✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 22
หลังจากที่ผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน นอกจากที่ผมจะมาค้างที่คอนโดของพี่เติมเต็มค่อนข้างบ่อย ผมก็ยังมาช่วยพี่เติมเต็มทำความสะอาดและเก็บกวาดห้องด้วย ช่วงแรกๆพี่เติมเต็มก็บ่นให้ผมเหมือนกันเพราะพี่เขามีแม่บ้านมาทำให้ประจำอยู่แล้ว แถมพี่เติมเต็มยังบอกผมว่าถ้าผมทำงานบ้านเองแม่บ้านก็ต้องตกงาน ผมไม่ได้อยากให้แม่บ้านตกงานนะครับ ก็เลยมีข้อตกลงใหม่ จากเมื่อก่อนแม่บ้านจะมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ก็เปลี่ยนเป็นมาแค่อาทิตย์ละสองวัน โดยแม่บ้านจะเข้ามาดูแลเรื่องซักรีดเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่ห้องพี่เติมเต็มแทบจะไม่มีฝุ่นเลยผมก็เลยคิดว่าให้แม่บ้านมาอาทิตย์ละสองครั้งก็น่าจะพอ และยังได้ค่าจ้างเท่าเดิม แต่ผมก็มารู้ภายหลังจากแม่บ้านว่าที่จริงแล้ว แม่บ้านเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านของพี่ชายพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาเหตุที่จะทำให้แม่บ้านตกงาน เจ้าเล่ห์มากจริงๆครับ
ที่ผมเกริ่นมาทั้งหมดก็เพียงแค่จะบอกว่า หลายวันก่อนผมก็เข้ามาทำความสะอาดห้องตามปกติ ผมบังเอิญไปเจอถุงหิ้วที่มันมีชื่อร้านขายยาร้านหนึ่งอยู่ในตู้ใบเล็กที่หัวเตียงฝั่งที่พี่เติมเต็มนอน
ตอนที่ผมยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในถุงผมก็คิดกังวลว่าพี่เติมเต็มไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงต้องซื้อยามาทาน แต่พอผมได้เห็นสิ่งที่อยู่ในถุง มันทำให้ผมหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมอาจจะไม่ได้ฉลาดมากแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลยว่าของในถุงมันสื่อถึงอะไร
สิ่งที่ผมเจอในถุงคือ กล่องใส่ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้แกะสามสี่กล่อง และมียาอีกจำนวนหนึ่ง ผมไล่อ่านตามฉลากยา มียาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาแก้ไข ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ยาเหน็บและยาทา และมีหลอดสีขาวอีกหลอดหนึ่ง มันระบุเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วพอจะแปลได้ว่ามันคือเจลหล่อลื่นแบบซิลิโคน เป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น
และเพราะของชิ้นสุดท้ายที่ผมเจอ ยิ่งทำให้ผมคิดเตลิดไปไกลว่าพี่เติมเต็มถึงขั้นสั่ง เอ่อ ... นั่นแหละมาจากประเทศญี่ปุ่นเลยเหรอ
หมายความว่า
พี่เติมเต็มอยากจะมี .... กับผมใช่มั้ย? พี่เขาถึงได้ซื้อของแบบนี้เตรียมไว้ เพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยมี
แค่คิดว่า "ความสัมพันธ์" มันกำลังจะก้าวหน้ามากขึ้น ผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เราสองคนไม่เคยทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบกันเลย มีมากที่สุดคือพี่เติมเต็มจูบผมและผมมารู้ตัวอีกทีคือหน้าอกของผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากลิ้นของพี่เติมเต็ม ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าพี่เติมเต็มถอดเสื้อผมออกตอนไหน และในตอนนั้นผมก็คิดว่า ... มันอาจจะเกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ก็เปล่าเลย เพราะพี่เติมเต็มก็หยุดทุกอย่างทันทีที่ร่างกายผมสะดุ้งจากการที่ลิ้นของพี่เติมเต็มมาสัมผัสที่หน้าอก
และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น พี่เติมเต็มก็ไม่ทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบ จริงไปแล้วผมก็โอเคน่ะ เพราะผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าพี่เติมเต็มจะต้องมีอะไรกับผม ผมคิดเองว่าพี่เขาอาจจะกระอักกระอ่วนใจก็ได้ถ้าต้องมีอะไรกับผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะถึงพี่เติมเต็มจะไม่เคยมีแฟน แต่ผมก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพี่เขาก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน ถ้าจะมามีอะไรกับผมอาจจะรู้สึกทำไม่ลงขึ้นมาก็ได้ ... ล่ะมั้ง
แต่ ... เพราะสิ่งที่ผมเจอ ทำให้จากที่ไม่คาดหวัง ผมก็เปลี่ยนมาเป็นเริ่มคาดหวัง เพราะของในถุงถ้าพี่เติมเต็มไม่ใช้กับผมแล้วพี่เขาจะเอาไปใช้กับใครได้ล่ะ จริงมั้ยครับ?
เมื่อสองวันก่อนผมยังไม่เห็นถุงนี้เลย แสดงว่าพี่เติมเต็มต้องเพิ่งซื้อมาอย่างแน่นอน ผมเก็บถุงเอาไว้ในตู้อย่างเดิม โดยไม่ได้บอกกับพี่เติมเต็มว่าผมเจออะไร
และเพราะของที่อยู่ในถุงในตู้หัวเตียงนี่แหละที่ทำให้ผมต้องลุ้นว่า ... มันจะเกิดขึ้นวันไหน
ใช้คำว่าใจจดใจจ่อเลยก็ได้ครับ
แต่ ...
หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป
มันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากแค่จูบกันนัวเนียกันเหมือนเดิม
จากที่วันแรกที่ผมเจอ ผมตื่นเต้นมาก
แต่ยิ่งผ่านไปหลายวัน ความตื่นเต้นของผมมันก็ลดลงมาเรื่อยไป
จนวันนี้คือวันที่สิบ ความตื่นเต้นของผมเหลือแค่ศูนย์
จากที่คิดเองเออเองว่ามันต้องมีขยับความสัมพันธ์ขึ้นไปแน่ๆ แต่พอผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมก็มาคิดได้เองอีกว่า ... ถุงนั้นอาจจะไม่ใช่ของพี่เติมเต็มก็ได้ หรือไม่งั้นอาจจะซื้อมาเผื่อไว้ก่อน อาจจะได้ใช้สักวัน เผื่อฉุกเฉินจริงๆ แต่คงจะไม่ใช่ตั้งใจจะมีเรื่องแบบนั้นกับผม
เฮ้อออออ ... ถ้าพี่เติมเต็มรู้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมคิดอะไร ผมทำอะไร พี่เขาอาจจะมองว่าผมบ้าก็ได้
ผมมันบ้าจริงๆนั่นแหละ
เตรียมตัวทุกวันเลยด้วย
แต่คิดไปคิดมาก็ตลกตัวเองครับ ไม่รู้แบบนี้จะเรียกว่าคิดเยอะได้มั้ย
ก็คงใช่นะผมว่า
โอเค .. เลิกคิดเรื่องของนั้นดีกว่า
ผมหยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ประมาณบ่ายสามโมง พี่เติมเต็มออกไปคุยเรื่องโปรเจคกับเพื่อนๆที่คณะ ส่วนผมก็ไม่ต่างจากพี่เติมเต็มมากนัก ที่ถึงแม้จะสอบเสร็จแต่ก็ยังมีทำรายงาน
เมื่อเช้าตอนที่ออกไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันพี่เติมเต็มบอกว่าจะกลับค่ำ แต่ผมไม่ได้ถามว่าจะทานข้าวมาจากข้างนอกหรือเปล่า
konkengg : พี่เต็มครับ
konkengg : กลับมาทานข้าวมั้ย
konkengg : หรือจะทานข้างนอก
ผมทักไลน์ไปถามพี่เติมเต็ม สักพักพี่เติมเต็มก็โทรกลับมา
"ครับ พี่เต็ม" ผมกดรับสาย
(กลับเองทำไม ทำไมไมรอพี่) เสียงดุมาเลยครับ
"ก็พี่เต็มคุยงานกับเพื่อนอยู่ ถ้าพี่เต็มขับรถมาส่งผมก็ต้องกลับคณะเหมือนเดิม มันจะเสียเวลาพี่เต็ม ผมเลยคิดว่ากลับมาเองดีกว่า" ผมอธิบาย
(มันก็ไม่ได้เสียเวลาขนาดนั้น บอกหลายครั้งแล้วนะ)
พี่เติมเต็มยังคงบ่นผม เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่เราเป็นแฟนกัน มันก็มีข้อตกลงหลายๆอย่างที่พี่เติมเต็มเป็นคนตั้งขึ้นมา อย่างเช่นเรื่องนี้คือถ้าผมเลิกเรียนก่อนก็ต้องรอเพื่อกลับพร้อมกัน แต่ถ้าพี่เขาต้องกลับค่ำมาก พี่เติมเต็มก็จะขับรถมาส่งผมที่หอพักหรือที่คอนโดพี่เติมเต็มก่อน
ต่อมาพี่เติมเต็มให้คีย์การ์ดและรหัสเข้าห้องกับผม ผมก็เลยไม่อยากให้พี่เติมเต็มเสียเวลามาส่ง และผมก็จะโดนบ่นเรื่องนี้ทุกครั้ง
"ไม่หงุดหงิด นะ นะ นะ" ผมพยายามที่จะอ้อนพี่เติมเต็ม และผมรู้ว่ามันต้องได้ผล เพราะดูเหมือนพี่เติมเต็มจะชอบให้ผมอ้อน
(พอรู้ว่าอ้อนแล้วได้ผล ทำบ่อยนะ) พี่เติมเต็มพูด
ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"แล้วกลับมาทานข้าวมั้ยครับ ผมจะได้ทำกับข้าว"
ผมถาม
(กลับสิ เดี๋ยวเราเหงาที่ไม่มีพี่ไปทานข้าวด้วย)
พี่เติมเต็มบอก อืมมม...มาคิดๆดูตั้งแต่เป็นแฟนกัน แทบจะไม่มีวันไหนเลยมั้งที่เราจะไม่ทานข้าวด้วยกัน
"พี่เต็มอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ"
(คนเก่ง)
"ครับ?" ผมขานรับตอนที่พี่เติมเต็มเรียก
( ...... ) เงียบ
"ฮัลโหล พี่เต็ม"
(ฟังอยู่)
"สรุปอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย" ผมถามอีกครั้ง
ได้ยินเสียงถอนหายใจ
(บอกไปแล้ว)
บอกตอนไหนอะ ผมพยายามทบทวนแต่ไม่มีนะ
(ช่างเถอะ เราทำอะไรมาพี่ก็ทานหมดนั่นแหละ แล้วก็วันนี้พวกไอ้ธรณ์มันจะไปกินเหล้าที่ห้องนะ) พี่เติมเต็มบอกผม
"งั้นเดี๋ยวผมทำกับแกล้มไว้ให้ มากันกี่โมงครับ"
ปกติเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันบ่อยอยู่แล้วครับ เขาบอกเด็กวิศวะจะสังสรรค์บ่อย ก็คงจะจริง เพราะพวกพี่ๆมาดื่มที่นี่อย่างน้อยก็ต้องมีอาทิตย์ละครั้ง ผมเคยถามพี่ธรณ์ว่าเมื่อก่อนพวกพี่ๆเขามาดื่มที่คอนโดพี่เติมเต็มบ่อยแค่ไหน
พี่ธรณ์บอกว่าเมื่อก่อนจะไปนั่งดื่มกันที่ร้านมากกว่ามีอาหารตามีดนตรีฟัง คอนโดพี่เติมเต็มมักจะเอาไว้ติวหนังสือหรือทำงานส่ง แต่พอผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน พี่เติมเต็มก็ไม่อยากไปนั่งดื่มที่ร้าน บอกให้มาดื่มที่คอนโดแทน พี่ธรณ์บอกว่า
'มันติดเมียไง ไม่อยากออกไปไหน'
ตอนที่พี่ธรณ์พูด พี่เติมเต็มก็นั่งอยู่ใกล้ๆและได้ยินเหมือนกัน ผมมองพี่เติมเต็มและพี่เขาก็ไม่ได้แก้ตัวหรือปฏิเสธในสิ่งที่พี่ธรณ์พูด
ตอนนั้นจำได้ว่าผมอารมณ์ดีไปเป็นอาทิตย์เลย
(ไม่แน่ใจเวลา น่าจะช่วงหัวค่ำหน่อย)
"โอเคครับ"
(ขอโทษนะ ลำบากเราทุกที)
"ขอโทษทำไมครับ แค่ทำกับแกล้มง่ายๆไม่กี่อย่าง สบายมาก"
ผมบอก
(อยากกอด)
อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดออกมาแบบนี้ อารมณ์ไหนเนี่ย ปกติไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่
"งั้นก็รีบกลับมากอดนะครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมขำพี่เติมเต็มเล็กน้อย
เราคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยก่อนที่จะวางสาย ผมมองดูเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะลงมือทำกับข้าวสองสามอย่าง หลังจากนั้นก็ลงมือทำพวกกับแกล้มและของทานเล่นมีเฟรนช์ฟราย ปีกไก่ทอด เอ็นข้อไก่ทอด ยำหมูยอ หมูมะนาว และต้มแซ่บกระดูกอ่อน
ผมมองดูกับแกล้มที่ผมทำเตรียมไว้ คือมันดูเหมือนเยอะก็จริง แต่พอถึงเวลาไม่เคยจะพอครับ แต่พี่เติมเต็มเคยบอกว่าผมทำมาเท่าไหร่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยมันก็หมดอยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำเยอะมากหรอกกลัวผมเหนื่อย
ผมทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆในครัวพร้อมทั้งทำความสะอาดครัวอีกนิดหน่อย ผมมองดูเวลาเกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วครับ
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำ ตอนแรกผมหยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์มาเตรียมไว้ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเพื่อนพี่เติมเต็มมาผมก็ใส่ชุดแบบนี้ไม่ได้ ผมก็เลยยืนลังเลอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าว่าจะใส่อะไรดี
ขณะที่ผมกำลังยืนคิดอยู่ว่าจะใส่อะไร ก็มีสัมผัสอุ่นๆเข้ามาทางด้านหลัง
"พี่เต็ม"
พี่เติมเต็มกอดเอวผมจากด้านหลังและจูบแก้มผมเบาๆก่อนจะเริ่มคลอเคลียไปตามซอกคอ
"พอก่อนครับ ผมตัวเหม็น มีแต่กลิ่นกับข้าว" ผมบอกแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่หยุด
"พี่เต็มครับ ... แล้วเพื่อนๆพี่ล่ะ" พอผมถามพี่เติมเต็มก็หยุด ก่อนที่ผมจะรู้สึกเจ็บนิดๆตรงแถวๆคอ พี่เติมเต็มจับให้ผมหันหน้ามา ก่อนจะจูบผมที่ริมฝีปากย้ำๆสองครั้ง
"ไอ้พวกนั้นมันอยู่ข้างนอก ออกไปสงสัยกินเรียบหมดแล้ว แล้วเราทำอะไรพี่เห็นยืนอยู่ตั้งนาน"
"ผมกำลังจะอาบน้ำครับ ก็เลยยืนคิดว่าจะใส่ตัวไหนดี"
"แล้วที่ห้อยอยู่นี่ล่ะ" พี่เติมเต็มชี้ไปที่ราวที่ผมแขวนเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ไว้
"ก็พี่เต็มบอกว่าถ้าเพื่อนมาห้ามใส่"
ผมเห็นพี่เติมเต็มยิ้ม
"วันนี้อนุญาตให้ใส่ได้"
ผมมองพี่เติมเต็มด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะผมก็ชอบที่แต่งตัวแบบนี้นอนมากกว่า
ผมหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้ามาในห้องน้ำ ส่วนพี่เติมเต็มบอกว่าจะออกไปดูเพื่อนๆ
ในห้องน้ำพอเปิดประตูเข้ามาจะมีกระจกเงาบานใหญ่อยู่ทางซ้ายมือสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ถัดไปจะเป็นโซนอาบน้ำที่เป็นฝักบัว ด้านขวามือจะเป็นอ่างล้างหน้าและมีตู้เก็บของ ถัดไปจะเป็นชักโครก และที่อยู่ลึกเข้าไปที่กินพื้นที่ให้ห้องน้ำเกือบครึ่งจะเป็นอ่างอาบน้ำที่ผนังห้องน้ำตรงนั้นจะเป็นกระจกใสมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน
ผมยืนส่องกระจกบานใหญ่อยู่สักพัก ผมก็ถอดชุดนักศึกษาออก พอผมจะเดินไปตรงฝักบัว สายตาผมก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างบนร่างกาย มีรอยแดงๆอยู่ที่คอผม
โอเค ... ผมรู้แล้วว่าเมื่อกี้ทำไมตอนที่พี่เติมเต็มกำลังนัวเนียผมทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บที่คอ
ผมลูบรอยแดงบนลำคอไปมา ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันรู้สึกดีแปลกๆ ไม่รู้สิ ... เหมือนเขาแสดงความเป็นเจ้าของเรา อย่างที่ผมเคยได้ยินมาใช่มั้ย
... คิสมาร์ก ....
ผมใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควรเลย เพราะไอ้รอยบนคอผมเนี่ยแหละทำให้ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดๆไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบพี่เติมเต็มจะทำอะไรแบบนี้ก็เป็น
หลังจากแต่งตัวและจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็เดินเข้ามาในห้องนอน พี่เติมเต็มเปิดประตูเข้ามาพอดี
"พี่เดินเข้ามารอบหนึ่งแล้ว ทำไมอาบน้ำนานจัง" พี่เติมเต็มพูดก่อนจะเข้ามากอดและหอมแก้มผม
"คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับ"
"คิดอะไร แล้วเนี่ยไม่เช็ดผมอีกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดและดึงผ้าขนหนูผืนเล็กจากมือผม มาเช็ดผมให้แทน
ผมมองดูหน้าพี่เติมเต็มที่กำลังเช็ดผมให้ มือพี่เขาเบามากๆ มีจังหวะหนึ่งที่พี่เติมเต็มละสายตาจากผมของผม และเราสบตากัน
และเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นคนเริ่มจูบพี่เติมเต็มก่อน ตอนแรกพี่เติมเต็มยืนเฉยๆแต่ก็โน้มตัวลงมาเพื่อให้ผมจูบได้ถนัด ผมจูบที่ริมฝีปากพี่เติมเติมสองสามครั้งซึ่งพี่เติมเต็มก็ยังไม่ได้จูบผมตอบกลับมา แต่พอผมถอนริมฝีปากออกพี่เติมเต็มกลับเป็นคนที่ดึงเอวผมเข้าไปกอดและจูบผม
"แบบเมื่อกี้เขาไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ ต้องแบบนี้" ผมคิดในใจว่าใครจะไปเก่งเหมือนพี่ล่ะ
พี่เติมเต็มจูบกับผมสักพักใหญ่พี่เขาก็หยุดและมาคลอเคลียแถวๆคอและผมก็รู้สึกเจ็บที่เดิม ต้องแดงมากกว่าเดิมแน่ๆ
สายตาของพี่เติมเต็มมองมาที่คอของผมด้วยด้วยความพอใจ ผมเอามือลูบที่คอตัวเอง
"เจ็บมั้ย?"
"ไม่ครับ" ผมก้มหน้าตอบเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี
"ทำแค่นี้ยังแดงง่ายขนาดนี้เลย" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งใช้มือมาลูบที่รอยนั้นไปมา ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว
หลังจากนั้นผมก็นั่งรอพี่เติมเต็มอาบน้ำ จะออกไปก่อนก็ไม่ยอมให้ออกไป
สิบห้านาทีหลังจากนั้น ผมกับพี่เติมเต็มก็ออกมานั่งอยู่ที่กลางห้องรับแขกที่พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มจัดเป็นพื้นที่ปาร์ตี้เล็กๆ นอกจากเพื่อนในกลุ่มของพี่เติมเต็มแล้ว ยังมีเพื่อนของพี่เติมเต็มอีกสามคนที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่ค่อยได้คุยกัน พี่เติมเต็มบอกว่าเป็นเพื่อนกลุ่มทำโปรเจคด้วยกัน
ตอนที่ผมเดินออกมาทุกคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียวกันเลย
"เพราะแบบนี้แหละถึงไม่อยากให้แต่งตัวแบบนี้เวลาที่คนอื่นอยู่ด้วย" พี่เติมเต็มพูดออกมาแบบนี้
"ก็พี่เต็มบอกว่าวันนี้ใส่แบบนี้ได้" ผมบอก และเหมือนพี่เติมเต็มจะหงุดหงิดกับคำพูดอนุญาตของตัวเอง
"จะขาว จะตัวเล็ก จะน่ารักทำไมก็ไม่รู้" พี่เติมเต็มยังบ่นผมไม่หยุดแต่เป็นการบ่นที่ทำให้ผมทั้งเขินและทั้งขำไปพร้อมๆกัน พวกพี่ๆนั่งอยู่ที่พื้นห้องกันครับ บอกว่านั่งพื้นสบายกว่านั่งโซฟา ผมนั่งลงข้างพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็หยิบหมอนใบใหญ่มาวางไว้บนตักผมและให้ผมนั่งพิงโซฟาไว้
"จะได้ไม่โป๊ เดี๋ยวไอ้พวกนี้มันมอง" พี่เติมเต็มพูดแบบนี้ ผมอดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้เลยล่ะ
"คนเก่งน่าจะเคยเจอไอ้พวกนี้อยู่บ้าง ไอ้คิว ไอ้นุ ไอ้กอล์ฟ" พี่เติมเต็มแนะนำให้ผมรู้จัก ผมก็ยกมือไหว้สวัสดีพี่ๆเขา
"ส่วนพวกมึงก็น่าจะรู้จักน้องอยู่แล้ว" พี่เติมเต็มพูด พวกพี่ๆเขาก็ทักทายผม ก่อนจะหันกลับไปนั่งดื่มกันต่อ
"คนเก่ง" ผมหันไปมองพี่ธรณ์ที่เรียกผม
"ครับ" ผมตอบ และพี่ธรณ์ก็เอามือของตัวเองลูบที่คอตัวเองไปมา ตอนแรกผมยังไม่เข้าใจ เห็นพี่เติมเต็มขว้างน้ำแข็งก้อนเล็กๆใส่พี่ธรณ์ และพี่ชินท์ที่นั่งข้างผมพูดขึ้นมาว่า
"ยุงบินสูงถึงชั้นสิบแปดเลยเว้ย ตัวมันต้องใหญ่มากไม่งั้นรอยไม่แดงขนาดนี้"
ผมรู้ได้ทันทีว่าพวกพี่ๆกำลังพูดเรื่องอะไร
"พวกมึงหยุดมองแฟนกูได้แล้ว" พี่เติมเต็มพูด
ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากๆเลย พอโดนทักแบบนี้ผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก พี่เติมเต็มกอดเอวผมและดึงตัวผมเข้าไปใกล้และหอมแก้ม
ผมตกใจที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้ ปกติพี่เขาเป็นคนไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมากสักเท่าไหร่ เสียงโห่แซวของเพื่อนๆพี่เติมเต็มดังลั่นห้อง
"แล้วที่จะไปค่ายมึงจะไปด้วยกันใช่มั้ย" หลังจากนั่งดื่มกันไปสักพัก พี่คิวก็ถามพี่เติมเต็ม
"กูยังไม่ให้คำตอบ" พี่เติมเต็มบอก
"ติดอะไรว่ะ ที่ผ่านมาไม่เห็นเคยปฏิเสธ" พี่กอล์ฟเป็นคนถาม
"ติดเมียไงมึง ที่ผ่านมามันไปได้เพราะมันไม่มีเมีย" พี่ธรณ์ตอบ
"กูก็นึกว่าเรื่องอะไร เอาน้องไปด้วยก็ได้" เสียงพี่คิวครับ
"ใช่มึง ถึงจะคนละคณะก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่นุพูดบ้าง
พี่เติมเต็มหันมามองผม หอมหัวผมทีหนึ่ง
"อยากไปมั้ย"
"ค่ายอะไรเหรอครับ" ผมถาม
"เป็นค่ายของคณะวิศวะจัด ก็จะไปโรงเรียนต่างอำเภอที่เขาลำบากหน่อย สร้างห้องสมุด ซ่อมแซมอาคารเรียนหรืออะไรประมาณนี้แหละ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละโรงเรียนมีปัญหาเรื่องอะไร" พี่เติมเต็มอธิบาย
"ไม่ได้เรียนวิศวะก็ไปได้เหรอครับ" ผมอยากไปนะน่าสนใจมากเลย
"อันที่จริงมันก็ไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่กอล์ฟบอก
"อยากไปเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม
"อยากไปครับ" ผมตอบ
"ลำบากนะ" พี่เติมเต็มบอกผม
"ไม่กลัวครับ" ผมรีบบอก
"ไปก็ไป" พอพี่เติมเต็มบอก ผมเห็นพี่คิวกับพี่กอล์ฟจับมือกันด้วยความดีใจ
ผมมองด้วยความไม่เข้าใจ อะไรจะดีใจขนาดนั้น
"ไม่มีอะไรหรอก คือทุกครั้งที่บ้านไอ้เต็มก็จะช่วยเรื่องงบด้วยส่วนหนึ่งไง ไอ้คิวมันกลัวว่าถ้าไอ้เต็มไม่ไป งบก็จะไม่ได้แต่ถึงมันไม่ไปที่บ้านมันก็ช่วยอยู่ดี"
ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เพราะเท่าที่ทราบคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของพี่เติมเต็มใจบุญมากๆครับ
เวลาผ่านล่วงเลยมาพอสมควร พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันเก่งมากครับ ผมมองพี่เติมเต็มที่นั่งข้างผม เท่าที่คอยมองพี่เติมเต็มดื่มน้อยกว่าเพื่อนๆมาก
"ปกติเวลาไปดื่มที่ร้าน ดื่มกันเยอะแบบนี้มั้ยครับ" ผมถามพี่เติมเต็ม
"ก็ประมาณนี้แหละ" พี่เติมเต็มตอบและหันมานัวเนียผม วันนี้พี่เติมเต็มแปลกมาก ปกติไม่ทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อน หรือไม่ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยขนาดนี้
"แบบนี้ไม่ดีเลยครับ ถ้าเมามากจะทำยังไง ขับรถกลับกันไหวเหรอ" ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ ที่ผ่านมากลับจากไปดื่มกันมายังไงเนี่ย
"เมื่อก่อนไอ้เต็มมันมีคนขับรถพากลับไงน้องคนเก่ง" พี่ชินท์ที่นั่งข้างผมและดูพี่เขาก็เริ่มจะเมามากแล้ว
"ไอ้ชินท์" ได้ยินพี่เติมเต็มเรียกพี่ชินท์เสียงเข้มเลย
"มีเพื่อนขับรถมาส่งเหรอครับ" ผมเดาเอาว่าคงจะเป็นเพื่อนในกลุ่มที่เวลาไปเที่ยวจะผลัดกันไปส่ง
"เพื่อนนอนนะสิ" พี่ชินท์พูดเสร็จ พี่ทัตพลก็ตบหัวพี่ชินท์อย่างแรงเลยครับ
พอได้ยินแบบนั้นผมก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องอธิบาย ผมหันมามองพี่เติมเต็มและยิ้มให้ แล้วผมก็ยกแก้วเหล้าจางๆที่ผสมน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม ไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงพอได้ยินแบบนั้น มันก็ไม่ถึงกับหน่วง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดี
"พวกมึงกูจะไปนอนแล้วนะ ถ้าจะกินต่อก็ตามสบาย ถ้าจะนอนที่นี่มีผ้าห่มกับหมอนอยู่ในตู้ตรงนั้น" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งจับแขนผมให้ลุกขึ้นยืนและดึงผมเข้ามาในห้องนอน
พอปิดประตูห้องนอน พี่เติมเต็มก็จู่โจมจูบผมทันที มันไม่ได้รุนแรงแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง เหมือนพี่เติมเต็มมีเรื่องอะไรในใจ เรายืนจูบกันอยู่ที่ประตูหลายนาที
"เป็นอะไรครับ" ผมถามพี่เติมเต็มหลังจากที่ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ
พี่เติมเติมจูงมือผมเดินมาที่เตียงก่อนจะนั่งลงและดึงผมลงมานั่งตัก ผมตกใจและพยายามจะลุกขึ้นเพราะผมไม่เคยนั่งตักพี่เติมเต็มมาก่อน อีกอย่างตัวผมก็ไม่ใช่จะตัวเล็กไปด้วย แต่พี่เติมเต็มกลับกอดเอวผมแน่นไปอีก
"นั่งตรงนี้แหละ อยากรู้เหมือนกันว่ามันรู้สึกยังไง"
" ..... "
"เมื่อก่อนเคยคิดนะเวลาที่เห็นผู้ชายกับผู้ชายนั่งตักกัน มันไม่ดูแปลกๆเหรอว่ะ ... แต่พอได้ทำเองก็ทำให้เข้าใจ มันรู้สึกดีมากๆ"
พี่เติมเต็มซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผมและกอดเอวผมแน่น ผมปล่อยให้พี่เติมเต็มกอดผมไว้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
"เรื่องที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้ .... "
"ไม่ต้องพูดก็ได้ครับ"
"ถ้าไม่พูด พี่ว่าเราต่างคนก็น่าจะต่างไม่สบายใจ"
" ..... "
"เมื่อก่อนเวลาออกไปดื่ม เหตุการณ์แบบที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ พูดไปมันก็ดูไม่ค่อยดีกับผู้หญิงเขาเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งก็ไปรถเขาและไปห้องเขา คนเก่งยังเด็กอาจจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้เท่าไหร่ แต่มันก็จบแค่นั้น เราไม่ได้สานต่อกัน ไม่เคยขอแลกเบอร์กัน"
" ..... "
"จนมีเด็กคนหนึ่งเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่นี่ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยออกไปทำอะไรแบบนั้นอีกเลย ไปดื่มแล้วก็กลับห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอจะออกไปกับใคร ภาพเด็กคนนั้นก็ลอยมา เพิ่งมารู้ตัวตอนหลังว่าเด็กคนนี้มีอิทธิพลมากแค่ไหน"
" ...... "
"ถ้าจะมีอะไรกับใครสักคนคงต้องเป็นเด็กคนนี้เท่านั้น"
พี่เติมเต็มพูดเสร็จก็ใช้ริมฝีปากจูบตามท้ายทอยและคลอเคลียอยู่แถวๆซอกคอไม่หยุด ส่วนมือของพี่เติมเต็มก็ล้วงเข้ามาในเสื้อและปัดป่ายไปทั่วตัวของผม
"พี่เต็มครับ ผม ... ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?" ผมพยายามรวบรวมสติไม่ให้เคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่เติมเต็ม
"ถามว่า .. "
พี่เติมเต็มยังไม่หยุดที่จะนัวเนียผม
"พี่เต็มไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แล้ว ... แล้วพี่จะทำได้เหรอครับ"
"หืม?" ได้ผลครับ พี่เติมเต็มหยุดชะงักทันที
"ผมหมายถึง ... พี่จะทำลงเหรอ พี่จะไม่รังเกียจเหรอ ผมเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆพี่"
พอผมพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็พลิกตัวจับผมลงไปนอนบนเตียงและคร่อมตัวผมไว้
"งั้นก็ต้องลองดูว่าจะทำลงมั้ย" พี่เติมเต็มจูบผมที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
"แล้วก็ถามว่ารังเกียจมั้ย ก็ตอบเลยว่าไม่ เพราะคนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่ ... รัก"
คนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่รัก
เป็นผู้ชายที่พี่รัก
ผู้ชายที่พี่รัก
พี่รัก
รัก
เดี๋ยวนะ!!
พี่เติมเต็มบอกว่ารักผมเหรอ คำบอกรักครั้งแรกผมยังไม่ทันได้ซาบซึ้งเลย พี่เติมเต็มก็จูบผมรุนแรงมากขึ้น ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากและหัวใจของพี่เติมเต็มก็เต้นแรงไม่ต่างกันเพราะมือข้างขวาของผมกำลังวางทาบอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายที่เป็นตำแหน่งหัวใจของพี่เติมเต็ม
พี่เติมเต็มเปลี่ยนมาไซร้ที่ซอกคอแทนเหมือนอยากให้ผมหายใจหายคอบ้าง
"แล้วก็ .. ที่บอกว่าเราเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆกับพี่ พี่ว่าบางอย่างก็ไม่ได้เหมือนนะ โดยเฉพาะ .... "
ผมสะดุ้งทั้งตัว และมันคงไม่ใช่แค่หน้าผมที่ร้อน ผมว่ามันร้อนไปทั้งตัวแล้วตอนนี้
ก็เพราะมือขวาของพี่เติมเต็มตอนนี้มันสัมผัสอยู่ที่ร่างกายส่วนล่างของผม ถึงแม้ว่าจะสัมผัสผ่านกางเกงบ็อกเซอร์ก็เถอะ แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ฝ่ามือของพี่เติมเต็ม
"ขนาด .. "
" ..... "
"พี่ว่าเราต่างกันเยอะ"
แล้วพี่เติมเต็มก็มากระซิบที่ข้างหูผมแบบนี้ ทำไมพี่เติมเต็มต้องทำเสียงเซ็กซี่ขนาดนี้ด้วยนะ
แล้วแค่สัมผัสไม่พอใช่มั้ย?
ทำไมต้องใช้มือกดแบบนั้นด้วย!!
TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
◕ตัดจบเฉยเลย >__<
◕ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เป็นกำลังใจดีๆสำหรับผู้เขียนมากๆเลยค่ะ
◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนะคะ