✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019  (อ่าน 119599 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ทำเป็นอายว่าอยู่ในร้านอาหาร

ืลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังไลฟ์สดอยู่อ่ะ

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
พี่เต็มทำดีมากค่ะ  o13   :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ดีใจกะคนเก่งด้วยนะ พี่เต็มต้องรักน้องให้เยอะๆเหมือนที่น้องรักนะ

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีและเหมาะสมกับน้องแล้วดีใจกับน้องด้วยที่ความรักที่ผ่านไม่เสียเปล่าหลังจากนี้ก็คงต้องค่อยๆปรับตัวกันไปเรื่องคู่รองเราอยากให้มาช้ากว่านี้อีกหน่อยค่ะให้เค้าเป็นแฟนกันลงตัวก่อนดีกว่า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ดีใจเขาเป็นแฟนกันแล้ว

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คนเก่งเด็กดี TT

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ธาวิน ♥ ฟูจิ [1]



[ฟูจิ part]



ผมกำลังนั่งดูไลฟ์สดของพี่เติมเต็มอยู่ ไม่คิดว่าพี่มันจะหวานได้ขนาดนี้ หวานตั้งแต่ที่ผมเห็นพี่มันโพสต์รูปคนเก่งลงพร้อมแคปชั่นน้ำตาลเกาะ แถมยังขอเป็นแฟนโดยมีคนในโซเชียลเป็นพยาน ยอมใจเลยครับ ไม่รู้ว่าถ้าไอ้คนเก่งมันมารู้ทีหลังว่าพี่เติมเต็มเล่นไลฟ์สดไปด้วย มันจะพูดว่ายังไงบ้าง ดีใจกับมันด้วยจริงๆครับ ที่ความพยายามของมันไม่สูญเปล่า

ต่างจากผมที่ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็คงไม่มีทาง ก็เลยไม่อยากจะพยายามมันเท่าไหร่

ไม่รู้ว่าพี่ธาวินได้ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มมั้ย ถ้าผมเดา ผมว่าพี่เขาน่าจะดูอยู่แน่นอน ไม่รู้จะเสียใจมากหรือเปล่า

fujiz : พี่

ผมลองทักไปหาพี่ธาวินมันดู

wintha : ว่า

fujiz : ทำไร
fujiz : กินไรยัง

wintha : กินแล้ว
wintha : มึงอะ
wintha : อย่าบอกว่ายัง

ผมอมยิ้มออกมานิดๆ ผมชอบเวลาที่พี่มันดุผม เพราะมันดูเหมือนพี่มันเป็นห่วงผม

ผมกำลังพิมพ์ตอบแต่พี่มันโทรเข้ามาก่อน

(ถามไม่ตอบ)

พอผมกดรับสายประโยคแรกก็มาเลยครับ

"กำลังจะพิมพ์"

(แล้วยังไง กินหรือยังไม่กิน)

"กำลังจะลงไปกินข้าวเนี่ย" ผมบอกตามจริง ผมปิดประตูห้องแล้วก็มายืนรอลิฟท์

(กินดึกว่ะ)

ผมกำลังจะพูดว่ามัวแต่ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มอยู่ แต่กลัวพี่มันไม่โอเคผมเลยไม่พูดออกไป

(กินข้าวไหน) พี่ธาวินมันถามผม

"ร้านลุงข้างหอ"

(อืม เดี๋ยวไปหา)

พอพูดเสร็จ พี่มันก็วางสายไปเลย




ผมสั่งข้าวรอไม่นานพี่ธาวินก็เดินเข้ามาที่ร้าน

"สั่งยัง"

"สั่งแล้วครับ"

พี่มันแค่พยักหน้าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมอยากจะถามพี่มันเรื่องไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่กล้า

"ไอ้เต็ม แม่งกล้าชิบหาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนอย่างมันจะทำอะไรแบบนี้"

แต่แล้วพี่ธาวินมันก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

"พี่ก็ดูพี่เต็มไลฟ์เหรอ"

"ดูกันทั้งคณะวิศวะ แม่งคิดได้ไงวะ คนเก่งหน้าบานไปแล้วป่านนี้" พี่มันพูดขำๆ และมันก็ทำให้ผมงง พี่มันบอกว่าจะจีบไม่ใช่เหรอทำไมดูไม่เสียใจ

"แล้วพี่ไม่เสียใจเหรอ ที่เขาเป็นแฟนกัน พี่ชอบคนเก่งมันไม่ใช่เหรอ"

ผมเห็นพี่ธาวินมันชะงักมือที่กำลังสไลด์หน้าจอมือถืออยู่

"ก็เสียใจบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงคนเก่งก็คงไม่สนใจกูอยู่แล้ว"

พี่ธาวินตอบมาแบบนี้ แต่เอาจริงเลยนะตั้งแต่วันที่พี่มันบอกว่าจะจีบคนเก่ง ผมยังไม่เห็นพี่มันทำอะไรเลย

"พี่ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ" ผมถามพี่มันตอนที่ข้าวที่ผมสั่งมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว

"ไม่ล่ะ กูอิ่มแล้ว"

พี่ธาวินก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบมานั่งอยู่เป็นเพื่อนผมเวลาที่ผมมานั่งทานข้าวคนเดียว ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องมา ถึงแม้ว่าคอนโดของพี่เขาจะไม่ไกลมาก (อยู่ละแวกเดียวกันกับคอนโดของพี่เติมเต็ม)

"กูกลัวมึงเหงา"

เป็นเหตุผลที่พี่ธาวินมันเคยบอกผม บางทียิ่งมีพี่มันมานั่งอยู่ด้วยผมก็อาจจะยิ่งเหงาก็ได้



"ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ"

พี่มันเงยหน้าจากมือถือมาแล้วมองหน้าผมเหมือนบอกให้ถามได้

"พี่เคยบอกว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วทำไมพี่ถึงจะจีบคนเก่งมันล่ะ"

ผมอยากถามคำถามนี้มาตั้งแต่วันที่พี่ธาวินบอกจะจีบคนเก่งแล้ว

"ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่กับบางคนมันก็อาจจะเป็นข้อยกเว้น อีกอย่างกูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่าคนเก่งมันก็น่ารักดี"


ผมแค่พยักหน้ารับรู้แล้วนั่งทานข้าวต่อ แต่รู้สึกมันอิ่มๆยังไงก็ไม่รู้สิ ผมไม่น่าถามคำถามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่เลยจริงๆ...ให้ตายเถอะ


"อย่าบอกว่าอิ่มแล้ว" พี่มันถามตอนเห็นผมรวบช้อนและดื่มน้ำ

"ครับ"

"กินอย่างกับมดดม เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก"

"อิ่มแล้วจริงๆพี่"

พี่มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ


"ถ้ากูรู้ว่าคำตอบของกูทำให้มึงกินข้าวไม่ลง กูจะไม่ตอบและต่อไปมึงเองก็อย่ามาเสือกถามอะไรแบบนี้อีก"


คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย พี่มันไม่ผิดหรอก เป็นความผิดของผมเองเพราะตอนที่เรากลับมาคุยกันอีกครั้งเมื่อสองสามปีที่แล้ว พี่มันบอกว่ามันจะลืมเรื่องที่ผมเคยพูด และขอให้เราสองคนไม่พูดถึงเรื่องอะไรทำนองนั้นอีก และเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม

ผมเองก็ไม่อยากให้พี่มันอารมณ์เสียมากไปกว่านี้ ผมก็เลยนั่งทานข้าวต่อโดยที่พี่มันนั่งมองผมไปเงียบๆ



"ฟูจิ" ผมมองตามเสียงที่เรียกชื่อ พอหันไปมองก็เห็นเป็นรุ่นพี่ปีสาม คณะสถาปัตย์

"อ้าว สวัสดีครับพี่เอิร์ธ" ผมเอ่ยทักทาย

"กินข้าวซะดึก"

"ครับ แล้วพี่เอิร์ธมาทำอะไรแถวนี้"

"เอาชีทมาให้รุ่นน้อง"

"อ๋อ ครับ"

"งั้นพี่ไปล่ะ ไว้เจอกัน"

พี่เอิร์ธพูดเสร็จก็เอามือมาขยี้ผมของผมเบาๆ


พอพี่เอิร์ธเดินห่างออกจากโต๊ะไปแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น


"ทำไมต้องให้มันลูบหัวว่ะ"


ผมไม่แน่ใจว่าพี่เอิร์ธจะได้ยินที่พี่ธาวินพูดมั้ย เพราะพี่มันก็พูดเสียงดังและพี่เอิร์ธก็เพิ่งเดินออกไป ผมหันไปมองตามหลังพี่เอิร์ธ แต่พี่เขาไม่ได้มองกลับมา หวังว่าจะไม่ได้ยิน


"พี่เสียงดังทำมั้ยเนี่ย"

"มึงยังไม่ตอบกูเลยว่าให้มันลูบหัวทำไม"

"พี่เขาก็ทำแบบนี้ประจำ"

"อะไรนะ!ทำเป็นประจำ"

"........"

"มึงแน่ใจนะว่าเขาเป็นแค่รุ่นพี่"

"พี่ถามแปลกจัง"

"อย่าให้กูรู้ทีหลังล่ะกัน"


พี่มันบ่นๆออกมาตามประสามัน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมกับมันทะเลาะกันบ่อย แต่อย่าใช้คำว่าทะเลาะดีกว่าเพราะมีแค่พี่มันที่หงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว มันบอกว่าผมเป็นผู้ชายไม่ควรที่จะมีผู้ชายมาทำอะไรแบบนี้ มาแตะเนื้อตัวแบบนี้


และพี่มันเคยบอกว่าจะให้ผมเป็นผู้ชายเต็มตัวให้ได้ และผมก็เคยบอกมันไปแล้วว่า ผมก็เป็นผู้ชายเต็มตัวแค่ผมชอบพี่มันเท่านั้น ไม่ใช่ชอบใครก็ได้ที่เป็นผู้ชาย แต่พี่มันบอกเกย์ก็คือเกย์ ผิดหวังจากผู้ชายอีกคนก็อาจจะไปรักกับผู้ชายอีกคนก็ได้ ผมก็เลยขี้เกียจอธิบายอะไรอีก แล้วแต่พี่มันจะคิดแล้วกัน


มักจะมีรุ่นพี่บางคนมาทำแบบนี้กับผมแบบที่พี่เอิร์ธทำก็จริง แต่ผมว่าสมัยนี้การทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมันคงจะไม่ได้หมายถึงเขามาชอบเราแบบชู้สาวหรอก รุ่นพี่บางคนก็ทำคงเพราะความเอ็นดูมากกว่า

ผมตัวสูงพอๆกับคนเก่ง แต่ถ้าเทียบหน้าตาแล้วคนเก่งมันหน้าตาน่าเอ็นดูกว่าผมเยอะ และถ้าเทียบกันจริงๆ พวกรุ่นพี่ชอบถึงเนื้อตัวคนเก่งมากกว่าผมอีก


"ไอ้นี่มันเรียนวาดรูปไม่ใช่เหรอ คนละคณะ รู้จักมันได้ไง"

"พี่เขาเรียนสถาปัตย์ ไม่ใช่วาดรูป"

"มันก็วาดรูปนั่นแหละ แล้วยังไง รู้จักมันได้ไง"

"รูมเมทของส้มส้มเป็นน้องสาวพี่เอิร์ธ ส้มส้มมันพารูมเมทมากินข้าวด้วยบ้างเลยได้เจอพี่เอิร์ธด้วย"

พี่ธาวินถอนหายใจแรงและนั่งกอดอกมองผมอย่างไม่สบอารมณ์

"พี่หงุดหงิดอะไร"

"หงุดหงิดมึงนั่นแหละ"


ผมถอนหายใจออกมาบ้าง เป็นแบบนี้ประจำครับเวลาที่มีผู้ชายมาทำแบบนี้กับผม ไม่รู้ทำไมพี่มันถึงได้รังเกียจเกย์มากมาย แต่จะว่ามันรังเกียจเกย์ก็ไม่ใช่เพราะพี่มันก็บอกว่าชอบคนเก่ง


ผมไม่เข้าใจพี่มันเลย



ผมนั่งทานข้าวจนเสร็จและเดินไปจ่ายเงิน เดินกลับมาเห็นพี่มันยืนรออยู่หน้าร้านข้าว

"พี่กลับเลยมั้ย" ผมถาม

พี่มันไม่ได้ตอบอะไรแต่พี่มันเดินไปทางเดินที่จะไปหอพักผม ผมก็เลยเดินตามไป พอถึงหน้าหอผมก็มองเห็นรถพี่ธาวินจอดอยู่

"เอากุญแจรถลงมาหรือเปล่า" พี่ธาวินถาม

"เปล่าครับ พี่จะใช้รถเหรอ"

"ว่าจะเอารถไปตรวจสภาพ มันถึงกำหนดแล้ว"

รถคันที่ผมใช้อยู่เป็นรถของพี่ธาวินไม่ใช่รถของผมหรอกครับ พี่มันให้ผมเอารถคันนี้มาใช้หลังจากที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้ประมาณสองอาทิตย์ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธแต่ก็มีปากเสียงกันไปหลายครั้ง ผมก็เลยตัดความรำคาญ

"แล้วพี่จะขับกลับยังไงสองคัน ให้ผมขับไปส่งมั้ย"

"ใครจะขับสองคันกลับว่ะ ก็เดี๋ยวกูขับฟอร์จูนเนอร์กลับ ส่วนบีเอ็มก็จอดไว้นี้ให้มึงใช้"

"ไม่เอาหรอก รถแพง เผื่อขับไปชนอะไรขึ้นมา เดี๋ยวผมขับไปส่งดีกว่า"

"ที่ผ่านมาเคยชนรึไง เอาตามนี่ ขึ้นไปเอากุญแจรถมา"


พี่ธาวินเดินไปเปิดประตูและนั่งรอบนรถบีเอ็มของตัวเอง ผมก็เลยต้องเดินกลับขึ้นไปเอากุญแจรถบนห้อง

ใช้เวลาไม่นานผมก็เอากุญแจรถมาให้พี่ธาวิน พี่มันก็เดินลงจากรถบีเอ็มและปิดล็อครถเรียบร้อยก่อนยื่นกุญแจให้ผม

"พรุ่งนี้อย่าให้เห็นว่าไปเรียนด้วยวิธีอื่นๆที่ไม่ใช่ขับรถคันนี้ไป"

"รู้แล้วๆ"

พี่ธาวินปลดล็อครถฟอร์จูนเนอร์ และเปิดประตูไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีหนังสือเรียนอยู่บนรถ ผมเลยรีบเดินไปเคาะกระจกรถก่อนพี่ธาวินจะขับออกไป

ก๊อก ก๊อก

พี่ธาวินลดกระจกลงมา

"อะไร"

"มีหนังสืออยู่เบาะหลัง"

พี่ธาวินเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางอยู่ที่เบาะรถด้านหลังมาให้

"ทำไมเอาไว้บนรถว่ะแทนที่จะเอาไว้อ่าน"

"บ่นๆ ทำอย่างกับพี่ไม่เคยทำ"

ผมรับหนังสือมาจากพี่ธาวินแต่พี่มันไม่ยื่นให้ธรรมดา พี่มันยื่นมาพร้อมกับผลักหัวผมเบาๆทีหนึ่ง

"ย้อนๆ ขึ้นห้องได้แล้ว"

ผมเบะปากให้พี่มัน แล้วก็เดินหันหลังมาเพื่อจะขึ้นหอ พอหันหน้ากลับไปมองอีกทีก็เห็นพี่มันจะไม่ขับรถออกไป ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ พี่มันก็ชี้นิ้วส่งสัญญาณประมาณว่าให้ขึ้นห้อง ผมก็แค่พยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นหอ ไม่ได้หันไปมองพี่มันอีก




หลังจากวันที่คนเก่งมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ผ่านมาก็เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่คนเก่งมันจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ พี่เติมเต็มแสดงออกชัดเจนสุดๆว่าโคตรจะรักมัน ถึงคนเก่งมันจะบอกว่าพี่เติมเต็มไม่เคยพูดว่ารักมันก็เถอะ แต่ถ้าคนนอกอย่างผมมอง มองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าพี่เติมเต็มโคตรรักมันเลย


เฮ้อ.....อดอิจฉามันนิดๆไม่ได้


วันนี้ผมขับรถกลับมาที่บ้านครับ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่ผม ผมก็เลยจะมาทำบุญถวายสังฆทานให้พ่อกับแม่ และจะไปทำความสะอาดที่เก็บอัฐิของท่านด้วย


ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ค่อยอยากกลับมาที่บ้านสักเท่าไหร่เพราะที่นี่ไม่มีใครรอผมอยู่ ไม่มีกับข้าวอร่อยๆไว้รอผม ไม่มีใครที่อยู่รอชื่นชมความสำเร็จของผม และยิ่งกลับมาที่นี่ผมก็ยิ่งคิดถึงพ่อกับแม่


แต่ที่นี่ก็เป็นที่เดียวที่ผมปล่อยโฮได้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็น


ถึงผมไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก แต่บ้านผมก็ยังสะอาดไม่มีฝุ่นอยู่เสมอ นั่นก็เพราะพี่ธาวินมันให้คนมาคอยทำความสะอาดที่บ้านผมประมาณอาทิตย์ละสองครั้ง ตั้งแต่ช่วงที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผมเคยบอกพี่มันแล้วว่าไม่ต้อง แต่พี่มันก็พูดว่าแม่ผมคงจะไม่ชอบที่เห็นบ้านสกปรก

ผมก็เลยพูดอะไรไม่ออกเพราะก็จริงอย่างที่พี่มันพูด แม่ผมเป็นคนที่รักความสะอาดมากๆ



ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องก่อนที่จะเดินลงมาข้างล่าง ผมกำลังจะคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจอใครบางคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก

"พี่วิน มาได้ไงเนี่ย"

"ขับรถมา"

"ไม่ หมายถึงพี่เข้ามาได้ไง" พอถามเสร็จก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่มันมีกุญแจบ้าน และท่าทางชะงักของผมก็ทำให้พี่มันพยักหน้าว่าผมเข้าใจถูกแล้ว

"พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่บ้าน"

"กูรู้ว่ามึงต้องกลับมาที่นี่ช่วงนี้ทุกปีอยู่แล้ว"

คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมรู้สึกมีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอ พี่มันจำได้

"กินอะไรหรือยัง"

"กำลังจะออกไปหาอะไรกินครับ"

"งั้นไปกัน"

พี่ธาวินลุกขึ้นเดินนำผมออกไปจากบ้าน ผมก็เลยเดินตามออกไปก่อนจะปิดประตูบ้านไว้ พี่ธาวินไปนั่งรอผมอยู่บนรถเรียบร้อย หลังจากปิดประตูรั้วเสร็จผมก็เดินไปขึ้นรถ แล้วพี่ธาวินก็ขับออกไป

พี่ธาวินพาผมมาทานข้าวที่ร้านอาหารที่อยู่ในตัวเมือง ช่วงหัวค่ำแบบนี้คนกำลังเยอะ หลังจากที่พี่ธาวินสั่งอาหารเรียบร้อย พี่มันก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เจออยู่ในกระเป๋ากางเกง

"เป็นไร"

"สงสัยผมจะลืมมือถือไว้ที่บ้าน"

ในเมื่อไม่มีมือถือผมก็เลยเลือกมองไปรอบๆร้านแทนเพื่อรอเวลาที่อาหารจะมาเสิร์ฟ


"ไอ้เต็มแม่ง ดูมันไลฟ์อีกแล้ว แล้วแฟนมันไม่รู้ว่ามันไลฟ์ พอรู้เท่านั้นแหละโดนงอนเลย แล้วคราวนี้มันต้องง้อแฟนผ่านไลฟ์"

พี่ธาวินพูดขำๆ

"ดูป่ะ"

พี่ธาวินถามผมแต่ผมยังไม่ได้ตอบ พี่มันก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างผมและยื่นมือถือให้ดูด้วยกัน ไหล่ของผมแนบชิดกับไหล่ของพี่ธาวิน ใจผมมันเต้นแรงขึ้นทันที ผมนั่งดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในไลฟ์พูดอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะใจผมมันมัวแต่นึกถึงความใกล้ชิดที่คนข้างๆมีให้




"พี่วิน" มีเสียงผู้หญิงเรียกพี่มัน

"อ้าว มิ้นต์" พี่ธาวินหันไปทักผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่

"กลับมาไม่เห็นบอกมิ้นต์เลย"

"พี่เพิ่งมาถึง"

"แล้วคืนนี้ พี่วินว่างหรือเปล่าคะ" ผู้หญิงที่ชื่อมิ้นต์ส่งสายตาที่ลึกซึ้งให้พี่มันตอนที่พูดว่า...คืนนี้

"ไว้พี่โทรหาอีกทีดีกว่าตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำเอง" พี่ธาวินตอบไปแบบนั้น ผู้หญิงคนนัันก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง


อาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟพอดี พี่มันก็เลยกลับไปนั่งตามเดิม ผมรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดมากครับ ไม่น่าออกมาทานข้าวกับพี่มันเลย น่าจะบอกว่าไม่หิวหรือบอกว่าทานแล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกมาทานข้าวด้วยกันหรือไปไหนด้วยกันมักจะมีผู้หญิงมาทักพี่มันแบบนี้บ่อย และพี่มันก็ออกไปกับเขาเป็นประจำ

"พี่จะไปกับเขาเลยก็ได้นะ ผมกลับเองได้"

พี่มันชะงักช้อนที่กำลังตักข้าวอยู่

"กูบอกเหรอว่ากูจะไป อย่ามาทำรู้เยอะ"

"เดี๋ยวพี่ก็ต้องไป"

"ไอ้ฟูจิ!"

พอพี่มันเรียกผมแบบนี้ทีไร ผมรู้แล้วว่าผมต้องหยุด

เราต่างคนก็ต่างนั่งทานข้าวกันไปเงียบๆ จนทานเสร็จเรียบร้อย พอพี่ธาวินจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินมาที่รถกัน พอมาถึงที่รถผมก็หันไปบอกพี่ธาวิน


"พี่วิน ผมขอไปเดินเล่นที่สวนตรงใกล้ๆนี่นะ พี่กลับเลย เดี๋ยวผมกลับเอง"

"จะไปทำไมวะ มันเริ่มมืดแล้ว ถ้าไม่กลับกับกูมึงจะกลับยังไง สองแถวก็หมดแล้ว"

"กลับวินมอไซค์ไง"

"จะไปให้ได้ว่างั้น"

ผมพยักหน้า

"ดื้อชิบ"

พี่มันเปิดประตูรถ และผมคิดว่าพี่มันคงจะขึ้นรถแล้วขับออกไป

"ขึ้นรถ"

ผมยืนงงอยู่สักพัก แล้วพี่มันก็เรียกผมซ้ำให้ขึ้นรถ

"กูบอกให้ขึ้นรถ"

ผมก็เลยจำต้องขึ้นรถเพราะพอพี่มันเสียงดังก็เริ่มมีคนมอง ผมคงไม่ได้ไปเดินเล่นที่ไหนแล้วล่ะ เพราะพี่ธาวินมันพาผมขับรถมาจนถึงปากซอยทางเข้าบ้านผมแล้ว

ขับเข้าซอยมาแค่ไม่นานพี่ธาวินมันก็จอดรถ

"รอในรถ ไปเอาของแป๊ป"

ผมมองออกไปเห็นว่าพี่ธาวินจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ตรงทางเข้าจะเป็นร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกิจการของที่บ้านพี่มันครับ ส่วนบริเวณด้านหลังถัดจากร้านมาก็จะเป็นบ้านสามหลังที่สร้างอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกัน

ผ่านไปประมาณสิบนาทีพี่ธาวินก็เดินกลับมาที่รถ พี่ธาวินเปิดประตูด้านหลังและผมเห็นพี่มันวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเบาะ

"พี่จะไปไหน"

เพราะเห็นกระเป๋าเสื้อผ้า ผมเลยถามทันทีที่พี่ธาวินขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ

"ไปส่งมึงที่บ้านไง"

ผมไม่ถามอะไรต่อเพราะผมเดาเอาว่าหลังจากไปส่งผมพี่ธาวินคงจะไปหาผู้หญิงสักคน อาจจะเป็นผู้หญิงที่เจอที่ร้านอาหารเมื่อกี้นี้ก็ได้

แต่ปกติถึงพี่มันจะไปหาผู้หญิงแต่พี่มันก็ไม่เคยหอบเสื้อผ้าไปด้วย...หรือเปล่าว่ะ

ไม่ถึงสิบนาทีรถของพี่ธาวินก็มาจอดที่หน้าบ้านผม ผมกำลังจะหันไปบอกขอบคุณ แต่พี่มันพูดขึ้นมาก่อน

"ลงไปเปิดประตูรั้วสิ"

ผมยังงงๆอยู่ครับ แต่ก็ลงจากรถไปเปิดประตูรั้วให้

หลังจากเปิดประตูรั้วเสร็จผมวิ่งกลับมาหาพี่ธาวินที่รถ

"พี่วินจะเอารถมาจอดในบ้านเหรอ" ผมถาม

"ใช่ ทำไม"

"รอแป๊บหนึ่งนะ ผมขอเลื่อนรถก่อน" ผมบอกพี่ธาวินเพราะรถฟอร์จูนเนอร์ที่ผมขับมาจอดในบ้านก่อนหน้านี้มันขวางอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไปไขกุญแจประตูบ้านและวิ่งไปหยิบกุญแจรถออกมา ก่อนจะขึ้นไปขับและเคลื่อนรถออกเพื่อให้รถของพี่ธาวินเข้ามาจอดได้

ผมลงจากรถหลังจากดับเครื่องยนต์และล็อครถเรียบร้อยมายืนมองดูพี่วินที่จอดรถเสร็จแล้ว เปิดประตูด้านหลังแล้วถือกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา

"พี่จะนอนนี่เหรอ"

"ใช่ ไปปิดประตูรั้วไป" พูดเสร็จพี่ธาวินก็เดินเข้าไปในบ้าน ผมก็เลยรีบวิ่งไปปิดประตูรั้ว ก่อนจะวิ่งตามพี่ธาวินเข้าไปในบ้าน

"ทำไมพี่จะนอนนี่ล่ะ"

"ถามอะไรเยอะแยะวะ"

"ก็คนมันสงสัยนี่หว่า"

"พรุ่งนี้ก็จะพามึงไปทำบุญแต่เช้าไง"


ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจที่พี่มันไม่ได้จะหอบเสื้อผ้าไปนอนกับผู้หญิงคนไหน


"อีกอย่างกูรู้ว่ามึงไม่อยากอยู่คนเดียว....ในช่วงเวลาแบบนี้ กูก็เลยคิดว่ากูอยู่เป็นเพื่อนมึงดีกว่า ดีกว่าให้มึงไปเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างนอก"


พี่มันพูดเสร็จก็เดินขึ้นไปข้างบน และได้ยินเสียงตะโกนลงมาว่า

"กูนอนห้องมึงนะ"




ผมใช้มือจับลงที่หน้าอกด้านซ้ายมือของตัวเอง มันเต้นแรงจนจะทะลุออกมา ผมไม่รู้ว่าพี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไรอยู่ พี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมกลัว ผมอ้างว้าง ในการที่ต้องอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้


แต่เรื่องที่พี่มันยังไม่รู้ก็คือ พี่มันไม่เคยรู้ว่าผมไม่เคยตัดใจจากพี่มันได้เลย

และยิ่งพี่มันใจดีกับผมแบบนี้

ผมยิ่งตัดใจไม่ลง







TBC.



เอาคู่รองมาเปิดตัวแบบสั้นๆนะคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2019 13:57:49 โดย ninewara »

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ต้องจับพี่วินมาเขย่าๆ ป่ะ ความคิดสติจะได้เข้าร่องเข้ารอย หึงน้องซะงั้นแต่ยังลีลาเหลือเกิน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปากกับการกระทำมันสวนทางกันมากมายเลยนะ อิพี่วิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารฟูจิจัง

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
พี่วินนี่กำลังอยู่ช่วงทดสอบตัวเองหรืออะไร มาดีด้วยแบบนี้คนเขาก็รักดิ
แล้วก็หวงๆ อีก สงสารฟูจิ คนแอบรัก

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
สงสารฟูจิอ่ะ อีพี่แม่งทำเหมือนหวงน้องแต่ก็ทำร้ายจิตใจน้อง
ถ้าไม่รักน้องก็อย่ากลายร่างเป็นหมาหวงก้าง  :m16: :m16:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อยากจะจับนังพี่มาตี
ไปนั่งคุยกับตัวเองก่อนมั้ยที่ทำอยู่ตอนนี้คืออะไร
 :z3:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สงสารรร


Sent from my iPad using Tapatalk

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
สงสารฟูจิบ้างพี่วิน ไม่รักไม่ต้อง....(ไปหาเพลงของนิวจิ๋วฟังซะ)   :angry2:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ขออีกๆๆๆๆๆ
ขอพี่วินกะฟูจิอีกกกกกกกกกกกกกก
+1 รอๆๆๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
สงสารน้องฟูจิมีคนปากแข็ง

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ชอบคู่รองค่ะ
หน่วงๆแบบมีลุ้น

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ธาวิน ❤️ ฟูจิ [2]



[ธาวิน part]



ผมหันไปมองคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างๆผม

...ฟูจิ...

ฟูจิเป็นเด็กรุ่นน้องที่อยู่แถวบ้าน รู้จักกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดเป็นเด็กผู้ชายที่ผมสนิทสนมที่สุดในบรรดารุ่นน้องทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่ความสัมพันธ์ที่มันเคยดีมากมาตั้งแต่แรกมันก็เปลี่ยนไป

เมื่อวันหนึ่งในตอนที่ผมอยู่มอสาม ขณะที่ผมยืนคุยกับเพื่อนพี่สาวอยู่ตรงบริเวณหลังบ้าน อยู่ๆเพื่อนพี่สาวก็จูบผม (ที่จริงมันแค่ปากแตะปากเท่านั้น) ผมเองก็ตกใจถึงแม้จะพอรู้ว่าเพื่อนพี่สาวน่าจะคิดอะไรกับผม แต่ผมไม่ได้สนใจ

ที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่ฟูจิมันมาเห็นฉากจูบนี้พอดี และมันเข้ามาผลักเพื่อนของพี่สาวจนเขาล้มลง และมันยังไปพูดให้เขาเข้าใจผิดว่า ... ผมเป็นแฟนมัน

ความรู้สึกแรกของผมคือผมโมโหมันมากที่มันพูดแบบนั้นออกไป อารมณ์ของผมคือมึงปรึกษากูหรือยังว่ากูคิดเหมือนมึงมั้ย


'ถ้ามึงกำลังคิดอะไรกับกูอยู่ก็ขอให้มึงเลิกคิดซะ กูให้มึงได้แค่คำว่าพี่น้อง ถ้าเกินกว่านั้นกูคงให้ไม่ได้ เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชายและกูไม่ได้ชอบมึง กูจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา กูจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น'

ผมตะคอกใส่มันอย่างแรงด้วยคำพูดข้างต้น ตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยพูดหยาบคายกับมันแบบนี้มาก่อน ซึ่งถ้าผมพูดหยาบกับมันมาตั้งแต่แรกก็อาจจะดีกว่านี้ มันจะได้ไม่คิดว่าผมคิดอะไรกับมัน

และความรู้สึกที่ถัดมาจากความโมโห คือการที่ผมเสียความรู้สึก ผมไม่คิดว่าความใกล้ชิดสนิทสนมที่ผมมีให้มันมาตลอด กลับถูกมันมองไปในแบบชู้สาว แต่ถ้าถามว่าในใจลึกๆผมยังเป็นห่วงมันมั้ย ผมก็ยังคงเป็นห่วงเพราะมันก็เหมือนน้องชาย แต่ถ้าจะให้กลับไปสนิทหรือคลุกคลีกันเหมือนเมื่อก่อนมันคงจะไม่ได้แล้ว

ในตอนนั้นผมก็เลยเปลี่ยนแผนสำหรับชีวิตตัวเองในเรื่องเรียนใหม่ จากเดิมที่ผมได้โควต้าในการเรียนต่อมอปลายที่โรงเรียนเดิมได้อยู่แล้ว ผมก็เปลี่ยนเป็นลงสมัครสอบเข้ามอปลายที่โรงเรียนสาธิตของม.S แทน เหตุผลเพราะไหนๆผมก็ตั้งใจจะเรียนต่อที่ม.S อยู่แล้ว ผมก็น่าจะไปเรียนมอปลายที่โรงเรียนสาธิตของม.S ซะเลย

ที่พูดมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของอ้าง


ที่จริงแล้วตอนนั้นผมอยากจะห่างจากฟูจิ ตอนนั้นฟูจิมันเพิ่งจะอยู่มอหนึ่ง มันคงจะแค่หวั่นไหวไปตามประสาเด็กผู้ชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเหมือนผม ที่ผมเองก็เป็น ถ้าห่างกันไม่เจอกันผมว่ามันน่าจะดีกับเราทั้งคู่

พอผมไปเรียนที่โรงเรียนสาธิตของม.S ผมก็ย้ายไปอยู่คอนโดที่โน่นเลย ไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนักถึงแม้ว่าจะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกัน เพราะคนที่บ้านผมไปหาผมบ่อย แต่ทุกครั้งที่ผมกลับมาผมก็จะมีโอกาสได้เจอฟูจิมันบ้าง เจอในที่นี้หมายถึงเจอมันมาแอบดูผม

จนช่วงที่ผมเรียนมอหก ผมไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยเพราะผมวุ่นวายทั้งเรื่องเรียน เรื่องหาที่เรียน เรื่องคะแนนสอบ วุ่นวายไปหมด จนพอผลที่ม.S ออกว่าผมผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนต่อได้ ที่บ้านผมพวกญาติๆก็อยากจะเลี้ยงฉลองกัน นั่นทำให้ผมได้เจอกับฟูจิในรอบสองปีกว่าๆเห็นจะได้ ที่เจอกันไม่ใช่เพราะฟูจิมันมางานเลี้ยงด้วยหรอกนะ แต่ผมบังเอิญเจอมันตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เครื่องแบบของพนักงานในร้าน และผู้ชายคนนั้นก็คือฟูจิ

ผมยอมรับเลยว่าผมตกใจที่เจอฟูจิในสภาพนี้ ทำไมมันต้องมาทำงานตอนนั้นมันเพิ่งจะอายุแค่สิบหกเท่านั้น พอผมเจอมันผมก็พยายามถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องมาทำงาน แต่มันไม่ยอมบอก คุยกันได้ไม่นานมันก็ขอตัวไปทำงานต่อเพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะ

หลังจากที่ทานข้าวกับญาติๆเสร็จแล้ว พอทุกคนแยกย้ายไปกันหมด ผมก็เลือกที่จะนั่งรอฟูจิมันอยู่ในรถที่ผมจอดไว้ที่แถวๆหน้าร้าน ไม่รู้ว่ามันจะเลิกงานตอนไหนแต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ในคืนนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผมนั่งรอฟูจินานมากตั้งแต่สามทุ่มกว่าๆ จนตอนนี้นาฬิกามันเลยเลขสิบสองมาแล้ว ผมถึงได้เห็นฟูจิมันเดินออกมา ฟูจิเดินมาตามทางเดินและกำลังจะเดินผ่านรถผมไป

"ฟูจิ" ผมเปิดประตูรถและเรียกฟูจิ ฟูจิชะงักและมองผมด้วยความตกใจ มันคงไม่คิดว่าผมจะรอ

"ขึ้นรถ" ผมบอก

"ขับรถเนี่ยมีใบขับขี่หรือยังเหอะ"

"แล้วอายุสิบหกเนี่ยทำงานร้านแบบนี้ได้แล้วเหรอ"

"ก็ร้านอาหารธรรมดาอะ"

"อายุสิบแปดทำใบขับขี่ได้แล้ว"

ผมก็ไม่รู้ว่าผมกับมันเรากำลังทำอะไรกันอยู่กันแน่ว่ะ

"ขึ้นรถ จะไปส่ง" ผมพูดอีกครั้งก่อนที่ในที่สุดฟูจิตัดสินใจเปิดประตูด้านข้างคนขับขึ้นมานั่ง

ผมขับรถมาส่งฟูจิถึงบ้านโดยที่เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผมจอดรถที่หน้าบ้านฟูจิ ตั้งใจว่าจะคุยกับมันในรถ

"มึงยังไม่ตอบกูเลยนะว่าทำไมมาทำงานที่ร้านอาหาร" ผมถาม

"ก็ไม่ทำไม ก็อยากได้ตังค์อะ"

"จะเก็บเงินไปซื้ออะไร แล้วอายุสิบหกเนี่ยเขาก็รับเหรอ"

"มันก็เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาๆ"

ผมกำลังจะถามต่อ แต่ฟูจิมันพูดขัดขึ้นมาก่อน

"พี่วินจะคุยอีกยาวหรือเปล่า เข้าไปคุยในบ้านก็ได้ ผมอยากอาบน้ำ"

"แล้วจะไม่กวนพ่อกับแม่เหรอ มันดึกมากแล้ว" ผมถามเพราะผมจำได้ว่าพ่อแม่ของฟูจินอนเร็วและค่อนข้างเจ้าระเบียบ กลัวเสียงดังแล้วท่านจะตื่น

ผมเห็นฟูจิชะงักเล็กน้อย

"ไม่กวนหรอก" ฟูจิบอก ก่อนที่จะเปิดประตูรถและเดินลงไป ตัวผมก็จัดการดับเครื่องรถและเปิดประตูเดินตามฟูจิเข้าไปในบ้าน

"ไม่เห็นรถ แสดงว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่" ผมพูดขึ้น เพราะที่บ้านของฟูจิจะมีรถยนต์อยู่คันหนึ่งเป็นของพ่อและแม่ฟูจิใช้ด้วยกัน

"ครับ ไม่อยู่"

ฟูจิตอบแค่นั้นแล้วก็ไขกุญแจบ้าน แล้วเดินไปเปิดไฟจนทั่วบ้าน

"ผมขึ้นไปอาบน้ำแป๊ปหนึ่งนะ พี่นั่งดูทีวีรอไปก่อน"

ฟูจิเปิดทีวีก่อนที่จะยื่นรีโมทมาให้ผม ผมก็พยักหน้ารับรู้ หลังจากที่ฟูจิเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว ผมก็มานั่งพิจารณามองดูรอบๆบ้าน ตั้งแต่ที่ผมไม่ได้คุยกับฟูจิเมื่อหลายปีก่อนผมก็ไม่เคยมาที่บ้านนี้เลย แต่ถึงมันจะผ่านมาหลายปี ในความทรงจำของผม ผมว่าบ้านหลังนี้มันเคยสดชื่นกว่านี้ ตอนที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านถ้าสายตาผมมองไม่ผิด ผมว่าผมเห็นเศษใบไม้เกลื่อนไปหมด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่พ่อของฟูจิจะปล่อยไว้แบบนั้น เท่าที่ผมจำได้ท่านเป็นคนที่รักต้นไม้และชอบดูแลต้นไม้มากๆ

ผมถือวิสาสะเดินไปที่ห้องครัว ผมเปิดตู้เย็นดูก็ต้องประหลาดใจเพราะในตู้เย็นมีแค่น้ำเปล่าสองขวดเท่านั้น ซึ่งต่างจากเดิมที่ผมเคยมาเมื่อหลายปีก่อน ที่ปกติตู้เย็นที่นี่จะต้องอัดแน่นไปด้วยของสดและของกินต่างไป

มือผมไปจับโต๊ะทานข้าวก็สัมผัสได้เลยว่าบนโต๊ะทานข้าวเต็มไปด้วยฝุ่น และเมื่อผมมองดีๆข้าวของต่างๆก็มีฝุ่นเกาะเหมือนกัน มันอาจจะไม่ใช่ฝุ่นที่หนาเตอะอะไร แต่ถ้าคุณได้รู้จักแม่ของฟูจิ คุณจะรู้ว่าแม่ของฟูจิจะไม่ปล่อยให้ของในบ้านมีฝุ่นเกาะแบบนี้แน่นอน

ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้ในห้องรับแขกตามเดิม ไม่นานมากฟูจิก็เดินลงมา และเดินเข้าไปในครัว ผมก็เลยลุกเดินตามไป

"ผมลืมถามพี่เลยว่าพี่จะกินอะไรมั้ย ถ้าพี่จะกินผมมีแต่มาม่านะ"

ฟูจิเปิดตู้ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ครัว และหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสองซอง มันแกะบะหมี่ใส่ชามและเติมน้ำก่อนจะเอาไปเข้าไมโครเวฟ และมานั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ผมเองก็นั่งลงตรงข้ามกับมัน

"ดีใจด้วยนะพี่ ที่พี่ได้เรียนม.S อย่างที่พี่ตั้งใจ" ฟูจิมันพูดขึ้นมา

"อืม ขอบใจ แล้วมึงเป็นไง เอาคำตอบแบบดีๆซิ ว่าทำไมต้องไปทำงาน"

"ก็อยากเก็บตังค์ อยากได้ตังค์ อย่างที่บอก"

"ออกไปทำงานแบบนี้พ่อกับแม่ไม่ว่าเหรอวะ กลับก็ดึก"

"ไม่ได้ทำทุกวันหรอก ทำแค่อาทิตย์ละสี่วัน"

เสียงไมโครเวฟดังขึ้น ฟูจิลุกไปหยิบชามที่ใส่บะหมี่ออกมา แล้วมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าว

"พี่วิน กินมั้ย" ฟูจิถามผม

ผมชอบเวลาที่มันเรียกผมว่า 'พี่วิน' มากกว่าที่มันจะเรียกผมว่า 'พี่' เฉยๆ

"ไม่อะ แล้วไม่มีอะไรที่มันดีมากกว่ามาม่าแล้วหรือไงวะ"

"ปกติก็จะเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเซเว่นปากซอย แต่พอนั่งรถมากับพี่ ผมก็เลยไม่ได้แวะ"

"ทำไมไม่บอกว่ะ คราวหน้าต้องบอกล่ะ"

"ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ" ฟูจิมันถามผม

พอเวลาผ่านไปผมก็เริ่มจะลืมๆไปบ้างแล้วว่าฟูจิมันเคยพูดอะไรไว้เมื่อหลายปีก่อน อันที่จริง มันก็แค่บอกเพื่อนพี่สาวผมว่า 'มาจูบแฟนผมทำไม' แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยถามอะไรจริงจังว่ามันคิดกับผมมากกว่าพี่ชายจริงมั้ย แต่การที่ผมพูดชัดเจนออกไปในวันนั้น และฟูจิมันก็ไม่ได้โต้แย้ง ผมก็ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย

ผมเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบสิ่งที่ฟูจิมันถาม ฟูจิมันก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีกนอกจากก้มหน้าก้มตาทานบะหมี่

ทานไปได้สักพักฟูจิก็ลุกขึ้นไปเปิดเอาน้ำในตู้เย็นมาดื่ม

"แล้วนี่ในตู้เย็นไม่เห็นมีอะไรเลยมีน้ำเปล่าแค่สองขวด"

ผมถามและเห็นมือของฟูจิที่กำลังจับแก้วน้ำสั่นเล็กน้อย

"ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไม่รู้จะซื้อของแช่ไว้ทำไม"

ผมว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วล่ะ เพราะถึงฟูจิมันไม่ค่อยอยู่แต่พ่อและแม่ก็ต้องอยู่บ้าน จะบอกว่าเป็นเพราะมันไม่ค่อยกลับบ้านคงไม่ใช่เหตุผล

"ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟูจิ มึงจะพูดได้หรือยัง" ผมถามและเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

ฟูจิมันไม่พูดอะไร มันนั่งทานบะหมี่ของมันต่อจนเสร็จ ผมก็นั่งมองมันไปแบบนั้น พอมันทานเรียบร้อยมันก็เอาชามไปล้างหลังจากที่มันล้างชามเสร็จ มันก็ยืนหันหลังให้ผมนิ่งๆสักพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาหาผม

"ไปคุยกันที่ห้องรับแขกดีกว่าครับ"

ผมพยักหน้าและเดินนำมันออกไปก่อน พอไปถึงผมก็นั่งลงตรงโซฟา ฟูจิเดินตามมานั่งลงบนโซฟาอีกตัว ตอนนี้มีแค่เสียงของทีวีที่ฟูจิเปิดไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำ ช่วยให้บ้านไม่เงียบจนเกินไป

"พ่อกับแม่ผมเสียไปได้หลายเดือนแล้วครับ อุบัติเหตุรถคว่ำ"

ฟูจิพูดขึ้นมา เสียงไม่ได้ดังมากนักแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน จนไม่จำเป็นต้องให้มันพูดซ้ำ ใจผมหล่นไปอยู่ที่พื้น ผมไม่เคยรู้เลย

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ประมาณสามสี่เดือนครับ"

"แล้วที่ต้องทำงานเพราะไม่มีเงินเหรอ"

"........"

"เลิกทำไปเลย กูช่วยมึงได้"

"ไม่ต้องช่วยผมหรอก ผมไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ผมมีเงินในบัญชีที่พ่อแม่ฝากไว้ให้ไม่ได้เยอะมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบาก ที่ผมทำงานเพราะผมอยากได้เงินเพิ่มกว่าเดิมอีกสักนิด"

"ทำไมไม่บอกกู ทำไมไม่โทรหา" ผมโคตรโมโหมันเลยตอนนี้

"พี่แน่ใจเหรอว่าถ้าเห็นเบอร์ผมแล้วพี่จะรับ" คำถามนี้ทำให้ผมนิ่งไป ผมเองก็ตอบไม่ถูกว่าถ้ามันโทรหาผมจริงๆผมจะรับสายมันมั้ย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นมันก็ไม่เคยโทรหาผมอีกเลย

"ยังไงกูก็เห็นมึงเป็นเหมือนน้องชายกู" ผมตอบในสิ่งที่ตรงกับใจผมมากที่สุด

"แต่พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดกับพี่แบบพี่ชาย" ฟูจิมันพูดออกมา

"ฟูจิ" ผมเรียกชื่อมันอย่างอ่อนใจ

"พี่วิน ถ้าพี่จะมาดีกับผมเพราะพี่สงสารชีวิตผมตอนนี้พี่ไม่ต้องนะ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ลำบากและผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร" ฟูจิมันพูดและถ้ามองไม่ผิด น้ำตามันกำลังคลอ

ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมัน ผมก็เลยลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้มัน

"กูยังอยากเป็นพี่น้องกับมึงนะฟูจิ ถ้ามึงคิดเหมือนกันกับกู ยังอยากเป็นน้องชายกูอยู่ กูขอแค่คำตอบสั้นๆว่าโอเค แล้วกูจะลืมว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู แล้วเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก แต่ถ้าไม่ กูจะถือว่าความเงียบของมึงคือคำตอบ"

อาจจะดูเหมือนผมใจร้ายที่พูดแบบนี้กับมัน แต่ผมก็อยากให้มันตัดสินใจ ผมเองก็ไม่อยากเสียน้องอย่างมันไปแต่ถ้าจะให้คิดเกินกว่านี้มันก็ไม่ได้


"ดึกมากแล้วพี่กลับเถอะ" ฟูจิเงียบอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมา ผมถอนหายใจหนักๆ แสดงว่ามันเลือกแล้วสินะ

ผมไม่พูดอะไร ผมเดินมาที่หน้าประตูรั้วและฟูจิมันก็เดินตามผมมา ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถฟูจิมันก็เรียกผมไว้

"พี่วิน"

ผมมองหน้ามัน

"ผมไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ขอพูดเป็นภาษาไทยแทนก็ล่ะกัน ... ตกลง "

กว่าผมจะเข้าใจในสิ่งที่ฟูจิมันสื่อมา ฟูจิมันก็เดินเข้าไปในบ้านหลายนาทีแล้วครับ แล้วผมก็มานั่งหัวเราะขำฟูจิในรถ ไม่เก่งภาษาอังกฤษอะไรล่ะ มันได้เกรดสี่ภาษาอังกฤษตลอด



ที่ผมเล่ามาทั้งหมดข้างต้นคือเหตุการณ์เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว แต่เหตุการณ์ปัจจุบันคือผมมานอนที่บ้านของฟูจิเพราะพรุ่งนี้ผมจะพามันไปทำบุญให้พ่อกับแม่ของฟูจิที่วัด ฟูจิมันชอบทำตัวเข้มแข็งแต่มันชอบแอบร้องไห้คนเดียวบ่อย และมันก็ชอบคิดว่าผมจำเรื่องอะไรต่างๆของมันไม่ได้

คุณเคยเป็นมั้ย? เรื่องบางอย่างเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะจำแต่เรากลับนึกมันได้ทันทีที่เห็นหรือเจอ

เรื่องของฟูจิ สำหรับผมก็เป็นแบบนั้นแหละ ผมจำเรื่องของฟูจิได้ดีจนตัวเองยังแปลกใจ


เช้าวันต่อมา

หลังจากที่ผมพาฟูจิมันไปทำบุญให้พ่อกับแม่เรียบร้อย ผมก็ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงศาลาริมน้ำที่อยู่ภายในวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เอาไว้ปล่อยปลาและให้อาหารปลา ฟูจิมันจะเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่มาทำบุญ หลังจากทำเสร็จมันจะมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของมันที่นี่ ผมเคยนั่งรอมันถึงสองชั่วโมงกว่า ซึ่งมันก็เก่งดีที่มันนั่งอยู่เฉยๆได้ตั้งสองชั่วโมง

เวลาที่ฟูจิมันไปนั่งที่ศาลาริมน้ำผมก็จะนั่งรอมันอยู่ใกล้ๆ ผมก็นั่งเล่นมือถืออะไรของผมไปฆ่าเวลารอมัน แต่วันนี้ไม่ถึงสามสิบนาทีฟูจิมันก็เดินมาหาผม

"ทำไมวันนี้เร็ว" ผมถามด้วยความแปลกใจ

"ผมมาคิดได้ว่า พ่อกับแม่คงไม่อยากให้ผมเศร้านานและจมอยู่แบบนี้แน่ๆ ถ้าท่านรู้ก็คงไม่สบายใจ"

"คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว"

ผมเห็นด้วยกับมัน

"แล้วก็....รวมถึงเรื่องพี่ด้วย"

ฟูจิพูดต่อ

"เรื่องกู?"

"ครับ ผมคิดว่าผมจะเลิกเศร้าเรื่องพี่ แล้วก็เปิดรับคนใหม่เข้ามาบ้างดีกว่า เศร้ามาหลายปีแล้ว อยากยิ้มได้เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง" ฟูจิพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม แล้วก็เดินนำผมไป


แต่ในใจผมนี่สิ

เชี่ยยยยแล้ว


ผมรีบเดินตามฟูจิมาถึงที่รถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าวัด ผมปลดล็อครถและฟูจิก็ขึ้นไปนั่ง ผมเดินตามขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ ผมสตาร์ทรถเอาไว้แต่ยังไม่ขับออกไป

"พี่วินกินไรอะ" ฟูจิถามผมด้วยคำถามปกติอย่างที่มันเคยถาม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องกินหรือเปล่าวะ

"เดี๋ยว ที่มึงพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง"

"อะไร ก็ถามว่าพี่จะกินอะไรไง"

"กูหมายถึงที่มึงบอกจะเปิดรับคนใหม่อะไรของมึงนั่นไง"

"อ๋อ ก็ตามนั้น" ฟูจิมันตอบและมองผมอย่างงงๆ

"มึงจะหาผู้ชายใหม่ว่างั้น"

"อาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้" ฟูจิมันตอบสบายๆจนผมหงุดหงิด

"มึงนี่ยังไงวะ เกย์ที่ไหนจะชอบผู้หญิง"

"ผมเคยบอกพี่แล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมแค่ชอบพี่อะ ผู้ชายคนเดียวที่ผมชอบคือพี่" ฟูจิมันหันมาพูดกับผมด้วยแววตาจริงจัง

"ถ้ากูเป็นผู้ชายคนเดียวที่มึงชอบ แล้วมึงจะหาคนใหม่ทำไมวะ"

"พี่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย" ฟูจิมันมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

อย่าว่าแต่มันเลยที่ไม่เข้าใจ
ตัวผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยตอนนี้




ผมขับรถออกมาในเมืองและวนขับหาร้านอาหาร ในใจผมมันก็ยังค้างคาใจกับสิ่งที่ฟูจิมันพูดก่อนหน้านี้

"แล้วมึงอยู่แบบโสดๆไม่มีแฟนไม่มีใครไม่ได้หรือไงวะ" ผมเริ่มถาม

"มันก็ได้ แต่บางทีเห็นคนเก่งกับพี่เต็ม มันก็รู้สึกอิจฉานิดๆ"

"มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปเถอะ ไม่ต้องคิดเรื่องมีแฟนหรอก"

"ทีพี่ยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย" ฟูจิมันพูดแล้วเบือนหน้าหนีผม

"นั่นควงไง ไม่ใช่แฟน"

"ไม่ใช่แฟนแต่ก็ฟีทเจอริ่งกันได้อ่ะนะ" ฟูจิมันพูดตอนนี้น้ำเสียงมันดูจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

"กูว่าพอเถอะ เหมือนยิ่งพูดยิ่งทะเลาะกัน อย่ามาทะเลาะกันในวันแบบนี้เลย" ผมพูดเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ผมอยากให้มันรู้สึกแย่


ทั้งผมทั้งฟูจิต่างก็เงียบ ก่อนที่ฟูจิจะพูดขึ้นมาว่า

"ผมไม่มีแฟนก็ได้แค่หาคนมาฟีทเจอริ่งเหมือนที่พี่ทำก็พอ"

ผมเบรครถกะทันหันเลยครับ

"พี่วิน!ทำอะไรเนี่ย" ฟูจิมันโวยวายผม ก่อนมันจะหันไปมองข้างหลังว่ามีรถตามหลังมามั้ย

"ดีนะ ไม่มีรถขับตามมา" ฟูจิมันพูด

แต่ผมไม่มีอารมณ์อยากจะคุยหรืออะไรด้วยเลย

"พี่เป็นอะไร" ฟูจิถามผม และผมไม่มีคำตอบให้

แค่คิดภาพว่ามันจะไปมีอะไรกับคนอื่นผมก็รู้สึกเหมือนใจมันหวิวๆแล้ว

"พี่วิน" ฟูจิเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่รู้เลยว่ามันเป็นห่วงผม

ผมแค่มองหน้ามันและขับรถออกมา ขับมาไม่ไกลนักผมก็จอดรถที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง แต่ก่อนที่จะลงจากรถ ผมก็พูดออกมาว่า

"ฟูจิ มึงอย่าเพิ่งมีแฟนได้มั้ยวะ"

"......."

"อยู่เป็นน้องชายของกูก่อนไม่ได้เหรอว่ะ"





TBC.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿ เติมเต็มรัก ✿ ครั้งที่ 19


[เติมเต็ม part[




จากวันนั้นที่ไลฟ์สดขอคนเก่งเป็นแฟนก็มาผ่านมาสี่วันแล้วครับ ซึ่งผลตอบรับส่วนใหญ่เป็นในทางที่ดี ผมได้รับเสียงชื่นชมว่าใจกล้าและมีคนเข้ามาบอกว่าอิจฉาคนเก่งเยอะพอสมควร

แต่มีอยู่คนหนึ่งครับที่ไม่ค่อยโอเคกับสิ่งที่ผมทำ

คนที่คุณกำลังคิดนั่นแหละครับ



ขอย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสักเล็กน้อยครับ

คนเก่งมารู้ว่าผมไลฟ์สดก็วันต่อมาที่มามหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเพื่อนสนิทเป็นคนบอก คนเก่งรู้ตั้งแต่เช้าที่มาถึงแต่น้องไม่ทักมาถามผมและน้องก็ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่านไลน์ผมเลย โทรหาก็ไม่รับ จนผมต้องมาหาถึงที่คณะ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าคนเก่งรู้เรื่องไลฟ์แล้ว และไม่รู้ด้วยว่าน้องงอนผมเรื่องนี้

และพอมาถึงที่คณะของคนเก่ง น้องก็นั่งอยู่โต๊ะประจำของน้องตอนที่ผมเดินมาหาน้อง มีคนมองมาที่พวกเรากันพอสมควร ก็...นะ ผมเล่นไลฟ์สดขนาดนั้น พวกเพื่อนผมมันอัดไลฟ์ไว้ให้ผมด้วย มันบอกคนเข้ามาดูเยอะมาก

"ทำไมไม่ตอบไลน์พี่เลย" ผมถามคนเก่งทันทีที่นั่งลงข้างน้อง

"......." น้องไม่ตอบครับ

ผมเงยหน้ามองเพื่อนของคนเก่งทั้งสองคน แต่ทั้งสองคนส่ายหน้าประมาณว่าไม่รู้เหมือนกัน แล้วฟูจิกับส้มส้มก็ลุกขึ้นไปนั่งโต๊ะอีกตัวถัดไป พวกเพื่อนผมที่เดินมาด้วยกันก็เลยย้ายไปนั่งด้วย

"เป็นอะไร" ผมถาม และเหมือนเดิมครับน้องเงียบ เงียบเหมือนผมไม่มีตัวตนไม่หันมามองผมเลย

"คนเก่ง เป็นอะไรครับ" ผมจับมือน้องที่วางอยู่บนโต๊ะ น้องไม่ได้ผลักไสหรือดึงมือออก ผมใช้มืออีกข้างจัดผมให้น้อง

"โกรธอะไรพี่หรือเปล่า"

"......"

"เพิ่งเป็นแฟนกันเมื่อวานเองนะ" ผมพยายามทำเสียงอ้อนที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนรู้สึกอายตัวเองเหมือนกัน

คนเก่งหันมามองผมตรงๆและถามออกมา

"ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อวานตอนที่อยู่ร้านอาหารพี่ไลฟ์สดด้วย"

น้ำเสียงคนเก่งไม่แสดงอารมณ์อะไรเลยครับ ค่อนข้างเรียบเฉย


งานเข้าผมเฉยเลย


"ไม่อยากให้ไลฟ์เหรอ"

"ครับ"

"ทำไมล่ะ"

"พี่เต็มไม่อายคนอื่นเขาเหรอที่อยู่ๆมาขอผู้ชายเป็นแฟนอะ"

"อายทำไม จูบโชว์ยังได้เลยเนี่ย"

"พี่เต็ม...เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมจริงจังอยู่นะ"

ผมลูบหัวลูบหลังคนเก่งเพื่อปลอบให้น้องใจเย็นๆ

"พี่ก็แค่อยากให้คนเก่งรู้ว่าพี่ชัดเจนนะ พี่อยากให้เรารู้ว่าพี่ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออายใครที่เราเป็นแฟนพี่ พี่ก็เลยคิดว่าวิธีนี้มันน่าจะดีที่สุด ถ้าใครที่กำลังคิดจะเข้ามาจีบเรา มันจะได้เลิกคิดด้วย"

"ใครจะมาจีบผมล่ะครับ"

"ไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยก็มีไอ้วินนั่นคนหนึ่ง"

"......"

"หายโกรธนะ ไม่รู้ว่าไม่ชอบ ขอโทษครับ"

"ไม่ได้โกรธครับ ผมแค่...คือ ... ผมไม่ได้น่ารักขนาดที่จะมาถ่ายอะไรแบบนี้ แล้วฟูจิบอกว่าไลฟ์นานมาก หน้าตาแย่ๆของผมมีคนดูตั้งเยอะ แถมเมื่อวานก็ร้องไห้ด้วย ต้องมีคนว่าพี่แน่ว่าเลือกใครมาเป็นแฟนไม่เห็นจะเหมาะเลย"

"มีคนพูดให้ได้ยินเหรอ"

"เปล่าครับ แต่ต้องมีคนพูดอยู่แล้ว"

"ใครๆก็บอกว่าเราน่ารักทั้งนั้นแหละ"

คนเก่งถอนหายใจออกมา

"เพิ่งรู้ว่าร้ายแบบนี้ เนี่ยตั้งแต่ที่โพสต์รูปตอนนอนหลับแล้วนะ"

พอได้พูดน้องพูดยาวเลยครับ ข้อหาเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

"รู้ว่าร้ายตอนนี้ ก็เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ"

ผมรีบพูดเพราะกลัวคนเก่งบอกไม่เป็นแฟนแล้ว

ผมได้ยินเพื่อนผมมันซุบซิบกันและหัวเราะผมประมาณว่าผมเปลี่ยนไปเยอะเลยพอมีแฟน แต่ผมไม่ได้สนใจ

ได้ยินเสียงคนเก่งถอนหายใจอีกครั้ง

"ไม่ทำแบบนี้แล้วนะ ผมอาย"

คนเก่งบอกผมด้วยเสียงไม่ดังมากนัก

"ครับๆไม่ทำแล้ว" ผมใช้มือลูบผมน้องเบาๆ

"ไม่งอนแล้วเนอะ" ผมพูดกับน้องอีกครั้ง และน้องก็พยักหน้าผมอดไม่ได้ก็เลยจูบลงบนผมน้องไปครั้งหนึ่ง น้องมองผมด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันไปมองว่าเพื่อนตัวเองมองอยู่หรือเปล่า ทุกคนก็เหมือนจะรู้งาน พร้อมใจกันหันไปมองทางอื่นกันหมด แต่น้องก็รู้แหละว่าทุกคนเห็นหมด




ว้าปกลับมาที่ปัจจุบัน

วันนี้ผมมีแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศครับ ผมไปรับคนเก่งมาตั้งแต่ที่เรียนเสร็จไม่งั้นคนเก่งก็อาจจะเถลไถลไม่มาสักทีถ้าไม่ถึงเวลาแข่ง ใครจะว่าผมโอเว่อร์ก็ช่าง แต่มันผิดเหรอถ้าผมอยากให้แฟนมาอยู่รอผมแข่ง

"ทำไมพี่เต็มให้ผมมาเร็วจัง อีกนานกว่าจะแข่ง"

"ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอมาก่อนเวลาก็ไม่เห็นเป็นไร"

"ก็มันแปลกๆนี่ครับ ดูสิ ให้ผมมานั่งรอในห้องพักนักกีฬาแบบนี้"

"ไม่มีใครว่าหรอก"

ตอนนี้ในห้องพักนักกีฬาของทีมวิศวะ เริ่มมีพวกนักกีฬามากันแล้ว และทุกคนก็ดูจะมีปฏิกิริยาคล้ายๆกันที่เจอคนเก่งที่นี่



"โอ้ยยยย อิจฉาว่ะ อยากมีแฟนมานั่งเฝ้าแบบนี้บ้างจัง"

"ถ้าเป็นพี่ น่ารักขนาดนี้ไม่ต้องรอถึงห้าปีบอกเลย"




สารพัดคำแซวที่พอจะนึกได้ พวกในทีมสรรหามาแซวเต็มไปหมด ผมก็ได้แต่น้อมรับคำแซวนั้นแต่คนเก่งเอาตั้งแต่เขินอย่างเดียว

จนพอมองดูเวลาแล้วได้เวลาที่จะต้องไปเตรียมตัวข้างสนาม พวกเพื่อนในทีมก็พากันเดินออกไป


"ปะ ได้เวลาแล้ว" ผมชวนคนเก่ง

"พี่เต็มเดินออกไปก่อนเลยครับ"

"ไปพร้อมกับพี่ กลัวอะไร"

"พี่เต็มมมมม..." เสียงน้องโอดครวญ

"มีพี่อยู่กลัวอะไร ปะ ลุก"

คนเก่งทำหน้ามุ่ย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายที่ใส่มือถือและกระเป๋าสตางค์ของผมไว้ พอคนเก่งลุกขึ้นยืนผมก็ไปจับมือน้องไว้

"ไม่จับมือครับ"

"ครับๆไม่จับก็ไม่จับ"

ผมยอมตามใจเพราะดูน้องจะทำตัวไม่ถูกจริงๆ วันนี้เท่าที่ผมทราบและที่พวกเพื่อนๆผมบอกมาคือคนมาดูเยอะเพราะเป็นรอบชิง และมีคนที่จำนวนไม่น้อยที่อยากมาเจอผมและคนเก่งแบบตัวเป็นๆ สำหรับผมคนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักก็จะเคยเจอผมอยู่แล้ว แต่กับคนเก่งไม่เคยมีใครรู้จักน้องมาก่อน จนวันที่ผมไลฟ์สดลงไอจี ถึงได้มีคนรู้จักน้อง

และคนเก่งเองก็ได้ยินพวกเพื่อนๆผมพูดให้ฟังแล้วเหมือนกันว่ามีคนจะมารอดูคนเก่งตัวจริงกันเยอะ น้องเลยดูกังวลใจมาก

"พี่เต็ม" น้องเรียกผมอีกครั้ง

"หืม?"

"ผมรออยู่ในนี้ได้มั้ย"

"เฮ้ย!! ไม่ได้ครับ จะมารออยู่ในนี้ได้ไง ไม่อยากดูพี่แข่งเหรอ"

"อยากสิครับ แต่ว่าผมกลัว...กลัวมีคนว่าพี่อะ ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายไม่พอ แถมยังขี้เหร่อีก ไม่เหมาะสมกับพี่เลย"

ผมดึงคนเก่งมากอด

"เหมาะสมหรือไม่ พี่เป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่คนอื่น ถ้ามีคนมาว่าพี่ตรงๆก็ดีสิจะได้จัดการไปเลย ดีกว่าพวกที่แอบว่าลับหลัง สูดลมหายใจลึกๆนะ และขอย้ำคำเดิม มีพี่อยู่ไม่ต้องกลัว"


ผมปล่อยคนเก่งออกจากอ้อมกอด เห็นน้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมยื่นมือไปให้น้องจับและน้องก็ยื่นมือจับมือผมไว้ ผมยิ้มด้วยความพอใจ


ผมจับมือกับคนเก่งและพาคนเก่งเดินออกมาที่สนาม ผมหันไปมองคนเก่งเห็นน้องเดินก้มหน้าไม่มองใครเลย ผมมองไปรอบๆสนาม คนเยอะกว่าที่คิดเอาไว้ครับ แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาจะมาดูผมหรือคนเก่งหรอกนะ วันนี้ทีมที่แข่งกับผมก็เป็นทีมที่มีกองเชียร์อยู่เยอะไม่ต่างจากวิศวะสักเท่าไหร่ คนดูก็เลยจะเยอะเป็นพิเศษ




"นั่นไงๆ มาแล้ว โอ้ย!!เขาเดินจับมือกันมาด้วย"

"เห็นน้องชัดมั้ย ถ่ายได้มั้ย"

"พี่เต็ม!มองทางนี้หน่อยค่ะ"

"โอ๊ยยยย...ตัวจริงน้องขาวมาก"



ระหว่างที่ผมพาน้องเดินผ่านที่นั่งของกองเชียร์ ผมจะได้ยินเสียงพูดถึงผมกับน้องตลอดทาง ตะโกนเรียกชื่อก็มี จนผมพาน้องเดินมาถึงที่นั่ง ผมให้น้องนั่งลงก่อนและผมก็นั่งลงข้างๆ

"มือเย็นจัง"

"ก็มันตื่นเต้นนี่"

"เดี๋ยวพี่ไปวอร์มร่างกายก่อน"

ผมลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะใช้มือไปขยี้ผมน้องเบาๆ ผมว่าผมได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาแว่วๆด้วย


หลังจากที่วอร์มร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนเก่งที่นั่งอยู่ ไอ้ธรณ์มันก็เดินมายืนอยู่ใกล้ๆ

"แฟนคลับมึงเยอะชิบ"

"เขาก็ไม่ได้มาดูกูคนเดียวรึเปล่าวะ"

"ไงมึง เพื่อนสะใภ้ เงียบจังวันนี้" ไอ้ธรณ์มันถามคนเก่ง

"เพื่อนสะใภ้อะไรล่ะครับ" คนเก่งตอบ

"แฟนเพื่อนกูก็เป็นเพื่อนสะใภ้กูอะ หรือกูลำดับผิด" ไอ้ธรณ์มันแซว

"น้องมันทำตัวไม่ถูกคนเยอะ" ผมบอก

"ความผิดใครล่ะ อยากไลฟ์ดีนัก" ไอ้ธรณ์มันว่าผม

"ถึงย้อนเวลากลับไปได้ กูก็จะยังทำเหมือนเดิม"
ผมมองคนเก่งและคนเก่งก็ส่งยิ้มให้ผม

"เลี่ยนชิบหาย ได้เวลาแล้วมึง" ไอ้ธรณ์บอก

"พี่ลงแข่งแล้วนะ"

"ครับ สู้ๆนะ"

การแข่งขันผ่านไปควอเตอร์แรกผมก็รู้เลยว่าการแข่งรอบนี้ไม่ได้ง่ายเลย รอบก่อนก็ว่าหินแล้ว รอบนี้หนักยิ่งกว่า ทีมคู่แข่งเก่งมาก จนถึงเวลาพักครึ่งตอนนี้ทีมวิศวะคะแนนตามอยู่

ผมเดินมาทิ้งตัวลงที่พื้นสนามใกล้ๆกับเก้าอี้ที่คนเก่งนั่งอยู่ น้องยื่นขวดน้ำเปล่ากับผ้าขนหนูให้ ผมนั่งดื่มน้ำและใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อไปด้วย พวกเพื่อนในทีมก็เดินมานั่งที่พื้นใกล้ๆกัน

"เก่งชิบหาย" เพื่อนคนหนึ่งในทีมบ่น

"เออ ไอ้เบอร์สาม แม่งตามประกบไอ้เต็มตลอดเลย"

"ธรรมดามึงรอบชิงแบบนี้ใครก็อยากเป็นแชมป์ คณะนี้เพิ่งเคยเข้าชิงด้วย"

"แต่เราจะแพ้ไม่ได้" ผมพูดขึ้นมา

"ใช่ เพราะวิศวะเราต้องรักษาสถิติชนะห้าปีซ้อนให้ได้"

ไม่นานโค้ชก็เรียกพวกเราไปคุยเรื่องที่จะลงแข่งกันในควอเตอร์ที่เหลือ ใช้เวลาคุยไม่นานครับ ผมก็เลยเดินกลับมาหาคนเก่งอีกรอบหนึ่ง ผมยืนอยู่ตรงหน้าคนเก่ง น้องเงยหน้ามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ

"คนเก่งได้ยินใช่มั้ยที่ในทีมเขาพูดว่าพี่โดนทีมคู่แข่งประกบอยู่" ผมถามน้อง

"ได้ยินครับ" คนเก่งตอบผมอย่างงงๆ

"ถ้าพี่ไม่ได้กำลังใจดีๆพี่ต้องแพ้แน่เลย" ผมพูดออกมา คนเก่งทำตาโตและหันมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าจะมีคนเห็น ผมอยากจะบอกจังว่าให้น้องลองหันไปด้านหลังและมองไปบนที่นั่งคนดู ตอนนี้คนมองพวกเราอยู่เยอะมาก

คนเก่งเม้มปาก หลบตาผมเล็กน้อย

"พี่เต็มอยากได้อะไรล่ะครับ" คนเก่งถามผม

"พี่ตามใจเราเลย" ผมบอกน้อง เพราะถ้าตามใจผมน้องไม่น่าจะกล้าทำ

ผมคิดเอาไว้ว่าคนเก่งก็น่าจะพูดให้กำลังใจผม ให้ผมสู้ให้เต็มที่

แต่สิ่งที่คนเก่งทำเหนือความคาดหมายของผมไปเลย น้องลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง และขยับตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยก่อนที่น้องจะสวมกอดผม คนเก่งใช้แขนทั้งสองข้างกอดเข้าที่เอวของผม ผมเองก็กอดน้องตอบกลับไปเช่นเดียวกัน น้องยืดตัวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อพูดที่ข้างหูผม



"เอาชนะมาให้ได้นะครับ"



คนเก่งพูดเสร็จน้องก็กลับไปนั่งที่เดิม ด้วยอาการที่หน้าแดงลามไปถึงใบหูและคอ และน้องก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองหน้าผมอีก

ผมรู้สึกเขินในสิ่งที่น้องพูดเหมือนกันครับ และผมว่าผมก็หน้าร้อนไม่ต่างจากน้องเท่าไหร่

รู้สึกว่าหัวใจมันสูบฉีดยังไงก็ไม่รู้ ผมขยี้ผมน้องแรงๆก่อนจะไปเตรียมตัวลงแข่ง ก่อนจะหันกลับมามองน้องอีกครั้ง ครัังนี้น้องยอมเงยหน้ามาสบตากับผม และน้องยิ้มและยกมือชูสองนิ้วให้ผมด้วย

ผมรู้แล้วครับว่าทำไมคนเราต้องโหยหาความรัก ทำไมใครๆก็อยากมีแฟน

เพราะการที่มีใครสักคนคอยให้กำลังใจเรามันให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้นี่เอง


(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อค่ะ)




"ไปฉลองแชมป์ที่ไหนกันดีพวกเรา" ตอนนี้ในทีมกำลังคุยกันเรื่องที่จะฉลองชัยชนะของพวกเรา

แน่นอนครับคณะวิศวะได้แชมป์กีฬาบาสเกตบอลเป็นปีที่ห้าติดต่อกัน พวกเราชนะด้วยคะแนนที่ไม่ห่างกันมาก เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดมากจริงๆ

หลังจากมอบถ้วยมอบเหรียญอะไรกันเรียบร้อย ผมก็มานั่งลงข้างๆคนเก่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยว่าจะไปเลี้ยงที่ไหนกันดี

"พี่เต็มเก่งจัง" คนเก่งพูดและมองผมด้วยสายตาชื่นชม จากที่ปกติผมก็ตัวโตอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมตัวใหญ่กว่าเดิมอีก

ผมแค่ยิ้มให้คนเก่งเพราะผมไม่รู้ว่าควรตอบว่าอะไรดี จะบอกว่า 'แน่นอนอยู่แล้ว' ก็ดูจะหลงตัวเองมากไป

คนเก่งไม่ได้พูดอะไรต่อแต่น้องหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดบนใบหน้าให้ผม น้องเช็ดเบามากเหมือนกลัวผมจะเจ็บ

"ทำแรงกว่านี้ก็ได้" ผมบอกคนเก่ง คนเก่งก็เหมือนจะเช็ดแรงขึ้นเล็กน้อย ผมมองไปที่เพื่อนในทีม เห็นหลายคนถอดเสื้อนักกีฬาออก ผมก็เลยคิดจะถอดบ้าง ไม่ใช่จะถอดตามพวกนั้นนะครับเพราะปกติผมจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักนักกีฬาอยู่แล้ว แต่วันนี้ผมแค่อยากจะแกล้งแฟนตัวเอง

ผมยกชายเสื้อนักกีฬาขึ้นมาจนเห็นซิคแพ็ค คนเก่งรีบถามผมทันที

"พี่เต็มจะทำอะไรครับ!"

"จะถอดเสื้อ ดูสิเสื้อเปียกเหงื่อหมดแล้ว"

พอผมพูดเสร็จน้องก็ใช้มือดึงชายเสื้อผมลง

"ไปถอดในห้องพักแบบที่เคยทำสิครับ"

"ถอดตรงนี้ก็ได้ ดูสิใครๆก็ทำ" ผมบอกคนเก่งพร้อมกับให้น้องมองไปที่นักกีฬาคนอื่นที่เขาถอดเสื้อ

คนเก่งมองไปรอบๆก่อนจะปล่อยชายเสื้อผม

อ้าว! น้องปล่อยง่ายจังว่ะ

"ไม่อยากให้ถอดตรงนี้เหรอ" ผมลองยิงคำถามไปก่อน

น้องส่ายหน้าหลายครั้ง

ผมยิ้มอย่างเอ็นดู

"ทำไมล่ะ"

"......."

"ผมหวง"

"หืม?"

"ไม่อยากให้ให้พี่โชว์อะ ดูสิครับคนยังเยอะอยู่เลย"


ใจผมมันจะไม่ไหวอยากจับคนเก่งฟัดมากเลย น้องมันไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แค่ส่งสายตาอ้อนๆให้ผมนิดๆ ผมก็ยอมแล้ว

"งั้นเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในดีกว่า" น้องยิ้มทันทีที่ผมพูด

"เดี๋ยวผมนั่งรอตรงนี้ก็ได้ครับ"

ผมก็ตั้งใจที่จะให้คนเก่งนั่งรอข้างนอกอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้น้องไปเจอพวกในทีมที่ถอดเสื้อถอดกางเกงเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกัน

"งั้นนั่งอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะ" ผมกำชับคนเก่ง น้องก็พยักหน้ารับทราบ



ผมใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีในการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกจะกลับไปอาบน้ำที่คอนโด แต่พวกในทีมบอกว่าอยากจะไปฉลองกันเลย ผมก็เลยตัดสินใจอาบน้ำที่นี่เลย พอเดินออกมาหาคนเก่งก็เจอฟูจิและส้มส้มเพื่อนของน้องนั่งอยู่ด้วย เด็กทั้งสองคนยกมือไหว้ผม

"พี่เต็มเก่งมากเลยค่ะ" ส้มส้มเป็นคนพูด

"มาดูด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็น" ผมถาม

"มาค่ะ แต่นั่งอยู่ตรงโน้นกัน เห็นคนเก่งนั่งอยู่ตรงนี้พวกเราก็เลยไม่กล้ามาหาค่ะ"

"น่าจะเดินมานั่งกับคนเก่ง พี่ก็ไม่รู้ พี่ต้องขอโทษด้วยครับ"

"อุ้ย!พี่เต็มไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ นั่งตรงโน้นก็เห็นชัดค่ะ อีกอย่างจะได้ยินคนอื่นด้วยว่าเขาเม้าว่ายังไงกันบ้าง"

"หมายถึง?"

"หมายถึงเรื่องพี่เต็มกับคนเก่งไงคะ"

"แล้วได้ยินว่าไงบ้างครับ"

"เขาก็บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าพี่เต็มจะเป็นเกย์"

"ไอ้ส้ม" เสียงฟูจิดังขัดขึ้นมา แล้วส้มส้มก็ทำหน้าจ๋อย

"แล้วไงต่อครับ" ผมยิ้มให้ส้มส้ม และให้เล่าต่อ

"แล้วก็ได้ยินว่าแฟนพี่เต็มก็ดูน่ารักดี ยิ้มน่ารักขนาดเห็นไกลๆ และตัวจริงน้องขาวมากเลย ... เขาก็พูดประมาณนี้กันค่ะ"

"เดี๋ยวพวกพี่จะไปฉลองแชมป์กันไปด้วยกันมั้ย ไปได้นะ" ผมชวนเพื่อนๆของคนเก่ง

"พวกเราขอตัวดีกว่าครับ พอดีมีงานกลุ่มที่ต้องทำส่งด้วยครับ ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย" พอฟูจิบอก ผมรีบหันมามองคนเก่งทันที น้องมีงานที่ต้องทำส่งเหรอ

"คือตรวจความถูกต้องครั้งสุดท้ายก่อนส่งครับ" คนเก่งบอก

"งั้นคืนนี้ก็ไปกับพี่ไม่ได้นะสิ ใช่มั้ย" ผมถาม แต่คนเก่งยังไม่ทันตอบ ฟูจิก็พูดขึ้นมาก่อน

"ไปได้ครับ แค่ตรวจความถูกต้องเท่านั้นเอง ผมกับส้มส้มก็พอครับ"

"เฮ้ย!ไม่ได้สิ งานกลุ่มอะ ต้องช่วยกัน" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"มึงก็ทำมาตั้งแต่แรกแล้วไง แค่ตรวจนิดเดียวเดี๋ยวพวกกูทำเอง แฟนมึงเป็นแชมป์มึงไม่อยากไปฉลองกับแฟนเหรอวะ" ฟูจิพูด อืมมมม...พอได้ยินคนอื่นระบุถึงสถานะของผมกับน้องแล้วผมโคตรจะรู้สึกดี

"มันจะดีเหรอวะ" คนเก่งลังเลใจ ถ้าน้องเลือกที่จะช่วยเพื่อนผมก็เข้าใจน้องนะเพราะนั่นก็คือเรื่องงาน แต่ถ้าถามผม ผมก็อยากให้น้องไปกับผมเหมือนกัน

ผมใช้มือลูบผมคนเก่ง

"จะไปทำงานกับเพื่อนก็ได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้ามากับพี่ได้พี่ก็จะดีใจมาก"

"แบบนี้เหมือนบังคับให้เลือกเลย" น้องพูดออกมา น้ำเสียงงอนๆ

"กูสรุปเลย มึงไปกับพี่เต็ม จบ" ฟูจิสรุปสั้นๆ โดยมีส้มส้มนั่งพยักหน้าอยู่ข้างๆ

"งั้นก็ตามนี้ ขอบคุณฟูจิกับส้มส้มมากนะครับ" ผมขอบคุณน้องทั้งสองคน

"งื้ออออ ดูสิพี่เต็มน่ารักจังเลย เนอะฟูจิ" ส้มส้มพูดขึ้นมาพร้อมยิ้มหวานให้ผม ผมก็ได้แต่ยิ้มขำกลับไป

"เยอะๆ นั่นแฟนเพื่อน" ฟูจิบอกกับส้มส้ม

"รู้แล้วน่า ก็เพราะเป็นแฟนเพื่อนน่ะสิถึงยอม" พูดเสร็จส้มส้มก็หัวเราะขำ ก่อนที่เพื่อนของคนเก่งทั้งสองคนจะขอตัวกลับ


ผมเดินไปถามเพื่อนๆในทีมว่าสรุปจะไปที่ไหนกัน พวกนั้นบอกเป็นร้านพี่เอกเหมือนเดิม เหตุผลเพราะอายุต่ำกว่ายี่สิบก็เข้าได้ และพี่แกก็เคยเป็นเด็กวิศวะที่นี่มาก่อนด้วย จะเมาจะอะไรก็น่าจะสะดวกใจมากกว่า


ผมขับรถพาคนเก่งมาถึงที่ร้าน พร้อมกับเพื่อนผมอีกสามคน ผมสั่งอาหารให้น้องและกับแกล้มมาสามสี่อย่าง

"คนเก่งทานข้าวก่อน" พออาหารมาเสิร์ฟผมก็ให้น้องทานข้าวก่อนเลย

"ครับ" คนเก่งตอบรับอย่างว่าง่าย

"พี่เต็มครับ น้องชินท์ก็หิวเหมือนกันครับ" เสียงไอ้ชินท์พูด รู้เลยว่ากำลังแซวผมกับน้องอยู่

"น้องชินท์อยากกินอะไรครับ" ไอ้ทัตพลเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

"น้องชินท์อยากกินพี่เต็มได้มั้ยครับ"

"คงไม่ได้หรอกครับ เพราะพี่เต็มมีคนที่อยากให้กินแล้ว" ไอ้ธรณ์มันพูด ก่อนที่ผมจะเห็นว่าคนเก่งสำลักข้าว ผมรีบยกแก้วน้ำให้คนเก่งดื่มพร้อมลูบหลังน้องไปด้วย

"เสื่อมจริงๆพวกมึง เหล้าสั่งมาแล้วก็กินกันเข้าไปสิ"

ตอนนี้คนเก่งหน้าแดงมาก ขนาดว่าไฟในร้านไม่ได้สว่างมาก ผมยังมองเห็นชัดเลยว่าหน้าน้องแดง ไม่รู้ว่าแดงเพราะสำลักเมื่อกี้หรือแดงเพราะคำพูดของเพื่อนๆผม

"ไม่ต้องไปสนใจไอ้พวกนี้หรอกเข้าใจมั้ย" ผมบอกน้อง

"ครับ ไม่เป็นไรครับ" คนเก่งทานข้าวต่อและผมต้องคอยใช้มือปิดหูน้องไว้เวลาพวกเพื่อนผมพูดเรื่องที่น้องไม่ควรจะได้ยิน


พอคนเก่งทานข้าวเสร็จ ทุกๆคนในทีมก็เหมือนจะมากันครบ ทั้งตัวจริงตัวสำรองและเพื่อนๆ ตอนแรกผมยังไม่ได้ให้น้องดื่มครับ แต่พอดีพี่เอกที่เป็นเจ้าของร้านให้เหล้าปั่นมาฟรีๆสองเหยือก แล้วไม่มีใครแตะสักคน คนเก่งเห็นน้องเลยถามว่าน้องดื่มได้มั้ย ตอนแรกผมยังไม่ให้ดื่ม ซึ่งน้องก็ไม่ได้งอแงอะไร แต่เพื่อนๆผมมันก็บ่นให้ผมว่าให้น้องมาด้วยทั้งที่จะให้น้องดื่มแค่น้ำอัดลมหรือไง ถ้าน้องเมาผมก็อยู่จะกลัวอะไร ที่ผมเป็นห่วงไม่ใช่อะไรคือพรุ่งนี้น้องมีเรียนไง ผมกลัวน้องจะลุกไม่ไหว แต่สุดท้ายผมก็ยอมให้น้องดื่มครับ แต่ถึงจะเป็นแค่เหล้าปั่นผมก็ต้องหันมาคอยมองน้องตลอดกลัวน้องจะเมาเหมือนกัน เพราะผมยังไม่เคยเห็นน้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผมก็เลยยังไม่สามารถคาดเดาลิมิตของน้องได้

ในระหว่างที่ดื่มกันอยู่ก็มีคนเดินมาชนแก้วมาทักทายผมและเพื่อนๆบ่อยเหมือนกัน

"คนเก่ง" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกที่เรียกชื่อคนเก่ง ไอ้เอิร์ธอดีตเดือนสถาปัตย์ รุ่นเดียวกับผมนี่เอง

คนเก่งยกมือไหว้มัน มันยิ้มให้คนเก่งก่อนจะหันมาทักทายผม

"ไงมึง"

"ก็ดี"

"คนเก่งเมารึยังเนี่ย" ไอ้เอิร์ธมันหันไปถามคนเก่ง และเหมือนมันจะขยับเข้ามาใกล้ๆคนเก่ง แขนผมที่โอบเอวคนเก่งอยู่แล้ว ผมก็กระชับให้แน่นขึ้นจนน้องเงยหน้ามามองผมด้วยความสงสัย พอสบตากับน้อง ร่างกายผมมันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ ผมก้มลงจูบที่หน้าผากน้องไปทีหนึ่ง น้องชะงักและดูเกร็งๆไปเลย คงไม่คิดว่าผมจะทำท่ามกลางคนเยอะแบบนี้

"ขี้หวงว่ะมึง" ไอ้เอิร์ธมันพูดพร้อมกับหัวเราะผมไปด้วย

ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ แล้วไอ้เอิร์ธมันก็เดินไป

"รู้จักมันเหรอ" ผมถามน้อง

"พี่เขาเป็นพี่ชายของรูมเมทส้มส้มครับก็เลยเคยเจอกันบ้าง"

"ไม่ใช่มาชอบเราอีกคนนะ"

คนเก่งหัวเราะขำออกมา

"ไม่ตลกนะหัวเราะทำไม" ผมถามเสียงเข้ม

"ตลกตรงที่บอกว่าพี่เขามาชอบผมเนี่ยแหละ"

ผมได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคนเก่งมันน่ารักขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย




หลังจากเวลาผ่านไปอีกสักระยะ

"พี่เต็มครับ" ตอนนี้คนเก่งนั่งซบลงซอกคอผม ผมยังคงกอดเอวน้องเอาไว้ ตอนแรกผมก็ให้น้องนั่งดื่มสบายๆแต่พอหันมามองอีกที เห็นคนเก่งนั่งพิงพนักโซฟาแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าน้องเมามั้ย หรือแค่มึนๆ เพราะเสียงน้องก็ไม่ได้อ้อแอ้

"หืม?" ผมหันมาตอบน้อง

"พี่เต็มไม่รู้สึกแย่เหรอครับที่มีคนพูดว่าพี่เป็นเกย์ ผมว่าต้องมีหลายคนที่ผิดหวังที่พี่เป็นแบบนี้"

"ใครล่ะที่ผิดหวัง ถ้าเขาไม่ใช่คนในครอบครัวพี่ ก็ไม่จำเป็นที่พี่จะต้องรู้สึกอะไร ส่วนที่มีคนพูดว่าพี่เป็นเกย์ ตอนแรกๆที่คิดไว้นะ พี่เคยคิดว่าพี่ต้องรู้สึกแย่กับคำๆนี้ แต่พอถึงเวลาจริงๆมีคนมาพูด ในใจมันก็ไม่ได้รู้แย่หรือเลวร้ายอะไร ไม่รู้ว่าเพราะคนที่พี่เป็นเกย์ด้วยคือคนเก่งหรือเปล่านะ" ผมตอบตามสิ่งที่ผมคิดและรู้สึก

"ผมขอโทษนะ ที่ทำให้คนมองพี่เต็มไม่ดี" คนเก่งพูด จากเดิมที่น้องแค่ซบตรงซอกคอผมตอนนี้น้องใช้แขนทั้งสองข้างมากอดคล้องคอผมไว้

"มองพี่ไม่ดี? มองว่าเป็นเกย์น่ะเหรอ" ผมถาม และคนเก่งก็พยักหน้า

ผมลูบไปตามตัวน้อง

"คิดอะไรเยอะเนี่ย พอๆ" ผมเดาว่าคนเก่งน่าจะกำลังมึนๆคงไม่ถึงกับเมา

"พี่เต็ม...ตัวหอมจัง" คนเก่งไม่พูดเปล่าครับ น้องใช้จมูกสูดดมและไซร้ซอกคอผมไปด้วย

เชี่ยยยย ... ผมขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย

โอเค ... คนเก่งอาจจะไม่ใช่แค่มึน
อาจจะถึงขั้นเมาแล้วครับตอนนี้

"คนเก่ง เมาแล้วใช่มั้ย" ผมถามน้องและพยายามให้น้องออกห่างจากซอกคอผม

ไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบนะครับ โคตรชอบแต่ ... ผมเนี่ยจะไม่ไหวเอา

"ครับ สงสัยจะเมา" คนเก่งตอบ ผมอดหัวเราะไม่ได้ เป็นคนเมาที่ยอมรับตัวเองว่าเมา

"งั้นกลับกันดีกว่านะ" ผมก้มหน้าบอกคนเก่ง น้องก็แค่พยักหน้ารับรู้

"เฮ้ย กูกลับก่อนนะ น้องเมาแล้วว่ะ" ผมหันไปบอกเพื่อนๆที่ยังสนุกกันอยู่

"น้องดื่มเยอะเหรอวะ" ไอ้ชินท์ถาม

"เหล้าปั่นหมดไปสองเหยือก เยอะมั้ยล่ะ" ผมบอก

"อยู่ต่ออีกนิดสิว่ะ กำลังสนุกเลย ให้น้องมันนอนตรงโซฟานี้ก็ได้" เพื่อนในทีมบาสคนหนึ่งพูด

"สงสารน้องว่ะ" ผมพูด เพราะถ้าให้คนเก่งนอนตรงนี้ผมก็สงสารน้อง น้องนอนไม่สบายแน่

"ให้ไอ้เต็มมันกลับเถอะ ข้าวใหม่ปลามันอย่าไปขัดความสุขมันเลย" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นมา

"ทำตอนน้องเมา เนี่ยไม่ดีนะเว้ย" ไอ้ทัตพลมันพูดแซวขึ้นมาอีกคน

"ไอ้พวกเสื่อม กูไปล่ะ" ผมพูดก่อนจะหันไปเรียกน้อง

"คนเก่งครับ"

"ครับ" น้องตอบและลืมตามองผม

"กลับกันเถอะ" คนเก่งพยักหน้าสองสามครั้ง

ผมพยุงน้องเดินออกมา ตอนแรกพวกไอ้ธรณ์มันจะช่วยแต่ผมคิดว่าผมไหวเพราะคนเก่งยังเดินได้อยู่

พอผมพาน้องขึ้นมานั่งบนรถและคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้องเรียบร้อย ผมก็รีบมานั่งที่นั่งฝั่งคนขับ ผมตัดสินใจพาคนเก่งไปที่คอนโดผมเพราะน่าจะสะดวกกว่าที่จะพาน้องกลับหอตัวเอง ผมว่ามันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ที่ผมพาน้องกลับหอใน ในขณะที่น้องเมาแบบนี้

ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถมาถึงที่คอนโด ผมพาคนเก่งขึ้นมาบนห้องไม่ลำบากมากนักเพราะน้องให้ความร่วมมืออย่างดี คือน้องยังคุยกับผมได้อยู่เพียงแค่ยืนไม่ค่อยไหวแค่นั้น

ผมพาคนเก่งเข้ามาที่ห้องนอน และวางคนเก่งลงบนเตียง ตัวไม่หนักแต่ก็เล่นเอาผมเหนื่อยเหมือนกัน ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับน้องต่อดี ... เอ่อ ... หมายถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีหรือจะปล่อยให้นอนไปแบบนี้เลย คนเก่งก็เรียกผม

"พี่เต็มครับ" คนเก่งนอนลืมตามองผมอยู่ ผมก็เลยลงไปนั่งข้างน้องบนเตียง

"ว่าไง" ผมลูบไปที่ผมและที่ใบหน้าของคนเก่งเบาๆ

"ไม่ใช่ที่หอผมนี่นา"

"ที่คอนโดพี่ นอนที่นี่แหละ" ผมบอกน้องก็พยักหน้ารับรู้

"อยากอาบน้ำ" คนเก่งบอก ผมเลิกคิ้วมองน้อง

"อาบไหวเหรอ" ผมถามเพราะกลัวน้องยืนไม่ไหว

"ไม่ไหวพี่เต็มจะอาบให้เหรอครับ" คนเก่งถาม ผมมองหน้าน้อง มันก็ไม่ได้มีแววล้อเล่น แต่คนเมาก็คือคนเมาครับพูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวหรอก

"ถ้าพี่อาบให้คนที่จะลำบากก็คือเรา " ผมบอกน้อง

"ลุกขึ้นอาบไหวมั้ย" ผมถามคนเก่งเพราะคิดไปคิดมา ให้น้องอาบน้ำเลยก็ดีเพราะน้องจะได้สบายตัว

"คิดว่าไหวครับ" น้องลุกขึ้นมานั่งแล้วเอียงคอมองผม ก่อนที่น้องจะเข้ามากอดเอวและเอาหน้าซุกซอกคอผม

"ผมชอบกลิ่นพี่เต็มจัง พี่เต็มตัวหอม" แล้วแค่พูดไม่พอคนเก่งทั้งสูดทั้งดมที่ซอกคอแล้วเริ่มไปที่ส่วนอื่นๆ ตอนแรกผมก็ปล่อยให้น้องทำครับ แต่ผมกลัวว่ามันจะเตลิดมากไปกว่านี้ ผมไม่อยากจะมีครั้งแรกกับคนเก่งตอนที่น้องกำลังเมาหรอกนะครับ ในเมื่อผมเป็นคนที่มีสติครบผมก็ต้องเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้

"คนเก่งพอก่อน" พอผมบอกน้องก็หยุดทันทีและเงยหน้ามาสบตากับผม สายตาคนเก่งที่มองผม โคตรยั่วแต่ผมจะใจอ่อนไปกับน้องไม่ได้

"ถ้าตื่นมาไม่อยากเสียใจก็ไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ" ผมบอกคนเก่งแล้วน้องก็แค่พยักหน้ารับทราบ

"ครับ ไปอาบน้ำ" คราวนี้น้องลุกขึ้นยืนและผมก็ช่วยพยุงน้องเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกผมจะช่วยน้องถอดเสื้อผ้าแต่น้องบอกว่าทำเองได้ ผมก็โอเค ปล่อยให้น้องจัดการตัวเอง และหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ที่ตู้ในห้องน้ำให้น้องถือเอาไว้

คนเก่งใช้เวลาอาบน้ำน่าจะประมาณสิบนาที น้องก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวที่ท่อนล่าง

เอ่อ...คนเก่งแม่งขาวมาก เห็นแค่ภายนอกว่าขาวแล้วในร่มผ้าขาวกว่าอีก

ผมมองดูแล้ว คนเก่งน่าจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังดูมึนๆ ผมเอาเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ของผมให้น้องใส่ ส่วนชั้นในผมไม่มีตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้เลย ไม่กล้าให้น้องใช้ของตัวเอง กลัวน้องรังเกียจ แต่แค่บ็อกเซอร์ก็น่าจะพอได้ หลังจากยื่นเสื้อผ้าให้คนเก่งเสร็จผมก็ปล่อยให้น้องแต่งตัว ส่วนตัวผมเดินเข้าไปหยิบชุดนักศึกษาที่คนเก่งถอดเอาไว้ในห้องน้ำออกมาแล้วไปลงเครื่องซักและปั่นให้น้อง พรุ่งนี้น้องจะได้มีใส่ไปเรียนเลยไม่ต้องแวะกลับหอ

พอเอาเสื้อผ้าลงเครื่องเสร็จผมเดินกลับมาที่ห้องนอน ตอนนี้คนเก่งแต่งตัวเรียบร้อยและนั่งห่มผ้าอยู่บนเตียง ผมเดินไปนั่งข้างๆน้องบนเตียง จัดเสื้อให้น้องดีๆเพราะเสื้อกล้ามมันคอลึกมาจนจะเห็นหน้าอกน้องอยู่แล้ว จากนั้นผมก็ลูบผมน้องสองสามครั้ง

"เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน คนเก่งนอนเลยนะไม่ต้องรอพี่" คนเก่งพยักหน้าให้ผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา น้องเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับตาลง

หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกไปดูว่าเสื้อผ้าที่ซักไว้เรียบร้อยหรือยัง ที่เครื่องปั่นผ้าบอกเวลาว่าอีกประมาณห้านาที ผมก็เลยเดินกลับเข้ามาคนเก่งในห้องนอนอีกครั้ง ผมมองน้องที่นอนอยู่บนเตียง คนเก่งน่าจะหลับสนิทแล้วครับ

ผมนั่งมองคนเก่งอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะก้มลงและใช้ริมฝีปากจูบที่ริมฝีปากน้องเบาๆ ไม่ได้รุกล้ำอะไรมากนัก แต่ผมก็ต้องชะงักเพราะเสียงคนเก่งที่เรียกผม

"พี่เต็มครับ"

ผมมองคนเก่งและคนเก่งเองก็ลืมตาอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ในใจผมคิดคือ 'ชิบหายแล้วน้องมันจะว่ากูหื่นมั้ยเนี่ย'

"ครับ"

"ผมรักพี่นะ"

พอคนเก่งพูดเสร็จ น้องก็หลับตาลงและลมหายใจก็กลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง

ผมยิ้มให้กับคำบอกรักของคนเก่ง ถึงผมจะยังไม่เคยพูดคำว่ารักกับเจ้าตัว แต่ผมก็จะทำให้น้องรู้ว่า ผมเองก็รักน้องไม่แพ้กัน

คำว่ารักอาจจะมาช้ากว่าคนเก่งสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่ได้รักน้อง




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
น้องเมาแล้วยั่ววววว


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao6: ตามมาทันแล้ว มีคนเมาแล้วชอบยั่วโดยไม่รู้ตัว พี่มันจะอดใจไหวรึเปล่าเนี่ย

 :เฮ้อ: ส่วนทางฟูจิ ก็มีคนหวงก้าง เริ่มรักน้องแต่ทำเป็นซึน เดี๋ยวจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2019 00:33:41 โดย sailom_orn »

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่วินดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะตอนแรกบอกให้ฟูจิคิดกับตัวเองแค่พี่พอน้องจะไปจริงๆดันมาบอกว่าอย่าเพิ่งเลิกชอบกันมันดูไม่โอเคนะ ส่วนคนเก่งได้คบกับพีาเต็มแล้วก็มั่นใจในตัวเองหน่อยไม่ใช่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีคนที่ควรแคร์น่าจะเป็นพี่เต็มรึเปล่าถ้าตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้าแล้วมาทำตัวแบบนี่ก็น่าจะอยู่แบบเดิมไปดีกว่านะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งคนเก่ง  เมาจริงจังหรือแอบยั่วยวน?  อิอิ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อันตรายมากน้องงงงงงงงง
แต่พี่วินเนี่ยจะเอายังไง ลองนั่งคุยกับตัวเองก่อน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
คู่หลักน่ารัก :-[
คู่รอง คนพี่ยังงงกับใจตัวเอง

 :L2: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด