[เรื่องสั้น] END "เสร็จโจร..." เปิดจองรวมเล่มเรื่องสั้น "LOAMMY" l 10-05-62 l
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] END "เสร็จโจร..." เปิดจองรวมเล่มเรื่องสั้น "LOAMMY" l 10-05-62 l  (อ่าน 39385 ครั้ง)

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เขินตอนจูบหน้าผากกันมากกว่าตอนมีเซ็กส์อีก  :o8:

ออฟไลน์ samesterx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งตามอ่าน แง ช่วงแรกๆหืดหาดมากมาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก ซัดกันอย่างเดียวก็พอ  :hao7:
ยิ่งได้รู้จักยิ่งรักน้องมิว น้องน่าสงสารจัง ขอให้คนอื่นมองน้องในแง่ดีมากขึ้น อย่าบุลลี่น้องเลย T_T
ชอบตอนหลังๆมาก ชอบกันแล้วชิมิ ทำตัวหวานกันเชียว เอะอะหอมนู่นหอมนี่ แล้วมิวอ้อนมาก ฮือ จะเปงลม

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
นับวันพี่มิวยิ่งน่าเอ็นดูขึ้นล่ะ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 7 คุณเขาเป็นคนน่ารัก


“กร เหม่ออะไรน่ะ เราสรุปส่วนนี่เสร็จแล้ว รีบเอาไปพิมพ์เร็ว”

“อะ...อืม” ผมหันกลับมาสนใจงานเมื่อโดนกิ๊งตีเข้าที่แขน วันนี้ผมไม่มีเรียน ผมกับกิ๊งที่ได้ทำรายงานคู่กันก็เลยนัดผมมาทำรายงานที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัย แต่เพราะว่าทุกร้านนั้นเต็มไปด้วยคน เราก็เลยต้องขึ้นมาทำที่ห้องผมซึ่งอยู่ใกล้ๆ แทน

“เป็นอะไรน่ะ เห็นมองไปที่ระเบียงหลายครั้งแล้วนะ ซ่อนอะไรไว้ที่ระเบียงเหรอ?” กิ๊งเอียงตัวมองด้วยสายตาขบขัน ทำท่าจะลุกเดินไปที่ระเบียงจนผมต้องดึงแขนอีกฝ่ายให้หยุดเล่นได้แล้ว

“ไม่มีอะไรซ่อนไว้ที่ระเบียงหรอกน่า”...แต่ถ้าห้องตรงข้ามล่ะไม่แน่

ผมรู้สึกตัวมาสักพักแล้วว่าโดนคุณเขาคอยมองอยู่ แถมมองตาขวางเสียด้วย ก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าไปทำอะไรให้คุณเขาโกรธเข้าให้อีก หรือจะเป็นเรื่องเมื่อคืนที่ผมทำจนเขาเอวเคล็ด แต่ก็ไม่น่าใช่นะเพราะมิวก็ดูพอใจแถมยังบอกให้ทำแรงๆ  พร้อมบิดตัวตอบรับอีก...เมื่อคืนเขาเซ็กซี่มากๆ เลย

“กร เหม่ออีกแล้ว ทำเร็วๆ แฟนเราจะมารับแล้วนะ เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวเสียเลยนี่”

ผมสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ภาพคุณเขาออกจากหัว พยายามที่จะจดจ่ออยู่กับรายงานตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเท่าไร เมื่อผมสมาธิของผมดันเอาแต่จดจ่ออยู่กับคนที่คอยมองมาจากห้องตรงข้าม แต่กิ๊งก็คอยเข็นให้ผมทำงานจนในที่สุดก็เสร็จ

“แฟนเรามาพอดีเลย งั้นเราไปก่อนนะ บาย”

กิ๊งโบกมือบ๊ายบาย ส่งยิ้มสดใสตามปกติของเธอมาให้ ผมก็พยักหน้ารับเดินตามไปล๊อคห้อง จากนั้นก็กลับมานั่งทำการบ้านของวิชาอื่นๆ ต่อ

แต่ผมไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับการบ้านเท่าไร เอาแต่ชะเง้อคอมองห้องตรงข้ามมองดูว่าเมื่อไรคุณเขาจะมา ปกติเห็นผมอยู่คนเดียวแบบนี้เขาน่าจะมาได้แล้วนะ แต่ตอนนี้กลับปิดม่านเงียบเลย จะว่าไม่อยู่ห้องก็ไม่น่าใช่ เพราะเครื่องแอร์ที่อยู่ตรงระเบียงนั่นก็ทำงานอยู่ หรือว่านอนกลางวันอยู่นะ

“คุณ...เพื่อนผมกลับไปแล้วนะ” ผมเดินไปที่ระเบียงเพื่อตะโกนบอกเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย หรือคุณเขาจะหลับอยู่จริงๆนะ

ผมมองตามกิ่งไม้ใหญ่ที่มันยื่นเข้ามา ในหัวมีความคิดที่จะไต่ไปหาเขาเอง  แต่มองดูแล้วมันไม่น่าปลอดภัยเอาเสียเลย ตัวของผมกับคุณเขาน่ะต่างกันอยู่โขเลยนะ ผมกระโดดไปนี่กิ่งไม้มันต้องหักแน่ๆ

สุดท้ายผมก็ใจไม่กล้าพอ เลยกลับมานั่งที่เดิม คิดว่าพอเขาตื่นเดี๋ยวก็คงจะหาเอง ผมมองไปที่ผ้าม่านที่ปิดสนิทอีกครั้ง แล้วหันกลับทำการบ้านให้มันเสร็จๆ ไป แต่ช่วงบ่ายในวันที่อากาศค่อนข้างดีแบบนี้ ทำให้มีลมเย็นสบายพัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้อง ผมซบหน้าลงกับแขนตัวเองคิดว่าพักสายตาซักหน่อยก็ดี

...

ผมเผลอหลับไป แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปนานมากแค่ไหน พอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าคุณเขามานั่งอยู่ข้างๆ แล้ว มิวเอียงหัวซบแขนตัวเองท่าเดียวกับผม ทำให้เราที่หันหน้าเข้าหากันนั้นสบตากันอย่างพอดี

“คุณ…”

“นายชอบเธอคนนั้นเหรอ”

ผมเดาได้ทันทีว่าเธอคนนั้นที่มิวหมายถึงคือกิ๊ง ผมเลิกคิ้วขึ้นและไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าคำว่าชอบของมิวนั้นหมายถึงชอบแบบไหน ถ้าแบบเพื่อนทั่วไปล่ะก็ ก็ถือว่าใช่

“นายจะจีบเธอคนนั้นเหรอ” ผมอมยิ้มเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงชอบแบบไหน มิวทำหน้าบึ้ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน สีหน้าดูร้อนรน ผมขยับมือไปอังแก้มเขา ลูบไปมาเบาๆ เพื่อให้ใจเขาเย็นลงหน่อย

“เปล่า ผมจะจีบเขาได้ไง กิ๊งมีแฟนอยู่แล้ว”

“ถ้าเธอคนนั้นไม่มีแฟน นายก็คิดจะจีบใช่มั้ยล่ะ เจ้าชู้!”

เขาตะเบ็งเสียงแต่ไม่ได้ดังมาก เห็นท่าทางราวกับแมวขู่แบบนั้นผมหัวเราะในลำคอดึงแขนคนที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนเอาไว้ ให้เขานั่งตรงที่เดิมข้างๆ ผม

“นี่คุณกำลังหึงผมอยู่ใช่มั้ย ตั้งแต่คราวนั้นแล้วนะ” ผมหมายถึงตอนที่ยืนคุยกับกิ๊งหน้าหอเขาคงจะหึง พอผมขึ้นมาช้าเขาก็เลยเล่นเสียผมตั้งตัวไม่ทันเลย

“อะไร! ใครเขา…” ผมพูดเสียงดังแล้วหยุดพูดไป มิวนั่งนิ่งจนผมต้องเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้งและมาพร้อมกับสายตาไม่มั่นใจที่ส่งมาให้

“...”

“หึงได้มั้ย?”

เขาพูดเสียงเบาแล้วเม้มปาก ก้มหน้ามองมือตัวเอง ผมค้อมตัวลงแล้วเงยหน้ามองเขาพร้อมส่งยิ้มให้เป็นการปลอบใจ หัวใจมันฟูขึ้นมาทันทีเมื่อเขาถามกลับมาแบบนั้น แสดงว่าเขาคงหึงผมจริงๆ แต่เขากำลังคิดไปเองว่าผมคิดอะไรกับกิ๊ง ซึ่งมันไม่ใช่และผมไม่อยากให้คุณเขาเข้าใจอะไรผิดๆ แบบนั้น

“หึงได้ แต่คุณไม่ต้องหึงหรอก กิ๊งไม่ใช่สเปคผมเลย”

“แล้ว...เสปคนายเป็นแบบไหน”

“ก็...ตาโต แก้มนิ่ม ปากไม่ตรงกับใจ ชอบยั่ว ขี้อ้อน หากผมสั้นด้วยก็จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ” ผมมองมิวแล้วก็พูดตามที่เห็น นี่เอาใจเขาโดยเฉพาะเลยนะ แต่คุณเขากลับขมวดคิ้วและปากคว่ำมากขึ้นทุกครั้งที่ผมพูดออกไป ดูท่าแล้วคงไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าที่บอกไปน่ะคือคุณเขาทั้งนั้นแหละ

“นายชอบให้คนอ้อนเหรอ...ทำไมถึงชอบล่ะ”

ผมหัวเราะ ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่รู้ตัวเท่าไรว่าเขาก็อ้อนผมเยอะอยู่เหมือนกัน หรือผมคิดไปเองคนเดียวโดนอ้อน แต่ก็นั่นแหละ เขาอ้อนมาแบบไหน ผมก็ชอบแบบนั้น

“การชอบอะไรซักอย่างมันต้องมีเหตผลด้วยเหรอ ก็ผมชอบแบบนั้น”

“ถ้าใครอ้อน นายก็จะชอบเขาเหรอ?”

เขาพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะถามผมแล้วถอนหายใจ แววตานั้นสั่นไหวไปมา เขาทำท่าเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไร ซึ่งเป็นท่าทีที่ผมไม่ค่อยเห็นนัก แต่พอผมกระพริบตาหนึ่งที ท่าทางแบบนั้นก็หายไป

ผมกำลังจะอธิบายว่าไม่ใช่ว่าโดนใครอ้อนก็ชอบเขาไปทั่ว คนแบบนั้นมีที่ไหนกัน ผมแค่ชอบให้คุณเขาอ้อนแค่นั้น แต่ไม่ทันได้พูดอะไรออกไป มิวที่มองหน้าผมอยู่ก็ขยับเข้ามาจุ๊บปาก ผมแกล้งขยับหนีเขาก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วขยับตามมาเรื่อยๆ  จนในที่สุดคุณเขาก็แก้ปัญหาโดยการขยับขึ้นมานั่งบนตักแล้วใช้สองมือโอบคอผมเอาไว้ไม่ให้เอนหนีไปไหนได้อีก

จุ๊บ จุ๊บๆ

เขาจุ๊บริมฝีปากผมซ้ำไปมาหลายครั้ง ดูดกลีบปากล่างเล็กน้อยก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาช้าๆ เกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างไม่รีบร้อน ขยับไปขวาทีซ้ายที เลียไล้ไปกับปลายลิ้นของผม ผมกอดเอวมิวเอาไว้ บีบเนื้อนุ่มตรงบั้นเอวเบาๆ สลับกับลูบผิวเนียนไปมา

พอเราถอนจูบออกจากกันมิวก็เอนตัวพิงผมไว้แล้วซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ผมก้มหน้ามอง มิวก็ขยับใบหน้าขึ้นมาหอมแก้มผมหนึ่งครั้ง

ผมเบิกตาเล็กน้อยแล้วก็ตามมาด้วยยิ้มกว้าง หัวใจของผมมันเต้นรัวเพราะจูบเล็กๆ ที่ประทับลงที่แก้มของ ผมมองคุณเขาอย่างแปลกใจ

“ทำไมจู่ๆ ก็หอมแก้มผม ปกติเห็นไม่ทำ”

เราสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลุบตาลงแล้วถูไถแก้มนิ่มที่แดงระเรื่อของตัวเองไปมากับหัวไหล่ของผม ท่าทางของเขาดูเก้ๆกังๆ แต่ก็น่าเอ็นดู

“ก็...กำลังอ้อนนายอยู่ไง”

เนี่ย...ผมบอกแล้วว่าคุณเขาเป็นคนน่ารัก

ผมโอบเอวโอบไหล่เขาเอาไว้ อยากอ้อนก็อ้อนให้เต็มที่ เพราะผมชอบ… ผมบีบแก้มแดงๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว กดปลายจมูกลงแล้วฟัดไปมาอยู่สอง-สามครั้งก่อนจะผละออก

“ทำอะไรของนายเนี่ย” มิวเช็ดแก้มตัวเองแล้วทำเป็นบ่น แต่ผมก็ดูออกว่าเขาน่ะชอบที่ผมทำแบบนั้น ก็เขาเล่นยิ้มจนตาหยีแบบนั้นใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว     

ผมหัวเราะกดหัวเขาให้ซบลงกับไหล่ผมเหมือนเดิม สุขใจไม่น้อยเลยที่เห็นเขายอมนั่งนิ่งแล้วหลับตาลงให้ผมกอดแบบนี้

ผมมองใบหน้าของเขาไปพร้อมๆ กับสำรวจหัวใจของตัวเอง ผมคิดว่า...ผมหลงชอบคุณเขาเข้าให้แล้ว ยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ข้อสรุปที่มันกะทันหัน มันกะทันตรงที่พอผมรู้และผมก็ยอมรับกับตัวเองทันทีว่าผมชอบคุณเขาเข้าแล้วจริงๆ

“มิว”

“หือ?”

ผมไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่รู้ว่าอะไรของเขาที่มันสะกิดหัวใจผม ผมเริ่มชอบเขาขึ้นมาทีละนิดทีละน้อยและตอนนี้ก็มีความรู้สึกอยากบอกให้เขารับรู้เอาไว้

“คุณไม่ต้องไปกลัวว่าผมจะชอบคนอื่นหรอก...เพราะผมชอบคุณอยู่”

“หะ?” เขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วมองมาที่ผมหน้าตื่น แวบแรกเหมือนเขาดีใจ แต่ครู่ต่อมาเขากลับมีท่าทีเหมือนไม่ไว้ใจแล้วพยายามที่จะลุกออกจากตักอีกครั้ง

“คุณอยู่เฉย ๆ ก่อน จะดิ้นทำไมเล่า เดี๋ยวก็ได้ตกเก้าอี้กันทั้งคู่หรอก”

“นายแน่ใจเหรอว่าชอบจริงๆ แกล้งกันเล่นเหรอไง ไม่ใช่ว่าแค่เบื่อ หรือ...หรือเหงา”

ผมเข้าใจอาการเหล่านี้นะ คงจะฝังใจมาจากบรรดาแฟนเก่าของเขา แต่ก็อย่างที่คุณเขาเคยพูดเอาไว้ ผมมั่นใจว่าผมไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้น

“คุณ ผมจะเอาเวลาที่ไหนมาเหงา คุณเล่นมาป่วนผมเกือบทุกวันแบบนี้”

ผมพูดกลั้วหัวเราะ มิวก็ทำหน้ามุ้ยแล้วหยิกเข้าที่หัวไหล่ของผมก่อนที่ทำท่าลงไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว แต่แน่นอนว่าผมไม่ยอมหรอก ก็กอดเอวเขาเอาไว้กดให้นั่งอยู่บนตักของผมนี่แหละ

“นี่ ฟังผมนะถึงแม้บางครั้งผมจะซื่อบื่อเหมือนที่คุณบอก แต่ผมไม่ใช่เด็กเล็ก โตขนาดนี้แล้วผมรู้จักว่าการชอบหรือหลงรักใครซักคนอาการมันเป็นยังไง ผมชอบคุณจริงๆ”

พูดแล้วก็อาย รู้ตัวเลยว่าแก้มผมมันร้อนผ่าวขึ้นมา ที่ผมทำอยู่นี่มันก็เหมือนกับกำลังสารภาพรักอยู่นี่ มันก็ต้องมีเขินกันบ้างเป็นธรรมดา

“เวลาที่คุณเริ่มชอบใครซักคน คุณก็มักจะรู้ตัวเองใช่มั้ยล่ะว่าชอบเขาเข้าให้แล้วน่ะ”

มิวคิดตามพยักหน้าช้าๆ แล้วมองตาผม เหมือนจ้องเพื่อหาความจริง ผมรู้สึกอายเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้แต่ก็มองกลับไป มองให้เขารู้ว่าผมชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ หลงเสน่ห์ที่คุณเขาโปรยใส่ไว้เต็มๆ เลย

 ริมฝีปากของเขาขบกันไปมาอย่างใช้ความคิด ผมเห็นว่าแก้มของคุณเขาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้งแล้วมุมปากก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ

ผมจะถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีนะ ผมนั่งมองหน้าคุณเขาที่มีอาการเหมือนคนทำตัวไม่ถูก เขากลืนน้ำลาย เอียงคอไปมาเหมือนจะหลบตาผม พยายามเม้มปากเหมือนคนที่กำลังกลั้นยิ้ม

“นายหน้าแดงแปร๊ดเลยนะ เชินเหรอไง” เขาพูดเมื่อบรรยากาศรอบตัวเรามันเงียบเกินไป มันไม่ใช่ความเงียบแบบอึดอัด แต่มันเป็นบรรยากาศชวนเขินที่เราสองคนไม่คุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้

ผมหัวเราะออกมาแล้วพยักหน้า ยอมรับว่าเขินจริงๆ ผมไม่เคยสารภาพว่าชอบใครต่อหน้า เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าผมมันก็เด็กต่างจังหวัดขี้กลัวคนหนึ่ง เวลาแอบชอบใครก็เก็บไว้เงียบๆ มีคุณเขาเป็นคนแรกนี่แหละกล้าบอก

 มันอาจเพราะลึกๆ ในใจผมเองก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากเขา เช่นการกระทำต่างๆ เวลาที่เขาอยู่กับผมและแววตาสั่นไหวที่ผมมักอ่านไม่ออกนั่นแหละ แต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าผมคิดไปเองอยู่คนเดียวหรือเปล่า

“เขินคุณไง คุณเองก็หน้าแดงนะ เขินผมเหรอ?”

“นายเงียบไปเลย

คุณเขาตวัดตามองผม ส่งค้อนมาให้อีกทีหนึ่ง น่าเอ็นดูจนหลุดหัวเราะไป และก็นั่นล่ะครับ โดนเขาส่งสายตาค้อนขวับเข้าให้อีกครั้งและคราวนี้ก็มาพร้อมกับกำปั้นต่อยเข้าที่หัวไหล่ไปด้วย แต่เขาก็ทำเบาๆ ไม่ได้ตั้งใจทุบให้ผมเจ็บ แค่แก้เขินเท่านั้น

“ตอนนี้คุณมีคนที่ชอบอยู่รึเปล่า”

“ก็มีอยู่” มิวพยักหน้าช้าๆ

“ใช่ผมรึเปล่า?” ผมกลั้นใจถาม เขินจนร้อนผ่าวไปยันใบหู ถามไปแบบนั้นเขาคงคิดว่าผมคิดหลงตัวเองแน่ๆ เห็นเขาเงียบแล้วมองมาด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ยอมพูดอะไรซักที ผมก็เริ่มหวั่นใจ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

อืม...หรือผมคิดไปเองคนเดียวจริงๆ วะ

“นาย...ชอบฉันจริงๆ ใช่มั้ย?”

 ผมพยักหน้ารับและคุณเขาไม่พูดอะไรออกมาเลย มีเพียงแค่รอยยิ้มที่เริ่มเจ้าเล่ห์และแววตาที่เริ่มส่อแววซุกซน เขาลุกขึ้นยืนคร่อมผมไว้แล้วหันหน้าเข้าหา มือขาวนั้นเชยคางผมขึ้นแล้วก็ประกบจูบลงมา

“คุณ ตอบคำถามผมก่อนสิ ผมอยากรู้”

“ก็กำลังตอบอยู่นี่ไงเล่า”

เขางึมงำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรำคาญ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร เขาก็โอบสองแขนเข้าที่ลำคอของผมแล้วประกบจูบลงมาอีกครั้ง มิวเอียงหน้าไปมาปรับองศาไปเรื่อย ลิ้นเรียวก็แยงเข้าออกในช่องปากของผมเหมือนจะหยอกล้อ

ผมอยากรู้คำตอบ แต่เขากำลังทำให้ผมปั่นป่วนที่จิตใจและร่างกาย พอคุณเขาผละออกผมก็เป็นฝ่ายดึงท้ายทอยของเขาให้ลงมาจูบกันต่อ พร้อมทั้งโอบสะโพกเข้ามาชิดตัว

“จะทำ?” เขาถาม ผมกลืนน้ำลายช้าๆ สายตานั้นจ้องมองไปยังยอดอกที่ชูชันดันเสื้ออกมา ผมไม่ได้ตอบด้วยคำพูด แต่เป็นการดึงเอวเขาเข้ามาแล้วซุกหน้าไปกับแผ่นอก  ใช้ริมฝีปากขบเม้มยอดอกผ่านเสื้อกล้ามเนื้อบางของคุณเขา มิวแอ่นหน้าอกขึ้นรับแล้วถกเสื้อขึ้นให้ผมเลียลงบนผิวเขาโดยตรง

มือซ้ายผมคอยรั้งแผ่นหลังของมิวให้แอ่นอกรับกับริมฝีปากและลิ้น ส่วนมือขวาซึ่งเป็นข้างที่ถนัดก็ลูบไปที่ต้นขาเนียนนุ่ม สอดเข้าใต้ร่มผ้าระหว่างช่องของกางเกงขากว้าง ลูบขึ้นมาที่แก้มก้นและสอดลึกเข้าไปตามรอยแยก มิวครางกระเส่า ทั้งแอ่นอกเข้าหาปากแล้วกระดกก้นใส่ฝ่ามือผมไปพร้อมๆ กัน แต่เมื่อผมสอดนิ้วลึกเข้าไปตามช่องทางคับแคบเขาทำหน้าเหยเกเพราะความฝืดก่อให้เกิดความเจ็บ

“เจ็บใช่มั้ย มันฝืดนิดหน่อย เดี๋ยวผมไปเอาเจลดีกว่า”

มิวกดไหล่ผมเอาไว้ไม่ให้ลุก เขามองผมด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มแล้วดึงมือผมออกกางเกงของเขา ส่งเข้าปากตัวเอง คุณเขาไล้เลียไปตามนิ้วของผมจนมันเปียกชุ่ม มิวแลบลิ้นออกมาเลียปลายนิ้วของผมดุนดันอยู่ตรงส่วนปลายแล้วก็ดูดเข้าไปจนสุดข้อนิ้ว เขาขยับหัวเข้าออก ดูดนิ้วผมจนแก้มกลมนั้นบุ๋มลงไป ทั้งเรียวลิ้นนุ่มที่โอบเลียไปมาตามนิ้วและแรงดูดนั้นทำให้ผมแทบจะคลั่ง

คุณเขา...กำลังยั่วผมอีกแล้ว 

แก่นกายของผมมันพองขยายจนแน่นกางเกง มันขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ยิ่งรับรู้ได้ถึงแรงดูดจากโพรงปากอุ่นมันก็ยิ่งเรียกร้อง น้ำใสไหลออกมาจนชุ่มไปทั้งส่วนปลายและเลอะซึมกางเกงของผมจนเห็นเป็นดวง

“ช้าๆ นะ” มิวบอกเมื่อคายนิ้วผมออก เขาดึงกางเกงตัวเองลงไปไว้ที่ต้นขาแล้วจับนิ้วของผมไปจ่ออยู่ตรงช่องทางของเขาเอง ผมดันนิ้วเข้าช้าๆตามที่เขาต้องการ เงยหน้ามองคุณเขาที่หลับตาพริ้มแล้วครางเสียงเครืออยู่ในลำคอ ไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกเสียวหรือเจ็บ แต่ผมก็เริ่มต้นดึงนิ้วเข้าออก คุณเขากัดปากแอ่นก้นขึ้นเปิดทางให้ปลายนิ้วผมเข้าไปลึกกว่าเดิม

ผมดันตัวเขาออกเพื่อมองไปที่แก่นกายขนาดพอเหมาะของเขา มันกำลังชี้หน้าผมอยู่แหละ เขาคงรู้สึกดีมาก และผมก็อยากให้เขารู้สึกมากกว่าเดิม

ผมก้มลงไปแล้วแลบลิ้นแตะไปตรงส่วนปลายสีอ่อน มิวลืมตาขึ้นแล้วดันหน้าผมออกแทบจะทันที

“ทำไมล่ะ ทีคุณยังทำให้ผมได้เลย”

“มันไม่เหมือนกัน นายไม่ต้องฝืนทำเอาใจฉันก็ได้แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีมากเกินพอแล้ว”

ผมมองไปตรงส่วนนั้นของเขา หากเป็นของคนอื่นคงแขยงน่าดู แต่กับของเขาผมคิดว่าผมทำได้ ผมมีความคิดที่อยากจะลองใช้ปากให้เขาหลายครั้งแล้วล่ะ แต่คุณเขาไม่เคยยอมให้ผมทำเลยซักครั้ง

“ผมอยากเอาใจคุณก็จริง แต่ไม่ได้ฝืน...ให้ผมทำนะ” มิวไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มองหน้าผมเหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ แล้วมือที่พยายามดันไหล่ผมออกนั่นผ่อนแรงลง ผมอมยิ้มใช้มือข้างที่ว่างจับไปตรงส่วนนั้นของเขาแล้วแลบลิ้นเลีย ทำเหมือนที่เขาเคยทำให้ผม

“อือ อึก อ๊ะ!” มิวขมวดคิ้ว กัดปากตัวเอง ผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจเขาสะดุดและสะโพกเขาก็กระตุกเป็นพักๆ เพราะทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเขากำลังโดนผมหยอกเย้าด้วยปากและนิ้วไปพร้อมๆ กัน 

มิววางมือลงบนศีรษะของผม ปลายนิ้วขยุ้มลงมาเบาๆ เขาไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ มันเป็นเพียงการระบายอารมณ์เสียงซ่านของเขา ผมช้อนตามองอีก เราสบตากันก่อนที่มิวจะหลับตาลง เขาอ้าปากหอบหายใจถี่ ปลายจมูกแดงเรื่อ หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน ผมขยับหัวเข้าออก ใช้ลิ้นปาดเลียไปตามความยาว เหมือนที่เขาเคยทำให้ผม นิ้วมือที่อยู่ที่ช่องทางด้านหลังก็โดนตอดรัดเป็นจังหวะหนักๆ...คุณเขากำลังจะเสร็จ

“อือ กร อื้อ อ๊าๆ!”

มิวเขย่งเท้าขึ้น ดันส่วนนั้นของเขาลึกเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะผลักตัวผมออกอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรผมก็รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นที่พุ่งมาโดนข้างแก้ม

“กร...ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขาพูดเสียงหอบ ถอดเสื้อตัวเองมาเช็ดหน้าให้ พอผมหัวเราะ มิวก็เม้มปากขมวดคิ้วทำหน้าดุแล้วฝาดฝ่ามือเข้าที่หัวไหล่

มิวขยับตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น เขาดึงกางเกงผมลง แล้วเจ้าชายน้อยของผมก็ดีดออกมาชี้หน้าเขา มิวอมยิ้มมองมันอย่างพอใจ ผมนั่งนิ่งให้เขาทำตามที่เขาต้องการ มองใบหน้าขาวที่ขยับเข้ามาใกล้ มองริมฝีปากระเรื่อที่ครอบครองมันเข้าไปจนค่อนลำ จากนั้นเขาก็ขยับตัวออกนำถุงยางมาใส่ให้จนเรียบร้อย

“เราจะทำกันตรงนี้เหรอ?” ผมถามเมื่อมิวขยับตัวหันหลังให้ผม จับแก่นกายของผมให้ตรงกับช่องทางของเขาแล้วกดตัวนั่งทันมันอย่างช้าๆ

“ทำไมล่ะ หรืออยากไปทำที่ระเบียง” เมื่อเข้าไปจนสุดเขาก็ผ่อนลมหายใจออก เอนหลังมานั่งพิงอกผม แล้วเอี้ยวตัวมายิ้มยั่ว ผมหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า ผมหมายถึงที่เตียงตังหากเล่า เขานี่นะ

“บ้าน่ะคุณ กลางวันแสกๆ ไปทำที่ระเบียงเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”

“แสดงว่าตอนกลางคืนทำได้”

“...ก็ถ้ามั่นใจว่าจะไม่มีคนมาแอบมอง”

มิวหัวเราะเสียงพร่าแล้วเริ่มขยับตัว  ผมหลับตารับสัมผัสความแน่นหนั่นอบอุ่นที่โอบรัดแก่นกายของผมเอาไว้ พอลืมตาก็เห็นแผ่นหลังบางขาวนวลขยับขึ้นลง เหงื่อเป็นเม็ดไหลไปตามกระดูกสะบักและสันหลัง

ผมโอบแขนกอดเอวเขาไว้ อีกข้างก็ลูบวนไปมาตามหัวไหล่ ลากนิ้วลงมาที่กระดูกสะบัก ก่อนจะลากตรงลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง หมิวครางเครือเสียงดัง ขนอ่อนตรงต้นแขนของเขาพากันลุกซู่ และช่องทางของเขาก็โอบรัดแก่นกายผมแน่นกว่าเดิม

ผมดันหลังมิวให้เขาก้มลงเล็กน้อย แล้วก้มลงไปเลียเม็ดเหงื่อเหล่านั้น คุณเขาครางเสียงดังบิดตัวไปมาตอนที่ผมดูดดุนฝากรอยจูบสีชมพูไว้บนแผ่นหลังของเขา คุณเขามีแผ่นหลังที่สวยนะ แต่สวยที่สุดเมื่อมีรอบจูบของผมประดับอยู่บนผิวของเขา

“หายเจ็บเอวแล้วเหรอ” ผมถามพลางก้มลงซุกไซร้ลำคอขาว สองมือก็วนเวียนบีบอยู่แถวเอวคอดและสะโพกนุ่ม เมื่อคืนเราก็เพิ่งทำกัน และผมทำเอวเขาเคล็ดเล็กน้อย

“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย” เขาบดสะโพกถูไถสลับกับโยกเป็นวงกลม ผมซี๊ดปากมองเอวคอดของเขาที่ขยับพริ้วไปมาอย่างเซ็กซี่ นี่ขนาดยังบอกว่าเจ็บอยู่นะ คุณเขายังคงทำได้ดีไร้ที่ติเหมือนเดิม

“ผมชอบคุณ”

ผมย้ำกับเขาอีกครั้งแล้วดึงเขาเข้ามาหอมแก้ม กดปลายจมูกลงแก้มนุ่มซ้ำๆ หลายครั้ง มิวส่งยิ้มน่ารักให้แล้วเอี้ยวหน้ามาจูบปากผมไปพร้อมกับขยับตัวขึ้นลงเร็วขึ้น

“อื้อ อ๊ะๆ อะ อึก นาย…”

“จะเสร็จแล้วเหรอ ทำไมวันนี้เสร็จเร็ว”

“อย่าพูดมากน่า อึก เพราะนาย อ๊ะ อะ อื้อ”

 ผมเอื้อมมือไปด้านหน้ากอบกุมแก่นกายของเขาแล้วรูดรั้งให้เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาขยับตัว มิวเกร็งตัวบีบรัดแก่นกายผมแน่นพร้อมๆ กับปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนลื่นฝ่ามือผมไปหมด เขาเอนตัวพิงกับอกผมแล้วหอบหายใจ ก็รู้ว่าเขาเหนื่อยแต่ผมยังไม่เสร็จ จะมาทิ้งกลางทางแบบนี้มันทรมารกันชัดๆ

“ผมยังไม่เสร็จเลยนะคุณ”

“อือ ฉันขยับไม่ไหวแล้ว ปวดเอว”

เขาบ่นแล้วเอี้ยวตัวมาจูบปากผมอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอนตัวไปด้านหน้า เท้ามือลงบนโต๊ะหนังสือของผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับบั้นท้ายตัวเองแล้วโค้งตัวลง เปิดช่องทางให้ผมเข้าไป

ไม่ต้องให้เขาอธิบายก็รู้ว่าต้องทำอะไร ผมขยับตัวลุกขึ้น ประกบเข้าที่ด้านหลังแล้วสอดแก่นกายเข้าไปในช่องทางอบอุ่นกระชับนั้นอีกครั้ง ผมขยับสะโพกเข้าหาทันทีแต่เขาก็ตั้งตัวได้ทันแถมยังโก่งบั้นท้ายขึ้นรับกับจังหวะกระแทกของผมอย่างพอดิบพอดี

ผมหอบหายใจ ยกขาเขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วกระแทกเข้าไปรัวๆ ยิ่งได้ยินเสียงหวานครางระงมก็ยิ่งสุขใจ เขาเสร็จอีกครั้ง ช่องทางนุ่มตอดรัดเป็นจังหวะถี่ๆ ทำให้ผมก็เสร็จตาม ผมไม่ได้ดึงตัวออกในทันทีแต่แช่เอาไว้ในนั้นจนมิวบ่นว่าอึดอัดนั่นแหละถึงยอมถอยออกมา

“เจ็บ ทั้งที่มันดีขึ้นแล้วแท้ๆ”

เขาหันหน้ากลับมาหาบ่นใส่ เราสบตากันเล็กน้อยระหว่างมิวก็เดินช้าๆ ไปนั่งที่เตียง เขาทำหน้าเหยเกแล้วบิดเอวตัวเองไปมา ผมเห็นก็หัวเราะให้เขาทำตาค้อนใส่ ผมจับตัวเขาให้นอนคว่ำแล้วใช้สองมือบีบนวดช่วงเอวให้ ไม่รู้ว่าทำแบบนี้อาการเอวเคล็ดของเขามันดีขึ้นรึเปล่า แต่มองดูสีหน้าผ่อนคลายและพอใจของเขาแล้วก็คงจะช่วยได้บ้างแหละ

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ ตกลงชอบผมรึเปล่า”

“จิ๊ นายนี่! โคตรซื่อบื้อ” เขาบ่นแล้วพ่นลมหายใจออก คิ้วเรียวขมวดมุ่นส่งสายตาดุๆ มองมาที่ผม ผมเองก็ไม่ทันคิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาบ่นว่าผมซื่อบื้ออีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไปชอบคนอื่นที่ไม่ไช่ผมแล้วนะ

“คุณจะไปชอบคนอื่นไม่ได้นะ คุณขโมยทั้งจูบแรก ทั้งครั้งแรกของผมไป” แถมขโมยหัวใจของผมไปด้วย ไปชอบคนอื่นแบบนี้มันไม่แฟร์

“อะไรนะ อย่ามาพูดเล่น อย่างนายเนี่ยนะ ไม่เคยมีแฟนเลยเหรอไง”

เขาเบิกตากว้าง พลิกตัวมามองผมตาตื่น คุณเขาตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะ เป็นคนพรากจิ้นผมไปเองแท้ๆ ไม่รู้เรื่องเลยเหรอไง

“ไม่เคยเลยจริงๆ คืนแรกที่ได้อยู่หอก็โดนโจรหน้าหวานมาขโมยความบริสุทธิ์ คืนที่สองก็โดนโจรคนเดิมขโมยจูบแรกไปอีก แถมยังโดนโจรขี้ยั่วขโมยใจไปทีละนิดทีละน้อย ทำกันขนาดนี้แล้วคุณจะมาทิ้งกันไปไม่ได้นะครับ คุณโจร”

ผมพูดแล้วแตะที่ปลายคางของเขา มอวยอ่งอึ้งไปครุ่หนึ่งก่อนจะหัวเราะร่า ผมเห็นว่าน่ารักดีก็อดใจไม่ไหว ก้มลงไปหอมแก้มเขาทั้งซ้ายและขวา พอผละก็เจอสายตาวาววับจ้องอยู่ เขานิ่งเงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่างพร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย

ในท้ายที่สุดเมื่อเขาตัดสินใจอะไรได้เขาก็ขยับตัวนอนทับ แล้วกดปากจูบลงมาที่ปลายจมูกและเหนือริมฝีปาก ก่อนจะผละออกมามองหน้าผม

“โอเค เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบนายเอง”

 เขาพูดเสียงเบาส่งยิ้มจนตาหยีมาให้ หัวใจของผมพองโตและเต้นกระหน่ำ แต่ผมคงซื้อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจว่าคำว่ารับผิดชอบที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอะไรกันแน่

“คุณจะรับผิดชอบผมยังไงครับ จะเป็นแฟนกันเหรอ คนเป็นแฟนกันเขาก็ชอบกันนะ สรุปคุณชอบผมใช่มั้ย หื้ม?” ผมถามย้ำ น้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้กดดันคาดคั้นคำตอบแต่ก็จริงจังอยู่ในที ปลายนิ้วก็เกลี่ยแก้มนวลสีชมพูระเรื่อ มองแววตาและสีหน้าท่าทางของเขาอย่างสุขใจ

มิวมองตาผมแล้วเม้มปากเขาดูลังเลที่จะพูด ผมเข้าใจว่าเขาคงกลัว ผมไม่ได้คาดคั้นซ้ำแต่ส่งยิ้มให้ และจากนั้นไม่นานผมก็ได้รับคำตอบที่มาพร้อมกับพวงแก้มที่แดงกว่าเดิมและรอยยิ้มหวานๆ 

“ก็ชอบ...นิดนึง”

ผมคิดว่านี่เป็นยิ้มที่หวานที่สุดที่ผมเคยได้รับจากคุณเขาเลยครับ



สวัสดีจ้า เขาใจตรงกันแล้วนะ ไม่รู้ว่าดูรวบรัดเกินไปรึเปล่า เพราะกรนั้นใจเร็วมาก รู้ว่าชอบคุณเขาปุ๊บก็บอกออกไปปั๊บ

อันนี้ขออธิบายก่อนนะคะ นิสัยตรงนี้ของกรจะอิงจากนิสัยของเราเล็กน้อย คือเวลาชอบใครก็จะรู้ตัวเร็ว ชอบเขาไปแล้ว พอรู้ว่าชอบก็จะประเมินอีกฝ่ายว่า คิดอะไรกับเราแค่ไหน ถ้าว่ามีหวัง ดูออกว่าเขาก็ชอบเราอยู่ ก็จะบอกให้รู้เลยว่า ฉันชอบแกอยู่นะคะไรงี้ แต่ตอนบอกก็เขิน+หวั่นใจนะคะ ไม่ใช่กล้าเต็มร้อย 55555 ส่วนมิว อย่างงเลยค่าว่าทำไมคุณเขาเล่นตัว เขาแค่กลัวค่ะ กลัวว่าให้ใจกรไปเต็มร้อยแล้วจะเสียใจอีก แต่ดูออกใช่มั้ยคะว่าคุณเขาก็ดีใจอยุ่ 55555 หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงส่วนนี้ดันนะ

 และตามพล๊อตที่วางไว้ ตอนหน้าก็คือจบแล้ว แต่ยังเหลืออีกปมหนึ่งที่ทุกคนดูรอคอย ติดตามนะคะ เจอกันตอนหน้านะจ๊ะ ♥3♥






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มิวกรน่ารักมาก ต้องแฟนกันเท่านั้นละจ้รอบทสรุปจบดราม่านะคะ คือสงสารน้องมิวมากอะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
น่ารักมากกกกกกกกก กรต้องเอ็นดูมิวมากแน่นอน เพราะหอมแล้วหอมอีก
หอมแบบไม่กลัวเค้าช้ำเลย รู้เลยนะคะว่าชอบเค้ามาก;_;
มิวลูกกก อย่ากังวลอะไรอีกเลยนะ ให้กรเป่าเพี้ยงๆ แล้วมามีความสุขสุดๆไปเลยนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่มิวสายซึนนี่น่ารักจังเลยน๊าาาาา

ออฟไลน์ Card

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยย เขินอะ มีองมีอ้อนด้วยนะกลับกรไม่ชอบหรอออ ในที่สุดก็ใจตรงกันแล้วว :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืืnanana21

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารัก น่ารัก น่ารักมากกก

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มีฉากอย่างว่าแต่ก็กลบความน่ารักไม่มิด  :hao7:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่มิวค่ะ!! พี่แซ่บมากกกกกก  o13

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบแค่นิดนึงเองหรอพี่มิว55555 :-[ :o8:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาส่องรอเรื่องนี้ทุกวันเลยค่ะ รออ่านนะคะ ติถึงคนเขียนแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ Fishhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ samesterx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่มิวน่ารักกกกกกกก อยากหอมพี่มิวบ้าง ฮือ  :hao5:

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 8 แฟนดีๆ


ประมาณเดือนกว่าๆ ตั้งแต่วันที่ผมบอกชอบเขาออกไป ช่วงแรกๆ ผมไม่มั่นใจเท่าไรว่าเราเป็นแฟนกันรึยัง แต่คุณเขาก็ย้ำให้มั่นใจว่าพวกเราเป็นแฟนกันแล้วจริงๆ ผมก็ดีใจนะที่ได้มีแฟนคนแรกเหมือนกับคนอื่นเขาเสียที แถมแฟนผมคนนี้น่ารักมากเสียด้วย

แต่นอกว่าจากสถานะที่ชัดเจนขึ้นแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย เขาเคยเข้าทางระเบียงผมยังไง ทุกวันนี้ก็ยังอย่างนั้น ถึงแม้ว่าผมจะพูดทุกครั้งเห็น ให้คีย์การ์ดเข้าหอพักและกุญแจห้องของผมไปแล้วเขาก็ยังคงกระโดดเข้าทางเดิม

“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”

“ผมไม่ได้กลัวว่าจะมีคนเห็น ผมกลัวว่าคุณจะตกลงไป”

“ไม่ตกหรอก ฉันกระโดดมาเป็นร้อยรอบแล้ว สบายๆ” เขาพูดแล้วยักไหล่ เดินยิ้มเข้ามากอดคอผมเหมือนเป็นการบอกให้หยุดบ่นเรื่องนี้ซักที จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง กระดิกเท้าไปมาพร้อมหยิบแท็บเล็ตของตัวเองขึ้นเล่นสบายใจเฉิบ

เห็นแล้วรู้สึกมันเขี้ยวกับท่าทางของเขา ผมก็เลยกระโดดขึ้นเตียงแล้วมุดหน้าเข้าไปในเสื้อ ใช้ใบหน้าและริมฝีปากดุนไปตามหน้าท้องและสีข้างขาวเนียน

“โอ้ย มันจั๊กจี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”

มิวหัวเราะจนตัวงอ สองมือก็พยายามที่จะดันหัวผมออกจากเสื้อของเขา และพยายามที่จะใช้ขาดันตัวผมออก แต่ไม่เป็นผลหรอก เพราะผมจัดการดันขาเขาแยกออกจากกันแล้วแทรกตัวนอนตรงหว่างขาของคุณเขาแทน จากนั้นก็ถูปลายคางที่มีไรหนวดจางๆ ไปกับหน้าท้องให้คุณเขาดิ้นพล่านไปมา

“อื้อ กร พอแล้ว เหนื่อย ฮื่อ ฮ่าฮ่าฮ่า” คุณเขาหอบหลังจากที่พยายามพลิกตัวหนีไปมา เห็นเขาเหนื่อยผมก็หยุดแกล้ง แต่ก็ยังมิวายแกล้งขบเนื้อนิ่มไปทีนึง ให้คุณเขาฟาดฝ่ามือใส่ที่หัวไหล่

“ชอบตีผมจัง ไหล่ผมช้ำไปหมดแล้วนะคุณ”

“ก็นายไม่หยุดเล่นซักทีอ่ะ ไปนอนที่อื่นเลย หนัก!!”

มิวบ่นหน้ายู่ และยังคงพยายามที่จะดันหัวผมออก แต่ผมก็หลับตานอนนิ่งอยู่แบบนั้น จนเขายอมแพ้กลับไปสนใจแท็บเล็ตของตัวเองต่อ

“คุณ…”

“อะไร”

“เย็นนี้เราไปดูหนังด้วยกันอีกได้มั้ย?”

มิวละสายตาจากหน้าจอมามองหน้าผมเล็กน้อย มิวเงียบไปพักนึงจนผมต้องถามซ้ำ เขาถึงได้พยักหน้าแล้วอมยิ้มเล็ก ๆ

“ไปห้างเดิมแล้วก็รอบดึกเหมือนเดิมนะ”

ผมหัวเราะ ขยับตัวขึ้นหอมแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว แค่นี้ก็ดีแล้วอย่างน้อยเขาก็ไม่ปฏิเสธในทันทีทันใด ลองนึกย้อนดูสิครับ ครั้งก่อนที่ผมชวน คุณเขาก็พูดคำว่าไม่ออกมาทันทีเลยนะ

มิวนอนเล่นอยู่กับผมจนถึงช่วงเย็นก็ไต่ต้นไม้กลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินไปรอรถแท็กซี่ ซึ่งก็เหมือนคราวที่แล้ว ช่วงเย็นแบบนี้มีนักศึกษาคนอื่นๆ รอขึ้นรถแท็กซี่กันเป็นแถวยาวเหยียด มิวนั้นหันซ้ายแลขวาไปทั่ว อีกทั้งพยายามที่จะยืนห่างจากผม จนผมต้องดึงมือเขาให้มายืนใกล้ๆ กันหน่อย

“จะขยับออกไปไหนล่ะคุณ เดี๋ยวก็โดนแซงคิวหรอก”

“ก็กลัวเพื่อนนายมาเจอไงเล่า” เขาพูดกับผม แต่ไม่ได้มองหน้าผมเลย สายตาเขามองไปที่อื่น พยายามทำให้เหมือนกันว่าเราไม่ได้คุยกันอยู่

“เจอก็ไม่เป็นไรหรอกคุณ แต่คนเยอะแยะไปหมด มันไม่น่าบังเอิญขนาดนั้น....”

“อ้าว ไอ้กร!”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่โบกมือทักอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของถนน พี่ต้าคือพี่รหัสของผมเอง ผมหน้าตื่นเล็กน้อยเมื่อพี่เขาเดินข้ามถนนเข้ามาหา พอหันไปมองมิวก็เห็นว่าคุณเขาเดินล่กๆ ออกห่างจากผมไปต่อท้ายแถวโน้นเลย

“อะ...สวัสดีครับพี่”

“จะไปไหนวะ ไปกินข้าวด้วยกันป่าว”

“อ่า ผมกำลังจะไปดูหนังครับพี่”

“อ๋อ ก็ว่าร้อนขนาดนี้ใส่เสื้อกันหนาวทำไม แล้วไปคนเดียว?” พี่เขาพูดแต่ไม่ได้มองหน้าผมเลย พี่แกหันไปมองมิวที่ก้มหน้าก้มตา ยืนมองพื้นอยู่

“พี่มองหาใครหรือเปล่าครับ”

“กรรู้จักคนนั้นรึเปล่า เมื่อกี้เหมือนเห็นยืนอยู่ด้วยกัน” พี่ต้าพูดแล้วชี้ไปที่มิว

“ทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก แต่เขาเป็นคนไม่ดี อย่าไปสนิทสนมอะไรกับเขามากเลย”

“คนไม่ดี?”

“อืม พวกรุ่นพี่ในคณะเขาพูดต่อๆ กันมาน่ะว่าเป็นพวกขี้ขโมย พี่ก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าไม่ควรไปคุยกับคนแบบนั้น รุ่นพี่เขาบอกไม่ให้ยุ่ง พี่ก็ไม่ยุ่ง นายก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวจะซวยไปอีกคน”

ผมขมวดคิ้วไปกับคำพูดของพี่รหัส แล้วก็นึกถึงสิ่งที่มิวเคยบอก เขาโดนแบนและไม่มีเพื่อนเพราะคำบอกเล่าว่าคุณเขาเป็นคนไม่ดี อย่าไปยุ่ง โดยทีไม่รู้เลยว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร

“...ทำไมถึงทำตามง่ายจังครับ เขาเป็นคนไม่ดีจริงรึเปล่าพี่ก็ไม่รู้นี่ครับ ทำไมถึงทำตามคนอื่นง่ายๆ ถ้าหากรุ่นพี่คนนั้นบอกไม่ให้พี่อาบน้ำเพราะว่ามันไม่ดี พี่ก็จะไม่อาบน้ำตามเขารึเปล่า...อะ ข ขอโทษครับ ผม...ผม”

ผมรีบก้มหน้า ผงกหัวขอโทษ เมื่อเผลอพูดออกไปตามอารมณ์แล้วเจอสีหน้าตกใจของพี่ต้า ผมผ่อนลมหายใจออกทำอารมณ์ให้เย็นลงและขอโทษพี่เขาไปอีกครั้ง ดีที่พี่ต้าเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ติดใจกับคำที่ผมพูดออกไป

“เห้ย ไม่ต้องซีเรียส พี่เข้าใจๆ นั่นถึงคิวนายแล้ว ไปสิ” พี่ต้าหัวเราะ เขาทำท่าไม่คิดอะไรมากตามสไตล์ผู้ชายขี้เล่นแล้วชี้ไปที่รถแท็กซี่ซึ่งเป็นคิวของผมแล้ว

ผมมองไปที่มิวเล็กน้อยก็เห็นว่าเขาทำหน้าเครียดพยักเพยิดให้ขึ้นไปก่อนเลย พอขึ้นรถได้ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองคุณเขาที่ยืนตัวลีบก้มหน้าอยู่ท้ายแถว

ผมเข้าใจคุณเขา สงสารที่ต้องเจอเรื่องไม่ดีจนลำบากอยู่แบบนี้ แต่ก็เข้าใจในมุมมองของพี่ต้าหรือคนอื่นด้วยเช่นกัน จะมีซักกี่คนที่ไม่ฟังคำเตือนคนส่วนใหญ่แล้วเดินเข้ามาทำความรู้จักกับคนที่โดนคณะแบน คนที่เขาพูดกันไปทั่วว่านิสัยไม่ดี คนที่จะยอมเสียสละขนาดนนั้นน่ะจะมีเหรอ อาจมี...แต่คงหายาก

ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร เพียงแต่เป็นคนที่โอกาสได้ถามไถ่ ลองคิดดูว่าหากผมไม่มีโอกาสได้รู้จักคุณเขามาก่อน ผมก็คงจะเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่เข้าไปถามเรื่องข่าวลือนั่น ปล่อยผ่านไปไม่สนใจ ไม่ซ้ำเติมแต่ก็ไม่เข้าไปยุ่งด้วย เหมือนที่คนส่วนใหญ่ทำ

ผมเข้าใจว่ามิวไม่ใช่คนไม่ดี เพื่อนและรุ่นพี่ของผมที่ไม่คุยกับมิวก็อาจไม่ใช่คนที่เลวร้าย พวกเขาแค่ป้องกันไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะคนที่ไม่รู้จัก แต่คนที่ไม่ดีจริงๆ หรือพวกแฟนเก่าของมิวที่กุข่าวเลวๆ นี่ให้มิวตังหาก

พอถึงห้างผมก็นั่งรอตรงทางเข้าห้างอยู่ครึ่งชั่วโมงได้มิวถึงมา เขาไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเงียบๆ ขึ้นไปชั้นโรงหนังที่อยู่ด้านบนสุด

ผมอาสาเป็นคนไปซื้อตั๋วแล้วก็เดินกลับมานั่งตรงโซฟาตัวยาวที่เคยนั่งเมื่อครั้งก่อน ผมนั่งลงข้างๆ มิว เขาชะงักหันซ้ายมองขวาแล้วก็ขยับตัวออกเล็กน้อย ผมขมวดคิ้วแล้วขยับไปหา เขาก็ขยับเว้นระยะห่างออกไปอีก จนสุดท้ายผมต้องดึงแขนเขาเอาไว้

“จะขยับหนีไปถึงไหนครับคุณ ถ้าไม่อยากนั่งด้วยกัน เดี๋ยวผมไปนั่งที่อื่นให้ก็ได้” ผมพูดเสียงขุ่น อารมณ์ของผมมันหงุดหงิดมาตั้งแต่ฟังเรื่องที่พี่ต้าเขาพูดแล้ว มาเจอคุณเขาทำตัวเหมือนไม่อยากใกล้ผมแบบนี้เข้าไปอีก ก็เลยหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“ไม่ใช่…” คุณเขาส่ายหน้า เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายจับแขนผมเอาไว้บ้าง พอเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเขาแล้วผมก็ผ่อนลมหายใจออก พยายามคลายความหงุดหงิดที่มีอยู่นี้ออกไป

เรานั่งกันเงียบๆ จนถึงเวลาก็เดินเข้าโรงหนังไป ไม่มีการพูดอะไรกันระหว่างนั้นเลย ผมมีเรื่องที่คิดไม่ตก เขาเองก็ดูเหมือนมีเรื่องที่ต้องคิด

“กร”

ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน ผมไม่ได้สนใจหนังที่ตรงหน้านั้นเลย ผมแช่สายตาไว้ที่จอเฉยๆ แต่สมองกลับเหม่อไปเรื่องอื่น มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณเขาเรียกชื่อแล้วเอนตัวมาพิง

“...”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่หลุบตามอง รอฟังคุณเขาพูด

“ขอโทษ” มิวเอนหัวซบไหล่เหมือนอยากจะเอาใจพร้อมกับลูบมือผมไปด้วยเป็นการทำให้ผมใจเย็นลง

“...ผมไม่ได้โกรธคุณนะ”

“อืม” มิวพยักหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นหอมแก้มผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะหันกลับไปดูหนังต่อ

ผมยิ้มมุมปาก คิ้วที่ขมวดก็คลายออก ผ่อนลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ สอดนิ้วกุมมือเขาเอาไว้ พอเห็นว่าคุณเขายังคงช้อนตามองอยู่ก็ส่งยิ้มให้แล้วก้มลงหอมหัวไปทีหนึ่งให้เขารู้ว่าผมไม่ได้โกรธเขาจริงๆ จากนั้นก็เอนหลังพิงเบาะ แล้วผ่อนคลายไปกับคุณเขา

พอดูหนังจบเราก็กลับหอ มิวนอนค้างที่ห้องผมโดยที่ผมไม่ต้องเป็นฝ่ายชวนก่อน ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมอารมณ์ดีขึ้น แต่ผมอ่ะหายหงุดหงิดตั้งแต่ตอนที่โดนเขาหอมแก้มในโรงหนังแล้ว



เราคบกันแบบเงียบๆ หลังเลิกเรียนผมก็ตรงกลับหอ เวลาเพื่อนชวนกินข้าวเย็น ผมก็ปฏิเสธเกือบทุกครั้ง เพราะว่าอยากกลับมากินกับคุณเขา

หลายครั้งเลยที่ผมมีความคิดอยากจะบอกเรื่องของมิวและผมให้เพื่อนในกลุ่มรู้เอาไว้ ผมมั่นใจว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มนั้นใจกว้างพอที่จะรับฟัง แต่คุณเขาก็ไม่ยอมท่าเดียวเลย เพื่อนในกลุ่มก็เลยรู้แค่ว่าผมมีแฟน แต่ไม่รู้ว่าแฟนผมคือใคร

บางวันผมก็อยากลองทักเขากลางคณะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่คุณเขาหูตาไวไหวตัวทันทุกครั้ง แค่ผมอ้าปากเขาจะเดินหนีและไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกเลยในวันนั้น แต่พอตกเย็นเมื่อเจอกันที่ห้องเขาก็จะบ่นผมใหญ่เลย

แต่วันนี้เขาจะหนีไปไหนไม่ได้แน่นอน เมื่อผมเห็นว่าเขาเดินวนหาโต๊ะทานข้าวมาซักพักนึงแล้ว สองมือของเขานั้นถือจานข้าวและแก้วน้ำเอาไว้ ผมตรงดิ่งไปหา และก่อนที่มิวจะตั้งตัวหนีได้ก็คว้าแขนเอาไว้ ไม่ให้โอกาสเดินหนี

“ไปนั่งด้วยกันมั้ยครับ โต๊ะผมมีที่ว่างนะ”

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันที่ผมพูดกับมิวท่ามกลางคนนับร้อยในโรงอาหารและเพื่อนๆ ของผมก็อยู่ด้วย มิวตกใจพยายามที่ดึงแขนหนีพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ด เดี๋ยวพี่ก็หาได้” ผมเลิกคิ้วขึ้นกับสรรพนามของเขา แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าภายนอกเราเป็นเพียงคนแปลกหน้า เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกันเฉยๆ

“มาเถอะครับ ผมเห็นพี่เดินหาโต๊ะอยู่นานแล้วนี่”

มิวอมยิ้มเล็กๆ เขาคงขำที่ผมเรียกเขาแบบนั้น มันไม่ชินปากเลยจริงๆ ที่เรียกคุณเขาว่าพี่ แต่ถึงจะขำยังไงความประหม่าก็ยังคงอยู่ เขาส่งสายตาดุๆ มาให้แล้วก้มหน้าลงไม่ยอมที่จะสบตากัน ผมดึงแขนเขาให้เดินตามมาที่โต๊ะจัดแจงที่ให้เขานั่ง เพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่ต่างก็มองมาอย่างงงๆ ปนตกใจ

“ให้พี่เขานั่งด้วยนะ เห็นเดินวนอยู่นานแล้ว ไหนๆ ก็อยู่คณะเดียวกัน”

ผมพูดบอกเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งคนอื่นๆ ก็พยักหน้าไม่มีใครท้วงอะไร...ไม่มีใครขัด แต่ก็ไม่ใช่แบบที่ผมคิดเลย เพื่อนที่คุยกันก่อนหน้านี้ต่างก็เงียบ ทุกคนนั่งกินข้าวเงียบๆ มองหน้ากันไปมา ซึ่งมิวเองก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้

มิวเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ทุกคนแล้วหยิบจานข้าวลุกออกจาโต๊ะไป ผมไม่ได้ห้ามเพราะไม่อยากทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิม ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ไปด้วยพลการนี้ดีรึเปล่า ผมแค่อยากให้เขามีเพื่อน เริ่มจากเพื่อนของผมก่อน แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดแถมดูเหมือนว่าจะทำให้คุณเขาลำบากใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“มึงรู้จักพี่เขาด้วยเหรอวะ” ระหว่างที่กำลังนั่งเถียงกับตัวว่าสิ่งที่ทำไปมันดีหรือไม่ เพื่อนในกลุ่มก็ถามขึ้น ผมพยักหน้า รวบรวมความกล้าที่มีบวกกับอารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจที่จะบอกว่า เขาเป็นแฟนผม แต่แมกซ์ เพื่อนอีกคนในกลุ่มก็พูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยมึง พี่ปีสามคนนี้ไงที่กูเคยเล่าให้ฟังว่าขี้โขมยจนโดนแบนอ่ะ”

พอได้ฟังที่แมกซ์พูด เพื่อนคนอื่นก็พยักหน้านึกขึ้นได้กันเป็นแถว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกคนนั่งเงียบๆ ฟังแมกซ์เล่าเรื่องราวของมิวที่มันไม่เป็นความจริงเลย

“แล้วถ้ากูยุ่งกับพี่เขาไปแล้ว พวกมึงจะแบนกูไปด้วยมั้ย”

ผมโพล่งขึ้นเสียงเรียบ แมกซ์นิ่งไปหันมองหน้าเพื่อนคนอื่นที่มองหน้าเลิ่กลั่กไปมาก่อนจะทำเป็นหัวเราะ เดินเข้ามาตบไหล่ผมแล้วเฮฮากันไป

“จะแบนมึงได้ไงวะ มึงไม่ได้เลวแบบนั้นนี่ เขาแบนแต่พวกนิสัยไม่ดีเว้ย”

ทุกคนหัวเราะเจื่อนๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดไป ผมเองก็ไม่เซ้าซี้เพื่อน นั่งเขี่ยข้าวในจานพลางคิดว่าจะเอายังต่อกับเรื่องของมิวดี

หรือเราควรจะคบกันเงียบๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

“เออ ไอกร เย็นนี้รุ่นพี่เขานัดเลี้ยงเหล้านะ เขาให้มาบอกมึงด้วย”

“อืมๆ พี่ต้าเขาบอกกูแล้ว แต่ไม่น่าจะไปวะ กูกินเหล้าไม่เก่ง”

“เห้ย ก็ไปนั่งจิบๆ ไปให้พี่เขาเห็นหน้าบ้าง สังสรรค์กันหน่อย จะเลิกเรียนแล้วกลับหออย่าเงดียวไม่ได้ แอบหมกใครไว้ที่ห้องเหรอไงมึง”

“ติดห้องแบบนี้ ซ่อนแฟนไว้ที่ห้องแน่เลย”

เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเดินมากอดคอแล้วก็แซว คนอื่นๆ ก็พากันแซวตาม ผมไม่รู้จะพูดอะไรก็ได้แต่ยิ้มรับ เพราะแฟนของผม ก็คือรุ่นพี่คนที่พวกมันเพิ่งบอกว่าอย่างไปยุ่งด้วยคนนั้นนั่นแหละ

หลังเลิกเรียนพวกมันก็ล็อคตัวผมเอาไว้ เพราะกลัวว่าผมจะหนี แต่จะหนีไปไหนได้ก็รับปากกับพี่ต้าไปแล้วว่าจะไป ผมหลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่มีพวกเพื่อนตามขึ้นไปด้วยทั้งกลุ่ม เพราะกลัวว่าผมจะเบี้ยวไม่ไป

ตอนเปลี่ยนเสื้อผมมองไปทางห้องของคุณเขา เห็นว่าแอร์เปิดอยู่ก็คงจะกลับมาแล้วแหละ ผมใช้เวลาตอนเข้าห้องน้ำส่งข้อความบอกเขาเอาไว้ก่อนว่าจะออกไปกับเพื่อน รอไม่ถึงวินาทีก็ขึ้นว่าคุณเขาอ่านแล้ว และตอบกลับมาในเวลาไม่นาน

‘ไม่ต้องล็อคระเบียงนะ เดี๋ยวจะไปนอนตากแอร์ ดูดไวไฟห้องนาย’

‘จะมารอก็บอกมาดีๆ ผมไปไม่นานหรอก แค่ไปให้รุ่นพี่เขาเห็นหน้าเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับมาหา’

‘ไม่ได้จะรอ ก็บอกอยู่ว่าจะไปดูดแอร์ห้องนาย ไม่ต้องเปลืองไฟห้องตัวเอง’

ดูเขาตอบสิครับ ความปากไม่ตรงกับใจของคุณเขานั้นคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนจริงๆ ก่อนออกจากห้องผมก็จัดการเปิดแอร์ทิ้งไว้ให้คุณเขาเรียบร้อย ตอนเขาเข้ามาจะได้เย็นฉ่ำ

พอไปถึงร้านก็เจอพวกรุ่นพี่รออยู่ก่อนแล้ว สังสรรค์ในวันนี้เป็นการเลี้ยงสายไปในตัว พวกสายโคสายเทคต่างๆ รุ่นพี่ก็นัดกันมาหมด นอกจากพวกพี่ปีสองแล้ว ก็มีรุ่นพี่ปีสามด้วยหลายคนเลย

ร้านที่พี่ๆ นัดเจอกันไม่เชิงเป็นร้านเหล้า แต่เป็นร้านนั่งชิลล์ฟังเพลงสดไปเรื่อย มีอาหารให้กิน มีแอลกอฮอล์ให้ดื่ม ก็ถือว่าเป็นร้านที่มีบรรยากาศดีมากๆ ร้านหนึ่งเลย

ผมตั้งใจว่ากินไม่เยอะ สองแก้วแล้วจะขอตัวกลับ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย พอเหล้าพร่องไปแค่ครึ่งแก้ว ก็จะมีคนรับแก้วไปเติมให้เรื่อยๆ พอหยุดดื่มก็จะโดนรุ่นพี่คะยั้นคะยอให้ดื่มต่อ บ้างก็โดนจับกรอก จนผมก็ชักจะกรึ่มๆ มึนๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว

พอเริ่มมึน วงสังสรรค์ก็คึกครื้นขึ้นเป็นเท่าตัว พูดหัวเราะเสียงดังไปหมด และเพราะบรรยากาศมันสนุกสนาน ผมเองก็ชักจะสนุกและพูดมากตามคนอื่นไปด้วย

“ไงมึง เห็นแมกซ์บอกว่ามึงมีแฟนแล้ว ทำไมไม่พามาแนะนำบ้างวะ เดี๋ยวช่วยสแกน” พี่ต้าหันมาถาม แย่งแก้วในมือไปชงเหล้าเพิ่มให้

“เขายังไม่พร้อมครับพี่”

“โห มีไม่พร้อมเปิดตัวเสียด้วย สวยมากป่ะวะ” รุ่นพี่อีกคนเป็นคนถามขึ้น พอได้ยินคำว่าสวย ทุกคนในโต๊ะก็ต่างพร้อมใจกันเงียบรอฟังคำตอบ

ผมเองก็นิ่งไป เพราะกำลังคิดว่าคุณเขานั้นสวยมั้ย

“ก็สวยมั้งครับ ผิวเขาสวยดี แต่ที่แน่ๆ คือน่ารัก”

ทุกคนต่างก็ผิวปากแซวกันเป็นแถว ผมนั่งหัวเราะ ก็คุณเขาน่ารักจริงๆ นะครับ หน้าตาก็น่ารัก นิสัยก็น่ารัก ยิ่งรู้จักยิ่งน่ารัก

“ท่าทางจะหลงมากนะมึง สาวคณะไหนวะ”

“คณะเราครับ อยู่ปีสาม” ผมหลุดพูดออกไป แต่คำพูดมันเรียกคืนไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้คือนั่งยิ้มไม่ตอบอะไรอีก

“อ่าว รุ่นเดียวกันกูสิถ้างั้น ใครวะ ผู้หญิงปีกูมีแต่ถึกๆ” พี่ปีสามคนที่เคยเป็นเฮดว๊ากพูด คนอื่นก็หัวเราะแล้วพยายามพูดชื่อรุ่นพี่ผู้หญิงออกมาเรื่อยๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของผม

ทายแต่ชื่อผู้หญิงแบบนั้น ทายไปทั้งคืนก็ไม่ถูกหรอก เพราะคุณของผมเขาเป็นผู้ชาย

ผมนั่งเงียบส่ายหัวลูกเดียว ไม่มีสติให้คิดอะไรเท่าไรแล้ว ระหว่างที่โดนเขาซักถามเรื่องแฟนนี่ ผมก็โดนพี่ๆ เขามอมมาเรื่อยๆ ไม่ดื่มเองก็โดนจับกรอก แถมพูดไปดื่มไปแบบนั้นมันคล่องคอ รู้ตัวอีกทีก็แทบจะนั่งตัวตรงไม่ได้แล้ว

“เดี๋ยวกูกลับก่อนดีกว่า ไม่ไหวแล้ว”

“เห้ย จะรีบกลับไปหาแฟนเหรอไงวะ แล้วเมาขนาดนี้กลับเองไม่ไหวหรอก อยู่ด้วยกันก่อนเดี๋ยวพวกกูไปส่งเอง” เพื่อนในกลุ่มผมพูด มันเองก็ดูออกว่าผมเมามากแล้ว แต่พอพูดจบมันก็ดันกรอกเหล้าใส่ปากผมต่อ

นั่งไปสักพัก ผมก็รู้ตัวว่าไม่ไหวจริงๆ หัวมันจะดิ่งลงพื้นอยู่ตลอด แค่นั่งเฉยๆ ยังแย่เวลาเดินผมคงล้มไม่เป็นท่า กลับคนเดียวไม่ไหวให้เพื่อนไปส่งก็ไม่มีใครไป ตัวเลือกสุดท้ายที่ผมมีคือโทรหามิว

‘ไหนว่าจะไปแปปเดียวไง นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ’ ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อรับสายปุ๊บ คุณเขาก็บ่นปั๊บ แต่ผมรู้ว่าที่บ่นก็เพราะเขาเป็นห่วงผม

“คุณมารับหน่อยสิ ผมกลับไม่ไหว”

‘จะบ้าเหรอ! เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก ไม่เอา’

“ไม่เป็นไรหรอกคุณ เดี๋ยวผมไปยืนรอหน้าร้านก็ไม่มีใครเห็นแล้ว” ผมพูดอ้อแอ้ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เพราะรู้สึกว่าหัวมันหนักเหลือเกิน

‘ไม่ได้! นี่เมาขนาดไหนเนี่ย ทำไมกินไม่รู้ลิมิตตัวเองเลย’

“ก็ปฏิเสธพวกรุ่นพี่ไม่ เฮ้ย!”

ตึง!

พูดไม่ทันจบประโยค ไอ้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ที่กำลังลุกขึ้นนั้นเซมาล้มทับผม ผมเองก็มึนจนหลักไม่ดีอยู่แล้วทำให้พากันล้มตกเก้าอี้ลงไปนอนกับพื้น และที่แย่กว่านั้นก็คือโทรศัพท์ของผมนนั้นโดนทั้งเก้าอี้และตัวพวกผมทับจนหน้าจอแตกเครื่องดับไปเลยทีเดียว

“โทษทีเพื่อน เมาไปหน่อย”

พวกมันพูดขอโทษอย่างไม่จริงจังนักแล้วก็ลุกขึ้น พากันกอดคอเดินไปห้องน้ำ ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็ถอนหายใจ นั่งมึนอยู่กับพื้นแบบนั้นจนมีคนมาช่วยพยุงขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ดีๆ

ยังคุยกับคุณเขาไม่รู้เรื่องเลย จะใช้เครื่องคนอื่นโทรกลับไป ผมก็จำเบอร์คุณเขาไม่ได้ และคนอื่นๆ ก็คงจะไม่มีเบอร์มิวอยู่ในเครื่องแน่ๆ รอกลับพร้อมเพื่อนก็ได้วะ

ระหว่างนั้นผมก็ซบหน้าลงกับโต๊ะ ใครส่งแก้วอะไรมาให้ก็ส่ายหน้าลูกเดียว ไม่ไหวแล้วจริงๆ แค่ที่เป็นอยู่นี่ก็พะอืดพะอมอยากอ้วกจะแย่แล้วครับ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
“เฮ้ย! มึงมาทำไม” ผมรู้สึกตัวพยายามที่จะพงกหัวขึ้นดูเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะในกลุ่มหายไป แทนที่ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จนผมคิดว่ารุ่นพี่เมาจนไปมีเรื่องกับโต๊ะอื่นแน่ๆ ถ้าไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและสัมผัสเบาๆ ที่ต้นแขน

“อย่ามายุ่ง”

“อะไรของมึง มึงนั่นแหละอย่ามายุ่งกับน้องกู ไปไกลๆ เลย”

“มิว?” ผมผงกหัวขึ้นดู ฉีกยิ้มและยื่นมือไปหาคนที่ยืนอยู่ใกล้ ตามันลายและมึนงงไปหมด แต่ก็พอจะดูออกว่าคือคุณเขา

“กร…”

มิวเรียกแล้วยิ้มจางๆ แต่สีหน้าดูไม่ดีเท่าไรเลย เขาทำท่าจะเข้ามาพยุงเมื่อผมลุกขึ้น แต่คุณเขาก็โดนกระชากออกไปอีกทางจากรุ่นพี่คนหนึ่ง ถ้ามองไม่ผิดเขาคือเฮดว๊ากนะ

“บอกว่าอย่ามายุ่งกับน้องกู ไปร่านที่อื่นนู้น”

มิวหน้าเสียกว่าเดิม เขาเซไปชนโต๊ะอื่นตอนที่ถูกกระชากออกไป แต่พอตั้งตัวได้ก็เดินกลับมาหาผมไม่สนใจคนอื่น ซึ่งก็โดนพี่คนเดิมผลักออกไปพร้อมตะโกนเสียงดัง โต๊ะอื่นที่อยู่ในบริเวณเดียวกันนั้นก็หันมามอง

“เห้ย มึงฟังกูบ้างป่ะวะไอห่า มึงหลอกกูกับเพื่อนกูไม่พอใช่มั้ย ยังจะมาหลอกรุ่นนี้อีกเหรอวะ มึงจะล่อแม่งทุกรุ่นเลยรึไง”

“ใครกันแน่ที่หลอกคนอื่น มึงรู้ตัวเองดีไอบุ๊ก อย่าให้กูต้องพูดนะ...” มิวพูดเสียงแข็ง เขาไม่ได้ตะโกนแต่ก็ดังพอที่จะให้คนในกลุ่มได้ยิน เฮดว๊ากที่มิวเรียกว่าบุ๊กดูเหมือนจะฉุนขาดไปทันที เขาดึงคอเสื้อมิวแล้วตะโกนใส่หน้า คนทั้งร้านเริ่มหันมามอง และวงดนตรีก็หยุดเล่น เมื่อพี่บุ๊กคนนั้นตะโกนเสียงดัง

“พูดเหี้ยอะไรของมึง สำส่อน ขี้ขโมยแล้วยังขี้โกหกอีกเหรอวะ แค่โดนแบนในคณะนี่คงไม่พอซะแล้วมั้ง”

“กร!!”

สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ชัดเจนคือมิวทำหน้าตื่นเรียกชื่อผม และเพื่อนคนอื่นก็พากันร้องห้าม แล้วโลกของผมก็ดับวูบไป แต่มันไม่ได้ดำมืด แต่วูบไหวไปมาไม่สามารถจับจุดได้ เหมือนผมกำลังทำอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ชัดเจน มันมึนงงและเหวี่ยงไปมา...ปวดหัวเป็นบ้า เหมือนหัวผมโดนบีบ ผมพะอืดพะอมอยากจะอ้วก และจากนั้นโลกของผมก็มืดสนิทไปจริงๆ



ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็กลับมาอยู่ที่ห้องแล้ว มิวเองก็นั่งอยู่ข้างๆ กำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่

“นายอ้วก” มิวพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ปลายจมูกแดง ตาก็บวม คุณเขากำลังร้องไห้

“คุณ…”

มิวนั่งเงียบๆ เขาเช็ดตัวให้ผมและเปลี่ยนเสื้อให้ใหม่ ทำไปก็ร้องไห้ไปเงียบ ผมไล่นึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำได้ ผมเมามากจริงๆ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้มิวออกไปเจออะไรแบบนั้น ผมทำให้เขาเป็นแบบนี้และผมก็รู้สึกผิด

“โอ๊ย!”

มิวใช้ผ้าเช็ดไปตามใบหน้าของผมและมันก็ไปโดนตรงจุดหนึ่งซึ่งเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เขาเองก็สะดุ้งตาม มองมาที่ผมหน้าตื่น

ผมใช้ลิ้นดุนไปที่มุมปากได้รสชาติเลือดจางๆ แถมหลังมือของผมนั้นเป็นรอยช้ำตามข้อนิ้ว....ผมไปโดนอะไรมาวะเนี่ย

“เจ็บมากมั้ย ขอโทษ...ฉันทำให้นายเดือดร้อนจริงๆ ด้วย”

มิวก้มหน้า น้ำตาเป็นเม็ดไหลไปตามแก้มเขา ผมเองก็ยังมึนงงทำได้แค่ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเขามากอด ผมตังหากที่ทำเขาเดือดร้อน หากคุณเขาไม่มารับผมก็คงไม่ต้องเจอคำพูดแย่ๆ จากพี่คนนั้น

“กร”

“หืม?”

“เรา...เลิกกันดีมั้ย”

“หะ? เดี๋ยวก่อนเลยคุณ ทำไมพูดแบบนั้นออกมา”

คำพูดของเขาทำเอาผมสร่างเมาแทบจะทันที ผมดันตัวเขาออกเพื่อมองหน้า คุณเขาก็ก้มหน้าหลบตาผม ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง เขาเม้มปากเหมือนคนกำลังอดกลั้น แต่เขาคงทนไม่ไหว พอผมเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ มิวก็สะอึกสะอื้นพูดแทบไม่เป็นคำ ไม่เหลือเค้าของมิวคนเดิมเลย ตอนนี้เขาดู...เหนื่อยล้ามากๆ

“ฮึก เรื่องมันจะได้ไม่บานปลายไปมากกว่านี้ไง ฉันเหนื่อย ฉันอยู่คนเดียวก็ได้ ฮึก ฮือ ไม่เหงาแล้วก็ได้ ฮือ เดี๋ยวก็ชินเอง”

ผมส่ายหน้า ก้อนความอึดอัดมันขึ้นจุกขึ้นมาตรงคอ ทั้งเจ็บและหน่วงไปทั่วอก มองมิวที่ร้องไห้ทำท่าเหมือนคนที่ไม่อยากจะสู้อะไรอีกแล้ว เป็นคุณเขาที่น่าสงสารที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา

“ไม่เป็นไร มีผมอยู่คุณจะเหงาทำไม ไม่เอา เราไม่เลิกกันนะคุณ”

มิวส่ายหน้ายังคงร้องไห้เหมือนเดิม ผมถอนหายใจดึงเข้ามากอดแล้วลูบหัวเขาไปด้วย ปากก็พูดกล่อมเขาว่ามันไม่มีอะไร เรื่องมันจะไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว ใครจะบ้าเลิกกันเพราะคนอื่นแบบนี้เล่า ไม่มีทาง

“ฉันรักนาย อยากอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ได้อยากทำให้นายเดือดร้อน”

“ผมไม่ได้เดือดร้อนเลยคุณ”

“ฮึก เดือดร้อยสิ นายโดนต่อย และซักวันนายอาจโดนแบนแบบฉัน จะไม่มีใครอยากคุยกับนาย ทุกคนจะเกลียดนายเหมือนที่เขาเกลียดฉัน ฮือ”

“คุณอย่าพูดแบบนั้น คนอื่นก็ช่างเขา ใครจะแบนผมก็ปล่อยเขาไปเถอะ”

ยิ่งพูดเขายิ่งร้องให้ น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด เขาอัดอั้นและเสียใจ และผมเองก็เสียใจตาม เสียใจกับสิ่งที่เขาต้องเจอ ผมไม่อยากให้คุณเขากลับไปรู้สึกแบบนั้นอีก ผมกอดเขาเอาไว้แน่นๆ ลูบไปทั่วแผ่นหลังสั่นเทาอย่างปลอบประโลม อย่างน้อยอยากให้เขารู้ว่ามีผมที่อยู่กับเขาคนหนึ่ง และผมก็ไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียวอีก

“คุณอย่าพูดว่าจะเลิกกันอีกได้มั้ย เราเพิ่งคบกันได้แค่เดือนเดียวเองนะ คุณเองก็รักผม ผมเองก็รักคุณ ไม่มีเหตุผลที่จะเลิกกันเลย”

“แต่ว่าคนอื่นเขาจะแบน...อื้อ”

จุ๊บ

มิวเอาแต่พะวักพะวงกับคนอื่น เขาเอาตัวเองไปติดกับคนอื่นที่ไม่แคร์เขามากเกินไป ซึ่งผมไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้นแล้วก็เลยจูบเบาๆ ริมฝีปาก มิวหยุดพูดไปทันที เรามองตากันก่อนที่ผมจะกดหน้าเขาให้ซุกเข้าที่แผ่นอกของผม

“ยังไงก็ไม่เลิกกันนะคุณ”

“อือ ไม่เลิกแล้ว”



วันรุ่งขึ้นผมโดดเรียนเนื่องจากตื่นเช้าไม่ไหว และจากการที่ได้คุยกับมิวเมื่อคืนนั้นทำให้ผมได้รู้ว่า สาเหตุของรอยช้ำที่มือมาจากการที่ผมดันไปต่อยรุ่นพี่เข้าให้ ช่วงเย็นก็เลยนัดพี่เขามาขอโทษถึงแม้ว่าคำที่พี่เขาพูดจะสมควรโดนก็เถอะ แต่ยังไงผมเองก็ผิดที่ไปใช้กำลังก่อนและเพื่อความสบายใจก็ไปขอโทษไว้หน่อยก็ดี

ผมพามิวมาด้วยเพราะอยากจะพามาคุยกับกลุ่มเพื่อนของผมเหมือนกัน ผมนัดคุยกับพี่เขาแถวๆ คณะ พอไปถึงก็เจอเขายืนรออยู่

“เอ่อ...พี่ครับ”

ผมทัก มิวขยับไปยืนหลบอยู่ด้านหลัง แต่พอพี่เขาหันมาผมก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เพราะใบหน้าของพี่เขามันเขียวช้ำไปทั่วมีรอยแตกที่โหนกแก้มและมุมปาก

“ส...สวัสดีครับ”

“เฮ้ย!” พี่บุ๊กสะดุ้งแล้วถอยหลังหนีตอนที่ผมยกมือขึ้นไหว้ เขามีสีหน้าหวาดระแวงและตื่นตะหนกมาก ผมยืนนิ่งมองเขาอย่างงงๆ พี่แกก็กระแอมไอแล้วยืดตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมมองหน้าพี่บุ๊กแล้วก็พิจารณา มั่นใจว่านั่นคงไม่ใช่ฝีมือผมหรอกมั้ง ก็ผมเป็นพวกขี้ขลาดอ่ะ

ตั้งแต่จำความได้ผมไม่ใช่พวกชอบใช้กำลัง หลีกหนีการประทะทางร่างกายทุกทาง ตลอดชีวิตผมเคยต่อยกับเพื่อนครั้งเดียวแถมแพ้ราบคราบซึ่งนั้นเป็นตอนที่ผมอายุ 7 ขวบ การต่อยครั้งล่าสุดก็เป็นการต่อยต้นกล้วยอ่อนแถมนิ้วส้นกลับมาให้แม่บ่นอีก ผมว่าหมัดผมไม่น่าจะให้หน้าพี่แกย่อยยับได้ขนาดนั้นเลยนะ แกเมาแล้วไปมีเรื่องกับนักเลงกลุ่มอื่นมาด้วยแน่ๆ

“คือผมอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อคืนครับ”

“อะ...อืม” พี่เขาเงียบแล้วก็พยักหน้า พี่แกไม่มองหน้าผมเลย ดูท่าคงจะเกลียดผมไปอีกคนแล้วมั้งเนี่ย เรายืนเงียบกันอยู่สักพักเขาก็มองที่มิวแล้วถอนหายใจแล้วหันกลับมามองผมอย่างหวาดๆ เขาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างและนั่นยิ่งให้มิวหลบเข้าหลังผมมากขึ้น

“เรื่องแฟนมึง กู…”

“ครับ?”

“มึงอย่าเพิ่งต่อยกูนะ ขอกูพูดก่อน...เอาเป็นว่ากูขอโทษ กูจะไม่ไปยุ่งกับพวกมึงอีก เราอยู่ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน”

“หะ? เดี๋ยวครับพี่”

พี่บุ๊กทำท่าจะเดินจากไป ซึ่งผมที่ยังคุยไม่รู้เรื่องก็ตั้งใจจะเดินไปขวางทาง แต่พี่แกเล่นถอยหนี สีหน้าดูหวาดหวั่นกับผมมาก เขายกแขนขึ้นมากันหน้าตัวเองไว้แล้วโวยวายไม่ให้ผมเข้าใกล้

“หยุ๊ด! มึงไม่ต้องเข้ามา กูไม่ได้โกรธมึงเลยกร ส่วนเรื่องของแฟนมึงกูขอโทษจริงๆ กูจะไม่ทำแบบนั้นอีก ปล่อยกูไปเถอะ มึงอย่าสนใจกูเลย ขอร้องนะ”

“อะ เอ่อครับๆ” ผมรับคำอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก งงกับคำพูดและท่าทางของเขา

“มิว กูขอโทษแทนเพื่อนๆ กูด้วย กูสำนึกผิดและจะไม่ยุ่งแล้วจริงๆ มึงสบายใจได้ กูสาบานเลย”

“อ อืม...ไม่เป็นไร มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ถือเสียว่าเลิกแล้วต่อกันไป”

มิวโผล่หน้าออกมาพูด พอเห็นว่าพี่บุ๊กไม่มีท่าทีว่าจะทำร้าย คุณเขาก็ขยับออกมายืนข้างๆ ผม พี่บุ๊คยกมือไหว้ขอโทษมิวและผมหลายครั้ง ผมเองก็ยกมือขึ้นรับไหว้เพราะเขาอายุเยอะกว่า ให้คนแก่กว่ามาไหว้แบบนี้ผมไม่ชิน

แต่พี่แกก็ยังระแวงไม่เลิก ขยับออกไปเป็นวา พอผมจะเดินเข้าหาแกก็เดินไปหนีไปเลย ผมไปทำอะไรให้พี่แกกลัวขนาดนั้นวะ

“ขอบใจนะ” พอพี่บุ๊กเดินออกไป มิวก็ผ่อนลมหายใจออกแล้วนั่งลงที่ม้านั่งแถวนั้น ผมขมวดคิ้วมองไปทางที่พี่บุ๊กเดินจากไปอย่างไม่เข้าใจ

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคุณ แต่พี่เขาดูกลัวผมนะ”

“หึหึ ไม่กลัวสิแปลก เมื่อคืนนายอย่างกับหมาบ้า ต่อยจนพี่เขาเละไปหมด เพื่อนนายมาช่วยกันแยกก็เอาไม่อยู่”

“ผ...ผมเนี่ยนะ รอยบนหน้าเขาคือผมทำคนเดียวเหรอ ผมจริงๆ เหรอ?” ผมจำได้ว่าผมต่อยเขาไปหมัดเดียวแล้วก็หมดสติไปนี่หว่า

“อืม แต่นายสลบไปก่อนไม่งั้นคงต่อยมันจนตายอ่ะ

“ตาย! ผมเนี่ยนะ” แน่นอนว่าผมยังคงไม่เชื่อ ผมเนี่ยนะ! พ่อบอกว่าตาผมขาวยิ่งกว่ากระดาษ จะให้เชื่อว่าไปต่อยจนพี่เขาเกือบตายนี่เป็นไปไม่ได้!

“เมื่อคืนฉันกลัวว่ามันจะเอาตำรวจกลับมาเอาเรื่องนายด้วยซ้ำก็เลยกังวลไปหมดว่าจะเป็นตัวต้นเหตุให้นายติดคุก”

“ไม่อยากจะเชื่อ”

“หมัดของนายดันทำเขากลัวซะหัวหดเชียว ฮ่าฮ่าฮ่า”

มิวหัวเราะออกมา เขาเงยหน้ามองฟ้า ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมนั่งลงข้างๆ เขา มองรอยช้ำที่มือตัวเอง แล้วนึกถึงหน้าพี่บุ๊ก ผมไปต่อยยังไงให้หน้าพี่เขาเป็นแบบนั้นได้ ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง แอลกอฮอล์นี่มันน่ากลัวจริงๆ ครับ

“ไอกร สร่างแล้วเหรอมึง”

ผมและมิวนั่งกันอยู่ไม่นาน กลุ่มเพื่อนที่นัดเอาไว้ก็เดินเข้ามาหา ทุกคนมองไปที่มิวแล้วต่างคนต่างก็ทำหน้าไม่ถูก มิวที่ไม่รู้ว่าผมนัดกลุ่มเพื่อนเอาไว้ด้วยก็เลยทำท่าจะลุกเดินออกไป ผมลุกขึ้นรีบรั้งแขนเขาเอาไว้ให้ยืนอยู่ข้างๆ กันแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับกลุ่มเพื่อนๆ

“พวกมึง กุมีเรื่องจะบอก”

“อ อืม”

“กูคบกับพี่เขา”

“อ่า...พวกกูรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ”

“แล้ว พวกมึงคิดยังไงกัน” คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนต่างก็มองหน้ากันไปมา ระหว่างที่รอ มิวก็บีบมือผมแน่นขึ้น ผมรู้ว่าเขากลัวก็เลยบีบมือให้กำลังใจกลับไป เราต่างก็ให้กำลังใจกันและกันเพราะผมเองก็กลัว พวกมันก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ผมไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น ทั้งเขาและเพื่อน

“ถ้ากูทำให้ไม่สบายใจก็ขอโทษด้วย แต่กูไม่อยากเลิกกับมิว ถ้าพวกมึงอยากจะเลิกเป็นเพื่อนกับกู กูก็เข้าใจ”

“ไม่ได้นะ พ...เพื่อนดีๆ หายาก”

มิวรีบแย้งขึ้นมาทัน สีหน้าเขาดูร้อนรน มิวไม่อยากให้ผมตัดขาดกับเพื่อนเพราะปัญหาของเขา แต่ถ้ามันต้องเลือก ผมก็เลือกเขาอยู่ดี ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่รักเพื่อน เพียงแต่ผมรักคุณเขามากกว่า และผมรู้ว่ามิวต้องการผมมากกว่าพวกมัน

“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรเว้ย ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น เรื่องแค่นี้เองจะให้เลิกเรียกมึงว่าเพื่อนได้ไง พวกกูไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้พวกกูรู้ว่าเรื่องที่ได้ยินมามันไม่จริง”

แมกซ์เป็นคนพูดขึ้น คนอื่นก็พยักหน้าตามแล้วส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ เราต่างยืนนิ่งมิงหน้ากันไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนที่พวกมันจะพากันเดินเข้ามาตบไหล่ตบหัวผม บ้างก็หันไปทักทายมิว

“ไม่ต้องคิดมากเว้ย พวกกูพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้างแล้ว”

“ขอบใจมากพวกมึงมากนะที่ให้โอกาสเขา”

“อืม ก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ฝากตัวด้วยนะครับพี่มิว”

พวกมันหันไปหามิว พูดฝากเนื้อฝากตัวกันเป็นแถว บ้างก็จับมือเขย่าไปมาทำความรู้จัก คุณเขาก็ยืนทื่อๆ พยักหน้าเหรอหรา เขาหลบอยู่ด้านหลังของผมแต่ก็ยื่นมือออกไปให้พวกนั้นจับ เขาทำตัวไม่ถูกเพราะยังไม่ชินกับการมีเพื่อนแบบนี้ ผมเห็นแบบนั้นก็ทั้งขำทั้งมีความสุข

คุณเขาก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้ แววตาเขานั้นแสดงออกถึงความโล่งอก ผมเองก็เหมือนกัน ปัญหาของเขาพอคราวที่ต้องจบ มันก็จบลงง่ายๆ ในวิธีที่ผมพอจะทำได้ ผมไม่มีปัญญาที่จะไปแก้ข่าวให้คนทั้งคณะรับรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินมามันไม่จริง ผมทำได้แค่นี้ แค่ให้เขาได้มีเพื่อนและแฟนดีๆ แบบที่ผมมี

.

.

.

เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เพื่อนของผมและมิวก็ปรับตัวเข้าหากันได้ กลุ่มของผมไม่เกร็งเวลาที่ผมพามิวไปร่วมวงกินข้าวด้วย จะมีก็แต่คุณเขาเท่านั้นแหละครับที่ยังคงอายไม่เลิก เวลาอยู่กับผมแค่สองคนล่ะพูดเยอะเป็นปกติ แต่พออยู่กับคนอื่นเขาจะเงียบเป็นคนพูดน้อยขึ้นมาทันทีเลย ผมคิดว่านี่เป็นความแตกต่างที่น่ารักดีครับ

เรื่องของคุณเขาที่ทุกคนต่างก็เคยเข้าใจผิดเริ่มคลี่คลายซึ่งก็ใช้เวลาหลายเดือนอยู่ แรกๆ หลายคนมักแอบเข้ามาถามกลุ่มเพื่อนของผมว่าคิดยังไงถึงมาคุยกับมิว มันไม่แปลกที่ทุกคนจะสงสัย พวกไอแมกซ์ก็เลยพยายามอธิบายจนคนอื่นเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง และเริ่มที่เปิดใจคุยกับมิว รายนั้นก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่มีเพื่อนคณะเข้ามาชวนคุย เวลากลับมาอยู่ด้วยกันสองคนเขาจะเล่าให้ผมฟังหมดว่ามีใครเข้ามาคุยด้วยบ้าง ตรงส่วนนี้ของเขาก็น่ารักดี เป็นมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวคุณเขา



“เดี๋ยวพวกกูจะกลับแล้ว ขอบใจมากมึง ขอบคุณนะครับพี่มิว”

ช่วงนี้เป็นช่วงสอบไฟนอล พวกเราต้องอ่านหนังสือกัน และสิ่งที่ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ก็คือ คุณเขาเรียนเก่งในระดับหนึ่งเลยครับ พวกเราก็เลยมาขอให้มิวช่วยติวให้

“บาย เจอกัน”

ผมโบกมือลาปนๆ กันสะบัดมือไล่ เดินไปเปิดห้องให้พวกมันออกไป แต่ตอนที่กำลังจะล๊อคกลอน พวกมันก็เดินกลับมาอีกครั้ง

“ลืมอะไรอีกอ่ะมึง วุ่นวายจริงๆ”

“เปล่าไม่ได้ลืมเว้ย แค่จะมาชวนมึงไปเที่ยวหลังสอบ ค้างคืนซักสองคืน พักสมอง ไปไหม?”

ผมพยักหน้ารับโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวบ้างก็ดี

“เอ่อ แล้วก็...พี่มิว พี่จะไปด้วยรึเปล่า น่าจะทะเลหรือไม่ก็ปีนเขา”

มิวที่นั่งเก็บหนังสือเงียบๆ เงยหน้าขึ้นทำท่าทางตกใจ ผมเลิกคิ้วมองรอคอยคำตอบจากคุณเขา

“ป...ไป ไปสิ”

คุณเขาพยักหน้ารัว ลำล่ำละลักตอบ เพื่อนของผมหัวเราะนิดหน่อยแล้วก็โบกมือลา ผมปิดห้องแล้วหันกลับมาก็เห็นว่าคุณเขานั่งนิ่งก้มหน้าก้มตามองมือตัวเอง

“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ เห้ย! จะร้องให้ทำไม ฮ่าฮ่าฮ่า”

“อย่าหัวเราะน่า ก็ดีใจอ่ะ”

“มานั่งตรงนี้ดีกว่า” ผมนั่งลงใกล้แล้วดึงตัวเขาขึ้นนั่งตัก กดจมูกลงไปที่กลุ่มผมนุ่มแล้วเกยคางที่หัวไหล่ของเขา มองคนตัวเล็กที่ยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ในขณะที่ริมฝีปากของเขาก็ยิ้มกว้างไม่หุบ

ร้องไปยิ้มไปแบบนี้ผมจะถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วกัน

“ครั้งแรกเลยนะที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแบบนี้...ครั้งแรกที่มีคนชวนด้วย”

“ครับๆ ขอให้สนุกนะ”

“อือ ขอบใจนะ เพราะนายเลย” มิวเอนตัวพิงแล้วเงยหน้าหอมแก้มผม เขายิ้มตาหยีให้แล้วกุมมือทั้งสองข้างของผมที่โอบเอวเขาไว้อยู่

“เหรอ งั้นคุณต้องให้รางวัลผมแล้วล่ะ” ผมก็พูดหยอกไปเรื่อย ทำให้มิวหัวเราะจนตาหยี เขาขยับตัวนั่งคร่อมหันหน้าเข้าหาผมแล้วประคองแก้มผมเอาไว้ จากนั้นก็ขยับใบหน้าเข้าหาแล้วประทับจูบลงมาเพียงครู่หนึ่งและผละออก

“ได้~ เดี๋ยวจะจัดรางวัลใหญ่ให้เลย”

จบ.



สวัสดีจ้า จบแล้วน๊า~ ปัญหาของพี่มิวก็จะเคลียได้ประมาณนี้แหละค่า จะให้พี่เขาใสสะอาดทุกคนรุมเข้ามาขอโทษทั้งคณะมันก็คงดูแปลกๆ ใช่มั้ยคะ หากอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวมันก็จะได้แค่ประมาณนี้แหละ 55555

แต่พี่มิวเขาก็มีความสุขแล้วนะคะ มีแฟนดีๆ มีกลุ่มเพื่อนดีๆ เท่านั้นแหละที่ต้องการ ต่อจากนี้คุณเขาจะมีความสุขดีมากๆ ♥



ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆ เลยนะคะ นี่นั่งอ่านเม้นสนุกมากเลย ปริ่มใจสุดๆ ♥.♥

ขอบคุณนักอ่านที่สนับสนุนค่าขนมเราด้วยนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ >3<



แล้วก็เรามีเรื่องอยากจะสอบถามทุกคนเลยค่ะ เรามีความคิดที่จะรวมเล่ม เรื่องสั้น คือเรื่องนี้ “เสร็จโจร” และ “ก็แค่เจลหล่อลื่นธรรมดา” (สามารถตามอ่านได้ที่ >> จิ้มมม! <<) จะมีคนสนใจมั้ยเอ่ย? รบกวนช่วยทำแบบสอบถามด้วยนะคะ

แบบสอบถาม >> จิ้มมมมม <<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ในที่สุดพี่มิวก็ได้มีเพื่อนสักที ขอบคุณที่พี่เขาได้มาเจอกรแงง ขอบคุณมากค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่อยากให้จบเลย แงงงง  :hao5: ขอบคุณมากๆ นะคะที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เราอินมากเรื่องปมของมิว อยากจะทะลุไปกอดปลอบคุณเค้าเลยทีเดียว อ่านแล้วอยากจะมีคุณเค้าเป็นของตัวเองเลยค่ะ อ้อนเก่งง ยั่วก็เก่งงง เอนจอยมาก ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  :mew1:  /อยากอ่านตอนพิเฉดแบบที่คุณเค้าไม่ต้องปีนห้องหากัน กับตอนแซ่บๆ นัวๆ >\\<

ออฟไลน์ xmchxng

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
แงงงงงพี่มิวววววน่ารักมากเลยค่ะ
จะร้องตอนรู้ปมของพี่ ผ่านมาได้แล้วาดจะดีเลย
เขินมากฉากncต่างๆ อยากกัดลิ้นตายยย แงงงงงงง :hao5:

ออฟไลน์ o_ishi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมากอ่ะะะะะะ บ้าบอออออออ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอ็นดูพี่มิว   :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบได้น่ารักมากค่ะ พี่มิวน่ารัก :mew3: :mew2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว สนุกมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
นี่ไม่อยากให้จบเลยอ่าแงๆพี่มิวน่ารักมาก ดีแล้วที่ได้แฟนดีๆแบบกร

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โชคดีแล้วที่พี่มิวมาเจอกร น้ำตาซึมเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด