♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020  (อ่าน 65603 ครั้ง)

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เลือกอยู่ในหัวใจของอัค

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
หนูเลือกอะไรไม่ได้เลยหล่ะน้องพาย :laugh:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พายเลือกอะไรไม่ได้เลยยย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขโมยตัวน้องไปเลยจ้าคุณอรรค

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องจะโดนแกล้งมั๊ยน้า.  o18

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
แหนะะะะะ คุณอรรค

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เลือกไม่ได้ 5555

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่ยี่สิบ



            ถ้าทำได้ภาสกรจะขอให้ร่างตัวเองปลิวหายไปกับอากาศธาตุ


            ตั้งแต่มาทำงานที่คาสิโนก็ดีหรือจะย้ายมาที่ผับนี้ก็ดี ภาสกรเหนื่อยแต่ใจยังพร้อมสู้ ทุกครั้งที่ท้อจนคิดอยากกลับบ้าน ชายหนุ่มจะนึกเสมอว่า เพื่อแม่..เพื่อแม่ ทำให้เขามีแรงฮึดสู้ต่อไปได้


            ทว่าเดี๋ยวนี้พอตัวเลขนาฬิกาวนมาถึงตีสามเมื่อไหร่ เขาแทบอยากจะกอดขาเก้าอี้ อ้อนวอนใครสักคน ขอร้องให้เขาไม่ต้องขึ้นไปเจอหลักสูตรมหาโหดนั่น อยากขอเป็นลูกอกตัญญูไม่ทำเพื่อแม่แล้วได้ไหมเพราะในใจเขาเอาแต่ภาวนาร้องเรียก แม่จ๋า..แม่จ๋า..พายอยากกลับบ้าน อยู่ร่ำไป

            “สายสองนาที” เสียงนุ่มหากแฝงด้วยความเยือกเย็นทำให้ภาสกรอดเกร็งไม่ได้ ขนหลังตั้งชัน ไม่รู้ว่าบทเรียนวันนี้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน

            “ขอโทษครับพอดีผม..” ลูกศิษย์ที่มาสายเตรียมจะอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมถึงมาสาย อ้าปากกำลังจะบอกว่าเพราะลูกค้าชั้นวีไอพีต้องการสั่งอาหารเพิ่มทำให้มาเรียนล่าช้า ทว่าอาจารย์จำเป็นนั้นกลับไม่สนใจ

            “ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัว”

            “ขอโทษครับ” ภาสกรยอมรับอย่างสงบเสงี่ยม

            “ที่ชั้นวีไอพี ไม่มีคำว่าขอโทษ คุณจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุด ไม่มีขาดตกบกพร่องและไม่มีข้ออ้างใด ๆ  ทั้งสิ้น เข้าใจไหม”

            “เข้าใจครับ”

            “แต่เอาเถอะ ตอนที่คุณกลับไปทำงานที่คาสิโนชั้นวีไอพีแล้ว คุณจะไม่มีปัญหาเรื่องชั้นอื่นมาใช้งานคุณหรอก เว้นเสียแต่ว่าคุณสายเพราะตัวของคุณเอง” จิณณ์ปรายสายตามาทางภาสกรเล็กน้อยก่อนจะหยิบหนังสือหนาประมาณหนึ่งถึงสองนิ้วขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วยื่นส่งให้อีกฝ่าย

            “...” ภาสกรรับมาวางไว้บนศีรษะอย่างอัตโนมัติ เขารู้ว่ามันคือการฝึกในรูปแบบหนึ่ง เริ่มต้มการฝึกด้วยแบบนี้เป็นอย่างแรกทุกครั้งที่ขึ้นมาเรียนเพื่อปรับบุคลิกภาพ

            “อืม วันนี้เดินสัก..” จิณณ์ทำท่าคิดก่อนจะต่อตัวเลขที่ภาสกรรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ “สิบห้านาทีก็พอ ใบหน้า ไหล่และหลังของคุณเริ่มโอเค เข้าที่เข้าทางแล้ว”


            ภาสกรลอบถอนหายใจด้วยความดีใจ วันแรกที่มาฝึกเขาต้องเดินไปมาในห้องร่วมชั่วโมง วันที่สองสามสิบนาที จนกระทั่งวันนี้วันที่สามเหลือเพียงสิบห้านาที


            ชายหนุ่มเดินไปมาอย่างเงียบ ๆ  หลังตรง คอเชิด มองไปข้างหน้า ไหล่ผึ่งผาย ไม่กล้าให้หนังสือร่วงลงพื้น เขาเคยทำหล่นครั้งหนึ่งถูกอาจารย์สั่งเดินเพิ่มสิบนาที หลังจากทำหล่นไปสองครั้งเขาก็ไม่ทำหล่นอีกเลย คราแรกเขาสงสัยว่าผู้จัดการจะให้เขาวางถาดบนศีรษะหรืออย่างไร ในใจเขาโอดครวญแทบขาดใจ ทว่าภายหลังเขาถึงรู้ว่ามันคือการปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น


            ครบสิบห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน จิณณ์ก็ส่งสัญญาณบอกให้ภาสกรหยุดเดิน เขารีบนำหนังสือบนศีรษะไปวางบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายทันที

            “วันนี้...” ผู้จัดการหนุ่มเกริ่นขึ้น “ผมจะสอนคุณเรื่องเครื่องดื่มต่าง ๆ”

            “เครื่องดื่ม?”

            “ใช่ ถึงคุณจะไม่ใช่บาร์เทนเดอร์ แต่ก็ควรเรียนรู้เรื่องนี้ไว้เพื่อที่จะแนะนำให้กับลูกค้าได้ เช่น แขกผู้หญิงบอกว่าอยากดื่มอะไรอ่อน ๆ  คุณควรมีลิสต์เครื่องดื่มไว้ในหัวแล้วสามารถบอกเธอได้อย่างคล่องแคล่ว”

            “อ่า..”

            “มันคงไม่ดีแน่ ถ้าคุณจะตอบเธอไม่ได้ซ้ำยังอ้ำอึ้งหรือแย่ที่สุดคือการที่คุณขอตัวจากเธอแล้วบอกว่าเดี๋ยวกลับไปถามบาร์เทนเดอร์ให้ เพราะมันจะทำให้แขกของเราเสียเวลารอคุณเดินไปถามและเดินกลับมาบอกเธอว่ามีเครื่องดื่มอะไรและต้องเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อีกรอบ มันดูไม่สมเป็นมืออาชีพเท่าไหร่เลยว่าไหม”

            “ครับ” ภาสกรนึกภาพตาม ถ้าเป็นเขาที่มีสถานะเป็นแขกมาใช้บริการแต่ดันไปเจอพนักงานไม่ค่อยรู้เรื่องให้คำแนะนำไม่ได้ก็คงรู้ไม่ค่อยประทับใจ

            “ดังนั้นคืนนี้ผมจะสอนให้คุณรู้จักประเภทเครื่องดื่ม”

            “ครับ”

            “งั้นเรามาเริ่มกันเลยจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะผมเหลือเวลาสอนคุณอีกสองวันเท่านั้น”

            “สองวัน? ไหนผู้จัดการเคยบอกว่าเจ็ดวันไงครับ วันนี้เพิ่งวันที่สามยังมีอีกตั้งสี่วัน”

            “มีคนเอาแต่ใจน่ะ ผมเลยถูกลดเวลาสอนคุณแค่ห้าวัน”

            “แล้วอีกสองวันล่ะครับ ผมต้องทำอย่างไร หรือจะไม่มีการสอนอีกแล้ว”

            “ไม่ใช่หรอก” จิณณ์ส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “อีกสองวันจะมีอาจารย์คนใหม่มาสอนคุณ”

            “อาจารย์คนใหม่?” ภาสกรนึกไม่ออก นอกจากผู้จัดการแล้วจะยังมีใครที่สามารถสอนเขาได้อีก

            “ใช่”

            “สอนเรื่องอะไรครับ”

            “ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง”

            “อ่อครับ” ภาสกรรับคำทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

            “ทำหน้างงเชียว ไม่ต้องห่วงหรอก อาจารย์คนใหม่ของคุณ เขาเชี่ยวชาญเรื่องที่จะสอนพอสมควร”

            “หรือครับ” ถึงจิณณ์จะอธิบายเพิ่มเติมแต่ก็ไม่ช่วยให้ความสงสัยของภาสกรให้กระจ่างเพิ่มขึ้น


            หนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาทีต่อจากนั้น ภาสกรแทบจะกระอักเลือดออกมาเป็นชื่อเครื่องดื่มแต่ละอย่าง นอกจากจะต้องจำชื่อให้ได้แล้วยังต้องรู้การแบ่งประเภทของแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นแบ่งด้วยกรรมวิธีการผลิต แบ่งด้วยขั้นตอนในการเตรียมการก่อนดื่มหรือสุดท้ายแบ่งตามมื้อเวลาอาหาร


            ผู้จัดการจิณณ์ย้ำนักย้ำหนาว่าจะเสิร์ฟเครื่องดื่มผิดมื้ออาหารไม่ได้ หากเผลอทำลงไปแบบนั้นขายหน้าเจ้าของคาสิโนแน่นอน ดังนั้นภาสกรจะต้องตั้งใจให้มากและจำให้ขึ้นใจ จะผิดพลาดไม่ได้


            ภาสกรเหมือนกับต้องแบกภาระไว้บนบ่า ทำไมตอนนี้บ่าเขาแสนจะหนักอึ้ง จะแบกมันไว้ไม่ไหวแล้ว


            “จำได้หรือเปล่า”

            “พอได้บ้างครับ” ภาสกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้

            “พอได้บ้างไม่ได้ ต้องจำให้ได้” ภาสกรอยากจะย้อนถาม เวลาแค่นี้เขาจะจำหมดได้อย่างไร ถ้าจำได้ครบทุกอย่างแล้วละก็ป่านนี้เขาคืออัจฉริยะคนใหม่ของโลกไปแล้วสิ แต่ก็ไม่กล้าถามกลับไปได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ

            “คะ..ครับ” ภาสกรตอบเสร็จก็เห็นผู้จัดการเปิดตู้เอกสารออกและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาก่อนจะยื่นให้เขา

            “รับไปสิ”

            “หนังสืออะไรครับ”

            “สอนคืนเดียว คุณไม่มีทางจำได้หรอกเพราะฉะนั้นเอาหนังสือนี่กลับไปอ่านแล้วพรุ่งนี้ผมจะทดสอบคุณ เข้าใจไหม”

            “เข้าใจครับ” ลูกศิษย์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มีหนังสือให้เขาไปท่องจำ

            “ถ้าพรุ่งนี้ผมถามแล้วตอบไม่ได้ละก็จะลงโทษให้เดินไปมาไม่หยุด”


            “ผมจะพยายามครับ”

            “วันนี้กลับไปพักเถอะ ป่านนี้มีคนรอแย่แล้วมั้ง” ท้ายประโยคของผู้จัดการนั้น ภาสกรจับได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงด้วยความล้อเลียน

            “ใครจะรอผมเล่า” ภาสกรตอบก่อนจะเม้มปากแก้เขิน

            “ไม่ต้องอายหรอก เรื่องที่คุณไปห้องห้าสิบสอง มีผมรู้เพียงคนเดียว”

            “ครับ” คำบอกเล่าของผู้จัดการพลอยให้ภาสกรโล่งใจได้นิดหน่อย

            “ขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยเจ้านาย”

            “ช่วย?”

            “อืม ไม่งั้นคงหนีไม่พ้นไปเมาแอ๋อยู่ที่ไหนสักแห่ง เดือดร้อนให้ตามหาเหมือนคืนนั้นอีกจำได้หรือเปล่า”

            “จำได้ครับ” ภาสกรยังจำคืนที่เขาคิดว่าถูกผีหลอกเข้าให้แล้ว สุดท้ายกลายเป็นบอสอรรควัสไปเสียได้

            “อย่างน้อยก็ขอบคุณที่คุณทำให้เขาไม่ได้เมาจนต้องไปตามหาอีก เบาแรงผมไปได้เยอะ”

            “ผู้จัดการรู้เรื่องที่เจ้านายเมาใช่ไหมครับ”

            “ต้องรู้อยู่แล้ว”

            “แล้วพอรู้ไหมครับว่าทำไมเจ้านายถึงต้องใช้แก้วเหล้าสองใบ”

            “ถ้าผมบอกเองคงดูไม่ค่อยดี เจ้าตัวอาจจะไม่พอใจ ทำไมคุณไม่ถามเขาเองล่ะ”

            “ผมไม่กล้าถามหรอกครับ”

            “แล้วไม่อยากรู้หรือไง”

            “อยากรู้ครับ”

            “ถ้าลองถามอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าถามได้หรือเปล่า แต่ถ้าไม่ถามแปลว่าไม่รู้แน่ ๆ นะ”

            “...”

            “อีกอย่างนะคุณ”


            “ครับ?” ภาสกรขานรับ

            “ช่วงนี้คือจังหวะดีที่คุณอยากจะถามในเรื่องที่สงสัย”

            “ทำไมหรือครับ” พนักงานเสิร์ฟอดแปลกใจกับคำพูดผู้จัดการไม่ได้

            “คุณไม่คิดหรือไงว่าช่วงนี้เจ้านายของพวกเราน่ะ ดูไม่ดุเท่าที่ควร”


            ภาสกรทบทวนคำพูดของอีกฝ่าย ไม่ผิดจากที่ผู้จัดการได้บอกเขาเลยช่วงนี้อรรควัสดูอ่อนโยนและแทบจะไม่ดุเลยด้วยซ้ำ


            มันเป็นอาการแปลก ๆ  จนเขาแปลกใจไม่น้อย


            “ก็..ครับ”

            “ถือว่าผมแนะนำคุณแล้วนะ เอาละ วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมเอาหนังสือกลับไปอ่านด้วย” จิณณ์ดูนาฬิกาที่ข้อมือตนเอง

            “ครับ”

            “เดี๋ยวจะไปห้องห้าสิบสองเลยใช่ไหม”

            “เอ๊ะ?..เอ่อ..ครับ” ภาสกรก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา จิณณ์คงรู้เรื่องที่เขากับบอสนอนที่ห้องเดียวกันอยู่แล้ว ทว่าอีกฝ่ายไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พอได้ฟังตรง ๆ  ต่อหน้า เขาจึงเขินเกินกว่าจะสบตาอีกคนได้

            “หน้าแดงเชียว” จิณณ์หัวเราะ “เขินหรือไง”

            “คือผม...” ภาสกรพูดไม่ออกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาตัวรอด “ผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ผมวานคุณเอาแฟ้มนี้ไปให้เจ้านายด้วย” จิณณ์ชี้ไปที่แฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ

            “ได้ครับ”

            “ป่านนี้น่าจะรอคุณอยู่ที่ห้องห้าสิบสองแล้วละ”

            “ผมสงสัยมานานแล้วขอถามเลขที่ห้องห้าสิบสองได้ไหมครับ”

            “อืม ถ้าผมตอบได้นะ ว่ามาสิ”

            “ชั้นวีไอพีมีเพียงสิบห้อง ทำไมจู่ ๆ  ถึงเป็นห้องห้าสิบสองครับ”

            “ลองทายสิ”

            “ผมไม่รู้จริง ๆ  ครับ” ภาสกรบอกอย่างจนใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

            “งั้นผมจะใบ้ให้..” จิณณ์พูดอย่างนึกสนุกราวกับได้เล่นเกม “ห้าสิบสองจะสื่ออะไรเกี่ยวกับเจ้านายเราได้บ้าง”

            คำใบ้ของอีกฝ่ายไม่ช่วยให้ภาสกรกระจ่างขึ้นเลย เขาไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับอรรควัสถึงขนาดจะรู้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายได้

            “นึกไม่ออกครับ”

            “อะ ใบ้อีกนิดก็ได้” ผู้จัดการหนุ่มถอนหายใจประหนึ่งว่าคำใบ้แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วทำไมภาสกรถึงไม่รู้ “เจ้านายหรือบอสของคุณน่ะ เขาทำงานเกี่ยวกับอะไร แล้วมีอะไรที่มีจำนวนเท่ากับห้าสิบสอง”

            “เอ่อ..”

            “ถ้าไม่รู้ก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ” จิณณ์พูดอย่างจนใจก่อนจะทำสายตากรุ้มกริ่มมีเลศนัย “เลยเวลาเลิกงานแล้ว คนในห้องคงรอคุณนานแล้วละ ดีไม่ดีจะลงมาตามด้วยตัวเอง คุณรีบไปเถอะ ผมไม่อยากฟังเจ้านายบ่น”

            “ครับ”




 
            เมื่อออกมาจากห้องฝึกสอนมหาโหดได้ เขาก็กลับมาหายใจเป็นปกติหลังจากหายใจไม่ทั่วท้องตั้งแต่อยู่ในห้อง พลางย้อนคิดไปถึงคำพูดของผู้จัดการหนุ่มเมื่อสักครู่นี้ ภาสกรไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการและเจ้านายอยู่ในรูปแบบใด เป็นเพียงเจ้านายลูกน้องเท่านั้นหรือไม่ เขามักจะสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ดูมีอะไรมากกว่าคนร่วมงาน แต่ระบุชัดเจนไม่ได้สักทีเพราะไม่เคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเลยสักครั้ง



            ภาสกรนอนร่วมห้องกับเจ้าของผับแห่งนี้มาได้สามคืนแล้ว ทุกครั้งหลังจากเรียนเสร็จกับผู้จัดการ เมื่อกลับไปถึงห้องห้าสิบสอง อีกฝ่ายจะถามไถ่ถึงบทเรียนว่าวันนี้เขาได้เรียนรู้อะไรมา บางครั้งก็คอยแนะคอยเสริมในสิ่งที่เขาสงสัยให้เข้าใจเพิ่มขึ้นด้วย


            ถ้าพูดถึงเรื่องเรียนเมื่อไหร่ ภาสกรจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เต็มใจที่จะบอกให้คนฟังได้รับรู้ แต่เมื่อถึงเวลาต่อจากนั้น เวลาที่ต้องนอนเตียงเดียวกัน เขาแทบจะกลายเป็นอีกคนที่พูดไม่คล่อง ประหม่า เคยคิดว่าคืนนั้นเขาไม่น่าเอ่ยปากให้อีกฝ่ายกอดเขาได้เลย ไม่น่าใจอ่อนเพราะความเห็นใจพ่วงด้วยความสงสาร มาถึงตอนนี้ภาสกรอดไม่ได้ที่รู้สึกสงสารตัวเองมากกว่า


            เขาใจเต้นง่ายเกินไปเมื่อต้องเข้าใกล้อรรควัส ชายหนุ่มควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่ให้ตื่นเต้นไม่ได้เลย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งใจเต้นรัว ไม่อยากให้ระยะเวลาอันสั้นทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออลันนั้นต้องเปลี่ยนไป เคยคิดว่าการที่ชอบอลันนั้นไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าเวลานี้เขากลับมาชอบอรรควัสคงไม่มีทางที่จะสมหวังได้เลย และที่สำคัญเขาชอบคุณอลันอยู่นี่นาทำไมถึงไพล่คิดไปถึงบอสใหญ่ได้ไงกัน


            คิดถึงตรงนี้ ภาสกรที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ชั้นวีไอพีต้องชะงักลงเมื่อความคิดถูกจุดขึ้น



            ‘หรือว่าเขาจะชอบบอสอย่างนั้นหรือ?’



            ภาสกรส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้ เขาชอบอลัน เขาชอบอลัน ชายหนุ่มพยายามท่องชื่อเจ้าของแสงสว่างในใจ พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่คิดเรื่องอรรควัสมันคือความใกล้ชิดและความเผลอไผลก็เท่านั้นเอง แต่แท้จริงแล้วใจของเขาอยู่กับอลันคนเดียวเท่านั้น


            “เป็นอะไร ทำไมไม่ออกมาจากลิฟต์ ยืนนิ่งอยู่ทำไม” เสียงทักติดจะดุดังขึ้นตรงหน้าทำให้ภาสกรได้สติกลับคืนมา

            “บะ..บอส”

            “อืม เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นยืนอยู่นานแล้ว”

            “เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าถึงชั้นนี้แล้ว บอสจะไปไหนหรือครับ”

            “ชั้นห้า”

            “อ่อครับ ไปหาผู้จัดการใช่ไหมครับ”​ ภาสกรรีบก้าวออกมาจากลิฟต์ เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเพื่อให้อรรควัสเข้าไปแทนที่เขาในลิฟต์ได้ “ผู้จัดการน่าจะยังไม่กลับครับ เพิ่งแยกกับผมเมื่อครู่นี้เอง ”

            “ไม่ใช่”

            “งั้นบอสต้องการแฟ้มใช่ไหมครับ นี่ครับ” ภาสกรยื่นแฟ้มสีดำตรงหน้าไปให้อีกฝ่าย “ผู้จัดการฝากให้ผมเอามาให้บอส”


            อรรควัสมองแฟ้มตรงหน้าแต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ก่อนจะเดินผ่านภาสกร มุ่งตรงไปห้องห้าสิบสอง ภาสกรจึงยิ้มแหยก่อนจะหดมือกลับเข้าหาตัวดังเดิมและถือแฟ้มนั้นเดินตามอีกฝ่ายไป

            “ฉันเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานสักพักแล้ว” คนเดินนำหน้าไม่ได้หยุดเดินจังหวะที่พูด “ตั้งใจจะลงไปดูเสียหน่อยว่าทำไมเธอถึงยังไม่ขึ้นมา”

            ภาสกรที่เดินตามหลังกะพริบตารัว ๆ  เขาไม่แน่ใจว่าอรรควัสกำลังจะบอกอะไรให้รู้กันแน่ มือขาวจับแฟ้มแน่นเพื่อลดความตื่นเต้น

            “พอดีผมสงสัยอะไรนิดหน่อยเลยถามผู้จัดการครับ ก็เลยเลิกช้า”

            “เรื่องเรียน?”

            “ไม่ใช่ครับแต่เป็นห้องห้าสิบสอง” ภาสกรกลั้นใจถามอีกฝ่าย ภาวนาว่าให้คำพูดของจิณณ์ที่แนะนำเขาให้ลองถามดูนั้นจะไม่ทำให้บอสใหญ่โกรธ

            “ห้องห้าสิบสองทำไม” น้ำเสียงเจือความแปลกใจแต่รูปร่างสูงใหญ่ยังเดินต่อไม่หยุด

            “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นห้องเลขที่ห้าสิบสองไม่ใช่เลขที่สิบเอ็ด”

            “แล้วได้คำตอบไหม”

            “ไม่ได้ครับ แต่ผู้จัดการให้คำใบ้ผมมา ผมเลยคิดว่าผมน่าจะได้คำตอบแล้วครับ”

            “เขาใบ้ว่าอย่างไรล่ะ” คราวนี้อรรควัสหันมาถามเพราะถึงหน้าประตูห้องพอดี เจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้างก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเรียบร้อยแล้ว

            “ผู้จัดการบอกว่าให้ลองนึกดูว่าบอสทำงานอะไรแล้วมีอะไรที่จำนวนเท่ากับห้าสิบสอง” ภาสกรเดินตามเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

            “อืม ถือเป็นคำใบ้ที่ไม่เลว สรุปแล้วเพราะอะไร” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟานุ่มด้วยท่าที่สบาย ๆ

            “สำรับไพ่ครับ”

            “อ้อ..”

            “ถูกไหมครับ”

            “ถูก..แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว” บอสใหญ่พยักหน้าอย่างพอใจ

            “ครึ่งเดียว?” ชายหนุ่มสงสัยยังจะมีอะไรที่มีจำนวนห้าสิบสองได้อีก

            “ฉันจะเฉลยอีกครึ่งหนึ่งให้ฟัง”

            “ครับ ๆ” ภาสกรดีใจ เป็นอย่างที่ผู้จัดการบอกไว้จริง ๆ  ด้วย อรรควัสยอมตอบเขาง่าย ๆ  ถ้าเป็นตอนที่อยู่คาสิโน เขาคงไม่มีสิทธิ์แม้จะถามด้วยซ้ำ

            “เลขห้องนี้มาจากเงินห้าร้อยรวมกับอายุเด็กสิบสองคนหนึ่ง...”

            “...”




            “จำได้ไหมพาย”






========================================



ขอบคุณทุกการติดตามเสมอนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
บอสเปิดเผยตัวแล้ว เย่

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ่อยย น่องจะจำได้มั้ย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ว๊ายยยยย   บอสออกตัวแว้ววว

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เฉลยง่ายๆเลย ถ้าพายจำไม่ได้ล่ะนะ หงอยแย่เลย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :ruready :ruready เข้าใจคิดตัวเลขเพื่อจดจำนะเจ้านาย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

500+12 = 52  ใช่เหรอ?

หรือว่า  500+12 = 512  แต่อ่านว่า ห้าสิบสอง (5 12)

ป.ล.  พายน่าจะจำได้เนอะ  เห็นวันก่อนทักว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านิ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คุณบอสงัดกลยุทธ์จะจีบน้องพายแล้วซินะ​

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รู้สึกเขินยังงัยก้อไม่รู้.... นุ้งพายยย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอสเฉลยแล้วววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คนแก่จีบเด็ก ใช้วิธีอ้อมโลกนะ ว่ามั๊ย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คนแก่ใจร้อนอ่ะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ถ้าน้องจำไม่ได้นี่ฮากริบเลยนะบอส

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด




            “เลขห้ามาจากเงินห้าร้อยแล้วรวมคำว่าสิบสองที่มาจากอายุของเด็กคนหนึ่ง”

            “อ่อ..ครับ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงัก หากถามว่าชายหนุ่มเข้าใจไหมตอบได้เลยว่าไม่ ซ้ำยังคิดว่าบอสใหญ่ต้องกินยาไม่ได้เขย่าขวดแน่นอนเพราะอธิบายมากกว่าปกติ

            “จำได้บ้างไหมพาย”

            “ทำไมบอสถามอะไรแปลก ๆ  เรื่องที่บอสพูดถึงเป็นเรื่องของใครเหรอครับ” เจ้าของชื่อตอบ ไม่ได้สะดุดหูเลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียกชื่อเขาด้วยชื่อจริงเหมือนที่เคย

            “...”

            “เงินห้าร้อยกับอายุสิบสอง คืออะไรครับ” อรรควัสมองใบหน้าของภาสกรนิ่งจนเขาเริ่มกังวล แต่ในที่สุดบอสใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาราวกับคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายเพิ่มเติม

            “เธอไม่จำเป็นต้องรู้แล้ว บอกไปก็ไม่มีวันเข้าใจ”

            ภาสกรอ้าปากค้างก่อนจะหุบฉับ บทอยากจะพูดก็พูด พอไม่อยากพูดก็ตัดบททิ้งเสียเฉย ๆ  แล้วเขาซึ่งเป็นลูกจ้างจะไปท้วงอะไรนายจ้างได้อีก

            “ครับ”

            เจ้าของผับมองคนผิดหวังก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ “ไปอาบน้ำสิ จะได้เข้านอนกันสักที”

            “ขอโทษครับ ผมจะรีบกลับไปอาบน้ำที่ห้องเดี๋ยวนี้” ภาสกรละล่ำละลักบอก ปกติเขาจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องให้เรียบร้อยเสร็จแล้วจึงจะมาห้องห้าสิบสอง ทว่าคืนนี้เขามัวแต่จะเอาแฟ้มมาให้อีกฝ่ายประกอบกับเลิกเรียนช้าทำให้ลืมไปอาบน้ำก่อนเสียสนิท

            “ไม่ต้องหรอกเสียเวลาไปมา อาบที่ห้องนี้ก็แล้วกัน”

            “ห้องนี้?”

            “ใช่”

            “แต่ที่นี่ไม่มีห้องน้ำนี่ครับ” ภาสกรถามด้วยความแปลกใจ นอนค้างที่ห้องนี้มาหลายคืนเขายังไม่เคยเห็นห้องน้ำเลย กวาดสายตามองไปรอบ ๆ  ห้อง ไม่ว่าจะชั้นล่างหรือชั้นบนก็ไม่เห็นประตูอื่นนอกจากประตูหน้าห้องเลย

            “คิดอย่างนั้นหรือ” บอสหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ขายาวได้รูปภายใต้กางเกงแสล็กสีดำหยุดยืนอีกครั้งที่ผนังด้านหนึ่งที่ชั้นนั้น “ขึ้นมาสิ”


            ภาสกรเดินขึ้นไปตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยไม่อิดออด เขาหยุดตรงด้านข้างของอรรควัสก่อนที่มือเรียวสวยของคนสูงวัยกว่าจะผลักผนังด้านหน้าไม่แรงนัก ภาสกรตกใจที่เห็นผนังขยับเขยื้อนกลายเป็นบานประตูบานหนึ่ง เขามองเห็นเพียงความมืดด้านใน

            “บอส..ห้องนี้..” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายกล้า ๆ  กลัว ๆ 

            “ตามฉันมา” เมื่อคนออกคำสั่งเดินเข้าไปข้างใน ไฟก็สว่างขึ้นอัตโนมัติทำให้ภาสกรมองเห็นด้านในได้ชัดเจน เขาเห็นตู้เอกสาร โต๊ะทำงาน เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ  จึงเห็นว่ามีตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่งไม่มีบานประตูปิดและสุดท้ายคือห้องน้ำขนาดใหญ่พอสมควร ในนั้นมีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ภายในห้องนั้นด้วย

            “ผมไม่คิดว่าจะมีห้องอะไรแบบนี้ด้วย” ภาสกรพูดด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาไม่ได้ทึ่งกับข้างของในห้องแต่ตื่นเต้นกับห้องเร้นลับใต้ผนังนั้นต่างหาก

            “อืม”
           
            “ผมเคยจับผนังนี้นะครับ แต่ไม่เห็นผนังนี้จะเปิดได้เลย” ภาสกรเล่า เขาจำได้ว่าคืนแรกที่พยุงอรรควัสขึ้นมานอน เขาก็อาศัยผนังตรงนี้ช่วยค้ำยันตัวเองไม่ให้ล้มจากการเซเล็กน้อยอันเนื่องมาจากน้ำหนักตัวของอรรควัสที่ถ่ายน้ำหนักมาที่เขาพอดี

            “ขอบใจที่ช่วยทดสอบระบบให้ฉัน”

            “เอ๊ะ? ครับ?”

            “ถ้าเธอเปิดประตูบานนี้ได้ ฉันคงต้องฟ้องร้องบริษัทที่ติดตั้งประตูนี้” ภาสกรพยักหน้า เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง ความหมายของบอสใหญ่คงจะหมายถึงปกติประตูนี้คงไม่มีใครเปิดได้นอกจากเจ้าตัวเพียงเท่านั้น ดังนั้นภาสกรเปิดไม่ได้จึงไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด

            “เข้าใจแล้วครับ”

            “เธออาบน้ำในนี้ได้ ฉันจะออกไปเคลียร์เอกสารในแฟ้มที่จิณณ์ฝากเธอมา”

            “ครับ แต่..เดี๋ยวครับบอส” ราวกับว่าภาสกรนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเรียกอีกฝ่ายเสียงดังพอประมาณ

            “มีอะไร”

            “คือถ้าบอสต้องติดตั้งระบบป้องกันแบบนี้ ให้ผมเข้าไปอาบน้ำจะไม่เป็นไรเหรอครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าของห้องอนุญาตแล้วก็จริง แต่เขาก็กังวลกลัวว่าจะไปทำอะไรในห้องเสียหายเข้า

            “ไม่เป็นไร เดินระวัง ๆ  ก็พออย่าไปเดินชนอะไรเข้าล่ะ”

            อรรควัสพูดจบก็เดินออกไปจากห้องลับไม่รีรอ ภาสกรยืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องครู่หนึ่งก็เริ่มลำดับสิ่งที่ตนเองต้องทำต่อจากนี้

            อันดับแรกเขาต้องไปอาบน้ำเสียที

            ชุดนอน? ผ้าเช็ดตัว? ยังไงดี?

            ชายหนุ่มจึงกลับออกไปเพื่อไปขออนุญาตเจ้าของห้องด้วยความเกรงใจ “บอสครับ”

            “ยังไม่เข้าไปอาบน้ำอีก” บอสใหญ่มีสีหน้าระอาเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง

            “คือ..ผ้าเช็ดตัวกับชุดนอน”

            “อยู่ในห้องนั้น เธอเลือกเองได้เลย”

            “ขอบคุณครับ” ภาสกรไม่กล้าถามต่อเพิ่มเติม เขารีบขอบคุณแล้วกลับเข้าไปในห้องดังเดิม


            ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไร้ประตูปิด เขาเห็นผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกพับเป็นระเบียบเรียบร้อยวางอยู่บนชั้นในตู้ดังนั้นจึงหยิบผืนที่อยู่บนสุดขึ้นมาหนึ่งผืนแล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ


            เมื่ออาบเสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวเดินนุ่งผ้าขนหนูกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อหาชุดนอนสำหรับนิทรายามเช้านี้ ภาสกรพินิจมองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าหยิบตัวไหนก็ได้ใช่หรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้าของห้องอนุญาตแล้วก็น่าจะได้


            คิดเองเสร็จสรรพแล้วภาสกรจึงมุ่งไปด้านซ้ายของตู้และเลือกหยิบเสื้อขึ้นมาตัวหนึ่ง มีเสื้อแล้วก็ต้องมีกางเกงสบาย ๆ  สักตัว เขากวาดสายตาบนราวแล้วไม่เจอกางเกงเลยสักตัวจึงตัดสินใจเปิดลิ้นชักในตู้นั้นออกดู


            แค่ชั้นแรกก็แปลกใจเสียแล้ว


            เขาเห็นเสื้อตัวหนึ่งถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่ในนั้น ชายหนุ่มเพ่งมองเสื้อตัวนั้น หัวคิ้วมุ่นแทบจะขมวดเป็นปมใหญ่

           
            เสื้อตัวนี้...


            ภาสกร เจริญชัย นี่มันชื่อของเขาไม่ใช่หรือ มันเป็นเสื้อของใคร เสื้อของเขางั้นหรือ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ทำไมเขาถึงไม่คุ้นเลยว่าครั้งหนึ่งเคยมีเสื้อตัวนี้ด้วย และถ้าไม่ใช่เสื้อของเขา ทำไมถึงมีชื่อเขาอยู่บนเสื้อตัวนี้ ภาสกรมองเสื้อคลุมพลางใช้ความคิดที่กำลังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว


            ภาสกรเปิดลิ้นชักชั้นอื่นออกเพื่อหากางเกงมาใส่ เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินออกจากห้องลับนั้นทั้งที่เต็มไปด้วยคำถามในวิ่งวนอยู่ในหัวไม่หยุด


            เสื้อของใคร


            ทำไมถึงมีชื่อเขา


            และทำไมบอสถึงมีเสื้อตัวนี้


            ความคิดสะดุดในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวลงบันได ภาสกรมองเห็นด้านหลังเจ้าของห้องที่ก้มหน้าอ่านอะไรในแฟ้ม ทำให้เกิดภาพหนึ่งซ้อนทับขึ้นมา เสื้อเชิ้ตสีขาวนักศึกษาในตอนนั้นกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของอรรควัสในตอนนี้


            ภาพความทรงจำหนึ่งที่เขาเคยลืมไปแล้วกลับผุดขึ้นมา


            เป็นไปไม่ได้...


            พี่ชายคนนั้น

            “ยืนทำอะไรตรงนั้น” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ที่ชั้นล่างทักขึ้นทำลายภวังค์ของภาสกร

            “บอสครับ!” ภาสกรวิ่งตึงลงมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว อรรควัสมองการกระทำของอีกคนด้วยความแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย

            “เป็นอะไรของเธอ”

            “ผมขอดูแขนของบอสหน่อยได้ไหม” ภาสกรเข้ามาถึงตัวอรรควัสเพียงอึดใจ เขามองแขนอีกฝ่ายที่บัดนี้พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ไม่เพียงไม่รอคำตอบซ้ำยังถือวิสาสะดึงแขนข้างขวาของอรรควัสมาตามอำเภอใจด้วยความลืมตัว

            “ทำอะไรของเธอ” อรรควัสดุแต่นาทีนี้มีหรือที่ภาสกรจะสนใจ

            “จริงด้วย” ภาสกรพึมพำ อรรควัสดึงแขนของตนกลับมาทว่าอีกฝ่ายยังจับจ้องที่แขนของบอสหนุ่มอย่างไม่วางตา

            “เป็นอะไรภาสกร”

            “บอส..คือพี่ชายคนนั้น..เหรอครับ” คำถามจากปากแดงเอ่ยถามออกมาแผ่วเบาด้วยความไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่นั้นคือเรื่องจริง

            “ไม่ใช่”

            “ไม่จริง บอสมีเสื้อของผม”

            “กล้าค้นข้าวของของฉันงั้นหรือ” อรรควัสดุเสียงห้วน แต่คราวนี้ภาสกรกลับไม่กลัว เขามั่นใจว่าบอสต้องการทำให้เขากลัวเท่านั้น

            “บอสคือพี่ชายคนนั้น”

            “ไม่ใช่”

            “ถ้าไม่ใช่แล้วนี่คืออะไรครับ” ภาสกรยื่นแขนของตัวเองออกไปเทียบแขนของอีกฝ่าย เผยให้เห็นรอยแผลเป็นสีขาวจาง ๆ  เส้นหนึ่งที่พาดผ่านแขนตนเองต่อไปยังแขนของอรรควัส

            “...”

            “ขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธอีกเหรอครับ”

            “จะใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันสำคัญยังไงกับเธอ”

            “บอสรู้ไหมว่าหลังจากนั้นผมเป็นห่วงพี่ชายคนนั้นมากแค่ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง”

            “ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเด็กคนหนึ่งในตอนนั้น เธอจะคิดอะไรมากมาย ในเมื่อสุดท้ายแล้วเธอก็ลืมอยู่ดี”

            “งั้นบอกผมหน่อยได้ไหม ถ้าในเมื่อเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมบอสถึงต้องเอามาตั้งเป็นเลขห้องด้วย”

            “เธอกำลังคิดอะไรเพ้อเจ้อ ไร้สาระแล้วภาสกร”

            “ใครกันที่บอกผมว่าเลขห้าสิบสองมาจากอะไร ถ้าไม่ใช่เงินห้าร้อยและเด็กอายุสิบสองซึ่งสองอย่างนี้บอสจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ได้เกี่ยวกับผม”

            “มันไม่ได้มีอะไรสำคัญ”

            “ยอมรับแล้วใช่ไหมครับว่าบอสคือพี่ชายคนนั้น”

            “...”

            “หลังจากนั้นบอสเป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม ลำบากหรือเปล่า” ภาสกรไม่คาดหวังว่าจะได้คำตอบจากอรรควัสว่าอีกฝ่ายคือพี่ชายในความทรงจำวัยเด็กหรือไม่ เขาจึงเลือกคำถามใหม่ดีกว่าอาจจะได้คำตอบง่ายกว่านี้

            “ฉันจำไม่ได้”

            “จำไม่ได้? เป็นไปไม่ได้ ทำไมบอสจะจำไม่ได้” ภาสกรทำเสียงไม่เชื่อ เขามั่นใจว่าอรรควัสต้องจำได้ไม่ลืมอยู่แล้ว แต่แล้วก็นึกได้ว่าตนเองกำลังเสียมารยาทอีกแล้ว “บอสคงไม่อยากเล่า ขอโทษครับที่ผมถามมากไป”

            “เรื่องในอดีตไม่มีอะไรน่าจดจำ”

            “อย่างนั้นหรือครับ ผมว่าไม่จริงหรอกครับ” ภาสกรคนมองโลกในแง่ดีไม่คิดว่าจะไม่มีความทรงจำดีเกิดขึ้นบ้างเลยเหรอ

            “ก็อาจจะมีเพียงเรื่องหนึ่ง..”

            “อะไรครับ” สายตาแวววาวเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอ ภาสกร” นอกจากบอสใหญ่จะไม่บอกแม้เพียงนิดซ้ำยังส่งสายตาดุกลับมาแทน ทำให้ภาสกรสำนึกได้ว่าแท้จริงแล้วคนตรงหน้าเป็นคนยังไง

            “ขอโทษครับ”

            “รู้ตัวก็ดี” คนพูดเสียงดุเห็นอีกฝ่ายทำหน้าสลดลงจึงปิดแฟ้มลงแล้วจึงลุกขึ้นยืน “ขึ้นไปนอน”


            ภาสกรพยักหน้าทำตามเจ้าของห้องพูดไร้การโต้แย้ง เรื่องในวัยเด็กเขาเองก็จำรายละเอียดไม่ได้มากเท่าไหร่ จะทู่ซี้ยืนกรานถามไปก็คงไม่มีประโยชน์และต่อให้รู้มากกว่านี้ ยังไงก็ไม่มีผลกับตอนนี้อยู่ดี เขาล้มตัวลงนอนอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เวลานี้ก็จวนเจ็ดโมงควรจะเข้านอนเสียที


            อรรควัสที่เดินตามหลังอีกฝ่ายมาก็ไม่พูดอะไรเช่นกันนอกจากปลีกตัวหายเข้าไปในประตูลับเพื่ออาบน้ำให้ผ่อนคลายลงบ้าง ยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังพร่ำเพรื่อ แต่ดูสีหน้าของคนถูกดุนั่นสิ ทำไมต้องทำหน้าเสียใจและผิดหวังกับเรื่องแค่นี้ด้วย เจ้าของผับส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอาในใจ


            เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง ภาสกรนอนนิ่งเฉยอย่างเรียบร้อย อรรควัสจึงปิดไฟแล้วนอนลงที่ประจำอีกฝั่งของตนเอง อันที่จริงคิดว่าคนอ่อนวัยกว่าจะหลับไปแล้วเสียอีกถ้าหากไม่ได้สัมผัสถึงร่างกายที่เกร็งขึ้นอัตโนมัติ


            เด็กเอ๋ย เด็กน้อยแกล้งหลับก็ได้อย่างงั้นหรือ อรรควัสยิ้มเพียงนิดเดียวแล้วพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด

            “ตอนนั้นที่เธอเจอฉัน เธอคงเห็นแล้วว่าฉันกำลังถูกคนตามล่า...”

            “...”

            “พ่อของฉันติดหนี้ที่บ่อนพนันนั่น พวกเขาเลยตั้งใจมาจับฉันหวังว่าถ้าจับฉันได้พ่อจะหาเงินมาคืนเพื่อช่วยฉัน แต่หารู้ไม่ว่าพ่อฉันหนีไปแล้ว แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนเลยด้วยซ้ำ ฉันมาหาพ่อที่บ่อนเพราะก็คิดว่าเขาอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”

            “บอสมาจากที่ไหนครับ” ภาสกรอยากจะรอฟังเงียบ ๆ  แต่ก็อดรนทนไม่ไหวจึงถามออกไป

            “กรุงเทพฯ...ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ฉันติดต่อพ่อไม่ได้ก็เลยเสี่ยงดวงไปหาพ่อที่บ่อน”

            “แต่ก็ไม่เจอใช่ไหมครับ” คนฟังถามต่ออย่างรวดเร็ว

            “อืม ไม่เจอแถมยังซวยอีก” ภาสกรได้ยินเสียงหัวเราะดูแคลนของคนข้างกาย

            “แล้วตอนนี้พ่อของบอสอยู่ที่ไหนครับ”

            “ตายไปแล้ว”

            “ขอโทษครับ ผมเสียใจด้วย” ภาสกรไม่กล้าถามต่อถึงสาเหตุการตายกลัวจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป

            “ไม่เป็นไร เรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว วันที่เธอเจอฉันที่ห้องนี้คือวันตายของเขา” คำตอบสั้น ๆ  ของบอสหนุ่ม ทำให้ภาสกรกลั้นหายใจครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ  ผ่อนลมหายใจออกมา ขนแขนลุกชันขึ้นมาเล็กน้อย สาบานว่าไม่ได้กลัวเลย

            “ทะ..ที่ห้องนี้เหรอครับ”

            “คิดอะไรของเธอน่ะ กลัวหรือไง เขาไม่ได้ตายที่นี่หรอก”

            “งั้นเหรอครับ” ได้ยินดังนั้นภาสกรค่อยโล่งใจขึ้นมา

            “พ่อฉันติดเหล้าอย่างหนักสุดท้ายก็ตายเพราะเหล้า ทำให้ฉันเกลียดเหล้ามากที่สุด”

            “แล้วอย่างนั้นทำไมบอสถึงดื่มมันล่ะครับ” ภาสกรจำได้ว่าคืนแรกเขาเห็นบอสหนุ่มเมามายอย่างหนักเลยด้วยซ้ำ

            “ฉันดื่มเป็นเพื่อนเขา” อรรควัสแค่นเสียงตอบ


            ภาสกรจึงเข้าใจว่าทำไมตอนนั้นอรรควัสถึงขอแก้วเหล้าสองใบ ที่แท้ก็เผื่อสำหรับพ่อด้วย แต่ทั้งนี้ชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายดื่มให้พ่อบังเกิดเกล้าเพียงอย่างเดียว เพราะเขารู้สึกถึงความอ้างว้างและความเสียใจที่เกิดขึ้นอรรควัสได้

            “บอสคงคิดถึงท่านมาก” ภาสกรวัดจากตัวเอง เพราะเขาต้องคิดถึงคนที่จากไปแน่ ๆ

            “เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของฉัน และไม่เคยรู้สึกดีกับการจากไปของเขาเลยสักครั้ง เธอคิดว่ายังไงล่ะ”

            ภาสกรทำใจกล้าพลิกตัวกลับไปทางอีกฝ่าย “ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ”


            เขาถือวิสาสะวางมือบนแขนบอสหนุ่มก่อนจะตบเบา ๆ  สองสามทีเป็นการปลอบใจ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นระหว่างที่หนีคนตอนนั้น อรรควัสดึงแขนออกมาทำให้ภาสกรใจเสียเล็กน้อยที่ทำตัวจาบจ้วงอีกฝ่าย เขาจึงเตรียมชักมือกลับทว่ากลับถูกยึดมือเอาไว้

            “แผลเป็นนี่ ฉันเองต้องขอโทษด้วย” คนพูดลูบรอยจาง ๆ  นี้ไปพร้อม ๆ  กัน คนถูกลูบกำลังรู้สึกแปลก ๆ  กับความใกล้ชิดในลักษณะนี้

            “เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ” พอถูกขอโทษตรง ๆ  ภาสกรเลยอดเขินไม่ได้

            “เพราะฉัน..เธอเลยโดนลูกหลงไปด้วย”

            “ไม่ใช่สักหน่อย ผมต่างหากที่เข้าไปยุ่งเรื่องของบอสเอง บอสไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะครับ แผลเป็นนี่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากอะไรด้วย ดูเท่เสียอีกจะได้ดูเหมือนผ่านวีรกรรมอะไรมาสักอย่าง บอสเองก็มีเหมือนกันนี่ครับ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร หรือว่าบอสไม่ชอบครับ” ภาสกรเล่าด้วยน้ำเสียงติดตลก

            “เท่ยังไง รอยพวกนี้ไม่น่ามีอยู่บนตัวเธอเลยด้วยซ้ำ” คนถูกถามกลับไม่ตอบเรื่องที่อีกฝ่ายแกล้งเย้าถามเลือกพูดเรื่องของภาสกรแทน

            “ผมเป็นผู้ชายไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้วครับ” ภาสกรพยายามย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาไม่ได้ติดใจเรื่องแผลเป็นนี้จริง ๆ “อีกอย่างหนึ่ง ถ้าการที่ผมช่วยบอสในวันนั้นแล้วทำให้บอสมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเหมือนในเวลานี้ ผมก็คิดว่ามันคุ้มที่สุดแล้ว”

            “ภาสกร เธอ..” คำพูดจากเด็กใจดีในสายตาอรรควัสทำให้เขาอุ่นวาบในใจพลางดึงร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้น กระทั่งภาสกรเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ฉันเดาว่า แม่กับพี่สาวเธอคงปวดหัวกับการกระทำและคำพูดของเธอน่าดู เอาแต่ช่วยคนอื่นไปทั่ว”

            ถึงแม้ภาสกรจะตกใจที่ถูกดึงเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างกะทันหัน อย่างนั้นแล้วก็ไม่วายอมยิ้มเมื่อนึกถึงแม่กับพี่สาว “พี่พรีมบ่นประจำเลย ผมก็แค่ช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้นเอง ไม่ได้มากมายอะไร ว่าแต่บอสรู้ได้ไงครับ”

            “ฉันเองก็อยากบ่นเธอเหมือนกัน คำพูดของเธอนี่นะ”

            “คำพูดของผมมันทำไมครับ”

            “มันทำให้คนฟังรู้สึกแบบนี้น่ะสิ”


            บอสหนุ่มพูดจบก็บดริมฝีปากลงบนหน้าผากอีกคนทันที ภาสกรตกใจอีกครั้งกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหากเขาก็ไม่กล้าห้ามหรือส่งเสียงบอกอีกฝ่ายให้หยุด เพราะถึงแม้เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายหยุดแต่ริมฝีปากของภาสกรก็ไม่ว่างพอที่จะให้พูดเสียแล้ว






========================================




มาสายหนึ่งวัน งานเยอะมากจริงๆ ค่ะ โต้รุ่งกันยาวไป ขอโทษด้วยค่ะ

แล้วเจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ (พฤหัส ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด)


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ



ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
นึกว่าบอสจะปากหนักให้ตลอด  ในที่สุดน้องก็นึกออก   o18

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
เหมือนจะมีคนงอนนิดๆนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งพายจำพี่ชายได้แล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด