[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267888 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บู้บี้น่ารักหิวแล้วอ้างลูกตลอด ๆ 5555 เนี่ยสมควรที่อัยย์จะงอนตาพิชฌ์ทำอะไรไม่บอกน้อง

ออฟไลน์ KYLM_s

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Ch.5
คูมพิษอย่ากินปากน้องงงง

ออฟไลน์ KYLM_s

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Ch.12
น้องอัยย์ลูกน้องน่าสงสารนะ โดนหลอกใช้ทุกทางเลยนังคุณพิษก็ร้ายขนาดนั้นหนูจะไปทันเค้าได้ยังไงฮึ แต่หนูน่ารักมากอะฮือโอเมก้าคนนี้น่ารักจังเลยย ทำอะไรก็น่าเอ็นดูยิ่งตอนทำรังนี้มันแบบงุ้ยยัยน้องอยากบีบ แล้วคือหนูแค่ติดกลิ่นนเค้าอะลูกเค้าไม่ได้วางยาหนู

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 29



 

 

 

 

 

            “...ปัญหาสงครามกลางเมืองของประเทศตะวันออกกลางยังรุนแรง  รัฐบาลที่รัฐประหารขึ้นมาก็น่าจะอยู่ได้ไม่นาน   เศรษฐกิจแถบนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้เร็วๆนี้   ตลาดโลกยังผันผวนกับวิกฤติเศรษฐกิจคราวก่อน  การส่งออกของบ้านเราก็เลยพลอยชะงักไปด้วย  ผมคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะชะลอตัวลงนะครับ  นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศออกมาเมื่อเดือนก่อน   คุณพิชช์ฌานคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ...”

            อาคิราห์เหลือบมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับไตรภพพี่ชายคนโตของเขา  เห็นพิชช์ฌานแสดงความเห็นตอบกลับไปยาวเหยียดดูมีหลักการก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

            “....ผมว่ากว่าจะถึงตอนนั้น  ผู้ค้ารายย่อยน่าจะตายกันหมดก่อน  ผลประโยชน์จะตกอยู่กับผู้ค้ารายใหญ่ที่ทุนหนา ...ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายนั้นครับ”

            “ที่คุณพิชช์ฌานพูดมาก็น่าสนใจ  ...เป็นอะไรเจ้าอัยย์ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”  ประโยคหลัง  ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังหันไปขมวดคิ้วใส่น้องชายคนเล็ก  “ผู้ใหญ่เขาคุยกัน  ไปนั่งเล่นตรงนู้นไป”

            “อยากฟังด้วยไม่ได้เหรอ”

            “ฟังไม่รู้เรื่องหรอกเราน่ะ  ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”  ไตรภพพูด  แม้เสียงจะเคร่งดุ แต่พิชช์ฌานก็สังเกตได้ว่าสายตาที่มองน้องชายไม่ได้มีแววดุจริงจังอย่างน้ำเสียง  อาคิราห์ก็คงรู้ดีเช่นกันเพราะเจ้าตัวไม่ยอมขยับไปไหน

            “อัยย์อยากนั่งฟังพี่ภพพูด  ไม่ได้เจอพี่ภพมานานแล้ว  อัยย์คิดถึง”  เจ้าโอเมก้าตอบกลับไป

            รอยยิ้มผ่านแวบในดวงตาของพี่ชายคนโตก่อนจะจางหายไป  ไตรภพไม่ได้ไล่น้องไปไหนอีก  เขาหันไปถกปัญหาเศรษฐกิจกับน้องเขยต่ออย่างจริงจัง  มุมมองของพิชช์ฌานน่าสนใจและแปลกใหม่แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งหลักการ  ไม่ใช่พูดลอยๆอย่างนักการเมืองคนอื่นที่รู้ไม่จริง  ไตรภพไม่ได้เจอคนที่คิดทันกันแบบนี้มานานแล้ว  น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกัน

            “ผมชักจะเชื่อแล้วสิว่ากุนซือเศรษฐกิจของพรรคคุณคือหัวหน้าพรรคเอง”  ไตรภพพูดยิ้มๆ มองชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างพอใจ  “แนวคิดของคุณดีมากคุณพิชช์ฌาน  ไม่สนใจมาร่วมงานด้วยกันหน่อยเหรอ”

            “ผมอยากจะถามคุณไตรภพมากกว่าว่าไม่สนใจมาทำงานด้วยกันหรือ  ไอเดียของผมที่พูดไปยังไม่ได้ครึ่งของนโยบายเศรษฐกิจพรรคของผมเลยนะ  ทีมของผมก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ทั้งหมด  ไม่มีลูกท่านหลานเธอฝากเข้ามาให้เหนื่อยใจ  ทุกคนเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพาประเทศนี้ออกจากกรอบเดิม ๆ”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ

            คนฟังหัวเราะหึ ๆ

            “ผมได้ยินมาแล้วว่าทีมของคุณแข็งแกร่งทีเดียว  ผมยังเคยคิดเล่น ๆ เลยว่าถ้าผมย้ายไปอยู่พรรคคุณ  มันจะเป็นยังไง”  ไตรภพพูดทีเล่นทีจริง  “ผมไม่ใช่คนยึดติดกับธรรมเนียมเดิม ๆ อย่างเช่นพ่อลูกต้องอยู่พรรคเดียวกัน  อะไรทำนองนั้นหรอกนะ  ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอุดมการณ์”

            พิชช์ฌานเก็บความประหลาดใจเอาไว้  ชายหนุ่มแทบไม่เปลี่ยนสีหน้า

            “เป็นเรื่องน่ายินดีครับ  พรรคของผมพร้อมเปิดรับอยู่แล้ว  ขอแค่คุณมาจริง ๆ เท่านั้นแหละ”

            “ไม่รู้ว่าคนในพรรคของคุณจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่าน่ะซิ”

            “ถ้าเป็นเรื่องที่ดี  ทุกคนในพรรคก็ต้องยินดีอยู่แล้วครับ”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ อีกฝ่ายมองหน้าเขาแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพลางเอื้อมมือมาตบที่ไหล่กว้าง

            “ผมล้อเล่นหรอกน่า  ไม่เห็นจะต้องระวังตัวขนาดนั้นเลย”  ไตรภพว่า  หันไปหาน้องชายของตน  “สามีของเราเขาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งมากเลยนะ  แถมระวังตัวแจทีเดียว  ชักอยากรู้แล้วสิว่าตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนเขาได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาบ้างมั้ย”

            อัยย์อมยิ้ม  เหลือบมองคนนั่งข้างๆแวบนึง

            “เขาคงกลัวพี่ภพล้วงความลับมั้งครับ”

            “จริงหรือเปล่าคุณพิชช์ฌาน  ไม่สิ  เราเกี่ยวดองกันแล้ว  แถมผมก็กำลังจะได้เป็นลุงอีก  ขอเรียกแทนตัวว่าพี่ก็แล้วกันนะ”

            “ครับผม”  พิชช์ฌานรับ  ก้มศีรษะให้เล็กน้อย

            นั่งพูดคุยกันได้ไม่นาน  ท่านนายกฯก็กลับมาจากการเล่นกีฬาที่โปรดปราน  ท่าทางของไตรคุณดูเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดี  อาคิราห์ลุกเดินเข้าไปหาบิดา  ก่อนจะพากันย้ายไปนั่งคุยกันต่อในห้องอาหารที่จัดเตรียมมื้อเย็นเอาไว้พร้อม

            คุณหญิงอารยาเองก็กลับมาจากธุระข้างนอก  เธอทักทายลูกชายคนเล็กสั้นๆก่อนจะเดินหายลับขึ้นไปด้านบนและไม่ได้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย  ท่านไตรคุณเลยแทบจะเป็นคนผูกติดการสนทนาอยู่คนเดียวบนโต๊ะ  อาคิราห์ฟังพ่อพูดถึงชื่อคนนู้นบ้างคนนี้บ้างผ่าน ๆ หู  รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างจนกระทั่งจบที่ของหวานปิดท้าย

            “กลับมากินข้าวที่บ้านเป็นไงบ้าง  รสชาติสู้ที่บ้านคุณพิชช์ฌานเขาได้มั้ย  อัยย์”  เจ้าโอเมก้าเกือบสะดุ้ง  เงยหน้าขึ้นจากจานขนมหวานที่ใช้ช้อนกวาดจนเกลี้ยง

            “อร่อยเหมือนเดิมครับ”  อาคิราห์ตอบ

            “แล้วที่ไหนอร่อยกว่ากัน”  บิดาถามต่อมาอีก

            “อร่อยพอๆกันครับ”  ชายหนุ่มตอบกลับไป

            “อยู่เป็นนี่เรา  ถ้าตอบไม่อร่อย  คุณพิชช์ฌานเขาคงได้ทิ้งเอาไว้ที่นี่แน่”  ไตรคุณหัวเราะ

            “ผมไม่ทิ้งอาคิราห์หรอกครับ  แต่ว่าจะไปหาแม่ครัวคนใหม่มาแทน”

            “อย่าไปเอาใจเจ้าเด็กนี่มากเลยครับ  เดี๋ยวเหลิงหมด”  ไตรภพพูด  เห็นน้องชายยิ้มหน้าบานกับคำตอบของสามีก็จุ๊ปาก  “เอ้า  ยิ้มจมูกบานอยู่นั่นแหละ  เอาของหวานอีกไหมล่ะ”  เขาหันไปเรียกแม่บ้านมาบริการน้องชายแล้วก็ลุกขึ้นยืน  “คุณพ่อครับ  พอดีผมมีธุระต่อต้องขอตัวก่อน  ...เชิญตามสบายนะครับคุณพิชช์ฌาน  ดีใจที่ได้คุยกันวันนี้”  หนุ่มใหญ่พูดยิ้มๆกับน้องเขย

            พิชช์ฌานก้มศีรษะนิดหนึ่ง  ขณะที่อาคิราห์มองตามหลังจนลับร่างพี่ชายไป  ตั้งแต่เด็กจนโตไตรภพเป็นพี่ที่เจอตัวได้ยากมากเพราะมักจะมีธุระยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา  แต่ทุกครั้งที่เจอกันชายหนุ่มก็จะพูดคุยกับเขาอย่างดี  อาจจะมีของมาฝากบ้างเป็นครั้งคราว  นับเป็นพี่ที่ดูแลน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนพอๆกัน  ไม่ค่อยลำเอียงเข้าข้างอคินทร์มากเท่ากับพี่สาวคนรอง

            ท่านนายกฯพาลูกชายและลูกเขยเข้าไปคุยกันต่อในห้องทำงานของตัวเอง  พิชช์ฌานแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยอมให้เขาเข้าไปในห้องที่ควรจะเป็นส่วนตัวแบบนี้  ชายหนุ่มกวาดตามองสำรวจรอบห้องอย่างสนใจเงียบๆ ห้องทำงานของท่านนายกรัฐมนตรีตกแต่งได้เรียบง่ายและเคร่งขรึมสมกับบุคลิกของเจ้าของห้อง

            “ห้องสวยมากครับ”  พิชช์ฌานพูด  ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกข้างๆอาคิราห์  “ท่านคงชอบสีโทนน้ำตาล”

            “เป็นสีโปรดของฉันเลย”  ไตรคุณตอบ  ลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งมาส่งให้อาคิราห์รับเอาไว้  “ว่าจะเอาไปให้หลายรอบแล้วแต่ก็มัวติดนู่นติดนี่ทุกที  ...ของขวัญแต่งงานของพวกเธอน่ะ  ฉันสั่งทำพิเศษเอาไว้ให้  ชอบหรือเปล่า”

            อาคิราห์เบิกตากว้าง  เปิดกล่องใบนั้นออกดู  ข้างในเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างดีเป็นรูปผู้ชายสองคนยืนควงแขนกันเอาไว้  คนหนึ่งสูงใหญ่สวมชุดทักซิโด้สีดำ  ส่วนอีกคนบอบบางกว่าหน้าตาบ้องแบ๊วน่าเอ็นดู  เนื้อกระเบื้องเนียนเรียบลงสีเอาไว้สวยประณีตบ่งบอกราคา

            “สวยมากเลยครับ”  อัยย์พึมพำ  น้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้ม  เขาไม่คิดมาก่อนว่าพ่อจะให้ของขวัญแต่งงานด้วย  “ขอบคุณนะครับพ่อ”

            “ขอบคุณมากครับท่าน”  พิชช์ฌานพูด  รับมาพิจารณาดูบ้าง

            “เก็บไว้ให้ดี  อย่าทำแตกเสียล่ะ”  ไตรคุณพูดแกมหัวเราะ

            ท่านนายกฯชวนคุยเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งคนที่เด็กที่สุดในห้องอ้าปากหาวถึงได้ไล่ให้อาคิราห์ขึ้นไปนอนก่อน  พิชช์ฌานไม่ได้ลุกตามออกไป  เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวตั้งแต่แรกแล้ว

            “ดื่มอะไรหน่อยมั้ย  คุณพิชช์ฌาน”  เจ้าของบ้านเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเครื่องดื่มออกมา  “ไม่ต้องเกรงใจน่า  พ่อตากับลูกเขยก็ควรจะต้องมีช่วงเวลาสังสรรค์กันบ้างเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

            “ครับ”  พิชช์ฌานตอบ  รับแก้วเครื่องดื่มมาถือเอาไว้แล้วยกขึ้นจิบพอเป็นพิธี  “ท่านมีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ”

            “คุณไม่ชอบปล่อยเวลาให้เสียเปล่าสินะ”  ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะเบาๆ  “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อม  ...ได้ข่าวว่าช่วงนี้พรรคของเธอกำลังมีปัญหาภายในไม่ใช่เหรอ”

            “.........”

            “เรื่องในบ้านมักจะเสียงดังแบบนี้ล่ะ  ไม่ต้องแปลกว่าทำไมฉันถึงรู้หรอก  เหมือนที่คุณรู้เรื่องในพรรคของฉันนั่นแหละนะ”  คิ้วเข้มของคนฟังขมวดเข้าหากัน  “ฉันยอมรับว่าตัวเองเบื่อกับการแก่งแย่งนี้เต็มทน  ฉันแก่แล้ว  อยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสงบ”

            “ท่านหมายความว่าอะไรครับ”

            “ฉันจะยกตำแหน่งนายกฯสมัยหน้าให้คุณ  คุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณพูดเรียบๆ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศแทนที่จะเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าอะไรในประเทศนี้  “ขอแค่คุณย้ายมาอยู่พรรคของเราเท่านั้น  ฉันพร้อมที่จะสนับสนุนคุณเต็มที่  ความสามารถของคุณเป็นสิ่งที่น่าเสียดายถ้าไม่ได้นำมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ”

            “ขอบคุณมากครับที่ท่านมองเห็นความสามารถของผม แต่ว่า..อุดมการณ์ของเราต่างกันคงจะเป็นไปไม่ได้”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ

            “อุดมการณ์ของคุณคืออะไรล่ะ  คุณอ้างคำว่าอุดมการณ์ให้ได้ยินหลายครั้งแล้ว  แล้วอุดมการณ์ของคุณคืออะไรกันแน่  คือการทำยังไงก็ได้ให้ชนะเหรอ  ถ้างั้นฉันเสนอตำแหน่งนายกฯให้  ไม่ดีหรือไง  ฉันพร้อมจะหลีกทางให้แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นคุณ”

            “เพื่อแลกกับอะไรครับ”

            “ความเจริญของประเทศชาติ”  ไตรคุณตอบทันควัน

            “ผมคิดว่าถึงผมอยู่พรรคเดิม  ก็จะสามารถเป็นนายกฯได้อยู่ดี”  ชายหนุ่มตอบอย่างถือดี  ยิ้มมุมปาก   “อย่าเอาตำแหน่งมาล่อผมเลย  ผมทำเองได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยหรือแม้แต่หลีกทาง  คุณแค่สู้เต็มที่ก็พอ  ผมจะได้ภูมิใจมากๆตอนที่เอาชนะคุณได้แล้ว”

            “ฉันชอบความมั่นใจของคุณนะ  คุณเป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจ”  ไตรคุณว่า  “ฉันมองคุณแล้วเหมือนเห็นตัวเองเมื่อวัยหนุ่ม  ยอมรับว่าตอนแรกฉันไม่ถูกชะตากับคุณ  แต่ว่าถ้าไม่นับเรื่องพ่อของคุณแล้ว  คุณก็เป็นคนที่ฉันเลื่อมใสและเป็นห่วง  ไม่อยากให้เดินทางผิด”

            “ผมคิดว่าตัวเองแยกแยะเองได้ว่าทางไหนถูกทางไหนผิดครับ”

            “ฉันเคยผ่านมาแล้วคุณพิชช์ฌาน  มันไม่ง่ายเลย...เส้นทางที่คุณเลือกเดิน  คุณจะพบกับความพ่ายแพ้และเจ็บปวด”  แววยอกแสยงปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้สูงวัยกว่า  “คุณจะพบกับความสูญเสีย  ต่อให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแค่ไหนก็ตาม  มันจะไม่สำเร็จ ...ฉันผ่านมาก่อนแล้ว  ถึงอยากช่วยคุณ  ฉันอยากเสนอทางเลือกที่ตอนนั้นฉันไม่มี”

            “ขอบคุณในความหวังดีของท่านครับ”

            “แต่คุณคงไม่ต้องการจริงๆสินะ”  ไตรคุณหัวเราะหึๆ  “ลองฟังข้อเสนอเสียหน่อยไหมล่ะ  ฉันพูดตามตรงว่าเสียดายคนอย่างคุณมาก  ถ้าจะต้องตกไปเป็นฝ่ายค้านอีกรอบในสมัยหน้า  อาคิราห์เองก็คงจะดีใจถ้าคุณอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพ่อของเขา”

            “ผมคิดว่าอาคิราห์แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ครับ”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ  “เขาโตพอแล้วที่จะเข้าใจเรื่องนี้”

            “คุณมาเป็นนักการเมืองทำไมคุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณถาม  “อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ  อำนาจ  ชื่อเสียง  เงินทอง  หรือว่าความภาคภูมิใจเฉยๆ  หรือไม่ใช่ที่พูดมาเลย”

            “ถูกหมดทุกข้อครับ  ผมเป็นนักการเมืองด้วยเหตุผลเดียวกับท่านและสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งหลาย  เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งก็คือเพื่อพัฒนาประเทศครับ  เพื่อประชาชน”

            “อัยย์บอกว่าคุณชอบพูดเหมือนหาเสียงตลอดเวลา  ฉันชักจะเชื่อแล้วสิ”  นายกฯหัวเราะ  “แต่คุณไม่ได้ตอบความจริงกับฉัน  เรื่องของเรื่องก็คือ  ตัวคุณเองต้องการอะไร  คุณเคยถามตัวเองเรื่องนี้บ้างมั้ย  หรือว่าหลอกตัวเองตลอดเวลาจนเคยชินไปแล้ว”

            “ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

            “แล้วคุณจะเข้าใจ  ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้หรือจนกว่าคุณจะเริ่มรับรู้ถึงความสูญเสีย  อำนาจไม่ใช่ทุกอย่าง  ชื่อเสียงเงินทองมีได้ก็หมดได้  แต่บางอย่าง...สำคัญมากจนเรายอมเสียไปไม่ได้  เรามีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องสิ่งๆนั้น  แต่ว่า...ความต้องการของเรามักจะส่วนทางกับความจริงเสมอ  และเราจะไม่มีสิทธิ์เลือก”

            “ผมเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกชาย  ผมสัญญาต่อหน้าท่านและคนอื่นๆในพิธีแต่งงานไปแล้วว่าจะดูแลอาคิราห์ให้ดีที่สุด  ถึงแม้ว่าผมกับท่านจะมีอุดมการณ์ต่างกัน  อยู่กันคนละฝั่ง  แต่นั่นจะไม่มีผลอะไรต่อความสัมพันธ์ของผมกับอาคิราห์ครับ”

            “ฉันยังยืนยันที่จะเสนอทางเลือกให้คุณ  มาอยู่พรรคของฉัน...แล้วฉันจะทำให้คุณได้เป็นนายกฯที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์  พ่อของคุณจะต้องยอมรับและภูมิใจในตัวลูกชายอย่างคุณมาก”  คนฟังขยับตัวทำให้คนพูดซ่อนยิ้มในใจ  ไตรคุณพูดต่อเนิบๆ  “ฉันรู้จักกับพ่อของคุณมานานแล้ว  จะเรียกว่าโตมาด้วยกันก็ได้  พ่อของคุณเป็นคนยังไงฉันรู้จักดี  รู้ด้วยว่าเขาเลี้ยงลูกมายังไง”

            “ผมทราบว่าท่านกับคุณพ่อเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน”  พิชช์ฌานรับ

            “นิมมานกับฉันเราร่วมก่อตั้งพรรคขึ้นมาด้วยซ้ำ  ก่อนที่พ่อของคุณจะแยกออกไปตั้งพรรคการเมืองของตัวเองใหม่  แต่สุดท้าย....ก็เป็นอย่างที่เห็น  คุณคงรู้ดีกว่าฉันกระมัง  เพราะฉันไม่ได้ติดต่อกับเขานานแล้ว  แต่ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็  เขาก็คงจะอยากเห็นลูกชายประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำไม่ได้  มากกว่าจบเส้นทางการเมืองด้วยตำแหน่งหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเหมือนกันกับเขา  คุณคงไม่คิดว่าการแพ้เลือกตั้งสองครั้งซ้อนจะทำให้คุณยังรักษาอำนาจภายในพรรคได้อยู่หรอกนะคุณพิชช์ฌาน”

            “ผมมีแนวทางของผมครับ  ขอบคุณท่านมากที่เป็นห่วงอนาคตของผม  แต่ว่า...การที่พ่อของผมแยกตัวออกมาจากท่านก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ผมจะไม่กลับไปร่วมกับพรรคที่พ่อเห็นต่างครับ”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “อีกอย่างก็คือ...ผมไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้การเลือกตั้งสมัยนี้ครับ”

            “อย่าประมาทคุณพิชช์ฌาน  อย่าประเมินคู่ต่อสู้ของคุณต่ำเกินไป  คุณอาจจะไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร”  นายกฯพูดอย่างมีนัย  “ถ้าเป็นไปได้  ถอยออกไปตอนนี้จะดีกว่า  ก่อนที่จะสายเกินไป”

            “คุณขู่ผมงั้นเหรอครับ”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  “ผมคิดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะครับท่านนายกฯ”

            “ฉันเตือนคุณด้วยความเป็นห่วงและหวังดี  ไม่ใช่ขู่คุณ  ฉันไม่มีปืนในมือด้วยซ้ำ” 

            “การข่มขู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ปืนอย่างเดียวนี่ครับ  มีหลายอย่างที่ใช้เป็นอาวุธได้  อย่างเช่น  คำพูด”

            “ลมปากทำอะไรไม่ได้หรอก  ไม่เหมือนกระสุนปืน”

            “ลมปากอาจจะพากระสุนปืนมาสู่ตัวได้ครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างไรก็ตาม  ผมก็ขอบคุณมากที่ท่านเตือนผม  ผมรู้สึกถึงความหวังดีที่ท่านส่งมาให้”

            “ฉันไม่อยากให้หลานของฉันเป็นกำพร้าหรอกนะ”  ไตรคุณถอนหายใจยาว  “แต่จะทำไงได้  คุณมันหัวแข็งเหลือเกิน   เอาเถอะ  ถือว่าฉันได้ทำหน้าที่ของพ่อตาแล้วนะ  หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็อย่ามาว่ากันทีหลัง”

            “ครับผม”  พิชช์ฌานก้มศีรษะให้ต่ำกว่าปกติราวกับล้อเลียนกึ่งเยาะหยันอยู่ในที  “ผมจะทำหน้าที่ของลูกเขยที่ดีด้วยการทำให้อาคิราห์ได้เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งของประเทศนี้ก็แล้วกันนะครับ”

            “ฉันจะรอดูว่าคุณจะทำได้สมกับคำคุยโวของคุณมั้ย”  ไตรคุณยิ้มมุมปาก

            พิชช์ฌานกลับออกมาจากห้องทำงานของพ่อตาด้วยความรู้สึกตึงเครียด  รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าขณะที่พูดคุยจางหายในพริบตา แทนที่ด้วยริ้วรอยเครียดขึ้ง  โดยเฉพาะตอนที่มือขวาคนสนิทเข้ามากระซิบบอกว่าการประชุมลับของฝ่ายรัฐบาลถูกยกเลิกไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด

            “ท่านไตรคุณขู่ฉัน  เจนภพ...วางยามรักษาความปลอดภัยที่บ้านเราเพิ่มขึ้นอีกหน่อยนะ  ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดด้วย  อย่าให้ใครเล็ดลอดเข้าไปได้  ฉันว่าหลังจากนี้เกมน่าจะสกปรกขึ้น”

            “ได้ครับคุณฌาน  แล้วเรื่องประชุมลับ”

            “ไม่เป็นไร  ปล่อยให้มันเลื่อนไป  ดีเสียอีก...เลื่อนมากเข้าความน่าเชื่อถือของฝั่งมันก็จะลดลงไปเอง  อย่างน้อยวันนี้เรามาค้างที่นี่ก็เป็นข่าวสมใจฉันแล้ว  ถ้ารู้ว่าพวกมันจะประชุมกับเมื่อไหร่  ก็ประกาศออกไปเลยว่าเราจะจัดงานเลี้ยงในพรรควันนั้น”

            “จัดชนกันหรอครับคุณฌาน”

            “ใช่  ถึงเวลาต้องเลือกข้างกันแล้ว”  ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงกับระเบียง  ทอดสายตามองสนามเทนนิสข้างหลัง  “เรื่องบุกบ้านจักรกฤตไปถึงไหนแล้วเจนภพ”

            “คุณฌานรอฟังข่าวดีได้เลยครับ”  เจนภพตอบกลับมา  “ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว”

            “ดีมาก  แต่ก็อย่าประมาทนะเจนภพ  อ้อ  อีกอย่างหนึ่ง.. ท่านไตรคุณให้ของขวัญงานแต่งงานมากับอาคิราห์  เป็นตุ๊กตากระเบื้อง  ว่างๆเธอช่วยเอาไปตรวจสอบทีนะว่ามีอะไรหรือเปล่า  ฉันเบื่อมุขซ่อนกล้องเต็มทีแล้ว”

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน  ผมจะจัดการให้”

            “อย่าให้อาคิราห์รู้นะ  ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกว่าฉันระแวงพ่อของเขามากเกินไป  ถึงฉันจะระแวงจริงๆก็เถอะ”  พิชช์ฌานพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะแยกจากมือขวาคนสนิทกลับขึ้นบันไดมายังชั้นที่อาคิราห์พักอยู่

            ร่างสูงสง่าได้สัดส่วนของผู้หญิงคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของอาคิราห์  ชายหนุ่มชะงัก  จะหลบเข้ามุมก็หลบไม่ทัน  สายตาคมกริบของคุณหญิงอารยาเหลือบมาเห็นเข้าเสียก่อน  เธอนิ่งไปครู่ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ

            “เดี๋ยวก่อนครับ  คุณหญิงมีธุระกับอาคิราห์ใช่ไหมครับ  ...ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ”

            “ไม่มีอะไร  ฉันแค่แวะผ่านมาเฉยๆ”  เธอตอบสั้นๆ  “เชิญพักผ่อนตามสบาย”

            พิชช์ฌานมองตามหลังไปอย่างไม่เข้าใจ  ก่อนหน้านี้เขาเคยสังเกตเห็นแล้วว่าแม่ของอาคิราห์ไม่ได้สนิทสนมกับลูกชายคนเล็กอย่างที่ควรจะเป็น  ตอนแต่งงานที่เป็นวันสำคัญที่สุดของลูก  เขาก็ไม่เห็นว่ามารดาของฝ่ายนั้นจะมีท่าทียินดียินร้ายอะไร



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk












             ชายหนุ่มเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้องนอนของเจ้าโอเมก้า  เจ้าของห้องสะดุ้งหันกลับมาจากเก้าอี้ริมหน้าต่าง  ท่าทางคงกำลังคิดอะไรเพลินอยู่คนเดียว

            “ยังไม่นอนอีกเหรอ”

            “รอคุณกลับมา”

            คนฟังเลิกคิ้วกับคำตอบที่ตรงไปตรงมานั้น

            “ทำไมต้องรอ”  พิชช์ฌานถาม

            “ก็...”  อาคิราห์ปล่อยให้เสียงขาดหายไปในคอแล้วยักไหล่  “ไม่รู้สิ  คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”

            “ก็ดีเหมือนกัน”  พิชช์ฌานว่า  เหลือบไปเห็นของขวัญกล่องหนึ่งวางทิ้งเอาไว้บนเตียง  “นั่นอะไร  ใช่ที่คุณพ่อให้มามั้ย”

            “ไม่ใช่”  อีกฝ่ายส่ายหน้า  “แม่ผมเอามาให้เมื่อกี้”

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  นึกถึงสีหน้าของผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้องเมื่อกี้ขึ้นมาได้  แสดงว่าเธอเข้ามาในห้องแล้วกลับออกไป  ไม่ใช่เพิ่งเดินผ่านมาอย่างที่บอก

            “งั้นหรอ  ข้างในเป็นอะไร  ลองเปิดดูสิ”

            อาคิราห์ส่ายหน้าอีกครั้ง

            “ผมไม่กล้าเปิด”

            “กลัวเป็นระเบิดหรือไง”  คนฟังหัวเราะ  เอื้อมมือไปหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาเขย่าเบาๆ  ไม่มีเสียงกุกกักให้ได้ยินเลย  น้ำหนักก็ค่อนข้างเบาทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดของกล่อง  “อะไรน่ะ  ลองเปิดดูสิ”

            “ผมกลัวเป็นตุ๊กตาหมีอีก”  เจ้าโอเมก้าสารภาพ

            “ไม่ดีหรือไง  เธอชอบตุ๊กตาหมีไม่ใช่เหรอ”  กวาดตามองเหล่าตุ๊กตาที่นอนแอ้งแม้งอยู่เต็มเตียง  พิชช์ฌานไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายจะทำท่าลำบากใจทำไม

            “ก็ชอบ  แต่ว่า...”  อาคิราห์อึกอัก  สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว  “ตุ๊กตาพวกนี้  แม่ของผมซื้อกลับมาให้ทุกครั้งที่พ่อกับแม่พาอคินทร์ไปเที่ยวข้างนอก  เขาซื้อมาเพื่อปลอบใจผมที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว  ผมชอบตุ๊กตาหมีมากแต่ว่าไม่อยากได้มันเพิ่มอีกแล้ว  คุณเข้าใจหรือเปล่า”

            พิชช์ฌานอึ้งไปนาน  จำนวนตุ๊กตาที่ล้นเตียงลามไปยังชั้นเก็บของข้างๆ ทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออก  เพิ่งจะรู้ความหมายของมันก็คราวนี้เอง  มิน่าล่ะอีกฝ่ายถึงไม่เอาตุ๊กตาพวกนี้ติดไปด้วยเลยแม้แต่ตัวเดียว

            “ถ้างั้นก็ยังไม่ต้องเปิด”

            “อืม”  ศีรษะทุยสวยพยักหน้าเห็นด้วย  วางกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสวยงามเอาไว้ที่เดิม  “ผมไม่อยากได้ของขวัญพิเศษอะไรจากแม่เลย  แค่แม่คุยกับผมเหมือนตอนคุยกับพี่ ๆ คนอื่นก็พอแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นเท้าคางกับกรอบหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก  “ผมอยากรู้ว่าตอนแม่ตั้งท้อง  แม่รู้สึกยังไงบ้าง  กังวลเหมือนผมบ้างมั้ย”

            “เธอกังวลอะไรนักหนา”  นักการเมืองหนุ่มถามขึ้นเบาๆ  “ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล”

            “ผมเพิ่งนึกเรื่องนึงขึ้นมาได้  คุณเคยคิดไหมว่าลูกของเราจะออกมาเป็นอัลฟ่า เบต้าหรือโอเมก้า”

            “จะเป็นอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยว  ลูกฉันฉันก็รักทั้งนั้น”  ว่าที่คุณพ่อพูดเนิบๆ “แต่ถ้าออกมาเป็นโอเมก้าจริงๆก็คงปวดหัวหน่อย”

            “เพราะจะไม่ได้เรื่องน่ะเหรอ”  อาคิราห์หน้าจ๋อยเก็บอาการไม่อยู่

            “เพราะฉันต้องวิ่งหาบอดี้การ์ดเพิ่ม”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาย  “ยิ่งถ้าออกมาเหมือนแม่ด้วยแล้วล่ะก็  ...”

            “เหมือนแม่แล้วจะทำไม”  คนฟังขมวดคิ้ว

            “ลองนึกภาพว่ามีคนแบบเธอสองคน  จะเป็นยังไง”

            “เป็นเรื่องที่ดีมากๆ”

            “อืม  เป็นหายนะของฉันเลยล่ะ”  พิชช์ฌานพยักหน้า  “แค่นี้ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”

            อาคิราห์ตาโตแล้วหัวเราะออกมาแก้เขิน  พักนี้พิชช์ฌานชอบพูดอะไรให้รู้สึกใจเต้นผิดจังหวะอยู่เรื่อย  สงสัยจะฝึกฝีปากเตรียมตัวไปไว้หาเสียงแน่ ๆ

            “ไปอาบน้ำได้แล้ว  คุณตัวเหม็นมากเลย”

            “ดมแล้วเหรอถึงรู้ว่าเหม็น  มาดมใกล้ ๆ นี่สิ  หอมออก”  พิชช์ฌานโบกแขนเสื้อตัวเอง  เห็นอีกคนมองด้วยหางตาแล้วย่นจมูกใส่ก็หัวเราะ  “หลอกไม่สำเร็จแฮะ  โอเค  งั้นฉันไปอาบน้ำก่อน  เธอง่วงก็ควรรีบนอนได้แล้ว”

            พิชช์ฌานกลับออกมาอีกทีก็พบว่าเจ้าโอเมก้าย้ายจากริมหน้าต่างมานั่งพิงพนักหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ  ชายหนุ่มอมยิ้ม  แต่งตัวเสร็จแล้วก็ขึ้นไปนอนข้าง ๆ หยิบงานของตัวเองขึ้นมานั่งอ่านบ้าง

            เวลาผ่านไป  ศีรษะของใครบางคนก็ค่อย ๆ เอียงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ซบลงกับไหล่ของพิชช์ฌานพอดิบพอดี  ชายหนุ่มซ่อนยิ้มไม่ได้ขยับตัวหลบ  คนซบเองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จับจ้องไปที่ตัวอักษรบนหนังสือต่อ  สักพักเจ้าโอเมก้าก็เทน้ำหนักลงมากลายเป็นนั่งพิงแผ่นอกกว้างแทนหัวเตียงไปแทน

            “สบายมากมั้ย”  พิชช์ฌานก้มลงถามกับเส้นผมสลวยที่คลอเคลียอยู่แถวซอกไหล่

            “ผมอ่านหนังสืออยู่  ใช้สมาธิ”  อาคิราห์ตอบกลับไป

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆจนได้ยินเสียงทุ้มสั่นสะเทือนผ่านแผ่นอกที่แนบชิดอยู่  อาคิราห์รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายวางเอกสารในมือลงแล้วเปลี่ยนมาโอบกอดเขาเอาไว้หลวมๆ

            “เมื่อกี้พ่อของเธอคุยกับฉันต่อหลังจากที่เธอออกมาแล้ว”

            “ผมรู้... คุยอะไรกันนานจัง”  อาคิราห์วางหนังสือในมือลงบ้าง

            “ท่านไตรคุณถามฉันว่าอยากจะย้ายมาอยู่พรรคของท่านหรือเปล่า  ท่านจะให้ฉันเป็นนายกฯถ้าย้ายมา”  พิชช์ฌานพูดเสียงเบา  “เธอคิดว่ายังไง”

            “แล้วคุณตอบคุณพ่อไปว่าอะไร”  อาคิราห์ย้อนถาม

            “ลองเดาดูสิ”

            “คุณปฏิเสธ”  เจ้าโอเมก้าตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด  “คนอย่างคุณพิชช์ฌานคงไม่รับข้อเสนอของใครง่ายๆแน่”

            คนฟังหัวเราะห้าว ๆ แตะริมฝีปากเข้ากับหน้าผากเนียนไปทีหนึ่ง

            “ความจริง...ฉันเคยคิดนะว่าถ้าฉันย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกันกับพ่อของเธอซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป  มันจะเป็นยังไง”

            “คุณก็ไม่ใช่คุณพิชช์ฌานตัวจริงน่ะสิ”

            “พูดอีกก็ถูกอีก  ....พ่อของเธอถามฉันว่าอยากเป็นนายกฯเพราะอะไร  ฉันไม่ได้ตอบ  อันที่จริงแล้วฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย”  นักการเมืองหนุ่มทอดถอนใจ  เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่เขาจะพูดต่อ  “ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยเดินตามหลังพ่อเวลาไปทำงาน  พ่อของฉันเท่มากนะ  ฉันเข้าเรียนโรงเรียนตามอย่างพ่อ  เดินตามรอยเท้าของพ่อทุกอย่าง  ถึงพ่อไม่บอกแต่ฉันก็รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง”

            “พ่อของคุณดุไหม”

            “เรียกว่าเข้มงวดดีกว่า  พ่อสอนให้ฉันคิดเองโดยที่ไม่พูดออกมา  ฉันรู้ว่าท่านคาดหวังกับฉันมาก  โดยเฉพาะตอนที่พ่อลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค”  เสียงของชายหนุ่มห้วนขึ้นด้วยแรงอารมณ์

            “ทำไมพ่อของคุณต้องออกจากตำแหน่งด้วย”

            “เป็นสิ่งที่พ่อไม่เคยบอกฉัน  แต่ฉันก็คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอยากให้ฉันได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะลูกชายของท่าน”

            “คุณก็เลยอยากจะเป็นนายกฯให้ได้”

            “เป็นความฝันของพ่อตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม  และเป็นความฝันของฉันด้วย”  พิชช์ฌานสรุป

            “ความฝันของคุณดูยากจัง  แต่ผมก็เชื่อว่าคุณจะทำสำเร็จนะ”  อาคิราห์พึมพำ  “เพราะว่าคุณเก่งมาก  คุณพิชช์ฌาน  มองลงมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าคุณเก่งเลย”

            คิ้วเข้มขมวดฉับ

            “นี่ชมจริงๆหรือประชดกันฮึ  เจ้าบู้บี้”

            “โธ่  ผมชมจริงๆ  คุณก็เป็นตาแก่ขี้ระแวงไปได้”  เจ้าโอเมก้าหัวเราะ  พลิกตัวยกแขนขึ้นกอดก่ายร่างสูงใหญ่เอาไว้พลางสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวนั้นเข้าปอดลึกๆ  “คืนนี้ผมขอนอนแบบนี้ได้มั้ย  ไม่งั้นผมนอนไม่หลับแน่ ๆเลย”

            “เธอมันร้าย  ชมฉันหวังผลประโยชน์ตลอด”

            “แล้วได้ผลไหมล่ะ”  คนพูดยิ้มกว้างจนตาหยี  ซุกหน้าเข้ากับซอกไหล่  “ง่วงจัง”

            “ถ้าฉันได้เป็นนายกฯจริง ๆ  เธอก็จะเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  ดีไหม”

            “ผมไม่เห็นอยากเป็น”  อาคิราห์ตอบเสียงอู้อี้  เบียดตัวเข้ามาจนชิด  “ผมอยากเป็นแค่...บู้บี้..ที่หนึ่งของคุณ ..พอแล้ว”

            ประโยคนั้นประโยคเดียวทำเอาคนฟังลืมตาโพลงในความมืด  ความง่วงเพลียละลายหายไปหมดในพริบตา  พิชช์ฌานหัวใจเต้นแรง  ก้มลงมองเจ้าของเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่นอนแนบชิดหลับตาไปแล้วนั้น  ชุดนอนเนื้อบางแนบสนิทกับตัวชวนให้จินตนาการเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน

            ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก  สอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อนอนสัมผัสเข้ากับเนื้อแท้เนียนลื่นมือ  จากแผ่นหลังลามลงไปยังสะโพกแน่นเต็มไม้เต็มมือ  คนที่หลับตาอยู่เมื่อครู่สะดุ้งเบิกตากว้าง  อาคิราห์เอื้อมมือไปยึดมือของเขาเอาไว้

            “ทำอะไรน่ะ”

            “เธอทำฉันตื่น”  พิชช์ฌานกระซิบ  กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  “ขอโทษที”

            “ผมไม่ได้ฮีทนะ  ผมท้องอยู่ด้วย”  เจ้าโอเมก้าพูดเร็วปรื๋อ  พยายามไม่สนใจกับอะไรบางอย่างที่ดุนดันตรงช่วงเอวของเขาอยู่  “คุณสวดมนต์สิ  นั่งสมาธิก็ได้”

            “เธอหยุดเบียดฉันเสียทีเถอะ”   พิชช์ฌานกัดฟัน  จับแขนเรียวบางของอีกฝ่ายออกจากเอว  “อย่าเพิ่งพูด  ..อย่ามองฉัน  อย่าโดนตัว  อย่าหายใจแรง”

            “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”  อาคิราห์ร้อง  จ้องมองอัลฟ่าที่หน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่นราวกับกำลังกล้ำกลืนอะไรลงไป   “คุณโอเคมั้ย  ไปเข้าห้องน้ำ”  พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็รวบตัวเขาเข้าไปกอดแน่น  ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากอุ่นจัดก้มลงมาสัมผัสใบหน้าและซอกคอของเขาไม่เว้นที่ว่าง  อาคิราห์ตกใจยึดต้นแขนลำสันเอาไว้

            พิชช์ฌานดูเหมือนจะหมดความยับยั้งชั่งใจไปแล้ว  ทั้งกลิ่นและสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้อาคิราห์มึนเมาราวกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเกินขนาด  รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าร่างกายของตัวเองเปลือยเปล่าและกำลังถูกสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด

            “คุณ...เดี๋ยวก่อน”  อาคิราห์กำเส้นผมหยักศกเอาไว้แน่นตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายก้มลงสัมผัสกลางตัวของเขา  หัวใจเต้นรัวแรงราวกับจะโลดออกมานอกอก  พิชช์ฌานไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจหายคอเอาเสียเลย

            ภาพห้องนอนเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นขาวโพลนไปชั่วขณะ  ก่อนที่จะแทนที่ด้วยใบหน้าคมเข้มที่ลอยอยู่เหนือตัว  ดวงตาของพิชช์ฌานหยาดเยิ้มด้วยแรงปรารถนาที่ทำให้อาคิราห์ตัวสั่นด้วยความกลัวผสมกับความตื่นเต้น  จูบที่อีกฝ่ายมอบให้ดูดดื่มลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหน  มันจุดอารมณ์ของเขาขึ้นมาใหม่

            พิชช์ฌานแตะริมฝีปากไปบนผิวเนื้อสีน้ำผึ้งทุกส่วน  อาจเพราะการตั้งครรภ์หรือกินแหลกแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยทำให้สัดส่วนเต็มตึงมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าเดิม  ร่างโปร่งบางบิดตัวไปมาจนผ้าปูที่นอนยับย่นไปหมด  ท่อนขาเรียวหนีบเข้าหากันเพราะเจ้าของเขินอาย  ท่าทางเงอะงะไม่เป็นงานทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงกว่าเดิมหลายเท่า  พิชช์ฌานงับที่ต้นขาอ่อนอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วจับปลายเท้าทั้งสองแยกออกจากกัน

            อาคิราห์พยายามร้องเตือนอีกฝ่ายว่าตนเองตั้งครรภ์อยู่  แต่ดูท่าพิชช์ฌานจะไม่ได้ยินเอาเสียเลย

            ................................................................................

            “นึกว่าจะค้างอีกสักคืน  แต่ไม่เป็นไร  ฉันเข้าใจว่างานยุ่ง”  ท่านไตรคุณพูดยิ้มๆ  ทอดสายตามองบุตรชายคนเล็กที่นั่งเงียบกริบบนโต๊ะอาหารตั้งแต่เช้า  “เป็นอะไรไปเจ้าอัยย์  นั่งหน้างอไม่พูดไม่จา”

            “คงไม่ค่อยสบายน่ะครับ”  พิชช์ฌานรีบแก้ให้แทน  รู้สึกได้ว่ามีรังสีอำมหิตปล่อยออกมาจากหางตาตั้งแต่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้ว  เจ้าโอเมก้าไม่ยอมมองหน้าเขา  แถมไม่พูดด้วยอีกต่างหาก

            “ดูแลตัวเองดีๆล่ะ  ตัวแดงๆ..สงสัยจะจับไข้เอาหรือเปล่า”  คนเป็นพ่อพูด

            ลูกชายส่ายหน้า  ตอบกลับไปเสียงแหบแห้ง

            “เป็นหวัดนิดหน่อยครับ”

            “เป็นอะไรก็บอกพิชช์ฌานเค้า  รู้มั้ยอัยย์”

            “บอกไปเขาก็ไม่ฟังผมหรอกครับ”  อาคิราห์ตอบเสียงห้วนจัด  “พวกเอาแต่ใจตัวเอง”

            คนนั่งข้างๆหัวเราะเบาๆ  รีบชวนพ่อตาคุยเปลี่ยนเรื่องไปเสียจนกระทั่งจบมื้ออาหาร  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปประคองหลังร่างโปร่งบางที่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างลำบาก

            เจ้าโอเมก้าก้มลงงับที่หลังมือใหญ่เต็มแรงจนเขาต้องรีบปล่อย

            “ไม่ต้องมาโดนตัวผม”  แว้ดเสร็จแล้วแทนที่จะเดินนำออกไปก่อนอย่างที่ควรก็กลับยืนนิ่ง ๆ ที่เดิม  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ซ่อนยิ้มอยู่ในใจพลางเอื้อมมือไปประคองอีกรอบ  คราวนี้ตัวบู้บี้ของเขาไม่ได้สะบัดหนีอีก

            ออกจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ดันปล่อยให้อารมณ์ครอบงำเสียได้  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีมาตลอดแท้ๆ  ต้องโทษคำพูด สายตา ท่าทาง ..ทุกอย่าง ของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาอดไม่ไหว

            “เจ็บมากเหรอ”  ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนตอนที่เข้ามานั่งด้วยกันในรถแล้ว  เจ้าตัวไม่ตอบแต่หันขวับไปมองนอกรถแทน  ช่วงหลังคอที่พ้นจากคอเสื้อปรากฏรอยเขี้ยวซ้ำที่เดิมอีกรอบแถมยังมีรอยช้ำข้างๆ ให้เห็นเพิ่มเติม  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปลูบรอยฟันของตัวเองเบา ๆ  “เจ็บตรงนี้หรอ”

            อีกคนหันกลับมามองตาเขียว

            “คุณทำตรงไหนก็เจ็บตรงนั้นแหละ”  อาคิราห์พูด  หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้  ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับมาเป็นฉากๆ  โดยเฉพาะตอนที่ช่วงล่างถูกรุกรานจนเจ็บแปลบเหมือนเนื้อตัวจะแยกออกเป็นสองเสี่ยง  “ถ้าผมแท้งก็โทษตัวคุณเลยนะ”

            “ฉันขอโทษ  ไม่แท้งหรอกน่ะ  ฉันเคยถามหมอแล้ว  แค่ทักทายลูกนิดหน่อยเอง...เบามากๆ” พิชช์ฌานลดเสียงลงเพื่อไม่ให้ลูกน้องที่นั่งตอนหน้าได้ยิน 

            คนฟังเบะปาก น้ำตาคลอโดยไม่ตั้งใจเมื่อได้ยินคำว่า เบา จากอีกฝ่าย

            “เบาตรงไหน”  เขายังจำความรู้สึกหัวสั่นหัวคลอนเมื่อคืนได้อยู่เลย

            “ให้หยิกคืนเลยเอ้า”  พิชช์ฌานยื่นท่อนแขนล่ำสันมาให้  “หยิกเท่าที่เธอเจ็บ”

            “ผมต้องหยิกคุณถึงเช้าเลยเหรอ”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  น้ำตาร่วงแหมะลงต้องข้างแก้ม  คนมองอดใจไม่อยู่  ชะโงกเข้าไปจูบซับน้ำตาให้

            “อย่าร้องสิ  เดี๋ยวคนเขานึกว่าฉันรังแก”

            “ก็รังแกจริงๆนี่”  เจ้าโอเมก้าร้อง  “บอกให้หยุดก็ไม่ยอมหยุด”

            “เดี๋ยวคราวหน้าเอาใหม่  รับรองว่าฉันจะเชื่อฟังเธออย่างดีเลย”  พิชช์ฌานรีบพูดเอาใจ

            “ไม่มีคราวหน้าแล้ว”  อาคิราห์น้ำตาร่วงอีกรอบ  “เจ็บจะตาย  ผมนั่งไม่ได้เลยเนี่ย  แล้วผมจะไปดินเนอร์คืนนี้ยังไง  โต๊ะก็จองไว้แล้ว”  เขายกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาออกแรงๆ สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  “อดกิน  อดกินแน่ๆ”

            “เดี๋ยวฉันให้เชฟมาทำให้ที่บ้านเลยเอ้า...หยุดร้องนะ  กลับไปฉันจะทายาให้”

            “ไม่ต้อง  ผมทาเอง”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  “คุณไปพาเชฟมาเลยนะ  ผมต้องฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ  มันบอบช้ำมากรู้มั้ย”

            พิชช์ฌานเกือบหัวเราะออกมากับเหตุผลของโอเมก้า  พอกลับถึงบ้านได้  ชายหนุ่มก็สั่งให้คนไปหาจัดการตามความต้องการของคนท้องที่บอกว่าเดินขึ้นบันไดเองไม่ไหวต้องให้อุ้ม

            “เห็นใจฉันเถอะ  ฉันจะหลังหักก่อนได้เป็นนายกฯไม่ได้”

            “ทีเมื่อคืนคุณยังอุ้มผมไหวเลย”  อาคิราห์ท้วง  แล้วก็หน้าแดงเสียเองเมื่อนึกขึ้นได้  ได้ยินเสียงไอขลุกขลักมาจากมือขวาคนสนิทของสามีก็เลยรีบเปลี่ยนใจ  “ไม่เป็นไร  ผมเดินขึ้นไหวแล้ว”

            “เจนภพ  ไปรอฉันที่รถก่อนแล้วกัน”  เจ้านายพูดเสียงเคร่ง  หูแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  เจนภพไม่ได้อยู่ดูต่อว่าตกลงเจ้านายจะอุ้มคุณอัยย์ขึ้นบันไดหรือว่าจัดการอย่างไรกันแน่



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






            พิชช์ฌานกลับมาที่รถด้วยสีหน้าแจ่มใสขึ้น  อันที่จริงเจ้านายของเขาก็ดูอารมณ์ดีกว่าปกติมาตั้งแต่เช้า  เจนภพไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่เดาเอาว่าคงจะเกี่ยวข้องกับการเดินขัดๆของคุณอัยย์เป็นแน่  มือขวาคนสนิทพยายามปัดเรื่องส่วนตัวของเจ้านายออกจากความคิด  แล้วกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องการเลือกตั้งตรงหน้าแทน

            “พรรครัฐบาลเริ่มดูดผู้สมัครจากพรรคเราไปครับ  โดยเฉพาะเขตทางใต้  คิดว่าน่าจะเสนอข้อต่อรองที่ดีกว่าให้พวกหัวคะแนนด้วย”  เจนภพพูด  ส่งแฟ้มเอกสารมาให้เจ้านายพิจารณา  “คิดจะตัดคะแนนเสียงของเรา  ให้คนลงไปจัดการหัวคะแนนพวกนี้ดีไหมครับ”

            “ไม่เป็นไร  ใจเย็นๆก่อนเจนภพ  อย่าเพิ่งรุนแรง”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  เปิดแฟ้มเอกสารนั่งอ่านไปเรื่อย ๆ “คนนี้น่าสนใจ..”  เขาเลือกมาอีกเจ็ดแปดคนแล้วบอกให้ลูกน้องไปพาตัวมาพบ  “เราไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งหมดเจนภพ  เลือกเท่าที่จำเป็น และน่าจะได้ประโยชน์สูงสุดก็พอ”

            “ครับคุณฌาน”

            “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ  ...คุณชาติชายโทรมาหาคุณ”

            “บอกไปว่าฉันไม่ว่าง”

            ชายหนุ่มเข้าประชุมพรรคต่อตอนบ่าย  เจนภพขอตัวหลบหายออกไปจากการประชุมก่อนเวลา  พิชช์ฌานไม่ได้ถามเพราะเขาไว้ใจฝีมือของเจนภพ  มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องกลับมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี

            เจนภพกำลังอยู่ในห้องลับเพื่อประชุมแผนการเป็นครั้งสุดท้าย  งานนี้เสี่ยงมากกว่าทุกครั้งเพราะเรื่องของนายจักรกฤตกำลังเป็นที่จับตามองของสื่ออยู่  เขาคิดเหมือนกับคุณพิชช์ฌานว่าเบื้องหลังของจักรกฤตจะต้องนำไปสู่ขบวนการที่ใหญ่กว่าแน่  และมีแนวโน้มที่เรื่องจะเงียบด้วยอำนาจของผู้มีอิทธิพล

            “คุณกลับไปที่ห้องได้แล้ว”  เขาบอกโอเมก้านิลลาที่เป็นเจ้าของแผนผังของบ้านจักรกฤต  “เก็บตัวอยู่ที่นั่น”

            “ฉันอยากไปด้วยคืนนี้”

            “ไม่ได้ครับ”  เจนภพพูดสั้นๆ

            “ตู้เซฟนั่นเข้ารหัสเอาไว้อยู่  ฉันรู้รหัสของมัน”

            “งั้นคุณก็บอกผมมาได้เลยว่ารหัสคืออะไร”

            “ฉันต้องเห็นตู้ก่อนถึงจะจำได้”

            “คุณนิลลา  ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณนะครับ”  เจนภพหงุดหงิดขึ้นมาเต็มที  “ถ้าคุณอยากบอกก็บอกผมมาได้เลย  แต่ถ้าไม่...ผมก็มีวิธีของผมที่จะเปิดตู้นั่น”

            “............”  โอเมก้าเงียบไปแล้วหมุนตัวกลับออกไปรอข้างนอกตามเดิม  เจนภพจุ๊ปากอย่างหงุดหงิดแกมรำคาญ  นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนของอาคิราห์และยังมีประโยชน์อยู่ล่ะก็  เขาก็คงจะไม่ทนกับคนแบบนี้

            “เอาอย่างไรดีครับนาย  ต้องพาโอเมก้าไปไหม”

            “พาไปก็ได้ตายกันหมดน่ะสิ”  เจนภพสะบัดเสื้อ  “ถ้าเปิดไม่ได้  ก็ยกมาทั้งตู้นั่นแหละ  ไม่ต้องคิดเยอะ”

            “ครับนาย”

            “ทำตามแผนเดิมก็พอแล้ว”  เจนภพลุกขึ้นยืน  “จำเอาไว้ว่าห้ามทิ้งร่องรอย..ถ้าไม่จำเป็น  ใครที่เอาของมาได้  ฉันมีรางวัลพิเศษให้”

            ชายหนุ่มพานิลลาไปส่งที่ห้องพัก  จากนั้นกลับออกมาเพื่อตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง  ที่ๆเต็มไปด้วยสายตาสนใจใคร่รู้ของนักข่าวและพวกที่ตามสะกดรอยทุกความเคลื่อนไหวของเขาอยู่

            ทำทีเป็นเดินวนอยู่ในร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายจนมั่นใจว่ามีคนแอบเก็บภาพของเขาไปแล้วเรียบร้อยตามแผน  เจนภพก็ขึ้นไปยังชั้นบนของโรงภาพยนตร์  ซื้อตั๋วสำหรับดูหนังสองใบ  วางท่าเหมือนชายหนุ่มวัยทำงานทั่วๆไปที่มาพักผ่อนหลังเลิกงาน

            ใครคนหนึ่งเดินผ่านเก้าอี้ที่เรียงรายเข้ามานั่งข้างๆเขา

            “หนังสนุกไหมครับ”  เสียงคนที่นั่งข้างๆดังขึ้น  เจนภพขยับตัว แตะเอวของตัวเองอย่างระมัดระวัง  “อย่าเพิ่งชักปืนมายิ่งผมเลยนะ  ผมมาดี ไม่ได้มาร้าย”

            “คุณเป็นใคร”   เจนภพถามกลับ  หันไปมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ  ในเงาสลัวของโรงหนังที่มีเพียงแสงจากหน้าจอภาพยนตร์   เขาไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อน

            “ท่านส่งผมมาคุยกับคุณ”

            “ท่านไหนอีก”

            “ท่าน....”  ชื่อของคนที่ออกจากปากของอีกฝ่ายมาทำให้เจนภพนิ่งไปทันที  ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องที่หน้าจอภาพยนตร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  “ท่านอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว”

            “ผมไม่สะดวกไปพบ”

            “ไม่ต้องวันนี้ก็ได้  ผมรู้ว่าคุณมีธุระสำคัญ”  หางเสียงนั้นมีเลศนัย  “จัดการให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีไหม  คุณคงไม่อยากให้เจ้านายของคุณระแวง”

            “ผมทำงานให้เจ้านายคนเดียว”

            “ผมก็ได้ยินมาว่าคุณจงรักภักดีกับเจ้านายของคุณมาก  ว่าแต่...เจ้านายของคุณชื่ออะไรกันแน่  พิชช์ฌาน..หรือว่า...”

            เจนภพผุดลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีโดยไม่รอฟังให้จบ  เขาก้าวยาวๆออกมาจากโรงภาพยนตร์แห่งนั้น  ไม่ได้หันกลับไปมองอีกแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่โง่ตามมาแน่  ชายหนุ่มเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีผู้คนพลุกพล่าน  จนกระทั่งได้จังหวะก็หลบแวบกลับออกมาทางด้านหลังของห้างแล้วขึ้นรถที่เตรียมเอาไว้เพื่อตรงไปยังจุดนัดหมาย

            ............................................................

            พิชช์ฌานนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเฝ้ารอ ‘ข่าวดี’ จากมือขวาคนสนิทอยู่อย่างใจจดใจจ่อ  แม้ว่าจะทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

            เสียงหาวรอบที่สามดังขึ้นจากมุมหนึ่งหน้าตู้ปลา  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามาจากใครบางคนที่นั่งจุ้มปุ๊กเฝ้าตู้ปลามาตั้งแต่หัวค่ำ  ปากบอกว่าโกรธเขาสารพัดแทบไม่อยากมองหน้า  แต่พอเสร็จมื้อเย็นฝีมือเชฟโรงแรมห้าดาวที่เขาไปเชิญตัวมาทำให้กินถึงบ้านแล้ว  เจ้าโอเมก้าก็มานั่งปักหลักอยู่ในห้องทำงานของเขานั่งอ่านหนังสือสลับกับดูปลาว่ายน้ำเรื่อยเปื่อย

            “ขยันจริง ๆ”  ชายหนุ่มพูดลอย ๆ

            “เมื่อไหร่เจนภพจะกลับมา”

            “ทำไมหรือ”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

            “ผมฝากเขาซื้อของ”

            “ให้คนอื่นไปซื้อก็ได้”  พิชช์ฌานว่า  เอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้พลางเคาะปากกาในมือลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ  “เธอฝากเขาซื้ออะไรล่ะ”

            “ไม่บอกคุณหรอก”

            คนฟังจุ๊ปาก

            “มีความลับกับฉันเหรอ”

            เจ้าโอเมก้ายิ้มมุมปากแล้วยักไหล่

            “อาคิราห์  บอกฉันมาเร็ว  ไม่งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอนแน่”

            “เรื่องของคุณ  เพราะคืนนี้คุณนอนนอกห้องอยู่แล้ว”  อาคิราห์หัวเราะด้วยเสียงกวนประสาท  “เดี๋ยวผมขนเครื่องนอนมาให้แล้วกันนะ  เสื่อผืนหมอนใบคงพอ”  พูดจบก็ดันตัวลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ  ก้มลงคว้าหมอนใบโตที่เอนหลังเล่นเมื่อกี้ขึ้นมากอดไว้ด้วย

            “วางลงเลยเจ้าบู้บี้  มันหมอนฉัน  คุยกันแล้วไงว่าของในห้องทำงานไม่ให้เอาขึ้นห้อง”

            “ติดมือมาแค่นี้ทำเป็นบ่น”  อาคิราห์งึมงำ  วางหมอนใบนั้นลงบนโซฟาตามเดิม  แล้วเดินขยี้ตาไปหยุดยืนหน้าห้อง  “ประตูห้องนอนล็อคห้าทุ่ม  นี่พูดลอย ๆ ไม่ได้บอกใคร”

            พิชช์ฌานมุมปากกระตุก  มองตามหลังอีกฝ่ายที่ผลุบออกไปนอกห้องทำงานอย่างรวดเร็วอย่างหมั่นเขี้ยวแกมขบขัน

            ชายหนุ่มนั่งทำงานเพลินจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาเบอร์ส่วนตัว  ไม่มีใครรู้เบอร์นี้นอกจากลูกน้องคนสนิทเท่านั้น

            “ว่าไงเจนภพ”

            “นายครับ  แผนของเราถูกตลบหลังครับนาย  ตอนนี้ติดต่อคุณเจนภพไม่ได้ครับ”

            .......................................................................................

 

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้บ้างคะ  มาต่อแล้วนะเย่ๆ ทอล์คไม่ออกเพราะร้อนมาก55555หมายถึงสภาพอากาศนะ  ไม่ใช่อารมณ์ของใคร

            #ขอรักแค่คุณ

           

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เอ๊า

ค้างกว่าเดิมซะงั้น

ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เจนภพจะเป็นไงบ้างเนี้ย
แล้วใครเป็นสายอ่ะ
หวังว่าจะไม่ใช่นิลนะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไม่นะเจนภพ เราไว้ใจนายได้ใช่มั้ยย :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอ้าาาาา ค้างกว่าเดิมอีก ลุ้นว่าจริง ๆ แล้วเจนภพเป็นลูกน้องใครกันแน่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
มีหลายท่านจริงๆนะ
ท่านพ่อของทั้งสองคนรึเปล่า  อีกท่านอาจจะเป็นชาติชาย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
เอิ่มมมมมมมม เกมการเมืองแบบไทยๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่นะเจนภพ  :serius2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออออ ไม่หรอกมั้ง เจ้านายคุณเจนภพก็นายพิชช์ฌานไง เนอะ

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
สรุปคือมีคนที่ใหญ่กว่า ที่เรียกว่านาย...
กำลังเล่นงานคุณฌานอยู่

อย่าปล่อยค้างนานน้าาาา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ใครทรยศ
ผัวเมียกำลังดีกัน ก็มีเหตุวุ่นอีกแล้ว

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อ้าว อยู่ดีก็ร้อนเฉย เจนภพยังไงเนี่ย
ว่าแต่อัยด์โดนอะไรนะทำไมถึงขึ้นบันไดไม่ไหวเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: ปัญหาเยอะจริงๆ ให้ผัวเมียเค้าสงบสุขกันไม่ได้เลย ว่าแต่เจนภพเป็นเด็กใครกันแน่นะ

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
การเมืองไทยก็เครียดพออยู่แล้ว ยังต้องมาเครียดการเมืองในนิยายอี๊กกก :katai1:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เมื่อไหร่ชีวิตจะสงบสุขเสียทีนะการเมืองก็แบบนี้แหละไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรขอแค่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ลงตัวใครก็ไว้ใจไม่ได้

ออฟไลน์ KYLM_s

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Ch.15
น้องอัยย์น่ารักเหมือนเดิมเลยรู้กอยากบีบบคุณพิษนังก็ดูตื่นเต้นดีใจที่น้องท้องแต่ไม่รู้ตัวรึเปล่า น้องมันวุ่นวายมากเลยอะ ตอนพูดถึงเค้านี่ยิ้มแก้มแตกแล้วมั้งคุณพิษ น้องก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยรู้กก ทางคุณพิษกะคือสับสนไปหมด 5555555555

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ซับซ้อนเหลือเกินนวล

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อะไรกันนี่ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อ้าว.. ค้างกันต่อไป

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

อากาศร้อน.  ยังไม่เท่าร้อนใจว่าเจนภพทำงานให้ใคร…………

พ่อพิชไหม อย่าให้เป็นคนอื่นเลย 

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าพิชเป็นคนดี


………


  :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1:



ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ค้างเรยยย...
แต่ว่านายของเจนภพ คือคุณ พิชช์ หรือ พ่อคุณพิชช์ อีกทีเนี้ยยย

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อู้วว ท่านคือใครเนี่ยย  :hao4: :serius2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด