อุปถัมภ์เสน่หา [อัศม์เดช] | MASTER Project | ตอนที่ 12 | 31/01/63 P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อุปถัมภ์เสน่หา [อัศม์เดช] | MASTER Project | ตอนที่ 12 | 31/01/63 P.4  (อ่าน 14048 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องขวัญตอนเด็กๆน่ารักน่าเอ็นดูมาก อยากเห็นน้องตอนโตจัง
 :pig4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :ruready  องครักษ์ของหนูขวัญมีเยอะมาก

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
5

กลับมา...เพราะ ‘พรหมลิขิต’




วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ตามกลไกโดยธรรมชาติของมัน ทุกคนดำเนินชีวิตไปตามปกติ สุข ทุกข์ ทุกคนมีหน้าที่ ก็ใช้ชีวิตตามหน้าที่ของตน

ช่วงที่ท่านอัศม์เรียนปริญญาตรีใบที่สองในมหาลัยชื่อดังของอเมริกา ช่วงปิดเทอมท่านจะกลับมาทำงานที่พรรค ที่บริษัทตลอด ยกเว้นช่วงที่ต้องฝึกงาน ซึ่งต้องฝึกอยู่ที่นั่นและไม่ได้กลับมา ท่านกลับมาอีกครั้งก่อนจะเริ่มต่อโทใบที่สอง มาก็เจอขวัญนพัตบ้าง แต่ไม่บ่อย เพราะตนกลับมาทำงานไม่ได้มาพัก แต่ก็ได้ฟังรายงานเรื่องของเด็กชายตัวน้อยอยู่ตลอด หากเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก แค่รู้ว่าเด็กตั้งใจเรียน ประพฤติตัวดีก็พอแล้ว

แต่แล้วท่านก็ไม่ค่อยมีเวลาอีกเลยเมื่อเริ่มเรียนต่อโทใบที่สอง งานของบริษัทได้อินทร์ธรและอัยยวัฒน์บริหารอยู่ แต่ประธานใหญ่คืออัศม์เดชเวลาประชุมก็ต้องวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เอา เอกสารสำคัญเขาเคลียร์เอง ตรวจสอบการทำงานของน้องชายด้วย ในส่วนของพรรคเขาก็ทำเช่นเดียวกับบริษัท ไม่ได้ทิ้งไปไหนตรวจสอบอยู่เสมอ ทั้งเรียนทั้งงาน ตารางชีวิตในแต่ละวันก็เต็มแล้ว มีอยู่สองครั้งที่ท่านต้องกลับมาเพื่อร่วมงานรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลผู้นำพรรคเบญจเตโช ที่เปลี่ยนผู้นำเป็นรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ร่วมงานเสร็จก็กลับไปอเมริกาดังเดิม จากนั้นท่านก็ไม่กลับไทยอีกเลยจนจบปริญญาเอกตามเป้าหมายสุดท้าย...



“โอ้โห...คอแทบเคล็ด มองขนาดนี้ไม่เข้ามาขอเบอร์เลยล่ะ”

เสียงไม่สบอารมณ์ของแก้วกานต์เพื่อนรักของขวัญนพัตที่โตมาด้วยกันว่าอย่างหมั่นไส้ผู้ชายคนหนึ่งที่มองเพื่อนรักจนคอแทบหัก

“แล้วนั่นก็อีก เข้ามาจีบเลยไหม”

“อยากให้เขามาจีบตัวเองขนาดนั้นหรือไง ไหนว่าชอบผู้หญิง?” ขวัญนพัตหันหน้าหวานๆ มามองเพื่อนรัก

เพื่อนตัวสูงถึงกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับความซื่อบื้อของเพื่อนสนิท เพราะเจ้าตัวเหมือนจะไม่รู้เลยว่าตัวเองสวยสะกดขนาดไหน โชคดีที่เป็นชายแท้ เลยไม่หวั่นไหว แต่เขาก็มีความหวงเพื่อนขั้นสูงสุดเหมือนกัน

“ขวัญ...นายซื่อบื้อว่ะ”

“เอ้า...อยู่ๆ ก็มาว่าเราเฉยเลย”

เด็กชายขวัญนพัตในวันก่อนเติบโตขึ้นมากลายเป็นนายขวัญนพัตวัยสิบเจ็ดปีที่หน้าตาสวยหวานพร้อมเป็นศัตรูกับผู้หญิงทั่วโลก ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับ High School Grades 11 เทียบเท่ามัธยมปลายปีที่ห้า ผิวขาวผ่อง ออกแดดทีสะท้อนแสงจนแสบตา เพราะเป็นโรงเรียนเอกชน ทรงผมเลยไม่ต้องตัดเกรียนเหมือนเด็กรัฐบาล เลยทำให้ใบหน้าดูสวยเข้าไปอีก

“นี่ก็อีก...มอง มองขนาดนี้ เข้ามาสิงเลยไหม” ร่างสูงมองไปยังคนที่จ้องเพื่อนสนิทอยู่ฝั่งตรงข้าม

“แหนะ...อะไรของแก้วเนี่ย”

“รู้ตัวบ้างไหมขวัญ”

“รู้อะไร?”

“โว้ย...หงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าถูกคุณอินทร์ คุณอัยย์ไหว้วานให้ดูแล จะไม่สนใจใยดีเลย” แก้วกานต์บ่น ใบหน้าหล่อเข้มหงุดหงิดจนขวัญนพัตยิ่งไม่เข้าใจ

ที่พูดไปก็ไม่ใช่ความจริงหรอก ต่อให้ใครไม่ไหว้วาน ก็ทิ้งเพื่อนคนนี้ไม่ได้อยู่ดี

แก้วกานต์มองเพื่อนสนิทที่กำลังเลือกของขวัญวันเกิดให้กับเพื่อนผู้หญิงในห้องที่กำลังจะจัดงานวันนี้ เป็นลูกของคนมีฐานะ ขวัญนพัตเลยถือโอกาสเอาเงินที่ได้รับทุกๆ เดือนจากท่านอัศม์มาใช้ ซึ่งนานๆ จะใช้ที เนื่องจากไม่ได้ลำบากขนาดนั้น พ่อแม่ก็เลี้ยงดูดี เลยปล่อยให้มันสะสมไป พอเช็คยอดคงเหลือแต่ละครั้งก็ถอนหายใจ คือจำนวนที่มีมันมากเกินไปที่คนอายุสิบเจ็ดปีจะมีในครอบครอง เคยคุยกับพ่อว่าจะคืนเงินท่านทั้งหมด ก็ไม่เป็นผลเพราะท่านตั้งใจให้ และบังคับว่าต้องใช้ ขวัญนพัตเลยได้แต่รับมันมาและไม่กล้าใช้เลย

“ไม่แพงไปเหรอขวัญ”

“เราก็ว่ามันแพงแหละ แต่มันเป็นแบรนด์เนมนะ ถ้าซื้อของให้เรนนี่ก็ต้องให้สมฐานะ ไม่งั้นเราจะกลายเป็นตัวตลกของงาน”

“แต่นี่มันแบรนด์เนมราคาแบบหมื่นกว่านะเว้ยขวัญ บ้าไปแล้วเหรอ นี่กะเข้าไปตอกหน้าเลยหรือไง แบบเรนนี่ใช้น้ำหอมไม่ถึงหมื่นหรอก”

“เอาน่า เขาจะได้เลิกดูถูกเราไงแก้ว”

“นายเป็นถึงลูกบุญธรรมคุณลุงสันต์คนสนิทของท่านอัศม์ ร่ำรวยกว่ายัยเรนนี่เยอะเลย เปลืองเงินว่ะ”

“เอาเถอะน่า เราไม่ค่อยใช้เงินนี่ ถือว่าเพื่อความสะใจของแก้วไง”

“ไอ้บ้า นายนี่มันเหลือเกิน” ร่างสูงส่ายหน้า

เพื่อนของตนเป็นคนที่จะไม่ค่อยเดือดร้อนนักถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นที่สำคัญกับตัวเอง ขวัญนพัตจะเดือดเนื้อร้อนใจมากๆ

“ฮะๆ เอาอันนี้เลยครับ แล้วห่อเป็นของขวัญให้ด้วยนะครับ”

ขวัญนพัตหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปชี้น้ำหอมที่พนักงานแนะว่าผู้หญิงนิยมกันแต่ราคาหลักหมื่น ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นหญิงที่มีฐานะ พร้อมกับส่งบัตรเดบิตไปเพราะต้องการให้หักจากบัญชีที่เป็นบัญชีรับเงินจากท่านอัศม์โดยเฉพาะ ร่างบางไม่อยากใช้เงินเพื่อตอกหน้าใครแบบนี้

แต่เรนนี่ดูถูกแก้วกานต์ เขายอมไม่ได้

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากๆ เลยนะคะ”

ขวัญนพัตรับถุงกระดาษที่มีโลโก้ของร้าน ซึ่งด้านในถุงห่อได้อย่างหรูหรามาก รับรองได้ว่าคนได้รับของขวัญนี้ต้องอึ้ง ตะลึงไปจนถึงชาติหน้าแน่นอน...

ทั้งคู่เดินไปร้านเบเกอรี่ร้านประจำในห้างที่มักจะมาด้วยกันบ่อยๆ สั่งของที่จะทานแล้วนั่งคุยกันอยู่ที่มุมสงบๆ ของร้าน เพราะวันนี้ไม่มีงานต้องกลับไปทำก็เลยมาซื้อของขวัญหลังเลิกเรียนทันที เพื่อไปงานวันเกิดของเพื่อนร่วมคลาสซึ่งถูกบังคับให้ไปก็เลยขออนุญาตพ่อแม่ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

“คุณลุงแกไปอเมริกาใช่ไหม”

“อือ...ไปรับท่านอัศม์กลับน่ะ”

“นี่ท่านก็ไปเรียนถึงสิบปีเลยเนาะ เก่งว่ะ เป็นฉันคงตายตั้งแต่ปริญญาตรีแล้ว” แก้วกานต์พูด สีหน้าที่ประกอบคำพูดเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากขวัญนพัต

“ก็จริง แต่คุณพ่อบอกว่าท่านชอบที่จะหาความรู้น่ะ”

“นายเองก็เหมือนกันขวัญ นอกจากเรียนหนังสือก็เรียนอะไรไม่รู้เยอะไปหมด นี่เป็นลูกคุณลุงสันต์ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ”

“เราต้องทำเพื่อไปดูแลท่านน่ะสิ แล้วก็ต้องทำงานทดแทนบุญคุณด้วย แก้วล่ะอยากจะเป็นอะไร”

“วิศวกร ฉันจะทำงานให้กับท่านอัศม์นั่นแหละ เป็นบริษัทหนึ่งในเครือของท่าน”

“อ๋อ...บริษัทอสังหาฯ วันก่อนเข้าไปดูงานอยู่นะ มีแต่โครงการเจ๋งๆ ทั้งนั้น ถ้าอยากจะไปอยู่ตรงนั้นก็ต้องตั้งใจเรียนนะเพื่อนนะ”

“ห๊ะ! ไปดูงาน ดูอะไร” แก้วกานต์เบิกตาโพลง เอานิ้วเขี่ยหูราวกับว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไป ถึงจะรู้ว่าเพื่อนเรียนรู้งานของทางคฤหาสน์ ทางพรรค และบริษัทต่างๆ ตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คิดว่าจะไปไกลขนาดนี้แล้ว

เพื่อนคนนี้ เดินห่างไปจากตัวเองอีกแล้ว...แต่แก้วกานต์ก็ไม่ได้อิจฉาอะไร นึกห่วงเพื่อนที่มีงานต้องทำจนอาจจะไม่เคยใช้ชีวิตวัยรุ่นก็ได้

“ไปเป็นเลขาให้คุณอัยย์ เป็นหนึ่งในงานที่ต้องศึกษา เผื่อว่าจะได้แทนตำแหน่งของพ่อได้ในภายภาคหน้า” ขวัญนพัตพูดติดตลก

“ถ้าจะเป็นอย่างนั้นต้องเป็นทุกอย่างเลยนะเว้ย นี่อย่าบอกนะว่ายิงปืนเป็น”

“อื้อ...ปืนจริงหนักมากเลยนะ”

“ศิลปะป้องกันตัวล่ะ”

ขวัญนพัตส่ายหน้า “พ่อไม่ให้เรียน ไม่มีใครให้เรียนสักคน ไม่เข้าใจเหมือนกัน ให้เรียนยิงปืน แต่ไม่ให้เรียนศิลปะป้องกันตัว แบบนี้ตอนไม่มีปืนก็จบเห่สิ”

“ยังจะมาเล่นอีก แต่ฉันว่าฉันเข้าใจนะว่าทำไม”

ก็พวกที่ฝึกให้มันไม่น่าไว้ใจน่ะสิ ถึงไม่ให้เรียน

ขวัญนพัตสงสัย แต่ไม่คิดจะถาม ดูดน้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นของโปรดอย่างสบายใจ สลับกับเค้กสตรอเบอร์รี่ของหวานประจำวันที่ถ้าขาดไปก็เหมือนขาดใจตาย

“อาทิตย์หน้าท่านก็กลับมาแล้ว คงจะสง่างามกว่าเดิมน่าดูเลยเนอะ”

“คงงั้น”

“นายไม่ตื่นเต้นหรือขวัญ ท่านอัศม์กลับมาแล้วนะเว้ย”

“เคยตื่นเต้น แต่ตอนนี้เฉยๆ ยังไงบ้านของท่าน ท่านก็ต้องกลับ”

“อิจฉานายว่ะ ได้ทำงานใกล้ชิดท่าน”

“ยังไม่ได้ทำเลย ไม่แน่ท่านอาจจะเปลี่ยนใจเพราะหาภรรยาได้แล้วก็ได้” ร่างบางตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยังไงเขาก้มีทางอื่นให้ทดแทนบุญคุณหลายทางอยู่แล้ว

จะได้ทำงานใกล้ท่านหรือไม่ใกล้ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเสียหน่อย...



ประเทศสหรัฐอเมริกา

“ผมเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยครับ ของบางส่วนถูกส่งไปก่อนแล้ว ท่านมีอะไรที่ยังไม่ได้จัดการอยู่ไหมครับ” สันต์ธรเอ่ยถามท่านอัศม์ที่กำลังนั่งอ่านข่าวอยู่กับแท็ปเล็ต

ท่านอัศม์ในวัยสามสิบสี่ปี เป็นชายร่างสูง ใบหน้าหล่อคม ยังคงเค้าโครงเดิม แต่เพิ่มเติมคือมาดที่ดูผู้ใหญ่ ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ดูมาดแมนและมีเสน่ห์น่าเข้าหา ที่สำคัญดูเคร่งขรึม สงบนิ่งมากกว่าเดิม

“ไม่มีแล้ว เหลือแค่ของฝาก เลื่อนวันกลับได้ไหม แต่ไม่ต้องบอกคนทางนั้น”

“อยากเซอร์ไพรส์หรือครับ”

“อืม...เป็นอีกสองวันข้างหน้าก็ได้ คงถึงไทยเช้าวันเสาร์ พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อของฝากให้คุณย่า คุณแม่แล้วเจ้าแฝดด้วย อย่าลืมล่ะ”

“ครับท่าน ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดการเลื่อนไฟลท์ให้ครับ”

“อืม”

“ว่าแต่ท่าครับ ยังไม่เจอคนที่จะมาเป็นภรรยาอีกหรือครับ วัยนี้กำลังพอดีเลยนะครับ”

อัศม์เดชถอนหายใจเพราะรู้ว่ายังไงคนสนิทก็ต้องถาม แต่ทำยังไงได้ที่เขาไม่เจอเลย ที่สำคัญสิบปีที่ผ่านมาก็มีแต่งาน เรียนแล้วก็งาน การเที่ยวหรือสังสรรค์มีน้อยมาก นับครั้งได้เลย

“ไม่มี...ไม่เจอ”

“งั้นกลับไปคราวนี้คงเหนื่อยเลยครับ เพราะมีมาต่อแถวยาวเลยครับ คุณหญิงน่านฟ้าก็เริ่มหาไว้แล้วด้วย”

“อืม...ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น หาคนที่รักไม่ได้ ก็จะเอาคนที่เหมาะสมที่สุดก็แล้วกัน เพราะฉันไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ สำหรับฉันมีแต่งานเท่านั้นแหละ”

“ครับ ตอนนี้ทั้งคุณอินทร์ คุณอัยย์ก็มีคนรักแล้วนะครับ พร้อมที่จะหมั้นทันทีที่ท่านกลับไทย”

“อืม...ก็ดีแล้ว”

“ท่านครับ ตอนนี้ขวัญเรียนรู้ทุกอย่างไปได้คร่าวๆ แล้ว แต่งานดูแลคฤหาสน์จะไปได้ดีกว่างานของบริษัทกับงานของพรรค แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ คงเพราะยังเด็กอยู่ต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่ทราบว่ากลับไปแล้วท่านจะให้ขวัญทำหน้าที่ดูแลเลยหรือให้เรียนจบก่อนครับ”

“ดูแล? ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นด้วยสินะ ไม่ต้องดูแลฉันแล้วก็ได้ ให้เด็กทำงานที่บริษัทหรือไม่ก็ในพรรคตามที่สันต์เห็นสมควรเลยก็แล้วกัน จะไม่ไม่ต้องอยู่ดึกดื่นรอฉันนอน”

“งั้นหรือครับ ได้ครับ ผมจะจัดการตามนั้น”

สันต์ธรก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ท่านจะจำไม่ได้ว่าเคยพูดอะไรไว้บ้าง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะใช้ความสามารถของขวัญนพัตให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ ซึ่งการดูแลท่านใครๆ ก็ทำได้ แต่ดูเหมือนว่านิสัยที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวจะเพิ่มระดับมากขึ้นกว่าเดิมอีก

“แต่ผมคงต้องเรียนเอาไว้ว่า ทุกวันหยุดขวัญจะเข้าไปดูแลคฤหาสน์นะครับ ช่วยคุณพิไลอีกแรง เพราะฝีมือของขวัญดีทุกอย่างตั้งแต่อาหาร ยันงานฝีมือ แล้วคุณหญิงอัปสรกับนายหญิงก็โปรดปรานอาหารฝีมือของขวัญด้วยน่ะครับ ไม่ไปเลยท่านจะไม่พอใจเอาได้”

“อย่างนั้นก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

“มีอะไรอีกไหม?”

“ไม่มีแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ท่านก็พักผ่อนเสียนะครับ ผมขออนุญาตออกไปซื้อของฝากลูกๆ กับภรรยาหน่อย”

“ตามสบาย”

สันต์ธรปล่อยให้ท่านพักผ่อนไป ส่วนตัวเองก็จัดการเลื่อนไฟลท์ตามคำสั่งแล้วก็ไปหาซื้อของฝากให้กับครอบครัวของตนเองอย่างที่ตั้งใจ...

...

...



รถคันหรูวิ่งตรงมาจอดยังหน้าบ้านหลังไม่ใหญ่มาก แต่บ่งบอกว่ามีฐานะพอสมควร ประตูด้านหน้าไม่ห่างจากตัวสวนที่จัดงานวันเกิดของลูกสาวเจ้าของบ้านเท่าไหร่ ขวัญนพัตจึงให้คนขับรถที่บ้านจอดที่ด้านหน้าพอ

“พี่แคนจอดรอแถวนี้แหละฮะ เดี๋ยวขวัญก็กลับ ไม่อยู่นานหรอก”

“ครับคุณขวัญ”

ทุกคนที่ถูกชวนมาถึงงานส่วนใหญ่แล้ว ทุกสายตาเลยจ้องมองรถที่ร่างบางกับแก้วกานต์นั่งมาไม่วางตาด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใคร แต่พอเห็นว่าเป็นพวกเขาสองคนเท่านั้น เสียงพูดคุย ซุบซิบก็ดังขึ้น ขวัญนพัตแต่งตัวดูดีและแบรนด์เนมทั้งตัวเพราะพี่ๆ ซื้อให้ทั้งนั้น ส่วนแก้วกานต์เองก็แต่งตัวง่ายๆ หากก็ดูดีกว่าปกติ ที่สำคัญเสื้อผ้าก็ไม่ได้ราคาถูกอะไรด้วย...

“สวัสดีเรนนี่ ขอบคุณที่ชวนเรากับแก้วนะ นี่เป็นของขวัญเราสองคน อาจจะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สุขสันต์วันเกิดนะ” ขวัญนพัตยิ้มการค้าให้เจ้าของงานแล้วยื่นกล่องของขวัญที่ดูหรูหราไปให้ เธอรับมาแล้วมองมันด้วยแววตาดูไม่พอใจ

เพราะคำว่าเล็กๆ น้อยๆ สินะ

“ขอบใจนะจ้ะ ยังไงก็อยู่จนถึงช่วงเปิดของขวัญนะ ไปนั่งสิ เดี๋ยวมีคนเอาอาหารไปเสิร์ฟ” หญิงสาวยื่นของให้คนรับใช้อย่างไม่ได้ใส่ใจของขวัญ สาวใช้รีบเอาไว้ไว้รวมๆ กันกับโต๊ะที่มีของขวัญเต็มไปหมด

ทั้งสองคนนั่งคุยกัน รอเวลาที่เจ้าของงานจะเปิดเป่าเค้กและเปิดของขวัญ ทั้งคู่ไม่มีใครแตะอาหารตรงหน้าเลยสักคน มีเพียงแค่จิบเครื่องดื่มเพื่อไม่ให้เสียมารยาทเท่านั้น

เกือบชั่วโมงที่นั่งรอ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะเปิดของขวัญกันเสียที แต่ไม่เห็นเจ้าของงานแกะของขวัญจากขวัญนพัตกับแก้วกานต์เสียที

“กรี๊ด...เจน เธอให้สร้อยฉันเหรอ สวยมากเลย อ๊ะ แบรนด์ LANCY ด้วย ขอบคุณนะ ฉันจะใส่ทุกวันเลยจ้ะ”

“ดีใจที่เธอชอบ นั่นน่ะ สามพันเลยนะ”

การให้ของขวัญก็เหมือนเป็นธรรมเนียม หากถึงวันเกิดของคนที่ให้ตัวเองเมื่อไหร่ ของขวัญที่จะให้คืนต้องไม่ต่ำกว่าที่ตัวเองได้รับ ขวัญนพัตเลยทุ่มทุนเกือบสองหมื่นในการซื้อน้ำหอมแบรนด์ดังของต่างประเทศมา เพราะอยากเห็นสีหน้าของพวกที่ชอบดูถูกคนอื่น แล้วงานของเขา เขาจะชวนเธอด้วย!

บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานของคนอื่น แต่กับสองหนุ่มกำลังง่วง เท่าที่ฟังๆ ดู ของขวัญที่แพงที่สุดคือนาฬิกาแบรนด์เนมราคาห้าพันบาท

“กล่องสุดท้ายแล้วเหรอเนี่ย เอ๊ะ อันนี้ของขวัญกับแก้วใช่ไหม งั้นเราแกะเลยนะ ตื่นเต้นจัง”

“ตอแหล” แก้วกานต์พึมพำ ยังไงเธอก็จงใจแกะของขวัญนพัตเป็นอันสุดท้ายอยู่แล้ว เพื่อบดขยี้พวกเราให้จมยังไงล่ะ

แต่แล้วเจ้าของงานก็เงียบกริบ ทำให้ทุกคนเงียบไปด้วย เรนนี่มือสั่นขณะเปิดกล่องน้ำหอมที่เห็นแล้วว่าเป็นยี่ห้ออะไร เธอหยิบมันออกมาแล้วตาโต เงยหน้ามองขวัญนพัตกับแก้วกานต์หน้าซีด

“ได้อะไรเหรอ ทำไมหน้าซีด อย่าบอกนะว่าให้ของไม่ดีเรนนี่”

“นั่นมันน้ำหอมของ DLer’ ตัวที่ขายดีที่สุด ถ้าราคาโปรโมชั่นก็หมื่นหก ส่วนราคาปกติก็หมื่นแปดกว่าๆ”

“ข่ะ ของปลอมหรือเปล่า” หนึ่งในคนที่มาร่วมงานเอ่ยขึ้น

“เรากลัวว่าเรนนี่จะคิดว่าเราให้ของปลอมเลยบอกพนักงานใส่ใบรับประกันกับที่อยู่ร้านที่เราไปซื้อไว้ในกล่องด้วย หวังว่าเธอจะชอบ แล้วถึงวันเกิดเราเมื่อไหร่ อย่าลืมมานะเรนนี่ วันนี้สนุกมาก เรากับแก้วขอตัวกลับก่อนนะ บ๊ายบาย”

ร่างบางลากเพื่อนออกมาจากงานด้วยรอยยิ้มที่สะใจ แก้วกานต์ลอบมองใบหน้าสวยของเพื่อนแล้วส่าหน้าระอา เพื่อนของเขามันก็ตัวแสบ และร้ายกาจเหมือนกันนั่นแหละ...

ถ้าแก้วกานต์ไม่โดนดูถูก ขวัญนพัตก็จะไม่หักหน้าทุกคนแบบนี้หรอก...



เช้าวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของขวัญนพัต ชายหนุ่มร่างบางตื่นขึ้นมาเมื่อนาฬิกาปลุกดังขึ้น เพราะวันนี้จะต้องไปรับพี่ชายที่สนามบิน เนื่องจากเจ้าตัวงอแงว่าอยากให้เขาไปรับให้ได้ ก็เลยต้องถ่อสังขารตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะไฟลท์พี่ชายแลนดิ้งเจ็ดโมง เลทหน่อยก็แปดโมง

เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยก็ลงไปข้างล่าง ตรงไปยังรถที่มาจอดรออยู่แล้วโดยคนขับรถคนสนิทที่ขวัญนพัตมักจะให้พาไปส่งที่ที่อยากไปตลอด

“อรุณสวัสดิ์ฮะพี่แคน”

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณขวัญ เชิญเลยครับ”

ร่างบางขึ้นรถ แล้วตรงไปยังสนามบินทันที เมื่อถึงแล้วก็ไปนั่งรอพี่ชายยังประตูทางออกที่พี่ชายบอกว่าให้รออยู่ตรงนั้น ถ้าออกจากเกทแล้วจะมาหาเอง ซึ่งขวัญนพัตก็เล่นโทรศัพท์รอไป สักพักได้ยินเสียงประกาศบอกว่าเที่ยวบินจากอเมริกามาถึงแล้ว แต่จากออสเตรเลียน่าจะเลทหน่อย

“รอนานขึ้นเหรอเนี่ย”

พี่ชายไปดูงานที่ออสเตรเลียเป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าแล้ว คงจะคิดถึงบ้านน่าดู คิดแบบนั้นขวัญนพัตก็ยิ้มออกมา รู้สึกปวดท้องเลยลุกขึ้นเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ

ร่างบางใช้เวลาทำธุระในห้องน้ำนานเกือบยี่สิบนาทีเพราะไม่รีบออกไปเท่าไหร่ ยังไม่ได้ยินเสียงประกาศว่าพี่ชายจะมาถึงอีกด้วย ร่างบางถอนหายใจเซ็งๆ ก้าวเท้าเตรียมออกจากห้องน้ำไป แต่เมื่อกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำ คนด้านนอกก็ผลักมาก่อนและแรงพอที่จะกระแทกหน้าผากสวยอีกด้วย

ผลัวะ!!

ปึก!!!

“โอ๊ย!!!” ร่างบางกุมหน้าผาตัวเองทันที ทำเอาคนที่เข้ามาถึงกับทำหน้าตกใจแต่ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติได้ เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่งๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ป่ะ เปล่าครับ ม่ะ ไม่เป็นไร ขอโทษนะครับ”

เด็กนี่แปลก ตัวเองไม่ได้ผิดสักหน่อย...

ร่างสูงสำรวจคนตัวเล็กข้างหน้าที่ก้มหน้ากุมหน้าผากตัวเอง เห็นท่าทางแบบนี้ก็เข้าใจได้ว่าคงจะเจ็บหน้าดู แต่มันก็เป็นอุบัติเหตุล่ะนะ

เขาไม่ได้ตั้งใจและเด็กตรงหน้าก็ไม่ผิด

“จะเข้าใช่ไหมครับ เชิญเลย...ครับ”

ขวัญนพัตเงยหน้าสบตา ร่างทั้งร่างชะงัก ลมหายใจสะดุดกึก ใบหน้าหวานหุบยิ้มลงแล้วจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา...

คุ้นๆ รู้สึกคุ้นหน้ายังไงก็ไม่รู้ จริงสิ...เหมือนท่านอัศม์ แต่ท่านอัศม์กลับมาอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรือ คงไม่ใช่ แค่หน้าเหมือนล่ะมั้ง ตัวเราเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าท่านหน้าเป็นแบบไหน

ด้านร่างสูงก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าชัดๆ ของคนตัวเล็กกว่าที่ยืนมองตนอยู่ รู้สึกว่าตัวเองจะใจกระตุกแบบแปลกๆ เมื่อใบหน้าหวานนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มสวย

ขวัญนพัตได้สติเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้าดุราวกับไม่พอใจ จึงรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาท

“อ๊ะ...ขออภัยที่เสียมารยาทนะครับ เชิญครับ ผมกำลังจะไปแล้ว” ร่างบางขยับหลีกทางให้หลังจากขอโทษร่างสูงไปที่เสียมารยาทจ้องอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย พอคิดแบบนั้นขวัญนพัตก็เม้มปากขัดเขิน ตำหนิตัวเองว่าทำอะไรเปิ่นๆ ไปจนได้ ทางด้านคู่กรณีเองก็สำรวจใบหน้าสวยอย่างเผลอไผล เห็นที่หน้าผากช้ำนิดๆ ก็ขัดใจ

ไม่ควรมีตำหนิที่ใบหน้าขาวๆ นี่...แต่ว่า รอยยิ้มนี้...คุ้นมาก คุ้นจริงๆ

“เอ่อ...คุณครับ ถ้าคุณไม่เข้า ช่วยหลีกทางให้ผมหน่อยได้ไหมครับ พอดีผมรีบ”

“อืม...ขอโทษ”

ร่างบางยิ้มหวาน ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินเลี่ยงออกจากห้องน้ำไป

“เดี๋ยว...” แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะเดินไป เขาก็เรียกอีกคนเอาไว้ก่อน

“ครับ?”

“เมื่อกี้เธอมองหน้าฉัน มองทำไม?”

“อ๋อ...ขอโทษที่เสียมารจริงๆ ครับ แต่คุณคล้ายกับผู้มีพระคุณของผมน่ะครับ เลยเผลอ”

“งั้นหรือ...” ร่างสูงมองอย่างแปลกใจ

“ครับ ยังไงขอตัวก่อนนะครับ” ขวัญนพัตไหว้ลาอีกครั้งเพราะอีกคนเป็นผู้ใหญ่กว่าแน่นอนและอายุน่าจะมากกว่าพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ

ร่างบางหันหลัง แล้วก้าวเท้าเดินไปพอดีกับโทรศัพท์ของตนที่ดังขึ้น ขวัญนพัตมองเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วขมวดคิ้ว

“จ๋า...หนูมาห้องน้ำ ห๊ะ!! เจอพ่อเหรอ พี่สิงห์นอนน้อยแล้วตาฝาดหรือเปล่า พ่ออยู่อเมริกากลับอาทิตย์หน้า พี่ต้องได้รับการพักผ่อนแล้วหนูว่า ไม่ต้องมาพูดเลย นั่งรออยู่ตรงนั้นแหละ อย่าไปตะโกนเรียกใครว่าพ่อนะ หนูอาย...”

ร่างสูงมองตามแผ่นหลังบางที่เดินคุยโทรศัพท์ออกไป มุมปากยกยิ้มเบาๆ ก่อนจะตั้งสติได้ว่าเผลอทำตัวแปลกๆ ก็รีบสะบัดความรู้สึกนั้นออกไปทันที แล้วเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ

พอทำธุระเสร็จเสร็จเรียบร้อย ขายาวยังไม่ทันได้พ้นประตู คนสนิทก็วิ่งหอบมาหยุดตรงหน้า

“ท่านครับ...”

“อ้าวสันต์ มีอะไร?”

“รีบไปกันเถอะครับ ผมเจอลูกชายคนโตที่นี่ เดี๋ยวแผนเซอร์ไพรส์พังนะครับ ลูกชายผมยิ่งเป็นพวกที่รู้แล้วกระจายข่าวทันทีเลย”

“งั้นก็ไปเถอะ”

ท่านอัศม์กับสันต์ธรรีบเดินกลับไปยังที่เก็บกระเป๋าซึ่งมีลูกน้องอีกสามคนรออยู่แล้ว ตาคมเผลอเห็นเด็กหนุ่มคนที่ชนในห้องน้ำยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งที่ห่างกันพอควร ซึ่งตัวเล็กๆ นั่นกำลังถูกชายคนหนึ่งเข้ากอดแล้วยกขึ้นหมุนไปรอบๆ ประหนึ่งคิดถึงคนรักที่จากกันไปนาน

คนรักงั้นเหรอ...เด็กคนนั้นก็เหมาะกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ

“ท่านครับ มองใครหรือครับ”

“เปล่าหรอกสันต์”

“หรือเจอคนที่ถูกใจแล้ว แบบประมาณว่าต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นน่ะครับ”

แรกเห็นเหรอ?

“ความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไงล่ะ”

สันต์ธรยิ้ม เพราะคิดว่าตัวเองคงเดาถูก ท่านเจอคนที่ถูกใจแล้ว “ก็แบบใจเต้นมั้งครับ อยากเข้าไปทำความรู้จัก”

“เหรอ...ไร้สาระ กลับกันเถอะ”

ท่านอัศม์เลิกสนใจ เพราะว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ คนอย่างเขาอยู่มาสามสิบสี่ปีไม่เคยจะต้องตาต้องใจใคร แล้วจะมาสนใจเด็กได้ยังไง ดูยังไงก็เด็กมัธยมด้วย...

ทำความรู้จักหรือ...

ก็อยากรู้จักนิดๆ แต่นั่นเป็นเพาะเขาคุ้นรอยยิ้มนั่นต่างหาก รอยยิ้มที่มันอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ รอยยิ้มที่คุ้นๆ ว่าเคยได้รับมันมาจากใครสักคน...



ขวัญนพัตถูกพี่ชายแสดงความคิดถึงได้อย่างน่าอายมาก จนกลัวว่าจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเราสองคนเป็นคนรักกัน ก็เล่นทั้งกอด ทั้งหอม ทั้งอุ้มหมุนไปรอบๆ แล้วจะเดินจับมือออกไปอีก พอได้อยู่บนรถก็หายใจได้สะดวกหน่อย...

“พี่ซื้อของฝากน้องเยอะมากเลยนะ”

“ของฝากน้องหรือฝากสาว”

“สาวอะไรไม่มีแล้ว ทิ้งไปหมดแล้ว พี่เบื่อ ตอนนี้สนแค่น้องก็พอ”

“หนูว่าพี่ควรจริงใจกับใครสักคนดูบ้างนะ จะได้เจอรักแท้กับเขาสักที อายุมากขึ้นทุกทีแล้วนะเรา”

“หึหึ หนูอยากให้พี่แต่งงานจริงๆ เหรอ อยากให้เขาแย่งความรักของพี่ไปจากน้องเหรอ” สรทรถาม ดวงตาเจ้าเล่ห์แพราวพราวดูขี้เล่นจนน้องชายหมั่นไส้

“ข้ออ้างของคนไม่อยากมีพันธะเถอะ ไม่ต้องเอาหนูมาอ้างเลย”

“ฮะๆ น้องชายคนดีของพี่รู้ดีที่สุด รู้ใจพี่ไปหมดทุกอย่างเลย”

ฟอด!

“น่าร้ากกก น้องรักของพี่”

“พอๆ แก้มหนูระบมไปหมดแล้วเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็ก สามสิบแล้วนะพี่สิงห์ แก่แล้ว”

“ไอ้ตัวเล็กนี่...ปากเสีย”

“ฮะๆ” ขวัญนพัตหัวเราะที่ยั่วโมโหพี่ชายได้ เลยโดนทำโทษเป็นหอมแก้มอีกหลายๆ รอบ

“แล้วพี่ไม่อยู่มีใครมาจีบ มาตอแยหรือเปล่า”

“จีบอะไร ใครจีบหนู มีแต่คนมาจีบแก้วเถอะ”

คนเป็นพี่ชายกลอกตามองบน เบื่อความซื่อบื้อของน้องชายเต็มที แล้วแบบนี้จะไม่ให้ห่วง ไม่ให้หวงได้ยังไง ถ้าไม่ใช่คนดี พี่ชายคนนี้ไม่ยกน้องชายสุดที่รักให้หรอกโว้ย…

ใครจะจีบน้องชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา ต้องผ่านด่านพี่ชายคนนี้ได้ก่อน!!






+ + + + + To be Continue + + + + +

ปกติท่านอัศม์เดินทางจะต้องมีบอดี้การ์ดตามหลังเป็นพรวนให้สมกับตำแหน่ง และมักจะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวมากกว่า แต่คราวนี้กลับมาก่อนกำหนด ไม่อยากเอิกเริก เลยกลับมาแบบปกติจ้า ท่านอัศม์เป็นคนชนชั้นธรรมดา (ไม่ใช่เชื้อเจ้า) ที่ไม่ธรรมดาจ้า

เจอกันตอนหน้านะคะ อ้อ ฝากติดตามแฟนเพจและทวิตเตอร์ของยูกิด้วยน้า

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

https://twitter.com/Sawachi_Yuki

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 กลับมาเจอกันแล้ว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ dorabarin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ติดตามค่ะ น้องขวัญน่ารักมากมาย :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สนุกมากค่ะ น่ารักมากด้วย

คนเราก็ถูกชะตากันแต่แรกพบเยอะไป
ขนาดไม่รู้จักว่า ใจเต้นไหม สนใจจริงหรือเปล่า
แต่อัศม์จำความรู้สึกแรกพบกับขวัญได้นะ

ขวัญน่ารักมาก คนซื่อ และแสบน่าดู

ทุกคนใจดีและเอ็นดูขวัญมาก
หวง ห่วง ยิ่งกว่าห่วงตัวเองกันไปอีก 5555

สิงห์ ถึงตอนนั้น ชอบใจไม่ชอบใจ ก็ต้องยอมละนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หนูขวัญซื่อ ตามใครไม่ทันหรอก ดีนะมีเพื่อนคอยเป็นไม้กันหมาให้
คุณท่านกลับมาแล้ววว ต่างคนต่างจำกันไม่ได้ งื้ออออ

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
6

การพบกันอีกครั้ง...ของ ‘เรา’





มือใหญ่ประนมที่กลางอกก่อนจะโน้มไปวางบนตักของหญิงสูงวัยแบบไม่แบมือ ศีรษะก้มโค้งให้ปลายนิ้วชี้แตะที่หว่างคิ้วพร้อมกับเอ่ยคำๆ หนึ่งที่ทำให้คนที่รอคอยการกลับมาน้ำตารื้น

“กลับมาแล้วครับ”

“น่าตีจริงๆ เลยหลานคนนี้ มาไม่บอกไม่กล่าว ถ้าย่าหัวใจวายขึ้นมาจะทำยังไง”

คุณหญิงอัปสรลูบที่ผมของท่านอัศม์เบาๆ เมื่อหลานชายคนโตก้มกราบที่ตัก ก่อนจะคลานเข่าไปกรบแม่ตัวเองเช่นเดียวกับที่ทำกับผู้เป็นย่า

“ดีใจที่กลับมาอย่างปลอดภัย โตขนาดนี้แล้วนะลูก สมกับเป็นผู้นำตระกูลและผู้นำพรรคจริงๆ”

ผู้เป็นแม่เอ่ยเสียงสั่น ยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ลูกชายกลับมาอยู่ในสายตา เป็นเรื่องที่น่าแปลกหรือบังเอิญก็ไม่รู้ได้ ที่วันนี้ครอบครัวของท่านอยู่กันครบเลย

“ผมจะไม่ทิ้งคุณย่ากับคุณแม่แล้วครับ”

ร่างสูงลุกขึ้นจากพื้นไปนั่งข้างๆ กับผู้เป็นย่า ในห้องรับแขกนี้มีเพียงพิไลกับเด็กรับใช้อีกสองคนที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ส่วนสันต์ธรก็ยืนอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ค้ำหัวเจ้านาย

“แม่ก็ไม่ยอมให้อัศม์ไปไหนแล้วเหมือนกัน”

สองแฝดทำตัวยุกยิก อยากจะพูดกับพี่แต่ก็หาโอกาสแทรกแม่ตัวเองไม่ได้ พอจะอ้าปาก แม่ก็พูดขึ้น ท่านสังเกตเห็นอาการนั้นก็ไม่คิดจะแกล้งอีก หันหน้าไปมองน้องชายที่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว อินทร์ธรได้โอกาสจึงพูดขึ้นก่อน ไม่งั้นจะโดนใครแย่งพูดอีกก็ได้

“พี่อัศม์ สบายดีนะ ตอนนี้พี่หล่อสุดๆ เท่มาก ผมคิดว่าตัวเองจะนำพี่ไปได้ แต่ก็เปล่าเลย แบบนี้สาวๆ คงต่อคิวเรียงยาวมากกว่าเมื่อก่อนแน่นอน”

“พูดมาก บุคลิกมันก็ไปตามวัย แต่แกดูพึ่งพาได้เหมือนกันนะอินทร์”

“โถ่ ผมก็พึ่งพาได้แต่ไหนแต่ไรแล้วนะ”

ท่านอัศม์ยักไหล่ ส่วนย่ากับยายแล้วก็แฝดน้องของอินทร์ธรกลับหัวเราะ ผู้เป็นพี่ชายเลยหันมาคุยกับน้องชายอีกคนที่ยิ่งโตก็ยิ่งเก่งกาจ แล้วก็มีความฉลาดหลักแหลม

“สบายดีนะอัยย์”

“ครับพี่อัศม์ ดีใจที่พี่กลับมาสักที ผมคิดถึงพี่มากๆ เลย”

“ระหว่างสิบปีที่ปล่อยให้แกสองคนดูแลงานในส่วนบริษัท นับว่าทำได้ดีมากๆ คิดเอาไว้หรือยังไงว่าอยากจะบริหารบริษัทไหน”

“ผมคิดเอาไว้ตั้งแต่พี่ถามคราวก่อนแล้วครับ”

“ผมเองก็เหมือนกัน อะไรที่เราช่วยแบ่งเบาพี่ได้ เราก็จะทำอย่างเต็มที่”

อัศม์เดชยิ้มยิ้มน้อยๆ ให้กับคำตอบของน้องชาย ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี น้องชายทั้งสองคนก็พึ่งพาได้เสมอ ไม่เคยต้องให้เขาต้องเหนื่อยเพียงลำพัง

“พิไลก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” นี่เป็นวิธีชมของท่านอัศม์ที่ต้องคิดพิจารณาสักนิดถึงจะเข้าใจ

ไม่เปลี่ยนไปเลย...ก็หมายความว่าพิไลยังคงสาวเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่เปลี่ยน

“แหม...ท่านก็ ท่านอัศม์ก็งามนะคะ ถ้าดิฉันยังสาวอยู่คงตกหลุมรักท่านจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน”

“อืม”

คำพูดของพิไลไม่ได้มีอะไรเกินจริง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมดุ ร่างกายสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง มีกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกาย การแต่งกายก็ผู้ใหญ่สมวัย ท่านอัศม์ของทุกคนเป็นผู้ชายที่มากไปด้วยเสน่ห์ของชายชาตรี ที่แม้ว่าจะอายุมากขึ้นก็จะยิ่งหล่อขึ้นอีกแน่นอน ประกอบกับเป็นคนที่นิ่งๆ สุขุม อาจจะดูเย็นชา แต่นั่นกลับทำให้ยิ่งอยากเข้าไปค้นหา

ท่านอัศม์...มีเสน่ห์ที่เป็นแรงดึงดูดให้ผู้คนเข้าหาได้ไม่ยากเลยจริงๆ แค่ท่านให้สายตามอง ทุกคนก็พร้อมที่จะสยบแทบเท้าของท่าน

“สันต์ เอาของฝากมาได้เลย”

หลังจากนั้นท่านก็ให้สันต์ธรเอาของฝากที่ซื้อมาให้ตัวเอง แล้วท่านก็มอบของที่เลือกซื้อด้วยตัวเองให้กับคนในครอบครัวด้วยมือของท่านเอง ส่วนของคนงานก็ปล่อยให้เป็นที่ของกอบกิจในการเอาไปแจกจ่ายให้ครบทุกคน

ท่านใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอย่างมีความสุข นานๆ ทีจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมกันทั้งห้าคน แต่ละคนเอาแต่ซักถามว่าชีวิตที่นั่นเป็นยังไง แม้ว่าจะไปร่วมแสดงความยินดีตอนรับปริญญาในแต่ละครั้งก็ตาม และทั้งห้าท่านก็เพิ่งจะจากกันได้ไม่กี่อาทิตย์ แต่ความคิดถึงมันก็ทำให้มีเรื่องคุยมากมาย ทดแทนระยะเวลาที่ไม่ได้อยู่ร่วมกันซึ่งมีมากกว่า โดยที่ท่านค่อยตอบคำถามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ในเวลานี้คฤหาสน์กำลังวุ่นวาย คนงานทุกคนเห็นรถขับเข้ามาในคฤหาสน์ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้านายกำลังเซอร์ไพรส์ด้วยการกลับมาก่อนกำหนด ในครัวคงกำลังวุ่นวายกันใหญ่เพื่อตะเตรียมอาหาร ขนมต้อนรับ ไม่เพียงแต่ในครัว คนงานทุกคนต่างก็พากระตือรือร้น ทำนั่น โน่นนี่เพื่อต้อนรับผู้นำตระกูลที่กลับมาอยู่บ้านอย่างถาวรเสียที



“หือ...มีงานอะไรกัน หรือว่ามีใครมานะ”

ขวัญนพัตมองไปรอบๆ ตัวคฤหาสน์ขณะนั่งอยู่บนรถของบ้านตนเองที่มาส่งกำลังแล่นเข้าไปในคฤหาสน์ ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงรอบๆ ข้างทางก็ทำหน้าฉงน พึมพำกับตัวเองเบาๆ

ร่างบางมาช่วยงานพิไลในวันเสาร์อาทิตย์เป็นปกติเช่นทุกครั้ง เพียงแต่วันนี้มาสายหน่อยเพราะมัวแต่ไปรับพี่ชาย ก็กะมาว่าจะมาช่วยช่วงอาหารกลางวันพอดี ไม่คิดว่าจะมีแขก...

“ขอบคุณนะฮะพี่แคน”

“ครับคุณขวัญ แล้วผมจะมารับเวลาเดิมนะครับ”

“โอเคฮะ”

รถของที่บ้านจะมาส่งขวัญนพัตที่ด้านหลังของตึกเสมอ เพราะเป้าหมายคือยายพิไลที่ประจำอยู่ที่ครัวและตัวตึกไม่ไปไหน สองเท้าเดินไปยังทางที่คุ้นเคย จนมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของครัวใหญ่ หรูและกว้างขวาง ซึ่งในนั้นมีคนงานหลายคนกำลังวุ่นวายทำงานกันอยู่

“สวัสดีฮะทุกคน มีอะไรให้ขวัญช่วยไหมฮะ” ใบหน้าสวยยื่นหน้าไปทักทายคนในครัวอย่างร่าเริงเป็นกันเอง ทำเอาพี่ๆ ในนั้นส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“มีเยอะเลยค่ะ คุณขวัญเข้ามาล้างไม้ล้างมือแล้วทำขนมนะคะ ทำสักสามสี่อย่าง ตอนนี้พวกพี่กำลังทำพวกอาหารกลางวันให้ทุกท่านอยู่น่ะ”

“ได้ฮะพี่กล้วย ว่าแต่มีแขกหรือฮะ?”

“แสดงว่าคุณขวัญยังไม่รู้”

“ครับ?”

“ท่านอัศม์กลับมาแล้ว เพิ่งมาถึงก่อนที่คุณขวัญจะมาประมาณชั่วโมงกว่าได้ค่ะ”

“จริงเหรอฮะ” ขวัญนพัตตกใจ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นทันที

ก็จริงอยู่ที่ช่วงแรกๆ ที่รู้ว่าท่านจะกลับมา เด็กหนุ่มตื่นเต้นมาก พอผ่านไปก็ไม่รู้สึกอะไร แต่วันนี้กลับรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ ตอนนี้ ขวัญนพัตก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจแทบหลุดออกมาจากอกเลย

ผู้มีพระคุณของเขากับแม่กลับมาแล้ว...

คนที่ทำให้ขวัญนพัตมีทุกวันนี้…ท่านกลับมาแล้ว...

เจ้าชีวิตของขวัญนพัต...

“จริงสิจ้ะ ท่านหล่อมากเลย”

“ทำไมกลับมาเร็วล่ะครับ”

“คุณสันต์บอกว่าท่านอยากเซอร์ไพรส์ เลยเลื่อนวันกลับน่ะจ้ะ”

“แสดงว่าที่พี่สิงห์เห็นเมื่อเช้าก็คือพ่อจริงๆ น่ะสิ” ร่างบางพึมพำเบาๆ สงสัยต้องกลับไปขอโทษพี่ชายที่นอนเป็นตายอยู่ที่บ้านแล้วล่ะนะ

พี่ชายไม่ได้ตาฝาด แต่เป็นพ่อจริงๆ

“นี่พวกพี่ก็เลยจะทำอาหารกลางวันอย่างสุดฝีมือกันอยู่น่ะ แต่เรื่องขนมคงต้องฝากลูกศิษย์เอกของคุณหญิงอัปสรกับนายหญิงแสดงฝีมือนะคะ”

“ได้เลยครับพี่กล้วย”

ทุกคนเรียกขวัญนพัตว่าคุณตั้งแต่ที่ร่างบางใช้นามสกุลวรเกียรติสกุลแล้ว เพื่อเป็นการให้เกียรติสันต์ธร แต่ถึงคำเรียกจะเป็นอย่างไร ขวัญนพัตก็ยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แปลกใจเลยที่จะเป็นที่รักของทุกคน

“แล้วยายพิไลของขวัญล่ะฮะ”

“อ๋อ...คอยรับใช้ท่านอยู่ในตึกจ้ะ”

“เหรอฮะ เสียดายใจ เอาไว้เจอตอนยายว่างๆ ก็ได้ฮะ”

ร่างบางยิ้มแล้วเดินไปล้างไม้ล้างมือแล้วสวมเสื้อกันเปื้อนก่อนจะเดินไปยังโซนทำขนม เพราะห้องครัวใหญ่นี้แบ่งออกเป็นสองห้องอีกที ห้องทำเครื่องคาว กับห้องทำเครื่องหวาน จะแยกสัดส่วนเอาไว้อย่างชัดเจน

ขวัญนพัตดูวัตถุดิบในตู้เย็นใหญ่ กับตู้เก็บของที่เป็นวัตถุดิบแห้งแล้วบอกรายการขนมให้คนงานที่อยู่ในส่วนของเครื่องหวานฟังว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง ซึ่งร่างบางเลือกทำของโปรดของคุณหญิงย่ากับคุณหญิงน่านฟ้า

“ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมถ้วย ขนมช่อผกากรอง และบัวลอยเผือก เตรียมของที่จะทำให้พร้อมนะครับ เราจะช่วยกันทำจะได้เสร็จไวๆ”

“ได้เลยจ้ะ คุณขวัญ”

จากคนพี่ๆ คนงานส่วนครัวฝ่ายเครื่องหวานก็ลงมือจัดทำงานของตัวเองด้วยความชำนาญ แต่ทุกคนก็ไม่ลืมเหมือนกันว่าจะต้องทำให้สุดฝีมือ



“มีอะไรกล้วย” พิไลกระซิบถามเสียงเบาเมื่อลูกน้องคนสนิทคลานเข่าเข้ามาหาเธอในห้องรับแขกที่เจ้านายกำลังคุยกันอยู่

“คุณขวัญมาแล้วจ้ะป้า” ทางกล้วยก็กระซิบบอกไปเช่นกัน เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเจ้านายที่กำลังคุยกัน แต่หญิงสาวก็ไม่วายแอบมองท่านอัศม์อย่างเผลอไผล

“งั้นหรือ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่”

“ทำขนมค่ะ”

“ดีแล้ว ให้ขวัญทำขนมอยู่ในครัวนั่นแหละ ฉันยังออกไปไม่ได้ ฝากบอกขวัญว่าคงเจอช่วยอาหารกลางวันเลย”

“ได้ค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะจ้ะ”

พิไลมองตามเด็กคนสนิทที่คลานออกไป พอหันกลับมาก็พบว่าอัยยวัฒน์กำลังมองเธออยู่ เธอจึงได้ยิ้มส่งให้ หากแต่อัยยวัฒน์กลับถามขึ้น

“ขวัญมาแล้วเหรอ”

“ค่ะคุณอัยย์”

“ขวัญมาแล้วงั้นเหรอ ทำไมไม่เรียกมาทักทายอัศม์ก่อนล่ะ คนกันเองทั้งนั้น ชื่นไปเรียกขวัญมาไป บอกว่าฉันให้มาตาม”

“ค่ะ คุณหญิง” คุณหญิงอัปสรสั่ง ซึ่งเจ้าของชื่อก็รีบคลานเข่าออกไปตามขวัญนพัตทันที

“อัศม์รู้จักขวัญไหมคะ เด็กคนนั้นเป็นลูกคนงานคนหนึ่งตอนนี้เป็นลูกบุญธรรมของสันต์ เด็กคนนี้น่ารัก น่าเอ็นดูทีเดียว แม่สอนอะไรไปก็ทำได้ดีหมดทุกอย่างเลย ตอนนี้ก็เป็นลูกศิษย์เอกของแม่กับคุณย่าน่ะลูก” คุณหญิงน่านฟ้าพูดกับลูกชาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขยามเอ่ยถึงเด็กคนนั้น

น่าแปลกใจ...เพราะคนเป็นแม่ไม่ค่อยเปิดรับใครเข้ามาใกล้ชิดง่ายๆ ยิ่งคนที่ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันแล้ว ยิ่งไม่มีทาง...

“ตอนนี้ขวัญทำงานในบ้านเก่งมาก ทำเป็นทุกอย่าง เวลารับแขกสำคัญๆ ก็ให้ขวัญมาทำแทนพิไลเป็นบางครั้ง ยิ่งพวกขนมสูตรคุณทวด ทำได้เหมือนมากและอร่อยสุดๆ หลานต้องลองทานดู” คุณหญิงอัปสรก็เอ่ยชมขวัญนพัต สีหน้าเธอช่างดูภูมิใจในตัวของขวัญนพัตเสียจริงๆ

“ผลการเรียนดีนะครับ อันดับหนึ่งของสายชั้นทุกปี” อินทร์ธรสมทบ

“หน้าตาก็ดี สวยชนิดที่ผู้หญิงยังอิจฉา สันต์เองยังเคยบอกเลยว่าหวงลูกชายคนเล็กมาก พวกเราก็เลยตามดู ตามเช็คตลอดเพราะกลัวจะถูกล่อลวง” อัยยวัฒน์พูดต่อ

กลายเป็นว่าหัวข้อการสนทนาเปลี่ยนจากเรื่องของท่านเป็นเรื่องของขวัญนพัตไปจนได้ ท่านอัศม์เลยได้แต่รับฟังนิ่งๆ เพราะตนเองก็จำใบหน้าเด็กชายตัวน้อยในวันวานไม่ได้เสียแล้ว แต่ก็จำได้ว่าตัวเองก็เอ็นดูขนาดให้สันต์ธรรับอุปการะเป็นลูกบุญธรรม

โตมาเป็นเด็กดีอย่างที่เคยคาดหวังก็ดีแล้ว...

พอเรียนหนักขึ้น วันเวลาผ่านไป เขาก็ลืมไปเลยว่าเคยคาดหวังกับขวัญนพัต และไม่ได้สนใจรายงานเรื่องของขวัญนพัตอีกเลย ฟังผ่านหู แต่ก็ไม่ได้จดจำ



ขวัญนพัตเดินเข้ามาในห้องรับแขก ที่มีผู้ใหญ่อยู่กันพร้อมหน้า แอบสะดุดเล็กน้อยเมื่อเมื่อสบตาคมของคนที่มองมาอยู่ เรียวขาสวยย่อตัวเองลงคุกเข่า แล้วเดินเข่าเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับยายพิไล ร่างบางพนมมือขึ้นกลางอกแล้วไล่ไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันมาไหว้ท่านอัศม์อีกครั้ง ร่างบางค่อนข้างตกใจอยู่มากที่คนที่ตนเดินชนเมื่อเช้า คือคนๆ เดียวกับผู้มีพระคุณ หากแต่ใบหน้าสวยกลับเก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดี

“สวัสดีครับท่านอัศม์”

“เธอ...”

ท่านอัศม์เองก็ค่อนข้างตกใจที่ขวัญนพัตเป็นคนเดียวกับคนที่เขาเจอเมื่อเช้า เหตุการณ์ที่เห็นก่อนกลับนั้นชัดในความทรงจำ ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเล่ามาเลยสักนิด เลยเอาแต่จ้องใบหน้าหวานๆ นั่นโดยไม่รู้ตัว

“อะไรกันพี่อัศม์ เคยเจอขวัญมาก่อนแล้วเหรอครับ” อินทร์ธรถามขึ้น

“อืม...เจอเมื่อเช้า”

“ที่ไหนครับท่าน” สันต์ธรรีบถามทันที

“สนามบิน”

“…” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ การที่ท่านอัศม์จำได้แสดงว่าไม่ใช่แค่การเดินสวนกัน สองคนนี้ต้องคุยกันแน่นอน ท่านถึงได้จำได้ แต่ที่ทุกคนเงียบนั่นเป็นเพราะว่า...

ท่านจะไม่คุยกับคนที่ไม่รู้จัก...

“ฉันเห็นคนดีของทุกคนกำลังกอด หอมกับผู้ชายที่สนามบิน”

ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เรียกชื่อร่างบางเสียงดัง

“ขวัญ!!!”

ใบหน้าสวยมองสีหน้าไม่พอใจของคุณหญิงย่า คุณหญิงน่านฟ้า คุณพ่อสันต์ธร อินทร์ธร อัยยวัฒน์ และยายพิไลที่จ้องมองเขาอย่างคาดโทษ ขวัญนพัตกลืนน้ำลาย แอบส่งสายตาไม่พอใจให้ท่านที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่ากำลังให้เขาซวย...

“คือว่า...”

“ไอ้เราก็ดูแลมาอย่างดี ทำไมถึงทำแบบนี้” อินทร์ธรหน้าเครียด ซึ่งไม่ต่างจากอัยยวัฒน์ที่ตัดพ้อคนอายุน้อยที่สุดเช่นเดียวกับกับแฝดพี่

“จริง...ทำไมทำตัวน่าผิดหวังแบบนี้”

“เอ่อ...ฟังขวัญก่อน”

“ขวัญจะคบใคร จะมีความรัก พวกเราไม่ว่า แต่อย่าทำให้ตัวเองและครอบครัวก็เสื่อมเสียสิ” คุณหญิงน่านฟ้าเองก็ไม่สนใจฟัง แต่เพราะหวังดีเลยไม่อยากให้คนโปรดด่างพร้อย

“ทุกท่านครับ!” เสียงไพเราะเอ่ยทะลุขึ้นมากลางปล้อง กลัวว่าถ้าไม่รีบอธิบายจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ “ขอให้ขวัญได้อธิบายก่อนนะครับ คืออย่างนี้นะครับ...” ยังไม่ทันที่ขวัญนพัตจะอธิบายออกไป ผู้เป็นพ่อก็ถามขึ้นมาก่อน แต่ก็เป็นคำถามที่ช่วยชีวิตของร่างบาง

“ขวัญ...เมื่อเช้าไปรับพี่สิงห์เหรอลูก”

ผู้เป็นลูกชายยิ้มแล้วพยักหน้า กวาดสายตาใสๆ มองทุกคน แววตาออดอ้อนร้องขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย

“ฮะ...พี่สิงห์งอแง ให้ขวัญไปรับให้ได้ จริงๆ พี่สิงห์บอกหนูว่าเจอคุณพ่อด้วย แต่หนูคิดว่าพี่สิงห์นอนน้อย ตาฝาดไปเองเสียอีก” ขวัญนพัตยิ้มหวาน แทนตัวเองด้วยสรรพนามน่ารักน่าเอ็นดู

“ครับ...เมื่อเช้าลูกชายของผมก็เดินทางมาถึงเวลาไล่เลี่ยกัน ผมยังเจอเลย แต่ไม่เจอขวัญก็เท่านั้นเองครับ” สันต์ธรช่วยลูกชาย ในใจก็โล่งอกไปที...

“แล้วอัศม์กับขวัญไปเจอกันที่ไหน” คุณหญิงอัปสรถาม

“ห้องน้ำฮะ...พอดีขวัญกำลังจะออกแล้วท่านกำลังจะเข้า มีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ”

“ตายจริง แล้วเป็นอะไรกันหรือเปล่าลูก” คุณหญิงน่าฟ้าหันมามองลูกชายตัวเอง ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ท่านเลยส่ายหน้าแล้วพูดบอกไป

“ผมเปิดประตูไปกระแทกหน้าผากของขวัญน่ะ”

“ทำไมไม่ระวังเลยขวัญ” ยายพิไลดุ ใบหน้าหวานหน้าหงอยลงเพราะโดนตำหนิในสิ่งที่ตนเองก็ไม่ได้ผิด แต่ที่ผิดเพราะคนอย่างท่านไม่สมควรเป็นฝ่ายผิดสินะ หารู้ไม่ว่าที่ตนโดนดุ เพราะว่ายายเป็นห่วง

“ขอโทษครับ”

ทุกคนพยักหน้ารับ ร่างบางจึงยิ้มหวานให้ทุกคน ยกเว้นท่านอัศม์ ที่ขวัญนพัตไม่กล้ามองหรือสบตาด้วย อาจจะเป็นเพราะไม่พอใจเล็กๆ หากเขาก็เข้าใจได้ว่ายังไงเราก็อยู่ในจุดที่ต่ำกว่า เหตุผลที่ไม่กล้ามองคือกลัว แม้ว่าตอนเด็กๆ จะเลิกกลัวท่านไปนานแล้วเพราะท่านใจดีกับตนมาก

แต่พอมาตอนนี้ ขวัญนพัตคิดว่าโรคกลัวท่านอัศม์กำลังกลับคืนมา ดวงตาสวยหลุบมองพื้น กลัวสายตาที่จ้องราวกับว่าจะมองทะลุผ่านตัวเขาไปให้ได้ นึกอย่างไม่เข้าใจ ว่าเป็นเพราะเหตุใดตนถึงได้ถูกผู้นำตระกูลเตชโรจนโสภณจ้องไม่วางตาถึงเพียงนี้

ท่านจ้องมาด้วยสายตาดุๆ แบบนี้ นี่เราทำอะไรผิดหรือเปล่านะ?



ขวัญนพัตถูกปล่อยตัวให้มาทำขนมให้เสร็จ ซึ่งก็พอดีกับเวลาอาหารกลางวันของทั้งห้าท่านพอดี ร่างบางเลยได้พักไม่ต้องไปยืนรอท่านๆ รับประทานอาหารเหมือนกับพ่อกับยายที่ต้องยืนในห้องรับประทานอาหารจนกว่าท่านทั้งห้าจะรับประทานเสร็จ

“คุณขวัญจะไปนั่งเล่นที่ศาลาใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวพี่จะยกของว่างไปให้เหมือนเดิมนะคะ”

“ขอบคุณนะครับพี่ดาว”

ขวัญนพัตได้รับอนุญาตว่าให้สามารถไปนั่งเล่นที่ศาลากลางสระบัวได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เวลาท่านๆ รับประทานอาหารกลางวัน ร่างบางก็จะเลี่ยงมานั่งกินของว่างที่ศาลาเพลินๆ รอคุณหญิงย่ากับคุณหญิงน่านฟ้ามาสอนงาน บ้างก็เอาการบ้านมานั่งทำ แต่วันนี้ท่านกลับมา คงจะอยู่กันกับครอบครัว

“คุณหญิงย่ากับคุณหญิงน่านฟ้าคงจะไม่มาสอนหรอกมั้ง ขอยายกลับบ้านดีกว่า จะได้ลากพี่สิงห์ไปเที่ยว” เล่นโทรศัพท์ไป พูดคนเดียวไป ไม่นานของว่างที่เป็นขนมฝีมือตัวเองกับน้ำชาก็มาเสิร์ฟให้ถึงที่

“ขอบคุณนะฮะพี่ดาว อย่าลืมทานล่ะ ขวัญทำในส่วนของพี่ๆ ไว้ด้วย”

“จ้า พวกพี่ขอบคุณคุณขวัญมากๆ เลยนะ เห็นตั้งแต่ตัวเปี๊ยกๆ โตมาทำขนมเก่งกว่าพี่อีก”

“ฮะๆ ขวัญได้ครูดี”

“ค่ะๆ งั้นพี่ไปทำงานต่อแล้วอยากได้อะไรเพิ่มบอกพี่ได้นะ”

“คร้าบ...พี่ดาวคนสวย”

ร่างบางใช้เวลาไปกับการอ่านบทความต่างๆ ที่สนใจผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่พี่สาวคนรองซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดอายุครบสิบหกปีที่ผ่านมา ส่วนปีนี้ที่พึ่งผ่านไปร่างบางได้แท็บเล็ตจากพี่สาวคนที่สามด้วย ตอนนี้พี่ๆ ทำงานกันหมดแล้ว มีแค่ขวัญนพัตที่ยังเรียนอยู่ แต่ก็เป็นน้องเล็กที่พี่ๆ ไม่เคยลืมหรือทอดทิ้ง แม้ว่าพี่สาวคนรองจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม

เวลาที่ขวัญนพัตจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง มักจะไม่ค่อยรู้สึกตัว อย่างเช่นตอนนี้ที่ร่างบางมัวแต่สนใจบทความตรงหน้า ไม่ได้ยินเสียงเดินทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้เบา

ตึก!

มารู้สึกตัวตอนที่เห็นรองเท้าหนังอย่างดีมาหยุดอยู่ตรงหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็เป็นท่านอัศม์ที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะขอเลี่ยงทุกวิถีทาง

“เอ่อ...ท่านจะใช้ตรงนี้หรือครับ”

“อืม”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

“ไม่ต้อง นั่งลงอยู่ด้วยกันนี่แหละ” ท่านสั่งพลางเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาแล้วนั่งลง ขวัญนพัตวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ตรงหน้า

ศาลากลางน้ำจะมีที่นั่งยาวตามขนาดของศาลาโดยรอบก็จริง แต่ตัวศาลมันค่อนข้างใหญ่แล้วก็กว้างมาก หากนั่งด้านข้าง ต้องคอยหลบแดดไปเรื่อยๆ อีกทั้งพื้นที่ตรงกลางมันก็ว่างอยู่ จึงนำชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เข้ากันกับสีของศาลามาตั้งไว้เวลามานั่งนานๆ จะได้ไม่ต้องหลบแดด ขวัญนพัตจึงมีที่นั่งเรียนรู้งาน และนั่งทำการบ้านโดยไม่ต้องย้ายที่บ่อยๆ

ทั้งสองคนเงียบใส่กัน ไม่นานดาวก็เดินเข้ามาใหม่ด้วยของว่างและชุดน้ำชาเหมือนกับของขวัญนพัตแต่ถ้วยชามที่ใช้เป็นของหรูกว่าสำหรับเจ้านายโดยเฉพาะ

“ไม่ต้องริน ไปได้แล้ว”

“ค่ะท่าน”

ขวัญนพัตมองตามพี่สาวใช้ไป ก่อนจะหันมามองท่านที่เอาแต่นั่งกอดอกมองเขานิ่งๆ ไม่สนใจของว่างกับน้ำชาตรงหน้าเลยสักนิด

ถ้าไม่ให้พี่ดาวริน ก็ต้องรินเองสินะ แต่ที่ไม่ริน เพราะไม่อยาก?

“ขออนุญาตครับ” ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปฝั่งท่าน ก่อนจะยื่นมือจับที่กาชาแล้วโน้มตัวนิดๆ รินน้ำชาใส่ถ้วยในท่วงท่าที่ถูกฝึกและผ่านการปฏิบัติมาอย่างดี

กิริยานั้นอยู่ในสายตาของท่านทั้งหมด ความรู้สึกแรกคือท่านประทับใจ เพราะไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง ร่างบางก็รู้ว่าควรจะทำอะไร ยังไงในทันที

“ไปนั่งสิ...”

“ขอบคุณครับ”

ร่างบางกลับมานั่งที่เดิม แต่นั่งด้วยท่าทางที่สง่า ตัวตรง หลังไม่ค่อม ไม่เอนกายพิงพนัก เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลาย...

“เป็นยังไงบ้าง” ท่านถามขึ้น ซึ่งขวัญนพัตจะถือว่านี่คือการชวนคุย ไม่ใช่การสอบปากคำจากผู้มีพระคุณที่ให้ทุนการศึกษากับเขาและส่งเงินให้ใช้ทุกๆ เดือน

“ครับ? ถ้าท่านหมายถึงชีวิตการเป็นอยู่ก็ถือว่าสบายครับ มีความสุขมากๆ ต้องขอบพระคุณที่ท่านมีเมตตาต่อผมกับแม่ ไม่เช่นนั้นผมคงต้องอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าที่ไหนสักแห่ง หรือไม่ก็เร่ร่อนไปเรื่อย”

“อืม”

“แต่ถ้าท่านหมายถึงการเรียน ผมก็ตั้งใจเท่าที่ทำได้ครับ ผลการเรียนของผม คุณพ่อก็ส่งให้ท่านดูตลอด แต่ผมก็เข้าใจนะครับ ด้วยภาระหน้าที่ของท่าน ท่านคงไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว” ขวัญนพัตเผยรอยยิ้มบางๆ

“อืม” พยักหน้ารับเบาๆ

“ใช้ชีวิตที่นั่นลำบากไหมครับ” ร่างบางถามกลับ

“ไม่ถึงกับลำบาก แต่ก็ไม่ได้สบาย”

“ครับ” ร่างบางยิ้มเล็กน้อย แล้วเงียบไป เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอีก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอยากคืนเงินและปฏิเสธเงินที่โอนมาทุกเดือน จึงเอ่ยต่อ “ท่านอัศม์ครับ เรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชีทุกเดือน ผมขอคืนให้ได้ไหมครับ แล้วท่านก็ไม่ต้องโอนมาอีก ผมเกรงใจน่ะครับ ขอรับแค่ทุนการศึกษาก็พอครับ”

“ทำไม?”

“พอดีว่าผมไม่ค่อยได้ใช้เลยน่ะครับ แล้วจำนวนมันก็เยอะไปสำหรับเด็กมอปลายอย่างผมด้วย”

“ฉันให้ก็เอาๆ ไปเถอะ”

“แต่...”

“พ่อเธอไม่ได้บอกเหรอว่าฉันสั่งไปยังไง ก็ต้องทำอย่างนั้น ฉันให้เพื่อให้เธอใช้ เธอก็ต้องใช้”

“ครับ...ก็ได้ครับ” เมื่อรู้ว่าปฏิเสธคำสั่งที่สั่งเอาไว้อย่างเด็กขาดไม่ได้ ก็ได้แต่ยอมรับอย่างจำยอม ใบหน้าหงอยๆ นั่นทำให้ท่านอัศม์เผลอยิ้มออกมา

“ขนมน่ะ...อร่อยนะ”

“ขอบคุณนะครับ ดีใจที่ถูกปากท่าน” คราวนี้ขวัญนพัตยิ้มเต็มหน้า เป็นรอยยิ้มที่สวยมาก และเป็นรอยยิ้มเพียงแค่คุ้น แต่มันชัดเจนเลยว่าตัวท่านเองเคยได้รับมาก่อนจริงๆ

รอยยิ้มสดใสของเด็กชายขวัญนพัตในอดีตที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดของเขาได้

ในวันนี้รอยยิ้มนั้นสวยมากขึ้น แต่ยังคงความซื่อ บริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง...









+ + + + + To be continue + + + + +

เขาเจอกันแล้วค่ะ ท่านอัศม์สายเปย์ ตอนนี้ก็เปย์เพราะแค่สงสารกับเอ็นดู นี่ถ้าความรู้สึกเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ ไม่รู้จะเปย์อีกแค่ไหน หนูขวัญเป็นเศรษฐี ตัวเลขในบัญชียังไม่เปิดเผย

ฝากแฟนเพจกับทวิตเตอร์ด้วยนะคะ งานเขียนเดินต่อได้ เพราะกำลังจากทุกคนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งนะคะ ^^

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

https://twitter.com/Sawachi_Yuki

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :L3: อยากได้แบบนี้บ้าง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เมื่อไหร่ท่านจะหลงรักน้องงง
หนูขวัญน่ารักมากเลยตอนคุณกับคุณพ่อ ทุกคนต่างเอ็นดูน้องงง

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เจอกันแล้ว ดีใจจัง

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ว้าววว เซอร์ไพรส์กันทั้งบ้านค่ะ และทำวุ่นกันด้วย

อัศม์คือผู้ชายมาดเนี้ยบ แต่ดูอบอุ่น และรักครอบครัว
ดูจากการวางตัว พูดคุยกับคนที่บ้าน งานก็ส่วนงาน

อัศม์ชัดเจนกับทุกคน แต่กับขวัญ ชอบแกล้งน้อง
เห็นน้องแว่บแรกแล้วตะลึง แต่ตอนนี้ทำเข้มใส่ ตลกดี

ชอบความงงของคนที่บ้าน ที่อัศม์มีอาการกับขวัญต่างจากที่เป็นปกติ

ขวัญน่ารักมาก เอ็นดูความฉลาด และความซื่อในบางเวลา
โดนพี่แกล้งอีกแล้ว จะรู้ตัวไหมนะว่าทำพี่เอ็นดูเพิ่มขึ้นได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
7

เด็กน้อยของท่าน...ทำ ‘หน้าที่’





อัศม์เดชกลับมาก็เริ่มทำงานในทันที ประชุมพรรคในวันต่อมา จากนั้นจันทร์ถึงศุกร์ก็เข้าบริษัททุกบริษัทตลอดทั้งอาทิตย์ กลายเป็นว่าตารางงานของท่านแน่นมาก แล้วยังมีงานเลี้ยงต้อนรับกลับมาที่สมาชิกพรรคจัดให้อีก แต่ท่านก็ยังเป็นท่าน ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยกับเขาหรอก

ท่านทำงานจนวันเสาร์เวียนมาอีกครั้งบ่งบอกว่าตัวเองกลับมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ซึ่งในวันนี้ท่านไม่มีงานเร่งด่วนที่ต้องจัดการ เลยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ตื่นแต่เช้า วิ่งออกกำลังกาย พอถึงเวลาอาหารเช้าก็นั่งรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว จากที่เพลียๆ มาตลอดทั้งอาทิตย์ พอเห็นหน้าใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กับพิไลในห้องรับประทานอาหารเพื่อรอรับใช้ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างแปลกประหลาด

อยากจะชวนให้ร่วมโต๊ะด้วย แต่ก็คิดได้ว่าคงจะไม่สมควรเท่าไหร่แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พอจะเอามาอ้างได้ เพราะขวัญนพัตก็เป็นเพียงลูกชายของคนสนิทซึ่งสันต์ธรก็ไม่ค่อยได้ร่วมโต๊ะกับพวกเราท่าไหร่นัก เพราะว่ายึดมั่นในหน้าที่และฐานะของตนเสมอ

“วันนี้ท่านจะใช้ศาลา ขวัญคงจะใช้ไม่ได้นะลูก” พิไลบอกหลานขณะที่กำลังเตรียมขนมกับน้ำชาให้ท่านที่ไปนั่งพักผ่อนที่ศาลาแล้ว

“ครับยาย เดี๋ยวหนูไปนั่งที่สวนบ้านพักก็ได้ฮะ นัดกับแก้วอ่านหนังสือ วันจันทร์พวกหนูสอบ”

“จะปิดเทอมแล้วสินะลูก”

“ครับยาย ปิดเทอมเล็กสองอาทิตย์เอง ยายลาพักร้อนได้ไหมฮะ หนูอยากพายายไปเที่ยว”

“ปิดตอนไหนล่ะลูก”

“สอบเสร็จก็ปิดเลยฮะ”

“ยายก็อยากเที่ยวกับขวัญเหมือนกันนะ เดี๋ยวดูก่อนว่าจะลาวันไหนได้บ้าง”

“เย้! หนูจะรอน้า”

“แล้วจะพายายไปไหนอีกล่ะเรา คราวก่อนไปทะเลแล้วนะ”

“คราวนี้หนูจะพายายเดินสายทำบุญเก้าวัด เดี๋ยวหนูจะจัดทัวร์เองว่าจะพายายไปไหนบ้าง ทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นยายหลานกันอีกไงฮะ”

“อื้อหือ...ช่างพูดจริงเชียวเด็กคนนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ยายอยากทำบุญ” พิไลยิ้มให้หลานชายที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่ยิ่งโตเธอก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะความใสซื่อของหลานที่ได้ฟังมาจากแก้วกานต์ เรื่องของตัวเองขวัญนพัตจะรู้สึกตัวช้ามาก แต่ถ้าเป็นเรื่องคนสำคัญของขวัญนพัตล่ะก็ จะรู้ตัวเร็วเสมอ

น่าเป็นห่วง...เพราะหน้าตาที่จัดว่าหวาน ทำให้หลานชายเป็นที่หมายปองค่อนข้างเยอะ ดึงดูดเพศเดียวกันเข้าหามากกว่าเพศตรงข้าม พอยุคสมัยเปลี่ยน โลกเปิดกว้างในเรื่องของรักร่วมเพศจนเป็นเรื่องปกติของสังคมไปแล้ว แล้วยังมีกฎหมายที่ให้ผู้ที่รักร่วมเพศจดทะเบียนสมรสกันได้ด้วย พอมันไม่ต้องหลบซ่อนตัวตน จึงส่งผลให้คนเข้าหาขวัญนพัตอย่างเปิดเผย

“งั้นหนูไปหาแก้วแล้วนะฮะ”

“จ้าๆ ไปอ่านหนังสือไป เดี๋ยวค่อยมาช่วยยายทำอาหารมื้อเย็นก็ได้ อาหารกลางวันเดี๋ยวให้พวกพี่ๆ เขาจัดการไป ว่าแต่จะเอาขนมกับน้ำผลไม้ไหมลูก”

“เดี๋ยวขวัญจัดการเองฮะ”

“โอเค เดี๋ยวยายเอาของว่างไปให้ท่านก่อน”

“ครับผม”

ขวัญนพัตมองตามหลังยายพิไลที่เดินนำหน้าเด็กรับใช้ที่ทำหน้าที่ถือถาดของว่างเดินตามยายตนไป แล้วหันมาสนใจตตระเตรียมเสบียงสำหรับอ่านหนังสือสอบของตัวเองต่อ...



ท่านอัศม์นั่งผ่อนคลายอยู่ที่ศาลากลางสระบัวโดยไม่มีสันต์ธรอยู่เนื่องจากท่านต้องการอยู่คนเดียว ซึ่งตอนนี้ก็มีเพียงพิไลกับเด็กรับใช้อยู่กับท่านด้วย

“ดีจริงๆ เลยนะคะที่ดิฉันได้เห็นท่านอัศม์พักผ่อนกับเขาเสียที”

“ตอนอยู่ต่างประเทศฉันก็พักบ่อยนะพิไล”

“แต่ดิฉันไม่เห็นนี่คะ”

ท่านอัศม์ยกน้ำชาขึ้นดื่ม ละสายตาจากหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษมามองใบหน้าแม่บ้านที่อยู่กับตระกูลมาหลายปีด้วยความซื่อสัตย์ ภักดี

“วันนี้ฉันมาแย่งที่ประจำของหลานพิไล เด็กคนนั้นก็คงไม่ได้โกรธหรอกนะ”

“จะไปโกรธท่านได้ยังไงล่ะคะ แล้วที่ตรงนี้ก็เป็นของท่านหาใช่ของขวัญไม่ อย่าพูดเช่นนี้สิคะ”

“แล้วตอนนี้ขวัญไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ร่างสูงถามถึง

“ขวัญไปอ่านหนังสือเตรียมสอบที่สวนหน้าบ้านพักคนงานกับเพื่อนรุ่นเดียวกันน่ะค่ะ ลูกชายของกอบกิจค่ะท่าน”

“งั้นหรือ? ใกล้สอบแล้วก็แสดงว่ากำลังจะปิดเทอม”

“ค่ะ เมื่อสักครู่ดิฉันก็คุยกับขวัญเรื่องนี้ เห็นว่าเป็นปิดเทอมเล็กสองอาทิตย์ค่ะ”

“อืม...แล้วปิดเทอมมีแพลนจะทำอะไร”

“ก็จะมาทำงานที่นี่ตามปกติค่ะท่าน ช่วงปิดเทอมเล็กขวัญจะมาเรียนทำขนม ทำอาหาร แล้วก็พวกงานฝีมือกับคุณหญิงอัปสรและคุณหญิงน่านฟ้าค่ะ ส่วนปิดเทอมใหญ่ขวัญจะตามคุณสันต์ไปฝึกงานที่บริษัท แต่เห็นว่าหลังๆ มานี้จะเรียนรู้งานที่พรรคเป็นส่วนใหญ่ แต่ดิฉันก็แน่ใจเท่าไหร่นะคะ”

“ก็ดีแล้ว...ถ้าถามพิไล พิไลอยากให้ขวัญทำงานในส่วนไหนมากกว่ากัน”

“จริงๆ ดิฉันไม่กล้าเลือกหรอกค่ะ แล้วแต่ท่านจะกรุณาขวัญค่ะ แต่ถ้าให้พูดในฐานะของยายแล้ว ดิฉันอยากให้ขวัญทำงานส่วนบริษัทมากกว่าค่ะ เพราะงานของพรรคค่อนข้างอันตราย”

ท่านอัศม์พยักหน้าเข้าใจ งานของพรรคเป็นงานที่เจอกับความกดดัน ความรุนแรง เพราะพรรคต้องดูแลสมาชิกพันธมิตรที่อยู่ในรายชื่อทำธุรกิจได้อย่างสงบไม่มีพวกแก๊งนอกรีตมาปั่นป่วน แล้วก็ต้องคอยจัดการพวกที่คิดทำตัวมีปัญหา แน่นอนว่าถ้าการเจรจาไม่ได้ ก็ต้องใช้ความรุนแรงกัน แต่ถ้าใช้ความรุนแรงไม่ได้ก็ต้องมีจิตวิทยาในการแก้ไขปัญหา

ถ้ามองเผินๆ ขวัญนพัตไม่เหมาะกับงานของพรรคจริง แต่อะไรบางอย่างในตัวก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีประโยชน์กับพรรคเช่นกัน เขาไม่รู้ แต่ความรู้สึกบอกว่ามี...

“ก็จริงต้อง...แต่ฉันฟังมาจากคุณย่ากับคุณแม่ ขวัญเรียนกับพวกท่านมาตั้งแต่เด็ก ชำนาญทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ค่ะ ขวัญก็เลยมาช่วยงานที่นี่ มาคอยรับใช้คุณๆ ท่านน่ะค่ะ บางครั้งก็จะตามไปดูแลเมื่อท่านออกงานเวลาคุณสันต์ไม่ว่างค่ะ”

“อืม...ก็ดีแล้ว แสดงว่าทำงานจริงได้แล้วสินะ”

“ใช่ค่ะ เหลือเพียงให้เจอของจริงและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ค่ะท่าน”

งานของพรรคกับบริษัทจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ จะมีประสบการณ์ได้ก็ต้องได้ทดลองทำงานจริง พบเจอปัญหาจริงและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

“พิไลไม่คิดลาพักร้อนไปพักผ่อนบ้างหรือ?”

“จริงสิคะ...ขวัญบอกให้ดิฉันลาพักร้อนเพราะช่วงปิดเทอมเล็กนี้จะพาไปดิฉันตระเวนทำบุญเก้าวัดน่ะค่ะท่าน” พิไลพูดไปยิ้มไป นึกถึงหน้าหลานชาย ใบหน้าของเธอก็จะมีแต่รอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

ท่านได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า เห็นด้วยที่หัวหน้าแม่บ้านจะลาพักผ่อนเสียที ทำงานก็เต็มที่มาตลอด พอมีขวัญนพัตถึงได้ใช้สิทธิ์ลาพักร้อนของตัวเองเป็น

“อืม...พิไลไปทำงานเถอะ”

“ค่ะท่าน”

พิไลกับเด็กรับใช้โค้งให้แล้วเดินออกจากศาลากลางสระบัวไปตามคำสั่งของท่าน เขาคุยพอแล้วก็ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว...ที่เขาถามเรื่องของเด็กในอุปการะก็เพราะว่าต้องการเทียบว่าที่สันต์ธรรายงานมันตรงกันกับที่พิไลพูดหรือเปล่า

จริงๆ ท่านก็ไม่ได้อยากจะจับผิดเด็กอายุสิบเจ็ดหรอก แต่หน้าตาของขวัญนพัตไม่น่าไว้วางใจ ใบหน้าและรูปร่างแบบนั้น เขาเกรงว่าจะทำเรื่องให้เสื่อมเสียและอับอายมาถึงคนที่อุปการะอย่างเขาต่างหาก

“ขอให้เป็นเด็กดีอย่างที่ทุกคนพูดก็แล้วกัน”

สายตาคมมองไปยังตึกบ้านพักของคนงานที่อยู่ตรงหน้า มันอยู่ไม่ห่างจากศาลานี้มากนัก แต่ท่านกลับมองไม่เห็นขวัญนพัตที่บอกกับพิไลว่าจะไปอ่านหนังสือเลย คงจะอยู่ตรงไหนสักจุดที่ต้นไม้บังอยู่ก็ได้

ครืด!!!

ร่างสูงลุกขึ้นยืนตรง ก้าวเท้าเดินออกจากศาลาแล้วตรงไปยังบ้านพักคนงานอย่างไม่มีความลังเล ซึ่งเขาก็คิดว่าควรจะไปตรวจดูความเป็นอยู่ของคนงานเสียหน่อย สองเท้าเริ่มเข้าใกล้ทีละน้อยในจังหวะการก้าวที่ไม่รีบร้อน สายตามองสอดส่องไปรอบๆ ข้างทางตามนิสัยคนช่างสังเกต

ท่านเลือกที่จะไปฝั่งของคนงานส่วนใน บรรยายกาศเงียบเพราะทุกคนไปทำงานกันหมด แต่เพราะมันเงียบ ท่านจึงได้ยินเสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งอย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ แก้วไม่เล่นแบบนี้สิ เราจะอ่านหนังสือนะ”

“นายไม่ต้องอ่านเลย แค่นี้ก็ท็อปจนใครก็ไม่สามารถแซงนายได้แล้ว”

“หวาย...ขี้อิจฉานะเราอ่ะ ฮ่าๆ”

“หยุดหัวเราะไปเลยขวัญ หยุดอ่านของตัวเองแล้วมาติวให้เรานี่ แบ่งความฉลาดมาบ้าง”

“เราไม่ติว แบร่! หนีไปอ่านที่อื่นดีกว่า”

“อ่าวเฮ้ย! จะทิ้งกันเลยเหรอขวัญ!”

“ฮ่าๆ แน่จริงก็ตามเรามาดิ”

อัศม์เดชเดินตรงเข้าไปหาร่างบางที่โผล่ออกมาจากด้านข้างตึก แต่ขวัญนพัตหันหลังให้เขาจึงไม่มองไม่เห็น ซึ่งเด็กหนุ่มอีกคนที่ตัวสูงกว่าก็วิ่งตามออกมา พอเจ้าเด็กนั่นเห็นเขาก็ตาโตหน้าซีด รีบเรียกขวัญนพัตเสียงสั่น

“ขวัญ! หยุดนะ!!”

“โหย...ทำมาเป็นดุ เราไม่กลัวแก้วหรอก เรื่องอะไรจะหยุด”

“ขวัญๆ ข้างหลัง อย่าถอยนะ”

“อะไร ไม่ต้องมาหลอกเรา เราไม่เชื่อ” บอกเพื่อนไปแบบนั้น จึงหมุนตัวจะวิ่งหนีเพื่อน ขวัญนพัตคิดว่าเพื่อนจะไล่ตามอย่างทุกที

ปึก!!

แต่เพราะหันด้วยความเร็วจนปะทะกับร่างแกร่งเข้าจังๆ หน้าผากสวยกระแทกที่อกแกร่งของท่าน ก้าวเท้าถอยหลังเล็กน้อย มือกุมหน้าผากตัวเองก่อนจะเงยหน้าสบตากับเขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าคมกับตาดุๆ ของท่านเท่านั้น ตาสวยก็เบิกกว้างเบิกกว้าง

“ท่ะ ท่านอัศม์ อ๊ะ!!” ร่างบางผงะ ด้วยความตกใจเลยเผลอถอยหลังแต่วางเท้าผิดจังหวะ

หมับ!!

แต่ในจังหวะที่กำลังจะล้มหงายหลัง เจ้าของร่างใหญ่ก็ขยับเข้ามาคว้าเอวบางเอาไว้ได้ ก่อนจะดึงขึ้นมาจนร่างผอมๆ เซมาหาตัว มือสวยวางแนบอกท่าน ปรับลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติจากอาการตกใจก่อนหน้า แต่พอเงยหน้ามองคนที่ช่วยตนก็รู้สึกว่ากำลังหายใจผิดปกติ เพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้แบบที่ร่างกายแนบชิดกันเลย

แขนแกร่งก็ยังคงโอบรอบเอวบางเอาไว้อยู่อย่างนั้น...สบตากันอยู่เนิ่นนานราวกับว่าทั้งคู่หลุดเข้าไปในภวังค์อะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ

ขวัญนพัตได้สติก่อน เพราะคิดว่าอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมกับเจ้านายสักเท่าไหร่...

“เอ่อ...ขอบคุณที่ช่วยนะครับ”

คนตัวใหญ่ขมวดคิ้ว รู้สึกตัวเองเมื่อได้ยินคนในอ้อมแขนกล่าวขอบคุณ ดวงตาที่มักจะไม่แสดวงอารมณ์อะไร กวาดตาพิจารณาใบหน้าสวยของขวัญนพัตที่ได้เห็นแบบใกล้ๆ

สวย...น่ารัก...

“ระวังๆ หน่อย” ท่านเอ่ยเสียงดุกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง

“ข่ะ ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร ทีหลังเล่นอะไรก็มองบ้าง”

“ครับ...เอ่อ ท่านครับ”

“มีอะไร”

“ป่ะ ปล่อยผมได้แล้วครับ” บอกกับคนตัวสูงกว่าเสียงเบา ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองท่าน เพราะตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินและอายมาก ใจก็เต้นแรงไม่หยุดเลย

“หืม...”

อัศม์เดชสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังโอบเอวเล็กเอาไว้แน่น ใบหน้าที่นิ่งเฉยและดูดุตลอดเวลาระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ปล่อย แล้วยังโอบรัดแน่นขึ้นพร้อมกับดึงร่างเล็กให้แนบชิดเข้ามาอีก ใบหน้าสวยแดงซ่านไปจนถึงใบหู ท่านจึงอยากจะแกล้งเข้าไปอีก

น่ารักดี...

“ท่ะ ท่านอัศม์”

“เรียกทำไม”

“ปล่อยก่อนครับ...นะครับ” อ้อนผู้เป็นนายเสียงเบา แต่สามารถเขย่าหัวใจของท่านอัศม์ผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับใครได้อย่างง่ายดาย

“หึหึ” ท่านหัวเราะในลำคอเสียงเบาที่ขวัญนพัตได้ยินอยู่คนเดียว ยอมปล่อยแขนให้ร่างเล็กเป็นอิสระ ขวัญนพัตเม้มปากทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงฉานไม่กล้าสบตากับเขา ก้าวเท้าถอยหลังไปสองก้าวเพื่อให้ระยะห่างเหมาะสม ร่างสูงก็ไม่คิดจะแกล้งอะไรเด็กอีก มองเลยไปข้างหลังของขวัญนพัต

แก้วกานต์สะดุ้งเฮือกเมื่อสายตาคมมองมายังตน พอตั้งสติได้ก็รีบเดินมายืนข้างๆ เพื่อน แล้วยกมือไหว้ท่านให้สุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แก้วกานต์มีโอกาสได้อยู่ใกล้ท่านถึงขนาดนี้ ถ้าไม่นับรวมวันที่เด็กๆ คนงานถูกเรียกตัวมาเคยเมื่อสิบกว่าปีก่อน

“สวัสดีครับท่านอัศม์”

“อืม...”

“ท่ะ ท่านอัศม์มาคนเดียวหรือครับ” แก้วกานต์ถามขึ้นเพราะเพื่อนตัวดีเอาแต่เงียบมองพื้นหญ้าอยู่แบบนั้น

ตัวเองควรเป็นคนพูดกับท่านหรือเปล่าขวัญ ตัวเองใกล้ชิดกับท่านมากกว่า ตอนนี้มาทำเป็นอายพูดไม่ออก เราขาแข็ง จะเป็นลมอยู่แล้วขวัญ!

“อืม...”

ตอบสั้น ตอบน้อย ขอบคุณที่ตอบนะครับ ผมรู้สึกยินดีที่ท่านไม่เงียบใส่

ก็เป็นลูกคนงานคนหนึ่งแล้วก็ได้รับทุนการศึกษาเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ โตมาจากที่นี่ แก้วกานต์รู้ดีว่าท่านเป็นคนยังไง ถ้าไม่ใช่เรื่องงานแล้วล่ะก็ ท่านเป็นคนที่พูดน้อยตอบน้อย แต่ก็ยกเว้นกับคนที่สนิท

“พิไลบอกกับฉันว่าเธอมาอ่านหนังสือกับเพื่อน แต่ที่ฉันเห็นคือเธอกำลังเล่นซนนะขวัญ” ตาคมมองคนตัวเล็กที่สูงเพียงอกของเขากำลังก้มหน้างุดไม่สบตา

“ผมไม่ใช่เล่นซนนะครับ ก็พวกเราเล่นแบบนี้อยู่เสมอ” ตอบเสียงอ่อย

“ถ้ามัวแต่เล่น จะอ่านหนังสือเสร็จตอนไหน?”

“ก็อ่านเรื่อยๆ ครับ ผมไม่ได้รีบ ก่อนนอนก็มี จริงๆ ผมอ่านทุกวิชาหมดแล้ว ตอนนี้ก็อ่านทวนรอบที่สองครับ เลยมาอ่านกับแก้วจะได้ช่วยกันติว”

คนอายุมากกว่ามองหน้าขวัญนพัตไม่วางตา

“ผมไม่อยากให้เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่เครียดก็เลยผ่อนคลายไปกับมัน ไม่กดดันตัวเอง ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ค่อยตั้งใจใหม่ ผมใช้วิธีแบบนี้กับทุกเรื่องครับ เพราะที่ผ่านมาผมไม่ได้เรียนแค่ในโรงเรียน แต่เรียนรู้งานอื่นๆ จากคุณพ่อด้วยน่ะครับ”

“แสดงว่าก็พร้อมที่จะทำงานแล้ว?”

“ท่านจะให้ผมทำงานแล้วหรือครับ” ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายความดีใจช้อนสบตาคมที่กำลังมองมาอยู่เช่นกัน น้ำเสียงตื่นเต้นและยินดีที่จะได้ทำงานจริง

เพราะคำว่าทำงานจริงคือการที่ไม่ต้องให้พ่อหรือใครต้องคอยชี้แนะว่าต้องทำอะไร ยังไง แก้ปัญหาแบบไหนเหมือนกับที่เรียนรู้งานมาตลอด...แม้จะได้ทำจริงแต่ก็เป็นแค่ผู้ช่วย

“ทำไม อยากทำแล้วหรือ”

“ครับ ผมอยากทำงานแล้ว”

“อยากทำส่วนไหนล่ะ”

“คุณพ่อบอกผมว่าท่านไม่ต้องให้ผมดูแลท่านแล้ว ให้เลือกระหว่างบริษัทกับพรรค จริงๆ ผมยังเลือกไม่ได้เลยครับ อยากลองทั้งสองส่วนเลย พอเรียนจบแล้วผมจะได้เลือกได้ว่าอยากจะไปทำส่วนไหน”

“ฉันคิดว่าเธอจะมีตัวเลือกเดียวคือบริษัท ทำไมถึงสนใจพรรค”

“ไม่ทราบสิครับ แต่รู้สึกว่าพอจะทำอะไรได้บ้างน่ะครับ”

“เรื่องดูแลฉันน่ะ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“ครับ?”

“ฉันจะให้เธอเป็นคนดูแลฉัน ตั้งแต่การตื่นนอน และอยู่ข้างๆ ฉันจนกระทั่งนอน”

“อะไรนะครับ ไหนว่าท่าน…”

“ก็เปลี่ยนใจไง เธออุตส่าห์ฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ จะไม่ให้ใช้วิชาเลยก็ดูใจร้ายไป”

“แต่ผมก็ได้ใช้วิชาพวกนนี้ในการดูแลคุณๆ ท่านอื่นนะครับ”

ขวัญนพัตไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังเถียงท่านอัศม์อยู่ แต่ถึงท่านจะรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังเถียง หากเขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแล้วยังปล่อยให้เด็กหนุ่มพูดไป

“ก็ถูกฝึกเพื่อดูแลฉันไม่ใช่หรือ”

“ครับ...” รับคำเสียงอ่อย ใบหน้าดูผิดหวัง “ผมจะไม่ได้ทำในส่วนอื่นด้วยเหรอครับ”

“ใครบอก”

“ถ้าการที่เธอต้องดูแลฉันตลอดเวลา นั่นหมายความว่าฉันอยู่ที่ไหน เธอก็อยู่ที่นั่น เธอจะได้ทำงานในส่วนของพรรคและบริษัทไปพร้อมๆ กัน” สิ้นเสียงของท่าน ร่างบางก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆ จะได้ใช้มันให้เป็นประโยชน์ในทุกๆ เรื่องเลย

“ดีใจขนาดนั้นเลย?”

“ครับ...จะได้ตอบแทนพระคุณท่านอัศม์เสียที”

“หึหึ รีบตอบแทนไปทำไม เพราะทั้งชีวิตเธอก็ทดแทนมันไม่หมดหรอก” ขวัญนพัตยู่หน้าอย่างลืมตัวกับประโยคน่าหมั่นไส้จากปากของท่าน

แก้วกานต์ยืนกลืนน้ำลายตัวเอง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน อยากจะเดินออกมาก็กลัวจะเสียมารยาทที่ไม่ลาท่านก่อน

“ก็ทดแทนให้มากที่สุดไงครับ”

“ปากเก่งจริงๆ”

“อ่า ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท”

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

ท่านแค่ชมว่า ‘ปากเก่ง’ ทำไมถึงได้ทำหน้ารู้สึกผิดขนาดนั้น

“ก็...”

อัศม์เดชคงจะไม่รู้ว่าปากเก่งมันไม่ใช่คำชม

“เอาเถอะ ไปเริ่มงานของตัวเองได้แล้ว”

“ครับ? งาน? เริ่มงาน...” ขวัญนพัตงง เริ่มสับสนที่จู่ๆ ก็มีคำสั่งให้เริ่มงาน ทั้งๆ ที่คิดว่าน่าจะได้เริ่มช่วงปิดเทอมเสียอีก...

“ดูแลฉันไง ไปเอาหนังสือ แล้วไปที่ศาลา ฉันพักผ่อนอยู่ที่นั่น ส่วนเธอก็ไปอ่านหนังสือกับฉัน”

“แล้วแก้ว…”

“เราอ่านเองได้ สบายมาก ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวให้พี่จิมสอน วันนี้พี่แกไม่ได้ไปไหน อ่านหนังสืออยู่ในห้องน่ะ ขวัญไปทำงานเถอะ เอ่อ...ขอตัวนะครับท่านอัศม์ สวัสดีครับ”

ท่านพยักหน้ารับไหว้ แก้วกานต์เดินหันหลังกลับไปที่ข้างตึก ส่วนขวัญนพัตก็มองท่านแบบไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ แต่พอถูกกำชับผ่านสายตาดุๆ ก็รีบวิ่งตามเพื่อนไปเก็บหนังสือแล้วกลับมาหาท่านด้วยความรวดเร็ว สองเท้าก้าวเดินตามท่านอยู่ข้างหลัง ตาหวานมองแผ่นหลังกว้างที่เดินด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วใจสั่น

ขวัญนพัตนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาแล้วหน้าแดงซ่าน ยกมือมาจับที่อกด้านซ้ายของตัวเองเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ชักจะไม่เข้าใจตัวเองเสียแล้วว่ามันคืออะไร

“เต้นแรงจัง เป็นโรคหัวใจหรือเปล่านะ”

ยิ่งตอนที่อยู่แนบชิดกับท่าน ใจเต้นแรงจนรู้สึกจี๊ดๆ แข้งขาอ่อนแรง ใบหน้าและดวงตาร้อนผ่าว ภาพใบหน้าของท่านที่อยู่ใกล้ ขวัญนพัตพูดได้คำเดียวเลยว่า ‘หล่อ’

“อาการมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินจากแก้วเลย”

ยังคงพึมพำเบาๆ อยู่คนเดียว แม้จะมองข้างหน้าแต่ก็ไม่มีสติพอจะรู้ว่าท่านกำลังยืนนิ่งๆ มองตัวเองอยู่ จนกระทั่งเกิดเดจาวู

ปึก!!

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” แต่คราวนี้ไม่ล้มเพราะขวัญนพัตตกใจมากจนน่าสงสัย ถอยห่างทันทีที่ชนอกท่าน

“เหม่ออะไร”

“เปล่าครับ คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อยน่ะครับ”

“ถ้าทำงานอยู่ แล้วมีศัตรูซุ่มยิง ฉันว่าฉันคงโดนกระสุนโดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัวแน่”

“ขอโทษครับท่าน”

“งานแรกของเธอ แค่เดินตามฉันไปที่ศาลายังทำได้ไม่ดีเลย แล้วแบบนี้จะทำงานจริงๆ ได้งั้นหรือ” เสียงทุ้มยังคงตำหนิขวัญนพัตอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าสวยก้มหน้ารับสภาพ เพราะตัวเองผิดจริงๆ ที่ไม่มีสมาธิ

“ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่บอดี้การ์ด แต่คนที่จะอยู่ใกล้ชิดฉัน ตอนนี้มีแค่สันต์ธรและกำลังจะเพิ่มเธอมาอีกคน คนที่อยู่ใกล้ ต้องปกป้องฉันได้ หรือว่าเธอจะให้ฉันปกป้อง?”

“ผมไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอกครับ”

“แต่ฉันคิด...ฉันคิดว่าเธอปกป้องฉันไม่ได้”

“ผมจะพยายามครับ ให้โอกาสผมนะครับท่าน”

“ฉันให้โอกาสแน่ แต่ผิดพลาดยังไงก็ต้องได้รับโทษ ไม่เช่นนั้นจะไม่หลาบจำ”

ท่านอัศม์เป็นคนที่เข้มงวดขนาดไหนขวัญนพัตรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีโอกาสได้เจอกับตัว แม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยที่มองข้ามก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

เป็นคนใกล้ชิดท่าน ไม่ง่ายเลยจริงๆ

“ผมยินดีรับโทษครับ”

“ก็ดี...มาเดินนำ ฉันจะเดินตามเธอเอง” ท่านอัศม์สั่ง

“แต่…ครับ” อ้าปากเตรียมแย้ง แต่พอตาคมๆ นั่นจ้องมาก็เปลี่ยนเป็นรับคำสั่งนั่นอย่างจำยอม ร่างเพรียวเดินนำท่านไปยังศาลา

ท่านอัศม์ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินตามคนตัวเล็กไป กลายเป็นว่าท่านเอาแต่จ้องร่างนั้นเดินโดยไม่สนใจอะไรรอบข้างอย่างเคย คิดในใจว่าเจ้าตัวเล็กเหม่อเพราะมองแต่ตน พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด ระหว่างทางก็เจอกับเหล่าคนงานเดินทำงานกันอยู่ประปราย ซึ่งก็ให้ความสนใจภาพท่านกับขวัญนพัตกันพอสมควร หากแต่ก็ไม่สามารถนินทาในระยะเผาขนได้ พอใกล้ถึงศาลา ร่างเล็กหยุดเดินหมุนตัวกลับมามองท่านอัศม์ ร่างสูงเลิกคิ้ว

“ผมจะไปเอาของว่างกับน้ำชาชุดใหม่มาให้นะครับ ของเดิมคงจะเย็นแล้ว”

“มันไม่เย็นเร็วขนาดนั้นหรอก ฉันกินได้”

“แต่ขนมตากลมทิ้งเอาไว้ไม่ใช่หรือครับ”

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องกิน ฉันไม่หิว”

ขวัญนพัตหน้ายุ่ง ถอนหายใจ แล้วเดินบนสะพานไป ร่างสูงยังไม่เดินตาม ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วโทรหาคนสนิททันที

“สันต์ บอกพิไลว่าให้เด็กเอาขนมกับน้ำชามาใหม่สองชุด ฉันให้ขวัญนั่งเป็นเพื่อนอยู่ที่ศาลา” ปลายสายรับคำสั่งอย่างสุภาพไม่มีคำถามอะไร ท่านอัศม์เลยวางสายขณะที่สองเท้าก็เดินไปที่ศาลาซึ่งขวัญนพัตกำลังยืนรออยู่ ร่างสูงเดินเข้าไปนั่ง ก่อนที่คนตัวเล็กจะโค้งให้แล้วนั่งตาม

“อ่านเล่มนี้ให้ฟัง”

“แล้วผมจะได้อ่านของตัวเองตอนไหน”

“แค่ทวนไม่ใช่เหรอ อ่านก่อนนอนก็ได้”

ขวัญนพัตรู้สึกเหมือนโดนย้อน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หยิบหนังสือเล่มหนาของท่านมาถือ ดูหน้าปก ก่อนจะเปิดไปยังหน้าที่คั่นเอาไว้

“ผมอ่านต่อจากนี้นะครับ”

“อืม...”

อัศม์เดชนั่งไขว่ห้าง กอดอก แล้วค่อยๆ หลับตาลง ตั้งใจฟังเสียงนุ่มๆ ของขวัญนพัตอ่านหนังสือให้ฟัง สำเนียงภาษาอังกฤษของร่างบางดีมาก แสดงว่าต้องฝึกกับชาวต่างชาติหรือได้พูดมันอยู่บ่อยๆ พอลืมตาก็เห็นใบหน้าหวานกำลังตั้งใจ แววตาก็เปล่งประกายสดใสเมื่อรู้สึกสนุกไปด้วย

เวลาคลายเครียดหรือพักผ่อน ท่านอัศม์จะเลือกวรรณกรรมต่างประเทศมาอ่าน หากใครรู้เข้าก็คงคิดว่าไม่เหมาะ แต่นี่คือความจริง เป็นเรื่องส่วนตัวที่น้อยคนจะรู้

ใบหน้าไร้อารมณ์จุดรอยยิ้มบางเบาออกมา หลับตาฟังเสียงเพราะๆ ของขวัญนพัตด้วยความเคลิบเคลิ้ม











+ + + + + To be continue + + + + +

ก่อนอื่นแจ้งไว้ก่อนว่าอาทิตย์หน้าไม่ลงค่ะ ^^ เจอกันอังคารหน้าหน้านะคะ ให้กำลังใจยูกิด้วยน้า แล้วเจอกันจ้า

ฝากแฟนเพจกับทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

https://twitter.com/Sawachi_Yuki

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: ท่านอัศดจ้าเล่ห์กับเด็กน้อยหรอคะเนี่ย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ท่านเริ่มจะเห็นเสน่ห์ในตัวน้องขวัญเพิ่มขึ้น น้องจะตกหลุมรักท่านเร็วๆนี้มั้ย รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ท่านดูดุ เข้มงวดมาก กลัวแทนน้องขวัญญญ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 o13
 :pig4:
รออ่านต่อค่ะ
 :3123:

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ทุกคนต่างห่วง หวงน้องขวัญ ป้องกันคนมาจีบทุกทาง แต่กับท่านจะกันไงอ่ะ ดูท่าจะเนียนเคลม ป๋าสายเปย์ก็งี้  :katai3:  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด