อุปถัมภ์เสน่หา [อัศม์เดช] | MASTER Project | ตอนที่ 12 | 31/01/63 P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อุปถัมภ์เสน่หา [อัศม์เดช] | MASTER Project | ตอนที่ 12 | 31/01/63 P.4  (อ่าน 14007 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ดีใจแทนหนูขวัญ เป็นคนโปรดของทุกคนในตระกูล

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
    สนุกมากเลยคะพึ่งตามอ่านทัน อ่านไม่วางเลยคะ

แรกๆอ่านยอมรับว่าแอบเสียน้ำตาไปเยอะอยู่คะ

เพราะสงสารขิมและขวัญชีวิตอาภัพมากแต่ก็ด้วย

ความอบอุ่นของครอบครัวของท่านอัศม์และพี่ๆคน

งานในบ้านที่ทำให้บรรยากาศสดชื่นชึ้นและได้น้อง

ขวัญเด็กน้อยตาใสยิ้มน่ารักคนเดิมกลับมา

พอน้องโตขึ้นก็ยิ่งน่ารักสมวัยเเถมเก่งทั้งงานบ้าน

งานนอกบ้านน้องยิ่งน่ารักแถมคุณย่าก็รักใครๆก็

เมตตา...ชอบมากค่ะเป็นกำลังใจให้นะคะนักแต่ง

         รออ่านตอนต่อไปคะ♥️♥️

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
11
อยู่ดีๆ ก็โดน ‘กลั่นแกล้ง’
[/size]




ขวัญนพัตยืนนิ่งๆ ด้วยท่าทางเหยียดตรงสง่าผ่าเผย ที่แขนขวามีผ้าสีขาวพาดอยู่ ตอนนี้ตัวเขาทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านคอยดูแลเจ้านายเวลารับประทานอาหารด้วยความคุ้นเคยเพราะผ่านการฝึกฝนแบบนี้ซ้ำๆ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาลอบมองที่โต๊ะอาหารอยู่เป็นระยะๆ เผื่อว่าคุณหญิงน่านฟ้าต้องการอะไรหรือแขกต้องการอะไรเพิ่มเติม
ทุกอย่างก็ราบรื่นดี บรรยากาศเป็นไปตามมารยาทอันพึงควร ล่ะมั้ง
เพล้ง!
“อ๊ะ ขอโทษค่ะคุณหญิงแม่ เข็มไม่ค่อยสบาย มือไม้ไม่ค่อยมีแรง รบกวนขวัญช่วยเปลี่ยนส้อมให้อีกทีสิคะ”
“ได้ครับ”
ขวัญนพัตทำตามที่แขกกิตติมศักดิ์ต้องการโดยไม่อิดออดหรือมีสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิด แม้จะรู้สึกตงิดๆ ใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมันคือหน้าที่ของเขา
“ขอบคุณจ๊ะ”
เขาแค่ยิ้มรับตามมารยาทเท่านั้นไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะตอบกลับมาหลายรอบแล้ว! ใช่ หลายรอบแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขมินทราทำอะไรหล่น
มันก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนักหรอกถ้าเขาไม่ได้เปลี่ยนส้อม เปลี่ยนช้อน เปลี่ยนมีดให้กับเขมินทราสามรอบแล้ว ไม่รู้ว่ามือไม้อ่อนอะไรนักหนา ทำตกอยู่นั่นแหละหรือปกติเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่แล้วก็ไม่รู้ ขวัญนพัตได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างไม่ผิดสังเกต ทว่าคนในห้องก็รู้ดีว่าเขมินทราตั้งใจ
คุณหญิงน่านฟ้าเองก็ชักสีหน้าเล็กน้อย เด็กในอุปการะกำลังโดนกลั่นแกล้งแน่ๆ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนกับมารดาของเขมินทรามาตั้งแต่สมัยเรียนและมีความเอ็นดูลูกสาวของเพื่อนอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากกว่าเด็กที่เธออบรมเลี้ยงดูมาจนโตแบบขวัญนพัต
หน้าที่ของขวัญนพัตคือดูแลลูกชายของเธอ ขึ้นชื่อว่าคนของท่านอัศม์แม้เป็นคนขับรถก็สูงส่ง อย่าว่าแต่เป้นคนของลูกชายเลย หากคนที่ถูกปลูกฝังมีดีๆ ก็ย่อมให้เกียรติคนที่ด้อยฐานะกว่า อย่างเธอเองแม้เป้นถึงคุณหญิงคุณนายแต่ก็ไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนใช้ในบ้าน ทั้งยังช่วยเหลือให้เกียรติอยู่เสมอ
เห็นทีว่าเวลามีแขกจะให้ขวัญนพัตออกมารับแบบพร่ำเพรื่อไม่ได้
“ขวัญ ให้กล้วยมาทำแทน เรามานั่งกินข้าวซะ คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องมาทำแบบนี้อีก คอยดูแลแค่ตอนตาอัศม์อยู่ก็พอ”
สิ้นคำพูดของน่านฟ้า เขมินทราก็ทราบได้ทันทีว่าตนได้ทำพลาดแล้ว หลังจากนี้คุณหญิงแม่คงมองเธอในอีกด้านหนึ่งอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ผิดที่เธอนะ เด็กคนนี้ต่างหากที่บังอาจมาแย่งความสนใจจากทุกคนไปจากเธอ
ก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่โชคดีเท่านั้น!
“ครับคุณหญิง”
เมื่อเป็นคำสั่ง ขวัญนพัตที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตลอด ว่าไม่ควรโต้แย้งหรือขัดใจ ต้องทำตามทุกคำสั่งไม่ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่อยากทำก็ตาม
ขวัญนพัตพยักหน้าให้กล้วยที่เดินมาทำหน้าที่แทนตนเล็กน้อยก่อนจะเอาผ้าที่พาดแขนอยู่ไปพับเก็บไว้ แล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ กับมธุรดา เกรงว่าไปนั่งข้างๆ กับเขมินทราแล้วจะโดนกลั่นแกล้ง
เฮ้อ...ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าตัวเองโดนแกล้ง
กล้วยเดินมาตักข้าวให้กับขวัญนพัต ชายหนุ่มหันมายิ้มแล้วพูดขอบคุณเบาๆ จากนั้นก็เริ่มทานอาหารตรงหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้เป็นนาย
“บางครั้งขวัญก็จะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกแม่น่ะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ ‘คนใช้’ แค่ถูกฝึกมาเพื่อให้รับใช้ตาอัศม์ได้ทุกอย่าง”
คุณหญิงน่านฟ้าเน้นคำว่าคนใช้เพื่อตอกย้ำว่าที่สะใภ้ทั้งสองคนให้เข้าใจถึงความสำคัญของเด็กคนนี้ เธอเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กแต่น้อยประหนึ่งลูกของตน เอาความสนิทสนมก็มากกกว่าสะใภ้ทั้งสองคนอยู่ดี
“ค่ะ” สองสาวขานรับคำสั้นๆ ใบหน้ายิ้มหวานประจบเอาใจ
มธุรดาลอยมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าข้างกายเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ เริ่มรู้แล้วว่านอกจากครอบครัวของคู่หมั้นแล้ว คนที่ต้องให้ความสำคัญก็มีน้องชายคนนี้ของคู่หมั้นด้วย
เธอไม่ได้ไม่ชอบขวัญนพัต แต่มันเป็นศักดิ์ศรีในวิชาชีพมากกว่า พอโดนอัยยวัฒน์เปรียบเทียบตนให้ด้อยกว่าขวัญนพัตอยู่เสมอ เธอก็น้อยใจและอยากจะรู้ว่าที่อัยยวัฒน์อวยเอาไว้มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็เท่านั้น
“คุณหญิงแม่ตักปลาราดพริกถึงไหมคะ เข็มตักให้”
“ก็ดีจ้ะ”
เขมินทราที่ได้เอาใจน่านฟ้าก็เริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น ไม่วายตวัดสายตาไปมองขวัญนพัตอย่างไม่พอใจด้วย ทั้งยังเลยมามองมธุรดาด้วย
ว่าที่สะใภ้เล็กเองก้ชักจะฉุน เธอไปทำอะไรให้ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วย
“หลังอาหารกลางวัน พวกหนูจะอยู่ร้อยพวงมาลัยกันไหม พรุ่งนี้วันพระแม่จะร้อยถวายประจำ”
“หวานสะดวกค่ะคุณหญิงแม่ ไม่ได้ทำมานานแล้วเหมือนกัน”
“เข็มเองก็สนใจนะคะ แต่ทำไม่เป็นเลย คงต้องให้คุณหญิงแม่ช่วยสอน”
“ได้สิหนูเข็ม แต่ครั้งแรกคงมีเจ็บนิ้วกันบ้างนะ ช่วงที่ขวัญหัดตอนห้าหกขวบน่ะ มีแผลที่นิ้วเต็มเลย แม่ล่ะสงสารนักเชียว” คุณหญิงน่านฟ้าดึงขวัญนพัตมาในหัวข้อสนทนาอีกแล้ว
เขมินทราใจกระตุก อิจฉาริษยา ส่วนมธุรดากลับตื่นเต้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นฝีมือของขวัญนพัตก็ได้ เลยถามออกมาอย่างไม่ระงับอารมณ์
“น้องขวัญล่ะคะ ร่วมด้วยไหม เผื่อช่วยแนะนำอะไรพวกพี่ได้บ้าง”
“ผมต้องร่วมอยู่แล้วล่ะครับ พอดีว่าต้องทำแทนคุณหญิงย่า ท่านจะต้องถวายพระตลอด” ขวัญนพัตปริปากพูดเป็นครั้งแรก
เด็กหนุ่มรู้สึกผวาไปกับสายตาเปล่งประกายของมธุรดา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมองไม่ออกอยู่เลยว่ามธุรดามีความคิดอย่างไร คงเป็นเพราะว่า ในเรื่องที่สนใจ มธุรดาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทุกคนก็ย้ายไปที่ศาลากลางน้ำ มุมพักผ่อนมุมโปรดของทุกคนในคฤหาสน์ อัศม์เดชยามอยู่บ้านก็จะมาอยู่ที่นี่ ขวัญนพัตที่มาทำงานเสาร์อาทิตย์ก็จะหลบมาอ่านหนังสือหรือทำการบ้านที่นี่เหมือนกัน แต่พอประมุขของตระกูลกลับมา ก็ไม่กล้ามาใช้อีกเลย
“ที่นี่ลมเย็นสบายดีมากเลยนะคะ” มธุรดาเอ่ยขึ้น
“ตาอัศม์ชอบ มุมโปรดของเขา” น่านฟ้าตอบยิ้มๆ
“เข็มก็ชอบนะคะ น่าสร้างไว้ที่บ้าน”
“เอาสิ ให้คนเข้ามาดูได้ แม่อนุญาตให้ทำตาม”
“ขอบคุณนะคะ”
สักพักแม่บ้านก็ทยอยเอาดอกไม้ที่ซื้อจัดใส่พานมาวางไว้ตรงหน้าของแต่ละคนเป็นชุดๆ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ขวัญนพัตตรวจดูดอกไม้เล็กน้อยก็เริ่มหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาร้อย ทางด้านคุณหญิงน่านฟ้าเองก็ทำตาม ส่วนมธุรดาไม่ได้ร้อยบ่อยแต่ก็มีพื้นฐาน แค่มองดูตังอย่างก็เริ่มได้แบบไม่ติดขัดอะไร แต่คนที่ลำบากคือสาวทำงานอย่างเขมินทราที่จับกระดาษปากกามาตลอด
“สมศรี ช่วยสอนคุณเข็มหน่อยนะ”
“ค่ะคุณหญิง”
สมศรีขยับไปนั่งช่วยสอนงานให้กับเขมินทรา ส่วนมธุรดาก็ทำไปสลับกับแอบมองขวัญนพัตที่ก้มหน้าก้มตาร้อยพวงมาลัยโดยที่ไม่มองใครเลย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเสร็จพวงแรกในที่สุด ขณะที่เธอยังไม่ถึงครึ่งทาง
“ทำเร็วขึ้นเรื่อยๆ นะ” คุณหญิงชมอย่างภาคภูมิใจ
หากพูดถึงลูกศิษย์ที่เธอเคยสอนมา ขวัญนพัตเป็นลูกศิษย์ที่เธอภาคภูมิใจที่สุดแล้ว
“เพราะได้ฝึกอยู่ตลอดน่ะครับ พี่เพ็ญฝากด้วยครับ” มือขาววางพวงมาลัยพวงสวยลงบนพานแล้ววานให้แม่บ้านซึ่งเป้นพี่คนสนิทเช่นกันนำไปให้คุณหญิงน่านฟ้าตรวจอย่างที่ทำประจำ
“ฝีมือดี ไม่มีตก สมบูรณ์แบบ”
“ขอบคุณครับคุณหญิง”
ได้ยินคำชมแบบนั้นขวัญนพัตก็ดีใจมีความสุข เริ่มที่จะร้อยพวงต่อไปทันทีอย่างชำนิชำนาญ มธุรดาที่ได้เห็นฝีมืออย่างมืออาชีพก็ได้แต่มองอย่างตะลึงอึ้งค้างไป
ขณะที่เขมินทราเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ เหมือนตัวเองพ่ายแพ้เด็กผู้ชายคนหนึ่ง!
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง ขวัญนพัตกับคุณหญิงน่านฟ้าก็ร้อยพวงมาลัยครบตามจำนวนที่ต้องทำพอดี จึงให้คนเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วหันมาช่วยสอนช่วยแนะนำหญิงสาวทั้งสองแทน
“หนูเข็มไม่ต้องเครียด ตอนที่ขวัญฝึกน่ะ พวงแรกออกมาแย่มากเลยนะ ของหนูนี่ถือว่าพอได้เลย” น่านฟ้าให้กำลังใจ มองสภาพพวงมาลัยที่บิดๆ เบี้ยวแล้วยังช้ำจนเละแล้วยิ้มไปไม่ถึงดวงตา
ที่ว่าขวัญนพัตแย่กว่าก็เป็นความจริง แต่นั่นมันเด็กห้าขวบ...
การทำงานฝีมือทายนิสัยคนเราได้นะ มันบ่งบอกว่าเขมินทราไม่ใช่คนอ่อนโยนและไม่ละเอียดอ่อน หากคนอ่อนโยนแม้จะไม่เคยทำมาก่อน พวงมาลัยไม่มีทางช้ำได้แบบนี้แน่นอนถึงมันจะไม่สวยก็ตาม
“ของพี่เป็นยังไงบ้างคะน้องขวัญ” มธุรดาหันมาถามเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“สวยครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหวานจะไม่ค่อยได้ทำ”
“มือพี่คงเบาน่ะ”
ของมธุรดาแม้จะเทียบกับของขวัญนพัตไม่ได้ แต่ก็ห่างชั้นจากผลงานของเขมินทราอยู่หลายขั้นเลยทีเดียว มีช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนแบบก็ไม่ได้ยากอะไร
“ไม่หรอกครับ ฝีมือของคุณหวานดีต่างหาก”
“ขอบคุณนะที่ชม รู้สึกดีจริงๆ เลย”
มธุรดาพูดอย่างจริงใจ เรื่องร้อยพวงมาลัยเธอยอมรับอย่างแฟร์ๆ เลยว่าสู้ไม่ได้ ส่วนเรื่องของขวานกับขนมนั้น ต้องได้เห็นฝีมือจริงก่อน เธอถึงจะยอมรับ
ไม่งั้นก็เสียชื่อเจ้าแม่ขนมหวานหมดน่ะสิ!
เขมินทรารู้สึกเหมือนโดนถากถาง เสียหน้า อับอายจนไม่รู้ว่าจะปั้นหน้ายังไง แต่แล้วเธอก็ได้แต่ฉีกยิ้มหวาน กัดฟันถามขวัญนพัตอกกมา
“แล้วน้องขวัญคิดว่าผลงานชิ้นแรก ครั้งแรกของพี่เป็นยังไงคะ”
เอาสิ...จะตอบยังไงล่ะ หึ!
“ถ้าเทียบตอนที่ผมฝึกเมื่อตอนหกขวบแล้ว คุณเข็มทำออกมาได้สวยกว่าอีกครับ ตอนนั้นอย่าว่าเป็นรูปทรงเลย แค่จับดอกไม้ก็ช้ำไปหมด บางดอกก็เละเลยนะครับ”
“แหม...ตอนนั้นน้องขวัญยังเด็กนี่คะ ถ้าได้ลองหัดช่วงวัยประมาณนี้ก็คงจะออกมาดูดีกว่าพี่แล้วล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ราวกับว่าขวัญนพัตจงใจเปรียบเทียบตนว่าฝีมือดีกว่าเด็กหกขวบแค่นิดเดียว
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับ คนเรามีความถนัดและความสนใจแตกต่างกัน ลองให้ผมไปทำงานแบบคุณเข็มดูก็ทำออกมาได้ไม่ดีหรอกครับ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เสียงานด้วยซ้ำ”
เด็กคนนี้มันเอาตัวรอดเก่งเหมือนกัน!
“จ้ะ พี่ก็ขอบคุณมาก อย่างน้อยก็สบายใจขึ้นแล้ว ถูกอย่างที่น้องขวัญพูด พี่เป็นผู้หญิงทำงาน เหมาะกับเจรจาธุรกิจมากกว่างานบ้านงานเรือนแบบนี้ อย่างพี่เนี่ยช่วยพี่อินทร์เรื่องธุรกิจกิจการของตระกูลได้ ใช่ไหมคะคุณหญิงแม่”
เขมินทราหาแนวร่วมโดยไม่สังเกตสีหน้าและแววตาของคุณผู้หญิงของบ้านเลยสักนิด น่านฟ้าไม่พอใจอย่างมากที่เขมินทราพูดแบบนั้น ซึ่งก็เท่ากับพูดกระทบเธอด้วย น่านฟ้าแต่งให้พ่อของท่านอัศม์ก็ไม่ได้ช่วยงานในพรรคหรือบริษัทเลย เป็นแต่งานเรือนคอยปรนนิบัติสามีและออกงานสังคมเท่านั้น
วันนี้เขมินทราทำอะไรไม่เข้าหูเข้าตาเธอหลายอย่าง
“แม่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจ้ะ เดี๋ยวจะออกมาคุยด้วย”
“หวานไปด้วยค่ะคุณหญิงแม่”
“จ้า”
น่านฟ้ากับมธุรดาเดินออกไปจากศาลากลางน้ำ โดยมีคนรับใช้คนสนิททั้งสองคนของน่านฟ้าเดินตามไปด้วย บนศาลจึงเหลือแค่ขวัญนพัต เพ็ญ และเขมินทราที่หน้าเสียเนื่องจากคุณหญิงน่านฟ้าไม่ตอบรับเธอ
ซึ่งเธอก็เอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ขวัญนพัตผู้ซึ่งไม่รู้อะไรด้วยเลย
“ฉันอยากดื่มน้ำส้มคั้นเย็นๆ ช่วยไปเอามาให้หน่อยได้ไหม” เขมินทราหันไปพูดบอกเพ็ญ หญิงสาวมองหน้าขวัญนพัตอย่างเป็นห่วงเพราะไม่มีใครที่จะดูไม่ออกว่าเขมินทราไม่ชอบขวัญนพัตเลยสักนิด
ใบหน้าหวานพยักหน้ายิ้มๆ เพ็ญจึงรับคำสั่งแล้วเดินออกจากศาลาไป ตอนนี้จึงมีแค่เขมินทราที่กำลังชักสีหน้าอย่างไม่เสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปให้กับเขา
“แค่เด็กกำพร้าที่โชคดีหน่อย ก็เทียบระดับฉันได้งั้นสิ!”
“ผมก็ไม่เคยคิดแบบนั้นนี่ครับ” ขวัญนพัตยังคงยิ้มโต้ตอบอย่างสงบนิ่ง
“การมีแกอยู่มันขวางหูขวางตาฉันมาก วันนี้คุณหญิงแม่ดูไม่พอใจฉัน ปกป้องยกยอแก ก็แค่ลูกคนงานในบ้านแล้วคุณสันต์ธรรับเป็นลูกบุญธรรมเท่านั้น มีดีอะไรนักหนา เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า!”
“คุณสืบเรื่องของผมมาเยอะพอสมควรนี่ครับ มีคนที่นี่เป็นสายให้อย่างนั้นหรือ?”
เขมินทรานิ่งไปเมื่อโดนถามกลับมา หลบสายตาดูพิรุธ ก็แน่นอนล่ะ เรื่องพวกนี้มีแค่คนที่คฤหาสน์เท่านั้นที่จะรู้ เพราะสันต์ธรไม่ได้ป่าวประกาศถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง
“พูดอะไรของแก”
“ก็มีแค่คนที่นี่เท่านั้นที่รู้เรื่องผม อีกทั้ง...คนที่นี่มีกฎให้ซื่อสัตย์เก็บความลับ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า คนที่ทำให้คุณรู้เรื่องได้เนี่ย ทำผิดกฎแล้วหนึ่ง แน่นอนว่าผมก็ชักเริ่มสงสัย และจะเริ่มหาตัวคนผู้นั้นให้เร็วที่สุดด้วย เพราะการที่มีคนข้างนอกรู้ความเป็นไปในคฤหาสน์ได้มักจะไม่ค่อยปลอดภัยต่อเจ้านายทุกคน”
เขมินทราเม้มปากอย่างเจ็บใจ ตนทำงาน เจอคนมาหลายรูปแบบแล้ว แต่กลับมาพลาดท่าให้กับเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดแบบนี้มันเสียหน้ามาก
หากเรื่องนี้หลุดไป ทุกคนจะรู้ว่าเธอใช้เงินซื้อคนที่นี่ให้ส่งข่าวให้ และแน่นอนว่าการกระทำนี้มันไม่น่าไว้ใจ ตำแหน่งสะใภ้คงจะห่างไกลไปในทันที
“แกกำลังขู่ฉัน!”
“ผมเปล่า แต่คุณทำตัวเอง ผมทำตามหน้าที่ สำหรับผมที่กำลังฝึกงานในพรรคอยู่ อนาคตต้องทำงานข้างกายท่าน จะให้ผมละเลยเรื่องพวกนี้ผมทำไม่ได้หรอกนะครับคุณเขมินทรา”
“ฉันแค่สืบเรื่องของนายกับพี่อินทร์เท่านั้น ไม่ใช่สืบความเป้นไปของตระกูล”
“ก็ไม่ถูกอยู่ดีนั่นแหละครับ คนมีสองนายมักไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์ ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครก็ได้ แต่คุณต้องบอกว่าซื้อข่าวมาจากใคร”
“แกคิดว่าฉันจะโง่เหรอ? เหอะ! ถ้าฉันบอกแกไปแล้วจะทำอะไรได้ จะหาเหตุผลมาไล่คนนั้นออกยังไง ก็ต้องเอาฉันไปเป็นเหตุผลอยู่แล้ว ฉันเกิดมาก่อนแกกี่ปี อย่าคิดหลอกกันง่ายๆ” สาวสวยสะบัดหน้าเชิดๆ
ขวัญนพัตถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วคุณคิดว่าคนแบบนั้นจะทำผิดแค่เรื่องซื้อขายกับคุณอย่างเดียวหรือไง คนที่มันไม่ซื่อสัตย์ ให้ตายยังไงมันก็ทำอีก ของคุณไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ารับเป็นสายให้ศัตรูด้วย คุณคิดว่าผมทำผิดไหมล่ะครับ”
“แก...”
“พูดไม่ออก เพราะมันจริงใช่ไหมครับ ผมไม่เถียงหรอกว่าคุณโตกว่า จบสูง และทำงานแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่โตกว่าจะพลาดไม่เป็นนะครับ และไม่ได้หมายความว่าคนอายุน้อยกว่าจะต้องด้อยไปกว่าคนอายุมากกว่าทุกคน”
“ดีจริงๆ เด็กในอุปการะของคนบ้านนี้พูดจาไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ กล้าสั่งสอนกระทั่งฉันที่เป็นคู่หมั้นของพี่อินทร์ จำไว้เลยนะ ฉันไม่เคยคิดไม่ดีกับที่นี่”
ร่างโปร่งบางถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ฟังที่เขาพูดบ้างไหม ทำไมเข้าใจยากเย็นขนาดนี้ สำหรับคนทำงานแล้วมีวุฒิภาวะแค่นี้เองหรือ หรือว่าเธอจะเป้นโรคหลงตัวเอง?
“ผมก็ไม่ได้หมายถึงคุณ แต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่รับจ้องคุณจะไม่ไปรับจ้างผู้อื่นด้วย แต่เอาเถอะครับ ถึงคุณจะไม่บอกผมก็ไม่เป็นไร ยังไงซะก็ต้องโผล่หางออกมาสักวัน”
เขมินทราโมโหหน้าดำหน้าแดง ผุดลุกขึ้น พุ่งมาหวังจะทำร้าย แต่คนที่ผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้แบบพื้นฐานมาแล้วย่อมมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่า การตอบสนองเลยรวดเร็ว
“แก!!!”
ขวัญนพัตขยับหลบลุกขึ้นแล้วหลบ นั่นทำให้หญิงสาวที่ตั้งใจเข้ามาตบพลาดถลาไปข้างหน้า ก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มหน้ากระแทกกับม้านั่งหน้าผากแตก
“กรี๊ดดดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น มันประจวบเหมาะกับน่านฟ้า มธุรดาที่กำลังเดินมาพอดี ทั้งสองคนได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบเดินเร็วๆ มายังศาลา
ถาพที่เห็นคือเขมินทราล้มอยู่ที่พื้นมือกุมหน้าผาก ร้องไห้เสียงดัง ขวัญนพัตที่ตั้งสติได้ก็ขยับมาจะช่วยพยุง แต่กลับถูกปัดมือออก
เพี๊ยะ!!!
“อย่าเอามือสกปรกมาแตะฉัน!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะขวัญ” น่านฟ้าถามเสียงเครียด “ไปช่วยพยุงคุณเข็มเร็ว” แล้วสั่งคนสนิททั้งสองให้ไปช่วยเหลือหญิงสาวที่นั่งหน้าผากแตกอยู่ที่พื้น
“คือว่า...” เด็กหนุ่มอ้าปากเตรียมอธิบาย แต่เขมินทราก็แทรกขึ้นมาก่อน
“ก็น้องขวัญน่ะสิคะ คนของคุณหญิงแม่ขัดขาเข็มจนหน้าคะมำ ฮึก แตกเลยค่ะ” หญิงสาวเล่าทั้งน้ำตา มือบางยังคงกุมหน้าผากที่แตกเอาไว้
“ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เผื่อมีอะไรอันตราย”
“ดิฉันจะไปบอกให้คนรถเตรียมตัวนะคะ” คนสนิทคนหนึ่งรีบวิ่งออกไป คุณหญิงม่านฟ้ารีบปรี่เข้ามาดูและถามไถ่ลูกสาวของเพื่อนอย่างเป็นห่วง
ตอนนี้แม้จะไม่เชื่อหรอกว่าขวัญนพัตเป็นคนทำ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับคนเจ็บก่อน
“เป็นไงบ้างหนูเข็ม”
“เจ็บค่ะคุณหญิงแม่ ฮึก เข็มเจ็บมากเลย” เธอร้องไห้จริง
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้แผลร้ายแรงขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เป้นครั้งแรกที่เธอเจ็บได้ขนาดนี้ คิดภาพกลับไปแล้วก็อับอายขวัญนพัตนัก ตั้งใจจะไปทำร้ายมันแท้ๆ ดันมาพลาดท่าเสียเอง
แต่ในความอับอายยังมีโชค เธอก็ฉวยโอกาสนี้แหละทำให้ขวัญนพัตได้รับโทษ เป็นบทเรียนที่ริอ่านมาตีเทียบเธอ ทำให้คนที่เกิดในตระกูลไฮโซอย่างเธอรู้สึกด้อยกว่า
“ให้หวานกดแผลก่อนนะคะพี่เข็ม”
“จ้ะ เบาๆ นะน้องหวาน”
ม่านฟ้าขยับออกห่างให้มธุรดาเข้าไปช่วยใช้ผ้าเช็ดหน้ากดแผลเอาไว้ คุณหญิงหันมาสบตากับขวัญนพัตเล็กน้อย เห็นสีหน้าราบเรียบของอีกฝ่าย ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวล
เด็กคนนี้จะไปทำร้ายคนได้ยังไง ยิ่งผู้หญิงด้วยแล้ว...
“ขวัญ ไปเตรียมของให้ฉัน เราจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน”
“ครับคุณหญิง”
ร่างโปร่งบางมองเขมินทราเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากศาลากลางน้ำไปทันทีเพื่อไปเตรียมกระเป๋า ชุดคลุมสำหรับออกข้างนอกให้กับคุณหญิงน่านฟ้า...

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขมินทราก็ถูกนำตัวไปทำแผลและทำการแสกนสมองเพื่อเช็กให้รอบคอบว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งนอกจากที่ต้องเย็บแผลแล้วก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น
เขมินทรามีสีหน้าไม่พึงพอใจมากยามที่เห็นขวัญนพัตอยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วย ซึ่งการแอดมิดครั้งนี้ เขมินทราต้องการเพื่อความสบายใจทั้งๆ ที่ความจริงกลับบ้านเลยก็ได้
“ผลตรวจก็ไม่มีอะไรมาก หนูเข็มพักผ่อนเยอะๆ นะจ้ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณหญิงแม่ คุณหญิงแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับเข็มด้วยนะคะ” เธอทำสีหน้าเศร้าสร้อย มธุรดาที่ยังไม่กลับก็ได้แต่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
“แม่ต้องให้ความยุติธรรมอยู่แล้วจ้ะ”
ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย...
“ขอบคุณค่ะ น้องขวัญ พี่ก็ไม่โกรธเราหรอกนะ แต่ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมาพี่ยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากน้องเลยนะคะ ไม่สิ มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้สินะ” เขมินทราแสร้งยิ้มฝืนๆ เรียกความน่าสงสาร
แต่คำพูดเหล่านั้นทำให้ม่านฟ้าพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว คนอย่างขวัญนพัตที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีนั้น หากผิดก็ยอมรับผิด แต่ถ้าไม่ผิดแล้ว เจ้าตัวจะไม่ยอมพูด เพราะนี่คือกฎที่เธอตั้งให้กับเด็กคนนี้เอง
เนื่องจากอดีต ไม่ว่าจะผิดจะถูก ขวัญนพัตชอบพูดขอโทษออกมาเสมอ เธอไม่อยากให้ใช้พร่ำเพรื่อ จึงได้บังคับเรื่องนี้เอาไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ สวัสดีค่ะคุณหญิงน่านฟ้า คุณหวาน เอ่อ คุณขวัญ ดิฉันดารารัศมิ์หรือดาวเป็นน้องสาวของพี่เข็มค่ะ คุณพ่อให้มาเป็นตัวแทนของท่าน”
สาวสวย ร่างเล็ก ผิวขาวเนียนของดาราสาวมาแรง เธอเข้ามาในห้องแล้วทักทายทุกคนด้วยกิริยาที่ถูกสอนมาอย่างดี ไหว้งามสง่าอย่างไทย ร้อยยิ้มหวานๆ ของเธอสวยจนขวัญนพัตใจกระตุก ไม่ใช่อาการตกหลุมรัก แต่เป็นความรู้สึกประทับใจต่างหาก
“หนูดาวนั่นเอง” น่านฟ้ายิ้มรับแกนๆ เพราะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก
แม้จะรู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นฝ่ายแย่งพ่อของเธอมา แต่ว่าการที่ไม่ยอมจบกับผู้หญิงคนเก่าต่อให้รักมากแค่ไหนก็เป็นการกระทำที่เธอไม่ชอบใจนัก และแม่ของดารารัศมิ์ที่ยอมเป็นเมียน้อยจนท้องออกมาก็เป็นผู้หญิงประเภทที่เธอเกลียดชังอย่างมากด้วย นั่นจึงทำให้น่านฟ้าอคติกับหญิงรุ่นลูกคนนี้ไปด้วย
“พี่เข็ม เป็นยังไงบ้างคะ”
“แกไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นห่วงฉันหรอก ไม่ตายให้แกครองสมบัติง่ายๆ แน่”
ดารารัศมิ์หน้าเสีย ไม่คิดว่าจะถูกพูดแบบนี้ใส่ต่อหน้าคนอื่น หากไม่มีคนอยู่ด้วยเธอคงไม่รู้สึกอะไรเพราะได้ยินมาจนชินแล้ว ทว่าครั้งนี้กลับมีคนอื่นมากมาย พี่สาวคนนี้จงใจหักหน้าและใส่ความเธออย่างที่เคยทำมาตลอดแน่ๆ
“พี่เข็ม...”
ยังไม่ทันที่ดารารัศมิ์จะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คราวนี้เป็นสองแฝดพี่น้องของตระกูลเตชโรจนโสภณ อินทร์ธรและอัยยวัฒน์นั่นเอง
“คุณแม่ น้องหวาน” อัยยวัฒน์ทักทายมากดาก่อนแล้วจึงหันไปยิ้มให้แฟนสาวที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวเร็วๆ นี้อย่างมธุรดา ส่วนอินทร์ธรนั้นทักทายแม่เสร็จสายตาก็มองอยู่ที่ร่างบอบบางของน้องสาวคนเจ็บ มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ไม่มีคนทันเห็นแต่ขวัญนพัตเห็น
เรื่องคงไม่ยุ่งไปกว่านี้หรอกมั้ง แต่คุณดาวสวยตรงสเปกของพี่อินทร์จริงๆ นั่นแหละ...ขวัญนพัตคิดอยู่ในใจ
“พี่อินทร์ขา เข็มเจ็บจังค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวก็หาย พี่คุยกับหมอเมื่อสักครู่แล้ว”
เขมินทราหน้าเจื่อน เพราะคู่หมั้นไม่ได้สนใจอะไรเธอเลยสักนิด ดารารัศมิ์เองก็ไม่กล้าหันไปมองคนที่มาใหม่เท่าไหร่ จึงดูเป็นการเสียมารยาท ทั้งที่ความจริง เธอติดรถของอินทร์ธรมา แต่เขาให้เธอขึ้นมาก่อน ส่วนตัวเองก็รออัยยวัฒน์จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ” อัยยวัฒน์เป็นคนถามขึ้นมา
เขมินทราได้โอกาสก็จัดการเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองให้ทุกคนฟัง บอกว่าเธอลุกขึ้นจะเดินไปดูรอบๆ ศาลากลางน้ำ แต่ก็รู้สึกว่าขัดเข้ากับขาใครสักคนก็เลยล้มคะมำลงไป แถมยังบอกอีกว่าตอนนั้นมีแค่เธอกับขวัญนพัตแค่สองคนเท่านั้น
“ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”
ทุกคนหันมามองหน้าขวัญนพัตกันทันทีไม่เว้นแม้แต่ดารารัศมิ์ก็มองด้วยเช่นกัน ทางฝ่ายตระกูลเตชโรจนโสภณไม่ปักใจเชื่ออยู่แล้วว่าขวัญนพัตทำ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันอีกด้วย
“แบบนั้นทางเราก็ต้องรับผิดชอบ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่อินทร์ แค่คำขอโทษก็พอ นอกนั้นเข็มไม่ติดใจเอาความค่ะ” เขมินทราเอ่ยอย่างคนจิตใจดี
“อืม...แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนะ ถ้าแค่เดินเล่นจริง ก็ไม่น่ารุนแรงขนาดที่จะหน้าผากแตกได้เลยนะครับ” อัยยวัฒน์พูดข้อสงสัยขึ้นมา
ขวัญนพัตหันหน้าไปสบตาอย่างขอบคุณ คนเป็นพี่อย่างอัยยวัฒน์เห็นท่าทางแบบนั้นก็เชื่อแล้วว่าน้องชายคนน่ารักของตนกำลังถูกปรักปรำ
“พี่อัยย์คิดว่าเข็มโกหกหรือคะ” หญิงสาวถามเศร้าๆ “ความจริงมันก็คงเชื่อยากนั่นแหละค่ะ ช่างมันก็ได้ เข็มไม่ติดใจอะไรแล้ว”
“ไม่ได้ พี่รับรองว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการคลี่คลาย”
อินทร์ธรพูดออกมาเสียงเข้ม เขมินทรารู้สึกลำคอแห้งผาก ทำไมถึงรู้สึกกังวลได้ขนาดนี้กันนะ ไม่จริงน่า...ตอนแรกที่ไล่ให้คนไปเอาน้ำส้มก็มั่นใจว่าไม่มีกล้องแน่ๆ แล้วนะ
หรือคิดจะช่วยไอ้เด็กเหลือขอนี่ หึ! ประคบประหงมกันดีนักนะ...



+ + + + + To be continue + + + + +

เอาแล้วๆ อยู่ดีๆ อยู่เฉยๆ ก็มีคนหมั่นไส้และเกลียด
เข็มเป็นผู้หญิงเพอร์เฟ็กนะ แต่ยามอยากเอาชนะจะไร้เหตุผลสุดๆ
แกล้งขวัญเพราะหมั่นไส้และไม่ชอบใจล้วนๆ จ้า
ไม่มีเรื่องกันมาก่อนแต่อย่างใดเลย ^^
เจอกันพฤหัสหน้านะคะ สวัสดีจ้า


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: ขอบคุณน้าที่มาต่อ แต่หญิงแม่คะ ผิดน้าที่อคติกับหนูดาว :hao4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
12
อย่ากระตุกหนวด ‘ท่าน’



ภาพที่สันต์ธรคุยโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียดอยู่ในสายตาของท่านตลอดเวลา เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ท่านมาคุยธุระเรื่องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ในความดูแลของทางพรรค แต่ผู้ช่วยคนสนิทกลับมีโทรศัพท์เข้ามากะทันหัน แม้ไม่รู้ว่าใคร แต่การที่สันต์ธรจะมีท่าทางซีเรียสได้แบบนี้ ย่อมต้องเป็นเรื่องของครอบครัว
“เอาเป็นว่าผมจะให้คนดูแลอย่างดีให้ เพียงแต่เราต้องตรวจเช็กของทั้งหมดก่อนนำเข้ามาด้วย หวังว่ามิสเตอร์จะเข้าใจ เพราะเราตรวจกันทุกชิ้นอย่างละเอียดจริงๆ”
“ขอแค่สินค้าผมไม่เสียหาย ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”
“อืม...เป็นอันตกลง มิสเตอร์หว่องอ่านสัญญา แล้วเซ็นรับทราบได้เลย วันที่คุณส่งสินค้าเข้ามา ทางเราจะดูแลให้ดีที่สุดตามระยะสัญญาที่ระบุ” ท่านอัศม์พูดเนิบๆ ซึ่งทางฝ่ายนั้นก็รับไปเซ็นโดยไม่อ่านรายละเอียด เพราะการให้ทางพรรคเบญจเตโชดูแลให้ดีที่สุดแล้ว
“เรียบร้อยครับ แล้วท่านจะท่านข้าวก่อนไหมครับ แต่ดูท่าแล้วจะมีเรื่องด่วน” ทางมิสเตอร์หว่องพูด เนื่องจากสังเกตเห็นถึงความใคร่รู้จากสายตาของอัศม์เดช
“คิดว่าไม่รบกวนดีกว่า แค่น้ำชาพวกนี้ก็ดีแล้ว” ท่านตอบอีกฝ่ายไป
“เช่นนั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับ ขอบคุณที่ไว้ใจพรรคของเรา”
“ผมก็ยินดีเช่นกันที่ทางพรรคให้การสนับสนุน”
การเจรจาครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกของอัศม์เดชที่ท่านจัดการพูดคุยทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะครั้งที่ผ่านๆ มาตัวเขาจะมาพอพูดคุยกับลูกค้าถึงรายละเอียดงานคร่าวๆ แต่พวกรายละเอียดปลีกย่อยที่มากขึ้นสันต์ธรจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด มาคราวนี้อีกฝ่ายติดโทรศัพท์สำคัญ ตัวเขาก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหากต้องทำเอง
เพียงแต่ว่าต้องพูดเพิ่มขึ้นมากหน่อยก็เท่านั้น
ด้านมิสเตอร์หว่องกลับไปแล้ว อัศม์เดชก็นั่งจิบน้ำชารอสันต์ธร และหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูรุ่นล่าสุดของตนขึ้นมาเช็กข่าวสารและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในเครือของตระกูล ส่วนถ้าเป็นของพรรคเขาให้ทางสันต์ธรเป็นคนดูแล ซึ่งในอนาคตหากขวัญนพัตเรียนรู้งานได้ไวก็จะให้ดูแลในส่วนของบริษัทไป แล้วหาคนมาแทนสันต์ธรใหม่หากอีกฝ่ายเกษียณตัวเองออกไป
ท่านอัศม์มองแล้วว่าขวัญนพัตไม่เหมาะกับงานในพรรค แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากทำดูก็ไม่ห้ามหรอก ดีเสียอีก เป้นงานให้ครบทุกด้าน จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหาคนที่ตนไม่ไว้ใจมาทำ
“ขออภัยท่านอัศม์นะครับที่ปล่อยให้รอนาน” สันต์ธรเดินกลับเข้ามา โค้งให้เจ้านายอย่างรู้สึกผิด ด้านอัศม์เดชก็พยักหน้ารับเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรสันต์ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ครับ”
“แล้วทางนั้นมีอะไร ทำไมถึงเครียด”
“เอ่อ...ขวัญมีปัญหานิดหน่อยครับ คุณอินทร์เธอโทรมาแจ้ง”
“หืม? ให้ไปดูแลคุณย่า จะมีปัญหาอะไร”
“คือเรื่องมันเป้นแบบนี้ครับ...”
สันต์ธรได้รับเรื่องจากอินทร์ธรมาแบบไหนก็เล่าให้เจ้านายฟังแบบนั้น ระหว่างที่เล่าไป เขาก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าของผู้เป็นนายเท่าไหร่ด้วย จึงไม่เห็นแววตาแข็งกร้าวของท่านยามที่ฟังเรื่องทั้งหมด
“หากคนของเราทำจริงก็คงต้องลงโทษไปตามกฎตระกูล” อัศม์เดชบอกเสียงเข้ม
“แต่ขวัญ...”
“สันต์ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันตัดสินอย่างเป็นธรรม”
“ผมกังวล หลักฐานอะไรก็ไม่มีเลย ที่ศาลาพักผ่อนของท่านอัศม์เป็นจุดเดียวที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แล้วก็ไม่แน่ใจว่ากล้องที่อยู่ด้านหน้าบันไดเชื่อมจะซูมไปเห็นด้านในหรือเปล่า”
สันต์ธรมีความกังวลอยู่สูงมาก เพราะมั่นใจว่าลูกชายบุญธรรมที่ตนรักและหวงจะไม่ทำอย่างที่เขมินทราให้ร้ายอย่างแน่นอน แต่คู่กรณีเป็นถึงคู่หมั้นเจ้านาย แล้วยังเลือดตกยากออกด้วย
ขวัญนะขวัญ อยู่เฉยๆ ก็มีคนมารังแก...
“แล้วคุยกับขวัญหรือยัง”
“ยังครับ แต่คุณอินทร์บอกว่าขวัญไม่พูดอะไรเลยครับ”
“แล้วขวัญขอโทษอีกฝ่ายไหม?” ท่านอัศม์ยังคงถามต่อ
“ไม่ได้พูดครับ”
“อืม...ก็ชัดเจนว่าคนของเราไม่ได้ทำ เด็กที่ถูกสอนมาโดยครอบครัวสันต์ คุณย่า คุณแม่แล้วพิไล ไม่ใช่เด็กไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้ถูกผิด ฉันเชื่ออย่างนั้น”
สันต์ธรมองผู้เป็นนายอย่างซาบซึ้ง ตัวเขาเองก็รักและเอ็นดูขวัญนพัตไม่ต่างจากลูกแท้ๆ เลย และออกจะเป็นห่วงมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะลูกๆ คนอื่นมีงานการทำกันหมดแล้ว บางคนก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ก็เหลือแค่ขวัญนพัตที่พวกเขาต้องรอดูกันต่อไปว่าลูกจะไปทางไหน
ยิ่งต้องมาทำงานแทนตนในพรรคแบบนี้ สันต์ธรก็ไม่ได้มีความไว้วางใจ หากวันไหนลูกชายไปสร้างศัตรูแบบไม่รู้ตัว กลัวว่าลูกจะรับมือไม่ได้ ทั้งหวงและห่วงมากกว่าลูกแท้ๆ อีก
“ฉันเชื่อใจในขวัญ สันต์ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กคนนั้นหากตัวเองผิด ต้องขอโทษออกไปแล้ว”
“เฮ้อ...ครับ เมื่อครู่ผมให้หน่อยรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ตรวจภาพจากกล้องแล้วครับ”
“ฉันเพิ่งให้เปลี่ยนรุ่นกล้องไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วง ฉันเช็กมาแล้ว ระยะการซูมก็ไกลและชัดพอสมควร”
“ผมก็แค่กังวลครับ กลัวโชคไม่เข้าข้าง”
“งั้นกลับเถอะ สันต์คงเป็นห่วงขวัญแล้ว”
อย่าว่าแต่สันต์ธรเป็นห่วงเลย อัศม์เดชก็รู้สึกว่าตัวเองมีความร้อนใจนิดๆ เหมือนกัน
“ครับ”

ขวัญนพัตนั่งพับเพียบบีบมือตัวเองอยู่ที่พื้นข้างๆ มีพิไลนั่งอยู่ด้วย บนโซฟามีคุณหญิงอัปสร คุณหญิงน่านฟ้า อินทร์ธร อัยยวัฒน์ รวมถึงท่านอัศม์ที่นั่งอยู่ตำแหน่งของประมุข ส่วนสันต์ธรก็ยืนอยู่ด้านหลังของท่านอัศม์อีกที
“เอาล่ะขวัญ ครบแล้ว เล่ามาสักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น มัวแต่เงียบแบบนี้วันนี้จะรู้เรื่องไหม” คุณหญิงน่านฟ้าสั่ง ทั้งยังตำหนิเด็กหนุ่มที่เอาแต่นั่งนิ่งมาตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลไม่ยอมพูดจา
“คือว่า...”
“บอกท่านไปขวัญ บอกไปตามความจริง” พิไลเร่ง เพราะอยากให้หลานชายพ้นจากข้อครหา
“ผมพูดได้จริงๆ หรือครับ หากพูดไปแล้ว...”
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ความยุติธรรมไม่แยกชายหญิง เธอพูดมาเถอะ” อัศม์เดชทนไม่ไหว จนต้องเป็นคนเอ่ยปากแทน เพราะยังไงเสีย ขวัญนพัตคงไม่กล้าขัดใจท่านอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากเล่าทุกอย่างออกมาให้หมด แต่เลือกใช้คำที่ไม่ทำให้เขมินทราดูแย่ ส่วนบางอย่างที่เขมินทราพูด ขวัญนพัตก็ไม่ได้บอกออกไป
เลือกเก็บเอาไว้ดีกว่า แต่เรื่องที่เขมินทราจ้างเด็กในบ้านให้เป็นสายข่าวให้ ขวัญนพัตย่อมต้องพูดอยู่แล้ว กลัวว่าปิดบังไป จะทำให้เกิดเรื่องเข้าตัวในภายหลังได้
“ตายจริง เรื่องแบบนี้ก็มีงั้นหรือ ใครกันนะที่หนูเข็มจ้างเอาไว้” หลังจากฟังจบแล้ว คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นคุณหญิงน่านฟ้าผู้เป็นเพื่อนสนิทของมารดาเขมินทรา
และยังเป็นตัวตั้งตัวตีให้เด็กๆ หมั้นกันเพียงเพราะต้องการทำตามคำสัญญาที่เคยไว้ให้กับเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
ยอมรับแหละว่าเธอก็ไม่ได้ปลื้มเขมินทรามากนัก แต่คิดว่าฐานะและชาติตระกูลเหมาะสม อีกทั้งอินทร์ธรก็ไม่ได้ขัดใจหรือปฏิเสธด้วย
“ตามหาให้ได้ ทางที่ดีซักจากผู้หญิงคนนั้นเลย” ท่านอัศม์หันไปสั่งสันต์ธร ซึ่งเจ้าตัวก็รับคำสั่งอย่างจริงจัง เมื่อได้ยินความจริงจากลูกชายแล้ว ตนย่อมไม่พอใจผู้หญิงคนนั้น
“แล้วเราจะทำยังไงให้ขวัญหลุดพ้นดีพี่อัศม์” อินทร์ธรถามขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ก่อนมาถึงนี่ฉันได้ดูภาพจากกล้องตัวที่อยู่หน้าสะพานเชื่อมแล้ว”
“เจ้าขวัญไม่ได้ทำจริงๆ ใช่ไหม ย่าขอดูหน่อย”
“แม่ก็อยากดู”
อัศม์พยักหน้าให้สันต์ธรเบาๆ ซึ่งชายวัยกลางคนก็รีบเปิดคลิปจากแท็บเล็ตในมือให้อัปสรกับน่าฟ้าดู ส่วนอัศม์เดชก็มองร่างบางที่ยังคงนั่งก้มหน้าไม่สบตาใคร
เขารู้...ขวัญนพัตไม่ได้พูดทั้งหมด อย่างน้อยๆ สาเหตุที่เธอคนนั้นทำมันก็ดูไม่สมเหตุสมผล
“ฉันให้โอกาสเธอพูดอีกครั้งนะขวัญ”
“ครับ?”
ขวัญนพัตเงยหน้าขึ้นสบตาคมของท่าน ก่อนจะรู้สึกใจสั่นอย่างตื่นตระหนก เมื่อดวงตานั้นเหมือนมองเขาออกแบบทะลุปรุงโปร่ง
“เหตุผลที่เขมินทราทำมันเพราะอะไร”
“เอ่อ...”
“ฉันไม่ชอบการโกหก แล้วยิ่งคนที่เป้นเด็กในอุปการะด้วยแล้ว...”
“เธอแค่บอกว่าหมั่นไส้ผมครับ” ขวัญนพัตกลัวว่าตนจะดูไม่ดีในสายตาของท่านอัศม์จึงรีบโพล่งออกมา ด้านคนที่กำลังดูคลิปอยู่ก็ละสายตามามองเด็กหนุ่มทันที
“หมั่นไส้เพราะ?”
“เพราะคุณอินทร์ไปพูดถึงผมบ่อยๆ เธอเลยไม่พอใจน่ะครับ แล้วไหนผมจะเป็นแค่เด็กกำพร้า แต่แค่โชคดีที่คุณพ่อรับเป็นลูกบุญธรรม เธอบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์เทียบเธอ แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะเทียบเธอนะครับ ผมรู้ตัวเองดีว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็มาจากไหน” ประโยคหลังๆ ขวัญนพัตพูดออกมาเสียงเบา ก้มหน้าไม่สบตาใครเหมือนเดิม
ทุกคนมองขวัญนพัตอย่างเห็นอกเห็นใจ เรื่องแบบนี้มันจะไปห้ามความคิดคนได้อย่างไหร่ แต่เขมินทราก็เกินไปจริงๆ นั่นแหละ เด็กก็อยู่ส่วนเด็กไปแล้ว อินทร์ธรจะพูดถึงยังไงก็ใช่เรื่องที่ต้องสนใจงั้นหรือ
“เหลวไหล! เจ้าได้คิดแบบนั้นเชียวนะขวัญ ฉันรักและเอ็นดูเจ้ามาตั้งแต่น้อยจนใหญ่ มองเป็นลูกเป็นหลาน เป็นคนของเตชโรจนโสภณห้ามมองข่มคนและห้ามมองตนต่ำเหมือนกัน เรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปม่ต่างจากเขา!” คุณหญิงย่าเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห หลังพูดจบก็ออกอาการเหนื่อยหอบจนพิไลต้องรีบเอาพัดกับยาหอมมาให้
“ผมทราบครับคุณหญิงย่า”
“ทราบก็ดี! อย่าไปแคร์คำพูดของคน ส่วนเรื่องนี้ เอาให้ถึงที่สุด คนของท่านอัศม์ให้ใครมาลูบคมใส่ร้ายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ แล้วหลานสะใภ้แบบนี้ แม่นานฟ้าควรพิจารณาให้ดี” คุณหญิงอัปสรหันไปเอาเรื่องคนเป็นลูกสะใภ้แทน ซึ่งน่านฟ้าก็มีสีหน้ารู้สึกผิดไปเลย
“คุณย่าไม่ต้องห่วงครับ ผมจะคุยเรื่องนี้พอดี ความจริงแล้วผมมีเรื่องจะสารภาพ แต่เอาไว้ให้คุยเรื่องของขวัญให้เสร็จก่อนแล้วผมค่อยพูด ยังไงเรื่องน้องของผม ย่อมสำคัญกว่าเรื่องของตัวเอง” อินทร์ธรพูดขึ้น ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับรู้ แม้จะสงสัยใคร่รู้ว่าอินทร์ธรมีเรื่องอะไร แต่จะรอสักหน่อยก็ไม่เสียหาย
“อัศม์คิดว่ายังไงคะ”
“ผมเห้นด้วยกับคุณย่า ผมไม่ต้องการน้องสะใภ้แบบนี้เหมือนกัน ยิ่งมีพฤติกรรมจ้างคนในให้เป้นสาย ไม่ใช่พฤติกรรมที่ผมจะยอมรับได้” อัศม์เดชพูดเสียงเย็น แววตาเฉียบขาดมากจนไม่มีใครกล้าโต้แย้ง
“บอกไปตามตรง หากทางนั้นมีปัญหาก็มีไป”
“ได้ครับท่านอัศม์”
“เค้นถามเขมินทราด้วยว่าใครเป็นสายให้ แล้วจัดการตามกฎไป”
“ได้ครับ”
สันต์ธรรับคำสั่งแข็งขัน ตัวเขาก็เหมือนถูกลูบคมเหมือนกัน เขมินทราทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติตนที่มีหุ้นในบริษัทของบิดาของเธอเลยสักนิด
เห็นทีว่าจะปล่อยให้จบง่ายๆ ไม่ได้เสียแล้ว
“ตรวจสอบประวัติของคนงานในบ้านใหม่อย่างละเอียด คนงานเก่าแล้วไป แต่ใครที่เข้ามาใหม่ก็เช็กให้ลึกที่สุด ฝากสันต์บอกกับคนที่ดูแลเรื่องนี้ด้วย”
“ได้ครับ”
ขวัญนพัตนั่งนิ่ง มองท่านอัศม์สั่งงานคุณพ่อแล้วยิ้มเบาๆ ร่างบางมองภาพคนตรงหน้าแล้วเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ คิดถึงแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว...
แม่ฮะ...พวกเขาดีกับหนูมากเลย หนูโชคดีจริงๆ นะฮะ

“เอาล่ะ เรื่องของขวัญจบแล้ว แกมีอะไรจะพูดก็ว่ามา” อัศม์เดชหันไปสั่งน้องชายอย่างอินทร์ธรโดยมีอัยยวัฒน์นั่งยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่ข้างๆ
ทุกคนยังคงอยู่ครบ เนื่องจากสันต์ธร พิไล และขวัญนพัตขอตัวออกไปแล้ว แต่ทางเจ้านายก็อนุญาตให้อยู่ได้ เพราะว่าไว้ใจ ทั้งสามคนเลยอยู่ต่อรอฟังเรื่องที่อินทร์ธรจะพูด
“เรื่องถอนหมั้นกับหนูเข็มใช่ไหมลูก” น่านฟ้าถามขึ้น
“ครับ แม่ทราบ?”
“เฮ้อ...ก่อนจะมีเรื่องนี้ แม่ก็รู้ท่าทีเรามาสักพักแล้วล่ะตาอินทร์ ตอนแรกแม่รู้สึกผิดกับเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอได้รู้จักตัวตนของหนูเข็ม แม่เองยังรับไม่ได้เลยลูก และตามกฎแล้วแม่ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับอะไรลูกอยู่แล้วล่ะ” คนเป็นแม่อธิบายให้ลูกๆฟัง
“งั้นคุณแม่ก็ให้ผมถอนหมั้นได้ใช่ไหมครับ” อินทร์ธรถามอย่างดีใจ
“จ้ะ แม่คุยกับพ่อของหนูเข็มได้”
“ผมยังมีเรื่องจะบอกอีกเรื่องน่ะครับ คือผมรักน้องดาว รักจริงๆ คุณย่ากับคุณแม่อนุญาตให้ผมคบหาดูใจกับน้องได้ไหมครับ”
สิ้นคำขอของอินทร์ธร ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ด้านอัศม์เดชไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว เพราะเรื่องของน้องชายก็ให้ตัวน้องชายเป็นคนจัดการกันเอง
“ดาว? ดารารัศมิ์ น้องสาวของหนูเข็มน่ะเหรอ” น้ำเสียงของคุณหญิงน่านฟ้าเริ่มแข็ง สีหน้าไม่พอใจจนอินทร์ธรพยายามยิ้มสู้
“ครับ แล้วคุณแม่ไม่ต้องคิดว่าน้องดาวมาแย่งผมไปจากเข็ม ผมเป็นคนเข้าไปยุ่งกับน้องเขาเอง เป็นคนไปตื๊อทั้งที่เขาหนีหน้าผมตลอดเวลา”
“เล่นตัวโก่งราคาล่ะสิ”
“แม่น่านฟ้า” คุณหญิงย่าปรามเสียงเข้ม หลังได้ยินคำพูดไม่เหมาะสมจากปากของลูกสะใภ้ ซึ่งก็ทำให้เธอหน้าเสียไปเลยเหมือนกัน
“ขอประทานโทษค่ะคุณแม่”
“ให้โอกาสลูกมันพูดก่อน เราเองก็ใช่จะรู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้นดี แล้วก็นะอย่ารักเพื่อนจนมองไม่เห็นสิ่งที่เพื่อนทำ เพื่อนเธอน่ะไปแย่งเขามาก่อนนะ วางยาเขาจนตั้งท้อง ผู้ชายต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน เธอเข้าใจความรักหรือไม่เข้าใจ ทางแม่ของหนูดาวก็ตัดขาดแล้ว ไปอยู่ต่างประเทศหลายปี พอกลับมาตัวผู้ชายก็กลับไปหาเขาเอง ไม่ยอมจบเอง ไหนจะทำเขาตั้งท้องหนูดาวอีก เธอต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่าทางผู้ชายเขาไม่ได้รักเพื่อนของเธอ”
อัปสรพูดเสียยาว น่านฟ้าหน้าเสียไปเลยไม่กล้าโต้แย้งผู้หญิงที่มีอำนาจที่สุดที่ตระกูล
“สำหรับฉัน แม่หนูดาวคนนั้นใช้ได้เลย เรียบร้อยอ่อนหวาน การบ้านการเรือนเพียบพร้อมสมกับที่เป็นลูกของแม่เพ็ญฉายที่เธอไม่ชอบนั่นแหละ เขาเป็นดีเก่า ตระกูลดีกว่าเพื่อนเธอตั้งเท่าไหร่ มองที่ความเป้นจริงเสียบ้างไม่ใช่ลืมหูลืมตา”
“ขอโทษค่ะคุณแม่ น่านจะพยายามปรับความคิดค่ะ”
“ดี แต่อย่าแค่รับปากฉันนะ”
“ค่ะๆ”
“สำหรับย่าอนุญาตนะอินทร์ หากจัดการเรื่องของหนูเข็มเรียบร้อยแล้ว ก็พามาทำความรู้จักกับแม่เราด้วย แต่ต้องเคลียร์กับหนูเข็มก่อน อย่าปล่อยให้คารางคาซัง”
“ครับคุณย่า” อินทร์ธรยิ้มกว้าง
“แหมๆ แกยังจีบเขาไม่ติดเลยนะ รีบไปป่ะ” อัยยวัฒน์แซว
“ก็บอกไว้ก่อนไง เวลาพาเข้าบ้านจะได้ไม่ตกใจ”
“พี่อัศม์ว่าไง” อัยยวัฒน์หันมาถามผู้เป็นประมุขของตระกูลบ้าง เผื่อมีความคิดเห็นอย่างอื่น พวกตนจะได้น้อมรับเอาไว้
“พวกแกรักชอบใครก็ตามนั้น แต่ถ้าเลือกแล้วก็ต้องให้เกียรติ จะมาทำเสื่อมเสียผิดกฎโดยการมีเมียน้อยทีหลังไม่ได้ ฉันตัดแกสองคนออกจากตระกูลแน่ๆ แล้วลูกของพวกแกจะไม่มีสิทธิ์นั่งตำแหน่งประมุข”
“พี่ก็หาภรรยาเร็วๆ สิครับ” อินทร์ธรว่า
“ฉันยังไม่เจอ และไม่คิดว่าชาตินี้จะมีด้วย”
“ครับๆ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจริงจังกับน้องดาวแน่นอน ไม่เคยรักใครมาก่อน แต่คนนี้ผมจริงจังมากครับ หากไม่ได้ลงเอยกับคนนี้ ผมคงเข็ดความรักไปอีกนานแหละ”
น่านฟ้าได้ยินลูกพูดถึงขนาดนั้นก็ถอนหายใจอย่างจำยอม หากว่าลูกรักจริงๆ เธอก็จะยอมเปิดใจรับดารารัศมิ์คนนั้นก็แล้วกัน
ขวัญนพัตที่นั่งฟังอยู่นานถึงกับอมยิ้ม เพราะตัวเขาสงสัยตั้งแต่พฤติกรรมของอินทร์ธรตอนที่อยู่โรงพยาบาลแล้ว พี่ของเรามองแต่เขาไม่วางตาขนาดนั้น ไม่เรียกหลงรักหัวปักหัวปำก็ไม่รู้ไงแล้ว หากสายตาของอินทร์ธรเป็นกระสุนร่างน้อยๆ ของดารารัศมิ์คงพรุนไปแล้ว
อัศม์เดชเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็ยิ้มออกมาบางเบา โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว สายตาของตนมักจะมองอยู่ที่ร่างบางของขวัญนพัตเสมอ…



“กรี๊ดดดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของเขมินทราดังลั่นห้องพักในโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ผ่านไปแค่คืนเดียวเท่านั้น แต่พอเช้าตรู่ของวันใหม่ เธอก็ตื่นมาได้รับข่าวร้ายที่สุดจากผู้เป้นพ่อที่มาหาถึงโรงพยาบาล
“แกทำตัวเองทั้งนั้น ทำอะไรไม่คิดคิดจะไปหาเรื่องคนของท่าน”
“คุณพ่อ! คุณพ่อต้องช่วยเข็มนะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ก็อีตุ๊ดนั่นมันหยามหน้าเข็มนี่คะ” เขมินทราโวยวาย ใส่ร้ายไปทั่ว คนเป็นพ่อได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ
“ฉันเป็นพ่อแก ทำไมจะไม่รู้จักนิสัยแก แกมันหัวสูงเหมือนแม่ไม่มีผิด”
“คุณพ่อ!!”
“ฉันตอบรับการถอนหมั้นแล้ว และจะส่งของหมั้นไปคืนเขา แหวนเนี่ยก็ถอดมาซะ”
“เข็มไม่ถอด” หญิงสาวปฏิเสธ
“แล้วแต่แก ฉันจะได้จ่ายเป็นเงินให้กับทางคุณหญิงน่านฟ้าไปแทน”
“คุณพ่อไม่ช่วยเข็มเลย คุณพ่อไม่เคยรักเข็ม”
“ทำไมฉันถึงไม่รักแก?”
“ก็เพราะว่าคุณพ่อไม่รักคุณแม่”
“ฉันไม่รักแม่แก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักแก แกเป็นลูกฉันนะ ฉันก็รักแกอยู่แล้ว ที่ผ่านมาฉันดูแลแกอย่างดีมาตลอด ให้ทุกอย่างไม่เคยขาด ความรักฉันก็ให้ แต่เรื่องนี้แกทำผิดจริงๆ เข็ม เด็กคนนั้น ลูกบุญธรรมของคุณสันต์ไม่ได้ทำอะไรเลย พ่อดูคลิปจากกล้องแล้ว แล้วไหนจะไปซื้อตัวคนของเขาอีก แกทำแบบนี้มันเหมือนสร้างโจรในบ้านของเขานะ!! หากวันไหนที่มีคนอื่นจ้างคนนั้นของแกซ้ำซ้อน เรื่องมันใหญ่มาแล้วป้ายความผิดมาที่แก แกจะทำยังไง แกรู้จักท่านอัศม์ดีแค่ไหน!!”
เขมินทราเม้มปากแน่น น้ำตานองหน้า แต่ดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าวอย่างไม่ยอม
“คุณอินทร์ไม่ได้รักแก เขาหมั้นกับแกเพราะว่าแม่เขาแนะนเท่านั้น เหตุผลเขาก็บอกฉันแล้ว อีกทั้งยังขอโทษที่ทำให้แกเสียโอกาสในการเจอคนอื่นไป”
“ถ้าพี่อินทร์คิดแบบนี้จริงๆ พี่อินทร์ต้องรับผิดชอบเข็มสิคะคุณพ่อ”
“เขาไม่รักแก จะให้รับผิดชอบได้ยังไง”
“เข็มไม่ยอมนะคะ”
“ไม่ยอมแล้วทำอะไรได้? แกกระตุกหนวดของท่านอัศม์โดยการใส่ร้ายคนของท่านแล้ว ตอนนี้พ่อถูกคุณสันต์ธรถอนหุ้นออกจากบริษัท การลงทุนในโครงการอื่นๆ ก็ด้วย สิ่งที่แกทำมันกระทบทุกอย่างเลย รู้บ้างไหม หากไม่มีครอบครัวของคุณเพ็ญมาประคองไว้ เราขาดทุนยับไปแล้ว”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นเขมินทราก็ยิ่งรู้สึกไม่ยอม ทำไมครอบครัวของแม่เลี้ยงคนนั้นต้องทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าในครอบครัวอะไรเลย ต้องมองภาพครอบครัวอบอุ่นของทั้งสามคนอย่างเจ็บปวดทุกครั้ง
ยัยดาว! ยัยนั่นมันแย่งทุกอย่างไปจากฉันจริงๆ
“ฮือ...ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเข็มด้วย”
คนเป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจ คว้าลูกสาวคนโตมากอดแล้วลูบผมอย่างปลอบประโลม เลือกที่ไม่พูดว่าอินทร์ธรมาขอคบหากับลูกสาวคนเล็กออกไป
มันเป็นบาปกรรมอะไรของเขากัน ลูกสาวทั้งสองคนของเขาไม่ถูกกันอยู่แล้ว นี่ยังจะต้องมามีปัญหาเรื่องผู้ชายคนเดียวกันอีกเหรอ...
“ไม่มีรักเข็ม แต่พ่อรักแกนะ”
หญิงสาวไม่รับรู้คำบอกรักนี้ ใจของเธอมันร้อนระอุไปหมด คิดถึงแต่วิธีที่จะทำให้ตนได้หมั้นหมายกับอินทร์ธรดังเดิม...ทั้งยังโยนความผิดพวกนี้ไปที่ขวัญนพัตอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย
ถ้าไม่มีแก ฉันก็ยังคงเป็นคู่หมั้นพี่อินทร์
เพราะแก อีตุ๊ด!!!

ในวันถัดมาอัศม์เดชไม่ได้ไปไหน ยึดศาลาที่มีปัญหานั่งพักผ่อนหย่อนใจตั้งแต่เช้า โดยมีขวัญนพัตเป็นคนดูแลทุกอย่างตั้งแต่ยามตื่น เนื่องจากว่าเจ้าตัวนอนค้างที่คฤหาสน์ ในห้องเดิมที่เคนอาศัยกับแม่เมื่อตอนเด็กๆ นั่นแหละ
“นวดเป็นไหมขวัญ” เขาถามขึ้น
“พอได้ครับ”
“งั้นก็หยุดอ่านก่อน มานวดให้ฉันที”
“ได้ครับท่านอัศม์”
ขวัญนพัตละจากเอกสารต่างๆ ที่ท่านอัศม์ให้คุณพ่อนำมาให้ตนศึกษา โดยที่มีประมุขของตระกูลให้เกียรติสอนงานและแนะนำเอง
เด็กหนุ่มตื่นเต้นและดีใจมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับเกียรตินี้...
“ให้นวดตรงไหนครับ”
“ที่บ่าน่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่ามันเมื่อยๆ”
“อ่า...ตรงนี้ใช่ไหมครับ” มือบางวางบนไหล่กว้าง รู้สึกประหม่าเล็กน้อย มือขาวค่อยๆ บีบเพื่อช่วยคลายเส้นให้กับท่านอัศม์โดยเริ่มจากกดน้ำหนักมือไม่มาก
“ใช่ ตรงนั้น แต่มันเบาไปนะ”
“แรงเท่านี้พอไหมครับ”
“อีกนิด แรงๆ”
“ครับ”
“อืม...ดีแล้ว เท่านี้แหละ”
อัศม์เดชหลับตาพริ้มอย่างพึงพอใจ รู้สึกถึงความเนียนนุ่มของมือเล็กที่กดลงมาเสียจริง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่พอดมแล้วก็รู้สึกสบายใจจนต้องหาที่มาของกลิ่น เนื่องจากติดใจเหลือเกิน หากติดอยู่บนที่นอนหมอน คงจะนอนหลับสบาย
“กลิ่นอะไร หอมจริง”
“ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยนี่ครับ”
“มีสิ”
ขวัญนพัตไม่รู้จะตอบอะไร เพราะนอกเหนือจากกลิ่นดอกบัวในสระน้ำก็ไม่มีอะไรแล้ว มีแต่น้ำชากับขนมที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็กลิ่นตัวเขานี่แหละ
“เธอนวดเก่งดีนะ”
“ผมนวดให้คุณหญิงย่าบ่อยน่ะครับ”
“ดี คราวหลัวงก็นวดให้ฉันบ่อยๆ ละกัน”
“ครับ”
ขวัญนพัตยิ้มกว้าง ดีใจที่ช่วยแบ่งเบาท่านได้ ทักษะการนวดของตนคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้กับผู้อื่นเสียแล้ว ดีใจไม่น้อยที่ท่านอัศม์พึงพอใจ
อัศม์เดชเองก็อมยิ้มอย่างสบายใจ แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพียงแค่มีเด็กคนนี้ ไม่ต้องพูดคุยอะไรกันมาก ก็สร้างความสบายใจให้ตนอย่างที่ไม่มีใครทำได้มาก่อนเลย
หรือความรู้สึกของคนที่มีลูกเป็นแบบนี้กันนะ...
 




+ + + + + To be continue + + + + +

ลูกหรืออะไรเอาให้เคลียร์
คราวก่อนก็น้อง คราวนี้ก็ลูก คราวหน้าเป็นอะไรดีนะท่านอัศม์
ฝากเป็นกำลังใจต่อไปด้วยนะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ท่าทางยัยเข็มจะไม่ยอมจบง่ายๆ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะ มันต้องตามแล้วแบบนี้ ท่านจะเอายังไงละท่าน 5555

ดูออกนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด