16th Wednesday #รักไม่คาดคิดในวันพุธ
รุ่งเช้ามาถึงอย่างเงียบเชียบหลังจากที่ล้งเล้งกับทะเลผ่านเหตุการณ์ประหลาดที่ทะเลไปแล้ว เมื่อพวกเขากลับถึงห้อง มูเตลูที่นั่งรออยู่หันมามองเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะเดินเข้ามาเขกหัวล้งเล้งไม่เบานัก
‘กูบอกมึงแล้วไม่ให้ลงไปในน้ำ ฟังบ้างสิเว้ย!’
‘มึงรู้เหรอว่าพวกกูเจออะไรมา?’
ทะเลเป็นคนถาม ซึ่งมูก็อธิบายให้ฟังว่าเขาพอจะรู้สึกได้ อีกอย่างเจ้าตัวเองก็เห็นวิญญาณเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เป็นคนมีเซ้นส์มาตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวมักจะมีลางสังหรณ์แปลกๆ เสมอ อย่างเรื่องเมื่อครู่ก็เหมือนกัน มูเตลูบอกว่าตัวเองสังหรณ์ใจแล้วว่ามันต้องมีอะไร แต่เพราะกำลังสนุก และเห็นว่าล้งเล้งไม่ได้ไปคนเดียวมีทะเลไปด้วยอีกคนเลยคิดว่าน่าจะเอาตัวรอดได้คงไม่เจออะไร
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสองคนที่เข้าห้องมาแล้วก็เลยรู้ว่าตัวเองน่าจะคิดถึง
ท่าทางแบบนี้ เพิ่งเจอดีมาแน่นอน
‘เอาจริงๆ ที่กูกลัวตอนแรกคือพวกเด็กที่วิ่งเล่นอยู่ที่หาด ล้งเล้งมันดูรักเด็ก กับพวกที่นั่งอยู่ตรงโขดหิน แต่พวกมึงไม่เห็นใช่มั้ย?’
‘...’
ฉิบหาย นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้วมีพวกอื่นอีกด้วยเหรอวะ?
‘ไม่เห็นอะไรก็ดีแล้ว’
‘... กูถามหน่อย’ ล้งเล้งได้ยินเสียงยานคางของทะเลพูดอยู่ข้างๆ ส่วนตัวเองนั้นยังคงช็อกจากเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ ‘ถ้าล้งเล้งมันลงไปในทะเลจริงๆ แล้ว...’
‘ก็คงไม่ได้กลับมา’ มูพูดเสียงเย็น คล้ายกับว่านี่ไม่ใช่มูเตลูเพื่อนพวกเขา แต่เป็นใครสักคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น มูก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
‘แต่ไม่มีอะไรแล้วนี่ มันก็รอดกลับมา ก็โอเคแล้ว’
‘...’
‘มึงอย่าไปอยากรู้เลย ปล่อยเขาไปตามทางเถอะ’
‘...’
‘ถ้าไม่สบายใจ ตอนเช้าเราไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาแค่นั้นก็พอ’
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาทุกคนในกลุ่มก็มาวัดกันอย่างเงียบเชียบ คอยทำตามที่มูบอกให้ทำ ทั้งล้งเล้งที่มักจะเสียงดัง ทะเลที่กวนประสาท บุ๋มบีมที่มักจะคอยเล่นมุก โซดาตัวตบมุก และเจ๋งเป้งที่ชอบหลับ ตอนนี้ทุกคนตื่นเต็มตา ทำบุญสวดมนต์ กรวดน้ำกันอย่างเงียบเชียบ ครึ่งวันเช้าของพวกเขาผ่านไปอย่างเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้
เมื่อทำบุญกันเรียบร้อย พวกเขาก็ตัดสินใจกลับกันเลย
โปรแกรมตอนแรกที่วางไว้ว่าจะไปเล่นริมทะเลนั้นถูกฉีกทิ้งแทบจะทันที ทุกคนตกลงกันว่าไม่เอาแล้ว กินอาหารทะเลอีกสักมื้อแล้วค่อยกลับก็พอแล้วสำหรับทะเลครั้งนี้
“อ้าว กลับกันเร็วเชียว เช็กเอาท์ได้ถึงเย็นนะ ลุงไม่ว่าอะไร”
ลุงเจ้าของบ้านทักเมื่อพวกเขาเอากุญแจไปคืน ล้งเล้งยิ้มแหย อันที่จริงเมื่อคืนเขาไม่ได้หลับเลย ไม่รู้สึกอยากนอนเลยสักนิด
อันที่จริง อยากกลับบ้านแล้ว
คิดถึงบ้านขึ้นมาทันใด ไม่เคยรักบ้านขนาดนี้มาก่อน
“อ๋อไม่เป็นไรครับ พอดีต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือ”
“ดีแล้ว” ลุงเขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อคืนนอนหลับสบายกันดีใช่มั้ย?”
ทุกคนมองหน้ากัน อาจจะยกเว้นมูที่คุยโทรศัพท์อยู่อีกทาง
“ก็โอเคครับ”
“ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว”
ลุงทำท่าเหมือนกับอยากจะพูดอะไร แต่ก็อึกอักไม่ยอมพูดสักที จนสุดท้ายล้งเล้งทนไม่ไหวก็เลยถามออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อันที่จริง ลุงก็ไม่ได้อยากจะเล่าหรอกนะ”
ชายอาวุโสทำท่าเหมือนกับว่าเขากำลังจะเล่าความลับระหว่างประเทศให้พวกเขาฟัง เด็กหนุ่มทั้งกลุ่มมองหน้ากัน นี่ลุงเขาไม่ได้อยากเล่าจริงๆ เหรอวะ ดูตื่นเต้นกว่าพวกเขาอีกนะเนี่ย
“บ้านนี้น่ะ อันที่จริงนอกจากพวกน้องแล้วทุกคนเจอดีหมดเลย ขนาดลุงยังไม่กล้าอยู่เลยรู้มั้ย น่ากลัวมากเลยกลางคืน”
“...”
“เคยมีคนเขาเมาแล้วแทงกันเรื่องชู้สาวในบ้านนี่แหละหนู ผู้ชายเอาศพเมียไปทิ้งทะเล แล้วหนีไป แขกเจอกันประจำ ได้ยินเสียงทะเลาะกันบ้าง มีคนโดนหลอกที่ชายหาดบ้าง จับไข้หัวโกร๋นไปเลยก็มี”
“...”
“แต่ไม่เจออะไรใช่มั้ย แสดงว่าห้อยพระดีนะเนี่ยพวกเอ็งน่ะ”
จากที่คิดว่าจะแวะทานอาหารอีกครั้งก่อนจะกลับ เด็กหนุ่มทั้งหมดก็รีบเก็บของขึ้นรถทันที กินที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่แล้ว!
“มีอะไรกันวะพวกมึง?”
มูที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จถามเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าตื่นๆ มองซ้ายมองขวากันไปมาสักพัก เป็นบุ๋มกับบีมที่สลับกันถ่ายทอดเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาให้เพื่อนฟัง ซึ่งมูเพียงแค่พยักหน้านิ่งๆ ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นอะไร จนกระทั่งบุ๋มบีมพูดจบ มูก็พูดขึ้นมาต่อ
“กูถึงได้บอกไงว่าอย่าลงน้ำ”
“มึงรู้เหรอว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
ทะเลถามด้วยน้ำเสียงยานคาง แต่ใบหน้าแสดงออกถึงความทึ่งอย่างปิดไม่มิด
“ไม่ได้รู้ขนาดนั้นหรอก” มูบอกปัด “แต่เห็นอยู่ว่าเขาอยู่ในน้ำ ค่อนข้างอาฆาตเลยแหละ”
“...”
“ในบ้านไม่มีใครทำอะไรหรอก เจ้าที่เขาเอาอยู่ กูไหว้ไปแล้วตอนที่มาถึง เขาโอเคนะ ใจดีอยู่ แต่ถ้านอกอาณาเขตบ้านคือเขาก็ทำอะไรไม่ได้ไง กูก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเหมือนกัน”
เชี่ยเอ๊ย นี่เพื่อนในกลุ่มเขาเป็นซูเปอร์ไซย่าเหรอวะ คุยกับเจ้าที่รู้เรื่องด้วย!
หลังจากที่พวกเขารู้เรื่องทั้งหมด มติทุกคนเป็นเอกฉันท์ว่าให้กลับกรุงเทพฯทันที ไม่เที่ยวแล้ว พอ!
------- Wednesday In Class -------
RRrr
“สวัสดีครับ”
“นี่พี่ธนาเองนะครับน้องล้งเล้ง”
ชายหนุ่มที่กำลังจะไปสอนพิเศษเหลือบมองโทรศัพท์อีกครั้ง ธนาไหนวะ?
“ใครนะครับ?”
“พี่ธนาไง คนที่น้องเหยียบเท้าที่บีทีเอสไง จำได้มั้ย?”
ล้งเล้งแอบถอยหายยใจ นี่มันยังอยู่บนโลกอีกเหรอวะ?
“ครับ จำได้ครับ”
ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปในร้านแม็คโดนัลโบกมือให้เด็กน้อยที่นั่งรอเขาตาแป๋วอยู่ ล้งเล้งเดินเข้าไปวางชีทเหมือนกับที่ทำเป็นกิจวัตร แทนกายกำลังนั่งจ้องชีทตรงหน้าตัวเอง โจ้กำลังเล่นมือถือ ลิลลี่กับลูกเกดกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างออกรส
“พี่อยากจะนัดทานกาแฟกับเราน่ะครับ”
“อ๋อ ครับ”
ล้งเล้งตอบรับไปอย่างไม่คิดอะไร ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ คนเหยียบเท้ากันมันต้องนัดกินข้าวกันเลยเหรอวะ ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ถ้าเป็นวันนี้สะดวกมั้ยครับ?”
นักศึกษาหนุ่มขมวดคิ้วหงุดหงิด มันจะรีบอะไรนักหนาวะ ไม่รู้จักคำว่านัดล่วงหน้าหรือยังไง?
“วันนี้ผมมีสอนพิเศษ”
“เอาเป็นตอนเราสอนเสร็จก็ได้ครับ”
“...”
“เป็นวันนี้เนอะ เราสอนเสร็จกี่โมงครับ?”
การมัดมือชกของอีกฝ่าย ทำให้ล้งเล้งต้องตอบรับคำชวนทานข้าวนั้นอย่างเสียไม่ได้
“ครับ แต่ขอเป็นที่สยามนะครับ”
“ได้อยู่แล้ว” เสียงตามสายตอบกลับมา “พี่ตามใจน้องล้งเล้งอยู่แล้ว”
“ครับ แล้วเจอกัน”
นักศึกษาหนุ่มตัดบท ถอนหายใจกับตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไง ไอ้ลูกหมา”
“มึงอีกแล้ว”
“โห พูดกับคนคุยงี้กูเสียใจแย่” ทะเลทำน้ำเสียงเหมือนกับกำลังน้อยใจอย่างเสแสร้ง “ถ้าเป็นคนอื่นนี่เขาน้อยใจจนต้องง้อแล้วนะเนี่ย”
“พูดมาก กูต้องง้อมึงมั้ยเนี่ย?”
“ง้อดิ มาง้อเลย ยืนรอให้ง้ออยู่”
ไม่พูดเปล่า นิสิตหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ล้งเล้งมากขึ้น จนล้งเล้งสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่เคยเห็นใบหน้าของทะเลชัดขนาดนี้มาก่อน
ทั้งที่รอบตัวพวกเขามีเสียงจ้อกแจ้กจอแจของคนที่อยู่ในแม็คโดนัล แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น โลกทั้งใบของล้งเล้งหยุดนิ่ง ชายหนุ่มไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหัวใจของตัวเอง
ล้งเล้งเพิ่งรู้สึกว่าแววตาของทะเลนั้นชวนมองขนาดนี้
แม่งเอ๊ย หัวใจถึงกับกระตุกไปวูบหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
นักศึกษาหนุ่มกัดริมฝีปาก ล้งเล้งไม่ใช่เด็กอนุบาล เขาเป็นชายวัยเกือบยี่สิบปีบริบูรณ์ เป็นเรื่องที่เดาไม่ยากเลยสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นอะไร เพียงแต่เขาไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องมารู้สึกแบบนี้กับคนที่ล้อเลียนเสื้อ I am a Barbie Girl ตอนสมัยอนุบาลจะมาทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบนี้
อันตราย!
“มะ… ไม่”
ล้งเล้งรู้สึกว่าตัวเองมือเย็นเฉียบ ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่ต้องออกไปพรีเซนท์งานหน้าคลาสอีก!
“ไม่อะไร? ไม่อยากเป็นคนคุยแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่!”
“งั้นเลื่อนเลยมั้ย แต่งงานกัน”
“ไม่ไร้สาระสักนาทีจะตายมั้ย!”
นักศึกษาคนเก่งฟึดฟัดในขณะที่ทะเลทำเพียงแค่หัวเราะ พร้อมกับลูบหัวอีกคนเบาๆ เหมือนอย่างเคย รอบนี้ล้งเล้งรู้สึกอยากจะเอามืออีกคนออก เพราะมันทำให้ความร้อนที่ใบหูเพิ่มขึ้น แล้วมันก็ทำให้เขาขยับมือไม่ได้อย่างที่คิด ทุกอย่างเก้ๆ กังๆ ไปหมด
ซึ่งมันเป็นเพราะทะเล
มีแค่ทะเลคนเดียวนั่นแหละที่ทำให้เขาเป็นขนาดนี้ได้
“หลังสอนเสร็จไปไหน?”
ทะเลที่เดินถือถาดที่มีเพียงเฟรนช์ฟรายมายืนอยู่ข้างล้งเล้งที่กำลังจะรับถาดชุดแม็คฟิชอัพไซส์ นักศึกษาหนุ่มหันมองคนข้างๆ แว๊บหนึ่ง ก่อนที่จะตอบออกไป
“มีนัดว่ะ”
ไม่รู้ว่าล้งเล้งคิดไปเองหรือเปล่า แต่ทะเลเหมือนกับจะเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย คล้ายกับนี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาคิดว่าจะได้ยิน
“กับพวกน้องๆ เหรอวะ?”
“ไม่อ่ะ”
ล้งเล้งปฏิเสธ เขากับทะเลเดินมาถึงโต๊ะที่ต้องใช้สอนน้องของล้งเล้ง ซึ่งน้องๆ ก็ยกมือไหว้ทะเลกับล้งเล้งกันอย่างพร้อมเพรียง อาจจะยกเว้นน้องโจ้ที่ทำหน้าตึงเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ
“อ้าว งั้นนัดใครวะ? ถ้าเป็นพวกไอ้มูกูจะได้ไปด้วย”
“พี่ธนา ที่เราเคยเจอที่บีทีเอสไง มึงจำได้มั้ย?”
“ไม่”
“คนที่กูไปเหยียบเท้าเขาบนรถไฟฟ้าไง ที่เจอกันพร้อมมึงด้วยอ่ะ”
“อ๋อ ไอ้นั่น”
ทะเลหน้าตึงแบบที่ล้งเล้งไม่ได้คิดไปเอง
“แล้วเจอเขาทำไมวะ?”
“ก็เขานัดกินกาแฟไถ่โทษวันนั้น”
ในเวลาเสี้ยววินาที ทะเลก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงยานคางที่แฝงความมุ่งมั่นเอาไว้
“กูไปด้วย”
-------- TBC --------
อย่างที่บอกในทวิตนะคะว่าเราจะอัพให้ตอนหนึ่ง แล้วขอพักยาวๆ จะลงใหม่เมื่อแต่งจบนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
เอาไว้เจอกันเมื่อเราสามารถแต่งนิยายเรื่องนี้ได้นะคะ
#รักไม่คาดคิดในวันพุธ