♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020  (อ่าน 65606 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หกแล้วค่ะ ขอฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ




มีคนกล่าวว่า
ไม่มีใครรวยเพราะการพนัน มีแต่จะหมดตัว
ไม่มีใครเป็นคนเพราะการพนัน มีแต่ผีพนัน
 
 
คนเขาว่า
โจรปล้นสิบครั้ง ยังเหลือบ้าน
ไฟไหม้บ้านครั้งเดียวยังเหลือที่
แต่เล่นการพนัน ไม่เหลืออะไร
 
 
คนที่เล่นการพนันแล้วคิดจะรวยทางลัด
ถ้าดวงไม่เฮง ดวงไม่แข็งจริง อยู่ไม่ได้
อรรควัสไม่เคยเชื่อ กระทั่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นกับตัวเอง
 
 
เขามีทุกอย่างได้ทุกวันนี้เพราะการพนัน ถึงแม้จะเริ่มต้นด้วยศูนย์
อ้อ ไม่ใช่สิ เริ่มต้นจากเงินห้าร้อยบาทนั่นต่างหาก
 
หากใครคิดจะมาลองกับเขา
มั่นใจก็มา




==========================
ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ





เรื่องสั้นค่ะ



ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย

:mew1: :mew1: :mew1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2020 12:50:48 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino
«ตอบ #1 เมื่อ25-12-2018 21:06:51 »


วงล้อที่หนึ่ง เปลี่ยนแปลง

cover by @minimalrxxm




“พี่พรีมบอกว่าแม่เป็นอะไรนะครับ!” เสียงร้อนรนถามซ้ำเพราะกลัวว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นอาจจะเป็นการเข้าใจผิด



“พี่บอกว่าแม่เป็นโรคไต” น้ำเสียงคนพูดก็ฟังดูหนักใจไม่น้อย



“เป็นไปไม่ได้อะพี่ แม่แข็งแรงตลอดจะป่วยได้ไง พายไม่เชื่อ” คนพูดอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสล็ก ตามด้วยรองเท้าหนังสีดำตอบกลับไป



“พายจะกลับมาบ้านเลยไหม” ภารวีไม่ตอบน้องชาย แต่เลือกถามด้วยคำถามใหม่



“กลับครับ พายเพิ่งสัมภาษณ์งานเสร็จพอดี เดี๋ยวนั่งรถตู้ไปเลย”



“รถทัวร์ดีกว่าไหม ช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก รถตู้ชอบขับเร็วแถมน่ากลัว พี่เป็นห่วง” หญิงสาวบอก



“แล้วแม่อยู่ที่ไหนตอนนี้”



“คุณหมอให้นอนที่โรงพยาบาลก่อนหนึ่งคืน”



“ทำไมครับ” คนอายุน้อยกว่ายังสงสัย



“เตรียมฟอกไต พายกลับบ้านมาก่อนแล้วกัน รายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”



“ตกลงครับ เอ้อๆ พี่พรีม เดี๋ยวก่อน”



“ว่าไงอีก”



“แล้วใครอยู่เฝ้าแม่อะ พี่พรีมเหรอ”



“เปล่า พ่อน่ะ แม่ให้พี่โทรไปบอก พี่เลยมาเก็บของใช้จำเป็นที่บ้านแล้วจะกลับไปเปลี่ยนกับพ่อ”



“ครับ”



“นั่งรถดีๆ ล่ะ”





ภาสกรรีบนั่งรถไฟฟ้าไปลงปลายทางอันเป็นเป้าหมายที่เจ้าตัวตั้งใจจะนั่งรถตู้กลับบ้านในเย็นวันนี้ จากกรุงเทพฯ ไปบ้านของเขานั้นใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ สาเหตุที่เขาอยู่คนละที่กับที่บ้านเพราะว่าเขาเองเพิ่งเรียนจบในปีนี้และอยู่ในช่วงที่กำลังหางานทำ แต่งานสมัยนี้ก็ไม่ได้หากันง่ายๆ ไม่มีใครอยากจะรับเด็กจบใหม่ด้อยประสบการณ์ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ โชคต้องเข้าข้างเขาสักวันหนึ่ง





ภาสกรเพิ่งย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนหน้านั้นเขาอาศัยอยู่กับมารดาและพี่สาว ที่ปัจจุบันนี้เป็นครูอัตราจ้างอยู่แถวบ้าน ส่วนพ่อของเขานั้น ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหรอก แต่ภาสกรก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคนที่ดูแลเลี้ยงดูเขามีแค่แม่กับพี่สาวเท่านั้น





เด็กหนุ่มกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาลหลังจากสอบถามประชาสัมพันธ์จนได้ความว่ามารดาพักอยู่ที่ห้องเลขที่เท่าไหร่ ตึกไหน เขาก็รีบรุดไปยังห้องพักของมารดาทันที



“แม่”



“อ้าว พายมาเสียเย็นเชียว” มารดาของภาสกรยิ้มให้ก่อนจะปรามบุตรชายให้ลดเสียงลงหน่อย เนื่องจากห้องพักนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยรวม



“แม่เป็นไงบ้าง” ภาสกรลดเสียงลงตามที่ถูกติงไป “พ่อล่ะ”



“ดีขึ้นแล้วจ้ะ ส่วนพ่อกลับไปแล้ว”



“ไปไหนครับ”



“ไปทำธุระให้แม่จ้ะ”



“แล้วทำไมแม่ถึงมาอยู่ห้องรวมได้ล่ะครับ ไม่ไปอยู่ห้องพิเศษ ไม่มีคนทำเรื่องเหรอ ให้พายไปทำเรื่องแทนให้ไหม” ลูกชายของเธอบอกด้วยความเป็นห่วง



“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่คืนเดียว เดี๋ยวแม่ก็กลับบ้านแล้ว”



“พี่พรีมล่ะแม่”



“เจ้าลูกคนนี้กลับมาก็ถามถึงคนนั้นคนนี้วุ่นไปหมด”



“ก็..พายไม่เห็นใครอยู่เป็นเพื่อนแม่เลย คืนนี้ให้พายนอนเฝ้าแม่นะ”



“ไม่ได้จ้ะ ดูป้ายสิ” มารดาชี้ไปตรงประตูซึ่งเป็นเวลาเข้าเยี่ยม



“เยี่ยมได้ถึงสองทุ่มเองเหรอ” ภาสกรบ่นออกมาเสียงเบา



“พรุ่งนี้เช้ามาใหม่ก็ได้จ้ะ แล้วสัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง ดีไหม เล่าให้แม่ฟังบ้าง”



“ก็ดีครับ แต่ไม่รู้สิ คงไม่ได้งาน” ภาสกรบอกด้วยใจหดหู่



“ทำไมล่ะ”



“พายก็ว่าพายพยายามเต็มที่แล้วนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะสนใจพายไหม” ภาสกรบอก การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ครั้งที่สามของเขาตั้งแต่เรียนจบมา



“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ พายของแม่เก่งอยู่แล้ว”



“ครับ”



“พายมาแล้วเหรอ” ภารวีเดินเข้ามาในห้องก็เห็นน้องชายนั่งอยู่ข้างเตียงมารดาแล้ว



“ครับ พี่ไปไหนมา”



“ไปเอานี่ไง ของใช้ต่างๆ น่ะ” หญิงสาวชูกระเป๋าใบย่อมขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปหยุดยืนข้างเตียง



“มาก็ดีแล้ว แม่มีอะไรจะบอกให้ฟัง” ภาพรรณเรียกบุตรสาวและบุตรชายให้เข้ามาใกล้เตียงอีกนิดเพราะว่าเธอไม่อยากพูดเสียงดัง



“ครับ/ค่ะ”



“แม่คุยกับพ่อเขาแล้วนะว่าจะขายบ้านหลังที่เราอยู่ปัจจุบัน แล้วไปซื้อหลังที่เล็กลงกว่าเดิม”



“เกิดอะไรขึ้นเหรอแม่” ภารวีรู้สึกผิดสังเกตที่จู่ๆ มารดาของเธอจะขายบ้าน



“บ้านมันหลังใหญ่เกินไป ตอนนี้พรีมก็ไปอยู่บ้านพักครู พายก็อยู่กรุงเทพฯ พ่อไม่ค่อยได้กลับอยู่แล้ว แม่อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาสิจ๊ะ”



“แม่ไปอยู่กับพายไหม”



“เราน่ะหางานให้ได้ก่อนเถอะ” ภาพรรณจิ้มหน้าผากบุตรชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู



“แล้วแม่จะไปอยู่ไหน”



“แม่คิดว่าพอขายเสร็จก็จะซื้อทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ อยู่ สักสามห้อง ของแม่ พรีมและพาย ดีไหม”



“พายแล้วแต่แม่เลย”



“พรีมก็ตามใจแม่ แต่บ้านสมัยนี้ก็ไม่ได้ขายกันง่ายๆ นะ” ภารวีสันนิษฐาน



“ลุงโชติเจ้าของสวนเงาะนั่นไง จำได้ไหม เขาอยากได้บ้านเรานานแล้ว ถ้าเราขาย ลุงโชติคงดีใจ”



“เหรอครับ แล้วแม่จะไปทำเรื่องไหวเหรอ”



ภาพรรณส่ายหน้า “แม่ให้พ่อเขาไปทำแทนให้จ้ะ”



“แน่ใจนะแม่ ไม่ใช่พอขายบ้านได้แล้วพ่อชิ่งเงินไปแทนล่ะ”



“พรีม” ภาพรรณปรามบุตรสาวคนโต “อย่ามองพ่อในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ”



“พ่อเคยช่วยเหลือเราที่ไหนกัน” ภารวียังบ่นต่อ



“พ่อเขาก็แค่ไม่ค่อยมีเวลา แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงไป แม่ตั้งใจว่าเงินที่เหลือจากซื้อบ้านใหม่ ก็จะเอามารักษาโรคของแม่นี่ล่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน พรีมกับพาย ดีไหมลูก”



“พายไม่มีปัญหา” ลูกชายคนเล็กยังยืนยันเหมือนเดิม



“แล้วหมอบอกแม่หรือยังว่าต้องฟอกไตบ่อยแค่ไหน” ภาสกรถามอาการป่วยของมารดา



“หมอบอกให้มาสัปดาห์ละครั้งก่อน ไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล แต่ครั้งนี้หมอเขาแค่เป็นกังวลเท่านั้น จึงจับแม่นอนเล่นที่นี่” ภาพรรณบอกอย่างอารมณ์ดี



“งั้นพรุ่งนี้ฟอกไตเสร็จ พายมารับแม่นะ”



“ถ้าไม่มาล่ะน่าดู เอาล่ะ ใกล้สองทุ่มแล้ว กลับกันเถอะเด็กๆ”



“แม่ก็นอนพักเยอะๆ นะ พรุ่งนี้พรีมมีสอนทั้งวัน คงมาไม่ได้”



“ไม่เป็นไร ทำงานไปเถอะจ้ะ ให้เจ้าพายจัดการบ้าง”



“ไม่ต้องห่วงแม่นะพี่พรีม ยังไงพายจะดูแลแม่เอง”



“ทำให้ได้ตลอดเถอะ ไม่ใช่มีสาวแล้วลืมแม่ก็แล้วกัน” ภาพรรณเย้าบุตรชาย



“แม่ก็ชอบไปแซวน้อง รู้อยู่ว่าพายมันไม่ชอบผู้หญิง” ภารวีออกโรงปกป้องน้องเสียเอง



“แม่ก็ลองดู เผื่อว่าจะมีโอกาส”



“ไม่หายหรอกครับ โรคนี้ของพายเป็นแล้วเป็นเลยนะแม่”



“จ้ะๆ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”



ระหว่างทางกลับบ้าน ภารวีที่ขับรถอยู่ดูมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ จนภาสกร น้องชายอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “พี่พรีม”



“หืม” หญิงสาวตอบโดยไม่ละสายตาจากถนนยามค่ำคืน



“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจเรื่องพ่อเหรอ” ภาสกรถามออกไป ตั้งแต่เด็กแล้ว เขารู้สึกว่าภารวีไม่ค่อยชมชอบบิดาของพวกเขาเท่าไหร่นัก



“อืม พี่ไม่ไว้ใจพ่อเลย”



“ทำไมล่ะครับ”



“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ”



“พี่คิดมากไปหรือเปล่า” ภาสกรบอกเพราะเขาไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย



“พี่อาจจะคิดมากอย่างที่พายบอกก็ได้” หญิงสาวบอกออกไปแบบนั้น แต่ลึกๆ ในใจเธอก็ยังกังวลอยู่ดี







NONT: เป็นไงบ้าง ได้งานยัง



PPie: ยังเลย นี่กลับมาบ้าน แม่ป่วยอะ



NONT: อ้าวน้าภาเป็นไร



PPie: โรคไต



NONT: เหยยยย ต้องฟอกไตปะ



PPie: อืม หมอบอกตอนนี้ให้ฟอกสัปดาห์ละครั้งไปก่อน



NONT: เคยได้ยินว่าฟอกไตเปลืองเงินมากเลยนะเว้ย



PPie: จริงดิ เดี๋ยวไปดูข้อมูลในเน็ต



NONT: อืม เดี๋ยวน้าภาก็ดีขึ้น ไม่ต้องคิดมากล่ะ



PPie: ขอบใจ แล้วแกอะ เป็นไงบ้าง



NONT: เหมือนเดิม วันๆ แจกแต่ไพ่



PPie: เบื่อก็กลับมาบ้านเถอะ



NONT: วุฒิมอหก กลับไปทำไรวะ ทำเซเว่นเหรอ



PPie: เยอะแยะ ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน มาเรียนต่อด้วยก็ดี รามก็ได้



NONT: ไว้ก่อนๆ ขอเก็บเงินก่อนแล้วกัน



PPie: กลับมาเมื่อไหร่บอกด้วย



NONT: ได้









หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หก นายนวพลหรือนน ก็มุ่งหน้าไปทำงานที่คาสิโนมาเก๊าทันที ตั้งแต่เด็กแล้วเจ้าตัวชื่นชอบอบายมุขทุกชนิดแต่ไม่ได้ชอบเล่น ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนวพลพาไปภาสกรไปด้วยกันตามบ่อนต่างๆ ก็บ่อย ที่ไหนเข้มหน่อย ตรวจบัตรพวกเขาก็ไม่ไป ที่ไหนไม่จำกัดอายุ นวพลเป็นต้องเข้าไปให้ได้







ภาสกรเคยถามเพื่อนว่า ไม่ได้อยากเล่นการพนันแล้วจะเข้าไปในแหล่งอโคจรเหล่านั้นทำไม ทว่านวพลกลับตอบมาว่า เขาอยากเรียนรู้ว่าทำไมคนถึงชอบเล่นพนัน มันดีอย่างไร สนุกตรงไหน และอยากรู้จักคนที่เล่นการพนันเก่งๆ ด้วยว่าทำไมถึงเล่นแล้วได้เงินตลอด มีเทคนิคอย่างไร เขาอยากเรียนรู้







ดังนั้นพอเรียนจบนวพลจึงไม่รอช้า สานฝันตัวเองทันที ภาสกรได้แต่คิด จะว่าไปนวพลก็เก่งเหมือนกันที่หาลู่ทางจนไปอยู่ที่นั่นได้หลายปี





“คุยกับใครล่ะพาย คุยมืดๆ ในรถแบบนี้เสียสายตาพอดี” ภารวีดุน้องชาย โชคดีที่ภาสกรคุยกับเพื่อนอย่างนวพลหรือนน เสร็จแล้ว เขาจึงเก็บโทรศัพท์แต่โดยดี



“นนทักมาอะพี่พรีม” นวพลเป็นเพื่อนสมัยเรียนของภาสกรตั้งแต่เด็ก ทำให้ภารวีรู้จักอีกฝ่ายเหมือนกัน



“ยังติดต่อกันอยู่รึ นนไปอยู่มาเก๊าหลายปีแล้วใช่ไหม”



“ครับ ไม่กลับมาบ้านเลย ตะกี้พายก็บอกว่ากลับมาเมื่อไหร่ให้บอกด้วย”



“อยากเก็บเงินเยอะๆ ล่ะมั้ง”



“พี่พรีมรู้ได้ไงอะ เนี่ยนนเพิ่งบอกพายเหมือนพี่เป๊ะเลย”



“ไปทำงาน ถ้าไม่ติดเที่ยวเล่นก็มีแค่เรื่องเงินแหละพายเอ๊ย”



“พี่พรีมพูดเหมือนคนแก่เลย”



“ที่โรงเรียนมีแต่ครูอาวุโส มันก็ต้องติดพฤติกรรมมาบ้าง”



“พี่เพิ่งยี่สิบห้าเอง อย่าเพิ่งรีบแก่สิ”



“เออๆ ก็ไม่อยากหรอก แต่มันอดไม่ได้”







ภาสกรรับมารดาออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านอย่างเรียบร้อย เขากลับมาอยู่ที่บ้านได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว ยังไม่มีบริษัทไหนเรียกเขาไปทำงานหรือเรียกเขาไปสัมภาษณ์ เขาจึงอยู่บ้านดูแลแม่ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งเขาถูกปลุกด้วยเสียงออดรัวดังอย่างไม่เกรงใจ



“ใครมันมากดเล่นแบบนี้” เขาเดินลงบันไดลงมาก็เห็นมารดาเตรียมจะลุกขึ้นไปหน้าบ้าน เขาจึงประคองอีกฝ่ายให้นั่งลงดังเดิม



“พายออกไปดูให้แม่หน่อยสิลูก ว่าใครมา”



“ครับ” เขาขยี้หัวก่อนจะเดินหัวฟูออกไป



“มาหาใครครับ” ภาสกรมองคนที่อยู่นอกรั้ว เขาไม่รู้จักคนนี้เลย “มาหาใครครับ”



“กูไม่ได้มาหาใครทั้งนั้น” อีกฝ่ายตอบมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซ้ำยังกระโชกโฮกฮากอีกต่างหาก ทำให้ภาสกรรู้สึกไม่พอใจ



“อ้าว..แล้ว?” เขาถามออกไปด้วยเสียงขุ่นเคืองแต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกไว้ไม่ให้แสดงออกมากเกินไป



“เมื่อไหร่จะย้ายออกไป”



“ย้าย? ย้ายไปไหนครับ” เขาสงสัย เป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆ มาถามว่าเมื่อไหร่จะย้าย



“บ้านนี้เป็นของกู เชิญพวกมึงออกไปได้แล้ว กูให้เวลาหนึ่งวันแล้วออกไปเสียที”



“เดี๋ยวสิครับ คุณอย่ามามั่วได้ไหม บ้านนี้ของแม่ผม แล้วแม่ผมไม่ได้ขายบ้านให้คุณ จะมาบอกว่าซื้อไปแบบนี้ไม่ได้” เขาจำได้ว่าแม่บอกจะขายให้กับลุงโชติเจ้าของสวนเงาะ



“เอ้า นี่ แหกตาดู จะได้รู้ว่ากูพูดจริงพูดเล่น” อีกฝ่ายยื่นกระดาษผ่านทางช่องรั้วเข้ามา ภาสกรรับไว้ก่อนจะเปิดออกดู



เขาตาถลนแทบจะหลุกออกจากเบ้าว่าเจ้าของบ้านคนปัจจุบันไม่ใช่ชื่อแม่ของเขา แต่เป็นชื่อของใครไม่รู้ เดาว่าคงเป็นของชายที่มาแอบอ้างคนนี้



“ขอบัตรประชาชนด้วย” ภาสกรขอบัตรอีกฝ่ายเพื่อมายืนยันชื่อในกระดาษสำคัญใบนี้



“เอาไป” อีกฝ่ายรีบส่งให้อย่างรวดเร็ว



ภาสกรรู้สึกเข่าอ่อน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่



“ผมขอคุยกับแม่และพี่สาวก่อน”



“เออ กูให้เวลาวันหนึ่งแล้วก็รีบย้ายด้วย พรุ่งนี้กูต้องได้เข้าอยู่ ส่วนกระดาษใบนั้นเชิญมึงเก็บไปด้วยแล้วกัน”



“ครับ”



ภาสกรเดินเข้าบ้านอย่างคนหมดแรง เขาจะบอกแม่ว่าอย่างไรดี



ทางด้านของภารวีที่กำลังสอนอยู่นั้นก็ได้รับสายจากน้องชาย พอรู้ข่าว เธอจึงรีบฝากการสอนกับครูที่พอจะช่วยเหลือได้ในเวลานั้นเพื่อขับรถตรงกลับไปที่บ้านของมารดาอย่างรวดเร็ว



ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด



“พ่อทำ..ใช่ไหมแม่” เมื่อเข้ามาในบ้าน ภารวีก็โวยวายทันที



“จ้ะ” ภาพรรณกล่าวทั้งที่น้ำหูน้ำตายังไหลไม่หยุด



“แม่เชื่อใจคนอย่างพ่อได้ยังไง ปล่อยให้เขามาจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง”



“แม่ไม่คิดว่าพ่อเขาจะกล้าทำแบบนี้”



“พ่อนะพ่อ ยังมีสำนึกอยู่บ้างไหม” ภารวีไม่พอใจบิดามากที่สุดในเวลานี้



“พายว่าเรามาช่วยกันแก้ปัญหาก่อนดีไหม” น้องชายคนเล็กเดินเข้าไปหาพี่สาวพลางบีบมือให้ภารวีใจเย็นลงบ้าง “ค่อยๆ ช่วยกันแก้ไขทีละเรื่องนะครับพี่พรีม”



“อืม” หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง



“เริ่มจากที่อยู่ก่อนนะครับ เขาบอกให้เราย้ายออกวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เขาจะมาอยู่แล้ว”



“เรื่องที่อยู่แม่กับพายคงต้องไปอยู่ที่บ้านพักครูกับพรีมก่อน ห้องมันคับแคบไปหน่อยแต่อยู่ได้”



“พายไม่เป็นไร อยู่ที่ไหนก็ได้”



“เดี๋ยวพี่ไปช่วยแม่เก็บของ พายก็เก็บของพายนะ” ภารวีบอกน้องชายก่อนจะหันไปทางมารดา



“เอาแค่ที่สำคัญๆ ไปก็แล้วกันนะแม่”



“จ้ะ” ภาพรรณรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า



“งั้นเรารีบไปลงมือเก็บของกันเถอะ”



“เดี๋ยวก่อนพี่พรีม”



“หืม?”



“แล้วเรื่องค่ารักษาพยาบาลแม่?” น้องชายคนเล็กพูดขึ้น สาเหตุหลักๆ ของการขายบ้านคือค่าใช้จ่ายในส่วนนี้



“แม่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เดี๋ยวเอาเงินพวกนี้มาใช้ไปก่อน” แม่เช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้น ลูกๆ ของเธอเข้มแข็งขนาดนี้เธอจะมามัวอ่อนแอได้อย่างไร



“พายจะรีบหางาน”



“ไม่ต้องกดดันตัวเองหรอกพาย เรื่องค่ารักษาแม่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวพี่ไปหากู้เงินมาก็ได้ ทางออกมีเยอะแยะ”



“พายอยากช่วยแม่กับพี่พรีมบ้าง”



“ไม่เป็นไร” พี่สาวยังบอกน้องชายด้วยความอาทร



“พายอยากช่วยจริงๆ ตอนนี้พายคิดว่าพายรู้แล้วว่าจะหาเงินมาได้ยังไง”





========================

Merry Christmas ค่ะ
ขอเปิดเรื่องใหม่ด้วยเรื่องนี้ค่ะ
แต่คงไม่ได้ลงลึกงานในคาสิโนมากเท่าไหร่นักค่ะ
เพราะเขมจะเน้นเรื่องรักมากกว่าค่ะ
 
มาติดตามเจ้าพ่อคาสิโนและเด็กในคาสิโนกันได้ค่ะ

HASHTAG #พนันท้ารัก


 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2019 20:36:18 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ huoan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แม่รู้ว่าลูกชอบผู้ชายตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ดีอ่ะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สอง งานใหม่



PPie: นน แกอยู่ปะ



NONT: ว่าไง กำลังจะเข้ากะพอดี



PPie: เราอยากไปทำงานที่เดียวกับแก ช่วงนี้เขารับคนเพิ่มไหม



NONT: นึกยังไงขึ้นมา เราชวนตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นแกสนใจสักที



PPie: เราจำเป็นต้องใช้เงิน



NONT: เกิดอะไรขึ้นวะ



PPie: ไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ว่าแต่หางานให้เราได้ปะ



NONT: แกมีประวัติไหม ส่งมาให้เราหน่อย เราจะส่งให้หัวหน้าพิจารณา



PPie: มีๆ ส่งให้เดี๋ยวนี้เลย



NONT: เออ เลิกงานตอนเย็น เราจะคุยกับหัวหน้าให้แล้วกัน



PPie: ขอบใจนะ



NONT: ให้เราช่วยแกได้ก่อนแล้วค่อยขอบใจ แกมาก็ดีเหมือนกัน เราจะได้มีเพื่อนคุย



PPie: อืม



NONT: ได้เรื่องยังไง จะมาบอก



PPie: ขอบใจนะ



NONT: เออๆ ไม่เป็นไร เพื่อนกัน






ไม่รู้ว่าภาสกรตัดสินใจถูกหรือผิด แต่เขาก็ส่งประวัติส่วนตัวและประวัติการศึกษาส่งให้ไปนวพลทางช่องทางการสื่อสารที่คุยกันเมื่อสักครู่นี้ไปแล้ว



เขาไม่ใช่คนที่โกรธใครง่าย แต่ยอมรับว่าตอนนี้โกรธเคืองบิดาของตนเองไม่น้อย ลำพังตัวเขาคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก แต่แม่ไม่สบายป่วยอยู่แบบนี้ พ่อยังทำกันได้ลงคอ คิดแล้วมันน่าโมโห หลังจากเกิดเรื่องทั้งพี่สาวและตัวเขาต่างพากันโทรหาบิดาจนสายแทบไหม้ แต่พ่อก็รู้ทันไม่รับสายพวกเขาสองพี่น้องเลย



คิดแล้วยิ่งเจ็บใจ



หลังเลิกงานนวพลทำตามที่ได้รับปากกับภาสกรไว้ เขามุ่งหน้าเดินไปหาหัวหน้างานของที่ชื่อวสันต์ หรือพี่ซัน ชื่อที่สะดวกเรียกสำหรับชาวต่างชาติ หัวหน้างานของเขาอายุปีนี้เข้าปีที่สี่สิบห้าแล้ว เป็นคนไทยคนเดียวที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในคาสิโนแห่งนี้แล้ว และก็เป็นโชคดีของนวพลที่เขาได้หัวหน้าคนนี้มาดูแล



“พี่ซันครับ” นวพลเอ่ยเรียกหัวหน้าของตนเองด้วยภาษาไทย หากไม่ได้พี่คนนี้ เขาคงลืมภาษาไทยไปหมดสิ้น



“ว่าไงนน”



“เพื่อนผมคนหนึ่ง เขาอยากมาทำงานที่นี่”



“เอ..แต่ตอนนี้คาสิโนเราไม่ได้ขาดคน” หัวหน้างานของเขาบอกแบบนั้น



“ไม่มีทางเลยเหรอพี่ พอดีเพื่อนผมมันร้อนเงินจริงๆ แม่มันป่วยอะ”



“ปัญหาเจ็บๆ ไข้ๆ อีกแล้ว” วสันต์ส่ายหน้า



“คนงานคนก่อนที่เพิ่งถูกไล่ออกไปไงพี่ เอามาแทนคนนี้ก็ได้นะ” นวพลรีบพูดเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อวานย้อนเข้ามาในความทรงจำ



“เพื่อนคนนี้ ทำอะไรได้บ้างล่ะ มีประวัติไหม” พอนวพลพูดขึ้นมา วสันต์ก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งมีคนงานถูกไล่ออกไปเมื่อวาน”



“มีๆ นี่ครับพี่ มันเพิ่งเรียนจบมหา’ ลัย ภาษาอังกฤษก็ได้ครับ ส่วนสูง คุณสมบัติต่างๆ ก็ผ่านครับ”



“เออๆ ส่งประวัติมาที เดี๋ยวพี่ไปปริ้นต์ไฟล์ในห้องทำงานแล้วจะเอาไปนำเสนอบอส ไม่รับปากนะ ว่าจะได้หรือไม่ได้”



“ครับพี่ซัน แค่นี้ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”











...



“มีธุระอะไรถึงขึ้นมาบนนี้” บอดี้การ์ดที่วสันต์จำได้ว่าชื่ออาเฉิน ถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาพลางมองคนที่ควรทำงานอยู่ชั้นล่างนั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่



“ผมจะเอาประวัติคนงานมาเสนอบอสครับ”



“ช่วงนี้ไม่ได้เปิดรับคนไม่ใช่รึ” เป็นเสียงของใครอีกคนที่ถามขึ้นมาแทน วสันต์หันไปตามเสียงและพบว่าเป็นบอดี้การ์ดอีกคนที่ชื่อว่าอาคุณ



“วันก่อนเพิ่งมีเด็กถูกไล่ออกไปครับ” วสันต์บอกอย่างนอบน้อม มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศเย็นจนหนาวเพราะเครื่องปรับอากาศที่แข่งกันทำงาน



“อืม เด็กนั่นมันแอบรับทิปโดยตรงจากลูกค้า” อาเฉินหันไปพูดกับอาคุณ



“เอาประวัติมาดู” อาเฉินยื่นมือออกมา วสันต์รีบส่งมอบให้ทันที



“น่าจะพอไหว” อาคุณชะโงกหน้าเข้ามาอ่านด้วยเช่นกัน



“เอาไง” อาคุณถามความเห็น



“เอาไปให้บอสดูแล้วกัน” อาเฉินบอกก่อนจะคืนกระดาษแผ่นนั้นให้กับวสันต์ “รอตรงนี้” อาเฉินบอกก่อนจะเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูหายเข้าไป



“บอสให้เข้าไปได้ ทำตัวดีๆ ล่ะ” อาเฉินกลับออกมาอีกครั้งพร้อมคำตอบก่อนจะกำชับให้วสันต์ปฏิบัติตัวให้ดี



“ขอบคุณครับ”



“มีอะไร รีบพูดมา” เมื่อวสันต์เข้ามาในห้อง เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจก็ถามเขาขึ้นทันทีโดยไม่เงยหน้ามามองผู้มาใหม่เลยแม้แต่น้อย



“ผมเอาประวัติพนักงานคนใหม่ที่จะมาแทนเด็กที่ถูกไล่ออกเมื่อวันก่อนมาให้บอสพิจารณาครับ” วสันต์ที่ท่องคำพูดพวกนี้ตั้งแต่ในใจรีบรัวออกมาทันที



“ส่งมา” วสันต์รีบเอาไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มทันทีก่อนจะถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาพินิจ



“ภาสกร เจริญชัย?”



“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” มือเรียววางกระดาษนั้นลงก่อนจะเงยหน้าสบตาถามวสันต์



“ทะ..ที่เมืองไทยครับ” แค่เสียงที่ถามก็ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน พอสบตาเท่านั้นขาเขายิ่งสั่นไปมากกว่าเดิม



“จัดการเองได้ไหม ถ้าเห็นว่าหน่วยก้านใช้ได้ก็รับมาแล้วกัน”



“ขอบคุณครับ” วสันต์ตอบแต่เขายังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ



“มีอะไรอีก?”



“ไม่มีแล้ว ขอบคุณครับ” วสันต์จึงไม่รีรอ เขาขอตัวแล้วรีบออกจากห้องนั้นทันที







‘Welcome to The Fountain Casino’





ภาสกรกำลังยืนแหงนคอดูป้ายเด่นตระหง่านตรงทางเข้า ความอลังการของคาสิโนทำให้เขายื่นตกตะลึงอยู่ไม่น้อย คาสิโนแห่งนี้ด้านหน้าเป็นลานน้ำพุขนาดใหญ่ เล่นแสงสีตระกานตาให้สมกับชื่อ The Fountain เขายืนนิ่งดูแสงไฟนั้นอย่างไม่วางตา กระทั่งนวพลมาสะกิดแขนเขาให้รู้สึกตัว



“อึ้งแดกไปเลย” นวพลเอ่ยแซว



“เออ เราไม่คิดว่าจะสวยแล้วก็หรูขนาดนี้”



“ข้างนอกว่าเวอร์แล้ว ข้างในไม่ต้องพูดถึงโอ่อ่ากว่านี้อีกเป็นร้อยๆ เท่า”



“จริงเหรอ”



“อืม แรกๆ ก็ตื่นเต้น ตกตะลึง แบบนี้แหละ อยู่ไปสักเดือน สองเดือน ก็เบื่อไปเอง มาทางนี้ ตามเรามา อย่าให้หลงล่ะ” คนที่อยู่มาก่อนเล่าประสบการณ์ความรู้สึกตนเองให้เพื่อนฟังก่อนจะโบกมือให้เพื่อนเดินตาม



“ไม่หลงหรอก”



“แกนอนห้องเดียวกับเรานะ” นวพลอธิบายระหว่างเดินไปห้องพัก



“ดีๆ กังวลแทบตาย กลัวว่าจะไปนอนห้องเดียวกับใครก็ไม่รู้”



“ออกมาผจญภัยแล้วก็ต้องกล้าๆ หน่อย ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเองแล้วนะเว้ย”



“อืม”





นวพลพาพนักงานใหม่มายังที่พักที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาสิโนที่ทำงานนัก ระหว่างทางอีกฝ่ายก็แนะนำหลายๆ เรื่องให้ภาสกรฟังในฐานะรุ่นพี่



“อยู่ที่นี่ ห้ามทำเรื่องที่เราจะพูดต่อไปนี้เด็ดขาดเพราะถ้าทำขึ้นมาจะถูกไล่ออกทันที”



“เรื่องอะไร”



“ข้อแรก ห้ามรับทิปจากลูกค้า ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ลูกค้าที่นี่รู้กฎเป็นอย่างดี เขารู้ว่าจะให้ทิปแกได้ยังไง แกที่เข้ามาในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟหรือ Cocktail server มันจะมีกล่องทิปรวมอยู่แล้ว หมายความว่าหลังเลิกงานทิปพวกนี้จะถูกหารแบ่งไปให้พนักงานที่อยู่ในครัวด้วย”



“เข้าใจ ห้ามรับทิป” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงัก



“ดี ข้อสอง ห้ามให้ใครเอาอะไรมาวางในถาด ยกเว้นแก้วเครื่องดื่ม นอกเหนือจากนี้ห้ามเด็ดขาด”



“ทำไมล่ะ”



“บางคนอาศัยที่นี่เป็นสถานที่ส่งยา”



ภาสกรทำตาโต “เราจะปกป้องถาดของเราอย่างสุดความสามารถ”



“ห้ามลืมรู้ไหม”



“อืม เราสงสัย” ภาสกรบอก



“สงสัยตรงไหน” นวพลถามพลางหยิบลูกกุญแจขึ้นมาจากกระเป๋า



“เขาจะรู้ได้ไงว่ามีคนทำผิด”



“แกนี่บื้อจริง ที่นี่มันบ่อนการพนันนะเว้ย กล้องวงจรปิดมีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันตัว ส่องละเอียดเห็นหมดทุกคน ไม่งั้นตำแหน่งอย่างเราที่จับชิปได้ก็ยักยอกเงินเป็นว่าเล่นแล้ว”



“น่ากลัว แล้วหมดยัง” ภาสกรบอกลูบแขนตัวเองเบาๆ



“อะไรหมดยัง”



“กฎข้อห้ามไง”



“อ๋อ...ยังๆ ...มีอีก”



“เยอะจัง” ภาสกรทำหน้าเหนื่อย



“กฎมันก็เยอะแบบนี้แหละ ที่นี่มีพนักงานเยอะแยะ ถ้าไม่มีกฎ มันก็เละเทะเปล่าวะ”



“เออๆ ก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง”



“เข้ามาๆ” มาถึงห้องพักของพวกเขาพอดี นวพลไขกุญแจเปิดประตูห้องออกก่อนจะเดินนำเข้าไปก่อน



“ห้องกว้างดีจัง”



“ที่นี่สวัสดิการดีนะ อ้อ..เตียงนี้ของเรา” เขาชี้ไปยังเตียงที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ



“งั้นเตียงนี้ก็ของเราสินะ” ภาสกรว่าก่อนจะเดินเอาของไปวางเตียงที่ยังว่างอยู่



“อืม ตู้เสื้อผ้ามีสองตู้ ตู้ซ้ายของเรา ผ้าปูที่นอนเดี๋ยวเราไปขอแม่บ้านให้” นวพลพูดต่อ



“โอเค แล้วข้อห้ามที่เหลือล่ะ”



“เออ เกือบลืม ข้อนี้ก็สำคัญ ห้ามพนักงานทุกคนเล่นพนันที่คาสิโนแห่งนี้ทุกชนิด รวมไปถึงเล่นให้ลูกค้าก็ไม่ได้”



“แปลว่าเล่นที่คาสิโนอื่นก็ได้เหรอ” ภาสกรถามด้วยความสงสัย



“ใช่ เล่นที่อื่นได้ แล้วก็ห้ามเล่นให้ลูกค้ารู้ไหม ถึงแม้ลูกค้าจะบอกว่าฝากดูให้หน่อยเพราะไปเข้าห้องน้ำก็ตาม กรณีใดๆ ก็ห้าม พนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องชิปทุกกรณี ยกเว้นคนแลกชิปหรือ Teller”



“เข้าใจแล้ว”



“เข้าใจแล้วต้องทำตามด้วยนะ อย่าทำผิดเด็ดขาดนะรู้ไหม กฎที่นี่เอาจริง แล้วบอสที่นี่ก็โหดมากด้วย เราไม่เคยเห็นเขาอะลุ่มอล่วยกับใครเลย” นวพลย้ำแล้วย้ำอีก



“รู้แล้ว”



“ที่เราพูดยืดยาวเพราะเป็นห่วงนะ”



“ขอบใจนะ เราก็อายุเท่าแกนะ โตขึ้นแล้วเหมือนกัน อย่าคิดว่าเรายังเป็นเด็กสิ แกชอบทำตัวเหมือนพี่ชายเราตลอด” ภาสกรบ่น เขาอายุยี่สิบเอ็ด เพิ่งเรียนจบ ถ้าแค่นี้เขาดูแลตัวเองไม่ได้เลยคงแย่ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ คนเดียวแล้ว



“ก็แกมันน่าห่วง เป็นลูกชายคนเล็ก แม่ก็โอ๋ พี่ก็โอ๋” นวพลยิ้มก่อนจะพูดต่อราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรได้ “เออ เราโคตรแปลกใจ น้าภากับพี่พรีม ยอมให้แกมาไกลหูไกลตาขนาดนี้ได้ไงวะ”



“เราขอมาเอง จริงๆ แม่กับพี่พรีมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอก แต่ตอนนี้สถานการณ์การเงินที่บ้านเราไม่ค่อยดี พวกเขาเลยจำใจยอมให้เรามา” ภาสกรบอก เขาคร้านจะเล่าเรื่องที่ว่าแม่กับภารวีคัดค้านเสียงแข็งแค่ไหนที่รู้ว่าเขาจะตามนวพลมาทำงานที่มาเก๊า



“เกิดอะไรขึ้น”



“แม่เราขายบ้าน ตั้งใจจะเอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อบ้านหลังเล็กลง ส่วนเงินอีกส่วนจะเอามารักษาอาการป่วย แต่พ่อเราเอาเงินที่ขายบ้านได้ไปหมดเลย” ภาสกรบอกด้วยเสียงขุ่นเคืองในตอนท้าย



“อย่าหาว่าเราว่าพ่อแกเลยนะ แต่พ่อแกดูไม่น่าไว้ใจอะ” นวพลจำใบหน้าบิดาของภาสกรได้ เขาไม่เคยนึกถูกชะตาผู้ชายคนนี้เลย



“เออ ไม่เป็นไร”



“แกเลยต้องรีบหาเงินใช่ปะ”



“อืม มัวแต่รอไปทำงานบริษัทคงไม่ทันอะ และเงินเดือนเด็กจบใหม่ก็น้อยนิด ไม่พอให้แม่เราฟอกไตหรอก”



“เออ ที่นี่เงินดี ทิปก็ดี”



“เราเลยขอให้แกช่วยไง” ภาสกรยิ้ม “แล้วยังมีกฎอะไรอื่นๆ อีกไหมอะ”



“หลักๆ ที่เป็นข้อห้ามเด็ดขาดก็ตามที่เราบอก ส่วนข้ออื่นๆ เดี๋ยวพี่ซัน เอ่อ พี่วสันต์ เขาเป็นหัวหน้าเรา คงจะบอกแกเองอะ”



“แล้วเราจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”



“พี่ซันยังไม่ได้บอกเหรอ”



“ยังเลย” ภาสกรส่ายหน้าประกอบคำพูดอีกแรง



“เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าไปพร้อมเราแล้วกัน พี่ซันงานยุ่ง คงลืมบอก”



“ได้”



“หิวหรือเปล่า”



“นิดหน่อย ทำไมอะ แกหิวเหรอ”



“ใช่ รีบไปรับแกจนลืมกินข้าวก่อนไปเลย”



“เขากินกันที่ไหน” ภาสกรถาม



“เดี๋ยวเราพาไป” นวพลตอบ “ที่นี่มีข้าวให้กินฟรีทุกมื้อ วันหนึ่งจะกินกี่มื้อก็ได้ เท่าที่แกไหวเลย แต่ต้องไม่กระทบเรื่องงาน”



“ดีว่ะ” ภาสกรบอกพร้อมตาที่ลุกวาว ไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่กิน แค่คิดว่านี่ก็เป็นหนทางประหยัดเงินอีกรูปแบบหนึ่ง



“บอกแล้วที่นี่สวัสดิการดี วันหยุดก็ได้หยุดเยอะกว่าที่อื่นนะ แต่ไม่ได้หยุดตรงกับเสาร์หรืออาทิตย์หรอกนะ”



“ไม่เป็นไร วันไหนก็ได้”



“อืม ดีแล้ว และงานก็เข้าเป็นกะ วันละเก้าชั่วโมงรวมพัก พี่ซันบอกแล้วใช่ไหม”



“บอกแล้ว”



“โอเค ไปกินข้าวกัน”









========================

Happy New Year 2019!
ปีใหม่ขอให้ทุกท่านมีเงินซื้อนิยายได้ทุกเรื่องที่ตั้งใจนะคะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ huoan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สวัสดีปีใหม่ครับ ใครกันนะเป็นพระเอก

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน



“เรื่องที่ต้องจำและห้ามทำเด็ดขาด ขอย้ำว่าห้ามทำเด็ดขาด” วสันต์ร่ายกฎที่จำเป็นและสำคัญของคาสิโนให้กับพนักงานใหม่อย่างภาสกรฟัง

เมื่อเช้านี้ภาสกรมาพร้อมกับนวพล ก่อนจะถูกอีกฝ่ายนำเขามาหย่อนไว้กับวสันต์ ตอนนี้เขาฟังกฎข้อห้ามซ้ำไปซ้ำมาจนจำกฎข้อห้ามต่างๆ ได้จนขึ้นใจแล้ว

“นี่สมุดคู่มือและกฎปลีกย่อยต่างๆ รับไว้สิ”

“ครับ”

“ทำงานที่นี่ถ้าทำผิดจะบอกว่าไม่รู้กฎไม่ได้”

“ครับ”

“เอ้า แล้วนี่ชุดพนักงาน” หัวหน้างานวัยสี่สิบห้ายื่นชุดที่อยู่ในห่อพลาสติกใส บ่งบอกว่าเสื้อผ้าดังกล่าวยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนนั้นให้

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรับชุดมาถือไว้

“คาสิโนของเราจะให้ชุดกับพนักงานคนละสองชุด ถ้าขาดหรือเสียหาย ก็ไปแจ้งกับทางแม่บ้าน เขาจะนำชุดไปซ่อมให้ถ้ามันยังซ่อมได้ แต่ถ้าซ่อมไม่ได้แล้ว ก็มารับชุดใหม่ไปแทน”

“แล้วถ้าผมอยากจะขอซื้อเพิ่มล่ะครับ” ภาสกรถามไว้เป็นทางเลือกเฉยๆ

“ซื้อเพิ่มได้ ที่ฝ่ายบริการ การจ่ายเงินก็ไปตกลงกับเขาเอง จะหักจากเงินเดือนหรือจ่ายเงินสดเลย ณ ตรงนั้นก็ทำได้”

“ครับ ดีจัง” ภาสกรคิด คาสิโนที่นี่จะดีเกินไปไหม

“บอสของเรา ก็แบบนี้” วสันต์ยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ “ทำอะไรนึกถึงพนักงานก่อนเสมอ แต่อย่าคิดเล่นตุกติกหรือทำตัวไม่ดีเชียว บอสไม่ปล่อยไว้แน่”

“ครับ” ภาสกรได้แต่คิดบอสคงโหดจริง ทั้งนวพลและวสันต์ก็ต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“แล้วนี่เป็นตารางกะเข้าเวลาทำงาน เราจะมีเปลี่ยนกะทุกๆ สองเดือน” หัวหน้างานยื่นกระดาษที่เพิ่งถูกปริ้นต์มาใหม่ส่งให้ “ตารางพวกนี้ไปติดต่อรับได้ที่ฝ่ายธุรการ แต่ปกติเขาจะติดบอร์ดแจ้งไว้อยู่แล้ว พวกข่าวสารต่างๆ ก็จะติดไว้ตรงนั้นด้วยเช่นกัน ไปเปลี่ยนชุดเสีย เดี๋ยวจะพาไปดู”

“ครับ” ภาสกรรีบเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว พอใส่ชุดพนักงานแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน แต่ก็อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยทำงานจริงจังสักที

“เสร็จแล้วใช่ไหม”

“เสร็จแล้วครับ”

“ตามพี่มา” วสันต์เดินนำออกจากห้องไป “สำหรับตำแหน่งหัวหน้าที่นี่มีพี่คนเดียวที่เป็นคนไทย บอสเห็นว่าที่คาสิโนของเรามีพนักงานไทยค่อนข้างเยอะประมาณหนึ่งเลยอยากให้มีคนประเทศเดียวกันเป็นหัวหน้าสักคนไว้ให้อุ่นใจ” วสันต์บอกด้วยความภาคภูมิใจที่เขาเป็นผู้ถูกเลือก

“ครับ”

“การทำงานของที่นี่แบ่งเป็นสามกะคือกะเช้า กะบ่ายและกะดึก แต่ละกะจะไม่ได้เริ่มเวลาเดียวกันทุกคนหรอก กะเช้าอยู่ในช่วงหกโมงถึงเก้าโมง ตามแต่ตารางของแต่ละคน เช่น ถ้าเริ่มแปดโมงก็เลิกห้าโมง รวมเวลาพักหนึ่งชั่วโมง แต่บางคนอาจจะเริ่มเก้าโมงเลิกหกโมงเย็น เพราะเราต้องมีเวลาถ่ายงานให้แต่ละกะด้วย ที่สำคัญห้ามมาสาย ถ้าลา อย่าหายเงียบ ให้ฝากบอกใครมาก็ได้ สำหรับเราก็ฝากนนมาบอกพี่ก็ได้ พี่จะได้หาคนไปแทนคนลา”

“ครับ” ภาสกรแทบจะไม่ได้พูดคำอื่นเลยนอกจากคำนี้

“เรื่องวันหยุด ที่นี่ทำงานแบบสี่วัน หยุดหนึ่งวัน วนไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นวันหยุดจะไม่แน่นอน ดูตารางงานตัวเองดีๆ อย่าจำผิดเด็ดขาด”

“ครับ”

“ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนกะจะได้วันหยุดเพิ่มหนึ่งวัน ถ้าวันนี้เราอยู่กะเช้า วันพรุ่งนี้จะได้หยุด แล้วมะรืนเริ่มกะใหม่ บอสอยากให้พนักงานที่นี่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงเพิ่มกฎนี้เข้าไปอีกข้อ”

“อ้อ..ครับ”

“กะเปลี่ยนทุกสองเดือนใช่ไหม แต่วันที่เปลี่ยนกะไม่แน่นอน ไหนดูสิของเราน่ะเป็นวันที่เท่าไหร่” ภาสกรหยิบกระดาษที่ได้มาจากวสันต์ขึ้นมาอ่านดู

“วันที่ห้าครับ” ภาสกรตอบ

“อืม แสดงว่ากะจะเปลี่ยนทุกๆ วันที่ห้า กรณีที่ วันเปลี่ยนกะตรงกับวันหยุดอยู่แล้วก็จะได้หยุดเพิ่มไปอีกวันนะ ไม่ต้องกลัวว่าคาสิโนจะเอาเปรียบ”

“ไม่เลยครับ ผมยังไม่ทันได้คิดอะไร”

“นี่เป็นบอร์ดที่พี่พูดถึงไปก่อนหน้านี้” วสันต์หยุดยืนหน้าบอร์ดขนาดใหญ่ “ตรงนี้คือกะเวลาทำงานของแต่ละคน มาไล่ชื่อดูดีๆ ล่ะ พนักงานมันเยอะ” ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วย เขาตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ชื่อใครเป็นชื่อใคร

“สังเกตง่ายๆ เรามีรหัสพนักงาน เห็นไหมตรงป้ายชื่อน่ะ มีตัวเลขอยู่ รายชื่อพวกนี้ถูกเรียงตามรหัส”

“ครับ เห็นแล้ว” ภาสกรดูป้ายชื่อตัวเองก็เห็นตัวเลขดังกล่าว นี่เลขเขารันไปหลักพันหรือหลักหมื่นกันนะ เอาไว้ก่อนแล้วกัน ค่อยดูทีหลัง

วสันต์ออกเดินนำต่อ “คาสิโนของเรามีให้บริการห้องพักระดับห้าดาว รวมไปถึงห้องอาหารต่างๆ มากมายหลายสัญชาติ รูมเซอร์วิส โซนคาเฟ่ หรือร้านค้าภายในคาสิโนด้วย”

“ใหญ่จัง”

“อืม ส่วนของคาสิโนจะกินพื้นที่ทั้งหมดห้าชั้นตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นห้า แต่ละชั้นถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ” วสันต์กดลิฟต์พาพนักงานใหม่เข้าไปก่อนจะกดหมายเลขหนึ่ง

“ชั้นล่างสุดหรือชั้นกราวน์คือส่วนของล็อบบี้ จะเช็กอินเข้าพักโรงแรม รับรถฝากรถ หรือจะนั่งเล่นก็ได้ คนทั่วไปสามารถเข้ามาที่บริเวณนี้ได้ มีจุดให้ถ่ายรูปอยู่หลายที่ รวมไปถึงหน้าทางเข้าที่เป็นลานน้ำพุขนาดใหญ่ คงเห็นแล้วใช่ไหม”

“ครับ เมื่อวานมาถึงก็เห็นเลย สวยงามมาก” ภาสกรบอกจากใจ

“ไอเดียบอสน่ะ เพื่อเป็นการโปรโมตคาสิโนไปในตัว”

“ถึงแล้วชั้นหนึ่ง เป็นโซนเกี่ยวกับอะไรที่เสียงดังมากๆ”

“ครับ?” ภาสกรยังไม่เข้าใจคำพูดของวสันต์

“พวกเกมส์ตู้ สล็อตแมชชีน ปาจิงโกะ ต่างๆ เทือกนี้ จะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง มาสิ เข้าไปดูกันหน่อย”


แค่เพียงก้าวแรกที่ภาสกรเดินเข้ามา เขาก็อยากจะยกมือปิดหู เสียงดังอะไรเช่นนี้ ทั้งเสียงเพลงที่เปิดกระหึ่ม เสียงผู้คนโวยวายหรือเสียงดังของลูกปาจิงโกะที่ไหลทะลักออกมาจากเครื่อง


หวังว่าเขาจะไม่ได้มาทำงานชั้นนี้นะ ภาสกรคิดอย่างหวั่นใจ


“เสียงดังใช่ไหม แต่เลือกไม่ได้หรอกนะ” วสันต์พูดราวกับรู้ว่าภาสกรคิดอะไร “พนักงานทุกคนต้องวนทำงานทุกชั้น เพื่อไม่ให้พนักงานสนิทสนมกับลูกค้าคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ”

“ครับ” ภาสกรกลืนน้ำลาย คิดหาคำพูดให้กำลังใจตัวเอง


‘เอาวะ อดทนหน่อยไอ้พาย เพื่อเงิน เพื่อแม่ ท่องไว้’


“งั้นเราไปชั้นสองกันต่อ” วสันต์อธิบายต่อเมื่อพวกเขามาถึงชั้นดังกล่าว “ชั้นสองกับชั้นสามเหมือนกัน เกี่ยวกับอะไรที่มีเสียงเบาลงมา”

“ครับ?”

“จำพวกไฮโล น้ำเต้าปูปลา ถั่วโปและรูเล็ต แต่ชั้นสามจะเป็นรูเล็ตเสียส่วนใหญ่ ตามเข้ามาสิ”

“ครับ” เสียงเบาลงอย่างที่วสันต์บอกไว้จริงๆ เขาได้ยินเสียงกระทบกันไปมาของลูกเต๋า ดังขึ้นในแต่ละโต๊ะที่เขาเดินผ่าน


ภาสกรมองบรรยากาศโดยรอบ ลูกค้าบางคนหน้าสดใส ยิ้มแย้ม คงจะเล่นได้เงินกระมัง ส่วนบางคนมีใบหน้าหมองคล้ำ ดูเคร่งเครียด บางคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหมือนติดอยู่ที่นี่มาหลายวัน ไม่ต้องบอกก็รู้ เสียตัง ดวงตกแน่นอน

“เล่นอะไรเป็นบ้างไหม”

ภาสกรส่ายหน้า “ไม่เป็นเลยครับ”

“ดีแล้ว การพนันไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก มันแค่ดีกับเจ้าของธุรกิจเท่านั้น” วสันต์เอ่ย

“ครับ?” ภาสกรแปลกใจ

“ลงทุนกับคนโลภ ได้เงินไวที่สุด”

“ไปกันต่อ เดี๋ยวเราข้ามไปชั้นสี่เลยแล้วกัน” วสันต์บอกก่อนจะลิฟต์ที่หมายเลขสี่ตามที่บอกไว้

“ครับ”

“แต่ละชั้นจะมีโซนเครื่องดื่ม ตอนที่พายมาเสิร์ฟก็รับเครื่องดื่มใส่ถาดจากบาร์เทนเดอร์แต่ละชั้นได้เลย”

“ครับ สะดวกจัง”

“อืม ใช่ สะดวก ส่วนอาหารถ้าลูกค้าต้องการสั่ง เรามีแท็ปเล็ตให้สั่งอาหารตรงไปยังครัวได้เลย ระบุชั้น ชื่อ โต๊ะให้เรียบร้อย เมื่ออาหารเสร็จแล้ว เครื่องจะส่งสัญญาณให้รู้ ก็ไปรอรับที่จุดรับอาหารในแต่ละชั้นเช่นกัน เดี๋ยวตอนกลับไปที่ห้องจะสอนวิธีการใช้ให้”

“มีแบบนี้ด้วยหรือครับ”

“เยี่ยมเลยใช่ไหม ความคิดของบอสอีกเช่นเคย” วสันต์พูดอย่างภูมิใจในตัวเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ “ตรงด้านหลังของผนังจะมีระบบขนส่งอาหารพวกนี้อยู่ เป็นสายเคเบิ้ลน่ะ เหมือนรางรถไฟ ไว้ว่างๆ จะพาไปดู จานอาหารจะถูกใส่กล่องใหญ่มาพร้อมกับป้ายบอกไว้ เราดูจากรหัสออเดอร์ หยิบออกมาแค่เฉพาะจานใส่ถาดแล้วนำไปเสิร์ฟ”

“ดีจัง”

“ชั้นสี่แล้ว” วสันต์บอกอย่างไม่จำเป็น เขาเดินนำออกไปก่อนเช่นเดิม “ชั้นนี้ยิ่งเงียบขึ้นไปอีก เพราะเกี่ยวกับพวกไพ่ เช่น บาคาร่า ป๊อกเด้ง คีโน บิงโก”

“ผมรู้จักป๊อกเด้งกับบิงโก” ภาสกรโพล่งออกมา

“เหรอ” วสันต์หัวเราะ เอ็นดูในความใสซื่อของพนักงานใหม่ “รู้จักได้ไง เคยเล่นมันรึ”

“เปล่าครับ ป๊อกเด้งนี่เคยเห็นเพื่อนเล่น ส่วนบิงโก ผมเห็นที่งานวัด”

“ใครๆ ก็ชอบเล่น ลูกค้าผู้หญิงชอบเล่นมากเพราะมันเล่นง่าย” วสันต์พาเข้าไปดูบรรยากาศภายในแต่ชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ หัวหน้างานจึงพาเข้ามาดูและพากลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกค้าต้องเสียสมาธิในการลุ้น

“ชั้นสุดท้าย ชั้นห้า พิเศษกว่าทุกชั้นนิดหน่อย”

“ยังไงครับ”

“ชั้นนี้จะมีเพียงแบล็กแจ็กยี่สิบเอ็ดและโป๊กเกอร์ ลูกค้าที่จะเข้ามาเล่นได้ต้องเป็นลูกค้าวีไอพีเท่านั้น ชั้นนี้มีความพิเศษคือ มีจำนวนโต๊ะไม่เยอะ และมีโต๊ะพิเศษสำหรับนักพนันที่คิดว่าดวงแข็งหรืออยากลองของ มาขอท้าฝีมือกับบอส ของเรา ดังนั้นภายในจะมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่และที่นั่งอีกมากมายไว้ให้ลูกค้าได้นั่งชมบรรยากาศสดๆ อ้อ ถ้ามีการท้าดวล ภาพบนจอก็จะถูกถ่ายทอดไปแต่ละชั้นด้วย”

“ยิ่งใหญ่มากเลย”

“อืม แต่บอสไม่ได้ตกลงรับคำท้าทุกคนหรอกนะ ต้องดูคนที่สูสีจริงๆ ซึ่งจะหายากหน่อย คนเก่งไม่ได้มีบ่อยๆ ตั้งแต่พี่อยู่มา ปีหนึ่งจะโผล่มาสักคน”

“เล่นไพ่ต้องเก่งด้วยเหรอครับ”

“พูดมาเนี่ยแสดงว่าไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม” วสันต์เอ่ยถามพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำไมเขารู้สึกกำลังล่อหลวงเด็กที่มาจากโลกสวยงาม มาสู่โลกโสมมเช่นนี้

“ไม่รู้ครับ” ภาสกรตอบตามตรง

“ดีแล้ว ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ไพ่พวกนี้ไม่ได้อาศัยแค่ดวงแต่ต้องมีทักษะฝีมือและคำนวณไพ่ในกองที่เหลือด้วย แปลว่าสมองต้องทำงานตลอดเวลาและสีหน้าท่าทางก็สำคัญ บางคนตกหลุมพรางเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต่อมาแล้วกับการถูกหลอกจากท่าทางภายนอก” วสันต์อธิบายเพิ่ม

“ซับซ้อนมาก” ภาสกรนึกภาพตาม

“ใช่ เพราะฉะนั้นชั้นนี้เลยพิเศษไงละ และเอ้อ..เกือบลืม พนักงานใหม่หรือพนักงานทั่วไปไม่มีสิทธิ์มาทำงานที่ชั้นนี้จนกว่าจะผ่านการทดสอบ”

“การทดสอบ?” ภาสกรทวนคำพูดของวสันต์

“ที่นี่มีสอบเลื่อนขั้นนะ เพราะชั้นนี้รับรองแต่แขกวีไอพี ถ้าใครสามารถเข้ามาทำได้ละก็ เงินเดือนจะสูงกว่าอยู่ชั้นอื่น” คำตอบของวสันต์ทำให้ดวงตาของภาสกรเป็นประกาย

“ถ้าผมอยากสอบต้องทำไงบ้างครับ”

เขาอยากย้ายมาทำงานชั้นนี้ อยากได้เงินเยอะๆ

“ไม่ต้องรีบร้อน ทำงานให้คุ้นกับที่นี่ก่อน การสอบของที่นี่ ไม่ได้ง่ายๆ นะรู้ไหม” วสันต์ยิ้มพลางบอกให้ภาสกรใจเย็น

“ทำไมครับ”

“คนที่จะให้ผ่านคือบอสของเรา เพราะบอสจะเป็นคนมาคุมสอบด้วยตัวเอง”

“คงโหดน่าดู” ภาสกรรำพัน เขาไม่รู้ว่าบอสที่วสันต์พูดถึงเป็นคนอย่างไร แต่ดูท่าแล้วคงจะต้องเขี้ยวลากดินแน่ๆ เลย

“ใช้คำว่าโหดยังน้อยไป คนผ่านน้อยมากจริงๆ”

 “...” ภาสกรคิดในใจว่าแล้วตัวเขาจะรอดไหม แต่ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง ไม่ลองก็ไม่รู้

“ที่นี่มีทั้งหมดสามสิบชั้น” วสันต์อธิบายต่อระหว่างเดินกลับห้องทำงานของตนเอง “ดังนั้นตั้งแต่ชั้นหกขึ้นไปจนถึงชั้นสิบจะเป็นร้านค้าแบรนด์ดังรวมถึงร้านอาหารต่างๆ ชั้นที่สิบเอ็ดถึงชั้นยี่สิบหกจะเป็นส่วนห้องพัก ชั้นที่ยี่สิบเจ็ดและยี่สิบแปดจะเป็นที่พักบอดี้การ์ดและคนทำงานใกล้ชิดกับบอส ส่วนชั้นที่สามสิบเป็นที่พักและห้องทำงานของบอส ถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามขึ้นไปเด็ดขาด”

“รับทราบครับ แล้วชั้นยี่สิบเก้าล่ะ?” ภาสกรสงสัย ทำไมวสันต์ถึงข้ามชั้นนี้ไปหรือว่าลืมพูด

“ชั้นนั้น รู้แล้วก็อย่าพูดมั่วซั่วไปล่ะ”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้าตอนวสันต์ก้มหน้ามากระซิบบอก พอได้ยินเท่านั้นเจ้าตัวถึงกับทำตาโตโดยไม่ตั้งใจ   ภาสกรขนลุก คิดว่าเจ้าของที่นี่ต้องอายุรุ่นพ่อหรืออาจจะเป็นตาแก่จอมหื่นแน่นอน คนแบบไหนกันจะต้องมีเด็กเลี้ยงส่วนตัวผูกขาดแบบนี้

“ห้ามพูด ปิดปากให้สนิท แล้วห้ามขึ้นไปเพ่นพ่านบนนั้น”

“ครับ ผมไม่ไปแน่นอน”

“ดีมาก เอาล่ะ” วสันต์บอกเมื่อถึงห้องทำงานแล้ว “เข้ามาใกล้ๆ นี่คือแท็ปเล็ต เดี๋ยวจะสอนวิธีใช้ให้”

ภาสกรขยับตัวไปใกล้ เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจการทำงานของมัน “เข้าใจแล้วครับ”

“หัวไวดีนี่”

“ขอบคุณครับ”

“คราวนี้พี่จะสอนวิธีการถือถาดให้ จะถือถาดโต้งๆ แบบเสิร์ฟอาหารตามข้างทางไม่ได้รู้ไหม”

“ครับ?”

“ยกมือข้างที่ถนัดขึ้น แบมือออก และวางถาดลงไปบนนั้น ถือชูแบบนี้ นอกจากจะไม่ชนใครแล้วยังไม่บดบังทัศนวิสัยด้วย”

“ครับ คงจะเมื่อยน่าดู”

“แรกๆ ก็เมื่อยเป็นธรรมดา สักพักก็ชิน กลับไปฝึกซ้อมที่ห้องก็แล้วกัน หาอะไรวางบนถาดด้วย จะได้รู้วิธีการทรงตัว สงสัยก็ถามนนแล้วกัน ก่อนหน้านี้มันก็เดินเสิร์ฟอย่างพายนั่นแหละ”

“ขอบคุณครับ”

“ก่อนกลับอย่าลืมไปเอาข้าวด้วย เขามีแบบใส่ปิ่นโตวางไว้ให้ กินเสร็จก็ล้างมาคืน แล้วพรุ่งนี้อย่าสาย มาสแกนนิ้วมือให้ทันก่อนแปดโมง”

“ขอบคุณครับ”

“วันนี้พอเท่านี้ ไปได้แล้ว”

“ครับ”


‘พรุ่งนี้เขาจะก้าวเข้าสู่ชีวิตทำงานจริงๆ แล้วใช่ไหม ขออย่าให้เขาทำอะไรผิดพลาดเลย’
 




========================


เอาใจช่วยน้องพายด้วยนะคะ
ปล เจอกันทุกวันศุกร์เนอะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขอบคุณคุณเขม
เดี๋ยวเราไปหวีดต่อ ที่ทวีท

ออฟไลน์ huoan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สนุกมาก ชอบน้องพาย

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สี่ ผวา



เอกสารสัญญาแผ่นหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่มือเรียวสวยแต่ติดจะคร้ามแดดจะหยิบขึ้นมาดู แล้วจึงเงยหน้ามองถามคนที่นำกระดาษพวกนี้มาวาง “อะไร”

“สัญญาของคุณชั้นยี่สิบเก้าครับ” อาเฉินตอบด้วยความนอบน้อม เขาตอบเสร็จก็เลือกหลบตาบุคคลที่สนทนาด้วย ดวงตาหวาน ล้อมรอบไปด้วยขนตาที่ยาวงอนของผู้เป็นนาย ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่หรือใครต่อใครที่ได้เห็นก็ต่างพากันหลงใหล แต่จะมีใครรู้บ้างไหม ภายใต้ดวงตาคู่นั้น เป็นเพียงการหลอกล่อเหยื่อให้ตายใจ หากเปรียบเปรยว่าถ้าสายตาฆ่าคนได้ เจ้านายของเขาคงฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน

ทั้งที่ดวงตาก็แสนจะอ่อนหวาน แต่อาเฉินและอาคุณไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนอกจากจะสัมผัสได้เพียงความน่ากลัวของสายตาคู่นี้เท่านั้น

ชายหนุ่มที่กุมบังเหียนคาสิโนปรายตาอ่านเอกสารนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะวางมันลงแล้วหยิบแผ่นใหม่ขึ้นมา “แล้วแผ่นนี้?”

“เป็นสัญญาของคนใหม่ที่จะมาอยู่ชั้นยี่สิบเก้าครับ” คราวนี้อาคุณเป็นฝ่ายตอบบ้าง

“เหรอ” ชายหนุ่มยังทำแบบเดิมคือการปรายตามองกระดาษในมือก่อนจะวางลง เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะสองสามครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามบอดี้การ์ด

“เขาลงไปที่ชั้นสี่ครับ” อาเฉินเป็นฝ่ายตอบ เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กในสังกัดของบอสห้ามเข้าไปยุ่งย่ามชั้นที่หนึ่งถึงชั้นห้าของคาสิโน

“งั้นก็เปลี่ยน ส่วนคนใหม่ก็ตามนั้น” ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามว่าทำไมคนนั้นถึงลงไปชั้นดังกล่าว เขาไม่สนใจ กฎก็คือกฎ

“บอสครับ” อาเฉินเรียกผู้เป็นนายเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมา

“มีอะไรอีก”

“คือ เขาอยากจะขอโอกาสอธิบายครับ”

“ปฏิเสธไป” คนถูกขอให้ฟังตัดบทเสียงเด็ดขาด

“ครับบอส” สองบอดี้การ์ดรับคำก่อนจะถอยออกจากห้อง อาเฉินลงไปยังชั้นยี่สิบเก้าเพื่อจะพาคนเก่าไปส่งที่อยู่ใหม่ ส่วนอาคุณนั้นกดลิฟต์อีกตัวลงไปชั้นล่างสุดเพื่อออกไปรับคนใหม่มาอยู่แทน


บอสของพวกเขาก็เป็นแบบนี้ ถ้าทำผิดข้อตกลงก็ต้องถูกเฉดหัวออกไปโดยไม่มีคำอุทธรณ์ จริงๆ แล้วบอสไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากนัก นอกจากเรื่องการพนันก็มีอีกเพียงข้อเดียวคือการมีความสัมพันธ์ซ้อนกับบุคคลอื่น แต่คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ไม่นานเพราะความโลภ


ไม่ทันไรก็เปลี่ยนคนอีกแล้ว


...


“ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” นวพลเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

เลิกงานวันแรกของชีวิตพนักงานใหม่ ภาสกรก็รีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างกับคนตายอดตายอยาก

“หิวมาก”

“กลางวันไม่ได้ไปกินเหรอ”

“กิน” ภาสกรตอบทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก

“แล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนคนไม่ได้กินข้าว”

“เหนื่อยไง เหนื่อยมาก ไม่คิดเลยว่าแค่ถือถาดไปมามันจะเหนื่อยขนาดนี้” ภาสกรบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดจนหมดแก้ว

“ปวดขาด้วย”

“บ่นเหรอ” นวพลผลักหัวเพื่อนเบาๆ “ทำงานมันก็แบบนี้แหละวะ พอร่างกายมันชินเมื่อไหร่ก็สบาย”

“จะชินจริงใช่ไหม” ภาสกรถามด้วยความคาดหวัง

“เออ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สู้แล้วเรอะ ไม่ได้นะเว้ย เราช่วยแกสุดตัว จะมาบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ได้นะ”

“เปล่าๆ ยังไงก็ทำต่ออยู่แล้ว เรารู้ว่ามาที่นี่ทำไม”

“จำได้ก็ดี”

“เราต้องหาเงินไปให้แม่”

“อืม แล้วนี่เริ่มงานที่ชั้นไหน”

“ชั้นสอง” ภาสกรตอบอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ก็ชั้นสอง”

“ตั้งใจทำงานด้วย อย่าทำตัวซุ่มซ่าม ทำหกเลอะแขกเข้าล่ะ บอสเรียกไปด่าแน่”

“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาขู่” คนหิวโซบอกปัดก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกคำใหญ่


“รีบกิน จะได้รีบกลับไปนอน”

“อือๆ”


ภาสกรตื่นขึ้นมาวันใหม่กับเนื้อตัวที่ปวดเมื่อย แขนแทบยกไม่ขึ้น ส่วนขานั้นไม่ต้องพูดถึง ขยับลำบากจนเขาคิดว่ากำลังเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว เพราะไม่เคยทำงานหนักอะไรแบบนี้ ภาสกรก็อยากจะถอดใจและเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปนอนกอดแม่เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ เขาก็รีบสลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“นึกว่าจะไม่ไหว”

“ไหวสิ ต้องไหว”

“อืม ไปกันเถอะ จะได้กินข้าวเช้าก่อนจะเริ่มงาน”

“ปะ”

“เริ่มงานเมื่อวานวันแรกเป็นไงบ้าง” วสันต์เดินเข้ามาในโรงอาหารสำหรับพนักงาน เห็นนวพลกับภาสกรกำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่จึงรีบเข้ามาถาม

“ปวดตัวไปหมดเลยครับ”

“ทนหน่อย เดี๋ยวก็หาย ไปเบิกยาทาแก้ปวดเมื่อยที่ห้องพยาบาลก็แล้วกัน เรื่องหยูกยา บอสให้เบิกได้ไม่จำกัด”

“ครับ”

“วันนี้ถ้ายกแขนไม่ค่อยขึ้นก็ใช้แขนอีกข้าง แต่ต้องระวังหน่อยล่ะ” วสันต์บอกก่อนเดินห่างออกไป ภาสกรจึงพยักหน้ารับคำหงึกหงัก

“นี่ นน”

“ว่า?”

“บอสนี่เป็นคนยังไงอะ หน้าตาเป็นแบบไหน” ภาสกรถามด้วยความสงสัย ทำไมใครๆ ก็เอ่ยชมบอสคนนี้นักหนา

“แกยังไม่เคยเจอเหรอ”

“อืม”

“ไว้เดี๋ยวก็ได้เจอเองแหละ ส่วนนิสัย จริงๆ แล้วเป็นคนน่ากลัวนะ ดุ พูดคำไหนคำนั้น เด็ดขาดอะ ที่เราเตือนเรื่องกฎที่ห้ามทำเพราะบอสไล่ออกจริงๆ โดยไม่สนใจด้วย แต่ปกติก็เอาใจใส่พนักงานอย่างพวกเรามากๆ ที่นี่เลยไม่ค่อยมีคนลาออกเพราะบอสไม่เอาเปรียบ”

“เหรอ” ภาสกรทำท่าคิดตามคำพูดของเพื่อน

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกก็ได้เจอ ปกติบอสลงมาดูคาสิโนด้วยตัวเองบ่อยๆ เอ้า รีบกินข้าว เดี๋ยวเข้างานสาย”

“อืม”


วันนี้การทำงานของภาสกรเป็นไปอย่างยากเย็นเพราะเขาต้องประคับประคองถาดเงินให้ไม่ให้คว่ำ ระวังเครื่องดื่มไม่ให้หก และยังต้องระวังไม่ให้ชนลูกค้าด้วย ยิ่งลูกค้าผู้หญิงนั้น มักจะชอบหยิกแก้มหรือบางทีก็จับแขนเขาบ้างละ ยิ่งทำให้การทรงตัวของเขาลำบากมากขึ้นไปอีก


แต่ทิปที่ถูกแบ่งมาก็ทำให้เขายิ้มได้


...


“เป็นไง เริ่มชินกับงานหรือยัง” นวพลถามเพื่อนตอนที่เลิกงานจากกะเช้าเหมือนกัน

“อืม เริ่มชินแล้ว” ภาสกรบอก ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว แขนไม่ล้า ขาก็เริ่มทนทานกับการเดินไปเดินมาตลอดทั้งวันแล้ว

“พรุ่งนี้เงินเดือนออกนะ”

“จริงดิ!” ภาสกรตาโตดีใจ ยิ้มกว้างออกมาราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

“อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น” นวพลบอกพลางส่ายหน้าด้วยความที่ขำกับท่าทางของอีกฝ่าย

“เงินเดือน เดือนแรกเลยนะเว้ย”

“ทำงานหาเงินเองได้แล้ว โตแล้วนะแก”

“เอาอีกละ ก็โตมาพร้อมๆ กันไม่ใช่หรือไง” ภาสกรบ่นที่อีกฝ่ายชอบเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ร่ำไป

“ได้คุยกับที่บ้านบ้างหรือเปล่า”

“อืม คุย วันเว้นวัน” ภาสกรพลางนึกถึงว่าแม่ดีใจเสมอเวลาที่เขาโทรหา ตอนที่เขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็จะโทรไปหามารดาแบบนี้เหมือนกัน

“คิดถึงอะดิ”

“ก็ไม่เชิง ตอนเรียนมหา’ลัย ก็ไม่ได้เจอเหมือนกัน คิดเสียว่ามาเรียนต่อ”

“คิดแง่บวกไว้ก็ดี จะได้ไม่ร้องไห้” นวพลจิ้มหน้าผากของเพื่อนด้วยความมันเขี้ยว

“ใครจะร้องไห้ บ้าเปล่าวะ” ภาสกรปัดนิ้วมือของเพื่อนออกด้วยความรำคาญ

“เงินเดือนออกจะเอาไปทำอะไร”

“ให้แม่”

“อย่าให้ไปจนหมดละ เหลือติดตัวบ้างไว้ก็ดี เผื่อฉุกเฉิน”

“อืม รู้แล้ว” ภาสกรบอก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่นัก ลำพังค่าทิปที่ได้รับในแต่ละวันก็มากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด โอนเงินเดือนให้แม่ไปหมด เขายังมีเงินที่ได้จากทิปมาใช้ได้อย่างสบาย


สบายแค่ไหน ข้าวฟรี น้ำไฟฟรี ห้องพักก็ฟรี ทุกอย่างฟรีไปหมด เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปใช้เงิน


อ้อ มีเพียงอย่างเดียว ค่าโทรศัพท์ที่เขาต้องจ่ายเอง อินเทอร์เน็ตไม่อั้นไปเลยเพราะเขาต้องโทรผ่านเน็ตกลับไปหาแม่


“พาย เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยไหม กลับบ้านเราไหม” ประโยคคลาสสิกของมารดาที่จะถามภาสกรทุกครั้งเมื่อบุตรชายคนเล็กโทรผ่านเน็ตมาหา

“แม่” ภาสกรเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม “พายไม่เป็นไรครับ ที่นี่อยู่สบายมาก อาหารก็อร่อย เขามีแม่ครัวคนไทยด้วยนะแม่ ทำอาหารอร่อยมาก ผัดกะเพราก็อร่อย” ภาสกรก็ตอบเป็นประโยคเดิมเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง

“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”

“ครับ แม่ก็เหมือนกันนะ”

“จ้ะ แล้วทำไมวันนี้โทรมาแต่เช้าเชียวมีอะไรหรือเปล่า”

“พายโทรมาบอกว่าพายโอนเงินให้แม่แล้ว ห้ามเอาเงินไปให้พ่อด้วย เอาเงินนี่ไปฟอกไต แล้วถ้าหมอให้ทำมากกว่านี้ แม่ก็ห้ามขัดใจหมอนะครับ”

“โอนมาเยอะหรือเปล่า ไม่ต้องให้แม่เยอะหรอกรู้ไหม เก็บไว้ใช้เองบ้าง อยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่ต้องคิดถึงแต่แม่ ว่าแต่พายมีเงินใช้ใช่ไหม” ภาพรรณบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่ได้เลี้ยงลูกทั้งสองคนมาเพื่อให้มาดูแลเธอ แค่เพียงเห็นพวกเขาเติบใหญ่ ทำงาน ดูแลตัวเองได้ มีครอบครัวอย่างมีความสุข ก็เป็นสิ่งที่เธอดีใจมากที่สุดแล้ว

“มีครับ ทิปที่นี่เยอะมากเลย”

“จ้ะ ถ้ายังไม่อยากกลับ ก็ตั้งใจทำงานเข้านะพาย อย่าอู้ สู้ๆ นะลูก”

“ครับแม่” ภาสกรหัวเราะกับคำพูดของมารดาที่แกล้งบ่นเขา

“พี่พรีมฝากบอกให้โทรหาพี่พรีมบ้าง”

“พายก็พยายามโทร แต่ว่างไม่ตรงกับพี่พรีมเลย แต่พายก็ส่งข้อความไปหาตลอดนะครับ”

“จ้ะ เดี๋ยวแม่บอกพี่พรีมให้ว่าพรีมไม่ค่อยว่างคุยกับน้อง ดีไหม”

“แม่อะ เดี๋ยวพี่พรีมก็บ่นพายอีก”

“ล้อเล่นจ้ะ”

“พายไปอาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานก่อนนะ”

“จ้ะ แล้วคุยกันใหม่”

“รักแม่มาก รักพี่พรีมด้วย”

“รักแม่ก็อย่าเพิ่งคว้าหนุ่มที่นั่นกลับมาก็แล้วกัน”

“แม่อะ พูดอะไรไม่รู้ แค่นี้นะครับ” ภาสกรรีบขอวางสายทันที แม่ชอบแซวเขาเรื่องแฟนอยู่เรื่อย ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้น





สายตาคมกำลังมองไปยังจอโทรทัศน์ที่แสดงภาพในคาสิโนตามชั้นต่างๆ ภาพสลับกันไปมาจนมาหยุดที่ชั้นสี่ ดวงตาหวานล้อมกรอบด้วยขนตายาวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉากำลังฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์


“บอสครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่อาเฉินจะเข้ามา

“มาก็ดี ดูนั่นสิ” เขาชี้นิ้วไปยังจอโทรทัศน์ตรงหน้าที่ถูกแขวนไว้เรียงรายกันหลายเครื่อง “เกิดอะไรขึ้น”

“ผมเพิ่งได้เรื่องมาเลยรีบเข้ามารายงานบอสทันทีครับ”​ อาเฉินรีบพูดโดยไม่รอช้า

“เร็ว”

“จากการตรวจสอบเป็นพนักงานในกล้องวงจรคือใหม่ของเราชื่อว่านายภาสกร เจริญชัย ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มตอนนี้ดูแลอยู่ที่ชั้นสี่”

“ว่าต่อไป” เจ้าของคาสิโนบอกเสียงขรึม เขาอยากเข้าเรื่องนี้โดยไว

“ผมให้คนของเรารีกล้องดูแล้ว พนักงานของเราไม่ผิดครับ เขาทำตามหน้าที่ แต่คุณผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงแดงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาชนเอง คาดว่าเธอน่าจะเมา และเพราะระยะมันกระชั้นชิดเลยทำให้พนักงานของเราหลบไม่ทันครับ”

“แน่ใจ?”

“แน่ใจครับ” อาเฉินพยักหน้า กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ

“อาคุณไปไหน”

“ลงไปแก้ไขสถานการณ์ข้างล่างแล้วครับ”

“ดี อาเฉิน งั้นนายลงไปชั้นสี่กับฉัน”

“ครับ” อาเฉินรับคำก่อนจะรีบไปเปิดประตูออกให้ผู้เป็นเจ้านาย บอสของเขาหยิบเสื้อสูทมาสวมทับเสื้อเชิ้ตอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินผ่านไป


ทันทีที่บอสใหญ่ลงมาถึง เขาก็ได้ยินเสียงแหลมดัง เพราะชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ เมื่อเกิดการทะเลาะวิวาท เสียงจึงดังชัด ทำให้ได้ยินอย่างง่ายดาย

“ทางเราจะนำชุดของคุณผู้หญิงไปซักรีดให้อย่างดีครับ”

“แล้วระหว่างนี้ล่ะ? ฉันจะใส่อะไร ต้องแก้ผ้าหรือไง!!” โทสะของหญิงสาวยังระเบิดไม่สิ้นสุด คนที่เพิ่งมาถึงปรายตามองเลยไปยังพนักงานที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังยืนก้มหน้า ตัวเหมือนจะสั่นเทานิดๆ

“เพราะแก เพราะแกคนเดียวเลย” หญิงสาวจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกของภาสกรอย่างแรงหลายครั้งติดๆ กันจนร่างของภาสกรเริ่มเซถอยไปข้างหลัง


ทุกอย่างบนชั้นสี่กำลังชะงัก ไม่เว้นแม้แต่นักพนัน ไม่มีใครอยากเล่นต่อ พวกเขากำลังนั่งลุ้นดูมวยคู่สนุกๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร มีอะไรมาให้ดูแก้เครียดก็ดีไม่น้อย


นวพลอยู่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน เขากำลังเป็นห่วงเพื่อนจับใจ เจ้าตัวอยากเข้าไปช่วยแต่ไม่สามารถทำได้ ใจอยากจะรุดเข้าไปช่วยประคองภาสกรเพื่อนรัก แต่ก็ทำไม่ได้ดังใจเพราะถ้าเข้าไปตอนนี้เขากับภาสกรจะยิ่งเป็นที่ถูกจับตามอง เขาโล่งใจออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดของบอสที่ชื่ออาคุณช่วยประคองหลังของภาสกรเอาไว้ไม่ให้ล้ม


“ขอบคุณครับ” ภาสกรบอกคนที่ช่วยเขาไว้เสียงเบาแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจน

“อาเฉิน” บอสใหญ่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หลังกลุ่มคนที่มีปัญหา

“ครับ บอส” อาเฉินก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อความนอบน้อมในการคุยกับอีกฝ่าย

“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ความผิดของเรา” บอสใหญ่ถามซ้ำ

“แน่ใจครับ”

“อืม ถ้าผิดล่ะก็ ฉันจะลงโทษนายให้หนัก” ไม่ใช่คำขู่หรือพูดเล่น แต่มันคือคำพูดที่จะทำจริงอย่างแน่นอนหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา

“ครับ”

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ คาสิโนของเราทำให้คุณเพลงไม่พอใจหรือมีอะไรขุ่นเคืองหรือเปล่า” เขาจำได้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนไทย ลูกหลานตระกูลไฮโซ ชายหนุ่มจึงปรับเสียงให้นุ่มนวลลงพร้อมกับรอยยิ้มที่เอาไว้รับแขกทันที


ทันทีที่เจ้าของคาสิโนแห่งนี้พูดขึ้น สายตาทุกคู่ในชั้นนี้ยิ่งพากันสนใจเหตุการณ์บริเวณนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ทุกคนรอดูว่าจะมีอะไรดีๆ ต่อจากนี้

“อุ๊ย คุณอรรควัส มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ ช่วยเพลงด้วยนะคะ พนักงานของคุณเดินชนเพลงค่ะ ดูสิคะ ชุดเพลงเปียกหมดเลย เหม็นด้วย” หญิงสาวทำหน้าขยะแขยงที่เห็นชุดตัวเองเลอะเปรอะเปื้อน

“บอสครับ” อาคุณตั้งท่าจะอธิบายว่าเขาเสนอการดูแลอะไรให้เธอแล้วบ้าง แต่ก็ถูกมือเรียวยกห้ามขึ้นก่อน ทำให้อาคุณต้องถอยกลับไปยืนที่เดิม

“ข้างบนคาสิโนของเรา มีร้านแบรนด์ดังๆ หลายร้าน ถ้าคุณเพลงไม่รังเกียจ ขอให้ผมได้รับเกียรตินั้นพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ดีไหมครับ มันอาจจะไม่สวยเท่าชุดนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ชุดนี้จะต้องถูกส่งกลับมาให้คุณเพลงเหมือนเดิมไม่ให้มีอะไรด่างพร้อยเลย”

“จริงนะคะ คุณอรรค คุณจะพาเพลงไปดูชุดใหม่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวก้าวเข้ามาเกาะแขนของชายหนุ่มเอาไว้

“ด้วยความยินดีครับ” เขาค้อมศีรษะให้เล็กน้อย

“แต่เพลงก็ยังไม่พอใจหรอกนะคะ”

“คุณเพลงอยากให้ทางเราทำอะไรให้อีกครับ” เขายิ้มอย่างใจเย็น

“ต้องให้พนักงานคนนี้มาขอโทษเพลงด้วยค่ะ” หญิงสาวชี้นิ้วไปที่ภาสกร ทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ


เขาต้องขอโทษผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่มาชนเขา ภาสกรเตรียมจะส่ายหน้าปฏิเสธก็ถูกสายตาดุของคนที่ยืนขนาบข้างหญิงสาวสั่งไม่ให้ปฏิเสธ ภาสกรจึงไม่กล้าขยับตัวด้วยความกลัว

“เมื่อสักครู่ผมให้คนของผมเช็กกล้องวงจรปิดมาแล้ว เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย” อรรควัสยิ้มให้หญิงสาวแต่ตอนนี้คุณหนูไฮโซเริ่มจะอึดอัดใจเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่าเด็กนั่นมาชนเธอจริงๆ หรือเธอไปชนอีกฝ่ายเองกันแน่

“ให้มันแล้วก็แล้วกันไปดีกว่าไหมครับ ผมพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ” ฟังดูเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเอาใจ แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ทราบดีว่าบอสกำลังทำใจให้เย็นสุดๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณหนูเพลงคนนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวคิดว่าถ้าเธอยังดื้อแพ่งเรื่องอาจจะไม่ได้จบแบบนี้โดยง่าย

“ก็ได้ค่ะ เพลงเห็นแก่คุณอรรคนะคะ ไม่งั้นเพลงไม่ยอมหรอก”

“คุณเพลงน่ารักมากครับ ที่เข้าใจอะไรได้ง่าย”

“งั้นเราไปกันเลยไหมคะ”

“ครับ เดี๋ยวผมให้คนพาคุณเพลงเปลี่ยนชุดที่ห้องพักของเราก่อน เสร็จแล้วผมจะไปรับที่ห้องนะครับ”

“ตกลงค่ะ” คุณหนูไฮโซรับคำอย่างว่าง่ายไม่อิดออด ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในที่นั้นไป

“อาเฉิน อาคุณ” อรรควัสขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเรียกสองบอดี้การ์ดให้เข้ามาใกล้ตนเอง

“ครับ”

“อาเฉิน เดี๋ยวนายให้คนมาจัดการทำความสะอาดบริเวณนี้ ให้แม่บ้านตามคุณเพลงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาชุดไปซักให้เธอด้วย ส่วนนาย อาคุณ พาพนักงานใหม่นี่ขึ้นไปรอที่ห้องฉันข้างบน หาอะไรให้ดื่มนิดหน่อยด้วยแล้วกัน จะได้ไม่สติแตก ฉันยังไม่อยากคุยกับคนบ้า”

“ครับ”


อรรควัสปรายตาพนักงานใหม่ที่ว่าก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆ พลางยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะบอกให้ทุกคนสนุกกันต่อ เรื่องนี้ทางไม่มีอะไรแล้ว ภาสกรเงยหน้ามาเห็นสายตาของเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ก็รีบก้มหน้างุดลงด้วยความกลัวอย่างรวดเร็ว


คนที่เพิ่งสั่งงานเดินผ่านสองบอดี้การ์ดไป ส่งสายตากำชับให้ทำงานทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปจากบริเวณชั้นสี่และเมื่อเจ้าของคาสิโนลับตัวไป เสียงของผู้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งดังเดิม
         

นวพลก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม เขาทิ้งงานตรงนี้เพื่อไปปลอบเพื่อนที่กำลังเสียขวัญไม่ได้ ไม่งั้นทั้งเขาและภาสกรจะถูกดุทั้งคู่ เขาจึงได้แต่มองร่างของเพื่อนที่ยืนก้มหน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่อย่างนั้น


ทางด้านภาสกรเองพอทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เขาก็เข่าอ่อนแทบจะล้มพับอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย โชคดีที่ได้ผู้ชายข้างๆ คนเดิมพยุงเขาไว้ได้ทันอีกครั้ง


“ขอบคุณครับ” เขาบอกไปจากใจ

“ไม่เป็นไร บอสให้นาย ขึ้นไปที่ห้องทำงานของบอส”

“ครับ!?” จากที่คิดว่าจิตใจกำลังจะสงบ คลื่นยักษ์ในใจของเขาก็โถมมาอีกครั้ง



เขาจะถูกฆ่าไหม ช่วยด้วย




========================



ช่วยน้องพายด้วยค่า


ปล มาก่อน 1 วันค่ะ พรุ่งนี้มาไม่ได้

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาแล้วววว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อ้าวบอส จะสั่งสอนน้อง ก็เบาๆ นะจ๊ะ

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พ่อแย่!!! เอ็นดูน้องงงงง

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า



ภาสกรเข้ามานั่งรออยู่ในห้องทำงานของบอสใหญ่ที่นี่ ก่อนจะเข้ามาเขาก็ถูกกำชับนัก กำชับหนา ว่าอย่าเดินเพ่นพ่าน ให้นั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้โซฟาตัวนี้ ทำให้เขาไม่กล้าขยับไปไหน ตรงหน้ามีโต๊ะขนาดเล็ก บนนั้นมีแก้วบรรจุน้ำสีอำพันอยู่ค่อนแก้ว คนที่พาเขามาบอกว่าให้เขาดื่มมันเสียเพื่อสงบสติอารมณ์



เขานั่งรออยู่ที่โซฟาด้วยความกระวนกระวายใจจึงยกแก้วนั้นกระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด ความเฝื่อนและพิษสุราที่แทบจะเผาคอของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาต้องไอโขลกออกมาอย่างแรงทันที ไม่ใช่ว่าตอนเรียนเขาจะใสซื่อถึงขนาดไม่เคยลิ้มลองรสชาติแอลกอฮอล์ แต่เหล้าชนิดนี้ เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะไอออกมาจนหน้าดำหน้าแดง



แต่ก็ยอมรับว่าพอได้ไอแรงๆ ช่วยทำให้เขาดึงสติกลับมาได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยเจอบอสเจ้าของที่นี่มาก่อน กระทั่งวันนี้ จะเจอกันด้วยเหตุการณ์ดีๆ หน่อยก็ไม่ได้ ทำไมเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจจนทำให้บอสต้องเข้ามาจัดการแก้ไขด้วยตัวเองแบบนี้ด้วย



ภาสกรบีบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันด้วยความกังวลใจ เขาจะถูกไล่ออกหรือเปล่า เขาเพิ่งได้เงินเดือนเพียงเดือนเดียวเอง ยังไม่อยากถูกไล่ออกทั้งที่เขาไม่มีความผิดแบบนี้



ชายหนุ่มจินตนาการถึงบอสคนสำคัญของที่นี่ว่าต้องเป็นคนแก่วัยหกสิบปีเป็นอย่างน้อย หยวนๆ ให้ก็สักห้าสิบก็แล้วกัน แต่วันนี้เมื่อได้เห็นกับตา ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะยังดูหนุ่มกว่าที่เขาคิดไว้มาก ใบหน้าของคนที่ภาสกรกำลังนึกถึงนั้นไม่เหมือนคนจีนแถบมาเก๊า ฮ่องกงเลย บอสมีตากลมหวาน ขนตายาว จมูกโด่ง ปากยังได้รูป ดูเหมือนจะมีเชื้อแขกขาวเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมผิวของเขาดูคล้ำๆ หรือจะเป็นฝรั่งผิวดำ?



ทว่าภาสกรได้ยินคุณผู้หญิงเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า อรรควัส ชื่อนี้คือชื่อไทยหรือเปล่า ชายหนุ่มชักสงสัย ช่างเถอะ อีกฝ่ายจะเป็นเชื้อชาติไหน ก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย



ภาสกรคิดสะระตะไปเรื่อย จนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เจ้าของห้องเปิดประตูกลับเข้ามาเสียแล้ว เจ้าของห้องกำลังยืนพินิจมองพนักงานที่เพิ่งสร้างเรื่องเมื่อสองชั่วโมงก่อนที่ชั้นสี่อย่างเงียบเชียบ



นายภาสกร เจริญชัย? เขาได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกตอนที่วสันต์เอาประวัติส่วนตัวของคนนี้มาให้ดู และได้ยินอีกครั้งตอนที่อาเฉินทวนชื่อให้ฟัง เขาเห็นคนที่นั่งอยู่บีบมือตัวเองแน่น น้ำเมาในแก้วถูกดื่มไปจนหมด เขาหวังว่าตอนที่เริ่มคุยกัน อีกฝ่ายจะไม่สติแตกและพูดจารู้เรื่องมากพอ ถ้าหากไม่ใช่ เขาคงจะไล่ตะเพิดเด็กนี่ออกไปเพราะความหัวเสียเป็นแน่


“ภาสกร?” อรรควัสเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริง

“คะ..ครับ” เจ้าของชื่อขานรับ เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเป็นใคร ชายหนุ่มรีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความประหม่าและตกใจสุดขีดเพราะบอสพูดภาษาไทยได้ด้วย ไม่คิดมาก่อนว่าจะสามารถพูดไทยได้

“บอสพูดไทยได้?” เขาพึมพำ เพราะตอนที่อยู่ด้านล่างทุกคนพูดภาษาอังกฤษกันหมด

“นั่งเถอะ” คนอนุญาตยืนพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตัวเองก่อนจะกอดอกมองอีกฝ่ายที่เหมือนทำตัวไม่ค่อยถูก

“ขอบคุณครับ”

“เล่าเหตุการณ์ข้างล่างให้ฉันฟังหน่อย” เขาเริ่มถามคำถามแรก

“บอสจะไล่ผมออกหรือเปล่าครับ” นอกจากเด็กนี่จะไม่ตอบแล้ว ยังกล้าถามเขากลับอีก คงยังไม่มีใครเตือนว่าเขาไม่ชอบ

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันถาม แปลว่าเธอมีหน้าที่ต้องตอบ ไม่ได้มีหน้าที่มาย้อนถามฉัน เข้าใจไหม”

“ขะ...เข้าใจครับ” ภาสกรกลืนน้ำลายที่ฝืดคอเต็มทน เขาก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

“พูด”

“คือ...ผมก็จำรายละเอียดไม่ได้แน่ชัดนะครับ” เขาตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เร็ว ฉันไม่ชอบรอ”

“ครับๆ” ภาสกรรีบสูดหายใจเข้าปอด เขาไม่อยากถูกบอสดุอีก คนอะไรทั้งหน้าและตาน่ากลัวเหลือเกิน

“ผมกำลังทำหน้าที่ตามปกติ แล้วคุณผู้หญิงก็ถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมหลบไม่ทันครับ”

“ไม่รู้หรือไงว่าควรจะสังเกตแขกด้วยว่าเมาหรือเปล่า” อรรควัสถามเสียงเรียบ แต่คนฟังรู้สึกเหมือนกำลังถูกตำหนิ

“ไม่ทราบครับ”

“การทำงานที่นี่นอกจากจะทำตามหน้าที่แล้วเธอควรสังเกตมองสิ่งรอบตัวด้วย”

“ครับ”

“ถ้าเธอรู้จักสังเกต เหตุการณ์วันนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะเธอจะไม่เข้าใกล้แขกคนนั้นเกินความจำเป็นเลยใช่ไหม” อรรควัสถาม

“ต่อให้สังเกตเห็น แต่ถ้ามันกะทันหันมาก ผมก็หลบไม่ทันหรอกครับ” ภาสกรไม่อยากเถียงแต่เขาแค่กำลังพูดถึงสถานการณ์จริง เหมือนขับรถแล้วถูกตัดหน้านั่นแหละ

“ภาสกร!” บอสเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังด้วยความไม่พอใจ

“ครับ” พอถูกเรียกเสียงดัง ภาสกรรีบยืนขึ้นอีกครั้งด้วยความกลัว

“กล้าเถียงฉันด้วยหรือ”

“เปล่าครับ ผมไม่กล้า”

“ลูกค้าคือลูกค้า เธอไม่มีสิทธิ์จะไปกล่าวหาเขา ปัญหามันต้องแก้ที่ตัวเธอเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้ แปลว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้”

“ครับ” ภาสกรหน้าสลด

“ตกลงจะแก้ไขปัญหานี้ที่ตัวเธอหรือลูกค้า”

“ที่ผมครับ”

“ดี และฉันหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้นอีก เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

“ไปได้แล้ว”

“ครับ” ภาสกรยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนจะค้อมตัวลงในจังหวะที่ผ่านอรรควัสไป แล้วออกประตูไปอย่างเงียบๆ


อรรควัสมองตามภาพนั้น นี่เห็นเขาเป็นคนแก่คราวไหน เดินผ่านผู้ใหญ่ต้องก้มตัวลงให้ เออ แต่ก็ถือว่าเป็นเด็กมารยาทดีก็แล้วกัน


เมื่อกลับลงมาถึงข้างล่าง ภาสกรจึงได้หายใจคล่องอีกครั้ง เขาทำงานอย่างระมัดระวังกว่าเดิม กระทั่งได้เวลาเลิกงาน

“บอสเรียกไปข้างบนเป็นไงบ้าง ถูกดุหรือเปล่า” นวพลถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อกลับมาเจอเพื่อนรักนอนหมดแรงอยู่ที่เตียงอีกฝั่ง

“อืม”

“ถูกไล่ออกไหม”

“ไม่รู้ พอเราถามกลับไปก็ถูกดุว่าไม่มีสิทธิ์ถามกลับ”

“สมควร” นวพลหัวเราะ

“มีอะไรน่าขำ”

“แกไม่ควรถามจริงๆ นั่นแหละ เขาเป็นเจ้านาย เขาถามอะไรมาก็ตอบ ห้ามถามกลับ เรื่องแค่นี้ อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้”

ภาสกรส่ายหน้าดิก

“อ้าว ไม่รู้จริงๆ ด้วยหรือวะ เพื่อนเรา”


“อืม เราไม่เห็นรู้เลย ทำไมถามกลับไม่ได้ล่ะ”

“ความคิดพวกนี้มันใช้กับทุกที่ไม่ได้หรอกนะเว้ย โลกมันก็งี้ แกไม่ได้มีสิทธิ์จะทำตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่องหรอก”

“โหดร้าย”

“อืม โลกมันโหดร้ายแบบนี้เสมอ” นวพลเดินเข้ามานั่งตรงขอบเตียงของเพื่อน

“ไม่ใช่ บอสต่างหากที่โหดร้าย”

“เบาๆ เดี๋ยวใครได้ยิน ทั้งบอสและคนใกล้ชิดของบอส ฟังภาษาไทยได้”

“พูดไทยก็ได้” ภาสกรสำทับเพราะเขาได้ยินอีกฝ่ายพูดมาแล้ว แถมยังชัดแจ๋วเสียด้วย

“พ่อบอสเป็นคนไทย แม่เป็นคนแขกขาว”

“อ้อ..” ภาสกรถึงบางอ้อ หายคาใจเสียทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหน้าตาคมคายไม่เหมือนคนแถบนี้

“แล้วทำไมตัวคล้ำๆ” ภาสกรถามต่อด้วยความสงสัย

“นินทาเจ้านาย” นวพลแซว “หรือว่าแกเหยียดผิว?”

“เปล่าๆ แค่สงสัย ก็แกบอกแขกขาวแล้วทำไม เอ่อ..มือดำ หน้าด้วย”

“ขี้สงสัย” นวพลหัวเราะเสียงดัง “ไม่หรอก บอสก็ผิวแบบพวกเราเนี่ยแหละ แต่บอสชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบอะไรที่เกี่ยวกับแดด”

“เหรอ”

“แล้วเขาไม่เรียกผิวแบบนี้ว่าดำ เรียกว่าผิวแทนเว้ย” นวพลผลักหัวเพื่อนตัวดีไปทีหนึ่ง “อีกสักพักก็กลับมาขาว แป๊บเดียวแหละ เราอยู่มาหลายปี เชื่อเราได้”

“รู้เยอะจริงนะแก เป็นแฟนคลับบอสเปล่าเนี่ย” ภาสกรถือโอกาสแซวเพื่อนกลับบ้าง

“เปล่า” นวพลส่ายหน้า “เดี๋ยวแกอยู่ไปสักพักก็รู้เรื่องบอสเพิ่มขึ้นเองอะ บอสเป็นขวัญใจสาวๆ ที่นี่ ใครๆ ก็พากันพูดถึงทั้งนั้น ที่เราเล่าให้แกฟังก็ตามที่ในครัวเขาเมาท์กัน”

“อ้อ” ภาสกรรับคำในคอ

“แล้วตกลงว่าบอสดุแกมากไหม”

“ดุ ไม่รู้ว่าดุมากหรือเปล่า เอาเป็นว่าดุอะ ตาก็ดุ ไม่กล้าสบตาเลย”

“ใครๆ ก็กลัว”

“บอสดุแต่ก็สอนเรานะแต่กำชับเรามาว่าห้ามเราทำผิดอีก”

“ครั้งนี้แกโชคดีมาก ที่บอสลงมาจัดการด้วยตัวเอง ปกติบอสไม่ได้ลงมาแก้ไขเองทุกเคสหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“บอสงานเยอะ แล้วถ้าบอสไม่อยู่ จะมีผู้จัดการของคาสิโน มาจัดการแทนให้ ซึ่งแปลว่าพนักงานต้องผิดแน่นอน ไม่ว่าจะผิดหรือไม่จริง ที่นี่ลูกค้าคือพระเจ้า”

“งั้นเราก็โชคดีมากจริงๆ”

“อืม ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามอีก” นวพลกำชับอีกครั้งหนึ่ง

“รู้แล้วน่า เข็ดแล้วเนี่ย ต่อไปจะระวังกว่านี้อีกสิบเท่าเลย”


หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ภาสกรก็ยิ่งระมัดระวังกว่าเดิมตามที่ได้รับปากกับเพื่อนและเขาไม่อยากจะถูกเรียกไปโดนดุอีกครั้ง กลัวว่าครั้งนี้เขาอาจจะไม่ได้ทำงานที่นี่อีกต่อไป


ล่วงเข้าเดือนที่สาม ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนการกะครั้งแรกของภาสกรนั่นแปลว่าเขาได้หยุดพักหนึ่งวันและทำงานครบสองเดือนเรียบร้อยแล้ว เขาเริ่มมีความสุขกับการทำงานที่นี่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลยแม้แต่น้อย นอกจากภาษาอังกฤษที่พอได้พูดบ้าง


กะใหม่ของเขากระโดดข้ามจากกะเช้ากลายเป็นกะดึกเลย เขาต้องเข้างานตั้งแต่สี่ทุ่มลากยาวไปจนถึงเจ็ดโมงเช้า ร่างกายต้องปรวนแปรแน่นอน เพราะการนอนที่เปลี่ยนแปลง แต่เขาจะต้องรีบชินกับการตารางการนอนให้ได้อย่างโดยเร็วที่สุด การเปลี่ยนกะคราวนี้ทำให้เขาไม่ได้เข้ากะพร้อมกับเพื่อนตัวดีอย่างนวพลอีกแล้ว อีกฝ่ายถูกย้ายไปกะบ่ายที่เริ่มเข้างานตอนบ่ายสี่โมงและเลิกงานตอนตีหนึ่งของวันใหม่ ทำให้เขามีโอกาสที่จะเจอหน้าเพื่อนหลังเลิกงานจนถึงก่อนสี่ทุ่มเท่านั้น


เขาอาศัยวันหยุดนี้ออกไปข้างนอก จริงๆ ไม่ได้อยากออกไปไหนสักเท่าไหร่ แต่ก็ถูกเพื่อนตัวดีคะยั้นคะยอให้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สองเดือน เขาไปไกลสุดก็ร้านสะดวกซื้อกับท่าน้ำแถวคาสิโนเท่านั้น ช่วงเย็นตรงท่าเทียบเรือนี่สวยอย่าบอกใครเลย ภาสกรชอบไปนั่งดูบ่อยๆ ในวันหยุด


ภาสกรไม่ค่อยรู้จักสถานที่ในมาเก๊านัก นวพลจึงเสนอแลนด์มาร์กให้เขาไปสัมผัสเสียก่อนคือ เซนาโด้ แสควร์ หรือจัตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ลานด้านหน้าที่เป็นน้ำพุของสถานที่แห่งนี้ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุโรป ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คงเป็น ซากประตูโบสถ์เซนต์พอล หรืออาจจะเป็นป้อมปืนใหญ่มองเต เอาเป็นว่า เดี๋ยวเขาจะค่อยๆ ลองไปสำรวจทีละจุดก็แล้วกัน


วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ ทำให้คนไม่ค่อยเยอะอย่างที่คิดไว้ เขาจะไปซากประตูโบสถ์ก่อน ระหว่างทางไปปลายทางมีร้านค้ามากมายอยู่สองฝั่งให้เลือกซื้ออย่างละลานตา เขาไม่ได้เข้าไปดูเลยสักร้านนอกจากเดินผ่าน อาศัยเมียงมองเอาเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่อยากได้


และเมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นกลุ่มคนที่ยืนออกันหลายกลุ่ม ยืนถ่ายรูปกันอย่างหนาแน่น ด้านหลังเป็นซากประตูโบสถ์ขนาดใหญ่ สวยสมคำร่ำลือ โดยรวมก็ถือว่ายังสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว วันนี้ภาสกรสวมเสื้อแขนสั้นออกมาเดิน ไม่ได้ใส่เสื้อยืดแขนสั้นนานแล้วเพราะวันๆ ใส่แต่เสื้อเชิ้ตแขนยาวทำงาน ติดกระดุมทุกเม็ดตรงตามระเบียบ อดรู้สึกเสียใจนิดๆ ไม่ได้ที่ลืมถือหมวกติดมือมาด้วยเพราะตอนนี้อากาศร้อนมาก


เขาเตรียมจะหาที่หลบแดดเพื่อนั่งพักสักครู่ สายตาก็พลันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณซากประตูโบสถ์ที่ว่า อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังจะวาดรูปอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษข้างหน้า ภาสกรได้แต่ยืนมองดูอยู่ไกลๆ เขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้


ผู้ชายคนนั้นมันน่ากลัว


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผุดวาบในใจ ชายหนุ่มแค่ไม่คิดว่า บอสที่กุมบังเหียนใหญ่ของคาสิโน จะมานั่งทำอะไรแบบนี้ หรือว่านี่คืองานอดิเรกของอีกฝ่ายด้วย? เขาคิดว่าบอสใหญ่น่าจะบ้างาน นั่งทำงานอยู่บนชั้นสามสิบตลอดเวลาเสียอีก เขากำลังคิดเพลินเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วหันมามองทางเขา ภาสกรตกใจจึงรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว


อีกฝ่ายคงยังไม่ทันเห็นเขาใช่ไหม ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


หาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว


ท้องของภาสกรกำลังบอกเขาแบบนั้น ในใจนึกถึงอาหารไทยใจจะขาด แต่ที่นี่ไม่มี ทำได้เพียงเดินดูร้านรวงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นว่ามีร้านหนึ่งที่คนค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นการการันตีความอร่อยของร้านนี้ เขาจึงเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ลังเล เขายื่นมือออกไปรับเมนูมาแต่อนิจจาเขาอ่านเมนูภาษาจีนไม่ออก เลยจำใจหลับตาจิ้มมาสักหนึ่งเมนูก็แล้วกัน


หาโอกาสเรียนภาษาจีนด้วยเลยดีไหม


ภาสกรคิดอย่างนั้นแพราะเขาไม่ชอบภาวะที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในเมื่ออ่านภาษาจีนไม่ออกก็เรียนมันเสียเลยก็แล้วกัน เรียนทางเน็ตก็คงได้ล่ะมั้ง จะยากหรือว่าจะง่ายกว่าภาษาอังกฤษก็ไม่รู้ ลองดูสักหน่อย เป็นไงเป็นกัน







========================

ขวัญเอ๊ยขวัญมานะพายนะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอสก็มีมุมอ่อนโยน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สู้ๆนะเจ้าพาย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
บอสก็เหมือนชาวบ้านทั่วไป

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
จะรักกันยังไงน้อออ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่หก ไม่รู้



“ทำอะไร หน้าเคร่งเชียว” นวพลที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเอ่ยทัก เขาเปิดตู้เสื้อผ้าพลางหยิบชุดทำงานมาใส่ อีกชั่วโมงกว่าก็จะต้องไปทำงานแล้ว

“ดูภาษาจีนอยู่” คนถูกถาม ตอบโดยไม่ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ

“ดูทำไมวะ”

“ว่าจะเรียน แต่ท่าทางน่าจะยาก” ภาสกรบ่น ตัวหนังสือขีดๆ เขียนๆ เป็นเส้นต่างๆ เต็มไปหมด เขาไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนขีดแรกจากส่วนไหนของตัวอักษรดี

“บอกป้าเก๋ แม่ครัว สอนให้ดิ”

“ได้เหรอ เสียตังไหม ฟรีเปล่า” ภาสกรถามด้วยสายตาเป็นประกาย กระนั้นเขาก็ยังหวงแหนเงิน

“การเรียนต้องมีการลงทุนกันบ้าง ไม่แพงหรอก ป้าเก๋สอนดีนะเว้ย ผัวแกเป็นคนไต้หวัน เราก็เรียนกับป้ามาเหมือนกัน”

“จริงดิ อย่างนี้แกก็อ่านออกเขียนได้ใช่ไหม”

“พอได้บ้าง เราไม่ค่อยได้เรียนต่อเนื่อง แค่อยากฟังคนที่นี่ออก ไม่อยากถูกนินทาด่าลับหลัง” นวพลบอก

“อืม”

“แล้วนี่อยากอ่านออกหรือพูดเป็นล่ะ”

“ทั้งคู่”

“มาเก๊ากับฮ่องกงใช้จีนกวางตุ้งเป็นภาษาพูด แต่ภาษาเขียนก็เป็นจีนตัวเต็ม เราแนะนำให้แกเรียนจีนกลางจะดีกว่า” นวพลเริ่มอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

“จีนตัวเต็ม?” ภาสกรสงสัย จีนนี่ทำไมต้องแบ่งอะไรกันเยอะแยะ

“อ๋อ จีนกลางมีสองแบบคือจีนตัวเต็มกับจีนตัวย่อ  ถ้าที่ไต้หวันจะใช้จีนตัวเต็ม แต่ถ้าจีนแผ่นดินใหญ่จะใช้จีนตัวย่อ”

“ต่างกันยังไงอะ”

“แกเห็นเส้นๆ บนตัวอักษรปะ คนจีนบอกว่ามันชักเยอะไป ก็เลยลดเส้นมันเสียเลย”

“แปลกดีเนาะ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงักแต่สีหน้ายังดูงงงวย

“ลองเรียนๆ ไปก็จะเข้าใจเองแหละ”

“งั้นเดี๋ยวก่อนเข้างานเราจะแวบไปหาป้าเก๋”

“อืม ถ้าอยากเรียนจริงๆ ก็ดีนะ ป้าเก๋ใจดี คิดเงินไม่แพง ไปเรียนเถอะ” นวพลย้ำเรื่องราคาอีกทีเพราะกลัวเพื่อนเปลี่ยนใจ

“แล้วนี่แกจะไปเข้างานเลยปะ” ภาสกรถามเมื่อเห็นเพื่อนแต่งตัวเสร็จแล้ว

“ใช่ อยากนั่งกินข้าวสบายๆ ไม่อยากรีบ” นวพลหยิบกุญแจห้องและเงินใส่กระเป๋าก่อนจะหันมาบอกเพื่อน “ไปนะ ก่อนออกจากห้องก็ล็อกห้องดีๆ ด้วย” ไม่วายที่อีกฝ่ายจะกำชับแบบนี้ทุกครั้ง

“รู้แล้วน่า”

“เออๆ ไปละ” นวพลโบกมือให้เพื่อนก่อนจะเปิดประตูออกไปทำงาน




...

“ชั้นยี่สิบเก้าเป็นไงบ้าง” อรรควัสถามลูกน้องหนุ่มสองคนโดยที่มือยังเปิดเอกสารตรงหน้าอ่านไปเรื่อยๆ

“ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องครับ ลงมาเดินเล่นบ้างแต่ไม่บ่อย” อาคุณรายงาน

“ซื้ออะไรไปบ้างไหม”

“ไม่มีครับ”

“ไม่มี?โอเค เดี๋ยววันนี้ฉันจะลงไปเสียหน่อย”

“ครับ ผมจะแจ้งให้เขาทราบ” อาคุณรับคำสั่งแล้วออกไปทันที

...




“ใครว่างเข้ามาในครัวหน่อย” เสียงป้าเก๋ดังผ่านอินเอียร์ที่ภาสกรสวมอยู่ที่หูซ้ายตลอดเวลาทำงาน

“ป้าเก๋มีอะไรหรือเปล่า ให้พายช่วยไหม” ภาสกรพูดโต้ตอบกลับไปตามนิสัยที่ชอบช่วยเหลือ

“ว่างเหรอพาย งั้นเข้ามาที”

“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับเพราะเขาเพิ่งกินข้าวเสร็จยังเหลือเวลาพักอีกร่วมสามสิบนาที   

“ป้าฝากเอาถาดอาหารนี่ไปส่งที่ชั้นยี่สิบเก้าหน่อย” ป้าเก๋เงยหน้ามามองภาสกรแวบเดียวก็หันกลับไปสนใจกระทะตรงหน้าอย่างเดิม มือข้างขวาของป้า ชี้ไปถาดอาหารที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติที่วางอยู่บนโต๊ะใหญ่อย่างลวกๆ

“ชั้นยี่สิบเก้า?”

“ไปถูกไหมล่ะพาย”

“น่าจะถูกครับ” ภาสกรไม่เคยขึ้นไปชั้นยี่สิบเก้ามาก่อน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เส้นทางการโดยสารนั้นคงไม่ต่างจากที่เขาขึ้นไปที่ชั้นสามสิบหรอก


เมื่อนึกถึงชั้นสามสิบ เขาจึงเผลอไผลไปนึกเจ้าของชั้นนั้นด้วย ตกลงว่าวันก่อนที่เขาเห็นเจ้านายอยู่ที่ซากประตูโบสถ์ คนนั้นเพียงเพื่อวาดรูปเฉยๆ อย่างนั้นเหรอ

“พาย มัวรออะไร เดี๋ยวคุณเขาหิว...เนี่ยดูสิ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ไม่รู้คนที่ดูแลชั้นนั้นลืมหรือยังไง ปล่อยให้คุณเขาต้องโทรมาสั่งอาหารเอง” ป้าเก๋เรียกเตือนสติ

“ครับๆ แต่ป้าเก๋ครับ แล้วอาหารเยอะแบบนี้ คุณเขาจะทานหมดหรือ” ภาสกรรีบรับคำแต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเขาจะทานหมดหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปอยากรู้เรื่องเจ้านายนะพาย” ป้าเก๋สอน

“ขอโทษครับ” ภาสกรหน้าสลดรีบขอโทษขอโพย

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ป้าเข้าใจว่าพายคงจะเป็นห่วงเพราะนี่ก็ดึกแล้วใช่ไหม แต่ป้าจะบอกให้พายสบายใจก็แล้วกัน ที่อาหารเยอะแบบนี้เพราะวันนี้บอสเราก็อยู่ที่นั่นด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยัง”

“อ้อ...ครับ”

“รีบไปได้แล้ว ถือระวังๆ ด้วย” ป้าเก๋กำชับด้วยความเป็นห่วง ภาสกรยิ้มให้ถึงแม้ป้าเก๋จะไม่เห็นก็ตามก่อนจะรีบออกไปจากครัวทันที



ภาสกรประคองถาดด้วยความระมัดระวัง เขาก้าวเข้ามาในลิฟต์และกดไปยังชั้นที่ต้องการอย่างทุลักทุเลแต่ก็สำเร็จในที่สุด ลิฟต์พุ่งขึ้นไปยังชั้นยี่สิบเก้าโดยไม่หยุดพัก เพียงครู่เดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ภาสกรก็ยืนหันรีหันขวางด้วยความไม่รู้จะไปไหนทางไหน โถงทางเดินยาวเหลือเกิน ห้องไหนกันแน่ เขาเดินไล่ดูและพบว่าน่าแปลกเหลือเกิน ผนังยาวสุดตามีประตูเพียงบานเดียว


คงจะเป็นที่นี่แน่นอน


ระหว่างทางที่เดินมาเงียบสงัด ทั่วพื้นปูพรมนุ่มสุดความยาวอย่างไม่นึกเสียดายในราคาและการตกแต่ง ต่อให้วิ่งเต็มแรงเท้าคนข้างในห้องก็คงจะไม่มีวันได้ยิน ภาสกรนึกถึงบุคคลที่อยู่ในห้องจะเป็นหญิงสาวประเภทไหน เธอจะมีความสุขหรือเปล่า ทำไมภาสกรรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นนกน้อยในกรงทอง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย


คำพูดของป้าเก๋ผุดขึ้นในหัว‘เรื่องเจ้านาย’เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นเสีย


ภาสกรเดินมาถึงประตูบานสวย เขากดกริ่งที่อยู่หน้าประตูห้อง ได้ยินเสียงอะไรกุกกักภายในเล็กน้อยก่อนจะมีคนเปิดประตูออกมา

“ช้าจัง นึกว่าจะลืมกันแล้ว” คำพูดแรกของคนในห้องตอนที่เปิดออกมาเจอหน้าภาสกร น้ำเสียงคนภายในไม่ได้ฉายแววขุ่นเคืองแต่เป็นน้ำเสียงที่ดูดีใจเสียมากกว่า

“ขอโทษด้วยครับ” ภาสกรเห็นคนตรงหน้า เขายืนตัวตรงทั้งที่หลังก็ตรงก็อยู่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงเกร็งตัวขึ้นมาอีกก็ไม่รู้


‘คนในห้องไม่ใช่ผู้หญิง’


“อ้าว หน้าไม่คุ้นเลย คนใหม่เหรอ แล้วคนเก่าไปไหน” คนในห้องเอียงคอถามเป็นภาษาอังกฤษตามด้วยความสงสัย

“คือ..ผม” ภาสกรไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไร เพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน

“ไม่เป็นไรๆ เอามาวางข้างในเลย” เจ้าของห้องเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพื่อให้ภาสกรเดินผ่านเข้าไปแต่โดยดี

“ขออนุญาตครับ”

“ว้าว น่ากินทั้งนั้นเลย” คนที่สั่งอาหารขึ้นมา ชะโงกหน้ามาดูใกล้ๆ ตอนที่ภาสกรกำลังจัดเรียงอาหารมาวางบนโต๊ะอย่างสุภาพ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” เมื่อเขาปฏิบัติภารกิจนอกเรียบร้อย จึงเอ่อขออนุญาต อีกสิบห้านาที หมดเวลาพักเขาต้องเริ่มทำงานต่อแล้ว

“อย่าเพิ่งไปสิ อยู่คุยกันก่อน” เจ้าของห้องรั้งตัวภาสกรไว้ ตอนนี้พนักงานหนุ่มจึงยืนนิ่งเหมือนหุ่นยนต์


ภาสกรลอบสังเกตคนตรงหน้า อีกฝ่ายมีรูปร่างที่ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย ใบหน้าหวานผมสีทองดูเจิดจ้า แต่ก็มีเค้าโครงของเอเชียปรากฎอยู่บนหน้า เป็นส่วนผสมที่ลงตัว


น่าเสียดาย หน้าตาแบบนี้เป็นดาราได้สบาย ไม่น่าต้องมาทำอะไรแบบนี้


แค่เพียงคิด ภาสกรรีบสลัดความทิ้งนั้นออกไปทันที เขาไม่มีสิทธิ์จะว่าหรือตำหนิใคร คนนั้นเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง มีสิทธิ์จะทำหรือตัดสินใจอะไรก็ได้ และมันไม่เกี่ยวกับภาสกรเลยแม้แต่น้อย


ภาสกรรีบขอโทษอีกฝ่ายที่คิดไม่ดีออกไปในใจ


“ชื่ออะไรน่ะ พา-ซา-คน” คนผมทองอ่านชื่อของภาสกรที่ติดอยู่บนหน้าอกช้าๆ ชื่อภาษาไทยคงไม่คุ้นกับอีกฝ่ายแน่นอน ภาสกรยิ้มออกมาเล็กน้อยกับการอ่านของคนตรงหน้า

“ภา-สะ-กร ครับ”

“พา-ซา-กร?” อีกฝ่ายลองเปล่งเสียงอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

“เรียกผมว่าพายก็ได้ครับ”

“พาย เรียกง่ายกว่ามาก ชื่อน่ากินจัง” อีกฝ่ายช้อนตาบอกขณะพูด

“เอ่อ..”

“ดูสิ น่ากินใช่ไหม” เจ้าของห้องชี้นิ้วไปยังจานขนมมีพายสับปะรดอยู่ตรงนั้นจริงๆ ภาสกรลอบถอนหายใจ เมื่อสักครู่นี้ เขาถูกแกล้งใช่ไหม

“ผมขอตัวนะครับ” ภาสกรบอก อีกสิบนาทีจะถึงเวลาทำงาน

“เดี๋ยวสิ” อีกฝ่ายเรียกไว้อีก แต่จังหวะนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้นภายในห้องนอน

“ใครมานะ” ใบหน้าหวานทำท่านึกอย่างน่ารักในสายตาของภาสกรก่อนจะทำตาโตแล้วอุทานออกมา “คุณอรรค!”


ภาสกรแอบชมความน่ารักอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะคิดได้ว่า นี่ใช่เวลามาชื่นชมไหม เขาต้องรีบกลับไปทำงานได้แล้ว

“นึกว่าจะไม่มา ผมสั่งอาหารขึ้นมารอคุณแล้วนะครับ” สายตาของภาสกรเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ร่างนั้นไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่

“อืม” ภาสกรยังเห็นว่าคนตัวเล็กช่วยบอสของที่นี่ถอดเสื้อสูทออกอย่างตั้งใจ ก่อนจะนำมาถือไว้อย่างเป็นงาน

ถ้าเขาแสดงตัวตอนนี้หรือพูดอะไรออกไป จะเป็นอะไรหรือเปล่า

“เข้ามานั่งพักก่อนสิครับ”

“ภาสกร?” เจ้าของชื่อหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับผู้มาใหม่

“ครับ ผมเอง”

“ขึ้นมาทำอะไรที่นี่” คนที่กุมบังเหียนคาสิโนนี้รักษามารยาทโดยการถามผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถึงจะภาษาไหน ภาสกรก็จับได้ถึงความไม่พอใจของเจ้าตัว

“ผมเอาอาหารจากในครัวมาส่งครับ” เมื่ออีกฝ่ายถามมาด้วยภาษาของชาติใด เขาควรจะตอบไปด้วยภาษาเดียวกัน

“ใครอนุญาตให้เธอขึ้นมา”

ภาสกรเตรียมจะถามกลับว่าต้องมีคนอนุญาตด้วยเหรอ แต่เขาก็รีบกลืนคำถามนั้นไปพร้อมกับน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเลือกตอบว่า

“ไม่มีครับ” ถ้าถามกลับมีหวังคอเขาอาจจะขาดมากไปกว่านี้

“อาเฉิน อาคุณ!” อรรควัสถามหาบอดี้การ์ดด้วยความไม่พอใจ

“ครับ บอส” สองยักษ์ก็รีบเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

“อลัน เธอกลับเข้าไปในห้องนอนก่อน” อรรควัสหันไปบอกหนุ่มน้อยข้างตัว เพราะคำพูดนี้ทำให้ภาสกรได้รู้ว่า คนๆ นี้ชื่อว่า อลัน

“แต่...”

“...” อรรควัสไม่ตอบนอกจากมองอีกฝ่ายนิ่ง จนอลันต้องยอมล่าถอยหายเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ

“ใครปล่อยให้พนักงานนี่ขึ้นมาบนนี้”

“เอ่อ..” อาเฉินและอาคุณ สบตากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะตอบบอสอย่างไร เพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องเลย ยืนเฝ้าหน้าห้องบอสตลอดเวลา แถมไม่มีใครขึ้นมารายงานเขาด้วย

“ตอบ!” เสียงตวาดของอรรควัส ทำให้ภาสกรสะดุ้งไปด้วย

“ไม่ทราบครับ” สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

“อยากตายกันมากใช่ไหม ถึงกล้าตอบฉันว่าไม่รู้”

“คือพวกผมไม่ทราบจริงๆ ครับบอส” อาคุณ ที่อาสากล้าตายเป็นคนแรกตอบด้วยคำตอบเดิมอีกครั้ง

“ไม่อยากอยู่ที่นี่กันแล้วใช่ไหม”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับบอส” อาเฉินรีบตอบโดยเร็ว

“ใครดูแลชั้นนี้ มันไปไหน”

“ผมขออนุญาตตรวจสอบสักครู่ครับ” อาเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบางอย่างก่อนจะสบตากับอาคุณอีกครั้ง

ดูเหมือนชะตาพวกเขาคงถึงคาด

“วันนี้คนงานที่ดูแลชั้นนี้ลาป่วยครับ”

“แล้ว?”

“คือ..ผมขึ้นมาเองครับ”

“ถ้าฉันไม่ได้ถาม ก็ไม่ต้องแทรกขึ้น”  สายตาดุดันของอรรควัสหันมามองภาสกร ทำให้ภาสกรรีบก้มหน้าลงทันทีด้วยความกลัว

“อีกชั่วโมงหนึ่ง ฉันต้องได้คำตอบว่าเพราอะไร พนักงานคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้” อรรควัสหันไปสั่งลูกน้องสองคนที่ยืนก้มหน้า มือประสานไว้ด้านหน้า

“ครับ” สองเสียงรับคำสั่งพร้อมกัน

“ไปได้” คล้อยหลังอาเฉินกับอาคุณออกไป อรรควัสจึงหันมามองภาสกรอีกครั้ง “เธอนี่มันสร้างเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน”

“ขอโทษครับ”

“เลิกงานกี่โมง”

“เจ็ดโมงเช้าครับ”

“เลิกงานแล้วไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วย” นี่ไม่ใช่คำบอกเล่าแต่เป็นคำสั่ง

“คะ..ครับ” ภาสกรไม่อยากจะรับคำออกไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้

“ไปได้”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรีบยกมือไหว้แล้วค้อมตัวเดินผ่านอรรควัสไปเหมือนคราวก่อนที่เจอกันไม่มีผิด

ครั้งนี้เขาจะรอดไหม


แม่ภา พี่พรีม ช่วยพายด้วย




========================



หวังดีจนซวยนะพาย


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ทำไมพี่แกโมโหขนาดนี้ :z3: น้องเค้าใจดี

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้องพาย เดี๋ยวคุณอรรคจะติดใจนะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่เจ็ด




“ป้าเก๋ ช่วยพายด้วย” ภาสกรลงมาจากข้างบนได้ก็เข้ามากอดป้าเก๋ในครัว ผมดกดำซุกไหล่ของแม่ครัวโดยไม่สนใจว่าจะมีกลิ่นจากการทำงานมาติดตัวหรือไม่


ป้าเก๋เห็นอีกฝ่ายเดินหน้าเสียเข้ามาก็ไม่ถามอะไร ก่อนหน้านี้บอดี้การ์ดของบอสใหญ่ได้เข้ามาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนแล้ว ทำให้หญิงสาวเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี


“โถ ลูก ไม่เป็นไรนะ ขวัญเอ๊ย ขวัญมา” ป้าเก๋ลูบหัวหวังปลอบให้เด็กหนุ่มนี้หายขวัญเสีย นางรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ทำให้ภาสกรตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าห้ามให้คนนอกขึ้นไปนอกจากคนที่จัดหาไว้เท่านั้น


แล้วครั้งนี้คนบนนั้นประสานงานกันอย่างไร ถึงทำให้เด็กหนุ่มที่เธอเอ็นดูเหมือนหลานชายต้องเศร้าขนาดนี้


ภาสกรเป็นเด็กหนุ่มนิสัยน่ารัก เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเจ้าตัวมีเวลาพอจะช่วยเหลือได้ จะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ คนในครัวพากันเอ็นดูทั้งนั้น แล้วดูสิตอนนี้หน้าหงอยเป็นหมาเลย

“พายไม่รู้เลยครับว่าเขาห้ามขึ้นไป พายคิดว่าแค่ขึ้นไปส่งอาหารเฉยๆ เอง”

“ป้าก็ผิด ป้าก็ไม่รู้ แล้วนี่ถูกดุมากไหม”

“ยังไม่ถูกดุครับ บอสบอกให้ขึ้นไปหาที่ห้องหลังเลิกงาน” ภาสกรจับมือของป้าเก๋แน่น

“จะถูกไล่ออกไหมครับ พายเพิ่งทำงานได้แค่สองเดือนเอง” ภาสกรร้อนรนกระวนกระวาย


ทำไมเขาถึงมีแต่เรื่องเข้าหาตัวเหลือเกิน


คราวก่อนก็ลูกค้าชนจนเกิดเรื่องราวบานปลาย คราวนี้ยังเอาเท้าเข้าไปแหย่เรื่องอีก


“ถ้าอย่างนั้นตอนที่น้องพายขึ้นไปหาบอส ป้าไปด้วยแล้วกัน ยังไงป้าก็ควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนกัน” หญิงสาวบอกอย่างใจเด็ด

“อย่าดีกว่าครับ บอสให้พายไปคนเดียว ถ้าป้าไปด้วยเดี๋ยวบอสอารมณ์เสียอีก” ภาสกรบอก เขาเดาใจบอสไม่ได้ ตอนนี้ทำตามที่อีกฝ่ายต้องการน่าจะปลอดภัยมากกว่า

“รับปากกับป้า ถ้าบอสถามว่าทำไมถึงขึ้นไป ให้บอกว่าป้าสั่งเอง เข้าใจไหม”

“ไม่ดีหรอกครับ”

“เด็กคนนี้ จะไม่ดีได้ยังไง ก็ป้าเป็นคนบอกให้น้องพายไปจริงๆ นี่นา” ป้าเก๋ส่งเสียงอย่างอ่อนใจด้วยความสงสารภาสกร

“แต่ป้าเก๋ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันนี่ครับ พายว่าคนที่ควรรับผิดชอบคือคนที่ดูแลข้างบนต่างหาก ไม่ใช่พวกเราสักหน่อย” ภาสกรไม่ยอม

“น้องพายจะต่อว่าพวกเขางั้นรึ” ป้าเก๋ถาม

“เปล่า พายไม่กล้าหรอก” ภาสกรส่ายหน้า

“แน่ะ แบบนี้คนผิดก็เป็นน้องพายสิลูก”

“พายก็ไม่ได้อยากเป็นคนรับผิดหรอกครับ แต่ถ้าจบเรื่องเร็วก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ พายไม่อยากให้เรื่องมันลุกลามจนเกินไป”

“จ้ะ งั้นป้าก็ตามใจ เรื่องที่มาอ้อนป้าจะเรียนภาษาจีนด้วยน่ะ ป้าจะสอนให้ฟรี หาเวลามาเรียนก็แล้วกัน”

“จริงเหรอครับ” นัยน์ตาที่โศกเศร้าเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสดใสอย่างวดเร็ว

“จ้า”

“เย่ ดีใจจัง” ภาสกรดีใจเพราะเขาจะไม่ต้องเสียเงินเรียน ประหยัดเงินไปอีก

“แต่ว่า..” เพิ่งดีใจอยู่เมื่อครู่ กลับมาหน้าเครียดอีกแล้ว ป้าเก๋มองเด็กสองอารมณ์นี้ด้วยความกังวลใจ

“เป็นอะไรไปอีก เพิ่งดีใจอยู่หยกๆ”

“พายกลัวจะถูกไล่ออกจังเลยครับป้าเก๋” เรื่องเดิมถูกวกกลับมาอีกครั้ง

“ป้าคิดว่าบอสมีเหตุผลมากพอนะ อย่าไปกังวลเลย”

“จริงเหรอครับ”

“เชื่อป้าสิ ป้าทำงานกับบอสมานานแล้ว พอรู้นิสัยอยู่บ้าง”

“ถ้างั้นพายก็เบาใจ” ภาสกรพรูลมหายใจออกมา เมื่อความกังวลถูกปัดเป่าออกไปได้บ้าง

“กลับไปทำงานได้แล้ว ตั้งใจทำงานอย่าเพิ่งสร้างเรื่องเพิ่มอีก รู้ไหม” ป้าเก๋เตือน

“ครับ พายจะตั้งใจทำงานไม่ให้ผิดพลาดเลย”







...

“คุณอรรค” เสียงหวานใสเรียกชื่ออีกฝ่ายเมื่ออรรควัสเปิดประตูห้องเข้ามา

“อืม”

“ไม่พอใจหรือครับ ยังไงวันหลังผมจะไม่สั่งอะไรขึ้นมาบนนี้อีก” เด็กหนุ่มบอกหน้าสลด

“ไม่เป็นไร เธออยากทำอะไรก็ทำเถอะ” อรรควัสตัดปัญหาทิ้งไป

“แต่...” อลันยังไม่วางใจ เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“ไม่เป็นไร” บอสใหญ่ไม่พูดอะไรอีกนอกจากคำพูดสามพยางค์ อลันก็พยักหน้ารับรู้โดยไม่โต้แย้งอีก

“คุณจะทำยังไงกับพนักงานคนนั้น”

“ใคร?” อรรควัสย้อนถาม

“พา-ซา-กร” อลันออกเสียงเรียกชื่อด้วยความไม่คุ้นปาก

“ภาสกรน่ะหรือ”

“ครับ เขาบอกว่าชื่อพาย”

“งั้นหรือ แล้วอยากให้ฉันจัดการกับเขายังไงล่ะ”

“ผมคิดว่าเขาไม่รู้จริงๆ คุณอรรคอย่าไล่ออกเลยนะครับ” อลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาเกาะแขนอรรควัส

“เธอกำลังจะขอให้ฉันยกโทษให้เขางั้นหรือ” อรรควัสหรี่ตามองคนตรงหน้า

“อย่าลงโทษเขาเลยครับ” อลันขยับมือมาทางด้านหน้า มือขาวนวลเริ่มลงมือปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายราวกับจะออดอ้อนเอาอกเอาใจ

“ถ้าทำผลงานออกมาดี บางทีฉันอาจจะพิจารณาดู”

“ผมจะทำให้คุณพอใจครับ” อลันยิ้มก่อนจะเขย่งตัวจูบอีกฝ่ายก่อนจะดึงอรรควัสให้ตามลงไปบนเตียงด้วยกัน




...

ภาสขึ้นมารอเจ้าของคำสั่งที่ชั้นสามสิบตั้งแต่เลิกกะ เขาดูนาฬิกาตอนนี้จวนจะแปดโมง อีกฝ่ายก็ยังไม่มา ถ้าคนนั้นมาตอนบ่ายละ แปลว่าเขาไม่ต้องนอนกันเลยใช่ไหม แบบนี้ทำไม่ถูกนะ ชายหนุ่มบ่นอยู่ในใจแต่ไม่กล้าแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา


นวพลเคยบอกว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดมากมาย ภาสกรมองไปรอบๆ ห้อง คงจะมีกล้องด้วยเช่นกัน เขากลัวจะถูกจับได้ถ้าหากทำกิริยาไม่ดีขึ้นมา ตอนนี้ดวงเขายิ่งๆ ตกอยู่ด้วย


คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หนังตามันปิดสนิท ตัวก็เลื้อยลงไปนอนบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว


อรรควัสเข้ามาในห้องทำงานตอนแปดโมงสิบนาที เขาไม่ได้ลืมหรือตั้งใจจะปล่อยให้ภาสกรต้องรอเพียงแต่ ก่อนที่เขาจะมาที่ห้อง บอสใหญ่ได้แวะไปห้องที่ควบคุมกล้องวงจรปิดแล้วขอดูเหตุการณ์เมื่อคืนของชั้นยี่สิบเก้า เขาเห็นเหตุการณ์แต่แรก ตั้งแต่ภาสกรเดินออกมาจากลิฟต์ ชายหนุ่มมีท่าทีหันรีหันขวาง เหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหน ก่อนจะตัดสินใจเดินต่ออีกครั้ง


พนักงานคนนั้นกดกริ่งที่หน้าห้อง และร่างของคนมาเยือนก็หายเข้าไปในห้อง อรรควัสสั่งเจ้าหน้าที่ให้เปลี่ยนไปดูกล้องภายในห้องของอลัน กล้องวงจรปิดถูกติดอยู่ทั่วห้องยกเว้นห้องนอนของอลันเท่านั้นและเรื่องนี้คนที่อาศัยอยู่ชั้นนั้นไม่เคยได้รู้เช่นกัน


ไม่เพียงแค่ในห้องจะมีกล้องอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แต่เครื่องดักฟังก็ถูกติดเช่นกัน อรรควัสไม่ไว้ใจใคร เด็กคนก่อนๆ ที่ผ่านมา แฝงตัวเข้ามาด้วยจุดประสงค์ต่างๆ บางคนโลภ บางคนหวังรวยทางลัด บางคนต้องการเข้ามาล้วงข้อมูลจากเขา ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไว้ใจใครได้ยาก

“เปิดเสียง” อรรควัสสั่งเจ้าหน้าที่ให้เปิดฟัง


เนื้อหาบทสนทนาไม่มีอะไรนอกจากเสียงตะกุกตะกักของพนักงานเวลาที่ถูกอลันถาม แต่อลันนี่สิชวนคุยอีกฝ่ายเกินความจำเป็น


จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องอยากรู้ชื่ออีกฝ่ายมากขนาดนั้น


และยังบทสนทนาเมื่อเช้าอีก


 

“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พายขึ้นมาส่งอาหารแทนคนเก่าได้ไหมครับ” คนขอกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้อีกฝ่ายอย่างรู้หน้าที่
“ทำไม”
“เขาสุภาพดีครับ” อลันบอกมือไม้ก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“แค่นั้น?”
“ครับ”

อรรควัสมุ่นคิ้ว แค่นั้นจริงๆ หรือ

 


เจ้าของห้องเห็นคนที่ถูกสั่งขึ้นมารอเขา ตอนนี้อีกฝ่ายยึดพื้นที่โซฟาตัวยาวไปอย่างไม่เกรงใจ เพราะเขามาช้า หรือเพราะทนง่วงไม่ไหว ถึงกับหลับไปอย่างไม่รู้เรื่อง แม้ว่าเขาจะเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้ว ยังหลับสนิทจนไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง

ทำไมถึงกล้าหลับ ทั้งที่ไม่ใช่ห้องนอนของตน

ประมาทเกินไป

อรรควัสส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอา เขายืนดูอีกฝ่ายที่กำลังนอนหลับ เจ้าตัวคงนอนไม่สบายตัวนัก การแต่งกายที่เรียบร้อยอยู่เป็นประจำในเวลาทำงานจึงไม่มีให้เห็น แขนเสื้อถูกเลิกขึ้นจนถึงข้อศอก กระดุมถูกปลดออกให้ผ่อนคลาย


เขาขยับเข้าไปใกล้คนที่ยังหลับอีกนิดเพราะสะดุดตาบางอย่าง รอยสีขาวจางๆ ที่พาดอยู่บนแขนซ้าย ทำให้อรรควัสต้องก้มลงไปดูก่อนจะถอยออกมา


คุณสมบัติของคนที่จะเข้ามาทำงานในคาสิโน นอกจากส่วนสูงและภาษาแล้ว รอยตำหนิก็สำคัญ หากมีรอยแผลเป็นหรือรอยสักจะถูกปฏิเสธเข้ารับการทำงานตั้งแต่แรก แต่กฎนั้นย่อมมีข้อละเว้นเสมอ ถ้าแผลเป็นอยู่ในร่มผ้า ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร


ต้องสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลา คงเรียกว่าไม่เป็นปัญหาล่ะมั้ง


อรรควัสถอนสายตาออกจากอีกฝ่าย เขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำถึงขนาดเห็นคนหลับอยู่แล้วจะต้องปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น


เอาเถอะ คงจะเหนื่อย เพิ่งเลิกงานมานี่นะ


ชายหนุ่มกลับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง กำลังจะเอ่ยเรียกสองบอดี้การ์ดให้เข้ามาในห้อง ทว่าสองคนนั้นก็เคาะประตูห้องเสียก่อน เขาจึงบอกอนุญาตให้เข้ามา


อาเฉินกับอาคุณเข้ามาในห้อง พบกับความแปลกใจขึ้นเมื่อเห็นว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เจ้านายและพวกเขาสองคน กลับมีใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ ซ้ำยังนอนหลับอย่างสบายเสียด้วย


‘เหิมเกริมเกินไปแล้ว!’


อาเฉินคิดว่าเขาจะต้องปลุกเจ้าหนุ่มนี่ให้ลุกขึ้นโดยเร็วก่อนที่บอสจะโมโห


‘คิดว่าเป็นใครถึงกล้ามานอนที่นี่!’


อาคุณเองก็ตั้งใจจะไปเรียกให้คนหลับรู้สึกตัวก่อนที่บอสจะอารมณ์ไม่ดี


“ให้ผมปลุกเขาไหมครับบอส” แต่ในความเป็นจริง อาเฉินทำได้แค่ถามขึ้นอย่างสุภาพ

“ไม่เป็นไร ขยับเข้ามาใกล้หน่อย จะได้ไม่ต้องพูดเสียงดัง” อาคุณสบตากับคู่หูคนสนิทพลางขยับเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานตามคำสั่งผู้เป็นนาย

“พนักงานชั้นยี่สิบเก้า?” อรรควัสเปิดประเด็นสั้นๆ สองบอดี้การ์ดก็เข้าใจความหมายนั้นโดนพลัน

“เกิดอุบัติเหตุกะทันหันกับพนักงานเมื่อวานครับ” อาเฉินรีบรายงาน

“เรื่องนี้บอกฉันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน”

“นั่นคือสิ่งที่เรารู้เมื่อคืนครับ ผมได้ข้อมูลเพิ่มมาว่าจริงๆ แล้ว พนักงานคนนั้นย้ายไปอยู่อีกคาสิโนครับ”


มุมปากของอรรควัสกดลึกลงไปอีกด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยห้าม ถ้าพนักงานคนไหนอยากจะย้ายไปทำงานที่อื่น แต่เขาต้องการให้มาบอกหรือทำเรื่องลาออกกันดีๆ เพราะการขาดคนทำงานกะทันหัน ย่อมแปลว่าแผนกนั้นจะเกิดความลำบาก


“อาคุณสืบเรื่องนี้ต่อว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับอลันหรือเปล่า” อรรควัสครุ่นคิด ทุกอย่างดูเป็นจังหวะพอดีกันเกินไป พนักงานคนเก่าขาดงาน ภาสกรโผล่ขึ้นมาและยังอลันอีกที่ออกปากอยากให้ภาสกรมาดูแลแทน

“ครับบอส”

“ส่วนนาย อาเฉิน”

“ครับ”

“จับตาดูคนที่กำลังหลับ”

“ครับ?” อาเฉินสงสัยกับคำสั่งนั้น แต่เมื่อเห็นดวงตาของผู้เป็นนาย เขาจึงรีบก้มตาแล้วรับคำสั่ง “ครับ บอส”

“บอสไม่กลัวว่าเขาจะได้ยินที่เราคุยกันหรือครับ” อาเฉินถามด้วยความเป็นห่วง

“ได้ยินก็ดีสิ” อรรควัสอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนที่หลับนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้นอนหลับอยู่และยังได้ยินบทสนทนาทุกประโยค ภาสกรจะทำอย่างไรต่อ

“อ้อ..อีกเรื่อง”

“ครับ”

“ฉันจะให้ภาสกรเป็นคนยกอาหารมาให้อลันแทนคนเก่า”

“บอสแน่ใจหรือครับ” อาเฉินถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ

“อืม”

“ผมถามได้ไหมครับว่าเพราะอะไร” พอเห็นว่าอาเฉินคิดเหมือนกับตน อาคุณจึงถามขึ้นบ้าง

“ไม่มีอะไร แค่อลันขอมา” อารรควัสยิ้มออกมานิดหน่อย แต่สองบอดี้การ์ดกลับไม่รู้สึกถึงรอยยิ้มนั้นเลย “ไปได้แล้ว”

“ครับ”


คล้อยหลังบอดี้การ์ดสองคนออกไป อรรควัสจึงเดินตรงไปที่โซฟา เขาพินิจมองใบหน้าคนหลับก่อนจะเปล่งเสียงขึ้นมาลอยๆ



“ไม่ต้องแกล้งหลับ ตื่นได้แล้ว”








========================

เอ้า ยังไงกัน?


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอสร้ายยยย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด