[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267219 ครั้ง)

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เชื่อได้ไหม เราเชื่อใจเจนภพอักครั้งได้ไหม ฮือออ

ออฟไลน์ jin_kazu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ค้างมากกกกก ยังไงเนี่ยเจนภพพพพพพ
แล้วพี่สาวอัยย์อีกคนยังไง ยังไงงงงงง  :hao7:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อย่าหลอกน้องนะเจนภพแค่นี้น้องก็ขวัญเสียจะแย่แล้ว

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

มาตอนสืบสวน สอบสวนกันละ

มา เรามาเป็นโคนันกัน 

 o8 o8 o8 o8 o8

ใครที่เป็นคนส่งระเบิดมา  นิลลาตายไหม เจนภพหายไปไหนมา

โคนัน :  เจนภพโดนจับตัวได้โดยฝ่ายตรงข้าม โดนทำร้าย และแย่งตู้เซฟไป   :beat:  :beat:  :beat:


              นิลลาต้องไม่ตาย เพราะพิชจับมือวิ่งออกมาด้วยกัน   :call:  :call:  :call:


              คนส่งระเบิด……… ใครวะ ????    :confuse: :o11: :a6:


 :fcuk: :fcuk: :fcuk: :fcuk: :fcuk:


……


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เจนภพฉันใว้ใจนายได้ใช่ใหม

อ๊ากกกกก :serius2:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ง่าาา... ไรท์รีบมาาาานะคะะะะ..
เราไม่อยากเดา... ง่าาาาา...
อยากอ่านต่อแล้วววว..

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
เจนภพน่าสงสัยสุดๆไปเลยค่ะ
พี่สาวน้องอัยย์ก็น่าสงสัยอ่ะ
ลุ้นมากๆค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อันนี้คือคุณเจนภพที่อยู่ฝั่งคุณฌาณจริงๆ แล้วใช่ไหมคะเนี่ย? เริ่มไม่มั่นใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ทำไมอยู่ ๆ เจนภพก็โผล่ออกมาล่ะ สรุปเจนภพจะเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่
หวังว่าคงจะไม่หักหลังนายพิษก็แล้วกัน

ออฟไลน์ kanika_Pun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o22
กรีดร้อง ใครกำลังหลอกใครอยู่รึเปล่า ใครเล่นละครตบตา

รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค้า

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แงงงง เครียดดด เจนภพยังไง

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ส่วนตัวว่าเจนภพโกหก 
เจนภพน่าจะเป็นสายจากพ่ออัยย์  ส่วนพวกค้ามนุษย์คงเป็นนายทุนพรรคการเมือง
เจนภพไม่อยากให้พิชช์รู้ว่าตัวเองเป็นสายเลยยอมให้ตู้เซพอีกฝ่าย โดยไม่นึกว่าพวกนั้นจะเอาไปใส่ระเบิด อาจจะนึกว่าเอาไปแค่ทำลายหลักฐาน...คนรู้เมล์ คงเป็นคู่ขาเก่าพิชช์ ตัวที่ส่งอัยย์ไปขายนั่นแหละ...  การที่เจนภพไม่ยอมพูดต่อหน้าพี่สาวอัยย์โดยอ้างว่ากลัวฝ่ายรัฐบาลรู้ น่าจะไม่จริงเพราะข่าวระเบิดดังมากและทุกคนก็รู้ว่ารถพิชช์ถูกระเบิด  ... นี้น่าจะพาอัยย์ไปหาพ่อเพราะคงจะให้พ่อปลอบอัยย์ที่พิชช์ถูกระเบิด(และเจนภพน่าจะนึกว่าพิชช์ตาย)   ส่วนพี่สาวอัยย์ไม่ได้เกี่ยวข้อง

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ระแวงเจนภพสุดตอนนี้ :ling1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :เฮ้อ:  นี่ยังเชื่อใจเจนภพได้อยู่ใช่ไหม จะลองเชื่อใจเจนภพครั้งนี้นะ อัยย์ต้องได้เจอคุณพิษไม่ว่าจะเจ็บปางตายแค่ไหน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ใจจะพังค่ะ เต้นตึกตักมาก สงสารอัยย์

ฌาณเจอแต่ละเรื่อง ร้ายแรงทั้งนั้น เล่นกันแรงนะ
แล้วเจนภพหายไปไหนมา กลับมาในสภาพ ดูไม่น่าไว้ใจ

ถึงฌาณจะสงสัย แต่ก็ยังเชื่อใจเจนภพ หวังว่าจะไม่หักหลังกัน
อัยย์ไม่ได้ถูกหลอกให้ไปด้วยใช่ไหมคะ เอ็นดูอัยย์หนักมากแล้ว

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้าว..... :a5: งานเข้าหนักเฉย

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แงง ไม่อยากให้สูญเสียใครเลย  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
พิชฌานต้องรอด

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอเรื่องนี้อัพทุกวันเลยค่ะ แง คิดถึงมากๆ  :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กลัวเจนภพพาไปที่อื่น เราเชื่อใจได้ไหม  :katai1:

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ลุ้นมากๆ

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ไม่กล้าไว้ใจใครในเรื่องนี้แล้วอ่ะ..
สงสารเจ้าบู้บี้

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เจนภพนี่ยังไงอ่ะ ไว้ใจได้ใช่ไหมมม
เริ่มระแวงละนะเนี่ย

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจนภพจะหักหลังพิชช์ฌาณเหรอ แต่คุณพิชช์ก็ไม่น่าจะโดนหลอกได้ขนาดนั้นนะจะไม่รู้จักลูกน้องตัวเองเชียวเหรอ เจนภพนี่ไว้ใจได้ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 31

 

 

 

 

 

 

            “คุณหมอไม่ให้เข้าไปใกล้กว่านี้ครับ  เกรงว่าจะติดเชื้อได้  เนื่องจากคนไข้มีแผลถูกไฟครอกทั้งตัว”  เจนภพพูดเสียงสั่นนิดๆ  พาอาคิราห์เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้ากระจกใสที่มองเข้าไปเห็นร่างๆหนึ่งนอนอยู่  ผ้าพันแผลพันทั่วตัวไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าทำให้แทบจะจำไม่ได้ว่าคือพิชช์ฌาน  ท่อช่วยหายใจใส่เอาไว้ที่ปากเข้ากับเครื่องช่วยหายใจและเครื่องอะไรต่อมิอะไรรอบตัวรุงรัง

            อาคิราห์ทอดมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

            “ใช่เขา..จริงๆหรอ”

            “ผมภาวนาอยากให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว”  เจนภพกำมือแน่น  “เพราะผมกลับมาหาคุณฌานช้าเกินไป  เป็นความผิดของผมเองครับ”  เสียงติ๊ดๆของเครื่องอะไรสักอย่างดังขึ้น  นางพยาบาลเดินเข้าไปดูคนไข้ที่นอนอยู่คนเดียวในห้องแยกพิเศษของผู้ป่วยหนัก  “ผมไม่อยากเชื่อเลย”

            “แล้วเค้าจะหายมั้ย”

            “หมอบอกว่าแผลไฟไหม้รุนแรงมากและโดนทั้งตัวร่วมกับแรงอัดตอนระเบิด”  เป็นครั้งแรกที่อาคิราห์เห็นชายหนุ่มตรงหน้าน้ำตาไหล  นั่นยิ่งทำให้ตัวเองใจเสียมากกว่าเดิมหลายเท่า  “อาจจะเสียชีวิตได้ครับ”

            “ผมไม่เชื่อ  นี่ใครเล่นตลกอะไรอยู่หรือเปล่า”  อาคิราห์พึมพำ  หันกลับไปจ้องร่างนั้นผ่านกระจกอีกรอบ  “นั่นไม่ใช่พิชช์ฌาน  ไม่ใช่เขาแน่”

            เจนภพไม่พูดอะไรเลยตอนที่ส่งของอย่างหนึ่งมาให้  มันถูกไฟไหม้จนเกรียมจนอัยย์เกือบจะจำไม่ได้ว่าคือกระเป๋าสตางค์ของนักการเมืองหนุ่ม 

            “เป็นสิ่งที่เจอในกางเกงที่เหลือของเขาครับ”

            อาคิราห์พูดไม่ออก  เขารับมันมาถือเอาไว้อย่างระมัดระวัง  ลักษณะของมันพร้อมที่จะแตกสลายเพียงแค่เขาจับแรงไปนิดหนึ่ง  เช่นเดียวกับชีวิตของคนที่นอนนิ่งเหมือนตายอยู่ในห้องไอซียูแห่งนี้

            “ผมอยากเข้าไปเยี่ยมเค้า  ให้ผมเข้าไปไม่ได้เหรอ”  อัยย์หันไปอ้อนวอน  “ผมสัญญาว่าจะไม่แตะโดนตัวเขาเลยก็ได้  ถ้าคุณกลัวติดเชื้อ”

            “ต้องปรึกษาคุณหมอครับ”  เจนภพเดินหายไปปรึกษานายแพทย์ที่ดูท่าทางอาวุโส  สุดท้ายอาคิราห์ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมได้  แต่ว่าเขาต้องไปอาบน้ำล้างตัวตามด้วยเปลี่ยนชุดเป็นชุดปลอดเชื้อเสียก่อน

            พิชช์ฌานคนที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาดูไม่เหมือนพิชช์ฌานคนเดิมเอาเสียเลย  ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาแพรวพราวคู่นั้นถูกผ้าพันแผลบดบังแทบไม่เหลือที่ว่าง  ร่างกายสูงใหญ่ก็ถูกปกปิดเอาไว้หมดราวกับมัมมี่  อาคิราห์ยกมือขึ้นจนเกือบจะสัมผัสกับท่อนแขนข้างนั้นแต่แล้วก็กลับทิ้งลงข้างตัวตามเดิม

            “คุณพิชช์ฌาน”  เขาเรียกเบาๆ  อีกฝ่ายไม่ขยับ  คุณหมอบอกเขาก่อนแล้วว่าได้ฉีดยาแก้ปวดขนาดสูงเอาไว้ จะได้ไม่ต้องทนทรมานกับบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายมากนัก  แต่ว่าคนไข้ก็จะเคลิ้มๆหลับๆหน่อย

            ภาพนักการเมืองรูปหล่อไฟแรงซ้อนทับกับผู้ชายที่นอนนิ่งอยู่นั้น  อาคิราห์กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น  เขายังจำแววตาสุดท้ายตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาในลิฟต์แก้วได้อยู่เลย  เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ             

            ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...

            “คุณหมอครับ  ผมขอดูหน้าเขาหน่อยได้มั้ยครับ  ผมอยากเห็นกับตาว่าเป็นพิชช์ฌานจริงๆ”  อาคิราห์หันไปพูดเสียงแผ่วกับนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามายืนอยู่ข้างๆ  “นะครับคุณหมอ  ผมขอเห็นหน้าเค้าแค่นิดเดียวก็ได้”

            เขาอ้อนวอนอีกสองสามประโยค  สุดท้ายคุณหมอก็ยอมให้นางพยาบาลเข้ามาเปิดแผลบริเวณใบหน้าออก

            อาคิราห์มือเย็นเฉียบ  ยืนจ้องไปที่ผ้าพันแผลที่ค่อยๆถูกลอกออกทีละชั้น  เส้นผมที่เคยหยักศกสลวยถูกโกนออกหมดเพราะบาดแผลไฟไหม้ที่หนังศีรษะ  คราบขาวๆของยาฆ่าเชื้อที่โปะเอาไว้หนาผสมกับเศษหนังที่หลุดออกดูช้ำเลือดช้ำหนองจนเจ้าโอเมก้าทนดูไม่ได้  เปลือกตาสองข้างพองใสจนไม่อยากเดาถึงสภาพลูกตาข้างในนั้น

            “พอแล้วครับ”

            “.......”  เจนภพก้าวเข้ามาพาร่างสั่นเทาของโอเมก้าออกไปจากห้องปลอดเชื้อ

            อาคิราห์กลับออกมาจากห้อง  ภาพที่เห็นเมื่อครู่กลายเป็นภาพติดตาที่ยากจะลบออกได้  เขายกมือขึ้นกอดอกแน่นพยายามบังคับเนื้อตัวที่สั่นสะท้านเหมือนจับไข้ให้สงบลง  เจนภพพาเขามานั่งพักข้างนอกก่อนครู่ใหญ่ก่อนที่จะบอกเรียบๆว่ามีคนที่เขาควรจะต้องพบอีกคนหนึ่ง

ร่างผอมบางของคนๆนั้นนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยพิเศษอีกชั้นหนึ่ง  อาคิราห์ใช้เวลาเกือบห้านาทีถึงจะจำใบหน้าของเพื่อนโอเมก้าได้  นิลลาอยู่ในชุดคนไข้และมีผ้าพันแผลอยู่ตามตัว

“คุณนิลลา”  เจนภพปลุกคนหลับเบาๆ  ฝ่ายนั้นลืมตาขึ้นมามอง  พอเห็นอาคิราห์ก็รีบลุกขึ้นนั่ง

“อูย”  เสียงอุทานดังขึ้น  นิลลาสูดปากเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณกลางอกและแขนขา  “คุณอาคิราห์”

“นิล”  อาคิราห์เรียกชื่อ  ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างหมดแรง  “มันเกิดอะไรขึ้น”

นิลลาอึ้งไป  เหลือบไปมองมือขวาของคุณพิชช์ฌานที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลังคุณอาคิราห์  ฝ่ายนั้นพยักหน้านิดหนึ่งให้เล่าเรื่องทั้งหมดออกไป  อาคิราห์ตกใจกว่าเดิมกับแผนการลอบเข้าไปบ้านจักรกฤตเพื่อค้นหาหลักฐานและจบลงที่ระเบิดที่อยู่ในตู้เซฟ

“....พอเปิดเซฟได้  มันคงไปโดนสลักระเบิดเข้า  แล้วตัวเลขก็เริ่มนับถอยหลัง 10 วินาทีเท่านั้นเอง อาคิราห์  สามีของเธอลากฉันออกมาได้นิดเดียวก่อนที่มันจะระเบิด  เขาบังฉันเอาไว้”  ดวงตาของนิลลามีริ้วรอยเสียใจ  “ฉันล้มกระแทกพื้นหมดสติ  มาฟื้นอีกทีที่โรงพยาบาล  ส่วนเขา...”

“........”  อาคิราห์พูดไม่ออก  เขาแทบจะมองเห็นสิ่งที่นิลเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ  เขาจำไม่ได้ว่าได้พูดอะไรออกมาอีกหรือเปล่า  คงจะปลอบใจนิลแล้วก็อวยพรให้หายไวๆกระมัง

อาคิราห์กลับออกมาจากโรงพยาบาลอย่างไรก็ไม่แน่ใจ  ในส่วนลึกเขายังรู้สึกมึนๆชาๆอยู่  ราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องจริง  รู้สึกลอยๆเหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรชอบกล  แต่ก็คงเป็นฝันร้ายที่มีภาพผู้ชายคนนั้นหลอนติดตา ...เขาไม่อยากเชื่อ

            จนกระทั่งเจนภพมาส่งที่บ้านของพิชช์ฌาน  อาคิราห์ก็ก้าวลงจากรถเข้าไปในบ้านอย่างสงบ  เข้าไปยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้องรับแขก  ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนต่อ  รู้ตัวอีกทีป้านิ่มก็เดินเข้ามาหาเขาแล้วก็ร้องไห้

            “คุณอัยย์  โธ่ ...คุณอัยย์  ป้าไม่อยากเชื่อเลย”  เธอจับมือเขาเอาไว้  พร่ำพูดซ้ำๆถึงประโยคเดียวกันกับที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ  “มันเกิดขึ้นได้ยังไง  คุณฌาน...ฮึก  คุณฌานของป้า”

            “..........”  ภาพร่างในผ้าพันแผลผุดซ้ำขึ้นมาอีกครั้งแล้วเริ่มหมุนติ้ว  อาคิราห์ยึดมือของแม่บ้านเอาไว้แน่น

            “คุณฌานหนอคุณฌาน  เคราะห์กรรมอะไรก็ไม่รู้ ...คุณอัยย์  ทำไมมือเย็น..หน้าซีดเหลือเกิน  คุณอัยย์คะ”

            อาคิราห์ได้ยินเสียงเรียกแว่วๆแต่ภาพเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเสียแล้ว  เขาสูญเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ  รู้สึกรางๆว่าถูกพาไปนอนที่ไหนสักแห่ง

            เสียงร้องไห้ดังขึ้นข้างตัวตอนที่อาคิราห์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาพบว่าตัวเองนอนเอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกโดยมีนิ่มนวลจ่อยาดมอยู่พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย  เจ้าโอเมก้ายันตัวลุกขึ้นนั่ง

            “ป้าอย่าร้องเลยครับ”  เขาพูดออกมาเป็นประโยคแรก  “ผมยังไม่ร้องเลย”  ดวงตาของเขาแห้งผากไร้น้ำตาสักหยด

            “ปะ  ป้าไม่เก่งเหมือนคุณอัยย์นี่คะ  โธ่...ยังหนุ่มแน่น  ป้าทำใจไม่ได้”

            “คุณพิชช์ฌานยังไม่ตายเสียหน่อยนี่ครับ  ...ผมเจอเขาแล้ว  เดี๋ยวก็หาย”  อาคิราห์พูดออกมาด้วยเสียงนิ่งจนตัวเองยังอดแปลกใจไม่ได้  “เขาจะต้องหายแน่ๆครับ”

            “ถึงหายก็คงเสียโฉม กลายเป็นคนพิการ...คุณอัยย์อย่าปลอบใจป้าเลยค่ะ  ป้ารู้”

            อาคิราห์ไม่ได้พูดอะไรอีก  คล้ายกับหมดแรงออกเสียงไปดื้อๆ  เขายกมือขึ้นลูบหลังแทนคำปลอบใจแม่บ้านอาวุโสจนกระทั่งเธอเริ่มสงบลง  ป้านิ่มก็บอกว่าจะไปหาอะไรมาให้เขากิน

            เสียงผู้สื่อข่าวในโทรทัศน์ดังตลอดทั้งวัน  มีคนในพรรคของพิชช์ฌานแวะเวียนเข้ามาหาที่บ้านหลังจากที่ข่าววงในแพร่สะพัดออกไปว่าชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส  อาคิราห์บอกให้ปิดบ้านเอาไว้และงดตอบทุกคำถามชั่วคราว

            เจ้าโอเมก้านั่งอยู่คนเดียวที่ตำแหน่งประจำของตัวเอง  อดเงยหน้าขึ้นมองตำแหน่งหัวโต๊ะที่เคยเป็นของเจ้าของบ้านไม่ได้  เก้าอี้ที่ว่างเปล่าทำให้เขารู้สึกบอกไม่ถูก  ก้มหน้าลงใช้ช้อนตักซุปขึ้นซดอย่างไม่รู้รสชาติ  จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นความแปลกอีกอย่างหนึ่งที่อัยย์สังเกตได้ ...เขาไม่รู้สึกหิวเลยสักนิดเดียว

            เจนภพวิ่งวุ่นรับโทรศัพท์และติดต่อรับหน้าทุกคนมือเป็นระวิง  ชายหนุ่มเล่าให้อาคิราห์ฟังคร่าวๆว่าตอนนี้พรรคเริ่มจะระส่ำระสายเพราะขาดหัวหน้าพรรคไป  รองหัวหน้าพรรคอย่างคุณวริศที่ต้องขึ้นมารักษาการณ์หัวหน้าพรรคแทนก็ยังไม่สามารถรวบรวมความศรัทธาของคนในพรรคเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันได้

            “ผมต้องไปเข้าร่วมประชุมพรรคก่อน  คุณอัยย์อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยครับ”  เจนภพเข้ามาถามเขา  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นจากขอบหน้าต่างที่ซบอยู่เป็นชั่วโมง

            “ผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ”

            “เกรงว่าจะยังไม่สะดวกตอนนี้ครับ”  เจนภพพูดอย่างเกรงใจ  “มันจะดูผิดสังเกตถ้าคุณอัยย์กลับบ้าน  ตอนนี้เรายังปิดข่าวเรื่องคุณฌานอยู่ครับ”

            “ถ้างั้น...”  อาคิราห์ปล่อยให้ประโยคขาดหายไปเฉยๆ  เขาหันกลับไปมองข้างนอกหน้าต่างต่อ  ได้ยินเสียงเจนภพพึมพำว่าขอตัวก่อนแล้วก็กลับออกไปจากห้องหนังสือ 

            ความเงียบรอบตัวทำให้อาคิราห์แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง  เขานั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จุดหมายจนกระทั่งนิ่มนวลเข้ามาตามเขาออกไปรับประทานมื้อเย็น

            อาคิราห์เดินตามออกมานั่งที่เดิม  ตักอาหารเข้าปากเหมือนตุ๊กตาไขลานในความรู้สึกของคนมอง  นิ่มนวลแอบยกผ้ากันเปื้อนขึ้นมาซับน้ำตาอีกรอบเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้านิ่งซึมไม่สดใสเหมือนเก่า  ขนาดเธอเป็นแม่บ้านเก่าแก่ยังรู้สึกเหมือนใจจะขาดตอนที่รู้เรื่องคุณพิชช์ฌาน  คงไม่ต้องพูดถึงคุณอาคิราห์ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน

            “คุณอัยย์ทานอีกนิดนะคะ  อย่างน้อยคุณคนเล็กในท้องจะได้มีแรงนะคะ”  นิ่มนวลพูด  คะยั้นคะยอให้เจ้านายตักอาหารเพิ่มอีกสักช้อนสองช้อนก็ยังดี 

            “ผมอิ่มแล้วครับ”  อาคิราห์พึมพำ  วางช้อนลงพลางลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินหายออกไปจากห้องกินข้าว

            นิ่มนวลมาเจอเจ้าโอเมก้านั่งกอดเข่าอยู่ในห้องทำงานของคุณพิชช์ฌาน  นัยน์ตากลมโตแดงก่ำคู่นั้นจ้องเป๋งไปยังปลาบู่ในตู้กระจกไม่กะพริบ  ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง  คุณอัยย์ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

            “คุณอัยย์คะ  ไปอาบน้ำเสียหน่อยจะได้สบายตัวมากขึ้นดีไหมคะ  คุณพิชช์ฌานคงไม่สบายใจแน่ๆถ้ารู้ว่าคุณไม่ดูแลตัวเอง”  เธอพูดเสียงอ่อน  สงสารอีกฝ่ายจับใจโดยเฉพาะตอนที่เห็นร่างเล็กๆนั้นเดินก้มหน้างุดขึ้นบันไดไปเงียบๆไม่พูดอะไรสักคำ

            อาคิราห์ปล่อยให้น้ำเย็นจัดไหลผ่านร่างกายไป  ครุ่นคิดกลับไปกลับมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางย้อนเวลากลับมาได้  เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ  แต่ว่า...ถ้าเขาเรียกพิชช์ฌานให้ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน  ถ้าเขาใส่ใจที่จะถามสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรกันแน่  ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

            ใช่ว่าพิชช์ฌานจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังโดยดี  ผู้ชายคนนั้นมีความลับในชีวิตมากมาย  เป็นคนที่เติบโตมาอย่างซับซ้อนเต็มไปด้วยแบบแผนและเล่ห์กล  คนที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วย  คนที่...เป็นพ่อของลูกในท้องของเขา   อาคิราห์ยกมือขึ้นแนบที่หน้าท้องของตัวเอง  เขาเริ่มจะรู้แล้วว่าความรู้สึกลึกๆข้างในตอนนี้คืออะไรกันแน่

            มันคือความกลัว

            กลัวต่ออนาคตที่ยังไม่มาถึง  ...ถ้าพิชช์ฌานเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ  อาคิราห์จะอยู่อย่างไร  นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว  และไม่เคยเตรียมคำตอบเอาไว้ก่อน

            พอถึงเวลาเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น  อาคิราห์ถึงได้รู้สึกเหมือนถูกผลักตกเขาโดยไม่ทันตั้งใจ  รู้ตัวอีกทีก็นอนหมดสภาพอยู่ที่ตีนเขา  ที่โล่งว่างเปล่าไม่มีถ้ำให้เข้าไปฝึกวิชา  ไม่มีเทพที่ไหนมาช่วย  เขาต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง  เหมือนกับเมื่อตอนนั้นที่ติดอยู่ในเกาะนั่น  ...จริงสินะ  ตอนนั้นพิชช์ฌานเคยบอกว่าเชื่อว่าเขาจะเอาตัวรอดได้แน่  ต่อให้พิชช์ฌานไม่เข้ามาช่วย  ในตอนนี้ก็เหมือนกัน  ...เขาจะต้องเอาตัวรอดพร้อมกับลูกในท้อง

            อาคิราห์กลับออกมาแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย  เขาเปิดโทรทัศน์ขึ้นดูข่าว  พอเห็นหน้าบิดาของตัวเองกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ก็หยุดนิ่งฟังอย่างสนใจ

            “....ทางตำรวจก็กำลังสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ครับ  ยังตอบอะไรมากไม่ได้”  ท่านไตรคุณพูดเรียบๆ

            “ท่านคะ  แล้วการที่ยังไม่มีท่าทีออกมาจากทางพรรคฝ่ายค้าน  ท่านคิดว่าอย่างไรคะ  เหตุเพลิงไหม้ที่บ้านของคุณจักรกฤตและเหตุระเบิดรถของคุณพิชช์ฌานหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านจะเกี่ยวข้องกันไหมคะ”  นักข่าวยิงคำถามรัวเร็ว

            “ผมคงยังตอบไม่ได้  ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวน  แต่ว่าผมทราบอย่างนึงก็คือเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่บ้านคุณจักรกฤตเกิดหลังจากคดีค้าโอเมก้าซึ่งทางตำรวจได้สืบสาวราวเรื่องไปแล้วเข้าใจว่าเกี่ยวข้องสืบเนื่องกัน  ส่วนจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดรถมั้ย  ผมไม่แน่ใจ  อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้เพราะคุณพิชช์ฌานเองก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อยู่แล้วเพราะเขาเป็นคนนำจับ”   คำถามของพ่อทำให้อาคิราห์ขมวดคิ้ว  เช่นเดียวกับนักข่าวที่รายล้อมอยู่

            “แสดงว่ามีแนวโน้มที่คุณพิชช์ฌานอาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าโอเมก้าหรอคะ”

            “ผมไม่ได้พูดนะ  ผมบอกว่าเขาคงไม่ได้เกี่ยวข้อง”  ท่านไตรคุณพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ  “คุณอย่าเอาไปเขียนผิดล่ะ  ไม่งั้นเขาฟ้องผมได้นะ”

            “อีกคำถามค่ะท่าน  การที่คุณพิชช์ฌานยังไม่ออกมาแถลงการณ์อะไรเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดรถครั้งนี้  ท่านมีความเห็นอย่างไรคะ”

            “ไม่มีความเห็นครับ  ...ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่ก็คงออกมาพูดเอง”

            “แล้วแบบนี้จะมีผลอะไรกับการประกาศเลือกตั้งอาทิตย์หน้ามั้ยคะ”

            “คุณพิชช์ฌานก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประกาศเลือกตั้งนี่ครับ  ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อตามระบบครับ”

            “ท่านคะ  อีกคำถามค่ะ”  เสียงนักข่าวดังรอบตัวทว่าท่านนายกฯก็ไม่ได้ตอบคำถามเพิ่มเติมอีกแล้ว

            อาคิราห์กดปิดโทรทัศน์  เขานั่งเอนๆพิงหัวเตียงเอาไว้ในท่าประจำ  ครุ่นคิดถึงคำพูดของบิดาแล้วก็รู้สึกได้ว่าพิชช์ฌานคงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก  การเปิดเผยว่าชายหนุ่มบาดเจ็บหนักอาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย

            แต่ถึงอย่างไร...เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

            เจ้าโอเมก้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดใหม่  คราวนี้เขากดโทรหาพี่ชายฝาแฝดที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง  ภาวนาขอให้อคินทร์มีเวลาคุยด้วยเถิด

            “ฮัลโหล  ว่าไงอัยย์  มีอะไรหรือเปล่า” เสียงคินดังมาตามสายพร้อมกับเสียงโหวกเหวกเหมือนอยู่กลางแจ้ง

            “ว่างคุยมั้ย”  อาคิราห์พูด  อีกฝ่ายเงียบไปนิดหนึ่ง  อัยย์ได้ยินเสียงเหมือนกำลังเดิน  สักพักเสียงรอบด้านก็เงียบลง

            “โอเค  อยู่ในรถแล้ว  มีอะไร..ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”  อคินทร์จับเสียงที่เปลี่ยนไปของน้องชายได้ทันทีแม้จะได้ยินแค่สามคำ  อาคิราห์เม้มปากแน่น

            “เปล่า...คิดถึงเลยโทรหา”

            “เปิดกล้องหน่อยซิอัยย์  ฉันอยากเห็นหน้า  ร้องไห้อยู่หรือเปล่า”

            “ไม่ได้ร้อง  จริงๆนะ”  อัยย์ยกมือขึ้นแตะที่ขอบตาแห้งผากของตัวเอง  “ไม่มีน้ำตาเลย  ดูสิ”  เขาเปิดกล้องให้พี่ชายดูหน้าของตัวเอง

            “ให้ตายเหอะ...นี่มันหนักกว่าร้องไห้อีก  เกิดอะไรขึ้นอาคิราห์  เล่ามานะ”  พี่ชายฝาแฝดสบถออกมาแล้วพูดเสียงเข้ม  มีไม่กี่ครั้งที่อีกฝ่ายจะเรียกชื่อจริงของเขา

            “ไม่มีอะไร”  อาคิราห์รีบปิดกล้อง  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่ชายจะตกใจทำไม  เขาไม่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนทุกทีเสียหน่อย  “คือมีเรื่องนิดหน่อย  แบบ...รถคุณพิชช์ฌานโดนระเบิด”

            “เห้ย  จริงหรือเปล่า  ฉันมัวแต่ทำงานไม่ได้ตามข่าวเลย  แล้วเค้าเป็นไงบ้าง”  อคินทร์อุทานอย่างตกใจ  ถามต่อมารัวเร็ว  “แล้วนายล่ะอัยย์  ไม่ได้อยู่ในรถใช่มั้ย”

            “ฉันสบายดี  ส่วนคุณพิชช์ฌาน...คุณพิชช์ฌาน...บาดเจ็บนิดหน่อย  ไม่เป็นไร”

            “อาคิราห์”  พี่ชายเรียกชื่อมาอีก  อัยย์เงียบกริบ   “นายไม่เคยโกหกฉันสำเร็จ  พูดความจริงมา”

            “ไม่มีอะไรจริงๆ  นึกขึ้นได้ว่านายกำลังเวิลด์ทัวร์ก็เลยโทรหา  คอนเสิร์ตเป็นไงบ้าง  เสียดายฉันไม่ได้ไปดู”  อาคิราห์กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  “อย่าลืมส่งดีวีดีมานะ  ฉันอยากเห็น...”

            “คุณพิชช์ฌานเจ็บหนักใช่มั้ย”  เสียงเข้มๆของแฝดพี่สวนกลับมาก่อนที่เขาจะพูดจบ  “เขาเป็นอะไร  หรือว่า...ตะ”

            “ยังไม่ตาย”  อัยย์รีบพูดก่อนที่อีกคนจะพูดจบ  “เค้าแค่บาดเจ็บนิดหน่อย  ถูกแรงระเบิดน่ะ”

            “ถ้านายยังเห็นฉันเป็นพี่ชายล่ะก็  เล่าความจริงมาอัยย์”

            “โธ่  คิน....”  อาคิราห์อุทาน  ริมฝีปากสั่นจนต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น  “คุณพิชช์ฌานเค้า..ถูกระเบิด  แล้วทีนี้ ...นายห้ามไปบอกใครนะ  คือ..”

            “ฉันจะไปบอกใครล่ะ  เอางี้ฉันสาบานว่าจะไม่บอกใคร”

            “จริงๆนะ”

            “ฉันเคยผิดสัญญากับนายเหรอ”

            “คิน...คุณพิชช์ฌานเขาอยู่ไอซียู  โดนไฟลวกทั้งตัวเลย”  อาคิราห์พูดพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น  “เค้าไม่รู้สึกตัวด้วย  ใส่ท่อเอาไว้ในปาก  มีผ้าพันแผลเต็มตัว  ตอนแรกอัยย์ก็ไม่เชื่อก็เลยขอให้เขาแกะแผลออก  ...คิน”  เจ้าโอเมก้าหลับตาลง  น้ำตาไหลอาบแก้ม   “หนังเค้าพองหมดเลย  มันแบบ.. แย่มาก  หมอบอกว่าเค้ามีโอกาสตาย  แต่อัยย์ว่าเค้าไม่ตายหรอก  เค้าจะตายได้ยังไง”  เขาพูดปนสะอื้น  “เขาแข็งแรงจะตาย”

            “อัยย์  ใจเย็นๆก่อนนะ”  ปลายสายอึ้งไปเช่นกันก่อนจะพูดปลอบใจมา

            “อัยย์ใจเย็นแล้ว  ใจเย็นสุดๆแล้วคิน  อัยย์ไม่ร้องไห้เลยด้วยจนโทรหาคินเนี่ย  ฮึก  แต่อัยย์...อัยย์ไม่ไหวแล้ว  มันรู้สึกเหมือนอกจะแตก  อัยย์กลัวเค้าตายจริงๆ  อัยย์จะทำยังไงดี”  อาคิราห์ดึงหมอนใบโตขึ้นมากอดเอาไว้แน่น  “อัยย์กลัวจริงๆ”

            “นายกลับไปที่บ้านก่อนมั้ย  อย่างน้อยมีพ่อกับแม่..”

            “อัยย์ไม่อยากกลับไปตอนนี้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่  มันสับสนไปหมด”  อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ  “ช่างเหอะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  อัยย์ไม่เป็นไร”

            “ไม่เป็นไรจะนั่งร้องไห้แบบนี้เหรอ  รอก่อนนะคินจะรีบบินกลับ”

            “ไม่ต้องนะคิน”  เขารีบห้าม  “ทุกครั้งที่มีเรื่องคินจะต้องเป็นคนมาช่วยอัยย์ตลอด  ตอนนี้อัยย์อยากช่วยตัวเอง  คินแค่รับฟังก็พอแล้ว  ไม่ต้องกลับมา  อยู่ทัวร์คอนเสิร์ตให้จบ”  พูดออกไปแล้วก็นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน  ทำไมเขาถึงไม่นึกอยากให้ฝาแฝดมาช่วยแก้ปัญหาด้วยอย่างเคย  เขาแค่อยากให้อคินทร์รับฟังที่เขาเล่าแค่นั้น  “อัยย์จะดูแลตัวเองและผ่านไปให้ได้”

            “นั่นอัยย์คนเดิมหรือเปล่า”  ปลายสายสงสัย  “หรือใครปลอมตัวมาคุยด้วย”

            “อัยย์คนเดิม”  อาคิราห์ยืนยัน  น้ำตาเริ่มแห้งไปทีละน้อย  “อยากไปเยี่ยมเขาจัง”

            “อยากไปก็ไปสิ  นายไปได้อยู่แล้ว  ...นายเป็นภรรยาของเขานะ  ตั้งท้องลูกของเขาด้วย  ไม่มีใครห้ามนายได้”

            “แต่ฉันกลัวจะไปเกะกะเขา”

            “เวลานี้ไม่มีใครสำคัญเท่านายแล้วนะ  คุณพิชช์ฌานเองเขาก็ต้องอยากได้กำลังใจจากนายที่สุดนะอัยย์”  อคินทร์ว่า  “ไปอยู่กับเขาเถอะ”

            อาคิราห์พูดคุยกับพี่ชายอีกนิดหน่อยแล้วก็วางสาย  เขาล้มตัวลงนอนขดตัวกอดหมอนของพิชช์ฌานเอาไว้แน่น  คิดถึงวงแขนแข็งแรงอบอุ่นที่เคยซุกตัวนอนหลับอย่างสบายนั้นแล้วก็พาลขอบตาร้อนผ่าว  ดูเหมือนว่าพอได้ร้องออกมาเสียครั้งหนึ่งแล้ว  ครั้งต่อมาก็ดูจะง่ายขึ้นหลายเท่า

            อาคิราห์ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนหมอนชุ่ม  ห้องนอนโล่งๆว่างเปล่าดูอ้างว้างกว่าเดิมจนไม่สามารถข่มใจให้หลับได้เลยแม้จะมีกลิ่นของพิชช์ฌานเป็นตัวช่วยแล้วก็ตาม  ความเป็นห่วงกังวลสารพัดทำให้เจ้าโอเมก้านอนหลับๆตื่นๆไปจนถึงเช้า



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
 



            วันรุ่งขึ้นอาคิราห์สะดุ้งตื่นพร้อมกับอาการเวียนหัวที่จู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรง  ภาพเพดานหมุนติ้วจนเขาต้องลงนอนหลับตานิ่งๆต่ออีกครู่ใหญ่  อาการเวียนหัวก็ไม่หายไป  แถมยังมีอาการคลื่นไส้เพิ่มขึ้นมาอีก  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำ  เกาะชักโครกก้มลงอาเจียนเอาน้ำลายเหนียวๆออกมายกใหญ่

            เรอเอิ้กออกมาตามหลังจนรู้สึกว่าท้องโล่งขึ้น  คงเป็นเพราะนอนไม่อิ่มเมื่อคืนถึงได้ไม่สบายเอา  อาคิราห์ลุกขึ้นอาบน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ

            เขาบอกเจนภพว่าอยากไปเยี่ยมพิชช์ฌานอีก  มือขวาคนสนิทที่ดูจะหัวหมุนเพราะวิ่งจัดการเรื่องคนนู้นคนนี้รีบตอบตกลงทันทีจนอาคิราห์แปลกใจ  เจนภพเล่าให้ฟังสั้นๆว่าวันนี้จะมีแถลงข่าวพรรคเกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่

            “เราคงปิดข่าวต่อไปไม่ได้แล้วครับ”  เจนภพพูด  “ถ้าปล่อยให้สถานการณ์อึมครึมต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อพรรคครับ  อีกอย่าง...คุณฌานเองก็คงไม่อยากให้พรรคหยุดชะงักด้วย”

            “แล้วอาการของคุณพิชช์ฌาน”

            “คุณหมอบอกผมว่ายากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ครับ  แผลไฟไหม้ทั่วตัวจะกลายเป็นแผลเป็นและต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขอีกหลายครั้ง  อย่างน้อยเป็นปีๆกว่าจะดี  โดยเฉพาะแผลที่ใบหน้าซึ่งถูกดวงตา”  เสียงของเจนภพขาดหายไปเหมือนเจ้าตัวสะเทือนใจ  “คุณฌานมีสิทธิตาบอดครับ”

            “.............”

            อาคิราห์นั่งเงียบกริบจนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านชานเมือง  ไม่เห็นนักข่าวสักคนแสดงว่าคงจะปิดข่าวเอาไว้ได้ดีมาก

          ชายหนุ่มเดินมาตามทางเดินกับเจนภพและผู้ติดตามอีกสองคน   เข้าไปในห้องไอซียูเหมือนเมื่อวาน  ร่างของคนเจ็บยังนอนอยู่ที่เดิม  คุณพยาบาลบอกว่าถึงเวลาทำแผลพอดี  ขอให้ญาติรอข้างนอกก่อน

            อาคิราห์มองเห็นร่างนั้นเพียงแวบเดียวผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดรอบเตียง  ร่างนั้นเป็นสีขาวๆแดงๆคงด้วยยาทาเอาไว้ทั้งตัวกระมัง  ...เจ้าโอเมก้าถอยมานั่งบีบมือรออยู่บนเก้าอี้เกือบชั่วโมงกว่าจะทำแผลเสร็จ  ร่างของพิชช์ฌานมีผ้าพันแผลพันทั่วตัวเรียบร้อย

            “เข้าเยี่ยมได้ครับ”

            พอได้รับอนุญาต  อาคิราห์ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเหมือนเมื่อวาน  วันนี้เขาขยับเข้าไปยืนจนเกือบชิดเตียง  ไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะเพราะกลัวคนไข้ติดเชื้อตามที่นายแพทย์ย้ำนักย้ำหนา  ชายหนุ่มเพียงแต่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆเตียงนั้น

            “คุณพิชช์ฌาน  ผมมาเยี่ยม...”  เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านั้น  “จำผมได้หรือเปล่า  ...อาคิราห์”

            นัยน์ตาสองข้างถูกปิดเอาไว้ป้องกันการติดเชื้อ  อาคิราห์สังเกตเห็นว่าปลายนิ้วของคนไข้ขยับเหมือนตอบรับที่เขาพูด

            “คุณได้ยินผมใช่มั้ย  ผมเอง...ตัวบู้บี้ของคุณไง”  เขารีบพูดต่ออย่างดีใจ  เกือบเอื้อมมือไปแตะปลายนิ้วมือนั้นแต่ก็นึกขึ้นมาได้  “ถ้าคุณได้ยินผม  ช่วยชูนิ้วโป้งหน่อยได้มั้ย”

            นิ้วโป้งกระดิกตอบรับทันที

            “คุณได้ยินจริงๆด้วย  ผมนึกว่าคุณหลับเสียอีก”  อาคิราห์น้ำตาคลอ  “คุณเจ็บมากมั้ย  ถ้าเจ็บมากให้กระดิกนิ้วโป้ง  อา...ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ ผมกลัวคุณตาย  คุณไม่ตายได้มั้ย”

            นิ้วโป้งกระดิกอีกครั้งหนึ่ง  คนมองยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตา

            “คุณสัญญาแล้วนะ”

            “........”  คนป่วยงอตัวลงไอออกมาเพราะสำลักลมหายใจที่ต่อกับเครื่องช่วยหายใจ  พิชช์ฌานคงจะทรมานมาก  การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาหมายความว่าบาดแผลที่ผิวหนังจะต้องถูกยืดหดไปด้วย 

            นางพยาบาลเข้ามาดูแลคนป่วย  อาคิราห์ถอยมายืนห่างๆ อดทนรอจนพิชช์ฌานสงบลงอีกครั้ง

            “หมอฉีดยาแก้ปวดให้คุณ  คุณจะได้ไม่เจ็บนะ”  เขาพึมพำ  มองอีกฝ่ายที่เริ่มนิ่งไปอีกครั้งเหมือนเข้าสู่ห่วงนิทรา  “คุณจะหลับแล้วเหรอ  ดีจัง...เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย  คิดถึง..”  คำพูดของเขาขาดหายไปในลำคอ   เดาเอาว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยินแล้ว  ถ้าเป็นอย่างนั้น  เขาก็จะส่งสารทางโทรจิตแทน

            ‘...เมื่อเช้าผมลุกมาอ้วกด้วย  เวียนหัวมากแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว  คงเป็นเพราะนอนไม่หลับแน่ๆ  เมื่อไหร่คุณจะกลับบ้านเสียที  ผมอยากไปกินร้านมิชลินสตาร์กับคุณอีก  คุณจะได้แบ่งให้ผมกิน  แต่รู้มั้ยว่าสองวันมานี้ผมไม่หิวเลย  แปลกไหมล่ะ  กระเพาะผมคงพังไปแล้วอย่างที่คุณเคยว่าแน่ๆ  เหมือนเจ้าบู้บี้ที่สอง  ผมว่ามันไม่สบาย  เมื่อวานมันเอาแต่ว่ายไปมาแบบหงอยๆ  ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม..’   เขานึกเล่าเรื่องให้อีกฝ่ายฟังไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม

            อาคิราห์เปลี่ยนชุดกลับออกมาจากห้องปลอดเชื้อ  เจนภพรออยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางลำบากใจจนเขาสังเกตเห็น  กำลังจะเอ่ยถาม  คำตอบก็มาถึงตัวพอดี

            “อยู่นี่เองหรอ  โอเมก้า”  เสียงของผู้หญิงดังขึ้นข้างหลัง  อาคิราห์หันไปมอง  ร่างสูงสง่าของอัลฟ่าหญิงวัยกลางคนเดินตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าโกรธขึ้งจนเครื่องสำอางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างดีก็เอาไม่อยู่  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นทำความเคารพ

            “สวัสดีครับ”

            ผั้วะ!!!

            ซีกหน้าด้านซ้ายของอาคิราห์ชาไปทั้งแถบพร้อมกับหูที่ลั่นกริ่ง  แรงจากฝ่ามือของมารดาพิชช์ฌานรุนแรงจนหน้าหัน  เสียงอุทานอย่างตกใจมาจากคนรอบข้างก่อนที่เจนภพจะเข้ามากันเขาเอาไว้

            “คุณนายครับ  นี่โรงพยาบาลนะครับ”

            “ฉันเคยเตือนลูกฉันแล้วว่าเธอมันตัวซวย  เธอเอาความหายนะมาให้ลูกชายฉันแล้วยังมีหน้ามาเยี่ยมเขาอีกเหรอ”  คุณนายนวลพรรณกรีดเสียง  จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  “เธอทำลายอนาคตลูกฉัน  ลูกฉันเคราะห์ร้ายขนาดนี้ก็เพราะเธอคนเดียว”

            “เชิญคุณนายทางนี้ดีกว่าครับ”  เจนภพพยายามดันตัวอาคิราห์ออกมาแต่ว่าแม่ของพิชช์ฌานกลับตวาดเสียงดัง

            “จะไปไหน  ฉันยังพูดไม่จบ  เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โอเมก้า  ชีวิตโอเมก้าอย่างเธอไม่มีค่าพอที่จะมาชดใช้ให้ลูกชายของฉันด้วยซ้ำ  เธอต้องรับกรรมที่ทำให้ลูกฉันเจ็บขนาดนี้  เธอจะต้องทรมานยิ่งกว่าเขา”

            “มันเป็นเรื่องสุดวิสัยครับ  ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอัยย์เลย”  เจนภพพูดเสียงเรียบ  “คุณนายอย่าพูดอย่างนั้นเลย  ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกครับ”

            “ก็มันไงล่ะ   ป่านนี้พ่อของมันคงนั่งหัวเราะแล้วมั้งที่เห็นลูกชายของฉันปางตายขนาดนี้  ฉันบอกฌานแล้วแต่ฌานไม่เคยฟัง  แล้วเป็นไง  มันนำความหายนะอัปรีย์มาให้ตระกูลตามคำทำนายจริงๆ”

            อาคิราห์ตัวชาลงไปถึงปลายเท้า  เขาไม่เคยถูกด่าว่าอย่างรุนแรงขนาดนี้มาก่อน  ไหนจะความเจ็บปวดที่ข้างแก้มนั่นอีก  มั่นใจได้เลยว่าคงจะต้องขึ้นเป็นรอยนิ้วมือแน่ๆ  ท่าทางมารดาของพิชช์ฌานโกรธแค้นเขามากเสียจนแทบจะเข้ามาทำร้าย

            “พาคุณอาคิราห์ออกไปก่อน”  เจนภพหันไปสั่งลูกน้อง

            อาคิราห์ถูกพาออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้น  เขากลับเข้ามาในรถยนต์คันเดิมที่นั่งมา  ครู่ใหญ่เจนภพก็เดินตามออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล

            “คุณอัยย์  โอเคมั้ยครับ”

            “....”  อาคิราห์ยังพูดไม่ออก  ได้แต่พยักหน้ารับ  มือกุมที่แก้มข้างนั้นเอาไว้แน่น

            “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ช่วยกันคุณไม่ทัน  ผมไม่นึกว่าคุณนายจะทำแบบนั้น”  เจนภพพูด  มองซ้ายขวาแล้วก็สั่งให้ลูกน้องไปหาน้ำแข็งมาให้เจ้านายประคบ  “คุณประคบไปก่อนนะครับ  ผมขอไปจัดการข้างในต่อก่อน  คุณอัยย์นั่งรอในนี้ได้มั้ย  อ้อ...ผมจะให้นิลลามาเป็นเพื่อนคุณ”

            “นิล?  เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ”  อาคิราห์เบิกตากว้าง  เจนภพพยักหน้ารับ

            ไม่นานร่างผอมบางของโอเมก้าคนหนึ่งก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลตรงมาที่รถ  นิลอยู่ในชุดลำลองแปลกตาไปจากทุกครั้ง  ผ้าพันแผลยังมีให้เห็นอยู่ตามแขนขา

            “นิล  หายแล้วเหรอ  เป็นยังไงบ้าง”

            “ดีขึ้นแล้ว  ...นั่นโดนอะไรมา”  นิลชี้ที่ข้างแก้มที่ปรากฏรอยนิ้วแดงก่ำ  “ใครทำร้ายคุณ”  เสียงของนิลเครียดขึ้น

            “คนประสาทน่ะ...ช่างเถอะ”  อาคิราห์ตอบ

            “นิลจะไปจัดการให้   แค่บอกมาว่าใคร”

            “โธ่  ไม่เอาน่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากเลย  เทียบกับนิลแล้วก็พิชช์ฌานแล้ว...แค่นี้ยังน้อย”  อาคิราห์พึมพำ  อดนึกถึงคำพูดของแม่พิชช์ฌานขึ้นมาไม่ได้  เขาเป็นโอเมก้าที่นำพาหายนะมาสู่ตระกูลของพิชช์ฌานจริงหรือ  ยังมีคนเชื่อคำทำนายทายทักแบบนี้อยู่อีกหรือไง

            แล้วถ้ามันเป็นจริงล่ะ....

            “คุณโอเคหรือเปล่า”  นิลถามต่อมาอีก  “มีอะไรที่อยากให้ฉันช่วยมั้ย  ฉันพร้อมจะช่วยคุณเต็มที่  เท่าที่ฉันจะทำได้”

            “หมายความว่ายังไงนิล”  อาคิราห์ถามซ้ำ

            “ฉันจะขอติดตามคุณ  คุณอาคิราห์  จากนี้และตลอดไปจนกว่าชีวิตฉันจะหาไม่”  นิลพูดอย่างจริงจัง  เอื้อมมือมาจับมือของอาคิราห์  “สามีของคุณช่วยชีวิตนิลลาคนนี้เอาไว้  ฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเขายังไงนอกเสียจากว่าขอดูแลรับใช้ภรรยาของเขาเท่าที่จะทำได้”

            “รับใช้อะไรกัน  เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์ท้วง  “ไม่เอาน่า  อย่าคิดมากเลย  แค่นิลยอมเป็นเพื่อนกับฉัน  ฉันก็ดีใจมากแล้วล่ะ  ฉันไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคนเดียว”  เขาเป็นฝ่ายกุมมือของนิลลาเอาไว้แทน  “ฉันดีใจที่นิลบอกจะมาอยู่ด้วย  แต่มาในฐานะเพื่อนของฉันเถอะนะ  ฉันอยากมีเพื่อนมานานแล้ว”

            นิลลาพยักหน้ารับ  บีบมือตอบแน่น

            อาคิราห์ขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุระเบิดให้ฟังอีกครั้ง  นิลลาเล่าอย่างละเอียดเสียจนอาคิราห์อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เล่ามามีอะไรแปลกๆหลายอย่าง

            “...แล้วคุณเจนภพเขาหายไปเลยเหรอ  งั้นเขากลับมาได้ยังไง”

            “นิลลาก็ไม่รู้  รู้แค่ว่าเขาเป็นคนวางแผนปฏิบัติการทั้งหมดตอนบุกเข้าไปในบ้านของจักรกฤตแล้วเขาก็ขาดการติดต่อไป   นิลลาเพิ่งจะเห็นเขาก็ตอนมาโรงพยาบาลนี่ล่ะ”

            “หรือว่าคุณเจนภพจะ..”  อาคิราห์หยุดพูดเพราะรู้ว่าไม่ควรพูดออกมา  พิชช์ฌานไว้ใจเจนภพมากแค่ไหนใครๆก็รู้  เจนภพเองก็ดูแลรับใช้พิชช์ฌานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง  เป็นมือขวาและเป็นคู่คิดของพิชช์ฌานเสมอมา  จะเป็นไปเหรอว่าอีกฝ่ายจะหักหลัง ...  ถ้าอย่างนั้นเจนภพจะทำไปทำไมกัน

            “นิลลาไม่อยากให้คุณอาคิราห์ไว้ใจใครทั้งนั้น”  โอเมก้าพูดขึ้นเรียบๆ  “ตอนนี้ไม่มีใครไว้ใจได้  แม้แต่นิลลาเองก็อย่าไว้ใจ”

            “พูดอะไรอย่างนั้น”  อาคิราห์หัวเราะออกมา

            “พูดจริงๆนะ  จะเรียกว่าสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานก็ได้  นิลลารู้ว่าพวกมันไม่ปล่อยคุณพิชช์ฌานเอาไว้แน่  เพราะคุณพิชช์ฌานไปขัดขาพวกมันเข้า”  นิลลาพูด  “โดยเฉพาะคุณอาคิราห์  คุณต้องระวังตัวเอาไว้  ...คุณเป็นเหมือนความหวังของโอเมก้ายุคใหม่  คุณจะกลายเป็นเป้า”

            “แล้วฉันควรจะต้องทำอย่างไร”

            “คุณต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส”  ฝ่ายนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม  แวบหนึ่งที่อาคิราห์รู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าตาท่าทางแบบนี้ที่ไหนมาก่อน  แต่เขาก็นึกไม่ออก

            “โอกาสงั้นเหรอ  ...ฉันสารภาพว่ายังมืดแปดด้านไปหมด”

            “คนบางส่วนชอบเชียร์มวยรอง  คุณอาคิราห์  โดยเฉพาะฝ่ายที่ถูกรังแกจะได้คะแนนสงสารเป็นพิเศษ”

            “หมายความว่าให้ฉันเรียกคะแนนสงสารเหรอ  ทางไหนล่ะ...”

            “อาจจะลองให้สัมภาษณ์”

            “เดี๋ยวนะนิลลา  ในเมื่อพิชช์ฌานก็ป่วยหนัก  ฉันเองก็ท้องอยู่  ฉันไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวหรอก”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นลูบท้องของตัวเองนิดหนึ่ง  “ฉันไม่อยากเข้าไปเสี่ยงอีก”     

            นิลลาชะงัก

            “ไหนคุณบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกชนชั้นเท่าเทียมอย่างไรล่ะ  ลืมเสียแล้วเหรอ  จำตอนที่คุณอยู่ที่เกาะนั่นได้มั้ย  มีเพื่อนพ้องของเราชาวโอเมก้าถูกกดขี่  ถูกส่งไปค้าขายเยี่ยงสินค้าที่ต่างแดน  ตัวคุณเองก็ถูกเหยียดหยามว่าเป็นโอเมก้าไม่ใช่หรือ  คุณจะปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือไง  หรือคุณลืมความลำบากไปแล้วก็เลยไม่คิดจะใส่ใจอีกต่อไป”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะนิล”  อาคิราห์รีบท้วง  “ฉันยังจำได้ไม่ลืมหรอก  รสชาติของขนมปังขึ้นรานั่นยังติดลิ้นของฉันอยู่เลย  เพียงแต่ว่า ...ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้”

            “คุณพูดไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิม  อาคิราห์คนที่มอบความหวังให้พวกเราโอเมก้าหายไปไหนเสียแล้ว”

            “เขายังอยู่  ฉันแค่คิดว่า...จะสอบเทียบแล้วเรียนรู้กฎหมายเสียก่อน  ค่อยมาจัดการเรื่องอื่น”  เขาพูดตามแนวทางที่พิชช์ฌานเคยวางเอาไว้ให้   “คุณพิชช์ฌานบอกฉันแบบนี้”

            “แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วนะ  คุณพิชช์ฌานเองก็ไม่สามารถมาช่วยอะไรคุณได้แล้ว  คุณต้องช่วยตัวเอง  คุณจะปล่อยไปตามเวรตามกรรมไม่ได้หรอก  ต้องลงมือทำ  ฉันจะช่วยคุณเองคุณอาคิราห์”

            “นี่ฉันได้นักปลุกระดมมาเป็นเพื่อนหรือเปล่า”  อาคิราห์พูด

            “ฉันมีเพื่อนอีกหลายคนที่พร้อมจะช่วยคุณ”  คำตอบของนิลลาทำให้อาคิราห์แปลกใจ  “มีการเคลื่อนไหวลับๆของกลุ่มเครือข่ายโอเมก้าใต้ดินอยู่  เขาจะสนับสนุนคุณอย่างแน่นอน”  นิลลาลดเสียงลงเหลือเพียงกระซิบ  “ฉันจะเล่าให้คุณฟังทีหลัง”

            เจนภพกลับมาที่รถด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ  เขาขอโทษขอโพยอาคิราห์อีกยกใหญ่ที่ดูแลได้ไม่ดีจนถูกทำร้ายเข้า  อาคิราห์พยายามปล่อยวางไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรมารดาของพิชช์ฌานอีก  มือขวาคนสนิทของพิชช์ฌานดูโล่งใจขึ้น  เขาพาโอเมก้าทั้งสองคนไปส่งที่บ้านของพิชช์ฌานแล้วออกไปที่ทำการพรรคต่อ

            อาคิราห์เปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ตลอดการแถลงข่าวของพรรคฝ่ายค้าน  รองหัวหน้าพรรคจรัญขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนหัวหน้าพรรคคนเดิมเนื่องจากนายพิชช์ฌานขอลาหยุดพักไม่มีกำหนด

            นักข่าวรุมถามเหตุผลที่หัวหน้าพรรคหนุ่มหายหน้าหายตาไป  อาคิราห์เห็นนายจรัญหันมามองกล้องแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างสงบ

            “ท่านพิชช์ฌาน  หัวหน้าพรรคของเราได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดโกดังครับ  ขณะนี้อาการยังไม่คงที่เป็นตายเท่ากัน  กำลังพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียู”  เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่นักข่าว  “ถึงแม้ว่าท่านพิชช์ฌานจะไม่สามารถกลับมานำพรรคสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้  แต่ว่า...พรรคของเราก็จะยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคต่อไป  ผมในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่  ขอพูดถึงสิ่งที่พรรคของเราตั้งใจจะทำ....”

            อาคิราห์หลับตาลง  ไม่มีคำถามค้างคาใจอีกแล้ว...ความรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งถูกลบล้างด้วยภาพบาดแผลของคนเจ็บ ตามด้วยความโกรธแค้นของมารดาฝ่ายนั้น  จบลงด้วยคำแถลงการณ์ของพรรค  เป็นการปิดฉากชีวิตนักการเมืองของพิชช์ฌานอย่างไม่สวยงามเลย   

            แต่ถึงอนาคตทางการเมืองจะหมดไป  ทว่าในฐานะพ่อของลูกในท้องของเขา  พิชช์ฌานก็ยังคงสถานะอยู่เหมือนเดิม  อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่  อาคิราห์ยกมือขึ้นจับท้องของตัวเองเอาไว้  อดทนเอาไว้ก่อน ...อดทนเอาไว้

            อดทนแทบไม่ไหวแล้ว

            ..............................................................................

            มาอัพต่อแล้วจ้า  มีใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเนอะ  กงกรรมกงเกวียนเด้อ

            #ขอรักแค่คุณ



           

ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คนที่โดนระเบิดใช่พิชช์ฌานแน่หรอ
เราว่าไม่น่าใช่นะ พิชช์ฌานอาจจะไปซ่อนตัวเพื่อการใหญ่ก็ได้

รอตอนต่อไปจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด