♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020  (อ่าน 64938 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetcandy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พายลูกกกก โดนเค้าจับได้เเล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
บอสร้าย น้อยพายตามไม่ทันเกมส์แน่นๆ

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รอติดตามตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :katai5: พี่เค้ารู้5555

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่แปด



“ไม่ต้องแกล้งหลับ ตื่นได้แล้ว” อรรควัสไม่ได้อธิบาย เขารู้ได้อย่างไรว่าภาสกรไม่ได้หลับ เขาไม่ได้เก่งขนาดมีญาณทิพย์หรือมองเห็นอะไรทะลุปรุโปร่ง แค่โยนหินถามทางไปเท่านั้น

“คะ..ครับ ขอโทษครับ” ภาสกรรีบลุกขึ้นนั่งทันที ไร้การอิดออด
         
“ตื่นแล้วแกล้งหลับทำไม”

“ผมกลัว ไม่กล้าด้วยเห็นบอสกำลังคุยอยู่” ภาสกรตอบด้วยใบหน้าสลดเช่นเดิม อยู่ต่อหน้าบอสคนนี้ทีไร จะมีครั้งไหนไหมที่ภาสกรจะทำหน้าตาแบบอื่นได้บ้าง

“เสียมารยาท”

“ขอโทษครับ” ภาสกรพูด และเป็นอีกครั้งถ้าอยู่ต่อหน้าบอส คำนี้ดูจะเป็นคำที่ถูกใช้ฟุ่มเฟือยเหลือเกิน

“ได้ยินแล้วใช่ไหมเรื่องที่จะให้มาทำชั้นยี่สิบเก้าด้วย”

“ผมไม่ถูกไล่ออกแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงแห่งความตื่นเต้นดีใจ

“ฉันเคยบอกพูดยังไง จำไม่ได้แล้วรึ” อรรควัสพูดเสียงเรียบ ภาสกรจึงรู้ตัวทันทีว่าเขาทำผิดอีกแล้ว

“ขอโทษครับ” ใบหน้ากลับมาสลดดังเดิม

“ถ้ายังไม่จำอีก ฉันจะไล่ออกจริงๆ”

“ไม่ครับ ผมไม่ลืมอีกแล้ว” เขารีบละล่ำละลักบอกกลัวจะถูกอัปเปหิกลับบ้านเกิดไปจริงๆ

“ตกลงจะไปทำงานที่ชั้นยี่สิบเก้าไหม” เจ้าของห้องถามซ้ำ

“ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับ” ภาสกรยกมือขึ้นนิดหน่อยแล้วถามออกไปอย่างหวาดๆ เขาเลือกที่จะถามไม่ใช่เพราะความกล้า แต่คำถามของอีกฝ่ายไม่ใช่การบังคับ ฟังดูเหมือนเขามีสิทธิ์เลือก

“อืม”

“ผมเลือกจะทำหรือไม่ทำก็ได้หรือครับ”

“ใช่”

“ถ้าผมไม่ทำแล้วจะมีปัญหากับงานไหม”

“ไม่มี ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็ให้คนอื่นมาทำ”

“แล้วถ้าผมทำล่ะ”

“เธอจะได้เงินเพิ่มเพราะฉันเพิ่มงานให้เธอ”

“งั้นผมตกลงทำครับ” ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ พอได้ยินผลตอบแทนเป็นตัวเงินเขาก็รีบตกปากรับคำทันที

“เดี๋ยววันนี้ตอนพัก ฉันจะสั่งอาเฉินมาแจกแจงรายละเอียดให้เธอฟัง”

“ครับ”

“ส่วนเรื่องเมื่อคืน?”

“ครับ” ภาสกรกลืนน้ำลาย นึกว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้ว

“คราวที่แล้วเธอไม่ได้ทำผิด ส่วนครั้งนี้หวังดีและทำไปเพราะความไม่รู้”

“...”

“หวังว่าฉันจะไม่เจอเธอบนนี้เป็นครั้งที่สามนะภาสกร”

“ครับ”  ภาสกรรับคำหนักแน่น เขาจะไม่ทำอีกแล้ว


เขาสาบาน!


ภาสกรไขกุญแจเข้าห้องพักอย่างเงียบเชียบกลัวจะทำให้เพื่อนร่วมห้องต้องตื่นขึ้นทั้งที่ไม่ใช่เวลาตื่น เขาทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“กลับมาแล้วเหรอ”

“อ้าว เราทำให้แกตื่นเหรอ โทษที”

“เปล่า เรานอนไม่ค่อยหลับ เป็นห่วงแก” นวพลลุกขึ้นเปิดไฟ ทำให้ทั่วทั้งห้องสว่างวาบขึ้นมา

“แกรู้เรื่องเราแล้วใช่ไหม”

“อืม ป้าเก๋บอกเราแล้ว”

“เราไม่รู้ว่าห้ามขึ้นไป”

“แกไม่ผิดหรอก เรื่องนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูจะไม่มีใครรู้เลยนอกจากคนข้างบนพวกนั้น” นวพลบ่นหัวเสียเล็กน้อย “แล้วโดนดุมากไหม”

“ไม่มาก”

“อย่าโกหกเรา”

“เปล่า เราพูดจริงๆ เราอาจจะมีภูมิต้านทานมากขึ้นก็ได้” ภาสกรแสร้งหัวเราะ เขาไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลในตัวเขามากไปกว่านี้

“แกโกหกไม่เก่ง”

การแสดงของภาสกรไม่เคยใช้ได้ผลกับนวพลเลยสักครั้ง เขาถูกจับได้ทันที

“เราขอโทษ”

“ไหวไหมเนี่ย เราเป็นห่วงแกจริงๆ นะเว้ย”

“ไหวสิ” ภาสกรยิ้ม “นี่เราได้งานพิเศษเพิ่มด้วยนะ”

“งานอะไร แค่นี้แกก็เหนื่อยมากแล้ว ยังจะหางานเพิ่มอีก”

“ไม่ต้องห่วง งานบนชั้นยี่สิบเก้านั่นแหละ บอสให้เราไปทำแทนคนเก่า เพิ่มเงินให้เราด้วย”

“แล้วแกก็ตกลง?” ภาสกรพยักหน้าอย่างแรง

“แน่นอน ได้เงินเพิ่มเชียวนะเว้ย ไม่เอาก็โง่สิ”

“ห้ามไม่ทันแล้วใช่ไหม ยังไงก็ระวังๆ ตัวด้วย” นวพลบอกอย่างอ่อนใจ

“อืม ขอบใจนะ”

“อาบน้ำแล้วก็เข้านอนเถอะ เราไม่กวนแล้ว” นพวลตบบ่าภาสกรสองสามทีเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะลุกกลับไปที่เตียงของตนเอง



หลังจากที่ตกปากรับคำจะยอมทำงานชั้นยี่สิบเก้า บอดี้การ์ดของบอสก็เรียกเขาไปรับทราบของการทำงาน ซึ่งงานก็ไม่มีอะไรมาก ยกอาหารขึ้นไปให้อีกฝ่ายที่ห้องตามเวลาก็พอ ในส่วนของเขาเนื่องจากเป็นกะดึก จึงเป็นแค่ขนมและเครื่องดื่มที่พอจะช่วยให้อิ่มท้องก่อนนอนเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่มื้อหนักอะไร


เขามีหน้าที่แค่ยกอาหารขึ้นไปให้เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ห้ามขึ้นไปเด็ดขาด!


ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำหนักแน่น เขาจะไม่ขึ้นไป สัญญาเลย


ทุกอย่างดูสงบ ไม่มีปัญหาแต่เขากลับหนักใจ


ภาสกรรู้ตัวว่าชอบผู้ชายตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น เขาจำไม่ได้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขารู้ตัว แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ชอบมองแค่ผู้ชายมาโดยตลอด ชายหนุ่มไม่เคยปิดบังเรื่องของตัวเองกับพี่สาวและมารดา ในวันที่เขาบอกทั้งสองคนออกไป แม่ดูตกอกตกใจ ในขณะที่พี่พรีมรับฟังอย่างสงบ


ภารวีบอกกับน้องชายว่าสมัยนี้จะรักชอบเพศไหนไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ ขอแค่รักกัน มีใจซื่อสัตย์ต่อกันและช่วยเหลือเกื้อกูลในยามทุกข์ยากก็เพียงพอแล้ว แม่ที่พอจะเริ่มทำใจได้ก็บอกต่อว่าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่บ้าน ไม่ว่าภาสกรจะรับชอบเพศไหน แม่ก็ยังเหมือนเดิม รักลูกชายคนนี้เหมือนเดิม


ชายหนุ่มคิดว่าเขาช่างโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจเรื่องเพศได้อย่างไม่มีปัญหา ทว่าปัญหาคือเขาขี้อายเกินไป ชอบใครก็ไม่เคยบอก ไม่มีความกล้าที่จะไปสารภาพหรือไปจีบคนอื่น ได้แต่แอบมองคนที่ชอบอยู่แบบนี้ กระทั่งจบปีสี่ก็เลยไม่มีแฟนกับเขาเป็นตัวเป็นตนสักที


แม่คอยกระเซ้าเย้าแหย่เขาเรื่องแฟนอยู่เนืองๆ แม้ว่าแม่จะไม่รังเกียจเรื่องที่เขาเป็นเกย์ แต่ในใจลึกๆ ของแม่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะหันกลับมาชอบผู้หญิงได้ในวันหนึ่ง


ปัญหาของภาสกรในตอนนี้คือเขาไม่กล้าสบตากับคุณอลันตรงๆ สักที เขาชอบคนง่าย เห็นใครหน้าตาน่ารัก ก็ชอบไปทั่ว แอบมองไปเรื่อยๆ ไม่แสดงตัว จนกระทั่งเจอคนใหม่ที่น่ารักกว่า เขาก็จะลืมคนเก่าแล้วไปชอบคนใหม่ทันที ภาสกรไม่ใช่คนใจโลเล แต่ที่เขาเปลี่ยนใจนั่นเป็นเพราะคนที่เขาชอบมักจะมีแฟนแล้ว เขาจึงต้องตัดใจแล้วไปหาคนใหม่


คุณอลันในความคิดของภาสกรนั้นดูน่าหลงใหล เส้นผมสีทองนั้นยิ่งทำให้เจ้าตัวเฉิดฉาย แสงจ้า จนตาแทบพร่ามัว อีกทั้งยังคุยเก่ง เขาขึ้นไปเสิร์ฟอาหารทีไร คุณอลันคอยชวนคุย แกล้งแหย่บ้าง ปัดมือมาโดนมือเขาบ้าง ดีที่ไม่ถูกตัวตรงๆ เพราะเขาสวมถุงมือตลอดเวลา เขาเองก็เขินไม่กล้าสบตาหรือตอบอีกฝ่ายไปตรงๆ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบขอตัวออกมาจากห้องโดยเร็ว


ข้อแรก เขาเขินอีกฝ่าย ข้อสอง คุณอลันเป็นของบอส ทำให้เขาตระหนักและสำนึกได้ว่าถ้าไม่อยากตายหรือถูกไล่ออก ก็ไม่ควรยุ่งกับคนของบอส


แต่คุณอลันน่ารักจังเลย ทำยังไงเขาถึงจะห้ามความคิดนี้ได้


ภาสกรไม่กล้าบอกใครเรื่องที่เขาชื่นชมคุณอลัน แม้กระทั่งกับนวพลเพื่อนสนิท เขาก็ไม่กล้าพูด กลัวเพื่อนจะเป็นกังวลเรื่องเขาเพิ่มขึ้นไปอีก


เขาทำงานหลักของตัวเองพ่วงด้วยงานชั้นยี่สิบเก้ามาได้สองเดือน ถึงเวลาเปลี่ยนกะอีกครั้ง คราวนี้เขาถูกเปลี่ยนให้ทำกะบ่ายตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืน เริ่มค่อยเหมือนเวลามนุษย์ปกติหน่อย และเขาต้องขึ้นไปส่งอาหารมื้อเย็นให้คุณอลันแทนจากมื้อดึก


วันนี้เป็นวันหยุดก่อนจะเริ่มงานกะใหม่ เมื่อคุยกับแม่และพี่สาวเสร็จแล้ว เขานั่งแกร่วอยู่ในห้อง ไม่รู้จะไปไหน เป็นอีกครั้งที่นวพลได้ไล่ภาสกรให้ออกไปข้างนอก ชายหนุ่มจึงออกมานั่งรับลมที่ท่าเรือหน้าคาสิโน เขาเริ่มเคว้งอีกครั้งไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี


สงสัยว่าต้องกลับไปขอข้าวป้าเก๋ในครัวทานแล้วก็นอน แล้วจึงเริ่มงานเวลาใหม่วันพรุ่งนี้ ช่างเป็นวงโคจรชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเสียจริง แต่ฟังดูน่าเบื่อ พูดถึงป้าเก๋ ช่วงนี้ภาสกรก็เรียนภาษาจีนกับป้าเก๋อย่างจริงจัง เขาเขียนภาษาจีนได้หลายตัวแล้ว เริ่มอ่านออกบ้างนิดหน่อย


รู้สึกเหมือนตัวเองเก่งขึ้นอีกนิด นิดเดียวก็ยังดี


ภาสกรเห็นสายน้ำสาดกระเซ็นมากระทบฝั่งเป็นระยะๆ เวลาที่มีเรือแล่นผ่านมา เขาชอบมองคลื่นฟองนั้นปะทุขึ้นก่อนจะสลายตัวลงไปในน้ำเหมือนเดิม หรือกลายเป็นวงน้ำกว้างบนพื้น มีคนมาใช้บริการที่ท่าเรือนี้ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคาสิโนทั้งนั้น ทุกคนลงเรือมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน


ทุกคนมาที่คาสิโน หวังว่าจะฟลุ๊ก รวยทางลัด พวกเขาจะรู้หรือเปล่าว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ไม่มีคนรวยเพราะการพนัน


เขาอยู่ที่นี่มาสี่เดือนเริ่มปลงกับเหล่านักพนันทั้งหลาย แรกๆ ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่เมื่อรู้ว่าคนนั้นที่หยิบเครื่องดื่มจากถาดเขาไปนั้นกำลังจะหมดตัวหรือบางคนก็แค่หมดเงินใช้ไปทั้งเดือน แต่ตอนนี้เขาคิดว่าถ้าเราไม่โลภ เราจะปลอดภัย ไม่ค่อยมีใครตาสว่าง กระทั่งไม่เหลืออะไรแล้วจึงรู้สึกตัว


สายลมเย็นยังพัดมาเรื่อยๆ ภาสกรเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากคาสิโน เนกไทถูกปลดต่ำ ชายเสื้อหลุดออกมาจากขอบกางเกง ที่แขนมีเสื้อสูทพาดอยู่บนนั้น มองแวบเดียวภาสกรก็พอเดาออกว่าคนนี้คงจะหมดเงินจากการเล่นแน่นอน


ภาสกรถอนหายใจ ภาวนาให้คนๆ นั้นรีบรู้สึกตัว


แต่แล้วดวงตาต้องเบิกกว้าง เขารีบลุกพรวดจากที่นั่งอยู่แล้ววิ่งอย่างรวดเร็วไปหาชายคนนั้นทันที


“คุณ!” ภาสกรดึงแขนผู้ชายคนนั้นไว้ได้ทันก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะโดดลงไปในน้ำ ผู้คนแถวนั้นต่างหันมาตามเสียงที่ได้ยิน

“ปล่อยผม!” คนที่ทำท่าจะโดดลงไปสะบัดแขนอย่างแรง แต่ภาสกรก็ยื้อไว้ ถึงเขาจะไม่ใช่คนตัวใหญ่นัก ทว่าก็มีแรงไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แล้วแขนสองข้างเนี่ย แบกถาดมาตั้งสี่เดือนจะไม่มีแรงได้อย่างไร

“ไม่ครับ คุณจะทำอะไร”

“ปล่อย ผมไม่อยากอยู่แล้ว”

“ไม่ได้ครับ ถ้าคุณไม่อยู่ต่อแล้วครอบครัวคุณล่ะ เขาจะอยู่ยังไง” ภาสกรรีบหาเหตุผลมาดึงรั้งอีกฝ่าย เขาพยายามลากอีกฝ่ายให้ออกมาจากน้ำให้มากที่สุด แต่คนที่กำลังขาดสติก็แรงเยอะไม่เบา

“ช่างหัว ผมไม่มีบ้านอยู่แล้ว”

“เข้ามาก่อนครับ” ภาสกรพยายามออกแรงดึงอีก

“ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ” อีกฝ่ายเริ่มจะหมดแรง จึงพูดอ้อนวอนขอความเห็นใจ

“ไม่ครับ คุณอย่าทำแบบนี้เลย มันบาปนะครับ” ภาสกรพูดไปตามความเคยชิน เอะอะอะไรก็โยงเข้าบาปบุญไว้ก่อน

“ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้น”

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยู่ดีครับ” ภาสกรพูดโดยไม่สนใจ

“...”

“ลูกเมียคุณรอคุณอยู่นะครับ”

“ปล่อยผมไปเถอะ พวกเขา...ที่บ้านต้องเกลียดผมมากแน่ๆ” ชายคนนั้นพูดอย่างปลงตก แรงถดถอยออกไป แต่ภาสกรยังไม่ไว้ใจ เขาจับแขนอีกฝ่ายแน่นเหมือนเดิม

“...”

“แค่เงินจะกลับไป ตอนนี้ผมยังไม่มีเลย”

“คุณอยู่ที่นี่เหรอครับ” ภาสกรถามออกไป

“อืม”

ภาสกรละมือข้างหนึ่งออกมา ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบธนบัตรออกมาสองสามใบ

“ผมมีติดตัวมาเท่านี้” เขาบอกพลางยื่นให้

“ให้ผมทำไม” ชายคนนั้นถามกลับด้วยความสงสัย

“อย่างน้อยก็เอาเงินนี่ไปเป็นค่ารถกลับบ้านนะครับ” ภาสกรบอกอย่างใจดี

“เราไม่รู้จักกัน”

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ไม่รู้จักกันก็ไม่เป็นไร” ภาสกรบอกพลางยิ้มให้อีกฝ่ายมากกว่าเดิม

“รับไว้เถอะนะครับ” ภาสกรยัดเงินนั้นใส่มือ

“เงินแค่นี้มันไม่พอหรอก ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว” ชายคนนั้นปฏิเสธและออกแรงจะพุ่งไปในน้ำอีกครั้ง เสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มฝูงชนดังขึ้นอีกด้วยความตกใจ

“อย่าโดดลงไปเลยนะครับ” ภาสกรออกแรงดึงอีกครั้ง เขาเริ่มใกล้จะหมดแรง

“ไม่เอา ผมไม่อยากอยู่แล้ว!” แต่ครั้งนี้แรงคนคิดสั้นมากกว่าเดิม ทำให้ภาสกรเริ่มจะจับอีกฝ่ายไม่อยู่

“เอาไงดีครับบอส” อาเฉินถามบอส ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนเห็นเหตุการณ์ยื้อยุดของคนสองคนอยู่ข้างหน้าไม่ไกล

“เข้าไปช่วยภาสกร แล้วคนนั้น ถ้ามันอยากตายก็ปล่อยมันไป”

“ครับ”



คล้อยหลังบอดี้การ์ด ใบหน้าของบอสหนุ่มเจ้าของคาสิโนที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับแค่นเสียงออกมาด้วยความขัดใจ





“เหอะ ใจดีไม่เปลี่ยน”






===================

แปปเดียวทำงานมาสี่เดือนแล้วนะพาย

#พนันท้ารัก

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พายใจดี อยากให้มีคนแบบพายทั้งโลกเลย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :mew1: ใจดีจังงง จะเดือดร้อนไปด้วยไหมเนี่ยย

ออฟไลน์ วายๆได้ใจจุงเบย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบ
อยากอ่านต่อแล้วอะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พายคนดีจะเป็นอะไรมั้ย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ความใจดีของน้องนี่แหละที่จะทำให้บอสใจสั่น
 เชื่อเจ้!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่เก้า



“เหอะ ใจดีไม่เปลี่ยน”


อรรควัสก้าวเดินตามหลังบอดี้การ์ดสองคนไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ วันนี้เขาลงมาหน้าคาสิโนเพื่อมาส่งแขกคนสำคัญด้วยตนเอง จึงถือโอกาสตรวจตราบริเวณด้านหน้าของคาสิโนไปด้วย ไม่นึกว่าจะมาเจอภาพอะไรแบบนี้เข้า


เจ้าของคาสิโนเห็นภาสกรนั่งอยู่ที่ตรงม้านั่งตั้งแต่แรก เขาไม่ได้คิดจะเข้าไปคุยเพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมาพูดคุยกับพนักงานคนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปทำงานต่อ หูพลันได้ยินเสียงเจ้าเด็กนั่นโวยวายดังขึ้นเสียก่อน


เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่ไม่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย หากเดาไม่ยากว่าภาสกรคงจะพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้คนคนนั้นคิดสั้น


ทำไมต้องพาตัวเองไปวุ่นวายทุกเรื่องด้วย


“อย่าเลยนะครับ ลูกเมียคุณต้องเสียใจแน่ๆ” ภาสกรพยายามกล่อมอีกฝ่ายไม่หยุด

“ปล่อย!บอกให้ปล่อยได้ยินไหม กูอยากตาย” คนคิดสั้นสะบัดแขน ออกแรงดิ้นอย่างเต็มที่ ภาสกรเริ่มต้านทานแรงอีกฝ่ายไม่อยู่

“อย่าเลยครับ”

“ถ้าเขาอยากตายก็ปล่อยเขาไปสิ” เสียงใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับมือที่จับแขนของภาสกรเอาไว้ ชายหนุ่มหันไปมองด้านข้าง

“อาเฉิน?”

“ปล่อยมือผมครับ ผมต้องช่วยเขา” ภาสกรบอก ขืนเป็นแบบนี้ คนนั้นต้องโดดลงไปแน่นอน

“เขาไม่ต้องการให้ช่วย ไม่เห็นหรือไง” อาคุณพูดขึ้นบ้างก่อนจะจับแขนอีกข้างของภาสกรไว้

“ไม่ได้ครับ” ภาสกรโต้เถียง พยายามสลัดแขนให้หลุดจากการถูกเกาะกุม แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วนผู้ชายคิดสั้นกำลังงงที่เห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาดึงภาสกรออกไป

“ปล่อยผมนะครับ เราควรช่วยเขา” ภาสกรมองใบหน้าสองคนสลับกันซ้ายขวา

“อย่าเข้าไปวุ่นวายเรื่องของคนอื่น” อาเฉินบอกเสียงเข้ม

“ถ้าเราเห็นคนจะฆ่าตัวตายแล้วไม่ช่วยมันผิดกฎหมายนะครับ” ชายหนุ่มเอากฎหมายขึ้นมาอ้าง

“ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย” ภาสกรหมดหนทางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้กฎหมายของบ้านเกิดเขาด้วย

“ผมขอร้อง ช่วยเขาเถอะครับ” ภาสกรอ้อนวอน เขาทำใจเห็นคนตายไปต่อหน้าไม่ได้จริงๆ แล้วคนอื่นๆ ทำไมไม่ช่วยผู้ชายคนนี้ล่ะ ยืนดูอยู่เฉยๆ ทำไม

“คุณ อย่าโดดนะ” ภาสกรตัดสินใจตะโกนบอก ชายคิดสั้นเริ่มถอยหลังออกไปเรื่อยๆ จนใกล้ขอบฝั่งเข้าไปทุกที ทุกที

“...”

“ชีวิตมีค่ามากนะครับ” ภาสกรเกลี้ยกล่อมหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเขา

“ไม่เหลืออะไรก็ไร้ค่า” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังภาสกร ชายหนุ่มตกใจแต่มองไม่เห็นคนพูด เขาไม่ต้องสงสัยนาน อาเฉินก็เฉลยบุคคลปริศนานั้นให้ภาสกรได้ทราบ

“บอสครับ”

“อืม”

“เราจะทำยังไงกับพนักงานนี่ดีครับ”

“วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”

“ขอร้องล่ะครับ ช่วยเขาเถอะ” ภาสกรอ้อนวอน

“ทำไมต้องเป็นทุกข์ร้อนเรื่องคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ดีกว่าหรือไง”

“ถ้าเราช่วยเขาได้ ทำไมเราถึงไม่ช่วยเขา ผมขอร้อง ช่วยเขาด้วยเถอะครับ” ภาสกรอยากทรุดลงไปกับพื้น แต่แขนของเขาถูกดึงเอาไว้ทำให้เขายืนเหมือนคนหมดแรง

“วันนี้ช่วยได้คนหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้ แล้ววันต่อๆ ไป ต้องมาช่วยอีกไหม” อรรควัสถามกลับ

“ผมไม่รู้หรอก รู้แค่วันนี้เราช่วยได้เท่านั้นก็พอ”

“ช่วยคนติดการพนัน หึ!ไร้ประโยชน์ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาไม่อยากอยู่”

“...”

“อาเฉิน พาภาสกรขึ้นไปห้องฉัน” อรรควัสออกคำสั่ง เขาไม่อยากฟังเสียงคร่ำครวญของอีกฝ่ายมากไปกว่านี้

“ครับบอส” สองบอดี้การ์ดรับคำก่อนจะดึงหรือแทบจะเรียกว่าลากชายหนุ่มออกไปตามคำสั่ง

“ปล่อยผมนะครับ ช่วยเขาด้วยนะครับ” ภาสกรโวยวาย

อรรควัสส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเสียงอ้อนวอนของภาสกรหายเงียบไปแล้ว นัยน์ตาหวานแต่ไร้ความเมตตามองไปที่คนกำลังจะฆ่าตัวตาย

“นายน่ะ อยากตายมากเหรอ”

“ใช่ แกใช่ไหมที่เป็นเจ้าของคาสิโนนี่”

“อืม”

“แกมันหน้าเลือด แกมันโกง” คนคิดสั้นชี้หน้าด่าอรรควัสอย่างอัดอั้น

“คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อคนฉลาด” อรรควัสไม่ได้โกรธ ตลอดเวลาที่เขาอยู่แวดวงนี้ ใครๆ ก็พากันสรรเสริญเขามากมาย จนคำพวกนั้นเหมือนเป็นคำพูดของแมลงหวี่แมลงวันไปเท่านั้น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ

“ถ้ายังอยากตาย ปล่อยให้ลูกเมียลำบากก็โดดไป แต่ถ้าอยากทำงาน มีเงินใช้ ดูแลลูกเมียที่บ้านได้ก็ตามฉันมา”

“...”

“ตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน ชีวิตของใคร คนนั้นก็รับผิดชอบเอง” อรรควัสพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่ยังยืนอยู่อีกหนึ่งคน

“อาคุณ”

“ครับ”

“รอดูทีท่าเขา ถ้าอยากตายก็ปล่อยไปแต่ถ้าไม่ ก็หางานให้เขาทำด้วย”

“ครับ” อาคุณรับคำ วันนี้บอสคงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ




...
“รออยู่บนนี้ แล้วทำตัวดีๆ อย่าทำให้บอสต้องโมโห” อาเฉินสั่งทิ้งท้ายก่อนจะออกไปจากห้อง ภาสกรอยากจะลงไปที่ท่าเรืออีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าป่านนี้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร


ชีวิตคนทั้งคน อย่าทำให้มันไร้ค่าแบบนี้สิ


ชายหนุ่มนั่งบีบมือไปมา จิตใจกระสับกระส่าย ใจหนึ่งก็อยากจะออกไปจากที่นี่ อีกใจหนึ่งก็กลัวบอสจะมาไล่ออก โทษฐานขัดคำสั่ง ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้


เอายังไงดี?


เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ภาสกรลืมอาการฟุ้งซ่านไปชั่วคราว เขาหันไปมองผู้มาใหม่ คนนั้นเป็นเจ้าของห้องนี้และยังเป็นเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ด้วย ใบหน้าของคนที่เพิ่งเข้ามาถมึงทึง ไม่ยิ้มแย้ม ภาสกรกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ อรรควัสกลับเข้าไปนั่งที่ประจำตัวเอง ภาสกรเดินมายืนที่หน้าโต๊ะอีกฝ่ายโดยไม่ต้องสั่ง


“สงบสติอารมณ์ได้หรือยัง” นั่นคือประโยคแรกที่เจ้าของห้องถามขึ้น

“เอ่อ...แล้ว” ภาสกรเตรียมจะถามถึงคนคิดสั้น แต่สมองสั่งให้หยุดไว้ถ้ายังอยากอยู่รอดปลอดภัย เมื่อที่บอสถาม เขาต้องตอบ คำนี้มันผุดขึ้นมาช่วยเขาได้ทัน

“ครับ” เขาตอบรับอย่างสงบเสงี่ยม

“ดี”

“บอสครับ” ในเมื่อเขาตอบคำถามแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะถามหรือเปล่า

“ฉันยังไม่อนุญาตให้ถาม”

“ครับ” ภาสกรก้มหน้าลง มองมือที่ยังบีบกันแน่น

“รู้ไหมท่าเรือตรงนั้น วันวันหนึ่งมีคนฆ่าตัวตายกี่คน”

“เอ๊ะ เหรอครับ” ภาสกรตกใจ เงยหน้ามองคนพูด

อรรควัสเหลือบมองคนที่ทำราวกับไม่รู้เรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิตแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความเบื่อหน่าย

“วันหนึ่งมีคนคิดสั้นไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เธอพยายามดิ้นรนจะช่วยเขาแทบเป็นแทบตายเป็นคนที่เท่าไหร่ของวัน”

“...”

“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าการช่วยเหลือคนที่จะตายมันเป็นสิ่งที่ดี แต่หยุดเข้าไปวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า”

“ทำไมล่ะครับ”

“มนุษย์ทุกคนล้วนมีความโลภ และยิ่งเป็นคนจนตรอกไร้หนทาง ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะกล้าทำอะไรบ้าง ถ้าวันนี้เธอช่วยเขาสำเร็จ แต่พ้นจากตรงนี้ไปแล้วเขาไปฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ล่ะ เธอจะดีใจไหม”

ภาสกรส่ายหน้า

“แน่นอนไม่มีใครดีใจหรอก เธอคงอยากจะเถียงฉันว่าเขาคงไม่ทำอย่างที่ฉันคิดก็ได้ ถูกไหม”

“ผมเปล่า” ภาสกรรีบบอกปัด ทั้งที่ในใจเพิ่งนึกเถียงอีกฝ่ายอยู่เมื่อสักครู่นี้

“หน้าเธอมันฟ้องว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันพูด”

“แล้วตอนนี้เขายังอยู่ไหมครับ” ภาสกรเลี่ยงคำว่าตายเอาไว้ เขาไม่อยากให้คนนั้นตายเลย

“ฉันอนุญาตให้ถามตั้งแต่เมื่อไหร่” อรรควัสบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“ขอโทษครับ” ภาสกรยกมือไหว้ตามความเคยชิน “แต่ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นยังไง”

“ฉันไม่รู้” คำตอบของอรรควัสทำให้ภาสกรแปลกใจ จะไม่รู้ได้อย่างไร ก็อรรควัสอยู่ในเหตุการณ์เหมือนกันไม่ใช่หรือไง

“แต่...บอส”

“ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือตาย เพราะฉันเดินออกมาก่อน” อรรควัสเฉลย
       
“ถ้างั้นผม...”


ก๊อก..ก๊อก..


“เข้ามา” อรรควัสอนุญาต เป็นอาคุณที่เดินเข้ามายืนข้างๆ กับภาสกร

“ว่าไง”

“เขายอมทำงานกับเราแล้วครับ”

“อืม” อรรควัสเปลี่ยนมามองภาสกรอีกครั้ง “ได้ยินหรือเปล่า”

“ครับ?” ภาสกรดูยังไม่เข้าใจ

“อาคุณ” บอสขี้เกียจเป็นคนพูดจึงให้อาคุณพูดแทนตัวเอง

“คนที่นายตั้งใจจะช่วย เขายังไม่ตายและยอมทำงานกับเรา”

“จริงเหรอครับ!!ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ” ภาสกรทั้งไหว้ ทั้งโค้งตัวเป็นการใหญ่เพื่อแสดงความขอบคุณคนทั้งคู่

“ไม่ต้องขอบคุณ เพราะเธอจะต้องเป็นคนดูแลหมอนั่นเอง”

“ได้ครับๆ” ภาสกรรีบรับปากผงกหัวทันทีโดยไม่อิดออด




...

“พี่แอนดี้กำลังจะออกกะเหรอครับ” ภาสกรถามคนที่กำลังจะสแกนนิ้วเลิกงาน

“ใช่” แอนดี้ หลิน หรือหลินจื่ออิง คือชายหนุ่มอายุสามสิบปีที่ภาสกรช่วยเขาไว้ไม่ให้กระโดดน้ำตาย ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นแอนดี้ก็เข้ามาทำงานในคาสิโนนับแต่นั้นมาและได้ภาสกรคอยช่วยแนะนำงานให้

“แล้วนายล่ะ”

“เหมือนเดิมครับ” เหมือนเดิมของภาสกรคือชายหนุ่มกำลังแสกนนิ้วเข้างานในกะบ่ายของตน ก่อนจะถามต่อเมื่อเห็นล็อกบันทึกเข้างานเรียบร้อยแล้ว “พี่เริ่มปรับตัวได้หรือยังครับ”

“เริ่มชินขึ้นบ้างแล้วล่ะ ก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วนี่นะ” แอนดี้หัวเราะ

“ถ้าพี่ไม่รีบกลับ ไปกินข้าวกับผมก่อนไหม จะได้เอาปิ่นโตไปฝากเด็กๆ ที่บ้านด้วย” ภาสกรเอ่ยชวน

“เอาสิ เริ่มหิวนิดๆ เหมือนกัน”


ภาสกรกับแอนดี้เดินเข้ามาในโรงอาหารใหญ่ด้วยกัน พวกเขาแยกย้ายไปเลือกอาหารที่ตนเองต้องการก่อนจะกลับมาหาที่ว่างนั่งอยู่บริเวณนั้น

“หน้าพี่ดูสดใสขึ้นแล้วนะเนี่ย” ภาสกรแซวเพราะเห็นคนตรงข้ามมีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอยู่แทบตลอดเวลา

“อืม ขอบใจพายมาก ถ้าไม่ได้พายช่วยวันนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จะเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรครับ แค่พี่โอเค ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว” ภาสกรบอกพลางยิ้มตาแทบปิดส่งกลับไปให้ เขารู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ช่วยเหลือคนได้ และยิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าคนที่เขาช่วยไว้กำลังจะมีชีวิตหรืออนาคตที่ดีต่อจากนี้

“เอ๊ะ พาย นั่นรอยอะไร” แอนดี้สังเกตเห็นที่แขนซ้ายของภาสกรมีรอยขีดสีขาวจางๆ

“อ๋อ” คนถูกถามยกแขนขึ้นมาเล็กน้อย “รอบแผลเป็นน่ะครับ”

“จะไม่เป็นไรใช่ไหม” แอนดี้ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะลดเสียงเบาลง “พี่หมายถึงกฎระเบียบ”

“ไม่ต้องห่วงครับ เวลาทำงาน ปกติผมจะดึงแขนเสื้อมาปิดอยู่แล้ว แต่วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนผมเลยถกแขนเสื้อขึ้นมา”

“อืม ระวังหน่อยล่ะ พี่ไม่อยากให้คนเห็นเยอะ กลัวคนจะพูดในทางที่ไม่ดี”

“ขอบคุณมากครับ” ภาสกรบอกจากใจ ก่อนจะทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายดึงแขนเสื้อลงมาแล้วกลัดกระดุมที่ข้อมืออย่างเรียบร้อย

“โอเคหรือยังครับ” ภาสกรถาม

“ดีแล้วล่ะ”

“พี่ชอบงานที่นี่ไหม” ภาสกรถามขึ้นเมื่อข้าวบนจานพร่องไปครึ่งจาน

“ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียดล่ะนะ ยังไงก็มีงานทำ”

“จริงครับ” ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วย

“พายล่ะ ชอบงานที่นี่เหรอ” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ไม่เชิงหรอกครับ แต่ที่นี่ได้เงินเยอะ ถ้าผมอยู่ที่เมืองไทย เงินเดือนก็คงจะไม่กี่บาทเท่านั้น ไม่พอใช้”

“พี่ไม่ยักรู้ว่าพายจะใช้เงินเก่ง” แอนดี้หัวเราะเล็กน้อยระหว่างถามคำถาม

“เปล่าครับ เห็นผมเป็นคนยังไง คือแม่ผมป่วย ก็เลยอยากหาเงินให้ได้เยอะๆ มารักษาแม่ก็เท่านั้นเอง”

“น่านับถือๆ” แอนดี้พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ลูกกตัญญู ดีแล้วละ ดีแล้ว เก่งมาก”

“พี่พูดเสียจนผมเขินเลย” ภาสกรก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความอาย พอถูกชมตรงๆ แบบนี้เขาก็แสดงสีหน้าไม่ถูกเลย

“เขินทำไมกันเล่า ทำดีต้องชื่นชม”

“ไม่เอาแล้วครับ พี่อย่าชมผมอีกเลย”

“ตกลงๆ แล้วแม่พายป่วยเป็นอะไรล่ะ”

“โรคไตน่ะครับ ต้องฟอกไตบ่อยๆ”

“ที่นั่น เอ่อ เมืองไทยใช่ไหม ค่ารักษาคงแพงมากใช่ไหม” แอนดี้ถามอย่างไม่แน่ใจเพราะเขาไม่ค่อยรู้จักประเทศไทยมากมายนัก

“ก็ประมาณนั้นครับ” ภาสกรแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่รู้ว่าค่ารักษาที่เมืองไทยพอเทียบเป็นสกุลเงินที่นี้แล้วจะยังถือว่าแพงหรือเปล่า

“ถ้าพายขาดเงินล่ะก็” แอนดี้ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกใครบางคนขัดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของตนเองเสียก่อน

“อ้าว พายมาทำงานแล้วเหรอ เรานั่งกินข้าวด้วยคนสิ สวัสดีครับพี่แอนดี้” เจหรือเจษฎาเป็นเพื่อนกับนวพลมาก่อน เมื่อภาสกรเข้ามาทำงานที่นี่ นวพลจึงแนะนำเพื่อนที่เขาค่อนข้างสนิทด้วยให้รู้จัก

“หวัดดี”

“เอาสิ” ภาสกรตอบพลางตบที่นั่งข้างตัวให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอาข้าวก่อน”

“อืม” ภาสกรรับคำเพื่อนก่อนจะถามแอนดี้ “ตะกี้พี่พูดอะไรนะครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก งั้นพี่ไปก่อนนะ”

“อิ่มแล้วเหรอพี่”

“ใช่”

“พี่จะไปรับลูกเหรอ” ภาสกรถามต่อ

“อืม”

“ครับ พี่แอนดี้อย่าลืมเอาปิ่นโตไปนะครับ”

“ไม่ลืมหรอก พี่ไปนะ” แอนดี้โบกมือให้ก่อนจะเดินออกไป

“ครับ แล้วเจอกัน”

เมื่อเจษฎากลับมาอีกทีก็เห็นเพียงเพื่อนใหม่ของตนนั่งอยู่คนเดียว “พี่แอนดี้ล่ะ?”

“กลับไปแล้ว บอกว่าจะไปรับลูก”

“ลูก?ลูกที่ไหน”

“ทำไมเหรอ” ภาสกรถามด้วยความแปลกใจ

“วันก่อนเพิ่งเห็นพี่แอนดี้บอกกับพนักงานอีกคนว่ายังไม่มีครอบครัวเสียหน่อย”

“ใช่เหรอ แต่พี่เขาบอกเราเองเลยนะว่ามีลูกมีเมียแล้ว”

“พายแน่ใจ?”

“แน่ใจสิ”

“งั้นเราอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้ ไม่ต้องสนใจที่เราพูดไปก่อนหน้านี้แล้วกัน” เจษฎาตัดบทเมื่อเห็นภาสกรมีสีหน้าสงสัยพลางขมวดคิ้ว

“เจอย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”








========================





บ้าน่า ไม่มีอะไรหรอก



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อะไรอ่ะ ตกลงมีหรือไม่มี หรือวางแผนอะไรไว้ ฮืออออ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
วางแผนจีบพาย งั้นก็ดีซิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หนอนบ่อนไส้รึเปล่า

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
แอนดี้ อะไรยังไงเนี่ย คุณบอสขาา ต้องดูแลพายเยอะๆเลยนะคะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายไปนานจังเลย

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


วงล้อที่สิบ


“คนที่มาใหม่เป็นไงบ้าง” อรรควัสเอ่ยถามบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนรายงานเหตุการณ์ข้างล่างในแต่ละวันอยู่ห้องทำงานของตัวเองพลางอ่านเอกสารในมือไปด้วย

“คนที่พาย เอ่อ ขอโทษครับ คนที่ภาสกรช่วยไว้ใช่ไหมครับ” อาคุณเรียกชื่อเล่นของภาสกรก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่สมควรพูดจึงรีบขอโทษ

“ดูท่าทางนายจะสนิทกับพนักงานนั่นดีนะ” อรรควัสเปรยขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้นไม่ได้ต้องการจะตำหนิแต่อย่างใด

“ตั้งแต่ที่พาย เอ่อ ภาสกรขึ้นมาดูแลคุณชั้นยี่สิบเก้าเลยได้พูดคุยกันมากกว่าเดิมครับ” และรีบพูดเรื่องที่เจ้านายถามแต่แรกต่อทันที

“ถ้าพนักงานคนนั้นชื่อแอนดี้ หลิน ครับ เขาดูแข็งขัน เอาการเอางานดี ภาสกรเองก็สอนงานให้อย่างตั้งใจ” อรรควัสสะดุดหูในน้ำเสียงของอาคุณจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย

“อาคุณดูจะชื่นชมเด็กนั่นมากเหลือเกินนะ” เจ้าของคาสิโนวางกระดาษในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าทั้งสอง

“ภาสกรเป็นเด็กนิสัยดีครับบอส”

“เด็กนั่นดูจะมีอะไรดีถึงขนาดทำให้อาเฉินและอาคุณเอ่ยชม” ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่สองบอดี้การ์ดจะยกยอหรือชื่นชมใครแบบนี้

“ขอโทษครับบอส” อาเฉินและอาคุณรีบขอโทษบอสหนุ่มเพราะคิดว่าตัวเองได้พูดอะไรที่ไร้สาระออกไป

“ไม่ต้องขอโทษ พวกนายไม่ได้ทำผิดอะไร ฉันก็แค่แปลกใจเฉยๆ ที่เด็กใหม่นั่นทำให้นายสองคนเอ่ยปากได้ถึงขนาดนี้”

“ภาสกรไม่ใช่เด็กใหม่แล้วครับบอส เขาทำงานกับเราครบหกเดือนแล้ว” อาเฉินยิ้มออกมานิดหน่อย

“หืม..ครึ่งปีแล้วเหรอ คิดว่าจะไม่รอดตั้งแต่เดือนแรกเสียอีก” อรรควัสยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายเยาะหยันบุคคลที่สาม

“ถึงจะดูเหมือนเป็นเด็กไม่ทันคนแต่ก็ตั้งใจทำงานและชอบช่วยเหลือคนอื่นครับ คนในครัวเอ็นดูภาสกรมากเลยทีเดียว”

“รู้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ พวกนายคงสนิทกับภาสกรอะไรนั่นจริงๆ เอาเถอะๆ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าพวกนายจะสนิทสนมกับใคร แต่อย่าให้เสียงานเสียการก็พอ”

“ครับ แล้วบอสถามพวกเราเรื่องแอนดี้ทำไมครับ”


“จับตาดูเขาให้หน่อย”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ แอนดี้ทำงานดี ตั้งใจ ไม่น่ามีอะไร” อาเฉินโพล่งถามขึ้นมาด้วยความกังวล

“เพราะแบบนั้นฉันถึงกังวล” อรรควัสพูดเบาๆ “ส่งคนของเราจับตามองเขาทุกฝีก้าว แม้กระทั่งหลังเลิกงานก็ตาม”

“ครับบอส”

“ยังมีอีกเรื่อง”

“ครับ”

“บอกอลันด้วยว่าคืนนี้ฉันจะลงไปที่นั่น”

“ครับ” สองบอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง





...

“พายเอ๊ย พาย” เสียงเรียกชื่อของภาสกรจากป้าเก๋ดังขึ้นที่หูของเขา

“ครับ” เขากรอกเสียงลงไป

“มายกถาดพวกนี้ไปให้คุณข้างบนหน่อยลูก”

“ได้ครับ ป้าเก๋” ภาสกรวางถาดไว้ที่เคาท์เตอร์ก่อนจะรีบไปที่โรงครัวอย่างรวดเร็ว


ชายหนุ่มรับถาดที่วันนี้ดูมีขนาดใหญ่กว่าปกติขึ้น ก่อนจะกดลิฟต์แล้วเลือกชั้นตามที่ต้องการทันที แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะถาดมีขนาดใหญ่แต่ก็เขาก็สามารถประคองถาดและทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ภาสกรกดกริ่งเมื่อเท้าของเขาหยุดอยู่ประตูหน้าห้องเพียงห้องเดียวบนชั้นนี้

“พายมาแล้ว” อลันยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูออกมา

“ครับ คุณอลัน” ภาสกรเองก็ยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายเช่นกัน ภาสกรรู้สึกตาพร่าทุกครั้งที่ได้เห็นคนในห้อง อลันเหมือนแสงอาทิตย์เจิดจ้าจริงๆ

“เข้ามาก่อน ถาดใหญ่จัง คงจะหนักน่าดู” เจ้าของเส้นผมสีทองถามอย่างเป็นห่วงระคนขบขันที่เห็นภาสกรถือถาดที่ใหญ่กว่าตัวไปมากโข

“ไม่หนักหรอกครับ แค่นี้สบายมาก” ภาสกรบอกไม่เกินจริงเพราะเขาต้องแบกถาดเครื่องดื่มทุกวัน ตอนนี้เขาสามารถถือได้ทั้งมือซ้ายและขวาได้เป็นอย่างดี

“จริงอะ?”

“จริงสิครับ ผมจะโกหกคุณอลันทำไม” ภาสกรกำลังยกจานออกมาวางบนโต๊ะด้วยระหว่างที่พูดตอบไป อลันเหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่เขาเบิกบานใจได้ทุกครั้ง

“พายน่ารักจัง”

“คะ..ครับ?” ภาสกรเขินเล็กน้อยถึงกับพูดตะกุกตะกัก เขายังไม่ชินเวลาที่ถูกอลันพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบนี้ แต่เขาเริ่มมีภูมิต้านทานบ้างแล้วว่าอลันไม่ได้ชมเขาหรอก อลันชอบแกล้งเขา

“คุณอลันชมขนมใช่ไหมล่ะ” ภาสกรบอกอย่างรู้ทัน “ไม่รู้ทำไม ผมยกอาหารมาให้คุณอลันทีไร ต้องมีพายทุกครั้งเลย”

“พายน่ารัก” อลันพูดอีกครั้ง “อันนี้ชมพายที่เป็นคนพูดได้ไม่ใช่ขนม” ภาสกรหน้าแดงเมื่อได้ยินจนจบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอลันชมซึ่งหน้า

“คุณอลันชอบพูดแกล้งผม ผู้ชายน่ารักไม่ได้หรอกครับ”

“ไหนดูสิ มีอะไรกินบ้าง” อลันพอเห็นพนักงานหนุ่มมีท่าทางเก้อเขินอย่างหนัก เขาก็ไม่แกล้งเจ้าตัวต่ออีก

“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมคุณอลันถึงสั่งอะไรมาทานเยอะแยะครับ” ภาสกรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะนอนไม่สบายถ้าทานอาหารเข้าไปมาก

“เป็นห่วงผมเหรอ” อลันโปรยยิ้มให้ภาสกรใจเต้นอีกครั้ง

“เอ่อ..ผม”

“เขินง่ายจัง”​ อลันโบกมือ “เอาละๆ ไม่แกล้งแล้ว”

“ครับ” ภาสกรหายใจหายคอโล่งขึ้นมาบ้าง

“ไม่ต้องห่วงหรอกที่ผมสั่งมาเยอะแยะนี่ไม่ได้กินคนเดียว”

“เพื่อนเหรอครับ?” ภาสกรถามพาซื่อ

“พูดอย่างกับไม่รู้จริงๆ เหรอว่าใครจะเข้ามาในห้องนี้ได้บ้าง” อลันหัวเราะ ภาสกรรีบประมวลผลในสมองก่อนจะนึกได้

“คุณอรรค!” เขาโพล่งชื่อที่อยู่ในหัวออกไปอย่างที่คิด

“ใช่ ฉันเอง มีปัญหาอะไร” เจ้าของชื่อที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนนั้นก็ได้ยินเสียงของใครสักคนเรียกชื่อตัวเองจึงหันไปตามเสียงและพบว่าเป็นพนักงานที่ชื่อภาสกรคนนั้น


เด็กขยัน


ขยันสร้างแต่เรื่อง!


“หรือว่าฉันเองก็มาห้องนี้ไม่ได้” อรรควัสมองพนักงานตรงหน้า แต่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ กระนั้นภาสกรก็ยังเสียวหลังวาบ เขารีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนเป็นนายเลยแม้แต่น้อย

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“แล้วหมายถึงอะไร” ภาสกรไปต่อไม่ถูกเมื่อรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายไล่ต้อน

“พอแล้วครับคุณอรรค แค่นี้พายก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว” อลันว่าพลางจับแขนอรรควัสเพื่อเป็นการขอให้ยุติการไล่บี้พนักงานคนนี้ได้แล้ว

“ได้”

“คุณใจดีกับผมเสมอ ขอบคุณครับ” อลันบอกส่วนภาสกรได้ยินแค่เสียงคนสองคนคุยกันเพราะเขายังไม่กล้าเงยหน้า

“แล้วนี่ทำไมยังไม่ออกไปอีก” จู่ๆ อรรควัสก็พุ่งประเด็นมาทางภาสกรอีกครั้ง

“คะ..ครับ ขอโทษครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”​ ภาสกรรีบยกถาดขึ้นมาแล้วกระวีกระวาดออกจากห้องไป

ภาสกรพรูลมหายใจออกมาทันทีเมื่อประตูบานสวยนั้นได้ถูกปิดลงอีกครั้ง ถาดใบใหญ่ถูกกอดไว้กับอก เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เขาเกือบจะถูกด่าอีกแล้วใช่ไหม

“ทีกับคนอื่นละก็ดุจริง ทีกับคุณอลันไม่เห็นทำตัวโหด” ภาสกรบ่นพึมพำออกมากับตัวเอง

“พูดอะไรคนเดียวน่ะพาย” อาเฉินที่ยืนรออยู่หน้าประตูถามขึ้น

“นั่นสิ” ไม่เพียงแค่อาเฉินที่ทัก อาคุณก็เช่นกัน ทั้งสองยืนคนละฝั่งของขอบประตู โดยมีภาสกรอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา

“ปะ..เปล่าครับ” ภาสกรรีบปฏิเสธ

ก่อนจะเลิ่กลั่กมองซ้ายและขวาแล้วจึงอุทานออกมาด้วยความโล่งใจ “พี่เฉิน พี่คุณ!”
“อืม พวกพี่เอง แล้วนี่เราเป็นอะไร”

“เปล่าครับ”

“พี่ได้ยินนะพาย” อาเฉินบอกอย่างรู้ทัน ภาสกรเองก็ลืมไปถึงสองคนนี้จะไม่ใช่คนไทย แต่ก็สามารถฟังภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

“ก็..เจ้านายพี่อะ น่ากลัวชะมัด” ภาสกรเลิกปิดบัง เขาเลือกเผยความในใจออกมา

“ถ้าเราไม่ทำผิด บอสก็จะไม่ลงโทษ” อาคุณพูดขึ้นบ้าง

“ผมรู้ครับ แต่มันอดกลัวไม่ได้นี่นา คนอะไรตาสวยแท้ๆ แต่กลับดูน่ากลัวชิบ”

“อย่าได้เอ่ยชมว่าบอสตาสวยต่อหน้าเขาเชียวล่ะ” อาเฉินเตือนด้วยความหวังดี

“ทำไมครับ”

“บอสไม่ชอบ” อาคุณบอกเหตุผลให้ฟังง่ายๆ

“คนอะไรแปลกพิลึก มีคนชอบก็น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ”

“พายต้องระวังปากบ้างเวลาพูดถึงบอส” เป็นอีกครั้งที่อาเฉินพูดเตือน

“ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะระวัง”

“ดีแล้ว” อาเฉินตบไหล่ให้กำลังใจพนักงานหนุ่ม “แล้วไม่รีบลงไปทำงานต่อเหรอ”

“จริงด้วย” ภาสกรตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “เพราะพวกพี่นั่นแหละมัวแต่ชวนผมคุย” ภาสกรว่าสองบอดี้การ์ดก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆ ลงไปทำงานต่อทันที





...

“คุณอรรคทานซุปไก่ก่อนนะครับ” อลันยื่นชามซุปที่อุ่นกำลังดีไปให้อรรควัส

“เธอนี่ยังไง ชอบหาแต่ของกินมาให้ฉันอยู่เรื่อย”

“คุณไม่ค่อยดูแลตัวเองนี่ครับ ทำงานก็เยอะ นอนก็น้อย ใช้ชีวิตสวนทางเหลือเกิน”

“วันๆ หนึ่งในคาสิโนมีแต่เรื่องวุ่นวาย ถ้าขืนฉันยังปล่อยปละละเลยคงเละเทะไปกันใหญ่” อรรควัสพูดด้วยความเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมตักซุปนั้นเข้าปาก

“ให้อาเฉินกับอาคุณดูแลแทนไม่ได้เหรอครับ”

“...” อรรควัสไม่ตอบอะไร

“ขอโทษครับ ผมพูดมากเกินไปหน่อย” อลันรีบขอโทษทันที “ผมแค่เป็นห่วงคุณ”

“ช่างเถอะ”

“ทานสเต็กปลากับสลัดด้วยนะครับ ชิ้นไม่ได้ใหญ่มาก”

“เห็นอาคุณบอกว่า เธอไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน เอาแต่อยู่บนห้อง ไม่เบื่อหรือไง”

“เบื่อนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่รู้จะไปไหนดี” อลันยอมรับ

“ถ้าเบื่อมาเก๊าจะข้ามไปฮ่องกงสิ ฉันไม่ได้ห้าม”

“ทราบครับ แต่ผมไม่อยากไปคนเดียว”

“อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนงั้นหรือ” อรรควัสถามตรงประเด็น

“ผมรู้ว่าคุณงานเยอะ แต่ถ้าไปกับคุณอรรค ผมคิดว่าต้องดีกว่าไปคนเดียวแน่นอน”

“ฉันยังไม่ค่อยว่าง หาเพื่อนไปแทนก่อนสิ”

“คุณพูดเหมือนไม่รู้ว่าผมมาที่นี่ตามลำพัง” อลันหัวเราะออกมา เขาไม่ได้พูดเพราะความน้อยใจแต่พูดจากความเป็นจริง

“...”

“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากจะขอ...” อลันสบตาคนตรงหน้าก่อนจะหยุดคำพูดแล้วเลือกเงียบลง

“พูดมาเถอะ”

“ผมอยากขอให้พายไปเที่ยวเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”

“ไม่คิดว่าขอมากไปหน่อยหรืออลัน” อรรควัสถามกลับ เขามีเด็กในปกครองมาหลายต่อหลายคน แต่ไม่เคยเจอใครเหมือนอลัน

“ขอโทษครับ”

“ดูเธอจะถูกใจพนักงานของฉันนะ”

“พายน่ารักดีครับ” อลันชมก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพายไปมากกว่านั้น อีกอย่างนอกจากคุณ บอดี้การ์ดของคุณ ก็มีแค่พายเท่านั้น”

“ฉันควรเชื่อเธอดีไหม ในเมื่อพนักงานเสิร์ฟที่ยกอาหารมาให้เธอ ไม่ได้มีแค่พายคนเดียว” เพราะใครต่อใครก็เรียกพายแทนชื่อภาสกร ไม่ว่าจะเป็นบอดี้การ์ดของเขาหรือแม้กระทั่งอลันเองก็ตาม ทำให้อรรควัสเรียกตามคนพูดเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

“คนอื่นนอกจากพาย น่ากลัว อายุก็มากกว่าผมหลายปี คนละรุ่นกันคุณก็รู้ เชื่อผมเถอะครับ ผมแค่เห็นว่าพายตลก น่าแกล้งดี และรุ่นเดียวกันก็เท่านั้น”

“เอาละ ฉันจะลองเชื่อใจเธอดู” อรรควัสบอก

ก่อนจะถามต่อ “แล้วเธออยากไปวันไหน ฉันจะได้ให้คนไปบอกพายของเธอถูก”

“พรุ่งนี้ได้ไหมครับ” อรรควัสส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทำให้อลันหน้าม่อยลง

“กระชั้นชิดเกินไป มะรืนอาจจะได้”

“มะรืนก็ได้ครับ ขอบคุณครับคุณอรรค”




...


‘ไปเรียกพายให้ขึ้นมาหาฉันที่ห้องทำงาน’


เวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ภาสกรก็ได้รับคำสั่งจากเจ้าของคาสิโนที่ถูกส่งผ่านมาทางอาเฉิน สิ่งที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวล

อรรควัสมีธุระอะไรกับเขา แล้วเขาจะโดนด่าอะไรอีก ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องคุณอลันหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้วเรียกเขามาทำไม เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

ภาสกรคิดวกวนเวียนไม่ตกระหว่างที่ลิฟต์กำลังทะยานขึ้นสู่ชั้นบน

“หน้าเครียดเชียว ไม่มีอะไรหรอก” อาเฉินปลอบใจ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบอสจะเรียกผมไปทำไมล่ะครับพี่เฉิน”

“อาจจะมีธุระกับพายก็ได้” อาเฉินแบ่งรับแบ่งสู้

“พี่ไม่รู้เหรอ”

“ไม่รู้หรอก แต่ถ้าพายไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ต้องกังวลหรอก”

เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานใหญ่ของบอส อาเฉินจึงเคาะประตูก่อนจะเข้าไปรายงานเรื่องภาสกรไม่ถึงนาที ตอนนี้พนักงานเสิร์ฟที่มีอายุงานหกเดือนแล้วก็เข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของอรรควัสแล้ว

“บอสครับ”

“อืม” เจ้าของห้องรับคำในคอก่อนจะขีดเขียนอะไรบนกระดาษที่อยู่ข้างหน้าสักครู่ ภาสกรเองก็ยืนรอฟังอย่างสงบ เขาไม่กล้าถามหรือพูดอะไรหรอก แค่จะหายใจเขายังกลัวเลย

กว่าจะได้ยินเสียงของอรรควัสอีกครั้ง ภาสกรที่ยืนอยู่ก็เริ่มเมื่อยขา เขานึกดีใจที่เห็นอรรควัสวางปากกาในที่สุด “ที่ฉันเรียกเธอขึ้นมา”

“ครับ”

“อลันอยากให้เธอไปเที่ยวเป็นเพื่อน”

“เที่ยว?”

“ใช่”

“เอ่อ..ครับ” ภาสกรงุนงงเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจทำไมอลันถึงอยากให้เขาไปด้วย

“ฉันจึงมาถามความสมัครใจของเธอ หากไม่สะดวกฉันจะให้คนไปบอกเขาว่าเธอไม่ไป”

“ผมปฏิเสธได้ใช่ไหมครับ” ภาสกรถามกลับไปทั้งที่คิดว่าจริงๆ แล้วเขาเหมือนกำลังถูกมัดมือชก ใครจะกล้าปฏิเสธคนตรงหน้ากันล่ะ

“ใช่ ถ้าเธอตกลง ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องงานและวันหยุดของเธอ”

“ยังไงครับ”

“การไปเที่ยวกับอลันให้ถือเป็นวันทำงาน ถ้ามันตรงกับวันหยุด เธอก็จะได้รับวันหยุดชดเชยเพิ่ม”

“แปลว่าผมไม่ต้องเข้ามาทำงานที่คาสิโนเหรอครับ”

“ใช่” อรรควัสไม่เร่งรัดเอาคำตอบ เขาทำเพียงแค่เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ แต่ภาสกรมองตามท่าทีนั้น


‘นี่มันไม่ต่างจากกดดันเขาเลยไม่ใช่หรือไง’


“ถ้างั้น..” ภาสกรคิดอย่างรวดเร็ว

ในเมื่องานก็ไม่ต้องทำ เงินไม่เสีย วันหยุดมีเหมือนเดิม และที่สำคัญได้ไปเที่ยวกับคุณอลัน

ใครจะปฏิเสธกันละ

“ว่า?”




“ผมตกลงครับ”








========================



มาต่อแล้วค่า แต่ขอมาช้าหน่อยนะคะ ต้องกลับไปอ่านทวนอีกรอบ ><


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คิดถึงคนแต่งมากกกกกกก  :กอด1:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดีใจที่มาอัพต่อจ้า

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รอน้องพายตลอด ได้เจอซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สิบเอ็ด


“คุณอลัน วันนี้เราจะไปที่ไหนกันครับ”

“ที่ไหนดีน้า พายมีที่แนะนำไหม”

“ผมไม่ค่อยได้ไปไหนเลยไม่ค่อยรู้จักครับ”

“อาเฉินล่ะว่าไง”

การออกมานอกคาสิโนของอลันไม่ได้มากับภาสกรตามลำพังเพียงสองคนแต่อรรควัสให้อาเฉินมาคอยอำนวยความสะดวกให้กับอลันด้วย

“ข้ามไปเกาะฮ่องกงไหมครับ”

“น่าสนใจ พายเคยไปฮ่องกงมาหรือยัง”

“ยังครับ” ภาสกรส่ายหน้าประกอบคำพูด

“ตกลงงั้นเราไปฮ่องกงกัน”

การข้ามไปเกาะฮ่องกงไม่ได้ยุ่งยากลำบากอะไร ใช้เวลาไม่นานพวกเขาสามคนก็มาถึงฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว สถานที่แรกที่พวกเขาเลือกไปคือจุดชมวิวของเกาะฮ่องกง ภาสกรมองเห็นความแออัดป่าคอนกรีตนี้อย่างตื่นตาตื่นใจ หลังจากนั้นจึงลงมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์เบย์ (Repulse Bay) กันต่อ สำหรับอลันแล้วเขาไม่ได้สนใจหรืออยากมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมแต่เจ้าตัวสนใจชายทะเลเล็ก ๆ  แห่งนี้ต่างหาก

“หิวหรือเปล่าครับ ผมไปหาอะไรมาให้คุณทานก่อนดีไหม” ภาสกรถามอลันที่นอนคว่ำหน้าอย่างสบายใจบนผืนทรายโดยมีผ้าบาง ๆ  รองก่อนหนึ่งชั้น

“ยังไม่ค่อยหิวเลย เดี๋ยวรอทานพร้อมคุณอรรคทีเดียวเลยก็ได้”

“บอสจะมาเหรอครับ”

“ใช่ คุณอรรคจะมากินข้าวกลางวันด้วย”

“ครับ” ภาสกรรับคำ หากอรรควัสมาถึงเมื่อไหร่ ตอนนั้นเขาค่อยปลีกตัวไปกินข้าวก็ได้ ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจก่อนจะขยับไปนั่งข้าง ๆ  อลันและคอยแอบมองอีกฝ่าย

ผมสีทองเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดยิ่งดูสวยงาม ราวกับเปล่งประกายระยิบระยับ เมื่อได้มองแล้วชวนให้หลงใหลละสายตาไปไม่ได้เลย

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของอาเฉินทำให้ภาสกรมีสติรีบก้มหน้าลงไม่กล้าแอบมองอลันอีก

“อาเฉิน ผมหิวน้ำ อยากได้น้ำเปล่าสักหน่อย” อลันผงกศีรษะขึ้น

“รอสักครู่ครับคุณอลัน”

“ขอบคุณนะ”

“ทะเลสวยไหม” เมื่ออาเฉินเดินไปแล้ว อลันจึงหันมาถามคนที่นั่งอยู่ ภาสกรจึงส่ายหน้า

“ที่ประเทศไทยสวยกว่าครับ”

“เหรอ ผมก็เคยได้ยินมาว่าที่ไทยทะเลสวยมาก ถ้ามีโอกาสผมก็อยากไปเห็นด้วยตาสักครั้งหนึ่งแล้วที่สำคัญผมน่ะ”

“ครับ?”

“ผมน่ะอยากไปเห็นบ้านเกิดของคุณอรรคด้วย”

“อ่า..ครับ” ภาสกรรับฟังอย่างสงบเสงี่ยม

“เล่าเรื่องของพายให้ผมฟังบ้างสิ”

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ชีวิตผมเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป ผมมีพ่อแม่และพี่สาว บ้านของเราอยู่ใกล้ทะเล พอโตขึ้นมา ผมก็มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยครับ”

“น่าสนใจจัง บ้านอยู่ใกล้ทะเลคงเห็นทะเลทุกวันเลยใช่ไหม”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ บ้านผมไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่เป็นจังหวัดที่มีทะเลครับ”

“ถ้าผมได้ไปบ้านเกิดคุณอรรคเมื่อไหร่ ผมจะไปเยี่ยมบ้านของพายด้วย พ่อแม่และพี่สาวของพายคงน่ารักเหมือนพาย”

“ไม่มีบ้านผมแล้วล่ะครับ พ่อขายบ้านไปแล้ว”

“อ่า ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แล้วทำไมพายถึงมาทำงานกับคุณอรรคได้ล่ะ”

“เพื่อนผมเป็นพนักงานที่นี่ครับ เขาเลยชวนให้มาทำด้วยกัน” ภาสกรเลือกเล่าแค่บางส่วน เขาไม่อยากเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนนอกฟังถึงสาเหตุที่แท้จริง แม้จะเป็นคุณอลันที่เขาหลงใหลก็ตาม

“ดีใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนอยู่ที่นี่จะได้ไม่เหงา ผมเองก็คิดถึงเพื่อน คิดถึงที่บ้านเหมือนกัน”

“...” ภาสกรได้แต่รับฟัง ไม่กล้าถามว่าทำไมถึงไม่กลับไป และยิ่งไม่กล้าถามว่าทำไมคุณอลันถึงมาอยู่กับคุณอรรค

“น้ำครับคุณอลัน” อาเฉินกลับมาได้จังหวะพอดีทำให้บรรยากาศที่เริ่มกระอักกระอ่วนนี้หายไป


ใกล้เที่ยงพวกเขาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปร้านอาหารชื่อดังย่านจิมซาจุ่ย คราแรกภาสกรเดาว่าร้านที่อรรควัสจะไปนั้นคงเป็นอาหารขึ้นชื่อของฮ่องกง แต่ผิดคาดเมื่อพบว่าร้านอาหารนั้นเป็นร้านพิซซ่าที่มาเปิดในฮ่องกง อลันดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าร้านที่มาเป็นร้านดั้งเดิมจากนิวยอร์ก

“ขอบคุณนะครับคุณอรรค” อลันเกาะแขนอีกฝ่ายไว้ไม่ได้แสดงการขอบคุณที่มากจนเกินไป

“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าเธอคงเบื่ออาหารจีน”

“ผมทานได้ครับ แม่ครัวที่คาสิโนของคุณทำอาหารอร่อย”

“ขอบใจไว้ฉันจะบอกเขาให้” ภาสกรได้ฟังแล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงว่าอาหารของอลันทุกมื้อล้วนมาจากฝีมือป้าเก๋ของเขาทั้งนั้น

ตอนที่อรรควัสมาถึงนั้นภาสกรก็เห็นว่าอาคุณมากับอรรควัสด้วยดังนั้นสมาชิกทั้งหมดจึงรวมเป็นห้าคนด้วยกัน โต๊ะในร้านมีขนาดไม่ใหญ่เลยแบ่งออกเป็นสองโต๊ะ ภาสกรตั้งท่าจะผละออกไปนั่งกับอาเฉินและอาคุณ ทว่ากลับถูกอรรควัสเรียกไว้

“ภาสกร”

“ครับ”

“เธอมานั่งโต๊ะนี้”

“เอ่อ..” ภาสกรรู้สึกลำบากใจ เขาไม่อยากขัดจังหวะช่วงเวลาของคนสองคน

“เธอไม่เห็นหรือไงว่าอาเฉินกับอาคุณตัวใหญ่แค่ไหน แล้วเธอยังคิดจะเข้าไปนั่งเบียดพวกเขาอีกรึ” ภาสกรทำตัวไม่ถูก จู่ ๆ  เขาก็กลายเป็นส่วนเกินไปเสียได้

“นั่งด้วยกันดีกว่าพาย” อลันเอ่ยชวนอีก

“ครับ ขอบคุณครับ”


ภาสกรเดินก้มหน้าเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่ว่าง โต๊ะในร้านฝั่งหนึ่งจะถูกวางชิดกับผนังโดยปกติจะนั่งกันเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อมีภาสกรเข้ามาเป็นบุคคลที่สามทำให้เขาจำต้องนั่งแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่


พิซซ่ามื้อนั้นอร่อยมากแต่เขากินได้ไม่คล่องคอเสียเลย การที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับผู้เป็นเจ้านาย ยังไงแล้วก็ไม่มีทางผ่อนคลายได้ มื้อนั้นภาสกรจึงนั่งกินไปเกร็งไป เขาบอกตัวเองว่าถ้ามีวันหยุดตรงกับนวพลเมื่อไหร่ เขาจะลากอีกฝ่ายมากินพิซซ่าร้านนี้ใหม่อีกครั้งแน่นอน


ก่อนจะออกจากร้านอลันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อรรควัสสบตากับอาเฉินครู่เดียว อีกฝ่ายก็ลุกตามอลันไปทันที ภาสกรเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขามองไปทางห้องน้ำบ่อยครั้งจนคนที่นั่งอยู่สัมผัสได้

“ฉันเป็นห่วงอลันเลยให้อาเฉินตามไปดูเสียหน่อย” อรรควัสไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยด้วยซ้ำแต่เห็นสีหน้าของภาสกรแล้ว ถ้าเขาไม่พูดออกไปคนที่กำลังคิดอะไรอยู่อาจจะคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงไปอีกก็เป็นได้

“เอ่อ..ครับ” ภาสกรมองมือที่วางอยู่บนต้นขาตัวเอง สองมือขยับยุกยิกไม่อยู่สุขด้วยความประหม่า

“วันนี้คุยอะไรกับอลันบ้าง”

“ผมเหรอครับ” ภาสกรชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร อาคุณหรือ” อรรควัสเอ่ยชื่อคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง

“คุณอลันถามเรื่องครอบครัวผมแล้วก็ถามว่ามาทำงานกับคุณได้ยังไง ผมก็ตอบเขากลับไป”

“แค่นั้น?”

“ครับ แค่นั้น” ภาสกรพยักหน้าแล้วนึกขึ้นได้เมื่อคิดว่าถ้าอรรควัสได้รู้คงดีใจ “อ้อ คุณอลันบอกว่าอยากไปบ้านเกิดของบอสที่ไทยด้วยครับ”

“บ้านเกิดฉัน?”

“ใช่ครับ” ภาสกรตอบพลางยิ้มขื่นให้อีกฝ่าย คุณอลันคงชื่นชอบอรรควัสไม่น้อยจนถึงกับอยากไปเห็นบ้านเกิดเมืองนอนของอีกฝ่าย ถ้าไม่ได้รู้สึกดี ๆ  ต่อกัน เหตุไฉนถึงจะอยากไปบ้านคนอื่นกัน

“ไม่มีใครเคยอยากไปบ้านฉัน”

“ทำไมครับ ถ้าคุณอลันเขาชอบบอส การที่เขาจะอยากเห็นบ้านคนที่ชอบก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ”

“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบฉัน หืม ภาสกร”

“เอ่อ” ภาสกรรีบก้มหน้าเขาไม่น่าปากพล่อยเลย

“เงยหน้ามองฉัน แล้วตอบคำถาม”

“ผมแค่เดาเอา” ภาสกรเกร็งรับคำพูดของอรรควัสแต่ระฆังอลันกลับมาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทันเวลา

“คุณอรรคดุอะไรพายอีกหรือเปล่าครับ หน้าจ๋อยแล้ว” อลันยิ้มกว้างให้อรรควัสตามแบบฉบับของเจ้าตัว

“เปล่า”

“เราไปเดินเล่นแถวนี้กันต่อไหมครับหรือคุณอรรคจะกลับเลย” อลันถามต่อ

“เอาสิ ไปเดินเล่นกับเธอก่อนแล้วกัน”

“คุณใจดีกับผมเสมอ ขอบคุณนะครับ”
 



ย่านที่พวกเขากินข้าวนั้นคือย่านที่เป็นศูนย์รวมการชอปปิ้งคล้ายกับสยามบ้านเราเลยก็ว่าได้ ตรอกซอกซอยมีมากมายให้เลือกเดินไม่หวาดไม่ไหว เดินไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นภาสกรก็เริ่มท้อ เห็นทีว่าถ้าจะเดินดูให้ครบทุกร้านคงต้องมีเวลาอย่างน้อยสามวัน


สามวันก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย


เขาเดินตามหลังอรรควัสและอลันไปอย่างเงียบ ๆ  ข้างกายเขาทั้งซ้ายขวาถูกขนาบด้วยอาเฉินและอาคุณ สองคนนี้ต่างเดินไม่พูดจาเช่นเดียวกัน


กว่าภารกิจเดินเล่นของอลันจะสิ้นสุดลง ภาสกรเกือบจะเดินไม่ไหว เขามั่นใจว่าตอนที่ทำงานในคาสิโน เขาเดินอยู่ในนั้นทั้งยกถาดเดินไปด้วยแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเท่ากับมาเดินเฉย ๆ  อย่างนี้เลย เมื่อภาสกรกลับมาถึงห้องเขาก็นวดขาตัวเองให้คลายความปวดเมื่อย 
 



นวพลไขประตูห้องเข้ามาเจอเพื่อนรักกำลังบีบนวดขาอยู่ก็รู้สึกแปลกใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนเปลี่ยนกะทำงานของภาสกร อีกฝ่ายบอกเขาว่าต้องออกไปข้างนอกกับอลัน ตามที่นวพลเข้าใจคำว่าออกไปข้างนอกนั่นน่าจะหมายถึงเดินเล่น ช้อปปิ้ง แต่ทำไมคนที่นั่งอยู่ถึงทำหน้าเหนื่อยราวกับว่าถูกใช้แรงงานมาอย่างหนัก

“กลับมาแล้วเหรอ” ภาสกรได้ยินเสียงประตูห้องเปิดก็เงยหน้าขึ้นพลางยิ้มให้คนที่เพิ่งเลิกงานกลับมา

“อืม”

“กินข้าวมาหรือยัง”

“กินที่โรงอาหารมาแล้ว แกล่ะ”

“ยังเลย”

“ทำไม”

“เหนื่อยจนไม่หิวเลยว่ะ” ภาสกรพูดจบก็หัวเราะ

“ไปแบกกระสอบข้าวสารมาหรือไง” นวพลเย้า

“แบกอะไรนะ”

“กระสอบข้าวสาร” นวพลพูดซ้ำ

“ตลกละ เราบอกแกไปแล้วไงว่าเราออกไปกับคุณอลันไง แกลืมเหรอ”

“ไม่ลืม เราแหย่แกเล่นเฉย ๆ  เห็นแกทำหน้าเหนื่อยนึกว่าไปแบกกระสอบข้าวสารมา”

“เราไม่คิดเลยว่าแค่เดินตามคุณอลันจะเหนื่อยขนาดนี้”

“ขนาดนั้นเชียว”

“อืม คุณอลันเดินเก่งมาก เดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นเป็นว่าเล่น เราเดินตามจนหัวหมุน นับถือบอส พี่เฉินและพี่คุณเลย เดินไม่บ่นเลยสักคำ”

“บอสก็ไป?” นวพลถามเสียงแปลกใจ

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า ไม่คิดว่าบอสจะมีเวลาว่างมาทำอะไรแบบนี้”

“แกจะให้บอสทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง ครั้งหนึ่งเรายังเคยเจอบอสไปวาดรูปตรงซากประตูโบสถ์เซนต์พอลเลย”

“พูดจริง?”

“เออ จริงดิ เราจะโกหกแกไปเพื่ออะไร”

“เจอได้ไง ตอนไหนวะ”

“ก็วันที่แกไล่ให้เราออกไปข้างนอกบ้างตอนที่เรามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ  ไง เราไปที่นั่นแล้วเจอบอสกำลังวาดรูปอยู่พอดี”

“บอสเห็นแกปะ” นวพลถามอีก

“คงไม่เห็นหรอก เราวิ่งหนีมาก่อน”

“วิ่งหนีทำไมวะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นคงตกใจอะ ไม่คิดว่าจะเจอบอส”

“บ้าจริง ๆ  เลยนะไอ้พาย แล้วตกลงไปจะกินข้าวปะ ถ้าไปเราจะได้ยังไม่ไปอาบน้ำ ไปเป็นเพื่อนแกก่อน”

“ยังไม่หิวแต่ไปกินข้าวเลยละกัน กลัวดึกแล้วหิว อีกอย่างจะได้ไปดูกะเวลาเข้าทำงานใหม่ด้วย”

“อืม พรุ่งนี้ได้หยุดใช่ปะ”

“ใช่” ภาสกรลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านเล็กน้อย บิดเนื้อบิดตัวพอเป็นพิธีก็พร้อมจะออกไปกินข้าว “ไปกันเถอะ”
 



หลังจากกินข้าวเสร็จ ภาสกรเดินไปดูกะเวลาทำงานใหม่ เผลอแป๊บเดียว เขาทำงานที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะผ่านช่วงเวลาไม่คุ้นเคยเหล่านั้นไปได้ แต่ให้ยากลำบากเพียงใดขอแค่มีเงินไปให้แม่รักษาตัว เขาก็เต็มใจทำและเฝ้าภาวนาให้แม่และภารวีผู้เป็นพี่สาวอยู่กับเขาไปนาน ๆ

“เป็นไง” นวพลเดินเข้ามาถามพลางเอาแขนมาพาดไหล่ภาสกรไว้ข้างหนึ่ง

“อะไรเป็นไง” ภาสกรหันไปถาม

“เวลาใหม่ไง เช้า สาย บ่าย ดึก?”

“อ๋อ บ่ายสองว่ะ”

“แล้วของแกอะ” ถึงแม้ว่าเวลาเปลี่ยนกะของนวพลจะคนละวันกับภาสกร ปกติแล้วเวลาเปลี่ยนกะจะมีการแจ้งล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ภาสกรเองที่ลืมมาดูเสียแต่เนิ่น ๆ

“บ่ายโมง”

“เฮ้ย ใกล้กันเลย” ภาสกรร้องบอกด้วยความดีใจ

“อืม”

“ดี ๆ  ทำงานคนละเวลาแทบไม่เจอหน้ากัน”

“ใช่ เกือบจะลืมหน้าแกแล้วไอ้พาย”

“เวอร์ไป” ภาสกรไล่นิ้วดูตารางกะเวลาทำงานต่อกระทั่งสะดุดเข้ากับชื่อแอนดี้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนกะเวลาทำงานเหมือนกัน “เอ๊ย บังเอิญอีก”

“อะไรวะ” นวพลเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

“พี่แอนดี้น่ะ เขาก็ทำงานเวลาเดียวกับเราเลย ดีจัง”

“เหรอ แกดูจะเข้ากับพี่แอนดี้ดีนะ”

“เพราะเราสอนงานให้พี่เขาน่ะเลยคุยกันบ่อย”

“สอนแต่พอดีล่ะ อย่าสร้างเรื่องอีก”

“อะไรของแกไอ้นน” ภาสกรบ่นอย่างนึกฉุน “รู้แล้วน่า เราก็สอนงานพี่แอนดี้เฉย ๆ  แล้วเราก็ไม่ได้อยากหาเรื่องให้ตัวเองด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาอีก เราว่ารอบนี้บอสคงไล่ออก”

“รู้ตัวก็ดี เท่าที่เกิดขึ้นแล้วแกยังทำงานอยู่ที่นี่ได้ก็ถือว่าแกโชคดีมากแล้ว”

“อืม”

“กลับกันเลยไหม”

“กลับเลยก็ดี อยากนอนเต็มที ง่วงแล้ว”

ภาสกรชวนเพื่อนรักกลับห้องตอนที่ผ่านลิฟต์ตัวหนึ่ง เขาก็เห็นแอนดี้เดินเข้าลิฟต์ไป กำลังจะเอ่ยปากเรียกแต่ก็ไม่ทัน ประตูลิฟต์ถูกปิดลงก่อนที่เขากับนวพลจะเดินไปถึง

“นั่นพี่แอนดี้นี่”

“ใช่” ภาสกรพยักหน้า

“ทำไมดูรีบร้อน รีบไปไหนของเขากันนะ” นวพลพึมพำ ภาสกรมองเลขชั้นที่ลิฟต์แสดงอยู่ ทว่าเขาไม่แปลกใจ ลิฟต์ตัวนี้เป็นลิฟต์เฉพาะที่ขึ้นไปได้เพียงสองชั้น ลิฟต์จะไม่หยุดพักที่ชั้นไหนเลยนอกจากชั้นยี่สิบเก้าและสามสิบ

“บอสอาจจะเรียกขึ้นไปพบก็ได้” เลขชั้นหยุดที่ชั้นสามสิบ ภาสกรจึงสรุปออกมาแบบนั้น

“บอสเนี่ยนะจะเรียกพี่แอนดี้?” นวพลยังสงสัย

“ก็เหมือนที่บอสเรียกเรานั่นแหละ ไม่ต่างกันหรอกมั้ง”

“ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่ดี ปะ กลับเถอะ”

“อืม”









========================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2019 09:52:36 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พายน้อย น่ารัก

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


วงล้อที่สิบสอง



“แอนดี้มาแล้วครับบอส” อาเฉินรายงานให้อรรควัสที่กำลังนั่งตรวจเช็กงานอยู่ในห้องได้รับรู้

“อืม ให้เข้ามา”

“ครับ”

เพียงไม่นาน อาเฉินพร้อมด้วยอาคุณก็พาแอนดี้เข้ามาตามคำสั่ง เมื่อแอนดี้เข้ามาก็ก้มหน้าเงียบไม่พูดจา ยืนรอรับฟังอย่างสงบ อรรควัสจงใจเพิกเฉยและปล่อยให้อีกฝ่ายยืนรออยู่ราวห้านาทีจึงวางปากกาและเงยหน้าขึ้น

“มาแล้วหรือ” เจ้าของคาสิโนเอ่ยอย่างไม่จำเป็น

“ครับ” แอนดี้ตอบเสียงเบาพลางสบตากับคนถาม อรรควัสมองเห็นสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่าย แอนดี้ไม่มีท่าทางฟึดฟัดหรือไม่พอใจที่ถูกเขาปล่อยให้ยืนอยู่นาน

“ฉันมีงานให้นายทำ”

“งานอะไรครับ”

“อาเฉินบอกฉันว่านายเปลี่ยนกะเข้างานมาเป็นบ่ายสองใช่ไหม” อรรควัสไม่ได้ตอบในทีแรกเขาเลือกถามคำถามขึ้นมาใหม่

“ครับ”

“อืม ฉันต้องการให้นายยกของว่างไปให้คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าตอนบ่ายสี่โมงทุกวัน” ไม่มีคำถามต่อท้ายว่าได้หรือไม่ได้เพราะนี่คือคำสั่งที่เขาจงใจ

“เริ่มเมื่อไหร่ครับ”

“มะรืนนี้” อรรควัสตอบ สาเหตุที่เป็นวันมะรืนหรืออีกสองวันก็เพราะพรุ่งนี้คือวันหยุดที่ทุกคนจะได้รับก่อนเริ่มกะเวลาใหม่

“เข้าใจแล้วครับ”

“อืม ไปได้”

แอนดี้ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะถูกอาเฉินพาออกไป รอจนอีกฝ่ายลงลิฟต์แล้วอาเฉินจึงเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานของอรรควัสอีกครั้ง

“ลงลิฟต์ไปแล้วครับ” อาเฉินรายงาน

“อืม”

“บอสคิดว่าแอนดี้ไม่น่าไว้ใจเหรอครับ” อรรควัสเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อฟังคำถามของอาคุณจบ

“แปลว่าคนที่ยกอาหารไปให้อลันไม่น่าไว้ใจทุกคนงั้นสิ” เขาเลือกย้อนถามกลับ

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” อาคุณรีบปฏิเสธ “แต่ปกติบอสไม่เคยต้องลงมาสั่งเอง ถ้าไม่ใช่ผมก็เป็นอาเฉินที่เป็นคนจัดการแทน” อรรควัสมองคนพูดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นบ้าง

“เข้าใจไม่ผิด ถ้าวันนี้ฉันเรียกพนักงานสักคนขึ้นมาที่ห้องนี้จะเป็นยังไง”

“ขอโทษที่ผมต้องพูดตามตรงแต่ไม่มีใครอยากเข้ามาที่ห้องบอสหรอกครับ”

“อืม แล้วท่าทางของแอนดี้ล่ะ”

“สงบนิ่งเกินไป” อาคุณวิเคราะห์ออกมา

“ใช่ ถ้าไม่ใช่ว่ารู้เรื่องอลันมาก่อน ก็เป็นได้ว่าคน ๆ  นี้อาจจะเคยชินที่จะเจอคนคล้าย ๆ  ฉันก็เป็นได้”

“ครับ”

“ที่เคยให้จับตาดูก็ทำเหมือนเดิม”

“ครับ” สองเสียงอาเฉินและอาคุณประสานเสียงรับคำพร้อมกัน

“อ้อ..ภาสกรด้วยล่ะ”

“ให้ผมจับตาดูพาย..เอ่อ..ภาสกรด้วยเหรอครับ” อาเฉินรีบแก้ชื่อเรียกที่ติดปากของตนเองอย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง”

“บอสยังสงสัยเขาอยู่เหรอครับ” อาเฉินถามต่อ

“เปล่า”

“หมายความว่าไงครับ” อาคุณถามด้วยความระวังแต่พอเห็นอรรควัสปรายตามองมาที่ตนอาคุณก็รีบเอ่ยขอโทษทันที

“หมายความว่าจับตาดูเหมือนกันแต่คนละความหมาย”

“คนละความหมาย”

“หมายถึงให้ดูแลเขาใช่ไหมครับ” อาเฉินเป็นฝ่ายถามบ้าง

อรรควัสพยักหน้า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเจ้าเด็กนี่มันต้องซวยเพราะความใจดีช่วยเหลือคนอีกแน่นอน”

“ครับ” อาเฉินลอบกลืนน้ำลาย ส่วนอาคุณนั้นก็แอบถอนหายใจ เขาสองคนมั่นใจเหมือนกันว่าชาตินี้ถ้าภาสกรยังมีนิสัยเช่นนี้คงจะซวยไม่สิ้นสุด

“ส่วนอลัน..” บอสใหญ่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ครับ”

“เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากไปเที่ยวไหนก็พาไป” อาเฉินหันไปสบตากับอาคุณที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนจะถามคนตรงหน้า

“ถ้าคุณอลันอยากมีเพื่อนไปด้วยล่ะครับ”

“ภาสกร?”

“ครับ”

“ถ้ารายนั้นโอเคก็ให้ไป”

“แล้วถ้าคุณอลันอยากลงไปชั้นคาสิโนล่ะครับ” อาคุณถามพลางหวั่นใจ เพราะนี่คือกฎต้องห้ามของคนที่จะมาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเก้า

อรรควัสเงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“ให้เขามาขอฉัน”

“แล้วถ้าคุณอลันมาขอบอสเข้าจริง”

“ถ้าเขากล้า ฉันก็จะให้เขาลงไป”

“บอสแน่ใจแล้วเหรอครับ”

“ฉันแน่ใจว่าพวกนายจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนพลาดอะไรไป”

“ครับ” แล้วสองบอดี้การ์ดจะปฏิเสธได้อย่างไรนอกจากรับคำอย่างแข็งขัน



 
ภาสกรนอนเสียเต็มอิ่มในวันหยุดวันต่อมาหลังจากเดินขาลากที่จิมซาจุ่ยกับอลัน นอกจากลุกไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วภาสกรก็ไม่กระดิกตัวทำอะไรเลย เขาโทรศัพท์กลับไปหาแม่และพี่สาวก็นอนคุยบนเตียงกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นนั่งคุยดี ๆ  ด้วยซ้ำ ภาสกรอยากนอนต่ออีกสักสามวัน แต่วันต่อมาเขาก็ต้องลุกไปทำงานอีกแล้ว

“ทำหน้ามุ่ยทำไม เป็นอะไร” นวพลแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะออกไปทำงาน เขามักจะออกเร็วเพื่อที่จะได้มีเวลานั่งกินข้าวสบาย ๆ  ไม่เร่งรีบที่โรงอาหาร

“ปวดขาอยู่เลย”

“จะลาไหม”

“ไม่อะ แค่นี้เอง แล้วนี่แกจะไปทำงานแล้วเหรอ”

“อืม”

“อย่าเพิ่งไปดิ ขอเวลาสิบนาที เราไปด้วย”

“สิบนาที ปฏิบัติ!” นวพลแกล้งแหย่อีกฝ่ายโดยการออกคำสั่งกับเพื่อนสนิทเหมือนสมัยที่เรียนรด.ด้วยกัน


ภาสกรกระวีกระวาดลุกจากที่นอนโดยไม่สนใจจะพับผ้าห่มแล้วปรูดหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว นวพลส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู แม้จะวัยเดียวกันแต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายอายุเท่ากันเลยเหมือนน้องชายเสียมากกว่า เขาเข้าไปพับผ้าห่มและวางไว้ที่ปลายเตียงให้ก่อนจะนั่งรอภาสกรอาบน้ำแต่งตัว


สุดท้ายภาสกรใช้เวลาไปทั้งหมดสิบห้านาทีแต่ไม่ได้กระเทือนเวลาเข้างานของนวพลมากนัก สองคนเดินกอดคอไปที่โรงอาหารของคาสิโน ผลัดกันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนถึงปลายทาง


เมื่อใกล้ถึงเวลาหนึ่งทุ่มภาสกรก็เข้าไปในครัว ไม่ใช่ว่าเขาหิวแต่เขาต้องยกอาหารเย็นไปให้อลันตามหน้าที่ การเอาอาหารขึ้นไปให้คนบนชั้นนั้นก็เปลี่ยนไปตามกะเวลาของเขาเช่นกัน ไม่รู้ว่าบอสทำยังไงแต่เอาเถอะภาสกรได้ทำหน้าที่นี้และได้เงินเพิ่มก็พอแล้ว

“ป้าเก๋ครับ” ภาสกรเดินเข้าไปกอดเอวแม่ครัวใหญ่ของที่นี่

“ป้าบอกว่าอย่ากอดเอวป้า ตัวป้ามีแต่กลิ่นน้ำมัน เดี๋ยวกลิ่นก็ติดเสื้อผ้าหรอก”

“นิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ภาสกรยิ้มกว้างยังกอดเอวอีกฝ่ายไม่ปล่อย

“แล้วเข้ามาทำไม พักเหรอ”

“เปล่าครับ พายมายกอาหารไปให้คุณข้างบนตอนทุ่มหนึ่งครับ”

“อ้าว นี่เราเปลี่ยนกะแล้วเหรอ”

“ครับ พายเข้าบ่ายสองเลิกห้าทุ่ม”

“จ้ะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงโต๊ะเดิมข้างหลังน่ะ”

“เดี๋ยวพายเอาขึ้นไปให้แป๊บเดียวแล้วจะลงมาหาป้าเก๋นะครับ พายหิวแล้ว” ภาสกรตอบพลางบีบเอวที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย

“อ้อนเก่งเหลือเกินนะเรา”

“ไม่อ้อนป้าเก๋ก็อดกินของอร่อยสิ”

“อยู่เป็นนะเรา แล้วอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวป้าทำให้”

“อืม กินอะไรดีน้า”

“คิดนานอดนะจะบอกให้”

“โหยป้าเก๋อะ” ภาสกรว่าพลางยู่ปาก “จริง ๆ  พายอยากกินข้าวมันไก่ใส่น้ำพริกเผา แต่ป้าเก๋คงไม่รู้จัก พายกินไก่ทอดก็ได้”

“ดูถูกแม่ครัวใหญ่เหรอ”

“ป้าเก๋รู้จักเหรอครับ” ภาสกรตาพร่างพราวไปด้วยประกายตื่นเต้น

“รู้จักสิ”

“ป้าเก๋รู้จักได้ไง”

“ไม่ยักรู้ว่าเราก็ชอบกินข้าวมันไก่ใส่น้ำพริกเผาเหมือนบอสด้วย”

“เหมือนบอส?”

“จ้ะ เอาละ รีบยกอาหารไปให้คุณเขาเถอะเดี๋ยวจะเลยเวลาเสียก่อน”

“จริงด้วยครับ พายลืมเลย ขอบคุณนะครับที่เตือน” ภาสกรรีบยกถาดแล้วมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ส่วนตัวสำหรับชั้นยี่สิบเก้าและสามสิบอย่างรวดเร็ว

“รีบไปรีบมา ระวังด้วย เสร็จแล้วจะได้ลงมากินข้าวมันไก่”

“ครับ” ภาสกรรับคำพร้อมความดีใจที่จะได้กินอาหารที่อยากกิน


ระหว่างทางที่ลิฟต์ทะยานขึ้นไป ภาสกรก็อดคิดไม่ได้ว่าเมนูที่เขาบอกป้าเก๋ไปเมื่อครู่นี้นั้น มันไม่ใช่ทุกคนจะรู้จัก ถ้าบอกว่าเป็นข้าวมันไก่เฉย ๆ  นั้นไม่แปลก แต่มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าจะมีข้าวมันไก่ที่กินกับน้ำพริกเผาด้วย น่าแปลกที่อรรควัสก็ชอบกินเมนูนี้ด้วยสิหรือว่าอีกฝ่ายคงจะเคยไปเที่ยวแถวจังหวัดบ้านเกิดเขาและติดใจเมนูนี้ก็เป็นได้


ภาสกรไม่ได้คิดต่อเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่ยี่สิบเก้า เขาเดินออกไปที่ห้องของอลันตามความเคยชิน เคาะประตูสามครั้ง ครู่เดียวอลันก็มาเปิดประตู ภาสกรเห็นผมสีทองกระทบแสงไฟที่เขาหลงใหลเป็นอันดับแรก

“คุณอลัน ผมเอาอาหารมาให้ครับ”

“คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมื้อเย็นแล้วเหรอ”

“ครับ” ภาสกรยิ้มรับ เขาเดินเข้าไปในห้องก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะอย่างสุภาพ

“ไม่เจอตั้งวันหนึ่ง เมื่อวานวันหยุดเหรอ” อลันชวนคุย

“ใช่ครับ”

“หยุดแล้วไปไหน”

“ไม่ได้ไปไหนครับ ผมอยู่ที่ห้อง”

“น่าเสียดายจัง”

“เสียดายอะไรครับ” ภาสกรสะดุดหู

“ถ้ารู้ว่าอยู่ห้องจะชวนพายมาที่ห้องนี้ไงล่ะ”

“เอ่อ..ถ้าบอสรู้เข้าคงไม่เหมาะหรอกครับ”

“ถ้าไม่เหมาะงั้นเอาไว้ผมลงไปหาคุณที่ห้องแทนแล้วกัน”

“ห้องผมเล็กมาก อีกอย่างผมอยู่กับเพื่อนอีกคน ไม่เหมาะเหมือนกันครับ” ภาสกรใจเต้นตึกตักระหว่างตอบ เขายกอาหารออกมาวางบนโต๊ะเสร็จหมดแล้ว

“ถ้างั้นทำไงจะได้เจอ”

“คือ..ผมต้องไปแล้วครับ” ภาสกรอึกอัก เขาดีใจที่ได้คุยกับอลัน แต่ก็หวั่นใจถ้าหากอรรควัสลงมาเห็นเข้า เขาอาจจะไม่โชคดีเหมือนที่แล้วมา

“อืม งั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยต่อก็ได้”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”


ลิฟต์เคลื่อนตัวลงมา ภาสกรกอดถาดแน่นไว้กับอก ใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ เขาประหม่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้คุยกับอีกฝ่าย ใบหน้าขาว ๆ  ผมสีทองมันดึงดูดใจเขาเหลือเกิน ประตูลิฟต์เปิดออก ภาสกรก้าวออกมาตามอัตโนมัติแต่ใจยังติดอยู่ที่ชั้นยี่สิบเก้า ทำให้เขาเกือบเดินชนคนที่สวนมาพอดี

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” ภาสกรรีบบอกขอโทษอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ได้ชนกันจริง

“ยังไม่ชนเสียหน่อย”

“อ้าว พี่แอนดี้”

“ไปไหนมาล่ะพาย แล้วถาดนั่น..”

“อ่อ..ผมลืมวางคืนตรงที่วางถาดน่ะครับเลยถือติดมือมาด้วย” ภาสกรไม่ได้บอกว่าเขาถือถาดมาทำไม

“ให้พี่เอาไปวางคืนให้ไหม”


“ไม่เป็นไรครับ แล้วพี่มาพักเหรอ”

“ใช่ กำลังจะไปโรงอาหารว่าจะไปหาอะไรกินเสียหน่อย”

“ผมไปด้วยครับกำลังจะไปอยู่พอดี”

“เอาถาดไปคืนในคาสิโนก่อนไหม เขาห้ามเอาถาดออกมาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวมีคนเห็นเข้าก็ถูกตำหนิได้นะพาย” แอนดี้เตือนด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ..ไม่ใช่ถาดข้างในหรอกครับ เป็นถาดในครัวน่ะพี่” ภาสกรจำต้องสารภาพออกไปนิดหนึ่งตามความจำเป็น

“พี่ก็ว่าทำไมไม่คุ้นตาเลย”

“อ่า..ครับ”

“พี่เห็นพายออกมาจากลิฟต์ มันเป็นลิฟต์ไปข้างบนนี่”

“ใช่ครับ”

“ยกอาหารไปให้คุณอลันใช่ไหม”

“เอ๊ะ..คุณอลัน..”

“คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าไง อย่าบอกนะว่าพายไม่รู้จักชื่อเขา”

“รู้จักครับ แต่ไม่คิดว่าพี่แอนดี้จะรู้จักด้วย”

“รู้สิ บอสให้พี่เอาพวกขนมของว่างไปให้คุณอลันตอนบ่ายสี่ทุกวัน”

“เหรอครับ”

“พอพี่เห็นพายออกมาจากลิฟต์แล้วถือถาดมาด้วยเลยคิดว่าคงยกอาหารไปให้ข้างบนแน่ ๆ”

“ครับ” ภาสกรแปลกใจถ้ามั่นใจขนาดนั้นแล้วทำไมพี่แอนดี้ไม่ทักเขาแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ทำไมถึงทักว่าเขาไปมาแล้วยังทักเรื่องถาดให้เขาเอาไปคืนจุดที่คืนถาดในคาสิโนนั่นอีก “พี่แอนดี้เก่งจัง เห็นแค่นี้ก็รู้เลย”

“พี่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น” แอนดี้โบกมือปฏิเสธ “แม่ครัวน่ะเขาบอกพี่ว่าพายก็ทำเหมือนกับพี่เลย”

“ป้าเก๋น่ะเหรอครับ”

“อืม ตอนที่พี่เข้าไปถามหาอาหารที่จะยกไปให้คุณอลันน่ะ”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า ประกอบกับตอนนี้ทั้งคู่เดินมาถึงโรงอาหารพอดี “เดี๋ยวผมเอาถาดไปคืนป้าเก๋ก่อนนะครับแล้วจะออกมากินข้าวด้วย พี่อย่าเพิ่งรีบกินหมดนะ รอผมด้วย”

“พี่ไม่กินก่อนหรอกน่า ไม่ต้องกลัว” แอนดี้วางมือลงบนศีรษะของภาสกรเบา ๆ ทีหนึ่งก่อนจะยกมือออกไป

ภาสกรยิ้มให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งก่อนจะหายเข้าไปในครัว


 
“กลับมาแล้วเหรอพาย”

“ครับ” ภาสกรวางถาดเสร็จแล้วเดินเข้าไปหาแม่ครัวที่ยืนอยู่หน้าเตา “ป้าเก๋ครับ”

“ทำไมเรียกป้าเสียงเครียดเชียว” ป้าเก๋ปิดเตาแล้วละจากความร้อนตรงหน้ามาทางภาสกรที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“เวลาที่มีคนอื่นมายกอาหารไปให้ข้างบน ป้าเก๋ทำยังไงครับ เหมือนพายหรือเปล่า”

ป้าเก๋พยักหน้าแล้วจึงตอบ “ใช่ โต๊ะตัวเดิมนั่นแหละ ทำไมเหรอ”

“แล้วป้าเก๋ได้เล่าให้ใครฟังหรือเปล่าครับว่าพายก็ทำเหมือนพวกเขา”

“ป้าจะไปเล่าอะไรให้ใครฟัง ใครมาก็ยกถาดไปแล้วก็เอาถาดไปวางคืนข้างนอก ไม่มีใครทำเหมือนเราเลยสักคน” ป้าเก๋บีบจมูกภาสกรทีหนึ่งด้วยความเอ็นดู “มีอะไรหรือเปล่า”

ภาสกรส่ายหน้าแล้วจึงยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่มีครับ พายก็แค่อยากรู้เฉย ๆ กลัวป้าเก๋นอกใจแอบทำเมนูโปรดให้คนอื่นด้วย”

“ขี้งกหรือไงเรา มานี่สิ”

“ข้าวมันไก่!” ภาสกรดีใจถ้ากระโดดได้คงกระโดดกอดป้าเก๋ไปแล้ว

“วันนี้บอสก็อยากกินพอดี ป้าเลยทำเตรียมไว้แล้ว เราเลยได้กิน ลาภปากไปนะเจ้าพาย”

“ขอบคุณครับป้าเก๋”

“กินให้หมดละ ถ้าไม่อิ่มก็บอก ป้าทำไว้เยอะ”

“พายจะกินสองจานเลย คอยดู”

“กินไม่หมดละน่าดู บอกเจ้านนด้วยละ รายนั้นก็ชอบกิน” ป้าเก๋แสร้งขู่

“เดี๋ยวพายบอกให้เองครับ” เมื่อป้าเก๋พูดถึงนวพล ทำให้ภาสกรนึกถึงแอนดี้ที่นั่งรถอยู่ข้างนอกเช่นกัน “เอ่อ..ป้าเก๋ครับ พายขอข้าวมันไก่อีกจานได้ไหม พี่แอนดี้รอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ พายอยากให้พี่เขาลองกินบ้าง”

“ได้ ๆ  ไปตักเองไป”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรบอกขอบคุณแล้วไปจัดการเองตามที่ป้าเก๋บอกไว้

เขาหวังว่าถ้าแอนดี้ได้ลองกินแล้วคงจะชอบเหมือนที่เขากับนวพลก็ชอบกิน

อ้อ..เกือบลืมไป

บอสก็ชอบเช่นกัน






========================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
แอนดี้เป็นใคร ต้องการอะไรละเนี่ย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เห็นทีคงต้องวนไ่ปอ่านตั้งแต่ต้นซะแล้ว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
แอนดี้ เป็นศึกพม่า แน่นวล รักน้องพายจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด