✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019  (อ่าน 119649 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

คุณพี่มีแพลน 55 รอบครอบทุกเรื่องอ่ออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2019 15:49:02 โดย Billie »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อะไรคือเพิ่งขอคำปรึกษาเสร็จปุ๊บจะเข้าร้านขายยาปั๊บ
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
พี่เต็มเตรียมความพร้อมแล้ว   :-[

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
นว้องงงง คืนไหนเนี่ย พี่จะไปแอบใต้เตียง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ในที่สุดพี่วินกับฟูจิก็คบกันนนนนน  :katai2-1:
แต่พี่เต็มจะหลบน้องพ้นมั้ย 555555555555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เตรียมพร้อมไว้ก็ดี เพราะคนเจ็บคือน้อง รอดูตอนคนเก่งโดนกิน o18

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 22



หลังจากที่ผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน นอกจากที่ผมจะมาค้างที่คอนโดของพี่เติมเต็มค่อนข้างบ่อย ผมก็ยังมาช่วยพี่เติมเต็มทำความสะอาดและเก็บกวาดห้องด้วย ช่วงแรกๆพี่เติมเต็มก็บ่นให้ผมเหมือนกันเพราะพี่เขามีแม่บ้านมาทำให้ประจำอยู่แล้ว แถมพี่เติมเต็มยังบอกผมว่าถ้าผมทำงานบ้านเองแม่บ้านก็ต้องตกงาน ผมไม่ได้อยากให้แม่บ้านตกงานนะครับ ก็เลยมีข้อตกลงใหม่ จากเมื่อก่อนแม่บ้านจะมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ก็เปลี่ยนเป็นมาแค่อาทิตย์ละสองวัน โดยแม่บ้านจะเข้ามาดูแลเรื่องซักรีดเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่ห้องพี่เติมเต็มแทบจะไม่มีฝุ่นเลยผมก็เลยคิดว่าให้แม่บ้านมาอาทิตย์ละสองครั้งก็น่าจะพอ และยังได้ค่าจ้างเท่าเดิม แต่ผมก็มารู้ภายหลังจากแม่บ้านว่าที่จริงแล้ว แม่บ้านเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านของพี่ชายพี่เติมเต็ม  พี่เติมเต็มทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาเหตุที่จะทำให้แม่บ้านตกงาน เจ้าเล่ห์มากจริงๆครับ

ที่ผมเกริ่นมาทั้งหมดก็เพียงแค่จะบอกว่า หลายวันก่อนผมก็เข้ามาทำความสะอาดห้องตามปกติ ผมบังเอิญไปเจอถุงหิ้วที่มันมีชื่อร้านขายยาร้านหนึ่งอยู่ในตู้ใบเล็กที่หัวเตียงฝั่งที่พี่เติมเต็มนอน

ตอนที่ผมยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในถุงผมก็คิดกังวลว่าพี่เติมเต็มไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า ถึงต้องซื้อยามาทาน แต่พอผมได้เห็นสิ่งที่อยู่ในถุง มันทำให้ผมหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมอาจจะไม่ได้ฉลาดมากแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลยว่าของในถุงมันสื่อถึงอะไร

สิ่งที่ผมเจอในถุงคือ กล่องใส่ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้แกะสามสี่กล่อง และมียาอีกจำนวนหนึ่ง ผมไล่อ่านตามฉลากยา มียาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาแก้ไข ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ยาเหน็บและยาทา และมีหลอดสีขาวอีกหลอดหนึ่ง มันระบุเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วพอจะแปลได้ว่ามันคือเจลหล่อลื่นแบบซิลิโคน เป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น

และเพราะของชิ้นสุดท้ายที่ผมเจอ ยิ่งทำให้ผมคิดเตลิดไปไกลว่าพี่เติมเต็มถึงขั้นสั่ง เอ่อ ... นั่นแหละมาจากประเทศญี่ปุ่นเลยเหรอ

หมายความว่า
พี่เติมเต็มอยากจะมี .... กับผมใช่มั้ย? พี่เขาถึงได้ซื้อของแบบนี้เตรียมไว้ เพราะก่อนหน้านี้มันไม่เคยมี


แค่คิดว่า "ความสัมพันธ์" มันกำลังจะก้าวหน้ามากขึ้น ผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เราสองคนไม่เคยทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบกันเลย มีมากที่สุดคือพี่เติมเต็มจูบผมและผมมารู้ตัวอีกทีคือหน้าอกของผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากลิ้นของพี่เติมเต็ม ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าพี่เติมเต็มถอดเสื้อผมออกตอนไหน และในตอนนั้นผมก็คิดว่า ... มันอาจจะเกิดขึ้นแน่ๆ

แต่ก็เปล่าเลย เพราะพี่เติมเต็มก็หยุดทุกอย่างทันทีที่ร่างกายผมสะดุ้งจากการที่ลิ้นของพี่เติมเต็มมาสัมผัสที่หน้าอก



และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น พี่เติมเต็มก็ไม่ทำอะไรที่มันมากไปกว่าจูบ จริงไปแล้วผมก็โอเคน่ะ เพราะผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าพี่เติมเต็มจะต้องมีอะไรกับผม ผมคิดเองว่าพี่เขาอาจจะกระอักกระอ่วนใจก็ได้ถ้าต้องมีอะไรกับผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะถึงพี่เติมเต็มจะไม่เคยมีแฟน แต่ผมก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพี่เขาก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน ถ้าจะมามีอะไรกับผมอาจจะรู้สึกทำไม่ลงขึ้นมาก็ได้ ... ล่ะมั้ง


แต่ ... เพราะสิ่งที่ผมเจอ ทำให้จากที่ไม่คาดหวัง ผมก็เปลี่ยนมาเป็นเริ่มคาดหวัง เพราะของในถุงถ้าพี่เติมเต็มไม่ใช้กับผมแล้วพี่เขาจะเอาไปใช้กับใครได้ล่ะ จริงมั้ยครับ?


เมื่อสองวันก่อนผมยังไม่เห็นถุงนี้เลย แสดงว่าพี่เติมเต็มต้องเพิ่งซื้อมาอย่างแน่นอน ผมเก็บถุงเอาไว้ในตู้อย่างเดิม โดยไม่ได้บอกกับพี่เติมเต็มว่าผมเจออะไร


และเพราะของที่อยู่ในถุงในตู้หัวเตียงนี่แหละที่ทำให้ผมต้องลุ้นว่า ... มันจะเกิดขึ้นวันไหน



ใช้คำว่าใจจดใจจ่อเลยก็ได้ครับ


แต่ ...

หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป


มันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากแค่จูบกันนัวเนียกันเหมือนเดิม

จากที่วันแรกที่ผมเจอ ผมตื่นเต้นมาก

แต่ยิ่งผ่านไปหลายวัน ความตื่นเต้นของผมมันก็ลดลงมาเรื่อยไป

จนวันนี้คือวันที่สิบ ความตื่นเต้นของผมเหลือแค่ศูนย์

จากที่คิดเองเออเองว่ามันต้องมีขยับความสัมพันธ์ขึ้นไปแน่ๆ แต่พอผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมก็มาคิดได้เองอีกว่า ... ถุงนั้นอาจจะไม่ใช่ของพี่เติมเต็มก็ได้ หรือไม่งั้นอาจจะซื้อมาเผื่อไว้ก่อน อาจจะได้ใช้สักวัน เผื่อฉุกเฉินจริงๆ แต่คงจะไม่ใช่ตั้งใจจะมีเรื่องแบบนั้นกับผม


เฮ้อออออ ... ถ้าพี่เติมเต็มรู้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมคิดอะไร ผมทำอะไร พี่เขาอาจจะมองว่าผมบ้าก็ได้


ผมมันบ้าจริงๆนั่นแหละ
เตรียมตัวทุกวันเลยด้วย

แต่คิดไปคิดมาก็ตลกตัวเองครับ ไม่รู้แบบนี้จะเรียกว่าคิดเยอะได้มั้ย
ก็คงใช่นะผมว่า

โอเค .. เลิกคิดเรื่องของนั้นดีกว่า




ผมหยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ประมาณบ่ายสามโมง พี่เติมเต็มออกไปคุยเรื่องโปรเจคกับเพื่อนๆที่คณะ ส่วนผมก็ไม่ต่างจากพี่เติมเต็มมากนัก ที่ถึงแม้จะสอบเสร็จแต่ก็ยังมีทำรายงาน

เมื่อเช้าตอนที่ออกไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันพี่เติมเต็มบอกว่าจะกลับค่ำ แต่ผมไม่ได้ถามว่าจะทานข้าวมาจากข้างนอกหรือเปล่า


konkengg : พี่เต็มครับ
konkengg : กลับมาทานข้าวมั้ย
konkengg : หรือจะทานข้างนอก


ผมทักไลน์ไปถามพี่เติมเต็ม สักพักพี่เติมเต็มก็โทรกลับมา

"ครับ พี่เต็ม" ผมกดรับสาย

(กลับเองทำไม ทำไมไมรอพี่) เสียงดุมาเลยครับ

"ก็พี่เต็มคุยงานกับเพื่อนอยู่ ถ้าพี่เต็มขับรถมาส่งผมก็ต้องกลับคณะเหมือนเดิม มันจะเสียเวลาพี่เต็ม ผมเลยคิดว่ากลับมาเองดีกว่า" ผมอธิบาย

(มันก็ไม่ได้เสียเวลาขนาดนั้น บอกหลายครั้งแล้วนะ)

พี่เติมเต็มยังคงบ่นผม เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่เราเป็นแฟนกัน มันก็มีข้อตกลงหลายๆอย่างที่พี่เติมเต็มเป็นคนตั้งขึ้นมา อย่างเช่นเรื่องนี้คือถ้าผมเลิกเรียนก่อนก็ต้องรอเพื่อกลับพร้อมกัน แต่ถ้าพี่เขาต้องกลับค่ำมาก พี่เติมเต็มก็จะขับรถมาส่งผมที่หอพักหรือที่คอนโดพี่เติมเต็มก่อน

ต่อมาพี่เติมเต็มให้คีย์การ์ดและรหัสเข้าห้องกับผม ผมก็เลยไม่อยากให้พี่เติมเต็มเสียเวลามาส่ง และผมก็จะโดนบ่นเรื่องนี้ทุกครั้ง

"ไม่หงุดหงิด นะ นะ นะ" ผมพยายามที่จะอ้อนพี่เติมเต็ม และผมรู้ว่ามันต้องได้ผล เพราะดูเหมือนพี่เติมเต็มจะชอบให้ผมอ้อน

(พอรู้ว่าอ้อนแล้วได้ผล ทำบ่อยนะ) พี่เติมเต็มพูด

ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"แล้วกลับมาทานข้าวมั้ยครับ ผมจะได้ทำกับข้าว"

ผมถาม

(กลับสิ เดี๋ยวเราเหงาที่ไม่มีพี่ไปทานข้าวด้วย)

พี่เติมเต็มบอก อืมมม...มาคิดๆดูตั้งแต่เป็นแฟนกัน แทบจะไม่มีวันไหนเลยมั้งที่เราจะไม่ทานข้าวด้วยกัน

"พี่เต็มอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ"

(คนเก่ง)

"ครับ?" ผมขานรับตอนที่พี่เติมเต็มเรียก

( ...... ) เงียบ

"ฮัลโหล พี่เต็ม"

(ฟังอยู่)

"สรุปอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย" ผมถามอีกครั้ง

ได้ยินเสียงถอนหายใจ

(บอกไปแล้ว)

บอกตอนไหนอะ ผมพยายามทบทวนแต่ไม่มีนะ

(ช่างเถอะ เราทำอะไรมาพี่ก็ทานหมดนั่นแหละ แล้วก็วันนี้พวกไอ้ธรณ์มันจะไปกินเหล้าที่ห้องนะ) พี่เติมเต็มบอกผม

"งั้นเดี๋ยวผมทำกับแกล้มไว้ให้ มากันกี่โมงครับ"

ปกติเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันบ่อยอยู่แล้วครับ เขาบอกเด็กวิศวะจะสังสรรค์บ่อย ก็คงจะจริง เพราะพวกพี่ๆมาดื่มที่นี่อย่างน้อยก็ต้องมีอาทิตย์ละครั้ง ผมเคยถามพี่ธรณ์ว่าเมื่อก่อนพวกพี่ๆเขามาดื่มที่คอนโดพี่เติมเต็มบ่อยแค่ไหน

พี่ธรณ์บอกว่าเมื่อก่อนจะไปนั่งดื่มกันที่ร้านมากกว่ามีอาหารตามีดนตรีฟัง คอนโดพี่เติมเต็มมักจะเอาไว้ติวหนังสือหรือทำงานส่ง แต่พอผมกับพี่เติมเต็มเป็นแฟนกัน พี่เติมเต็มก็ไม่อยากไปนั่งดื่มที่ร้าน บอกให้มาดื่มที่คอนโดแทน พี่ธรณ์บอกว่า

'มันติดเมียไง ไม่อยากออกไปไหน'

ตอนที่พี่ธรณ์พูด พี่เติมเต็มก็นั่งอยู่ใกล้ๆและได้ยินเหมือนกัน ผมมองพี่เติมเต็มและพี่เขาก็ไม่ได้แก้ตัวหรือปฏิเสธในสิ่งที่พี่ธรณ์พูด

ตอนนั้นจำได้ว่าผมอารมณ์ดีไปเป็นอาทิตย์เลย

(ไม่แน่ใจเวลา น่าจะช่วงหัวค่ำหน่อย)

"โอเคครับ"

(ขอโทษนะ ลำบากเราทุกที)

"ขอโทษทำไมครับ แค่ทำกับแกล้มง่ายๆไม่กี่อย่าง สบายมาก"

ผมบอก

(อยากกอด)

อยู่ๆพี่เติมเต็มก็พูดออกมาแบบนี้ อารมณ์ไหนเนี่ย ปกติไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่

"งั้นก็รีบกลับมากอดนะครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมขำพี่เติมเต็มเล็กน้อย

เราคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยก่อนที่จะวางสาย ผมมองดูเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะลงมือทำกับข้าวสองสามอย่าง หลังจากนั้นก็ลงมือทำพวกกับแกล้มและของทานเล่นมีเฟรนช์ฟราย ปีกไก่ทอด เอ็นข้อไก่ทอด ยำหมูยอ หมูมะนาว และต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ผมมองดูกับแกล้มที่ผมทำเตรียมไว้ คือมันดูเหมือนเยอะก็จริง แต่พอถึงเวลาไม่เคยจะพอครับ แต่พี่เติมเต็มเคยบอกว่าผมทำมาเท่าไหร่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยมันก็หมดอยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำเยอะมากหรอกกลัวผมเหนื่อย

ผมทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆในครัวพร้อมทั้งทำความสะอาดครัวอีกนิดหน่อย ผมมองดูเวลาเกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วครับ


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำ ตอนแรกผมหยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์มาเตรียมไว้ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเพื่อนพี่เติมเต็มมาผมก็ใส่ชุดแบบนี้ไม่ได้ ผมก็เลยยืนลังเลอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าว่าจะใส่อะไรดี

ขณะที่ผมกำลังยืนคิดอยู่ว่าจะใส่อะไร ก็มีสัมผัสอุ่นๆเข้ามาทางด้านหลัง

"พี่เต็ม"

พี่เติมเต็มกอดเอวผมจากด้านหลังและจูบแก้มผมเบาๆก่อนจะเริ่มคลอเคลียไปตามซอกคอ

"พอก่อนครับ ผมตัวเหม็น มีแต่กลิ่นกับข้าว" ผมบอกแต่พี่เติมเต็มก็ยังไม่หยุด

"พี่เต็มครับ ... แล้วเพื่อนๆพี่ล่ะ" พอผมถามพี่เติมเต็มก็หยุด ก่อนที่ผมจะรู้สึกเจ็บนิดๆตรงแถวๆคอ พี่เติมเต็มจับให้ผมหันหน้ามา ก่อนจะจูบผมที่ริมฝีปากย้ำๆสองครั้ง

"ไอ้พวกนั้นมันอยู่ข้างนอก ออกไปสงสัยกินเรียบหมดแล้ว แล้วเราทำอะไรพี่เห็นยืนอยู่ตั้งนาน"

"ผมกำลังจะอาบน้ำครับ ก็เลยยืนคิดว่าจะใส่ตัวไหนดี"

"แล้วที่ห้อยอยู่นี่ล่ะ" พี่เติมเต็มชี้ไปที่ราวที่ผมแขวนเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ไว้

"ก็พี่เต็มบอกว่าถ้าเพื่อนมาห้ามใส่"

ผมเห็นพี่เติมเต็มยิ้ม

"วันนี้อนุญาตให้ใส่ได้"

ผมมองพี่เติมเต็มด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะผมก็ชอบที่แต่งตัวแบบนี้นอนมากกว่า

ผมหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้ามาในห้องน้ำ ส่วนพี่เติมเต็มบอกว่าจะออกไปดูเพื่อนๆ

ในห้องน้ำพอเปิดประตูเข้ามาจะมีกระจกเงาบานใหญ่อยู่ทางซ้ายมือสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ถัดไปจะเป็นโซนอาบน้ำที่เป็นฝักบัว ด้านขวามือจะเป็นอ่างล้างหน้าและมีตู้เก็บของ ถัดไปจะเป็นชักโครก และที่อยู่ลึกเข้าไปที่กินพื้นที่ให้ห้องน้ำเกือบครึ่งจะเป็นอ่างอาบน้ำที่ผนังห้องน้ำตรงนั้นจะเป็นกระจกใสมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ผมยืนส่องกระจกบานใหญ่อยู่สักพัก ผมก็ถอดชุดนักศึกษาออก พอผมจะเดินไปตรงฝักบัว สายตาผมก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างบนร่างกาย มีรอยแดงๆอยู่ที่คอผม

โอเค ... ผมรู้แล้วว่าเมื่อกี้ทำไมตอนที่พี่เติมเต็มกำลังนัวเนียผมทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บที่คอ

ผมลูบรอยแดงบนลำคอไปมา ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันรู้สึกดีแปลกๆ ไม่รู้สิ ... เหมือนเขาแสดงความเป็นเจ้าของเรา อย่างที่ผมเคยได้ยินมาใช่มั้ย

... คิสมาร์ก ....


ผมใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควรเลย เพราะไอ้รอยบนคอผมเนี่ยแหละทำให้ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดๆไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบพี่เติมเต็มจะทำอะไรแบบนี้ก็เป็น

หลังจากแต่งตัวและจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็เดินเข้ามาในห้องนอน พี่เติมเต็มเปิดประตูเข้ามาพอดี

"พี่เดินเข้ามารอบหนึ่งแล้ว ทำไมอาบน้ำนานจัง" พี่เติมเต็มพูดก่อนจะเข้ามากอดและหอมแก้มผม

"คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับ"

"คิดอะไร แล้วเนี่ยไม่เช็ดผมอีกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดและดึงผ้าขนหนูผืนเล็กจากมือผม มาเช็ดผมให้แทน

ผมมองดูหน้าพี่เติมเต็มที่กำลังเช็ดผมให้ มือพี่เขาเบามากๆ มีจังหวะหนึ่งที่พี่เติมเต็มละสายตาจากผมของผม และเราสบตากัน

และเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นคนเริ่มจูบพี่เติมเต็มก่อน ตอนแรกพี่เติมเต็มยืนเฉยๆแต่ก็โน้มตัวลงมาเพื่อให้ผมจูบได้ถนัด ผมจูบที่ริมฝีปากพี่เติมเติมสองสามครั้งซึ่งพี่เติมเต็มก็ยังไม่ได้จูบผมตอบกลับมา แต่พอผมถอนริมฝีปากออกพี่เติมเต็มกลับเป็นคนที่ดึงเอวผมเข้าไปกอดและจูบผม

"แบบเมื่อกี้เขาไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ ต้องแบบนี้" ผมคิดในใจว่าใครจะไปเก่งเหมือนพี่ล่ะ

พี่เติมเต็มจูบกับผมสักพักใหญ่พี่เขาก็หยุดและมาคลอเคลียแถวๆคอและผมก็รู้สึกเจ็บที่เดิม ต้องแดงมากกว่าเดิมแน่ๆ

สายตาของพี่เติมเต็มมองมาที่คอของผมด้วยด้วยความพอใจ ผมเอามือลูบที่คอตัวเอง

"เจ็บมั้ย?"

"ไม่ครับ" ผมก้มหน้าตอบเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี

"ทำแค่นี้ยังแดงง่ายขนาดนี้เลย" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งใช้มือมาลูบที่รอยนั้นไปมา ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว


หลังจากนั้นผมก็นั่งรอพี่เติมเต็มอาบน้ำ จะออกไปก่อนก็ไม่ยอมให้ออกไป


สิบห้านาทีหลังจากนั้น ผมกับพี่เติมเต็มก็ออกมานั่งอยู่ที่กลางห้องรับแขกที่พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มจัดเป็นพื้นที่ปาร์ตี้เล็กๆ นอกจากเพื่อนในกลุ่มของพี่เติมเต็มแล้ว ยังมีเพื่อนของพี่เติมเต็มอีกสามคนที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่ค่อยได้คุยกัน พี่เติมเต็มบอกว่าเป็นเพื่อนกลุ่มทำโปรเจคด้วยกัน

ตอนที่ผมเดินออกมาทุกคนหันมามองที่ผมเป็นตาเดียวกันเลย

"เพราะแบบนี้แหละถึงไม่อยากให้แต่งตัวแบบนี้เวลาที่คนอื่นอยู่ด้วย" พี่เติมเต็มพูดออกมาแบบนี้

"ก็พี่เต็มบอกว่าวันนี้ใส่แบบนี้ได้" ผมบอก และเหมือนพี่เติมเต็มจะหงุดหงิดกับคำพูดอนุญาตของตัวเอง

"จะขาว จะตัวเล็ก จะน่ารักทำไมก็ไม่รู้" พี่เติมเต็มยังบ่นผมไม่หยุดแต่เป็นการบ่นที่ทำให้ผมทั้งเขินและทั้งขำไปพร้อมๆกัน พวกพี่ๆนั่งอยู่ที่พื้นห้องกันครับ บอกว่านั่งพื้นสบายกว่านั่งโซฟา ผมนั่งลงข้างพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็หยิบหมอนใบใหญ่มาวางไว้บนตักผมและให้ผมนั่งพิงโซฟาไว้

"จะได้ไม่โป๊ เดี๋ยวไอ้พวกนี้มันมอง" พี่เติมเต็มพูดแบบนี้ ผมอดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้เลยล่ะ



"คนเก่งน่าจะเคยเจอไอ้พวกนี้อยู่บ้าง ไอ้คิว ไอ้นุ ไอ้กอล์ฟ" พี่เติมเต็มแนะนำให้ผมรู้จัก ผมก็ยกมือไหว้สวัสดีพี่ๆเขา

"ส่วนพวกมึงก็น่าจะรู้จักน้องอยู่แล้ว" พี่เติมเต็มพูด พวกพี่ๆเขาก็ทักทายผม ก่อนจะหันกลับไปนั่งดื่มกันต่อ

"คนเก่ง" ผมหันไปมองพี่ธรณ์ที่เรียกผม

"ครับ" ผมตอบ และพี่ธรณ์ก็เอามือของตัวเองลูบที่คอตัวเองไปมา ตอนแรกผมยังไม่เข้าใจ เห็นพี่เติมเต็มขว้างน้ำแข็งก้อนเล็กๆใส่พี่ธรณ์ และพี่ชินท์ที่นั่งข้างผมพูดขึ้นมาว่า

"ยุงบินสูงถึงชั้นสิบแปดเลยเว้ย ตัวมันต้องใหญ่มากไม่งั้นรอยไม่แดงขนาดนี้"

ผมรู้ได้ทันทีว่าพวกพี่ๆกำลังพูดเรื่องอะไร

"พวกมึงหยุดมองแฟนกูได้แล้ว" พี่เติมเต็มพูด

ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากๆเลย พอโดนทักแบบนี้ผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก พี่เติมเต็มกอดเอวผมและดึงตัวผมเข้าไปใกล้และหอมแก้ม

ผมตกใจที่พี่เติมเต็มทำแบบนี้ ปกติพี่เขาเป็นคนไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมากสักเท่าไหร่ เสียงโห่แซวของเพื่อนๆพี่เติมเต็มดังลั่นห้อง


"แล้วที่จะไปค่ายมึงจะไปด้วยกันใช่มั้ย" หลังจากนั่งดื่มกันไปสักพัก พี่คิวก็ถามพี่เติมเต็ม

"กูยังไม่ให้คำตอบ" พี่เติมเต็มบอก

"ติดอะไรว่ะ ที่ผ่านมาไม่เห็นเคยปฏิเสธ" พี่กอล์ฟเป็นคนถาม

"ติดเมียไงมึง ที่ผ่านมามันไปได้เพราะมันไม่มีเมีย" พี่ธรณ์ตอบ

"กูก็นึกว่าเรื่องอะไร เอาน้องไปด้วยก็ได้" เสียงพี่คิวครับ

"ใช่มึง ถึงจะคนละคณะก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่นุพูดบ้าง

พี่เติมเต็มหันมามองผม หอมหัวผมทีหนึ่ง

"อยากไปมั้ย"

"ค่ายอะไรเหรอครับ" ผมถาม

"เป็นค่ายของคณะวิศวะจัด ก็จะไปโรงเรียนต่างอำเภอที่เขาลำบากหน่อย สร้างห้องสมุด ซ่อมแซมอาคารเรียนหรืออะไรประมาณนี้แหละ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละโรงเรียนมีปัญหาเรื่องอะไร" พี่เติมเต็มอธิบาย

"ไม่ได้เรียนวิศวะก็ไปได้เหรอครับ" ผมอยากไปนะน่าสนใจมากเลย

"อันที่จริงมันก็ไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหา" พี่กอล์ฟบอก

"อยากไปเหรอ" พี่เติมเต็มถามผม

"อยากไปครับ" ผมตอบ

"ลำบากนะ" พี่เติมเต็มบอกผม

"ไม่กลัวครับ" ผมรีบบอก

"ไปก็ไป" พอพี่เติมเต็มบอก ผมเห็นพี่คิวกับพี่กอล์ฟจับมือกันด้วยความดีใจ

ผมมองด้วยความไม่เข้าใจ อะไรจะดีใจขนาดนั้น

"ไม่มีอะไรหรอก คือทุกครั้งที่บ้านไอ้เต็มก็จะช่วยเรื่องงบด้วยส่วนหนึ่งไง ไอ้คิวมันกลัวว่าถ้าไอ้เต็มไม่ไป งบก็จะไม่ได้แต่ถึงมันไม่ไปที่บ้านมันก็ช่วยอยู่ดี"

ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เพราะเท่าที่ทราบคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของพี่เติมเต็มใจบุญมากๆครับ



เวลาผ่านล่วงเลยมาพอสมควร พวกเพื่อนๆพี่เติมเต็มดื่มกันเก่งมากครับ ผมมองพี่เติมเต็มที่นั่งข้างผม เท่าที่คอยมองพี่เติมเต็มดื่มน้อยกว่าเพื่อนๆมาก

"ปกติเวลาไปดื่มที่ร้าน ดื่มกันเยอะแบบนี้มั้ยครับ" ผมถามพี่เติมเต็ม

"ก็ประมาณนี้แหละ" พี่เติมเต็มตอบและหันมานัวเนียผม วันนี้พี่เติมเต็มแปลกมาก ปกติไม่ทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อน หรือไม่ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยขนาดนี้

"แบบนี้ไม่ดีเลยครับ ถ้าเมามากจะทำยังไง ขับรถกลับกันไหวเหรอ" ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ ที่ผ่านมากลับจากไปดื่มกันมายังไงเนี่ย

"เมื่อก่อนไอ้เต็มมันมีคนขับรถพากลับไงน้องคนเก่ง" พี่ชินท์ที่นั่งข้างผมและดูพี่เขาก็เริ่มจะเมามากแล้ว

"ไอ้ชินท์" ได้ยินพี่เติมเต็มเรียกพี่ชินท์เสียงเข้มเลย

"มีเพื่อนขับรถมาส่งเหรอครับ" ผมเดาเอาว่าคงจะเป็นเพื่อนในกลุ่มที่เวลาไปเที่ยวจะผลัดกันไปส่ง

"เพื่อนนอนนะสิ" พี่ชินท์พูดเสร็จ พี่ทัตพลก็ตบหัวพี่ชินท์อย่างแรงเลยครับ

พอได้ยินแบบนั้นผมก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องอธิบาย ผมหันมามองพี่เติมเต็มและยิ้มให้ แล้วผมก็ยกแก้วเหล้าจางๆที่ผสมน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม ไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงพอได้ยินแบบนั้น มันก็ไม่ถึงกับหน่วง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดี

"พวกมึงกูจะไปนอนแล้วนะ ถ้าจะกินต่อก็ตามสบาย ถ้าจะนอนที่นี่มีผ้าห่มกับหมอนอยู่ในตู้ตรงนั้น" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งจับแขนผมให้ลุกขึ้นยืนและดึงผมเข้ามาในห้องนอน

พอปิดประตูห้องนอน พี่เติมเต็มก็จู่โจมจูบผมทันที มันไม่ได้รุนแรงแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง เหมือนพี่เติมเต็มมีเรื่องอะไรในใจ เรายืนจูบกันอยู่ที่ประตูหลายนาที

"เป็นอะไรครับ" ผมถามพี่เติมเต็มหลังจากที่ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ

พี่เติมเติมจูงมือผมเดินมาที่เตียงก่อนจะนั่งลงและดึงผมลงมานั่งตัก ผมตกใจและพยายามจะลุกขึ้นเพราะผมไม่เคยนั่งตักพี่เติมเต็มมาก่อน อีกอย่างตัวผมก็ไม่ใช่จะตัวเล็กไปด้วย แต่พี่เติมเต็มกลับกอดเอวผมแน่นไปอีก

"นั่งตรงนี้แหละ อยากรู้เหมือนกันว่ามันรู้สึกยังไง"

" ..... "

"เมื่อก่อนเคยคิดนะเวลาที่เห็นผู้ชายกับผู้ชายนั่งตักกัน มันไม่ดูแปลกๆเหรอว่ะ ... แต่พอได้ทำเองก็ทำให้เข้าใจ มันรู้สึกดีมากๆ"

พี่เติมเต็มซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผมและกอดเอวผมแน่น ผมปล่อยให้พี่เติมเต็มกอดผมไว้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เรื่องที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้ .... "

"ไม่ต้องพูดก็ได้ครับ"

"ถ้าไม่พูด พี่ว่าเราต่างคนก็น่าจะต่างไม่สบายใจ"

" ..... "

"เมื่อก่อนเวลาออกไปดื่ม เหตุการณ์แบบที่ไอ้ชินท์มันพูดเมื่อกี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ พูดไปมันก็ดูไม่ค่อยดีกับผู้หญิงเขาเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งก็ไปรถเขาและไปห้องเขา คนเก่งยังเด็กอาจจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้เท่าไหร่ แต่มันก็จบแค่นั้น เราไม่ได้สานต่อกัน ไม่เคยขอแลกเบอร์กัน"

" ..... "

"จนมีเด็กคนหนึ่งเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่นี่ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยออกไปทำอะไรแบบนั้นอีกเลย ไปดื่มแล้วก็กลับห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอจะออกไปกับใคร ภาพเด็กคนนั้นก็ลอยมา เพิ่งมารู้ตัวตอนหลังว่าเด็กคนนี้มีอิทธิพลมากแค่ไหน"

" ...... "

"ถ้าจะมีอะไรกับใครสักคนคงต้องเป็นเด็กคนนี้เท่านั้น"

พี่เติมเต็มพูดเสร็จก็ใช้ริมฝีปากจูบตามท้ายทอยและคลอเคลียอยู่แถวๆซอกคอไม่หยุด ส่วนมือของพี่เติมเต็มก็ล้วงเข้ามาในเสื้อและปัดป่ายไปทั่วตัวของผม

"พี่เต็มครับ ผม ... ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?" ผมพยายามรวบรวมสติไม่ให้เคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่เติมเต็ม

"ถามว่า .. "

พี่เติมเต็มยังไม่หยุดที่จะนัวเนียผม

"พี่เต็มไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แล้ว ... แล้วพี่จะทำได้เหรอครับ"

"หืม?" ได้ผลครับ พี่เติมเต็มหยุดชะงักทันที

"ผมหมายถึง ... พี่จะทำลงเหรอ พี่จะไม่รังเกียจเหรอ ผมเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆพี่"

พอผมพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็พลิกตัวจับผมลงไปนอนบนเตียงและคร่อมตัวผมไว้


"งั้นก็ต้องลองดูว่าจะทำลงมั้ย" พี่เติมเต็มจูบผมที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน


"แล้วก็ถามว่ารังเกียจมั้ย ก็ตอบเลยว่าไม่ เพราะคนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่ ... รัก"



คนเก่งเป็นผู้ชายที่พี่รัก
เป็นผู้ชายที่พี่รัก
ผู้ชายที่พี่รัก
พี่รัก
รัก



เดี๋ยวนะ!!

พี่เติมเต็มบอกว่ารักผมเหรอ คำบอกรักครั้งแรกผมยังไม่ทันได้ซาบซึ้งเลย พี่เติมเต็มก็จูบผมรุนแรงมากขึ้น ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากและหัวใจของพี่เติมเต็มก็เต้นแรงไม่ต่างกันเพราะมือข้างขวาของผมกำลังวางทาบอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายที่เป็นตำแหน่งหัวใจของพี่เติมเต็ม


พี่เติมเต็มเปลี่ยนมาไซร้ที่ซอกคอแทนเหมือนอยากให้ผมหายใจหายคอบ้าง


"แล้วก็ .. ที่บอกว่าเราเป็นผู้ชายที่มีอะไรเหมือนๆกับพี่ พี่ว่าบางอย่างก็ไม่ได้เหมือนนะ โดยเฉพาะ .... "


ผมสะดุ้งทั้งตัว และมันคงไม่ใช่แค่หน้าผมที่ร้อน ผมว่ามันร้อนไปทั้งตัวแล้วตอนนี้


ก็เพราะมือขวาของพี่เติมเต็มตอนนี้มันสัมผัสอยู่ที่ร่างกายส่วนล่างของผม ถึงแม้ว่าจะสัมผัสผ่านกางเกงบ็อกเซอร์ก็เถอะ แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ฝ่ามือของพี่เติมเต็ม


"ขนาด .. "


" ..... "


"พี่ว่าเราต่างกันเยอะ"


แล้วพี่เติมเต็มก็มากระซิบที่ข้างหูผมแบบนี้ ทำไมพี่เติมเต็มต้องทำเสียงเซ็กซี่ขนาดนี้ด้วยนะ


แล้วแค่สัมผัสไม่พอใช่มั้ย?


ทำไมต้องใช้มือกดแบบนั้นด้วย!!





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

◕ตัดจบเฉยเลย >__<
◕ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เป็นกำลังใจดีๆสำหรับผู้เขียนมากๆเลยค่ะ
◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนะคะ



ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อย่าเพิ่งตัดค่ะ มันไม่ควรตัดตรงนี้นะคะ :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :ling1:

แงงงงงงงงง้

ออฟไลน์ kkiikk5016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอ้า ตัดฉับ ค้างเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: คนแต่งจ๋ารีบมาน้า 

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 23



[เติมเต็ม part]



คนเก่งหลับตาปี๋เลยครับตอนที่ใช้มือไปสัมผัสที่ส่วนนั้นของเจ้าตัว เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาแตะต้องของผู้ชายคนอื่นนอกจากตัวเอง ถึงแม้จะแค่สัมผัสผ่านกางเกงบ็อกเซอร์แต่ทุกคนรู้มั้ยว่าผมใจเต้นแรงและตื่นเต้นมากๆ

สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้คืออยากสัมผัสทุกส่วน ทุกตารางนิ้วบนร่างกายของคนเก่ง ผมไม่รู้ว่าน้องรับรู้ได้ถึงความสั่นของผมมั้ย ผมว่าผมมือสั่นมากๆเลยครับ

ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนมีเซ็กซ์ครั้งแรกอีก ผมปล่อยมือออกจากส่วนนั้นของคนเก่งและขึ้นคร่อมตัวน้องอีกครั้ง ผมโน้มตัวลงจูบที่ริมฝีปากของน้องอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนในตอนแรก

คนเก่งหัวใจเต้นแรงมาก จนผมคิดว่าผมได้ยินเสียงหัวใจของน้อง ผมใช้มือซ้ายประคองใบหน้าของคนเก่งให้รับจูบของผม ผมวางมือขวาของผมทาบลงที่หัวใจของน้อง สัมผัสของหัวใจที่เต้นแรงเหมือนเร่งให้ร่างกายของผมตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

ผมผละออกจากริมฝีปากของคนเก่ง น้องปรือตามองผมเล็กน้อย ผมก้มลงไปจูบคนเก่งอีกครั้ง คราวนี้มันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ผมเลื่อนริมฝีปากมาซุกไซร้ที่ซอกคอของน้อง ผมขยับตัวออกมาเพื่อถอดเสื้อของตัวเองออก ผมไล่จูบจากลำคอลงมาที่หน้าอกโดยจูบผ่านเสื้อกล้าม คนเก่งเกร็งตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ผมจับชายเสื้อกล้ามของคนเก่งก่อนจะถอดออกอย่างรวดเร็ว คนเก่งขาวมาก ยอดอกเป็นสีชมพู ผมเคยสัมผัสครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ทำให้ผมเกือบจะอดทนไม่ไหว แต่เพราะตอนนั้นผมยังไม่พร้อม ยังไม่ได้ศึกษามามากพอ ผมถึงไม่ทำต่อ

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ผมพร้อมและผมคิดว่าผมศึกษาหาข้อมูลมามากพอสมควรแล้ว


ตอนที่ผมสัมผัสที่ยอดอกของคนเก่ง ผมได้ยินเสียงน้องครางออกมา สติผมเกือบจะหลุด ต้องบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ อย่าทำรุนแรงกับน้อง

"พี่เต็มครับ" คนเก่งเรียกผมเสียงแผ่วๆ

"ครับ" ผมตอบรับโดยที่ผมยังวุ่นวายอยู่ที่หน้าอกของน้อง

"เพื่อนพี่ .. อึก ... อ่า .. อยู่ข้างนอก" คนเก่งพยายามที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเอง

"ห้องนี้เก็บเสียงไม่ต้องห่วง" ผมบอกน้อง พร้อมทั้งใช้มือลูบไล้ไปทั่วตัวน้อง

"เพราะฉะนั้นจะร้องดังแค่ไหนก็ได้" ผมบอกคนเก่ง และมาจัดการกับหน้าอกน้องอีกครั้ง ระหว่างนั้นผมก็ค่อยๆถอดกางเกงนอนของผมออก และจัดการถอดกางเกงบ็อกเซอร์ของน้องออกเช่นกัน

ตอนนี้เราสองคนเหลือแค่กางเกงชั้นในติดตัว ผมมองคนเก่งที่นอนระทวยอยู่บนเตียง น้องตัวแดงมากๆ ผมมองน้องด้วยความเอ็นดู


ผมทาบทับตัวผมลงไปบนตัวน้องอีกครั้งโดยที่ผมจงใจกดส่วนล่างของผมลงไปที่ส่วนล่างของคนเก่ง

"อื้ออออ ... "

ใจผมเต้นรัวมากยิ่งขึ้น พอได้ยินเสียงคนเก่งคราง

"พี่เต็ม ... ปิด .. ไฟก่อน"

คนเก่งปรือตามองผมและพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง

"อายเหรอ" ผมถามและน้องพยักหน้า

"แต่พี่อยากเห็น ทุกอย่างของคนเก่ง อยากเห็นชัดๆ" ผมบอกพร้อมกับเล้าโลมน้องมากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงน้องร้องครวญครางไม่ดังมาก แต่สร้างความพอใจให้ผมได้จริงๆ

"พี่เต็ม .. อ่า ครับ"

"ครับ"

"เราจะทำจริงๆเหรอ"

"คนเก่งไม่อยากเหรอ"

" ..... "

"ไม่อยากมีอะไรกับพี่เหรอ"

"อยากครับ"

"กลัวใช่มั้ย"

คนเก่งพยักหน้า ผมจูบปลอบใจน้อง

"พี่ก็กลัว กลัวจะทำให้เราเจ็บมาก แต่พี่จะพยายามให้เจ็บน้อยที่สุด"

" ..... "

"เชื่อใจพี่มั้ย"


คนเก่งพยักหน้าอีกครั้ง ผมจูบไล่ลงมาจนถึงขอบกางเกงชั้นในของน้องและอดที่จะใช้ริมฝีปากจูบลงไปตรงส่วนที่มันนูนเด่นออกมาผ่านกางเกงชั้นในไม่ได้ แปลกใจตัวเองมากที่มันไม่มีคำว่ารังเกียจอยู่ในความคิดตัวเองเลย มีแต่คำว่าอยากสัมผัสให้มากขึ้น มากขึ้น

คนเก่งสะดุ้งและร้องครางออกมาเสียงดังตอนที่ผมใช้ริมฝีปากงับผ่านกางเกงชั้นในสองสามครั้ง


ผมลุกขึ้นไปยืนที่ปลายเตียงก่อนที่จะถอดกางเกงชั้นในของตัวเองออก ผมเห็นคนเก่งลืมตามามองก่อนจะหยิบหมอนมาปิดหน้าตัวเอง ผมขยับขึ้นมาบนเตียงและจัดการถอดกางเกงชั้นในของน้อง ผมสังเกตเห็นเลยว่าน้องขนลุกขึ้นมาทันที

ผมทาบทับตัวลงไปบนตัวคนเก่งอีกครั้ง โดยจับขาของน้องแยกออกและให้ส่วนนั้นของผมและน้องได้ทักทายกัน และผมดึงหมอนออกไปจากใบหน้าของน้อง

คนเก่งร้องครางออกมา ยิ่งน้องร้องครางผมก็ยิ่งสัมผัสมากยิ่งขึ้น ผมขยับตัวไปมาบนตัวน้องอยู่สักพัก ก่อนที่จะไปหยิบของที่ตู้หัวเตียงที่ผมเตรียมไว้หลายวันแล้ว ผมเห็นสายตาน้องเหลือบมองผม แต่น้องไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา

ผมหยิบของสองอย่างมาวางไว้ใกล้ๆตัว ก่อนที่จะจูบคนเก่งอีกครั้ง  ผมพยายามที่จะช่วยคนเก่งก่อน แต่พอผมจับน้องกลับไม่ยอม

"อยากเสร็จพร้อมพี่เต็ม"

คุณรู้มั้ยว่าคำพูดนี้ของคนเก่งทำให้ผมเกือบอดกลั้นไว้ไม่อยู่ จนต้องบอกตัวเองในใจว่าให้ใจเย็นๆ นับหนึ่งถึงสิบในใจว่าให้ใจเย็นให้มากที่สุด ผมใช้เวลาเล้าโลมน้องอยู่สักพักจนคิดว่าน้องน่าจะพร้อมแล้ว

และที่สำคัญผมว่าผมเนี่ยแหละที่จะไม่ไหว


ผมลองใช้นิ้วเข้าไปก่อน แค่นิ้วเดียวสีหน้าของน้องก็แย่มากแล้ว ผมลองนิ้วที่สองเข้าไป คราวนี้น้องมีสีหน้าเจ็บปวดมากกว่าเดิม ผมว่าผมเห็นหยดน้ำตาที่หางตาของน้อง

ผมยังลองพยายามต่อและผมก็รู้ว่าคนเก่งเองก็กำลังพยายามเหมือนกัน

"พี่เต็มครับ .. ผม ... โอเค"

คนเก่งบอกผมโดยที่ผมยังไม่ได้ถามอะไร ผมโน้มตัวไปจูบน้องพร้อมทั้งใช้นิ้วที่สามเข้าไป ผมใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่

"พี่เต็มครับ .. ทำเลยก็ได้"

อยู่ๆผมก็รู้สึกเขินขึ้นมากับคำพูดของคนเก่ง ที่จริงน้องอาจจะอยากบอกผมว่า

'ทำซะทีเถอะ!" ก็ได้

ผมเอานิ้วมือออก ตอนแรกผมลังเลใจว่าควรจะใส่ถุงยางดีมั้ย เพราะผมอยากสัมผัสน้องโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่อีกใจผมก็กลัวน้องไม่สบายตัว (ตามที่ไอ้บุ๊คมันบอก) และในตอนที่ผมกำลังหยิบกล่องถุงยางขึ้นมา

"ไม่ใส่ถุงยางได้มั้ยครับ"

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้องถึงพูดแบบนั้น แต่พอได้ยินคนเก่งพูดแบบนี้ ผมยิ่งไม่ต้องคิดอะไรอีกเลย



ถึงแม้ว่าจะใช้นิ้วเข้าไปช่วยขยายก่อนแต่พอถึงเวลาจริงๆมันก็ไม่ง่ายเลยครับ และผมเองก็รู้สึกอยากขอบคุณผู้ที่คิดค้นเจลหล่อลื่นขึ้นมาเป็นตัวช่วยที่ดีของผมจริงๆไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ขนาดนี้

กว่าคนเก่งจะรับร่างกายผมได้ทั้งหมด ผมว่าน้องก็แย่เหมือนกันผมเห็นน้ำตาคนเก่งไหลออกมา แต่น้องก็บอกว่าน้องโอเค น้องไหว น้องไม่เป็นไร

ยิ่งทำให้ผมรักคนเก่งมากยิ่งขึ้น นึกถึงคำพูดที่ไอ้บุ๊คมันพูดกับผมวันนั้น

'เพราะเขารักเรามากเขาถึงยอมเจ็บเพื่อให้เรามีความสุข'



ผมโน้มตัวลงไปจูบคนเก่งอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะขยับตัวบนตัวของน้อง โดยเริ่มจากขยับตัวช้าๆก่อน ผมกังวลอยู่ในใจตลอดเลยว่าน้องจะรับผมไหวมั้ย ถ้าผมทำเร็วมากกว่านี้

"พี่เต็มครับ .. อึก เร็วกว่านี้ก็ได้ ผมไหว"

นั่นแหละครับคือฟางเส้นสุดท้ายในหัวผม

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เสียงของผมกับคนเก่งใครดังกว่ากัน แต่ผมชอบเสียงคราง ชอบเสียงร้องของน้องมาก ผมจะไม่ไหวทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของน้อง

"ใกล้แล้ว พี่ใกล้แล้ว อ่า .. อีกนิดๆ" ผมเร่งจังหวะทั้งของตัวเองและจับส่วนนั้นของน้องไปด้วย จนเหมือนว่าน้องใกล้จะเสร็จ น้องก็ใช้มือของตัวเองทำเอง ผมก็เลยปล่อยมือออก

คนเก่งขยับข้อมืออยู่ไม่กี่ครั้ง น้องก็ปลดปล่อยออกมา และการที่เห็นภาพตรงหน้ายิ่งช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมได้ดี

ผมขยับสะโพกเร็วๆและรัวๆไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมา ตัวผมยังกระตุกอยู่ในตัวของคนเก่งอยู่เลย

เป็นครั้งแรกที่ผมมีเซ็กซ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งมันดีมากผมชอบความรู้สึกแบบนี้จัง

ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่ตู้หัวเตียง มาเช็ดร่องรอยที่อยู่บนตัวน้องออกจนสะอาด

ผมนอนซบลงที่หน้าอกของคนเก่ง และน้องก็กอดตอบผมโดยที่ตัวผมยังอยู่ในตัวของน้อง

ไม่รู้สิ ผมไม่อยากเอาออกเลย มันรู้สึกดี รู้สึกรัก รู้สึกทุกอย่างที่มันเป็นบวก

ผมจูบคนเก่งอีกหลายครั้ง ไล่จูบไปจนทั่วใบหน้า


"ขอบคุณนะครับ พี่มีความสุขมากเลย" ผมบอกคนเก่งจากสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกในตอนนี้

คนเก่งหน้าแดงจัดและไม่ได้พูดอะไรกับผม

"แล้วคนเก่งล่ะ มีความสุขมั้ย" ผมถาม คนเก่งไม่ตอบแต่พยักหน้า

"ทำไมพูดน้อยจัง เมื่อกี้ยังบอกให้พี่ทำโน่นทำนี่อยู่เลย" ผมอดจะแซวคนเก่งไม่ได้

แต่คนเก่งไม่ตอบโต้ผมครับ น้องคงจะอาย ผมนอนกอดน้องอยู่สักพักก่อนที่จะถอนตัวออกจากน้อง ตอนที่ผมขยับตัวออกมา น้องมีสีหน้าไม่ค่อยดี แต่น้องบอกว่าไม่เป็นไรแค่เจ็บนิดหน่อย

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำและนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา พร้อมทั้งหยิบมาเผื่อน้องด้วย

คนเก่งขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง และผมเห็นสีหน้าของน้องที่แปลกๆและแก้มน้องแดงมากๆ

"เป็นอะไร" ผมเดินมานั่งข้างๆคนเก่งบนเตียง

ผมคิดว่าน้องคงจะเจ็บมากแต่อาจจะไม่กล้าบอกผม ผมขอดูก็ไม่ยอมให้ดู ผมเลยจัดการดึงผ้าห่มออก สิ่งที่ผมเห็นคือมีของเหลวขาวขุ่นไหลออกมาจากตรงนั้นของน้อง

ของเหลวที่ว่าคือของผมเอง

ผมก้มลงไปหอมหัวของน้อง และจูบเบาๆที่ปากครั้งหนึ่ง

"เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำ" ผมบอกคนเก่ง ก่อนที่จะอุ้มคนเก่งขึ้นมา น้องตกใจร้องออกมา คงไม่คิดว่าผมจะอุ้มล่ะมั้ง จะให้เดินได้ยังไงล่ะครับ ขนาดผมยังไม่ได้ดูอะไรมากยังรู้เลยว่ามันค่อนข้างบวม

ออกมาจากห้องน้ำคงต้องให้ทานยากันเอาไว้เลย ตามที่ไอ้บุ๊คมันแนะนำ

.
.
.

เช้าวันต่อมา

ผมตื่นมาตั้งแต่เช้า ด้วยจิตใจที่มันสดใสและพองโต คุณเคยเป็นมั้ยที่ตื่นมาเราก็ยิ้มได้เลย นี่คือสิ่งที่ผมกำลังเป็น

ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆผม คนเก่งนอนคว่ำหน้าโดยที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีผ้าห่มห่มถึงแค่ช่วงเอวลงมา ผมมองรอยที่ผมทำไว้เมื่อคืนบนร่างกายของน้องแล้วก็รู้สึกอยากกอดน้องอีกสักรอบ

ผมขยับผ้าห่มห่มให้คนเก่งทั้งตัว จับดูที่หน้าผากและตามตัว ชัดเลยน้องมีไข้และตัวร้อน

อาจจะมีคนสงสัยว่า ผมไปทำร่องรอยบนตัวน้องตอนไหน เอ่อ ... ตอนทำครั้งแรกมันไม่มีหรอกครับ แต่ตอนที่อาบน้ำให้น้องเสร็จ ผมก็กลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน พอพาน้องขึ้นมานอนบนเตียง ตอนแรกตั้งใจจะแค่จูบน้องแค่นั้น แต่จูบไปจูบมา มันก็เลยเถิดและคนเก่งก็ตามใจผม


ปกติสำหรับผู้ชายทั่วไป (อย่างผม) ครั้งเดียวก็เพลียและถ้าจะมีครั้งที่สองในคืนเดียวกัน ผมว่าอาจจะยากหน่อยเพราะเราปลดปล่อยไปแล้วไง

แต่กับกรณีนี้คือไม่ใช่เลย แค่ผมจูบกับคนเก่งนิดเดียวก็เลยเถิด และยอมรับแบบแมนๆเลยครับว่า ครั้งแรกผมอาจจะอ่อนโยนกับน้องค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่ในครั้งที่สองและที่สาม

ยิ่งน้องบอกว่า น้องไหว น้องโอเค น้องรับได้ ผมยิ่งแทบจะไม่ยั้งมือ คนเก่งเลยนอนหมดสภาพอยู่แบบนี้ เมื่อคืนก่อนนอนผมให้น้องทานยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ตอนนั้นคนเก่งยังไม่มีไข้


ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากแต่งตัวเสร็จเดินมาจับตัวน้องดูอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกมานอกห้อง

ปาร์ตี้เมื่อคืนยังมีซากอารยธรรมอยู่ เพื่อนผมสามคนนอนอยู่บนพื้นห้อง ผมมองดูเวลามันยังคงเช้าเกินไปที่พวกนี้จะตื่น ผมตัดสินใจลงไปซื้อของกินข้างล่าง เพราะอยากซื้อของกินหลายๆอย่างมาให้คนเก่งได้เลือกว่าจะทานอะไร


สักพักใหญ่ผมกลับขึ้นมาบนห้อง ปรากฏว่าไอ้สามตัวมันตื่นแล้ว


"ไงพวกมึง เลิกกันกี่โมงล่ะ" ผมถาม เพราะเมื่อคืนตอนที่ผมออกมาเอาน้ำเปล่าให้คนเก่งทานยาพวกมันยังดื่มกันอยู่

ไอ้ชินท์มันหาวนอน ก่อนจะตอบ

"พวกไอ้คิวมันกลับไปตอนเกือบตีสาม"

มันพูดเสร็จ มันก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ


"ซื้ออะไรมาเผื่อมั้ยว่ะ" ไอ้ทัตพลถาม

"มีข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง มาเลือกเอา"

ผมบอกก่อนที่จะเดินเอาของกินที่ซื้อมาไปวางไว้ในครัว และแยกของกินที่จะเอาไว้ให้คนเก่งทานแยกไว้ต่างหาก

"คนเก่งล่ะ" ไอ้ธรณ์ที่ตอนแรกมันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่เดินเข้าในครัว

"ยังไม่ตื่น" ผมบอก

"กูว่า ... น้องมันตื่นไม่ไหวมากกว่า" คำพูดของไอ้ธรณ์ทำให้ผมยืนนิ่งไปสักพักเลย มันรู้ได้ยังไงว่ะ มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้ยิน เพราะห้องนอนผมเก็บเสียง

"ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น กูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละ แค่เห็นร่องรอยบนตัวมึง" ไอ้ธรณ์มันพูดและชี้นิ้วมาที่คอของผมและที่หัวไหล่ เพราะผมใส่เสื้อแขนกุดมันเลยมองเห็น

ที่คอเป็นรอยเล็บของน้องครับ ส่วนที่ไหล่เป็นรอยฟัน

"ไอ้เชี้ยเต็ม เพื่อนมาเต็มห้องมึงก็ยังไม่เว้นอีก" ไอ้ชินท์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำและมาได้ยินที่ไอ้ธรณ์มันพูด

"พวกมึงอย่าเสียงดังกันได้มั้ยว่า กูกลัวคนเก่งมาได้ยิน และอีกอย่างนะ ที่นี่ห้องกู กูจะทำอะไรก็ได้" ผมบอก

"แต่ไม่ใช่ทำตอนเพื่อนมาเยอะขนาดนี้เปล่าว่ะ มึงไม่กลัวน้องอายเหรอ" ไอ้ทัตพลถามผม

"ที่จริงเมื่อคืนคนเก่งมันก็กังวลเรื่องที่มีพวกมึงอยู่ในห้องเหมือนกัน" ผมพูด

"แล้วไงต่อว่ะ กูอยากรู้" ไอ้ชินท์เสนอหน้ามาเชียว

"เรื่องส่วนตัว" ผมบอก

"ไอ้เต็มมึงตั้งใจที่จะมีอะไรกับน้องเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย" ไอ้ธรณ์มันพูด

เป็นความผิดของผมเองที่ผมเคยเปรยกับไอ้ธรณ์ว่าจะเลือกวันดีๆที่จะมีอะไรกับน้อง และวันดีของผมก็คือวันที่น้องมีวันหยุดยาวไงล่ะ

"หลังจากที่กูดูตารางเวลาต่างๆของคนเก่งแล้ว เมื่อคืนดีที่สุดเพราะคนเก่งไม่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยยาวไปจนถึงวันจันทร์" ผมบอกตามตรงตามที่วางแผนเอาไว้ สามสี่วันนี้น้องจะได้พักผ่อนให้เต็มที่

"เจ้าเล่ห์ชิบหาย" ไอ้ทัตพลมันพูด

"กูเข้าไปดูคนเก่งก่อน กินอะไรเสร็จก็เก็บให้ด้วยล่ะ อย่าให้เมียกูลำบากมาเก็บให้" ผมบอก

"โอ้ย กูเกลียดคนเห่อสถานะใหม่โว้ย" ไอ้ชินท์มันพูดขึ้นมา

ผมไม่ได้สนใจพวกเพื่อนๆผมอีก



ผมซื้อข้าวหมูกรอบ กับก๋วยเตี๋ยวหมูมาให้คนเก่ง ผมจัดใส่จานและชามเรียบร้อย พร้อมทั้งขวดใส่น้ำเปล่า ก่อนจะเดินถือเข้าในห้อง

คนเก่งยังนอนอยู่ท่าเดิม ผมวางถาดลงที่ตู้หัวเตียง ก่อนจะตัดสินใจไปปลุกคนเก่งให้น้องได้ทานข้าวจะได้ทานยา

"คนเก่งลุกมาทานข้าวก่อนจะได้ทานยา" ผมไปนั่งข้างน้องบนเตียง ลูบหัวน้องเบาๆ คนเก่งลืมตาขึ้นมาและมองผม ก่อนที่น้องจะหันหน้าไปอีกทาง ผมงงกับท่าทางของคนเก่ง

"เป็นอะไร" ผมถาม สักพักคนเก่งก็หันหน้ากลับมาหาผมเหมือนเดิม น้องค่อยๆขยับตัวนอนหงายและน้องพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง ผมขยับหมอนเพื่อให้น้องได้นั่งพิงหมอนดีๆ กว่าน้องจะขยับตัว จะนั่งได้ ผมใจแทบขาด

คนเก่งก้มลงมองตัวเอง พอเห็นว่าตัวเองโป๊อยู่ก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด

"ทำไมไม่ใส่เสื้อ" คนเก่งถามด้วยเสียงที่แหบแห้งมาก ผมรีบเอาน้ำเปล่าให้น้องดื่ม

"เราตัวร้อนพี่ก็เลยเช็ดตัวให้ ก็เลยไม่ได้ใส่เสื้อ" ผมไม่กล้าบอกความจริงกับน้องว่าพอน้องหลับไปแล้ว ผมก็ยังสร้างรอยบนตัวน้องไม่เลิก ก็เลยไม่ได้ใส่เสื้อให้ ผมพูดก่อนจะเดินไปเอาเสื้อมาใส่ให้น้อง

"กางเกงยังไม่ต้องใส่หรอกเนอะ" ผมบอกและน้องก็พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรแต่หน้าแดงแจ๋

"ทานข้าวดีกว่านะ จะได้ทานยา แล้วก็นอน" ผมบอก

"ยังไม่ได้แปรงฟันเลย" คนเก่งบอกด้วยน้ำเสียงเขินอาย

"ไม่เป็นไรครับ ทานเลยนะ พี่ซื้อข้าวหมูกรอบกับก๋วยเตี๋ยวมา อยากทานอะไร" ผมถาม

"ทานทั้งสองอย่างเลยได้มั้ยครับ" คนเก่งเอ่ยถามออกมาอย่างน่ารัก

"ได้อยู่แล้ว" ผมบอก

"แล้วพี่เต็มทานหรือยัง" ตอนที่ผมกำลังจะป้อนน้อง น้องก็ถามผมขึ้นมา

"เดี๋ยวพี่ป้อนคนเก่งเสร็จค่อยทาน"

"มาทานด้วยกัน" คนเก่งพูดและส่งสายตาอ้อนผม

"ครับๆ งั้นเดี๋ยวพี่เอาเข้ามาทานด้วย" ผมออกมาที่ห้องครัว เจอไอ้เพื่อนสามตัวยังนั่งทานข้าวกันอยู่ มันส่งสายตาเป็นคำถามมาแต่ผมไม่ได้พูดอะไร ผมเอาข้าวมันไก่ใส่จานและเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง


หลังจากที่จัดการมื้อเช้าจนเรียบร้อย ผมก็เช็ดตัวให้คนเก่งอีกครั้งแต่น้องไม่ยอมให้ผมเช็ดด้านล่างให้ซึ่งผมก็โอเคเข้าใจน้อง

ผมให้คนเก่งทานยาอีกรอบ และให้น้องนั่งย่อยก่อนยังไม่ให้นอนทันที แต่แล้วผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"คนเก่ง พี่ขอดูตรงนั้นหน่อยได้มั้ย พี่จะทายาให้ด้วย" ผมบอกและคนเก่งดูเหมือนจะสตั๊นท์ไปเลย

"ไม่เอา" คนเก่งบอกผม

"ไม่เอาแล้ว แค่จะทายาให้" ผมพูดพร้อมเล่นมุขที่คิดว่าน้องน่าจะขำแต่น่าจะไม่ได้ผล

"ไม่ต้องทาหรอกครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก" คนเก่งบอก

"เป็นสิ" ผมแย้ง

"พี่เต็มจะมารู้ดีไปกว่าตัวผมได้ไง" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"พี่เป็นคนทำก็ต้องรู้สิ"

คนเก่งเม้มปากแน่นเหมือนอยากจะเถียงแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมนั่งลงข้างๆคนเก่ง และดึงน้องเข้ามากอด

"พี่แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง พี่เป็นคนที่ทำให้เราเจ็บตัวนะ"

"แต่ผมอาย"

"จะมาอายอะไร มีตรงไหนที่พี่ไม่เห็น"

" ..... "

คนเก่งนั่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"ก็ได้ครับ"

ผมยิ้มออกมาเมื่อคนเก่งยอมที่จะให้ผมทายาให้ ผมช่วยประคองน้องให้น้องนอนคว่ำหน้า คนเก่งใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองทั้งตัวเลยครับ ผมยิ้มขำน้องนิดหน่อย ก่อนจะดึงผ้าห่มที่คลุมช่วงล่างของน้องไว้ออก ผมเปิดดูตรงส่วนนั้นของน้องมันยังบวมช้ำอยู่เลย ผมดูจนแน่ใจว่าไม่ได้มีบาดแผลหรือฉีกขาด ผมลงมือทายาให้คนเก่งจนเรียบร้อย

ผมเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำออกมาเห็นคนเก่งเปลี่ยนมานอนหงายเป็นที่เรียบร้อย ผมเปิดทีวีและเลือกช่องที่เป็นหนังให้น้องดู

"พี่เต็มออกไปไหนมั้ยครับ"

"น่าจะไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า"

"ผมแค่... อยากให้พี่เต็มอยู่กับผม" คนเก่งพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ผมยิ้มให้น้องด้วยความเอ็นดู

"ครับ จะอยู่ด้วยจนกว่าจะหายเลย" ผมบอกคนเก่ง น้องไม่ได้พูดอะไรต่อแค่ยิ้มออกมา

"เดี๋ยวพี่ออกไปดูไอ้สามตัวนั่นก่อนว่ามันกลับหรือยัง"

ผมนึกถึงเพื่อนผมสามคนขึ้นมาได้ เลยเดินออกมาดูว่าพวกมันกลับกันหรือยัง พอออกมาผมไม่เจอพวกมันแล้ว พวกมันเก็บหัองรับแขกและห้องครัวเรียบร้อย

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง คนเก่งนอนหลับไปแล้วครับ ผมขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงและมองดูคนเก่งที่นอนอยู่ข้างๆ ผมใช้มือเกลี่ยเส้นผมของน้อง หน้าคนเก่งใสมากไม่มีสิวสักเม็ด ปากเป็นสีแดง เมื่อก่อนผมว่าคนเก่งมันไม่ได้หน้าตาน่ารักขนาดนี้ คือหน้าตามันไม่ได้แย่นะแต่ผมไม่เคยมองว่ามันน่ารักไง ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มมองว่าคนเก่งมันน่ารักตอนไหน

ตอนที่ผมขอคนเก่งเป็นแฟน ไอ้ธรณ์มันบอกว่าผมเสียเวลาอะไรอยู่ตั้งหลายปี แทนที่จะเป็นแฟนกับคนเก่งนานแล้ว ผมก็ถามมันว่าตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรจะมาเป็นแฟนกันได้ยังไงล่ะ

ไอ้ธรณ์มันหัวเราะผม แล้วมันก็บอกว่า

'มึงน่ะชอบน้องมันมาตั้งนานแล้ว แต่มึงไม่ยอมรับเอง ตอนแรกมึงตั้งใจจะเข้าม.A ไม่ใช่หรือไง กูไม่เคยได้ยินมึงพูดถึงม.S เลยสักครั้ง แต่พอมึงได้ยินคนเก่งพูดว่าน้องมันจะเข้าม.S มึงถึงได้เปลี่ยน  อย่าๆ อย่าบอกว่ามึงมาเรียนที่นี่เพราะกู กูบอกมึงตั้งแต่แรกแล้วว่ากูจะเรียนม.S มึงยังไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าจะเรียนต่อที่นี่ แต่พอน้องมันพูดขึ้นวันนั้นว่าจะเข้าม.S มึงก็เปลี่ยน'

ผมตั้งใจตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้นเลยว่าผมจะต้องเข้าม.A มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศให้ได้ และคะแนนผมก็มากพอที่จะสามารถเข้าได้ มันก็ไม่แปลกถ้าไอ้ธรณ์มันจะสงสัยที่อยู่ๆผมบอกมันว่า ผมจะเปลี่ยนมาเข้าม.S เหมือนมัน แม้แต่คนเก่งตอนที่รู้ว่าผมเข้าม.S คนเก่งยังงงเลยว่าทำไมถึงเข้าที่นี่

ณ เวลานั้น ผมยังไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า คนเก่งมีอิทธิพลกับผม ผมเลือกมาเรียนที่นี่เพราะคนเก่งบอกจะเข้าเรียนที่นี่ ตอนประกาศผลคัดเลือกเข้าปีหนึ่ง ผมก็คอยลุ้นว่าคนเก่งจะติดมั้ย ตอนนั้นผมเคยเขียนการ์ดแบบที่คนเก่งเขียนให้ผม ตั้งใจว่าจะให้เพื่อเป็นกำลังใจ แต่ผมก็เปลี่ยนใจไม่ได้ให้ เพราะกลัวจะเป็นการให้ความหวังคนเก่งมากเกินไป


"จะรออยู่ที่ม.S"


นี่คือข้อความที่ผมเคยเขียน


ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าผมรู้สึกยังไงกับคนเก่งกันแน่ มันต้องรู้สึกมากกว่าชอบอยู่แล้วไม่งั้นผมคงไม่ขอน้องเป็นแฟน


แต่มากกว่านั้นมั้ย? ไม่แน่ใจ


ผมรู้ตัวเองอย่างชัดเจนก็คือเมื่อคืนนี้ ตอนที่คนเก่งถามผมว่า ไม่รังเกียจเหรอถ้าจะมีอะไรกับเขา ในความคิดของผมมันพูดขึ้นมาในหัวทันทีว่า ผมรักเขาผมจะรังเกียจเขาได้ยังไง

เมื่อคืนผมไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าคนเก่งเป็นผู้ชาย ผมคิดแค่ว่าเขาคือคนที่ผมรัก ผมคิดแค่ว่าเรารักกัน

และเมื่อคืนก็ทำให้ผมได้รู้ว่า คนเก่งรักผมมากจริงๆ เมื่อคืนผมมีอะไรกับคนเก่งถึงสามครั้ง ซึ่งไอ้บุ๊คมันเคยบอกผมว่าครั้งแรกทำแค่ครั้งเดียวก็พอ ถ้ามากกว่านั้นคนเก่งอาจจะแย่

แต่เมื่อคืนคนเก่งไม่ปฏิเสธผมเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดออกมาว่าเจ็บ คนเก่งอดทนมาก ขนาดตื่นมาขยับตัวก็ลำบากแต่ก็ไม่พูดไม่บ่นออกมาให้ผมได้ยิน

เมื่อคืนผมรู้นะว่าน้องเจ็บแต่ผมก็เห็นแก่ตัวด้วย ยิ่งน้องบอกว่าน้องไหวๆผมยิ่งหยุดไม่ได้

สุดท้ายคนเก่งก็ต้องมานอนซมแบบนี้

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นในกลุ่มไลน์พวกเพื่อนๆมันพูดถึงประเด็นที่ผมมีอะไรกับคนเก่ง ผมก็เลยกดออกจากไลน์มา ไม่ใช่อะไร ขี้เกียจตอบครับ

ผมกดเข้าไปดูรูปที่เคยถ่ายไว้ในเครื่อง รูปผมกับคนเก่งที่เราถ่ายด้วยกันมีเยอะพอสมควรเลย แต่ผมไม่เคยโพสรูปคู่ลงเลยสักครั้ง ยิ่งคนเก่ง ยิ่งไม่เคยไม่รู้ทำไม

ผมเลือกรูปคู่มารูปหนึ่ง เป็นรูปเซลฟี่ในวันที่ผมขอคนเก่งเป็นแฟน ผมโพสลงสื่อโซเชียลส่วนตัวของผมคือไอจีและเฟซบุ๊ค โดยใช้แคปชั่นเดียวกัน




Teimtem Paisanworrakit :

He's My Boy ❤️
He's My Guy ❤️
He's My Love ❤️

#TtwKk #ความรักของผม




หวังว่าคนเก่งตื่นมาเห็นแล้วจะหายป่วยเร็วขึ้นนะครับ





TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โหง่ยยยยยย
ละลายยยยยย
 :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ซมเลยน้อง
แต่พี่ก็ไม่ยั้งเล้ยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ Aimlovelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง๊ ตัดจบแบบนี้เลยยยย มาต่อเร็วๆน๊า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เดือนธันวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องคนเก่งน่ารัก เห็นโพสของพี่แล้วต้องมีความสุขมากๆแน่ He's my love :-[

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่ทำตามครูบุ๊คสอนเลยนะพี่เต็ม  ครูสอนว่าครั้งแรกแค่รอบเดียว  นี่จัดไปซะหลายรอบเลย  หุหุ

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบพี่เต็มมีการวางแผนด้วย ว่าควรจัดการวันไหนดี o13

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หวานไปอีกนะคุณเต็ม หวังว่าน้องคนเก่งจะหายเร็ว ๆ นะครับ

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
งื้ออออน้องคนเก่งกับน้องฟูจิ น่ารักมากๆเลย
ตอนสุดท้ายนี่พี่เติมเต็มจัดหนักไปแล้ว
รอตอนหน้าพี่วินบ้าง!!!  o13 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 24


ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณบ่ายสองโมง มองไปรอบตัวไม่เจอพี่เติมเต็มแต่ที่ตู้หัวเตียงมีกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถและคีย์การ์ดวางอยู่แสดงว่าพี่เติมเต็มน่าจะอยู่ไม่ได้ออกไปไหน

ผมลองขยับตัวดู พบว่าผมพอที่จะขยับตัวได้บ้างแล้ว ดีกว่าเมื่อเช้าเยอะเลย ในห้องนอนพี่เติมเต็มเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำเลยครับ แต่ผมรู้สึกอยากจะอาบน้ำมากๆ ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองนอนอยู่บนเตียงนานขนาดนี้มาก่อน ผมลองค่อยๆก้าวขาลงจากเตียง มันยังมีอาการเจ็บและแสบๆอยู่แต่ผมพอไหว ผมนั่งห้อยขาลงข้างเตียงอยู่สักพัก ก็จะลองลุกขึ้นดู แต่พอจะเอาผ้าห่มออกจากตัวก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ได้ใส่กางเกง มองไปตรงปลายเตียงเห็นมีผ้าขนหนูพับวางอยู่ ผมก็เลยลองยื่นแขนเพื่อจะไปหยิบผ้าขนหนู แต่มันอยู่ไกลมากเกินไป ผมฝืนขยับตัวให้เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น แต่เหมือนมันจะค่อนข้างลำบาก


"คนเก่ง!" พี่เติมเต็มเดินเข้ามาในห้องนอนและเรียกผมเสียงดัง

"จะลุกไปไหน" พี่เติมเต็มถามและรีบเดินมาหาผม

"ผมอยากเข้าห้องน้ำ" ผมบอก

"แล้วจะเดินไปเอง?"

"ครับ"

"เดินไหวแล้วเหรอ" น้ำเสียงของพี่เต็มเต็มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"คิดว่าไหวครับ แต่ ... ผมโป๊อยู่" อดที่จะเขินไม่ได้

"งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเอง"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มหยิบผ้าขนหนูตรงนั้นให้ผมหน่อย"

พี่เติมเต็มหยิบผ้าขนหนูมาส่งให้ผม

"พี่เต็มหันไปทางอื่นก่อน" ผมบอกเพราะผมจะพันผ้าขนหนูที่ช่วงล่างของตัวเอง พี่เติมเต็มยอมยืนหันหลังให้ผม ผมใช้เวลาพอสมควรกว่าจะลุกขึ้นมาแล้วพันผ้าขนหนูได้

"เสร็จแล้วครับ" พี่เติมเต็มหันกลับมามองผมที่นั่งอยู่บนเตียง

"ไหนดูสิเป็นไงบ้าง ... ตัวไม่ร้อนแล้ว" พี่เติมเต็มจับที่หน้าผากและตามตัว

"ดีขึ้นมากแล้วครับ" ผมบอก

"แล้วยังเจ็บอยู่มั้ย" พี่เติมเต็มถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมทั้งลูบหัวผมไปมา

"ไม่ถามอะไรแบบนี้ได้มั้ย ... ผมอาย"

"ที่ถามเพราะพี่เป็นห่วงนะ"

"ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ และพี่เติมเต็มทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผม

"สงสัยพี่คงต้องขอดูเองแล้วล่ะ" พี่เติมเต็มพูดพร้อมทั้งเอามือมาจับตรงปมผ้าขนหนูที่ผมสวมอยู่

"ยังเจ็บอยู่ครับ" ผมรีบบอกเพราะกลัวพี่เขาจะมาดูเองจริงๆ เมื่อเช้าแค่ตอนที่พี่เติมเต็มทายาให้ผมก็อาจไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ผมรู้สึกอายยิ่งกว่าตอนที่โป๊ต่อหน้าพี่เติมเต็มอีก คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันหน้าร้อนขึ้นมาเลยทันที

"แล้วจะเดินไหวเหรอ พี่อุ้มไปดีกว่า"

"เดินไหวครับ พี่เต็มอย่าทำเหมือนผมเป็นคนป่วยสิ"

"ก็แค่อยากดูแล"

พี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"ถ้างั้นแค่ประคองนะครับ"

ผมพยายามต่อรอง พี่เติมเต็มก็ตกลง พี่เขาประคองผมมาถึงห้องน้ำ

"ผมอาบน้ำนะ" ผมขอ

"ไข้เพิ่งหายเองนะ"

"ตัวเน่าแล้วเนี่ย"

พี่เติมเต็มใช้จมูกคลอเคลียที่หน้าและที่คอ

"ยังหอมอยู่เลย"

"มั่วแล้ว .. นะ ให้ผมอาบนะ"

"งั้นพี่ว่านอนแช่น้ำอุ่นก็ดีเหมือนกันนะ เอามั้ย เราน่าจะสบายตัวขึ้น"

ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ผมพยักหน้า

"แต่พี่กลัวไข้จะกลับมาเนี่ยสิ" พี่เติมเต็มก็ยังคงกังวลอยู่

"เดี๋ยวแช่น้ำเสร็จทานยาอีกก็ได้ครับ .. ดีมั้ย"

"เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเตรียมน้ำให้"

พี่เติมเต็มบอกก่อนที่จะเดินไปเตรียมน้ำในอ่างให้ผม หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็ประคองผมเดินไปที่อ่างอาบน้ำ

"พี่เต็มออกไปได้แล้วครับ"

"รีบไล่เลยเหรอ เดี๋ยวพี่พาเราลงอ่างก่อน"

"ไม่เอาครับ ผมลงเองได้ เดี๋ยวพี่เห็น .... เอ่อ ... ผมโป๊อะ" ผมรีบพูด

พี่เติมเต็มหัวเราะผม

"ไม่รู้อายอะไร เห็นจนถึงไหนต่อไหนแล้ว"

มันก็จริง แต่ว่ามันไม่เหมือนกันนี่นา

"นะๆๆ ออกไปก่อนนะ" ต้องอ้อนเท่านั้นครับ

"เอางี้ เพื่อความสบายใจของพี่ เดี๋ยวพี่ยืนหันหลังให้ พี่จะรอจนคนเก่งลงไปแช่อยู่ในอ่างด้วยความปลอดภัยพี่ถึงจะออกไป ถ้าเกิดพี่ออกไปก่อนแล้วเราล้มขึ้นมาจะทำไง"

เพราะน้ำเสียงที่มีแต่ความห่วงใย ทำให้ผมต้องยอมแพ้ พี่เติมเต็มยืนหันหลังให้ผมและผมก็ถอดผ้าขนหนูออกก่อนแล้วก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ต่อจากนั้นจึงถอดเสื้อออก

"เรียบร้อยแล้วครับ" ผมบอก พี่เติมเต็มหันมามองผมและกวาดสายตามองมาที่ร่างกายท่อนบนของผมที่โผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย

"พี่เต็มออกไปได้แล้ว" ผมรู้สึกว่าสายตาของพี่เติมเต็มดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ

"ครับๆ จะออกไปแล้ว พี่ไม่ล็อคประตูห้องน้ำนะ เดี๋ยวสักพักพี่จะเข้ามาดู อย่าแช่นานนักล่ะ"

ผมพยักหน้ารับทราบ พี่เติมเต็มหอมที่หัวผมครั้งหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป


ผมนอนแช่น้ำอุ่น สายตาก็มองวิวจากผนังกระจกใสที่อยู่ติดกับอ่างอาบน้ำ ดีนะที่ที่นี่เป็นตึกที่สูงกว่าทุกตึกที่อยู่ละแวกนี้ และห้องพี่เติมเต็มก็อยู่ถึงชั้นสิบแปดไม่ต้องกลัวเรื่องที่จะมีคนมาแอบมอง

พอร่างกายได้สัมผัสน้ำอุ่นแบบนี้มันดีมากเลยครับ เหมือนมันช่วยผ่อนคลายและตรงนั้นดูจะคลายความเจ็บด้วย


นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันทั้งอายและทั้งเหนือความคาดหวัง อย่างที่ผมเคยเล่า ผมตั้งตารอตั้งแต่วันที่เห็นของที่พี่เติมเต็มเตรียมไว้ รอจนผมเลิกรอและเลิกคาดหวัง

ผมจำได้ว่าผมพูดอะไรบ้างเมื่อคืน ผมเป็นคนเร่งให้พี่เขาทำเพราะผมรู้ว่าพี่เติมเต็มต้องการมากแค่ไหน เห็นสีหน้าที่ทรมานของพี่เติมเต็มแล้วผมไม่โอเคเลย ผมอยากให้พี่เขามีความสุขกับตัวผม กับร่างกายของผม แรกๆมันก็เจ็บครับ ผมไม่สามารถอธิบายถึงความเจ็บให้รับรู้ได้ แล้วก็ตอนที่ผม .. เห็นขนาดของพี่เติมเต็มผมก็ตกใจเหมือนกัน ตอนนั้นคิดในใจเลยว่ามันจะเข้าไปได้ยังไงมันดูเป็นไปได้ยาก และยอมรับเลยว่าผมก็กลัวเจ็บเหมือนกัน

แต่ตอนที่พี่เติมเต็มถามผมว่า ... เชื่อใจพี่มั้ย ... ตอนนั้นความกลัวทุกอย่างมันเบาบางลง ผมเชื่อว่าพี่เติมเต็มจะต้องอ่อนโยนกับผม และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ผมชอบความรู้สึกตอนนั้นมากเลย มันเหมือนเราสองคนต่างก็เรียนรู้และลองไปพร้อมๆกัน พี่เติมเต็มอาจจะมีประสบการณ์กับผู้หญิงมาก่อน แต่พอมาเป็นผมพี่เขาก็ดูเคอะเขินทำอะไรถูก ดูน่ารักดี

แต่ ... ความอ่อนโยนก็มีในครั้งแรกเท่านั้นครับ อีกสองครั้งต่อมาอาจจะไม่ถึงกับรุนแรงแต่ลืมความอ่อนโยนในครั้งแรกไปได้เลย จะโทษพี่เติมเต็มทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเป็นผมที่ยอมเองทุกอย่าง

เมื่อคืนตอนที่ผมได้ยินพี่เติมเต็มบอกรักผมครั้งแรก ผมอาจจะยังไม่ทันได้ซึ้งกับมันก็จริง แต่หลังจากนั้นพี่เติมเต็มก็บอกรักผม จนผมจำไม่ได้ว่าพูดกี่ครั้ง



ผมแช่น้ำอุ่นอยู่อีกสักพักก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่พี่เติมเต็มเตรียมไว้ให้และลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ พอเจอน้ำอุ่นแบบนี้แทบจะหายเจ็บเลยครับ แต่เวลาเดินยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่มันเป็นการเจ็บที่ทำให้ผมมีความสุข


ผมเดินไปล็อคประตูห้องน้ำและมายืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้า ตอนที่แปรงฟันเสร็จได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องน้ำ

"คนเก่ง" เสียงพี่เติมเต็มเรียกพร้อมทั้งเคาะประตูไปด้วย

"ครับ" ผมขานรับแต่ไม่ได้เปิดประตูออกไป

"ล็อคประตูห้องน้ำทำไมเนี่ย แล้วอาบน้ำเรียบร้อยหรือยัง"

"กำลังอาบครับ ใกล้เสร็จแล้ว"

จากนั้นพี่เติมเต็มก็บอกแค่ว่าอย่าอาบนานมากเกินไป ผมยืนมองตัวเองในกระจกแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว รอยจูบของพี่เติมเต็มมีอยู่ทั่วแผ่นอกพอหันหลังที่แผ่นหลังก็มีอีก เขินชะมัดเลย


หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยผมเปิดประตูออกมา เจอพี่เติมเต็มนั่งรออยู่ในห้องแต่งตัว และพี่เติมเต็มก็เตรียมเสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย รวมทั้งช่วยผมแต่งตัวด้วย


"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย"


ผมรู้ว่าพี่เขาหมายถึงอะไรที่ 'ดีขึ้น' ผมไม่รู้จะใช้คำพูดว่าอะไรดี

"เอาความจริง" พอผมไม่ตอบพี่เติมเต็มก็พูดออกมาอีก

"ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แค่มันรู้สึกเคืองๆเวลาเดิน" ผมบอกตามจริง

"แล้วเดินได้มั้ย"

"ได้ครับ" ผมบอก

"แต่พี่ไม่ให้เดิน" พูดเสร็จพี่เติมเต็มก็อุ้มผมทันที จนผมร้องด้วยความตกใจ พี่เติมเต็มหัวเราะผมใหญ่

พี่เติมเต็มอุ้มผมออกมาจนถึงห้องรับแขกและวางผมลงที่โซฟาอย่างเบามือ

"หิวแล้วใช่มั้ย" พี่เติมเต็มถามพร้อมกับเปิดทีวีให้ผมดู

"ครับ" อยากจะบอกว่าหิวมากจริงๆตอนนี้

"เดี๋ยวพี่อุ่นกับข้าวมาให้ รอไม่นาน" พี่เติมเต็มเดินเข้าไปในห้องครัว ผมกำลังจะถามว่าพี่เติมเต็มทำกับข้าวเองหรือว่าไปซื้อมาแต่ยังไม่ได้ถาม

ผมกดรีโมทเลื่อนดูไปเรื่อยๆจนมาเจอช่องการ์ตูนที่ฉายโคนันพอดี จริงๆผมก็ดูจนถึงปีปัจจุบันแล้วครับแต่ว่าถ้าเปิดมาเจอก็ต้องดูอีกเหมือนเดิม

ไม่นานพี่เติมเต็มก็เดินถือถาดใส่กับข้าวเข้ามา ผมจะลุกขึ้นไปช่วยแต่พี่เขาบอกให้นั่งเฉยๆ ผมก็เลยได้แต่นั่งมองพี่เติมเต็มเดินเข้าออกห้องครัวห้องรับแขกอยู่สองสามรอบก่อนที่จะนั่งลงข้างๆผม

ผมมองกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกด้วยความแปลกใจ จะว่าพี่เติมเต็มทำก็ดูไม่น่าใช่ จะว่าไปซื้อมามันก็ดูน่าทานเกินไป ยังไม่ทันที่ผมจะถามพี่เติมเต็มก็บอกผมซะก่อน

"พี่ให้พี่ต่อ พี่ชายพี่ทำกับข้าวมาเผื่อน่ะ แม่บ้านเพิ่งเอามาให้ก่อนคนเก่งตื่นสักพัก"

แล้วพี่เติมเต็มก็เล่าว่าหลังจากที่ผมนอนหลับไปเมื่อช่วงเช้า พี่เติมเต็มโทรศัพท์หาพี่ชายเพื่อจะรบกวนให้แม่บ้านที่บ้านพี่ชายทำกับข้าวมาให้ ผมไม่แน่ใจว่าผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ชายของพี่เติมเต็มมาดูแลกิจการของครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดนี้ และแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่นี่เมื่อประมาณปีสองปีที่แล้ว

พี่เติมเต็มบอกว่า พี่ชายพี่เติมเต็มซักถามหลายอย่างก็เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ชายของพี่เติมเต็มเป็นคนที่ชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว พี่เขาเลยเป็นคนทำมาให้เอง


"พี่ต่อดุพี่ใหญ่เลยว่าทำเราเจ็บตัว" พี่เติมเต็มเล่าไปพร้อมกับหัวเราะไปด้วย

"พี่ชายพี่เต็มก็รู้เรื่องของเราเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย พี่เติมเต็มมองผมด้วยความแปลกใจ

"รู้สิ จะไม่รู้ได้ไง พี่ต่อก็ตามไอจีพี่ และเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วย"

"แล้ว ... พี่เขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความกังวล ผมเคยเจอพี่ชายพี่เติมเต็มแค่ครั้งเดียวแต่มันก็นานหลายปีมากๆแล้วครับ

"ว่าอะไรมั้ย ก็ไม่นะ แค่ถามว่าคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะเดินทางนี้"


เพราะมีความสุขมากเกินไปจนลืมคิดไปเลยว่าผมกำลังทำให้พี่เติมเต็มหลงเดินทางผิดหรือเปล่า

"แล้วพี่เต็มตอบว่ายังไงครับ"

"พี่ก็ตอบว่าไม่รู้ว่าคิดดีมั้ย เพราะตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า ชอบใครคนหนึ่งมากและอยากอยู่กับเขาอยากเจอเขาทุกวันก็เลยขอเป็นแฟน"

"พี่ชายของพี่เต็ม ไม่โอเคที่พี่เต็มมาคบกับผมหรือเปล่าครับ พี่เขาไม่ชอบผมหรือเปล่า" ผมถามด้วยความกังวลใจ

พี่เติมเต็มโอบไหล่ผมและดึงผมเข้ามากอด

"ถ้าพี่ต่อไม่โอเคกับเรื่องของเรา พี่ต่อคงจะพูดกับพี่แล้ว แล้วก็นะกับข้าวพวกนี้พี่ต่อก็เป็นคนลงมือทำเองเลย บอกว่าทำพิเศษให้น้องสะใภ้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่ไม่ชอบก็ตัดออกไปได้เลย" ผมค่อนข้างโล่งใจที่ได้ยินแบบนั้น

"แต่ ... พี่มีเรื่องอื่นที่ต้องกังวล" พี่เติมเต็มพูดออกมาเบาๆ ผมถามแต่พี่เติมเต็มบอกว่าอย่าเพิ่งสนใจให้ทานข้าวก่อน


หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ พี่เติมเต็มก็เก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง และเดินเข้าไปหยิบยาในห้องนอนมาให้ผมทาน พร้อมกับโทรศัพท์มือถือของผม

หลังจากผมทานยาเสร็จผมก็หยิบมือถือมาเปิดดู ผมกดเข้าไปที่แอพฯไลน์ก่อน มีไลน์ของที่บ้านกับของฟูจิที่ผมกดเข้าไปอ่านก่อน

ของที่บ้านก็เป็นข้อความที่เราคุยกันปกติทุกวันครับ ผมไม่ได้กลับบ้านมาหลายอาทิตย์แล้วเพราะติดช่วงสอบและทำรายงานกลุ่มส่ง แม่กับป้าทราบเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับพี่เติมเต็มแล้ว เพราะผมโทรเล่าให้ฟังตั้งแต่วันที่พี่เขาขอเป็นแฟน วันนั้นตั้งใจจะบอกแม่กับป้าต่อหน้าแต่เพราะรีบกลับมหาวิทยาลัยกะทันหันเลยต้องโทรบอกตอนที่อยู่บนรถโดยมีพี่เติมเต็มนั่งฟังไปด้วย ระหว่างนั้นพี่เติมเต็มก็ขอคุยกับแม่และป้าด้วย พี่เติมเต็มก็ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาคุยด้วยตัวเอง แต่จะเข้าไปคุยด้วยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

พอผมกดเข้าไปอ่านไลน์ของฟูจิ ผมก็หันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆผม พี่เติมเต็มส่งสายตามีคำถามมาให้แต่เสียงมือถือของพี่เติมเต็มดังขึ้นมาซะก่อน

"นั่นไง ว่าแล้ว" ผมได้ยินพี่เติมเต็มพูดแบบนี้แล้วพี่เขาก็เดินเข้าไปในห้องนอน

ผมกลับมาสนใจไลน์ของฟูจิต่อ รูปที่ฟูจิส่งมาทำให้ผมรีบกดเข้าไปดูที่ไอจีและเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็มทันที

พี่เติมเต็มโพสรูปคู่ของเราสองคนที่ถ่ายไว้นานแล้ว ตั้งแต่หลังวันเกิดผมหนึ่งวัน วันที่พี่เติมเต็มขอผมเป็นแฟน พี่เติมเต็มโพสรูปพร้อมแคปชั่นที่โคตรหวาน

#ความรักของผม

โอ๊ยยยย ... ผมอยากลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้นแต่มันทำไม่ได้เพราะผมเจ็บอยู่

มีคนมาคอมเม้นเยอะมาก จนผมอ่านไม่ไหว ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาพี่เติมเต็มชัดเจนกับผมทุกอย่าง ชอบแอบถ่ายผมทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไปลงสื่อโซเชียลของตัวเอง แสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมคือใครและเป็นอะไรกัน ถึงแม้พี่เติมเต็มจะไม่เคยแท็กมาหาผม แต่แค่นี้ทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เขา

แต่ต่างจากผมที่ผมไม่เคยลงรูปหรืออะไรที่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราเลย ผมไม่รู้ว่าถ้าโพสรูปมันจะดีมั้ย กลัวคนมองว่าเยอะหรือขี้อวด ผมเคยปรึกษาฟูจิ ฟูจิมันบอกว่า


'มีผัวน่าอวดก็ต้องอวดมั้ยว่ะ ขนาดมึงไม่เห็นมีอะไรให้น่าอวดพี่เขายังอวดมึงเลย'


ผมนั่งคิดไปคิดมา ก็เข้าไปที่แกลลอรี่ในมือถือ เลื่อนไปดูรูปคู่ที่เคยถ่ายด้วยกัน กว่าจะเลือกรูปที่ผมดูแย่น้อยที่สุดได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลย ผมโพสรูปลงเฟซบุ๊กด้วยแคปชั่นเดียวกันกับพี่เติมเต็ม



Konkengg Peimthaworn :

He's My Boy ❤️
He's My Guy ❤️
He's My Love ❤️

#TtwKk #ความรักของผม



หลังจากโพสเสร็จผมปิดหน้าจอมือถือทันทีเพราะไม่กล้าดูผลตอบรับที่จะตามมากับการโพสรูปคู่ครั้งแรก และการบอกถึงความสัมพันธ์ของเราครั้งแรกในเฟซบุ๊กผม



ติ๊ง ต่อง

มีเสียงสัญญาณดังที่หน้าประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เติมเต็มเดินออกมาจากห้องนอน พี่เติมเต็มเดินไปเปิดประตู และคนที่เดินเข้ามาทำให้ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก


... ม๊าของพี่เติมเต็ม ...


ผมรีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะสวัสดี แต่เพราะยังเจ็บอยู่ผมเลยเซเล็กน้อย พี่เติมเต็มรีบเข้ามาประคองผม

"สวัสดีครับคุณป้า" ผมยกมือสวัสดีม๊าของพี่เติมเต็ม

"สวัสดีจ้ะ คนเก่ง นั่งลงลูก นั่งลง" ม๊าของพี่เติมเต็มนั่งลงที่โซฟาที่เยื้องๆกับตัวที่ผมนั่ง

ผมมองตามพี่เติมเต็มที่เดินเข้าไปในห้องครัว ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะไม่แปลกใจที่คุณป้ามา

"ม๊าไม่ได้เจอคนเก่งนานเลย หนูสบายดีมั้ย" ม๊าของพี่เติมเต็มถามผม

"สบายดีครับ แล้วคุณป้าล่ะครับ สบายดีหรือเปล่า"

พี่เติมเต็มเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมแก้วน้ำเปล่า แล้ววางลงบนโต๊ะกระจกเบื้องหน้าของม๊าของพี่เติมเต็ม ผมเห็นท่านมองหน้าพี่เติมเต็มพร้อมกับพูดว่า

"ตอนแรกม๊าก็สบายกายสบายใจดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ใจม๊ามันไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าลูกชายตัวดีมันไปสร้างเรื่องมา"

ผมมองไปที่พี่เติมเต็ม คุณป้าหมายถึงพี่เติมเต็มหรือเปล่านะ พี่เติมเต็มนั่งข้างผมแล้วเอามือมาประสานกับมือของผม

"หมายถึงพี่เต็มเหรอครับ" ผมถามไปตรงๆ

"ใช่จ้ะ ไปก่อเรื่องมา ถ้าม๊าไม่โทรมาถามก็คงจะไม่ยอมบอก"

"ม๊าครับ ผมบอกม๊าแล้วนะว่าผมตั้งใจจะบอกอยู่แล้วแต่ม๊าโทรมาก่อน"

ผมมองทั้งสองคนสลับไปมา ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่พี่เติมเต็มกับม๊าควรจะคุยกันสองคน ผมเป็นคนนอกจะมานั่งฟังด้วยมันคงไม่ค่อยดี และผมคิดว่าเรื่องที่จะคุยกันน่าจะเป็นเรื่องที่ด่วนหรือสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นม๊าของพี่เติมเต็มไม่น่าจะมาหาพี่เขาถึงที่นี่

"ถ้ายังไงผมขอตัวดีกว่านะครับ คุณป้าจะได้คุยกับพี่เต็มสะดวกๆ"

"ไม่ต้อง" พี่เติมเต็มประสานมือผมแน่นขึ้นและบอกผม

"ใช่จ้ะ ไม่ต้องไป คนเก่งต้องนั่งฟังด้วย" ม๊าของพี่เติมเต็มบอก ผมก็เลยได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ

"วันที่เต็มบอกม๊าว่าเต็มขอน้องเป็นแฟนแล้ว ม๊าให้เต็มรับปากกับม๊าเรื่องหนึ่ง เต็มยังจำได้มั้ย"


หืม?? คืออะไรยังไง


"จำได้ครับ" พี่เติมเต็มตอบ

"แล้วทำไมทำไม่ได้คะลูกชาย" ม๊าของพี่เติมเต็มเสียงดุมากเลยครับจนผมกลัว

"ก็ ... " พี่เติมเต็มมองหน้าผมและยกมือมาขยี้ผมของผมเบาๆ

"ก็มันน่ารักอะม๊า ใครจะไปอดใจไหว" พี่เติมเต็มตอบไปแบบนี้ และบีบแก้มผมไปด้วย


น่ารัก? หมายถึงผมเหรอ
แล้วใครจะไปอดใจไหวเนี่ยคืออะไร?


"มันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น" ม๊าของพี่เติมเต็มพูดและถอนหายใจออกมาเสียงดังเลย

"ม๊าครับ คนเก่งโตแล้วนะครับแล้วผมก็ไม่ได้บังคับน้องด้วย" พี่เติมเต็มบอก

ผมว่า ผมพอจะรู้แล้วครับว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน

ผมมองหน้าพี่เติมเต็มและพี่เติมเต็มก็ทำให้ผมหายข้องใจว่าที่ผมกำลังคิดมันถูกต้อง

"ม๊ามาเพราะเรื่องเมื่อคืนน่ะ"

เท่านั้นแหละ ผมรู้สึกว่าร่างกายผมมันทั้งร้อนทั้งหนาวในเวลาเดียวกัน

"ผมขอโทษครับคุณป้า" ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษ

ม๊าของพี่เติมเต็มรีบลุกเดินมานั่งข้างผม

"ตายจริง ขอโทษทำไมไม่ต้องขอโทษ ม๊าไม่ได้ว่าอะไรหนูเลย" ม๊าพี่เติมเต็มลูบหัวลูบหลังปลอบใจผม

"ที่ม๊ามาเพราะม๊าจะมาจัดการลูกชายม๊า รับปากกับม๊าไว้ซะดิบดีว่าจะไม่รังแกน้องจนกว่าน้องจะยี่สิบปี ที่ไหนได้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ" คำพูดของม๊าพี่เติมเต็มยิ่งทำให้ผมอายมากยิ่งขึ้น

"ม๊าลองมาเป็นผมสิ เป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกันทุกวันแล้วน้องมันก็น่ารักขนาดนี้ ผมอดทนมาได้ขนาดนี้ผมก็เก่งแล้ว" พี่เติมเต็มพูดกับม๊าของตัวเอง ลืมกันไปหรือเปล่าว่าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ

"ถ้าพี่ต่อไม่โทรไปบอกว่าให้ม๊ามารับขวัญลูกสะใภ้ ม๊าจะไม่รู้เลย"

"บอกแล้วไงครับ ว่าผมตั้งใจจะบอกม๊าอยู่แล้ว"

ผมนั่งฟังคุณป้ากับพี่เติมเต็มพูดกันไปมา ก่อนที่คุณป้าจะหันมาคุยกับผม

"คนเก่งจ้ะ"

"ครับ คุณป้า"

"ไหนบอกม๊ามาตามตรงสิว่าพี่เขาบังคับหนูใช่มั้ย"

"ม๊าครับ" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"หยุด ม๊าจะคุยกับลูกสะใภ้ม๊า" เสียงคุณป้าดุมาก

"ว่าไง พี่เต็มเขาบังคับหนูใช่มั้ย ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวม๊าจัดการให้" ท่านถามผมอีกครั้ง


"เปล่าครับ พี่เต็มไม่ได้บังคับ ผม ... ผม ... เต็มใจครับ"

โอ๊ยยยย ทำไมต้องได้มานั่งพูดอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย


จากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็นั่งคุยกับพี่เติมเต็มอีกสักพักใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นย้ำเรื่องดูแลผม และบอกให้พี่เติมเต็มพาผมไปที่บ้านเพื่อเข้าไปคุยกับป๊าด้วย พี่เติมเต็มก็รับปากว่าขอเวลาสักอาทิตย์สองอาทิตย์จะพาไปของานน้อยลงกว่านี้สักหน่อย

หลังจากนั้นม๊าของพี่เติมเต็มก็ขอตัวกลับเพราะมีงานต้องกลับไปทำ ม๊าพี่เติมเต็มบอกว่าร้อนใจเลยรีบมาทิ้งลูกค้าให้รอ ผมอึ้งเลยครับทิ้งให้ลูกค้ารอเพราะเรื่องของพวกเรา

อืมมมมม ... แต่ก็เป็นเรื่องของลูกชายคงจะว่าไม่ได้แหละ


พี่เติมเต็มลงไปส่งม๊าที่ด้านล่าง ประมาณสิบนาทีพี่เติมเต็มก็กลับขึ้นมา พี่เติมเต็มเดินมานั่งข้างผมเหมือนเดิม


"โดนคุณนายเล่นงานเละเลยพี่ สรุปเราใช่มั้ยที่เป็นลูกม๊า คิดอยู่แล้วล่ะว่าพี่ต่อต้องบอกม๊าแน่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นมาหาเองแบบนี้" พี่เติมเต็มบอกทันทีที่นั่งลง

"แล้วคุณป้าท่านไม่พอใจอะไรผมมั้ยครับ" ผมไม่รู้จะใช้คำพูดแบบไหนดี

"ไม่พอใจพี่ต่างหาก ที่พี่ผิดสัญญาที่เคยรับปาก"

"แล้วที่คุณป้าพูดจริงเหรอครับที่บอกว่าพี่รับปากว่า ... จะรอจนผมยี่สิบ"

"จริง ตอนนั้นที่รับปากเพราะคิดว่ายังไงก็ทำได้ แต่ก็อย่างที่บอกม๊าไป น่ารักขนาดนี้จะอดใจได้ไง" พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับเริ่มใช้ริมฝีปากมาคลอเคลียที่แก้มและใบหน้า


"อยากจูบ แต่กลัวเลยเถิด"

พี่เติมเต็มพูดอยู่ข้างหูผม และผมก็เป็นคนที่จับหน้าของพี่เติมเต็มไว้และใช้ริมฝีปากของตัวเองไปประกบที่ริมฝีปากของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มจับตัวผมให้เอนนอนลงที่โซฟาก่อนที่ตัวเองจะขึ้นมาคร่อมที่ตัวผม เราจูบกันอยู่สักพักจนพี่เติมเต็มเป็นคนที่ผละออกจากตัวผมก่อน และพี่เติมเต็มก็ขยับตัวลงไปนั่งที่พื้นและนั่งพิงโซฟาพร้อมทั้งคว้ามือของผมไปจับไว้ด้วย ส่วนผมยังนอนอยู่เหมือนเดิม

"ห้ามทำแบบนี้อีกนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมา

ผมใจเสียเลยครับที่ได้ยินแบบนั้น ผมทำอะไรที่มันไม่ดีหรือเปล่า

พี่เติมเต็มหันมามองผมและเปลื่ยนจากจับมือมาจับแก้ม

"ห้ามจู่โจมพี่แบบนี้อีก ร่างกายเรายังไม่โอเคเลย พี่ไม่อยากรังแกเรา"

"จู่โจมอะไรล่ะ ก็ ... ใครกันบอกอยากจูบ"

"ก็นั่นแหละ ต้องขัดขืนสิ ไม่ใช่ตามใจพี่แบบนี้"

"ก็ ... ผมก็อยากจูบพี่เหมือนกันนี่นา"

พอผมพูดแบบนั้นออกไป คนที่บอกว่า ... 'ห้ามทำแบบนี้อีก' ... ก็กลับขึ้นมาคร่อมผมที่นอนอยู่บนโซฟาและเริ่มต้นจูบผมอีกครั้ง






TBC.
#เติมเติมรัก
ninewara✿

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 25




ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแล้วครับที่ผมกับพี่เติมเต็มเรา ... มีอะไรกัน ช่วงสองสามวันแรกที่ร่างกายผมยังไม่ค่อยดีพี่เติมเต็มดูแลผมดีมากๆ ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย วันที่สี่เป็นวันที่พี่เติมเต็มต้องมามหาวิทยาลัยก็เล่นโทรหาผมทั้งวัน จนผมอดที่จะบ่นในความเป็นห่วงที่มากเกินไปไม่ได้แต่ผมไม่ได้รำคาญพี่เขาหรอกนะ รู้สึกดีมากต่างหากแต่แค่ไม่อยากให้พี่เขากังวลมากจนเกินไป



ตอนนี้ผมมานั่งรอพี่เติมเต็มอยู่ที่ห้องๆหนึ่งในคณะวิศวะ ที่เขาจัดสถานที่เพื่อการถ่ายแบบ มีอุปกรณ์พวกจัดแสง อุปกรณ์ไฟ และช่างภาพ

วันนี้พวกพี่ๆที่คณะวิศวะจะถ่ายภาพเพื่อใช้โปรโมทกิจกรรมที่จะไปออกค่าย และเพื่อขอสมทบทุนจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วย เห็นว่าพี่ดาวรุ่นพี่ปีสี่ของคณะวิศวะ จะออกสไตล์ทอมบอยหน่อย เป็นแม่งานที่คอยเกณฑ์หนุ่มหล่อของคณะวิศวะมาช่วยกันทำมาหากิน



"ไงมึง มานานยังว่ะ" ผมหันไปมองฟูจิที่เดินมานั่งลงข้างๆ

"สักพัก ทำไมมาช้า พี่วินไปรับมึงมาตั้งนานแล้วนี่" ผมถามเพราะพี่ธาวินเองก็ถูกคัดให้อยู่ในกลุ่มหนุ่มหล่อวิศวะ แล้ววันนี้ก็เห็นพี่ธาวินไปรับฟูจิที่คณะตั้งแต่เที่ยง

"พี่วินไม่อยากมาน่ะสิ บ่นว่า 'กูไม่ใช่ไอ้เต็มนะที่จะชินกับหน้ากล้องและคนเยอะๆ' พูดแบบเนี่ย"

"นินทาเหรอ" พี่ธาวินเดินมาได้ยินประโยคสุดท้ายที่ฟูจิมันพูดพอดี พี่ธาวินขยี้ผมฟูจิแรงๆจนยุ่งไปหมด ผมหัวเราะออกมาดูก็รู้ว่ามันมีความสุข



"อุ้ยๆ ยังไงกันดีคะ พี่วินเคยมีรูปคู่กับน้องคนนี้แล้วบอกว่าจะจีบ แต่ไปๆมาพี่วินกลับแสดงตัวว่าน้องคนนี้เป็นแฟน ยังไงคะพี่วิน"

ตอนนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นทีมงานและดูจะสนิทสนมกับพวกพี่ๆเดินเข้ามาแซวพี่ธาวินโดยที่พี่คนนั้นถือมือถือเอาไว้ด้วย ผมเดาเอาว่าน่าจะกำลังถ่ายคลิปอยู่


"เฮ้ย!อย่าพูดดังเดี๋ยวไอ้เต็มมันมาได้ยินวงแตกกันพอดี ว่าแต่...กำลังถ่ายคลิปอยู่หรือเปล่า"

พี่ธาวินถามพี่คนที่ถือมือถืออยู่ พอพี่คนนั้นพยักหน้า พี่ธาวินก็ยิ้มด้วยความพอใจ มองกล้องมือถือและพูดต่อ

"ดีเลยจะได้ถือโอกาสเคลียร์ น้องคนนี้กับน้องคนนี้ เป็นเพื่อนสนิทกัน" พี่ธาวินชี้มาที่ผมกับฟูจิและกล้องมือถือก็ถ่ายมาที่ผมสองคน

"ที่จริงผมตั้งใจจะจีบคนนี้" พี่ธาวินเอานิ้วจิ้มที่ไหล่ของฟูจิ ฟูจิหน้าเหวอมากครับ

"แต่ตอนนั้นมันไม่กล้า ก็เลยแกล้งพูดไปว่าจะจีบคนนั้น" พี่ธาวินชี้มาที่ผม

"แต่พอผมทำแบบนั้นก็เหมือนน้องคนนี้จะถอยห่างจากผมเพื่อให้ผมจีบเพื่อนเขา" พี่ธาวินลูบผมฟูจิ

"ผมก็เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ด้วยการขอน้องคนนี้เป็นแฟนเลย"

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหัวเราะพี่ธาวินกันใหญ่

"ไม่จีบน้องเลยเหรอคะ" พี่ทีมงานคนนั้นถามพี่ธาวินต่อ

"ไม่ครับ เป็นแฟนกันก่อนค่อยจีบก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา" พี่ธาวินพูดแบบนี้ ผมได้ยินฟูจิพูดเบาๆว่าก็เสียเวลามาตั้งหลายปีแล้วไง

หลังจากนั้นก็ได้ยินพี่ดาวเรียกทีมงานทุกคนและตะโกนบอกพี่ธาวินให้ไปแต่งหน้า พี่เติมเต็มกับคนอื่นๆที่เข้าไปแต่งหน้าก่อนเดินสวนออกมา


"มึงๆ พี่เต็มโคตรหล่อ" ฟูจิบอกผม และมันก็จริงครับ วันนี้พี่เติมเต็มใส่กางเกงยีนส์สีเข้มและใส่เสื้อช็อปของคณะอย่างที่เคยใส่ แต่ที่ทำให้แปลกไปคือหน้าที่มีการแต่งและทรงผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี ช่วยเสริมให้พี่เติมเต็มจากที่หล่ออยู่แล้ว หล่อมากยิ่งขึ้น


ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้ผู้ชายที่หล่อขนาดนี้เป็นแฟน


"เคลิ้มเลยนะมึง" ฟูจิมันแซวผม


พี่เติมเต็มเดินมายืนตรงหน้าผม


"นี่ เล่นจ้องพี่ขนาดนี้ จากที่มั่นใจเริ่มไม่ค่อยมั่นใจแล้วนะ" พี่เติมเต็มพูดออกมายิ้มๆ

"พี่เต็มหล่อจัง"

ผมพูดออกไปอย่างที่คิด และไม่ใช่แค่พี่เติมเต็มที่ได้ยิน คนอื่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ได้ยินด้วย มีเสียงแซวตามมาเล็กน้อย

"เขินเลยเนี่ย"

พี่เติมเต็มพูดและใช้มือขยี้หัวผมเบาๆ สักพักทีมงานก็เรียกทุกคนให้ไปเตรียมตัวที่จะถ่ายภาพ

พี่เติมเต็มก้มลงมาจูบแก้มผมเบาๆหนึ่งที

"รักนะ"

พูดเสร็จก็เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

อะไรเนี่ย!! อยู่ๆก็มาบอกรักไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาก่อน




"หวานเนอะ มดกัดกูแล้วเนี่ย" ฟูจิมันแซวผม

"อ๋อ รอยที่หลังคอมึงที่แท้ก็รอยมดหรอกเหรอ กูนึกว่ารอยอย่างอื่น" ผมไม่ยอมให้ฟูจิมันแซวผมข้างเดียวหรอก ผมเหลือบเห็นรอยแดงที่ด้านหลังคอมันตั้งแต่มันมานั่งข้างผมแล้ว ตั้งใจว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสักหน่อย แต่มันแซวผมก่อน

มันรีบเอามือจับไปแถวๆหลังคอมัน หน้ามันแดงมากๆครับตอนนี้ ได้ยินมันบ่นเบาๆว่า 'บอกแล้วว่าอย่าทำรอย'

พอได้ยินแบบนั้นผมก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้เพราะมันดันนึกไปถึงภาพที่พี่ธาวินทำรอยบนตัวฟูจิ และผมก็ร้อนหน้ามากขึ้นกว่าเดิมเมื่อนึกถึงภาพตอนที่พี่เติมเต็มกำลังจรดริมฝีปากทำรอยบนตัวผม ที่มันเป็นภาพที่ยังติดในความทรงจำของผม


"มึงกับพี่วินมีความสุขกันดีใช่มั้ย แต่เท่าที่กูมอง พี่เขาก็ดูดีกับมึงมากๆ" ผมถามฟูจิ

"อืม พี่มันดีกับกูมากเลยล่ะ และถามว่ามีความสุขมั้ย มากอ่ะ"

"กูดีใจที่เห็นมึงมีความสุข" ผมพูด

"กูก็เหมือนกัน กูก็ดีใจที่เห็นมึงมีความสุข" ฟูจิมันพูด ก่อนที่เราจะหันไปสนใจพวกพี่ๆที่กำลังถ่ายแบบกัน



การถ่ายแบบเพื่อโปรโมทกิจกรรมออกค่ายของคณะวิศวะผ่านไปได้ด้วยดี เห็นว่าเหลือถ่ายอีกแค่เซ็ทเดียวก็เสร็จแล้ว พี่เติมเต็มนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างผม ส่วนพี่ธาวินเองก็นั่งอยู่กับฟูจิ 

"พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมสังเกตดูเหมือนพี่เติมเต็มมีอะไรจะคุยกับผม เพราะพี่เขามองผมอยู่หลายครั้ง

"คือภาพเซ็ทสุดท้ายที่จะถ่ายมันต้องถอดเสื้อ พี่ไม่รู้ว่าคนเก่งจะโอเคมั้ย"

ผมนิ่งไปกับสิ่งที่พี่เติมเต็มพูด ผมจำได้ว่าปีที่พี่เติมเต็มเข้าประกวดเดือน ตอนที่ผมยังไม่เข้ามาเรียนที่นี่ พี่เติมเต็มก็มีถ่ายในลักษณะที่ไม่ใส่เสื้อเหมือนกัน ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยชอบเลย ยอมรับว่าหวงที่เห็นรูปแบบนั้นออกมา แต่ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงอยู่แล้ว


"โตแล้ว คิดเอาเองล่ะกันว่าควรทำดีมั้ย" ไม่ใช่เสียงผมนะครับ แต่เป็นเสียงของฟูจิที่ดังขึ้นมา ฟูจิมันพูดเสียงนิ่งๆครับแต่ติดดุนิดหน่อย ผมเดาเอาว่าน่าจะกำลังคุยประเด็นเดียวกัน โชคดีที่ตรงแถวนี้ไม่มีใครนั่งอยู่เลยนอกจากพวกเรา


ผมหันมาตอบในสิ่งที่พี่เติมเต็มถาม

"ถ้าจะให้ตอบตรงๆผมก็ไม่อยากให้ถ่ายครับ ผม ... หวง แต่ถ้ามันเป็นงานที่จำเป็นต้องถ่าย ผมก็เข้าใจครับ"

ผมไม่อยากให้ถ่ายหรอกครับ เป็นแฟนใคร แฟนใครก็ต้องหวง แต่ถ้ามันเป็นงานผมก็ไม่อยากจะขัดหรือก้าวก่าย

"แปลว่า ให้ถ่ายได้" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ" ผมตอบรับ


พี่เติมเต็มลูบหัวผมเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ไม่นานพี่เติมเต็มก็กลับไปถ่ายงานจนเสร็จ แต่ผมก็ยังไม่เห็นช็อตไหนที่ถอดเสื้อ


ผมกับฟูจิแยกกันที่ลานจอดรถของคุณะวิศวะ ผมขึ้นมานั่งบนรถพี่เติมเต็ม ผมก็ถามในสิ่งที่สงสัยทันที

"มีนัดถ่ายต่อวันไหนอีกหรือเปล่าครับ ไหนบอกว่ามีถ่ายตอนไม่ใส่เสื้อด้วยไงครับ"

"ไม่มีแล้วล่ะ บอกพี่ดาวไปแล้วว่ากลัวแฟนไม่สบายใจ แถมไอ้วินมันยังบอกอีกว่ามันโดนแฟนด่า พี่ดาวก็เห็นว่าไม่จำเป็นก็เลยตัดออกไป"

พี่เติมเต็มพูดขำๆตอนพูดถึงพี่ธาวิน

"สบายใจหรือยัง" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ" ผมยอมรับเลยว่าสบายใจมาก ถึงแม้มันจะฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่ แต่ผมก็หวงพี่เติมเต็มมากนี่ครับ



"พรุ่งนี้เรากลับบ้านกันนะ" ระหว่างที่ขับรถกลับไปที่คอนโดของพี่เติมเต็ม พี่เขาก็พูดขึ้น

"ติดอะไรหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผมอีกครั้ง

"ไม่ครับ คิดถึงแม่กับป้าเหมือนกัน ไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว" ผมบอก

"ถ้างั้นพรุ่งนี้เรากลับกันตั้งแต่เช้าเลยดีมั้ย คนเก่งจะได้มีเวลาอยู่กับที่บ้านนานขึ้นอีกหน่อย"

"ตกลงครับ"


.
.
.


วันต่อมา พี่เติมเต็มพาผมออกจากคอนโดตั้งแต่เช้าประมาณเจ็ดโมงและพี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมที่หน้าบ้านตอนประมาณเกือบเก้าโมง ผมชวนพี่เติมเต็มให้ลงมาทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนเพราะตอนที่นั่งรถมาพวกเราทานแค่ขนมปังและนมเท่านั้น แต่พี่เติมเต็มบอกว่ามีธุระที่ต้องรีบไปทำก่อน แล้วจะเข้ามาหาผมใหม่ ซึ่งผมก็ไม่ได้ซักถามอะไร


ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน เจอกับป้าที่กำลังเดินออกมา

"สวัสดีครับป้า" ผมยกมือไหว้ป้าและป้าก็เดินมากอดผม

"ป้าได้ยินเสียงรถก็เลยเดินออกมาดูว่าใช่หนูหรือเปล่า"

"คิดถึงป้าจังเลยครับ" ผมอ่อนป้า

"คิดถึงแต่ไม่กลับมาหาป้าเลย ตั้งแต่มีแฟนติดแฟนเลยใช่มั้ย"

"ไม่ใช่นะครับ หนูมีรายงานเยอะแล้วก็มีสอบด้วย อย่าพูดแบบนี้สิครับเหมือนหนูเป็นเด็กไม่ดีเลย"

"ป้าแค่แซวเล่น ป้ารู้ว่าหนูเป็นเด็กดี"


ผมกับป้าเดินเข้ามาในบ้าน แม่ผมเดินลงมาจากชั้นบนพอดี


"แม่ครับ คิดถึงๆ" ผมเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง

"แม่ก็คิดถึง ไหนดูสิ ตั้งแต่มีแฟนเนี่ยหน้าตาสดใสมากเลยนะเรา" แม่พูดและจับหน้าผมหันซ้ายทีขวาที

"ไม่แซวสิครับแม่" ผมบอก

"แล้วกินอะไรมาหรือยัง" แม่ถามผม

"ยังเลยครับ หิวมากเลย"

"เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนค่อยลงมาหาข้าวกิน หรือว่าจะไปค้างที่บ้านโน้น" ป้าบอกผม แต่ก็แซวผมไปด้วย

"ป้าครับ หลานกลับมาบ้านทั้งทีจะไล่ให้หลานไปนอนที่ไหนอีกล่ะครับ หนูเอากระเป๋าไปเก็บดีกว่า" ผมรีบเลี่ยงเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ


หลังจากเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ ผมก็ลงมาทานข้าว หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วผมก็มานั่งดูทีวีและพูดคุยกับแม่และป้า

"คนเก่ง มีความสุขกับพี่เขาดีใช่มั้ยลูก" แม่ถามผมด้วยรอยยิ้ม

"ครับแม่ พี่เขาดีกับเก่งมากๆ คอยดูแลและคอยเป็นห่วงตลอด" ผมบอกตามความจริง

"แค่เห็นหน้าแม่ก็รู้แล้วว่าเก่งมีความสุข ดูสดใสมากๆ จริงมั้ยพี่"


ป้าพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ ผมนั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับแม่และป้า จนเวลาล่วงเลยมาช่วงบ่าย ซึ่งวันนี้แม่กับป้าไม่ได้ไปขายของครับ แม่บอกว่าหยุดอยู่กับผมสักวันสองวันคงไม่เป็นไร


ตอนที่เรากำลังคุยกันว่าตอนเย็นทำหมูกะทะทานกันดีมั้ย เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น เป็นพี่เติมเต็มครับที่โทรมา


"ครับ พี่เต็ม"

(แม่กับป้าอยู่บ้านมั้ย)

"อยู่ครับ"

(โอเค พี่จอดรถอยู่หน้าบ้าน)


เมื่อกี้ผมนึกว่าผมหูฝาดตอนที่ได้ยินเสียงรถที่หน้าบ้าน แต่เป็นรถพี่เติมเต็มจริงๆด้วย

"พี่เต็มบอกว่าอยู่หน้าบ้านครับ" ผมบอกแม่กับป้า ก่อนจะเดินมาที่ประตูรั้ว ผมเปิดประตูรั้วออกมาก็เจอพี่เติมเต็มยืนยิ้มรออยู่


"แม่กับป้าอยู่ใช่มั้ย" ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกเหมือนพี่เติมเต็มดูตื่นเต้น แล้วคำถามนี้เมื่อกี้ก็เพิ่งถามผมไปเองนะ

"ครับ"

"พาพี่เข้าไปสวัสดีแม่ยายหน่อยเร็ว"


พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ ผมก็ไม่พูดอะไรกลัวจะเข้าตัว ผมพาพี่เติมเต็มเดินเข้ามาในบ้าน แม่กับป้านั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกันในห้องรับแขก



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

(ต่อค่ะ)




"สวัสดีครับคุณน้า" พี่เติมเต็มยกมือไหว้แม่และป้า ก่อนที่แม่จะบอกให้พี่เติมเต็มนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวที่เยื้องกับแม่และป้า ส่วนผมนั่งลงตรงโซฟาอีกตัวที่ถัดจากพี่เติมเต็ม

"เป็นยังไงบ้างจ้ะเต็ม ไม่เจอกันนาน เรียนหนักมั้ย"

"ก็หนักเอาการเลยครับ เพราะปีสามแล้ว ถ้าช่วงสอบแทบไม่ได้นอนเลยครับ"

"ใช่ครับแม่ ช่วงสอบพี่เต็มอ่านหนังสือจนเช้าแล้วก็ไปสอบ กลับมานอนสองสามชั่วโมงแล้วก็ตื่นมาอ่านหนังสืออีกครับ" ผมพูดเสริมขึ้นมาก่อนที่จะคิดได้ว่าไม่ควรพูดแทรก

"ขอโทษครับ" ผมรีบพูดขอโทษออกมา


แม่กับป้าหัวเราะผม ส่วนพี่เติมเต็มถึงไม่ได้หัวเราะออกมาแต่ผมก็รู้ว่าต้องแอบขำผมอยู่ในใจ

แต่แล้วก็มีสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจ


"วันนี้ผมมีเรื่องที่อยากจะเรียนคุณน้าทั้งสองสักสองสามเรื่องนะครับ"

น้ำเสียงของพี่เติมเต็มเป็นทางการขึ้นมาทันที แม่กับป้าผมมองหน้ากัน ก่อนจะหันมามองผมซึ่งผมก็ส่ายหน้าเพราะผมไม่ทราบจริงๆว่าพี่เติมเต็มจะพูดอะไร


"คุณน้าทั้งสองคงจะทราบเรื่องที่ผมกับคนเก่งคบกันเป็นแฟนแล้ว แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสมาขออนุญาตอย่างเป็นกิจจะลักษณะสักที วันนี้ผมก็เลยอยากขออนุญาตคุณน้าทั้งสอง ผมขออนุญาตคบกับน้องนะครับ"


คำพูดของพี่เติมเต็มทำให้ผมน้ำตาคลอขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะมาพูดเรื่องนี้


"อย่างที่เคยบอก คนเก่งรักใครชอบใคร น้าสองคนไม่มีปัญหา ขอแค่คอยดูแลกันไปก็พอ" ป้าผมเป็นคนพูด


พี่เติมเต็มหันมามองผมนิดนึง ก่อนจะพูดประโยคถัดมา


"เรื่องต่อมาที่ผมอยากขออนุญาตก็คือหอพักในมหาลัย เขาจะสงวนสิทธิ์ไว้ให้เฉพาะนักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคนเก่งก็ต้องหาหอพักใหม่ ผมก็เลยอยากขออนุญาตให้น้องมาอยู่กับผมที่คอนโดครับ เพราะผมจะได้ดูแลน้องด้วย"


เป็นอีกเรื่องที่ผมอึ้งไปเลย ถึงแม้ตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้กลับไปนอนหอพักเลยแต่ก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่กับพี่เติมเต็ม


"มันจะดีเหรอลูก คือแม่ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่แม่ว่าแบบนี้น้องจะไปรบกวนเรามากไปหรือเปล่า แล้วทางบ้านเราจะไม่ว่าเอาเหรอ"


น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลใจ


"เรื่องนี้ผมได้เรียนปรึกษากับม๊าเรียบร้อยแล้วครับ ม๊าเองก็เห็นด้วยที่น้องจะไปอยู่กับผม เพราะยังไงน้องก็ต้องย้ายหออยู่แล้วครับ"


ผมเห็นแม่กับป้ามองหน้ากัน เหมือนกำลังส่งสายตาคุยกัน


"แล้วหนูอยากไปอยู่กับพี่เขามั้ย" ป้าหันมาถามผม และทุกคนก็มองผมเป็นตาเดียว

"ก็ ... อยากครับ" ผมตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะอายด้วย และกลัวทุกคนจะคิดว่าผมอยากไปอยู่กับพี่เติมเต็ม ถึงแม้มันจะจริงก็เถอะ


"ถ้างั้นเรื่องนี้น้าสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะต้องตามใจคนที่จะไปอยู่ แค่กลัวว่าจะไปรบกวน"

"ถึงรบกวนก็ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ" พี่เติมเต็มบอก

ผมอดที่จะเบะปากใส่พี่เติมเต็มไม่ได้


"แล้วก็เรื่องสุดท้าย ... "

ทั้งผมและแม่กับป้าต่างตกใจตอนที่เห็นพี่เติมเต็มลงมานั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้าแม่กับป้า ผมรีบลงมานั่งใกล้ๆพี่เติมเต็มและถามทันที

"พี่เต็มทำอะไรครับ" ผมถาม

"นั่งดูอยู่เฉยๆก็พอ" พี่เติมเต็มบอกผมแบบนี้

ก่อนที่พี่เขาจะล้วงเข้าไปในถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ผมเห็นพี่เติมเต็มถือมาด้วย


สิ่งที่อยู่ข้างในคือ ... พวงมาลัยพวงใหญ่หนึ่งพวง


ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจว่าพี่เติมเต็มเอามาทำไม


"ผมเอาพวงมาลัยมาเพื่อจะมากราบขอโทษและกราบขอขมาคุณน้าทั้งสอง ..."


พี่เติมเต็มหยุดชะงักนิดนึงและหันมามองผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ... ผมนึกไม่ออกว่าพี่เติมเต็มจะขอโทษเรื่องอะไร


"ที่ผมได้ล่วงเกินน้อง แต่ที่ผมทำลงไปก็เพราะผมรักน้องมากจริงๆและผมก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกๆอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น"


เกิดสภาวะเดธแอร์เกิดขึ้นทันที ผมว่าแม่กับป้าผมช็อคไปแล้ว


"พี่เต็ม พูดอะไรเนี่ย"

พอตั้งสติได้ผมก็รีบพูดกับพี่เติมเต็มทันที ผมไม่กล้ามองหน้าแม่กับป้าผมเลยครับ พี่เติมเต็มนะ! คิดจะทำอะไรไม่บอกกันบ้างเลย


"เรื่องนี้ทางบ้านผม ป๊ากับม๊าท่านก็รับทราบ อันที่จริงท่านอยากมาเรียนกับคุณน้าทั้งสองด้วยตัวเอง แต่ผมบอกท่านว่าผมอยากขอเข้ามาคุยก่อน ซึ่งป๊ากับม๊าผมก็เห็นสมควรที่ผมต้องรับผิดชอบน้องครับ"


ผมจับแขนพี่เติมเต็มมาเขย่าพยายามบอกให้หยุดพูดแต่ก็ไม่ยอม


"เอ่อ เรื่องนี้ ... " แม่ผมเอ่ยขึ้นมาแล้วก็เงียบไป ผมว่าแม่ผมคงจะตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก


"คนเก่ง" ป้าเรียกผม

"ครับ"

"เรื่องที่พี่เขาพูดเมื่อกี้ ที่พี่เขาบอกว่า ... ล่วงเกินหนู หนูยินยอมพี่เขาหรือเปล่า พี่เขาได้ฝืนใจมั้ย"


ป้าผมถามด้วยน้ำเสียงเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะถาม ผมมองพี่เติมเต็มที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ


"พี่เขาไม่ได้ฝืนใจครับ หนู .. หนูเต็มใจ" อายก็อายแต่ก็ต้องมาตอบเรื่องแบบนี้ต่อหน้าแม่ต่อหน้าป้า พี่เติมเต็มนะ!

"ก็ .. ถ้าลูกชายน้าเต็มใจ น้าก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรหรอกนะ" ผมว่าแม่ผมพูดออกมาแบบนี้เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่าดูก็รู้ว่ายังงงๆอยู่

"ผมขอบคุณและขอโทษคุณน้าทั้งสองอีกครั้งนะครับ" พี่เติมเต็มยื่นพวงมาลัยให้แม่ผม พอแม่ผมรับไปพี่เติมเต็มก็ยกมือขึ้นมาไหว้แม่ผมกับป้าผมอีกครั้ง


"ถ้ายังไงแล้ว เดี๋ยวทางป๊ากับม๊าผมจะนัดเข้ามาคุยอีกครั้งนะครับ"


เท่าที่เห็นแม่กับป้าผมตอนนี้ ผมว่าท่านน่าจะยังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ แม่ผมบอกให้พี่เติมเต็มขึ้นมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ก่อนจะบอกว่าจะเอาพวงมาลัยขึ้นไปไว้ในห้องพระ แล้วป้าผมก็เดินตามขึ้นไป


พอท่านทั้งสองขึ้นไปได้สักพัก ผมก็หันมาเล่นงานคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

"พี่เต็มทำอะไรเนี่ย ไม่ปรึกษาก่อนเลย"

"ก็แสดงความจริงใจไง ได้ลูกได้หลานเขามาเป็นเมียแล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบ"

"เมียอะไรเล่าห้ามพูดนะ"

พี่เติมเต็มหัวเราะผมและดึงผมไปกอด

"พี่แค่อยากให้รู้ว่าพี่จริงจังเรื่องของเรานะ"

"แล้วเรื่องที่พี่เต็มบอกว่าป๊ากับม๊าพี่จะมาคุยล่ะ"

"เมื่อเช้าพอพี่ส่งเราเสร็จพี่ก็เข้าไปคุยกับป๊าม๊าเลย อันที่จริงตอนแรกท่านจะมาพร้อมกับพี่แต่พี่บอกว่าวันนี้พี่ขอเป็นคนที่คุยก่อน"


ผมว่าดีแล้วล่ะที่ป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มไม่มาด้วย ถ้ามาพร้อมกันหมดผมต่องแย่แน่ๆ


"ขอบคุณนะครับ" ผมกอดพี่เติมเต็มแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณที่พี่เขารักผมและจริงจังกับผมมากขนาดนี้


"พรุ่งนี้ไปเจอป๊าด้วยกันนะ ป๊าอยากเจออยากจะคุยด้วย"


ผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาตอนที่พี่เติมเต็มบอกว่าป๊าพี่เติมเต็มอยากเจอผม ผมยังไม่เคยคุยกับป๊าพี่เติมเต็มเลยสักครั้ง เคยแค่เจอผ่านๆและยกมือไหว้แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้คุยกัน


เท่าที่ฟังจากพี่เติมเต็มก็เหมือนว่าป๊าพี่เขาก็น่าจะโอเคแต่ผมก็ไม่รู้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นยังไง
พี่เติมเต็มบอกผมว่าไม่ต้องกังวล แต่ผมก็อดที่จะกังวลใจไม่ได้อยู่ดี


.
.
.



เมื่อวานนี้หลังจากที่พี่เติมเต็มเข้าไปสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคนที่บ้านผม พี่เติมเต็มก็พาผมไปไหว้ที่เก็บกระดูกของพ่อผม พี่เติมเต็มบอกว่าต้องมาขออนุญาตและกราบขอโทษพ่อผมด้วยเช่นกัน เมื่อวานผมอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องร้องไห้ออกมา ไม่คิดว่าพี่เติมเต็มจะทำให้ผมถึงขนาดนี้


ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของพี่เติมเต็มครับ ผมกับพี่เติมเต็มนั่งรอป๊ากับม๊าพี่เติมเต็มอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆผ่อนออกมาเพื่อระงับความตื่นเต้นของตัวเอง พี่เติมเต็มหัวเราะกับท่าทางของผม

นั่งรอไม่นานป๊ากับม๊าของพี่เติมเต็มก็ลงมา ผมลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ท่านทั้งสองทันทีที่เดินเข้ามา ป๊าของพี่เติมเต็มเท่าที่ผมทราบมาท่านค่อนข้างใจดีครับ วันนี้ท่านก็ยิ้มแย้มให้ผมเป็นอย่างดีเลย

"ได้เจอ ได้คุยกันสักทีนะ หลังจากที่เคยเจอกันแบบผ่านๆ" ป๊าของพี่เติมเต็มเอ่ยขึ้น

"ครับ"

"ป๊าครับ ม๊าครับ ผมอาจจะเคยคุยกับป๊าม๊าเรื่องของน้องไปบ้างแล้ว แต่ผมขอแนะนำน้องอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คนเก่งแฟนผมครับ" พี่เติมเต็มพูด

เอาอีกแล้วนะพี่เติมเต็ม ไม่ปรึกษาอีกแล้ว

"ป๊าก็ได้ยิน ได้เห็นเรื่องราวของเรามาตลอดนะคนเก่ง ป๊าเองก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณอะไร อีกอย่างบ้านนี้ก็เลี้ยงลูกแบบให้อิสระในการคิดและตัดสินใจอยู่แล้ว" ป๊าของพี่เติมเต็มพูดทำให้ผมโล่งใจมาก

"ป๊าไม่รู้ว่าเขาเรียกกันแบบไหน งั้นป๊าขอถามแบบที่ป๊าเข้าใจ เราเป็นเมียใช่มั้ย" ป๊าของพี่เติมเต็มพูดและถามผม

ผมรีบหันไปมองพี่เติมเต็มเพราะไม่รู้ควรจะตอบไปว่ายังไง

"โธ่ ป๊า ผมก็บอกป๊าไปแล้วว่าหาลูกสะใภ้มาให้" พี่เติมเต็มบอกและหัวเราะไปด้วย

"ได้เมียก็ดีกว่าไปเป็นเมียล่ะนะ" ป๊าพี่เติมเต็มพูดเสริมออกมาอีก ผมอดที่จะหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้

"ป๊าดูตัวผมด้วย" พี่เติมเต็มพูด พวกเราทุกคนก็เลยหัวเราะออกมา

หลังจากนั้นป๊าและม๊าของพี่เติมเต็มก็ถามผมเรื่องเรียน เรื่องที่บ้าน และกำชับผมเรื่องที่ให้ย้ายไปอยู่ที่คอนโดของพี่เติมเต็ม


จนเวลาผ่านไปสักพักผมก็เจอคำถามที่ผมเองก็คาดเดาไว้เหมือนกันว่าอาจจะเจอ


"แล้วมองเรื่องอนาคตไว้ว่ายังไง หลังจากเรียนจบไป เราก็ต้องออกไปเจอสังคมภายนอกที่มันกว้างกว่าบ้าน กว้างกว่ามหาวิทยาลัย ได้คิดเอาไว้บ้างมั้ย" ป๊าพี่เติมเต็มถามผม น้ำเสียงของท่านไม่ได้ดุหรือจริงจังอะไร แต่น้ำเสียงของท่านมีแต่ความอ่อนโยนพร้อมแฝงไปด้วยความห่วงใย


ผมนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่เติมเต็มยิ้มให้ผม

"ผมพูดในสิ่งที่ผมคิดได้เลยใช่มั้ยครับ" ผมถาม

"พูดได้เลยจ้ะ" ม๊าพี่เติมเต็มพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดี

"ผมขอตอบตามตรงเลยว่า ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องในอนาคตกับพี่เต็มเลยครับ เพราะผมคิดว่ายังไงซะ
วันหนึ่งพี่เต็มก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีภรรยาที่ดี และผมก็คิดแค่ว่า ผมขอแค่ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ มีความสุขอยู่ด้วยกันกับพี่เติมเต็มก็พอแล้วครับ แค่นี้มันก็เกินที่ผมคาดหวังไปเยอะมากแล้วครับ"


สภาวะเดธแอร์เกิดขึ้นเหมือนเมื่อวานที่บ้านผม ตอนนี้ถ้ามีกระดาษสักแผ่นหล่นที่พื้นผมว่าทุกคนคงจะได้ยิน ซึ่งผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น


"ที่เราพูดแบบนี้ หมายความว่าถ้าเต็มเกิดคบกับผู้หญิงแล้วจะแต่งงานกัน เราก็ไม่ว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ" ป๊าพี่เติมเต็มถามขึ้นมา แต่ผมยังไม่ได้ตอบอะไร พี่เติมเต็มที่นั่งอยู่ข้างผมก็จับที่ข้อมือของผมแน่นเลยครับ

"ผมขอโทษป๊ากับม๊านะครับ แต่ผมขอคุยกับคนเก่งเป็นการส่วนตัวก่อน"


พอพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็ลุกขึ้นและฉุดแขนผมให้เดินตามไปที่ห้องสตูดิโอ ที่เป็นห้องดูหนังฟังเพลงของที่บ้านพี่เติมเต็ม

พี่เติมเต็มปิดล็อคประตูห้อง ก่อนที่จะเปิดไฟและแอร์ในห้องและจับผมนั่งลงที่โซฟาในห้อง


"ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง" เสียงพี่เติมเต็มดุมากเลยครับ ผมไม่เคยได้ยินพี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน

"ก็คุณลุงบอกว่าให้พูดสิ่งที่ผมคิดได้"

"และเราก็คิดแบบที่พูดออกมา! คิดมาแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ!"

พี่เติมเต็มเสียงดังมากครับ จนเกือบจะเป็นตะโกน

"สรุป ... ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจริงจังเรื่องที่เราคบกันเลยใช่มั้ย! ไม่เคยคิดที่จะมีอนาคตด้วยกันเลยเหรอ!"

"พี่เต็มฟังผมอธิบายก่อน"
ผมพยายามอ้อนวอนและเข้าไปกอดพี่เติมเต็มเอาไว้ พี่เติมเต็มตัวสั่นมากเลยครับ ถ้าให้เดาพี่เขาคงจะโมโหมาก


"อธิบายมา" พี่เติมเต็มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์โกรธอยู่


"การที่ผมแอบชอบพี่มาตลอด ผมไม่เคยคิดถึงวันที่พี่จะมาชอบผม ไม่เคยคิดถึงวันที่เราได้มารักกัน พอวันที่ผมได้เป็นแฟนพี่จริงๆ ผมก็คิดว่าผมขอมีความสุขกับพี่ไปแบบนี้จนกว่าวันที่พี่จะต้องแต่งงานจริงๆ"

"แล้วทำไมต้องคิดแบบนั้นว่ะ ก็ในเมื่อเราคบกัน ทำไมต้องคิดว่าพี่จะต้องไปแต่งงานกับคนอื่น ในเมื่อมันไม่ใช่ความรักข้างเดียวแล้ว ถ้าไม่จริงจังพี่จะมาคุยเรื่องของเรากับป๊าม๊าทำไม พี่จะเข้าไปคุยกับที่บ้านเราทำไม พี่ไม่ชัดเจนพอเหรอ"

"แต่สักวันพี่เต็มก็ต้องแต่งงาน ก็ต้องมีครอบครัว ผม .... " แต่ผมยังพูดไม่ทันจบพี่เติมเต็มก็พูดสวนขึ้นมา

"พอ!"

พี่เติมเต็มมองหน้าผมที่กำลังยืนกอดพี่เขาอยู่

" ...... "

เป็นครั้งแรกที่สายตาพี่เติมเต็มน่ากลัวขนาดนี้

"ทำไมชอบคิดเองเออเอง เคยถามเคยคุยบ้างมั้ยว่าสิ่งที่เรากำลังคิดมันถูกหรือเปล่า" เสียงพี่เติมเต็มไม่ดุเหมือนตอนแรกแต่มันกลับดูเยือกเย็นจนผมใจคอไม่ดี

" ....... "

"และถ้าไม่รู้ก็จะบอกให้รู้ไว้ ว่าพี่เสียใจมากกับสิ่งที่คนเก่งพูดวันนี้ คนเราคบกันรักกันมันก็ต้องคิดถึงอนาคตร่วมกัน มันต้องมองไปถึงวันข้างหน้าว่าเรากับเขาจะเป็นยังไง พี่มองอนาคตของพี่คือมีคนเก่งอยู่ด้วย แต่อนาคตของคนเก่งดูเหมือนจะไม่มีพี่อยู่ด้วยเลย"

เสียงพี่เติมเต็มดูเศร้ามากเลยครับพี่เติมเติมแกะมือของผมที่กอดพี่เติมเต็มเอาไว้ออก น้ำเสียงของพี่เขาเศร้ามาก แต่ผมไม่ได้คิดอย่างที่พี่เติมเต็มพูดเลย

"พี่เต็มครับ ... " ผมอยากจะอธิบายให้พี่เขาฟัง แต่พี่เติมเต็มยกมือขึ้นเหมือนห้ามไม่ให้ผมพูด

"พี่ว่า ... คนเก่งลองกลับไปทบทวนตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ที่เราพูดว่ารักพี่จริงๆมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้"

"มันจะไม่ใช่รักได้ไงล่ะครับ พี่เต็มก็รู้ว่าผมรักพี่" ผมใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้วครับ

"ใช่ เมื่อก่อนรู้ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ ...  รัก ... แต่พยายามผลักไสให้คนอื่นเนี่ยนะ"

"มันไม่ใช่แบบนั้นครับ" ผมพยายามที่จะพูดไม่ให้เสียงมันสั่น

พี่เติมเต็มกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ผมรีบวิ่งไปกอดพี่เขาเอาไว้

"พี่เต็มฟังผมก่อนนะ ฟังผมก่อน" ผมพูดขอร้อง

"วันนี้แยกย้ายกันดีกว่า พี่ไม่มีอารมณ์อยากจะฟังหรืออยากจะคุยอีกแล้ว"

ผมส่ายหน้าไปมาอยู่บนอกของพี่เติมเต็ม ผมรู้สึกใจหายเพราะพี่เขาไม่กอดผมกลับมาเลย

"อย่าเซ้าซี้"

พี่เติมเต็มพูดเสียงแข็งขึ้นมา เหมือนเป็นสัญญาณให้ผมหยุดได้แล้ว

"แล้วเมื่อไหร่พี่เต็มจะอยากคุยกับผม" ผมอดที่จะถามออกมาไม่ได้

"เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" พี่เติมเต็มพูดโดยไม่มองหน้าผมเลย

" ...... "

"เอาเวลาหลังจากนี้ไปคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้มันดีดีกว่า"



พี่เติมเต็มจับมือผมให้ปล่อยอีกครั้งและพี่เขาก็เดินออกจากห้องไป ผมทรุดนั่งลงที่พื้นห้องและผมก็กอดเข่าตัวเองร้องไห้ออกมาทันที ผมปล่อยโฮออกมาอย่างที่ไม่รู้ผมจะต้องทำยังไง ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก หลังจากที่เป็นแฟนกัน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่เคยคิดถึงวันที่พี่เติมเต็มจะโกรธผมขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยนึกถึงวันที่เราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้



ผมจะทำยังไงดี ...



TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2019 22:07:38 โดย ninewara »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด