บทที่ 18 ต่างก็รำลึกความหลัง
เปรี้ยงงง!
"ฮืออออ"
หกโมงครึ่งที่เด็กมอสามยืนร้องไห้เพียงลำพังอยู่ที่โรงเรียน วันนี้ มันช์ไม่ยอมกลับบ้านแม้จะผ่านเวลาเลิกเรียนมาหลายชั่วโมง เหตุเพราะมันช์ทะเลาะกับแม่อย่างหนักและไม่รู้จะไปสิงสถิตที่ไหน จึงนั่งร้องไห้หลบทำใจอยู่ตรงม้าหิน แต่นั่งได้ไม่นาน จากฝนโปรยปรายก็ตกลงมากระหน่ำ จนมันช์ต้องวิ่งหากำบังเพื่อหลบฝน จนบัดนี้อยู่ใต้กันสาด
มันช์แหงนมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ดำทะมึน ไร้ความสดใสเช่นเดียวกับชีวิตเขาในตอนนี้ มันช์ยืนร้องไห้ได้ไม่นาน เขาได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบแอ่งน้ำตื้นบนถนน จึงเหล่มองก็พบรุ่นพี่คนหนึ่งวิ่งมาหลบฝนอยู่ใกล้ ๆ มันช์รีบปาดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ใครมองว่า ขี้แย
ครู่หนึ่ง มันช์เหลือบมองเส้นผมสีดำที่เปียกลู่จนแนบกรอบหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นรุ่นพี่คนนั้นก้มหน้าพร้อมยกมือสะบัดไล่น้ำฝนออกจากศรีษะ มันช์มองตั้งแต่หัวจรดเท้าที่รุ่นพี่ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ เสื้อนักเรียนตัวใหญ่เปียกแนบไปกับลำตัว ในทุกการกระทำที่ดูธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมพอเป็นคนนี้ทำถึงดูมีเสน่ห์เหลือหลาย
คนที่มองรุ่นพี่ไม่ละสายตา เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมาและเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ ๆ
"แค่ฝนตก ทำไมต้องร้องไห้ กลัวฟ้าร้องเหรอ? ไอ้ตัวเล็ก" มันช์หลบตาจากการเห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของรุ่นพี่คนนั้น และมันช์ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขารู้
"ร้องไห้บ้าอะไร ไม่ใช่สักหน่อย?"
มันช์ว่าอย่างเคือง ๆ เขาไม่พอใจที่นอกจากจะทะเลาะกับแม่แล้วยังต้องมาเจอคนกวนประสาทกันอีก และดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องสนุกของพี่คนนั้น พอรู้ว่ามันช์ไม่ชอบใจ เขาก็หัวเราะแข่งกับเสียงฝน และก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนท่อนแขนของทั้งสองถูกัน
"ปากดี ไอ้ตัวเล็ก"
มันช์ชักสีหน้าพลางคิดในใจ ที่อีกฝ่ายมาว่าเขาตัวเล็ก ทั้ง ๆ ที่เตี้ยกว่าพี่เขาไม่กี่เซ็นต์หรอก
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรก แต่พอได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองท่ามกลางฝนตก มันช์กลับใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาที่หล่อเหลา หรือความเป็นมิตร การชวนคุยของอีกฝ่ายจึงทำให้มันช์รู้สึกประทับใจในการพบหน้ากันครั้งแรก
"เรียนมอสาม?" เติร์กถาม เพราะเห็นจากจุดเล็กสามจุดที่ปักอยู่ตรงปกเสื้ออีกฝ่าย
"อืม" มันช์พยักหน้าแกน ๆ ก่อนจะลูบแขนเพราะเริ่มหนาว
"แล้วชื่ออะไร?"
"ทำไมผมต้องบอกพี่"
"เล่นตัวว่างั้น?" รุ่นพี่คนนั้นถาม แต่มันช์ก็ยังยืนเงียบ จนกระทั่งมีเสียงเล็ดลอดผ่านสายฝน
"อ้าวไอ้เติร์ก กูเอาร่มมาให้"
มันช์มองไปตามเสียงที่เห็นเพื่อนของรุ่นพี่คนนั้นยืนกางร่มกลางสายฝนพร้อมในมือถือร่มอีกคัน
มันช์เห็นพี่คนนั้นก้าวยาว ๆ ไปรับร่มในมือเพื่อน เขากางร่มและหมุนตัวมาหามันช์ ก่อนจะจับข้อมือมันช์ให้เดินเข้าไปอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันแต่มันช์ตกใจจึงสะบัดมือออก
รุ่นพี่ยืนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจยัดร่มใส่ไว้ในมือของมันช์ให้ถือเอง
"เอาไป ไอ้ตัวเล็ก"
"ให้ผมทำไม"
"กลับบ้าน มืดแล้ว อันตราย ฝนน่าจะไม่หยุดตกง่าย ๆ"
มันช์เห็นการบอกอย่างเป็นห่วงพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ ยิ่งทำให้มันช์หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ได้สนิทสนมกัน แต่เขากลับแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ และตอนนี้ พี่คนนั้นวิ่งไปหาเพื่อนที่กางร่มอีกคันเรียบร้อยแล้ว
"พี่ชื่อเติร์ก เรียนอยู่มอห้าทับเก้า ไปล่ะ ไอ้ตัวเล็ก"
"ไอ้เติร์ก นั่นร่มกู" มันช์เห็นเพื่อนของรุ่นพี่คนนั้น บ่นออกมาอย่างอารมณ์เสีย
"เออ เดี๋ยวกูซื้อคืนให้"
แม้ความมืดมิดของท้องฟ้าคืบคลานเข้ามาจนไม่สามารถเห็นหน้าพี่เขาได้ชัด แต่น่าแปลกที่มันช์กลับจดจำรายละเอียดบนใบหน้าหน้าพี่คนนั้นได้ชัดเจน
.
.
.
.
"พี่ครับ เพื่อนผมฝากมาให้"
เติร์กมองหน้าเด็กหนุ่มที่มารอดักอยู่แถวลานม้าหินหลังโรงเรียนและยื่นซองที่บรรจุลูกอมเม็ดหัวใจมาให้
"แล้วทำไมเพื่อนน้องไม่เอามาให้เอง"
"เพื่อนผมเป็นคนขี้อาย"
"เพื่อนน้องชื่ออะไร?"
"มันช์ครับ"
"แล้วเอามาให้ทำไม?"
"เพื่อนผมชอบพี่" เติร์กเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ยิ้มกว้าง เขารับไว้ ทั้งที่ในใจมีคำถาม
"ฝากบอกเขาด้วยว่าขอบคุณ"
ตั้งแต่ได้เห็นพี่เติร์กเป็นสุภาพบุรุษยอมเสียสละร่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน นับตั้งแต่วันนั้น มันช์จึงตัดสินใจเดินหน้าจีบพี่เติร์กด้วยการให้ลูกอมรูปหัวใจเป็นสื่อแทนความในใจ และทุกวันมันช์ไม่เคยไปเอง เขากลับใช้เพื่อนให้เอาไปให้ เวียนทุกคนจนครบ
เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ ที่มันช์ให้ลูกอมพี่เติร์กมาได้สักระยะ จนมาวันหนึ่ง พี่เติร์กได้ให้ช็อคโกแลตมาหนึ่งกล่อง พร้อมแปะโน๊ตสีเหลืองที่ระบุตัวเลขกำกับไว้เก้าตัว
ในวันนั้นมันช์ใจเต้นแรง หน้าแดงอย่างไม่คิด ไม่ฝันว่า สุดท้ายพี่เติร์กจะยอมให้เบอร์ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรก มันช์เคยขอแล้วพี่้เขาไม่ยอมให้ แต่แล้ว คนที่ยังไม่เคยมั่นใจในตัวเอง ก็ไม่กล้าโทรจนผ่านไปแล้วสามวัน
"วันนี้ พี่เขาถามว่าทำไมมึงไม่โทรไป" แบงค์ถามมันช์ ตอนที่วันนี้ มันช์ยังฝากเพื่อนเอาฮาร์ทบีทไปให้อีกรอบ
"กูไม่กล้า" มันช์ตอบเพื่อน
"มึงกลัวอะไรวะ"
"กูกลัวพี่เขาไม่ชอบกู"
"แต่มึงให้ลูกอมเขามาจะสองเดือนแล้วเพิ่งจะมากลัวเนี่ยนะ? กูถามจริงมึงกลัวอะไรวะ?"
มันช์เงียบ ลึก ๆ เขาก็กลัวผิดหวัง เนื่องจากพี่เติร์กมีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ และแต่ละรายก็หน้าตาดีแทบทั้งนั้น มันช์รู้ตัวเองดีว่า เขาไม่ได้โดดเด่นอะไร เลยคิดไปเองว่าเป็นแบบนี้นี่แหละสบายใจดี หากจะเป็นแค่คนแอบชอบ แอบรักอย่างนี้ แถมที่สำคัญตอนนั้น เขาก็ไม่แน่ใจว่า พี่เติร์กมีรสนิยมชอบชายรักชายหรือไม่
"โอเค กูไม่เซ้าซี้ ขอแค่คำเดียว ตอนนี้มึงจะหยุดหรือจะสู้ต่อ" แบงค์ถาม มันช์เงียบอยู่นานก่อนจะพยักหน้า
"ถ้างั้นกูบังคับให้มึงโทรหาพี่เขาวันนี้ กูขอนอนค้างบ้านมึงจะยืนกดดันมึงเอง"
.
.
.
.
"สวัสดีครับ ขอสายพี่เติร์กครับ"
[พูดอยู่]
มันช์ใจเต้นแรงตอนที่ปลายสายบอกว่าเขาคือเจ้าของชื่อ มันช์ยืนเหงื่อแตก และหันไปหาแบงค์ที่ยืนกดดันด้วยสายตา
ยามนี้ มันช์ยืนคุยอยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหาพี่เติร์กผ่านโทรศัพท์บ้านของเขา และกว่ามันช์จะได้โทรหาพี่เติร์กเขาต้องผ่านการยืนรอต่อคิวมาแล้วมากกว่าห้าคนขึ้นไป
"อะ เอ่อ ผะผม...คือคนที่ให้ลูกอมพี่นะครับ"
[คนที่ให้ลูกอมพี่ไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ?] มันช์ใจเสีย ตอนที่พี่เติร์กตอบกลับเช่นนั้น
"พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายใช่ไหมครับ ผมขอโทษนะค..."
มันช์เตรียมจะวาง เพราะเขารู้ตัวแล้วว่าพี่เติร์กคงไม่ชอบ แต่ทันใดนั้น
[แล้วใครบอก? คิดเองอีกแล้ว มันช์]
มันช์เงียบ ใจสั่นที่ได้ยินตอนที่พี่เติร์กเรียกชื่อเขา
[แล้วโทรมาหาทำไม?]
"......" มันช์เงียบใจสั่นรุนแรงจนยังไม่ทันอ้าปาก
[ถ้าไม่บอกเหตุผลจะวางสายแล้วนะ]
"ผะ....ผมชอบพี่ครับ"
ฝั่งมันช์เงียบ แต่ได้ยินเสียปลายสายดัฝตะกุก ตะกัก คล้ายคนดักฟังโทรศัพท์
[ทีอย่างนี้กล้าบอก แต่พออยากเห็นหน้าทำไมไม่มาเจอ]
"คือผม....ผม"
[นี่ชอบกันจริงป่ะเนี่ย]
"ผมไม่ใช่คนหน้าตาดี ผมกลัวว่าพี่จะไม่ชอบผม"
[แล้วนึกยังไง มันช์ถึงมาชอบพี่ล่ะครับ?] มันช์เงียบ เมื่อพี่เติร์กเปลี่ยนเรื่อง ส่วนตัว มันช์ไม่กล้าบอกว่าที่ชอบ สาเหตุเป็นเพราะพี่เติร์ก คือ คนที่ให้ร่มคันนั้น
และในขณะที่มันช์เงียบนาน ก็มีเสียงเคาะกระจกจากข้างนอกตู้โทรศัพท์
"น้องคะ พี่มีเรื่องด่วนช่วยรีบคุย ได้ไหมคะ" มันช์ลนลาน ตกใจที่ผู้หญิงส่งเสียงดุใส่ มันช์รีบวางหูโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา และมันช์ก็โดนแบงค์ด่าไปโดยปริยาย
จากวันนั้น มันช์ก็นัดเวลาโทรหาและคุยโทรศัพท์กับพี่เติร์กอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนกระทั่ง วันหนึ่ง วันที่ทั้งสองตัดสินใจนัดกัน
ปลายทาง คือ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
มันช์เดินทางมาก่อนเวลา เพราะตื่นเต้น แต่เวลาผ่านไปแล้วสองชั่วโมง มันช์ชะเง้อคอมองจนเหนื่อย ก็ยังไร้วี่แววว่าพี่เติร์กจะมา มันช์เดินวนจนทั่วสวนสาธารณะเพื่อหาตู้โทรศัพท์ในการจะโทรหา จนกระทั่ง มันช์โทรไปยังเบอร์โทรศัพท์บ้านพี่เติร์กอีกครั้ง ปลายสายคือเสียงผู้หญิงวัยกลางคนรับสายและบอกว่า พี่เติร์กไปติวหนังสือที่บ้านแฟนสาว ทันทีที่ได้ยินการบอกมาอย่างนั้น มันช์เสียใจ ไม่รู้ว่าพี่เติร์กต้องการอะไรที่หลอกเขามาตามนัดและสุดท้ายตัวเองก็เบี้ยว ที่สำคัญทำไมไม่บอกความจริงว่าตัวเองมีแฟนแล้ว มันช์เดินกลับบ้านไปอย่างไร้วิญญาณ ใจสั่น วูบหวิวมาตลอดทาง เพราะไม่คิดว่า เขาจะอกหักไวขนาดนี้ จากจุดนั้นเองที่ทำให้มันช์เลือกตัดขาดจากพี่เติร์ก ไม่ส่งลูกอมให้ ไปจนถึงไม่ติดต่อหาพี่เติร์กอีกเลย จวบจนกระทั่ง มันช์ได้มาพบเจอพี่เติร์กที่มหาฯ ลัย คนที่ปากบอกว่าไม่มีวันสนใจคนที่หลอกลวงกันก็พลันมลายหายไปทันทีที่ได้เห็นหน้าผู้ชายที่ให้ร่มเขาในอดีตวันนั้น และการกระทำทุกอย่างที่แลดูใส่ใจกัน มันช์จึงใจอ่อนคล้ายขี้ผึ้งลนไฟอีกครั้ง
.
.
.
.
"แล้วทำไมมึงไม่มาตามนัด"
เมื่อมันช์หายป่วย ร่างกายกลับมาแข็งแรง คนที่ยังมีคำถามค้างคาก็ชวนมันช์คุยถึงเรื่องในอดีตให้กระจ่างกันอีกครั้ง
มันช์งงเมื่อได้ยินคนที่เติร์กพูดมาเช่นนั้น พี่เติร์กเองต่างหากไม่ใช่หรือ ที่ไม่มาหาเขาตามนัด
"พี่เองต่างหากที่ทิ้งผม?"
"วันที่เรานัดกัน กูกำลังออกจากบ้าน แม่กูบอกว่า มึงโทรมาให้กูเปลี่ยนไปหาที่ห้างแทน กูไปห้าง เดินวนจนทั่ว รอตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนห้าโมงเย็นมึงก็ไม่มา จะโทรหาที่บ้านมึงก็ไม่ได้ เพราะกูก็เลินเล่อเองลืมขอเบอร์โทรศัพท์มึงไว้"
มันช์อึ้ง ที่ได้ยินถ้อยคำที่ต่างกันสิ้นเชิง
"ไม่จริงนะพี่เติร์ก ผมก็รอพี่เหมือนกัน ผมรอที่สวนสาธารณะและพอผมโทรไปแม่พี่บอกว่าพี่ไปติวหนังสือกับแฟน"
ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ ทั้งสองต่างก็รำลึกความหลัง และพอได้รู้ความจริงจากปากของกันและกัน ทำให้ได้รู้ว่าที่ผ่านมานั้น สถานการณ์ได้บิดเบี้ยวเพียงเพราะใครบางคนจงใจแยกมันช์และพี่เติร์กให้ห่างจากกัน
เติร์กเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแม่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจผิด
"เอ้ะ แต่ทำไม พอผมบอกว่า ผมคือคนนั้น พี่ดูไม่ตกใจ"
เติร์กยิ้ม
"เอาจริง ๆ ปะ กูน่ะจำหน้ามึงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แค่คลับคล้าย คลับคลา แต่พอเห็นชื่อและนามสกุลมึงที่เขียนในสมุดลายเส้นวันนั้น ถึงรู้ว่ามึงคือใคร?" เติร์กเหมือนคนสมองปลาทอง บางเรื่องก็จดจำได้แม่น แต่บางเรื่องเขาก็หลงลืมมันได้อย่างง่ายดาย
"พี่หมายความว่าไง?"
"มึงคงลืมว่ามึงเป็นคนบอกกูเองว่าเรียนห้องอะไร และมันประจวบเหมาะกับที่เพื่อนกูมีน้องชายและเรียนห้องเดียวกับมึงพอดี กูเลยหลอกถามตารางเรียน ชื่อจริงมึงกับน้องชายเพื่อน เพื่อที่กูจะไปคุยเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมมึงปล่อยให้กูรอที่ห้าง แต่ก่อนหน้าวันที่กูตั้งใจจะไปเคลียร์ปัญหา กูดันเห็นมึงยืนจูบใครก็ไม่รู้ใต้ต้นไม้ข้างห้องน้ำ"
มันช์เงียบ ตอนที่เขานึกขึ้นได้
"แต่ผมยังไม่ทันได้จูบเขานะพี่ คือ ตอนนั้น เพื่อนผมหวังดี เห็นผมเสียใจจากพี่ มันเลยแนะนำรุ่นพี่คนหนึ่งมาให้ แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เลยนัดกันไปคุย แต่พี่เขาโกรธหรือไม่ก็คงรู้สึกเสียหน้า พี่เขาไม่พอใจเลยทำแบบนั้น แต่ผมขัดขืนนะ"
"จริงเหรอวะ?"
"จริง ๆ พี่เติร์ก นึกเรื่องวันนั้น ผมยังกลัวเลย อะไรกันก็ไม่ชอบ ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนั้นด้วยแถมอยู่ในโรงเรียนแท้ ๆ แต่พี่คนนั้นยังกล้า"
เติร์กเงียบ ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่างตอนนััน ถึงช่างไม่เป็นใจจนทำให้เขาทั้งสองได้แยกย้ายกันไปตามทาง แต่มันก็น่าแปลกที่สุดท้าย โลกก็เหวี่ยงให้เขาได้มาพบเจอกันอีกครั้ง
เติร์กอาจมีความคิดที่แตกต่างจากมันช์อยู่หลายอย่าง เติร์กไม่ได้สนใจว่ามันช์จะเป็นคนที่เคยเจอกันมาก่อน หรือ จะเป็นคนใหม่ที่เติร์กไม่เคยรู้จัก มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจีบมันช์ในปัจุบัน เขาชอบมันช์ที่มันช์เป็นมันช์อย่างทุกวันนี้ต่างหาก แต่มันอาจเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยที่เข้ามาในชีวิตของเขาให้ประหลาดใจว่า เขาโชคดีที่ได้เจอะคนที่เคยรัก เคยชอบพอมาก่อนก็เท่านั้น
เติร์กยิ้มและดึงร่างมันช์เข้ามากอดโดยไม่พูดอะไร แต่เป็นมันช์เองที่ยังเป็นเจ้าหนูจำไม สงสัยไปทุกเรื่อง
"เออ แล้วถ้าพี่เติร์กรู้ว่าผมคือใคร? ทำไมไม่บอกผม ปล่อยให้มันผ่านมานานขนาดนี้ได้ยังไง"
"สนใจอดีตทำไม ในเมื่อเราสองคนก็ไม่มีใครสมหวัง"
จากที่ถกเถียงจวนเกือบจะทะเลาะ สุดท้ายก็กลายเป็นลงเอยที่การจูบ คนที่เลือกให้การสัมผัสเป็นการยุติสงครามทางวาจาทั้งหมด กำลังสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ต้อนกวาดน้ำหวานจนทั่ว ก่อนจะผละมาเล่นริมฝีปากทั้งบนและล่างอย่างหยอกเย้า
"ช่างมันเถอะ มันช์ อดีตจะเป็นยังไง ช่างมัน จำไว้ว่า ปัจจุบัน มึง คือ แฟนกู และเป็นคนที่กูอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยมากที่สุด"
.
.
.
.
วันนี้ วันศุกร์เป็นวันที่พวกมันช์นัดกันไปกินหมูกระทะ เพื่อบรรเทาความเครียดกันสักหน่อย และในระหว่างที่เดินลงมาจากตึกร้อยปี มันช์ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปากลุงรหัส เมื่อเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ มันช์เห็นพี่เติร์กนั่งพิงเสาในซุ้มมองมายิ้ม ๆ เขากวาดตามองทั่วซุ้ม วันนี้ซุ้มของพี่เติร์ก มีพวกรุ่นพี่เกือบทุกชั้นปีนั่งอัดแน่นกันเต็มซุ้ม พอเห็นอะไรบางอย่างถึงเข้าใจ
"เบียร์ไหม?" พี่ป๋อยื่นแก้วพลาสติกให้
"พี่นี่มันสถานศึกษานะ" มันช์ถามอย่างสงสัย
"ไม่ใช่เวลาเรียนแล้วมึง" ป๋อบอก มันช์ก้มดูเวลาที่นาฬิการู้หรอกว่าเวลานี้มันหกโมงเย็นแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในมหา ฯ ลัยอยู่ดี
"กูดื่มเพื่อจินตนาการ" เติร์กบอก มันช์มองหน้าทันที มีด้วยหรอวะ ดื่มเพื่อจินตนาการ แล้วพี่โต๋ก็เสริมต่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก่อนเริ่มทำงาน พวกเขาจะบิ้วอารมณ์ด้วยการดื่มเบียร์ แต่ไม่ถึงกับเมา เอาแค่พอได้ที่ จากนั้นก็ทำงานยันเช้า
"แล้วนี่ มึงจะไปไหน?"
"ผมจะไปกินหมูกระทะ"
"ไม่ชวน" มันช์เลิกคิ้วมองพี่เติร์ก
"ก็ผมไปกินกับเพื่อน"
"กูก็พูดไปแบบนั้นแหละ" แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็ดึงมันช์ไปนั่งข้าง ๆ ลูบหัวโดยไม่พูดอะไร จนมันช์อายที่เห็นพวกพี่คนอื่น ๆ เตรียมแซว
"พี่เมาไหมเนี่ย?"
"เมาบ้าอะไร เพิ่งกินไปสองแก้ว กินเสร็จให้กูไปรับที่ร้านไหม?"
"มะ...ไม่ต้อง"
แล้วจู่ ๆ พี่เติร์กก็อมยิ้ม ก่อนพูดเสียงดังกว่าเก่า
"ถ้ามึงบอกไม่ กูจะไป เพราะกูรู้ลึก ๆ มึงคิดยังไง?" เติร์กยิ้ม ก่อนจะยกมือประคองใบหน้าของมันช์พลางใช้ปลายนิ้วลูบวนบนแก้มอีกฝ่าย
"สัดเติร์ก บ้านมึงผลิตน้ำตาลเหรอ?"
"โอ้ย ไปรักกันไกล ๆ"
"สัดเบียร์กูหวานเลย"
"พี่แม่ง อย่าแกล้งผมดิ ผมไปกินหมูกระทะแล้ว" มันช์ว่าอย่างอาย ๆ ก่อนที่เติร์กจะลุกตามแล้วเดินกอดคอมันช์
"พี่เติร์กเป็นอะไรเนี่ย วันนี้ทำตัวรุ่มร่ามว่ะ"
"น้อง ๆ ครับ พี่ขอพามันช์ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะครับ"
"แหนะ ลุงรหัสคะ จะทำมิดี มิร้ายเพื่อนหนูเหรอ?"
"เวลาแค่นี้ไม่พอหรอกครับ"
เติร์กอมยิ้ม ก่อนลากมันช์ไปเข้าห้องน้ำและปล่อยให้เพื่อน ๆ นั่งรอกัน เวลามีน้อยเติร์กจึงรีบดึงมันช์มาใกล้ แอบจูบที่เปลือกตา ประทับริมฝีปากไล่ไปเรื่อยจนถึงริมฝีปากที่คุ้นเคย เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ทั้งสองห่างกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีงานต้องทำรวมถึงเวลาที่ต้องมีส่วนตัว เติร์กจูบด้วยความคิดถึง แม้ว่าอยากทำอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้ นานกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนมันช์รออยู่
"ระวังตัวด้วย กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ"
"พี่ผมโตแล้วน่า ห่วงอย่างกับพ่อ"
"กับมึง กูเป็นให้ได้หมด เพื่อน พี่ แฟน แด๊ดดี้ สามี คู่ชีวิต"
"พูดบ้าอะไร ทะลึ่งว่ะพี่" มันช์ว่าหน้าแดง ส่วนเติร์กก็หัวเราะก่อนจะโยกศรีษะมันช์เบา ๆ
มันช์เห็นพี่เติร์กยิ้ม แต่กลับทำหน้ากระอักกระอ่วน เขาเงียบ ก่อนพูดอะไรออกมา
"มันช์บางทีมึงก็หัวอ่อนไปนะ การคบคนด้วยความจริงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่กับบางคนอย่าทุ่มใจมากเกินไป ระวังไว้บ้างก็ดีนะ"
"พี่เติร์กพูดถึงอะไร ผมงง"
"สัญญากับกูได้ไหม? ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น มึงจะเชื่อใจและไว้ใจกู"
"......"
"สัญญาไหมมันช์"
"อื้ม สัญญาครับ"
"ไปกินหมูกระทะเหอะมึง กินเผื่อกูด้วยล่ะ" พี่เติร์กจูบตรงหว่างคิ้ว ไล่จนถึงปลายจมูก
มันช์มองคนที่เดินออกไปก่อนก็ยิ้มไม่หุบ มันช์ชอบพี่เติร์กที่ไม่เคยก้าวก่ายช่วงเวลาของกันและกัน เขาไว้ใจ ให้เกียรติและไม่ตามติดแจหรือแม้แต่หึงหวงกันอย่างไร้สาระ ทั้งหมดที่กล่าวมา มีแต่มันช์เองทั้งนั้น ที่งี่เง่าใส่พี่เติร์กตลอด
"อิจฉามึงเลยว่ะ ได้แฟนโคตรดี อยากได้อย่างพี่เติร์กบ้างจัง" ดาวบอก
"ไม่ขนาดนั้นหรอก มันก็ธรรมดาทั่วไปไหมวะ?" มันช์บอกอย่างถ่อมตัว
"มึงไม่รู้อะไร ยังมีอีกเยอะนะคนที่ปากบอกรัก ๆ แต่พอการกระทำแม่งตรงกันข้าม บางคนก็มีแฟนนะ แต่กั๊กความสัมพันธ์ บางคนก็คบซ้อน คบเผื่อเลือกมากมาย กูผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ มันช์เชื่อกูเถอะว่ามีของดีแบบนี้ รักษาไว้ดี ๆ ล่ะ"
"อื้ม ขอบใจวะดาว"
"นั่นสิ พอดาวพูดมา ขิงก็อิจฉาเหมือนกันเลย" มันช์หันไปมองขิงที่อยู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นมา แต่คำว่าอิจฉาที่ขิงและดาวพูดช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
.................................................
*อัพเดท >แก้ไขคำผิดตามคอมเมนท์ คุณ warin * ขอบคุณมากเลยที่ช่วยดูให้นะคะ
พบกับตอนต่อไปในชื่อตอนที่ว่า ระเริงรักในวันฝนตกค่ะ อิอิ