► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)  (อ่าน 40177 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ธารามัวแต่ไปกินผู้ชายจนลืมน้องใช่ไม่ได้เลย :katai1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ฮึ่ม..มมมมมมมมมมมมมม   :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อาธารไม่กล้าออกล่าอีกแล้ว

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
อาธาร คนนิสัยไม่ดี!!!! :angry2:

ออฟไลน์ _jinxpy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารน้อง อาธารอย่าทิ้งน้องไปไหนดึกๆดื่นๆอีกนะ
:hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สมน้ำหน้า นอนไม่หลับไปเลย อยากทิ้งน้องไว้คนเดียวทำไมมมมมม  :z2:

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 10



     พักนี้ไม่ค่อยได้ออกล่าเหยื่อด้วยกันเลยนะ หรือว่ามีของอร่อยของตัวเองให้กินอยู่แล้ว ธารามักถูกไตรภพพูดแซวแบบนี้




     เขาไม่ค่อยพอใจกับคำพูดนั้น ธาราไม่ได้มีของอร่อยติดตัว มีแต่เด็กดีที่รอซุกแผ่นอกของเขาทุกๆคืน แม้ว่าคนในอ้อมกอดจะน่าอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม




     ติณณ์อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เป็นเวลาสองเดือนกว่าๆแล้ว ธาราเป็นคนบ้างาน ส่วนติณณ์ก็บ้าเรียน ฉะนั้นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่มักจะตื่นเช้า ไปทำงาน ไปโรงเรียน กลับมาทานข้าวเย็น ทำการบ้าน ทำงาน เล่นกับเจ้าแมวอ้วน เข้านอนด้วยกัน แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ




     คนโลกส่วนตัวสูงไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย แค่นี้ก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นกว่าเก่ามากแล้ว แถมยังมีความสบายใจกับอาธารมากขึ้นด้วย เวลาอยู่ด้วยกันเงียบๆไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป เป็นเพราะความเคยชินและอาธารเป็นคนสบายๆ ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เขาพูดเยอะๆ แม้ใจจริงธาราอยากจะให้ติณณ์คุยบ้างก็ตาม




     ติณณ์อยากพูดนะ มีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับอาธารเยอะแยะเลย แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป จึงเลือกที่จะมองด้วยความสงสัย พออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาก็หลบหน้า และปฏิเสธว่าไม่มีอะไรครับ




     ใช่ ติณณ์เป็นแบบนั้นมาตลอดสองเดือน ด้วยความที่เจ้าตัวเอาแต่หมกมุ่นกับการเรียน ส่วนธาราก็หมกมุ่นกับงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกันเท่าไหร่ ถึงต่อให้มีเวลาติณณ์ก็พูดน้อยอยู่ดี




     ยากกว่าที่คิด





     โชคดีที่วันหยุดยาวกำลังจะมาถึง เป็นช่วงที่แผนกเพิ่งทำโปรเจคจบอย่างสวยงามพอดี ธาราเลยถือโอกาสจัดทริปทะเลให้กับลูกน้องเพื่อเป็นการตอบแทน แน่นอนว่าไม่ลืมชวนใครอีกคน แต่คนโดนชวนกลับปฏิเสธ เพราะติณณ์คิดว่าเขาต้องอึดอัดแน่ๆเมื่อไปอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักอีกครั้ง แถมกลัวเป็นภาระให้อาธารเที่ยวไม่สนุกด้วย เลยบอกไปว่าจะอยู่คอนโดกับเจ้าถุงเงิน แต่อาธารเล่นดักว่าจะพาถุงเงินไปด้วย ติณณ์จะได้ช่วยอาดูแลแมวด้วยไง




     เอาแมวมาล่อเด็กชัดๆ




     สุดท้ายติณณ์ก็ต้องไปด้วย ธาราเหมารถตู้ให้ลูกน้อง ส่วนตัวเองขับรถส่วนตัวไปกับเด็กหนุ่ม ระหว่างทางไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงเสียงแมวสองตัวที่เล่นกันงุ้งงิ้งๆ และเสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ธาราชวนคุยบ้างนิดหน่อย ได้ข้อมูลมาว่าติณณ์ไม่ได้ไปทะเลมาหลายปีแล้ว เพราะยิ่งโตเจ้าตัวก็ยิ่งเรียนหนัก ฟังแบบนั้นก็รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดที่พาคนข้างๆมาด้วย ก่อนจะปล่อยให้เด็กนอนหลับคอพับไป




     เมื่อมาถึงรีสอร์ทที่จองไว้ คนทั้งแผนกก็มารวมตัวกัน ทันทีที่ติณณ์ลงจากรถก็เป็นเป้าสายตา ด้วยความเป็นลูกของคนที่เคยทำงานในแผนกนี้จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ พวกคุณน้าคุณอาทั้งหลายต่างพาเข้ามาทักทายและเข้าหาเขาจนหัวหมุนไปหมด คนเหล่านี้รู้จักติณณ์ แต่ติณณ์ไม่รู้จักใครเลยนอกจากอาธาร




     เด็กหนุ่มส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคนรู้จัก แต่อาธารทำเพียงยิ้มบางๆเชิงจะบอกว่า'มันจะไม่เป็นอะไร'




     "อุ้ย! น้องติณณ์ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าคราวก่อนหรือเปล่าจ๊ะ ดูดีมากเลย" น้าผู้หญิงคนนึงที่ติณณ์จำได้ลางๆว่าเคยเจอกันคราวก่อนนั้นพูดคุยกับเขามากเป็นพิเศษ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาบีบแก้มเขาด้วยความเอ็นดู ติณณ์ไม่ได้รังเกียจอะไร เพียงแค่ตกใจเวลาคนที่ไม่ค่อยรู้จักจู่โจมแบบนี้




     อย่างที่ธาราเห็นแล้วรู้สึกตะหงิดๆที่หัวใจเช่นกัน




     "พอแล้วๆ ไปทานข้าวเที่ยงดีกว่า เชิญเลือกร้านกันตามสะดวก เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง"




     คนในแผนกฟังคำหัวหน้าแล้วหยุดวอแวกับลูกของมาลิน เปลี่ยนไปคุยกันเรื่องร้านอาหารแทน ส่วนติณณ์ก็ค่อยๆเขยิบตัวมาหลบตรงแผ่นหลังกว้างนั้น ถ้าได้อยู่หลังอาธารคงจะไม่มีใครกล้าเข้ามา ติณณ์คิดแบบนี้




     ธารามองคนที่แอบอยู่ข้างหลังพลางคิดไปคิดมา เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆเสียจริง








     มื้อกลางวันมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารริมหาดแห่งหนึ่ง บรรยากาศนับว่ายอดเยี่ยม ลมทะเลพัดเข้าฝั่งทำให้ได้กลิ่นเกลือน้ำทะเลกับเสียงคลื่นปะทะฝั่งครืนๆ อาหารทะเลที่วางบนโต๊ะก็หลากหลาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา กลิ่นหอมโชยกระตุ้นน้ำย่อยให้คนบนโต๊ะ แต่ทั้งๆที่บรรยากาศดีแบบนี้ ติณณ์ยังคงอึดอัด




     เพราะคนบนโต๊ะอาหารต่างก็เป็นผู้ใหญ่ เลยพูดแต่เรื่องผู้ใหญ่งั้นหรอ ติณณ์ว่าไม่ใช่ มีพนักงานผู้ชายคนนึงที่หน้าเด็กมากๆ จากที่ฟังเขาพูดคุยกันก็ได้รู้ว่าน่าจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน พี่นักศึกษาพูดเก่งมาก อัธยาศัยดีมากๆจนเหมือนมีแสงเปล่งประกายสาดส่องออกมาจากตัวพี่เขา จนแสงนั้นกลบติณณ์ไปเสียหมด




     ติณณ์อยากเป็นให้ได้แบบนั้นบ้าง แต่สำหรับเขารู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน




     อาธารยังหันมาคุยกับเขาเป็นระยะๆบ้าง แต่ก็นั่นแหละ มีแค่อาธารที่พูดกับเขา แล้วเขาก็กล้าพูดแค่กับอาธาร ติณณ์ได้แต่นั่งทานข้าวเงียบๆ เหมือนมาเพื่อทานอย่างเดียวจริงๆ ดูเผินๆเหมือนหิว แต่ความจริงคือไม่รู้จะทำไรนอกจากทานต่างหาก ถุงเงินก็อยู่ในบ้านพัก ไม่มีใครให้เล่นด้วยเลย




     ทั้งๆที่มีคนอยู่รอบกายตั้งหลายคน แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว




     ถ้าอยู่คนเดียวจริงๆคงจะรู้สึกดีกว่านี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ติณณ์คิดว่าตัวเองชอบอยู่ตามลำพัง




     "ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ" ติณณ์สะกิดบอกอาธารเบาๆ พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกจากโต๊ะอาหารนี้ไป




     ติณณ์เข้าห้องน้ำก็จริง แต่ไม่ได้ขับถ่ายอะไร เพียงแค่มายืนหน้ากระจก เปิดก็อกน้ำแล้วเอาของเหลวสีใสล้างหน้าตัวเองเท่านั้น หวังว่ามันจะช่วยล้างความรู้สึกน้อยใจออกไปได้บ้าง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกด้วยความคิดที่หลากหลาย หนึ่งในความคิดนั้นก็คือ ผู้ชายคนนี้น่าเบื่อเสียจริงๆ




     ร่างเล็กพาตัวเองมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมองเข้าไปในร้านบริเวณโต๊ะของตัวเอง บรรยากาศช่างดูครื้นเครง ถ้าเปรียบเทียบเป็นสี คนตรงนั้นคงเป็นสีรุ้งที่สดใส ฉูดฉาด สดชื่น และน่าสนใจ ส่วนตัวเขาเป็นเพียงที่เทาชืดๆ จืดๆ ไม่ได้ชวนเข้าหาเท่าไหร่ เขายังทานอาหารไม่อิ่ม แต่ไม่อยากไปตรงนั้นแล้ว ติณณ์จึงเลือกไปนั่งตรงม้านั่งข้างๆร้าน




     วิวที่ประจันหน้าเป็นผืนทะเลสีครามสดใส ท้องฟ้าที่ประดับด้วยกลุ่มเมฆปุกปุย เส้นขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตา แรงลมที่คลอเคลียผิวกายทำให้สบายตัว และเสียงคลื่นกับเสียงพระพายดังประสานกันทำให้ที่ตรงนี้ไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไป ติณณ์เสพบรรยากาศเงียบๆ มันไม่ได้สนุก แต่สบายใจ




     ดวงตากลมมองไปยังทิวทัศน์ข้างหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เมื่อก่อนติณณ์สามารถนำความเฉยชาเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง ความจริงเขาสามารถอดทนนั่งอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดได้ดีด้วยซ้ำ แต่พออะไรเปลี่ยนไป เกราะนั้นมันยากที่จะสร้างขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ










     ติณณ์เข้าห้องน้ำนานเกินไปอีกแล้ว




     พอคิดแบบนั้นก็กลัวว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนที่บ้านไตรภพอีก จึงต่อสายหาคนที่เป็นห่วง สักพักคนปลายสายก็ตอบว่านั่งเล่นอยู่ตรงข้างๆร้าน พอถามว่าจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนลำบากใจที่จะตอบ หรือไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี




     "เดี๋ยวผมมาแปปนึงนะครับ พอดีมีงานเข้าด่วน" ธาราพูดปดกับคนร่วมโต๊ะพลางชี้ไม้ชี้มือไปที่โทรศัพท์ก่อนที่จะลุกออกไปหาใครบางคน




     สายตาคมมองไปยังเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งอย่างหงอยเหงา เส้นผมนุ่มปลิวไปตามแรงลมจนผมหน้าม้าเข้าหน้าเข้าตา ทำให้เด็กหลับตาหยีกันผมเข้าตา พลางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดผมหน้าม้าออก ธารายิ้มให้กับภาพนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งข้างๆอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง เลยทำให้ติณณ์สะดุ้งเล็กน้อย




     "...?" ติณณ์ทำหน้าตาสงสัยใส่อีกฝ่าย




     "มานั่งทำอะไรตรงนี้อยู่คนเดียว"




     นั่นน่ะสินะ เขามานั่งทำอะไร เพราะก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งตากลมโง่ๆ




     "มานั่งเล่นเฉยๆครับ"




     "ทานข้าวอิ่มแล้วหรอ หืม อาเห็นเราทานไปนิดเดียวเองนะ"




     "อิ่มแล้วครับ"




     ...โครกคราก...





     เหตุเกิดจากความหิวเลยทำให้ลำไส้บิดตัวจนเกิดเสียงน่าอาย คนได้ยินหัวเราะเบาๆทำเอาคนหิวหน้าแดงก่ำเพราะความอาย ช่วงนี้ติณณ์เจริญอาหารขึ้นแล้ว แม้ไม่ใช่ฝีมือของอาธารก็ทานได้ เลยกลับมาหิวเมื่อได้รับอาหารไม่เพียงพอแบบนี้ แต่นั่งอยู่ตั้งนานท้องกลับไม่ร้อง ดันมาส่งเสียงเวลาอาธารอยู่ด้วยซะได้




     ธาราไม่ได้พูดแซวอะไร ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปไหนสักที่อย่างที่ติณณ์ก็มองตามด้วยความสงสัย ผู้ใหญ่คนนั้นเดินไปที่ร้านขายพวกปลาหมึกย่างที่กลิ่นหอมฉุยมาถึงตรงที่นั่งอยู่ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมถือถุงพลาสติกเล็กๆถุงหนึ่งกับน้ำอีกหนึ่งขวด อย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของในถุงคือปลาหมึกย่าง




     อาธารอุตส่าห์ซื้อมาให้ ถ้าปฏิเสธคงจะเสียน้ำใจน่าดู ไม่ใช่หรอก ลึกๆเองติณณ์ก็หิว เขากล่าวขอบคุณก่อนจะรับปลาหมึกย่างเสียบไม้นั่นมาทานเอาๆ ก้มหน้าก้มตาอย่างไม่สนใจใคร ธารามองคนบอกไม่หิวแต่เคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆนั่นขยับมุบมิบไปมาเพราะแรงเคี้ยว สักพักริมฝีปากบางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความเผ็ดร้อน สูดลมเข้าปากจนเกิดเสียงซี๊ดซ๊าดเบาๆเพื่อบรรเทาเผ็ด เห็นแบบนั้นจึงเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้ เด็กหนุ่มรับมาแล้วยกขึ้นดื่มจนเผยให้เห็นลำคอขาวๆเต็มตา น้ำบางส่วนไหลเกินออกจากขอบปากจนไหลรินลงมาตามลูกกระเดือกสวยที่กระเพื่อมจากการกลืน จนไหลหายเข้าไปในคอเสื้อ อย่างที่ทำให้ธารามองตาค้าง




     อะไรกัน แค่ทานปลาหมึกย่างต้องเซ็กซี่ขนาดนี้เลยหรอ




     "อิ่มหรือยัง?"




     "อิ่มแล้วครับ"




     "ไหนตอนแรกบอกไม่หิวไง"




     "เอ่อ..."




     "หิวแล้วทำไมไม่เข้าไปทานข้างในล่ะ อาหารออกจะเยอะแยะ ทำไมออกมานั่งคนเดียวตั้งนาน"




     ความจริงแล้วธารารู้คำตอบอยู่แก่ใจ เห็นเด็กข้างๆนั่งเงียบ แถมดูท่าทางอึดอัดมาตั้งนานแล้ว นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะติณณ์เป็นคนแบบนี้ ยิ่งมาอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก ย่อมอึดอัดเป็นธรรมดาของเด็กคนนี้ แต่ที่ถามไปก็เพราะอยากให้เจ้าตัวพูดออกมาบ้างแค่นั้นเอง




     "..."




     "หืม? ว่าไงครับ?"




     "คือ..."




     "ติณณ์อึดอัดใช่ไหม?"




     เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขา ไม่คิดว่าอาธารจะรับรู้และสังเกตเห็นความรู้สึกนี้ด้วย  แล้วจะพูดยังไงต่อไปดีล่ะ ไปต่อไม่ถูกเลยเมื่อถูกพูดตรงๆแบบนี้ เลยทำได้เพียงพยักหน้ารับ




     "อึดอัดอะไรบ้าง ไหนลองบอกอาซิ"




     "..." มันอยากจะพูดออกไปนะ แต่เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างมากั้นเอาไว้




     "นะ จะหาว่าอายุ่งก็ได้ แต่อาอยากรู้จริงๆว่าติณณ์คิดอะไรอยู่"




     พอได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครอยากรู้ถึงความรู้สึกของเขาจริงๆ พอถูกสนใจความรู้สึกขึ้นมาใจก็สั่นรัวด้วยความตื่นเต้น




     ติณณ์คิดไปคิดมา อยากลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ว่าการพูดออกไปบ้างคงจะดีกว่านี้




     "ผมไม่รู้จักใครเลย" เสียงแผ่วเบาว่าแบบนั้น "ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไร พูดกับใคร ชวนคุยก็ไม่เก่ง ถึงต่อให้รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดูประเดิกประเดิดไหม ผมเองก็ฝืนด้วยถ้าจะพูดเยอะๆกับคนที่ไม่รู้จัก มัน... ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แต่ว่าที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของผมเลย อยู่ตรงนี้คนเดียวน่าจะโอเคกว่า"




     นี่คงเป็นการพูดที่นอกเหนือจากเรื่องเรียนที่ยาวที่สุด แม้จะไม่ได้ระบายออกมาแบบหมดเปลือก แต่พูดออกมาได้ขนาดนี้ธาราก็ดีใจมากแล้ว ซึ่งเขาเองก็เข้าใจในสิ่งที่ติณณ์พูด และสิ่งที่ติณณ์เป็น ขนาดตัวเขาอยู่กับติณณ์มานานกว่าคนในแผนก ยังพูดน้อยเลย




     "อ้าว อยากอยู่คนเดียวแต่อามานั่งด้วยแบบนี้ จะอึดอัดไหม?" ธาราพูดเล่นๆอย่างไม่จริงจัง




     "ไม่ใช่นะครับ! ผมไม่ได้อึดอัดกับอาธารเลย"




     ธาราชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น




     ที่ผ่านมา ธาราคิดตลอดว่าติณณ์คงยังมีความอึดอัดกับเขาบ้าง เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยคุยด้วย แต่พอติณณ์พูดกับปากเองว่าไม่ได้อึดอัดมันก็ดีใจ ดีใจที่เวลานี้มีเพียงเขาคนเดียวที่เด็กคนนี้สบายใจด้วย มันไม่ค่อยดีกับติณณ์นัก แต่ยอมรับว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันชื่นใจจริงๆ




     "แล้วทำไมถึงไม่ค่อยพูดกับอาล่ะ หืม?"




     ติณณ์มีปมบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น จึงเลือกตอบไปแค่ "ผมชวนคุยไม่เก่งครับ"




     "แต่อาอยากคุยกับติณณ์มากเลยนะ" ธาราลูบผมเด็ก "ไม่ต้องพยายามสรรหาประโยคมาชวนคุยก็ได้ แค่บอกว่าวันนี้อากาศเป็นยังไง เรียนเป็นยังไงบ้าง มีเรื่องอะไรน่าเบื่อไหม รู้สึกง่วงหรือเปล่า อะไรก็ได้ ขอแค่พูดออกมาเถอะ อาคุยได้ทุกเรื่องอยู่แล้วถ้าเป็นติณณ์...จริงๆนะ"




     "แต่กลัวว่าพูดไปแล้วจะน่าเบื่อกว่าเดิม..."




     "เลิกคิดว่าตัวเองน่าเบื่อได้แล้ว" เรียวนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากนุ่มนั้นเบาๆ "เวลาพูดเยอะๆแบบนี้...น่ารักออก"




     หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวมากกว่าเดิม




     จะหาว่าเวอร์ก็ได้ แต่ติณณ์รู้สึกดีใจจนจะร้องไห้










     พอทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันว่ามื้อเย็นจะไปทานที่ร้านอาหารบริเวณหน้ารีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายตามอัธยาศัย บางกลุ่มก็ไปเล่นที่หาด บางกลุ่มไปชอปปิ้ง และบางกลุ่มเลือกที่จะนอนพักอยู่ที่รีสอร์ทจนกว่าจะถึงมื้อเย็น นั่นก็คือกลุ่มของธารา ที่มีเพียงตัวเขา และติณณ์




     ธาราเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกล บวกกับอายุที่ไม่ใช่น้อยๆแล้วจึงมีความล้าร่างกาย จึงไม่ได้ออกไปเที่ยวเหมือนคนอื่นๆ นับว่าโชคดีพอสมควรที่รูมเมทของเขาคือติณณ์ รายนั้นพอจะเดาได้ว่าคงอยากอยู่ในห้องพักเหมือนกัน ดูได้จากตอนที่เด็กคนนั้นเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งแจ้นเข้าหาถุงเงินก่อนเป็นอับดับแรก ส่วนเจ้าแมวก็เอาแต่เดินหนีเพราะมนุษย์คนนี้วอแวกับมันมากเกินไป ธาราชอบมองแมวสองตัวนี้เล่นกัน มันน่ารักดี




     หัวหน้าแผนกเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆเพื่อให้เหมาะแก่การงีบหลับ พอศีรษะสัมผัสกับหมอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆมันก็พร้อมสลบ ธาราหลับตาได้สักพักก็สัมผัสได้ว่าเตียงข้างๆยุบลงไปเหมือนมีสิ่งมีชีวิตมานอนร่วมเตียง เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่าติณณ์นอนหันหน้ามาทางเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มจนถึงปาก เปลือกตาถูกปิดลงให้เห็นแพขนตาเรียงสวย ติณณ์น่าจะเมื่อยจากการนั่งรถเหมือนกันเลยคลานขึ้นมาหลับปุ๋ยแบบนี้




     หลับได้โดยไม่ต้องพึ่งอ้อมกอดเขาอย่างนั้นหรือ?




     อาจเป็นเพราะเหนื่อยเลยหลับได้ง่าย ส่วนธาราน่ะหรอ เหนื่อยมากกว่าอีก แต่ดันนอนไม่สบายตัวเมื่อไม่ได้กอดเด็กตัวอุ่นๆอย่างเคย เขาชอบเวลาเส้นผมนุ่มๆมาคลอเคลียตรงลำคอ บางทีศีรษะเล็กก็ขยับถูไถเบาๆเพื่อหาท่าที่สบาย แต่ดูอีกมุมก็เหมือนอ้อน อุณหภูมิอุ่นๆในอ้อมแขนทำให้หลับสบาย คิดแบบนั้นแล้วเขาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ จากนั้นท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดร่างบอบบางนั้นอย่างทะนุถนอม เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาช้อนมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วนอนนิ่งๆ เชิงว่าอนุญาตให้กอด




     นี่แหละ วันพักผ่อนที่ธาราต้องการ




     ตกเย็น ธาราตื่นขึ้นมาก่อนติณณ์ เด็กหนุ่มถูกปลุกด้วยคำว่า ตื่นมาทานข้าวเย็นกันเร็ว แต่คำๆนั้นยิ่งทำให้เขาอยากจมหายไปกับเตียง




     แค่นึกว่าต้องไปนั่งท่ามกลางคนไม่รู้จักอีกรอบ ก็อึดอัดจนจะแย่แล้ว แต่ถ้าให้หนีออกมาเหมือนเดิม คงดูไม่ดีเท่าไหร่




     อาธารให้เขาได้สร่างง่วงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชวนออกจากห้องเพื่อไปทานอาหารเย็น ติณณ์ยังไม่ทันได้มีอารมณ์อิดออดไม่อยากไป แต่ดันเจอจานอาหารมากมายตั้งอยู่บนม้าหินหน้าห้องเสียก่อน อาธารเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า มื้อเย็นของเรา คือที่นี่




     ติณณ์เข้าไปนั่งตามอย่างงงๆ จะว่านัดคนอื่นมาทานที่นี่ก็ไม่ใช่ ม้าหินเล็กๆแบบนี้จะนั่งกันพอได้ยังไง ไหนจะปริมาณอาหารที่ไม่เพียงพอต่อคนทั้งแผนก หากแต่เพียงพอต่อคนสองคน อาธารบอกให้เขาลงมือทานอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ตอนนี้ติณณ์ไม่เข้าใจอะไรเลย




     "ไม่ไปทานที่ร้านกันแล้วหรอครับ?" ติณณ์เอ่ยความสงสัยออกไป




     "ไป แต่ไม่ใช่เรา"




     "ทำไม..."




     "ค่อยว่ากัน ทานก่อน เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด"




     เด็กหนุ่มกลืนคำถามมากมายลงคอ แล้วเปลี่ยนเป็นกลืนอาหารตรงหน้าแทน ธารารู้ว่าติณณ์สงสัยมาก เพราะคนตรงหน้าทานไป ลอบมองหน้าเขาไปอย่างลุ้นๆว่าจะพูดออกมาให้เข้าใจได้เมื่อไหร่ ตอนแรกอยากจะแกล้งปล่อยเงียบเพื่อให้ติณณ์ถามออกมาเองเสียที สุดท้ายก็สงสารปนเอ็นดู เลยเลือกเฉลยเองแทน




     "อากลัวติณณ์อึดอัด ถ้าติณณ์รู้สึกแบบนั้นอาก็ไม่สบายใจด้วย ถ้าติณณ์สบายใจ อาก็สบายใจ ไม่ต้องคิดล่ะว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาหมดสนุก"




     "..." ติณณ์มือสั่นเล็กน้อย




     "จริงๆอาอยากนั่งทานเงียบๆบ้างน่ะ ปกติไม่ชอบพูดคุยบนโต๊ะอาหาร นิดหน่อยน่ะพอได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกนาที มันไม่ค่อยสะดวก" ธาราชี้แจง "อยู่กับติณณ์แล้วสงบดี เหมือนได้พักผ่อนจริงๆ"




     มันไม่ใช่คำพูดสวยหรูเพื่อให้กำลังใจ เป็นคำง่ายๆแต่รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ อย่างน้อยอาธารก็ไม่ได้ทำแบบนี้เพราะสงสารเขาอย่างเดียว แต่ไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่ายค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับเขา อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แค่บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องนี้ ก็ดีใจมากๆแล้วที่ได้เจอพวกเดียวกัน มันรู้สึกเหมือนมีเพื่อน แบบนี้ต่างฝ่ายคงต่างสบายใจ เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ติณณ์ชอบแบบนี้มากๆ




     คนตัวบางไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกที่ดีใจมากๆแบบนี้ พูดออกไปเดี๋ยวจะหาว่าพิลึก แค่อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นทานอาหารกับเขาแค่นี้ก็ดีใจเหมือนถูกหวยยังไงไม่รู้




     มื้อเย็นผ่านไปโดยไม่มีอะไรหวือหวาอย่างเคย มีแต่ความสบายใจที่เพิ่มมากขึ้นในตัวติณณ์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับเข้าห้องพัก โดยที่เด็กหนุ่มก็แบกหนังสือเรียนมาอ่านเล่นๆบนเตียง ส่วนธาราก็แบกโน้ตบุ๊คมาทำงานอื่นนิดๆหน่อยๆ ตามสไตล์คนบ้าเรียนและบ้างาน แต่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายหาวหวอดขึ้นมาก่อน ธาราล้มตัวนอนข้างๆเด็กเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง แต่ติณณ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว




     ธาราไม่รู้ว่าตัวเองพักสายตาไปนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าตัวเองไม่ได้หลับ อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา ถ้าให้เดาว่าคงเป็นผี




     ผีเด็กซะด้วยสิ




     ผู้ใหญ่ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นคือติณณ์กำลังนอนมองเขาด้วยสายตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก เหมือนมีดวงดาวประกายแสงหลายๆดวงอยู่ในดวงตานั้น มันมีชีวิตชีวา มันสดใส มันดูมีความหวัง แต่ทันทีที่เจ้าตัวโดนจับได้ว่าแอบมอง เด็กติณณ์สะดุ้งตัวแล้วหลับตาปี๋ พลางเอาใบหน้ามุดกับผ้าห่ม เหลือแต่ใบหูขาวๆที่โผล่ออกมา ทำอย่างกับว่าจะหนีความผิดที่แอบมองอย่างไรอย่างนั้น




     ธาราหัวเราะกับความน่าเอ็นดูนั้น เห็นแล้วอยากจะแกล้งพิลึก ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ๆอีกฝ่าย ริมฝีปากอุ่นกระซิบชิดใบหูขาวนั้นว่า แอบมองอาหรอ คนในผ้าห่มยกไหล่ขึ้นเพื่อป้องกันความจั๊กจี๊นั้น และไม่มีทีท่าว่าจะเปิดผ้าห่มออกมา ธาราพยายามดึงผ้าห่มออกจากใบหน้านั้นแล้ว มันก็ยากพอควร พลังของคนเขินอายไม่ใช่เล่นๆ แต่สุดท้ายมือแกร่งก็ดึงผ้านั้นออกได้สำเร็จ เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนวัยที่กำลังแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ แถมยังเบนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่ยอมมองมาที่เขา




     คนขี้แกล้งพยายามนำสายตาตัวเองไปไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม แต่ก็โดนหันหน้าหนีตลอด ดักทางซ้าย ย้ายไปทางขวา ดักทางขวา ย้ายไปทางซ้าย แบบนี้ไปมาเรื่อยๆ จนธาราต้องจับปลายคางมนเพื่อล็อคให้อยู่กับที่ แล้วยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อให้คนใต้ร่างได้มองหน้าเขาเต็มตา แต่แล้วดวงตากลมก็หลับปี๋ด้วยความอาย




     หึ เด็กขี้อาย




     ริมฝีปากอุ่นจุมพิศลงบนเปลือกตานั้น เชิงเป็นคำขอร้องให้อีกฝ่ายลืมตามามองกัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านบนผิวบอบบางนั้น เปลือกตาสวยค่อยๆลืมขึ้นมาจนเห็นนัยต์ตาสีดำที่หล่อเลี้ยงไปด้วยน้ำเอ่อใส มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์ แต่เป็นน้ำตาของความตื้นตันบางอย่าง ธารามองเด็กตรงหน้าที่แก้มแดงจัด ริมฝีปากสีสวยขบเม้มเข้าหากัน ดวงตามีน้ำคลอเบ้าเล็กๆ แถมยังหดคอหนีน้อยๆ




     ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้




     ธาราอยากทำอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงดึงเด็กมากอดแน่นๆจนได้ยินเสียงครางฮือด้วยความเจ็บ




     "อาธาร มันแน่นเกินไป"




     "ก็ติณณ์อยากน่ารักทำไม"




     "ผมไม่ได้น่ารัก... ฮื่อ!" ติณณ์ร้องออกมาเมื่อโดนรัดแน่นกว่าเดิม




     "น่ารักจนอาอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว"




     "ปล่อยก่อนครับ ผมอึดอัดนะ"




     "จะให้ปล่อยได้ยังไง" ธารากระซิบริมใบหูขาว "ติณณ์ตัวนุ่มไปทั้งตัวแบบนี้ แถมกลิ่นก็หอม แล้วก็จะทำโทษข้อหาชอบแอบมองอาบ่อยๆด้วย ถ้าวันหลังเอาแต่มองและไม่พูดอะไรอีก อาจะกอดแบบนี้แหละ"




     ธาราแกล้งรัดติณณ์ให้ส่งเสียงครางฮือแบบนั้นอยู่นาน เขาชอบฟังเสียงนี้ที่สุด มันน่ารัก น่าฟัด อยากจะทำอะไรให้มากกว่านี้ให้เจ้าตัวร้องออกมาดังมากกว่านี้




     ถ้าไม่ติดว่ามีศีลธรรมมากพอ ป่านนี้เขาคงจับเด็กคนนี้กดให้จมเตียง กัดกินผิวเนื้อนุ่มๆให้จมเขี้ยว บดขยี้ร่างกายนี้แรงๆจนช้ำเนื้อไปทั้งตัว อยากทำให้แปดเปื้อนจนเสียงหวานครางออกมาดังๆ




     แต่นั่นแหละ




     มันเป็นได้แค่ความคิด












talk.

ฮูเรรรรร่ มาถึงตอนที่10แล้ว น้องเปิดใจแล้ววว ส่วนอาธารก็เริ่มศีลแตกเรื่อยๆ5555555

อยากบอกว่าขอบคุณทุกๆฟีดแบคเลย เค้าอ่านทุกๆเม้นเลย จำได้หลายๆคนด้วย รักนะ ขอบคุณจริงๆที่ตามกันมาถึงตอนนี้ แง ล้องห้ายแปป

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขยับเข้าใกล้กันอีกนิด...เอาใจช่วยน้อง   :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เป็นใจไปหมดยกเว้นความเสี่ยงคุกน่ะค่ะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดนึงแล้ว น้องยอมเปิดใจรับอาธารแล้ว คุกก็เปิดรอต้อนรับอาธารอยู่เสมออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นกำลังใจให้คุณอาค่ะ 5555555555555

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
แค่ก คุก คุก คุก คุก คุก แค่กๆๆ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกมากค่ะ สนุกมากกกก หวังว่าจะไม่มีดราม่าอะไรอีกแล้วนะคะ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อาธารทิ้งหลานไปนานเลยนะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 คุก คุก คุก

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจ้าเด็กน่ารักขึ้นทุกวัน ๆ เอ็นดูเคี้ยวหมึกย่างมุบมิบของน้องตินณ์จังค๊าบบบบ

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 11


     การพักผ่อนที่เพียงพอทำให้เปลือกตาสวยค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง กะพริบปริบๆสองสามครั้งเพื่อปรับโฟกัสให้เห็นรูปหน้าราวสวรรค์สร้างของผู้ใหญ่ คนที่ใช้ท่อนแขนพันธนาการร่างกายติณณ์ยังคงหลับใหล ความมึนง่วงในสมองทำให้ติณณ์นิ่งไปครู่หนึ่ง พลางพยายามเค้นความคิดว่าความรู้สึกแปลกใจนี้มันเกิดจากอะไร คิดไปสักพักก็พบว่า ปกติเวลาลืมตาขึ้นมาตอนเช้าเขามักจะเห็นที่ว่างข้างๆกาย เหลือไว้เพียงรอยยับของที่ผ้าปูเตียงของคนที่เคยนอน  เพราะอาธารมักจะตื่นก่อนเขาเสมอ อย่างวันหยุดตื่นสายสุดก็7โมง




     7โมงงั้นหรือ?




     ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างลืมง่วง แล้วกดดูนาฬิกาในโทรศัพท์บนหัวเตียง ขณะนี้เป็นเวลา7โมงกว่าๆแล้ว พวกผู้ใหญ่เขานัดรวมตัวกันไปดำน้ำกันที่เกาะตอน7โมงไม่ใช่หรือ!?




     "อาธารครับ อาธาร!" คนตัวเล็กยันข้อศอกข้างหนึ่งไว้กับเตียง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเอื้อมไปเขย่าไหล่คนยังไม่ตื่นอย่างร้อนรน




     "หืม..." ธาราครางในลำคอรับรู้ แต่ยังคงหลับตา




     "7โมงกว่าแล้วครับ! เลยเวลานัดแล้ว"




     "อืม..."




     "อาธาร!" ทำไมถึงดูไม่กระตือรือร้นสึกนิดเลยล่ะ!




     "ติณณ์อยากไปหรอ?"




     "...?"




     พอโดนถามแบบนี้แล้วมันก็...ยังไงดีล่ะ ความจริงติณณ์ไม่อยากไปหรอก กลัวจะอึดอัดเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ไปมันจะดูเสียมารยาทหรือเปล่าก็ไม่รู้




     "ว่าไง" ในที่สุดธาราก็ลืมตาขึ้นมามองเด็กตรงหน้า "อยากไปไหม ตอบมาตรงๆเลยไม่ต้องเกรงใจ"




     "...ไม่อยากไปครับ"




     "หึๆ ก็แค่นั้นแหละ งั้นนอนกันต่อ"




     "ครับ?...เอ่อ...คือ...?" ติณณ์ไม่เข้าใจ นึกไม่อยากไปก็ยกเลิกง่ายๆแบบนี้เลยหรอ




     "สงสัยอะไรอีกล่ะเรา"




     "แล้วคนอื่นๆจะไม่รอหรอครับ แล้ว...อาธารไม่ไปหรอ"




     "ไม่รอหรอก อาบอกล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่ไป เพราะอาอยากอยู่ทำงานอีกนิดหน่อย แถมขี้เกียจเที่ยวเยอะด้วย เหนื่อย อาแก่แล้ว"




     "แต่...อาธารไม่เบื่อหรอครับ มาเที่ยวทั้งที น่าจะออกไปเที่ยวกับพวกเขาสักหน่อยนะครับ"




     "ถ้าอาไป ติณณ์จะไปด้วยไหม?"




     "ไม่ไปครับ ผมจะอยู่เลี้ยงแมว— อ๊ะ!"




     ติณณ์ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อร่างตัวเองโดนดึงเข้าไปกอดอีกแล้ว ไม่สิ เหมือนถูกล็อคตัวมากกว่า




     "อาก็จะอยู่เลี้ยงแมวเหมือนกัน" มุมปากของธาราถูกยกขึ้น "อาอยากมาพักผ่อน พักผ่อนไม่จำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมเยอะๆนี่ แค่มาเปลี่ยนบรรยากาศก็ถือว่าพักผ่อนได้เหมือนกัน ฉะนั้น ของีบสัก10นาที เดี๋ยวมาทานข้าวเช้ากัน"




     ถึงจะแปลกๆไปหน่อย แต่ยอมรับว่าติณณ์โอเคมากๆกับข้อตกลงนี้




     "งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำแต่งตัวรอนะครับ" คนในอ้อมกอดขยัวตัวนิดๆเพื่อจะลุกไปอาบน้ำ แต่กลับโดนผู้ใหญ่ล็อคตัวไว้แน่น




     "เดี๋ยวค่อยอาบ มาให้กอดก่อน" ธาราหลับตาลงเพื่อปิดการรับรู้ ไม่ว่าติณณ์จะพูดอะไรต่อ "ไม่มีหมอนข้างนุ่มๆแล้วมันหลับไม่ลง"




     ความจริงมันก็แค่ข้ออ้าง




     ธาราบอกคนในแผนกว่าติณณ์ไม่สบาย เลยขอผ่านทริปดำน้ำวันนี้ไป ที่จริงแค่อยากหาเรื่องอยู่กับเด็กคนนี้สองคนต่างหาก




     ไม่สบายอะไรกัน




     ทั้งๆที่ตัวอุ่นกำลังดี น่ากอดไปทั้งวันแบบนี้เนี่ยนะ







     ข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้าง่ายๆสำหรับคนทั้งคู่ ธาราสั่งมาทานหน้าบ้านพักเหมือนเดิม ซึ่งติณณ์ก็ดูไม่ขัดอะไร แถมยังทานอาหารได้ดี เขาสังเกตมานานแล้วว่าถ้ามื้อไหนมีกุ้งเป็นส่วนประกอบของอาหารจานนั้น ติณณ์จะทานเร็วกว่าเมนูอื่นๆ




     สงสัยจะชอบ





     ธาราตักกุ้งสองสามตัวจากชามตัวเองไปใส่ชามอีกคน เด็กทำท่าจะปฏิเสธแต่เขาพูดดักว่าอาไม่ชอบ ติณณ์ช่วยทานหน่อยนะ พออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไป ตักกุ้งตัวใหม่เข้าปากพลางยิ้มกว้างๆใส่ผู้ใหญ่เชิงจะบอกว่าอร่อยมาก และแฝงคำขอบคุณไว้ในรอยยิ้มนั้น




     อาธารเคยบอกมานานแล้วว่าอยากให้ติณณ์ยิ้มเยอะๆ เพราะอาธารชอบ เห็นแล้วชื่นใจ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยยิ้มเลย




     คราวนี้อยากตอบแทนด้วยการยิ้มให้บ่อยขึ้นบ้าง แม้มันจะทดแทนบุญคุณไม่หมดก็เถอะ ก็ติณณ์เชื่อว่าอาธารต้องชื่นใจแน่ๆ เพราะเวลาเขายิ้มทีไร อาธารจะยิ้มตามทุกที




     ตอนนี้เขาไม่ได้ยิ้มแล้ว มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้ม แต่มันเห็นหางตาว่าอาธารยังมองมาทางนี้อย่างยิ้มๆอยู่ แบบไม่รู้ว่าจะหุบยิ้มลงเมื่อไหร่




     อะไรเนี่ย แปลกคนจัง




     ข้าวต้มกุ้งถูกย่อยระหว่างที่คนต่างวัยกันกำลังนั่งทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ในห้อง ธารานั่งทำงานบนเก้าอี้ ส่วนติณณ์ก็นอนอ่านหนังสือบนเตียงอย่างเคย ไม่มีใครเรียกร้องว่ามาทะเลทั้งทีควรจะออกไปเที่ยว เพราะต่างคนก็ไม่ได้เดือดร้อนกับกิจกรรมเรียบง่ายที่ทำอยู่




     เวลาล่วงเลยไปบ่ายโมง




     ธารายังคงนั่งทำงานอยู่ แต่ติณณ์เริ่มเอียนกับการอ่านวิชาชีววิทยาที่เขาเกลียดนักหนา ดวงตากลมกวาดหาเจ้าแมวขนฟูเพื่อจะไปเล่นด้วย มันนอนอยู่ใต้โต๊ะที่อาธารกำลังทำงานอยู่ ติณณ์ค่อยๆเลื้อยลงจากเตียงแล้วไปนั่งเล่นกับถุงเงินงุ้งงิ้งๆ




     ติณณ์ไม่กล้าเล่นเสียงดัง เพราะคนบนเก้าอี้กำลังนั่งทำงานหน้าเครียด แม้ว่าอีกฝ่ายจะใส่หูฟังทั้งสองข้างก็ตาม เขาไม่อยากไปรบกวนสมาธินั้นเลยได้แต่ลูบขนเจ้าแมวเงียบๆ




     แต่




     ติณณ์หิว




     นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย ปกติอาธารจะเรียกเขาให้ทานประมาณ11โมงถึงเที่ยง ไม่เคยเกินเวลามาแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะอาธารทำงานจนลืมดูเวลาหรือเปล่า




     แต่ติณณ์หิวจริงๆนะ




     คนที่นั่งกับพื้นเงยหน้ามองอีกฝ่าย อย่างที่ปกติอาธารจะหันมาถามเองว่ามีอะไรหรือเปล่า มองอาทำไม แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว อาธารเอาแต่จ้องจอแบนๆนั้น ไม่หันมามองกันเลย ติณณ์มองตั้งนานแล้วนะ ตั้งใจมองมากๆด้วย แต่ทำไมอาธารยังไม่รู้ตัวอีกล่ะ




     ไม่หรอก นี่เป็นแผนเล็กๆของธารา




     ติณณ์ติดนิสัยชอบมองแทนการพูดและการถาม ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่แมวสักหน่อยที่เอาแต่มองมนุษย์อย่างอ้อนๆแล้วจะได้สิ่งที่ต้องการ อย่างน้อยแมวมันก็ร้องเมี้ยวๆเพื่อเรียกเจ้าของบ้าง แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะมองจนกว่าเขาจะหันไปถามเอง




     แค่อยากดัดนิสัยอะไรนิดหน่อยน่ะ




     "อาธารครับ บ่ายโมงแล้วนะครับ"




     ในที่สุดคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยอมเอ่ยปากออกมาเสียที ธาราพยายามกลั้นยิ้มสุดความสามารถ เขาอยากแกล้งเด็กอีกสักนิด อยากจะรู้ว่าถ้าทำเป็นไม่ได้ยิน ติณณ์จะทำอย่างไรต่อไป




     "อาธารครับ?"




     "..."




     "อาธาร ผมหิวข้าวแล้วครับ"




     "..."




     "อาธารครับ อาธาร"




     คนข้างบนน่าจะไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก นี่คือสิ่งที่ติณณ์คิด เพราะมีหูฟังมาบดบังคลื่นเสียงของเขา เด็กหนุ่มเรียกตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจนท้อ ถ้าไม่รีบไปทานข้าวล่ะก็ต้องหิวไส้ขาดแน่




     "อาครับ..." นิ้วเรียวยื่นไปดึงๆชายเสื้อยืดสีขาวของอีกฝ่าย "ผมหิว..."




     สัมผัสตึงๆตรงชายเสื้อทำให้ธาราต้องก้มลงมอง เด็กข้างล่างกำลังดึงชายเสื้อเขา ดวงตากลมช้อนมองอย่างซ่อนความอ้อนไว้ลึกๆ ปากเล็กเอ่ยคำว่าหิวไปมาจนน่าสงสาร เหมือนแมวร้องเงี้ยวๆเพื่อขอข้าวอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายธาราก็ต้องยอมแพ้ลูกอ้อนนี้




     "อ้าว บ่ายโมงกว่าแล้วหรอ ขอโทษๆ อาทำงานเพลินไปหน่อย" ธาราแสร้งทำมองนาฬิกา "หิวแย่เลยใช่ไหม งั้นออกไปทานข้าวกัน"




     พอเห็นอาธารทำท่าจะเก็บงาน ติณณ์ก็อมยิ้มเล็กๆเพราะดีใจที่จะได้ทานอาหารกลางวันเสียที พลางยันตัวลุกขึ้นยืนเตรียมออกจากสถานที่ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นรัศมีของอาธาร ตัวบางๆก็โดนดึงเข้ารัศมีนั่นอย่างกะทันหัน




     "อ๊ะ!" ติณณ์ร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อมีท่อนแขนทั้งสองข้างมารั้งเอวของเขาไว้ให้พาร่างเล็กๆเซไปนั่งบนตักใครอีกคน




     "บอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรให้พูด ไม่ใช่เอาแต่มอง" เสียงทุ้มดังอยู่บริเวณใบหูขาว จนเจ้าตัวจั๊กจี๊นิดๆ




     "อ...อาธารเห็น?"




     "หึๆ"




     "แล้วทำไม..."




     "อยากดัดนิสัยเราไง" ธารากอดแน่น "มีอะไรก็หัดพูด หัดถาม ไม่มีใครว่าอะไรเราหรอกนะ มัวแต่มองเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง หืม อาบอกแล้วใช่ไหมว่าอยากคุยกับติณณ์"




     "...ขอโทษครับ"




     "ไม่ต้องขอโทษหรอก วันหลังอย่ามองอย่างเดียวก็พอ บอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะว่าถ้ามองอีกอาจะกอดแบบนี้"




     "ผมไม่ทำแล้วครับ อาธารปล่อยผมนะ" ติณณ์หันหน้าไปบอกคนข้างหลัง "ผมหิวแล้ว"




     "อาก็หิว"




     "งั้นไปกันครับ" เด็กหนุ่มขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะอาธารล็อคเขาไว้แน่น บางทีติณณ์ก็สงสัยว่าทำไมชอบล็อคแบบนี้นักนะ "อาธาร?"




     "ขอทำโทษเราก่อน"




     ใช่ นี่คือบทลงโทษของเด็กดื้อ และมันคือกำไรของธารา




     เด็กอะไร ตัวนุ่มไปทั้งตัว







     "ติณณ์อยากทานอะไร?"




     ธาราพาเด็กมาทานอาหารกลางวันที่ร้านเดิม เขาจำได้ว่าเมื่อวานคนตัวเล็กทานไปได้เท่าแมวดม น่าเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มรสอาหารทะเลของที่นี่อย่างเต็มที่ ร้านนี้ใช้ของสดและปรุงรสมาอย่างพอดี บรรยากาศก็ดี เลยอยากให้ติณณ์ได้มาแก้ตัวกับร้านนี้อีกรอบหนึ่ง




     "อะไรก็ได้ครับ"




     เชื่อเขาเลย คำตอบเดิมๆ




     "ไม่มีเมนูอะไรก็ได้"




     "..."




     "ลองสั่งอันที่ตัวเองอยากทานจริงๆดูบ้างสิติณณ์ อยู่ด้วยกันเป็นเดือนแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ"




     "อ่า...ได้หรอครับ"




     "ได้สิ อยากได้อะไรชี้เอาเลย อาอยากรู้เหมือนกันว่าติณณ์ชอบอะไร"




     นิ้วเรียววางบนริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองอยากทาน "เอากุ้งเผา ข้าวผัดกุ้ง แล้วก็ทอดมันกุ้งครับ"




     "ทำไมเป็นกุ้งทุกอย่างเลยล่ะ"




     "ผมชอบกุ้งครับ"




     "โอเค งั้นขอเป็นกุ้งเผา ข้าวผัดกุ้ง ทอดมันกุ้ง ข้าวสวย แล้วก็ปูนึ่งครับ อ้อ น้ำเปล่า2ขวดด้วย" ธาราหันไปสั่งกับพนักงาน คนจดเมนูทวนรายการซ้ำอีกรอบก่อนที่จะเดินไปขานออร์เดอร์ในครัว




     เมื่อบริเวณนี้มีเพียงคนสองคนบนโต๊ะอาหาร คนอ่อนวัยกว่าเขยิบตัวไปนั่งชิดขอบเก้าอี้ยาว เพื่อได้เห็นวิวทะเลสวยๆ ติณณ์ชอบทะเล แต่ไม่ได้ชอบเล่นน้ำทะเลขนาดนั้น เพียงแค่เสพบรรยากาศกับอาหารทะเล แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว




     ติณณ์ว่ายน้ำไม่แข็ง ตอนเด็กๆเลยชอบเล่นทรายมากกว่า ถ้าจะให้ลงทะเลก็เล่นได้แค่ระดับน้ำถึงอก ลึกกว่านี้คงไม่กล้า ดวงตาใสมองไปที่น้ำทะเลสีสวยที่คอยรองรับประชากรที่เล่นน้ำกันอยู่ เห็นน้ำที่ดูสะอาดๆแบบนั้นก็อยากลงไปเล่นบ้าง เพราะไม่ได้เล่นมานานมากๆแล้ว แต่เขาไม่กล้าขออาธารหรอก




     เห็นว่าอยากพักสงบๆนี่นา




     "ติณณ์"




     สายตาละจากวิวสวยตรงหน้า แล้วหันไปมองผู้ใหญ่ที่มองเขาอยู่แล้ว "ครับ?"




     "อยากเล่นน้ำหรอ?"




     "เปล่าครับ แค่มองเฉยๆ"




     "โกหกอา"




     ถ้ามองในสายตานั้นดีๆ มันอ่านได้ว่าติณณ์สนใจทะเลข้างๆมาก นัยน์ตาสีดำสนิทที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันซ่อนประกายความสนใจเล็กๆเอาไว้ อย่างที่เมื่อครู่ถามไปแล้วดวงตานั้นเบิกกว้างนิดๆ ก่อนจะตีหน้าเรียบพร้อมปฏิเสธ




     ดูเหมือนเป็นคนอ่านยาก แต่ถ้ามองดีๆ ติณณ์อ่านง่ายนิดเดียว




     "คือ...ผม..." เด็กหนุ่มไปต่อไม่ถูกเมื่อถูกจับได้ว่าปากพูดไม่ตรงกับสิ่งที่คิด




     "อยากเล่นก็บอกว่าอยากเล่นสิ"




     "แต่อาธารมีงานทำ..."




     "ไม่ใช่งานด่วนงานเร่งอะไรนี่ เห็นอาทำงานแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมเที่ยวเลยนะ"




     "แต่อาธารบอกอยากพักสงบๆ..."




     "คำว่าสงบของอา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ แต่ขึ้นอยู่กับคนที่อาอยู่ด้วย" ธาราอธิบาย "ถ้าอยากเล่นก็พูดออกมาก่อนสิ ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน อย่าคิดแทนอาด้วย เข้าใจไหม"




     "...เข้าใจครับ" ติณณ์ตอบรับคำสั่งสอนนั้นอย่างหงอยๆนิดหน่อย เพราะประโยคท้ายๆของอาธารติดดุนิดๆ ถ้างั้นเขาจะลองเป็นเด็กเชื่อฟังแบบทันตาเห็นดูบ้าง "ผม...อยากเล่นน้ำครับ"




     "น่ารักมาก ก็แค่นั้นแหละ" ธาราระบายยิ้มออกมา "วันหลังอยากได้อะไร พูดออกมานะ อาเต็มใจให้"




     พอเห็นอาธารยิ้ม ติณณ์ก็อมยิ้มเล็กๆออกมาบ้าง ผู้ใหญ่ชวนเด็กคุยสัพเพเหระสักพัก พนักงงานชายก็เดินมาเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ ติณณ์ละความสนใจจากอาธาร แล้วหันไปจ้องกุ้งเผาหัวโตๆ กลิ่นหอมๆในจานนั้นมากกว่า




     "จุ้ง~" คนชอบกุ้งพึมพำกับตัวเองในลำคอเบาๆ




     "อะไรนะ?" ธาราถามเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ




     "อ่า..." ติณณ์ไม่คิดว่าอาธารจะได้ยินด้วย "จุ้งครับ"




     "จุ้ง? หมายถึงกุ้งหรอ?" ธาราว่าขำๆ




     "ครับ จุ้งเผา ข้าวผัดจุ้ง ทอดมันจุ้ง"




     ติณณ์พูดเยอะขึ้นแล้ว




     น่ารักขึ้นเป็นกอง




     "ทำไมถึงเรียกจุ้งล่ะ"




     "ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนเด็กๆเวลาแม่เชียร์ให้ทานกุ้ง ชอบเรียกจุ้งๆๆทุกที ผมเลยติดมา"




     "หรอ น่ารักดีนะ" ธารายิ้มจนรู้สึกเมื่อยแก้มหน่อยๆ "งั้นทานได้เลย อยากทานจุ้งจะแย่แล้วสิ"




     พอเจ้าภาพอนุญาต เด็กหนุ่มยิ้มร่า หยิบกุ้งหัวโตๆตัวหนึ่งใส่จานน้อยของตัวเอง มือเรียวบิดส่วนหัวและหางออกจากกัน ดวงตากลมส่องมันกุ้งสีส้มๆเยิ้มๆในหัวอย่างที่ชอบทำ พอเห็นว่ากุ้งตัวนี้มันเยอะก็ดีใจ อดจะอวดอาธารไม่ได้จริงๆว่า ดูตัวนี้สิครับ มันเยอะมากเลย อย่างที่ธาราเห็นแล้วเอ็นดูจับใจ




     ติณณ์บรรจงแกะกุ้งเข้าปากอย่างมีความสุข เปลือกสีส้มกองเต็มจาน มือเรียวเปื้อนไปด้วยกลิ่นกุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใจจดใจจ่ออยู่กับการแกะกุ้งตัวต่อไปในจาน แต่แล้วก็มีคนยื่นกุ้งในสภาพเปลือยเปลือกก็เข้ามาอยู่เฟรมสายตา อาธารแกะกุ้งให้เขา แถมตามมาด้วยหัวกุ้งแบบที่พร้อมทาน




     "ขอบคุณครับ อาธารไม่ทานหัวกุ้งหรอครับ"




     "คลอเรสเตอรอลสูง ไม่ค่อยดีกับคนอายุอย่างอาเท่าไหร่ ติณณ์เอาเลย"




     อาธารแกะให้ติณณ์สลับกับแกะให้ตัวเอง ติณณ์เกรงใจนะ แต่ถ้าห้ามอาธารนั้นเปล่าประโยชน์แน่ๆ เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มแกะปูทานมากกว่าแกะกุ้งเข้าปาก ให้เดาก็คือ อาธารชอบทานปูมากกว่า แต่ติณณ์ไม่ชอบเพราะมันแกะยาก ตัวอะไรไม่รู้ กระดองก็แข็ง เนื้อก็น้อย แกะยาก มีเปลือกซับซ้อนไปหมด กว่าจะได้ทานมือคงเปื่อยเสียก่อน




     แต่ข้อเสียเหล่านั้นดูจะทำอะไรอาธารไม่ได้ เพราะมือใหญ่นั้นแกะอย่างไวเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ เหมือนบิดนิดสะกิดหน่อยก็ได้เนื้อสวยๆพร้อมทานแล้ว ในขณะเดียวกันอาธารก็ยังแกะกุ้งให้ติณณ์อยู่ จนเขาแทบจะทานไม่ทันอยู่แล้ว




     ทำไมอาธารต้องมานั่งแกะให้ฝ่ายเดียวด้วย ไม่เห็นยุติธรรมเลย




     เด็กติณณ์หยิบปูนึ่งสีส้มๆมาใส่จานตัวหนึ่ง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าทางร้านทุบเปลือกมาให้แล้วประมาณนึง จึงไม่ต้องลำบากใช้มืองัดแงะเท่าที่กังวล แต่มันก็ยากสำหรับคนไม่นิยมทานปูอยู่ดี มือเล็กพยายามแกะเปลือกอันซับซ้อนเพื่อให้ได้เนื้อปูสีขาวๆอย่างลำบาก ทำไมพอทำเองแล้วไม่เหมือนที่อาธารทำเลย รายนั้นทำอย่างกับกำลังปอกกล้วยเข้าปาก




     ธาราเห็นเด็กที่ไม่ได้แตะปูมาสักพักก็เริ่มทะเลาะกับการแกะสัตว์ทะเลกระดองแข็ง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเมื่อทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ มองแล้วช่างน่าสงสาร เลยแกะเนื้อส่วนกรรเชียงสวยๆไปวางบนจานอีกฝ่าย ดวงตากลมละสายตาจากศัตรูของตัวเองแล้วมามองสิ่งใหม่ก็อยู่บนจาน ธาราคาดหวังว่าว่าติณณ์จะดีใจ แต่ไม่เลย กลับทำปากยู่ๆบวกกับหน้ามุ่ยๆนั่นอีก




     เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ?




     "เห็นเราแกะอยู่นานแล้วยังไม่ได้ทานสักที ให้อาแกะให้ไหม?"




     "ไม่เป็นไรครับ"




     ไม่ว่าเปล่า มือเล็กยังคงทะเลาะกับปูของตัวเองต่อไป ทิ้งกรรเชียงสวยๆของธาราไว้ตรงจานอย่าไม่ไยดี ธาราสงสัยว่าติณณ์เป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป จนกระทั่งติณณ์แกะปูของตัวเองสำเร็จทุกสัดส่วน เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยพลางระบายยิ้มสวยๆออกมา ก่อนที่จะยื่นจานปูที่ตัวเองแกะเองให้ผู้ใหญ่




     "หืม?" ธาราส่งเสียงในลำคออย่างแปลกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็ยื่นจานให้




     "ผมแกะให้"




     พอได้ยินแบบนั้นธาราก็ยิ้มออกมา "ทำไมล่ะ?"




     "ก...ก็อาธารยังแกะให้ผมเลย ผมอยากแกะให้อาธารบ้าง"




     ถ้าไม่ติดว่ามือเลอะ ธาราคงยื่นมือไปลูบผมนุ่มๆนั่นด้วยความรักใคร่แล้ว




     เด็กอะไร น่ารักเป็นบ้า








     (ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2019 20:57:51 โดย TiXA »

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
     หลังจากพ้นมื้อกลางวัน ธาราพาเด็กมาเล่นน้ำทะเลตามสัญญา ติณณ์รู้สึกตื่นเต้นเวลาเท้าเปลือยๆเหยียบพื้นทรายหยาบๆจนมันเข้าซอกเท้าเต็มไปหมด เด็กหนุ่มย่างก้าวอย่างหวาดระแวงเพราะปูลมตัวเล็กๆวิ่งไปมากันเยอะแยะ กลัวว่าจะไปเหยียบมันเข้า เมื่อเข้าใกล้ระยะของคลื่นทำให้ผืนทรายชื้นแฉะเหยียบสบายเท้ามากขึ้น จนกระทั่งฟองคลื่นเข้ามาซอนไชตามซอกเล็บแทนเม็ดทราย




     ติณณ์มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอาธาร อีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำสีเข้ม กับท่อนบนที่เปลือยเปล่าอวดลายกล้ามเนื้อราวรูปปั้นของเทพเจ้าสักองค์ สายตานับสิบมองมาที่ผิวสีแทนสวยของอาธารอย่างตาค้าง ตัดภาพมาที่ติณณ์ เขาใส่เพียงเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ พอมาเดินคู่กับอาธารแล้วมันรู้สึกถึงความต่างอย่างพิลึก




     ธาราเดินนำเด็กหนุ่มอยู่ไม่ไกล พอเดินมาเรื่อยๆจนระดับน้ำถึงเอวก็กลัวว่าคลื่นจะซัดร่างบอบบางนั่นปลิวหายไปไหนเสียก่อน จึงคว้ามือเล็กมาจับให้มั่นกันคลื่นซัด กระทั่งความดันน้ำมันมาดันอยู่แถวๆระดับอก อันที่จริงติณณ์หยุดเล่นน้ำในระดับนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะว่ายน้ำไม่แข็ง แต่อาธารทำท่าจะเดินไปลึกกว่านี้ ติณณ์เลยฝืนตัวเองโดยอัตโนมัติ




     เมื่อธาราสัมผัสได้ว่ามืออีกคนที่จูงมาด้วยกันเริ่มขืนตัว ไม่ยอมเดินหน้าไปกับเขา จึงหันไปมองอย่างสงสัยก็เห็นได้ว่า ติณณ์มีสีหน้าเป็นกงวัลอย่างเห็นได้ชัด




     "ผมว่ายน้ำไม่แข็งครับ"




     "อ้าว ทำไมไม่บอกอาก่อนล่ะ จะได้ซื้อห่วงยางมาให้"




     "ปกติผมเล่นน้ำระดับนี้ก็ได้ครับ"




     ร่างสูงกำลังแตกแขนงความคิดเพื่อแก้ปัญหานี้




     หนึ่ง เดินกลับไปซื้อห่วงยางมาให้ติณณ์




     สอง ปล่อยให้ติณณ์เล่นตรงนี้ แต่มันไม่เหมาะกับความสูงของเขา




     สาม ไปที่ระดับน้ำที่เหมาะสมกับเขา แล้วก็ทำตัวเองให้เป็นห่วงยางให้ติณณ์




     ธาราชอบข้อสาม




     "มากับอานะ" ธาราจับมือแน่น "เดี๋ยวอาเป็นห่วงยางให้เอง"




     "ครับ?"




     "เกาะอาไว้ไง อาจะพาเล่นน้ำเอง ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแน่นอน"




     ข้อเสนอนั้นทำเอาติณณ์หัวหมุน "ไม่เป็นไรครับ ผมเล่นตรงนี้ก็ได้"




     "จะให้อาปล่อยเด็กไว้แถวนี้คนเดียวหรือไง หืม ไปกับอานะ ถ้าอาเล่นคนเดียวต้องเหงาแน่ๆ"




     ติณณ์เม้มปากอย่างลังเลสักพัก สุดท้ายก็ต้องเดินฝ่าคลื่นตามอาธารไปอีกระยะหนึ่ง เขาคิดว่าลองเล่นน้ำที่ลึกกว่านี้น่าจะโอเคถ้ามีอาธารอยู่ด้วย เมื่อระดับน้ำไต่มาถึงลำคอขาว อาธารจับข้อมือเล็กๆทั้งสองข้างมาคล้องคอตัวเอง ส่งผลให้ร่างเล็กลอยเข้ามาประชิดกล้ามเนื้อ น้ำทะเลก็ออกจะเย็นแต่กลับมีไออุ่นของเด็กตรงหน้าเข้ามาแทรก สีหน้าของติณณ์เริ่มมีอาการระแวงขึ้นมาเล็กน้อย จึงประคองเอวบางๆนั่นไว้เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น




     กระทั่งฝ่าเท้าของทั้งคู่ลอยขึ้นเหนือผืนทรายใต้น้ำ บวกกับคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามา ทำเอาติณณ์หน้าซีดพลางเกาะร่างกายแกร่งแน่นขึ้น ทำให้ระยะของทั้งคู่ชิดกันจนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ มือใหญ่สัมผัสได้ว่าเอวเล็กๆที่มันกำลังสั่นระริก ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมสั่นไหวอย่างหวาดกลัว เป็นอาการที่สรุปได้ว่า ติณณ์กลัว




     ก็น่าสงสารนะ แต่ทำไมถึงดูน่ารักมากกว่า




     "กลัวหรอ?"




     "ค...ครับ"




     "ไม่ต้องกลัว อาอยู่นี่ ไม่เป็นอะไรหรอก"




     ติณณ์พยักหน้ารับ และจำประโยคที่อาธารพูดเมื่อกี้แล้วเปิดเทปเสียงนั้นวนเวียนในหัวซ้ำไปซ้ำมา อย่างกับจะกล่อมตัวเองไม่ให้กลัว ติณณ์ไม่เคยว่ายน้ำในระดับที่เท้าตัวเองไม่ถึงพื้น มีอาธารให้เกาะมันสบายก็จริงแต่ก็อดกลัวไม่ได้ ยิ่งมีคลื่นลูกใหญ่ซัดมายิ่งทำให้ติณณ์เกาะแน่นจนอีกนิดปลายจมูกจะชนกันอยู่แล้ว เขาอยากงอแงจะขึ้นฝั่งไปเล่นทราย แต่นี่มันเพิ่งจะแปปเดียวเอง เขาอยากให้อาธารได้เล่นน้ำ




     แต่ธาราเห็นเด็กในความดูแลท่าทางจะไม่ไหว แม้พยายามปกปิดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแค่ไหน แต่แววตาสั่นๆนั่นมันโกหกความกลัวไม่ได้ เขาหันไปมองโขดหินที่อยู่ด้านซ้าย ก่อนจะแหวกว่ายพาตัวเองและติณณ์ไปพักตรงโขดหินนั้น ธาราใช้เท้าข้างหนึ่งยันตัวเองไว้กับของแข็งนั้น กับแขนทั้งสองข้างก็ยันหินนั้นไว้เช่นกัน ราวกับกักอาณาเขตของติณณ์ไปเสียหมด เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อแผ่นหลังตัวเองมีสิ่งแข็งแรงยึดเอาไว้ อย่างที่ธารามองแล้วก็โล่งอกไปด้วย




     "กลัวขนาดนั้นเลยหรอ?"




     "ครับ ผมไม่เคยมาลึกขนาดนี้เลย" ปากเล็กตอบอย่างสั่นๆเพราะความกลัวและความหนาว




     "โอ๋ๆ อยากขึ้นฝั่งไหม?"




     "ยังไหวอีกนิดครับ




     "หรอ" ธาราขำ "แต่หน้าเราไม่ไหวแล้วนะ"




     สภาพติณณ์ตอนนี้เหมือนลูกแมวตกน้ำ ปอยผมเปียกลู่ไม่เป็นทรงจากการถูกคลื่นสาด ดวงตากลมฉายแววความเกร็ง ความกลัว ความไร้เดียงสาออกมาอย่างปิดไม่มิด มีน้ำเอ่อหล่อเลี้ยงดวงตาทำให้อวัยวะทรงอัลมอนด์นั้นเหมือนแก้วใสๆ ปลายจมูกแดงก่ำพอๆกับริมฝีปากที่ดูคล้ายลูกเชอร์รี่สดที่มีหยดน้ำเกาะแพรวพราว อย่างที่มองแล้วอยากใช้ฟันคมกัดลงไปลิ้มรสว่ามันจะหวานสักแค่ไหน เนื้อข้างในจะฉ่ำเหมือนเปลือกนอกหรือไม่




     ปากแดงๆน่ากินอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับทำอะไรไม่ได้




     อยู่ๆบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ มันไม่ได้เงียบแบบสบายใจแต่กลับมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเข้ามาแล่นในใจติณณ์ เป็นเพราะแรงดันน้ำข้างใต้หรือเปล่านะ หรือว่าเป็นสายตาคู่นั้นที่มองมา




     ติณณ์เสหน้าไปมองวิวทะเล เพราะรู้สึกประหม่ากับการที่อาธารมองแบบนี้ แม้ไม่ได้สบตาตรงๆก็รับรู้ได้ว่านัยน์ตาคมนั้นมันวาว เปล่งประกาย เขาเคยกลัวสายตาแบบนี้ แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความร้อนผาวปรากฏขึ้นบริเวณพวงแก้มใสจนเจ้าตัวคิดว่ามันคงแดงแน่ๆ




     เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่าลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายค่อยๆเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ตอนแรกติณณ์นึกว่าตัวเองคิดมากไปเอง แต่แล้วสายตาคมกริบราวจะปลดเปลื้องเขาไปทั้งร่างก็ขยับเข้าใกล้จนเด็กหนุ่มเห็นใบหน้าตัวเองในดวงตาวาวๆนั้น ทั้งๆที่อาธารไม่ได้ล็อคตัวเขาอย่างเคยแต่กลับไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่ปลายนิ้ว ติณณ์ทำอะไรไม่ถูกจนลมหายใจอุ่นรดริมฝีปากตัวเอง ดวงตากลมหลับตาปี๋อัตโนมัติทำใจรับสัมผัสในจินตนาการ




     ฟอด...




     "!?"




     กลายเป็นว่าสัมผัสอุ่นๆมันไปแนบอยู่ตรงพวงแก้มนิ่มแทน ปลายจมูกโด่งกดลงไปที่แก้มฟูๆนั้นแล้วสูดความบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ตอหนวดเล็กๆทิ่มเนื้อเนียนนั้นจนเจ้าของร่างจั๊กจี๊แต่ไม่ยอมเบือนหน้าหนี เมื่อธาราเห็นแบบนั้นจึงประทับลงบนแก้มอีกข้างอย่างกลัวน้อยใจ พรมจูบเบาๆราวกับจะทะนุถนอมไม่ให้ช้ำเนื้อ




     ทำอะไรปากแดงๆนั่นไม่ได้ งั้นขอแค่แก้มแดงๆนี่คงจะไม่ว่ากันใช่ไหม




     ติณณ์ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันถูกต้องหรือเปล่า ก้อนเนื้อในอกมันเต้นรัวเป็นหลักฐานว่าเขาเขินอาย ไม่รู้ด้วยว่าอาธารทำแบบนี้ทำไม ในเชิงชู้สาวหรอ ไม่น่าใช่ เพราะอาธารไม่ค่อยพูดจาที่ส่อไปทางนั้นเท่าไหร่ หรือจะเป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก? ไม่รู้สิ ติณณ์ไม่เคยมีพ่อ ไม่รู้ว่าการที่ผู้ชายที่อายุมากกว่าหลายปีทำแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า




     ก่อนที่จะสงสัยอะไรไปกว่านี้ คนขโมยหอมแก้มก็ละใบหน้าออกมามองตากัน สายตาที่เคยมันวาวกลายเป็นดูอิ่มเอม เหมือนเพิ่งทำอะไรสาแก่ใจมาเรียบร้อย ส่งผลให้ติณณ์แสดงความสงสัยที่อยู่ในใจผ่านสีหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน




     "น่ารัก"




     เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาเพียงสองพยางค์




     สองพยางค์ที่ทำให้ติณณ์แทบหลอมละลายเป็นผืนเดียวกับน้ำทะเลนี้







     เวลาล่วงเลยไปนานหลังจากทั้งคู่กลับมาจากชายหาดจนดวงตะวันโคจรครบรอบจนถึงเวลาบอกลาขอบฟ้า จันทราและดวงดาราเข้ามาประดับแทนที่นภามืดๆ ธาราออกมานอนจิบเบียร์กระป๋องตรงเบาะหน้าบ้านพัก ส่วนติณณ์ไม่กล้าออกมาด้วย ตั้งแต่โดนหอมแก้มก็ไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ และรู้สึกประดักประเดิดทุกการกระทำ เขาเอาแต่นั่งเล่นกับถุงเงินในห้องจนไม่รู้จะเล่นอะไรด้วยแล้ว หนังสือก็อยากจะพักกับมันเสียบ้าง ยอมรับว่าเหงา เหงาเวลาที่ไม่มีอาธารอยู่ด้วย




     คนตัวเล็กเปิดประตูอย่างไม่กว้างนัก ดวงตาสีเข้มส่องคนที่อยู่ข้างนอกผ่านช่องเล็กๆ อาธารอยู่ตรงนั้น แถมข้างนอกลมก็ดีด้วย ติณณ์อยากออกไปนอนตากลมตรงนั้นบ้าง แต่ติดว่ามันไม่กล้า... ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ทะเลาะกับตัวเองในความคิดสักพัก ก่อนจะกลั้นใจพาร่างตัวเองออกไปนอนแหมะบนเบาะข้างๆผู้ใหญ่




     "ว่าไง เหงาหรอ?" ธาราว่าพลางจิบเบียร์อย่างสบายอารมณ์




     "ครับ"




     "ดีเลย มานอนดูดาวเป็นเพื่อนอาหน่อย อยู่คนเดียวมันเหงา"




     ติณณ์เงยหน้ามองฟ้า เห็นแต่พระจันทร์ดวงกลมๆเล็กๆสีเหลือง แต่กลับไม่เห็นดาวสักดวง "ไม่เห็นมีดาวเลย"




     "มีนะ ลองมองดีๆ แถวนี้ไฟมันเยอะเลยเห็นไม่ชัด แต่ลองมองดีๆสิ"




     "ผมมองไม่เห็น"




     "ติณณ์สายตาสั้นหรือเปล่า?"




     "ไม่ครับ แต่ผมไม่เห็นจริงๆนะ"




     "นั่นไง ดวงสว่างๆนั้นน่ะ" ธาราชี้ไม้ชี้มือไปบนฟ้า




     "นั่นมันเครื่องบินไม่ใช่หรอครับ?"




     "โอ้ะ นั่นสินะ" ธาราหัวเราะกับมุกฝืดๆของตัวเอง ติณณ์ได้แต่มองมาอย่างงงๆ




     "อาธารเมาหรือเปล่า"




     "หืม อย่างอาเนี่ยนะจะเมา ไม่หรอก อาคอแข็งกว่าที่ติณณ์คิดเยอะ"




     ติณณ์มองเครื่องดื่มมึนเมาในรูปแบบกระป๋องในมือใหญ่นั้นอย่างสงสัยว่าทำไมคนเขาถึงชอบดื่มกัน ติณณ์เคยลองชิมแล้วพบว่ามันไม่อร่อย แถมไม่ดีต่อสุขภาพด้วย แต่ทำไมมันถึงเป็นที่นิยมนะ




     "เคยดื่มไหม?" มือใหญ่ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นโชว์อีกฝ่าย เมื่อเห็นเด็กข้างๆจ้องวัตถุในมือตาไม่วาง




     "เคยเมื่อนานมาแล้วครับ แต่ผมไม่ชอบ"




     "หึๆ ดีแล้ว เด็กดี"




     "แต่...มันนานมาแล้ว" ติณณ์คิดอยากลองอีกสักครั้ง "ผมอยากรู้ว่าตอนนี้จะยังไม่ชอบอยู่หรือเปล่า"




     ธารายิ้มให้กับความอยากรู้อยากเห็นนั้น ให้เด็กลองภายใต้ความดูแลของเขาดีกว่าไปลองกับใครที่ไหนไม่รู้ พอคิดแบบนั้นเขาก็ยื่นกระป๋องเย็นๆให้คนข้างๆ เด็กหนุ่มรับมันมาดมๆเหมือนแมวก่อนที่จะกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก พอรสขมกลืนลงคอเข้าไป ใบหน้าอ่อนวัยก็ทำหน้าเหยเก อย่างที่ไม่ต้องถามซ้ำว่าชอบหรือไม่




     "ขม"




     "ขมสิ" ธาราหัวเราะอย่างเอ็นดู "ไม่ชอบน่ะดีแล้ว ไม่ใช่ว่าดื่มไม่ได้ อย่าบ่อยก็พอ แต่ทางที่ดีอย่าแตะเลยดีกว่า ช่วงนี้อาก็ไม่ค่อยดื่มแล้ว"




     "ทำไมล่ะครับ"





     ริมฝีปากบางเฉียบกระดกเครื่องดื่มเข้าปากอึกหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ "กลับบ้านดึกเดี๋ยวมีเด็กร้องไห้"




     ...




     อาธารรู้...




     อาธารมองมาที่เขาอย่างกับว่าอ่านออกทุกๆอย่าง ติณณ์เม้มปากตัวเองอีกครั้ง มิน่าล่ะ หลังจากวันนั้นอาธารก็ไม่เคยบอกว่าจะกลับดึก หรือจะไปสังสรรค์อะไรอีกเลย ติณณ์นอนหลับสบายทุกคืนจนมาถึงทุกวันนี้เพราะอาธารเลิกออกไปดื่มงั้นหรือ?




     ติณณ์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็คราวนี้




     เด็กหนุ่มไม่รู้จะอธิบายความตื้นตันนี้เป็นคำพูดอย่างไรดี เลยได้แต่นิ่งเงียบเป็นเวลานาน มีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านผิวกายและผิวหน้า ผมหน้าม้ามันเข้าหน้าเข้าตาติณณ์อีกครั้ง จนเขาต้องสะบัดออกเป็นระยะๆอย่างรำคาญ เห็นแบบนั้นแล้วธาราก็นึกได้ว่าตอนออกไปซื้อเบียร์เมื่อเย็นเขาเจอร้านขายของชำร้านหนึ่ง มีของขายเยอะแยะมากมายแต่มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเขาเป็นพิเศษ คือที่คาดผมหูแมว




     ธาราซื้อมาอย่างไม่ลังเล เพราะเห็นแล้วนึกถึงแมวบางตัว




     ที่คาดผมหูแมวถูกหยิบออกมาจากถุงพลาสติกใบเดียวกับที่บรรจุกระป๋องเบียร์ ติณณ์ได้แต่มองตามอย่างงๆว่าอาธารซื้อมาทำไม มันดูไม่เหมาะกับใครที่นี่เลยสักคน




     "อาธารซื้อมาทำไม—" พูดไม่ทันขาดคำ ที่คาดผมนั้นก็มาอยู่บนศีรษะโดยฝีมือคนที่ซื้อมา




     "ก็เห็นว่าผมชอบปิดหน้าปิดตาเรานี่"




     ธารามองเด็กที่ใช้มือจับๆคลำๆผ้าสามเหลี่ยมทรงหูแมวบนศีรษะตัวเอง เขามองภาพนั้นด้วยความภาคภูมิใจที่คิดไม่ผิดว่าติณณ์เหมาะกับที่คาดผมหูแมวนี้มากๆ สองหูเล็กๆที่เทาสีโผล่ขึ้นมาตรงซอกผมมันทำให้ติณณ์น่าฟัดมากกว่าเดิมเสียอีก แล้วถ้ามีหางอีก จะน่ารักขนาดไหนกัน?




     เจ้าของผลงานเอื้อมมือไปลูบหูเทียมนิ่มๆนั้นบ้าง  ซึ่งติณณ์ก็ปล่อยตามใจอีกฝ่าย แต่แล้วไม่ทันได้ตั้งตัว นิ้วสากๆนั้นเคลื่อนมาที่ใบหูจริงๆของเขาหน้าตาเฉย




     ร่างสูงสนใจใบหูเล็กๆขาวๆนี่มากกว่า เรียวนิ้วไล้ไปตามกรอบอวัยวะ นิ้วชี้ทำหน้าที่ลูบไล้หลังหู ส่วนนิ้วโป้งก็ทำหน้าที่บีบติ่งหูนิ่มเบาๆ ไม่นานเกินรอใบหูสีขาวๆก็กลายเป็นสีแดงก่ำจากการที่เขาเล่นอวัยวะนี้อย่างเพลินมือ




     "อ๊ะ!" ติณณ์ร้องออกมาอย่างจั๊กจี๊เมื่อปลายนิ้วอีกคนเริ่มชอนไชเข้าไปด้านในหูอย่างซุกซน




     หารู้ไม่ เสียงนั้นมันไปกระตุกต่อมบางอย่างของธารา




     นิ้วซุกซนคอยรังแกใบหูน่ารักจนมันแดงก่ำอย่างกับลูกมะเขือเทศ ผสานกับเสียงครางฮือด้วยความจั๊กจี๊ทำให้ธาราตาวาวขึ้นมาอีกครั้ง ติณณ์มองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนสติหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่ง ไหนจะตาเยิ้มๆนั่นอีก หรืออาธารจะดื่มมากไป




     "อาธารเมาแล้วนะครับ"




     "หึ นั่นน่ะสิ ใครจะไปคอแข็งแบบติณณ์นะ" ปลายนิ้วชี้เปลี่ยนมาลูบไล้ลูกกระเดือกสวยๆนั้น "หืม ก็ไม่เห็นจะแข็งนี่"




     "ผมไม่ได้ดื่มสักหน่อย...ฮ...ฮื่อ!"




     ติณณ์ร้องอย่างตกใจเมื่ออาธารหอมแก้มเขาอีกครั้ง




     ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าหอม ควรเรียกว่าฟัด




     มันไม่ใช่การกดจมูกลงผิวเนื้อแล้วสูดลมหายใจอย่างเก่า แต่เป็นการไล้ปลายจมูกบริเวณพวงแก้มอย่างคลอเคลีย ริมฝีปากไม่เพียงประทับลงจูบไปแต่เป็นการขบเม้มเบาๆอย่างกับจะกลืนกินเข้าไป อีกทั้งตอหนวดสากๆคอยรุกรานผิวเนื้อนุ่มให้ขึ้นสีมากกว่าเดิม ติณณ์จั๊กจี๊แต่ทำอะไรไม่ได้ คราวนี้เขาขยับตัวเองได้นะ แต่อาธารกลับจับล็อคแล้วเรียบร้อยแล้วนี่สิ




     "ฮื่อ อาธาร มันจั๊กจี๊"




     เสียงใสๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาธาราไปอย่างสิ้นเชิง เขาถูกแก้มฟูๆนี้มอมเมาหาใช่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ร่างสูงลุกจากเบาะของตัวเองแล้วมันขึ้นคร่อมร่างเล็กๆเพื่อคลอเคลียกับพวงแก้มนุ่มนิ่มนี้ ทั้งบริสุทธิ์ ทั้งหอมหวาน ทั้งนุ่มเหมือนแป้งซาลาเปาขาวๆ ทำเอาธาราอยากจะฟัดให้ช้ำเนื้อแล้วกัดกินให้เหลือแม้แต่ซาก




     มุมต่ำของสายตาคมกริบ คือลำคอเนียนๆที่มีขี้แมลงวันจุดเล็ก เอ็นกระดูกเส้นยาวสวย ร่องไหปลาร้าน่าซุกไซ้ ลึกลงไปอีกคงเป็นแผ่นอกที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูแต่งแต้ม แต่เพียงถูกเสื้อยืดบดบังไปเสียหมด




     กลัวว่าจะทนไม่ไหวเอาน่ะสิ




     ธาราละใบหน้าตัวเองออกมาด้วยความเสียดายก่อนที่จะถอนหายใจ "ไปนอนได้แล้ว"




     "??" ติณณ์ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เมื่อกี้ยังมาหอมแก้มแรงๆอยู่เลย คราวนี้มาไล่ให้ไปนอนเสียอย่างนั้น "แต่ผมยังไม่ง่วงนะครับ"




     "นั่นแหละ เข้านอนเถอะเด็กดี เชื่ออานะ"




     "แต่—"




     "ถ้าไม่ไปนอนอาจะฟัดแก้มติณณ์ให้ช้ำเลยนะ"




     เด็กติณณ์ปิดปากฉับแล้วกุลีกุจอวิ่งเข้าบ้านพักไป ธารามองตามแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ลูกชายเขามันยังไม่ตื่นตัว




     ท่องเอาไว้




     นั่นลูกเพื่อน









talk.
อาธารรรรรรรรรรฟัดแจ้มน้องช้ำหมดล้าวววววววว แง แต่งตอนนี้ไปอยากทะลุเข้าไปฟัดน้องเอง ; - ;
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2019 20:58:21 โดย TiXA »

ออฟไลน์ _jinxpy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องติณณ์น้องน่ารักมากเลยยแงงลูกกกกมีแกะปูให้อาธารด้วยย
ส่วนอาธารอย่ากินน้อง!!!
 :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ออร่าความน่ารักพุ่งสูง...งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อันตรายมากนะหูแมวเนี่ย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อาธารเกือบไปแล้วยั้งอารมณ์ทัน

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 ท่องไว้อาว่าคุก คุก คุก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แงงงง น้องนุ่มๆฟูๆ น่าฟัดดดดด  :mew1:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
คุณตำรวจจจจจจจจจจ!!!!!!!!

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องน่ารักมากกกกกกก
คุณอาก็อันตรายมากเช่นกัน  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew2: เขอนนนนน

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น่ารัก^^

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบตอนน้องเงยหน้าจ้องอาธารเพราะหิวข้าวอ่ะน่ารักมากกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด