☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]  (อ่าน 27193 ครั้ง)

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน14 อธิบายเกี่ยวกับวิชาในคัมภีร์ดับตะวัน

ลำดับพลังเวทขั้นเทพอสูรคือเหนือเทพเหนือมาร

ผู้ฝึกถึงเวทย์ขั้นเทพอสูรสามารถถือครองไฟราชันย์
สามารถเป็นผู้ปกครองทุกภพภูมิได้

พลังแต่ละขั้น

พลังเวทขั้นเทพอสูร (ขั้นสูงสุด) ขาวดำ
พลังเวทขั้น9 ม่วง
พลังเวทขั้น8 ฟ้า
พลังเวทขั้น7 แดง
พลังเวทขั้น5-6 ทอง
พลังเวทขั้น3-4 เหลือง
พลังเวทขั้น1-2 เขียว

เคล็ดวิชาจากคัมภีร์ดับตะวัน
วิชาแส้อ่อน[แส้โลหิต] 

ผู้ใช้ พระชายาเฉิงเหลียนฮวา ฝึกพลังเวทได้ถึงขั้น8 / เฉิงเฟยหยี[นายเอก]
ต้องฝึกพลังเวทถึงขั้น9 จึงจะแสดงอานุภาพรุนแรงไร้ผู้ต่อต้าน

 วิชาแส้อ่อนทั้งหมด 12 กระบวนท่า 6 เคล็ดวิชาพลิกแพลงตามสภาพ

*ชื่อแต่ละกระบวนท่า*
นภาสะบั้นฝ่าตะวันแยกฟ้าราชันย์กักจันทราสะพรึงฟ้าล่าวิญญาญมังกรทะยานแผดเผา
ว่างเปล่าโบยบินดับสิ้นสูญสลายร่ายรำชิงชีวิตฟ้าปิดผ่าตะวันปิดกั้นคืนสภาพ
กำราบเทพมารสะท้านฟ้าคลื่นเมฆาล่าวิณญาณ
**************************************************************

กระบวนท่าที่1. นภาสะบั้น 
 [โจมตีสะบัดแส้ไปด้านหน้าแล้วสะบัดฟาด4ทิศ]

กระบวนท่าที่2. ฝ่าตะวันแยกฟ้า
 [วาดแส้เป็นวงกลมสะบัดไปด้านหน้าตวัดฟาดย้อนคืนด้านหลังจู่โจม]

กระบวนท่าที่3. ราชันย์กักจันทรา 
 [หมุนแส้อ่อนเป็นวงกลมรอบตัวกระบวนท่าป้องกัน]

กระบวนท่าที่4.  สะพรึงฟ้าล่าวิญญาญ
[ลอยตัวกลางอากาศแล้วสะบัดแส้ฟาดรอบทิศจู่โจม]

กระบวนท่าที่5. มังกรทะยานแผดเผา
[พุ่งทะยานไปด้านหน้าแล้วสะบัดแส้พุ่งตรงดุจสายฟ้า]

กระบวนท่าที่6. ว่างเปล่าโบยบิน
[กระบวนท่าป้องกันขณะอยู่บนอากาศ]

กระบวนท่าที่7. ดับสิ้นสูญสลาย
[จู่โจมทำลายขณะลอยตัวสะบัดแส้อ่อนรอบทิศด้วยพลังทั้งหมด]

กระบวนท่าที่8. ร่ายรำชิงชีวิต
[กระบวนท่าหลอกล่อพร้อมกับจู่โจมด้วยความเร็ว]

กระบวนท่าที่9. ฟ้าปิดผ่าตะวัน
[สะบัดแส้ไปโดยตรงกระบวนท่านี้รุนแรงเด็ดขาดโจมตีหมายชีวิต]

กระบวนท่าที่10. ปิดกั้นคืนสภาพ
[โจมตีแล้วหลอกล่อใช้หลบหนี]

กระบวนท่าที่11. กำราบเทพมารสะท้านฟ้า
[สะบัดแส้ด้วยความเร็วและความรุนแรงรอบทิศโจมตีต่อเนื่องทั้งบนพื้นและบนอากาศ]

กระบวนท่าที่12. คลื่นเมฆาล่าวิณญาณ
[กระบวนท่าล่าสังหารเมื่อศัตรูหลบหนี]

*************************************************************

วิชาอาวุธลับ[เข็มพิษดับตะวัน]
มี4 กระบวนท่า 2 เคล็ดวิชา
ใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้มีขีดจำกัด

ผู้ใช้พระชายาเฉิงเหลียนฮวา /เฉิงหลิงเซียว / เฉิงเฟยหยี

*ชื่อทั้ง4กระบวนท่า*
ดินฟ้ารวมหนึ่ง/ภูตรำพึงร่ายรำ/หงส์ระบำสิบทิศ/ฝนโลหิตคลั่งฟ้า

กระบวนท่าที่1 ดินฟ้ารวม1 {ฝึกเวทย์ขั้น1}
[หลอกล่อซัดเข็มพิษออกไปโดยตรงด้วยความรวดเร็วแม่นยำ]
กระบวนท่านี้พระชายาเฉิงใช้ในการลอบทำร้ายจางหวน

กระบวนท่าที่2 ภูตรำพึงร่ายรำ {ฝึกเวทขั้น 4}
[หลอกล่อเหมือนจะโจมตีด้วยกระบวนท่าฝ่ามือแต่ใช้เข็มพิษซัดออกไปรอบทิศ]
กระบวนท่านี้เฉิงหลิงเซียวใช้กับจางฉวน

กระบวนท่าที่3  หงส์ระบำ10ทิศ {ฝึกเวทย์ขั้น8}
[หมุนตัวหลอกล่อเหมือนกับป้องกันการจู่โจมแต่เปลี่ยนกลับเป็นซัดเข็มพิษรอบทิศทาง]

กระบวนท่าที่4 ฝนโลหิตคลั่งฟ้า {ฝึกเวทย์ขั้น 9}
[เป็นการจู่โจมด้วยท่าไม้ตายใช้พลังเวทขึ้นสูงในการสร้างเข็มพิษเหมือนฝนตกลงมาจากฟ้า]

*************************************************

วิชาฝ่ามือหมอกมายา 7 กระบวนท่า มี 2 เคล็ดวิชา
ชื่อทั้ง7กระบวนท่า

คืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ/สยบปราบทิ่มสังหาร/มังกรทะยานโบยบิน/สลายสิ้นคืนพลัง
ระบำคลั่งคลุมฟ้า/จันทร์จ้านิรนาม/สามดัชนีเพลิง

**
ท่าสยบปราบทิ่มสังหารคือท่าที่พระชายาใช้โจมตีจางหวนซ่อนด้วยกระบวนท่าฟ้าดินรวมหนึ่ง
ซึ่งเป็นวิชาอาวุธลับผสมกับวิชาฝ่ามือ
**



     ผู้เขียนไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ละเอียด เอาเป็นว่าแบบคร่าวๆละกันเนอะ ส่วนวิชาอื่นๆที่ พระชายาเฉิงเหลียนฮวาใช้นั้น ก็เป็นวิชาที่เทพเซียนทั่วไปเรียนรู้กัน พิณเรียนรู้จากสำนักเซียนเมฆาล้ำ พระชายาเป็นผู้ที่เก่งด้านดนตรีมาก การต่อสู้ก็เช่นกัน แต่พระชายาเฉิงเป็นผู้นำตระกูลจึงได้สิทธิ์ฝึกวิชาประจำตระกูล จึงมีพลังเวทถึงขั้นสูง จึงมีพลังทำลายสูงค้าบ แต่ละตระกูลจะมีสายวิชาของตน แต่สามารถถึงจุดหมายสูงสุดได้เท่ากัน แต่อานุภาพเด่นด้อยต่างกัน

      ส่วนเพลงกระบี่ของเฉิงหลิงเซียวใช้นั้น ก็เป็นเพลงกระบี่ประจำตระกูลเฉิง อีกสายหนึงที่ถ่ายทอดมาเหมือนกัน ผู้ที่ใช้วิชาเพลงกระบี่มีข้อจำกัด คือต้องเป็นผู้ที่ควบคุมธาตุน้ำจึงจะฝึกได้ ซึ่งพระชายามีศักดิ์เป็นพี่เฉิงหลิงเซียว แต่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับธาตุน้ำจึงฝึกเพลงกระบี่ชุดนี้ไม่ได้ ว่างๆ ผู้เขียนจะมาอธิบายชื่อวิชาและกระบวนท่าเพลงกระบี่รวมถึงเคล็ดวิชาให้นะค้าบ  อิอิ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค้าบ

หยกน้ำแข็ง^.^"

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
15. เสี้ยวจันทรา คนแปลกหน้า

500ปีต่อมา

"ลูกพ่อ แค่กแค่ก เป็นอย่างไรบ้าง"
"ขอรับท่านพ่อ จนบัดนี้ ลูกยังไม่มีข่าวคราวอันใดของเฉิงหลิงเซียวกับลูกของพระชายาเฉิงเลย ไม่รู้ว่าพวกมันไปหลบซ่อนอยู่ที่ใดกัน"

" แค่ก แค่ก แค่ก ลูกพ่อเจ้าจะต้องฝึกวิชากรงเล็บวชิระให้สำเร็จถึงขึ้นเก้าโดยไว แล้วชิงหินสมานฟ้ารวมถึงแส้โลหิตเพื่อเป็นเจ้าของไฟราชันย์ให้ได้ เหล่าบรรพชนได้บันทึกบอกไว้หินสมานฟ้าถ้าเจ้าได้ถือครองก็เหมือนเจ้าได้ครองทุกแดนดิน แค่ก แค่กอีกเรื่องเพื่อปลุกสัตว์เทพในตำนานของผานกู่ขึ้นมา เจ้าจงไปตามหาทายาทพระชายาเฉิงให้เจอโดยเร็วพ่อเชื่อว่า หินสมานฟ้าและแส้โลหิตจะต้องอยู่กับเจ้าเด็กคนนั้น"

"ขอรับท่านพ่อ "

"ทางเผ่าปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ตอนนี้เหมือนมีความเคลื่อนไหวอย่างลับๆ อยู่ขอรับท่านพ่อ เดี๋ยวลูกจะให้คนไปสืบดู"
"อืม เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ"

"ถ้าเช่นนั้น ลูกขอตัวก่อน ท่านพ่อถนอมตัวด้วย"จางฉวนโค้งคำนับผู้เป็นบิดา ก่อนจะหันตัวถอยแล้วเดินจากไป

"อืม แค่ก แค่ก แค่ก"

**
ณ เขาเมฆาล้ำหยุนไหล

     เมื่อแสงของดวงตะวันลับขอบฟ้าไปวันแล้ววันเล่าจนเวลาผ่านล่วงเลยผ่านไป 500 กว่าปี ณเรือนไม้ไผ่ ที่ด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำ มันช่างเป็นเวลาที่เงียบเหงาเสียจริงสำหรับเสี่ยวเมา ที่วันๆต้องวุ่นวายกับการหาสมุนไพร เพื่อมารักษาคนที่นอนป่วยอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ทำให้เสี่ยวเมารู้สึกสงสัย เพราะคนป่วยผู้นี้ออกจากถังแช่ยา ก็นอนหลับสนิทมา500กว่าปี

"อาจารย์นี่ก็จริงๆเล้ย คนผู้นี้น่าจะตายไปได้ตั้งนานแล้ว ทำไมท่านอาจารย์ ยังยื้อดันทุรังรักษาเขาให้ได้ด้วยนะ หึ หรือว่าจะกลัวเสียชื่อหมอเทวะเทพอันดับหนึ่ง แห่งแดนสวรรค์กัน .. เฮ้อ ข้าละไม่เข้าใจจริงๆ"

     เสียวเมานอนลงบนพื้นหญ้าก่อนนำมือน้อยๆควานหากระตุกดอกหญ้าขึ้นมาหนึ่งดอก แล้วนำมาคาบไว้ที่ริมฝีปากนอนไขว่ห้างกระดิกปลายเท้า อย่างสบายใจพลางก็ครุ่นคิด บ่นไปตามประสา

     เสี่ยวเมาจากเด็กน้อยขณะนี้เขาโตขึนกว่าเดิมพอสมควร หน่วยก้านทะมัดทะแมงแม้จะดูผอมบางไปบ้างแต่ก็ถือว่ามีผิวพรรณสะอาดหมดจด ภายใต้ใบหน้าใสซื่อที่มันหลบซ่อนอยู่บนความสกปรกมอมแมมที่เต็มไปด้วยความเปอะเปื้อนของฝุ่นดิน เมื่อเสี่ยวเมานึกขึ้นมาได้ว่าขณะนี้ได้เวลากลับไปที่เรือนไม้ไผ่แล้ว มีคนป่วยรอยาจากเขาอยู่ก็พลันลุกขึ้นพลางฟาดมือ ตุบ ตับ ตุบ ตับ เพื่อปัดฝุ่นเศษหญ้าและผงดินออกเสี่ยวเมาลุกขึ้นก็กระโดดเหยงชี้นิ้วด่า ขึ้นไปทางยอดเขาหยุนไหล

"เฮ้อะ!! วิชาการต่อสู้ ก็ไม่เคยคิดจะสอนข้าเลยซักกระบวนท่าก็ไม่เคยเลย เหอะ เป็นอาจารย์ประสาอะไร วันๆให้ข้าเก็บแต่ยารักษาคนจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ตาเฒ่าเอ้ย!!!!วันใดข้าโดนผู้อื่นรังแกข้าจะบอกว่า ข้าเป็นศิษย์ของท่าน จะทำให้ท่านได้ขายหน้าคอยดู"

     เมื่อได้ตะโกนระบายออกมาอย่างสบายใจ ดูเวลาแล้วเสี่ยวเมา ก็จัดแจงนำตะกร้าหวายที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพรชนิดต่างๆ สะพายขึ้นบนหลัง

"กลับบ้านดีกว่า ลัลล้าๆๆ"

     เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะกระโดดโหยงเหยง ถือกิ่งไม้ฟาดใบหญ้าไปตลอดทาง ในขณะที่อีกทางหนึ่งก็มีกลุ่มคน พวกเขาเป็นศิษย์ของเมฆาล้ำ ได้เดินเที่ยวเล่นกันในสถานที่แห่งนี้

**

"ศิษย์พี่ใหญ่ ทีนี้ท่านเชื่อข้าหรือยังว่าด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำแห่งนี้ มีสถานที่สวยงามเช่นนี้อยู่ด้วย"

     ดรุณีสาวหน้าตาสะอาดหมดจดรอยยิ้มสดใสใช้มือกวักวิดน้ำ ในลำธารเล่นอย่างสบายใจ นางได้หันมาพูดคุยกับเจิ้งเทียนฉีซึ่งเป็นศิษย์พี่และศิษย์น้องอีกสองคน

"อืม จริงอย่างที่ศิษย์น้องว่า ข้าเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าด้านหลังหุบเขาของสำนักเราจะมีสถานที่สวยงามขนาดนี้ "
"ก็ใช่นะสิ พวกท่านจะไปรู้อะไรกัน วันๆ พวกท่านก็เอาแต่ฝึกวิชาไหนเลยจะมีเวลาออกมาเที่ยวเล่นได้เหมือนข้า ฮิฮิ"

     ลี่หงกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ เนื่องจากศิษย์ชายหญิง ในสำนักเมฆาล้ำหยุนไหลถูกแบ่งแยกกันชัดเจน เพราะพวกเขาล้วนฝึกวิชา ตามแขนงวิชาที่แบ่งแยกไว้บรรดาศิษย์ชายหญิงจะเจอกันได้ก็ต่อเมื่อต้องมาศึกษาวิชากันในอารามเหยียนซีเท่านั้น เพราะนั่นหมายถึงว่า พวกเขาจะต้องมาศึกษาวิชา ภาพวาด ดนตรี กวี หมากล้อม จึงทำให้ ศิษย์หญิงชายมิได้เจอกันบ่อยนัก

"เสียดาย ที่ศิษย์น้องรอง มิได้มาด้วย"
"เหอะ ท่านจะไปพูดถึงคนเย็นชาอย่างเขาทำไม" สีหน้าของลี่หงเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงศิษย์พี่คนรอง
"พี่ลี่หง แสดงว่าท่านหนีมาเที่ยวที่นี่บ่อยละสิ" ศิษย์น้องคนหนึ่งชื่อว่า จื่อชิว เอ่ยถาม
"แน่ล่ะ ข้ามาที่นี่ได้ สองสามครั้งแล้ว"
"ศิษย์น้อง พี่ว่า เราก็ออกมากันนานแล้วข้าว่าพวกเราควรจะกลับกันได้แล้วนะ ถ้าหากท่านอาจารย์รู้เข้าพวกเราอาจจะโดนทำโทษได้"
"นั่นสิ!" ศิษย์น้องอีกคนชื่อว่า อี้ปิน กล่าวขึ้นสำทับส่วนจื่อชิวที่อยู่ด้านข้าง ก็พยักหน้าเห็นด้วย
"นี่แหนะ!!"
"โอ้ยศิษย์พี่ข้าเจ็บนะ" ลี่หงเดินปรี่เข้าหาจื่อชิวและอี้ปินก่อนตบหัวศิษย์น้องทั้งสองทันที
"เจ้าบื้อสองตัวนี่ เดี๋ยวเถอะ"แล้วลี่หงก็หันไปพูดกับเจิ้งเทียนฉีต่อ
"โถ่ว ศิษย์พี่ อาจารย์รองกับอาจารย์สี่ เข้าฌานฝึกวิชาอาจารย์ข้าก็ลงเขาไปแล้ว ศิษย์พี่จะกลัวไปไย ท่านน่ะไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวซะบ้างเจ้าบื้อสองตัวนี่ก็เหมือนกันเดี๋ยวเถอะ!"ลี่หงเท้าสะเอวชี้หน้าสองศิษย์น้องอย่างคาดโทษ
"ศิษย์น้องเงียบก่อน" " เจิ้งเทียนฉีเอ่ยขึ้นพลางยกมือให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวดูเหมือนว่าศิษย์น้องทั้งสามของเขา ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
"ห๊ะ มีอะไรหรือ ศิษย์พี่
"ข้าได้ยินเหมือนมีอะไรเดินมาทางนี้ หาที่หลบไปกันก่อนจะดีกว่า ถ้าเป็นปีศาจร้ายเราทั้งสี่ คงมิอาจรับมือได้"
"อื้อ" ลี่หง จื่อชิว อี้ปินพยักหน้าพร้อมกันก่อนหาที่กำบังกาย

**
"ล้า ลัลล้า ล้า ลัลล้าาาา"

     เสี่ยวเมากระโดดโหยงเหยงตามเสียงอำเพลงในลำคอ อย่างอารมณ์ดีเพราะตอนนี้อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเรือนไม้ไผ่แล้ว บัดนี้การเคลื่อนไหวของ เสี่ยวเมาถูกสายตาสี่คู่จับจ้องอยู่ โดยที่เขามิได้รู้ตัวเลยสักนิด ศิษย์เมฆาล้ำทั้งสี่รู้สึกแปลกประหลาดใจ ทำไมด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำแดนเซียนจึงมีผู้คนได้เป็นเทพเซียนหรือว่าเป็นปีศาจกันแน่ อายุของเด็กหนุ่มที่กระโดดโหยงเหยงอยู่นั่นดูท่าคงอายุน้อยกว่าพวกเขาทั้งสี่มิได้มากนัก ลี่หงไม่รีรอ เห็นดังนั้นก็พลันกำชับกระบี่ในมือแน่นแล้วดีดปลายเท้าพุ่งทะยานรุดไปจู่โจมทันที

"เฮ้ย!!!"
"เจ้าปีศาจ ตายซะเถอะ!!"

     เสี่ยวเมาตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพลางก็หลบหลีกวิถีจู่โจมของกระบี่ ที่ลี่หงพุ่งตวัดเข้าหาเสี่ยวเมานั้นวันๆเอาแต่เก็บสมุนไพรในป่าไหนเลยจะมีเวลาฝึกวิชาที่ยังพอหลบหลีกได้ ก็เพราะเรียนรู้วิชาแมวสามขาที่ฝึกมาแต่วัยเยาว์ ทำให้พอสามารถเอาตัวรอดไปได้บ้างกระบวนท่าของลี่หงส์จู่โจมต่อเนื่องรวดเร็วฉับไว ทำให้เสี่ยวเมาหลบหนีวิถีกระบี่ของลี่หงได้หวุดหวิด จนสะดุดขาของตัวเอง เซถลา ล้มกลิ้งไปไม่เป็นท่าเมื่อเห็นพวกของลี่หงก่อนจะร้องท้วงขึ้นว่า

"พวกเจ้าเป็นใคร!?!"
"เจ้าสิ เป็นใคร? บังอาจมาอยู่อาศัยบนเขาเมฆาล้ำซึ่งเป็นแดนเซียน?"

**




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:09:55 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
16. เสี้ยวจันทรา  ปรากฏตัว


      อี้ปิน และจื่อชิวเห็นลี่หงพุ่งโจมตี เขาทั้งสองก็พลันกำชับกระบี่ ในมือเตรียมพร้อมเพื่อจะช่วยลี่หงอีกแรง

"ตายซะเถอะ!! เจ้าปีศาจโสโครก"

     ยังมิทันที่เสี่ยวเมา จะทันได้ตั้งตัว กระบี่ของลี่หง ก็พุ่งตรงมาที่เสี่ยวเมาทันที เสี่ยวเมาเห็นดังนั้นก้มหน้า นึกหวาดเสียวอยู่ในใจ พลางยกแขนไปข้างหนึ่งขึ้นมา ป้องกันวิถีกระบี่ของลี่หงไว้

เช้ง!!

     วิถีกระบี่ของลี่หงถูกเปลี่ยนทิศทาง ด้วยหินก้อนหนึ่ง ที่ถูกดีดสกัดมา ทำให้ลี่หงต้องพลันพลิกตัวตีลังกา หมุนตัวไปคุมเชิง ก่อนจะหันไปมองหาที่มา ของก้อนหิน

"ศิษย์พี่รอง!!"

"ศิษย์น้องเจ้ากำลังทำอะไร หยุดได้แล้ว!"

"ติงปิง รุ่ยผิง!" เสียงของเจิ้งเทียนฉี อุทาน เบาๆเมื่อหันไป ก็ปรากฎร่างของสองหนุ่ม เหาะทะยานลงมา ขวางด้านหน้าของเสี่ยวเมา

[ใครมาอีกละทีนี้ แค่นี้ ข้าก็รับมือไม่ไหวแล้ว]

เสี่ยวเมานึกในใจ ก็พลันกล่าวเอ่ยลอยๆพูดรำพึงกับตนเอง

"ทำไม ตาเฒ่านั่นไม่รู้จักสั่งสอนลูกศิษย์ตัวเอง ให้รู้จักเป็นคนใช้เหตุผลซะบ้างนะ เอะอะ อะไรก็ใช้กำลัง เฮ้อ!"

     เสี่ยวเมายังมิทันพูดจบประโยค ก็มีสายตาของติงปิง ผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าขาวสดใส หันมาจ้องเขม็ง เหมือนจะกลืนกิน เมื่อเสี่ยวเมาเห็นดังนั้น ก็รู้ทันที จึงได้บุ้ยหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กลบเกลื่อน ส่วนเซียวลี่หง ดูทีท่าคงจะไม่พอใจ เด็กหนุ่มสองคน ที่มาขัดขวางนาง จึงทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด

"ศิษย์พี่รอง เหตุใดท่านจึงมาขวางข้า"

      แต่ทว่าติงปิง ผู้ที่เซียวลี่หงเรียกว่าศิษย์พี่รอง ทำหน้านิ่งมิได้แยแสชายตามองนาง เขากลับหันไปพูดกับเจิ้งเทียนฉีแทน

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ให้ข้า มาตามพวกท่านและทุกคน ไปที่สำนัก"


พอติงปิงพูดจบเซียวลี่หง ก็พูดแย้งขึ้นทันที

     "แล้วเจ้าหนูโสโครก ตัวนี้ล่ะ ศิษย์พี่จะจัดการกับมันเช่นไร เราจับมันกลับไปให้อาจารย์ลงโทษดีไหม เพราะมันบังอาจ ย่างกายเข้ามาในแดนเซียน"

   พอเสี่ยวเมาได้ยิน ว่าจะโดนจับตัว ก็พลันประหวั่นตกใจกลัว จึงได้ร้องออกมา

"เฮ้ย!! พวกเจ้าจะจับข้าทำไม ไม่ได้นะ..ไม่ได้!" เสี่ยวเมารีบยกมือร้องห้ามขึ้นทันที ก่อนจะหันหน้าแล้ววิ่งไปเกาะแขน ติงปิงขอร้อง ทำสายตาอ้อนวอน

[ท่าทางเจ้าคนชุดฟ้าคนนี้ จะใหญ่ไม่เบานะดูท่าแล้ว น่าจะช่วยข้าได้ ถ้าข้าเข้าไปในสำนักเมฆาล้ำ คงต้องพึ่งพาคนผู้นี้ เพื่อเป็นทางรอดของตัวเองซะแล้ว]

" นี่ๆ เจ้าก็บอกพวกเขาไปทีสิ ว่าตาแก่นั่น เป็นคนให้ข้ามาอยู่ที่นี่เอง"

     ติงปิงยังคงทำหน้านิ่งเฉยเมย เห็นเสี่ยวเมาเกาะแขนของตน ก็พลันสะบัดแขนหนี เสี่ยวเมารู้ว่าคนผู้นี้ถือตัวนัก จึงยอมปล่อยมือ

[อะไรกัน?ถูกนิดถูกหน่อยก็ไม่ได้ เจ้าสูงส่งมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าแดนไหนกัน ท่าทางที่ข้าหวังจะพึ่งพาเจ้า นั่นคงไม่ได้เสียแล้ว ชิส์]

     เมื่อเสี่ยวเมา เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มอีกผู้หนึ่ง ยืนยิ้มให้ด้วยท่าทางมีไมตรี จึงโผไปเกาะอยู่ด้านหลังรุ่ยผิงแทน เพราะกลัวว่าคนอื่นๆจะทำร้าย จับตนไปลงโทษ ติงปิง เห็นดังนั้นจึงพูดต่อ

"ท่านอาจารย์สั่งว่า ห้ามมิให้พวกเรายุ่งกับเด็กคนนี้"

"อะไรกันศิษย์พี่รอง ข้า งง ไปหมดแล้ว" เซียวลี่หงรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจก่อนจะหันหน้าไปหาเจิ้งเทียนฉี ศิษย์พี่ใหญ่แทน

"เอาเถอะน่าศิษย์น้อง ท่านอาจารย์สั่งติงปิงกับรุ่ยผิงมา แสดงว่าท่านต้องมีเหตุผล เจ้าก็อย่าสงสัยอะไรอีกเลย"

"เหอะ" เซียวลี่หง ทำสีหน้าไม่พอใจ

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?"

     เสียงที่ดูเป็นมิตรและอ่อนโยน ของรุ่ยผิงทำให้เสี่ยวเมา รู้สึกเบาใจจึงยิ้มให้ ก่อนจะเหล่ชำเลืองมองสายตา ไปที่ติงปิงพร้อมกับบ่นขึ้นมา

"ก็เจ็บตัวฟรีนะสิ ถามได้"

     รุ่ยผิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มให้ เสี่ยวเมาก็พรางปัดเศษฝุ่นเศษหญ้า ที่ติดตามร่างกายของตนไปพลางก็ก้มลงเก็บ สมุนไพรต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น

"มาเดี๋ยวข้าช่วยเก็บ"

"อื้อ ขอบใจ" เสี่ยวเมา เหลือบไปมองใบหน้าเปื้อนยิ้ม ของรุ่ยผิงก็รู้สึกถูกชะตา จึงพูดคุยด้วย

" เท่าที่เห็นในกลุ่ม ของพวกเจ้า ก็คงมีแต่เจ้าสินะ ที่นิสัยเหมือนผู้เหมือนคนหน่อย "

"อิอิ เจ้าคิดอย่างนั้นหรอ" รุ่ยผิงหัวเราะคิกคัก ระหว่างช่วยเสี่ยวเมาเก็บสมุนไพร

"นี่เจ้าแมวโสโครก เจ้าด่าพวกข้าอย่างนั้นสินะ"

      ลี่หงได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเมาพูดขึ้นมา ก็พาลให้นางรู้สึกมีโทสะ ไม่ถูกชะตา ซ้ำยังโดนผู้อยู่ตรงหน้า กล่าววาจาถากถาง จึงคิดจะหาเรื่องเสี่ยวเมาต่อ ส่วนเสี่ยวเมาก็มิได้แยแสอะไร ยังคงก้มเก็บสมุนไพร พร้อมกับพูดตอบกลับไป

"ถ้าเจ้าจะคิดเช่นนั้น ข้าเองก็จนปัญญา"

"นี่เจ้า!!!!"

     ลี่หงปราดเข้ามา แต่ก็ต้องมาเจอติงปิงขวางหน้าไว้ นางจึงยอมหยุด ส่วนจื่อชิวและอี้ปิน ก็แสดงท่าทีไม่พอใจ กับคำพูดเสี่ยวเมาเมื่อครู่เช่นกัน เจิ้งเทียนฉีเห็นทีท่ามิสู้ดี จึงกล่าวร้องเรียก เซียวลี่หงและคนอื่นๆ

"ศิษย์น้อง พี่ว่าพวกเรากลับกันเถอะ ท่านอาจารย์รอพวกเราอยู่"

"ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าหนูโสโครก" ลี่หงกล่าวออกมา พร้อมกับเดินเบียดกระแทกเสี่ยวเมา จนถลาล้มลง ระหว่างก้มเก็บสมุนไพร แล้วนางก็เดินตาม เจิ้งเทียนฉี อี้ปินและจื่อชิวไปในทันที

"เจ้าไม่เป็นไรนะ"

     รุ่ยผิงเห็นดังนั้น ก็พลันถามเสี่ยวเมาอย่างเป็นห่วง เสี่ยวเมามิได้กล่าววาจาใดๆ นอกจากส่ายหน้า เพราะตัวเขาเอง ก็เริ่มเบื่อระอา กับคนกลุ่มนี้แล้วเหมือนกัน

"ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะกลับหรือยัง?" ติงปิงกล่าวถามรุ่ยผิง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับผู้ที่มิได้สุขหรือทุกข์ร้อน กับเรื่องอันใดในโลก

"ศิษย์พี่รอง รอข้าอีกซักครู่เถิด"

"ของเพียงเท่านี้ คนผู้นี้ก็มีมือมีเท้า เหตุใดเจ้าจึงต้องไปช่วย ไปได้แล้ว"

      ติงปิงยังคงพูดจาเรียบเฉย ตามสิ่งที่ตนเองคิด จนทำให้เสี่ยวเมารู้สึกหงุดหงิดกับคนผู้นี้ ถ้ามิใช่เพราะเขาผู้นี้ คือคนที่ช่วยตัวเขาจากคมกระบี่ของเซียวลี่หง ก็คงจะต่อว่าไปสักประโยคสองประโยค แต่ถือว่าติดหนี้บุญคุณ เสี่ยวเมาจึงมิได้เอ่ยวาจาใดๆ นอกจากทำเป็นมิสนใจ มิได้ยิน

[เหอะ ทำเป็นวางมาดคุณชายสูงส่ง ตะเภาเดียวกันทั้งนั้น]

"ถ้าเจ้ายังไม่ไป ถ้าเช่นนั้นข้าไปละนะ" ติงปิงมิรีรอ ยังเห็นรุ่ยผิงง่วนเก็บสมุนไพรช่วยเสี่ยวเมา เขาก็ไม่รอช้า สาวเท้าก้าวออกไปโดยเร็ว

"ศิษย์พี่รอง รอข้าด้วย!!!"

**

"เหอะ เจ้าพวกนี้ ฝึกแต่วิชารังแกคนอื่นที่ไม่มีทางสู้ สงสัยจะไม่ได้เรียน วิชามารยาทกันมาเป็นแน่ ตาเฒ่านี่สั่งสอนเจ้าพวกนี้ยังไงกันนะ เฮ้อ!!"


     เสี่ยวเมาเก็บของสมุนไพร ใส่ตะกร้าหวาย แล้วก็สะพายขึ้นบ่า แล้วเดินไปที่เรือนไม้ไผ่ โดยมิได้สนใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นอีก


"ท่านก็นะจะนอนแบบนี้ ไปอีกกี่พันปี ควรจะรีบๆฟื้นขึ้นมาได้แล้ว ท่านรู้รึไม่ โลกใบนี้มันสวยงามน่าอยู่มากขนาดไหน มัวแต่นอนอยู่ได้" เสี่ยวเมายืนบ่น ที่ขอบเตียงคนป่วย ที่นอนหลับนิทราอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

" อย่างน้อยถ้าท่านฟื้นขึ้นมา ข้าก็ยังพอ จะมีเพื่อนให้คุยด้วยบ้าง ท่านเล่นนอนขี้เกียจกินแรงข้าแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า เฮ้อ!!"


     เสี่ยวเมาพูดจบ ก็หมุนตัวกลับไปที่เตาต้มยา แล้วจัดแจงหาชามกระเบื้องเคลือบ แล้วเทยาที่ต้มเตรียมไว้ ก่อนจะยกมายังเตียงคนป่วย

"ได้เวลาท่านต้องทานยาแล้ว มาๆ ท่านรีบทานยาซะ จะได้ฟื้นขึ้นมาไวๆ จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระข้าอีก อึ๊บ!" เสี่ยวเมาพยุงร่าง ของคนผู้นั้นขึ้นมา ก่อนค่อยๆใช้ช้อนคนยา แล้วเป่าก่อนป้อนใส่ปากให้กับเขา



**








     


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:12:52 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
17.เสี้ยวจันทรา เมื่อข้าต้องฝึกวิชาเอง



      ดึกสงัดภายใต้เสียงเทียน ณ เรือนไม้ไผ่ เสี่ยวเมานั่งถอนใจ อยู่บริเวณลานกว้างเพียงผู้เดียว นับๆดูแล้วเขาก็อยู่ที่นี่มาได้ 500 กว่าปีแล้ว ทำไมมารดาของเขา มิเคยมาเยี่ยมเยือนเลยสักครา ข่าวคราวพอถามถึง อาจารย์ผู้เฒ่าหวงหลง ก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ เห็นปิ่นไม้ที่พระชายาทำให้ ก็ได้แต่พูดคุยถามไถ่กับปิ่นไม้


"เสด็จแม่ ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใดกัน ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกรอท่านมารับอยู่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน"

     พอพูดกับปิ่นไม้จบ เสี่ยวเมาก็เงยขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นแต่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ ที่เหมือนเพื่อน คลายความเหงาให้เขายามค่ำคืน

"เสด็จแม่ ตอนนี้ ท่านอยู่ที่ใดกัน" จนเสี่ยวเมาเผลอหลับไป จนถึงเช้าวันใหม่


**

"เสี่ยวเมาเอ้ย เสี่ยวเมา อยู่รึปล่าว? เอ เจ้าเด็กคนนี้ หายหัวไปไหนกันนะ เงียบผิดปรกติ เสี่ยวเมา!!" เสียงของหวงหลง เจ้าสำนักเมฆาล้ำเดินเข้ามา ในเรือนไม้ไผ่ร้องเรียกหาเสี่ยวเมา

[เสียงตาเฒ่านี่นา]

"ขอรับท่านอาจารย์" เสี่ยวเมาขานรับ เสี่ยวเมาเองนั้น มัวง่วนอยู่กับการฝังเข็ม ให้กับบุรุษลึกลับที่นอนนิทราอยู่

"อาการเขาเป็นอย่างไรบ้าง? "

"ก็ตามที่ท่านเห็นนี่แหละ ยังคงนอนเป็นท่อนไม้อยู่เหมือนเดิม ท่านมาก็ถามหาแต่เขา มิเห็นถามถึงข้าบ้างเลย " เสี่ยวเมาบ่น จริงๆแล้วนั้น เขาก็พูดหยอก อาจารย์ผู้เฒ่าไปด้วยความเคยชิน เพราะในใจเขา ก็เพียงแต่หาเรื่องพูดคุย

"เจ้าก็อยู่ตรงนี้นี่ไง ก็เห็นแข็งแรงดี ข้าจะถามทำไมให้มากความ"

"เหอะ"

     เสี่ยวเมาฝังเข็ม ให้บุรุษผู้ที่นอนอยู่เสร็จ ก็หมุนตัวหันหลังให้อาจารย์ ทำเป็นไม่สนใจ เก็บของ อื่นๆต่อ

"เอ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ เป็นอะไรของเจ้าอีก? มีเรื่องอันใด?"


     หวงหลงเห็นเสี่ยวเมา ทำท่าทางไม่ค่อยจะพอใจอยู่เล็กๆ จึงเอ่ยขึ้นถาม เสี่ยวเมาก็เดินสะบัด ไปที่โต๊ะรินน้ำชา แล้วยกมาให้อาจารย์ผู้เฒ่า


"วันๆ ท่านจะไปรู้อะไรกันเล่า ข้าหน่ะหวิดจะสังเวยชีวิตน้อยๆของข้า ให้กับศิษย์เมฆาล้ำของท่านแล้วรู้หรือเปล่า?"

     เสี่ยวเมาพูดจา สีหน้าบูดบึ้ง ปนอารมณ์น้อยใจ อยากให้อาจารย์ผู้เฒ่าเห็นใจ จึงหยั่งเชิงบ่นให้ หวงหลงฟัง ฝ่ายหวงหลงเอง ก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ เช่นนี้ได้

"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?" หวงหลงเอ่ยถาม ก่อนยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบ

"ก็มีนะสิ ถ้าไม่มี ข้าจะพูดกล่าวหาลอยๆ ได้อย่างไรกันเล่า" เสี่ยวเมาบ่นใส่ ก่อนพูดขึ้นอีกยาวเหยียด

"ดีนะที่ศิษย์ของท่านผู้หนึ่งห้ามไว้ พวกเขาจึงยอมรามือกัน มิเช่นนั้นท่านคงมิเห็นข้า มายืนบ่นท่าน อยู่เช่นนี้หรอก ศิษย์ท่านที่ให้มาตาม คนพวกนั้นนั่นแหละที่ช่วยข้าไว้ แต่ดูท่าทางแล้ว เหอะ!" เสี่ยวเมาจิ๊ปากขึ้นมา พอนึกถึงหน้า และท่าทางของติงปิง หวงหลงเอามือลูบเคราของตนอย่างเบามือ พร้อมกับทำทีท่าครุ่นคิด

"ศิษย์ที่ข้าให้มาตาม เช่นนั้นรึ?" หวงหลง เองก็งุนงง เขามิเคยใช้ใคร ให้มาตามใครเลย

"อะไรกัน ท่านอาจารย์นี่ท่านแก่ จนเลอะเลือนหรือเปล่า?"  เสี่ยวเมาโวยวาย ก่อนยกกาน้ำชา รินชาใส่ถ้วยให้อาจารย์ผู้เฒ่า

"แน่ะเจ้าเด็กคนนี้ ดูพูดเข้าปากคอเจ้า ช่างร้ายกาจนัก"

     พอเสี่ยวเมาจะยื่นถ้วยน้ำชาให้ เมื่อได้ยินผู้เป็นอาจารย์ต่อว่า ก็พลันหดมือ ยกถ้วยน้ำชา กระดกกลืนลงคอเองจนหมด แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ด้วยท่าทีไม่พอใจ ทำให้หวงหลงงุนงง กับพฤติกรรม กวนประสาทของเด็กน้อยผู้นี้

"นี่เจ้า" หวงหลงชี้หน้า เสี่ยวเมายังคงยืนตีหน้ามึน ก่อนบ่นอีกชุดใหญ่

"ท่านว่าข้าปากคอร้ายกาจ แต่ก็คงมิอาจเทียบกับศิษย์หญิง ของท่านอาจารย์ที่ชื่อ ลี่หง ได้หรอกกระมัง ขอรับ"

     เสี่ยวเมาประสานมือโค้งคำนับ พอกล่าวจบเสี่ยวเมาก็รินน้ำชา ยื่นให้อาจารย์ผู้เฒ่าอีกครา พอหวงหลงจะหยิบถ้วยชา เสี่ยวเมาก็ชักมือยกถ้วยชาขึ้นกระดกลงคอรวดเดียว แล้วจึงบ่นต่ออีกชุด อาจารย์ผู้เฒ่าเห็นดังนั้น ก็พลันหน่ายใจจึงพลางยกมือขึ้นชี้

"เจ้านี่น้า!"

"ก็ท่าน ไม่เคยสอนวิชาต่อสู้ ให้ข้าเลย ดูสิ ข้าจะบอกว่า เป็นศิษย์ท่านก็ไม่ได้ ข้าโดนแต่คนอื่นรังแก ถ้าผู้ใดรู้เข้า ว่าข้าคือศิษย์ของท่าน ท่านคงจะได้ขายหน้าเป็นแน่" เสียวเมาทำหน้าตาน่าสงสาร ทำให้หวงหลงรู้ทันทีว่าเสแสร้ง จึงเมินหน้าหนี เสียวเมาจึงหมุนตัวเดินมา ด้านหน้าอาจารย์ผู้เฒ่าอีกครา พร้อมกับเอ่ยถาม

"นี่ท่าน ไม่คิดจะสอนอาคมกับวิชาต่อสู้ ให้ข้าจริงๆหรือ ท่านอาจารย์"

"ข้ายังสอนวิชาแพทย์ให้เจ้าไม่หมดเลย เจ้ายังฝึกพลังเวทกับวิชาต่อสู้ไม่ได้"

"โธ่ ท่านอาจารย์ ทำไมกันล่ะ ข้าเห็นคนอื่นยังฝึกกันได้ เรียนวิชาแพทย์ไป ก็ฝึกวิชาอื่นไปด้วยก็ได้ ศิษย์ที่เมฆาล้ำก็ทำกันแบบนี้นี่นา แล้วเหตุใดกันข้าจึงฝึกไม่ได้"

     เสี่ยวเมาพูดพลาง เดินหมุนตัวไปหมุนตัวกลับมา ผ่านหน้าของหวงหลงหลายครา จนหวงหลงส่ายหน้า เสี่ยวเมาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นต่อว่า

"หรือว่าท่านไม่อยากรับข้าเป็นศิษย์กันแน่" เสี่ยวเมาถามด้วยความสงสัย พร้อมกับรินชาใส่ถ้วย ยื่นให้อาจารย์ผู้เฒ่า อีกครั้ง หวงหลงจึงหยิบถ้วยชามาไว้ในมือ ก่อนลูบเคราตัวเองแล้ว ยกถ้วยชาขึ้นจิบ

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงรักษา คนผู้นี้ให้หายเสียก่อน แล้วข้าจะสอนให้เจ้าก็แล้วกัน"  เสี่ยวเมาได้ยินดังนั้น ก็พลันรู้สึกไม่พอใจ ในคำตอบและเหตุผล ของอาจารย์ผู้เฒ่า

"ถ้าเช่นนั้นข้ามิต้องรอ เป็นอีกพันปี หมื่นปีหรอกหรือ นี่ก็500กว่าปีแล้ว เขายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย"

     เสี่ยวเมาอารมณ์ไม่ดี จึงแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน เมื่อเห็นว่าอาจารย์ผู้เฒ่า กำลังจะรินชาใส่ถ้วยดื่ม เขาก็แย่งถ้วยชา ยกกาชาหนี

"ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ไม่ต้องดื่มชาที่นี่หรอก ท่านให้ศิษย์รักของท่านพวกนั้น ชงชาให้ท่านดื่มเถิด ชานี้ข้าจะเอาไปเททิ้ง"

"แนะเจ้าเด็กคนนี้" เสี่ยวเมามิได้สนใจ สะบัดหมุนตัว ยกถ้วยชาและกาชาเดินหนี เข้าไปในเรือนไม้ไผ่ทันที หวงหลง เห็นดังนั้นก็เหนื่อยใจ แต่ก็มิได้ว่ากล่าวอันใด จึงจากออกไปจากเรือนไม้ไผ่

[ถ้าเจ้าฝึกพลังเวทได้เมื่อไหร่ ภัยก็จะมาถึงตัวเจ้าไวขึ้นเท่านั้น เสี่ยวเมาเอ้ย อาจารย์เป็นห่วงเจ้า ที่อาจจะต้องพบ กับปัญหาเช่นพระชายาเฉิง]


***

[ถ้าท่านมิสอนข้า ข้าฝึกและเรียนรู้เองก็ได้ ]

     เสี่ยวเมานอนครุ่นคิด ถึงคำพูดของมารดา ก่อนพาตนมาที่นี่ ไม่รอช้า จึงนึกถึงเชือกคาดเอวของตน ก่อนกำหนดจิต  คิดฝึกพลังเวทในคัมภีร์ดับตะวันขั้นที่หนึ่ง ที่พระชายาสอนเคล็ดวิชาขั้นที่หนึ่ง กับขั้นที่สองให้ ไม่นานนักเสี่ยวเมาก็ฝึกจนสำเร็จ จนหลายวันผ่านไปเสี่ยวเมา พอเขาว่างก็ง่วนอยู่กับการฝึกวิชา

"เราจะใช้แส้โลหิต ไม่ได้ มิเช่นนั้น พวกศัตรูของเสด็จแม่ จะต้องรู้แน่ว่าเราอยู่ที่นี่ ถ้าเช่นนั้น เราฝึกแค่เพลงฝ่ามือก่อน แล้วค่อยฝึก12กระบวนท่าการใช้แส้อ่อน โดยใช้กิ่งไผ่แทนแส้ไปก่อนก็แล้วกัน"
 
     เมื่อเสี่ยวเมาคิดได้ดังนั้น จึงหมายมั่นคิดฝึกฝนวิชา ในเวลาหลายค่ำคืน เสี่ยวเมาจึงเข้าฌานกำหนดจิต ฝึกพลังเวทในคัมร์ดับตะวัน ทำให้ฝีมือเขารุดหน้าดีกว่าแต่ก่อน เมื่อว่าง ก็ฝึกเพลงฝ่ามือหมอกมายา
     
"คืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ"

     เสี่ยวเมายืนอยู่ ที่ลานกว้างหน้าเรือนไม้ไผ่ ตอนกลางดึก จึงวาดฝ่ามือ ออกไปเป็นวงกลม แล้วหมุนควงรอบทิศ ป้องปิดการโจมตี สืบเท้าก้าวถอย อย่างมีจังหวะ พลันหมุนกลับโบกแขน ยกขาสอดคล้อง รับกลับการเคลื่อนไหว โคจรพลังวัตร จำกัดการควบคุมพลัง ไปตามจุดต่างๆในร่าง ดูดซับไอดินไอฟ้า แปลสภาพเป็นพลัง ก่อนตามด้วยกระบวนท่า สยบปราบทิ่มสังหาร

แกร๊ก!!

"ใครหน่ะ?!?" เสี่ยวเมาได้ยินเสียงผู้มาเยือนจึงแกล้งล้มลงกับพื้นทันที "โอ๊ะ!!"

"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"เจ็บสิถามได้ ท่านมาทำให้ข้าตกใจ แล้วท่านคือ..." เสี่ยวเมาคุ้นหน้า เขาเคยเจอคนผู้นี้ ในวันที่เซียวลี่หง ทำร้ายเขา แต่เสี่ยวเมาไม่รู้ชื่อแซ่ของคนผู้นี้

"ข้าชื่อ เจิ้งเทียนฉี ไง เราเคยเจอกันแล้ว "

"อ๋อ ท่านมาที่นี่ มีธุระอันใด?"  เสี่ยวเมา ขมวดคิ้วเป็นปม เอ่ยถามผู้มาเยือน ด้วยความสงสัย ผู้มาเยือนก็มีทีท่ายิ้มแย้ม ดูท่าไม่ได้มาร้าย จึงทำให้เขายิ่งสงสัย

[นี่ตาเฒ่า คลายเวทบังตาเรือนไม้ไผ่ ออกแล้วสินะ ถึงได้มีคนค้นพบที่นี่เจอ]

"ข้ามารบกวนเจ้าหรือเปล่า?"

"เปล่าเลย เอ่อ แล้วท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? "

"อ๋อ อ่า-เอ่อ ข้าเข้ามาโดยบังเอิญน่ะ"

"เชิญท่านนั่งก่อนสิ " เสี่ยวเมาเชิญผู้มาเยือน  นั่งลงที่โต๊ะหินตรงลานกว้าง เจิ้งเทียนฉีผู้นี้ หน้าตาดูดี ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ทำให้เสี่ยวเมารู้ว่าเขาน่าจะ เป็นคนดีอยู่บ้าง

"อ่า-เอ่อข้าเห็น เจ้าร่ายรำเมื่อครู่ เจ้าฝึกยุทธอยู่เช่นนั้นหรือ?"

     เจิ้งเทียนฉี เห็นเสี่ยวเมาร่ายรำ กระบวนท่าฝ่ามือหมอกมายา เมื่อครู่แต่มิรู้ ว่าเป็นวิชาสำนักไหน จึงได้เอ่ยถาม

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ท่านท่านเห็นเช่นนั้นเหรอ ฮ่ะฮ่ะ ข้ามีแต่วิชาแมวสามขา จะไปเอาวิชาที่ไหนมาฝึกกันเล่า ข้าก็ร่ายรำมั่วๆ สะเปะสะปะ ไปเรื่อย ท่านอย่าได้สนใจเลย ฮะ ฮ่ะ ฮ่า" เสี่ยวเมาใช้เสียงหัวเราะของตนกลบเกลื่อน

"แต่ที่ข้าดู มันไม่ได้สะเปะสะปะเลยนะ กลับดูท่วงท่าสอดคล้อง ลื่นไหลสวยงาม และมีพลัง"

"ฮ่ะ ฮ่ะ ท่านก็พูดเกินไป ข้ารู้สึกอาย ข้าทำขายหน้าแล้ว ขายหน้าแล้ว" เสี่ยวเมาทำเป็นก้มหน้าหลบตา ยิ้มก่อนเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที


"อื้อ แล้วท่านทำไม ถึงมาที่นี่คนเดียว?" เสี่ยวเมารู้สึกสงสัย จึงเอ่ยถามเจิ้งเทียนฉี เพราะยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

"อ่า-เอ่อ พอดี ข้าแปลกใจ วันนั้นที่เจอเจ้า ข้ามิเคยรู้ว่า มีผู้อาศัยอยู่หลังหุบเขา นึกสงสัยก็เลยลองออกมาดู"

"อ๋อ เป็นเช่นนั้น" เสี่ยวเมายิ้มให้  สงสัยว่าคนผู้นี้มาดีหรือมาร้ายกันแน่

"อื้ม เป็นเช่นนั้น วันนั้นที่ศิษย์น้องข้า ทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษแทนนางด้วย"

"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก ข้ามิได้เก็บ เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจแล้วล่ะ"

     เจิ้งเทียนฉี มองเห็นหน้าเสี่ยวเมาชัดแจ้ง ยามต้องสะท้อนแสงจันทร์ กับแสงเทียนยามค่ำ ช่างดูสดใสและสะอาดหมดจด กว่าวันที่เขาเจอเสี่ยวเมาในวันแรก เพราะเสี่ยวเมาในวันนั้น ดูสกปรกมอมแมม แต่เสี่ยวเมาในตอนนี้ กลับดูสดใสน่ารัก ใบหน้าที่ปนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม หุ่นได้รูปทรงเหมือนดุรณีสาว ที่มีท่วงท่าห้าวหาญ

"นี่ ท่านมองอะไร?" เสี่ยวเมา ใช้โบกขึ้นลง ผ่านหน้าของเจิ้งเทียนฉี ที่จ้องตนอยู่จนรู้สึกประหม่า

"อ๋อ เปล่าๆ "

     เจิ้งเทียนฉี นึกขึ้นได้ จึงเอ่ยถามความสัมพันธ์ ระหว่างเสี่ยวเมา กับเจ้าสำนักเมฆาล้ำ เสี่ยวเมาจึงเล่า เรื่องที่ หวงหลงรับตนเป็นศิษย์ สอนแต่วิชาแพทย์ แต่ไม่สอนวิชาต่อสู้ให้ เจิ้งเทียนฉีจึงถือโอกาสนี้ ตีสนิทเสี่ยวเมาทันที

"เจ้าอยากฝึกวิชาหรือเปล่าล่ะ?"

"อื้อ อยากสิ ทำไมท่านจะสอนข้าหรอ"

"อื้มมม " เจิ้งเทียนฉียิ้มให้อย่างจริงใจ

"ท่านพูดจริงหรือเปล่า!!!"

     เสี่ยวเมายิ้มร่า เหมือนกับว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด ของเขาในรอบ500ปี ที่ได้มาอยู่ที่นี่  พลางลุกขึ้น โผมาเกาะแขนของเจิ้งเทียนฉี จนไหล่ของเจิ้งเทียนฉี ลู่ไปอีกทาง ก่อนที่จะกระโดดตัวลอยเนื่องจากความดีใจ "

ข้าจะได้ฝึกวิชาแล้ว ข้าจะได้ฝึกวิชาแล้ว เย้ๆ ๆ"

"แต่ต้องมีข้อแม้" เสี่ยวเมา ชะงักหยุดการเคลื่อนไหว ด้วยความสงสัย ว่าข้อแม้ ของเจิ้งเทียนฉีคืออะไรกันแน่

"ข้อแม้? ข้อแม้อะไร?"

"เอ่อ!..เจ้าต้องเรียกข้าว่า ศิษย์พี่ใหญ่"

"โถ่ นึกว่าอะไร ท่านก็ เล่นซะข้าตกใจหมด " เสี่ยวเมาถอนหายใจอย่างโล่งอก

"ถ้าเช่นนั้น เสี่ยวเมา ขอคำนับศิษย์พี่ใหญ่" เสี่ยวเมาไม่รอช้า รีบคำนับเจิ้งเทียนฉีเร็วไว ก่อนจะพูดอีกว่า

"ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ารบกวนท่านอีกข้อหนึง ถ้าท่านสอนวิชาต่อสู้ให้ข้า ข้าขอร้องท่าน อย่านำเรื่องนี้ไปบอกกับใครนะ เพราะว่า ท่านอาจารย์เจ้าสำนัก ไม่ยอมให้ข้าฝึกวิชาต่อสู้ และอาคม ถ้าอาจารย์รู้ว่าข้าแอบฝึก ข้าอาจจะโดนไล่ลงจากเขา ก็ได้"


"อื้มได้สิ งั้น เรื่องนี้ก็ เอาไว้เป็นความลับ ของเราสองคน"

"ท่านสัญญาแล้วนะ"

"อืม!! ข้าสัญญา ถ้าเช่นนั้น เราเจอกันเวลานี้ "

"เสี่ยวเมาขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มาก" เสี่ยวเมายิ้มร่า พลางกอดซ้ายกอดขวา เจิ้งเทียนฉีไม่หยุด จนเจิ้งเทียนฉี รู้สึกตัวพองโตขึ้นอย่างแปลกประหลาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:14:57 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
18.เสี้ยวจันทรา หน้ากากแห่งความแค้น
 

ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง อยู่ลึกลงไปใต้บึงผาราชันย์

     หญิงสาวสวมเสื้อคลุมม่วงอ่อนทะยานเหาะลงมายังผาราชันย์ หยุดยืนบนลานหิน เบื้องหน้าคือบึงน้ำอันเงียบสงบที่มีผาราชันตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ลมพัดหวีดหวิวผงฝุ่นเศษหญ้าถูกพัดปลิวไปตามลม นางมองซ้ายขวา มิมีผู้ใดตามมาจึงลงไปในบึงที่อยู่ลึกสุดใต้ผาราชันย์

"ท่านมีธุระอะไร?"
"ข้าหยูอิงฮัว มาขอพบท่านประมุข"

     ยามประตูสองคนเปิดประตูให้หยูอิงฮัวเข้ามาในห้องโถง ภายในดูกว้างใหญ่ แต่กลับมีแสงเล็ดลอดมาเพียงเล็กน้อยอากาศภายในดูเย็นเฉียบ เหมือนกับว่า สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะมาอาศัยอยู่ แต่มีเสียงพิณบรรเลงพลิ้วไหวท่วงทำนองเยือกเย็น ชวนให้เหงาหงอย เดินตรงตามเสียงพิณสักพัก ก็พบกับม่านลูกปัดทำจากไข่มุกห้อยร้อยเส้นสายเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังม่านลูกปัดมุกก็พบกับบุรุษลึกลับผู้หนึ่ง เจ้าของเสียงพิณที่บรรเลงอยู่

"คำนับท่านประมุข"
"อืมม"

     เสียงราบเรียบแผ่วเบาของคนผู้นี้กล่าวขึ้น พลางค่อยยกปลายนิ้วมือออกจากสายพิณบุรุษลึกลับผู้นี้จึงลุกขึ้นจากที่นั่ง ค่อยเดินอย่างแผ่วเบา แหวกม่านลูกปัดออกมาหยูอิงฮัวก้มหน้านอบน้อม จึงเห็นว่าเขาผู้นี้ ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวสะอาด ท่วงท่างดงามทว่าการย่างเท้าแผ่วเบาราวกับสายลมกระทบแผ่นน้ำ ทว่าใบหน้าด้านหนึ่งถูกปิดซ่อนภายใต้หน้ากากสีเงินมีลวดลายประหลาดตา ดูลึกลับยิ่งนัก

"จอมอสูรเผ่าปีศาจ ว่าอย่างไรบ้าง" เขาผู้นี้เดินผ่านหน้าหยูอิงฮัวไปแล้วจึงเอ่ยถาม
"ค่ะ ท่านประมุข จอมมารให้ข้ามาบอกกับท่านประมุขว่าเผ่าปีศาจขณะนี้มิอาจทำตามท่านประมุขเสนอได้ เนื่องจากท่านจอมมาร ยังไม่สามารถควบคุมคทาอสูรฟ้าได้นอกเสียจาก..."หยูอิงฮัวไม่กล้าจะเอ่ยถึง จึงหยุดพูดเพียงเท่านั้น จนบุรุษลึกลับผู้นี้หันหมุนตัวเดินมา หยุดที่ตรงหน้าหยูอิงฮัว

"นอกเสียจากอะไร?"
"นอกเสียจาก จะได้เลือดมังกรเพลิงกับหินสมานฟ้าจึงจะสามารถทำให้ฝึกจิตอสูรสำเร็จ ควบคุมคฑาอสูรฟ้าได้ .ค่ะท่านประมุข" หยูอิงฮัวอึกอักมิกล้าพูดอะไรมานัก
"หึ มีแต่พวกไม่เอาไหนทั้งนั้น!" คนผู้นี้แสดงออกทางแววตา ว่ามิค่อยสบอารมณ์กับข่าวที่ได้ยินจึงเอ่ยถามเรื่องใหม่กับหยูอิงฮัว
"แล้วเรื่องของเฟยหยี ข้าให้เจ้าไปที่หยุนไหลได้ข่าวของเฟยหยีบ้างหรือไม่"

     เขาผู้นี้สายตามีประกายเมื่อถามถึงญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่หยูอิงฮัวมิได้พูดกล่าวอันใด นอกจากส่งสายตาแล้วก็ส่ายหน้าคนผู้นี้จึงลอบถอนหายใจ แววตาก็พลันดูเศร้าลงไปในทันที จนอยู่อิงฮัว พูดขึ้นอีกว่า

"แต่ท่านประมุขไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนแฝงตัวไว้ที่หยุนไหลแล้วถ้ามีข่าวขององค์ชาย ข้าจะรีบมารายงาน ท่านประมุขทันทีค่ะ"
บุรุษผู้สามหน้ากาก ก็พลันยกมือขึ้นข้างหนึ่งให้หยูอิงฮัวหยุดพูดก่อนหมุนตัวหันหลังให้หยูอิงฮัวแล้วกล่าวขึ้น
"ถ้ายังไม่เจอตัวเฟยหยีเราเองก็ยังทำอะไรในตอนนี้ไม่ได้เช่นกัน คงต้องยืมมือคนของเผ่าปีศาจไปก่อน" เมื่อเขาเดิน ไปถึงม่านลูกปัดมุกแล้วแหวกม่านเข้าไป ยังที่นั่งตามเดิม

"แต่ท่านประมุขคะ"
"มีอะไร?" เสียงของเขาเอ่ยถามก่อนวางปลายนิ้ว ลงบนสายพิณเพื่อบรรเลง เพลงที่แสนเศร้าของเขาต่อ
"ตอนนี้จางฉวนและคนห้ากองธงสวรรค์ มันยังคงตามล่าคนของพวกเราไม่หยุดเข่นฆ่าพี่น้องเราล้มตาย ไปไม่น้อยทำให้คนของเรา ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง...เราควรทำเช่นไรดีเจ้าคะ"

เคว้ง!!

      บุรุษภายใต้หน้ากากได้ยินดังนั้นก็พลันฟาดฝ่ามือตบลงบนพิณ จนหยูอิงฮัวตกใจเล็กน้อย กับเสียงที่เกิดขึ้นมาครู่นางตระหนกตกใจจึงค้อมตัวก้มหน้าไม่กล้าเงย

"บนสวรรค์มีให้พวกเจ้าเดินมากมายกลับไม่เดิน แต่กลับมาหาหนทางสู่นรก"ก่อนเขาจะเงยหน้า ไปพูด กับหยูอิงฮัว
"ทางโย่วหลิน ส่งข่าวมาหรือไม่?"
"ยังเลยค่ะ"
"ท่านประมุขขอรับ! คนของหุบเขาหยกมายาส่งข่าวรายงานมาขอรับ" ทันใดนั้นก็มีเสียง ของทหารยามตะโกนแจ้งข่าวมา
"เข้ามา!"

     แล้วทหารยามเข้ามาพร้อมกับส่งจดหมายให้หยูอิงฮัวจึงแหวกม่านลูกปัดมุกส่งจดหมายให้บรุษผู้นี้เมื่อเขารับจดหมาย เปิดออกอ่านดู ก็ยิ้มออกมาจางๆ จนหยูอิงฮัวแปลกใจแต่มิกล้าถามความใด จึงได้แต่ก้าวเท้าถอยออกมา ยืนรอรับคำสั่ง

"ดีมาก ดี ดีเหลือเกิน หึหึ  ในเมื่อเป็นพวกเจ้าไม่ยอมรามือ เมื่อฟ้าบัญชาให้เจ้าตายเช่นนั้นก็คงจะมาโทษข้าไม่ได้หรอกนะ จางหวนเอ๋ยจางหวนเจ้าคงลืมไปแล้วปีศาจนั้นปลุกง่ายแต่จะทำให้สงบ นั้นคงยากนัก หึหึหึ"

     หยูอิงฮัว งุนงงกับคำพูดของประมุขตน บุรุษสวมหน้ากากนำจดหมายยื่นใส่เฟลวไฟ แล้วหย่อนลงในกระถางไฟจึงกล่าวสั่งหยูอิงฮัว
"อิงฮัว เจ้าจงไปสืบข่าวที่หยุนไหลหาตัวเฟยหยีให้พบต่อให้พลิกเขาเมฆาล้ำก็ต้องหาตัวเฟยหยีให้เจอ"
"ค่ะ ท่านประมุข"
"ไปเถอะ"
"ข้อน้อยขอตัว"
"อื้มมม"

     บุรุษผู้สวมหน้ากากกล่าวจบก็กรีดปลายนิ้วกดลงบนสายพิณบรรเลงต่อ แต่ท่วงทำนองที่ส่งผ่านปลายนิ้วของเขาปรากฏเสียง เริ่มจากท่วงทำนองแผ่วเบา เศร้าโศก แล้วพลันโยกเร่งเร้ารวดเร็ว สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดุจคลื่นใหญ่ ถาโถมลมโบกพัด จนเร่งรัดพัดแสงเทียน ที่จุดอยู่วาบไหวแรงดีดที่ส่งผ่านปลายนิ้วพลิ้วไหวรวดเร็ว เสียงทำนอง ผิดแผกแปลกไปรับรู้ได้ถึงสภาวะจิตใจของผู้บรรเลง ที่แฝงไปด้วย เพลิงโทสะร้อนแรงดุเดือด หยูอิงฮัวได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสงสัยก่อนลาออกไปจากผาราชันย์

     แดนมายาทั้งห้าหุบเขาบัดนี้กลายเป็นเพียงดินแดน ที่แสนจะรกร้างว่างเปล่าไร้ซึ่งเทพเซียนเข้ามาพำนักดังเช่นครั้งเก่า แม้แต่มารปีศาจยังมิกล้ำกรายเพราะอันตรายภายในนี้มีเหลือคณา ดินแดนที่อดีตเคยเกรียงไกร ทุกภพภูมิน้อยใหญ่ต่างยำเกรงตอนนี้กับมีแต่ความวังเวง ภายใต้เงาเมฆมืดดำ แต่หุบเขาทั้งห้ายังคงตั้งตระหง่านรอการมาเยือนของผู้นำคนใหม่อยู่เสมอ

**
ณ เขาเมฆาล้ำหยุนไหล

     เจิ้งเทียนฉีศิษย์พี่ใหญ่เดินมายังบรรดาศิษย์คนอื่นๆ เสื้อคลุมยาวสีฟ้า ที่เจิ้งเทียนฉีสวมใส่พัดไหวตามแรงลม ดูงามสง่า สมกับเป็นศิษย์คนโตของสำนักเมฆาล้ำหยุนไหล เทียนฉีเห็นบรรดาศิษย์น้องฝึกซ้อมวิชา รำเพลงกระบี่กันปราดเปรียวว่องไว เป็นระเบียบขบวน ก็นึกชื่นชม

"ศิษย์พี่ใหญ่ พักนี้ท่านหายไปไหนมา ข้ากับพวกศิษย์น้องหาท่าน ไปทั่วทั้งสำนัก " ลี่หง โวยวายใส่ เมื่อนางเห็น เทียนฉีพอได้ยิน ลี่หงกล่าวถามมา ก็มิรู้จะกล่าวตอบ ไปอย่างไร
"อะ-เอ่อ ศิษย์น้องเจ้ามีอะไรเหรอ พอดีข้าเรื่องต้องไปทำนิดหน่อยน่ะ"
"เหอะ ปรกติท่าน ไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ? ท่านบอกข้าได้รึไม่?"

"ไม่เอาน่า เร็วเข้านี่เจ้ายังไม่ไปสนามฝึกอีกเดี๋ยวอาจารย์หญิง ท่านก็ดุเอาหรอก"
"เหอะ ศิษย์พี่" ลี่หงงอนเจิ้งเทียนฉี ก่อนเดินสะบัดหนีไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:17:55 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
19.เสี้ยวจันทรา  ศิษย์คนใหม่ แห่งหยุนไหล

      เมื่อหวงหลงรู้เรื่อง ของเสี่ยวเมากับบรรดาศิษย์เอก ของตำหนักต่างๆ ที่ไปหาเรื่องเสี่ยวเมา ถึงเรือนไม้ไผ่หลังหุบเขา จึงได้เรียก สามอาวุโสซึ่งเป็นศิษย์น้องของตน รวมถึงศิษย์บรรดาเอกอย่าง เจิ้งเทียนฉี ลี่หง จื่อชิว อี้ปิน รวมถึง ติงปิง รุ่ยผิง และจิงยี่ เข้าพบ ว่าจะให้เสี่ยวเมา มาเป็นศิษย์ในสำนักเมฆาล้ำอีกคน นับแต่วันนี้ เพราะคิดว่าคงปิดบัง เรื่องต่างๆ นี้ต่อไปไม่ได้แล้ว และศิษย์ในสำนัก จะสงสัยอาจจะทำให้ เสี่ยวเมาตกอยู่ในอันตราย

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก เด็กคนนั้นเป็นใครกันหรือ? ทำไมพวกข้าไม่รู้จัก" เจียอินเอ่ยถาม เขาคือผู้อาวุโสอันดับ1เขาคือศิษย์น้องคนรองของหวงหลง คอยจัดการเรื่องต่างๆแทนเจ้าสำนัก เป็นอาจารย์ของเจิ้งเทียนฉี กับ จื่อชิว

"นั่นสิ ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านนำเด็กคนนั้น มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราจึงไม่รู้" เจียฉี นางเอ่ยถามอีกคนด้วยความสงสัย นางเป็นอาจารย์หญิง ของบรรดาศิษย์หญิง ในหยุนไหล ลี่หง กับ จิงยี่ คือศิษย์ของนาง เป็นผู้อาวุโสลำดับ2 แห่งตำหนักเหยียนซี

"ท่านอาจารย์ใหญ่ เจ้าเด็กโสโครกนั่นมันเป็นใคร ทำไมท่านต้องรับมันเป็นศิษย์ด้วยล่ะ เช่นนั้น มันก็มีฐานะ ไม่ต่างจากพวกเราหน่ะสิ"

     ลี่หงทนไม่ไหว เพราะนางรู้สึก ไม่ถูกชะตากับเสี่ยวเมา ก็พูดโพล่งออกมา ด้วยทีท่าไม่พอใจ จนหวงหลง ต้องกล่าวเตือน

"ลี่หง เจ้านะเจ้า เรื่องที่เจ้า ไปทำร้ายเสี่ยวเมา ในวันนั้น ข้ายังไม่ได้ลงโทษ เจ้าเลยนะ" หวงหลง ต่อว่าลี่หงต่อหน้าอาจารย์นาง และศิษย์คนอื่นๆ จนลี่หงนางชักสีหน้า

"หึ!! เจ้าเด็กคนนั้น มันฟ้องท่านใช่ไหม ก็...ก็ข้าจะรู้ได้อย่างไรกันว่า เจ้าเด็กคนนั้น มันเป็นศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ เนื้อตัวก็สกปรกมอมแมม หึ ขยะแขยง!!"

"ศิษย์น้อง!"

เจิ้งเทียนฉี เอ่ยเตือนให้ ลี่หง หยุดปาก นางจึงยอมหยุด แต่ก็ยังคงแสดงแววตา ไม่พอใจอยู่มาก ก่อนขมุบขมิบปาก พูดกัดแทะเจิ้งเทียนฉีเบาๆ "ท่านก็อีกคนหึ!"


"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้เด็กคนนี้ พักอยู่กับติงปิงนะ ศิษย์พี่" อาจารย์ผู้อาวุโสลำดับ3 ชื่อว่าซินเจิน เอ่ยขึ้น เขาคืออาจารย์ของ อี้ปิน กับรุ่ยผิง

"ไม่ต้องหรอกศิษย์น้องห้า ให้เสี่ยวเมา เขาพักอยู่ที่เรือนไม้ไผ่ตามเดิม เพราะเขายังต้องรักษาคนป่วย และศึกษาตำราแพทย์อยู่ที่นั่น "

"อ๋อ แล้วกำลังรักษาใครกัน หรือศิษย์พี่? "

"ก็ศิษย์เจ้ายังไงล่ะ "

"หือ" ก่อนที่หวงหลงจะพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียง แค่บรรดาเจ้าตำหนัก 3อาวุโสเพียงเท่านั้น "หานอี้" ทุกคนได้ฟังดังนั้น ก็พลันตกใจ"เขายังไม่ตายหรือนี่"

"อืม" หวงหลงพยักหน้า เป็นการยืนยัน ก่อนจะหันไปเอ่ย กับบรรดาศิษย์เอกในสำนัก

"ข้ามีเรื่องจะสั่งพวกเจ้า เรื่องวิชาเพลงยุทธและอาคม ข้าจะเป็นคนสอนเสี่ยวเมาเอง ตอนนี้ให้เขา ศึกษาตำราแพทย์ไปก่อน อย่าไปรบกวนเขา รู้หรือไม่"

"ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก/ท่านอาจารย์"

***

[ทำความเข้าใจ กับ ตำแหน่งในเมฆาล้ำหยุนไหล]

[หวงหลงคือเจ้าสำนัก เป็นอาจารย์ของ ติงปิง(ศิษย์เอกคนรองในสำนัก) กับ เสี่ยวเมา]

3ผู้อาวุโส

ผู้คุมกฏเจียอิน
คือรองเจ้าสำนักศิษย์ ต่อจากหวงหลงผู้อาวุโสลำดับ1
เป็นอาจารย์ของ เจิ้งเทียนฉี(ศิษย์เอกคนโตในสำนัก) กับ จื่อชิว(ศิษย์เอกลำดับ5)
นิสัยเถรตรง ถือดี
อาจารย์หญิงเจียฉี
เจ้าตำหนักเหยียนซี คือผู้อาวุโสลำดับ2 นางเป็นคนสอนวิชาให้กับศิษย์หญิง
เป็นอาจารย์ของ ลี่หง(ศิษย์เอกลำดับ3) กับ จิงยี่(ศิษย์เอกลำดับ5)
นิสัยเจ้าอารมณ์ แต่ชอบเล่นดนตรี

ผู้คุมหอตำราซินเจิน
บุคลิกเป็นคนสบายๆอรุ่มอร่วย คือผู้อาวุโสลำดับ3
เป็นอาจารย์ของ อี้ปิน(ศิษย์เอกลำดับ4) และ รุ่ยผิง(ศิษย์น้องเล็ก)
นิสัยสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง

**
ซินฉี
พำนักในอารามว่างเปล่า
คือผู้อาวุโสที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆในสำนัก
เป็นศิษย์พี่ของ เจียฉี ซินเจิน
ไม่ยอมรับศิษย์ ฉายาเซียนขี้เมา ฉะนั้นในสำนักจึงมีอาวุโสเพียงสามคนไม่นับอาวุโสซินฉี


***

หลังจากเสี่ยวเมา ได้รู้ว่าตนนั้น จะได้เข้าไปอยู่ในสำนักแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดเลยว่า จะมีวันนี้

"มันคือเรื่องจริงใช่ไหม?ศิษย์พี่ใหญ่ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ "

"อื้ม ใช่ อาจารย์ใหญ่ ท่านให้ข้ามาบอกกับเจ้า"

"อือ ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มาก" เสี่ยวเมาดีใจ ก็กระโดดเข้าไปกอดคอ เจิ้งเทียนฉียกใหญ่

"อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เออนี่ เจ้าไม่ต้องย้ายของ ออกไปจากเรือนไม้ไผ่หรอกนะ อาจารย์ใหญ่ท่านบอกว่า ให้เจ้า อยู่ในเรือนไม้ไผ่เหมือนเดิม ศึกษาตำราแพทย์ของเจ้าไป "

"อื้อ อื้อ " ก่อนเจิ้งเทียนฉี จะกระซิบเบาๆกับ เสี่ยวเมาอีกว่า

"เจ้าพักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน เวลาข้าแอบมาหาเจ้า สอนวิชาก็จะได้ง่ายขึ้น เพราะว่าอาจารย์ใหญ่ท่านสั่งมา ไม่ให้อาจารย์ทั้งสาม สอนเพลงยุทธกับอาคมให้เจ้าน่ะสิ"

"อืม ตาแก่นั่นขี้งกจริงๆ ใจดำมาก คิดจะให้ข้า เป็นศิษย์โข่งโง่เขลา ให้คนหัวเราะเยาะ ทั้งหยุนไหลกระมัง เหอะ!" มีศิษย์พี่อย่างข้าอยู่ เจ้าจะเป็นศิษย์โง่งม ได้อย่างไรล่ะ"เจิ้งเทียนฉี กับเสี่ยวเมาคุยกัน อย่างออกรสและสนิทสนม

"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"


**
ณ ลานฝึกยุทธ

"ศิษย์พี่!!ศิษย์พี่ลี่หง "

"มีอะไรหรือ?จื่อชิว"

"ศิษย์พี่ใหญ่ เขาไปเรือนไม้ไผ่หลังเขา ตั้งนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย"

     จื่อชิว รีบนำเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเจิ้งเทียนฉี ไปบอกกับ ลี่หง เพราะนางได้สั่งกำชับไว้ เมื่อลี่หงได้ยินดังนั้น ก็หน้าดำหน้าแดง แสดงสีหน้าไม่พอใจ นางหมุนตัวหันก็ผลุนผลันเร่งรุด เดินออกไปทันที ระหว่างที่เดินออกไป ก็เจอกับอี้ปินพอดี

"อี้ปิน เจ้าไปกับข้า "

"มีอะไรเหรอ ศิษย์พี่"

"เจ้าไปบอกกับศิษย์พี่ใหญ่ว่า อาจารย์หญิง ให้ศิษย์พี่ใหญ่ มาสอนเพลงกระบี่ ให้พวกศิษย์น้อง ที่ลานฝึกที่สอง เร็วเข้า"

"ก็พี่ลี่หงกับศิษย์พี่รองติงปิง อ่ะ-เอ่อ เป็นคนสอน อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

"เจ้าทึ่ม ยังจะถามให้มากความอีก ข้าบอกให้เจ้าไป ทำก็รีบไปสิ เร็วๆ เดี๋ยวเถอะ"

"อะ-เอ่อ ขอรับๆ" ว่าพลันอี้ปิน ก็ถลาตัววิ่งออกไป ซักพักแล้ว ก็วิ่งกลับมาใหม่ "ศิษย์พี่ลี่หง ว่าแต่ศิษย์พี่ใหญ่ เขาอยู่ที่ไหนเหรอ"

"เจ้าทึ่มเอ้ย! ศิษย์พี่ใหญ่ เขาอยู่หลังเขาโน่น เจ้าไปร้องเรียกดูสิ"

"ขอรับศิษย์พี่"

"รีบไปเร็วเข้า" ว่าแล้ว อี้ปิน ก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว

"เราแอบตามอี้ปินไป อย่าให้เขารู้ตัว " ว่าแล้วลี่หง ก็หันมาสั่งจื่อชิวให้ทำตามที่ตนบอก
"อื้ม "

***

ณ เรือนไม้ไผ่

"เสี่ยวเมา แล้วนี่เจ้า กินอะไรหรือยัง?" เทียนฉีเอ่ยถาม เสี่ยวเมาก็พลางส่ายหน้า แล้วก้มหน้า ดูหม้อยาที่ต้มอยู่ ก่อนพูดขึ้น

"ยังเลย ท่านก็เห็นอยู่ ว่าวันๆ ข้าก็วุ่นวาย อยู่กับการรักษาคน "เทียนฉียิ้มคนเดียวก่อนบอกกับเสี่ยวเมา

"ถ้าเช่นนั้น เจ้าอย่าเพิ่งรีบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ จะไปหาของกินอร่อยๆมาให้เจ้าเอง"

     เสี่ยวเมา ละจากเตาหม้อต้มยา ก็ยืนขึ้นพลันหมุนตัว หันมายิ้ม เผยให้เห็นริมฝีปากสีชมพูสดใส แล้วก็พยักหน้าตอบรับ

"อื้อออ ขอบคุณศิษย์พี่มาก" ตอบเสร็จ เสี่ยวเมาก็หมุนตัว หันไปหยิบท่อนฟืนมา

     ภาพที่เจิ้งเทียนฉี เห็นในตอนนี้มันช่างสดใส น่าจดจำเสียจริงๆ ดวงตากลมโต แววตาภายในดูใสซื่อ ความหมดจดของใบหน้า แม้จะนุ่งห่มผ้าหยาบไร้ค่า แต่ก็ช่างน่าดูน่าชมไม่รู้เบื่อ ทว่าหนุ่มร่างบางคนนี้ กลับมีงานรัดตัว แทบไม่มีเวลา ให้ได้ร่าเริงสดใส เลยซักนิด ถ้าเขาได้เห็นรอยยิ้มนี้ตลอดเวลา ก็คงจะดีไม่น้อย เทียนฉียังคงยืนนิ่ง ไม่ไหวติง มองร่างบางของเสี่ยวเมา อยู่อย่างนั้น จนเสี่ยวเมาเห็นผิดสังเกตุ ว่าศิษย์พี่ใหญ่เหตุใด ไม่ไปสักที จึงหันมาถาม

"ศิษย์พี่ใหญ่...ศิษย์พี่! ที่ตัวข้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ?"

"อ่ะ-เอ่อ ปล่าว ปล่าว" เทียนฉี คืนสติมาดังเดิม

"งะ-งั้น ข้าไปก่อนนะ อย่าลืมล่ะ อย่าเพิ่งกินอะไร ข้าจะรีบไปรีบกลับ"

"อื้อ รู้แล้ว ข้ากว่าจะต้มยาเสร็จ ท่านคงมาพอดี เร็วๆล่ะ"

"อื้อๆ รู้แล้วๆ "


     ทางฝ่ายอี้ปิน มาเรียกหาเจิ้งเทียนฉี พักใหญ่ ก็ไม่เห็นมีเสียงตอบรับ จากที่แห่งนี้ เรือนไม้ไผ่ ยังคงอยู่ในที่ลับตาคน จึงไม่มีใครสามารถ ที่จะเห็นได้ เมื่ออี้ปินมองไม่เห็น  เจิ้งเทียนฉี อี้ปินจึงเดินกลับไป ระหว่างทางจึงเจอกับ ลี่หง และจื่อชิว


"ศิษย์พี่ลี่หง ข้าเรียกหาศิษย์พี่ใหญ่ตั้งนาน ข้ามิเห็นมีผู้ใดอยู่เลย"

"อย่างนั้นเหรอ?"


     ลี่หง ย้อนถามอย่างสงสัย ก่อนหันไปมองจื่อชิว พวกเขากำลังหันหลังกลับ ก็เห็น เจิ้งเทียนฉี เดินมาไกลๆ ท่าทางดูอารมณ์ดีผิดปรกติ ในมือถือเถาปิ่นโตอันใหญ่ ข้างใน น่าจะเป็นของกิน จำนวนไม่น้อย

"ศิษย์พี่ลี่หง นั่นศิษย์พี่ใหญ่นี่ " อี้ปิน เห็นเจิ้งเทียนฉี ก็เตรียมจะไปหา

"อี้ปินเจ้ามานี่ก่อนอย่าเพิ่งไป" แต่ลี่หง กระชากเอาไว้เสียก่อน แล้วก็พาศิษย์น้องทั้งสอง หลบซ่อนหาที่กำบัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:20:07 โดย PrayTime »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สนุกค่ะเรื่องนี้ รออ่านนะคะ :L2:

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
20.เสี้ยวจันทรา  ความอดทน


"หึ เจ้าคนโสโครก เป็นเจ้าใช่ไหม?ที่ฟ้องกับอาจารย์ใหญ่ ว่าข้าเป็นคนรังแกเจ้า?"
ผลัก!
"ศิษย์พี่ นี่ท่าน"

"ยังมาทำเป็นไขสือ?"

      ร่างของหนุ่มน้อย ค่อยพยุงกายลุกขึ้น แล้วใช้มือของตนปัดเศษผงฝุ่น ที่ติดอยู่ตามตัวออกไป แล้วพยายาม จะเดินหนีไปอีกทาง แต่ทว่า ลี่หง กลับไม่ยอมมายืนขวางไว้อีก

"หากไม่ใช่เจ้าแล้ว เหตุใดอาจารย์ใหญ่ จึงกล่าวคาดโทษข้า ต่อหน้าศิษย์คนอื่นๆ"

     ลี่หง กล่าวขึ้น พร้อมกับหันไปทางจื่อชิว และอี้ปิน ศิษย์น้องสองคน สอดรับคำพูดของลี่หง เป็นปี่เป็นขลุ่ย

"ใช่แล้ว ข้าสองคนเป็นพยานได้ เพราะว่าวันนั้น ท่านอาจารย์ใหญ่ กล่าวโทษศิษย์พี่ลี่หงจริงๆ "

"หึ อย่างไรเสีย เจ้าก็เป็นแค่เด็ก ที่อาจารย์ใหญ่ ท่านเก็บมาเลี้ยง เจ้าอย่าได้คิดบังอาจ มาเทียบกับพวกข้า ที่เป็นทายาทของตระกูลต่างๆล่ะ เรามันคนละชั้นกัน" ลี่หงกล่าวออกมา ลอยหน้าลอยตา อย่างภาคภูมิใจ ในชาติตระกูลของนาง ในแดนสวรรค์


"ศิษย์พี่จะเข้าใจเช่นนั้น ข้าเอง คงไม่มีเรื่องอันใดจะพูด โปรดหลีกทางให้ข้าเถิด ข้าจะไปหอตำรา" ลี่หง ยังคงเดินมาขวางเสี่ยวเมา อีกเช่นเคย

"หึ ข้าละเกลียดจริง คนประเภทเจ้า เจ้ามันคือตัวซวย สำหรับข้าจริงๆ"

      เสี่ยวเมา เฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่า เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จงอย่าสร้างปัญหา หรือทำตัวให้เป็นภัย ต่อคนอื่น เพราะมารดาของตนเคยสั่งมา ยังจำได้ ก่อนหน้านี้ ยังคิดเสมอว่า แค่เพียงมีคนคุยกับเขาบ้าง แค่นี้ก็ดีแล้ว แต่สำหรับหญิงสาว ซึ่งมีฐานะเป็นศิษย์พี่หญิง  ของเขากลับไม่ยินดี หรือยอมรับ ในตัวของเสี่ยวเมาเลย เขาจึงได้แต่ อดกลั้นในสิ่งที่เกิดขึ้น

ตุ๊บ! 

"โอ๊ะ!"

     ลี่หง นางฟาดฝ่ามือ ด้วยพลังถึง3ส่วน ใส่ที่ไหล่เสี่ยวเมา ร่างของหนุ่มน้อยที่ผอมบางอยู่แล้ว ครานี้ถูกฝ่ามือซัดเป็นครั้งที่สอง ก็ดูเหมือนจะรุนแรง กว่าคราวที่แล้ว ร่างของเขา ก็ถอยเซไปด้านหลังจนล้มลง ก่อนที่พวกของลี่หง จะยิ้มเย้ยแล้วเดินจากไป

..

"ศิษย์พี่ เราทำเช่นนี้มันจะดีเหรอ?"

"ดีสิ เจ้าหนูสกปรกนั่นมันจะได้รู้ตัว ว่ามันควรจะอยู่ในระดับไหน อย่าบังอาจ มาเทียบกับพวกเรา"
[เจ้ามันบังอาจ แส่หาเรื่องเอง ตั้งแต่ศิษย์พี่ใหญ่รู้จักกับเจ้า เขาก็ไม่เคยสนใจข้าเลย ข้าละอยากฆ่าเจ้านัก เสี่ยวเมา เจ้าคนโสโครก]

"ถ้าเกิดเจ้านั่น มันฟ้องอาจารย์ใหญ่ล่ะ"

"อี้ปิน เจ้านี่มันใจเสาะจริงๆเลย อาจารย์ใหญ่ท่านไม่อยู่สำนัก ลงเขาไปแล้ว อีกอย่างถ้าเจ้าไม่พูดข้าไม่พูด เจ้าคนโสโครกนั่นมันกล้าพูด ก็ลองดูล่ะกันหึ" ลี่หง พูดแค่นในลำคอแล้วมีแววตาเป็นประกาย ก่อนจื่อชิวจะกล่าวเอ่ยขึ้น

"ศิษย์พี่ ข้ารู้มาว่า เจ้านั่นมันจะต้อง ออกไปเก็บสมุนไพรในป่าลึกๆ เป็นประจำ " ลี่หง ได้ยินดังนั้น ก็เผยยิ้มออกมาบางๆ อย่างมีเลศนัย

"หึ ดีเลย ทั้งหุบเขาทั้งเหวลึก ในแถบนี้ข้ารู้ทุกที่ ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็คงมีอะไรสนุกๆ ทำกันแล้วล่ะ"

"ศิษย์พี่!!" อี้ปิน อุทานออกมา เขารู้สึกกลัว ในแววตาและคำพูด ของลี่หงขึ้นทันที จนลี่หงทมึงตาใส่

"เอาเถอะ พวกเจ้าสองคน จงเชื่อมือข้าเถอะว่า เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราแน่นอน"

**

     ลมเย็นพัดโบกเข้ามา กระทบกายของหนุ่มน้อยเสี่ยวเมา กายบางๆของเขา ก็เหมือนจะปลิวไปตามลมเสียให้ได้ ในขณะที่เขายืนทอดกาย หายใจอยู่เพียงคนเดียว ที่ลานกว้าง ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนไม้ไผ่

     หน้าต่างของเรือนไม้ไผ่ ยังไม่ได้ถูกปิด เสี่ยวเมายังคง ปล่อยสายตาของตนเองมองเล็ดลอดออกไป ชวนให้ว้าเหว่ คิดถึงมารดา แม้ตอนนี้จะดีกว่าแต่เก่า แต่ก็เหมือนจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ความเปียกชื้นบนใบหน้า ขนตาเปียกชุ่มเผยให้เห็น หยดน้ำตาเม็ดเล็กๆหล่นวาบ กระทบกับแสงไฟเป็นประกายลงสู่พื้น


     เสี่ยวเมายังคงมองขึ้น ไปบนฟ้า เพื่อมองหามารดาของเขา บนฟากฟ้านั้น ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในหมู่ดวงดารา

[เสด็จแม่ ท่านอยู่ที่ใดกัน]

     มือเล็กๆของเขา แกะแส้อ่อน ที่บัดนี้เป็นเพียงผ้าคาดเอว ขึ้นมามองดู นี่ก็เป็นของอีกสิ่งหนึ่ง ที่มารดาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า เพื่อเอาไว้ให้เขา ได้ปกป้องตัวเอง แต่การปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด นั้นคือ ห้ามเปิดเผยฐานะตนเองต่อผู้อื่น หรือว่าเขา จะต้องอดทนกล้ำกลืนฝืนไป อีกนานเท่าใดกัน? แส้อ่อนตอนนี้ มันเป็นเหมือนดั่งญาติสนิท ที่ใกล้ชิดกับเสี่ยวเมามากที่สุด ถึงหยิบจับขึ้นมา จะมีแต่ความเย็นชืด แต่มันก็ทำให้ เสี่ยวเมารู้สึกอุ่นเล็กๆ ในหัวใจ

"เสด็จแม่ลูกคิดถึงท่าน หากไม่เป็นเพราะลูก อึก..ลูกเข้าใจ ท่านจากไปก็หวังให้หม่อมชั้นปลอดภัย ท่านวางใจ ลูกจะฝึกวิชาในคัมภีร์ดับตะวัน ให้สำเร็จโดยไว .... แล้วลูกจะออกไปตามหาท่าน ลูกจะตามไปคิดบัญชีแค้นนี้ แทนพวกท่าน ล้างแค้นให้พี่ฟ่งอวี้และพี่เสวี่ยเอ๋อ...อึก.."


     น้ำตาของเสี่ยวเมาเม็ดเล็กๆ ไหลรินหล่นลงมา แต่กลับมีแต่ความเงียบ มิได้มีเสียงสะอื้นไห้ เพราะในใจเขานั้นเข้มแข็งขึ้น มิได้อ่อนแอเช่นดั่งแต่ครั้งก่อน ภายใต้ความเงียบสงบ ของเรือนไม้ไผ่ ยังมีสายตาอีกคู่ ที่หลบซ่อนอยู่ จับจ้องมองดูพฤติกรรม ของเสี่ยวเมา แต่ก็ต้องพบว่า ภายใต้ใบหน้าที่แสนสุขสดใส ของเด็กหนุ่มอย่างเสี่ยวเมา กับปกปิดความโศกเศร้าภายใน แม้เขาจะมิรู้ว่าเป็นเรื่องใด ก็ทำให้ผู้ที่พบเห็น พลอยนึกสลดหดหู่ใจไปด้วย

..

    รุ่งเช้าวันนี้เสี่ยวเมา ก็เหมือนกับเช่นทุกวัน บรรยากาศที่เย็นสบาย กับรอยยิ้มของเขาในวันใหม่นั้น คือวันที่สดใสที่สุด ลมยังคงพัดโชย ชวนให้ต้นไผ่ลำสูงชะลูดไหวเอน ดอกไม้พฤกษานานาพันธุ์ แบ่งบานรับแสงสุริยัน ของวันใหม่ ชวนให้เสี่ยวเมา รู้สึกสบายใจขึ้นทันที

 
    หนุ่มน้อยผ่อนลมหายใจเบาๆ ก่อนออกเดินทางเก็บสมุนไพร เขาเดินทางสู่กลางป่าอย่างเคยชิน พอเสี่ยวเมาเดินไปได้สักพัก ก็พบกับสิ่งผิดปรกติ

[เมื่อกี้เราเหยียบอะไร]  ทันใดนั้นเอง

..
[มีคนวางกับดัก คิดทำร้ายเรา]

ฟิ้ว ฟิ้ว!!

[มีคนอยู่เราจะเปิดเผยตัวไม่ได้] 

     
     ท่อนไม้ ที่ถูกผูกตรึงไว้ด้วยเชือก ก็พลันพุ่งเข้าหาเสี่ยวเมาในทันที มีท่อนไม้หลายท่อน ผลัดกันหมุนเวียนพุ่งโถมเข้ามา เสี่ยวเมาจะใช้กระบวนท่าหลบหลีก ก็กลัวว่าจะมีคนรู้ ถึงความสามารถของตน ทำได้เพียงหลบสะเปะสะปะ ทำให้ต้องยอมเจ็บตัว โดนท่อนซุงใหญ่ พุ่งตรงมาตรงทรวงอก เขาจึงใช้สองมือกันไว้ เพื่อทุเลาแรงกระแทก ที่ท่อนซุงส่งมา

ผลัก!

"โอ๊ะ!!"


     ร่างของเขา กระเด็นลอยละลิ่ว ก่อนจะหล่นลงมาสู่พื้น ตุบ! เสียงคนหัวเราะกันเบาๆ หลังพุ่มไม้

[พวกเจ้าคงจะพอใจกันแล้วสินะ ข้าจะได้ไปซักที]

     เสี่ยวเมาทำเป็นไม่สนใจ ทำได้เพียงเม้มกัดริมฝีปาก บอกตนเองให้อดทน กับความรู้สึกเจ็บ และฝืนทนผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ ก่อนใช้มือ เท้าพื้นค่อยๆ พยุงร่างของตนขึ้น แล้วจึงค่อยเก็บสมุนไพรที่หล่นกระจัดกระจายไปทั่ว เขาก้มหน้าก้มตาไม่แยแส กับสายตาสามคู่ที่มองมา แสร้งว่าที่นี้ไม่ได้มีใครอยู่

     
[เราต้องอดทน เจ็บแค่นี้เองจงทนไว้ เฉิงเฟยหยี]


     เมื่อเดินมาได้สักพัก รู้สึกเจ็บที่ทรวงอก เสี่ยวเมาจึงตัดสินใจนั่งพัก ก็พลันสังเกตรู้ได้ทันทีว่า มีคนแอบตามเขามาอีก

[ข้าคงมีความสำคัญ มากเลยสินะ พวกเจ้าถึงแอบตามข้ามา ถึงในป่านี้]

    เสี่ยวเมามองไปบริเวณโดยรอบ ในป่านี้มันช่างดูเงียบวังเวง การที่มีคนสะกดรอยตามเขามา ก็คงจะดีเหมือนกัน อย่างน้อยเขาเองนั้น ก็จะได้มีเพื่อนร่วมเดินทาง เสี่ยวเมายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนยกแขนเสื้อขึ้นมา ปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า แล้วยิ้มรับแสงแดดจ้า ที่ส่องลงมากระทบ จนรู้สึกเจ็บแสบเล็กๆที่แขนและข้อศอก จึงถลกแขนเสื้อออกดู ก็พบกับแผลถลอก จากการบาดเจ็บเมื่อครู่

..
ลำธาร

     เสี่ยวเมาใช้มือเล็กๆ กวักน้ำในลำธารขึ้นดื่ม พร้อมกับทำความสะอาดใบหน้า และบาดแผลที่แขน ทำให้รู้สึกแสบเล็กๆ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้มันช่างห่างไกลหัวใจ ความเจ็บปวดที่มากกว่านี้ เขาก็สามารถทนรับได้ แค่นี้ มันคือเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น พอได้เห็นใบหน้าของตน ในน้ำใส เสี่ยวเมาก็ยิ้มให้ตนเอง

"เสี่ยวเมา เจ้านี่มันช่างอาภัพเสียจริงๆเลยนะ หึ" เสี่ยวเมายิ้มให้กับผืนน้ำ ที่มีใบหน้าของเขายิ้มระรื่นอยู่ เหมือนกับคนที่ไร้ซึ่งความทุกข์โศก

"เจ้ายังจะยิ้มได้อีกหรอ ถ้าเจ้ายังยิ้มอีก ข้าจะตีเจ้าแล้วนะ ยิ้มทำไม? อึก อึก"  เสี่ยวเมารู้สึกถึงความน่าอนาถ ของชะตากรรมตัวเอง เหตุใดกันทำไมเขาจึงต้องมาอยู่ใน สถานการณ์แบบนี้

"หึหึ เจ้ายังจะยิ้มได้อีกเหรอ ข้าจะตีเจ้านะ ถ้ายังขืนยิ้มอีก"

     เสี่ยวเมาพูดพลาง ก็ฟาดมือลงในน้ำจนแตกกระจาย จนน้ำกระเด็นเปียกปอน ทั่วร่างกายและใบหน้า ทว่าน้ำที่แปดเปื้อนหน้านี้ มิใช่มีแต่น้ำในลำธารเพียงอย่างเดียว

"อึก.. ทำไม? ทำไมข้าจะต้องมาเจอ กับอะไรแบบนี้ด้วย ข้าต้องทน อึก ต้องทนให้ได้ อึก อึก"


     บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ขณะนี้ไม่รู้เลยว่าเม็ดน้ำใสๆ ที่อยู่ประปรายบนหน้านั้น มันคือน้ำในลำธารหรือน้ำในตา เสี่ยวเมาไม่ใช้เวลาตรงนี้นานมากนัก จึงเก็บของ แล้วเดินออกหาสมุนไพรต่อพร้อมกับใบหน้า ที่ยิ้มรับความสดใส แม้ภายในจะแสนรันทดก็ตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:21:54 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
สงสารเสี่ยวเมา  :mew4:

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
21. เสี้ยวจันทรา ผู้ลึกลับเผ่าปีศาจ

"ศิษย์พี่ วันนี้เราแกล้ง เจ้านั่นหนักไปหรือเปล่า"

"นี่แน่ะ!!"

"โอ๊ย! ศิษย์พี่ข้าเจ็บ" เซียวลี่หง ตบหัวศิษย์น้องของนางทันที เพราะอี้ปิน ดูท่าทางจะสงสารเสี่ยวเมาขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์

"วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้  หึ นับว่าเจ้านั้นโชคดี เจ้าเด็กโสโครก" ลี่หง ขณะนี้นางรู้สึก สาแก่ใจนางแล้ว จึงคิดรามือ

"นั่นสิ ศิษย์พี่ เราเองก็ออกกันมาตั้งนานแล้ว เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์จะสงสัย" เสียงของจื่อชิวพูดขึ้น เพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ จึงพลางพูดเตือน ลี่หง

"อือ วันนี้ ข้ารู้สึกสะใจมากพอแล้ว เดี๋ยววันอื่นเราค่อยออกมาเล่นสนุกกันใหม่ เดี๋ยวข้ากลับไปคิดก่อน ว่าจะแกล้งเจ้าคนโสโครก ด้วยวิธีไหน ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ งั้นพวกเรากลับ"




..

ณ วังสวรรค์

     ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง โครงหน้าหล่อเหลา สวมแพรพรรณสีฟ้าอ่อน ยามย่างก้าววูบวาบฉับไว ชายเสื้อพลิ้วไสว ท่วงท่าการเดิน ดูสง่างามเหนือผู้ใด คิ้วคมเข้มแต่ทว่าใบหน้า กลับดูเรียบเฉยเย็นชา มุ่งตรงไปที่ตำหนักของฮองเฮา

"ถวายพระพร เสด็จแม่"

"เจ้ามาแล้วหรือ มาๆลุกขึ้นๆ มาให้แม่ดูหน้าชัดๆหน่อย" ฮองเฮาเยว่อิง กล่าววาจาชื่นมื่นยิ้มแย้ม รีบรุดออกจากที่นั่ง แล้วจึงค่อยหันเดินไป หาชายหนุ่ม ที่เรียกนางว่าแม่

"เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าตั้งนาน อยู่ที่หยุนไหล ฝึกวิชาเหนื่อยรึไม่?"

"ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสบายดี "

"อืม ดีแล้ว ดีแล้ว"

     เสียงของทั้งสองคุยกัน เนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน จึงได้ซักถาม กล่าวคำทักทายกัน ชายหนุ่มผู้นี้เรียกเยว่อิงว่าแม่ แต่ทว่าแท้จริงแล้ว เขามิใช่บุตรแท้ๆของฮองเฮาเยว่อิง แต่อย่างไรนางก็รักเขาเหมือนกับบุตรของตนเอง

     เนื่องจากฮองเฮาพระองค์ก่อน ซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาของเยว่อิง แต่อดีตฮองเฮาปลงประชนม์พระองค์เอง ทำให้เยว่อิง จึงต้องเลี้ยงเด็กคนนี้เสมือนบุตรในอุทร

"เสด็จแม่เรียกกระหม่อมมา มีเรื่องอันใดหรือ? พ่ะย่ะค่ะ"

"แม่เพียงแค่อยาก พบเจ้าเท่านั้น มิได้มีเรื่องใดสำคัญหรอก"

     ฮองเฮาหรี่ตามองชายหนุ่ม ระหว่างเดินสำรวจ ว่าโตขึ้นมากเพียงใดแล้ว เพราะองค์เง็กเซียนส่งเขาไปให้หวงหลงสั่งสอน ในช่วงวัยเด็ก ตอนนี้เขาดูสูงหล่อเหลาขึ้นมากทีเดียว ทันใดนางก็ฉุกคิด ขึ้นได้ ถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น จึงได้กล่าวกับชายหนุ่มผู้นี้

"ลูกแม่ แม่ได้ยินจางฉวนพูดกับเสด็จพ่อเจ้า เรื่องของพวกมัน " นางพูดออกมา ชายหนุ่มหันขวับในทันที

"ข่าวใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ"

       ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมกับหมุนตัวหันรีบเดินไป ด้านหน้าของฮองเฮาเยว่อิง เขาอยากรู้เรื่องที่เยว่อิงนางกล่าวมา จึงเค้นถามหาคำตอบ พอดูสายตาของฮองเฮา จึงรู้ตัวว่ามิบังควร

"โปรดประทานอภัย ลูกอยากรู้ข่าวของพวกมัน ขอเสด็จแม่รีบบอกลูกมาเถิด"

     ฮองเฮาเยว่อิงเห็นดังนั้น ก็พลันยิ้มออกมาบางๆ ก่อนยกมือข้างหนึ่งเตะไปที่ไหล่ของเขา แล้วจึงเดินมายังที่นั่งของนางตามเดิม ชายหนุ่มค่อยเดินตามมา  นางเห็นได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ มีความแค้นกับคนตระกูลเฉิง

     เนื่องจากฟังคำบอกเล่าของนาง ว่ามารดาเขานั้นฆ่าตัวตาย ตามซ่งหยวนเฉิง ผู้ชายที่ไม่ได้รักอดีตฮองเฮาเลยสักนิด แต่กลับไปแต่งงานกับธิดาตระกูลเฉิง เฉิงเหลียนฮวา ทำให้มารดาของเขาโศกเศร้าทุกใจ พอซ่งหยวนเฉิงตาย อดีตฮองเฮาก็ตายตาม ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ คิดแค้นแทนมารดา

"ใจเย็นๆ มา เจ้านั่งลงก่อน"

     ฮองเฮา ดูสีหน้าและแววตา ของบุตรชายคนนี้แล้ว ก็ทำให้นางภูมิใจนัก สีหน้าเขาที่ซื่อตรง แววตาที่จริงจัง ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่น เห็นดังนั้นฮองเฮาจึงพูดต่อไป

"แม่รู้ว่าเจ้า ต้องการแก้แค้น และปกป้องแดนสวรรค์จากคนแซ่เฉิง แต่แม่เกรงว่า เจ้านั้นจะเป็นอันตราย ปล่อยให้ เป็นเรื่องของจางฉวน กับคนของห้ากองธงสวรรค์จะดีกว่า"


     ฮองเฮาเยว่อิงกล่าวขึ้น พร้อมกับหันไปยิ้มกับบุตรชายตรงหน้า ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงในตัวเขา แต่เห็นปมคิ้วของชายหนุ่ม ขมวดปมเข้มหนา จึงต้องกล่าวออกไปอย่างเสียไม่ได้

"ได้ได้ แม่จะบอกเจ้าเดี๋ยวนี้"

"ว่าอย่างไร หรือพ่ะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มแสดงทีท่าสนใจ เพื่อฟังฮองเฮากล่าวประโยคต่อไป

"จางฉวนแจ้งข่าวมาว่า มีกลุ่มกองกำลังชื่อว่า พรรคเงามายา ก่อความวุ่นวายขึ้น จางฉวนจึงนำกำลังไปกวาดล้าง ทำให้รู้ว่าพวกมันบางส่วน เป็นคนของแดนมายา แม่เลยคิดว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ เฉิงหลิงเซียวกับลูกของพระชายาเฉิง"

"เสด็จแม่ ทรงทราบหรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ ว่าพวกมันอยู่ที่ใดกัน?"

"เรื่องนี้ จางฉวนกำลังสืบหาอยู่ อีกไม่นานก็คงจะรู้ ที่หลบซ่อนของพวกมัน เจ้าไม่ต้องห่วงไป แต่คนพวกนี้ไปมาไร้ร่องรอย แม่เกรงว่า หากเจ้า.."

"เสด็จแม่อย่าทรงกังวล กระหม่อมรู้ดีว่าจะทำเช่นไร "

"อือ ดีมาก ดีมาก แล้วหวงหลงถ่ายทอดวิชาคัมภีร์ประกายฟ้า ขั้นสุดท้ายให้เจ้าหรือยัง?"

"พ่ะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ ฮองเฮา

"ดีมากลูกแม่ ถ้าวันใดที่เจ้าขึ้นครองราชย์ แล้วใครกล้ากำเริบกับเจ้า ก็จงกำราบมันด้วยตัวเราเอง ดีกว่า พึ่งพาอาศัยมือผู้อื่น อย่าให้เหมือนเสด็จพ่อของเจ้า รู้ใช่ไหม?"

"กระหม่อมทราบดี ขอบพระทัยเสด็จแม่ ที่ทรงสั่งสอน"

"อืม เจ้าไปเถอะ "

"กระหม่อมทูลลา"

     ฮองเฮาเยว่อิง นั่งมองสำรวจดู แผ่นหลังชายหนุ่มผู้นี้ อยู่ครู่หนึ่ง จนเขาเดินหายลับตาไป ก็ตระหนักได้ว่า แม้เขาจะไม่ใช่ลูกของนาง แต่ก็เชื่อฟังนางเป็นอย่างดี ถ้าติงปิง เป็นลูกของนาง คงจะดีไม่น้อย เสียดายที่อดีตฮองเฮาพี่สาวของนาง มิได้อยู่ดูบุตรชายคนนี้เติบใหญ่ แล้วนางก็โคลงศีรษะตัวเอง เพื่อไปคิดเรื่องอื่นต่อ



**
คฤหาสน์ ตระกูลจาง

     บนนภาแสงจันทร์สว่างจ้า สาดส่องมาถึงพื้นเบื้องล่าง ดูช่างเป็นค่ำคืนที่สุขสบาย แต่ค่ำคืนนี้ภายใน คฤหาสน์ตระกูลจาง กลับเงียบเชียบสุขสงบ บรรยากาศเย็นสบายสายลมพัดแผ่วเบา

     จางหวน เองมีอาการป่วยเรื้อรังมานาน เนื่องจากโดนพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ลอบทำร้าย ขณะที่นางอาละวาดวังสวรรค์ ทำให้เขาต้องพักรักษาตัว แต่ทว่าพิษของเข็มดับตะวัน นั้นยังคงอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายไป จึงให้บุตรชายคือจางฉวน นำเรื่องนี้ไปขอร้องให้เจ้าสำนักเมฆาล้ำ

     หวงหลงมาช่วยรักษา จึงพอประคองอาการ การรักษาพิษนี้ต้องใช้ระยะเวลา จางหวนจึงพำนักอยู่แต่ในคฤหาสน์ หมอเทวะหวงหลงเองก็ เทียวไปเทียวมา คฤหาสน์จางอยู่หลายเที่ยว จนอาการของจางหวนเริ่มทุเลา ดีขึ้นมา แต่ก็ยังไม่หายดีนัก

"นายท่านเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ"

"แค่ก แค่ก เจ้าเอาวางไว้ตรงนั้นแหละ"

     เสียงของจางหวน กล่าวกลับสาวใช้ ที่นำยาต้มมาให้ตน ดื่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน จางหวนค่อยๆ พยุงกายตนเอง แล้วลุกขึ้นมายังโต๊ะ อย่างช้าๆ พลันก็คิดได้ว่า วันรุ่งขึ้นบุตรชายจะพา หมอเทวะหวงหลง มารักษาตนตามที่นัดไว้

"แค่ก แค่ก แค่ก" เสียงไอหอบ ดูอ่อนแรง เหนื่อยล้าเหลือทน เมื่อดื่มยาเสร็จ ก็ประคองกายตนไปนอนที่เตียงตามเดิม

..

     คฤหาสน์หลังใหญ่ แต่กลับอยู่ภายใต้ความเงียบงัน จู่ๆก็พลันปรากฏเงาสีดำทะมึน เพียงไม่นานร่างนั้นก็เคลื่อนกาย วูบวาบบางเบาราวกับลมพัดผ่าน ทหารยามตระกูลจางด้านนอก ถูกปลิดชีพหายไปแบบไร้ร่องรอย ผู้ลึกลับเล้นกายไร้สุ้มเสียง


     จางหวนรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ จึงลุกขึ้นมานั่งอยู่ที่โต๊ะ ยกกาชา เทลงถ้วยกระเบื้อง แล้วพลางสังเกตสภาวะต่างๆ รอบทิศ อย่างผู้มีประสบการณ์ จางหวนเองมิได้มี ท่าทีตื่นตระหนก แต่เขาก็นึกหวั่นไหว อยู่ภายในใจเช่นกัน จึงพลันเอ่ยถามทหารยามด้านนอก


"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!?!"


     ไร้สุ้มเสียงตอบรับ จางหวนคิดได้ดังนั้น ก็พลันดับเปลวไฟจากตะเกียง ไม่นานนักประตูห้องของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ แสงจันทร์สาดส่อง จนมองเห็นเงาผู้ปรากฏกาย ตรงด้านหน้าธรณีประตูเล็ดลอดผ่านมา จางหวนหรี่ตามองไม่ถนัดนักว่าผู้มาเป็นใคร แต่คงมิได้มาดีแน่นอน จึงพลันใช้มีดสั้นซัดออกไป สามเล่ม พรุ่งตรงไปยังร่างนั้นในทันที เสียงมีดสั้นแหวกผ่านอากาศ ไปยังคนผู้นั้น

ฟิ้ว!!

     ทว่าผู้ลึกลับยังคงยืนสงบนิ่ง ไม่ไหวติงหลบวิถีมีดสั้น กลับกดเท้าด้วยท่วงท่ามั่นคง พร้อมกับยกมือขึ้น ต้านแรงมีดที่พุ่งซัดเข้ามา มีดทั้งสามเล่มก็หยุดนิ่ง ลอยอยู่ตรงหน้าเขาผู้นั้น พลันมีดทั้งสามเล่มก็ถูกหลอมละลาย กลายเป็นเปลวเพลิง มอดไหม้สลายหายไปกลางอากาศ ก่อนเถ้าถ่านจะหล่นสู่พื้นดิน

"ลาวาโลหิต คนเผ่าปีศาจอย่างนั้นรึ?"

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
22.เสี้ยวจันทรา สะสางบัญชีแค้น

     จางหวนกวาดตามองไปยังบุรุษลึกลับอีกครั้งในใจเขาก็นึกหวั่นอาการบาดเจ็บของตัวเขาเองนั้นยังไม่หายดีนัก หากต้องประมือกันเกรงว่าเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า เพราะผู้มาฝึกวิชานอกรีตที่ร้ายกาจของพรรคมารในใจก็พลันครุ่นคิด ว่าจะทำการโต้กลับอย่างไรดี ฝ่ายบุรุษลึกลับก็กลับทำทีท่าใจเย็นเดินเนิบนาบเชื่องช้าเหมือนกับว่าไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก

"ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังสบายดีอยู่ใช่ไหมท่านจาง"

     เสียงของเขาดูนุ่มทุ้มเนิบนาบแต่ก็สามารถสร้างความหวั่นไหวให้กับจางหวนได้รู้สึกตระหนกดวงตาคู่งามส่องแววประกาย ภายใต้หน้ากากลวดลายประหลาดตาแผ่รังสีกดดันทำให้จางหวนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย จนจางหวนต้องรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป

"เจ้าเป็นใคร?"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ แย่จริง แย่จริง ข้าลืมไปว่าท่านจางนั้นอายุมากแล้ว ความมืดมันปกคลุมห้องนี้ท่านจำคนคุ้นเคยอย่างข้าไม่ได้ มันก็ไม่แปลก"

     จางหวนลุกขึ้นเดินดูเชิงของอีกฝ่ายอย่างไม่ประมาท เขาไม่กล้าละสายตาจากคนผู้นี้แม้กระทั่งกะพริบตายังรู้สึกทำได้ลำบาก จางหวนนึกเท่าไรก็ยังคงนึกไม่ออกว่าผู้มาเป็นใครกันแน่แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้นั่นคือ ผู้มาไม่ประสงค์ดี

"ท่านคงลืมไปแล้วกระมังท่านจาง ว่าท่านเองนั้นเคยติดหนี้ผู้ใดไว้กี่มากน้อย?เท่าไหร่กัน"

"เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ"

     จางหวนขมวดคิ้วปมใหญ่ในคำพูดเชิงคำถามของบุรุษลึกลับผู้มาเยือนแต่บุรุษลึกลับกลับเดินเนิบนาบไปมาภายในห้อง แล้วพลางใช้ปลายนิ้วของเขากระดิก พลันดวงไฟตะเกียงในห้องนี้ ก็สว่างวาบขึ้นมาทันตาบุรุษลึกลับจึงหมุนตัวขวับไปคุยกับจางหวน ทำให้ได้เห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดขึ้น ทว่ากลับมีหน้ากากสีเงินลวดลายประหลาดปกปิดอยู่จางหวนรู้สึกได้ ถึงลมหนาวเย็นสะท้านผิวกาย กล้ามเนื้อของตัวเขาเองเริ่มตอบสนองถึงภัยคุกคามตรงหน้าแต่ยังคงเก็บอาการตื่นตระหนกไว้ภายในอย่างมิดชิดแต่ก็ไม่สามารถปิดบังบุรุษลึกลับได้

"เจ้ามามีจุดประสงค์อะไร?"

"นี่ท่านกำลังกลัว อยู่ใช่ไหม? ท่านจาง"

     บุรุษภายใต้หน้ากากเงินกล่าววาจาพร้อมกับยิ้มเยาะเล็กๆ แต่กลับมีกลิ่นอายฆ่าฟันรุนแรงแพร่กระจายออกมาจากร่างของบุรุษผู้นี้คอของจางหวนรู้สึกแห้งผาก แม้แต่น้ำลายก็ยังคงกลืนยากเย็นนัก จนบุรุษลึกลับนำกระบี่หยกน้ำแข็งออกมาแล้วนำมือข้างหนึ่งลูบคมกระบี่ เดินวนไปมา

"นี่เจ้าคือ!..เฉิงหลิงเซียว!!"

"ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าท่านจางยังมีความจำดีอยู่บ้าง ที่ยังจำข้าได้....ใช่เป็นข้าเอง" เฉิงหลิงเซียวหันขวับ ไปทางจางหวนพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา

"ฮึ่มมมม เจ้า" เสียงของจางหวนคำรามในคอ เขาไม่อาจจะหนีจากเหตุการณ์นี้ไปไหนได้อีกแล้วนอกจากประมือกัน ถ้าเขาไม่ตาย เฉิงหลิงเซียวก็ต้องตายแต่เขายังคงสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง

"วิชานอกรีตที่เจ้าใช้เมื่อครู่ คือ ลาวาโลหิต"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเฝ้าเพียรตั้งใจฝึกลาวาโลหิตก็เพื่อวันนี้ยังไงล่ะท่านจาง"

"นี่เจ้าเดินเข้าสู่วิถีมาร เช่นนั้นรึ?"
"มารแล้วอย่างไร? เทพแล้วอย่างไร?"

     แววตาของเฉิงหลิงเซียวฉายประกายวาบกลิ่นอายรังสีอำมหิตทวีห้อมล้อมตัวเฉิงหลิงเซียว บัดนี้เขาไม่ใช่เทพเซียนอีกต่อไปแล้วดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายจ้า

"ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจัดการกับทุกชีวิตในเผ่ากิเลนของเจ้า บัญชีแค้นตระกูลข้า ต้องมีผู้ชดใช้!! "

     เพียงชั่วพริบตาเฉิงหลิงเซียวก็พุ่งกายทะยาน นำวิถีกระบี่เข้าหาจางหวนในทันทีแรงกดดันอันหนาวเหน็บ ทำให้จางหวนต้องถอยปราด ออกไปด้านนอกเฉิงหลิงเซียวยังคงตามติดความพลิ้วไหวว่องไวดุจสายลมพัด วูบเดียวเฉิงหลิงเซียว ก็ถึงตัวจางหวนในทันที

     อาคมอันกล้าแกร่งกดดันทำให้จางหวนต้องปะทะเข้าโดยตรง แววตาที่บ่งบอกถึงความชั่วร้ายของเฉิงหลิงเซียว ฉายวาบขึ้นทันทีจางหวนเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก สายตาแบบนี้เขาเคยเจอมาก่อนตอนที่พระชายาเฉิงอาละวาดวังสวรรค์ จางหวนคิดดังนั้นก็พลันยกมือสกัดถอยปราดออกไป

     จางหวนคิดจะหนีตาย จึงแยกร่างออกหมายสร้างกลลวงให้เฉิงหลิงเซียวหลงกล เพื่อจะได้หลบหนี เพราะถ้าเขาดึงดันจะสู้ต่อคงหมดโอกาสมีชีวิตรอดแน่นอนก่อนทะยานกายหลบหนี เมื่อเฉิงหลิงเซียวรู้จึงใช้เข็มพิษดับตะวันจัดการ

"หงส์ระบำสิบทิศ"เข็มพิษดับตะวันจู่โจมปิดสกัดรอบทิศ ทำให้จางหวน หนีไปไม่ได้ร่างแยกจึงถูกทำลายจึงกลับมาประจันหน้ากันเช่นเดิม
"คิดไม่ถึงสินะ จางหวน ว่าเจ้าก็มีวันนี้กับเขาเหมือนกัน หึหึ"
"สารเลว รับมือ"

     จางหวนฮึ่มในลำคอก่อนทะยานพุ่งกาย เข้าจู่โจมเฉิงหลิงเซียวด้วยกรงเล็บ เสียงกรงเล็บตัดแหวกอากาศทว่าจางหวนมีแค่มือข้างเดียวจึงทำให้ การหลบหลีกของเฉิงหลิงเซียวเป็นไปอย่างง่ายดายซ้ำร้ายจางหวน ยังมีอาการบาดเจ็บเก่ามาก่อกวนจึงทำให้การปะทะกันของเขาต้องเสียเปรียบเฉิงหลิงเซียวมากเอาการแม้จะเสียเปรียบแต่เขาไม่มีเวลาได้คิดมากเพราะถ้าเขายอมจำนนก็ต้องตายฉะนั้นจึงคิดสู้ดีกว่าเผื่อมีหนทางรอด
 
     เฉิงหลิงเซียวขณะนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเนื่องจากเขาได้เดินเข้าสู่วิถีมารจึงทำให้การจู่โจมของเขามีแต่ความเหี้ยมโหดอำมหิต ทุกท่วงท่าการจู่โจม ถ้าแม้จางหวนหลบไม่ได้ นั่นหมายถึงชีวิตความรวดเร็วรุนแรงเฉิงหลิงเซียวแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชาวูบหนึ่ง ก่อนทะยานข้ามหัวของจางหวนจึงซัดฝ่ามือลงไปตรงกลางหลังทำให้จางหวนถลาคะมำไปด้านหน้า

"อึก อึก" จางหวนทรุดกายลงกับพื้น จนกระอักเลือดคำโต
"หึหึ เกราะทองแดงงั้นรึ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็อยากจะรู้นักว่าวิชาเกาะทองแดงของท่านจางกับเข็มพิษข้านั้นจะทะลุผ่านไปได้หรือไม่"

      จางหวนคิดดังนั้นก็พลันนึกหวั่นใจกลัวขึ้นมาทันที ทว่าแค่เข็มพิษดับตะวันนั้นก็น่าเกรงขามมากพอแล้วยังจะมีลาวาโลหิต ซึ่งเป็นวิชานอกรีตที่มีความร้ายกาจ เขานั้นคงไม่มีทางให้หนีได้อีกแล้วนอกจากสู้ตายเพียงเท่านั้น
..

"ไม่ต้องกลัวไป ข้ายังไม่ให้เจ้าตายในตอนนี้หรอก แต่ข้าจะให้เจ้าค่อยๆตายดีไหมล่ะ?"  รอยยิ้มเย็นชาที่ฉายออกมาของเฉิงหลิงเซียว ทำให้จางหวนรู้สึกใจหล่นวูบมันจบแล้วเขาคงไม่มีโอกาสหนีอีกต่อไปแล้ว

"สารเลว ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!"
"ได้ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะช่วยให้เจ้าสมหวัง!!"
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
"อ๊ากกกกกกก"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ"

     เสียงร้องอันโหยหวนจากความเจ็บปวดของจางหวนทำให้เฉิงหลิงเซียวสาแก่ใจเขาหัวเราะออกมาอย่างสะใจ กับภารกิจของเขาที่ได้สะสางในวันนี้ เพราะจุดเดินพลังของจางหวนโดนเฉิงหลิงเซียวสกัดทำลายจนตอนนี้เขาเหมือนคนพิการ แม้จะทรงกายยังทำไม่ได้ คงแต่ทรุดกายนั่งเจ็บปวดทรมานร้องโหยหวนชวนให้เวทนา

     ค่ำคืนที่เงียบสงบคืนนี้ในคฤหาสน์ตระกูลจางกลับกลายเป็นเปลวเพลิงโชติช่วง จางหวนถูกปล่อยทิ้งไว้ในกองเพลิงก่อนที่เฉิงหลิงเซียวจะทะยานกาย หายไปในความมืดเขาได้ทิ้งเข็มดับตะวันไว้ให้เป็นที่ระลึกสำหรับตระกูลจาง

[พี่หญิง ท่านเห็นแล้วใช่ไหม? บัญชีเลือดทั้งหมดนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความอยุติธรรมจากทุกตระกูลในแดนสวรรค์แทนท่านเอง]
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:25:12 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
23. เสี้ยวจันทรา สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวปรากฏ

"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:52:00 โดย PrayTime »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
24. เสี้ยวจันทรา ส่งเทียบเชิญ

ณ ลานฝึก

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านไปไหนมา?" ลี่หงไม่รอช้าเมื่อเห็นร่างของเจิ้งเทียนฉี นางก็รีบปรากฏกายของนาง ต่อหน้าเจิ้งเทียนฉีในทันที

"ศิษย์น้อง เจ้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ?" เจิ้งเทียนฉี แสดงสีหน้าอึดอัด กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้

"ไม่มี! พอดีข้าเห็นศิษย์พี่ ไปที่หลังเขาบ่อยๆ ข้าเลยแอบตามท่านไปก็เท่านั้น"ลี่หง นางคลี่ยิ้มจางๆ ชวนให้น่าสงสัย จนเจิ้งเทียนฉีทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามนางไปตรงๆ
"ศิษย์น้อง นี่เจ้าสะกดรอยตามข้า?" เจิ้งเทียนฉีถามลี่หงนางไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กระตุกคิ้วเรียวชันของนางขึ้นสูงแววตาของนางทอประกายฉายซ่อนความนัย
"เจ้า!!"
"ศิษย์พี่ ท่านจะโมโหใส่ข้าทำไม ท่านไม่ต้องกลัว ข้าไม่พูดหรอกถ้าท่าน..."
"ศิษย์พี่ใหญ่!!"
"หืม มีอะไรเหรอ? ศิษย์น้องรอง"

       เจิ้งเทียนฉีหันขวับไปหาติงปิงที่อยู่บนระเบียงทางเดิน อีกด้านของอารามเสียงของติงปิงเอ่ยขึ้น ลี่หงเห็นนางก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนักนางก็ได้แต่ยืนนิ่งเพราะด้วยบุคลิกของติงปิง ที่เงียบขรึมวางมาดทำให้ไม่ถูกชะตากับนางสักเท่าไรด้วยฐานะของติงปิงสูงกว่านาง จึงต้องให้ความเคารพในฐานะศิษย์พี่คนหนึ่ง เหมือนกับเจิ้งเทียนฉี แต่นางกลับให้ความสำคัญกับเจิ้งเทียนฉีมากกว่าเพราะเจิ้งเทียนฉีมีบุคลิกที่เป็นมิตรมีน้ำใจ รักใคร่ห่วงใยผู้อื่นในใจนางจึงมีแต่เจิ้งเทียนฉีผู้เดียว

"อาจารย์ท่านฝากข้า ให้มาบอกกับศิษย์พี่ว่าให้ท่านนำเทียบเชิญไปยังตระกูลต่างๆ"

"เทียบเชิญอะไรหรือศิษย์น้องติง"

"ท่านลืมแล้วหรือว่า อีก2เดือนข้างหน้าสำนักเราจะมีการจัดประลองยุทธ เพื่อดูความสามารถศิษย์ทุกคนในสำนัก"
"นั่นสินะ ข้าลืมเสียสนิทเลย ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะเช่นนั้น ศิษย์น้องรองเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเทียบเชิญเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง "

"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน"

"อืมม"

     ติงปิงได้นำคำสั่งของอาจารย์ตนมาแจ้งยังเจิ้งเทียนฉี ก็จากลาไปในทันที เขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความนัก ทว่าลี่หงกลับแววตาเป็นประกาย เผยยิ้มออกมาอย่างระรื่น

"มีอะไรให้น่าดีใจหรือศิษย์น้อง?"
"ศิษย์พี่ท่านจะลงเขาเมื่อไหร่?"
"คงจะเป็นวันพรุ่งนี้"
"ดีเลยเช่นนั้นข้าไปกับศิษย์พี่ด้วยได้หรือไม่?"
"ไม่ได้หรอกศิษย์น้อง ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าไปคนเดียวเจ้าจะไปด้วยทำไมกัน เจ้าควรช่วยศิษย์น้องรอง สอนเพลงกระบี่พวกศิษย์น้อง"
"หึ ท่านคงไม่อยากให้ข้าพูดเรื่องหลังเขาใช่ไหม? ว่าศิษย์พี่ละเมิดคำสั่งของเจ้าสำนัก ท่านแอบสอนวิชาต่อสู้กับอาคมให้กับเสี่ยวเมาที่หลังเขา"

"ศิษย์น้อง นี่เจ้า!!" เจิ้งเทียนฉีแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ลี่หงมีรอยยิ้มบางๆ เหมือนมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ

"ถ้าท่านไม่อยากให้ข้าพูด วันพรุ่งนี้ท่านต้องให้ข้าลงเขาไปกับท่านด้วย" เจิ้งเทียนฉี หยุดครุ่นคิดเพียงครู่ก็ได้ตัดสินใจในทันที
"อืม ก็ได้"
"ท่านพูดจริงนะศิษย์พี่ใหญ่!!" ลี่หง คลี่ยิ้มอย่างพอใจแต่เจิ้งเทียนฉีกับถอดสีหน้า ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"ก็เจ้าขู่ข้าขนาดนี้ ถ้าข้าไม่ยอมให้เจ้าไป...."

"ศิษย์พี่ ท่านโกรธข้าเหรอ อย่าโกรธข้าเลยน้า ข้าแค่อยากอยู่กับท่านเท่านั้นเองก็วันๆท่านขลุกอยู่แต่ที่หลังเขานี่นา" เจิ้งเทียนฉีไม่ได้พูดอะไรเขาได้แต่เดินหันหลังให้กับลี่หงพร้อมกับเดินจากที่ตรงนั้นไป ลี่หงนางรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ลงเขาไปพร้อมกับ เจิ้งเทียนฉีสองต่อสอง

**
ณ เรือนไม้ไผ่หลังเขาหยุนไหล

     เรือนไม้ไผ่ใกล้ลำธารเสียงน้ำไหลรินกระทบแผ่นหินชวนฟัง สายตาของเสี่ยวเมายังคงเหม่อลอย ทอดสายตาออกไปด้านนอกเช่นเคย เหมือนทุกทุกวันหลังจากเขาดูแลป้อนยาให้หานอี้จนตอนนี้อาการของหานอี้ดีขึ้นมาก ชีพจรในร่างตอบสนอง พลังวัตรภายในเริ่มรวมตัวอีกไม่นานนักเขาคงจะฟื้นขึ้นในไม่ช้านี้ สำหรับเขาเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่น่ายินดีสำหรับชีวิตของคนผู้หนึ่ง ที่เกือบจะดับสูญหายไปจากภพภูมิ แต่สามารถมีโอกาสฟื้นรอดกลับมาได้ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียจริง
 
     ทว่าตัวของเสี่ยวเมาเองเขากลับต้องมาโดดเดี่ยวหงอยเหงา ดีที่ว่ายังมีศิษย์พี่ใหญ่อย่างเจิ้งเทียนฉีมาหาสอนวิชา มาคุยด้วยทำให้ความรู้สึกเหงาเบาลงไปบ้าง แต่มันก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความอยากเป็นอิสระในชีวิตของเเสี่ยวเมาได้เขานั้นไม่ได้ต้องการใช้ชีวิตที่เงียบเหงาอยู่หลังเขาหยุนไหลแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการแต่นั่นคือคำสั่งเสียและความต้องการของมารดาเป็นสิ่งที่ต้องทำตามระหว่างที่เสี่ยวเมาครุ่นคิด เรื่องราวต่างๆของตนอยู่ก็ปรากฏกายชายผู้หนึ่งเดินตรงมา เขารู้ได้ทันทีว่าผู้มาเป็นใคร

"ศิษย์พี่ใหญ่!!" เสี่ยวเมารีบพยุงกายลุกขึ้นก่อนเร่งรุดย่างเท้าไปหา เจิ้งเทียนฉีในทันที
"เสี่ยวเมา"
"มีอะไรเหรอศิษย์พี่?"
"ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า ช่วงนี้ ข้าจะไม่อยู่สำนักประมาณ 1เดือนนะ เพราะท่านเจ้าสำนักให้ข้าไปส่งเทียบเชิญยังตระกูลต่างๆ"
"เทียบเชิญ? เทียบเชิญอะไรกันหรือศิษย์พี่?"
"2เดือนถัดจากนี้ ศิษย์หยุนไหลทุกคนจะต้องประลองฝีมือกัน เพื่อดูความสามารถ เพราะศิษย์ที่อยู่ในสำนักเรา ล้วนคือตัวแทนจากตระกูลต่างๆที่มาฝึกวิชากับเมฆาล้ำ"
"เช่นนั้นเหรอ? แล้วข้าล่ะ?"เสี่ยวเมานำมือเรียวงามของตน ชี้มาที่ตัวเองแล้วเขานั้นจะได้ประลองฝีมือกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า?

"เจ้านั้น คงไม่ได้ประลองฝีมือกับผู้ใดหรอก เพราะว่าท่านเจ้าสำนักไม่ได้สอนเพลงยุทธให้"
"อืม เช่นนั้น ข้าขอให้ศิษย์พี่เดินทางปลอดภัย นะ"

     เจิ้งเทียนฉีได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มรับด้วยความดีใจ เมื่อเห็นรอยยิ้ม พร้อมกับคำอวยพรของเสี่ยวเมา เพียงเท่านี้เขาก็กลับรู้สึกดีอย่างประหลาดจริงๆแล้วการส่งเทียบเชิญในครั้งนี้ เจิ้งเทียนฉีไม่อยากไปเลยสักนิดแต่ด้วยหน้าที่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเมฆาล้ำ เขาจึงต้องทำการส่งเทียบเชิญนี้ด้วยตัวเขาเองเพื่อเป็นการให้เกียรติตระกูลต่างๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:29:53 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
25. เสี้ยวจันทรา ผู้บุกรุก

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:52:15 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
26. เสี้ยวจันทรา ถูกลวนลาม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:52:31 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
มาต่อเร็วๆนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
27. เสี้ยวจันทรา ออกเดินทาง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:52:45 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เสี่ยวเมาน่ารัก  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด