส์ให้น้องไปทำเพื่อให้ชินกับข้อสอบจริงที่น้องจะเจอตอนสอบ


“น้องแทนกาย”

 

ติวเตอร์คนเก่งเรียกคนที่เขาเขียนชื่อเอาไว้ในกระดาษว่าจะเียกถามเป็นคนแรก เพราะในการเรียนครั้งที่แล้วน้องตอบน้อยสุด


“ครับ”

“ข้อ 22 ตอบอะไร?”


เด็กน้อยที่นั่งตรงข้ามกับเขาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดตรงหน้ามองกระดาษอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่เจ้าเด็กที่เขาเอ็นดูจะตอบออกมาเบาๆ


“ข้อ 3”

“ทำไมถึงได้ตอบ 3”


หากมองไม่ผิด ล้งเล้งรู้สึกว่าเด็กน้อยเกร็งตัวมากขึ้น เหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้เตรียมไว้ว่าทำไมถึงได้ตอบแบบนี้


“โจทย์ถามว่า… เอ่อ บางประเทศจะทำยังไงกับภาษาอังกฤษ เพราะว่าต้องการทำอะไรสักอย่างกับภาษาพื้นเมืองของพวกเขา ผมเลยตอบข้อ 3 เพราะ เมื่อรวมกันแล้วจะได้ว่า บางประเทศจะเอาภาษาอังกฤษออกจากภาษาราชการ เพราะว่าต้องการรักษาภาษาถิ่นเดิ่มครับ”

“ถูกต้อง”


ล้งเล้งมองชีทพร้อมับพยักหน้าให้เด็กน้อย ทุกคนมองเขาเหมือนกับว่ารอให้อธิบายต่อ ซึ่งติวเตอร์คนเก่งตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว


“โจทย์บอกว่า Some countries have tried to ... English as their official language as a way of … their native tongue. ที่แทนกายพูดมาถูกแล้ว บางประเทศพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างกับอิ๊ง ในฐานะของการเป็นภาษาราชการของพวกเขา official language คือภาษาราชการเนอะ” 

“...”

“ส่วน phrase หลัง as a way of คือในทาง หรือในวิธีการที่อะไรบางอย่าง ของ their native tongue อย่างที่พวกเรารู้กันว่า their คือของพวกเขา ส่วน native tongue เนี่ย tongue ในที่นี้หมายถึงภาษา native คือพื้นเมือง หรือดั่งเดิม เหมือนกับ local ในบริบทนี้”

“...”

“อย่างตรงนี้ เราสามารถเจอคำคล้ายๆ กับ native tongue ได้ อย่างเช่นคำว่า mother tongue ซึ่งแปลว่าภาษาแม่ ความหมายใกล้เคียงกัน เข้าใจใช่ป้ะ?”

“...”

“ซึ่งคำตอบคือ ข้อสาม  eliminate ที่แปลว่าเอาออก หรือกำจัด และ  maintaining ซึ่งแปลว่ารักษาไว้ มีใครตอบข้ออื่นป้ะ?”

“...”


เด็กๆ มองหน้ากันไปมาแต่ไม่มีใครตอบอะไร ซึ่งล้งเล้งคิดเอาเองว่าทุกคนตอบเหมือนกันหมด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เขาก็จำเป็นจะต้องอธิบายช็อยส์ข้ออื่นอยู่ดี


“ข้อหนึ่ง... ”


ในขณะที่ล้งเล้งกำลังพูดอยู่นั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคยที่เดินเข้ามาในร้าน ล้งเล้งเพิ่งจะสังเกตตอนนี้เองว่าทะเลเป็นคนที่หน้าตาดีเหลือร้ายจริงๆ


ทะเลมองมาทางนี้แล้ว


เดี๋ยวมันก็คงเข้ามาหาเรื่องเขาเหมือนกับที่ทำอยู่เป็นประจำ


ล้งเล้งเตรียมถ้อยคำเอาไว้ร็ปด่าอีกฝ่ายเรียบร้อย เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย เดี๋ยวทะเลก็ต้องเข้ามาทำตัวกวนส้นตีน เรียกเขา ‘ไอ้ลูกหมา’ อยู่ดี…


เดี๋ยว?!


ติวเตอร์คนเก่งถึงกับเหวอ เมื่อคนที่เขาคิดว่ายังไงๆ ก็ต้องเดินเข้ามาหาเรื่องนั้น เดินผ่านเขาไปเหมือนกับว่ามองไม่เห็นล้งเลยด้วยซ้ำ คล้ายกับว่าเขาเป็นเพียงแม็คฟิชก้อนหนึ่งที่วางไร้ค่าอยู่บนโต๊ะอย่างไรอย่างนั้น


ไอ้เวร!


ทะเลเดินผ่านไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับล้งเล้ง เป็นตรงที่เด็กผู้หญิงสามคนเมื่อกี้นั่งอยู่ พวกน้องยกมือไหว้ไอ้ทะเลเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเด็กๆ พวกนั้น บนโต๊ะมีชีทหลากหลายวางกองเอาไว้คล้ายกับว่าพวกน้องเองก็ทำการบ้านรอทะเลมาเหมือนกัน


เออ เมินกันให้สุด!


ติวเตอร์คนเก่งยังคงสอนต่อไป โดยมีความคิดเสี้ยวเล็กๆ ว่าเดี๋ยวอสักพักไอ้ติวเตอร์โต๊ะข้างๆ มันจะต้องมากวนตีนเขาแน่นอน


“ช็อยส์ข้อหนึ่งนะ take out กับ obtaining” ล้งเล้งเงยหน้ามองน้องๆ เล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “ตรงนี้ take out แปลว่าเอาออก ส่วน obtaining แปลว่าได้รับ ซึ่งขัดกับโจทย์เนอะ เราตอบข้อนี้ไม่ได้...”


จนอธิบายครบทั้งห้าช็อยส์ ทะเลก็ยังไม่มีท่าทีจะเข้ามาหาเรื่องเขาเหมือนที่เจ้าตัวมักจะทำ อันที่จริงแล้ว ทะเลเพียงแค่นั่งสอนเงียบๆ ไป เงียบแบบที่ล้งเล้งคิดว่าเจ้าตัวทำเป็นไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ


เมินอะไรนักหนาวะ เป็นแค่ไอ้เหี้ยทะเลแท้ๆ!


ความหงุดหงิดของล้งเล้งชัดเจนจนวกเด็กๆ คนอื่นรู้สึกได้ พวกเด็กน้อยองหน้ากันเลิ่กลั่กตอนที่ล้งเล้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด


ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องสอนไม่รู้เรื่องแน่


“เดี๋ยวพี่มานะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ล้งเล้งพูดกับน้องๆ ที่พยักหน้ารับกันเกรียวกราว “ในระหว่างนี้ทำชีทอันนี้รอพี่นะ ความจริงจะให้เป็นการบ้านแต่พวกเราทำไปเลยก็ได้ มันเป็นข้อสอบโอเน็ตอิ๊งเก่า ไม่ยากหรอก ลองดู”


ลับหลังจากที่ติวเตอร์สั่งงานแล้วเดินออกไปจากโต๊ะแล้ว ลิลลี่ก็เป็นคนแรกที่เปิดประเด็นในสิ่งที่เธอสงสัยขึ้นมา


“พวกมึง พี่ล้งเล้งกับพี่ทะเลเขาทะเลาะกันเหรอวะ?”

 

ลิลลี่เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา พวกเธอสังเกตมาตั้งแต่เริ่มคาบเรียน พี่ทะเลไม่สนใจครูพี่ล้งเล้งของพวกเธอเหมือนกับทุกครั้ง แถมพี่ล้งเล้งก็หน้าบู้บี้ลงเรื่อยๆ ทั้งที่ปกติไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าพี่ทเลจะกวนประสาทพี่ล้งเล้งของเธอมากแค่ไหนก็ตาม


“กูก็ไม่รู้ว่ะ” ลูกเกดพูดขึ้นมาต่อ “แต่ถ้าเป็นแบบนั้นนะ ต้องเป็นพี่ทะเลนั่นแหละที่มากวนพี่ล้งเล้งก่อน ปกติพี่ล้งเล้งไม่เป็นแบบนี้สักหน่อย”


“ก็เป็นไปได้ ปกติพี่ทะเลก็หาเรื่องพี่ล้งเล้งก่อนอยู่แล้ว ไม่แน่อาจจะแบบ…”


ยังไม่ทันที่ลิลลี่จะพูดต่อจนจบประโยค เสียงเด็กผู้หญิงจากโต๊ะข้างๆ ก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน


“เรื่องนี้ถ้าจะมีใครสักคนผิดล่ะก็ ยังไงก็ต้องเป็นพี่ล้งเล้งอยู่แล้ว ของมันเห็นๆ กันอยู่อ่ะ”


หนึ่งในคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ กับเด็กนักเรียนของล้งเล้งพูดขึ้นมา เธอคือหนูแดง หนึ่งในนักเรียนของทะเลนั่นเอง ท่าทางของเธอคือพูดนิ่งๆ คล้ายกับกำลังคุยกับชีทเรียนตรงหน้า แต่ว่าคำพูดกลับจบใจให้โต๊ะข้างๆ ได้ยินด้วย


“ถ้ามีตามันก็ต้องรู้ป้ะว่าคนที่หาเรื่องคนอื่นก่อนตลอดคือพี่ทะเล ไม่ใช่พี่ล้งเล้ง”


ลูกเกดตอกกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้


“แต่ปกติพี่ทะเลเขาก็พูดดีๆ ด้วยป่าว มีแค่พี่ล้งเล้งนั่นแหละที่ทำเสียงดัง มึงมาพาโวยตลอดเลย พี่ทะลเไม่เคยทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย”


คนต่อมาที่พูดคือซีน ซึ่งเป็นเด็กที่ทะเลสอนเช่นเดียวกัน โดยมีหนูแดง กับปาล์มมี่ที่เป็นเด็กติวของทะเลเหมือนกัน นั่งพยักหน้าสนับสนุนอย่างขันแข็ง


“ก็คนมันโดนกวนตีนอ่ะ จะให้พูดว่าสวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนล้งเล้งสอนอังกฤษ ขอบคุณครับที่ด่าผมหรือไง ประสาทป่าววะ!”


ลิลลี่พูดตอกกลับ ตอนนี้เด็กทั้งสองโต๊ะไม่สนใจชีทเรียนตรงหน้าแล้ว ลิลลี่ ลูกเกด พร้อมรบกับเด็กสามคนจากอีกโต๊ะหนึ่งมาก ในขณะที่โจ้มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ ในขณะที่แทนกายนั่งดูดน้ำ มองไปมองหมาเหมือนกับกำลังดูหนังแอคชั่นอยู่


“มารยาทดีก็ต้องขอบคุณป้ะวะ อีกอย่าง พี่ทะเลไม่ได้ด่า คำว่าลูกหมาคือคำทักทาย”

“ทักทายบ้านเธอเป็นคำว่าลูกหมา เราทักทายเธอว่าไอ้บ้ามั่งได้ป้ะ?”

“อย่ากวนตีนดิ”

“พวกเธอสิกวนตีน พี่ทะเลไม่ทำใครแน่ๆ ขนาดยุงยังไม่ตบเลย”

“ตบยุงแล้วมันทำไม!”

“เลือดเย็น”


โจ้มองผู้หญิงทั้งฝั่งเพื่อนตัวเองและอีกฝั่งหนึ่งเถียงกันอย่างออกรส ในขณะที่แทนกายดูเหมือนจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากนัก เหมือนกับมองแค่ดูหนังอยู่ในโรงอย่างไรอย่างนั้น

“แต่อย่างน้อย พี่ล้งเล้งก็ไม่เอาถั่วแระมากินในร้านแม็คอ่ะ”

“กินถั่วละมันทำไม”

“ไม่ทำไม ก็พี่ล้งเล้งไม่ได้ทำ นั่นหมายความว่าพี่ทะเลทำ”

“นี่มึง 99H แล้วป้ะ?”

“ไม่อ่ะ พี่มึงสิทำพี่กู”

“ไม่ พี่มึงอ่ะทำ”




เมื่อลิลลี่กับลูกเกดที่เป็นเด็กติวของฝั่งล้งเล้ง ทะเลากับหนูแดง ซีน และปาล์มมี่ที่เป็นเด็กติวของทะเลไปเรื่อยๆ หัวข้อเริ่มออกไปนอกลู่นอกทางจนเกินไปแล้ว โจ้ที่เป็นหนึ่งในสองของผู้ชายตรงนี้จึงเริ่มที่จะห้ามขึ้นมาเพราะไม่อยากให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้




“เดี๋ยวดิ ใจเย็นก่อน ด่ากันทำไม เป็นผู้หญิงนะเว้ย เรียบร้อยห่อย”

“มึงเหยียดเพศเหรอโจ้” ลิลลี่หันมาแว๊ดใส่เขาอย่างหัวร้อน

“จริง ผู้หญิงแล้วมันทำไม? ด่าไม่ได้หรือไง?” อันนี้เสียงของคนที่ชื่อหนูแดง

“เอ้า ทำไมกูโดนแทนวะเนี่ย?”




โจ้พูดอย่างงงๆ พลางมองแทนกายที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เริ่ม รายนั้นเพียงแค่ยักไหล่เป็นเชิงว่าเจ้าตัวไม่รู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร ให้ตายสิ แทนกายจะนิ่งไปไหนกันนะ




ส่วนผู้หญิงพวกนั้นก็เริ่มเถียงกันหนักขึ้น ตอนนี้ถึงขั้นยืนเถียงกันแล้ว โจ้ไม่รู้ว่าทะเลหายไปไหนในเวลาแบบนี้ ส่วนตัวเขานั้นไม่สนใจพี่ทะเลอะไรนั่น โจ้เเพียงแค่ภวนาให้ล้งเล้งรีบกลับมาจากห้องน้ำ เผื่อโต๊ะฝั่งนั้นจะเงียบลงบ้าง




ปัญหาไม่ใช่อะไรเลย เขาปวดหู




“ถ้ามีใครสักคนผิดนะ คนนั้นต้องเป็นพี่ล้งเล้งของพวกมึงนั่นแหละ”




หนูแดงพูดขึ้นมา ซึ่งลูกเกดสวนกลับไปทันที




“มันต้องเป็นพี่ทะเลของพวกมึงต่างหากที่ผิด!”

“พี่ล้งเล้งผิด!”

“พี่ทะเลผิด!”


ล้งเล้งเดินกลับจากห้องน้ำที่คนดันเยอะทั้งที่ปกติไม่เป็นแบบนี้แล้วดันเจอว่าเด็กของตัวเองทะเลาะกับเด็กโต๊ะข้างๆ ติวเตอร์ตัวเล็กถึงงง เพราะเขาไม่เคยเห็นว่าลูกเกดกับลิลลี่จะทะเลาะกับใครให้เขาเห็น


“เฮ้ย ทะเลาะอะไรกันเนี่ย?”


นักศึกษาหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งเด็กสาวสองคนหันมาฟ้องเขาทันที


“พี่ล้งเล้ง ก็พวกมันอ่ะ บอกว่าพวกพี่ทะเลาะกันเพราะว่าพี่ผิด!”

“ก็พี่พวกมึงอ่ะแหละที่ผิดจริงๆ เพราะพี่ทะเลไม่ทำแบบนั้นหรอก!”


หนูแดงยังไม่จบ เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนลายสก็อตยังคงพูดปรักปรำล้งเล้งอย่างต่อเนื่อง โดยที่เด็กอีกสองคนในฝั่งนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย


“ไม่ดิ มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน จะทะเลาะกันเพื่ออะไรเนี่ย?”


ตอนนี้ล้งเล้งกลายเป็นผู้ห้ามทัพเพียงคนเดียวในสงครามนี้ ซึ่งทะเลที่ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ไปไหนตอนนี้ก็เดินกลับมาแล้ว ยืนมองเด็กๆ ที่ทะเลาะกันอยู่ไม่ไกล ด้วยใบหน้านิ่งเรียบที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มมุมปากเล็กๆ ที่ล้งเล้งเห็นจนชินตาด้วยซ้ำ


“เนี่ยเห็นมั้ยพี่ทะเลก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แสดงว่าพี่ล้งเล้งผิด!”


เด็กที่ชื่อหนูแดงพูดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ล้งเล้งเริ่มโมโหมั่งแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองโมโหที่เด็กของอีกฝั่ง หรือว่าท่าทีนิ่งเฉยๆม่ห้ามปรามของทะเลที่ทำให้เขาหงุดหงิดขนาดนี้


มึงเห็นเด็กทะเลาะกัน ไม่คิดที่จะเข้ามาห้ามเลยหรือไง?


เป็นครูประเภทไหนกันวะ!


“พี่ล้งเล้งนั่นแหละผิด”

“ไม่ พี่ทะเลผิด”

“พี่ล้งเล้งต่างหากที่ผิด!”


ถึงแม้ล้งเล้งจะเห็นว่าทะเลถือถาดอาหารอยู่ เหมือนกับว่าเมื่อครู่เพิ่งจะไปซื้อของกินมาเลยไม่ทันมาห้ามเด็กนักเรียนตีกัน แต่วินาทีนี้เขาไม่สนใจ ในเมื่อตัวเองเห็นแล้วทำไมไม่ห้าม แล้วยังปล่อยเด็กให้ทะเลาะกันอย่างนี้น่ะเหรอ?


ทั้งเด็กทั้งครู่แม่งน่ารำคาญทั้งหมด!


ไม่ว่าสาเหตุหลักจะเป็นเพราะอะไร แต่นี่มันน่าโมโหชะมัด!


“ไปถามพี่พวกมึงเลยนะ ว่าใครกันแน่ที่ผิด!”

“...”

“กูอุตส่าห์ถามแล้วด้วยนะว่าทำไม เป็นอะไร ทำไมไม่เป็นเพื่อนกัน พี่พวกมึงอ่ะ เสือกบอกว่าไม่ยอมเป็นเพื่อนกัน  ไม่รู้มันเป็นเหี้ยอะไร แล้วนี่แม่งก็มาเมินอีก ใครกันแน่วะที่ผิด!”

“...”


เด็กทั้งสองโต๊ะเงียบ รวมถึงทะเลที่ตอนนี้เดินเข้ามาใกล้กับโต๊ะแล้วด้วยเช่นกัน ล้งเล้งตวัดสายตาไปมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ


“เนี่ย มึงตอบดิ เป็นเหี้ยอะไรวะ? มึงอ่ะ ไอ้ทะเลไอ้สัตว์!”

“...”

“จะเงียบอีกนานป้ะ? ขนาดเด็กทะเลากันแล้วอะไรก็แล้ว มึงก็ยังไม่พูด อมอะไรเอาไว้วะ!”

“...”

“สัตว์! กูไม่น่ามาเสียเวลากับคนแบบมึง...”

“เออ! ก็กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงไง!”




ทะเลพูดกับล้งเล้งเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ ซึ่งคนที่กำลังจะด่าอีกฝ่ายต่อถึงกับหยุดแล้วฟัง แถมเสียงที่ออกมาให้ได้ยินนั้นผสมอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้มากจนล้งเล้งถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอทะเลในโหมดนี้เลยสักครั้ง รวมถึงเด็กน้อยที่ทะเลสอนเช่นกัน ตอนนี้อ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว พี่ทะเลคนเรียบหรูดูดีของพวกเธอขึ้นเสียงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่รู้จักกันมา




“เป็นเพื่อนกูแล้วมันทำไมวะ ฮะ!”

“มันไม่ทำไม! ไอ้สัตว์! กูแค่ไม่อยากเป็น!”

“แล้วมึงจะเอายังไง!! มึงจะเป็นอะไร” 

“กูจะเป็นแฟน!”

“...”

“คิดที่ตลอดมาเป็นสิบๆ ปีนี่กูแค่ยอมมึงเฉยๆ เหรอ? พ่อมึงตาย ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้กูเผาบ้านไปแล้ว อย่างเหี้ย ไอ้โง่!! กูรู้ว่ามึงเป็นหมาโง่แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้!”

“...”

“กูชอบมึงไง ไอ้ลูกหมา ไอ้ควายเอ๊ย!”







------- TBC -------



เอาแล่วววววววววว

#รักไม่คาดคิดในวันพุธ



ป.ล. นี่ขอสอบ GAT อิ๊งเก่านะคะ ใครจะสอบอ่านได้ อธิบายไว้ให้แล้ว 55555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Mminky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ล้งเล้งอึ้งเลยดิเจองี้

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แดรกจุดแน่ๆ. สารภาพมีพยานขนาดนี้,,,

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คิดว่าไม่ใช่แค่ล้งเล้งที่อึ้งแน่ๆ นึกภาพน้องๆที่กำลังนั่งเรียนอยู่ออกเลย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ล้งเล้ง แปลงร่างจากลูกหมายเป็นควายน้อยแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :katai2-1:

มิติใหม่ของการบอกรัก

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คนแต่งรับติวอิ๊งสามัญไหมคะ  555

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ้ววววว ก้อยากเป็นแฟนไม่ได้อยากเป็นเพื่อนอ่ะเนอะ สนุกมากเลยค่า ตลกด้วย ชอบตอนเด็กๆเถียงกัน ดูมีความเป็นเด็กที่ปกป้องพี่ๆของตัวเอง รอติดตามตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เปนการสารภาพที่ฮาร์ดคอร์มาก55555555555555544

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
11th Wednesday

#รักไม่คาดคิดในวันพุธ




นี่มันเรื่อง ‘เหี้ย’ อะไรกันวะ?


ล้งเล้งถามตัวเองเป็นพันล้านครั้งได้แล้วมั้งตั้งแต่คุยกับทะเลครั้งล่าสุด เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ไม่รู้ว่าจะต้องคิดอะไร ทุกอย่างในหัวมันตีกันไปหมดจนล้งเล้งรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองจะระเบิดเป็นโกโก้ครั้นช์ออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าถ้าสมองยังวุ่นวายแบบนี้


สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้ระเบิด


ทะเลทิ้งเขาเอาไว้กับความวุ่นวายในหัวสมอง ใจเต้นรัวเร็วเป็นกลองชุดกลังจากได้ยินข้อความนั้น มันไม่ใช่ความเขิน… มั้ง ไม่รู้เว้ย! ล้งเล้งรู้แค่ว่าตัวเองทำตัวไม่ถูก เขาคิดอะไรไม่ออก ในหัวมีแต่คำพูดของทะเลในตอนนั้น พร้อมกับสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต


‘กูจะเป็นแฟน!’

“...”

“คิดที่ตลอดมาเป็นสิบๆ ปีนี่กูแค่ยอมมึงเฉยๆ เหรอ? พ่อมึงตาย ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้กูเผาบ้านไปแล้ว อย่างเหี้ย ไอ้โง่!! กูรู้ว่ามึงเป็นหมาโง่แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้!”

“...”

‘กูชอบมึงไง ไอ้ลูกหมา ไอ้ควายเอ๊ย!’ 



หลังจากที่ทะเลพูดจบด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั้น คนในร้านแม็คฯก็ดันตบมือกันเกรียวกราว เป่าปากเชียร์ทะเลกันยกใหญ่ ซึ่งไอ้เหี้ยนั่นก็ไม่ได้มีสีหน้าต่างจากเดิมเลยสักนิด ยังคงทำหน้านิ่งคิ้วขมวดเหมือนเดิมอย่างที่ผมเคยเห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่น้องติวของมันนิ่งค้างกันไปแล้ว (อันที่จริง ล้งเล้งแอบเห็นน้องหนูแดงหยิกตัวเอง คล้ายกับว่าอยากยืนยันว่าเธอไม่ได้ฝันไป ไม่ใช่แค่น้องเขาหรอก ตัวล้งเล้งเองก็อยากหยิกตัวเองเหมือนกัน)


ส่วนตัวล้งเล้งน่ะเหรอ?

จะไปมีหน้าอยู่ที่นั่นอีกได้ไงล่ะ!


เขาจำได้ว่าตัวเองเคลื่อนที่เหมือนหุ่นยนต์ เมินทะเลและหน้านิ่งๆ ของมัน ปัดประโยคยาวๆ ของอีกฝ่ายที่แทบจะพันคอเขาออกไปเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้ยิน แล้วรีบวิ่งแจ้นหนีมาตั้งหลักที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์แทน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองเดินมาถึงนี่ได้ยังไง ในหัวมันเบลอๆ ไปหมด หน้าก็ร้อนมาก มีแค่คำเดียวเท่านั้นที่ล้งเล้งคิดออก


ฉิบหาย!


เมื่อได้สติติวเตอร์หนุ่มก็ไลน์ไปตามน้องให้มานั่งเรียนกันที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์แทน เขาสอนผิดๆ ถูกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ล้งเล้งรู้ดีว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองนัก อันที่จริง สภาพตอนนี้คล้ายกับว่าวิญญาณได้ลอยออกไปตั้งแต่ที่ทะเลพูดจบแล้วเสียด้วยซ้ำ


‘กูชอบมึงไง ไอ้ลูกหมา ไอ้ควายเอ๊ย!’ 


เอาออกจากหัวไปไม่ได้ ทำยังไงก็เอาออกไปไม่ได้


ไอ้เหี้ยทะเล ไอ้เวรเอ้ย!



------- Wednesday In Class -------



ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน


ทะเลเดินออกมาจากรถไฟฟ้าทันทีที่ตัวเองพูดกับอีกคนเสร็จ เขาไม่สนใจว่าล้งเล้งจะคิดยังไง เดินออกมาเลยทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนั้นบีทีเอสจอดอยู่ที่สถานีไหน เดินลงมานั่งอยู่ที่สถานีเฉยๆ ทำเพียงแค่มองรถไฟฟ้าที่วิ่งไปมา ผู้คนมากมายเดินผ่านเขาไปโดยที่ตัวเองยังคงรวบรวมเศษเสี้ยวหัวใจกลับมาไม่ได้


‘กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงว่ะ ทะเล’


แค่เพื่อนเหรอวะ?


เพื่อนพ่อมึงอ่ะ ไอสัตว์


ชายหนุ่มคิดวนไปวนมากับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะต้องคิดอะไรอีก ในหัวมีแต่ความเงียบ เขาคิดอะไรไม่ออก ภาพของล้งเล้งยิ้มที่มักจะทำให้วันของเขาสดใสขึ้นมา บัดนี้กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับถูกผลักลงรางรถไฟข้างหน้า


ไม่เคยตื้อขนาดนี้มาก่อน


ทะเลถอนหายใจ เขานั่งจ้องมองทางข้างหน้า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ควรจะคิดอะไร ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด


ในตอนอนุบาล เขาเคยคิดว่าสิ่งที่ต้องการที่สุดคือมิตรภาพของอีกฝ่าย อยากเล่นกับล้งเล้ง อยากเป็นคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ทำการบ้านด้วยกัน นั่งเรียนข้างกัน มีเรื่องอะไรให้คุยกันตลอด จนเมื่อไหร่ไม่รู้ที่ทุกอย่างมันพัฒนาไปมากกว่านั้น


สำหรับทะเลแล้ว ล้งเล้งไม่ควรเป็นแค่เพื่อน


ไม่เคยเป็นแค่เพื่อน


พอได้มาคุยกันเยอะขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น มิตรภาพของความเป็นเพื่อนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้อีกต่อไป เขาอยากเป็นคนแรกที่ล้งเล้งเลือกจับคู่ตอนทำงานในช่วงประถม อยากเป็นคนที่ล้งเล้งมาปรึกษาเรื่องเรียนในช่วงมัธยม ถึงแม้จะโดนต่อยจนเจ็บหน้า เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเด็กผู้ชายคนนี้น่ารักน้อยลงเลยสักนิด


ตรงกันข้าม ล้งเล้งน่ารักมากขึ้นทุกวัน 


ถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายด่าว่าเท่าไหร่ เขาก็ไม่เคยคิดร้ายกับอีกคนได้เลยสักนิด มีหงุดหงิดบ้างเพราะล้งเล้งมันดื้อ แต่สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายก็ลบล้างทุกเสียจนเกลี้ยง


เพื่อนที่ไหนจะทนให้มันขนาดนี้วะ


ล้งเล้ง… ไอ้ลูกหมาโง่


ไลน์!

โซดา: ทะเลอยู่ไหนวะ

โซดา: ทะเลเว้ย กูจะเอาชีทเจนเอ็ด

โซดา: ซีร็อกส์แล้วแดกเข้าไปหรือไงไอ้เหี้ย


ทะเลมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีข้อความจากเพื่อนสนิทของตัวเองในมหาลัยขึ้นมา เขาพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่มีสติ


ทะเล: มึง

ทะเล: กู

ทะเล: 5555555555555555


โซดา: มึงเป็นไรวะ?

โซดา: กินยาลืมเปิดฝาเหรอ?


ทะเล: กูแม่ง

ทะเล: พัง

ทะเล: เหี้ยเอ้ย

ทะเล: แค่เพื่อนเองเหรอ

ทะเล: สัด

ทะเล: 55555555555555

ทะเล: เกือบยี่สิบปีที่กูแอบรักมันเนี่ย

ทะเล: แม่งแค่ได้แค่น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีเองเหรอวะ

ทะเล: ความรู้สึกกูส่งไปไม่ถึงแม่งเลยสักนิดเหรอวะ?

ทะเล: เหี้ยชิบหาย

ทะเล: 55555555555555


โซดา: …


เหมือนเพื่อนจะเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ทะเลไม่ปกติ โซดารีบขอโลเคชั่นเพื่อน อาจจะเป็นโชคดีที่ตัวชายหนุ่มไม่ได้อยู่ห่างจากที่นี่มากนัก ไม่ถึงสิบห้านาทีถัดมา นิสิตหนุ่มทั้งสองคนก็มานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างสถานีรถไฟฟ้าแห่งนั้น ซึ่งจนถึงตอนนี้ทะเลก็ไม่รู้ว่าตรงนี้สถานีอะไร แล้วเขาก็ไม่สนใจด้วย


เหี้ยฉิบหาย


ในหัวของทะเลมีแต่คำว่า ‘เหี้ย’ อัดแน่นอยู่เต็มไปหมด มันแย่กว่าที่เขาคิดไว้ ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตอีกคนบ้างก็คงดี มันคงจะต้องรู้มั่งแหละว่าเขาแอบชอบอยู่ แต่เมื่อความจริงแสกหน้ามาเสียจนเขาตั้งหลักไม่ทัน ทะเลเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอีกฝ่ายมองความทุ่มเททั้งหมดของเขาในรูปแบบของความเป็นเพื่อน


ทุ่มให้แม่งหมดตัวหมดใจขนาดนี้ เพื่อนก็เหี้ยแล้ว


ไอ้หมาโง่


“มึงเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกดิ๊”


โซดาที่เพิ่งจะได้เครื่องดื่มของตัวเองถามเพื่อนอีกครั้ง ชายหนุ่มยังไม่อยากจะด่วนตัดสินอะไร จริงอยู่ที่เขารู้จักทะเลตั้งแต่เฟิร์สเดท วันแรกตั้งแต่เหยียบรั้วมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องของเพื่อนที่เขาจะรู้


“ก็กูจีบมัน จีบแม่งมาตลอดสิบกว่าปี แต่เสือกไม่เคยรู้เหี้ยอะไรเลย”

“มึงจีบยังไง?”

“ก็จีบแบบที่กูจีบ”

“ยังไงล่ะ? อภิปรายสิวะนิสิต”


โซดาพูดย้ำ ชายหนุ่มใส่แว่นผมสั้นขยุ้มหัวตัวเองด้วยความขัดใจ ทำไมใครต่อใครบอกว่าทะเลแม่งเป็นคิวท์บอยเย็นชาวะ กับเขามันแค่ผู้ชายปากหนักไม่ยอมพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาแค่นั้นเอง


ซึ่งแม่งโคตรน่ารำคาญเลย ไอ้ควายเอ้ย!


“ให้กูเล่าตั้งแต่ตอนไหน?”

“ตั้งแต่แรก ไอ้เวร”


โซดาพูดด้วยความหงุดหงิด นี่เขาอุตส่าห์ถ่อจากสยามมาหามันที่ตลาดพลู มึงจะอมอะไรไว้วะ!


“เรื่องมันเริ่มที่ครั้งแรกที่กูเจอมัน...”


.

.

.


ครั้งแรกที่ทะเลเจอกับล้งเล้งยังคงชัดเจนในความทรงจำเหมือนกับเรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อวาน


ตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กอนุบาลที่ถูกบังคับให้ท่องสูตรคูณ เรียนดนตรี และภาษาอังกฤษตั้งแต่จำความได้ ถึงแม้ว่าพอมาคิดดูตอนโตแล้วว่านั่นมันออกจะเป็นการทรมานเด็กเล็กไปหน่อย แต่ทะเลก็ต้องรู้สึกขอบคุณ เพราะการปลูกฝังของพ่อแม่ในตอนนั้น ทำให้เขามีพัฒนาการก้าวกระโดดกว่าเด็กในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด


ซึ่งนั่นรวมถึงการเข้าใจในภาษาอังกฤษเท่าเด็กประถมด้วยเช่นกัน


ครั้งแรกที่เขาเจอหน้าล้งเล้ง เด็กน้อยตาแป๋วมักผมแกละสองข้างในเสื้อสีชมพูกับกระโปรงหวานแหววนั้นสะดุดตาทะเลตั้งแต่แว๊บแรกที่ได้สบตา


น่ารัก


ในหัวเขามีแต่คำว่า ‘น่ารัก’ ปรากฏอยู่ ล้งเล้งเป็นเด็กที่มีหน้าตาน่ารักมาก คล้ายกับตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่เขาเคยเห็นเวลาที่ไปห้างสรรพสินค้ากับครอบครัว เด็กคนนั้นที่ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยยิ้มกว้าง ตอนที่กำลังนั่งวาดรูประบายสีของตัวเองอยู่คนเดียว


น่ารักมากๆ


ทะเลเดินเข้าไปหาล้งเล้งตามคำบอกเล่าของคุณแม่ของตัวเองกับล้งเล้งที่ให้ไปเล่นกับเพื่อน นั่นเป็นครั้งแรกที่ทะเลรู้สึกว่าเขาอยากจะรู้จักล้งเล้งเอง โดยที่แม่ไม่ต้องบอกให้ทำเลยด้วยซ้ำ


วินาทีที่ล้งเล้งเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ตอนนั้นเองที่ทะเลเพิ่งรู้สึกถึงคำว่า


ชอบ


มันไม่ได้ง่ายและซื่อตรงขนาดนั้น ทะเลในวัยสามขวบแค่อยากเล่นกับล้งเล้ง ถึงแม้ว่าคำแรกที่เขาทักอีกฝ่ายไปด้วยความไม่เข้าใจ จะเป็นการทักเรื่องของเสื้อผู้หญิงก็ตาม


“นายใส่ชุดผู้หญิงทำไมเหรอ?”

“อะไรนะ?”


ล้งเล้งตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามเขา ตากะพริบปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ทะเลเลยขยายความต่อ


“ก็เสื้อนายเขียนว่า ‘I am a Barbie Girl, in a Barbie world’ น่ะ”

“แล้วยังไงเหรอ?...”

“มันแปลว่าฉันเป็นบาร์บี้ ในโลกของบาร์บี้อ่ะ”

“แล้วบี้ๆ เมื่อกี้คืออะไรเหรอ? มันแปลว่าหล่อเหรอ?”


ทะเลหรี่ตาลงเมื่อล้งเล้งถามเขาด้วยเสียงที่แสดงความสงสัยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ตัวของเด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะตอบอีกคนออกไป


“มันแปลว่าฉันเป็นสาวน้อย คิดว่านะ ไม่น่าจะผิดหรอก เราชอบภาษาอังกฤษ”

“...”

“ส่วนบาร์บี้คือตุ๊กตาเด็กผู้หญิงน่ะ”

“...”

“นายเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้เลย”

“...”

“เราเลยนึกว่านายเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก เหมือนบาร์บี้จริงๆ ด้วย”



ตอนนั้นแม่ของพวกเขาเดินเข้ามา ทะเลเลยถามสิ่งที่สงสัยว่าผู้ชายแต่งตัวแบบนี้ได้ด้วยงั้นหรือ? ซึ่งคุณแม่ของเขาก็อธิบายให้เข้าใจว่าเพศไหนแต่งตัวยังไงก็ได้ ในส่วนของล้งเล้งนั้นไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพิ่มเติม คล้ายกับเด็กชายตาแป๋วคนนั้นถ่านหมดไปแล้ว ล้งเล้งนิ่งค้างจนไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายจากทะเลที่พูดออกไป


“นายน่ารักมากเลย เราอยากเล่นกับนายนะ”


.

.

.


ชั้นประถมหนึ่ง


ทะเลจำได้ดีว่าตัวเองดีใจแค่ไหนตอนที่เขารู้ว่าตัวเองได้อยู่ ห้องเดียวกับล้งเล้งอีกครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอล้งเล้ง ได้นั่งข้างๆ ตอนนั้นเขาอยากยิ้มให้อีกคน แล้วบอกว่าตัวเองดีใจแค่ไหนที่ได้เรียนด้วยกันกับเพื่อนคนแรกที่อยากรู้จักจริงๆ ไม่ใช่ลูกเพื่อนพ่อแม่ที่ถูกพาไปเจอตามงานเลี้ยงต่างๆ


เขาเจอล้งเล้ง นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ที่ที่ครูบอกว่าเป็นโต๊ะของเขา


ล้งเล้งในวัยประถมหนึ่งผมสั้นลงเยอะมากจนทะเลไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถถักเปียหรือแม้กระทั่งมัดผมได้ด้วยซ้ำ เพื่อนที่เขาดีใจที่ได้เจอหน้ากลับทำเหมือนทะเลเป็นเหมือนกับโจทย์เลขน่าเบื่อที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ง่ายๆ หรือว่าขนมหวานในอาหารกลางวันที่ไม่น่ากิน


การทักทายแรกของล้งเล้ง คือเอากระติกน้ำสีเทาของเจ้าตัวฟาดปากเขาอย่างแรงจนเจ็บไปหลายนาที


แต่แค่กระติกน้ำโง่ๆ อันเดียว ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจในการเข้าหาล้งเล้งของทะเลได้



เด็กชายทะเลในวัยประถมพยายามจะเข้าไปเล่นกับล้งเล้งเสมอตามแต่โอกาสจะอำนวย ซึ่งส่วนใหญ่นั้น ล้งเล้งมักจะไม่ให้เขาเล่นด้วยเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าทะเลในช่วงประถมวัยก็เข้าหาอย่างเป็นมิตรที่สุดแล้ว


“ล้งเล้ง ตกลงญาตินายชื่อซกมก หรือซีอิ้ว?”

“ชื่อซุกซน!”


แม้กระทั่งตอนปอสี่ ที่ล้งเล้งวิ่งแข่งเสร็จ กลับมาถึงที่สแตนด์เพื่อพบว่าขนมที่เพื่อนเตรียมไว้ให้ตัวเองถูกทะเลฟาดเรียบไปแล้ว


“ทะเล! มึงกินขนมกูทำไม?”

“หิว”

“ไอ้เหี้ย!”


ตอนปอห้าที่ทะเลเอาตำแหน่งหัวหน้าห้องสี่สมัยของล้งเล้งไป เพราะเขาไม่อยากให้ล้งเล้งตามเหนื่อยจดชื่อเพื่อนที่คุยในห้อง ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองช่วยเหลืออีกฝ่ายเป็นอย่างดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมว่าทำไมล้งเล้งจะต้องเขม่นเขาทั้งปี


หรือแม้กระทั่งตอนประถมหก ที่ทะเลได้ไปเป็นตัวแทนแข่งวิชาการระดับโรงเรียน พร้อมทั้งเป็นตัวหลักในการแข่งบาสของโรงเรียนด้วยเช่นกัน เขาคิดว่าเพราะตัวเองเอาทุกความรับผิดชอบมา ล้งเล้งจะได้มีเวลาสนใจกับการสอบเข้ามัธยมหนึ่งที่เจ้าตัวคุยกับเพื่อนไว้ว่าอยากติดห้องคิงให้ได้


ทำขนาดนี้ไม่เรียกว่าจีบแล้วให้เรียกว่าอะไร


แต่เหมือนล้งเล้งจะไม่เข้าใจ


ยิ่งชั้นมัธยมทะเลกับล้งเล้งนั้น ถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกันแต่เหมือนกับพวกเขาสองคนอยู่กันคนละโลก ทั้งที่เคยยืนข้างกันตอนเข้าแถว กลายเป็นว่าเขายืนหลังสุดในขณะที่ล้งเล้งยืนหน้าสุดของแถว การใกล้ชิดกันที่สุดของพวกเขาทั้งสองคนคือตอนที่ล้งเล้งต่อยเขาเพราะคิดว่าตัวเองโดนกวนประสาทช่วงมัธยมหนึ่ง


กวนประสาทอะไร เขาแค่คิดว่าอีกฝ่ายเหมือนลูกหมา


น่ารักดี


แค่นั้นแหละ โดนต่อยเลย


ถามว่าเจ็บมั้ยก็เจ็บ แต่โกรธมั้ย… ไม่โกรธ


เขาเข้าใจว่าล้งเล้งเป็นคนอารมณ์ร้อน ด้วยวัยนั้นเจ้าตัวคบกับเพื่อนที่มึงมาพาโวย การที่จะพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาอย่างไร้อารยะนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ยากนัก แต่เพียงแค่เห็นหน้าล้งเล้งรู้สึกผิด หางลู่หูตกถือกระเช้ามาขอโทษเขาที่บ้านพร้อมกับพี่กุ๊กกิ๊ก ใจของทะเลก็อ่อนยวบไปหมดแล้ว ใครจะไปกล้าโกรธลง


วินาทีนั้นเอง ที่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ได้แค่ชอบล้งเล้ง อยากเล่นด้วย


ทะเลหลงรักล้งเล้ง


มันอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตาแป๋วคู่นั้นด้วยซ้ำ แต่ทะเลในวัยนั้นเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าความรู้สึกอยากเล่นด้วยนั้นคืออะไร เพิ่งมาแน่ใจเอาในวัยที่พอจะแยกความรู้สึกได้หลากหลายมากขึ้นเท่านั้น


ถึงแม้จะรู้ตัวแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป


ทะเลมองล้งเล้งตกหลุมรักเอิน แล้วก็อกหักเพราะเอิน (และจะไม่บอกว่าเขาเองก็เคยหักอกเอินตอนมอสอง เพราะเจ้าตัวมาสารภาพรักกับเขา แต่เขาชอบล้งเล้งอยู่แล้ว) ทะเลมองล้งเล้งเกเร แล้วก็กลับมาตั้งใจเรียน ในทุกช่วงชีวิตของล้งเล้ง ทะเลคอยมองดูอยู่ตลอด เขาเคยคิดว่าที่เป็นอยู่นี่มันก็ดีแล้ว ขนาดเลือกเข้ามหาลัย ทะเลยังเลือกมหาลัย C ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าล้งเล้งอยากเข้า


โอเค มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น


โชคดีที่ที่บ้านเขาค่อนข้างเตรียมตัวให้ทะเลมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเรียนได้เร็วกว่าคนอื่นเพราะที่บ้านปูทางเรื่องการศึกษามาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของทะเลเป็นด็อกเตอร์ทุนทั้งคู่ เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจกับบทเรียนและข้อสอบจึงเป็นเรื่องที่ทะเลชินชา ไม่เกินความสามารถจนเกินไปนัก


เขาได้เรียนที่เดียวกับล้งเล้งอีกครั้ง


วันที่ประกาศผลแอดมิชชั่น ทะเลวิ่งไปบ้านล้งเล้งตั้งแต่ช่วงที่ผลออก เพื่อไปเจอหน้าอีกฝ่าย ยยื่นหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ดู แล้วบอกเพียงแค่สั้นๆ ว่า


“เรียนที่เดียวกันอีกแล้วนะ”

“ฮะ?”

“มึงติดมอ C ใช่มั้ย?”

“ใช่” ล้งเล้งขมวดคิ้ว ใบหน้าที่เมื่อครู่ยิ้มกว้างที่ทะเลคิดว่าอาจจะเพราะกำลังแสดงความยินดีกับคนที่บ้านอยู่ ก่อนที่เขาจะเข้ามา “มึงมีเหี้ยอะไร?”

“กูก็ติด”

“...”

“เรียนที่เดียวกันอีกแล้วนะ”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”


ทั้งที่ล้งเล้งแสดงความยินดีอย่างหยาบคายเสียงดังลั่นบ้านจนพี่กุ๊กกิ๊กตะโกนกลับมาจากในบ้านว่า ‘ล้งเล้ง หุบปาก!’ แต่ทะเลก็ยังรู้สึกแฮปปี้


ซึ่งถึงแม้พอล้งเล้งจะเรียนแล้วก็ตัดสินใจซิ่วในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนใจมากนัก เพราะบ้านก็อยู่ข้างกัน เขากลับบ้านทุกวันก็มีเดินสวนกับอีกคนที่เซเว่นบ้าง ที่หน้าบ้านบ้าง ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตความรักมันแย่อะไรนัก ยิ่งพอล้งเล้งเริ่มตัดสินใจสอนพิเศษ


อย่างน้อย เขาก็ได้เจอล้งเล้งสัปดาห์ละวัน ได้เข้าไปแหย่อีกฝ่ายให้โดนด่าเล่น มันก็สบายใจดี


มันต้องมีสักวันนั่นแหละ ที่ล้งเล้งรับรู้ความรู้สึกของเขาสักที



.

.

.


“นี่มึงเป็นเหี้ยอะไรน่ะ?”


นี่คือคำแรกที่โซดาพูดขึ้นมาหลังจากที่ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนของตัวเองจบ คือไม่ใช่อะไร โซดาแค่ไม่เข้าใจ มันเสียเวลาไปเกินครึ่งชีวิตกับการเอาตัวเองไปให้คนที่ชอบด่าพ่อล่อแม่แล้วก็ต่อยปาก? 


เพื่อ!!!


“ก็เป็นกูไง กูแค่ชอบล้งเล้ง รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”

“แล้วมึงก็ไปกวนตีนเขาอย่างงี้อ่ะนะ? เหี้ยอะไรของมึง แย่งเป็นหัวหน้าห้องเพราะกลัวเขาเหนื่อย ยิ้มหน้าตากวนตีนเรียกเขาว่าลูกหมาเพราะว่าน่ารักงี้อ่ะนะ? เป็นเหี้ยไรมึงง่ะ?”

“...มันไม่พอเหรอวะ? กูไม่เคยทำงี้กับใครเลยนะ”

“พอก็เหี้ย!”


โซดากระแทกแก้วน้ำ ชายหนุ่มทึ้งหัวตัวเองอีกรอบด้วยความขัดใจ ไอ้ทะเลคิ้วท์บอยมหาลัยที่โดนแอบถ่ายรูปไปลงในเพจเพราะว่าเท่หล่อ แต่ดันโง่เรื่องความรักระดับที่เด็กอนุบาลยังฉลาดกว่า


ตอนแรกที่เขาได้ยินว่าทะเลยังไม่เคยมีแฟน  แต่มีคนที่ชอบมานานมาก โซดายังคิดว่ามันแค่ล้อเล่น พอมาได้ยินเรื่องทั้งหมดในวันนี้แล้ว เขาอยากจะย้อนเวลาไปตอบหัวตัวเองที่เคยหัวเราะขำเรื่องนี้ตอนปีหนึ่งเพราะนึคกว่าเป็นมุกหน้านิ่งของเพื่อน จะตบหัวเพื่อนด้วย เป็นเหี้ยอะไรน่ะ จีบเขาแบบนี้แล้วจะได้มั้ย?!


“มึงลองคิดดูนะ”


โซดาเริ่มพูด หลังจากที่สั่งน้ำเปล่ามาเพิ่มอีกสองขวด พร้อมด้วยเค้กหนึ่งชิ้น เพราะว่าท่าทางจะต้องอยู่ที่ร้านนี้กันอีกนาน


“ถ้ามึงเป็นล้งเล้ง แล้วมีผู้ชายตัวสูงเท่าแป้นบาส เดินทำหน้านิ่งๆ เข้ามากวนตีนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แย่งเขาเป็นหัวหน้าห้อง แถมยังกวนตีนทุกเวลาที่เจอหน้า แถมพอตัวเองบอกว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีดันบอกไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย เป็นมึงอ่ะ มึงจะชอบเขาป้ะ? กูถามแค่นี้เลย”

“...”

“อ่ะ เงียบ ตอบสิ!”

“ก็คง… ไม่”

“เออ นั่นไง มึงยังไม่เอามึงเลย แล้วทำไมล้งเล้งจะต้องเอามึงด้วย?”


โซดาพูดพร้อมกับกินเค้กคำสุดท้าย พร้อมทั้งทำท่าจะเดินไปสั่งของกินเพิ่ม เพราะตรงนี้หมดแล้ว


“มึงรอกูตรงนี้เลยนะ กูขอไปซื้อคุกกี้แป๊บ”

“...”

“เอาไรป้ะ?”


นิสิตหนุ่มยังมีแก่ใหันมาถามเพื่อนที่ยังคงนั่งหน้าแห้ง และไม่รู้สึกว่าตัวเองจะสามารถทานอะไรได้ลง


“ไม่อ่ะ ขอบใจ”

“เออ เค ในระหว่างที่กูไปซื้อของหวานเนี่ยนั่งคิดดูเลยนะ ว่าต่อจากนี้อ่ะ มึงจะทำยังไง จะเลิกชอบเขาเป็นเพื่อนอะไรนั่นอย่างที่ล้งเล้งอยากให้เป็น หรือจะเดินหน้าจีบจริงๆ จังๆ…”

“แต่กูจีบมาทั้งชีวิตแล้วนะ”

“...”

“มึงไม่เคยอยากกวนตีนคนที่ชอบเหรอ? เวลาเห็นหน้ามันหงุดหงิดแล้วมันน่ารักดีอ่ะ ฟิลลิ่งนั้น”

“ทะเล มึงฟัง” โซดายอมวางกระเป๋าสตางไว้บนโต๊ะ เพื่อเอามือมาจับแก้มเพื่อนให้โฟกัสกับตัวเอง “ผู้ชายแกล้งไม่ได้ดูเท่ ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนบอกไว้ว่าผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายชอบ”

“...”

“ผู้ชายที่แกล้ง คือผู้ชายเหี้ย แค่นั้นแหละ”

“... นี่มึงมาช่วยหรือด่ากูวะเนี่ย?”

 “ช่วยสิวะ จีบอะไรของมึงมาเป็นสิบๆ ปี แต่ทำให้เขาเกลียดขี้หน้าเนี่ย”


โซดาลุกขึ้นยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาไว้ในมืออีกครั้ง พอพูดมากๆ เข้าเขาก็เริ่มหิวของหวานอีกแล้ว รอบนี้จะสั่งเค้กชาเขียวมากิน


“มึงไปคิดก่อนละกัน ว่าตัวเองจะเอายังไงต่อ”

“...”

“จะเลิกรักมั้ย จะถอย พอ ช่างแม่งล้งเล้งตัดใจแล้วไปหาคนใหม่”

“...”


ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ในหัวใจทะเลตะโกนว่า ‘คนใหม่บ้าอะไร พ่อมึงตาย’ ออกมาเสียงดัง


“หรือจะลองไปคุยกับเขาอีกที”

“...”

“จีบจริงจังแบบที่ควรจะทำมาได้เป็นสิบปีแล้วน่ะ ไปเลือกเอา!”




------- TBC -------




อิอิอิอิอิอิอิอิ


ช่วงนี้งานเรายุ่งมาก แบบมากกกกกกกกกกกกกกก
ยอมรับเลยว่าช้า แงแง


จะรีบมาตอนที่ว่างนะคะ แต่งแล้วสนุกอ่ะ

ฝากด้วยนะคะ


#รักไม่คาดคิดในวันพุธ


ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
จีบคนอื่นเค้าไม่ได้จีบกันแบบนั้นป่าวละทะเลเอ้ยยยย
ล้งเล้งจะไม่ชอบก็ไม่แปลกนะ ไปหาวิธีจีบแบบที่มันได้ใจคนอ่ะ ทำได้ป่าว โคตรบื้อเลยให้ตายเหอะ 55555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด