ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562  (อ่าน 75506 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
«ตอบ #240 เมื่อ23-09-2019 11:37:44 »

น้ำตาซึมเลย..........อินมาก  :mew4: :mew2:
ยอมให้เขาเกาะแกะ ควงแขน  :เฮ้อ:
แม้พี่เว่ย บอกว่าไม่คิดอะไรด้วย   :m16:
นี่ ...... ก็เหมิอนให้ความหวังเขาไปแล้ว   :fire: :angry2: :serius2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
«ตอบ #241 เมื่อ23-09-2019 12:22:01 »

งอนให้หนักๆไปเลยจ้า

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
«ตอบ #242 เมื่อ24-09-2019 22:19:59 »

 :hao3: :hao3: ทำอะไรไม่คิด ง้อน้องเยอะๆเลยถ้าน้องยอมฟังนะ ชิชิ

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
«ตอบ #243 เมื่อ25-09-2019 12:30:05 »

รอออออออ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #244 เมื่อ28-09-2019 19:04:50 »

19
   เมื่อมาถึงครึ่งทางร่างสูงก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้นั้นกระต่ายน้อยเขาเปิดโรงน้ำชาอยู่ที่ไหน จึงเรียกเงามารายงานความเป็นไปทั้งสองปีให้ฟัง มิใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจหากแต่เขาคิดไว้ว่าเมื่อจัดการงานเสร็จจะไปหาทันที แม้ใจจะอยากไปเจอหน้ากระต่ายน้อยใจจะขาด และพอได้รู้ว่าหลิงเอ๋อร์ไปรอรับที่ท่าเรือ เขาจะไม่ยอมให้หลิงเอ๋อร์ต้องเสียใจเช่นนี้
   สองปีที่ทรมาน ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงช่วงระยะเวลาที่เดินทางคราแรกนั้นเป็นช่วงที่ลำบาก ทั้งการปรับตัวและภาษา วัฒนธรรมที่แตกต่างนั่นทำให้เขาต้องลำบากจะไว้ตัววางท่าเฉกเช่นการเป็นอ๋องมิได้ และเมื่อเขาลดการวางตัวมันทำให้เขาชินจนละเลยและลืมคิดไปถึงวัฒนธรรมของแคว้นตน เรื่องนี้เขาผิดเอง
   เมื่อฟังคำบอกเล่าจากเงาแล้วยิ่งทำให้รู้ว่าหลิงเอ๋อร์เติบโตขึ้นอย่างงดงามและคงเป็นงานยากสำหรับเขา สะกิดปลายเท่าทะยานไปยังร้านน้ำชาของกระต่ายน้อย ร่างเล็กที่นั่งอยู่ในห้องที่เปิดหน้าต่างไว้ หลิงเอ๋อร์ที่ผ่านมาสองปี...เติมโตขึ้นอย่างงดงาม งามมากจริงๆ เหมือนหัวใจเขาหยุดเต้นเมื่อได้เห็นเสี้ยวหน้าหวาน รอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรัก พริบตาเขาก็พุ่งเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว
   “ท่าน” ดวงตาดุจผลท้อนั้นเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาในในห้อง
   “หลิงเอ๋อร์พี่ขอโทษเจ้า” เอื้อมมือเข้าไปหาหมายที่จะจับข้อมือเล็ก หากแต่หลิงเอ๋อร์ก็ขยับถอยห่างทันที
   “ท่านเข้ามาได้เยี่ยงไร ออกไปเสีย”
   “อย่าตัดรอนพี่อย่างนี้หลิงเอ๋อร์”
   “ต้องอภัยด้วยท่านอ๋อง หลิงเอ๋อร์นั้นมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะเรียกได้” ถ้อยคำตัดรอนนั้นยังมิเท่าแววตาแข็งกร้าวของหลิงเอ๋อร์ที่ตอนนี้สูงขึ้นดูบอบบางยิ่งหากแต่จิตใจนั้นเข้มแข็งกว่ารูปลักษณ์
   “พี่มิขอให้เจ้าอภัย แต่พี่อยากให้เจ้าฟังพี่อธิบาย” ข้าไม่กล้าแม้กระทั่งละสายตาจากร่างระหงตรงหน้า เกรงว่าหากเพียงเขาละสายตาเพียงนิดกระต่ายน้อยจะโดดหนีไป
   “เฮ้อ ท่านว่ามา” เมื่อเห็นท่าทางอ่อนลงและขยับลงไปนั่งที่เดิม
   “เจ้าโตขึ้นมาก”
   “เรื่องนี้หาได้เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านอธิบายไม่” แววตากลมนั้นตวัดมามองข้าจนสะดุ้ง อ่า คนมีชนักติดหลังคงเป็นแบบนี้สินะ ก้าวไปนั่งลงตรงข้ามสำรวจใบหน้าหวานอย่างคิดถึง
   “พี่ผิดที่ทำให้เจ้าไม่ไว้ใจ หากแต่ที่ท่าเรือมิมีอันใดจริงๆ ฟรานซิสนั้นเดินทางจากโฝหลางจีเพื่อมาเป็นทูต พี่ผิดที่ให้เขาเข้ามาแตะตัวตามอำเภอใจทั้งที่พี่เป็นของเจ้า พี่ขออภัยเจ้าจริงๆ” เป็นความเลินเล่อของข้าเอง ความผิดที่ไม่คิดอะไรของข้าเอง หลิงเอ๋อร์มิได้ว่าอะไรต่อทำเพียงมองหน้าข้านิ่ง ก่อนที่จะถอนหายใจแล้ว
   “สองปีท่านว่าหลายสิ่งเปลี่ยนไปรึไม่”
   “เปลี่ยน” แม้จะหวั่นใจแต่ก็ตอบไปตามตรง ร่างบางเท้าคางกับโต๊ะ แววตาฉายความจริงจัง
   “สองปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยหวังเพราะรู้ดีกาลเวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน.....แต่ข้าแค่เสียความรู้สึก”
   “พี่.ขอโทษ”
   “สองปี ท่านให้คำมั่นกับข้า วันแรกที่กลับมาท่านไม่มาหาข้า..ข้าเข้าใจเพราะท่ามิใช่คนธรรมดาย่อมมีภาระหน้าที่ หากแต่สิ่งที่ข้าเห็นมัน...”
   “ไม่มีอีกแล้วพี่ผิดไปแล้ว” เอื้อมจับมือเล็กที่กำแน่นลูบเบาๆ หากแต่กระต่ายน้อยก็ยังคงนิ่ง
   “ข้าว่าเราลืมไปเลยดีรึไม่”
   “ไม่ พี่ไม่ยอมหรอกนะ”
   “ข้าแค่เปิดโอกาสให้ท่านได้เจอ...”
   “ต่อให้เจอคนเป็นหมื่นเป็นพันข้าก็ไม่มองใคร เรื่องที่เกิดข้าผิดแต่ข้าไม่ยอมให้ทุกอย่างจบลงหรอกนะ” บีบมือเล็กแน่นแววตาดุจเหยี่ยวนั้นวาวโรจน์ฉายแววไม่พอใจ
   “แต่สิ่งที่ท่านทำนั้นทำลายความรู้สึกข้า ข้าจะไม่เสียใจเลยหากท่านกลับมาแล้วไม่ได้มาหาข้าเป็นคนแรกแต่เป็นการที่ท่านให้คนผู้นั้นทำการสนิทชิดเชื้อด้วยต่อหน้าข้า”
   “หากแต่มันมิมีอันใด”
   “ได้ เช่นนั้นหากข้าเดินเกาะแขนหรือทำตัวสนิทสนมกับผู้อื่นท่านจะยอมรึไม่”
   “อวิ้หลิง”
   “เห็นไหมท่านยังมิยอมแล้วเหตุใดข้าจะโกรธหรือเสียความรู้สึกมิได้” เหมือนทั้งร่างชาไปหมดและกระต่ายน้อยหนีไปเลียแล้ว แม้จะรับรู้จากเหล่าเงาว่าร่างเล็กร่ำเรียนวิทยายุทธ์ด้วยหากแต่ไม่คิดว่าจะสูงถึงเพียงนี้
   อ่า
   อย่างที่หลิงเอ๋อร์ว่า สองปี หลายสิ่งก็แปรเปลี่ยน
   แต่ข้ามิยอมหรอกนะ
   ชั่วพริบตาร่างสูงก็หายไปจากห้อง
   ผมกลับมายังเรือนตัวเองด้วยวิชาตัวเบา  พี่ใหญ่คงรู้แล้วแต่ท่านพ่อคงยังไม่รู้ แค่คิดถึงผมก็โมโหแล้ว หนอย กล้าให้คนอื่นเกาะแขนแบบนั้น...ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ได้คิด จะคิดน้อยเกินไปแล้วนะ คอยดูเถอะผมจะไม่คืนดีง่ายๆ อ๊ะๆ จริงๆความโกรธและน้อยใจก็หายไปตั้งแต่โผล่มาที่ร้านแล้วครับ แต่ว่านะ....จะต้องทำให้รู้เสียบ้างว่าการทำตามสิ่งที่ตัวเองไปเองเออเองคนเดียวนั้นมันทำร้ายจิตใจผมแค่ไหน
   หึ
   ในเมื่อสวยและรวมมากก็ไม่จำเป็นต้องง้อ
   แค่กๆ ปล่อยเบลอประโยคด้านบนไปนะครับ เอาจริงๆแรกๆก็โกรธและเสียความรู้สึกมากหากแต่ว่าเมื่อได้คิดตริตรองดีๆแล้วก็ลดลงครึ่งหนึ่ง คำอธิบายของพี่เว่ยที่กล่าวออกมาก็ทำให้เข้าใจได้ สองปีที่เดินทางและเจอวัฒนธรรมใหม่ๆซี่งไม่เคร่งเท่ากับที่แคว้นนี้อย่างผมตอนที่มาอยู่ที่นี่ครั้งแรกก็ไม่ชินก่อนจะซึมซับและปรับตัว แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็จะไม่ยอมหายโกรธง่ายๆหรอกนะ
   .
   .
   “พี่อวี้หลิง นั่นชินอ๋องใช่รึไม่” เงยหน้าขึ้นจากการเขียนสูตรขนมมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังด้านนอก บุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีมุกเฉกเช่นแต่กาลก่อนเมื่อสบตากันก็เป็นฝ่ายผมที่ต้องหลบสายตาคมนั่น หลังจากที่คุยกันวันนั้นพี่เว่ยก็เทียวไล้เทียวขื่อ เพียงแต่เปลี่ยนจากคราก่อนคือทั้งผมและพี่เว่ยต่างมีความรู้สึกดีๆให้กันเพียงแต่ต้องเริ่มต้นใหม่
   เชอะ
   “ท่านโกรธชินอ๋องรึ” สงสัยว่าพี่ใหญ่คงจะเล่าให้เสี่ยวอิงฟังแล้ว ผมยืนหน้าไปกระซิบเรื่องราวทั้งหมดให้เสี่ยวอิงฟังอย่างละเอียด ยิ่งฟังดวงตาดอกท้อยิ่งเบิกกว้างก่อนจะทำหน้าขึงขังที่ต้องบอกว่าไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดแล้วบอกว่าผมทำถูกแล้ว เห็นไหมทุกคนก็เห็นด้วยกับผมทั้งท่านพ่อ พี่ใหญ่ รวมทั้งพี่ชายทั้งสองจากตระกูลโม่
   “เจ้าว่าขนมนี่น่าทานรึไม่” เมื่อเห็นผมหันมาสนใจกับเสี่ยวอิง พี่เว่ยก็ดูไม่พอใจหากแต่ก็เดินตามหลงจู๊ไปยังที่นั่งส่วนตัวชั้นสอง จากวันนั้นพี่เว่ยก็ส่งกำไลคืนมาแต่ผมเก็บไว้ในหีบไม่ยอมเอามาใส่
   “น่าทานสิ จะทำขนมใหม่รึ”
   “อือ เพราะว่าแบบเดิมคงจะคุ้นเคยกันแล้ว เราต้องเพิ่มสิ่งแปลกใหม่ให้ร้านเราไม่จำเจ”
   “พี่อวี้หลิงช่างฉลาดยิ่ง” แววตากลมฉายแววเลี่ยมใสเต็มเปี่ยม ท่าทางเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่กระดิกหางรัวๆ นั่นทำให้ผมขำยกมือขึ้นลูบหัวว่าที่พี่สะใภ้ คิก อย่าเอาไปพูดกับพี่ใหญ่เชียวนะครับรายนั้นนะจะเขินจนหมดมาดรองแม่ทัพเลยทีเดียว
   “พี่ใหญ่จะมารับเจ้าใช่รึไม่”
   “ใช่ขอรับ อ๊ะ นั่นไงมาพอดีเลยข้าไปนะขอรับพี่อวี้หลิง ขนมอันใหม่นี่ให้ข้าชิมก่อนนะขอรับ” ยังมีแอบกระซิบเรื่องขนมอีก
   “ได้สิรีบไปเถอะ” เสี่ยวอิงยิ้มกว้างวิ่งไปหาพี่ใหญ่ที่ยืนมือมารับทันทีช่างเป็นภาพที่หลายคนนั้นอิจฉายิ่ง ถ้าอายุเสี่ยวอิงถึงวัยแล้วล่ะก็ก็คงจะออกเรือนทันทีแน่ๆ ผมส่ายหน้าให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง
   “หลิงเอ๋อร์...พี่นั่งด้วยได้รึไม่” นี่เป็นอีกเรื่องที่แปลกไปของร่างสูง
   “ท่านมิต้องไปทำงานรึ” ผมไม่ตอบเพียงแต่เทน้ำชาใส่ถ้วยวางลงอีกฝั่ง ร่างสูงก็รีบขยับมานั่งลงทันที
   “ไม่แล้ว เสด็จพี่ให้พี่พักงานได้ครึ่งปี” แม้อยากจะบอกว่าที่ให้ลาพักนั้นเพราะเสด็จพี่กลัวว่าเขาจะง้อว่าที่น้องสะใภ้ไม่สำเร็จ ช่างเป็นแรงใจที่ดีเสียจริง
   “อ้อ...แล้วฟรานซิสเล่า”  ผมเงยหน้าส่งสายตาค้อนให้คนตรงข้ามไปหนึ่งที เห็นแล้วหมั่นไส้
   “เสด็จพี่ส่งคณะมาต้อนรับไปยังเมืองหลวงแล้ว” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
   “ท่านไม่อาลัยอาวรณ์หน่อยรึ” แม้จะรู้ว่าการประชดประชันจะไม่ใช่การดีหากแต่ก็อดไม่ได้ ร่างสูงไม่ได้กล่าวอะไรทำเพียงยกชาขึ้นจิบแล้วถอนหายใจเบาๆ
   “มิมีอันใดให้อาลัย พี่มิได้คิดอะไรกับฟรานซิสหากแต่เมื่อคราที่เดินทางกลับมาจากโฝหลางจีได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทำให้สนิทสนมกัน พี่มองเขาเฉกเช่นน้องชายผู้หนึ่ง” ผมพยักหน้ารับแต่ไม่ตอบอะไรกลับไป หยิบบัญชีมาตรวจดูยังไม่ทันที่จะได้เปิดหน้าบัญชีสมุดเล่มหนาก็วางลงเบื้องหน้า
   “นี่เป็นบันทึกที่พี่เขียนตลอดเวลาสองปี เจ้าจะได้รู้ว่าพี่มิมีใคร” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินจากไปทันทีทิ้งผมและสมุดบันทึกไว้อะไรของเขา กัน ผมเลือกที่จะเก็บบันทึกไว้อ่านเมื่อถึงจวน ตอนนี้ก็ขอจัดการงานตรงหน้าก่อนล่ะนะ
   .
   .   
   วันที่ xx.xx.xxx
   จากจรห่างไกล ใจเฝ้าคะนึงหา
   ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว การเดินทางแม้นจะไม่ลำบากกายหากแต่ลำบากใจยิ่ง หลิงเอ๋อร์จะเป็นเยี่ยงไรบ้าง
   คิดถึง ข้าคิดถึงกระต่ายน้อยของข้ายิ่ง
   
   วันที่ xx xx xxxx
   เมืองนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง ทั้งผู้คนและเครื่องแต่งกาย หากกระต่ายน้อยมาเห็นด้วยเสียจริงหากแต่คงมิมีอันใดให้กระต่ายแปลกใจเป็นแน่ เราจะอยู่ที่เมืองนี้อีก เจ็ดวัน คงพอที่จะจดบันทึกและสำรวจ
   อยากกอดกระต่ายของข้าเสียจริง
   
   วันที่ xx xx xxxx
   พ้นปีแล้ว อากาศหนาวครานี้ยิ่งทำให้คะนึงถึงคนที่บ้านเกิด หลิงเอ๋อร์พี่คิดถึงเจ้ายิ่ง ชุดที่เจ้าตัดเย็บให้พี่แม้นจะซีดไปบ้างก็มิยอมทิ้งและยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ นี่เป็นเมืองสุดท้ายแล้ว ทิวทัศน์นั้นช่างงดงามยิ่ง เดินทางกลับครานี้พี่คงได้ซื้อของฝากกลับไปให้เจ้าด้วย ป่านนิ้กระต่ายน้อยของพี่จะโตขึ้นมางดงาเพียงใด ได้แต่หวังว่าจะมิมีผู้ใดข้องเกี่ยว พี่คิดถึงเจ้ายิ่งนัก คิดถึงทุกลมหายใจ
   ปึก
   ร้อน
   ให้ตายเถอะ
   คิดถูกแล้วที่นำกลับมาอ่านที่เรือน แง้  ผมรู้สึกร้อนที่หน้าจนจะร้องไห้อยู่แล้วสมุดบันทึกในช่วงหนึ่งปีนั้นมิมีหน้าไหนที่ไม่เขียนถึงผม อันนี้แค่ยกบางส่วนในบันทึกนั้น อ่า เรียกว่าเป็นหนังสือสักเล่มดีกว่า เพราะมันหนามาก เห็นได้ชัดว่าพี่เว่ยพยายามที่เขียนให้ได้ทุกวัน อาจจะมีบางวันที่ไม่ได้เขียนแต่ก็ชดเชยด้วยวันต่อมา อาจจะเขียนไม่ยาวนักแต่ก็ทุกตัวอักษร ทุกหน้านั้นเต็มไปด้วยเรื่องราว และการเดินทางของพี่เว่ย บางหน้ากระดาษนั้นดูท่าจะเขียนตอนอยู่ในทะเลหน้ากระดาษก็ดูจะพองๆ
   เฮ้อ
   แล้วอย่างนี้จะโกรธได้นานรึ
   .
   .
   วันต่อมาองครักษ์เงาก็นำหีบขนาดกลางถึงสองหีบมาให้ผม โดยแจ้งว่าเป็นของที่ท่านอ๋องให้นำมาให้เมื่อเปิดดูก็มีข้าวของแปลกตามากมาย ผมอมยิ้มกับความทุ่มเท อ่า งั้นจะใจดีให้สักหน่อยล่ะกัน หลังจากให้พ่อบ้านนำไปเก็บผมก็ออกจากเรือนแล้วตรงไปยังห้องครัว สองปี มิรู้ว่าร่างสูงจะลืมรสมือเขารึยัง
   ใช้เวลาอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม กับข้าวสี่อย่างและของหวานอีกหนึ่งอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หมูทอดราดซอส  แกงจืดไข่ม้วน ไก่นึ่งซีอิ้ว ปลาเนื้ออ่อนผัดขึ้นฉ่าย  ส่วนของหวานเป็นฟักทองเชื่อมจัดแจงใส่ตะกล้า หอบหิ้วไปขึ้นรถม้าที่รอท่าอยู่หน้าจวน ตรงไปยังจวนของชินอ๋องที่หลังจากลับมาร่างสูงก็ย้ายกลับมายังจวนของตน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อมาถึงก็แจ้งให้คนขับรถม้าว่าให้รอสักครู่แล้วลงจากรถม้าพร้อมกับตะกล้าอาหารไปเคาะที่ประตูจวน
   แอ๊ด
   “คุณชายไป๋”
   “ท่านอ๋องอยู่รึไม่ขอรับ”
   “อยู่ขอรับเชิญคุณชายไป๋เข้ามาในจวนก่อนขอรับ บ่าวจะไปแจ้งท่านอ๋อง”
   “มิเป็นไรขอรับ รบกวนช่วยนำอาหารในนี้ขึ้นโต๊ะตอนเที่ยงให้กับท่านอ๋องด้วยนะขอรับไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นข้าที่นำมาให้” เงยหน้าบอกพ่อบ้านพร้อมกับรอยยิ้มกว้างซึ่งพ่อบ้านก็ให้คำยืนยันพร้อมกับรับปากว่าจะขึ้นโต๊ะอาหารแน่นอน ผมถึงลากลับทันที
   .
   .
   “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ให้บ่าวยกสำรับมาเลยรึไม่พ่ะย่ะค่ะ”
   “อืม” ขานรับโดยไม่ละสายตาจากม้วนราชสาส์น ไม่นานจมูกก็ได้กลิ่นหอมของอาหารพร้อมกับประตูห้องถูกเปิดออก กงกงนำบ่าวยกอาหารเข้ามาหน้าตาอาหารนั้นเพียงแค่เหลือบตามองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร
   “อาหารนี่ หลิงเอ๋อร์มาที่จวนรึ”
   “เอ่อ ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่คุณชายไป๋มิให้บอกว่าคุณชายมาพ่ะย่ะค่ะ”  รอยยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งยามถูกร่างเล็กโกรธนั้นถูกเรียกกลับมาอีกครา ราชสาส์นจากองค์ฮ่องเต้ถูกโยนไปไว้ด้านข้างทันที รีบจับตะเกียบคีบอาหารเลิศรสที่เขาไม่ได้ลิ้มลองมาสองปีกว่าๆ ใช่ตั้งแต่กลับมาข้ายังมิเคยได้ลิ้มลองอาหารฝีมือกระต่ายน้อยสักครั้ง  ขนมที่ร้านน้ำชานะรึ จะนับเป็นอะไรได้ก็กระต่ายน้อยมิดได้ทำให้เขาด้วยตัวเองการได้รับอาหารมื้อนี้ถือว่าได้รับการให้อภัยในส่วนหนึ่ง
   กระต่ายน้อยของข้านั้นช่างใจดียิ่ง
**************************************

คลานมาอัพ งานยังไม่เสร็จเลยเด้อออออออออออออ 

พนักงานตัวอย่าง5555  ถ้ามีคำผิดรึอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ

เบลอหนักมา เกลียดการขิงของพี่เว่ยจริงค่ะ เน้นจริงๆว่า 

กระต่ายของข้า กระต่ายของข้า กระต่ายของข้า 

อยากจะลักเอามาเลี้ยงเองเสียจริง

อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกเราด้วยเน้อ

ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ 

รัก

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #245 เมื่อ28-09-2019 19:24:08 »

กระต่ายน้อยช่างน่ารักจริงๆ :-[  :pig4:

ออฟไลน์ Keawmikami

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #246 เมื่อ28-09-2019 20:05:54 »

เอ็นดูเจ้ากระต่ายน้อย

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #247 เมื่อ28-09-2019 21:35:28 »

ง้อให้สำเร็จเน้อ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #248 เมื่อ28-09-2019 23:48:49 »

พยายามเข้านะท่านอ๋อง  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #249 เมื่อ29-09-2019 00:26:14 »

นี่น้องก้ใจดีสุดๆแล้ววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
« ตอบ #249 เมื่อ: 29-09-2019 00:26:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #250 เมื่อ29-09-2019 01:47:33 »

รีบๆง้อนะพี่เว่ย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #251 เมื่อ29-09-2019 13:00:07 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #252 เมื่อ29-09-2019 14:09:54 »

ถ้าพี่เว่ยทำขนาดนี้ก็ให้อภัยพี่เค้าเถอะกระต่ายน้อย แค่กกลับคำ o18

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #253 เมื่อ29-09-2019 15:31:16 »

งอนอีกๆ อยากให้น้องไปแตะแขนคนอื่นบ้างให้รู้สำนึก
ค่อยหายโกรธ 555555


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #254 เมื่อ29-09-2019 18:08:14 »

กระต่ายน้อยจ๋าอย่าใจแข็งนักเลย  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #255 เมื่อ29-09-2019 20:09:57 »

อยากเห็นตอนกระต่ายน้อยหวานกับท่านอ๋องแล้วจ้า

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
«ตอบ #256 เมื่อ29-09-2019 20:22:43 »

เพิ่งได้ตามอ่าน...จนทัน อิอิ

เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ^^
แต่ละคู่ก็ตั้งมั่นกันดีเหลือเกิน

มีคำผิดมาให้อ่านสะดุดอยู่บ้าง แต่เนื้อเรื่องน่ารัก ข้ามๆ ไปเนาะ อิอิ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
20   
   หลังจากที่ทำอาหารไปให้พี่เว่ยในวันนั้นก็ดูเหมือนร่างสูงจะดูมีกำลังใจในการตามง้อผมเพิ่มขึ้นอีกโข และผมก็ไม่ได้แสดงอาการปั้นปึ่งอะไรแล้วเหมือนกลับมาคุยกันเช่นคราแรก สม่ำเสมอและค่อยเป็นค่อยไป และผมชอบนะกับการพัฒนาความสัมพันธ์แบบนี้ เรื่องของทูตที่ตามมานั้นจบลงไปโดยที่พี่เว่ยเป็นคนให้ทางเมืองหลวงส่งคนมารับไป อันนี้พี่เว่ยเป็นคนเล่าให้ฟังนะครับ แถมยังเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเสียด้วยซ้ำราวกับกลัวผมเข้าใจผิดอีก
   “ไม่พักหน่อยรึ” เงยหน้าจากบัญชีที่วันนี้ผมหอบกลับมาทำที่จวน เพราะเป็นบัญชีที่รวบรวมมากจากทุกสาขาทำให้ผมต้องตรวจอย่างละเอียด ตอนนี้ผมสนใจที่จะร่วมหุ้นกับตระกูลโม่ในการขนสินค้าแปลกๆจากที่นี่ไปขายยังร้านที่เมืองหลวงและนำสินค้าจากชนเผ่าต่างๆนำมาขายที่ร้านแลกเปลี่ยนที่ท่าเรือ ซึ่งพี่หยงเจิ้งก็ยินดีที่จะร่วมทำธุรกิจด้วยถึงแม้ท่านพ่อจะแอบบ่นอุบเรื่องที่ผมทำงานเยอะเกินไปแถมพี่ใหญ่ก็เหมือนกัน แต่เมื่อผมบอกว่าที่ผมทำนั้นเป็นความสุขของผมทำให้ทั้งสองคนไม่บ่นเรื่องนี้ออกมาอีก
   “ข้าต้องทำให้เรียบร้อย”
   “พักก่อนเถอะนี่จะเที่ยงแล้ว” อ่า มิน่าถึงได้หิวขนาดนี้ ชักจะอิจฉาคนได้หยุดงานแล้วสิ
   “ท่านอยากทานอะไรรึไม่” หันไปถามคนที่มาเฝ้าผมตั้งแต่เช้า
   “มิต้องลำบากเจ้า พี่สั่งให้คนทำให้แล้ว” ริมฝีปากหยักระบายยิ้มหวานที่ทำลายกำแพงน้ำแข็งอย่างชินอ๋องทันที สองปีที่แล้วรอยยิ้มนี้สามารถทำให้เขาละลายได้สองปีต่อมาก็ยิ่งมีพลังทำลายล้างยิ่งกว่า อ่า เพียงแค่เห็นรอยยิ้มนี้ในหัวเว่ยชินก็มีความคิดขึ้นมาเลยว่าต่อให้แลกด้วยอะไรก็ตามเขาจะทำให้รอยยิ้มนี้มอบให้เขาตลอดไป
   “ขอบคุณขอรับ” ว่าแล้วร่างเล็กก็ก้มลงดูบัญชีต่อ ร่างสูงทำเพียงหยิบตำรามาอ่านเพื่อไม่เป็นการรบกวน รอไม่นานก็มีบ่าวยกสำรับเข้ามาทั้งสองต่างวางมือจากงานแล้วร่วมทานอาหารอย่างเงียบๆ หากแต่ต่างคนต่างคีบอาหารให้กันและกัน
   “ตอนค่ำพี่จะพาเจ้าไปเดินเที่ยว งานเจ้าจะเสร็จทันรึไม่”
   “หากพี่เว่ยช่วยคงจะเสร็จเร็ว”
   “ได้พี่จะช่วยเจ้า” หลังจากทานมื้อเที่ยวเสร็จ พี่เว่ยก็มาช่วยดูบัญชี ซึ่งทำให้เว่ยชินได้รับรู้ว่ากิจการของกระต่ายน้อยของเขานั้นทำเงินได้มากมายเพียงใด
.
.
   “พี่เว่ยขอรับท่านปล่อยมือข้าดีหรือไม่”
   “ไม่” สิ่งเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือการเอาแต่ใจของร่างสูงแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับเพราะเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของของพี่เว่ย หากจะแก้ก็คงแก้ไม่หายแล้วได้แต่ปล่อยให้มือใหญ่จับจูงเดินเที่ยวงานโคม ซึ่งผมลืมไปแล้ว อ่า ถ้าไม่ใช่พี่เว่ยชวนมาเที่ยวงานผมก็คงลืมไปเลย ตลอดทางเดินนั้นร้านรวงต่างประดับประดาด้วยโดมหลากรวดลายอวดโฉมประชันกันตามถนนนั้นเมื่อเงหน้าขึ้นไปก็จะเห็นโคมแขวนอยู่ ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่ง จริงอยู่ที่เขามาอยู่นี่สองปีกว่าก็คงต้องเคยมาเดินเที่ยวอยู่แล้ว หากแต่การที่เดินข้างกันกับร่างสูงนั้นเป็นครั้งแรกและมันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น
   เราเที่ยวชมโคมตลอดทางเดินแวะชมโคมจากร้านร้านนั้นร้านนี้จนกระทั่งมาถึงริมทะเลสาบ พี่เว่ยมองดูหลายคู่ที่มาปล่อยโคมก่อนที่จะเรียกเงาสั่งให้ไปซื้อโคมเพียงไม่นานเงาก็กลับมา พร้อมกับโคมอันงดงาม
   “หลิงเอ๋อร์ปล่อยโคมกันเถิด”
   “ขอรับ” เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นแพ้ให้กับรอยยิ้มตัวเอง ผมเลยหันไปมอบยิ้มหวานให้กับคนผู้เดียว
   “แค่ก ขอพรกันเถอะ” ผมแอบขำกับท่าทางขัดเขิน เห็นไหมบอกแล้วว่าแพ้ผม ยกมือขึ้นจับโคมแล้วปล่อยลอยขึ้นฟ้า สองมือยกขึ้นกุมอยู่ระหว่างอก ขอพรให้บิดาและพี่ชายนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง..................และขอให้คนข้างกายนั้นอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
   “ท่านขอพรว่าอะไรพี่เว่ย” ผมหันไปถามพร้อมกับเขย่ามือที่ถูกกุมไว้เบาๆ
   “เรื่องเช่นนี้เขาไม่บอกกันหรอกนะหลิงเอ๋อร์”
   “ก็น้องอยากรู้ ไม่บอกน้องหรือขอรับ” จากที่จับมือขยับเปลี่ยนเป็นเกาะท่อนแขนใหญ่เงยหน้าส่งสายตาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับร่างสูง ต่อให้มีชินอ๋องเป็นร้อยก็ยังต้องยอมแพ้
   “เจ้าจะฆ่าพี่รึหลิงเอ๋อร์” ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อผมก็รู้สึกเหมือนวาร์ปได้ เมื่อร่างสูงนั้นใช้ท่อนแขนแกร่งตวัดรัดเอวบางให้แนบชิดก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบาหนีจากตลาดที่ครึกครื้นมายังจวนอ๋อง
   “พี่เว่ยท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม” เมื่อตั้งสติได้ผมก็เงยหน้าถามคนที่ลักพาตัวมาแถมยังไม่ยอมปล่อยอีก
   “พี่จะลงโทษเจ้ากระต่ายน้อยแสนซนของพี่” ก่อนที่ผมจะได้แย้งอะไรริมฝีปากหยักได้รูปนั้นประทับแน่นปิดกั้นเสียงประท้วงทันที ความรู้สึกนุ่มยุ่นนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงบดหาความนุ่ม เรียวลิ้นแตะไล่ตามแนวหยักอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ลิ้นเล็กพยายามหดหนีแต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่ความต้องการ
   “อือ” จวบจนลมหายใจแทบหมดลงร่างสูงถึงได้ยอมปล่อย  เรียวปากอิ่มที่ถูกจูบนั้นบวมเจ่อและแดงช้ำ เผยอหอบหายใจแรง ผมทิ้งตัวพิงร่างสูงอย่างหมดแรง
   “ไหวรึไม่” ผมที่โดนจู่โจมจนสติปลิวหายไปได้แต่ส่ายหน้ากับแผ่นอกกว้าง  ฮือออ รู้สึกขาอ่อนเลยครับแถมใจก็เต้นรัวเสียจนผมคิดว่ามันจะหลุดออกมา  “อ๊ะ” ผมร้องขึ้นเมื่อพี่เว่ยอุ้มผมขึ้นจนผมต้องรีบยกแขนคล้องลำคอหนาไว้ ร่างสูงพาผมมายังศาลารับลมโดยให้ผมนั่งตักและกอดเอวผมไว้
   “หลิงเอ๋อร์เจ้าช่างหวานยิ่ง”
   “ง่า ไม่พูดได้รึไม่เล่า” เมื่อว่าอย่างนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัวซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ไม่สนใจว่าจะทำอาภรณ์ของอีกคนนั้นจะยับเยินแค่ไหน
   “หึๆ หลิงเอ๋อร์พี่มีของจะให้เจ้า” ผมยอมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอหอม อย่ามองผมอย่างนั้นครับ ก็มันหอมจริงๆ มองมือใหญ่ล้วงเอากำไลหยดปะการังที่ผมส่งคืน ถูกบรรจงสวมคืนที่ข้อมือขาว
   “ต่อไปห้ามเจ้าถอดออกอีก”
   “เรื่องนี้มิได้ขึ้นอยู่กับข้า” ผมเงยหน้าตอบกลับยิ้มๆ เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าฝ่ายเดียวเสียหน่อยขึ้นอยู่กับความประพฤติของคนที่เป็นเบาะนั่งให้ผมอยู่ต่างหาก
   “หึ กระต่ายตัวแสบ” นิ้วเรียวยกขึ้นบีบจมูกรั้นส่ายไปมา
   “ย่าห์” ผมยกมือขึ้นตีมือหนาที่ไม่ยอมปล่อยจมูกผมเสียที
   “อ่ะแฮ่ม เจ้าจะยึดน้องชายข้าเลยรึอย่างไร” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดแทรกขึ้น ทั้งผมและพี่เว่ยต่างหลุดจากพภวังค์หันไปเห็นพี่ใหญ่ที่ยืนเอาแขนไพล่หลัง สายตาดุนั้นยิ่งดุขึ้นไปอีกเมื่อเห็นน้องชายตนนั้นนั่งอยู่บนตักสหายสนิท
   “ข้ายึดได้จริงรึ”
   “เพ่ย คืนน้องข้ามาได้แล้ว”
   “นี่กระต่ายน้อยของข้า” วงแขนที่กอดผมอยู่นั้นกอดกระชับแน่น ยิ่งเห็นแบบนี้พี่ใหญ่ยิ่งทำหน้ายักษ์ขึ้นไปอีกขั้น นี่ก็ขยันยั่วโมโหพี่ใหญ่ผมเสียจริง รู้อยู่หรอกว่าแกล้งพี่ใหญ่แต่ทำไมถึงเอาผมมาเกี่ยวด้วยเล่า
   “เว่ยชิน”
   “หึๆ ไปเถอะพี่จะไปส่งเจ้า” ในที่สุดก็ยอมปล่อยให้ผมลงจากตักเสียที่หากแต่มือของทั้งสองมิยอมปล่อย ช่างเป็นภาพที่ดูขวางหูขวางตาอวี้จิ้งเสียจริง สะบัดชายเสื้อหันหลังเดินจากไปเพราะไม่อยากมองภาพนกหยวนหยางคู่นี้ 
   .
   .
************************************************

เห็นด้วยกับพี่ใหญ่เหม็นความรักมากค่ะ เอามาลงก่อนครึ่งหนึ่งนะคะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พอคืนดีกัน ก็ทำเราเหม็นกลิ่นความรักไปเลยนะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หมั่นไส้จ้าาาา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เหม็นความรัก น่าหมั่นไส้ใครบางคนด้วย ชิๆๆๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ก็ไปแหย่เพื่อนนน 55555555
หวานกันดีมาก บรรยากาศดี  :heaven

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
.
   ช่วงเวลาลาพักร้อนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับงานที่ถาโถมมาหาชินอ๋องผู้อู้งานอยู่ร่วมสองเดือน แม้กระนั้นก็ยังสามารถหาเวลาปลีกตัวมาหาผมได้ และความสม่ำเสมอนี้ทำให้ผมมั่นใจและวางใจ วันนี้ผมรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดเพราะหลังมื้อเย็นเมื่อวานนั้นท่านพ่อบอกว่าวันนี้จะมีการหารือเรื่องสำคัญ พอถามก็บอกว่าพรุ่งนี้จะรู้เอง นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้กว่าเดิม เมื่อเสร็จเรียบร้อยผมก็รีบเดินไปยังห้องโถง แม้จะบอกว่ารีบแต่ก็ยังช้ากว่าบิดาและพี่ใหญ่
   “คารวะท่านพ่อ พี่ใหญ่ขอรับ”
   “มาครบแล้วสินะ” ท่านพ่อว่าก่อนจะยกชาขึ้นจิบไปเรื่อยโดยไม่สนใจใคร่รู้ของบุตรชายทั้งสอง “หึๆ ไม่ต้องจ้องขนาดนั้น อีกสองวันฮ่องเต้จะเดินทางมายังเมืองหยาง”
   “มาด้วยเรื่องอันใดรึขอรับ” มังกรออกจากรังนั้นต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่
   “สู่ขอ” ทั้งผมและพี่ใหญ่หันมามองหน้ากันในทันที สู่ขอ เพียงคำๆนี้ก็เพียงพอที่จะให้มังกรมายังเมืองนี้แล้ว
   “แล้วพี่รองมาด้วยรึไม่ขอรับ”  นานครั้งที่ผมจะได้เจอกับพี่รองคนงามหากไม่มีธุระที่จะเข้าเมืองหลวงก็คงไม่ได้เจอ
   “มา และเรื่องนั่นล่ะ พ่อจะให้เจ้าเป็นผู้จัดเตรียมอาหารไว้ต้อนรับพระองค์”
   “ได้ขอรับ”
   “อ้อ และอีกหนึ่งเหตุผลที่พระองค์มาด้วยตนเองนั้น.....เพื่อที่จะมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหลิงเอ๋อร์ให้แก่ชินอ๋อง” โอ๊ะ ถ้วยชาเกือบร่วงจากมือเมื่อได้ยินบิดาบอกจนต้องรีบวางถ้วยชาลง   
   “หมายความว่าอย่างไรท่านพ่อ ข้ามิยอมหรอกนะ” และก่อนที่ผมจะพูดอะไรพี่ใหญ่ก็เป็นคนพูดขึ้นก่อน
   “แล้วเจ้าจะทำอันใดได้ อวี้จิ้งน้องของเจ้านั้นเลยวัยออกเรือนแล้วเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งชินอ๋องถึงขั้นถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้เป็นผู้มาสู่ขอตามธรรมเนียมให้” มือเล็กจับที่กำไลหมุนไปมา ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าร่างสูงจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ ช่างทุ่มเทเสียจริง แม้จะคิดแบบนั้นแต่ใบหน้าหวานก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
   “เฮ้อ เอาเถอะข้าคงห้ามอะไรมิได้แล้ว ขอเพียงเจ้าสหายนั่นไม่ทำให้เจ้าเสียใจพี่ก็ไม่ขัดขวาง”
   “พี่ใหญ่” ผมได้แต่เรียกพี่ชายเบาๆ เอียงหัวซบกับมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบผมไปมา ความอบอุ่นที่ได้รับนั่นทำให้ผมน้ำตารื้น 
   “เอาล่ะๆ ส่วนเจ้าอวี้จิ้ง พ่อได้ฤกษ์ยามที่จะสู่ขอโม่อิงให้เจ้าแล้ว”
   “จริงหรือขอรับ” รองแม่ทัพแห่งกองพยัคฆ์นั้นยิ้มกว้างเสียจนหากทหารในสังกัดมาเห็นคงต้องขวัญผวาเป็นแน่
   “ใช่ อีกสองเดือนข้างหน้า”
   “ยินดีด้วยขอรับพี่ใหญ่” ใบหน้ามีความสุขของพี่ใหญ่นั่นทำให้ผมต้องยิ้มตาม หลังจากนั่นพวกเราก็แยกย้ายทำหน้าที่ ผมให้คนไปแจ้งแก่โรงน้ำชาว่าจะไม่เข้าไป ส่วนพี่เว่ยนั้นก็ให้เงามาแจ้งว่าจะต้องไปทำธุระ ซึ่งหากเดาไม่ผิดคงต้องนำทัพไปรับขบวนเสด็จเป็นแน่ รายการอาหารที่จะทำต้อนรับนั้นมีมากมายเสียจนต้องให้คนไปเรียกซื่อจูกลับมาช่วยเพราะต่อให้มีบ่าวคนใหม่ก็ไม่รู้ใจเท่าซื่อจูอีกแล้ว
   “ซื่อจูนั่นเจ้า......” แต่เมื่อเห็นซื่อจูเดินเข้ามาผมก็ต้องตกใจจนพู่กันในมือนั้นร่วงลงพื้นทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กของอดีตบ่าวตน
   “อ่า....ขอรับ”
   “กี่เดือนแล้ว เหตุใดเจ้าไม่แจ้งข่าวข้า” ผมรีบเดินเข้าไปประคอง ซื่อจูเมื่อได้อยู่ดูแลสาขานอกด่านและออกเรือนไปแล้วผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้เจอแล้วจะมีข่าวน่ายินดีเช่นนี้
   “สี่เดือนแล้วขอรับ ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวเลยขอรับเพียงแต่ข้าพึ่งหายจากอาการแพ้ขอรับ” ใบหน้าของซื่อจูนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุข
   “ข้าแตะได้รึไม่”
   “ได้สิขอรับ” ผมค่อยๆแตะที่หน้าท้องนูน แรงถีบเบาๆนั้นทำให้ผมยิ้มกว้าง
   “ยินดีด้วยนะซื่อจู” เห็นทีผมคงจะให้ซื่อจูทำงานหนักไม่ได้เสียแล้ว เลยให้มาช่วยในการคุมเรื่องจัดสถานที่แทนโดยสั่งห้ามมิให้เดินมากมาย ส่วนผมนั้นก็เขียนรายการอาหารออกมาหลายอย่าง
   “เจ้าช่วยนำรายการนี้ไปให้ที่ร้านที่นอกด่านสั่งของตามนี้นะ” ผมให้บ่าวนำรายการเพื่อที่จะสั่งของเพื่อที่จะทำอาหารไว้เพื่อต้อนรับ และพี่ใหญ่ก็บอกว่าจะให้เสี่ยวอิงมาช่วย
   “เอาของสดเข้าไปเก็บไว้ในครัวเสีย” ผมสั่งการให้คนขนของไปเก็บไป สายตากวดมองรายการที่ถูกนำมาส่งซึ่งเป็นบรรดาของแห้งและเครื่องเทศส่วนของสดนั้นจะถูกนำมาในวันที่จะใช้แต่เช้ามืด  เสี่ยวอิงมาช่วยในยามบ่ายก็ดูจะตื่นเต้นกับการที่ได้ต้อนรับฮ่องเต้ ถึงขั้นขอบิดามาค้างที่จวนเพื่อช่วยงานอย่างเต็มที่
   “เสี่ยวอิงจัดเตรียมชาได้รึไม่ ข้าเขียนรายการไว้หมดแล้ว”
   “ได้ขอรับ” 
   หลังจากที่วิ่งวุ่นมาหลายวัน วันที่รอก็มาถึงเมื่อทั่วทั้งเมืองหยางนั้นต่างครึกครื้นเพื่อต้อนรับเสด็จฮ่องเต้ เมื่อขบวนเสด็จมาถึงโดยมีบุรุษชุดสีมุกขี่ม้านำขบวนพร้อมกองทัพพยัคฆ์ตามด้วยขบวนรถม้าและขบวนทหารปิดท้าย ขบวนเสด็จยาวเหยียดนั้นเดินทางผ่านตลาดมาหยุดยังจวนตระกูลไป๋ ที่คนทั้งตระกูลนั้นยืนรับเสด็จอยู่ด้านหน้าจวนพร้อมชาวเมืองหยาง เมื่อขบวนเสด็จหยุดลงชินอ๋องกระโดดลงจากหลังม้ามายืนรับเสด็จเคียงข้ากระต่ายน้อยของตน
   “ฮ่องเต้เสด็จ”
   “ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เมื่อได้ยินเสียงของขันธีร้องบอกชาวเมืองต่างคุกเข่าหมอบราบพร้อมกับร้องสรรเสริญดังก้อง ร่างสูงสง่าของมังกรหนุ่มเดินลงจากรถม้า ก้าวนำบุตรชายคนรองของตระกูลไป๋พร้อมกับเหล่าอ๋องที่ตามเสด็จมาด้วย มาหยุดยืนที่หน้าอดีตราชครู
   “ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”
   “อย่ามากพิธีเลยท่านลุงไป๋” พระหัตถ์โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น
   “เชิญเสด็จด้านในพ่ะย่ะค่ะ” ท่านพ่อผายมือให้เสด็จเข้าด้านในจวน องค์ฮ่องเต้พยักหน้าเบาๆแล้วย่างเท้าเข้าจวนตระกูลไป๋ เมื่อขบวนสูงศักดิ์เสด็จเยือนด้านใน เหล่าผู้มารับขบวนเสด็จก็แยกย้ายทำหน้าที่ เมื่อเข้ามายังในจวนแล้ว ท่วงท่าสูงศักดิ์ก็ถูกวางลงบรรยากาศเป็นกันเองเฉกเช่นอดีต
   “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ หลิงเอ๋อร์” เพราะเมื่อครู่นั้นอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนทำให้ อวี้เฟิ่งไม่สามารถทำตามใจได้เมื่อเข้ามาในจวนร่างระหงก็ถลาเข้ากอดคนในครอบครัวแน่น
   “โตแล้วนะเจ้า ยังทำตัวเป็นเด็กๆ”
   “ก็ข้าคิดถึงทุกคน” แม้จะทำตัวเหมือนเป็นเด็กหากแต่สายตาคมของมังกรก็ฉายแววเอ็นดูยิ่ง องค์ฮ่องเต้นั้นนั่งตรงตำแหน่งประมุขส่วนท่านอ๋องที่ตามเสด็จนั้นนั่งทางฝั่งซ้าย เจ้าบ้านนั้นนั่งฝั่งขวา เมื่อนั่งตามตำแหน่งแล้วคนใช้ก็ยกชาเสิร์ฟทันที่ตามที่ผมสั่งการไว้
   “กลิ่นชานี้ หลิงเอ๋อร์สินะ” เมื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบกลิ่นหอมเอกลักษณ์ก็โชยออกมา
   “พ่ะย่ะค่ะ”
   “รสดีเหมือนเดิมนะ”
   “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
   “เอาล่ะท่านลุงไป๋ เรามาจัดการธุระให้เสร็จเลยดีรึไม่”
   “ตามแต่พระทัยพระองค์เถอะพ่ะย่ะค่ะ” ท่านพ่อนั้นบอกเบาๆพร้อมกับจิบชา หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มนั้นไม่ถือโทษอันใดแถมยังแย้มสรวล
   “กู้กงกง” กงกงคนสนิทก้าวนำเทียบสีแดงสองเทียบส่งให้กับท่านพ่อ แม้จะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหนผมก็นั่งนิ่ง ข้าง ๆ เสี่ยวอิง ที่ดูอยากรู้ไม่แพ้กัน ท่านพ่อเปิดเทียบแดงขลิบด้วยผ้าทองก่อน คงเป็นเทียบของพระองค์เป็นแน่
   “นี่มัน.......มากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเปิดเทียบออกมานั้น รายการนั้นยาวมากคงมิใช่เพียงเทียบสู่ขอแต่คงเป็นเทียบราการสินสมรสเป็นแน่
   “ไม่มากเกินไปหรอกนะท่านลุงไป๋ สำหรับเจิ้นแล้วอวี้เฟิ่งนั้นมีค่ายิ่งกว่า”  อ่า.... ใครเอาน้ำตาลมาโรยในห้องโถงกัน หวานมากช่างเป็นคำหวานที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาล
   “เอาเถิด ขอแค่อวี้เฟิ่งมีความสุขกระหม่อมก็มิขัดอันใด”
   “เรื่องนั้นท่านลุงไป๋มิต้องห่วง กู้กงกงจัดการให้เรียบร้อยล่ะ”                                       
   “พ่ะย่ะค่ะ” กู้กงกงรับเทียบของพี่รองส่งให้กับขันทีอีกคนนำออกไป ท่านพ่อก็หยิบเทียบอีกอันขึ้นมาอ่าน
   “ชินอ๋อง ท่านช่างทุ่มเทเสียจริงนะพ่ะย่ะค่ะ”
   “เฉกเช่นเดียวกับท่านพี่ เพราะเป็นหลิงเอ๋อร์เปิ่นหวางถึงทุ่มเทเพียงนี้” เว่ยชินกล่าวพร้อมกับมองร่างเล็กที่เมื่อสบตาแล้วปรางแก้มนั้นแดงระเรื่อ ช่างเชิญชวนให้สัมผัสเสียจริง
   “อะแฮ่ม เว่ยชินเจ้าสำรวมหน่อย” เสียงกระแอมไอขององค์ฮ่องเต้นั้นเรียกสติของเว่ยชินได้ทันที
   “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”  ท่านพ่อและชินอ๋องพูดคุยเรื่องสินสอดโดยมีฮ่องเต้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชินอ๋อง เมื่อผมเห็นว่าใกล้ทานมื้อเย็นแล้วจึงขอตัวออกจากห้องโถงพร้อมกับเสี่ยวอิง
   “พี่อวี้หลิง หากท่านแต่งออกไปแล้ว เราคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆแน่ๆ” เสี่ยวอิงพูดขึ้นขณะที่กำลังนวดแป้ง
   “เหตุใดจะไม่ได้เจอกันเล่า ข้าก็ยังต้องดูแลร้าน”
   “ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงมิยอมให้ท่านออกมาแน่ๆขอรับ” ผมหลุดขำ คิดหรือว่าพี่เว่ยจะห้ามผมได้ ในห้องครัวมิได้มีเพียงแค่พวกผมหากแต่มีขันทีที่เข้ามาช่วยงามพร้อมกับองครักษ์ของฮ่องเต้มาเฝ้าดู มื้อเย็นนี้เพราะทุกคนคงเหนื่อยจากการเดินทางผมเลยคิดเมนูที่จะย่อยง่ายไม่หนักจนเกินไป ทั้งยำวุ้นเส้น แกงจืดมะระ ปลาเผาสมุนไพร น้ำพริกผักลวก ทอดมันปลา หมูผัดพริกสด แม้จะการตั้งโต๊ะในพระราชวังจะมีอาหารสำรับฮ่องเต้นั้นจะต้องมีแปดอย่างขึ้นแต่ผมคิดว่านี่คือการทานอาหารในครอบครัวเพราะฉะนั้นจึงทำเพียงห้าอย่าง ส่วนของหวานก็ทำเป็นบวดข้าวโพดมะพร้าวอ่อน  ตอนนี้ในครัวนั้นแทบจะเป็นสมรภูมิขนาดย่อม แม้จะไม่ได้ทำเองหากแต่ก็ต้องควบคุมทุกอย่างให้ได้อย่างที่ต้องการ
   ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วยามอาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยขันทีก็เข้ามาตรวจสอบพร้อมกับองครักษ์เข้ามาดูแล ผมและเสี่ยวอิงเลยรีบเดินกับเรือนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
   “ขอพระราชทานอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ”
   “เข้ามาเถิด”
   “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ผมและเสี่ยวอิงเดินไปนั่งยังที่ว่าง ที่อยู่ระหว่างพี่ใหญ่และพี่เว่ย ช่างเว้นว่างได้ถูกคู่เสียจริง ผมให้เสี่ยวอิงนั่งข้างพี่ใหญ่
   “อาหารมื้อนี่เจ้าเป็นผู้รังสรรค์รึหลิงเอ๋อร์”
   “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวังว่าพระองค์จะทรงโปรด” พระองค์ทรงแย้มยิ้ม แล้วคีบทอดมันปลาไปชิม
   “ช่างรสชาติแปลก หากแต่อร่อยยิ่ง เจิ้นชักอิจฉาท่านลุงไป๋กับเจ้าแล้วสิอวี้จิ้ง”
   “อาจจะไม่ก็ได้กระหม่อม สองปีมานั้นกระหม่อมต้องออกกำลังหนักมากพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพี่ใหญ่พูดจบทุกคนก็หลุดขำ บรรยากาศนั้นเป็นกันเองมากขึ้นเมื่อมีอาหารอร่อยๆ 
   “พี่เว่ยลองนี่สิขอรับ” เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่นั่งข้างๆนั้นไม่ยอมตักมะระต้มจืดทานเสียที ถ้าให้เดาคงจะไม่ชอบสินะ แต่การไม่ชอบอาหารฝีมือผมนั้น ผมไม่ยอมหรอกนะ เอื้อมมือไปตักมะระต้มจืดใส่ถ้วยเล็กๆแล้ววางให้ร่างสูง
   “อ่า..พี่ไม่ทานได้รึไม่”
   “ข้ารับรองว่ามันอร่อยขอรับ” ยอมลงทุนช้อนตามองร่างสูงอย่างอ้อน ๆ เท่านั้นพี่เว่ยก็ยอมตักแกงจืดมะระขึ้นชิมก่อนที่สีหน้าเรียบนิ่งของชินอ๋องจะสื่อถึงความประหลาดใจ เมื่อมะระที่ทานลงไปนั้นไม่ได้ขมอย่างที่คิด
   “อร่อยยิ่ง”
   “ทานเยอะๆขอรับ มันมีประโยชน์มากนะขอรับ” และผมก็คอยตัดอาหารให้ร่างสูงอย่างที่เคยทำตลอดเวลาที่ทานอาหารด้วยกันท่ามกลางสายตาแปลกใจของฮ่องเต้และเฉียงอ๋องและหลงอ๋อง ที่มิเคยเห็นชินอ๋องมีสายตาอ่อนโยนให้กับผู้ใด หากแต่ในสายตาแปลกใจนั้นกับมีสายตาของผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยความริษยา
***********************************

นิสัยเสียโผล่อีกแล้ว ใกล้จบแล้วไม่อยากแต่ง

ฮอลลลลลลลลล เรื่องข้าไม่อยากแต่งนั้น เหลืออีกเพียงสามถึงสี่ตอนนะคะ

และ..................เราจะเขียนฟิคลงต่อก่อน ส่วนนิยายที่จะลงต่อไปนั้น

....เป็นแนว แด๊ดดี๊ค่ะ กรุบกริบ อยากเขียนนายเอกอ่อยแซ่บๆบ้าง แค่กๆ

ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกกำลังใจนะคะ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด