พิมพ์หน้านี้ - ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Letter123 ที่ 10-04-2019 10:52:51

หัวข้อ: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-04-2019 10:52:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
























ผลงานที่แล้วมา
Love Diary รักที่แอบมอง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54878.0
ไร่สายลม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59812.0

Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66116.msg3785385#msg3785385

ซ่อนรัก

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68958.msg3962274#msg3962274
 และอีกสองเรื่องไม่ได้ลงในเล้านะคะ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร ทวงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/letter123.writer/
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) บทนำ 10/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-04-2019 10:54:14
บทนำ (สั้นๆ)


บทนำ



“ข้าไม่แต่ง!! ให้ตายข้าก็ไม่แต่ง”

ปัง!!

“หลิงเอ๋อร์!! เจ้าเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะแต่งตอนนี้จะยกเลิกได้เยี่ยงไร”

ใบหน้าหวานราวสตรีแก้มขาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตารีมฝีปากที่ยังขาวซีดชวนให้สงสารยิ่งนัก

“ข้าไม่อยากแต่ง ตอนนี้ข้าได้สติแล้ว ข้าไม่อยากแต่งท่านพ่อ”

“ไม่ได้!! พระราชทานสมรสเจ้าคิดว่ามันยกเลิกได้งั้นเหรอ”

ฮึก

น้ำใสเอ่อคลอดวงตาลูกท้อแม้กระทั่งตอนร้องไห้ก็ยังงาม แต่ใครจะรู้ว่า “หลิงเอ๋อร์” ในตอนนี้อยากจะกัดลิ้นตาย อะไรคือการตื่นขึ้นมาแล้วต้องรับรู้ว่าตัวเองต้องแต่งงาน

แถมยังต้องแต่กับ ผู้ชาย!!

เพ้ย!!

ข้าไม่แต่ง หมื่นไม่แต่ง พันไม่แต่ง ตายก็ไม่อยากแต่ง



**********************************************************

เปิดเรื่องไว้ก่อนนะคะ ผลโหวตออกมาแล้วน้องได้ลงก่อนเลยฮ่าๆๆ
หลังน้องไคล์แต่งจบจะมาลงเรื่องนี้ให้
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) บทนำ 10/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-04-2019 12:45:04
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) บทนำ 10/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-04-2019 18:15:05
 :L2: :pig4:


ลุ้น
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) บทนำ 10/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-04-2019 21:45:16
 :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) ตอนที่ 1 RW 17/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 05-05-2019 14:39:37
บทนำ

ทำไมชีวิตนายเป็นหนึ่งถึงได้อนาถขนาดนี้ วันๆ หนึ่งต้องดิ้นรนหาเงินไม่พอยังต้องมาตายเพราะทำงานหนักเกินไป แถมพอตายก็ไม่ได้หลุดพ้นต้องมาอยู่ในร่างของคุณชายน้อย บุตรชายของราชครู แถมพอตื่นขึ้นมาความจริงก็ฟาดหน้าเข้าอย่างจัง ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้านั้นเขาต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสบ้าบอนั่น อยากจะถามไป๋อวี้หลิงเจ้าของร่างที่เขาข้ามภพข้ามมิติมาอยู่จริงๆ ว่ากินอะไรเข้าไปถึงได้กล้าไปอ้อนวอนขอบิดาว่าอยากแต่งงานกับเจ้าอ๋องบ้านั่น ให้ตายเถอะ แต่ที่สำคัญบิดาก็ทำตามคำขอของบุตรชายคนเล็ก หากแต่ก่อนที่จะเกิดงานแต่ง อวี้หลิงกลับหัวใจแหลกสลายเมื่อถูกครหาและไอ้อ๋องนั่นพูดจากต่อว่ากลางตลอด ทำให้คุณชายน้อยของบ้านเศร้าโศกตรอมใจอย่างหนักจนเขาต้องมาอยู่ในร่างนี้ไงเล่า

“อวี้หลิง หนออวี้หลิง” ถึงจะบอกว่าอวี้หลิงงอมงายในความรักก็เถอะ แต่คนอย่างหมอนั่นก็ไม่น่าจะทำร้ายความรักของอวี้หลิง แค่รักคนผิดก็เท่านั้นเอง ในเมื่ออวี้หลิงจากไปแล้ว และตอนนี้ร่างนี้เป็นของเป็นหนึ่ง ฉันจะดูแลครอบครัวนายให้นะอวี้หลิง” คล้ายได้ยินเสียงขอบคุณแว่วมากับสายลม

การเป็นคุณชายน้อยในจวนราชครูก็ไม่ได้ออกจะดีกว่าชีวิตเก่าของเขาเสียอีก ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องกังวัลว่าพรุ่งนี้จะมีกินหรือเปล่า เพียงแต่อุปสรรคใหญ่ในการใช้ชีวิตใหม่ของเขาดันเป็นการที่ต้องแต่งงานให้กับผู้ชาย อยากจะโวยวายแต่ต้องคีพลุคคุณชายน้อยผู้เรียบร้อย

ซื่อจูนั่งขมวดคิ้วมองคุณชายน้อยถอนหายใจอย่างกับมีเรื่องหนักอกหนักใจเหลือคณา หลังจากฟื้นขึ้นมาคุณชายน้อยของซื่อจูเปลี่ยนไป ที่เปลี่ยนไปที่สุดและทำให้คนต้องจวนต้องแตกตื่นก็คือการที่คุณชายน้อยไปโวยวายที่จะล้มเลิกงานแต่งงานจนเป็นลมล้มพับในห้องหนังสือของนายท่าน

“นายน้อยขอรับ กลับเข้าเรือนเถอะขอรับ ร่างกายนายน้อยยังไม่แข็งแรง” แต่นายน้อยก็มานั่งตากลมที่หน้าเรือนหากนายท่านมาเห็นเข้าไม่แคล้วที่จะโดนลงโทษ

“เฮ้อ ซื่อจู เจ้าว่าถ้าหากข้าหนีการแต่งงาน ...ข้าจะหนีรอดไหม” เมื่อสักครู่นี้ข้าไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่หรือไม่ เป็นหนึ่งมองใบหน้าทึมทื่อของคนสินิทที่ทำหน้าตื่น เมื่อได้ยินแผนการสิ้นคิดของตัวเอง เอาจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะรอดหรอกนะ

“นะ..นายน้อยล้อบ่าวเล่นใช่ไหมขอรับ”

“อืม ข้าล้อเล่น เข้าเรือนกันเถอะ” พอได้ยินว่าเป็นเรื่องล้อเล่นซื่อจูก็ทำสีหน้าโล่งอกอย่างไม่ปิดบัง แค่คิดจะหนีงานแต่งจะเครียดอะไรขนาดนั้น ซื่อจูประคองผมกลับเข้าเรือน เมื่อปรนนิบัติผมขึ้นนอนบนเตียงเรียบร้อย ผมก็ไล่ซื่อจูออกไปโดยการอ้างว่าจะพักผ่อน เมื่อบานประตูปิดลง

ตุบๆ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมก็ระบายความอัดอั้นลงกับหมอน พอโล่งค่อยลุกลงไปนั่งที่ตั่งรินน้ำชาแก้กระหายเพราะเมื่อกี้นี้ร้องอัดหมอนดังไปนิด แล้วนั่งประมวลผลข้อมูลที่ถามจากซื่อจู

โลกที่ผมฟื้นขึ้นมาได้สามวัน เขาเรียกว่าอะไรนะ...น่าจะโลกคู่ขนานเหมือนที่อ่านในนิยายเพราะไม่ใช่จีนยุคโบราณแต่ก็คล้ายกับจีนโบราณ ยังคงมีฮ่องเต้ ราชสำนักและวิชายุทธ์ มีแคว้นใหญ่อยู่สามแคว้น ที่ต่างสมานสันท์ ไม่มีเรื่องราวสงคราม และที่แปลกที่สุดคือการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน ตอนแรกที่ได้ยินว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายผมก็คิดแปลกใจแต่ทุกคนก็พูดคุยราวกับไม่ใช่เรื่องราวผิดแปลก เพียงแต่คนที่ผมต้องแต่งด้วยนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็นอ๋อง ในความทรงจำของอวี้หลิงกลับไม่มีความทรงจำเลยสักนิด มีเพียงเรื่องเดียวที่ผมเห็นคือตอนที่อวี้หลิงโดนต่อว่าต่อหน้าธารกำนัล พอเรียบๆ เคียงๆ ถามข้อมูลจากซื่อจูได้อย่างละนิดอย่างละหน่อย

อ๋องหยางเฉียงเป็นพระอนุชาคนที่สองขององค์ฮ่องเต้ และจากที่ซื่อจูเล่าให้ฟัง

ท่านอ๋องทรงมีรูปลักษณ์ที่งดงาม...ก็นะไม่อย่างนั้นอวี้หลิงจะชอบรึ

ท่านอ๋องนั้นเป็นบุรุษที่เชี่ยวชาญปรัญญาวาดภาพ ....อ้อ เป็นอ๋องบัณฑิตสินะ มิน่าถึงได้ต่อว่าจนอวี้หลิงคนก่อนต้องตรอมใจแถมยังไม่ใยดีกับตัวคู่หมั้นด้วยซ้ำ หมอนั่นมีดีตรงไหนกัน อยากจะจับอวี้หลิงมาเขย่าถามหาเหตุผลที่ชอบหมอนี่จริงๆ

อะไร เพราะอะไรถึงอยากจะไปแต่งงานกับไอ้อ๋องเย็นชานั่น

ไม่ยอมหรอกนะ ในเมื่อร่างนี้เป็นของผมแล้ว ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ตอนนี้ได้ชิวิตใหม่และเป็นชีวติที่ดีกว่าชาติที่แล้ว จะให้ผมแต่งไปอยู่กับคนที่ทำร้ายตัวเอง (ในอดีต) ไม่มีทางซะหรอก

อันดับแรกต้องดึงพี่ชายมาเป็นพวก

สิ่งที่ได้รู้อีกอย่างคือพี่ชายทั้งสองคนของอวี้หลิงนั้นเป็นพวกบราค่อนมาก (เพิ่มก.ไก่อีกล้านตัว) เพราะวันที่ราชโองการออกมา พี่ชายทั้งสองคนถึงขั้นทะเลาะกับท่านพ่อ ถึงขั้นยืนยันที่จะไปยู่ชายแดนจนกว่าจะไม่มีงานแต่งงานครั้งนี้ ทั้งราชสำนักและท่านพ่อต่างเดือดร้อนนะสิ คนหนึ่งก็แม่ทัพใหญ่อีกคนก็เป็นถึงที่ปรึกษาของฮ่องเต้ เอาจริงๆ ถ้าแผนนี้ไม่ได้ผลผมก็จะหนีไปกับพี่ใหญ่ ไปอยู่ชายแดน วันพรุ่งนี้พี่ชายทั้งสองของอวี้หลิงก็จะกลับมาเพราะการล้มป่วยของผม

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมจะถอนหมั้นหนีงานแต่งมันก็เพราะอีกฝ่ายไม่เต็มใจนะสิ ทำให้อวี้หลิงเสียใจไม่พอ พอผมหายป่วยก็ยังไม่มีการมาเยี่ยมหรือถามไถ่ คนที่ผมควรใส่ใจคือคนในจวนนี้ต่างหาก

.

.

“ซื่อจูข้าอยากได้หนังสือ”

“บ่าวจะไปเอาให้ขอรับ” เพราะโดนห้ามไม่ให้ออกไปตากลมข้างนอกเลยต้องอุดอู้อยู่เพียงแต่ในห้อง น่าเบื่อจริงๆ ยังดีที่มีซื่อจูคอยคุยด้วย

ปัง

หมับ

“หลิงเอ๋อร์น้องรักของพี่” ยังไม่ทันได้เงยหน้ามองผู้ที่พังประตูเข้ามาเป็นใครร่างของผมก็ถูกรวบเข้าไปกอดโดยบุรุษร่างใหญ่กล้ามแขนที่โอบรัดตัวแทบหักแต่คำเรียกขานคงจะเป็นพี่ใหญ่??

“พี่ใหญ่ ท่านปล่อยหลิงเอ๋อร์ก่อนเถอะ” เสียงนุ่มรื่นหูพูดในสิ่งที่ผมต้องรีบพยักหน้ายืนยันเพราะตอนนี้กระดูกผมแทบแตกแล้ว พอเป็นอิสระผมก็รีบเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ในห้อง คนหนึ่งร่างกายสูงใหญ่ร่างกายกำยำท่าทางดุดันน่าเกรงขาม ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นใบหน้าคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วนเพียงแต่กลิ่นอายนั้นให้บรรยากาศทรงภูมิความรู้ ร่างสูงเพรียวใบหน้าเรียวมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา

“หลิงเอ๋อร์พี่ใหญ่ขอโทษเจ้าเจ็บหรือไม่” มือใหญ่ที่ลูบตามเนื้อตัวผมอย่างแผ่วเบา ส่วนอีกคนก็ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกาย

“อึก...พี่ใหญ่ พี่รอง ฮืออออออออออออ” เพราะได้รับความอบอุ่นและความหวังสุดท้ายที่จะได้รับอิสระจากการแต่งงานผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อีกอย่างไม่ใช่แค่รู้สึกผมเพียงคนเดียว

“หลิงเอ๋อร์เจ้าร้องไห้ทำไม” ไป๋อวี้จิ้งที่เห็นน้องชายร่ำไห้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก มือใหญ่ที่จับดาบบุกทลายรังโจร เข่นฆ่าอริสัตรูมามากมายกับพ่ายแพ้ให้กับน้ำตาของน้องชาย

“น้องรักของพี่เจ้าเลิกร้องเสียเถิด” ไป๋อวี้เฟิ่งรีบเข้าไปปลอบพร้อมกับลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้น้องรัก พวกเขาสองคนเลี้ยงและดูแลน้องชายมาอย่างทะนุถนอมไม่เคยได้ร่ำไห้จนตาแดงก่ำเยี่ยงนี้ ใครกันที่กล้าทำน้องชายของพวกเขาต้องเสียใจแบบนี้

เนินนานกว่าที่ร่างบางจะหยุดร้อง มีพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ใบหน้าหวานซบบนแผ่นอกกว้างของพี่ชายคนโต มือเรียวถูกจับไว้จากพี่ชายคนรองที่นั่งอยู่ข้างๆ

“หลิงเอ๋อร์เจ้าทุกข์ใจเรื่องอะไร บอกพี่ใหญ่ของเจ้าเถอะ”

“พี่รองจะช่วย (กำจัด) เรื่องทุกข์ของน้องเอง” ดวงตาผลดอกชิ่งที่ตอนนี้แดงก่ำ เรียวปากบางสั่นระริกอย่างน่าสงสารก่อนที่จะเอ่ยบอกเล่าความรู้สึกทั้งหมดให้แก่พี่ชายของตนเองฟัง

“พี่ใหญ่..พี่รอง..ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้าไม่แต่ง” พี่ชายทั้งสองเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องรักกล่าวออกมาแววตาฉายแววยินดีอยู่วูบหนึ่ง

“เจ้ารักท่านอ๋องมิใช่หรือ” อวี้เฟิ่งเอ่ยถาม ที่พวกเขาไม่สามารถค้านได้เต็มปากก็เพราะความรู้สึกของน้องน้อยแต่จะให้ยินดีกับน้องก็เป็นไปมิได้

“อึก..ข้าไม่รักแล้ว..ข้าไม่รักเขาอีกแล้ว” สิ้นคำน้องน้อยของพวกเขาก็ร่ำไห้ออกมาอีกครา ครานี้ถึงขั้นร้องจนหลับคาแผ่นอกกว้างของอวี้จิ้ง พี่ชายคนโตก็ประคองน้องรักนอนบนเตียงอย่างทะนุถนอมราวกับเครื่องแก้วเปราะบาง

“น้องรักของพี่” นิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำตาที่แก้มเนียน จมูกโด่งรั้นแดงก่ำอย่างน่าสงสาร

“พี่ใหญ่”

“เข้าวัง!! ” เพียงได้ยินคำนี้รอยยิ้มบนใบหน้าอวี้เฟิ่งก็ดูเปลี่ยนทันทีจากที่เคยอบอุ่นกลับเยียบเย็น หลังชายผ้าคลุมของคุณชายใหญ่ และคุณชายรองหายลับ ข้ารับใช้ในจวนต่างจับกลุ่มคุยรวมทั้งซื่อจูคนสนิทของคุณชายน้อย แม้จะโดนซักถามซื่อจูก็ตอบเพียงว่าไม่รู้เรื่องอะไร แต่ในใจของซื่อจูนั้นเดาผลลัพธ์ออกตั้งแต่ได้ยินเสียงนายน้อยร่ำไห้แล้ว มีหรือคุณชายทั้งสองจะยอมปล่อยให้ดวงใจของตนเองเสียน้ำตา

อ่า

จวนนี้ต้องเปลี่ยนแปลงอีกแล้วกระมัง

บุรุษร่างสูงทั้งสองที่ยังอยู่ในชุดคลุมกันลมเดินก้าวเข้าไปยังพระราชวัง หลังจากชูป้ายพระราชธารก็ผ่านเข้าพระราชวังชั้นในได้ในทันที

“อวี้เฟิ่ง เจ้ากลับมาแล้ว เจิ้นดีใจมากที่เจ้ากลับมาเสียที” เมื่อถวายพระพรเสร็จองค์เหนือหัวก็ทรงทักบุตรชายคนรองของท่านอาจารย์ก่อน

“กระหม่อมไม่ด้กลับมา..เพียงแต่จะมาทวงสัญญาจากฝ่าบาท” บุตรมังกร หยางฉินหลงเมื่อได้ยินที่ปรึกษาเอ่ยถึงสัญญาดวงตาคมดุจเหยี่ยวกับจ้องยังร่างบางที่ยืนอยู่หน้าพระพักตร์

“เจ้าพูดจริงหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำตามเงื่อนไขหากแต่พระองค์จะทรงยกเลิกงานอภิเษกสมรสระหว่างเฉียงอ๋องและน้องชายของกระหม่อม”

“เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้าจะทำอะไร” อวี้จิ้งแม้จะไม่รู้ว่าสัญญาระหว่างนายเหนือหัวกับน้องชายตนคืออะไรแต่เขาก็ไม่คิดที่จะให้ใครเสียสละ มือหนาดึงตัวน้องชายมาหลับด้านหลังเบื้อหนาคือฮ่องเต้ผู้เป็นนายเหนือหัวด้านหลังคือครอบครัว อวี้จิ้งไม่คิดที่จะสละครอบครัวตอนเองแน่ๆ

“กระหม่อมและอวี้จิ้งขอออกจากตำแหน่งพ่ะย่ะค่ะ”

ปัง!!

“พวกเจ้าคิดจะยกเรื่องนี้มาขู่เจิ้นรึ” สุรเสียงตะหวาดก้อง บรรดากงกงที่ถวายการรับใช้ต่างคุกเข่าลงกับพื้นด้วยกลัวโทสะจากนายเหนือหัว

“ไม่เพียงแต่ลูกๆ แต่กระหม่อมก็ขอออกจากราชการเช่นกัน” ขณะที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งดูเชิงอยู่นั้นก็มีผู้มาขัดไว้

“ท่านราชครู”

ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไป๋และบุตรมังกรหากจะกล่าวถึงคงต้องย้อนกลับเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงพระเยาว์พระบิดาได้ส่งให้พระองค์ไปร่ำเรียบกับสหายสนิทซึ่งก็คือราชครูไป๋ในเวลานั้นยังไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต ราชครูไป๋เปรียบเสมือนทั้งอาจารย์และบิดาบุญธรรม ความสนิทสนมระหว่างอวี้จิ้งและอวี้เฟิ่งคงต้องกล่าวว่าเป็นสหายวิ่งเล่นตั้งแต่ทรงพระเยาว์

“กระหม่อมแก่ชรามากแล้วขอฝ่าบาททรงเมตตาให้กระหม่อมและลูกไปใช้ชีวิตบั้นปรายที่บ้านเกิดด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋อิงหลานประสานมือโค้งเคารพต่อหน้าบุตรมังกร

“ท่านกำลังบีบคั้นเจิ้น”

“กระหม่อมมิบังอาจ..เพียงแต่กระหม่อมไม่อาจทนให้ดวงใจกระหม่อมต้องเสียใจ” เมื่อคิดถึงบุตรชายคนเล็กที่ร่ำไห้จนล้มป่วยเมื่อสืบถามความจริงกับบ่าวคนสนิทหลงจากที่หลิงเอ๋อร์มาขอยกเลิกงานอภิเษกก็ได้รู้ความจริงนั่นยิ่งทำให้คนเป็นบิดาอย่างเขาไม่พอใจต่อเฉียงอ๋องเป็นอย่างยิ่ง

“เจิ้นก็พอรู้ข่าวมาบ้าง หลิงเอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”

“อาการทุเลามากแล้วกระหม่อม เพียงแต่หลิงเอ๋อร์เสียใจมากจนต้องการที่จะยกเลิกงานอภิเษกพ่ะย่ะค่ะ” บุตรมังกรเมื่อได้ฟังคำตอบของราชครูไป๋ก็ทรงหนักพระทัย เพราะราชโองการก็ประกาศไปเสียแล้ว แต่น้องชายของพระองค์ก็ทำผิดต่อหลิงเอ๋อร์จริงๆ

“เจิ้นจะหาวิธี เอาเป็นว่าเจิ้นรับปากเพียงแต่หากจะออกจากราชการก็ให้เพียงท่านราชครู” แม้จะรับสั่งหากแต่ในสายตาของบุตรมังกรก็จ้องเพียงคนผู้เดียว คนเดียวที่อยู่ในสายตาพระองค์โดยตลอด

“น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

“เอาล่ะออกไปก่อน ส่วนอวี้เฟิ่งเจ้าอยู่กับเจิ้นก่อน” คนที่ถูกรั้งให้อยู่พ่นลมหายใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง ราชครูไป๋และไป๋อวี้จิ้งเมื่อทรงรับปากแล้วเรื่องยกเลิกคงมีราชโองการออกมา

ราชครูไป๋และบุตรชายคนโตรีบกลับจวนเพื่อที่จะแจ้งข่าวดีกับบุตรชายคนเล็ก เมื่อถึงจวนสองบุรุษต่างรีบสาวเท้าเร่งไปยังเรือนของคุณชายน้อยเป็นภาพที่คุ้นตาของบรรดาบ่าว

“ซื่อจูลูกข้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“นายน้อยยังไม่ตื่นขอรับ” ซื่อจูเฝ้าหน้าห้องอยู่นานตั้งแต่ที่คุณชายทั้งสองออกจากจวนไป จนถึงตอนนี้ในห้องก็ยังคงเงียบ

“ไปเตรียมยาเถอะพวกข้าจะดูแลหลิงเอ๋อร์เอง” ซื่อจูโค้งคำนับแล้วรีบไปต้มยาให้นายน้อยตามที่นายท่าสั่งราชครูไป๋ค่อยๆ เดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นว่าบุตรชายคนเล็กยัคงหลับสนิทก็นั่งลงที่เตียง

“พ่อผิดต่อเจ้าจริงๆ”

“ท่านพ่อได้โปรดอย่าโทษตัวเองเลย ไว้เราพาหลิงเอ๋องณ์กลับไปอยู่ที่บ้านเกิดดีไหมท่านพ่อ” อวี้จิ้งทนเห็นบิตาโทนตนเองก็เอ่ยขึ้น หากจะผิดก็คงผิดกันทุกคน

“พ่อก็คิดเช่นนั้น หลิงเอ๋อร์คงจะชอบ ไว้เฟิ่งกลับมา เราค่อยปรึกษากันอีกที” ราชครูไป๋พยักหน้าเห็นด้วย การอยู่ในเมืองหลวงต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นและเมื่อฮ่องเต้พระราชทานโองการออกมาหลิงเอ๋อร์จะต้องโดนครหามากมายเพียงใด ไปอยุ่ที่บ้านเกิดคงจะดีต่อหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่น้อย

“ท่านพ่อ..พี่ใหญ่”

“ตื่นแล้วหรือ เจ้าหิวรึเปล่าลูกรัก” มือใหญลูบผมลื่นดังแพรไหมชั้นดี

“หิวขอรับท่านพ่อแล้วพี่รองล่ะขอรับ” ดวงตากลมกวาดสายตามองหาพี่ชายคนรอง

“ประเดี๋ยวก็คงตามมา พี่ว่าเอาออกไปทานมื้อเย็นที่สวนกันดีไหม” อวี้จิ้งเสนอเอาใจน้องรัก

“ดีขอรับ น้องคิดถึงพี่ใหญ่เหลือเกิน” ในชีวิตที่แล้วเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีความอบอุ่นจากผู้ให้กำเนิด ชีวิตต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ ในตอนนี้เขามีพร้อมทั้งครอบครัวและชีวิตไม่ต้องลำบากอะไรอีกต่อไปแล้วเมื่อล้มการแต่งงานได้แล้วผมจะใช้ชีวิตในฐานะไป๋อวี้หลิง ดูแลครอบครัวใหม่ของตัวเองให้ดีที่สุด

******************************************

อันนี้เป็นตัวรีไรท์นะคะ อาจจะแจ้งเตือนบ่อยนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 12-05-2019 13:15:30
1

หากจะกล่าวถึงตระกูลไป๋ว่าเหตุใดถึงได้สนิทสนมกับองค์ฮ่องเต้คงจะต้องกล่าวถึงบิดาที่เป็นสหายสนิทของอดีตองค์ฮ่องเต้เมื่อครั้งยังเป็นองค์ไท่จือแล้วเสด็จหนีออกท่องเที่ยวเมื่อได้เจอกันก็เหมือนเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน และอดีตองค์ฮ่องเต้ทรงเห็นว่าสหายใหม่มีความรู้กว้างขวางจึงชวนท่านสหายสนิทซึ่งก็คือท่านพ่อมายังเมืองหลวงพร้อมกับมารดา หลังจากที่องค์ฮ่องเต้ได้ครองราชย์เมื่อมีบุตรก็ให้มาร่ำเรียนที่จวนตระกูลไป๋ องค์ฮ่องเต้องปัจจุบันก็เป็นผลผลิตจากการสอนของบิดา พระองค์มีพระชนมายุเท่ากับพี่ใหญ่ เรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน เมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ก็พระราชทานตำแหน่งราชครู ตระกูลไป๋ก็มีเรื่องประหลาดที่ภายในตระกูลจะมีเพียงบุตรชาย เมื่อถึงรุ่นไป๋อิงหลาน บุตรชายทั้งสามต่างเกิดมาโดดเด่น บุตรชายคนโดดเป็นแม่ทัพองค์อาจแม้ข่าวลือจะบอกว่าเป็นบุรุษเย็นชาและเลือดเย็นแต่เมื่ออยู่กลับครอบครัวกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ บุตรชายคนรองเป็นผู้ปราดเปรื่อง รอบรู้ทั้งบุ๋นและบู้ โดนดึงตัวไปทำงานตั้งแต่องค์ฮ่องเต้ยังคงเป็นไท่จือ

ส่วนผู้ที่ต้องกล่าวถึงคือบุตรชายคนเล็กที่เมื่อเกิดมาก็สูญเสียมารดาเพราะฮูหยินร่างกายแต่ก็ยังอยากที่จะเก็บครรภ์นี้ไว้ ดวงใจของทุกคนในจวนเติบโตขึ้นด้วยความรักและตามใจ มีดวงหน้าคล้ายคลึงมารดาถึงเจ็ดส่วน นั่นยิ่งทำให้บุรุษตระกูลไป๋หวงเสียยิ่งกว่ามังกรหวงไข่ หากคิดจะยลโฉมก็เปรียบเสมือนบุกถ้ำเสือรังมังกร หากแต่การถูกรักก็ปลูกฝังนิสัยบางอย่างที่ไม่ชวนพิสมัย

คุณชายน้อยเติบโตอย่างงดงามด้วยอายุ 16 หนาวแต่นิสัยการเอาแต่ใจตัวนั้นก็หนักหนาเช่นกับการร้องขอหมั้นหมายจนถึงการอภิเษกสมรสและการโมโหร้ายเมื่อได้ดั่งใจ แม้รูปงามแต่นิสัยนั้นไม่ได้งดงามอย่างรูป เพราะการรักอย่างผิดวิธีทำให้คุณชายน้อยนั้นไม่รู้ตัว แต่พอหลังจากการตรอมใจคุณชายน้อยก็เปลี่ยนไป

“ซื่อจู ข้าเบือ” เสียงหวานจากร่างงามระหงที่นั่งรับลม ช่อดอกปทุมมาไหวเอนตามแรงลมเอื่อยพากลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้ผ่อนคลาย เป็นหนึ่งรู้สึกเบือมาก อยากจะลากกอไก้ให้ยาวถึงภพหน้า หลังจากที่ทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ให้คำยืนยันว่าจะมีการถอนหมั้นและล้มเลิกงานแต่ง แม้จะโล่งใจแต่ผมก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่ดี ฮืออชีวิตในกรงทองชัดๆ

“บ่าวทราบขอรับคุณชายแต่ว่า..คุณชายใหญ่สั่งห้ามไว้” เฮ้อ...ใบหน้าหวานผินมองดอกบัวที่ชูช่อ อ่า อากาศแบบนี้กินอะไรเปรี้ยวๆ ก็น่าจะดี

“เอาล่ะ”

“คุณชาย!! คุณชายจะทำอะไรนะขอรับ” ซื่อจูรู้สึกเหมือนว่าหัวใจหล่นหายเมื่อจู่ๆ คุณชายน้อยก็ลุกขึ้นถกแขนเสื้อแถมยังถอดรองเท้าอีก

“อ้อ จะเก็บดอกบัวไง” ใบหน้าหวานหันมาบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่ได้สนใจใบหน้าของบ่าวรับใช้เลยว่าตกใจแค่ไหน

“คุณชายไม่ต้องเก็บเองเลยขอรับ บ่าวจะให้คนไปเก็บให้” ซื่อจูรีบจับข้อมือแล้วหยิบรองเท้ามาวางให้คุณชายน้อยก่อนที่จะนึกลงไปเก็บดอกบัวเอง แม้ใบหน้างามล้ำของคุณชายจะงอง้ำก็ตามแต่ ซื่อจูแม้จะไม่ชินกับนายน้อยคนใหม่แต่อดคิดไม่ได้ว่านายน้อยที่เป็นแบบนี้ดีแล้ว

“เอาดอกที่พึ่งบานนะ ดอกนั้นแก่ไปไม่เอานะ” เสียงหวานสั่งการบ่าวผู้ชายให้ลงไปเก็บดอกบัวเรียกความสงใสให้แก่บรรดาบ่าวในจวน

“พอรึไม่ขอรับคุณชาย” นิ้วเรียวราวกับหยกรับดอกบัวทั้งหมดมาในอ้อมอก พยักหน้ารัว มากพอเลยทีเดียว

“ขอบคุณมากนะ” ว่าจบก็หมุนกายเดินลิ่วไปทางห้องครัว ทิ้งไว้เพียงเหล่าบ่าวที่ตกตะลึงกับคำขอบคุณของคุณชายน้อย ร่างระหงกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ห่างกันออกไป

“คุณชายน้อยเข้ามาทำไมนะเจ้าคะ” ผมไม่สนน้ำเสียงแตกตื่นของหัวหน้าแม่ครัวหรือสายตาแปลกๆ ของเหล่าแม่ครัว

“อ่า..พอดีผม..ไม่สิ พอดีข้าอยากกินยำ” แม้จะอยู่มาเป็นอาทิตย์แล้วแค่บางครั้งผมก็หลุดคำแทนตัวจากที่ที่ผมจากมา พอบอกสิ่งที่ต้องการไป หัวหน้าแม่ครัวก็มีสีหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

“ยำ..มันคือสิ่งใดเจ้าคะ” ผมยิ้มเป็นคำตอบแล้วเดินเข้าไปยังโต๊ะวางดอกบัวลง สั่งให้พี่สาวที่ยืนข้างหลังไปนำอ่างใส่น้ำมา พอดีกลับซื่อจูที่วิ่งตามเข้ามา ในห้องครัวตอนนี้ทุกสายตามองตามร่างบางที่เคลื่อนไหวทำโน้นนี่ด้วยความคล่องตัว แม้จะแปลกใจที่คุณชายน้อยทำครัวได้อย่างคล่องแคล่ว

ผมเด็ดกลีบบัวแช่น้ำส่วนเกสรผมแยกไว้ต่างหากเพราะสามารถเอาไปตากทำชาได้บำรุงหัวใจได้ เมื่อเด็ดกลีบบัวเสร็จผมก็มองหาเนื้อสัตว์เพราะไม่รู้ว่าเก็บไว้ไหน

“หาอะไรหรือคะคุณชาย”

“ข้าอยากได้เนื้อหมู” พอบอกไปป้ามู่หัวหน้าแม่ครัวก็เดินไปหยิบเนื้อหมูมาให้

“จะให้บ่าวช่วยอะไรหรือไม่เจ้าคะ”

“ดีเลย ป้ามู่ช่วยสับหมูให้ข้าหน่อย”

“เจ้าค่ะ” เมื่อมีคนช่วยผมก็หันมาทำกลีบบัวหันเป็นเส้น แช่น้ำเกลือไว้แล้วมาสับพริกกับกระเทียมใส่ถ้วยเล็กๆ ไว้ ทำน้ำเชื่อมกับบีบน้ำมะนาวไว้ เมื่อเสร็จป้ามู่ก็สับหมูเสร็จพอดี

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณป้ามู่” รับหมูมาเทใจกระทะใบใหญ่รวนให้หมูสุขผมตักพักไว้ แล้วหันมาปรุงน้ำยำอย่างที่ผมชอบ มือขาวหยิบจับคล่องแคล่วไม่นานยำกลีบบัวอย่างที่เขาชอบก็ถูกตักใส่จาน

“ซื่อจูยกไปไว้ที่เก๋งนะ ส่วนที่เหลือป้ามู่กับพวกพี่ๆ ก็ลองชิมดูนะ” เช็ดมือเรียบร้อยผมก็เดินตัวปลิวกลับไปยังเก๋งริมน้ำ ซื่อจูก็เตรียมไว้ถ้วยและตะเกียบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“ซื่อจูแล้วของเจ้าล่ะ”

“มะ..ไม่ได้หรอกนะขอรับ บ่าวไม่กล้า” ได้แต่ถอนหายใจกับเจียมตนและกดตัวเองของผู้คนในสมัยนี้

“ข้าสั่ง ไปหยิบถ้วยชามของเจ้ามาแล้วมานั่นทานกับข้า” เมื่อเห็นผมทำท่าจริงจังซื่อจูถึงได้วิ่งฉิวไปไปหยิบมาเพิ่ม ผมคีบยำกินอย่างเอร็ดอร่อยแถมยังคีบให้ซื่อจูอีกไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้ากิน

“ฮูว เผ็ดแต่อร่อยมากขอรับ” ผมยิ้มรับคำชม เห็นอย่างนี้ก็เคยไปเป็นลูกมือแม่ครัวใหญ่ในภัตตาคารนะครับ เมื่อทานเสร็จผมก็ให้ซื่อจูไปเอาเกสรดอกบัวที่เก็บไว้มาตากรวมกับกุหลาบที่สวน เรียงใส่ถาดแล้วให้ซื่อจูนำไปตาก

“ซื่อจูไปหยิบตำราในห้องหนังสือมาให้ข้าสักสองสามเล่มที” เพราะโดนห้ามก็ไม่รู้จะทำอะไร โชคดีที่ความสามารถของเจ้าของร่างไม่ได้หายไปไหนจะหายไปก็มีเพียงความทรงจำช่วงนั้น ช่างเถอะ ในเมื่อจะย้ายแล้วผมก็ขอใช้ชีวิตตามแบบของผมดีกว่า

เมื่อซื่อจูเอาหนังสือมาให้ผมให้ซื่อจูออกไปเพราะอยากที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียว ผมเอนกายอิงหมอนอ่านหนังสือที่ทำให้ผมเข้าใจโลกนี้มากกว่าที่อวี้หลิงเคยเข้าใจ ยิ่งอ่านยิ่งสนุกจนวางไม่ลง ถึงว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ไม่น้อย มีการติดต่อกับชาวต่างชาติ อ่า อยากไปดูเมืองท่าจังเลยนะ ยิ่งอ่านผมยิ่งอยากออกไปสำรวจโลกใหม่ให้มากกว่านี้ ท่วงท่าระหงเอนกายอ่านหนังสืออย่างเกลียดคร้าน ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ดวงตาดอกท้อเปล่งประวาววับ บรรดาบ่าวชายหญิงเมื่อเห็นภาพนี้ต่างหน้าแดงรีบหลบลี้ความงามอย่างเทพเซียนนี้ โดยไม่มีใครรู้ว่าทุกการกระทำถูกจ้องมองโดยใครบางคน

เมื่อใกล้ถึงมื้อเย็นผมก็ให้ซื่อจูไปบอกป้ามู่ทำยำให้เพราะเมื่อกลางวันผมสอนวิธีการทำให้แล้ว เพียงแต่ลดความจัดจ้านลง มื้อเย็นนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตา พี่รองก็กลับมาจากการโดนรั้งตัวไว้ในวัง

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง ขออภัยที่มาช้า” เพราะมัวกำชับซื่อจูให้เก็บดอกไม้ตากแห้งถึงได้มาที่เรือนใหญ่

“นั่งเถอะลูกรัก”

“ขออภัยเจ้าค่ะ นี่ค่ะคุณชายน้อย” หันไปรับจานที่สาวใช้นำมา วางบนโต๊ะ อาหารแปลกใหม่เรียกความสนใจจากผู้ร่วมโต๊ะได้เป็นอย่างดี

“อันนี้อะไรหรือหลิงเอ๋อร์”

“ยำกลีบบัวขอรับท่านพ่อ วันนี้ลูกเห็นดอกบัวในสระมีแต่ดอกงามๆ เลยเก็บมาลองทำให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่พี่รองทาน”

“ฝีมือเจ้ารึ ไม่รู้ว่าเจ้ามีฝีมือทำครัว” ก็หลิงเอ๋อร์นะไม่มีแต่เป็นหนึ่งมีไงครับ ผมยิ้มกว้างตอบ เมื่อบิดายกตะเกียบคีบทุกคนถึงลงมือทาน

“อือ ฝีมือน้องรักอร่อยมาก” เมื่อพี่รองพูดทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แค่นี้ผมก็ปลื้มแล้วครับ

“ถ้าชอบไว้ข้าจะทำอย่างอื่นให้ทานอีกดีไหมขอรับ”

“อย่าทำจนเกินตัวไปล่ะ” มือใหญ่ของบิดายกขึ้นลูบผมดำขลับดังแพรไหมอย่างเบามือ ความอบอุ่นทำให้ผมน้ำตาคลอ

“ช่วงนี้เจ้าอยู่แต่ในจวน พรุ่งนี่พี่ใหญ่ว่างอยากไปไหนหรือไม่” พอได้ยินว่าจะมีคนพาออกไปดวงตาก็เปล่งประกายวาววับ

“น้องอยากไปเที่ยวตลาด พี่ใหญ่พาน้องไปนะขอรับ” ใจพยัคฆ์ตระกูลไป๋อ่อนเป็นเต้าหู้เมื่อน้องชายหันมาออดอ้อน

“ได้พี่ใหญ่จะพาเจ้าไป”

“ขอบคุณขอรับ” ในที่สุดก็จะได้ออกไปดูโลกภายนอกแล้ว มื้อเย็นแสนสุขสันต์ก็ผ่านพ้นไป เมื่อกลับมาถึงเรือนผมก็ไล่ซื่อจูไปพักผ่อน เพราะไม่ชินต่อให้อยู่ที่นี่นานผมก็ไม่ชินแน่ๆ กับการที่ถูกผู้ชายด้วยกันมาถูหลังหรือแต่งตัวให้

“อวี้หลิงนายนี่เกิดมาพร้อมพรจริงๆ นะ” เห็นหน้าตัวเองในกระจกทองเหลืองทีไรก็อดอิจฉาไม่ได้เกิดมาพร้อมรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ ผมถอดเสื้อผ้าออกแล้วก้าวลงไปแช่น้ำในถัง

“อ่า..สบายจัง” แช่น้ำไปก็คิดถึงการใช้ชีวิตในยุคนี้ จะให้อยู่แบบหายใจทิ้งไปวันๆ ก็คงไม่ใช่ผม และตอนนี้ผมมีพร้อมทุกอย่างแล้ว จะทำอะไรดีนะ

.

.

สายวันต่อมาพี่ใหญ่ก็กลับมาจวนหลังจากที่ออกไปที่ค่ายตั้งแต่เช้ามืด แต่ทำไมพอเห็นหน้าคิ้วเฉียงนั่นถึงได้ขมวดอย่างนั้นเล่า ผมก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า

ไป๋อวี้จิ้งอยากจะยกเลิกการพาน้องชายตัวน้อยของตน ที่หลังจากหายป่วยรูปลักษณ์ที่เคยเย่อหยิ่งเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวานั่นยิ่งทำให้หลิงเอ๋อร์ดูน่ามอง วันนี้พวกบุรุษน่าตายจะต้องมองน้องรักของเขาแน่ ไม่ได้การล่ะข้าต้องหาคนช่วย

“พี่ใหญ่มีปัญหาอะไรหรือ” ผมถามเพราะพี่อวี้จิ้งมองหน้าแล้วก็คิ้วขมวดแถมยังถอนหายใจแรงอีก

“มิมีอะไรเราไปกันเถอะ” ผมกระโดดเกาะแขนพี่ชายเดินออกไปที่หน้าจวนมีรถม้าจอดรออยู่แล้ว มือใหญ่ประคองผมขึ้นบนรถม้าเพราะไม่ชิน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ของผมเลยทีเดียวแม้จะโคลงเคลงไปนิดแต่ก็สนุกดี

“ถึงแล้วครับคุณชาย” รถม้าคันใหญ่ที่มาหยุดตรงตลาด พี่อวี้จิ้งลงจากรถ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลไป๋ร่างสูงสง่าแถมยังหล่อเหลาเรียกสายตาได้รอบทิศทางโดยเฉพาะบรรดาคุณหนูทั้งหลาย หากแต่ทุกสายตากลับมองไปที่มือขาวที่คุณชายใหญ่ประคองลงมา

ผมรีบลงมาจากรถม้ากวาดสายตามองความครึกครื้น มือเรียวยังเกาะกุมมือใหญ่ไว้ ฮืออออ ได้ออกนอกจวนแล้วเว้ยยยยย อยากจะร้องนะครับแต่คงจะเป็นการทำให้ทุกคนแตกตื่น

“เจ้าจะไปที่ใดก่อนหรือไม่พี่จะได้พาไป”

“ไม่ขอรับ ข้าอยากเดินชมตลาด ข้าอยากลองกินถังหูลู่” เคยได้ยินจากในซีรี่ย์อยากจะรู้ว่ามันอร่อยไหม

“ได้สิ พวกเจ้าไม่ต้องตาม ไปรอพวกข้าที่โรงเตี๊ยมเมฆา” พี่ใหญ่หันไปสั่งบ่าวติดตามแล้วจูงมือผมเดินเข้าตลาด สองข้างทางมีร้านค้าและแผงลอย กลิ่นหอมของร้านอาหารแผงลอยโชยมาตลอด อ่า หิวจัง

“พี่ใหญ่ข้าอยากกินนี่” เมื่อเห็นร้านอาหารแผงลอยด้านหน้าผมก็ลากพี่ชายให้ตามมา เป็นร้านซาลาเปาและน้ำเต้าหูแต่ที่ผมสนใจ

“ท่านป้าข้าขอซาลาเปาหนึ่งจาน พี่ใหญ่เคยทานร้านนี้ไหม” อวี้จิ้งไม่อยากให้น้องชายผิดหวังแต่ร้านแบบนี้นะหรือเขาจะเคยนั่งอย่าว่าแต่เขาเลยทั้งตระกูลยังไม่มีใครมานั่ง

“ไม่เคย แต่หลิงเอ๋อร์อยากทานพี่ก็จะทานกับเจ้า” ฮือ พี่ชายใครทำไมใจดี ตามใจผมจริงๆ

“ซาลาเปามาแล้วเจ้าค่ะคุณชาย” เจ้าของแผงลอยไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้ร้านของเธอจะได้ต้อนรับคุณชายสูงศักดิ์ แถมยังรูปงามทั้งสองท่านอีก ผมหยิบซาลาเปาขึ้นมากัด

อืม อร่อย แป้งนุ่ม ใส้หอมและกลมกล่อม ถ้าอยู่ในโลกเก่าฝีมือแบบนี้ได้อยู่ในภัตตาคาร อ่า ผมรู้แล้วล่ะว่าจะทำอะไร หลังจากทานเสร็จผมก็ขอไปจ่ายเงินเอง

“ท่านป้าซาลาเปาท่านอร่อยมาก เท่าไหร่หรือ”

“ห้าอีแปะเจ้าค่ะ” ทำไมมันถูกแบบนี้เนี้ย ให้ตายเถอะของอร่อยๆ

“อร่อยมากเลยท่านป้า ไว้ข้าจะให้บ่าวมาซื้อ”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” ท่านป้าโค้งให้แม้อยากจะโค้งรับแต่ด้วยต้องคีพลุคคุณชายสูงศักดิ์ไว้เลยทำได้เพียงยกยิ้มให้

ร่างสูงใหญ่และร่างระหงของบุตรชายตระกูลไป๋เดินเคียงคู่หยอกล้อ เสียงหัวเราะจากคุณชายน้อยแถมยังแจกจ่ายรอยยิ้มงดงามให้ผู้คนได้ยลจนต้องเก็บไปเพ้อฝัน

“นี่ถังหูลู่ที่เจ้าอยากกิน” ถังหูลู่คือผลไม้เคลือบน้ำเชื่อม แข็งๆ หวานๆ อ่า ก็อร่อยดีแฮะ เมื่อทานได้ไม่กี่ลูกผมก็ยกไปจ่อริมฝีปากพี่ชาย

“ช่วยน้องหน่อย ทานไม่หมด” เงยหน้าสบตาคมดุจเหยี่ยว แถมกระพริบตาปริบๆ ให้อีกสองที ท่าไม้ตายนี้รับรองว่าบราค่อนอย่างพี่ใหญ่ต้องยอมผมแน่ๆ แม้คิ้วหนาจะขมวดแต่ริมฝีปากหยักก็ยอมที่อ้าปากรับถังหูลู่จนหมด

“คิกๆ ขอบคุณนะขอรับไว้กลับจวนน้องจะเข้าครัวทำอาหารให้ทาน”

“แค่พี่ผู้เดียว” กับข้าวก็ยังหวง คงต้องยอมให้ท่านพ่อกับพี่รองงอนไปก่อนแล้วค่อยทำของง้อทีหลัง

“เดี่ยวน้องทำจานใหญ่ให้เลย แต่ตอนนี้น้องหิวแล้ว”

“ไปที่หอเมฆาเถอะพี่สั่งให้คนจองที่ไว้ให้แล้ว”

“ขอรับ”

หอเมฆาที่พี่ใหญ่พาผมมาเป็นโรงเตี๊ยมใหญ่ใจกลางตลาด ทันทีที่เดินเข้ามาเสี่ยวเอ๋อร์ก็รีบนำทางขึ้นไปยังหอชั้นสองที่นั่งที่ตรงนี้สามารถมองเห็นถนนเบื้องล่างและบรรยากาศโดยรอบได้เป็นอย่างดี

“เอาอาหารขึ้นชื่อมาสี่ห้าอย่างและชาหนึ่งกา” ปล่อยให้พี่ใหญ่เป็นคนสั่งไปครับเพราะผมกำลังเพลิดเพลินกับภาพตรงหน้า ผู้คนเดินขวักไขว่ ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

“ทานนี่สิหลิงเอ๋อร์”

“ขอบคุณขอรับ พี่ใหญ่ทานด้วยสิครับ” ผมคีบเนื้อใส่ถ้วยให้พี่ชาย รสชาติดีมากเลยทีเดียวสมแล้วที่มีลูกค้าแน่นขนาดนี้ ขณะที่พวกเรานั่งทานอาหารกันอย่างมีความสุขอยู่นั้นพี่ใหญ่ก็เงียบขรึมทันที

“มีอะไรหรือพี่ใหญ่”

“ไม่คิดจะทักทายกับเปิ่นหวางหน่อยหรือ” เสียงทุ้มที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

“ฉิงเอ๋อร์คาราวะคุณชายใหญ่ คุณชายเล็กเจ้าค่ะ” อีกเสียงที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว อ่า ฉิงเอ๋อร์ คุณหนูจางลี่ฉิง คุณหนูสกุลจางคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น และผู้ชายที่อยู่ด้านหลังผมคงเป็นใครไม่ได้นอกจากอ๋องหยางเฉียงนั่น นิ้วเรียววางตะเกียบลง ความอยากอาหารและความรื่นรมย์ก่อนหน้านี้ถูกก่อกวนไปหมดแล้ว ร่างระหงลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุนกายเผชิญหน้าหนึ่งคืออดีตคู่หมั้น อีกหนึ่งคือหญิงที่ต้องเห็นอยู่ข้างกันเสมอ ผมประสานมือโค้งคำนับผู้สูงศักดิ์

“ถวายพระพรอ๋องหยางเฉียงพะยะค่ะ” ถวายพระพรเสร็จผมก็ขยับไปยืนใกล้พี่ใหญ่พร้อมกับกุมมือหนาไว้แน่น

“ต้องขออภัยท่านอ๋องแต่ว่าน้องชายกระหม่อมยังไม่หายดีคงต้องขอตัวกลับจวนก่อน” อวี้จิ้งที่กำลังจะจูงมือน้องชายเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อน้องชายรั้งไม่เดินตามมา หรือว่าน้องชายของเขายังคงอาลัยอาวรณ์กับอดีตคู่หมั้นอยู่อีกหรือ อวี้จิ้งหันกลับไปมอง

“พี่ใหญ่ข้าเสียดายกับข้า ห่อกลับได้หรือไม่ขอรับ” กินทิ้งกินขว้างไม่ใช่นิสัยผมแถมยังรสชาติดีขนาดนี้ยังไม่ทันได้ทานครบทุกจานเลย

“ได้พี่ใหญ่จะจัดการให้เจ้า”

“งั้นกลับกันเถอะขอรับ” อวี้จิ้งไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมาดี เมื่อน้องชายของเขานั้นห่วงอาหารมากกว่าอดีตคู่หมั้น

.

นั่นนะเหรออดีตคู่หมั้นของอวี้หลิง ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าสมกับที่อวี้หลิงหลงรักเพราะใบหน้าหล่อแหลา หากอยู่ในอีกภพคงเป็นดารานายแบบระดับโลกได้แน่ๆ แต่ใบหน้านั้นคงจะสลักมาจากน้ำแข็งสินะถึงได้นิ่งขนาดนั้น อวี้หลิงนายไม่น่ารักคนจากหน้าตาเลยนะ ผมส่ายหน้าไปมา

“เจ้ารู้สึกไม่ดีหรือไม่หลิงเอ๋อร์”

“ข้ามิเป็นไรพี่ใหญ่ อดีตที่ผ่านไปข้าจะไม่ยึดติด แค่มีท่านพ่อ และพี่ๆ ข้าก็พอใจแล้ว” เพราะครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมแล้ว เรื่องคู่ครองและคนรักก็ปล่อยให้จากไปพร้อมกับอวี้หลิงคนเดิม





*************************************************

กลายเป็นนิยายรายสัปดาห์เรียบร้อยฮ่าๆๆ 

อ่านแล้วรู้สึกติดขัดหรือไม่ถูกต้องสามารถบอกได้นะคะ เพราะพึ่งเคยเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก

ขอบคุณทุกการต้อนรับน้องหลิง 

อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกเรานะคะ 

รัก

จุ๊บๆ

RW  17/6/2562
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 12-05-2019 14:36:27
'ฉิงเอ๋อร์'  กลิ่นตัวร้ายลอยมากระทบ

ต้องมีส่วนกับเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-05-2019 23:06:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-05-2019 01:57:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-05-2019 07:37:48
สนุกกกกกกก  ชอบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขอแก้คำผิดนะ
เกลียดคร้าน  ------- เกียจคร้าน
สงใส ------- สงสัย
ใส้หอมและกลมกล่อม ------- ไส้หอม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-05-2019 08:53:21
 :pig4:
 :katai2-1:
ติดตามค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 13-05-2019 10:21:06
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 2 12/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 14-05-2019 13:36:57
สนุกค่ะะะะ ปูเสื่อรอ :3123:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 RW 18/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-05-2019 19:16:03
3

เมื่อฮ่องเต้ทรงรับปากหลังจากผ่านพ้นวันที่ทุกคนเข้าวังถึงเจ็ดวัน ฉีกงกงก็ถือราชโองการมาถึงจวน ทุกคนในจวนต่างมาอยู่ลานกลางบ้าน

“ไป๋อวี้หลิงรับราชโองการ”

“ข้าไป๋อวี้หลิงรับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”

“เนื่องจากราชครูไป๋แก่ชราจึงขอกลับไปใช้ชีวิตยังบ้านเกิดเจิ้นเห็นแก่ความดีความชอบที่มีมาช้านานจึงอนุญาตทำตามความตั้งใจของท่านราชครู อีกทั้งการหมั้นหมายและการอภิเษกสมรสเจิ้นยังเห็นว่าไป๋อวี้หลิงยังเยาว์วัยเจิ้นจึงให้ดูแลบิดาที่แก่ชรายังบ้านเกิด เจิ้นจึงยกเลิกการหมั้นหมายและงานอภิเษกสมรส จบราชโองการ”

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปีหมื่นๆ ปี” ทุกคนถวายพระพร ท่านพ่อรับราชโองการจากมือฉีกงกงแล้วส่งงถุงกำนัลให้ฉีกงกง แอบขำกับราชโองการหน่อยๆ ที่ดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะเน้นย้ำคำว่า ‘แก่ชรา’ อยู่หลายรอบไม่รู้ว่าการเกษียรราชการของท่านพ่อเกิดจากการไปข่มขู่อะไรฝ่าบาทรึเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อกงกงจากไปแล้วผมก็มอบยิ้มกว้างให้แก่ครอบครัว เมื่อมีราชโองการออกมาก็ถือว่าโซ่ตรวจของผมได้ขาดออกแล้ว

อีสระ!!!

ชีวิตอิสระของผม

“ท่านพ่อจะออกเดินทางวันไหนรึขอรับ” ผมถามพร้อมกับรินชาที่ชงจากเกสรดอกบัว แค่คิดว่าจะได้ออกไปสำรวจโลกภายนอกผมก็ตื่นเต้นแทบทนไม่ไหว เมื่อมีราชโองการออกมาท่านพ่อก็คงจะเตรียมออกเดินทาง

“คงต้องรอพี่ใหญ่เจ้าก่อน เพราะต้องกองพยัคฆ์กลับไปรายงานตัวที่ค่ายและย้ายไปประจำการที่นั่น” ผมพยักหน้าเบาๆ เห็นว่าเป็นเมืองท่าและนั่นก็ดีเพราะคงจะมีอะไรให้ผมทำ พี่ใหญ่ย้ายไปประจำการที่ค่ายทหารที่นั่นส่วนที่รองคงต้องอยู่โยงที่เมืองหลวง

“ดียิ่งขอรับ เสียดายที่พี่รองไปด้วยไม่ได้”

“หึ มังกรไม่ปล่อยลูกแก้วของตัวเองไปหรอกนะ” โอ้ว ผมทำตาโต องค์ฮ่องเต้กับพี่รองมีซัมติงกันหรือนี่ เพราะสัญญากับพี่ใหญ่ว่าจะทำอาหารมื้อกลางวันให้เลยขอตัวไปเข้าครัวเพื่อทำตามสัญญาไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่คงจะต้องงอนผมแน่ๆ ตลอดยี่สามปีในชีวิตเป็นหนึ่งที่ไม่มีทั้งพี่ไม่มีพ่อแม่ ชีวิตไม่ได้อยู่ดีกินดีแบบนี้ ลึกๆ แล้วผมโหยหาสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว วันนี้พี่ใหญ่ไปที่ค่าย หากจะขออนุญาตท่านพ่อออกไปหาพี่ใหญ่ที่ค่ายจะได้หรือไม่นะ จับโน่นหั่นนี่ผัดๆ ไม่นานอาหารมื้อพิเศษก็เสร็จเรียบร้อย ทั้งก๋วยเตี๋ยวลุยสวนและเนื้อตุ๋นสมุนไพร พี่ใหญ่ต้องใช้แรงงานเยอะกินเนื้อเยอะหน่อยจะได้หล่อล่ำมาดแมน

“ท่านพ่อข้าขอไปส่งข้างให้พี่ใหญ่ได้ไหมขอรับ” กอดแขนบิดาไว้พร้อมกับช้อนสายตามองอ้อนๆ หากเป็นร่างเก่าคงไม่ได้ผลแบบนี้หรอกแถมผมก็คงไม่กล้าทำด้วย ราชครูไป๋ทำหน้าหนักใจชั่วครู่แต่เมื่อลูกชายคนเล็กอ้อนขออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนก็อดตามใจไม่ได้

“ขอรับท่านพ่อ ข้ารับปาก” ผมแทบจะวิ่งไปขึ้นรถม้าแต่ด้วยความเป็นคุณชายจึงต้องสาวเท้าเร็วๆ พร้อมกับลากซื่อจูไปด้วย ที่ค่ายจะเหมือนในซีรี่ย์ที่ผมเคยดูไหมนะ บนตักมีตระกล้าที่ใส่อาหารไว้ วันนี้ร่างบางสวมใส่อาภรณ์สีขาวมุกยิ่งขับให้คุณชายน้อยดูสง่างาม รถมาวิ่งมายังทิศเหนือของเมืองหลวงเดินทางอยู่ครึ่งชั่วยาม ก็มาถึงค่ายกำแพงสูงใหญ่แสดงความเกรงขามได้เป็นอย่างดี

“หยุด” เสียงทหารยามตะโกนให้คนขับรถม้าหยุด นิ้วเรียวเกี่ยวม่านเพื่อดูภายนอก “พวกเจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”

“ขออภัยด้วย ข้าไป๋อวี้หลิง ข้ามาหาพี่ชาย” ผมส่งป้ายหยกให้ซื่อจูเอาไปส่งให้นายทหารยาม ซื่อจูลงจากรถม้าแล้วส่งให้นายทหาร

“ขออภัยด้วยคุณชายไป๋ ข้าจะให้คนนำทางท่านไป”

“ขอบคุณท่านมาก” เสียงหวานตอบกลับ ซื่อจูรับหยกแล้วกลับขึ้นมาบนรถม้า รอไม่นานรถม้าก็เคลื่อนออกไป ผมแอบมองผ่านผ้าม่านอย่างสนอกสนใจ มีทหารเดินกันขวักไขว่ บางส่วนอยู่บนลานคงจะเป็นลานฝึก ไกลลิบออกไปคงเป็นการฝึกม้ารถม้ามาจอดหน้าเรือนหลังใหญ่คงจะเป็นเรือนหลัก

“ถึงแล้วขอรับคุณชายไป๋”

“ขอบคุณท่านมาก” ซื่อจูรีบลงจากรถม้าแล้วรออยู่ข้างๆ ผมเอื้อมไปจับมือซื่อจูช่วยประคองให้ลงจากรถม้า เพราะไม่ชินเลยต้องค่อยๆ ลง หากแต่ภาพที่นายทหารทุกคนเห็นนั้นคือภาพร่างบางที่ลงจากรถม้ามีความงดงามและสง่าเสียจนทุกคนตกภวังค์ลืมกระทั่งการซ้อมส่วนตัวต้นเหตุนั้นนะหรือไม่ได้รู้สึกตัวเพราะสิ่งที่อวี้หลิงสนใจคือตระกล้ามื้อกลางวันของพี่ชาย

“ซื่อจูเราต้องไปทางไหน” หันไปถามคนสนิทด้วยน้ำเสียงร่าเริง รอยยิ้มบางถูกประดับบนใบหน้างดงามเป็นอาหารตาให้แก่เหล่าทหาร

“พวกเจ้าไม่ฝึกกันรึไง ทหารทุกคน วิ่งรอบค่ายสิบรอบ”

“ขอรับ!!” เสียงกัมปนาทของรองแม่ทัพทำให้ทาหารทุกคนในลานแตกกระเจิง อวี้จิ่งเลือดขึ้นหน้าทันทีเมื่อเดินออกจากเรือนบัญชาการแล้วเห็นพวกทหารน่าตายพวกนั้นจ้องมองน้องชายของเขาอย่างไม่วางตาไหนจะหน้าตาเคลิบเคลิ้มนั่นอีก มันน่าสั่งให้วิ่งอีกสักสิบรอบ

“พี่ใหญ่ ข้าทำอาหารมาส่ง” จากใบหน้าทะมึงดุจยักษ์ก็เปลี่ยนทันทีเมื่อก้มลงคุยกับน้องชาย

“พี่หิวอยู่พอดีเลย ตามพี่มาเถอะ” อวี้จิ่งฉวยตระกล้ามาถือเองพร้อมกับโอบไหล่เล็กของน้องชายให้เดินตามมา นัยน์ตาดอกท้อกวาดมองรอบๆ อย่างสนอกสนใจ ข้างในดูโอโถงและกว้างขวางมีเพียงห้องกว้างๆ คงเป็นไว้หารือ พี่ใหญ่พาเดินเลี้ยวซ้ายผ่านห้องอีกสองห้องจึงพาเข้าห้องซ้ายมือ คงเป็นห้องทำงานของพี่ใหญ่ ด้านหลังมีม้วนไม้ไผ่อยู่มากมายบนชั้นจนอัดแน่น บนโต๊ะทำงานก็เต็มไปด้วยเอกสารที่กองอยู่ พี่ใหญ่นั่งลงที่โต๊ะกลมกลางห้อง

“ไม่เห็นเจ้าต้องมาด้วยตนเองเลย ให้คนมาส่งก็ได้”

“ข้าอยากมาหาพี่ใหญ่ด้วยขอรับ งานพี่ใหญ่หนักมาหรือไม่” ผมถามพร้อมกับเปิดตระกล้าหยิบอาหารขึ้นมาจัดบนโต๊ะ

“แล้วเจ้าทานรึยัง”

“ยังขอรับพี่ใหญ่”

“งั้นทานกับพี่ที่นี่ แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” พอได้ยินว่าจะกลับพร้อมกัน ผมดีใจจนไม่เก็บอาการรีบส่งตะเกียบให้พร้อมกับคีบเนื้อส่งให้อย่างเอาอกเอาใจ แอบเห็นพี่ใหญ่ส่ายหัวเบาๆ น้องไม่ได้ทำอะไรผิดนะแค่อยากอยู่เล่นที่นี่

“จานนี้อร่อยมากมันคืออะไรหรือ” อวี้จิ่งชี้ตะเกียบไปยังจานที่เป็นแป้งห่อผักและเนื้อสัตว์ไว้ข้างๆ มีน้ำจิ้มรสจัดวางข้างๆ

“ก๋วยเตี๋ยวลุยสวยขอรับ พี่ใหญ่ชอบหรือ”

“อืมรสชาติดีแถมพี่ยังไม่เคยเห็นเสียด้วย” ในใจผมนี่อุทานว่าแย่แล้ว ผมส่งยิ้มกว้างให้พี่ชายแล้วคีบเนื้อตุ๋นใส่ถ้วย ทำเนียนลืมๆ คำถามของพี่ชาย จะให้บอกว่าอะไรล่ะเพราะอาหารที่ทำก็เป็นอาหารไทยทั้งนั้น หลังจากทานเสร็จผมก็เก็บทุกอย่างใส่ตระกล้าแล้วส่งซื่อจูนำกลับบ้านไปก่อน พี่ใหญ่ไปทำงานที่โต๊ะใบหน้าหล่อเหลานั้นเคร่งเครียดคิ้วหนาขมวดแน่น ดูจริงจังคงเป็นงานที่เครียดมาก ผมหยิบเอาถุงชาเดินออกจากห้อง แล้วคว้าตัวนายทหารคนหนึ่งว่าอยากได้กาน้ำชาแต่ขอแค่น้ำร้อนเท่านั้น

“นี่ขอรับ”

“ขอบคุณมาก” ผมรับถาดมาแล้วเดินกลับเข้าห้อง นำถุงที่เก็บไว้ในแขนเสื้อออกมา แกะห่อผ้าเล็กๆ ออกมา ผมหยิบดอกไม้แห้งลงสองหยิบและใบไม้แห้งอีกหนึ่งหยิบห่อใสถุงใส่ชาที่เย็บไว้แล้วแช่ลงในกาน้ำชา ทิ้งไว้ประมาณหกนาทีแล้วค่อยเทชาลงใส่ถ้วยชา กลิ่นหอมของดอกคาโมมายล์และมิ้นต์ ที่ผมเก็บแล้วตากแห้งไว้

“พี่ใหญ่ ข้าชงชามาให้” เพราะเห็นท่าทางเครียดหวังว่าชาที่ผมทำจะช่วยให้พี่ใหญ่ไม่เครียดจนเกินไป

“หอมมาก” สีหน้าดูผ่อนคลายลง ผมก็กลับไปนั่งที่เดิมจิบชาไปด้วย เห็นเอกสารงานเยอะผมไม่อยากยุ่งและอยากรู้อยากเห็น

“กลิ่นอะไรกัน หอมจริงว่าอย่างนั้นหรือไม่ พี่สาม”

“อืม” เสียงทุ้มพูดคุยภายนอกห้องเรียกความสนใจของทั้งผมและพี่ใหญ่ ไม่นานร่างสูงใหญ่สองคนก็มาอยู่ในครรลองสายตา บุรุษผู้หนึ่งสูงสง่าสวมชุดสีครามใบหน้าประดับรอยยิ้มตลอดเวลาเพียงแต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา ส่วนอีกผู้หนึ่งนั้นสูงกว่าเล็กน้อยร่างใหญ่กว่าหากแต่ใบหน้านั้นเย็นชาแต่ยังไม่สู้แววตาดุจเหยี่ยวคู่นั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือ

ทำไมใส่ชุดสีเดียวกันกับผมเลยล่ะ

“ถวายพระพรชินอ๋อง เว่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพี่ใหญ่ลุกขึ้นทั้งยังนามที่เอ่ยออกมาทำให้ผมต้องรีบดีดตัวลุกขึ้นถวายพระพรทั้งสองพระองค์

“นั่งลงเถอะ เปิ่นหวางแค่ได้กลิ่นหอมเลยตามเข้ามา กลิ่นอะไรหรือท่าแม่ทัพ” เว่ยอ๋องพูดถึงกลิ่นหอม ผมก็ก้มมองถ้วยชาในมือ

“เป็นชาที่น้องชายกระหม่อมชงพ่ะย่ะค่ะ” ปล่อยให้ผมนั่งเงียบๆ ได้ไหม แต่เมื่อพี่ใหญ่แนะนำว่าเป็นฝีมือของผมก็เลยต้องอธิบาย

“เป็นชาที่กระหม่อมชงเอกพ่ะย่ะค่ะ ชงจากดอกคาโมมายล์และใบ ป้อเหอ (ใบมิ้นต์) พ่ะย่ะค่ะ”

“ใบป้อเหอรึ”

“ใช่แล้วพะยะค่ะแถมยังรสชาติดียิ่ง” โอ๊ยพี่ใหญ่ท่านอย่าพึ่งอวยน้องตอนนี้ได้ไหม เมื่อเว่ยอ๋องได้ยินว่ารสชาติดีก็หันมาทางร่างบาง ที่ในความทรงจำของพระองค์นั้นยังจำได้ว่าบุตรชายคนเล็กของราชครูไป๋ยังตัวน้อยอยู่เลยไม่คิดว่าจะโตขึ้นมางดงามเยี่ยงนี้

“หลิงเอ๋อร์ เปิ่นหวางยังจำสมัยเจ้ายังเยาว์วัยได้อยู่ ไม่คิดว่าเจ้าจะเติบโตถึงเพียงนี้และยังมีความรู้เรื่องชา” ยิ่งเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเด็กน้อยตรงหน้า เว่ยหลงรู้สึกเอ็นดูเพราะเมื่อครั้งยังเด็กเคยได้เล่นกับน้องชายเพื่อนคนนี้

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้เพียงเล็กน้อย หากพระองค์ไม่ถือสาความรู้น้อยนิด กระหม่อมจะชงถวายพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอ๋องพยักหน้าอนุญาต ร่างบางเลยวานนายทหารที่ยืนอยู่หน้าประตู ว่าขอชุดชามาอีกชุดไม่นานทหารก็เอาชุดมาให้

“นี่พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อวางถ้วยชาให้เว่ยอ๋องเสร็จพอหันมาเจอบุรุษที่นั่งข้างๆ ทำไมต้องทำหน้านิ่งหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นด้วยเล่า เพราะในร่างนี้คือเป็นหนึ่ง หากเป็นอวี้หลิงคนเดิมคงไม่กล้าสบตากับสายตาดุแบบนี้

“ชาพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อถวายชาเสร็จผมก็กลับไปนั่งที่ปล่อยให้บุรุษสูงศักดิ์ทั้งสองคนแล้วกลับไปนั่งทียกถ้วยชาจิบ ดวงตากลมชำเลืองมองเมื่อทั้งสองคนจิบชา เว่ยอ๋องนั้นดูพอใจแต่กับชินอ๋องนั้น.....ผมดูไม่ออก

“รสดีอย่างที่อวี้จิ่งว่า”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์ชอบไว้กระหม่อมจะทำแล้วฝากพี่ใหญ่ให้นำมาถวาย”

“ดียิ่ง” ผมยิ้มกว้างเมื่อมีคนชอบสิ่งที่เราทำแล้ว แต่เมื่อพี่ใหญ่เห็นก็เอ่ยลาแล้วลุกขึ้นลากตัวผมกลับทันทีโชคดีที่ยังได้ทำความเคารพก่อนที่จะโดนลากออกมา ไม่มีรถม้าแล้วจะกลับยังไงอย่าบอกนะว่าขึ้นม้าความสูงเกือบสองเมตรนั่นเหรอ

“พี่ใหญ่อย่าบอกข้านะว่าท่านจะ..”

“ใช่พี่จะพาเจ้าขี่ม้ากลับ” โอ้วพระเจ้าผมจะมีชีวิตรอดไหมหากจะขึ้นม้าแบบนี้ ตัดสินใจพยักหน้าให้กับพี่ชายว่าตัดสินใจแล้ว พี่ใหญ่อุ้มผมขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนที่พี่ใหญ่จะขึ้นหลังม้า ผมนั่งเกร็งบนหลังม้าจนพี่ใหญ่รั้งเอวให้ผมพิงแผ่นอกกว้าง เมื่อเริ่มชินแล้วผมก็รู้สึกสนุกกับการนั่งชมวิวบนหลังม้าจนมาถึงหน้าจวนพี่ใหญ่ลงจากหลังม้าแล้วอุ้มผมลงอ่า ปวดเอวชะมัดเลยต้องเดินเกาะแขนใหญ่เจ้าจวน

สาบานต่อพระเจ้าเลยว่าผมจะไม่ขึ้นนั่งบนหลังม้าอีกแล้ว

.

.

หลังจากการไปส่งมื้อกลางวันพี่ใหญ่ก็ติดใจจนผมต้องเข้าครัวทุกมื้อเที่ยงเพื่อส่งให้กับพี่ชายและเมื่อพี่รองกับท่านพ่อรู้ก็เรียกร้องแถมยังประท้วงด้วยการงอนผมอีก ผมเลยต้องง้อด้วยการทำให้ทั้งสามคนเพราะอย่างนั้นการอยู่ในจวนก็ไม่หน้าเบื่ออีกต่อไป และการได้ทำอะไรให้กับครอบครัวทำให้ผมมีความสุข

“ซื่อจูอันนี้ให้คนไปส่งให้พี่ใหญ่ อ่า อย่าลืมกล่องสองกล่องนี้แจ้งกับพี่ใหญ่ว่าข้าฝากมอบให้เว่ยอ๋องและชินอ๋อง” จัดแจงอาหารใส่ตระกล้าและกล่องไม้บุผ้าขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือที่ผมสั่งให้คนทำข้างในบรรจุถุงชาไว้จำนวนยี่สิบถุงโดยกำชับว่ากล่องชาสีครามนั้นเป็นของเว่ยอ๋องและสีมุกนั้นเป็นของชินอ๋อง และให้องครักษ์แยกนำไปส่งให้ทั้งท่านพ่อและพี่รองเพราะผมคงจะเข้าในวังไม่ได้ แค่ทำอาหารให้กับทุกคนในทุกมื้อชีวิตผมก็ไม่ว่างแล้ว

อ่า

ชักคิดถึงชีวิตว่างๆ จิบชาอ่านหนังสือแล้วสิ

.

.

นิ้วเรียวลูบกล่องไม้บุผ้าไหมสีมุกไพล่คิดไปถึงดวงตากลมโตที่กล้าสบตาอย่างไม่หวาดกลัวอย่างที่ทุกคนเคยเป็น ช่างแตกต่างจากคนในความทรงจำเมื่อครั้งได้เจอเมื่องานชมดอกไม้ เมื่อเปิดกล่องออกมากลิ่นหอมก็ลอยออกมา

“อี้กงกง น้ำร้อนหนึ่งกา” อี้กงกงเปิดประตูสั่งขันทีไปนำน้ำร้อนมาให้ ในวังชินอ๋องไม่มีสาวใช้เพราะความยุ่งยากในอดีตไม่นานชาก็ถูกนำมาในห้องหนังสือ

“ให้กระหม่อมชงให้ไหมพะยะค่ะ”

“ไม่ต้อง” โบกมือให้ออกไป เพราะต้องการอยู่คนเดียว ดวงตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นมองในกล่องชาในนั้นมีกระดาษขึ้นเล็กกั้นอยู่คงเป็นชาที่แตกต่างกันสินะ เขาหยิบถุงชามาใส่ลงไปในกาแล้วรออย่างที่ไป๋อวี้หลิงเคยทำ ไม่นานกลิ่นหอมก็โชยออกมา เทชาลงถ้วยแล้วจิบเบาๆ เป็นชาคนละอย่างที่เคยได้ทานเมื่อวันนั้น

อืม

รสดีจริงๆ

ช่างเป็นคนที่ชวนให้สนใจจริงๆ

.

.

หลังจากที่ราชโองการออกมาผ่านไปได้หนึ่งเดือนท่านพ่อก็ไม่ต้องเข้าวังแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมประชุมตอนเช้า พี่ใหญ่ก็เตรียมตัวที่จะไปประจำที่บ้านเกิด พี่รองวันนี้กลับมาที่จวนเพราะต้องมาช่วยขนย้าย จวนนี้พี่รองยังคงกลับมาอยู่ดูแล เมื่อถึงวันที่ต้องออกเดินทางพร้อมกับขบวนทหารจากค่ายพยัคฆ์ที่ไปพร้อมกับพี่ใหญ่

“ซื่อจูข้าคงคิดถึงที่นี่” ผมยืนที่ระเบียงเรือนที่อาศัยอยู่มาเดือนกว่าๆ นี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็ผูกพันกับมันเสียแล้ว เมื่อถึงเวลาผมก็ขึ้นรถม้า ท่านพ่ออยู่อีกคันส่วนพี่ใหญ่จะไปสมทบกันที่ประตูเมืองหลวง ที่น่าตกใจคือเมื่อวันก่อนพี่รองนำของที่ได้รับมาจากเว่ยอ๋อง เป็นม้วนผ้าไหมชั้นดีหลายพับโดยบอกกับพี่รองมาว่าตอบแทนชารสดีที่ผมฝากไปให้ทุกๆ อาทิตย์ ซึ่งมันก็ดูเป็นการตอบแทนที่มากมายเหลือเกิน ส่วนอีกคนนั้นนะเหรอช่างเถอะ ผมไม่ได้ทวงบุญคุณอะไรแต่ก็ฝากไปคู่กันทุกๆ สองอาทิตย์ ส่วนอดีตคู่หมั้นนะเหรอครับเห็นว่าทีแรกก็ไปโวยวายกับองค์ฮ่องเต้แต่ว่าเมื่อราชโองการออกมาแล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไร อันนี้พี่รองแอบกระซิบผมมา

ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ รถม้าหยุดซื่อจูที่ลงมาจากด้านหน้าแล้วเปิดม่านรถม้าแล้วแจ้งว่าผมต้องลงจากรถม้าเมื่อลงมาผมก็เห็นขบวนคนที่มาส่ง พี่รองยืนเยื้องกับบุรุษผู้หนึ่งที่มีรัศมีที่ทำให้รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ข้างซ้ายยังมีเว่ยอ๋องถัดมาเป็นอดีตคู่หมั้น ผมขยับไปยืนข้างๆ ท่านพ่อ

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”

“เจิ้นมาส่ง แม้จะเสียดายที่ต้องให้ท่านกลับบ้านก็เถอะ” ผมก้มหน้าลงแอบยิ้มมุมปาก

“พระองค์ก็ทรงยึดลูกชายคนรองของกระหม่อมไปแล้ว แค่นี้จะทำให้หม่อมฉันหน่อยไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” อยากจะหลุดขำกับการที่บิดาทำตัวเหมือนหวงพี่รองแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรจริงจังพระองค์ทรงพูดคุยกับท่านพ่ออีกสองสามประโยคก่อนที่จะหันมาทักผม

“หลิงเอ๋อร์ เจิ้นไม่ได้เจอเจ้านานมาก”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ ชาที่เจ้าทำรสดีมาก เจ้าไปไกลเจิ้นคงไม่ได้มีโอกาสได้ชิมอีกแล้ว” พระองค์ยกยิ้มเอ็นดู พระองค์ยังดูหนุ่มและหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากจะลากก.ไก่ยาวเท่ากำแพงเมืองจีน

“ทรงให้พี่รองทำถวายได้พ่ะย่ะค่ะ” ยกยิ้มล้อๆ ส่งให้ซึ่งพระองค์ทรงหัวเราะเสียงดัง แล้วหันไปพูดคุยกับบิดาเป็นการเว่ยหลงถึงได้โอกาสมาคุยกับอวี้หลิง

“ที่นั่นหน้าหนาวหนาวกว่าเมืองหลวงเจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วงหม่อมฉันจะเตรียมตัวให้พร้อม”

“ดียิ่ง”

“สำหรับผ้าไหมหม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะ”

“เปิ่นหวางดีใจที่เจ้าชอบ” หลังจากนั้นเว่ยอ๋องก็หันไปคุยอับฉินอ๋อง แม้อีกฝ่ายจะอยากเข้ามาคุยกับผมก็ตาม พี่รองเดินมาหาพร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปกอด

“ไปอยู่ที่โน้นดูแลตัวเองให้ดีนะและดูแลท่านพ่อด้วย”

“พี่รองก็เช่นกันหากพระองค์ทรงใช้งานหนัก พี่รองก็หนีไปหาข้าเลยนะขอรับ” ผมเย้าพี่รองเล่นและก็ได้รอยบีบบนแก้มเป็นการตอบแทน ล่ำลาจนเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางผมขึ้นนั่งบนรถม้าเปิดม่านมองกำแพงเมืองจนลับสายตา



RW 18/6/2562
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 18-05-2019 19:49:30
สนุกจร้า ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-05-2019 19:55:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 18-05-2019 21:18:57
ชีวิตน้องได้เริ่มต้นใหม่แล้ว~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-05-2019 03:33:15
ติดตามจ้า อ่านแล้วสนุกมาก รอติดตามชีวิตในภพนี้ของน้อง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-05-2019 22:15:57
สนุกมากค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 20-05-2019 06:35:35
อ่านๆไปแล้วก็เริ่มคิด ใครเป็นพระเอก :m28: อิพี่ๆหวงน้องขนาดนี้เป็นพระเอกไปเลย55555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-05-2019 23:17:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-05-2019 08:34:19
 :L2: :pig4:
+1 ไปเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 21-05-2019 11:43:34
ช่วยลำดับหน่อย
เจิ้น=ฮ่องเต้
องค์ไทจือ=น้องฮ่องเต้คนแรก
ชินอ๋อง=น้องฮ่องเต้คนที่2
ใช่ไหมเอ่ย?
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 21-05-2019 11:54:20


เพิ่งเข้ามาอ่านๆรวดเดียวจบเลยค่ะ

ชอบมาก มาต่อไวๆนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 21-05-2019 12:45:07
สนุกค่ะ
ติดตามต่อ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 21-05-2019 13:27:42
ช่วยลำดับหน่อย
เจิ้น=ฮ่องเต้
องค์ไทจือ=น้องฮ่องเต้คนแรก
ชินอ๋อง=น้องฮ่องเต้คนที่2
ใช่ไหมเอ่ย?
เจิ้นคือคำเรียกแทนตัวของกษัตริย์ค่ะ
ส่วนองค์ไทจื่อน่าจะเป็นองค์รัชทายาทหรือลูกชายของฮ่องเต้หรือเปล่าคะ น่าจะเป็นหลานของชินอ๋อง เพราะเห็นมีประโยคที่พูดว่า ท่านอา ได้กลิ่นหอมหรือไม่
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: yochiki1404 ที่ 22-05-2019 01:53:11
เพิ่งมีโอกาสได้ตามอ่าน สนุกมากค่ะมาต่อเร็ว :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 23-05-2019 00:00:40
เป็นคนไทยหลงไปโลกคล้ายๆจีนแล้วพูดไทยหรือจีนคะ
ถ้าพูดจีนนายเอกพูดได้อยู่แล้วหรือว่ายังไง
คือเคยอ่านแต่จีนย้อนไปจีนไม่ก้ไทยย้อนไปไทย
แต่ย้อนข้ามประเทศแบบนี้เพิ่งเคยอ่านค่ะ
อันนี้สงสัยมากค่ะ :ruready
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-05-2019 06:31:30
เป็นคนไทยหลงไปโลกคล้ายๆจีนแล้วพูดไทยหรือจีนคะ
ถ้าพูดจีนนายเอกพูดได้อยู่แล้วหรือว่ายังไง
คือเคยอ่านแต่จีนย้อนไปจีนไม่ก้ไทยย้อนไปไทย
แต่ย้อนข้ามประเทศแบบนี้เพิ่งเคยอ่านค่ะ
อันนี้สงสัยมากค่ะ :ruready

ใช้ความสามารถของเจ้าของร่างค่ะ​ อีกอย่างที่นี่เหมือนเป็น​โลกคู่ขนานมากกว่าค่ะ​ 
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 3 18/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 23-05-2019 12:09:58
เป็นคนไทยหลงไปโลกคล้ายๆจีนแล้วพูดไทยหรือจีนคะ
ถ้าพูดจีนนายเอกพูดได้อยู่แล้วหรือว่ายังไง
คือเคยอ่านแต่จีนย้อนไปจีนไม่ก้ไทยย้อนไปไทย
แต่ย้อนข้ามประเทศแบบนี้เพิ่งเคยอ่านค่ะ
อันนี้สงสัยมากค่ะ :ruready

ใช้ความสามารถของเจ้าของร่างค่ะ​ อีกอย่างที่นี่เหมือนเป็น​โลกคู่ขนานมากกว่าค่ะ​

อ่อเข้าใจแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 RW 18/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 25-05-2019 15:13:33
4

ขบวนเดินทางจนถึงยามอู่ (11.00 – 12.59) ขบวนเดินทางก็หยุดเพื่อพักม้าและทานอาหาร จากที่ถามซื่อจูว่าระยะการเดินจากเมืองหลวงไปยังเมืองตงซวง จากที่ถามท่านพ่อก็ได้ความว่าเป็นเมืองที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่หากแต่มีอุณหภูมิที่แตกต่าง พื้นที่ตอนเหนือของเมืองอยู่ในหุบเขาทำให้ช่วงหน้าหนาวนั้นอาการเย็นกว่าเมืองหลวงหากแต่ตอนใต้นั้นเป็นพื้นที่ติดชายทะเล อากาศจะอบอุ่นกว่านัก ผมชักอยากจะเห็นแล้วสิ

“นายน้อยขอรับขบวนหยุดพักแล้วขอรับ” ซื่อจูเปิดม่านแล้วยืนมือมาประคองผมลงจากรถม้า เพราะต้องเดินทางไกลชุดที่ใส่จึงเป็นชุดที่ทะมัดทะแมงซึ่งผมชอบแบบนี้มากกว่าที่ซื่อจูจับมาใส่ให้เป็นประจำ เมื่อลงมายืนที่พื้นดินผมก็ชูแขนบิดคลายความเมื่อยล้า ผมรีบวิ่งไปหาท่านพ่อที่ลงจากรถม้าที่อยู่ไม่ไกล

“ท่านพ่อ เหนื่อยไหมขอรับ”

“หึๆ พ่อไม่เหนื่อยแล้วเจ้าเล่า”

“ลูกสนุกมากเลยขอรับไม่เหนื่อยสักนิดเดียว” พอตอบไปแบบนั้นท่านพ่อก็ยกยิ้มมือหนายกขึ้นลูบผมเบาๆ ก่อนที่จะบอกว่าใกล้ๆ นี้มีแม่น้ำให้ผมไปล้างหน้าล้างตาผมก็รีบวิ่งกลับไปชวนซื่อจูไปด้วยกัน ส่วนกองทัพจะพักห่างไปอีก พี่ใหญ่ไม่รู้ว่าจะได้มารวมกับพวกเราหรือเปล่าอาจจะต้องอยู่กับเหล่าทหาร

“อูยน้ำเย็นมากเลย ซื่อจูปลาตัวโตมาก ข้าอยากได้” เพราะเห็นว่าจะพักหนึ่งชั่วยามเวลามากมายจนพอที่จะทำมื้ออร่อยๆ ให้บิดาได้ทาน

“เดี๋ยวบ่าวจะจับให้นะขอรับ” ไม่รอช้าซื่อจูเรียกบ่าวอีกคนมาช่วยลงไปจับปลา ใจจริงอยากจะลงไปด้วยนะแต่ว่าโดนห้ามไว้

“ซื่อจูเอาอีกสองตัวนะ” ตอนนี้ปลาได้มาหกตัวแล้ว ผมว่าจะทำไปให้พี่ใหญ่ด้วยไม่นานปลาตัวใหญ่สองตัวก็ถูกจับขึ้นมาใส่ตระกล้า ไล่ให้ซื่อจูและบ่าวอีกคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะไม่สบายเอาส่วนผมก็หิ้วตระกล้าใส่ปลาไปที่รถม้า คนคุมรถม้ากำลังก่อไฟ ปลาที่จับขึ้นมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผมปีนขึ้นรถม้าหยิบกล่องเครื่องเทศและถุงเกลือลงมา

“พี่ชายท่านช่วยข้าที” เรียกพี่หม่ามาช่วยเพราะอายุมากกว่าแถมยังต้องทำงานหนักจะให้เรียกแบบนายบ่าวปกติผมก็ทำใจเรียกไม่ได้ สอนให้พี่หม่าช่วยเอาเกลือพอกปลาส่วนในท้องผมก็ยัดด้วยสมุนไพรเพื่อดับกลิ่นแล้วให้พี่หม่าช่วยดูปลาพร้อมกับซื่อจูที่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วช่วยย่างปลา ส่วนผมก็เปิดกล่องเครื่องเทศที่เก็บแยกมาต่างหากเพราะถ้าจะให้ไปค้นในรถที่เก็บของกว่าจะได้กินคงต้องรอวนไป หยิบพริกแห้งกระเทียมมาสับละเอียด มีดนี้พี่รองเป็นคนหามาให้เชียวล่ะ เป็นมีดทำครัวที่พกพาง่ายแถมยังใช้ป้องกันตัวด้วย เมื่อได้เรียบร้อยก็ปรุงรสเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดที่แม้จะได้ของที่ไม่เหมือนที่ผมจากมา แต่รสชาติก็ไม่ต่างกัน

กลิ่นปลาเผาโชยไปทั่วไม่นานปลาทั้งแปดตัวก็ย่างเสร็จแล้วแบ่งสองตัวสำหรับพวกผม ผมห่อปลาด้วยใบไม้แล้วแบ่งน้ำจิ้มหิ้วปลากทั้งหกตัวไปหาบิดาโดยมีซื่อจูไปด้วย

“ท่านพ่อข้าทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว”

“หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องลำบากเลย พ่อทานอะไรก็ได้” แม้จะติดรสมือของลูกชายคนเล็กแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากให้ลูกชายเหนื่อย แต่กลิ่นหอมในตระกล้าก็เรียกน้ำลายเขาเสียจริง

“ข้าเห็นปลาในลำธารเยอะ เลยทำปลากเผามาให้ท่านพ่อทานกับน้ำจิ้มนี้นะขอรับ”

“เจ้าทำเยอะมาก จะเอาไปให้พี่ชายเจ้าหรือ”

“ขอรับ”

“งั้นก็รีบไปเถอะเดี๋ยวเจ้าจะไม่ได้ทนอะไร” ก่อนจะไปผมแนะนำให้บิดาทานคู่กับน้ำจิ้ม แล้วหิ้วปลาทั้งสี่ตัวไปยังกลุ่มทหาร แม้จะรู้สึกตื่นๆ กับสายตาของทหารทุกคนก็ตาม

“พี่ชาย ข้ามาหารองแม่ทัพ” เพราะไม่รู้ว่าพี่ชายอยู่ตรงไหนเลยคว้าทหารคนหนึ่งมาถาม โชคดีที่พี่ทหารบอกว่าจะนำทางไป ทหารแต่ละคนร่างกายสูงใหญ่ คงผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนักระหว่างทางทุกคนต่างมองมาที่ผม

“ถึงแล้วขอรับคุณชาย”

“ขอบคุณพี่ชายมาก” ผมโค้งลงนิดๆ เพื่อเป็นการขอบคุณแล้วเดินไปหาพี่ชายที่กำลังจะทานอาหารกลางวัน

“พี่ใหญ่ข้าทำกับข้าวมาให้” พอได้ยินเสียงผมพร้อมกับคำว่ากับข้าวพี่ใหญ่ก็หันควับมาทันที

“หลิงเอ๋อร์เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเลย”

ข้าเพียงเป็นห่วงพวกเราต้องเดินทางอีกไกล มีอาหารอร่อยๆ ก็จะดีกว่าขอรับ” จริงๆ คือผมก็โหยหาอาหารอร่อยๆ เช่นกันจะให้ทานอาหารแห้งทั้งๆ ที่สามารถทำอาหารสดใหม่ได้มันแย่จริงๆ

“เจ้าช่างแสนดีจริงน้องพี่” ผมมองรอบๆ ไม่มีรถม้ามีเพียงม้าตัวใหญ่เดินเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล เปิดตระกล้าออกมาและส่งน้ำจิ้มให้กับพี่ทหาร

“ข้ากลับไปที่รถม้านะขอรับ”

“อืม ขอบใจเจ้ามาก” ผมยิ้มกว้างเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไรแล้วรีบจูงมือซื่อจูกลับไปทานมื้อเที่ยงเช่นกันหิวแล้ว หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จทุกคนก็ประจำที่เพื่อเตรียมเดินทางอีกครั้ง ผมเปิดม่านเพื่อดูวิวรอบยิ่งออกห่างเมืองหลวงยิ่งเห็นธรรมชาติตอนนี้เรากำลังเดินทางถนนเลียบลำน้ำยิ่งทำให้วิวทิวทัศน์งดงาม จิบชาพร้อมกับชมวิว อ่าเป็นการเดินทางที่สบายจริงๆ

เมื่อถึงยามโหย่ว (17.00/18.59) ขบวนก็หยุดพักกลางป่า รถม้าของเขาและท่านพ่ออยู่ข้างกัน ห่างกันไม่ไกลขบวนทหารก็เริ่มก่อกองไป เพราะยังไม่มืดเลยคิดว่าจะไปชำระล้างร่างกาย

“ซื่อจูเจ้าไปจับปลามาหากมีผักป่าก็เก็บมาด้วย”

“นายน้อยจะไปไหนหรือขอรับ”

“ข้าจะไปอาบน้ำที่ลำธาร” ในมือนี่หอบชุดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ แม้จะไม่ได้คลุกฝุ่นหรือออกแรงแต่ก็รู้สึกเหนียวตัว

“รอบ่าวก่อนสิขอรับนายน้อยจะไปคนเดียวได้ยังไง”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไปอาบน้ำไม่ไกลนักทำตามที่ข้าสั่งเถอะ” ขบวนใหญ่ขนาดนี้จะมีอะไรลอบเข้ามาแถมยังเป็นขบวนของค่ายพยัคฆ์ซื่อจูลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยให้ผมไปอาบน้ำแต่โดยดี เดินเลียบลำธารเพื่อหาจุดที่สามารถจะเล่นน้ำได้จนเจอโขดหินและพุ่มไม้เป็นที่เหมาะเจาะจริงๆ เมื่อได้ที่แล้วผมก็ถอดเสื้อตัวนอก ตัวในเหลือเพียงกางเกงตัวในไว้จะให้เปลือยก็อายผีป่า

“อ่า...เย็นจัง”

ซ่า

ผมที่มัดรวบเบาๆ ก็แกะผ้าผูกออก ผมดำขลับราวเส้นไหมสยายแผ่ยิ่งทำให้ร่างระหงที่เล่นน้ำเป็นภาพที่ตรึงสายตา แม้เจ้าตัวที่เล่นน้ำก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตกอยู่ในสายตาคมของใครบางคน





เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมที่ปล่อยสยายถูกมัดลวกๆ สำรวจว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไรก็รีบเดินกลับไปที่รถม้า ซื่อจูวิ่งมารับห่อผ้าไปจัดการผึ่งให้เรียบร้อย ผมนั่งลงบนขอนไม้ปลาที่ได้มาเป็นปลาตัวขนาดพอดี แถมซื่อจูยังได้ผักและหน่อไม้มาด้วย

“ซื่อจูเจ้าไปตามท่านพ่อกับพี่ใหญ่ที ข้าจะทำมื้อเย็นให้” ปลาที่ได้จะย่างและต้มยำ อุปกรณ์ทำครัวที่หามาทำให้ผมประกอบอาหารได้ ให้พี่คนบังคับรถม้าย่างปลา ส่วนผมก็ต้มน้ำเพื่อทำต้มยำปลา อีกหม้อก็หุงข้าว หน่อไม้ผมก็ทิ้งลงไฟเผาให้นุ่มแล้วหั่นลงในหม้อต้มยำ กลิ่นหอมของอาหารเรียกน้ำย่อยในกระเพาะผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดี เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ ท่านพ่อก็เดินมาพร้อมพี่ใหญ่หากแต่คนที่ผมต้องทำตาโต

ชินอ๋อง

ท่านอ๋องก็เดินทางมาด้วยเหรอ

“หลิงเอ๋อร์น้องรักเจ้าทำอะไร กลิ่นหอมไกลไปถึงที่พักพี่” พี่ใหญ่เดินมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม ท่านพ่อนั่งลงขนาบข้างส่วนผู้สูงศักดิ์อีกคนนั่งลงตรงกันข้าม แม้อยากจะลุกขึ้นทำเคารพตามทำเนียม แต่ก็ติดที่กำลังสับพริกอยู่

“ปลาเผาและต้มยำปลาขอรับ ท่านพ่อลูกตักให้ขอรับ” ตักต้มยำใส่ชามใหญ่ส่วนที่เหลือก็ให้ซื่อจูไปกินกับบ่าวคนอื่น มื้อนี้เป็นมื้อที่ทำให้ผมเกร็งมากเพราะชินอ๋องมารับประทานด้วย

“เชิญพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” ส่งชามข้าวให้เพราะไล่บ่าวไปแล้วผมเลยรับหน้าที่จัดแจงตักข้าวให้กับทุกคน

“เจ้าจะต้องเสียใจแน่ๆ ที่ทานอาหารของหลิงเอ๋อร์” พี่ใหญ่พูดกับท่านอ๋องแม้จะฟังดูแปลกๆ ที่ไม่ได้ใช้ราชาศัพท์แต่ก็คงจะสนิทกันน่าดูว่าแต่อะไรคือต้องเสียใจที่ทานอาหารฝีมือผมกัน

“ทำไมหรือ”

“ท่านจะไม่สามารถทานฝีมือคนอื่นได้อีกนะสิ”

“พี่ใหญ่ ทานปลาเยอะๆ สิขอรับ” ผมคีบเนื้อปลาใส่ปากพี่ใหญ่ที่กำลังหัวเราะ พูดอะไรก็ไม่รู้ขืนชินอ๋องติดรสมือผมก็แย่นะสิครับ

“คงจะจริงอย่างที่เจ้าว่า” จู่ๆ ชินอ๋องก็พูดขึ้น แม้จะดีใจที่คนสูงศักดิ์อย่างชินอ๋องชื่นชอบในอาหารที่ตัวเองทำ

“กระหม่อมดีใจที่ท่านอ๋องทรงชอบ” พูดจบผมก็หันมาปรนนิบัติท่านพ่อ เมื่อทานเสร็จพี่ใหญ่ก็ไปทำธุระส่วนตัวท่านพ่อก็เดินกลับรถม้ามีเพียงผมและชินอ๋องที่ยังนั่งอยู่ ความเงียบเคลื่อนตัวเข้ามาแทนที

“อ่า ซื่อจูเอาพวกนี้ไปทำความสะอาดด้วยนะ” สั่งซื่อจูที่พึ่งเดินมาให้เก็บข้าวของที่ผมใช้ทำอาหารพอจะช่วยเก็บซื่อจูก็สั่งให้ผมนั่งนิ่งๆ นี่ตกลงใครเป็นนายใครเป็นบ่าว

“ชาพ่ะย่ะค่ะ” ส่งถ้วยชาให้กับชายสูงศักดิ์ที่หน้านิ่งแถมบรรยากาศนึกว่าอยู่บนขั้วโลก

“อืม”

และเพราะขยับทำนู่นทำนี่มากเกินไปผ้ารัดผมที่ถูกมัดไว้ลวกๆ ก็หลุดออกเส้นไหมดำขลับแผ่กระจาย ผมรีบรวบผมไว้สายตาก็กวดมองหาผ้าผูกผมที่ดันตกอยู่ใกล้กับอ๋องน้ำแข็ง มันคือความบังเอิญใช่ไหม ทำไมต้องบังเอิญไปอยู่ใกล้ๆ ด้วยเล่าแถมท่าอ๋องก็หยิบไปถือไว้อีก

“เอ่อ..กระหม่อมขอผ้าผูกผมคืนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฝ่ามือขาวยืนไปตรงหน้าเพื่อขอผ้าผูกผมคืน

.

.

ผ้าผูกผมสีไข่มุกอยู่ในมือใหญ่ ดวงตาคมก้มมองเพียงเล็กน้อยสลับกับมองมือขาวที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาลูกท้อที่จ้องสบตาอย่างไม่เกรงกลัว ช่างเป็นบุรุษที่ประหลาดแม้นัยน์ตาจะดูล่อลวงแต่หากสังเกตให้ดีแววตานั้นดูไม่เหมือนคุณชายในห้องหอแต่ดูราวคนที่ผ่านความลำบากมา

“ท่านอ๋อง” เสียงเรียกดึงสติเขาคืนกลับมา

“อยู่นิ่งๆ” เมื่อเขาขยับร่างระหงก็ตั้งท่าเตรียมกระโดดหนีเฉกเช่นกระต่าย มือหนาที่เคยแต่จับกระบี่กลับสัมผัสเส้นผมราวกับเส้นไหมอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่าลงแรงเพียงนิดจะทำให้เจ้าของเส้นไหมนั้นเจ็บปวด เส้นผมถูกรวมแล้วถูกผูกด้วยผ้าไหมเมื่อผูกแน่นแล้วร่างสูงใหญ่ค่อยขยับถอยห่างออกมา

.

.

ตอนนี้ในหูได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัว เมื่อกี้คืออะไรกัน ท่านอ๋องท่านทำอะไรกับข้า เมื่อตั้งสติได้หรืออาจจะไม่ได้ผมก็ลุกขึ้นวิ่งกลับรถม้า ไม่ถวายบังคมลา ไม่แม้กระทั่งสบตา ตอนนี้ผมว่าผมป่วยแล้วล่ะ ได้ยินเสียงซื่อจูเรียกแต่ผมไม่สนใจอะไรแล้วขึ้นรถม้าแล้วล้มตัวลงนอน

“ฮืออ ทำไมต้องรู้สึกแปลกๆ ด้วยนะ” บ่นกับตัวเองแล้วก็เผลอเอื้อมมือไปจับผ้าผูกผม อ่า ไม่เอาไม่คิดถึงนอนๆ ๆ กว่าจะกล่อมให้หัวใจกลับมาเต้นปกติแล้วหลับใหลเพราะหัวใจทำงานหนัก

.

.

หยางเว่ยชินมองกระต่ายน้อยกระโดดหนีไปยังหลุมหลบภัย ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่ทำให้เหล่าเงาต้องอ้าปากค้าง หากจะเทียบกันระหว่างพี่น้องทั้งสามคนต่างเป็นยอดคน องค์ฮ่องเต้ปกครองแคว้นด้วยสติปัญญาและบารมี มีแขนขาคือชินอ๋องและเฉียงอ๋อง หากข่าวลือว่าเฉียงอ๋องหล่อเหลาและสู้รบเก่ง ชินอ๋องต้องกล่าวว่าเป็นอีกเท่าของเฉียงอ๋อง ท่านอ๋องนั้นเรียกได้ว่าทรงไร้ใจ ไม่เคยข้องเกี่ยวทั้งบุรุษและสตรี เพราะอย่างนั้นการที่ท่านอ๋องทรงเข้าไปผูกผมให้ แถมรอยยิ้มเพียงแวบเดียวนั่นทำให้บรรดาเงานั้นเหมือนเห็นผี แม้จะเพียงชั่วครู่แต่ด้วยสายตาของเงาทำให้เห็นเต็มตา

“กระต่าย” เขาพึมพำกับตัวเองแม้จะไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองนักแต่ก็ปัดทิ้งลุกขึ้นก้าวเดินกลับไปยังที่พักของตนเอง



RW 18/6/2562

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 25-05-2019 15:37:01
อุ๊ย!! อาการเริ่มออกกันแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 25-05-2019 18:11:56
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-05-2019 19:22:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-05-2019 19:31:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 25-05-2019 20:08:00


ตะกร้า

ธรรมเนียม

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 25-05-2019 22:42:26
ท่านอ๋องมาทำไม ตัวประกอบพระเอกคือพี่ใหญ่ :serius2: 555 ตัดหางปล่อยวัดไปแล้วท่านอ๋องตกกระป๋อง ชิ้วๆ :a14:


เป็นคนไทยหลงไปโลกคล้ายๆจีนแล้วพูดไทยหรือจีนคะ
ถ้าพูดจีนนายเอกพูดได้อยู่แล้วหรือว่ายังไง
คือเคยอ่านแต่จีนย้อนไปจีนไม่ก้ไทยย้อนไปไทย
แต่ย้อนข้ามประเทศแบบนี้เพิ่งเคยอ่านค่ะ
อันนี้สงสัยมากค่ะ :ruready

เรื่องที่ย้อนเวลาจากไทยมาจีนมีหลายเรื่องนะคะ เช่น เล่ห์รัเทวาสวรรค์ หรือทาสดอกแก้ว(เแต่ปลี่ยนชื่อไปแล้ว) ขออนุญาติเจ้าของเรื่องนี้ยกตัวอย่างหน่อยนะคะ ขออภัยล่วงหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 23:07:03
 :pig4:
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-05-2019 09:24:28
ท่านอ๋องมาทำไม ตัวประกอบพระเอกคือพี่ใหญ่ :serius2: 555 ตัดหางปล่อยวัดไปแล้วท่านอ๋องตกกระป๋อง ชิ้วๆ :a14:


เป็นคนไทยหลงไปโลกคล้ายๆจีนแล้วพูดไทยหรือจีนคะ
ถ้าพูดจีนนายเอกพูดได้อยู่แล้วหรือว่ายังไง
คือเคยอ่านแต่จีนย้อนไปจีนไม่ก้ไทยย้อนไปไทย
แต่ย้อนข้ามประเทศแบบนี้เพิ่งเคยอ่านค่ะ
อันนี้สงสัยมากค่ะ :ruready

เรื่องที่ย้อนเวลาจากไทยมาจีนมีหลายเรื่องนะคะ เช่น เล่ห์รัเทวาสวรรค์ หรือทาสดอกแก้ว(เแต่ปลี่ยนชื่อไปแล้ว) ขออนุญาติเจ้าของเรื่องนี้ยกตัวอย่างหน่อยนะคะ ขออภัยล่วงหน้าจ้า


ได้เลยค่า ปล. ทาสดอกแก้ว บ็อกงามมากค่ะฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-05-2019 20:51:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 29-05-2019 14:58:09
สนุกดีฮะ ชอบ รอติดตามนะฮะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 4 25/5/2562
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 01-06-2019 19:53:25
มาต่อ ด้วยๆ รอๆ จ้า
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 01-06-2019 23:14:36
5

หลังจากคืนนั้นที่ใจของผมเต้นผิดจังหวะก็พยายามที่จะไม่สบตากับแววตาคู่คมนั้นแม้เวลาหยุดพักหรือร่วมมื้ออาหารก็ตามแต่ และดูเหมือนว่าพี่ใหญ่ก็จะชอบใจที่ผมตามติด

“หลิงเอ๋อร์คืนนี้เราจะพักที่โรงเตี๊ยมข้างหน้า”

“ดียิ่งขอรับ” เพราะเป็นการพักโรงเตี๊ยมครั้งแรกตั้งแต่ได้มาอยู่ยังโลกนี้ จะเหมือนละครที่ผมเคยดูไหมนะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

“พี่คงไม่ได้กินอาหารฝีมือเจ้าเสียดายจริง”

“โถ พี่ใหญ่ไว้ข้าจะทำให้ท่านทีหลังนะขอรับ”

“พี่ดีใจยิ่งนัก ย่าห์!! ” พี่ใหญ่ยิ้มกว้างแล้วควบม้าเพื่อไปร่วมกับขบวนแม่ทัพด้านหน้า ผมปิดม่านลงอดยิ้มขำกับอาการเหมือนกับเด็กๆ ของพี่ใหญ่ เห็นอาหารการกินเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในอนาคตจะมีคู่ครองกับเขาไหม หนักใจแทนท่านพ่อเลย

เคลื่อนขบวนได้เกือบ สองชั่วยาม (1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง) ทั้งขบวนก็มาหยุดยังโรงเตี๊ยมนอกเมืองเว่ย ซื่อจูประคองผมลงจากรถม้า กวาดสายตามองรอบๆ เป็นโรงเตี๊ยมที่ขนาดไม่ใหญ่นักหากแต่เงียบสงบ หลงจู๊ตื่นตกใจเมื่อเห็นลูกค้าขบวนใหญ่มาหยุดหน้าโรงเตี๊ยม

“โรงเตี๊ยมตู้จวนขอรับนายท่าน” หลงจู๊เมื่อได้สติก็รีบวิ่งลงมาต้อนรับบุรุษร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นเลิศดูท่าแล้วคงเป็นชนชั้นสูงจากเมืองหลวง

“เราต้องการห้องพักทั้งหมดที่เจ้ามีในคืนนี้”

“ได้ขอรับนายท่านได้ขอรับ เชิญเลยขอรับ” หลงจู๊ได้แต่คิดถึงเงินเงินจำนวนมากที่จะได้ในคืนนี้ก็รีบเดินนำเข้าไปยังโรงเตี๊ยมที่ดูสะอาดสะอ้านดี ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ท่านพ่อ เก้าอี้ที่ว่างข้างๆ นั้นกลับมีบุรุษสองคนที่ทำตัวเป็นเด็กๆ แต่พี่ใหญ่ก็เป็นฝ่ายได้ชัยไป ผมต้องก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเมื่อพี่ใหญ่หยักคิ้วกวนๆ ส่งให้ท่านอ๋อง เพราะมีรับสั่งว่าไม่เปิดเผยฐานะอีกทั้งยังเป็นมิตรสหายกันตั้งแต่เยาว์วัยยิ่งทำให้พี่ใหญ่ดูกวนขึ้นไปอีกเมื่อพี่ใหญ่คอยขยับตัวมาบังผมไว้ หันไปสบตากับท่านพ่อแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

เด็กกันจริงๆ

ไม่นานเสี่ยวเอ้อก็มาแจ้งว่าเตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนลงความเห็นว่าให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยลงมาทานข้าว ผมลุกขึ้นประคองท่านพ่อขึ้นไปยังห้องพักชั้นบน

“เจ้าไปพักเถอะหลิงเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงพ่อ”

“ขอรับ” เห็นอย่างนี้ท่านพ่อก็ยังหนุ่มนะขอบอก ขนาดเหล่าคุณหนูยังเคยทิ้งผ้าเช็ดหน้าให้เลยแต่ท่านพ่อมั่นคงในรักมีเพียงท่านแม่เพียงคนเดียวเลยถือตัวครองโสดไม่คิดที่จะมีฮูหยินใหม่

“นายน้อยขอรับบ่าวเตรียมน้ำร้อนเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าก็ไปพักเถอะไม่ต้องอยู่ช่วยข้า”

“ขอรับนายน้อย” แม้ซื่อจูจะอยากจะอยู่ปรนนิบัตรนายน้อยอาบน้ำแต่เมื่อเป็นคำสั่งเขาก็ยอมออกจากห้อง น่าแปลกนักหลังจากนายน้อยหายป่วน ซื่อจูไม่เคยได้ปรนนิบัตรนายน้อยอาบน้ำเลยสักครา

“อ่า....ดีจัง” เมื่อลงแช่น้ำร้อนอาการปวดเมื่อก็ดีขึ้นทันที ศรีษะเล็กเอนพิงขอบอ่างอย่างผ่อนคลาย เรียวปากบางยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แม้จะนั่งรถม้าสบายแต่ก็ขึ้นชื่อว่ารถม้าไม่มีทางที่จะนิ่มได้ตลอดทาง กล้ามเนื้อทุกส่วนเหมือนได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเมื่อได้แช่น้ำอุ่นๆ แถมยังกลิ่นหอมจากเครื่องหอมที่ยิ่งน้ำอุ่นลงยิ่งกระจายความหอมออกมา รู้สึกสบายตัวจนเผลอเคลิ้มหลับไป

ก๊อกๆ

“นายน้อยขอรับ นายน้อยได้เวลาทานอาหารแล้วนะขอรับ” ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกจากหน้าห้อง อ่า เผลอหลับไปจริงๆ

“รอข้าสักครู่ซื่อจู” ผมม้วนผมปักปิ่นลวกๆ แล้วรีบขึ้นจากถังไม้ คว้าผ้าขนหนูรีบเช็ดตัวคว้าเสื้อมาใส่อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ใส่ได้คล่องแล้วไม่เหมือนเมื่อตอนแรกที่งงกับเสื้อหลายชิ้น สุดท้ายก็รวมผมแล้วผูกผ้าไว้

“ข้าพร้อมแล้ว” เดินตามซื่อจูลงมายังชั้นล่างทุกคนรออยู่แล้วยิ่งทำให้รู้สึกผิดผมรีบเดินเข้าไปแล้วประสานมือโค้งให้กับทุกคนบนโต๊ะ

“กระหม่อมขออภัยที่ทรงให้รอพะยะค่ะ ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าต้องขออภัยที่มาช้าขอรับ”

“ไม่เป็นไรนั่งเถอะหลิงเอ๋อร์” ผมโค้งให้ท่านอ๋องแล้วนั่งลงตรงกลางระหว่างพี่ใหญ่และท่านพ่อ

“เจ้าลองทานจานนี้ดูหลิงเอ๋อร์เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเว่ย” พี่ใหญ่คีบเนื้อใส่ถ้วย กล่าวขอบคุณพี่ใหญ่แล้วคีบเข้าปาก ความนุ่มของเนื้อละลายทันทีที่เข้าปากพร้อมกับรสชาติเผ็ดติดลิ้นนิดๆ นั่นยิ่งทำให้อร่อยยิ่งขึ้น

“อร่อยมากขอรับ” ผมคีบเนื้ออีกชิ้นเข้าปากทันทีเพราะติดใจกับรสเผ็ดนั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางการทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยนั้นอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่คอยมองอย่างไม่คลาดสายตา

.

อวี้จิ้งได้แต่ขบกรามแน่นเมื่อสายตาสหายจ้องมองน้องชายอย่างไม่วางตา อย่าบอกนะว่าเจ้าสหายน่าตายคนนี้จะสนใจน้องชายข้า ไม่มีทางเสียล่ะเขาจะไม่ยอมให้น้องรักไปยุ่งเกี่ยวกับพวกราชวงศ์อีกแล้ว แค่อวี้เฟิงก็เกินพอแล้ว

“แฮ่ม หยางเว่ยเจ้าทานนี่เสียแล้วก็เลิกจ้องน้องข้าเสียที” อวี้จิ้งหมดความอดทนเมื่อเจ้าอ๋องน่าตายนั้นไม่ยอมหยุดจ้องเสียที ทั้งที่เขาทั้งบังทั้งถลึงตาใส่ก็ยังทำหน้าตายใส่เขาอีก ช่างเป็นคนที่...

“เจ้าอย่ากล่าวหาอย่างนั้นสิสหาย”

“ก็เจ้าจ้องน้องข้าตาไม่กระพริบเลยนะสิ” อวี้จิ้งวางตะเกียบลงหมดสิ้นซึ่งความอยากอาหาร กวนประสาท ช่างเป็นคนที่กวนประสาทยิ่ง

“แล้วเหตุใดข้าถึงจะมองน้องเจ้าไม่ได้” อีกฝ่ายกล่าวขึ้นทั้งยังคีบอาหารใส่ชามอวี้หลิงยิ่งทำให้อวี้จิ้งโมโห

.

.

ผมได้แต่นั่งตัวลีบขยับเข้าไปชิดท่านพ่อเมื่อทั้งสองคนเริ่มมีปากเสียง อ่า เอาจริงๆ พี่ชายเขาเป็นฝ่ายโวยวายเสียมากกว่าส่วนท่านอ๋องนั้นทำตัวกวนประสาทแถมยังคอยคีบอาหารใส่ชามผมอีกจนแทบจะล้นชามอยู่แล้ว

“ท่านพ่อข้าขอตัวขึ้นไปพักก่อนได้หรือไม่” คงจะดีถ้าหากผมหนีจากสถานการณ์นี้ และบุรุษสูงศักดิ์สองท่านนี้จะได้เลิกทะเลากันเป็นเด็กๆ สักที เมื่อท่านพ่อพยักหน้าอนุญาตผมก็ค่อยๆ ขยับตัวหลบขึ้นห้อง ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะชวนท่านอ๋องทะเลาะนานเท่าไหร่ เมื่อทำธุระเสร็จก็ล้มตัวลงนอนพัก

.

ค่ำคืนไร้แสงจันทร์หน้าต่างที่ถูกแง้มไว้ถูกเปิดขึ้นร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในห้องก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปยังเตียง มองร่างบอบบางที่หลับสนิทไม่รับรู้ถึงการเข้ามาของเขาเลยสักนิด

“พี่เจ้าช่างน่ารำคาญยิ่งกระต่ายน้อย” นิ้วเรียวดุจหยกล้ำค่าแตะเบาๆ ที่แก้มแดงเรือดั่งผิงกั่ว กระต่ายตัวน้อยที่วิ่งชนเขาดึงดูดสายตาที่ไม่เคยชายตามองทั้งบุรุษและสตรี กระต่ายน้อยที่น่าหิ้วกลับไปเลี้ยงดูยังวังของเขา

“ข้าจองเจ้าแล้วนะกระต่ายน้อย”

“อือ.” สัมผัสแผ่วเบาตรงแก้มทำให้คนที่อยู่ในห้วงฝันขยับตัว ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างเอ็นดู ในชั่วพริบตาภายในห้องก็เงียบสงบเฉกเช่นไม่เคยถูกบุกรุกมาก่อน

.

รุ่งอรุณมาเยือนพวกเราตื่นแต่เช้ามืดเมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็มารวมตัวกันเพื่อออกเดินทางจากที่แอบไปถามพี่ใหญ่มา ก็ได้ความมาว่าวันนี้ขบวนของเราคงจะเข้าเมืองเว่ยและหยุดพักที่เมืองสองวันเพื่อเตรียมเสบียงทั้งยังตรวจดูทุกข์สุขของประชา หลังจากที่ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ เมื่อวานนี้ วันนี้ก็กลับมาคุยกันได้อย่างปกติแถมยังดูคล้ายกับว่าพี่ใหญ่จะยอมลงให้เสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ไปตกลงกันอีท่าไหน

ขบวนใหญ่เคลื่อนเข้าใกล้ประตูเมืองก็หยุดลง ชินอ๋องหยางเว่ยชักม้านำหน้าข้างกายนั้นคือแม่ทัพคู่ใจไป๋อวี้จิ้งและขบวนกองพยัคฆ์ ทหารแต่ละนายนั้นรูปร่างองอาจน่าเกรงขามเฉกเช่นพยัคฆ์

“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ ข้าฟูจือเหอ เจ้าเมืองเว่ยมารับเสด็จชินอ๋องและกองทัพพยัคฆ์พระเจ้าค่ะ”

“ใยต้องมากพิธีเปิ่นหวางเพียงผ่านมาเท่านั้น”

“มิได้หรอกพะยะค่ะ หากไม่เป็นการบังอาจเชิญเสด็จพำนักที่จวนของกระหม่อมพะยะค่ะ” สิ้นคำดวงตาคมหรี่ลง

“มิต้องลำบากเจ้าหรอก เปิ่นหวางมีที่พำนักแล้ว” เหตุใดจะเดาผู้นี้ไม่ออกกัน ชินอ๋องชักม้านำขบวนเจ้าเมือง ไม่แม้จะปรายตามองเจ้าเมืองที่รอต้อนรับ ขบวนใหญ่เคลื่อนมาหยุดหน้าจวนหลังใหญ่ ชินอ๋องลงจากหลังม้าพร้อมกับไป๋อวี้จิ้งที่ เดินดุ่มๆ ไปที่ประตู

ปังๆ

“มาแล้วขอรับ มาแล้วขอรับ” เสียงโวยวายดังออกมาจากในจวนไม่นานประตูหน้าจวนก็เปิดออก “ถวายพระพรพะยะค่ะชินอ๋อง”

“เจ้าสามอยู่ที่ไหนกัน”

“เอ่อ..คุณชาย คุณชายอยู่ที่ป่าไผ่พะยะค่ะ”

“เจ้านั่นรู้รึไม่ว่าเปิ่นหวางจะมา”

“ทราบพะยะคะ” เพราะทราบคุณชายถึงได้หอบห่อผ้าหนีเข้าสวนไผ่เยี่ยงนี้ พ่อบ้านฟู่จัดการดูแลต้อนรับคณะเดินทางอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ชินอ๋องหยางเว่ยนั่งจิบชาในห้องพักประตูไม้ก็ถูกดันเข้ามาอย่างถือวิสาสะ

“หยางเว่ยในฐานะที่เราเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก เจ้า!! ตอบข้ามาตามตรง”

“เจ้าช่างโวยวายเสียจริง”

“เรื่องนั้นช่างหัวมันเถอะ เจ้าคิดเยี่ยงไรกับน้องชายข้า” ถ้วยชาถูกวางลง เขาหันมามองสหายสนิทเสมือนครอบครัว

“เหตุใดข้าต้องชี้แจงกับเจ้า เอาเป็นว่าเจ้าวางใจเถอะ”

“ให้ตายเถอะ ข้าจะคอยดู หากหลิงเอ๋อร์เสียใจเพียงนิด ต่อให้เจ้าเป็นสหายข้าก็ไม่ยอม” มองแม่ทัพใหญ่ที่ถือไร้มารยาทบุกเข้าห้องมาคาดคั้นแล้วก็เดินออกไป ช่างเป็นคนที่เหมือนพายุจริงๆ ใบหน้าหล่อเหล่าครุ่นคิด แสงจันท์นวลสาดกระทบยิ่งทำให้ราวกับเทพสลัก หากแต่ผู้ใดได้ยินความคิดตอนนี้คงต้องตกตะลึงกันถ้วนหน้า

พรุ่งนี้จะพากระต่ายไปเที่ยวไหนดีนะ

*******************************************

ท่านอ๋องจะขโมยกระต่ายกลับจวนไม่ได้น้าาาาา

ขอบอกว่าช่วงนี้อาการหมดไฟกลับมาอีกแล้ว

จ้าาาาาาา เบื่อตัวเองมากเลยค่ะ 

อ้อ มีเรื่องจะบอกล่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่จะมีแท็กเป็นของตัวเองงงงง

หวีดน้อง หรือเป็นกำลังใจให้เค้าที่  #อ๋องขโมยกระต่าย

555 ขอบคุณคอมเม้นต์คุณวัวพันปีนะคะ ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะใช้ทวิตหลัก

หรือสร้างอีกแอคแต่เราความจำสั้นมากเพราะงั้นจะใช้ทวิตหลักนะคะ 

อย่าลืมคอมเม้นต์ ถูกใจ เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาาาา

หากมีอะไรผิดพลาดติชมแนะนำเราได้เลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ 

จุ๊บ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 02-06-2019 23:25:13
มาต่อแล้ววววว :katai5: การเขียนนิยายไม่ง่ายจริงๆเนอะ เราต้องสู้กับ(ความขี้เกียจ)ตัวเองตลอดเวลา555 เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ สู้ๆ :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 03-06-2019 19:34:08
จะพากระต่ายไปหนายยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-06-2019 21:00:44
กระต่ายน่ารัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-06-2019 21:01:14
ท่านอ๋องจะพากระต่ายไปเที่ยวที่ไหน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 5 1/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-06-2019 08:59:13
รอไปเที่ยวกับน้องกระต่าย :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 RW 18/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 07-06-2019 15:03:56
6.

การอยู่มาพักอยู่ในจวนแห่งนี้เป็นข้อดีที่ไม่ต้องเผชิญกำสายตาของผู้คนที่มองเขาอย่างสนใจใคร่รู้ ที่พักของผมอยู่ทางเรือนปีกด้านซ้ายหน้าเรือนถูกจัดเป็นสวนประดับอย่างสวยงาม หลังจากแยกย้ายกันพักผ่อนผมกับซื่อจูก็พากันมานั่งเล่นที่ศาลารินน้ำ ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ไม่ว่างเพราะเห็นว่าไปหารืออะไรกับท่านอ๋องในห้องหนังสือก็ไม่ทราบ แม้อยากจะออกไปเที่ยวข้างนอกแค่ไหนแต่เมื่อทั้งบิดาและพี่ชายต่างไม่ว่างผมก็ไม่สามารถขออนุญาตไปข้างนอกได้ แถมท่านพ่อได้ให้วาจาไว้แล้วว่าหากจะออกไปเที่ยวเล่นต้องไปขออนุญาตก่อน เพราะอย่างนั้นผมเลยต้องมานั่งแกร่วอยู่กับซื่อจูนี่ยังไงเล่า

“ซื่อจู ข้าเบื่อ ข้าอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก” ฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอ่อน ในร่างนี้เขาเพียงอายุ 16 เองนะ มาอยู่ที่โลกนี้ได้ค่าเดือนกว่าๆ เอง ซื่อจูที่กำลังจะกล่าวปลอบนายน้อยที่นอนฟุบลงกับโต๊ะก็ต้องปิดปากลงเมื่อผู้มากด้วยยศศักดิ์ดินมาหยุดที่นอกศาลา บ่าวตัวน้อยกำลังจะแจ้งแก่นายก็โดนห้ามแล้วสั่งให้ออกจาศาลาไป

“ซื่อจู ข้าอยากไปเที่ยวเล่นเจ้าเข้าใจข้าใช่ไหม” คุณชายน้อยตระกูลไป๋ยังไม่รู้ตัวว่าบ่าวรับใช้คนสนิทนั้นไม่อยู่แล้ว

“เปิ่นหวางเข้าใจถึงได้มารับ” เสียงที่ตอบรับทำให้ร่างที่ฟุบลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วค่อยหันหน้ามาเจอกับชินอ๋องที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ซื่อจูก็ไม่คิดที่จะสะกิดบอกเขาเลย

“บ่าวของเจ้าเปิ่นหวางให้ออกไปนานแล้ว” ใบหน้าหวานแสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดไม่ต้องอาศัยการอ่านคนอะไรก็มองออกแล้ว

“ท่านอ๋องจะพากระหม่อมออกไปข้างนอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” นัยน์ตากลมเปล่งประกายจ้าเฉกเช่นยามที่ได้ทานของอร่อยช่างเหมือนยามกระต่ายหิวเห็นผัก

“ใช่แล้ว หากเจ้า...ยอมเรียกข้าว่าพี่” ใบหน้าหวานฉายแววงุนงงศรีษะน้อยๆ นั่นเอียงมองหน้าเขา

“พี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่” เมื่อชั่งน้ำหนักในใจแล้วอาจจะโดนพี่ใหญ่โมโหเอาไว้ทำขนมไถ่โทษทีหลังก็แล้วกัน เมื่อคิดตกร่างบางก็ขยับเข้าไปใกล้แถมยังยกมือขึ้นจับขายแขนเสื้อชายสูงศักดิ์ บุรุษผู้ที่ทั้งแผ่นดินต่างขนานนามว่า พยัคฆ์ทมิฬ ผู้ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมและการถือตัวไม่ให้ผู้ใดแตะต้องตอนนี้กลับยินยอมให้ไป๋อวี้หลิงจับโดยง่าย

“พี่เว่ยชินขอรับ ท่านพาข้าไปเที่ยวเถอะนะขอรับ” หากเป็นร่างเก่าเขาคงไม่กล้าอ้อนแบบนี้ แต่นี่เขาคือเด็กอายุ 16ไง แถมร่างนี้ก็ยังทำให้ผมอ้อนอย่างรู้สึกไม่กระดากอาย

“ตามใจเจ้าหลิงเอ๋อร์” เพียงคำอนุญาตง่ายๆ ก็เรียกรอยยิ้มกว้างมอบให้ ร่างสูงฉวยข้อมือเล็กมากุมไว้แล้วเดินไปยังประตูจวนเพื่อพาคนที่ออดอ้อนเขาเสียจนใจกระตุก

.

.

คล้อยหลังชินอ๋องและไป๋อวี้หลิงก้าวเท้าออกจากจวนไม่เท่าไหร่ ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพก็พุ่งตัวมายังศาลา แต่ก็คลาดกันไปเสียแล้วมือหยาบคว้าจับบ่าวได้คนหนึ่งเพื่อมาสอบถาม

“ชินอ๋องและน้องข้าไปไหน”

“ระ..เรียนท่านรองแม่ทัพท่านอ๋องกับคุณชายเล็กออกนอกจวนไปแล้วขอรับ” ไป๋อวี้จิ้งปล่อยบ่าวผู้โชคร้ายนั้นไป ไม่ทันหรอกหรือ เขารีบขนาดนี้ยังไม่ทัน เพราะอุบายเจ้าเล่ห์ของชินอ๋อง

“หยางเว่ยชิน เจ้ากล้ามาก” ต่อให้เป็นอนุชาของฝ่าบาทเขาก็ไม่คิดที่จะไว้หน้าบุรุษหน้าไหนที่เข้าใกล้น้องชายข้า เมื่อคิดได้ร่างสูงก็ทยานตัวออกจากจวนหวังว่าจะตามทั้งสองคนนั้นทัน

.

ดวงตากลมมองรอบๆ อย่างสนอกสนใจ อาหารแปลกๆ หลายชนิดถูกซื้อมาลองชิมอย่างละนิดละหน่อยแถมยังเผือแผ่ไปถึงบุรุษที่เดินเคียงข้าง ชินอ๋องแม้จะรู้สึกแปลกเมื่อต้องยืนรับประทานอาหารกลางตลาดเยี่ยงนี้แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มและเสียงหวานเสนาะหูมือนุ่มที่คอยป้อนอาหารใส่ปากเขาก็รู้สึกว่ามิได้แย่อะไรนัก

“พี่เว่ย เราลงไปล่องเรือได้หรือไม่” เมืองเว่ยมีแม่น้ำไหลผ่านรอบเมืองมีการสัญจรด้วยเรือ และมีการเดินทางไปยังเมืองอื่น

“ได้สิพี่ตามใจเจ้า” ให้ตายเถอะผมจะเสียคนเพราะพี่เว่ยคอยตามใจ ตลอดการเดินตลาดเงินแม้แต่อีแปะเดียวคนข้างกายนั้นชิงจ่ายให้ก่อนตลอด อิ่มจังตังอยู่ครบ และไม่ได้สนใจกับข้อมือที่ยังถูกกุมไว้ เสียงหวานพูดเจื้อยแจ้วคอยถามเรื่องที่สนใจและบุรุษร่างสูงก็คอยตอบคำถามอย่างมิรู้หน่าย

“พี่เว่ย ท่านขึ้นไปก่อนนะขอรับ” เมื่อถึงท่าเรือผมก็ดันแผ่นหลังกว้างให้ขึ้นเรือไปเสียก่อน ไม่เคยขึ้นเรือแบบนี้แถมยังดูโคลงเคลงเลยส่งตัวแทนลงไปก่อน

“จับมือพี่สิ” เมื่อร่างสูงขึ้นไปยืนที่เรือเรียบร้อยก็ยืนมือมาตรงหน้า และผมก็ไม่อิดออดที่จะรับความช่วยเหลือจากพร่างสูงคอยจับประคองขึ้นเรือ เมื่อได้นั่งอย่างมั่นคงแล้วคนเรือก็คัดท้ายเรือล่องเรือตามกระแสน้ำเพื่อชมเมือง ผมกวาดสายตามองอย่างสนใจบรรยากาศก็ดียิ่งแถมยังคอยมีคนตอบคำถามผมตลอด เป็นการล่องเรือที่ผมมีความสุขมาก

.

ร่างสูงกำยำของรองแม่ทัพใช้วิชายุทธ์ทะยานมายังท่าเรือแต่ก็ยังไม่ทันการณ์ นัยน์ตาดุจเยี่ยวมองเห็นสองร่างที่อยู่บนเรือที่ล่องอยู่กลางแม่น้ำ นี่ข้ามาไม่ทันอีกแล้วหรือ

“เจ้า..ตามเรือลำนั้นไปสิ” แม้จะใช้วิชาตัวเบาไปได้หากแต่การขึ้นเรืออาจจะทำให้เรือล่มได้ คนแจวเรือรีบพาบุรุษที่โยนเงินตำลึงให้อย่างไม่อิดออดไม่นานเรือของอวี้จิ้งก็ขึ้นมาเทียมข้าง

“หยางเว่ยชินเจ้ากล้าทำอย่างนี้กับข้ารึ” เสียงทุ้มคำรามลั่นทำลายบรรยากาศดีๆ จนหมดสิ้น น้องชายตัวน้อยหันกลับมาทำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นหน้าของพี่ชาย

“พี่ใหญ่!!”

“เจ้าว่างแล้วหรืออวี้จิ้ง”

“ก็ว่างกว่าท่าน หลิงเอ๋อร์พี่ใหญ่จะพาเจ้าเที่ยวเอง” ผมมองทั้งสองคนไปมาเหมือนมีประกายไฟ ฮือ อย่ามาทะเลาะกันกลางน้ำสิถ้าเรือล่มจะทำยังไงสารภาพด้วยความจริงใจเลยว่าผมว่ายน้ำไม่เป็นครับ

“พี่ใหญ่ท่านหนีงานมาหรือ”

“มิใช่เสียหน่อย เว่ยชินพูดจาเลื่อนเปื้อน พี่ใหญ่ว่าพาเจ้าเที่ยวแล้ว”

“มิใช่ดอก พี่ใหญ่ของเจ้ายังต้องไปตรวจสอบงานให้กับข้าอีก” ตกลงว่าหรือไม่ว่างกัน แต่ดูท่าทางแล้วพี่ใหญ่คงจะหนีงานมาเพราะผมมาอยู่กับพี่เว่ยแน่ๆ ความหวงน้องของพี่ใหญ่นี่..ทำเอาผมพูดไม่ออก

“พี่ใหญ่ท่านไปทำงานให้เสร็จเถิด ไว้น้องเที่ยวเล่นเสร็จจะกลับไปทำขนมให้นะขอรับ” ผมใช้ไม้อ่อนโดยการเอาของกินมาล่อซึ่งก็ได้ผลเมื่อใบหน้าหล่อเหลาลดความทะมึงตึงลง

“นะขอรับ เป็นขนมที่ข้าพึ่งคิดได้เชียวนะขอรับ” เมื่อได้ยินว่าเป็นขนมที่ผมพึ่งคิดขึ้นได้รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น ผมรีบกระตุกชายเสื้อผู้ที่นั่งข้างๆ ให้เงียบไว้เพราะถ้าขืนให้พูดอะไรออกมาคงยั่วโมโหพี่ใหญ่แน่

“พี่จะรีบทำงานแล้วพี่จะรอชิมขนมของเจ้า ส่วนท่าน!! อย่าข้ามเส้นที่ข้าให้” ผมละกลัวใจพี่ใหญ่จริงๆ ที่กล้าขู่ผู้เป็นถึงอนุชาของฮ่องเต้ถึงจะเป็นสหายกันมาตั้งแต่ตอนเด็กก็ตาม พอขู่เสร็จพี่ใหญ่ก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานตัวออกไป

“ว้าว” ผมอุทานพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือพี่ใหญ่ผมสุดยอดที่สุด ใช้วิชาตัวเบาได้ด้วยเหมือนที่ดูในหนังเลย สุดยอดดด

“มีอะไรหรือ”

“พี่ใหญ่ข้าเก่งมาก ท่านว่าจริงหรือไม่” เมื่อเห็นสายตาที่ปราบปลื้มร่างสูงก็รู้สึกหงุดหงิดกับสหายสนิทที่มาดึงความสนใจจากกระต่ายน้อยของเขาไปเสียได้

“ข้าก็ทำได้ เจ้าอยากเรียนหรือไม่”

“ท่านจะสอนข้ารึขอรับ” เพราะไว้วางใจแถมยังรู้สึกสนิทสนมทำให้เผลอขยับเข้าไปใกล้ชิดแถมยังออดอ้อนเหมือนยามที่อ้อนคนในครอบครัว

“ได้สิกระต่ายน้อย” แววตาเอื้อเอ็นดูที่ไม่เคยใช้กับผู้ใด ทำให้ผู้ถูกมองถึงกลับต้องรีบหลบสายตา รับรู้ถึงความร้อนที่แผ่ทั่วไปหน้าจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเสียจนกลับอีกคนได้ยินจนต้องขยับถอยห่าง

“ใครกันที่เป็นกระต่าย” จากนั้นบนเรือก็มีเพียงความเงียบหากแต่ไม่ได้รู้สึกแย่จนกระทั่งกลับมาถึงจวน ร่างโปร่งหันกลับไปมองผู้ที่ยืนหยุดอยู่ข้างๆ

“ขอบพระคุณขอรับสำหรับที่ท่านพาข้าออกไปเที่ยววันนี้” แม้ตอนหลังจะไม่ได้สนใจกับการเดินเที่ยวก็ตาม

“ข้าเต็มใจ” และความเงียบก็เคลื่อนตัวมาแทนที่ เพราะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเอ่ยขอตัวกลับยังเรือนที่พัก คล้อยหลังแผ่นหลังเล็กที่เดินกลับเรือน ร่างสูงก็สะกิดปลายเท้าใช้วิชาตัวเบาไปยังป่าไผ่

.

เพราะสัญญาไว้กับพี่ชายไว้เกี่ยวกับขนม ผมก็คิดเมนูอาหารเย็นและขนมพิเศษที่จะทำให้พี่ใหญ่ไม่แน่อาจจะต้องทำให้ทั้งท่านพ่อและท่านอ๋อง โชคดีที่เรือนนี้มีครัวเล็กๆ ผมจึงไม่ต้องระวังตัวเรื่องสูตรอาหาร

“ซื่อจูเจ้าไปเตรียมของตามนี้มา” ส่งกระดาษรายการให้กับซื่อจูส่วนผมก็เตรียมเครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร

“นายน้อยขอรับ ผลเยียจึนายน้อยจะใช้ทำอะไรหรือขอรับ” เพราะไม่เคยเห็นอาหารจากผลเยียจึ (มะพร้าว) เลยไม่รู้ว่านายน้อยจะต้องการเพื่ออะไร

“เจ้ารอดูเถอะ ข้าขอผลแก่ๆ นะ รีบไปได้แล้ว” แม้จะงุนงงแต่ซื่อจูก็รีบไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

***********************************

แง้ ขอลง 50เปอร์ก่อนนะคะ ปวดตามากเลย พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จะรีบกลับมาต่อนะคะ

ดีใจที่ทุกคนรักน้องและชอบนิยายเรื่องนี้ สามารถไปหวีดในแท็กได้น่อ

เค้าแอบตามอยู่ฮ่าๆๆ ตามแท็กนี้เลยจ้า #อ๋องขโมยกระต่าย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-06-2019 16:10:07
ติดตามต่อค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-06-2019 17:39:07
รอติดตามขนมจากผลเยี่ยจึ :mew3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-06-2019 21:22:07
หายไวไวนะคะ รออ่านค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-06-2019 09:05:25
หายไวๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-06-2019 12:37:29
รอทานขนมฝีมือน้องนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 50 เปอร์ 7/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-06-2019 14:42:44
 :L2: :pig4:

น่ารักมากเลย
มามาโหมไฟอย่าให้มอด
หายไวไว เพราะเรารออยู่นะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2019 14:48:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-06-2019 15:21:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-06-2019 23:03:47
สนุกดี มาต่ออีกๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 09-06-2019 23:14:31
เย้ รอมาต่อจนครบจะได้เม้นทีเดียว ขอให้นักเขียนหายไวๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆ :call:

ปล.แอบสงสัยนิดนึงว่าทำไมหลิงน้อยยอมไปกับท่านอ๋องง่ายจัง มันดูอารมณ์ขาดๆยังไงก็ไม่รู้ เหมือนท่านอ๋องยังไม่เห็นจะสร้างความประทับใจให้ตรงไหนเลย(อินักอ่านอิน ยังโกรธอ๋องอยู่) :katai1:

หลังจากอ่านชี้แจงแล้วอ๋อเลย ตานักอ่านถั่วเอง :mew5: อ่านไปสองสามรอบแล้วแต่งงชื่อ เดะกลับไปอ่านใหม่อีกรอ :mew5:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 09-06-2019 23:27:49
สนุกมากๆเลยค่ะ อยากรู้ว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนเดียวกับคนที่เคยว่าหลิงเอ๋อร์จนตรอมใจใช่มั้ยคะ สับสนงงๆกับชื่อตัวละคร :o8:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-06-2019 09:28:45
เย้ รอมาต่อจนครบจะได้เม้นทีเดียว ขอให้นักเขียนหายไวๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆ :call:

ปล.แอบสงสัยนิดนึงว่าทำไมหลิงน้อยยอมไปกับท่านอ๋องง่ายจัง มันดูอารมณ์ขาดๆยังไงก็ไม่รู้ เหมือนท่านอ๋องยังไม่เห็นจะสร้างความประทับใจให้ตรงไหนเลย(อินักอ่านอิน ยังโกรธอ๋องอยู่) :katai1:

สนุกมากๆเลยค่ะ อยากรู้ว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนเดียวกับคนที่เคยว่าหลิงเอ๋อร์จนตรอมใจใช่มั้ยคะ สับสนงงๆกับชื่อตัวละคร :o8:

ชี้แจงนะคะ นักอ่านอาจจะสับสนกับอดีตคู่หมั้นน้อง อดีตคู่หมั้นนั้นคือหยางเฉียงอ๋อง ส่วนท่านอ๋องที่จะคอยขโมยตัวน้องนั้นคือ หยางเว่ยชินอ๋องเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-06-2019 10:03:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-06-2019 11:53:44
ท่านอ๋องกำลังดีใจอยู่เชียว

 :laugh: :laugh:

ท่านอ๋องโรคจิต
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-06-2019 19:17:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-06-2019 21:23:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 11-06-2019 22:34:36
ฝันอะไรเอ่ย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2019 08:46:23
สงสัย ท่านอ๋องชินทำอะไรกระต่ายน้อยนะ.......... o18 :z1: :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 12-06-2019 09:30:41
เพิ่งได้มาเม้นท์ค่ะ ขอถามย้อนหน่อยนะคะ
เหมือนมีตอนนึงเห็นองค์ไทจื่อเรียกน้องหลิงว่าน้องชายเพื่อน
จริงๆแล้วเพื่อนของพี่ใหญ่คือชินอ๋องที่เป็นอาของไทจื่อไม่ใช่หรอคะ
แล้วองค์ไทจื่อเป็นคนเดียวกับเจ้าสามหรือเจ้าสี่ที่ชินอ๋องเรียกหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Gif ที่ 13-06-2019 02:19:05
ชอบบบ ยัยน้อง แต่เรายอมรับเลยค่ะว่ากำลังงงชื่อตัวละคร แงงง~~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 14-06-2019 09:18:07
เพิ่งได้มาเม้นท์ค่ะ ขอถามย้อนหน่อยนะคะ
เหมือนมีตอนนึงเห็นองค์ไทจื่อเรียกน้องหลิงว่าน้องชายเพื่อน
จริงๆแล้วเพื่อนของพี่ใหญ่คือชินอ๋องที่เป็นอาของไทจื่อไม่ใช่หรอคะ
แล้วองค์ไทจื่อเป็นคนเดียวกับเจ้าสามหรือเจ้าสี่ที่ชินอ๋องเรียกหรือเปล่าคะ

เราอาจจะพลาดตรงส่วนนั้นไปต้องขออภัยด้วย  เจ้าสี่เป็นคงชายสี่ค่ะ ไม่ใช่องค์ไท่จือ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 6 100 เปอร์ 9/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-06-2019 11:46:20
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 21-06-2019 17:38:37
7

เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบยืนตากฝนดวงตากลมหม่นไร้แสง เป็นหนึ่งคือชื่อของเขาที่ถูกตั้งโดยแม่ใหญ่แต่ตอนนี้แม่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว

บ้าน.......ก็ไม่มีแล้ว

เป็นหนึ่ง ชื่อที่แม่ใหญ่เป็นคนตั้ง แม่ใหญ่เล่าให้ฟังว่าเจอผมนอนอยู่หน้าบ้านแม่ใหญ่เลยเลี้ยงผมมาพร้อมกับเด็กๆ ที่แม่เลี้ยงมาอีกสามคน ผมเป็นน้องสุดท้องพอได้สองขวบพี่ๆ ก็ถูกรับไปเลี้ยงเหลือเพียงผมคนเดียวกับแม่ใหญ่ ชีวิตพวกเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อโตขึ้นมาพอช่วยเหลือตัวเองได้ก็ต้องทำงานบ้านและงานที่สามารถทำได้แต่เมื่อเจ็ดขวบแม่ใหญ่ก็จากไปบ้านที่เคยมีก็ถูกยึด เป็นหนึ่งก็ถูกทิ้งให้เผชิญกับโลกกว้างเพียงลำพัง

เป็นหนึ่งในวัยเจ็ดขวบต้องอาศัยการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ จากแม่ค้าในตลาดที่คุ้นเคยกันดี ยามค่ำคืนอาศัยหลับนอนตามแผงแล้วตื่นขึ้นมาช่วยบรรดาป้าๆ ในตลาดของขนผักตามแต่ป้าๆ จ้าง โชคดีที่ป้าผ่องขายผักรับเป็นผู้ปกครองวิถีชีวิตดำเนินไปจนสิบห้าไป โชคดีที่เป็นเด็กดีและใฝ่เรียนเลยได้มีความรู้ประดับติดตัว อาศัยเรียนการศึกษานอกโรงเรียน จนจบม.หก เมื่ออายุถึงเขาก็ไปสมัครงานกลางคืนที่ให้เงินดี

เพราะชีวิตมัวยุ่งกับการทำงานและเรียนเพื่อนที่มีก็น้อยแสนน้อย ชีวิตตลอดยี่สิบห้าปีวนเวียนอยู่กับการทำงานและหาเงิน เพราะรู้ถึงความลำบากตั้งแต่เด็กแต่เพราะตัวเองนั้นขยันทำงานมากเกินไปสุขภาพก็ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็กทำให้จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร

แม้จะจากโลกนั้นมาแต่ผมก็ยังคิดถึงคนที่ดีกับผมทั้งป้าผ่องและบรรดาป้าๆ ในตลาดเป็นครั้งคราว วันนี้พี่ใหญ่ออกจากจวนพร้อมกับท่านอ๋องตั้งแต่เช้า ที่ผมรู้เพราะพี่ใหญ่แวะมากำชับให้ผมอยู่แต่ภายในจวน พี่ใหญ่นั้นไม่แปลกหากที่ทำให้ผมแปลกใจคือบุรุษที่ทำหน้านิ่งแต่แววตานั้นฉายแววไม่พอใจซึ่งผมจะไม่สนใจเลยหากไม่เกิดเวลาที่อีกฝ่ายนั้นสบตากับผม

ผมไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจกัน

ตอนนี้ผมนั่งทานของว่างกับท่านพ่อที่ดูจะชอบใจกับขนมทานเล่นฝีมือผมจริงๆ เพราะเหลือแป้งผมเลยทำปากหม้อซึ่งดูจะถูกปากเหลือเกิน

“ท่านพ่ออีกไกลหรือไม่ขอรับถึงจะถึงเมืองตงซวง” ใบหน้าหล่อเหลาของบิดาหันมายิ้มน้อยๆ ให้ก่อนที่จะอธิบายเกี่ยวกับการเดินทาง

“เมื่อออกจากเมืองเว่ยเราจะต้องเดินทางเรียบแม่น้ำไปยังเมืองต้าหลาง ผ่านเมืองต้าหลางเราก็จะเดินทางไปยังเมืองตงซวงหากแต่เราต้องลำบากกันนิดหน่อยเมื่อถึงเมืองตงซวงเพราะต้องเดินทางตามแนวเขาเพื่อเข้าไปยังเมือง”

“ที่นั่นงดงามมากไหมขอรับ”

“งดงามเหมือนมารดาเจ้า” ผมยิ้มกว้างจนตาปิดเมื่อบิดาพูดถึงมารดาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแววตาฉายแววความรักอย่างเต็มเปี่ยม

“ลูกอยากไปเห็นเมืองที่ท่านแม่เกิดเร็วๆ ขอรับ”

“เมื่อเจ้าเห็นเจ้าจะชอบแน่นอน”

“ขอรับท่านพ่อ” ในใจเริ่มวาดภาพในหัวเกี่ยวกับเมืองตงซวงที่บิดาเล่าให้ฟัง จะต้องสนุกแน่ๆ อยากให้ไปถึงเร็วๆ จัง

ทางด้านชินอ๋องและไป๋อวี้จิ้งควบม้ามายังที่ว่าการเมืองเพียงสองคนเพราะงานที่ฮ่องเต้สั่งให้จืออ๋องมาสืบเกี่ยวกับการผูกขาดการค้า ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้ดีแต่หากคิดจะทำการเกินตัวเลยไม่ยอมส่งฎีกาคืนไปยังเมืองหลวง ที่แวะพักเมืองนี้ถึงสองวันก็เพราะการณ์นี้

“ถวายพระพรชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าเมืองเว่ยเมื่อพ่อบ้านมาแจ้งว่าชินอ๋องและรองแม่ทัพไป๋อวี้จิ้งมายังที่ว่าการ ก็รีบแต่งตัวออกจากเรือนนอน หลังชุ่มด้วยเหงื่อเมื่อเข้ามายังห้องโถงกลางก็รีบทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง

“ท่านเจ้าเมืองการค้าที่เมืองนี้เป็นเช่นไร” บุรุษร่างสูงที่แผ่กลิ่นอายกดดันจนผู้สูงวัยถึงกับตัวสั่นสะท้านกลืนน้ำลายอย่างอยากลำบากก้มหน้าหลบสายตาประดุจเหยี่ยวล่าเหยื่อ ความผิดที่ปกปิดไว้เริ่มทำให้เขานั่งอยู่บนกองไฟกองใหญ่

“เรียบร้อยดีพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วการค้าเกลือเล่า” เพียงเท่านั้นเจ้าเมืองก็รู้สึกทั้งร่างแช่แข็ง

พึงรู้ไว้ว่าเกลือนั้นถูกผูกขาดโดยราชสำนักเป็นผู้ขายเพียงแต่ผู้เดียวแต่ก็มีขุนนางใจคดที่เห็นแก่ได้แอบลักลอบขายเกลือ เกลือเป็นสินค้าที่หากลักลอบขายเพียงครั้งเดียวก็สามารถร่ำรวย

“อย่างที่กระหม่อมส่งบัญชีให้ท่านอ๋องตรวจพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นหรือ อวี้จิ้งจับตัวเจ้าเมืองส่งกลับเมืองหลวง เปิ่นหวางจะให้องค์ฮ่องเต้สำเร็จโทษ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋อวี้จิ้งรับคำสั่งแล้วจัดการจับเจ้าเมืองถอดหมวกพระราชทานปลดชุดประจำตำแหน่งออก

“กระหม่อมผิดอะไรพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ ลักลอบขายเกลือเจ้ายังว่าไม่ได้ทำอะไรผิดงั้นรึ แต่ไม่ต้องห่วงเปิ่นหวางจะส่งเพื่อนๆ ของเจ้าไปพร้อมกัน” ไม่ปล่อยให้คนโลภโวยวายหนวกหูไปมากว่านี้ ไป๋อวี้จิ้งส่งตัวเจ้าเมืองต่อให้กับทหารพร้อมกับตัวพ่อบ้านเสร็จก็กลับมานั่งจิบชาร้อนๆ

“แล้วพวกคหบดีนั่นเล่าคงจะคิดหนีกันไปหมดแล้ว” อวี้จิ้งว่าเพราะเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเว่ยพวกคหบดีเหล่านั้นก็เหมือนจะเตรียมหนีกันแล้ว

“เจ้า จือ”

“ขอรับ” องค์รักษ์เงาที่ติดตามปรากฏตัวขึ้นมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้านายเหนือหัว

“เรื่องที่เปิ่นหวางสั่ง”

“เรียบร้อยขอรับ” ชินอ๋องพยักหน้าโบกมือให้เงากลับไปทำหน้าที่ ก่อนที่จะจัดการกับเจ้าเมืองเขาก็สั่งให้เงาทำการปิดจวนพวกคหบดีนั้น อ่า จะว่าปิดก็คงมิใช่ เพียงแค่บรรดาคหบดีเหล่านั้นไม่สามารถหลีกหนีออกจากจวนได้

“เจ้าพาทหารไปจับตัวส่งกลับเมืองหลวง”

“แล้วเจ้าจะไปไหน”

“ลงโทษกระต่าย” อวี้จิ้งรู้สึกสงสัยนี่เพื่อนสนิทของเขาไปเลี้ยงกระต่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ทันได้ไถ่ถามสหายก็ใช้วิชาตัวเบาหนีไปเสียแล้ว ไม่รู้เหตุใดคิ้วของเขากระตุกถี่สัญชาตญาณเตือนตลอดเวลา

ฝ่ายชินอ๋องใช่วิชาตัวเบามายังจวนเจ้าสี่ถูกสั่งให้คุมตัวคนผิดกลับเมืองหลวงพร้อมทหารเพราะเป็นอนุชาคนเล็กเลยติดที่จะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวไม่น้อย แต่ก็คงเทียบกับน้องเล็กที่อภิเษกไปก็ยังดีกว่า ร่างสูงเดินเข้าไปยังเรือนรับรองที่แยกเป็นสัดส่วนจากเรือนใหญ่ เมื่อบ่าวรับใช้เห็นชินอ๋องเดินเข้ามาก็เตรียมที่จะแจ้งแก่นายน้อยตนแต่ก็โดนห้ามไว้เสียก่อน

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”

“ออกไปเถอะเปิ่นหวางจะคุยกับนายเจ้า”

“แต่ว่า” กำลังที่จะกล่าวอ้างคุณชายใหญ่แต่เมื่อแรงกดดันทำให้ซื่อจูต้องล่าถอยออกมา ปล่อยให้ชินอ๋องอยู่ตามลำพังกับนายน้อยตน เมื่อเห็นว่าอยู่กันตามลำพังแล้วเขาก็ก้าวเดินเข้าไปยังเก๋งกลางสวนเงียบๆ โดยที่ร่างบางยังคงไม่รู้ตัวจมอยู่กับนั่งเขียนอย่างตั้งอกตั้งใจ ขนาดที่เขาเดินมาประชิดด้านหลังก็ยังไม่รู้ตัว คิ้วเฉียงขมวดลงเมื่อเห็นสิ่งที่เจ้ากระต่ายกำลังเขียน

นั่นยันต์รึ

“เจ้าทำอะไรอยู่”

“เฮ้ย.. ตกใจหมดพ่ะย่ะค่ะ ทรงมาทำอะไรเงียบๆ” ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังเคร่งเครียดกับการรื้อความทรงจำนำความรู้ในชาติก่อนมาใช้ประโยชน์ส่วนมากก็สูตรอาหารทั้งนั้น

“เจ้าทำอะไรอยู่”

“อ่า กำลังจดสูตรอาหารขอรับ” เพราะได้รับอนุญาตให้พูดสามัญได้ดั่งเช่นพี่ใหญ่เมื่ออยู่ตามลำพัง

“นั่นเจ้ากำลังเขียนยันต์อยู่หรือ” น้ำเสียงเจอด้วยความสงสัยทำให้ผมหลุดขำคงจะจะเป็นเพราะไม่เคยเห็นสิ่งที่ผมเขียนก็แน่ล่ะมันเป็นภาษาไทยถ้าเคยเห็นก็แปลกแล้ว

“มิใช่ขอรับแต่เป็นภาษาที่ข้าเคยเรียนแล้วนำมาเขียนเพื่อกันการลอกเลียนสูตรขอรับ”

“เจ้าช่างฉลาดยิ่ง” แม้จะดูลายเส้นดำจากถ่านนั้นไม่ออกแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ร่างบางมีความสามารถด้านภาษาอื่น

“มิใช่หรอกขอรับเพียงแค่รู้เล็กน้อย”

“พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางยามเช้า เจ้าเตรียมตัวพร้อมรึไม่” แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เที่ยวทั่วทั้งเมืองแต่ก็ไม่ได้เสียดายไม่ได้ ไว้เมื่อเขาโตกว่านี้เมื่อไหร่จะขอท่านพ่อออกท่องเที่ยวทั่วหล้าคอยดู

“พร้อมแล้วขอรับ” ท่านพ่อให้เขาจัดการเรืองอาหารการกินระหว่างเดินทางเพราะติดรสมือผมเสียแล้ว ซึ่งผมไม่มีปัญหาอะไรซ้ำยังดีใจเสียด้วยซ้ำ

“ดียิ่ง เจ้าอยากขี่ม้าหรือไม่”

“ข้าขี่ม้าไม่เป็นขอรับ”

“แล้วหากข้าสอนเล่า” ผมรีบเงยหน้ามองบุรุษที่นั่งข้างๆ ด้วยสายตาแวววับ

“ดียิ่งขอรับ ข้าอยากเรียนพี่เว่ยสอนข้านะขอรับ” ยิ่งสนิทยิ่งทำให้ผมรู้ว่าชินอ๋องนั้นใจดีกับผมอย่างยิ่ง แม้จะรู้เหตุผลลึกๆ ของเจ้าตัวก็เถอะ

“ไว้ยามพักดีหรือไม่”

“ตอนไหนก็ได้ขอรับ ท่านใจดีกับข้ายิ่ง”

“ข้ามิได้ใจดี เพียงแต่นี่คือเจ้า” เพราะสายดาดุนั้นมีประกายลึกล้ำทำให้ผมไม่กล้าสบตาหันกลับมาตั้งใจเขียนสูตรอาหารต่อ งืออ ทำไมผมถึงได้รู้สึกเขินกับสายตานั้นกัน ไม่นะนายจะมาหวั่นไหวกับผู้ชายไม่ได้นะเป็นหนึ่ง นี่ก็อีกคนสมแล้วที่ผมแอบเรียกว่าอ๋องโรคจิต จะไม่ให้แอบเรียกได้ยังไงเล่า คิดดูสิผมอายุเท่าไหร่เอง

อายุ 16 !!

ผมแค่อายุ 16 ก็มาเกี้ยวเช้าเกี้ยวเย็น ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะวัฒนธรรมของที่นี่ทั้งเด็กสาวและเด็กหนุ่มที่ถูกวางตัวเป็นภรรยานั้นแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ผมไม่ยอมหรอกนะ พึ่งล้มงานแต่งได้

“แค่ก พี่เว่ยวันนี้ไม่ได้ออกไปกับพี่ใหญ่หรือขอรับ” เพราะพี่ใหญ่ยังไม่กลับแต่ชินอ๋องกลับมานั่งคุยกับผมประหนึ่งคนว่างงาน

“งานของข้าเสร็จแล้ว ส่วนพี่ใหญ่เจ้ายังต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อย” ผมหยักหน้าหงึกหงักรับมือก็เขียนสูตรอาหารต่อ ก่อนที่จะกำลังจะเขียนอาหารต่อไปผมก็เงยหน้าถามคนที่ยังนั่งจ้องผมอยู่ตลอดเวลา

“พี่เว่ย ทานของว่างยามบ่ายหรือไม่ขอรับ” เพราะคิดจะลองทำขนมเลยอยากหาคนชิม วันนี้ซื่อจูได้ดอกบัวมาแต่ผมไม่อยากทำยำเพราะกลัวว่าจะเสาะท้องระหว่างเดินทางหากไม่ชิน

“เจ้าจะทำให้พี่ทานรึ”

“อ่า..ขอรับ”

“พี่จะรอ” เพราะสรรพนามที่ชวนใจสั่นไหนจะมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบผมเบาๆ นั่นอีก ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี ใช่ ผมวิ่งหนีจริงๆ อ่ะ ไม่อย่างนั้นผมต้องแสดงท่าทางน่าอายออกมาแน่ๆ

ใจจ๋า อย่าเต้นแรงสิ

เมื่อมาถึงหลุมหลบภัยซึ่งก็คือครัวผมก็ทรุดตัวลงนั่งปลายเท้า สูดหายใจเข้าๆ ลึกเพื่อดึงสติให้กลับคืนมา เป็นหนึ่งกลับมาสิเป็นหนึ่งอย่าหวั่นไหวสิ นานหลายเค่อกว่าที่เขาจะเรียกสติกลับมา นำดอกบัวที่ซื่อจูเก็บมาแกะออกทีละกลีบ ทีละกลีบ นำน้ำมาผสมแป้งพร้อมกับตั้งน้ำมันเมื่อได้ที่ผมก็ชุบกลีบบัวลงในแป้งแล้วทอดทีล่ะกลีบ ยังทอดไม่ทันเสร็จซื่อจูก็วิ่งเข้ามาในครัว

“ทำอะไรขอรับนายน้อย”

“มาเร็วเชียวนะ” เอ่ยเย้าบ่าวอย่างสนิทสนม

“แหะๆ บ่าวได้กลิ่นหอมนะขอรับ” อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำดูท่าจะไม่ได้มรแต่คนในครอบครัวแล้วที่พ่ายต่อรสมือของผม ผมสอนให้ซื่อจูทอดกลิบบัวต่อ ส่วนผมมาทำน้ำจิ้มต่อ ใส่น้ำบ๊วยแล้วน้ำตาลเกลือน้ำส้มสายชู กระเทียม แล้วต้มจนเหนียวแล้วยกลงตักใส่ถ้วยเล็กๆ สองถ้วยสำหรับท่านพ่อและสำหรับชินอ๋อง

“เจ้าทอดได้ดีมาก ยกไปให้ท่านพ่อด้วยนะซื่อจู” บอกแก่ซื่อจูส่วนตัวผมยกตะกร้าสานเล็กๆ ที่ใส่กลีบบัวทอดจนเต็มพร้อมกับถ้วยน้ำจิ้มและจานพร้อมตะเกียบไปยังศาลา

“ขออภัยที่ทำให้พี่เว่ยต้องรอนานนะขอรับ” ผมวางถาดลง

“นี่คือกันใด”

“กลีบบัวทอดขอรับ” วางจานใบเล็กพร้อมกับตะเกียบลงเบื้องหน้าแล้วกลับมาจัดแจงให้กับตัวเอง คีบกลีบบัวทอดใส่จานคนข้างกายแล้วคีบกลีบบัวจิ้มน้ำจิ้มกำลังจะเข้าปากก็ต้องชะงักเมือนิ้วมือยาวแตะที่แก้มแล้วถูเบาๆ

“แก้มเจ้าเปื้อน” ผมก้มหน้าก้มตากินกลีบบัวทอดอย่างเดียว ไม่กล้าสบตาผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ หูได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มเบาๆ แม้จะอยากเงยหน้าขึ้นไปต่อว่าแต่ผมก็กลัวที่ชินอ๋องทำสิ่งที่ผมรู้สึกแปลกๆ กว่าเดิม

.

เว่ยชินมองร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาทานมื้อว่างใบหูเล็กนั่นแดงก่ำยิ่งทำให้เขาชอบใจ ช่างเป็นผู้ที่ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูจนอยากจะจับกลับไปไว้ที่วังแล้วเลี้ยงดูอย่างดีแต่ตอนนี้กลับมีความรู้สึกมากมายอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอ และกระต่ายน้อยของเขายิ่งรู้จักยิ่งมีสิ่งให้ประหลาดใจทั้งฝีมือการทำอาหารทั้งการรู้ภาษาต่างแดน หาแต่กาลก่อนเคยได้ยินพี่รองกล่าวถึงคู่หมั้นว่าทั้งเอาแต่ใจและกิริยาไม่งาม แต่หากที่เขาเห็นเป็นเพียงกระต่ายน้อยที่แสนซนและอยากรู้อยากเห็น

“สูตรอาหารนี้คืออะไรรึ” เห็นว่ากระต่ายน้อยก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว

“อ้อ อันนี้คือ..ทอดมันกุ้งขอรับ”

“กุ้งรึ”

“ใช่ขอรับ ที่เมืองหน้ามีกุ้งหรือไม่ขอรับ”

“ข้าจะหาให้”

“งั้นข้าจะทำให้นะขอรับ” ท้ายที่สุดก็ยอมที่จะเงยหน้าคุยพร้อมกับส่งรอยยิ้มงดงาม ที่ทำให้ดวงใจเขากระตุก

อ่า

ข้าชักอยากจะกินกระต่ายตัวน้อยนี้เสียแล้วสิ

*******************************************************

หลิงเอ๋อร์หนีปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

แต่งไปแต่งมาทำไมพี่อ๋องเราจะกินน้องแล้วล่ะ 

ขอบคุณที่รอกันนะคะ ไรท์แก้ไขบางส่วนแล้ว ส่วนด้านล่างจะเป็นการแนะนำตัวละครนะคะ

ราชครูไป๋ 

ไป๋อวี้จิ้ง พี่ใหญ่

ไป๋อวี้เฟิ่ง พี่รอง

ไป๋อวี้หลิง กระต่ายน้อย

องค์ฮ่องเต้ หยางฉินหลง (พี่ใหญ่)

หยางเฉียงอ๋อง (อดีตคู่หมั่น,พี่รอง)

หยางเว่ยชิน (ชินอ๋อง,พี่สาม)

หยางเว่ยหลง (หลงอ๋อง,น้องสี่)

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 21-06-2019 20:26:05
หายไปกลัวใจจะเป็น ข้าไม่อยากแต่ง…นิยายต่อ…
กลับมา กระต่ายน้อยน่ารักเหมือนเดิม :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 20:42:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 21:09:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 21-06-2019 21:22:12
กระต่ายน้อย
อย่ายอมโดนกินง่ายๆนะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 21-06-2019 21:42:34
ดีใจคนเขียนกลับมาแล้วววว
น้องยังน่ารักเหมือนเดิม
ท่านอ๋องก็ขยันหยอดจริงจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-06-2019 23:03:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 22-06-2019 22:38:45
หายไปกลัวใจจะเป็น ข้าไม่อยากแต่ง…นิยายต่อ…
กลับมา กระต่ายน้อยน่ารักเหมือนเดิม :pig4: :กอด1:

555555555 หรือจริงๆนักเขียนจะให้คิดแบบนั้นจริง ข้าไม่อยากแต่งนิยายต่อ.... :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2019 08:45:47
โอ๊ยยย..........ดีตอใจ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-06-2019 09:11:00
รอชินอ๋องกินกระต่ายน้อย 55555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-06-2019 09:57:38
หายไปกลัวใจจะเป็น ข้าไม่อยากแต่ง…นิยายต่อ…
กลับมา กระต่ายน้อยน่ารักเหมือนเดิม :pig4: :กอด1:

555555555 หรือจริงๆนักเขียนจะให้คิดแบบนั้นจริง ข้าไม่อยากแต่งนิยายต่อ.... :jul3: :jul3:


ไม่ใช่น้าาาาาาา 555555   เอาจริงๆคือสิ้นคิดเรื่องตั้งชื่อนิยายมากเลยค่ะฮ่า ที่หายไปคือเค้าไปแก้เรื่องตำแหน่งตัวละครนะคะ
ขอบคุณที่รอกันน้า กลับมาต่อเหมือนเดิมแล้วค่ะ อ่านมาถึงคอมเม้นต์นี้ขำลั่นเลยค่ะ 
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 7 21/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 24-06-2019 15:33:56
สนุกมากๆเลยค่า น้องกระต่ายจะโดนกินตอนไหนน้าา :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 30-06-2019 18:53:55
ก่อนรุ่งสางพวกเราก็ออกเดินทางทั้งผมและท่านพ่อต่างขึ้นประจำที่รถม้า ผมดึงซื่อจูขึ้นมาบนรถม้าด้วยหลังจากที่กลับมาจากเอากาน้ำชาที่ผมเตรียมไว้ไปให้บิดาที่รถม้าส่วนพี่เว่ยและพี่ใหญ่ก็อยู่ที่หัวขบวนพร้อมกับทหาร ไม่นานก็ออกเดินทางผมเปิดม่านเพื่อมองดูเมืองสายน้ำแห่งนี้จนลับตาถึงได้กลับมาสนใจกับสมุดในมือ

“นายน้อยพักสักครู่ดีหรือไม่ขอรับ” ซื่อจูเอ่ยขึ้นเมื่อนายน้อยของตนนั้นนั่งเอนไปเอนมาแต่ก็ยังไม่ปล่อยสมุดในมือ

“อือ” นายน้อยเพียงส่งเสียงรับเบาๆ แล้วเอนกายพิงหมอนที่เขาวางไว้แต่มือก็ยังคงกอดสมุดไว้ไม่ยอมปล่อย คงจะสำคัญกับนายน้อยมากจริงๆ บ่าวรับใช้ตัวน้อยปิดม่านลง สิ่งหนึ่งที่หลังจากคุณชายน้อยหายป่วยแล้วเปลี่ยนไปก็คือ นายน้อยสามารถนอนหลับได้ทุกที่เมื่อนายน้อยง่วง เฉกเช่นครานี้ที่แม้รถม้านั้นจะโคลงเครงเพียงใด นายน้อยก็ยังคงหลับสนิท

เมื่อรถม้าหยุดผมก็รู้สึกตัวแม้จะนอนหลับไม่สบายเท่ากับเตียงแต่รถม้าก็เบาะนวมที่นั่งทำให้ไม่ต้องปวดกล้ามเนื้อมากนักเพราะคืนก่อนเดินทางผมต้องดูแลเรื่องข้าวสารอาหารแห้งกว่าจะเสร็จก็ปาไปครึ่งค่อนคืนแถมยังต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด ขยับเนื้อขยับตัวบิดขี้เกียจเบาๆ แล้วค่อยลงจากรถม้า ก็เห็นว่าทุกคนกำลังจัดแจงตั้งที่พัก

“ตื่นแล้วหรือขอรับ บ่าวจะตักน้ำมาให้นะขอรับ”

“ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าจะไปเองเตรียมทำมื้อเที่ยงเถอะ” อยากจะกุมขมับนี่ผมหลับยังไงถึงได้ยาวมาถึงยามเที่ยว ถือผ้าผืนเล็กเดินไปยังลำธารแล้วค่อยกวักน้ำขึ้นล้างหน้า ลูกตามแขน น้ำเย็นๆ ทำให้ผมตื่นเต็มตา บรรยากาศรอบๆ ก็สดใสจนผมอดไม่ได้ที่ยิ้ม หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีโอกาสได้มานั่งชิวๆ ชมวิวอย่างนี้หรอกนะครับ

“เจ้าตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มที่มาทางด้านหลังเงียบๆ ทำเอาผมสะดุ้งโหยง ทำไมถึงได้ชอบมาเงียบๆ นักนะ

“พี่เว่ย!! เหตุใดท่านชอบมาเงียบๆ”

“เจ้าตกใจรึ พี่ขอโทษเจ้า” ผมได้แต่มุ่ยหน้าลง แม้จะบอกว่าขอโทษแต่ทั้งรอยยิ้มและแววตานั้นกลับพราวระยับ สนุกอยู่ชัดๆ

“ท่านมาล้างหน้าเช่นกันรึ”

“มิใช่ พี่ตามเจ้ามา” ผมเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าเลยด้วยซ้ำ เว่ยชินส่งมือมาประคองให้คนที่นั่งสนทนากับตนให้ลุกขึ้นยืนมือใหญ่ฉวยเอาผ้าขาวในมือกระต่ายน้อยมาซับหยดน้ำจากใบหน้านวล ดูท่ากระต่ายน้อยจะตื่นจนตัวแข็งทื่อไปเสียแล้ว

“เสร็จแล้ว อวี้หลิง หลิงเอ๋อร์” เสียงเรียกชื่อพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขนเรียกสติให้กลับมา ให้ตายเถอะเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงยอมปล่อยให้คนตรงหน้าเข้ามาใกล้ชิดขนาดนี้ได้ยังไง เมื่อรู้ตัวผมก็รีบขยับตัวออกห่างทันที แววจาดุจเหยี่ยวนั้นไม่ปิดบังอาการขบขันเลยสักนิด

“ออกไปห่างๆ เลยนะขอรับ”

“หึๆ เจ้าไม่อยากเรียนขี่ม้ากับพี่แล้วรึ”

“ไม่ขอรับ ข้าจะให้พี่ใหญ่สอน”

“พี่เต็มใจที่จะสอนเจ้า..รึเจ้ากลัวอันใด” อยากจะตะโกนออกไปว่ากลัวท่านนั่นล่ะชินอ๋อง ให้ตายเถอะ บุรุษผู้เงียบขรึมเมื่อครั้งแรกที่เจอกันนั่นหายไปที่ไหนแล้ว แล้วเหตุใดถึงได้มาถูกอกถูกใจเขากันเล่า

“ข้าจะกลับไปเตรียมมื้อเที่ยง” ว่าจบผมก็วิ่งหนีทันที อยู่ใกล้แล้วไม่ปลอดภัยเลย วิ่งจนมาถึงรถม้าเมินเสียงเรียกของซื่อจูแล้วขึ้นรถม้า ฮืออคนๆ นี้อันตราย อันตรายจริงๆ

.

.

หยางเว่ยชินมองตามกระต่ายตัวน้อยที่ดูจะตื่นตกใจจนวิ่งหนีไปเสียแล้ว ยกมือที่มีผ้าสีขาวที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของกระต่ายน้อย ริมฝีปากหยักยกยิ้มบาง ผ้าผืนเล็กถูกเก็บเข้าไปในสาบเสื้อแล้วหมุนกายกลับไปยังค่าย

“เจ้าดูอารมณ์ดี” อวี้จิ้งเอ่ยถามสหายที่เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากประดับอยู่

“เช่นนั้นรึ” เขาพูดอย่างไม่ยีระ เดินไปนั่งตรงข้ามผู้ถาม

“สองวันก็จะถึงเมืองต้าซวงหากเราเร่งเดินทาง”

“ใยต้องรีบร้อน” เขาเอ่ยแย้ง หากรีบเร่งเกินไปกระต่ายน้อยของเขาคงจะเหนื่อยเกินไป

“แล้วเจ้าจะถ่วงเวลาไปเพื่ออะไร”

“เพื่อกระต่ายน้อยอย่างไรเล่า” ค่อยๆ เดินทางกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ กระต่ายน้อยคงจะชอบใจมากกว่า

“กระต่ายน้อย..หลิงเอ๋อร์นะเหรอ เจ้าจะล่อลวงน้องข้าหรือ หยางเว่ยชิน” ใบหน้าหล่อเหลาของรองแม่ทัพพยัคฆ์บิดเบี้ยวเพราะความโมโห สหายน่าตายผู้นี้ถึงได้มาต้องตากับน้องชายผู้น่ารักของเขากัน บุรุษผู้ถูกเหล่าสหายและพี่น้องตราหน้าเป็นบุรุษตายด้านแล้วเหตุใดต้องมาตกม้าตายตรงหน้าน้องชายเขาด้วย

“ข้ามิได้ล่อลวงเสียหน่อย”

“ข้าจะเร่งเดินทางให้ถึงต้าซวงภายในสองวัน”

“ตกลงเจ้าหรือข้าเป็นผู้นำทัพ” เว่ยชินเอ่ยเย้า เพราะรู้ดีว่าอวี้จิ้งนั้นทำไปเพราะอะไร

“ช่างหัวมันเถอะ ข้าจะไปหาหลิงเอ๋อร์” ว่าแล้วพี่ชายผู้แสนห่วง หวงน้องชายก็พุ่งไปหาน้องชาย ปล่อยสหายทิ้งไว้คนเดียว เขายังไม่ทันได้ล่อลวงกระต่ายอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ เหตุใดต้องตื่นตูมเสียขนาดนั้นช่างเป็นบุรุษที่หวงน้องชายจนน่าหวั่นใจ ฝ่ายอวี้จิ้งเมื่อมาหาน้องชายก็แจ้งข่าวว่าจะเร่งเดินทางซึ่งน้องชายก็เข้าอกเข้าใจ เมื่อต้องเร่งเดินทางช่วงเวลาพักก็ถูกลดลง อาหารที่ได้ทานก็เป็นอาหารแห้งง่ายๆ

“หลิงเอ๋อร์เจ้าไหวรึไม่”

“ข้าไหวขอรับ” ผมตอบออกไปแม้ว่าตอนนี้อาการเวียนหัวจะมีเป็นระยะๆ อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานนั้นเกิดฝนตกหลังจากที่เจออากาศร้อนอีกทั้งร่างกายนี้ก็บอบบางเหลือเกิน เพียงแค่อากาศเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยก็ไม่สบายเสียแล้วเมื่อหายดีผมคงต้องออกกำลังกายหน่อยแล้ว เมื่อพี่ใหญ่ควบม้าไปที่หัวขบวนผมก็เอนกายเพราะอาการวิงเวียนนั้นเล่นงานเข้าอย่างจัง ไม่นานขบวนก็หยุด ผมหอบหายใจหนัก อ่า ในตอนนี้ผมคิดถึงพิมเสน ยาดม ยาหม่องจังเลย

“คุณชายไป๋ขอรับ ข้าไจ้ฝานเป็นหมอของกองทัพ ม่านอ๋องให้ข้ามาดูอาการ”

“ซื่อจูให้ท่านหอมขึ้นมา” ผมบอกกับซื่อจูที่คอยดูแลอยู่เปิดรถม้าให้ท่านหมอเข้ามา สัมผัสได้ว่าท่านหมอจับที่ข้อมือเพราะตอนนี้ผมลืมตาไม่ขึ้นแล้ว

“คุณชายไป๋ร่างกายต้องธาตุเย็นมากไปทั้งยังร่างกายไม่แข็งแรงทำให้ป่วยขอรับ ข้าจะให้คนจัดยามาให้”

“ขอบคุณท่านหมอ” เสียงหวานกล่าวขอบคุณอย่างอ่อนแรง ดวงตาปิดลงเพราะฝืนทนไม่ไหวหากแต่ยังรับรู้ความเคลื่อนไหวว่าซือจูออกไปพร้อมกับท่านหมอ หากแต่ไม่นานก็รู้สึกว่ามีคนขึ้นมาบนรถม้า

“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” เสียงทุ้มพร้อมกับความเย็นจากมือที่สัมผัสแก้มช่วยทำให้ผมลดความรู้สึกร้อนลงได้

“อือ” เพราะความเย็นที่ทำให้คนป่วยรู้สึกดีจนถูไถแก้มป่องกับฝ่ามือใหญ่

หยางเว่ยชินสูดลมหายใจลึกในใจรู้สึกหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งที่ออกรบตั้งแต่อายุ17 เข่นฆ่าโจรป่ามากมายมือทั้งสองข้างเปื้อนเลือดมากมายจนถูกล่ำลือมากมาย หากแต่เพียงแค่ใบหน้าหวานถูไถกับฝ่ามือถึงกับทำให้เขารู้สึกเยี่ยงนี้

“กระต่ายน้อยของข้า เจ้าทำให้ข้าแปลกไปยิ่ง” เมื่อเห็นว่ากระต่ายน้อยต้องการไอเย็นจากผิวกายเขาก็ไม่อิดออดยอมเสียสละมือให้กับกระต่ายน้อยอิงแอบ ความร้อนแผ่ซ่านจากผิวกายอีกทั้งผิวกายขาวที่แดงก่ำอย่างน่าสงสาร

“อ๊ะ ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ” เสียงบ่าวคนสนิทเรียกบุรุษสูงศักดิ์หลุดจากภวังค์ที่สร้างขึ้นระหว่างเขาและกระต่ายน้อย

“เข้ามา”

“บ่าวไปต้มยามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เปิ่นหวางจะจัดการเอง ส่งยาเจ้ามา” ถ้วยยาถูกส่งให้กับเขาก่อนที่บ่าวตัวน้อยจะถอยออกไป ปล่อยให้เขาเป็นผู้ป้อนยาให้กับกระต่ายน้อย วางถ้วยชาลงที่เป่าจนความร้อนลดลงก่อนที่จะย้ายตัวเองเข้าไปนั่งฝั่งเดียวกันแล้วค่อยประคองร่างบางที่ยังละเมอเพราะพิษไข้อยู่ขึ้นพิงอกกว้าง เมื่อจัดแจงเสร็จก็เอื้อมไปหยิบยา

“หลิงเอ๋อร์ หลิงเอ๋อร์เจ้าดืมยาก่อนเถอะ”

“อือ” เสียงครางรับเบาๆ พร้อมกับแพรขนตาสั่นไหวบ่งบอกว่ารู้สึกตัวแล้ว เขาค่อยๆ ประคองโอบกอดร่างเล็ก ตักยาขึ้นชิดริมฝีปากเล็กค่อยๆ บรรจงป้อนทีละนิด คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อกินยาเข้าไปแต่ก็ยอมกินยาจนหมด วางถ้วยเปล่าลงยกแขนเสื้อเช็ดมุมปากซีดอย่างเบามือ

“เจ้านอนพักเถอะ” เพียงพูดเท่านั้นกระต่ายน้อยก็ขยับสองสามครั้งแล้วก็หลับไปทั้งๆ ที่ยังพิงอกเขาอยู่ ผิดไหมหากเขาอยากจะให้กระต่ายน้อยป่วยเยี่ยงนี้อีกหลายวัน

.

.

หากใครสงสัยว่าเหตุใดพี่ชายผู้หวงน้องถึงไม่ได้มาห้ามที่ชินอ๋อง ก็คงต้องบอกว่าตอนนี้รองแม่ทัพนั้นเป็นที่สนใจของผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อร่างสูงใหญ่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้ารถม้าของบิดตา แม้ในใจของพยัคฆ์หนุ่มโบยบินไปยังรถม้าที่อยู่ไม่ไกลหากแต่คำสั่งบิดานั้นไม่สามารถขัดได้

“เจ้าจะคิดไปไหน ไป๋อวี้จิ้ง” ขยับเพียงนิด บิดานั่งอ่านตำราบนรถม้าเอ่ยขึ้นทันที

“ท่านพ่อข้าเป็นห่วงน้อง”

“หากเจ้าเป็นห่วงน้องจริงคงไม่รีบเดินทางเยี่ยงนี้” พยัคฆ์หนุ่มเงียบเสียงเมื่อสิ่งที่บิดาพูดนั้นก็เป็นความจริงอย่างที่ว่า

“แต่ว่าเจ้าเว่ยชินนั่น”

“เจ้ารู้ดีอวี้จิ้งหากน้องชายหรือชินอ๋องจะผูกด้ายแดง เจ้าก็ห้ามไม่ได้”

“แต่หลิงเอ๋อร์ยังเยาว์นะขอรับ” หลุดพ้นจากเฉียงอ๋องมาได้เขาก็ไม่ห่วงเรื่องคู่หมายน้องแล้วหากแต่สหายสนิทก็ยังมาผูกด้ายแดงกับน้องเล็กหากแต่เวลานี้น้องเล็กนั้นยังเยาว์นัก

“เจ้าก็เลยขัดขวางรึ”

“ขอรับท่านพ่อ”

“หน้าที่นั้นควรเป็นของบิดาไม่ใช่รึ อืม ข้าว่านะอวี้จิ้ง เจ้าควรคิดเรื่องแต่งงานได้แล้วนะ” เหมือนฟ้าผ่ายามกลางวัน บิดาท่านพูดอะไรออกมา ชีวิตนี้ข้าอวี้จิ้งผูกกับการรบและรักษาความสงบของแคว้น เรื่องคู่ครองนั้น ข้าไม่คิดที่จะเอาห่วงมาคล้องหรอกนะ ไป๋อวี้หลานมองบุตรชายคนโตที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปเสียแล้ว ตัวเองไม่อยากผูกด้ายแดงกับใครแต่ก็ทำตัวขัดขวางชะตาด้ายแดงผู้อื่น ช่างน่าขันยิ่งนัก ส่วนเรื่องของชินอ๋องและหลิงเอ๋อร์นั้นจะยอมดูลาดเลาเสียก่อน เพราะชินอ๋องนั้นเป็นบุรุษที่ดีผู้หนึ่ง

.

.

หลังดื่มยาแล้วหลับไปหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) ไอร้อนที่แผ่ออกมานั้นก็ค่อยๆ เย็นลง อาการละเมอด้วยภาษาที่หยางเว่ยชินไม่เข้าใจก็หายไป แพขนตายาวก็ขยับไหวสองสามครั้งก่อนที่กระต่ายน้อยจะลืมตาตื่น

“รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

“อ๊ะ พี่เว่ย” เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นเอนซบอยู่บนแผ่นอกกว้างของชินอ๋องก็รีบลุกขึ้นแต่อาการวิงเวียนก็เล่นงานเขาเสียก่อนจนต้องทรุดพิงแผ่นอกกว้างนั้นอีกครา

“อย่ารีบลุกเลย เจ้ายังไม่ดีขึ้น”

“ข้าหลับไปนานแค่ไหนขอรับ” เพราะกลัวว่าจะทำให้การเดินทางล่าช้า

“อย่าได้คิดมาก เมื่อเจ้าดีขึ้นพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทาง”

“เอ่อ..ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่มันใกล้ชิดเกินไปรึเปล่า งื้อ รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ร้อนที่ไม่ใช่เพราะอาการป่วย ร้อนวูบๆ วาบๆ ไปทั้งตัวเลยจ้า

“เจ้าชอบมิใช่หรือ”

“ข้าเปล่า” ผมรีบปฏิเสธเสียงแข็ง อย่าถามว่าผมพยายามที่จะดิ้นหนีไหม เวลาปกติผมก็สู้แรงไม่ได้ตอนนี้มาป่วยอีก แค่ขยับได้ก็บุญแล้วครับ นี่แรงคนหรือแรงช้าง เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะชวนรู้สึกอบอุ่นใจ

“หึ ข้าจะปล่อยเจ้า”

“ดีขอรับ” และคนเนียนก็ยอมปล่อยให้ผม แถมยังช่วยประคองให้ผมนอนพักดีๆ ผ้าไหมเนื้อดีมีรอยยับ และทั้งรถม้าก็ตกอยู่ในความเงียบ

“แฮ่ม พี่เว่ยท่านไม่ออกไปข้างนอกหรือขอรับ” จะมานั่งมองอะไรผมเล่า

“สีหน้าเจ้ายังไม่ดีขึ้นเลย ข้าจะให้คนทำของบำรุงให้เจ้า”

“ขอบคุณขอรับ” รอยยิ้มบางถูกส่งให้ พี่เว่ยถึงได้ยอมลงจากรถม้า การที่มีบุรุษร่างสูงอยู่ด้วยกันในรถม้าเล่นเอาผมหายใจด้วยความอึดอัด ผมนอนพักอยู่ครู่ใหญ่ซื่อจูก็เรียก

“นายน้อยขอรับ บ่าวนำอาหารและยามาให้ขอรับ”

“เข้ามาเถอะ”

“นี่เป็นข้าวต้มสมุนไพรขอรับ ชินอ๋องทรงให้พ่อครัวทำให้”

“ขอบใจเจ้ามาก ไม่ต้องอยู่ช่วยข้าหรอกซื่อจูข้าดีขึ้นแล้ว” ผมลุกขึ้นนั่งอาการเริ่มดีขึ้นแม้จะไม่อยากดื่มยาสีเขียวในชามนั่นก็เถอะ ข้าวต้มสมุนไพรช่วยทำให้ผมรู้สึกโล่งและดีขึ้นเยอะ และก็มาถึงชามเจ้าปัญหา ก่อนหน้านี้ผมกินเข้าไปได้ยังไงนะ คลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงทุ้มคอยกล่อมพูดปลอบประโลม

“สู้เว้ยเป็นหนึ่ง” เมื่อตัดสินใจได้ผมก็ยกถ้วยกลั้นใจดื่มให้หมดเพียงครั้งเดียว

ขมเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ให้ตายเถอะ

ผมขอสาบานว่าจะไม่ป่วยอีกแน่ๆ ถ้าหากยังต้องกินยาที่ขมแบบนี้ ขนาดที่จิบน้ำชาล้างปากไปสองสามแก้วแล้วยังขมติดคออยู่เลย ขมยิ่งกว่าน้ำต้มบอระเพชรเสียอีก ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ขมจนต้องร้องไห้อ่ะคิดดู รอจนดีขึ้นก็เรียกให้ซื่อจูมาเก็บถ้วยลงไป เพียงแต่ไม่ได้มาผู้เดียว

“หลิงเอ๋อร์เจ้าดีขึ้นรึไม่”

“ท่านพ่อ ข้าดีขึ้นแล้วขอรับ” ยกยิ้มเพื่อให้บิดาสบายใจ

“ดียิ่ง พักคืนนี้พรุ่งนี้เราจะเดินทางเรื่อยๆ คงถึงเมืองตอนเย็นพอดี”

“แล้วพี่ใหญ่เล่าท่านพ่อ” เพราะตั้งแต่ผมป่วยยังไม่เห็นพี่ใหญ่เลย

“หึๆ เจ้านั่นไปหาของมาบำรุงเจ้านะ” อวี้หลานไม่ได้เล่าสิ่งทีสำคัญว่าที่หาของบำรุงนั้นเป็นคำสั่งจากเขาเอง

“ข้าทำให้พี่ใหญ่ต้องลำบากแล้ว”

“อย่าได้คิดมากพี่ใหญ่เจ้าเต็มใจ พักผ่อนเถอะ”

“ขอรับ ลูกจะรีบหาย” บิดาลงจากรถม้า ซื่อจูก็นำน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพราะยาที่ทานทำให้ง่วงเลยหลับไปอย่างรวดเร็ว

.

.

.

Sp

ไป๋อวี้จิ้งกับการเดินทางไปหาของบำรุงให้น้องชายสุดที่รัก

“หลิงเอ๋อร์พี่จะรีบนำของกลับไปให้เจ้า”
*******************************************

รึเราควรหาคู่ให้พี่ใหญ่ดีน้าาาาา 

ขออภัยที่ช้านะคะ นิยายเรื่องนี้จะอัพอาทิตย์ละตอนน่อ อาทิตย์นี้เกือบไม่ทันเพราะต้องจัดการงาน

เรามีวันหยุดวันเดียวต่ออาทิตย์ เลยไม่ค่อยได้ป่ันเท่าไหร่ 

ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปนะคะ เราไม่ทิ้งไม่เทแน่ๆค่ะ

อ่านแล้วเป็นยังไง บอกเราด้วยนะ ติชมได้เลยนะคะ  

กดถูกใจ กดไลก์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-07-2019 09:44:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-07-2019 13:11:25
หาคู่ให้พี่ใหญ่ก็ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-07-2019 06:05:05
ใครนะ.......จะมาเป็นคู่พี่ใหญ่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 02-07-2019 07:27:12
อ่านแล้ว feel good มาก น้องป่วยแล้ว อ้อนจริงๆ
อย่าพึ่งหาคู่ให้พี่ใหญ่เลย เป็น กขค.ไปเรื่อยๆ ให้พี่เครียดๆ แบบนี้ล่ะดีแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-07-2019 07:13:23
ชอบๆๆๆๆมาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-07-2019 19:16:31
พี่ใหญ่ขวางทางมากๆ ระวังท่านอ๋องหาคู่ให้น้าาาาาา :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 8 30/6/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-07-2019 19:49:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์ 8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 08-07-2019 17:37:18
10

เมื่อได้ดื่มยาและของบำรุงจากทั้งชินอ๋องและของที่พี่ใหญ่ไปหามาทำให้ผมอาการดีขึ้นถึงแม้อาการป่วยครั้งนี้จะทำให้การเดินทางล่าช้าไปแต่เมื่อย่างเข้าค่ำวันที่สามเราก็เดินทางมาถึงเมืองต้าซวง เมื่อถึงประตูเมืองเจ้าเมืองก็มาต้อนรับเหมือนเว่ย ผมแอบลอดมองผ้าม่านโดยที่ปล่อยให้ท่านอ๋อง บิดาและพี่ใหญ่เป็นผู้คุยกับเจ้าเมือง พวกเราเข้าพักยังจวนเจ้าเมืองเพียงคืนเดียว พรุ่งนี้เช้าตอนสายเราก็จะออกเดินทาง

หลังจากที่แยกย้ายทำธุระส่วนตัวแล้วไปรวมตัวทานมื้อเย็นที่ห้องโถงที่ท่านเจ้าเมืองเลี้ยงต้อนรับ ผมนั่งลงข้างพี่ใหญ่ตามลำดับ ท่านพ่อแนะนำผมกับท่านเจ้าเมือง

“นี่บุตรชายคนเล็กของข้า”

“โตขนาดนี้แล้วรึ ข้ายังจำครั้งแรกที่ได้เจออยู่เลยตัวเล็กเท่านี้เอง” ท่านเจ้าเมืองยกมือขึ้นกะว่าตัวผมขนาดเท่าไหน พี่ใหญ่กระซิบเล่าให้ฟังว่าท่านเจ้าเมืองเป็นสหายกับท่านพ่อ ผมเลยยกยิ้มกว้างให้ท่านลุงที่เล่าเรื่องราวสมัยวัยรุ่นของท่านพ่อให้ฟัง

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อ”

“เซียวจิงมาแล้วหรือ ท่านอ๋องนี่เซียวจิงบุตรชายของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” ผมหันไปมองเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาร่างกายสูงโปร่งท่วงท่าน่ามอง รวมทั้งรอยยิ้มที่มอบให้กับท่านอ๋อง แล้วทรุดนั่งลงข้างท่านเจ้าเมือง

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องโบกมือให้ลุกขึ้นก่อนที่ท่านเจ้าเมืองจะบอกให้ตั้งโต๊ะ

“เชิญท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทุกจานเป็นฝีมือของบุตรชายกระหม่อมที่ลงทำครัวเพื่อต้อนรับทุกท่าน” เมื่อท่านเจ้าเมืองเอ่อ เซียวจิงก็ยกยิ้มบางมอบให้ท่านอ๋องไม่กล่าวอะไรเพียงคีบอาหารเข้าปาก

“รสชาติดี” เท่านั้นใบหน้าหวานของเซียวจิงก็ขึ้นสีทั้งยังส่งยิ้มเอียงอายให้ท่านอ๋อง แหม ช่างเสน่ห์แรงจริงๆ ผมเลิกที่จะสนใจแล้วคีบอาหารให้กับพี่ใหญ่เป็น

“พี่คิดถึงอาหารที่เจ้าทำ” พี่ใหญ่แอบกระซิบ

“ไว้น้องจะทำให้ขอรับ” เท่านั้นที่ใหญ่ก็เป็นฝ่ายคีบอาหารให้ผมแทน

“จานนี้เป็นอาหารที่กระหม่อมคิดเอง ขอท่านอ๋องชี้แนะด้วยพ่ะย่ะค่ะ” มือเรียวคีบเนื้อในจานใส่ชามให้ท่านอ๋อง ซึ่งทำให้ผมแปลกใจเพราะตามธรรมเนียมแล้วคงไม่มีผู้ใดกล้าทำเพราะตามลำดับขั้นแล้วนั้นเซียวจิงไม่ควรกระทำ นัยน์ตาอำพันนั้นดูเยือกเย็นกว่าที่เป็น จ้อมมองเนื้อในชามนิ่งก่อนที่จะวางชามลง

“เปิ่นหวางมีธุระต้องทำต่อ เสียมารยาทแล้ว” พูดจบท่านอ๋องก็วางตะเกียบลุกออกจากโต๊ะอาหารทันที นี่คงเป็นการให้เกียรติ์ฉบับท่านอ๋องแล้ว ทั้งโต๊ะเงียบ ใบหน้างามของเซียวจิงซีดเผือก ท่านพ่อเมื่เห็นว่าบรรยากาศคงไม่ดีแล้วก็ขอตัวทำให้ผมรีบลุกขึ้นตาม

“ซื่อจูเจ้าไปพักเถอะ” ซื่อจูที่กำลังจะเข้ามาช่วยผมเปลี่ยนชุดก็โค้งให้แล้วถอยออกจากห้องไป ปลดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อตัวในและกางเกงตัวใน เดินไปที่โต๊ะสูงที่ซื่อจูนำอ่างน้ำอุ่นมาวางไว้ ล้างหน้าล้างตาและเช็ดเนื้อตัวเสร็จผมก็กระโดดขึ้นเตียง อากาศยามค่ำตอนนี้ใกล้เข้าอากาศหนาวไปทุกที เมื่อถึงเมืองหยางคงจะหนาวยิ่งกว่านี้ ไม่นานผมก็หลับไป

สายลมหนาวเริ่มพัดโชยหากแต่คงไม่เหน็บหนาวเท่ากับภายในห้องพักของผู้สูงศักดิ์ ไป๋อวี้จิ้งรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกเมื่อสหายปล่อยปราณเย็น

“เจ้าช่วยลดปราณเย็นลงเสียเถอะ” แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นเดียวกันหากแต่ระดับปราณนั้นเขายังห่างชั้นจากสหายผู้นี้ยิ่ง ปราณน้ำเข็งสูงถึงระดับ 7 ยังมิรวมวิชายุทธ์ที่ฝึกปรีอกับปรมจารย์อีก

“หากจือเซียวไม่เป็นสหายกับบิดาเจ้า ข้าจะไม่หน้าเขาอย่างนี้” เหตุใดจะเดาไม่ออกว่าจือเซียวต้องการสิ่งใด ต่อให้เขาไม่พึงใจกระต่ายน้อย ก็ไม่มีทางที่จะชอบพอใคร

“น่าๆ เจ้าใจเย็นลงเสียเถิด พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางแล้วเจ้าจะอารมณ์เสียไปใย”

“หึ ข้าเพียงแค่หงุดหงิดเท่านั้น”

“ข้าว่าคงไม่เพียงแค่หงุดหงิดเสียล่ะ มีปัญหาอันใด” นัยน์ตาคมเพียงปลายมองสหาย จะให้บอกได้เยี่ยงไรว่าหงุดหงิดที่น้องชายของเจ้านั้นเมินเขาตั้งแต่หายป่วย หลิงเอ๋อร์ก็หลบหน้า ไม่ยอมพูดคุยด้วยแถมยังทำตัวติดกับสหายตลอดเวลา

“อีกสี่วันก็เดินทางถึงหยางแล้วเจ้าจะทำเยี่ยงไรต่อ” คำถามที่มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ อวี้จิ้งมองแผ่นหลังของสหายแล้วถอดถอนหายใจก่อนที่จะกลับไปยังเรือนพัก

.

ย่ำรุ่ง ขบวนเดินทางก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางชินอ๋องขึ้นหลังม้าที่ควบม้าเคียงข้างนั้นรองแม่ทัพอวี้จิ้ง ตามด้วยรถม้าสองคันและขบวนทัพม้า ท่านเจ้าเมืองมาส่งพร้อมกับบุตรชายหากแต่สายตาของชินอ๋องก็มองเพียงรถม้าคันที่สองเมื่อล่ำลาเสร็จทัพก็ออกเดินทางไม่แม้ที่จะหันหลังกลับ เดินทางจนถึงยามเที่ยงก็ตั้งค่ายพัก ฝ่ายชินอ๋องและอวี้จิ้งต่างนั่งพูดคุยด้วยความเคร่งเรียด ส่วนไป๋อิงหลานเพียงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ร่างโปร่งก้าวลงจากรถม้า เดินไปหยิบของแห้งมาเพราะเร่งเดินทางเลยไม่อยากเสียเวลาไปกับการหาอาหารสด

“ซื่อจูเจ้าพาทุกคนไปหาผักที่พอหาได้เถอะ ข้าจะทำข้าวไว้รอ” ซื่อจูรับคำแล้วรีบนำพวกไปอีกสามสี่คนเดินหายเข้าป่า ส่วนผมก็นำข้าวและกุนเชียงมาเตรียมไว้ ซาวข้าวจนได้ที่แล้วหั่นกุนเชียงใส่ลงไป ปิดฝารอข้าวสุกไม่นานซื่อจูกับพวกก็เก็บผักกลับมา

“ซื่อจูเจ้าเด็ดผักพวกนี้นะ ส่วนหน่อไม้ เจ้าช่วยหั่นให้ข้าด้วย” รีบสั่งงาน ผักที่ได้มาผมลวกแล้วคลุกกับน้ำมันงาปรุงรสเล็กน้อยเพื่อทานตัดเลี่ยนส่วนหน่อไม้ที่ได้ผมนำมาต้มลดความขมก่อนที่จะต้มใส่กับเนื้อหมูรมควันเป็นซุปเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อกับข้าวเสร็จก็พอดีกับข้าวที่ได้สุกได้ที่ ผมให้ซื่อจูไปเรียนเชิญทุกคนมาทานข้าว

อยากจะเปลี่ยนที่นั่งจังเลยเว้ยยยย

โดยปกติท่านพ่อจะนั่งอีกด้านของผมแต่วันนี้กลับไปนั่งข้างพี่ใหญ่ทำให้ผู้ที่ผมคอยหลบหน้านั้นนั่งอยู่ข้างๆ เมื่อแจกจ่ายข้าวหูงกุนเชียงให้ทุกคนทานคู่กับผัดผักและแกงจืดหน่อไม้

“เราคงต้องเร่งเดินทางเพราะหากเข้าฤดูหนาวจะเดินทางลำบาก” พี่ใหญ่พูดขึ้นผมและท่านพ่อพยักหน้ารับ ร่างกายผมก็เริ่มคุ้นชินกับการเดินทางแล้ว

“พ่อไม่มีปัญหาอันใด”

“น้องจะรับผิดชอบเรื่องอาหารเอง” พี่ใหญ่ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ส่วนผู้ที่นั่งข้างๆ นั้นผมได้เพียงชำเลืองมอง อ่า ทำไมถึงได้ทำหน้าบึ้งตีงอย่างนั้นเล่า อ่า หรือว่าจะโมโหที่ผมหลบหน้ากัน ทานข้าวด้วยความรู้สึกกังวล เมื่อทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายเตรียมตัวเดินทางต่อ

“ซื่อจูเจ้าเก็บของให้ข้าที” ว่าจบผมก็รีบกระโจนตามร่างสูงที่เดินไปยังม้าสีดำตัวใหญ่น่ากลัว ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับดึงชายแขนเสื้อไว้

“แฮ่กพี่เว่ย”

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าหายใจเข้าลึกๆ” ผมที่วิ่งมาเต็มแรงเพราะร่างกายนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเพียงแค่วิ่งนิดเดียวก็หอบเสียแล้ว ผมเกาะท่อนแขนแกร่งไว้พยุงตัวจวบจนหายใจเป็นปกติถึงได้เงยหน้ามองผู้เป็นหลักยึด

“พี่เว่ยท่านโกรธอะไรข้ารึ”

“ข้าเปล่าเจ้ารีบกลับไปเถอะ”

“ท่านโกรธ ท่านโกรธข้า” ผมพูดเสียงเบา โกรธแล้วทำไมไม่ยอมรับเล่า ถ้ายังดื้อผมจะไม่ง้อแล้วจริงๆ นะ เอ๊ะแล้วทำไมผมต้องง้อด้วย

“เจ้าเมินข้า”

“ข้าเปล่านะ ข้าแค่.....” พอพูดไม่ออกผมก็วาดมือไปมา เพียงแค่สบกับนัยน์ตาคมคู่นั้นก็ทำให้ผมร้อนผ่าวไปทั้งตัว ก็เพราะสายตาที่มองมานั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ทั้งยังรอยยิ้มที่สะกดให้ละสายตาไม่ได้นั่นอีก

แปะ

“สีหน้าเจ้ายามนี้..ช่างน่ารักยิ่ง”

บึ้ม

ตอนนี้ไม่เพียงแค่ตัวร้อนแล้ว ผมระเบิดตัวเองไปเรียบร้อย เพียงแค่ฝ่ามือที่แนบแก้มแล้วคำพูดคำจานั่นอีก ผมได้สติแตกไปแล้ว

“แก้มเจ้าช่างนุ่มนัก ยิ่งแต้มสีชาดยิ่งชวนให้...”

“ข้าไม่อยู่แล้ว” จะชวนให้อะไรผมก็ไม่อยู่ฟังแล้ว เพราะถ้าขืนฟังยิ่งกว่านี้ผมได้ระเบิดตัวเองตายแน่ๆ

ทำไมดาเมจเยอะแบบนี้นะ
****************************

ลงก่อน 40 เปอร์นะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2019 18:30:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 08-07-2019 20:11:52
โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2019 23:00:55
“ข้าเปล่านะ ข้าแค่.....”
จงเติมคำในช่องว่าาาาาาาาาง

เขิลลลลล ใช่ไหมเจ้าบอกเรามา :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-07-2019 02:34:36
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-07-2019 06:03:21
โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:

ช่ายยยย............ ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-07-2019 08:45:54
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 40 เปอร์8/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-07-2019 10:18:10
ถ้าจะขนาดนี้ ก็แต่งกันเถอะค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-07-2019 13:05:48
ต่อค่ะ

ผมหนีกลับมาขึ้นรถม้ายกมือขึ้นจับหน้าอกรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นรัวเสียจนน่ากลัว เป็นหนึ่งแกเป็นผู้ชายแท้ๆ นะเว้ย แกจะมาเขินมาใจเต้นแรงแบบนี้ไม่ได้ สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง และใคร่ครวญถึงอาการแปลกๆ ของตัวเอง

“หึย เป็นเพราะท่านคนเดียวเลย” ต้นเหตุของอาการของเขา

.

คล้อยหลังกระต่ายตัวขาวที่กระโดดหนีไป ชินอ๋องยกยิ้มกว้างอย่างที่มิมีผู้ใดเคยเห็น ช่างเป็นกระต่ายน้อยที่น่าเอ็นดูยิ่ง ผิวแก้มนิ่มนั้นยังคงติดอยู่ในสัมผัส แววตากลมที่สบตาเขาอย่างไม่หวาดกลัวและซื่อตรงนั่นยิ่งตรงใจเขา กล่าวคือไม่มีทั้งบุรุษและสตรีกล้าสบตาเขาอย่างไม่หวั่นกลัว เจ้าตัวน้อยถึงขั้นมางอนง้อในใจยิ่งเกิดความรู้สึกเอ็นดู อารมณ์หงุดหงิดนั้นจางหายในพริบตา กระโดดขึ้นหลังม้าควบเยาะๆ ไปยังหัวขบวน

“เจ้าดูอารมณ์ดี”

“แล้วไม่ดีรึ” ผินหน้าไปมองสหายที่ควบม้ามาข้างๆ

“คงเป็นเพราะน้องข้าสินะ” เมื่อสหายพูดถึงกระต่าย มุมปากก็ยกยิ้มแต่มิไม่พูดตอบออกไปหากแต่เร่งควบม้านำเพื่อเป็นการตัดบท เมื่อเดินทางจนพลบค่ำก็ตั้งค่าย

“สลับเวรยามอย่าให้ขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อกำชับทหารเสร็จก็ทรงเดินไปยังกองไฟที่ตระกูลไป๋นั่งอยู่ก่อนแล้ว ก้าวไปนั่งข้างๆ กระต่ายที่สะดุ้งพร้อมกับก้มหน้าลบสายตาเขา

“มื้อนี้เจ้าทำอะไรรึ” เพียงแค่เอ่ยถามเจ้ากระต่ายก็สะดุ้งแล้วเอ่ยออกมาเสียงสั่นเบา

“อ่า ข้าทำข้าวต้มขอรับพี่เว่ย” อย่างน้อยหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ทั้งยังคีบอาหารเผือแผ่มายังเขา เมื่อกินมื้อเย็นเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปพักผ่อน อวี้จิ้งจะเป็นผู้เฝ้ายามวันนี้ ส่วนตัวเขานั้นเมื่อไม่มีผู้ขัดขวางแล้วก็ก้าวไปยังรถม้าที่อยู่ไม่ไกลกัน

ก๊อกๆ

“ใครนะ”

“ข้าเองหลิงเอ๋อร์”

“อ่าพี่เว่ยท่านมีอะไรหรือขอรับ” เสียงกุกกักข้างในพอให้รู้ว่าคนข้างในนั้นขยับตัว

“พรุ่งนี้เจ้าอยากจะขี่ม้าหรือไม่”

“อ๊ะ ได้หรือขอรับ” น้ำเสียงดีใจนั้นทำให้เขาคิดไม่ผิดที่เดินมาเอ่ยชวน หากเจ้าสหายยังอยู่คงไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาใกล้รถม้าเป็นแน่

“ได้สิ ข้าจะสอนเจ้าเอง”

“ขอบคุณนะขอรับ” และต่างฝ่ายต่างเงียบงันจนกระทั่งเสียงหวานลอดจากรถม้า “ฝันดีนะขอรับพี่เว่ย” แล้วทุกอย่างในรถม้าก็เงียบลงปล่อยให้เขาผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกเป็นฝ่ายนิ่งงันแทน อ่า ข้าอยากจับกระต่ายไปนอนกอดยามนอนเสียจริง

.

.

รุ่งเช้าร่างบางรีบตื่นนอนลุกไปทำธุระส่วนตัวแล้วค้นหาชุดที่ดูทะมัดทะแมงที่สุดในหีบโชคดีที่ยังมีชุดสีดำเมื่อแต่งตัวเสร็จผมก็ให้ซื่อจูช่วยรวบผมให้

“เหตุใดเจ้าแต่งตัวเยี่ยงนั้นเล่าน้องพี่”

“เอ่อ..คือว่าพี่เว่ยจะสอนข้าขี่ม้าขอรับ” มือเรียวกำแขนเสื้อแน่นเมื่อลงจากรถม้าก็เห็นพี่ใหญ่มายืนรออยู่แล้ว และเมื่อรู้ว่าน้องชายจะไปฝึกขี่ม้ากับผู้ใดคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปมแน่น เจ้าสหายน่าตายของเขาไปนัดแนะกับน้องรักเขาตั้งแต่เมื่อใด

“เอาเถอะ หากเจ้านัดกันแล้วพี่ก็คงห้ามไม่ได้”

“ขอบคุณพี่ใหญ่มากขอรับ ไว้ข้าจะทำของหวานอร่อยๆ ให้ทานนะครับ” เพียงได้ยินว่าน้องรักจะทำขนมอาการหวงก็ดูจะลดลงระดับหนึ่ง

“ข้ารักพี่ใหญ่ที่สุดเลย” กระโดดเข้าไปกอดแขนถูไถใบหน้ากับต้นแขนใหญ่อย่างออดอ้อนแล้วค่อยพากันไปร่วมวงทานข้าวเช้าผมให้ซื่อจูขึ้นไปนั่งรถม้าส่วนผมก็ยืนอยู่ข้างชินอ๋อง โดยไม่ไกลนั้นม้าสีดำตัวใหญ่ถูกผูกอยู่

“นี่คือเฮ่ย (สีดำ) ของข้า”

“มันตัวใหญ่จัง” ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งดูสูงใหญ่ ผมเปลี่ยนความคิดได้ไหมกลับไปนั่งรถม้าเหมือนเดิมได้รึเปล่า พอเข้าไปใกล้เจ้าเฮ่ยก็พ่นลมหายใจเสียงดังท่าทางฮึดฮัดเล่นเอาผมกระโดดหลบหลังกว้าง

“ไม่เป็นไร เจ้าเฮ่ยเพียงแค่ทักทายเจ้า” ทักทายได้น่ากลัวมากเลยขอบอก

“มันจะไม่กัดหัวข้านะขอรับ” เสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้เป็นกำบังนั้นทำให้แก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองนั้นพูดอะไรออกไป

“มาเถอะเจ้าไปทำความรู้จักกับมันกัน” มือใหญ่เลื่อนมากุมมือเล็กอย่างแผ่วเบาหากแต่หนักแน่นในความรู้สึกว่า หากมีมือคู่นี้คอยกอบกุมอันตรายใดๆ ก็ไม่สามารถแผ่วพานเขาได้

“ค่อยๆ สัมผัสมัน” ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แล้วชูมือให้เฮ่ยดมแม้แรกจะพ่นลมหายใจใส่ผมก็ตามไม่นานก็ดูมีท่าทีอ่อนลง ผมลูบด้านหน้ามันด้วยความตื่นเต้น

.

.

ท่าทางดีอกดีใจเมื่อม้าของเขายอมให้กระต่ายน้อยสัมผัส รอยยิ้มกว้างถูกมอบให้เขาเพียงผู้เดียวช่างเป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง

“มาเถอะพี่จะพาขึ้นม้า” ก่อนที่กระต่ายน้อยจะรู้ตัวมือใหญ่ก็จับเข้าที่เอวบางแล้วยกขึ้นทันที

“เหวออ”

พรึบ ร่างสูงเหยียบโกลนก่อนที่จะตวัดตัวขึ้นหลังม้าซ้อนหลังกระต่ายน้อยที่นั่งเกร็งตัวแข็งทื่อ

“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว”

“ท่านทำบ้าอะไรพี่เว่ย ข้าตกใจแทบแย่”

“พี่ขอโทษเจ้า จับดีๆ” แม้จะโดนบ่นหากแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มบาง กระต่ายน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ใกล้ชิดกันเพียงไหน กลิ่นหอมจางจากกลุ่มผมนิ่มนั้นชวนให้สูดดมมิรู้เบื่อ เอวบางคอดที่เพียงแขนข้างเดียวก็โอบรอบ ยิ่งถูกกักในอ้อมแขนยิ่งทำให้กระต่ายน้อยดูตัวเล็ก แต่ก็เพราะยังเด็กอยู่

“นี่เรียกว่าบังเหียนไว้คอยบังคับม้า ส่วนที่พี่เหยียบอยู่นั้นคือโกลน หากเจ้าจะให้ม้าเดินเพียงกระทุ้งเบาๆ” เขาว่าพร้อมกับแสดงให้ดู เฮ่ยค่อยเดินออกไป เขาบังคับม้าคู่ใจให้เดินเข้าร่วมขบวน ท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของเหล่าทหารหากแต่ไม่กล้ามองตรงๆ

“น้องข้าบอกว่าเจ้าจะสอนขี่ม้า นี่รึการขี่ม้าที่เจ้าสอน” บรรยากาศดีๆ นั้นถูตีกระเจิงเมื่อสหายเขาควบม้ามาใกล้

“ออกเดินทางได้” เลิกที่จะเมินเฉยต่อคำถามของสหายแต่สั่งการณ์ให้เคลื่อนพลทันที

“สูงจังเลยขอรับ”

“เดี๋ยวเจ้าก็ชิน อย่าเกร็งเยี่ยงนั้นมิเช่นนั้นเจ้าจะปวดเอวได้”

“ขอรับ”

ตุบ

แผ่นหลังเล็กเอนซบเขาทันที

“ดียิ่งขอรับ ข้าไม่ปวดหลังเลยขอรับ”

ไม่รู้ว่าการสอนขี่ม้าจะเป็นประโยชน์หรือการลงโทษตัวเองกันแน่

********************************************************

อยากจิแหมมมมยาวค่ะ คนเราก็หาเรื่องกินเต้าหู้กระต่ายไปเรื่อย

ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ ช่วงนี้เราวุ่นวายทั้งงานราชงานหลวงก็จะมาช้าหน่อย

แต่จะพยายามมาทุกอาทิตย์นะคะ

อ่านแล้วเป็นไงอย่าลืมบอกเรานะ กดถูกใจ คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

โอย……ย
…ข้าไม่อยากแต่ง…
…แต่ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
 :mew1: :pig4:

ช่ายยยย............ ข้า อยากให้เจ้าแต่ง~ต่อเยอะๆ อ่ะ~ แค่นี้ไม่จุใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เค้าก็อยากแต่งยาวๆแต่เวลาไม่เป็นใจเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-07-2019 16:03:38
หวานกันวันละนิด จิตแจ่มใส

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-07-2019 17:26:17
จ้า หลอกกินเต้าหู้ไปเรื่อยเนอะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2019 19:40:21
ถ้า หลิงเอ๋อร์ เป็น กระต่ายน้อย ตาแป๋ว หนึ่งตัว ....... :o8:
แล้วพี่เว่ย เป็นอะไร เลือ ..... หรือหมาป่า ล่ะ  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-07-2019 20:40:08
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-07-2019 21:23:50
เจ้าเล่ห์จริ๊งงงงงง ท่านอ๋องงงง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-07-2019 09:08:10
พี่เว่ยเจ้าเล่ห์นะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: villevia ที่ 11-07-2019 11:59:44
พึ่งตามอ่านค่า สนุกก ตอนแรกนึกว่าเฉียงอ๋องจะเป็นพระเอกซะแล้ว ดีที่เป็นชินอ๋อง55555
ตอนแรกๆแอบมีคำผิดเยอะอยู่นะคะ(เช่นคำว่า ตระก้า ค้องเป็น ตะกร้า ค่ะ) แล้วก็เหมือนจะมีคำตกหล่นทำให้งงๆเล็กน้อย แต่ตอนหลังๆไม่ค่อยมีแล้วค่ะ อ่านได้ลื่นไหลดี
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 9 100 เปอร์ 10/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 12-07-2019 09:35:28
พึ่งตามอ่านค่า สนุกก ตอนแรกนึกว่าเฉียงอ๋องจะเป็นพระเอกซะแล้ว ดีที่เป็นชินอ๋อง55555
ตอนแรกๆแอบมีคำผิดเยอะอยู่นะคะ(เช่นคำว่า ตระก้า ค้องเป็น ตะกร้า ค่ะ) แล้วก็เหมือนจะมีคำตกหล่นทำให้งงๆเล็กน้อย แต่ตอนหลังๆไม่ค่อยมีแล้วค่ะ อ่านได้ลื่นไหลดี
ขอบคุณนะคะ สำหรับคำผิดจะแก้ไขให้ดีขึ้น ตอนแรกๆพิมพ์เสร็จก็ลงเลยไม่ได้ตรวจ จะปรับปรุงให้อ่านได้ลื่นไหลนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 16-07-2019 12:28:09
10

“อ่า...ดีมากซื่อจู ขยับขึ้นมาอีกนิด”

“ตรงนี้หรือขอรับ”

“ใช่แล้ว อืม...”

หลังจากที่ไปฝึกขี่ม้าหรือไปให้ชินอ๋องหลอกกินเต้าหู้ก็ตามเถอะ เอาตรงๆ ใครเขาพากันสอนขี่ม้ากันแบบนั้นเล่าแต่ก็เอาเถอะถือว่าผมให้สิ่งตอบแทนที่ชวนผมออกไปขี่ม้า ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้ผมปวดเอวมากก็เถอะ ถึงได้ให้ซื่อจูมานวดให้หลังจากที่ตั้งค่ายตอนค่ำ

“พอเถอะเจ้าไปพักเถอะ” ผมลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยซื่อจูก็ออกจากรถม้าไป ผมหยิบสมุดบันทึกพร้อมกับดินสอที่ผมบอกให้บ่าวที่จวนไปตัดไม้ไผ่มาเหลาเป็นแท่งเล็กๆ แล้วสอดไส้แท่งถ่านเข้าไปเพราะการเขียนพู่กันนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับผมจริงๆ น่าแปลกที่ความสามารถของร่างกายนี้บางอย่างก็ไม่ได้มอบให้เขา ความทรงจำบางอย่างก็ชวนให้สับสน ความทรงจำที่มักมาในห้วงฝันบางครั้งเหมือนละครฉากหนึ่งแต่ก็ถูกตัดไป ต้องการบอกอะไรข้ารึเปล่านะอวี้หลิง ศีรษะเล็กสะบัดไปมาเสียจนเส้นไหมนั้นพันกันยุ่ง

แต่เอ๊ะ ผมจะคิดมาไปทำไมกันยังไงเสียความทรงจำนั่นก็เป็นของอวี้หลิง มือเล็กจดบันทึกประจำวันด้วยภาษาอีกภพจนเมื่อเสร็จก็ดับตะเกียง ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย รุ่งเช้าผมตื่นสายกว่าปกติเพราะร่างกายประท้วงว่าผมใช้งานหนักเกินไป คอยดูเถอะเมื่อถึงเมืองหยางเมื่อไหร่จะเปิดคอร์สฟิตเนส ฟิตหุ่นไม้เสียบผีนี่มีเนื้อมีหนังกว่านี้ อยากจะบอกว่าตอนแรกที่มาที่นี่ผมตกใจกับร่างของอวี้หลิงมากแต่ก็พอเข้าใจทั้งค่านิยมและร่างกายที่อ่อนแอของอวี้หลิงเลยทำให้ผอมแห้งแรงน้อย

“เจ้าพร้อมหรือไม่” อยากจะบอกว่าไม่พร้อมจะได้ไหมล่ะ

“น้องข้าพร้อมหรือไม่พร้อมก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า” ก่อนที่ผมจะตอบก็มีคนตอบให้เสียก่อน พี่ใหญ่ก็เป็นฝ่ายตอบให้แทนพร้อมกับรั้งให้ผมไปยืนอยู่ด้านหลัง

“หลิงเอ๋อร์จะเรียนขี่ม้ากับข้า”

“ข้าไม่เห็นเจ้าสอน แต่เจ้าหลอกกินเต้าหู้น้องข้า” ผมพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ อย่างเห็นด้วย ใช่หลอกกินเต้าหู้ผมชัด เมื่อเห็นท่าทางเห็นด้วยของผมคิ้วหนาก็ขมวดเป็นโบว์ทันที

“หลิงเอ๋อร์ให้พี่ใหญ่สอนเจ้าดีกว่าหรือไม่”

“อวี้จิ้ง” ผมมองทั้งสองคนสลับไปมา นี่ใช่เรื่องที่ต้องแย่งชิงกันสอนเลยรึ ผมส่ายหัวเบาๆ

“พี่ใหญ่มิใช่ท่านต้องนำทัพล่วงหน้าไปก่อนหรือขอรับ” ผมถามขึ้นเพราะรู้จากชินอ๋องเรื่องที่จะให้พี่ใหญ่นำทัพไปที่เมืองหยางก่อน ส่วนเรื่องธุระนั้นผมไม่สามารถรู้ได้ เอาเถอะก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องรู้อยู่แล้ว

เรียวแขนเล็กถูกดึงรั้งให้ไปยืนข้างชินอ๋อง พี่ใหญ่โวยวายหนักแต่ก็จนใจเมื่อมีนายกองมาเรียก พี่ใหญ่ร่ำราพร้อมกับกำชับหลายสิ่งจนผมเวียนหัวไปหมดแล้ว จนนายกองมาตามรอบที่สองถึงได้ยอมจากไปทิ้งผม

“ข้า..ขอไปหาบิดานะขอรับ” ผมรีบหาทางหนีทีไล่

“หึ เจ้ารู้รึที่พี่ทำ”

“คงไม่รู้หรอกขอรับ ชัดเจนเยี่ยงนั้น”

“เหตุใดถึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ” เพราะต่อให้เป็นชายหากแต่กระต่ายน้อยก็เป็นบุรุษที่ถูกวางให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายของเฉียงอ๋อง เช่นนั้นการเป็นอยู่ก็เฉกเช่นสตรีในห้องหอ นัยน์ตากลมสบตาเขาอย่างซื่อตรงและจริงใจ

“ท่านเป็นสหายกับพี่ชายข้าและข้าก็เป็นบุรุษจะเดือดเนื้อร้อนใจอันใด” ทำไมจะไม่เข้าใจที่ชินอ๋องจะสื่อ ถึงจะเข้าใจแต่ก็ผมก็ยังไม่พร้อมที่เปิดรับใครผมอยากใช้ชีวิตกับการเป็นบุตรชายคนเล็กของบิดา เป็นน้องน้อยของพี่ใหญ่และพี่รอง

“เจ้าไม่เข้าใจพี่จริงรึ”

“ข้ายังเด็กนักอีกอย่าง...ข้ายังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้” ผมตอบไปตามตรง นัยน์ตาดุนั้นเพียงแวบหนึ่งนั้นทอประกายเอ็นดู

“เช่นนั้นรึ” เส้นไหมดำขลับถูกสัมผัสจากมือใหญ่ ถ้อยคำที่เอ่ยอออกมาสื่อถึงความเข้าอกเข้าใจ “ขึ้นม้าเถอะ” เมื่อเห็นชินอ๋องเปลี่ยนเรื่องผมก็ไม่เอ่ยอะไรอีกปล่อยเบลอกับเรื่องที่คุย ท่านอ๋องอุ้มเขาขึ้นม้าหากแต่เป็นการนั่งที่แปลกไปเดี๋ยวนะข้าไม่ใช่สตรีเสียหน่อยถึงได้นั่นแบบนี้ ยังไม่ทันท้วงชินอ๋องควบม้าไปเทียมรถม้าของบิดา

“ท่านลุงไป๋”

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” บิดาเปิดม่านเพื่อสนทนากับท่านอ๋อง

“เปิ่นหวางจะขอพาหลิงเอ๋อร์ล่วงหน้าไปก่อน” ไป๋อิงหลานมองทั้งอดีตลูกศิษย์และบุตรชายตัวน้อย

“ท่านรู้ตัวรึไม่ว่ากระทำอันใดอยู่ “

“เปิ่นหวางรู้”

“ตามใจท่านเถอะ ดูแลหลิงเอ๋อร์ให้ดี”

“เปิ่นหวางรับปาก” ผมได้แต่มองทั้งสองคนพูดคุยกัน ก่อนที่แขนแกร่งรั้งเอวเล็กให้เข้ามาชิด ก่อนที่จะควบม้าทะยานออกไป

“ย่าห์”

ม้าศึกชั้นดีทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงฝุ่นควันไว้ด้านหลัง ยิ่งเจ้าเฮ่ยควบทะยานออกไปผมก็รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวทั้งความเร็วและการกลัวตกแขนเรียวกอดเอวสอบแน่นจนแทบจะผสานร่างซุกซบหน้าลงกับอกกว้างกลิ่นกายหอมเย็นช่วยให้คลายหวาดกลัวลงได้อย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าควบบึ่งมานานเท่าใดเมื่อรับรู้ได้ว่าเจ้าเฮ่ยอยู่นิ่งเขาก็ค่อยๆ ผละออก ดวงดากลมเบิกกว้างเมื่อมองเห็นทิวทัศน์เบื้องหน้า ทุ่งดอกไม้มากมายสีสันสุดลูกหูลูกตา

“ว้าว สวยจัง” ภาพเบื้องหน้าแทบทำให้ผมหยุดลมหายใจ ความอุ่นที่แนบชิดผละออกไปพร้อมกับมือใหญ่ที่อุ้มผมลงจากหลังม้า

“เจ้าชอบหรือไม่”

“ชอบมากขอรับ” ผมเดินไปนั่งท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นยิ่งทำให้ผมชอบกว่าเดิม หนึ่งในความชอบของผมคือดอกไม้แม้จะไม่เข้ากับร่างก่อนของผมก็เถอะ

“พี่ดีใจที่เจ้าชอบ.....และพี่ก็ชอบเจ้า”

ตึกตัก ตึกตัก

ไม่นะ ใจจ๋าอย่าเต้นแรงนักสิ แก้มขาวขึ้นสีแดงก่ำแววตากลมสั่นระริกไหว ความตั้งมั่นที่เอ่ยปากไว้เกิดสั่นคลอน เมื่อสบสายตาคมที่สื่อความรู้สึกอย่างซื่อตรง

“ข้า...ข้ารู้ความรู้สึกของท่านดี หากแต่ข้าก็บอกท่านไปแล้ว” พูดตอบไปพร้อมกับก้มหน้าเก็บดอกไม้แก้ขัดเขิน หากแต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกคนมานั่งลงข้างๆ

.

.

หยางเว่ยชินรู้ดีในเหตุผลของกระต่ายน้อยที่ปฏิเสธหากแต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยกระต่ายตัวนี้ไปได้ เส้นไหมนุ่มในมือถูกยกขึ้นมาจรดจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของดอกโม่ลี่ (มะลิ) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลิ่นกายของร่างเล็กไปเสียแล้ว เพียงแค่ 16หนาวยังดึงดูดสายตาเขาถึงเพียงนี้หากแต่เมื่อครบ18 หนาวแล้วเขาจะตัดใจห่างจากกระต่ายน้อยได้รึ อีกสองปีที่ห่างกันกระต่ายน้อยจะลืมเขาหรือไม่ รึเป็นเพราะความรักครั้งแรกของร่างบางนั้นเจ็บช้ำจนยังไม่เปิดใจให้เขา ไม่เป็นไรเขารอได้

“พี่มีเรื่องจะบอกแก่เจ้า” กระต่ายน้อยยอมที่จะเงยหน้ามามองเขาเพียงครู่ก็หันไปเก็บดอกไม้ต่อ “หากหลิงเอ๋องร์ยังมิเปิดใจให้พี่ ก็ให้เวลาเป็นการพิสูจน์”

“เวลาหรือขอรับ”

“ใช่ สองปี”

“ท่านจะไปที่ใด” เมื่อเขาบอกว่าสองปีกระต่ายน้อยดูเหมือนจะตกใจรีบหันมาถามทันที มุมปากระบายยิ้มบาง เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของร่างเล็ก แท้จริงแล้วการมาเมืองหยางนั้นมิใช่เพียงให้เขามาประจำที่ค่ายพยัคฆ์หากแต่ต้องเป็นตัวแทนเสด็จพี่ไปยังต่างเมืองและก็คงมิใครเหมาะสมเท่ากับเขา

“ต้องทางไปกับชาวโฝหลางจี” ดอกไม้ร่วงหล่นจากมือเล็กเมื่อรับรู้ว่าอีกคนจะต้องเดินทางไปไหน

“เหตุใดต้องไปถึงสองปี”

“นั่นเป็นเพียงกำหนดการณ์หากแต่คงไม่เกินสองปี” คิ้วเรียวขมวดแน่น เมื่อได้ยินว่าอีกคนจะจากไปทำไมถึงได้รู้สึกใจหายแบบนี้นะ “จะถือว่าเป็นการพิสูจน์ทั้งตัวพี่และตัวเจ้า”

*********************************

เอาไปก่อน 50 เปอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50 เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-07-2019 13:31:18
เข้าสุภาษิตที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนซินะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50 เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2019 14:35:12
ฮี่ยยย........ ใยตัวหนังสือช่างมีน้อยจริงๆ  :z3:
ข้าอ่านได้แป๊บเดียวก็หมดซะและ......   o22 :เฮ้อ: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50 เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-07-2019 09:32:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50 เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-07-2019 12:51:20
ตั้ง 2 ปี
ท่านพี่พากระต่ายน้อยไปด้วยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 50 เปอร์ 16/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-07-2019 14:50:15
กระต่ายน้อยใจหายเลยท่านชินอ๋องหายไป 2 ปี  :กอด1: รักน้อง   :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-07-2019 17:39:09
ต่อค่ะ

เพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไรออกไปผมก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตักสองปี ยิ่งห่างใจคนเราจะเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ

“กระต่ายน้อยของข้าเจ้าอย่าได้คิดมาก” เมื่อเห็นกระต่ายน้อยทำหน้าเคร่งเครียดใจเขาก็รู้สึกเอ็นดู

“ไม่ใช่กระต่ายเสียหน่อย ท่านจะเดินทางวันไหน” น้ำเสียงเหงาๆ นั่นทำให้เขานั่งลงข้างๆ แล้วล้มตัวนอนลงบนตักกระต่ายที่นุ่มกว่าที่คาดไว้สูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด

“ทะ.ท่านๆ” เหมือนกระต่ายน้อยจะตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว จับมือเล็กที่โบกไปมาไว้แน่นมืออีกข้างล้วงเข้าไปในสาบเสื้อหยิบกำไลหยกปะการังสีแดงออกมาค่อยๆ บรรจงสวมเข้าที่ข้อมือเล็ก ข้อมือขาวถูกตัดด้วยกำไลหยกสีแดง

“เหมาะกับเจ้าอย่างที่พี่คิดไว้” กำไลหยกปะการังสีแดงนั้นเป็นของหายากในราชวงศ์มีเพียงสองวงเท่านั้น เป็นสิ่งที่เสด็จแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะออกท่องเที่ยวกับเสด็จพ่อ วงหนึ่งมอบให้องค์ฮ่องเต้และอีกวงให้กับเขา ไว้เป็นของหมั้นหมายกับคนที่พึงใจ

“พี่เว่ย ข้ารับไว้ไม่ได้มันดูมีราคามาก”

“รับไว้เถิด ถือว่าเป็นของแทนใจพี่” ละสายตาจากข้อมือขาวเงยหน้าสบดวงหน้าแก้มนุ่มนั้นดั่งแต้มชาดแดงระเรื่อ “เจ้ารอพี่ได้หรือไม่”

“สองปี...กาลเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน ข้าไม่รับปากท่านหากเมื่อถึงวันนั้นเราสองยังคงเหมือนเดิมข้าก็จะรอ” ถ้อยคำที่กระต่ายน้อยพูดออกมา ทำให้เขาขบคิดร่างสูงลุกขึ้นจากตักนิ่มสองมือเลื่อนไปกุมมือเล็กทั้งสองข้าง สบตากับกระต่ายน้อยนิ่งก่อนที่จะกระทำการที่ทั้งตัวเขาเองและร่างบางต่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากหยักแนบชิดกับหน้าผากเนียน กดจูบเนินนานเพราะความรู้สึกที่พรั่งพรูภายใน

“พี่ขอมัดจำเจ้าไว้” แม้จะเสียดายผิวเนียนกลิ่นหอมที่ติดปลายจมูกแต่ก็ต้องจำใจผละออกมา ใบหน้าหวานแดงก่ำดวงตากลมเบิกกว้างดูท่าจะสิ้นสติไปเสียแล้ว

.

.

เมื่อกี้นี้

จูบ??

ไม่สิ จุ๊บ

งือผมโดนจุ๊บหน้าผาก ภาพเบื้องหน้ามีเพียงใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มกว้าง จะบอกว่าผมตกใจไหมที่ชินอ๋องออกเดินทาง คงต้องบอกว่าผมใจหายเสียมากกว่าเพราะตั้งแต่มาที่นี่ นอกจากครอบครัวก็มีเพียงชินอ๋องที่สนิทสนมด้วยแถมยังความรู้สึกวูบโหวงในอกนี่อีก

“ข้าอยากกลับไปหาท่านพ่อแล้ว” ผมรีบพูดแก้เก้อพร้อมกับก้มหน้าก้มตาหลบสายตาบุรุษตรงหน้าที่แม้ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกจ้องมองเขาเสียที ในอ้อมแขนนั้นประคองกอดช่อดอกไม้ที่เก็บไว้เอาไว้จะไปทำดอกไม้แห้งอบผ้า

“งั้นขึ้นม้าเถิด” มือใหญ่สอดรัดที่เอวแล้วยกผมขึ้นหลังม้าจนผมชินเสียแล้วกับการที่นั่งบนม้าแล้วมีชินอ๋องอยู่ซ้อนอยู่ด้านหลัง เพราะใกล้พลบค่ำอากาศจึงเย็นขึ้นหากแต่ลมหนาวกลับไม่โดนผิวเขาเลยสักนิดเพราะทันทีเมื่อท่านอ๋องควบม้าผ้าคลุมกันลมก็ถูกห่มเอวถูกรัดให้แนบชิด แม้ข้างนอกจะหนาวแต่ผมกลับถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น แถมยังอบอุ่นเสียงจนเคลิ้มหลับไป

รู้ตัวอีกทีม้าก็มาหยุดที่หน้าประตูจวนใหญ่ ป้ายจวนสลักอักษรไป๋ที่ดูแข็งแกร่งและสง่างาม อ่าคงเป็นจวนตระกูลผมสินะ ตอนนี้คงจะเลยเวลาทานมื้อเย็นเสียแล้ว แม้ท่านอ๋องจะเร่งควบม้าเพียงใดก็ยังมาถึงจวนก็ค่อนคืนแล้ว

“พี่คงส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้”

“ขอบคุณที่ท่านมากที่พาข้าไปยังทุ่งดอกไม้และกำไลล้ำค่านี้อีก”

“แค่เจ้าชอบก็พอแล้ว เจ้าเข้าจวนเถอะ” ผมเดินขึ้นไปยังประตูจวนไม่ต้องรอนานบ่าวก็เปิดประตูจวนให้ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าประตูจวนก็หันกลับไป

“เดินทางกลับดีๆ นะขอรับ” ว่าแล้วผมก็รีบกระโดดเข้าจวน จวนตระกูลไป๋ที่เมืองหยางนั้นขนาดไม่ใหญ่เท่าเมืองหลวงหากแต่ร่มรื่นและดูเรียบง่าย ผมเดินตามบ่าวไปยังห้องโถงกลาง สองมือประคองกอดช่อดอกไม้ในมืออย่างทะนุถนอม

“กลับมาแล้วหรือน้องรัก” ขาเรียวหยุดชะงักรอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มเลือนหายเมื่อเห็นใบหน้าพี่ชาย ด้านหลังคือบิดาที่นั่งจิบชาหากแต่แรงกดดันนี้คืออะไร

“พะ...พี่ใหญ่”

“ใช่ ข้าพี่ใหญ่ของเจ้า”

“พี่ใหญ่ใจเย็นๆ นะขอรับ”

“ข้าไม่ชอบใจที่เจ้าไปด้วยดันเพียงลำพังกับเว่ยชิน” อวี้จิ้งหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อขบวนเดินทางมาถึงจวนหากแต่มิเห็นน้องชายเมื่อสอบถามความกับบิดาก็รู้ว่าน้องรักเขาไปที่ใดกับใครก็รู้สึกโมโหขึ้นทันที

“แต่ท่านพ่อเป็นผู้อนุญาตนะขอรับพี่ใหญ่”

“ท่านพ่อ ข้ารู้นะขอรับ”

“พอเถอะอวี้จิ้ง” เมื่อเห็นว่าบิดาเป็นฝ่ายสนับสนุนผมก็รีบกระโดดไปนั่งข้างๆ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ดุข้า ข้าเก็บดอกไม้มาไว้ทำถุงหอมด้วยนะขอรับ” ส่งช่อดอกไม้ไปให้ซื่อจูที่มารอให้เอาไปเก็บ ระหว่างนั้นไป๋อิงหลานก็สังเกตเห็นที่ข้อมือของบุตรชายคนเล็ก

“หลิงเอ๋อร์เจ้าได้มาจากใคร” แม้จะคาดเดาได้ว่าเป็นของผู้ใดก็ตาม

“เอ่อ..พี่เว่ยเป็นผู้ให้ลูกมาขอรับ”

“งั้นรึ เจ้าต้องเก็บไว้ดีๆ”

“ขอรับ” เพราะน้องชายและบิดาเลือกที่จะพูดคุยโดยการเมินเขาที่ยืนปักหลักอยู่กลางห้องโถงอวี้จิ้งยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นกำไลสีแดงที่ข้อมือน้องชาย

“ช่างเถิดอีกไม่ถึงเดือนเจ้าก็จะไม่ได้เจอสหายน่าตายของพี่ใหญ่แล้ว” เมื่อคิดได้ว่าเว่ยชินจะต้องออกเดินทางรล่องเรือใจของบุรุษชาติพยัคฆ์ก็ดูจะดีขึ้น

“พี่เว่ยบอกน้องแล้ว พี่ใหญ่ท่านเลิกหวงข้าเสียทีเถอะขอรับ”

“พี่ใหญ่เจ้าจะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร เจ้าอายุเพียง 16หนาว ข้าไม่ยอมให้เจ้าออกเรือนหรอกนะ”

“ข้าก็ยังมิคิดจะออกเรือน อยู่ดูแลท่านพ่อและพี่ใหญ่ดีกว่าขอรับ” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนี้ทั้งบิดาและพี่ใหญ่ต่างยกยิ้ม ดีใจกันล่ะสิ ผมมีเวลาตั้งสองปี สองปีที่จะเติบโตและรอคอย สองปีทีจะพิสูจน์ความจริงใจและมั่นคงของบุรุษผู้หนึ่ง

วันแรกที่จวนตระกูลไป๋แห่งเมืองหยาง ผมตื่นขึ้นแต่เช้ามืดซื่อจูเข้ามาปรนนิบัติเรียบร้อยผมก็ให้ซื่อจูนำทางไปยังห้องครัววันนี้เป็นเช้าวันแรกผมอยากทำอาหารให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทาน

“คารวะคุณชายน้อยเจ้าค่ะ”

“ท่านป้า วันนี้ข้าจะลงครัวเองท่านป้ามีปลาหรือไม่” ในครัวเพิ่งจะก่อเตาอยากทำเข้าต้มปลากับเครื่องเคียงอีกสี่ห้าอย่าง

“มีเจ้าค่ะ” ท่านป้านำทางผมไปดูปลาที่อยู่ในอ่าง อืมปลาเป็นปลาเนื้ออ่อนพอดีเลยแต่ต้องทำให้ดีไม่เช่นนั้นจะมีกลิ่นคาว

“ท่านป้าท่านหั่นผักดองให้ข้าด้วยนะ ส่วนท่านลุงช่วยฆ่าปลาให้ข้า ส่วนเจ้าช่วยหุงข้าวให้ข้าที” เมื่อเสร็จสิ้นคำสั่งผมทุกคนก็แยกย้ายไปทำงานส่วนของตนทันที

“คุณชายขอรับปลาเสร็จแล้วขอรับ”

“ยกมานี่เลย” เมื่อได้ปลามาผมก็เอาไปถูด้วยเกลือล้างเลือดออกให้หมดเพื่อที่จะได้ไม่มีกลิ่นคาว ใช้มีดค่อยๆ แล่ให้เป็นชิ้นพอดีไม่หนาไม่บางจนเกินไปแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไว้ทำข้าวต้มปลาอีกส่วนจะทำลวกจิ้ม

“ผักกาดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

“มีผักดองอย่างอื่นหรือไม่หากมีช่วยเอามาหั่นใส่ชามไว้ด้วยนะ” และผมก็หันมาต้มน้ำซุบจากซี่โครงได้ใส่หัวไชเท้า และปรุงรสก่อนที่จะตั้งหม้อกรองน้ำซุปต้มเดือดชิมรสชาติแล้วก็หันมาลวกเนื้อปลา พักใส่ถ้วยไว้ และหันมาทำน้ำจิ้มสำหรับปลาผมสับพริกใส่ซอสถั่วเหลือง ส้มจี๊ดที่แอบไปเด็ดมาบีบใส่นิดหน่อย ตักข้าวใส่ในหม้อน้ำซุปใส่เนื้อปลาและผักที่หั่นไว้ แล้วสั่งให้คนตั้งโต๊ะเมื่อได้เวลา ผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สงสัยจะได้เย็บผ้ากันเปื้อนเสียหน่อย

“เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเลยหลิงเอ๋อร์”

“ข้าอยากทำให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทานขอรับไม่ลำบากเลย” เมื่อเห็นอาหารตั้งโต๊ะทั้งบิดาและพี่ใหญ่ต่างพากันชอบใจที่ได้ทานของอร่อยๆ ผมยิ้มดีใจที่มีคนชอบอาหารที่ตัวเองทำ หลังจากจบมื้อเช้าที่....ข้าวต้มหมดหม้อ หากพี่ใหญ่ยังทานมื้อล่ะสี่ชามแบบนี้ซิกแพ็คพี่ใหญ่ต้องหายไปแน่ๆ

“พี่ต้องไปรายงานตัวที่ค่าย คงกลับมาเย็น”

“น้องจะทำของอร่อยไว้คอยนะขอรับ”

“ดียิ่ง” พี่ใหญ่เดินออกจากจวนด้วยความเบิกบานไม่รู้ว่าจะไปขิงข่าตะไคร้ใส่พี่เว่ยขนาดไหนกันแค่ผมทำมื้อเช้าให้ทานพี่ใหญ่ก็สามารถไปอวดพี่เว่ยได้ทั้งวัน ช่างเป็นสหายที่รักกันเสียจริง
****************************************

พี่ใหญ่เรากีดี๊ด้าหน่อยๆ

สองปีเสี่ยวหลิงจะโตขึ้นมางามขนาดไหนหนอ

เจอกันพี่เว่ยเราจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

พี่ใหญ่จะมีคู่รึไม่

โปรดติดตาม

อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นต์ด้วยนะคะว่าชอบหรือไม่ชอบ อ่านแล้วเป็นยังไง

ขอบคุณที่ติดตาม 

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 19-07-2019 19:18:38
ข้าไม่อยากแต่ง…แต่…ข้าหมั้นไว้ก่อนก็ได้~
…หลิงเอ่อร์ให้ใจท่านอ๋องไปแล้ว รู้ตัวไหม…
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-07-2019 22:42:57
หลิงเอ๋อร์ก็หวั่นไหวนิด ๆ ใช่ไหม อีก 2 ปีเจอกันท่านอ๋องคงได้หลงมากกว่านี้แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-07-2019 23:46:52
หวงน้องหรือหวงอาหารน้อง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2019 17:02:34
เอิ่มมม..........หมั้นกันแล้ว   :impress2:

ไม่ใช่แค่ท่านพ่อ กับพี่ใหญ่ ได้พุงออก.......
พวกข้ารับใช้ก็.....พุงหลามตามๆกัน เพราะฝีมือของหลิงเอ๋อร์แท้ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-07-2019 17:39:26
พี่เว่ยคงอยากให้2 ปีผ่านไปเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 10 100 เปอร์ 19/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-07-2019 21:11:32
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 24-07-2019 11:50:48
11

มาอยู่ที่เมืองหยางได้หนึ่งสัปดาห์กว่าจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ก้าวขาออกจากจวนเลยแม้แต่ครึ่งก้าว เหตุเพราะพี่ใหญ่บอกว่าจะเป็นผู้พาไปแล้วดูสิ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แม้จะปลายเส้นผมยังไม่เห็นพี่ใหญ่ที่จวนเลยสักนิด ส่วนบุรุษอีกผู้หนึ่งนั้นก็หายเงียบไม่ได้ข่าวคราวเช่นเดียวกัน ส่วนบิดานั้นออกไปสอนหนังสือที่สำนักศึกษาของเมือง เหลือเพียงผมที่อยู่ว่างๆ นั่งถอนหายใจทิ้ง แม้จะบอกว่าทุกคนวุ่นวายแต่ทำไมถึงมีเวลามากินกับข้าวที่ผมทำเล่า

เบื่อ

เบื่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“ข้าทนไม่ไหวแล้วซื่อจู” ผมผุดลุกนั่งพร้อมกับร้องบอกคนสนิท

“อะ.อะไรหรือขอรับนายน้อย”

“ข้าเบือ ข้าจะออกไปข้างนอกเจ้าไปกับข้านะ” ผมจะไม่ทนต่อไปอีกแล้ว ซื่อจูทำท่าจะพูดอะไรแต่เมื่อเห็นว่านายน้อยนั้นท่าทางหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนก็เงียบเสียงทั้งยังรีบลุกขึ้นมาช่วยผมผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าห้อยป้ายหยกเรียบร้อยผมก็หยิบถุงเงินใส่ในอกเสื้อ คิดไว้ว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดเผือว่าจะมีอะไรให้ผมทำแก้เบื่อได้และไปตลาดก็ต้องระวังกับการถูกวิ่งราว เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยผมกับซื่อจูก็พากันเดินออกจากจวน ไม่ได้ที่จะขัดคำสั่งหรอกนะ ผมแจ้งให้ท่านบ้านส่งคนไปแจ้งแก่พี่ใหญ่และท่านพ่อไว้แล้วเพราะหากกลับมาไม่เจอผมต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่สิ่งที่ผมลืมคิดไปคือแค่ผมก้าวเท้าออกจากจวนก็เป็นเรื่องใหญ่ของบุรุษทั้งสองแล้ว

แววตากลมฉายแววซุกซนกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น บุรุษร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยอาภรณ์สีฟ้าครามขับผิวขาวให้โดดเด่น ใบหน้างดงามสมวัยนั้นประดับรอยยิ้มที่เรียกสายตาจากทุกผู้

“นั่นคุณชายน้อยจวนไหนกันข้ามิเคยเห็นหน้า”

“ช่างรูปงามนัก”

“จะใช่คุณชายน้อยตระกูลไป๋หรือเปล่า”

“คงจะใช่” แม้จะมีเสียงซุบซิบลอยตามลมมาหากแต่คนที่ตกเป็นเป้าก็ไม่สนใจเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ในมือของซื่อจูตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารจากร้านข้างทาง นี่ยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งข้าวของก็เต็มมือไปหมดแล้ว

“เจ้าไหวรึไม่ซื่อจู”

“บ่าวไหวขอรับหากแต่คุณชายจะซื้ออะไรอีกหรือไม่ขอรับ” ผมหันไปมองสองมือของซื่อจูที่เต็มไปด้วยของกิน ถ้าหากจะซื้ออีกคงจะลำบากซื่อจูเกินไป แต่ก็ช่วยไม่ได้ผมมองไปทางไหนก็มีแต่อาหารและขนมแปลกตาเลยเผลอซื้อมากไปหน่อย กวาดสายตามองรอบๆ เมืองหยางแม้จะยังมิใช่เมืองท่าแต่ในตัวเมืองก็ยังคลาคล่ำไปด้วยร้านค้ามากมาย หากเป็นเมืองท่าที่ห่างไปไม่ไกลนั้นจะคึกครื้นแค่ไหนกัน เมืองหยางและเมืองท่าจะห่างกันราว 10 ลี้ (ราวๆ 5 กิโลเมตร) เพราะองค์ฮ่องเต้ไม่อยากให้ชาวต่างชาติมาวุ่นวายกับเมืองหยางจึงสร้างเมืองท่าเพื่อรับรองไว้ หากจะเข้าเมืองหยางต้องทำเรื่องเข้าเมือง เหมือนด่านต.ม.เลย แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะกันความวุ่นวายเพราะต่างภาษาและวัฒนธรรม ผมเลือกเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุด

“นั่งลงสิซื่อจู”

“ไม่ได้หรอกขอรับ” ซื่อจูยังคงหอบของยืนอยู่ข้างโต๊ะ ผมถอนหายใจก่อนที่จะออกคำสั่งให้ซื่อจูนั่งลงด้วยกัน เมื่อเป็นคำสั่งซื่อจูก็ยอมทำตามโดยดี ข้าวของถูกวางไว้ ผมนั่งอยู่บนชั้นสองของเหลาอาหารโต๊ะหลังฉากกั้นเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว มองบรรยากาศของตลาดด้านล่างด้วยความสุขใจ เมื่อเสี่ยงเอ้อมาผมก็สั่งอาหารขึ้นชื่อมาสามสี่อย่างพร้อมกับน้ำชาหนึ่งกา รอไม่นานนักอาหารก็ถูกยกขึ้นมา

“อ๊ะ รสชาติดียิ่ง”

“แต่บ่าวว่าอาหารของคุณชายก็ไม่เป็นรองนะขอรับ” แหม อยู่เป็นจริงนะซื่อจู ผมไม่ได้ว่าอะไรตอนนี้นั่งอยู่ที่เหลาอาหารอันดับหนึ่งแต่จะมาโอ้อวดว่าตัวเองมีฝีมือยอดเยี่ยมไม่ได้หรอกนะ อาหารดี บรรยากาศดี ทำให้ผมอารมณ์ดี

“เจ้าเอาของไปเก็บที่จวนก่อนดีกว่าซื่อจู ข้าจะรอเจ้าที่นี่” แม้จะลังเลแต่เมื่อเห็นว่าอยู่บนเหลาอาหารทั้งยังเป็นที่ส่วนตัว

“คุณชายรออยู่ที่นี่นะขอรับ” ผมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ซื่อจูรีบหอบของแล้วรีบจากไป ผมก็นั่งจิบน้ำชาทานขนม อ่า ช่างเป็นชีวิดง่ายๆ ที่ผมใฝ่ฝันถึง ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเครียดหัวปั่น

“ถ้าได้หนังสือสักเล่มก็คงดี” พูดพึมพำกับตัวเองสายตากลมยังคงมองเบื้องล่าง

ครืด

“ท่านเป็นใคร” ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับความคิดในหัวต้องหยุดลงเมื่อมีใครก้าวเข้ามาขัดความสุนทรี แววตากลมฉายแววขุ่นเคือง

“ขออภัยคุณชายข้าเพียงแต่อยากทำความรู้จักกับท่านเท่านั้นเอง” บุรุษเบื้องหน้าแม้ปากจะบอกว่าอยากทำความรู้จักหากแต่ทั้งสายตาและการกระทำกลับคุกคามจนน่ารังเกียจ

“ข้าไม่อยากรู้จักกับท่านเชิญท่านออกไปเสีย” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งยื่นประจันหน้ากับผู้บุกรุก แม้จะไม่ได้หล่อเหลาเท่าพี่ใหญ่แต่ก็ดูภูมิฐานจากชุดที่สวมใส่ก็ดูเป็นคุณชาย ผมมองบุรุษตรงหน้าอย่างระแวดระวังเพราะอยู่ลำพัง

“ข้ากั่วหลงเป็นเจ้าของเหลาอาหารแห่งนี้ ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยมีนามว่ากระไร” นี่มีหูไว้ทำไมก็บอกว่าไม่อยากรู้จักยังมาเซ้าซี้หากแต่นี่ก็ถิ่นเขาจะเปรี้ยวมากไม่ได้

“ข้าอวี้หลิง” ผมตอบเสียงเรียบไม่กล่าวถึงแซ่ตัวเอง

“ข้าอยากเชิญคุณชายไป๋ไปร่วมดื่มชาได้รึไม่”

“ข้าไม่สะดวกต้องขออภัยด้วย” ร่างบางก้าวถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาชิด

“เจ้างามยิ่ง หากได้ดื่มชาและเสวนากับท่านคงดียิ่ง” ไอ้.... ทำไมถึงมีผู้ชายขี้ตื้อแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยนะ เพราะท่าทีคุกคามทำให้ผมมองหาทางหนีทีไล่

คุณชายกั่วหลงเป็นที่ล่ำลือทั่วทั้งเมืองหยางหากแต่ไม่ใช่ในเรื่องราวที่ดีนัก ทั้งที่เป็นคุณชายตระกูลวาณิชแต่กับทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญมิทำงานทำการระรานคุณหนูคุณชายที่ต้องตา และมิมีผู้ใดห้ามปรามยิ่งทำให้คุณชายกั่วนั้นลำพองใจด้วยเพราะเป็นหลานชายของเจ้าเมืองที่แม้ทำสิ่งใดผิดเมื่อไปร้องเรียนก็จะถูกไล่ออกมา

“ข้าไม่ไปท่านจงออกไปซะ” สถานการณ์ที่ผมเผชิญตอนนี้ต่อให้หลับตาก็รู้ว่าผมนั้นตกเป็นรองบุรุษเบื้องหน้าก้าวขยับเข้ามาใกล้ผมก็ถอยจนชิดราวระเบียง ถ้าหากเขาอยู่ร่างเดิมไอ้ผู้ชายตรงหน้านี้คงจะไม่คณามือ “เจ้าจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ”

“ข้าเชิญท่านไปดีๆ แล้วนะ” น้ำเสียงข่มขู่พร้อมกับมือที่เอื้อมหมายจะจับข้อมือเล็ก ผมมองซ้ายมองขวาอย่างหาทางออก และทางออกเดียวคือระเบียงอ่า ไม่ดีๆ อาจจะตายได้

พรึบ

“จงไสหัวสุนัขของเจ้าออกไปซะ” ขณะที่ผมกำลังจะหาทางหนีเบื้องหน้าก็ถูกบดบังด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่สองคน มือที่ยืนมาหมายที่จะจับมือถูกหยุด

“พวกเจ้า!!” กั่วหลงตวาดลั่นพลางขยับถอยห่างด้วยความหวาดกลัวเมื่อบุรุษที่มาขวางนั้นต่างสูงใหญ่แล้วกลิ่นอายไม่ธรรมดา

“ไสหัวไป” ว้าวแค่คำพูดก็น่าเกรงขามเพราะรู้ว่าตัวเองนั้นปลอดภัยแล้วผมก็โล่งใจ

“พวกเจ้าไม่รู้รึว่าข้าหลานผู้ใด” ต่อให้ยุคสมัยไหน โลกไหนก็จะมีพวกแบบนี้อยู่บนโลกสินะ

“หากเจ้ายังไม่รู้แล้วพวกข้าจะรู้ได้เยี่ยงไร คุณชายกั่ว”

“เจ้า!!”

ฉึบ

ก่อนที่กั่วหลงจะได้ขยับเข้ามาใกล้กระบี่ในมือของทั้งสองถูกชักออกมาพาดคออย่างรวดเร็ว คุณชายเจ้าสำราญถึงขั้นขาสั่นขยับถอยหลังแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน แหม กากจริง เมื่อคู่กรณีหนีไปก็เหลือผมกับบุรษปริศนาทั้งสองคน

“ขอบพระคุณท่านทั้งสองมากขอรับ”

“คุณชายไป๋อย่าขอรับ พวกข้าทำตามหน้าที่ขอรับ”

“เจ้านายของท่าน..”

“ชินอ๋องขอรับ”

“ถึงเช่นนั้นก็ยังต้องขอบคุณขอรับ” ทั้งสองคนยกมือประสานแล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดไปทันที อ่า พี่เว่ยถึงขั้นให้องครักษ์เงามาคอยดูแลเขาเลยเหรอ ช่างเป็นบุรุษที่ทุ่มเทจริงๆ
****************************

50 เปอร์
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-07-2019 12:00:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-07-2019 12:06:54
 :pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-07-2019 12:17:09
ทั้งห่วง ทั้งหวง เลยสินะท่านอ๋อง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-07-2019 14:03:59
มันก็ต้องมีทิ้งองค์รักษ์ไว้เป็นธรรมดากันหมามันจะมาคาบไปล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-07-2019 14:23:30
ถึงตัวไม่อยู่ แต่ก็ทิ้งองค์รักษ์ไว้ดูแล

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-07-2019 20:11:26
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 50 เปอร์ 24/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2019 21:01:57
อยากอ่านต่ออีกแล้ว คุณชายไป๋  :z3: :ling1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 100 เปอร์ 28/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-07-2019 11:59:16
คล้อยหลังไม่นานจากองครักษ์ ผมที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นมาจิบก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีเงากระโดดเข้ามาทางระเบียง ฮ่วย อะไรกันนักกันหนา แต่เมื่อหันไปก็เจอกับ

พี่เว่ย

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึไม่”

“ข้าไม่เป็นไรขอรับ องครักษ์ของท่านมาช่วยไว้ทันเวลาขอรับ” ผมรินชาใส่ถ้วยพร้อมยื่นให้ชินอ๋องที่จู่ๆ ก็โผล่มา อ่าอยากเรียนวิชาตัวเบาจังคงจะสบายเวลาเดินทางไปไหนมาไหน

“ดีแล้ว เจ้าจะกลับรึยัง”

“พี่เว่ยว่างหรือขอรับ” เมื่อถามถึงว่าว่างหรือไม่ว่าง สีหน้าที่ถูกขนานนามว่าเยือกเย็นกลับเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ดูท่าที่มาคงไม่ใช่เพราะว่างแล้วสิแต่เป็นหนีงานมาสินะ

“พี่เป็นห่วงเจ้า” อ่า พูดคำหวานแบบนี้ก็ได้เหรอ จะเป็นบุรุษที่ครบเครื่องเกินไปแล้วนะ นั่งจิบชาอยู่ไม่นานซื่อจูก็กลับมาพร้อมกับบ่าวติดตามอีกสองคน

“บ่าวขออภัยที่มาช้าขอรับ” ซื่อจูรีบขออภัย ผมโบกมือว่าไม่เป็นไร ซื่อจูขยับไปยืนหลังฉากปล่อยให้ผมและท่านอ๋องอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“เจ้าหนีมาเที่ยวแบบนี้บิดาเจ้าได้โมโหแน่”

“ข้ารู้ดีพี่เว่ยเพียงแต่ข้าเบื่อ” ใบหน้าหวานมุ่ยลงเมื่อพูดถึงการออกมานอกจวนโดยมีเพียงบ่าวติดตาม แถมยังโดนลวนลาม..อ่า น่าจะเรียกว่าลวนลามได้ล่ะนะ

“เจ้าอยากไปที่เมืองท่าหรือไม่” ผมนี่ตาเปล่งประกายทันที ผมรีบพยักหน้ารัวมือวางถ้วยชาลงเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเขย่าเบาๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้ไป ผมอาจจะได้ของเล่นใหม่ๆ มาทำแก้เบื่อหรืออาจจะรังสรรค์เมนูฝรั่งออกมาได้ ไม่อยากจะโม้ว่าผมทำอาหารได้หลายชาตินะครับ

“พาข้าไปนะขอรับ”

“พรุ่งนี้ยามสายพี่จะไปรับเจ้าที่จวน”

“ข้าจะรอขอรับ” ทำไมถึงได้ตามใจผมแบบนี้นะ

เมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงในใจดวงน้อยเริ่มแตกหน่อออกใบ ถูกดูแลรดน้ำพรวนดินด้วยความใจใส่จากผู้หวานเมล็ดนั้นลงไปไม่แปลกที่นับวันต้นกล้าอ่อนต้นนี้เติมโตขึ้นอย่างสวยงามและแข็งแรงเพื่อเติบโตถักทอเส้นใยพันผูกความรู้สึกของทั้งสองคนเพิ่มพูนและหวานล้ำยิ่งขึ้น

เมื่อนัดแนะวันและเวลาแล้วบุรุษผู้งานยุ่งก็สะกิดปลายเท้าออกจากห้องทันที ต่อให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ยังหน้าตื่นตกใจ เมื่อพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวผมก็คิดว่าวันนี้สมควรแก่การกับจวนได้แล้ว

“ซื่อจูเรากลับกันเถอะ” พวกเราก็ยกขบวนกลับจวนแม้ขากลับจะได้ผ้ามาหลายพับก็ตาม เอาไว้ตัดชุดที่ดูคล่องตัวที่จะฝึกวิทยายุทธ์ และเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว เมื่อกลับถึงจวนผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องครัว เพื่อลงมือทำมื้อเย็นเพราะท่านพ่อบ้านแจ้งเมื่อผมเดินกลับเข้าจวนมาว่าทั้งบิดาและพี่ใหญ่นั้นยังไม่กลับมา มื้อเย็นผมทำหมูผัดเปรี้ยวหวาน ปลานึ่งแป๊ะซะ น้ำจิ้มสองแบบพร้อมกับผักสำหรับกินแกล้ม ของหวานเป็นสังขยาฟักทอง

“เจ้ามายุ่งในห้องครัวอีกแล้วหรือ”

“พี่ใหญ่ท่านกลับมาแล้ว” ผมวางตะหลิวในมือวิ่งไปกอดพี่ใหญ่ ที่วันนี้ยอมกลับจวนก่อนยามห้าย (21.00 - 22.59) ซึ่งเป็นเวลาผมนอนแล้ว ยังเด็กอยู่ครับนอนเร็วตื่นไวจะได้โตเร็วๆ

“วันนี้เจ้าไปซนนอกจวนรึ” อ่า ผมถอยหลังก้าวหนึ่งพี่ใหญ่ต้องรู้แล้วว่าวันนี้ผมทำอะไรมาบ้าง ผมเลยขยับเข้าไปกอดแขนแล้วเอนซบต้นแขนแกร่ง

“ข้าไปซื้อของมาทำมื้อเย็นไงขอรับ”

“แล้วต้องไปเจอกับเจ้าสหายน่าตายของพี่ด้วยรึ” น้ำเสียงเข้มขึ้นนิดๆ นั่นทำให้ผมหลุดขำ ในใจรู้สึกพองโตไปด้วยความรู้สึกไม่เคยมีใครหวงเขาแบบนี้มาก่อน

“วันนี้มีของหวานพิเศษให้พี่ใหญ่ด้วยนะขอรับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

“เจ้านี่นะ พี่จะรอที่ห้องโถงเจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะให้บ่าวทำหน้าที่เสียบ้าง” พี่ใหญ่เอ่ยเย้าที่ผมชอบแย่งหน้าที่บ่าวทั้งทำกับข้าวหรือการดูแลตนเองก็มันเคยชินจะให้ทำไงได้

“ข้าฝากพวกเจ้าด้วยนะ”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” บ่าวไพร่ต่างขานรับด้วยความยินดีเพราะคุณชายน้อยของพวกเขานั้นแม้ไม่เพียงที่จะทำอาหารเย็นเพื่อนนายท่านและคุณชายใหญ่แต่หากเผือแผ่ถึงบ่าวไพร่ในบ้าน ทั้งยังร่าเริงน่ารักใจดีกับบ่าวไพร่ไม่ถือตัวเลยด้วยซ้ำจึงเป็นที่รักของบ่าวในจวนทุกผู้

ผมรีบวิ่งกลับเรือนหากบิดามาเห็นคงจะโดนทำโทษตามกฎตระกูลฐานทำตัวไม่เหมาะสมแน่ๆ เมื่อถึงเรือนผมก็ปลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่ห้องโถง ท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างนั่งประจำที่อยู่แล้ว

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ข้าขออภัยที่ช้าขอรับ”

“เจ้านั่งเถอะ”

“นี่เป็นปลาแป๊ะซะขอรับทานกับน้ำจิ้มสองแบบตัวนี้จะรสจัดนะขอรับ” ผมแนะนำวิธีการกิน ซึ่งไม่นานทั้งสองก็ลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย ท่านพ่อดูจะชอบน้ำจิ้มหวานส่วนผมและพี่ใหญ่ชอบน้ำจิ้มรสจัดนี้

“ของหวานมื้อเย็นขอรับ” แม้จะทานมื้อเย็นมาหนักแค่ไหนพี่ใหญ่ก็สามารถทานสังขยาฟักทองได้ถึงสองชิ้นใหญ่ๆ โถ แพ็คของพี่ใหญ่จะหายไปก็เพราะของหวานนี่ล่ะนะ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ คือว่า...” ผมอ้ำอึ้งเมื่อจะพูดถึงนัดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้เพียงแค่ออกไปก็เกิดเรื่องขึ้นเสียแล้ว

“นัดหมายของเจ้ากับชินอ๋องใช่หรือไม่”

“ท่านพ่อรู้” ผมหันไปถามอย่างตกใจ ก่อนที่จะสงบลงเมิ่อคิดได้ว่าบุรุษผู้นั้นคงจะต้องขอบิดาไว้แล้วแน่ๆ

“อืม พรุ่งนี้เจ้าไปได้หากแต่อย่าเล่นซนอะไรอีกก็แล้วกัน” ผมอยากจะประท้วงว่าไม่ใช่ความผิดผมเสียหน่อยที่โดนหาเรื่องแต่ก็พยักหน้ารับคำสั่งท่านพ่อ จะมีก็อีกคนที่จ้วงชิ้นฟักทองเหมือนเป็นศัตรูคู่แค้น

“พี่ใหญ่ท่านไม่ชอบหรือ”

“พี่แค่หงุดหงิดไม่อยากให้เจ้าไปกับเว่ยชิน”

“อีกเพียงไม่กี่เดือนพี่เว่ยก็ต้องออกเดินทางแล้วท่านก็ให้โอกาสพี่เว่ยเถอะนะพี่ใหญ่” ยิ่งเห็นผมพูดถึงพี่เว่ยเงามือบนใบหน้าก็ยิ่งขยายกว้าง แค่นี้ก็ไม่ได้อีกรึ พี่ใหญ่จะหวงผมไปถึงขั้นไหนกัน จนกระทั่งทานมื้อเย็นเสร็จ ท่านพ่อก็เอ่ยปากว่าอนุญาตทั้งยังลากพี่ใหญ่ไปที่ห้องหนังสือด้วยทำให้ผมไม่ต้องโดนพี่ใหญ่งอแงเรื่องพี่เว่ยต่อ

หวงข้าแบบนี้จะมีคู่ครองได้ยังไงกัน

เอ๊ะ หรือว่าข้าจะหาคู่ครองให้พี่ใหญ่ รอยยิ้มหวานระบายทั่วหน้า

***********************************

น้องจะไปหาคู่ให้พ่ีใหญ่แล้วค่ะ 

ขออภัยที่มาช้าค่ะพอดีต้องเคลียงานสิ้นเดือนเลยวุ่นๆหน่อย

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ที่ล้นหลามและชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ขอบคุณนะคะ 

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 100 เปอร์ 28/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2019 12:44:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 100 เปอร์ 28/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-07-2019 13:28:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 100 เปอร์ 28/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-07-2019 14:54:41
ใครจะมาเป็นคู่ของพี่ใหญ่กันนะ ????  :really2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 11 100 เปอร์ 28/7/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-07-2019 19:08:30
ครอบครัวนี้น่ารักจัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 40 เปอร์ 2/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-08-2019 16:36:13
12

เมื่อถึงวันนัดหมายผมตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดก่อนที่ซื่อจูจะมาปลุกเสียอีกหลังจากซื่อจูยกน้ำอุ่นเข้ามาผมก็รีบจัดการตัวเองแล้วพรุ่งตรงไปยังครัวเพื่อควบคุมการทำมื้อเช้า หลังจากที่เมื่อวานกลับห้องผมก็นั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะซื้ออะไรกลับมาบ้างโดยหวังว่าที่เมืองท่าจะมีของที่ผมต้องการนะ อยากได้เมล็ดพืชไว้มาปลูกที่หน้าเรือน

“หลิงเอ๋อร์เจ้าจะไปกับเว่ยชินจริงๆ ใช่หรือไม่” ผมก็อยากจะถามพี่ใหญ่เช่นกันว่า พี่ใหญ่จะถามผมอีกกี่รอบกัน ตั้งแต่เจอหน้าเช้านี้พี่ใหญ่ก็ถามเพียงแต่คำถามนี้

“เจ้าเลิกเซ้าซี้หลิงเอ๋อร์เสียที ไม่รีบเข้าไปที่ค่ายรึ”

“ท่านพ่อข้าไม่อยากให้หลิงเอ๋อร์ไปเลยขอรับ” ผมคีบหมูสามรสเข้าปากเงียบๆ ไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่ง ถึงจะเป็นเรื่องของผมก็เถอะให้ท่านพ่อเป็นคนห้ามอาการซิสค่อนของพี่ใหญ่เองเถอะ ผมขี้เกียจยุ่งแล้ว

“เจ้าจะมากะเกณฑ์ชีวิตน้องมิได้ อวี้จิ้งหากจะหวงน้องเจ้าควรมีขอบเขตเสียบ้าง” หมูสามชั้นคั่วเกลือนี่อร่อยจริงๆ ปล่อยให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทะเลาะกันไปครับผมขอมีความสุขกับมื้อเช้าดีกว่า

“เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ นะหลิงเอ๋อร์” แม้จะต้องไปทำงานแต่ก็ยังไม่วายหันมากำชับผมอีกรอบหนึ่ง เลยได้แต่พยักหน้ารับอย่างจนใจ พี่ใหญ่เป็นพี่ที่ดีเช่นนี้คงจะเป็นคนรักที่ดีเช่นกัน ยืนส่งพี่ใหญ่และท่านพ่อไปทำงานที่หน้าจวนเมื่อรถม้าของท่านพ่อลับสายตาผมก็รีบกลับเรือนเพราะใกล้ได้เวลานัดแล้ว

“บ่าวช่วยขอรับนายน้อย” ผมพยักหน้าอนุญาต ซื่อจูเข้ามากับถูหลังขัดผิวให้ผม ตอนแรกนั้นผมตกใจแทบตายเพราะไม่ชินกับการที่มีคนเข้ามาช่วยตอนอาบน้ำเห็นอย่างนี้ผมก็ไม่ด้านขนาดนั้นนะครับ หลังจากขัดผิวแล้วก็แต่งตัว เป็นชุดสีฟ้าครามให้สมกับวัย เมื่อถึงเวลาพ่อบ้านก็มาแจ้งว่าถึงรถม้าของชินอ๋องได้รออยู่หน้าจวนแล้ว ตรวจข้าวของให้เรียบร้อยแล้วรีบเดินออกไปที่หน้าจวน เมื่อประตูจวนเปิดบุรุษร่างใหญ่ในอาภรณ์สีมุขที่เอวห้อยหยกประจำตัวแม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับดูสูงสง่าน่าเกรงขาม

“พี่เว่ย”

“เจ้าดูดีมากมาเถอะ หากช้าเกรงว่าคงได้กลับถึงจวนก็มืดค่ำ” ผมรีบวางมือลงมือใหญ่ที่ยืนออกมาประคองให้ผมขึ้นรถม้า ช่างสมกับเป็นรถม้าของชินอ๋องภายในดูหรูหราและนุ่มสบายมาก เมื่อพี่เว่ยขึ้นมารถม้าก็ออกตัว ผมนั่งมองวิวผ่านหน้าต่างรถม้าหากแต่ก็รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองโดยตลอด

“พี่เว่ย ท่านจะจ้องข้าไปตลอดทางเลยหรือ” เพราะรู้สึกใจเต้นแปลกๆ กับสายตาที่จ้องมาทำให้ผมต้องเอ่ยถาม

“พี่มองเจ้ามิได้รึ” ยัง..ยังจะกวนอีก

“ข้ามีอะไรให้ท่านมอง”

“เพราะเป็นเจ้าต่างหากพี่ถึงได้มอง” แหม นี่เพลงขึ้นในหัวเลย อยากจะร้องนะครับแต่ถ้าร้องคนตรงหน้าคงต้องเผ่นหนีแน่ๆ เสียงผมนี่เพี้ยนจนไจแอนท์ยังต้องยอม

“พูดจาเลื่อนเปื้อน” ผมบ่นอุบอิบแล้วหันหน้าหนีมองวิวด้าน ไม่ถึงครึ่งชั่วยามรถม้าก็วิ่งเข้ามายังเมืองท่า ผมตาโตเมื่อเห็นความครึกครื้น ร้านรวงมากมายทั้งพ่อค้าวาณิชที่มาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ร้านอาหารมากมาย ผมอยากลงไปเดินเล่นแล้ว

.

.

ร่างสูงมองแววตากลมโตที่เปล่งประกายยามมองรอบๆ ทั้งรอยยิ้มงดงามที่คอยเผือแผ่ให้ผู้คนรอบจนเขาแทบอยากจะยกเลิกแล้วพากระต่ายตัวน้อยกลับจวนหากแต่ก็ไม่อยากให้ใบหน้างดงามนั้นเศร้าหมอง ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาเกิดความรู้สึกหวงแหนรอยยิ้มของผู้ใด จับมือเล็กประคองลงจากรถม้าหากแต่เมื่อลงมาแล้วก็ยังมิยอมปล่อยเพราะกระต่ายน้อยนั้นดึงดูดสายตามากเกินไป

“เจ้าจงอยู่ใกล้พี่ไว้”

“ขอรับ พี่เว่ยไปดูทางนั้นกันขอรับ” แม้จะพยักหน้าขานรับแต่ก็ยังเดินนำมุ่งไปยังย่านการขายอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตัวเล็กแบบนี้เอาเรี่ยวแรงมาแต่ที่ใด ถึงได้ลากเขาตัวปลิวเข้าร้านนั้นร้านนี้

แล้วเขายิ่งประหลาดใจเมื่อกระต่ายน้อยของเขาพูดคุยกับชาวโฝหลางจีอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังซื้อของแปลกประหลาดมากมายถุงเงินที่เจ้ากระต่ายเอามานั้นเริ่มเบาขึ้นทุกที

“เท่าไหร่หรือ” ภาษาไม่คุ้นหูถูกพูดจากร่างเล็กพร้อมกับรอยยิ้มส่งมอบให้กับพ่อค้า ซึ่งเขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อรอยยิ้มนั้นถูกมอบให้กับผู้อื่น

“พี่เว่ย ท่านรีบหรือไม่ขอรับ” ก้มลงมองใบหน้าหวานที่หันมาถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง เหงื่อเม็ดน้อยผุดขึ้นที่หน้าผากเนียน เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงยกแขนเสื้อขึ้นซับเบาๆ ที่หน้าผากเนียน

“ไปเอาร่มมา” แม้จะไม่มีแดดแต่หากร่างเล็กก็ยืนซื้อของอยู่นาน

“ขอบคุณขอรับพี่เว่ย” มุมริมฝีปากหนายกขึ้นชั่วครู่ก่อนที่จะหายไปทันที เมื่อบ่าวเอาร่มมาเขาก็เป็นคนกางร่มให้กับกระต่ายน้อยที่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ร่างที่เล็กกว่านั้นเขย่งปลายเท้าผ้าเช็ดหน้าซับลงที่ขมับเขาเบาๆ

อ่า

กระต่ายน้อยของเขาทำตัวน่ารักน่าชังอีกแล้ว

“เจ้าอยากได้อะไรอีกหรือไม่หลิงเอ๋อร์” เมื่อร่างเล็กผละออกเลยเอ่ยถาม วันนี้ทั้งวันนั้นเขาทุ่มเทให้กับกระต่ายน้อย การเลี้ยงดูเอาใจใส่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ

“ข้าอยากไปร้านขายของทะเลสดขอรับ”

“พี่จะพาไป”

มือหนาและมือเล็กสอดประสานกุมมือแน่นอีกทั้งรอยยิ้มของบุรุษร่างสูงใหญ่กับเสียงเจื้อยแจ้วหวานของร่างเล็กที่เดินเคียงข้างนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกันว่าช่างเหมาะสมกันยิ่ง

“เจ้าจะซื้อไปทำอะไรหรือ” เมื่อหยุดที่หน้าร้านเจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปเลือกกุ้งและปูอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะทำมื้อเย็นขอรับ วันนี้พี่เว่ยรีบกลับหรือไม่ขอรับ”

“ไม่”

“งั้นอยู่ทานข้าวที่จวนนะขอรับ” ขอแค่ได้อยู่ใกล้แล้วเหตุใดจะไม่ตอบตกลง

“ได้ เจ้าจะทำอะไรบ้าง” เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เจ้าตัวเลือกนั้นไม่คุ้นตาเลย

“จะทำต้มยำกุ้งและปูผัดผงกะหรี่ขอรับ” ยิ่งได้ฟังชื่ออาหารแล้วยิ่งแปลกหู คงต้องรอลุ้นเสียแล้วเพราะถามแล้วกระต่ายน้อยก็บ่ายเบี่ยงมิยอมตอบ หากเป็นผู้อื่นนั้นคงไม่มีทางได้แสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าเขาเป็นแน่

เพียงเพราะรอยยิ้มหวาน

เพียงเพราะดวงตากลมโตที่สบตาเขาโดยไม่หลบสายตา

เพียงเพราะเป็นกระต่ายน้อยของเขา จึงได้เป็นข้อละเว้นทุกอย่าง

***************************  40 เปอร์****************

จากจะแหมมมมมให้ท่านอ๋อง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 40 เปอร์ 2/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-08-2019 20:53:41
 :pig4:
 o13
 :3123:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 40 เปอร์ 2/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-08-2019 21:00:35
ความเปย์ขั้นสุดมากค่ะ ท่านอ๋อง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 40 เปอร์ 2/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-08-2019 14:03:14
เจอแบบนี้ใครก็หลง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 40 เปอร์ 2/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2019 14:45:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 03-08-2019 19:29:40
****************************************ต่อค่ะ******************************

เมื่อได้ของสดแล้วก็ตั้งท่าจะกลับหากแต่เมื่อผ่านร้านหนึ่งก่อนที่จะถึงรถม้าคนข้างกายก็หยุดชะงักทำให้เขาหันกลับไปมองแววตาที่เคยสดใสนั้นหม่นแสงลง มีทั้งความโหยหาและเศร้าโศกในแววตาคู่สวยคู่นั้นนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกฉงนใจเมื่อไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของกระต่ายน้อยเลยสักครั้ง

“เจ้าอยากได้อะไรหรือหลิงเอ๋อร์” เมื่อถามออกไปเจ้าตัวถึงได้สติหันมามองพร้อมกับสายหน้าเบาๆ หากแต่สายตากลับไม่บอกอย่างนั้น

“ดะ..เดี๋ยวสิพี่เว่ย ข้าไม่ได้อยากเข้าไป” ไม่ฟังเสียงห้ามของเจ้าตัว เมื่อเข้ามาในร้านแล้วหลิงเอ๋อร์ก็ดูจะคุ้นเคยกับสิ่งของที่อยู่ในร้านมาก ทั้งยังพูดภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว จากที่ไม่อยากเข้ามาตอนนี้กลับวิ่งไปเลือกโน้นเลือกนี่อย่างไม่หยุด

“นั่นอะไร” เมื่อมือเล็กหยิบสิ่งที่คล้ายเทียนหากแต่รูปร่างโค้งงอทั้งสียังไม่เหมือนกับเทียนที่พวกเราใช้

“เทียนอบขนมสำหรับไว้ทำขนมขอรับ”

“ช่างแปลกตายิ่ง” ถือตระกล้าเดินตามร่างเล็กที่เริ่มสนุกกับการหยิบจับข้าวของแปลกตาสำหรับเขาแต่เหมือนกระต่ายน้อยจะรู้จักดี

“เจ้ารู้จักทุกอย่างเลยรึ”

“ขอรับ” ร่างเล็กตอบความสงสัยเขาอย่างรวดเร็วไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าตัวเองนั้นรู้จักข้าวของเหล่านี้ได้เช่นไร ทั้งยังคุ้นเคยดียิ่ง หากรายงานของเงาไม่ผิดพลาดซึ่งก็ไม่ ก็คงเป็นเพราะกระต่ายน้อยเขามีความลับที่ไม่เปิดเผยต่อผู้ใด เมื่อเลือกสินค้าได้แล้วก็ส่งให้บ่าวไปจัดการส่วนเขาก็จูงมือกระต่ายน้อยกลับไปที่รถม้า

“เจ้าเหนื่อยหรือไม่”

“ไม่ขอรับ” เพียงแค่รอยยิ้มบนใบหน้าหวานนั้นก็เพียงพอแล้ว

“งั้นกลับกันเถอะ” ช่วงเวลาที่กลับจากเมืองท่านั้นเขานั่งฟังร่างเล็กเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องข้าวของที่ซื้อมาทั้งเล่าเรื่องถึงอาหารมื้อเย็นที่จะทำทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุขนั้นทำให้เขาทำได้เพียงยิ้มและรับฟังอย่างสุขล้นตักตวงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังนั้นไว้

.

.

ไม่อยากจะบอกเลยว่าการไปตลาดทำให้ผมคุ้มมากได้ทุกอย่างเกินสิ่งที่คิดไว้อีกทั้งไม่รู้เลยว่าจะได้ข้าวของจากเมืองไทย ทั้งเทียนหอมและเครื่องเทศ ในหัวของผมมีเมนูมากมายวนเวียนไปทั้งยังโดนตามใจจากร่างสูงที่คอยตามอกตามใจทั้งยังจ่ายให้หมด ถุงเงินที่ผมเอาไปถลุงเข้าออกร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่นนั้นก็มาจากพี่เว่ย อ่า ช่างเป็นสายเปย์ที่น่ากลัวจริงๆ ขนาดผมใช้จนหมดถุงยังไม่ว่าอะไรเลย จะตามใจผมเกินไปแล้ว แถมยังเอาใจใส่ผมมาก จนอยากจะตอบแทน เมื่อเห็นร้านไทย ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบ้าน หากแต่พี่เว่ยก็รู้ดี และสิ่งสำคัญเลย

ผมรู้ดี

รู้ว่าพี่เว่ยมีคำถามมากมายจากสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แต่ก็ไม่เอ่ยถามหรือทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ และถ้าหากพี่เว่ยถาม....ผมก็คงไม่มีคำตอบให้ได้

“พี่เว่ย ท่านไปรอข้าที่ห้องโถงเถอะขอรับ” ผมรีบห้ามร่างสูงที่เดินจูงมือผมในจวนอย่างไม่อายบ่าว ถ้าหากท่านพ่อและพี่ใหญ่อยู่คงไม่ได้มีโอกาสแม้กระทั่งเดินตัวติดกันกับผมหรอก

“พี่จะไปรอเจ้าที่สวน” ดื้อจริง เอาเถอะจะไปนั่งที่ไหนผมก็จะพาไป เมื่อถึงศาลาที่สวนทันทีที่นั่งน้ำชาและขนมก็ถูกยกมาเป็นพ่อบ้านหม่าเป็นคนจัดการ

“พี่เว่ยท่านปล่อยมือข้าเถอะ ข้าจะไปเตรียมตัวทำอาหาร” ยังไม่คิดที่จะปล่อยมือผมอีก

“หึ เจ้าไปเถอะ” ผมลุกขึ้นพร้อมกับบอกให้พ่อบ้านคอยดูแลผู้สูงศักดิ์ให้ดี ส่วนตัวเองก็เดินกลับเรือนพร้อมกับซื่อจู

“นายน้อยขอรับ ผ้านี่ท่านจะใส่เลยไหมขอรับ” ซื่อจูชูผ้ากันเปื้อนที่ผมตัดเย็บไว้หลายผืนขึ้น

“อือ ใส่เลยๆ” ผมหยิบมาใส่เพราะผ้ากันเปื้อนปกตินั้นคาดเพียงแค่เอวทำให้บางครั้งเสื้อผ้าผมเปื้อนเลยตัดผ้ากันเปื้อนแบบใหม่เลย ผมให้ซื่อจูผูกด้านหลังแล้วเดินไปยังครัวที่ผู้ติดตามของพี่เว่ยเอาของมาส่งไว้ให้แล้ว

“ซื่อจูเจ้าให้คนเอาของส่วนนี้ไปไว้ที่เรือนข้านะ” ผมเลือกพวกเครื่องใช้และเมลัดผัก ดอกไม้และกาแฟไปไว้ที่เรือน ส่วนเครื่องเทศตอนนี้พี่ใหญ่สั่งให้คนเอาตู้ไม้มาไว้ให้ในครัว

“ท่านป้า วันนี้ช่วยข้าด้วยนะ”

“เจ้าค่ะ”

“ท่านทำกุ้งเป็นรึไม่” ท่านป้ารับคำว่าเคยทำมาบ้างผมเลยให้ป้าลองทำให้ดู อืมก็ถือว่าใช้ได้ ท่านป้าปลอกเปลือกกุ้งเด็ดหัวกำลังจะทิ้งผมนี่ต้องรีบห้ามไว้ทันที

“ส่วนนี้ของดีเลยนะ ทิ้งไม่ได้ขอรับ ท่านป้าเอาไส่ชามไว้ให้ข้านะ” ผมให้ป้าแกะกุ้งทั้งหมดพร้อมกับลูกมืออีกสองคน ส่วนปูที่จะทำผัดผงกะหรี่นั้นผมเอาไปนึ่งเสียก่อน

“เจ้าช่วยแกะเนื้อปูให้ข้าด้วย ส่วนมันที่อยู่ตรงกระดองก็เก็บแยกไว้ต่างหากนะ” เพราะจะให้ทุกคนมานั่งแกะเนื้อปูเองคงเป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไหร่ แกะเนื้อออกจะได้ทานได้สะดวก

“เช่นนี้หรือขอรับ” ผมหันไปมอง ก็เกือบใช้ได้เหลือเพียงก้าม

“ก้ามนี่เจ้าเอาด้ามทุบให้แตกแบบนี้นะแล้วค่อยเอาเนื้อออกมา”

“ขอรับ” ผมหันไปตั้งหม้อ ใส่น้ำและหัวกุ้งลงไปใส่ข่าและตะไคร้เพื่อดับกลิ่นระหว่างนั้นก็เอาผงกะหรี่ที่ซื้อมาใส่ชาม อีกชามตอกไข่และปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาล น้ำพริกเผา อันนี้ใส่นิดเดียวนะเพราะพริกเผาโลกนี้สมกับซื่อพริกเผา และนมวัวที่ซื้อมาซึ่งน่าจะใช้แทนกันได้ หั่นหอมใหญ่ และขึ้นฉ่าย พริกที่เอาไว้ใส่ตกแต่งไว้อีกชาม

“เสร็จแล้วขอรับ”

“ส่งมาเลย” เทน้ำมันใส่กระทะค่อยๆ เทผงกะหรี่ผัดกับน้ำมันแล้วค่อยๆ เติมนมลงไปค่อยๆ ผัดจนหอมแล้วค่อยเทชามส่วนผสมที่ตีไว้แล้วลงไปผัดให้เข้ากันและข้นได้ที่แล้วใส่เนื้อปูและมันปูลงไป ผัดอย่างรวดเร็วแล้วใส่ผักไปผัดจนสุกชิมรสแล้ว

อ่า

ฝีมือไม่ตกจริงๆ

ผมรีบตักออกจากกระทะเสร็จแล้วอย่างหนึ่ง เมื่อหันมาเปิดหม้อน้ำซุป ทันทีที่เปิดออกกลิ่นหอมของมันกุ้งก็อบอวน ผมใช้กระบวยค่อยๆ บี้หัวกุ้งจนมันกุ้งแตกตัวออกมาแล้วค่อยช้อนเอาหัวกุ้งและข่ากับตะไคร้ออก ต้มจนน้ำซุปเดือดอีกรอบค่อยปรุงรสให้ออกเปรี้ยวนิดๆ เพราะที่สังเกตที่บ้านไม่ชอบเปรี้ยวโดดใส่พริกและกระเทียมลงไป เมื่อท่านป้าล้างกุ้งเสร็จผมก็เทลงไปลวกอีกหม้อหนึ่งถึงเอามาลงหม้อน้ำซุปแล้วยกลงเพราะทำเป็นน้ำใสจะดูถูกปากมากกว่า เมื่ออาหารเสร็จผมก็หันมาทำของหวานส่วนพวกเนื้อกุ้งและปูที่เหลือผมก็ให้แม่ครัวสับรวมกัน ส่วนผมก็โขลกพลิกแกงเพื่อทำทอดมัน

“นายน้อยขอรับ นายท่านและคุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ”

“อ่า ขอบใจเจ้ามาก” ผมหันไปหาท่านป้าเมื่อใส่น้ำมันลงในกระทะพอร้อนก็ปั้นลงไปทอด

“รอมันสุกท่านป้าก็ยกขึ้น ทานพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย”

“เจ้าค่ะ” ผมรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินลิ่วไปยังห้องโถง ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ เหนื่อยรึไม่ขอรับ” เมื่อนั่งข้างพี่ใหญ่ผมก็ถามบิดาและพี่ใหญ่ ส่วนพี่เว่ยก็นั่งจิบชาอยู่ตรงข้าม

“ไม่เหนื่อยแล้วเจ้าเล่าออกไปเที่ยวเล่นเป็นเยี่ยงไร”

“สนุกขอรับ แถมยังได้ของมากมายมื้อเย็นนี้ก็เป็นมื้อพิเศษด้วยขอรับ”

“แค่เจ้าพูดพี่ใหญ่ก็หิวแล้ว” ผมอมยิ้มกับท่าทางพี่ใหญ่ ท่านพ่อหันไปพูดคุยกับพี่เว่ยแถมยังเอ่ยชวนพี่เว่ยทานมื้อเย็นด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาพ่อบ้านก็มาแจ้งว่าเตรียมพร้อมแล้ว ท่านพ่อก็เดินนำไป เพราะเป็นโต๊ะกลมต่อให้พี่ใหญ่อยากจะนั่งแทรกผมก็นั่งข้างพี่เว่ยอยู่ดี เมื่อเห็นอาหารที่ถูกยกเข้ามา สายตาทุกคนก็เปล่งประกายเมื่อเห็นอาหารแปลกตาทั้งสามจาน

“ขอแนะนำนะขอรับ จานนี้ปูผัดผงกะหรี่ นี่ต้มยำกุ้งน้ำใสขอรับ ส่วนนี่ทอดมันกุ้ง หวังว่าจะถูกปากทุกคนนะขอรับ”

“เจ้าช่างทำให้พ่อประหลาดใจนัก”

“น่าทานยิ่ง” พี่ใหญ่กวาดสายตามองอาหารทุกจานในมือที่ถืออาวุธแน่นเตรียมพร้อมที่จะทานแล้ว ส่วนพี่เว่ยรายนั้นก็เพียงส่งยิ้มน้อยๆ ให้ แต่ผมรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นมีค่าเพียงใด ท่านพ่อลงมือด้วยการทานปูผัดผงกะหรี่ก่อน เมื่อทานเสร็จท่านพ่อเอ่ยชมอยู่หลายคำก่อนที่พวกเราจะลงมือทานมื้อเย็นด้วยความเอร็ดอร่อย ทั้งพี่เว่ยและพี่ใหญ่ต่างขอเพิ่มข้าวเป็นรอบที่สาม

พี่ท่านจะทานเท่าไหร่ช่วยเกรงใจหุ่นด้วยขอรับ

หลังจากมื้อเย็นแสนอร่อย รับประกันด้วยความเกลี้ยงเกลาของกับข้าวที่เรียกได้ว่าสะอาดหมดจดไม่เหลือแม้กระทั่งเศษผัก จะกินดุอะไรขนาดนั้น วันนี้ไม่มีของหวานเพราะว่าทำไม่ทันเพราะแค่อาหารมื้อใหญ่นี้ก็กินเวลามากเหลือเกิน พวกเราเดินมาส่งพี่เว่ยที่หน้าจวน

“ขอบคุณท่านลุงไป๋ อาหารอร่อยมาก พี่ขอบใจเจ้ามากหลิงเอ๋อร์” ผมยิ้มกว้างเป็นคำตอบ

“ข้าดีใจที่ท่านชอบขอรับ”

“แฮ่มๆ เว่ยชินเจ้าก็รีบๆ กลับได้แล้ว” สีหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนไปชั่วครู่ก่อนที่จะเรียบนิ่งเหมือนเดิมคงจะรำคาญสหายตัวเองสินะ ผมแอบขำ

“ไว้เจอกันนะขอรับพี่เว่ย” ผมแค่เพียงเอ่ยลากับพี่เว่ยก็เรียกปฏิกิริยาจากทั้งพี่เว่ยและพี่ใหญ่

“เจ้าอย่ายิ้มสิหลิงเอ๋อร์” ว่าจบพี่ใหญ่ก็ลากผมเข้าบ้านแต่ผมก็หันไปโบกมือพร้อมกับยิ้มกว้างให้พี่เว่ย พี่ใหญ่ก็ยิ่งโวยวาย ฮ่าๆ ๆ พี่ใหญ่ทำไมท่านช่างน่าแกล้งแบบนี้

คล้อยหลังบุตรชายทั้งสองสายตาของผู้สูงวัยก็แปลเปลี่ยนเป็นจริงจังและบุรุษอีกคนก็รับรู้ผินหน้ามามองด้วยสายตามั่นคงเช่นกัน

“สองปี ก็ถือว่าพิสูจน์ทั้งตัวท่านและบุตรชายข้า”

“ข้าจะไม่ทำให้หลิงเอ๋อร์เสียใจ”

คำมั่นที่อีกคนรักษาเท่าชีวิต

*******************************************

พิมพ์ไปหิวไป อ่า

โอ๊ยพ่อคนสายเปย์ พ่อคนตามใจน้องงงงงง

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2019 19:43:30
ทั้งภาพ ทั้งกลิ่นลอยมาเลย  :m20: :laugh: :z3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-08-2019 20:07:46
กลิ่นผงกะหรี่ลอยมาเลย​ วันก็ทำไก่ผัดผงกหรี่ถึงจะไม่เต็มสูตรก็เถอะ​ ของอร่อย~~~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-08-2019 21:07:00
หาคู่ให้พี่ใหญ่เลยดีมั้ย จะได้เลิกกันท่าซะที 5555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: me_toey ที่ 03-08-2019 22:37:31
หิวเลยคร้า :hao6:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-08-2019 22:55:15
 :-[ พี่เว่ยสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-08-2019 00:37:01
โอ๊ยยยยยยย
อ่านไปก็หิวตามไปด้วย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-08-2019 09:11:27
อ่านรายการกับข้าวที่น้องทำแล้วอยากกินขึ้นมาเลย 5555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-08-2019 11:21:58
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-08-2019 20:54:38
อยากกินทอดมันกุ้ง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 04-08-2019 21:49:56
หิวตามเลย555555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 12 100 เปอร์ 3/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-08-2019 13:04:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-08-2019 17:58:01
13.

กาลเวลาผันแปรอีกไม่กี่วันก็ถึงเวลาที่พี่เว่ยจะต้องจากลา เหลือเพียงสามวันก่อนที่พี่เว่ยจะออกเดินทาง ช่วงเวลาตลอดที่อยู่ในเมืองหยางพี่เว่ยคอยดูแลและพาผมออกไปเที่ยวเสมอ จนตอนนี้ตำราอาหารของผมเขียนได้ถึงสี่เล่มแล้ว ทั้งของคาวและของหวาน ทั้งพี่เว่ยและพี่ใหญ่ต่างก็บ่นอุบเกี่ยวกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจนต้องฝึกร่างกายที่ค่ายทุกเย็น เพราะโดนพิษของหวานและอาหารที่ผมทำให้ทานทุกวันถึงหลังๆ จะควบคุมอาหารมื้อเย็นจะทำเป็นปลาเสียส่วนใหญ่ หากแต่บุรุษทั้งสองก็ยังทานข้าววันละสามชามเหมือนเดิม อ้อ มีอีกเรื่องพี่เว่ยหลังจากครั้งที่ไปเที่ยวกันครั้งแรกหลังๆ จากนั้นก็จะแวะเวียนมาทานมื้อเย็นที่จวนประจำ

“ซื่อจูเจ้าช่วยให้คนไปซื้อของตามนี้ให้ข้าที” ผมส่งโพยสั่งของให้กับซื่อจูซึ่งรีบออกไปทันที แม้อยากจะไปซื้อเองเพียงใดแต่งานที่ล้นมือก็ทำให้ผมปลีกตัวออกไปไม่ได้ ตอนนี้ท่านพ่อและพี่หใญ่ไม่ได้ว่าแล้วครับหากผมจะออกไปข้างนอกเพียงแต่ต้องมีผู้ติดตามออกไปด้วย ยังไม่รวมองครักษ์เงาที่พี่เว่ยส่งมาคุ้มครองโดยที่ผมไม่ทราบจำนวนด้วยซ้ำว่ามีกี่คน แม้กระทั่งตอนที่ผมอยู่ในเรือนก็ยังมีคนคอยดู อันนี้พี่ใหญ่แอบกระซิบบอกมาครับ

มือเรียวเย็บถุงชาอย่างชำนาญแล้วเรียงใส่กล่องอย่างดี ที่สั่งให้คนทำให้ตอนนี้ผมทำได้สี่กล่อง ข้างๆ กล่องนั้นเป็นถุงเครื่องเทศที่ผมทำไว้ให้ ส่วนของที่สั่งให้ซื่อจูไปซื้อนั้นเป็นผ้าที่จะนำมาตัดเป็นเสื้อนอกเพราะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปเมืองไหนบ้างหากแต่กล่าวถึงโฝหลางจี ก็คงจะมีฤดูหนาวอีกทั้งเดินทางสองปีผมก็อยากให้ของแทนตัวไปด้วย

หากแต่หวังให้คำมั่นที่ร่างสูงให้ไว้จะถูกรักษาอย่างดี มือเล็กหมุนกำไลอย่างเหม่อลอย สองปีผมก็ต้องเปลี่ยนแปลงและต้องก้าวหน้าจะเป็นเพียงคุณชายน้อยต่อไปคงไม่ได้ ความคิดนี้ผมยังไม่ได้ปรึกษากับท่านพ่อและพี่ใหญ่ ช่วงนี้พี่รองส่งจดหมายมาบ่อยมากเลยครับแม้ส่วนมากจะเป็นการบ่นเล็กๆ น้อยๆ กับบุตรมังกรก็ตาม

“ได้ของมาแล้วขอรับนายน้อย” ผ่านไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามของที่ผมสั่งก็ถูกขนมาทั้งซื่อจูและบ่าวที่มีฝีมือตัดเย็บถูกเรียกให้มาช่วยผมตัดเย็บชุดคลุมด้านนอกที่บุด้วยผ้าขนสัตว์สำหรับกันความหนาว

“เร่งมือหน่อยนะ” ผมพูดพร้อมกับลงมือเย็บผ้าอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาสองวันทุกอย่างก็ถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

.

.

“พี่เว่ยท่านมาแล้ว”

“สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย” ยังไม่ทันที่จะทักทายพี่เว่ยก็เอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่ใต้ตา คงเพราะผมโหมเตรียมของมากไปเลยทำให้ใต้ตาคล้ำ ความสัมพันธ์ระหว่างผมและพี่เว่ยนั้นค่อยๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ หากแต่มั่นคง

“มิมีอะไรมากขอรับ ข้าเพียงแต่เตรียมของให้ท่าน”

“เจ้ามิควรหักโหมนัก”

“มิเป็นไรขอรับ ซื่อจูนำของมา” ผมหันไปบอกซื่อจู ในขณะที่ถูกประคองไปนั่ง ทำอย่างกับเขาเป็นคนป่วยแต่ก็ไม่ได้ค้านอะไรเพราะรู้ดีว่าอีกคนเป็นห่วง

“เจ้าหักโหมเกินไปแล้ว ดูใบหน้าเจ้าสิ” ผมยิ้มให้กับอาการบ่นของร่างสูง จะมีใครรู้ว่าพี่เว่ยเป็นคนขี้บ่นแบบนี้ได้เท่าเขาอีกแล้ว ขนาดพี่ใหญ่ยังไม่เคยรู้เลยว่าสหายสนิทจะขี้บ่นได้แบบนี้

“ไม่ได้หนักหนาอะไรเลยขอรับ ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงแต่เพียงเท่านี้ไม่ได้ทำให้ข้าเหนื่อยหรอกขอรับ” ตบเบาๆ ลงมือหนาที่กุมมือเขาไว้

“เจ้าก็พูดเช่นนี้ตลอด” และพี่เว่ยก็พูดเช่นนี้เพราะรู้ดีครับเกี่ยวกับการดื้อรั้นของผมในช่วงเวลาที่ผ่านมา

“และท่านก็รู้จักข้าดี” ผมเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มกว้างอย่างที่รู้ดีว่าร่างสูงนั้นจะต้องยอม ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้ง ไม่ช้าซื่อจูก็นำบ่าวหลายนำของที่ผมจัดไว้ หากแต่สิ่งสำคัญอยู่ในห่อผ้าแพรที่ผมรับจากมือซื่อจู

“พี่เว่ยนี่คือสิ่งที่ข้าเร่งทำเพื่อให้ท่าน โปรดลองใส่ให้ข้าดูได้รึไม่ขอรับ” ทันทีที่บอกร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนผมค่อยแกะห่อผ้าหยิบเสื้อคลุมตัวนอกที่ตัดเย็บไว้แล้วค่อยๆ สวมให้กับร่างสูงเมื่อจัดเรียบร้อยผมก็ขยับออกมาดู อ่า ต้องบอกว่าต่อให้เป็นชุดธรรมดาๆ แต่ไม้แขวนดีก็กลายเป็นของชั้นดีได้ และไม้แขวนที่เป็นถึงชินอ๋องนั่นทำให้เสื้อคลุมของเขาดูมีราคาขึ้นมาเลยทีเดียว

“มันอบอุ่นเลยทีเดียว”

“ข้ารู้มาว่าที่ท่านจะเดินทางไปนั้นเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว นี่คงจะช่วยท่านได้”

“มันอุ่นและพี่ชอบมาก” เพียงเท่านี้ผมก็ยกยิ้มกว้าง แค่นี้ก็ไม่เสียแรงเปล่าแล้ว พี่เว่ยสั่งให้คนขนกลับจวนของตน ผมพับเสื้อพร้อมกับผ้าคลุมผืนหนาแล้วห่ออย่างพิถีพิถัน

“พรุ่งนี้เดินทางยามไหนหรือขอรับ”

“แต่เช้าตรู่”

“ข้าจะไปส่ง..”

“มิเป็นไร พี่ไม่อยากให้เจ้าไปหลิงเอ๋อร์ เจ้าจะทำให้การตัดสินใจที่จะไปของพี่สั่นคลอน” อ่า ตอนนี้ใครเอาเนื้อมาย่างบนหน้าผมได้เลยครับ ร้อนกว่าเตาไปอีก เมื่อพี่เว่ยกระซิบถ้อยคำหวานข้างหู ไม่ต้องมีกระจกก็ทำให้ผมรู้เลยว่าตอนนี้ผิวขาวนั้นแดงก่ำ

“พะ...พี่เว่ย” เสียงของผมสั่นพร่าเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดังรูปสลักนั้นขยับเข้ามาชิดจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น พร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาดุจแมลงปอแตะบนผิวน้ำที่ริมฝีปาก

บึ้ม!!

ตอนนี้ผมได้ระเบิดสติตัวเองทิ้งไปแล้วครับ

อ่า

ผมถูกจูบ ฉ่า.... รู้สึกร้อนไปทั้งตัวเลยครับ และผมก็ต้องระเบิดตัวเองอีกรอบ เมื่อมุมปากหยักระบายยิ้มกว้าง ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ่งดูละลายใจยิ่งกว่า ให้ตายเถอะ ใครก็ได้ช่วยโยนเชือกให้ผมปีนขึ้นจากหลุมที่พี่เว่ยขุดที

“งือ..เลิกจ้องข้าสักที” ผมยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อสายตาคมจ้องมองโดยไม่หลบสายตาและผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่สายตานั่น ยอมแล้วต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ต้องยอม

“เจ้าเลิกปิดหน้าเถิด”

“ก็ท่าน เพราะท่านนั่นแหละ” ไม่รู้แล้วครับตอนนี้ แม้อยากจะลุกไปแค่ไหนก็ตามแต่แข้งขาอ่อนไปหมดแล้ว คอยดูนะผมจะต้องอัพเลเวลเพื่อต้านทานการหว่านเสน่ห์ของร่างสูงให้ได้

“หึ จงรักษาตัวให้ดีองครักษ์เงาทั้งหมดของพี่จะคอยดูแลเจ้า นี่คือป้ายคำสั่ง” ผมรับป้ายคำสั่งที่ทำมาจากหยกใส่ถุงผ้าอย่างทะนุถนอมเพราะเป็นสิ่งล้ำค่า

“ข้าไม่ขออะไรจากพี่เว่ยนอกจากการดูแลตนเอง และกลับมาหาข้า” ผมไม่ต้องการข้าวของหรือสิ่งมีค่า ขอแค่อีกฝ่ายรักษาตัวแล้วกลับมาหาผมในอีกสองปีข้างหน้า

“พี่สัญญา” ทั้งสองฝ่ายต่างมอบรอยยิ้มให้แก่กันฝ่ามือกอบกุมไว้แน่น และเมื่ออีกฝ่ายจะเดินทางวันพรุ่ง มื้อเย็นที่จวนก็ถือว่าเป็นมื้อล่ำลา ดังนั้นผมเลยขอเป็นฝ่ายเข้าครัวเพื่อทำอาหารมื้อพิเศษ ให้แก่ทุกคนได้ทาน เริ่มจากอาหารทะเลที่ส่งมาที่จวนทันทีเมื่อจับได้เพราะผมนั้นส่งกับพ่อค้าไว้แล้วเลยกะจะทำกุ้งมะนาว ทะเลอบวุ้นเส้น ปลาหมึกผัดไข่เค็มที่ผมทำไข่เค็มไว้ และทำโรลกุ้งผักสด ส่วนของหวานเป็นมันเชื่อมทานคู่กับหัวกะทิอบควันเทียน ดังนั้นเมื่อพี่เว่ยยอมปล่อยผมก็พุ่งมาที่ห้องครัวทันที

ผมให้บ่าวในครัวปอกมันสำปะหลังแล้วล้างให้ดีๆ และให้ต้มด้วยไฟอ่อนๆ พวกกุ้งและปลาหมึกผมให้บ่าวทำไว้ให้ตั้งแต่ของมาแล้วครับ เมื่อคำนวณเวลาแล้วอีกไม่นานท่านพ่อและพี่ใหญ่คงกลับจวนผมเลยเร่งมือ ให้ท่านป้าเรียงกุ้งใส่จานส่านผมก็โขลกพลิกกระเทียมและปรุงรสเปรี้ยวเค็มหวานใส่ชามไว้

“เจ้าหั่นปลาหมึกให้ข้าที”

“เจ้าค่ะ” ผมนำไข่เค็มที่ต้มไว้มาแกะเอาเฉพาะไข่แดงสี่ลูกและไข่เค็มอีกหนึ่งลูก นำไข่แดงมาผสมน้ำอุ่นแล้วยีให้ละลายพร้อมกับใส่น้ำมันพริกเผาอีกหนึ่งช้อนคนให้เท่ากัน หั่นต้นหอม กระเทียม พอดีกับบ่าวนำปลาหมึกมาให้พอดี

“นี่เจ้าค่ะ”

“ขอบใจมาก” ผมตั้งกระทะแล้วเจียวกระเทียมแล้วใส่ปลาหมึกลงไปผัดพอสะดุ้งแล้วใส่ไข่แดงที่ยีไว้ลงไปปรุงรสเล็กน้อยผัดจนสุขแล้วใส่ไข่เค็มที่ผ่าไว้ลงไปโรยด้วยต้นหอมและพริกที่หั่นไว้แล้วตักใส่จาน เสร็จไปอีกอย่างแล้ว

“มันต้มสุขแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าใส่น้ำตาลลงไปนะ ...อืมเท่านั้นล่ะ รอละลายก็พอแล้วยกลงได้เลย ซื่อจูไปสอนเพื่อนเจ้าขูดเยียจึที” หันไปสั่งซื่อจูพร้อมกับมือระวิงกับการทำน้ำปรุงรสสำหรับเมนูที่สอง ใส่ซอสหอย ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส น้ำตาลทรายและน้ำซุปคนให้เข้ากัน แล้วเอากุ้งลงไปแช่ ไม่นานก็ตักขึ้นมา ใส่วุ้นเส้นไปคลุกกับเครื่อง ผมนำหม้อดินเผาผัดหมูและขิงแก่กระเทียมในหม้อจนน้ำมันออกมาแล้วใส่วุ่นเส้นลงไป ตามด้วยกุ้งและคึ่นช่ายปิดฝาตั้งเตาแยกต่างหากด้วยไฟอ่อนๆ โดยให้ลูกมืออีกคนช่วยดู ส่วนโรลนั้นผมก็นำแผ่นแป้งมาเรียงกุ้งใส่กับผัดต่างๆ แล้วม้วน จากนั้นก็ส่งให้ท่านป้าเป็นผู้รับไม้ต่อทำต่อจนเสร็จ

“กุ้งเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

“ยกลงมาเลย” ยกลงมาเสร็จผมก็เทน้ำจิ้มลงไปราด เสร็จไปอีกอย่าง เลยนั่งพักแล้วมองซื่อจูสอนให้บ่าวอีกคนคั้นน้ำกะทิจนได้ปริมาณที่ผมต้องการแล้ว ผมก็เอามาใส่หม้อต้มพอเดือดก็ใส่เกลือลงไปสิดหนึ่งแล้วยกลงพออุ่นผมก็จุดเทียนแล้วเป่าให้เหลือแต่ควันวางลงในหม้อแล้วปิดฝ่ารอไม่นานก็เอาออกแล้วให้ทุกคนจัดอาหารมื้อนี้ขึ้นโต๊ะ ส่วนผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วตรงไปยังห้องโถงเพราะท่านพ่อและพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เมื่อกลับเข้าไปผมก็เห็นทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่

“ทุกคนขอรับ มื้อเย็นพร้อมแล้วขอรับ”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ” เป็นท่านพ่อที่พูดขึ้นแล้วเดินนำไปยังโต๊ะทานข้าว มื้อเย็นก็ยังคงได้รับคำชมไม่ขาดปากเช่นเคย เมื่อทานเสร็จแล้วทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ก็ปล่อยให้ผมเดินไปส่งพี่เว่ย

“พี่ต้องไปแล้ว” ผมมองมือที่กุมไว้อย่างใจหายเพราะรู้สึกอาลัยกับความอบอุ่นนี้

“ข้าจะรอท่าน”

“ดียิ่ง รอพี่นะ” ผมยิ้มกับน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น แต่ก่อนที่ร่างสูงจะหันเดินไปขึ้นรถม้าผมก็ฉวยข้อมือใหญ่ก่อนที่จะเขย่งตัวขึ้นจรดปลายจมูกที่แก้มหนาแล้วผละออกหมุนตัววิ่งหนีกลับเข้าจวนทันที เรื่องอะไรจะอยู่เล่าแค่นี้ผมก็อายพอแล้ว อ่าทำอะไรลงไปนะ กล้าทำลงไปได้ยังไง อ่า ผมรีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะค่อยเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างช้าๆ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่”

“ว่าอย่างไรหลิงเอ๋อร์” ผมอ้ำๆ อึ้งก่อนที่จะพูดสิ่งที่ต้องการออกไป

“ข้าอยากไปเรียนที่สำนักขอรับ และอยากฝึกวิทยายุทธ์ อ้อแล้วข้าอยากเปิดร้านน้ำชาด้วยขอรับ” เพียงพูดออกไปภายในห้องโถงก็เงียบกริบ

หลิงพูดอะไรผิดไปเหรอ

***********************************

กลายเป็นนิยายอาหารโดยสมบูรณ์ฮ่าๆๆ

ในที่สุดก็มีโมเม้นต์หวานๆกันเสียที

ตอนนี้เราเปิดฟิคอีกเรื่องแต่ลงเด็กดีไว้ เดี๋ยวจะเอามาลงนะคะเมื่อได้หลายตอน

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ 

รัก 

ขอตัวไปหาอะไรกินแปบ หิว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 09-08-2019 18:14:03
 นิยายอาหารแกล้มรัก  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-08-2019 18:16:51
หิวเลย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-08-2019 16:30:07
พี่เว่ยรีบกลับมาเร็วๆนะ น้องรออยู่
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-08-2019 20:19:56
เจอกันครั้งหน้าพี่เหว่ยต้องปลื้มและแปลกใจในความก้าวหน้าของน้อง :mew4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-08-2019 21:53:47
นอกเหนือจากพระเอกนายเอก ที่โฟกัสสุดคือ อาหาร นี่แหละ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-08-2019 18:26:57
อ่านรวดเดียวมาจนตอนนี้ ก็คือนี่คือนิยายหรือรายการาสเตอ์เชฟ55555 ว่าแล้วก็หาปูผัดผงกะหรี่กินด่อนนะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-08-2019 23:07:19
น้ำลายไหล.......เลย   :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-08-2019 10:56:55
อ่านมารวดเดียว อ่านไปก้อหิวไป
ถึงกับต้องอ่านชื่อนิยานใหม่ ชื่อกลับมาเกิดใหม่เป็นพ่อครัวรึเปล่านะ 55555555555

รอไทม์สคริปตอนน้องโตแล้ว อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-08-2019 19:06:20
อ่านไปกลืนน้ำลายไปปปป
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 13 9/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-08-2019 18:41:17
อ่านแล้วอยากกินมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 50 เปอร์ 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-08-2019 13:31:07
14

หลังจากที่แจ้งความประสงค์กับท่านพ่อแล้ว สามวันต่อผมซื่อจูก็ถือเสื้อผ้าสำหรับการเข้าเรียนที่สำนักศึกษา เสื้อตัวในนั้นเป็นอาภรณ์สีขาวด้านนอกเป็นสีฟ้าอ่อนที่ดูแล้วสบายตาและดูเป็นผู้มีความรู้ทันที

“ซื่อจู เจ้ามัดผมให้ข้าที” เพราะต้องมัดเป็นมวยซื่อจูรีบเข้ามามวยผมให้พร้อมกับผูกด้วยผ้าผูกผมสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุด อ่า รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่จะเข้ามหาลัยจริงๆ ลุกขึ้นสำรวจความเรียบร้อยแล้วค่อยไปหาบิดาที่ยืนรออยู่กับพี่ใหญ่

“ข้าพร้อมแล้วขอรับท่านพ่อ” ขยับไปกอดแขนบิดาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“พี่จะไปส่งเจ้าด้วย”

“ขอบคุณขอรับ” ผมเดินควงแขนทั้งสองคนไปยังรถม้าพี่ใหญ่ประคองขึ้นรถม้า เมื่อท่านพ่อขึ้นมานั่งข้างๆ พี่ใหญ่ควบม้าอยู่ข้างๆ ไมถึง 2 เค่อ (30 นาที) ก็มาถึงยังสำนักศึกษา

“เจ้าจงตั้งใจร่ำเรียน”

“ขอรับพี่ใหญ่” มือหนาหยาบกร้านของพี่ใหญ่ยกขึ้นลูบผมอย่างเบามือ ผมยิ้มกว้างให้กับพี่ใหญ่ที่กระโดดขึ้นหลังม้าแล้วรีบควบม้าไปยังค่าย และเมื่อผมอยู่ข้างกายทั้งพี่ใหญ่และบิดาก็ตกเป็นเป้าสายตาจากบรรดาคุณชายทั้งหลายที่มาเรียน ทำให้ผมค่อยๆ ขยับตัวชิดท่านพ่อ

“มาเถอะ”

“ขอรับ” ผมเดินตามบิดาเป็นลูกเป็ด สายตามองไปรอบๆ



บรรยากาศที่รายรอบไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่นและเงียบสงบเหมาะกับการเรียนหนังสือจริงๆ ท่านพ่อเดินนำผมไปยังศาลาใหญ่ที่ตอนนี้มีเหล่าคุณชายทั้งหลายกำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่หลายกลุ่ม เมื่อเห็นท่านพ่อก็รีบนั่งประจำที่ เมื่อท่านพ่อเข้าไปยืนอยู่ตรงกลลางส่วนผมนั้นยืนรออยู่ด้านนอก

“เอาล่ะ ศิษย์ข้าวันนี้จะมีศิษย์คนใหม่มาเพิ่ม เข้ามาสิ” ท่านพ่อบอกไว้ว่าที่สำนักศึกษาจะไม่มีบิดาและบุตรชาย ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อยเดินมาหยุดข้างๆ ท่านพ่อ

“ข้าไป๋อวี้หลิง”

“เอาล่ะเจ้าไปนั่งที่เสีย” ผมรีบไปนั่งที่ว่างตรงหน้า แม้จะใฝ่เรียนแต่ผมก็ไม่ได้อยากจะนั่งแถวหน้าขนาดนี้นะ เอาเถอะได้เวลาเรียนแล้ว ผมครี่กระดาษออกมากางบนโต๊ะ ตั้งอกตังใจฟังท่านพ่อและค่อยเขียนสรุปอย่างละเอียดแบบนี้ถึงจะจำได้ดี เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นมือหนึ่งเรื่องการจดเลคเชอร์เลยนะครับ ร่ำเรียนกันครึ่งค่อนวันถึงได้ปล่อยให้พักได้ ท่านพ่อไปยังห้องพักส่วนผมก็นั่งนิ่งเพราะไม่รู้จักใครเลยทำเพียงอ่านสิ่งที่จดไว้เพื่อทบทวนเสร็จแล้วผมก็ค่อยม้วนกระดาษ โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางที่กระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของทุกคนในชั้นเรียน ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามายังศาลาจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังตกเป็นเป้าสายตา

“คุณชายไป๋ ข้าโม่อิง”

“คุณชายโม่” ผมหันไปทักทายคุณชายโม่ที่เข้ามาทัก คุณชายโม่อิงช่างเป็นคนที่มีออร่าของความร่าเริงแผ่กระจายอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งรอยยิ้มกว้างและท่าทางเป็นมิตรนั่นชวนให้ผมยกยิ้มตามทันที ภาพบุบผาผลิบาน (??) ในห้องเรียนนั้นทำเอาเหลาคุณชายทั้งหลายถึงกลับเพ้อฝันกับความงดงามของดอกไม้งามทั้งสอง

“หลังเลิกเรียนเจ้าไปดื่มชากับข้าไหม”

“ข้าคงต้องขอบิดาเสียก่อน”

“ข้าจะไปขอกับเจ้าด้วย” คนคนนี้ช่างเป็นบุรุษผู้มีพลังในทางบวกเสียจริง พวกเราพูดคุยกันอีกหลายคำ ผมเลยได้รู้ว่าเสี่ยวอิงนั้นอายุน้อยกว่าและเป็นคุณชายของตระกูลโม่ท่าทางจะแก่นแก้วไม่เบาเชียวล่ะครับจากสิ่งที่เจ้าตัวพูดมาเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลโม่ ตระกูลโม่ทำกิจการเกี่ยวกับอาวุธให้กับทางการและเป็นสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งของเมืองหยางอีกด้วย ผมได้แต่นั่งขำกับเรื่องราวของเสี่ยวอิงที่สรรหามาเล่าให้ผมฟัง

“ไปกันเถอะไปกัน” เหมือนผมมีน้องชายเลยล่ะครับ ผมรีบลุกตามแรงดึงของเสี่ยวอิงตรงไปยังห้องพัก

“ท่านพ่อ”

“หลิงเอ๋อร์มีอะไรรึ”

“ลูกจะ..ขอไปดืมชากับคุณชายโม่ขอรับ” เสี่ยวอิงที่อยู่เบื้อหลังก็โผล่หน้าออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“คารวะอาจารย์ขอรับ ศิษย์ขอพาพี่อวี้หลิงไปดื่มชาได้รึไม่ขอรับ” สายตากลมของเสี่ยวอิงออดอ้อนแล้วมีหรือคนอย่างท่านพ่อที่แพ้ลูกอ้อนจะไม่ยอมได้อย่างไร

“ไปเถอะเจ้า อย่าซนจนได้เรื่องเล่า” ใบหน้าหวานมุ่ยลงเมื่อบิดากล่าวหา ผมไม่ได้ซนสักหน่อย

“ขอรับท่านพ่อ” เมื่อคารวะบิดาเสี่ยวอิงก็ลาก ย้ำว่าลากให้ผมไปขึ้นรถม้าของเจ้าตัว โดยมีผู้ติดตามอีกโขยง อ่า สมกับเป็นบุตรชายตระกูลสำนักคุ้มภัย ไม่นานก็มาถึงยังโรงน้ำชาชื่อดัง เสี่ยวอิงจูงมือผมขึ้นไปยังด้านบนห้องส่วนตัว เมื่อนั่งลงเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกน้ำชาและขนมเข้ามา อ่าคงให้คนมาจัดการไว้แล้วสินะ

“ตั้งแต่ท่านอาจารย์มาสอนพวกข้า ข้ายังไม่เคยเห็นพี่อวี้หลิงเลย”

“อ่า ทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ไม่ค่อยอยากให้ข้าออกนอกจวน”

“ท่านพ่อข้าเข้าใจนะแต่พี่ชายของพี่อวี้หลิงจะหวงท่านเกินไปรึเปล่า” ผมหลุดขำกับคำพูดของเสี่ยวอิงแม้จะเป็นความจริงก็ตามแต่

“เพราะตั้งแต่เด็กข้าร่างกายอ่อนแอทุกคนเลยเป็นห่วงข้านะ”

“แต่ข้าดูแล้วท่านไม่ได้ดูอ่อนแอเลยสักนิด”

“เจ้ารู้ดีเกินไปแล้วเสี่ยวอิง” ผมยื่นมือไปบีบแก้มป่องๆ ของเสี่ยวอิง รู้ดีจริงนะ ตอนนี้ผมเริ่มเรียนวิทยายุทธ์กับองครักษ์เงา (ที่ผมบังคับให้สอน) ซึ่งก็ทำให้ร่างกายผมดูมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น นั่งคุยกันอยู่หลายชั่วยาม ยอมรับว่าเสี่ยวอิงเป็นคนที่มีเรื่องเล่ามากมายทั้งขบขันและชวนตื่นเต้น เห็นเป็นคุณชายน้อยแต่เจ้าตัวก็เล่าว่าเคยเข้าร่วมขบวนคุ้มภัย ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่งเสียจริง ทั้งที่รูปร่างไม่ได้ต่างจากผมเลย

“เจ้าคุยสนุกมากเลยเสี่ยวอิง” ทำให้ผมอารมณ์ยิ่งกว่าวันไหน แต่รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันเบื้องหลัง

“ไป๋อวี้หลิง เจ้าคิดว่าตอนนี้กี่ยามแล้ว”

เฮือก

ไอเย็นปะทะตัวทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวพร้อมกลับเสียงทุ้มที่ชวนสยองขวัญ ผมค่อยๆ เอี้ยวหน้าหันหลังกลับไป ร่างสูงใหญ่ของพี่ใหญ่ยืนอยู่เบื้องหลังใบหน้าหล่อเหลานั้นบึ้งตึง

ซวยแล้ว

“แหะ พี่ใหญ่ข้าแค่คุยกับเสี่ยวอิงเพลินไปหน่อย” ผมรีบแก้ตัวเสียอ่อย

“แต่เจ้าก็ควรรู้บ้างว่ามันเวลาไหนแล้ว”

“ข้าขอโทษ”

“ท่านจะเกินไปรึเปล่า พี่อวี้หลิงมิได้ไปทำอะไรที่อันตรายเสียหน่อย”

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” พึงรู้ไว้ว่าพี่ใหญ่ของข้านั้นนอกจากคนในครอบครัวแล้ว จะไม่สนใจใครทั้งนั้น

“ข้าอยากยุ่งเอง พี่อวี้หลิงมิได้ไปทำอะไรที่อันตรายเสียหน่อย”

“ช่างเป็นคนไม่มีมารยาท”

“ท่าน!!!! ”

“เจ้า!!! ”

ฮืออ

ผมได้แต่ทำตัวลีบแล้วลีบอีก

ไปทะเลาะกันไกลๆ ได้ไหม

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-08-2019 13:50:59
เนื้อคู่พี่ใหญ่สินะ หุๆๆๆ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 17-08-2019 14:20:09
 :-[ เนื้องคู่มาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-08-2019 14:25:22
เจอแล้ว​ คู่ที่สมน้ำสมเนื้อพี่ใหญ่​
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 17-08-2019 14:49:02
มาแล้ว มาพอแก้คิดถึง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-08-2019 15:25:26
สงสัยน้องจะได้พี่สะใภ้ คงป่วนน่าดู  :m20:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-08-2019 18:41:07
พี่ใหญ่จะได้คู่แล้ว :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-08-2019 20:43:55
พี่ใหญ่ พูดกับอนาคตภรรยาดีๆหน่อยสิท่าน 55555555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 17-08-2019 22:52:51
สนุกสนาน
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 17/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-08-2019 11:10:15
เนื้อคู่พี่ใหญ่มาแล้วซินะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-08-2019 13:13:45
*******

“อย่าวุ่นวายเรื่องของผู้อื่นให้มากนัก” พี่ใหญ่ท่านจะไปหาเรื่องเสี่ยวอิงอีกทำไมเล่า ผมรีบลุกขึ้นไปยืนขวางระหว่างทั้งสองคนเพราะดูแล้วต่างฝ่ายต่างก็แรงไม่แพ้กัน

“พี่ใหญ่พอเถอะ กลับกันเถอะขอรับ”

“หึ เห็นแก่หลิงเอ๋อร์ ข้าจะไม่ถือสา” แล้วพี่จะไปพูดอย่างนั้นอีกทำไมเล่า

“ข้ากลัวเสียที่ไหน” นี่ก็เปรี้ยวจริง โอ๊ยยยตอนนี้ผมแทบจะห้ามศึกไม่ไหวแล้ว

“พอ!! หยุดได้แล้ว พี่ใหญ่ลงไปรอข้าด้านล่างก่อนเถอะ” ผมตะโดนอย่างเหลืออดเพราะทั้งเพื่อนใหม่และพี่ใหญ่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน พี่ใหญ่แม้จะมีท่าทางไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินออกไปเหลือเพียงพวกผม

“เสี่ยวอิง ข้าขอโทษแทนพี่ใหญ่ข้าด้วย”

“ไม่ต้องหรอก ข้าก็เป็นฝ่ายผิด แถมยังทำกิริยาไม่งามกับพี่ใหญ่เจ้าอีก” ผมยกยิ้มเอ็นดูเสี่ยวอิง แม้ก่อนหน้านี้จะทำตัวดื้อดึงกับพี่ใหญ่แต่ก็รู้ตัวว่าตัวเองนั้นทำผิด ไม่ได้มีนิสัยเยี่ยงคุณชายเอาแต่ใจ

“ข้ารู้ พี่ใหญ่ข้าก็เป็นฝ่ายผิดเช่นกัน วันนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ได้ๆ พี่ใหญ่เจ้านั้นช่างเป็นคนขี้หวงยิ่ง” ผมหลุดขำ มันเป็นเรื่องจริงที่ผมก็ยอมรับในข้อนี้ ดูท่าเสี่ยวอิงจะไม่ถูกชะตากับพี่ใหญ่เสียแล้ว ล่ำลากันเรียบร้อยผมก็เดินลงมาหาพี่ใหญ่ที่ทำหน้าทะมึงตึงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“กลับ” ผมได้แต่เดินคอตกตามพี่ใหญ่ขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวน เมื่อมาถึงจวนพี่ใหญ่ก็ยังไม่ยอมคุยด้วยอะไรจะโกรธนานผมจะเป็นฝ่ายโกรธคืนแล้วนะ เมื่อมาถึงโต๊ะทานข้าวผมก็รู้สึกผิดกับท่านพ่อเพราะมัวแต่เล่นจนเกินไป

“ท่านพ่อข้าขออภัยที่มัวแต่เล่นจนลืมเวลา”

“ไม่เป็นไร เจ้ามีเพื่อนเสียบ้างจะได้ไม่เหงา” เมื่อท่านพ่อว่าผมก็รีบเดินเข้าไปเกาะแขนออดอ้อนทันที

“หึ ช่างอ้อนนัก อวี้จิ้งเจ้าเป็นอะไร”

“เหอะ” ยัง ยังไม่งอนผมอีก

“พี่ใหญ่โกรธลูกขอรับ”

“เจ้านี่นะ คุณชายน้อยโม่ก็เป็นคนดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหลิงเอ๋อร์เลย” เมื่อได้ยินว่าคนที่อยู่กับผมเป็นคุณชายโม่พี่ใหญ่ก็ดูจะรู้สึกผิด ถึงแม้หน้าจะนิ่งแต่ผมก็ดูออก

“นั่นโม่อิงเหรอ”

“ขอรับพี่ใหญ่” เมื่อได้ยินคำยืนยันพี่ใหญ่ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนทีจะตัดบทให้บ่าวตั้งโต๊ะ อย่างนี้ก็ได้เหรอ เรดาร์ของผมนี่เตือนเลยว่า เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ

“หลิงเอ๋อร์ส่วนที่เจ้าอยากสร้างร้านน้ำชานั้น พ่อจะให้คนไปหาที่ทางไว้แล้วเจ้าค่อยไปดูนะ”

“ขอบคุณท่านพ่อมากขอรับ ข้าจะพาเสี่ยวอิงไปช่วยดูด้วยขอรับ”

“ดีแล้วตระกูลโม่เป็นผู้มีคุณธรรมและยึดมั่นในหลักการคุณชายน้อยก็อปนิสัยดี”

“ใช่ขอรับ” เมื่อพูดถึงเสี่ยวอิงก็เหมือนมีใครจะอยากรู้เสียเหลือเกิน

“แต่อย่าพากันซนนักล่ะ”

“ขอรับ” เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จก็พากันแยกย้ายหลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็เดินไปเคาะห้องพี่ใหญ่

“มีอะไรรึหลิงเอ๋อร์”

“พรุ่งนี้พี่ใหญ่อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึไม่”

“เจ้าทำอะไรพี่ทานได้ทั้งนั้นไม่ต้องคิดมาก พี่แค่โกรธตัวเอง” คงเพราะสีหน้าของผมนั้นสื่อถึงอาการงงก็หลุดขำ “โกรธที่ทำตัวเยี่ยงเด็กแบบนั้นต่อหน้าสหายเจ้า” ผมเดินไปกอดเอวซบหน้าลงกับอกกว้าง เพราะรู้ดีที่พี่ใหญ่เป็นห่วงนั้นเกิดเพราะอะไร เป็นน้องชายคนเล็กที่อายุห่างจากพี่ชายทั้งสองทั้งยังร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อมีความรักก็รักมากจนทำร้ายตน เพราะอย่างนั้นต่อให้พี่ใหญ่จะหวงแค่ไหนผมก็เข้าใจ

“มิเป็นไรขอรับ ข้าเข้าใจพี่ใหญ่ดี หากแต่ข้าไม่อยากให้พี่ใหญ่ห่วงข้าจนตนเองนั้นไม่มีความสุข องครักษ์เงาของพี่เว่ยก็ตามดูแลน้องอยู่”

“เอาเถอะพี่เข้าใจแล้ว”

“พรุ่งนี้น้องจะทำของหวานให้นะขอรับ” เท่านั้นแหละครับรอยยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งก็เผยออกมา หากยิ้มบ่อยๆ พี่ใหญ่คงจะได้ผ้าเช็ดหน้ามาเป็นหีบแน่ๆ เมื่อเข้าใจกันแล้วผมก็กลับเข้าไปยังเรือนนอน ก่อนที่จะตื่นในช่วงยามอิ๋น (03.00-04.59) เพื่อมาฝึกยุทธ์กับเหล่าองครักษ์เงา ที่เริ่มฝึกพื้นฐานอย่างเพื่อให้ร่างกายผมแข็งแรงและคุ้นชิน ฝึกราวครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) ค่อยกลับไปชำระล้างร่างกาย เรื่องฝึกยุทธ์นั้นมีเพียงซื่อจูและเหล่าเงาที่รู้แต่ผมเดาว่าพี่ใหญ่ก็คงรู้แล้วล่ะว่าผมฝึกยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว บางส่วนท่านป้าจัดใส่ปิ่นโตให้พี่ใหญ่ด้วยนะ” ผมสั่งท่านป้าให้จัดปิ่นโตให้พี่ใหญ่ไว้เป็นมื้อเที่ยง พร้อมกับขนมหวานง่ายๆ และไม่เสียอย่างวุ้น กับผัดซีอิ้วปลาหมึก พร้อมกับน้ำซุปไก่ที่ผมทำไว้ให้ วุ้นที่ทำถาดใหญ่ผมว่าจะแบ่งไปให้เสี่ยงอิงชิม เดาว่าน้องน่าจะชอบ

“ซื่อจูวันนี้ไปกับข้านะ” เมื่อวานนี้ซื่อจูขออนุญาตกลับบ้านแม้ผมจะให้หยุดหลายวันแต่ซื่อจูก็ลาเพียงวันเดียว

“ขอรับ”

“ถ้าเจ้าสนใจนะข้าจะสอนหนังสือเจ้า” เพราะซื่อจูก็ติดตามผมมานานแถมยังเป็นคนที่เรียนรู้เร็วดูจากการฝึกยุทธ์ด้วยกันทุกวัน

“จริงหรือขอรับ บ่าวเรียนได้หรือขอรับ” ท่าทางดีใจของซื่อจูทำให้ผมคิดวางแผนให้ซื่อจูร่ำเรียนกับผมเมื่อพร้อมค่อยให้เป็นหลงจู๊ที่โรงน้ำชาของผม แถมยังเป็นการส่งเสริมซื่อจูที่คอยดูแลมาโดยตลอด

“ได้สิ ไว้ข้าจะสอนเจ้า ไปกันเถอะ”

“มื่อถึงสถานศึกษาซื่อจูก็คอยด้านนอกผมเดินไปนั่งข้างๆ เสี่ยวอิงที่วันนี้ดูน่ารัก โม่อิงนั้นอายุน้อยกว่าผมสองปี แม้จะเพียง14ปี แต่ทั้งความรู้และรูปลักษณ์ถือว่าเลื่องชื่อ

“เสี่ยวอิง”

“พี่อวี้หลิง ท่านมาแล้ว” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ก็กวาดสายตามองรอบเหมือนมองหาใคร

“หาพี่ใหญ่ข้ารึ”

“เปล๊า ใครมองหาพี่ใหญ่เจ้ากัน” อยากจะแซวต่อแต่ก็กลัวว่าเสี่ยวอิงจะเขินจนไม่มีสมาธิเรียน เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ ไว้จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เรื่องนี้ผมจะต้องขุดเผือกแน่ๆ

“ช่างเถิด ข้าทำนี่มาเผือเจ้าด้วย” ผมส่งวุ้นให้

“นี่มันขนมอะไรกัน ข้าไม่เคยเห็น”

“นี่เรียกว่าวุ้น ข้าทำให้พี่ใหญ่เลยทำเผือเจ้าด้วย” เสี่ยวอิงสำรวจวุ้นทุกมุมแล้วค่อยใช้ช้อนไม้ไผ่ที่ผมทำไว้ตักวุ้นเข้าบาก ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเรียน

“อือ อร่อยมากข้าชอบ” แววตากลมนั้นระยิบระยิบอย่างชอบใจ

“ไว้เจ้าไปทานที่โรงน้ำชาข้านะ”

“เจ้าจะเปิดโรงน้ำชารึ” ผมพยักหน้า พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าจะทำโรงน้ำชา ซึ่งเสี่ยวอิงก็ทำท่าสนอกสนใจ ผมเลยเสนอว่าหากเสี่ยวอิงสนใจให้ร่วมหุ้นกับผม

“ร่วมหุ้นคืออะไรรึพี่อวี้หลิง”

“อ่า แบบว่าร่วมเป็นเจ้าของนะ”

“ข้าสน”

“งั้นวันนี้เจ้าไปคุยกับข้าที่จวนข้านะ”

“ได้สิ”

สำเร็จ

ได้ทั้งผู้ร่วมหุ้นและยังได้สนับสนุนวาสนาด้ายแดง?? ให้พี่ใหญ่อีกด้วย

******************************

มาลงเต็มแล้วค่ะ

น้องหลิงเรากำลังพัฒนาตนเองค่ะ เรื่องนี้เป็นซีรี่ย์เลี้ยงต้อย

โปรดทำข้าวผัดและโอเลี้ยงไปให้พี่ใหญ่ด้วยค่ะ 55555

ขออภัยที่มาช้าค่ะ สารภาพว่าตอนนีเขียนฟิคคู่ Trm x hp อยู่ค่ะ 5555

เหมือนว่างอ่ะคะ และที่สำคัญตอนนี้เรายังออกจากเมืองอี้ไม่ได้เลย

ติดบ่วงปรมจไปเรียบร้อยค่ะ ส่วนฟิคเราลงที่เด็กดีนะคะถ้าไม่สะดวกเดี๋ยวเอาลงที่นี่ด้วย

เจอกันอาทิตย์หน้าเช่นเดิมค่ะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์

รักค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2019 17:16:06
พ่อสื่อน้อย เริ่มดำเนินการและ   :impress2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2019 17:43:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-08-2019 19:31:59
เริ่มเป็นพ่อสื่อให้พี่ใหญ่ซะแล้วววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-08-2019 22:50:36
พ่อสื่อตัวน้อยของพี่ใหญ่ :กอด1:
อ่านแล้วหิวมากเลยอยากกินปลาหมึกผัดไข่เค็ม
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-08-2019 16:21:34
มีลุ้นๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-08-2019 21:50:59
ริจะเป็นพ่อสื่อให้พี่ใหญ่เหรอจ๊ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2019 10:12:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 14 ลงเต็ม 18/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-08-2019 19:44:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 24-08-2019 16:00:27
15

               เมื่อนัดเวลาเรียบร้อยเสี่ยวอิงก็ขอตัวกลับจวนไปขออนุญาตบิดาเสียก่อนส่วนผมก็กลับจวนพร้อมกับท่านพ่อเพื่อเตรียมมื้อเย็น ถึงแม้จะอยู่ใกล้ทะเลแต่การกินอาหารทะเลบ่อยๆก็ไม่ดีต่อสุขภาพวันนี้ได้ปลาทะเลมาผมเลยจะทำลวกจิ้มกับบะหมี่ปลา ผัดผักอีกอย่าง ผมทำน้ำซุบไว้เรียบร้อยเมื่อใกล้เวลาอาหารก็ให้ท่านป้าลวกปลาแล้วค่อยตั้งโต๊ะ

               “น้ำร้อนมาแล้วขอรับนายน้อย”

               “ขอบใจมากซื่อจู” ผมหยิบกล่องชาที่ถือออกมาจากห้องมาวางบนโต๊ะ กล่องชาบุด้วยผ้าสีเงินเหมือนกับอีกกล่องที่ให้พี่เว่ยไป อ่า จะเรียกว่าเห็นกล่องชาแล้วนึกถึงอีกคนเลยทีเดียว ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง เฮ้อยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึง

               พอๆ

               เลิกคิดเพราะยิ่งคิดผมยิ่งรู้สึกวูบโหวงเหมือนความกระตือรือร้นหายไป ผมจะต้องพัฒนาตัวเองเมื่อพี่เว่ยกลับมาจะได้ประหลาดใจ สิ่งที่ผมทำทุกอย่างเป็นการหวังผลสองทางทั้งเป็นการเพิ่มพูนความรู้และเงินทองทำให้ตนเองนั้นมีคุณค่าในตัวเองไม่เพียงแค่เป็นบุตรชายของอดีตราชครูที่รอเพียงการออกเรือนเท่านั้น ผมเลิกหวังที่จะแต่งเข้าแล้วครับได้แต่ปลงกับตำแหน่งที่จะต้องแต่งออกแล้วล่ะครับ ขนาดลงทุนฝึกวิชายุทธ์กล้ามเนื้อยังไม่ขึ้นแต่กลับทำให้หุ่นผมดีขึ้นกว่าเดิมไปอีก

               ได้แต่ปลงและปล่อยวาง

               และอีกอย่าง......หากครบสองปีแล้วทั้งผมและพี่เว่ยยังไม่เปลี่ยนไปผมจะได้ยืนเคียงข้างอย่างไม่ต้องรู้สึกละอายใจ แต่หากว่าอีกสองปีแล้วใจคนเปลี่ยนผมก็จะได้มีสิ่งที่เป็นของผมไม่จำเป็นต้องรอโดยทิ้งเวลาเสียเปล่า แม้เหล่าเงาที่รับรู้ความคิดนี้ของผมจะพยายามบอกว่านายของตนนั้นไม่มีทางเปลี่ยนไป ผมได้แต่ยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไรออกไป

               กาลเวลาผันแปรแล้วใจคนจะไม่เปลี่ยนไปเหรอ ยิ่งการไปต่างบ้านต่างเมืองพบเจอกับผู้คนมากมาย เอาเถอะผมก็เผื่อใจไว้แล้วล่ะนะ มือเทชาลงถ้วยแล้วยกขึ้นจิบระหว่างที่รอเสี่ยวอิง ท่านพ่อตอนนี้อยู่ที่ห้องหนังสือส่วนพี่ใหญ่ยังไม่กลับแต่คิดว่าอีกไม่นานก็คงกลับแล้ว ไม่นานบ่าวก็เดินนำเสี่ยวอิงมาหากแต่ผู้ที่มาด้วยนั้นผมไม่คุ้นหน้าหากแต่มีความคล้ายคลึงกับเสี่ยงอิง รึจะเป็นพี่ชาย??

               “พี่อวี้หลิงข้ามาแล้ว เอ่อ นี่พี่ใหญ่ข้า” ผมประสานมือคารวะผู้สูงวัยกว่า

               “คารวะคุณชายโม่”  คุณชายใหญ่ตระกูลโม่เพียงพยักหน้า ผมเลยเชื้อเชิญให้นั่งโดยที่ให้เสี่ยวอิงนั่งข้างๆ ส่วนคุณชายใหญ่นั้นนั่งถัดไปจากเสี่ยวอิง

               “นี่เป็นน้ำชาที่ข้าทำเองเจ้าลองชิมดู” ผมรินน้ำชาใส่ถ้วยอีกถ้ยนั้นให้ซื่อจูยกไปให้คุณชายโม่ เสี่ยวอิงยกชาขึ้นจิบตากลมนั้นเปล่งประกายชอบใจ

               “รสดียิ่ง ข้าจะร่วมทำด้วยพี่อวี้หลิง” ผมยิ้ม ก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบถามสหายต่างวัย

               “นี่พี่ใหญ่เจ้าตามมาเพราะเหตุอันใด”

               “ข้าก็ไม่รู้” เสี่ยวอิงกระซิบตอบกลับมา

               “งั้นพรุ่งนี้เราไปดูที่กันพี่ใหญ่ข้าไปดูไว้แล้วแต่พรุ่งนี้ถึงจะว่างพาข้าไป”

               “ดียิ่ง” ระหว่างที่พวกผมคุยกันนั้น คุณชายโม่ก็นั่งจิบชาไม่พูดไม่จา

               “ซื่อจูเจ้าไปหยิบกระดาษกับพู่กันให้ข้าที” เพราะต้องร่างสัญญาที่ทำร่วมกันแม้จะคบหาเป็นสหายแต่การทำแบบนี้ก็จะทำให้สะดวกใจทั้งสองฝ่าย

               “นี่ขอรับ”

               ผมร่างข้อตกลงและการร่วมถือหุ้นทั้งเงินที่ร่วมทุนและผลตอบแทนแม้จะเรียกว่าการลงทุนร่วมแต่ผมก็ยังถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ซึ่งเสี่ยวอิงก็เห็นด้วยโดยมีผู้ปกครองนั่งกำชับอยู่ข้างๆ

               “คุณชายไป๋ช่างฉลาดยิ่ง หากทำการค้าเช่นเดียวกับข้าคงลำบากแล้ว”

               “ท่านกล่าวเกินจริงแล้ว ข้าแค่มีความรู้น้อยนิดเท่านั้น” ผมว่าอย่างถ่อมตัว เพราะมันเป็นเรืองจริงผมไม่คิดการณ์ใหญ่อย่างการทำการค้าเช่นตระกูลโม่หรอกนะ

               “เรียกข้าว่าพี่เวินอย่างที่เจ้าอิงเรียกเถิด” ผมยิ้มรับ เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยก็ถืงเวลาที่จะทานมื้อเย็นผมเลยชักชวนแกมบังคับให้สองพี่น้องตระกูลโม่

               “คารวะท่านลุงไป๋ขอรับ”

               “อ่าว เจ้าก็มาด้วยกันรึ”

               “ขอรับท่านลุงเพราะกลัวเจ้าอิงไปเล่นซน”

               “ข้าซนที่ไหนกันพี่ใหญ่” ผมขำกับท่าทางร้อนตัวของเสี่ยวอิง จากที่ฟังท่านพ่อและตระกูลโม่คงจะสนิทสนมกัน อย่างนี้วาสนาด้ายแดงของพี่ใหญ่ก็ผ่านฉลุยแล้วสิ ในหัวผมคิดวางแผนมองเสี่ยวอิงอย่างหมายมั่นปั้นมือ ท่านพ่อหันไปคุยกับพี่ใหญ่เวินเรื่องการค้าของพี่ใหญ่เวิน

               “หลิงเอ๋อร์พี่กลับมาแล้ว” เสียงที่มาก่อนตัวนั่นทำให้เสี่ยวอิงขยับนั่งตัวตรง พี่ใหญ่ชงักเมื่อเข้ามาแล้วเห็นแขกที่นั่งอยู่ข้างๆผม

               “พี่ใหญ่ นั่งก่อนสิขอรับ” ผมลุกขึ้นดึงแขนพี่ใหญ่ให้นั่งแทนที่ตัวเองยกชารินให้พร้อมเสร็จสรรพแล้วค่อยไปนั่งข้างพี่ใหญ่อีกที เมื่อนั่งข้างกันแล้วพี่ใหญ่ก็ดูมีท่าทางตัวแข็งแปลกๆ

               “พี่ใหญ่ตอนนี้เสี่ยวอิงเป็นผู้ร่วมลงทุนกับข้าแล้วนะ”

               “งั้นหรือ ดีแล้วล่ะ”แววตาของพี่ใหญ่ฉายแววเอ็นดูพร้อมกับมือที่ลูบผม เพราะพี่ใหญ่เป็นคนแบบนี้ไงเล่าผมถึงอยากจะสนับสนุนให้พี่ใหญ่มีคู่ดีๆ

               หลังจากที่คุยกัน รื่อยเปื่อยผมก็รับรู้ว่าพี่ใหญ่กับพี่ใหญ่เวินนั้นเป็นเพื่อนซี้กัน และที่ตามติดน้องชายมาด้วยเพราะอยากมาเจอหน้าผมเพราะก่อนหน้านี้นั้นเมื่อตอนเข้าเมืองหลวงแล้วขอไปหาแต่พี่ใหญ่ก็ห้ามไม่ให้มาเจอผมโดยมีข้ออ้างสารพัดแบบจนพี่ใหญ่เวินเลิกที่จะสนใจ  ช่างเป็นความหวงที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จริง ๆ  พอถึงมื้อเย็นบะหมี่ปลาก็ดูจะได้รับความนิยมเพราะแต่ละคนต่างขอเพิ่ม เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างก็เดินไปส่งสองพี่น้องโม่ที่หน้าจวน พี่ใหญ่ก็ยังคงนิ่งได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

               อ๊ะ แต่อย่าคิดว่าผมไม่เห็นนะว่าแอบคีบอาหารใส่ชามเสี่ยวอิงนะ ดูท่างานกามเทพผมก็ทำได้ดีเหมือนกัน ล่ำลากันเสร็จก็แยกย้ายเข้าเรือนนอน ก่อนนอนผมก็หยิบสมุดออกมา อีกหนึ่งกิจวัตรของผม คือการเขียนบันทึกว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง และ คิดถึงคนที่เดินทางไกลแค่ไหน

               อ่า

               เมื่อไหร่จะครบสองปีนะ


หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2019 16:33:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-08-2019 17:21:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-08-2019 18:14:23
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-08-2019 20:50:14
พบคนซึน 1 อัตราล่ะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-08-2019 22:05:38
 :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-08-2019 00:00:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-08-2019 02:22:12
เขาดูออกหมดแล้วพี่ใหญ่  :o8:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 25-08-2019 09:45:48
 :hao5:
พี่ใหญ่
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 40 เปอร์ 24/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 14:40:06
ห่างกันแป๊บเดียวก็คิดถึงแล้วเนอะ ส่วนพี่ใหญ่นั้นทั้งขี้หวงน้องและซึนจ้าต้องมีอะไรมากระตุ้นดีรึเปล่าน้อ :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 25-08-2019 15:42:54
วันต่อมาผมและเสี่ยวอิงมาดูตึกที่จะสร้างโรงน้ำชาซึ่งเป็นตึกที่อยู่ทางเข้าเมืองตรงความต้องการของผมพอดี เมื่อสำรวจแล้วก็คิดว่าคงต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อย โดยจ้างช่างไม้ให้ทำชั้นสองให้เป็นห้องส่วนตัวส่วนด้านล่างจัดทำพื้นใหม่ ส่วนการจ้างคนงานนั้น ผมให้ซื่อจูเป็นหลงจู๊ เลือกคนงานที่เห็นว่าขยันและซื่อสัตว์ส่วนแม่ครัวทำขนมนั้นผมก็เลือกเอาจากคนในบ้านเพราะคุ้นเคยกับเมนูอาหารของผม เผลอแปบเดียวก็ผ่านไปเดือนหนึ่ง เพราะมีเรื่องให้ทำมากมายทำให้รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นวันเปิดร้าน ผมแล้วเสี่ยวอิงต่างมาอยู่ที่ร้านแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมการพร้อมกับทั้งสองครอบครัวที่มาพร้อมกัน เมื่อได้ฤกษ์เหล่าสิงโตก็ออกมาเชิดพร้อมกับประทัดถูกจุด
   สิ้นเสียงประทัดและควันไฟผมกับเสี่ยวอิงก็ออกมายืนยังหน้าโรงน้ำชาหลานฮวา เพราะชาที่ร้านจะทำมาจากดอกไม้และผลไม้เสียส่วนใหญ่การใช้ชื่อดอกไม้ก็ดูไม่สิ้นคิดเกินไปนัก ทันทีที่ผู้มาร่วมยินดีได้ยลโฉมเจ้าของโรงน้ำชาต่างก็ต้องตกบ่วงความงามดั่งดอกไม้งานในช่วงฤดูหนาว
   “ข้าไป๋อวี้หลิงขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมยินในการเปิดโรงน้ำชาของพวกเราในวันนี้”
   “เนื่องจากเป็นวันเปิดร้านทางเราจะลดราคาครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการขอบคุณทุกท่าน” เพียงเท่านั้นก็มีเสียงฮือฮาจากผู้มามุง ความคิดนี้ทีแรกผมคิดเอาไว้ว่าจะทำสามวันแต่การทำแบบนั้นเหมือนเป็นการลดคุณค่าในตัวสินค้าของเราผมเลยเลือกที่จะลดวันหนึ่งแม้ทุกคนจะคิดว่าเป็นการขาดทุนก็ตามแต่ว่าแบบนี้ก็จะทำให้ทุกคนรู้จักร้านของพวกเรา
   เมื่อเปิดร้านทั้งเหล่าคุณชายที่ร่ำเรียนมาด้วยกันและเหล่าคุณหนูที่ผมให้คนแอบกระจายข่าวเกี่ยวกับชาผลไม้ที่ช่วยเสิร์ฟความงามต่างเดินเข้าร้าน โชคดีที่ผมเตรียมคนงานและแจกแจงหน้าที่ไว้อย่างดี บรรดาเหล่าคุณชายคุณหนูขึ้นไปยังชั้นสองส่วนผู้คนธรรมาก็เปิดให้นั่งที่ชั้นล่าง แม้จะมีวัฒนธรรมตะวันตกแต่ก็ยังคงแบ่งวรรณะกันอยู่ แต่ผมก็ติวเข้มเด็ก ๆ ให้บริการด้วยรอยยิ้มทุกคน
   “คุณชายไป๋ ชาพีชของท่านถูกปากมากเลยเจ้าค่ะ”
   “แต่ข้าชอบชาผิงกัวมากกว่า”
   “ขนมที่กินกับชานั้นก็อร่อยยิ่ง”
   “เรียนคุณหนูท่านสามารถเลือกชาและขนมกลับจวนได้ขอรับในราคาครึ่งหนึ่ง”
   “ดียิ่ง ข้าขอชุดนี้ สองชุด”
   “ข้าเอาด้วย”
   “ข้าด้วย” และบรรดาคนงานก็ต่างจดรายการที่เหล่าคุณหนูคุณชายสั่งกลับบ้าน ขนมที่ทำวันนี้มีทั้งของทานเล่นและขนมทางตะวันตก ที่ผมเค้นความรู้และลองผิดลองถูกที่จะทำเตาอบ คุกกี้ผลไม้สารพัดอย่างถูกเนรมิตขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ลืมขนมไทยที่มีขนมตระกูลทองที่เสิร์ฟพร้อมกับชาที่มีรสขมเล็กน้อย และดูท่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจหลายๆคน
   “ขอให้การค้าพวกเจ้าเจริญรุ่งเรืองนะ” ผมคำนับท่านลุงโม
   “ขอบพระคุณขอรับท่านลุง”
   “พี่อวี้หลิงดูท่าร้านเราจะประสบความสำเร็จนะขอรับ” ผมยิ้มแล้วส่ายหน้ากับความคิดไร้เดียงสาของเจ้าตัว
   “ผ่านสามเดือนก่อนเถิด”
   ตอนนี้ทั้งวรยุทธ์และการเรียนผมต่างพัฒนาขึ้นมากสามารถป้องกันตัวเองได้แล้ว ส่วนเดือนหนึ่งที่ผ่านมาวาสนาด้ายแดงของพี่ใหญ่นั้นช่าง..
   น่าสงสาร
   น่าสงสารพี่ใหญ่ที่ทำตัวปากไม่ตรงกับใจแม้อยากจะพูดคุยกับเสี่ยวอิงแต่ก็ต้องเป็นอันทะเลาะเพราะฝีปากพี่ใหญ่นั้นทำให้เสี่ยวอิงโมโห สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการะปะทะฝีปากกัน กามเทพอย่างผมเริ่มระอาจนอยากจะบีบคอพี่ใหญ่ ทีกับน้องแล้วทำตัวอ่อนโยนแล้วกับผู้ที่แอบชอบทำไมถึงได้กวนประสาทเขานักล่ะ
   ใช่ครับ
   พี่ใหญ่แอบชอบเสี่ยวอิง สหายสองคนนี้ช่างเหมือนกันกระทั่งรสนิยมในการเลี้ยงต้อย เห็นท่านพ่อว่าชอบตั้งแต่เสี่ยวอิงยังเด็กอยู่ นี่ไม่ใช่แค่พรากผู้เยาว์แล้วพี่ใหญ่เป็นขั้นที่เหนือกว่าสินะ
   “เสี่ยวอิง เจ้าคิดว่าพี่ใหญ่ข้าเป็นเช่นไร” เมื่ออยู่กันตามลำพังผมก็ถามโยนหินถามทาง
   “พี่ใหญ่พี่อวี้หลิง....... เป็นคนกวนประสาทและนิสัยไม่ดียิ่ง ข้าไม่แม้จะอยากคุยด้วยซ้ำ” อ่า  พี่ใหญ่ท่านทำอะไรลงไป
   “เจ้าไม่ชอบพี่ใหญ่ข้าจริงๆหรือ”
   “ใช่ ข้าไม่ชอบ” เสี่ยวอิงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น วาสนาด้ายแดงของพี่ใหญ่ช่างเป็นงานหนักเสียจริง  “พี่อวี้หลิงข้าทำบัญชีเสร็จแล้วข้าขอกลับจวนเลยนะขอรับ”
   “จะกลับได้เช่นไร ดึกดื่นเช่นนี้ รอพี่ใหญ่ข้าไปส่งเถอะ”
   “ไม่ต้องหรอกขอรับ ข้าเหนื่อยเกินที่จะทะเลาะกับคนผู้นั้นแล้ว อีกอย่างคนของข้าก็รออยู่ด้านนอก” แม้จะสังหรณ์ใจไม่ดีเพียงใดแต่ผมก็ต้องยอมเพราะคนตรงหน้านั้นเมื่อตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ
   “งั้นรึ เดินทางดีๆนะ” คล้อยหลังเสี่ยวอิงออกไปผมก็วิ่งไปหาพี่ใหญ่
   “พี่ใหญ่ขอรับ เสี่ยวอิงกลับไปแล้วข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเลยขอรับ” การค้าที่รุ่งเรืองย่อมแลกกับการขัดแข้งขัดขากับผู้อื่น เมื่อพี่ใหญ่ได้ยินก็สบถพุ่งทะยานออกไปทันที
   .
   ไป๋อวี้จิ้งได้แต่คาดโทษร่างเล็กในใจ ก่อนหน้านั้นโม่เวินได้เตือนเรื่องผู้ที่จ้องจะทำร้ายเพราะการคุ้มกันภัยของตระกูลเจ้าตัวถึงไม่ได้อยู่ดูแลได้แต่ฝากฝังเขาไว้แต่เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด ปปลายเท้าสะกิดหลังคาพุ่งทะยานไปยังทางกลับจวนตระกูลโม่ หากแต่ใจขอเขาต้องหล่นไปเบื้องล่างเมื่อกลิ่นคาวเลือด
   “อิงเอ๋อร์”ข้าร้องเรียกพร้อมกับกระโดดไปยังเบื้องหน้าพร้อมกับยกกระบี่ขึ้นกันคมดาบที่ฟาดลงมาแล้วซัดฝ่ามือจนร่างนั้นปลิวกระแทกต้นไม้สิ้นใจทันที เขาไม่สนใจร่างนั้นอีกต่อไปก่อนที่จะพุ่งเข้าไปใช้กระบี่ฟาดฟันปลิดชีพ เมื่อจัดการเหล่าคนร้ายเขาก็รีบเดินกลับไปหาร่างเล็กที่นั่งพิงล้อรถม้าอย่างอ่อนแรง ใบหน้าหวานนั้นซีดเผือดไร้สีเลือด
   “อิงเอ๋อร์ เจ้าเจ็บตรงไหนรึไม่” เขาไม่กล้าที่แม้จะแตะต้องร่างเล็ก
   “เจ็บ” เสียงหวานนั้นแหบแห้งก่อนที่เปลือกตานั้นจะปิดลง
   “อิงเอ๋อร์!!” มือใหญ่รีบจับชีพจร สายตาคมมองเห็นรอยแดงชุ่มตรงเอวเล็ก “ ข้าขอโทษ” พึมพำขอโทษก่อนที่จะดึงสายรัดเอวออกแหวกสายเสื้อ เขาหยิบผงห้ามเลือดออกจากอกเสื้อโรยเข้าที่แผล พร้อมกับฉีกเสื้อตัวในของคนเจ็บบรรจงพันแผลอย่างเบามือ กวาดสายตามองทั่วร่างเมื่อไม่เห็นบาดแผลที่ได้อีกเขาก็ค่อยๆอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกแล้วทะยานกลับสู่จวน
   .
   .
   จวนตระกูลไป๋ถูกจุดโคมสว่างทั่วทั้งจวนเมื่อคุณชายใหญ่อุ้มคุณชายน้อยตระกูลโม่มาที่จวนพร้อมกับตะโกนเรียกหาหมอเสียงดัง ทุกคนถูกตามตัวมายังเรือนรับรอง ด้านนอกนั้นมีคุณชายน้อยและนายท่านรอฟังข่าวด้านนอก
   
**************************************************************************
ลงเต็มแล้วจ้าาาาาาา

โอ๊ยน้องอิงโดนลอบทำร้าย ส่วนพี่ใหญ่เรานั้นเป็นสายซึนที่ปากจัดค่ะ

ดีใจที่ทุกคนชอบนะคะ 

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ

ปล. พี่ใหญ่คือขั้นกว่าของการกินเด็กค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 17:25:45
น้องอิงบาดเจ็บขนาดนี้พี่ใหญ่ต้องเลิกซึนได้แล้ว ชีวิตคนเราสั้นนักนะพี่ใหญ่ อย่าเป็นอะไรมากนะน้องอิง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-08-2019 18:36:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-08-2019 18:58:57
ลดความซึนบ้างก็ดีนะ พี่ใหญ่ 5555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2019 19:04:31
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 25-08-2019 21:29:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 25-08-2019 22:50:13
น้องอิงลู๊กก..  :o
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-08-2019 00:57:27
น้องเจ็บบบบบบ แต่ถ้าพี่ใหญ่ยังพูดไม่ดีกับน้องอีกนะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-08-2019 13:29:56
งวดนี้น้องคงดูพี่ใหญ่ดีขึ้นล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 26-08-2019 16:58:40
 “คุณชายไป๋ ชาพีชของท่านถูกปากมากเลยเจ้าค่ะ”
อันนี้ต้องเป็นชาลูกท้อหรือดอกท้อรึเปล่าคะ? ถ้าหมายถึงpeach น่าจะเป็นลูกท้อ หรือตั้งใจจะใช้ชื่อพีช? หรือพิมพ์ผิดรึเปล่าคะ  :m28:

พึ่งเห็นอีกอัน
ผมให้ซื่อจูเป็นหลงจู๊ เลือกคนงานที่เห็นว่าขยันและซื่อสัตว์>>อันนี้อ่านแล้วแอบสะดุ้งเบาๆ :hao7:

รอติดตามตอนต่อไปจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-08-2019 19:58:13
สนุกมากกก  รอๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-08-2019 21:57:21
รออ่านต่อค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-08-2019 16:21:28
“คุณชายไป๋ ชาพีชของท่านถูกปากมากเลยเจ้าค่ะ”
อันนี้ต้องเป็นชาลูกท้อหรือดอกท้อรึเปล่าคะ? ถ้าหมายถึงpeach น่าจะเป็นลูกท้อ หรือตั้งใจจะใช้ชื่อพีช? หรือพิมพ์ผิดรึเปล่าคะ  :m28:

พึ่งเห็นอีกอัน
ผมให้ซื่อจูเป็นหลงจู๊ เลือกคนงานที่เห็นว่าขยันและซื่อสัตว์>>อันนี้อ่านแล้วแอบสะดุ้งเบาๆ :hao7:



รอติดตามตอนต่อไปจ้า :mew1:
แง้ขอบคุณที่เตือนค่ะ เดี๋ยวจะแก้ให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 15 100 เปอร์ 25/8/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-08-2019 17:22:54
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 100 เปอร์ 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-09-2019 20:57:49
16
   ภายในเรือนรับรองนั้นหมอมากฝีมือที่สุดในเมืองถูกตามตัวมากลางดึกเพื่อรักษาคุณชายน้อยตระกูลโม่  บาดแผลช่วงแขนนั้นแม้จะไม่ยาวนั้นหากแต่คมกระบี่นั้นบาดลึกลงไปหากไม่ได้ยาห้ามเลือดของคุณชายใหญ่ไป๋ช่วยไว้ ลมหายใจสุดท้ายคงขาดลงเป็นแน่ ทั้งยังบาดแผลช้ำอีกหลายจุด
   “ท่านหมอเป็นเช่นไรบ้าง”
   “โชคยังดีที่คุณชายใหญ่ยื้อไว้ได้ทันเวลา ข้าทำแผลและห้ามเลือดให้แล้ว คุณชายน้อยโม่เสียเลือดไปมาข้าจะเขียนเทียบยาไว้ให้ ตอนนี้ก็อย่าให้คุณชายน้อยโม่ขยับตัวมาก อีกทั้งคืนนี้อาจมีไข้ขึ้น”
   “ชอบคุณท่านหมอมากขอรับ” ร่างสูงใหญ่ประสานมือขอบคุณท่านหมอที่เรียกได้ว่าถูกลักพามายามดึกนั้นแม้แรกๆจะไม่พอใจหากแต่เมื่อเห็นคนเจ็บท่านหมอกลับลงมือรักษาทันที เขาให้บ่าวอีกคนเดินไปรับเทียบยาจากท่านหมอเพื่อไปต้มยา เมื่อท่านหมอเดินออกไปบิดาและน้องชายก็เดินเข้ามา
   “เป็นอย่างไรบ้าง”
   “เพราะเสียเลือดไปมากขอรับ ท่าหมอเขียนเทียบยาให้แล้วขอรับ”
   “พ่อจะให้คนไปแจ้งตระกูลโม่” เมือได้ยินว่าปลอดภัยแล้ว ผู้สูงวัยเดินออกจากห้องเพื่อสั่งการณ์ให้คนไปแจ้งตระกูลโม่ที่รอฟังข่าวอยู่ เพราะตอนนี้ที่จวนตระกูลโม่นั้นมีเพียงแต่ฮูหยินใหญ่และฮูหยินผู้เฒ่าเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยจึงให้รอฟังข่าวที่จวน ไป๋อวี้จิ้งนั่งลงที่เก้าอี้เล็กข้างเตียง มือใหญ่เลื่อนไปกุมมือเล็กไว้
   “เสี่ยวอิงปลอดภัยแล้วพี่ใหญ่ ข้าจะให้คนชงชามาให้นะขอรับ” เพราะรู้ตอนนี้พี่ใหญ่คงกำลังว้าวุ่นใจ เพราะหากพี่ใหญ่ตามไปไม่ทันเสี่ยวอิงคง.. ตอนนี้คงต้องปล่อยให้พี่ใหญ่ดูแลรักแรกด้วยตัวของตัวเองแล้ว
   คล้อยหลังน้องชายอวี้จิ้งก็ทำได้เพียงมองร่างเล็กใบหน้าหวานที่ปกติแล้วเมื่อเจอะเจอกันจะแดงระเรื่อตอนนี้กลับไร้สีเลือด ริมฝีปากเล็กที่คอยทุ่มเถียงกับเขาทุกเวลากลับขาวซีด ในหัวของเขาได้แต่คิดวนไปวนมา ว่าหากเขาไปไม่ทัน หากเขาไปช้ากว่านี้อีกเพียงนิด ร่างเล็กจะเป็นเช่นไร ในใจของเขานั้นบีบรัดเมื่อเห็นร่างโปร่งล้มลงไปกับตา
   “พี่ขอโทษ” หากเขาตามออกไปเร็วกว่านี้น้องคงไม่เจ็บตัว หากเจ็บตัวแทนได้เขาคงทำไปแล้ว
   “คุณชายข้านำยาและน้ำชาจากคุณชายมาให้ขอรับ” เสียงซื่อจูด้านนอกทำให้เขาร้องอนุญาตออกไปชากลิ่นหอมและกลิ่นของยาโชยเข้ามาทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
   “วางไว้ แล้วออกไปเถอะ” ซื่อจูทำตามแล้วเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย กลิ่นชาหอม ๆ นั่นช่วยทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น มือใหญ่เอื้อมไปหยิบถ้วยยาขึ้นมาเป่าจนเย็นลง เมื่อท่านหมอแจ้งว่าอาจมีไข้ แล้วจัดเทียบยาแก้ไข้มาด้วย มือใหญ่วางทับที่หน้าผากเนียน และสัมผัสได้ถึงความร้อนจึงรีบร้อนลุกขึ้นไปสั่งให้บ่าวที่อยู่หน้าห้องไปนำน้ำร้อนและผ้ามาให้ ไม่นานน้ำร้อนก็ถูกยกเข้ามา และเขาก็เป็นคนที่จัดการใช้ผ้าอุ่นคอยเช็ดตัวให้น้อง เพราะเคยชินแล้วกับการที่ดูแลทหารหากแต่การกระทำนั้นแฝงไปด้วยความอ่อนโยน เมื่อวางผ้าลงบนหน้าผากเพื่อให้ซับความร้อน และก็ถึงงานยากเมื่อต้องป้อนยาคนเจ็บ เพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนบาดแผล มือใหญ่ตักยาแล้วค่อย ๆ  ป้อนยาให้กับร่างเล็กหากแต่คนเจ็บก็ไม่รู้สึกตัวแถมยังสำลักยาออกมาอีก  เมื่อไม่มีทางเลือกเขาก็มีทางเลือกเพียงทางเดียว
   “พี่ขออภัยเจ้าด้วย” ก้มกระซิบขออภัยก่อนที่จะยกยาขึ้นดื่มแล้วก้มลงแนบลงที่ริมฝีปากบางได้รูป ค่อย ๆ บรรจงป้อนยาให้กับคนป่วยเมื่อผละออกมาก็เห็นว่าคนป่วยนั้นยอมกลืนยาลงไป เขาก็บรรจงป้อนยาจนหมดถ้วยเมื่อวางถ้วยยาลงก็หยิบผ้าค่อย ๆ เช็ดคราบยาที่มุมปากอย่างแผ่วเบา แม้จะบอกว่าเป็นการป้อนยาหากแต่รสหวานยังคงจารึกอยู่ในใจ
   .
   .
   เมื่อดูแลจนรุ่งสางทั้งเช็ดคลายความร้อนทั้งป้อนยา อาการไข้ก็ลดลงจากเมื่อคืนนักสีหน้าขาวซีดนั้นเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง ทำให้เขาวางใจ แม้จะไม่ได้นอนทั้งคืนก็ตาม
   “พี่ใหญ่ ข้าขอเข้าไปนะขอรับ”
   “เข้ามาเถอะ”
   “เสี่ยงอิงเป็นเช่นไรบ้าง”
   “ไข้ลดลงแล้วล่ะ เจ้ามีเรื่องอันใดรึหลิงเอ๋อร์”
   “ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินโม่มาขอรับ” เขาเพียงพยักหน้ารับรู้ หากผู้อาวุโสทั้งสองมาเห็นว่าเขาอยู่เพียงลำพังกับน้องคงมิเป็นเรื่องดี เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้น
   “เจ้าเข้ามาดูแลเสี่ยวอิงเถิดพี่จะกลับเรือนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า”
   “ข้าจะดูแลให้อย่างดีเลยขอรับ” เมื่อน้องรักให้คำมั่นเขาก็เดินออกจากห้องไปยังเรือนตน เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ตั้งแต่ที่ไปช่วยน้อง
   เมื่อพี่ใหญ่ออกไปผมก็เดินเข้าไปนังแทนทีทำทีเป็นคนดูแลเสี่ยวอิงไม่เช่นนั้นพี่ใหญ่คงดูไม่ดีในสายตาว่าที่แม่ยายแน่ๆ อย่าถามว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่ห้ามก็เพราะว่าพี่ใหญ่นั้นเมื่อตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วไม่มีทางที่จะห้ามได้อีกอย่างก็รู้ใจพี่ใหญ่ดีจึงไม่ห้าม
   “นายน้อยขอรับ นายท่านพาฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินโม่มาแล้วขอรับ” ซื่อจูที่ผมสั่งให้ไปดูต้นทางไว้รีบวิ่งมาแจ้งผมทันที ผมเลยรีบตรวจดูในห้องเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรที่จะเป็นหลักฐานชี้ถึงพี่ใหญ่ก็รีบกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับซื่อจูที่ยืนอยู่ถัดไปเบื้องหลัง
   “อิงเอ๋อร์ อิงเอ๋อร์ของย่า” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้ามาก็นั่งลงข้างเตียง มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบตามหน้าตาของเสี่ยวอิง
   “ท่านแม่เจ้าคะ ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงปลอดภัยแล้ว” ฮูหยินโม่ได้แต่เอ่ยปลอบใจแก่แม่สามี วางใจเมื่อเห็นสีหน้าของบุตรชายนั้นไม่ได้ย่ำแย่อย่างเช่นที่กังวล
   “คารวะฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินโม่ขอรับ”
   “ตายจริงข้าเสียมารยาทแล้ว นี่คงเป็นคุณชายน้อยอวี้หลิงสินะ ได้ยินเสี่ยวโม่เอ่ยถึงอยู่ประจำ”
   “ขอรับ” เป็นฮูหยินผู้เฒ่าหันมาทักพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่หางตา เบาๆ ผมเลยยิ้มตอบ ก่อนที่จะได้พูดคุยอะไรกันอีกพี่ใหญ่ก็เดินเข้ามา
   “คารวะฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินโม่ขอรับ”
   “คุณชายใหญ่ ตระกูลโม่เป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว” เป็นฮูหยินที่กล่าวขึ้น
   “มิเป็นไรขอรับ ข้าเต็มใจช่วย” ฮูหยินโม่สังเกตถึงแววตายามที่คุณชายเอ่ยถึงบุตรชายตนก็เดาได้ถึงแปดส่วน ในใจก็รู้สึกชอบใจ เมื่อคนที่ต้องตาบุตรชายคนเล็กของตนนั้นเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋ ที่ถูกล่ำลือในเรื่องรักเดียวใจเดียวหากบุตรชายตนได้ตบแต่งออกไป คงไม่ต้องช้ำใจกับการที่ต้องใช้สามีร่วมกับสตรีและบุรุษอื่น อีกทั้งนิสัยใจคอคุณชายใหญ่ผู้นี้ก็เป็นที่เลื่องลือ หน้าที่การงานรึก็เป็นถึงรองแม่ทัพแม่ทัพ ในใจยิ่งยกให้คุณชายใหญ่อยู่สูงกว่าคุณชายตระกูลไหน หวังก็เพียงบุตรชายตนจะมีใจให้คุณชายใหญ่ผู้นี้บ้าง
   “ข้าว่าเราออกไปกันเถิด ให้เสี่ยวอิงพักผ่อนเงียบ ๆ เถอะ” ท่านพ่อเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้คนในห้อง ซึ่งทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินโม่แม้อยากจะอยู่ต่อหากแต่เหตุผลที่ประมุขไป๋กล่าวนั่นถูกต้องจึงยอมเดินออกไป มีเพียงซื่อจูที่อยู่เฝ้า เมื่อเดินมายังห้องโถงทุกคนนั่งประจำตำแหน่ง บ่าวก็นำชาที่นายน้อยสั่งเตรียมไว้มาทันที
   “คุณชายใหญ่ท่านจับตัวผู้ร้ายได้หรือไม่” ถ้วยชาถูกยกขึ้นจิบเพียงนิดแล้วถูกวางลง ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้เอ่ยปากถาม
   “ไม่มีคนรอดขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าแล้วถอนหายใจยาว เมื่อไม่มีคนรอดก็มิรู้ว่าจะไปสืบว่าผู้ใดเป็นผู้บงการ
   “ตอนนี้อิงเอ๋อร์ยังไม่ฟื้น คงต้องรบกวนประมุขไป๋เสียแล้ว”
   “ไม่ต้องเกรงใจ อย่างไรเสียทั้งข้าและโม่ฉิงก็เป็นสหายกันมานาน” พูดคุยกันอยู่นานทั้งสองก็ขอตัวกลับไปที่จวนเหลือเพียงแค่เสี่ยวม่อบ่าวติดตามของเสี่ยวอิงไว้ดูแลนายน้อยตน เมื่อทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินโม่จากไป พี่ใหญ่ก็ลุกไปยังเรือนรับรองทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเฝ้าเสี่ยวอิง
   ผ่านมาครึ่งค่อนวัน คนป่วยก็ฟื้นได้สติอวี้จิ้งรีบลุกไปหาทันทีพร้อมกับน้ำอุ่นที่เทเตรียมไว้
   “อย่าขยับ แผลเจ้าจะปริได้”อวิ้จิ้งรีบห้ามปรามคนเจ็บที่จะลุกจากเตียง
   “แค่กๆ”
   “ดื่มน้ำก่อน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนจนคนเจ็บได้แต่แปลกใจ เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มาดูแลเขาได้ เมื่อน้ำไหลผ่านลำคอแห้งผากทำให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น
   “เหตุใดจึงเป็นท่าน”
   “เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่” อวี้จิ้งเลือกที่จะไม่ตอบคำถามหากแต่เอ่ยถามกลับ
   “ไม่ ข้าไม่ต้องการอันใด” 
   “อืม” มีเพียงความเงียบงันภายในห้อง หากแต่การกระทำของร่างสูงก็ทำเอาใจดวงน้อยเต้นรัวเมื่อมือใหญ่แตะตามหน้าและลำคอ
   “มิมีไข้แล้ว เจ้าหิวหรือไม่”
   “หิว” โม่อิงบอกด้วยเสียงอันเบา ตอนนี้ทั่วทั้งร่างต่างเจ็บปวดหากแต่ที่แขนนั้นรู้สึกเยี่ยงหินที่ทับเอาไว้  เขามองดูคุณชายใหญ่ที่วางถ้วยน้ำลงแล้วลุกไปสั่งให้บ่าวไปยกสำรับมา แล้วก็กลับมานั่งข้าง ๆ เช่นเดิม
   “เจ้าปวดแผลรึไม่ กินข้าวเสร็จพี่จะทำแผลให้”
   พี่
   พี่รึ
   ตากลมเบิกกว้างเมื่อคุณชายใหญ่ที่คอยค่อนแคะ และทะเลาะกับเขาทุกอยู่ทุกเมื่อ เหตุใดถึงได้ทำตัวเปลี่ยนไปและการเปลี่ยนไปของร่างสูงก็ทำให้ใจเขาปั่นป่วน
   .
   .      
   เมื่อสำรับถูกยกเข้ามาอวี้จิ้งก็ยกชามโจ๊กแค่ได้กลิ่นเขาก็รับรู้ได้ว่าเป็นฝีมือน้องชาย เมื่อเย็นลงเขาก็วางชามลงแล้วหันไปประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกกว้าง
   “ทำไมต้องให้ข้าพิงท่านด้วยเล่า”
   “เจ็บคอก็เงียบเสียเถิด”
   “แค่กๆ ท่าน”
   “อย่าดิ้น”
   แม้จะเสียงแหบเพียงใดก็ยังคงต่อปากต่อคำกับเขาอยู่ช่างเป็นคนป่วยที่ดื้อเสียจริง คงเห็นว่าไม่เป็นผลเลยยอมนอนนิ่ง เอื้อมไปหยิบชามโจ๊กแล้วค่อยๆตักป้อนคนป่วยจนหมดชาม
   “อิ่มรึไม่”
   “อิ่มขอรับ”  เสี่ยวม่อนั้นเมื่อเข้ามาเก็บสำรับก็ต้องหน้าแดงหลบลี้ออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้นายทั้งสองอยู่ตามลำพัง อวี้จิ้งมองคนป่วยที่ไม่ดื้อยอมให้เขาจับพิงเสาเตียงเพื่อที่เขาจะได้ทำแผลให้ ผ้าพันแผลถูกแกะอย่างเบามือขัดกับภาพรองแม่ทัพแห่งกองพยัคฆ์ อวี้จิ้งพยายามทำแผลให้อย่างเบามือเท่าที่จะทำได้ สมาธิจดจ่ออยู่กับการทำแผลยิ่งกว่าการวางแผนการรบเสียอีก ตลอดการทำแผลนั้นร่างเล็กนั้นแทบไม่รู้สึกเจ็บอะไร
   “ขอบคุณ” น้ำเสียงที่อ่อนลงนั่นทำให้เขาละจากแผลตรงหน้า เงยขึ้นสบตากลมเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานก็ทำให้มุมปากหนายกขึ้น
   รอยยิ้มที่เห็นนั่นทำให้คนเจ็บรู้สึกร้อนฉ่าที่ใบหน้า
   ตั้งแต่รู้จักกันมานั้น ร่างสูงมิเคยที่จะยิ้มให้เขา
   ช่างเป็นรอยยิ้มที่.....น่ามองยิ่ง
***************************************

ก็ปล่อยพี่ใหญ่เขาดูแลคนเจ็บไปนะคะ 

ก่อนอื่นเลย ขอโทษด้วยจริงๆ เพราะไม่ได้ลงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว งานเยอะเลยค่ะ โดยปกติแล้วทุกๆ 25 ถึงสิ้นเดือนเราจะต้องทำสรุปคนไข้ ทำเสร็จก็เพลียแล้ว ช่วงนี้กดดันตัวเองเรื่องเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วย ยอมรับเลยว่าพอพิมพ์ไปแล้วเครียด เพราะอยากให้มันดีกว่านี้เลยเครียดนิดหน่อย  เลยพักตัวเองด้วยอาทิตย์หนึ่ง กลับมาแล้วค่ะ ถึงแม้ไม่เต็มร้อยแต่ก็จะพยายามนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-09-2019 21:57:44
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2019 22:02:59
พี่ใหญ่ ทั้งได้หน้า ทั้งถูกใจตัวเองไปเต็มๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-09-2019 22:08:23
คนรักเค้าก็อยากดูแลกันล่ะนะ เสี่ยวอิงเริ่มเอนเอียงไปทางพี่ใหญ่ล่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-09-2019 22:53:06
โอ้ พี่ใหญ่เริ่มหายซึนแล้ววว มีความรุกไม่น้อยเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-09-2019 00:11:22
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-09-2019 02:06:15
พี่จ้ะพี่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-09-2019 08:11:21
 :-[ เปลี่ยนวิกฤติให้เแนโอกาสไปเลยพี่ใหญ่ :katai3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-09-2019 08:46:21
ตอนนี้ข้าหมั่นไส้พี่ใหญ่ยิ่งนัก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-09-2019 14:52:59
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-09-2019 20:19:57
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 16 2/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 06-09-2019 12:39:06
รออ่านนนนนนน


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-09-2019 09:58:25
17

หลังจากที่พักฟื้นอยู่จวนไป๋สองวันบาดแผลก็ดีขึ้นคลอดเวลาที่คุณชายน้อยโม่บาดเจ็บนั้นถูกดูแลโดยคุณชายใหญ่ตลอดเวลา บ่าวทุกคนภายในจวนจะเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แม้เวลานี้บาดแผลจะดีขึ้นแต่คุณชายใหญ่ก็ยังคงดูแลไม่ห่าง

“ท่านปล่อยข้าได้แล้ว”

“เจ้ายังมิหายดีนักอย่าดื้อนักเลย” โม่อิงได้แต่ถอนหายใจเมื่อวงแขนนั้นไม่ยอมให้เขาเดินเอง บาดแผลเขาก็ดีขึ้นมากแล้วคุณชายใหญ่ผู้นี้ก็มิยอมปล่อยให้เขาเดินโดยไร้เจ้าตัวประคอง

“วันนี้เจ้าคงต้องกลับจวนโม่แล้ว ให้พี่ดูแลเจ้าเถิด” ให้ตายเถอะ น้ำเสียงทุ้มเจือออดอ้อนนี้ทำให้ใจเขาอ่อนยวบ ใบหน้าร้อนผ่าวเลยได้แต่ผินหน้าหลบสายตาคมที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนนั่น

“อย่าจ้องข้าเช่นนั้นสิ” ร่างเล็กค่อยขยับออกห่าง

“หึๆ ทานมื้อเช้าเถอะ หลิงเอ๋อร์เป็นผู้เข้าครัวทำให้เจ้าโดยเฉพาะ” มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องเสียดายแน่ๆ เมื่อกลับจวน อาหารฝีมือพี่อวี้หลิงอร่อยมากจนไม่อยากทานอาหารฝีมือคนอื่นอีกแล้ว ช่างเป็นรสมือที่ล่อลวงผู้อื่นเสียจริง แม้เขาจะบาดเจ็บแต่โรงน้ำชาก็ยังดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น

“นี่ยาของเจ้า”

“ข้าไม่กินแล้วได้รึไม่” ช้อนตาขึ้นมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งข้างๆ ที่เมื่อสบตาก็รีบเบือนหน้าหนีทันที แล้วกระแอมไอหลายครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ยาที่ขมแสนขมจนเขาอยากอาเจียนออกมา

“พี่ให้หลิงเอ๋อร์ทำลูกกวาดนี้ให้เจ้าทานหลังดื่มยา” ลูกกวาดสีสวยในโหลแก้วนั้นทำเขาตาวาว ช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเสียจริงเขาไม่สามารถห้ามมุมปากมิให้ยกขึ้นมิได้เลย ยอมกลั้นใจยกถ้วยยาขึ้นดื่มรวดเดียว

ตึง

“อ้าปาก” เขารีบอ้าปากลูกวาดสีหวานก็ถูกส่งเข้าปาก ทันทีที่แตะลิ้นรสหวานก็กระจายทั่วปาก อือ ข้าอยากได้กลับจวนด้วย

“ข้าชอบลูกกวาดนี้มากเลยขอรับ”

“เจ้าชอบก็ดีทั้งหมดนี่เป็นของเจ้า” เพราะการดูแลของคุณชายใหญ่ผู้นี้อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลาทำให้ใจดวงน้อยของข้านั้น เริ่มที่จะหวั่นไหว

.



หลังจากที่เสี่ยงอิงโดนลอบทำร้ายแม้พี่ใหญ่จะเป็นคนเฝ้าดูแลแต่การสืบหาตัวการนั้นก็ไม่มีทางที่พี่ใหญ่จะปล่อยให้รอดไปได้หรอกนะ แถมยังร่วมมือกับตระกูลโม่บุกเข้าทำลายรังโจรที่รับจ้างมาทำร้ายแถมยังสืบหาตัวการซึ่งก็คือเถ้าแก่ของร้านหมอกเมฆา ที่เห็นว่าการค้าของพวกผมนั้นรุ่งเรืองเกินหน้าเกินตาจึงเกิดความริษยา และอีกอย่างคือโดนตระกูลโม่ปฏิเสธเรื่องการสู่ขอเสี่ยวอิงให้เป็นภารยา ซึ่งโดนหักหน้าต่อธารกำนัลเลยอับอายและโกรธแค้น ช่างเป็นชายที่รนหาที่ตายแท้ๆ

เสี่ยวอิงหลังจากที่หายดีแล้วก็กลับมาช่วยงานที่ร้านแต่ก็ต้องมีคนติดตามอีกเป็นพรวน แต่ผู้ที่ตามรับตามส่งนั้นคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ใหญ่ ที่ตอนนี้ทุกคนในเมืองหยางต่างเข้าใจว่า หากเห็นคุณชายน้อยโม่จะต้องมีร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพไป๋ยืนเคียงข้าง ช่างเป็นภาพที่น่าอิจฉาจริงๆ ตอนนี้โรงน้ำชาของผมและเสี่ยวอิงต่างเป็นที่ล่ำลือในเรื่องขนมหวานและชารสแปลก ผ่านไปปีครึ่งผมและเสี่ยวอิงตัดสินใจขยายร้านและเปิดสาขาเพิ่มที่เมืองท่า และที่สำคัญผมเปิดทำเมนูขนมอบเพิ่มขึ้นเพื่อชาวต่างชาติที่มายังท่าเรือ ซึ่งได้รับคำชมอย่างล้นหลาม

“ซื่อจู เจ้านำสิ่งนี้ไปให้แม่ครัวด้วย”

“ขอรับคุณชาย” ตอนนี้ซื่อจูไม่ได้ตามรับใช้ผมเช่นเดิมแล้ว และผมก็ไม่ต้องการบ่าวรับใช้แต่ก็ปฏิเสธองครักษ์แม้จะมีเงาที่พี่เว่ยทิ้งให้ดูแลผมก็ตาม ตลอดปีครึ่งมานี้ผมกับเหล่าเงาต่างสนิทสนม ป่านนี้พี่เว่ยจะเป็นอย่างไรบ้างน้า

เหล่าเงาที่คอยดูแลตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้นในใจพวกเขาต่างเลือมใสคุณชายน้อยผู้นี้ยิ่ง แม้คราแรกที่รับคำสั่งให้มาอารักษ์ขาคุณชายน้อยผู้นี้ พวกเขารับรู้เพียงว่าเป็นบุรุษที่นายของพวกเขาต้องตา หากแต่ก็มิได้เห็นว่าจะมีความพิเศษอันใด หากแต่ตอนนี้พวกเขาได้ประจักษ์แล้วว่าผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นหวางเฟยนั้นมีเพียงคุณชายไป๋อวี้หลิงแต่เพียงผู้เดียว เหลาเงาต่างภาวนาในใจว่าขอให้นายเหนือหัวของตนนั้นรีบกลับมา เพราะคุณชายไป๋นั้นนับวันยิ่งงดงาม เทียบจากแม่สื่อนั้นส่งเข้าจวนตระกูลไป๋แทบทุกวัน นายท่านรีบกลับมาเถอะขอรับ

.

“พี่ใหญ่ท่านกับเสี่ยวอิงเป็นเช่นไรกันบ้าง” แม้จะไม่ได้ตกลงกันเป็นกิจจะลักษณะแต่ก็มิมีผู้ใดอาจหาญส่งเทียบไปยังตระกูลโม่เลยเนื่องด้วยเกรงกลัวรองแม่ทัพแห่งกองพยัคฆ์

ก็แน่ล่ะใครจะกล้า

“ก็มิมีอันใด” พี่ใหญ่แสร้งทำเสียงเข้ม แต่กับผมมีหรือที่ไม่รู้หันไปสบตากับท่านพ่อแล้วอมยิ้ม จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง เมื่อใบหูของพี่ใหญ่นั้นแดงก่ำทันที

เขินก็บอกว่าเขินน่า

“คิก อีกไม่นานท่านพ่อคงได้ไปหาท่านลุงโม่แน่ขอรับ”

“หลิงเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดซี้ซั้ว” ตอนนี้ไม่เพียงแค่หูแล้วที่แดง ใบหน้าคร้ามแดดนั้นก็เปลี่ยนสีทันที ฮ่าๆ พี่ใหญ่ช่างน่าเอ็นดูยิ่ง ท่านพ่อยกน้ำชาขึ้นจิบแต่ก็มิอาจปิดบังรอยยิ้มของท่านพ่อได้

“ที่หลิงเอ๋อร์พูดมาก็ถูก เจ้าคิดเห็นเช่นไรบ้างอวี้จิ้ง” พี่ใหญ่เงียบไปครู่ใหญ่

“ท่านพ่อ..ปัญหาเรื่องนี้มิใช่จากทางข้า” อ่า ดูท่าปัญหาจะเป็นทางเสี่ยวอิงสินะ แต่เท่าที่สังเกตดูแล้วทางนั้นก็ดูมีใจกับพี่ใหญ่มิใช่น้อย ทำไมถึงยังตกลงไม่ได้นะ

“พี่ใหญ่ท่านบอกความรู้สึกกับเสี่ยวอิงไปรึยัง”

“ข้าต้องบอกด้วยรึ” โอ๊ย พี่ใหญ่ ผมยกมือขึ้นกุมขมับทันที อ่า ยึดคติทำมากว่าพูดรึไงนะ ทำไมไม่ได้นิสัยของพี่เว่ยมาเสียบ้างนะ แต่เอาเถอะก็เข้าใจว่าพี่ใหญ่เป็นบุตรชายคนโต จึงมักเก็บงำอารมณ์เสมอแต่กับความรักบางครั้งคำพูดก็สำคัญไม่แพ้กัน

เอาล่ะ ถือว่าเป็นการส่งเสริมพี่ใหญ่

“พี่ใหญ่ขอรับ บางทีที่เสี่ยวอิงไม่ตกลงเพราะพี่ใหญ่มิเคยบอกความรู้สึกของพี่ใหญ่ให้กับเสี่ยงอิงรู้ ข้ารู้ดีว่าพี่ใหญ่คงคิดว่าแค่การกระทำก็เพียงพอแล้วแต่บางครั้งคำพูดก็ทำให้อีกฝ่ายมั่นใจกับการกระทำของท่านนะขอรับ” พูดจบก็ยกน้ำชาขึ้นจิบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเข้าใจของพี่ใหญ่แล้วก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

“ขอบใจเจ้ามากที่แนะนำพี่”

“ข้าอยากเห็นพี่ใหญ่มีความสุข” เมื่อได้ยินที่ผมพูดออกไปใบหน้าดุดันนั้นก็อ่อนโยนลง พร้อมกับรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ หลังจากที่พี่ใหญ่เข้าใจแล้ว

“อ่าเห็นทีพ่อต้องให้พ่อบ้านเอารายการทรัพย์สินมาให้ดูเสียแล้ว” ผมหัวเราะชอบใจเมื่อพี่ใหญ่โดนท่านพ่อแซว ครอบครัวผมน่ารักใช่ไหมล่ะ อยากให้พี่รองมาอยู่ด้วยกันจังแต่จะขโมยหัวใจมังกรมาก็คงไม่ได้ แต่ผมก็ส่งจดหมายเล่าความเป็นไปพร้อมกับส่งขนมอบไปให้พี่รองตลอดเวลาเห็นบ่นมากับจดหมายว่ารู้สึกตัวเองอ้วนขึ้น

.

.

สองวันต่อมาผมก็ต้องลุกขึ้นจากเตียงเร็วกว่าเวลาปกติเนื่องจากวันนี้เป็นวันสำคัญของจวน เมื่อชำระร่างกายเสร็จก็มีบ่าเข้ามาช่วยแต่งตัวชุดผ้าไหมเนื้อดี และเป็นสีที่ผมชอบสีฟ้าทอลวดลายด้วยด้ายไหมเงิน

“เสร็จแล้วขอรับคุณชาย” บ่าวรับใช้พูดขึ้นเมื่อวางผูกผมของคุณเรียบร้อย ยิ่งนับวันความงามของคุณชายนั้นยิ่งเป็นที่เลื่องลือ

“ขอบใจเจ้ามาก” ส่องกระจกเช็กความเรียบร้อยอีกรอบแล้วเดินไปยังห้องโถง ที่ตอนนี้มีพี่ใหญ่เดินวนไปวนมาด้าวยความตื่นเต้นช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง

“พี่ใหญ่ท่านตื่นเต้นเกินไปแล้ว”

“หลิงเอ๋อร์เจ้าไม่เข้าใจพี่หรอก” ส่ายหัวเบาๆ ก็ต้องเข้าใจเขาล่ะนะว่าจะไปขอคนรักหมั้นหมาย

ใช่แล้วครับ

หลังจากที่คุยกันวันนั้น พี่ใหญ่ก็ไปสารภาพความในใจให้กับเสี่ยวอิงต่อหน้าพี่เวินและพี่หย่งเจิ้ง พี่ชายทั้งสองของเสี่ยวอิง เมื่อได้ยินคำสารภาพรักของพี่ใหญ่เสี่ยวอิงก็หน้าแดงหลบหลังพี่ชายทั้งสอง หากแต่ก็ยอมพยักหน้าตอบตกลง พี่ใหญ่แจ้งแก่คุณชายทั้งสองว่าสองวันให้หลังจะมาเจรจาหมั้นหมาย อันนี้เสี่ยวอิงแอบมาเล่าให้ผมฟัง เล่าไปหน้าแดงไป เพราะฉะนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญของพี่ใหญ่

“พร้อมแล้วรึไม่อวี้จิ้ง” ท่านพ่อถามพี่ใหญ่

“พร้อมแล้วขอรับ”

“งั้นเดินทางกันเถอะ” ผมและท่านพ่อเดินขึ้นรถม้าที่จอดคอยท่าอยู่หน้าจวน ส่วนพี่ใหญ่ก็ขึ้นควบม้าคู่ใจเพื่อไปยังจวนตระกูลโม่ เมื่อมาถึงจวนตระกูลโม่ พี่เวินและพี่หย่งเจิ้งก็มารอท่าอยู่แล้ว ท่ามกลางสายตาใคร่รู้จากชาวบ้าน พี่ใหญ่ประคองผมและท่านพ่อลงจากรถม้า เมื่อลงจากรถม้าท่านพ่อก็เดินนำพวกผมมาหยุดที่ประตูจวน

“คารวะท่านลุงไป๋ขอรับ”

“ไม่ต้องมากพิธี”

“เชิญด้านในเลยขอรับ” พี่หย่งเจิ้งเดินท่านพ่อไป พี่เวินกับพี่ใหญ่ก็เดินตามเข้าไปบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น เมื่อถึงของโถง เก้าอี้ประมุขนั้นมีท่านลุงโม่ที่ผมพึ่งเคยเจอนั่งอยู่ ด้านขวามือคือฮูหยินผู้เฒ่า ที่นั่งต่ำลงมาคือฮูหยินโม่ ท่านพ่อนั่งลงฝั่งทางด้านซ้ายตามด้วยพี่ใหญ่และผม

“เอาล่ะที่ข้ามาวันนี้เพื่อขอหมั้นหมายบุตรชายคนเล็กเจ้า”

“ไม่เห็นต้องลำบากเลย ขอแค่เป็นบุตรชายเจ้าข้าก็พร้อมที่จะยกให้ ฮ่าๆ ๆ” และทั้งสองก็หัวเราะกัน ผมนั่งจิบชาปล่อยให้ท่านพ่อพูดคุยตกลงกับท่านลุงโม่ไป ส่วนพี่ใหญ่ก็จ้องเพียงคู่หมาย หลังจากที่พูดคุยตกลงกันเรียบร้อยก็ร่วมทานมื้อเช้า ท่านพ่อและท่านลุงโม่นั้นหน้าชื่นตาบานพูดคุยกันอย่างถูกคอ

“เจ้าทานนี่สิ”

“ขอบคุณขอรับ” สองคนนี้ก็คีบกับข้าวให้กันกระหนุงกระหนิง โดนป้อนอาหารหมากันท้วนหน้า หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จพวกเราก็เตรียมแยกย้ายทำหน้าที่ เสี่ยวอิงก็ตามออกมาส่งพี่ใหญ่

“อิงเอ๋อร์ นี่เป็นของแทนใจจากพี่” พี่ใหญ่ล้วงเอากำไลออกมาจากแขนเสื้อ คว้าข้อมือเล็กขึ้นมาแล้วสามกำไลให้อย่างเบามือ อ่า ไม่อยากโดนอาหารหมาแล้ว ผมปีนขึ้นรถม้าไม่สนใจคู่รักแล้ว

.

อวี้จิ้งมองกำไลหยกของท่านแม่ที่ท่านพ่อให้เขาไว้ตั้งแต่เข้ากองพยัคฆ์ที่อยู่บนข้อมือขาว ช่างเหมาะสมกับร่างเล็กเสียจริง ตอนนี้ข้าและอิงเอ๋อร์เป็นคู่หมั้นกันแล้ว เพียงแค่คิดหัวใจเขาก็พองโตแล้ว

“พี่จะต้องไปที่ค่ายแล้ว”

“ขอรับ ข้าจะไปที่ร้านเช่นกัน”

“อืม พี่จะไปรับเจ้าตอนเย็น”

“ขอรับ พี่อวี้จิ้งท่านไปเถอะ” อ่า ข้าไม่อยากไปแล้วสิ

.

กาลเวลาหมุนเวียน ผ่านไปจนใกล้จะครบสองปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 18ปีเต็ม วรยุทธ์ของผมก็ถือว่าป้องกันตนเองได้ ส่วนเรื่องร้านน้ำชาของผมกับเสี่ยวอิงนั้นก็เลื่องชื่อไปถึงเมืองหลวงจนต้องไปเปิดสาขาที่นั่น พี่รองนั้นยิ้มกว้างเพราะติดขนมอบของผมเสียแล้ว อ้อ อีกเรื่องคือก่อนที่จะจัดงานวันเกิดอายุ 18 ปีของผมนั้น ฮ่องเต้ทรงส่งม้าเร็วมายังจวน ในมือมีราชสาสน์นขององค์ฮ่องเต้มาด้วย เมื่อท่านพ่อได้อ่านก็ถอนหายใจและบอกว่าจะส่งคำตอบกลับไป คงเป็นเรื่องพี่รองแน่ๆ ส่วนคู่ของพี่ใหญ่และเสี่ยวอิงนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นคู่ที่ทุกคนอิจฉามาก และเสี่ยวอิงนับวันก็ยิ่งงาม เล่นเอาพี่ใหญ่หัวเสียหวงเสี่ยวอิงเสียจนผมต้องส่ายหน้า

“หลิงเอ๋อร์ หลิงเอ๋อร์”

“ข้าอยู่นี่ขอรับพี่ใหญ่” เพราะใกล้สู่หน้าหนาวผมเลยเตรียมเย็บผ้าห่มผืนใหม่ให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ และทำอีกผืนให้กับเสี่ยวอิง ผมที่มาอยู่ที่นี่เกือบจะสองปีแล้วนั้นรับรู้แล้วว่าเมืองหยางนั้นหนาวแค่ไหน

“เจ้าทำอะไรอยู่”

“ข้ากำลังปักลายผ้าห่มขอรับ”

“พี่มีข่าวมาบอกเจ้า”

“อะไรรึขอรับ” ผมถามขณะที่กำลังปักลายผ้าอยู่ จริงๆ ทีแรกก็ไม่ถนัดหรอกนะครับ แต่พอได้เห็นบ่าวรับใช้หญิงทำก็เห็นว่าเป็นศาสตร์ที่งดงามและอาศัยฝีมือมากเลยขอให้บ่าวสอนให้เมื่อพอมีฝีมือท่านพ่อก็ให้ไปเรียนเพิ่มจนฝีมือไม่เป็นรองคุณหนูจวนไหน

“เว่ยชินกำลังจะกลับมาแล้ว”

กึก

“จริงหรือขอรับ”

“ใช่เรือที่มาเทียบท่าวันนี้ส่งจดหมายมาให้ เห็นว่าเจอกันที่เมืองท่าแล้วได้สนทนากันจึงฝากส่งมาให้”

“แล้ว...จดหมายว่าอย่างไรบ้าง” ละจากงานาในมือแล้วหันไปถามพี่ใหญ่ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

“อีกสิบวัน เว่ยชินจะกลับมา”

กลับมาแล้ว

ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

***********************************

มาแล้วค่ะ 

ตอนนี้ที่อุบลนำ้ท่วมหนักมาก แต่ต่อให้ท่วมหนักแค่ไหน

ก็ต้องมาทำงานอยู่ดี คู่พี่ใหญ่นั้นเขาประกาศตัวอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ

ส่วนพระเอกเรานั้นกลับมาแล้ววววววววววววว จุดพลุค่ะ

อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกเรานะคะ 

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-09-2019 10:43:21
พระเอกจะกลับมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-09-2019 13:19:10
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 17-09-2019 13:44:28
ท่านพี่เว่ยจะกลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-09-2019 15:09:13
 :mc4: กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-09-2019 19:06:47
คู่พี่ใหญ่หวาน ประสบความสำเร็จแล้ว  :katai2-1:
คราวนี้ถึงคู่เอกซะที   :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! (นิยายจีนโบราณ) บทนำ 10/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Neutronn ที่ 17-09-2019 19:42:34
บทนำ (สั้นๆ)


บทนำ



“ข้าไม่แต่ง!! ให้ตายข้าก็ไม่แต่ง”

ปัง!!

“หลิงเอ๋อร์!! เจ้าเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะแต่งตอนนี้จะยกเลิกได้เยี่ยงไร”

ใบหน้าหวานราวสตรีแก้มขาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตารีมฝีปากที่ยังขาวซีดชวนให้สงสารยิ่งนัก

“ข้าไม่อยากแต่ง ตอนนี้ข้าได้สติแล้ว ข้าไม่อยากแต่งท่านพ่อ”

“ไม่ได้!! พระราชทานสมรสเจ้าคิดว่ามันยกเลิกได้งั้นเหรอ”

ฮึก

น้ำใสเอ่อคลอดวงตาลูกท้อแม้กระทั่งตอนร้องไห้ก็ยังงาม แต่ใครจะรู้ว่า “หลิงเอ๋อร์” ในตอนนี้อยากจะกัดลิ้นตาย อะไรคือการตื่นขึ้นมาแล้วต้องรับรู้ว่าตัวเองต้องแต่งงาน

แถมยังต้องแต่กับ ผู้ชาย!!

เพ้ย!!

ข้าไม่แต่ง หมื่นไม่แต่ง พันไม่แต่ง ตายก็ไม่อยากแต่ง



**********************************************************

เปิดเรื่องไว้ก่อนนะคะ ผลโหวตออกมาแล้วน้องได้ลงก่อนเลยฮ่าๆๆ
หลังน้องไคล์แต่งจบจะมาลงเรื่องนี้ให้
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-09-2019 21:04:47
คู่พี่ใหญ่มาทีหลัง แต่เร็วกว่า ใช่มั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-09-2019 21:40:35
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-09-2019 22:55:58
ดีใจกับพี่ใหญ่ด้วยที่สมรักแล้ว o13
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 17 17/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-09-2019 09:51:16
ท่านพี่กลับมาแล้ว


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-09-2019 17:03:26
18
   ยิ่งใกล้ถึงวันที่พี่เว่ยจะกลับมาผมยิ่งรู้สึกอยู่ไม่สุขพรุ่งนี้แล้ว จะทำอะไรก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย ฮือออ ผมตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ในหัวคิดวนเวียนอยู่ตลอด พี่เว่ยจะเปลี่ยนไปไหม สองปีที่ผ่านไปยังจะจำสัญญาได้ไหม เมื่อเผลอเหม่อลอยคราใดมือเล็กจะจับกำไลข้อมือหมุนเล่นไปมา
   หากถึงเวลา
   ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้ายังไง
   “พี่ควรรู้สึกเยี่ยงไรดี ที่เห็นเจ้าเหม่อเช่นนี้” เสียงทุ้มที่ดังจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้ง เมื่อหันไปก็เห็นว่าเป็นพี่ใหญ่ที่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่ แหะๆ
   “พี่ใหญ่ท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นสิขอรับ”
   “พี่ยังทำใจไม่ได้หรอกนะ” ผมยกยิ้มต่อให้มีเสี่ยวอิงแล้วก็ยังไม่เลิกที่หวงผมเสียที่ ขยับเข้าไปกอดเอวซบหน้าลงกับอกกว้างแม้จะอายุ 18 หนาวแล้วแต่ผมก็คิดว่าการอ้อนหรือกอดคนในครอบครัวนั้นไม่เป็นเรื่องน่าอาย แต่เมื่อทำแบบนี้ทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างดูขัดเขินและทำอะไรไม่ถูกเหมือนตอนนี้ ที่พี่ใหญ่ยกมือยกไม้โบกไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหน
   “ข้าเพียงแค่ตื่นเต้นเท่านั้นพี่ใหญ่.....”
   “ถึงจะว่าเยี่ยงนั้นก็เถอะ” ผมหลุดขำซุกซบกับอกกว้างแล้วค่อยผละออก พี่ใหญ่มีสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อผมบอกแค่ว่าผมตื่นเต้นที่จะได้เจอเท่านั้น ผมก็กลับไปนั่งตรวจบัญชีร้านทั้งหมดที่ถูกส่งมา วันพรุ่งนี้ เอาเถอะ สองปี  สองปีที่ผมโตขึ้นมากไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะยอมรับมันให้ได้ พี่ใหญ่เพียงมองหน้าผมแล้วนั่งลงจิบชาและขนมที่เสี่ยวเอ้อร์นำมาให้ ไม่นานเสี่ยวอิงก็เดินเข้ามา
   “ข้าจะได้เจอพี่เว่ยของพี่อวี้หลิงแล้วใช่รึไม่”
   “มิใช่ของข้าเสียหน่อย” บ่นอุบอิบเบาๆ แต่เจ้าเสี่ยวอิงนะไม่ยอมรับรู้แล้วหันไปคุยกับพี่ใหญ่กระหนุงกระหนิง อยู่ดีๆก็มาป้อนอาหารหมาให้นี่จิตใจทำด้วยอะไร ได้แต่ส่ายหัวตั้งสมาธิกับบัญชีที่แสนจะวุ่นวายนี้ให้เสร็จเสียที จนทำเสร็จก็ผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว พี่ใหญ่พาเสี่ยวอิงไปเที่ยวตลาด ส่วนผมก็นั่งทำงานเงียบๆ ก่อนหน้านี้ผมคงจะรีบวิ่งตามไปแล้วแต่ตอนนี้ขอแค่อยู่เงียบๆ ทำงานเสร็จก็กลับไปอยู่กับครอบครัว ผมเปลี่ยนไปจนพี่ใหญ่แปลกใจและบอกว่าผมนั้นเหมือนคนแก่  ถ้ารวมกับอายุเดิมผมก็โตแล้วนะ
   ฟุบ
   “คุณชายข้ามีข่าวมาแจ้งขอรับ” หนึ่งในเงาที่ตามดูแลผมพุ่งเข้ามาคุกเข่าประสานมือ
   “พี่จือมีอะไรรึ” วางพู่กันในมือลง
   “เรียนคุณชาย เงาที่ติดตามคุณชายโม่ได้จัดการมือสังหารขอรับ” ผมถอนหายใจ จริงอยู่แม้จะมีพี่ใหญ่และคนติดตามแต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผมไม่ไว้ใจเลยให้เงาไปติดตามเสี่ยวโม่เพราะดูมีความเสี่ยงมากกว่าใคร
   “นำจดหมายข้าไปมอบให้พี่หยงเจิ้ง” เมื่อพี่ใหญ่และเสี่ยวอิงหมั้นหมายทั้งตระกูลไป๋และตระกูลโม่ต่างสนิทชิดเชื้อ ผมก็ได้พี่ชายเพิ่มมาถึงสองคน แม้อีกคนจะไม่อยากเป็นเพียงพี่ชายก็ตาม สองปีผ่านมาตระกูลโม่ยิ่งกล้าแกร่งในด้านคุ้มกันภัยย่อมมีศัตรู การค้าของตระกูลโม่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งดังนั้นเลยเกิดการขัดแข้งขัดขากันในวงธุรกิจ เขียนจดหมายให้พี่จือไปมอบให้พี่หยงเจิ้ง 
   “ขอรับ”
   “ขอบคุณพี่จือมากขอรับ” เมื่อได้รับจดหมายพี่จือก็พุ่งออกไปทางหน้าต่างทันที ผมเก็บข้าวของเพื่อเตรียมกลับจวน ระหว่างนั้นก็แวะสั่งงานกับหลงจู๊
   อ๊ะ
   ผมคงลืมเล่าไปซื่อจูตอนนี้ไม่ได้เป็นบ่าวจวนผมแล้ว ซื่อจูแต่งออกตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วล่ะครับผมเป็นเถ้าแก่ให้ ซื่อจูแต่งออกไปกับทหารนายหนึ่งในกองพยัคฆ์ที่จีบกันได้น่ารักมาก อีกทั้งทางบ้านของทหารผู้นั้นก็มิรังเกียจซื่อจูที่เป็นเพียงบ่าวติดตามผม และผมก็ให้ซื่อจูเป็นหุ้นส่วนร้านน้ำชาที่เมืองท่า ตอบแทนความซื่อสัตย์ของซื่อจู  เมื่อสั่งงานเสร็จผมก็ขึ้นรถม้ากลับจวน สิ่งแรกที่ทำไม่ใช่ไปหาท่านพ่อที่ตอนนี้คงกำลังอยู่ในสวนที่ผมทำไว้ พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างชอบไปนั่งเล่น แต่กลับเข้าห้องครัว ทุกวันนี้หากไม่ใช่ฝีมือผมทั้งสองคนก็ดูจะทานได้น้อยลง
   “นายน้อย”
   “วันนี้ข้าอยากทำอาหารพิเศษ” ผมยกยิ้มสั่งให้คนเตรียมกุ้งส่วนผมนั้นก็เคี่ยวซอส ผมจะทำผัดไทยกุ้งสด ส่วนของหวานก็เป็นวุ้นมะพร้าวอ่อน ไม่นานก็เสร็จผมให้บ่าวตั้งโต๊ะ มื้อเย็นแสนอร่อยพร้อมหน้าครอบครัว
   “พรุ่งนี้เจ้าจะไปรับชินอ๋องรึไม่” จู่ๆท่านพ่อก็ถามขึ้น    
   “ไปขอรับ” ผมตอบ
   “เอาเถอะหากเกิดอะไรขึ้นจำไว้ว่าพ่อจะอยู่ข้างๆเจ้า” ผมเอียงหัวซบไหล่กว้างของท่านพ่อ ผมรู้ดีว่าท่านพ่อเป็นห่วงแต่ผมรับมือได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
.
.
.
   สายวันต่อมาผมนั่งอยู่ในรถม้า ในใจเต้นรัวจากสารล่าสุดที่พี่ใหญ่แจ้งข่าวเรื่องเวลาก็คงไม่เกินบ่าย โอ๊ย ใจผม ทำไมถึงเต้นแรงแบบนี้นะ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ในใจของผมนั้นกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าคลื่นในทะเลตอนนี้เสียอีก    
   ก๊อก
   “คุณชายขอรับ เรือเทียบท่าแล้วขอรับ”
   “ขอบคุณพี่จือ” เมื่อได้ยินผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ลูบอกเบาๆ แง้ ผมไม่กล้าลงไปอ่ะ โอ๊ย ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจมองออกไปข้างนอกก็เห็นผู้คนกำลังลงจากเรือสำเภาลำใหญ่ หากแต่ที่อยู่ในครรลองสายตาคงเป็นบุรุษร่างสูงที่ก้าวลงจากเรือ สองปี ผมยังจำได้ทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ทั้งแววตาคู่คม ทั้งร่างสูงใหญ่นั่น
   “พี่เว่ย” เรียวปากบางระบายยิ้มกว้าง ในใจเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยกระพือปีกอยู่ ร่างสูงในชุดแบบตะวันตกนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงดูโดดเด่นและสูงสง่า ผมรีบลงจากรถม้ากำลังที่จะก้าวเข้าไปหาร่างสูงที่คุ้นตาก็ต้องชะงักเมื่อมีร่างโปร่งวิ่งเข้ามาเกาะแขนพี่เว่ยอย่างสนิทสนม รอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยมอบให้แก่เขาตอนนี้...จะได้ถูกมอบแก่คนที่เกาะแขน
   เจ็บ
   อ่า
   ความรู้สึกเจ็บปวดนี้เป็นของจริงสินะ
   น่าแปลกที่ผมไม่มีน้ำตา ภาพที่เห็นจากที่เคยมีสีสันกลับกลายเป็นสีเทา ผมไม่คิดที่จะตัดสินไปก่อนว่าอะไรเป็นอะไร พี่เว่ยยังคงเดินเคียงข้างร่างโปร่งเมื่อลงจากเรือกองทัพพยัคฆ์ต่างคุกเข่าถวายความเคารพเสียงดังลั่น
   “เอาล่ะ กลับกันเถอะ”
   “ข้าไปด้วยนะ”
   “ฟรานซิส ที่จะไปมิใช่ที่เที่ยวเล่นเจ้าจงไปรอพี่ที่จวนอ๋อง” น้ำเสียงอ่อนหวานนั่นยิ่งบีบหัวใจของผม ผมเห็นพี่ใหญ่กำหมั่นแน่น ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ท่าทีหยอกล้อนั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจน
   “พี่จือ”
   “ขอรับ” น้ำเสียงขององครักษ์เงานั้นสั่นไหวเป็นครั้งแรก ผมหันไปหาพี่จือที่คุกเข่ารอรับคำสั่งอย่างภักดี ผมหยิบเอาเผ้าเช็ดหน้าออกมาถอดกำไลสีเลือดนั่นออกจากข้อมือแล้วห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าส่งให้พี่จือที่รับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับป้ายหยกที่เคยเป็นของผม
   “ข้าฝากพี่จือคืนเขาด้วยนะ”
   “คุณชายไป๋ มันอาจไม่ใช่อย่างที่เห็นนะขอรับ” องครักษ์เงารีบเอ่ยแย้งในใจเขากลัวว่าที่หวางเฟยนั้นเทใจ จากที่คอยอารักษ์ขาพวกเขารู้ดีว่าว่าที่หวางเฟยนั้นมีนิสัยเช่นไร
   “พี่จือ ช่างเถอะขอรับ อย่างที่ท่านเห็น” ผมปรายตาหันกลับไปยังท่าเรือ พี่เว่ยพยุงร่างโปร่งขึ้นรถม้าและก็ขึ้นรถม้าตามขึ้นไปด้วยกัน ใบหน้าหวานนั้นเรียบนิ่งหากแต่ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานดูสูงสง่าเยี่ยงหงส์
   “ข้าฝากคืนให้เขาด้วย และบอกว่า สัญญาสองปีถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ครั้งนี้ถือว่าเจอกันครั้งสุดท้ายนะขอรับพี่จือ พวกท่านกลับไปดูแลท่านอ๋องเถอะ”
   “คำสั่งนั้นข้าคงทำมิได้” ผมถอนหายใจเอาเถอะถือว่าได้คนติดตามมีฝีมือแถมยังสนิทใจอีก
   “งั้นแค่ส่งของให้ก็พอ”
   “ขอรับ” ลับร่างของพี่จือผมก็ขึ้นรถม้า พี่ใหญ่ยังต้องตามท่านอ๋องไปยังค่าย  “ไปที่ร้าน” เมื่อรถม้าวิ่งพ้นท่าเรือ
   อึก
   “ฮึก...อย่าร้องสิ..อย่าร้อง”
   แค่เสียใจ...จะร้องแค่วันนี้ แค่วันนี้ก็พอนะเป็นหนึ่ง
.
.
   ไอ้สหายน่าตายนั่น
   อวี้จิ้งต้องใช่แรงทั้งหมดในการสะกดอารมณ์โมโหที่ครุกกรุ่นอยู่ภายในแม้อยากจะตบันหน้าของสหายหากแต่การกระทำแบบนั้นในที่สาธารณะคงมิควร หลิงเอ๋อร์คงเห็นแล้ว น้องน้อยของข้าจะเป็นเยี่ยงไรบ้าง ในใจร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟเผา มองภาพสองคนนั้นพูดคุยหยอกล้อยิ่งทำให้เขาอยากชักกระบี่มาบั่นคอสหาย
   “เรียบร้อยแล้วแยกย้ายได้” ทหารรับคำสั่งแล้วแยกย้ายเหลือเพียงท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพที่ยืนประชันหน้ากันอยู่
   “เจ้ามีอะไรกับข้ารึอวี้จิ้ง”
   “เจ้าทำอะไรอยู่เว่ยชิน เจ้าทำลายสัญญากับน้องข้า เจ้าพาคนมาหยามตระกูลไป๋” อวิ้จิ้งกระชากคอเสื้อพร้อมกับตะคอกใส่หน้าสหาย แต่ก่อนที่จะได้ชำระความ เงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา
   “ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
   “มีอะไรรึ” อวี้จิ้งมองเงาที่คอยดูอารักขาน้องชายเขา รึว่าเกิดอะไรขึ้น
   “เกิดอะไรขึ้นกับหลิงเอ๋อร์”
   “เรียนคุณชายใหญ่มิมีอะไรเกิดขึ้นคุณชายขอรับ เพียงแต่......” จือหยิบเอาหยกและห่อผ้าเช็ดหน้าที่คุ้นตา ผ้าเช็ดหน้าของอี้หลิง “นี่คุณชายไป๋ให้ข้านำกลับมาคืนท่านอ๋องขอรับ”  นิ้วเรียวดุจหยกนั้นเกี่ยวเปิดผ้าเช็ดหน้าเผยให้เห็นกำไลหยกปาการังสีเลือด พร้อมกับหยกประจำตัว เพียงเท่านี้บรรยากาศภายในห้องนั้นบรรยากาศภายในห้องก็กดดันจนแทบหายใจไม่ออก
   “หมายความว่าเยี่ยงไร”
   “อึก คุณชายไปรับท่านอ๋องที่ท่าเรือขอรับ” เพียงบอกแค่นั้นร่างสูงที่แผ่พลังยุทธ์ก็ดูจะเข้าใจหลายอย่าง  เขาไม่คิดเลยว่ากระต่ายน้อยจะไปรับถึงท่าเรือ หากแต่การส่งของแทนใจและตราหยกกลับมา
   มิใช่..จะตัดใจแล้วหรือ
   “พวกเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว”
   “หมายความว่ายังไงต่อให้ทุกคนมาเห็นภาพเจ้ากับแขกของเจ้าก็ต้องเข้าใจผิด”
   “แต่ข้ามิได้คิดอะไรกับเขา”
   “เหอะ เจ้าไปอธิบายให้หลิงเอ๋อร์ฟังเถอะ แต่หวังว่าหลิงเอ๋อร์จะยอมฟังเจ้า” ถ้อยคำที่อวี้จิ้งกล่านั้นแทงใจดำยิ่ง เหตุใดจะไม่รู้ว่ากระต่ายน้อยเขาเป็นเช่นไร เพราะความเคยชินที่ฟรานซิสจะมาเกาะแกะ เขาลืมคิดไป มือกำกำไลหยกแน่น
   “ข้าจะไปหาหลิงเอ๋อร์”
   “ตอนนี้คุณชายอยู่ที่ร้านชาพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นร่างสูงก็พุ่งทะยานออกจากจวนทันที เหลือเพียงอวี้จิ้งแล้วองครักษ์เงาจือภายในห้อง
   “หมอนั่น.......รู้ด้วยรึว่าร้านหลิงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน”  เป็นคำถามที่ทั้งสองคนได้แต่จ้องตากันปริบๆ
**************************************
แค่กๆทำไมดราม่าไม่สุดฮ่าๆๆๆ
นิยายเราก็จะประมาณนี้ค่ะ ไม่เคยดราม่าหนักๆสักทีแม้จะอยากแต่ก็ตาม
อ่านแล้วเป็นไงบ้างบอกกันด้วยน้า
รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2019 18:37:14
 :z6:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-09-2019 18:49:56
 :beat: :angry2: :serius2: :katai1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 22-09-2019 19:25:14
แงงงงง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-09-2019 19:34:44
น้องคอยแต่มาเห็นภาพแบบนี้ก็สมควร พี่ก็คิดน้อย รอชมเขาง้อกัน 
ว่าแล้วไปดื่มชาร้านน้อง ดีกว่า  :katai5:
น้องรอ 2 ปี งั้นให้อิพี่อ๋องง้อสัก 2 ปีค่อยแต่งเน๊าะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-09-2019 20:46:48
มันสมควรไหมละที่จะให้คนมาเกาะแกะถือแขนแบบนั้น ถ้าน้องทำบ้างจะรู้สึกยังไงห่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-09-2019 21:03:43
งานเข้าอย่างแรงมาก อธิบายดีๆแล้วกันท่านอ๋องงง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 22-09-2019 22:35:34
เทค่ะ ยอมให้เกาะแกะมันมากไป ถึงจะไม่ได้คิดอะไร
อย่าไปยอมคืนดีง่ายๆ มันต้องทำอะไรให้รู้สำนึก
เฮอะ!!!!!!!!!!


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-09-2019 00:36:19
โอ๊ยยยยยยยยยยยย  :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-09-2019 08:46:26
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-09-2019 09:17:39
สงสารกระต่ายน้อย....ไอ้ท่านอ๋องมันน่า :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2019 11:37:44
น้ำตาซึมเลย..........อินมาก  :mew4: :mew2:
ยอมให้เขาเกาะแกะ ควงแขน  :เฮ้อ:
แม้พี่เว่ย บอกว่าไม่คิดอะไรด้วย   :m16:
นี่ ...... ก็เหมิอนให้ความหวังเขาไปแล้ว   :fire: :angry2: :serius2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-09-2019 12:22:01
งอนให้หนักๆไปเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-09-2019 22:19:59
 :hao3: :hao3: ทำอะไรไม่คิด ง้อน้องเยอะๆเลยถ้าน้องยอมฟังนะ ชิชิ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 18 22/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 25-09-2019 12:30:05
รอออออออ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-09-2019 19:04:50
19
   เมื่อมาถึงครึ่งทางร่างสูงก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้นั้นกระต่ายน้อยเขาเปิดโรงน้ำชาอยู่ที่ไหน จึงเรียกเงามารายงานความเป็นไปทั้งสองปีให้ฟัง มิใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจหากแต่เขาคิดไว้ว่าเมื่อจัดการงานเสร็จจะไปหาทันที แม้ใจจะอยากไปเจอหน้ากระต่ายน้อยใจจะขาด และพอได้รู้ว่าหลิงเอ๋อร์ไปรอรับที่ท่าเรือ เขาจะไม่ยอมให้หลิงเอ๋อร์ต้องเสียใจเช่นนี้
   สองปีที่ทรมาน ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงช่วงระยะเวลาที่เดินทางคราแรกนั้นเป็นช่วงที่ลำบาก ทั้งการปรับตัวและภาษา วัฒนธรรมที่แตกต่างนั่นทำให้เขาต้องลำบากจะไว้ตัววางท่าเฉกเช่นการเป็นอ๋องมิได้ และเมื่อเขาลดการวางตัวมันทำให้เขาชินจนละเลยและลืมคิดไปถึงวัฒนธรรมของแคว้นตน เรื่องนี้เขาผิดเอง
   เมื่อฟังคำบอกเล่าจากเงาแล้วยิ่งทำให้รู้ว่าหลิงเอ๋อร์เติบโตขึ้นอย่างงดงามและคงเป็นงานยากสำหรับเขา สะกิดปลายเท่าทะยานไปยังร้านน้ำชาของกระต่ายน้อย ร่างเล็กที่นั่งอยู่ในห้องที่เปิดหน้าต่างไว้ หลิงเอ๋อร์ที่ผ่านมาสองปี...เติมโตขึ้นอย่างงดงาม งามมากจริงๆ เหมือนหัวใจเขาหยุดเต้นเมื่อได้เห็นเสี้ยวหน้าหวาน รอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรัก พริบตาเขาก็พุ่งเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว
   “ท่าน” ดวงตาดุจผลท้อนั้นเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาในในห้อง
   “หลิงเอ๋อร์พี่ขอโทษเจ้า” เอื้อมมือเข้าไปหาหมายที่จะจับข้อมือเล็ก หากแต่หลิงเอ๋อร์ก็ขยับถอยห่างทันที
   “ท่านเข้ามาได้เยี่ยงไร ออกไปเสีย”
   “อย่าตัดรอนพี่อย่างนี้หลิงเอ๋อร์”
   “ต้องอภัยด้วยท่านอ๋อง หลิงเอ๋อร์นั้นมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะเรียกได้” ถ้อยคำตัดรอนนั้นยังมิเท่าแววตาแข็งกร้าวของหลิงเอ๋อร์ที่ตอนนี้สูงขึ้นดูบอบบางยิ่งหากแต่จิตใจนั้นเข้มแข็งกว่ารูปลักษณ์
   “พี่มิขอให้เจ้าอภัย แต่พี่อยากให้เจ้าฟังพี่อธิบาย” ข้าไม่กล้าแม้กระทั่งละสายตาจากร่างระหงตรงหน้า เกรงว่าหากเพียงเขาละสายตาเพียงนิดกระต่ายน้อยจะโดดหนีไป
   “เฮ้อ ท่านว่ามา” เมื่อเห็นท่าทางอ่อนลงและขยับลงไปนั่งที่เดิม
   “เจ้าโตขึ้นมาก”
   “เรื่องนี้หาได้เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านอธิบายไม่” แววตากลมนั้นตวัดมามองข้าจนสะดุ้ง อ่า คนมีชนักติดหลังคงเป็นแบบนี้สินะ ก้าวไปนั่งลงตรงข้ามสำรวจใบหน้าหวานอย่างคิดถึง
   “พี่ผิดที่ทำให้เจ้าไม่ไว้ใจ หากแต่ที่ท่าเรือมิมีอันใดจริงๆ ฟรานซิสนั้นเดินทางจากโฝหลางจีเพื่อมาเป็นทูต พี่ผิดที่ให้เขาเข้ามาแตะตัวตามอำเภอใจทั้งที่พี่เป็นของเจ้า พี่ขออภัยเจ้าจริงๆ” เป็นความเลินเล่อของข้าเอง ความผิดที่ไม่คิดอะไรของข้าเอง หลิงเอ๋อร์มิได้ว่าอะไรต่อทำเพียงมองหน้าข้านิ่ง ก่อนที่จะถอนหายใจแล้ว
   “สองปีท่านว่าหลายสิ่งเปลี่ยนไปรึไม่”
   “เปลี่ยน” แม้จะหวั่นใจแต่ก็ตอบไปตามตรง ร่างบางเท้าคางกับโต๊ะ แววตาฉายความจริงจัง
   “สองปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยหวังเพราะรู้ดีกาลเวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน.....แต่ข้าแค่เสียความรู้สึก”
   “พี่.ขอโทษ”
   “สองปี ท่านให้คำมั่นกับข้า วันแรกที่กลับมาท่านไม่มาหาข้า..ข้าเข้าใจเพราะท่ามิใช่คนธรรมดาย่อมมีภาระหน้าที่ หากแต่สิ่งที่ข้าเห็นมัน...”
   “ไม่มีอีกแล้วพี่ผิดไปแล้ว” เอื้อมจับมือเล็กที่กำแน่นลูบเบาๆ หากแต่กระต่ายน้อยก็ยังคงนิ่ง
   “ข้าว่าเราลืมไปเลยดีรึไม่”
   “ไม่ พี่ไม่ยอมหรอกนะ”
   “ข้าแค่เปิดโอกาสให้ท่านได้เจอ...”
   “ต่อให้เจอคนเป็นหมื่นเป็นพันข้าก็ไม่มองใคร เรื่องที่เกิดข้าผิดแต่ข้าไม่ยอมให้ทุกอย่างจบลงหรอกนะ” บีบมือเล็กแน่นแววตาดุจเหยี่ยวนั้นวาวโรจน์ฉายแววไม่พอใจ
   “แต่สิ่งที่ท่านทำนั้นทำลายความรู้สึกข้า ข้าจะไม่เสียใจเลยหากท่านกลับมาแล้วไม่ได้มาหาข้าเป็นคนแรกแต่เป็นการที่ท่านให้คนผู้นั้นทำการสนิทชิดเชื้อด้วยต่อหน้าข้า”
   “หากแต่มันมิมีอันใด”
   “ได้ เช่นนั้นหากข้าเดินเกาะแขนหรือทำตัวสนิทสนมกับผู้อื่นท่านจะยอมรึไม่”
   “อวิ้หลิง”
   “เห็นไหมท่านยังมิยอมแล้วเหตุใดข้าจะโกรธหรือเสียความรู้สึกมิได้” เหมือนทั้งร่างชาไปหมดและกระต่ายน้อยหนีไปเลียแล้ว แม้จะรับรู้จากเหล่าเงาว่าร่างเล็กร่ำเรียนวิทยายุทธ์ด้วยหากแต่ไม่คิดว่าจะสูงถึงเพียงนี้
   อ่า
   อย่างที่หลิงเอ๋อร์ว่า สองปี หลายสิ่งก็แปรเปลี่ยน
   แต่ข้ามิยอมหรอกนะ
   ชั่วพริบตาร่างสูงก็หายไปจากห้อง
   ผมกลับมายังเรือนตัวเองด้วยวิชาตัวเบา  พี่ใหญ่คงรู้แล้วแต่ท่านพ่อคงยังไม่รู้ แค่คิดถึงผมก็โมโหแล้ว หนอย กล้าให้คนอื่นเกาะแขนแบบนั้น...ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ได้คิด จะคิดน้อยเกินไปแล้วนะ คอยดูเถอะผมจะไม่คืนดีง่ายๆ อ๊ะๆ จริงๆความโกรธและน้อยใจก็หายไปตั้งแต่โผล่มาที่ร้านแล้วครับ แต่ว่านะ....จะต้องทำให้รู้เสียบ้างว่าการทำตามสิ่งที่ตัวเองไปเองเออเองคนเดียวนั้นมันทำร้ายจิตใจผมแค่ไหน
   หึ
   ในเมื่อสวยและรวมมากก็ไม่จำเป็นต้องง้อ
   แค่กๆ ปล่อยเบลอประโยคด้านบนไปนะครับ เอาจริงๆแรกๆก็โกรธและเสียความรู้สึกมากหากแต่ว่าเมื่อได้คิดตริตรองดีๆแล้วก็ลดลงครึ่งหนึ่ง คำอธิบายของพี่เว่ยที่กล่าวออกมาก็ทำให้เข้าใจได้ สองปีที่เดินทางและเจอวัฒนธรรมใหม่ๆซี่งไม่เคร่งเท่ากับที่แคว้นนี้อย่างผมตอนที่มาอยู่ที่นี่ครั้งแรกก็ไม่ชินก่อนจะซึมซับและปรับตัว แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็จะไม่ยอมหายโกรธง่ายๆหรอกนะ
   .
   .
   “พี่อวี้หลิง นั่นชินอ๋องใช่รึไม่” เงยหน้าขึ้นจากการเขียนสูตรขนมมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังด้านนอก บุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีมุกเฉกเช่นแต่กาลก่อนเมื่อสบตากันก็เป็นฝ่ายผมที่ต้องหลบสายตาคมนั่น หลังจากที่คุยกันวันนั้นพี่เว่ยก็เทียวไล้เทียวขื่อ เพียงแต่เปลี่ยนจากคราก่อนคือทั้งผมและพี่เว่ยต่างมีความรู้สึกดีๆให้กันเพียงแต่ต้องเริ่มต้นใหม่
   เชอะ
   “ท่านโกรธชินอ๋องรึ” สงสัยว่าพี่ใหญ่คงจะเล่าให้เสี่ยวอิงฟังแล้ว ผมยืนหน้าไปกระซิบเรื่องราวทั้งหมดให้เสี่ยวอิงฟังอย่างละเอียด ยิ่งฟังดวงตาดอกท้อยิ่งเบิกกว้างก่อนจะทำหน้าขึงขังที่ต้องบอกว่าไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดแล้วบอกว่าผมทำถูกแล้ว เห็นไหมทุกคนก็เห็นด้วยกับผมทั้งท่านพ่อ พี่ใหญ่ รวมทั้งพี่ชายทั้งสองจากตระกูลโม่
   “เจ้าว่าขนมนี่น่าทานรึไม่” เมื่อเห็นผมหันมาสนใจกับเสี่ยวอิง พี่เว่ยก็ดูไม่พอใจหากแต่ก็เดินตามหลงจู๊ไปยังที่นั่งส่วนตัวชั้นสอง จากวันนั้นพี่เว่ยก็ส่งกำไลคืนมาแต่ผมเก็บไว้ในหีบไม่ยอมเอามาใส่
   “น่าทานสิ จะทำขนมใหม่รึ”
   “อือ เพราะว่าแบบเดิมคงจะคุ้นเคยกันแล้ว เราต้องเพิ่มสิ่งแปลกใหม่ให้ร้านเราไม่จำเจ”
   “พี่อวี้หลิงช่างฉลาดยิ่ง” แววตากลมฉายแววเลี่ยมใสเต็มเปี่ยม ท่าทางเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่กระดิกหางรัวๆ นั่นทำให้ผมขำยกมือขึ้นลูบหัวว่าที่พี่สะใภ้ คิก อย่าเอาไปพูดกับพี่ใหญ่เชียวนะครับรายนั้นนะจะเขินจนหมดมาดรองแม่ทัพเลยทีเดียว
   “พี่ใหญ่จะมารับเจ้าใช่รึไม่”
   “ใช่ขอรับ อ๊ะ นั่นไงมาพอดีเลยข้าไปนะขอรับพี่อวี้หลิง ขนมอันใหม่นี่ให้ข้าชิมก่อนนะขอรับ” ยังมีแอบกระซิบเรื่องขนมอีก
   “ได้สิรีบไปเถอะ” เสี่ยวอิงยิ้มกว้างวิ่งไปหาพี่ใหญ่ที่ยืนมือมารับทันทีช่างเป็นภาพที่หลายคนนั้นอิจฉายิ่ง ถ้าอายุเสี่ยวอิงถึงวัยแล้วล่ะก็ก็คงจะออกเรือนทันทีแน่ๆ ผมส่ายหน้าให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง
   “หลิงเอ๋อร์...พี่นั่งด้วยได้รึไม่” นี่เป็นอีกเรื่องที่แปลกไปของร่างสูง
   “ท่านมิต้องไปทำงานรึ” ผมไม่ตอบเพียงแต่เทน้ำชาใส่ถ้วยวางลงอีกฝั่ง ร่างสูงก็รีบขยับมานั่งลงทันที
   “ไม่แล้ว เสด็จพี่ให้พี่พักงานได้ครึ่งปี” แม้อยากจะบอกว่าที่ให้ลาพักนั้นเพราะเสด็จพี่กลัวว่าเขาจะง้อว่าที่น้องสะใภ้ไม่สำเร็จ ช่างเป็นแรงใจที่ดีเสียจริง
   “อ้อ...แล้วฟรานซิสเล่า”  ผมเงยหน้าส่งสายตาค้อนให้คนตรงข้ามไปหนึ่งที เห็นแล้วหมั่นไส้
   “เสด็จพี่ส่งคณะมาต้อนรับไปยังเมืองหลวงแล้ว” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
   “ท่านไม่อาลัยอาวรณ์หน่อยรึ” แม้จะรู้ว่าการประชดประชันจะไม่ใช่การดีหากแต่ก็อดไม่ได้ ร่างสูงไม่ได้กล่าวอะไรทำเพียงยกชาขึ้นจิบแล้วถอนหายใจเบาๆ
   “มิมีอันใดให้อาลัย พี่มิได้คิดอะไรกับฟรานซิสหากแต่เมื่อคราที่เดินทางกลับมาจากโฝหลางจีได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทำให้สนิทสนมกัน พี่มองเขาเฉกเช่นน้องชายผู้หนึ่ง” ผมพยักหน้ารับแต่ไม่ตอบอะไรกลับไป หยิบบัญชีมาตรวจดูยังไม่ทันที่จะได้เปิดหน้าบัญชีสมุดเล่มหนาก็วางลงเบื้องหน้า
   “นี่เป็นบันทึกที่พี่เขียนตลอดเวลาสองปี เจ้าจะได้รู้ว่าพี่มิมีใคร” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินจากไปทันทีทิ้งผมและสมุดบันทึกไว้อะไรของเขา กัน ผมเลือกที่จะเก็บบันทึกไว้อ่านเมื่อถึงจวน ตอนนี้ก็ขอจัดการงานตรงหน้าก่อนล่ะนะ
   .
   .   
   วันที่ xx.xx.xxx
   จากจรห่างไกล ใจเฝ้าคะนึงหา
   ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว การเดินทางแม้นจะไม่ลำบากกายหากแต่ลำบากใจยิ่ง หลิงเอ๋อร์จะเป็นเยี่ยงไรบ้าง
   คิดถึง ข้าคิดถึงกระต่ายน้อยของข้ายิ่ง
   
   วันที่ xx xx xxxx
   เมืองนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง ทั้งผู้คนและเครื่องแต่งกาย หากกระต่ายน้อยมาเห็นด้วยเสียจริงหากแต่คงมิมีอันใดให้กระต่ายแปลกใจเป็นแน่ เราจะอยู่ที่เมืองนี้อีก เจ็ดวัน คงพอที่จะจดบันทึกและสำรวจ
   อยากกอดกระต่ายของข้าเสียจริง
   
   วันที่ xx xx xxxx
   พ้นปีแล้ว อากาศหนาวครานี้ยิ่งทำให้คะนึงถึงคนที่บ้านเกิด หลิงเอ๋อร์พี่คิดถึงเจ้ายิ่ง ชุดที่เจ้าตัดเย็บให้พี่แม้นจะซีดไปบ้างก็มิยอมทิ้งและยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ นี่เป็นเมืองสุดท้ายแล้ว ทิวทัศน์นั้นช่างงดงามยิ่ง เดินทางกลับครานี้พี่คงได้ซื้อของฝากกลับไปให้เจ้าด้วย ป่านนิ้กระต่ายน้อยของพี่จะโตขึ้นมางดงาเพียงใด ได้แต่หวังว่าจะมิมีผู้ใดข้องเกี่ยว พี่คิดถึงเจ้ายิ่งนัก คิดถึงทุกลมหายใจ
   ปึก
   ร้อน
   ให้ตายเถอะ
   คิดถูกแล้วที่นำกลับมาอ่านที่เรือน แง้  ผมรู้สึกร้อนที่หน้าจนจะร้องไห้อยู่แล้วสมุดบันทึกในช่วงหนึ่งปีนั้นมิมีหน้าไหนที่ไม่เขียนถึงผม อันนี้แค่ยกบางส่วนในบันทึกนั้น อ่า เรียกว่าเป็นหนังสือสักเล่มดีกว่า เพราะมันหนามาก เห็นได้ชัดว่าพี่เว่ยพยายามที่เขียนให้ได้ทุกวัน อาจจะมีบางวันที่ไม่ได้เขียนแต่ก็ชดเชยด้วยวันต่อมา อาจจะเขียนไม่ยาวนักแต่ก็ทุกตัวอักษร ทุกหน้านั้นเต็มไปด้วยเรื่องราว และการเดินทางของพี่เว่ย บางหน้ากระดาษนั้นดูท่าจะเขียนตอนอยู่ในทะเลหน้ากระดาษก็ดูจะพองๆ
   เฮ้อ
   แล้วอย่างนี้จะโกรธได้นานรึ
   .
   .
   วันต่อมาองครักษ์เงาก็นำหีบขนาดกลางถึงสองหีบมาให้ผม โดยแจ้งว่าเป็นของที่ท่านอ๋องให้นำมาให้เมื่อเปิดดูก็มีข้าวของแปลกตามากมาย ผมอมยิ้มกับความทุ่มเท อ่า งั้นจะใจดีให้สักหน่อยล่ะกัน หลังจากให้พ่อบ้านนำไปเก็บผมก็ออกจากเรือนแล้วตรงไปยังห้องครัว สองปี มิรู้ว่าร่างสูงจะลืมรสมือเขารึยัง
   ใช้เวลาอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม กับข้าวสี่อย่างและของหวานอีกหนึ่งอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หมูทอดราดซอส  แกงจืดไข่ม้วน ไก่นึ่งซีอิ้ว ปลาเนื้ออ่อนผัดขึ้นฉ่าย  ส่วนของหวานเป็นฟักทองเชื่อมจัดแจงใส่ตะกล้า หอบหิ้วไปขึ้นรถม้าที่รอท่าอยู่หน้าจวน ตรงไปยังจวนของชินอ๋องที่หลังจากลับมาร่างสูงก็ย้ายกลับมายังจวนของตน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อมาถึงก็แจ้งให้คนขับรถม้าว่าให้รอสักครู่แล้วลงจากรถม้าพร้อมกับตะกล้าอาหารไปเคาะที่ประตูจวน
   แอ๊ด
   “คุณชายไป๋”
   “ท่านอ๋องอยู่รึไม่ขอรับ”
   “อยู่ขอรับเชิญคุณชายไป๋เข้ามาในจวนก่อนขอรับ บ่าวจะไปแจ้งท่านอ๋อง”
   “มิเป็นไรขอรับ รบกวนช่วยนำอาหารในนี้ขึ้นโต๊ะตอนเที่ยงให้กับท่านอ๋องด้วยนะขอรับไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นข้าที่นำมาให้” เงยหน้าบอกพ่อบ้านพร้อมกับรอยยิ้มกว้างซึ่งพ่อบ้านก็ให้คำยืนยันพร้อมกับรับปากว่าจะขึ้นโต๊ะอาหารแน่นอน ผมถึงลากลับทันที
   .
   .
   “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ให้บ่าวยกสำรับมาเลยรึไม่พ่ะย่ะค่ะ”
   “อืม” ขานรับโดยไม่ละสายตาจากม้วนราชสาส์น ไม่นานจมูกก็ได้กลิ่นหอมของอาหารพร้อมกับประตูห้องถูกเปิดออก กงกงนำบ่าวยกอาหารเข้ามาหน้าตาอาหารนั้นเพียงแค่เหลือบตามองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร
   “อาหารนี่ หลิงเอ๋อร์มาที่จวนรึ”
   “เอ่อ ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่คุณชายไป๋มิให้บอกว่าคุณชายมาพ่ะย่ะค่ะ”  รอยยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งยามถูกร่างเล็กโกรธนั้นถูกเรียกกลับมาอีกครา ราชสาส์นจากองค์ฮ่องเต้ถูกโยนไปไว้ด้านข้างทันที รีบจับตะเกียบคีบอาหารเลิศรสที่เขาไม่ได้ลิ้มลองมาสองปีกว่าๆ ใช่ตั้งแต่กลับมาข้ายังมิเคยได้ลิ้มลองอาหารฝีมือกระต่ายน้อยสักครั้ง  ขนมที่ร้านน้ำชานะรึ จะนับเป็นอะไรได้ก็กระต่ายน้อยมิดได้ทำให้เขาด้วยตัวเองการได้รับอาหารมื้อนี้ถือว่าได้รับการให้อภัยในส่วนหนึ่ง
   กระต่ายน้อยของข้านั้นช่างใจดียิ่ง
**************************************

คลานมาอัพ งานยังไม่เสร็จเลยเด้อออออออออออออ 

พนักงานตัวอย่าง5555  ถ้ามีคำผิดรึอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ

เบลอหนักมา เกลียดการขิงของพี่เว่ยจริงค่ะ เน้นจริงๆว่า 

กระต่ายของข้า กระต่ายของข้า กระต่ายของข้า 

อยากจะลักเอามาเลี้ยงเองเสียจริง

อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกเราด้วยเน้อ

ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ 

รัก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 28-09-2019 19:24:08
กระต่ายน้อยช่างน่ารักจริงๆ :-[  :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 28-09-2019 20:05:54
เอ็นดูเจ้ากระต่ายน้อย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-09-2019 21:35:28
ง้อให้สำเร็จเน้อ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-09-2019 23:48:49
พยายามเข้านะท่านอ๋อง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-09-2019 00:26:14
นี่น้องก้ใจดีสุดๆแล้ววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-09-2019 01:47:33
รีบๆง้อนะพี่เว่ย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-09-2019 13:00:07
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-09-2019 14:09:54
ถ้าพี่เว่ยทำขนาดนี้ก็ให้อภัยพี่เค้าเถอะกระต่ายน้อย แค่กกลับคำ o18
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 29-09-2019 15:31:16
งอนอีกๆ อยากให้น้องไปแตะแขนคนอื่นบ้างให้รู้สำนึก
ค่อยหายโกรธ 555555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-09-2019 18:08:14
กระต่ายน้อยจ๋าอย่าใจแข็งนักเลย  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 29-09-2019 20:09:57
อยากเห็นตอนกระต่ายน้อยหวานกับท่านอ๋องแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 19 28/9/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 29-09-2019 20:22:43
เพิ่งได้ตามอ่าน...จนทัน อิอิ

เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ^^
แต่ละคู่ก็ตั้งมั่นกันดีเหลือเกิน

มีคำผิดมาให้อ่านสะดุดอยู่บ้าง แต่เนื้อเรื่องน่ารัก ข้ามๆ ไปเนาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 06-10-2019 11:19:37
20   
   หลังจากที่ทำอาหารไปให้พี่เว่ยในวันนั้นก็ดูเหมือนร่างสูงจะดูมีกำลังใจในการตามง้อผมเพิ่มขึ้นอีกโข และผมก็ไม่ได้แสดงอาการปั้นปึ่งอะไรแล้วเหมือนกลับมาคุยกันเช่นคราแรก สม่ำเสมอและค่อยเป็นค่อยไป และผมชอบนะกับการพัฒนาความสัมพันธ์แบบนี้ เรื่องของทูตที่ตามมานั้นจบลงไปโดยที่พี่เว่ยเป็นคนให้ทางเมืองหลวงส่งคนมารับไป อันนี้พี่เว่ยเป็นคนเล่าให้ฟังนะครับ แถมยังเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเสียด้วยซ้ำราวกับกลัวผมเข้าใจผิดอีก
   “ไม่พักหน่อยรึ” เงยหน้าจากบัญชีที่วันนี้ผมหอบกลับมาทำที่จวน เพราะเป็นบัญชีที่รวบรวมมากจากทุกสาขาทำให้ผมต้องตรวจอย่างละเอียด ตอนนี้ผมสนใจที่จะร่วมหุ้นกับตระกูลโม่ในการขนสินค้าแปลกๆจากที่นี่ไปขายยังร้านที่เมืองหลวงและนำสินค้าจากชนเผ่าต่างๆนำมาขายที่ร้านแลกเปลี่ยนที่ท่าเรือ ซึ่งพี่หยงเจิ้งก็ยินดีที่จะร่วมทำธุรกิจด้วยถึงแม้ท่านพ่อจะแอบบ่นอุบเรื่องที่ผมทำงานเยอะเกินไปแถมพี่ใหญ่ก็เหมือนกัน แต่เมื่อผมบอกว่าที่ผมทำนั้นเป็นความสุขของผมทำให้ทั้งสองคนไม่บ่นเรื่องนี้ออกมาอีก
   “ข้าต้องทำให้เรียบร้อย”
   “พักก่อนเถอะนี่จะเที่ยงแล้ว” อ่า มิน่าถึงได้หิวขนาดนี้ ชักจะอิจฉาคนได้หยุดงานแล้วสิ
   “ท่านอยากทานอะไรรึไม่” หันไปถามคนที่มาเฝ้าผมตั้งแต่เช้า
   “มิต้องลำบากเจ้า พี่สั่งให้คนทำให้แล้ว” ริมฝีปากหยักระบายยิ้มหวานที่ทำลายกำแพงน้ำแข็งอย่างชินอ๋องทันที สองปีที่แล้วรอยยิ้มนี้สามารถทำให้เขาละลายได้สองปีต่อมาก็ยิ่งมีพลังทำลายล้างยิ่งกว่า อ่า เพียงแค่เห็นรอยยิ้มนี้ในหัวเว่ยชินก็มีความคิดขึ้นมาเลยว่าต่อให้แลกด้วยอะไรก็ตามเขาจะทำให้รอยยิ้มนี้มอบให้เขาตลอดไป
   “ขอบคุณขอรับ” ว่าแล้วร่างเล็กก็ก้มลงดูบัญชีต่อ ร่างสูงทำเพียงหยิบตำรามาอ่านเพื่อไม่เป็นการรบกวน รอไม่นานก็มีบ่าวยกสำรับเข้ามาทั้งสองต่างวางมือจากงานแล้วร่วมทานอาหารอย่างเงียบๆ หากแต่ต่างคนต่างคีบอาหารให้กันและกัน
   “ตอนค่ำพี่จะพาเจ้าไปเดินเที่ยว งานเจ้าจะเสร็จทันรึไม่”
   “หากพี่เว่ยช่วยคงจะเสร็จเร็ว”
   “ได้พี่จะช่วยเจ้า” หลังจากทานมื้อเที่ยวเสร็จ พี่เว่ยก็มาช่วยดูบัญชี ซึ่งทำให้เว่ยชินได้รับรู้ว่ากิจการของกระต่ายน้อยของเขานั้นทำเงินได้มากมายเพียงใด
.
.
   “พี่เว่ยขอรับท่านปล่อยมือข้าดีหรือไม่”
   “ไม่” สิ่งเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือการเอาแต่ใจของร่างสูงแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับเพราะเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของของพี่เว่ย หากจะแก้ก็คงแก้ไม่หายแล้วได้แต่ปล่อยให้มือใหญ่จับจูงเดินเที่ยวงานโคม ซึ่งผมลืมไปแล้ว อ่า ถ้าไม่ใช่พี่เว่ยชวนมาเที่ยวงานผมก็คงลืมไปเลย ตลอดทางเดินนั้นร้านรวงต่างประดับประดาด้วยโดมหลากรวดลายอวดโฉมประชันกันตามถนนนั้นเมื่อเงหน้าขึ้นไปก็จะเห็นโคมแขวนอยู่ ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่ง จริงอยู่ที่เขามาอยู่นี่สองปีกว่าก็คงต้องเคยมาเดินเที่ยวอยู่แล้ว หากแต่การที่เดินข้างกันกับร่างสูงนั้นเป็นครั้งแรกและมันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น
   เราเที่ยวชมโคมตลอดทางเดินแวะชมโคมจากร้านร้านนั้นร้านนี้จนกระทั่งมาถึงริมทะเลสาบ พี่เว่ยมองดูหลายคู่ที่มาปล่อยโคมก่อนที่จะเรียกเงาสั่งให้ไปซื้อโคมเพียงไม่นานเงาก็กลับมา พร้อมกับโคมอันงดงาม
   “หลิงเอ๋อร์ปล่อยโคมกันเถิด”
   “ขอรับ” เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นแพ้ให้กับรอยยิ้มตัวเอง ผมเลยหันไปมอบยิ้มหวานให้กับคนผู้เดียว
   “แค่ก ขอพรกันเถอะ” ผมแอบขำกับท่าทางขัดเขิน เห็นไหมบอกแล้วว่าแพ้ผม ยกมือขึ้นจับโคมแล้วปล่อยลอยขึ้นฟ้า สองมือยกขึ้นกุมอยู่ระหว่างอก ขอพรให้บิดาและพี่ชายนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง..................และขอให้คนข้างกายนั้นอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
   “ท่านขอพรว่าอะไรพี่เว่ย” ผมหันไปถามพร้อมกับเขย่ามือที่ถูกกุมไว้เบาๆ
   “เรื่องเช่นนี้เขาไม่บอกกันหรอกนะหลิงเอ๋อร์”
   “ก็น้องอยากรู้ ไม่บอกน้องหรือขอรับ” จากที่จับมือขยับเปลี่ยนเป็นเกาะท่อนแขนใหญ่เงยหน้าส่งสายตาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับร่างสูง ต่อให้มีชินอ๋องเป็นร้อยก็ยังต้องยอมแพ้
   “เจ้าจะฆ่าพี่รึหลิงเอ๋อร์” ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อผมก็รู้สึกเหมือนวาร์ปได้ เมื่อร่างสูงนั้นใช้ท่อนแขนแกร่งตวัดรัดเอวบางให้แนบชิดก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบาหนีจากตลาดที่ครึกครื้นมายังจวนอ๋อง
   “พี่เว่ยท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม” เมื่อตั้งสติได้ผมก็เงยหน้าถามคนที่ลักพาตัวมาแถมยังไม่ยอมปล่อยอีก
   “พี่จะลงโทษเจ้ากระต่ายน้อยแสนซนของพี่” ก่อนที่ผมจะได้แย้งอะไรริมฝีปากหยักได้รูปนั้นประทับแน่นปิดกั้นเสียงประท้วงทันที ความรู้สึกนุ่มยุ่นนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงบดหาความนุ่ม เรียวลิ้นแตะไล่ตามแนวหยักอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ลิ้นเล็กพยายามหดหนีแต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่ความต้องการ
   “อือ” จวบจนลมหายใจแทบหมดลงร่างสูงถึงได้ยอมปล่อย  เรียวปากอิ่มที่ถูกจูบนั้นบวมเจ่อและแดงช้ำ เผยอหอบหายใจแรง ผมทิ้งตัวพิงร่างสูงอย่างหมดแรง
   “ไหวรึไม่” ผมที่โดนจู่โจมจนสติปลิวหายไปได้แต่ส่ายหน้ากับแผ่นอกกว้าง  ฮือออ รู้สึกขาอ่อนเลยครับแถมใจก็เต้นรัวเสียจนผมคิดว่ามันจะหลุดออกมา  “อ๊ะ” ผมร้องขึ้นเมื่อพี่เว่ยอุ้มผมขึ้นจนผมต้องรีบยกแขนคล้องลำคอหนาไว้ ร่างสูงพาผมมายังศาลารับลมโดยให้ผมนั่งตักและกอดเอวผมไว้
   “หลิงเอ๋อร์เจ้าช่างหวานยิ่ง”
   “ง่า ไม่พูดได้รึไม่เล่า” เมื่อว่าอย่างนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัวซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ไม่สนใจว่าจะทำอาภรณ์ของอีกคนนั้นจะยับเยินแค่ไหน
   “หึๆ หลิงเอ๋อร์พี่มีของจะให้เจ้า” ผมยอมเงยหน้าขึ้นจากซอกคอหอม อย่ามองผมอย่างนั้นครับ ก็มันหอมจริงๆ มองมือใหญ่ล้วงเอากำไลหยดปะการังที่ผมส่งคืน ถูกบรรจงสวมคืนที่ข้อมือขาว
   “ต่อไปห้ามเจ้าถอดออกอีก”
   “เรื่องนี้มิได้ขึ้นอยู่กับข้า” ผมเงยหน้าตอบกลับยิ้มๆ เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าฝ่ายเดียวเสียหน่อยขึ้นอยู่กับความประพฤติของคนที่เป็นเบาะนั่งให้ผมอยู่ต่างหาก
   “หึ กระต่ายตัวแสบ” นิ้วเรียวยกขึ้นบีบจมูกรั้นส่ายไปมา
   “ย่าห์” ผมยกมือขึ้นตีมือหนาที่ไม่ยอมปล่อยจมูกผมเสียที
   “อ่ะแฮ่ม เจ้าจะยึดน้องชายข้าเลยรึอย่างไร” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดแทรกขึ้น ทั้งผมและพี่เว่ยต่างหลุดจากพภวังค์หันไปเห็นพี่ใหญ่ที่ยืนเอาแขนไพล่หลัง สายตาดุนั้นยิ่งดุขึ้นไปอีกเมื่อเห็นน้องชายตนนั้นนั่งอยู่บนตักสหายสนิท
   “ข้ายึดได้จริงรึ”
   “เพ่ย คืนน้องข้ามาได้แล้ว”
   “นี่กระต่ายน้อยของข้า” วงแขนที่กอดผมอยู่นั้นกอดกระชับแน่น ยิ่งเห็นแบบนี้พี่ใหญ่ยิ่งทำหน้ายักษ์ขึ้นไปอีกขั้น นี่ก็ขยันยั่วโมโหพี่ใหญ่ผมเสียจริง รู้อยู่หรอกว่าแกล้งพี่ใหญ่แต่ทำไมถึงเอาผมมาเกี่ยวด้วยเล่า
   “เว่ยชิน”
   “หึๆ ไปเถอะพี่จะไปส่งเจ้า” ในที่สุดก็ยอมปล่อยให้ผมลงจากตักเสียที่หากแต่มือของทั้งสองมิยอมปล่อย ช่างเป็นภาพที่ดูขวางหูขวางตาอวี้จิ้งเสียจริง สะบัดชายเสื้อหันหลังเดินจากไปเพราะไม่อยากมองภาพนกหยวนหยางคู่นี้ 
   .
   .
************************************************

เห็นด้วยกับพี่ใหญ่เหม็นความรักมากค่ะ เอามาลงก่อนครึ่งหนึ่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-10-2019 12:27:49
 :-[  :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-10-2019 13:08:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-10-2019 16:53:36
พอคืนดีกัน ก็ทำเราเหม็นกลิ่นความรักไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-10-2019 18:17:31
หมั่นไส้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-10-2019 19:26:09
เหม็นความรัก น่าหมั่นไส้ใครบางคนด้วย ชิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-10-2019 21:21:46
 :กอด1:


 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-10-2019 00:56:07
ก็ไปแหย่เพื่อนนน 55555555
หวานกันดีมาก บรรยากาศดี  :heaven
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2019 11:38:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-10-2019 12:30:33
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 50 เปอร์ 6/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-10-2019 18:16:26
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 11-10-2019 17:53:58
.
   ช่วงเวลาลาพักร้อนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับงานที่ถาโถมมาหาชินอ๋องผู้อู้งานอยู่ร่วมสองเดือน แม้กระนั้นก็ยังสามารถหาเวลาปลีกตัวมาหาผมได้ และความสม่ำเสมอนี้ทำให้ผมมั่นใจและวางใจ วันนี้ผมรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดเพราะหลังมื้อเย็นเมื่อวานนั้นท่านพ่อบอกว่าวันนี้จะมีการหารือเรื่องสำคัญ พอถามก็บอกว่าพรุ่งนี้จะรู้เอง นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้กว่าเดิม เมื่อเสร็จเรียบร้อยผมก็รีบเดินไปยังห้องโถง แม้จะบอกว่ารีบแต่ก็ยังช้ากว่าบิดาและพี่ใหญ่
   “คารวะท่านพ่อ พี่ใหญ่ขอรับ”
   “มาครบแล้วสินะ” ท่านพ่อว่าก่อนจะยกชาขึ้นจิบไปเรื่อยโดยไม่สนใจใคร่รู้ของบุตรชายทั้งสอง “หึๆ ไม่ต้องจ้องขนาดนั้น อีกสองวันฮ่องเต้จะเดินทางมายังเมืองหยาง”
   “มาด้วยเรื่องอันใดรึขอรับ” มังกรออกจากรังนั้นต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่
   “สู่ขอ” ทั้งผมและพี่ใหญ่หันมามองหน้ากันในทันที สู่ขอ เพียงคำๆนี้ก็เพียงพอที่จะให้มังกรมายังเมืองนี้แล้ว
   “แล้วพี่รองมาด้วยรึไม่ขอรับ”  นานครั้งที่ผมจะได้เจอกับพี่รองคนงามหากไม่มีธุระที่จะเข้าเมืองหลวงก็คงไม่ได้เจอ
   “มา และเรื่องนั่นล่ะ พ่อจะให้เจ้าเป็นผู้จัดเตรียมอาหารไว้ต้อนรับพระองค์”
   “ได้ขอรับ”
   “อ้อ และอีกหนึ่งเหตุผลที่พระองค์มาด้วยตนเองนั้น.....เพื่อที่จะมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหลิงเอ๋อร์ให้แก่ชินอ๋อง” โอ๊ะ ถ้วยชาเกือบร่วงจากมือเมื่อได้ยินบิดาบอกจนต้องรีบวางถ้วยชาลง   
   “หมายความว่าอย่างไรท่านพ่อ ข้ามิยอมหรอกนะ” และก่อนที่ผมจะพูดอะไรพี่ใหญ่ก็เป็นคนพูดขึ้นก่อน
   “แล้วเจ้าจะทำอันใดได้ อวี้จิ้งน้องของเจ้านั้นเลยวัยออกเรือนแล้วเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งชินอ๋องถึงขั้นถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้เป็นผู้มาสู่ขอตามธรรมเนียมให้” มือเล็กจับที่กำไลหมุนไปมา ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าร่างสูงจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ ช่างทุ่มเทเสียจริง แม้จะคิดแบบนั้นแต่ใบหน้าหวานก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
   “เฮ้อ เอาเถอะข้าคงห้ามอะไรมิได้แล้ว ขอเพียงเจ้าสหายนั่นไม่ทำให้เจ้าเสียใจพี่ก็ไม่ขัดขวาง”
   “พี่ใหญ่” ผมได้แต่เรียกพี่ชายเบาๆ เอียงหัวซบกับมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบผมไปมา ความอบอุ่นที่ได้รับนั่นทำให้ผมน้ำตารื้น 
   “เอาล่ะๆ ส่วนเจ้าอวี้จิ้ง พ่อได้ฤกษ์ยามที่จะสู่ขอโม่อิงให้เจ้าแล้ว”
   “จริงหรือขอรับ” รองแม่ทัพแห่งกองพยัคฆ์นั้นยิ้มกว้างเสียจนหากทหารในสังกัดมาเห็นคงต้องขวัญผวาเป็นแน่
   “ใช่ อีกสองเดือนข้างหน้า”
   “ยินดีด้วยขอรับพี่ใหญ่” ใบหน้ามีความสุขของพี่ใหญ่นั่นทำให้ผมต้องยิ้มตาม หลังจากนั่นพวกเราก็แยกย้ายทำหน้าที่ ผมให้คนไปแจ้งแก่โรงน้ำชาว่าจะไม่เข้าไป ส่วนพี่เว่ยนั้นก็ให้เงามาแจ้งว่าจะต้องไปทำธุระ ซึ่งหากเดาไม่ผิดคงต้องนำทัพไปรับขบวนเสด็จเป็นแน่ รายการอาหารที่จะทำต้อนรับนั้นมีมากมายเสียจนต้องให้คนไปเรียกซื่อจูกลับมาช่วยเพราะต่อให้มีบ่าวคนใหม่ก็ไม่รู้ใจเท่าซื่อจูอีกแล้ว
   “ซื่อจูนั่นเจ้า......” แต่เมื่อเห็นซื่อจูเดินเข้ามาผมก็ต้องตกใจจนพู่กันในมือนั้นร่วงลงพื้นทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กของอดีตบ่าวตน
   “อ่า....ขอรับ”
   “กี่เดือนแล้ว เหตุใดเจ้าไม่แจ้งข่าวข้า” ผมรีบเดินเข้าไปประคอง ซื่อจูเมื่อได้อยู่ดูแลสาขานอกด่านและออกเรือนไปแล้วผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้เจอแล้วจะมีข่าวน่ายินดีเช่นนี้
   “สี่เดือนแล้วขอรับ ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวเลยขอรับเพียงแต่ข้าพึ่งหายจากอาการแพ้ขอรับ” ใบหน้าของซื่อจูนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุข
   “ข้าแตะได้รึไม่”
   “ได้สิขอรับ” ผมค่อยๆแตะที่หน้าท้องนูน แรงถีบเบาๆนั้นทำให้ผมยิ้มกว้าง
   “ยินดีด้วยนะซื่อจู” เห็นทีผมคงจะให้ซื่อจูทำงานหนักไม่ได้เสียแล้ว เลยให้มาช่วยในการคุมเรื่องจัดสถานที่แทนโดยสั่งห้ามมิให้เดินมากมาย ส่วนผมนั้นก็เขียนรายการอาหารออกมาหลายอย่าง
   “เจ้าช่วยนำรายการนี้ไปให้ที่ร้านที่นอกด่านสั่งของตามนี้นะ” ผมให้บ่าวนำรายการเพื่อที่จะสั่งของเพื่อที่จะทำอาหารไว้เพื่อต้อนรับ และพี่ใหญ่ก็บอกว่าจะให้เสี่ยวอิงมาช่วย
   “เอาของสดเข้าไปเก็บไว้ในครัวเสีย” ผมสั่งการให้คนขนของไปเก็บไป สายตากวดมองรายการที่ถูกนำมาส่งซึ่งเป็นบรรดาของแห้งและเครื่องเทศส่วนของสดนั้นจะถูกนำมาในวันที่จะใช้แต่เช้ามืด  เสี่ยวอิงมาช่วยในยามบ่ายก็ดูจะตื่นเต้นกับการที่ได้ต้อนรับฮ่องเต้ ถึงขั้นขอบิดามาค้างที่จวนเพื่อช่วยงานอย่างเต็มที่
   “เสี่ยวอิงจัดเตรียมชาได้รึไม่ ข้าเขียนรายการไว้หมดแล้ว”
   “ได้ขอรับ” 
   หลังจากที่วิ่งวุ่นมาหลายวัน วันที่รอก็มาถึงเมื่อทั่วทั้งเมืองหยางนั้นต่างครึกครื้นเพื่อต้อนรับเสด็จฮ่องเต้ เมื่อขบวนเสด็จมาถึงโดยมีบุรุษชุดสีมุกขี่ม้านำขบวนพร้อมกองทัพพยัคฆ์ตามด้วยขบวนรถม้าและขบวนทหารปิดท้าย ขบวนเสด็จยาวเหยียดนั้นเดินทางผ่านตลาดมาหยุดยังจวนตระกูลไป๋ ที่คนทั้งตระกูลนั้นยืนรับเสด็จอยู่ด้านหน้าจวนพร้อมชาวเมืองหยาง เมื่อขบวนเสด็จหยุดลงชินอ๋องกระโดดลงจากหลังม้ามายืนรับเสด็จเคียงข้ากระต่ายน้อยของตน
   “ฮ่องเต้เสด็จ”
   “ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เมื่อได้ยินเสียงของขันธีร้องบอกชาวเมืองต่างคุกเข่าหมอบราบพร้อมกับร้องสรรเสริญดังก้อง ร่างสูงสง่าของมังกรหนุ่มเดินลงจากรถม้า ก้าวนำบุตรชายคนรองของตระกูลไป๋พร้อมกับเหล่าอ๋องที่ตามเสด็จมาด้วย มาหยุดยืนที่หน้าอดีตราชครู
   “ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”
   “อย่ามากพิธีเลยท่านลุงไป๋” พระหัตถ์โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น
   “เชิญเสด็จด้านในพ่ะย่ะค่ะ” ท่านพ่อผายมือให้เสด็จเข้าด้านในจวน องค์ฮ่องเต้พยักหน้าเบาๆแล้วย่างเท้าเข้าจวนตระกูลไป๋ เมื่อขบวนสูงศักดิ์เสด็จเยือนด้านใน เหล่าผู้มารับขบวนเสด็จก็แยกย้ายทำหน้าที่ เมื่อเข้ามายังในจวนแล้ว ท่วงท่าสูงศักดิ์ก็ถูกวางลงบรรยากาศเป็นกันเองเฉกเช่นอดีต
   “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ หลิงเอ๋อร์” เพราะเมื่อครู่นั้นอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนทำให้ อวี้เฟิ่งไม่สามารถทำตามใจได้เมื่อเข้ามาในจวนร่างระหงก็ถลาเข้ากอดคนในครอบครัวแน่น
   “โตแล้วนะเจ้า ยังทำตัวเป็นเด็กๆ”
   “ก็ข้าคิดถึงทุกคน” แม้จะทำตัวเหมือนเป็นเด็กหากแต่สายตาคมของมังกรก็ฉายแววเอ็นดูยิ่ง องค์ฮ่องเต้นั้นนั่งตรงตำแหน่งประมุขส่วนท่านอ๋องที่ตามเสด็จนั้นนั่งทางฝั่งซ้าย เจ้าบ้านนั้นนั่งฝั่งขวา เมื่อนั่งตามตำแหน่งแล้วคนใช้ก็ยกชาเสิร์ฟทันที่ตามที่ผมสั่งการไว้
   “กลิ่นชานี้ หลิงเอ๋อร์สินะ” เมื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบกลิ่นหอมเอกลักษณ์ก็โชยออกมา
   “พ่ะย่ะค่ะ”
   “รสดีเหมือนเดิมนะ”
   “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
   “เอาล่ะท่านลุงไป๋ เรามาจัดการธุระให้เสร็จเลยดีรึไม่”
   “ตามแต่พระทัยพระองค์เถอะพ่ะย่ะค่ะ” ท่านพ่อนั้นบอกเบาๆพร้อมกับจิบชา หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มนั้นไม่ถือโทษอันใดแถมยังแย้มสรวล
   “กู้กงกง” กงกงคนสนิทก้าวนำเทียบสีแดงสองเทียบส่งให้กับท่านพ่อ แม้จะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหนผมก็นั่งนิ่ง ข้าง ๆ เสี่ยวอิง ที่ดูอยากรู้ไม่แพ้กัน ท่านพ่อเปิดเทียบแดงขลิบด้วยผ้าทองก่อน คงเป็นเทียบของพระองค์เป็นแน่
   “นี่มัน.......มากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเปิดเทียบออกมานั้น รายการนั้นยาวมากคงมิใช่เพียงเทียบสู่ขอแต่คงเป็นเทียบราการสินสมรสเป็นแน่
   “ไม่มากเกินไปหรอกนะท่านลุงไป๋ สำหรับเจิ้นแล้วอวี้เฟิ่งนั้นมีค่ายิ่งกว่า”  อ่า.... ใครเอาน้ำตาลมาโรยในห้องโถงกัน หวานมากช่างเป็นคำหวานที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาล
   “เอาเถิด ขอแค่อวี้เฟิ่งมีความสุขกระหม่อมก็มิขัดอันใด”
   “เรื่องนั้นท่านลุงไป๋มิต้องห่วง กู้กงกงจัดการให้เรียบร้อยล่ะ”                                       
   “พ่ะย่ะค่ะ” กู้กงกงรับเทียบของพี่รองส่งให้กับขันทีอีกคนนำออกไป ท่านพ่อก็หยิบเทียบอีกอันขึ้นมาอ่าน
   “ชินอ๋อง ท่านช่างทุ่มเทเสียจริงนะพ่ะย่ะค่ะ”
   “เฉกเช่นเดียวกับท่านพี่ เพราะเป็นหลิงเอ๋อร์เปิ่นหวางถึงทุ่มเทเพียงนี้” เว่ยชินกล่าวพร้อมกับมองร่างเล็กที่เมื่อสบตาแล้วปรางแก้มนั้นแดงระเรื่อ ช่างเชิญชวนให้สัมผัสเสียจริง
   “อะแฮ่ม เว่ยชินเจ้าสำรวมหน่อย” เสียงกระแอมไอขององค์ฮ่องเต้นั้นเรียกสติของเว่ยชินได้ทันที
   “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”  ท่านพ่อและชินอ๋องพูดคุยเรื่องสินสอดโดยมีฮ่องเต้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชินอ๋อง เมื่อผมเห็นว่าใกล้ทานมื้อเย็นแล้วจึงขอตัวออกจากห้องโถงพร้อมกับเสี่ยวอิง
   “พี่อวี้หลิง หากท่านแต่งออกไปแล้ว เราคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆแน่ๆ” เสี่ยวอิงพูดขึ้นขณะที่กำลังนวดแป้ง
   “เหตุใดจะไม่ได้เจอกันเล่า ข้าก็ยังต้องดูแลร้าน”
   “ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงมิยอมให้ท่านออกมาแน่ๆขอรับ” ผมหลุดขำ คิดหรือว่าพี่เว่ยจะห้ามผมได้ ในห้องครัวมิได้มีเพียงแค่พวกผมหากแต่มีขันทีที่เข้ามาช่วยงามพร้อมกับองครักษ์ของฮ่องเต้มาเฝ้าดู มื้อเย็นนี้เพราะทุกคนคงเหนื่อยจากการเดินทางผมเลยคิดเมนูที่จะย่อยง่ายไม่หนักจนเกินไป ทั้งยำวุ้นเส้น แกงจืดมะระ ปลาเผาสมุนไพร น้ำพริกผักลวก ทอดมันปลา หมูผัดพริกสด แม้จะการตั้งโต๊ะในพระราชวังจะมีอาหารสำรับฮ่องเต้นั้นจะต้องมีแปดอย่างขึ้นแต่ผมคิดว่านี่คือการทานอาหารในครอบครัวเพราะฉะนั้นจึงทำเพียงห้าอย่าง ส่วนของหวานก็ทำเป็นบวดข้าวโพดมะพร้าวอ่อน  ตอนนี้ในครัวนั้นแทบจะเป็นสมรภูมิขนาดย่อม แม้จะไม่ได้ทำเองหากแต่ก็ต้องควบคุมทุกอย่างให้ได้อย่างที่ต้องการ
   ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วยามอาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยขันทีก็เข้ามาตรวจสอบพร้อมกับองครักษ์เข้ามาดูแล ผมและเสี่ยวอิงเลยรีบเดินกับเรือนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
   “ขอพระราชทานอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ”
   “เข้ามาเถิด”
   “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ผมและเสี่ยวอิงเดินไปนั่งยังที่ว่าง ที่อยู่ระหว่างพี่ใหญ่และพี่เว่ย ช่างเว้นว่างได้ถูกคู่เสียจริง ผมให้เสี่ยวอิงนั่งข้างพี่ใหญ่
   “อาหารมื้อนี่เจ้าเป็นผู้รังสรรค์รึหลิงเอ๋อร์”
   “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวังว่าพระองค์จะทรงโปรด” พระองค์ทรงแย้มยิ้ม แล้วคีบทอดมันปลาไปชิม
   “ช่างรสชาติแปลก หากแต่อร่อยยิ่ง เจิ้นชักอิจฉาท่านลุงไป๋กับเจ้าแล้วสิอวี้จิ้ง”
   “อาจจะไม่ก็ได้กระหม่อม สองปีมานั้นกระหม่อมต้องออกกำลังหนักมากพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพี่ใหญ่พูดจบทุกคนก็หลุดขำ บรรยากาศนั้นเป็นกันเองมากขึ้นเมื่อมีอาหารอร่อยๆ 
   “พี่เว่ยลองนี่สิขอรับ” เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่นั่งข้างๆนั้นไม่ยอมตักมะระต้มจืดทานเสียที ถ้าให้เดาคงจะไม่ชอบสินะ แต่การไม่ชอบอาหารฝีมือผมนั้น ผมไม่ยอมหรอกนะ เอื้อมมือไปตักมะระต้มจืดใส่ถ้วยเล็กๆแล้ววางให้ร่างสูง
   “อ่า..พี่ไม่ทานได้รึไม่”
   “ข้ารับรองว่ามันอร่อยขอรับ” ยอมลงทุนช้อนตามองร่างสูงอย่างอ้อน ๆ เท่านั้นพี่เว่ยก็ยอมตักแกงจืดมะระขึ้นชิมก่อนที่สีหน้าเรียบนิ่งของชินอ๋องจะสื่อถึงความประหลาดใจ เมื่อมะระที่ทานลงไปนั้นไม่ได้ขมอย่างที่คิด
   “อร่อยยิ่ง”
   “ทานเยอะๆขอรับ มันมีประโยชน์มากนะขอรับ” และผมก็คอยตัดอาหารให้ร่างสูงอย่างที่เคยทำตลอดเวลาที่ทานอาหารด้วยกันท่ามกลางสายตาแปลกใจของฮ่องเต้และเฉียงอ๋องและหลงอ๋อง ที่มิเคยเห็นชินอ๋องมีสายตาอ่อนโยนให้กับผู้ใด หากแต่ในสายตาแปลกใจนั้นกับมีสายตาของผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยความริษยา
***********************************

นิสัยเสียโผล่อีกแล้ว ใกล้จบแล้วไม่อยากแต่ง

ฮอลลลลลลลลล เรื่องข้าไม่อยากแต่งนั้น เหลืออีกเพียงสามถึงสี่ตอนนะคะ

และ..................เราจะเขียนฟิคลงต่อก่อน ส่วนนิยายที่จะลงต่อไปนั้น

....เป็นแนว แด๊ดดี๊ค่ะ กรุบกริบ อยากเขียนนายเอกอ่อยแซ่บๆบ้าง แค่กๆ

ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกกำลังใจนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-10-2019 18:06:56
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 11-10-2019 18:38:03
เหมือนจะมีตัวร้ายมาป่วน...
แต่คงผ่านไปด้วยดีแหละ ท่านอ๋องกับน้องซะอย่าง อิอิ

อยากรู้เรื่องฮ่องเต้กับพี่รองจังเลยค่ะ ท่าทางจะมันไม่หยอก ^^
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 11-10-2019 19:16:29
ถ้าเป็นสายตาของเฉียงอ๋อง นี่ต้องสมน้ำหน้าเลย :mew4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-10-2019 21:06:07
ว๊ายยๆๆๆ มีคนอิจฉาล่ะ มีคนอิจฉา
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-10-2019 21:19:11
 :mew1: :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2019 21:33:25
ใครนะ มองแบบอิจฉาริษยา  :m16:
คงไม่ใช่อ๋องที่หลิงเอ๋อ คนเก่าไปหลงรักนะ  :m20: :laugh:
ถ้าใช่......สมน้ำหน้า ตอนนั้นทำเป็นรังเกียจ เดียดฉันท์หลิงเอ๋อ เหอะๆ  :angry2: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 11-10-2019 22:54:09
รออย่างใจจดใจจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-10-2019 23:32:55
ใครอิจฉาเอ่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-10-2019 02:28:49
สายตาริษยา  ใครนะ?
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-10-2019 12:24:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 20 100 เปอร์ 11/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-10-2019 12:56:29
จะแต่งเมียต้องลงทุนเนอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-10-2019 22:09:36
21

หยางเว่ยชินรับรู้ถึงสายตาที่มองมาตลอดการทานอาหารร่วมกัน แม้จะรู้สึกขัดหูขัดตาเพียงใดแต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ ช่างเป็นสายตาที่น่ารำคาญเสียจริง

“คิดอะไรอยู่รึขอรับ”

“มิมีอันใด เจ้าทานต่อเถอะ” รอยยิ้มหวานนั่นคือสิ่งที่ได้รับ หลังจากมื้ออาหารเสด็จพี่และน้องสามต่างแยกย้ายกันไปพัก ข้าและหลิงเอ๋อร์มานั่งเล่นยังริมสระบัว ขนมและน้ำชาถูกยกมา ภาพในศาลาริมน้ำนั้นช่างเป็นภาพที่ชวนให้อิจฉายิ่ง ทั้งสองต่างนั่งอยู่เคียงกันเมื่อร่างเล็กเงยหน้าพูดร่างสูงจะเอียงตัวมาเพื่อรับฟังร่างเล็ก บ่าวทุกคนต่างหลบฉากไม่ไปรบกวนนายทั้งสอง หากแต่ภาพที่ทุกคนชื่นชมนั้นกลับได้รับความริษยาจากคนผู้หนึ่งโดยตลอด หยางเฉียงอ๋องผู้ซึ่งขอร่วมเดินทางมาด้วยคราแรกก็เพียงท่องเที่ยวและหาเรื่องหนีออกจากจวนเพียงเท่านั้น หากเมื่อได้เห็นคนผู้หนึ่งที่ในอดีตนั้นเคยตามติดหากแต่เขามิสนใจ แต่เมื่อได้พบอีกคราเขานั้นกลับรู้สึกว่าตนนั้นเลือกผิดไป

“อ่า หยางเฉียงอ๋องต้องการคุยกับท่านรึเปล่าขอรับพี่เว่ย” ผมเงยหน้าจากตำราในมือไปกระซิบกับผู้ที่นั่งข้างๆ

“ช่างเถิด พี่อยากทานขนม”

“ก็ทานสิขิรับ”

“มือมิว่าง” ผมส่งสายตาค้อนให้กับบุรุษที่ตอบออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ เดี๊ยะก็ตัดมือทิ้งเสียดีไหม ไม่ว่าอะไรแค่วางตำราในมือก็หยิบได้แล้วช่างมากเล่ห์เสียจริง หยิบตะเกียบคีบขนมกุ้ยฮวายืนไปชิดริมฝีปากหยัก

“อ้าปากขอรับ” ตอนนี้รู้สึกหมั่นไส้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานี่เสียจริง ร่างสูงอ้าปากรับกุ้ยฮวาที่ดูจะอร่อยกว่าทานเองเสียอีก นัยน์ตาคมเหลือบมองผู้ที่ยังยืนอยู่เบื้องหลังที่ดูจะไม่พอใจ ช่างเป็นบุรุษที่น่ารำคาญเสียจริงแม้จะเป็นพี่ชายของตนก็ตาม

“ข้าขอร่วมด้วยได้รึไม่” เสียงทุ้มด้านหลังนั่นทำลายบรรยากาศรื่นรมย์แปลเปลี่ยนเป็นอึดอัดทันที หยางเฉียงนั่งลงตรงข้ามทันที ผมยกชาขึ้นจิบ อ่า ผมไม่ได้กลัวเรื่องความรู้สึกของตนเองเพราะอย่างไรเสียความรู้สึกที่มีต่อหยางเฉียงอ๋องนั้นก็เป็นความรู้สึกของอวี้หลิงมิใช่ของผม ห่วงแต่ก็คนข้างๆ นี่ล่ะ

“ท่านพี่ไม่ไปพักรึ”

“ไม่ล่ะ ไม่ได้เจอกันเสียนานนะหลิงเอ๋อร์” อ่า ผมรีบดึงชายแขนเสื้อพี่เว่ยไว้ทันที เมื่อได้ยินคำเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”

“อย่าได้มากพิธีเลย อย่างไรเสียก็คนกันเอง” ผมอยากจะกรอกตามองบนมาก วางถ้วยชาลงก่อนที่จะมองคนตรงหน้านิ่ง

“ท่านอ๋อง กระหม่อมมิใช่คนเดิมและทุกอย่างก็มิได้เหมือนเดิม ทั้งกระหม่อมและพระองค์ต่างมิได้ข้องเกี่ยวอันใดต่อกันแล้ว” ผมเว้นช่วงเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ต้องพูดให้จบ “อีกประการท่านอ๋อง ท่านทรงลืมไปแล้วหรือว่าเรามิใช่คู่หมั้นกัน อีกทั้งท่านอ๋องก็มีหวางเฟยอยู่แล้ว ระหว่างกระหม่อมและพระองค์นั้นคงเรียกหาเช่นกาลก่อนมิได้อีก” อย่าคิดว่าการอยู่ที่นี่แล้วผมจะไม่รู้ข่าวที่เมืองหลวงหลังจากที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงสามเดือน หยางเฉียงอ๋องก็แต่งคุณหนูจางแต่งตั้งเป็นหวางเฟย

“เจ้า”

“หากท่านอ๋องลืมไป เมื่อสามปีก่อนท่านอ๋องเป็นผู้ต่อว่าข้าว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง บังอาจตีสนิทท่านท่ามกลางผู้คนมิใช่หรือ” นี่ถือว่าเป็นการเอาคืนให้แก่อวี้หลิงที่ไม่มีแม้โอกาสที่จะเรียกความเป็นธรรมให้แก่ตน แม้นิสัยส่วนตัวของอวี้วหลิงจะเอาแต่ใจไปหน่อยแต่ก็ไม่สมควรถูกฉีกหน้าแก่ธารกำนัลแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลา (แต่ก็น้อยกว่าพี่เว่ย) นั้นเปลี่ยนสีได้อย่างน่าดูชมและเมื่อตั้งสติได้หยางเฉียงอ๋องก็สะบัดชายเสื้อเดินโมโหออกจากศาลาไปทันที

“คิก” ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะให้กับอาการโมโหของผู้สูงศักดิ์ที่เดินลิ่วไป หึ อย่ามาคิดทำตัวมาหวงก้าง ความรู้สึกตอนที่ฟื้นมานั้นยังอยู่ในความทรงจำไม่ลืม

“แสบนักนะ”

“หากข้าไม่พูดให้ชัด คงเป็นท่านที่ลงมือข้าไม่อยากให้ท่านต้องบาดหมางกับพี่ชาย”

“ช่างเถิด พี่รองนั้นแม้จะนิสัยเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เลวร้าย” เอาเถอะเรื่องนี้ผมจะไม่ตอบอะไรเพราะทุกคนก็ใช่ว่าจะมีเพียงด้านดีงามของตน อย่างผมก็มีด้านสีเทาอยู่เหมือนกัน แค่กๆ แต่ไม่แสดงให้ทุกเห็นหรอกนะครับ

“งั้นก็ช่างเถิดขอรับ” และบรรยากาศสงบก็กลับคืนมา

.

.

หลังมื้อเย็นทุกคนต่างแยกย้ายร่างสูงใหญ่ของเว่ยชินเดินมายังห้องหนังสือที่ท่านลุงไป๋ยกช่วงเวลานี้ให้ เมื่อก้าวเข้าไปทั้งบรรดาพี่น้องต่างนั่งอย่างไม่มีการถือศักดิ์ทำอย่างที่เคยทำ

“หึ อย่ามานั่งใกล้ข้า” หยางเฉียงว่าพร้อมกับวางหมากดำบนกระดาน

“พี่รอง ท่านมีหวางเฟยแล้วนะ” เอ่ยขึ้นอย่างจนใจเมื่อพี่ชายตนนั้นทำตัวเยี่ยงเด็กๆ

“เจ้าสองคนทะเลาะอะไรกัน”

“ว่าที่คู่หมั้นเจ้านี่ปากคอเราะร้ายยิ่ง” หยางเฉียงว่าอย่างหงุดหงิดแม้สิ่งที่อวี้หลิงพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง สิ่งที่เขาได้กระทำในอดีตนั้นช่างเลวร้ายต่ออวี้หลิงยิ่ง

“มิเช่นนั้นจะทำให้เจ้าสามตกห้วงรักรึ” บุตรมังกรเอ่ยขึ้นพร้อมมุมปากยกขึ้น

“อ่าทุกคนต่างมีคนรักหมดแล้วข้าชักอิจฉาเสียแล้วสิ เสด็จพี่พรุ่งนี้น้องจะไปเที่ยวที่เมืองท่าเผื่อจะเจอหญิงงาม” เจ้าสี่ที่วางหมากพร้อมบ่นอุบทำให้พวกเขาเงยหน้าสบตากันก่อนจะส่ายหน้าแล้วก้มลงสนใจกับกิจกรรมของตน

“อะไรเล่า เหตุใดถึงส่ายหน้าแบบนั้นเล่า” เจ้าสี่โวยวายเสียจนทุกคนอ่อนใจ ที่ส่ายหน้าเพราะทุกคนนั้นรู้ดีว่าการที่เจ้าสี่นั้นจะหาสาวงามมาครองคู่นั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พูดอันใดนั้นมิมองดูตนเองเลยน้า

“พี่มิคิดว่าจะได้ไปสู่ขอผู้ใดให้กับเจ้าแน่เจ้าสี่”

“ทำไมเล่า” และเป็นอีกครั้งที่พี่ชายทั้งสามส่ายหน้าอย่างนึกอ่อนใจ ช่วงเวลาที่สี่พี่น้องใช้เวลาร่วมกันอย่างไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือยศบรรดาศักดิ์ เป็นเพียงพี่น้องเฉกเช่นคนธรรมดา

.

.

ช่วงเวลาที่ผู้สูงศักดิ์มาพำนักที่จวนตระกูลไป๋นั้น เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าทั้งดีและปั่นป่วนโดยเฉพาะบุตรมังกรที่มักแอบปลอมตัวออกไปเที่ยวทั่วเมืองแต่กระนั้นชาวบ้านทุกคนก็รู้อยู่ดีว่าพระองค์เป็นผู้ใด หากแต่ก็ยินยอมแสร้องทำเป็นไม่รู้จะให้ไม่รู้ได้เยี่ยงไร เมื่อทุกครั้งที่พระองค์ออกสำรวจจะมีคุณชายรองตระกูลไป๋เคียงข้างเสมอ หลังจากที่เจรจาสู่ขอสำเร็จก็มีราชโองการประกาศทั่วแคว้นทันที ส่วนหยางเฉียงอ๋องนั้นก็แอบมาวอแวผมให้พี่เว่ยแผ่ไอเย็นเป็นช่วงๆ ส่วนอ๋องสี่นั้นก็ดูจะสนุกกับการศึกษาภาษาชาวโฝหลางจีจากผมและดูจะสนอกสนใจการเดินทางข้ามท้องทะเล แถมยังแอบขอองค์ฮ่องเต้ย้ายมาอยู่ที่นี่กับพี่เว่ย ชั่งเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขยิ่ง

*******************************

แอบมาลงก่อน เจ็บนิ้วมากมายกระดึบมาได้เท่านี้
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-10-2019 22:22:07
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-10-2019 22:32:23
สมน้ำหน้าหยางเฉียงอ๋อง  เพิ่งจะมารู้สึกเสียดาย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-10-2019 22:33:49
หยางเฉียงอ๋องทำตัวน่ารำคาญมากกกกก เป็นไง เสียดายน้องละซี... :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-10-2019 02:07:59
น้องเหน็บได้แสบๆคันๆมาก  o13
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-10-2019 09:22:11
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-10-2019 10:43:25
เหอะ...ยามเป็นไม่เห็นค่า เขาตายไปแล้ว คนที่รักท่านนะ วาจาแค่นั้นยังน้อยไป สม แล้วยังคิดว่าตนเลือกผิด คนละคนจ้า แค่ใช้ร่างเดียวกัน
รอชมคู่ครองอีกคนว่าจะได้ไปขอเขา หรือรอเทียบมาขอถึงวัง  :katai3:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 19-10-2019 15:30:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 30 เปอร์ 18/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2019 20:49:09
ว่าแล้ว มองอย่างนี้มีคนเดียว...... :m20: :laugh:
หยางเฉียงอ๋องแน่ๆ  :fire: :angry2: :z6:
มาทำเป็นหมาหวงก้าง ก่อนนี้ทำตัวไม่ดีกับหลิงเอ๋อร์แท้ๆ  สมน้ำหน้า  :m16:
หลิงเอ๋อร์ เปลี่ยนจิตวิญญาน นิสัยเดิม ความคิดเดิมก็เปลี่ยนตาม ทำให้มีเสน่ห์ ออร่าออก  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-10-2019 21:26:11
“หลิงเอ๋อร์ มาเถอะพี่จะพาเจ้าไปที่หนึ่ง” ผมถูกดึงขึ้นจากการปั้นแป้งในครัวลากมาขึ้นม้าที่หน้าจวน มือยังเต็มไปด้วยแป้งอยู่เลย ควบม้าไม่ถึง 2 เค่อ (30  นาที) ก็มาถึงหน้าประตูจวนที่ดูใหญ่และอยู่เป็นแยกจากตัวเมือง หากแต่เมื่อสังเกตดูดีๆแล้วจวนแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างจวนและค่ายพยัคฆ์ ผมลงจากม้าโดยมีร่างสูงอุ้มลงมา
   “ที่นี่คือ”
   “เข้ามาไปด้วยกันเถิด” อ่า ตอนนี้ผมอยากจะล้างมือจริงๆนะครับ ได้แต่เดินตามแรงจูงของร่างสูง ก้าวผ่านธรณีประตูจวนและสิ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดนิ่งคือภาพเบื้องหน้าจวนที่ดูขนาดแล้วนั้นเทียบเท่ากับจวนตระกูลไป๋แล้วดูเล็กกว่าหากแต่ดูอบอุ่นและสิ่งที่สะดุดตานั่นคือบริเวณสวนที่เหมือนกับสวนในฝันของผมเลย ต้นไม้ใหญ่นั้นมีมีมากมายจนสวนนั้นดูร่มรื่น เก๋งไม้ที่ปลูกข้างสระบัวขนาดใหญ่นั้นก็ดูเป็นสิ่งที่ผมวาดหวังไว้ สวนถูกประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งจวนและสวนประดับนั้นเหมือนกับบ้านในฝันของผมเลยที่เดียว
   “พี่เว่ย....นี่มัน”
   “เจ้าชอบรึไม่”
   “ชอบขอรับ” ในหัวมันตื้อเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
   “เจ้าชอบพี่ก็ดีใจแล้ว ที่นี่จะเป็นบ้านของเรา เจ้าเต็มใจที่จะมาอยู่ด้วยกันรึไม่” มือใหญ่เอื้อมมาจับปอยผมที่หลุยขึ้นทัดหูมองใบหน้าหวานซึ้งกับดวงตาที่ดึงดูดตั้งแต่คราแรกที่เห็นที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส  คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มกว้างและการพยักหน้า
   “ขอรับ เราจะอยู่ด้วยกัน”
   “พี่จะเตรียมสินสอดและกำหนดการมาสู่ขอเจ้าให้เร็วที่สุด” รอยยิ้มบนใบหน้าที่ทุกคนลำลือว่าเย็นชาที่สุดนั้นทำให้ผมอยากจะให้รางวัลกับคนที่ทุ่มเทให้กับผมมากมายขนาดนี้ โผเข้ากอดร่างสูงซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง
   “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า มันมากมายเหลือเกิน” นอกจากครอบครัวแล้วก็มีเพียงพี่เว่ยที่ทุ่มเทให้กับผมมากขนาดนี้
   “พี่รักเจ้า เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่พี่จะทำให้เจ้าแล้ว” ถ้อยคำนั้นทำให้ผมต้องน้ำตาไหล แม้จะความสัมพันธ์ของเราสองคนนั้นจะชัดเจนหากแต่คำว่ารักก็ยังมิมีผู้ใดเอ่ยออกมา
   “อึก ข้าก็เช่นกัน”
   “เช่นกันอันใด” กำลังซึ้งอยู่ดี ๆ ก็ต้องชะงักกับน้ำเสียงยียวนที่ร่างสูงใช้
   “ก็เหมือนท่านนั่นล่ะ”
   “เหมือนอย่างไรเล่า”
   “ข้ารักท่าน” อยากจะถามอีกคำว่าพอใจรึยังแต่ก็ไม่พูดออกมาทำลายบรรยากาศซึ้งๆ นี่ถือว่าเป็นการขอแต่งงานใช่ไหม อ่า เมื่อคิดได้ย้อนหลังก็รู้สึกเขินอายจนต้องรีบผละออกแล้วแสร้งปัดไม้ปัดมือ ส่วนเว่ยชินนั่นแม้จะรู้สึกไม่ต่างกันแต่ถือว่าเป็นผู้เป็นหนึ่งในการทำหน้านิ่งแม้ภายในใจนั้นจะเต้นรัว
   จวนหลังนี้ข้าแอบสร้างเพื่อที่จะให้กระต่ายน้อยมาอยู่ด้วย กระต่ายน้อยก็แสนซื่อเมื่อแอบหลอกถามว่าอยากได้จวนเช่นไรก็บอกกล่าวมาเสียหมด  และเหมือนสิ่งที่ทำมานั้นหายเหนื่อยก็เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของหลิงเอ๋อร์ คำว่าอยู่ด้วยกันสามคำนั้นมีความหมาย อยู่ด้วยกัน เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า
   “รีบกลับรึไม่”
   “อ่า รีบขอรับ ข้ายังทำขนมค้างไว้อยู่เลย” กระต่ายน้อยพูดโดยไม่สบสายตาหากแต่ใบหูนั้นแดงก่ำ
   “มาเถอะพี่จะไปส่ง” กระต่ายน้อยกระโดดมายังเบื้องหน้าประคองให้ขึ้นหลังม้า แล้วควบม้ากลับไปยังจวนตระกูลไป๋ เมื่อถึงกระต่ายน้อยก็รีบกระโดดหายไปที่ครัวทันที ส่วนตัวข้านั้นก็รีบกลับจวน เพื่อเรียกกงกงให้ไปจัดเตรียมงานและจัดหาฤกษ์ยามที่เร็วที่สุด
   “สำหรับเรื่องสิดสอดเจ้าก็ทำรายการแล้วจัดเตรียมให้เรียบร้อย จัดคนให้จัดเรือนหอที่จวนหลังใหม่ส่วนเรื่องอื่นๆเจ้าจัการตามธรรมเนียมอย่าได้ให้ขาดสิ่งใด” ข้าสั่งงานหากแต่ก็มิรู้ธรรมเนียมและสิ่งที่ต้องการคงต้องให้กงกงเป็นผู้จัดการ
   “ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบจัดการให้” ว่าแล้วกงกงคนสนิทก็รีบสาวเท้าออกจากห้องไปเพื่อทำงานตามที่นายเหนือหัวสั่ง สิ่งเร่งด่วนคงต้องไปหาฤกษ์โดยด่วน และจัดการร่างรายการสินสอดให้แก่ท่านอ๋อง
   เมื่อสั่งงานเสร็จเว่ยชินก็รีบไปพูดคุยกับท่านลุงไป๋ ที่เมื่อเจอหน้าท่านลุงไป๋ก็คงจะเดาได้แล้วว่ามาด้วยเรื่องอันใด ร่างสูงเดินไปนั่งเคียงข้างกับสหายสนิท  เยื้องอีกด้านคือท่านลุงไป๋ที่นั่งดื่มชาอยู่
   “ท่านอ๋องทรงมาหาถึงที่มีธุระอันใดรึพ่ะย่ะค่ะ”
   “อย่าได้มากพิธี เปิ่นหวางจะมาพูดเรื่องของเปิ่นหวางและหลิงเอ๋อร์”
   “เรื่องอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
   “เปิ่นหวางจะสู่ขอหลิงเอ๋อร์ให้เป็นพระชายาเพียงผู้เดียวของเปิ่นหวาง”เมื่อได้ยินดังนั้นสองบุรุษตระกูลไป๋ลอบสบตากันแล้วยกยิ้ม
   “เจ้าไม่รีบไปหน่อยรึ”
   “หลิงเอ๋อร์ตอบรับคำขอเปิ่นหวางแล้ว”
   “ชิ แล้วเหตุใดน้องข้าถึงได้แต่งก่อนข้าเล่า”
   “หึ อีกสองปีมิใช่เหรอ”
   “ชิ”
   “กระหม่อมมิมีอันใดจะคัดค้านเมื่อทั้งท่านอ๋องและหลิงเอ๋อร์ต่างตกลงกันได้ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ท่านอ๋องทรงทำอย่างที่เคยรับปากไว้”
   “เปิ่นหวางสัญญา ฉู่กงกงจะเป็นผู้นำเทียบและรายการสินสอดมาให้ท่านลุงไป๋” ระหว่างที่นั่งสนทนาอยู่ฉู่กงกงขอเข้าเฝ้า
   “ขออภัยท่านประมุขไป๋ คุณชายจิ้ง ท่านอ๋งอสิ่งที่ท่านให้กระหม่อมจัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพราะเกรงจะมิทันใจนายตนจึงรีบกลับมารายงานเรื่องฤกษ์ยาม
   “ว่าอย่างไร ได้เรื่องอันใดบ้าง” ท่าทางที่หาผู้อื่นเห็นคงจะรู้สึกเพียงชินอ๋องนั้นถามไถ่ธรรมดาหากแต่ผู้ที่อยู่ด้วยกันมานานนั้นรู้ดีว่าท่าอ๋องนั้นตื่นเต้นเพียงใดภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ นี้
   “เรียนท่านอ๋อง ตามที่ได้ฤกษ์มานั้นเร็วสุดในอีก 15 วันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
   “ท่านลุงไป๋จะว่าอย่างไร”
   “ฮ่าๆ เอาเถอะจะช้าเร็วยังเสียหลิงเอ๋อร์ก็ต้องแต่งออก เอาตามที่ท่านอ๋องต้องการเลยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินบิดาร่างเล็กกล่าวเช่นนี้ในใจนั้นยิ่งลิงโลด
   “จัดการเสียฉู่กงกง”
   “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำสุดความพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้รับมอบหมายฉู่กงกงก็ขอตัวไปจัดการทันที  ใกล้แล้ว กระต่ายน้อยจะได้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
   .
   .
   .
   หลังจากวันนั้นที่พี่เว่ยพาผมไปยังจวนก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว และเป็นเจ็ดวันที่ผมหัวหมุนที่สุด ท่านพ่อไม่ยอมให้ผมออกจากจวนหากจะทำงานก็ให้คนเอาบัญชีมาส่งที่จวนส่วนเรื่องร้านค้าก็จะให้เสี่ยวอิงเป็นผู้ดูแล ส่วนผมต้องทำอะไรนะเหรอครับ นอกจากจะโดนบ่าวนำตัวไปขัดผิวทุกวันแล้วผมยังต้องมาปักผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว
   ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว
   ใช่ครับ
   ทุกคนอ่านไม่ผิด ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวแม้จะมีฝีมือด้านทำอาหารงานบ้านงานเรือนแต่การปักแบบจีนนั้นเรียกได้ว่าแทบติดลบ แต่ยังโชคดีที่ท่านแม่นั้นมองกาลไกล ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวผืนสีแดงในมือผมนั้นมีรอยเดินด้ายเป็นลวดลายไว้คร่าวๆ ด้วยด้ายสีทอง แม้จะยังมิเสร็จสมบูรณ์แต่ก็สามารถจินตนาการได้ถึงความสวยงามนั่นยิ่งทำให้ผมมีแรงฮึดที่จะทำให้เสร็จ ท่านพ่อเล่าให้ฟังว่าเป็นผ้าคลุมหน้าที่ท่านทำระหว่างที่ตั้งครรภ์ผม หากแต่ก็ยังไม่เสร็จเพราะท่านสิ้นใจหลังคลอดผมออกมา เมื่อผมรับปากจะเป็นผู้ปักผ้าคลุมเอง พี่เว่ยก็ให้ฉู่กงกงอาจารย์มาสอนให้ผมถึงจวนและด้วยความตั้งใจจริง เจ็ดวันที่ผ่านมาก็ได้รับคำยืนยันจากอาจารย์ว่าฝีมือการปักของผมนั้นผ่านแล้วทำให้วันนี้ผมจะลงมือปักผ้าคลุม
   พี่เว่ยนั้นแม้จะไม่ได้เจอหน้ากันเหมือนเดิมแต่ร่างสูงก็จะหาเวลามาเจอผมแค่ชั่วครู่ก็พอใจ นำผามาขึงก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาปักผ้าคลุม  เมื่อถึงเวลาอาหารบ่าวก็จะยกอาหารเข้ามาให้
   “หลิงเอ๋อร์ เจ้าพักหน่อยเถิดวันนี้เจ้าทำมาทั้งวันแล้ว”
   “ข้าไม่เหนื่อยขอรับพี่ใหญ่ หนำซ้ำยังสนุกเสียด้วยซ้ำ” อันนนี้คือเรื่องจริง ยิ่งทำก็ยิ่งเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็เพราะเสียงพี่ใหญ่นี่ล่ะ ผมวางเข็มลงพร้อมกับบิดไล่อาการเมื่อยขบ และลุกไปคุยกับพี่ใหญ่
   “เจ้าตื่นเต้นรึไม่”
   “ข้าบอกไม่ถูกขอรับ อาจจะเพราะต้องเตรียมตัวหลายอย่างเลยไม่ตื่นเต้นขอรับ”
   “ก็ดีแล้ว เว่ยชินฝากพี่มาบอกเจ้าว่าอย่าหักโหม ดูแลตนให้ดี”
   “แล้วพี่เว่ยล่ะขอรับ” แอบเห็นพี่ใหญ่ทำหน้าเหม็นเบืออยู่ชั่วแวบหนึ่ง
   “หลังจากนี้เจ้ากับเว่ยชินนั้นจะเจอหน้ากันมิได้”
   “ตามธรรมเนียมรึขอรับ” ผมเอ่ยถามอย่างสับสน เพราะเท่าที่รู้นั้นมิมีธรรมเนียมเช่นนี้
   “มิใช่หรอก เป็นท่านพ่อและพี่เป็นคนห้าม”
   “...................”
   อ่า
   เอาที่ท่านพ่อและพี่ใหญ่สบายใจเลยครับ
*************************************

เต็มแล้ววว เปิดเรื่องใหม่ไว้แล้วววจุดพลุ

ชื่อเรื่อง Adopt me pls  เป็นคนที่ตั้งชื่อเรื่องได้ไก่กาจริงๆค่ะ

เนื้อเรื่องก็จะตามชื่อเรื่องเลยค่ะ รับผมไปเลี้ยงที หลังจากจบฟิค Tom/Harryจะมาลงนะคะ 

.

สปอยตอนหน้าเราจะจัดงานแต่งแล้วค่ะ //ร่อนเทียบเชิญทุกท่าน
แค่กๆ ฉากห้องหอนั้น....รอลุ้นเอานะคะ 
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-10-2019 23:01:08
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 19-10-2019 23:14:04
รอเทียบเชิญอย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-10-2019 23:49:58
ก็ขอให้ได้แกล้งลูกเขยหน่อย 555555555555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-10-2019 02:40:16
สนุกดีค่ะช่วงแรก ๆ งงกับตัวละครหน่อยแต่หลัง ๆ ก็ริ่มเข้าใจว่าใครเป็นใคร
เจ้ากระต่ายน้อยน่ารัก พี่เว่ยพอเห็นความน่ารักก็ไม่รีรอเลยนะ  o18
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-10-2019 05:12:24
ความหวงน้องอ่ะเนอะ 5555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-10-2019 05:48:42
รอเทียบเชิญอย่างใจจดใจจ่อ........      :o8: :-[ :impress2:
เอิ่มมมม.........เชิญเข้าชมในห้องหอด้วยน้าาาาา  :z1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-10-2019 09:22:29
รองานแต่งกระต่ายน้อย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-10-2019 18:30:57
เค้าจะร่วมหอกันแล้วเจ้าข้าาาาาาาา



 :-[ :-[ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-10-2019 07:49:52
พร้อมร่วมงาน
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2019 15:29:25
สนุกมาก ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 21 100 เปอร์ 19/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 24-10-2019 23:15:20
สนุกมากๆๆๆ มาต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้น้าาา
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 26-10-2019 18:18:33
22
   ยิ่งใกล้แล้วผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ในส่วนของผ้าคลุมหน้านั้นผมปักเสร็จในวันที่ 10  ซึ่งผลงานที่เสร็จออกมานั้นแม้กระทั่งอาจารย์ก็เอ่ยชมนั่นทำให้ผมโล่งใจ และเมื่อผมไม่ต้องนั่งปักผ้าแล้วก็โดนลากตัวไปทั้งขัดผิวบำรุงด้วยสูตรโบราณ ทั้งยังสระผมด้วยกลีบดอกไม้จนตอนนี้ทั้งตัวและทั้งผมมีกลิ่นหอมโชยออกมา ผมคิดว่าผมไม่ควรไปยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ไม่อย่างนั้นคงโดนผึ้งไล่ต่อยเอาแน่ๆ เหลือเวลาอยูเพียงสองวัน ตอนนี้ทั้งจวนนั้นประดับด้วยผ้าแพรสีแดง โคมแดง พี่ใหญ่ก็ดูวุ่นวายกับการจัดการโน่นจัดการนี่ ท่านพ่อก็ดูวุ่นวาย ส่วนผมนั้นนอกจากเรือนตนก็ไม่สามารถก้าวออกไปได้
   “คุณชายขอรับ ฉู่กงกงนำชุดแต่งงานมาให้มอบให้ขอรับ”
   “ฝากขอบคุณฉู่กงกงด้วยนะ” บ่าวรับคำเมื่อวางหีบทั้งสองหีบลงแล้วเดินออกจากเรือนไป ผมลุกไปเปิดหีบชุดแต่งงานออกดู ชุดแต่งงานสีแดงปักด้วยไหมทองคำ เพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันงดงามเพียงไหน ส่วนอีกหีบนั้นเป็นกวานหยกสีแดงที่พอเห็นแล้วผมแทบเป็นลม เคยคิดว่ากำไลที่ผมใส่นั้นหายากแล้วแต่หยกสีแดงที่ใหญ่ขนาดนำมาทำกวาน * ได้นั้นต้องก้อนใหญ่เพียงใด พี่เว่ยช่างทุ่มเทและเปย์หนักเกินไปแล้ว ผมรีบปิดหีบแล้วนำไปเก็บไว้ข้างหมอนทันที ส่วนชุดแต่งงานนั้นผมก็เก็บไว้ที่เดิม
   “หลิงเอ๋อร์”
   “ขอรับพี่ใหญ่”หันไปขานรับพี่ใหญ่ ที่ยืนมองผมอยู่  อวี้จิ้งมองน้องชายที่บัดนี้ยิ่งงดงามกว่าเดิมโข ทั้งยังกลิ่นกายหอมนี่อีก ข้าไม่ให้แต่งแล้วได้รึไม่
   “พี่มิอยากให้เจ้าแต่งออกไปเลย”
   “คิก พี่ใหญ่ขอรับ ต่อให้แต่งออกแล้วข้าก็ยังเป็นน้องชายของพี่ใหญ่เสมอนะขอรับ”
   “เจ้าเป็นน้องชายของพี่ตลอดไปอยู่แล้วหลิงเอ๋อร์ หากเจ้าเว่ยชินทำการใดให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ จงอย่าทนตระกูลไป๋เปิดรับเจ้าเสมอ” เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป โผกอดพี่ใหญ่แน่น
   “อึก...ขอบคุณนะขอรับ ข้ารักพี่ใหญ่ที่สุดขอรับ”
   “ดียิ่ง อย่าร้องไห้เลย ตาเจ้าจะบวมเสียก่อน ใกล้ถึงวันแล้วเจ้าเตรียมตัวพร้อมรึไม่”
   “พร้อมขอรับ ฉู่กงกงเพิ่งจะนำชุดแต่งงานมามอบให้ขอรับ” พี่ใหญ่เหลือบมองหีบข้างเตียงแล้วหันมาพูดคุยกับผมอีกสองสามประโยคแล้วเดินจากไป
   วันเวลาเหมือนว่าจะผ่านไปเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเราเฝ้ารอ และวันนี้ก็เป็นวันที่ผมรู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ผมถูกปลุกให้ลุกตั้งแต่ยามอิ๋น (03.00 – 04.59)  เพื่อชำระล้างร่างกายและเตรียมตัว หลังจากชำระล้างร่างกายแล้วผมก็ถูกนำมาแต่งตัวเยี่ยงตุ๊กตาจากขันทีทั้งสี่คน เพราะต้องมีพิธีต่างๆซึ่งต่อให้รู้จากท่านพ่อแล้วแต่ก็ต้องมีผู้คอยดูแล ผมใส่เพียงชุดตัวในและกางเกงบางถูกจูงไปนั่งยังหน้ากระจก เส้นผมดำดุจแพรไหมนั้นดูบรรจงซับให้อย่างเบามือจนแห้งแล้วค่อยลงน้ำมันที่สกัดจากดอกไม้ เส้นผมถูกแบ่งขึ้นเกล้าขึ้นกลางศีรษะส่วนที่เหลือนั้นปล่อยสยาย ขันทีผู้หนึ่งนั้นวุ่นวายกับใบหน้าผมตอนนี้ผมได้แต่หลับตาแล้วรับรู้จากสัมผัสเอาว่าใครทำอะไรกับผมบ้าง
   “ลืมตาได้แล้วขอรับ”  ผมค่อยๆลืมตา อ่า ภาพที่เห็นในกระจกนั่นทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง เมื่อถูกแต่งหน้าแล้วยิ่งทำให้เครื่องหน้านั้นเด่นชัด ริมฝีปากสีชาดนั้นเพิ่มความเย้ายวนให้แก่รอยยิ้มงาม
   “ข้าช่างดูแปลกตา”
   “งดงามมากขอรับหากท่านอ๋องทรงเห็นต้องตกตะลึงเป็นแน่ขอรับ”
   “ข้าก็หวังเช่นนั้น”
   “ใกล้ยามเหม่าแล้ว ทานอะไรรองท้องก่อนเถอะขอรับ”  ผมรีบทานอาหารบนโต๊ะให้อิ่มเพราะกลัวว่าหากผ่านช่วงเวลานี้ไปผมจะไม่ได้ทานอะไรนอกจากน้ำชา เมื่อทานเสร็จผมก็ถูกทั้งสี่คนรุมล้อม หีบชุดแต่งงานถูกเปิดออกและผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาให้กับทั้งสี่คนช่วยแต่งตัว ซึ่งดีมากๆ จากที่เห็นหากให้ผมใส่เองคงใช้เวลาเป็นวันๆ ช่างดูเป็นการแต่งตัวที่วุ่นวายจริงๆ เมื่อแต่งตัวเสร็จกวานหยกก็ถูกหยิบออกมา
   “เหมาะมากเลยขอรับ”
   “นั่นสิ” เมื่อกวานหยกถูกสวมลงบนมวยผมทุกอย่างก็ดูเข้ากันมาก ผมถูกประคองมานั่งที่เตียง  ผ้าคลุมหน้าที่ใช้เวลาสิบกว่าวันในการปักนั้นถูกนำออกมาวางไว้ข้างกายเพื่อรอบิดา เพราะไม่สามารถออกจากห้องได้ดังนั้นขันทีทั้งสี่จึงเป็นเพื่อนคลายเหงา
   ก๊อก ๆ
   “หลิงเอ๋อร์พ่อเอง”
   “เข้ามาเลยขอรับ” ประตูเรือนถูกเปิดออกโดยขันที ร่างสูงของบิดาก้าวเข้ามาในเรือนวันนี้ท่านพ่อหล่อเหลามากจริงๆ น้อยครั้งที่จะใส่ชุดเต็มยศเช่นนี้ เมื่อเห็นบุตรชายตนในชุดแต่งงานอยู่เบื้องหน้าความรู้สึกก็เต็มตื้นขึ้นมาทันใด หลิงเอ๋องของเขานั้นช่างงดงามยิ่ง
   “ท่านพ่อ”
   “มิมีอันใด พ่อแค่ตื้นตันมากเกินไป เจ้างามยิ่งหลิงเอ๋อร์” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเมื่อได้รับคำชมจากบิดา ท่านพ่อเดินมานั่งเบื้องหน้าฉวยมือทั้งของข้างไปจับ สายตากวาดมองสำรวจ ลูกชายของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ 
   “พ่อรักเจ้ามาก หากไปแล้วไม่เป็นสุข กลับมาหาพ่อนะ”
   “ขอรับท่านพ่อ” ผมบีบมือท่านพ่อเบาๆ
   “เอาเถอะเดี๋ยวจะเสียฤกษ์ พ่อจะคลุมหน้าให้เจ้า” ผ้าคลุมผืนงามถูกคลี่ออกแล้วคลุมให้แก่เจ้าสาวในวันนี้
   “ลูกรักท่านพ่อนะขอรับ”
   “พ่อรู้ พ่อขอให้เจ้าพบเจอแต่ความสุข” ใบหน้าหวานใต้ผ้าคลุมนั้นยกยิ้มกว้าง
   “ขอรับ” และบิดาก็ออกจากห้องไป รอเวลา................เวลาที่เจ้าบ่าวมารับ
   .
   .
   ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นแม้ใบหน้าจะเรียบเฉยหากแต่ในใจนั้นต่างกังวลไปต่างๆนาๆ การรอคอยสิบห้าวันและเจ็ดวันที่ไม่ได้เจอหน้า วันนี้แล้ว
   วันนี้ที่กระต่ายจะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว
   “ท่านอ๋องได้ฤกษ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่กงกงในชุดพิธีการเดินเข้ามาแจ้งแก่นายเหนือหัว ที่อยู่ในอาภรณ์สีแดงลวดลายพัยคฆ์สีทองยิ่งส่งให้ร่างสูงสง่า
   “ดียิ่ง” เว่ยชินรีบเดินไปยังขบวนขึ้นขี่อาชานำขบวนเกี้ยวสีแดงเพื่อไปยังจวนตระกูลไป๋ ขบวนสู่ขอยาวเหยียดยิ่งใหญ่ พร้อมกับเกี้ยว 16 คนหาม
   “ไปเถอะ” สิ้นเสียงเข้ม  เสียงปี่บรรเลงขบวนสู่ขอก็เดินทางไปยังจวนตระกูลไป๋ ท่ามกลางความปิติของประชาชนเมืองหยาง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-10-2019 18:42:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-10-2019 18:53:00
ฉากอัศจรรย์กำลังจะบังเกิด555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-10-2019 21:16:48
ในที่สุดก็ได้แต่งแล้ววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-10-2019 21:27:08
รอๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2019 22:13:45
 :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-10-2019 23:03:41
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 26-10-2019 23:21:43
ว้าวววว ตื่นเต้นตามเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-10-2019 10:29:11
วู้ รอฉากเข้าหออยากเห็นตอนอ๋องเปิดผ้า ถ้าเห็นหน้าน้องแล้วจะตะลึงมากแค่ไหนจริง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 30 เปอร์ 26/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-10-2019 13:08:02
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 27-10-2019 18:25:42
เสียงดนตรีและเสียงอึกทึกด้านนอกห้องนั่นยิ่งทำให้ใจเต้นรัว ขันทีทั้งสองคนที่อยู่ด้วยแจ้งว่าได้เวลาแล้วก็เข้ามาประคองผมออกจากเรือนไปยังห้องโถง ยิ่งใกล้เท่าไหร่ใจผมยิ่งเต้นแรงขึ้น เมื่อปลายเท้ามาหยุดยังหน้าธรณีประตูจวน  ทุกอย่างดูเงียบลงจนขันทีพยุงให้ผมก้าวไปนั่งในเกี้ยว เมื่อผมนั่งเรียบร้อยผู้ช่วยทั้งสองของผมก็ออกไป ได้ยินเพียงเสียงฉู่กงกงร้องบอกให้เดินทาง ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่บนเกี้ยวบีบมือตัวเองแน่น  อยากเปิดม่านออกไปดูเสียจริง เพราะเสียงครึกครื้นด้านนอก  งือออออออ อยากดู  ได้แต่นั่งเหงา จนกระทั่งเกี้ยวหยุดลง
   “ค่อยๆลุกนะขอรับ” ผมจับมือคนที่ช่วยพยุงออกจากเกี้ยวแน่น เพราะนั่งนานจนเกินไป เมื่อยืนคงที่แล้วคนที่ช่วยก็ผละออกไป ผมยืนนิ่งเพราะมองไม่เห็น จนกระทั่งมีคนมาจับที่ข้อมือ”
   “ขออภัยขอรับ” เสียงที่ได้ยินนั่นคุ้นหู ฉู่กงกง?? ผมรู้สึกว่าข้อมือถูกมัดซึ่งพอเห็นผ่านชายผ้าคลุมก็รู้ว่าเป็นผ้าแดงผูกที่ข้อมือ**ผมและอีกฝ่ายที่รับรู้ได้ว่ายืนอยู่ข้างกัน
   “ค่อยๆเดินนะพ่ะย่ะค่ะ” ผมพยักหน้าเบาๆ ฉู่กงกงค่อยๆประคองผมเดินเคียงข้างกับเจ้าบ่าว
   ร่างสูงใหญ่เดินเคียงคู่ร่างโปร่งในชุดแดงนั้นช่างเป็นภาพที่ดูแล้วเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก เดินมาจนถึงข้ามประตูจวนผ่านทางเดินไปยังห้องโถง ที่ทุกคนในครอบครัวรออยู่แล้ว
   “หยุดตรงนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”เพราะถือว่าเป็นนายอีกคนของตนแล้วคงจะมิเป็นการอันควรที่จะพูดตามปกติ
   เว่ยชินมองร่างเล็กที่ยืนนิ่งหากแต่มือขาวที่โผล่พ้นชายแขนเสื้อนั้นสั่นเทา คงจะตื่นเต้นเฉกเช่นเดียวกันกับเขา คราแรกที่เห็นกระต่ายน้อยในชุดแต่งงานนั้นทำเอาเขาแทบหยุดหายใจ งดงามยิ่งกระต่ายน้อยของเขาช่างงดงาม กลิ่นกายหอมนั่นยิ่งทำให้เขาแทบอดใจไม่ไหว
   “ได้ฤกษ์แล้ว เว่ยชินอ๋อง ไป๋อิงหลาน คำนับฟ้าดิน”    ฉู่กงกงช่วยประคองร่างเล็กในการคำนับฟ้าดินแล้วพยุงให้ลุกขึ้น
   “คำนับพ่อแม่” เมื่อเขานั้นทั้งเสด็จพ่อและเสด็จแม่ไม่อยู่แล้วเหลือเพียงพี่ใหญ่หากแต่พี่ใหญ่นั้นก็ต้องเตรียมการเลยไม่สามารถมาได้ซึ่งนั่นก็ดีแล้วขืนให้มามีเพียงแต่ความวุ่นวายเพราะเป็นเช่นนั้นข้าและกระต่ายน้อยจึงไหว้บิดาคนเดียวกัน
   “คำนับกันและกัน” ฉู่กงกงประคองให้กระต่ายน้อยหันมาแล้วโค้งคำนับ
   “ส่งตัวเข้าหอ” แม้จะสิ้นสุดพิธีหากแต่เจ้าบ่าวเยี่ยงเขานั้นจะต้องร่วมดื่มเหล้ามงคลเสียก่อน ฉู่กงกงปลดผ้าออกแล้วประคองกระต่ายน้อยไปยังห้องหอ
   “เจ้าเลิกมองตามเสียที ไปเถอะข้าจะมอมเหล้าเจ้า” อวี้จิ้งดันหลังเจ้าบ่าวที่ดูท่าอยากไปเข้าหอเต็มแก่ แต่ฝันไปเสียเถิดงานนี้ข้าจะป่วนให้เจ้าเข้าหอช้าที่สุด
   เมื่อมาถึงโต๊ะจีนเหลาแขกเรือต่างแวะเวียนมายกจอกเหล้าอวยพรหมุนเวียนกันหลายรอบหากแต่เจ้าบ่าวก็หน้าไม่เปลี่ยนสีหากแต่ผู้ชนจอกนั้นพลีชีพไปหลายคน
   “เอาล่ะอวี้จิ้งเจ้าเลิกมอมเหล้าเจ้าบ่าวได้แล้ว”
   “ยางไม่เมาเลยขอราบ” เว่ยชินเหลือบมองสหายสนิทที่เมาไปแล้ว อ่อนหัดคิดจะมอมเหล้าเขารึไม่มีทางเสียหรอก
   “ท่านพ่อข้าคงต้องขอตัวก่อน”
   “ไปเถอะ” ผู้สูงวัยเข้าใจดีว่าเวลาเข้าห้องหอนั้นมีค่าดุจตำลึงทอง มองดูบุตรเขยลุกเดินตัวตรงมุ่งไปยังห้องหอ  ร่างสูงก้าวเท้าเร็วไปยังห้องหอปล่อยให้ฉู่กงกงรับรองแขกไป เมื่อเปิดประตู้เข้าไปก็เห็นร่างเล็กนั่งพิงเสาเตียง ดูท่า.......เขาจะทำให้กระต่ายรอนานจนหลับไปเสียแล้ว ก้าวไปนั่งลงข้างๆเจ้าสาว
   “อือ พี่เว่ยหรือขอรับ” และเพียงนั่งลงข้างๆกระต่ายน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน
   “ใช่แล้ว พี่จะเปิดผ้าคลุมให้เจ้าก่อนเถิด” 
   “ขอรับ” มือใหญ่จับผ้าคลุมหน้าแล้วเปิดออก เมื่อเห็นใบหน้าหวานใต้ผ้าคลุมนั่นทำให้เขาหยุดหายใจ
   “เจ้างามยิ่งหวางเฟยของพี่” แก้มขาวนั้นแดงระเรื่อ ร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาคมด้วยความเขินอาย
   “เราต้องดื่มสุรามงคลกันเสียก่อน” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเทสุราใส่จอกส่งให้กับร่างเล็กก่อนที่จะคล้องแขนแล้วดิ่มจนหมดจอก
   “แค่กๆ” เพราะไม่เคยดื่มสุราทำให้ร่างเล็กนั้นไอเบาๆ
   “เจ้าคงหิวแล้วทานอาหารก่อนเถิด” แม้จะอยากกอดร่างเล็กเพียงใดแต่ก็ต้องให้กระต่ายของเขาให้อิ่มเสียก่อน
   “หิวมากๆเลยขอรับ” อดยิ้มกับน้ำเสียงนั้นเสียไม่ได้
   .
   .
   แม้จะเขินอายเพียงใดแต่ท้องของผมก็ต้องการอาหารมาเยียวยาพยาธิในท้อง คืนนี้ผมคงไม่รอดแล้วใช่ไหม ดูสายตาพี่เว่ยที่มองผมสิ ถ้ากินผมได้คงกินผมไปแล้ว ผมรีบเคี้ยวข้าวลงท้องแล้วดิ่มน้ำชาตบท้าย เพราะสุรามงคลนั่นทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวเบาๆ
   “พี่เว่ยขอรับ ข้าเวียนหัวขอรับ”
   “พี่อุ้มเจ้าเอง” เว่ยชินอุ้มร่างเล็กไปวางยังเตียงหลังใหญ่ ดวงตาคมกวาดมองใบหน้าหวานที่แดงด้วยพิษสุรา “พี่จะถอดกวานออกให้เจ้า”  คนเมาได้แต่พยักหน้าปล่อยให้ร่างสูงทำตามอำเภอใจ มือใหญ่ถอดกวานออกวางไว้ข้างหมอนเส้นผมดำนั้นแผ่กระจายทั่วเตียงเพราะร่างเล็กนั้นสะบัดหัวไปมา
   “เจ้าเมาเสียแล้วกระต่ายน้อย”
   “คิก คิก ใช่ข้าเมาแล้ว” รอยยิ้มกว้างบนในหน้านั่นทำให้ร่างสูงอดใจไม่ไหว จมูกโด่งคลอเคลียกับแก้มเนียนสูดกลิ่นกายหอมเข้าเต็มปอด
   “คิด พี่เว่ยจะรังแกข้ารึขอรับ”
   “ใช่แล้วพี่จะรังแกกระต่ายน้อยของพี่” เว่ยชินเอ่ยทั้งที่จมูกยังคลอเคลียมิห่าง จากนวลปรางคล้อยต่ำไปยังลำคอระหง
   “ข้าจะฟ้องพี่ใหญ่”
   “ปากเล็กๆนี่รึจะที่หมายจะไปฟ้อง” เว่ยชินเอ่ยริมฝีปากหยักแตะเบาๆที่ริมฝีปากบาง
   “อ่า จูบแรกของข้า” ยิ่งได้ยินเช่านี้ยิ่งทำให้ร่างสูงร้อนรุ่ม บดเบียดริมฝีปากแนบชิดตักตวงความหวานจากกระต่ายน้อยซึ่งยินยอมเปิดทางให้กับร่างสูงตักตวงได้อย่างตามใจ ฝ่ามือหนาลูบไล้ตามเรือนร่างเล็กที่บิดเร่าไปมา
   “อ่า เจ้าหอมหวานยิ่ง” ร่างสูงกล่าวมือหนานั้นเลื่อนลงไปปลดสายคาดเอวออก แม้ใจจริงอยากกระชากชุดแต่งงานนี้ออกเป็นชิ้นๆก็ตาม
   สายคาดเอวถูกทิ้งลงข้างเตียงตามด้วยเสื้อตัวนอก เสื้อตัวใน กางเกง ลงไปกองอยู่ข้างเตียงด้วยฝีมือของร่างสูงที่ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในเช่นกัน
   “พี่เว่ย” เพราะสายตาคมที่จ้องมองเรือนร่างทำให้ร่างเล็กเรียกร่างสูงอย่างแผ่วเบา หมายว่าจะพลิกตัวหลบสายตาเร่าร้อนที่มองมาก็ไม่เป็นผลเมือมือใหญ่นั้นลูบไล้ตั้งแต่ลำคอผ่านแผ่นอกขาวไล่ลงมาถึงหน้าท้องเนียนนุ่ม
   “เจ้าทั้งงามและหอมหวานยิ่ง พี่ขอได้รึไม่” แม้จะอยากกระทำหลายอย่างกับร่างเล็กเพียงใดแต่เขาก็มิอยากหักหาญน้ำใจกระต่ายน้อยได้
   เมื่อสิ้นคำถามดวงตากลมช้อนมองคนที่ยังคร่อมร่างตนอยู่ แม้จะทนไม่ไหวแล้วยังเอ่ยถาม วางมือทาบลงกับแก้มร่างสูง ช่างเป็นบุรุษที่ทำให้เกียรติ์เขามากมายเหลือเกิน เรียวปากบวกเจ่อเพราะรสจูบที่ผ่านมาแย้มยิ้ม ก่อนที่เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เส้นความอดทนของร่างสูงขาดผึงทันที
   “ตามแต่ใจพี่เว่ยต้องการเลยขอรับ”
   เว่ยชินไม่คิดจะทนแล้วกางเกงตัวในถูกฉีกทิ้งเปิดเผยสัดส่วนและสิ่งที่ตื่นตัวอยู่ ริมฝีปากนั้นบดขยี้เรียวปากอิ่ม มือใหญ่ฟ่อนเฟ้นไปทั่วร่าง ฉวยโอกาสช่วงหนึ่งหยิบขี้ผึ้งหอมมาวางไว้บนเตียง เรื่องนี้เขาศึกษามาแล้วเพื่อที่จะไม่ให้กระต่ายน้อยเจ็บตัว
   “อ๊า.....” เสียงหวานครางลั่นเมื่อนิ้วยาวสอดแทรงเข้ามาในร่าง
   “อึก กระต่ายน้อยไหวรึไม่ จุ๊บ จุ๊บ” ร่างกายเขาปวดหนึบหากแต่ก็พรมจูบตามใบหน้าหวาน   
   “อึก...อ๊า..ขยับสิขอรับ” แต่สิ่งที่ยินนั้นกลับทำให้ร่างสูงยิ้มร้าย ก้มลงขบกัดที่ยอดอกเด่นนิ้วยังปรนเปรอให้กับร่างเล็กที่ครางเสียงหวาน
   “อ๊า...เร็วอีก...พี่เว่ย...”
   “กระต่ายน้อย”
   “เข้ามาเถอะขอรับ” เมื่อถึงจุดลุ่มหลงในห้องอารมณ์กระต่ายน้อยก็เรียกร้องในสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มอารมณ์ของตน  ร่างสูงจับเรียวขายกขึ้นชิดอกบางก่อนที่แทรกแท่งหยกร้อนเข้าไปยังช่องทางรัก
   “อ่า......”
   “อ๊า..” เสียงหวานคราลั่นประสานเสียงคลอเสียงทุ้ม ก่อนที่จะเริ่มขยับกระแทกเข้าออกทางรักที่ตอดรัดจนไม่อาจยั้งแรงได้
   “อ๊ะ..อ๊า...เร็วอีก..ดียิ่ง...อ๊า”  เสียงทุ้มและเสียงครางหวานนั้นร้องคลอตลอดทั้งคืน    
   .
   .
   บ่ายคล้อยฉู่กงกงได้แต่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องหอโดยที่นายเหนือหัวทั้งสองพระองค์ยังมิตื่นบรรทม อ่า อีกไม่นานคงมีท่านชายน้อยท่านหญิงน้อยเป็นแน่ ทั้งสำรับเช้าและเที่ยงต่างต้องยกกลับเข้าไปที่ครัว
   “ใครอยู่ด้านนอก”
   “กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” 
   “ยกน้ำร้อนและอาหารเข้ามา”
   “พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่กงกงรีบสั่งการทันทีเนื่องจากเตียมพร้อมเรียบร้อยแล้วไม่ถึง 1 เค่อ สิ่งที่สั่งก็ถูกเตรียม
   “กระหม่อมขอเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”
   “อืม” สิ้นเสียงฉู่กงกงก็เปิดห้องเข้าไป ท่านอ๋องนั่งอยู่บนเตียงม่านสีแดงนั่นปิดไว้เห็นทีพระชายาคงถูกท่านอ๋องรักจนยังมิตื่น บ่าวไพร่รีบทำการแล้วออกไปทันทีปล่อยให้ท่านอ๋องและพระชายาอยู่ตามลำพัง 
   เมื่อบ่าวไพรออกไปหมดร่างสูงเปิดม่านออกผ้าแพรสีแดงคลุมผิวขาวที่ตอนนี้มีรอยแดงช้ำเป็นจุดเส้นไหมสยายคลุมและยุ่งเหยิง ใบหน้าหวานที่อยู่ในห้วงนิทรานั้นดูมีความสุข กระต่ายน้อยของเขา ค่ำคืนที่ผ่านมานั้นช่างทำให้เขาประหลาดใจ เว่ยชินลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกดึงผ้าแพรออกแล้วช้อนร่างเล็กที่ยังหลับใหลเดินไปยังถังน้ำวางร่างบางลงก่อนที่จะก้าวลงไปตาม วางให้กระต่ายน้อยนอนพิงอก ฝ่ามือกวักน้ำขึ้นรดไหล่เนียน
   “ตื่นได้แล้ว”
   “อือ ข้าง่วง”
   “ทานอะไรก่อนแล้วค่อยนอนเถิด” ก้มลงกระซิบที่ข้างหูฉวยโอกาสสูดกลิ่นหอมที่พวงแก้วเนียน
   “ขอรับ”
   หลังจากที่แช่น้ำจนกระต่ายน้อยพอใจแล้วเว่ยชินก็อุ้มขึ้นจากถังใช้ผ้าซับน้ำให้อย่างเบามือแล้ววางร่างเล็กให้นอนบนเตียงก่อนที่จะผละไปสวมกางเกงตัวในบ้าง ข้าวต้มถูกยกนำมาป้อนกระต่ายน้อยที่นอนอยู่บนเตียง เรียกได้ว่าบริการทุกระดับเลยทีเดียว
   “เมื่อคืน.....พี่เว่ยชอบรึไม่ขอรับ” กระต่ายน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนถามขึ้น
   “เมื่อคืนเจ้าน่างน่ารักและเย้ายวนยิ่ง พี่ชอบยิ่ง”
   “งั้นหรือขอรับ” กระต่ายน้อยยิ้มกว้างมือที่วางอยู่แผ่นอกกว้างนั้นลูบขึ้นลงเบาๆ ซึ่งจุดอารมณ์ของร่างสูงได้ดีเกินไป
   หลังแต่งานเว่ยชินอ๋องมิได้เข้าค่ายสามวัน และกระต่ายน้อยของท่านอ๋องก็มิได้ก้าวออกจากห้องหอตลอดสามวัน
* (คือสิ่งที่ใช้ในการสวมครอบบนศีรษะใช้บ่งบอกยศศักดิ์ อันนี้ไรท์ให้สวมกวานแทนนะคะ หากจะสวมมงกุฎหงส์นั้นคงไม่เหมาะเท่าไหร่) 
**การผูกผ้าที่ข้อมือของบ่าวสาว ในสมัยโบราณ เพราะในพิธียังแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ จึงใช้เชือกหรือผ้าแดงผูกมือเป็นสัญลักษณ์ว่า คน 2 คนนี้ได้ผูกพันกันแล้ว และเป็นไปตามความเชื่อเรื่องผู้เฒ่าจันทราที่จะผูกด้ายแดงให้กับคนที่เป็นเนื้อคู่ แอบดึงมาจาก ปรมจ 5555
****************************************

เรียกรถพยาบาลมาเก็บศพเราด้วยค่ะ 

อ๊ากกกกกกกกกก ทั้งงานที่พึ่งเคลียร์จบ (อันนี้แทบจุดพลุฉลอง)

เหนือกว่าการตั้งชื่อเรื่องคือการแต่งเอ็นซี เราได้ใช้พลังงานหมดไปแล้ววววว จะไม่พิมพ์ต่อก็ไม่ได้เดี๋ยวต่อไม่ติดอีก

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ สำรับผู้ที่อ่านตอนแรกๆแล้วงงนั้นเรายังไม่ได้กลับไปแก้ให้นะคะ

ขอจบก่อนแล้วจะทำการแก้ไขทีเดียวไม่อย่างนั้นเราจะเขียนต่อไม่ได้

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และโดเนทนะคะ ขอบคุณมากๆ 

รัก 

หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-10-2019 18:57:39
 :mc4: :man1: :mc4:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-10-2019 19:03:04
โห่  กะมีลูกแฝดช่ะป่ะ ขยันจริงๆ  :katai3:
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-10-2019 19:10:43
แค่ 3 วันเอง ทำไมไม่อยู่สัก 7 วันเลยละคะ พี่เวย :haun4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-10-2019 22:20:05
 :sad4: :o12: :pighaun:
ฉู่กงกง มโนได้สุดยอด  อีกไม่นานคงมีท่านชายน้อยท่านหญิงน้อยเป็นแน่  ชอบบบบบ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-10-2019 22:36:06
โอ้โห3วัน3คืน  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-10-2019 00:27:40
เขินๆฟินๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-10-2019 01:17:07
 :mc4: :haun4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 28-10-2019 05:51:19
เดี๋ยวนะๆ เข้าหอแล้วมีเรื่องให้อปลกใจ เเล้วเช้ามายังถามว่า ชอบหรือไม่ เดี๋ยวนะๆคืออธิบายรายละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่55555
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-10-2019 09:30:20
3วันเลยแบบนี้ให้ได้ลูกแฝด 3 ไปเลยดีไหม
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-10-2019 13:03:25
หวีดมากจ้าาาา   :hao5:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 22 100 เปอร์ 27/10/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-10-2019 18:44:12
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-11-2019 17:30:00
23
   หลังจากที่ผ่านการเข้าหอนานสามวันสามคืนแล้วนั้น ร่างเล็กของกระต่ายน้อยถึงได้ก้าวเท้าออกจากห้องหอ ร่างกายที่ถูกร่างสูงรังแกอย่างหนักหน่วงนั้นค่อยยังชั่วขึ้นจึงได้ออกมานั่งเล่นที่ศาลา ที่เมื่อเห็นคราแรกก็ถูกใจเขามากเลยทีเดียว ร่างเล็กเอนหลังบนตั่งไม้ปูขนแกะนุ่มที่ข้ารับใช้นำมาปูเพื่อให้พระชายานั้นได้นั่งสบายๆ
   “พระชายาเพคะ ขนมเพคะ”
   “ขอบใจเจ้ามาก ออกไปเถอะข้าอยากอยู่คนเดียว” บ่าวโค้งคำนับก่อนที่จะพากันเดินออกจากสวน 
   เมื่ออยู่คนเดียวผมก็ฟุบลงกับหมอนเพราะอาการปวดช่วงล่างเวลาขยับตัวนั้นมันช่างตอกย้ำว่าผมโดนรังแกหนักแค่ไหน หากไม่ใช่ว่ามีราชการด่วนมีรึจะปล่อยให้ผมออกจากห้องหอ โชคดีที่ยังอ่อนโยนกับผมบ้างมิอย่างนั้นคงไม่ได้มีแรงแม้แต่จะก้าวลงจากเตียง เมื่อได้เอนหลังท่ามกลางสายลมอ่อนไม่นานอาการเหนื่อยล้าก็พาให้ร่างบางเข้าสู่ห้วงนิททรา
   บุรุษผู้ซึ่งรังแกภรรยาเดินลิ่วจากคอกม้าที่อยู่หลังจวนเพื่อไปหาพระชายาของตน เมื่อมาถึงศาลาร่างสูงก็ค่อยผ่อนฝีเท้ากระซิบบอกกงกงให้ไปนำเสื้อคลุมมา แม้จะยังมิใช่ฤดูหนาวหากแต่นอนรับลมมากไปก็เกรงว่าร่างเล็กนั้นจะป่วยเสียก่อน ไม่นานนักกงกงก็นำผ้าคลุมขนสัตว์มาส่งให้ ร่างสูงคลี่ผ้าคลุมนั้นห่มให้กับผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา พร้อมกับนั่งลงข้างๆโบกมือไล่บรรดาบ่าวให้ออกจากบริเวณนี้ เมื่ออยู่เพียงสองคนแล้วจึงนั่งเอนกายเคียงข้างหยิบตำราที่ร่างเล็กอ่านทิ้งไว้มาอ่านต่อ
   เมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นร่างบางที่หลับก็พลิกกายขยับเข้าไปใกล้เตาผิงอุ่น ๆ  เรียกความสนใจจากเตาผิงกิตติมาศักดิ์ให้ละสายตาจากตำราในมือ สายตาคมนั้นทอประกายอ่อนลงยามเมื่อมองกระต่ายน้อยของตน ช่างน่ารักเสียจริง ยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนแผ่วเบาเพราะเกรงจะเป็นการปลุกกระต่ายน้อยให้ตื่น หากแต่กระต่ายน้อยก็ทำเพียงขยับเข้ามาชิดใกล้ใบหน้าหวานนั้นถูไถไปกับฝ่ามือแล้วนิ่งไป
   “อ่า....กระต่ายน้อยแสนยั่ว” แม้อยากจะขย้ำกระต่ายเพียงใดก็ต้องหักห้ามใจ เขารังแกกระต่ายน้อยมาหลายวันแล้ว ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานจะมีข่าวดี วังอ๋องแห่งนี้คงจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
   ผ่านไปราวๆ 1 ชั่วยาม  กระต่ายน้อยก็พลิกตัวขนตาขยับไปมาก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าร่างสูงอย่างสงสัย
   “หิวรึไม่ พี่กำลังจะปลุกน้องพอดี”
   “หิวขอรับ ข้าหลับไปนานรึขอรับ”
   “ราว ๆ 1 ชั่วยามได้” ตาปรือนั้นเปิดกว้างเมื่อรับรู้ว่าตนนั้นหลับไปนาน
   “ขออภัยด้วยนะขอรับที่ไม่ได้อยู่รอ” ว่าแล้วร่างบางก็ขยับเข้าไปพิงกับอกกว้าง มือใหญ่ตะคองกอดเอวเล็กพร้อมกับออกแรงนวดให้เบาๆ เพราะเพียงแค่ขยับตัวคิ้วเรียวก็ขมวดแน่นคงจะยังเจ็บอยู่สินะ
   “อ่า...ดียิ่งขอรับ”
   ฟอด
   “หากจะให้พี่นวดให้เจ้าต่อ...ก็อย่าทำเสียงเช่นนี้อีก” คราแรกนั้นกระต่ายน้อยทำหน้าฉงนก่อนที่ใบหน้าหวานจะขึ้นสีอย่างน่าดูชม แล้วกระต่ายน้อยจึงชุกลงกับอกได้ยินเพียงเสียงบ่นอุบอิบเบาๆ
   “มาเถอะ...ทานข้าวก่อนพี่จะนวดให้” กระต่ายน้อยพยักหน้ารับแล้วผละออก พอดีกับกงกงกงเดินนำบ่าวอาหารเข้ามาวางแล้วรีบออกไปทันที
   “ทานเยอะๆ”
   “ขอรับ” กระต่ายน้อยหันมายิ้มกว้างคีบอาหารใส่ชามให้กับเขาก่อนแล้วค่อยลงมือทาน  ผลัดกันคีบผลัดกันป้อนความสุขง่ายๆที่เพียงอยู่ด้วยกัน
   อยู่ด้วยกัน
   คำสามคำที่บรรยายทุกอย่างในตอนนี้
   .
   .
   หลังจากทานอาหารเสร็จพี่เว่ยก็ให้ผมนอนลงแล้วลงมือนวดให้อย่างเบามือแม้จะรู้สึกดีแค่ไหนผมก็ต้องกลั้นเสียงไว้ เพราะสามีผมนั้นหื่นเหลือเกิน การนวดช่วยให้ผมอาการปวดหลังผมดีขึ้น
   “พรุ่งนี้ข้าต้องกลับจวนไปหาท่านพ่อใช่รึไม่ขอรับ”
   “อืมใช่แล้ว กงกงจะเตรียมของให้  พี่จะไปรับเจ้าหลังจากกลับจากค่ายพยัคฆ์” ผมพยักหน้า อ่า สบายจริง เมื่อหลังจากแต่งงานกันแล้วพี่เว่ยก็ยิ่งเอาใจใส่มากขึ้น ยกตัวอย่างการนวดหลังให้เช่นนี้พี่เว่ยมีบรรดาศักดิ์ถึงอ๋องแต่ก็ยอมทำให้
   อ่า
   สามีผมนี่ช่างดีจริงๆ
   .
   หลังจากผ่านมื้อค่ำตอนนี้ผมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงส่วนพี่เว่ยนะเหรอยังอยู่ที่ห้องหนังสืออยู่เลยเห็นว่ามีงานด่วนคงยังไม่กลับเร็วๆนี้ ได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมา
   นอนไม่หลับ
   หลังจากผ่านค่ำคืนเข้าหอมานั้นสิ่งที่เปลี่ยนคือผมนอนคนเดียวไม่ได้ ผมเสพติดกับความอบอุ่นของร่างสูงแล้ว งือออ เมื่อไหร่จะกลับมานะ พลิกตัวอยู่ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ร่างสูงก้าวเข้ามาพร้อมกับแววตาดุๆ
   “เหตุใดเจ้ายังมินอน”
   “ข้า..นอนไม่หลับ” ผมก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน เพราะก้มหน้าเลยไม่ทันได้เห็นแววตาวาวโรจน์ของร่างสูง
   “พี่จะรีบไปอาบน้ำ”
   “ขอรับ!!” ผมรีบขานรับ แอบเห็นรอยยิ้มกว้างของร่างสูงก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังฉาก ได้ยินเพียงเสียงน้ำเสียงของเสื้อผ้า ไม่นานพี่เว่ยก็เดินออกมาเมื่อร่างสูงนอนลงที่เตียงผมก็ขยับเข้าไปซุกทันที
   “กระต่ายน้อย”
   “ใช่ ข้าเป็นกระต่ายน้อยของพี่เว่ย” ยกแขนขึ้นกอดเอวสอบพร้อมกับซุกหน้าลงกับอกกว้างความอบอุ่นที่ได้รับนั่นทำให้ผมเริ่มตาปรือ ฮ้าววว ไม่นานผมก็หลับไป
   กระต่ายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่บนอกนั่นทำให้ผู้ที่เป็นเบาะนั้นยกยิ้มอ่อนคำพูดสุดท้ายที่ทำให้ใจเต้นรัว ช่างเป็นกระต่ายที่น่ารักเสียจริง กอดกระชับเอวเล็กก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิททราด้วยกัน
   .
   .
   “ท่านพ่อขอรับ” เมื่อเห็นบิดาผมก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเอวบิดาแน่น ความอบอุ่นที่ลูบหัวเบาๆนั่นยิ่งทำให้ผมกอดท่านพ่อแน่น
   “เจ้าออกเรือนไปแล้ว ใยทำตัวเป็นเด็กเยี่ยงนี้เล่า” แม้จะดูเหมือนดุด่านั้นหากแต่น้ำเสียงปิดบังความเอ็นดูไม่มิด
   “ออกเรือนไปแล้วข้าก็ยังเป็นลูกท่านพ่อนะขอรับ”
   “หึๆ หลิงเอ๋อร์ของพ่อ” ผมยิ้มกว้าง นั่งออดอ้อนบิดาอยู่นานจนถึงมื้อกลางวันผมก็ขอไปเข้าครัวทำอาหารให้ท่านพ่อทานระหว่างที่กำลังจะยกอาหารขึ้นโต๊ะนั้นร่างสูงของใครบางคนก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับดึงร่างผมเข้าไปกอด
   “หลิงเอ๋อร์ของพี่”
   “แค่ก พี่ใหญ่ ข้าหายใจไม่ออก” ดีที่ผมไม่ได้ถือจานหรือถ้วยชา จู่ๆพี่ใหญ่ที่พุ่งเข้ามาแล้วคว้า ย้ำว่าคว้าเอาตัวผมไปกอดเสียแน่น ไม่ได้ดูเลยว่าตัวเองนั้นใส่ชุดเกาะอยู่
   เจ็บนะเว้ยยย
   “พี่คิดถึงเจ้ายิ่ง”
   “แต่ข้าเจ็บ!!”เมื่อได้ยินว่าผมเจ็บพี่ใหญ่ก็รีบปล่อยรู้ว่าคิดถึง แต่ไม่ต้องแสดงความคิดถึงรุนแรงขนาดนี้ได้ไหมเล่า
   “พี่ขอโทษเจ้าเจ็บใช่รึไม่”
   “พอขอรับ ท่านพ่อรอทานข้าวแล้ว” พี่ใหญ่เดินตามผมเป็นลูกเป็นเลยครับ
   “ทำไมเจ้าถึงได้มาทานข้าวที่จวน” ผมเงยหน้ามองพี่ใหญ่ ออกมาจากค่ายแถมยังออกมาทั้งชุดเกราะเต็มยศเสียด้วย
   “แหะ”
   “เจ้า!!” ท่านพ่อชี้หน้าพี่ใหญ่ หากเดาไม่ผิดคงจะหนีออกมาเป็นแน่  ผมได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับคีบกับข้าวใส่ชามบิดา
   “ท่านเถอะขอรับท่านพ่อ เดี๋ยวพี่ใหญ่ก็โดนลงโทษเอง”
   “หลิงเอ๋อร์เจ้าไม่เห็นใจพี่รึ”
   “พี่ใหญ่ทำผิดข้าต้องเห็นใจอันใด”
   “ใช่ เจ้ากล้ามาอวี้จิ้ง” ทุกคนสะดุ้งกับเสียงเหี้ยม ทั้งสามคนหันไปเจอกับร่างของยมทูต ไม่ใช่ ร่างสูงของชินอ๋อง ใบหน้าหล่อเหลานั้นทะมึงตึงเสียจนน่ากลัว
   “เอ่อ..ข้าแค่กลับมาทานข้าวที่บ้าน”
   “หึ  งั้นต่อไปเจ้าก็อยู่ที่ค่ายเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ห้ามกลับจวน”
   ตะเกียบในมือของพี่ใหญ่ร่วงจากมือ พี่ใหญ่นั้นตัวแข็งทื่อไปแล้วส่วนผมและท่านพ่อนั้นกลับยิ้มขำ บ่าวนำชามข้าวอีกชามมาวางพี่เว่ยก็เดินมานั่งลงข้างๆผม
   “ขออภัยที่มาไม่ได้แจ้งก่อนนะขอรับท่านพ่อ”
   “มิเป็นไร”
   “พี่เว่ยทานนี่สิครับ” ผมคีบอาหารใส่ชามให้กับสามีพร้อมกับส่งตะเกียบและคีบอาหารให้พี่ใหญ่อีกที ทำตัวเองแท้ๆ หลังจากทานมื้อเที่ยงและสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่พี่เว่ยและผมก็ต้องลากลับ
   “ข้ากลับแล้วนะขอรับท่านพ่อ”
   “ไว้เจ้าเหงาก็มาหาพ่อได้” ผมพยักหน้าพร้อมกับขยับเข้าไปกอดลาบิดาและพี่ใหญ่
   “ไว้ข้าจะมาใหม่ ไปกันเถอะหลิงเอ๋อร์” พี่เว่ยโค้งให้กับท่านพ่อพร้อมกับส่งสายตาดุๆ ให้กับพี่ใหญ่ คงไปคิดบัญชีกันทีหลังเพิ่มอีกแน่ๆ พี่เว่ยจูงมือผมไปขึ้นหลังม้า
   “เจ้าอยากอยู่เที่ยวต่อรึไม่”
   “อยากขอรับ”
   “เช่นนั้นพี่จะพาเจ้าไปเที่ยวที่ท่าเรือ” ผมยิ้มกว้าง เหลือบมองซ้ายมองขวาเพราะยังไม่พ้นจวนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วผมหยัดตัวขึ้นแล้วหอมแก้มร่างสูง
   “พี่เว่ยใจดีที่สุดเลยขอรับ”
   “ไม่ต้องไปเที่ยวแล้ว!!”
   เอ๋?????
   ผมทำอะไรผิด
*********************

พิมพ์ไปพิมพ์มา อ่าวนี่ตอนจบนิ พรุ่งนี้มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-11-2019 20:16:04
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-11-2019 22:02:04
 :man1: :pig4: :man1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-11-2019 23:17:13
รอๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-11-2019 23:28:34
หนูไม่ผิด ก็แค่คนหาเรื่องรังแกหนูเท่านั้น :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-11-2019 23:51:50
น่ารักมาก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-11-2019 00:53:50
จะจบแล้วหรอ 
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-11-2019 09:13:58
 :o8 :o8:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 40 เปอร์ 9/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-11-2019 16:23:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-11-2019 16:52:19
********************************

สุดท้ายแล้วผมก็ได้ไปเที่ยว คราวหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้วเพราะไม่งั้นมีสิทธิ์ที่ผมจะโดนลากเข้าห้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีกแน่ ผมกวาดมองรอบๆ โดยมีร่างสูงที่เดินจับมือไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหนีหาย เมื่ออยากซื้ออะไรพี่เว่ยก็จะควักเงินจ่ายให้ทันที ข้าวของที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบทำอาหารแปลก ในหัวนั้นคิดถึงเมนูต่างๆ ที่จะทำให้แก่พี่เว่ยทาน เมื่อเที่ยวจนพอใจก็พากันกลับจวน

วิถีชีวิตหลังจากการออกเรือนนั้นไม่ได้แตกต่างจากที่ผมอยู่ตระกูลไป๋เลยด้วยซ้ำ พี่เว่ยปล่อยให้ผมใช้ชีวิตตามปกติ ยามเช้าหลังจากเตรียมมื้อเช้าและร่วมทานอาหารด้วยกันเสร็จพี่เว่ยก็จะออกไปที่ค่าย ส่วนผมก็จะไปที่ร้านเมื่อถึงก่อนถึงเวลากลางวันผมก็จะทำอาหารแล้วให้เงานำไปส่งแถมยังทำเผือไปให้พี่ใหญ่ด้วย เพราโดนลงโทษเลยอดไม่ได้ที่จะสงสาร หลังจากที่ทำงานที่ร้านเสร็จผมก็จะกลับไปเตรียมมื้อเย็นและรอพี่เว่ยกลับจวน

.

วิถีชีวิตปกตินั้นอยู่ได้สองเดือนก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อเช้าวันนี้

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง” ผมถามพร้อมกับแตะหลังมือที่หน้าผากคนป่วยที่ลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้ามืด ส่วนสรรพนามนั้นผมหันมาเรียกแบบนี้เพราะท่านพ่อเอ่ยเตือนและถามว่าผลที่ได้เป็นยังไงนะเหรอ ผลคือยังไงนะเหรอครับ ลุกไม่ขึ้นไปสองวัน

“พี่เวียนหัว”

“ข้าจะให้กงกงไปตามหมอ”

“รีบมา” ผมรับคำแล้วรีบเดินไปสั่งงานกงกงให้ไปตามท่านหมอ แล้วกลับมานั่งลงข้างๆ ร่างสูงที่นั่งพิงเสาเตียงใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดจนไม่มีสีเลือด เมื่อผมขยับเข้าไปนั่งพี่เว่ยก็ขยับเข้ามาพิงแถมยังซุกจมูกโด่งตรงคอ ลมหายใจอุ่นๆ นั่นทำให้ผมจั๊กจี้จนกลั้นไม่ไหว

“คิก พอแล้วข้าจั๊กจี้”

“กลิ่นเจ้าหอม” ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปเลยปล่อยให้ร่างสูงซุกดมกลิ่นจนกระทั่งกงกงนำหมอเข้ามา

“ถวายพระพรท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าได้มากพิธีท่านรีบตรวจท่านอ๋องเถิด” ผมกำลังที่จะลุกขึ้นเพื่อที่จะให้ท่านหมอเข้ามาตรวจแต่ก็ลุกไม่ได้ เมื่อวงแขนใหญ่กอดกระชับเอวผมแน่นไม่ยอมให้ลุกขึ้น

“ปล่อยก่อนสิขอรับ”

“ไม่ จะตรวจก็รีบตรวจ” ทำไมต้องทำเสียงเหี้ยมกับท่านหมอด้วย ผมเลยได้แต่พยักหน้าให้ท่านหมอเข้ามาตรวจ

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ” ท่านหมอจับที่ข้อมือพี่เว่ย ยิ่งจับยิ่งคิ้วขมวด

“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”

“มิมีอันใดผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ” อ่าว งง กันทั้งห้องสิ

“จะไม่ผิดปกติอันใด ท่านอ๋องอาเจียนหลายครั้งแล้ว” ผมรู้สึกโมโหจนใช้น้ำเสียงห้วน ท่านหมอสะดุ้งก่อนที่จะกุลีกุจอตรวจอีกรอบ

“มิมีอันใดผิดปกติจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่ากระหม่อมขอตรวจพระชายาสักนิดพ่ะย่ะค่ะ” ผมทำหน้างงแต่ก็ยอมส่งมือให้ท่านหมอ แม้จะโดนมองแรงจากสามี

“อ่า กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าและท่านอ๋องเป็นอะไรรึ” รีบถามขึ้นด้วยความตกใจ

“ขอแสดงความดีใจกับท่านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระชายาทรงตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำท่านหมอคนป่วยก็ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่เกรงใจอาการป่วยของตน

“จริงหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดยาบำรุงให้ ที่ท่านอ๋องป่วยคงเป็นเพราะแพ้ครรภ์แทนพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้ในหัวของผมนั้นได้ยินแต่คำว่าตั้งครรภ์วนไปมา

“ฉู่กงกงตามท่านหมอไปแล้วส่งคนไปแจ้งท่านพ่อด้วย ออกไปได้” ทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย

ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบเบาๆ ที่ท้องไปมา อ่า ผมท้อง ท้องแล้วเหรอ

“หลิงเอ๋อร์..เจ้าไม่ดีใจรึ” เสียงของร่างสูงเรียกสติผม แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร ร่างสูงก็ทำหน้าตกใจ

“เจ้าร้องไห้ทำไม”

“อึก ลูก ข้ากำลังจะมีลูก” ผมโผเข้าไปกอดร่างสูงแน่น ปากก็พร่ำบอกด้วยความดีใจน้ำตาเอ่อไหลด้วยความดีใจ ร่างสูงโอบกอดปลอบโยนคนรักที่ร้องไห้ด้วยความดีใจ

“ใช่เรากำลังจะมีลูก”

“ข้าดีใจมาก” มือหนาบรรจงเช็ดน้ำตาริมฝีปากหนาพรมจูบตามใบหน้าเนียน

“พี่ก็เช่นกัน”

“ข้ารักท่านพี่”

“พี่ก็รักเจ้า” สองร่างตระกองกอดกันด้วยความรักเมื่อความรักของพวกเขาทั้งสองคนก่อให้เกิดชีวิตที่เป็นพยานรัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรเขาจะดูให้ดีเท่าชีวิต

.

เมื่อทั้งจวนได้รับข่าวน่ายินดีนี้ต่างตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะเตรียมพร้อมสำหรับท่านชายหรือท่านหญิงน้อย ฝ่ายตระกูลไป๋ก็ไม่น้อยน่าเมื่อได้ทราบข่าวทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างรีบมาที่จวนทันที ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ที่ศาลาคลายร้อน เสี่ยวอิงก็ตามมาด้วย

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้ารู้สึกแพ้รึไม่”

“ไม่ขอรับ เป็นท่านพี่แพ้ขอรับ” ได้ยินผมตอบทั้งท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างยิ้มกว้าง

“เจ้าเป็นมารดาคนแล้ว อย่าได้ดื้อรั้นและเล่นซนให้มาก”

“ขอรับ” ผมรีบรับคำเพราะกลัวว่าท่านพ่อจะบ่นยาวกว่านี้ พี่ใหญ่นั้นใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างตลอดเวลานั้นช่างดูไม่คุ้นตา คงจะดีใจมากสินะ

“พี่อวี้หลิง ข้าจับได้รึไม่” เสี่ยวอิงที่นั่งจ้องอยู่นานเอ่อขอ

“ได้สิ จับตอนนี้ก็คงไม่รู้สึกอะไร” เสี่ยวอิงแตะมือลงที่หน้าท้องที่ยังแบนราบอยู่

“ข้าจะให้คนหาของบำรุงมาให้เจ้าหลิงเอ๋อร์”

“พี่ใหญ่ขอรับ ข้าทานจนเอียนแล้ว” ใช่ครับหลังจากที่รู้ว่าผมท้องนั้น พี่เว่ยก็ให้ท่านหมอและฉู่กงกงไปเสาะหาของบำรุงมาให้แถมยังสั่งให้ขันทีคอยตามติดผมสองคน แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ผมก็เข้าใจว่าทั้งพี่เว่ยนั้นเป็นห่วง

“งั้นรึ เจ้าก็อย่าซนเหมือนท่านพ่อว่า”

“เรื่องงานเดี๋ยวข้าจะรับผิดชอบเองขอรับพี่อวี้หลิง” เมื่อเสี่ยวอิงพูดแบบนี้ผมก็คงต้องฝากฝังกับเสี่ยวอิงแล้วเพราะทุกวันนี้หากไม่มีพี่เว่ยผมจะไม่ได้ออกนอกจวน ยังดีที่พี่เว่ยนั้นไม่ได้ห้ามให้ผมเลิกเข้าครัวไม่อย่างนั้นผมคงได้โมโหแน่ๆ

“พี่ฝากเจ้าด้วยเสี่ยวอิง” ยืนมือไปลูบว่าที่พี่สะใภ้ที่ส่งยิ้มกว้าง

“ดูแลตนเองดีๆ”

“ขอรับท่านพ่อ” เมื่อคุยกันจนถึงเวลาที่ผมต้องพักแล้วทั้งสามคนก็บอกลา ท่านพ่อยังคงย้ำไม่ให้ผมดื้อผมซน งือ ผมโตแล้วนะ ได้แต่พยักหน้าและรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง เมื่อส่งแขกเรียบร้อยแล้วผมก็ถูกประคองกลับไปนั่งที่ศาลา ทุกคนคงแปลกใจที่ไม่เห็นพี่เว่ย ไม่อยากจะบอกครับว่าลุกไม่ได้ เพราะแพ้ท้องแทนผม อ่า ยิ่งพูดถึงก็ยิ่งเขิน

“เจ้าตัวน้อย อย่ารังแกบิดามากนัก” ได้แต่บอกให้ลูกเบามือกับบิดา
******************

ยัง ยังไม่จบ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-11-2019 19:33:02
พี่เว่ยช่างขยันจริงๆ ในที่สุดน้องก็มีลูกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-11-2019 20:13:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-11-2019 00:08:43
มีลูกทันใช้เร็วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-11-2019 08:23:03
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-11-2019 08:50:56
ท้องแล้ว~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 80 เปอร์ 10/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-11-2019 11:43:52
เจ้าตัวแสบทำพ่อแพ้ซะจ๊นนนนน 555555555555
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 16-11-2019 22:17:50
หลังจากที่พี่เว่ยโดนบุตรรังแกเสียจนเป็นที่ล่ำลือของชาวเมืองว่าเว่ยชินอ๋องนั้นรักใคร่พระชายายิ่งนักถึงได้แพ้แทน เมื่อผ่านพ้นได้สี่เดือนพี่เว่ยก็ไม่มีอาการแพ้แล้วแม้ช่วงเดือนแรกจะอาเจียนแทบทุกเช้าแต่ตอนนี้ก็มีเหลือเพียงอาการติดผม ซึ่ง ไม่รู้ว่าติดเพราะอาการแพ้รึติดเพราะพี่เว่ยอยากให้ติดกันแน่
   “ปวดขารึไม่” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อตอนนี้นั้นร่างบางเริ่มท้องโตและดูเหมือนจะโตกว่าปกติเสียด้วย
   “ก็ปวด หากแต่ไม่มากเท่าใด” หากไม่ได้เดินเยอะผมก็ไม่ได้ปวดมากมาย ยกมือขึ้นลูบท้องนูนที่โตกว่าปกติเบาๆ ผมเดาได้เลยว่าต้องเป็นลูกแฝดแน่ๆ “ท่านพี่จะทำอันใด” ผมรีบร้องขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นนั่งคุกเขาลงกับพื้นแล้วจับขาของผมนวดอย่างเบามือ
   “พี่แค่นวดให้เจ้า”
   “ท่านพี่ให้บ่าวทำให้ข้าก็ได้”
   “พี่ไม่อยากให้ใครแตะตัวเจ้า” ถ้อยคำตรงไปตรงมานั้นทำให้ผมเขินอายได้เสมอ พี่เว่ยนั้นทำให้ใจผมเต้นแรงได้ตลอดเวลาจริงๆ เรียวปากบางยิ้มกว้าง ผู้ชายคนนี้ทำไมน่ารักเช่นนี้
   “พี่เว่ยพอแล้วขอรับ” ดึงแขนร่างสูงให้ขึ้นมานั่งข้างๆ
   ฟอด
   “ข้ารักท่านพี่นะขอรับ”
   “หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าแกล้งพี่” ร่างสูงได้พูดเสียงเข้ม มีอย่างที่ไหนมาหอมแก้มเขาเช่นนี้ในตอนที่ไม่สามารถทำอะไรได้มิใช่แกล้งกันหรอกรึ
   “ท่านอย่าได้คิดเป็นอื่น ข้าเพียงอยากขอบคุณท่านพี่ที่ดีต่อข้าถึงเพียงนี้” ขยับเข้าไปแอบอิงแขนเรียวกอดเอวสอบแน่น
   “หึ พี่ก็รักเจ้า กระต่ายน้อยของพี่และลูกกระต่ายด้วย” มือหนาประคองกอดพร้อมกับลูบท้องนูนนั่นเบาๆ
   .
   .
   .
    เวลาที่เรารอคอยนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วในตอนนี้ผมนั้นตั้งท้องได้เก้าเดือนแล้ว ท้องที่โตนั่นทำให้ผมเดินอุ้ยอ้ายแถมยังเกิดอาการปวดขาทั้งยังมีอาการชาร่วมด้วย  โชคดีที่สามีของผมคอยดูแลอย่างไม่บกพร่องจนกระทั่งวันนี้มาถึง
   “ทะ....ท่านพี่ อึก”
   “หลิงเอ๋อร์เป็นอะไร”
   “ขะ..ข้า ข้าปวดท้อง” แรงปวดหนึบที่ทำให้ผมต้องกุมท้อง อูย อยากจะออกมาขนาดนั้นเลยเหรอลูก
   “ตามหมอ!!” พี่เว่ยตะโกนลั่นเพียงเท่านั้นทั่วทั้งจวนก็เหมือนตกอยู่ในความโกลาหล
   “เจ้าไปต้มน้ำ”
   เจ้าค่ะ”
   “ข้าจะไปแจ้งข่าวที่จวนตระกูลไป๋”
   “รีบไป”
   เสียงตะโกนโหวกเหวกด้านนอกนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเลยด้วยซ้ำอาการปวดนั้นทำให้หน้าผากเนียนนั้นเต็มไปด้วยเหงือ
   “พี่เว่ย...ข้าปวด”
   “หมอ เมื่อไหร่จะมา” เว่ยชินตะโกนลั่นพอดีกับประตูเรือนถูกเปิดออกพร้อมกับร่างชราของหัวหน้าหมอหลวงที่องค์ฮ่องเต้สั่งให้มาดูแลผมและหลานที่กำลังจะเกิด
   “กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ร่างชรานั้นหอบหายใจเพราะต้องวิ่งมาจากสวนสมุนไพรของตน
   “เลิกมาพิธีแล้วเข้ามาดูได้แล้ว” สิ้นคำท่านอ๋องหมอหลวงชราก็ขยับเข้ามาจับชีพจรพร้อมกับสั่งหมอผู้ช่วยให้เตรียมยาและอุปกรณ์
   “ขอเชิญท่านอ๋องออกไปด้านนอกก่อนพ่ะย่ะค่ะ” แม้จะไม่อยากออกไปเพียงใด ร่างสูงก็ต้องยอมที่จะออกมายืนรอนอกห้องด้วยอาการกระสับกระส่าย ผู้ช่วยหมอทั้งสามคนต่างเดินเข้าออก ยิ่งได้ยินเสียงโอดครวญของกระต่ายน้อยยิ่งทำให้ร่างสูงนั้นอยู่ไม่สุข
   “ท่านอ๋อง / เว่ยชิน” บุรุษตระกูลไป๋เมื่อได้ทราบข่าวก็รีบเร่งมาทันที
   “คารวะท่านพ่อ อวี้จิ้ง”
   “เป็นอย่างไรบ้าง”
   “หมอหลวงกำลังดูแลอยู่” แม้จะตอบหากแต่ร่างสูงนั้นก็ไม่ละสายตาจากประตู
   “เจ้าใจเย็นเถิด อยู่ในมือหัวหน้าหมอหลวงแล้ว”
   “ข้ารู้ แต่ข้าเป็นห่วง” สามบุรุษที่อยู่หน้าเรือนนั้นได้แต่เพียงรอ รอเท่านั้น
   การรอคอยนั้นช่างทรมานยิ่ง เสียงที่ดังออกมานั่นยิ่งทำให้เว่ยชินแทบอยากจะพังประตูห้องเข้าไป บ่าวไพร่ทุกคนต่างวางมือและสวดภาวนาให้พระชายาคลอดอย่างปลอดภัย สามบุรุษที่ผุดลุกผุดนั่งอยู่หน้าเรือนนั้นต่างยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเด็กดังออกมาบุรุษทั้งสามต่างยิ้มกว้าง บรรดาบ่าวไพร่ต่างโห่ร้องยินดี
   ประตูเรือนถูกเปิดออกพร้อมร่างชราของหมอหลวงเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง   
   “ยินดีกับท่านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะพระชายาได้ให้กำเนิดมังกรคู่พ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำหมอหลวง เหล่าผู้รอฝังข่าวนั้นต่างรู้สึกปิติยิ่งไม่เพียงให้กำเนิดมังกรหากแต่ยังเป็นมังกรคู่เสียด้วย
   “จริงหรือท่านหมอหลวง”
   “จริงพ่ะย่ะค่ะตอนนี้พระชายายังทรงอ่อนเพลียอยู่กระหม่อมจะไปจัดยาพ่ะย่ะค่ะ”
   “ขอบคุณท่านหมอ” หมอหลวงคำนับแล้วเดินไปยังเรือนของตน ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องร่าง เดินไปนั่งลงที่ตั่งข้างเตียงมองใบหน้าหวานที่หลับใหลนั้นซีดเซียว
   “ลำบากเจ้าแล้วหลิงเอ๋อร์”
   “เว่ยชินหลานข้าช่างน่าชังนัก” เว่ยชินหันไปมองสหายที่เมื่อเข้าห้องมาก็ตรงไปยังตะกล้าหวายที่บุตรชายทั้งสองนอนอยู่
   “อย่าคิดจะแตะบุตรข้า”
   “เจ้าช่างหวงยิ่ง ท่านพ่อดูสิขอรับคนนี้ช่างเหมือนหลิงเอ๋อร์เสียจริง”
   “ใช่แล้ว โตขึ้นคงจะงามเหมือนหลิงเอ๋อร์” ยิ่งได้ฟังพ่อตาและสหายพูดยิ่งทำให้ความหวงของเว่ยชินนั้นพุ่งทะยาน หากโตขึ้นแล้วงามเยี่ยงมารดาจะต้องมีเหล่ามดแมลงมายุ่งวุ่นวายเป็นแน่ เขาจะต้องหาทางกันไว้ เว่ยชินลูบเบาๆที่แก้มเนียนแล้วค่อยลุกไปดูบุตรชายทั้งสองของตน เด็กน้อยตัวแดงซาลาเปาสองข้างนั่นช่างกลมเหมือนกับมารดายิ่ง แม้จะดูเหมือนกันหากแต่นัยน์ตาของทั้งคู่นั้นดูแตกต่างยิ่ง
   “อี้ชิน อี้หลิง” เพียงแค่เห็นชื่อทั้งสองก็ผุดขึ้นมาในหัว
   “อี้ชิน อี้หลิงรึ ดีๆ”  ผู้สูงวัยพยักหน้าเห็นด้วยกับชื่อที่ร่างสูงตั้งให้ มือล้วงเข้าไปในอกหยิบถุงแดงออกมา เปิดออกมาเป็นกำไลกระดิ่งทองวงเล็กออกมาใส่ที่ข้อเท้าของหลานชายทั้งสอง
   “จงเติบโตอย่างแข็งแรงและปลอดภัย” หลานน้อยทั้งสองนั้นเพียงใช้สายตากลมมองผู้เป็นตานิ่ง ไม่ร้องไห้โยเย
   “อวี้จิ้งเจ้ามิมีอันใดให้หลานเลยรึ”
   “เว่ยชินอ๋องเจ้าร่ำรวยเพียงใดเหตุใดถึงมามาถามเอาของรับขวัญหลานจากข้าเล่า” อวี้จิ้งโวยวายด้วยการกระซิบช่างดูขัดกับรูปลักษณ์ยิ่ง
   “เช่นนั้นเจ้าก็ห้ามอุ้มหลาน” เว่ยชินยกยิ้มมุมปากช่างเป็นท่าทางที่ชวนหมั่นไส้ยิ่งนัก
   “หลานข้า ข้าจะอุ้ม”
   “ข้าเป็นบิดา” สองสหายต่างฟาดฟันกันด้วยสายตา ขณะที่กำลังจะทำสงครามทางสายตาอยู่นั้นเสียงครางเบาๆจากกระต่ายน้อยที่นอนอยู่บนเตียง เว่ยชินเลิกสนใจสหายเดินไปนั่งลงที่ตั่งข้างเตียงพร้อมกุมมือเล็กไว้
   “หลิงเอ๋อร์เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
   “พี่เว่ย...ลูก..” เสียงหวานนั้นแหบพร่าชวนให้สงสาร เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแรงทำให้ปวดใจยิ่ง
   “ลูกทั้งสองปลอดภัยดี เหนื่อยเจ้าแล้ว” กระต่ายน้อยไม่ตอบอันใดเพียงยกยิ้มอย่างอ่อนแรง
   “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอหลวงให้กระหม่อมนำยามาให้พระชายาเสวยพ่ะย่ะค่ะ”
   “นำมา”
   “นี่พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่กงกงยกยาถวาย เว่ยชินรับถ้วยยามาถือ ฉู่กงกงเมื่อถวายยาเสร็จก็เดินดูท่านชายน้อยทั้งสอง  เว่ยชินตักยาขึ้นมาเป่าจนเย็นจึงประคองร่างบางขึ้นแล้วค่อยๆบรรจงป้อนยาจนหมดชาม ประคองให้ร่างเล็กนอนลง
   “เจ้าพักเสียเถิด”เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนจึงบอกให้พักพร้อมกับก้มลงแนบรีมฝีปากลงที่หน้าผากเนียน
   “ขอรับ” รับคำเสร็จกระต่ายน้อยก็หลับใหลในทันที 
   .
   หลังจากให้ของขวัญต้อนรับหลานชายทั้งสองท่านพ่อตาและอวี้จิ้งก็ขอตัวกลับ ข้าให้ฉู่กงกงส่งม้าเร็วแจ้งข่าวไปยังเมืองหลวง และให้เชิญแม่นมที่พระเชษฐาส่งมาพร้อมกับคณะหมอหลวงมาดูแลเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยทั้งสองระหว่างที่กระต่ายน้อยต้องรักษาตัว ผ่านพ้นไปสามวันหลิงเอ๋อร์อาการดีขึ้นและเป็นครั้งแรกที่จะได้อุ้มเจ้าก้อนซาลาเปา
   “ท่านพี่เมื่อไหร่แม่นมจะนำลูกมาขอรับ” ใบหน้าหวานที่ดูซีดวันนี้กลับมาเปล่งปลั่งหากแต่ก้อนกลมตรงแก้มนั้นหายไป ไม่ได้แล้วเห็นทีจะต้องให้พ่อครัวทำอาหารสำหรับบำรุงให้เสียแล้ว
   “อีกเดี๋ยวก็คงมา” เจ้ากระต่ายนั้นดูตื่นเต้นเพราะตลอดสามวันนั้นอ่อนเพลียเอาแต่หลับ เมื่อรู้สึกตัวก้อนแป้งทั้งสองก็หลับไปแล้วจึงคลาดกันตลอดเวลา
   “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
   “เข้ามา” เมื่ออนุญาต ฉู่กงกงก็เปิดประตูนำแม่นมที่อุ้มก้อนแป้งทั้งสองเข้ามา
   “มาแล้ว ๆ” ท่าทางดีใจนั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทั้งกงกงและแม่นม
   “ทรงอุ้มไหวรึไม่เพคะ”
   “ข้าไหว” กระต่ายตัวน้อยลุกขึ้นนั่งดีๆ แม่นมค่อยๆอุ้มอี้ชินส่งให้กระต่ายน้อย
   “อี้ชินเหมือนท่านพี่มากเลยขอรับ ใช่ไหมเด็กดี” เจ้าก้อนแป้งก็รู้ความยิ่งเมื่อเห็นมารดาคุยด้วยก็ยิ้มกว้างพร้อมกับพูดอ้อแอ้ตอบโต้ กับบิดามิเห็นเป็นเช่นนี้
   “แอ้!!” อี้หลิงที่ยังนอนอยู่ร้องประท้วง เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน แม่นมจึงอุ้มอี้หลิงส่งให้กระต่ายน้อย ส่วนอี้ชิงก็ถูกมาให้ข้าอุ้ม
   “อี้หลิงโยเยรึ หือ”
   “แอ้”
   “อี้หลิงเหมือนเจ้ายิ่ง” กระต่ายน้อยยิ้มกว้างแล้วก้มลงคุยกับอี้หลิงในอ้อมแขน
   “อี้ชิง”
   “.....”  อ่า ลูกคนนี้ 
   กาลเวลาผันแปรกระต่ายน้อยแห่งจวนชินอ๋องนั้นยิ่งงดงามเป็นที่เลื่องลือเป็นที่รักของชาวเมืองทุกคน ทั้งยังเปิดสถานศึกษาภาษาโฝหลางจีให้แก่เด็กๆ ทั้งโดยไม่แบ่งแยก และที่ดูจะเป็นที่รักยิ่งกว่า คือบุตรชายทั้งสองที่ช่างน่ารักน่าชัง มิถือตนว่าเป็นบุตรของเว่ยชินอ๋อง
   “เสี่ยวชิน เสี่ยวหลิง  แม่จะนับหนึ่งถึงสาม หากพวกเจ้าไม่มาแม่จะอดขนมหวานเจ้า” สิ้นคำของพระชายาอ๋อง เด็กน้อยที่วิ่งซนกลางตลาดรีบหยุดฝีเท้าหันกลับมาเกาะขามารดาอย่างเร็วรี่ เนื่องด้วยกลัวอดขนมหวานฝีมือท่านแม่ ตอนนี้ผมกับสองแสบที่เสร็จจากการไปสอนเด็กๆและก็ต้องผ่านตลาดซึ่งทำให้เจ้าสองแสบนี่วิ่งวุ่น แม้จะไม่ห่วงเพราะพ่อค้าแม่ค้านั้นต่างรู้จักสองแสบเป็นอย่างดี
   “ไม่เอานะขอรับ/ ไม่เอานะขอรับ” จากก้อนแป้งน้อยในวันวานตอนนี้กลับวิ่งปร๋อ จะเรียกว่าวิ่งดีไหม เพราะสองแฝดนั้นตุ้ยนุ้ยเสียจริง เพราะเป็นที่รักของทุกคน สองแฝดก็รู้ดีจึงใช้ลูกอ้อนให้ทุกคนตามใจ
   “ดีอย่าวิ่งหนีบ่าวอีกเชียว หากทำอีกแม่จะไม่ให้เจ้าออกจากจวน”
   “ขอรับ/ขอรับ” แม้จะรับคำผมก็มั่นใจได้ว่าสองแสบนี้จะต้องทำอีกแน่ ไม่รู้ว่าได้ใครมา
   “โดนดุอีกแล้วรึเสี่ยวชินเสี่ยวหลิง”
   “ท่านพ่อ/ท่านพ่อ” สองแสบรีบปล่อยขาผมแล้ววิ่งไปหาบิดาที่มาอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ อ้อและที่สองแฝดแสบได้ขนาดนี้ก็เพราะพี่เว่ยนี่ล่ะ ตามใจตลอด
   “ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อใด”
   “ตั้งแต่สองแสบวิ่งกลับมากอดขาเจ้า”
   “พอบิดาเจ้ามาก็ลืมแม่เชียวนะ” สองแสบพากันวิ่งเล่นไล่จับโดยการ....วิ่งวนรอบขาบิดา
   “เลิกเล่นได้แล้วเจ้าแสบ”
   “ท่านพี่มาทำไมหรือ” ผมถามร่างสูงที่พยายามจับมือสองแสบให้อยู่นิ่งๆ เวลานี้พี่เว่ยควรอยู่ที่ค่ายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มาอยู่ตลาดได้
   “พี่มารับเจ้ากลับบ้าน”
   “ทำไมท่านพี่ถึงได้น่ารักเยี่ยงนี้” ผมยกยิ้มกว้าง หลังจากสองแสบโตพี่เว่ยก็กลับไปทำงาน เพราะองค์ฮ่องเต้หรืออีกศักดิ์คือพี่เขยผมนั้นอยากขยายความสัมพันธ์กับต่างประเทศ พี่เว่ยตอนนี้ถือได้ว่าเป็นทูตแห่งแคว้นนี้คอยต้อนรับและดูแลคณะทูตโดยมีผมเป็นผู้ช่วย ซึ่งงานพี่เว่ยเยอะมากกกกกกก
   “เจ้านี่....รีบกลับจวนเถอะ เสี่ยวชินจับมือมารดาเจ้าไว้” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ก็เห็นว่าหูของร่างสูงนั้นแดงก่ำ ผมจับมือกับเสี่ยวชิง เสี่ยวชิงก็กับมือกับเสี่ยวหลิงโดยมีบิดาจับมือไว้อีกข้าง
   ภาพครอบครัวสุขสันต์นั้นเป็นภาพที่ทุกคนในตลาดเห็นนั้นช่างเป็นภาพที่งดงามและน่าชื่นชม แม้จะสูงศักดิ์แต่ก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย
   ชีวิตที่เรียบง่ายไม่จำเป็นต้องดิ้นรนนั้นทำให้ผมแทบจะลืมอดีตของตน อ่า เมื่อได้หวนกลับไปคิดก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ดีกว่าจริงๆ  มีครอบครัวใหญ่ที่น่ารักและรักใคร่ ผมที่มีคนรักที่ดี ลูกชายทั้งสองที่น่ารัก พี่ใหญ่ที่ตอนนี้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่และแต่งงานกับเสี่ยวอิงและกำลังมีข่าวดี พี่รองที่เข้าพิธีหลังจากพี่ใหญ่เพียงสองเดือนและองค์ฮ่องเต้ก็สถาปนาพี่รองเป็นฮองเฮา ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบ ได้รับความรักจากทุกคนและมอบความรักให้แก่ผู้อื่น หันไปมองคนที่เดินเคียงข้างที่กำลังก้มคุยกับลูกชาย ขอบคุณที่ก้าวเข้ามา ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เขามายังที่นี่ ที่ๆทำให้ผมมีสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว”

*********************************************

จบแล้ววว ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ส่วนเรื่องที่เคยสอบถามนะคะ 

เราตัดสินใจทำ e-book ค่ะ คงจะต้องเป็นเดือนหน้าเพราะเราจะทำการรีไรท์และแก้ไขตอนต้นเรื่อง และจะพิมพ์ตอนพิเศษ เพิ่ม ซึ่งที่คิดไว้คือ ตอนพิเศษ 6 ตอน มีหนึ่งตอนลงในเว็บ เรื่องพี่ใหญ่และพี่รองจะลงเป็นตอนพิเศษซึ่งคงจะพิมพ์ยาวมากแน่ๆค่ะ ส่วนเรื่อง รับเลี้ยง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่นั้นจะขอลงปีหน้าเลยนะคะ เพราะเดือนหน้าเราคงไม่ว่างเพราะสิ้นปีแล้วจะต้องจัดการงานเยอะมาก และมีแพลนที่จะทำ ไดอารี่และซ่อนรักด้วย คงจะค่อยๆทำไป ส่วนเหตุที่ไม่รวมเล่มนั้นแม้ใจจะอยากทำแค่ไหนก็ตามคือเราไม่สามารถจัดการเวลาที่จะเผือไปทำในส่วนนั้นได้เลยเพียงแค่ทำงานกับแต่งนิยาย ก็รู้สึกว่าเวลาไม่พอแล้ว จึงขอทำเป็น e-book แทน แต่..............ในอนาคตเราจะทำเล่มแน่นอนค่ะ เพราะจะทำเก็บไว้ 555555 

สุดท้าย ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำติชม คำแนะนำ ขอบคุณมากจริงๆที่ทุกคนชอบเรื่องนี้ ขอบคุณทุกๆการโดเนท ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุย เจอกันเรื่องใหม่นะคะ อย่าลืมไปกดติดตามไว้น้าาาาา 

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71074.msg4009309#msg4009309
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-11-2019 22:36:10
จบได้อย่างงดงามและอบอุ่นจริงๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-11-2019 23:39:13
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-11-2019 23:48:29
 :katai2-1: o13 :katai2-1:



 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-11-2019 02:53:34
แฮปปี้แฟม  :hao5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2019 03:44:53
เปิดใจแล้วสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-11-2019 08:48:10
จบได้น่ารักมากๆค่ะ   :L2: :pig4:

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2019 12:50:35
แฮปปี้
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2019 05:48:49
กระต่ายน้อยหลิงเอ๋อร์ มีลูกแฝด    :katai2-1:
อี้ชิน อี้หลิง ก้อนแป้งทั้งสองน่ารักมาก :mew1: :mew1: :mew1:
อยากอ่านต่ออีก แต่จบแล้ว.........อย่างมีความสุข  :impress2:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-11-2019 13:45:44
น่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-11-2019 14:35:42
จบแบบ happy มีความสุขมากค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 22-11-2019 23:44:12
งื้อ..เจ้าก้อนแป้งทั้งสอง
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-11-2019 17:05:48
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ อบอุ่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 24-11-2019 06:24:04
สนุกมากๆเลยคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนที่ 23 100 เปอร์ จบแล้ว 16/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 24-11-2019 11:14:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพเรื่องใหม่แล้ว จบแล้ว 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 25-11-2019 19:17:58
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71074.msg4009309#msg4009309

อัพบทนำแล้วนะคะ ฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-11-2019 13:04:00
น่ารักมากเลยค่ะ
ครอบครัวสุขสันต์
ชอบอ่านนิยายแนวนี้มากๆๆๆ
แค่เห็นชื่อเรื่องก็คิดว่าเป็นแนวย้อนยุคแน่ๆ
ชอบมากกกก หานิยายแนวนี้อ่านยากมาก
ขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 27-11-2019 00:22:38
สนุกมากกกกกกกกก
น่ารักอ่ะ​ รู้สึกหิวตอนเที่ยงคืนเลย
ขอบคุณ​มาก​ครับ​ ๆ​ ๆ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 27-11-2019 18:10:34
 :hao5: ก้อนซาลาเปา น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-11-2019 15:29:47
ขอบคุณ​เรื่องราวดีๆ  ประทับใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: joko ที่ 30-11-2019 12:08:40
เป็นเรื่องราวสนุกและน่ารักมากๆเลย แล้วก้ออยากจะทำอาหารตามหลายอย่างเลยทีเดียว ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 30-11-2019 22:51:26
ขอบคุณมากค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-12-2019 21:01:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: samsui ที่ 03-12-2019 12:04:42
 :mew1: :mew1: สนุกมากๆ เลย ไม่มีมาม่าด้วย
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 03-12-2019 13:38:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 05-12-2019 17:49:06
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 09-12-2019 23:50:05
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 12-12-2019 06:53:36
 :-[
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! อัพบทนำเรื่องใหม่ 25/11/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 12-12-2019 18:32:41
ชอบคะสนุกมากกก :mew3:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 16-12-2019 15:57:49
ตอนพิเศษ 1
   “ชู่/ชู่”ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคนที่เกาะเกี่ยวกิ่งไม้ไว้แน่นอาศัยความหนาของใบไม้บดบังกายตน
   “คุณชายขอรับ คุณชายขอรับ” เสียงพี่เลี้ยงทั้งสองคนเรียกหาสองคุณชายน้อยฝาแฝดที่เพียงละสายตาเพียงครู่ก็หนีไปซ่อนเสียแล้วเพราะเป็นห่วงเจ้านายตัวน้อยทั้งสองจึงได้เกณฑ์บ่าวมาช่วยหาอีกแรง
   “คิก ๆ หาไม่เจอหรอก”   
   “อี้หลิงเจ้าพูดเบาๆ” เมื่อแฝดพี่กระซิบบอกแฝดน้องก็ปิดปากเงียบพร้อมกับพยักหน้า สายตากลมสี่คู่นั้นพราวระยับด้วยความสนุกสนานที่สามารถแกล้งพี่เลี้ยงตนได้ ตอนนี้ภายในสนามเต็มไปด้วยบ่าวที่ร้องเรียกหาพวกเขาทั้งสองคน เรียกได้ว่าบ่าวทั้งจวนถูกตามมาค้นหาคุณชายทั้งสอง ด้วยความร้อนใจของพี่เลี้ยง จนกระทั่งพระชายาที่ทิ้งงานที่ครัวออกมาดูความวุ่นวายที่หน้าเรือนพักเมื่อได้ฟังพี่เลี้ยงรายงานก็ต้องถอนหายใจ สองแสบนี่เล่นซนอีกแล้ว อวี้หลิงโบกมือให้บ่าวไปทำหน้าที่ของตนเหลือเพียงอวี้หลิงและพี่เลี้ยงในสวน อวี้หลิงกวาดสายตามองรอบๆ
   “สนุกมากหรือไม่เสี่ยวชิง เสี่ยวหลิง” สองร่างตุ้ยนุ้ยสะดุ้งเสียจนใบไม้ไหว
   “ท่านแม่/ท่านแม่”
   “ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมถึงซนแบบนี้” เมื่อได้ยินดังนั้นสองแสบก็รีบปีนลงจากต้นไม้ทันทีพี่เลี้ยงสองคนรีบถลาไปรับคุณชายที่อาจหาญปีนต้นไม้แม้จะไม่สูงมากแต่ก็ทำให้ใจบ่าวทั้งสองหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อลงจากต้นไม้ได้ทั้งอี้ชิงและอี้หลิงรีบปัดเสื้อผ้าแล้วไปยืนสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้เลยว่าบนตัวนั้นเต็มไปด้วยเศษไม้ใบไม้เต็มไปหมด
   “ทำไมพวกเจ้าถึงซนกันนักหากปีนขึ้นแล้วตกลงมาเจ็บตัวจะทำเยี่ยงไร”
   “ลูกขอโทษขอรับ/ลูกขอโทษขอรับ” อวี้หลิงมองดูบุตรชายทั้งสอง
   “แม่จะให้เจ้างดขนมสามมื้อและอาหารฝีมือแม่อีกสามมื้อ”
   “ไม่นะขอรับ/ไม่นะขอรับ” เพราะรสมือมารดานั้นไม่มีผู้ใดเทียบเคียงโดนงดขนมแล้วยังต้องโดนงดอาหารฝีมือท่านแม่อีก อี้ชิง อี้หลิงจะไม่ทน
   “ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ใกล้ได้เวลาไปเรียนกับท่านตาแล้วไปเตรียมตัวเถิด” สองแสบนี้ท่านพ่อขอเป็นผู้สั่งสอนวิชาการให้เองส่วนพี่ใหญ่นอกจากการดูแลโม่อิงแล้วก็อยากจะเอาเสี่ยวชิงและเสี่ยวหลิงไปฝึกยุทธ์ด้วย โดยเฉพาะเสี่ยวหลิงนั้นจะฝึกให้หนักๆเลย นอกจะหวงน้องแล้วยังจะหวงหลานช่วยบิดาของเสี่ยวหลิงอีก ผมชักจะสงสารว่าที่ลูกเขยในอนาคตแล้วล่ะครับว่าจะผ่านด่านทั้งสองคนมาได้ไหม ดังนั้นนอกจากการเรียนกับท่านตาในช่วงสายแล้วช่วงบ่ายก็จะเรียนวิชายุทธ์จากพี่ใหญ่หากแต่ก็เรียนอย่างละ 1 ชั่วยามเท่านั้น ( 2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นสองแสบสามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กทั่วไป ตอนนี้สองแสบ 4 ขวบจะ 5 ขวบแล้วครับ ซึ่งก็ทั้งซนทั้งแสบ
   “ท่านแม่ ข้าอยู่ทำครัวกับท่านแม่ได้หรือไม่” เสี่ยวหลิงเดินมากอดขาเงยหน้ามองอย่างออกอ้อนเล่นเอาผมต้องท่องสะกดจิตตัวเองให้แข็งใจไว้ เพราะถ้าหากผมยังตามใจแล้วล่ะก็คงไม่มีใครห้ามปรามสองแสบนี้ได้อีกแล้ว
   “ไว้เสี่ยวหลิงกลับมาจากเรียนก่อนนะ แม่จะสอนทำขนม” แม้จะไม่เต็มใจแต่แฝดน้องก็ยอมพยักหน้าตัดใจไปเรียนกับท่านตาที่จวนไป๋
   “พี่ชิง ข้าไม่อยากไปเรียน” เมื่อนั่งรถม้ายังไม่ทันพ้นกำแพงจวนน้องชายก็บ่นขึ้นเสียแล้ว
   “เสี่ยวหลิงไว้พี่จะพาเจ้าไปเที่ยวตลาด”
   “จริงนะขอรับ”
   “ชู่ เจ้าเบาเสียงหน่อย พี่จะพาเจ้าแอบออกไป” สองพี่น้องกระซิบกระซาบวางแผนกันอย่างสนุกสนาน เมื่อถึงจวนไป๋ก็รีบวิ่งไปร่ำเรียนกับท่านตา    
   “พวกเจ้าสองคนฉลาดยิ่งตาภูมิใจกับพวกเจ้านัก จะอยู่เป็นเพื่อนกับตาหรือกลับจวน”
   “กลับจวนขอรับ” เป็นแฝดพี่ที่ตอบเนื่องจากแฝดน้องนั้นขนมยังเต็มแก้มสองข้าง
   “งั้นอย่าไปดื้อไปซนที่ไหนล่ะ”
   “หลานกลับแล้วนะขอรับท่านตา” อี้ชิงประสานมือคำนับท่านตาพร้อมน้องชายแล้วเดินออกจากห้องหนังสือโดยมีพี่เลี้ยงติดตามระหว่างทางเดินนั้นจู่ๆ แฝดน้องก็ยกมือขึ้นกุมท้อง
   “โอ๊ย”
   “คุณชายน้อยเป็นอะไรขอรับ”
   “ปวดท้องพี่ๆรอที่นะ ข้าจะไปทำธุระ”เมื่อบอกเสร็จก็หมุนกายวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักแฝดพี่ก็บอกว่าจะไปตามดูน้องชาย ทิ้งให้พี่เลี้ยงยืนรอที่หน้าประตูจวน
   “พี่ชิงเราจะหนีไปเยี่ยงไร” เจ้าของแก้มยุ้ยถามพี่ชายที่ยืนแอบอยู่ข้าง ๆ กัน
   “มาเถอะพี่จะพาเจ้าไป” อี้ชิงจูงมือน้องชาเดินลัดเลาะไปที่หลังครัวเจอเดินเลียบกำแพงจวนก่อนที่จะเจอรูที่กำแพง
   รูหมาลอดนั่นเอง
   “นี่เราต้องมุดรูนี่ไปจริงๆหรือขอรับ”
   “น่าเราจะทำการใหญ่เราต้องไม่เลือกวิธีการ” อี้หลิงอยากจะเถียงพี่ชายนักว่าการหนีเที่ยวนี่เป็นการใหญ่ด้วยหรือ แต่กำลังที่จะเอ่ยพี่ชายก็มุดออกไปเสียแล้ว
   “เสี่ยวหลิงเร็ว ๆ” 
   “เฮ้อ ขอรับ ๆ” เสี่ยวหลิงรีบมุดออกไปนอกจวนทันที เมื่อลุกขึ้นยืนพี่ชิงก็เข้ามาปัดฝุ่นออกให้ สองพี่น้องจูงมือค่อยๆแอบจนกระทั่งถึงตลาด
   เด็กน้อยฝาแฝดสวมอาภรณ์ชั้นดีบรรดาแม่ค้าพ่อค้าในตลาดก็รู้ทันทีว่าเป็นบุตรผู้ใด เมื่อมองด้านหลังก็เห็นว่ามิมีผู้ติดตามก็ได้แต่สายหน้าคงจะแอบหนีออกจากจวนมรเที่ยวเล่นอีกแล้วล่ะสิ
   “นี่ ๆ เจ้าว่าคราวนี้คุณชายทั้งสองจะได้เที่ยวนานเท่าใด” เจ้าของแผงผักถามแผงผลไม้
   “ข้าให้เลยไม่เกิน 2 เค่อ”
   “คุณชายน้อยก็ซนเสียจริง” แม้พ่อค้าจะพูดแบบนั้นแต่สายตาก็เอื้อเอ็นดูประหนึ่งบุตรหลานตน
   “ท่านลุง ๆ ข้าเอาถังหูลู่สองไม้”
   “ขอรับคุณชายน้อย”  อิ้ชิงหยิบเงินในถุงส่งให้กับพ่อค้ารับถังหูลู่ส่งให้น้องชายแล้วจูงมือกันเที่ยวเล่น บ่อยครั้งที่สองพี่น้องแห่งจวนอ๋องแอบหนีมาเที่ยวตลาดจนเป็นภาพที่คุ้นตาของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดภายหลังถึงขั้นเดิมพันว่าสองพี่น้องนั้นจะหนีออกมาได้นานเท่าใดกัน 
   ตุ๊บ
   “โอ๊ย”
   “เสี่ยวหลิง!!”  อี้ชิงร้องเรียกน้องชายอย่างตกใจเมื่อน้องชายที่กำลังวิ่งไปร้านขนมเจ้าประจำถูกชนล้ม
   “อึก.........ฮือออออออออ....พี่ชิง..ข้าเจ็บ” อี้ชิงมองมือนุ่มของน้องชายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด
   “พี่จะพาเจ้ากลับจวน อย่าร้องสิ”
   “ข้าขอโทษด้วย เป็นอะไรมากหรือไม่”บุคคลที่ถูกชนหากแต่ไม่ล้มเข้ามาถามไถ่อย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเจ้าซาลาเปาน้อยร้องไห้เสียจนหน้าแดงตาซ้ำ
   “อือ..จะกลับหลิงจะกลับหาท่านแม่”
   “ได้ๆ พี่จะพาเจ้ากลับ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ด้วยตัวที่ไม่ต่างกันเท่าใดนักจะให้น้องขี่หลังก็ไม่ไหว เด็กที่โตกว่านั้นนั่งลงข้างๆ ล้วงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันที่มือเล็ก
   “เด็กน้อยอย่าร้องพี่จะพาเจ้ากลับ” เด็กโตกว่าเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยนหันไปบอกพี่ชายของเด็กซาลาเปานี่ให้พยุงขึ้นหลัง
   พรึบ
   “คุณชายเกิดอะไรขึ้นขอรับ” จือที่พึ่งตามหาเจ้านายน้อยทั้งสองคนเจอก็ต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นว่าคุณชายน้อยนั้นบาทเจ็บ
   “พี่จือ เสี่ยวหลิงบาดเจ็บ”อี้ชิงรีบบอกแก่องครักษ์ตน จือคิดจะเข้าไปอุ้มคุณชายน้อยก็ต้องชะงักเมื่อผู้ที่แบกคุณชายน้อยอยู่ตวัดสายตามองช่างเป็นเด็กที่แปลกเสียจริง
   “นำทางไป” ผู้ที่แบกคุณชายน้อยบอกจือจึงทำได้เพียงเดินนำเด็กผู้นี้ไปยังรถม้า โดยมีคุณชายใหญ่คอยปลอบน้องชายอยู่ข้างๆ เมื่อถึงรถม้าคุณชายน้อยที่ร้องไห้จนเพลียหลับอยู่หลังคุณชายผู้นี้ก็มิยอมปล่อยมือ
   “ข้าจะไปส่ง” ได้ยินเช่นนี้ทั้งสามจึงขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวนส่วนจือนั้นก็พุ่งกลับจวนเพื่อที่จะแจ้งข่าวแก่นายตน เมื่อถึงจวนก็มีพ่อบ้านและฉู่กงกงคอยท่าอยู่หน้าประตูจวน อี้ชิงก้าวลงมาพร้อมกับพี่ชายตัวโตที่แบกน้องชายเดินนำเข้าจวน
   “เสี่ยวชิง เสี่ยวหลิง” อวี้หลิงเมื่อเห็นร่างบุตรชายก็รีบวิ่งออกมาดูทันที และใจก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นบุตรชายคนเล็กนั้นหลับอยู่บนหลังเด็กน้อยผู้หนึ่ง
   “พี่จะอุ้มลูกเอง” เว่ยชินที่รีบตามมาเดินเข้าไปอุ้มบุตรชายพาไปยังเรือนของตนที่มีท่านหมอรออยู่แล้วตามด้วยเสี่ยวชิงที่วิ่งตามบิดาไป  ทิ้งเด็กชายผู้แบกก้อนซาลาเปามาตลอดทางยืนยิ่งอยู่กลางห้องโถง
   “ขอบคุณมากที่มาส่งบุตรชายของน้า เจ้าชื่ออะไรหรือ”
   “เซียวหยุนขอรับ” แม้จะไม่คุ้นกับแซ่นี้แต่อวี้หลิงก็ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อสังเกตเด็กน้อยผู้นี้แล้วก็ต้องแปลกใจอายุอานามคงจะไม่เกิน 10 หนาวหากแต่กิริยาท่าทางนั้นเกินวัยยิ่ง “ไปดูน้องกับน้าไหม” อวี้หลิงเอ่ยถามเมื่อเห็นเซียวหยุนมองทิศทางที่เสี่ยวหลิงถูกอุ้มไป
   “ขอรับ” อวี้หลิงเดินพาเซียวหยุนไปจนถึงเรือนนอน ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงเว่ยชินและเสี่ยวชิง
   “ลูกเป็นเยี่ยงไรท่านพี่”
   “แผลไม่ได้เจ็บมากตอนนี้ยังหลับอยู่” อวี้หลิงเดินไปนั่งลงข้างๆลูบแก้มนิ่มของบุตรชายคนเล็ก มือเล็กถูกพันผ้าใหม่ เซียวหยุนมองสำรวจว่าเด็กน้อยมิเป็นอันใดแล้วก็เตรียมที่จะเอ่ยลา
   “ท่านน้าขอรับ ข้าขอตัวขอรับ”
   “ขอบคุณเจ้ามากเซียวหยุน”
“มิเป็นไรขอรับ ข้าลาก่อน” เซียวหยุนคำนับอย่างสง่างาม ผมยิ้มรับส่วนพี่เว่ยนั้นเพียงพยักหน้าให้ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าที่ทำหน้าเคร่งขรึมขนาดนี้เพราะหวงบุตรชาย อยากจะบอกกับร่างสูงเสียเหลือเกินว่า บุตรชายท่านอายุเพียง 4 หนาวเท่านั้น เอาเถิดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบิดาคอยหวงไป ส่วนผมได้เวลาที่จะต้องจัดการกับแฝดคนพี่แล้ว
   “อี้ชิงคุกเข่าเดี๋ยวนี้”
   “ขอรับ” น้อยครั้งที่ผมจะสั่งให้ทั้งสองคนคุกเข่า ปกติจะแสบจะซนแค่ไหนก็จะมีเพียงงดขนมและอาหารฝีมือตนแต่คราวนี้สองแสบเล่นซนกันเกินไปแล้วแถมยังเจ็บตัวกลับมาอีก
   “รู้หรือไม่ ต่อให้พวกเจ้าซนแค่ไหนแม่ก็มิเคยตีเจ้า แต่คราวนี้น้องเจ้าเจ็บตัวกลับมา เจ้าแอบหนีจากจวนท่านตารู้รึไม่ท่านตาเป็นห่วงเจ้ามาแค่ไหน” ปกติแล้วทั้งสองคนจะชอบแอบหนีตอนที่กำลังจะขึ้นรถม้าซึ่งพี่เลี้ยงจะรู้ดีแต่คราวนี้ถึงขั้นมุดรูหมาลอดข้างกำแพงจวนนี่ถือว่าเกินไปแล้ว
   “ลูกรู้ขอรับ”
   “แม่จะลงโทษเจ้าทั้งสองคน ห้ามออกจากจวน 7 วัน ขนมและอาหารที่แม่ทำและคัดลายมือ” มองเสี่ยวชิงที่ได้ยินบทลงโทษก็ยิ่งทำ หน้าหงอย หากมีหูมีหางคงตกลู่ไปหมดแล้ว
   “ขอรับท่านแม่”
   “พักผ่อนกับน้องเสียเถอะ” เมื่อเห็นว่าผมอ่อนลงเสี่ยวชิงก็ขยับเข้ามากอดขาเอียงแก้มซบลงกับตัก
   “ข้าขอโทษท่านแม่ขอรับ ท่านพ่อด้วย” พี่เว่ยส่ายหน้าให้กับอาการสำนึกผิดของบุตรชาย เชื่อเถิดพี่เว่ยนั้นไม่เคยโกรธทั้งสองคนได้นานสักที
   “ซนได้แต่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนและเจ็บตัวเจ้าเข้าใจแม่ใช่หรือไม่”
   “ข้าเข้าใจขอรับ”
   “แม่จะไปช่วยงานพ่อเจ้าแล้วพักกับน้องเถอะ” อี้ชิงรับคำปีนขึ้นเตียงเอนกายนอนข้างๆน้องชายอย่างระมัดระวัง พี่เว่ยลุกขึ้นมาจูงมือผมออกจากห้องเพื่อไปยังห้องหนังสือ
   “เจ้าคิ้วผูกกันหมดแล้ว”
   “พี่เว่ย..สองแสบซนจริงๆ” พี่เว่ยไม่พูดอะไรเพียงหัวเราะเบาๆ เมื่อถึงห้องหนังสือพี่เว่ยและผมต่างแยกย้ายกันนั่งทำงาน หากแต่นั่งได้ไม่นานผมก็รู้สึกถึงสายตาของพี่เว่ยที่มองมาผมเลยเงยหน้าจากการแปลเอกสารของชาวโฝหลางจี
   “ท่านพี่มีอะไรรึ”
   “พี่อยากได้บุตรสาว”
   แกร๊ก
   พู่กันในมือร่วงหล่นเมื่อบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีพูดออกมาหน้าตาย เมื่อคิดถึงวิธีที่จะได้ลูกสาวมานั้นจริงอยู่ที่ผมกับพี่เว่ยจะมีลูกด้วยกันแล้วแต่ช่วงระยะเวลาสี่ปีนั้นผมทานยาระงับไว้เพราะอยากจะเลี้ยงดูลูกชายทั้งคนแม้ช่วงเวลากลางคืนบางครั้งพี่เว่ยก็จะเคี่ยวกรำผมเสียจนอีกวันต้องนอนพักทั้งวัน 
   “งือ พี่เว่ยท่านพูดอะไรกัน” ผมยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะความเขินอายแม้จะลูกสองแล้วก็ตามเถอะ
   “พี่คิดจะปรึกษาเจ้าหลายวันแล้ว”
   “งือออ พี่เว่ยคนบ้า” รอยยิ้มที่มีดาเมจทำลายสติผมทุกครั้งตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วครับ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะพอแล้วไม่คุยเรื่องนี้กันแล้ว
   “หึ พี่ขอเถอะนะ”
   “เรื่องนี้ข้าเลือกให้ท่านพี่ได้หรืออย่างไร”
   “เช่นนั้นก็จนกว่าจะได้บุตรสาว” จากที่ฟุบหน้าผมนี่รีบเงยหน้าขึ้นทันที
   “ท่านเห็นข้าเป็นแม่หมูหรืออย่างไร” เมื่อเห็นว่าผมโมโหพี่เว่ยก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ รั้งให้ผมเอนตัวไปซบไหล่กว้างที่ยังคงอบอุ่นเหมือนวันวาน ผมเอนกายพิงอย่างสบายโดยมีมือพี่เว่ยคอยลูบหัว เกลียดจริง ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่พี่เว่ยยิ่งรู้วิธีที่จะจัดการเวลาผมโมโหหรืองอนได้ดีจริงๆ
   “ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เจ้าไม่คิดเหรอว่าหากมีบุตรสาวจะดีเพียงใด”
   “ขนาดเสี่ยวหลิงท่านพี่ยังหวง ข้าไม่อยากคิดว่าหากมีบุตรสาวแล้วจะขนาดไหน” แค่เสี่ยวหลิงพี่เว่ยก็แทบจะไว้หนวดเกณฑ์องครักษ์เงามาเฝ้าแล้ว หากมีลูกสาวคงไม่ได้ก้าวออกนอกจวนแน่ๆ
   “โถ่ พี่มิได้หวงถึงเพียงนั้น”  ได้แต่ส่ายหน้ากับการไม่รับความจริง หากแต่เมื่อคิดว่าหากมีน้องสาวสองแสบคงไม่พ้นที่จะเป็นเหมือนบิดา อ่า คิดถึงบรรดาญาติๆแล้วลูกสาวในอนาคตคงไม่มีทางได้ออกเรือนเป็นแน่
   “งั้นก็รอเถิด หากเป็นบุตรสาวแล้วท่านหวงข้าจะเป็นผู้หาบุตรเขยให้ลูกเอง” เมื่อผมพูดจบพี่เว่ยก็ออกอาการทันที คงจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
   “เจ้ายอมแล้วใช่หรือไม่”
   “อือ หากท่านพี่ต้องข้าคงไม่ห้าม” เพราะสองแสบก็โตพอแล้ว อีกอย่างการมีเด็กเล็กๆในจวนก็คงดี
   “เช่นนั้นก็กลับเรือนเถิด”พูดจบพี่เว่ยก็อุ้มผมขึ้นทันทีจนผมต้องร้องลั่นด้วยความตกใจรีบยกแขนกอดคอคนตัวสูงไว้แน่น
   “เหวอ  ดะ....เดี๋ยวสิท่านพี่”     
   “ไปเถอะ........พี่อยากได้ลูกสาวแล้ว” พี่เว่ยอุ้มผมเดินกลับเรือนอย่างรวดเร็วไม่ฟังแม้กระทั่งเสียงคัดค้าน เมื่อถึงเรือนพี่เว่ยก็สั่งฉู่กงกงว่าห้ามใครรบกวน เมื่อปิดประตูแน่นหนาพี่เว่ยก็ลงมือรังแกผมทันทีไม่น่าเลย ไม่น่าอนุญาตเลย
   ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย


******************************

คิดถึงกันไหม 555 เรากำลังปั่นตอนพิเศษอยู่

ข่าวดีคือ..........เราได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ลาเวนเดอร์จ้าาาาาา

เป็นก้าวเล็กๆของเราจะมีทั้งหนังสือและอีบุ๊คนะคะ ยังไงก็ฝากสนับสนุนด้วยนะคะ //โค้ง

สปอยตอนพิเศษในเล่ม

1 ตอนพิเศษพี่ใหญ่และโม่อิง



3.ฮันนีมูลฉบับอวี้หลิง

4.งานรวมญาติครั้งยิ่งใหญ่

5.หากเป็นหนึ่งไม่ได้มายังโลกนี้

ฝากติดตามด้วยนะคะ
ตอนพิเศษที่เหลือเจอกันได้ในเล่มและอีบุ๊คนะคะ

ฝากสนับสนุนด้วยนะคะ 
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 50 เปอร์ 16/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-12-2019 19:16:16
พี่เซียวหยุนเป็นเนื้อคู่ของน้องหลิงใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 50 เปอร์ 16/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-12-2019 10:22:40
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-12-2019 20:05:14
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-12-2019 11:18:25
ขอตอนพิเศษอีก~
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 22-12-2019 18:24:23
ขอบคุณน่ะครับ สำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 22-12-2019 20:52:09
ขอบคุณค่า คิดถึงจริงๆเลยน้าา
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 03-02-2020 08:45:36
สนุกดีค่ะ
สุขนิยมไม่เครียด
สบายๆ ไม่คิดเยอะ
อยากให้ลงตอนพิเศษอีก
อยากรู้ว่าลูกคนต่อไปจะเป็นแบบไหน
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:23:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-01-2021 06:59:02
น่ารักมาก....กกกก :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 15-01-2021 22:18:58
สงสัยรถน้ำตาลหกแน่ๆ หวานอะไรปานนั้นอ๋องชิน เป็นคู่ที่น่ารักมาก สนุกค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: palmsawich ที่ 12-11-2021 07:42:15
น้อยครั้งที่จะอ่านนิยายจีน แแต่เรื่องนี้ดีมาก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 16-07-2022 01:59:58
สนุกมาก  อ่านเพลิน ไม่ยอมหลับ ยอมนอน

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 17-07-2022 17:01:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 15-11-2022 22:28:12
 :-[ :-[ น่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ข้าไม่อยากแต่ง!!! ตอนพิเศษและแจ้งข่าวดี 100 เปอร์ 20/12/2562
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 02-03-2024 14:12:17
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)