พิมพ์หน้านี้ - ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขมกันต์ ที่ 25-12-2018 20:54:47

หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 25-12-2018 20:54:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หกแล้วค่ะ ขอฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ




มีคนกล่าวว่า
ไม่มีใครรวยเพราะการพนัน มีแต่จะหมดตัว
ไม่มีใครเป็นคนเพราะการพนัน มีแต่ผีพนัน
 
 
คนเขาว่า
โจรปล้นสิบครั้ง ยังเหลือบ้าน
ไฟไหม้บ้านครั้งเดียวยังเหลือที่
แต่เล่นการพนัน ไม่เหลืออะไร
 
 
คนที่เล่นการพนันแล้วคิดจะรวยทางลัด
ถ้าดวงไม่เฮง ดวงไม่แข็งจริง อยู่ไม่ได้
อรรควัสไม่เคยเชื่อ กระทั่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นกับตัวเอง
 
 
เขามีทุกอย่างได้ทุกวันนี้เพราะการพนัน ถึงแม้จะเริ่มต้นด้วยศูนย์
อ้อ ไม่ใช่สิ เริ่มต้นจากเงินห้าร้อยบาทนั่นต่างหาก
 
หากใครคิดจะมาลองกับเขา
มั่นใจก็มา




==========================
ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ

กว่าจะเข้ากันได้ END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51505.0)

เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54963.0)
That's Wine I Love You  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59232.0)

Wishing You END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66313.0)
LOTTO สื่อรัก คนบ้าหวย 2018 END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66490.0)
ภาคต่อของความรัก END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68269.0)


เรื่องสั้นค่ะ

ลูกแก้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55897.0)
Sad Seasons : Now It's raining (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67429.0)
Join With Me (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69084.0)


ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย
Twitter (https://twitter.com/khemmakan)
Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 25-12-2018 21:06:51

วงล้อที่หนึ่ง เปลี่ยนแปลง

(https://www.bpicc.com/images/2018/12/25/book-cover-front.md.jpg)
cover by @minimalrxxm




“พี่พรีมบอกว่าแม่เป็นอะไรนะครับ!” เสียงร้อนรนถามซ้ำเพราะกลัวว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นอาจจะเป็นการเข้าใจผิด



“พี่บอกว่าแม่เป็นโรคไต” น้ำเสียงคนพูดก็ฟังดูหนักใจไม่น้อย



“เป็นไปไม่ได้อะพี่ แม่แข็งแรงตลอดจะป่วยได้ไง พายไม่เชื่อ” คนพูดอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสล็ก ตามด้วยรองเท้าหนังสีดำตอบกลับไป



“พายจะกลับมาบ้านเลยไหม” ภารวีไม่ตอบน้องชาย แต่เลือกถามด้วยคำถามใหม่



“กลับครับ พายเพิ่งสัมภาษณ์งานเสร็จพอดี เดี๋ยวนั่งรถตู้ไปเลย”



“รถทัวร์ดีกว่าไหม ช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก รถตู้ชอบขับเร็วแถมน่ากลัว พี่เป็นห่วง” หญิงสาวบอก



“แล้วแม่อยู่ที่ไหนตอนนี้”



“คุณหมอให้นอนที่โรงพยาบาลก่อนหนึ่งคืน”



“ทำไมครับ” คนอายุน้อยกว่ายังสงสัย



“เตรียมฟอกไต พายกลับบ้านมาก่อนแล้วกัน รายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”



“ตกลงครับ เอ้อๆ พี่พรีม เดี๋ยวก่อน”



“ว่าไงอีก”



“แล้วใครอยู่เฝ้าแม่อะ พี่พรีมเหรอ”



“เปล่า พ่อน่ะ แม่ให้พี่โทรไปบอก พี่เลยมาเก็บของใช้จำเป็นที่บ้านแล้วจะกลับไปเปลี่ยนกับพ่อ”



“ครับ”



“นั่งรถดีๆ ล่ะ”





ภาสกรรีบนั่งรถไฟฟ้าไปลงปลายทางอันเป็นเป้าหมายที่เจ้าตัวตั้งใจจะนั่งรถตู้กลับบ้านในเย็นวันนี้ จากกรุงเทพฯ ไปบ้านของเขานั้นใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ สาเหตุที่เขาอยู่คนละที่กับที่บ้านเพราะว่าเขาเองเพิ่งเรียนจบในปีนี้และอยู่ในช่วงที่กำลังหางานทำ แต่งานสมัยนี้ก็ไม่ได้หากันง่ายๆ ไม่มีใครอยากจะรับเด็กจบใหม่ด้อยประสบการณ์ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ โชคต้องเข้าข้างเขาสักวันหนึ่ง





ภาสกรเพิ่งย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนหน้านั้นเขาอาศัยอยู่กับมารดาและพี่สาว ที่ปัจจุบันนี้เป็นครูอัตราจ้างอยู่แถวบ้าน ส่วนพ่อของเขานั้น ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหรอก แต่ภาสกรก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคนที่ดูแลเลี้ยงดูเขามีแค่แม่กับพี่สาวเท่านั้น





เด็กหนุ่มกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาลหลังจากสอบถามประชาสัมพันธ์จนได้ความว่ามารดาพักอยู่ที่ห้องเลขที่เท่าไหร่ ตึกไหน เขาก็รีบรุดไปยังห้องพักของมารดาทันที



“แม่”



“อ้าว พายมาเสียเย็นเชียว” มารดาของภาสกรยิ้มให้ก่อนจะปรามบุตรชายให้ลดเสียงลงหน่อย เนื่องจากห้องพักนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยรวม



“แม่เป็นไงบ้าง” ภาสกรลดเสียงลงตามที่ถูกติงไป “พ่อล่ะ”



“ดีขึ้นแล้วจ้ะ ส่วนพ่อกลับไปแล้ว”



“ไปไหนครับ”



“ไปทำธุระให้แม่จ้ะ”



“แล้วทำไมแม่ถึงมาอยู่ห้องรวมได้ล่ะครับ ไม่ไปอยู่ห้องพิเศษ ไม่มีคนทำเรื่องเหรอ ให้พายไปทำเรื่องแทนให้ไหม” ลูกชายของเธอบอกด้วยความเป็นห่วง



“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่คืนเดียว เดี๋ยวแม่ก็กลับบ้านแล้ว”



“พี่พรีมล่ะแม่”



“เจ้าลูกคนนี้กลับมาก็ถามถึงคนนั้นคนนี้วุ่นไปหมด”



“ก็..พายไม่เห็นใครอยู่เป็นเพื่อนแม่เลย คืนนี้ให้พายนอนเฝ้าแม่นะ”



“ไม่ได้จ้ะ ดูป้ายสิ” มารดาชี้ไปตรงประตูซึ่งเป็นเวลาเข้าเยี่ยม



“เยี่ยมได้ถึงสองทุ่มเองเหรอ” ภาสกรบ่นออกมาเสียงเบา



“พรุ่งนี้เช้ามาใหม่ก็ได้จ้ะ แล้วสัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง ดีไหม เล่าให้แม่ฟังบ้าง”



“ก็ดีครับ แต่ไม่รู้สิ คงไม่ได้งาน” ภาสกรบอกด้วยใจหดหู่



“ทำไมล่ะ”



“พายก็ว่าพายพยายามเต็มที่แล้วนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะสนใจพายไหม” ภาสกรบอก การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ครั้งที่สามของเขาตั้งแต่เรียนจบมา



“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ พายของแม่เก่งอยู่แล้ว”



“ครับ”



“พายมาแล้วเหรอ” ภารวีเดินเข้ามาในห้องก็เห็นน้องชายนั่งอยู่ข้างเตียงมารดาแล้ว



“ครับ พี่ไปไหนมา”



“ไปเอานี่ไง ของใช้ต่างๆ น่ะ” หญิงสาวชูกระเป๋าใบย่อมขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปหยุดยืนข้างเตียง



“มาก็ดีแล้ว แม่มีอะไรจะบอกให้ฟัง” ภาพรรณเรียกบุตรสาวและบุตรชายให้เข้ามาใกล้เตียงอีกนิดเพราะว่าเธอไม่อยากพูดเสียงดัง



“ครับ/ค่ะ”



“แม่คุยกับพ่อเขาแล้วนะว่าจะขายบ้านหลังที่เราอยู่ปัจจุบัน แล้วไปซื้อหลังที่เล็กลงกว่าเดิม”



“เกิดอะไรขึ้นเหรอแม่” ภารวีรู้สึกผิดสังเกตที่จู่ๆ มารดาของเธอจะขายบ้าน



“บ้านมันหลังใหญ่เกินไป ตอนนี้พรีมก็ไปอยู่บ้านพักครู พายก็อยู่กรุงเทพฯ พ่อไม่ค่อยได้กลับอยู่แล้ว แม่อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาสิจ๊ะ”



“แม่ไปอยู่กับพายไหม”



“เราน่ะหางานให้ได้ก่อนเถอะ” ภาพรรณจิ้มหน้าผากบุตรชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู



“แล้วแม่จะไปอยู่ไหน”



“แม่คิดว่าพอขายเสร็จก็จะซื้อทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ อยู่ สักสามห้อง ของแม่ พรีมและพาย ดีไหม”



“พายแล้วแต่แม่เลย”



“พรีมก็ตามใจแม่ แต่บ้านสมัยนี้ก็ไม่ได้ขายกันง่ายๆ นะ” ภารวีสันนิษฐาน



“ลุงโชติเจ้าของสวนเงาะนั่นไง จำได้ไหม เขาอยากได้บ้านเรานานแล้ว ถ้าเราขาย ลุงโชติคงดีใจ”



“เหรอครับ แล้วแม่จะไปทำเรื่องไหวเหรอ”



ภาพรรณส่ายหน้า “แม่ให้พ่อเขาไปทำแทนให้จ้ะ”



“แน่ใจนะแม่ ไม่ใช่พอขายบ้านได้แล้วพ่อชิ่งเงินไปแทนล่ะ”



“พรีม” ภาพรรณปรามบุตรสาวคนโต “อย่ามองพ่อในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ”



“พ่อเคยช่วยเหลือเราที่ไหนกัน” ภารวียังบ่นต่อ



“พ่อเขาก็แค่ไม่ค่อยมีเวลา แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงไป แม่ตั้งใจว่าเงินที่เหลือจากซื้อบ้านใหม่ ก็จะเอามารักษาโรคของแม่นี่ล่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน พรีมกับพาย ดีไหมลูก”



“พายไม่มีปัญหา” ลูกชายคนเล็กยังยืนยันเหมือนเดิม



“แล้วหมอบอกแม่หรือยังว่าต้องฟอกไตบ่อยแค่ไหน” ภาสกรถามอาการป่วยของมารดา



“หมอบอกให้มาสัปดาห์ละครั้งก่อน ไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล แต่ครั้งนี้หมอเขาแค่เป็นกังวลเท่านั้น จึงจับแม่นอนเล่นที่นี่” ภาพรรณบอกอย่างอารมณ์ดี



“งั้นพรุ่งนี้ฟอกไตเสร็จ พายมารับแม่นะ”



“ถ้าไม่มาล่ะน่าดู เอาล่ะ ใกล้สองทุ่มแล้ว กลับกันเถอะเด็กๆ”



“แม่ก็นอนพักเยอะๆ นะ พรุ่งนี้พรีมมีสอนทั้งวัน คงมาไม่ได้”



“ไม่เป็นไร ทำงานไปเถอะจ้ะ ให้เจ้าพายจัดการบ้าง”



“ไม่ต้องห่วงแม่นะพี่พรีม ยังไงพายจะดูแลแม่เอง”



“ทำให้ได้ตลอดเถอะ ไม่ใช่มีสาวแล้วลืมแม่ก็แล้วกัน” ภาพรรณเย้าบุตรชาย



“แม่ก็ชอบไปแซวน้อง รู้อยู่ว่าพายมันไม่ชอบผู้หญิง” ภารวีออกโรงปกป้องน้องเสียเอง



“แม่ก็ลองดู เผื่อว่าจะมีโอกาส”



“ไม่หายหรอกครับ โรคนี้ของพายเป็นแล้วเป็นเลยนะแม่”



“จ้ะๆ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”



ระหว่างทางกลับบ้าน ภารวีที่ขับรถอยู่ดูมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ จนภาสกร น้องชายอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “พี่พรีม”



“หืม” หญิงสาวตอบโดยไม่ละสายตาจากถนนยามค่ำคืน



“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจเรื่องพ่อเหรอ” ภาสกรถามออกไป ตั้งแต่เด็กแล้ว เขารู้สึกว่าภารวีไม่ค่อยชมชอบบิดาของพวกเขาเท่าไหร่นัก



“อืม พี่ไม่ไว้ใจพ่อเลย”



“ทำไมล่ะครับ”



“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ”



“พี่คิดมากไปหรือเปล่า” ภาสกรบอกเพราะเขาไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย



“พี่อาจจะคิดมากอย่างที่พายบอกก็ได้” หญิงสาวบอกออกไปแบบนั้น แต่ลึกๆ ในใจเธอก็ยังกังวลอยู่ดี







NONT: เป็นไงบ้าง ได้งานยัง



PPie: ยังเลย นี่กลับมาบ้าน แม่ป่วยอะ



NONT: อ้าวน้าภาเป็นไร



PPie: โรคไต



NONT: เหยยยย ต้องฟอกไตปะ



PPie: อืม หมอบอกตอนนี้ให้ฟอกสัปดาห์ละครั้งไปก่อน



NONT: เคยได้ยินว่าฟอกไตเปลืองเงินมากเลยนะเว้ย



PPie: จริงดิ เดี๋ยวไปดูข้อมูลในเน็ต



NONT: อืม เดี๋ยวน้าภาก็ดีขึ้น ไม่ต้องคิดมากล่ะ



PPie: ขอบใจ แล้วแกอะ เป็นไงบ้าง



NONT: เหมือนเดิม วันๆ แจกแต่ไพ่



PPie: เบื่อก็กลับมาบ้านเถอะ



NONT: วุฒิมอหก กลับไปทำไรวะ ทำเซเว่นเหรอ



PPie: เยอะแยะ ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน มาเรียนต่อด้วยก็ดี รามก็ได้



NONT: ไว้ก่อนๆ ขอเก็บเงินก่อนแล้วกัน



PPie: กลับมาเมื่อไหร่บอกด้วย



NONT: ได้









หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หก นายนวพลหรือนน ก็มุ่งหน้าไปทำงานที่คาสิโนมาเก๊าทันที ตั้งแต่เด็กแล้วเจ้าตัวชื่นชอบอบายมุขทุกชนิดแต่ไม่ได้ชอบเล่น ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนวพลพาไปภาสกรไปด้วยกันตามบ่อนต่างๆ ก็บ่อย ที่ไหนเข้มหน่อย ตรวจบัตรพวกเขาก็ไม่ไป ที่ไหนไม่จำกัดอายุ นวพลเป็นต้องเข้าไปให้ได้







ภาสกรเคยถามเพื่อนว่า ไม่ได้อยากเล่นการพนันแล้วจะเข้าไปในแหล่งอโคจรเหล่านั้นทำไม ทว่านวพลกลับตอบมาว่า เขาอยากเรียนรู้ว่าทำไมคนถึงชอบเล่นพนัน มันดีอย่างไร สนุกตรงไหน และอยากรู้จักคนที่เล่นการพนันเก่งๆ ด้วยว่าทำไมถึงเล่นแล้วได้เงินตลอด มีเทคนิคอย่างไร เขาอยากเรียนรู้







ดังนั้นพอเรียนจบนวพลจึงไม่รอช้า สานฝันตัวเองทันที ภาสกรได้แต่คิด จะว่าไปนวพลก็เก่งเหมือนกันที่หาลู่ทางจนไปอยู่ที่นั่นได้หลายปี





“คุยกับใครล่ะพาย คุยมืดๆ ในรถแบบนี้เสียสายตาพอดี” ภารวีดุน้องชาย โชคดีที่ภาสกรคุยกับเพื่อนอย่างนวพลหรือนน เสร็จแล้ว เขาจึงเก็บโทรศัพท์แต่โดยดี



“นนทักมาอะพี่พรีม” นวพลเป็นเพื่อนสมัยเรียนของภาสกรตั้งแต่เด็ก ทำให้ภารวีรู้จักอีกฝ่ายเหมือนกัน



“ยังติดต่อกันอยู่รึ นนไปอยู่มาเก๊าหลายปีแล้วใช่ไหม”



“ครับ ไม่กลับมาบ้านเลย ตะกี้พายก็บอกว่ากลับมาเมื่อไหร่ให้บอกด้วย”



“อยากเก็บเงินเยอะๆ ล่ะมั้ง”



“พี่พรีมรู้ได้ไงอะ เนี่ยนนเพิ่งบอกพายเหมือนพี่เป๊ะเลย”



“ไปทำงาน ถ้าไม่ติดเที่ยวเล่นก็มีแค่เรื่องเงินแหละพายเอ๊ย”



“พี่พรีมพูดเหมือนคนแก่เลย”



“ที่โรงเรียนมีแต่ครูอาวุโส มันก็ต้องติดพฤติกรรมมาบ้าง”



“พี่เพิ่งยี่สิบห้าเอง อย่าเพิ่งรีบแก่สิ”



“เออๆ ก็ไม่อยากหรอก แต่มันอดไม่ได้”







ภาสกรรับมารดาออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านอย่างเรียบร้อย เขากลับมาอยู่ที่บ้านได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว ยังไม่มีบริษัทไหนเรียกเขาไปทำงานหรือเรียกเขาไปสัมภาษณ์ เขาจึงอยู่บ้านดูแลแม่ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งเขาถูกปลุกด้วยเสียงออดรัวดังอย่างไม่เกรงใจ



“ใครมันมากดเล่นแบบนี้” เขาเดินลงบันไดลงมาก็เห็นมารดาเตรียมจะลุกขึ้นไปหน้าบ้าน เขาจึงประคองอีกฝ่ายให้นั่งลงดังเดิม



“พายออกไปดูให้แม่หน่อยสิลูก ว่าใครมา”



“ครับ” เขาขยี้หัวก่อนจะเดินหัวฟูออกไป



“มาหาใครครับ” ภาสกรมองคนที่อยู่นอกรั้ว เขาไม่รู้จักคนนี้เลย “มาหาใครครับ”



“กูไม่ได้มาหาใครทั้งนั้น” อีกฝ่ายตอบมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซ้ำยังกระโชกโฮกฮากอีกต่างหาก ทำให้ภาสกรรู้สึกไม่พอใจ



“อ้าว..แล้ว?” เขาถามออกไปด้วยเสียงขุ่นเคืองแต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกไว้ไม่ให้แสดงออกมากเกินไป



“เมื่อไหร่จะย้ายออกไป”



“ย้าย? ย้ายไปไหนครับ” เขาสงสัย เป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆ มาถามว่าเมื่อไหร่จะย้าย



“บ้านนี้เป็นของกู เชิญพวกมึงออกไปได้แล้ว กูให้เวลาหนึ่งวันแล้วออกไปเสียที”



“เดี๋ยวสิครับ คุณอย่ามามั่วได้ไหม บ้านนี้ของแม่ผม แล้วแม่ผมไม่ได้ขายบ้านให้คุณ จะมาบอกว่าซื้อไปแบบนี้ไม่ได้” เขาจำได้ว่าแม่บอกจะขายให้กับลุงโชติเจ้าของสวนเงาะ



“เอ้า นี่ แหกตาดู จะได้รู้ว่ากูพูดจริงพูดเล่น” อีกฝ่ายยื่นกระดาษผ่านทางช่องรั้วเข้ามา ภาสกรรับไว้ก่อนจะเปิดออกดู



เขาตาถลนแทบจะหลุกออกจากเบ้าว่าเจ้าของบ้านคนปัจจุบันไม่ใช่ชื่อแม่ของเขา แต่เป็นชื่อของใครไม่รู้ เดาว่าคงเป็นของชายที่มาแอบอ้างคนนี้



“ขอบัตรประชาชนด้วย” ภาสกรขอบัตรอีกฝ่ายเพื่อมายืนยันชื่อในกระดาษสำคัญใบนี้



“เอาไป” อีกฝ่ายรีบส่งให้อย่างรวดเร็ว



ภาสกรรู้สึกเข่าอ่อน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่



“ผมขอคุยกับแม่และพี่สาวก่อน”



“เออ กูให้เวลาวันหนึ่งแล้วก็รีบย้ายด้วย พรุ่งนี้กูต้องได้เข้าอยู่ ส่วนกระดาษใบนั้นเชิญมึงเก็บไปด้วยแล้วกัน”



“ครับ”



ภาสกรเดินเข้าบ้านอย่างคนหมดแรง เขาจะบอกแม่ว่าอย่างไรดี



ทางด้านของภารวีที่กำลังสอนอยู่นั้นก็ได้รับสายจากน้องชาย พอรู้ข่าว เธอจึงรีบฝากการสอนกับครูที่พอจะช่วยเหลือได้ในเวลานั้นเพื่อขับรถตรงกลับไปที่บ้านของมารดาอย่างรวดเร็ว



ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด



“พ่อทำ..ใช่ไหมแม่” เมื่อเข้ามาในบ้าน ภารวีก็โวยวายทันที



“จ้ะ” ภาพรรณกล่าวทั้งที่น้ำหูน้ำตายังไหลไม่หยุด



“แม่เชื่อใจคนอย่างพ่อได้ยังไง ปล่อยให้เขามาจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง”



“แม่ไม่คิดว่าพ่อเขาจะกล้าทำแบบนี้”



“พ่อนะพ่อ ยังมีสำนึกอยู่บ้างไหม” ภารวีไม่พอใจบิดามากที่สุดในเวลานี้



“พายว่าเรามาช่วยกันแก้ปัญหาก่อนดีไหม” น้องชายคนเล็กเดินเข้าไปหาพี่สาวพลางบีบมือให้ภารวีใจเย็นลงบ้าง “ค่อยๆ ช่วยกันแก้ไขทีละเรื่องนะครับพี่พรีม”



“อืม” หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง



“เริ่มจากที่อยู่ก่อนนะครับ เขาบอกให้เราย้ายออกวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เขาจะมาอยู่แล้ว”



“เรื่องที่อยู่แม่กับพายคงต้องไปอยู่ที่บ้านพักครูกับพรีมก่อน ห้องมันคับแคบไปหน่อยแต่อยู่ได้”



“พายไม่เป็นไร อยู่ที่ไหนก็ได้”



“เดี๋ยวพี่ไปช่วยแม่เก็บของ พายก็เก็บของพายนะ” ภารวีบอกน้องชายก่อนจะหันไปทางมารดา



“เอาแค่ที่สำคัญๆ ไปก็แล้วกันนะแม่”



“จ้ะ” ภาพรรณรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า



“งั้นเรารีบไปลงมือเก็บของกันเถอะ”



“เดี๋ยวก่อนพี่พรีม”



“หืม?”



“แล้วเรื่องค่ารักษาพยาบาลแม่?” น้องชายคนเล็กพูดขึ้น สาเหตุหลักๆ ของการขายบ้านคือค่าใช้จ่ายในส่วนนี้



“แม่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เดี๋ยวเอาเงินพวกนี้มาใช้ไปก่อน” แม่เช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้น ลูกๆ ของเธอเข้มแข็งขนาดนี้เธอจะมามัวอ่อนแอได้อย่างไร



“พายจะรีบหางาน”



“ไม่ต้องกดดันตัวเองหรอกพาย เรื่องค่ารักษาแม่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวพี่ไปหากู้เงินมาก็ได้ ทางออกมีเยอะแยะ”



“พายอยากช่วยแม่กับพี่พรีมบ้าง”



“ไม่เป็นไร” พี่สาวยังบอกน้องชายด้วยความอาทร



“พายอยากช่วยจริงๆ ตอนนี้พายคิดว่าพายรู้แล้วว่าจะหาเงินมาได้ยังไง”





========================

Merry Christmas ค่ะ
ขอเปิดเรื่องใหม่ด้วยเรื่องนี้ค่ะ
แต่คงไม่ได้ลงลึกงานในคาสิโนมากเท่าไหร่นักค่ะ
เพราะเขมจะเน้นเรื่องรักมากกว่าค่ะ
 
มาติดตามเจ้าพ่อคาสิโนและเด็กในคาสิโนกันได้ค่ะ

HASHTAG #พนันท้ารัก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หนึ่ง เปลี่ยนแปลง UP!! 25/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-12-2018 21:32:15
 :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หนึ่ง เปลี่ยนแปลง UP!! 25/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 25-12-2018 22:13:23
แม่รู้ว่าลูกชอบผู้ชายตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หนึ่ง เปลี่ยนแปลง UP!! 25/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-01-2019 00:01:34

วงล้อที่สอง งานใหม่



PPie: นน แกอยู่ปะ



NONT: ว่าไง กำลังจะเข้ากะพอดี



PPie: เราอยากไปทำงานที่เดียวกับแก ช่วงนี้เขารับคนเพิ่มไหม



NONT: นึกยังไงขึ้นมา เราชวนตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นแกสนใจสักที



PPie: เราจำเป็นต้องใช้เงิน



NONT: เกิดอะไรขึ้นวะ



PPie: ไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ว่าแต่หางานให้เราได้ปะ



NONT: แกมีประวัติไหม ส่งมาให้เราหน่อย เราจะส่งให้หัวหน้าพิจารณา



PPie: มีๆ ส่งให้เดี๋ยวนี้เลย



NONT: เออ เลิกงานตอนเย็น เราจะคุยกับหัวหน้าให้แล้วกัน



PPie: ขอบใจนะ



NONT: ให้เราช่วยแกได้ก่อนแล้วค่อยขอบใจ แกมาก็ดีเหมือนกัน เราจะได้มีเพื่อนคุย



PPie: อืม



NONT: ได้เรื่องยังไง จะมาบอก



PPie: ขอบใจนะ



NONT: เออๆ ไม่เป็นไร เพื่อนกัน






ไม่รู้ว่าภาสกรตัดสินใจถูกหรือผิด แต่เขาก็ส่งประวัติส่วนตัวและประวัติการศึกษาส่งให้ไปนวพลทางช่องทางการสื่อสารที่คุยกันเมื่อสักครู่นี้ไปแล้ว



เขาไม่ใช่คนที่โกรธใครง่าย แต่ยอมรับว่าตอนนี้โกรธเคืองบิดาของตนเองไม่น้อย ลำพังตัวเขาคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก แต่แม่ไม่สบายป่วยอยู่แบบนี้ พ่อยังทำกันได้ลงคอ คิดแล้วมันน่าโมโห หลังจากเกิดเรื่องทั้งพี่สาวและตัวเขาต่างพากันโทรหาบิดาจนสายแทบไหม้ แต่พ่อก็รู้ทันไม่รับสายพวกเขาสองพี่น้องเลย



คิดแล้วยิ่งเจ็บใจ



หลังเลิกงานนวพลทำตามที่ได้รับปากกับภาสกรไว้ เขามุ่งหน้าเดินไปหาหัวหน้างานของที่ชื่อวสันต์ หรือพี่ซัน ชื่อที่สะดวกเรียกสำหรับชาวต่างชาติ หัวหน้างานของเขาอายุปีนี้เข้าปีที่สี่สิบห้าแล้ว เป็นคนไทยคนเดียวที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในคาสิโนแห่งนี้แล้ว และก็เป็นโชคดีของนวพลที่เขาได้หัวหน้าคนนี้มาดูแล



“พี่ซันครับ” นวพลเอ่ยเรียกหัวหน้าของตนเองด้วยภาษาไทย หากไม่ได้พี่คนนี้ เขาคงลืมภาษาไทยไปหมดสิ้น



“ว่าไงนน”



“เพื่อนผมคนหนึ่ง เขาอยากมาทำงานที่นี่”



“เอ..แต่ตอนนี้คาสิโนเราไม่ได้ขาดคน” หัวหน้างานของเขาบอกแบบนั้น



“ไม่มีทางเลยเหรอพี่ พอดีเพื่อนผมมันร้อนเงินจริงๆ แม่มันป่วยอะ”



“ปัญหาเจ็บๆ ไข้ๆ อีกแล้ว” วสันต์ส่ายหน้า



“คนงานคนก่อนที่เพิ่งถูกไล่ออกไปไงพี่ เอามาแทนคนนี้ก็ได้นะ” นวพลรีบพูดเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อวานย้อนเข้ามาในความทรงจำ



“เพื่อนคนนี้ ทำอะไรได้บ้างล่ะ มีประวัติไหม” พอนวพลพูดขึ้นมา วสันต์ก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งมีคนงานถูกไล่ออกไปเมื่อวาน”



“มีๆ นี่ครับพี่ มันเพิ่งเรียนจบมหา’ ลัย ภาษาอังกฤษก็ได้ครับ ส่วนสูง คุณสมบัติต่างๆ ก็ผ่านครับ”



“เออๆ ส่งประวัติมาที เดี๋ยวพี่ไปปริ้นต์ไฟล์ในห้องทำงานแล้วจะเอาไปนำเสนอบอส ไม่รับปากนะ ว่าจะได้หรือไม่ได้”



“ครับพี่ซัน แค่นี้ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”











...



“มีธุระอะไรถึงขึ้นมาบนนี้” บอดี้การ์ดที่วสันต์จำได้ว่าชื่ออาเฉิน ถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาพลางมองคนที่ควรทำงานอยู่ชั้นล่างนั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่



“ผมจะเอาประวัติคนงานมาเสนอบอสครับ”



“ช่วงนี้ไม่ได้เปิดรับคนไม่ใช่รึ” เป็นเสียงของใครอีกคนที่ถามขึ้นมาแทน วสันต์หันไปตามเสียงและพบว่าเป็นบอดี้การ์ดอีกคนที่ชื่อว่าอาคุณ



“วันก่อนเพิ่งมีเด็กถูกไล่ออกไปครับ” วสันต์บอกอย่างนอบน้อม มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศเย็นจนหนาวเพราะเครื่องปรับอากาศที่แข่งกันทำงาน



“อืม เด็กนั่นมันแอบรับทิปโดยตรงจากลูกค้า” อาเฉินหันไปพูดกับอาคุณ



“เอาประวัติมาดู” อาเฉินยื่นมือออกมา วสันต์รีบส่งมอบให้ทันที



“น่าจะพอไหว” อาคุณชะโงกหน้าเข้ามาอ่านด้วยเช่นกัน



“เอาไง” อาคุณถามความเห็น



“เอาไปให้บอสดูแล้วกัน” อาเฉินบอกก่อนจะคืนกระดาษแผ่นนั้นให้กับวสันต์ “รอตรงนี้” อาเฉินบอกก่อนจะเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูหายเข้าไป



“บอสให้เข้าไปได้ ทำตัวดีๆ ล่ะ” อาเฉินกลับออกมาอีกครั้งพร้อมคำตอบก่อนจะกำชับให้วสันต์ปฏิบัติตัวให้ดี



“ขอบคุณครับ”



“มีอะไร รีบพูดมา” เมื่อวสันต์เข้ามาในห้อง เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจก็ถามเขาขึ้นทันทีโดยไม่เงยหน้ามามองผู้มาใหม่เลยแม้แต่น้อย



“ผมเอาประวัติพนักงานคนใหม่ที่จะมาแทนเด็กที่ถูกไล่ออกเมื่อวันก่อนมาให้บอสพิจารณาครับ” วสันต์ที่ท่องคำพูดพวกนี้ตั้งแต่ในใจรีบรัวออกมาทันที



“ส่งมา” วสันต์รีบเอาไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มทันทีก่อนจะถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาพินิจ



“ภาสกร เจริญชัย?”



“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” มือเรียววางกระดาษนั้นลงก่อนจะเงยหน้าสบตาถามวสันต์



“ทะ..ที่เมืองไทยครับ” แค่เสียงที่ถามก็ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน พอสบตาเท่านั้นขาเขายิ่งสั่นไปมากกว่าเดิม



“จัดการเองได้ไหม ถ้าเห็นว่าหน่วยก้านใช้ได้ก็รับมาแล้วกัน”



“ขอบคุณครับ” วสันต์ตอบแต่เขายังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ



“มีอะไรอีก?”



“ไม่มีแล้ว ขอบคุณครับ” วสันต์จึงไม่รีรอ เขาขอตัวแล้วรีบออกจากห้องนั้นทันที







‘Welcome to The Fountain Casino’





ภาสกรกำลังยืนแหงนคอดูป้ายเด่นตระหง่านตรงทางเข้า ความอลังการของคาสิโนทำให้เขายื่นตกตะลึงอยู่ไม่น้อย คาสิโนแห่งนี้ด้านหน้าเป็นลานน้ำพุขนาดใหญ่ เล่นแสงสีตระกานตาให้สมกับชื่อ The Fountain เขายืนนิ่งดูแสงไฟนั้นอย่างไม่วางตา กระทั่งนวพลมาสะกิดแขนเขาให้รู้สึกตัว



“อึ้งแดกไปเลย” นวพลเอ่ยแซว



“เออ เราไม่คิดว่าจะสวยแล้วก็หรูขนาดนี้”



“ข้างนอกว่าเวอร์แล้ว ข้างในไม่ต้องพูดถึงโอ่อ่ากว่านี้อีกเป็นร้อยๆ เท่า”



“จริงเหรอ”



“อืม แรกๆ ก็ตื่นเต้น ตกตะลึง แบบนี้แหละ อยู่ไปสักเดือน สองเดือน ก็เบื่อไปเอง มาทางนี้ ตามเรามา อย่าให้หลงล่ะ” คนที่อยู่มาก่อนเล่าประสบการณ์ความรู้สึกตนเองให้เพื่อนฟังก่อนจะโบกมือให้เพื่อนเดินตาม



“ไม่หลงหรอก”



“แกนอนห้องเดียวกับเรานะ” นวพลอธิบายระหว่างเดินไปห้องพัก



“ดีๆ กังวลแทบตาย กลัวว่าจะไปนอนห้องเดียวกับใครก็ไม่รู้”



“ออกมาผจญภัยแล้วก็ต้องกล้าๆ หน่อย ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเองแล้วนะเว้ย”



“อืม”





นวพลพาพนักงานใหม่มายังที่พักที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาสิโนที่ทำงานนัก ระหว่างทางอีกฝ่ายก็แนะนำหลายๆ เรื่องให้ภาสกรฟังในฐานะรุ่นพี่



“อยู่ที่นี่ ห้ามทำเรื่องที่เราจะพูดต่อไปนี้เด็ดขาดเพราะถ้าทำขึ้นมาจะถูกไล่ออกทันที”



“เรื่องอะไร”



“ข้อแรก ห้ามรับทิปจากลูกค้า ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ลูกค้าที่นี่รู้กฎเป็นอย่างดี เขารู้ว่าจะให้ทิปแกได้ยังไง แกที่เข้ามาในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟหรือ Cocktail server มันจะมีกล่องทิปรวมอยู่แล้ว หมายความว่าหลังเลิกงานทิปพวกนี้จะถูกหารแบ่งไปให้พนักงานที่อยู่ในครัวด้วย”



“เข้าใจ ห้ามรับทิป” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงัก



“ดี ข้อสอง ห้ามให้ใครเอาอะไรมาวางในถาด ยกเว้นแก้วเครื่องดื่ม นอกเหนือจากนี้ห้ามเด็ดขาด”



“ทำไมล่ะ”



“บางคนอาศัยที่นี่เป็นสถานที่ส่งยา”



ภาสกรทำตาโต “เราจะปกป้องถาดของเราอย่างสุดความสามารถ”



“ห้ามลืมรู้ไหม”



“อืม เราสงสัย” ภาสกรบอก



“สงสัยตรงไหน” นวพลถามพลางหยิบลูกกุญแจขึ้นมาจากกระเป๋า



“เขาจะรู้ได้ไงว่ามีคนทำผิด”



“แกนี่บื้อจริง ที่นี่มันบ่อนการพนันนะเว้ย กล้องวงจรปิดมีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันตัว ส่องละเอียดเห็นหมดทุกคน ไม่งั้นตำแหน่งอย่างเราที่จับชิปได้ก็ยักยอกเงินเป็นว่าเล่นแล้ว”



“น่ากลัว แล้วหมดยัง” ภาสกรบอกลูบแขนตัวเองเบาๆ



“อะไรหมดยัง”



“กฎข้อห้ามไง”



“อ๋อ...ยังๆ ...มีอีก”



“เยอะจัง” ภาสกรทำหน้าเหนื่อย



“กฎมันก็เยอะแบบนี้แหละ ที่นี่มีพนักงานเยอะแยะ ถ้าไม่มีกฎ มันก็เละเทะเปล่าวะ”



“เออๆ ก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง”



“เข้ามาๆ” มาถึงห้องพักของพวกเขาพอดี นวพลไขกุญแจเปิดประตูห้องออกก่อนจะเดินนำเข้าไปก่อน



“ห้องกว้างดีจัง”



“ที่นี่สวัสดิการดีนะ อ้อ..เตียงนี้ของเรา” เขาชี้ไปยังเตียงที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ



“งั้นเตียงนี้ก็ของเราสินะ” ภาสกรว่าก่อนจะเดินเอาของไปวางเตียงที่ยังว่างอยู่



“อืม ตู้เสื้อผ้ามีสองตู้ ตู้ซ้ายของเรา ผ้าปูที่นอนเดี๋ยวเราไปขอแม่บ้านให้” นวพลพูดต่อ



“โอเค แล้วข้อห้ามที่เหลือล่ะ”



“เออ เกือบลืม ข้อนี้ก็สำคัญ ห้ามพนักงานทุกคนเล่นพนันที่คาสิโนแห่งนี้ทุกชนิด รวมไปถึงเล่นให้ลูกค้าก็ไม่ได้”



“แปลว่าเล่นที่คาสิโนอื่นก็ได้เหรอ” ภาสกรถามด้วยความสงสัย



“ใช่ เล่นที่อื่นได้ แล้วก็ห้ามเล่นให้ลูกค้ารู้ไหม ถึงแม้ลูกค้าจะบอกว่าฝากดูให้หน่อยเพราะไปเข้าห้องน้ำก็ตาม กรณีใดๆ ก็ห้าม พนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องชิปทุกกรณี ยกเว้นคนแลกชิปหรือ Teller”



“เข้าใจแล้ว”



“เข้าใจแล้วต้องทำตามด้วยนะ อย่าทำผิดเด็ดขาดนะรู้ไหม กฎที่นี่เอาจริง แล้วบอสที่นี่ก็โหดมากด้วย เราไม่เคยเห็นเขาอะลุ่มอล่วยกับใครเลย” นวพลย้ำแล้วย้ำอีก



“รู้แล้ว”



“ที่เราพูดยืดยาวเพราะเป็นห่วงนะ”



“ขอบใจนะ เราก็อายุเท่าแกนะ โตขึ้นแล้วเหมือนกัน อย่าคิดว่าเรายังเป็นเด็กสิ แกชอบทำตัวเหมือนพี่ชายเราตลอด” ภาสกรบ่น เขาอายุยี่สิบเอ็ด เพิ่งเรียนจบ ถ้าแค่นี้เขาดูแลตัวเองไม่ได้เลยคงแย่ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ คนเดียวแล้ว



“ก็แกมันน่าห่วง เป็นลูกชายคนเล็ก แม่ก็โอ๋ พี่ก็โอ๋” นวพลยิ้มก่อนจะพูดต่อราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรได้ “เออ เราโคตรแปลกใจ น้าภากับพี่พรีม ยอมให้แกมาไกลหูไกลตาขนาดนี้ได้ไงวะ”



“เราขอมาเอง จริงๆ แม่กับพี่พรีมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอก แต่ตอนนี้สถานการณ์การเงินที่บ้านเราไม่ค่อยดี พวกเขาเลยจำใจยอมให้เรามา” ภาสกรบอก เขาคร้านจะเล่าเรื่องที่ว่าแม่กับภารวีคัดค้านเสียงแข็งแค่ไหนที่รู้ว่าเขาจะตามนวพลมาทำงานที่มาเก๊า



“เกิดอะไรขึ้น”



“แม่เราขายบ้าน ตั้งใจจะเอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อบ้านหลังเล็กลง ส่วนเงินอีกส่วนจะเอามารักษาอาการป่วย แต่พ่อเราเอาเงินที่ขายบ้านได้ไปหมดเลย” ภาสกรบอกด้วยเสียงขุ่นเคืองในตอนท้าย



“อย่าหาว่าเราว่าพ่อแกเลยนะ แต่พ่อแกดูไม่น่าไว้ใจอะ” นวพลจำใบหน้าบิดาของภาสกรได้ เขาไม่เคยนึกถูกชะตาผู้ชายคนนี้เลย



“เออ ไม่เป็นไร”



“แกเลยต้องรีบหาเงินใช่ปะ”



“อืม มัวแต่รอไปทำงานบริษัทคงไม่ทันอะ และเงินเดือนเด็กจบใหม่ก็น้อยนิด ไม่พอให้แม่เราฟอกไตหรอก”



“เออ ที่นี่เงินดี ทิปก็ดี”



“เราเลยขอให้แกช่วยไง” ภาสกรยิ้ม “แล้วยังมีกฎอะไรอื่นๆ อีกไหมอะ”



“หลักๆ ที่เป็นข้อห้ามเด็ดขาดก็ตามที่เราบอก ส่วนข้ออื่นๆ เดี๋ยวพี่ซัน เอ่อ พี่วสันต์ เขาเป็นหัวหน้าเรา คงจะบอกแกเองอะ”



“แล้วเราจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”



“พี่ซันยังไม่ได้บอกเหรอ”



“ยังเลย” ภาสกรส่ายหน้าประกอบคำพูดอีกแรง



“เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าไปพร้อมเราแล้วกัน พี่ซันงานยุ่ง คงลืมบอก”



“ได้”



“หิวหรือเปล่า”



“นิดหน่อย ทำไมอะ แกหิวเหรอ”



“ใช่ รีบไปรับแกจนลืมกินข้าวก่อนไปเลย”



“เขากินกันที่ไหน” ภาสกรถาม



“เดี๋ยวเราพาไป” นวพลตอบ “ที่นี่มีข้าวให้กินฟรีทุกมื้อ วันหนึ่งจะกินกี่มื้อก็ได้ เท่าที่แกไหวเลย แต่ต้องไม่กระทบเรื่องงาน”



“ดีว่ะ” ภาสกรบอกพร้อมตาที่ลุกวาว ไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่กิน แค่คิดว่านี่ก็เป็นหนทางประหยัดเงินอีกรูปแบบหนึ่ง



“บอกแล้วที่นี่สวัสดิการดี วันหยุดก็ได้หยุดเยอะกว่าที่อื่นนะ แต่ไม่ได้หยุดตรงกับเสาร์หรืออาทิตย์หรอกนะ”



“ไม่เป็นไร วันไหนก็ได้”



“อืม ดีแล้ว และงานก็เข้าเป็นกะ วันละเก้าชั่วโมงรวมพัก พี่ซันบอกแล้วใช่ไหม”



“บอกแล้ว”



“โอเค ไปกินข้าวกัน”









========================

Happy New Year 2019!
ปีใหม่ขอให้ทุกท่านมีเงินซื้อนิยายได้ทุกเรื่องที่ตั้งใจนะคะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สอง งานใหม่ UP!! 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2019 00:42:12
Happy New Year 2019 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สอง งานใหม่ UP!! 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 02-01-2019 02:08:28
สวัสดีปีใหม่ครับ ใครกันนะเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สอง งานใหม่ UP!! 01/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-01-2019 13:37:48

วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน



“เรื่องที่ต้องจำและห้ามทำเด็ดขาด ขอย้ำว่าห้ามทำเด็ดขาด” วสันต์ร่ายกฎที่จำเป็นและสำคัญของคาสิโนให้กับพนักงานใหม่อย่างภาสกรฟัง

เมื่อเช้านี้ภาสกรมาพร้อมกับนวพล ก่อนจะถูกอีกฝ่ายนำเขามาหย่อนไว้กับวสันต์ ตอนนี้เขาฟังกฎข้อห้ามซ้ำไปซ้ำมาจนจำกฎข้อห้ามต่างๆ ได้จนขึ้นใจแล้ว

“นี่สมุดคู่มือและกฎปลีกย่อยต่างๆ รับไว้สิ”

“ครับ”

“ทำงานที่นี่ถ้าทำผิดจะบอกว่าไม่รู้กฎไม่ได้”

“ครับ”

“เอ้า แล้วนี่ชุดพนักงาน” หัวหน้างานวัยสี่สิบห้ายื่นชุดที่อยู่ในห่อพลาสติกใส บ่งบอกว่าเสื้อผ้าดังกล่าวยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนนั้นให้

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรับชุดมาถือไว้

“คาสิโนของเราจะให้ชุดกับพนักงานคนละสองชุด ถ้าขาดหรือเสียหาย ก็ไปแจ้งกับทางแม่บ้าน เขาจะนำชุดไปซ่อมให้ถ้ามันยังซ่อมได้ แต่ถ้าซ่อมไม่ได้แล้ว ก็มารับชุดใหม่ไปแทน”

“แล้วถ้าผมอยากจะขอซื้อเพิ่มล่ะครับ” ภาสกรถามไว้เป็นทางเลือกเฉยๆ

“ซื้อเพิ่มได้ ที่ฝ่ายบริการ การจ่ายเงินก็ไปตกลงกับเขาเอง จะหักจากเงินเดือนหรือจ่ายเงินสดเลย ณ ตรงนั้นก็ทำได้”

“ครับ ดีจัง” ภาสกรคิด คาสิโนที่นี่จะดีเกินไปไหม

“บอสของเรา ก็แบบนี้” วสันต์ยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ “ทำอะไรนึกถึงพนักงานก่อนเสมอ แต่อย่าคิดเล่นตุกติกหรือทำตัวไม่ดีเชียว บอสไม่ปล่อยไว้แน่”

“ครับ” ภาสกรได้แต่คิดบอสคงโหดจริง ทั้งนวพลและวสันต์ก็ต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“แล้วนี่เป็นตารางกะเข้าเวลาทำงาน เราจะมีเปลี่ยนกะทุกๆ สองเดือน” หัวหน้างานยื่นกระดาษที่เพิ่งถูกปริ้นต์มาใหม่ส่งให้ “ตารางพวกนี้ไปติดต่อรับได้ที่ฝ่ายธุรการ แต่ปกติเขาจะติดบอร์ดแจ้งไว้อยู่แล้ว พวกข่าวสารต่างๆ ก็จะติดไว้ตรงนั้นด้วยเช่นกัน ไปเปลี่ยนชุดเสีย เดี๋ยวจะพาไปดู”

“ครับ” ภาสกรรีบเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว พอใส่ชุดพนักงานแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน แต่ก็อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยทำงานจริงจังสักที

“เสร็จแล้วใช่ไหม”

“เสร็จแล้วครับ”

“ตามพี่มา” วสันต์เดินนำออกจากห้องไป “สำหรับตำแหน่งหัวหน้าที่นี่มีพี่คนเดียวที่เป็นคนไทย บอสเห็นว่าที่คาสิโนของเรามีพนักงานไทยค่อนข้างเยอะประมาณหนึ่งเลยอยากให้มีคนประเทศเดียวกันเป็นหัวหน้าสักคนไว้ให้อุ่นใจ” วสันต์บอกด้วยความภาคภูมิใจที่เขาเป็นผู้ถูกเลือก

“ครับ”

“การทำงานของที่นี่แบ่งเป็นสามกะคือกะเช้า กะบ่ายและกะดึก แต่ละกะจะไม่ได้เริ่มเวลาเดียวกันทุกคนหรอก กะเช้าอยู่ในช่วงหกโมงถึงเก้าโมง ตามแต่ตารางของแต่ละคน เช่น ถ้าเริ่มแปดโมงก็เลิกห้าโมง รวมเวลาพักหนึ่งชั่วโมง แต่บางคนอาจจะเริ่มเก้าโมงเลิกหกโมงเย็น เพราะเราต้องมีเวลาถ่ายงานให้แต่ละกะด้วย ที่สำคัญห้ามมาสาย ถ้าลา อย่าหายเงียบ ให้ฝากบอกใครมาก็ได้ สำหรับเราก็ฝากนนมาบอกพี่ก็ได้ พี่จะได้หาคนไปแทนคนลา”

“ครับ” ภาสกรแทบจะไม่ได้พูดคำอื่นเลยนอกจากคำนี้

“เรื่องวันหยุด ที่นี่ทำงานแบบสี่วัน หยุดหนึ่งวัน วนไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นวันหยุดจะไม่แน่นอน ดูตารางงานตัวเองดีๆ อย่าจำผิดเด็ดขาด”

“ครับ”

“ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนกะจะได้วันหยุดเพิ่มหนึ่งวัน ถ้าวันนี้เราอยู่กะเช้า วันพรุ่งนี้จะได้หยุด แล้วมะรืนเริ่มกะใหม่ บอสอยากให้พนักงานที่นี่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงเพิ่มกฎนี้เข้าไปอีกข้อ”

“อ้อ..ครับ”

“กะเปลี่ยนทุกสองเดือนใช่ไหม แต่วันที่เปลี่ยนกะไม่แน่นอน ไหนดูสิของเราน่ะเป็นวันที่เท่าไหร่” ภาสกรหยิบกระดาษที่ได้มาจากวสันต์ขึ้นมาอ่านดู

“วันที่ห้าครับ” ภาสกรตอบ

“อืม แสดงว่ากะจะเปลี่ยนทุกๆ วันที่ห้า กรณีที่ วันเปลี่ยนกะตรงกับวันหยุดอยู่แล้วก็จะได้หยุดเพิ่มไปอีกวันนะ ไม่ต้องกลัวว่าคาสิโนจะเอาเปรียบ”

“ไม่เลยครับ ผมยังไม่ทันได้คิดอะไร”

“นี่เป็นบอร์ดที่พี่พูดถึงไปก่อนหน้านี้” วสันต์หยุดยืนหน้าบอร์ดขนาดใหญ่ “ตรงนี้คือกะเวลาทำงานของแต่ละคน มาไล่ชื่อดูดีๆ ล่ะ พนักงานมันเยอะ” ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วย เขาตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ชื่อใครเป็นชื่อใคร

“สังเกตง่ายๆ เรามีรหัสพนักงาน เห็นไหมตรงป้ายชื่อน่ะ มีตัวเลขอยู่ รายชื่อพวกนี้ถูกเรียงตามรหัส”

“ครับ เห็นแล้ว” ภาสกรดูป้ายชื่อตัวเองก็เห็นตัวเลขดังกล่าว นี่เลขเขารันไปหลักพันหรือหลักหมื่นกันนะ เอาไว้ก่อนแล้วกัน ค่อยดูทีหลัง

วสันต์ออกเดินนำต่อ “คาสิโนของเรามีให้บริการห้องพักระดับห้าดาว รวมไปถึงห้องอาหารต่างๆ มากมายหลายสัญชาติ รูมเซอร์วิส โซนคาเฟ่ หรือร้านค้าภายในคาสิโนด้วย”

“ใหญ่จัง”

“อืม ส่วนของคาสิโนจะกินพื้นที่ทั้งหมดห้าชั้นตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นห้า แต่ละชั้นถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ” วสันต์กดลิฟต์พาพนักงานใหม่เข้าไปก่อนจะกดหมายเลขหนึ่ง

“ชั้นล่างสุดหรือชั้นกราวน์คือส่วนของล็อบบี้ จะเช็กอินเข้าพักโรงแรม รับรถฝากรถ หรือจะนั่งเล่นก็ได้ คนทั่วไปสามารถเข้ามาที่บริเวณนี้ได้ มีจุดให้ถ่ายรูปอยู่หลายที่ รวมไปถึงหน้าทางเข้าที่เป็นลานน้ำพุขนาดใหญ่ คงเห็นแล้วใช่ไหม”

“ครับ เมื่อวานมาถึงก็เห็นเลย สวยงามมาก” ภาสกรบอกจากใจ

“ไอเดียบอสน่ะ เพื่อเป็นการโปรโมตคาสิโนไปในตัว”

“ถึงแล้วชั้นหนึ่ง เป็นโซนเกี่ยวกับอะไรที่เสียงดังมากๆ”

“ครับ?” ภาสกรยังไม่เข้าใจคำพูดของวสันต์

“พวกเกมส์ตู้ สล็อตแมชชีน ปาจิงโกะ ต่างๆ เทือกนี้ จะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง มาสิ เข้าไปดูกันหน่อย”


แค่เพียงก้าวแรกที่ภาสกรเดินเข้ามา เขาก็อยากจะยกมือปิดหู เสียงดังอะไรเช่นนี้ ทั้งเสียงเพลงที่เปิดกระหึ่ม เสียงผู้คนโวยวายหรือเสียงดังของลูกปาจิงโกะที่ไหลทะลักออกมาจากเครื่อง


หวังว่าเขาจะไม่ได้มาทำงานชั้นนี้นะ ภาสกรคิดอย่างหวั่นใจ


“เสียงดังใช่ไหม แต่เลือกไม่ได้หรอกนะ” วสันต์พูดราวกับรู้ว่าภาสกรคิดอะไร “พนักงานทุกคนต้องวนทำงานทุกชั้น เพื่อไม่ให้พนักงานสนิทสนมกับลูกค้าคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ”

“ครับ” ภาสกรกลืนน้ำลาย คิดหาคำพูดให้กำลังใจตัวเอง


‘เอาวะ อดทนหน่อยไอ้พาย เพื่อเงิน เพื่อแม่ ท่องไว้’


“งั้นเราไปชั้นสองกันต่อ” วสันต์อธิบายต่อเมื่อพวกเขามาถึงชั้นดังกล่าว “ชั้นสองกับชั้นสามเหมือนกัน เกี่ยวกับอะไรที่มีเสียงเบาลงมา”

“ครับ?”

“จำพวกไฮโล น้ำเต้าปูปลา ถั่วโปและรูเล็ต แต่ชั้นสามจะเป็นรูเล็ตเสียส่วนใหญ่ ตามเข้ามาสิ”

“ครับ” เสียงเบาลงอย่างที่วสันต์บอกไว้จริงๆ เขาได้ยินเสียงกระทบกันไปมาของลูกเต๋า ดังขึ้นในแต่ละโต๊ะที่เขาเดินผ่าน


ภาสกรมองบรรยากาศโดยรอบ ลูกค้าบางคนหน้าสดใส ยิ้มแย้ม คงจะเล่นได้เงินกระมัง ส่วนบางคนมีใบหน้าหมองคล้ำ ดูเคร่งเครียด บางคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหมือนติดอยู่ที่นี่มาหลายวัน ไม่ต้องบอกก็รู้ เสียตัง ดวงตกแน่นอน

“เล่นอะไรเป็นบ้างไหม”

ภาสกรส่ายหน้า “ไม่เป็นเลยครับ”

“ดีแล้ว การพนันไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก มันแค่ดีกับเจ้าของธุรกิจเท่านั้น” วสันต์เอ่ย

“ครับ?” ภาสกรแปลกใจ

“ลงทุนกับคนโลภ ได้เงินไวที่สุด”

“ไปกันต่อ เดี๋ยวเราข้ามไปชั้นสี่เลยแล้วกัน” วสันต์บอกก่อนจะลิฟต์ที่หมายเลขสี่ตามที่บอกไว้

“ครับ”

“แต่ละชั้นจะมีโซนเครื่องดื่ม ตอนที่พายมาเสิร์ฟก็รับเครื่องดื่มใส่ถาดจากบาร์เทนเดอร์แต่ละชั้นได้เลย”

“ครับ สะดวกจัง”

“อืม ใช่ สะดวก ส่วนอาหารถ้าลูกค้าต้องการสั่ง เรามีแท็ปเล็ตให้สั่งอาหารตรงไปยังครัวได้เลย ระบุชั้น ชื่อ โต๊ะให้เรียบร้อย เมื่ออาหารเสร็จแล้ว เครื่องจะส่งสัญญาณให้รู้ ก็ไปรอรับที่จุดรับอาหารในแต่ละชั้นเช่นกัน เดี๋ยวตอนกลับไปที่ห้องจะสอนวิธีการใช้ให้”

“มีแบบนี้ด้วยหรือครับ”

“เยี่ยมเลยใช่ไหม ความคิดของบอสอีกเช่นเคย” วสันต์พูดอย่างภูมิใจในตัวเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ “ตรงด้านหลังของผนังจะมีระบบขนส่งอาหารพวกนี้อยู่ เป็นสายเคเบิ้ลน่ะ เหมือนรางรถไฟ ไว้ว่างๆ จะพาไปดู จานอาหารจะถูกใส่กล่องใหญ่มาพร้อมกับป้ายบอกไว้ เราดูจากรหัสออเดอร์ หยิบออกมาแค่เฉพาะจานใส่ถาดแล้วนำไปเสิร์ฟ”

“ดีจัง”

“ชั้นสี่แล้ว” วสันต์บอกอย่างไม่จำเป็น เขาเดินนำออกไปก่อนเช่นเดิม “ชั้นนี้ยิ่งเงียบขึ้นไปอีก เพราะเกี่ยวกับพวกไพ่ เช่น บาคาร่า ป๊อกเด้ง คีโน บิงโก”

“ผมรู้จักป๊อกเด้งกับบิงโก” ภาสกรโพล่งออกมา

“เหรอ” วสันต์หัวเราะ เอ็นดูในความใสซื่อของพนักงานใหม่ “รู้จักได้ไง เคยเล่นมันรึ”

“เปล่าครับ ป๊อกเด้งนี่เคยเห็นเพื่อนเล่น ส่วนบิงโก ผมเห็นที่งานวัด”

“ใครๆ ก็ชอบเล่น ลูกค้าผู้หญิงชอบเล่นมากเพราะมันเล่นง่าย” วสันต์พาเข้าไปดูบรรยากาศภายในแต่ชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ หัวหน้างานจึงพาเข้ามาดูและพากลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกค้าต้องเสียสมาธิในการลุ้น

“ชั้นสุดท้าย ชั้นห้า พิเศษกว่าทุกชั้นนิดหน่อย”

“ยังไงครับ”

“ชั้นนี้จะมีเพียงแบล็กแจ็กยี่สิบเอ็ดและโป๊กเกอร์ ลูกค้าที่จะเข้ามาเล่นได้ต้องเป็นลูกค้าวีไอพีเท่านั้น ชั้นนี้มีความพิเศษคือ มีจำนวนโต๊ะไม่เยอะ และมีโต๊ะพิเศษสำหรับนักพนันที่คิดว่าดวงแข็งหรืออยากลองของ มาขอท้าฝีมือกับบอส ของเรา ดังนั้นภายในจะมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่และที่นั่งอีกมากมายไว้ให้ลูกค้าได้นั่งชมบรรยากาศสดๆ อ้อ ถ้ามีการท้าดวล ภาพบนจอก็จะถูกถ่ายทอดไปแต่ละชั้นด้วย”

“ยิ่งใหญ่มากเลย”

“อืม แต่บอสไม่ได้ตกลงรับคำท้าทุกคนหรอกนะ ต้องดูคนที่สูสีจริงๆ ซึ่งจะหายากหน่อย คนเก่งไม่ได้มีบ่อยๆ ตั้งแต่พี่อยู่มา ปีหนึ่งจะโผล่มาสักคน”

“เล่นไพ่ต้องเก่งด้วยเหรอครับ”

“พูดมาเนี่ยแสดงว่าไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม” วสันต์เอ่ยถามพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำไมเขารู้สึกกำลังล่อหลวงเด็กที่มาจากโลกสวยงาม มาสู่โลกโสมมเช่นนี้

“ไม่รู้ครับ” ภาสกรตอบตามตรง

“ดีแล้ว ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ไพ่พวกนี้ไม่ได้อาศัยแค่ดวงแต่ต้องมีทักษะฝีมือและคำนวณไพ่ในกองที่เหลือด้วย แปลว่าสมองต้องทำงานตลอดเวลาและสีหน้าท่าทางก็สำคัญ บางคนตกหลุมพรางเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต่อมาแล้วกับการถูกหลอกจากท่าทางภายนอก” วสันต์อธิบายเพิ่ม

“ซับซ้อนมาก” ภาสกรนึกภาพตาม

“ใช่ เพราะฉะนั้นชั้นนี้เลยพิเศษไงละ และเอ้อ..เกือบลืม พนักงานใหม่หรือพนักงานทั่วไปไม่มีสิทธิ์มาทำงานที่ชั้นนี้จนกว่าจะผ่านการทดสอบ”

“การทดสอบ?” ภาสกรทวนคำพูดของวสันต์

“ที่นี่มีสอบเลื่อนขั้นนะ เพราะชั้นนี้รับรองแต่แขกวีไอพี ถ้าใครสามารถเข้ามาทำได้ละก็ เงินเดือนจะสูงกว่าอยู่ชั้นอื่น” คำตอบของวสันต์ทำให้ดวงตาของภาสกรเป็นประกาย

“ถ้าผมอยากสอบต้องทำไงบ้างครับ”

เขาอยากย้ายมาทำงานชั้นนี้ อยากได้เงินเยอะๆ

“ไม่ต้องรีบร้อน ทำงานให้คุ้นกับที่นี่ก่อน การสอบของที่นี่ ไม่ได้ง่ายๆ นะรู้ไหม” วสันต์ยิ้มพลางบอกให้ภาสกรใจเย็น

“ทำไมครับ”

“คนที่จะให้ผ่านคือบอสของเรา เพราะบอสจะเป็นคนมาคุมสอบด้วยตัวเอง”

“คงโหดน่าดู” ภาสกรรำพัน เขาไม่รู้ว่าบอสที่วสันต์พูดถึงเป็นคนอย่างไร แต่ดูท่าแล้วคงจะต้องเขี้ยวลากดินแน่ๆ เลย

“ใช้คำว่าโหดยังน้อยไป คนผ่านน้อยมากจริงๆ”

 “...” ภาสกรคิดในใจว่าแล้วตัวเขาจะรอดไหม แต่ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง ไม่ลองก็ไม่รู้

“ที่นี่มีทั้งหมดสามสิบชั้น” วสันต์อธิบายต่อระหว่างเดินกลับห้องทำงานของตนเอง “ดังนั้นตั้งแต่ชั้นหกขึ้นไปจนถึงชั้นสิบจะเป็นร้านค้าแบรนด์ดังรวมถึงร้านอาหารต่างๆ ชั้นที่สิบเอ็ดถึงชั้นยี่สิบหกจะเป็นส่วนห้องพัก ชั้นที่ยี่สิบเจ็ดและยี่สิบแปดจะเป็นที่พักบอดี้การ์ดและคนทำงานใกล้ชิดกับบอส ส่วนชั้นที่สามสิบเป็นที่พักและห้องทำงานของบอส ถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามขึ้นไปเด็ดขาด”

“รับทราบครับ แล้วชั้นยี่สิบเก้าล่ะ?” ภาสกรสงสัย ทำไมวสันต์ถึงข้ามชั้นนี้ไปหรือว่าลืมพูด

“ชั้นนั้น รู้แล้วก็อย่าพูดมั่วซั่วไปล่ะ”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้าตอนวสันต์ก้มหน้ามากระซิบบอก พอได้ยินเท่านั้นเจ้าตัวถึงกับทำตาโตโดยไม่ตั้งใจ   ภาสกรขนลุก คิดว่าเจ้าของที่นี่ต้องอายุรุ่นพ่อหรืออาจจะเป็นตาแก่จอมหื่นแน่นอน คนแบบไหนกันจะต้องมีเด็กเลี้ยงส่วนตัวผูกขาดแบบนี้

“ห้ามพูด ปิดปากให้สนิท แล้วห้ามขึ้นไปเพ่นพ่านบนนั้น”

“ครับ ผมไม่ไปแน่นอน”

“ดีมาก เอาล่ะ” วสันต์บอกเมื่อถึงห้องทำงานแล้ว “เข้ามาใกล้ๆ นี่คือแท็ปเล็ต เดี๋ยวจะสอนวิธีใช้ให้”

ภาสกรขยับตัวไปใกล้ เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจการทำงานของมัน “เข้าใจแล้วครับ”

“หัวไวดีนี่”

“ขอบคุณครับ”

“คราวนี้พี่จะสอนวิธีการถือถาดให้ จะถือถาดโต้งๆ แบบเสิร์ฟอาหารตามข้างทางไม่ได้รู้ไหม”

“ครับ?”

“ยกมือข้างที่ถนัดขึ้น แบมือออก และวางถาดลงไปบนนั้น ถือชูแบบนี้ นอกจากจะไม่ชนใครแล้วยังไม่บดบังทัศนวิสัยด้วย”

“ครับ คงจะเมื่อยน่าดู”

“แรกๆ ก็เมื่อยเป็นธรรมดา สักพักก็ชิน กลับไปฝึกซ้อมที่ห้องก็แล้วกัน หาอะไรวางบนถาดด้วย จะได้รู้วิธีการทรงตัว สงสัยก็ถามนนแล้วกัน ก่อนหน้านี้มันก็เดินเสิร์ฟอย่างพายนั่นแหละ”

“ขอบคุณครับ”

“ก่อนกลับอย่าลืมไปเอาข้าวด้วย เขามีแบบใส่ปิ่นโตวางไว้ให้ กินเสร็จก็ล้างมาคืน แล้วพรุ่งนี้อย่าสาย มาสแกนนิ้วมือให้ทันก่อนแปดโมง”

“ขอบคุณครับ”

“วันนี้พอเท่านี้ ไปได้แล้ว”

“ครับ”


‘พรุ่งนี้เขาจะก้าวเข้าสู่ชีวิตทำงานจริงๆ แล้วใช่ไหม ขออย่าให้เขาทำอะไรผิดพลาดเลย’
 




========================


เอาใจช่วยน้องพายด้วยนะคะ
ปล เจอกันทุกวันศุกร์เนอะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน UP!! 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-01-2019 15:34:08
 :L2: :pig4:

ขอบคุณคุณเขม
เดี๋ยวเราไปหวีดต่อ ที่ทวีท
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน UP!! 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: huoan ที่ 09-01-2019 05:26:02
เตรียมไปชั้น29
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน UP!! 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-01-2019 17:53:48
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน UP!! 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-01-2019 22:49:20
สนุกมาก ชอบน้องพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สาม เงิน เงิน เงิน UP!! 04/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-01-2019 18:35:07

วงล้อที่สี่ ผวา



เอกสารสัญญาแผ่นหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่มือเรียวสวยแต่ติดจะคร้ามแดดจะหยิบขึ้นมาดู แล้วจึงเงยหน้ามองถามคนที่นำกระดาษพวกนี้มาวาง “อะไร”

“สัญญาของคุณชั้นยี่สิบเก้าครับ” อาเฉินตอบด้วยความนอบน้อม เขาตอบเสร็จก็เลือกหลบตาบุคคลที่สนทนาด้วย ดวงตาหวาน ล้อมรอบไปด้วยขนตาที่ยาวงอนของผู้เป็นนาย ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่หรือใครต่อใครที่ได้เห็นก็ต่างพากันหลงใหล แต่จะมีใครรู้บ้างไหม ภายใต้ดวงตาคู่นั้น เป็นเพียงการหลอกล่อเหยื่อให้ตายใจ หากเปรียบเปรยว่าถ้าสายตาฆ่าคนได้ เจ้านายของเขาคงฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน

ทั้งที่ดวงตาก็แสนจะอ่อนหวาน แต่อาเฉินและอาคุณไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนอกจากจะสัมผัสได้เพียงความน่ากลัวของสายตาคู่นี้เท่านั้น

ชายหนุ่มที่กุมบังเหียนคาสิโนปรายตาอ่านเอกสารนั้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะวางมันลงแล้วหยิบแผ่นใหม่ขึ้นมา “แล้วแผ่นนี้?”

“เป็นสัญญาของคนใหม่ที่จะมาอยู่ชั้นยี่สิบเก้าครับ” คราวนี้อาคุณเป็นฝ่ายตอบบ้าง

“เหรอ” ชายหนุ่มยังทำแบบเดิมคือการปรายตามองกระดาษในมือก่อนจะวางลง เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะสองสามครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามบอดี้การ์ด

“เขาลงไปที่ชั้นสี่ครับ” อาเฉินเป็นฝ่ายตอบ เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กในสังกัดของบอสห้ามเข้าไปยุ่งย่ามชั้นที่หนึ่งถึงชั้นห้าของคาสิโน

“งั้นก็เปลี่ยน ส่วนคนใหม่ก็ตามนั้น” ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามว่าทำไมคนนั้นถึงลงไปชั้นดังกล่าว เขาไม่สนใจ กฎก็คือกฎ

“บอสครับ” อาเฉินเรียกผู้เป็นนายเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมา

“มีอะไรอีก”

“คือ เขาอยากจะขอโอกาสอธิบายครับ”

“ปฏิเสธไป” คนถูกขอให้ฟังตัดบทเสียงเด็ดขาด

“ครับบอส” สองบอดี้การ์ดรับคำก่อนจะถอยออกจากห้อง อาเฉินลงไปยังชั้นยี่สิบเก้าเพื่อจะพาคนเก่าไปส่งที่อยู่ใหม่ ส่วนอาคุณนั้นกดลิฟต์อีกตัวลงไปชั้นล่างสุดเพื่อออกไปรับคนใหม่มาอยู่แทน


บอสของพวกเขาก็เป็นแบบนี้ ถ้าทำผิดข้อตกลงก็ต้องถูกเฉดหัวออกไปโดยไม่มีคำอุทธรณ์ จริงๆ แล้วบอสไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากนัก นอกจากเรื่องการพนันก็มีอีกเพียงข้อเดียวคือการมีความสัมพันธ์ซ้อนกับบุคคลอื่น แต่คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่ไม่นานเพราะความโลภ


ไม่ทันไรก็เปลี่ยนคนอีกแล้ว


...


“ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” นวพลเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

เลิกงานวันแรกของชีวิตพนักงานใหม่ ภาสกรก็รีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างกับคนตายอดตายอยาก

“หิวมาก”

“กลางวันไม่ได้ไปกินเหรอ”

“กิน” ภาสกรตอบทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก

“แล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนคนไม่ได้กินข้าว”

“เหนื่อยไง เหนื่อยมาก ไม่คิดเลยว่าแค่ถือถาดไปมามันจะเหนื่อยขนาดนี้” ภาสกรบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดจนหมดแก้ว

“ปวดขาด้วย”

“บ่นเหรอ” นวพลผลักหัวเพื่อนเบาๆ “ทำงานมันก็แบบนี้แหละวะ พอร่างกายมันชินเมื่อไหร่ก็สบาย”

“จะชินจริงใช่ไหม” ภาสกรถามด้วยความคาดหวัง

“เออ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สู้แล้วเรอะ ไม่ได้นะเว้ย เราช่วยแกสุดตัว จะมาบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ได้นะ”

“เปล่าๆ ยังไงก็ทำต่ออยู่แล้ว เรารู้ว่ามาที่นี่ทำไม”

“จำได้ก็ดี”

“เราต้องหาเงินไปให้แม่”

“อืม แล้วนี่เริ่มงานที่ชั้นไหน”

“ชั้นสอง” ภาสกรตอบอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ก็ชั้นสอง”

“ตั้งใจทำงานด้วย อย่าทำตัวซุ่มซ่าม ทำหกเลอะแขกเข้าล่ะ บอสเรียกไปด่าแน่”

“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาขู่” คนหิวโซบอกปัดก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกคำใหญ่


“รีบกิน จะได้รีบกลับไปนอน”

“อือๆ”


ภาสกรตื่นขึ้นมาวันใหม่กับเนื้อตัวที่ปวดเมื่อย แขนแทบยกไม่ขึ้น ส่วนขานั้นไม่ต้องพูดถึง ขยับลำบากจนเขาคิดว่ากำลังเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว เพราะไม่เคยทำงานหนักอะไรแบบนี้ ภาสกรก็อยากจะถอดใจและเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปนอนกอดแม่เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ เขาก็รีบสลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“นึกว่าจะไม่ไหว”

“ไหวสิ ต้องไหว”

“อืม ไปกันเถอะ จะได้กินข้าวเช้าก่อนจะเริ่มงาน”

“ปะ”

“เริ่มงานเมื่อวานวันแรกเป็นไงบ้าง” วสันต์เดินเข้ามาในโรงอาหารสำหรับพนักงาน เห็นนวพลกับภาสกรกำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่จึงรีบเข้ามาถาม

“ปวดตัวไปหมดเลยครับ”

“ทนหน่อย เดี๋ยวก็หาย ไปเบิกยาทาแก้ปวดเมื่อยที่ห้องพยาบาลก็แล้วกัน เรื่องหยูกยา บอสให้เบิกได้ไม่จำกัด”

“ครับ”

“วันนี้ถ้ายกแขนไม่ค่อยขึ้นก็ใช้แขนอีกข้าง แต่ต้องระวังหน่อยล่ะ” วสันต์บอกก่อนเดินห่างออกไป ภาสกรจึงพยักหน้ารับคำหงึกหงัก

“นี่ นน”

“ว่า?”

“บอสนี่เป็นคนยังไงอะ หน้าตาเป็นแบบไหน” ภาสกรถามด้วยความสงสัย ทำไมใครๆ ก็เอ่ยชมบอสคนนี้นักหนา

“แกยังไม่เคยเจอเหรอ”

“อืม”

“ไว้เดี๋ยวก็ได้เจอเองแหละ ส่วนนิสัย จริงๆ แล้วเป็นคนน่ากลัวนะ ดุ พูดคำไหนคำนั้น เด็ดขาดอะ ที่เราเตือนเรื่องกฎที่ห้ามทำเพราะบอสไล่ออกจริงๆ โดยไม่สนใจด้วย แต่ปกติก็เอาใจใส่พนักงานอย่างพวกเรามากๆ ที่นี่เลยไม่ค่อยมีคนลาออกเพราะบอสไม่เอาเปรียบ”

“เหรอ” ภาสกรทำท่าคิดตามคำพูดของเพื่อน

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกก็ได้เจอ ปกติบอสลงมาดูคาสิโนด้วยตัวเองบ่อยๆ เอ้า รีบกินข้าว เดี๋ยวเข้างานสาย”

“อืม”


วันนี้การทำงานของภาสกรเป็นไปอย่างยากเย็นเพราะเขาต้องประคับประคองถาดเงินให้ไม่ให้คว่ำ ระวังเครื่องดื่มไม่ให้หก และยังต้องระวังไม่ให้ชนลูกค้าด้วย ยิ่งลูกค้าผู้หญิงนั้น มักจะชอบหยิกแก้มหรือบางทีก็จับแขนเขาบ้างละ ยิ่งทำให้การทรงตัวของเขาลำบากมากขึ้นไปอีก


แต่ทิปที่ถูกแบ่งมาก็ทำให้เขายิ้มได้


...


“เป็นไง เริ่มชินกับงานหรือยัง” นวพลถามเพื่อนตอนที่เลิกงานจากกะเช้าเหมือนกัน

“อืม เริ่มชินแล้ว” ภาสกรบอก ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว แขนไม่ล้า ขาก็เริ่มทนทานกับการเดินไปเดินมาตลอดทั้งวันแล้ว

“พรุ่งนี้เงินเดือนออกนะ”

“จริงดิ!” ภาสกรตาโตดีใจ ยิ้มกว้างออกมาราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

“อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น” นวพลบอกพลางส่ายหน้าด้วยความที่ขำกับท่าทางของอีกฝ่าย

“เงินเดือน เดือนแรกเลยนะเว้ย”

“ทำงานหาเงินเองได้แล้ว โตแล้วนะแก”

“เอาอีกละ ก็โตมาพร้อมๆ กันไม่ใช่หรือไง” ภาสกรบ่นที่อีกฝ่ายชอบเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ร่ำไป

“ได้คุยกับที่บ้านบ้างหรือเปล่า”

“อืม คุย วันเว้นวัน” ภาสกรพลางนึกถึงว่าแม่ดีใจเสมอเวลาที่เขาโทรหา ตอนที่เขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็จะโทรไปหามารดาแบบนี้เหมือนกัน

“คิดถึงอะดิ”

“ก็ไม่เชิง ตอนเรียนมหา’ลัย ก็ไม่ได้เจอเหมือนกัน คิดเสียว่ามาเรียนต่อ”

“คิดแง่บวกไว้ก็ดี จะได้ไม่ร้องไห้” นวพลจิ้มหน้าผากของเพื่อนด้วยความมันเขี้ยว

“ใครจะร้องไห้ บ้าเปล่าวะ” ภาสกรปัดนิ้วมือของเพื่อนออกด้วยความรำคาญ

“เงินเดือนออกจะเอาไปทำอะไร”

“ให้แม่”

“อย่าให้ไปจนหมดละ เหลือติดตัวบ้างไว้ก็ดี เผื่อฉุกเฉิน”

“อืม รู้แล้ว” ภาสกรบอก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่นัก ลำพังค่าทิปที่ได้รับในแต่ละวันก็มากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด โอนเงินเดือนให้แม่ไปหมด เขายังมีเงินที่ได้จากทิปมาใช้ได้อย่างสบาย


สบายแค่ไหน ข้าวฟรี น้ำไฟฟรี ห้องพักก็ฟรี ทุกอย่างฟรีไปหมด เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปใช้เงิน


อ้อ มีเพียงอย่างเดียว ค่าโทรศัพท์ที่เขาต้องจ่ายเอง อินเทอร์เน็ตไม่อั้นไปเลยเพราะเขาต้องโทรผ่านเน็ตกลับไปหาแม่


“พาย เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยไหม กลับบ้านเราไหม” ประโยคคลาสสิกของมารดาที่จะถามภาสกรทุกครั้งเมื่อบุตรชายคนเล็กโทรผ่านเน็ตมาหา

“แม่” ภาสกรเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม “พายไม่เป็นไรครับ ที่นี่อยู่สบายมาก อาหารก็อร่อย เขามีแม่ครัวคนไทยด้วยนะแม่ ทำอาหารอร่อยมาก ผัดกะเพราก็อร่อย” ภาสกรก็ตอบเป็นประโยคเดิมเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง

“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”

“ครับ แม่ก็เหมือนกันนะ”

“จ้ะ แล้วทำไมวันนี้โทรมาแต่เช้าเชียวมีอะไรหรือเปล่า”

“พายโทรมาบอกว่าพายโอนเงินให้แม่แล้ว ห้ามเอาเงินไปให้พ่อด้วย เอาเงินนี่ไปฟอกไต แล้วถ้าหมอให้ทำมากกว่านี้ แม่ก็ห้ามขัดใจหมอนะครับ”

“โอนมาเยอะหรือเปล่า ไม่ต้องให้แม่เยอะหรอกรู้ไหม เก็บไว้ใช้เองบ้าง อยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่ต้องคิดถึงแต่แม่ ว่าแต่พายมีเงินใช้ใช่ไหม” ภาพรรณบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่ได้เลี้ยงลูกทั้งสองคนมาเพื่อให้มาดูแลเธอ แค่เพียงเห็นพวกเขาเติบใหญ่ ทำงาน ดูแลตัวเองได้ มีครอบครัวอย่างมีความสุข ก็เป็นสิ่งที่เธอดีใจมากที่สุดแล้ว

“มีครับ ทิปที่นี่เยอะมากเลย”

“จ้ะ ถ้ายังไม่อยากกลับ ก็ตั้งใจทำงานเข้านะพาย อย่าอู้ สู้ๆ นะลูก”

“ครับแม่” ภาสกรหัวเราะกับคำพูดของมารดาที่แกล้งบ่นเขา

“พี่พรีมฝากบอกให้โทรหาพี่พรีมบ้าง”

“พายก็พยายามโทร แต่ว่างไม่ตรงกับพี่พรีมเลย แต่พายก็ส่งข้อความไปหาตลอดนะครับ”

“จ้ะ เดี๋ยวแม่บอกพี่พรีมให้ว่าพรีมไม่ค่อยว่างคุยกับน้อง ดีไหม”

“แม่อะ เดี๋ยวพี่พรีมก็บ่นพายอีก”

“ล้อเล่นจ้ะ”

“พายไปอาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานก่อนนะ”

“จ้ะ แล้วคุยกันใหม่”

“รักแม่มาก รักพี่พรีมด้วย”

“รักแม่ก็อย่าเพิ่งคว้าหนุ่มที่นั่นกลับมาก็แล้วกัน”

“แม่อะ พูดอะไรไม่รู้ แค่นี้นะครับ” ภาสกรรีบขอวางสายทันที แม่ชอบแซวเขาเรื่องแฟนอยู่เรื่อย ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้น





สายตาคมกำลังมองไปยังจอโทรทัศน์ที่แสดงภาพในคาสิโนตามชั้นต่างๆ ภาพสลับกันไปมาจนมาหยุดที่ชั้นสี่ ดวงตาหวานล้อมกรอบด้วยขนตายาวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉากำลังฉายชัดว่าไม่สบอารมณ์


“บอสครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่อาเฉินจะเข้ามา

“มาก็ดี ดูนั่นสิ” เขาชี้นิ้วไปยังจอโทรทัศน์ตรงหน้าที่ถูกแขวนไว้เรียงรายกันหลายเครื่อง “เกิดอะไรขึ้น”

“ผมเพิ่งได้เรื่องมาเลยรีบเข้ามารายงานบอสทันทีครับ”​ อาเฉินรีบพูดโดยไม่รอช้า

“เร็ว”

“จากการตรวจสอบเป็นพนักงานในกล้องวงจรคือใหม่ของเราชื่อว่านายภาสกร เจริญชัย ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มตอนนี้ดูแลอยู่ที่ชั้นสี่”

“ว่าต่อไป” เจ้าของคาสิโนบอกเสียงขรึม เขาอยากเข้าเรื่องนี้โดยไว

“ผมให้คนของเรารีกล้องดูแล้ว พนักงานของเราไม่ผิดครับ เขาทำตามหน้าที่ แต่คุณผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงแดงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาชนเอง คาดว่าเธอน่าจะเมา และเพราะระยะมันกระชั้นชิดเลยทำให้พนักงานของเราหลบไม่ทันครับ”

“แน่ใจ?”

“แน่ใจครับ” อาเฉินพยักหน้า กลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ

“อาคุณไปไหน”

“ลงไปแก้ไขสถานการณ์ข้างล่างแล้วครับ”

“ดี อาเฉิน งั้นนายลงไปชั้นสี่กับฉัน”

“ครับ” อาเฉินรับคำก่อนจะรีบไปเปิดประตูออกให้ผู้เป็นเจ้านาย บอสของเขาหยิบเสื้อสูทมาสวมทับเสื้อเชิ้ตอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินผ่านไป


ทันทีที่บอสใหญ่ลงมาถึง เขาก็ได้ยินเสียงแหลมดัง เพราะชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ เมื่อเกิดการทะเลาะวิวาท เสียงจึงดังชัด ทำให้ได้ยินอย่างง่ายดาย

“ทางเราจะนำชุดของคุณผู้หญิงไปซักรีดให้อย่างดีครับ”

“แล้วระหว่างนี้ล่ะ? ฉันจะใส่อะไร ต้องแก้ผ้าหรือไง!!” โทสะของหญิงสาวยังระเบิดไม่สิ้นสุด คนที่เพิ่งมาถึงปรายตามองเลยไปยังพนักงานที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังยืนก้มหน้า ตัวเหมือนจะสั่นเทานิดๆ

“เพราะแก เพราะแกคนเดียวเลย” หญิงสาวจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกของภาสกรอย่างแรงหลายครั้งติดๆ กันจนร่างของภาสกรเริ่มเซถอยไปข้างหลัง


ทุกอย่างบนชั้นสี่กำลังชะงัก ไม่เว้นแม้แต่นักพนัน ไม่มีใครอยากเล่นต่อ พวกเขากำลังนั่งลุ้นดูมวยคู่สนุกๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร มีอะไรมาให้ดูแก้เครียดก็ดีไม่น้อย


นวพลอยู่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน เขากำลังเป็นห่วงเพื่อนจับใจ เจ้าตัวอยากเข้าไปช่วยแต่ไม่สามารถทำได้ ใจอยากจะรุดเข้าไปช่วยประคองภาสกรเพื่อนรัก แต่ก็ทำไม่ได้ดังใจเพราะถ้าเข้าไปตอนนี้เขากับภาสกรจะยิ่งเป็นที่ถูกจับตามอง เขาโล่งใจออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดของบอสที่ชื่ออาคุณช่วยประคองหลังของภาสกรเอาไว้ไม่ให้ล้ม


“ขอบคุณครับ” ภาสกรบอกคนที่ช่วยเขาไว้เสียงเบาแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัดเจน

“อาเฉิน” บอสใหญ่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หลังกลุ่มคนที่มีปัญหา

“ครับ บอส” อาเฉินก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อความนอบน้อมในการคุยกับอีกฝ่าย

“แน่ใจนะว่าไม่ใช่ความผิดของเรา” บอสใหญ่ถามซ้ำ

“แน่ใจครับ”

“อืม ถ้าผิดล่ะก็ ฉันจะลงโทษนายให้หนัก” ไม่ใช่คำขู่หรือพูดเล่น แต่มันคือคำพูดที่จะทำจริงอย่างแน่นอนหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา

“ครับ”

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ คาสิโนของเราทำให้คุณเพลงไม่พอใจหรือมีอะไรขุ่นเคืองหรือเปล่า” เขาจำได้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนไทย ลูกหลานตระกูลไฮโซ ชายหนุ่มจึงปรับเสียงให้นุ่มนวลลงพร้อมกับรอยยิ้มที่เอาไว้รับแขกทันที


ทันทีที่เจ้าของคาสิโนแห่งนี้พูดขึ้น สายตาทุกคู่ในชั้นนี้ยิ่งพากันสนใจเหตุการณ์บริเวณนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ทุกคนรอดูว่าจะมีอะไรดีๆ ต่อจากนี้

“อุ๊ย คุณอรรควัส มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ ช่วยเพลงด้วยนะคะ พนักงานของคุณเดินชนเพลงค่ะ ดูสิคะ ชุดเพลงเปียกหมดเลย เหม็นด้วย” หญิงสาวทำหน้าขยะแขยงที่เห็นชุดตัวเองเลอะเปรอะเปื้อน

“บอสครับ” อาคุณตั้งท่าจะอธิบายว่าเขาเสนอการดูแลอะไรให้เธอแล้วบ้าง แต่ก็ถูกมือเรียวยกห้ามขึ้นก่อน ทำให้อาคุณต้องถอยกลับไปยืนที่เดิม

“ข้างบนคาสิโนของเรา มีร้านแบรนด์ดังๆ หลายร้าน ถ้าคุณเพลงไม่รังเกียจ ขอให้ผมได้รับเกียรตินั้นพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ดีไหมครับ มันอาจจะไม่สวยเท่าชุดนี้ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ชุดนี้จะต้องถูกส่งกลับมาให้คุณเพลงเหมือนเดิมไม่ให้มีอะไรด่างพร้อยเลย”

“จริงนะคะ คุณอรรค คุณจะพาเพลงไปดูชุดใหม่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวก้าวเข้ามาเกาะแขนของชายหนุ่มเอาไว้

“ด้วยความยินดีครับ” เขาค้อมศีรษะให้เล็กน้อย

“แต่เพลงก็ยังไม่พอใจหรอกนะคะ”

“คุณเพลงอยากให้ทางเราทำอะไรให้อีกครับ” เขายิ้มอย่างใจเย็น

“ต้องให้พนักงานคนนี้มาขอโทษเพลงด้วยค่ะ” หญิงสาวชี้นิ้วไปที่ภาสกร ทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ


เขาต้องขอโทษผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่มาชนเขา ภาสกรเตรียมจะส่ายหน้าปฏิเสธก็ถูกสายตาดุของคนที่ยืนขนาบข้างหญิงสาวสั่งไม่ให้ปฏิเสธ ภาสกรจึงไม่กล้าขยับตัวด้วยความกลัว

“เมื่อสักครู่ผมให้คนของผมเช็กกล้องวงจรปิดมาแล้ว เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย” อรรควัสยิ้มให้หญิงสาวแต่ตอนนี้คุณหนูไฮโซเริ่มจะอึดอัดใจเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่าเด็กนั่นมาชนเธอจริงๆ หรือเธอไปชนอีกฝ่ายเองกันแน่

“ให้มันแล้วก็แล้วกันไปดีกว่าไหมครับ ผมพาคุณเพลงไปดูชุดใหม่ คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ” ฟังดูเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเอาใจ แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ทราบดีว่าบอสกำลังทำใจให้เย็นสุดๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณหนูเพลงคนนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวคิดว่าถ้าเธอยังดื้อแพ่งเรื่องอาจจะไม่ได้จบแบบนี้โดยง่าย

“ก็ได้ค่ะ เพลงเห็นแก่คุณอรรคนะคะ ไม่งั้นเพลงไม่ยอมหรอก”

“คุณเพลงน่ารักมากครับ ที่เข้าใจอะไรได้ง่าย”

“งั้นเราไปกันเลยไหมคะ”

“ครับ เดี๋ยวผมให้คนพาคุณเพลงเปลี่ยนชุดที่ห้องพักของเราก่อน เสร็จแล้วผมจะไปรับที่ห้องนะครับ”

“ตกลงค่ะ” คุณหนูไฮโซรับคำอย่างว่าง่ายไม่อิดออด ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในที่นั้นไป

“อาเฉิน อาคุณ” อรรควัสขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเรียกสองบอดี้การ์ดให้เข้ามาใกล้ตนเอง

“ครับ”

“อาเฉิน เดี๋ยวนายให้คนมาจัดการทำความสะอาดบริเวณนี้ ให้แม่บ้านตามคุณเพลงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาชุดไปซักให้เธอด้วย ส่วนนาย อาคุณ พาพนักงานใหม่นี่ขึ้นไปรอที่ห้องฉันข้างบน หาอะไรให้ดื่มนิดหน่อยด้วยแล้วกัน จะได้ไม่สติแตก ฉันยังไม่อยากคุยกับคนบ้า”

“ครับ”


อรรควัสปรายตาพนักงานใหม่ที่ว่าก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆ พลางยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะบอกให้ทุกคนสนุกกันต่อ เรื่องนี้ทางไม่มีอะไรแล้ว ภาสกรเงยหน้ามาเห็นสายตาของเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ก็รีบก้มหน้างุดลงด้วยความกลัวอย่างรวดเร็ว


คนที่เพิ่งสั่งงานเดินผ่านสองบอดี้การ์ดไป ส่งสายตากำชับให้ทำงานทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปจากบริเวณชั้นสี่และเมื่อเจ้าของคาสิโนลับตัวไป เสียงของผู้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งดังเดิม
         

นวพลก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม เขาทิ้งงานตรงนี้เพื่อไปปลอบเพื่อนที่กำลังเสียขวัญไม่ได้ ไม่งั้นทั้งเขาและภาสกรจะถูกดุทั้งคู่ เขาจึงได้แต่มองร่างของเพื่อนที่ยืนก้มหน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่อย่างนั้น


ทางด้านภาสกรเองพอทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เขาก็เข่าอ่อนแทบจะล้มพับอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย โชคดีที่ได้ผู้ชายข้างๆ คนเดิมพยุงเขาไว้ได้ทันอีกครั้ง


“ขอบคุณครับ” เขาบอกไปจากใจ

“ไม่เป็นไร บอสให้นาย ขึ้นไปที่ห้องทำงานของบอส”

“ครับ!?” จากที่คิดว่าจิตใจกำลังจะสงบ คลื่นยักษ์ในใจของเขาก็โถมมาอีกครั้ง



เขาจะถูกฆ่าไหม ช่วยด้วย




========================



ช่วยน้องพายด้วยค่า


ปล มาก่อน 1 วันค่ะ พรุ่งนี้มาไม่ได้

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สี่ ผวา UP!! 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-01-2019 21:23:18
เอาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สี่ ผวา UP!! 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-01-2019 12:54:08
อ้าวบอส จะสั่งสอนน้อง ก็เบาๆ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สี่ ผวา UP!! 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 11-01-2019 14:57:24
พ่อแย่!!! เอ็นดูน้องงงงง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สี่ ผวา UP!! 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 13-01-2019 08:45:34
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สี่ ผวา UP!! 10/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-01-2019 11:44:01

วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า



ภาสกรเข้ามานั่งรออยู่ในห้องทำงานของบอสใหญ่ที่นี่ ก่อนจะเข้ามาเขาก็ถูกกำชับนัก กำชับหนา ว่าอย่าเดินเพ่นพ่าน ให้นั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้โซฟาตัวนี้ ทำให้เขาไม่กล้าขยับไปไหน ตรงหน้ามีโต๊ะขนาดเล็ก บนนั้นมีแก้วบรรจุน้ำสีอำพันอยู่ค่อนแก้ว คนที่พาเขามาบอกว่าให้เขาดื่มมันเสียเพื่อสงบสติอารมณ์



เขานั่งรออยู่ที่โซฟาด้วยความกระวนกระวายใจจึงยกแก้วนั้นกระดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด ความเฝื่อนและพิษสุราที่แทบจะเผาคอของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาต้องไอโขลกออกมาอย่างแรงทันที ไม่ใช่ว่าตอนเรียนเขาจะใสซื่อถึงขนาดไม่เคยลิ้มลองรสชาติแอลกอฮอล์ แต่เหล้าชนิดนี้ เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะไอออกมาจนหน้าดำหน้าแดง



แต่ก็ยอมรับว่าพอได้ไอแรงๆ ช่วยทำให้เขาดึงสติกลับมาได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยเจอบอสเจ้าของที่นี่มาก่อน กระทั่งวันนี้ จะเจอกันด้วยเหตุการณ์ดีๆ หน่อยก็ไม่ได้ ทำไมเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจจนทำให้บอสต้องเข้ามาจัดการแก้ไขด้วยตัวเองแบบนี้ด้วย



ภาสกรบีบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันด้วยความกังวลใจ เขาจะถูกไล่ออกหรือเปล่า เขาเพิ่งได้เงินเดือนเพียงเดือนเดียวเอง ยังไม่อยากถูกไล่ออกทั้งที่เขาไม่มีความผิดแบบนี้



ชายหนุ่มจินตนาการถึงบอสคนสำคัญของที่นี่ว่าต้องเป็นคนแก่วัยหกสิบปีเป็นอย่างน้อย หยวนๆ ให้ก็สักห้าสิบก็แล้วกัน แต่วันนี้เมื่อได้เห็นกับตา ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะยังดูหนุ่มกว่าที่เขาคิดไว้มาก ใบหน้าของคนที่ภาสกรกำลังนึกถึงนั้นไม่เหมือนคนจีนแถบมาเก๊า ฮ่องกงเลย บอสมีตากลมหวาน ขนตายาว จมูกโด่ง ปากยังได้รูป ดูเหมือนจะมีเชื้อแขกขาวเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมผิวของเขาดูคล้ำๆ หรือจะเป็นฝรั่งผิวดำ?



ทว่าภาสกรได้ยินคุณผู้หญิงเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า อรรควัส ชื่อนี้คือชื่อไทยหรือเปล่า ชายหนุ่มชักสงสัย ช่างเถอะ อีกฝ่ายจะเป็นเชื้อชาติไหน ก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย



ภาสกรคิดสะระตะไปเรื่อย จนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เจ้าของห้องเปิดประตูกลับเข้ามาเสียแล้ว เจ้าของห้องกำลังยืนพินิจมองพนักงานที่เพิ่งสร้างเรื่องเมื่อสองชั่วโมงก่อนที่ชั้นสี่อย่างเงียบเชียบ



นายภาสกร เจริญชัย? เขาได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกตอนที่วสันต์เอาประวัติส่วนตัวของคนนี้มาให้ดู และได้ยินอีกครั้งตอนที่อาเฉินทวนชื่อให้ฟัง เขาเห็นคนที่นั่งอยู่บีบมือตัวเองแน่น น้ำเมาในแก้วถูกดื่มไปจนหมด เขาหวังว่าตอนที่เริ่มคุยกัน อีกฝ่ายจะไม่สติแตกและพูดจารู้เรื่องมากพอ ถ้าหากไม่ใช่ เขาคงจะไล่ตะเพิดเด็กนี่ออกไปเพราะความหัวเสียเป็นแน่


“ภาสกร?” อรรควัสเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริง

“คะ..ครับ” เจ้าของชื่อขานรับ เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเป็นใคร ชายหนุ่มรีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความประหม่าและตกใจสุดขีดเพราะบอสพูดภาษาไทยได้ด้วย ไม่คิดมาก่อนว่าจะสามารถพูดไทยได้

“บอสพูดไทยได้?” เขาพึมพำ เพราะตอนที่อยู่ด้านล่างทุกคนพูดภาษาอังกฤษกันหมด

“นั่งเถอะ” คนอนุญาตยืนพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตัวเองก่อนจะกอดอกมองอีกฝ่ายที่เหมือนทำตัวไม่ค่อยถูก

“ขอบคุณครับ”

“เล่าเหตุการณ์ข้างล่างให้ฉันฟังหน่อย” เขาเริ่มถามคำถามแรก

“บอสจะไล่ผมออกหรือเปล่าครับ” นอกจากเด็กนี่จะไม่ตอบแล้ว ยังกล้าถามเขากลับอีก คงยังไม่มีใครเตือนว่าเขาไม่ชอบ

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันถาม แปลว่าเธอมีหน้าที่ต้องตอบ ไม่ได้มีหน้าที่มาย้อนถามฉัน เข้าใจไหม”

“ขะ...เข้าใจครับ” ภาสกรกลืนน้ำลายที่ฝืดคอเต็มทน เขาก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

“พูด”

“คือ...ผมก็จำรายละเอียดไม่ได้แน่ชัดนะครับ” เขาตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เร็ว ฉันไม่ชอบรอ”

“ครับๆ” ภาสกรรีบสูดหายใจเข้าปอด เขาไม่อยากถูกบอสดุอีก คนอะไรทั้งหน้าและตาน่ากลัวเหลือเกิน

“ผมกำลังทำหน้าที่ตามปกติ แล้วคุณผู้หญิงก็ถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมหลบไม่ทันครับ”

“ไม่รู้หรือไงว่าควรจะสังเกตแขกด้วยว่าเมาหรือเปล่า” อรรควัสถามเสียงเรียบ แต่คนฟังรู้สึกเหมือนกำลังถูกตำหนิ

“ไม่ทราบครับ”

“การทำงานที่นี่นอกจากจะทำตามหน้าที่แล้วเธอควรสังเกตมองสิ่งรอบตัวด้วย”

“ครับ”

“ถ้าเธอรู้จักสังเกต เหตุการณ์วันนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะเธอจะไม่เข้าใกล้แขกคนนั้นเกินความจำเป็นเลยใช่ไหม” อรรควัสถาม

“ต่อให้สังเกตเห็น แต่ถ้ามันกะทันหันมาก ผมก็หลบไม่ทันหรอกครับ” ภาสกรไม่อยากเถียงแต่เขาแค่กำลังพูดถึงสถานการณ์จริง เหมือนขับรถแล้วถูกตัดหน้านั่นแหละ

“ภาสกร!” บอสเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังด้วยความไม่พอใจ

“ครับ” พอถูกเรียกเสียงดัง ภาสกรรีบยืนขึ้นอีกครั้งด้วยความกลัว

“กล้าเถียงฉันด้วยหรือ”

“เปล่าครับ ผมไม่กล้า”

“ลูกค้าคือลูกค้า เธอไม่มีสิทธิ์จะไปกล่าวหาเขา ปัญหามันต้องแก้ที่ตัวเธอเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้ แปลว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้”

“ครับ” ภาสกรหน้าสลด

“ตกลงจะแก้ไขปัญหานี้ที่ตัวเธอหรือลูกค้า”

“ที่ผมครับ”

“ดี และฉันหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้นอีก เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

“ไปได้แล้ว”

“ครับ” ภาสกรยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนจะค้อมตัวลงในจังหวะที่ผ่านอรรควัสไป แล้วออกประตูไปอย่างเงียบๆ


อรรควัสมองตามภาพนั้น นี่เห็นเขาเป็นคนแก่คราวไหน เดินผ่านผู้ใหญ่ต้องก้มตัวลงให้ เออ แต่ก็ถือว่าเป็นเด็กมารยาทดีก็แล้วกัน


เมื่อกลับลงมาถึงข้างล่าง ภาสกรจึงได้หายใจคล่องอีกครั้ง เขาทำงานอย่างระมัดระวังกว่าเดิม กระทั่งได้เวลาเลิกงาน

“บอสเรียกไปข้างบนเป็นไงบ้าง ถูกดุหรือเปล่า” นวพลถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อกลับมาเจอเพื่อนรักนอนหมดแรงอยู่ที่เตียงอีกฝั่ง

“อืม”

“ถูกไล่ออกไหม”

“ไม่รู้ พอเราถามกลับไปก็ถูกดุว่าไม่มีสิทธิ์ถามกลับ”

“สมควร” นวพลหัวเราะ

“มีอะไรน่าขำ”

“แกไม่ควรถามจริงๆ นั่นแหละ เขาเป็นเจ้านาย เขาถามอะไรมาก็ตอบ ห้ามถามกลับ เรื่องแค่นี้ อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้”

ภาสกรส่ายหน้าดิก

“อ้าว ไม่รู้จริงๆ ด้วยหรือวะ เพื่อนเรา”


“อืม เราไม่เห็นรู้เลย ทำไมถามกลับไม่ได้ล่ะ”

“ความคิดพวกนี้มันใช้กับทุกที่ไม่ได้หรอกนะเว้ย โลกมันก็งี้ แกไม่ได้มีสิทธิ์จะทำตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่องหรอก”

“โหดร้าย”

“อืม โลกมันโหดร้ายแบบนี้เสมอ” นวพลเดินเข้ามานั่งตรงขอบเตียงของเพื่อน

“ไม่ใช่ บอสต่างหากที่โหดร้าย”

“เบาๆ เดี๋ยวใครได้ยิน ทั้งบอสและคนใกล้ชิดของบอส ฟังภาษาไทยได้”

“พูดไทยก็ได้” ภาสกรสำทับเพราะเขาได้ยินอีกฝ่ายพูดมาแล้ว แถมยังชัดแจ๋วเสียด้วย

“พ่อบอสเป็นคนไทย แม่เป็นคนแขกขาว”

“อ้อ..” ภาสกรถึงบางอ้อ หายคาใจเสียทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหน้าตาคมคายไม่เหมือนคนแถบนี้

“แล้วทำไมตัวคล้ำๆ” ภาสกรถามต่อด้วยความสงสัย

“นินทาเจ้านาย” นวพลแซว “หรือว่าแกเหยียดผิว?”

“เปล่าๆ แค่สงสัย ก็แกบอกแขกขาวแล้วทำไม เอ่อ..มือดำ หน้าด้วย”

“ขี้สงสัย” นวพลหัวเราะเสียงดัง “ไม่หรอก บอสก็ผิวแบบพวกเราเนี่ยแหละ แต่บอสชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบอะไรที่เกี่ยวกับแดด”

“เหรอ”

“แล้วเขาไม่เรียกผิวแบบนี้ว่าดำ เรียกว่าผิวแทนเว้ย” นวพลผลักหัวเพื่อนตัวดีไปทีหนึ่ง “อีกสักพักก็กลับมาขาว แป๊บเดียวแหละ เราอยู่มาหลายปี เชื่อเราได้”

“รู้เยอะจริงนะแก เป็นแฟนคลับบอสเปล่าเนี่ย” ภาสกรถือโอกาสแซวเพื่อนกลับบ้าง

“เปล่า” นวพลส่ายหน้า “เดี๋ยวแกอยู่ไปสักพักก็รู้เรื่องบอสเพิ่มขึ้นเองอะ บอสเป็นขวัญใจสาวๆ ที่นี่ ใครๆ ก็พากันพูดถึงทั้งนั้น ที่เราเล่าให้แกฟังก็ตามที่ในครัวเขาเมาท์กัน”

“อ้อ” ภาสกรรับคำในคอ

“แล้วตกลงว่าบอสดุแกมากไหม”

“ดุ ไม่รู้ว่าดุมากหรือเปล่า เอาเป็นว่าดุอะ ตาก็ดุ ไม่กล้าสบตาเลย”

“ใครๆ ก็กลัว”

“บอสดุแต่ก็สอนเรานะแต่กำชับเรามาว่าห้ามเราทำผิดอีก”

“ครั้งนี้แกโชคดีมาก ที่บอสลงมาจัดการด้วยตัวเอง ปกติบอสไม่ได้ลงมาแก้ไขเองทุกเคสหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“บอสงานเยอะ แล้วถ้าบอสไม่อยู่ จะมีผู้จัดการของคาสิโน มาจัดการแทนให้ ซึ่งแปลว่าพนักงานต้องผิดแน่นอน ไม่ว่าจะผิดหรือไม่จริง ที่นี่ลูกค้าคือพระเจ้า”

“งั้นเราก็โชคดีมากจริงๆ”

“อืม ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามอีก” นวพลกำชับอีกครั้งหนึ่ง

“รู้แล้วน่า เข็ดแล้วเนี่ย ต่อไปจะระวังกว่านี้อีกสิบเท่าเลย”


หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ภาสกรก็ยิ่งระมัดระวังกว่าเดิมตามที่ได้รับปากกับเพื่อนและเขาไม่อยากจะถูกเรียกไปโดนดุอีกครั้ง กลัวว่าครั้งนี้เขาอาจจะไม่ได้ทำงานที่นี่อีกต่อไป


ล่วงเข้าเดือนที่สาม ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนการกะครั้งแรกของภาสกรนั่นแปลว่าเขาได้หยุดพักหนึ่งวันและทำงานครบสองเดือนเรียบร้อยแล้ว เขาเริ่มมีความสุขกับการทำงานที่นี่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลยแม้แต่น้อย นอกจากภาษาอังกฤษที่พอได้พูดบ้าง


กะใหม่ของเขากระโดดข้ามจากกะเช้ากลายเป็นกะดึกเลย เขาต้องเข้างานตั้งแต่สี่ทุ่มลากยาวไปจนถึงเจ็ดโมงเช้า ร่างกายต้องปรวนแปรแน่นอน เพราะการนอนที่เปลี่ยนแปลง แต่เขาจะต้องรีบชินกับการตารางการนอนให้ได้อย่างโดยเร็วที่สุด การเปลี่ยนกะคราวนี้ทำให้เขาไม่ได้เข้ากะพร้อมกับเพื่อนตัวดีอย่างนวพลอีกแล้ว อีกฝ่ายถูกย้ายไปกะบ่ายที่เริ่มเข้างานตอนบ่ายสี่โมงและเลิกงานตอนตีหนึ่งของวันใหม่ ทำให้เขามีโอกาสที่จะเจอหน้าเพื่อนหลังเลิกงานจนถึงก่อนสี่ทุ่มเท่านั้น


เขาอาศัยวันหยุดนี้ออกไปข้างนอก จริงๆ ไม่ได้อยากออกไปไหนสักเท่าไหร่ แต่ก็ถูกเพื่อนตัวดีคะยั้นคะยอให้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สองเดือน เขาไปไกลสุดก็ร้านสะดวกซื้อกับท่าน้ำแถวคาสิโนเท่านั้น ช่วงเย็นตรงท่าเทียบเรือนี่สวยอย่าบอกใครเลย ภาสกรชอบไปนั่งดูบ่อยๆ ในวันหยุด


ภาสกรไม่ค่อยรู้จักสถานที่ในมาเก๊านัก นวพลจึงเสนอแลนด์มาร์กให้เขาไปสัมผัสเสียก่อนคือ เซนาโด้ แสควร์ หรือจัตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ลานด้านหน้าที่เป็นน้ำพุของสถานที่แห่งนี้ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุโรป ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คงเป็น ซากประตูโบสถ์เซนต์พอล หรืออาจจะเป็นป้อมปืนใหญ่มองเต เอาเป็นว่า เดี๋ยวเขาจะค่อยๆ ลองไปสำรวจทีละจุดก็แล้วกัน


วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ ทำให้คนไม่ค่อยเยอะอย่างที่คิดไว้ เขาจะไปซากประตูโบสถ์ก่อน ระหว่างทางไปปลายทางมีร้านค้ามากมายอยู่สองฝั่งให้เลือกซื้ออย่างละลานตา เขาไม่ได้เข้าไปดูเลยสักร้านนอกจากเดินผ่าน อาศัยเมียงมองเอาเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่อยากได้


และเมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นกลุ่มคนที่ยืนออกันหลายกลุ่ม ยืนถ่ายรูปกันอย่างหนาแน่น ด้านหลังเป็นซากประตูโบสถ์ขนาดใหญ่ สวยสมคำร่ำลือ โดยรวมก็ถือว่ายังสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว วันนี้ภาสกรสวมเสื้อแขนสั้นออกมาเดิน ไม่ได้ใส่เสื้อยืดแขนสั้นนานแล้วเพราะวันๆ ใส่แต่เสื้อเชิ้ตแขนยาวทำงาน ติดกระดุมทุกเม็ดตรงตามระเบียบ อดรู้สึกเสียใจนิดๆ ไม่ได้ที่ลืมถือหมวกติดมือมาด้วยเพราะตอนนี้อากาศร้อนมาก


เขาเตรียมจะหาที่หลบแดดเพื่อนั่งพักสักครู่ สายตาก็พลันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณซากประตูโบสถ์ที่ว่า อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังจะวาดรูปอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษข้างหน้า ภาสกรได้แต่ยืนมองดูอยู่ไกลๆ เขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้


ผู้ชายคนนั้นมันน่ากลัว


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผุดวาบในใจ ชายหนุ่มแค่ไม่คิดว่า บอสที่กุมบังเหียนใหญ่ของคาสิโน จะมานั่งทำอะไรแบบนี้ หรือว่านี่คืองานอดิเรกของอีกฝ่ายด้วย? เขาคิดว่าบอสใหญ่น่าจะบ้างาน นั่งทำงานอยู่บนชั้นสามสิบตลอดเวลาเสียอีก เขากำลังคิดเพลินเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วหันมามองทางเขา ภาสกรตกใจจึงรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว


อีกฝ่ายคงยังไม่ทันเห็นเขาใช่ไหม ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


หาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว


ท้องของภาสกรกำลังบอกเขาแบบนั้น ในใจนึกถึงอาหารไทยใจจะขาด แต่ที่นี่ไม่มี ทำได้เพียงเดินดูร้านรวงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นว่ามีร้านหนึ่งที่คนค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นการการันตีความอร่อยของร้านนี้ เขาจึงเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ลังเล เขายื่นมือออกไปรับเมนูมาแต่อนิจจาเขาอ่านเมนูภาษาจีนไม่ออก เลยจำใจหลับตาจิ้มมาสักหนึ่งเมนูก็แล้วกัน


หาโอกาสเรียนภาษาจีนด้วยเลยดีไหม


ภาสกรคิดอย่างนั้นแพราะเขาไม่ชอบภาวะที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในเมื่ออ่านภาษาจีนไม่ออกก็เรียนมันเสียเลยก็แล้วกัน เรียนทางเน็ตก็คงได้ล่ะมั้ง จะยากหรือว่าจะง่ายกว่าภาษาอังกฤษก็ไม่รู้ ลองดูสักหน่อย เป็นไงเป็นกัน







========================

ขวัญเอ๊ยขวัญมานะพายนะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-01-2019 14:59:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-01-2019 16:02:26
บอสก็มีมุมอ่อนโยน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-01-2019 22:17:36
สู้ๆนะเจ้าพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-01-2019 01:12:39
บอสก็เหมือนชาวบ้านทั่วไป
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-01-2019 13:07:38
จะรักกันยังไงน้อออ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ห้า เผชิญหน้า UP!! 18/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 25-01-2019 00:28:58

วงล้อที่หก ไม่รู้



“ทำอะไร หน้าเคร่งเชียว” นวพลที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเอ่ยทัก เขาเปิดตู้เสื้อผ้าพลางหยิบชุดทำงานมาใส่ อีกชั่วโมงกว่าก็จะต้องไปทำงานแล้ว

“ดูภาษาจีนอยู่” คนถูกถาม ตอบโดยไม่ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ

“ดูทำไมวะ”

“ว่าจะเรียน แต่ท่าทางน่าจะยาก” ภาสกรบ่น ตัวหนังสือขีดๆ เขียนๆ เป็นเส้นต่างๆ เต็มไปหมด เขาไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนขีดแรกจากส่วนไหนของตัวอักษรดี

“บอกป้าเก๋ แม่ครัว สอนให้ดิ”

“ได้เหรอ เสียตังไหม ฟรีเปล่า” ภาสกรถามด้วยสายตาเป็นประกาย กระนั้นเขาก็ยังหวงแหนเงิน

“การเรียนต้องมีการลงทุนกันบ้าง ไม่แพงหรอก ป้าเก๋สอนดีนะเว้ย ผัวแกเป็นคนไต้หวัน เราก็เรียนกับป้ามาเหมือนกัน”

“จริงดิ อย่างนี้แกก็อ่านออกเขียนได้ใช่ไหม”

“พอได้บ้าง เราไม่ค่อยได้เรียนต่อเนื่อง แค่อยากฟังคนที่นี่ออก ไม่อยากถูกนินทาด่าลับหลัง” นวพลบอก

“อืม”

“แล้วนี่อยากอ่านออกหรือพูดเป็นล่ะ”

“ทั้งคู่”

“มาเก๊ากับฮ่องกงใช้จีนกวางตุ้งเป็นภาษาพูด แต่ภาษาเขียนก็เป็นจีนตัวเต็ม เราแนะนำให้แกเรียนจีนกลางจะดีกว่า” นวพลเริ่มอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

“จีนตัวเต็ม?” ภาสกรสงสัย จีนนี่ทำไมต้องแบ่งอะไรกันเยอะแยะ

“อ๋อ จีนกลางมีสองแบบคือจีนตัวเต็มกับจีนตัวย่อ  ถ้าที่ไต้หวันจะใช้จีนตัวเต็ม แต่ถ้าจีนแผ่นดินใหญ่จะใช้จีนตัวย่อ”

“ต่างกันยังไงอะ”

“แกเห็นเส้นๆ บนตัวอักษรปะ คนจีนบอกว่ามันชักเยอะไป ก็เลยลดเส้นมันเสียเลย”

“แปลกดีเนาะ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงักแต่สีหน้ายังดูงงงวย

“ลองเรียนๆ ไปก็จะเข้าใจเองแหละ”

“งั้นเดี๋ยวก่อนเข้างานเราจะแวบไปหาป้าเก๋”

“อืม ถ้าอยากเรียนจริงๆ ก็ดีนะ ป้าเก๋ใจดี คิดเงินไม่แพง ไปเรียนเถอะ” นวพลย้ำเรื่องราคาอีกทีเพราะกลัวเพื่อนเปลี่ยนใจ

“แล้วนี่แกจะไปเข้างานเลยปะ” ภาสกรถามเมื่อเห็นเพื่อนแต่งตัวเสร็จแล้ว

“ใช่ อยากนั่งกินข้าวสบายๆ ไม่อยากรีบ” นวพลหยิบกุญแจห้องและเงินใส่กระเป๋าก่อนจะหันมาบอกเพื่อน “ไปนะ ก่อนออกจากห้องก็ล็อกห้องดีๆ ด้วย” ไม่วายที่อีกฝ่ายจะกำชับแบบนี้ทุกครั้ง

“รู้แล้วน่า”

“เออๆ ไปละ” นวพลโบกมือให้เพื่อนก่อนจะเปิดประตูออกไปทำงาน




...

“ชั้นยี่สิบเก้าเป็นไงบ้าง” อรรควัสถามลูกน้องหนุ่มสองคนโดยที่มือยังเปิดเอกสารตรงหน้าอ่านไปเรื่อยๆ

“ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องครับ ลงมาเดินเล่นบ้างแต่ไม่บ่อย” อาคุณรายงาน

“ซื้ออะไรไปบ้างไหม”

“ไม่มีครับ”

“ไม่มี?โอเค เดี๋ยววันนี้ฉันจะลงไปเสียหน่อย”

“ครับ ผมจะแจ้งให้เขาทราบ” อาคุณรับคำสั่งแล้วออกไปทันที

...




“ใครว่างเข้ามาในครัวหน่อย” เสียงป้าเก๋ดังผ่านอินเอียร์ที่ภาสกรสวมอยู่ที่หูซ้ายตลอดเวลาทำงาน

“ป้าเก๋มีอะไรหรือเปล่า ให้พายช่วยไหม” ภาสกรพูดโต้ตอบกลับไปตามนิสัยที่ชอบช่วยเหลือ

“ว่างเหรอพาย งั้นเข้ามาที”

“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับเพราะเขาเพิ่งกินข้าวเสร็จยังเหลือเวลาพักอีกร่วมสามสิบนาที   

“ป้าฝากเอาถาดอาหารนี่ไปส่งที่ชั้นยี่สิบเก้าหน่อย” ป้าเก๋เงยหน้ามามองภาสกรแวบเดียวก็หันกลับไปสนใจกระทะตรงหน้าอย่างเดิม มือข้างขวาของป้า ชี้ไปถาดอาหารที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติที่วางอยู่บนโต๊ะใหญ่อย่างลวกๆ

“ชั้นยี่สิบเก้า?”

“ไปถูกไหมล่ะพาย”

“น่าจะถูกครับ” ภาสกรไม่เคยขึ้นไปชั้นยี่สิบเก้ามาก่อน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เส้นทางการโดยสารนั้นคงไม่ต่างจากที่เขาขึ้นไปที่ชั้นสามสิบหรอก


เมื่อนึกถึงชั้นสามสิบ เขาจึงเผลอไผลไปนึกเจ้าของชั้นนั้นด้วย ตกลงว่าวันก่อนที่เขาเห็นเจ้านายอยู่ที่ซากประตูโบสถ์ คนนั้นเพียงเพื่อวาดรูปเฉยๆ อย่างนั้นเหรอ

“พาย มัวรออะไร เดี๋ยวคุณเขาหิว...เนี่ยดูสิ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ไม่รู้คนที่ดูแลชั้นนั้นลืมหรือยังไง ปล่อยให้คุณเขาต้องโทรมาสั่งอาหารเอง” ป้าเก๋เรียกเตือนสติ

“ครับๆ แต่ป้าเก๋ครับ แล้วอาหารเยอะแบบนี้ คุณเขาจะทานหมดหรือ” ภาสกรรีบรับคำแต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเขาจะทานหมดหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปอยากรู้เรื่องเจ้านายนะพาย” ป้าเก๋สอน

“ขอโทษครับ” ภาสกรหน้าสลดรีบขอโทษขอโพย

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ป้าเข้าใจว่าพายคงจะเป็นห่วงเพราะนี่ก็ดึกแล้วใช่ไหม แต่ป้าจะบอกให้พายสบายใจก็แล้วกัน ที่อาหารเยอะแบบนี้เพราะวันนี้บอสเราก็อยู่ที่นั่นด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยัง”

“อ้อ...ครับ”

“รีบไปได้แล้ว ถือระวังๆ ด้วย” ป้าเก๋กำชับด้วยความเป็นห่วง ภาสกรยิ้มให้ถึงแม้ป้าเก๋จะไม่เห็นก็ตามก่อนจะรีบออกไปจากครัวทันที



ภาสกรประคองถาดด้วยความระมัดระวัง เขาก้าวเข้ามาในลิฟต์และกดไปยังชั้นที่ต้องการอย่างทุลักทุเลแต่ก็สำเร็จในที่สุด ลิฟต์พุ่งขึ้นไปยังชั้นยี่สิบเก้าโดยไม่หยุดพัก เพียงครู่เดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ภาสกรก็ยืนหันรีหันขวางด้วยความไม่รู้จะไปไหนทางไหน โถงทางเดินยาวเหลือเกิน ห้องไหนกันแน่ เขาเดินไล่ดูและพบว่าน่าแปลกเหลือเกิน ผนังยาวสุดตามีประตูเพียงบานเดียว


คงจะเป็นที่นี่แน่นอน


ระหว่างทางที่เดินมาเงียบสงัด ทั่วพื้นปูพรมนุ่มสุดความยาวอย่างไม่นึกเสียดายในราคาและการตกแต่ง ต่อให้วิ่งเต็มแรงเท้าคนข้างในห้องก็คงจะไม่มีวันได้ยิน ภาสกรนึกถึงบุคคลที่อยู่ในห้องจะเป็นหญิงสาวประเภทไหน เธอจะมีความสุขหรือเปล่า ทำไมภาสกรรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นนกน้อยในกรงทอง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย


คำพูดของป้าเก๋ผุดขึ้นในหัว‘เรื่องเจ้านาย’เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นเสีย


ภาสกรเดินมาถึงประตูบานสวย เขากดกริ่งที่อยู่หน้าประตูห้อง ได้ยินเสียงอะไรกุกกักภายในเล็กน้อยก่อนจะมีคนเปิดประตูออกมา

“ช้าจัง นึกว่าจะลืมกันแล้ว” คำพูดแรกของคนในห้องตอนที่เปิดออกมาเจอหน้าภาสกร น้ำเสียงคนภายในไม่ได้ฉายแววขุ่นเคืองแต่เป็นน้ำเสียงที่ดูดีใจเสียมากกว่า

“ขอโทษด้วยครับ” ภาสกรเห็นคนตรงหน้า เขายืนตัวตรงทั้งที่หลังก็ตรงก็อยู่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงเกร็งตัวขึ้นมาอีกก็ไม่รู้


‘คนในห้องไม่ใช่ผู้หญิง’


“อ้าว หน้าไม่คุ้นเลย คนใหม่เหรอ แล้วคนเก่าไปไหน” คนในห้องเอียงคอถามเป็นภาษาอังกฤษตามด้วยความสงสัย

“คือ..ผม” ภาสกรไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไร เพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน

“ไม่เป็นไรๆ เอามาวางข้างในเลย” เจ้าของห้องเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพื่อให้ภาสกรเดินผ่านเข้าไปแต่โดยดี

“ขออนุญาตครับ”

“ว้าว น่ากินทั้งนั้นเลย” คนที่สั่งอาหารขึ้นมา ชะโงกหน้ามาดูใกล้ๆ ตอนที่ภาสกรกำลังจัดเรียงอาหารมาวางบนโต๊ะอย่างสุภาพ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” เมื่อเขาปฏิบัติภารกิจนอกเรียบร้อย จึงเอ่อขออนุญาต อีกสิบห้านาที หมดเวลาพักเขาต้องเริ่มทำงานต่อแล้ว

“อย่าเพิ่งไปสิ อยู่คุยกันก่อน” เจ้าของห้องรั้งตัวภาสกรไว้ ตอนนี้พนักงานหนุ่มจึงยืนนิ่งเหมือนหุ่นยนต์


ภาสกรลอบสังเกตคนตรงหน้า อีกฝ่ายมีรูปร่างที่ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย ใบหน้าหวานผมสีทองดูเจิดจ้า แต่ก็มีเค้าโครงของเอเชียปรากฎอยู่บนหน้า เป็นส่วนผสมที่ลงตัว


น่าเสียดาย หน้าตาแบบนี้เป็นดาราได้สบาย ไม่น่าต้องมาทำอะไรแบบนี้


แค่เพียงคิด ภาสกรรีบสลัดความทิ้งนั้นออกไปทันที เขาไม่มีสิทธิ์จะว่าหรือตำหนิใคร คนนั้นเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง มีสิทธิ์จะทำหรือตัดสินใจอะไรก็ได้ และมันไม่เกี่ยวกับภาสกรเลยแม้แต่น้อย


ภาสกรรีบขอโทษอีกฝ่ายที่คิดไม่ดีออกไปในใจ


“ชื่ออะไรน่ะ พา-ซา-คน” คนผมทองอ่านชื่อของภาสกรที่ติดอยู่บนหน้าอกช้าๆ ชื่อภาษาไทยคงไม่คุ้นกับอีกฝ่ายแน่นอน ภาสกรยิ้มออกมาเล็กน้อยกับการอ่านของคนตรงหน้า

“ภา-สะ-กร ครับ”

“พา-ซา-กร?” อีกฝ่ายลองเปล่งเสียงอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

“เรียกผมว่าพายก็ได้ครับ”

“พาย เรียกง่ายกว่ามาก ชื่อน่ากินจัง” อีกฝ่ายช้อนตาบอกขณะพูด

“เอ่อ..”

“ดูสิ น่ากินใช่ไหม” เจ้าของห้องชี้นิ้วไปยังจานขนมมีพายสับปะรดอยู่ตรงนั้นจริงๆ ภาสกรลอบถอนหายใจ เมื่อสักครู่นี้ เขาถูกแกล้งใช่ไหม

“ผมขอตัวนะครับ” ภาสกรบอก อีกสิบนาทีจะถึงเวลาทำงาน

“เดี๋ยวสิ” อีกฝ่ายเรียกไว้อีก แต่จังหวะนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้นภายในห้องนอน

“ใครมานะ” ใบหน้าหวานทำท่านึกอย่างน่ารักในสายตาของภาสกรก่อนจะทำตาโตแล้วอุทานออกมา “คุณอรรค!”


ภาสกรแอบชมความน่ารักอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะคิดได้ว่า นี่ใช่เวลามาชื่นชมไหม เขาต้องรีบกลับไปทำงานได้แล้ว

“นึกว่าจะไม่มา ผมสั่งอาหารขึ้นมารอคุณแล้วนะครับ” สายตาของภาสกรเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ร่างนั้นไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่

“อืม” ภาสกรยังเห็นว่าคนตัวเล็กช่วยบอสของที่นี่ถอดเสื้อสูทออกอย่างตั้งใจ ก่อนจะนำมาถือไว้อย่างเป็นงาน

ถ้าเขาแสดงตัวตอนนี้หรือพูดอะไรออกไป จะเป็นอะไรหรือเปล่า

“เข้ามานั่งพักก่อนสิครับ”

“ภาสกร?” เจ้าของชื่อหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับผู้มาใหม่

“ครับ ผมเอง”

“ขึ้นมาทำอะไรที่นี่” คนที่กุมบังเหียนคาสิโนนี้รักษามารยาทโดยการถามผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถึงจะภาษาไหน ภาสกรก็จับได้ถึงความไม่พอใจของเจ้าตัว

“ผมเอาอาหารจากในครัวมาส่งครับ” เมื่ออีกฝ่ายถามมาด้วยภาษาของชาติใด เขาควรจะตอบไปด้วยภาษาเดียวกัน

“ใครอนุญาตให้เธอขึ้นมา”

ภาสกรเตรียมจะถามกลับว่าต้องมีคนอนุญาตด้วยเหรอ แต่เขาก็รีบกลืนคำถามนั้นไปพร้อมกับน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเลือกตอบว่า

“ไม่มีครับ” ถ้าถามกลับมีหวังคอเขาอาจจะขาดมากไปกว่านี้

“อาเฉิน อาคุณ!” อรรควัสถามหาบอดี้การ์ดด้วยความไม่พอใจ

“ครับ บอส” สองยักษ์ก็รีบเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

“อลัน เธอกลับเข้าไปในห้องนอนก่อน” อรรควัสหันไปบอกหนุ่มน้อยข้างตัว เพราะคำพูดนี้ทำให้ภาสกรได้รู้ว่า คนๆ นี้ชื่อว่า อลัน

“แต่...”

“...” อรรควัสไม่ตอบนอกจากมองอีกฝ่ายนิ่ง จนอลันต้องยอมล่าถอยหายเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ

“ใครปล่อยให้พนักงานนี่ขึ้นมาบนนี้”

“เอ่อ..” อาเฉินและอาคุณ สบตากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะตอบบอสอย่างไร เพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องเลย ยืนเฝ้าหน้าห้องบอสตลอดเวลา แถมไม่มีใครขึ้นมารายงานเขาด้วย

“ตอบ!” เสียงตวาดของอรรควัส ทำให้ภาสกรสะดุ้งไปด้วย

“ไม่ทราบครับ” สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

“อยากตายกันมากใช่ไหม ถึงกล้าตอบฉันว่าไม่รู้”

“คือพวกผมไม่ทราบจริงๆ ครับบอส” อาคุณ ที่อาสากล้าตายเป็นคนแรกตอบด้วยคำตอบเดิมอีกครั้ง

“ไม่อยากอยู่ที่นี่กันแล้วใช่ไหม”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับบอส” อาเฉินรีบตอบโดยเร็ว

“ใครดูแลชั้นนี้ มันไปไหน”

“ผมขออนุญาตตรวจสอบสักครู่ครับ” อาเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบางอย่างก่อนจะสบตากับอาคุณอีกครั้ง

ดูเหมือนชะตาพวกเขาคงถึงคาด

“วันนี้คนงานที่ดูแลชั้นนี้ลาป่วยครับ”

“แล้ว?”

“คือ..ผมขึ้นมาเองครับ”

“ถ้าฉันไม่ได้ถาม ก็ไม่ต้องแทรกขึ้น”  สายตาดุดันของอรรควัสหันมามองภาสกร ทำให้ภาสกรรีบก้มหน้าลงทันทีด้วยความกลัว

“อีกชั่วโมงหนึ่ง ฉันต้องได้คำตอบว่าเพราอะไร พนักงานคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้” อรรควัสหันไปสั่งลูกน้องสองคนที่ยืนก้มหน้า มือประสานไว้ด้านหน้า

“ครับ” สองเสียงรับคำสั่งพร้อมกัน

“ไปได้” คล้อยหลังอาเฉินกับอาคุณออกไป อรรควัสจึงหันมามองภาสกรอีกครั้ง “เธอนี่มันสร้างเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน”

“ขอโทษครับ”

“เลิกงานกี่โมง”

“เจ็ดโมงเช้าครับ”

“เลิกงานแล้วไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วย” นี่ไม่ใช่คำบอกเล่าแต่เป็นคำสั่ง

“คะ..ครับ” ภาสกรไม่อยากจะรับคำออกไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้

“ไปได้”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรีบยกมือไหว้แล้วค้อมตัวเดินผ่านอรรควัสไปเหมือนคราวก่อนที่เจอกันไม่มีผิด

ครั้งนี้เขาจะรอดไหม


แม่ภา พี่พรีม ช่วยพายด้วย




========================



หวังดีจนซวยนะพาย


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หก ไม่รู้ UP!! 25/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-01-2019 00:52:58
ทำไมพี่แกโมโหขนาดนี้ :z3: น้องเค้าใจดี
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หก ไม่รู้ UP!! 25/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-01-2019 01:26:40
งานเข้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หก ไม่รู้ UP!! 25/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-01-2019 02:24:42
น้องพาย เดี๋ยวคุณอรรคจะติดใจนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่หก ไม่รู้ UP!! 25/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-01-2019 23:54:07

วงล้อที่เจ็ด




“ป้าเก๋ ช่วยพายด้วย” ภาสกรลงมาจากข้างบนได้ก็เข้ามากอดป้าเก๋ในครัว ผมดกดำซุกไหล่ของแม่ครัวโดยไม่สนใจว่าจะมีกลิ่นจากการทำงานมาติดตัวหรือไม่


ป้าเก๋เห็นอีกฝ่ายเดินหน้าเสียเข้ามาก็ไม่ถามอะไร ก่อนหน้านี้บอดี้การ์ดของบอสใหญ่ได้เข้ามาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนแล้ว ทำให้หญิงสาวเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี


“โถ ลูก ไม่เป็นไรนะ ขวัญเอ๊ย ขวัญมา” ป้าเก๋ลูบหัวหวังปลอบให้เด็กหนุ่มนี้หายขวัญเสีย นางรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ทำให้ภาสกรตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าห้ามให้คนนอกขึ้นไปนอกจากคนที่จัดหาไว้เท่านั้น


แล้วครั้งนี้คนบนนั้นประสานงานกันอย่างไร ถึงทำให้เด็กหนุ่มที่เธอเอ็นดูเหมือนหลานชายต้องเศร้าขนาดนี้


ภาสกรเป็นเด็กหนุ่มนิสัยน่ารัก เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเจ้าตัวมีเวลาพอจะช่วยเหลือได้ จะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ คนในครัวพากันเอ็นดูทั้งนั้น แล้วดูสิตอนนี้หน้าหงอยเป็นหมาเลย

“พายไม่รู้เลยครับว่าเขาห้ามขึ้นไป พายคิดว่าแค่ขึ้นไปส่งอาหารเฉยๆ เอง”

“ป้าก็ผิด ป้าก็ไม่รู้ แล้วนี่ถูกดุมากไหม”

“ยังไม่ถูกดุครับ บอสบอกให้ขึ้นไปหาที่ห้องหลังเลิกงาน” ภาสกรจับมือของป้าเก๋แน่น

“จะถูกไล่ออกไหมครับ พายเพิ่งทำงานได้แค่สองเดือนเอง” ภาสกรร้อนรนกระวนกระวาย


ทำไมเขาถึงมีแต่เรื่องเข้าหาตัวเหลือเกิน


คราวก่อนก็ลูกค้าชนจนเกิดเรื่องราวบานปลาย คราวนี้ยังเอาเท้าเข้าไปแหย่เรื่องอีก


“ถ้าอย่างนั้นตอนที่น้องพายขึ้นไปหาบอส ป้าไปด้วยแล้วกัน ยังไงป้าก็ควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนกัน” หญิงสาวบอกอย่างใจเด็ด

“อย่าดีกว่าครับ บอสให้พายไปคนเดียว ถ้าป้าไปด้วยเดี๋ยวบอสอารมณ์เสียอีก” ภาสกรบอก เขาเดาใจบอสไม่ได้ ตอนนี้ทำตามที่อีกฝ่ายต้องการน่าจะปลอดภัยมากกว่า

“รับปากกับป้า ถ้าบอสถามว่าทำไมถึงขึ้นไป ให้บอกว่าป้าสั่งเอง เข้าใจไหม”

“ไม่ดีหรอกครับ”

“เด็กคนนี้ จะไม่ดีได้ยังไง ก็ป้าเป็นคนบอกให้น้องพายไปจริงๆ นี่นา” ป้าเก๋ส่งเสียงอย่างอ่อนใจด้วยความสงสารภาสกร

“แต่ป้าเก๋ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันนี่ครับ พายว่าคนที่ควรรับผิดชอบคือคนที่ดูแลข้างบนต่างหาก ไม่ใช่พวกเราสักหน่อย” ภาสกรไม่ยอม

“น้องพายจะต่อว่าพวกเขางั้นรึ” ป้าเก๋ถาม

“เปล่า พายไม่กล้าหรอก” ภาสกรส่ายหน้า

“แน่ะ แบบนี้คนผิดก็เป็นน้องพายสิลูก”

“พายก็ไม่ได้อยากเป็นคนรับผิดหรอกครับ แต่ถ้าจบเรื่องเร็วก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ พายไม่อยากให้เรื่องมันลุกลามจนเกินไป”

“จ้ะ งั้นป้าก็ตามใจ เรื่องที่มาอ้อนป้าจะเรียนภาษาจีนด้วยน่ะ ป้าจะสอนให้ฟรี หาเวลามาเรียนก็แล้วกัน”

“จริงเหรอครับ” นัยน์ตาที่โศกเศร้าเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสดใสอย่างวดเร็ว

“จ้า”

“เย่ ดีใจจัง” ภาสกรดีใจเพราะเขาจะไม่ต้องเสียเงินเรียน ประหยัดเงินไปอีก

“แต่ว่า..” เพิ่งดีใจอยู่เมื่อครู่ กลับมาหน้าเครียดอีกแล้ว ป้าเก๋มองเด็กสองอารมณ์นี้ด้วยความกังวลใจ

“เป็นอะไรไปอีก เพิ่งดีใจอยู่หยกๆ”

“พายกลัวจะถูกไล่ออกจังเลยครับป้าเก๋” เรื่องเดิมถูกวกกลับมาอีกครั้ง

“ป้าคิดว่าบอสมีเหตุผลมากพอนะ อย่าไปกังวลเลย”

“จริงเหรอครับ”

“เชื่อป้าสิ ป้าทำงานกับบอสมานานแล้ว พอรู้นิสัยอยู่บ้าง”

“ถ้างั้นพายก็เบาใจ” ภาสกรพรูลมหายใจออกมา เมื่อความกังวลถูกปัดเป่าออกไปได้บ้าง

“กลับไปทำงานได้แล้ว ตั้งใจทำงานอย่าเพิ่งสร้างเรื่องเพิ่มอีก รู้ไหม” ป้าเก๋เตือน

“ครับ พายจะตั้งใจทำงานไม่ให้ผิดพลาดเลย”







...

“คุณอรรค” เสียงหวานใสเรียกชื่ออีกฝ่ายเมื่ออรรควัสเปิดประตูห้องเข้ามา

“อืม”

“ไม่พอใจหรือครับ ยังไงวันหลังผมจะไม่สั่งอะไรขึ้นมาบนนี้อีก” เด็กหนุ่มบอกหน้าสลด

“ไม่เป็นไร เธออยากทำอะไรก็ทำเถอะ” อรรควัสตัดปัญหาทิ้งไป

“แต่...” อลันยังไม่วางใจ เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“ไม่เป็นไร” บอสใหญ่ไม่พูดอะไรอีกนอกจากคำพูดสามพยางค์ อลันก็พยักหน้ารับรู้โดยไม่โต้แย้งอีก

“คุณจะทำยังไงกับพนักงานคนนั้น”

“ใคร?” อรรควัสย้อนถาม

“พา-ซา-กร” อลันออกเสียงเรียกชื่อด้วยความไม่คุ้นปาก

“ภาสกรน่ะหรือ”

“ครับ เขาบอกว่าชื่อพาย”

“งั้นหรือ แล้วอยากให้ฉันจัดการกับเขายังไงล่ะ”

“ผมคิดว่าเขาไม่รู้จริงๆ คุณอรรคอย่าไล่ออกเลยนะครับ” อลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาเกาะแขนอรรควัส

“เธอกำลังจะขอให้ฉันยกโทษให้เขางั้นหรือ” อรรควัสหรี่ตามองคนตรงหน้า

“อย่าลงโทษเขาเลยครับ” อลันขยับมือมาทางด้านหน้า มือขาวนวลเริ่มลงมือปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายราวกับจะออดอ้อนเอาอกเอาใจ

“ถ้าทำผลงานออกมาดี บางทีฉันอาจจะพิจารณาดู”

“ผมจะทำให้คุณพอใจครับ” อลันยิ้มก่อนจะเขย่งตัวจูบอีกฝ่ายก่อนจะดึงอรรควัสให้ตามลงไปบนเตียงด้วยกัน




...

ภาสขึ้นมารอเจ้าของคำสั่งที่ชั้นสามสิบตั้งแต่เลิกกะ เขาดูนาฬิกาตอนนี้จวนจะแปดโมง อีกฝ่ายก็ยังไม่มา ถ้าคนนั้นมาตอนบ่ายละ แปลว่าเขาไม่ต้องนอนกันเลยใช่ไหม แบบนี้ทำไม่ถูกนะ ชายหนุ่มบ่นอยู่ในใจแต่ไม่กล้าแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา


นวพลเคยบอกว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดมากมาย ภาสกรมองไปรอบๆ ห้อง คงจะมีกล้องด้วยเช่นกัน เขากลัวจะถูกจับได้ถ้าหากทำกิริยาไม่ดีขึ้นมา ตอนนี้ดวงเขายิ่งๆ ตกอยู่ด้วย


คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หนังตามันปิดสนิท ตัวก็เลื้อยลงไปนอนบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว


อรรควัสเข้ามาในห้องทำงานตอนแปดโมงสิบนาที เขาไม่ได้ลืมหรือตั้งใจจะปล่อยให้ภาสกรต้องรอเพียงแต่ ก่อนที่เขาจะมาที่ห้อง บอสใหญ่ได้แวะไปห้องที่ควบคุมกล้องวงจรปิดแล้วขอดูเหตุการณ์เมื่อคืนของชั้นยี่สิบเก้า เขาเห็นเหตุการณ์แต่แรก ตั้งแต่ภาสกรเดินออกมาจากลิฟต์ ชายหนุ่มมีท่าทีหันรีหันขวาง เหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหน ก่อนจะตัดสินใจเดินต่ออีกครั้ง


พนักงานคนนั้นกดกริ่งที่หน้าห้อง และร่างของคนมาเยือนก็หายเข้าไปในห้อง อรรควัสสั่งเจ้าหน้าที่ให้เปลี่ยนไปดูกล้องภายในห้องของอลัน กล้องวงจรปิดถูกติดอยู่ทั่วห้องยกเว้นห้องนอนของอลันเท่านั้นและเรื่องนี้คนที่อาศัยอยู่ชั้นนั้นไม่เคยได้รู้เช่นกัน


ไม่เพียงแค่ในห้องจะมีกล้องอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แต่เครื่องดักฟังก็ถูกติดเช่นกัน อรรควัสไม่ไว้ใจใคร เด็กคนก่อนๆ ที่ผ่านมา แฝงตัวเข้ามาด้วยจุดประสงค์ต่างๆ บางคนโลภ บางคนหวังรวยทางลัด บางคนต้องการเข้ามาล้วงข้อมูลจากเขา ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไว้ใจใครได้ยาก

“เปิดเสียง” อรรควัสสั่งเจ้าหน้าที่ให้เปิดฟัง


เนื้อหาบทสนทนาไม่มีอะไรนอกจากเสียงตะกุกตะกักของพนักงานเวลาที่ถูกอลันถาม แต่อลันนี่สิชวนคุยอีกฝ่ายเกินความจำเป็น


จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องอยากรู้ชื่ออีกฝ่ายมากขนาดนั้น


และยังบทสนทนาเมื่อเช้าอีก


 

“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พายขึ้นมาส่งอาหารแทนคนเก่าได้ไหมครับ” คนขอกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้อีกฝ่ายอย่างรู้หน้าที่
“ทำไม”
“เขาสุภาพดีครับ” อลันบอกมือไม้ก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“แค่นั้น?”
“ครับ”

อรรควัสมุ่นคิ้ว แค่นั้นจริงๆ หรือ

 


เจ้าของห้องเห็นคนที่ถูกสั่งขึ้นมารอเขา ตอนนี้อีกฝ่ายยึดพื้นที่โซฟาตัวยาวไปอย่างไม่เกรงใจ เพราะเขามาช้า หรือเพราะทนง่วงไม่ไหว ถึงกับหลับไปอย่างไม่รู้เรื่อง แม้ว่าเขาจะเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้ว ยังหลับสนิทจนไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง

ทำไมถึงกล้าหลับ ทั้งที่ไม่ใช่ห้องนอนของตน

ประมาทเกินไป

อรรควัสส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอา เขายืนดูอีกฝ่ายที่กำลังนอนหลับ เจ้าตัวคงนอนไม่สบายตัวนัก การแต่งกายที่เรียบร้อยอยู่เป็นประจำในเวลาทำงานจึงไม่มีให้เห็น แขนเสื้อถูกเลิกขึ้นจนถึงข้อศอก กระดุมถูกปลดออกให้ผ่อนคลาย


เขาขยับเข้าไปใกล้คนที่ยังหลับอีกนิดเพราะสะดุดตาบางอย่าง รอยสีขาวจางๆ ที่พาดอยู่บนแขนซ้าย ทำให้อรรควัสต้องก้มลงไปดูก่อนจะถอยออกมา


คุณสมบัติของคนที่จะเข้ามาทำงานในคาสิโน นอกจากส่วนสูงและภาษาแล้ว รอยตำหนิก็สำคัญ หากมีรอยแผลเป็นหรือรอยสักจะถูกปฏิเสธเข้ารับการทำงานตั้งแต่แรก แต่กฎนั้นย่อมมีข้อละเว้นเสมอ ถ้าแผลเป็นอยู่ในร่มผ้า ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร


ต้องสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลา คงเรียกว่าไม่เป็นปัญหาล่ะมั้ง


อรรควัสถอนสายตาออกจากอีกฝ่าย เขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำถึงขนาดเห็นคนหลับอยู่แล้วจะต้องปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น


เอาเถอะ คงจะเหนื่อย เพิ่งเลิกงานมานี่นะ


ชายหนุ่มกลับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง กำลังจะเอ่ยเรียกสองบอดี้การ์ดให้เข้ามาในห้อง ทว่าสองคนนั้นก็เคาะประตูห้องเสียก่อน เขาจึงบอกอนุญาตให้เข้ามา


อาเฉินกับอาคุณเข้ามาในห้อง พบกับความแปลกใจขึ้นเมื่อเห็นว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เจ้านายและพวกเขาสองคน กลับมีใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ ซ้ำยังนอนหลับอย่างสบายเสียด้วย


‘เหิมเกริมเกินไปแล้ว!’


อาเฉินคิดว่าเขาจะต้องปลุกเจ้าหนุ่มนี่ให้ลุกขึ้นโดยเร็วก่อนที่บอสจะโมโห


‘คิดว่าเป็นใครถึงกล้ามานอนที่นี่!’


อาคุณเองก็ตั้งใจจะไปเรียกให้คนหลับรู้สึกตัวก่อนที่บอสจะอารมณ์ไม่ดี


“ให้ผมปลุกเขาไหมครับบอส” แต่ในความเป็นจริง อาเฉินทำได้แค่ถามขึ้นอย่างสุภาพ

“ไม่เป็นไร ขยับเข้ามาใกล้หน่อย จะได้ไม่ต้องพูดเสียงดัง” อาคุณสบตากับคู่หูคนสนิทพลางขยับเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานตามคำสั่งผู้เป็นนาย

“พนักงานชั้นยี่สิบเก้า?” อรรควัสเปิดประเด็นสั้นๆ สองบอดี้การ์ดก็เข้าใจความหมายนั้นโดนพลัน

“เกิดอุบัติเหตุกะทันหันกับพนักงานเมื่อวานครับ” อาเฉินรีบรายงาน

“เรื่องนี้บอกฉันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน”

“นั่นคือสิ่งที่เรารู้เมื่อคืนครับ ผมได้ข้อมูลเพิ่มมาว่าจริงๆ แล้ว พนักงานคนนั้นย้ายไปอยู่อีกคาสิโนครับ”


มุมปากของอรรควัสกดลึกลงไปอีกด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยห้าม ถ้าพนักงานคนไหนอยากจะย้ายไปทำงานที่อื่น แต่เขาต้องการให้มาบอกหรือทำเรื่องลาออกกันดีๆ เพราะการขาดคนทำงานกะทันหัน ย่อมแปลว่าแผนกนั้นจะเกิดความลำบาก


“อาคุณสืบเรื่องนี้ต่อว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับอลันหรือเปล่า” อรรควัสครุ่นคิด ทุกอย่างดูเป็นจังหวะพอดีกันเกินไป พนักงานคนเก่าขาดงาน ภาสกรโผล่ขึ้นมาและยังอลันอีกที่ออกปากอยากให้ภาสกรมาดูแลแทน

“ครับบอส”

“ส่วนนาย อาเฉิน”

“ครับ”

“จับตาดูคนที่กำลังหลับ”

“ครับ?” อาเฉินสงสัยกับคำสั่งนั้น แต่เมื่อเห็นดวงตาของผู้เป็นนาย เขาจึงรีบก้มตาแล้วรับคำสั่ง “ครับ บอส”

“บอสไม่กลัวว่าเขาจะได้ยินที่เราคุยกันหรือครับ” อาเฉินถามด้วยความเป็นห่วง

“ได้ยินก็ดีสิ” อรรควัสอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนที่หลับนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้นอนหลับอยู่และยังได้ยินบทสนทนาทุกประโยค ภาสกรจะทำอย่างไรต่อ

“อ้อ..อีกเรื่อง”

“ครับ”

“ฉันจะให้ภาสกรเป็นคนยกอาหารมาให้อลันแทนคนเก่า”

“บอสแน่ใจหรือครับ” อาเฉินถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ

“อืม”

“ผมถามได้ไหมครับว่าเพราะอะไร” พอเห็นว่าอาเฉินคิดเหมือนกับตน อาคุณจึงถามขึ้นบ้าง

“ไม่มีอะไร แค่อลันขอมา” อารรควัสยิ้มออกมานิดหน่อย แต่สองบอดี้การ์ดกลับไม่รู้สึกถึงรอยยิ้มนั้นเลย “ไปได้แล้ว”

“ครับ”


คล้อยหลังบอดี้การ์ดสองคนออกไป อรรควัสจึงเดินตรงไปที่โซฟา เขาพินิจมองใบหน้าคนหลับก่อนจะเปล่งเสียงขึ้นมาลอยๆ



“ไม่ต้องแกล้งหลับ ตื่นได้แล้ว”








========================

เอ้า ยังไงกัน?


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2019 01:02:41
บอสร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-02-2019 07:55:03
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sweetcandy ที่ 01-02-2019 20:04:04
พายลูกกกก โดนเค้าจับได้เเล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-02-2019 01:03:45
บอสร้าย น้อยพายตามไม่ทันเกมส์แน่นๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 02-02-2019 15:22:26
รอติดตามตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-02-2019 20:18:04
 :katai5: พี่เค้ารู้5555
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เจ็ด UP!! 01/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-02-2019 11:14:20

วงล้อที่แปด



“ไม่ต้องแกล้งหลับ ตื่นได้แล้ว” อรรควัสไม่ได้อธิบาย เขารู้ได้อย่างไรว่าภาสกรไม่ได้หลับ เขาไม่ได้เก่งขนาดมีญาณทิพย์หรือมองเห็นอะไรทะลุปรุโปร่ง แค่โยนหินถามทางไปเท่านั้น

“คะ..ครับ ขอโทษครับ” ภาสกรรีบลุกขึ้นนั่งทันที ไร้การอิดออด
         
“ตื่นแล้วแกล้งหลับทำไม”

“ผมกลัว ไม่กล้าด้วยเห็นบอสกำลังคุยอยู่” ภาสกรตอบด้วยใบหน้าสลดเช่นเดิม อยู่ต่อหน้าบอสคนนี้ทีไร จะมีครั้งไหนไหมที่ภาสกรจะทำหน้าตาแบบอื่นได้บ้าง

“เสียมารยาท”

“ขอโทษครับ” ภาสกรพูด และเป็นอีกครั้งถ้าอยู่ต่อหน้าบอส คำนี้ดูจะเป็นคำที่ถูกใช้ฟุ่มเฟือยเหลือเกิน

“ได้ยินแล้วใช่ไหมเรื่องที่จะให้มาทำชั้นยี่สิบเก้าด้วย”

“ผมไม่ถูกไล่ออกแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงแห่งความตื่นเต้นดีใจ

“ฉันเคยบอกพูดยังไง จำไม่ได้แล้วรึ” อรรควัสพูดเสียงเรียบ ภาสกรจึงรู้ตัวทันทีว่าเขาทำผิดอีกแล้ว

“ขอโทษครับ” ใบหน้ากลับมาสลดดังเดิม

“ถ้ายังไม่จำอีก ฉันจะไล่ออกจริงๆ”

“ไม่ครับ ผมไม่ลืมอีกแล้ว” เขารีบละล่ำละลักบอกกลัวจะถูกอัปเปหิกลับบ้านเกิดไปจริงๆ

“ตกลงจะไปทำงานที่ชั้นยี่สิบเก้าไหม” เจ้าของห้องถามซ้ำ

“ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับ” ภาสกรยกมือขึ้นนิดหน่อยแล้วถามออกไปอย่างหวาดๆ เขาเลือกที่จะถามไม่ใช่เพราะความกล้า แต่คำถามของอีกฝ่ายไม่ใช่การบังคับ ฟังดูเหมือนเขามีสิทธิ์เลือก

“อืม”

“ผมเลือกจะทำหรือไม่ทำก็ได้หรือครับ”

“ใช่”

“ถ้าผมไม่ทำแล้วจะมีปัญหากับงานไหม”

“ไม่มี ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็ให้คนอื่นมาทำ”

“แล้วถ้าผมทำล่ะ”

“เธอจะได้เงินเพิ่มเพราะฉันเพิ่มงานให้เธอ”

“งั้นผมตกลงทำครับ” ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ พอได้ยินผลตอบแทนเป็นตัวเงินเขาก็รีบตกปากรับคำทันที

“เดี๋ยววันนี้ตอนพัก ฉันจะสั่งอาเฉินมาแจกแจงรายละเอียดให้เธอฟัง”

“ครับ”

“ส่วนเรื่องเมื่อคืน?”

“ครับ” ภาสกรกลืนน้ำลาย นึกว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้ว

“คราวที่แล้วเธอไม่ได้ทำผิด ส่วนครั้งนี้หวังดีและทำไปเพราะความไม่รู้”

“...”

“หวังว่าฉันจะไม่เจอเธอบนนี้เป็นครั้งที่สามนะภาสกร”

“ครับ”  ภาสกรรับคำหนักแน่น เขาจะไม่ทำอีกแล้ว


เขาสาบาน!


ภาสกรไขกุญแจเข้าห้องพักอย่างเงียบเชียบกลัวจะทำให้เพื่อนร่วมห้องต้องตื่นขึ้นทั้งที่ไม่ใช่เวลาตื่น เขาทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“กลับมาแล้วเหรอ”

“อ้าว เราทำให้แกตื่นเหรอ โทษที”

“เปล่า เรานอนไม่ค่อยหลับ เป็นห่วงแก” นวพลลุกขึ้นเปิดไฟ ทำให้ทั่วทั้งห้องสว่างวาบขึ้นมา

“แกรู้เรื่องเราแล้วใช่ไหม”

“อืม ป้าเก๋บอกเราแล้ว”

“เราไม่รู้ว่าห้ามขึ้นไป”

“แกไม่ผิดหรอก เรื่องนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูจะไม่มีใครรู้เลยนอกจากคนข้างบนพวกนั้น” นวพลบ่นหัวเสียเล็กน้อย “แล้วโดนดุมากไหม”

“ไม่มาก”

“อย่าโกหกเรา”

“เปล่า เราพูดจริงๆ เราอาจจะมีภูมิต้านทานมากขึ้นก็ได้” ภาสกรแสร้งหัวเราะ เขาไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลในตัวเขามากไปกว่านี้

“แกโกหกไม่เก่ง”

การแสดงของภาสกรไม่เคยใช้ได้ผลกับนวพลเลยสักครั้ง เขาถูกจับได้ทันที

“เราขอโทษ”

“ไหวไหมเนี่ย เราเป็นห่วงแกจริงๆ นะเว้ย”

“ไหวสิ” ภาสกรยิ้ม “นี่เราได้งานพิเศษเพิ่มด้วยนะ”

“งานอะไร แค่นี้แกก็เหนื่อยมากแล้ว ยังจะหางานเพิ่มอีก”

“ไม่ต้องห่วง งานบนชั้นยี่สิบเก้านั่นแหละ บอสให้เราไปทำแทนคนเก่า เพิ่มเงินให้เราด้วย”

“แล้วแกก็ตกลง?” ภาสกรพยักหน้าอย่างแรง

“แน่นอน ได้เงินเพิ่มเชียวนะเว้ย ไม่เอาก็โง่สิ”

“ห้ามไม่ทันแล้วใช่ไหม ยังไงก็ระวังๆ ตัวด้วย” นวพลบอกอย่างอ่อนใจ

“อืม ขอบใจนะ”

“อาบน้ำแล้วก็เข้านอนเถอะ เราไม่กวนแล้ว” นพวลตบบ่าภาสกรสองสามทีเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะลุกกลับไปที่เตียงของตนเอง



หลังจากที่ตกปากรับคำจะยอมทำงานชั้นยี่สิบเก้า บอดี้การ์ดของบอสก็เรียกเขาไปรับทราบของการทำงาน ซึ่งงานก็ไม่มีอะไรมาก ยกอาหารขึ้นไปให้อีกฝ่ายที่ห้องตามเวลาก็พอ ในส่วนของเขาเนื่องจากเป็นกะดึก จึงเป็นแค่ขนมและเครื่องดื่มที่พอจะช่วยให้อิ่มท้องก่อนนอนเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่มื้อหนักอะไร


เขามีหน้าที่แค่ยกอาหารขึ้นไปให้เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ห้ามขึ้นไปเด็ดขาด!


ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำหนักแน่น เขาจะไม่ขึ้นไป สัญญาเลย


ทุกอย่างดูสงบ ไม่มีปัญหาแต่เขากลับหนักใจ


ภาสกรรู้ตัวว่าชอบผู้ชายตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น เขาจำไม่ได้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขารู้ตัว แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ชอบมองแค่ผู้ชายมาโดยตลอด ชายหนุ่มไม่เคยปิดบังเรื่องของตัวเองกับพี่สาวและมารดา ในวันที่เขาบอกทั้งสองคนออกไป แม่ดูตกอกตกใจ ในขณะที่พี่พรีมรับฟังอย่างสงบ


ภารวีบอกกับน้องชายว่าสมัยนี้จะรักชอบเพศไหนไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ ขอแค่รักกัน มีใจซื่อสัตย์ต่อกันและช่วยเหลือเกื้อกูลในยามทุกข์ยากก็เพียงพอแล้ว แม่ที่พอจะเริ่มทำใจได้ก็บอกต่อว่าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่บ้าน ไม่ว่าภาสกรจะรับชอบเพศไหน แม่ก็ยังเหมือนเดิม รักลูกชายคนนี้เหมือนเดิม


ชายหนุ่มคิดว่าเขาช่างโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจเรื่องเพศได้อย่างไม่มีปัญหา ทว่าปัญหาคือเขาขี้อายเกินไป ชอบใครก็ไม่เคยบอก ไม่มีความกล้าที่จะไปสารภาพหรือไปจีบคนอื่น ได้แต่แอบมองคนที่ชอบอยู่แบบนี้ กระทั่งจบปีสี่ก็เลยไม่มีแฟนกับเขาเป็นตัวเป็นตนสักที


แม่คอยกระเซ้าเย้าแหย่เขาเรื่องแฟนอยู่เนืองๆ แม้ว่าแม่จะไม่รังเกียจเรื่องที่เขาเป็นเกย์ แต่ในใจลึกๆ ของแม่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะหันกลับมาชอบผู้หญิงได้ในวันหนึ่ง


ปัญหาของภาสกรในตอนนี้คือเขาไม่กล้าสบตากับคุณอลันตรงๆ สักที เขาชอบคนง่าย เห็นใครหน้าตาน่ารัก ก็ชอบไปทั่ว แอบมองไปเรื่อยๆ ไม่แสดงตัว จนกระทั่งเจอคนใหม่ที่น่ารักกว่า เขาก็จะลืมคนเก่าแล้วไปชอบคนใหม่ทันที ภาสกรไม่ใช่คนใจโลเล แต่ที่เขาเปลี่ยนใจนั่นเป็นเพราะคนที่เขาชอบมักจะมีแฟนแล้ว เขาจึงต้องตัดใจแล้วไปหาคนใหม่


คุณอลันในความคิดของภาสกรนั้นดูน่าหลงใหล เส้นผมสีทองนั้นยิ่งทำให้เจ้าตัวเฉิดฉาย แสงจ้า จนตาแทบพร่ามัว อีกทั้งยังคุยเก่ง เขาขึ้นไปเสิร์ฟอาหารทีไร คุณอลันคอยชวนคุย แกล้งแหย่บ้าง ปัดมือมาโดนมือเขาบ้าง ดีที่ไม่ถูกตัวตรงๆ เพราะเขาสวมถุงมือตลอดเวลา เขาเองก็เขินไม่กล้าสบตาหรือตอบอีกฝ่ายไปตรงๆ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบขอตัวออกมาจากห้องโดยเร็ว


ข้อแรก เขาเขินอีกฝ่าย ข้อสอง คุณอลันเป็นของบอส ทำให้เขาตระหนักและสำนึกได้ว่าถ้าไม่อยากตายหรือถูกไล่ออก ก็ไม่ควรยุ่งกับคนของบอส


แต่คุณอลันน่ารักจังเลย ทำยังไงเขาถึงจะห้ามความคิดนี้ได้


ภาสกรไม่กล้าบอกใครเรื่องที่เขาชื่นชมคุณอลัน แม้กระทั่งกับนวพลเพื่อนสนิท เขาก็ไม่กล้าพูด กลัวเพื่อนจะเป็นกังวลเรื่องเขาเพิ่มขึ้นไปอีก


เขาทำงานหลักของตัวเองพ่วงด้วยงานชั้นยี่สิบเก้ามาได้สองเดือน ถึงเวลาเปลี่ยนกะอีกครั้ง คราวนี้เขาถูกเปลี่ยนให้ทำกะบ่ายตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืน เริ่มค่อยเหมือนเวลามนุษย์ปกติหน่อย และเขาต้องขึ้นไปส่งอาหารมื้อเย็นให้คุณอลันแทนจากมื้อดึก


วันนี้เป็นวันหยุดก่อนจะเริ่มงานกะใหม่ เมื่อคุยกับแม่และพี่สาวเสร็จแล้ว เขานั่งแกร่วอยู่ในห้อง ไม่รู้จะไปไหน เป็นอีกครั้งที่นวพลได้ไล่ภาสกรให้ออกไปข้างนอก ชายหนุ่มจึงออกมานั่งรับลมที่ท่าเรือหน้าคาสิโน เขาเริ่มเคว้งอีกครั้งไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี


สงสัยว่าต้องกลับไปขอข้าวป้าเก๋ในครัวทานแล้วก็นอน แล้วจึงเริ่มงานเวลาใหม่วันพรุ่งนี้ ช่างเป็นวงโคจรชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเสียจริง แต่ฟังดูน่าเบื่อ พูดถึงป้าเก๋ ช่วงนี้ภาสกรก็เรียนภาษาจีนกับป้าเก๋อย่างจริงจัง เขาเขียนภาษาจีนได้หลายตัวแล้ว เริ่มอ่านออกบ้างนิดหน่อย


รู้สึกเหมือนตัวเองเก่งขึ้นอีกนิด นิดเดียวก็ยังดี


ภาสกรเห็นสายน้ำสาดกระเซ็นมากระทบฝั่งเป็นระยะๆ เวลาที่มีเรือแล่นผ่านมา เขาชอบมองคลื่นฟองนั้นปะทุขึ้นก่อนจะสลายตัวลงไปในน้ำเหมือนเดิม หรือกลายเป็นวงน้ำกว้างบนพื้น มีคนมาใช้บริการที่ท่าเรือนี้ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคาสิโนทั้งนั้น ทุกคนลงเรือมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน


ทุกคนมาที่คาสิโน หวังว่าจะฟลุ๊ก รวยทางลัด พวกเขาจะรู้หรือเปล่าว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ไม่มีคนรวยเพราะการพนัน


เขาอยู่ที่นี่มาสี่เดือนเริ่มปลงกับเหล่านักพนันทั้งหลาย แรกๆ ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่เมื่อรู้ว่าคนนั้นที่หยิบเครื่องดื่มจากถาดเขาไปนั้นกำลังจะหมดตัวหรือบางคนก็แค่หมดเงินใช้ไปทั้งเดือน แต่ตอนนี้เขาคิดว่าถ้าเราไม่โลภ เราจะปลอดภัย ไม่ค่อยมีใครตาสว่าง กระทั่งไม่เหลืออะไรแล้วจึงรู้สึกตัว


สายลมเย็นยังพัดมาเรื่อยๆ ภาสกรเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากคาสิโน เนกไทถูกปลดต่ำ ชายเสื้อหลุดออกมาจากขอบกางเกง ที่แขนมีเสื้อสูทพาดอยู่บนนั้น มองแวบเดียวภาสกรก็พอเดาออกว่าคนนี้คงจะหมดเงินจากการเล่นแน่นอน


ภาสกรถอนหายใจ ภาวนาให้คนๆ นั้นรีบรู้สึกตัว


แต่แล้วดวงตาต้องเบิกกว้าง เขารีบลุกพรวดจากที่นั่งอยู่แล้ววิ่งอย่างรวดเร็วไปหาชายคนนั้นทันที


“คุณ!” ภาสกรดึงแขนผู้ชายคนนั้นไว้ได้ทันก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะโดดลงไปในน้ำ ผู้คนแถวนั้นต่างหันมาตามเสียงที่ได้ยิน

“ปล่อยผม!” คนที่ทำท่าจะโดดลงไปสะบัดแขนอย่างแรง แต่ภาสกรก็ยื้อไว้ ถึงเขาจะไม่ใช่คนตัวใหญ่นัก ทว่าก็มีแรงไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แล้วแขนสองข้างเนี่ย แบกถาดมาตั้งสี่เดือนจะไม่มีแรงได้อย่างไร

“ไม่ครับ คุณจะทำอะไร”

“ปล่อย ผมไม่อยากอยู่แล้ว”

“ไม่ได้ครับ ถ้าคุณไม่อยู่ต่อแล้วครอบครัวคุณล่ะ เขาจะอยู่ยังไง” ภาสกรรีบหาเหตุผลมาดึงรั้งอีกฝ่าย เขาพยายามลากอีกฝ่ายให้ออกมาจากน้ำให้มากที่สุด แต่คนที่กำลังขาดสติก็แรงเยอะไม่เบา

“ช่างหัว ผมไม่มีบ้านอยู่แล้ว”

“เข้ามาก่อนครับ” ภาสกรพยายามออกแรงดึงอีก

“ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ” อีกฝ่ายเริ่มจะหมดแรง จึงพูดอ้อนวอนขอความเห็นใจ

“ไม่ครับ คุณอย่าทำแบบนี้เลย มันบาปนะครับ” ภาสกรพูดไปตามความเคยชิน เอะอะอะไรก็โยงเข้าบาปบุญไว้ก่อน

“ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้น”

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยู่ดีครับ” ภาสกรพูดโดยไม่สนใจ

“...”

“ลูกเมียคุณรอคุณอยู่นะครับ”

“ปล่อยผมไปเถอะ พวกเขา...ที่บ้านต้องเกลียดผมมากแน่ๆ” ชายคนนั้นพูดอย่างปลงตก แรงถดถอยออกไป แต่ภาสกรยังไม่ไว้ใจ เขาจับแขนอีกฝ่ายแน่นเหมือนเดิม

“...”

“แค่เงินจะกลับไป ตอนนี้ผมยังไม่มีเลย”

“คุณอยู่ที่นี่เหรอครับ” ภาสกรถามออกไป

“อืม”

ภาสกรละมือข้างหนึ่งออกมา ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบธนบัตรออกมาสองสามใบ

“ผมมีติดตัวมาเท่านี้” เขาบอกพลางยื่นให้

“ให้ผมทำไม” ชายคนนั้นถามกลับด้วยความสงสัย

“อย่างน้อยก็เอาเงินนี่ไปเป็นค่ารถกลับบ้านนะครับ” ภาสกรบอกอย่างใจดี

“เราไม่รู้จักกัน”

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ไม่รู้จักกันก็ไม่เป็นไร” ภาสกรบอกพลางยิ้มให้อีกฝ่ายมากกว่าเดิม

“รับไว้เถอะนะครับ” ภาสกรยัดเงินนั้นใส่มือ

“เงินแค่นี้มันไม่พอหรอก ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว” ชายคนนั้นปฏิเสธและออกแรงจะพุ่งไปในน้ำอีกครั้ง เสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มฝูงชนดังขึ้นอีกด้วยความตกใจ

“อย่าโดดลงไปเลยนะครับ” ภาสกรออกแรงดึงอีกครั้ง เขาเริ่มใกล้จะหมดแรง

“ไม่เอา ผมไม่อยากอยู่แล้ว!” แต่ครั้งนี้แรงคนคิดสั้นมากกว่าเดิม ทำให้ภาสกรเริ่มจะจับอีกฝ่ายไม่อยู่

“เอาไงดีครับบอส” อาเฉินถามบอส ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนเห็นเหตุการณ์ยื้อยุดของคนสองคนอยู่ข้างหน้าไม่ไกล

“เข้าไปช่วยภาสกร แล้วคนนั้น ถ้ามันอยากตายก็ปล่อยมันไป”

“ครับ”



คล้อยหลังบอดี้การ์ด ใบหน้าของบอสหนุ่มเจ้าของคาสิโนที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับแค่นเสียงออกมาด้วยความขัดใจ





“เหอะ ใจดีไม่เปลี่ยน”






===================

แปปเดียวทำงานมาสี่เดือนแล้วนะพาย

#พนันท้ารัก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2019 15:05:44
พายใจดี อยากให้มีคนแบบพายทั้งโลกเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 08-02-2019 17:20:54
 :mew1: ใจดีจังงง จะเดือดร้อนไปด้วยไหมเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายๆได้ใจจุงเบย ที่ 08-02-2019 17:32:39
ชอบ
อยากอ่านต่อแล้วอะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 08-02-2019 18:57:25
พายคนดีจะเป็นอะไรมั้ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-02-2019 01:10:07
ความใจดีของน้องนี่แหละที่จะทำให้บอสใจสั่น
 เชื่อเจ้!!!
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่แปด UP!! 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 15-02-2019 11:43:45

วงล้อที่เก้า



“เหอะ ใจดีไม่เปลี่ยน”


อรรควัสก้าวเดินตามหลังบอดี้การ์ดสองคนไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ วันนี้เขาลงมาหน้าคาสิโนเพื่อมาส่งแขกคนสำคัญด้วยตนเอง จึงถือโอกาสตรวจตราบริเวณด้านหน้าของคาสิโนไปด้วย ไม่นึกว่าจะมาเจอภาพอะไรแบบนี้เข้า


เจ้าของคาสิโนเห็นภาสกรนั่งอยู่ที่ตรงม้านั่งตั้งแต่แรก เขาไม่ได้คิดจะเข้าไปคุยเพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมาพูดคุยกับพนักงานคนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปทำงานต่อ หูพลันได้ยินเสียงเจ้าเด็กนั่นโวยวายดังขึ้นเสียก่อน


เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่ไม่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย หากเดาไม่ยากว่าภาสกรคงจะพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้คนคนนั้นคิดสั้น


ทำไมต้องพาตัวเองไปวุ่นวายทุกเรื่องด้วย


“อย่าเลยนะครับ ลูกเมียคุณต้องเสียใจแน่ๆ” ภาสกรพยายามกล่อมอีกฝ่ายไม่หยุด

“ปล่อย!บอกให้ปล่อยได้ยินไหม กูอยากตาย” คนคิดสั้นสะบัดแขน ออกแรงดิ้นอย่างเต็มที่ ภาสกรเริ่มต้านทานแรงอีกฝ่ายไม่อยู่

“อย่าเลยครับ”

“ถ้าเขาอยากตายก็ปล่อยเขาไปสิ” เสียงใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับมือที่จับแขนของภาสกรเอาไว้ ชายหนุ่มหันไปมองด้านข้าง

“อาเฉิน?”

“ปล่อยมือผมครับ ผมต้องช่วยเขา” ภาสกรบอก ขืนเป็นแบบนี้ คนนั้นต้องโดดลงไปแน่นอน

“เขาไม่ต้องการให้ช่วย ไม่เห็นหรือไง” อาคุณพูดขึ้นบ้างก่อนจะจับแขนอีกข้างของภาสกรไว้

“ไม่ได้ครับ” ภาสกรโต้เถียง พยายามสลัดแขนให้หลุดจากการถูกเกาะกุม แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วนผู้ชายคิดสั้นกำลังงงที่เห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาดึงภาสกรออกไป

“ปล่อยผมนะครับ เราควรช่วยเขา” ภาสกรมองใบหน้าสองคนสลับกันซ้ายขวา

“อย่าเข้าไปวุ่นวายเรื่องของคนอื่น” อาเฉินบอกเสียงเข้ม

“ถ้าเราเห็นคนจะฆ่าตัวตายแล้วไม่ช่วยมันผิดกฎหมายนะครับ” ชายหนุ่มเอากฎหมายขึ้นมาอ้าง

“ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย” ภาสกรหมดหนทางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้กฎหมายของบ้านเกิดเขาด้วย

“ผมขอร้อง ช่วยเขาเถอะครับ” ภาสกรอ้อนวอน เขาทำใจเห็นคนตายไปต่อหน้าไม่ได้จริงๆ แล้วคนอื่นๆ ทำไมไม่ช่วยผู้ชายคนนี้ล่ะ ยืนดูอยู่เฉยๆ ทำไม

“คุณ อย่าโดดนะ” ภาสกรตัดสินใจตะโกนบอก ชายคิดสั้นเริ่มถอยหลังออกไปเรื่อยๆ จนใกล้ขอบฝั่งเข้าไปทุกที ทุกที

“...”

“ชีวิตมีค่ามากนะครับ” ภาสกรเกลี้ยกล่อมหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเขา

“ไม่เหลืออะไรก็ไร้ค่า” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังภาสกร ชายหนุ่มตกใจแต่มองไม่เห็นคนพูด เขาไม่ต้องสงสัยนาน อาเฉินก็เฉลยบุคคลปริศนานั้นให้ภาสกรได้ทราบ

“บอสครับ”

“อืม”

“เราจะทำยังไงกับพนักงานนี่ดีครับ”

“วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”

“ขอร้องล่ะครับ ช่วยเขาเถอะ” ภาสกรอ้อนวอน

“ทำไมต้องเป็นทุกข์ร้อนเรื่องคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ดีกว่าหรือไง”

“ถ้าเราช่วยเขาได้ ทำไมเราถึงไม่ช่วยเขา ผมขอร้อง ช่วยเขาด้วยเถอะครับ” ภาสกรอยากทรุดลงไปกับพื้น แต่แขนของเขาถูกดึงเอาไว้ทำให้เขายืนเหมือนคนหมดแรง

“วันนี้ช่วยได้คนหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้ แล้ววันต่อๆ ไป ต้องมาช่วยอีกไหม” อรรควัสถามกลับ

“ผมไม่รู้หรอก รู้แค่วันนี้เราช่วยได้เท่านั้นก็พอ”

“ช่วยคนติดการพนัน หึ!ไร้ประโยชน์ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาไม่อยากอยู่”

“...”

“อาเฉิน พาภาสกรขึ้นไปห้องฉัน” อรรควัสออกคำสั่ง เขาไม่อยากฟังเสียงคร่ำครวญของอีกฝ่ายมากไปกว่านี้

“ครับบอส” สองบอดี้การ์ดรับคำก่อนจะดึงหรือแทบจะเรียกว่าลากชายหนุ่มออกไปตามคำสั่ง

“ปล่อยผมนะครับ ช่วยเขาด้วยนะครับ” ภาสกรโวยวาย

อรรควัสส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเสียงอ้อนวอนของภาสกรหายเงียบไปแล้ว นัยน์ตาหวานแต่ไร้ความเมตตามองไปที่คนกำลังจะฆ่าตัวตาย

“นายน่ะ อยากตายมากเหรอ”

“ใช่ แกใช่ไหมที่เป็นเจ้าของคาสิโนนี่”

“อืม”

“แกมันหน้าเลือด แกมันโกง” คนคิดสั้นชี้หน้าด่าอรรควัสอย่างอัดอั้น

“คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อคนฉลาด” อรรควัสไม่ได้โกรธ ตลอดเวลาที่เขาอยู่แวดวงนี้ ใครๆ ก็พากันสรรเสริญเขามากมาย จนคำพวกนั้นเหมือนเป็นคำพูดของแมลงหวี่แมลงวันไปเท่านั้น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ

“ถ้ายังอยากตาย ปล่อยให้ลูกเมียลำบากก็โดดไป แต่ถ้าอยากทำงาน มีเงินใช้ ดูแลลูกเมียที่บ้านได้ก็ตามฉันมา”

“...”

“ตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน ชีวิตของใคร คนนั้นก็รับผิดชอบเอง” อรรควัสพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่ยังยืนอยู่อีกหนึ่งคน

“อาคุณ”

“ครับ”

“รอดูทีท่าเขา ถ้าอยากตายก็ปล่อยไปแต่ถ้าไม่ ก็หางานให้เขาทำด้วย”

“ครับ” อาคุณรับคำ วันนี้บอสคงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ




...
“รออยู่บนนี้ แล้วทำตัวดีๆ อย่าทำให้บอสต้องโมโห” อาเฉินสั่งทิ้งท้ายก่อนจะออกไปจากห้อง ภาสกรอยากจะลงไปที่ท่าเรืออีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าป่านนี้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร


ชีวิตคนทั้งคน อย่าทำให้มันไร้ค่าแบบนี้สิ


ชายหนุ่มนั่งบีบมือไปมา จิตใจกระสับกระส่าย ใจหนึ่งก็อยากจะออกไปจากที่นี่ อีกใจหนึ่งก็กลัวบอสจะมาไล่ออก โทษฐานขัดคำสั่ง ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้


เอายังไงดี?


เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ภาสกรลืมอาการฟุ้งซ่านไปชั่วคราว เขาหันไปมองผู้มาใหม่ คนนั้นเป็นเจ้าของห้องนี้และยังเป็นเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ด้วย ใบหน้าของคนที่เพิ่งเข้ามาถมึงทึง ไม่ยิ้มแย้ม ภาสกรกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ อรรควัสกลับเข้าไปนั่งที่ประจำตัวเอง ภาสกรเดินมายืนที่หน้าโต๊ะอีกฝ่ายโดยไม่ต้องสั่ง


“สงบสติอารมณ์ได้หรือยัง” นั่นคือประโยคแรกที่เจ้าของห้องถามขึ้น

“เอ่อ...แล้ว” ภาสกรเตรียมจะถามถึงคนคิดสั้น แต่สมองสั่งให้หยุดไว้ถ้ายังอยากอยู่รอดปลอดภัย เมื่อที่บอสถาม เขาต้องตอบ คำนี้มันผุดขึ้นมาช่วยเขาได้ทัน

“ครับ” เขาตอบรับอย่างสงบเสงี่ยม

“ดี”

“บอสครับ” ในเมื่อเขาตอบคำถามแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะถามหรือเปล่า

“ฉันยังไม่อนุญาตให้ถาม”

“ครับ” ภาสกรก้มหน้าลง มองมือที่ยังบีบกันแน่น

“รู้ไหมท่าเรือตรงนั้น วันวันหนึ่งมีคนฆ่าตัวตายกี่คน”

“เอ๊ะ เหรอครับ” ภาสกรตกใจ เงยหน้ามองคนพูด

อรรควัสเหลือบมองคนที่ทำราวกับไม่รู้เรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิตแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความเบื่อหน่าย

“วันหนึ่งมีคนคิดสั้นไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เธอพยายามดิ้นรนจะช่วยเขาแทบเป็นแทบตายเป็นคนที่เท่าไหร่ของวัน”

“...”

“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าการช่วยเหลือคนที่จะตายมันเป็นสิ่งที่ดี แต่หยุดเข้าไปวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า”

“ทำไมล่ะครับ”

“มนุษย์ทุกคนล้วนมีความโลภ และยิ่งเป็นคนจนตรอกไร้หนทาง ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะกล้าทำอะไรบ้าง ถ้าวันนี้เธอช่วยเขาสำเร็จ แต่พ้นจากตรงนี้ไปแล้วเขาไปฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ล่ะ เธอจะดีใจไหม”

ภาสกรส่ายหน้า

“แน่นอนไม่มีใครดีใจหรอก เธอคงอยากจะเถียงฉันว่าเขาคงไม่ทำอย่างที่ฉันคิดก็ได้ ถูกไหม”

“ผมเปล่า” ภาสกรรีบบอกปัด ทั้งที่ในใจเพิ่งนึกเถียงอีกฝ่ายอยู่เมื่อสักครู่นี้

“หน้าเธอมันฟ้องว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันพูด”

“แล้วตอนนี้เขายังอยู่ไหมครับ” ภาสกรเลี่ยงคำว่าตายเอาไว้ เขาไม่อยากให้คนนั้นตายเลย

“ฉันอนุญาตให้ถามตั้งแต่เมื่อไหร่” อรรควัสบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“ขอโทษครับ” ภาสกรยกมือไหว้ตามความเคยชิน “แต่ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นยังไง”

“ฉันไม่รู้” คำตอบของอรรควัสทำให้ภาสกรแปลกใจ จะไม่รู้ได้อย่างไร ก็อรรควัสอยู่ในเหตุการณ์เหมือนกันไม่ใช่หรือไง

“แต่...บอส”

“ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือตาย เพราะฉันเดินออกมาก่อน” อรรควัสเฉลย
       
“ถ้างั้นผม...”


ก๊อก..ก๊อก..


“เข้ามา” อรรควัสอนุญาต เป็นอาคุณที่เดินเข้ามายืนข้างๆ กับภาสกร

“ว่าไง”

“เขายอมทำงานกับเราแล้วครับ”

“อืม” อรรควัสเปลี่ยนมามองภาสกรอีกครั้ง “ได้ยินหรือเปล่า”

“ครับ?” ภาสกรดูยังไม่เข้าใจ

“อาคุณ” บอสขี้เกียจเป็นคนพูดจึงให้อาคุณพูดแทนตัวเอง

“คนที่นายตั้งใจจะช่วย เขายังไม่ตายและยอมทำงานกับเรา”

“จริงเหรอครับ!!ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ” ภาสกรทั้งไหว้ ทั้งโค้งตัวเป็นการใหญ่เพื่อแสดงความขอบคุณคนทั้งคู่

“ไม่ต้องขอบคุณ เพราะเธอจะต้องเป็นคนดูแลหมอนั่นเอง”

“ได้ครับๆ” ภาสกรรีบรับปากผงกหัวทันทีโดยไม่อิดออด




...

“พี่แอนดี้กำลังจะออกกะเหรอครับ” ภาสกรถามคนที่กำลังจะสแกนนิ้วเลิกงาน

“ใช่” แอนดี้ หลิน หรือหลินจื่ออิง คือชายหนุ่มอายุสามสิบปีที่ภาสกรช่วยเขาไว้ไม่ให้กระโดดน้ำตาย ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นแอนดี้ก็เข้ามาทำงานในคาสิโนนับแต่นั้นมาและได้ภาสกรคอยช่วยแนะนำงานให้

“แล้วนายล่ะ”

“เหมือนเดิมครับ” เหมือนเดิมของภาสกรคือชายหนุ่มกำลังแสกนนิ้วเข้างานในกะบ่ายของตน ก่อนจะถามต่อเมื่อเห็นล็อกบันทึกเข้างานเรียบร้อยแล้ว “พี่เริ่มปรับตัวได้หรือยังครับ”

“เริ่มชินขึ้นบ้างแล้วล่ะ ก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วนี่นะ” แอนดี้หัวเราะ

“ถ้าพี่ไม่รีบกลับ ไปกินข้าวกับผมก่อนไหม จะได้เอาปิ่นโตไปฝากเด็กๆ ที่บ้านด้วย” ภาสกรเอ่ยชวน

“เอาสิ เริ่มหิวนิดๆ เหมือนกัน”


ภาสกรกับแอนดี้เดินเข้ามาในโรงอาหารใหญ่ด้วยกัน พวกเขาแยกย้ายไปเลือกอาหารที่ตนเองต้องการก่อนจะกลับมาหาที่ว่างนั่งอยู่บริเวณนั้น

“หน้าพี่ดูสดใสขึ้นแล้วนะเนี่ย” ภาสกรแซวเพราะเห็นคนตรงข้ามมีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอยู่แทบตลอดเวลา

“อืม ขอบใจพายมาก ถ้าไม่ได้พายช่วยวันนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จะเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรครับ แค่พี่โอเค ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว” ภาสกรบอกพลางยิ้มตาแทบปิดส่งกลับไปให้ เขารู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ช่วยเหลือคนได้ และยิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าคนที่เขาช่วยไว้กำลังจะมีชีวิตหรืออนาคตที่ดีต่อจากนี้

“เอ๊ะ พาย นั่นรอยอะไร” แอนดี้สังเกตเห็นที่แขนซ้ายของภาสกรมีรอยขีดสีขาวจางๆ

“อ๋อ” คนถูกถามยกแขนขึ้นมาเล็กน้อย “รอบแผลเป็นน่ะครับ”

“จะไม่เป็นไรใช่ไหม” แอนดี้ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะลดเสียงเบาลง “พี่หมายถึงกฎระเบียบ”

“ไม่ต้องห่วงครับ เวลาทำงาน ปกติผมจะดึงแขนเสื้อมาปิดอยู่แล้ว แต่วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนผมเลยถกแขนเสื้อขึ้นมา”

“อืม ระวังหน่อยล่ะ พี่ไม่อยากให้คนเห็นเยอะ กลัวคนจะพูดในทางที่ไม่ดี”

“ขอบคุณมากครับ” ภาสกรบอกจากใจ ก่อนจะทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายดึงแขนเสื้อลงมาแล้วกลัดกระดุมที่ข้อมืออย่างเรียบร้อย

“โอเคหรือยังครับ” ภาสกรถาม

“ดีแล้วล่ะ”

“พี่ชอบงานที่นี่ไหม” ภาสกรถามขึ้นเมื่อข้าวบนจานพร่องไปครึ่งจาน

“ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียดล่ะนะ ยังไงก็มีงานทำ”

“จริงครับ” ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วย

“พายล่ะ ชอบงานที่นี่เหรอ” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ไม่เชิงหรอกครับ แต่ที่นี่ได้เงินเยอะ ถ้าผมอยู่ที่เมืองไทย เงินเดือนก็คงจะไม่กี่บาทเท่านั้น ไม่พอใช้”

“พี่ไม่ยักรู้ว่าพายจะใช้เงินเก่ง” แอนดี้หัวเราะเล็กน้อยระหว่างถามคำถาม

“เปล่าครับ เห็นผมเป็นคนยังไง คือแม่ผมป่วย ก็เลยอยากหาเงินให้ได้เยอะๆ มารักษาแม่ก็เท่านั้นเอง”

“น่านับถือๆ” แอนดี้พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ลูกกตัญญู ดีแล้วละ ดีแล้ว เก่งมาก”

“พี่พูดเสียจนผมเขินเลย” ภาสกรก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความอาย พอถูกชมตรงๆ แบบนี้เขาก็แสดงสีหน้าไม่ถูกเลย

“เขินทำไมกันเล่า ทำดีต้องชื่นชม”

“ไม่เอาแล้วครับ พี่อย่าชมผมอีกเลย”

“ตกลงๆ แล้วแม่พายป่วยเป็นอะไรล่ะ”

“โรคไตน่ะครับ ต้องฟอกไตบ่อยๆ”

“ที่นั่น เอ่อ เมืองไทยใช่ไหม ค่ารักษาคงแพงมากใช่ไหม” แอนดี้ถามอย่างไม่แน่ใจเพราะเขาไม่ค่อยรู้จักประเทศไทยมากมายนัก

“ก็ประมาณนั้นครับ” ภาสกรแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่รู้ว่าค่ารักษาที่เมืองไทยพอเทียบเป็นสกุลเงินที่นี้แล้วจะยังถือว่าแพงหรือเปล่า

“ถ้าพายขาดเงินล่ะก็” แอนดี้ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกใครบางคนขัดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของตนเองเสียก่อน

“อ้าว พายมาทำงานแล้วเหรอ เรานั่งกินข้าวด้วยคนสิ สวัสดีครับพี่แอนดี้” เจหรือเจษฎาเป็นเพื่อนกับนวพลมาก่อน เมื่อภาสกรเข้ามาทำงานที่นี่ นวพลจึงแนะนำเพื่อนที่เขาค่อนข้างสนิทด้วยให้รู้จัก

“หวัดดี”

“เอาสิ” ภาสกรตอบพลางตบที่นั่งข้างตัวให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอาข้าวก่อน”

“อืม” ภาสกรรับคำเพื่อนก่อนจะถามแอนดี้ “ตะกี้พี่พูดอะไรนะครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก งั้นพี่ไปก่อนนะ”

“อิ่มแล้วเหรอพี่”

“ใช่”

“พี่จะไปรับลูกเหรอ” ภาสกรถามต่อ

“อืม”

“ครับ พี่แอนดี้อย่าลืมเอาปิ่นโตไปนะครับ”

“ไม่ลืมหรอก พี่ไปนะ” แอนดี้โบกมือให้ก่อนจะเดินออกไป

“ครับ แล้วเจอกัน”

เมื่อเจษฎากลับมาอีกทีก็เห็นเพียงเพื่อนใหม่ของตนนั่งอยู่คนเดียว “พี่แอนดี้ล่ะ?”

“กลับไปแล้ว บอกว่าจะไปรับลูก”

“ลูก?ลูกที่ไหน”

“ทำไมเหรอ” ภาสกรถามด้วยความแปลกใจ

“วันก่อนเพิ่งเห็นพี่แอนดี้บอกกับพนักงานอีกคนว่ายังไม่มีครอบครัวเสียหน่อย”

“ใช่เหรอ แต่พี่เขาบอกเราเองเลยนะว่ามีลูกมีเมียแล้ว”

“พายแน่ใจ?”

“แน่ใจสิ”

“งั้นเราอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้ ไม่ต้องสนใจที่เราพูดไปก่อนหน้านี้แล้วกัน” เจษฎาตัดบทเมื่อเห็นภาสกรมีสีหน้าสงสัยพลางขมวดคิ้ว

“เจอย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”








========================





บ้าน่า ไม่มีอะไรหรอก



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-02-2019 12:33:42
อะไรอ่ะ ตกลงมีหรือไม่มี หรือวางแผนอะไรไว้ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-02-2019 19:56:14
วางแผนจีบพาย งั้นก็ดีซิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-02-2019 19:33:15
หนอนบ่อนไส้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 26-05-2019 10:20:44
แอนดี้ อะไรยังไงเนี่ย คุณบอสขาา ต้องดูแลพายเยอะๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-05-2019 17:34:39
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่เก้า UP!! 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-07-2019 10:34:28


วงล้อที่สิบ


“คนที่มาใหม่เป็นไงบ้าง” อรรควัสเอ่ยถามบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนรายงานเหตุการณ์ข้างล่างในแต่ละวันอยู่ห้องทำงานของตัวเองพลางอ่านเอกสารในมือไปด้วย

“คนที่พาย เอ่อ ขอโทษครับ คนที่ภาสกรช่วยไว้ใช่ไหมครับ” อาคุณเรียกชื่อเล่นของภาสกรก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่สมควรพูดจึงรีบขอโทษ

“ดูท่าทางนายจะสนิทกับพนักงานนั่นดีนะ” อรรควัสเปรยขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้นไม่ได้ต้องการจะตำหนิแต่อย่างใด

“ตั้งแต่ที่พาย เอ่อ ภาสกรขึ้นมาดูแลคุณชั้นยี่สิบเก้าเลยได้พูดคุยกันมากกว่าเดิมครับ” และรีบพูดเรื่องที่เจ้านายถามแต่แรกต่อทันที

“ถ้าพนักงานคนนั้นชื่อแอนดี้ หลิน ครับ เขาดูแข็งขัน เอาการเอางานดี ภาสกรเองก็สอนงานให้อย่างตั้งใจ” อรรควัสสะดุดหูในน้ำเสียงของอาคุณจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย

“อาคุณดูจะชื่นชมเด็กนั่นมากเหลือเกินนะ” เจ้าของคาสิโนวางกระดาษในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าทั้งสอง

“ภาสกรเป็นเด็กนิสัยดีครับบอส”

“เด็กนั่นดูจะมีอะไรดีถึงขนาดทำให้อาเฉินและอาคุณเอ่ยชม” ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่สองบอดี้การ์ดจะยกยอหรือชื่นชมใครแบบนี้

“ขอโทษครับบอส” อาเฉินและอาคุณรีบขอโทษบอสหนุ่มเพราะคิดว่าตัวเองได้พูดอะไรที่ไร้สาระออกไป

“ไม่ต้องขอโทษ พวกนายไม่ได้ทำผิดอะไร ฉันก็แค่แปลกใจเฉยๆ ที่เด็กใหม่นั่นทำให้นายสองคนเอ่ยปากได้ถึงขนาดนี้”

“ภาสกรไม่ใช่เด็กใหม่แล้วครับบอส เขาทำงานกับเราครบหกเดือนแล้ว” อาเฉินยิ้มออกมานิดหน่อย

“หืม..ครึ่งปีแล้วเหรอ คิดว่าจะไม่รอดตั้งแต่เดือนแรกเสียอีก” อรรควัสยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายเยาะหยันบุคคลที่สาม

“ถึงจะดูเหมือนเป็นเด็กไม่ทันคนแต่ก็ตั้งใจทำงานและชอบช่วยเหลือคนอื่นครับ คนในครัวเอ็นดูภาสกรมากเลยทีเดียว”

“รู้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ พวกนายคงสนิทกับภาสกรอะไรนั่นจริงๆ เอาเถอะๆ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าพวกนายจะสนิทสนมกับใคร แต่อย่าให้เสียงานเสียการก็พอ”

“ครับ แล้วบอสถามพวกเราเรื่องแอนดี้ทำไมครับ”


“จับตาดูเขาให้หน่อย”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ แอนดี้ทำงานดี ตั้งใจ ไม่น่ามีอะไร” อาเฉินโพล่งถามขึ้นมาด้วยความกังวล

“เพราะแบบนั้นฉันถึงกังวล” อรรควัสพูดเบาๆ “ส่งคนของเราจับตามองเขาทุกฝีก้าว แม้กระทั่งหลังเลิกงานก็ตาม”

“ครับบอส”

“ยังมีอีกเรื่อง”

“ครับ”

“บอกอลันด้วยว่าคืนนี้ฉันจะลงไปที่นั่น”

“ครับ” สองบอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง





...

“พายเอ๊ย พาย” เสียงเรียกชื่อของภาสกรจากป้าเก๋ดังขึ้นที่หูของเขา

“ครับ” เขากรอกเสียงลงไป

“มายกถาดพวกนี้ไปให้คุณข้างบนหน่อยลูก”

“ได้ครับ ป้าเก๋” ภาสกรวางถาดไว้ที่เคาท์เตอร์ก่อนจะรีบไปที่โรงครัวอย่างรวดเร็ว


ชายหนุ่มรับถาดที่วันนี้ดูมีขนาดใหญ่กว่าปกติขึ้น ก่อนจะกดลิฟต์แล้วเลือกชั้นตามที่ต้องการทันที แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะถาดมีขนาดใหญ่แต่ก็เขาก็สามารถประคองถาดและทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ภาสกรกดกริ่งเมื่อเท้าของเขาหยุดอยู่ประตูหน้าห้องเพียงห้องเดียวบนชั้นนี้

“พายมาแล้ว” อลันยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูออกมา

“ครับ คุณอลัน” ภาสกรเองก็ยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายเช่นกัน ภาสกรรู้สึกตาพร่าทุกครั้งที่ได้เห็นคนในห้อง อลันเหมือนแสงอาทิตย์เจิดจ้าจริงๆ

“เข้ามาก่อน ถาดใหญ่จัง คงจะหนักน่าดู” เจ้าของเส้นผมสีทองถามอย่างเป็นห่วงระคนขบขันที่เห็นภาสกรถือถาดที่ใหญ่กว่าตัวไปมากโข

“ไม่หนักหรอกครับ แค่นี้สบายมาก” ภาสกรบอกไม่เกินจริงเพราะเขาต้องแบกถาดเครื่องดื่มทุกวัน ตอนนี้เขาสามารถถือได้ทั้งมือซ้ายและขวาได้เป็นอย่างดี

“จริงอะ?”

“จริงสิครับ ผมจะโกหกคุณอลันทำไม” ภาสกรกำลังยกจานออกมาวางบนโต๊ะด้วยระหว่างที่พูดตอบไป อลันเหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่เขาเบิกบานใจได้ทุกครั้ง

“พายน่ารักจัง”

“คะ..ครับ?” ภาสกรเขินเล็กน้อยถึงกับพูดตะกุกตะกัก เขายังไม่ชินเวลาที่ถูกอลันพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบนี้ แต่เขาเริ่มมีภูมิต้านทานบ้างแล้วว่าอลันไม่ได้ชมเขาหรอก อลันชอบแกล้งเขา

“คุณอลันชมขนมใช่ไหมล่ะ” ภาสกรบอกอย่างรู้ทัน “ไม่รู้ทำไม ผมยกอาหารมาให้คุณอลันทีไร ต้องมีพายทุกครั้งเลย”

“พายน่ารัก” อลันพูดอีกครั้ง “อันนี้ชมพายที่เป็นคนพูดได้ไม่ใช่ขนม” ภาสกรหน้าแดงเมื่อได้ยินจนจบ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอลันชมซึ่งหน้า

“คุณอลันชอบพูดแกล้งผม ผู้ชายน่ารักไม่ได้หรอกครับ”

“ไหนดูสิ มีอะไรกินบ้าง” อลันพอเห็นพนักงานหนุ่มมีท่าทางเก้อเขินอย่างหนัก เขาก็ไม่แกล้งเจ้าตัวต่ออีก

“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมคุณอลันถึงสั่งอะไรมาทานเยอะแยะครับ” ภาสกรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะนอนไม่สบายถ้าทานอาหารเข้าไปมาก

“เป็นห่วงผมเหรอ” อลันโปรยยิ้มให้ภาสกรใจเต้นอีกครั้ง

“เอ่อ..ผม”

“เขินง่ายจัง”​ อลันโบกมือ “เอาละๆ ไม่แกล้งแล้ว”

“ครับ” ภาสกรหายใจหายคอโล่งขึ้นมาบ้าง

“ไม่ต้องห่วงหรอกที่ผมสั่งมาเยอะแยะนี่ไม่ได้กินคนเดียว”

“เพื่อนเหรอครับ?” ภาสกรถามพาซื่อ

“พูดอย่างกับไม่รู้จริงๆ เหรอว่าใครจะเข้ามาในห้องนี้ได้บ้าง” อลันหัวเราะ ภาสกรรีบประมวลผลในสมองก่อนจะนึกได้

“คุณอรรค!” เขาโพล่งชื่อที่อยู่ในหัวออกไปอย่างที่คิด

“ใช่ ฉันเอง มีปัญหาอะไร” เจ้าของชื่อที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนนั้นก็ได้ยินเสียงของใครสักคนเรียกชื่อตัวเองจึงหันไปตามเสียงและพบว่าเป็นพนักงานที่ชื่อภาสกรคนนั้น


เด็กขยัน


ขยันสร้างแต่เรื่อง!


“หรือว่าฉันเองก็มาห้องนี้ไม่ได้” อรรควัสมองพนักงานตรงหน้า แต่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ กระนั้นภาสกรก็ยังเสียวหลังวาบ เขารีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนเป็นนายเลยแม้แต่น้อย

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“แล้วหมายถึงอะไร” ภาสกรไปต่อไม่ถูกเมื่อรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายไล่ต้อน

“พอแล้วครับคุณอรรค แค่นี้พายก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว” อลันว่าพลางจับแขนอรรควัสเพื่อเป็นการขอให้ยุติการไล่บี้พนักงานคนนี้ได้แล้ว

“ได้”

“คุณใจดีกับผมเสมอ ขอบคุณครับ” อลันบอกส่วนภาสกรได้ยินแค่เสียงคนสองคนคุยกันเพราะเขายังไม่กล้าเงยหน้า

“แล้วนี่ทำไมยังไม่ออกไปอีก” จู่ๆ อรรควัสก็พุ่งประเด็นมาทางภาสกรอีกครั้ง

“คะ..ครับ ขอโทษครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”​ ภาสกรรีบยกถาดขึ้นมาแล้วกระวีกระวาดออกจากห้องไป

ภาสกรพรูลมหายใจออกมาทันทีเมื่อประตูบานสวยนั้นได้ถูกปิดลงอีกครั้ง ถาดใบใหญ่ถูกกอดไว้กับอก เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เขาเกือบจะถูกด่าอีกแล้วใช่ไหม

“ทีกับคนอื่นละก็ดุจริง ทีกับคุณอลันไม่เห็นทำตัวโหด” ภาสกรบ่นพึมพำออกมากับตัวเอง

“พูดอะไรคนเดียวน่ะพาย” อาเฉินที่ยืนรออยู่หน้าประตูถามขึ้น

“นั่นสิ” ไม่เพียงแค่อาเฉินที่ทัก อาคุณก็เช่นกัน ทั้งสองยืนคนละฝั่งของขอบประตู โดยมีภาสกรอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา

“ปะ..เปล่าครับ” ภาสกรรีบปฏิเสธ

ก่อนจะเลิ่กลั่กมองซ้ายและขวาแล้วจึงอุทานออกมาด้วยความโล่งใจ “พี่เฉิน พี่คุณ!”
“อืม พวกพี่เอง แล้วนี่เราเป็นอะไร”

“เปล่าครับ”

“พี่ได้ยินนะพาย” อาเฉินบอกอย่างรู้ทัน ภาสกรเองก็ลืมไปถึงสองคนนี้จะไม่ใช่คนไทย แต่ก็สามารถฟังภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

“ก็..เจ้านายพี่อะ น่ากลัวชะมัด” ภาสกรเลิกปิดบัง เขาเลือกเผยความในใจออกมา

“ถ้าเราไม่ทำผิด บอสก็จะไม่ลงโทษ” อาคุณพูดขึ้นบ้าง

“ผมรู้ครับ แต่มันอดกลัวไม่ได้นี่นา คนอะไรตาสวยแท้ๆ แต่กลับดูน่ากลัวชิบ”

“อย่าได้เอ่ยชมว่าบอสตาสวยต่อหน้าเขาเชียวล่ะ” อาเฉินเตือนด้วยความหวังดี

“ทำไมครับ”

“บอสไม่ชอบ” อาคุณบอกเหตุผลให้ฟังง่ายๆ

“คนอะไรแปลกพิลึก มีคนชอบก็น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ”

“พายต้องระวังปากบ้างเวลาพูดถึงบอส” เป็นอีกครั้งที่อาเฉินพูดเตือน

“ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะระวัง”

“ดีแล้ว” อาเฉินตบไหล่ให้กำลังใจพนักงานหนุ่ม “แล้วไม่รีบลงไปทำงานต่อเหรอ”

“จริงด้วย” ภาสกรตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “เพราะพวกพี่นั่นแหละมัวแต่ชวนผมคุย” ภาสกรว่าสองบอดี้การ์ดก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆ ลงไปทำงานต่อทันที





...

“คุณอรรคทานซุปไก่ก่อนนะครับ” อลันยื่นชามซุปที่อุ่นกำลังดีไปให้อรรควัส

“เธอนี่ยังไง ชอบหาแต่ของกินมาให้ฉันอยู่เรื่อย”

“คุณไม่ค่อยดูแลตัวเองนี่ครับ ทำงานก็เยอะ นอนก็น้อย ใช้ชีวิตสวนทางเหลือเกิน”

“วันๆ หนึ่งในคาสิโนมีแต่เรื่องวุ่นวาย ถ้าขืนฉันยังปล่อยปละละเลยคงเละเทะไปกันใหญ่” อรรควัสพูดด้วยความเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมตักซุปนั้นเข้าปาก

“ให้อาเฉินกับอาคุณดูแลแทนไม่ได้เหรอครับ”

“...” อรรควัสไม่ตอบอะไร

“ขอโทษครับ ผมพูดมากเกินไปหน่อย” อลันรีบขอโทษทันที “ผมแค่เป็นห่วงคุณ”

“ช่างเถอะ”

“ทานสเต็กปลากับสลัดด้วยนะครับ ชิ้นไม่ได้ใหญ่มาก”

“เห็นอาคุณบอกว่า เธอไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน เอาแต่อยู่บนห้อง ไม่เบื่อหรือไง”

“เบื่อนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่รู้จะไปไหนดี” อลันยอมรับ

“ถ้าเบื่อมาเก๊าจะข้ามไปฮ่องกงสิ ฉันไม่ได้ห้าม”

“ทราบครับ แต่ผมไม่อยากไปคนเดียว”

“อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนงั้นหรือ” อรรควัสถามตรงประเด็น

“ผมรู้ว่าคุณงานเยอะ แต่ถ้าไปกับคุณอรรค ผมคิดว่าต้องดีกว่าไปคนเดียวแน่นอน”

“ฉันยังไม่ค่อยว่าง หาเพื่อนไปแทนก่อนสิ”

“คุณพูดเหมือนไม่รู้ว่าผมมาที่นี่ตามลำพัง” อลันหัวเราะออกมา เขาไม่ได้พูดเพราะความน้อยใจแต่พูดจากความเป็นจริง

“...”

“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากจะขอ...” อลันสบตาคนตรงหน้าก่อนจะหยุดคำพูดแล้วเลือกเงียบลง

“พูดมาเถอะ”

“ผมอยากขอให้พายไปเที่ยวเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”

“ไม่คิดว่าขอมากไปหน่อยหรืออลัน” อรรควัสถามกลับ เขามีเด็กในปกครองมาหลายต่อหลายคน แต่ไม่เคยเจอใครเหมือนอลัน

“ขอโทษครับ”

“ดูเธอจะถูกใจพนักงานของฉันนะ”

“พายน่ารักดีครับ” อลันชมก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพายไปมากกว่านั้น อีกอย่างนอกจากคุณ บอดี้การ์ดของคุณ ก็มีแค่พายเท่านั้น”

“ฉันควรเชื่อเธอดีไหม ในเมื่อพนักงานเสิร์ฟที่ยกอาหารมาให้เธอ ไม่ได้มีแค่พายคนเดียว” เพราะใครต่อใครก็เรียกพายแทนชื่อภาสกร ไม่ว่าจะเป็นบอดี้การ์ดของเขาหรือแม้กระทั่งอลันเองก็ตาม ทำให้อรรควัสเรียกตามคนพูดเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

“คนอื่นนอกจากพาย น่ากลัว อายุก็มากกว่าผมหลายปี คนละรุ่นกันคุณก็รู้ เชื่อผมเถอะครับ ผมแค่เห็นว่าพายตลก น่าแกล้งดี และรุ่นเดียวกันก็เท่านั้น”

“เอาละ ฉันจะลองเชื่อใจเธอดู” อรรควัสบอก

ก่อนจะถามต่อ “แล้วเธออยากไปวันไหน ฉันจะได้ให้คนไปบอกพายของเธอถูก”

“พรุ่งนี้ได้ไหมครับ” อรรควัสส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทำให้อลันหน้าม่อยลง

“กระชั้นชิดเกินไป มะรืนอาจจะได้”

“มะรืนก็ได้ครับ ขอบคุณครับคุณอรรค”




...


‘ไปเรียกพายให้ขึ้นมาหาฉันที่ห้องทำงาน’


เวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ภาสกรก็ได้รับคำสั่งจากเจ้าของคาสิโนที่ถูกส่งผ่านมาทางอาเฉิน สิ่งที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวล

อรรควัสมีธุระอะไรกับเขา แล้วเขาจะโดนด่าอะไรอีก ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องคุณอลันหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้วเรียกเขามาทำไม เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

ภาสกรคิดวกวนเวียนไม่ตกระหว่างที่ลิฟต์กำลังทะยานขึ้นสู่ชั้นบน

“หน้าเครียดเชียว ไม่มีอะไรหรอก” อาเฉินปลอบใจ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบอสจะเรียกผมไปทำไมล่ะครับพี่เฉิน”

“อาจจะมีธุระกับพายก็ได้” อาเฉินแบ่งรับแบ่งสู้

“พี่ไม่รู้เหรอ”

“ไม่รู้หรอก แต่ถ้าพายไม่ได้ทำอะไร ก็ไม่ต้องกังวลหรอก”

เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานใหญ่ของบอส อาเฉินจึงเคาะประตูก่อนจะเข้าไปรายงานเรื่องภาสกรไม่ถึงนาที ตอนนี้พนักงานเสิร์ฟที่มีอายุงานหกเดือนแล้วก็เข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของอรรควัสแล้ว

“บอสครับ”

“อืม” เจ้าของห้องรับคำในคอก่อนจะขีดเขียนอะไรบนกระดาษที่อยู่ข้างหน้าสักครู่ ภาสกรเองก็ยืนรอฟังอย่างสงบ เขาไม่กล้าถามหรือพูดอะไรหรอก แค่จะหายใจเขายังกลัวเลย

กว่าจะได้ยินเสียงของอรรควัสอีกครั้ง ภาสกรที่ยืนอยู่ก็เริ่มเมื่อยขา เขานึกดีใจที่เห็นอรรควัสวางปากกาในที่สุด “ที่ฉันเรียกเธอขึ้นมา”

“ครับ”

“อลันอยากให้เธอไปเที่ยวเป็นเพื่อน”

“เที่ยว?”

“ใช่”

“เอ่อ..ครับ” ภาสกรงุนงงเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจทำไมอลันถึงอยากให้เขาไปด้วย

“ฉันจึงมาถามความสมัครใจของเธอ หากไม่สะดวกฉันจะให้คนไปบอกเขาว่าเธอไม่ไป”

“ผมปฏิเสธได้ใช่ไหมครับ” ภาสกรถามกลับไปทั้งที่คิดว่าจริงๆ แล้วเขาเหมือนกำลังถูกมัดมือชก ใครจะกล้าปฏิเสธคนตรงหน้ากันล่ะ

“ใช่ ถ้าเธอตกลง ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องงานและวันหยุดของเธอ”

“ยังไงครับ”

“การไปเที่ยวกับอลันให้ถือเป็นวันทำงาน ถ้ามันตรงกับวันหยุด เธอก็จะได้รับวันหยุดชดเชยเพิ่ม”

“แปลว่าผมไม่ต้องเข้ามาทำงานที่คาสิโนเหรอครับ”

“ใช่” อรรควัสไม่เร่งรัดเอาคำตอบ เขาทำเพียงแค่เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ แต่ภาสกรมองตามท่าทีนั้น


‘นี่มันไม่ต่างจากกดดันเขาเลยไม่ใช่หรือไง’


“ถ้างั้น..” ภาสกรคิดอย่างรวดเร็ว

ในเมื่องานก็ไม่ต้องทำ เงินไม่เสีย วันหยุดมีเหมือนเดิม และที่สำคัญได้ไปเที่ยวกับคุณอลัน

ใครจะปฏิเสธกันละ

“ว่า?”




“ผมตกลงครับ”








========================



มาต่อแล้วค่า แต่ขอมาช้าหน่อยนะคะ ต้องกลับไปอ่านทวนอีกรอบ ><


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบ UP!! 18/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-07-2019 12:49:58
คิดถึงคนแต่งมากกกกกกก  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบ UP!! 18/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2019 14:32:18
ดีใจที่มาอัพต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบ UP!! 18/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-07-2019 07:48:21
รอน้องพายตลอด ได้เจอซะที
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบ UP!! 18/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-08-2019 18:16:52

วงล้อที่สิบเอ็ด


“คุณอลัน วันนี้เราจะไปที่ไหนกันครับ”

“ที่ไหนดีน้า พายมีที่แนะนำไหม”

“ผมไม่ค่อยได้ไปไหนเลยไม่ค่อยรู้จักครับ”

“อาเฉินล่ะว่าไง”

การออกมานอกคาสิโนของอลันไม่ได้มากับภาสกรตามลำพังเพียงสองคนแต่อรรควัสให้อาเฉินมาคอยอำนวยความสะดวกให้กับอลันด้วย

“ข้ามไปเกาะฮ่องกงไหมครับ”

“น่าสนใจ พายเคยไปฮ่องกงมาหรือยัง”

“ยังครับ” ภาสกรส่ายหน้าประกอบคำพูด

“ตกลงงั้นเราไปฮ่องกงกัน”

การข้ามไปเกาะฮ่องกงไม่ได้ยุ่งยากลำบากอะไร ใช้เวลาไม่นานพวกเขาสามคนก็มาถึงฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว สถานที่แรกที่พวกเขาเลือกไปคือจุดชมวิวของเกาะฮ่องกง ภาสกรมองเห็นความแออัดป่าคอนกรีตนี้อย่างตื่นตาตื่นใจ หลังจากนั้นจึงลงมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์เบย์ (Repulse Bay) กันต่อ สำหรับอลันแล้วเขาไม่ได้สนใจหรืออยากมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมแต่เจ้าตัวสนใจชายทะเลเล็ก ๆ  แห่งนี้ต่างหาก

“หิวหรือเปล่าครับ ผมไปหาอะไรมาให้คุณทานก่อนดีไหม” ภาสกรถามอลันที่นอนคว่ำหน้าอย่างสบายใจบนผืนทรายโดยมีผ้าบาง ๆ  รองก่อนหนึ่งชั้น

“ยังไม่ค่อยหิวเลย เดี๋ยวรอทานพร้อมคุณอรรคทีเดียวเลยก็ได้”

“บอสจะมาเหรอครับ”

“ใช่ คุณอรรคจะมากินข้าวกลางวันด้วย”

“ครับ” ภาสกรรับคำ หากอรรควัสมาถึงเมื่อไหร่ ตอนนั้นเขาค่อยปลีกตัวไปกินข้าวก็ได้ ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจก่อนจะขยับไปนั่งข้าง ๆ  อลันและคอยแอบมองอีกฝ่าย

ผมสีทองเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดยิ่งดูสวยงาม ราวกับเปล่งประกายระยิบระยับ เมื่อได้มองแล้วชวนให้หลงใหลละสายตาไปไม่ได้เลย

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของอาเฉินทำให้ภาสกรมีสติรีบก้มหน้าลงไม่กล้าแอบมองอลันอีก

“อาเฉิน ผมหิวน้ำ อยากได้น้ำเปล่าสักหน่อย” อลันผงกศีรษะขึ้น

“รอสักครู่ครับคุณอลัน”

“ขอบคุณนะ”

“ทะเลสวยไหม” เมื่ออาเฉินเดินไปแล้ว อลันจึงหันมาถามคนที่นั่งอยู่ ภาสกรจึงส่ายหน้า

“ที่ประเทศไทยสวยกว่าครับ”

“เหรอ ผมก็เคยได้ยินมาว่าที่ไทยทะเลสวยมาก ถ้ามีโอกาสผมก็อยากไปเห็นด้วยตาสักครั้งหนึ่งแล้วที่สำคัญผมน่ะ”

“ครับ?”

“ผมน่ะอยากไปเห็นบ้านเกิดของคุณอรรคด้วย”

“อ่า..ครับ” ภาสกรรับฟังอย่างสงบเสงี่ยม

“เล่าเรื่องของพายให้ผมฟังบ้างสิ”

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ชีวิตผมเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป ผมมีพ่อแม่และพี่สาว บ้านของเราอยู่ใกล้ทะเล พอโตขึ้นมา ผมก็มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยครับ”

“น่าสนใจจัง บ้านอยู่ใกล้ทะเลคงเห็นทะเลทุกวันเลยใช่ไหม”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ บ้านผมไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่เป็นจังหวัดที่มีทะเลครับ”

“ถ้าผมได้ไปบ้านเกิดคุณอรรคเมื่อไหร่ ผมจะไปเยี่ยมบ้านของพายด้วย พ่อแม่และพี่สาวของพายคงน่ารักเหมือนพาย”

“ไม่มีบ้านผมแล้วล่ะครับ พ่อขายบ้านไปแล้ว”

“อ่า ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แล้วทำไมพายถึงมาทำงานกับคุณอรรคได้ล่ะ”

“เพื่อนผมเป็นพนักงานที่นี่ครับ เขาเลยชวนให้มาทำด้วยกัน” ภาสกรเลือกเล่าแค่บางส่วน เขาไม่อยากเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนนอกฟังถึงสาเหตุที่แท้จริง แม้จะเป็นคุณอลันที่เขาหลงใหลก็ตาม

“ดีใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนอยู่ที่นี่จะได้ไม่เหงา ผมเองก็คิดถึงเพื่อน คิดถึงที่บ้านเหมือนกัน”

“...” ภาสกรได้แต่รับฟัง ไม่กล้าถามว่าทำไมถึงไม่กลับไป และยิ่งไม่กล้าถามว่าทำไมคุณอลันถึงมาอยู่กับคุณอรรค

“น้ำครับคุณอลัน” อาเฉินกลับมาได้จังหวะพอดีทำให้บรรยากาศที่เริ่มกระอักกระอ่วนนี้หายไป


ใกล้เที่ยงพวกเขาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปร้านอาหารชื่อดังย่านจิมซาจุ่ย คราแรกภาสกรเดาว่าร้านที่อรรควัสจะไปนั้นคงเป็นอาหารขึ้นชื่อของฮ่องกง แต่ผิดคาดเมื่อพบว่าร้านอาหารนั้นเป็นร้านพิซซ่าที่มาเปิดในฮ่องกง อลันดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าร้านที่มาเป็นร้านดั้งเดิมจากนิวยอร์ก

“ขอบคุณนะครับคุณอรรค” อลันเกาะแขนอีกฝ่ายไว้ไม่ได้แสดงการขอบคุณที่มากจนเกินไป

“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าเธอคงเบื่ออาหารจีน”

“ผมทานได้ครับ แม่ครัวที่คาสิโนของคุณทำอาหารอร่อย”

“ขอบใจไว้ฉันจะบอกเขาให้” ภาสกรได้ฟังแล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงว่าอาหารของอลันทุกมื้อล้วนมาจากฝีมือป้าเก๋ของเขาทั้งนั้น

ตอนที่อรรควัสมาถึงนั้นภาสกรก็เห็นว่าอาคุณมากับอรรควัสด้วยดังนั้นสมาชิกทั้งหมดจึงรวมเป็นห้าคนด้วยกัน โต๊ะในร้านมีขนาดไม่ใหญ่เลยแบ่งออกเป็นสองโต๊ะ ภาสกรตั้งท่าจะผละออกไปนั่งกับอาเฉินและอาคุณ ทว่ากลับถูกอรรควัสเรียกไว้

“ภาสกร”

“ครับ”

“เธอมานั่งโต๊ะนี้”

“เอ่อ..” ภาสกรรู้สึกลำบากใจ เขาไม่อยากขัดจังหวะช่วงเวลาของคนสองคน

“เธอไม่เห็นหรือไงว่าอาเฉินกับอาคุณตัวใหญ่แค่ไหน แล้วเธอยังคิดจะเข้าไปนั่งเบียดพวกเขาอีกรึ” ภาสกรทำตัวไม่ถูก จู่ ๆ  เขาก็กลายเป็นส่วนเกินไปเสียได้

“นั่งด้วยกันดีกว่าพาย” อลันเอ่ยชวนอีก

“ครับ ขอบคุณครับ”


ภาสกรเดินก้มหน้าเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่ว่าง โต๊ะในร้านฝั่งหนึ่งจะถูกวางชิดกับผนังโดยปกติจะนั่งกันเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อมีภาสกรเข้ามาเป็นบุคคลที่สามทำให้เขาจำต้องนั่งแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่


พิซซ่ามื้อนั้นอร่อยมากแต่เขากินได้ไม่คล่องคอเสียเลย การที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับผู้เป็นเจ้านาย ยังไงแล้วก็ไม่มีทางผ่อนคลายได้ มื้อนั้นภาสกรจึงนั่งกินไปเกร็งไป เขาบอกตัวเองว่าถ้ามีวันหยุดตรงกับนวพลเมื่อไหร่ เขาจะลากอีกฝ่ายมากินพิซซ่าร้านนี้ใหม่อีกครั้งแน่นอน


ก่อนจะออกจากร้านอลันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อรรควัสสบตากับอาเฉินครู่เดียว อีกฝ่ายก็ลุกตามอลันไปทันที ภาสกรเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขามองไปทางห้องน้ำบ่อยครั้งจนคนที่นั่งอยู่สัมผัสได้

“ฉันเป็นห่วงอลันเลยให้อาเฉินตามไปดูเสียหน่อย” อรรควัสไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยด้วยซ้ำแต่เห็นสีหน้าของภาสกรแล้ว ถ้าเขาไม่พูดออกไปคนที่กำลังคิดอะไรอยู่อาจจะคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงไปอีกก็เป็นได้

“เอ่อ..ครับ” ภาสกรมองมือที่วางอยู่บนต้นขาตัวเอง สองมือขยับยุกยิกไม่อยู่สุขด้วยความประหม่า

“วันนี้คุยอะไรกับอลันบ้าง”

“ผมเหรอครับ” ภาสกรชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร อาคุณหรือ” อรรควัสเอ่ยชื่อคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง

“คุณอลันถามเรื่องครอบครัวผมแล้วก็ถามว่ามาทำงานกับคุณได้ยังไง ผมก็ตอบเขากลับไป”

“แค่นั้น?”

“ครับ แค่นั้น” ภาสกรพยักหน้าแล้วนึกขึ้นได้เมื่อคิดว่าถ้าอรรควัสได้รู้คงดีใจ “อ้อ คุณอลันบอกว่าอยากไปบ้านเกิดของบอสที่ไทยด้วยครับ”

“บ้านเกิดฉัน?”

“ใช่ครับ” ภาสกรตอบพลางยิ้มขื่นให้อีกฝ่าย คุณอลันคงชื่นชอบอรรควัสไม่น้อยจนถึงกับอยากไปเห็นบ้านเกิดเมืองนอนของอีกฝ่าย ถ้าไม่ได้รู้สึกดี ๆ  ต่อกัน เหตุไฉนถึงจะอยากไปบ้านคนอื่นกัน

“ไม่มีใครเคยอยากไปบ้านฉัน”

“ทำไมครับ ถ้าคุณอลันเขาชอบบอส การที่เขาจะอยากเห็นบ้านคนที่ชอบก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ”

“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบฉัน หืม ภาสกร”

“เอ่อ” ภาสกรรีบก้มหน้าเขาไม่น่าปากพล่อยเลย

“เงยหน้ามองฉัน แล้วตอบคำถาม”

“ผมแค่เดาเอา” ภาสกรเกร็งรับคำพูดของอรรควัสแต่ระฆังอลันกลับมาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทันเวลา

“คุณอรรคดุอะไรพายอีกหรือเปล่าครับ หน้าจ๋อยแล้ว” อลันยิ้มกว้างให้อรรควัสตามแบบฉบับของเจ้าตัว

“เปล่า”

“เราไปเดินเล่นแถวนี้กันต่อไหมครับหรือคุณอรรคจะกลับเลย” อลันถามต่อ

“เอาสิ ไปเดินเล่นกับเธอก่อนแล้วกัน”

“คุณใจดีกับผมเสมอ ขอบคุณนะครับ”
 



ย่านที่พวกเขากินข้าวนั้นคือย่านที่เป็นศูนย์รวมการชอปปิ้งคล้ายกับสยามบ้านเราเลยก็ว่าได้ ตรอกซอกซอยมีมากมายให้เลือกเดินไม่หวาดไม่ไหว เดินไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นภาสกรก็เริ่มท้อ เห็นทีว่าถ้าจะเดินดูให้ครบทุกร้านคงต้องมีเวลาอย่างน้อยสามวัน


สามวันก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย


เขาเดินตามหลังอรรควัสและอลันไปอย่างเงียบ ๆ  ข้างกายเขาทั้งซ้ายขวาถูกขนาบด้วยอาเฉินและอาคุณ สองคนนี้ต่างเดินไม่พูดจาเช่นเดียวกัน


กว่าภารกิจเดินเล่นของอลันจะสิ้นสุดลง ภาสกรเกือบจะเดินไม่ไหว เขามั่นใจว่าตอนที่ทำงานในคาสิโน เขาเดินอยู่ในนั้นทั้งยกถาดเดินไปด้วยแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเท่ากับมาเดินเฉย ๆ  อย่างนี้เลย เมื่อภาสกรกลับมาถึงห้องเขาก็นวดขาตัวเองให้คลายความปวดเมื่อย 
 



นวพลไขประตูห้องเข้ามาเจอเพื่อนรักกำลังบีบนวดขาอยู่ก็รู้สึกแปลกใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนเปลี่ยนกะทำงานของภาสกร อีกฝ่ายบอกเขาว่าต้องออกไปข้างนอกกับอลัน ตามที่นวพลเข้าใจคำว่าออกไปข้างนอกนั่นน่าจะหมายถึงเดินเล่น ช้อปปิ้ง แต่ทำไมคนที่นั่งอยู่ถึงทำหน้าเหนื่อยราวกับว่าถูกใช้แรงงานมาอย่างหนัก

“กลับมาแล้วเหรอ” ภาสกรได้ยินเสียงประตูห้องเปิดก็เงยหน้าขึ้นพลางยิ้มให้คนที่เพิ่งเลิกงานกลับมา

“อืม”

“กินข้าวมาหรือยัง”

“กินที่โรงอาหารมาแล้ว แกล่ะ”

“ยังเลย”

“ทำไม”

“เหนื่อยจนไม่หิวเลยว่ะ” ภาสกรพูดจบก็หัวเราะ

“ไปแบกกระสอบข้าวสารมาหรือไง” นวพลเย้า

“แบกอะไรนะ”

“กระสอบข้าวสาร” นวพลพูดซ้ำ

“ตลกละ เราบอกแกไปแล้วไงว่าเราออกไปกับคุณอลันไง แกลืมเหรอ”

“ไม่ลืม เราแหย่แกเล่นเฉย ๆ  เห็นแกทำหน้าเหนื่อยนึกว่าไปแบกกระสอบข้าวสารมา”

“เราไม่คิดเลยว่าแค่เดินตามคุณอลันจะเหนื่อยขนาดนี้”

“ขนาดนั้นเชียว”

“อืม คุณอลันเดินเก่งมาก เดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นเป็นว่าเล่น เราเดินตามจนหัวหมุน นับถือบอส พี่เฉินและพี่คุณเลย เดินไม่บ่นเลยสักคำ”

“บอสก็ไป?” นวพลถามเสียงแปลกใจ

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า ไม่คิดว่าบอสจะมีเวลาว่างมาทำอะไรแบบนี้”

“แกจะให้บอสทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง ครั้งหนึ่งเรายังเคยเจอบอสไปวาดรูปตรงซากประตูโบสถ์เซนต์พอลเลย”

“พูดจริง?”

“เออ จริงดิ เราจะโกหกแกไปเพื่ออะไร”

“เจอได้ไง ตอนไหนวะ”

“ก็วันที่แกไล่ให้เราออกไปข้างนอกบ้างตอนที่เรามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ  ไง เราไปที่นั่นแล้วเจอบอสกำลังวาดรูปอยู่พอดี”

“บอสเห็นแกปะ” นวพลถามอีก

“คงไม่เห็นหรอก เราวิ่งหนีมาก่อน”

“วิ่งหนีทำไมวะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นคงตกใจอะ ไม่คิดว่าจะเจอบอส”

“บ้าจริง ๆ  เลยนะไอ้พาย แล้วตกลงไปจะกินข้าวปะ ถ้าไปเราจะได้ยังไม่ไปอาบน้ำ ไปเป็นเพื่อนแกก่อน”

“ยังไม่หิวแต่ไปกินข้าวเลยละกัน กลัวดึกแล้วหิว อีกอย่างจะได้ไปดูกะเวลาเข้าทำงานใหม่ด้วย”

“อืม พรุ่งนี้ได้หยุดใช่ปะ”

“ใช่” ภาสกรลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านเล็กน้อย บิดเนื้อบิดตัวพอเป็นพิธีก็พร้อมจะออกไปกินข้าว “ไปกันเถอะ”
 



หลังจากกินข้าวเสร็จ ภาสกรเดินไปดูกะเวลาทำงานใหม่ เผลอแป๊บเดียว เขาทำงานที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะผ่านช่วงเวลาไม่คุ้นเคยเหล่านั้นไปได้ แต่ให้ยากลำบากเพียงใดขอแค่มีเงินไปให้แม่รักษาตัว เขาก็เต็มใจทำและเฝ้าภาวนาให้แม่และภารวีผู้เป็นพี่สาวอยู่กับเขาไปนาน ๆ

“เป็นไง” นวพลเดินเข้ามาถามพลางเอาแขนมาพาดไหล่ภาสกรไว้ข้างหนึ่ง

“อะไรเป็นไง” ภาสกรหันไปถาม

“เวลาใหม่ไง เช้า สาย บ่าย ดึก?”

“อ๋อ บ่ายสองว่ะ”

“แล้วของแกอะ” ถึงแม้ว่าเวลาเปลี่ยนกะของนวพลจะคนละวันกับภาสกร ปกติแล้วเวลาเปลี่ยนกะจะมีการแจ้งล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ภาสกรเองที่ลืมมาดูเสียแต่เนิ่น ๆ

“บ่ายโมง”

“เฮ้ย ใกล้กันเลย” ภาสกรร้องบอกด้วยความดีใจ

“อืม”

“ดี ๆ  ทำงานคนละเวลาแทบไม่เจอหน้ากัน”

“ใช่ เกือบจะลืมหน้าแกแล้วไอ้พาย”

“เวอร์ไป” ภาสกรไล่นิ้วดูตารางกะเวลาทำงานต่อกระทั่งสะดุดเข้ากับชื่อแอนดี้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนกะเวลาทำงานเหมือนกัน “เอ๊ย บังเอิญอีก”

“อะไรวะ” นวพลเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

“พี่แอนดี้น่ะ เขาก็ทำงานเวลาเดียวกับเราเลย ดีจัง”

“เหรอ แกดูจะเข้ากับพี่แอนดี้ดีนะ”

“เพราะเราสอนงานให้พี่เขาน่ะเลยคุยกันบ่อย”

“สอนแต่พอดีล่ะ อย่าสร้างเรื่องอีก”

“อะไรของแกไอ้นน” ภาสกรบ่นอย่างนึกฉุน “รู้แล้วน่า เราก็สอนงานพี่แอนดี้เฉย ๆ  แล้วเราก็ไม่ได้อยากหาเรื่องให้ตัวเองด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาอีก เราว่ารอบนี้บอสคงไล่ออก”

“รู้ตัวก็ดี เท่าที่เกิดขึ้นแล้วแกยังทำงานอยู่ที่นี่ได้ก็ถือว่าแกโชคดีมากแล้ว”

“อืม”

“กลับกันเลยไหม”

“กลับเลยก็ดี อยากนอนเต็มที ง่วงแล้ว”

ภาสกรชวนเพื่อนรักกลับห้องตอนที่ผ่านลิฟต์ตัวหนึ่ง เขาก็เห็นแอนดี้เดินเข้าลิฟต์ไป กำลังจะเอ่ยปากเรียกแต่ก็ไม่ทัน ประตูลิฟต์ถูกปิดลงก่อนที่เขากับนวพลจะเดินไปถึง

“นั่นพี่แอนดี้นี่”

“ใช่” ภาสกรพยักหน้า

“ทำไมดูรีบร้อน รีบไปไหนของเขากันนะ” นวพลพึมพำ ภาสกรมองเลขชั้นที่ลิฟต์แสดงอยู่ ทว่าเขาไม่แปลกใจ ลิฟต์ตัวนี้เป็นลิฟต์เฉพาะที่ขึ้นไปได้เพียงสองชั้น ลิฟต์จะไม่หยุดพักที่ชั้นไหนเลยนอกจากชั้นยี่สิบเก้าและสามสิบ

“บอสอาจจะเรียกขึ้นไปพบก็ได้” เลขชั้นหยุดที่ชั้นสามสิบ ภาสกรจึงสรุปออกมาแบบนั้น

“บอสเนี่ยนะจะเรียกพี่แอนดี้?” นวพลยังสงสัย

“ก็เหมือนที่บอสเรียกเรานั่นแหละ ไม่ต่างกันหรอกมั้ง”

“ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่ดี ปะ กลับเถอะ”

“อืม”









========================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-08-2019 21:40:25
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-08-2019 07:51:01
พายน้อย น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 05-08-2019 13:03:20
 :L1:  :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-08-2019 09:31:57
 o13
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-08-2019 22:36:48
รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเอ็ด UP!! 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-08-2019 20:08:02


วงล้อที่สิบสอง



“แอนดี้มาแล้วครับบอส” อาเฉินรายงานให้อรรควัสที่กำลังนั่งตรวจเช็กงานอยู่ในห้องได้รับรู้

“อืม ให้เข้ามา”

“ครับ”

เพียงไม่นาน อาเฉินพร้อมด้วยอาคุณก็พาแอนดี้เข้ามาตามคำสั่ง เมื่อแอนดี้เข้ามาก็ก้มหน้าเงียบไม่พูดจา ยืนรอรับฟังอย่างสงบ อรรควัสจงใจเพิกเฉยและปล่อยให้อีกฝ่ายยืนรออยู่ราวห้านาทีจึงวางปากกาและเงยหน้าขึ้น

“มาแล้วหรือ” เจ้าของคาสิโนเอ่ยอย่างไม่จำเป็น

“ครับ” แอนดี้ตอบเสียงเบาพลางสบตากับคนถาม อรรควัสมองเห็นสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่าย แอนดี้ไม่มีท่าทางฟึดฟัดหรือไม่พอใจที่ถูกเขาปล่อยให้ยืนอยู่นาน

“ฉันมีงานให้นายทำ”

“งานอะไรครับ”

“อาเฉินบอกฉันว่านายเปลี่ยนกะเข้างานมาเป็นบ่ายสองใช่ไหม” อรรควัสไม่ได้ตอบในทีแรกเขาเลือกถามคำถามขึ้นมาใหม่

“ครับ”

“อืม ฉันต้องการให้นายยกของว่างไปให้คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าตอนบ่ายสี่โมงทุกวัน” ไม่มีคำถามต่อท้ายว่าได้หรือไม่ได้เพราะนี่คือคำสั่งที่เขาจงใจ

“เริ่มเมื่อไหร่ครับ”

“มะรืนนี้” อรรควัสตอบ สาเหตุที่เป็นวันมะรืนหรืออีกสองวันก็เพราะพรุ่งนี้คือวันหยุดที่ทุกคนจะได้รับก่อนเริ่มกะเวลาใหม่

“เข้าใจแล้วครับ”

“อืม ไปได้”

แอนดี้ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะถูกอาเฉินพาออกไป รอจนอีกฝ่ายลงลิฟต์แล้วอาเฉินจึงเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานของอรรควัสอีกครั้ง

“ลงลิฟต์ไปแล้วครับ” อาเฉินรายงาน

“อืม”

“บอสคิดว่าแอนดี้ไม่น่าไว้ใจเหรอครับ” อรรควัสเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อฟังคำถามของอาคุณจบ

“แปลว่าคนที่ยกอาหารไปให้อลันไม่น่าไว้ใจทุกคนงั้นสิ” เขาเลือกย้อนถามกลับ

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” อาคุณรีบปฏิเสธ “แต่ปกติบอสไม่เคยต้องลงมาสั่งเอง ถ้าไม่ใช่ผมก็เป็นอาเฉินที่เป็นคนจัดการแทน” อรรควัสมองคนพูดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นบ้าง

“เข้าใจไม่ผิด ถ้าวันนี้ฉันเรียกพนักงานสักคนขึ้นมาที่ห้องนี้จะเป็นยังไง”

“ขอโทษที่ผมต้องพูดตามตรงแต่ไม่มีใครอยากเข้ามาที่ห้องบอสหรอกครับ”

“อืม แล้วท่าทางของแอนดี้ล่ะ”

“สงบนิ่งเกินไป” อาคุณวิเคราะห์ออกมา

“ใช่ ถ้าไม่ใช่ว่ารู้เรื่องอลันมาก่อน ก็เป็นได้ว่าคน ๆ  นี้อาจจะเคยชินที่จะเจอคนคล้าย ๆ  ฉันก็เป็นได้”

“ครับ”

“ที่เคยให้จับตาดูก็ทำเหมือนเดิม”

“ครับ” สองเสียงอาเฉินและอาคุณประสานเสียงรับคำพร้อมกัน

“อ้อ..ภาสกรด้วยล่ะ”

“ให้ผมจับตาดูพาย..เอ่อ..ภาสกรด้วยเหรอครับ” อาเฉินรีบแก้ชื่อเรียกที่ติดปากของตนเองอย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง”

“บอสยังสงสัยเขาอยู่เหรอครับ” อาเฉินถามต่อ

“เปล่า”

“หมายความว่าไงครับ” อาคุณถามด้วยความระวังแต่พอเห็นอรรควัสปรายตามองมาที่ตนอาคุณก็รีบเอ่ยขอโทษทันที

“หมายความว่าจับตาดูเหมือนกันแต่คนละความหมาย”

“คนละความหมาย”

“หมายถึงให้ดูแลเขาใช่ไหมครับ” อาเฉินเป็นฝ่ายถามบ้าง

อรรควัสพยักหน้า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเจ้าเด็กนี่มันต้องซวยเพราะความใจดีช่วยเหลือคนอีกแน่นอน”

“ครับ” อาเฉินลอบกลืนน้ำลาย ส่วนอาคุณนั้นก็แอบถอนหายใจ เขาสองคนมั่นใจเหมือนกันว่าชาตินี้ถ้าภาสกรยังมีนิสัยเช่นนี้คงจะซวยไม่สิ้นสุด

“ส่วนอลัน..” บอสใหญ่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ครับ”

“เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากไปเที่ยวไหนก็พาไป” อาเฉินหันไปสบตากับอาคุณที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนจะถามคนตรงหน้า

“ถ้าคุณอลันอยากมีเพื่อนไปด้วยล่ะครับ”

“ภาสกร?”

“ครับ”

“ถ้ารายนั้นโอเคก็ให้ไป”

“แล้วถ้าคุณอลันอยากลงไปชั้นคาสิโนล่ะครับ” อาคุณถามพลางหวั่นใจ เพราะนี่คือกฎต้องห้ามของคนที่จะมาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเก้า

อรรควัสเงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“ให้เขามาขอฉัน”

“แล้วถ้าคุณอลันมาขอบอสเข้าจริง”

“ถ้าเขากล้า ฉันก็จะให้เขาลงไป”

“บอสแน่ใจแล้วเหรอครับ”

“ฉันแน่ใจว่าพวกนายจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนพลาดอะไรไป”

“ครับ” แล้วสองบอดี้การ์ดจะปฏิเสธได้อย่างไรนอกจากรับคำอย่างแข็งขัน



 
ภาสกรนอนเสียเต็มอิ่มในวันหยุดวันต่อมาหลังจากเดินขาลากที่จิมซาจุ่ยกับอลัน นอกจากลุกไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วภาสกรก็ไม่กระดิกตัวทำอะไรเลย เขาโทรศัพท์กลับไปหาแม่และพี่สาวก็นอนคุยบนเตียงกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นนั่งคุยดี ๆ  ด้วยซ้ำ ภาสกรอยากนอนต่ออีกสักสามวัน แต่วันต่อมาเขาก็ต้องลุกไปทำงานอีกแล้ว

“ทำหน้ามุ่ยทำไม เป็นอะไร” นวพลแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะออกไปทำงาน เขามักจะออกเร็วเพื่อที่จะได้มีเวลานั่งกินข้าวสบาย ๆ  ไม่เร่งรีบที่โรงอาหาร

“ปวดขาอยู่เลย”

“จะลาไหม”

“ไม่อะ แค่นี้เอง แล้วนี่แกจะไปทำงานแล้วเหรอ”

“อืม”

“อย่าเพิ่งไปดิ ขอเวลาสิบนาที เราไปด้วย”

“สิบนาที ปฏิบัติ!” นวพลแกล้งแหย่อีกฝ่ายโดยการออกคำสั่งกับเพื่อนสนิทเหมือนสมัยที่เรียนรด.ด้วยกัน


ภาสกรกระวีกระวาดลุกจากที่นอนโดยไม่สนใจจะพับผ้าห่มแล้วปรูดหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว นวพลส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู แม้จะวัยเดียวกันแต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายอายุเท่ากันเลยเหมือนน้องชายเสียมากกว่า เขาเข้าไปพับผ้าห่มและวางไว้ที่ปลายเตียงให้ก่อนจะนั่งรอภาสกรอาบน้ำแต่งตัว


สุดท้ายภาสกรใช้เวลาไปทั้งหมดสิบห้านาทีแต่ไม่ได้กระเทือนเวลาเข้างานของนวพลมากนัก สองคนเดินกอดคอไปที่โรงอาหารของคาสิโน ผลัดกันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนถึงปลายทาง


เมื่อใกล้ถึงเวลาหนึ่งทุ่มภาสกรก็เข้าไปในครัว ไม่ใช่ว่าเขาหิวแต่เขาต้องยกอาหารเย็นไปให้อลันตามหน้าที่ การเอาอาหารขึ้นไปให้คนบนชั้นนั้นก็เปลี่ยนไปตามกะเวลาของเขาเช่นกัน ไม่รู้ว่าบอสทำยังไงแต่เอาเถอะภาสกรได้ทำหน้าที่นี้และได้เงินเพิ่มก็พอแล้ว

“ป้าเก๋ครับ” ภาสกรเดินเข้าไปกอดเอวแม่ครัวใหญ่ของที่นี่

“ป้าบอกว่าอย่ากอดเอวป้า ตัวป้ามีแต่กลิ่นน้ำมัน เดี๋ยวกลิ่นก็ติดเสื้อผ้าหรอก”

“นิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ภาสกรยิ้มกว้างยังกอดเอวอีกฝ่ายไม่ปล่อย

“แล้วเข้ามาทำไม พักเหรอ”

“เปล่าครับ พายมายกอาหารไปให้คุณข้างบนตอนทุ่มหนึ่งครับ”

“อ้าว นี่เราเปลี่ยนกะแล้วเหรอ”

“ครับ พายเข้าบ่ายสองเลิกห้าทุ่ม”

“จ้ะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ตรงโต๊ะเดิมข้างหลังน่ะ”

“เดี๋ยวพายเอาขึ้นไปให้แป๊บเดียวแล้วจะลงมาหาป้าเก๋นะครับ พายหิวแล้ว” ภาสกรตอบพลางบีบเอวที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย

“อ้อนเก่งเหลือเกินนะเรา”

“ไม่อ้อนป้าเก๋ก็อดกินของอร่อยสิ”

“อยู่เป็นนะเรา แล้วอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวป้าทำให้”

“อืม กินอะไรดีน้า”

“คิดนานอดนะจะบอกให้”

“โหยป้าเก๋อะ” ภาสกรว่าพลางยู่ปาก “จริง ๆ  พายอยากกินข้าวมันไก่ใส่น้ำพริกเผา แต่ป้าเก๋คงไม่รู้จัก พายกินไก่ทอดก็ได้”

“ดูถูกแม่ครัวใหญ่เหรอ”

“ป้าเก๋รู้จักเหรอครับ” ภาสกรตาพร่างพราวไปด้วยประกายตื่นเต้น

“รู้จักสิ”

“ป้าเก๋รู้จักได้ไง”

“ไม่ยักรู้ว่าเราก็ชอบกินข้าวมันไก่ใส่น้ำพริกเผาเหมือนบอสด้วย”

“เหมือนบอส?”

“จ้ะ เอาละ รีบยกอาหารไปให้คุณเขาเถอะเดี๋ยวจะเลยเวลาเสียก่อน”

“จริงด้วยครับ พายลืมเลย ขอบคุณนะครับที่เตือน” ภาสกรรีบยกถาดแล้วมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ส่วนตัวสำหรับชั้นยี่สิบเก้าและสามสิบอย่างรวดเร็ว

“รีบไปรีบมา ระวังด้วย เสร็จแล้วจะได้ลงมากินข้าวมันไก่”

“ครับ” ภาสกรรับคำพร้อมความดีใจที่จะได้กินอาหารที่อยากกิน


ระหว่างทางที่ลิฟต์ทะยานขึ้นไป ภาสกรก็อดคิดไม่ได้ว่าเมนูที่เขาบอกป้าเก๋ไปเมื่อครู่นี้นั้น มันไม่ใช่ทุกคนจะรู้จัก ถ้าบอกว่าเป็นข้าวมันไก่เฉย ๆ  นั้นไม่แปลก แต่มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าจะมีข้าวมันไก่ที่กินกับน้ำพริกเผาด้วย น่าแปลกที่อรรควัสก็ชอบกินเมนูนี้ด้วยสิหรือว่าอีกฝ่ายคงจะเคยไปเที่ยวแถวจังหวัดบ้านเกิดเขาและติดใจเมนูนี้ก็เป็นได้


ภาสกรไม่ได้คิดต่อเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่ยี่สิบเก้า เขาเดินออกไปที่ห้องของอลันตามความเคยชิน เคาะประตูสามครั้ง ครู่เดียวอลันก็มาเปิดประตู ภาสกรเห็นผมสีทองกระทบแสงไฟที่เขาหลงใหลเป็นอันดับแรก

“คุณอลัน ผมเอาอาหารมาให้ครับ”

“คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมื้อเย็นแล้วเหรอ”

“ครับ” ภาสกรยิ้มรับ เขาเดินเข้าไปในห้องก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะอย่างสุภาพ

“ไม่เจอตั้งวันหนึ่ง เมื่อวานวันหยุดเหรอ” อลันชวนคุย

“ใช่ครับ”

“หยุดแล้วไปไหน”

“ไม่ได้ไปไหนครับ ผมอยู่ที่ห้อง”

“น่าเสียดายจัง”

“เสียดายอะไรครับ” ภาสกรสะดุดหู

“ถ้ารู้ว่าอยู่ห้องจะชวนพายมาที่ห้องนี้ไงล่ะ”

“เอ่อ..ถ้าบอสรู้เข้าคงไม่เหมาะหรอกครับ”

“ถ้าไม่เหมาะงั้นเอาไว้ผมลงไปหาคุณที่ห้องแทนแล้วกัน”

“ห้องผมเล็กมาก อีกอย่างผมอยู่กับเพื่อนอีกคน ไม่เหมาะเหมือนกันครับ” ภาสกรใจเต้นตึกตักระหว่างตอบ เขายกอาหารออกมาวางบนโต๊ะเสร็จหมดแล้ว

“ถ้างั้นทำไงจะได้เจอ”

“คือ..ผมต้องไปแล้วครับ” ภาสกรอึกอัก เขาดีใจที่ได้คุยกับอลัน แต่ก็หวั่นใจถ้าหากอรรควัสลงมาเห็นเข้า เขาอาจจะไม่โชคดีเหมือนที่แล้วมา

“อืม งั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยต่อก็ได้”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”


ลิฟต์เคลื่อนตัวลงมา ภาสกรกอดถาดแน่นไว้กับอก ใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ เขาประหม่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้คุยกับอีกฝ่าย ใบหน้าขาว ๆ  ผมสีทองมันดึงดูดใจเขาเหลือเกิน ประตูลิฟต์เปิดออก ภาสกรก้าวออกมาตามอัตโนมัติแต่ใจยังติดอยู่ที่ชั้นยี่สิบเก้า ทำให้เขาเกือบเดินชนคนที่สวนมาพอดี

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” ภาสกรรีบบอกขอโทษอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ได้ชนกันจริง

“ยังไม่ชนเสียหน่อย”

“อ้าว พี่แอนดี้”

“ไปไหนมาล่ะพาย แล้วถาดนั่น..”

“อ่อ..ผมลืมวางคืนตรงที่วางถาดน่ะครับเลยถือติดมือมาด้วย” ภาสกรไม่ได้บอกว่าเขาถือถาดมาทำไม

“ให้พี่เอาไปวางคืนให้ไหม”


“ไม่เป็นไรครับ แล้วพี่มาพักเหรอ”

“ใช่ กำลังจะไปโรงอาหารว่าจะไปหาอะไรกินเสียหน่อย”

“ผมไปด้วยครับกำลังจะไปอยู่พอดี”

“เอาถาดไปคืนในคาสิโนก่อนไหม เขาห้ามเอาถาดออกมาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวมีคนเห็นเข้าก็ถูกตำหนิได้นะพาย” แอนดี้เตือนด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ..ไม่ใช่ถาดข้างในหรอกครับ เป็นถาดในครัวน่ะพี่” ภาสกรจำต้องสารภาพออกไปนิดหนึ่งตามความจำเป็น

“พี่ก็ว่าทำไมไม่คุ้นตาเลย”

“อ่า..ครับ”

“พี่เห็นพายออกมาจากลิฟต์ มันเป็นลิฟต์ไปข้างบนนี่”

“ใช่ครับ”

“ยกอาหารไปให้คุณอลันใช่ไหม”

“เอ๊ะ..คุณอลัน..”

“คนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้าไง อย่าบอกนะว่าพายไม่รู้จักชื่อเขา”

“รู้จักครับ แต่ไม่คิดว่าพี่แอนดี้จะรู้จักด้วย”

“รู้สิ บอสให้พี่เอาพวกขนมของว่างไปให้คุณอลันตอนบ่ายสี่ทุกวัน”

“เหรอครับ”

“พอพี่เห็นพายออกมาจากลิฟต์แล้วถือถาดมาด้วยเลยคิดว่าคงยกอาหารไปให้ข้างบนแน่ ๆ”

“ครับ” ภาสกรแปลกใจถ้ามั่นใจขนาดนั้นแล้วทำไมพี่แอนดี้ไม่ทักเขาแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ทำไมถึงทักว่าเขาไปมาแล้วยังทักเรื่องถาดให้เขาเอาไปคืนจุดที่คืนถาดในคาสิโนนั่นอีก “พี่แอนดี้เก่งจัง เห็นแค่นี้ก็รู้เลย”

“พี่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น” แอนดี้โบกมือปฏิเสธ “แม่ครัวน่ะเขาบอกพี่ว่าพายก็ทำเหมือนกับพี่เลย”

“ป้าเก๋น่ะเหรอครับ”

“อืม ตอนที่พี่เข้าไปถามหาอาหารที่จะยกไปให้คุณอลันน่ะ”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า ประกอบกับตอนนี้ทั้งคู่เดินมาถึงโรงอาหารพอดี “เดี๋ยวผมเอาถาดไปคืนป้าเก๋ก่อนนะครับแล้วจะออกมากินข้าวด้วย พี่อย่าเพิ่งรีบกินหมดนะ รอผมด้วย”

“พี่ไม่กินก่อนหรอกน่า ไม่ต้องกลัว” แอนดี้วางมือลงบนศีรษะของภาสกรเบา ๆ ทีหนึ่งก่อนจะยกมือออกไป

ภาสกรยิ้มให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งก่อนจะหายเข้าไปในครัว


 
“กลับมาแล้วเหรอพาย”

“ครับ” ภาสกรวางถาดเสร็จแล้วเดินเข้าไปหาแม่ครัวที่ยืนอยู่หน้าเตา “ป้าเก๋ครับ”

“ทำไมเรียกป้าเสียงเครียดเชียว” ป้าเก๋ปิดเตาแล้วละจากความร้อนตรงหน้ามาทางภาสกรที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“เวลาที่มีคนอื่นมายกอาหารไปให้ข้างบน ป้าเก๋ทำยังไงครับ เหมือนพายหรือเปล่า”

ป้าเก๋พยักหน้าแล้วจึงตอบ “ใช่ โต๊ะตัวเดิมนั่นแหละ ทำไมเหรอ”

“แล้วป้าเก๋ได้เล่าให้ใครฟังหรือเปล่าครับว่าพายก็ทำเหมือนพวกเขา”

“ป้าจะไปเล่าอะไรให้ใครฟัง ใครมาก็ยกถาดไปแล้วก็เอาถาดไปวางคืนข้างนอก ไม่มีใครทำเหมือนเราเลยสักคน” ป้าเก๋บีบจมูกภาสกรทีหนึ่งด้วยความเอ็นดู “มีอะไรหรือเปล่า”

ภาสกรส่ายหน้าแล้วจึงยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่มีครับ พายก็แค่อยากรู้เฉย ๆ กลัวป้าเก๋นอกใจแอบทำเมนูโปรดให้คนอื่นด้วย”

“ขี้งกหรือไงเรา มานี่สิ”

“ข้าวมันไก่!” ภาสกรดีใจถ้ากระโดดได้คงกระโดดกอดป้าเก๋ไปแล้ว

“วันนี้บอสก็อยากกินพอดี ป้าเลยทำเตรียมไว้แล้ว เราเลยได้กิน ลาภปากไปนะเจ้าพาย”

“ขอบคุณครับป้าเก๋”

“กินให้หมดละ ถ้าไม่อิ่มก็บอก ป้าทำไว้เยอะ”

“พายจะกินสองจานเลย คอยดู”

“กินไม่หมดละน่าดู บอกเจ้านนด้วยละ รายนั้นก็ชอบกิน” ป้าเก๋แสร้งขู่

“เดี๋ยวพายบอกให้เองครับ” เมื่อป้าเก๋พูดถึงนวพล ทำให้ภาสกรนึกถึงแอนดี้ที่นั่งรถอยู่ข้างนอกเช่นกัน “เอ่อ..ป้าเก๋ครับ พายขอข้าวมันไก่อีกจานได้ไหม พี่แอนดี้รอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ พายอยากให้พี่เขาลองกินบ้าง”

“ได้ ๆ  ไปตักเองไป”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรบอกขอบคุณแล้วไปจัดการเองตามที่ป้าเก๋บอกไว้

เขาหวังว่าถ้าแอนดี้ได้ลองกินแล้วคงจะชอบเหมือนที่เขากับนวพลก็ชอบกิน

อ้อ..เกือบลืมไป

บอสก็ชอบเช่นกัน






========================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสอง UP!! 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 08-08-2019 23:19:33
แอนดี้เป็นใคร ต้องการอะไรละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสอง UP!! 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-08-2019 01:10:12
เห็นทีคงต้องวนไ่ปอ่านตั้งแต่ต้นซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสอง UP!! 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-08-2019 10:04:46
แอนดี้ เป็นศึกพม่า แน่นวล รักน้องพายจัง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสอง UP!! 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-09-2019 00:42:33
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสอง UP!! 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-09-2019 21:17:04

วงล้อที่สิบสาม





        ภาสกรถือจานข้าวมันไก่มาทั้งสองมือพอมาถึงโต๊ะที่แอนดี้นั่งอยู่เจ้าตัวก็ขยับนั่งลงตรงข้ามแล้วบอกอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น

   “พี่แอนดี้ พายเอาอาหารรสเลิศมาให้พี่ลองกินดู รับรองว่าพี่ต้องชอบ”

   “มั่นใจขนาดนั้นเชียว” แอนดี้มองจานตรงหน้าของตนเองแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

   “ครับ ลองกินดู”

   “ข้าวกับไก่?”

   “อะไรกันพี่ ที่ไทยเรียกมันว่าข้าวมันไก่ครับ”

   “อย่างนั้นเหรอ ทำไมต้องทำหน้าภูมิใจอะไรขนาดนั้น”

   “ก็มันอร่อยมากเลยนะครับ ผมไม่ได้โม้ด้วย ถ้าพี่ได้กินต้องติดใจเหมือนผมแน่ ๆ”

   “ขนาดนั้นเชียว ก็ได้ ๆ  จะลองกินดูแล้วกัน” แอนดี้ว่าพลางตักคำแรกเข้าปากก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นให้อีกฝ่ายดูว่าอร่อยไม่หยอก ภาสกรที่รอผลด้วยความตื่นเต้นถึงกับยิ้มหน้าบานไม่หุบเลยทีเดียว

   ใช้เวลาไม่นานคนทั้งคู่ก็จัดการอาหารจนหมด ภาสกรเดินกลับเข้าไปทำงานด้วยใบหน้าที่สดใสมีความสุขเพราะถูกอกถูกใจที่แอนดี้ก็ชื่นชอบเมนูโปรดที่ตนเองชื่นชอบนั้นนักหนา





 
     “มาแล้วเหรอ” พนักงานบาร์เทนเดอร์เอ่ยทักเมื่อเห็นภาสกรเดินเข้ามาเพื่อมารับถาดไปทำตามหน้าที่ของตนเองต่อ

     “ครับ ผมไปก่อนนะพี่” ภาสกรตอบรับแล้วก็ยกถาดขึ้นมาถืออย่างทะมัดทะแมง

     “อืม เดินดี ๆ  ระวังลูกค้าด้วย” คนเอ่ยทักพูดขึ้นด้วยความหวังดี

     “ครับ”


     ภาสกรปฏิบัติตามหน้าที่อย่างตั้งใจ เขาเดินโฉบเข้าไปใกล้โต๊ะต่าง ๆ  ที่ลูกค้ามากหน้าหลายตาพากันเสี่ยงโชค บ้างก็หัวเสีย บ้างก็ยิ้มร่า ทุกเส้นทางการเดินไปตลอดทาง ถาดของเขาไม่เคยว่างเว้นแก้วที่ถูกหยิบออกไปหรือถูกวางคืนเมื่อน้ำในแก้วนั้นหมด


     กระทั่งใกล้เวลาเลิกงานนั้นเกือบจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ภาสกรหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อมีคุณผู้ชายท่านหนึ่งโผล่พรวดเข้ามาทางเขาโดยไม่ทันตั้งตัวจนเกือบทำให้ถาดหลุดออกไปจากมือ โชคดีว่าคุณผู้ชายคนดังกล่าวช่วยประคองถาดของภาสกรไว้ได้ทัน

     “ขอบคุณครับ” ภาสกรเอ่ยขอบคุณคนที่ช่วยให้เขาไม่ต้องขึ้นไปพบกับบอสใหญ่ของคาสิโนเป็นภาษาอังกฤษ

     “ไม่เป็นไร”

     “ขอโทษด้วยครับ”

     “อืม ทีหน้าทีหลังก็ระวังหน่อย” คุณผู้ชายเอ่ยเตือนก่อนจะเดินจากไป ภาสกรได้แต่รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่เคาต์เตอร์บาร์เพื่อเปลี่ยนแก้วในถาดเป็นชุดใหม่


     ทว่าวันนี้ภาสกรคงก้าวเท้าออกมาจากห้องผิดข้างแน่ ๆ  เพิ่งรอดตายไม่เกิดเรื่องอยู่หยก ๆ  เพียงครู่เดียวบอดี้การ์ดคู่ใจของอรรควัสก็ก้าวมาประชิดตัวพลางจับข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้แน่นจนภาสกรตกใจ

     “อะไรครับพี่เฉิน พี่คุณ”

     “พาย..” อาเฉินเรียกชื่อคนอายุน้อยกว่าด้วยความลำบากใจ

     “ครับ?”

     “บอสมีคำสั่งให้พี่พาพายขึ้นไปที่ห้อง”

     “มีอะไรครับ ผมทำอะไรผิดอีกหรือว่าตะกี้พี่เห็น..”

     “เห็นอะไร” อาคุณถามกลับ

     “ก็ที่ผมเกือบจะชนลูกค้าน่ะสิครับ พี่สองคนเห็นใช่ไหม”

     “ไม่ใช่พาย ไม่ใช่เรื่องนี้” อาเฉินส่ายหน้า สีหน้าไม่สู้ดี

     “แล้วเรื่องอะไรครับ ทำไมพี่ต้องทำหน้าเหมือนเกิดเรื่องขึ้นร้ายแรง”

     “...” หัวใจของภาสกรเต้นตึกตักอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอฟังคำตอบ เขาก็รู้ว่าเรื่องใหญ่มากแน่นอน

     ภาสกรนึกฉงน เขาทำอะไรผิดล่ะ แค่เหตุการณ์เกือบเดินชนลูกค้าถึงกับทำให้อาเฉินและอาคุณต้องทำสีหน้ายุ่งยากแบบนี้เลยหรือ

     “ขึ้นไปกับพี่เถอะพาย” อาคุณพูดเสียงเรียบ

     “ครับ”
 


     ภาสกรถูกอาเฉินและอาคุณประกบข้างซ้ายและขวาระหว่างถูกนำตัวขึ้นมาจนเข้ามาในห้องของเจ้าของคาสิโนแห่งนี้ ภาสกรยังใจเต้นรัวด้วยความกลัวไม่หยุด ยิ่งเห็นสายตาของอรรควัสด้วยแล้วยิ่งทำให้เขากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงเขาจะเคยทำผิดเพราะความไม่รู้หรือเพราะอะไรก็ตามแต่บอสใหญ่ก็ไม่เคยทำสายตาเย็นชากึ่งผิดหวังเช่นนี้เลย

     “มาแล้วครับบอส” อาคุณเอ่ยขึ้นอย่างไม่จำเป็น

     “อืม พวกนายสองคนออกไปรอข้างนอก”
     
     “ครับ” อรรควัสรอกระทั่งทั้งคู่ออกไปแล้วจึงพูดขึ้นใหม่

     “ภาสกร..”

     “ครับ” ภาสกรกลืนน้ำลายก่อนจะขานรับ

     “รู้ไหมว่าฉันเรียกเธอขึ้นมาทำไม”

     “ไม่ทราบครับ”

     “งั้นฉันขอถามเธอหน่อยว่าที่นี่ให้เงินเดือนเธอไม่ดีหรือ” อรรควัสจ้องมองคนตรงหน้าก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

     “ไม่ใช่ครับ” ภาสกรรีบปฏิเสธทันที ในใจก็นึกสงสัยบอสถามเขาแบบนี้ทำไม

     “หรือว่าสวัสดิการไม่ดี?”

     “ไม่ใช่ครับ”

     “บอกฉันมาตามตรงเงินไม่พอใช้ใช่ไหม”

     “ไม่ใช่ครับ”

     “ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงกล้าลักลอบส่งยาในคาสิโนของฉัน!” อรรควัสตวาดภาสกรเสียงดังในประโยคสุดท้าย เสียงนั้นทำให้ภาสกรกลัวจนก้าวเท้าถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

     “ผม..ผมไม่ได้ทำ บะ..บอสพูดอะไร ผม..ไม่รู้เรื่อง” ภาสกรละล่ำละลักบอกด้วยความตื่นตระหนก

     “ฉันไม่ชอบคนโกหก ยานั่นมันอยู่ใต้ถาดของเธอจะบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้”

     “ผมไม่ได้โกหก ผมไม่ได้ทำจริง ๆ” เขาทั้งกลัวและตกใจจึงเสียงดังขึ้นอย่างลืมตัว

     “ภาสกร!” อรรควัสเรียกชื่ออีกฝ่ายหมายจะให้ภาสกรยอมรับสารภาพ

     “เชื่อผมนะครับ ผมไม่เคยคิดที่จะทำเลย ผมรู้ว่าบอสเกลียดเรื่องยาเสพติดมากแค่ไหน ผมไม่กล้าทำจริง ๆ  เชื่อผมนะครับ ผมไม่ได้ทำ” เขาพูดคำเดิม ๆ  วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ถูกเวลากลับไหลลงมาเป็นทางไม่หยุด ภาวนาให้เจ้าของคาสิโนเชื่อเขาแม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี

     อรรควัสหันหลังให้ภาสกรก่อนจะพูดขึ้น “กฎก็คือกฎ เธอจำได้ไหมภาสกร”

     “จะ..จำได้ครับ” เขาสะอื้นเล็กน้อยจังหวะที่ตอบ

     “บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไงกับเธอ”

     “ถ้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โทษก็คือไล่ออก” ภาสกรเสียงเบาลงเมื่อตอบอีกฝ่าย

     “ใช่ ไล่ออก ฉันไล่เธอออก ภาสกร”

     “ฮึก..ครับ ต่อให้บอสจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตาม แต่ผมไม่ได้ทำจริง ๆ”

     “ออกไปได้แล้ว เก็บข้าวเก็บของให้เรียบร้อยด้วย พรุ่งนี้ฉันจะให้อาเฉินไปส่งเธอกลับไทย”

     “ครับ” ภาสกรรับคำแล้วพูดกับแผ่นหลังคนตรงหน้าก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่าย “สวัสดีครับบอส ขอบคุณมากครับ”


     ภาสกรลงลิฟต์โดยที่ไม่พูดอะไรกับอาเฉินเลยแม้แต่คำเดียว จนเมื่อถึงห้องพักของเขาแล้ว เขาจึงยกมือไหว้อีกฝ่ายเหมือนที่เพิ่งทำมาเมื่อครู่ก่อน เอ่ยลาและกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเช่นกัน


     อาเฉินเองก็ไม่มั่นใจว่าภาสกรจะเป็นคนทำจริงแต่หลักฐานและภาพวงจรปิดก็ชัดเจนอยู่ ถาดที่ภาสกรถือนั้นมียาซุกซ่อนไว้ใต้ถาดจริง ๆ  ไม่รู้ว่ายานี้ถูกนำมาตอนไหน แต่ภาสกรก็เป็นคนที่ถือถาดนั้นไปเสียแล้ว


     คืนนั้นภาสกรนอนร้องไห้เกือบทั้งคืนโดยมีนวพลคอยอยู่เป็นเพื่อน อีกฝ่ายก็เครียดไม่ต่างจากภาสกรเพราะรู้จักนิสัยของเพื่อนรักดีว่าไม่มีทางไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอน แต่ใครกันเล่าที่ทำกับเพื่อนของเขาได้ลงคอ


     ไอ้พายเอ๊ยไอ้พาย ซวยได้ตลอดศกจริง ๆ
 


     “บอสครับเรื่องพาย เอ่อ ภาสกร” อาคุณพูดกับเจ้าของห้องขึ้นเมื่ออาเฉินกลับมาถึงเรียบร้อย

     “ทำไม”

     “บอสจะไล่ภาสกรออกจริง ๆ เหรอครับ”

     “ไม่ใช่ ‘จะ’เพราะฉันไล่เขาออกไปแล้ว”

     “ผมขอแสดงความคิดเห็นหน่อยได้ไหมครับ” อาเฉินพูดขึ้นบ้าง

     “ว่ามา”
     
     “ผมอาจจะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่ผมไม่คิดว่าภาสกรจะทำจริงครับ”

     “รู้จักภาสกรดีถึงขนาดนั้นเลยงั้นรึ” อรรควัสแค่นเสียงถาม

     “ครับ” สองบอดี้การ์ดประสานเสียงพร้อมกันจนทำให้อรรควัสถึงกับเลิกคิ้วที่สองคนนี้เชื่อมั่นภาสกร

     อรรควัสถอนหายใจเล็กน้อย “อันที่จริง ฉันก็ไม่คิดว่าเขาเป็นคนทำหรอก”

     “อย่างนั้นหรือครับ” นัยน์ตาของอาเฉินเปล่งประกายด้วยความดีใจ

     “อืม แต่เพราะเราไม่มีหลักฐานอย่างที่นายเพิ่งพูดไป”

     “ครับ”

     “และที่ฉันไล่เขาออกก็เพราะต้องการให้คนที่ลงมือนั้นวางใจว่ามีคนรับโทษแทนไปแล้ว”

     “หลอกให้ตายใจเหรอครับ” อาคุณบอก

     “ใช่ ตอนนี้พวกนายสองคนสงสัยใครบ้างหรือเปล่า” อรรควัสมองคนทั้งคู่

     “แอนดี้”

     “แอนดี้ก็หนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่ที่ฉันแปลกใจก็คือคน ๆ นี้ต้องรู้มุมกล้องและการทำงานของภาสกรเป็นอย่างดี เขาสามารถหลบมุมกล้องจนทำให้กล้องไม่สามารถจับภาพได้ว่ายาพวกนั้นมาอยู่ที่ถาดของภาสกรตอนไหน อาเฉิน”

     “ครับบอส”

     “เริ่มจากจับตาทั้งแอนดี้และคนที่ภาสกรคุยด้วยบ่อย ๆ ก่อนก็แล้วกัน”

     “รับทราบครับ”

     “ส่วนนาย อาคุณ” ภาสกรหันไปมองเจ้าของชื่อ

     “ครับบอส”

     “ให้คนรีกล้องวงจรปิดวันนี้ทั้งหมด รู้ใช่ไหมว่าเวลาไหนที่ต้องดูละเอียดเป็นพิเศษ”

     “รับทราบครับ”

     “อ้อ ส่วนอาหารของอลันให้คนอื่นทำหน้าที่นี้แทนภาสกรไปก่อน”

     “ได้ครับ ถ้าบอสไม่ว่าอะไร ผมขอรับหน้าที่นี้เอง” อาคุณรับอาสาเอง

     “เอาอย่างนั้นเหรอ” เป็นอีกครั้งที่อรรควัสประหลาดใจลูกน้องของตัวเอง

     “ครับ”

     “อืมตามนั้น”

     “ขอบคุณครับบอส”

     “แยกย้ายได้”

     “เดี๋ยวครับบอส” อาเฉินเรียกอรรควัสไว้อย่างรวดเร็ว

     “อะไร”

     “แล้วจะให้ภาสกรตกงานไปแบบนี้เหรอครับ เพราะเรื่องเงิน...”

     “เป็นห่วงกันเหลือเกิน ฉันล่ะอยากรู้เสียจริงว่าภาสกรทำอะไรให้พวกนายถึงเป็นห่วงเขามากขนาดนี้” ไม่ใช่ครั้งแรกที่อรรควัสพูดประโยคนี้

     “พาย เอ่อ ภาสกรเป็นคนดีครับ” และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาเฉินตอบอีกฝ่ายด้วยประโยคนี้เช่นกัน


     เช้าวันรุ่งขึ้นภาสกรกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเมื่อมีคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง นวพลที่อยู่ใกล้ประตูมากกว่าจึงออกไปเปิดประตูให้เอง

     “เอ่อ..อาเฉิน..” นวพลเรียกชื่ออีกฝ่ายเพราะไม่คิดว่าจะเห็นบอดี้การ์ดคู่ใจของบอสมาที่ห้อง
     
     “พายล่ะ”

     “อยู่ในห้องครับ”

     “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม” อีกฝ่ายขออนุญาตตามมารยาท

     “เชิญครับ” นวพลเปิดประตูออกให้กว้างขึ้นก่อนจะให้ผู้มาเยือนเข้ามาในห้อง

     “อ้าว พี่เฉิน มาได้ไงครับ” ภาสกรทักผู้มาใหม่เสียงใสก่อนที่ใบหน้าจะสลดลง “อ่อ..พี่คงมารับผมไปสนามบินใช่ไหมครับ พี่รอแป๊บหนึ่งได้ไหม ผมยังเก็บของไม่เสร็จเลย ของมีไม่เยอะครับ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ”

     “อืม” อาเฉินพยักหน้าก่อนจะหันไปทางนวพล “ผมขอคุยกับพายหน่อยได้ไหม”

     นวพลประมวลผลในสมองอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจ “ได้ครับ เอ่อ..พาย กูเริ่มหิวแล้วอะเดี๋ยวกูออกไปหาอะไรกินหน่อย เดี๋ยวมา”

     “พี่เฉินมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ภาสกรรอจนนวพลออกไปแล้วจึงถามอีกฝ่าย

     “พายอยากกลับไทยเลยหรือยังอยากทำงานต่อ”

     “อยากทำงานสิครับ กลับไปไทยตอนนี้ผมไม่รู้จะไปหาเงินจากที่ไหนมารักษาแม่เลย”

     “พี่มีงานหนึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟ”

     “ได้ครับ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย งานอะไรผมก็ยินดีทำหมด” ดวงตาของภาสกรสดใสขึ้นมันเต็มไปด้วยความหวัง

     “อืม ดี ๆ”

     “ว่าแต่งานอะไรเหรอครับ”

     “พนักงานเสิร์ฟไม่ต่างจากที่ทำที่คาสิโนหรอกแต่เป็นที่ผับ ทำได้ไหม” อาเฉินถามอีก

     “ทำได้ครับ ผมทำได้” ภาสกรตอบแล้วรีบเร่งมือเก็บข้าวเก็บของลงกระเป๋าเดินทางก่อนที่มือขาว ๆ นั้นจะชะงักลง “ผมเพิ่งนึกได้”

     “อะไร ไม่ทำแล้ว?”

     “ไม่ใช่ครับ ผมยังไม่มีที่อยู่ใหม่เลย พี่เฉินพอจะมีที่พักแนะนำให้ผมไหมครับ ที่มันราคาถูก ๆ  ไม่แพงขอให้นอนได้ก็พอ”

     “นึกว่าอะไร เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องกังวลไป ที่ผับมีที่พักให้พนักงานทุกคน”

     “ดีจัง โอย พี่เฉิน..ผมดีใจมาก ๆ  เลย แต่เดี๋ยวครับ”

     “หืม อะไรอีกล่ะเรา” อาเฉินทำเสียงระอาระคนเอ็นดู

     “ผับที่พี่บอก แน่ใจเหรอว่าเขาจะรับผมเข้าทำงานเหรอครับ”

     “รับสิ”

     “จริงเหรอครับ”

     “อืม เชื่อพี่ ที่ผับเขาจะรับพายแน่นอน”

     “แสดงว่าพี่เฉินนี่เส้นใหญ่ใช้ได้เลยนะเนี่ย” ภาสกรเอ่ยแซว เมื่อความหนักอึ้งในใจได้ถูกขจัดออกไปบางส่วน

     “ไม่ใช่พี่เสียหน่อย”

     “ถ้าไม่ใช่พี่ แล้วใครล่ะครับ” ภาสกรถามด้วยความสงสัย

     “พี่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวบ่าย ๆ พี่จะมารับเราแล้วกัน ตอนนี้ก็พักเอาแรงก่อน เพราะอาจจะต้องเริ่มงานคืนนี้เลย”

     “ครับ ๆ ขอบคุณนะครับพี่เฉิน” ภาสกรรีบพยักหน้า

     “ไม่เป็นไร พี่ไปละ”

     “ครับ”


     คล้อยหลังที่อาเฉินกลับออกไป วงหน้าของภาสกรก็เต็มเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ภาสกรนั่งลงบนเตียงพลางคิดถึงนวพลเพื่อนรัก ถ้าอีกฝ่ายกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะรีบเล่าให้ฟังว่าเขาไม่ใช่คนตกงานอีกต่อไปแล้วและนวพลก็ไม่ต้องเป็นห่วงเขาแล้วด้วย



 
“พาย เอ่อ ภาสกรเป็นคนดีครับ”
“ให้เขาไปทำงานที่ผับนั่น”
“ครับ?” อาเฉินไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้องหรือเปล่า
“ให้พายไปทำงานที่ผับนั่น”










========================



มาแบบไวๆ กะทันหัน เซอร์ไพรส์มั้ยยย แต่เหนืออื่นใดน้องพาย โถลูกกกก งานเข้าเสมอเลย

ปล ชอบไม่ชอบบอกเขมได้น้าาาา #พนันท้ารัก แท็กนี้เลยค่า เขมชอบอ่านความคิดทุกคนเลยค่า

ขอบคุณค่า

รักกกก

เขมกันต์

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-09-2019 11:55:10
ใครช่างทำร้ายน้องได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ohanaeo ที่ 19-09-2019 19:12:54
น้องพาย งานเข้าอีกแล้วลูก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-09-2019 23:50:13
ดีใจ น้ำตาหยดติ๋งๆ ในที่สุด คุณเขม ก็ว่าง ลงน้องพายให้อ่าน ปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 24-09-2019 14:34:12
แอนดี้อ่ะน่าสงสัย คนเคยหมดตัวเพราะการพนัน แต่ที่ติดใจคืออลันเนี่ยเหมือนจะอ่อยๆพายอยู่ แต่เพราะอะไร - -?
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-09-2019 14:33:52
ต้องหาให้เจอ คนแกล้งน้อง ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-09-2019 22:15:25
เด็กดีมีแต่คนรักนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสาม UP!! 18/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-09-2019 22:39:15


วงล้อที่สิบสี่



            ภาสกรเริ่มงานใหม่ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ช่วงสองสามวันแรกพนักงานที่ผับต่างมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ  เจ้าตัวรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เดาว่าสาเหตุอาจจะมาจากที่เขาเข้ามาทำงานในฐานะเด็กเส้นหรือเด็กฝากก็เป็นได้ ทว่าภาสกรสามารถทำได้แค่คิด ไม่สามารถทำอะไรได้ เขามีเป้าหมายต้องการหาเงินไปให้แม่จึงก้มหน้าก้มตาทำงานและยิ่งต้องทำงานให้ดีกว่าเดิมเป็นพิเศษเพราะไม่อยากให้อาเฉิน คนที่ฝากเขาทำงานต้องถูกมองไม่ดีตามไปด้วย


            แต่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าภาสกรคิดไปเองหรือเปล่าที่พนักงานหลายคนเข้ามาคุยกับเขาบ้างและเหมือนจะคุยกับเขาในทิศทางที่ดีขึ้น ภาสกรเองก็พูดคุยกลับไปอย่างสุภาพ ไม่ได้ตั้งแง่โกรธเคือง เขามองว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่ดี ยังไงก็ย่อมดีกว่าการถูกมองไม่ดีหรือถูกเกลียดอยู่แล้ว


            ถ้าเอ่ยถึงลักษณะงานที่นี่ไม่แตกต่างจากลักษณะงานในคาสิโนนักในแง่ของการเสิร์ฟเครื่องดื่มหรืออาหารที่ภาสกรเคยทำมาก่อน หากงานจะต่างจากที่คาสิโนก็คงเป็นที่เขาต้องดูแลทุกชั้นในผับนี้ ไม่ได้ดูเพียงชั้นใดชั้นหนึ่งในแต่ละวัน และถึงแม้ว่าแต่ละชั้นจะมีพนักงานประจำอยู่แล้วแต่ความที่เขาเป็นพนักงานใหม่จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ทุกชั้นและทุกโซนของผับ ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพนักงานคนนั้นคนนี้ไหว้วานให้ทำตามความต้องการของลูกค้า


            และที่สำคัญที่ภาสกรรู้สึกว่างานที่ผับนี้ไม่ง่ายเอาเสียเลยนั่นก็คือคำว่า “ผับ” ขึ้นชื่อด้วยคำนี้แล้วลองจินตนาการดู ภาพที่ได้คงไม่พ้นจากเสียงดัง คนเมา แอลกอฮอล์ การแสดงหรือแสงสีเสียงต่าง ๆ  ตอนนี้ภาสกรกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ แล้วปัญหาคืออะไรล่ะ


            ช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ภาสกรไปเที่ยวผับไม่บ่อยหรือถ้าไปนั้นส่วนใหญ่แล้วก็เป็นร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในผับหรูหราหรือผับขนาดใหญ่เหมือนสถานที่ที่เขาทำงานอยู่ในขณะนี้ มันจึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับภาสกรพอสมควร


            ชั้นที่หนึ่งของผับคือส่วนแรกหรือด่านหน้าที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากที่สุดกล่าวคือชั้นแรกนั้นหมายถึงเมื่อพ้นประตูจากทางด้านหน้าผับแล้วทุกคนต้องเจอเข้ากับชั้นนี้ก่อน โดยชั้นนี้จะมีโต๊ะทรงสูงให้สำหรับสายเต้นได้มาจับจองเรียกว่ายกแก้วไป ยืนเต้นไป ไม่ต้องพักทั้งคืน อีกทั้งด้านหน้าจะมีเวทีการแสดงไม่ซ้ำกันในแต่ละคืนและมีมุมเปิดเพลงจากดีเจชื่อดัง


            หากใครไม่ชอบยืน อารมณ์ประมาณว่าอยากนั่งฟังเพลง จิบเหล้า มองคนเต้น ก็จะมีชั้นสองเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า อันที่จริงสำหรับภาสกรนั้นมักจะเรียกว่าชั้นลอยมากกว่าเพราะมันมีขนาดพื้นที่อยู่เพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับชั้นหนึ่ง การที่มีพื้นที่เพียงครึ่งเดียวจะทำให้คนที่นั่งข้างบนสามารถเห็นบริเวณชั้นล่างได้อย่างชัดเจน


            ภาสกรเคยคิดว่าการถือถาดที่เขาทำได้ค่อนข้างทำดีแล้วเมื่อตอนที่ทำงานอยู่ที่คาสิโนนั้นกลับใช้กับที่ผับนี้ไม่ได้ เขาต้องใช้ความระมัดระวังและต้องเพิ่มทักษะมากกว่าเดิม จะถือถาดอย่างไรให้แทรกผ่านกลุ่มคนที่กำลังเต้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยได้ ซ้ำยังต้องมีหูที่ดีสำหรับการฟังเสียงของลูกค้าที่ถูกแทรกด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ไม่นับที่เขาต้องขึ้นลงระหว่างชั้นที่หนึ่งและชั้นลอยอยู่ตลอดทั้งคืน

            “คุณยกออเดอร์นี้ไปให้ลูกค้าชั้นใต้ดินหน่อย โต๊ะบีศูนย์ศูนย์หนึ่ง”

            “ได้ครับ” ภาสกรพยักหน้าและรับคำถึงแม้จะไม่ค่อยอยากเดินลงไปชั้นใต้ดินเท่าไหร่นักแต่เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

            “รีบไปรีบมา ออเดอร์ค้างเยอะ” อีกฝ่ายกำชับ

            “ครับ” ภาสกรรับคำอีกครั้งและรีบยกถาดมาถืออย่างคล่องแคล่วทันที ผู้จัดการร้านถึงกับออกปากเองเขาคงจะรีรอทำร่ำไรไม่ได้เสียแล้ว


            ภาสกรเดินลงบันไดมาจากชั้นหนึ่งทีละขั้นไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปเพราะต้องระวังถาดในมือ ทันที่ที่ประตูอัตโนมัติที่กั้นจากชั้นหนึ่งเปิดและปิดเมื่อภาสกรเดินผ่านเข้าจุดเชื่อมลงไปชั้นใต้ดินนั้น เขาก็ไม่ได้ยินเสียงเพลงจากชั้นหนึ่งอีกเลย ทำให้รู้สึกราวกับได้พบอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากด้านบนเลยก็ว่าได้


            ชั้นใต้ดินหรือ Basement เป็นชั้นที่มีไว้เพื่อลูกค้าที่ต้องการมาเพื่อผ่อนคลาย ให้สายน้ำเย็นหรืออุ่นช่วยบำบัดความเครียดหรือบรรเทาความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาทั้งวัน ชั้นใต้ดินคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ตอนที่ภาสกรเห็นครั้งแรกเขาถึงกับตกตะลึงในความโอ่อ่าและสวยงามของมัน แทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครกล้ายกสระว่ายน้ำมาไว้ในผับแบบนี้


            โต๊ะที่นั่งของชั้นนี้จะตั้งอยู่กลางสระน้ำ ผู้ใช้บริการสามารถขึ้นจากสระแล้วเข้ามานั่งที่โต๊ะของตัวเองได้เลยซึ่งทำให้สะดวกสบายเป็นอย่างมาก ภาสกรเดินไปตามทางเดินที่ถูกกั้นด้วยกระจก เหมือนกำลังเดินอยู่ในน้ำ ทำให้มองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน


            เพลงที่เปิดก็ต่างจากชั้นหนึ่งเช่นกัน อย่างที่บอกว่าชั้นนี้มีไว้เพื่อบำบัด เพลงก็จะเน้นเป็นเพลงบรรเลงยิ่งได้ฟังยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย เงียบสงบจนอยากจะนั่งอยู่ในนี้นาน ๆ  ทว่าภาสกรกลับไม่รู้สึกอยากนั่งอยู่ในนี้เลย อย่าว่าจะให้มานั่ง แค่ลงมาเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่มเขายังไม่อยากมาเลย


            เพราะอะไรน่ะหรือ


            ภาพลูกค้าที่มาเที่ยวที่นี่ต่างหาก ขึ้นชื่อว่าสระว่ายน้ำแสดงว่าต้องเต็มไปด้วยชุดว่ายน้ำทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าภาสกรจะไม่เคยเห็นคนใส่ชุดว่ายน้ำ แต่เขาไม่เคยชินกับการที่เห็นคนใส่ชุดว่ายน้ำพลอดรักกับคู่ที่ตนพามา ใช่แล้วล่ะการผ่อนคลายหรือบรรเทาความเครียดไม่จำเป็นต้องเป็นแค่มาที่นี่เพื่อว่ายน้ำเท่านั้น


            ภาสกรพยายามก้มหน้าก้มตาเดินมองบรรยากาศรอบ ๆ  ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่สุดท้ายเมื่อต้องไปเสิร์ฟตามโต๊ะเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าลูกค้าได้เลย จำต้องสบตาและยิ้มให้อีกฝ่ายในจังหวะที่เสิร์ฟด้วย

            “ขออภัยที่ให้รอ อาหารที่สั่งได้แล้วครับ” ภาสกรพูดตามที่ได้รับการอบรมมา เขาเสิร์ฟจานสลัดแซลมอนและเครื่องดื่มโมฮิโต้ลงบนโต๊ะพลางยิ้มให้เจ้าของโต๊ะเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ความรู้สึกว่าพนักงานคนนี้มีสีหน้าบึ้งตึงจนทำให้ภาพลักษณ์ของผับแห่งนี้ดูไม่ดี

            “มาแล้วเหรอ ช้าจริง” คนที่สั่งพูดด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจเล็กน้อย

            “อย่าอารมณ์เสียเลยครับ ยังไงอาหารก็มาแล้ว” ผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างกายคนไม่พอใจ ขยับตัวเข้าหาอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้นเบา ๆ อย่างนุ่มนวล

            “ขออภัยด้วยครับ” ภาสกรรีบขอโทษอย่างรวดเร็วแล้วรีบก้มหน้าลงทันทีเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าเริ่มไม่เหมาะที่เขาควรจะเห็น ภาพที่คนหงุดหงิดก้มลงสูดดมที่ซอกคออีกฝ่าย อีกทั้งคนทั้งคู่ตอนนี้สวมใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำเท่านั้น

            “ยังยืนอยู่อีกทำไม เสร็จแล้วก็ไปสิ” ลูกค้าที่ไม่พอใจเอ่ยปากไล่ภาสกร ซึ่งเขาไม่รู้สึกโกรธที่ถูกไล่แต่กลับดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำนี้


            ภาสกรรีบกลับขึ้นมาที่ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทันทีที่วางถาดลงบนเคาต์เตอร์ ผู้จัดการคนเดิมก็บอกให้เขาช่วยถือถาดไปชั้นเจ็ดกับอีกฝ่ายหน่อย ซึ่งภาสกรก็รับคำตามถือถาดไปโดยไม่อิดออด


            เขายืนอยู่ในลิฟต์กับผู้จัดการเงียบ ๆ  คนนี้คือคนที่มองเขาอย่างไม่เป็นมิตรในวันแรกที่มาทำงานและก็เป็นคนเดียวกับคนที่เริ่มพูดจากับเขาอย่างเป็นมิตรมากขึ้น

            “คุณรู้จักอาเฉินนานหรือยัง” เมื่อถึงชั้นเจ็ดประตูลิฟต์เปิดออก อีกฝ่ายก็ถามเขาขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “ประมาณหกเดือนครับ”

            “รู้จักกันมาสักพักแล้วเหมือนกันนนะ ผมเห็นอาเฉินดูเป็นห่วงคุณมาก ถึงกับพามาสมัครงานที่นี่ด้วยตนเอง”

            “พี่เฉินคงสงสารผมครับ พอดีผมมีปัญหากับที่เก่านิดหน่อยเลยตกงานกะทันหัน” ภาสกรเลี่ยงไม่พูดถึงปัญหาว่าคืออะไรและคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ถามด้วยเช่นกัน

            “อย่างนั้นหรือ คงลำบากแย่สินะ” เขาลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อคนที่เดินนำทางไม่ถามถึงปัญหาดังกล่าว

            “ผมโชคดีที่พี่เฉินเสนองานและพามาทำงานที่นี่ครับ”

            “อืม แล้วเคยขึ้นมาชั้นเจ็ดหรือยัง” ผู้จัดการเปลี่ยนเรื่องใหม่ ภาสกรก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร

            “ยังไม่เคยครับ”

            “ชั้นนี้คือชั้นลูกค้าวีไอพี พนักงานที่นี่ทุกคนต้องสามารถดูแลแขกวีไอพีได้ เพราะคำว่าวีไอพี ทางผับเลยให้ห้องวีไอพีอยู่ชั้นบน ๆ  หน่อยจะได้เงียบสงบ เป็นสัดส่วนและคนไม่พลุกพล่าน ครั้งนี้ผมเลยพาคุณมาสังเกตการณ์คร่าว ๆ  แล้วพอครั้งต่อไปคุณจะได้รู้ขั้นตอนการทำงานและทำเองได้”

            “ครับ”

            “ถึงแล้ว” ผู้จัดการบอกอย่างไม่จำเป็น ภาสกรเงยหน้ามองเลขห้องบนประตู ห้องที่ผู้จัดการพาเขามาคือวีเจ็ดศูนย์หก


            ผับแห่งนี้จะแบ่งการเรียกชื่อโต๊ะหรือชื่อห้องเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายและลดปัญหาความเข้าใจผิดในการสื่อสาร เช่นตอนที่เขาไปที่ชั้นใต้ดินคือโต๊ะ โต๊ะบีศูนย์ศูนย์หนึ่ง มีความหมายดังนี้ บี หมายถึง Basement ศูนย์ตัวที่หนึ่งคือชั้นที่ศูนย์ และศูนย์หนึ่งคือโต๊ะเลขที่หนึ่ง กรณีเดียวกับห้องนี้คือวีไอพีเจ็ดศูนย์หกคือวี คือห้องวีไอพี เจ็ดคือชั้นเจ็ดและศูนย์หกคือห้องที่หก


            ผู้จัดการเคาะประตูห้องเป็นสัญญาณบ่งบอกให้คนในห้องรับรู้ว่ามีผู้มาเยือน เมื่อเคาะเสร็จแล้วผู้จัดการกลับยืนนิ่งไม่ได้เปิดประตูเข้าไป ภาสกรมองด้านหลังอีกฝ่ายด้วยความสงสัยแต่เลือกไม่ถาม หากอีกฝ่ายคงคาดเดาได้หรือไม่ก็คงเป็นประสบการณ์ที่เคยสอนพนักงานจึงทำให้รู้ว่าเด็กใหม่คงมีคำถามอยู่ในใจจึงพูดขึ้นเสียงเรียบ

            “เราจะทำเพียงแค่เคาะประตูลูกค้าเท่านั้น ไม่เปิดประตูเข้าไปเอง เพื่ออะไรรู้ไหม”

            “ไม่ทราบครับ” ภาสกรตอบตามตรง

            “เพื่อที่เราจะได้ไม่เปิดเข้าไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น เข้าใจไหม”

            “เข้าใจครับ” ภาสกรพยักหน้ารัว ๆ  เขาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเข้าใจความหมาย


            ภาสกรและผู้จัดการยืนรออยู่เพียงอึดใจคนในห้องก็เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเพราะพิษสุรา ภาสกรได้ยินเสียงเพลงอึกทึกผนวกกับเสียงคนที่คุยกันโหวกเหวก คนด้านในกวักมือให้พวกเขาทั้งคู่เข้าไปในห้อง ภาสกรใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น เขาเดินตามผู้จัดการโดยแทบไม่ทิ้งระยะห่างมากจนเกินไป เมื่ออีกฝ่ายเสิร์ฟอาหาร เขาเองก็ทำตามเช่นกันก่อนจะลอบสังเกตสภาพและบรรยากาศในห้องไปด้วย


            ห้องนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรสามารถจุคนได้เจ็ดถึงสิบคนได้อย่างสบาย ๆ  มีโทรทัศน์หลังใหญ่ตรงผนังหน้าห้องและมีโทรทัศน์ขนาดเล็กกว่าเครื่องแรกอีกสองเครื่องที่ผนังห้องด้านข้างฝั่งซ้ายและขวา แสงไฟในห้องเน้นโทนมืดสลัวแต่มองเห็นได้ชัดเจนประมาณหนึ่งไม่ถึงต้องคลำทาง แต่ไม่ชัดเจนเท่าแสงไฟปกติ


            ในห้องยังมีโซฟาหลายขนาดทั้งโซฟายาวหรือโซฟาเก้าอี้เดี่ยวสำหรับนั่งคนเดียว และความพิเศษในห้องยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ดูเหมือนที่นี่จะเน้นอะไรที่เป็นสองชั้นเหลือเกิน ห้องนี้ก็มีสองชั้นเช่นเดียวกัน โดยจะมีบันไดเตี้ย ๆ  ประมาณเจ็ดขั้นให้เดินขึ้นไปนั่งข้างบนได้ และยังมีเคาต์เตอร์ขนาดยาวให้ชงเครื่องดื่มหรือวางของโดยไม่หวงพื้นที่เลยแม้แต่น้อยอีกด้วย


            ภาสกรมองวิธีปฏิบัติงานของผู้จัดการแล้วก็จดจำเอาไว้กระทั่งพวกเขากลับออกมาจากในห้อง

            “เห็นห้องวีไอพีแล้วใช่ไหม” ผู้จัดการพูดกับภาสกรถึงชั้นวีไอพีนี้อีกระหว่างทางที่กลับ

            “ครับ เห็นแล้ว ห้องใหญ่มากเลย”

            “ห้องที่นี่จะมีขนาดเดียวกันทั้งหมดทุกห้อง”

            “แล้วถ้าลูกค้ามาเพียงคนเดียวหรือสองคนล่ะครับ จะทำยังไง”

            “ก็ใช้ห้องนี้พวกนี้ เพราะเจ้านายของเราต้องการให้ความวีไอพีนี้เป็นมาตรฐานสำหรับทุกคน” เจ้านายที่ผู้จัดการเอ่ยถึงคือเจ้าของผับแห่งนี้

            “แล้วถ้ามีลูกค้าที่กลุ่มใหญ่มากกว่านี้ล่ะครับ”

            “เข้าใจถาม” ผู้จัดการยิ้มให้ภาสกรเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ถ้าหากมีลูกค้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ ที่ชั้นแปดเราจะมีห้องวีไอพีสำหรับลูกค้าที่มาตั้งแต่สิบคนขึ้นไป แต่สามารถรองรับได้สูงสุดสามสิบคนเท่านั้น ถ้ามากกว่านั้นก็เหมาผับทั้งคืนไปเลยดีกว่า เอาไปเลยทุกชั้น” ผู้จัดการพูดอย่างมีอารมณ์ขันในตอนท้ายทำให้ภาสกรผ่อนคลายและยิ้มตามอีกฝ่าย






 
            ภาสกรเพิ่งลงบันไดเลื่อนจากชั้นสี่หรือชั้นคาราโอเกะมาที่สาม ชั้นนี้จะถูกแบ่งเป็นห้องคล้ายกับชั้นวีไอพีและมีขนาดห้องตามจำนวนผู้เข้าใช้งาน แต่ถ้าหากมาสองคนแต่อยากได้ห้องใหญ่ขนาดหกคนหรือสิบคนทางผับก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด บรรยากาศในชั้นสี่นั้นค่อนข้างเงียบคล้ายกับชั้นวีไอพี แต่เมื่อคนในห้องเปิดประตูออกมาเท่านั้นแหละเสียงเพลงจากข้างในดังกระหึ่มจนเขาตกใจทีเดียว ทั้งตกใจที่เสียงดังและตกใจที่ห้องคาราโอเกะเก็บเสียงได้ดีมากจนคนที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ยินเสียงเลย


            ส่วนการตกแต่งนั้นแทบจะคล้ายคลึงกับชั้นวีไอพีเลยเพียงแต่ภายในห้องจะไม่มีเคาต์เตอร์บาร์และไม่มีชั้นบน ส่วนเฟอร์นิเจอร์จำพวกโซฟาก็จะถูกปรับให้มีจำนวนให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เช่นห้องขนาดสองถึงสี่คนจะมีโซฟาตัวยาวและโซฟาเดียวอีกสองตัว


            ภาสกรยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้ใกล้หกโมงแล้ว อีกไม่กี่อึดใจเขาก็จะเลิกงานและไปนอนได้เสียที วันนี้เป็นคืนวันเสาร์ทำให้มีนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่มาเที่ยวกันมากกว่าวันธรรมดา


            ผับที่นี่จะเปิดตั้งแต่สองทุ่มถึงหกโมงเช้าซึ่งภาสกรและพนักงานคนอื่น ๆ  จะต้องมาเข้างานก่อนถึงเวลาเปิดและกลับหลังจากเวลาปิดผับเล็กน้อยเพื่อเก็บร้านให้เรียบร้อยสำหรับคืนถัดมา


            วันนี้เขาวิ่งวุ่นมาทั้งคืนจนใกล้เช้าคนจึงเริ่มบางตาลง ภาสกรอาศัยจังหวะนี้หลบมานั่งพักขาเสียหน่อย แต่พอนั่งได้เพียงห้านาทีก็มีคนมาแตะไหล่ เมื่อหันไปดูจึงพบว่าเป็นผู้จัดการคนเดิม

            “คืนนี้เหนื่อยหน่อยนะ”

            “อ่า..ครับ พี่มีอะไรให้ผม..”

            “ไม่มีแล้วนั่งพักเถอะ จะไปหาอะไรกินในครัวก่อนกลับก็ได้นะ”

            “ครับ” ผู้จัดการตบบ่าเขาสองสามสีก่อนจะเดินออกไป


            ส่วนชั้นสามที่ภาสกรแอบมานั่งหลบมุมพักอยู่คือชั้นที่เป็นบาร์หรือเลาจน์ขนาดใหญ่ มีทั้งโต๊ะและเคาต์เตอร์บาร์ตามแต่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการ ชั้นนี้ก็เป็นชั้นที่จะเปิดเพลงคลอเบา ๆ  เน้นจิบเหล้าหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ  ฟังเพลงผ่อนคลาย ในบรรดาแต่ละชั้นของผับนี้ ภาสกรค่อนข้างชื่นชอบชั้นนี้มากที่สุด มันทั้งเงียบและวุ่นวายน้อยที่สุดแล้ว


            กระทั่งถึงเวลาปิดร้าน เมื่อลูกค้าพาทยอยกันกลับไปจนหมดเรียบร้อยแล้ว ภาสกรเองก็เตรียมตัวที่จะกลับแล้วเช่นกัน แต่จังหวะที่ภาสกรกำลังถอดเสื้อกั๊กสีดำตัวนอกออกจากตัว หางตาเขาก็เห็นผู้จัดการเดินไปเดินมาให้วนไปเวียนมาอยู่ที่ชั้นสาม

            “หายไปไหนนะ ร้านก็ปิดแล้ว” ภาสกรได้ยินเสียงผู้จัดการบ่นพึมพำเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้

            “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ”

            อีกฝ่ายมีสีหน้าเซ็งมากกว่าจะลำบากใจแล้วตอบเขาว่า “ก็ไม่เชิงหรอก พอดีมีคนหายน่ะ”

            “...”

            เมื่อพูดจบคนหน้ามุ่ยก็บ่นต่อกับตัวเองอีก “บอกแล้วช่วงเวลานี้ให้ไปพักร้อน ปีนี้ทำไมไม่ไปเนี่ย เห็นไหมเดือดร้อนวุ่นวายให้ตามหาอีก”

            “เอ่อ..หมายถึงใครครับ ใครหาย?”

            “คุณยังไม่กลับก็ดีแล้ว ผมรบกวนหน่อยได้ไหม คุณช่วยขึ้นไปชั้นวีไอพีแล้วไปดูหน่อยสิว่าห้องไหนยังมีไฟสีแดงขึ้นอยู่บ้าง” ภาสกรพยักหน้าเข้าใจเพราะหน้าห้องวีไอพีจะแสดงสัญญาณของไฟให้พนักงานได้รับรู้ด้วย ถ้ามีคนใช้งานอยู่จะขึ้นไฟสีแดง ถ้าไม่มีผู้ใช้งานจะแสดงเป็นสีเขียว

            “ครับ แล้วถ้ามีสีแดงล่ะครับ”

            “เปิดประตูเข้าไปเลย”

            “แล้วผมต้องทำยังไงต่อ”

            “ไปดูให้ผมก่อนแล้วกัน เขาไม่น่าอยู่ที่นั่นหรอก แต่ก็ควรไปดูเพื่อความแน่ใจ เฮ้อ..เดี๋ยวผมจะดูที่ชั้นอื่นอีกทาง”

            “ครับ”

            “เอ่อ ห้องห้าสิบสองนะ”

            “อะไรนะครับ?” ภาสกรงงกับเลขห้องที่อีกฝ่ายบอกมา ผับที่นี่มีขนาดใหญ่ก็จริงแต่เขามั่นใจว่าคงไม่น่ามีจำนวนห้องถึงห้าสิบห้องแน่นอน ทว่าเมื่อเขาจะถามอีกครั้ง คนที่บอกก็หายไปจากบริเวณนั้นแล้ว

            แล้วห้องที่ว่าเนี่ยมันอยู่ไหนกันเล่า?


            ภาสกรขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นเจ็ดและเริ่มไล่เลขหน้าห้องไปทีละห้องพลางดูแสงไฟด้วยว่าทุกห้องควรเป็นสีเขียว ไล่เลขห้องไปเรื่อย ๆ  จนถึงห้องที่สิบก็ครบหมด เขายืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าได้ยินมาผิดหรืออีกฝ่ายพูดผิดกันแน่ หากภาสกรก็มั่นใจว่าอย่างหลังคงไม่ใช่อยู่แล้วเพราะอีกฝ่ายทำงานที่นี่มานาน ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเขาเองที่ฟังผิด

            แย่ละ!?

            ภาสกรกำลังคิดไม่ตกเมื่อเห็นว่าตรงมุมผนังถัดจากห้องวีเจ็ดหนึ่งศูนย์ มีทางเดินเข้าไปด้านในอีก เขาเดินไปตามทางที่ว่าจนเจอประตูห้องหนึ่งและพบว่ามันคือห้องห้าสิบสอง


            บิงโก!?


            เขาเจอห้องที่ว่าแล้ว มีห้องนี้อยู่จริง ๆ  ด้วย แต่เดี๋ยวก่อน ไฟหน้าห้องแสดงเป็นสีแดง แปลว่า..มีคนอยู่อย่างนั้นหรือ เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี ลงไปบอกผู้จัดการดีกว่าไหม ยังไงก็ไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปเองหรอก เขาอยากจะถามอีกฝ่ายแต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของทางนั้น จึงตัดสินใจกลับลงไปหาผู้จัดการอีกที แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับพูดเหมือนเดิมให้เขาขึ้นมาที่ห้องนี้แล้วเปิดประตูเข้าไปได้เลย


            ภาสกรบอกผู้จัดการเพราะไม่แน่ใจว่าคนในห้องจะเป็นคนที่ถูกตามหาหรือไม่และเขาก็ไม่เคยเจอคนที่กำลังตามหาด้วย แต่ผู้จัดการกลับบอกว่าภาสกรไม่ต้องเป็นกังวล ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายหรอกซ้ำยังบอกให้เขาอีกว่าคนในห้องจะเป็นคนบอกต่อเองว่าจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็รีบเอ่ยลาเขาทำท่าเหมือนจะเตรียมหนีอย่างไรอย่างนั้น


            ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้จัดการถึงไม่มาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เขาได้แต่เดินคอตกไปที่ชั้นเจ็ดห้องห้าสิบสองอีกครั้ง ในหัวได้แต่สงสัยว่าคนในห้องเป็นใครและทำไมห้องนี้ถึงถูกตั้งว่าห้าสิบสอง ทำไมไม่ใช่ห้องสิบเอ็ดต่อจากห้องที่สิบกัน










========================



ตอนนี้ขอบรรยายยาว ๆ หน่อยนะคะ ปูเรื่องนิดนึงงงง

แล้วเจอกันพฤหัสหน้าค่ะ



ขอบคุณทุกคนเลย ร้ากกกก



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ



หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-09-2019 00:11:16
รัก น้องพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-09-2019 00:56:44
 :hao4: ใครกันน้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-09-2019 13:39:37
ลุ้นไป
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 27-09-2019 22:27:34
ผู้จัดการดูมีความลับนะ ส่งน้องพายไปห้องนั้นต้องมีอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-09-2019 00:20:58
ใครอยู่ในห้องอ่ะ?
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-09-2019 16:31:34
ทำไมอ่านได้แค่ 3 บรรทัด แล้วเป็นขีดเส้นใต้เลย ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบสี่ UP!! 26/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-10-2019 20:54:23

วงล้อที่สิบห้า



ภาสกรยืนจด ๆ  จ้อง ๆ  มองบานประตูด้วยความลังเล เขาไม่รู้ว่าคนในห้องคือใครและข้างในจะมีอันตรายหรือไม่ แต่คิดว่าผู้จัดการคงไม่ใจร้ายกับเขาขนาดนั้นและที่สำคัญตอนนี้ก็หกโมงกว่าใกล้เจ็ดโมงเช้าแล้ว เขาง่วงเต็มที ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ สุดท้ายความง่วงก็เอาชนะความกลัวให้ภาสกรเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกคนในห้องให้รู้ตัว ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงตัดสินใจทำตามที่ผู้จัดการบอกที่ให้เปิดประตูเข้าไปเลย


ชายหนุ่มค่อย ๆ  เปิดประตูออกอย่างระวัง ความรู้สึกแรกเมื่อเข้ามาในห้องรับรู้ได้ถึงความเงียบที่ผิดปกติ ทั้งห้องมืดมิด ไฟไม่ได้ถูกเปิด ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ  เขาขมวดคิ้วหรือว่าสัญญาณไฟหน้าห้องจะเสีย ภาสกรจึงลองเปิดไฟในห้องดู ใจเต้นถี่รัวกลัวจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า ถ้าเห็นคนน่ะเขาไม่กลัว แค่กลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ใช่คนต่างหาก


ห้องสว่างวาบด้วยแสงไฟสีขาว ไม่ใช่แสงไฟสลัวเหมือนห้องวีไอพีที่เคยเห็น เขามองเห็นทุกอย่างในห้องชัดเจน  ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องวีไอพีห้องอื่นกว่าเป็นเท่าตัว แล้วทำไมผู้จัดการบอกว่ามีขนาดห้องเท่ากันหมดล่ะ ภาสกรกวาดตามองไปรอบ ๆ  ห้อง ทว่ากลับไม่เห็นใครเลย ในห้องนี้ไม่มีคนอยู่จริง ๆ  สงสัยไฟหน้าห้องคงจะเสียแน่ ๆ  เขาเตรียมจะปิดไฟและกลับออกไป พลางคิดในหัวว่าจะบอกผู้จัดการอย่างไรดีว่าเขาไม่เจอคนที่อีกฝ่ายกำลังตามหา แต่แล้วจังหวะที่เขาหมุนตัวกำลังจะออกจากห้อง สายตากลับเห็นบางอย่างที่มีสีดำลักษณะคล้ายเส้นผมอยู่ข้างโซฟา


ภาสกรตาโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ อย่าบอกนะว่าเจอของดีเข้าให้แล้ว มือเท้าแข็งค้างขยับเขยื้อนไม่ได้ด้วยความกลัวสุดขีด อยากจะเปล่งเสียงร้องแต่ก็ไม่มีเสียงใด ๆ  ออกมา ทันใดนั้นเขาก็เห็นเส้นผมสีดำนั้นขยับได้ ความคิดของมนุษย์นั้นล้ำลึกเสมอ เขาจินตนาการต่อไปแล้วว่าถ้าเส้นผมสีดำนั้นมีใบหน้าซ่อนอยู่ จะเป็นอย่างไร ภาสกรยิ่งตกใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณชายหนุ่มมั่นใจว่าถ้ามีใบหน้าใต้เส้นผมนั้นจริง ๆ  เขาต้องเป็นลมหมดสติเพราะช็อกแน่นอน


หากเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขาเห็นมือหนึ่งวางแหมะหงายลงที่พื้นพรมพร้อมกับแก้วเปล่าที่กลิ้งออกมาจากมือข้างนั้น เอ..หรือว่าจะเป็นคน ภาสกรทำใจกล้าเดินเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นจึงเห็นว่าคนคนนี้นั่งอยู่ที่พื้นหลังพิงโซฟาอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนที่เขามองหาคนในห้องเร็ว ๆ  ในทีแรกจึงทำให้เขาไม่สังเกตเห็นอีกฝ่าย คราวนี้ภาสกรสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมบอกตัวเองว่าคนที่เห็นเขาเห็นคือคนจริง ๆ  ไม่ใช่อย่างอื่นที่เขานึกกลัว


ภาสกรเดินเข้าไปนั่งยอง ๆ  ตรงหน้าคนที่คิดเขาคิดว่าคนก่อนที่เขาจะผงะหงายหลังก้นจ้ำเบ้าด้วยความตกใจ


นี่มันยิ่งกว่าผีอีก!


บอสไม่ใช่หรือ


คุณอรรควัสมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วคุณอรรควัสใช่คนที่ผู้จัดการตามหาอยู่หรือเปล่า ความคิดของภาสกรตีกันวุ่นไปหมดในหัว ทำไมคนตรงหน้าถึงมีอาการหลับใหลไม่ได้สติซ้ำยังมีกลิ่นเหล้าโชยออกมาจากร่างกายอย่างแรงจนเขาต้องย่นจมูก


ภาสกรไม่เคยเห็นอรรควัสเมามายเลยสักครั้ง ควรทำอย่างไรดี ภาสกรทวนความจำที่ผู้จัดการบอกไว้ว่าคนในห้องจะบอกเขาเองว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“บอสครับ” ภาสกรลองเรียกชื่ออีกฝ่ายดู

“...”

“บอสครับ” เขาลองเรียกซ้ำ

“อืม ว่าไง”

“บอสครับ ผับปิดแล้วบอสจะให้ผมทำยังไง เอ่อ..พาไปที่ไหนครับ”

“...” อีกฝ่ายไม่ตอบนอกจากชี้มือขึ้นไปข้างบน ภาสกรมองตามจึงเห็นว่าห้องนี้ก็มีชั้นสองเหมือนกับห้องวีไอพีห้องอื่น เพียงแต่ว่าด้านบนนั้นไม่ใช่โซฟาแต่กลับเป็นเตียงนอนหลังใหญ่แทน

“ให้ผมพาบอสขึ้นไปนอนบนนั้นเหรอครับ” ภาสกรคิดอย่างหวาด ๆ  ประเมินขนาดตัวเขาและของบอสแล้วมันแตกต่างกันจนเกินไป

“...”

“ผมคิดว่าไม่น่าจะพาบอสขึ้นไปไหว ยังไงให้ผมตามพี่เฉินหรือพี่คุณมาพาบอสไปดีกว่าไหมครับ”

“ไม่ต้อง” อีกฝ่ายตอบแล้วลืมตาขึ้น “เธอเป็นใคร”

ภาสกรเม้มปากด้วยเพราะไม่รู้อีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร “ผม เอ่อ.. ภาสกรครับ”

“ใคร..จำไม่ได้ ช่างเถอะ ช่วยพยุงหน่อย” อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงที่มั่นคงไม่ใช่เสียงอ้อแอ้ ยามที่มองเขาก็มองด้วยสายตาเหมือนเวลาที่เรียกภาสกรขึ้นไปดุทุกครั้ง


ถ้าภาสกรไม่ได้กลิ่นเหล้ารุนแรงคงไม่เชื่อว่าอรรควัสจะเมามาย


และถ้าไม่ได้มาเห็นภาพบอสหลับอยู่ข้างโซฟา เขาจะไม่มีวันเชื่อเลยว่าเคยมีเหตุการณ์นี้จริง


“ครับ” ภาสกรเข้าไปประคองแขนอีกฝ่ายให้มาคล้องคอเขาไว้ และค่อย ๆ  พยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน


เขาคิดว่าตนเองจะต้องเกร็งตัวรับน้ำหนักอีกฝ่ายให้มากที่สุด ภายนอกอาจดูไม่เมาแต่อาจจะออกอาการเวลาเดินก็เป็นได้ หากกลับต้องประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ถ่ายน้ำหนักมาทางเขามากอย่างที่คาดการณ์ไว้และยังต้องแปลกใจเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อจังหวะก้าวเดินของอีกฝ่ายค่อนข้างมั่นคงแต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก็คืออรรควัสก้าวเดินค่อนข้างช้าไม่ได้กระฉับกระเฉงเหมือนอย่างทุกที


ระยะทางไม่กี่ก้าวกลับทำให้ภาสกรเหงื่อตกท่ามกลางความเย็นภายในห้อง ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายประคองตัวได้เก่งแต่ก็คือคนเมาอยู่ดี ยิ่งต้องก้าวขึ้นบันไดด้วยแล้วยิ่งทุลักทุเลและต้องระวังให้มากพอควร เขายังไม่อยากกลิ้งตกบันไดไปหรอกนะ ตกบันไดคนเดียวยังไม่เท่าไหร่แต่ถ้าพาอีกคนตกไปด้วยล่ะก็ เขาคอขาดแน่ ๆ


ภาสกรแทบจะถอนหายใจออกมาเสียงดังเมื่อพาอรรควัสมาถึงเตียงหลังใหญ่ได้ เขาพาอีกฝ่ายให้นอนลง คิดว่าคงจะหมดเรื่องแล้วเตรียมจะขอตัวกลับออกไปพักผ่อนบ้างเหมือนกัน แต่กลับถูกอีกฝ่ายเรียกเอาไว้ได้ทัน

“เธอน่ะ”

“ครับ?”

“ปิดไฟให้หน่อย แสงมันสว่างเกินไป” คนพูดพูดทั้งที่ยังหลับตา

“ได้ครับ เดี๋ยวก่อนออกจากห้องผมจะปิดไฟให้ที่หน้าประตูครับ” ภาสกรรับคำแล้วเตรียมจะลงบันได

“ไม่ต้อง มีรีโมทอยู่ตรงมุมนั้น” อรรควัสชี้นิ้วไปที่มุมห้อง ภาสกรมองตามไปแต่ไม่เจอ เขาเลยเดินเข้าไปที่บริเวณนั้นจึงเห็นรีโมทตกอยู่ที่พื้นพรม เจ้าตัวจึงหยิบขึ้นมาก่อนจะปิดไฟแล้วนำรีโมทกลับไปวางในที่ที่มันควรอยู่

“เรียบร้อยแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ” ภาสกรปรับสายตาในความมืดชั่วครู่แล้วเดินไปข้างเตียงบอกอีกฝ่ายให้รับรู้


จริง ๆ  เขาไม่คาดหวังว่าอรรควัสจะได้ยิน คิดว่าอีกฝ่ายคงหลับไปแล้วด้วยซ้ำ แต่แล้วเขากลับต้องตกใจเมื่อแขนของตนเองถูกกระชากเต็มแรง ภาสกรตกใจเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น อรรควัสดึงเขาให้ลงมานอนด้วยกันที่เตียงทำไม

“นอนที่นี่”

“ผมอยากกลับไปนอนที่ห้อง”

“...” อรรควัสไม่ตอบ มือที่จับแขนภาสกรไว้ก็ยังไม่ปล่อย

“บอสครับ ผมคือภาสกร” ชายหนุ่มบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัว

“ไม่รู้จัก” คนเมายังยืนยันคำเดิม

“ผมไม่ใช่คุณอลันนะครับ”

“ไม่รู้จัก” ภาสกรได้ยินคำตอบแล้วคิดว่าอรรควัสในคราบคนเมาคือคนที่ลืมทุกสิ่งทุกอย่างเลยใช่หรือไม่

“ขอผมกลับไปนอนที่ห้องผมเถอะครับ ถ้าบอสสร่างเมาแล้วตื่นขึ้นมาเห็นผม มันคงไม่ดีหรอกครับ บอสต้องตกใจแน่ ๆ  เลย”

“ช่างมัน นอนที่นี่” คนดื้อด้านไม่พูดเปล่ายังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกกว่าเดิม จนจมูกของภาสกรชนเข้ากับหน้าอกอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เขากลั้นหายใจเพราะเหม็นกลิ่นเหล้าและอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขาคงจะขาดใจตายเพราะขาดอากาศหายใจ

“ปล่อยผะ..ผม..ผม..หายใจ..ไม่ออก”

“...” คนเมาไม่ตอบแต่ยอมคลายแรงลง พอให้ภาสกรเขยิบตัวถอยห่างออกมาได้บ้าง

“นอนนิ่ง ๆ  อย่าขยุกขยิก”

“ผมนอนไม่สบาย” ภาสกรพูดตามใจคิด


เขาไม่อยากนอนที่นี่ ข้อแรก ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา ข้อสอง เขาไม่ควรนอนที่นี่เพราะอรรควัสอาจจะโมโหเอาได้เมื่อหายเมา ข้อสาม ใจเขามันเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เขาไม่อยากใจเต้นด้วยความรู้สึกแปลก ๆ  เพราะถูกกอดจากคนเมา ข้อสี่ ตอนนี้เขาง่วงและเหนื่อยมาก

“นอนเฉย ๆ  อย่าดื้อ ฉันไม่ชอบคนดื้อ ฟังไม่รู้ความ” ภาสกรชักฉุน อะไรกัน เขาสิต้องเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้

“แต่ผม..ไม่ใช่”

“นอนได้แล้ว ฉันเหนื่อย อยากพัก” เขาอยากจะตอกกลับคนพูด วันนี้เขาเองก็เหนื่อยจะตาย ยังต้องมาเจอคนรับมือยากอย่างอรรควัสอีก คิดว่าเหนื่อยเป็นคนเดียวหรือไง


แต่แล้วความคิดที่จะโวยวายกลับหยุดชะงักลงเมื่อเขารู้สึกถึงความนุ่มและอุ่นที่ถูกทาบลงมาที่หน้าผากก่อนจะละเรื่อยลงมาที่ปลายจมูกและปิดท้ายที่ริมฝีปากของภาสกร


ภาสกรตาเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาต้องตกใจเพราะเรื่องอะไรบ้าง และกี่ครั้งแล้ว จะไม่ให้ตกใจยังไงไหว บอสที่ดุที่สุดในโลกกำลังจูบเขา และความตกใจยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเมื่อกระดุมเสื้อของเขากำลังถูกปลดทีละเม็ด ๆ  อย่างไม่ทันตั้งตัว ต่อให้เขาไม่เคยนอนกับใครมาก่อนก็พอจะคาดเดาได้ว่าการกระทำแบบนี้อีกฝ่ายหมายถึงอะไร

ภาสกรคว้ามืออรรควัสเอาไว้ได้ทันแล้วรีบละล่ำละลักพูด “นอนครับ นอนแล้ว”

“อืม ดี” อีกฝ่ายครึมครางในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะลูบศีรษะทุยของภาสกรเบา ๆ  เป็นเชิงกล่อมให้หลับ เพราะความเหนื่อย ผนวกกับความง่วงและอากาศเย็น ๆ  ที่นอนนุ่ม ๆ  ซ้ำยังได้การกระทำดังกล่าวจึงทำให้คนที่ทำงานมาทั้งคืนหลับไปได้โดยง่าย






 
บ่ายในวันเดียวกัน ภาสกรสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดในกระเป๋ากางเกง เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมารับ

“พายอยู่ไหนแล้ว” ภาสกรได้ยินเสียงคนโทรมาก็ตื่นเต็มตาทันที

“อ่อ..โทษที เราเพิ่งตื่นอะนน”

“เหรอ เมื่อคืนคนเยอะเหรอ ได้นอนกี่โมงน่ะ”

“จำไม่ได้ว่านอนตอนกี่โมงเหมือนกัน เมื่อคืนคนมาเที่ยวเยอะมหาศาลเลยล่ะ รอเราสักครึ่งชั่วโมงนะ เราจะรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปเดี๋ยวนี้” ภาสกรพูดจบก็ดีดตัวออกจากเตียงทันที อารามเร่งรีบเจ้าตัวเลยเกือบหน้าคะมำจังหวะที่ลงจากเตียง คนปลายสายได้ยินเสียงกุกกักผ่านทางโทรศัพท์จึงนึกเป็นห่วง

“เฮ้ย ไม่ต้องรีบ ๆ  เราให้เวลาแกชั่วโมงหนึ่งค่อย ๆ  มา”

“ขอบใจนะ”


วันนี้เป็นวันหยุดของนวพลและพวกเขาทั้งคู่ก็มีนัดกัน เมื่อตั้งสติได้ภาสกรลุกขึ้นหมายจะคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำแต่กลับชะงักเมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องเขาและความทรงจำเช้านี้ย้อนกลับเข้ามาสู่ในความทรงจำว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาตบหน้าผากตัวเองเสียงดัง พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่นอนด้วยกันแต่กลับไม่เห็นร่างของอีกฝ่าย


อรรควัสคงออกไปแล้ว แปลว่าอีกฝ่ายคงเห็นแล้วว่านอนร่วมเตียงกับเขาที่ชื่อนายภาสกร ไม่ใช่อลัน


งานจะเข้าไหมเนี่ย!


ภาสกรกระวีกระวาดออกจากห้องนี้แล้วไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองที่ห้องจนเรียบร้อยเสร็จแล้วจึงมุ่งหน้าไปหานวพลตามที่นัดไว้

“มาแล้ว ๆ  ขอโทษทีที่มาสาย” เมื่อมาถึงจุดนัด ภาสกรก็รีบเอ่ยขอโทษขอโพย

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เรารู้ว่างานที่ผับมันหนัก แล้วนี่แกกินอะไรมาหรือยัง”

“ยังเลย แต่งตัวเสร็จก็รีบออกมาเลย”

“งั้นกินข้าวก่อนจะได้มีแรง”

“อืม”

“งานเป็นไงบ้าง” นวพลชวนคุยเมื่อภาสกรเริ่มลงมือกินข้าวที่นับเป็นมื้อเช้าของตัวเองแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาบ่ายสองแล้วก็ตาม

“ก็ดี แต่เสียงในผับดังเป็นบ้า เราว่าชั้นปาจิงโกะในคาสิโนเสียงดังมากแล้วนะ ที่ผับก็ไม่ต่างกันเลย”

“เดี๋ยวก็ชินน่า อดทนไว้เพื่อเงิน”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“เออ ที่คาสิโนน่ะเขาประกาศออกมาว่าไล่แกออกแล้ว” นวพลเอ่ยเสียงเครียดปนเศร้า

“เหรอ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้น ถูกต้องแล้วละ” ภาสกรชะงักช้อนที่เตรียมจะตักเข้าปากก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รับรู้ได้ไม่น้อยว่านวพลก็ไม่สบายใจกับเรื่องนี้ไม่ต่างกับเขา

“แกสงสัยใครบ้างหรือเปล่า มีใครที่เข้ามาคุยกับแกบ้างหรือมีใครที่ไม่ชอบหน้าแก มีไหมวะ”

“ถ้าเขาไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน เราจะไปรู้ได้ไงว่าใครชอบหรือไม่ชอบหน้าเราบ้าง” ภาสกรแค่นเสียงหัวเราะจังหวะที่ตอบเพื่อนสนิท

“งั้น..เอาใหม่ วันนั้นมีใครเข้ามาคุยกับแกบ้าง”

“วันนั้นเหรอ” ภาสกรทวนคำพูดอีกฝ่าย

“อืม”

“หลังจากที่เรากินข้าวกับพี่แอนดี้เสร็จ ก็กลับเข้ามาทำงานพร้อมกันที่ชั้นสอง มีบาร์เทนเดอร์ทักเรา แล้วก่อนจะเกิดเรื่องพี่แอนดี้เข้ามาคุยกับเรานิดหน่อยเพราะเดินสวนกัน ส่วนคนอื่น ๆ  ก็มี พี่เฉิน พี่คุณ เจ แล้วก็แกด้วย คนรู้จักทั้งนั้น”

“ไม่มีคนอื่นนอกเหนือจากนี้แล้วเหรอ”

ภาสกรทำหน้าคิดต่ออีกครู่จึงส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว”

“ถ้างั้นพี่แอนดี้ก็น่าสงสัยสุด”

“ทำไมถึงเป็นพี่แอนดี้วะ เขาทำอะไรน่าสงสัย พี่แกก็เข้ามาคุยกับเราเฉย ๆ เหมือนแก เจ คนอื่น ๆ  นั่นล่ะ คิดมากไปแล้วนะนน” ภาสกรหรี่ตาลงมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อว่าแอนดี้จะทำเรื่องแบบนี้ได้

“ถ้าไม่ใช่แล้วใครล่ะ แกคิดดูว่าเราสองคนเคยเห็นเขาขึ้นลิฟต์ไปห้องของบอสอาจมีอะไรก็ได้”

“ไม่ใช่อย่างที่แกคิด วันนั้นเราถามพี่แอนดี้แล้วเขาก็ขึ้นไปส่งอาหารให้คุณอลันเหมือนเรา เอ้อ..พูดถึงคุณอลันแล้วนึกขึ้นได้ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงบ้าง”

“เวลาอย่างนี้ยังจะไปนึกถึงคนอื่นอีก เขาไม่เป็นอะไรหรอกแต่แกน่ะสิเป็น ยังไงก็ต้องเป็นพี่แอนดี้ เรามั่นใจ เขาดูมีพิรุธ ทำตัวแปลกๆ”

 “คิดมากไปแล้ว ช่างมันเถอะนน ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เราได้งานใหม่ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ภาสกรยักไหล่

“จะช่างมันได้ไงวะพาย แกถูกไล่ออกนะเว้ย มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ  สักหน่อย” นวพลพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย

“แกจะโมโหทำไม เราคือคนที่ถูกใส่ร้ายนะไม่ใช่แก”

“แกเป็นเพื่อนเรานะพาย แกถูกใส่ร้าย ซวย โดนไล่ออก มันสมควรแล้วเหรอ”

ภาสกรรีบวางช้อนแล้วตบบ่าเพื่อนรัก “ใจเย็นก่อนนะนน ขอบใจแกมากที่โมโหแทนเรา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคยคิดว่าใครเป็นคนทำ เราพยายามคิดหัวแทบแตกแล้วแต่ก็นึกไม่ออกจริง ๆ  วันนั้นคนพลุกพล่านเยอะมากจนเราจำไม่ได้”

“ให้ตายสิ เราทำอะไรเพื่อแกได้บ้างไหมวะเนี่ย” นวพลยังหัวเสียอยู่

“หวังว่ากล้องวงจรปิดจะช่วยเราได้” ภาสกรบอกอย่างปลง ๆ

“ถ้ากล้องมันช่วยได้ ป่านนี้ก็คงรู้ตัวคนทำแล้ว”

“เอาน่า ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอ แกก็เห็นว่าเราได้งานใหม่แล้ว ถึงเงินจะได้น้อยลงแต่ก็ดีกว่าตกงานนะเว้ย ไม่เอาดิ อย่าอารมณ์เสียเลยวันนี้อุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้งที” ภาสกรยิ้มให้อีกฝ่ายหวังจะให้นวพลอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

“แกก็เป็นเสียอย่างนี้ มองโลกในแง่ดีเกินไป”

“เราไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างที่แกเข้าใจหรอก แต่เราทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้ เรารู้ว่าพี่เฉินกับพี่คุณรวมทั้งแกด้วยนะนน ที่พยายามช่วยเหลือเรา แล้วพี่เฉิน พี่คุณ พวกเขาคงรีกล้องดูไม่รู้กี่ร้อยรอบ ยังไงบอสคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ  หรอก แต่เช็กขนาดนั้นตอนนี้เขาก็ยังไม่เจออะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

“...”

“หลักฐานที่น่าจะเป็นชิ้นสำคัญชิ้นเดียวยังช่วยเราไม่ได้เลย”

“มันต้องมีทางออกสิวะ”

“เรารู้ แต่เราค่อย ๆ  คิดกันดีไหม ตอนนี้มันอาจจะยังคิดไม่ทัน นึกไม่ออก ให้เวลาสักหน่อยอาจจะคิดออกก็ได้ เราเองก็ไม่ได้อยากมีความผิดติดตัวตลอดไปเสียหน่อย”

“อืม แต่ก็เป็นอย่างที่แกพูด ตอนนี้บอสสั่งคนเข้มงวดตรวจตรามากขึ้นกว่าเดิมอีก แกรู้ไหมพอแกออกไปนะกล้องวงจรปิดถูกนำมาติดมากขึ้นกว่าเดิมอีก จนตอนนี้มีกล้องแทบจะทุกก้าวที่เดินแล้วมั้ง”

“แกก็พูดเกินไป”

“เราพูดจริง บอสหัวเสียกับเรื่องนี้มาก ช่วงนี้ของทุกปีปกติแล้วเป็นช่วงที่บอสจะไม่อยู่ที่คาสิโนเพราะบอสมีธุระที่ต้องไปทำ แกลองคิดดูนะบอสให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแค่ไหนถึงขนาดยกเลิกธุระที่ต้องไปน่ะ”

“ธุระอะไร” ภาสกรนิ่วหน้าพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ว่ะ พนักงานอย่างพวกเราจะรับรู้เพียงว่าช่วงเวลานี้บอสจะไม่อยู่เพราะไปทำธุระ”

“งั้นเหรอ”

“แกถามทำไม”

“เมื่อคืน..ไม่ใช่สิ เมื่อเช้าตอนเราเลิกงานน่ะ” ภาสกรครุ่นคิดระหว่างที่บอกเล่าให้เพื่อนฟัง

“มีอะไร ทำไมทำหน้าแปลก ๆ”

“เราเจอบอสที่ผับว่ะ” ภาสกรพูดเสียงเบาลงจนแทบจะกระซิบ

“หา!! เจอบอสที่ผับ”

“เบา ๆ  เสียงสิวะจะเรียกพ่อมาเหรอ”

“โทษที ๆ  ตกใจมากไปหน่อย” นวพลขอลุแก่โทษทันที “บอสไปที่ผับทำไมวะ”

“ไม่รู้ แต่ที่รู้คือบอสเมามาก”

“เมา!”

“ชู่ว! บอกให้เสียงเบา ๆ”

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า บอสเนี่ยนะเมา แกทำงานหนักจนตาลายมองเห็นคนอื่นเป็นบอสหรือเปล่าวะไอ้พาย”

“บ้าหรือไง บอสนะเว้ย หน้าตาแบบนั้นยังมีใครเหมือนอีกหรือไง” ภาสกรย้อนกลับอย่างรวดเร็ว

“ก็จริง ตกลงว่าแกเห็นว่าบอสเมา”

“ใช่ และไม่ใช่เมาธรรมดา แต่เมามากจนจำใครไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

“อย่าบอกนะว่าจำแกไม่ได้ด้วย”

“ใช่ บอสจำเราไม่ได้” ภาสกรพยักหน้า

“ทำไมบอสถึงเมาได้วะ”

“นั่นละคือคำถาม”

“หรือว่าบอสอกหัก” นวพลคาดเดา

“ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนที่เจอ บอสมีแก้วเหล้าสองแก้ว แก้วหนึ่งน่ะของบอส แต่อีกแก้วหนึ่งน่ะของใครที่ทำให้บอสเมา”

“ตอนบอสเมาเป็นยังไงวะ” นวพลถามต่อด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ทำงานที่นี่คาสิโนมาเจ้าตัวก็ไม่เคยเห็นคนที่ถูกพูดถึงเมาเลยสักครั้ง

“หมายถึงยังไง”

“ก็อาการ ท่าทางนอกเหนือจากที่แกบอกว่าบอสจำใครไม่ได้”

“ปกตินะ เหมือนไม่ใช่คนเมา”

“อย่างนั้นเชียว ดูไม่ออกเลยเหรอ”

“อืม ถ้าไม่ได้กลิ่นเหล้าหึ่งหรือเพราะบอสเดินช้าลง คงดูไม่ออกเลยล่ะ”

“แกบอกว่าบอสจำแกไม่ได้ แล้วบอสทำอะไรแกเปล่า”

“ทำอะไรวะ” ภาสกรเลิ่กลั่กดวงตากลิ้งไปมาอย่างมีพิรุธ รู้สึกถึงความเห่อร้อนบนใบหน้าขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ

“ทำไมหน้าแดง ๆ  วะ เราหมายถึงทำร้ายแกหรือเปล่า อะไรแบบนี้ โวะ! นี่คิดไปถึงไหน”

“ไม่มี ๆ  เลย บอสจะทำอะไรเราวะ บอสเมาแล้วนิ่งมาก” ภาสกรรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“เหรอ แล้วคนที่ทำให้บอสเมาได้แบบนั้นต้องเป็นคนแบบไหนยังไงวะ” นวพลมองเพื่อนรักอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง




“นั่นสิคน ๆ  นั้นคือใคร”



========================


เจ้าพายจะมาลงทุกวันพฤหัสน้าทุกคน

เอาละค่ะ เริ่มเข้าสู่เรื่องราวอะไรบ้างแล้วเนอะ สิบห้าตอนเข้าเรื่องสักที????

อ่านตอนนี้แล้วเป็นยังไงบ้างบอกเขมบ้างน้าา

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

รักกกก

เขมกันต์

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-10-2019 21:57:37
แอบใจร้อน อยากรู้อยากเห็นมาก เรื่องดูมีลับลมคมใน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-10-2019 23:51:51
 :hao6: บอสจำพายไม่ได้ แต่ก็นอนกอดน้อง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-10-2019 03:19:15
บอสปิดบังอะไรอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-10-2019 09:17:30
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-10-2019 20:56:34
ใกล้จะ เข้าเรื่อง พระนาย แล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 04-10-2019 22:10:47
บอสเหมือนไม่ใช่บอส
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-10-2019 16:38:42
แกล้งๆ ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบห้า UP!! 03/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-10-2019 21:20:16

วงล้อที่สิบหก




            ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งในวันเดียวกับที่ภาสกรเจออรรควัสที่ผับ ภาสกรมาถึงที่ทำงานเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะถึงเวลาเปิดให้บริการ คืนนี้เป็นคืนวันอาทิตย์ เขาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาน้อยกว่าเมื่อคืนเพราะคนท้องถิ่นคงต้องพักผ่อนสำหรับการทำงานในเช้าวันจันทร์

            “ไง มาเร็วเหมือนกันนะคุณ” ผู้จัดการเอ่ยทักเมื่อภาสกรกำลังสวมผ้ากันเปื้อนที่ตัว

            “สวัสดีครับ” ภาสกรผูกสายผ้ากันเปื้อนที่เอวไปด้วยพลางตอบอีกฝ่ายกลับ

            “เมื่อคืนขอบใจมากนะที่ช่วย”

            “อ่อ..ไม่เป็นไรครับ” เมื่อผู้จัดการพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ภาสกรก็เข้าใจความหมายว่าอีกฝ่ายขอบคุณเขาเรื่องอะไรแต่อันที่จริงต้องเรียกว่าเช้าต่างหาก ทว่าเขายังมีเรื่องไม่เข้าใจบางอย่าง “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

            “ว่ามาสิ” ผู้จัดการตอบระหว่างที่มือเปิดล็อกเกอร์เพื่อเก็บของใช้ส่วนตัว

            “ผมเข้าใจว่าปกติคุณน่าจะเป็นคนดูแลเจ้านายเองใช่ไหมครับ” ภาสกรเปลี่ยนสรรพนามจากบอสเป็นเจ้านายเพื่อให้เข้ากับคำพูดของคนที่นี่

            “ไม่ผิด ปกติผมเป็นคนดูแล แม้ว่าจะไม่บ่อยก็เถอะ”

            “ทำไมคุณถึงให้ผมไปดูแลเจ้านายแทนล่ะครับ”

            “เข้าเรื่องแล้วสินะ ผมก็นึกว่าคุณอยากถามอะไรเสียอีก”

            “ครับ”

            “จริง ๆ  ไม่มีอะไรมากหรอก พอดีเมื่อคืนผมรีบแล้วอีกอย่างผมเบื่อน่ะ”

            “ครับ?” ภาสกรได้ฟังอีกฝ่ายพูดแล้วก็คิดว่าตนเองฟังผิด “เบื่อ?”

            “ใช่” ผู้จัดการหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดต่อว่า “ถึงเจ้านายจะเมาไม่บ่อยแต่ถ้าต้องไปดูแลเขาทุกครั้งจะเบื่อบ้างก็ไม่แปลก”

            “แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงครับว่าผมจะช่วยถูกคนไม่ใช่ลูกค้าที่เผลอหลับหรือยังตกค้างอยู่”

            “จะไม่ถูกคนได้ยังไง คุณรู้จักเจ้านายอยู่แล้วนี่ หรือผมเข้าใจผิด”

            “อ่า..ครับ ผมรู้จักเขา” ภาสกรพยักหน้า

            “ผมก็ว่าอย่างนั้น อาเฉินพาคุณมาฝากงานที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของเจ้านายให้รับคุณ มีหรือที่ผมจะรับคุณมาทำงานปุบปับ” ผู้จัดการหยุดพูดแล้วมองหน้าภาสกร “หรือคุณคิดว่าที่คุณได้งานนี้เพราะคุณโชคดี?”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมคิดว่าที่คุณรับผมไว้เพราะเกรงใจพี่เฉิน”

            “เกรงใจมันก็เกรงใจอยู่บ้าง แต่ผมไม่ได้มีอำนาจการตัดสินใจขนาดนั้น”

            “เจ้านายเป็นคนรับผม?” ภาสกรถามอีกฝ่ายแต่ก็เพื่อทวนความเข้าใจของตัวเองไปด้วย

            “อืม คุณเข้าใจไม่ผิด”

            “งั้นที่คนอื่นหรือคุณเองมองผมไม่ค่อยดีวันแรก ๆ  เพราะเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า”

            “เข้าใจถูกแล้วพาย ที่นี่ไม่มีระบบเส้นสายและเจ้านายไม่เคยรับคนเพราะเรื่องส่วนตัว”

            “...”

            “แต่ช่วงที่ผ่านมา คุณพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนรวมทั้งผมเห็นแล้วว่าคุณไม่ใช่คนจับจด หยิบโหย่ง ทำงานแข็งขันกระตือรือร้นดี ทุกคนเลยไม่ได้ตั้งแง่กับคุณอีก” ผู้จัดการตัดสินใจอธิบายให้ภาสกรเข้าใจเพิ่มขึ้น

            “ขอบคุณครับ แล้วผู้จัดการทราบไหมครับว่าเจ้านายรับผมทำไม”

            “ไม่รู้สิ เรื่องนี้ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ด้วยตัวเองนะ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้อยู่ดี ก็คงต้องไปถามคนนั้น คนที่ให้คำตอบคุณได้คงมีแค่คนเดียว ส่วนคนนั้นคือใครผมคงไม่ต้องบอกนะ”

            “ครับ”

            “แต่ผมว่าคุณคงไม่ค้างคาใจนานหรอก”

            “หมายความว่าไงครับ” ผู้จัดการพูดจากำกวมทำให้ภาสกรสะดุดหู

            “คุณกำลังจะได้เจอคนนั้นแล้ว เดี๋ยวตอนตีห้าก่อนเลิกงานคุณขึ้นไปหาเจ้านายที่ห้องด้วย ห้องเดิม”

            “ครับ? มีอะไรหรือเปล่า”

            ผู้จัดการไม่ตอบนอกจากแสดงท่าทีว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน




            ค่ำคืนวันนั้นภาสกรเดินขาแทบขวิด เนื่องจากเป็นผับชื่อดังจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นักท่องราตรีไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับคืนวันเสาร์ เขาเหนื่อยกายและอยากกลับไปนอนพักมากที่สุดในเวลานี้ แต่เมื่อถึงตอนตีห้า ภาสกรก็ต้องขึ้นไปห้องห้าสิบสองตามคำสั่ง


            ภาสกรเคาะประตูตามมารยาทและเป็นข้อปฏิบัติของพนักงานที่นี่ เขารออยู่เพียงอึดใจประตูก็ถูกเปิดออก เห็นใบหน้าคุ้นเคยของอรรควัสก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวกลับเข้าไปข้างในห้อง

            “นั่งสิ” อรรควัสนั่งอยู่ที่โซฟายาวเมื่อออกคำสั่งกึ่งคำเชิญให้ภาสกรนั่งที่เก้าอี้เดี่ยวใกล้ ๆ  กัน

            “ขอบคุณครับ” ภาสกรนั่งลงโดยไม่อิดออด เขาปวดขาจะตายชัก “ผู้จัดการบอกว่าบอสเรียกผม”

            “ใช่” คำตอบของอรรควัสทำให้ภาสกรลอบกลืนน้ำลาย หรืออีกฝ่ายจะเอาเรื่องเขาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้

            “เอ่อ..ผม”

            “เมื่อคืนเข้ามาที่ห้องนี้ได้ยังไง” ภาสกรฟังเสร็จแล้วทวนคำถามในใจเพราะทำงานกลางคืนเลยเรียกกลางคืนกลางวันมั่วไปหมด เขาเข้าใจว่าเมื่อคืนของอรรควัสก็คือเช้าวันอาทิตย์นั่นแหละ และตอนนี้เป็นเวลาตีห้าของเช้าวันจันทร์แล้ว

            “ผู้จัดการตามหาบอสอยู่ ผมอยู่แถวนั้นพอดีเลยให้ผมช่วยครับ”

            “เมื่อไหร่เธอจะหยุดยุ่งเรื่องคนอื่น” น้ำเสียงเรียบนิ่งของอรรควัสทำให้ภาสกรอยากจะกลั้นหายใจและหายตัวออกไปจากห้องนี้

            “ผมไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของบอส แต่..” จู่ ๆ  ภาสกรก็รู้สึกว่าเสียงตนเองขาดหายไปในลำคอเสียเฉย ๆ  เมื่อเห็นสายตาดุดันของคนตรงหน้า

            “แต่อะไร พูดต่อสิ”

            “เอ่อ..คือ..แต่..”

            “พูดมาเร็ว ๆ  ภาสกร”

            “คือ..ผม” ภาสกรอึกอักเพราะเกรงกลัวสายตาที่จ้องมองว่า

            “อ้ำอึ้งอะไร”

            “บอสเล่นจ้องผมแบบนี้ผมก็กลัว ไม่กล้าพูด” ภาสกรอ้อมแอ้มบอก

            “ฉันก็แค่มองหน้าคนที่ฉันพูดด้วยซึ่งก็คือเธอ ไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ”

            “ก็ผมกลัว”

            “พูดมาเถอะ ฉันไม่ได้ตั้งใจดุหรือทำให้เธอกลัวหรอกพาย” ภาสกรรู้สึกว่าประโยคสุดท้ายของอีกฝ่ายน้ำเสียงดูจะอ่อนลงเล็กน้อย เขาจึงใจชื้นขึ้นมาบ้าง

            “ผมไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของบอส” ภาสกรพูดทวนประโยคที่ค้างไว้อีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “แต่ผู้จัดการขอร้องผม แล้วตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเป็นบอส ผมก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ”

            “ถ้าเธอรู้ว่าเป็นฉัน ก็จะไม่ช่วย?”

            “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย” ภาสกรรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

            “หึ ฉันรู้”

            “ครับ?”

            “ไม่มีอะไร เอาละ ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอเข้ามาได้อย่างไรเท่านั้น”

            “อ่า..ครับ งั้นเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ผมกลับได้เลยไหมครับ”

            “ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง อันที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องมาอธิบายกับเธอ ถ้าการกระทำของฉันมันจะเป็นการกระทำที่ตรงไปตรงมา”

            “...” ภาสกรไม่เข้าใจแต่ไม่กล้าถาม รอให้อีกฝ่ายอธิบายเอง

            “เธอโกรธหรือไม่พอใจฉันหรือเปล่าที่ไล่เธอออก”

            “ผม..”

            “ตอบมาตามตรงภาสกร ฉันไม่ชอบคนโกหก” อรรควัสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุที่ใช้อยู่เป็นประจำ

            “ผมไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจบอสเลยครับ” ภาสกรสูดหายใจเข้าราวกับเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเอง “ผมแค่..แค่เสียใจมากกว่า”

            “เสียใจเพราะฉัน?”

            “ไม่ใช่ครับ ผมเสียใจที่ความจริงใจหรือความซื่อสัตย์ในการทำงานของผม สุดท้ายมันไม่มีค่าอะไรเลย”

            “ผิดแล้วภาสกร”

            “ผมเข้าใจผิดเหรอครับ”

            “ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เธอคงไม่ได้มาทำงานอยู่ที่นี่หรอก”

            “ผมเพิ่งรู้มาจากผู้จัดการว่าคุณเป็นคนรับผมเข้ามาทำงานที่นี่”

            “อืม” อรรควัสไม่ปฏิเสธ

            “เพราะอะไรครับ”

            “อาเฉินกับอาคุณ สองคนนั่นเป็นห่วงเธอมากและถ้าฉันยังไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธออีก ฉันคงถูกพวกเขาประณามหาว่าฉันใจร้ายกับเธอไปจนวันตาย”

            “ไม่หรอกครับพี่เฉินกับพี่คุณ เคารพและนับถือบอสมากนะครับ”

            “ฉันรู้ แต่ลึก ๆ  พวกเขากลับไม่พอใจในการตัดสินใจของฉัน หลายต่อหลายครั้งที่ฉันสงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้  พวกเขาถึงเป็นห่วงและหวังดีกับเธอมากถึงเพียงนี้”

            “ผมไม่ได้ทำอะไร” ภาสกรพูดเสียงเบาเพราะเขาเองก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้กับอาเฉินและอาคุณ

            “เอาเถอะ ฉันก็พูดไปอย่างนั้น อันที่จริงฉันก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะอะไร” อรรควัสหัวเราะแผ่วเบาซึ่งภาสกรไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหัวเราะทำไม

            “แล้วเพราะอะไรครับ” แววตาภาสกรสงสัยด้วยความอยากรู้

            “ถามฉัน?”

            “ปะ..เปล่า ขอโทษครับบอส” ภาสกรรีบขอโทษและหลบตาอีกฝ่ายทันทีพลางคิดในใจก็ใช่น่ะสิ เขาถามบอสแต่เขาไม่กล้ายอมรับเพราะเขาขี้ขลาดเกินไป



            ‘คนอะไรตาหวานเจี๊ยบแต่ทำไมสายตาดูดุได้ขนาดนั้น’


            “ที่ฉันรับเธอเข้ามาทำงานเพราะความจริงใจและความซื่อสัตย์ของเธอ”

            “ครับ? ขอบคุณครับ” ภาสกรคิดว่าเขาหูฝาดไปเสียอีกจู่ ๆ  อรรควัสก็พูดขึ้นมาแบบนั้น

            “ขอบคุณการกระทำของตัวเธอเองเถอะ ฉันแค่ไม่อยากใจร้ายกับคนที่ไม่ได้ทำผิด”

            “ยังไงผมก็ต้องขอบคุณบอสอยู่ดีที่เชื่อผม”

            “ว่าแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ที่ฉันให้เธอออกในตอนนั้นฉันเองก็มีเหตุผล และฉันคิดว่าเธอไม่มีทางทำเรื่องพวกนั้นได้”

            “คุณเชื่อผมใช่ไหมครับ คุณเชื่อผมใช่ไหมครับว่าผมไม่ได้ทำจริง ๆ” ภาสกรดีใจสุดขีดจนลืมสงวนท่าที พูดประโยคซ้ำ ๆ  เขาโผเข้าไปจับแขนอีกฝ่าย แต่สายตาของอรรควัสที่มองลงมานั้นทำให้ภาสกรยิ้มแหยก่อนจะดึงมือของตัวเองกลับพลางยกมือไหว้ขอโทษ

            “ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ไม่ใช่เพราะตัวเธอเพียงอย่างเดียวแต่กล้องวงจรปิดที่ชั้นสองไม่เห็นว่าเธอทำอะไรผิด เธอแค่เป็นแพะเท่านั้น ฉันถึงเรียกเธอมาวันนี้เพราะอยากให้เธอเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฉันฟังอย่างละเอียด”

            “ครับ” ภาสกรพยักหน้าด้วยใบหน้ามุ่งมั่นก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์นั้นตั้งแต่ต้นจนจบด้วยความเต็มใจ

            เมื่ออรรควัสฟังจนจบโดยไม่ขัดอีกฝ่ายกระทั่งภาสกรเล่าจนจบเขาก็พูดขึ้น

            “ขอบใจเธอมากภาสกร คนที่เธอเอ่ยชื่อมาทั้งหมดน่าจะเป็นประโยชน์กับฉันมากทีเดียว”

            “จะเป็นประโยชน์กับบอสได้ยังไงครับ ถ้าบอสรู้ตัวคนร้าย ผมสิครับที่เป็นคนได้รับประโยชน์”

            “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ทุกครั้งเราไม่เคยจับตัวคนร้ายได้เลย ทั้งที่เรามีกล้องวงจรปิดมากมายทำให้ ฉันไม่สามารถสืบหาต้นตอได้เลยว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้และทำไปเพราะอะไร มันจะใช่อย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า เรื่องพวกนี้มันยังเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อไม่เสร็จและตอนนี้ฉันต้องการต่อให้มันเสร็จเสียที ฉันเบื่อเล่นเกมนี้แล้ว”

            “คุณพอรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอครับ”

            “คนที่ใส่ร้ายเธอน่ะ ฉันยังไม่รู้ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังน่ะพอเดาได้ ขอแค่มีหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องให้คนที่คาสิโนทุกคนรู้ว่าเธอถูกไล่ออกเพราะเธอแอบส่งยาในคาสิโนของฉันเพื่อให้คนที่ทำนั้นตายใจและคิดว่าตัวเองรอดแล้ว”

            “อ่อ..อย่างนี้นี่เอง” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วจะไม่มีคนรู้เหรอครับว่าบอสให้ผมมาทำงานที่ผับนี้”

            “นอกจากอาเฉินกับอาคุณ คนที่คาสิโนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้มีเธอรู้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว” อรรควัสปรายตามองภาสกรเล็กน้อยที่พูดประโยคสุดท้าย

            “ผมจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร จะปิดปากให้สนิทเลยครับ” ภาสกรพูดจบก็เม้มปากแน่นพลางด่าตัวเองในใจเพราะเขาเพิ่งปากพล่อยหลุดปากเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทของตนเอง สัญญาเลยว่าตื่นนอนมาเมื่อไหร่เขาจะต้องบอกนวพลว่าห้ามบอกใคร

            เขาจะไม่ลืมบอกนวพลเด็ดขาด

            “เรื่องเมื่อคืน...”

            “เมื่อเช้าวานครับ” บางทีภาสกรคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะแก้ให้ถูกต้องเสียที

            “อืม ฉันเมามาก”

            “ใช่ครับ บอสเมามาก แต่ดูไม่เหมือนคนเมาเลยนะครับ” ภาสกรลอบมองโต๊ะเล็กหน้าโซฟา บนโต๊ะมีขวดเหล้าตั้งอยู่ แต่ไม่เห็นแก้วเหล้าเลยไม่แน่ใจว่าวันนี้บอสดื่มหรือเปล่า

            “และนอนกับเธอ” อรรควัสพูดจบคนฟังถึงกับสำลักไอจนหน้าดำหน้าแดง เขาไม่คิดว่าเจ้าของผับคนนี้จะพูดโพล่งตรง ๆ  ออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อหยุดไอได้เขาจึงพูดขึ้น

            “เราแค่นอนเฉย ๆ  ครับ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น และตอนนั้นบอสก็เมามาก บอสคงคิดว่าผมเป็นคุณอลัน” ภาสกรได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะแผ่วเบา

            “ฉันรู้ว่าเมื่อคืนนอนกับใคร”

            “แต่บอสบอกว่าจำผมไม่ได้”

            “ฉันจำไม่ได้ แปลว่าฉันก็จำอลันไม่ได้ด้วยเช่นกัน”

            “แล้วทำไมบอสถึง..” ภาสกรกระดากปากจะพูดต่อให้จบประโยคว่าแล้วทำไมอีกฝ่ายถึงดึงเขาให้ลงไปนอนด้วยกัน

            “มันจำเป็น”

            “จำเป็น?”

            “อืม และคืนนี้ก็จำเป็นเช่นกัน”

            “จำเป็น?” ภาสกรคิดว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเด็กเพิ่งหัดพูดถึงพูดเป็นอยู่แค่คำเดียว

            “ใช่ คืนนี้ฉันอยากให้เธอนอนกับฉันด้วยกันที่นี่” ภาสกรเหนื่อยใจที่แก้ไขคำพูดอีกฝ่ายว่ามันไม่ใช่คืนนี้ แต่มันคือเช้านี้ต่างหาก แต่เรื่องนั้นน่ะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับการที่บอสเอ่ยปากชวนให้เขานอนด้วยกันในขณะที่เจ้าตัวมีสติครบถ้วน

            “คือผม..” ภาสกรส่ายหน้าเล็กน้อย เขาคิดว่าควรปฏิเสธอีกฝ่ายออกไป ทว่าอรรควัสกลับลุกขึ้นมาหยุดยืนตรงหน้าเขาก่อนจะก้มหน้าเข้ามาใกล้

            “ฉันสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลย ฉันแค่ต้องการคนมานอนด้วยเท่านั้น”

            “ละ..แล้วทำไมถึงเป็นผม”

            “ข้อแรกเพราะฉันรู้จักเธอ”

            “...”

            “ข้อสองฉันรู้ว่าเธอจะช่วยฉัน”

            “...”

            “ข้อสามตอนฉันกอดเธอเมื่อคืนนี้ ฉันรู้สึกสบายใจ

            “ครับ”

            “และข้อสุดท้าย...” ใบหน้าของอรรควัสเคลื่อนเข้ามาใกล้ภาสกรมากกว่าเดิม จนชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเอนตัวจนหลังชนเข้ากับพนักเก้าอี้ที่ตนเองนั่งอยู่

            “บอส..”

            “จูบของเธอทำให้ฉันรู้สึกดี”


            ดวงตาของภาสกรเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่ออรรควัสปฏิบัติตามคำพูดของเจ้าตัวทันที เขาไม่รู้จะต้องตกใจกับคำพูดหรือการกระทำของอีกฝ่ายก่อนดี แต่ที่แน่ ๆ  คือเขาตกใจจนใจเต้นรัวไปหมดแล้ว



            ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะจูบกับบอสโดยมีสติสมบูรณ์ทั้งสองฝ่าย


 


========================================



อาการเป็นยังไงคะบอส ไหนบอกหน่อยซิ!?



หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-10-2019 22:07:38
แหม ชอบจูบกับพายด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-10-2019 22:07:46
บอสขาดความอบอุ่น น้องพาย กลาบเป็นผ้าห่มเหรอคร้าบ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-10-2019 03:54:13
อันนี้คือจีบใช่ป่ะ?555
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 11-10-2019 11:37:06
คิดว่าเป็นบอสแล้วสั่งได้ทุกอย่างหรอ มาขโมยจูบอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-10-2019 23:33:16
 :hao6: ติดใจจูบหรอบอส
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-10-2019 17:13:30
แกล้งๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-10-2019 22:43:03
 อะไรยังไงสิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบหก UP!! 10/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 17-10-2019 11:17:50

วงล้อที่สิบเจ็ด




ภาสกรกำลังจะขาดใจตาย


            ไม่ใช่เพราะความเคลิบเคลิ้มพิศวาสของการถูกจูบแต่เขากำลังจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ ทำไมเวลามันช่างยาวนานเช่นนี้ ชายหนุ่มนั่งเกร็ง หลังตรง มือจิกเข้ากับที่เท้าแขนเก้าอี้โซฟาแน่นทั้งสองข้าง


            จังหวะที่ภาสกรคิดจะขอลาโลกไป ฉับพลันได้อากาศคืนกลับมา เจ้าตัวรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ  จากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า         

            “บะ..บอสเมาใช่ไหม คิดว่าผมเป็นคุณอลันใช่ไหม” เขาเดาว่าตัวเองต้องหน้าแดงแน่ ๆ  มันรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนฉ่าไปทั่ว

            “ฉันไม่ได้เมาและก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นอลัน”

            “ถ้าอย่างนั้น...” ภาสกรลดเสียงเบาลงอัตโนมัติ เขาเขินอายที่จะต้องพูดเรื่องพวกนี้ แต่สุดท้ายก็กลั้นใจพูดต่อไปให้จบ ๆ  “บอสจูบผมทำไม”

            “ฉันพูดไปแล้วว่าจูบของเธอทำให้ฉันรู้สึกดี”

            “ผม?” ภาสกรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะทำหน้าเหลอหลาก่อนจะส่ายหน้าเต็มแรง “เป็นไปไม่ได้ บอสเมาใช่ไหมครับ”

            “เธอได้กลิ่นเหล้าจากตัวฉันหรือเปล่า”

            คนถูกถามทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะตอบ “ไม่ครับ”

            “แล้วฉันจะเมาได้ยังไง”

            “...” ถูกต้องตามที่อรรควัสบอกทำให้ภาสกรไร้สิ้นจะโต้ตอบ เขาจึงเลือกเงียบไปเสียเฉย ๆ

            “ฉันต้องขอโทษเธอด้วย” ภาสกรเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ มองหน้าคนตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าอรรควัสพูดขอโทษเพราะอะไร

            “ครับ?”

            “เธอคงตกใจ”

            “ครับ เป็นใครก็ต้องตกใจที่ถูกทำแบบนั้น” ภาสกรยอมรับง่ายดาย

            “อันที่จริงฉันเองไม่ได้อยากใช้เหตุผลส่วนตัวเป็นข้ออ้างเรื่องที่ฉันทำกับเธอไปเมื่อครู่นี้หรอกนะ”

            “อ่า..ครับ” ภาสกรรับคำ เขาไม่รู้จะต้องพูดอะไร

            “แต่เธอทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาก”

            “...” ภาสกรไม่ได้ตอบเพราะเขาหลับตาปี๋ในจังหวะที่เห็นอรรควัสค้อมตัวลงพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ภาสกร เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟา แถมยังถูกอรรควัสยืนขวางอยู่ตรงหน้าทำให้เขาไร้ซึ่งหนทางที่จะหนีเอาตัวรอด แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากหลับตาเท่านั้น


            เขาคิดว่าอรรควัสคงจะกระทำกับเขาเหมือนอย่างเมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง ทว่าผิดคาด เจ้าตัวกลับรู้สึกอุ่นที่แก้มด้านซ้ายของตัวเองแทนก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู


“โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะพาย” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดภาสกรก็ลืมตาขึ้นมาทันทีจึงเห็นว่าอรรควัสถอยกลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิมของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว

            “บอสรู้จักผม?” ภาสกรติดใจกับคำพูดปริศนาของอีกฝ่าย

            “ฉันก็ต้องรู้จักเธออยู่แล้ว”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมหมายถึงบอสเคยรู้จักผมมาก่อนหรือเปล่า”

            “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”

            “บอสจะไปรู้จักผมได้ยังไง”

            “นั่นสิ ฉันจะไปรู้จักเธอได้ยังไง” อรรควัสพูดตามประโยคของอีกคน

            “บอสรู้จักผมมาก่อนใช่ไหมครับ” ภาสกรยังไม่ยอม เขาดึงดันถามอีกฝ่ายต่อ

            “รู้จักหรือไม่รู้จัก มันสำคัญกับเธอตรงไหน” อรรควัสย้อนถาม

            “ก็ถ้าบอสรู้จักผม..” พูดมาถึงคำสุดท้าย ภาสกรกลับอึกอักพูดต่อไม่ได้


            ‘นั่นสิ รู้จักหรือไม่รู้จักแล้วมันสำคัญกับเขาตรงไหน’


            “ถ้าฉันรู้จักเธอแล้วมันยังไง”

            “ก็...เอ่อ..ไม่มีอะไรครับ” ภาสกรตัดสินใจล้มเลิกความอยากรู้ของตัวเอง

            “ทำงานที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง” อรรควัสเองก็เช่นกัน เจ้าของผับไม่คิดจะถามอีกฝ่ายกลับว่าทำไมจึงเปลี่ยนใจไม่ถามเขาแล้ว ในเมื่อภาสกรเปลี่ยนใจ เขาจึงเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น

            “ก็ดีครับ”

            “ชินกับงานที่นี่หรือยัง”

            “เริ่มชินแล้วครับ”

            “อืม ดีแล้ว ระหว่างที่ฉันยังหาตัวคนร้ายไม่เจอ เธอก็ทำงานที่นี่ไปพลาง ๆ  ก่อน”

            “เอ๊ะ? ไปพลาง ๆ  ?”

            “อยากกลับไปทำงานที่คาสิโนไหม”

            “อยากสิครับ ผมกลับไปได้เหรอ” ภาสกรมองอีกฝ่ายด้วยตาเป็นประกาย ทำงานที่ผับก็ไม่ได้แย่ แต่เขาชอบงานที่คาสิโนมากกว่า กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่มีทางเลือกมากนัก

            “...”

            “เพื่อนผมบอกว่าบอสติดประกาศไล่ผมออกแล้ว” ชายหนุ่มหน้าม่อยลงเมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนได้

            “ใช่ ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้คนร้ายคิดว่ามีแพะรับบาปแทนเขาไปแล้ว”

            “ถ้างั้นผมคงไม่มีทางกลับไปทำงานที่คาสิโนได้อีก”

            “ใช่ว่าจะกลับไปไม่ได้”

            “จริงเหรอครับ ผมกลับไปได้เหรอ” ภาสกรดีใจ ความหวังถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง

            “อืม แต่ต้องรอเวลาอีกสักหน่อย”

            “ได้ครับ นานแค่ไหนผมก็จะรอ”

            “รอให้ได้อย่างปากว่าก็แล้วกัน”

            “แน่นอนครับ” ภาสกรรับปากอย่างแข็งขัน ถ้าได้กลับไปทำงานที่คาสิโน เขาก็จะได้กลับไปที่ที่เขาชอบมากกว่า ได้เงินมากกว่า และมีคนรักเขามากกว่าที่ผับ

            “อืม”

            “แล้วระหว่างที่รอ ผมต้องทำอะไรบ้างครับนอกจากงานที่ทำอยู่”

            “ง่าย ๆ  แค่นอนกับฉัน”

            “ห๊ะ! อะไรนะครับ” ไม่ทันไรภาสกรก็เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เขาคิดว่าหัวใจของเขาเดี๋ยวเต้นช้า เดี๋ยวเต้นเร็ว ไม่ช้าไม่นานเขาอาจจะหัวใจวายเข้าจริง ๆ

            “นอนกับฉัน” อรรควัสพูดจบก็รีบยกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูด “ฟังให้จบ นอนกับฉันเหมือนเมื่อคืนก่อน”

            “เมื่อคืน เอ๊ย เมื่อเช้าวาน” ภาสกรอดไม่ได้ที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง นี่เข้าเช้าวันจันทร์แล้ว และเขานอนกับอรรควัสในเช้าวันอาทิตย์ แสดงว่าผ่านมาหนึ่งวันแล้ว

            “วันไหนก็ช่างแล้วแต่เธอจะเรียก เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ ขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของเธอแล้วกลับมาที่ห้องนี้”

            “แต่ผมยังไม่ได้ตอบตกลง”

            “...”

            “ผมขอปฏิเสธได้ไหม ผมคิดว่าไม่..” ภาสกรตั้งใจจะพูดคำว่าไม่เหมาะแต่กลับถูกอรรควัสแทรกขึ้นมาเสียก่อน

            “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ขอโทษที่ฉันทำตามใจโดยลืมถามความสมัครใจของเธอ”

            “ผม..คือ..”

            “คืนนี้เธอเหนื่อยมามากแล้วกลับไปพักเถอะ” อรรควัสพูดจบก็หยิบขวดเหล้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

            “ครับ” ภาสกรลุกขึ้นยืน ลังเลเล็กน้อย คราแรกคิดว่าอรรควัสจะโกรธที่เขาปฏิเสธเสียอีก หากไม่ใช่ อีกฝ่ายกลับยอมรับอย่างสงบและปล่อยให้เขากลับห้องแต่โดยดี

            “เดี๋ยวก่อน” ภาสกรชะงักเล็กน้อย จังหวะที่เขากำลังจะเปิดประตูห้องพอดี

            “ครับ”

            “เธอไปบอกใครให้หน่อยว่าเอาแก้วเหล้ามาให้ฉันทีสองใบ”

            “สองใบ บอสจะดื่มกับใครครับ” ภาสกรห้ามปากตัวเองไม่ทัน

            “แก้วสองใบ ภาสกร”

            “ครับ”






 
            แม้จะอาบน้ำจนร่างกายรู้สึกสดชื่นคลายความเหน็ดเหนื่อยพร้อมที่จะเข้านอนอย่างสบายใจแล้ว หากภาสกรยังไม่สามารถสลัดความคิดถึงคนที่อยู่ในห้องห้าสิบสองไม่เลิกรา ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ในห้องเพียงลำพังคนเดียว ไม่เข้าใจว่าอรรควัสต้องการแก้วเหล้าสองใบไปทำไม ครั้นจะคิดว่าชวนคนอื่นมาดื่มด้วย ภาสกรเดาว่ามันไม่ใช่ลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย อีกทั้งเวลานี้ก็เช้าตรู่ คงไม่มีใครอยากมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเจ้าของผับเป็นแน่


            ดูเหมือนว่าพนักงานหน้าใหม่คนนี้ยังตัดสินใจไม่ตกว่าควรนำแก้วเหล้าไปให้อรรควัสด้วยตัวเองดีหรือไม่ ทว่าในใจลึก ๆ  ของภาสกรแล้วกลับรู้ดีว่าตนเองได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาไม่บอกให้ใครนำแก้วไปให้คนในห้องหรือการที่พาร่างกายของตัวเองมาหยุดยืนหน้าห้องห้าสิบสองอีกครั้งหนึ่งก็ตาม


            เขาเลือกที่จะทำตามคำขอร้องแกมคำสั่งของอรรควัส


            ก๊อก..ก๊อก


            ภาสกรยืนสงบนิ่ง แต่ใจกลับเต้นโครมคราม ไม่รู้ว่าถ้าอรรควัสเห็นเขากลับมาที่นี่จะคิดอย่างไร คนในห้องไม่เปิดประตูออกมาเสียทีนอกจากส่งน้ำเสียงหนักแน่นที่เขาได้ยินอยู่เป็นนิจ บอกให้คนที่เคาะประตูเปิดเข้าไปได้

            “วางแก้วไว้บนโต๊ะแล้วออกไปได้เลย” คนออกคำสั่งมองปลายเท้าของผู้มาเยือน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเลยด้วยซ้ำ

            “...” ภาสกรยืนนิ่ง ไม่ได้ทำตามคำสั่งอีกฝ่ายเพราะไม่ได้มีแก้วติดมือมาด้วย เขาเห็นเจ้าของผับนั่งเท้าแขนวางไว้บนหน้าขาของตัวเอง ในมือถือขวดเหล้าเอาไว้ ดวงตาหวานทว่าดุดันจ้องมองแต่ขวดแก้วเจียระไนเนื้อดีนั้น ไม่รู้ว่าขวดแก้วนั้นมีดีอะไร

            “มีอะไร ทำไมถึงยังไม่วางแก้ว”

            “เอ่อ..บอสครับ”

            “ภาสกร?” เจ้าของห้องเงยหน้ามองคนเรียก “ทำไมยังไม่ไปนอนอีก แล้วได้บอกใครเอาแก้วมาให้ฉันหรือเปล่า”

            “ถ้าผมนอนกับคุณ..หมายถึงนอนเฉย ๆ  ตามที่คุณบอก คุณจะไม่เครียด ไม่ดื่มเหล้าใช่ไหมครับ”

            “ฉันคงไม่หายเครียดหรอก แต่อย่างน้อยก็คืนนี้มันก็จะช่วยให้ฉันลืมปัญหาของฉันไปได้”

            “งั้นเข้านอนกันเถอะครับ”

            “ทำไมถึงเลือกเปลี่ยนใจ” อรรควัสยืนขึ้นไม่อิดออดแต่ก็ไม่รั้งรอที่จะถามสิ่งที่สงสัย

            “บอสเป็นแบบนี้ จะให้ผมนิ่งดูดายได้ยังไง”

            “เธอก็เป็นเสียอย่างนี้ ความใจดีของเธอมันจะเป็นเครื่องมือมาทำร้ายเธอเข้าสักวัน” อรรควัสพูดพลางเดินนำขึ้นบันไดไปที่เตียงนอนหลังใหญ่

            “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

            “หึ ยังพูดว่าไม่เป็นไรอยู่อีกก็เพราะความใจดีของเธอไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เธอต้องมาทำงานอยู่ที่ผับ”

            “แต่อย่างน้อยบอสก็ช่วยผมแล้วนี่ครับ มันก็ไม่แย่เสียหน่อย” เจ้าของห้องนอนลงบนเตียงปราศจากท่าทีเคอะเขิน ผิดกับเขาที่กำลังทำตัวไม่ถูก

            “ไปปิดไฟแล้วขึ้นมานอนข้าง ๆ  ฉัน”

            “บะ..บอสจะไม่ทำอะไรผมจริง ๆ  ใช่ไหม”

            “ฉันไม่สนคนอย่างเธอหรอกน่ะ ไปปิดไฟเร็ว ๆ  เข้า ไม่ง่วงหรือไง”

            “ครับ” ภาสกรกระวีกระวาดไปปิดสวิตช์ไฟก่อนจะหย่อนตัวลงนอนบนเตียงอย่างระวังให้เตียงยวบน้อยที่สุด

            “พลิกตัวหันหลังให้ฉัน” คำสั่งของอรรควัสทำให้ภาสกรตาโตผุดลุกขึ้นนั่งทันที

            “บอสให้ผมทำอะไร” เขาละล่ำละลักถามเสียงสั่น ท่าทางที่อีกฝ่ายบอกมันชวนให้ไม่น่าไว้วางใจ

            “เป็นอะไรภาสกร เธอกลัวอะไร”

            “บอสบอกว่าจะไม่ทำอะไรผม”

            “ใช่ แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ”

            “เอ่อ..” ภาสกรไม่กล้าตอบว่าความคิดของเขามันเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว ท่าทางที่อีกฝ่ายบอกให้เขาทำมันดูสุ่มเสี่ยงแค่ไหน ทำไมจะเดาไม่ได้

            “ฉันบอกว่าไม่ทำก็แปลว่าไม่ทำ หรือเธออยากให้ฉันทำ”

            “ไม่ครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น” ภาสกรรีบพูดกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจเขาผิด

            “ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่ฉันบอกเร็ว ๆ” อรรควัสออกคำสั่งน้ำเสียงของเขาเริ่มขุ่นมัว


            ภาสกรพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังโดยไม่รอช้า กลัวว่าอรรควัสจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ดีไม่ดี เขาอาจถูกไล่ตะเพิดออกไปจากห้อง พอดีพอร้ายอาจจะถูกไล่ออกจากงานเลยด้วยซ้ำจึงทำตามอย่างว่าง่าย

            “อยู่เฉย ๆ” ภาสกรได้ยินเสียงอีกฝ่ายจากด้านหลัง เสียงของอรรควัสฟังดูเหนื่อยและอ่อนล้าผิดกับเมื่อครู่ เขารู้สึกถึงไออุ่นของอีกฝ่ายซ้อนอยู่ที่หลังของตัวเอง


            ร่างกายของอรรควัสใกล้กับเขามากจนชายหนุ่มสัมผัสได้ รู้สึกเหมือนมีศีรษะเจ้าของห้องซุกอยู่ที่หลังของเขา ภาสกรไม่รู้ว่าปัญหาของบอสคืออะไร ทั้งที่ห้องมืดมิด ไฟทุกดวงถูกปิดสนิท แต่ทำไมเขาถึงรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทุกข์ใจ ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

            ภาสกรไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาเสียเลย

            “บอสครับ” ภาสกรลองหยั่งเชิงเรียกชื่ออีกฝ่าย

            “นอนได้แล้ว” อรรควัสยังไม่หลับและออกคำสั่งอย่างรวดเดียว

            “ผมไม่รู้ว่าบอสไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็ยินดีช่วยนะครับ”

            “แค่นี้ก็พอ ตอนนี้เธอนอนได้แล้ว” อรรควัสกล่าวซ้ำอีกครั้ง

            ภาสกรขยับตัวถอยเข้าไปชิดคนด้านหลัง

            “กอดผมได้นะครับ ถ้ามันจะทำให้บอสสบายใจขึ้น”

            “...”

            “ผมหมายถึงจะได้หลับเร็ว ๆ  ลืมเรื่องแย่ ๆ  ของวันนี้ไป” เมื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากอีกคน ภาสกรจึงรีบพูดเสียใหม่พูดจบก็เม้มปากแน่นพลางลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ท่ามกลางความมืด


            ใจเขาเต้นตึกตักไม่รู้ว่าเมื่อได้ฟังที่เขาพูดคนด้านหลังจะคิดอย่างไร แต่ยังไงก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มพูดไปจนหมดสิ้น

            “ขอบใจ”


            เจ้าของเตียงขยับเข้ามาซ้อนหลังก่อนจะดึงภาสกรให้เข้าไปชิดอีกฝ่ายด้วย ภาสกรนอนตัวเกร็ง ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอจึงรู้ว่าอรรควัสเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว


            ยังคงเหลือแต่เขาที่แม้จะหลับตาเตรียมนอนแล้วแต่ยังไม่ยอมหลับเสียที เขาเผลอวางมือบนแขนอีกฝ่ายที่กอดเอวเขาไว้หลวม ๆ  สัมผัสถึงรอยบางอย่างที่ไม่สม่ำเสมอ นึกแปลกใจแต่ไม่ได้สนใจมันมากนักตอนนี้ภาสกรเอาแต่เฝ้าถามวนเวียนในหัวตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับบอสที่ใคร ๆ  ก็ต่างพากันกลัว




           
ตั้งแต่รู้จักกับอีกฝ่ายมาหกเดือน ครั้งนี้อรรควัสดูอ่อนโยนและอ่อนแอมากที่สุดแล้ว...






========================================



ขอบคุณทุกการติดตามเสมอนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-10-2019 12:13:00
พายน่ารักจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-10-2019 12:28:09
พายจิตใจดีมาก กล้าเผชิญปัญหา อ่อนน้อม คงได้ความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวมาเต็มที่
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 17-10-2019 13:04:39
รู้จักมาก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-10-2019 14:03:25
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 17-10-2019 18:56:05
ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-10-2019 23:14:49
ไหวมั้ยบอส
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-10-2019 00:14:53
บอสจีบพายสักทีสิ!!!
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-10-2019 00:48:59
 o18 ยอมใจอ่อนจนได้
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 18-10-2019 11:02:53


รู้จักกันมาก่อนแน่ๆ

ข้าวมันไก่น้ำพริกเผา

ต้องเกี่ยวกันแน่นอน

เดาๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเจ็ด UP!! 17/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-10-2019 12:11:36

วงล้อที่สิบแปด



             เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเสียงดังสองคู่ วิ่งตามกันมาอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดลง สายตาสอดส่ายมองหาบุคคลที่ต้องการนั้นไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อเป้าหมายที่ไล่ตามมานั้น จู่ ๆ  ก็อันตรธานหายไป

                “เฮ้ย มันหายไปไหนแล้ววะ!” น้ำเสียงหงุดหงิดไม่สบอารมณ์จากชายผู้หนึ่งที่มีหนวดรุงรังบนใบหน้าส่งเสียงดังขึ้น

                “เห็นตัวผอม ๆ  ทำไมวิ่งเร็วชะมัด” เป็นเสียงชายอ่อนวัยกว่าวิ่งตามมาสบทบพูดขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ

                “หรือมันจะวิ่งไปทางซ้าย” ชายมีหนวดเดา

                “ไม่น่าเป็นไปได้ ผมเพิ่งออกมาจากทางซ้ายเองลูกพี่”

                “ยังงั้นรึ แล้วมันหนีจะไปทางไหนวะ”

                “ผมเห็นทางขวามีตรอกเล็ก ๆ  อยู่ ไม่แน่มันอาจจะหนีไปตรงนั้นก็ได้” ลูกน้องลองเสนอความเห็น

                “งั้นรีบเข้าไปดู ยังไงก็ต้องลากคอมันกลับไปให้หัวหน้าแทนพ่อมันให้ได้”

                คล้อยหลังลูกพี่หน้าโหดและลูกน้องหายเข้าไปในตรอกทางขวาแล้ว ปรากฏร่างหนึ่งแอบหลบอยู่ในซอกหลืบเล็กหลืบหนึ่งเยื้องที่สองคนยืนคุยกันอยู่เมื่อสักครู่นี้ เขาอาศัยถังขยะใบใหญ่ช่วยบังร่างตัวเองให้รอดพ้นจากการถูกตามล่า ชายหนุ่มที่เพิ่งจะย่างเข้าวัยยี่สิบปีลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถ้าเขาหนีสองคนนั่นไม่พ้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชะตาชีวิตในค่ำคืนนี้จะเป็นเช่นไร

                “นี่..พี่ชายมายืนทำอะไรตรงนี้” น้ำเสียงที่ยังไม่แตกเข้าสู่วัยหนุ่มของเด็กชายดังขึ้นพร้อมมือที่สะกิดแขนอีกฝ่ายให้รู้ตัว ทำให้คนที่เพิ่งรอดตายสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

                “เปล่า” ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังตนเอง เด็กคนนี้อยู่ในชุดนักเรียนคาดว่าน่าจะเพิ่งเลิกเรียน ประมาณจากสายตาแล้วคงจะอายุสิบสองสิบสามปีไม่เกินนี้

                “หลบใครอยู่ใช่ไหม โดนเพื่อนแกล้งมาล่ะสิ” เด็กชายว่าพลางยิ้มกว้าง

                “เปล่า”

                “แล้วพี่มายืนอยู่ตรงนี้ทำไม หรือว่าหิว อย่าบอกนะว่ามาคุ้ยขยะกิน”

                “เปล่า” คนถูกกล่าวหายังปฏิเสธคำเดิม

                “ถ้าพี่หิว ที่บ้านผมมีของกินนะ วันนี้แม่ทำข้าวมันไก่ไว้เยอะเลย แต่พี่ต้องนั่งรออยู่หน้าบ้าน ถ้าแม่กับพี่สาวผมรู้ว่าพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน ผมจะต้องถูกพี่หยิกแน่ ๆ”

                “ไม่ต้อง ฉันจะไปแล้ว”

                “เอ้า แต่พี่หิวไม่ใช่เหรอ บ้านผมอยู่ใกล้ ๆ  นี่เอง หน้าบ้านมีม้านั่งนะ พี่ไม่ต้องยืนกินให้เมื่อย” เด็กชายไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย เจ้าตัวเชื่อมั่นในความคิดตนเอง เขายื่นมือซ้ายมาจับแขนขวาอีกคนพลางออกแรงดึงเพื่อพาอีกฝ่ายไปยังบ้านตนเอง

                “ปล่อย อย่าดึง บอกว่าไม่ต้องไง” ชายหนุ่มออกแรงสะบัดอย่างแรงทำให้เด็กชายเสียหลักล้มลงกับพื้น

                “โอ๊ย ผมเจ็บนะพี่ พูดกันดี ๆ  ก็ได้ ทำไมต้องรุนแรงด้วย หิวก็ยอมรับว่าหิวสิพี่ ไม่เห็นต้องอายเลย” เด็กชายโวยวายเล็กน้อยพลางค่อย ๆ  ยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วปัดคราบดินที่เปรอะเปื้อนกางเกง

                “เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านไป เถลไถลเดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วง” ชายหนุ่มปรายตามองชุดนักเรียนที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ก่อนจะออกปากไล่ตะเพิด

                “แม่กับพี่สาวยังไม่กลับ เขาไม่รู้หรอกน่า”

                “ไปได้แล้ว ตรงนี้มันไม่ปลอดภัย” ชายหนุ่มมองเด็กชายด้วยสายตาขึงขังพร้อมพูดอย่างอ่อนใจ เด็กนี่ทำไมดื้อด้านเช่นนี้

                “ตาออกจะสวย ทำไมต้องทำตาดุใส่ด้วย”

                “ไป..ให้..พ้น..หน้า..ฉัน” ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวออกมาทีละคำหมายจะให้อีกคนกลัว

                “ก็ได้ ๆ  ไปก็ได้ ไม่เห็นต้องดุใส่กันขนาดนี้เลย” เด็กชายยู่ปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากซอกเล็ก ๆ นี้ จังหวะนั้นหูพลันได้ยินเสียงใครสักคนเรียกเขาไว้

                “ไอ้หนู”

                “ครับลุง”

                “เห็นผู้ชายตัวผอม ๆ  สูง ๆ  ผ่านมาทางนี้บ้างไหม”

                “ผู้ชายเหรอครับ” เขาทำท่านึกคิดแต่หางตากลับลอบมองไปยังคนในซอกเล็ก โชคดีที่เด็กชายหัวไว รู้แจ้งแน่แล้วว่าชายหนุ่มที่หลบหลังถังขยะใบใหญ่คือคนที่ชายหน้าดุคนนี้กำลังตามหาอยู่แน่ ๆ

                “ใช่ เห็นไหม”

                “แล้วตัวผอม ๆ  สูง ๆ  ด้วย” เด็กชายทวนซ้ำ

                “ใช่ ๆ  ไอ้หนูเอ็งเห็นใช่ไหม”

                “ใช่ครับ ผมเห็น” คนที่ยืนหลบหลังถังขยะกลืนน้ำลายเหนียว ๆ  ด้วยความตกใจ เจ้าเด็กนี่เล่นเขาแล้วไหมล่ะ

                “มันไปทางไหน”

                “ทางนั้นครับ ผมเห็นเขาวิ่งไปทางนั้น” เด็กชายชี้ไปยังด้านหลังตัวเองซึ่งเป็นทางตรงข้ามกับบ้านของเขา

                “ขอบใจมากนะไอ้หนู” คนมีหนวดกล่าวขอบคุณพลางเรียกลูกน้องให้วิ่งตามไปยังทางที่รู้มาทันที

                เมื่อเห็นสองคนนั้นวิ่งไปแล้ว เด็กชายรีบเข้าไปในตรอกเดิมอย่างร้อนรน

                “คนนั้นที่เขาถามหาใช่พี่ชายไหม”

                “...”

                “บอกมาเถอะ พี่ก็เห็นว่าตะกี้ผมช่วยพี่นะ”

                “ใช่ คนนั้นคือฉันเอง”

                “งั้นไปหลบบ้านผมก่อน”

                “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เธอรีบกลับบ้านไป ตอนนี้เย็นมากแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยปากไล่อีกครั้ง เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องเดือดร้อนพลอยซวยไปกับเขาด้วย

                “หน้าพี่ไม่คุ้นเลย ไม่ใช่คนที่นี่แน่ ๆ  พี่ไม่รู้ทางดีเท่าผมหรอก ตามผมมาทางนี้ดีกว่า”

                “อย่ามายุ่งกับฉัน”

                “พี่จะรอให้พวกมันกลับมาหรือไง มาเร็ว ไปกับผม” คราวนี้ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ตอนที่คว้าแขนชายหนุ่มไปถึงมีแรงเยอะมากขนาดนี้

                ชายหนุ่มถูกเด็กชายลากออกไปจากตรอกที่ซ่อนตัวและวิ่งไปยังทิศทางตรงข้ามกับคนที่ตามล่าเขา แต่คนหน้าโหดกับลูกน้องเมื่อวิ่งไปได้ครู่หนึ่งกลับเฉลียวใจว่าอาจจะถูกเด็กหลอกจึงตัดสินใจย้อนกลับมาทางเดิม และให้ลูกน้องไปยังทางเดิมต่อไป เขาจึงมาทันได้เห็นเด็กชายตัวแสบกำลังวิ่งไปพร้อมกับคนที่พวกเขาออกตามหา

                “พวกมึงสองคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ! หน็อย ไอ้เด็กเวรนี่ กล้าหลอกกูงั้นรึ” ชายหนุ่มหันไปตามเสียงตะโกนเรียกโดยไม่ชะลอฝีเท้า ยิ่งเห็นว่าคนเรียกเป็นใคร เขายิ่งเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก จากที่เป็นฝ่ายถูกดึง กลับเปลี่ยนเป็นคนออกแรงดึงเด็กชายให้วิ่งตามตัวเองเสียอย่างนั้น


                จะถูกจับไม่ได้ ลำพังตัวเขาไม่เป็นไรแต่เด็กนี่ต้องแย่แน่


                “พี่ชายวิ่งช้าหน่อย ผมตามไม่ทัน” เด็กชายพูดเสียงกระท่อนกระแท่น

                “วิ่งเร็ว ๆ  ไอ้ตัวเล็ก”

                “ผมไม่ไหวแล้ว”

                “อยากถูกจับหรือไง”

                “ไม่อยากหรอก แต่ผมวิ่งไม่ไหวแล้ว” เด็กชายชะลอฝีเท้าลงทำให้ชายหนุ่มเกือบเสียหลัก ผู้ตามล่าหน้าโหดวิ่งตามใกล้เข้ามาทุกที

                “ไม่ได้ แข็งใจหน่อย เร็ว! วิ่ง!” ชายหนุ่มออกแรงดึงพลางออกคำสั่ง

                “ไม่ไหวจริง ๆ  พี่ปล่อยผมไว้ตรงนี้เถอะ ผมเหนื่อย”

                “ไม่ได้” ชายหนุ่มออกแรงดึงแต่เหมือนกับลากเจ้าเด็กชายนี่ให้ตามไปมากกว่า

                “ปล่อยผมเถอะพี่ ผมไม่ไหวแล้ว” เด็กชายไม่พูดเปล่า สะบัดแขนให้พ้นจากการเกาะกุม

                สุดท้ายเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด มนุษย์หน้าโหดไล่ตามพวกเขามาทันจนได้ คนมีหนวดรุงรังหยิบเอามีดสปาต้าจากด้านหลังตนเองออกมา

                “หนีเก่งนักใช่ไหม ถ้าโดนฟันสักแผลคงจะดี” ชายหนุ่มตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นอาวุธเงาวับในมือคนพูดกำลังจะฟาดฟันลงมาที่พวกเขา

                “เฮ้ย พี่ชาย ระวัง!” ด้วยความตกใจไม่น้อย เด็กชายจึงทะเล่อทะล่ายื่นมือซ้ายมาจับแขนขวาของชายหนุ่มเพื่อจะพาอีกฝ่ายหนี

                เพราะเด็กชายจับแขนคนพี่ทำให้คมมีดฟาดฟันลงมาบนแขนของทั้งสองคนเป็นทางยาว เลือดไหลออกมาทันตาเห็น ทว่าทั้งสองคนกลับไม่สนใจ ชายหนุ่มถีบท้องคนหน้าโหดเข้าอย่างแรงจนเจ้าของมีดเสียหลักล้ม

                “ตามผมมาทางนี้พี่” อารามตกใจจนลืมเจ็บ เด็กชายเห็นว่าได้จังหวะพอดี จึงพาชายหนุ่มเข้าซอยเล็ก ๆ  ข้างหน้า ข้างในซอยนั้นมีซอกเล็กซอกน้อยอีก เขาพาพี่ชายลัดเลาะมาเรื่อย ๆ  กระทั่งมาถึงปลายทางที่เป็นบ้านของเขาในที่สุด

                “ที่นี่คือ?”

                “บ้านผมเอง” เด็กหนุ่มบอกพลางชะโงกมองเข้าไปในบ้าน “โชคดียังไม่มีใครกลับ มาพี่ เข้ามาข้างในก่อน”

                “ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนดีกว่า”

                “เลือดออกขนาดนี้จะกลับได้ยังไง” เด็กหนุ่มเห็นเลือดออกมาจากแขนตัวเองและพี่ชายอีกคน

                “ไม่เป็นไร”

                “แต่ผมเป็น ถ้าพี่ไปแล้วใครจะช่วยทำแผลให้ผม ถ้าแม่กลับบ้านมาเห็นผมสภาพนี้ ต้องถูกแม่ตีแน่ ๆ”

                “...”

                “ผมอุตส่าห์ช่วยนะ พี่จะให้ผมถูกแม่ตีเหรอ” เด็กชายว่าพร้อมกับหน้าเศร้า

                “อืม ก็ได้”

                “เย่ เข้ามาเลย ๆ” เด็กชายดีใจลิงโลดก่อนจะรีบไขกุญแจแล้วล็อกลงกลอนแน่นหนาเพื่อความปลอดภัย

                เมื่อเข้ามาในบ้านเด็กชายรีบพาอีกฝ่ายไปล้างแผลให้สะอาดก่อนจะผลัดกันทำแผลให้กันอย่างเรียบร้อย โชคยังเข้าข้างพวกเขาอยู่บ้าง แผลที่โดนฟันไม่ได้ลึกถึงขนาดต้องเย็บ ไม่งั้นพวกเขาสองคนต้องลำบากแน่นอน ชายหนุ่มเห็นว่าทุกอย่างดูปลอดภัยดีแล้วจึงเอ่ยขอตัวอีกครั้ง ทว่าเด็กชายก็รั้งเขาไว้อีก

                “กินอะไรก่อนไหมพี่”

                “ไม่ละ ขอบใจ”

                “แต่ผมหิว”

                “ก็ไปทำกินสิ ฉันไปละ”

                “ไม่ได้พี่ ผมปวดแขนอะ พี่ช่วยผมหน่อย”

                ชายหนุ่มถอนหายใจ “ครัวอยู่ทางไหน”

                “พี่รู้ไหมว่าข้าวมันไก่กับน้ำพริกเผาคือเมนูโปรดผมเลย” เด็กชายชวนคุยเมื่อยกจานข้าวมันไก่ด้วยมือข้างเดียวมาที่โต๊ะอาหารก่อนจะหย่อนก้นลงนั่ง

                “...”

                “พี่ถืออีกจานออกมาจากครัวให้ผมด้วย”

                “ฉันไม่หิว”

                “ไหน ๆ  ก็ทำแล้วพี่กิน ๆ  ไปเถอะน่า”

                “...”

                สุดท้ายกลายเป็นว่าในอ่างล้างจานกลับมีจานเปล่า ๆ  วางอยู่ในนั้นสองใบด้วยกัน

                “ขอบใจเธอมากนะ ฉันต้องไปแล้ว” ชายหนุ่มตัดสินใจอำลาเพราะคิดได้ว่าอยู่ที่บ้านของเด็กชายคนนี้นานเกินไปแล้ว อีกฝ่ายอาจจะได้รับความเดือดร้อน

                “แล้วพี่จะออกไปทั้งที่เสื้อขาดวิ่นแบบนั้นหรือไง” ชายหนุ่มจับชายเสื้อขึ้นมา คงจะถูกเกี่ยวขาดตอนไหนสักแห่ง

                “ไม่เป็นไร”

                “เอาเสื้อผมไปใส่สิ” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าแล้วอดที่จะยิ้มออกมานิดหน่อยไม่ได้

                “ตัวเท่าลูกหมา ฉันจะไปใส่เสื้อเธอได้ยังไง”

                “เอ่อจริงด้วยแฮะ” เด็กชายเกาหัวแก้เขินเมื่อถูกทัก ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ผมมีเสื้อคลุมตัวหนึ่ง ตัวใหญ่มาก พี่ต้องใส่ได้แน่ ๆ”

พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งตึง ๆ  ขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ครู่เดียวก็ลงมาพร้อมกับเสื้อคลุมในมือ

                “...”

                “อะ..พี่”

                “หืม?”

                “เสื้อคลุมไง เห็นไหมมันตัวใหญ่มาก แม่ซื้อให้ผมใส่เผื่อมอหกเลยอะ แต่มันเป็นเสื้อโรงเรียนเลยมีชื่อผมปักอยู่ พี่คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” เด็กชายพูดเสร็จก็ยื่นเสื้อให้ตรงหน้าอีกฝ่าย

                “ไม่เป็นไร เก็บไว้เถอะ”

                “เอาไปเถอะพี่”

                “แม่เธอจะดุเอาได้ถ้ารู้ว่าเสื้อหายไป”

                “ไม่รู้หรอกน่า ผมบอกแม่ให้ซื้อใหม่แล้วด้วย มันตัวใหญ่เกินกว่าที่ผมจะใส่ได้”

                “...”

                “รับไปเถอะน่า” เด็กชายเอาเสื้อวางใส่มืออีกฝ่ายก่อนจะเดินนำไปส่งชายหนุ่มที่หน้าประตู

                “ขอบใจมาก” ชายหนุ่มบอกเมื่อออกไปยืนหน้ารั้วบ้านเรียบร้อยแล้ว

                “ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ทำอะไรมาถึงถูกตามล่าแบบนั้น ถ้าพี่เป็นขโมยก็อย่าขโมยอีกเลยนะ แต่ถ้าพี่ไม่ใช่ขโมยแล้วไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงก็ลองพุ่งเข้าชนปัญหาดูไหม”

“...”

“อ้อ เกือบลืม ในเสื้อคลุมนั่นผมใส่เงินไว้ด้วยห้าร้อย ผมรู้ว่าเงินมันอาจจะน้อยไปหน่อยแต่นั่นเป็นเงินเก็บของผมเลยนะ”

                “หืม?”

                “โชคดีนะพี่ ผมเข้าบ้านก่อน” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแต่ก่อนจะลับหายเข้าไปในตัวบ้าน

                ชายหนุ่มมองตามหลังของเจ้าบ้านพลางส่ายหน้าเบา ๆ  ช่างเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีและใจดีเกินไป ถ้าเขาเป็นโจรผู้ร้าย ป่านนี้เด็กนี่คงถูกฆ่าทิ้งกลางบ้านไปแล้ว

                เขาล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมเจอเงินห้าร้อยบาทที่อีกฝ่ายว่าพร้อมกับคลี่เสื้อคลุมออกดู ยกยิ้มมุมปากให้กับความซื่อไร้เดียงสาของเด็กคนนี้

 





ด.ช. ภาสกร เจริญชัย









========================================

ตอนนี้พาย้อนอดีตนิดนึงงง

ขอบคุณทุกการติดตามเสมอนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 24-10-2019 15:14:35
พูดเป็นต่อยหอยเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-10-2019 16:30:17
ขออีกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-10-2019 17:26:55
 :hao3: มีความหลังด้วยกันนี่เอง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-10-2019 19:24:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไงหล่ะ   เคยเจอกันมาก่อนจริง ๆ ดัวะ

ไม่งั้นตอนรู้ชื่อในใบสมัครอ่ะ  ไม่จำเป็นต้องรับมาทำงานก็ได้
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 24-10-2019 19:25:07
น้องเป็นคนดีจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 24-10-2019 19:46:23


นั้นไง..ว่าละ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 24-10-2019 21:09:26
รอๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-10-2019 01:29:05
เขาเคยเจอกันด้วยแหละแก~ กรีดร้อง :ling1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-10-2019 01:38:42
น้องพายน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-10-2019 04:43:19
อย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-10-2019 12:53:42
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-10-2019 07:37:36
นิสัยน้องพายเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลังสินะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 27-10-2019 11:20:51
มีที่มาที่ไปจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 27-10-2019 12:59:01
รู้จักกันมาก่อนจริงๆด้วย พรหมลิขิตชัดๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-10-2019 14:31:00
คนดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบแปด UP!! 24/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-10-2019 18:46:52


วงล้อที่สิบเก้า




            เมื่ออรรควัสตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันเดียวกัน เห็นภาสกรยังนอนหลับอยู่ ท่วงท่านอนที่ดูสบายนั้นทำให้เขาอดยิ้มออกมานิดหน่อยอย่างเสียไม่ได้


            เจ้านายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอกับอีกฝ่ายครั้งแรก ในตอนนั้นเขากำลังหลบหนีลูกน้องของเจ้าของคาสิโนแห่งหนึ่งให้ตามมาจับตัวเขากลับไปที่คาสิโนให้ได้ คาสิโนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้าน เขาอุตส่าห์คิดว่าเมื่อกลับเข้าสู่ประเทศบ้านเกิดของตนเองก็น่าจะหนีรอด แต่ดันคิดผิดเพราะคนเหล่านั้นต้องการตัวเขาอย่างไม่ลดละ


            สาเหตุที่ทางนั้นไม่ยอมลดราวาศอกที่จะจับตัวเขาก็เพราะบิดาของเขาสร้างหนี้เอาไว้ไม่น้อย เขาที่ตั้งใจไปตามบิดากลับบ้านกลายเป็นต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน สุดท้ายซวยทุกอย่าง พ่อก็ไม่เจอแถมยังต้องหนีอีกจนได้เลือด


            หากไม่ได้เงินที่เจ้าหนูนี่ให้ไว้ เขาคงไม่มีเงินและคงไม่พุ่งเข้าหาปัญหาตามที่เด็กนั่นพูด


            ถ้าหากจะบอกว่าภาสกรเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขามีวันนี้ก็คงไม่ผิดนัก คนที่กว่าจะมีวันนี้จึงไม่เคยลืมเลยสักครั้งว่าอย่างน้อยเขามีวันนี้ได้เพราะใคร


            เด็กชายตัวเล็ก ๆ  คนหนึ่งแท้ ๆ


            อรรควัสเอื้อมมือไปปัดเส้นผมให้พ้นใบหน้าของอีกฝ่ายเบา ๆ  เกรงว่าคนที่หลับอยู่จะตื่น พลางทอดสายตามองภาสกรด้วยความเอ็นดู แววตาอ่อนโยนที่ไม่มีใครเคยได้เห็น


            ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ภาสกรก็ยังเป็นเด็กที่จิตใจดีและมักจะเข้ามาช่วยเหลือเขาในเวลาที่กำลังทุกข์อยู่เสมอ

            “ขอบใจมาก”


            อรรควัสลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาลงลิฟต์มาที่ชั้นหนึ่งของผับเจออาเฉินกับอาคุณยืนรออยู่ก่อนแล้ว

            “บอสครับ” สองเสียงบอดี้การ์ดประสานเรียกเจ้านายพร้อมเพรียงกัน

            “อืม มารอนานแล้วหรือยัง”

            “ไม่นานครับ”

            “กินอะไรมาหรือยังล่ะ”

            “ยังครับ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องคุยกับจิณณ์นิดหน่อย”

            “ครับ”

            “จิณณ์ล่ะอาเฉิน” อรรควัสมองเจ้าของชื่อ

            “คุณจิณณ์อยู่ชั้นห้าครับ”

            “เดี๋ยวฉันมา” อรรควัสบอกก่อนจะเดินกลับไปเข้าลิฟต์ตัวเดิม ไม่นานลิฟต์ก็ทะยานขึ้นไปสู่ชั้นห้า


            ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเขาก็อยู่ชั้นที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวเดินไปที่ห้องหนึ่งอย่างอัตโนมัติ เมื่อไปถึงหน้าห้องดังกล่าวเห็นประตูห้องถูกเปิดทิ้งไว้ มีร่างใครคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ประตู คนนั้นยืนอยู่ที่หน้าตู้เอกสาร นิ้วมือเรียวสวยกำลังพลิกแฟ้มในมืออย่างขะมักเขม้น

            ภาสกรเคาะประตูให้อีกฝ่ายรู้ตัวพอเป็นพิธี “จิณณ์”

            “อ้าว อรรค ทำไมตื่นเร็วจัง ฉันคิดว่านายน่าจะตื่นสักบ่าย ๆ  เสียอีก” อีกฝ่ายหันกลับมาตามเสียงเรียกด้วยความแปลกใจ เขาจึงวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ เจ้านายอุตส่าห์ขึ้นมาหาทั้งทีตอนนี้คงต้องพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน

            “วันนี้มีแขกวีไอพีมาคาสิโนตอนเที่ยง ฉันต้องไปต้อนรับเขา เลยว่าจะออกไปเร็วหน่อย”

            “แขกวีไอพีคนนี้ ต้องระดับใหญ่แค่ไหนกันที่ทำให้คุณอรรควัสบอสใหญ่ต้องไปต้อนรับด้วยตัวเอง”

            “ลูกสาวท่านนายพลที่ไทย”

            “ใหญ่จริงเสียด้วย” จิณณ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

            “เผื่อเอาไว้ วันหน้าอาจจะได้พึ่งพาอาศัยกัน”

            “จะมีสักเรื่องไหมที่นายจะทำอะไรโดยไม่หวังผล” จิณณ์ถาม มีน้อยคนนักที่จะกล้าย้อนถามกับอรรควัสตรง ๆ

            “มีสิ”

            “อะไรบ้าง เช่น?”

            “เช่นให้นายมาเป็นผู้จัดการผับน่ะสิ” อรรควัสพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย

            “พูดเสียตรง เล่นเอาเจ็บปวดเลย”

            “ไม่ต้องมาทำหน้าเสียใจ นายเองก็รู้ดีว่าไม่ใช่ ผู้จัดการผับที่ไหนจะมีหุ้นในผับเกือบครึ่งบ้างล่ะ”

            “ผู้จัดการผับคนนี้ไงล่ะครับคุณอรรควัส” จิณณ์ไม่ได้ถ่อมตัวแต่อย่างใดเมื่ออรรควัสเปรยขึ้น เขายืดอกรับโดยไม่อิดออด จิณณ์ดันแฟ้มให้เข้าไปกลางโต๊ะมากขึ้นเมื่อเห็นว่ามันวางหมิ่นเหม่จวนตก

            อรรควัสมองตามการกระทำอีกฝ่ายจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วนี่ขึ้นมาทำอะไรบนนี้ตั้งแต่เช้า นอนหรือยัง แล้วไม่ให้อาเฉินขึ้นมาช่วยนาย”
       
            “อาเฉินน่ะเหรอ เฮอะ” จิณณ์แค่นเสียง “หมอนั่นไม่มีทางขึ้นมากับฉันแน่นอน อาเฉินเห็นฉันทีไรทำอย่างกับเห็นผีทุกที”

            “พูดเกินไป”

            “ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องฉันหรอก ว่าแต่นายเถอะมาหาฉันเช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไร” จิณณ์เปลี่ยนเรื่อง

            “นายคิดจะทำอะไรกันแน่” อรรควัสเข้าเรื่อง

            “ทำอะไร เปล่าสักหน่อย” จิณณ์ทำหน้าเหรอหรา แสร้งไม่เข้าใจคำพูดของอรรควัสเลยแม้แต่น้อย

            “จิณณ์..ฉันรู้จักนายดี นายจงใจให้ภาสกรมาที่ห้องฉันตั้งแต่คืนแรก”

            “ภาสกร?..เอ๊ะ..อ้อ..พาย ใช่ไหม” จิณณ์ยังเล่นลูกไม้ต่อประหนึ่งว่าชื่อนี้ไม่คุ้นหูเขาเสียเลย

            “...”

            “โอเค ๆ  ลืมไปว่าคุณอรรควัสไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง ก็ได้ ๆ  ฉันจะกลายเป็นคนที่พูดรู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย” จิณณ์ไม่ได้กลัว เขายังยียวนอีกฝ่ายเล็กน้อยพอให้ชุ่มชื่นจิตใจ

            “พูดมาได้แล้ว อย่าประชด”

            “คืนนั้นไม่มีอะไรสักหน่อย ฉันขี้เกียจดูแลนายก็เท่านั้นเอง ใครใช้ให้นายไม่พาบอดี้การ์ดคู่ใจมาช่วยตอนที่นายเมากันล่ะ”

            “จะให้ฉันคิดว่าภาสกรเข้ามาที่ห้องฉันเพราะบังเอิญ?”

            “นี่..นายไม่คิดว่าชื่อภาสกรมันยาวไปหรือเปล่า เรียกพายสั้น ๆ  ไม่ง่ายกว่าเหรอ” จิณณ์จงใจเย้าแหย่อีกฝ่ายไม่หยุดหย่อนจนทำให้อรรควัสเม้มปากด้วยความไม่พอใจ “คืองี้...มันก็ไม่ได้บังเอิญสักทีเดียว แต่เวลานั้นเขาเดินมาถามฉันเองว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ฉันก็แค่ให้เขาช่วยเท่านั้นเอง แล้วคืนนั้นฉันก็ง่วงนอนมาก ๆ  อีกอย่างนายสองคนก็รู้จักกันอยู่แล้วนี่ ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไรถ้าให้พายไปช่วย”

            “แต่ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเวลาที่ฉันเมา”

            “เรื่องที่นายจะจำอะไรไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แล้วนายคิดว่าเด็กของนายปากโป้งมากน้อยแค่ไหน ไว้ใจได้ไหม อีกอย่างพายน่ะเป็นคนอื่นสำหรับนายหรือไง”

            “ภาสกรไม่ใช่คนพูดมากและเขาไม่ใช่เด็กของฉัน” อรรควัสแย้ง

            “นายแหกกฎของผับใช้เส้นรับเขาเข้ามาทำงาน ทั้งที่นายไม่ชอบเรื่องเส้นสายในที่ทำงานแท้ ๆ  แล้วจะไม่ให้ฉันเรียกเขาว่าเป็นเด็กของนายได้อย่างไร”

            “มันจำเป็น นายไม่พอใจเรื่องนี้เลยอยากเอาคืนฉัน?”

            “ยอมรับว่าคราวแรกฉันเองก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ใครใช้ให้อาเฉินเป็นคนพาเขามาที่นี่ด้วยตนเองกันล่ะ ดีนะว่านายโทรศัพท์มาบอกฉันก่อน ไม่งั้นฉันคงไม่มีทางรับเขาไว้”

            “อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน”

            “แล้วนายล่ะ อรรค? ครั้งนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” จิณณ์ไม่ยอมแพ้

            “ไม่เหมือนกัน ที่ฉันให้เขามาทำงานนี้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคาสิโนมันไม่ใช่ความผิดของภาสกร” อรรควัสไม่ได้เท้าความถึงสาเหตุก่อนหน้านี้เพราะจิณณ์รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาสกร

            “ตกลงว่าที่นายมาหาฉันก็เพราะเรื่องนี้งั้นหรือ ผิดวิสัยคุณอรรควัสไปหน่อยมั้ง”

            “จิณณ์”

            “ฉันขอพูดตรง ๆ  เลยนะอรรค” จิณณ์ปรับสีหน้าเข้าสู่ความจริงจังไม่มีหยอกล้ออีกต่อไป “นอกจากทำหน้าโหด ตาดุใส่คนอื่นแล้ว นอกเหนือจากนี้นายแสดงออกไม่เก่งเลย ถามจริงเถอะแล้วแบบนี้ภาสกรจะยอมเดินเข้าหานายได้อย่างไรวะ”

            “ไม่เห็นเป็นไร” อรรควัสตอบอย่างไม่ยี่หระ

            “นายแน่ใจว่าไม่เป็นไรจริง ๆ ?” จิณณ์ลงท้ายประโยคด้วยเสียงที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย “ถ้าไม่เป็นไรแล้วนายจะช่วยเขาไปทำไม ปล่อยให้กลับไปไทยก็ได้นี่หว่า นายมีเงินเยอะแค่ไหนใคร ๆ  ก็รู้ กะอีแค่ออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้คนป่วยคนหนึ่งทำไมจะทำไม่ได้ อ๊ะ ๆ .. อย่าบอกว่าไม่ได้ทำ”


            จิณณ์รีบดักทางบอสใหญ่เมื่ออรรควัสเตรียมจะอ้าปากปฏิเสธ เขารีบชิงพูดต่ออย่างรวดเร็ว “อย่าลืมว่าใครคือคนที่ดูแลบัญชีการเงินของนาย..ฉันใช่ไหมล่ะ ฉันรู้ว่านายไปติดต่อโรง’บาลที่ไทยและออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของภาสกร”

            “ภาสกรเคยช่วยฉันไว้”

            “ฉันรู้...ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่นายจะอยากตอบแทนผู้มีพระคุณ แค่ทำตัวเป็นผู้ประสงค์ไม่ออกนามก็พอแล้วมั้ง ไม่เห็นจำเป็นต้องกลับไทยตอนช่วงนี้ของทุกปี คงไม่ต้องให้ฉันพูดใช่ไหมว่าทำไมนายต้องไปไทยช่วงนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะไปเจอคน ๆ  หนึ่ง แล้วคงไม่ให้ฉันต้องพูดต่อใช่ไหมว่าทำไมปีนี้นายถึงไม่กลับไทย เพราะเขาคนนั้นอยู่ที่..”

            “พูดมากไปแล้วจิณณ์” อรรควัสปรามเสียงขรึมเมื่อเพื่อนสนิทพูดทุกอย่างออกมาได้อย่างถูกต้องจนเขาเถียงไม่ออก

            “เขาเดินเข้ามาในชีวิตของนายแล้วแท้ ๆ  นายยังทำตัวเฉยอยู่อีกคอยทำหน้ายักษ์ใส่เขาไปวัน ๆ  ไม่รู้หรือไงว่าเด็กของนายน่ะชอบคนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้ามากกว่านายเสียอีก”

            “ถ้าภาสกรจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา”

            “ไม่ยักรู้ว่าบอสใหญ่อยากเป็นพ่อพระกับเขาด้วย” จิณณ์ประชดเพื่อนเข้าให้

            “...”

            “ฉันเลยต้องยื่นมือเข้ามาไง ถ้าฉันไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย”

            “ขอบใจที่นายหวังดี แต่ไม่ยุ่งจะดีกว่า”

            “หมดกัน คนอุตส่าห์ตั้งใจช่วยแท้ ๆ” จิณณ์ทำเสียงเศร้านิดหน่อยแล้วจึงถามถึงบุคคลที่สาม “แล้วนี่ภาสกรอยู่ไหน”

            “ห้องฉัน”

            จิณณ์ผิวปากเล็กน้อย “ก็ไม่เลว นึกว่าเพื่อนฉันจะซื่อบื้อจนไม่คว้าโอกาสไว้เสียอีก”

            “บางทีฉันก็คิดว่านายไม่อยากมีปากไว้พูดแล้วนะจิณณ์ ถ้าเก่งนักทำไมไม่จัดการเรื่องของตัวเองล่ะ” อรรควัสปรายตามองเพื่อนของตน

            “ขอโทษที ๆ” จิณณ์ก้มหัวปลก ๆ  แต่เขาไม่ได้กลัวคำพูดอีกฝ่ายจริงอย่างปากว่าหรอก แสร้งทำเท่านั้น แต่ที่ไม่ต่อความยาวสาวความยืดเพราะอรรควัสเล่นใช้คำพูดแทงใจดำเขากลับมาน่ะสิที่ทำให้จิณณ์เถียงไม่ออกบ้าง

            “ไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่นายคิดหรอก นายก็รู้อยู่แล้วว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่ไม่ปกติของฉัน”

            “ไม่มีอะไรเกินเลยเหรอ อ้อ..แล้วเป็นไงนอนกอดภาสกรตัวจริงคงดีกว่าหาใครสักคนมากอดเป็นตัวแทนเขาอยู่แล้วล่ะมั้ง” จิณณ์ทำเสียงไม่เชื่อแล้วก็รีบเปลี่ยนอารมณ์มาจริงจังมากขึ้น “ว่าก็ว่านะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าภาสกรจะยอมนอนกับนาย”

            “เขาจิตใจดี...ไม่เหมือนนาย” ประโยคสุดท้ายอรรควัสจงใจมอบให้จิณณ์ด้วยความเต็มใจ

            “ขอบใจที่ชมนะ ช่วยไม่ได้ที่ฉันมันคนใจร้าย” จิณณ์น้อมรับคำชมเชยนั้น “ตกลงว่าเรื่องที่จะคุยกับฉันมีแค่นี้?”

            “เปล่า ยังมีอีกเรื่อง”

            “อะไร”

            “ฉันตั้งใจจะให้ภาสกรกลับไปทำงานที่คาสิโนเหมือนเดิม”

            “แต่นายไล่เขาออกไปแล้วไม่ใช่หรือ” จิณณ์สงสัย

            “ใช่ เพราะฉะนั้นเขาจะกลับไปทำงานที่นั่นอย่างเงียบเชียบที่สุด”

            “อย่าบอกนะว่า...ชั้นวีไอพี?” จิณณ์คาดเดาเพราะชั้นนั้นคือชั้นที่เงียบมาก แทบไม่มีใครรู้เลยว่ามีพนักงานหรือมีแขกคนไหนอยู่บนนั้นบ้าง

            “อืม”

            “นายแน่ใจนะอรรค ชั้นวีไอพีมีกฎมากมาย ซ้ำยังเข้มงวดอีกทั้งยังต้องมีการบริการที่ดีให้ได้ตามมาตรฐาน” จิณณ์พูดอย่างไม่ไว้ใจ

            “ใช่ ดังนั้นฉันเลยต้องรบกวนนาย”

            “รบกง รบกวนอะไรกัน ฉันก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่ง” จิณณ์แกล้งแหย่อีกฝ่ายกลับ “แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ”

            “สอนภาสกรให้หน่อย”

            “สอนอะไรวะ?”

            “ก็ที่นายพูดมาไงมาตรฐานวีไอพีต้องเป็นยังไง ก็สอนเขาให้เป็นแบบนั้นภายในหนึ่งสัปดาห์”

            “เฮ้ย จะบ้าเหรออรรค อาทิตย์เดียวจะไปพออะไร คนอื่นยังเรียนรู้เป็นเดือน บางคนเป็นปี”

            “อาทิตย์เดียวสำหรับภาสกร”

            “แล้วนี่นายได้ถามเขาหรือยัง เผื่อเขาไม่อยากเรียนล่ะ” จิณณ์ถามอย่างอ่อนใจ

            “สอนไปเถอะน่า เขาจะมาเรียนแน่นอน”

            “สักแต่สอนได้ไหมล่ะ” จิณณ์ย้อนกลับ

            “อย่าถามอะไรที่มันไม่มีประโยชน์ได้ไหมจิณณ์”

            “เออ ๆ  ก็ได้ ไม่รับปากนะว่าจะได้ผลแค่ไหน แต่จะสอนให้ดีก็แล้วกัน”

            “ตามนั้น ยังไงฉันมั่นใจว่านายจะสอนเขาออกมาได้ดี”

            “ครับเจ้านาย”

            “ขอบใจมาก” อรรควัสไม่สนใจคำประชดของเพื่อน


            อรรควัสรู้จักกับอีกฝ่ายมานานจนรู้ว่าจิณณ์เป็นพวกปากร้ายแต่ใจดี ยินดีช่วยเหลือและพร้อมจะทำอย่างเต็มที่ด้วย ไม่ได้สักแต่ทำเหมือนที่เจ้าตัวขู่ไว้ งานนี้ภาสกรคงจะถูกจิณณ์เคี่ยวกรำอย่างยากลำบากมากแน่ ๆ  และไม่ต้องรอลุ้นผลลัพธ์ อรรควัสเชื่อมือจิณณ์ว่าจะสามารถทำให้ภาสกรขึ้นไปทำงานบนชั้นวีไอพีได้โดยไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน




 
           
            ทางด้านภาสกร เขาตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายด้วยความงัวเงีย เจ้าตัวยังนอนไม่เต็มอิ่มแต่ต้องมาตื่นเพราะความฝันที่เกิดจากความทรงจำในวัยเด็ก


            ชายหนุ่มยกแขนซ้ายของตัวเองขึ้นมาดู บนแขนมีรอยแผลเป็นจาง ๆ  รอยในอดีตกระตุ้นความทรงจำของเขาอีกครั้ง อันที่จริงภาสกรมักไม่ได้สนใจรอยแผลเป็นนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะความฝันเมื่อเช้านี้


            ในความฝันเขาจำใบหน้าผู้ชายอีกคนไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงลืมใบหน้าผู้ชายคนนั้นไป อาจจะเป็นได้ว่าในช่วงวัยนั้น เขาทำอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมโรงเรียน ไปเรียนพิเศษ เล่นกีฬา ยามว่างก็อดไม่ได้ที่จะตามนวพลไปเที่ยวซนตามประสาเด็ก แอบเข้าไปดูคนเล่นการพนันก็เคยทำ ทุกอย่างเป็นไปเพราะความคึกคะนองและยังขาดการไตร่ตรองที่ดี


            รู้ตัวอีกทีก็จำคนนั้นไม่ได้เสียแล้ว


            แต่เขากลับจำใบหน้าอีกคนได้อย่างแม่นยำ คนที่นอนข้าง ๆ  กันเมื่อคืน คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นด้วยความเขินอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ  ห้อง ทว่าไม่พบเงาใครคนนั้นทำให้เขาโล่งอก ถ้าอรรควัสมาเห็นเขาในสภาพนี้คงต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ  และเขาคงตอบไม่ได้


            ใครจะกล้าตอบไปว่าคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจนตัวเองต้องเขินจนหน้าแดงแบบนี้กันเล่า


            จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมอรรควัสต้องขอแก้วเหล้าสองใบและสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียศูนย์ไร้การควบคุมนี้เพราะอะไร เขารู้ดีว่าเรื่องนี้คงยังไม่ได้คำตอบเร็ว ๆ  นี้ แต่เขาจะต้องไม่พลาดที่จะรู้เรื่องให้นี้ให้จงได้ ไม่ใช่ว่าต้องการรู้อดีตของอีกฝ่ายเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น หากภาสกรต้องการรู้เผื่อว่าจะช่วยอะไรคนนั้นได้บ้างต่างหาก


            แววตาว่างเปล่าของอรรควัสตอนที่ขอแก้วเหล้าทำให้เขาไม่สบายใจเลย


            ภาสกรลุกขึ้นจัดเตียงให้เรียบร้อยแล้วกลับห้องของตัวเองเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัว


            เมื่อถึงเวลาทำงานคืนนั้นเขาก็มาถึงชั้นล่างของผับ ระหว่างที่กำลังเตรียมโต๊ะให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะให้บริการลูกค้าก็มีคนมาสะกิดไหล่เขา

            “ครับ?” ภาสกรหันไปมองคนที่มาเรียก

            “ผมมีเรื่องมาแจ้งให้คุณทราบ”

            “ครับผู้จัดการ”

            “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเมื่อถึงเวลาตีสามให้คุณขึ้นไปหาผมที่ชั้นห้า”

            “เอ๊ะ? ชั้นห้า” ภาสกรมุ่นคิ้ว เขาไม่เคยขึ้นไปที่ชั้นนั้นเลยสักครั้ง

            “ได้ยินไม่ผิดหรอก”

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ” พนักงานหนุ่มเกิดความสงสัย

            “ผมได้รับคำสั่งให้เป็นคนสอนคุณทำงาน”

            “ทำงานอะไรเหรอครับ” ภาสกรยิ่งได้ฟังก็ยิ่งแปลกใจกับคำพูดกำกวมนั้น

            “ไม่ต้องงง เดี๋ยวตอนตีสามคุณก็รู้เอง”

            “อ่า..ก็ได้ครับ”

            “เตรียมใจไว้ด้วยล่ะ” ผู้จัดการพูดจบก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยราวกับมีเลศนัยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวหลังร้าน ท่วงท่านั้นทำให้ภาสกรไม่ไว้ใจเลย




            แล้วเขาเลือกอะไรได้ไหม เลือกไม่ไปได้หรือเปล่า...








========================================


Happy Halloween ค่ะ

ขอบคุณทุกการติดตามเสมอนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-10-2019 19:30:40
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 31-10-2019 20:58:05
คุณอรรคกะเอาน้องไปไว้ใกล้ๆตัวเลยล่ะซิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 31-10-2019 21:13:12
เลือกอยู่ในหัวใจของอัค
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-10-2019 21:17:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 31-10-2019 21:30:12
หนูเลือกอะไรไม่ได้เลยหล่ะน้องพาย :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 31-10-2019 21:53:35
พายเลือกอะไรไม่ได้เลยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-10-2019 23:21:14
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-11-2019 09:25:30
ขโมยตัวน้องไปเลยจ้าคุณอรรค
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-11-2019 10:16:47
น้องจะโดนแกล้งมั๊ยน้า.  o18
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 02-11-2019 11:41:11
แหนะะะะะ คุณอรรค
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-11-2019 12:19:42
เลือกไม่ได้ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สิบเก้า UP!! 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 07-11-2019 21:57:27

วงล้อที่ยี่สิบ



            ถ้าทำได้ภาสกรจะขอให้ร่างตัวเองปลิวหายไปกับอากาศธาตุ


            ตั้งแต่มาทำงานที่คาสิโนก็ดีหรือจะย้ายมาที่ผับนี้ก็ดี ภาสกรเหนื่อยแต่ใจยังพร้อมสู้ ทุกครั้งที่ท้อจนคิดอยากกลับบ้าน ชายหนุ่มจะนึกเสมอว่า เพื่อแม่..เพื่อแม่ ทำให้เขามีแรงฮึดสู้ต่อไปได้


            ทว่าเดี๋ยวนี้พอตัวเลขนาฬิกาวนมาถึงตีสามเมื่อไหร่ เขาแทบอยากจะกอดขาเก้าอี้ อ้อนวอนใครสักคน ขอร้องให้เขาไม่ต้องขึ้นไปเจอหลักสูตรมหาโหดนั่น อยากขอเป็นลูกอกตัญญูไม่ทำเพื่อแม่แล้วได้ไหมเพราะในใจเขาเอาแต่ภาวนาร้องเรียก แม่จ๋า..แม่จ๋า..พายอยากกลับบ้าน อยู่ร่ำไป

            “สายสองนาที” เสียงนุ่มหากแฝงด้วยความเยือกเย็นทำให้ภาสกรอดเกร็งไม่ได้ ขนหลังตั้งชัน ไม่รู้ว่าบทเรียนวันนี้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน

            “ขอโทษครับพอดีผม..” ลูกศิษย์ที่มาสายเตรียมจะอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมถึงมาสาย อ้าปากกำลังจะบอกว่าเพราะลูกค้าชั้นวีไอพีต้องการสั่งอาหารเพิ่มทำให้มาเรียนล่าช้า ทว่าอาจารย์จำเป็นนั้นกลับไม่สนใจ

            “ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัว”

            “ขอโทษครับ” ภาสกรยอมรับอย่างสงบเสงี่ยม

            “ที่ชั้นวีไอพี ไม่มีคำว่าขอโทษ คุณจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุด ไม่มีขาดตกบกพร่องและไม่มีข้ออ้างใด ๆ  ทั้งสิ้น เข้าใจไหม”

            “เข้าใจครับ”

            “แต่เอาเถอะ ตอนที่คุณกลับไปทำงานที่คาสิโนชั้นวีไอพีแล้ว คุณจะไม่มีปัญหาเรื่องชั้นอื่นมาใช้งานคุณหรอก เว้นเสียแต่ว่าคุณสายเพราะตัวของคุณเอง” จิณณ์ปรายสายตามาทางภาสกรเล็กน้อยก่อนจะหยิบหนังสือหนาประมาณหนึ่งถึงสองนิ้วขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วยื่นส่งให้อีกฝ่าย

            “...” ภาสกรรับมาวางไว้บนศีรษะอย่างอัตโนมัติ เขารู้ว่ามันคือการฝึกในรูปแบบหนึ่ง เริ่มต้มการฝึกด้วยแบบนี้เป็นอย่างแรกทุกครั้งที่ขึ้นมาเรียนเพื่อปรับบุคลิกภาพ

            “อืม วันนี้เดินสัก..” จิณณ์ทำท่าคิดก่อนจะต่อตัวเลขที่ภาสกรรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ “สิบห้านาทีก็พอ ใบหน้า ไหล่และหลังของคุณเริ่มโอเค เข้าที่เข้าทางแล้ว”


            ภาสกรลอบถอนหายใจด้วยความดีใจ วันแรกที่มาฝึกเขาต้องเดินไปมาในห้องร่วมชั่วโมง วันที่สองสามสิบนาที จนกระทั่งวันนี้วันที่สามเหลือเพียงสิบห้านาที


            ชายหนุ่มเดินไปมาอย่างเงียบ ๆ  หลังตรง คอเชิด มองไปข้างหน้า ไหล่ผึ่งผาย ไม่กล้าให้หนังสือร่วงลงพื้น เขาเคยทำหล่นครั้งหนึ่งถูกอาจารย์สั่งเดินเพิ่มสิบนาที หลังจากทำหล่นไปสองครั้งเขาก็ไม่ทำหล่นอีกเลย คราแรกเขาสงสัยว่าผู้จัดการจะให้เขาวางถาดบนศีรษะหรืออย่างไร ในใจเขาโอดครวญแทบขาดใจ ทว่าภายหลังเขาถึงรู้ว่ามันคือการปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น


            ครบสิบห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน จิณณ์ก็ส่งสัญญาณบอกให้ภาสกรหยุดเดิน เขารีบนำหนังสือบนศีรษะไปวางบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายทันที

            “วันนี้...” ผู้จัดการหนุ่มเกริ่นขึ้น “ผมจะสอนคุณเรื่องเครื่องดื่มต่าง ๆ”

            “เครื่องดื่ม?”

            “ใช่ ถึงคุณจะไม่ใช่บาร์เทนเดอร์ แต่ก็ควรเรียนรู้เรื่องนี้ไว้เพื่อที่จะแนะนำให้กับลูกค้าได้ เช่น แขกผู้หญิงบอกว่าอยากดื่มอะไรอ่อน ๆ  คุณควรมีลิสต์เครื่องดื่มไว้ในหัวแล้วสามารถบอกเธอได้อย่างคล่องแคล่ว”

            “อ่า..”

            “มันคงไม่ดีแน่ ถ้าคุณจะตอบเธอไม่ได้ซ้ำยังอ้ำอึ้งหรือแย่ที่สุดคือการที่คุณขอตัวจากเธอแล้วบอกว่าเดี๋ยวกลับไปถามบาร์เทนเดอร์ให้ เพราะมันจะทำให้แขกของเราเสียเวลารอคุณเดินไปถามและเดินกลับมาบอกเธอว่ามีเครื่องดื่มอะไรและต้องเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อีกรอบ มันดูไม่สมเป็นมืออาชีพเท่าไหร่เลยว่าไหม”

            “ครับ” ภาสกรนึกภาพตาม ถ้าเป็นเขาที่มีสถานะเป็นแขกมาใช้บริการแต่ดันไปเจอพนักงานไม่ค่อยรู้เรื่องให้คำแนะนำไม่ได้ก็คงรู้ไม่ค่อยประทับใจ

            “ดังนั้นคืนนี้ผมจะสอนให้คุณรู้จักประเภทเครื่องดื่ม”

            “ครับ”

            “งั้นเรามาเริ่มกันเลยจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะผมเหลือเวลาสอนคุณอีกสองวันเท่านั้น”

            “สองวัน? ไหนผู้จัดการเคยบอกว่าเจ็ดวันไงครับ วันนี้เพิ่งวันที่สามยังมีอีกตั้งสี่วัน”

            “มีคนเอาแต่ใจน่ะ ผมเลยถูกลดเวลาสอนคุณแค่ห้าวัน”

            “แล้วอีกสองวันล่ะครับ ผมต้องทำอย่างไร หรือจะไม่มีการสอนอีกแล้ว”

            “ไม่ใช่หรอก” จิณณ์ส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “อีกสองวันจะมีอาจารย์คนใหม่มาสอนคุณ”

            “อาจารย์คนใหม่?” ภาสกรนึกไม่ออก นอกจากผู้จัดการแล้วจะยังมีใครที่สามารถสอนเขาได้อีก

            “ใช่”

            “สอนเรื่องอะไรครับ”

            “ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง”

            “อ่อครับ” ภาสกรรับคำทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

            “ทำหน้างงเชียว ไม่ต้องห่วงหรอก อาจารย์คนใหม่ของคุณ เขาเชี่ยวชาญเรื่องที่จะสอนพอสมควร”

            “หรือครับ” ถึงจิณณ์จะอธิบายเพิ่มเติมแต่ก็ไม่ช่วยให้ความสงสัยของภาสกรให้กระจ่างเพิ่มขึ้น


            หนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาทีต่อจากนั้น ภาสกรแทบจะกระอักเลือดออกมาเป็นชื่อเครื่องดื่มแต่ละอย่าง นอกจากจะต้องจำชื่อให้ได้แล้วยังต้องรู้การแบ่งประเภทของแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นแบ่งด้วยกรรมวิธีการผลิต แบ่งด้วยขั้นตอนในการเตรียมการก่อนดื่มหรือสุดท้ายแบ่งตามมื้อเวลาอาหาร


            ผู้จัดการจิณณ์ย้ำนักย้ำหนาว่าจะเสิร์ฟเครื่องดื่มผิดมื้ออาหารไม่ได้ หากเผลอทำลงไปแบบนั้นขายหน้าเจ้าของคาสิโนแน่นอน ดังนั้นภาสกรจะต้องตั้งใจให้มากและจำให้ขึ้นใจ จะผิดพลาดไม่ได้


            ภาสกรเหมือนกับต้องแบกภาระไว้บนบ่า ทำไมตอนนี้บ่าเขาแสนจะหนักอึ้ง จะแบกมันไว้ไม่ไหวแล้ว


            “จำได้หรือเปล่า”

            “พอได้บ้างครับ” ภาสกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้

            “พอได้บ้างไม่ได้ ต้องจำให้ได้” ภาสกรอยากจะย้อนถาม เวลาแค่นี้เขาจะจำหมดได้อย่างไร ถ้าจำได้ครบทุกอย่างแล้วละก็ป่านนี้เขาคืออัจฉริยะคนใหม่ของโลกไปแล้วสิ แต่ก็ไม่กล้าถามกลับไปได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ

            “คะ..ครับ” ภาสกรตอบเสร็จก็เห็นผู้จัดการเปิดตู้เอกสารออกและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาก่อนจะยื่นให้เขา

            “รับไปสิ”

            “หนังสืออะไรครับ”

            “สอนคืนเดียว คุณไม่มีทางจำได้หรอกเพราะฉะนั้นเอาหนังสือนี่กลับไปอ่านแล้วพรุ่งนี้ผมจะทดสอบคุณ เข้าใจไหม”

            “เข้าใจครับ” ลูกศิษย์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็มีหนังสือให้เขาไปท่องจำ

            “ถ้าพรุ่งนี้ผมถามแล้วตอบไม่ได้ละก็จะลงโทษให้เดินไปมาไม่หยุด”


            “ผมจะพยายามครับ”

            “วันนี้กลับไปพักเถอะ ป่านนี้มีคนรอแย่แล้วมั้ง” ท้ายประโยคของผู้จัดการนั้น ภาสกรจับได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงด้วยความล้อเลียน

            “ใครจะรอผมเล่า” ภาสกรตอบก่อนจะเม้มปากแก้เขิน

            “ไม่ต้องอายหรอก เรื่องที่คุณไปห้องห้าสิบสอง มีผมรู้เพียงคนเดียว”

            “ครับ” คำบอกเล่าของผู้จัดการพลอยให้ภาสกรโล่งใจได้นิดหน่อย

            “ขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยเจ้านาย”

            “ช่วย?”

            “อืม ไม่งั้นคงหนีไม่พ้นไปเมาแอ๋อยู่ที่ไหนสักแห่ง เดือดร้อนให้ตามหาเหมือนคืนนั้นอีกจำได้หรือเปล่า”

            “จำได้ครับ” ภาสกรยังจำคืนที่เขาคิดว่าถูกผีหลอกเข้าให้แล้ว สุดท้ายกลายเป็นบอสอรรควัสไปเสียได้

            “อย่างน้อยก็ขอบคุณที่คุณทำให้เขาไม่ได้เมาจนต้องไปตามหาอีก เบาแรงผมไปได้เยอะ”

            “ผู้จัดการรู้เรื่องที่เจ้านายเมาใช่ไหมครับ”

            “ต้องรู้อยู่แล้ว”

            “แล้วพอรู้ไหมครับว่าทำไมเจ้านายถึงต้องใช้แก้วเหล้าสองใบ”

            “ถ้าผมบอกเองคงดูไม่ค่อยดี เจ้าตัวอาจจะไม่พอใจ ทำไมคุณไม่ถามเขาเองล่ะ”

            “ผมไม่กล้าถามหรอกครับ”

            “แล้วไม่อยากรู้หรือไง”

            “อยากรู้ครับ”

            “ถ้าลองถามอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าถามได้หรือเปล่า แต่ถ้าไม่ถามแปลว่าไม่รู้แน่ ๆ นะ”

            “...”

            “อีกอย่างนะคุณ”


            “ครับ?” ภาสกรขานรับ

            “ช่วงนี้คือจังหวะดีที่คุณอยากจะถามในเรื่องที่สงสัย”

            “ทำไมหรือครับ” พนักงานเสิร์ฟอดแปลกใจกับคำพูดผู้จัดการไม่ได้

            “คุณไม่คิดหรือไงว่าช่วงนี้เจ้านายของพวกเราน่ะ ดูไม่ดุเท่าที่ควร”


            ภาสกรทบทวนคำพูดของอีกฝ่าย ไม่ผิดจากที่ผู้จัดการได้บอกเขาเลยช่วงนี้อรรควัสดูอ่อนโยนและแทบจะไม่ดุเลยด้วยซ้ำ


            มันเป็นอาการแปลก ๆ  จนเขาแปลกใจไม่น้อย


            “ก็..ครับ”

            “ถือว่าผมแนะนำคุณแล้วนะ เอาละ วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมเอาหนังสือกลับไปอ่านด้วย” จิณณ์ดูนาฬิกาที่ข้อมือตนเอง

            “ครับ”

            “เดี๋ยวจะไปห้องห้าสิบสองเลยใช่ไหม”

            “เอ๊ะ?..เอ่อ..ครับ” ภาสกรก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา จิณณ์คงรู้เรื่องที่เขากับบอสนอนที่ห้องเดียวกันอยู่แล้ว ทว่าอีกฝ่ายไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พอได้ฟังตรง ๆ  ต่อหน้า เขาจึงเขินเกินกว่าจะสบตาอีกคนได้

            “หน้าแดงเชียว” จิณณ์หัวเราะ “เขินหรือไง”

            “คือผม...” ภาสกรพูดไม่ออกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาตัวรอด “ผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ผมวานคุณเอาแฟ้มนี้ไปให้เจ้านายด้วย” จิณณ์ชี้ไปที่แฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ

            “ได้ครับ”

            “ป่านนี้น่าจะรอคุณอยู่ที่ห้องห้าสิบสองแล้วละ”

            “ผมสงสัยมานานแล้วขอถามเลขที่ห้องห้าสิบสองได้ไหมครับ”

            “อืม ถ้าผมตอบได้นะ ว่ามาสิ”

            “ชั้นวีไอพีมีเพียงสิบห้อง ทำไมจู่ ๆ  ถึงเป็นห้องห้าสิบสองครับ”

            “ลองทายสิ”

            “ผมไม่รู้จริง ๆ  ครับ” ภาสกรบอกอย่างจนใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

            “งั้นผมจะใบ้ให้..” จิณณ์พูดอย่างนึกสนุกราวกับได้เล่นเกม “ห้าสิบสองจะสื่ออะไรเกี่ยวกับเจ้านายเราได้บ้าง”

            คำใบ้ของอีกฝ่ายไม่ช่วยให้ภาสกรกระจ่างขึ้นเลย เขาไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับอรรควัสถึงขนาดจะรู้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายได้

            “นึกไม่ออกครับ”

            “อะ ใบ้อีกนิดก็ได้” ผู้จัดการหนุ่มถอนหายใจประหนึ่งว่าคำใบ้แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วทำไมภาสกรถึงไม่รู้ “เจ้านายหรือบอสของคุณน่ะ เขาทำงานเกี่ยวกับอะไร แล้วมีอะไรที่มีจำนวนเท่ากับห้าสิบสอง”

            “เอ่อ..”

            “ถ้าไม่รู้ก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ” จิณณ์พูดอย่างจนใจก่อนจะทำสายตากรุ้มกริ่มมีเลศนัย “เลยเวลาเลิกงานแล้ว คนในห้องคงรอคุณนานแล้วละ ดีไม่ดีจะลงมาตามด้วยตัวเอง คุณรีบไปเถอะ ผมไม่อยากฟังเจ้านายบ่น”

            “ครับ”




 
            เมื่อออกมาจากห้องฝึกสอนมหาโหดได้ เขาก็กลับมาหายใจเป็นปกติหลังจากหายใจไม่ทั่วท้องตั้งแต่อยู่ในห้อง พลางย้อนคิดไปถึงคำพูดของผู้จัดการหนุ่มเมื่อสักครู่นี้ ภาสกรไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการและเจ้านายอยู่ในรูปแบบใด เป็นเพียงเจ้านายลูกน้องเท่านั้นหรือไม่ เขามักจะสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ดูมีอะไรมากกว่าคนร่วมงาน แต่ระบุชัดเจนไม่ได้สักทีเพราะไม่เคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเลยสักครั้ง



            ภาสกรนอนร่วมห้องกับเจ้าของผับแห่งนี้มาได้สามคืนแล้ว ทุกครั้งหลังจากเรียนเสร็จกับผู้จัดการ เมื่อกลับไปถึงห้องห้าสิบสอง อีกฝ่ายจะถามไถ่ถึงบทเรียนว่าวันนี้เขาได้เรียนรู้อะไรมา บางครั้งก็คอยแนะคอยเสริมในสิ่งที่เขาสงสัยให้เข้าใจเพิ่มขึ้นด้วย


            ถ้าพูดถึงเรื่องเรียนเมื่อไหร่ ภาสกรจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เต็มใจที่จะบอกให้คนฟังได้รับรู้ แต่เมื่อถึงเวลาต่อจากนั้น เวลาที่ต้องนอนเตียงเดียวกัน เขาแทบจะกลายเป็นอีกคนที่พูดไม่คล่อง ประหม่า เคยคิดว่าคืนนั้นเขาไม่น่าเอ่ยปากให้อีกฝ่ายกอดเขาได้เลย ไม่น่าใจอ่อนเพราะความเห็นใจพ่วงด้วยความสงสาร มาถึงตอนนี้ภาสกรอดไม่ได้ที่รู้สึกสงสารตัวเองมากกว่า


            เขาใจเต้นง่ายเกินไปเมื่อต้องเข้าใกล้อรรควัส ชายหนุ่มควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่ให้ตื่นเต้นไม่ได้เลย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งใจเต้นรัว ไม่อยากให้ระยะเวลาอันสั้นทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออลันนั้นต้องเปลี่ยนไป เคยคิดว่าการที่ชอบอลันนั้นไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าเวลานี้เขากลับมาชอบอรรควัสคงไม่มีทางที่จะสมหวังได้เลย และที่สำคัญเขาชอบคุณอลันอยู่นี่นาทำไมถึงไพล่คิดไปถึงบอสใหญ่ได้ไงกัน


            คิดถึงตรงนี้ ภาสกรที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ชั้นวีไอพีต้องชะงักลงเมื่อความคิดถูกจุดขึ้น



            ‘หรือว่าเขาจะชอบบอสอย่างนั้นหรือ?’



            ภาสกรส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้ เขาชอบอลัน เขาชอบอลัน ชายหนุ่มพยายามท่องชื่อเจ้าของแสงสว่างในใจ พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่คิดเรื่องอรรควัสมันคือความใกล้ชิดและความเผลอไผลก็เท่านั้นเอง แต่แท้จริงแล้วใจของเขาอยู่กับอลันคนเดียวเท่านั้น


            “เป็นอะไร ทำไมไม่ออกมาจากลิฟต์ ยืนนิ่งอยู่ทำไม” เสียงทักติดจะดุดังขึ้นตรงหน้าทำให้ภาสกรได้สติกลับคืนมา

            “บะ..บอส”

            “อืม เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นยืนอยู่นานแล้ว”

            “เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าถึงชั้นนี้แล้ว บอสจะไปไหนหรือครับ”

            “ชั้นห้า”

            “อ่อครับ ไปหาผู้จัดการใช่ไหมครับ”​ ภาสกรรีบก้าวออกมาจากลิฟต์ เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเพื่อให้อรรควัสเข้าไปแทนที่เขาในลิฟต์ได้ “ผู้จัดการน่าจะยังไม่กลับครับ เพิ่งแยกกับผมเมื่อครู่นี้เอง ”

            “ไม่ใช่”

            “งั้นบอสต้องการแฟ้มใช่ไหมครับ นี่ครับ” ภาสกรยื่นแฟ้มสีดำตรงหน้าไปให้อีกฝ่าย “ผู้จัดการฝากให้ผมเอามาให้บอส”


            อรรควัสมองแฟ้มตรงหน้าแต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ก่อนจะเดินผ่านภาสกร มุ่งตรงไปห้องห้าสิบสอง ภาสกรจึงยิ้มแหยก่อนจะหดมือกลับเข้าหาตัวดังเดิมและถือแฟ้มนั้นเดินตามอีกฝ่ายไป

            “ฉันเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานสักพักแล้ว” คนเดินนำหน้าไม่ได้หยุดเดินจังหวะที่พูด “ตั้งใจจะลงไปดูเสียหน่อยว่าทำไมเธอถึงยังไม่ขึ้นมา”

            ภาสกรที่เดินตามหลังกะพริบตารัว ๆ  เขาไม่แน่ใจว่าอรรควัสกำลังจะบอกอะไรให้รู้กันแน่ มือขาวจับแฟ้มแน่นเพื่อลดความตื่นเต้น

            “พอดีผมสงสัยอะไรนิดหน่อยเลยถามผู้จัดการครับ ก็เลยเลิกช้า”

            “เรื่องเรียน?”

            “ไม่ใช่ครับแต่เป็นห้องห้าสิบสอง” ภาสกรกลั้นใจถามอีกฝ่าย ภาวนาว่าให้คำพูดของจิณณ์ที่แนะนำเขาให้ลองถามดูนั้นจะไม่ทำให้บอสใหญ่โกรธ

            “ห้องห้าสิบสองทำไม” น้ำเสียงเจือความแปลกใจแต่รูปร่างสูงใหญ่ยังเดินต่อไม่หยุด

            “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นห้องเลขที่ห้าสิบสองไม่ใช่เลขที่สิบเอ็ด”

            “แล้วได้คำตอบไหม”

            “ไม่ได้ครับ แต่ผู้จัดการให้คำใบ้ผมมา ผมเลยคิดว่าผมน่าจะได้คำตอบแล้วครับ”

            “เขาใบ้ว่าอย่างไรล่ะ” คราวนี้อรรควัสหันมาถามเพราะถึงหน้าประตูห้องพอดี เจ้าของห้องเปิดประตูออกกว้างก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเรียบร้อยแล้ว

            “ผู้จัดการบอกว่าให้ลองนึกดูว่าบอสทำงานอะไรแล้วมีอะไรที่จำนวนเท่ากับห้าสิบสอง” ภาสกรเดินตามเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

            “อืม ถือเป็นคำใบ้ที่ไม่เลว สรุปแล้วเพราะอะไร” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟานุ่มด้วยท่าที่สบาย ๆ

            “สำรับไพ่ครับ”

            “อ้อ..”

            “ถูกไหมครับ”

            “ถูก..แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว” บอสใหญ่พยักหน้าอย่างพอใจ

            “ครึ่งเดียว?” ชายหนุ่มสงสัยยังจะมีอะไรที่มีจำนวนห้าสิบสองได้อีก

            “ฉันจะเฉลยอีกครึ่งหนึ่งให้ฟัง”

            “ครับ ๆ” ภาสกรดีใจ เป็นอย่างที่ผู้จัดการบอกไว้จริง ๆ  ด้วย อรรควัสยอมตอบเขาง่าย ๆ  ถ้าเป็นตอนที่อยู่คาสิโน เขาคงไม่มีสิทธิ์แม้จะถามด้วยซ้ำ

            “เลขห้องนี้มาจากเงินห้าร้อยรวมกับอายุเด็กสิบสองคนหนึ่ง...”

            “...”




            “จำได้ไหมพาย”






========================================



ขอบคุณทุกการติดตามเสมอนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-11-2019 22:35:43
บอสเปิดเผยตัวแล้ว เย่
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-11-2019 22:45:50
อ่อยย น่องจะจำได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-11-2019 22:56:09
ว๊ายยยยย   บอสออกตัวแว้ววว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-11-2019 23:25:49
เฉลยง่ายๆเลย ถ้าพายจำไม่ได้ล่ะนะ หงอยแย่เลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-11-2019 00:30:07
 :ruready :ruready เข้าใจคิดตัวเลขเพื่อจดจำนะเจ้านาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-11-2019 02:44:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

500+12 = 52  ใช่เหรอ?

หรือว่า  500+12 = 512  แต่อ่านว่า ห้าสิบสอง (5 12)

ป.ล.  พายน่าจะจำได้เนอะ  เห็นวันก่อนทักว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 08-11-2019 05:17:54
คุณบอสงัดกลยุทธ์จะจีบน้องพายแล้วซินะ​
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-11-2019 07:58:25
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 08-11-2019 12:52:00
รู้สึกเขินยังงัยก้อไม่รู้.... นุ้งพายยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-11-2019 22:40:40
บอสเฉลยแล้วววว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-11-2019 06:25:25
คนแก่จีบเด็ก ใช้วิธีอ้อมโลกนะ ว่ามั๊ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-11-2019 15:13:56
คนแก่ใจร้อนอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-11-2019 15:50:04
นึกว่า .. 52
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 09-11-2019 23:04:04
ถ้าน้องจำไม่ได้นี่ฮากริบเลยนะบอส
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-11-2019 23:03:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 12-11-2019 13:21:50
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบ UP!! 07/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 15-11-2019 06:37:55

วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด




            “เลขห้ามาจากเงินห้าร้อยแล้วรวมคำว่าสิบสองที่มาจากอายุของเด็กคนหนึ่ง”

            “อ่อ..ครับ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงัก หากถามว่าชายหนุ่มเข้าใจไหมตอบได้เลยว่าไม่ ซ้ำยังคิดว่าบอสใหญ่ต้องกินยาไม่ได้เขย่าขวดแน่นอนเพราะอธิบายมากกว่าปกติ

            “จำได้บ้างไหมพาย”

            “ทำไมบอสถามอะไรแปลก ๆ  เรื่องที่บอสพูดถึงเป็นเรื่องของใครเหรอครับ” เจ้าของชื่อตอบ ไม่ได้สะดุดหูเลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียกชื่อเขาด้วยชื่อจริงเหมือนที่เคย

            “...”

            “เงินห้าร้อยกับอายุสิบสอง คืออะไรครับ” อรรควัสมองใบหน้าของภาสกรนิ่งจนเขาเริ่มกังวล แต่ในที่สุดบอสใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาราวกับคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายเพิ่มเติม

            “เธอไม่จำเป็นต้องรู้แล้ว บอกไปก็ไม่มีวันเข้าใจ”

            ภาสกรอ้าปากค้างก่อนจะหุบฉับ บทอยากจะพูดก็พูด พอไม่อยากพูดก็ตัดบททิ้งเสียเฉย ๆ  แล้วเขาซึ่งเป็นลูกจ้างจะไปท้วงอะไรนายจ้างได้อีก

            “ครับ”

            เจ้าของผับมองคนผิดหวังก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ “ไปอาบน้ำสิ จะได้เข้านอนกันสักที”

            “ขอโทษครับ ผมจะรีบกลับไปอาบน้ำที่ห้องเดี๋ยวนี้” ภาสกรละล่ำละลักบอก ปกติเขาจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องให้เรียบร้อยเสร็จแล้วจึงจะมาห้องห้าสิบสอง ทว่าคืนนี้เขามัวแต่จะเอาแฟ้มมาให้อีกฝ่ายประกอบกับเลิกเรียนช้าทำให้ลืมไปอาบน้ำก่อนเสียสนิท

            “ไม่ต้องหรอกเสียเวลาไปมา อาบที่ห้องนี้ก็แล้วกัน”

            “ห้องนี้?”

            “ใช่”

            “แต่ที่นี่ไม่มีห้องน้ำนี่ครับ” ภาสกรถามด้วยความแปลกใจ นอนค้างที่ห้องนี้มาหลายคืนเขายังไม่เคยเห็นห้องน้ำเลย กวาดสายตามองไปรอบ ๆ  ห้อง ไม่ว่าจะชั้นล่างหรือชั้นบนก็ไม่เห็นประตูอื่นนอกจากประตูหน้าห้องเลย

            “คิดอย่างนั้นหรือ” บอสหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ขายาวได้รูปภายใต้กางเกงแสล็กสีดำหยุดยืนอีกครั้งที่ผนังด้านหนึ่งที่ชั้นนั้น “ขึ้นมาสิ”


            ภาสกรเดินขึ้นไปตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยไม่อิดออด เขาหยุดตรงด้านข้างของอรรควัสก่อนที่มือเรียวสวยของคนสูงวัยกว่าจะผลักผนังด้านหน้าไม่แรงนัก ภาสกรตกใจที่เห็นผนังขยับเขยื้อนกลายเป็นบานประตูบานหนึ่ง เขามองเห็นเพียงความมืดด้านใน

            “บอส..ห้องนี้..” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายกล้า ๆ  กลัว ๆ 

            “ตามฉันมา” เมื่อคนออกคำสั่งเดินเข้าไปข้างใน ไฟก็สว่างขึ้นอัตโนมัติทำให้ภาสกรมองเห็นด้านในได้ชัดเจน เขาเห็นตู้เอกสาร โต๊ะทำงาน เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ  จึงเห็นว่ามีตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่งไม่มีบานประตูปิดและสุดท้ายคือห้องน้ำขนาดใหญ่พอสมควร ในนั้นมีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ภายในห้องนั้นด้วย

            “ผมไม่คิดว่าจะมีห้องอะไรแบบนี้ด้วย” ภาสกรพูดด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาไม่ได้ทึ่งกับข้างของในห้องแต่ตื่นเต้นกับห้องเร้นลับใต้ผนังนั้นต่างหาก

            “อืม”
           
            “ผมเคยจับผนังนี้นะครับ แต่ไม่เห็นผนังนี้จะเปิดได้เลย” ภาสกรเล่า เขาจำได้ว่าคืนแรกที่พยุงอรรควัสขึ้นมานอน เขาก็อาศัยผนังตรงนี้ช่วยค้ำยันตัวเองไม่ให้ล้มจากการเซเล็กน้อยอันเนื่องมาจากน้ำหนักตัวของอรรควัสที่ถ่ายน้ำหนักมาที่เขาพอดี

            “ขอบใจที่ช่วยทดสอบระบบให้ฉัน”

            “เอ๊ะ? ครับ?”

            “ถ้าเธอเปิดประตูบานนี้ได้ ฉันคงต้องฟ้องร้องบริษัทที่ติดตั้งประตูนี้” ภาสกรพยักหน้า เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง ความหมายของบอสใหญ่คงจะหมายถึงปกติประตูนี้คงไม่มีใครเปิดได้นอกจากเจ้าตัวเพียงเท่านั้น ดังนั้นภาสกรเปิดไม่ได้จึงไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด

            “เข้าใจแล้วครับ”

            “เธออาบน้ำในนี้ได้ ฉันจะออกไปเคลียร์เอกสารในแฟ้มที่จิณณ์ฝากเธอมา”

            “ครับ แต่..เดี๋ยวครับบอส” ราวกับว่าภาสกรนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเรียกอีกฝ่ายเสียงดังพอประมาณ

            “มีอะไร”

            “คือถ้าบอสต้องติดตั้งระบบป้องกันแบบนี้ ให้ผมเข้าไปอาบน้ำจะไม่เป็นไรเหรอครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าของห้องอนุญาตแล้วก็จริง แต่เขาก็กังวลกลัวว่าจะไปทำอะไรในห้องเสียหายเข้า

            “ไม่เป็นไร เดินระวัง ๆ  ก็พออย่าไปเดินชนอะไรเข้าล่ะ”

            อรรควัสพูดจบก็เดินออกไปจากห้องลับไม่รีรอ ภาสกรยืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องครู่หนึ่งก็เริ่มลำดับสิ่งที่ตนเองต้องทำต่อจากนี้

            อันดับแรกเขาต้องไปอาบน้ำเสียที

            ชุดนอน? ผ้าเช็ดตัว? ยังไงดี?

            ชายหนุ่มจึงกลับออกไปเพื่อไปขออนุญาตเจ้าของห้องด้วยความเกรงใจ “บอสครับ”

            “ยังไม่เข้าไปอาบน้ำอีก” บอสใหญ่มีสีหน้าระอาเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง

            “คือ..ผ้าเช็ดตัวกับชุดนอน”

            “อยู่ในห้องนั้น เธอเลือกเองได้เลย”

            “ขอบคุณครับ” ภาสกรไม่กล้าถามต่อเพิ่มเติม เขารีบขอบคุณแล้วกลับเข้าไปในห้องดังเดิม


            ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไร้ประตูปิด เขาเห็นผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกพับเป็นระเบียบเรียบร้อยวางอยู่บนชั้นในตู้ดังนั้นจึงหยิบผืนที่อยู่บนสุดขึ้นมาหนึ่งผืนแล้วเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ


            เมื่ออาบเสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวเดินนุ่งผ้าขนหนูกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อหาชุดนอนสำหรับนิทรายามเช้านี้ ภาสกรพินิจมองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าหยิบตัวไหนก็ได้ใช่หรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้าของห้องอนุญาตแล้วก็น่าจะได้


            คิดเองเสร็จสรรพแล้วภาสกรจึงมุ่งไปด้านซ้ายของตู้และเลือกหยิบเสื้อขึ้นมาตัวหนึ่ง มีเสื้อแล้วก็ต้องมีกางเกงสบาย ๆ  สักตัว เขากวาดสายตาบนราวแล้วไม่เจอกางเกงเลยสักตัวจึงตัดสินใจเปิดลิ้นชักในตู้นั้นออกดู


            แค่ชั้นแรกก็แปลกใจเสียแล้ว


            เขาเห็นเสื้อตัวหนึ่งถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่ในนั้น ชายหนุ่มเพ่งมองเสื้อตัวนั้น หัวคิ้วมุ่นแทบจะขมวดเป็นปมใหญ่

           
            เสื้อตัวนี้...


            ภาสกร เจริญชัย นี่มันชื่อของเขาไม่ใช่หรือ มันเป็นเสื้อของใคร เสื้อของเขางั้นหรือ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ทำไมเขาถึงไม่คุ้นเลยว่าครั้งหนึ่งเคยมีเสื้อตัวนี้ด้วย และถ้าไม่ใช่เสื้อของเขา ทำไมถึงมีชื่อเขาอยู่บนเสื้อตัวนี้ ภาสกรมองเสื้อคลุมพลางใช้ความคิดที่กำลังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว


            ภาสกรเปิดลิ้นชักชั้นอื่นออกเพื่อหากางเกงมาใส่ เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินออกจากห้องลับนั้นทั้งที่เต็มไปด้วยคำถามในวิ่งวนอยู่ในหัวไม่หยุด


            เสื้อของใคร


            ทำไมถึงมีชื่อเขา


            และทำไมบอสถึงมีเสื้อตัวนี้


            ความคิดสะดุดในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวลงบันได ภาสกรมองเห็นด้านหลังเจ้าของห้องที่ก้มหน้าอ่านอะไรในแฟ้ม ทำให้เกิดภาพหนึ่งซ้อนทับขึ้นมา เสื้อเชิ้ตสีขาวนักศึกษาในตอนนั้นกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของอรรควัสในตอนนี้


            ภาพความทรงจำหนึ่งที่เขาเคยลืมไปแล้วกลับผุดขึ้นมา


            เป็นไปไม่ได้...


            พี่ชายคนนั้น

            “ยืนทำอะไรตรงนั้น” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ที่ชั้นล่างทักขึ้นทำลายภวังค์ของภาสกร

            “บอสครับ!” ภาสกรวิ่งตึงลงมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว อรรควัสมองการกระทำของอีกคนด้วยความแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย

            “เป็นอะไรของเธอ”

            “ผมขอดูแขนของบอสหน่อยได้ไหม” ภาสกรเข้ามาถึงตัวอรรควัสเพียงอึดใจ เขามองแขนอีกฝ่ายที่บัดนี้พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ไม่เพียงไม่รอคำตอบซ้ำยังถือวิสาสะดึงแขนข้างขวาของอรรควัสมาตามอำเภอใจด้วยความลืมตัว

            “ทำอะไรของเธอ” อรรควัสดุแต่นาทีนี้มีหรือที่ภาสกรจะสนใจ

            “จริงด้วย” ภาสกรพึมพำ อรรควัสดึงแขนของตนกลับมาทว่าอีกฝ่ายยังจับจ้องที่แขนของบอสหนุ่มอย่างไม่วางตา

            “เป็นอะไรภาสกร”

            “บอส..คือพี่ชายคนนั้น..เหรอครับ” คำถามจากปากแดงเอ่ยถามออกมาแผ่วเบาด้วยความไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่นั้นคือเรื่องจริง

            “ไม่ใช่”

            “ไม่จริง บอสมีเสื้อของผม”

            “กล้าค้นข้าวของของฉันงั้นหรือ” อรรควัสดุเสียงห้วน แต่คราวนี้ภาสกรกลับไม่กลัว เขามั่นใจว่าบอสต้องการทำให้เขากลัวเท่านั้น

            “บอสคือพี่ชายคนนั้น”

            “ไม่ใช่”

            “ถ้าไม่ใช่แล้วนี่คืออะไรครับ” ภาสกรยื่นแขนของตัวเองออกไปเทียบแขนของอีกฝ่าย เผยให้เห็นรอยแผลเป็นสีขาวจาง ๆ  เส้นหนึ่งที่พาดผ่านแขนตนเองต่อไปยังแขนของอรรควัส

            “...”

            “ขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธอีกเหรอครับ”

            “จะใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันสำคัญยังไงกับเธอ”

            “บอสรู้ไหมว่าหลังจากนั้นผมเป็นห่วงพี่ชายคนนั้นมากแค่ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง”

            “ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเด็กคนหนึ่งในตอนนั้น เธอจะคิดอะไรมากมาย ในเมื่อสุดท้ายแล้วเธอก็ลืมอยู่ดี”

            “งั้นบอกผมหน่อยได้ไหม ถ้าในเมื่อเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมบอสถึงต้องเอามาตั้งเป็นเลขห้องด้วย”

            “เธอกำลังคิดอะไรเพ้อเจ้อ ไร้สาระแล้วภาสกร”

            “ใครกันที่บอกผมว่าเลขห้าสิบสองมาจากอะไร ถ้าไม่ใช่เงินห้าร้อยและเด็กอายุสิบสองซึ่งสองอย่างนี้บอสจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ได้เกี่ยวกับผม”

            “มันไม่ได้มีอะไรสำคัญ”

            “ยอมรับแล้วใช่ไหมครับว่าบอสคือพี่ชายคนนั้น”

            “...”

            “หลังจากนั้นบอสเป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม ลำบากหรือเปล่า” ภาสกรไม่คาดหวังว่าจะได้คำตอบจากอรรควัสว่าอีกฝ่ายคือพี่ชายในความทรงจำวัยเด็กหรือไม่ เขาจึงเลือกคำถามใหม่ดีกว่าอาจจะได้คำตอบง่ายกว่านี้

            “ฉันจำไม่ได้”

            “จำไม่ได้? เป็นไปไม่ได้ ทำไมบอสจะจำไม่ได้” ภาสกรทำเสียงไม่เชื่อ เขามั่นใจว่าอรรควัสต้องจำได้ไม่ลืมอยู่แล้ว แต่แล้วก็นึกได้ว่าตนเองกำลังเสียมารยาทอีกแล้ว “บอสคงไม่อยากเล่า ขอโทษครับที่ผมถามมากไป”

            “เรื่องในอดีตไม่มีอะไรน่าจดจำ”

            “อย่างนั้นหรือครับ ผมว่าไม่จริงหรอกครับ” ภาสกรคนมองโลกในแง่ดีไม่คิดว่าจะไม่มีความทรงจำดีเกิดขึ้นบ้างเลยเหรอ

            “ก็อาจจะมีเพียงเรื่องหนึ่ง..”

            “อะไรครับ” สายตาแวววาวเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอ ภาสกร” นอกจากบอสใหญ่จะไม่บอกแม้เพียงนิดซ้ำยังส่งสายตาดุกลับมาแทน ทำให้ภาสกรสำนึกได้ว่าแท้จริงแล้วคนตรงหน้าเป็นคนยังไง

            “ขอโทษครับ”

            “รู้ตัวก็ดี” คนพูดเสียงดุเห็นอีกฝ่ายทำหน้าสลดลงจึงปิดแฟ้มลงแล้วจึงลุกขึ้นยืน “ขึ้นไปนอน”


            ภาสกรพยักหน้าทำตามเจ้าของห้องพูดไร้การโต้แย้ง เรื่องในวัยเด็กเขาเองก็จำรายละเอียดไม่ได้มากเท่าไหร่ จะทู่ซี้ยืนกรานถามไปก็คงไม่มีประโยชน์และต่อให้รู้มากกว่านี้ ยังไงก็ไม่มีผลกับตอนนี้อยู่ดี เขาล้มตัวลงนอนอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เวลานี้ก็จวนเจ็ดโมงควรจะเข้านอนเสียที


            อรรควัสที่เดินตามหลังอีกฝ่ายมาก็ไม่พูดอะไรเช่นกันนอกจากปลีกตัวหายเข้าไปในประตูลับเพื่ออาบน้ำให้ผ่อนคลายลงบ้าง ยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังพร่ำเพรื่อ แต่ดูสีหน้าของคนถูกดุนั่นสิ ทำไมต้องทำหน้าเสียใจและผิดหวังกับเรื่องแค่นี้ด้วย เจ้าของผับส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอาในใจ


            เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง ภาสกรนอนนิ่งเฉยอย่างเรียบร้อย อรรควัสจึงปิดไฟแล้วนอนลงที่ประจำอีกฝั่งของตนเอง อันที่จริงคิดว่าคนอ่อนวัยกว่าจะหลับไปแล้วเสียอีกถ้าหากไม่ได้สัมผัสถึงร่างกายที่เกร็งขึ้นอัตโนมัติ


            เด็กเอ๋ย เด็กน้อยแกล้งหลับก็ได้อย่างงั้นหรือ อรรควัสยิ้มเพียงนิดเดียวแล้วพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด

            “ตอนนั้นที่เธอเจอฉัน เธอคงเห็นแล้วว่าฉันกำลังถูกคนตามล่า...”

            “...”

            “พ่อของฉันติดหนี้ที่บ่อนพนันนั่น พวกเขาเลยตั้งใจมาจับฉันหวังว่าถ้าจับฉันได้พ่อจะหาเงินมาคืนเพื่อช่วยฉัน แต่หารู้ไม่ว่าพ่อฉันหนีไปแล้ว แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนเลยด้วยซ้ำ ฉันมาหาพ่อที่บ่อนเพราะก็คิดว่าเขาอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”

            “บอสมาจากที่ไหนครับ” ภาสกรอยากจะรอฟังเงียบ ๆ  แต่ก็อดรนทนไม่ไหวจึงถามออกไป

            “กรุงเทพฯ...ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ฉันติดต่อพ่อไม่ได้ก็เลยเสี่ยงดวงไปหาพ่อที่บ่อน”

            “แต่ก็ไม่เจอใช่ไหมครับ” คนฟังถามต่ออย่างรวดเร็ว

            “อืม ไม่เจอแถมยังซวยอีก” ภาสกรได้ยินเสียงหัวเราะดูแคลนของคนข้างกาย

            “แล้วตอนนี้พ่อของบอสอยู่ที่ไหนครับ”

            “ตายไปแล้ว”

            “ขอโทษครับ ผมเสียใจด้วย” ภาสกรไม่กล้าถามต่อถึงสาเหตุการตายกลัวจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป

            “ไม่เป็นไร เรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว วันที่เธอเจอฉันที่ห้องนี้คือวันตายของเขา” คำตอบสั้น ๆ  ของบอสหนุ่ม ทำให้ภาสกรกลั้นหายใจครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ  ผ่อนลมหายใจออกมา ขนแขนลุกชันขึ้นมาเล็กน้อย สาบานว่าไม่ได้กลัวเลย

            “ทะ..ที่ห้องนี้เหรอครับ”

            “คิดอะไรของเธอน่ะ กลัวหรือไง เขาไม่ได้ตายที่นี่หรอก”

            “งั้นเหรอครับ” ได้ยินดังนั้นภาสกรค่อยโล่งใจขึ้นมา

            “พ่อฉันติดเหล้าอย่างหนักสุดท้ายก็ตายเพราะเหล้า ทำให้ฉันเกลียดเหล้ามากที่สุด”

            “แล้วอย่างนั้นทำไมบอสถึงดื่มมันล่ะครับ” ภาสกรจำได้ว่าคืนแรกเขาเห็นบอสหนุ่มเมามายอย่างหนักเลยด้วยซ้ำ

            “ฉันดื่มเป็นเพื่อนเขา” อรรควัสแค่นเสียงตอบ


            ภาสกรจึงเข้าใจว่าทำไมตอนนั้นอรรควัสถึงขอแก้วเหล้าสองใบ ที่แท้ก็เผื่อสำหรับพ่อด้วย แต่ทั้งนี้ชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายดื่มให้พ่อบังเกิดเกล้าเพียงอย่างเดียว เพราะเขารู้สึกถึงความอ้างว้างและความเสียใจที่เกิดขึ้นอรรควัสได้

            “บอสคงคิดถึงท่านมาก” ภาสกรวัดจากตัวเอง เพราะเขาต้องคิดถึงคนที่จากไปแน่ ๆ

            “เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของฉัน และไม่เคยรู้สึกดีกับการจากไปของเขาเลยสักครั้ง เธอคิดว่ายังไงล่ะ”

            ภาสกรทำใจกล้าพลิกตัวกลับไปทางอีกฝ่าย “ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ”


            เขาถือวิสาสะวางมือบนแขนบอสหนุ่มก่อนจะตบเบา ๆ  สองสามทีเป็นการปลอบใจ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นระหว่างที่หนีคนตอนนั้น อรรควัสดึงแขนออกมาทำให้ภาสกรใจเสียเล็กน้อยที่ทำตัวจาบจ้วงอีกฝ่าย เขาจึงเตรียมชักมือกลับทว่ากลับถูกยึดมือเอาไว้

            “แผลเป็นนี่ ฉันเองต้องขอโทษด้วย” คนพูดลูบรอยจาง ๆ  นี้ไปพร้อม ๆ  กัน คนถูกลูบกำลังรู้สึกแปลก ๆ  กับความใกล้ชิดในลักษณะนี้

            “เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ” พอถูกขอโทษตรง ๆ  ภาสกรเลยอดเขินไม่ได้

            “เพราะฉัน..เธอเลยโดนลูกหลงไปด้วย”

            “ไม่ใช่สักหน่อย ผมต่างหากที่เข้าไปยุ่งเรื่องของบอสเอง บอสไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะครับ แผลเป็นนี่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากอะไรด้วย ดูเท่เสียอีกจะได้ดูเหมือนผ่านวีรกรรมอะไรมาสักอย่าง บอสเองก็มีเหมือนกันนี่ครับ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร หรือว่าบอสไม่ชอบครับ” ภาสกรเล่าด้วยน้ำเสียงติดตลก

            “เท่ยังไง รอยพวกนี้ไม่น่ามีอยู่บนตัวเธอเลยด้วยซ้ำ” คนถูกถามกลับไม่ตอบเรื่องที่อีกฝ่ายแกล้งเย้าถามเลือกพูดเรื่องของภาสกรแทน

            “ผมเป็นผู้ชายไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้วครับ” ภาสกรพยายามย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาไม่ได้ติดใจเรื่องแผลเป็นนี้จริง ๆ “อีกอย่างหนึ่ง ถ้าการที่ผมช่วยบอสในวันนั้นแล้วทำให้บอสมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเหมือนในเวลานี้ ผมก็คิดว่ามันคุ้มที่สุดแล้ว”

            “ภาสกร เธอ..” คำพูดจากเด็กใจดีในสายตาอรรควัสทำให้เขาอุ่นวาบในใจพลางดึงร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้น กระทั่งภาสกรเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ฉันเดาว่า แม่กับพี่สาวเธอคงปวดหัวกับการกระทำและคำพูดของเธอน่าดู เอาแต่ช่วยคนอื่นไปทั่ว”

            ถึงแม้ภาสกรจะตกใจที่ถูกดึงเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างกะทันหัน อย่างนั้นแล้วก็ไม่วายอมยิ้มเมื่อนึกถึงแม่กับพี่สาว “พี่พรีมบ่นประจำเลย ผมก็แค่ช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้นเอง ไม่ได้มากมายอะไร ว่าแต่บอสรู้ได้ไงครับ”

            “ฉันเองก็อยากบ่นเธอเหมือนกัน คำพูดของเธอนี่นะ”

            “คำพูดของผมมันทำไมครับ”

            “มันทำให้คนฟังรู้สึกแบบนี้น่ะสิ”


            บอสหนุ่มพูดจบก็บดริมฝีปากลงบนหน้าผากอีกคนทันที ภาสกรตกใจอีกครั้งกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหากเขาก็ไม่กล้าห้ามหรือส่งเสียงบอกอีกฝ่ายให้หยุด เพราะถึงแม้เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายหยุดแต่ริมฝีปากของภาสกรก็ไม่ว่างพอที่จะให้พูดเสียแล้ว






========================================




มาสายหนึ่งวัน งานเยอะมากจริงๆ ค่ะ โต้รุ่งกันยาวไป ขอโทษด้วยค่ะ

แล้วเจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ (พฤหัส ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด)


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-11-2019 07:21:10
นึกว่าบอสจะปากหนักให้ตลอด  ในที่สุดน้องก็นึกออก   o18
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 15-11-2019 07:41:51
เหมือนจะมีคนงอนนิดๆนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-11-2019 08:39:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

นุ้งพายจำพี่ชายได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-11-2019 09:33:21
ใครบางคนกำลังโดนรุกหนัก บนตียง...ด้วยจูบ
แอร๊ยยยยยยย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-11-2019 10:27:49
 :katai2-1:



 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-11-2019 12:30:07
 :hao3: :hao3: :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-11-2019 13:49:04
ยกความดีให้นุ้งพาย เพราะเสื้อตัวนั้น
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 00:11:50
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-11-2019 05:03:40
บอสรุกแล้วจร้าาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-11-2019 05:20:20
กลายเป็นว่าที่เมียมาเฟียแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 16-11-2019 17:55:13
 :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 16-11-2019 20:49:23
เพิ่งเข้ามาอ่าน คือแบบเป็นเรื่องที่อ่านละติดมากๆ อ่ารวดเดียวมาถึงตอนปัจจุบันเลย สนุกมากๆ

น้องจำพี่ชายได้แล้ว คือแบบรู้สึกดีมาก รอติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-11-2019 09:30:54
หึ๋ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเอ็ด UP!! 15/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-11-2019 21:17:03

วงล้อที่ยี่สิบสอง





ไม่เห็นเหมือนครั้งแรกเลย



คำพูดวนเวียนอยู่ในหัวภาสกร ตอนนั้นที่เขาถูกอรรควัสจูบ ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตกใจ หากครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกแปลก ๆ หรืออะไรที่เขาสัมผัสได้ว่ามันคือความวาบหวามกำลังทำให้ร่างกายภาสกรปั่นป่วน และเขาย่อมรู้ดีว่าสาเหตุมาจากอะไร



บอสใหญ่ไม่ได้ทำแค่จูบ แต่มือไม้ยังไม่อยู่สุข ปัดป่ายไปทั่วร่างกายคนอ่อนวัยกว่า มันเป็นปฏิกิริยาที่ทำไปโดยอัตโนมัติ จมูกโด่งดอมดมซอกคอหอมกรุ่นเต็มไปด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำที่เจ้าตัวเพิ่งอาบน้ำมาใหม่หมาด ๆ ยิ่งปะทุให้หอมรัญจวนขึ้นไปอีก



“พาย” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเสียงเบาที่ข้างหูชวนให้เจ้าของชื่อใจเต้นระส่ำ



“คะ..ครับ” ภาสกรขานรับกระท่อนกระแท่น ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว



“เผยอปากหน่อย”



“...” ชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์นั้นไม่เข้าใจ ไม่รู้ต้องทำอะไรกับคำพูดประโยคนั้น



“พาย” อรรควัสเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครั้ง



“ครับ” เมื่อภาสกรเปิดปากตอบทำให้บอสหนุ่มได้จังหวะโอกาสอันดีสอดแทรกลิ้นอุ่นเข้าไปในโพรงปากได้อย่างง่ายดาย





เรียวลิ้นไล้ผ่านแนวแผงฟัน ดูดดึงหยอกเย้าเร้าอารมณ์คนอ่อนประสบการณ์กว่าให้หลงมัวเมาในสิ่งที่คนช่ำชองนั้นกำลังปรนเปรอมอบให้ ภาสกรปรือตาขึ้นมองทว่าไม่เห็นใบหน้าอรรควัสกลับเป็นกลุ่มผมหนาแทน ถึงอย่างไรตอนนี้ตาของภาสกรก็พร่ามัวมองภาพไม่ชัดเพราะอารมณ์พิศวาสอยู่ดี จิตใจของเขาใกล้เตลิดเต็มทีแล้ว



“อือ..” มือใหม่หัดจูบทนไม่ไหวหลุดเสียงครางด้วยอารมณ์ในกายออกมา





ริมฝีปากถูกขบเม้มแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ดูคล้ายกับสีแดงของผลเชอร์รี่ ยิ่งกระตุ้นคนมองให้ก้มลงไปลองลิ้มชิมรสอีกครั้ง





สงสัยว่าผลไม้รสหวานนี้กินเท่าไหร่ก็คงจะไม่อิ่มเสียแล้ว





เสื้อนอนที่ภาสกรสวมใส่อยู่ถูกเลิกขึ้นไปเหนือยอดอก ไอเย็นปะทะเข้ากับร่างกายจนภาสกรขดตัวลงเล็กน้อยจากความหนาวเย็น เจ้าของเสื้อตัวจริงจึงกระชับร่างของภาสกรให้เข้ามาใกล้ตนเองขึ้นกว่าเดิม เวลานี้หากอากาศอยากจะแทรกผ่านก็คงจะหาช่องว่างยากเต็มที แนบชิดสนิทกาย



“หนาวครับ” ภาสกรบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงวิงวอนเห็นใจ



“อีกเดี๋ยวเธอก็จะอุ่นขึ้น”





บอสหนุ่มผละจากผลไม้แสนอร่อยเปลี่ยนมาเป็นจุดแดงโดดเด่นสองจุดซ้ายขวาบนหน้าอกแทนบ้าง คราแรกที่ความอุ่นภายในปากกระทบเข้ากับปลายยอด ภาสกรแอ่นร่างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกเดิมที่ปั่นป่วนอยู่ก่อนแล้วกลับพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม





ห้ามใจให้สงบลงไม่ได้เลย



“ผม..” เสียงหายใจเข้ารัวเร็วราวกับคนควบคุมการหายใจไม่เป็น



“ใจเย็น ๆ หายใจ ช้า ๆ” คนที่สร้างความวุ่นวายให้ภาสกรเงยหน้าขึ้นมาสอนเสียงเบาแต่ฟังชัด คนอายุน้อยกว่าปรับจังหวะการหายใจทำตามคำแนะนำ “อย่างนั้น ใช่..พาย ค่อย ๆ หายใจ ไม่ต้องรีบ”



“ผม..มะ..ไม่รู้เป็นอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย” ภาสกรรู้ดีว่าอาการเกิดขึ้นเพราะอะไร เขาไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะรู้สึกมากขนาดนี้กระทั่งเวลาช่วยตัวเองยังไม่เคยรู้สึกเท่ากับครั้งนี้เลย



“เธอ” คนได้ยินขมวดคิ้วสงสัย “ไม่เคยมีแฟน?”



“ครับ”



“ไม่เคยนอนกับใคร?”



ภาสกรเม้มปากแน่น เขาไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวลักษณะนี้กับใครจึงทำให้ไม่กล้าตอบคำถาม



“ตอบมาเถอะ ฉันจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง”



“อื้อ” ภาสกรยอมตอบห้วน ๆ พร้อมกับพยักหน้าทีหนึ่ง หลับตาปี๋ ไม่ยอมพูดอะไรต่อ



“เป็นเด็กดีมาก” ภาสกรได้ยินแต่ไม่กล้าถามกลับไปว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ดีไม่ดีสุดท้ายจะกลายเป็นเข้าตัวเสียเปล่า ๆ



คนเอ่ยชมกลับมาให้ความสนใจที่ยอดอกทั้งสองข้างอีกครั้ง ลมหายใจที่เริ่มจะคงที่ของภาสกรกลับต้องสะดุดอีกระลอกเมื่อความเสียวซ่านกลับมาเยือน เขาหายใจเข้าอย่างแรงพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้ได้ ชายหนุ่มไม่อยากจะขาดใจตายในสภาพนี้





ถ้ามีคนมาเห็นเข้าต้องขายหน้าแย่เลย





ไม่เคยคิดเลยว่าเสื้อยืดกางเกงขายาว เสื้อผ้าใส่สบายสำหรับการนอนจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง ไม่ต้องปลดกระดุม ไม่ต้องเสียเวลาถอดเข็มขัด แค่ดึงรั้งขอบเอวกางเกงให้ลงมามันก็พร้อมจะกระเด็นหลุดพ้นออกไปจากร่างกายเพียงพริบตา





ต้นขาขาวกระทบความเย็นของเครื่องปรับอากาศ คล้ายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ภาสกรชักขาขึ้นมาอยากจะขดตัวแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อขาของเขาถูกขาของใครอีกคนพาดทับอยู่ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถทำได้ เขาจึงทำได้เพียงขยับยุกยิกไปมาบอกใบ้อีกฝ่ายให้รับรู้



“อยู่เฉย ๆ” คนด้านบนห้ามด้วยเสียงไม่ได้จริงจังนัก อันเป็นน้ำเสียงที่ผิดกับยามปกติ



“ผมหนาว” คนด้านล่างโอดครวญ



“ถ้าหนาวก็กอดฉันแน่น ๆ” บอสหนุ่มเสนอ แต่พนักงานคนนี้กลับไม่กล้าทำตาม สองมือวางอยู่ข้างลำตัวกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น





อรรควัสรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าทำแน่ ๆ เขาจึงเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปที่ด้านล่างของคนใต้ร่าง กอบกุมสิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ส่งผลให้ภาสกรผวาเฮือก มือที่กำแน่นเปลี่ยนจากผ้าปูที่นอนคว้าหมับที่ต้นแขนแข็งแรงของบอสหนุ่มอย่างรวดเร็ว





ได้ผลดียิ่งนัก คนเจ้าเล่ห์คิดอย่างนั้น



“บอส” ภาสกรร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าส่วนนั้นของตนเองถูกสัมผัสโดยมือคนอื่นไม่ใช่มือตัวเองเป็นครั้งแรก



“หืม?” คนที่ตอบไม่ได้ตอบเพียงอย่างเดียวกลับขยับข้อมืออย่างช้า ๆ



“บอส...ผม” ภาสกรเหมือนคนพูดไม่เป็น สมองขาวโพลน ความรู้สึกที่ภาสกรบอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขาควรต้องทำตัวอย่างไร ขาของเขาเริ่มป่ายเปะไปมาแต่ก็ไม่ขยับได้ไม่มากนัก



“เป็นอะไร”



“ผม..คือ..”



“ถ้าเธอไม่พูดให้ชัดเจน ฉันก็ไม่มีทางเข้าใจ” คำพูดกระซิบที่ข้างหูยิ่งทำให้ภาสกรใจเต้นไม่เป็นส่ำ ส่วนมือข้างนั้นก็ทำหน้าที่ได้ดีและเริ่มรัวถี่ขึ้น



“ผมต้องตายแน่ ๆ”



“ไม่ตายหรอกพาย เธอจะไม่ตายด้วยเรื่องแค่นี้” อรรควัสนึกขำกับคำพูดของอีกคน เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยด้วยซ้ำแต่บอสหนุ่มกลับอยากบอก



“ผมไม่ไหวแล้ว”



“ภาสกร..พาย”



“อื้อ” ภาสกรที่เริ่มทนไม่ไหวไม่ได้ตอบอีกฝ่ายด้วยคำสุภาพเหมือนในเวลาที่มีสติสมบูรณ์



“นอนกับฉัน”



“ขอผมไป..ก่อน..ได้ไหม..” ถึงแม้จะเป็นคำพูดขาดห้วงแต่อรรควัสกลับเข้าใจว่าหากเจ้าตัวไม่ได้ปลดปล่อยคงแย่แน่นอน



“ฉันหมายถึงนอนกับฉัน เป็นของฉัน” น่ากลัวว่าภาสกรจะตีความหมายผิด บอสหนุ่มจึงอธิบายความเพิ่มเติมขึ้นและหวังว่าเจ้าตัวจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง



“ผม” ภาสกรสับสนทั้งความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามาและเรื่องที่เพิ่งรู้ว่าอรรควัสคือพี่ชายคนนั้นในวัยเด็กยิ่งทำให้ภาสกรสับสนเพิ่มขึ้นไปอีก





ชายหนุ่มรู้ตัวว่าชอบผู้ชายช่วงที่เข้าวัยรุ่น แต่เขาไม่เคยบอกเลยใช่ไหมว่าผู้ชายที่เขาชอบคนแรกนั้นคือใคร แต่เพราะไม่ได้เจอกับอีกฝ่ายเลยนับแต่นั้นมาจึงลืมเลือนไป ลึก ๆ แล้วเขารู้สึกมีอะไรติดค้างอยู่ในใจตลอดมาทำให้ชอบใครก็ชอบได้แป๊บ ๆ ไม่กล้าเดินหน้าจริงจังจนไม่มีแฟนมาถึงบัดนี้





และผู้ชายคนแรกคนนั้นคือคนที่กำลังสบตากับเขาด้วยดวงตาคู่สวยที่เขาชมชอบ





คุณอรรควัส





“ครับ”



“อย่าฝืนใจ เธอปฏิเสธได้ ยังไงฉันจะไม่ปล่อยให้เธออารมณ์ค้างแน่นอน”



“ผม..เต็มใจ” ภาสกรพูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อข่มความเขินอาย อรรควัสใช้นิ้วเกลี่ยแก้มอีกฝ่าย เขาอาจจะลำเอียงแต่เด็กคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูอยู่เสมอ



“ขอบใจ แต่เธอรู้อะไรไหมพาย” บอสหนุ่มรู้อยู่แก่ใจว่าขออีกฝ่ายในสถานการณ์เช่นนี้ดูจะเป็นการมัดมือชกไปเสียหน่อย แต่เขาก็มั่นใจว่าต่อให้ภาสกรชอบช่วยเหลือคนก็จริง แต่ไม่มีทางที่เจ้าตัวจะยอมทุ่มเทตัวเองแบบนี้



“ครับ?”



“อย่างไรเสีย ตอนนี้ฉันก็คงปล่อยเธอไปไม่ได้อีกแล้ว”











ทางด้านผู้จัดการเพื่อนคู่ใจเจ้าของผับ หลังจากภาสกรกลับออกไปแล้ว ทว่าเขายังอยู่ที่ห้องเดิมเพื่อจัดการกองเอกสารรวมไปถึงบัญชีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของผับต่อ แต่เขาคงทำงานเพลินไปหน่อย อีกทั้งความเงียบทำให้สมองแล่น มนุษย์นกฮูกอย่างเขาที่คุ้นเคยกับชีวิตกลางคืน นอนกลางวันจึงยังไม่รู้สึกง่วงเท่าที่ควรจะเป็น รู้ตัวอีกทีตะวันก็แยงตาเสียแล้ว





เมื่อออกมาจากผับก็เกือบเจ็ดโมงเช้า แสงแดดแจ่มจ้า สายตาที่สู้แสงไม่ค่อยได้ ผนวกกับร่างกายที่ยังไม่ได้พักผ่อนทำให้เขาเซจนเท้าแขนเข้ากับขอบประตูผับ



“ไหวไหมครับคุณจิณณ์” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับมือแข็งแรงที่เข้ามาช่วยพยุงด้วยความเป็นห่วงและหวังดี



จิณณ์หยีตามองจึงรู้ว่าเป็นใคร “อ้อ..อาเฉิน มาได้อย่างไร”



“ผมรอคุณอยู่ครับ”



“มารอฉัน รอทำไม มีเรื่องอะไรล่ะ แล้วทำไมไม่เข้าไปนั่งรอข้างในดี ๆ”



“ผมนั่งรออยู่ข้างในครับ แต่คุณจิณณ์ไม่เห็นผมเอง”



“งั้นเหรอ” จิณณ์เดาะลิ้น เขาคงรีบเดินจ้ำอ้าวออกมาทำให้ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง



“พอเห็นคุณจิณณ์ ผมเลยเดินตามออกมา”



“แล้วมีเรื่องอะไรถึงมารอฉัน” ผู้จัดการกำลังดีใจอยู่ในอก ร้อยวันพันปีถ้าหากเขาไม่บอกแกมสั่ง อีกฝ่ายไม่มีทางมารอเขาแน่ ๆ



“บอสสั่งให้ผมไปส่งคุณครับ” คำตอบของบอดี้การ์ดคู่ใจของบอสใหญ่ ทำให้ใจของจิณณ์ที่กำลังฟูฟ่องกลับสลดห่อเหี่ยวฟีบลงทันควัน เขาไม่ควรจะดีใจเลยด้วยซ้ำ ไม่ควรหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าอาเฉินไม่มีทางทำอะไรแบบนี้





เรื่องความรักทั้งที่เกิดขึ้นง่ายดายแต่ทำไมกลับเดินหน้ายากเย็นนักนะ อีกฝ่ายยกย่องให้เกียรติเขาเสมอทั้งที่จิณณ์ไม่ได้เป็นลูกคนรวยหรือลูกผู้ลากมากดี ก็เป็นแค่ผู้จัดการผับคนหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่อาเฉินก็ไม่กล้าปฏิบัติตนกับเขาเสมอเพื่อนหรือคนรู้จัก





ใครใช้ให้เขาเป็นเพื่อนกับเจ้านายของอาเฉินกันล่ะ





นึกถึงแล้วจิณณ์ก็รู้สึกเซ็ง



“จะไปส่งฉันใช่ไหม งั้นก็นำไปสิ”





จิณณ์พยักพเยิดออกไปข้างหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าอาเฉินขับรถมาหรือจะเรียกแท็กซี่ไปส่งเขา อีกฝ่ายจะเลือกวิธีไหนก็ตามใจ เอาเถอะ อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ได้กลับบ้านคนเดียวเหมือนทุกครั้ง





เพียงเท่านี้เขาก็อุ่นใจแล้ว



“คุณจิณณ์ดูเหนื่อย ๆ เดี๋ยวผมประคองคุณไปที่รถนะครับ”



“อืม” จิณณ์แค่เดินเซเพราะสู้แสงไม่ไหวและยังไม่ได้พักผ่อน แต่เขาไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไรมากมาย ในเมื่อคนหวังดีบอกว่าเขาเหนื่อย งั้นเขาก็ขอทำให้สมบทบาทหน่อยก็แล้วกัน





ผู้จัดการปล่อยให้อีกฝ่ายประคองพาตนเองไปที่รถโดยง่าย ซ้ำยังทิ้งน้ำหนักพิงอาเฉินเต็มตัวทำให้ประคองเฉย ๆ ไม่ไหวเสียแล้ว ตอนนี้อาเฉินจำต้องโอบเอวคนแสดงละครตลอดทางเดินไปที่รถยนต์ ทำให้จิณณ์พอใจยิ่งนัก อยากจะยืดเวลานี้ออกไปนาน ๆ แต่ระยะทางไม่ไกลเดินนิดเดียวก็ถึงเป้าหมาย



“คุณจิณณ์ยืนไหวไหมครับ ผมจะเปิดประตูให้”



“พอไหว”



“ครับ”





อาเฉินค่อย ๆ ปล่อยร่างอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ เขาเดินไปที่ประตูด้านหลังเตรียมจะเปิดประตูบานนั้นออก ผู้จัดการผับเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว



“ฉันจะนั่งข้างหน้า”



“ทำไมล่ะครับ”



“นายไม่ใช่คนขับรถฉันเสียหน่อย”



“แต่คุณจิณณ์น่าจะเพลีย ถ้านอนข้างหลังจะสบายกว่านะครับ”



“อาเฉิน..” จิณณ์เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ



“ครับคุณจิณณ์ เชิญครับ” อาเฉินหยุดต่อความและเปิดประตูข้างคนขับให้ เนื่องจากเห็นว่าเพื่อนเจ้านายไม่สบอารมณ์จึงทำตามที่อีกฝ่ายบอกไม่ขัดใจอีก





ผู้จัดการก้าวขึ้นไปนั่งก่อนที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะปิดประตูให้อย่างนุ่มนวลเสร็จแล้วจึงกลับมาประจำตำแหน่งคนขับและออกรถทันที



“อาเฉิน” จิณณ์เรียกคนที่ตั้งใจขับรถ ตอนนี้เริ่มง่วงนอนขึ้นมาบ้างแล้วแต่เขาไม่อยากพลาดโอกาสที่ได้อยู่ตามลำพังกับอีกฝ่ายจึงฝืนตาไว้ไม่ยอมหลับ



“ครับ” เจ้าของชื่อตอบรับโดยไม่ได้ละสายตาจากถนนมาที่คนเรียก



“รอฉันนานหรือเปล่า”



“ไม่นานครับ”



“นายมาที่ผับพร้อมอรรคใช่ไหม”



“ใช่ครับ”



“อรรคมาถึงผับตอนตีสี่กว่า ๆ แสดงว่ารอฉันหลายชั่วโมงทีเดียว ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้ว่าอรรคให้นายไปส่งฉัน” เมื่อคำนวณเวลาที่อีกฝ่ายต้องรอ จิณณ์ก่นด่าตัวเองในใจเขาไม่น่าทำงานจนลืมเวลาเลย



“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”



“ฉันไม่ใช่เจ้านายของนายสักหน่อย” จิณณ์บ่นอุบ มีโอกาสครั้งใดเขาไม่เคยพลาดที่จะบอกอีกฝ่ายว่าแท้จริงแล้วเขาก็คือคนธรรมดาทั่วไปเหมือนกับบอดี้การ์ดหนุ่มนี่แหละ



“คุณเป็นเพื่อนคนสำคัญของบอสครับ”



“พูดแบบนี้อีกแล้ว” ผู้จัดการทำหน้าเหม็นเบื่อ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งสิน่า ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร อาเฉินก็ไม่เคยลืมตัวตนของตัวเองเลยสักครั้ง



“คุณจิณณ์ก็อย่าพูดให้ผมลำบากใจสิครับ”



“อือ ฉันเข้าใจแล้ว” จิณณ์พิงศีรษะเข้ากับเบาะที่นั่ง หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง พลางทอดถอนหายใจ



“ผมขอโทษครับ”



“ไม่เป็นไรหรอก นายก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของนายเลย มันเป็นปัญหาของฉันเองคนเดียวทั้งนั้น ฉันต่างหากควรเป็นฝ่ายที่ต้องขอโทษ” จิณณ์พูดในขณะที่ยังมองไปนอกหน้าต่าง “ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”





อาเฉินไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาเลือกนิ่งเฉยและขับรถไปตามทางเงียบ ๆ รู้ดีว่าพูดอะไรออกไปก็คงไม่ทำให้ผู้จัดการรู้สึกดีขึ้นได้





รถแล่นไปตามทางอีกไม่นานไม่ถึงสิบนาที รถคันสวยจึงหยุดลงที่ปลายทางอันเป็นที่พักของผู้จัดการหนุ่ม



“ถึงแล้วครับคุณจิณณ์”



“ขอบใจนะ” จิณณ์ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนลงจากรถเขาหันไปพูดคำสั้น ๆ กับอาเฉินเล็กน้อยเสร็จแล้วจึงลงจากรถไป “ขับรถกลับดี ๆ ล่ะ”





บางครั้งความรักก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย





ถ้าลดระดับจากความรักลงเหลือเป็นเพียงความชอบได้ เขาคงจะไม่รู้สึกเหนื่อยเช่นนี้ อาเฉินไม่เคยให้ความหวังใดกับจิณณ์เลยสักครั้ง ไม่เคยมีคำพูดหวานหูให้ได้ยิน ไม่เคยมีการกระทำที่ชวนให้คิดว่ามีใจ ไม่เคยเลยแม้แต่เพียงนิด แล้วทำไมเขาถึงตัดใจกับคน ๆ นี้ไม่ได้สักที





ต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดความรู้สึกของตนเองได้









ทำอย่างไรถึงจะเลิก ‘รัก’ ได้เสียที









========================================



อิอิ ตัดอารมณ์กันไปเลยยยย คอมเมนต์ติชมหรือจะติดแท็กกันได้นะคะ

อ่านทุกตัวอักษรเลยค่า



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ



หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-11-2019 21:36:23
 :hao4: กำลังลุ้นคู่นู้น
อยู่ๆ ก็ต้องมาลุ้นคู่อาเฉินต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-11-2019 21:55:22
อาเฉิน.......ใจแข็งไปแล้ว  สงสารจิณณ์
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-11-2019 22:19:21
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-11-2019 22:48:53
ภาพยังไม่ตัดไปโคมไฟเลย แต่ถูกฉุดอารมณ์ด้วยสถานะการณ์อึดอัดของอีกคู่   :mew2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-11-2019 01:59:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

อาเฉินก็คงจะรักจิณณ์มั้ง  แต่สถานะเพื่อนบอสค้ำคออยู่แหงม
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-11-2019 03:06:30
อาเฉิน ไม่กล้าสอย จริงแล้วคงรักจิณณ์มากกว่าที่แสดงออก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-11-2019 04:54:34
เขาบอกรักกันแบบนี้หราาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-11-2019 05:02:47
คู่บอสสมหวังไปแล้ว​ มาเชียร์คู่เพื่อนบอสต่อ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 22-11-2019 08:28:05
ดึงอารมณ์กลับมาไม่ถวกเลยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-11-2019 13:09:08
คู่บอสหวานน้ำตาลท่วม
เจออีกคู่ เอิ่ม...สู้ๆ นะอาเฉิน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 23-11-2019 08:21:41
บอสส พายยังไม่เป็นต้องค่อยๆ5555 :really2: :hao6:

ง่ะจิน เลิกรักไงดี :mew2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-11-2019 10:51:04
บอสอย่ารุนแรงกับพายนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-11-2019 17:29:46
หลงรัก ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 25-11-2019 21:03:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-11-2019 22:25:40
นั้นสิ ทำยังไงถึงจะเลิกรักใครได้สักที
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสอง UP!! 21/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-11-2019 12:08:46

วงล้อที่ยี่สิบสาม


ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมานอนตัวเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับบอสใหญ่แห่ง Fountain Casino



ไม่มีคนเมา ไม่มีคนขาดสติและไม่มีคนยับยั้งความชั่งใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าตรู่



“เรื่องอลัน ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากคนด้านหลังที่กอดกระชับร่างภาสกรเอาไว้อยู่



“เอ่อ..คือ..เรื่องคุณอลัน ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอกตะกุกตะกัก ภาสกรคิดอย่างที่พูดและเขาก็คิดว่าตนเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมากะเกณฑ์มีสิทธิ์ให้อรรควัสทำอะไรอย่างนั้น



“ไม่เป็นไรได้อย่างไร เธออยากให้ฉันมีคนอื่นนอกจากเธอด้วยหรือ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดคนปฏิเสธแน่นขึ้นไปกว่าเดิม



“คุณอลันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เป็นผมต่างหาก..ดีไม่ดีคุณอลันคงจะโกรธผม” ภาสกรหน้าสลดโดยที่คนด้านหลังไม่มีโอกาสเห็น ทว่าเจ้าของอ้อมแขนกลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงความรู้สึกผิดจึงพลิกร่างอีกฝ่ายให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง



“พาย..ฉันจะบอกอะไรให้เธอฟังอย่างหนึ่ง”



“ครับ” คนรู้สึกผิดสบตากับคนเรียกชื่อ



“อลันไม่ใช่คนรัก เขาอยู่กับฉันเพราะเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกอย่างคือสัญญาข้อตกลง ฉันจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ เขาเองก็เช่นกัน ดังนั้นเธอไม่ควรกังวลเรื่องของอลัน เข้าใจหรือเปล่า” อรรควัสบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้คร่าว ๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหนุ่มน้อยต่างชาติ



“เข้าใจครับ”



“เข้าใจก็ดีแล้ว แต่ว่าตอนนี้ฉันจัดการเลยไม่ได้ ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการก่อนจะยกเลิกสัญญากับอลัน”



“ผมไม่รู้ว่าบอสต้องจัดการเรื่องอะไร แต่อันที่จริงบอสไม่จำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับคุณอลันเลยด้วยซ้ำ เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดเรียกร้องอะไร” ภาสกรตอบอย่างที่ใจคิด เขาเองก็เป็นผู้ชาย และไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งพอได้รู้ว่าอรรควัสคือพี่ชายคนนั้น ยิ่งทำให้เขาเต็มใจเสียด้วยซ้ำ



“แต่ฉันเรียกร้อง



“บอส..” ภาสกรอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอย่างไรดีจึงเรียกอีกฝ่ายลอย ๆ ขึ้นมา



“อรรค” หากเจ้าของตำแหน่งบอสกลับพูดชื่อตัวเองออกมาเสียอย่างนั้น



“ครับ?”



“อรรค ไม่ใช่บอส” คนอนุญาตเปรยมาถึงขนาดนี้ ถ้าภาสกรไม่เข้าใจคงแย่เต็มทีว่าคนตรงหน้าสื่อความหมายอะไร



“ครับ บะ.. เอ๊ย คุณอรรค”



“เด็กดี” บอสใหญ่พึงพอใจกับการว่านอนสอนง่ายของคนอายุน้อยกว่า เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากนวลของอีกฝ่ายเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วจึงผละออกมา ปล่อยให้คนที่ถูกขโมยจูบนั้นก้มหน้างุดลงไม่ยอมสบตา



“หลบตาทำไม”



“เปล่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธ ใจเขาเต้นรัวเร็วกับเพียงจูบแผ่วเบาเพียงใดนั้นคงไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวเอง



“มากกว่านี้ก็ทำไปแล้ว ยังจะเขินอยู่อีก”



“...” ภาสกรไม่พูด กลับก้มหน้าลงกว่าเดิมจึงได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเพราะอาการของเขา หัวใจรัวกลอง ทำไมคนที่เงียบขรึม ดุอยู่เป็นนิจ ไฉนเมื่อละลายพฤติกรรมแล้วกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนละคนไปได้ หากบอสใหญ่ยังขืนแกล้งเขาต่อไม่หยุด เห็นทีภาสกรคงต้องหลับตาหนีอีกฝ่ายแน่แล้ว



“จะทำอย่างไรให้เธอไม่เขินดี”



“ไม่ต้อง..”





ภาสกรเงยหน้าขึ้นปฏิเสธไม่ทันจบประโยค ปากที่เจ่อแดงเล็กน้อยก็ถูกสัมผัสเข้าอีกครา มันถูกดูดดึง โลมเลียจนชายหนุ่มปรับลมหายใจไม่ทันอีกแล้ว ปากสวยเผยอออกหมายจะโกยอากาศเข้าปอดกลับได้บางสิ่งที่นุ่มนิ่มเข้ามาพัวพันกับลิ้นของเขาแทน





มือของคนที่เป็นฝ่ายเริ่มนั้นลูบไล้ร่างกายเปล่าเปลือยของภาสกรอย่างถือสิทธิ์ คล้ายกับต้องการปลุกปั่นสร้างให้เกิดอารมณ์ และคงทำได้สำเร็จเมื่อได้ยินเสียงครางเบา ๆ ดังออกมาจากปากเจ้าของร่างกาย





คนแก่กว่าเลื่อนตัวเองให้ลงไปที่กึ่งกลางลำตัวภาสกร เมื่อผ้าห่มหลุดพ้นจากร่างกาย ภาสกรเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติด้วยความตกใจผสมผสานกับความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ยังไม่ทันที่จะคว้าผ้าห่มคืนมาแต่กลับต้องจับไหล่หนาของคนที่อยู่ด้านล่างไว้แน่นด้วยความหฤหรรษ์เมื่อแกนกลางลำตัวถูกครอบครองด้วยริมฝีปากจากอีกฝ่าย





ให้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดคงไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ภาสกรมีความสุขแค่ไหน เขาได้สัมผัสเพศรสจากการถูกปรนเปรอด้วยความเชี่ยวชาญของอีกคน แทบจะทำให้เขาสำลักความสุขสมตายเสียตรงนี้ ภาสกรไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร มีอรรควัสเป็นคนแรกและอีกฝ่ายทำให้รู้อย่างหนึ่งว่าหลังผ่านความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในครั้งแรกไปแล้ว เขากลับพึงใจในเรื่องนี้พอสมควร





คนที่กำลังนอนระทวย เต็มไปด้วยอาการลมหายใจติดขัด จวนเจียนใกล้จะถึงปลายฝั่งฝัน เต็มไปด้วยความรู้สึกในห้วงอารมณ์ ล่องลอยอยู่บนปุยเมฆนั้นมือของบอสกลับหยุดไม่ขยับต่อ ภาสกรลืมตามองการกระทำนั้นด้วยความไม่เข้าใจหรือเขาจะโดนแกล้งอีกแล้ว





“ยังเสร็จไม่ได้เดี๋ยวจะเหนื่อยหมดแรงไปเสียก่อน” คนคุมเกมเฉลยให้อีกฝ่ายฟัง หากภาสกรไปถึงปลายทางเพียงคนเดียวเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าเจ้าตัวจะเหนื่อย อ่อนเพลีย จนไปไม่ถึงขั้นตอนสุดท้ายสำหรับกันและกัน



เจ้าของคำพูดพลิกร่างขาวให้คว่ำลงกับเตียงนุ่ม พลันขยับตัวขึ้นมาโลมเลียต้นคอของอีกฝ่าย กดจูบบดย้ำให้สมกับการเฝ้ารอ แต่ต้นคอคนนอนคว่ำคงเย้ายวน น่าดึงดูดคนมองมากไปหน่อยจึงอดไม่ได้ที่จะขบเม้มเบา ๆ ให้เจ้าตัวได้รู้สึกวูบวาบราวกับมีกระแสไฟไหลผ่านร่างกายไปอย่างควบคุมความรู้สึกไม่ได้



“บอส..” เสียงกระเส่ายามเอ่ยเรียกอีกฝ่าย ทว่าเจ้าของชื่อกลับไม่ค่อยพึงพอใจนัก จึงกัดใบหูคนเรียกหากไม่แรงนักเพื่อเป็นการบ่งบอกให้ภาสกรนั้นเรียกชื่อตนเสียใหม่



“ลืมชื่อฉันไปแล้วหรือ”



“ขอโทษครับ” สติอันน้อยนิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายก่อนจะเปล่งออกมาใหม่อีกครั้งอย่างถูกต้อง “คุณอรรค”



“เก่งมาก” เมื่อเอ่ยชมก็ต้องได้รับรางวัล อรรควัสหันใบหน้าภาสกรมาทางข้างซ้ายก่อนจะแนบใบหน้าตนเองลงไปจูบอีกฝ่ายเพื่อมอบรางวัลให้



“อือ..” เสียงครางเครือแทบจับคำไม่ได้ แต่นาทีนี้คงไม่มีใครสนใจอยากรู้ความหมายคำเหล่านั้น





เรียวลิ้นพัวพันในช่องปากได้รูปของชายหนุ่ม ภาสกรคนไม่ถนัดด้านนี้แต่เมื่อฝึกไม่นานก็เริ่มคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง เจ้าตัวเริ่มตอบสนองอีกฝ่ายกลับส่งผลให้บอสหนุ่มนั้นเพลิดเพลินไม่น้อยกับความตั้งใจของคนใต้ร่าง ช่างเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วเหลือเกิน แต่ทั้งนี้อรรควัสก็ยินดีหากว่าภาสกรนั้นจะเรียนรู้และฝึกฝนกับเขา ไม่ใช่กับคนอื่น เพราะเขาคงไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายหลุดลอยไปอีกครั้งเด็ดขาด





เขาเคยยอมให้ภาสกรใช้ชีวิตในแบบที่เจ้าตัวต้องการ อีกทั้งยังทำใจยอมรับว่าถ้าอีกฝ่ายจะคบใครอื่นไม่ว่าจะชายหรือหญิง เมื่อมีคนรักแล้วจะให้หลีกเลี่ยงเรื่องบนเตียงคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่เคยให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแล้ว แต่ภาสกรก็ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร หลังจากนี้เขาคงไม่มีวันยอมให้อีกฝ่ายตกเป็นของใครได้อีก





นิ้วมือที่เคยจับดินสอวาดรูปนั้นลากไล้ผ่านแนวกระดูกสันหลังภาสกร ไม่เร่งรีบแต่ไม่ได้เชื่องช้า ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะที่พอเหมาะพอดี ค่อย ๆ ป้อนความดื่มด่ำอารมณ์พิศวาสที่กำลังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง กระทั่งได้ยินเสียงฉีกห่อฟอยล์ดังขึ้น ภาสกรเกร็งตัวอัตโนมัติรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้





ขลาดกลัวแต่ก็เฝ้ารอ





ขั้นตอนเตรียมร่างกายให้พร้อมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างอดทนรอเพราะรู้ว่าผลของมันนั้นคุ้มค่ามากแค่ไหน อรรควัสเคยมีคู่นอนมากมายก็จริงหากเขาไม่เคยเอาแต่ตัวเองสุขสม ถึงอย่างไรเรื่องเซ็กซ์นั้นก็ควรมีความสุขทั้งสองฝ่าย ขนาดคนที่เขาไม่เคยคิดคบหาหรือมีใจให้ อรรควัสยังไม่เคยลงไม้ลงมือหรือทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดทางร่างกาย แล้วยิ่งเป็นภาสกรคนที่เขาคอยมองหามาตลอดด้วยแล้ว เขายิ่งต้องดูแลดีกว่าคนอื่นหลายร้อยเท่า ไม่ยอมให้ต้องรู้สึกไม่ดีแน่นอน





จะเรียกว่าลำเอียงก็คงไม่แปลก





อันที่จริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับภาสกร ไม่ว่าจะเรื่องอะไรบอสคนนี้ก็ลำเอียงมานานแล้ว





เมื่อทุกอย่างลงตัวพร้อมจะไปต่อชายหนุ่มที่ยังนอนคว่ำอยู่รับรู้ได้ถึงช่องทางของตนเองกำลังถูกบางสิ่งสอดใส่เข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดสองร่างก็สอดผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์



“ผม..” ชายหนุ่มเผยอปากเพียงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับตัว



ภาสกรกำผ้าห่มแน่นตามความรู้สึกที่ปะทุขึ้น เขาอยากจะกัดหมอนเพื่อกลั้นเสียงที่น่าอายของตนเองไม่ให้เล็ดลอดไป หากก็ทำไม่ได้ไม่รู้ว่าหมอนที่หนุนนอนอยู่ก่อนหน้านี้หายลับไปไหนเสียแล้ว เขาจึงพยายามกัดริมฝีปากแน่น ทว่าบอสหนุ่มคงเดาได้จึงพลิกร่างภาสกรกลับมานอนหงายแทน



เมื่อเผชิญหน้ากันภาสกรก็เลือกหลบตาอย่างรวดเร็ว



“อย่าอายฉันเลย” บอสหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงติดจะอ่อนโยน



“คือผม..”



“มองฉันสิ”



“...” ภาสกรไม่ตอบ



“...” ส่วนอรรควัสก็ไม่พูดอะไรอีก ภาสกรกลับรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกเหมือนเป็นความผิดเล็ก ๆ จึงยอมทำตามใจอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคนข้างบน





และภาสกรก็ได้รับรางวัลอีกครั้ง



เหตุการณ์บนเตียงยังดำเนินต่อแม้จะไม่มีใครพูดหรือเอ่ยวาจาอะไรใด ๆ ออกมา แต่สายตาทั้งคู่กลับมองกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างรับรู้ตัวตนซึ่งกันและกัน



สุดท้ายเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ภาสกรถึงกับเหนื่อยหอบกับบทเรียนที่สองนี้ เขาสะลึมสะลือถูกอรรควัสประคองไปล้างเนื้อล้างตัวอีกรอบ เมื่อหัวถึงหมอนก็ได้ยินคำพูดแว่ว ๆ เข้ามาในหูว่าพรุ่งนี้สามารถหยุดงานได้หนึ่งวัน เขาจึงพยักหน้าพลางยิ้มรับ ตอบกลับไปไม่รู้ตัวและพาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว



“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานนะพาย”



“อือ”



“วันนี้เธอน่ารักกับฉันมาก”









เนื่องจากช่วงเย็นวันเดียวกันไม่ต้องทำงาน ชายหนุ่มจึงนอนเสียเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบกับคนที่นอนอยู่ด้วยกันเมื่อเช้า หากภาสกรไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือน้อยใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไปที่คาสิโนแล้วแน่ ๆ บอสงานเยอะแค่ไหน ใคร ๆ ต่างก็รู้ดี





เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใบหน้าก็ร้อนฉ่า ยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะสลัดศีรษะแรง ๆ รีบใส่เสื้อผ้ากลับไปที่ห้องพักของตัวเอง จัดการธุระส่วนตัว ออกไปหาอะไรกินสำหรับมื้อเย็นอันเป็นมื้อแรกของวันอย่างเรียบร้อย เขาจึงเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากภารวีหรือพี่พรีม พี่สาวของตนเอง น้องชายคนดีจึงรีบโทรกลับหาพี่สาวโดยด่วน



“พี่พรีม”



เมื่อภารวีกดรับ ภาสกรก็รีบเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสดใสทันที พักหลังเขามีโอกาสคุยกับพี่สาวน้อยกว่ามารดาเพราะพี่สาวนั้นเลือกรับทำงานพิเศษโดยการไปสอนเป็นครูพิเศษตามบ้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวอีกทาง



“เงียบหายไปเลยนะเรา ถ้าพี่ไม่ส่งข้อความไปจะโทรหาพี่บ้างไหม” เสียงตำหนิแต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วงถูกส่งกลับมา



“ก็พี่พรีมไม่ค่อยว่าง พายเลยโทรหาแม่คนเดียว” น้องชายคนเล็กโต้แย้งเพราะรู้จักนิสัยพี่สาวคนโตดี ภารวีแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น



“จ้า พี่มันงานยุ่งเอง” ภารวีประชดคนโทรหาเล็กน้อยแต่ไม่ได้จริงจัง



“พี่พรีมสบายดีไหม งานหนักหรือเปล่า ถ้าหนักไปก็ไม่ต้องสอนพิเศษแล้วนะครับ พี่คอยดูแลแม่ดีกว่า เดี๋ยวพายส่งเงินไปให้เยอะ ๆ เอง”



“พี่สบายดีพาย เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงหรอก งานที่พี่ทำอยู่งานมันเป็นงานเบา ๆ สบายกว่าเราเยอะ ว่าแต่เราเถอะเป็นไงบ้าง”



“สบายดีครับ พี่พรีมไม่ต้องเป็นห่วงพายนะ”



“เรามันปากแข็ง พี่รู้ว่าที่นั่นงานหนัก ทำงานที่คาสิโนเดินไปเดินมาทั้งวันไม่ได้นั่ง เหนื่อยแย่เลย” ภารวีพูดอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เธอก็พอจะรู้จากนวพล เพื่อนสนิทของน้องชายมาบ้างว่าลักษณะงานที่คาสิโนเป็นอย่างไร



“ตอนแรกก็เหนื่อยแหละพี่ แต่พอร่างกายมันปรับตัวได้ก็ไม่เหนื่อยแล้ว” ภาสกรตอบ โดยหลีกเลี่ยงเรื่องที่เขาไม่ได้ทำงานที่คาสิโนแล้ว เกรงว่าหากบอกพี่สาวและแม่ไป เธอสองคนจะเป็นกังวลเสียเปล่า ๆ อีกอย่างหนึ่ง อีกไม่กี่วันเขาก็จะได้กลับไปทำงานต่อที่คาสิโน ดังนั้นจึงเลือกไม่เล่าจะดีกว่า



“พี่รู้ว่าพายเก่ง เข้มแข็งแต่พี่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี”



“พายเอาตัวรอดได้น่า ว่าแต่พี่พรีมมีเรื่องอะไรถึงบอกให้พายรีบติดต่อกลับ” ชายหนุ่มย้ำให้พี่สาวมั่นใจพลางถามถึงสาเหตุหลักที่พี่สาวส่งข้อความมาหา



“เออ..จริงด้วย พี่เกือบลืมเลย พี่ขอถามอะไรหน่อย” ภารวีเกริ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง



“ครับพี่พรีม”



“ตอบพี่มาตามตรงนะ”



“ทำไมต้องทำเสียงเครียดด้วย พูดเหมือนพายไปทำอะไรผิด” คนที่เพิ่งไปมีสัมพันธ์กับเจ้าของคาสิโนเริ่มเสียวหลัง เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน พี่สาวของเขาจะรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ แล้วจะรู้ได้อย่างไร



“ถ้าไม่มีเรื่องเงินมารักษาแม่ พายอยากกลับบ้านไหม”



“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ภาสกรโล่งใจจนปิดกั้นความดีใจไม่มิด “พี่พรีมถามทำไมอะ”



“ตอบมาเถอะน่า พี่อยากรู้”



“อืม ก็...ถ้าไม่มีเรื่องเงินก็คงจะกลับมั้งครับ”



“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านเราได้แล้วเจ้าพาย” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น



“เอ๊ะ!? เกิดอะไรขึ้นอะพี่พรีม”



“ทางโรง’ บาลเขาติดต่อพี่มาเรื่องค่ารักษาของแม่น่ะ จู่ ๆ ก็มีคนมาบริจาคเงินให้”



“เอ้ย..พี่พรีมแน่ใจเหรอ เช็กแล้วหรือยัง” ภาสกรขมวดคิ้ว มีเรื่องอะไรแบบนี้กับครอบครัวเขาด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้เลย



“เช็กเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นพี่จะบอกในข้อความที่ส่งไปให้พายเหรอว่าเป็นเรื่องด่วนสำคัญมากน่ะ”



“ใครกันที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้พวกเรา” ชายหนุ่มฟังแล้วก็นึกสงสัย



“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน มาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แล้วทางโรง’ บาลไม่สามารถบอกได้”



“เขาให้ผิดคนหรือเปล่าครับ พายคิดว่าแปลก ๆ นะ ครอบครัวเราถึงไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกยากจนขนาดต้องขอรับบริจาค”



“พายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ พี่กับแม่ไม่เคยประกาศขอรับบริจาคเลยเหมือนกัน และพี่ก็เช็กกับทางโรง’ บาลแล้วชื่อที่เขาต้องการให้คือชื่อของแม่เราจริง ๆ พี่เองก่อนที่จะบอกพายก็สอบถามกับทางโรง’ บาลมาอย่างละเอียด ตอนรู้เรื่องก็งงเหมือนกัน”



“เราไม่รับดีไหมพี่” ภาสกรยังไม่ไว้ใจ



“อันที่จริงพี่ปฏิเสธไปแล้ว แต่ทางโรง’ บาลยืนยันได้ว่าถูกต้องตามขั้นตอนทุกประการจริง ๆ และอยากให้เรารับไว้ พี่ก็เลยตกลงรับมา”



“เหรอครับ เสียดายที่เราไม่รู้ว่าใคร พายอยากไปขอบคุณเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องเลือกครอบครัวเรา”



“คนบริจาคอาจจะมีเงินเยอะแยะล่ะมั้งพาย เลิกคิดมากดีกว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พายลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านเราเถอะ”



“เอ่อ..พาย...คือ” ตอนที่เขาตอบคำพี่สาวคราวแรกนั้นก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะคิดว่าพี่สาวตนเองนั้นถามเล่น ๆ ไม่จริงจัง แต่เมื่อเป็นเรื่องจริงเขากลับลังเลยังไม่อยากกลับไปตอนนี้



สาเหตุแรกคือเขายังไม่รู้ตัวการเลยว่าใครเป็นคนใส่ร้ายเขา



ส่วนอีกสาเหตุก็คงเป็น..คุณอรรค



“อย่าบอกนะว่าที่อึกอักลังเลไม่อยากกลับแบบนี้เพราะเรามีแฟนแล้ว” ภารวีพูดอย่างรู้ทัน



“ใช่ที่ไหนกันเล่า” น้องชายรีบปฏิเสธแต่ก็รู้ว่าคงปิดอาการไม่มิดสักเท่าไหร่



“ให้พี่บอกแม่ไหมว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังไม่กลับจากนอกเพราะติดผู้ชายอยู่ เอ๊ะหรือผู้หญิงนะ” หญิงสาวยังเย้าแหย่น้องชายต่อไม่หยุด



“พี่พรีม!! อย่าแกล้งพายสิ”



“ก็เรามันน่าแกล้ง ตกลงว่ายังไม่อยากกลับเหรอ”



“พายขอยังไม่กลับตอนนี้ได้ไหมครับพี่พรีม”



“อีกนานไหม พี่กับแม่คิดถึงเรามากนะ”



“พาย..ยังไม่รู้ แต่พายก็คิดถึงแม่กับพี่พรีมนะ ยังไงพายก็จะกลับไปหาแม่กับพี่แน่นอน”



“รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วงพาย แม่ก็เหมือนกัน”



“ครับ”



“ถ้ามีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล กลับบ้านเราเลยนะ เข้าใจหรือเปล่า” ภารวีบอกแกมสั่ง



“เข้าใจครับ แต่ไม่มีอะไรหรอกน่า พายก็แค่สนุกกับงานอยู่”



“อืม ตามใจพายละกัน งั้นพี่จะบอกแม่ตามนี้ก็แล้วกันว่าพายยังอยากหาประสบการณ์การทำงานต่ออีกหน่อย แบบนี้โอเคไหม”



“ขอบคุณครับ พี่พรีมใจดีกับพายที่สุด”



“จ้า ก็เรามันดื้อน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ อย่าทำให้แฟนปวดหัวล่ะรู้ไหม” หญิงสาวหัวเราะก่อนจะปิดท้าย “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปสอนพิเศษต่อก่อนนะพาย ดูแลตัวเองด้วย”



“พี่พรีมเลิกแกล้งพายได้แล้ว



“จ้า ๆ”



“พี่พรีมกับแม่ดูแลตัวเองด้วย พายคิดถึงนะครับ”



“คิดถึงก็โทรหาแม่บ่อย ๆ ล่ะ”



“ครับ”





หลังสายสนทนาสิ้นสุดลง ภาสกรก็นึกถึงเรื่องที่ภารวีโทรมา ใครกันที่บริจาคเงินมาช่วยเหลือครอบครัวเขา และไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหนกัน แต่ถ้าภารวีก็ตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลมาอย่างดีแล้ว เขาควรจะต้องเบาใจใช่ไหมว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่ ๆ อย่างน้อยแม่ก็จะได้รักษาตนเองโดยไม่ต้องมาพะวงถึงเรื่องเงินอีกต่อไป จิตใจก็น่าจะแจ่มใสเบิกบานขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี





ว่าไปก็อยากกลับไปกอดแม่เหมือนกัน ถ้ารู้ตัวคนร้ายเมื่อไหร่ เขาคงจะต้องกลับบ้านอย่างจริงจังเสียที





เมื่อถึงตอนนั้นหากต้องลาจากเจ้าของคาสิโนไป





ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย







========================================





หวังว่าตอนนี้พอจะทดแทนได้นะคะ

ขอบคุณทุกท่านค่ะ


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-11-2019 12:37:46
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-11-2019 14:24:00
และแล้ว ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 28-11-2019 16:57:11
อย่าเพิ่งกลับเลยนะพาย เพิ่งจะเจอกันเอง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-11-2019 17:56:23
 :man1: พายอย่าเพิ่งรีบกลับเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-11-2019 18:54:58
คุณอรรค กินน้องพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 28-11-2019 19:56:18
และแล้วบอสก็กินน้องได้สำเร็จ หลังจากที่รอคอยมานานหลายปี
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-11-2019 20:45:04
ถ้าพายได้รู้ความจริงก็คงรักคุณบอสมากขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 28-11-2019 21:13:12
คนใจดีใช่คุณอรรครึเปล่า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-11-2019 21:46:01
คุณอรรคมีงอนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-11-2019 22:44:54
จ้าาาท
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-11-2019 22:57:43
บอสนุ่มนวลกับน้องจัง เขิลแทน.  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-11-2019 22:58:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-11-2019 00:30:00
บอสส ทำไงดีน้องจะหนีกลับบ้านแล้ววว :katai5:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-11-2019 23:43:40
พายเอ๊ย.....จะใครที่ไหนกัน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสาม UP!! 28/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-12-2019 22:09:10

วงล้อที่ยี่สิบสี่



ถึงแม้ไม่ต้องทำงานแต่จิณณ์ก็ไม่อนุญาตให้ภาสกรหยุดพักการเรียน ทว่าเจ้าตัวยังพอใจดีเลื่อนเวลาสอนมาเร็วขึ้นเป็นช่วงหลังจากเวลาผับเปิดไม่นาน ไม่ใช่ใกล้รุ่งเช้าเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมา



การเรียนการสอนในวันนี้รวมถึงวันพรุ่งนี้วันสุดท้ายนั้น ผู้จัดการหนุ่มบอกกับนักเรียนของเขาว่าจะเป็นการเอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้าหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดังเช่นมีลูกค้าเมามายเดินเซหรือถอยหลังมาชนอย่างไม่ทันตั้งตัวอย่างครั้งที่ภาสกรเคยประสบเหตุการณ์นี้มาแล้ว



หรือจะเป็นสถานการณ์จวนตัวคับขันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเอาแต่ใจต้องการให้ภาสกรทำผิดกฎโดยอ้างสาเหตุมากมาย จะปฏิเสธอย่างไรให้ฟังดูนุ่มนวลซ้ำลูกค้ายังพึงพอใจ ไม่เอาเรื่องขี้ปะติ๋วพวกนี้ไปฟ้องผู้จัดการในคาสิโนจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราว



และอาจจะมีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้น อย่างที่รู้กันดีว่าชั้นนี้ต้อนรับลูกค้าแขกวีไอพีซึ่งเป็นคนสำคัญมาก ๆ ซ้ำยังสามารถยื่นข้อเสนอท้าพนันกับเจ้าของคาสิโนได้ด้วย จำเป็นต้องมีการเรียนรู้เตรียมการในจุดนี้ให้เป็นอย่างดี ภาสกรอาจจะไม่ได้จัดการหรือเกี่ยวข้องอะไรเลยก็ได้ แต่ก็ต้องเรียนรู้ไว้ให้มากที่สุด



บทเรียนในวันนี้จึงยาวนานมากกว่าปกติเกือบสองชั่วโมง



พูดได้คำเดียวว่า ‘เหนื่อย’ ภาสกรคอตก ไหล่งองุ้ม หลังค่อมแทบหมดแรงเดิน ปกติก็เหนื่อยมากแล้ว วันนี้เรียนมากกว่าเดิมยิ่งเหนื่อยแทบสาหัส เขาเดินกลับห้องพักตั้งใจจะอาบน้ำแล้วนอน ทว่าเมื่อหัวถึงหมอนตาจวนเจียนจะปิดกลับได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง



“ครับ ใครครับ” ภาสกรเหยียดตัวลุกขึ้นไปหน้าประตูพลางเปิดออกโดยไม่ได้ดูว่าใครกันที่มาเยือนยามวิกาล พอเห็นคนหน้าห้องเขาถึงกับแปลกใจ “อ้าวพี่เฉิน”

“อืม พี่เอง”

“มาได้ไง มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาก่อนไหมพี่”

“บอสสั่งให้พี่มาตามพายไปพบ” อาเฉินส่ายหน้าเชิงปฏิเสธว่าไม่ต้องการเข้าไปข้างใน

“เอ๊ะ ตามผม?”

“ใช่”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“พี่ก็ไม่รู้ พายไปแต่งตัวเถอะ พี่จะรออยู่หน้าห้องนี่แหละ”

“ครับ ๆ” ภากรรับคำเสร็จก็ปิดประตูลงแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นจึงเดินตามอีกฝ่ายไปที่ห้องห้าสิบสอง แต่เมื่อไปถึงอาเฉินกลับขอตัวลาและปล่อยให้ภาสกรเดินเข้าไปในห้องเพียงลำพัง

“ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมนอนเร็ว” เสียงทุ้มของคนที่วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะเอ่ยถามขึ้น

“ไม่สบาย? ไม่นะครับ ผมสบายดี” ภาสกรตอบกลับไปแต่เสียงไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่อันเป็นผลพวงมาจากอาการง่วงนอน

คนถามลุกขึ้นเดินไปหาคนที่เพิ่งมาใหม่พลางใช้หลังมือแตะหน้าผากอีกฝ่าย อย่างน้อยก็อยากพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง “อืม ตัวไม่ร้อน”

“ครับผมสบายดี ว่าแต่บอส เอ๊ย คุณอรรคมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับถึงให้พี่เฉินไปตามผมมา”

“ไม่มี”

“อ้าว..” ภาสกรไปต่อไม่เป็นเมื่อคนสั่งกลับบอกว่าไม่ธุระเสียอย่างนั้น แล้วเอ่ยปากหาว เขาจึงรีบเอามือมาปิดปากเอาไว้ทันท่วงที

“ง่วงนอนแล้วใช่ไหม”

“ครับ ถ้าบอสไม่มีอะไร ผมขอตัวไปนอนก่อนได้ไหม” ภาสกรขออนุญาตโดยที่ไม่เข้าใจเลยว่าสุดท้ายแล้วอรรควัสให้อาเฉินไปตามเขามาทำไม

“ขึ้นไปนอนสิที่ข้างบนนั่นน่ะ” คนพูดเปรยตาไปยังชั้นสองแวบหนึ่งก่อนที่สายตาจะกลับมายังใบหน้าของภาสกรดังเดิม

“เอ่อ..อ่อ..ครับ ถ้างั้นผมขึ้นไปนอนก่อน”

“อืม”



พอเจ้าของห้องพยักหน้ารับรู้ ภาสกรก็เดินขึ้นไปชั้นสองแล้วนอนลงบนเตียงหลังใหญ่ที่เขานอนมาตลอดหลายวันทันที โดยไม่คัดค้านใด ๆ



ชายหนุ่มตระหนักรับรู้แล้วว่าอรรควัสไม่ได้มีธุระหรือมีปัญหาอะไรกับเขาเลยแม้แต่เพียงนิด แต่เจ้าตัวเป็นแค่คนหนึ่งที่ปากหนักเท่านั้น อยากให้เขามานอนด้วยดี ๆ ก็ไม่ยอมพูด



แย่แล้วละ ภาสกรพบคนปากแข็งหนึ่งอัตราเข้าให้แล้ว จากนี้คงต้องเรียนรู้นิสัยและเดาใจของอรรควัสให้มากขึ้น



และวันสุดท้ายของการเรียนกับอาจารย์จิณณ์นั้นจบลงในที่สุด จิณณ์ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเคยสอนภาสกรไป ซึ่งนักเรียนก็สามารถเรียนรู้และสอบผ่านได้อย่างที่อาจารย์นั้นค่อนข้างโล่งใจและสบายใจมาก ภาสกรดูเหมือนเป็นคนที่ไม่น่าจะทำอะไรได้ ทว่าแท้จริงนักเรียนคนนี้กลับตั้งใจฝึกฝนและเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีของพนักงานชั้นวีไอพีคนใหม่ล่ะนะ



“ผมให้คุณผ่านภาสกร”

“จริงเหรอครับผู้จัดการ ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก “คนสอบผ่านดีใจ รีบยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายเป็นการใหญ่

“จากวันนี้ไป พรุ่งนี้คุณต้องเรียนกับอาจารย์คนใหม่ ก็ขอให้ตั้งใจเหมือนเวลาที่เรียนกับผมล่ะ”

“ครับ ผมจะตั้งใจเรียนแน่นอน”

“อืม พอเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะฉลองสำเร็จการศึกษาให้คุณ” เป็นครั้งแรกที่ภาสกรได้ยินผู้จัดการพูดพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ทำให้เขาตาพร่าไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าผู้จัดการที่ตีหน้านิ่งอยู่เป็นนิจ บทจะยิ้มกลับทำให้ใบหน้านั้นละมุนอ่อนหวานได้ถึงเพียงนี้

“คะ..ครับ”





ผู้จัดการผับบอกภาสกรว่าวันนี้ให้เขาเลิกงานตอนตีสามและไปรออาจารย์คนใหม่ที่หน้าประตูทางออกหลังร้าน ภาสกรทำตามโดยไม่ได้ซักถามเพราะเรียนรู้มาแล้วว่าต่อให้ถามจิณณ์ก็จะไม่บอกอะไรให้เขารู้อยู่ดี เมื่อถึงเวลาจึงไปยืนที่ประตูทางออกเงียบ ๆ



“พาย” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น

“พี่เฉิน พี่คุณ?”

“อืม พวกพี่เอง” อาคุณ

“อย่าบอกนะว่าพี่เป็นอาจารย์..”

“ใช่ พี่สองคนจะเป็นอาจารย์คนใหม่ของพาย ตามพี่ออกไปข้างนอก เราต้องขึ้นรถไปที่ที่หนึ่ง”

“ได้ครับ” ภาสกรคนว่าง่ายตามบอดี้การ์ดทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว

รถคันสวยแล่นมาจอดที่หน้าโรงยิมแห่งหนึ่ง ภาสกรไม่เคยมาที่นี่และไม่เคยเห็นสถานที่นี้มาก่อน แต่ก็ยอมจากรถตามพวกเขาไปเงียบ ๆ

“ที่นี่คือโรงยิมสำหรับฝึกซ้อม เป็นที่ที่พวกพี่มาฝึกซ้อมกันเป็นประจำ” อาเฉินเกริ่น

“พี่สองคนได้รับคำสั่งมาว่าให้มาสอนศิลปะป้องกันตัวกับพายภายในสองวัน” อาคุณพูดต่อ

“จริงเหรอครับ ทำงานบนชั้นวีไอพีน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอถึงต้องเรียนป้องกันตัว” ภาสกรตาโตถึงกับต้องมาเรียน แสดงว่าชั้นนั้นต้องไม่ธรรมดา

“เปล่าหรอก ที่ชั้นนั้นไม่ได้มีนักเลงหรืออันธพาล อาวุธยิ่งไม่มีเพราะห้ามพกพาเข้าไปในคาสิโน” อาเฉินปฏิเสธพลางหัวเราะเล็กน้อยให้กับความคิดของคนที่กำลังทำตาโตตกใจ “แต่เพื่อความปลอดภัยของพายเอง ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วไม่มีพวกพี่หรือใครคอยช่วยเหลือ อย่างน้อยพายก็จะได้พอเอาตัวรอดได้บ้าง แค่สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ยังดี”

“ขอบคุณนะครับพี่เฉิน พี่คุณ”

“ขอบคุณบอสเถอะพาย พี่เป็นห่วงพายนะ แต่ก็ไม่สามารถมาสอนพายได้หรอกถ้าไม่ใช่คำสั่งของบอส พูดกันตามตรงตั้งแต่พี่ทำงานกับบอสพี่ยังไม่เคยเห็นบอสใส่ใจใครเท่านี้มาก่อน” อาคุณพูดตรง ๆ เพราะคนพูดเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบอสที่ตนทำงานด้วยมานานถึงให้ความเป็นห่วงพนักงานที่ชื่อภาสกรมากขนาดนี้

“เอ่อ..ครับ”

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะเริ่มฝึกกันเลยก็แล้วกันนะ” อาเฉินบอก

หลังจากนั้นเพียงหนึ่งชั่วโมง ร่างกายของภาสกรก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อกับเสียงหลังกระทบกับเบาะไม่หยุดหย่อน เขาคิดว่ากระเพาะ ลำไส้เขาต้องผสมกันปนเปอยู่ผิดทิศผิดทางในท้องไปหมดแล้วแน่ ๆ

“พี่..เดี๋ยว..ขอพักก่อน” ภาสกรกระหืดกระหอบหายใจพลางยกมือห้าม เมื่อเห็นว่าอาเฉินเตรียมจะเข้ามาจับตัวเขาไปทุ่มอีก

“พักสิบนาที” อาเฉินสั่ง ภาสกรถึงกับนอนแผ่ราบไปตามพื้นเบาะอย่างหมดแรงซ้ำยังปวดตัวไปหมด



ฝึกกับอาจารย์จิณณ์ว่าเหนื่อยและโหดแล้วแต่ยังไม่แทบขาดใจขนาดนี้ พรุ่งนี้ร่างกายของเขาต้องระบมไปหมดทุกส่วนแน่นอน คิดแล้วก็อยากเรียก แม่จ๋า แม่จ๋า พายอยากกลับบ้านอีกระลอก



กว่าค่ำคืนอันแสนโหดร้ายจะผ่านพ้นไป ภาสกรก็อยู่ในสภาพแทบยืนไม่ไหวต้องให้อาเฉินและอาคุณหิ้วปีกเขาคนละข้างพากลับไปที่รถ ไม่เท่านั้นยังช่วยพาร่างของชายหนุ่มไปส่งถึงห้องห้าสิบสองด้วย เมื่อคนในห้องเปิดประตูออกมาเจอสภาพคนใกล้ตายถึงกับหลุดยิ้มออกมานิดหนึ่ง สร้างความตกตะลึงให้กับสองบอดี้การ์ดหนุ่มเป็นอย่างมาก



“พาเขาไปนอนที่โซฟา”

“ครับ” อาเฉิน อาคุณประสานเสียงรับคำพร้อมกันและวางร่างปลาน้อยใกล้ตายลงตามคำสั่ง เสร็จแล้วเขาทั้งคู่จึงขอตัวกลับไปพัก

“หมดสภาพ” อรรควัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ

“พี่เฉินกับพี่คุณโหดมาก ไม่สงสารผมเลย” ภาสกรโอดครวญ

“ออกกำลังกายบ้างสิ”

“ผม..ไม่มีเวลา”

“หืม?” อรรควัสทำเสียงแปลกใจเพราะคำแก้ตัว

“แต่คือ..ผมก็ออกกำลังกายนะครับคุณอรรค คิดดูสิผมถือถาดไปมาก็ใช้แรงเยอะนะครับ” เจ้าตัวยังแก้ตัว

“ถ้าเทียบกับอาเฉินและอาคุณแล้วนั่นน่ะถือว่าน้อยมาก”

“แต่..ผม”

“ถ้าอยากออกกำลังกายสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ทำไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา หากเป็นเพราะ..” บอสใหญ่เว้นคำให้คนฟังเติมคำลงในช่องว่าง



ภาสกรรู้อยู่เต็มอก เขาไม่ออกกำลังกายเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งมีเวลาว่างก็เอาแต่นอนเป็นส่วนใหญ่ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายได้เล่า ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เติมคำให้บอสฟัง ขืนพูดไปก็เหมือนด่าตัวเองให้อีกฝ่ายฟังเสียเปล่า ๆ

“ครับ ผมจะออกกำลังกายมากขึ้น”

“อืม ดีแล้ว วันนี้เรียนกับอาจารย์คนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีครับ แต่พี่สองคน เวลาสอนโหดมากเลย”

“โหดนั่นแหละดี เธอจะได้ตั้งใจเรียน ฉันอยากให้เธอเรียนรู้จากพวกเขามาให้มากที่สุด ไม่ใช่เพราะใครแต่เพราะตัวเธอเอง”

“ครับ”

“หากวันหนึ่งที่ฉันไม่สามารถดูแลปกป้องเธอได้ อย่างน้อยเธอก็ยังดูแลตัวเองได้” บอสหนุ่มนั่งลงที่ตรงพื้นที่โซฟาที่เหลือ ฝ่ามือหนาประทับลงบนแก้มนวลข้างหนึ่ง

“ทำไมคุณอรรคถึงพูดแบบนั้น” ภาสกรจับแขนของอีกฝ่าย “ผมไม่ได้ต้องการให้คุณอรรคหรือใครมาปกป้องผมหรอกครับ ช่วยอย่าพูดเป็นลางได้ไหม”

“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่อยู่กับฉันมันอันตราย กลัวเธอไม่ปลอดภัย”

“ใครจะมาทำร้ายผมล่ะครับ ผมก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง เป็นนายภาสกรคนธรรมดา” ภาสกรพูดอย่างใจคิด เขารู้ว่าอรรควัสทำธุรกิจด้านนี้ย่อมมีทั้งคนรัก คนชัง ทั้งมิตรและศัตรู แต่เขาไม่ใช่นี่นา เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับอรรควัสและไม่ได้สำคัญกับอีกฝ่ายขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีอันตราย

“คิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ”

“ครับ”

“เอาเถอะ ไปอาบน้ำสิ ลุกไหวไหม”

“ครับ พอไหว”

“นึกว่าไม่ไหว ฉันจะได้อาบน้ำให้”

“ไหวครับไหว” ใบหน้าคนได้ยินเปลี่ยนสีเป็นแดงอย่างฉับพลัน ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากอีกฝ่าย ภาสกรรีบลุกจนเกือบล้ม โชคดีที่อรรควัสจับไว้ได้ทัน

“สงสัยจะไม่ไหว” อีกฝ่ายยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภาสกรมองออกว่าคำพูดนั้นมันมีนัยยะอื่น

“ไหวสิครับ ตะกี้ผมแค่ลุกเร็วไปหน่อย ตั้งตัวไม่เท่านั้น” ชายหนุ่มค่อย ๆ ตั้งท่ายืนใหม่อีกครั้งอย่างระวังไม่ให้ล้ม ถ้าล้มหรือเซ มีหวังเขาต้องถูกอีกคนอาบน้ำให้แน่ ๆ มันน่าอายน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ครั้งสุดท้ายที่มีคนอาบน้ำให้ก็ตอนห้าขวบล่ะมั้ง

“งั้นก็รีบอาบแล้วเข้านอน เดาว่าพรุ่งนี้เธอคงจะลุกจากเตียงไม่ไหวแน่”









ช่วงสายของวันเดียวกัน เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดของอรรควัสที่ปรามาสไว้ เขาลุกไม่ขึ้นจริง ๆ แค่ขยับตัวถึงกับสูดปากเบา ๆ ขยับตรงไหนก็ปวดร้าวไปหมด เสียงประตูเปิดเข้ามาแต่ภาสกรไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัวจะลุกขึ้นดูว่าใครที่มาเยือน แต่ไม่นานเขาก็ได้รับเฉลยเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างกายเขา



จะว่าไป นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาตื่นขึ้นมาในห้องและพบว่าอรรควัสยังไม่ไปทำงาน



“เป็นไง ลุกไม่ขึ้นสินะ”

“ก็นิดหน่อยครับ ผมเพิ่งตื่นพอดี” ภาสกรยิ้มแหย “คุณอรรคยังไม่ไปคาสิโนเหรอครับ”

“ยัง รอดูอาการผู้ป่วยติดเตียงก่อน”

“ผมไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอกเพื่อให้บอสหนุ่มสบายใจ

“ถ้าไม่เป็นไรก็ลุกสิ” มีหรือที่คนมากประสบการณ์จะไม่รู้ทัน

“เอ่อ..”

“ลุกไม่ไหวก็คือลุกไม่ไหว อย่าพูดเพื่อให้ฉันสบายใจเพราะถ้าฉันต้องมารู้ทีหลัง โดยเฉพาะจากคนอื่น ฉันคงรู้สึกไม่ดี เธอเองก็คงไม่อยากรู้เรื่องฉันจากคนอื่นเหมือนกันใช่ไหม”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า ในมุมกลับกันถ้าอรรควัสพูดให้เขาสบายใจแต่เขามารู้ทีหลังจากเหมือนกัน เขาคงรู้สึกแย่เลยที่ไม่ได้อยู่ดูแลอีกฝ่าย



แต่นั่นเพราะเขาเป็นห่วงในตัวอีกฝ่าย ถ้างั้นอรรควัสล่ะ? ก็ต้องห่วงเขาเหมือนกันใช่ไหม ภาสกรเม้มปากเมื่อเข้าใจคำตอบ ความรู้สึกอุ่นวาบในใจปรากฏขึ้น รู้สึกดีที่ได้รับการเป็นห่วง โดยเฉพาะจากคนที่เขาให้ความสนใจ



“จิณณ์เอายามาให้เธอ เดี๋ยวฉันทาให้” ภาสกรไม่ทันตั้งตัวเพราะอีกฝ่ายก็จัดการเองโดยไม่รอคำอนุญาตจากคนเจ็บแล้ว อรรควัสไม่ได้เอายามาแล้วนวด ๆ อย่างที่ภาสกรเคยเห็นคนอื่นทำ แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ทายาให้เท่านั้นและบอกให้เขานอนพักผ่อนเยอะ ๆ

“วันนี้ก็ยังไม่ต้องหักโหม ฉันจะสั่งอาเฉินกับอาคุณไว้ให้”

“แต่ผมเหลือเวลาเรียนวันนี้แค่วันเดียว” คนเจ็บบอกด้วยความเสียดาย ถึงร่างกายจะเจ็บแต่เขาไม่ได้ยอมแพ้

“สองคนนี้จะเป็นอาจารย์ให้เธอไปอีกนานจนกว่าฉันจะวางใจได้”

“ครับ”

“ไม่ต้องห่วงวันนี้จะไม่ได้เรียน อย่าได้ดูถูกฝีมือสองคนนั้นเข้าล่ะ เธอได้เรียนแน่”

“ครับ”

“รีบหาย จะได้กลับคาสิโนกันเสียที”

“ครับ” ภาสกรตาเป็นประกาย พอคิดว่าจะได้กลับไปเจอนวพล ป้าเก๋ พี่แอนดี้ เขาก็ตื่นเต้นไม่ได้แต่พอนึกต่อไปถึงอลัน ใบหน้าที่ดีใจกลับสลดลง

“ทำไมไม่ดีใจหรือ”

“ถ้ากลับไปที่นั่นแล้วผมยังได้เจอคุณอลันอยู่ไหมครับ”

“ไม่” อรรควัสตอบได้ทันที

“แล้วใครจะยกอาหารไปให้คุณอลันล่ะครับ”

อรรควัสยิ้มออกมาเบาบาง “ถ้าเขาต้องรอเธอ ป่านนี้อลันน่าจะตายเพราะไม่ได้กินอาหารแล้วล่ะ”

“จริงด้วยสิครับ ผมก็ลืมไป”

“แต่ถ้ายังอยากทำอยู่ ฉันจะให้เธอไปส่งอาหารให้อลันเหมือนเดิมก็ได้”

“ได้จริงเหรอครับ”

“อืม”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร เพราะอีกไม่นานเขาคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”

“ทำไมครับหรือพราะผมเหรอครับ” ภาสกรรู้สึกผิด เขายังจำที่อรรควัสบอกเมื่อวันก่อนได้ดีว่าจะยกเลิกสัญญากับอลัน

“ฉันจะไม่ตอบแบบอ้อมค้อมเพราะคำตอบคือใช่”

“...”

“แต่ฉันยังไม่สามารถทำตอนนี้ได้ อย่างไรต้องรอให้เรื่องทุกอย่างเฉลยออกมาก่อน”

“ครับ ผมเข้าใจ อันที่จริงคุณอรรคไม่จำเป็นต้องยกเลิกคุณอลันก็ได้นะครับ”

“ฉันเคยพูดไปแล้วว่าฉันอยากรักษาน้ำใจเธอมากกว่า และฉันจะไม่พูดซ้ำอีก ส่วนเธอเองก็ไม่ควรพูดประโยคแบบเมื่อครู่นี้อีกแล้ว เข้าใจไหม”

“ครับ”

“หลังจากกลับไปที่คาสิโนแล้ว ฉันจะให้อาเฉินพาเธอไปอยู่ห้องใหม่”

“อ้าว แล้วห้องเก่าผมล่ะครับ”

“ห้องเก่ามีคนอยู่ไปแล้ว”

“เหรอครับ” ภาสกรรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาจะไม่ได้อยู่ร่วมห้องกับเพื่อนรักอีก

อรรควัสก้มลงจูบหน้าผากเนียนของอีกฝ่าย “ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เจอเพื่อน ยังไงเธอได้เจอเขาแน่นอน อีกอย่างหนึ่งฉันรับรองว่าเธอจะต้องชอบห้องใหม่”

“ขอบคุณครับ ผมอยากกลับคาสิโนแล้ว”

“อืม กลับคาสิโนกันเมื่อไหร่ เราจะได้เริ่มสะสางเรื่องที่ค้างคาต่อเสียที”







========================================



มาลงก่อนวันหยุดค่ะ สุขสันต์วันพ่อล่วงหน้าค่ะ แล้วเจอกันพฤหัสหน้านะคะ

ปล อีกสองตอนพาเจ้าพายกลับคาสิโนแล้วค่า ช่วงนี้ก็เป็นโทนเลี่ยนๆ กับบอสไปก่อนนะคะ

ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ค่ะ อาจไม่ได้ตอบทุกคอมเมนต้แต่อ่านครบทุกตัวอักษรเลย

ขอบคุณที่เอ็นดูเจ้าพายและหมั่นไส้คุณอรรค่ะ ^^


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ









หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-12-2019 22:29:28
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-12-2019 23:33:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :hao7: พี่อรรคมีความเอาใจใส่ น่าร้าก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-12-2019 23:41:15
คุณบอสจะพาน้องไปอยู่ด้วยชิมิ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 05-12-2019 09:09:52
ดูแลเก่ง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2019 10:07:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-12-2019 12:34:45
คุณอรรค ทำดีทุกเรื่อง คุ้มกับการรอน้องพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-12-2019 13:20:30
คุณบอสจะเปิดตัวคนรู้ใจให้โลกรู้แล้วใช่มะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-12-2019 13:22:15
อยากให้กลับคาสิโนเร็วๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 05-12-2019 19:09:39
อลันมีเอี่ยวกับปัญหาที่คาสิโนด้วยป่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-12-2019 23:41:12
เรื่องที่ค้างคา? สงสัยอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-12-2019 22:32:53
เอาใจเก่งงงง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบสี่ UP!! 04/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-12-2019 23:14:36

วงล้อที่ยี่สิบห้า



ในคืนก่อนที่เขาลาจากผับกลับไปที่ทำงานเก่านั้น ภาสกรแทบไม่เชื่อสายตาว่าผู้จัดการสาขาที่มักนิ่งเฉยอยู่เป็นนิจ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้านั้นรวมถึงเพื่อนร่วมงานหลายคนกลับจัดงานเล็ก ๆ เพื่อเลี้ยงส่งเขา สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนไม่ไหวบ่อน้ำตาแตกจนร้องไห้กลางงานด้วยความตื้นตันใจ



“อ้าว ร้องไห้เสียแล้ว” จิณณ์ทักขึ้น

“ผมแค่ดีใจ ไม่คิดว่าทุกคนจะดีกับผมขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเลี้ยงส่งผม”

“ที่ทำงานไม่เคยเลี้ยงส่งเลยเหรอ” พนักงานคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ครับ”

“ก่อนหน้านี้ทำงานที่ไหนมาล่ะ ทำนานหรือเปล่า” คนเดิมยังถามต่อ

“ทำที่คาสิโนประมาณหกเดือน” ภาสกรตอบตามอัตโนมัติ

“หกเดือน? ก็นานพอดูนะ หัวหน้าใจร้ายจังคนออกทั้งที่ต้องเลี้ยงสิหรือว่ามีเหตุสุดวิสัยหรือเปล่า”

“ก็..” ภาสกรอึกอัก พอเจอคำถามนี้เขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเพราะมันมีเหตุเกิดขึ้นจริง

“ถามอะไรมากมาย อยากรู้เรื่องคนอื่นไปเสียหมด” โชคดีที่ผู้จัดการหน้านิ่งเข้ามาช่วยภาสกรได้ทันการณ์ คนถูกดุหน้าม่อยสลดลงนิดหนึ่ง ไม่กล้าถามซ้ำอีกกระทั่งขอตัวเดินเลี่ยงไปอีกทาง เมื่อเห็นคนช่างซักเดินออกไปแล้วจึงเตือนภาสกรด้วยความหวังดี “คุณกลับไปอยู่ที่คาสิโนอีกครั้งก็อย่าทำอะไรพลาดให้เกิดปัญหาเข้าอีกล่ะ”

“ครับผู้จัดการ ผมจะระวังให้มาก”

“อืม มีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็มาหาผมได้ตลอด ผมอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหรอก”

“ขอบคุณครับ แต่จะเป็นการรบกวนผู้จัดการเกินไปหรือเปล่า”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมทำได้แค่แนะนำหรือสอนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจเท่านั้น ไม่ได้ลำบากอะไร”

“อ่า..ครับ”

“แต่ถ้ายังเกรงใจผม งั้นก็ช่วยผมเรื่องหนึ่งเป็นการตอบแทนแล้วกัน”

“ครับ ว่ามาเลย” ชายหนุ่มดีใจที่จะมีโอกาสช่วยเหลืออีกฝ่ายคืนกลับบ้าง

“ช่วยดูอาเฉินให้ผมหน่อย”

“ดู? เหรอครับ” ภาสกรฟังอย่างงุนงง ไม่เข้าใจ

“ใช่ ดู คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ช่วยดูเขาให้ผมหน่อยว่าอาเฉินสนิทกับใครอยู่หรือเปล่า”

“พี่เฉินสนิทกับคนอื่นด้วยเหรอครับ” ภาสกรพูดพลางคิดต่อ “เท่าที่ผ่านมานอกจากบอสหรือพี่คุณก็มีผู้จัดการนี่แหละครับที่พี่เฉินคุยด้วยมากที่สุดแล้ว”

“แต่เขาคุยกับผมน้อยกว่าที่คุยกับคุณแน่ ๆ” จิณณ์พูดตามที่ได้สัมผัสมา

“พี่เฉินไม่ได้สนิทกับใครหรอกครับ แต่ถ้าผู้จัดการอยากให้ผมช่วยดู ผมจะดูให้ครับ”

“ขอบใจมาก”

“ผมถามได้ไหมครับทำไมต้องดูพี่เฉินด้วย มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มี ผมแค่อยากรู้เท่านั้น ถ้าหากเขาสนิทกับใคร ผมจะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที”

“เข้าใจอะไรครับ” เจ้าหนูจำไมยังสงสัยต่อไม่หยุด

“คุณไม่ต้องรู้หรอกภาสกร คืนนี้ก็กินดื่มให้เต็มที่ อย่างไรคืนนี้ก็เป็นคืนของคุณ อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้ผ่านไปง่าย ๆ ล่ะ สนุกให้มาก ๆ ก่อนจะกลับไปเจองานหนักที่คาสิโน” ผู้จัดการทิ้งท้ายด้วยประโยคกำกวมก่อนจะตบบ่าภาสกรสองสามทีราวกับเป็นการปลอบใจแล้วเดินจากไปทันที



ภาสกรคนดีไม่กล้าขัดใจผู้จัดการหนุ่มทำตามที่อีกฝ่ายเต็มที่ครบครัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาไม่เคยดื่มก็ถูกคะยั้นคะยอให้ลองจิบชิมนั่นนิด ชิมนี่หน่อย สุดท้ายคนไม่เคยดื่มหนักก็ล้มพับเมาแอ๋ไม่เป็นท่า

“กว่าจะมารับเด็กของนายได้ ฉันรอจนรากแทบงอกแล้วรู้ไหม” พอเห็นเจ้าของผับมาถึงห้องเลี้ยงส่งผู้จัดการหนุ่มก็ต่อว่าอีกฝ่ายทันที บัดนี้ห้องนี้มีเพียงผู้จัดการกับภาสกรที่นอนหลับอยู่บนโซฟายาวเพียงสองคน

“พูดมาก” คนมาช้าไม่สนใจคำพูดเพื่อนสนิทกลับเดินเข้าไปประคองคนหลับไร้สติไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นมาพิงที่อกของตัวเอง

“น่าทิ้งให้นอนอยู่ที่นี่คนเดียว” จิณณ์เห็นการกระทำแล้วอดหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่ได้

“อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว มันอันตราย”

“ครับ เจ้านาย ถ้าห่วงแบบนั้นปล่อยให้เขาดื่มเหล้าทำไม”

“เพราะมีนายอยู่ไงจิณณ์”

“ฉัน?”

“ฉันรู้ว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังและไม่ปล่อยให้พายเป็นอันตรายเด็ดขาด”

“เชื่อใจฉันเสียจริง” จิณณ์ยกยิ้ม

“บนโลกนี้คนที่ฉันเชื่อใจและไว้ใจมากที่สุดก็คือนาย”

“โอย ขนลุก อย่ามาพูดจาเลี่ยนให้ได้ยินอีก”

“หึ ไว้ฉันจะให้อาเฉินมาพูดให้นายฟังก็แล้วกัน” อรรควัสพูดอย่างรู้ทัน

“อืม ค่อยน่าสนใจอยากฟังขึ้นมาหน่อย” จิณณ์มีสีหน้าที่พึงพอใจ “แล้วนึกยังไงถึงยอมให้เขาดื่มเหล้า”



จิณณ์พยักพเยิดใบหน้าไปยังร่างที่หลับไร้สติในอ้อมกอดบอสใหญ่

“นาน ๆ ทีน่าอีกอย่างเผื่อว่าจะฝึกได้บ้าง”

“แต่นายไม่ชอบเหล้าไม่ใช่เหรอไงอรรค แล้วให้เขาลองเนี่ยถ้าเกิดติดใจขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร”

“ฉันไม่ชอบเหล้าก็จริง แต่ฉันกับเขาก็เป็นคนละคนกัน ถ้าพายจะชอบ ฉันก็ไม่ว่าอะไร”

“ฉันอยากจะอัดเสียงให้คนทั้งโลกได้ยินว่าอรรควัสคนที่ไม่ยอมใครกลับตามใจผู้ชายคนหนึ่งง่าย ๆ แบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มอดค่อนแคะเพื่อนรักไม่ได้

“ฉันจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง”

“เออ ให้มันได้อย่างนี้ ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับภาสกรคงเป็นข้อยกเว้นสินะ”

“นายเข้าใจไม่ผิดหรอก” ในจังหวะที่พูดกับเพื่อนสนิท ทว่าดวงตาของอรรควัสกลับจ้องมองใบหน้าที่แดงเพราะพิษสุราด้วยความเอ็นดู

“ไม่คิดว่าในชีวิตนี้ฉันจะได้เห็นมุมนี้ของนาย เด็กคนนี้คงทำให้นายมีความสุขใช่ไหม รักษาเขาไว้ดีล่ะ ๆ ฉันเชื่อในสายตาว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี”

“ใช่ เขาเป็นเด็กดี” อรรควัสไม่ปฏิเสธ

“พาเขากลับไปคาสิโนคราวนี้ คิดว่าจะสะสางเรื่องที่ค้างคาได้ไหม”

“ฉันไม่แน่ใจ ทุกครั้งก็จับไม่ได้คาหนังคาเขาเลยสักที ที่ฉันให้พายกลับไปที่คาสิโน จริง ๆ แล้ว..”

“นายต้องการให้แน่ใจว่าภาสกรอยู่กับนายแล้วจะปลอดภัยมากกว่าอยู่กับคนอื่นอย่างนั้น...ใช่ไหม”

“จิณณ์..นายเข้าใจฉันเสมอ แต่อีกไม่นานหรอก คนที่ตั้งใจจะเล่นงานฉันมันต้องปรากฏตัวแน่ ๆ”

“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เสมอ ฉันคงไม่ต้องพูดประโยคที่ว่า ‘ไม่ต้องเกรงใจ’ ให้นายฟังหรอกนะ”

“ไม่ต้อง เพราะฉันไม่มีวันจะเกรงใจนาย” อรรควัสลุกขึ้นยืนพลางประคองร่างที่หลับขึ้นมาด้วย

“อืม”

“ฉันไปละ” บอสหนุ่มอุ้มคนเมาเตรียมจะออกไปจากห้อง แต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้

“อีกอย่างหนึ่งนะอรรค”

“อะไร”

“ถนอมเขาหน่อย” จิณณ์มองภาสกร

“ทำไม”

“นายไม่รู้เหรอว่ารอยแดง ๆ ตรงต้นคอเขา” ผู้จัดการหนุ่มชี้ที่หลังคอตัวเองเป็นตัวอย่าง “รอยที่นายคิดว่าคอเสื้อจะปิดทำให้คนอื่นมองไม่เห็นน่ะ แท้ที่จริงแล้วมัน...”

“นายเห็นแล้วอย่างไร คงไม่ป่าวประกาศบอกใครอยู่แล้วมั้งจิณณ์ แค่นายคนเดียวฉันไม่ถือสา” ไม่ใช่จิณณ์คนเดียวที่เข้าใจอรรควัส แต่ในทางกลับกันอรรควัสก็เข้าใจจิณณ์เหมือนกัน รู้ใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดีว่ากำลังจะสื่ออะไรโดยไม่ต้องรอพูดให้จบ

“ฉันถึงบอกไง ถนอมเขาหน่อย”

“ฉันถนอมเขาอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะ อย่าอิจฉาสิคนมีความรักสิ หึ ไปละ” อรรควัสพูดทิ้งท้ายติดจะเย้ยหยันเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปจริง ๆ เสียที ทันทีที่ได้ยินเสียงก่นด่าเสียงไล่หลังตามมา บอสหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ยินสักที

“ไอ้เพื่อนเลว จะไปไหนก็ไปเลยเว้ย”











‘ห้ามบอกใครเด็ดขาด’



ประโยคบอกเล่าเชิงคำสั่งที่ภาสกรได้รับรู้ก่อนจะกลับมาสู่ดินแดนน้ำพุบนสรวงสวรรค์ คาสิโนที่เขาโหยหาอยากกลับมานักหนา



“สักคนเดียวก็ไม่ได้เหรอครับ”

คนถูกถามกลับส่ายหน้าก่อนตอบเพื่อยืนยัน “ไม่ได้”

“แต่...”

“กฎสำคัญที่สุดบนชั้นวีไอพีคือห้ามบอกหรือเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องทุกอย่างกับชั้นนั้นให้ใครฟัง”

“แต่..นน..เพื่อนผม”

“แน่ใจได้ไหมว่าเพื่อนไม่ใช่คนปากโป้ง”

“แน่ใจครับ” ภาสกรรีบพยักหน้าอย่างแรงโดยเร็ว

“แค่คนเดียว”

“ขอบคุณครับ”

“ห้ามเมาเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก รู้ไหม” เมื่อจบเรื่องแรก อรรควัสจึงเปลี่ยนเรื่องใหม่

“ขอโทษครับ”

“ไม่ต้องขอโทษ ครั้งนี้มีจิณณ์ดูแลอยู่ ฉันเลยไม่ห่วง แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีก ดูแลตัวเองให้ดี”

“ผมจะไม่เมาแบบเมื่อคืนอีกแล้วครับ”

“พาย..”

“ครับคุณอรรค” ตอนนี้ภาสกรเริ่มชินกับการเรียกชื่ออีกฝ่ายแล้ว

“พาย” อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาซ้ำอีกครั้ง

“เรียกผมทำไมครับ”

“เปลี่ยนจากเรียกบอสมาเป็นชื่อฉันแล้ว คำว่าผมก็น่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน”

“ผม?” ภาสกรขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มแปรคำพูดของอีกฝ่ายกระทั่งเริ่มเข้าใจ “ผม..เอ่อ..”

“เธอมักแทนชื่อตัวเองกับคนที่สนิทด้วย และฉันคิดว่าเราน่าจะสนิทกันแล้ว..”

“...”

“หรือว่าไม่ใช่” อรรควัสพูดต่อแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทำไมถึงฟังดูเครียดเคร่งกว่าปกติ

“ไม่ใช่ครับ พายไม่ได้คิดอย่างนั้น” ภาสกรรีบปฏิเสธ แต่ก็คร้านจะพูดต่อว่าเขามักแทนชื่อตัวเองกับคนที่สนิทก็จริงแต่ก็ใช้กับคนที่แก่กว่าด้วยเหมือนกัน

“อืม” อรรควัสดูมีสีหน้าที่พึงพอใจขึ้น นั่นก็ทำให้ภาสกรเบาใจ



เอาเป็นว่าถ้าอรรควัสต้องการให้เขาแทนชื่อตัวเองเพราะมาจากความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้น เขาก็จะคิดแบบนั้น จะไม่พยายามคิดว่าที่แทนชื่อตัวเองกับอีกฝ่ายเพราะบอสใหญ่นั้นแก่กว่าเขาก็แล้วกัน



และไม่ควรให้เจ้าของคาสิโนล่วงรู้ความคิดนี้ของเขาโดยเด็ดขาด น่ากลัวว่าหากรู้ขึ้นมาเขาอาจจะถูกไล่ออกได้โดยพลัน



อันที่จริงหลังจากตื่นขึ้นมาจากอาการภาพดับกลางคันในงานเลี้ยงแล้วภาสกรก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย มันไม่ใช่ห้องพักที่เขาอาศัยอยู่ที่ผับ ไม่ใช่ห้องห้าสิบสองที่เขาไปนอนอยู่หลายคืน แม้กระทั่งห้องที่เคยอยู่ที่คาสิโนก็ไม่ใช่แบบนี้



แล้วมันคือที่ไหน เขาอยู่ที่ไหนกันแน่



“ห้องฉันเอง” อากัปกิริยาของภาสกรไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของคนช่างสังเกต บอสใหญ่เห็นดวงตาคู่สวยมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยท่าทางแปลกใจ ก็พอจะทำให้เขาเดาออกได้บ้าง

“ห้องคุณอรรค?”

“ใช่ ฉันพาเธอกลับมาที่คาสิโนแล้ว”

“เหรอครับ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงักเต็มไปด้วยความสงสัยจึงถามต่อ “แล้วทำไมคุณอรรคถึงพาผม เอ๊ย พายมาที่ห้องคุณล่ะครับ แล้วห้องผะ..พายอยู่ไหน”

คนถามทำท่าจะลุกขึ้นออกจากเตียงแต่ถูกแขนของอีกคนคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน “ไม่มี”

“หมายความว่าไงครับ พายไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่งั้นเหรอ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง จนคนได้ยินรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวกำลังตกใจพอควร

“ฟังฉันก่อน อย่าเพิ่งคิดเองเออเอง”

“ครับ” ภาสกรรับคำแต่สมองกลับสับสน ถ้าไม่ให้เขาทำงานที่คาสิโนแล้วพาเขากลับมาที่นี่ทำไม

“ห้องนี้คือห้องของเธอ”

“แต่..”

“ฟังฉัน” เจ้าของห้องตัวจริงบอกคนที่เตรียมจะค้านเสียงขรึม ถึงแม้บอสจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงเหมือนเมื่อก่อนที่ภาสกรได้ยินแล้วหัวหด แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังจนเขายอมเชื่อฟังแต่โดยดี

“ครับ”

“ผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ห้ามแทรก” ถูกสอนไปอีกหนึ่งประโยค

“ขอโทษครับ”

“ขยับมานี่” ภาสกรไม่ได้อิดออดเขาพาตัวเองเข้าหาคนพูดอย่างว่าง่าย กระทั่งตกอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่าย อรรควัสจึงเริ่มพูดต่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธออยู่ที่ห้องนี้กับฉัน แล้วมะรืนนี้กลับไปทำงานที่ชั้นวีไอพี เข้าใจหรือเปล่า”



ภาสกรได้ยินเสียงคนพูดอยู่เหนือศีรษะ เขาตอบอู้อี้ว่าเข้าใจกับแผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจะพูดรู้เรื่องเสียงดังฟังชัดได้อย่างไรถ้าถูกกอดรัดแน่นขนาดนี้

“ให้พักที่นี่จะดีเหรอครับ” ชายหนุ่มยังติดใจ

“มีอะไรที่ไม่ดี หรือว่าไม่อยากอยู่กับฉัน”

“ไม่ใช่ครับ พายแค่กลัวคุณอรรคจะอึดอัดมากกว่าที่ให้ใครก็ไม่รู้มาอยู่ร่วมห้องด้วย”

“ถ้าเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไม่มีทางยอมให้มาอยู่ห้องนี้กับฉันแน่ แต่ว่าเธอไม่ใช่ เธอเป็นมากกว่านั้น”

“คุณอรรค..”

“ถ้าหากเธอยังไม่เข้าใจอีก ฉันพูดให้ฟังชัด ๆ เอาไหม เผื่อว่าเธอจะเข้าใจเรื่องระหว่างฉันกับเธอได้มากขึ้น และไม่คิดแปลกประหลาดอีก”

“พายไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้พายมีแต่ความสุข จนทำให้กลัวว่าที่ผ่านมาพายกำลังฝัน พอตื่นขึ้นมาแล้วอาจพบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

อรรควัสจับนิ้วมือข้างหนึ่งของภาสกรขึ้นมาก่อนจะส่งนิ้วนั้นเข้าปากตัวเองแล้วกัดเบา ๆ พอให้รู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่มากจนทนไม่ไหว

“เจ็บครับ”

“ถ้าเจ็บก็ไม่ใช่ฝัน”

“แต่พายเคยฝันนะครับ ในฝันก็เจ็บมากเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาร้องไห้เลย” ภาสกรเล่าถึงความฝันที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมานานแสนนานให้อีกฝ่ายฟัง

“ถ้ายังไม่เชื่อ จะให้ฉันพิสูจน์อย่างอื่นดีไหม” นิ้วมือของภาสกรยังอยู่ไม่ห่างจากริมฝีปากคนพูด จากที่ถูกกัดในทีแรกตอนนี้นิ้วมือนั้นกลับถูกดูดดึงเบา ๆ แทบทำให้ภาสกรร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้า

“เชื่อครับ พายเชื่อแล้ว”

“น่าเสียดาย ทำไมเชื่อง่ายเหลือเกิน”

“แล้ววันนี้คุณอรรคไม่ไปทำงานเหรอครับ” หากพูดต่อไปต้องไม่พ้นตัวแน่ ภาสกรฉลาดรีบหาทางเอาตัวรอดโดยการเปลี่ยนเรื่องใหม่เสียเลย

“เปลี่ยนเรื่อง..”

“...”

“เอาละ เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างเสียหน่อย แล้วจะให้อาเฉินอยู่หน้าห้องเป็นเพื่อนเธอ ถ้ามีอะไรก็เรียกเขา ไม่ต้องไปเกรงใจ”

“ไม่เป็นไรครับคุณอรรค พายดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากพี่เฉินหรอกครับ”

“มันเป็นหน้าที่ ถ้าเกรงใจเขาก็ดูแลตัวเองให้ดี”

“ครับ”

“พอฉันลงไปแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวอาเฉินจะเข้ามาหาเธออีกหนึ่งชั่วโมง มีหลายอย่างที่ต้องบอกให้เธอต้องรู้เพิ่มเติม และคืนนี้ไปเรียนกับอาจารย์สองคนนั้นด้วย ลืมหรือยัง”

“อะ..ครับ ไม่ลืม ๆ” เมื่ออรรควัสเตือนความจำ ภาสกรก็รับคำแต่ในใจหวาดหวั่น อาจารย์เฉินและอาจารย์คุน สอนโหดจะตายชัก คืนนี้เขาต้องคลานกลับห้องแทนการเดินแน่ ๆ

“ถ้าเธออยากรู้ตัวคนร้ายเร็ว ๆ อย่าลืมที่ฉันบอก ห้ามบอกใคร”

“ครับ พายจะไม่บอกใคร นอกจากนน”

“ตามใจเธอก็แล้วกัน เด็กดื้อ”



พูดจบอรรควัสก็เอามือวางลงบนกลุ่มผมหนานุ่มแล้วลุกออกไปจากห้องเงียบ ๆ ทิ้งความอบอุ่นแผ่ซ่านไว้กับภาสกร เขายิ้มด้วยความขวยเขินก่อนจะอุบอิบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไม่ดื้อสักหน่อย”


========================================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-12-2019 00:50:34
หวานจริง หวานจัง :ling1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-12-2019 00:56:55
เพื่อนคนไม่ทรยศหรอกเนาะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-12-2019 01:08:05
 :ruready หวานกันแล้ว ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2019 02:25:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครคือผู้ร้าย?

นนจะเชื่อใจได้จริงไหม?   เห็นเอ่ยมาหลายรอบแล้ว  กลัวหักมุมจัง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-12-2019 05:09:02
ขอให้ไม่ใช่เพื่อนนะที่ทำแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-12-2019 07:48:47
บอสพาน้องมาอยู่ด้วย จะไม่เป็นการเปิดจุดอ่อนให้คนร้ายรู้เหรอจ๊ะ.  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-12-2019 08:24:52
 :man1:

 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 13-12-2019 11:04:34
หลังจากหวานกันมาช่วงใหญ่ พอกลับมาคาสิโนก็หวั่นๆว่าเรื่องวุ่นวายจะตามมา
ขอให้น้องพายอยู่รอดปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-12-2019 12:35:25
หวานมาก มากที่สุด มากมาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-12-2019 21:59:54
เขินนนนนนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 14-12-2019 13:36:32
เกือบจะลืมเรื่องคนร้ายไปแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบห้า UP!! 12/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-12-2019 12:20:06

วงล้อที่ยี่สิบหก


ชั้นวีไอพีคือชั้นที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นอย่างไร นอกเสียจากเท่าที่บอสใหญ่จะอนุญาตให้รับรู้เท่านั้น พนักงานที่ทำงานในชั้นนี้ไม่สามารถแพร่งพรายสิ่งที่ตนเองพบเจอในชั้นให้กับบุคคลภายนอกฟังได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ได้เลยว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร



แต่ก็มีหลายเสียงที่เคยกล่าวถึงว่าหรือแท้จริงแล้วมันก็แค่เพียงสวยงามโอ่อ่าเหมือนชั้นอื่น ๆ ทั่วไป แต่ที่ปกปิดไว้ก็เพื่อให้สร้างความความสนใจเพียงเท่านั้น



คำบอกเล่าต่าง ๆ ที่เคยได้ยินมาสมัยตอนที่เขาทำงานอยู่ที่คาสิโนนั้นเทียบไม่ได้เลยเมื่อมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันสวย หรูหรา เหมือนชั้นอื่น ๆ ก็จริงแต่ไม่ใช่แค่นี้ ชั้นนี้พิเศษกว่าชั้นทั่วไปมาก ชั้นวีไอพีมีความสวยสง่าแต่มากกว่าชั้นอื่นแน่นอน แต่จะให้บรรยายออกมาภาสกรคงทำไม่ได้ ก็กฎบอกว่าห้ามบอกใครนี่นา



เอาละ แต่ถ้าจะให้พูดคร่าว ๆ คงพูดได้ไม่ผิดกฎใช่ไหม การตกแต่งของชั้นนี้แตกต่างจากชั้นอื่นอย่างสิ้นเชิง สมดั่งคำว่าชั้นวีไอพี ภาสกรไม่มีความรู้เรื่องการตกแต่งมากนักแต่เขาก็พอจะมองออกว่าวัสดุที่ใช้นั้นเป็นวัสดุชนิดพิเศษ ทุกอย่างประณีต แก้วเจียระไน รูปแกะสลัก รูปปั้นต่าง ๆ ดูก็รู้ว่าราคาของมันคงบอกมูลค่าไม่ได้



ผนังรายล้อมไปด้วยม่านน้ำตกมองเห็นการจัดสวนที่สวยงาม ซ้ำยังมีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่นี่ ได้ยินเสียงน้ำเย็นไหลเอื่อยกระทบดินก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ปกติคนที่มาเที่ยวคาสิโนมักจะแต่งตัวสวยงามอยู่แล้วแต่ชั้นนี้กลับยิ่งสวยงามหรูหรามากกว่าเดิม คุณผู้ชายสวมใส่สูทตัดเย็บอย่างดี คุณผู้หญิงสวมชุดราตรีประดับด้วยเพชรนิลจินดา ราวกับอวดศักดาและบารมีเงินตรา ส่องแสงวิบวับระยับตาจนภาสกรเกือบตาพร่ามัว



นอกเหนือจากความหรูหราโอ่อ่าแล้ว ชั้นนี้กลับมีขนาดไม่ใหญ่นักจนภาสกรแปลกใจ การวางผังของชั้นนี้ก็แตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน ชั้นอื่น ๆ นั้นจะแบ่งโซนชนิดการพนันไว้อย่างชัดเจน แต่ชั้นนี้กลับมีเพียงโต๊ะยาวสะดุดตาเพียงโต๊ะเดียวและแวดล้อมด้วยโต๊ะเครื่องเล่นเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น และตอนนี้ที่โต๊ะใหญ่มีคุณผู้ชายทั้งสี่คนนั่งอยู่แต่ละมุมโต๊ะกำลังใช้บริการอยู่ พวกเขาต่างเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย



จะว่าไปแล้วชั้นวีไอพีนี้เหมือนเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเสียมากกว่า



“ห้าล้าน” เสียงผู้ชายสูทน้ำเงินเปรยขึ้นเสียงขรึมหลังจากที่เขาเห็นไพ่ที่ถูกแจกมาจากดีลเลอร์ ผู้ช่วยที่ยืนข้างตัวคนวางพนันนั้นใช้ไม้ยาวดันชิปไปที่กลางโต๊ะ

“ตาม ห้าล้าน แล้วเกทับอีกห้าล้าน” ผู้ชายสูทดำพูดขึ้นไม่ยอมรามือเช่นเดียวกัน อีกฝ่ายพนันเท่าไหร่เขาก็ตาม ผู้ช่วยของเขาทำตามคำสั่งที่ได้ยินทันที ทำให้อีกสองคนที่เหลือรวมถึงเจ้าของสูทน้ำเงินต้องวางเงินเดิมพันเพิ่ม หากไม่วางเดิมพันจะถือว่าหมอบหรือยอมแพ้ในเกมนี้



ชิปกองพะเนินวางอยู่กลางโต๊ะ ภาสกรไม่รู้ว่าชิปเหล่านั้นมีมูลค่าเท่าไหร่แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้มันมีอยู่สี่สิบล้านแน่นอน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นมูลค่าเงินขนาดนี้มาก่อน ชายหนุ่มกลืนน้ำลายดังเอื้อก แค่หงายไพ่ใบแรก เดิมพันก็สูงถึงขนาดนี้เชียวหรือ



เสียงเชียร์จากคนที่เข้ามาร่วมดูการแข่งขันดวลไพ่โป๊กเกอร์ขึ้นเซ็งแซ่ ใครใคร่เชียร์ฝั่งไหนก็ส่งเสียงเชียร์ แล้วก็ส่งเสียงโห่ให้กับฝั่งที่ตนไม่ได้เลือก



ภาสกรไม่เคยเล่นไพ่โป๊กเกอร์มาก่อนแต่เขารู้กฎและวิธีการเล่น เขารู้ได้อย่างไรน่ะเหรอ ก็นวพลเพื่อนรักตัวดีของเขาน่ะสิลากเขาไปดูของพวกนี้อยู่เสมอ ภาสกรจึงรู้จักไปโดยปริยาย



ถ้าอย่างนั้นก่อนที่ดีลเลอร์จะหงายไพ่ใบที่สองให้แต่ละฝ่าย เขาจะถือโอกาสนี้อธิบายวิธีการเล่นเบื้องต้นอย่างสังเขปก็แล้วกัน เท่าที่เขาได้ยินจากคนรอบข้างคุยกันมานั้นทำให้เขารู้ว่ากติกาของเกมนี้คือดีลเลอร์หรือผู้แจกไพ่จะแจกไพ่ให้ทุกคนคนละห้าใบ โดยที่ใบแรกนั้นดีลเลอร์จะหงายไพ่ให้เลย ส่วนใบที่สองจนถึงห้าผู้เล่นจะเป็นคนเปิดเองและยังสามารถเปลี่ยนไพ่ได้ด้วย สำหรับการเปลี่ยนไพ่จะเปลี่ยนได้เพียงครั้งเดียวแต่กี่ใบก็ได้และตอนนี้ทุกคนก็ขอเปลี่ยนไพ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว



โป๊กเกอร์มีหลายแบบแล้วแต่กติกาที่จะตกลงกัน สำหรับครั้งนี้คือจะไม่มีการขอเปลี่ยนไพ่ได้เรียกได้ว่าต้องอาศัยทั้งดวงและจิตวิทยาล้วน ๆ เล่นเกมอย่างไรให้ชนะอีกสามคนที่เหลือ ภาสกรคิดแล้วก็รู้สึกเครียดแทนโป๊กเกอร์ไม่ใช่เกมที่อาศัยเพียงแค่ดวงแต่สีหน้ารวมไปถึงสายตาและท่าทางต่าง ๆ คือการกำหนดแพ้ชนะให้กับคุณ เรียกว่าหน้าตายิ้มแย้มแต่ไพ่ในมือแสนห่วย หากทำให้คู่ต่อสู้หลงเชื่อคิดว่าไพ่ในมือนั้นดีมากได้แล้วละก็ชัยชนะก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม



การจัดลำดับคะแนนหรือแต้มนั้นจะดูที่กลุ่มไพ่ และเรียงตามสี โดยที่จะเรียงสีโพธิ์ดำ โพธิ์แดง ข้าวหลามตัดและดอกจิก เรียงมูลค่าแต้มของมัน เช่น ถ้าคุณถือเลขห้าที่เป็นโพธิ์ดำ ส่วนอีกคนถือข้าวหลามตัดแปลว่าคนที่ถือห้าโพธิ์ดำจะมีแต้มสูงกว่า เป็นต้น



การเรียงไพ่เพื่อชนะนั้นต้องเป็นในรูปแบบที่ภาสกรรู้จักดังต่อไปนี้ การเรียงของไพ่ เช่น ห้า หก เจ็ด แปด เก้า เรียกว่าไพ่เรียงหรือสากลเรียกว่าสเตรทฟลัช (Straight flush) ถ้ามีคนเรียงเหมือนกันก็ให้ดูแต้มไพ่ใครสูงกว่าคนนั้นคือผู้ชนะ ต่อมาคือมีไพ่เลขตัวเดียวกันสี่ตัวส่วนใบที่ห้าเป็นอะไรก็ได้นั้นเรียกว่าหอนหรือโฟร์ ออฟ คายด์ (Four of kind) ถัดมาคือมีไพ่เหมือนกันสามใบหรือตองและไพ่เหมือนกันอีกสองใบหรือหนึ่งคู่นั้นเรียกว่าเห่าหรือฟูลเฮาส์ (Full house) และฟลัช (Flush) คือห้าใบเป็นดอกเดียวกันเช่นมีข้าวหลามตัดทั้งห้าใบ สุดท้ายคือเสตรท (Straight) ไพ่เรียงต่อกันแต่เป็นสีอะไรก็ได้



อันที่จริงยังมีอีกแต่แค่นี้ก็คงจะงงแย่แล้ว เขาคิดว่าเอาแค่หลัก ๆ ดีกว่า แล้วถ้าเกิดว่าไพ่ในมือไม่เข้าข่ายตามที่เขาเอ่ยเล่ามาเลยล่ะ ก็ไม่ต้องกังวลเราก็นับแต้มบวกเลขใครแต้มสูงสุดก็ได้เงินรางวัลไป ขึ้นชื่อว่าการพนันอย่างไรก็ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ ส่วนผู้โกงนั้นภาสกรจะไม่ขอพูดถึงก็แล้วกัน



ไพ่ใบที่สองถูกเปิดหงายแล้ว เรียกเสียงฮือฮารอบด้านเมื่อทั้งสี่คนหงายไพ่ครบทุกคนแล้ว ชายสูทสีน้ำเงินมีเลขเก้าเหมือนกันสองใบคือหนึ่งคู่ ชายสูทดำมีไพ่เลขห้าและหกโพธิ์ดำทั้งสองใบ ชายสูทขาวนั้นช่างโชคร้ายมีเอซหรือเอกับไพ่เลขที่สิบเป็นดอกจิกทั้งสองใบ หากอยากชนะคงต้องภาวนาให้อีกสามใบที่เหลือคือแจ็ก แหม่ม คิง (J , Q , K) ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก ส่วนคนสุดท้ายชายสูทสีแดงเลือดหมูนั้นมีคิงสองใบ



“คุณชายเสิ่นมีเอซ แต้มใหญ่ที่สุด เรียกได้เลยครับ” ดีลเลอร์ประกาศให้ทุกคนรับทราบโดยกติกานี้คือแต่ละรอบที่หงายไพ่หากใครแต้มสูงสุดจะเป็นผู้ได้เรียกหรือวางเดิมพันก่อน

“ยี่สิบล้าน” คุณเสิ่นหรือชายสูทขาวเปรยขึ้นด้วยสีหน้าสบาย ๆ ติดจะอมยิ้มเล็กน้อย

“ใจใหญ่ไปหรือเปล่าคุณเสิ่น ไพ่ของคุณน่ะดูก็รู้ว่าจะให้เรียงเสตรทยังยากเลย ยิ่งสเตรทฟลัชคงยิ่งเป็นไปไม่ได้” ชายสูทแดงเลือดหมูพูด “แต่เอาเถอะ คุณเสิ่นให้เกียรติขนาดนี้ผมจะไม่ตามได้อย่างไร ตามยี่สิบล้าน”

“คุณเสิ่นเรียก คุณเจิ้งตาม ผมคนแซ่ถังจะปฏิเสธคงดูไม่ดีใช่ไหมคุณชู ตามไปยี่สิบล้านเช่นกัน” ชายสูทน้ำเงินพูดขึ้นพลางหันไปถามชายสูทดำหรือคุณชายชู

เสียงเชียร์รอบข้างยังดังอื้ออึงต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ภาสกรไม่รู้ว่าชั้นวีไอพีวางเงินเดิมพันหนักเป็นปกติหรือไม่ เขามาทำงานวันแรกก็ทันได้เห็นงานใหญ่เข้าเสียแล้ว

“ขอแชมเปญแก้วหนึ่งจ้ะ” หญิงสาวในชุดราตรีสีครีม บนคอของเธอประดับไปด้วยเพชรเม็ดงาม นิ้วมือที่สวมแหวนเม็ดโตอีกเช่นกันเรียกภาสกรให้เข้าไปใกล้

“ครับคุณผู้หญิง” ภาสกรลดถาดในมือลง หญิงสาวจึงสามารถหยิบแก้วได้เองอย่างสะดวก

“ขอบใจนะ”

“ยินดีครับ” ภาสกรน้อมศีรษะตามมารยาทก่อนจะเดินต่อ ทว่าเขาไม่ได้ไปไหนไกลเพราะบริเวณนี้เต็มไปด้วยผู้คนทำให้แน่นขนัดที่สุดในชั้นนี้แล้ว

ระหว่างที่เขาเดินแหวกกลุ่มกองเชียร์อย่างมีชั้นเชิง เดินอย่างไรไม่ให้ชนแขกสำคัญและน้ำหลากหลายรสชาติไม่ได้กระฉอกออกมาจากแก้วจนเลอะถาดที่เขาถือ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่กำลังพูดถึงใครสักคนหนึ่ง

“อุ๊ย นั่นคุณอรรคนี่” หญิงสาวคนหนึ่งที่ภาสกรก็มองเห็นไม่ชัดว่าคือเสียงของคนไหนทักขึ้น

“นึกว่าวันนี้จะไม่เจอคุณอรรคแล้วนะคะ” เสียงที่แหลมเล็กกว่าเสียงแรกปรี่เข้าไปคล้องแขนบอสใหญ่ ภาสกรมองตามภาพนั้นด้วยความปั่นป่วนในใจ

“วันนี้มีเรื่องน่าสนใจ เซียนไพ่ให้เกียรติมาแสดงฝีมือที่คาสิโนผม ไม่ว่าจะติดงานอะไรอยู่ผมจะต้องลงมาแน่นอนครับ” เจ้าของคาสิโนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแฝงด้วยความอบอุ่น เป็นเสียงที่เขามักจะใช้ยามที่ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกคน

เรื่องน่าสนใจที่อรรควัสกล่าวถึงนั้นไม่ใช่เรื่องอื่นใดแต่เป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสี่คนที่ยังเล่นเกมกันอยู่โดยยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ

“คุณอรรคเชียร์ใครคะ”

“ผมไม่กล้าเลือกข้างหรอกครับ ทุกท่านต่างเป็นแขกคนสำคัญของคาสิโนทั้งสิ้น ยิ่งวันนี้คุณชายเสิ่นมาให้เกียรติที่คาสิโนด้วยแล้วผมยิ่งไม่กล้าพูดมาก” อรรควัสส่งยิ้มการค้าให้หญิงสาวพลางปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“แหม ถ้าคุณอรรคไม่เลือกข้างแบบนี้ก็ไม่สนุกเลย คุณเสิ่นก็มีคาสิโนเองนึกอย่างไรมาเล่นที่คาสิโนคุณอรรคได้เนี่ย” หญิงสาวคนใดคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัยเสียงหวาน

บอสใหญ่ยิ้มดังเดิมพลางเหลือบสายตามายังภาสกรที่ยืนมองอีกฝ่ายอยู่พอดี เมื่อภาสกรเห็นสายตาคู่นั้นจ้องมาที่ตน เขาก็รีบหลุบสายตาลงต่ำก่อนจะเสมองไปที่อื่น ถูกจับได้เสียแล้วว่าแอบมอง

“ขอตัวก่อนนะครับ” อรรควัสค้อมศีรษะให้สองสาวเล็กน้อยก่อนจะใช้มือปลดแขนของหญิงสาวคนหนึ่งออกอย่างอ่อนโยน

“ค่ะ” สองสาวรับคำอย่างเสียดายแต่ก็ไม่ได้ห้ามชายหนุ่มเอาไว้

อรรควัสเดินทักทายแขกคนสำคัญตามมารยาทก่อนจะไปหยุดยืนข้าง ๆ คนหนึ่งในชุดพนักงานคาสิโน

“เดินหนีมาที่นี่เอง” อรรควัสเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน

“คุณอรรค..บอส” ภาสกรหันไปมองหลุดเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามเสียใหม่

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ”

“บอสครับ”

“ฉันให้เธอเรียกอย่างนี้งั้นหรือ” คนพูดเริ่มแสดงออกถึงความไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

“พาย..เอ่อ..ผมคิดว่าในเวลาทำงานควรจะเรียกแบบนี้ดีกว่าครับ”

“ทำไม”

“ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้าคงดูไม่ดี”

“ไม่จำเป็นต้องสนใจ”

“ต้องสนใจครับ”

“ดื้อ?”

“ไม่ใช่ครับ”

“ถามคำ ตอบคำแบบนี้ ฉันชักสงสัยว่าไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า” อรรควัสผิดสังเกต เขาจึงลองเปรยถามดู

“เปล่าครับ”

“เป็นอะไรหรือเปล่าพาย”

“ภาสกรเถอะครับ” พนักงานหนุ่มว่าก่อนจะถามต่อเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “บอสมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมจะ..”

“มี”

“บอสมีธุระอะไรครับ”

“ขอน้ำเปล่าให้ฉันแก้วหนึ่ง”

“อะไรนะครับ” ภาสกรทวนคำอย่างไม่เชื่อหู อย่าบอกนะว่ามาด้วยธุระเพียงเท่านี้

“ขอน้ำเปล่าให้ฉันแก้วหนึ่ง”

“ครับ ๆ” เขามองแก้วในถาด ไม่ปรากฏว่ามีน้ำเปล่าบนถาด เขาจึงบอกอีกฝ่ายว่า “ผมไม่มีน้ำเปล่าเลย อย่างไรรบกวนบอสรอสักครู่ได้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปนำน้ำเปล่ามาให้”

“ได้”

“ครับ เดี๋ยวผมมา”

“เอาขึ้นไปให้ฉันที่ห้องทำงานก็แล้วกัน”

“แต่..”

“ไม่มีแต่ เธอดื้อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขึ้นเอาไปให้ฉันข้างบน เธอควรพักได้แล้ว มันเลยเวลาพักของเธอตั้งนานแล้วรู้หรือเปล่า”

“ครับ ผมมัวแต่ดูเขาแข่งกันจนลืมเวลาพักไปเลย”

“อืม”

“ฉันให้เวลาเธอสิบห้านาที”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า เจ้าของคาสิโนจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจแล้วหมุนตัวกลับไปทางเดิมโดยมีสองบอดี้การ์ดคู่ใจตามหลังอีกฝ่ายไปเช่นกัน







สิบนาทีให้หลังภาสกรก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงานของบอสใหญ่ เขาวางแก้วน้ำตามที่เจ้าตัวได้ขอไว้ โดยวางมันข้างแก้วอีกใบหนึ่ง พลางคิดในใจว่าอีกฝ่ายก็มีน้ำให้ดื่มอยู่แล้วจะลงไปข้างล่างไปบอกให้เขาเอาน้ำมาให้อีกทำไม



“มานั่งตรงนี้สิ” บอสใหญ่ไม่สนใจแก้วน้ำที่ถูกวางใหม่ ๆ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วดึงมือภาสกรให้ไปนั่งด้วยกันบนโซฟาที่ครั้งหนึ่งชายหนุ่มเคยผล็อยหลับไปบนนั้น

“ครับ”

“ทำงานวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร”

“แล้วทำไมถึงลืมเวลาพัก ฉันรอเธออยู่นาน อาเฉินก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าฉันรออยู่” คำพูดเหมือนตำหนิแต่น้ำเสียงกลับไม่ได้แสดงถึงการต่อว่าใด ๆ เลย

“ขอโทษครับ ผมดูพวกเขาเพลินไปหน่อย ไม่รู้ผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้” ภาสกรไม่เคยเห็นการแข่งขันแบบนี้มาก่อนเขาจึงให้ความสนใจไม่น้อย

“อยากรู้งั้นหรือ”

“อยากรู้ครับ”

“คิดว่าใครชนะล่ะ”

ภาสกรส่ายหน้า “ไม่รู้ครับ”

“จะไม่ลองเดาหน่อยเหรอ”

“ไม่ครับ”

“ถ้าเธอเป็นผู้หญิง ฉันจะคิดว่าเธอต้องโกรธอะไรฉันแน่ ๆ” อรรควัสดึงตัวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ชิดกับตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม พลางกดจมูกลงกลุ่มผมหนาด้วยความเอ็นดู

“ครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง” ภาสกรไม่ได้ขืนตัวแต่น้ำเสียงที่ทวนคำพูดของบอสหนุ่มกลับทำให้เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจริง ๆ

“พาย”

“ครับ”

“เธอโกรธอะไรฉัน”

“ผมไม่ได้โกรธบอส”

“ตอนนี้เราอยู่ในห้องกันสองคน ไม่มีคนนอก ไม่มีคนอื่น”

“พายไม่ได้โกรธคุณอรรค” ภาสกรเปลี่ยนสรรพนามเสียใหม่ เมื่อถูกอรรควัสท้วงขึ้น

“แต่คำพูดของเธอมันไม่ใช่”

“พายแค่นึกโกรธตัวเอง”

“โกรธตัวเอง?”

“ครับ ตอนที่เห็นคุณอรรคลงมาชั้นวีไอพีแล้วมีผู้หญิงสองคนเข้าไปทักคุณ จับแขนคุณ” ภาสกรกัดริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ อรรควัสมองใบหน้าคนพูดอย่างตั้งใจ “พายงี่เง่ามากใช่ไหมครับ ไม่ควรคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้เลย”

“ไม่งี่เง่าสักหน่อย”

“ทั้งที่รู้ว่ามันคืองานแต่ก็ยังคิดอะไรแบบนี้ แย่มากเลยใช่ไหมครับ”

“ฉันดีใจที่เธอรู้ตัวว่ามันคืองาน แต่อันที่จริงฉันดีใจที่เธอหึงมากกว่า”

เจ้าของคาสิโนจับคางภาสกรให้เชิดขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ปากเชอร์รี่นั้นเบา ๆ ทีหนึ่ง ดวงตาสองคู่สบตากันกระทั่งภาสกรหลับตาลง ริมฝีปากเผยอขึ้น บอสหนุ่มเลิกเกรงใจส่งลิ้นอุ่นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากนั้น เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะถอดถอนออกมาด้วยความอิ่มเอม

“ฉันจะพยายามรักษาระยะห่างกับลูกค้า”

“ไม่ต้องครับ คุณอรรคทำถูกแล้วถ้าลูกค้ารู้เข้าคงรู้สึกไม่ดี งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว พายต่างหากที่ต้องแก้ไข”

“เธอเก่งมาก เด็กดีของฉัน”

“ไม่เก่งเลย”

“ไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่มีใครนอกจากเธออีกแล้ว ยกเว้นเรื่องอลันในตอนนี้”

“เรื่องคุณอลัน คุณอรรคจะให้ผมยกอาหารไปส่งให้คุณอลันเมื่อไหร่ครับ” พออีกฝ่ายพูดถึงชื่อหนุ่มผมทองเปล่งประกายราวกับแสงอาทิตย์เขาก็นึกถึง

“อยากทำเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้เลยได้ไหมครับ”

“ชอบอลันหรือไง” คำตอบของภาสกรทำให้อรรควัสถามคำถามในอีกแง่หนึ่งที่ภาสกรไม่คิดว่าจะถูกถามตรง ๆ แบบนี้

“คุณอรรคถามพายแบบนี้ทำไมครับ” เขายังไม่ตอบทันทีแต่เลือกจะย้อนถามอีกฝ่ายกลับ

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอมองอลันแบบไหน”

“คุณ..คุณอรรค” เมื่อถูกจับได้เจ้าตัวถึงกับอึกอัก “มอง..ออกด้วยเหรอครับ”

“เธอปกปิดสีหน้าเก่งหรือไง ตอบคำถามฉัน” อ้อมแขนคนถามรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีก แต่ภาสกรไม่กล้าเอ่ยขอให้เจ้าของอ้อมกอดคลายความแรงลง

“ชอบครับ” พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของคนฟัง ภาสกรรีบพูดต่ออย่างรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ “เคยชอบครับ ตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้ว”

“อืม เพราะถ้าเธอยังชอบอลันอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่” น้ำเสียงที่สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจและเจ้าตัวคงทำจริงอย่างที่พูดทำให้ภาสกรนึกกลัว

“ไม่ได้ชอบแล้วจริง ๆ ครับ อย่าทำอะไรผมเลย” เขายืนยันพลางบอกให้อีกฝ่ายเห็นใจ

“ทำอะไรเธอ? ไม่มีวัน ฉันไม่มีทางทำอะไรเธอแน่”

“อ้าว แล้วคุณอรรคหมายถึง..”

“ฉันจะไม่ปล่อยอลันไว้ต่างหาก และไม่ใช่แค่อลัน ถ้ามีใครมายุ่มย่ามกับเธอ ฉันก็จะไม่เว้นมันเช่นกัน” ภาสกรห่อไหล่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“ไม่มีหรอกครับ ไม่มีใครมายุ่งกับผมหรอก”

“ไม่มีก็ดี มาเถอะ เธอคงหิวแล้วใช่ไหม ฉันให้คนยกอาหารมาแล้ว”

“ขอบคุณครับ”

ตอนนี้เขาทำงานที่ชั้นวีไอพีโดยเริ่มทำงานตั้งแต่บ่ายโมงเลิกงานสี่ทุ่ม เก้าชั่วโมงรวมเวลาพักหนึ่งชั่วโมง มื้อเย็นวันนั้นภาสกรกินอาหารกับเจ้าของคาสิโนด้วยความเอร็ดอร่อยและเต็มไปด้วยความสุข จนลืมไปเลยว่าสุดท้ายการแข่งขันนั้นใครคือผู้ชนะ

“ตั้งใจทำงานเสร็จแล้วก็รีบขึ้นมา อย่าเถลไถล”

“ครับ” ภาสกรได้ยินก็นึกขัน เขาทำงานที่คาสิโน พักที่คาสิโน จะให้เขาเถลไถลได้อย่างไร “พายไปนะครับ”

“อืม”

ภาสกรลาเจ้าของห้อง เมื่อออกมาก็ทักทายสองอาจารย์หน้าห้อง จังหวะที่เขาลิฟต์เปิดออกมานั้น ภายในช่องสี่เหลี่ยมนั้นกลับปรากฏร่างคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างในสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งสองฝ่าย





“พาย...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”




========================================


ขอบคุณทุกการติดตามค่า เขมขอแจ้งว่าจะงดลงนิยายสัปดาห์หน้าและถัดไปนะคะ

ดังนั้นเขมจะมาลงนิยายอีกครั้งวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2563 ค่ะ



ขอบคุณสำหรับปีนี้ที่อยู่ด้วยกันมานะคะ เขมดีใจมากๆ และอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าทุกคนคือกำลังใจของเขมมากๆ ค่ะ

เขมขออวยพรล่วงหน้าน้า

Merry Christmas and Happy new year 2020 ค่ะ

ขอให้ปี 2563/2020 เป็นปีที่ดีของทุกคน ไม่ว่าจะมีปัญหาหนักหนาแค่ไหนก็จะผ่านพ้นไปได้และผ่านมันไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขค่ะ



ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ปล เดินทางไปเที่ยวไหนระมัดระวังด้วยน้าาา


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-12-2019 15:45:28
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-12-2019 16:26:30
อลันแน่ๆ  ไม่ก็เพื่อนของพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-12-2019 18:35:55
บอสต้องลดเสน่ห์ตัวเองลงบ้างแล้วล่ะ​ น้องหึง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-12-2019 20:32:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครหว่า?
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-12-2019 21:17:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-12-2019 23:26:59
ใครล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-12-2019 07:51:44
เอ๊ะ. ใครกันหนอขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้ ? 



Merry Christmas and Happy new year ค่ะไรท์
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 21-12-2019 10:05:35
อลันเหรอ หรือเพื่อนพาย

Merry Christmas and Happy newyear 2020 เช่นเดียวกันค่า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 21-12-2019 22:54:01
แต่เราเห็นนะว่ามีคนคิดถึงแค่น้องไม่พักก็มาตามถึงที่แล้ว เอาลูกค้ามาอ้าง กิ๊วๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-12-2019 22:57:38
เอ้าาาา ใคร
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบหก UP!! 19/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 09-01-2020 21:22:45

วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด



“พาย...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“อ้าว พี่แอนดี้ พี่ขึ้นมาได้ไงครับ”



ต่างคนต่างถามขึ้นมาพร้อมกัน ไม่มีใครตอบใคร ทั้งคู่ไม่คาดฝันว่าจะได้พบเจอกัน สองคู่สายตาสบตาด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ

“พี่../พาย..” สองเสียงเรียกอีกฝ่าย

“พายพูดก่อนดีกว่า” แอนดี้ชิงพูดก่อน

“พี่แอนดี้ขึ้นมาหาบอสเหรอครับ”

“อืม ใช่ บอสให้คนไปตามพี่ขึ้นมาว่าแต่พายเถอะ มาได้ไง แล้วเป็นไงบ้าง พี่อยากติดต่อไปแต่ไม่มีเบอร์พาย ถามเพื่อนของพาย เขาก็ไม่ได้บอกอะไรพี่เลย”

“เอ่อ..ผม..” ภาสกรไม่ได้คิดคำตอบ สมองกำลังทำงานอย่างนั้น “สะ..สบายดี”

“บอสให้ภาสกรมารับทราบเรื่องเลิกจ้างน่ะ เสร็จธุระแล้วก็รีบลงไป นายไม่ควรจะอยู่บนนี้อีก” ไม่รู้ว่าอาคุนเดินมาถึงคนทั้งคู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ภาสกรก็นึกขอบคุณที่อีกฝ่ายช่วยคิดหาคำตอบให้เขาได้ทันท่วงที

“ครับ ๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

“อืม” อาคุนพยักหน้าก่อนจะหันไปมองทางแอนดี้ “ส่วนนายรีบตามฉันมา บอสรอนานแล้ว”

“ครับ” แอนดี้รับคำ



แต่เจ้าตัวไม่วายมองไปทางภาสกร เขามีเรื่องอยากคุยกับอีกฝ่ายมากมาย เป็นห่วงอยากรู้ว่าหลังจากออกไปจากคาสิโนแล้ว ภาสกรเป็นอย่างไรบ้าง แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ซักถามเนื่องจากคนที่เขานึกถึงนั้นกดลิฟต์ลงไปชั้นล่างแล้ว



แอนดี้ไม่มีเวลาไปนึกถึงอีกคนมากนักเพราะเขาต้องรีบเข้ามาพบบอสตามคำสั่ง เขาอยู่ในห้องทำงานราวสิบนาทีก็กลับออกมาแล้วลงลิฟต์ไปอย่างเงียบเชียบเหมือนตอนที่ขึ้นมา คล้อยหลังเมื่อแอนดี้กลับออกไปสองบอดี้การ์ดหนุ่มก็เข้ามาในห้องทำงานของอรรควัสต่อทันที

“บอสครับ” อาเฉินเกริ่นขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง

“มีอะไร”

“บอสแน่ใจแล้วเหรอครับ”

“เรื่อง?”

“เรื่องพายครับ จะดีเหรอครับที่อนุญาตให้เขาไปส่งอาหารให้คุณอลันอีกครั้ง” คราวนี้อาคุนถามด้วยความเป็นห่วง

“เป็นความต้องการของเขา” อรรควัสปรายตาไปทางคนถามเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาจดจ่อที่กระดาษเอกสารตรงหน้า

“แต่..คุณอลัน”

“อลันจะไม่ทำอะไรพาย เขาไม่ใช่เป้าหมาย”

“แล้วเรื่องยาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล่ะครับ” อาเฉินไม่เข้าใจว่าทำไมบอสถึงพูดราวกับเชื่อมั่นเหลือเกิน

“พายมีหน้าที่ไปส่งอาหารให้อลันมาตลอด อลันไม่มีทางทำอะไรแปลก ๆ แน่ เพราะไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดคงเปล่าประโยชน์ เขาเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ดีอยู่แล้วอะไรควรหรือไม่ควร” อรรควัสเงยหน้าขึ้นตอบ



หลังจากเกิดเหตุการณ์ยาเสพติดกับภาสกรนั้น เจ้าของคาสิโนก็เร่งมือให้ทุกคนตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดูกล้องวงจรปิดจากในและรอบ ๆ คาสิโนเท่านั้น แต่เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาสกรแล้วทำให้เขาไม่ได้วางใจทำเหมือนครั้งก่อน เขาตัดสินใจตรวจสอบทุกชั้น ทุกร้านและทุกห้องในคาสิโน



เด็กที่อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของอรรควัสจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปชั้นคาสิโนทุกกรณี เด็กคนก่อน ๆ ของเขานั้นมีความโลภ ของแบรนด์เนมราคาแพงนั้นคือสิ่งที่เด็ก ๆ ของเขานั้นต้องหิ้วติดมือขึ้นมาบนห้องหลังจากไปเดินเล่นทุกครั้ง และเมื่อสบโอกาสจะแอบลงไปเล่นการพนันอยู่เสมอทำให้ความสัมพันธ์ไม่ยืนยาวต้องยกเลิกสัญญา แต่อลันนั้นแปลกออกไป ไม่เหมือนคนอื่น เจ้าตัวไม่สนใจไปไหน ไม่ซื้อของ วัน ๆ เอาแต่อยู่ในห้อง ไม่เคยทำผิดกฎ หากจะพูดตามตรงอลันคงเป็นเด็กที่อยู่กับเขานานที่สุดแล้ว



แต่ใครจะนึกว่าตอนที่เขายืนกำกับสั่งให้อาเฉินกับอาคุนตรวจกล้องวงจรปิดในชั้นที่ขายสินค้าแบรนด์เนมในคาสิโนอยู่นั้น เขากลับเห็นคนรูปร่างคุ้นตาเขาเป็นอย่างมากยืนอยู่หน้าห้องลองเสื้อผ้า กำลังยืนรอเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าดูไม่น่ามีพิรุธหรือปัญหาอะไร



ตั้งแต่อลันมาอยู่กับเขา น้อยครั้งที่เจ้าตัวจะลงมาที่ชั้นนี้ แทบไม่ต้องพูดถึงเจ้าตัวไม่มีทางที่จะลงมาเลือกซื้อเสื้อผ้าได้เลย ถ้าหากเขาไม่ให้อาเฉินหรืออาคุนซื้อขึ้นไปให้ อลันก็คงไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่



แล้ววันนี้ทำไมอลันมายืนอยู่ตรงนี้



อรรควัสขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดระหว่างที่ยืนจ้องมองภาพในกล้องโดยไม่ละสายตา ไม่ยอมพลาดแม้เพียงเสี้ยววินาที



เพียงครู่เดียวก็มีคนหนึ่งเปิดประตูออกมาแล้วเดินผ่านอลันอย่างไม่สนใจ เมื่อคนในห้องออกมา อลันก็เข้าไปแทนที่ แต่เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีอลันก็กลับออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม แปลกใจที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วนัก หรือแท้จริงแล้วไม่ได้ลองเสื้อผ้าเลยกันแน่



เพราะความเอะใจนี้ทำให้อรรควัสให้อาเฉินย้อนกล้องกลับไปตอนที่คนในห้องลองเดินออกมา ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่งพอ ๆ กับอลัน แต่เขาไม่เห็นใบหน้าเพราะอีกฝ่ายเดินก้มหน้า สวมหน้ากากและสวมหมวกอำพรางใบหน้า เห็นได้ชัดว่าดูมีลับลมคมใน



อันที่จริง ถ้าหากในยามปกติเขาคงไม่สนใจมากถึงขนาดนี้แต่เพราะพฤติกรรมที่ไม่ปกติของอลัน มันทำให้เขาสงสัยขึ้นมา

“เอ๊ะ นั่น..” อาคุนโพล่งขึ้นมา

“มีอะไร”

“บอสดูนี่สิครับ” เขาชี้นิ้วไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

“หืม?”

อาคุณซูมภาพให้เข้าไปใกล้คนที่เดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าขึ้นกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้ “ตรงนี้ครับ ดูลายตรงหัวไหล่ที่เสื้อสิครับ”

“ลายเสื้อนี่...” สมองของอรรควัสกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว

“ครับ ลายเสื้อพนักงานของเรานี่ครับ รูปน้ำพุ” เขานิ่งฟังโดยไม่ขัดอีกฝ่าย แม้จะรู้ดีอยู่แล้วเสื้อลายน้ำพุตรงหัวไหล่ ลายที่เขาออกแบบเองกับมือ ทำไมเขาจะจำไม่ได้

“อลันกับพนักงานคนนี้”

“บอสสงสัยคุณอลันเหรอครับ” อาเฉินถาม

“พวกนายสองคนไม่สงสัยหรือ”

“สงสัยสิครับ ผมก็ติดตามคุณอลันหลายครั้ง เขาไม่ใช่คนที่จะมาซื้อเสื้อผ้าเองเด็ดขาด” อาคุนรีบพูดต่อ

“ถูกต้อง แต่คำถามที่น่าสนใจคือพนักงานคนนั้นคือใคร”









ทางด้านภาสกรเมื่อเลิกงานแล้ว เจ้าตัวก็มุ่งหน้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ได้นัดแนะกับนวพลเอาไว้ วันนี้พวกเขามีนัดกันซึ่งเป็นวันหยุดของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้ภาสกรไม่พลาดโอกาสที่จะนัดนวพลไว้

“โทษที รอนานไหม” เสียงพูดอย่างกระหืดกระหอบถามเมื่อเจ้าตัววิ่งมาถึงโต๊ะที่ภาสกรนั่งอยู่

“เฮ้ย ทำไมเหงื่อแตกแบบนั้น นั่งก่อน ๆ” ภาสกรรีบเทน้ำใส่แก้วเปล่าตรงฝั่งของนวพลอย่างรวดเร็ว

“ขอบใจ” นวพลนั่งลงได้ก็ว่าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มหมดแก้วรวดเดียว

“แล้วทำไมวิ่งมาจนเหนื่อยขนาดนี้ ตื่นสายเหรอ”

“เปล่า ก็ไอ้เจอะสิ มันให้เราพามันไปซื้อของ”

“แล้วแกไม่ได้บอกเจเหรอว่ามีนัด”

“บอกสิวะ ทำไมจะไม่บอกแต่มันบอกว่าแป๊บเดียว ๆ” นวพลเทน้ำใส่แก้วเองก่อนจะยกขึ้นดื่มอีกอึก “ที่ไหนได้ซื้อของนานจนเราต้องวิ่งมาหาแกเนี่ย”

“ไม่เป็นไร ๆ แล้วเจล่ะ” ภาสกรปลอบอย่างเข้าใจ

“กลับไปแล้ว”

“อ้าว งั้นเหรอ”

“อืม ก็แกนัดเราแล้วบอกอย่าให้ใครรู้”

“จริงด้วย”

“แล้วทำไมต้องทำเป็นหลบซ่อนด้วยวะ” นวพลสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า”

“ตอนนี้เรากลับมาทำงานที่คาสิโนแล้วนะ”

“จริงเหรอวะ ทำไมเราไม่เจอแกเลยล่ะ”

“เราทำที่ชั้นวีไอพี”

“เฮ้ย สุดยอด บนนั้นเป็นไงบ้าง เราให้ฟังบ้างดิ”

“บอกไม่ได้ว่ะแต่เราบอกแกได้แค่ว่าตอนนี้เรากลับมาทำงานที่นี่แล้ว” ภาสกรอยากบอกแต่เขาก็รับปากเจ้าของคาสิโนแล้วจึงไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้

“เออ ๆ ไม่ถามก็ได้ แกกลับมาก็ดีแล้ว”

“แต่ยังไงแกห้ามบอกใครเรื่องของเรานะเว้ย แม้แต่นิดเดียวก็พูดไม่ได้”

“อืม ไม่พูดหรอก”

“รับปากเรานะนน ห้ามบอกใครทั้งนั้น” ภาสกรย้ำอีกครั้ง

“ที่ผ่านมาเราเคยพูดมากเรื่องของแกที่ไหน ขนาดพี่แอนดี้แสนดีของแกมาถามเรายังไม่ยอมพูดอะไรเลยเหอะ” นวพลบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดประชัน แต่ภาสกรไม่ได้โกรธกลับนึกขันเพื่อนเสียอย่างนั้น

“เรื่องพี่แอนดี้เรารู้น่า ขอบใจแกมากนะ”

“รู้ได้ไง” นวพลถามด้วยความแปลกใจ

“เราเจอพี่แอนดี้ก่อนมาหาแก”

“หืม? เจอพี่แอนดี้ เจอที่ไหน”

“หน้าห้องบอส บอสเรียกเราไปสั่งงาน แต่ไม่มีอะไรหรอก งานทั่วไป” ภาสกรบอกรวดเดียวเพราะไม่อยากให้เพื่อนรักถามเกินกว่าที่เขาจะบอกได้

“อืม เรื่องงานน่ะโอเคใช่ไหม แล้วพี่แอนดี้พูดอะไรกับแกหรือเปล่า”

“เรื่องงานโอเค ๆ แกไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนพี่แอนดี้เขาก็ถามแหละว่าเราไปไหน อยู่ไหนเป็นไงบ้าง”

“แล้วแกเลยตอบว่า?”

“โชคดีที่พี่คุนมาช่วยตอบแทนเรา เขาบอกพี่แอนดี้ว่าบอสเรียกเรามารับค่าจ้าง”

“ดีแล้ว แกอย่าไปคุยสุงสิงอะไรกับพี่แอนดี้ของแกมากนักล่ะ อย่างไรเราก็ไม่มีทางไว้ใจเขา”

“แกคิดไปมากแล้ว” ภาสกรพูดอย่างอ่อนใจ อย่างไรตอนนี้นวพลคงปักใจเชื่อไปแล้วจริง ๆ ภาสกรมาได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของนวพลก็ดังขึ้น เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ออกมารับและคุยกับปลายสายอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเหมือนใช้ความคิด คุยไม่นานก็วางสาย

“เรื่องที่แกอยากบอกเรามีแค่นี้ใช่ไหม” นวพลถามพลางทำท่าเหมือนจะลุกออกไป

“อืม มีอะไรเปล่าวะ”

“วันนี้เราต้องขอโทษแกจริง ๆ ว่ะ ตะกี้พี่ซันโทรมาบอกว่ามีคนขาดงานกะทันหันเลยขอให้ไปเราไปช่วยหน่อย”

ภาสกรได้ยินก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “งั้นแกรีบไปเถอะ”

“ขอโทษนะเว้ย”

“เออ ไม่เป็นไร มันเหตุจำเป็นนี่หว่า ไว้วันหลังค่อยเจอกันใหม่ก็ได้”

“ขอบใจ เราไปก่อนนะ”

“กลับดี ๆ ล่ะ” ภาสกรอวยพรเพื่อนก่อนที่นวพลจะผละออกจากโต๊ะไป



ภาสกรนั่งต่ออีกสักพักไม่นานจึงลุกขึ้น แต่เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน จึงตัดสินใจกลับไปห้องพักแทน อันที่จริงเขาตั้งใจจะนอนเล่นเพลิน ๆ เท่านั้น แต่ไม่รู้นอนอย่างไรถึงหลับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว



ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะแรงกอดกระชับไม่เบานัก เขาลืมตาเห็นร่างตนเองถูกแขนแข็งแรงกอดรัดเอาไว้แน่น อีกนิดคงจะหายใจไม่ออกเป็นแน่ เขาขยับศีรษะไปทางเจ้าของอ้อมกอด แม้จะรู้ว่าเป็นใครแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองให้เห็นด้วยตาตนเอง



และเมื่อสายตาประจักต่อคนที่ดวงตาปิดสนิทอยู่ ภาสกรจึงเผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาแทบจะไม่เคยเห็นอรรควัสในยามที่หลับมาก่อนเลย พอได้เห็นใบหน้าใกล้ ๆ แล้วยิ่งรู้สึกอุ่นใจและเหมือนตกหลุมรักอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวใจกระตุกเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

“จ้องนานขนาดนี้ ฉันคิดค่ามองดีไหม” ภาสกรไม่กล้าตอบ เขาตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบมองอีกฝ่าย เมื่อไม่ตอบจึงถูกคนพูดคิดค่ามองเป็นจูบจูบหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“บอส”

“เรียกแบบนี้อยากโดนทำโทษด้วยใช่ไหม”

“ขอโทษครับคุณอรรค”

“ทำงานเหนื่อยหรือ ถึงไม่รู้สึกตัวตอนฉันเข้ามาในห้อง”

“เปล่าครับ พายแค่เผลอหลับไป”

“เธอคงเพลีย กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน” คำพูดเป็นนัยของอีกฝ่ายทำให้คนฟังอดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุที่เขาไม่ได้นอนเพราะอะไรและเกิดจากใคร

“ก็ปล่อยให้นอนสิครับ” ภาสกรอ้อมแอ้มบอก

“หึ..” เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ แค่นี้ก็เดาได้ว่าเขาคงได้นอนน้อยแน่ ๆ

“คุณอรรคกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วทานอะไรมาหรือยัง”

“ฉันกลับมาครึ่งชั่วโมงก่อนและยังไม่ได้กินอะไร”

“หิวหรือเปล่าครับ ไม่ปลุกพายล่ะครับ”

“ฉันเห็นเธอกำลังนอนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก อีกอย่างฉันยังไม่หิว”

ภาสกรเหลือบมองนาฬิกาแล้วรีบดันตัวจะลุกขึ้นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว “แต่ตอนนี้ต้องหิวแล้วแน่เลยใช่ไหมครับ เดี๋ยวพายไปทำอะไรให้ทานดีไหม”

“ฉันสั่งอาเฉินให้ไปจัดการแล้ว ไม่ต้องลำบากเธอ”

“ขอโทษนะครับ พายไม่น่าเผลอหลับไปจนคุณอรรคต้องรอ”

“ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษ อีกเดี๋ยวอาเฉินคงขึ้นมาแล้ว”



ไม่ทันขาดคำเสียงออดในห้องก็ดังขึ้นบ่งบอกว่ามีคนอยู่ด้านนอก ภาสกรลุกขึ้นออกไปหน้าประตูด้วยตัวเองอย่างน้อยเขาก็อยากทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายบ้าง แม้เพียงเรื่องเล็กน้อยก็ยังดี ชายหนุ่มเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใส

“ขอบคุณนะครับพี่เฉิน”

“ไม่เป็นไรพาย”

“พี่เฉินทานอะไรมาหรือยัง” ภาสกรถามตามนิสัย ทว่าอาเฉินกลับส่ายหน้า “ยังเหรอครับ ทานด้วยกันไหม”

“พี่ว่าอย่าดีกว่า พายรีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวบอสจะรอนาน”

“จริงด้วยสิครับ งั้นพี่เฉินก็รีบไปทานข้าวนะ” ภาสกรบอกด้วยความเป็นห่วง

“อืม รีบเข้าไปเถอะ” อาเฉินพูดซ้ำอีกครั้ง ถ้าหากภาสกรยังเลือกจะคุยกับเขาต่อ เห็นทีหน้าที่บอดี้การ์ดของเขาอาจจะต้องถูกปลดในไม่ช้า



เมื่อภาสกรยกถาดอาหารไปวางบนโต๊ะก่อนจะจัดแจงนำอาหารที่ถูกตกแต่งจนน่าทานนั้นออกมาวางเรียบร้อยเขาก็เห็นเจ้าของห้องมายืนข้าง ๆ กายแล้ว

“คุยอะไรกับอาเฉินนานสองนาน”

“ก็ไม่มีอะไรครับ พายแค่ถามพี่เฉินว่าทานอะไรมาหรือยัง”

“อืม แค่นั้นเหรอ”

“ครับ แค่นั้น คุณอรรคมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ทีหลังรีบไปรีบมาอย่ามัวไปยืนคุย”

“ครับ?” ภาสกรสะดุดคำพูดอีกฝ่าย “คุณอรรคหมายความว่าไงครับ”

“วันหลังก็รีบไปรับอาหารแล้วก็รีบเข้ามาแล้วกัน” คนท่าเยอะไม่อธิบายเพิ่มนอกจากตัดบทแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างทันที “กินข้าวเถอะ ตอนนี้ฉันหิวแล้ว”

“ครับ ๆ”



ภาสกรรีบนั่งลงตามอีกคนก่อนจะอดคิดไม่ได้ว่า เขาคงต้องเรียนรู้คนปากหนักไปอีกนาน






========================================


ยังไม่ได้เกลาหรือตรวจคำผิดเลย ขอโทษด้วยนะคะ

และสวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะ ขอให้ทุกท่านพบเจอแต่ความสุขนะคะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-01-2020 21:46:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-01-2020 23:35:40
แอนดี้ดูน่าสงสัยนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-01-2020 00:08:00
 พี่แอนดี้คือผู้ต้องสงสัย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-01-2020 03:44:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-01-2020 20:41:21
หวานน้ำตาลขึ้นแล้วค่ะบอส
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-01-2020 00:50:28
สงสัยไปหมด
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-01-2020 07:32:41
เจ คือผู้สงสัย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-01-2020 08:13:54
คุณบอสคนขี้หึงตลอดกาล
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 16-01-2020 11:07:12
นนก็ดูมีพิรุธนะ แอนดี้เนี่ยเราแหม่งๆมาซักพักแล้ว น่าสงสัยๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเจ็ด UP!! 09/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-01-2020 20:30:54

วงล้อที่ยี่สิบแปด


ภาสกรยืนถือถาดอาหารอยู่หน้าประตูห้องชั้นยี่สิบเก้าด้วยใจที่เต้นแรง เขาไม่เจอคนที่อยู่บนนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ แม้ว่าใจของเขาจะไม่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีนั้นยังคงอยู่



“มาแล้ว” เสียงดังมาจากด้านในบ่งบอกให้รู้ว่าคนในห้องกำลังมาแล้ว เพียงอึดใจเดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออก ภาสกรสบตากับคนที่เปิดประตูข้าง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และดูท่าจะประหลาดใจเอามาก ๆ เสียด้วย



ภาสกรยิ้มให้กับคนผมทอง อลันยังเหมือนเดิมใบหน้าหวานที่เขาเคยหลงใหลยังอยู่ในความทรงจำไม่เปลี่ยนแปลง เขายังเป็นเหมือนแสงสว่างที่ภาสกรเคยนิยามเอาไว้



“อาหารครับ”



“พาย!” คนในห้องเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง เขาลืมตัวจนไม่สามารถเก็บอาการตื่นเต้นได้เลย



“ครับคุณอลัน”



“มาได้ไง รู้ไหมผมดีใจมากเลย ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณอีก” อลันรีบเปิดประตูให้กว้างขึ้น “มา ๆ เอาถาดเข้ามาวางข้างในห้องก่อน”



“ขอบคุณครับ” ภาสกรเดินตามเจ้าของห้องแล้วนำถาดไปวางบนโต๊ะอาหารให้เรียบร้อยเหมือนอย่างที่เคยทำ “เรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวนะครับ”



“อย่าเพิ่งไปสิ” อลันคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน



“มีอะไรหรือเปล่าครับ”



“อยู่คุยกันก่อนสิ”



“แต่..” ภาสกรมีสีหน้าครุ่นคิด



“นะ นาทีเดียว” อลันบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับจะออดอ้อนเขาให้ใจอ่อน



“ก็ได้ครับ” เมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ อลันจึงปล่อยแขนอีกฝ่าย



“พายหายไปไหนมา” อลันเริ่มยิงคำถาม “ผมถามคุณอรรคกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยบอก จนผมคิดว่าพายคงลาออกกลับบ้านหรือไปทำงานที่อื่นแล้ว



“ผมไปทำงานที่อื่นมาครับ” ภาสกรตอบ คำถามนี้ไม่ได้เป็นคำตอบที่ชายหนุ่มเพิ่งคิดขึ้นมา แต่เพราะเมื่อคืนอรรควัสได้บอกเขาแล้วว่าถ้ามาเจออลันในวันนี้จะต้องถูกถามคำถามเหล่านี้เป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมคำตอบมาเรียบร้อยแล้ว



“ที่อื่น? ที่ไหน แล้วทำไม”



“คือผมอยากลองไปทำงานอื่นดูบ้างครับ แต่มันไม่เค่อยโอเคเท่าไหร่ ก็เลยขอกลับมาทำงานที่นี่เหมือนเดิมครับ”



“เหรอ แย่เลยนะ แต่โชคดีที่คุณอรรคใจดีรับพายกลับเข้ามาทำงาน”



“ครับ บอสมีพระคุณกับผมมาก”



“งั้นต่อจากนี้พายจะมาส่งอาหารให้ผมใช่ไหม”



“ครับ”



“งั้นก็ดีเลยอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคุยแก้เบื่อบ้าง” อลันหัวเราะอย่างสดใส



“ครับ คุณอลันไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ”



“อืม ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ”



“ครับ”



ภาสกรกลับลงมาจากชั้นยี่สิบเก้าด้วยความอิ่มเอมใจ แต่ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มต้องเลือนหายไปเมื่อเจอคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ที่ก้าวออกมาเพราะไม่คิดว่าจะเจออีกฝ่ายที่ชั้นนี้ในเวลานี้ ใจกระตุกฮวบหรือว่าเขาต้องการมาหาอลัน



“คุณอรรค..”



“อืม ฉันเอง”



“คุณอรรคขึ้นมาทำอะไรบนนี้เหรอครับ” ภาสกรไม่ได้ตั้งใจจะถามคำถามนี้ออกไปแต่เขาห้ามปากตัวเองไม่ทันจริง ๆ



“หรือฉันขึ้นมาบนนี้ไม่ได้”



“เปล่าครับ ขอโทษครับ ผมไม่น่าถามออกไปทั้งที่คาสิโนแห่งนี้เป็นของคุณ” ภาสกรรีบขอลุแก่โทษทันที



“แทนตัวเองว่าพาย ไม่ใช่ผม”



“ครับ ผมขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะครับ”



“อืม”



ภาสกรลงไปทำงานที่ชั้นวีไอพีดังเดิม แต่คราวนี้การทำงานกลับไม่ง่ายเลยเมื่อใจของเขามันมัวแต่คอยพะวงคิดถึงแต่คนที่ขึ้นไปบนชั้นยี่สิบเก้า เขารู้ดีว่าอรรควัสมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในที่แห่งนี้แต่เขาก็อดหวงอีกฝ่ายอีกไม่ได้เช่นกัน



ปากก็บอกว่าไม่เป็นไรและเข้าใจถ้าหากอรรควัสจะมีอลันอยู่เคียงข้างกาย แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อประสบกับสถานการณ์เมื่อสักครู่นี้เขากลับเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ ช่างดีแต่ปากโดยแท้



หลังเลิกงานภาสกรรีบกลับไปที่ห้องพักของตนเองทันที เขาเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องระหว่างรออรรควัสกลับมา ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะออกมาจากห้องอลันแล้วหรือยัง แล้วถ้าหากว่าคืนนี้บอสใหญ่ตั้งใจจะค้างคืนอยู่ที่ห้องนั้นเล่า แค่คิดใจก็ปวดหนึบ เขาจะทำอย่างไรดี



ชายหนุ่มเปลี่ยนใจหาอะไรทำสักอย่างให้คล้ายความฟุ้งซ่าน เขาเลือกที่จะไปอาบน้ำหวังว่าน้ำเย็นรดหัวคงจะทำให้มีสติมากขึ้น



“ทำไมอาบน้ำนาน” เมื่อออกมาจากห้องน้ำเขาก็เห็นเจ้าของห้องตัวจริงนั่งอยู่บนโซฟา ในมือมีเอกสารถือไว้ใบหนึ่ง



“ผมอาบเพลินไปหน่อย”



“หิวหรือยัง ฉันให้อาเฉินเอาอาหารมาให้เธอแล้ว”



“ยังครับ แล้วคุณอรรคหิวหรือยัง”



“ไม่หิว ฉันเพิ่งกินมา”



“ทานมาแล้วเหรอครับ” ภาสกรถามกลับด้วยความสงสัย



“อืม ที่ห้องอลัน”



“อ่า..ครับ” คนฟังรับคำในเมื่ออรรควัสพูดอย่างนั้นแล้วเขาจะพูดอย่างไรได้ ใบหน้าที่มักแต้มด้วยรอยยิ้มอยู่เป็นนิจม่อยลงโดยพลัน



“ทำไมทำหน้าแบบนั้น น้อยใจฉันหรือเปล่า”



“เปล่าครับ”



“โกหกต้องโดนทำโทษ” อรรควัสคว้าแขนอีกฝ่ายให้ลงมานั่งบนโซฟาด้วยกัน ภาสกรตกใจแต่ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา



“...”



“หรือว่าเธอหึงฉัน?”



ภาสกรเม้มปากแน่นก่อนจะยอมเผยอริมฝีปากแดงนั้นออกมาอย่างจำใจเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาที่เขาคล้ายกับแรงกดดันที่พุ่งตรงเข้ามามหาศาล



“พาย..พายขอโทษครับ”



“ขอโทษฉันทำไม”



“ทั้งที่บอกคุณเองแท้ ๆ แต่กลับทำไม่ได้เลย”



“เรื่องอะไรล่ะ”



“เรื่องคุณอลันครับ”



“หืม?”



ภาสกรสูดลมหายใจเข้าหอบใหญ่ก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ “ทั้งที่บอกว่าไม่เป็นไรถ้าคุณจะมีคุณอลันต่อไป แต่พอเกิดเรื่องวันนี้กลับทำไม่ได้เลยครับ ตรงนี้มันเจ็บไปหมด” ภาสกรทุบหน้าอกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะถูกมือใครอีกคนดึงมือตัวเองออก



“เพราะเธอรักฉันใช่ไหม”



“...”



“ใช่หรือเปล่า”



“ครับ เพราะพายรักคุณอรรค” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วภาสกรจึงตัดสินใจบอกความในใจออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้จนหมดสิ้น



“ตอนที่เธอบอกว่าอยากกลับไปส่งอาหารให้อลัน ตอนที่ได้ยินใจฉันมันก็เป็นเหมือนกับเธอในเวลานี้ เราไม่ต่างกันหรอก”



“ครับ?”







“เพราะฉันก็รักเธอ”







“คุณอรรค..” ดวงตาของภาสกรเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ ถ้าบอกว่าไม่ดีใจคงไม่ใช่ เขาดีใจเกินไปด้วยซ้ำ ดีใจมากที่สุด



“ขยับตัวเข้ามาให้ฉันกอดหน่อย” เมื่อคนพูดร้องขอ ภาสกรก็ไม่ขัดใจเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กระทั่งรับรู้ถึงสัมผัสกอดกระชับจากอีกฝ่าย



อรรควัสจูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนก่อนจะปล่อยภาสกรให้เป็นอิสระจากอ้อมแขนตนเองแล้วเกริ่นต่อ “ที่ฉันไปหาอลันก็เพื่อไม่ให้เขาผิดสังเกตก็เท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่เธอคิดหรอก”



“ผมคิดอะไรเลอะเทอะไปหมดเลย” ภาสกรบอกด้วยความรู้สึกผิด



“เพราะเธอรักฉันไม่แปลกหรอกที่จะคิดอย่างนี้”



“คุณอรรคบอกว่ารักพายแต่ไม่เห็นเป็นเหมือนกันเลย” ภาสกรท้วงคืนกลับบ้าง



“ฉันแค่เก็บความรู้สึกได้เก่งกว่าเธอก็เท่านั้น เมื่อเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำได้เอง”



“เหรอครับ”



“อืม วันนี้เจออลันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”



“ก็ไม่มีอะไรครับ คุณอลันก็ถามพายเหมือนอย่างที่คุณอรรคคาดเดาเลยว่าพายหายไปไหนมา แต่พายไม่กล้าคุยกับคุณอลันนานก็เลยรีบขอตัวลงมา”



“อลันเอ็นดูเธอ ถ้าเธออยากคุยกับเขา ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าคุยนานเกินไปเพราะฉันหวงคนของฉัน”



“...”



“เข้าใจหรือเปล่า” คนพูดทวงคำตอบพลางเกลี่ยแก้มขาวของคนนิ่งเงียบ



“เข้าใจครับ”



“พายเด็กดี”







ในคืนนั้นระหว่างที่ภาสกรนอนหลับ เขากลับสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกตามลำพัง อรรควัสไม่ได้เข้านอนพร้อมกับเขาเพราะมีธุระด่วนที่ผับกะทันหัน มีลูกค้าสองกลุ่มทะเลาะวิวาทกันยกใหญ่และด้วยความที่เจ้าของคาสิโนเป็นห่วงเพื่อนสนิทเกรงว่าจิณณ์อาจจะโดนลูกหลงหรือได้รับอันตราย เขาจึงรุดหน้าไปพร้อมด้วยอาเฉินและอาคุนเข้าไปจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง



ภาสกรมองหาสาเหตุที่ทำให้เขาตื่นขึ้นนั่นคือเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันหนึ่ง เขาได้รับข้อความหลายข้อความติดต่อกันจึงคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้เตียงขึ้นมาอ่านดูปรากฏว่าเป็นข้อความจากนวพลเพื่อนรักของตนทั้งหมด



NONT: พาย

NONT: โทษทีที่ทักมาดึก พอดีเราเพิ่งเลิกงาน

NONT: มีเรื่องรบกวนอยากให้แกช่วยหน่อย

NONT: ช่วยเราหน่อยได้ไหม




ภาสกรมุ่นคิ้วด้วยความแปลกใจกับข้อความของนวพลแต่ก็เลือกถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง



PPie: เกิดอะไรขึ้น



เมื่อถามกลับไป เขารอไม่ถึงหนึ่งนาทีนวพลก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว



NONT: มาเจอเราที่หน้าคาสิโนตรงที่แกชอบไปนั่งเล่นได้ไหม



ภาสกรนึกถึงสถานที่ที่เขาชอบไปนั่งเล่นในเวลาว่างมันคือสถานที่ที่เขาเคยช่วยชีวิตแอนดี้เอาไว้ บริเวณท่าขึ้นเรือทางเข้าคาสิโน



PPie: ตอนนี้เลยเหรอ พรุ่งนี้ได้หรือเปล่า

NONT: ตอนนี้เลยได้ไหม

PPie: แกเป็นอะไรหรือเปล่า บอกเรามาเลย




ภาสกรเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแต่นวพลไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจ ทั้งเขาและอีกฝ่ายต่างรู้ใจกันว่าแม้จะเป็นเพื่อนสนิทแต่ก็ต้องมีความเคารพ เกรงใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นการที่นวพลขอร้องด้วยข้อความที่ดูร้อนรนแบบนี้ ภาสกรเริ่มเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาแล้ว



เขาตัดใจโทรหานวพลแต่กลับถูกตัดสายทิ้ง ใจยิ่งร้อนรน



PPie: เราจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้

NONT: อืม มาเลยนะ




ภาสกรกระวีกระวาดลุกขึ้นไม่กล้าแม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่านี้ เขาเพียงแต่หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาสวมทับก่อนจะต่อสายไปหาอีกคนเพราะกลัวว่าถ้าอรรควัสกลับมาไม่เจอเขาจะเป็นห่วง



ทว่ากลับติดต่อไม่ได้เสียอย่างนั้น ลองกดโทรใหม่ครั้งที่สองก็ยังไม่มีคนรับเหมือนเดิม อีกฝ่ายคงจะยุ่งกับการแก้ปัญหาที่คลับแน่นอน ภาสกรจึงตัดสินใจส่งข้อความไปบอกแล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว




========================================


ขออภัยที่ตอนนี้น้อยกว่าปกตินะคะ และยังไม่ได้ตรวจคำค่า T-T
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-01-2020 20:57:03
พายโดนหลอกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-01-2020 21:33:05
 :pig4: :pig4: :pig4:


ชักจะได้กลิ่นตุ ๆ แฮะ





หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-01-2020 22:56:03
โดนแน่
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-01-2020 00:38:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2020 01:40:43
ล่อเสือออกจากถ้ำป่ะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-01-2020 05:21:38
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 17-01-2020 14:43:13
แชทได้แต่โทรหาแล้วตัดสายนี่แปลกๆละ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-01-2020 14:44:14
ตามอ่านจนทันแล้ว
แต่มาค้างตอนสำคัญเสียนี่
ใครรูปร่างคล้ายๆอลัน
ถ้าเป็นเพืีอนสนิทพายล่ะ
สงสารพายอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-01-2020 02:16:58
มีเรื่องแล้วนินะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-01-2020 09:48:04
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบแปด UP!! 16/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-01-2020 21:03:33

วงล้อที่ยี่สิบเก้า



ภาสกรกระหืดกระหอบมายืนจุดที่เขาชอบนั่งเป็นประจำยามว่างเมื่อครั้งก่อน ในมือก็คอยกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักไปด้วย ทว่าสายก็ถูกปล่อยให้ตัดไปเองโดยไร้คนรับ เขาเปลี่ยนใจส่งข้อความหาอีกฝ่ายแต่ก็เหมือนเดิม คราวนี้นวพลไม่อ่านแม้กระทั่งข้อความ ภาสกรยิ่งร้อนรนใจ



หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนวพลหรือเปล่า เขายืนหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งแต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงสายน้ำกระทบฝั่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเงาของเพื่อน ภาสกรจึงตัดสินใจจะไปที่ห้องเพื่อนแทน แม้ว่าความจะแตกเรื่องที่เขากลับมาคาสิโนก็ช่างมัน ในเวลานี้ความปลอดภัยของเพื่อนสำคัญกว่า



หากยังไม่ได้ผละออกจากบริเวณที่ยืนอยู่ เขากลับสัมผัสได้ถึงเงาอะไรบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาหาอย่างช้า ๆ ภาสกรกลั้นหายใจ ก่อนจะค่อย ๆ กลับหลังหันไปมอง เขามองไม่เห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ชัดเพราะมีเสื้อคลุมมีหมวกสวมศีรษะอยู่ ทำให้ใบหน้ามืดมิด



เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่ารู้จักคนคนนั้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์จึงเอ่ยทักอีกฝ่ายไปก่อน



“นน”



แค่เอ่ยเพียงพยางค์เดียวกลับเห็นสิ่งของบางอย่างในมือชายคนนั้น ภาสกรบอกกับตัวเองดูท่าแล้วสถานการณ์แปลก ๆ ไม่น่าไว้วางใจ เขาจึงหมุนตัวกลับหมายจะวิ่งเข้าคาสิโนอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ยินเสียงไล่หลังตามมาซึ่งคุ้นหูเขาเหลือเกิน



“จับมันไว้เร็ว!”



ไม่ต้องหันไปดูภาสกรก็แน่ใจว่ามีเสียงฝีเท้ามากกว่าหนึ่งคนที่กำลังวิ่งไล่เขาอยู่ ความรู้สึกกลัวก่อเกิดในใจขึ้นมาเป็นครั้งแรก คนผู้นั้นทำไมต้องคิดร้ายกับเขาด้วยและต้องการจับเขาไปเพื่ออะไรกัน ความคิดในหัวสมองตีกันวุ่นไปหมดแต่ภาสกรก็ไม่ยอมชะลอฝีเท้าแม้เพียงเสี้ยววินาที



“หยุด!”



คนกำลังหนีคิดในใจว่าใครจะยอมหยุดตามคำสั่งกันเล่า ภาสกรวิ่งต่อไปแต่เขาไม่ใช่คนวิ่งเร็วมาแต่ไหนแต่ไร ซ้ำยังออกกำลังกายไม่บ่อย แม้ช่วงนี้จะไปฝึกซ้อมกับอาจารย์เฉินและคุนถี่ขึ้น หากก็ไม่ค่อยได้วิ่งอะไรมากนัก ทำให้ไม่นานเขาก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้จากฝีมือของใครสักคนหนึ่ง



“จับได้แล้ว” น้ำเสียงคนที่จับตัวเขาได้เป็นคนละเสียงกับที่ออกคำสั่ง ภาสกรอยากภาวนาให้มีคนมาช่วยเขาแต่เวลานี้กลับไม่มีใครเลย ฉับพลันในหูก็นึกถึงคำพูดหนึ่งที่เคยบอกเขาไว้ว่าทำไมถึงต้องการให้เขาไปเรียนเอาตัวรอดกับอาเฉินและอาคุน



ภาสกรสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกอบกู้สติกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด คนร้ายจึงย่ามใจว่าเวลานี้คงจับเขาได้อยู่หมัดแล้ว ภาสกรทบทวนท่าทางที่เรียนมาอย่ารวดเร็ว ในหัวยังมีคำพูดหนึ่งของอาคุนที่เคยบอกเขาไว้



“ตอนลงมือห้ามลังเล หาจังหวะแล้วจับมันทุ่มลงไป แบบนี้! ” ภาพในวันนั้นคือภาสกรถูกทุ่มลงกับพื้นเบาะ และวันนี้เขาจะต้องทำให้ได้ จะได้ไม่เสียชื่ออาจารย์



ภาสกรพอสบโอกาสเหมาะจึงรีบลงมือทันที และคาดว่าคนที่จับตัวภาสกรนั้นไม่ทันคาดคิดว่าคนตัวผอมบางนั้นจะมีความรู้สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้ คนที่เป็นต่อจึงพลาดท่าถูกจับคนทุ่มลงกับพื้นได้



เมื่อภาสกรเป็นอิสระ เขารีบวิ่งต่อไม่รอช้าแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเหนื่อยและตื่นเต้นมากจนเกินไป เสียงฝีเท้าจึงไล่หลังมาเรื่อย ๆ อีกแล้ว เขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต หากถูกจับตัวไปได้ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง



แต่ทันใดนั้นเขาก็วิ่งชนเข้ากับร่างกายมนุษย์โดยไม่ทันตั้งตัว ใจของเขาหายวาบ ร้องบอกในใจว่าแย่แล้ว งานนี้เขาต้องถูกจับได้แน่นอน เขาเตรียมจะใช้วิธีเดิมจับคนตรงหน้าทุ่มอีกครั้ง แต่ก็ถูกล็อกเอาไว้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย แม้จะดิ้นแรงแค่ไหนก็สู้กำลังอีกฝ่ายไม่ได้



ภาสกรหลับตานึกถึงคนที่ไปจัดการปัญหาอยู่ที่ผับ ทุกอย่างกำลังสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าอรรควัสจะรู้ไหมว่าเขาถูกจับตัวไปและไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เจออีกฝ่ายอีกครั้งหรือเปล่า



ใจห่อเหี่ยว ท้อแท้อย่าปลงตกว่าคราวนี้คงหนีไม่รอดแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงสวรรค์เป็นเสียงที่คุ้นหู ภาสกรรีบลืมตาขึ้นมองอีกฝ่าย เขามองเห็นคนตรงหน้าเหมือนเป็นเทวดามาโปรดเขาในยามคับขัน

“คุณอรรค!” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง “คนพวกนั้น”

“ฉันรู้แล้ว” อรรควัสพูดเพียงเท่านี้ ไม่ต้องเอ่ยปากออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดคู่ใจ พวกเขาสองคนก็วิ่งไปหาคนที่วิ่งไล่ตามภาสกรอย่างรวดเร็ว



คราวนี้คนที่วิ่งไล่ตามกลับชะงักบ้าง หากสายไปที่จะถอยหลังกลับ สองคนนั้นสามารถจับคนที่วิ่งไล่ภาสกรได้อย่างง่ายดาย เห็นชัดว่าฝีมือนั้นคนละระดับกันอย่างเทียบไม่ติด แม้จะเพิ่งเจอเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนมา แต่ภาสกรก็อดชื่นชมอาจารย์ทั้งสองคนของตนไม่ได้



ช่างเก่งอะไรเช่นนี้



“เอาพวกมันไปไว้ที่ห้องนั้น”

ภาสกรได้ยินอรรควัสออกคำสั่งกับอาเฉินและอาคุนด้วยเสียงขรึมและแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว แม้จะเคยถูกดุหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงอรรควัสแล้วกลับขนลุกชันด้วยความกลัว จนลืมสนใจว่าห้องนั้นที่อรรควัสพูดถึงคือห้องไหนกัน



“ครับ” อาเฉินและอาคุนรับคำพร้อมกัน ก่อนที่อาเฉินจะพูดต่อ “บอสครับแต่มีคนหนึ่งหนีรอดไปได้”

“อืม ไม่ใช่ความผิดของพวกนาย แต่อย่าให้สองคนนี้หลุดหนีไปได้ก็แล้วกัน” บอสหนุ่มพยักหน้าเข้าใจเพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ผู้ชายที่มีหมวกของเสื้อคลุมคลุมศีรษะไว้นั้นยืนอยู่ไกลมากและไม่ได้วิ่งไล่ตามภาสกร เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงแอบหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง

“รับทราบครับ” สองบอดี้การ์ดผงกศีรษะก่อนจะล็อกตัวสองคนร้ายหายไป



ภาสกรเข้ามาในห้องก่อนจะลงบนโซฟาอย่างหมดแรง เหตุการณ์ระทึกขวัญในค่ำคืนนี้เขาคงไม่มีทางลืมเลือนไปได้อย่างแน่นอน

“นึกอย่างไรถึงออกไปคนเดียว หืม” บอสหนุ่มนั่งลงข้างตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะวาดแขนดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด มือที่ติดจะคร้ามแดดนั้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ได้เลยว่าถ้าวันนี้ภาสกรถูกจับไปได้จริง ๆ แล้วละก็ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร

“ขอโทษครับ แต่นนส่งข้อความมาเหมือนมีเรื่องสำคัญมาก”

“เธอเลยเลือกออกไปหา?”

“ครับ พายขอโทษ แต่พายเป็นห่วงนน” คนพูดอยากจะดุอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่เข้าใจเหตุการณ์ดีว่า ภาสกรไม่ได้คิดที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เลย แต่เพราะเจ้าตัวเป็นห่วงเพื่อนอย่างที่บอกไว้จริง ๆ อย่างน้อยเขาก็รู้สึกขอบคุณที่ภาสกรยังนึกถึงที่จะบอกเขาก่อน แม้ว่าเขาไม่สามารถรับสายได้ แต่ก็ยังพอมีไหวพริบอยู่บ้างที่ส่งข้อความมาบอก

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”

“ขอโทษครับ” ภาสกรเอ่ยขอโทษจากใจอีกครั้ง

“ฉันนึกภาพตัวฉันเองไม่ออกเลยว่าถ้ากลับมาห้องนี้แล้วเธอไม่อยู่ ฉันจะทำอย่างไรต่อไป”

“พายจะไม่ให้คุณอรรคต้องเป็นห่วงอีกแล้วครับ” ภาสกรรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์ใจ

“อาจจะคิดว่าฉันกังวลอะไรเกินเหตุแต่เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตรายแค่ไหน พวกนั้นคงรู้เรื่องที่

เธอกลับมาทำงานที่คาสิโนแล้ว เลยส่งคนให้มาจับตัวเธอไป”

“แต่พายบอกเรื่องนี้กับนนแค่คนเดียว นนไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปบอกใครแน่ ๆ”

“เธอแน่ใจงั้นเหรอ”

“ครับ พายแน่ใจ พายเป็นเพื่อนกับนนมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่มีทางทำร้ายพาย” เจ้าตัวยังบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงมุ่งมั่นจนคนฟังไม่อยากขัดแต่ก็จำต้องเตือนสติคนในอ้อมกอดให้รู้ตัวบ้างว่าเพื่อนรักอาจไม่ใช่เพื่อนกันในวันสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตก็เป็นได้

“แล้วคนที่หนีไปนั่น..”

“ไม่ใช่นนครับ พายจำนนได้ คนนั้นไม่ใช่นน” ภาสกรผละออกจากอ้อมกอดเพื่อจะสบตากับอีกฝ่ายว่าเขามั่นใจในคำพูดนี้มากแค่ไหน

“แน่ใจนะ” อรรควัสหรี่ตาลงพลางถามย้ำ

“ครับ พายแน่ใจ...แต่พายไม่แน่ใจว่าคนนั้นเป็นใคร แต่เขาคุ้นตาพายมาก ท่าทางหรือน้ำเสียงก็คุ้นหูพายมากเลยครับ น่าจะอยู่ในคาสิโน”

“ใช่ เป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคนในคาสิโน” อรรควัสพูดเชิงสันนิษฐาน แต่เขากลับมั่นใจว่าเป็นคนภายในแน่นอนเพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดนั้นเป็นสิ่งยืนยันความคิดนี้ได้ดี

“จริงด้วย!” ภาสกรอุทานร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

“มีอะไร”

“นนครับ พายลืมไปเลยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนนหรือเปล่า”

“นวพลปลอดภัย ฉันให้คนไปดูเขาก่อนที่จะเจอเธอเสียอีก”

“นนเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“เดาสิว่าเพื่อนรักของเธอเป็นอย่างไร”

“พายไม่กล้าเดา พายไม่อยากคิดอะไรร้าย ๆ”

“ตอนที่คนของฉันไปหานวพลน่ะ เขากำลังนอนหลับอยู่”

“นอนหลับ!?” ภาสกรถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

“ใช่ นอนหลับ เธอคิดว่าไงล่ะ”

“แล้วนนจะพิมพ์ข้อความมาหาพายได้อย่างไร พายไม่ได้โกหกคุณอรรคนะครับ” ภาสกรรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้บอสหนุ่มดู อยากจะพิสูจน์ให้คนสูงวัยกว่ารับรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก

“ฉันรู้ เธอไม่โกหกฉันหรอก ตอนนี้นวพลเพื่อนเธอคงต้องพักงานไปก่อน จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง” บอสหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดอีกครั้ง

“อีกนานไหมครับ”

“คำถามนี้ไม่ได้ถามให้ตัวเองใช่ไหม” อรรควัสถามกลับเพราะรู้จักนิสัยขี้เป็นห่วงเรื่องคนอื่น

“เอ่อ..ครับ”

“ไม่นาน” อรรควัสส่ายหน้าก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมหนานั้น “ที่ฉันตอบคำถามเธอไม่ใช่เพื่อเพื่อนของเธอ แต่เพื่อเธอนะพาย”

“ขอบคุณครับคุณอรรค คุณดีกับพายมาก พายไม่รู้เลยว่าถ้าวันนี้ไม่ได้คุณมาช่วยพายจะทำอย่างไร ตอนนั้นพายคิดว่าถ้าถูกจับตัวไปได้จริง ๆ พายจะได้เจอคุณอีกไหมก็ไม่รู้”

“ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว วันนี้เธอแสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถเอาตัวรอดได้”

“ได้ที่ไหนกันล่ะครับ พายเกือบถูกจับได้แล้ว”

“อย่างน้อยก็ยืดเวลาถูกจับออกไปได้ เธอเก่งมาก คนเก่งของฉัน”

“ต้องขอบคุณคุณอรรคอีกครั้งที่ให้พี่เฉินกับพี่คุนมาสอนผม”

“อืม หลังจากนี้ไม่ต้องไปซ้อมแล้ว..”

“ครับ?” ภาสกรลอบยิ้มในใจ เขาไม่ต้องถูกจับทุ่มอีกต่อไป

“เปลี่ยนไปฝึกวิ่งกับอาเฉิน อาคุนแทน”

รอยยิ้มภาสกรยิ้มค้างเปลี่ยนเป็นแห้งเหือด

งานนี้เขาต้องตายแน่ ๆ!





หลังจากส่งเด็กน้อยเข้านอนเรียบร้อย อรรควัวจึงออกมาจากห้องพักแล้วมุ่งหน้ามาที่ห้องหนึ่ง ห้องที่เขาอยากจะเข้ามาชำระความที่ผู้ร้ายสองคนนั้นบังอาจและกล้ามากที่จะมาจับคนของเขา กล้ากระตุกหนวดเขา ถ้ากล้าทำขนาดนี้แสดงว่าคงไม่นาน หางของคนบงการคงจะโผล่ออกมาเร็ว ๆ นี้



“บอสครับ” เมื่อเห็นบอสใหญ่เปิดประตูเข้ามา อาเฉิน อาคุนก็เอ่ยทักด้วยท่าทางสำรวมทันที

“อืม มันยอมพูดอะไรบ้างหรือยัง” อรรควัสมองผ่านกระจกลงไปยังพื้นด้านล่าง เห็นผู้ร้ายสองคนถูกจับแขวนมัดไว้ในท่ายืน คอของพวกมันพับตกลงไปหมดแล้ว คาดว่าสลบจากการถูกซ้อม

“ยังครับ พวกมันปิดปากเงียบ”

“ดี มันคงอยากลองดีกับฉัน”

“พวกมันพูดแต่ว่ายอมตายดีกว่าจะยอมบอก” อาคุนเปรยขึ้นมาด้วยรู้จักนิสัยของเจ้านายตนดี อรรควัสชอบการท้าทาย

“อย่างนั้นเหรอ” เจ้าของคาสิโนหัวเราะในลำคอพลางกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะพูดต่อ “ไปปลุกพวกมันให้ตื่น ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วมันยังอยากตายอยู่ไหมหรือจะร้องขอชีวิต”



อรรควัสเดินลงไปชั้นล่างมองดูลูกน้องเอาน้ำสาดสองคนนั้นให้ตื่น คนถูกจับมัดตื่นขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ไง พวกนายคงรู้จักฉันดีอยู่แล้ว” อรรควัสนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงหน้าคนที่ยืนคู่นั้นแล้วเอ่ยทักพวกมันก่อนอย่างไม่ถือตัว

“...” ไร้เสียงตอบกลับ

“ใครส่งพวกแกมา” บอสหนุ่มยังถามต่อด้วยน้ำเสียง

“...”

“หัวหน้าแกเป็นใคร”

“...” เหมือนเดิม ไร้การตอบกลับ

“แกต้องการอะไรจากฉัน”

“...”

“ฉันถือว่าฉันถามคำถามที่จำเป็นไปครบถ้วนและให้โอกาสพวกแกหมดแล้ว แต่ในเมื่อไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ถ้าเลือกจะเงียบ ก็ขอให้เงียบไปตลอดก็แล้วกัน” อรรควัสค่อย ๆ เหยียดลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ เขาหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาถือไว้พลางเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายทีละนิด

“...” คนที่ถูกมัดมองคนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นกังวล

“มือไหนที่แกจับคนของฉัน” อรรควัสพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่พวกมันก็รู้ว่าบอสใหญ่ของที่นี่เป็นคนเด็ดขาด พูดจริงทำจริงมากแค่ไหน

“...”

“นิ้วมือพวกนี้สินะที่กล้าจับคนของฉัน ถ้าปล่อยเอาไว้ อีกหน่อยมันคงไปเที่ยวไล่จับคนอื่นอีก แต่ถ้าไม่มี..” อรรควัสเว้นระยะเล็กน้อย “ก็คงไม่ได้ทำอีก”

“กะ..แกจะทำอะไร” คนที่จับตัวภาสกรได้คนแรกยอมพูดขึ้นคำแรกด้วยความกลัว

“พูดได้แล้วงั้นหรือ” อรรควัสถามแม้น้ำเสียงจะฟังดูเนิบนาบ แต่หน้าตาอีกฝ่ายกลับสวนทาง สายตาจริงจังดุดันเริ่มทำให้คนถูกมัดเริ่มลนลานอยู่ไม่สุข “บอกฉันหน่อยสิว่าระหว่างแกกับเพื่อนแก อยากให้ฉันตัดนิ้วใครก่อน”

“แกบ้าไปแล้วหรือไง กะ..แกไม่กล้าทำหรอก”

“พวกแกคงรู้จักดีอยู่แล้วว่าฉันคือใครและ ฉัน..ไม่..เคย..พูด..เล่น” บอสหนุ่มเน้นย้ำทีละคำ “สรุปว่าให้ตัดนิ้วใครก่อน แกหรือเพื่อนแก เลือกมา!”

“มัน!” สองเสียงคนถูกมัดประสานขึ้นพร้อมกัน ไม่มีใครอยากจะพิการจึงรีบโบ้ยให้เพื่อนเป็นผู้รับเคราะห์ก่อน

“หึ ได้ แต่ฉันไม่ใช่คนลำเอียง พวกแกสองคนเท่าเทียมกันแน่” อรรควัสผินหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย ไม่ต้องรอให้ออกคำสั่ง บอดี้การ์ดคู่ใจก็แก้มัดเชือกคนฝั่งซ้ายก่อน

“ไม่เอา ไม่เอาเว้ย ตัดมันก่อน มันก็จับเด็กนั่นเหมือนกัน” คนที่จับภาสกรคนแรกโยนความซวยไปให้คนที่ยังถูกมัดอยู่

“ที่ฉันเลือกแกก่อนเพราะแกจับคนของฉันเป็นคนแรก เข้าใจหรือเปล่า” อรรควัสบอก คนที่ได้ฟังก็ตาเหลือกด้วยความกลัว เจ้าตัวดิ้นพล่านแต่สองบอดี้การ์ดเกร็งตัวรับแรงต่อต้านไว้อยู่แล้วจึงล็อกแขนไว้อย่างแน่นหนา ตอนนี้มือทั้งสองข้างของคนร้ายถูกวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

“อย่า อย่าทำ” คนร้ายร้องขอความเมตตาแต่ไหนเลยที่บอสใหญ่จะยอมฟัง มีดคมกริบตัดสามนิ้วข้างซ้ายพร้อมกันภายในครั้งเดียว เลือดสีแดงสดไหลนองสาดกระเซ็นไปทั่วโต๊ะ เสียงร้องแทบขาดใจเพราะความเจ็บปวดดังขึ้นเสียงดังกระทั่งคนถูกตัดนิ้วเป็นลมสลบไป

“บอกแล้ว ฉันยอมบอกแล้ว”

“ไหนว่ายอมตายดีกว่ายอมบอก” อรรควัสเปรยขึ้น

“ฉันบอกแล้ว บอกแล้วจริง ๆ”

“พูดมา”



คำพูดจากคนร้ายที่ยอมเปิดเผยนั้นเอ่ยออกมาแผ่วเบา จนเกือบไม่ได้ยิน แต่อรรควัสไม่ได้หงุดหงิดใจอะไร เขากลับยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ผิดจากที่คาดคิดเป็นคู่แข่งคาสิโนของเขาจริง ๆ เร็ว ๆ นี้เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์มาเล่นที่คาสิโนของเขาด้วยซ้ำ

“ขอบใจแกมาก”

“ถ้างั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

“ปล่อยแน่ แต่บอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่คนลำเอียง” สิ้นคำพูดบอสใหญ่ อาเฉินและอาคุณก็แก้มัดเชือกคนที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่ต่างกับเพื่อนที่สลบไสลไป เจ้าตัวดิ้นพล่านหมายจะให้รอดพ้นจากการถูกจับตัว แต่สู้แรงไม่ไหว สุดท้ายนิ้วมือก็ถูกตัดไปเหมือนกับเพื่อนของตน

“สลบทั้งคู่เลยครับ” อาเฉินรายงาน

“อืม ตัดนิ้วที่เหลือให้หมดแล้วส่งกลับมันไปหาเจ้านาย”

“ถ้าเราทำแบบนี้จะไม่เป็นการบอกให้พวกมันรู้ตัวเหรอครับบอส” อาคุนท้วงขึ้น

“ให้มันรู้ตัว ฉันเบื่อแล้ว อยากจบเกมนี้เสียที”

“บอสแน่ใจเหรอครับว่าที่ไอ้หมอนี่พูดจะเป็นความจริง ถ้ามันตั้งใจบอกชื่อผิดคนล่ะครับ” อาคุนยังไม่วางใจ





“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าเราก็จะรู้เองว่ามันพูดจริงหรือโกหก”




========================================


สวัสดีปีใหม่จีนล่วงหน้าค่ะ ขอให้ได้รับแต๊ะเอียกันถ้วนหน้านะคะ

ปล ยังไม่ได้ตรวจคำผิดหรือเกลาเลย ถ้ามีประโยคเพี้ยนๆ ไปบ้างขออภัยด้วยค่ะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-01-2020 21:29:34
ยังดี มาช่วยทัน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-01-2020 21:49:52
อื้อหือสยอง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-01-2020 22:34:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

โชคดีที่คุณอรรคเตรียมการไว้เป็นอย่างดีกับการให้พายฝึกฝนการป้องกันตัวไว้

ป.ล. คนที่โทรคือนนจริงหรือเปล่า?  แต่ข้อความเนี่ยคงไม่ใช่นนหล่ะ(มั้ง)
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 24-01-2020 07:45:22
เกือบไปแล้ววววว ไม่เคยเห็นคุณอรรคมาดแบบมาเฟียเลยพอมีepนี้ก็ใจกระตุกนิดๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-01-2020 07:47:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-01-2020 17:50:20
คุณอรรค เก่ง และโหด ที่สำมะคัน รักนุ้งพาย มั๊กมาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-01-2020 18:05:26
ไม่โหดก็อยู่ไม่ได้ในวงการนี้
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-01-2020 23:31:53
เด็ดขาดดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-01-2020 02:57:28
ถ้านนนอนอยู่ที่ห้องแล้วใครกัน?  :ling2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-01-2020 02:29:10
โอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่ยี่สิบเก้า UP!! 23/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-01-2020 21:03:31

วงล้อที่สามสิบ




วันถัดมาภาสกรไม่ยอมพลาดโอกาส เขาหาทางติดต่อกับนวพลจนได้ แม้ว่าเบื้องหลังความพยายามคือการขอร้องบอสใหญ่ให้ช่วยพาเขาไปพบเพื่อนรักคนนี้ก็ตาม สุดท้ายเจ้าของคาสิโนไม่ได้เป็นคนพาคนดื้อดึงไปพบอีกคนด้วยตัวเอง แต่เป็นบอดี้การ์ดคู่ใจคนหนึ่งแทน



ภาสกรเหลือบมองอาเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาระยะสองเมตรแล้วก็ลดเสียงลงโดยอัตโนมัติ มาจากการกระทำที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด ภาสกรเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นึกแล้วก็ขันตัวเอง ท่าทางเหมือนแอบคุยในห้องเรียนอย่างไรอย่างนั้นเชียว



“ตกลงเมื่อคืนแกไม่ได้ส่งข้อความหาเรา?” ภาสกรถามสิ่งที่ค้างคาใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“อืม เราจะส่งไปได้ไงอะ ในเมื่อเราหลับอยู่” นวพลเองก็ตอบด้วยคำเดิมพลางทำหน้าเบื่อหน่ายที่เพื่อนตรงหน้าไม่เชื่อคำพูดตนสักที

“แต่มันน่าสงสัย แล้วข้อความที่เราได้จากแกอะ ถ้าอย่างนั้นมันมาได้ไง”

“เราไม่รู้ แต่เราไม่ได้โกหก แกก็รู้จักนิสัยเราไม่ใช่เหรอ พาย” นวพลบอกอย่างอ่อนใจ

“ก็เพราะว่ารู้จักนิสัยแกเนี่ยแหละ เราถึงได้แปลกใจไง” ภาสกรครุ่นคิด คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าทำไมข้อความจากโทรศัพท์มือถือนวพลถึงถูกส่งมาหาเขาได้ อีกทั้งข้อความจากเครื่องอีกฝ่ายก็อันตรธานหายไปหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักข้อความเดียว



และอีกอย่างตอนนี้โทรศัพท์ของนวพลก็ไม่ได้อยู่กับเจ้าของแล้วเพราะหลังจากเกิดเรื่องอรรควัสก็ให้คนเอาโทรศัพท์เครื่องปัญหานี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าอีกสองสามวันคงเอาเครื่องมาคืนนวพลได้ ตอนนี้ภาสกรเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างต่อไปดี

“ขอโทษนะที่เราเกือบทำให้แกไปเจอเรื่องร้าย ๆ แล้ว” นวพลบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ถ้าแกถูกจับไปจริง ๆ ละก็ เราคงไม่มีหน้ากลับไปบอกน้าภากับพี่พรีมของแกแน่ ๆ ว่าเกิดเรื่องพวกนี้กับแกได้อย่างไร”

“เฮ้ย ไม่ต้องมาขอโทษสร้างดรามาอะไรตอนนี้เลย” ภาสกรรีบตบไหล่เพื่อนให้คลายความรู้สึกดังกล่าว “แกไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แกยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เราจะโทษแกได้ไง จะบอกให้นะแล้วต่อให้เกิดอะไรกับเราจริง เราก็ไม่โกรธแกหรอกเว้ย”

“แกนี่น้า ถ้าเราเป็นคนร้ายจริง ๆ จะทำอย่างไร” นวพลส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับนิสัยของอีกฝ่าย ช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง

“ไม่ใช่แกหรอก เมื่อคืนถึงแม้เราจะเห็นหน้าเขาไม่ชัดแต่ก็ไม่มีทางเป็นแกแน่นอน”

“เราอาจจะจ้างใครไปจับแกก็ได้” นวพลพูดขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่ง

“สรุปว่าแกอยากเป็นผู้ร้ายให้ได้ใช่ไหม” ภาสกรหรี่ตามองเพื่อน

“เปล่า เราก็แค่อยากให้แกคิดอะไรหลาย ๆ มุม คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะเว้ย” นวพลพยายามพูดให้เพื่อนได้คิดเผื่อว่าอีกฝ่ายจะนึกถึงคนอื่นบ้าง คนที่เขาไม่เคยไว้ใจเลยสักครั้ง คนที่เพื่อนรักของเขาเคยช่วยไว้ในตอนที่คนนั้นคิดจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

“แกหมายถึงพี่แอนดี้ใช่ไหม” ภาสกรพูดอย่างรู้ทัน

“อืม”

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นพี่แอนดี้วะ เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก” ภาสกรบอกอย่างไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมแกไม่คิดว่าเป็นพี่แอนดี้ของแกเล่า แกรู้จักเขาดีแค่ไหน ตั้งแต่แกช่วยเขามาก็มีแต่เรื่องไม่ใช่หรือไง”

“นั่นมันเพราะเราซวยเองต่างหาก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย” ภาสกรแก้ตัวให้บุคคลที่สาม

“เราพูดไปแกคงไม่เชื่อเราเลยใช่ปะ”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่..”

“เออ ไม่เป็นไร เราหวังว่าเรื่องคงจะคลี่คลายได้เร็ววันอะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้ก็เบื่อ” นวพลเสพูดเรื่องอื่น ไม่อยาก

ให้บรรยากาศตึงเครียด

“คงเร็ว ๆ นี้” ภาสกรคาดเดาจากคำพูดที่อรรควัสเคยบอกเขาไว้ว่าเรื่องราวใกล้จบแล้ว

“งั้นแกก็ระวังตัวให้ดี อย่างไรเราก็เป็นห่วงแกมากนะเว้ยพาย”

“ขอบใจแกมาก เราจะระวังตัวให้มากกว่าเดิม จะพยายามไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว” ภาสกรพูดจบก็แอบหันหลังไปมองอาเฉินที่ยังยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่ตรงมุมห้อง “แกก็เห็นว่าวันนี้พี่เฉินมากับเราด้วย แกไม่ต้องห่วงเราหรอก”

“แกพูดถึงบอดี้การ์ดของบอสขึ้นมาก็ดี”

“ทำไมวะ”

“ตอนนี้ความสัมพันธ์ของแกกับบอสอยู่ในรูปแบบไหนวะ” จู่ ๆ นวพลก็เปลี่ยนเรื่องถามตรงประเด็นอย่างเฉียบพลัน

“ถามบ้าอะไรของแก” ภาสกรรีบหลบตา ไม่กล้ามองหน้าเพื่อน

“เราทำงานมาที่นี่กี่ปีแล้ว ถ้าจะมีบอดี้การ์ดเดินตามใครสักคน หนึ่งในนั้นมักจะเป็นคนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้า...” นวพลจงใจทิ้งคำพูดไว้เท่านั้น

“เฮ้ย ไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะเว้ย” ภาสกรรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาไม่ใช่เด็กในสังกัดของบอสใหญ่เสียหน่อย

“แกรู้หรือว่าเราคิดอะไร” นวพลสวนกลับ “แต่ตอนนี้คนชั้นยี่สิบเก้ายังอยู่ดี เท่าที่เรารู้บอสจะมีคนบนชั้นนั้นทีละคน”

“ก..ก็..ใช่ อย่างที่แกคิดนั่นแหละ คุณอลันยังอยู่ชั้นนั้น” ภาสกรรีบพูดคล้อยตามกับอีกฝ่าย

“แกพูดถูกเพราะว่าคุณอลันยังอยู่ชั้นนั้น แล้วทำไมบอสถึงยอมให้บอดี้การ์ดเขามาเดินตามอารักขาแกต้อย ๆ ด้วย?”

“เพราะ...เพราะ..เรื่องที่เกิดขึ้นไง แกก็เหมือนกันนี่ยังถูกส่งมาอยู่ที่ห้องนี้เลย บอสก็ไม่ให้แกไปทำงาน พักงานก่อนไม่ใช่เหรอ” ภาสกรบอกเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเป็นอย่างที่แกบอกแล้วทำไมบอสถึงไม่ให้แกมาอยู่กับเราที่ห้องนี้ล่ะ ทำไมแกต้องแยกไปอยู่ที่อื่น แกว่าไหม บอสไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แยกแกไปไว้อีกที่แล้วส่งบอดี้การ์ดมาดูแลตอนที่มาหาเราเหมือนครั้งนี้”

“แกเลิกสงสัยได้แล้วนน เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบอสคิดอะไรแบบไหนอะ” ภาสกรเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดอาการที่ถูกจับผิด

“บอกมาไอ้พาย แกนอนกับบอสแล้วใช่ไหม” นวพลเลือกถามแบบยิงเข้าเป้าเลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นเพื่อนของเขาคงจะบ่ายเบี่ยงต่อไปไม่หยุด

“ไอ้นน!” คราวนี้ภาสกรเก็บความรู้สึกไม่ได้แล้ว เขาเสียงดังยามเรียกชื่อเพื่อนก่อนจะได้สติหันไปขอโทษอาเฉินที่ยืนอยู่ “ขอโทษครับพี่เฉิน”

“เราพูดถูกใช่ไหม”

“จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา” เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่หงุดหงิดเพื่อให้เพื่อนรักนั้นเลิกเซ้าซี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย

“เราเป็นใคร เราไอ้นน รู้จักแกมากี่ปะ หา? อย่ามาทำเสียงไม่พอใจใส่ เรารู้ทันหรอกน่า ตอบมาตรง ๆ นอนหรือยัง”

“...” ภาสกรกัดริมฝีปาก ใบหน้าเพื่อนก็ไม่กล้ามอง

“นอนหรือยัง” นวพลถามซ้ำ เมื่อถูกเร่งรัด ภาสกรเลยตัดสินใจตอบไปให้เสียจบ ๆ จะได้ไม่ถูกซักถามอีก

“เออ ๆ พอใจหรือยัง” ไม่วายที่จะประชดเพื่อนกลับไป

“เออ ๆ นี่คืออะไร ตอบให้ตรงคำถามหน่อย” ทว่านวพลไม่สนใจกลับถามอีกครั้ง

“นอนแล้ว ชัดเจนยัง” คนถูกซักมาก ๆ เข้าเลยกระแทกเสียงตอบ เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยในท่าทีเขินอายของเพื่อนสนิท

“โตเป็นหนุ่มแล้วนะน้องพาย แบบนี้พี่พรีมกับน้าภาคงดีใจที่ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาออกเรือนแล้วล่ะสิ”

“บ้าเหรอไงวะ” ภาสกรด่าเพื่อนแก้เขิน “แม่กับพี่พรีมยังไม่รู้เรื่อง เราไม่กล้าบอกหรอกเรื่องพวกนี้หรอก”

“ทำไมวะ”

“ถ้าแกไปนอนกับใครมา แกจะไปเล่าให้แม่ฟังเหรอไงวะ” ภาสกรนึกฉุน

พอนวพลได้ฟังก็ได้สติกลับมาคืนมา เพื่อนของเขาพูดได้อย่างถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเล่าให้ใครฟัง ถึงแม้ว่าแม่กับพี่สาวของเพื่อนเขาอยากให้ลูกชายของตนมีคนรักมากไหนก็ตาม

“โทษที ๆ เราคิดน้อยไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร เรารู้ว่าแกหาเรื่องแกล้งเรา”

“รู้ก็ดี” นวพลจุดยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม “ว่าแต่เรื่องแกกับบอส แกคิดดีแล้วใช่ไหม”

“คิดดี? เรื่องอะไร” ภาสกรไม่เข้าใจความหมายในคำพูดอีกฝ่าย

“ที่แกจะอยู่กับบอส ถึงแม้เราจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่หรอก เราไม่อยากเห็นแกเสียใจ ขอโทษที่ต้องพูดกับแกตรง ๆ แต่แกก็คงได้ยินมาบ้างว่าบอสเปลี่ยนคนบ่อยแค่ไหน”

“เรา..” ภาสกรหน้าม่อยลง ที่นวพลพูดมาก็ถูก เขาได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่คาสิโนถึงกิตติศัพท์เปลี่ยนคนบนชั้นยี่สิบเก้า

ไม่แปลกที่อรรควัสจะเปลี่ยนคนใหม่ไม่ใช่เขา ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่า “รัก” เขาก็ตาม

“ขอโทษ เราไม่น่าปากเร็ว” นวพลขอโทษอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดี

“ไม่ต้องขอโทษ ที่แกพูดมาอะถูกแล้ว มีใครไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้บ้าง...” ภาสกรกะพริบตาถี่ขึ้น กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะพูดต่อ “แกจำผู้ชายคนหนึ่งที่เราชอบได้ไหม”

“นึกไงพูดเรื่องคนอื่น เกี่ยวอะไรกับบอสวะ” นวพลขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“เถอะน่า จำได้ไหม”

“จำได้ ถึงเราจะไม่เคยเห็นหน้าเขาแต่ก็ฟังแกเล่าให้ฟังไม่รู้กี่พันร้อยรอบจนเกือบจะชอบคนนั้นเหมือนแกแล้ว”

“จำได้ก็ดี ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนรักเรา”

“ตกลงแกถามทำไม”

“บอส..คุณอรรค..คือผู้ชายคนนั้น”

“เฮ้ย ไม่จริงน่า” คราวนี้คนเสียงดังกลายเป็นนวพล เขารีบยกมือปิดปากแทบไม่ทันกลัวว่าบอดี้การ์ดหน้านิ่งจะเดินมาจับเขาโยนออกไปจากห้อง

“จริง”

“โลกกลมชะมัดอะพายเอ๊ย”

“เออ เราก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่มีรอยนี่ เราคงไม่เชื่อ” ภาสกรชูแขนข้างที่มีรอยแผลเป็นขึ้นมา “รู้ไหมว่าบอสก็มีรอยแผลเป็นแบบนี้เหมือนกันแล้วถ้าเอาแขนเรากับบอสมาวางต่อกันจะเห็นเป็นรอยแผลเป็นที่ต่อกัน”

“โรแมนติกสุดอะ” นวพลบอกอย่างดีใจแม้ว่าเหตุการณ์ที่ได้แผลนี้มาจะไม่ได้น่ายินดีสักนิด

“เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราจะเป็นอย่างไร เขาอาจจะเปลี่ยนคนอีกก็ได้ แต่อย่างน้อยนะเว้ย เราก็ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่กับเขา อยู่กับคนที่เราแอบชอบมาเป็นสิบปีเลย แค่นี้ชีวิตเราก็สมหวังแล้วหรือเปล่าวะ” ภาสกรพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

“แค่เห็นแกมีความสุขเราก็ดีใจแล้ว”

“และสุดท้ายจริง ๆ ถ้ารู้ตัวคนร้ายเมื่อไหร่ เมื่อเรื่องนี้จบลงเราก็คงต้องกลับบ้านเสียที”

“ทำไมอะ แกไม่หาเงินไปรักษาน้าภาแล้วเหรอไง”

“ไม่ต้องแล้ว พี่พรีมโทรมาบอกเราว่ามีคนบริจาคเงินให้แม่ว่ะ โคตรงงเลย”

“เออ โชคดีแล้ว น้าภากับพี่พรีมคงดีใจที่แกกลับไป”

“อืม เขาอยากให้เรากลับไป แต่เราขออยู่ต่ออีกนิด"

“กลับไปอยู่กับครอบครัว อย่างไรก็คงดีกว่าอยู่ที่นี่แหละเว้ย”

“คงงั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าพอกลับไปแล้ว หัวใจของเราจะกลับไปกับเราด้วยไหม” ภาสกรหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นยืน “เราต้องกลับไปกินข้าวกับเขา เดี๋ยวเราไปก่อนนะนน พรุ่งนี้ถ้ามาได้เราจะมาหาแกใหม่”

“เออ ไม่ต้องเป็นห่วงเรา สะดวกแล้วค่อยมา”

“ไปนะ” ภาสกรบอกลาเพื่อนแล้วเดินไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่นาน “ขอโทษครับพี่เฉิน ผมคุยกับเพื่อนเสร็จแล้ว เราไปกันเถอะ”

“ครับ”







ทางด้านบอสใหญ่คาสิโนหลังจากที่สั่งให้คนสนิทส่งของขวัญกลับไปหาผู้รับแล้ว ในช่วงสายเขาก็มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของของขวัญบนชั้นวีไอพีเสียที เขาไม่แปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายราวกับแน่ใจมานาน



“คุณชายเสิ่นให้เกียรติมาถึงคาสิโนของเรา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” อรรควัสก้มศีรษะให้อีกฝ่ายไม่มากจนดูนอบน้อมหรือน้อยไปจนดูเย่อหยิ่ง

“หามิได้ ๆ คุณอรรคบอสใหญ่ที่นี่พูดอย่างนี้ผมก็ลำบากใจเอาน่ะสิครับ” ทางนั้นก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส

“เจ้าสัวเสิ่นสบายดีนะครับ” อรรควัสเอ่ยถามถึงบิดาของผู้มาเยือน

“คุณพ่อสบายดี วันก่อนท่านก็ถามถึงเจ้าสัวหงเหมือนกัน คงสบายดีนะครับ” ในเมื่อถูกถามมาก็ต้องถามความเป็นห่วงกลับไป

“ขอบคุณเจ้าสัวเสิ่นและคุณชายเสิ่นที่นึกถึง อาเปียวสบายดีครับ” อรรควัสหมายถึงหงเปียว เจ้าสัวคนล่าสุดของตระกูล

“จุ๊ ๆ” คุณชายเสิ่นจุ๊ปาก “ตระกูลหงนี่เลือกใช้งานคนเก่งมาก อีกทั้งยังใจกว้างดั่งแม่น้ำนะคุณอรรค ลูกหลานของตระกูลไม่ต้องเข้ามาดูแลกิจการของบรรพบุรุษ กลับให้คนนอกตระกูลมาดูแลบริหารจัดการ โชคดีที่มันยังไปได้ดี ไม่ล่มจมไปเสียก่อน” คำพูดแสดงเจตนาโดยไม่ปิดบัง ทว่าอรรควัสกลับมีสีหน้าดังเดิม ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วหรือนึกโกรธในคำพูดที่ถูกครหาจากอีกฝ่าย

“ขออภัยที่เสียมารยาท แต่เกรงว่าคุณชายเสิ่นคงจะเข้าใจอะไรผิดไป คาสิโนแห่งนี้ตระกูลหงแค่ถือหุ้นอยู่เท่านั้นครับ”

“ผมรู้น่า คุณอรรคอย่าเพิ่งร้อนตัวสิครับ ใครจะไปกล้ากล่าวหาคาสิโนของคุณอรรคได้” คุณชายเสิ่นหัวเราะเสียงดัง จนคนรอบข้างหันมามองเพียงจุดเดียว

“เชิญคุณชายเสิ่นรับเครื่องดื่มอะไรหน่อยไหมครับ” อรรควัสเรียกพนักงานเข้ามาพลางหยิบยื่นเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายราวกับรู้ใจ

“คุณอรรคดูแลแขกดีอย่างนี้ไงเล่า แขกจากคาสิโนผมถึงได้มาที่นี่จนไม่กลับไป”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ บางทีเราไปแต่สถานที่เดิม ๆ ก็อาจจะเบื่อกันบ้าง เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศน่ะครับ”

“อืม มีเหตุผล สถานที่เราไป ของที่เรากิน อะไรที่มันซ้ำ ๆ ก็คงเบื่อ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ชอบอาหารไทย เบื่ออาหารตะวันตกแล้วเหรอครับ”



เหมือนจะเป็นการชวนคุยเรื่องธรรมดาแต่คนที่มีปัญหากันย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่อถึงอะไร คุณชายเสิ่นจงใจเปิดประเด็นเรื่องภาสกรกับอรรควัสอย่างไม่ปิดบัง



ตั้งใจเปิดเผยแล้ว



“ผมดีใจมากที่คุณชายเสิ่นสนใจเรื่องของผม ที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” หากอรรควัสไม่ได้โต้ตอบรุนแรงเขากลับผงกศีรษะให้อีกฝ่ายนิดหนึ่ง ราวกับนับถือที่อีกฝ่ายให้ความสนใจในเรื่องเขา

“ถ่อมตัวไปแล้ว คนธรรมดาที่ไหนกัน สาวน้อย สาวใหญ่ ลูกคนดังต่างอยากร่วมสกุลกับคุณอรรคทั้งนั้น ไม่ใช่สิ กับตระกูลหงทั้งนั้น” คุณชายเสิ่นพูดจบก็วางแก้วลงบนถาดที่พนักงานเดินผ่านมาโดยไร้การดื่มแม้แต่หยดเดียว

อรรควัสมองตามการกระทำนั้นแต่ไม่พูดหรือทักท้วงอะไร เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเขาฉันมิตร

“ว่าแต่วันนี้ที่คุณชายเสิ่นที่นี่ อยากมาผ่อนคลายหรือแวะมาเยี่ยมเยียนกันครับ”

“แหม้ พูดหมือนไม่อยากต้อนรับผมเสียอย่างนั้น”

“ไม่ใช่ครับ แต่ผมจะได้รับใช้คุณชายเสิ่นถูกอย่างไรล่ะครับ กลัวว่าจะบริการไม่ดี หากคาสิโนเราบริการไม่ถูกใจบอกผมได้ตลอดนะครับ”

“ได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของคาสิโนดีขนาดนี้ ผมก็สบายใจ” คนมาเยือนพูดโดยเน้นคำว่าเจ้าของคาสิโนเหมือนอยากจะตอกย้ำอีกครั้งว่าคาสิโนแห่งนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ของอรรควัสอย่างที่รู้กัน

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”

“ถ้าเป็นหน้าที่ของคุณ ผมว่าหน้าที่ของคุณก็น่าจะอยู่แต่ในส่วนของตัวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเอาขยะมาทิ้งที่หน้าบ้านของผม” คนพูดไม่ได้หมายถึงบ้านของตนเองจริง ๆ เขาแค่เปรียบเทียบเท่านั้น

อรรควัสได้ยินก็แอบลอบยิ้มในใจ อีกฝ่ายเริ่มเรื่องขึ้นมาแล้ว

“ผมก็ดูแลในส่วนของผม แต่อะไรที่ไม่ใช่ของของผม ผมจำเป็นต้องคืนเจ้าของที่แท้จริง” อรรควัสยิ้มเย็นพลางเลิกคิ้วถาม “หรือว่าเจ้าของตัวจริงไม่ใช่คุณชายเสิ่น”

เจ้าของคาสิโนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้ง

“...” อีกฝ่ายเลือกนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบ

“คุณชายเสิ่นพูดขึ้นมาแล้วก็ดีครับ ผมเองก็เบื่อเล่นอะไรแบบนี้เต็มที เดาว่าคุณชายเองก็คงเบื่อไม่ต่างจากผมใช่ไหม”

“หึ คุณอรรคนี่รู้ใจผมเสียจริง” คุณชายเสิ่นแค่นเสียงตอบกลับไป



“ในเมื่อคุณชายเสิ่นพูดถึงขนาดนี้แล้ว...ถ้าอย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าไหมครับ”










========================================


เขมว่าเราน่าจะมาถึงโค้งรองสุดท้ายแล้วละค่ะ ^^


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2020 22:14:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเหมือนนนเลย  ไอ้เจ้าพี่แอนดี้มันทำเสน่ห์ยาแฝดขนานไหนเหรอ?   พายถึงไว้ใจมากขนาดนั้น

คนอื่นยังไม่ไว้ใจอิตาแอนดี้นี่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-01-2020 23:23:51
ตัดจบเฉยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-01-2020 23:24:26
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-01-2020 00:18:57
ชักปืนออกมายิงกันเลยจ้ะพี่จ๋า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-01-2020 01:07:30
จะกลับบ้านจริงเหรอ ;-;
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-01-2020 05:17:44
ดีๆ เข้าเรืีองกันเถอะ อิฉันลุ้นเต็มที
กลัวน้องพายจะอันตรายอีก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 31-01-2020 07:20:47
โค้งรองสุดท้าย และท้ายสุด
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบ UP!! 30/01/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-02-2020 10:50:42


วงล้อที่สามสิบเอ็ด



“อาเฉิน...นายบอกว่ามีคนมาจับตัวภาสกรเหรอ” น้ำเสียงที่ถามออกไปแม้คนถามจะตกใจแต่ก็ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ดี

“ใช่ครับ บอสเลยให้ผมมาเรียนแจ้งคุณจิณณ์ว่าช่วงนี้คงจะไม่ได้เข้ามาที่ผับสักระยะหนึ่ง”

“เรื่องนั้นช่างเถอะ อรรคไม่เข้ามาผับก็ไม่เจ๊งในวันสองวันนี้หรอก ว่าแต่ภาสกรเป็นอะไรไหม ปลอดภัยดีหรือเปล่า”

“ปลอดภัยดีครับ โชคดีที่คืนนั้นบอสไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลาพอดี”

“เกือบไปแล้วสินะ เฮ้อ” จิณณ์ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวภายในห้อง

“ครับ บอสมองการณ์ไกลเลยให้พายไปเรียนป้องกันตัวพื้นฐานไว้เลยพอจะถ่วงเวลาเอาตัวรอดมาได้บ้างครับ”

“อืม ทำถูกแล้วละ อรรคมันคงเป็นห่วงตามประสาคนขี้กังวลนั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าถ้าภาสกรอยู่กับมันด้วยแล้วจะมีอันตรายเพิ่มขึ้นคงหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณชายเสิ่นอะไรนั่น สุดท้ายรอไม่ไหวโผล่หางมาจนได้สินะ”



เรื่องสถานการณ์ที่คาสิโน จิณณ์เองก็รู้มาแต่แรก อรรควัสเองก็ไม่เคยปิดบัง จิณณ์คือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุดดังนั้นหลาย ๆ เรื่องจิณณ์จึงเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากับอรรควัสอยู่กลาย ๆ

“ครับ”

“แล้วมันจัดการคนที่มาจับภาสกรอย่างไรล่ะ”

“ตัดนิ้วและให้คนเอาสองคนนั่นไปทิ้งที่หน้าคาสิโนคุณชายเสิ่นครับ”

เมื่อฟังจบจิณณ์ถึงกับหัวเราะออกมา “มันนี่น้า นิสัยเสียหวงของหวงคนจริง ๆ พวกนั้นซวยไปเลยสินะ ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง”

“ครับ” อาเฉินรับคำสั้นเหมือนเดิม

“นายเองก็เหมือนกันอาเฉิน อย่าเข้าไปใกล้หรือทำตัวสนิทกับภาสกรจนเกินความจำเป็น ต่อให้เป็นคนสนิทของอรรค ก็ใช่ว่ามันจะใจดี”

“ผมทราบดีครับ จะพยายามรักษาระยะห่างกับพายให้มากที่สุด”

“ความตั้งใจของนายจะสวนทางกับเจ้าเด็กนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ” ผู้จัดการผับคาดเดา

“พายเป็นเด็กฉลาด น่าจะเข้าใจครับ”

“อืม แล้วนอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่มีแล้วครับ”

“ถ้างั้นนายก็กลับไปทำงานต่อเถอะ ทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”



จิณณ์พูดจบก็เอนตัวลงนอนพลางหลับตาอย่างเหนื่อยล้า เวลานี้ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว อันที่จริงเขาควรกลับไปนอนยังที่พักของตน แต่วันนี้ขี้เกียจเกินกว่าจะกลับไปที่นั่น



เขาหลับตาไปได้สักพักแต่สัมผัสได้ว่ายังมีเงาของใครอีกคนยืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ผู้จัดการหนุ่มจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเป็นอย่างที่เขารู้สึก อาเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม

“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ไป”

“สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจบอสเลยให้ผมอยู่ดูแลคุณจิณณ์ครับ”

“ไม่จำเป็น นายกลับไปเถอะ ตอนนี้ทางอรรคต้องการกำลังจากนายมากกว่า และอีกอย่างที่นี่ก็มีคนของอรรคดูแลอยู่แล้ว ฉันไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ได้ครับ เป็นคำสั่งของบอส” คนตอบตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ฉันอยากรู้เหลือเกิน” จิณณ์ลุกขึ้นนั่ง เขาไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย แต่เลือกมองไปยังมุมหนึ่งของห้องก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ถ้าหากไม่ใช่คำสั่งอรรค นายจะอยากมาดูแลฉันด้วยตัวเองไหม จะดื้อดึงไม่ยอมกลับไปแบบนี้ไหม”

“...”

“ฉันนี่ถามอะไรโง่ ๆ เนอะ” ผู้จัดการหนุ่มแค่นเสียงเย้ยหยันตัวเอง “ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”

“ขอโทษครับ ผมทำงานให้ตระกูลหงและบอส เรื่องส่วนตัวจำเป็นต้องมาทีหลัง” คำพูดของคนที่ยืนตรงทว่าสุภาพนั้นทำให้คนฟังถึงกับต้องหันไปมองว่าตัวเองหูฝาดไปแล้วใช่ไหม

“นายกำลังจะบอกฉันว่าถ้านายไม่ได้ทำงานให้พวกเขา ถ้าหากฉันตกอยู่ในอันตรายนายก็จะมาหาฉันใช่หรือเปล่า” ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เพ้อฝันไปไกลจึงลองถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับ เพราะอย่างไรแล้วคุณก็คือเพื่อนที่บอสไว้ใจมากที่สุด เป็นคนสำคัญของบอส” ใจที่กำลังฟูฟ่องขึ้นกลับห่อเหี่ยวลงทันควันเมื่อได้ยินครบทั้งประโยค

ที่แท้อีกฝ่ายไม่ได้ห่วงใยเขาอย่างที่เข้าใจแต่เป็นเพราะเขาคือเพื่อนของอรรควัส ถ้าอย่างนั้นคงแปลได้ว่าต่อหน้าคนพูดแล้วเขาไม่มีค่าต่อสายตาอาเฉินเลย

“ขอบใจที่บอกฉันให้เข้าใจอีกครั้ง” จิณณ์คิดว่าเขาคงเป็นพวกชอบความเจ็บปวดไปเสียแล้ว คำพูดที่ตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายที่บอกเขาให้เจ็บช้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้สักที

“ขอโทษครับ” และทุกครั้งประโยคของอาเฉินจะจบลงด้วยคำนี้เสียทุกครั้งไป และมันเป็นหนึ่งคำที่จิณณ์ไม่อยากได้ยินเลย

“ขอฉันอยู่คนเดียวได้ไหม”

“แต่..”

“ถ้านายกลัวว่าจะขัดคำสั่งอรรค งั้นนายเฝ้าฉันที่หน้าประตูก็ได้ ห้องนี้ไม่มีทางออกอื่นนอกจากประตูบานนั้นบานเดียว คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไรฉันจากทางอื่นหรอก”

“ครับ”



จิณณ์เอนกายลงนอนบนโซฟาดังเดิม เขาหันหน้าเข้าหาด้านในโซฟา ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นความเจ็บปวดของเขาผ่านใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เป็นประจำ เพราะอีกนิดหนึ่งเขาอาจจะทนฝืนมันต่อไปอีกไม่ไหวแล้วก็ได้

“ทำไมยังไม่ไปอีก” คนนอนอยู่ไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจึงเปรยถามอีกฝ่ายไป

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”

“เปลี่ยนใจ?” จิณณ์มุ่นคิ้วแต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมตา

“ครับ ผมจะรอคุณหลับก่อนแล้วค่อยออกไปข้างนอก”

“อย่าลำบากเลย ฉันไม่ได้อยากทำตัวให้นายมาสงสารจนต้องฝืนใจมาทำอะไรแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มเม้มปากแน่น นี่อีกฝ่ายอยากจะทำร้ายจิตใจเขาโดยไม่รู้ตัวอีกกี่ครั้งกัน

“ขออนุญาตนะครับ” อาเฉินถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่จิณณ์นอนอยู่ โซฟามีขนาดใหญ่ทำให้รองรับคนสองคนได้สบาย

“นี่นาย!” จิณณ์ทนต่อไปไม่ไหว เขาลืมตามองบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างคาดโทษ “คิดจะทำอะไร”

“บอสบอกให้ผมดูแลคุณจิณณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าแบบไหน ผมคิดว่าทำแบบนี้คงไม่เป็นไร ช่วงนี้คุณเองก็เครียดไม่ค่อยได้นอนไม่ใช่เหรอครับ นอนพักสักหน่อยก็น่าจะดี ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะหลับ” อาเฉินยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน แต่น่าเสียดายที่ผู้จัดการหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเจ้าตัวไม่ยอมสบตากับคนพูดเลย “อีกอย่างผมไม่ได้สงสารคุณและฝืนใจครับ”



ไม่บ่อยนักที่บอดี้การ์ดคนนี้จะพูดประโยคยาว ๆ บอดี้การ์ดที่ดีควรพูดให้น้อยเข้าไว้ เรื่องเจ้านายไม่ควรเข้าไปวุ่นวายนอกเหนือจากคำสั่ง หากครั้งนี้เขากำลังฝืนคำสั่งบอสอย่างจงใจ

“รู้ไหมว่าคำพูดนายกำลังตบหัวแล้วลูบหลังฉัน” ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายตัดรอนเขาเสียจนเจ็บ แต่แล้วตอนนี้กลับพยายามปลอบโยนเอาใจเขา

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นเพราะคิดว่าผู้จัดการหนุ่มไม่พอใจ

“อยู่กับฉันก่อน” จิณณ์พูดพลางคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาแนบแก้มก่อนจะถูใบหน้าเข้ากับมือสากนั้น “ฉันรู้ว่าฉันคงเจ็บปวดต่อไปถ้ายังตัดใจความรู้สึกที่มีต่อนายไม่ได้ ฉันกำลังพยายามอยู่ แต่ตอนนี้ฉันขอนะ..ขอแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี”



สุดท้ายจิณณ์ก็หักห้ามความรักที่มีให้กับอีกฝ่ายไม่ไหว ใจอ่อนยวบ ไม่อยากอยู่ห่างจากบอดี้การ์ด

“ครับ” อาเฉินตอบสั้นดังเดิม แต่จิณณ์ก็พึงพอใจเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ถอนมือกลับออกไป



อย่างน้อยก็ทำให้นิทรานี้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง











อรรควัสยืนจ้องตากับผู้มาเยือนอย่างไม่ลดละ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่ายหรือแสดงท่าที่ร้อนรน กลับยืนมองอีกฝ่ายนิ่งเฉยอย่างใจเย็น ฝั่งตรงข้ามแสดงตัวตนออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังเดินทางเข้าสู่จุดจบเต็มทีแล้ว

“เล่นเกมสักตาหน่อยไหมครับคุณอรรค เล่นไปพลาง คุยกันไปพลางน่าจะดีนะครับ” คุณชายเสิ่นออกความเห็น

“คุณชายเสิ่นให้เกียรติถึงเพียงนี้ มีหรือที่ผมจะกล้าปฏิเสธ” สิ้นคำพูดของบอสใหญ่ พนักงานบริเวณนั้นก็รีบจัดการเตรียมโต๊ะพนันอย่างรู้หน้าที่ ให้สมกับพนักงานชั้นวีไอพีที่ผ่านการทดสอบมาอย่างหนักหน่วง



เมื่อทุกอย่างตระเตรียมเรียบร้อย ขณะนี้คนสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันคนละปลายฝั่งของโต๊ะ โดยมีพนักงานแจกไพ่ยืนอยู่ช่วงกลางโต๊ะ

“เดิมพันครั้งนี้เป็นอะไรดีคุณอรรค” คุณชายเสิ่นเปรยขึ้น

“ผมเป็นเจ้าบ้านถ้าเอ่ยปากเองคงจะไม่เหมาะ แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นดีกว่าครับ” อรรควัสบอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“งั้นเอาอย่างนี้ไหม ง่าย ๆ” คนออกความเห็นนั่งพิงพนักเก้าอี้สบาย ๆ ไร้แรงกดดัน

“เชิญครับ”

“ถ้าผมชนะ คุณอรรคก็ปิดคาสิโนไปดีไหม”

“น่าสนใจครับ แล้วถ้าคุณชายเสิ่นแพ้?” อันที่จริงข้อเสนอของอีกฝ่ายถือเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะให้เกียรติสักเท่าไหร่ หากคนฟังก็ไม่ได้มีทีท่าขุ่นเคืองกลับถามกลับแทน

“คุณอรรคว่ามาเลย”

“ในเมื่อเดิมพันครั้งนี้คือคาสิโน ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ ใครแพ้คนนั้นก็ปิดคาสิโนไปซะและไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก และส่วนเรื่องที่แล้ว ๆ มาก็ให้มันจบกันไป”



อันที่จริงอรรควัสคือผู้ที่เสียผลประโยชน์ อีกฝ่ายทำให้คาสิโนเขาเสียชื่อหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หรือสร้างสถานการณ์ทะเลาะวิวาทต่าง ๆ แต่เขาต้องการเรื่องให้มันจบยุติให้จบสิ้น จึงตัดสินใจออกมาแบบนั้น

“อืม สมเป็นคุณอรรค คิดอะไรเด็ดขาดตามคำร่ำลือ”

“เริ่มเลยไหมครับ”

“ใจร้อนจริงเชียว แต่เอาเถอะ เริ่มเลยก็ดี”



ขณะนี้ทั่วทั้งคาสิโน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งชะงักงัน นักพนันในแต่ละชั้นต่าง ๆ เลิกสนใจพนันตรงหน้า ทุกสายตากลับจ้องมองภาพโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ถูกถ่ายทอดสดจากชั้นวีไอพีลงมา



ไม่บ่อยนักที่เจ้าของคาสิโนจะลงมาเล่นเกมด้วยตัวเอง ทุกคนจึงตื่นเต้นไม่เว้นแม้แต่พนักงานในคาสิโนก็เช่นกัน นับว่าเป็นบุญตาของตนอย่างแท้จริง

“กติกาเล่าครับ” อรรควัสถามต่อ

“อย่างไรดี อืม..แจกไพ่ทีเดียวห้าใบ ห้ามเปลี่ยนไพ่ แล้วค่อยหงายไพ่มาทีละใบ จนครบสามใบโดยจะหงายใบไหนก่อนก็ได้ ส่วนอีกสองใบสุดท้ายหงายพร้อมกันทีเดียวเลยดีไหม”

“แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นเลยครับ ผมอย่างไรก็ได้ ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน” อรรควัสยังยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มทางการค้าไม่เปลี่ยนแปลง



กติกาดังกล่าวที่บอกมานั้นเป็นการวัดใจโดยใช้ดวงและจิตวิทยาอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณชายเสิ่นค่อนข้างถนัด นับได้ว่ากติกานี้จึงเอื้อแก่ประโยชน์ของอีกฝ่ายก็ว่าได้ แต่อรรควัสเลือกไม่โต้แย้ง ทำตามกติกาที่อีกฝ่ายกำหนดขึ้นแต่โดยดี

“ผมน่ะนะชอบในความใจกว้างของคุณอรรคจริง ๆ” คุณชายเสิ่นเอ่ยปากชม แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้คำพูดนั้นออกมาจากใจเจ้าตัวหรือไม่

“เริ่มเลยนะครับ” อรรควัสไม่ตอบอะไรกลับถามคำถามใหม่แทน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า พนักงานที่รอแจกไพ่อยู่จึงทำหน้าที่ด้วยความคล่องแคล่วทันที



ไพ่ถูกหงายขึ้นมาใบแรกนั้นคุณชายเสิ่นได้แหม่มหรือควีนโพธิ์ดำ ส่วนเจ้าของคาสิโนนั้นได้เพียงเลขสี่ดอกจิก ดวงตาสองคู่สบตากันโดยไม่มีใครรู้ความหมาย ก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สองอย่างไม่เร่งรีบ











เมื่อภาสกรกลับมาถึงห้อง เขาก็ไม่เห็นร่างใครอีกคนภายในห้องทว่าไม่นึกแปลกใจ อีกฝ่ายมีงานที่ต้องจัดการแก้ไขมากมายในแต่ละวัน ถ้าอยู่ห้องสิเขาควรจะแปลกใจ

ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรแก้เบื่อ เขาจึงเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาดูฆ่าเวลาเล่น ๆ กดไล่ช่องไปเรื่อยกระทั่งสายตาสะดุดกับช่องหนึ่ง



นี่มัน? ชั้นวีไอพีของคาสิโนไม่ใช่เหรอ



แล้วทำไมอรรควัสถึงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นได้ ภาสกรรู้ดีว่าโต๊ะตัวใหญ่หรูหรานั้นไว้สำหรับการประลองท้าดวงเท่านั้น



อย่าบอกนะว่า..



ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เขาโยนรีโมททิ้งก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้อง เห็นคนที่ยืนทำหน้าที่อารักขาเขา บัดนี้กลายเป็นอาคุนไม่ใช่อาเฉินแล้ว

“พี่คุน”

“ครับ”

“ผมเปิดทีวีแล้วเห็นคุณอรรค..บอสอยู่ที่ชั้นวีไอพี มันไม่ใช่รายการเก่าใช่ไหมครับ” เขาถามออกไปด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ภาวนาให้คำตอบที่เขาหวังนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

“ไม่ใช่ รายการนี้เป็นรายการถ่ายทอดสด”

ภาสกรได้ยินคำตอบก็กลับเข้าห้องไปทันที เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานของคาสิโนอย่างรวดเร็ว แทบเรียกได้ว่าทำลายสถิติการเปลี่ยนชุดเร็วที่สุดในโลกก่อนจะเปิดประตูออกมาอีกครั้งแต่กลับถูกคนหน้าห้องขวางไว้

“ปล่อยผมพี่คุน”

“พายจะไปไหน”

“ผมจะขึ้นไปชั้นวีไอพี”

“ไปไม่ได้ บอสให้พี่ดูแลพายอยู่ที่ห้องนี้”

“ไม่ครับพี่คุน ผมขอร้องให้ผมขึ้นไปเถอะนะ ผมเป็นห่วงบอส”

“นายคิดมาไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เป็นการท้าดวลธรรมดาเกมหนึ่งเท่านั้น” อาคุนพยายามบอกอีกฝ่ายให้เข้าใจ

“ผมรู้ว่าพี่พูดไม่จริง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คุณอรรคเองก็บอกว่าอีกไม่ช้าเกมนี้จะจบลง คนร้ายปรากฏตัวแล้วใช่ไหมครับ” ภาสกรเขย่าแขนอีกฝ่าย

“...”



เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ตอบ ภาสกรจึงทึกทักเอาเองว่าคำตอบคือ “ใช่” ใจของเขายิ่งร้อนรนเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรแล้วเขาก็จะต้องขึ้นไปบนชั้นให้ได้



ภาสกรอาศัยจังหวะที่อาคุนเผลอ เขาย่อตัวลงก่อนจะมุดลอดแขนที่กั้นขวางประตูเอาไว้อย่างรวดเร็วจนอาคุนจับตัวอีกฝ่ายไม่ทัน

“ขอโทษนะพี่คุน” เขาตะโกนเสียงดังแต่ไม่ชะลอฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย

อาคุนเห็นคนที่เขาต้องดูแลก็พลางคิดในใจว่าไม่แคล้วถูกบอสลงโทษ แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธอีกฝ่าย ตัดสินใจปล่อยภาสกรไป เขาเข้าใจถึงความเป็นห่วงในตัวคนรักดี เพราะเขาเองก็มีคนรักที่เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน







สถานการณ์บนชั้นวีไอพีสัมผัสได้ถึงความเครียดเขม็งของผู้ชมที่ต่างลุ้นใจจดใจจ่อ อยากรู้ผลแพ้ชนะเต็มทีแล้ว เหลือแต่เพียงผู้แข่งขันสองคนเท่านั้นที่ยังวางสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่มีเรื่องกดดันอะไร



ไพ่ใบที่สองถูกเปิดออกมาแล้วโชคยังเป็นของคุณชายเสิ่น เขาได้ควีนโพธิ์แดงเพิ่มมาอีกใบ ทำให้คุณชายเสิ่นตอนนี้มีหนึ่งคู่แล้ว ในขณะที่เจ้าบ้านนอกจากได้เลขสี่ดอกจิกมาแล้วยังได้เลขเจ็ดข้าวหลามตัดมา จะจับคู่ก็ได้ไม่ได้ จะเล่นสีกลุ่มเดียวกันก็ยิ่งไม่สามารถทำได้เลย

“เรามาเพิ่มกติกากันหน่อยดีไหม จะได้เพิ่มความสนุกมากขึ้น”

“ไม่มีปัญหาครับ คุณชายเสิ่นว่ามาได้เลย”

“อืม หลังจากนี้ทุกการเปิดไพ่คนที่แต้มสูงกว่าจะเรียกเดิมพันก่อน”

“ครับ”

“งั้นเริ่มจากตานี้เลยก็แล้วกัน ถ้าผมชนะเกมนี้ คุณอรรคต้องออกไปจากมาเก๊าและจะกลับมาอีกไม่ได้ตลอดชีวิต โอเคไหมครับ”

บอสใหญ่แทบไม่เสียเวลาคิด เขารับปากอีกฝ่ายทันที “ตามครับ”

“และเพื่อไม่ให้เอาเปรียบคุณจนเกินไป ถ้าฝ่ายที่แพ้เป็นผมละก็ ผมเองก็จะออกไปจากที่นี่และไม่กลับมาอีกเช่นกัน”

“คุณชายเสิ่นช่างยุติธรรมและใจกว้างจริง ๆ ครับ”

“ชมผมเกินไปแล้ว เปิดใบต่อมากันดีกว่า”



ไพ่ใบที่สามโชคเริ่มเข้าทางเจ้าของคาสิโนบ้างแล้ว เขาได้เจ็ดดอกจิกเพิ่มมาอีกหนึ่งใบ แต่โชคคุณชายเสิ่นยังไม่หมดสิ้นเขาได้แหม่มควีนข้าวหลามตัดทำให้ตอนนี้ทางคุณชายเสิ่นมีตองแหม่มหรือควีน ส่วนอรรควัสนั้นมีเพียงคู่เจ็ดหนึ่งคู่

“เชิญคุณชายเสิ่นเรียก” พนักงานแจกไพ่ผายมือไปยังผู้ที่ได้แต้มมากกว่า

“ได้ยินมาว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่มือสมัครเล่นเท่านั้น”

“จุ๊ ๆ อย่าถ่อมตัวเลย อะไรที่เป็นข่าวลือกับเจ้าของคาสิโนแห่งนี้นี่เป็นเรื่องจริงทุกครั้งเชียว ใครต่อใครก็ต่างบอกว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก ลงแสงเงาได้ดีทั้งที่เรียนไม่จบด้วยซ้ำ น่านับถือ ๆ”

“ชมเกินไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอมือขวาของคุณอรรคกลับบ้านแลกกับนิ้วมือของลูกน้องผมที่หายไปแทน”

อรรควัสหลับตาลงนิดหนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ “ได้สิครับ”



สิ้นคำตอบของอรรควัสกลับเรียกเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่จากเสียงกองเชียร์ที่ดังมาจากทุกสารทิศ เพราะคาสิโนแห่งนี้ไม่เคยเดิมพนันเป็นอวัยวะมนุษย์กันมาก่อน

“เดี๋ยวเราก็จะรู้ผลแพ้ชนะกันแล้ว คุณอรรคจะถือสาไหมถ้าผมจะขอเป็นฝ่ายเรียกเดิมพันล่วงหน้าก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สี่พร้อมกับใบที่ห้า”

“ผมจะกล้าขัดคุณชายเสิ่นได้อย่างไร คุณชายอยากเดิมพันอะไรครับ”

“ช่วงนี้บอสใหญ่เหมือนจะหลงเสน่ห์หนุ่มน้อยคนไทยอยู่คนหนึ่งใช่ไหมครับ” แค่เพียงคำพูดที่เกริ่นขึ้นมาก็ทำให้ไหล่หนาของอรรควัสเกร็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ

“ข่าวโคมลอยหรือเปล่าครับ” อรรควัสหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ “ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมจะดูแลคนครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ไม่มีซ้ำซ้อน และตอนนี้คนคนนั้นก็คืออลัน คุณชายเสิ่นคงได้ข่าวมาผิดแล้วละครับ น่าเสียดายอลันไม่ใช่คนไทย”

“หืม? อย่างนั้นหรือเนี่ย” คุณชายเสิ่นทำท่าครุ่นคิด “ถูกอย่างที่คุณอรรคว่าแหละครับ ข้อนี้ผมคงไม่กล้าเถียง แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นคนในสังกัดที่เตรียมปลดระวางแล้ว คุณอรรคจะยังนับอยู่แล้ว”

“...”

“น่าแปลกใจนะครับ ทั้งที่คุณอรรคก็น่าจะรู้ที่มาที่ไปของอลันดีอยู่แล้วแต่กลับยังเลี้ยงไว้ใกล้ตัว”

“ก็เพราะว่ารู้ไงครับว่าอลันเป็นคนของคุณชายเสิ่น ผมเลยอยากให้เขาอยู่ใกล้หูใกล้ตาผม” ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเปิดเผยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดังนั้นอรรควัสจึงเลิกปิดบังอีกฝ่ายเช่นกัน

“ดูถูกความฉลาดเฉียบแหลมของคุณอรรคไม่ได้เลย น่าเสียดายนะครับที่เราอยู่คนละฝั่งกัน”

“ขอบคุณคุณชายเสิ่นที่ชม” อรรควัสแย้มยิ้ม “เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาปิดเกมนี้กันดีกว่า คุณชายเสิ่นอยากเรียกเดิมพันเป็นอะไรครับ”

“ผมอยากขอเด็กคนนั้น”

“เด็กคนนั้น?” อรรควัสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “คุณชายหมายถึงอลันใช่ไหม”

“ไม่เอาน่า คุณอรรคเข้าใจผมดีอยู่แล้วว่าผมหมายถึงใคร”



คราวนี้อรรควัสใช้ความคิดอย่างหนัก คาสิโนแห่งนี้ เขายกให้คุณชายเสิ่นได้ หรือจะให้ปิดมันเลยเขาก็ย่อมทำได้ จะให้เขาตัดมือขวาหรือห้ามกลับมาเหยียบที่มาเก๊า เขาก็ย่อมทำได้ ไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด



เขามั่นใจในดวงตัวเองแต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอาดวงและโชคชะตามาทำให้คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่พลอยโดนลูกหลงไปด้วย แค่นี้ภาสกรก็ซวยเพราะเขามากแล้ว หากครั้งนี้โชคชะตาไม่เข้าข้างเขาล่ะ จะทำอย่างไร



และยิ่งเดิมพันนี้เป็นภาสกรแล้ว เขาทำใจไม่ได้ ยิ่งรู้ในสถานการณ์อนาคตได้เลยว่าภาสกรจะเจอกับอะไรบ้างเขายอมรับไม่ได้เลย เด็กที่จิตใจดีอย่างภาสกรไม่สมควรที่จะมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ อย่างไรเขาก็เอาชีวิตอีกฝ่ายมาเสี่ยงไม่ได้

“ว่าอย่างไรครับคุณอรรค หรือเดิมพันนี้ยากไปจึงตัดสินใจไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นยอมแพ้ไปก็ได้นะครับ เราจะหยุดเปิดไพ่เท่านี้ ผลแพ้ชนะก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว” คุณชายเสิ่นบอกอย่างเป็นต่อ

“คุณชายเสิ่นเก่งที่ดูผมออก”

“อย่างนั้นเหรอครับ”







“ถ้าเดิมพันเป็นเด็กคนนั้น ผมคงต้อง..ยอม




========================================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2020 13:16:03
ลุ้นๆ กลัวแขนคุณอรรคจะขาดจัง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-02-2020 13:57:32
ยิงรำคาญคุณชายเสิ่น o18
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 06-02-2020 19:20:11
ยอมอะไร ไม่เอา ไม่ยอมมมม มาเปิดไพ่ต่อเลยค่ะ เปิดให้มันจบๆไปปปปปป  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-02-2020 21:09:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยอมอะไร?  พูดให้จบสิคุณเจ้าของคาสิโน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2020 23:00:14
-.-
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-02-2020 03:26:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 07-02-2020 05:20:36
อีตาเสิ่นไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย คุณอรรคจัดการให้น่วมไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-02-2020 02:42:02
ลุ้น  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-02-2020 11:45:05
ลุ้นมาก  o22
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-02-2020 11:46:31
พี่อรรค รอน้องพาย มาทั้งชีวิต พี่อรรคเลือกน้องพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-02-2020 13:07:24
น้องพายอย่าเพิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปนะลูก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเอ็ด UP!! 06/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-02-2020 12:08:18


วงล้อที่สามสิบสอง



“ถ้าเดิมพันเป็นเด็กคนนั้น ผมคงต้อง..ยอม



อย่ายอมนะครับ!” เด็กคนนั้นที่อรรควัสและคุณชายเสิ่นพูดถึง บัดนี้เจ้าตัวกลับโพล่งขึ้นเสียงดังมาท่ามกลางคนในชั้นวีไอพี เรียกสายตาจากแขกผู้มีเกียรติทุกคู่ให้หันไปสนใจเจ้าของเสียงกันเป็นจุดเดียว

ภาสกรกระหืดกระหอบวิ่งมาตลอดโดยไม่หยุดพัก พอพูดจบเขาถึงกับหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อรรควัสเกือบจะลุกขึ้นไปหาอีกฝ่าย ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงของพนักงานแจกไพ่เตือนสติเอาไว้ได้ทัน

ระหว่างการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันไม่อนุญาตให้ลุกไปไหนได้ทั้งนั้น หากลุกขึ้นออกจากโต๊ะถือว่าสละสิทธิ์และเป็นฝ่ายแพ้ในเกมนั้นทันที

พอเป็นเรื่องของภาสกรแล้ว บอสที่เก็บอาการได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์มักจะลืมตัวโดยไม่รู้ตัว

“มาพอดีเลย” คุณชายเสิ่นยิ้มเย็นเมื่อเห็นว่าใครที่เข้ามาขัดจังหวะการแข่งขัน

“อย่ายอมแพ้นะครับคุณอรรค” ภาสกรไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง เขาเดินเข้าไปใกล้บอสใหญ่และพูดมันซ้ำอีกครั้ง “อย่าให้ผมต้องเป็นตัวถ่วงของคุณ”

“แต่ว่าเดิมพันนี้ฉัน..” อรรควัสมีสีหน้าลำบากใจ ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักสำหรับคนอย่างเขา

“พายขอร้อง”

“ไม่ได้ ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้”

“ตกลงว่าคุณอรรคจะยอมแพ้ใช่ไหมครับ” คุณชายเสิ่นทวนคำพูดของอีกฝ่ายที่พูดไปก่อนหน้านี้

“ไม่ยอมแพ้ครับ” ภาสกรถือวิสาสะตอบแทน

“เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

“รู้สิครับ”

“ฉันต้องเปิดไพ่อีกสองใบในขณะที่ฉันมีเพียงคู่เจ็ดเพียงคู่เดียว ถ้าหากจะเอาชนะคุณชายเสิ่นได้ฉันจะต้องมีไพ่อะไรในมือ” อรรควัสพยายามเกริ่นถึงสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่

“พายทราบดีครับ ไพ่ที่เหลืออยู่ต้องเป็นเลขเจ็ดอีกสองใบ แปลว่าคุณต้องมีเจ็ดทั้งหมดสี่ใบในมือถึงจะเอาชนะได้”

“นั่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” บอสใหญ่พูดเสียงเครียด

“คุณเป็นคนดวงดี โชคดี คุณเป็นคนเก่ง พายเชื่อว่าคุณจะเอาชนะได้ครับ” ภาสกรยังเชื่อใจอีกฝ่ายไม่ลดละ

“รู้ไหมถ้าเกมนี้ฉันแพ้ จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

“คุณจะไม่ทำให้พายต้องไปเผชิญเรื่องพวกนั้นใช่ไหมครับ” ภาสกรมองอรรควัสอย่างไว้เนื้อเชื่อใจว่าคนตรงหน้าจะปกป้องเขาได้อย่างไร้ข้อกังขา

“ว่าอย่างไรคุณอรรค จะยอมแพ้หรือไม่ อย่าลืมนะว่าคุณมีแค่คู่เจ็ด ส่วนผมน่ะลอยลำมีตองควีนชนะคุณเห็น ๆ แล้วในเวลานี้” คุณชายเสิ่นพูดอย่างเป็นต่อ

อรรควัสสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ตกลง ผมยอม..”

“คุณอรรค!” ภาสกรเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ พลายส่ายหน้า วิงวอนไม่ให้อรรควัสยอมแพ้

“ผมยอมรับข้อเดิมพันของคุณครับคุณชายเสิ่น” เมื่อบอสหนุ่มพูดจบก็ทำให้ภาสกรหายใจโล่งขึ้นมาบ้าง แต่แล้วใจเขาก็เต้นรัวไม่หยุดอีกครั้งเมื่อถึงเวลาเปิดไพ่ที่เหลือ

“ดี งั้นเรามาเปิดไพ่พร้อมกันเถอะครับ”



ภาสกรรับรู้ได้เลยว่าทุกคนที่มาดูการแข่งขันของคู่นี้นั้นต่างพากันกลั้นหายใจเพราะตื่นเต้นและลุ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องยากมากที่อรรควัสจะเอาชนะได้ สิ้นเสียงนับเลขถอยหลังจนเหลือหนึ่ง คนที่นั่งตรงมุมโต๊ะทั้งสองฝ่ายก็หงายไพ่โดยพร้อมเพรียงกัน



เสียงฮือฮาดังจากทุกสารทิศไม่เว้นแม้แต่ภาสกรที่ยกมือปิดปากก่อนจะทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างคนหมดแรง น้ำตาไหลออกมาสายยาวอย่างห้ามไม่อยู่และเพราะเจ้าตัวคงเหนื่อยมากเกินไป ภาพตรงหน้าจึงดับวูบไป ไม่ทันได้เห็นว่าหลังจากเปิดไพ่แล้วมีใครคนหนึ่งวิ่งมาที่โต๊ะการแข่งขัน



ภาสกรตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องที่คุ้นเคย ห้องที่เขาอาศัยอยู่กับบอสหนุ่มเจ้าของคาสิโน พอทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เขาก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งเงียบ ๆ กระทั่งได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นไม่ไกล

“ตื่นขึ้นมาทำไมก็กลายเป็นเด็กขี้แยเลยเชียว ไม่เหมือนตอนที่ไปห้ามฉันยอมแพ้ตอนที่อยู่บนชั้นวีไอพีเลย” ภาสกรหันไปตามเสียงพูดก่อนจะเห็นว่าคนพูดยืนอยู่ปลายเตียง ในมืออีกฝ่ายมีผ้าขนหนูถืออยู่

“คุณอรรค”

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว” อีกฝ่ายพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งที่ข้างกายภาสกรแล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กนั่นเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนขี้แย

“ขอบคุณครับ แต่พายเช็ดเองได้”

“ไม่เป็นไร มองไม่เห็นรู้เหรอว่าหน้าเลอะแค่ไหนแล้ว”

“พายหลับไปนานไหมครับ”

“สักชั่วโมงหนึ่งได้”

“ขอโทษนะครับ” ภาสกรจับมืออีกฝ่ายที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้

“ไม่มีอะไรต้องขอโทษสักหน่อย”

“เล่าเหตุการณ์ให้พายฟังหน่อยสิครับ หลังจากที่เปิดไพ่แล้วเป็นอย่างไรต่อ”

“ฉันยังดวงดี เธอเลยไม่ได้ถูกส่งตัวไปกับคุณชายเสิ่น”

“พายทราบแล้วครับ และดีใจมากด้วยตอนที่เห็นคุณเปิดไพ่ออกมาเป็นเลขเจ็ดอีกสองใบ” ภาสกรแนบหน้าลงที่มือข้างที่เปิดไพ่นั้น เขาอธิบายเป็นความรู้สึกออกมาไม่ได้เลยว่าวินาทีนั้นเขาดีใจแค่ไหน “คุณจัดการกับคุณชายเสิ่นอย่างไรครับ”

“เรื่องไหนล่ะ”

“คุณตัดมือเขาเหมือนที่เขาขอตัดมือคุณอรรคหรือเปล่า”

“รู้เดิมพันนี้ด้วยเหรอ”

“ครับ คุณได้ทำหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้ทำ ฉันแค่หักแขนเขาแทนและก็ให้เขาออกไปจากมาเก๊าพรุ่งนี้เช้าและจะไม่กลับมาอีก”

“คุณอลันไปด้วยไหมครับ”

“เปล่า แค่คุณชายเสิ่นคนเดียว สำหรับอลันและเพื่อนของเธอ ฉันคงต้องส่งต่อให้ทางการไปจัดการเพราะเขาสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด” อรรควัสไม่ได้อธิบายต่อว่าสาเหตุที่คุณชายเสิ่นรอดพ้นไม่ถูกจับก็เพราะอิทธิพลของที่บ้านเจ้าตัว ต่อให้ถูกจับสุดท้ายก็ถูกปล่อยออกมาได้อยู่ดี

“เพื่อนของพาย? นนหรือครับเป็นไปไม่ได้” ภาสกรยังมั่นใจว่าคนที่สมรู้ร่วมคิดกับคุณชายเสิ่นต้องไม่ใช่นวพลหรือแอนดี้

“ไม่ใช่นวพล เธอต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ”

“ใครครับ ผมไปหาเขาได้ไหม”

“ฉันจะพาเธอไปพบพวกเขาก่อนจะส่งไปให้ทางการ”

“ขอบคุณครับ”

“ส่วนเรื่องนวพล ฉันให้เขากลับมาทำงานตามปกติแล้ว”

“นนคงดีใจ”

“ฉันยังไม่ได้ดุเธอ” จู่ ๆ บอสใหญ่ก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

“ครับ?”

“อยู่ดี ๆ ทำไมถึงผลุนผลันเข้าไปได้ หืม”

“ขอโทษครับ แต่ตอนที่ได้ยินว่าคุณจะยอมแพ้ ผมยอมไม่ได้จริง ๆ”

“รู้ไหมที่ฉันทำก็เพราะตัวเธอทั้งนั้น” อรรควัสบอกอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ

“แต่นั่นแปลว่าคุณจะต้องเสียทั้งคาสิโนทั้งแขนเลยนะครับ พายรับผิดชอบไม่ไหวหรอก” ภาสกรบอกออกมาจากใจ

“แล้วฉันล่ะ ถ้าหากเกมนี้ฉันแพ้ อย่างมากฉันก็แค่เสียคาสิโนกับแขนข้างหนึ่ง แต่มันเทียบไม่ได้เลยถ้าฉันต้องเสียเธอไป”

“พายรู้ว่าคุณจะไม่ยอมให้พายเป็นอันตราย” ภาสกรบอกด้วยความมั่นใจ

“พาย..คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ฉันกับเธออาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนอย่างคราวนี้”

“...”

“ถือว่าฉันขอร้อง” อรรควัสย้ำ เขาไม่ประสงค์ให้ภาสกรทำอย่างวันนี้ ไม่รู้ว่าช่วงวันสองวันที่ผ่านมา เขาใจหายใจคว่ำไปแล้วกี่ครั้ง

“พายก็แค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้คุณ”

“พาย..” อรรควัสเรียกอีกฝ่ายเสียงหนัก ภาสกรไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าตัวพูดถึงตัวเองเลย

“จะไม่ทำอีกแล้วครับ แต่คุณอรรคต้องรับปากพายอย่างหนึ่งว่าจะไม่รับเดิมพันแบบนี้อีกได้ไหมครับ”

“ได้สิ ปกติก็ไม่มีใครลงเดิมพันแบบนี้หรอก แต่คุณชายเสิ่นเขาตั้งใจมาหาเรื่องฉันอยู่แล้ว”

“ครับ ผมไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย ตัวคุณ ร่างกายคุณ โดยเฉพาะมือขวาคุณมีค่ามากนะครับ”

“ไปหัดพูดเอาใจฉันเป็นตั้งแต่ตอนไหน”

“พายเคยเห็นคุณไปนั่งวาดรูปที่ซากประตูโบสถ์ครั้งหนึ่ง”

“อืม..ตอนนั้นเธอวิ่งหนีฉันทำไม”

“คุณอรรคเห็นพายด้วยเหรอ”

“ฉันมองเธออยู่ตลอดทำไมจะไม่เห็น ตอนนั้นวิ่งหนีทำไม”

“ก็..พายกลัวคุณนี่ครับ คนอะไรดุเก่งที่สุด”

“ถ้าไม่ดุเธอ ฉันกลัวจะอดใจไม่ไหวแล้วจับเธอมากอดแบบนี้น่ะสิ” ไม่พูดเปล่า บอสใหญ่พิสูจน์ให้อีกฝ่ายได้เห็นด้วย

“คุณอรรคชอบวาดรูปมากเลยใช่ไหมครับ” ภาสกรมองมือที่กอดเขาไว้แล้วพลันนึกขึ้นได้

“ฉันชอบวาดรูปมาก แต่ไม่ชอบมันมากเท่ากับเธอหรอก” คำพูดตรง ๆ ของอีกฝ่ายทำให้ภาสกรหน้าแดงเห่อร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่นึกว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“...”

“เพราะฉะนั้นเกมในวันนี้ ฉันถึงยอมเสียมือขวามากกว่าจะยอมเสียเธอไป”

“พายรักคุณอรรคนะครับ ขอบคุณที่ปกป้องพายเสมอ” ภาสกรทำใจกล้ายืดตัวขึ้นไปจูบแก้มอีกฝ่ายเพื่อเป็นการขอบคุณ



แต่มือมันคนละชั้นกันจังหวะที่เขาถอยออกมาใบหน้ากลับถูกประคองไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของอีกฝ่าย อรรควัสป้อนจูบให้ภาสกรกลับคืน บอสใหญ่จูบคนในอ้อมกอดบ่อยครั้งแต่ไม่เท่าครั้งนี้ มันเต็มไปด้วยความโล่งใจที่เขายังได้กกกอดร่างกายคนรักอยู่ จูบนี้แสนยาวนานให้สมกับเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวน กระทั่งภาสกรเริ่มหายใจไม่ทัน เขาถึงได้ถอนจูบออกมา ก่อนจะย้ำ ๆ ที่ริมฝีปากแดงอีกสามสามทีจึงตัดใจออกมาได้ในที่สุด

“ฉันอยากจะนอนกอดเธอต่ออีกนิด แต่น่าเสียดายที่ฉันนัดตำรวจเข้ามาจัดการคดียาเสพติดของคาสิโน”

“เรื่องงานต้องมาก่อนครับ” ภาสกรบอกอย่างเข้าใจ

“เย็นนี้ฉันจะกลับมากินข้าวกับเธอ หลังจากนั้นจะอยู่กับเธอจนถึงเช้า”

“คะ..ครับ” ภาสกรก้มหน้าลงเล็กน้อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร







วันรุ่งขึ้นอรรควัสทำตามที่รับปากไว้กับภาสกรคือพาเจ้าตัวไปพบกับคนที่ใส่ร้ายเขาให้ต้องถูกไล่ออกจากคาสิโนไปครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้มีโอกาสไปพบอลันก่อนเป็นคนแรก

“คุณอลันสบายดีไหมครับ”

“ผมสบายดี เรื่องนั้นขอโทษนะ ผมไม่คิดว่าคนที่ถูกใส่ร้ายจะเป็นพาย” เมื่อเจอหน้ากันอลันก็เอ่ยขอโทษออกมาเป็นคำแรก สีหน้าของอลันดูไม่ค่อยสบายใจนัก

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว”

“ผมขอโทษอีกครั้ง แต่ผมไม่เคยคิดร้ายกับพายเลย”

“ผมรู้ครับ ถ้าคุณอลันคิดไม่ดีกับผม บอสคงไม่ให้ผมกลับไปส่งอาหารให้คุณอีก”

“ขอบคุณที่เข้าใจ และผมก็ดีใจนะที่คุณอรรคดีกับพาย”

“เอ่อ..ครับ” เขาไม่รู้จะตอบอะไรเลยเกาท้ายทอยแก้เก้อ พอถูกตรง ๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้เหมือนแย่งอรรควัสมาจาก อลันอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ต้องเขินหรอก คุณอรรคเขาไม่เคยปฏิบัติกับใครแบบนี้ ถ้าเขาไม่เอ็นดูหรือพอใจพายแต่แรก เขาไม่ยอมอนุญาตให้พายออกไปข้างนอกกับผมหรอก มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลย”

“อ่า..เหรอครับ”

“อืม ผมรู้สึกว่าคุณอรรคแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทักอะไร”

“ตอนที่เราออกไปข้างนอกด้วยกันตอนนั้นที่คุณอลันบอกว่าอยากไปเที่ยวบ้านเกิดของบอส นั่นเป็นความจริงหรือเปล่าครับ”

“เป็นความจริง ตอนนั้นน่ะผมเริ่มคิดมาสักพักแล้วว่าอยากจะถอนตัวจากงานนี้ ตั้งแต่อยู่กับคุณอรรคมา ผมค้นพบว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยเอาเปรียบใครและไม่เคยคิดทำร้ายใครก่อน แต่ผมก็ถอนตัวไม่ได้ ผมกลัวตาย ไม่อยากถูกคุณชายเสิ่นฆ่าทิ้ง เลยไม่กล้าถอยออกมา”

“คิดไหมครับว่าถ้าบอกบอสแล้วเขาจะช่วยคุณ”

“เคยคิด แต่คุณอรรคไม่เลี้ยงคนหักหลังเขาหรอกพาย”

“ผมเคยชอบคุณอลันนะครับ” ไม่มีเหตุผลแต่ภาสกรแค่อยากสารภาพความรู้สึกที่เคยมีต่ออีกฝ่าย

“ผมรู้”

“คุณอลันรู้เหรอครับ”

“อืม ไม่งั้นคุณอรรคเขาคงไม่ทำท่าทางไม่พอใจมากขนาดนั้นเวลาที่เห็นผมชวนคุณคุยเกินความจำเป็น” อลันพูดจบก็หัวเราะ แต่มันไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ออกมาเต็มเสียง มันฟังดูแห้งเหี่ยวเสียเหลือเกิน

“อะไรนะครับ?”

“ผมน่ะถูกส่งมาให้จับตามองคุณอรรค คอยสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของเขาแล้วส่งข่าวที่ได้มาให้กับคุณชายเสิ่น แล้วผมจะไม่เห็นได้อย่างไรว่าคุณอรรคมีสีหน้าอย่างไรเวลาที่เห็นคุณอยู่กับผม”

“แต่ผมไม่เห็นเลย”

“คุณอรรคอ่านยาก ถ้าไม่ใช่ว่าผมต้องศึกษาคน ๆ นี้มานานก็คงดูไม่ออกหรอกครับ”

“อ่า..ครับ”

“พาย” อลันเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก”

“เอ่อ..” ภาสกรไม่รู้จะตอบอย่างไร จะบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่ใช่ หรือจะบอกอีกฝ่ายว่าเขาโกรธมากก็ไม่ใช่นิสัยเจ้าตัวอีก จึงทำเพียงแค่เงียบไว้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

“ถ้าผมมีโอกาสจะมาชดใช้ความผิดให้คุณทีหลังนะ” อลันแย้มยิ้มถึงจะเป็นยิ้มที่เฝื่อนฝาดเต็มที

“ไม่เป็นไรครับ คุณอลันดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

“ขอบใจนะ คุณก็เหมือนกัน”

เมื่อคุยกับอลันเสร็จ อีกฝ่ายก็ถูกพาตัวออกไปก่อนที่จะมีบุคคลใหม่เข้ามานั่งแทนที่อลัน ผู้มาใหม่ทำให้ภาสกรนั้นตกใจตาเบิกกว้างแต่เพียงครู่เดียว ม่านตาที่ขยายใหญ่ก็หดกลับคืนภาวะปกติ

“ไง” อีกฝ่ายทักทายภาสกรเหมือนกับว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“จะ..เจ ทำไมถึงเป็นแก”

“แปลกใจมากไหม”

“อืม เราคิดว่าแกคือเพื่อนเรา เพื่อนนน”

“ใช่ เราก็คิดว่าเราคือเพื่อนแกหรือเพื่อนไอ้นน”

“แล้วทำไมแกถึงทำแบบนี้” ภาสกรถามอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

“ง่ายมาก..เราจำเป็นต้องใช้เงิน คุณชายเสิ่นให้เราทำงานนี้ ให้เราทำลายชื่อเสียงคาสิโนของบอสและจับตัวแกไปเพื่อให้บอสยอมแพ้”

“ใช้เงิน? ทำไม” ภาสกรยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“ที่นี่มีกฎว่าห้ามพนักงานเล่นการพนันที่คาสิโนใช่ไหม”

“อืม”

“เมื่อเล่นที่นี่ไม่ได้ เราเลยไปที่คาสิโนคุณชายเสิ่น แต่ก็นะ..” เจษฎายักไหล่ “การพนันไม่เคยทำให้ใครรวยขึ้นมาได้ เราเป็นหนี้พนันที่นั่น คุณชายเสิ่นเลยเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้เราทำเรื่องพวกนี้ เพื่อแลกกับหนี้ที่เราติดค้างเขาไว้”

“แล้วทำไมต้องเป็นเรา..” ภาสกรถามเสียงเบา เขาไม่อยากจะคิดว่าคนที่ใส่ร้ายเขาคือเพื่อนคนหนึ่งที่เขาไม่เคยนึกถึง

“เพราะแกมันซื่อไงพาย หลอกง่ายเป็นที่สุด ซ้ำยังไม่ค่อยระแวดระวัง แกคงจำไม่ได้วันนั้นเราเข้าไปคุยกับแกแล้วก็ทำท่าทีช่วยแกประคองถาดให้ตรงแต่จริง ๆ แล้วเราแอบเอายาแปะไว้ใต้ถาดนั่น”

“เราไม่เคยสงสัยแกเลย”

“เรารู้ว่าแกไม่มีทางสงสัยเราหรือใครที่แกรู้จักหรอก แกมันใจดีเกินไป”

“แกรู้ไหมว่าสิ่งที่แกทำมันทำให้เราเดือดร้อนทุกข์ใจแค่ไหน” ภาสกรนึกฉุนที่อีกฝ่าบอกเล่าอย่างสบายใจราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

“แล้วอย่างไรล่ะ แต่ตอนนี้ชีวิตแกก็ดีมีความสุขไม่ใช่เหรอ แกควรจะขอบคุณเราด้วยซ้ำที่เรื่องนั้นทำให้แกได้ลงเอยกับบอสได้”

“คนละเรื่องแล้วเจ ผิดก็ส่วนผิด สิ่งที่แกทำมันไม่ถูกต้อง” ภาสกรเตือนสติ

“เราเคยพูดเหรอว่ามันถูกต้อง มันผิดสิ ผิดอยู่แล้ว เรารู้มาตั้งแต่ต้น แต่จะทำให้เราทำอย่างไร เราต้องใช้หนี้ ถ้าเราไม่ทำ มันก็ต้องฆ่าเรา แกเข้าใจหรือเปล่า”

“แทนที่แกจะถามเราว่าเข้าใจหรือเปล่า ทำไมแกถึงไม่ขอโทษเราแทน”

“พาย” เจษฎายิ้มเยาะ “จนถึงตอนนี้แกยังทำตัวเป็นคนดีอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ ในใจแกคงอยากด่าเราใช่ไหม เอาสิ เอาเลย”

“ด่าแกไปแล้วได้อะไร เราแค่ผิดหวังเท่านั้นที่เชื่อใจคนผิด”

“ให้การกระทำของเรามันสอนแกก็แล้วกันว่าอย่าไว้ใจหรือเชื่อใจใครง่าย ๆ อีก” เจษฎาพูดจบแล้วลุกขึ้นยืนทันที

“เดี๋ยวก่อน”

“มีอะไร”

“เราสงสัยอย่างหนึ่ง แกเอาโทรศัพท์มือถือของนนมาส่งข้อความให้เราออกไปในคืนวันนั้นใช่ไหม”

“ใช่” เจษฏาหันกลับมามองอีกฝ่ายเต็มตา

“แกรู้ได้ไงว่าเรากลับมาที่คาสิโนแล้ว”

“แกนัดนนออกไปตอนวันหยุด เราไปกับนนด้วย แกจำได้ไหม”

“แต่นนบอกแกกลับไปแล้ว”

“อืม จริง ๆ  เรายังไม่กลับหรอกเพราะเราเห็นว่าแกส่งข้อความมานัดนน”

“แกเห็นข้อความนั้นได้ไง”

“ไม่เห็นยาก แกก็รู้ว่านนมันชอบเล่นโทรศัพท์เวลามันกินข้าว”

“อืม”

“ก็แค่มันบังเอิญพอดี นนมันวางโทรศัพท์ไว้แล้วลุกไปเอาข้าวเพิ่ม เราก็เลยเห็นข้อความนี้ พอต่อมาเราก็อาศัยจังหวะนี้บอกให้แกออกไป เสร็จแล้วก็ลบข้อความทิ้ง มันก็เท่านั้นเอง”

“แกพยายามมากเลยนะเจ” ภาสกรบอกด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวคนอธิบาย

“ขอบใจ..ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราไปนะ” ก่อนจะออกจากห้องเขาเปล่งคำออกมาสองพยางค์เบา ๆ  กับตัวเอง ไร้คนได้ยิน



‘ขอโทษ’





ไม่รู้คำนี้เจษฎาอยากบอกใคร บอกเจ้าตัวหรือคนในห้องที่กำลังร้องไห้เงียบ ๆ กับความเสียใจเพราะเพื่อนคนหนึ่ง








========================================


สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้านะคะ *ปาหัวใจและดอกไม้รัว ๆ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-02-2020 14:52:40
สุขสันต์ วาเลนไทน์ ขอให้มีความรักดีๆ แบบนุ้งพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2020 19:28:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...จำไม่ได้แล้วว่าเจออกมาตอนไหน  สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-02-2020 21:22:04
เหมือนกัน ลืมเจไปเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-02-2020 21:24:23
คนดวงเฮง2020ต้องยกตำแหน่งนี้ให้คุณบอสเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-02-2020 22:15:51
เฮ้อออ โล่ง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-02-2020 23:48:09
คนร้ายโดนจับแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-02-2020 00:08:48
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: once! ที่ 14-02-2020 00:16:21
 :hao5: :hao5: ชอบคู่จินณ์กับอาเฉินมากเลยค่ะ อยากให้มีเรื่องแยกจัง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-02-2020 00:32:12
ตกใจหมดดดดด
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-02-2020 22:14:01
เรื่องคลี่คลายซักทีนะพาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-02-2020 17:02:22
บอสดวงดีมาก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-02-2020 10:37:17
สวีทต่อสินะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสอง UP!! 13/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-02-2020 12:41:04

วงล้อที่สามสิบสาม



หลังจากที่เหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านพ้นไปก็ร่วมสองสัปดาห์แล้ว ในเช้าวันหนึ่งภาสกรก็ได้รับข้อความจากพี่สาวสุดที่รัก ทำให้เขาลุกขึ้นนั่งรีบโทรศัพท์กลับไปหาเจ้าของข้อความทันที



“พาย โทรกลับหาพี่ได้สักที!” ภารวีรับสายก็โวยวายน้องชายตัวแสบอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษครับ พอดีพายเกิดเรื่องยุ่งนิดหน่อย”

“อืม ๆ ช่างเถอะ”

“พี่พรีมมีอะไรครับ”

“แม่ล้มในห้องน้ำ ตอนนี้อยู่โรง’ บาล”

“พี่พรีม! แล้วแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ภาสกรลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจ เขาเดินไปมาในห้องอย่างอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หลับอยู่ในห้อง แต่หมอยังต้องเฝ้าดูอาการ”

“แม่ล้มได้อย่างไรพี่พรีม”

“พี่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง แต่พี่คิดว่าแม่น่าจะเป็นลมน่ะ ตอนอยู่ที่บ้านก็คอยเอาแต่หาอะไรทำ ไม่ยอมพัก พี่ก็เตือนแม่แล้วว่าให้ทำอะไรน้อยลงหน่อย แต่แม่ก็ไม่ค่อยฟังหรอก แอบทำนั่นนี่ตลอด พอวันนี้พี่กลับมาจากสอนที่โรงเรียน ไม่เจอแม่ ทีแรกก็นึกว่าแม่ออกไปข้างนอกที่ไหนได้ นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องน้ำ” ภารวีเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างไรพายพอจะกลับบ้านตอนนี้เลยได้ไหม คราวก่อนที่คุยกันพายบอกว่าใกล้จะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้ กลับเร็วขึ้นอีกหน่อยได้หรือเปล่า”



ภาสกรครุ่นคิด เขาจำได้ว่ารอบก่อนที่แม่เข้าโรงพยาบาล ภารวียังไม่เร่งรัดให้เขากลับเร็วขนาดนี้ หรือครั้งนี้อาการของมารดาที่ภารวีบอกกับเขา เจ้าตัวอาจจะบอกไม่หมด ชายหนุ่มร้อนใจ เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ แค่อาการที่พี่สาวบอกมาว่าไม่เป็นอะไรแล้วเท่านั้นจริงหรือ

“ครับ พายจะกลับบ้านพรุ่งนี้เลย”

“อืม รีบกลับมานะ พี่จะรอ”



ตอนนี้เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ภาสกรก็ขอเจ้าของคาสิโนกลับมาทำงานยังชั้นปกติอย่างที่ตนเคยทำ เพราะไม่อยากใช้สิทธิพิเศษไปทำงานชั้นวีไอพีอีก หากเขาจะก้าวขึ้นไปทำงานบนชั้นนั้นก็จะควรจะสอบให้ผ่านตามขั้นตอนที่มีมาให้ถูกต้อง

“นน พรุ่งนี้เราตั้งใจจะกลับบ้าน” ภาสกรเอ่ยขึ้นระหว่างกินข้าวหลังเลิกงานกับนวพล

“กะทันหันจังวะ แต่แกคงคิดถึงบ้านใช่ไหม ไม่ได้กลับเกือบปีแล้ว บอกบอสหรือยังล่ะ”

“ยังเลย” ภาสกรส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา

“ทำไมล่ะ จะกลับพรุ่งนี้อยู่แล้วยังไม่บอกบอสอีก”

“เราเพิ่งคุยกับพี่พรีมเมื่อเช้านี้ แม่เข้าโรง’ บาลน่ะ”

“อ้าว น้าภาเป็นอะไร”

“ไม่รู้ พี่พรีมบอกว่าแม่เป็นลมหมดสติในห้องน้ำ ตอนนี้ปลอดภัย แต่หมอยังขอดูอาการต่อ”

“งั้นแกก็ไปเตรียมตัวกลับบ้านเถอะ อย่าลืมบอกบอสด้วย”

“นน..” ภาสกรมีสีหน้าลำบากใจระหว่างที่เรียกชื่ออีกฝ่าย

“เป็นอะไรของแก ทำหน้าเหมือนปวดท้อง หรือจะให้เราลาพี่ซันให้ด้วยไหม” นวพลบอกอย่างเอื้อเฟื้อ ซันหรือวสันต์คือหัวหน้างานของพวกเขา

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องพี่ซันหรอก คืออย่างนี้..” ภาสกรเว้นวรรคอยู่ครู่หนึ่ง “เราตั้งใจจะกลับบ้านคราวนี้แล้วกลับถาวรเลย ไม่กลับมาทำงานที่นี่ต่อแล้ว”

“เฮ้ย เอาจริงเหรอ” นวพลวางช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากลง สีหน้าเจ้าตัวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แต่บอส อยู่ที่นี่นะเว้ย”

“เรารู้ นั่นล่ะคือเรื่องที่เราหนักใจ”

“แกกังวลอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าเรื่องคุณอลัน บอสก็จัดการเรียบร้อยอย่างดีแล้วไม่ใช่หรือ” นวพลเข้าใจว่าอาจเป็นเรื่องอลันที่เคยเป็นคนของอรรควัส

“ไม่ใช่หรอก เรื่องนั้นบอสบอกเราแต่แรกอยู่แล้วว่าจะยกเลิกสัญญากับคุณอลัน แต่แกก็รู้ว่าตั้งแต่แรกเราไม่คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว เรามาที่นี่เพื่อทำงานหาเงินไปให้แม่รักษาแล้วทีนี้ก็มีคนให้ทุนค่ารักษาพยาบาลกับแม่แล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินเยอะ ๆ แล้ว เราสามารถกลับไปทำงานที่บ้านแล้วดูแลแม่ไปด้วยได้แล้ว”

“อืม เราเข้าใจ ไอ้พาย..เราไม่คิดว่าหัวใจแกจะอยากกลับไปด้วยหรอกนะ”

“รู้ แต่จะให้เราทำอย่างไรได้ละ อยู่ที่นี่แล้วไม่กลับไปหาแม่เหรอ”

“มันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นหรือเปล่าวะ” นวพลส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“มาเก๊ากับไทย ไกลแค่ไหนกันเชียว นั่งเครื่องแป๊บ ๆ ก็ถึงแล้ว แกอยู่ที่นี่แล้วแวะไปหาแม่บ่อย ๆ ก็ได้มั้ง” นวพลเสนอทางออกให้

“มันก็ใช่ แต่แกลองคิดดูสิ แม่ล้มคราวนี้ ใครที่อยู่กับแม่ ถ้าพี่พรีมไม่กลับมาเจอ แม่อาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้นะ และอีกอย่าง เราก็ควรดูแลแม่เหมือนกัน ไม่ใช่ให้พี่พรีมต้องรับหน้าที่นี้คนเดียว”

“ที่แกพูดมาก็ถูก” พอได้ฟังเหตุผลของภาสกรแล้ว นวพลก็พูดไม่ออก ภารวีเป็นพี่สาวที่ดี คำน้อยก็ไม่เคยบ่นให้น้องชายฟังถึงความลำบาก เธอเป็นหญิงสาวที่แกร่งและจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีพอตัว ไม่แปลกที่ภาสกรจะยิ่งเกรงใจพี่สาวคนนี้เพิ่มขึ้นไปอีก

“เราตั้งใจจะกลับไปอยู่ที่บ้าน แล้วก็หางานแถวบ้านทำ”

“แล้วจะมีงานที่ตรงกับที่แกเรียนมาเหรอวะ”

“ถ้ามีก็ดี แต่ถ้าไม่มีเราก็ทำอย่างอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานตามที่เรียนมาหรอก”

“เราถามอะไรอย่างหนึ่งสิ” นวพลถามเพื่อนด้วยเสียงขรึม ทำให้รู้ว่าเรื่องที่เจ้าตัวต้องการถามคงไม่ใช่เรื่องไร้สาระ

“อืม”

“ถ้าบอสไม่ยอมล่ะ”

“เรามั่นใจว่าบอสคงยอมให้เรากลับไป ที่ผ่านมาบอสก็มีคนบนชั้นยี่สิบเก้ามากมาย วันหนึ่งบอสก็คงเจอคนดี ๆ สักคน”

“แกแน่ใจเหรอ?”

“เราคิดอย่างนั้นนะ”

“เราไม่เข้าใจอะ” นวพลบอกอย่างนึกฉุน แต่เขาก็ไม่ได้เสียงดังจนเกินความจำเป็นเพราะเรื่องที่เขาไม่พอใจมันคือเรื่องของสองคน จะว่าไปมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลย

“เรื่องอะไร”

“แกดูไม่ออกเหรอ เรื่องที่ผ่านมา บอสทำอะไรเพื่อแกบ้าง หลังจากที่แกไปตะโกนปาว ๆ บอกบอสบนชั้นคาสิโนคนทั่วคาสิโนรู้กันหมดว่าแกกับบอสเป็นอะไรกัน บอสเลือกยอมแพ้พนัน ยอมเสียคาสิโน ยอมออกไปจากมาเก๊า และยอมเสียแขนตัวเองเพื่อแลกกับตัวแก แบบนี้แล้วแกยังคิดว่าบอสจะมองหาคนใหม่อีกงั้นเหรอ”

“เรารู้” ภาสกรก้มหน้ามองข้าวในจาน ฝีมืออาหารของป้าเก๋อร่อยเหมือนอย่างเคย แต่เวลานี้มันกลับไม่อร่อย กลืนได้ยากลำบากแสนเข็ญเหลือเกิน

“ความรักมีหลายรูปแบบ เราว่าแกมีอะไรก็ควรจะบอกให้บอสรู้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว ของแบบนี้ถ้าไม่คุยกันแล้วจะเข้าใจกันเหรอวะ”

“ขอบใจนะ เราจะลองดู”

“ลองไม่ได้ ทำเลยเถอะ”

“อะไร” ภาสกรไม่เข้าใจความหมาย จะให้ทำเลยตอนนี้คงทำไม่ได้แล้วทำไมนวพลถึงพูดคำนั้นออกมา แต่พอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าตอนนี้มีบุคคลหนึ่งกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาที่นั่งกินข้าวอยู่

“บอสให้มาตามครับ เลิกงานแล้วใช่ไหม” อาเฉินเกริ่นขึ้น

“ครับ เดี๋ยวผมกินข้าวเสร็จแล้วจะตามขึ้นไป”

“อย่าช้านะพาย บอสรอนานแล้ว” อาเฉินกำชับอีกฝ่ายอีกครั้งแล้วผละออกไปเงียบ ๆ เหมือนขามา

“ครับ”

“เห็นไหม” คล้อยหลังอาเฉินเดินห่างไปจนแน่ใจว่าจะไม่ได้ยินเสียงของตนแล้ว นวพลจึงพูดขึ้นบ้าง

“เห็นอะไร”

“คนข้างบนใจร้อนอย่างกับวัยรุ่น แล้วแบบนี้ยังคิดเหรอว่าบอสจะปล่อยแกไปถาวร”

“เออน่ะ รีบกินเร็ว เราต้องไปแล้ว”



บอกไม่ถูกหรอกว่า พอได้ยินแบบนี้แล้วก็สัมผัสได้ว่าอรรควัสหวงเขาจริง ๆ ความรู้สึกในใจมันเต็มไปด้วยความดีใจ หัวใจพองโต เขาไม่รู้จะพูดกับเพื่อนอย่างไร จึงตัดบททิ้งแล้วรีบกินข้าวให้หมดจานอย่างรวดเร็ว









“กลับมาแล้วครับ” ภาสกรเข้าห้องมาเห็นเจ้าของห้องกำลังนั่งเซ็นเอกสารอะไรสักอย่างตรงโต๊ะทำงานในห้องพัก

“เลิกงานตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งกลับ”

“พายกินข้าวกับนนครับ พายบอกคุณอรรคแล้วไงครับว่าวันนี้หลังเลิกงานพายขอกินข้าวกับนนก่อนกลับ”

“ฉันรู้ แต่กินข้าวก็ไม่น่าจะนานเป็นชั่วโมง” ภาสกรยิ้มไม่ได้โต้ตอบกลับไป นิสัยนี้ของคนพูดน่าจะแก้ยากเสียแล้ว “พรุ่งนี้วันหยุดใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“จิณณ์อยากเจอเธอ เขาอยากให้ฉันพาเธอไปตั้งแต่เรื่องจบ แต่ตอนนั้นฉันยังไม่ว่างจะพาเธอเข้าไปด้วย”



อรรควัสพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพราะเขากำลังง่วนกับเอกสารตรงหน้า แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับทำให้คนถามแปลกใจ วางปากกาในมือแล้วมองคนร่วมห้อง

“เป็นอะไรหรือไม่อยากไป ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นกังวล”

“ไม่ใช่ครับ คือพาย..” ภาสกรรวบรวมสติเพื่อจะพูดประโยคต่อไป “พายตั้งใจจะบอกคุณอรรคว่าพรุ่งนี้พายจะกลับบ้าน พอดีแม่ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล”

“แล้วอาการแม่เธอเป็นอย่างไรบ้าง นักหนาหรือเปล่า” อรรควัสขมวดคิ้ว มีสีหน้าเคร่งเครียดระหว่างที่ถาม

“พี่พรีม เอ่อ พี่สาวพายบอกว่าแม่ปลอดภัยแล้วแต่หมอขอดูอาการต่อ” ภาสกรแจ้งอีกฝ่ายเหมือนกับที่บอกให้นวพลฟังก่อนหน้านี้

“ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะบอกจิณณ์ให้เองว่าเธอกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ เอาไว้เธอกลับมาเมื่อไหร่ค่อยพาเธอไปหาเขา”

“คือพายคิดว่า..” ภาสกรลำบากใจ เรื่องที่ต้องการบอกอีกฝ่ายทำไมมันถึงติดอยู่ริมฝีปาก ยากที่จะพูด

“มีอะไรพาย ทำไมยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ” อรรควัสลุกขึ้นไปหาชายหนุ่ม เขาสัมผัสได้ว่าภาสกรมีอาการแปลก ๆ ดูมีปัญหาอะไรบางอย่าง

“คือ..พาย..” เขาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง คำพูดที่ภาสกรจะบอกออกไปมันคืออนาคตของเขาต่อจากนี้ และจะต้องจากคนตรงหน้า

“มีอะไรบอกฉันได้หรือเปล่า” อรรควัสนั่งลงที่ขอบโต๊ะทำงานแล้วดึงมือของภาสกรขึ้นมาจับไว้



แม้ไม่อยากพูด แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น อย่างไรแล้วคงต้องบอกอีกฝ่ายให้รับรู้



“พายรบกวนคุณอรรคบอกคุณจิณณ์หน่อยได้ไหมครับว่าที่ผ่านมาพายขอบคุณคุณจิณณ์มากที่ช่วยเหลือดูแลพายเป็นอย่างดี ถ้าพายมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก พายจะแวะไปขอบคุณคุณจิณณ์ด้วยตัวเองครับ”

เมื่อคนฟังได้ฟังก็ต้องสะดุดหู “หมายความว่าอย่างไรพาย”

“พายตั้งใจว่ากลับบ้านไปคราวนี้ พายจะไม่กลับมาที่นี่แล้วครับ พายจะหางานทำที่แถวบ้าน..”

“ทำไม” อรรควัสออกแรงดึงให้ภาสกรเดินเข้ามาใกล้ตนขึ้นจนอีกฝ่ายยืนอยู่ระหว่างขาของเขา

“แม่เข้าโรงพยาบาลคราวนี้ ไม่มีใครรู้เลย ตอนนี้แม่มีแค่พี่พรีมคนเดียวดูแล พายเลยอยากกลับไปดูแลแม่เหมือนกันครับ อย่างน้อยถ้าพายหางานทำใกล้ ๆ บ้านได้ก็ยังมีคนคอยดูแลแม่ได้อีกคน”

“...”

“ขอโทษนะครับ”

“คิดตั้งใจจะกลับตั้งแต่เมื่อไหร่”

“พี่พรีมอยากให้พายกลับบ้านก่อนหน้านี้แล้วครับ แต่พายอยากอยู่แก้ไขจัดการเรื่องที่คาสิโนให้เรียบร้อยก่อนเลยผลัดออกไป พายยังอยากอยู่กับคุณอรรคที่นี่ต่อ แต่ตอนนี้หมดเวลาของพายแล้ว พายต้องกลับบ้านจริง ๆ เสียที”

“ถ้าเธอกลับบ้าน แล้วฉันล่ะ”

“พาย..เอ่อ..” ภาสกรเม้มปาก หน้าผากสวยซบลงที่ไหล่อีกฝ่ายอย่างอ่อนแรง “พายไม่ได้อยากทำอย่างนี้ แต่พายห่วงแม่ แล้วพายไม่อยากให้คุณอรรคมาคาดหวังกับพายต่อไปโดยไม่มีกำหนด”

“ก็เลยตัดสินใจเอง เออเอง โดยไม่บอกฉัน”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” ภาสกรรีบมองหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากให้อรรควัสเข้าใจไปผิด ๆ “พายคิดไว้นานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งคิดเร็ว ๆ นี้ แต่พอเกิดเรื่องวุ่น ๆ พายเลยยังไม่มีโอกาสได้บอกคุณอรรคเท่านั้นเอง”

“แต่จบเรื่องแล้ว เธอก็ยังไม่บอกฉัน”

“ไม่ใช่พายตั้งใจไม่บอกคุณนะครับ แต่เพราะพายมีความสุขมากจนลืมบอกคุณต่างหาก ถ้าพี่พรีมไม่ส่งข้อความมาเช้านี้ พายคงยังอยู่ในความฝันที่มีคุณอรรคตลอดไป” ภาสกรพลิกมือจากที่ถูกเกาะกุมเป็นฝ่ายกุมอีกฝ่ายไว้เองด้วยมือทั้งสองข้างของตน

“...”

“อย่าเข้าใจพายผิดเลยนะครับ พายขอโทษ อย่าโกรธพายเลย” ภาสกรร้องขอ

“ฉันไม่ได้โกรธเธอ แต่มันกะทันหันเกินไปจนฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันไม่เคยคิดว่าเธอจะกลับไปอย่างรวดเร็ว ฉันจึงไม่มีแผนไว้สำหรับเหตุการณ์นี้เลย”

“พาย..” ภาสกรไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ยิ่งอธิบายอาจจะกลายเป็นคำแก้ตัวหรือหาข้ออ้างให้ตัวเอง ซึ่งเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยแม้แต่เพียงนิด “ขอโทษนะครับ”



คนตัวเล็กกว่าตัดสินใจเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อให้สามารถสัมผัสริมฝีปากอีกฝ่ายได้ อยากส่งคำขอโทษแทนรอยจูบ อยากให้บอสได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยากกลับบ้านในเวลานี้เลยด้วยซ้ำ แต่ความรับผิดชอบนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ



อยากให้เข้าใจความรู้สึกของเขาที่แท้จริง



เมื่อถอนริมฝีปากออกมา ภาสกรสบตากับร่างที่สูงกว่าก็เห็นอรรควัสมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสองคู่ต่างสบตากัน ไร้คำพูด ภาสกรโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มแรง



ไม่อยากจากบอสไปเลย





“คืนนี้อยู่กับพายจนถึงเช้านะครับ”



========================================

ขออภัยค่ะ ตอนนี้มาสั้นนิดนึงน้าาาา

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-02-2020 13:21:40
งานนี้มีงอน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-02-2020 14:04:03
ขอบอสจัดการพายหนักๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-02-2020 16:29:50
หว่าาา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-02-2020 23:43:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

หง่า...อาคุงบอสก็จ้างพยาบาลพิเศษชั้นเลิศชนิดดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไปดูแลแม่นุ้งพายเลยจิ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-02-2020 01:05:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-02-2020 05:05:09
อยากให้พายได้รู้ความจริงเรื่องที่คุณอรรคออกเงินรักษาให้แม่มาตลอด​
คุณอรรคคงตามไปเฝ้าถึงไทย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-02-2020 07:41:41
ดี๋ยวคุณอรรคคงหาทางออกให้พายได้ล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-02-2020 11:09:06
นุ้งพายน่ารั๊ก มั๊กๆ เป็นคนพลังบวก เผชิญกับปัญหา ได้ ทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-02-2020 16:37:51
ก็พาที่บ้านมาอยู่ที่นี่เลยสิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-02-2020 20:31:01
เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-02-2020 02:59:38
ทำไงดีล่ะทีนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 22-02-2020 12:56:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 23-02-2020 10:30:32
พาแม่มาอยู่ด้วยเลยจ้า สวยๆรวยๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-02-2020 18:53:17
บอสต้องดุพายแรงๆเลยนะคะ ;-;
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-02-2020 21:47:24
 :mew1
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสาม UP!! 20/02/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 05-03-2020 12:10:39

วงล้อที่สามสิบสี่



“พาย..พาย” เสียงเรียกจากหญิงสาวผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของภาสกร เรียกหาน้องชายไปดังไปทั่วไปบ้าน “เอ..ไปไหนของเขานะ”

ภารวีบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบ ๆ บ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่กำลังตามหา เธอจึงตัดสินใจเดินไปทางลานหน้าบ้าน เมื่อไปถึงก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางเก่ากลางใหม่

“อ้าว แม่เองเหรอ”

“อืม แม่เอง มีอะไรหรือเปล่า”

“พรีมนึกว่าเจ้าพายอยู่หน้าบ้านเสียอีก”

“หาพายอยู่เหรอ แม่ได้ยินเสียงอยู่เมื่อตะกี้”

“เหรอจ๊ะ แล้วน้องไปไหนแล้วล่ะ”

“นู่นน่ะ” ภาพรรณพยักพเยิดหน้าไปทางหน้าข้างหน้าอีกทอดหนึ่ง เมื่อภารวีมองตามจึงพบกับแผ่นหลังของน้องชายที่เธอเรียกหาอยู่ อีกฝ่ายนั่งอยู่บนผืนทราย ใบหน้ามองไปยังทะเลเบื้องหน้า



เธอตั้งใจจะเดินไปหาแต่กลับถูกมารดารั้งแขนเอาไว้พลางส่ายหน้าไม่ให้ออกไปตามภาสกร ทำให้ภารวีจำต้องยืนนิ่งอยู่แบบนั้น



หลังจากที่น้องชายกลับมาเมื่อสองเดือนก่อน เธอก็ย้ายออกจากบ้านพักครูแล้วมาเช่าบ้านหลังหนึ่งแถวริมทะเล เนื่องจากบ้านหลังนี้ไม่มีคนอาศัยอยู่พอดี ประกอบกับภาพรรณ มารดาของเธอรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของบ้าน ทำให้เช่าบ้านหลังนี้ได้ในราคาที่ไม่สูงนัก



ช่างน่าแปลกใจ น้องชายที่จากไปทำงานที่ต่างประเทศเกือบปีนั้น พอกลับมาคราวนี้ เจ้าตัวมีอะไรที่แตกต่างออกไป เหมือนคนมีอะไรในใจ เก็บไว้ไม่ยอมบอก แม้ว่าเธอหรือมารดาจะลองเลียบเคียงถาม แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปากเล่าอะไรออกมาแม้แต่เพียงนิด



นั่นไม่ใช่นิสัยของน้องชายเธอ ภารวีรู้จักนิสัยภาสกรดี เธอสนิทกับน้องชายตั้งแต่เด็ก ไม่มีสักเรื่องที่ภาสกรจะเคยปิดบังหญิงสาว



“พายนั่งเหม่ออีกแล้วเหรอแม่”

“จ้ะ เหมือนเดิม แม่ถามก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ พรีมได้คุยกับน้องบ้างหรือเปล่า”

“พรีมก็ถามพาย แต่ไม่ยอมบอกเหมือนกัน น้องเหม่ออะไร แม่พอจะเดาออกบ้างไหม”



ภาพรรณถอนหายใจพลางส่ายหน้า “พรีมก็รู้ว่าพายน่ะเป็นเด็กร่าเริง มองโลกในแง่ดี น้อยครั้ง..ไม่สิ พายไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยสักครั้ง มากสุดก็แค่ร้องไห้เสียใจ งอแงตามประสา สักพักก็หาย ไม่ใช่นั่งซึมนั่งเหม่อเป็นเดือน ๆ แบบนี้”

“นั่นสิจ๊ะ พรีมเลยคิดไม่ออกเลยว่าน้องเป็นอะไร หรือจะเป็นเรื่องความรัก?” ภารวีลองเดาบ้าง

“น้องเคยเล่าไหมว่ามีแฟนหรือเปล่า”

“ไม่เคยเลย แต่ก็อาจเป็นได้นะแม่เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พรีมคุยกับน้องแล้วบอกให้น้องกลับบ้าน พายก็บ่ายเบี่ยง พอพรีมแซวเรื่องแฟน พายก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ดูมีลับลมคมใน”

“ถ้าพายมีแฟนจริง แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าพายจะอยากอยู่กับแฟน” ภาพรรณบอกอย่างเข้าใจ เธอไม่ต้องการยึดหรือดึงรั้งบุตรชายเอาไว้กับตน “เอาอย่างไรดี หรือเราจะลองไปถามเพื่อนของเจ้าพายดูดีไหม”

“จริงด้วยแม่! พรีมลืมไปเลย นน เพื่อนพายไงแม่ เดี๋ยวหนูโทรหานนตอนนี้เลย” ภารวีบอกอย่างดีใจแล้วรีบกดโทรศัพท์โทรออกไปหายังคนที่พูดถึงทันที







ทางด้านคนที่นั่งมองทะเลแต่ไม่ได้สนใจภาพตรงหน้าเลยอยู่นั้น ใจของเขากำลังลอยไปไกลถึงประเทศที่เขาเคยไปทำงานมาก่อนหน้านี้ พลางถอนหายใจออกมา ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน ตั้งแต่กลับมาดูเหมือนว่าภาสกรจะติดนิสัยถอนหายใจไปเสียแล้ว



‘คุณอรรคสบายดีไหม’

‘ทานข้าวด้วยนะครับ พายเป็นห่วง’

‘อย่านอนดึกนะครับ’

‘พายอยากให้คุณพักเยอะ ๆ ทำงานให้น้อยลงหน่อยได้ไหมครับ’

‘…’

‘ไม่ต้องรอพาย’

‘พายรักคุณอรรคนะครับ’





ข้อความมากมายหลายข้อความที่เขาพิมพ์ไว้ อยากจะส่งไปให้อีกฝ่ายแต่ไม่กล้า ปล่อยให้ข้อความในใจค้างเติ่งอยู่แบบนั้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้



เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ภาสกรไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายเลย และอรรควัสเองก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเช่นกันนอกจากอาเฉิน อาคุน รวมทั้งนวพลและแอนดี้ที่ทักมาบ้างประปราย ช่วงที่พวกเขามีเวลาว่าง



ในวันที่จะกลับมาประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนนั้น ภาสกรได้เจอกับแอนดี้โดยบังเอิญที่หน้าคาสิโน ทำให้ทั้งสองได้มีเวลาพูดคุยกันครู่หนึ่ง ภาสกรดีใจที่คนร้ายไม่ใช่แอนดี้ แม้ลึก ๆ ในใจแล้วยังเสียใจกับเพื่อนอีกคนที่เขาไว้ใจก็ตาม

“หิ้วกระเป๋าไปไหนน่ะพาย” แอนดี้มองกระเป๋าในมือจึงเอ่ยถาม

“กลับบ้านครับพี่แอนดี้”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“แม่ไม่สบายเลยตั้งใจจะกลับไปดูแลแม่”

“อย่างนั้นเหรอ ดีแล้ว พ่อแม่เรา ลูกอย่างเรามีโอกาสก็ควรดูแลท่านด้วยตัวเอง ถ้าพี่ไม่สบายแล้วมีลูกมาอยู่ด้วยใกล้ ๆ พี่คงหายวันหายคืน” แอนดี้บอกพลางยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงลูก ๆ ที่รอเขาอยู่ที่บ้าน หากวันนั้นเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายไป วันนี้ก็คงไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของลูกและภรรยาอีก ต้องขอบคุณภาสกรที่ช่วยเขาไว้

“พี่แอนดี้ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” ภาสกรสะดุดหูเมื่อแอนดี้พูดถึงลูกของอีกฝ่าย

“ได้สิ”

“ทำไมพี่ถึงบอกคนอื่นว่ายังไม่มีลูกครับ” ภาสกรถาม เขาจำได้ว่าเจษฎาหรือเจนั้นเคยบอกเขาเรื่องนี้

“ไม่เคยนะ ถ้าใครถามพี่เรื่องลูก พี่ก็บอกว่ามีแล้วทุกครั้ง ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าครับ สงสัยผมคงจำมาผิด ๆ” ภาสกรใช้คิด ตอนนั้นเจษฎาพูดเรื่องนี้คงอยากให้เขาเบี่ยงเบนความสนใจไปทางแอนดี้สินะ

“อืม ๆ”

“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” ภาสกรเอ่ยลาอีกฝ่าย

“เดินทางปลอดภัยนะ”

“ขอบคุณครับ”

“พาย เดี๋ยว” ภาสกรหิ้วกระเป๋าเตรียมจะเดินขึ้นรถที่อาเฉินติดเครื่องรอไว้แล้ว แต่ได้ยินเสียงของแอนดี้เรียกเขาไว้อีกครั้ง

“ครับ” คนขานรับหันกลับมาตามเสียงเรียก

“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหม” แอนดี้ถาม

“ไม่กะ...” ภาสกรยิ้มเศร้าก่อนจะพูดใหม่ “ไม่รู้เหมือนกันครับ”

“ถ้าอย่างนั้น แล้วเจอกันใหม่นะ”



เขาทอดสายตามองไปยังเบื้องหลังของแอนดี้ เห็นป้าย ‘Welcome to The Fountain Casino’ สูงเด่นตระหง่าน น้ำตาก็พานจะหยดไหลริน เขารีบกลั้นมันไว้แล้วขึ้นรถทันที



ทุกอย่างของเราเกิดขึ้นที่นี่ และจบลงที่นี่



‘ลาก่อนนะครับคุณอรรค’



นึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาที่กลั้นไว้ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคาสิโนกลับมาไหลราวกับเขื่อนแตกที่หน้าทะเล มีเสียงคลื่นคอยกลบเสียงสะอื้น ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าฟุบหน้าลงบนหัวเข่า ตัวสั่นไหวอย่างแรงด้วยความเสียใจ





‘พายคิดถึงคุณ อยากกลับไปหาเหลือเกิน’





ภาสกรเคยคิดหลายต่อหลายครั้งว่าหากวันใดที่เขาต้องแยกจากอรรควัส เขาคงต้องคิดถึงอีกฝ่ายมากแน่ ๆ แต่ไม่นึกเลยว่านอกเหนือจากความคิดถึงที่ท่วมท้นเกินกว่าจะคาดคิดแล้วมันตามมาด้วยความทรมานในใจที่หักห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย



แต่เขาไม่อาจทิ้งมารดาที่กำลังป่วยและปล่อยให้พี่สาวดูแลมารดาเพียงลำพังได้ เขาไม่สามารถทิ้งความรับผิดชอบแล้วเอาแต่ใจตัวเอง ทิ้งครอบครัวแล้วไปหาคนรักได้ แม้ในใจจะอยากเจออีกฝ่ายมาเพียงใดก็ตาม อย่างไรแล้วเขาก็ไม่อาจทำได้



ดังนั้นในคืนสุดท้ายของเรา เขาจึงบอกอรรควัสด้วยประโยคหนึ่ง



“อย่ารอพายเลย”

“...”

“คืนนี้อยู่กับพายจนถึงเช้านะครับ”

“...”

“ขอให้พายรักคุณนะครับ”



คนพูดค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองออกทีละเม็ดจนหมด แผงอกขาวเปิดเผยให้คนตรงหน้าได้เห็น ได้ยินเสียงหายใจเข้าอย่างแรง ภาสกรไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแม้เพียงนิด เขาเขินอายแต่ก็อยากมอบความสุขให้บอส ความสุขของสองเราในคืนสุดท้าย



กางเกงขายาวถูกปลดกระดุมออกเช่นเดียวกัน เผยให้ชั้นในที่สวมใส่ภายใต้กางเกง เขาละมือจากกางเกงมาเป็นที่เสื้อก่อนจะถอดมันออกให้ร่วงหล่นลงไปที่พื้นข้างตัว ใบหน้าก้มต่ำถูกเชยคางให้เชิดขึ้นด้วยมือของใครอีกคน หมายจะให้สบตา ใบหน้าภาสกรแดงก่ำ ยิ่งเห็นใบหน้าคนตรงหน้าเขายิ่งรู้สึกอายกับการกระทำของตัวเอง



ทว่าบอสใหญ่ไม่ปล่อยให้อีกคนต้องเขินหนักไปมากกว่านี้ เขารั้งร่างคนในหว่างเขาให้เข้ามาใกล้ชิดตนมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ปากได้รูปของอีกฝ่าย ประกบแนบแน่นลึกซึ้งอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดุดันในที ปลายลิ้นแลบเลียกึ่งบังคับให้คนในอ้อมแขนเผยอปากออกตามการชักนำ



เรียวลิ้นสอดแทรกรุกล้ำในโพรงปากชื้น ชุ่มฉ่ำด้วยความหวานราวกับเหล้าชั้นดี ยิ่งได้ลองลิ้มยิ่งหลงใหล ยิ่งทำให้มัวเมาจนอยากลิ้มลองอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้จักอิ่ม ลิ้นสีชมพูสดกวาดชิมไปทั่ว ดูดดึงไม่ถอยห่าง ภาสกรตาปรือเยิ้มฉ่ำเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาส กางเกงทั้งชั้นนอกและในถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวเปล่าเปลือย มือขาวจับต้นแขนอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย



ร่างกายภาสกรถูกยกขึ้นสูงจากพื้น เจ้าตัวตกใจเล็กน้อยที่ถูกอุ้มโดยไม่ทันตั้งตัว ขาเรียวยาวเกาะเกี่ยวเอวอีกคนไว้อย่างกลัวตกกระทั่งปลายทางเป็นเตียงนุ่มหลังใหญ่ บอสหนุ่มวางคนรักลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยนและไม่เชื่องช้า สายตาดุที่ล้อมกรอบด้วยขนตายาวสวยนั้นมองคนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์รัก ภาพที่เห็นทำให้เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป มือหนาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกไม่รอช้า ก่อนจะทาบทับร่างกายอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว



คนใต้ร่างชันขาขึ้นพลางแยกขาออกกว้างอย่างรู้งาน อรรควัสจูบลำคอเรียวก่อนจะละไล่ลงมาบนแผ่นอกขาวที่เขาจ้องมองมันมาตั้งแต่ต้น ดูดกลืนไล้เลียจุดสีชมพูอย่างที่ใจอยากทำกระทั่งมันแข็งชูชัน เขาจึงผละไปจัดการอีกข้างไม่ให้น้อยหน้ากัน หน้าอกภาสกรแอ่นขึ้นให้คนลงมือโดยไม่รู้ตัว



บอสใหญ่จับส่วนอ่อนไหวอีกฝ่ายอย่างเบามือขยับรูดมันขึ้นลงราวกับเพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีของภาสกร เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงครางเครือจากคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี ภาสกรเริ่มขยับตัวส่ายไปมาตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายมีความสุข



ก่อนที่ภาสกรจะถึงปลายทางเสียก่อน บอสใหญ่เลื่อนตัวลงแล้วใช้ปากครอบครองส่วนนั้นแทนการใช้มือ ไหล่หนาถูกอีกคนจับแน่นที่ไหล่ทั้งสองข้าง สะโพกขยับตามสัญชาตญาณ อรรควัสเดาว่าอีกฝ่ายคงจวนเจียนใกล้จะถึงปลายฝั่งในเร็ว ๆ นี้แล้ว



ไม่ผิดจากที่คาดเดา เพียงไม่นานหลังจากนี้คนใต้ร่างก็เสร็จสมอย่างที่อรรควัสตั้งใจ น้ำสีขาวขุ่นเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องและต้นขาของเจ้าตัว คนกระทำนั้นลุกขึ้นนั่งหยิบทิชชูมาเช็ดคราบเหล่านั้นออกให้อย่างเบามือ แล้วปฏิบัติภารกิจต่อไปเพราะกลัวว่าอารมณ์ของภาสกรจะดับมอดไปเสียก่อน



อรรควัสดึงคนที่นอนหอบเหนื่อยให้ขึ้นมานั่งหันหน้าเข้าหากัน ขาของภาสกรอ้าคร่อมร่างเขาไว้ สองร่างใกล้ชิดจนส่วนอ่อนไหวของสองฝ่ายสัมผัสกัน จมูกโด่งคลอเคลียคอระหงไม่หยุดหย่อนแล้วไล่ดอมดมลงมาที่ลาดไหล่ที่มีกลิ่นกายหอมของภาสกร มือไม้ขยับไม่อยู่สุข สัมผัสไปทั่วร่างกายราวกับต้องการสำรวจทุกพื้นที่บนตัวอีกฝ่าย ไม่มีบริเวณไหนที่เล็ดลอดไม่ถูกสัมผัสเลย



บอสใหญ่จูบอีกฝ่ายอีกครั้งโดยไม่นึกเบื่อ เท่าไหร่คงไม่พอ ส่วนอ่อนไหวที่อ่อนแรงไปแล้วของภาสกรนั้นดูเหมือนจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง อรรควัสละจูบออกมาทำให้ภาสกรลืมตาขึ้นราวกับเสียดายแต่ไม่ได้ท้วงติงอะไรเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบเครื่องป้องกันและตัวช่วยสำหรับเรื่องบนเตียงออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง แค่นั้นก็รู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้



อรรควัสสวมถุงยางให้กับตัวเองก่อนจะพลิกตัวภาสกรให้นอนคว่ำแล้วเทเจลลงไปที่ช่องทางด้านหลังอีกฝ่ายอย่างไม่นึกเสียดาย เขาใช้นิ้วผ่อนคลายช่องทางนั้นให้กับร่างกายภาสกร อดทนใจเย็นกระทั่งมันอ่อนนุ่มลง



ภาสกรพร้อมแล้วสำหรับค่ำคืนนี้



ในจังหวะที่ความแข็งขืนสอดแทรกเข้าไปในร่างภาสกรนั้น คนนอนคว่ำอยู่ก็ได้ยินเสียงปลอบประโลมข้างใบหูอย่างอบอุ่นว่าให้ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง หายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ อรรควัสไม่เร่งรีบรอกระทั่งร่างกายอีกฝ่ายปรับตัวได้แล้วเขาจึงเริ่มขยับร่างกายของตัวเองบ้าง



เตียงหลังใหญ่สั่นไหวตามกิจกรรมที่เกิดขึ้นของคนสองคน



“อือ..คุณอรรค” เสียงครวญครางจากคนนอนคว่ำที่บัดนี้ถูกพลิกให้หลับมานอนหงายสบตากับคนด้านบน

“เธอจะเป็นของฉันคนเดียวใช่หรือเปล่า” คนขี้หวงถามในตอนที่แทรกตัวตนเข้าไปในตัวอีกฝ่ายอย่างแรง

“ครับ พายเป็นของคุณคนเดียว” ภาสกรตอบทันทีราวกับละเมอ แต่กระนั้นเขาก็ยังมีสติรับรู้อยู่บ้างว่าพูดอะไรออกไป

“เธอจะไม่มีใครอื่น นอกจากฉันใช่ไหม”

“พายจะมีแค่คุณคนเดียว”

“เด็กดีของฉัน”

“...”

“ฉันจะรีบจัดการเรื่องที่นี่”

“อย่า..อย่ารอพา..” คนพูดพูดยังไม่ทันจบ ร่างกายกลับถูกกระแทกขึ้นมาโดยแรงจากอีกฝ่ายอีกครั้งกระทั่งเขาหลุดเสียงร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “อ๊ะ!”

“ห้ามพูด”

“แต่พายไม่อยากให้คุณร..” คำว่า รอ ยังไม่ทันออกจากปากจนครบคำ ร่างกายเขาก็ถูกดึงขึ้นมาโดยที่ส่วนเชื่อมต่อกันยังแนบสนิท ไม่หลุดออกจากกัน ทำให้ภาสกรตกใจเล็กน้อยจนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปอย่างไม่ตั้งใจ

“ฉันบอกว่าห้ามพูด” อรรควัสขยับตัวเอนตัวพิงหลังกับหัวเตียง กึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีร่างของภาสกรนั่งคร่อมร่างเขาอยู่ด้านบน มือหนาจับสะโพกสวยไว้สองข้างออกแรงชักนำให้ภาสกรขยับตัวขึ้นลงเอง ใบหน้าขาวแดงก่ำไม่รู้ว่าจากอารมณ์หรือความเขินอายกันแน่ระหว่างที่ทำตามความต้องการของอีกฝ่ายโดยไม่อิดออด



ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างลึกล้ำแทบจะกลืนกิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาในเวลานี้ได้กระทั่งเสร็จสมถึงปลายฝั่งไปด้วยกัน



ทั้งที่ภาสกรตั้งใจจะอยู่กับอีกฝ่ายจนถึงเช้า แต่สุดท้ายหลังจากจบครั้งที่สองเขากลับหลับไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกเลย



น่าขายหน้าเสียจริง



กระทั่งรุ่งเช้าชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นเพราะถูกบอสใหญ่ปลุกขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างนั้นตัวเองกำลังสะลึมสะลือจนทำให้ได้ยินคำพูดของอรรควัสไม่ชัดหรือเปล่า





“ขอโทษที่ฉันไปส่งวันนี้ไม่ได้ แต่รอฉันหน่อยได้ไหม ฉันจะรีบจัดการเรื่องที่นี่แล้วกลับไปหาเธอนะพาย”





ภาสกรคิดระหว่างที่นั่งเครื่องกลับมาประเทศไทย อรรควัสพูดอย่างนี้หรือเปล่านะ









วงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาหลุดยิ้มออกมาได้บ้าง หากประโยคที่ตนคิดนั้นเป็นคำพูดของอรรควัสจริง ภาสกรจะดีใจเป็นที่สุด



‘มาหาพายไว ๆ นะครับ’



สักพักเขาก็หลุดขำออกมา ตอนนี้ภาสกรคิดว่าในแต่ละวันเขารู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็นคนประหลาดเต็มทีแล้ว เดี๋ยวร้องไห้เสียใจ เดี๋ยวหัวเราะ ไม่รู้สิ เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงคนที่ห่างไกล ใจของเขาก็ทรมานจนร้องไห้เพื่อให้คลายความทุกข์ใจ แต่พอนึกถึงคนเดิมอีกครั้งทำให้กลับยิ้มออกมาได้



เขาจะมีความสุขหรือทุกข์ก็เพราะอรรควัสเป็นคนกำหนดคนเดียวเท่านั้น



ทันใดนั้นภาสกรรีบเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นแล้วใช้มือปัดทรายให้พ้นจากกางเกงที่สวมใส่อยู่ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างสดใสให้คนที่มาเยือนโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนนั้นเป็นใคร

“พี่พรีมเองเหรอ”

“อืม พี่เอง พี่ตามหาพายเสียทั่วบ้านเลย แอบมานั่งอยู่นี่เอง”

“ตอนเย็น ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน วิวมันสวยดีนี่ครับ พายก็เลย...” ภาสกรยังพูดไม่จบก็ถูกพี่สาวแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“พายก็เลยชอบมานั่งดู..” ภารวีต่อประโยคของน้องชายอย่างเสร็จสรรพ เพราะแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้วที่ภาสกรออกมานั่งเงียบ ๆ คนเดียวแบบนี้

“พี่พรีมก็..” ภาสกรทำเสียงเง้างอดพี่สาวเล็กน้อยที่ถูกรู้ทันก่อนจะนึกขึ้นได้จึงถามหญิงสาวต่อทันที “เอ้อ..ว่าแต่พี่พรีมตามหาพายทำไม”

“ไม่มีอะไรหรอก ก็วันนี้วันเสาร์ใช่ไหม ทีแรกพี่ตั้งใจจะชวนพายไปเดินตลาดนัดด้วยกันสักหน่อย”

“เหรอครับ ไปสิพี่พรีม” น้องชายรีบกระวีกระวาดใส่รองเท้าแตะอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องแล้ว พี่เปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว”

“ทำไมล่ะครับ”

“มีคนมารับพายไปเดินตลาดด้วยกันแล้วน่ะสิ”

“ใครครับ”

“ก็เพื่อนที่ทำงานพายที่เพิ่งเริ่มไปทำงานไง เขานั่งรออยู่ในบ้านแน่ะ” ภารวีอธิบาย

“อ่อครับ”

“อย่างไรน่ะ เขาชอบพายเหรอ เห็นมาบ่อยเชียว” พี่สาวยิงคำถามเข้าประเด็น

“ไม่ใช่หรอกครับ พี่เขาสอนงานให้พาย คงไม่มีเพื่อนไปเดินตลาดด้วยกันมากกว่าครับ” ภาสกรบอกอย่างอารมณ์ดีและไม่ได้คิดอะไร

“อย่างนั้นเหรอ พี่ว่าไม่ใช่มั้ง”

“ไม่ใช่จริง ๆ ครับพี่พรีม หรือต่อให้ใช่จริง...พายก็”

“ถ้าใช่จริง ๆ แล้วพายจะทำอย่างไร”

“พายก็ไม่ทำไงครับ เพราะไม่ได้ชอบพี่เขาสักหน่อย” เพราะเขารักคุณอรรคไปแล้ว

“โธ่ จบกันน้องฉัน” ภารวีพูดอย่างเสียดายแต่เธอก็ยังไม่ยอมทิ้งโอกาส “พายจะไม่ลองดูสักหน่อยเหรอ”

ภาสกรส่ายหน้า “ไม่ครับ พายไปก่อนนะครับพี่พรีม”

“จ้า ๆ เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไม่ตอบอีกแล้ว มีอะไรก็บอกพี่ได้นะพาย”

“ครับ พี่พรีมไม่ต้องเป็นห่วงพายนะ”



ภาสกรเดินกลับไปยังบ้านเช่า เห็นรุ่นพี่ที่ทำงานกำลังนั่งคุยกับมารดาอยู่ ดูก็รู้ว่าคุยกันถูกคอ แม่ของเขาใจดีและช่างคุยพอประมาณ เป็นผู้หญิงที่น่ารักเสมอในความคิดเขา ใครได้คุยก็ต้องรักในตัวมารดาของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



ใจพลันนึกไปถึงอีกคน ถ้าอรรควัสได้เจอกับแม่เขาจะเป็นอย่างไรกันนะ นัยน์ตาสวยสลดวูบลงมามีประโยคถัดมาในใจ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้



ป่านนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีใครคนอื่นไปแล้วหรือยัง จะยังจำคำที่เคยบอกเขาได้ไหม หรือเป็นแค่คำพูดที่ผ่านเลยไปเท่านั้น ลึก ๆ แล้วภาสกรก็ยอมรับว่าเขาไม่แน่ใจมากนัก อย่างที่รู้กันดีว่าก่อนหน้านี้อรรควัสก็มีคนในสังกัดไม่เคยขาด เขาอยากเชื่อใจแต่บางครั้งเขาก็ไม่มั่นใจเลย ทุกอย่างในความคิดย้อนแย้งกันไปหมด



แต่ใจเขาน่ะ น่าแปลกทั้งที่ปกติเป็นคนชอบใครง่ายและเลิกชอบง่ายเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เมื่อรักไปแล้วกลับไม่เลิกรักสักที



“พายมาแล้วเหรอ นี่พี่เขามาชวนพายไปเดินตลาดนัด นั่งรออยู่พักใหญ่แล้ว พี่เขาเห็นพายชอบดูพระอาทิตย์ตอนเย็นเลยยังไม่อยากกวน ดูสิต้องมานั่งคุยกับคนแก่เลย คงเบื่อแย่แล้วล่ะ” ภาพรรณเอ่ยทักเมื่อเห็นบุตรชายเดินเข้ามาในบ้าน

“ไม่เบื่อเลยครับ คุณน้าคุยสนุกมาก” ผู้มาเยือนบอกอย่างจริงใจ

“งั้นแม่ไปทำกับข้าวก่อนแล้วกันนะจ๊ะ จะไปตลาดนัดก็รีบพากันไป เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน”

“ครับ” ภาสกรตอบรับก่อนจะหันไปคุยกับคนที่มานั่งรอหลังจากที่มารดาเดินลับเข้าไปหลังบ้านแล้ว “พี่มานานหรือยัง วันหลังพี่มาเรียกพายได้เลย ไม่ต้องเกรงใจครับ” ภาสกรปรับหน้าสีหน้าและบอกอีกคนอย่างยิ้มแย้ม

“พี่กลัวเข้าไปขัดจังหวะ” อีกฝ่ายพูดอย่างอารมณ์ดี “ไปกันเลยไหม”

“เอาสิครับ”



รุ่นพี่รุ่นน้องเดินตลาดนัดด้วยกันอย่างไม่เร่งรีบ รุ่นพี่คนนี้เป็นคนคุยสนุก มักจะมีมุกตลกมาสอดแทรกในบทสนทนาที่คุยกันจนภาสกรหัวเราะตามจนตาหยีหลายครั้งนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว กระทั่งทั้งคู่กลับขึ้นมานั่งในรถยนต์ของรุ่นพี่อีกครั้ง ภาสกรก็ยังไม่หยุดขำ

“พี่มีแต่เรื่องตลก ๆ ให้พายหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมดแล้วครับ”

“พายน่ะเส้นตื้น ดูสิ หัวเราะจนหน้าแดงไปหมดแล้ว”

“จริงเหรอครับ”



คนที่อยู่หลังพวงมาลัยกลับขยับตัวและชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ภาสกรอย่างไม่ทันตั้งตัว “จริงสิ มองใกล้ ๆ ยิ่งเห็นชัดเลย”

ภาสกรจากที่หัวเราะอย่างสนุกสนานกลับกลายเป็นหัวเราะฝืด ๆ ทันที พลางขยับตัวมาทางประตูที่นั่งให้มากขึ้น “อ่อ..ครับ”



เจ้าของรถยนต์ขยับตัวกลับไปที่เดิมแล้วสตาร์ตรถออกตัวอย่างนุ่มนวล ระหว่างทางท่ามกลางความเงียบ อีกฝ่ายก็ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ถ้าคราวหน้าพี่มาหาพายได้ไหม”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้” ภาสกรตอบตามอัตโนมัติ

“แล้วถ้าพายนั่งดูพระอาทิตย์อยู่ล่ะ”

“พี่มาตามพายเลยก็ได้ครับ พายบอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ”





“ถ้าพี่ไม่ได้อยากมาตาม แต่อยากมานั่งดูพระอาทิตย์กับพายล่ะ พายจะว่าไง”








========================================


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-03-2020 12:49:44
พระอาทิตย์ตก ..
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-03-2020 20:33:47
ยังไงละทีเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-03-2020 21:00:40
รุ่นพี่นี่ใคร ห๊า...พาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-03-2020 21:03:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสน่ห์แรงนะพาย   มีรุ่นพี่ที่ทำงานตามเต๊าะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 06-03-2020 00:28:13
ฮืออออ รีบมาหาน้องเร็ว เดี๋ยวโดนแย่งนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-03-2020 01:41:01
 :m15: นุ้งพายรอก่อนน้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 06-03-2020 06:53:12
คุณอรรคเคลียร์งานนานจังมีคนมาเต๊าะน้องแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-03-2020 00:05:44
ความไม่คิดอะไรของพาย มันทำให้คนอื่นคิดไปไกล
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-03-2020 10:02:19
พาย อย่าให้ความหวัง รุ่นพี่ นะจ๊ะ เด๋วคุณอรรค หึงแรง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-03-2020 12:20:31
คุณอรรครีบมาหาพายเร็ว มีคนมาจีบน้องแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2020 02:52:05
เอาแล้ว  :ling2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบสี่ UP!! 03/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-03-2020 12:07:43

วงล้อที่สามสิบห้า



“ถ้าพี่ไม่ได้อยากมาตาม แต่อยากมานั่งดูพระอาทิตย์กับพายล่ะ พายจะว่าไง” คนถามถามเสียงนุ่ม ภาสกรมองใบหน้าอีกฝ่ายพลางกะพริบตาปริบ ๆ จังหวะที่อ้าปากจะตอบกลับถูกแทรกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา



ภาสกรหยิบมันขึ้นมาดูจึงพบว่าเป็นนวพลที่เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหา เขาจึงบอกคนที่นั่งอยู่ข้างตัวเพื่อขอรับสายนี้

“ว่าไงนน”

“ไอ้พาย ตะกี้พี่พรีมโทรหาเรา”

“พี่พรีม?”

“เออดิ”

“ตอนนี้เราอยู่ข้างนอก แกรอเราสักสิบห้านาทีเดี๋ยวเราโทรกลับ”

“เออ”

ภาสกรวางสายแล้วหันไปยิ้มให้คนที่รอด้วยความเกรงใจ

“พี่ว่างั้นเรากลับกันเลยดีไหม”

“ครับ”



รุ่นพี่ที่ทำงานส่งรุ่นน้องถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนจะขับออกไปทันทีโดยไม่ลืมฝากสวัสดีแม่และพี่สาวของภาสกรซึ่งเจ้าตัวก็รับคำเป็นอย่างดี บอกลาอีกฝ่ายและขอตัวลงจากรถไป



เมื่อมาถึงภาสกรรีบนำถุงของกินต่าง ๆ ที่ซื้อมาจากตลาดนัดมาวางในครัวก่อนจะเดินเร็วตรงดิ่งไปทางหน้าบ้านให้เท้าได้เหยียบย่ำบนทรายละเอียด ในมือก็กดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิท



“นน พี่พรีมโทรหาแกทำไม” พอนวพลรับสาย ภาสกรก็ไม่รีรอถามให้ตรงประเด็นอย่างร้อนใจ

“โทรมาถามเรื่องแก”

“เรื่องเรา? ทำไมอะ”

“พี่พรีมถามเราว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า เราก็บอกไม่รู้เหมือนกัน แกไม่สบายใจเรื่องอะไรอะไอ้พาย”

“ก็..เปล่านี่ เราไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก” ภาสกรปฏิเสธไม่ค่อยจะเต็มเสียง

“แน่ใจเหรอ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรทำไมต้องไปนั่งมองดูพระอาทิตย์ตกเป็นชั่วโมงด้วยล่ะ”

“แกรู้ได้ไง”

“แล้วคิดว่ารู้ได้ไงล่ะ”

“พี่พรีมล่ะสิ”

“อืม พี่สาวกับแม่แกเขาเป็นห่วงแกน่ะ”

“เรารู้ แต่มันก็ลำบากใจจะพูดนี่หว่า”

“ลำบากใจเรื่องอะไร เอางี้ดีกว่าแกไม่สบายใจเรื่องอะไรล่ะ”

“แกไม่ต้องรู้หรอกน่า”

“เสียงแบบนี้กำลังเขินอยู่แน่นอน”

“รู้ดี”

“แต่เดาไม่ยากหรอกคงไม่พ้นเรื่องเจ้าของคาสิโนที่นี่ล่ะมั้ง”

“...” ภาสกรเงียบไปครู่หนึ่ง เพื่อนรักเองก็ไม่เซ้าซี้ กระทั่งภาสกรยอมพูดต่อเอง “เขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า”

“คุณอรรคสบายดี แกไม่ต้องเป็นห่วง” ถึงแม้คนถามจะไม่ได้ระบุว่า เขา ในที่นี้คือใครแต่นวพลก็เลือกไม่แกล้งให้เพื่อนต้องขวยเขินไปมากกว่านี้ เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงใครเลยตอบไปโดยไม่อิดออด

“สบายดีก็ดีแล้ว”

“ทุกครั้งที่เราคุยกัน แกไม่เคยถามถึงบอสเลยสักครั้ง แต่เรารู้ว่าแกอยากรู้เรื่องเขามากแค่ไหนใช่ไหม แกถามเราได้นะไม่ต้องลำบากใจเลย” นวพลบอกอย่างเอื้อเฟื้อ

“เราพยายามตัดใจจากบอส เราเป็นฝ่ายบอกให้เขาไม่ต้องรอเราด้วยซ้ำ” ภาสกรบอกเพื่อนอย่างคนหมดแรง เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทรายไม่ห่วงว่ากางเกงจะเลอะทรายขาว น้ำเสียงแฝงความอ่อนไหวเด่นชัด มีหรือที่คนฟังจะไม่รู้ว่าคนพูดรู้สึกอย่างไร

“แกตัดใจไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย ทำไมต้องบังคับตัวเองให้ลืมใครอีกคนด้วยล่ะ”

“เราไม่ได้อยากลืมแต่เราไม่อยากทุกข์ที่ต้องคิดถึงเขาอีก”

“มันทำแบบนั้นกันได้ง่าย ๆ ด้วยเหรอวะ เราไม่ยักรู้”

“...”

“เรื่องความรัก แกบังคับมันได้ด้วยเหรอ” นวพลบอก “เรารู้ว่าเวลาเป็นทุกข์เพราะความรักมันทรมานแค่ไหน แต่แกแน่ใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหมว่าไม่อยากติดต่อกับบอสอีก ทำใจได้ที่จะเห็นบอสมีคนใหม่ใครอื่น คนที่ไม่ใช่แก”

“ไม่เลยนน เราไม่ต้องการเลย แต่เรากลับไปหาเขาไม่ได้ บ้านเราอยู่ที่นี่ ครอบครัวเราอยู่ที่นี่ เราทิ้งแม่กับพี่พรีมแล้วไปมีความสุขเพียงลำพังไม่ได้” ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลอาบแก้ม

“แกเคยได้ยินเรื่องรักทางไกลไหม”

“อืม”

“มันไม่ใช่ทุกคู่สักหน่อยที่รักกันแล้วอยู่ด้วยกัน บางคู่เขาก็แยกกันอยู่ อย่างพ่อกับแม่เราไง ทั้งคู่ต้องแยกกันทำงานแต่พวกเขาก็รักกัน มันขึ้นอยู่กับว่าแกจะจัดการกับความรักอย่างไร”

“อย่างนั้นเหรอ”

“อืม เราไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมแกต้องกดดันตัวเองโดยการที่จะไม่กลับมาที่คาสิโนอีก แกจะมาเมื่อไหร่ก็ได้”

“ไม่ได้หรอก เราได้งานที่นี่แล้ว คงลางานบ่อยมากไม่ได้”

“สองประเทศมันใกล้กันแค่นี้เอง ถ้าแกอยากมาหาคนที่แกรัก แค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ทำได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับระยะทาง มันอยู่ที่ความตั้งใจของแกต่างหาก หรือแกกังวลเรื่องอะไรอีก เงินเหรอ? ถ้าเรื่องนี้ขี้คร้านบอสจะซื้อตั๋วเครื่องบินรอแกแทบทุกสัปดาห์”

“เปล่า”

“แล้วอะไรล่ะ ชีวิตมันสั้นนะเว้ย อย่ามัวแต่เล่นตัวอยู่เลย มันเสียเวลา”

“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราไม่แน่ใจว่าบอสยังต้องการเราอยู่ไหม”

“เขาไม่มีทางไม่ต้องการแก”

“แกแน่ใจเหรอ”

“ทำไมแกดูลังเล ขี้กังวลจังเลยวะพาย ปกติแกไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา” นวพลบอกอย่างไม่เข้าใจ “หรือว่าแกมีใครอื่นนอกจากบอส”

“ไม่มีเว้ย ไอ้บ้า ไม่มี!” ภาสกรลืมตัวตะโกนเสียงดัง โชคดีว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่ใกล้เขา ไม่งั้นคงตกอกตกใจกันน่าดู

“อย่างนั้นเหรอ ได้ข่าวว่ามีหนุ่ม ๆ มาหาถึงที่บ้านเช้าถึงเย็นถึง”

“หนุ่ม ๆ อะไร ไม่มี มีแค่พี่ที่ทำงานคนเดียวเท่านั้น แล้วไม่ได้มาเช้าเย็นอะไรด้วย” ภาสกรอดไม่ได้ต้องตอบกลับเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นจากการถูกกล่าวหา

“พี่ที่ทำงานจำเป็นต้องมาหากันบ่อย มารับไปที่นั่นที่นี่บ่อยขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไอ้นน..แกรู้ได้ไง”

“คิดว่าจากใครล่ะ” นวพลยียวนถามกลับไป

“พี่พรีมบอกแกใช่ไหม”

“ผิด ทายใหม่น้องพาย” อีกฝ่ายยังกวนประสาทไม่เลิก

“แม่?”

“ผิด ทายอีก”

“ไม่เล่นแล้ว ใครบอกแก บอกมาเลย”

“แกต้องนึกไม่ถึงแน่ ๆ”

“ใคร?”

“อาคุนน่ะ”

“ห๊ะ!? พี่เฉิน” ภาสกรทวนชื่อนั้นอย่างไม่เชื่อหูว่าได้ยินมาถูกต้อง หูไม่เพี้ยน

“อืม แกฟังไม่ผิดหรอก อาคุนเปรย ๆ เรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อวันก่อน ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นแกดูเป็นกังวล เราเลยเอะใจขึ้นมา”

“เราไม่มีคนอื่น แกสบายใจได้”

“ต่อให้แกมีคนอื่นเราก็สบายใจได้ แต่คนไม่สบายใจน่ะ” นวพลเว้นระยะอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็คงรู้ใช่ไหมว่าใคร”

“แล้วพี่คุนรู้เรื่องที่มีคนมาหาเราที่บ้านได้อย่างไร” ภาสกรแคลงใจ คนจากคาสิโนไม่น่าจะรับรู้เรื่องที่บ้านเขา “ไม่เคยติดต่อเรากลับมาแท้ ๆ”

“พูดแบบนี้น้อยใจใช่ไหมเนี่ย” นวพลหัวเราะ “แกไม่รู้หรอกว่าบอสโหมงานหนักมากจนทั่วคาสิโนคุยกันว่าบอสทำอย่างกับจะรีบหาเงินไปแต่งเมีย”

“ทำงานหนักมากเลยเหรอ” ภาสกรได้ฟังแล้วก็ไม่สบายใจ

“แทบไม่ได้พักเลย เป็นห่วงเขาใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นห่วงก็บินมาหาสิ จะบอกอาเฉิน อาคุนไว้ก่อนก็ได้ รับรองบอกปุ๊บตั๋วเครื่องบินถึงมือปั๊บ”

“อืม”

“เรื่องน้าภากับพี่พรีมน่ะ แกก็อย่าคิดเองเออเองคนเดียวนัก ปรึกษาพวกเขาดู เราเชื่ออะว่าทั้งสองคนให้ทางออกที่ดีกับแกได้แน่”

“เราจะลองคิดดู”

“คิดแล้วก็ทำด้วยล่ะ เราไปก่อนนะ ง่วงเต็มที”



นวพลพูดจบก็วางสายไป ภาสกรยังถือโทรศัพท์ไว้แน่น คำพูดของเพื่อนสนิทยังก้องวนเวียนอยู่ในหัว สมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก บอสใหญ่ทำงานหนักจนแทบไม่พัก ไหนจะเรื่องที่อรรควัสรู้เรื่องที่มีพี่ที่ทำงานมาหาเขาที่บ้านอีก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้



ทั้งที่เขาต้องกังวลว่าอรรควัสจะมีคนใหม่ เห็นทีเหตุการณ์จะพลิกผันกลับกลายเป็นเขาเองที่มีคนใหม่อย่างรวดเร็ว ขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมพูดคุยกับเขาเลย ภาสกรมองโทรศัพท์ในมือแล้วเปิดแอปพลิเคชันที่พิมพ์ค้างไว้เพื่อจะส่งให้อรรควัสแต่ยังไม่ส่งสักที



เขาจด ๆ จ้อง ๆ มองข้อความในนั้น เอาอย่างไรดี



ส่งหรือไม่ส่ง

ส่งหรือไม่ส่ง

ส่งหรือไม่ส่ง



“พายเอ๊ย พายมากินข้าวเร็วลูก” เสียงเรียกกินข้าวของคุณภาพรรณทำให้ร่างที่นั่งกำลังคิดอะไรอยู่ลำพังนั้นสะดุ้งโหยงจนมือเลื่อนกดส่งข้อความที่ค้างไว้จนหมด





[คุณอรรคสบายดีไหม]

[ทานข้าวด้วยนะครับ พายเป็นห่วง]

[อย่านอนดึกนะครับ]

[พายอยากให้คุณพักเยอะ ๆ ทำงานให้น้อยลงหน่อยได้ไหมครับ]

[…]

[ไม่ต้องรอพาย]

[พายรักคุณอรรคนะครับ]





ภาสกรตาแทบถลนออกมาจากเบ้าพลางอุทานในใจว่าฉิบหายแล้ว ข้อความทั้งหมดถูกส่งไปแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน วิวัฒนาการของแอปพลิเคชันสมัยนี้สามารถกดยกเลิกข้อความที่ส่งไปได้นี่ ภาสกรเตรียมจะกดยกเลิกแต่แล้วข้อความที่ถูกส่งไปนั้นกลับถูกผู้รับกดอ่านเรียบร้อยแล้ว



ตายแน่ ๆ ไอ้พาย แย่แล้ว



“พายมากินข้าวได้แล้ว ไปนั่งทำอะไรอยู่คนเดียว มืดแล้วนะลูก”

“ครับแม่ พายไปเดี๋ยวนี้”



ใจก็อยากอ่านข้อความว่าอรรควัสจะพิมพ์อะไร แต่คุณนายภาพรรณก็เร่งให้กลับเข้าไปกินข้าวในบ้าน ภาสกรไม่อยากขัดใจมารดาตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ปัดทรายออกจากตัวแล้วเดินเข้าบ้านไปตามเสียงเรียก



ตลอดเวลามื้อเย็น ภาสกรอยู่ไม่เป็นสุข ใจร่ำ ๆ อยากเปิดโทรศัพท์ออกดู ถ้ามีข้อความจากฝ่ายนั้นกลับมาจริง เขาก็อยากอ่านคนเดียวเงียบ ๆ มากกว่ามีแม่และพี่สาวอยู่ด้วย แต่ช่วงเวลาของครอบครัวไม่จบแค่นั้น สองสาวชวนเขาดูละครหลังข่าวด้วยกันอีกหนึ่งเรื่อง



กว่าจะได้กลับเข้าห้องอีกครั้งก็ราวสี่ทุ่มครึ่ง ภาสกรนั่งลงปลายเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว อรรควัสจะส่งข้อความมาหรือเปล่า กลับต้องผิดหวังเมื่อพบว่าไม่มีข้อความจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่ข้อความ คงจะมีแค่สัญลักษณ์ว่าเจ้าตัวอ่านแล้วก็เท่านั้น





‘หรือว่าคุณอรรคจะโกรธเขาเรื่องพี่ที่ทำงาน’





ภาสกรยิ่งร้อนใจ เขาไม่ได้มีใครอื่นนอกจากอรรควัสเลย มือไม้สั่นเทาลืมไปหมดสิ้นว่าครั้งหนึ่งเคยตั้งใจจะตัดขาดกับบอสใหญ่



PPie: คุณอรรคครับ โกรธพายหรือเปล่า



ภาสกรมองข้อความที่ถูกส่งไปอย่างใจจดใจจ่อ เขาอยากไปอาบน้ำแต่ก็ไม่อยากพลาดถ้าหากว่าอรรควัสจะตอบกลับมา แต่รออยู่นานเกือบห้านาทีก็ดูจะไร้วี่แวว เขาเลยตัดสินใจไปอาบน้ำ หวังว่าน้ำเย็นจะช่วยคลายความว้าวุ่นในใจเขาให้เย็นสงบลงบ้าง



เมื่อออกมาจากห้องน้ำ อย่างแรกที่ภาสกรทำคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความก่อน ไม่แม้แต่จะไปเช็ดผมที่เพิ่งสระนั้นให้แห้งก่อน คราวนี้บนหน้าจอเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มออกมาได้





_: เรื่องอะไร

PPie: พายไม่รู้แต่ถ้าคุณโกรธหรือไม่พอใจเรื่องพี่ที่ทำงาน พายไม่ได้ชอบพี่เขานะครับ เราแค่ทำงานด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อนร่วมงานเลยครับ

PPie: พายมีคุณคนเดียว

PPie: พายคิดถึงคุณอรรคนะครับ




ภาสกรอธิบายยืดยาว กลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด เขามองหน้าจอที่ไร้ข้อความตอบจากอีกฝ่ายอีกครั้ง ไหล่ห่อเหี่ยวลู่ลง คลาดกันไปคลาดกันมา แต่ในจังหวะที่กดปิดหน้าจอนั้น เสียงข้อความกลับดังขึ้นพอดี เขารีบตะลีตะลานเปิดข้อความอ่านทันทีไม่รอช้า



ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากใคร







_: ถ้าคิดถึงก็กลับมาหาฉันได้แล้ว






========================================




ขออภัยที่ตอนนี้สั้นนะคะ ตอนหน้าแก้ตัวให้นะคะ

ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ เขมไม่มีตังจ่ายค่าตัวบอสใหญ่เลย รออีกสักหน่อยน้า



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-03-2020 15:18:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-03-2020 20:27:10
พายกังวล ดราม่าเกินเหตุไปเองนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-03-2020 23:21:30
 :mew3: :mew3: :mew3: รอลุ้นตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 12-03-2020 23:34:12
กลับไปหา ไปเที่ยวก็ได้น้าาา
ลางานสักวันสองวัน
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2020 00:39:03
หลอกให้ดีใจ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-03-2020 05:12:45
ลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวบินไปหาก่อนกัน
แหมๆคุณบอส​ แอบมีสายเหรอ


หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-03-2020 11:26:43
ง่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 14-03-2020 23:08:54
ใครจะบินไปหาใครก่อนคะเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-03-2020 08:02:39
บอสส่งตั๋วเครื่องบินไปให้น้องเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-03-2020 08:19:33
นน เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนรัก ของนุ้งพาย นุ้งพายโชคดี มีคนที่รัก และหวังดี มากมาย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-03-2020 02:28:10
พี่เขายอมขนาดนี้น่ะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบห้า UP!! 12/05/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-03-2020 13:58:21

วงล้อที่สามสิบหก




‘ตั๋วเครื่องบินอยู่ในอีเมลนะพาย’



คำพูดทิ้งท้ายจากอาเฉินบอกเขาไว้แบบนั้นก่อนจะวางสายไปในช่วงเย็นหลังเลิกงานวันอังคาร เขายังไม่ได้คุยรายละเอียดกับอรรควัสเลยสักนิด แต่วันนี้ตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ก็ถูกส่งมาแล้ว ถ้านวพลรู้เรื่องนี้คงไม่พ้นตบเข่าฉาดแล้วบอกว่า ‘นั่นปะไร เห็นไหม พูดไม่ผิดเลย’



ภาสกรเข้าอีเมลไปก็เจอตั๋วเครื่องบินอยู่ในนั้นจริง เขากดเปิดมันออกอ่านวันที่เดินทางนั้นคือวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ส่วนเที่ยวบินกลับคือเช้าวันจันทร์ คนมองตั๋วเครื่องบินอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ให้กับความรู้มากของคนส่งเหลือเกิน อีกฝ่ายรู้แม้กระทั่งว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เขาได้หยุดเพราะเป็นวันหยุดชดเชยตามปฏิทินประเทศไทย



ชายหนุ่มอ่านข้อความในตั๋วเครื่องบิน อยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ แต่อันดับแรก เขาจะต้องบอกแม่กับพี่สาวทั้งสองก่อน คงถึงเวลาที่เขาจะต้องเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับอรรควัสแล้วสินะ



“หลบมานั่งดูพระอาทิตย์คนเดียวอีกแล้ว” ภารดีเอ่ยทักน้องชายก่อนจะนั่งลงบนพื้นทรายข้าง ๆ ภาสกรรีบกดปิดโทรศัพท์มือถือแล้วใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว

“ก็มันสวยนี่ครับ” ผู้เป็นน้องตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เอ เหมือนจะมีอะไรแปลกไปนะ” ไม่พลาดที่คุณครูสาวจะสังเกตเห็น

“ครับ?”

“วันนี้ยิ้มกว้างเชียว”

“พายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที” ภาสกรทำเฉไฉกลบเกลื่อน

“ไม่จริงหรอก” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ไม่เถียงหรอกว่าพายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที แต่ตรงนี้น่ะไม่เคยยิ้มให้พี่เห็นพี่เลยสักครั้งตั้งแต่กลับมาจากที่นั่น”



คนเป็นพี่ชี้ไปที่ดวงตาของน้องชาย ภาสกรเบือนหน้าไปทางทะเล เม้มปากเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดว่าควรจะเกริ่นเรื่องความรักตัวเองอย่างไรดี

“พี่พรีมจะว่าอะไรไหม ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้พายจะขอไปบ้านเพื่อนแล้วกลับมาอีกทีวันจันทร์ พาย..พายขอฝากพี่พรีมช่วยดูแลแม่หน่อยได้หรือเปล่า”

“ได้อยู่แล้ว พี่ดูแลแม่ได้สบายเลย พายไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน “ว่าแต่ว่า..แน่ใจนะว่าเป็นบ้านเพื่อนจริง”

“จะ..จริงสิครับ”

“เพื่อนที่ไหนล่ะ”

“เอ่อ..คือ..”

“ให้พี่เดาไหม คงไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานใหม่แน่ ๆ”

“พี่พรีม” ท่าทีลำบากใจของภาสกรทำให้พี่สาววางมือลงบนไหล่น้องชาย เธอตบบ่านั้นสองสามทีแล้วดึงมือกลับ

“ที่ที่พายเพิ่งกลับมาใช่หรือเปล่า”

“...” ชายหนุ่มเงียบสนิท

“พายโตแล้ว พี่รู้ดี น้องไม่จำเป็นต้องบอกพี่หรือแม่ทุกเรื่องก็ได้ แต่อย่างหนึ่งก็คือพี่แค่อยากรู้ความรู้สึกของพายเท่านั้น สิ่งที่พายเลือกจะทำนั้นมันมีความสุขอยู่ในนั้นไหม พี่ไม่อยากเห็นความเศร้าบนใบหน้าพายอีกแล้ว” หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดความในใจออกมาก่อน “แม่ก็คิดเหมือนกับพี่นะพาย”

“พายขอโทษที่ทำให้แม่กับพี่พรีมเป็นห่วง”

“พี่แค่อยากให้พายรู้ว่าแม่กับพี่จะอยู่ข้างพายเสมอและอยากให้พายยิ้มได้เหมือนเมื่อก่อน”

“ตอนที่พายไปทำงานกับนน..” ภาสกรตัดสินใจพูดเรื่องที่ค้างคาในใจเขาออกมาให้อีกฝ่ายฟังบ้าง

“อืม ที่คาสิโนสินะ”

“ครับ พายได้เจอคนคนหนึ่งที่นั่น”

“เขาคนนั้นที่พายชอบเป็นคนอย่างไรเหรอ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” หญิงสาวชวนคุยด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อให้น้องชายคลายความประหม่า

“เขา..เขาชื่อคุณอรรควัสครับ คุณอรรคเป็นคนที่ดุมาก ตอนพายเจอเขาทีแรกพายซุ่มซ่ามทำแต่เรื่องจนถูกดุตั้งหลายครั้ง”

“หืม..น่าสนใจ” ภารดีอดแปลกใจไม่ได้ “คุณอรรคของพายดุขนาดนี้พายก็ชอบเขาเหรอ”

“ไม่ใช่สักหน่อยพี่พรีม คุณอรรคไม่ใช่ของพายแล้วพายก็ไม่ได้ชอบเขาเพราะเขาดุหรอกนะครับ” ภาสกรปฏิเสธทันควัน ใบหูเริ่มเป็นสีแดงเรื่อจาง ๆ

“จ้ะ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ เถียงพี่เสียน่ากลัวเลย” เธอหัวเราะก่อนจะทวงให้น้องชายเล่าเรื่องจ่อ “เล่าต่อ ๆ พี่กำลังสนุก แล้วพายชอบเขาเพราะอะไรล่ะ”

“ถ้าบอกแล้วพี่พรีมอย่าหัวเราะพายนะครับ”

“ไม่หรอกจ้ะ พี่จะหัวเราะน้องคนนี้ได้อย่างไร”

“พายเคยเจอคุณอรรคที่นี่ครับ ที่บ้านเรานี่แหละ ตอนนั้นเขาหนีคนร้ายแล้วพายก็พาคุณอรรคเข้ามาในบ้านเราครับ”

“เอ๊ะ? ตอนไหนกันนี่ ทำไมพายไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลย”

“พายไม่กล้าเล่าหรอกครับ ขืนเล่าให้พี่กับแม่ฟัง ตอนนั้นพายต้องถูกตีจนก้นลายแน่ ๆ”

“ตอนนี้ก็ยังตีทันอยู่นะ” ผู้เป็นพี่เริ่มขู่

“ตีไม่ได้แล้ว ตะกี้พี่พรีมยังบอกว่าพายโตแล้วนะครับ”

“ร้ายนักนะเรา” หญิงสาวดีดหน้าผากน้องชายทีหนึ่ง “เป็นเด็กเป็นเล็กแต่พาผู้ชายเข้าบ้านแล้ว”

“ไม่ใช่สักหน่อยก็คุณอรรคเขาลำบากอยู่นี่ครับ พายก็แค่เข้าไปช่วย”

“เถอะจ้ะ โชคดีนะว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรพาย ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพายเคยเจอคุณอรรคของพายมาแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหม”

“ครับ ตอนแรกพายจำเขาไม่ได้หรอกครับ กระทั่งเห็นรอยแผลเป็นที่แขนเขา” ภาสกรลูบรอยแผลที่มือตัวเอง “รอยแผลนี่พายบอกว่าพายเล่นซนใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วถูกพวกคนร้ายใช้มีดฟัน”

“โอ๊ย ตายจริงน้องฉัน” ภารวีแทบจะลมจับที่น้องชายตัวเองไปมีวีรกรรมเกือบเอาชีวิตไม่รอด

“เรื่องมันผ่านมาแล้วนะครับพี่พรีม” ภาสกรเตือนสติพี่สาว “รอยแผลนี่ พอเอาแขนพายกับคุณอรรคมาวางเทียบกันจะเห็นรอยมีดที่ต่อกันครับ มันมีเหตุการณ์บังเอิญพายก็เลยรู้ว่าเขาคือพี่คนนั้น”

“แต่ก็ไม่น่าจะทำให้พายชอบเขาหรือเปล่า”

“พายชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ เพราะเขาทำให้พายรู้ว่าพายชอบเพศไหนกันแน่”

“แก่แดดจริงเชียว” ภารวีว่าอย่างไม่จริงจังนัก สักพักเธอก็ถอนหายใจออกมา

“ถอนหายใจทำไมครับพี่พรีม”

“ถ้าพายเจอเขาที่คาสิโนแสดงว่าเขาต้องวนเวียนอยู่กับวงการนี้น่ะสิ” เธอวางมือบนศีรษะน้องชาย “อย่าหาว่าพี่วุ่นวายความรักของพายเลยนะ รู้ใช่ไหมการพนันไม่ใช่เรื่องที่ดี พ่อเราติดการพนันจนเอาบ้านเราไปขายทำให้เราไม่มีที่อยู่ จนป่านนี้ไม่เคยมารับผิดชอบอะไรพวกเราหรือแม้กระทั่งแม่เลย พี่ไม่อยากให้พายต้องเสียใจเหมือนแม่ การพนันไม่มีอะไรดีหรอก”

“พายเข้าใจครับ พายจะอธิบายให้พี่ฟังอย่างไรดี”

“แล้วเขาทำงานอะไร พายรู้หรือเปล่า” ภารวีไม่ต้องการขัดขวางความรักน้องชาย แต่จะให้น้องชายต้องทนทุกข์เธอเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“คุณอรรคทำงานหลายอย่างเลยครับ แทบไม่มีเวลาพักเลย”

“มีงานทำก็ดี แล้วเขามาที่คาสิโนบ่อยหรือเปล่า เวลามาเล่นหนักมือมากไหม” เธอยังไม่วางใจ แม้คนรักน้องชายจะมีงานมีการทำ แต่ขึ้นชื่อว่าการพนันนั้น มีเท่าไหร่ก็หมดได้

“มาทุกวันครับ เขาพักอยู่ที่คาสิโน”

“ตายแล้ว พี่ว่าเขาน่าจะติดการพนันจนเข้าเส้นเลยนะพาย พี่ว่าแบบนี้ไม่ดีหรอก พายพอจะตัดใจจากเขาได้ไหม พี่ไม่อยากเห็นพายเสียใจ ไม่รู้ว่าแบบนี้จะมีหนี้สินเยอะมากมายแค่ไหน พายจะถูกเอาไปขายหรือเปล่าเนี่ย”

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่พรีม” ภาสกรรีบห้ามความคิดพี่สาว ดูว่าเธอจะคิดไปกันใหญ่ “ที่คุณอรรคเขาพักอยู่ที่คาสิโนเพราะบ้านเขาอยู่บนนั้นครับ”

“บ้าน?” หญิงสาวถามกลับด้วยความงุนงง ใครจะมีบ้านอยู่บนคาสิโนกันเนี่ย

“ครับ คุณอรรคเป็นเจ้าของคาสิโนที่พายกับนนทำงานอยู่ แล้วก็เป็นหุ้นกับผับอีกที่หนึ่งด้วยครับ ส่วนกิจการอื่นของคุณอรรค เรื่องนี้พายไม่รู้เลย รู้แต่คุณอรรคยุ่งมาก ๆ เลยครับ”

“อ้าว อย่างนั้นเหรอ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอจึงวางใจลงได้บ้าง “แต่พี่ก็ยังไม่สบายใจ เปิดกิจการเกี่ยวกับการพนัน พี่ไม่ค่อยชอบเลย”

“เอ่อ..เรื่องนั้น พายขอโทษนะพี่พรีม” ภาสกรขอโทษก่อนเป็นอย่างแรก เพราะเขาคงไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้อรรควัสเลิกทำงานประเภทนี้ได้

“ไม่ต้องขอโทษพี่ พายไม่ได้ทำอะไรผิด” หญิงสาวโบกมือ “แล้วที่จะไปบ้านเพื่อนก็คือที่คาสิโนใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ภาสกรอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสีย

“ไปเถอะจ้ะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แล้วเรื่องนี้พายจะเล่าให้แม่ฟังเองหรือให้พี่เล่าแทนดี”

“พี่พรีมเล่าก็ได้ครับ แต่ช่วยเล่าให้แม่ฟังตอนที่พายไม่อยู่ได้ไหมอะ”

“ได้สิ พี่เล่าให้แม่ฟังเองก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นตอนที่พายไม่อยู่ด้วยล่ะ”

“ก็พายไม่อยากถูกแม่แซวนี่นา พี่พรีมก็รู้ว่าแม่ชอบแกล้งพาย”

“จ้ะ ๆ รับทราบ แล้วจะไปเนี่ยมีเงินค่าเครื่องหรือเปล่า” คนเป็นพี่สาวอดห่วงไม่ได้

“เขาส่งตั๋วมาให้แล้ว” ภาสกรตอบเสียงเบาไปอีก

“สายเปย์เสียด้วย ถ้าเงินไม่พอก็บอกพี่ได้นะพาย”

“ขอบคุณครับ”

“พี่ลืม พายจะไปเมื่อไหร่วันไหนนะ”

“วันเสาร์นี้แล้วกลับวันจันทร์ครับ”

“วันเสาร์นี้? พี่คุ้น ๆ ว่าพายมีนัดกับที่ทำงานไม่ใช่เหรอ”

“นัด? พายขอเช็กก่อน” เขารีบกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์ออกมาดูปฏิทินตารางการทำงานอย่างรวดเร็ว พลันพบว่าเป็นอย่างที่พี่สาวกล่าวไว้จริง “มีไปเอาต์ติ้งจริง ๆ ด้วยครับพี่พรีม”

“อ้าวแล้วทำไงล่ะทีนี้”

“พายจะลองไปถามพี่เขาก่อน อาจจะไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ พายก็เพิ่งเริ่มงานได้ไม่เท่าไหร่เอง” ภาสกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“ลองดูแล้วกันได้ผลอย่างไรก็บอกพี่ด้วย”

“ครับ”

“ไปกินข้าวกันเถอะ ป่านนี้แม่ชะเง้อมองว่าเราคุยอะไรกันจนคอแทบหลุดแล้วล่ะ” เธอพูดติดตลกพลางหัวเราะแล้วลุกขึ้นแล้วเดินนำเข้าบ้านไปก่อน







“ไม่ได้งั้นเหรอครับ” ภาสกรหน้าสลดทันทีที่ได้ฟังคำตอบจากพี่ที่ทำงานว่าเขาติดธุระไม่สามารถไปเอาต์ติ้งกับทางบริษัทได้

“พี่ก็ไม่อยากตัดสินใจเอาเองว่ามันไม่ได้หรอกนะพาย แต่ออฟฟิศของเราไม่ได้ไปเอาต์ติ้งเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว แต่ยังมีเซสชั่นครึ่งวันสำหรับพูดคุยกับทิศทางของบริษัทด้วย พี่เลยคิดว่าในฐานะที่พายเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ถ้าได้ไปร่วมกิจกรรมนี้จะได้เข้าใจองค์กรของเรามากขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับพายเลยนะ”

“อ่า..ครับ”

“ธุระที่จะไปน่ะ อย่างไรแล้วเลื่อนออกไปก่อนดีไหม อีกอย่างวันนี้วันพุธแล้วด้วย เปลี่ยนใจกะทันหันคงดูไม่ค่อยดี”

“คือ..แต่เสาร์อาทิตย์ แค่สองวัน..เอ่อ..”

“พี่คิดว่าเข้าใจละ” คนพูดยิ้มออกมา “เอาอย่างนี้สิครั้งนี้พายก็ไปเอาต์ติ้งกับพี่ และสัปดาห์หน้า ไม่สิ สัปดาห์หน้าไม่ได้เพราะมีประชุมใหญ่วันจันทร์ ทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมด้วยสิ สัปดาห์ถัดไปแล้วกันนะ ตอนนั้นก็ลาเพิ่มวันจันทร์ไปอีกหนึ่งวัน แบบนี้โอเคไหม”

“แต่ผมยังไม่ผ่านโปรฯ เลย ลาแบบนี้จะดีหรือครับ” ถ้านับการทำงานในประเทศไทยแล้ว เขาถือว่ายังใหม่มากทีเดียวกับระเบียบพนักงานเอกชน ทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่คุยกับหัวหน้าให้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“...”

“ตกลงตามนี้นะพี่จะได้ยืนยันรายชื่อคนที่จะไปเอาต์ติ้งกับฝ่ายบุคคลด้วย”

“ก็ได้ครับ” ปากอิ่มคว่ำลงเล็กน้อย ภาสกรไม่กล้าปฏิเสธพี่ที่ทำงาน เพราะเป็นเด็กใหม่และยังไม่เคยไปทำกิจกรรมประเภทนี้มาก่อนทำให้เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีกิจกรรมหรือเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้นเขาจึงตกปากรับคำตกลงไป



PPie: คุณอรรคครับ พายขอเลื่อนไฟลต์บินก่อนได้ไหม พอดีที่สัปดาห์นี้พายมีเอาต์ติ้งกับบริษัทครับ



วันพฤหัส วันถัดมาภาสกรพิมพ์ส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย เขาเดินงุ่นง่านอยู่ภายในห้องนอน เดินไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนรนใจ หยิบโทรศัพท์มาดู ข้อความที่ส่งไปให้อีกฝ่ายยังไม่กดอ่าน เขายิ่งอยู่ไม่เป็นสุข



‘คุณอรรคจะโกรธหรือเปล่า’ คำถามนี้วนเวียนอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ไม่อยากถูกโกรธ ไม่อยากถูกเมินจากคนนั้นเลย



จังหวะที่คิดกังวลไม่ตกอยู่นั้นโทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมา เขากดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นสายจากใคร

“สวัสดีครับคุณอรรค” ภาสกรกรอกเสียงลงไปด้วยใจเต้นตึกตักแค่คิดว่าจะได้ยินเสียงคนที่โทรเข้ามานั้น ตัวเขาก็ตื่นเต้นแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง



[ถ้างั้นก็มาสัปดาห์หน้า เดี๋ยวฉันจะให้อาเฉินไปเลื่อนตั๋วให้]



คำพูดสั้นกระชับบอกมาอย่างรวดเร็ว ภาสกรมึนงงไปเล็กน้อยก่อนจะนึกออกว่าเขาส่งข้อความไปบอกอีกฝ่ายเรื่องอะไร

“สัปดาห์หน้าก็ยังไม่ได้ครับ”



[ทำไม]

“สัปดาห์หน้าพายมีประชุมใหญ่ แต่พายจะไปหาคุณอรรคสัปดาห์ถัดไปหลังการประชุมครับ”



[หรือเธอไม่อยากมา]

“ไม่ใช่..ไม่ใช่นะครับ” ภาสกรละล่ำละลักรีบบอกอีกฝ่ายเพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิด “พายติดงานไปไม่ได้จริง ๆ ครับ วันนี้ก็ลองถามพี่เขาว่าไม่ไปเอาต์ติ้งได้ไหม แต่เขาบอกว่าพายควรไปจะดีกว่าครับ”



[มันพูดโกหกไปอย่างนั้น]

“อะไรนะครับคุณอรรค พายได้ยินไม่ถนัด”



[เปล่า]

“อ่อ..ครับ” เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็ไม่เซ้าซี้



[แล้วไปกี่วัน]

“สามวันครับ เสาร์ อาทิตย์ กลับวันจันทร์”



[อืม ไปที่ไหนล่ะ]

“หัวหินครับ พายยังไม่เคยไปเลย” ภาสกรเล่าให้อีกฝ่ายฟังด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย



[เธออยากไปที่ไหน คราวหน้าฉันจะพาไปเอง]

“ไม่เป็นไรครับ พายก็แค่เล่าให้คุณฟังเฉย ๆ”



[แล้วไปที่นั่นพักกับใคร]

“พายยังไม่รู้เลย เดี๋ยวถ้าได้กำหนดการมาชัดเจนแล้ว พายจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณนะครับ”



[อืม]

“คุณอรรคเป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีไหม”



[ฉันสบายดี ส่วนเธออย่าไปไหนกับใครบ่อย ๆ]

“ครับ?”



[อยู่บ้านดูแลแม่ของเธอให้มากเข้าไว้]



น้ำเสียงเจือความดุแฝงออกมาราวกับคนพูดไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง



“พายทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่าหรือเรื่องที่พายไปหาคุณสัปดาห์นี้ไม่ได้ครับ”



[ไม่ใช่ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอ ทำตามที่ฉันบอกก็พอ ไปทำงานพอเลิกงานก็อยู่บ้าน เข้าใจหรือเปล่า]

“อ่า..เข้าใจครับ” ถึงภาสกรจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ปกติเขาก็อยู่บ้านอยู่แล้วทำให้ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรมากมาย ชั่วขณะหนึ่งเขาเหมือนได้ยินเสียงบุคคลที่สามดังมาจากปลาย



[ดีมาก ฉันคงต้องวางสายแล้ว]

“ครับ อย่าทำงานหนักมากนะครับ”



คนโทรมาวางสายไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของภาสกร “พายเป็นห่วงคุณ”









“ร้อนจังเลยเนอะพายเนอะ” เสียงหญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัวภาสกร ตอนนี้คณะเอาต์ติ้งนี้มาถึงจังหวัดที่จะมาร่วมทำกิจกรรมกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขามาแวะถ่ายรูปกับสถานที่ยอดฮิตในหัวหินก่อนจะเข้าที่พัก

“ใช่” ภาสกรมองไปรอบ ๆ เพราะเป็นวันเสาร์คนจึงพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนี่ คนมากมายต่างถ่ายรูป เดินเล่น ภาสกรเองก็ถูกดึงให้เข้าไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ หลายต่อหลายรูปเช่นกัน

“ทุกคนมาถ่ายรูปตรงนี้กัน” หญิงสาวคนเดิมพูดเสร็จพลางเรียกภาสกรให้ไปถ่ายรูปด้วย



ภาสกรเดินเข้ามารวมกลุ่มที่ตอนนี้ยืนอยู่เกือบสิบคนแล้ว เขาเข้าไปยืนริมสุดของกลุ่ม ข้างกายเขาเป็นรุ่นพี่ที่คุ้นหน้ายืนอยู่

“พาย ขยับเข้าไปหน่อย มันตกเฟรม” ตากล้องที่เป็นหนึ่งในพนักงานบริษัท แต่อาสาเป็นช่างกล้องประจำทริปนี้พูดขึ้น พลางโบกมือเป็นสัญญาณให้ภาสกรขยับเข้าไปใกล้รุ่นพี่มากขึ้นไปอีก

“...”

“ขยับเข้าไปอีกพาย”

“อีกเหรอพี่” ภาสกรตะโกนเสียงดังบอกตากล้อง

“ขยับมาใกล้ ๆ พี่” มือซ้ายของคนพูดรั้งไหล่ภาสกรให้เข้าไปใกล้เจ้าของมือที่ว่านั้น ภาสกรขยับตัวอยากจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่จำเป็น เสียงตากล้องคนเดิมก็พูดแทรกขึ้นมา

“เออ แบบนั้นแหละ ยิ้มหน่อย ค้างไว้นะ ร้อนเหงื่อแตกกันหมดแล้ว หนึ่ง สอง สาม” ภาสกรจึงต้องจำใจถูกโอบไหล่ไว้อยู่แบบนั้นกระทั่งถ่ายรูปเรียบร้อย มือที่รั้งไหล่เขาไว้จึงคลายออก



คณะเอาต์ติ้งทยอยขึ้นรถบัสกันอย่างเป็นระเบียบ รถเคลื่อนตัวไปสู่จุดหมายถัดไปคือที่พักสำหรับสองคืน เมื่อรถเลี้ยวเข้ามา เขาก็พบกับความเขียวชอุ่มที่อุดมไปด้วยต้นไม้และพื้นหญ้าสีเขียว เสียงพนักงานฝ่ายบุคคลคนหนึ่งพูดว่าห้องพักทุกห้องจะเห็นวิวทะเลทุกห้อง เรียกเสียงเฮเพราะความถูกใจจากคนในรถได้เป็นอย่างดี



รถจอดสนิทหน้าทางเข้าโรงแรม ภาสกรมองลงไปจากรถเห็นพนักงานออกมายืนต้อนรับรออยู่อย่างเรียบร้อย ทำให้เขาอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความเอาใจใส่

“เอาละค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงที่พักกันเรียบร้อย ตอนนี้เป็นเวลาสิบหกนาฬิกา เดี๋ยวเราจะเช็กอินเข้าที่พักกันก่อนนะคะ ตรงเคาน์เตอร์จะมีซองใส่คีย์การ์ดอยู่ หน้าซองระบุชื่อเจ้าของไว้เรียบร้อยแล้ว อย่าหยิบผิดกันนะคะ เดี๋ยวจะเข้าห้องผิดกัน” หญิงสาวว่าอย่างติดตลกแล้วจึงพูดต่อ “ให้เวลาทุกคนจัดข้าวของในห้องพักหนึ่งชั่วโมง แล้วสิบเจ็ดนาฬิกาตรงเรามาเจอกันอีกครั้งที่ห้องอาหารนะคะ ขอความกรุณาตรงต่อเวลาด้วยค่ะ”



ภาสกรลงจากรถหมายจะไปหยิบซองใส่คีย์การ์ดที่มีชื่อตนเอง แต่เขาตรวจดูจนทั่วกลับไม่พบชื่อภาสกรเลย ตรวจดูสองครั้งแล้วก็ยังไม่พบ เขาจึงตัดสินใจบอกพนักงานฝ่ายบุคคล

“ขอโทษครับ”

“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย ได้ซองคีย์การ์ดห้องแล้วใช่ไหม” เธอยิ้มแย้มระหว่างทาง

“ยังครับ คือไม่เห็นมีซองคีย์การ์ดชื่อผมเลย”

“ไม่มีเหรอ ชื่ออะไรคะ” เธอขมวดคิ้วน้ำเสียงเข้มขึ้นทันที

“ภาสกรครับ ภาสกร เจริญชัย”

“สักครู่นะคะ เดี๋ยวเนยช่วยหาค่ะ” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าเนยนั้นเข้าไปหาซองคีย์การ์ดเหมือนอย่างที่ภาสกรทำไม่ผิดเพี้ยน

“เจอไหมครับ” เขาถามเมื่อเธอเดินกลับมา

“ไม่เจอค่ะ นั่งรอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวเนยคุยกับหัวหน้าก่อน”

“ครับ”



เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายชุลมุนมากขึ้น ภาสกรเห็นเนยหน้าซีดลง ซีดลงเรื่อย ๆ ยามที่ถูกหัวหน้าฝ่ายบุคคลดุ คงแน่ชัดแล้วว่าเธอตกหล่นชื่อของภาสกรไป

“ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะพาย ไม่เข้าห้องไปพัก เก็บของสักหน่อย” รุ่นพี่ของภาสกรที่ตั้งใจจะมาเดินเล่นกลับมาเจอหนุ่มรุ่นน้องเข้า

“คือผมเข้าห้องไม่ได้ครับ”

“ทำไม มีปัญหาอะไร”

“ผมไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้อง ไม่มีชื่อผมที่ซองคีย์การ์ด”

“ไม่มีเหรอ พี่จะไปคุยกับฝ่ายบุคคลให้ ไม่ต้องห่วงนะ” ทว่าคนพูดยังไม่ได้เดินออกไป น้องเนยและหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ภาสกรใช่ไหม” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนครูใหญ่ในโรงเรียนไม่มีผิด

“ครับ”

“พี่ต้องขอโทษด้วย พี่ตกหล่นชื่อของเธอไป”

“หนูขอโทษค่ะ หนูสะเพร่าเอง” น้องเนยรีบยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไรครับ” ภาสกรบอก ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่รู้จะต้องตอบด้วยคำพูดแบบไหน นอกจากคำนี้

“จองห้องเพิ่มก็ได้ใช่ไหมครับ” รุ่นพี่ถามกลับทันที

“ไม่ได้เอ จองเพิ่มไม่ได้ ช่วงเทศกาลวันหยุดติดต่อกันมักมีคนจองห้องเต็มหมดอยู่แล้ว แล้วจังหวะมีคนมาจองเหมาห้องที่เหลือไปด้วย ตอนนี้เลยไม่เหลือสักห้องเลยล่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าหนักใจ

“เหรอครับ”

“เดี๋ยวพี่จะลองไปถามคนอื่น ๆ เผื่อจะแชร์ห้องได้ พี่ถามทางโรงแรมแล้ว อย่างน้อยก็พอจะเสริมเตียงเพิ่มได้อยู่”

“เสริมเตียงก็ได้ครับ” ภาสกรบอก

“ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อมีทางออกแก้ไขได้ก็โอเคแล้ว” ภาสกรยิ้มให้ว่าเขาไม่ได้โกรธหรือขุ่นมัวในใจ

“ระหว่างที่รอห้องก็เอากระเป๋าไปไว้ห้องพี่ก่อน”

“อืม เอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องเอก่อน หลังมื้อเย็นพี่จะไปบอกเราอีกทีนะว่าพักห้องไหน”

“ครับ” ภาสกรจึงต้องรับคำไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



กิจกรรมระหว่างมื้อเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาสกรสนุกไปกับกิจกรรมในค่ำคืนนี้ การจัดการของคนเตรียมงานนั้นทำมาได้ค่อนข้างดี แทบไม่มีช่วงที่ไม่มีกิจกรรมเลย ทำให้ทุกอย่างไหลลื่นต่อเนื่อง แม้จะสนุกแค่ไหนแต่ในใจยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าคืนนี้เขาจะได้นอนที่ไหนกันแน่ หวังว่าคงจะมีใครยอมให้เขาไปนอนด้วยอีกคน

“ตกลงผมได้นอนห้องไหนครับ” ภาสกรปรี่เข้าไปถามหัวหน้าฝ่ายบุคคล

“อ้าว ยังไม่ได้หรอกเหรอ”

“ครับ”

“เอ๊ะ ยายเนยนี่อย่างไร ให้ไปจัดการตั้งนานแล้ว ตัวเองทำผิดไว้แท้ ๆ ยังไม่รีบจัดการแก้ไขอีก” หัวหน้าบ่นอย่างหัวเสีย “นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”

“ขอบคุณครับ”



ภาสกรนั่งรอร่วมครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ห้อง หัวหน้าฝ่ายบุคคลตามหาหัวหน้าของภาสกรเพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้เคราะห์ร้ายทราบ แต่ก็ไม่เจอตัว

“เอ เห็นหัวหน้าเราหรือเปล่า”

“ไม่เห็นเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“แย่แล้วละ ภาสกรน่ะ”

“พายทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีห้องไหนพอที่จะเสริมเตียงได้เลย พี่ก็ลืมว่าห้องที่จองไว้สำหรับสองคนพอดี เลยไม่มีช่องว่างให้แทรกเตียงเสริมเลย พี่ก็เลยกะมาคุยกับหัวหน้าเรา”

“ครับ หัวหน้าตอนนี้น่าจะเมาอยู่ตรงไหนสักแห่งอะ”

“เอ่อ..ถ้าอย่างไรผมไปหาที่พักแถวนี้พักดีไหมครับ” ภาสกรเสนอความเห็น

“ไม่ได้” หัวหน้าฝ่ายบุคคลร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ได้เด็ดขาด ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาที่ไหน”

“พี่จะคุยกับหัวหน้าผมเรื่องอะไรครับ”

“คืออย่างนี้เอ ห้องที่เอพักกับหัวหน้าน่ะเป็นห้องใหญ่ใช่ไหม ซึ่งก็พอจะเอาเตียงเสริมเข้าไปได้ แต่พี่ไม่อยากทำเองโดยพลการเลยตั้งใจบอกหัวหน้าของเอก่อน”

“เสริมเลยครับพี่ พายไม่มีที่นอนแบบนี้ถ้าหัวหน้าผมกลับมาเขาต้องเข้าใจอยู่แล้ว”

“เอางั้นเหรอ”

“จัดการเลยพี่ เดี๋ยวจะยิ่งดึก”

“ได้ ๆ พี่จัดการให้ตอนนี้เลย” หากหัวหน้าฝ่ายบุคคลยังไม่เดินจากไป รุ่นพี่ของภาสกรก็เรียกอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน

“พี่อย่าเพิ่งไป”

“อะไรเอ”

“ไม่ต้องเสริมเตียงแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“หัวหน้าผมเพิ่งส่งข้อความมาบอกตะกี้นี้เองว่าเขาจะไปนอนที่ห้องหัวหน้าอีกคน เห็นว่าจะเมากันเลยไม่อยากกลับมาทำเสียงดังที่ห้อง”

“งั้นเหรอ อืม ๆ อย่างนี้ก็ดี” เธอพูดอย่างโล่งใจพลางหันมาที่ผู้เคราะห์ร้าย “ภาสกร ไม่ต้องห่วงแล้วนะ กระเป๋าอยู่ที่ห้องเอแล้วด้วยใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ภาสกรเป็นฝ่ายตอบ

“โอเค งั้นก็ถือว่าแก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย ส่วนพรุ่งนี้ถ้าหัวหน้าเอกลับมาค่อยว่ากันอีกที แต่พี่จะทำเรื่องสแตนด์บายเตรียมเตียงเสริมไว้ให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน หญิงสาวพอแก้ปัญหาได้แล้วเธอจึงจากไปพร้อมกับความสบายใจ

“ปะ ไปกัน” คนแก่กว่าชักชวนพลางเดินนำไปก่อน

“ไปไหนครับ” ภาสกรไม่ได้เดินตาม เขากลับถามคำถามแทน

คนเดินนำหยุดเดินแล้วหันมาตอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม





“ก็ไปที่ห้องพักกับพี่ไง”





========================================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-03-2020 17:03:05
 :m16: เป็นแผนของเอใช่เปล่า ลงตัวไปทักอย่างเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-03-2020 17:43:04
เหตุการณ์ไม่ค่อยจะดีนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2020 19:22:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้ายกาจ  แผนสูงนะ  เจ้าเอ

แต่เชื่อเถอะ  คุณอรรคไม่ปล่อยไว้แน่  สายในไทยเนี่ยต้องมีอยู่บ้างแหละ  ใช่ไหมหว่า?
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 19-03-2020 22:37:39
ร้ายมากกกก555

คุณอรรคมาหาด่วนเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Daisysy96 ที่ 19-03-2020 22:49:19
ร้ายกาจมากกกก 555
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 20-03-2020 01:25:05
คุณอรรคมาด่วนเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-03-2020 01:33:35
ใช้คนเยอะมาก  :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-03-2020 05:16:16
คุณอรรคน้องจะโดนทำมิดีมิร้ายแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-03-2020 13:59:30
แผนชัดๆ คุณอรรคมาจัดการด่วนเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-03-2020 21:19:23
มีเรื่องแน่
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-03-2020 10:22:35
แผนของเอ ทำให้วุ่นวาย เดี๋ยวเจอของจริง จะหนาวววว
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 26-03-2020 12:23:22
ขัดใจจจจจจจ คุณอรรคะ น้องไปไม่ได้ก็เคลียร์งานไวๆแล้วมาหาน้องซิ เนี่ยโดนใครหลอกไปแล้วก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบหก UP!! 19/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-03-2020 12:46:37

วงล้อที่สามสิบเจ็ด




เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองตามลำพัง ภาสกรเกิดความลำบากใจเล็กน้อย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ความรู้สึกรุ่นพี่ที่ชื่อพี่เอคนนี้ แต่ที่เขายังไม่พูดตัดรอนเด็ดขาดออกไปทั้งหมดเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะคิดกับตนเล่น ๆ และไม่นานความรู้สึกที่มีให้เขาคงจางหายไปเอง อีกทั้งอย่างไรก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่จึงไม่อยากให้กระทบกับเรื่องงานด้วย



“ยืนนิ่งเชียว ไปอาบน้ำก่อนไหม”

“เอ่อ..พี่เออาบก่อนก็ได้ครับ”

“ไม่เป็นไร พี่รอได้”

“พอดีพายจะออกไปเอาคีย์การ์ดก่อนน่ะครับ ตะกี้พี่หัวหน้าเอชอาร์บอกว่าไปทำเรื่องไว้ให้แล้ว”

“เอาอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ พายจะได้มีคีย์การ์ดเข้าห้องเองด้วยจะได้ไม่รบกวนพี่”

“อืม ตามใจ ถ้างั้นพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน”

“ครับ”



ภาสกรออกจากห้องไปทำตามที่ตนได้บอกกับคนในห้องไว้ เขาถือคีย์การ์ดอยู่ในมือทว่ารู้สึกเร็วไปที่จะกลับห้องในตอนนี้ ชายหนุ่มจึงเลือกเดินออกมาอีกทาง ด้านหน้าคือสีดำมืดมิด ไร้ซึ่งขอบเขต มีเพียงเสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่งทำให้รู้ว่านี่คือทะเล



เท้าขาวย่ำไปบนเม็ดทรายไปเรื่อย ๆ ไร้ทิศทาง รู้แค่ยังไม่อยากกลับห้องในเวลานี้ ในใจครุ่นคิดถวิลหาถึงใครอีกคนที่อยู่ไกล ท่ามกลางความเงียบและเสียงคลื่นยิ่งทำให้ใจห่อเหี่ยว หดหู่เกินบรรยาย ผลพวงมาจากความคิดถึง อยากเจออยากเห็นหน้า ภาสกรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หน้าจอไร้การแจ้งเตือน ไม่ผิดจากที่คิด ไม่มีข้อความใหม่จากอีกฝ่าย



แต่แล้วภาสกรรู้สึกถึงความผิดปกติ เขารีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ขนอ่อนที่แขนลุกตั้งชันอย่างไม่ชอบมาพากล เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม มีใครบางคนกำลังเดินตามเขาอยู่ด้วยจังหวะความเร็วเท่ากับเขา ภาสกรลอบมองรอบข้าง หมายจะร้องขอความช่วยเหลือ หากพื้นที่บริเวณนั้นกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตอันเรียกว่ามนุษย์อยู่เลย



ภาสกรตัดสินใจชะลอฝีเท้า เขาหายใจเข้าอย่างแรงเมื่อไหล่ข้างขวาถูกสัมผัส เขารีบทบทวนวิชาป้องกันตัวที่เคยได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ สองเท้าที่เดินเร็วนั้นกลับหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ภาสกรใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดทางด้านหลัง ยกอีกฝ่ายขึ้นเพื่อจะจับทุ่มลงกับพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง



ร่างของบุคคลหนึ่งลอยหวือข้ามไหล่เขาไปจนร่างนั้นกระทบเข้ากับผืนทราย แม้ไม่รุนแรงนักแต่คงจุกอยู่พอประมาณ ภาสกรลอบยิ้มที่ตนทำได้สำเร็จ หากอาเฉินกับอาคุนมาเห็นเข้าคงภูมิใจในตัวลูกศิษย์อย่างแน่นอน



ภาสกรเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนบนพื้นใบหน้าอีกฝ่ายหันไปอีกข้าง ทำให้เขามองใบหน้าไม่ถนัด “เดินตามผมมาทำไม”



หากไม่มีเสียงตอบรับ ภาสกรจึงก้มมองคนที่นอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่ ทำให้เขามองเห็นใบหน้าคนนั้นไม่ชัด แม้ว่าจะรู้สึกคุ้นหน้ากับร่างตรงหน้าเหลือเกิน



“นี่คุณ ผมถามว่าคุณเดินตามผมมาทำไม” ภาสกรใช้น้ำเสียงที่เคร่งขรึมขึ้นพลางถามซ้ำด้วยคำถามเดิม



ยังคงไร้เสียงตอบรับเช่นเดิม ชายหนุ่มเริ่มใจเสีย หรือว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ใบหน้าขาวเริ่มซีด ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะถูกจับติดคุกไหม



ภาสกรคุกเข่าลงบนพื้นทรายอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าจะเจ็บเข่าหรือไม่ เขาจับไหล่ของคนที่นอนหงายนั้นพลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้



“คุณ..คุณได้ยินเสียงผมหรือเปล่า” ภาสกรเขย่าไหล่อีกฝ่ายอย่างร้อนรน ใจคอเริ่มไม่ดี



ทันใดนั้น ร่างที่คิดว่าหมดสติกลับดึงแขนของภาสกรให้ล้มลงไปบนตัวอีกฝ่าย ใบหน้าภาสกรถูกกดลงบนอกคนแกล้งหมดสติ เขาถูกอ้อมแขนแข็งแรงกอดรัดตัวเองไว้แน่น ภาสกรพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากคนร้าย แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่สามารถสลัดให้หลุดจากแขนคู่นั้นได้เลย

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” ภาสกรกัดฟันบอกอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ เขายังไม่หยุดดิ้นให้พ้นจากพันธนาการนั้น

“แค่สองเดือนก็จำฉันไม่ได้แล้วหรือ”



น้ำเสียงคุ้นหูถูกเปล่งออกมา ร่างกายของภาสกรสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่ผิดแน่ เสียงนี้เขาไม่มีวันลืม

“คุณอรรค! คุณอรรค”

“ฉันเอง เธอคิดว่าเป็นใครกัน”

“พาย..คิดว่าเป็นพวกสต็อกเกอร์เสียอีก”



ภาสกรรู้สึกได้ว่าหน้าอกอีกฝ่ายสั่นเบา ๆ สงสัยว่าบอสใหญ่คงกำลังหัวเราะเขาอยู่เป็นแน่ “ฉันทำตัวเหมือนสต็อกเกอร์สินะ”



เสียงที่พูดไม่ได้มีทีท่าว่าโกรธเคือง ฟังดูขำขันด้วยซ้ำไป



“พายขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไร”

“พายไม่ได้ตั้งใจ”

“ดีแล้วที่เธอรู้จักเอาสิ่งที่เรียนมาป้องกันตัว อย่างน้อยฉันก็เบาใจได้บ้างว่าเธอดูแลตัวเองได้ดี”

“ขอบคุณครับ แล้วคุณอรรคเจ็บไหม”

“ทรายตรงนี้ค่อนข้างนุ่ม แต่ถ้าจะให้รู้แน่ชัดคงต้องลุกขึ้นนั่งดู”

“งั้นลองขยับตัวดีไหมครับ ถ้ารู้สึกไม่ดีพายจะเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”



หน้าผากมนของภาสกรถูกริมฝีปากกดจูบเบา ๆ อย่างเอ็นดู “อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย ฉันไม่อยากเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกจับทุ่มหรอกนะ”

“แต่อย่างไรแล้วพายว่าเราควรจะลุกขึ้นมานั่งคุยกันดี ๆ นะครับ”

“ทำไมล่ะ หรือว่าเธอกลัวใครเห็น” เสียงนั้นดูเครียดขึ้นเฉียบพลัน

“ครับ”

“อย่างนั้นเหรอ” อ้อมแขนอบอุ่นคลายออกทันที ทั้งที่อากาศค่อนข้างร้อนแต่ภาสกรกลับเหน็บหนาวทันทีที่ร่างกายได้รับอิสระ

“กลัวใครเห็นล่ะ คนที่ทำงานหรือคนอื่น” บอสใหญ่ถามต่อเสียงเรียบนิ่ง



ภาสกรเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าที่เขาคิดถึงตลอดเวลา ดวงตาเต็มไปด้วยความรัก “ใครจะเห็นพายไม่สนใจหรอกครับ พายแค่กลัวคนอื่นมองคุณอรรคไม่ดีต่างหาก”

“เข้าใจพูด” มีแค่สามพยางค์ที่บอสใหญ่เอ่ยออกมาแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก



อรรควัสขยับตัวลุกขึ้นนั่งส่งผลให้ภาสกรลุกขึ้นตามโดยอัตโนมัติ อีกฝ่ายจ้องมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย จนภาสกรทำตัวไม่ถูกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

“ทำไมคุณอรรคมองพายแล้วเงียบล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“หน้าเธอเปื้อนทรายน่ะ”

“ตรงไหนครับ” ภาสกรปัดทรายให้พ้นจากใบหน้า “ทรายออกหรือยังครับ”

อรรควัสเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เพื่อตรวจดูตามคำขอ “ยัง เดี๋ยวฉันเช็ดให้”

“ตรงไหนครับเดี๋ยวพายเช็ดเองก็ได้” ภาสกรบอกอย่างเกรงใจ แต่ใบหน้าของอรรควัสกลับเข้าใกล้เขาเกินกว่าที่จะเป็นการเช็ดทรายที่หน้าได้ ระยะห่างของใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ใกล้ขนาดนี้ไม่มีทางปัดทรายพ้นจากใบหน้าได้หรอก นอกเสียจากว่า



เสียจากว่าบอสใหญ่กำลังจะจูบเขา



ไม่ผิดจากที่คิดปากแดงของภาสกรกำลังตอบรับความห่างไกลที่ต้องจากกันไป บอสใหญ่ดูจะจูบได้ดุดันกว่าทุกที ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขายับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ไม่อยู่



ร่วมนาทีกว่าที่ทั้งสองจะผละออกจากกัน แขนซ้ายคว้าไหล่อีกคนเข้ามากอดแนบชิดให้สมกับที่ไม่ได้เจอ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน นั่งฟังเสียงคลื่นสาดกระทบฝั่งเงียบ ๆ พักใหญ่



“คุณอรรคมาได้อย่างไรครับ” ภาสกรถามขึ้น อันที่จริงถ้าให้เขานั่งเฉย ๆ แบบนี้กับอีกฝ่ายทั้งวันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ความเป็นไปของคนรักบ้าง

“นั่งเครื่องบินมา”

“ไม่ตอบแบบนี้สิครับ” ภาสกรเขยิบตัวถอยออกมาจากแขนอีกฝ่ายเพื่อจะมองหน้าคนที่อยู่ข้างกายให้ชัด

“พอดีฉันเคลียร์งานได้”

“แต่อีกสองอาทิตย์พายก็จะบินไปหาคุณอยู่แล้ว” ภาสกรรู้ว่าอีกฝ่ายทำงานเหนื่อยแค่ไหน เป็นไปได้เขาก็อยากเป็นฝ่ายที่บินไปหาอีกคนเองเพราะอยากให้อรรควัสมีเวลาพักผ่อน แม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี

“นานไป”

“คุณอรรค” น้ำเสียงที่เรียกชื่ออีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความตื้นตันที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็คิดถึงเขาไม่ต่างกัน

“อีกอย่าง ฉันอยากมาดูให้เห็นเองกับตาว่าใครอาจหาญอยากมายุ่งกับคนของฉัน”

“ไม่มีสักหน่อย” ภาสกรอ้อมแอ้มตอบ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนกลองถูกตีระรัว การที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นเรื่องสำคัญของคนที่รัก มันแทบบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจมากแค่ไหน

“แถมวันนี้ก็ยังต้องไปค้างห้องเดียวกันอีก ถ้าฉันไม่มาครั้งนี้ ฉันคงไม่เป็นอันทำงานทำการแน่ ๆ”

“ฝ่ายบุคคลตกหล่นชื่อพายไปครับทำให้ไม่มีห้องพัก แล้วห้องอื่น ๆ มันก็ไม่ว่างแล้ว เพราะวันหยุดยาวห้องเลยเต็มหมดเลยครับ” ภาสกรอธิบาย

“อืม เธอไม่ผิดหรอก”

“พายไม่อยากถูกคุณเข้าใจผิดนี่ครับ”

“ฉันรู้ว่าเธอจะรอฉันอย่างที่เธอรับปากฉันไว้”

“พายดีใจที่คุณมาหาพายนะครับ แต่พายไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ พายไม่มีคนอื่นนอกจากคุณอรรคหรอกครับ” ภาสกรย้ำหนักแน่นอีกครั้ง

“ฉันไว้ใจเธอแต่ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น”

“เอ่อ..” ภาสกรพูดไปต่อไม่ถูกเพราะที่อรรควัสพูดมาก็เป็นความจริง อรรควัสไม่รู้จักคนนอกย่อมไม่รู้ว่าคนอื่นนั้นคิดอย่างไร

“แค่สองเดือน ยังเทียวไปหาเธอที่บ้าน นอกจากที่ทำงานยังไม่พออีกหรือ ถ้ายังทำตัวเกะกะขวางหูขวางตาแบบนี้อยู่อีก ฉันคงจะ...”

“ห้ามทำอะไรเขานะครับ” ภาสกรห้าม แต่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายเขาก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “พายไม่ได้เป็นห่วงเขาแต่พายเป็นห่วงคุณ ที่นี่ประเทศไทยมีกฎหมายมากมาย พายขอร้องอย่าทำอะไรเขาเลยนะครับ พายไม่อยากให้คุณมีปัญหา”

“เพราะรู้ว่าเธอจะพูดอย่างนี้ ฉันเลยยังไม่ลงมือทำอะไร”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรยิ้มหวานให้คนใจดี เห็นอีกฝ่ายหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ “คุณอรรคคงเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ”

“อืม”

“คุณอรรคพักที่ไหนครับ แล้วมากับใคร พี่เฉินพี่คุนมาด้วยหรือเปล่า” ภาสกรมองไปรอบ ๆ ทว่าไม่เห็นวี่แววของสองบอดี้การ์ดเลย

“คืนนี้นอนกับฉัน”

“ถ้าคุณอยากให้พายอยู่ด้วย พายก็จะไม่ขัดคุณครับ”





ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นพลางฉุดมืออีกคนให้ลุกขึ้นไปด้วย เขาจูงมือภาสกรเดินกลับเข้าไปโรงแรมที่ภาสกรพัก สร้างความแปลกใจให้กับชายหนุ่มไม่น้อย เมื่อถึงประตูที่เชื่อมระหว่างทางลงหาดกับโรงแรม ภาสกรก็เห็นสองบอดี้การ์ดยืนรออยู่ก่อนแล้วพลางยื่นคีย์การ์ดให้กับเจ้านาย ภาสกรยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักทาย แต่ไม่ได้เยิ่นเย้อเนิ่นนานเพราะไม่อยากให้อรรควัสรอนานเกินไป



ค่ำคืนนั้นคู่รักไม่ได้พูดอะไรกันมากนักเพราะภาสกรอยากให้อรรควัสพักผ่อนจริง ๆ ทั้งสองคนหลับไปทั้งที่ยังกอดกัน



ในความคิดของภาสกร แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา







เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นเช้าตามความเคยชิน เห็นอีกฝ่ายยังหลับสนิทอยู่ จึงรีบคว้าโอกาสที่บอสใหญ่ไม่รู้ตัวมองใบหน้าอีกฝ่าย ตักตวงเป็นความทรงจำไว้ให้มากที่สุด แค่นี้ก็เหมือนฝันจริง ๆ ทั้งที่เขาเตรียมความรู้สึกไว้แล้วว่าอีกสองสัปดาห์จะได้เจอกัน พอได้เจอกันโดยไม่ทันตั้งตัว มันทำให้เขามีความสุขมากที่สุด



ภาสกรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ขอจูบคนที่หลับหน่อยได้ไหม แค่เป็นสัมผัสแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อก็ยังดี แต่เขาคงลืมไปว่าอีกคนรู้สึกตัวง่ายแค่ไหน

“อื้อ” ไม่ทันได้ถอนจุมพิตออกมา แต่กลับถูกฝ่ามือแข็งแรงกระชับศีรษะของชายหนุ่มให้รอยจูบกดลึกมากไปกว่าเดิม

“คิดจะลักหลับฉันเหรอ”

“ไม่ได้เหรอครับ” ภาสกรไม่ได้กลัวคำพูดของอีกฝ่าย เขารู้ว่าอรรควัสแกล้งถามไปอย่างนั้น ไม่ได้โมโหหรือจริงจังเลยสักนิด

“กับเธอไม่จำเป็นต้องลักหลับฉันเลย ขอฉันตรง ๆ ก็ได้”

“ถ้าขอคุณตรง ๆ ก็ไม่ตื่นเต้นนี่ครับ” เขาคิดว่าเช้านี้อรรควัสได้นอนเต็มอิ่มคงจะอารมณ์ดีมากพอที่ภาสกรจะกล้าต่อปากต่อคำด้วย

“เพิ่งรู้ว่าเธอชอบความตื่นเต้น” มือติดจะคร้ามแดดที่จับศีรษะภาสกรอยู่เริ่มซุกซนสางผมเล่น บ้างก็สลับนวดศีรษะเบา ๆ ทำให้ภาสกรรู้สึกผ่อนคลาย

“ไม่บ่อยนักที่พายจะตื่นขึ้นมาเจอคุณอยู่ข้าง ๆ พอได้เห็นคุณนอนอยู่ข้างพายเหมือนวันนี้ มันทำให้พายอยากจูบคุณ”



ภาสกรตัดสินใจพูดไปอย่างที่ใจคิด โอกาสที่เขาจะได้นอนคุยกับอีกฝ่ายหาไม่ง่ายนัก ตอนนี้เขาคิดแต่เพียงว่ารู้สึกอย่างไรก็อยากบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ไปเลย น่าจะดีกว่าเก็บไว้ในใจเพียงลำพัง เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายจะได้บอกอีกฝ่ายให้รับรู้ไหม และถ้าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้รับรู้ มันคงน่าเสียดาย

“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากลุกจากที่นอนใช่ไหม” จมูกโด่งสวยได้รูปลากไล้ดอมดมที่สันกรามของชายหนุ่มแผ่วเบา แทบทำให้ภาสกรเคลิ้มไปกับการกระทำนั้น

“ตอนนี้ไม่ได้นะครับ พายต้องไปอาบน้ำและไปรวมตัวกับที่บริษัทก่อน” เขารีบยกมือยันอกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด ขืนไปสายอาจจะถูกเพ่งเล็งได้

“...”

“นะครับ ให้พายไปร่วมกิจกรรมกับบริษัทก่อนนะครับ”

ร่างสูงใหญ่หลับตาเพียงครู่ก่อนจะอนุญาตอยู่ในลำคอ แม้ว่าจะฟังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ “อืม”

“ขอบคุณครับ เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ” ภาสกรบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วกระวีกระวาดจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว



ภาสกรทาบคีย์การ์ดที่ประตูห้องที่เขามาอาศัยพักเมื่อคืนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาพักที่ห้องนี้ก็ตาม เขาพยายามเปิดประตูให้มีเสียงเบาน้อยที่สุด กลัวว่าคนในห้องจะตื่นขึ้นได้ แต่พอเข้ามาในห้องกลับไม่พบใครสักคนในห้อง ภาสกรลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ต้องตอบคำถามว่าเมื่อคืนเขาหายไปนอนที่ไหนมาในตอนนี้



ชายหนุ่มรีบจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เขาออกจากห้องพักอีกครั้ง เดินไปตามทางเดินเพื่อไปห้องอาหาร เมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์ เขากลับพบอาเฉินยืนอยู่บริเวณนั้น ภาสกรรีบเดินเข้าไปทักอีกฝ่ายทันที เมื่อคืนมีเวลาน้อยทำให้เขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก



“พี่เฉิน”

“อ้าวพาย” เจ้าของชื่อที่ยืนหันหลังให้ จึงไม่เห็นตอนที่ภาสกรเดินเข้ามา เมื่อหันไปตามเสียงเรียกจึงประหลาดใจเล็กน้อยที่เป็นภาสกร

“ทำไมพี่มายืนตรงนี้คนเดียว แล้วพี่คุนล่ะครับ”

“ไปที่ห้องบอสน่ะ”

“อ่อ เหรอครับ พี่เดินทางมากันเหนื่อยไหม”

“ไม่เท่าไหร่หรอก เมื่อคืนได้พักเต็มที่แล้ว”

“เมื่อคืน..” พอได้ยินคำนี้ภาสกรนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เจออรรควัสที่ริมหาด “จริงด้วยสิพี่เฉิน”

“อะไรหรือ”

“เมื่อคืนนี้ ที่ริมหาด คุณอรรคแกล้งเดินตามหลังผม ทำให้ผมตกแทบแย่ก็เลยงัดวิชาที่พี่เคยสอน จับคุณอรรคทุ่มลงพื้นทราย ไม่รู้หลังจะเป็นอะไรไหม อย่างไรพี่พาเขาไปตรวจสักหน่อยก็น่าจะดีนะครับ” ภาสกรเล่าให้อาเฉินฟังเพราะเป็นห่วงสุขภาพของอรรควัส

“พายจับบอสทุ่มเหรอ”

“ครับ”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ทำไมครับ”

“แค่จับคนทุ่มน่ะ บอสแก้ได้สบายมาก พี่กับอาคุนยังไม่เคยจับบอสทุ่มสำเร็จได้เลยสักครั้ง”

“อ่า..เหรอครับ หรือเมื่อวานคุณอรรคอาจจะเหนื่อยเกินไปจนลืมระวังตัวก็ได้นะครับ” ภาสกรสันนิษฐานอย่างไม่แน่ใจ

“เอาเถอะ ไม่เป็นไร จับบอสทุ่มได้ก็เก่งแล้วละ”

“พี่อย่าลืมพาคุณอรรคไปตรวจนะครับ”

“อืม ไม่รู้จะยอมไปหรือเปล่านะ”

“ทำไมล่ะครับ” ภาสกรสงสัย

“เอางี้พายก็ช่วยพี่พูดด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ แล้วเมื่อคืนพี่สองคนพักที่ไหนครับ ที่นี่เหมือนกันไหม”

“ใช่”

“แต่เขาบอกว่าห้องเต็มไม่ใช่หรือครับ”

“เจอตัวสักทีนะภาสกร” เสียงหัวหน้าฝ่ายบุคคลดังขึ้น ภาสกรจำเสียงนี้ได้เพราะเมื่อวานเขาได้คุยกับเธอหลายครั้ง

“ครับ?”

“เรื่องห้องพักน่ะ”

“อ้อ..ครับ ทำไมเหรอครับ”

“พี่หาห้องว่างห้องใหม่ให้เราได้แล้วนะ ไม่ต้องลำบากหัวหน้าเรากับคุณเอแล้ว”

“เหรอครับ ไหนพี่บอกว่าห้องเต็มไม่ใช่เหรอ” ภาสกรถามเสียงเบา

“ใช่จ้ะ นี่ไงละ คุณเฉินที่จองห้องพักไว้ พอเขารู้ว่าเรามีปัญหาจึงยกห้องมาให้หนึ่งห้อง” หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณนะคะคุณเฉิน”

“ไม่เป็นไรครับ ได้คีย์การ์ดแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ ได้รับมาเมื่อสักครู่นี้เอง นี่ถ้าไม่ได้คุณเฉิน ดิฉันคงแก้ปัญหานี้ไม่ได้แน่ ๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

“ยินดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

“เชิญค่ะ” เธอว่าแล้วหันมาทางภาสกร “นี่จ้ะ คีย์การ์ดห้องใหม่ วันนี้ช่วงที่เขาพักกันก็มาย้ายกระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ห้องใหม่นะ”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรับคีย์การ์ดมาอย่างงง ๆ มองเลขห้องนี้พลันรู้สึกว่าทำไมคุ้น ๆ ห้องเลขที่พักนี้จัง



เขากำลังประมวลผลความคิด แปลว่าที่ห้องพักเต็มทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของอรรควัสใช่ไหม แต่ห้องถูกจองมาก่อนหน้านี้ แสดงว่าอรรควัสต้องดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วน่ะสิ



คุณอรรคคิดจะมาหาเขาตั้งแต่แล้วใช่ไหม แค่นี้ก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย





‘คุณจะทำให้พายตกหลุมรักรักคุณซ้ำ ๆ แบบนี้กี่ครั้งกันครับ’







บรรยากาศในห้องอาหารค่อนข้างเสียงดังอยู่สักหน่อย ทั้งเสียงช้อนส้อมที่กระทบจาน ยิ่งผสานเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ยิ่งทำให้เสียงดังขึ้นไปอีก แต่ภาสกรกลับไม่ได้นึกรำคาญ เขาเดินไปตักอาหารที่บริการไว้แล้วก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะยังพอว่างอยู่

“พี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ภาสกรเงยหน้ามองคนถาม ดวงตากลมกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ได้สิครับ พายนึกว่าพี่เอกินอิ่มไปแล้วเสียอีก”

ระหว่างนั้นเสียงในห้องอาหารกลับดังขึ้นกว่าเดิม มีเสียงดังเซ็งแซ่จากกลุ่มคนกำลังพูดถึงใครสักคน แต่ภาสกรไม่ได้สนใจ เขากำลังคิดอย่างหนักเพื่อจะตอบคำถามที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาจะต้องถูกถามด้วยคำถามนี้แน่นอน

“เมื่อคืนพี่ไม่เห็นพายกลับมานอนที่ห้อง” ไม่ทันขาดคำรุ่นพี่ก็พุ่งเข้าประเด็นโดยไม่รอช้า

“อ่าครับ เมื่อคืนพอพายไปรับคีย์การ์ดห้องตรงเคาน์เตอร์ เห็นว่าอากาศเย็นกำลังดี เลยออกไปเดินเล่นที่ริมหาด”

“เหรอ เดินเล่นถึงเช้า?”

“เปล่าครับพี่เอ” ภาสกรวางช้อนส้อมลง “พายเจอเพื่อนน่ะก็เลยไปค้างที่ห้องเพื่อน”



เสียงในห้องอาหารยังดังต่อเนื่อง แต่ภาสกรไม่มีเวลามาสนใจเสียงที่ดังเกินกว่าปกตินี้ เขากำลังตอบคำถามเพื่อเอาตัวรอด

“เพื่อน? เพื่อนที่บริษัทงั้นหรือพี่ไม่คิดว่าพายจะสนิทกับเพื่อนคนไหนเร็วขนาดนั้น”

“ไม่ใช่เพื่อนที่บริษัทหรอกครับ”

“ใครน่ะ พี่รู้จักหรือเปล่า”

“ไม่รู้จัก” ภาสกรอ้าปากจะตอบด้วยประโยคนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ได้หลุดออกมาจากปากเขา แต่เป็นเสียงของอีกคนที่ภาสกรคุ้นหู เขาพอจะรู้แล้วว่าจู่ ๆ ทำไมห้องอาหารถึงเสียงดังขึ้นอย่างผิดปกติ



อรรควัส.. คนคนนี้ไปที่ไหนมักจะโดดเด่นอยู่เสมอ



“พาย ใครน่ะ รู้จักไหม” รุ่นพี่คนเดิมถามภาสกร เพราะไม่คิดว่ารุ่นน้องจะรู้จักคนที่มาใหม่ที่ถือวิสาสะนั่งข้างภาสกรโดยไม่ขออนุญาต หรือเป็นไปได้ว่าคนนั้นอาจจะจำคนผิดก็ได้

“รู้จักครับ เขาเป็น..” ภาสกรหายใจเข้าราวกับเรียกกำลังใจ ถึงเวลาที่เขาควรจะพูดกับพี่ที่ทำงานให้ชัดเจนสักที “เขาเป็นเพื่อนที่พายไปค้างด้วยเมื่อคืนนี้”

“ฉันเป็นเพื่อนสำหรับเธอเหรอ” คนถามถามเสียงขรึม ภาสกรคิดว่าใช้คำที่มีความหมายกลาง ๆ น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่าย แต่ดูเหมือนอรรควัสจะไม่ให้ความร่วมมือเสียแล้ว

“คุณอรรค” ภาสกรเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ “พี่เอครับ ที่พายบอกว่าเมื่อคืนนี้พายไปค้างห้องเพื่อน จริง ๆ ไม่ใช่ห้องเพื่อนหรอกครับ แต่เป็นห้อง”

“ห้องแฟน” อรรควัสชิงจังหวะนี้ต่อประโยคให้สมบูรณ์เสียเอง ขืนให้ภาสกรต่อให้จบประโยคเอง มันอาจจะไม่ถูกใจเขาก็ได้ อรรควัสมองหน้ารุ่นพี่ที่ทำงานของภาสกรตรง ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น “ได้ยินชัดไหมครับ”

“...”

“ถ้าได้ยินชัด ผมคงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนี้คุณควรปฏิบัติตัวอย่างไรนะครับ” ภาสกรลอบกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าทุกคำที่อรรควัสไม่มีคำขู่หรือพูดเล่น มันคือการเตือนที่ค่อนข้างอ้อมค้อมกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะภาสกรได้ขอไว้ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เอจะเป็นอย่างไรไปแล้ว

“จริงเหรอพาย” รุ่นพี่ถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู

“ครับ เขาเป็นแฟนของพายเอง”

“แล้วทำไมพายไม่บอกพี่” รุ่นพี่เอื้อมมือหมายจะจับที่มือขาวของภาสกรแต่กลับถูกอรรควัสคว้ามือของรุ่นพี่เอาไว้ได้ทัน รุ่นพี่เริ่มมีสีหน้าเหยเกที่มาจากความเจ็บจากแรงบีบ

“คุณอรรค อย่านะครับ พายขอ” ภาสกรจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

“อย่ายุ่งกับคนของฉันอีก ถ้ายังไม่หยุดอีกจะหาว่าฉันไม่เตือน” แรงบีบนั้นรุนแรงขึ้น จนใบหน้าของรุ่นพี่เริ่มซีดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เจ้าตัวก็ยังอดทนไม่เปล่งเสียงร้องออกมา

“...”

“เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจแล้ว” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ อรรควัสจึงปล่อยมืออีกฝ่าย รุ่นพี่รีบลูบข้อมือตัวเองทันที

“พายขอโทษนะครับพี่เอ พายไม่ได้คิดปิดบังพี่ ทีแรกพายคิดว่าพี่คงไม่ได้คิดอะไรจริงจัง แล้วพายก็กลัวว่าเราจะมีปัญหากันเรื่องงานด้วย” ภาสกรอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟัง แต่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่จะเข้าใจและยอมรับมันได้หรือเปล่า เพราะเขาไม่พูดอะไรหลังจากที่ฟังภาสกรพูดจบ แต่เลือกลุกออกไปจากโต๊ะทันที

“ทำไมคุณอรรคต้องทำอย่างนี้ล่ะครับ แล้วแบบนี้พายจะทำงานต่อได้ไหมก็ไม่รู้” ภาสกรหันไปตัดพ้อคนที่นั่งข้างกาย

“ทำต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ในเมื่อคนทำงานที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ก็อย่าเสียเวลาทำงานร่วมกับคนประเภทนี้”

“โธ่ คุณอรรค พายยังต้องทำงานดูแลแม่นะครับ”

“ก็เปลี่ยนจากทำงานบริษัท มาเป็นทำงานบ้านดูแลแม่แทนแล้วกัน เรื่องเงินฉันจะจัดการให้เธอเอง เท่าไหร่ก็บอกมา”

“พายไม่ได้พูดเพื่อต้องการรอรับเงินจากคุณนะครับ” ภาสกรเสียงดังแข่งกับเสียงในห้องอาหาร ทำให้ดูเหมือนเขากำลังโวยวายใส่อรรควัส

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”

“พายไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พายไม่ได้ต้องการเงินของคุณ พายอยากทำงานหาเงินดูแลแม่ด้วยตัวเอง คุณจะจัดการเองแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

คราวนี้ภาสกรเสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ในจังหวะที่เสียงในห้องอาหารกลับเงียบลง ยิ่งทำให้เสียงภาสกรดังขึ้นมากกระทั่งเจ้าตัวยังตกใจเสียงตัวเอง ปากแดงที่โวยวายเมื่อครู่เม้มแน่นสนิท

“...”



อรรควัสมองภาสกรนิ่ง ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองภาสกรอย่างโกรธเคือง หากแฝงด้วยความน้อยใจ ความเศร้าสลดมากกว่า

“คุณอรรค..พายขอโทษ พายไม่ได้ตั้งใจ พายรู้ว่าคุณเป็นห่วงพาย แต่พายอยากทำอะไรด้วยตนเอง ไม่อยากเอาแต่พึ่งพาคุณอยู่ฝ่ายเดียว”

“ภาสกร” อรรควัสเรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มยศจนเจ้าของชื่อนึกหวั่น นานเท่าไหร่แล้วที่อรรควัสไม่เคยเรียกเขาด้วยชื่อจริงและใช้น้ำเสียงตัดพ้อแบบนี้ บอสใหญ่ลุกขึ้นยืน ภาสกรมองตามร่างสูงใหญ่กระทั่งสายตาของทั้งคู่บรรจบกัน







“อยู่ห่างกันขนาดนี้ ยังไม่พอใจเธออีกหรือ”






========================================


ขอบคุณทุกคอมเมนต์มาก ๆ เลยนะคะ เราอยู่ด้วยกันกับเจ้าพายมานานเท่าไหร่แล้ว จำกันได้ไหมเอ่ย ><

แต่ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วค่ะ



หลังจากจบเรื่องนี้เขมจะลงคุณหมอต่อเลยนะคะ Memory Is Blue ค่า ฝากติดตามกันได้นะคะ

เปลี่ยนแนวกันบ้างค่ะ



เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ







หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2020 13:05:09
คุณ อรรคงอนไปแล้วจ้า  พายก็เลิกลำไยได้แล้วลูก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-03-2020 15:11:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

พายหนอพาย

คุณอรรคอุตส่าห์มาหา  ทำให้พี่แกงอนซะได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-03-2020 16:36:40
อุ้ยยยย งอแงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 26-03-2020 17:04:24
 :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-03-2020 18:43:38
จะจบแล้ว ขอคืนความสุข สู่หัวใจ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-03-2020 20:14:59
ช่างไม่เข้าใจกันบ้างเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-03-2020 22:09:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 27-03-2020 01:34:30
จ้าาาา ลูกพายเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-03-2020 01:49:31
ตามใจเขาหน่อยยยย ยอมขนาดนี้แล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-03-2020 08:28:40
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 28-03-2020 09:22:14
บอสน้อยใจแล้วววววว เข้าใจทั้งพายทั้งคุณอรรคนะ แต่พายก็มองไม่รอบด้านหรอก จริงๆทางแก้มันมีอีกหลายทางเลยที่จะทำให้อยู่ด้วยกันแล้วพายก็ดูแลแม่ไปพร้อมๆกันได้ แต่อาจจะต้องมีปัจจัยภายนอกที่ต้องจัดการนิดหน่อย ซึ่งคิดว่าด้วยความมาเฟียของคุณอรรค มันจัดการอะไรได้แบบชิลๆอยู่แล้ว แค่อาจจะต้องยอมถอยกันคนละนิด
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-03-2020 19:55:40
อีกคนก็หวงจนไม่อยากให้ทำอะไรอีกคนก็ห่วงไม่อยากเป็นภาระ ความพอดีอยู่ตรงไหนหนอ
จะจบแล้วพายจะได้รู้ความจริงที่คุณอรรคออกเงินรักษาแม่ให้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบเจ็ด UP!! 26/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 02-04-2020 12:42:55

วงล้อที่สามสิบแปด





คำพูดของอีกฝ่ายสร้างความสะเทือนจิตใจให้กับภาสกรเป็นอย่างมาก หัวใจเขาสั่นไหวรุนแรงแทบจะหลุดออกมาจากอก อรรควัสไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากเดินออกไปจากห้องอาหารท่ามกลางผู้คน

“เดี๋ยวครับคุณอรรค” ภาสกรเรียกและรีบลุกขึ้นหมายจะตามอีกฝ่ายไป แต่กลับถูกใครอีกคนคว้าแขนเอาไว้ “พี่เอ”

“กิจกรรมจะเริ่มแล้ว”

“แต่พาย..”

“หายไปจากกิจกรรมแบบนี้จะดีหรือ พี่ไม่ได้บังคับหรอกนะว่าพายจะเข้าร่วมกิจกรรมหรือเปล่า แต่ลองคิดดูเองก็แล้วกันว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร”



รุ่นพี่ปล่อยมือจากแขนภาสกรแล้วก็เดินออกไปจากห้องอาหารด้วยเช่นกัน ภาสกรเม้มปากระหว่างใช้ความคิด เขาหันรีหันขวางตัดสินใจไม่ถูก



แต่สุดท้ายก็เลือกเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงแทน







ถ้าถามว่าวันนี้ภาสกรมีสมาธิหรือเปล่า เขาตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าไม่เลยสักนิด ใจคอยพะวงนึกถึงอีกคน เขายังจำสายตาที่ตัดพ้อของอรรควัสได้เป็นอย่างดี

“เป็นอะไรน่ะพาย ดูซึมเชียว” หญิงสาวคนหนึ่งในแผนกเดินเข้ามาทักช่วงพักตอนบ่ายของกิจกรรม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ทะเลาะกันเหรอ แฟนใช่หรือเปล่า”

“คะ..ครับ?” ภาสกรแปลกใจกับคำถามของอีกฝ่าย

“กับคนนั้นน่ะ ที่หล่อ ๆ ทะเลาะกันเหรอ” เธอขยายความเพิ่มพลางเย้าแหย่ต่อ “ไม่เล่าให้ฟังเลยนะว่ามีแฟนหล่อขนาดนี้”

“เอ่อ..”

“จะหาว่าพี่ยุ่งเรื่องส่วนตัวก็ได้นะ เหตุการณ์ตอนเช้าน่ะเขาได้ยินคำพูดพายกันหมด ถ้าทะเลาะกันก็รีบปรับความเข้าใจกันเถอะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า แต่ยังนั่งคอตกอยู่ดี

“พี่น่ะเคยทะเลาะกับแฟนครั้งหนึ่ง รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ภาสกรเงยหน้าขึ้นมาถามรุ่นพี่

“เธอทิ้งพี่เลยล่ะ”

“เธอเหรอครับ? ”

“อืม”

“ทำไมเธอถึงทิ้งพี่ล่ะครับ” ภาสกรไม่ถามต่อถึงเรื่องเพศสภาพ เขาเลือกถามเรื่องอื่นแทน

“เพราะว่าเธอโกรธคิดว่าพี่ไม่รัก ไม่สนใจเธอแล้ว เธอเลยเลือกจบความสัมพันธ์ของเรา”

“อย่างนั้นเลยเหรอครับ”

“ใช่ ตลกนะ แค่เรื่องนิดเดียว สุดท้ายกลายเป็นเรื่องใหญ่ พอนึกถึงทีไรก็ยังเสียใจตลอด”

“พี่รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

“ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” เธอยิ้มระหว่างตอบ แต่ดวงตายังแฝงความเจ็บปวดลึก ๆ ซ่อนอยู่ “พอพี่เห็นเรื่องพายกับแฟนตอนเช้า มันทำให้พี่เห็นภาพตัวเองกับอีกคนอีกครั้ง พี่เลยไม่อยากให้ต้องเจอเหมือนพี่ แต่พี่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้นะ”

“พายทำเขาเสียใจ อยากไปขอโทษเขา อยากไปง้อมาก ๆ เลย แต่พายยังไม่มีโอกาส คงต้องรอให้กิจกรรมเลิกก่อนครับ” ภาสกรบอกความคิดของตนเองบ้าง

“อันที่จริง กิจกรรมช่วงบ่ายก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนะ ที่เหลือก็เล่นเกมสนุก ๆ กันเท่านั้น”

“แต่..” ภาสกรยังลังเล

“อ่า...เอใช่ไหม” เธอถอนหายใจพูดด้วยน้ำเสียงอย่างระอาอย่างเข้าใจสถานการณ์ “อย่าไปสนใจมันเลย คนมันพาลเพราะเสียหน้าน่ะ”

“...”

“พายก็เห็นว่าเอเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงที่นี่มากแค่ไหน ก็เลยค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอยู่พอควรล่ะนะ แต่พอเจอของจริงเข้าไป มันรู้ตัวแหละว่าสู้คนนั้นไม่ได้ก็เลยพาลเป็นเด็ก ๆ ดังนั้นอย่าไปสนใจเลย”

“เหรอครับ”

“เชื่อพี่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์เลย” เธอบอกอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเศร้าเหมือนตอนที่เล่าเรื่องเลิกรากับอดีตคนรักให้ภาสกรฟัง

“ถ้างั้นพายไปนะ” ดวงตาส่องประกายด้วยความหวังระหว่างที่บอกอีกฝ่าย

“ไปเถอะ ถ้ามีอะไรขึ้นมาพี่จัดการเอง แต่พี่ยืนยันได้เลยว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก พายไม่ต้องกังวลนะ”

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม แต่มีข้อแม้นะ”

“อะไรครับ”

“ต้องง้อให้สำเร็จนะ”

“ได้เลยครับ” ภาสกรยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะขอตัวออกไปหาคนที่เขาคิดถึงจะแย่แล้ว





ภาสกรเดินไปหาอรรควัสที่ห้องพัก กดออดที่หน้าห้องก็นาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนในห้องจะเปิดประตูออกมา



‘เอ หรือว่าจะไม่อยู่ที่ห้องกันนะ’



ภาสกรลองกดออดอีกครั้งแต่ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนที่ตามหาอีกฝ่ายใหม่ เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เจออีกฝ่าย กระทั่งเดินไปถึงหน้าหาด เบื้องหน้าเขาคือผืนทรายสีขาวและน้ำทะเลที่มีแสงแดดตกกระทบกับน้ำ วิบวับระยับไปทั่วจนชายหนุ่มตาพร่าจนต้องหยีตาลงเล็กน้อย



ชายหนุ่มพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ภาวนาในใจว่าขอให้เจอคนที่เขากำลังตามหาด้วยสักทีเถิด ทันใดนั้นสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งที่กำลังนั่งพิงต้นไม้ โดยมีร่มเงาช่วยป้องกันจากแดดช่วงบ่าย



เขาตัดสินใจเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ไม่ได้เร่งเพราะอีกฝ่ายสวมแว่นตากันแดดอยู่ ทำให้ภาสกรไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตื่นหรือหลับอยู่กันแน่ เมื่อถึงตัวอรรควัสแล้ว ภาสกรก็นั่งลงข้าง ๆ อย่างเงียบเชียบ หากอีกฝ่ายหลับอยู่จะได้ไม่เป็นการปลุกอีกฝ่ายให้ตื่น

“มาได้ยังไง”

“ไม่ได้หลับอยู่เหรอครับ”

“เปล่า”

“พายเดินตามหาคุณอรรคเสียทั่วเลย มานั่งอยู่นี่เอง ไม่ร้อนเหรอครับ” ภาสกรพูดพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม

“ไม่” คำตอบสั้นแต่ชัดเจน ทำให้ภาสกรลอบกลืนน้ำลาย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังโกรธอยู่แน่ ๆ

“มานั่งอยู่ตรงนี้นานหรือยังครับ”

“สักพัก”

“คุณอรรคกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ”

“ดูทะเล”

“ทะเล? ”

“ใช่”

“ไม่คิดว่าคุณอรรคจะชอบดูทะเล”

“เมื่อวานเธอก็มานั่งดูทะเลไม่ใช่หรือ”

“ครับ”

“ฉันเลยอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงชอบนั่งดูมัน เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่นู่นเธอก็ชอบนั่งมองแม่น้ำ”

“ครับ ดูแล้วทำให้ใจสงบดี คุณอรรคล่ะครับดูแล้วเป็นไง”

“ไม่รู้สิ”

“เอ่อ..” ภาสกรขยับมือไม่อยู่สุขด้วยความประหม่า “คุณอรรคโกรธพายเหรอครับ”

“เปล่า”

“ถ้าไม่ได้โกรธแล้วทำไมถึงเฉยชาแบบนี้ล่ะครับ”

“ฉันไม่ได้โกรธเธอ แต่ฉันโกรธตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฉันบังคับเธอมากเกินไปอย่างที่เธอว่าจริง ๆ”

“ไม่ใช่นะครับ คุณอรรคไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พายต่างหากที่พูดอะไรไม่คิด พายรู้ว่าคุณเป็นห่วง แต่พายก็ยังดื้อ ปฏิเสธความหวังดีของคุณ”

“รู้ตัวด้วยหรือว่าดื้อ”

“พายขอโทษครับ พายจะไม่ดื้อกับคุณอีกแล้ว คุณบอกว่าอะไรพายจะทำตามที่คุณพูดทุกอย่างเลย แต่คุณอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ” ภาสกรบอกอย่างแน่วแน่และเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

“รู้ไหมว่าสิ่งที่เธอพูดกับฉันเมื่อเช้า ทำให้เสียใจมากนะ”

“พายขอโทษ พายโวยวายเกินกว่าเหตุไปหน่อย” คนมืออ่อนยกมือไหว้ประกอบคำพูดทันที

“ไม่เป็นไรหรอก แค่เธอบอกว่าจะไม่ดื้ออีก ฉันก็ไม่เสียใจแล้ว”

“ครับ? ”

“ลาออกจากงานแล้วมาดูแลแม่อย่างที่ตั้งใจไว้ เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน”

“แต่ว่า..”

“ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับฉันแล้วไง”

“คุณอรรคมัดมือชกกันนี่” ภาสกรโวยวายแต่ไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อเช้าแล้ว การกระทำของชายหนุ่มคล้ายกับจะงอแงมากกว่า

“ถ้าไม่สบายใจก็คิดว่าฉันติดหนี้เธอไว้เยอะ”

“คุณติดหนี้พายตอนไหนกัน มีแต่พายที่รบกวนคุณทั้งนั้น” ภาสกรไม่เข้าใจในคำพูดอีกฝ่าย

“เงินเก็บที่เธอเคยให้ฉันตอนนั้น จำได้ไหม”

“เงินเก็บ? ” ภาสกรคิดก่อนจะพยายามรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาเกือบสิบปี “อา..เงินห้าร้อยบาทนั่นเหรอครับ”

“ใช่ ถ้าไม่ได้เงินนี่ คงไม่มีฉันในวันนี้ได้”

“แต่เงินห้าร้อยมันน้อยนิดมากเลยนะครับ”

“จุดเริ่มต้นไงล่ะ แค่นั้นก็เพียงพอให้ฉันเป็นหนี้เธอแล้ว”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ภาสกรปฏิเสธ เขาไม่กล้ารับความรู้สึกนั้นจากอรรควัสหรอก

“ตกลงว่าจะทำตามสิ่งที่ฉันขอหรือเปล่า” อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เข้าโหมดขรึมอีกรอบ ภาสกรเกร็งตัวอัตโนมัติ

“กลับจากทริปนี้พายจะไปลาออกให้เรียบร้อย”

“ในเมื่อเจ้านายเธอก็อยู่ที่นี่ ก็บอกเขาก่อนเลยดีไหม ไม่ต้องรอให้กลับไปที่บ้านหรอก”

“พาย..”

“ดื้อ? ” คนพูดหันมามองคนของตัวเอง

“บอกตอนนี้ก็ได้ครับ แต่พายอยากทำให้มันเป็นทางการ”

“ฉันไม่ได้ห้าม แต่ฉันอยากพักที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน”

“แล้ว? เอ่อ..อย่างไรหรือครับ”

“ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วย”

“...”

“อยู่กับฉันได้ไหม”

“คุณอรรคพูดถึงขนาดนี้ แล้วพายจะปฏิเสธคุณได้อย่างไร”

“พอเธอทำตัวไม่ดื้อแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลย” น้ำเสียงอีกฝ่ายอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนภาสกรโล่งใจ สงสัยจะง้อสำเร็จแล้วล่ะมั้ง

“ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ภาสกรบอกปัดแก้เขิน สุดท้ายเขาก็ไม่เคยขัดใจคนคนนี้ได้เลยสักที “แต่พายขอโทรบอกแม่ก่อนนะครับ”

“อืม ก็ดี แม่เธอจะได้ไม่เป็นห่วง”

“คุณอรรคครับ” ภาสกรทำใจกล้าเรียกอีกฝ่ายและยังถือวิสาสะถอดแว่นออกด้วย ทำให้เจ้าของแว่นหันมามองคนที่กล้าทำแบบนี้กับเขา

“หืม? ” เจ้าของแว่นตาไม่ได้แสดงท่าทีขุ่นเคืองออกมา หากไม่ใช่ภาสกร เกรงว่าถ้าเป็นคนอื่นแล้วคงไม่ได้อยู่รอดปลอดภัย

“เรื่องเมื่อคืนตอนพายจับคุณทุ่มลงกับพื้น ทำไมคุณไม่แก้กลับล่ะครับ”

“พูดอะไรของเธอ” อรรควัสมองรอบ ๆ ไม่ได้มองคนที่ถามคำถาม

“พายรู้จากพี่เฉินโดยบังเอิญว่าคุณอรรคไม่มีทางพลาดเรื่องแค่นี้”

“เธอเก่งขึ้นแล้วต่างหาก” คนพูดดีดหน้าผากมนเบา ๆ ไม่ได้ต้องการให้รู้สึกเจ็บแต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูและแก้อาการเขินอายของตัวเองต่างหาก

‘น่ารักจัง’

ความคิดภาสกรในเวลานั้น คนที่ตีหน้าขรึม ดุ โหดอยู่เป็นนิจ พอมาทำท่าทางแบบนี้ ทำให้เขาอดหวั่นไหวในใจไม่ได้ ภาสกรแย้มยิ้มออกมาพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกนิดจนแขนของพวกเขาสัมผัสกัน

“อยู่กับพายหลาย ๆ วันได้ไหมครับ รู้ว่าฟังดูเอาแต่ใจไปสักหน่อย เพราะคุณมีงานที่ต้องทำเยอะมากแต่พายคิดถึงคุณมาก” พูดจบก็ข่มความอายโดยการพิงศีรษะเข้ากับไหล่อีกฝ่ายทื่อ ๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าของไหล่หนาเห็นใบหน้าคนขวยเขินเช่นเขา

“อืม”

“ขอบคุณครับ” ดวงตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อได้ฟังคำตอบ ถึงแม้จะเป็นคำสั้นพยางค์เดียวแต่การกระทำที่รู้สึกว่ามีจมูกโด่งกดลงมาที่ผมของเขาก็รู้แล้วว่าอรรควัสใจดีกับเขามากแค่ไหน

“แล้วคราวหน้าเธอก็ไปหาฉันหลาย ๆ วันบ้างก็แล้วกัน”

“ครับ”





คณะเอาต์ติ้งกลับไปกันแล้ว ทว่าภาสกรไม่ได้ไปกับรถทัวร์คันใหญ่นั้นด้วย หลังจากที่แจ้งหัวหน้าว่าจะขอลาออกนั้น ภาสกรก็ถูกดุนิดหน่อยที่บอกกะทันหัน แต่เพราะเจ้าตัวยังไม่ผ่านโปรจึงไม่ได้เป็นปัญหามากนัก หัวหน้าไม่ได้ติดใจจึงยอมอนุญาตแต่โดยดี

“ไปไหนมา” ภาสกรเดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟของโรงแรม คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเอ่ยปากถามทันที

“ไปส่งพี่ ๆ เขาครับ”

“อืม ไปกันซะได้ก็ดี”

“คุณอรรคอย่าหงุดหงิดสิครับ”

“เปล่า” คนปากแข็งปฏิเสธ แต่ภาสกรก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจรุ่นพี่ที่ชื่อเอคนเดียวนั่นแหละ

“พอถูกคุณอรรคสั่งห้ามไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับพายอีกเลย ไม่มีอะไรแล้ว คุณอรรคไม่ต้องเป็นห่วงพายหรอกนะครับ”

“...”

“ไปเดินเล่นกันไหมครับ ตอนนี้แดดยังไม่แรง” ภาสกรเอ่ยชวน

“อืม”

ระหว่างที่เดินขนาดไปกับทะเลนั้น โดยไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย จู่ ๆ ภาสกรก็นึกถึงผู้จัดการผับขึ้นมา

“อ่า จริงสิ แล้วคุณจิณณ์สบายดีไหมครับ”

“อยากรู้ก็ไปดูเอง”

“ไปอยู่แล้วครับยกเว้นว่าคุณอรรคจะไม่ยอมให้ไป” ภาสกรแสร้งยอกย้อน

“กล้าไม่ไปสิ”

“ไปแน่นอนครับ พายคิดอยู่ว่าจะไปหาคุณอรรคเดือนละครั้ง ดีไหม”

“นานไป” คำตอบห้วนสั้นส่งกลับมารวดเร็วทันใจ

“ไม่โกรธสิครับ ถ้าพายไปหาคุณบ่อย ๆ แล้วใครจะดูแลแม่ล่ะครับ”

เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกมา เสียงทุ้มพูดต่อไร้การขุ่นเคือง สายตามองทอดไปข้างหน้าบนพื้นทราย “ฉันรู้”

“ขอบคุณครับที่เข้าใจพาย”

“ถ้าฉันไม่เข้าใจเธอ ฉันก็คงแย่เต็มที”

“ไม่หรอกครับ สำหรับพายน่ะนะ คุณอรรคยอดเยี่ยมที่สุด”

“ไม่ต้องมายอฉัน” ภาสกรหยุดเดินพลางคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ให้หยุดเดินเหมือนกัน “มีอะไร”

“พายพูดจริง ๆ นะครับ”

“ขอบใจ”

“พายรักคุณอรรค”

“ฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอหรอก ถึงได้ยอมตามใจเธออยู่แบบนี้”

“รู้ไหมครับ ตอนที่พายบอกคุณว่าจะกลับบ้านและจะไม่ติดต่อคุณอีก พายรู้สึกอย่างไร”

“ดีใจล่ะมั้ง”

“ไม่แกล้งพายสิครับ ตอนนั้นพายเสียใจมากจนไม่อยากกลับมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ แล้วพอคิดว่าคุณอาจจะมีใครต่อใครมาแทนคุณอลัน มาอยู่ชั้นยี่สิบเก้า พายเจ็บที่ใจไปหมดเลย”

“ก็ไม่รู้จะคิดอย่างนั้นไปทำไม”

“เพราะใจหนึ่งพายก็อยากดูแลแม่ให้ดี อยากให้แม่อยู่กับพายนาน ๆ ให้นานมากเท่าที่จะนานได้และพายไม่อยากให้คุณต้องมาเสียเวลารอพาย แต่ก็ยอมรับให้คุณมีคนอื่นไม่ได้อีก เห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหมครับ”

“ดีแล้ว หัดหึงหวงฉันซะบ้าง”

“ใครว่าพายไม่หึงไม่หวงคุณอรรคล่ะครับ คุณลงมาเดินในคาสิโนแต่ละที มีแต่สาว ๆ มองคุณ จ้องคุณทั้งนั้น พายเสียอีกหวงคุณจนแทบบ้า แต่ก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้เพราะงานของคุณเป็นอย่างนี้”

“ฉันเคยรับปากเธอแล้วไงว่าจะไม่พยายามรักษาระยะห่างให้มากกว่าเดิม”

“พายรู้ครับ แต่ก็อดหวงคุณไม่ได้อยู่ดี”

“งั้นฉันปิดคาสิโนดีไหม” อีกฝ่ายพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงจัง

“ล้อพายเล่นใช่ไหมครับ คาสิโนนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงคุณอรรคนะครับ จะปิดง่าย ๆ ได้อย่างไร”

“ใช่ คาสิโนนี้ฉันคงปิดมันไม่ได้หรอก อย่างที่เธอรู้มันคือเป็นหนึ่งในธุรกิจของฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะดูแลมันตลอดไป”

“ครับ? ” ภาสกรไม่เข้าใจนัยของคำพูดท้ายประโยคนั้น

“เราสองคนจะแยกกันอยู่ตลอดไปหรือไง”

“อ่า..”

“ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยให้เราแยกกันอยู่แบบนี้ไปตลอดหรอก ดังนั้นช่วยรอฉันหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังจะจัดการเรื่องที่นั่นให้เรียบร้อยก่อน”

“พายเชื่อคุณอรรคเสมอครับ นานเท่าไหร่พายก็จะรอคุณ”

“ขอบใจ ฉันสัญญาว่าเธอไม่รอเก้อแน่นอน” อรรควัสดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดจน ภาสกรเองก็กอดร่างสูงใหญ่นั้นไว้เช่นกัน

“คุณทำตัวน่ารักกับพายขนาดนี้ จะไม่ให้พายเลิกรักคุณได้เลยใช่ไหมครับ”

“แล้วมันต่างอะไรกับที่เธอทำให้ฉันรักเธอมากขนาดนี้กันล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นรักพายไปนาน ๆ ห้ามเลิกรักพายนะครับ”

“งั้นฉันกับเธอลองมาพนันกันหน่อยดีไหม”

“พนันอะไรครับ พายไม่มีเงินหรอกนะ”

“พนันนี้ไม่เกี่ยวกับเงิน”

“พนันอะไรครับ”

“เรามาวางเดิมพันกันว่าใครจะเลิกรักใครก่อน ใครที่เลิกรักอีกฝ่ายก่อนคือคนแพ้”

“ไม่มีทางที่พายจะไม่รักคุณแน่ ๆ แล้วคนแพ้ต้องจ่ายอะไรครับ” ภาสกรพูดอย่างมั่นใจ

“คนที่แพ้ก็ต้องจ่ายด้วยความรัก และต้องรักอีกคนให้มากกว่าที่คนชนะรัก”

“อ่า..ขี้โกงนี่นา” ภาสกรยู่ปาก “ถ้าให้รักอีกคนมากกว่าอย่างไรเกมนี้ไม่ต้องพนันพายก็รู้ว่าใครจะเป็นคนแพ้”

“ใครล่ะ”

“พายเองครับ พายแพ้คุณมาตลอดเพราะพายรักคุณมากกว่าที่คุณรักพายอยู่แล้ว”



ภาสกรยิ้มกว้างพลางหัวเราะออกมาเต็มเสียงไม่สนใจว่าจะคนรอบ ๆ บริเวณนั้นจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เขาไม่สนใจ รู้แค่ว่าตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสุขที่ทะลักล้นออกมาจนห้ามไว้ไม่ได้



“แล้วเธอมั่นใจได้อย่างไรว่าฉันจะเป็นคนชนะ?”







END GAME





========================================



จบแล้วค่าาาาา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานะคะ เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งค่อนข้างนานมากจริง ๆ ทั้งปัญหาการงาน ส่วนตัวต่าง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอน้อมรับผิดไม่มีข้อแก้ตัว มีอะไรอยากจะพูดเยอะมากเลยค่ะ พอถึงเวลาก็นึกคำพูดไม่ค่อยออกเลย



เนื้อเรื่องในเรื่องนี้จะจบลงเท่านี้ค่ะ มีนักอ่านท้วงติงว่า เอ..เจ้าพายจะไม่รู้จริงๆ เหรอว่าใครเป็นผู้บริจาคเงินช่วยรักษาแม่ ตรงนี้เป็นความตั้งใจของเขมเองค่ะ บางเรื่องนั้นเราไม่อาจไม่ได้รับรู้ความหวังดีทั้งหมดได้ เจ้าพายเองก็เช่นกัน แล้วถ้ารู้ล่ะ ถ้าเจ้าพายรู้คงจะตกหลุมรักคุณอรรคอีกรอบแน่นอนเลย



แล้วสุดท้ายล่ะ พวกเขาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันมั้ย ยังไง ตรงนี้ต้องไปติดตามในตอนพิเศษนะคะ มีแน่นอนค่ะ



หลังจากนี้เขมจะลงนิยายต่อเลยเรื่อง Memory Is Blue ค่ะ เรื่องราวความรักของคุณหมอที่เก็บงำความรู้สึกที่แอบชอบมาหลายปี เมื่อมีโอกาสแล้วคุณหมอจะเดินเครื่องหรือไม่ เอาใจช่วยคุณหมอด้วยนะคะ



ท้ายที่สุด ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังให้กันเสมอนะคะ ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหนก็ตาม ขอบคุณมากๆ ค่ะ อยู่ตรงนี้ด้วยกันไปนานๆ นะคะ



สุดท้ายจริง ๆ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เราต้องรอดปลอดภัยจากโควิด 19 ค่ะ



รักเสมอ

เขมกันต์



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-04-2020 13:13:01
 สมหวังกันสักที
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2020 14:52:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-04-2020 18:40:47
นุ้งพาย อยากจับนุ้งพายฟัดมาก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-04-2020 20:17:06
ขอบคุณกับเรื่องราวความรักของพายกับอรรคที่แสนอบอุ่น

แล้วก็รอเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-04-2020 19:06:34
 o13
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-04-2020 20:34:15
มีแววว่าคุณอรรคจะมาสร้างเรือนหออยู่กับพายที่ไทยแน่เลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-04-2020 00:05:15
 :o8: น่ารักทั้งคู่้เลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 04-04-2020 00:17:37
โอ้ยน่ารักมากกกกก คือนี่พึ่งมาอ่านเมื่อวานลากยาวถึงตอนจบเลยค่ะ สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-04-2020 14:01:10
กรี๊ดดดด จบแล้ว ฟินมากกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 05-04-2020 21:39:53
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่ผู้เขียนนำมาให้อ่านด้วยนะฮะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 06-04-2020 17:48:22
อ่าบจบแล้วฮะะๆๆ ชอบเรื่องนี้รู้สึกอ่านได้เรื่อยๆแหมะกับการพักงานอยุ่บ้านมากค่ะ5555555. เนื้อเรื่อง ภาษาอ่านง่ายโดยรวมแล้วโอเคเลยค่่่ะ เป็นกำลังใจให้คุุณนักเขียนต่อไปจ้าา :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 10-04-2020 00:17:52
อ่านรวดเดียวจบ ตาแฉะเลย
สมหวังกันแล้ว
เรื่องนี้น่ารักมากๆ ไม่หวือหวาไม่ได้ดราม่าหนัก แต่มันลงตัวไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-04-2020 00:25:14
ขอบคุณน้าาาา
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 12-04-2020 22:25:47
ใครแพ้ใครชนะไม่รู้แหละ แต่ทางนี้ฟินมาก ขอบคุณนะคะ ❤️
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-04-2020 23:52:17
สนุกกก รวดเดียวจบ กำลังดี ไม่หน่วงดราม่าแต่ก็มีอะไรให้ลุ้นคนร้ายอยู่เรื่อยๆ พายน่ารักใจดี คุณอรรคหลงใหญ่เลย ฟินมากกก  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 08:59:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-04-2020 19:05:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 15-04-2020 00:40:42
อิ่มเอมมากเลยค่ะ ขอบคุณคนแต่งมากเลยน้าาา  :heaven
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-04-2020 15:19:24
จบแล้ววววว
สนุก น่ารักมากเลยค่ะ
ชอบน้องพาย น่ารักมากๆ
ขอบคุณคุณเขียนสำหรับนิยายสนุกๆน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 16-04-2020 05:53:31
 :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 17-04-2020 22:39:59
น่ารัก และก็น่าอิจฉามาก ๆ ค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 18-04-2020 22:21:51
 Happy อิจฉาน้องพายจัง ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-04-2020 00:49:07
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 21-04-2020 01:23:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 26-04-2020 01:46:08
ขอบคุณนะคะ
น้องพายน่ารักมากๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 27-04-2020 23:31:37
ชอบมากค่าา น่ารักทั้งคู่ รักทางไกลก็ไม่มีปัญหาพี่อรรคสายเปย์อยู่แล้วว  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 08-09-2020 00:57:31
เนื้อเรื่องดีสุดๆ ไปเลย  :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: nongyingying ที่ 18-09-2020 20:01:28
พึงได้มาตามอ่าน สนุกจนอ่านจบในวันเดียวเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 20-09-2020 16:16:56

 :pig4: :pig4: :pig4:

น่ารักในมุมของอรรควัส   o13 o13 o13

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 24-10-2020 17:19:59
ขอบคุณทีาแต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
เรื่องสนุกมาก
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: KaitlyynDuff ที่ 04-08-2021 14:43:09
ถ้าคุณเบื่อเกมนี้ ฉันคิดว่าฉันแนะนำให้คุณลอง luckyslots.io (https://luckyslots.io/slots/) แทน ไซต์นี้เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ดีที่สุด และฉันคิดว่ามันสามารถชนะความหวังของคุณในการได้รับโอกาสที่ดีที่สุดจากคาสิโนทั้งหมดในระยะยาว หากคุณลองเล่นมาสักระยะ



หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: KaitlyynDuff ที่ 04-08-2021 14:51:51
ถ้าคุณเบื่อเกมนี้ ฉันคิดว่าฉันแนะนำให้คุณลอง luckyslotscasino.io (https://luckyslotscasino.io/live-casino/) แทน ไซต์นี้เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ดีที่สุด และฉันคิดว่ามันสามารถชนะความหวังของคุณในการได้รับโอกาสที่ดีที่สุดจากคาสิโนทั้งหมดในระยะยาว หากคุณลองเล่นมาสักระยะ



หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 07-08-2021 02:33:59
อิจฉาภายจัง
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 14-08-2021 14:50:58
โคตรดีอะครับ ♥.
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 14-08-2021 22:54:33
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
ห้ามพลาด
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-08-2021 18:05:51
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 19-08-2021 16:29:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 16-01-2022 23:47:00
น่ารักทั้งเรื่องเลยครับ  อยากมีแบบนี้บ้างจัง