ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562  (อ่าน 75542 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่เว่ยคงอยากให้2 ปีผ่านไปเร็วๆ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
11

มาอยู่ที่เมืองหยางได้หนึ่งสัปดาห์กว่าจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ก้าวขาออกจากจวนเลยแม้แต่ครึ่งก้าว เหตุเพราะพี่ใหญ่บอกว่าจะเป็นผู้พาไปแล้วดูสิ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แม้จะปลายเส้นผมยังไม่เห็นพี่ใหญ่ที่จวนเลยสักนิด ส่วนบุรุษอีกผู้หนึ่งนั้นก็หายเงียบไม่ได้ข่าวคราวเช่นเดียวกัน ส่วนบิดานั้นออกไปสอนหนังสือที่สำนักศึกษาของเมือง เหลือเพียงผมที่อยู่ว่างๆ นั่งถอนหายใจทิ้ง แม้จะบอกว่าทุกคนวุ่นวายแต่ทำไมถึงมีเวลามากินกับข้าวที่ผมทำเล่า

เบื่อ

เบื่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“ข้าทนไม่ไหวแล้วซื่อจู” ผมผุดลุกนั่งพร้อมกับร้องบอกคนสนิท

“อะ.อะไรหรือขอรับนายน้อย”

“ข้าเบือ ข้าจะออกไปข้างนอกเจ้าไปกับข้านะ” ผมจะไม่ทนต่อไปอีกแล้ว ซื่อจูทำท่าจะพูดอะไรแต่เมื่อเห็นว่านายน้อยนั้นท่าทางหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนก็เงียบเสียงทั้งยังรีบลุกขึ้นมาช่วยผมผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าห้อยป้ายหยกเรียบร้อยผมก็หยิบถุงเงินใส่ในอกเสื้อ คิดไว้ว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดเผือว่าจะมีอะไรให้ผมทำแก้เบื่อได้และไปตลาดก็ต้องระวังกับการถูกวิ่งราว เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยผมกับซื่อจูก็พากันเดินออกจากจวน ไม่ได้ที่จะขัดคำสั่งหรอกนะ ผมแจ้งให้ท่านบ้านส่งคนไปแจ้งแก่พี่ใหญ่และท่านพ่อไว้แล้วเพราะหากกลับมาไม่เจอผมต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่สิ่งที่ผมลืมคิดไปคือแค่ผมก้าวเท้าออกจากจวนก็เป็นเรื่องใหญ่ของบุรุษทั้งสองแล้ว

แววตากลมฉายแววซุกซนกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น บุรุษร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยอาภรณ์สีฟ้าครามขับผิวขาวให้โดดเด่น ใบหน้างดงามสมวัยนั้นประดับรอยยิ้มที่เรียกสายตาจากทุกผู้

“นั่นคุณชายน้อยจวนไหนกันข้ามิเคยเห็นหน้า”

“ช่างรูปงามนัก”

“จะใช่คุณชายน้อยตระกูลไป๋หรือเปล่า”

“คงจะใช่” แม้จะมีเสียงซุบซิบลอยตามลมมาหากแต่คนที่ตกเป็นเป้าก็ไม่สนใจเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ในมือของซื่อจูตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารจากร้านข้างทาง นี่ยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งข้าวของก็เต็มมือไปหมดแล้ว

“เจ้าไหวรึไม่ซื่อจู”

“บ่าวไหวขอรับหากแต่คุณชายจะซื้ออะไรอีกหรือไม่ขอรับ” ผมหันไปมองสองมือของซื่อจูที่เต็มไปด้วยของกิน ถ้าหากจะซื้ออีกคงจะลำบากซื่อจูเกินไป แต่ก็ช่วยไม่ได้ผมมองไปทางไหนก็มีแต่อาหารและขนมแปลกตาเลยเผลอซื้อมากไปหน่อย กวาดสายตามองรอบๆ เมืองหยางแม้จะยังมิใช่เมืองท่าแต่ในตัวเมืองก็ยังคลาคล่ำไปด้วยร้านค้ามากมาย หากเป็นเมืองท่าที่ห่างไปไม่ไกลนั้นจะคึกครื้นแค่ไหนกัน เมืองหยางและเมืองท่าจะห่างกันราว 10 ลี้ (ราวๆ 5 กิโลเมตร) เพราะองค์ฮ่องเต้ไม่อยากให้ชาวต่างชาติมาวุ่นวายกับเมืองหยางจึงสร้างเมืองท่าเพื่อรับรองไว้ หากจะเข้าเมืองหยางต้องทำเรื่องเข้าเมือง เหมือนด่านต.ม.เลย แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะกันความวุ่นวายเพราะต่างภาษาและวัฒนธรรม ผมเลือกเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุด

“นั่งลงสิซื่อจู”

“ไม่ได้หรอกขอรับ” ซื่อจูยังคงหอบของยืนอยู่ข้างโต๊ะ ผมถอนหายใจก่อนที่จะออกคำสั่งให้ซื่อจูนั่งลงด้วยกัน เมื่อเป็นคำสั่งซื่อจูก็ยอมทำตามโดยดี ข้าวของถูกวางไว้ ผมนั่งอยู่บนชั้นสองของเหลาอาหารโต๊ะหลังฉากกั้นเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว มองบรรยากาศของตลาดด้านล่างด้วยความสุขใจ เมื่อเสี่ยงเอ้อมาผมก็สั่งอาหารขึ้นชื่อมาสามสี่อย่างพร้อมกับน้ำชาหนึ่งกา รอไม่นานนักอาหารก็ถูกยกขึ้นมา

“อ๊ะ รสชาติดียิ่ง”

“แต่บ่าวว่าอาหารของคุณชายก็ไม่เป็นรองนะขอรับ” แหม อยู่เป็นจริงนะซื่อจู ผมไม่ได้ว่าอะไรตอนนี้นั่งอยู่ที่เหลาอาหารอันดับหนึ่งแต่จะมาโอ้อวดว่าตัวเองมีฝีมือยอดเยี่ยมไม่ได้หรอกนะ อาหารดี บรรยากาศดี ทำให้ผมอารมณ์ดี

“เจ้าเอาของไปเก็บที่จวนก่อนดีกว่าซื่อจู ข้าจะรอเจ้าที่นี่” แม้จะลังเลแต่เมื่อเห็นว่าอยู่บนเหลาอาหารทั้งยังเป็นที่ส่วนตัว

“คุณชายรออยู่ที่นี่นะขอรับ” ผมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ซื่อจูรีบหอบของแล้วรีบจากไป ผมก็นั่งจิบน้ำชาทานขนม อ่า ช่างเป็นชีวิดง่ายๆ ที่ผมใฝ่ฝันถึง ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเครียดหัวปั่น

“ถ้าได้หนังสือสักเล่มก็คงดี” พูดพึมพำกับตัวเองสายตากลมยังคงมองเบื้องล่าง

ครืด

“ท่านเป็นใคร” ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับความคิดในหัวต้องหยุดลงเมื่อมีใครก้าวเข้ามาขัดความสุนทรี แววตากลมฉายแววขุ่นเคือง

“ขออภัยคุณชายข้าเพียงแต่อยากทำความรู้จักกับท่านเท่านั้นเอง” บุรุษเบื้องหน้าแม้ปากจะบอกว่าอยากทำความรู้จักหากแต่ทั้งสายตาและการกระทำกลับคุกคามจนน่ารังเกียจ

“ข้าไม่อยากรู้จักกับท่านเชิญท่านออกไปเสีย” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งยื่นประจันหน้ากับผู้บุกรุก แม้จะไม่ได้หล่อเหลาเท่าพี่ใหญ่แต่ก็ดูภูมิฐานจากชุดที่สวมใส่ก็ดูเป็นคุณชาย ผมมองบุรุษตรงหน้าอย่างระแวดระวังเพราะอยู่ลำพัง

“ข้ากั่วหลงเป็นเจ้าของเหลาอาหารแห่งนี้ ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยมีนามว่ากระไร” นี่มีหูไว้ทำไมก็บอกว่าไม่อยากรู้จักยังมาเซ้าซี้หากแต่นี่ก็ถิ่นเขาจะเปรี้ยวมากไม่ได้

“ข้าอวี้หลิง” ผมตอบเสียงเรียบไม่กล่าวถึงแซ่ตัวเอง

“ข้าอยากเชิญคุณชายไป๋ไปร่วมดื่มชาได้รึไม่”

“ข้าไม่สะดวกต้องขออภัยด้วย” ร่างบางก้าวถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาชิด

“เจ้างามยิ่ง หากได้ดื่มชาและเสวนากับท่านคงดียิ่ง” ไอ้.... ทำไมถึงมีผู้ชายขี้ตื้อแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยนะ เพราะท่าทีคุกคามทำให้ผมมองหาทางหนีทีไล่

คุณชายกั่วหลงเป็นที่ล่ำลือทั่วทั้งเมืองหยางหากแต่ไม่ใช่ในเรื่องราวที่ดีนัก ทั้งที่เป็นคุณชายตระกูลวาณิชแต่กับทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญมิทำงานทำการระรานคุณหนูคุณชายที่ต้องตา และมิมีผู้ใดห้ามปรามยิ่งทำให้คุณชายกั่วนั้นลำพองใจด้วยเพราะเป็นหลานชายของเจ้าเมืองที่แม้ทำสิ่งใดผิดเมื่อไปร้องเรียนก็จะถูกไล่ออกมา

“ข้าไม่ไปท่านจงออกไปซะ” สถานการณ์ที่ผมเผชิญตอนนี้ต่อให้หลับตาก็รู้ว่าผมนั้นตกเป็นรองบุรุษเบื้องหน้าก้าวขยับเข้ามาใกล้ผมก็ถอยจนชิดราวระเบียง ถ้าหากเขาอยู่ร่างเดิมไอ้ผู้ชายตรงหน้านี้คงจะไม่คณามือ “เจ้าจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ”

“ข้าเชิญท่านไปดีๆ แล้วนะ” น้ำเสียงข่มขู่พร้อมกับมือที่เอื้อมหมายจะจับข้อมือเล็ก ผมมองซ้ายมองขวาอย่างหาทางออก และทางออกเดียวคือระเบียงอ่า ไม่ดีๆ อาจจะตายได้

พรึบ

“จงไสหัวสุนัขของเจ้าออกไปซะ” ขณะที่ผมกำลังจะหาทางหนีเบื้องหน้าก็ถูกบดบังด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่สองคน มือที่ยืนมาหมายที่จะจับมือถูกหยุด

“พวกเจ้า!!” กั่วหลงตวาดลั่นพลางขยับถอยห่างด้วยความหวาดกลัวเมื่อบุรุษที่มาขวางนั้นต่างสูงใหญ่แล้วกลิ่นอายไม่ธรรมดา

“ไสหัวไป” ว้าวแค่คำพูดก็น่าเกรงขามเพราะรู้ว่าตัวเองนั้นปลอดภัยแล้วผมก็โล่งใจ

“พวกเจ้าไม่รู้รึว่าข้าหลานผู้ใด” ต่อให้ยุคสมัยไหน โลกไหนก็จะมีพวกแบบนี้อยู่บนโลกสินะ

“หากเจ้ายังไม่รู้แล้วพวกข้าจะรู้ได้เยี่ยงไร คุณชายกั่ว”

“เจ้า!!”

ฉึบ

ก่อนที่กั่วหลงจะได้ขยับเข้ามาใกล้กระบี่ในมือของทั้งสองถูกชักออกมาพาดคออย่างรวดเร็ว คุณชายเจ้าสำราญถึงขั้นขาสั่นขยับถอยหลังแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน แหม กากจริง เมื่อคู่กรณีหนีไปก็เหลือผมกับบุรษปริศนาทั้งสองคน

“ขอบพระคุณท่านทั้งสองมากขอรับ”

“คุณชายไป๋อย่าขอรับ พวกข้าทำตามหน้าที่ขอรับ”

“เจ้านายของท่าน..”

“ชินอ๋องขอรับ”

“ถึงเช่นนั้นก็ยังต้องขอบคุณขอรับ” ทั้งสองคนยกมือประสานแล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดไปทันที อ่า พี่เว่ยถึงขั้นให้องครักษ์เงามาคอยดูแลเขาเลยเหรอ ช่างเป็นบุรุษที่ทุ่มเทจริงๆ
****************************

50 เปอร์

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ทั้งห่วง ทั้งหวง เลยสินะท่านอ๋อง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มันก็ต้องมีทิ้งองค์รักษ์ไว้เป็นธรรมดากันหมามันจะมาคาบไปล่ะนะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ถึงตัวไม่อยู่ แต่ก็ทิ้งองค์รักษ์ไว้ดูแล

 o13 o13

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อยากอ่านต่ออีกแล้ว คุณชายไป๋  :z3: :ling1: :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
คล้อยหลังไม่นานจากองครักษ์ ผมที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นมาจิบก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีเงากระโดดเข้ามาทางระเบียง ฮ่วย อะไรกันนักกันหนา แต่เมื่อหันไปก็เจอกับ

พี่เว่ย

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึไม่”

“ข้าไม่เป็นไรขอรับ องครักษ์ของท่านมาช่วยไว้ทันเวลาขอรับ” ผมรินชาใส่ถ้วยพร้อมยื่นให้ชินอ๋องที่จู่ๆ ก็โผล่มา อ่าอยากเรียนวิชาตัวเบาจังคงจะสบายเวลาเดินทางไปไหนมาไหน

“ดีแล้ว เจ้าจะกลับรึยัง”

“พี่เว่ยว่างหรือขอรับ” เมื่อถามถึงว่าว่างหรือไม่ว่าง สีหน้าที่ถูกขนานนามว่าเยือกเย็นกลับเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ดูท่าที่มาคงไม่ใช่เพราะว่างแล้วสิแต่เป็นหนีงานมาสินะ

“พี่เป็นห่วงเจ้า” อ่า พูดคำหวานแบบนี้ก็ได้เหรอ จะเป็นบุรุษที่ครบเครื่องเกินไปแล้วนะ นั่งจิบชาอยู่ไม่นานซื่อจูก็กลับมาพร้อมกับบ่าวติดตามอีกสองคน

“บ่าวขออภัยที่มาช้าขอรับ” ซื่อจูรีบขออภัย ผมโบกมือว่าไม่เป็นไร ซื่อจูขยับไปยืนหลังฉากปล่อยให้ผมและท่านอ๋องอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“เจ้าหนีมาเที่ยวแบบนี้บิดาเจ้าได้โมโหแน่”

“ข้ารู้ดีพี่เว่ยเพียงแต่ข้าเบื่อ” ใบหน้าหวานมุ่ยลงเมื่อพูดถึงการออกมานอกจวนโดยมีเพียงบ่าวติดตาม แถมยังโดนลวนลาม..อ่า น่าจะเรียกว่าลวนลามได้ล่ะนะ

“เจ้าอยากไปที่เมืองท่าหรือไม่” ผมนี่ตาเปล่งประกายทันที ผมรีบพยักหน้ารัวมือวางถ้วยชาลงเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเขย่าเบาๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้ไป ผมอาจจะได้ของเล่นใหม่ๆ มาทำแก้เบื่อหรืออาจจะรังสรรค์เมนูฝรั่งออกมาได้ ไม่อยากจะโม้ว่าผมทำอาหารได้หลายชาตินะครับ

“พาข้าไปนะขอรับ”

“พรุ่งนี้ยามสายพี่จะไปรับเจ้าที่จวน”

“ข้าจะรอขอรับ” ทำไมถึงได้ตามใจผมแบบนี้นะ

เมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงในใจดวงน้อยเริ่มแตกหน่อออกใบ ถูกดูแลรดน้ำพรวนดินด้วยความใจใส่จากผู้หวานเมล็ดนั้นลงไปไม่แปลกที่นับวันต้นกล้าอ่อนต้นนี้เติมโตขึ้นอย่างสวยงามและแข็งแรงเพื่อเติบโตถักทอเส้นใยพันผูกความรู้สึกของทั้งสองคนเพิ่มพูนและหวานล้ำยิ่งขึ้น

เมื่อนัดแนะวันและเวลาแล้วบุรุษผู้งานยุ่งก็สะกิดปลายเท้าออกจากห้องทันที ต่อให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ยังหน้าตื่นตกใจ เมื่อพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวผมก็คิดว่าวันนี้สมควรแก่การกับจวนได้แล้ว

“ซื่อจูเรากลับกันเถอะ” พวกเราก็ยกขบวนกลับจวนแม้ขากลับจะได้ผ้ามาหลายพับก็ตาม เอาไว้ตัดชุดที่ดูคล่องตัวที่จะฝึกวิทยายุทธ์ และเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว เมื่อกลับถึงจวนผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องครัว เพื่อลงมือทำมื้อเย็นเพราะท่านพ่อบ้านแจ้งเมื่อผมเดินกลับเข้าจวนมาว่าทั้งบิดาและพี่ใหญ่นั้นยังไม่กลับมา มื้อเย็นผมทำหมูผัดเปรี้ยวหวาน ปลานึ่งแป๊ะซะ น้ำจิ้มสองแบบพร้อมกับผักสำหรับกินแกล้ม ของหวานเป็นสังขยาฟักทอง

“เจ้ามายุ่งในห้องครัวอีกแล้วหรือ”

“พี่ใหญ่ท่านกลับมาแล้ว” ผมวางตะหลิวในมือวิ่งไปกอดพี่ใหญ่ ที่วันนี้ยอมกลับจวนก่อนยามห้าย (21.00 - 22.59) ซึ่งเป็นเวลาผมนอนแล้ว ยังเด็กอยู่ครับนอนเร็วตื่นไวจะได้โตเร็วๆ

“วันนี้เจ้าไปซนนอกจวนรึ” อ่า ผมถอยหลังก้าวหนึ่งพี่ใหญ่ต้องรู้แล้วว่าวันนี้ผมทำอะไรมาบ้าง ผมเลยขยับเข้าไปกอดแขนแล้วเอนซบต้นแขนแกร่ง

“ข้าไปซื้อของมาทำมื้อเย็นไงขอรับ”

“แล้วต้องไปเจอกับเจ้าสหายน่าตายของพี่ด้วยรึ” น้ำเสียงเข้มขึ้นนิดๆ นั่นทำให้ผมหลุดขำ ในใจรู้สึกพองโตไปด้วยความรู้สึกไม่เคยมีใครหวงเขาแบบนี้มาก่อน

“วันนี้มีของหวานพิเศษให้พี่ใหญ่ด้วยนะขอรับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

“เจ้านี่นะ พี่จะรอที่ห้องโถงเจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะให้บ่าวทำหน้าที่เสียบ้าง” พี่ใหญ่เอ่ยเย้าที่ผมชอบแย่งหน้าที่บ่าวทั้งทำกับข้าวหรือการดูแลตนเองก็มันเคยชินจะให้ทำไงได้

“ข้าฝากพวกเจ้าด้วยนะ”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” บ่าวไพร่ต่างขานรับด้วยความยินดีเพราะคุณชายน้อยของพวกเขานั้นแม้ไม่เพียงที่จะทำอาหารเย็นเพื่อนนายท่านและคุณชายใหญ่แต่หากเผือแผ่ถึงบ่าวไพร่ในบ้าน ทั้งยังร่าเริงน่ารักใจดีกับบ่าวไพร่ไม่ถือตัวเลยด้วยซ้ำจึงเป็นที่รักของบ่าวในจวนทุกผู้

ผมรีบวิ่งกลับเรือนหากบิดามาเห็นคงจะโดนทำโทษตามกฎตระกูลฐานทำตัวไม่เหมาะสมแน่ๆ เมื่อถึงเรือนผมก็ปลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่ห้องโถง ท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างนั่งประจำที่อยู่แล้ว

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ข้าขออภัยที่ช้าขอรับ”

“เจ้านั่งเถอะ”

“นี่เป็นปลาแป๊ะซะขอรับทานกับน้ำจิ้มสองแบบตัวนี้จะรสจัดนะขอรับ” ผมแนะนำวิธีการกิน ซึ่งไม่นานทั้งสองก็ลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย ท่านพ่อดูจะชอบน้ำจิ้มหวานส่วนผมและพี่ใหญ่ชอบน้ำจิ้มรสจัดนี้

“ของหวานมื้อเย็นขอรับ” แม้จะทานมื้อเย็นมาหนักแค่ไหนพี่ใหญ่ก็สามารถทานสังขยาฟักทองได้ถึงสองชิ้นใหญ่ๆ โถ แพ็คของพี่ใหญ่จะหายไปก็เพราะของหวานนี่ล่ะนะ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ คือว่า...” ผมอ้ำอึ้งเมื่อจะพูดถึงนัดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้เพียงแค่ออกไปก็เกิดเรื่องขึ้นเสียแล้ว

“นัดหมายของเจ้ากับชินอ๋องใช่หรือไม่”

“ท่านพ่อรู้” ผมหันไปถามอย่างตกใจ ก่อนที่จะสงบลงเมิ่อคิดได้ว่าบุรุษผู้นั้นคงจะต้องขอบิดาไว้แล้วแน่ๆ

“อืม พรุ่งนี้เจ้าไปได้หากแต่อย่าเล่นซนอะไรอีกก็แล้วกัน” ผมอยากจะประท้วงว่าไม่ใช่ความผิดผมเสียหน่อยที่โดนหาเรื่องแต่ก็พยักหน้ารับคำสั่งท่านพ่อ จะมีก็อีกคนที่จ้วงชิ้นฟักทองเหมือนเป็นศัตรูคู่แค้น

“พี่ใหญ่ท่านไม่ชอบหรือ”

“พี่แค่หงุดหงิดไม่อยากให้เจ้าไปกับเว่ยชิน”

“อีกเพียงไม่กี่เดือนพี่เว่ยก็ต้องออกเดินทางแล้วท่านก็ให้โอกาสพี่เว่ยเถอะนะพี่ใหญ่” ยิ่งเห็นผมพูดถึงพี่เว่ยเงามือบนใบหน้าก็ยิ่งขยายกว้าง แค่นี้ก็ไม่ได้อีกรึ พี่ใหญ่จะหวงผมไปถึงขั้นไหนกัน จนกระทั่งทานมื้อเย็นเสร็จ ท่านพ่อก็เอ่ยปากว่าอนุญาตทั้งยังลากพี่ใหญ่ไปที่ห้องหนังสือด้วยทำให้ผมไม่ต้องโดนพี่ใหญ่งอแงเรื่องพี่เว่ยต่อ

หวงข้าแบบนี้จะมีคู่ครองได้ยังไงกัน

เอ๊ะ หรือว่าข้าจะหาคู่ครองให้พี่ใหญ่ รอยยิ้มหวานระบายทั่วหน้า

***********************************

น้องจะไปหาคู่ให้พ่ีใหญ่แล้วค่ะ 

ขออภัยที่มาช้าค่ะพอดีต้องเคลียงานสิ้นเดือนเลยวุ่นๆหน่อย

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ที่ล้นหลามและชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ขอบคุณนะคะ 

รัก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใครจะมาเป็นคู่ของพี่ใหญ่กันนะ ????  :really2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ครอบครัวนี้น่ารักจัง  :mew1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
12

เมื่อถึงวันนัดหมายผมตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดก่อนที่ซื่อจูจะมาปลุกเสียอีกหลังจากซื่อจูยกน้ำอุ่นเข้ามาผมก็รีบจัดการตัวเองแล้วพรุ่งตรงไปยังครัวเพื่อควบคุมการทำมื้อเช้า หลังจากที่เมื่อวานกลับห้องผมก็นั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะซื้ออะไรกลับมาบ้างโดยหวังว่าที่เมืองท่าจะมีของที่ผมต้องการนะ อยากได้เมล็ดพืชไว้มาปลูกที่หน้าเรือน

“หลิงเอ๋อร์เจ้าจะไปกับเว่ยชินจริงๆ ใช่หรือไม่” ผมก็อยากจะถามพี่ใหญ่เช่นกันว่า พี่ใหญ่จะถามผมอีกกี่รอบกัน ตั้งแต่เจอหน้าเช้านี้พี่ใหญ่ก็ถามเพียงแต่คำถามนี้

“เจ้าเลิกเซ้าซี้หลิงเอ๋อร์เสียที ไม่รีบเข้าไปที่ค่ายรึ”

“ท่านพ่อข้าไม่อยากให้หลิงเอ๋อร์ไปเลยขอรับ” ผมคีบหมูสามรสเข้าปากเงียบๆ ไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่ง ถึงจะเป็นเรื่องของผมก็เถอะให้ท่านพ่อเป็นคนห้ามอาการซิสค่อนของพี่ใหญ่เองเถอะ ผมขี้เกียจยุ่งแล้ว

“เจ้าจะมากะเกณฑ์ชีวิตน้องมิได้ อวี้จิ้งหากจะหวงน้องเจ้าควรมีขอบเขตเสียบ้าง” หมูสามชั้นคั่วเกลือนี่อร่อยจริงๆ ปล่อยให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทะเลาะกันไปครับผมขอมีความสุขกับมื้อเช้าดีกว่า

“เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ นะหลิงเอ๋อร์” แม้จะต้องไปทำงานแต่ก็ยังไม่วายหันมากำชับผมอีกรอบหนึ่ง เลยได้แต่พยักหน้ารับอย่างจนใจ พี่ใหญ่เป็นพี่ที่ดีเช่นนี้คงจะเป็นคนรักที่ดีเช่นกัน ยืนส่งพี่ใหญ่และท่านพ่อไปทำงานที่หน้าจวนเมื่อรถม้าของท่านพ่อลับสายตาผมก็รีบกลับเรือนเพราะใกล้ได้เวลานัดแล้ว

“บ่าวช่วยขอรับนายน้อย” ผมพยักหน้าอนุญาต ซื่อจูเข้ามากับถูหลังขัดผิวให้ผม ตอนแรกนั้นผมตกใจแทบตายเพราะไม่ชินกับการที่มีคนเข้ามาช่วยตอนอาบน้ำเห็นอย่างนี้ผมก็ไม่ด้านขนาดนั้นนะครับ หลังจากขัดผิวแล้วก็แต่งตัว เป็นชุดสีฟ้าครามให้สมกับวัย เมื่อถึงเวลาพ่อบ้านก็มาแจ้งว่าถึงรถม้าของชินอ๋องได้รออยู่หน้าจวนแล้ว ตรวจข้าวของให้เรียบร้อยแล้วรีบเดินออกไปที่หน้าจวน เมื่อประตูจวนเปิดบุรุษร่างใหญ่ในอาภรณ์สีมุขที่เอวห้อยหยกประจำตัวแม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับดูสูงสง่าน่าเกรงขาม

“พี่เว่ย”

“เจ้าดูดีมากมาเถอะ หากช้าเกรงว่าคงได้กลับถึงจวนก็มืดค่ำ” ผมรีบวางมือลงมือใหญ่ที่ยืนออกมาประคองให้ผมขึ้นรถม้า ช่างสมกับเป็นรถม้าของชินอ๋องภายในดูหรูหราและนุ่มสบายมาก เมื่อพี่เว่ยขึ้นมารถม้าก็ออกตัว ผมนั่งมองวิวผ่านหน้าต่างรถม้าหากแต่ก็รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองโดยตลอด

“พี่เว่ย ท่านจะจ้องข้าไปตลอดทางเลยหรือ” เพราะรู้สึกใจเต้นแปลกๆ กับสายตาที่จ้องมาทำให้ผมต้องเอ่ยถาม

“พี่มองเจ้ามิได้รึ” ยัง..ยังจะกวนอีก

“ข้ามีอะไรให้ท่านมอง”

“เพราะเป็นเจ้าต่างหากพี่ถึงได้มอง” แหม นี่เพลงขึ้นในหัวเลย อยากจะร้องนะครับแต่ถ้าร้องคนตรงหน้าคงต้องเผ่นหนีแน่ๆ เสียงผมนี่เพี้ยนจนไจแอนท์ยังต้องยอม

“พูดจาเลื่อนเปื้อน” ผมบ่นอุบอิบแล้วหันหน้าหนีมองวิวด้าน ไม่ถึงครึ่งชั่วยามรถม้าก็วิ่งเข้ามายังเมืองท่า ผมตาโตเมื่อเห็นความครึกครื้น ร้านรวงมากมายทั้งพ่อค้าวาณิชที่มาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ร้านอาหารมากมาย ผมอยากลงไปเดินเล่นแล้ว

.

.

ร่างสูงมองแววตากลมโตที่เปล่งประกายยามมองรอบๆ ทั้งรอยยิ้มงดงามที่คอยเผือแผ่ให้ผู้คนรอบจนเขาแทบอยากจะยกเลิกแล้วพากระต่ายตัวน้อยกลับจวนหากแต่ก็ไม่อยากให้ใบหน้างดงามนั้นเศร้าหมอง ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาเกิดความรู้สึกหวงแหนรอยยิ้มของผู้ใด จับมือเล็กประคองลงจากรถม้าหากแต่เมื่อลงมาแล้วก็ยังมิยอมปล่อยเพราะกระต่ายน้อยนั้นดึงดูดสายตามากเกินไป

“เจ้าจงอยู่ใกล้พี่ไว้”

“ขอรับ พี่เว่ยไปดูทางนั้นกันขอรับ” แม้จะพยักหน้าขานรับแต่ก็ยังเดินนำมุ่งไปยังย่านการขายอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตัวเล็กแบบนี้เอาเรี่ยวแรงมาแต่ที่ใด ถึงได้ลากเขาตัวปลิวเข้าร้านนั้นร้านนี้

แล้วเขายิ่งประหลาดใจเมื่อกระต่ายน้อยของเขาพูดคุยกับชาวโฝหลางจีอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังซื้อของแปลกประหลาดมากมายถุงเงินที่เจ้ากระต่ายเอามานั้นเริ่มเบาขึ้นทุกที

“เท่าไหร่หรือ” ภาษาไม่คุ้นหูถูกพูดจากร่างเล็กพร้อมกับรอยยิ้มส่งมอบให้กับพ่อค้า ซึ่งเขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อรอยยิ้มนั้นถูกมอบให้กับผู้อื่น

“พี่เว่ย ท่านรีบหรือไม่ขอรับ” ก้มลงมองใบหน้าหวานที่หันมาถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง เหงื่อเม็ดน้อยผุดขึ้นที่หน้าผากเนียน เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงยกแขนเสื้อขึ้นซับเบาๆ ที่หน้าผากเนียน

“ไปเอาร่มมา” แม้จะไม่มีแดดแต่หากร่างเล็กก็ยืนซื้อของอยู่นาน

“ขอบคุณขอรับพี่เว่ย” มุมริมฝีปากหนายกขึ้นชั่วครู่ก่อนที่จะหายไปทันที เมื่อบ่าวเอาร่มมาเขาก็เป็นคนกางร่มให้กับกระต่ายน้อยที่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ร่างที่เล็กกว่านั้นเขย่งปลายเท้าผ้าเช็ดหน้าซับลงที่ขมับเขาเบาๆ

อ่า

กระต่ายน้อยของเขาทำตัวน่ารักน่าชังอีกแล้ว

“เจ้าอยากได้อะไรอีกหรือไม่หลิงเอ๋อร์” เมื่อร่างเล็กผละออกเลยเอ่ยถาม วันนี้ทั้งวันนั้นเขาทุ่มเทให้กับกระต่ายน้อย การเลี้ยงดูเอาใจใส่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ

“ข้าอยากไปร้านขายของทะเลสดขอรับ”

“พี่จะพาไป”

มือหนาและมือเล็กสอดประสานกุมมือแน่นอีกทั้งรอยยิ้มของบุรุษร่างสูงใหญ่กับเสียงเจื้อยแจ้วหวานของร่างเล็กที่เดินเคียงข้างนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกันว่าช่างเหมาะสมกันยิ่ง

“เจ้าจะซื้อไปทำอะไรหรือ” เมื่อหยุดที่หน้าร้านเจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปเลือกกุ้งและปูอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะทำมื้อเย็นขอรับ วันนี้พี่เว่ยรีบกลับหรือไม่ขอรับ”

“ไม่”

“งั้นอยู่ทานข้าวที่จวนนะขอรับ” ขอแค่ได้อยู่ใกล้แล้วเหตุใดจะไม่ตอบตกลง

“ได้ เจ้าจะทำอะไรบ้าง” เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เจ้าตัวเลือกนั้นไม่คุ้นตาเลย

“จะทำต้มยำกุ้งและปูผัดผงกะหรี่ขอรับ” ยิ่งได้ฟังชื่ออาหารแล้วยิ่งแปลกหู คงต้องรอลุ้นเสียแล้วเพราะถามแล้วกระต่ายน้อยก็บ่ายเบี่ยงมิยอมตอบ หากเป็นผู้อื่นนั้นคงไม่มีทางได้แสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าเขาเป็นแน่

เพียงเพราะรอยยิ้มหวาน

เพียงเพราะดวงตากลมโตที่สบตาเขาโดยไม่หลบสายตา

เพียงเพราะเป็นกระต่ายน้อยของเขา จึงได้เป็นข้อละเว้นทุกอย่าง

***************************  40 เปอร์****************

จากจะแหมมมมมให้ท่านอ๋อง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ความเปย์ขั้นสุดมากค่ะ ท่านอ๋อง

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เจอแบบนี้ใครก็หลง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
****************************************ต่อค่ะ******************************

เมื่อได้ของสดแล้วก็ตั้งท่าจะกลับหากแต่เมื่อผ่านร้านหนึ่งก่อนที่จะถึงรถม้าคนข้างกายก็หยุดชะงักทำให้เขาหันกลับไปมองแววตาที่เคยสดใสนั้นหม่นแสงลง มีทั้งความโหยหาและเศร้าโศกในแววตาคู่สวยคู่นั้นนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกฉงนใจเมื่อไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของกระต่ายน้อยเลยสักครั้ง

“เจ้าอยากได้อะไรหรือหลิงเอ๋อร์” เมื่อถามออกไปเจ้าตัวถึงได้สติหันมามองพร้อมกับสายหน้าเบาๆ หากแต่สายตากลับไม่บอกอย่างนั้น

“ดะ..เดี๋ยวสิพี่เว่ย ข้าไม่ได้อยากเข้าไป” ไม่ฟังเสียงห้ามของเจ้าตัว เมื่อเข้ามาในร้านแล้วหลิงเอ๋อร์ก็ดูจะคุ้นเคยกับสิ่งของที่อยู่ในร้านมาก ทั้งยังพูดภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว จากที่ไม่อยากเข้ามาตอนนี้กลับวิ่งไปเลือกโน้นเลือกนี่อย่างไม่หยุด

“นั่นอะไร” เมื่อมือเล็กหยิบสิ่งที่คล้ายเทียนหากแต่รูปร่างโค้งงอทั้งสียังไม่เหมือนกับเทียนที่พวกเราใช้

“เทียนอบขนมสำหรับไว้ทำขนมขอรับ”

“ช่างแปลกตายิ่ง” ถือตระกล้าเดินตามร่างเล็กที่เริ่มสนุกกับการหยิบจับข้าวของแปลกตาสำหรับเขาแต่เหมือนกระต่ายน้อยจะรู้จักดี

“เจ้ารู้จักทุกอย่างเลยรึ”

“ขอรับ” ร่างเล็กตอบความสงสัยเขาอย่างรวดเร็วไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าตัวเองนั้นรู้จักข้าวของเหล่านี้ได้เช่นไร ทั้งยังคุ้นเคยดียิ่ง หากรายงานของเงาไม่ผิดพลาดซึ่งก็ไม่ ก็คงเป็นเพราะกระต่ายน้อยเขามีความลับที่ไม่เปิดเผยต่อผู้ใด เมื่อเลือกสินค้าได้แล้วก็ส่งให้บ่าวไปจัดการส่วนเขาก็จูงมือกระต่ายน้อยกลับไปที่รถม้า

“เจ้าเหนื่อยหรือไม่”

“ไม่ขอรับ” เพียงแค่รอยยิ้มบนใบหน้าหวานนั้นก็เพียงพอแล้ว

“งั้นกลับกันเถอะ” ช่วงเวลาที่กลับจากเมืองท่านั้นเขานั่งฟังร่างเล็กเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องข้าวของที่ซื้อมาทั้งเล่าเรื่องถึงอาหารมื้อเย็นที่จะทำทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุขนั้นทำให้เขาทำได้เพียงยิ้มและรับฟังอย่างสุขล้นตักตวงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังนั้นไว้

.

.

ไม่อยากจะบอกเลยว่าการไปตลาดทำให้ผมคุ้มมากได้ทุกอย่างเกินสิ่งที่คิดไว้อีกทั้งไม่รู้เลยว่าจะได้ข้าวของจากเมืองไทย ทั้งเทียนหอมและเครื่องเทศ ในหัวของผมมีเมนูมากมายวนเวียนไปทั้งยังโดนตามใจจากร่างสูงที่คอยตามอกตามใจทั้งยังจ่ายให้หมด ถุงเงินที่ผมเอาไปถลุงเข้าออกร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่นนั้นก็มาจากพี่เว่ย อ่า ช่างเป็นสายเปย์ที่น่ากลัวจริงๆ ขนาดผมใช้จนหมดถุงยังไม่ว่าอะไรเลย จะตามใจผมเกินไปแล้ว แถมยังเอาใจใส่ผมมาก จนอยากจะตอบแทน เมื่อเห็นร้านไทย ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบ้าน หากแต่พี่เว่ยก็รู้ดี และสิ่งสำคัญเลย

ผมรู้ดี

รู้ว่าพี่เว่ยมีคำถามมากมายจากสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แต่ก็ไม่เอ่ยถามหรือทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ และถ้าหากพี่เว่ยถาม....ผมก็คงไม่มีคำตอบให้ได้

“พี่เว่ย ท่านไปรอข้าที่ห้องโถงเถอะขอรับ” ผมรีบห้ามร่างสูงที่เดินจูงมือผมในจวนอย่างไม่อายบ่าว ถ้าหากท่านพ่อและพี่ใหญ่อยู่คงไม่ได้มีโอกาสแม้กระทั่งเดินตัวติดกันกับผมหรอก

“พี่จะไปรอเจ้าที่สวน” ดื้อจริง เอาเถอะจะไปนั่งที่ไหนผมก็จะพาไป เมื่อถึงศาลาที่สวนทันทีที่นั่งน้ำชาและขนมก็ถูกยกมาเป็นพ่อบ้านหม่าเป็นคนจัดการ

“พี่เว่ยท่านปล่อยมือข้าเถอะ ข้าจะไปเตรียมตัวทำอาหาร” ยังไม่คิดที่จะปล่อยมือผมอีก

“หึ เจ้าไปเถอะ” ผมลุกขึ้นพร้อมกับบอกให้พ่อบ้านคอยดูแลผู้สูงศักดิ์ให้ดี ส่วนตัวเองก็เดินกลับเรือนพร้อมกับซื่อจู

“นายน้อยขอรับ ผ้านี่ท่านจะใส่เลยไหมขอรับ” ซื่อจูชูผ้ากันเปื้อนที่ผมตัดเย็บไว้หลายผืนขึ้น

“อือ ใส่เลยๆ” ผมหยิบมาใส่เพราะผ้ากันเปื้อนปกตินั้นคาดเพียงแค่เอวทำให้บางครั้งเสื้อผ้าผมเปื้อนเลยตัดผ้ากันเปื้อนแบบใหม่เลย ผมให้ซื่อจูผูกด้านหลังแล้วเดินไปยังครัวที่ผู้ติดตามของพี่เว่ยเอาของมาส่งไว้ให้แล้ว

“ซื่อจูเจ้าให้คนเอาของส่วนนี้ไปไว้ที่เรือนข้านะ” ผมเลือกพวกเครื่องใช้และเมลัดผัก ดอกไม้และกาแฟไปไว้ที่เรือน ส่วนเครื่องเทศตอนนี้พี่ใหญ่สั่งให้คนเอาตู้ไม้มาไว้ให้ในครัว

“ท่านป้า วันนี้ช่วยข้าด้วยนะ”

“เจ้าค่ะ”

“ท่านทำกุ้งเป็นรึไม่” ท่านป้ารับคำว่าเคยทำมาบ้างผมเลยให้ป้าลองทำให้ดู อืมก็ถือว่าใช้ได้ ท่านป้าปลอกเปลือกกุ้งเด็ดหัวกำลังจะทิ้งผมนี่ต้องรีบห้ามไว้ทันที

“ส่วนนี้ของดีเลยนะ ทิ้งไม่ได้ขอรับ ท่านป้าเอาไส่ชามไว้ให้ข้านะ” ผมให้ป้าแกะกุ้งทั้งหมดพร้อมกับลูกมืออีกสองคน ส่วนปูที่จะทำผัดผงกะหรี่นั้นผมเอาไปนึ่งเสียก่อน

“เจ้าช่วยแกะเนื้อปูให้ข้าด้วย ส่วนมันที่อยู่ตรงกระดองก็เก็บแยกไว้ต่างหากนะ” เพราะจะให้ทุกคนมานั่งแกะเนื้อปูเองคงเป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไหร่ แกะเนื้อออกจะได้ทานได้สะดวก

“เช่นนี้หรือขอรับ” ผมหันไปมอง ก็เกือบใช้ได้เหลือเพียงก้าม

“ก้ามนี่เจ้าเอาด้ามทุบให้แตกแบบนี้นะแล้วค่อยเอาเนื้อออกมา”

“ขอรับ” ผมหันไปตั้งหม้อ ใส่น้ำและหัวกุ้งลงไปใส่ข่าและตะไคร้เพื่อดับกลิ่นระหว่างนั้นก็เอาผงกะหรี่ที่ซื้อมาใส่ชาม อีกชามตอกไข่และปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาล น้ำพริกเผา อันนี้ใส่นิดเดียวนะเพราะพริกเผาโลกนี้สมกับซื่อพริกเผา และนมวัวที่ซื้อมาซึ่งน่าจะใช้แทนกันได้ หั่นหอมใหญ่ และขึ้นฉ่าย พริกที่เอาไว้ใส่ตกแต่งไว้อีกชาม

“เสร็จแล้วขอรับ”

“ส่งมาเลย” เทน้ำมันใส่กระทะค่อยๆ เทผงกะหรี่ผัดกับน้ำมันแล้วค่อยๆ เติมนมลงไปค่อยๆ ผัดจนหอมแล้วค่อยเทชามส่วนผสมที่ตีไว้แล้วลงไปผัดให้เข้ากันและข้นได้ที่แล้วใส่เนื้อปูและมันปูลงไป ผัดอย่างรวดเร็วแล้วใส่ผักไปผัดจนสุกชิมรสแล้ว

อ่า

ฝีมือไม่ตกจริงๆ

ผมรีบตักออกจากกระทะเสร็จแล้วอย่างหนึ่ง เมื่อหันมาเปิดหม้อน้ำซุป ทันทีที่เปิดออกกลิ่นหอมของมันกุ้งก็อบอวน ผมใช้กระบวยค่อยๆ บี้หัวกุ้งจนมันกุ้งแตกตัวออกมาแล้วค่อยช้อนเอาหัวกุ้งและข่ากับตะไคร้ออก ต้มจนน้ำซุปเดือดอีกรอบค่อยปรุงรสให้ออกเปรี้ยวนิดๆ เพราะที่สังเกตที่บ้านไม่ชอบเปรี้ยวโดดใส่พริกและกระเทียมลงไป เมื่อท่านป้าล้างกุ้งเสร็จผมก็เทลงไปลวกอีกหม้อหนึ่งถึงเอามาลงหม้อน้ำซุปแล้วยกลงเพราะทำเป็นน้ำใสจะดูถูกปากมากกว่า เมื่ออาหารเสร็จผมก็หันมาทำของหวานส่วนพวกเนื้อกุ้งและปูที่เหลือผมก็ให้แม่ครัวสับรวมกัน ส่วนผมก็โขลกพลิกแกงเพื่อทำทอดมัน

“นายน้อยขอรับ นายท่านและคุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ”

“อ่า ขอบใจเจ้ามาก” ผมหันไปหาท่านป้าเมื่อใส่น้ำมันลงในกระทะพอร้อนก็ปั้นลงไปทอด

“รอมันสุกท่านป้าก็ยกขึ้น ทานพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย”

“เจ้าค่ะ” ผมรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินลิ่วไปยังห้องโถง ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ เหนื่อยรึไม่ขอรับ” เมื่อนั่งข้างพี่ใหญ่ผมก็ถามบิดาและพี่ใหญ่ ส่วนพี่เว่ยก็นั่งจิบชาอยู่ตรงข้าม

“ไม่เหนื่อยแล้วเจ้าเล่าออกไปเที่ยวเล่นเป็นเยี่ยงไร”

“สนุกขอรับ แถมยังได้ของมากมายมื้อเย็นนี้ก็เป็นมื้อพิเศษด้วยขอรับ”

“แค่เจ้าพูดพี่ใหญ่ก็หิวแล้ว” ผมอมยิ้มกับท่าทางพี่ใหญ่ ท่านพ่อหันไปพูดคุยกับพี่เว่ยแถมยังเอ่ยชวนพี่เว่ยทานมื้อเย็นด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาพ่อบ้านก็มาแจ้งว่าเตรียมพร้อมแล้ว ท่านพ่อก็เดินนำไป เพราะเป็นโต๊ะกลมต่อให้พี่ใหญ่อยากจะนั่งแทรกผมก็นั่งข้างพี่เว่ยอยู่ดี เมื่อเห็นอาหารที่ถูกยกเข้ามา สายตาทุกคนก็เปล่งประกายเมื่อเห็นอาหารแปลกตาทั้งสามจาน

“ขอแนะนำนะขอรับ จานนี้ปูผัดผงกะหรี่ นี่ต้มยำกุ้งน้ำใสขอรับ ส่วนนี่ทอดมันกุ้ง หวังว่าจะถูกปากทุกคนนะขอรับ”

“เจ้าช่างทำให้พ่อประหลาดใจนัก”

“น่าทานยิ่ง” พี่ใหญ่กวาดสายตามองอาหารทุกจานในมือที่ถืออาวุธแน่นเตรียมพร้อมที่จะทานแล้ว ส่วนพี่เว่ยรายนั้นก็เพียงส่งยิ้มน้อยๆ ให้ แต่ผมรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นมีค่าเพียงใด ท่านพ่อลงมือด้วยการทานปูผัดผงกะหรี่ก่อน เมื่อทานเสร็จท่านพ่อเอ่ยชมอยู่หลายคำก่อนที่พวกเราจะลงมือทานมื้อเย็นด้วยความเอร็ดอร่อย ทั้งพี่เว่ยและพี่ใหญ่ต่างขอเพิ่มข้าวเป็นรอบที่สาม

พี่ท่านจะทานเท่าไหร่ช่วยเกรงใจหุ่นด้วยขอรับ

หลังจากมื้อเย็นแสนอร่อย รับประกันด้วยความเกลี้ยงเกลาของกับข้าวที่เรียกได้ว่าสะอาดหมดจดไม่เหลือแม้กระทั่งเศษผัก จะกินดุอะไรขนาดนั้น วันนี้ไม่มีของหวานเพราะว่าทำไม่ทันเพราะแค่อาหารมื้อใหญ่นี้ก็กินเวลามากเหลือเกิน พวกเราเดินมาส่งพี่เว่ยที่หน้าจวน

“ขอบคุณท่านลุงไป๋ อาหารอร่อยมาก พี่ขอบใจเจ้ามากหลิงเอ๋อร์” ผมยิ้มกว้างเป็นคำตอบ

“ข้าดีใจที่ท่านชอบขอรับ”

“แฮ่มๆ เว่ยชินเจ้าก็รีบๆ กลับได้แล้ว” สีหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนไปชั่วครู่ก่อนที่จะเรียบนิ่งเหมือนเดิมคงจะรำคาญสหายตัวเองสินะ ผมแอบขำ

“ไว้เจอกันนะขอรับพี่เว่ย” ผมแค่เพียงเอ่ยลากับพี่เว่ยก็เรียกปฏิกิริยาจากทั้งพี่เว่ยและพี่ใหญ่

“เจ้าอย่ายิ้มสิหลิงเอ๋อร์” ว่าจบพี่ใหญ่ก็ลากผมเข้าบ้านแต่ผมก็หันไปโบกมือพร้อมกับยิ้มกว้างให้พี่เว่ย พี่ใหญ่ก็ยิ่งโวยวาย ฮ่าๆ ๆ พี่ใหญ่ทำไมท่านช่างน่าแกล้งแบบนี้

คล้อยหลังบุตรชายทั้งสองสายตาของผู้สูงวัยก็แปลเปลี่ยนเป็นจริงจังและบุรุษอีกคนก็รับรู้ผินหน้ามามองด้วยสายตามั่นคงเช่นกัน

“สองปี ก็ถือว่าพิสูจน์ทั้งตัวท่านและบุตรชายข้า”

“ข้าจะไม่ทำให้หลิงเอ๋อร์เสียใจ”

คำมั่นที่อีกคนรักษาเท่าชีวิต

*******************************************

พิมพ์ไปหิวไป อ่า

โอ๊ยพ่อคนสายเปย์ พ่อคนตามใจน้องงงงงง

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ

รัก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทั้งภาพ ทั้งกลิ่นลอยมาเลย  :m20: :laugh: :z3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กลิ่นผงกะหรี่ลอยมาเลย​ วันก็ทำไก่ผัดผงกหรี่ถึงจะไม่เต็มสูตรก็เถอะ​ ของอร่อย~~~

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หาคู่ให้พี่ใหญ่เลยดีมั้ย จะได้เลิกกันท่าซะที 5555

ออฟไลน์ me_toey

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หิวเลยคร้า :hao6:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :-[ พี่เว่ยสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
โอ๊ยยยยยยย
อ่านไปก็หิวตามไปด้วย

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อ่านรายการกับข้าวที่น้องทำแล้วอยากกินขึ้นมาเลย 5555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
อยากกินทอดมันกุ้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด