...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304546 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น้าภาาาา คนใจร้ายยยยยย :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คุณน้าภาถ้ากลับกันคนที่โดนยิงเป็นจิณ คุณก็คงจะยังโทษจิณอยู่ดีสินะ ทำให้ลูกชายคุณมีอันตรายนี่ ถ้าลูกไม่รักขึ้นมาจะว่าใครไม่ได้นะ จิณก็มีพ่อมีแม่ มีย่าที่รักเขามากเหมือนกัน ถ้าฝั่งทางนั้นกีดกันลูกคุณบ้าง ทำลูกคุณเสียใจบ้างจะเป็นไงนะ

จะมาขอร้องทีหลังก็ไม่ได้ละนะพูดมาขนาดนี้

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
สงสารจิณณะ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีกไหม
แต่พี่ทิศคงไม่ยอมหรอก ออกจะรักจิณณะขนาดนั้น

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เศร้าเลยอะ TT


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กอดปลอบจิณ

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
งื้อออออ สงสารจิณ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โถ่คุณจิณ น่าสงสาร แต่ก็เข้าใจคุณภานะ หัวอกคนเป็นแม่ก็ไม่อยากให้ลูกมีอันตรายหรอก :mew6:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอไม่ไหวอยากให้ลงทุกวันเลย สงสารพี่ทิศนะตื่นมาก็หวังจะเจอน้องแต่ต้องมาเจอเรื่องแยกกันอีก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ปลัดสู้ๆกอดแน่นๆ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ถึงกับน้ำตาไหล ฮืออออ สงสารจิณ
น้าภาใจเย็นๆ ที่มีปฏิกิริยาแรงขนาดนี้ เพราะลึกๆน้าภารู้ว่ามันไม่ใช่การตบมือข้างเดียวใช่มั้ย เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้ แค่ไม่ยอมรับเท่านั้น รอ...พี่ทิศฟื้นมาไฟล์ให้แม่ภาเข้าใจ เชื่อมั่นในพี่ทิศมาก ว่าจะชนะรอบทิศ!  o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2019 22:59:37 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หวังว่าจิณณะคงไม่ไปหาไพศาลนะคะ  :z3: ลาออกจากปลัดแล้วมามช้ชีวิตในกรุงเทพมั้ยจิณ กังวลแทนทั้ง2คนเลย

แต่น้าภาแกไม่ได้เป็นคนใจร้ายหรอก อารมณ์รักลูกแหล่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พี่ทิศ หายไว ๆ เด้อออ

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :L2: :L2: :L2:
หายไวๆนะพี่ทิศ
น้องจิณท้อได้แต่อย่าถอยนะจ๊ะ
สู้ สู้
 :mew2:
 :mew2:
 :mew2:

ออฟไลน์ Kiseri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ร้องไห้แล้วนะรู้มั้ยยย
ฮือ~~~ :o12:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เสียน้ำตาให้กับตอนนี้มาก สงสารจิณณะ  :sad4:

ออฟไลน์ sentpai

  • เพราะโลกของแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอครับ 5555

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 14


เพราะตำแหน่งที่ถูกยิง ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แต่โดนเส้นเลือดใหญ่และเสียเลือดมาก หลังผ่าตัดจึงต้องอยู่ดูอาการก่อนจะถูกย้ายเข้าโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ


ทิวากรผู้เป็นน้องชายเป็นหมออยู่ต่างจังหวัดก็จริง แต่ก็มีคนรู้จักมากมาย อาศัยความสนิทสนมส่วนตัว พิทักษ์จึงได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นกรณีพิเศษ ส่วนค่ารักษาพยาบาล คุณกอบกุลขอรับผิดชอบทั้งหมด แม้หล่อนไม่ออกปากขอโทษที่ทำให้เรื่องบานปลายก็ตามที


ชายหนุ่มอาการดีขึ้นตามลำดับ เมื่อออกมารักษาตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ก็เริ่มมีเพื่อนพ้องแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน


“ยัยอรโทรไปร้องห่มร้องไห้ บอกว่ามึงถูกยิง พวกกูตกใจกันใหญ่ รีบโทรหาน้องมึง แต่ทิวบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ไว้ค่อยมาเยี่ยมตอนมึงด่าพวกกูได้ก็พอ” เพื่อนคนหนึ่งพูดพลางหันไปมองหญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่ม


อรพิณไม่ได้เรียนรุ่นเดียวกับพวกเขา แต่เป็นน้องรหัสของศตคุณเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ทั้งๆที่ไม่น่าจะมารวมกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 4-5 คนได้ แต่ใครๆก็รู้ดีว่าหล่อนเข้ามาอย่างมีความหวัง


หวังหัวใจของพิทักษ์


เจ้าตัวเองก็รู้ว่าถูกคาดหวังเรื่องอะไร แต่เมื่อเคยปฏิเสธไปหน เขาก็ไม่พูดซ้ำอีก อรพิณเองก็ไม่ไปไหนเช่นกัน


หญิงสาวมองหนุ่มรุ่นพี่แล้วทำหน้ากระเง้ากระงอด


“ก็ข่าวในเน็ตบอกว่าโดนยิง พอโทรหาเบอร์พี่ทิศ ก็ไม่มีคนรับสาย ลองโทรไปที่สนามกอล์ฟ พนักงานบอกว่าโดนยิงจริง...” หญิงสาวอธิบาย เวลานั้นความร้อนใจทำให้หล่อนนั่งไม่ติด คิดหาวิธีที่จะเช็กข่าวทุกทาง


“แล้วเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมึงโดนยิง” คำถามของศตคุณ ทำเอาพิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย


“จริงๆมันไม่ได้เล็งกูหรอก”


“หมายความว่ามึงโดนลูกหลงเหรอ ลุงเทียมต้องไม่เอาไอ้เวรตะไลนั่นไว้ ยิงพลาดโดนใครไม่โดน เสือกมาโดนไอ้ทิศ” นรวิชญ์โวย


“ไม่ได้พลาด...กู...บังคนนั้นไว้” เกิดเป็นความเงียบขึ้นอึดใจหนึ่งในห้องพักคนไข้ คำถามเดียวกันดังขึ้นในใจของคนทั้งกลุ่ม แต่ทุกคนก็เลือกที่จะให้ศตคุณเป็นตัวแทนตั้งคำถาม


“มึงบังใคร”


ใครบางคนที่เขาปกป้อง ใครบางคนที่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และไม่เคยแวะมาหาเขาเลยสักครั้ง


อรพิณเองก็จับจ้องคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียง ทว่าเขากลับเงียบไม่ยอมตอบ พิทักษ์เป็นคนไม่ค่อยพูด เรื่องนี้เพื่อนพ้องต่างรู้ดีและถ้าเมื่อไรก็ตามที่ไม่พูด ให้อย่างไรก็งัดปากไม่ได้


แต่...บุคคลนิรนามที่พิทักษ์ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยชื่อ คือคนที่พิทักษ์เอาชีวิตตัวเองปกป้อง


ใครที่สำคัญขนาดนั้น ใครที่มีความหมายถึงขนาดที่ยอมทิ้งชีวิตตัวเอง เพื่อให้อีกฝ่ายปลอดภัย


เรื่องแบบนี้ ถ้าเพื่อนสนิทไม่ถาม คนบนโลกนี้ก็คงไม่มีใครกล้าถามพิทักษ์อีกแล้ว!!


“เป็นญาติมึง?” ศตคุณเปิดตัวเลือกแทนที่จะรอคำตอบแต่ฝ่ายเดียว


พิทักษ์ส่ายหน้า แต่ยังเงียบ สีหน้าดูตกอยู่ในห้วงภวังค์


“พวกกูรู้จักไหม”


พิทักษ์ส่ายหน้า และยังคงเงียบ เพื่อนทุกคนมองหน้ากัน สีหน้าของพิทักษ์เวลานี้ดูจมจ่อมกับความคิดเสียจนหากหลอกถาม...ก็อาจจะพลั้งปาก...


“ชื่ออะไร” นรวิชญ์ใจร้อนอยากรู้รีบโพล่งถาม เพียงเท่านั้นคนที่ดูเหมือนอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ก็เงยหน้ามองทันที สีหน้าของคนเจ็บยังเรียบเฉย แต่สายตามีสติครบถ้วน


“สัด! มึงถามซะมันรู้ตัว” เพื่อนคนอื่นๆออกปากด่า ผสานกับเสียงหัวเราะดังครืน


พิทักษ์ได้แต่ส่ายศีรษะระอาใจ แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร


“ท่าทางจะสำคัญมาก...สงสัยเป็นเพื่อนสะใภ้ของพวกกูแน่” ถูกเพื่อนรอบตัวด่า นรวิชญ์เลยแก้เก้อด้วยการหยอก ยิ่งไม่มีคำตอบจากคนไข้ คนถามเลยยิ่งทำหน้ากระหยิ่ม ปีนขึ้นเตียงนั่งกระแซะหมายจะเค้นคอให้ได้


“มึงไม่คิดจะบอกพวกกูหน่อยหรือว่าเพื่อนสะใภ้พวกกูชื่ออะไร”


คำตอบเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าพิทักษ์ต้องส่ายหน้า


“อักษรย่อก็ได้อ่ะ” เพื่อนอีกคนเสนอ แต่พิทักษ์ยังส่ายหน้า


“งั้นพวกกูไม่กลับ จะอยู่รอจนกว่าจะได้เจอหน้าแฟนมึง” นรวิชญ์ประกาศกร้าว ทำเอาพิทักษ์นิ่งงัน เขาถอนหายใจเบาแล้วเอ่ยเรียบๆ


“เขาไม่มาหรอก”


“มึงโดนซะขนาดนี้ เขาไม่มาได้ไง”


พิทักษ์เงียบ ดูแล้วไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกจนน่าเอะใจ เรื่องราวดูจะโรแมนติก พิทักษ์ปกป้องคนรักด้วยชีวิต แต่มาหักมุมดราม่าตรงคนที่พิทักษ์ปกป้องกลับไม่มาเยี่ยม


“อรว่า เราให้พี่ทิศพักผ่อนดีไหมคะ” เสียงของหญิงสาวหนึ่งเดียวดังขึ้น เมื่อมีคนเสนออย่างนั้นในเวลาที่คนป่วยดูจะไม่อยากตอบคำถามใดๆ จึงไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก ทุกคนพยักหน้าแต่ไม่วายหันไปตบไหล่ให้กำลังใจพร้อมกับนัดแนะว่าจะมาเยี่ยมใหม่


ทว่ายังไม่ทันเปิดประตูออกจากห้อง บานประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายคลึงกับคนป่วยราวกับถอดพิมพ์เดียวกันมา


ทิวากร เป็นน้องชายของพิทักษ์ นอกจากนั้นยังเป็นหมอ การที่เขาอยู่ที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่ที่แปลกคือเขาไม่ได้มาเพียงลำพังแต่เดินนำชายหนุ่มอีกคนเข้ามาในห้อง พร้อมด้วยการบ่นเสียยกใหญ่


“ทำอะไรลับๆล่อๆ อยากมาเยี่ยมก็เข้ามาสิ เดินวนไปวนมาอยู่ข้างหน้า คนอื่นได้กลัวกันหมด” พอบ่นจบชุดนั้น ก็พอดีเหลือบมาเห็นกลุ่มเพื่อนสนิทของพิทักษ์ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง เขาจำหน้าค่าตาได้หมดทุกคน จึงยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง


“มาเยี่ยมพี่ทิศหรือครับ”


“อือ แต่พวกเรากำลังจะกลับแล้ว” ทิวากรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา


“เข้าไปเยี่ยมพี่ทิศสิ” คนที่ยืนอยู่ข้างหลังพยักหน้ารับงกๆ แล้วรีบปลีกตัวก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในห้องพักคนป่วยด้านในทันที เพื่อนของพิทักษ์ไม่ได้สนใจคนมาเยี่ยมรายนี้เสียเท่าไร แต่อรพิณรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด


“นั่น...ใครหรือคะ”


ทิวากรมองตามคนที่หายลับเข้าไปเยี่ยมพิทักษ์ ก่อนจะหันมายิ้มจาง


“ญาติครับ” เขาไม่อธิบายเพิ่มเติม คนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจนัก แต่อรพิณรู้สึกเหมือนหล่อนเคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน


คนที่หล่อนเคยเห็น...


ใช่...เคยเห็นตอนที่แวะไปหาพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟ


ไม่สิ...คนที่หล่อนเคยเห็นคนนั้น ดูโตกว่านี้...


“ผมขอตัวไปดูพี่ทิศก่อนนะครับ” ทิวากรไม่รอให้ถูกถาม หมุนตัวเดินเข้าไปด้านในทันที ทิ้งให้อรพิณมองตามด้วยความสงสัย ทว่าสุดท้ายหล่อนก็ถูกดึงออกจากห้องไปทั้งๆที่ใจยังอยากตามเข้าไปขอดูหน้าคนมาเยี่ยมคนนั้นเหลือเกิน


…………………..


พิทักษ์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าหลังจากเพื่อนออกไป คนที่เข้ามาเยี่ยมรายต่อมาคือ...จารีต


ชายหนุ่มเผลอมองเลยไปด้านหลังของคนมาเยี่ยมรายนี้ แต่ก็พบว่าไม่มีใครติดตามมาด้วย จารีตมาคนเดียว


ใครอีกคน...ไม่คิดจะมาเยี่ยมกันจริงๆ


สายตาผิดหวังของพิทักษ์ ต่อให้เด็กอนุบาลก็ดูออก จารีตได้แต่ถอนหายใจเบา ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดที่ข้างเตียงคนเจ็บ


“เป็นยังไงบ้างพี่ทิศ”


“ดีขึ้นแล้ว ขอบใจที่มา” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ พิทักษ์อยากถามถึงจิณณะ จารีตเองก็อยากบอกเล่าเรื่องของพี่ชายให้อีกฝ่ายฟัง แต่...ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี


“บอกไปสิว่าหลบแม่ภาอยู่ เลยไม่ได้มาแต่แรก” เสียงของทิวากรดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินตามเข้ามา จารีตยิ้มแหะๆ


“ทำไมต้องหลบ”


“ก็...พี่จิณทำให้พี่ทิศเป็นแบบนี้ ผมก็กลัวว่าน้าภาจะ....”


“จิณไม่ได้ทำ” พิทักษ์แย้ง ทว่าจารีตได้แต่ถอนหายใจ


“แต่ใครๆก็มองว่าพี่จิณทำให้พี่ทิศถูกยิง พี่จิณเองก็คิด” จารีตไม่ได้รับรู้จากปากของผู้เป็นพี่โดยตรง แต่ท่าทีนิ่งขรึมไม่สดใสเหมือนเดิม ก็บอกให้รู้ว่าจิณณะจมอยู่กับความรู้สึกผิดเพียงใด


“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง” สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวที่จะถามถึง นับตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่เคยพบหน้ากันอีก วันนี้ข่าวที่ได้รับรู้จากคนใกล้ตัวของจิณณะคือเจ้าตัวคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้กับเขา ยิ่งทำให้ความห่วงหาในใจทบทวี


จารีตอ้าปากอยากเล่า มีหลายอย่างที่อยากบอก อย่างเรื่องที่จิณณะกลายเป็นคนเงียบขรึม จิณณะกลายเป็นคนไม่ค่อยพูด และที่สำคัญ...จิณณะไม่เคยพูดถึงพิทักษ์อีกเลย


อะไรที่ทำให้พี่ชายของเขากลายเป็นแบบนี้


เขาอยากระบายให้พิทักษ์รับรู้


แต่...สิ่งที่เขารับรู้มาจากมารดา คือข้อตกลงระหว่างพี่ชายของเขาและน้าสาว


จิดาภาขออิสรภาพคืนให้พิทักษ์ ในขณะที่จิณณะรับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีก


หากหลังจากนี้ ทั้งสองคนไม่ต้องพบเจอกันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


“ก็...ไม่เป็นอะไรหรอก ผมเห็นพี่จิณก็ยังไปทำงานเหมือนเดิม” สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำไม่สร้างความผูกพันใดๆระหว่างพี่ชายของตนเองและชายหนุ่มตรงหน้า


ทิวากรรับฟังเงียบๆ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยว่าวันที่เกิดเรื่อง เขาเองก็พบจิณณะที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน สภาพที่เต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรังยังไม่สู้หน้าตาซีดเผือดและดวงตาเลื่อนลอย


ร่างกายไม่เป็นอะไร แต่สภาพจิตใจ...คงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี


 “ผม...ไม่รู้ว่าจะได้มาเยี่ยมอีกไหม แต่ขอให้หายไวๆนะพี่” อย่างวันนี้จารีตก็แอบมา เขาไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นปัญหาสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้เป็นน้า หากหล่อนมองว่าเขาเป็นตัวแทนของจิณณะ ก็จะกลายเป็นความบาดหมางอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำใจแข็งไม่ดูดำดูดีอย่างที่จิณณะทำไม่ได้


“ขอบใจ”


หนุ่มรุ่นน้องไม่พูดอะไรอีก แต่ยกมือไหว้ทั้งพิทักษ์และทิวากร ทว่าพอเขาจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง เสียงของคนเจ็บกลับดังขึ้น


“ฝากบอกจิณ...ให้เขารักษาสุขภาพด้วย”


จารีตสะท้านไปทั้งใจ เขาเม้มปากแน่นเพื่อสะกดอารมณ์สงสาร ก่อนจะหันกลับไปยิ้มรับแทนคำพูด แล้วหมุนตัวก้าวเท้าออกจากห้อง พอบานประตูปิดลง ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


หากการจากลาเช่นนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทำไม...เขากลับรู้สึกว่าไม่มีใครสักคน...ที่มีความสุขเลย


…………………….


ทั้งโกศลและจรรยารู้ดีว่านับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น จิณณะไม่เหมือนเดิม


จากคนสนุกสนานร่าเริง กลายเป็นคนนิ่งขรึม แม้จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯทุกสุดสัปดาห์ แต่ก็มักขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีใครพูดเรื่องพิทักษ์ให้เขาฟัง ตัวเขาเองก็ไม่ถามความเป็นไปของพิทักษ์จากใครเช่นกัน


จนกระทั่งบ่ายวันศุกร์ของสัปดาห์หนึ่ง จิณณะปรากฏตัวที่กรุงเทพฯในอาคารสำนักงานบริษัทวงศ์กีรติ เพราะแทบไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย จึงไม่มีพนักงานคนใดรู้จักเขา แต่ชายหนุ่มไม่เร่งรีบ จัดแจงติดต่อประชาสัมพันธ์บอกว่าจะมาพบโกศล  วงศ์กีรติ แจ้งชื่อว่าตนเองคือจิณณะ  วงศ์กีรติ ไม่เกินห้านาที ประชาสัมพันธ์ก็แทบจะปูพรมให้เขาขึ้นไปหาบิดาบนห้องทำงาน


ตอนที่โกศลเห็นลูกชายคนโตมาหาในยามบ่ายวันทำงาน เขานิ่งงันไป รู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่นอน


เดิมที จิณณะก็เป็นลูกชายที่บุพการีคาดเดาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ภายหลังเหตุการณ์ถูกลอบยิง เจ้าตัวกลายเป็นคนที่ยิ่งเดาอะไรไม่ได้ไปกันใหญ่


“วันนี้ไม่ทำงานหรือ”


“ผมลางานมา พอดี...ต้องเข้าไปที่กระทรวงหน่อย แถวนั้นมีร้านขนมที่พ่อชอบ เลยแวะซื้อมาฝาก” จิณณะตอบ วางถุงกล้วยแขกลงบนโต๊ะทำงานของบิดาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กวาดตามองแฟ้มเอกสารที่กระจัดกระจาย แล้วก็ยกยิ้มจาง


“งานพ่อเยอะขนาดนี้เลยหรือ”


โกศลหัวเราะเบาๆ


“พูดอย่างกับจะมาช่วยงาน”


“พ่อว่าผมจะช่วยได้รึเปล่า” เสียงหัวเราะของบิดาหายวับในพริบตา โกศลขยับตัวนั่งตรง จับจ้องบุตรชายที่สายตายังไม่ละไปจากแฟ้มเอกสารกองหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ดูตกอยู่ในภวังค์ของตนเองมากกว่าจะสนใจเอกสารกองนั้น


“จิณหมายความว่ายังไง”


จิณณะเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ก่อนจะถอนหายใจเบา


“ผมลาออกจากราชการแล้ว” เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจระหว่างสองพ่อลูก


“คิดว่าจะกลับมาช่วยงานพ่อ พ่อมีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม”


“ทำไมถึงลาออก” ลูกชายคนโตเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็พอจะรู้ว่าคงมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้จิณณะยอมทิ้งอาชีพ ทิ้งตำแหน่ง ทิ้งสิ่งที่ตนเองดั้นด้นไปคว้ามา


“เพราะเรื่องของทิศใช่ไหม”


เป็นอีกครั้งที่จิณณะไม่ตอบ


“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับจิณเป็นปลัดหรือไม่ แล้วตอนนี้ทิศก็...”


“ผมแค่อยากทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น การออกจากราชการเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”


“จิณคิดจะทำอะไร” เป็นอีกครั้งที่โกศลไม่ได้คำตอบเป็นคำพูด ทว่าสายตาของจิณณะที่เหลือบขึ้นจ้องมองเขานั้นแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


“คิดให้ดี ก่อนจะทำอะไร” คนเป็นพ่อเตือนเสียงเข้ม


“ผมคิดดีแล้ว พ่อไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงหรอก เอาเป็นว่าถ้าเรื่องออกจากราชการของผมเรียบร้อย ผมจะมาของานพ่อทำแล้วกัน ผมต้องกลับแล้ว มีธุระต้องไปเคลียร์อีกหน่อย อย่าลืมกินกล้วยแขกล่ะ” จิณณะยกมือไหว้แล้วลุกขึ้น ทว่าพอเขาหมุนตัวจะเดินออก เสียงของบิดาก็ดังขึ้นด้านหลัง


“จิณ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโกศลหมายถึงเรื่องอะไร จิณณะเองก็ไม่คิดทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินโทษใครเช่นกัน เขาหันกลับไปมองบิดา ดวงตายังเยียบเย็น เห็นแล้ววูบหนึ่งโกศลคิดถึงมารดาของตนเองเหลือเกิน


คุณกอบกุลก็มีสายตาอย่างนี้ ยามหล่อนเคียดแค้นอาฆาต


“ผมแค่จะกระตุ้นการทำงานของกฎหมายแค่นั้นเอง”


เขาเปรยเพียงเท่านั้น ก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าออกจากห้องทำงานของบิดาทันที ธุระอีกเรื่องที่เขาต้องจัดการในวันนี้คือการใช้เส้นสายให้เป็นประโยชน์


...คุณเทียม...


………………………..


บ้านของคุณเทียมยังคงสงบเงียบ ตั้งอยู่อย่างสันโดษท่ามกลางอาณาเขตกว้างใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่จิณณะมาที่นี่เพียงลำพัง เขาต้องอาศัยเวลาในการเจรจากับคนเฝ้าประตูรั้วอัลลอยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นอึดใจต่อมา ชายวัยกลางคนที่เขาเคยพบหน้ายามมาพบคุณเทียมก็เดินออกมาดู จิณณะถึงได้เข้ามาในอาณาเขตได้อย่างสวัสดิภาพ เขาถูกพามารอที่ห้องรับแขก จากนั้นพักใหญ่ ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านถึงได้เดินเข้ามา


แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าลุกจากโซฟาแล้วยกมือไหว้


“ขอโทษที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนครับ พอดีวันนี้มีเวลาก็เลยแวะมา”


คุณเทียมเพียงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง “มีอะไรหรือ”


จิณณะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ เขามองตรงไปยังเจ้าของบ้าน ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ชายชราต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย


“ผมจะมาขอความช่วยเหลือ”


คนฟังยกยิ้มเย้ยหยัน


“คนที่ปลัดน่าจะไปขอ ควรจะเป็นหลานของฉัน ไม่ใช่ฉัน” พอพูดถึงหลานของคุณเทียม จิณณะก็ได้แต่เงียบ หลบสายตามองเมินไปทางอื่นราวกับไม่อยากพูดถึงใครคนนั้น คุณเทียมเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ปฏิบัติต่อคำพูดของเขาแล้วก็ได้แต่หัวเราะในคอ


“ตั้งแต่เกิดเรื่องจนวันนี้ ได้ไปเยี่ยมทิศบ้างหรือยัง”


“ผมทราบมาว่า...เขา...หายดีแล้ว” แม้แต่ชื่อ ยังไม่มีหลุดออกจากปาก


จิดาภาขออิสรภาพคืนให้ลูกเลี้ยง และเขารับปากแล้วว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้อีก ทางเดียวที่พิทักษ์จะไม่เดือดร้อนกับเรื่องของเขา ก็คือเขาต้องลืมพิทักษ์เสีย อย่าได้คิดจะไปดึงผู้ชายคนนั้นกลับเข้ามาอยู่ในวงโคจรของเขาอีกเลย


“ตอนที่ยังไม่หาย ก็ไม่ไปหาไม่ใช่หรือ”


“ผมรับปากกับน้าภาแล้วว่าจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนอีก”


“แล้วที่มาขอความช่วยเหลือจากฉัน คิดว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงทิศอย่างนั้นหรือ” จิณณะรู้ดีว่าการที่เขามาขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่เรื่องจะถึงหูของพิทักษ์ แต่...ถ้าเขาคิดจะ ‘ทำ’ อิทธิพลของคุณเทียมคือสิ่งสำคัญที่เขาต้องมี


“แต่ถ้าผมไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณเทียม เรื่องที่อยากทำ ก็คงทำไม่ได้ แล้วเรื่องของนายไพศาลก็คงไม่จบ” พอพูดถึงไพศาล คุณเทียมก็เอนหลังพิงพนัก ดวงตาจับจ้องชายหนุ่มคราวหลานที่นั่งอยู่ตรงหน้า


“ปลัดคิดจะทำอะไร”


“ผมจะบีบมันเหมือนมันบีบผม ต้อนมันเหมือนที่มันต้อนผม” จิณณะไม่ใช่อิฐใช่ปูน ยิ่งผลกระทบตกสู่พิทักษ์ เขายิ่งผูกใจเจ็บ


หากจะผิด ก็ผิดที่ไพศาล


ไม่หยุด ไม่จบ และทำให้เขาจนตรอก


“ปลัดคิดให้ดี เป็นข้าราชการ...”


จิณณะยิ้มจางพลางส่ายหน้า


“ผมยื่นหนังสือลาออกแล้ว เมื่อเช้าก็เพิ่งเข้าไปหาผู้ใหญ่ที่กระทรวงให้ช่วยเร่งเรื่องนี้ให้” คุณเทียมมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ขยับตัวนั่งตรงจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า


“ลาออกจากราชการหรือ” เขาถามซ้ำ เรื่องราวระหว่างจิณณะและคุณกอบกุลที่ฝ่ายหนึ่งเป็นข้าราชการ อีกฝ่ายต้องการให้ออกจากราชการ เข้าหูเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังเห็นจิณณะดื้อแพ่งยืดอกใส่ชุดสีกากีอย่างไม่มีย่อท้อ ทว่า...วันนี้ เจ้าตัวกลับบอกกับเขาอย่างนิ่งสงบว่าลาออกแล้ว


“ครับ” คำตอบรับยืนยันนั้นหนักแน่นเพราะเจ้าตัวคิดคำนวณมาถ้วนถี่แล้ว การอยู่ในสถานะข้าราชการ ไม่เพียงแต่ทำอะไรก็ล้วนเหมือนทำในที่แจ้ง ขยับตัวไขว้เขวออกนอกกรอบเป็นต้องถูกจับตา ไหนจะตำแหน่งปลัดอำเภอซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ เมื่อเทียบกับหน้าที่การงานในธุรกิจของตระกูลวงศ์กีรติที่เข้าหา ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ ได้มากกว่า ก็ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่าง ที่สำคัญที่สุด...เวลานี้เขาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เงินเดือนข้าราชการที่ไม่ได้อิงตามอัตราเงินเฟ้อยิ่งเทียบไม่ได้กับเงินเดือนในฐานะลูกหลานผู้ก่อตั้งกิจการ


สุดท้าย...จิณณะที่พยายามหนีออกจากระบบของผู้เป็นย่า ก็จำต้องกลับเข้าสู่วงโคจรนี้ด้วยการตัดสินใจของตนเอง


คุณเทียมมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาไม่หลุกหลิกซุกซนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ที่มาขอพบคุณเทียมในเวลานี้ราวกับไม่ใช่ ‘ปลัดจิณณะ’ ที่พิทักษ์เคยพามา แต่เป็น ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’ หลานชายของหญิงชราผู้เคยถูกขนานนามว่า ‘งูพิษ’


เจ้าของบ้านถอนหายใจเบา มองคนตรงหน้าใหม่อีกครั้งแล้วก็ได้แต่มองเมินไปทางอื่น


จิณณะไม่เคยไปเยี่ยมพิทักษ์เลย นับตั้งแต่เกิดเรื่อง หากจะบอกว่าเป็นความใจดำอำมหิตสมกับเป็น ‘ลูกหลานงูพิษ’ ก็คงจะได้ แต่วันนี้ที่ได้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังลงมือทำอะไรบางอย่าง ถึงขั้นยอมลาออกจากอาชีพตนเอง คุณเทียมกลับรู้สึกสะท้านไปทั้งใจที่กล่าวโทษอีกฝ่ายตลอดมา


“ผมอยากให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น” จิณณะย้ำ เมื่อไม่มีอาชีพและตำแหน่งในระบบราชการแล้ว ก็ช่วยลดการเพ่งเล็งลง อย่างน้อย หากจะทำอะไรที่ ‘ร้ายแรง’ เขาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องถูกพาดหัวข่าวเรียกแขกทำนองว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐกระทำการอุกอาจ


“คุณกอบกุลคงดีใจพิลึก” คุณเทียมย้อนพลางหัวเราะในคออย่างไร้อารมณ์ยามพูดถึงหญิงชราผู้นั้น แต่ไม่รู้คุณกอบกุลจะดีใจได้มากน้อยแค่ไหน หากรู้ว่าการลาออกครั้งนี้ของจิณณะ มีเพียงเหตุผลเดียว


จัดการไพศาล แก้แค้นในสิ่งที่ทำกับพิทักษ์


และในเมื่อสิ่งที่จิณณะกำลังลงมือทำ ให้ประโยชน์แก่คุณเทียมถึงสองข้อ คือแก้แค้นให้หลานชายของเขา และจัดการไพศาล จึงเป็นเรื่องแน่นอนว่าคุณเทียมย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือเพียงลำพัง


เจ้าของบ้านขยับตัวนั่งหลังตรง ผายไหล่แผ่บารมี


“เอาล่ะ คุณจิณณะ อยากให้ช่วยอะไรบ้าง ลองพูดมาสิ”


………………….


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2019 20:58:54 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เรื่องที่จิณณะลาออกจากราชการไม่ใช่ความลับ ยิ่งสำหรับคุณกอบกุลด้วยแล้ว ต่อให้ไม่ต้องสืบด้วยตัวเองก็มีคนมาพูดเข้าหู


   ‘ได้ข่าวว่าหลานชายลาออกจากราชการแล้ว’ บทสนทนาหนึ่งระหว่างการพูดคุยหารือเรื่องผลประโยชน์คือเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร หนำซ้ำยังเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าจะออกจากปากของ ‘ท่านเสรี’ ด้วยซ้ำ


   ‘อะไรกัน คุณกอบไม่ทราบหรือ เขาทำเรื่องลาออกแล้ว วิ่งเต้นเข้าไปหาผู้ใหญ่ในกระทรวงให้ช่วยอนุมัติเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สมกับเป็นคนหนุ่มเลือดร้อนจริงๆ’


   หญิงชราผู้วางมือจากธุรกิจของตนเองแต่เพียงในนามปรากฏตัวที่อาคารสำนักงานวงศ์กีรติ แม้จะไม่ได้มาเยือนที่นี่บ่อยๆ แต่ต่อให้จะเป็นพนักงานระดับล่างสุดต่างก็จดจำผู้ก่อตั้งคนนี้ได้ดี หล่อนถูกพาขึ้นไปยังห้องทำงานของลูกชายคนเล็กอย่างโกศล พอพบหน้าโกศล หล่อนก็เอ่ยขึ้นมาทันที


   “ลูกแกไปไหนเสียล่ะ” ลูกที่ว่าย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากจิณณะผู้ลาออกจากราชการแล้ว


   “เมื่อเช้าโทรมาบอกว่ากำลังกลับเข้ากรุงเทพฯครับคุณแม่”


   “ฉันได้ยินว่ามันลาออกแล้ว”


   “ยื่นหนังสือแล้วครับ ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ”


   “อ้อ! แต่ไม่มีใครคิดจะบอกฉันสักคน!”


   “เรื่องยังไม่เรียบร้อยดี ก็เลย...” อันที่จริง เพราะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกอบกุลและจิณณะแทบจะเรียกได้ว่าติดอยู่ที่ชะง่อนผา อีกก้าวหนึ่งคือตกเหว ไม่มีใครอยากยื่นมือเข้าไปแตะต้องความสัมพันธ์นี้ จนกลายเป็นการไม่พูดถึงคนหนึ่งให้อีกคนรับรู้ไปโดยปริยาย


หญิงชราพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก


   “เอาเป็นว่าถ้ามันมา เรียกมันมาพบฉันด้วย ฉันจะรอที่ห้องรับรอง” คุณกอบกุลออกจากห้องทำงานของลูกชาย แต่ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนรอที่ห้องรับรองใกล้ๆ ก็ยังสู้อุตส่าห์เดินตรวจตราการทำงานของพนักงานที่ชั้นผู้บริหาร หล่อนไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไชว่าสิ่งใดควรเปลี่ยนแปลง สิ่งใดยังต้องปรับปรุง แต่สายตาของหล่อนไม่ต่างอะไรกับหนามแหลมคม พนักงานเก่าแก่ยังเกร็งตัวลีบ ส่วนพวกพนักงานที่ไม่ทันอยู่ในยุครุ่งเรืองของผู้ก่อตั้งคนนี้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าจากงานของตนเอง


   ชั้นผู้บริหารเงียบกริบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งคุณกอบกุลกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องรับรอง เสียงถอนหายใจก็ดังกันคนละเฮือกสองเฮือก


   เกือบชั่วโมง ชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูง 180 เซนติเมตรในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กก็เดินออกจากลิฟต์ที่ชั้นผู้บริหาร เลขานุการของโกศลรออยู่แล้ว และเป็นคนแจ้งว่า ‘คุณย่า’ มารอตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว และต้องการพบเขา


   จิณณะ  วงศ์กีรติเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ ก้าวตรงไปยังห้องรับรอง เขายืนอยู่หน้าประตูอึดใจหนึ่ง สูดลมหายใจลึกเพราะรู้ดีว่ามีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่คุณกอบกุลจะอยากพบหน้าหลานชายนอกคอกคนนี้


   และเรื่องที่เป็นปัจจุบันที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องที่เขาลาออกจากราชการกลับมาช่วยงานบิดา


   หล่อนอาจจะเย้ยหยันว่าเขาไปไหนไม่รอด หล่อนอาจจะก่นด่าหาว่าเขาไม่มีความสามารถ แต่ช่างเถอะ...เขาแค่อดทน แล้วทำทุกอย่างให้ลุล่วงอย่างที่ต้องทำก็เท่านั้นเอง


   ชายหนุ่มหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปภายใน คุณกอบกุลนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาตัวใหญ่กำลังจิบชาอย่างเงียบๆ พอเห็นประตูถูกเปิดออก หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา


   นับตั้งแต่ที่โรงพยาบาลในวันนั้น จิณณะไม่ได้พบหน้าคุณกอบกุลอีก ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สองที่ได้สบตาหญิงชราผู้ที่...ส่งคนติดตามดูแลความปลอดภัยเขาอย่างเงียบๆมาตั้งแต่ทราบเรื่องไพศาล แม้ว่าสิ่งที่หล่อนทำจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปสู่อันตรายที่เกิดกับพิทักษ์ก็ตามที


   วูบหนึ่ง จิณณะเหมือนเห็นอีกด้านของผู้เป็นย่าที่ทั้งรักและเป็นห่วงลูกหลาน...แม้ว่าจะเป็นลูกหลานนอกคอกที่ปากดีขอออกจากตระกูลอย่างเขาก็ตาม


   “ที่นี่เริ่มงานเก้าโมง” ประโยคแรกของคุณกอบกุลทำให้จิณณะดึงตัวเองออกมาจากภวังค์นั้น ด้านดีของคุณกอบกุลก็คงมีอย่างที่เขาแอบเห็น แต่ด้านร้าย...ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ยังจุกจิกจู้จี้ เคร่งครัดเจ้าระเบียบอยู่ดี


   “ขอโทษครับ” หากเป็นหลานนอกคอกคนก่อนหน้านี้ คงได้ปะทะคารมสักดอกสองดอก ยิ่งเห็นผู้เป็นย่าดิ้นเป็นเจ้าเข้าหรือหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวก็ยิ่งบันเทิง แต่เวลานี้จิณณะมีเรื่องที่ต้องคิดและจัดการมากพอแล้ว ความบันเทิงไม่ใช่เรื่องที่เขาขวนขวาย


   รีบคุยธุระให้เรียบร้อย เขาจะได้ไปทำงาน พ้นเวลางานจะได้ดูเรื่องคดีต่อ แค่นี้ก็เหลือเวลาจะกินนอนไม่เท่าไรแล้ว


   ความเยือกเย็นของหลานชายทำเอาหญิงชรานิ่งไปเล็กน้อย หล่อนหรี่ตาจับจ้องชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า จิณณะในเวลานี้ไม่ใช่คนยิ้มแย้มกวนโทโส แต่เป็นจิณณะที่นิ่งเย็นทว่ายะเยือกราวกับมีรังสีอาฆาตรายล้อม


   ...เหมือน...


   คุณกอบกุลใจหายวาบ เหมือนเห็นตนเองอยู่ในร่างของหลานชาย ตนเองที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ตนเองที่ใจดำอำมหิต ตนเองที่...ต้องการผลลัพธ์โดยไม่สนวิธีการ


   “ได้ยินว่าแกลาออกจากราชการ”


   “ครับ”


   “แกคิดจะทำอะไร”


   “ทำงานที่นี่ไงครับ” จิณณะตอบเรียบๆ ต่อให้จะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่นิสัยของเขาชอบพูดก่อความหงุดหงิดให้คุณกอบกุล แม้จะอยากรีบคุยรีบเลิก แต่ก็อดไม่ได้


   “จิณณะ!”


   “คุณย่าน่าจะดีใจที่ผมยอมทำตามที่คุณย่าต้องการแล้ว ผมลาออกจากราชการ ตอนนี้กลับมาช่วยงานคุณพ่อ คุณย่าไม่พอใจตรงไหนอีกครับ”


   “แกไม่ได้ทำอย่างที่ฉันต้องการ แต่ที่แกทำเพราะแกต้องการจะทำเพื่อผู้ชายคนนั้น!”


จิณณะชะงัก คำว่าผู้ชายคนนั้นต่อให้ไม่ระบุชื่อ ต่างคนต่างก็รู้กันดีว่าหมายถึงใคร ชายหนุ่มเม้มปากเก็บกลั้นอารมณ์ที่ยังเอ่อล้นอยู่ในใจ


   หญิงชรามองหน้าหลานชาย ต่อให้เขาจะเป็นหลานนอกคอก เป็นหลานที่ไม่เคยพินอบพิเทาหล่อน แต่...อย่างไรเขาก็เป็นหลาน หล่อนปล่อยให้เขาก้าวเท้าไปสู่เส้นทางวิบัติไม่ได้ เหมือนที่แม้ว่าเขาจะออกปากขอออกจากตระกูลแต่หล่อนก็ปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเลวร้ายไม่ได้


   “เรื่องคดีของพิทักษ์ ให้ทางนั้นเขาจัดการกันเอง คุณเทียมไม่ปล่อยให้หลานเขาโดนยิงฟรีหรอก” คุณกอบกุลเอ่ยเสียงเรียบ 


ส่วนหนึ่งก็เพื่อรั้งจิณณะไม่ให้เข้าสู่เส้นทางความเสี่ยงสูง หากไม่ชนะก็คือแพ้ราบคาบ หากเขาเข้าไปยุ่งกับคดีนี้ จิณณะจะหยุดไม่ได้อีกเลยจนกว่าทุกอย่างจะจบสิ้น และเมื่อจบ...ผลของมันจะมีเพียงแค่สองอย่าง หนึ่งชนะและสองพ่ายแพ้ ไม่มีเสมอตัว ไม่มีเท่าทุน


   “ผมเองก็ปล่อยให้เขาโดนยิงฟรีไม่ได้เหมือนกัน”


คำตอบของหลานชายทำให้คุณกอบกุลนิ่งงัน


   พิทักษ์สำคัญสำหรับจิณณะมากเพียงใด การที่หลานชายนอกคอกผู้ทำอะไรโดยคิดถึงแต่ตนเองมาตลอดยอมลาออกจากอาชีพย่อมเป็นคำตอบได้ดีที่สุด ในขณะที่ฝ่ายพิทักษ์...จิณณะสำคัญมากเพียงใดก็ดูได้จากที่เขายอมเอาตนเองบังกระสุนไว้


   คนเราจะมีเหตุผลสักกี่อย่าง จะมีความรู้สึกสักกี่รูปแบบที่ทำให้ยอมสละทิ้งซึ่งสิ่งสำคัญที่ยึดถือ


   สละอาชีพการงาน สละชีวิตและลมหายใจ


   และเวลานี้...จิณณะกำลังจะสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อตอบแทนการสละชีวิตของพิทักษ์


   “คุณย่าสบายใจเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง จะไม่ให้กระทบมาถึงคุณย่าหรือธุรกิจทั้งหมดของวงศ์กีรติ”


   “แล้วแกจะทำยังไง ตัวแกมีความสามารถจัดการเรื่องนี้เองหรือ” หญิงชราย้อนถาม


นอกจากนามสกุลของหล่อนที่ติดตัวเขา จิณณะก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เส้นสายไม่มี ผลประโยชน์ไม่มี บุญุคุณต่างตอบแทนก็ไม่มี ไพศาลไม่ใช่ตัวคนเดียว เขามีเส้นสาย มีระบบการจัดการ มีลูกน้อง มีลูกพี่ ถ้าเทียบจิณณะกับไพศาลแล้ว แน่นอนว่ากระดูกคนละเบอร์ ไม่ต้องขึ้นชก จิณณะก็ไปไม่รอด


   “ผมติดต่อคุณเทียมไว้แล้ว”


ชื่อคุณเทียมทำเอาหญิงชราชะงัก ความยโสโอหังดึงให้ความรู้สึกทั้งหน่วงทั้งตึง จิณณะขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม แต่ข้ามหัวหล่อนที่เป็นย่าอย่างนั้นหรือ


   อยากจะออกปากให้แสบๆคันๆ จิกกัดที่เขาเห็นคนอื่นมีความสามารถมากกว่าหล่อน เอาเข้าจริงแล้วคุณเทียมก็เป็นแค่ผู้มีอิทธิพลปลดเกษียณ หากเทียบกับหล่อนที่แม้จะไม่ได้ออกหน้าออกตาในฐานะเจ้าของธุรกิจพันล้าน แต่เส้นสายในวงการก็ยังเหนียวแน่นเพราะระบบพึ่งพาอาศัย ฟากธุรกิจให้อย่างไรก็แยกจากการเมืองไม่ขาด หากเทียบแล้วในยุคทุนนิยมแบบนี้ หล่อนมี ‘พลัง’ มากกว่าอดีตนักการเมืองมืออาชีพที่ทำเป็นแค่ประสานผลประโยชน์อย่างคุณเทียมเสียอีก


   แต่...จิณณะไม่ได้รอฟังคำประชดประชันใดๆ เขาหมุนตัวจะเดินออกจากห้องราวกับว่าไม่คิดจะพึ่งพาญาติโกโหติกาแท้ๆ คุณกอบกุลยิ่งฉุนจัด ประกาศโพล่ง


   “แกเห็นว่าฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไง! จิณณะ”


   หลานชายหันกลับมามอง ก่อนจะส่ายหน้า


   “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ผมแค่ไม่อยากทำให้คุณย่าลำบาก”


   “แกเป็นหลานที่ดีของฉันตั้งแต่เมื่อไร ถึงจะมานึกถึงความลำบากของฉัน!”


จิณณะพูดไม่ออก อับจนคำพูดเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นย่าจะย้อนกลับมาเข่นนี้ หญิงชรามองหลานชายที่ยืนเงียบ


   “มานั่ง” หล่อนสั่ง ยิ่งทำเอาจิณณะงุนงง หญิงชราถลึงตาใส่ที่เห็นเขายังยืนเฉย


   “ฉันบอกว่าให้มานั่ง!” คนเป็นหลานไม่เข้าใจ หากเป็นจิณณะคนก่อน คงทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของหล่อน แต่เวลานี้ ผลของการใช้สมองอย่างหนักผสมกับพักผ่อนน้อยในทุกๆวัน ทำให้เขายอมเดินกลับมานั่งที่โซฟาแต่โดยดี


   “ฉันจะช่วยแก”


   “ค...คุณย่าว่าอะไรนะครับ”


   “จัดการไอ้แก่ไพศาล” จิณณะกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง คุณกอบกุลผู้ไม่เคยเห็นดีเห็นงามอะไรกับเขา ทว่าวันนี้กลับออกปากว่าจะช่วยเขาอย่างนั้นหรือ


   ไม่สิ...ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ก่อนหน้านี้หล่อนก็พยายามช่วยเขามาแล้ว


   “แกเป็นหลานฉัน ถ้าแกลำบาก ฉันเป็นย่าก็อยู่สุขสบายไม่ได้เหมือนกัน”


   ด้านดีของคุณกอบกุล...บางที...มันก็ไม่ได้ปรากฏแค่วูบเดียวอย่างที่คิด


………………..


   การลาออกจากราชการของจิณณะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั้งที่ว่าการ วันสุดท้ายของการทำงานยังมาไม่ถึง แต่จิณณะเก็บข้าวของเตรียมย้ายออกจากบ้านพักสวัสดิการแล้ว วันลาที่เหลือก็ถูกนำมาใช้จนหมดในระหว่างที่รอให้เรื่องลาออกดำเนินการเรียบร้อย


   ชายหนุ่มเก็บของใช้ส่วนตัวบางส่วนลงกล่อง ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งใจว่าจะส่งต่อให้ชาวบ้านแถวนี้ หนึ่งในนั้นคือวรชิตที่ได้รับมรดกเป็นไมโครเวฟ


   ปลัดฝ่ายป้องกันยืนมองร่างของเพื่อนก้มๆเงยๆเก็บข้าวของแล้วก็ถอนหายใจยาว ใจหายโหวงเหวงเมื่อรับรู้ว่าอีกไม่นานจิณณะจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว


   คนกำลังเก็บของหันมองต้นเสียงก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย


   “เสียดายกูขึ้นมาสิท่า” จิณณะหยอกตามนิสัย แต่ก็ไม่ได้ดูร่าเริงแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน เรื่องนี้ใครๆก็สังเกตเห็นนับตั้งแต่เจ้าตัวกลับมาทำงานหลังจากถูกลอบยิง แม้ไม่มีส่วนไหนของร่างกายบาดเจ็บ แต่...จิณณะก็ไม่เหมือนเดิม อันที่จริงวรชิตคิดว่าเวลาอาจจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แล้วก็เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย หนำซ้ำยังทำเรื่องลาออกจากราชการโดยไม่ปรึกษากันสักคำ


   “มึงไม่เห็นจำเป็นต้องลาออกเลย” วรชิตยอมรับตามตรงว่าเสียดาย ถึงจิณณะจะไม่ใช่ข้าราชการรุ่นใหม่ในอุดมคติของคนอื่น แต่ก็ทำงานคุ้มเงินเดือน มีน้ำใจ และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน หากยังอยู่ในระบบราชการ จริงอยู่ว่าอาจเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมหลายอย่างไม่ได้ แต่ก็ถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน


   “กูยื่นหนังสือไปแล้ว”


   “แล้วทำไมไม่มาคุยกับกูก่อนวะ” วรชิตหงุดหงิดที่สุดคือหงุดหงิดตัวเองที่ไม่อาจเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนได้ ทว่าจิณณะกลับยิ้มแล้วส่ายศีรษะ


   “คุยกับมึง ความก็แตกน่ะสิ” เป็นอันว่าเจ้าตัวตัดสินใจมาถี่ถ้วนแล้ว และถึงขั้นประเมินว่าหากวรชิตรู้ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออก ก็อาจจะไม่ได้ลาออกสมความตั้งใจ คนเป็นเพื่อนได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง


   “แล้วมึงจะทำอะไรต่อ”


   “กลับไปทำงานที่บ้าน”


   “เรื่องนั้นกูรู้ แต่กูหมายถึงที่มึงลาออกน่ะ เพื่อจะจัดการคดีของไพศาลใช่ไหม” จิณณะนิ่งไปเล็กน้อยราวกับยอมรับว่าการลาออกของเขามีเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้เข้าไปจัดการคดีของไพศาลได้ง่ายขึ้น หากจากนี้จะทำเรื่องที่ต้องมุดช่องโหว่ของกฎหมาย อย่างน้อยก็ลดแรงกระเพื่อมของสังคมที่จะมีต่อเครื่องแบบสีกากีได้บ้าง


   “ไอ้จิณ มึงไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ยังไงซะ คุณเทียมก็ต้องจัดการไอ้ไพศาลอยู่แล้ว”


   “แต่กูอยากจัดการมันด้วยตัวเอง” คำตอบของเพื่อนทำเอาคนออกปากเตือนถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ จิณณะก่อนหน้านี้ที่เขารู้จักคือชายหนุ่มทีเล่นทีจริง ที่ไม่รู้ว่าเคยทำอะไรจริงจังสักอย่างในชีวิตบ้างไหม เกิดมาบนกองเงินกองทอง แค่อ้าปากบอกชื่อนามสกุล ก็กลายร่างเป็นไฮโซขึ้นมาในพริบตา ไม่มีเรื่องเดือดร้อนกวนใจ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย


   ทว่าจิณณะ  วงศ์กีรติคนนั้นดูเหมือนจะล้มตายไปพร้อมกับกระสุนนัดที่ฝังเข้าไปในร่างของพิทักษ์เสียแล้ว เพราะเวลานี้คนที่อยู่ตรงหน้าวรชิตกลับเป็นชายหนุ่มที่มีอะไรบางอย่างเป็นแรงขับในชีวิต และมันผลักดันเขาให้ออกจากระบบราชการเพื่อทำบางอย่างที่น่าหวั่นใจว่าจะไม่ใช่เรื่องดี


วรชิตไม่รู้จะห้ามอย่างไร เพราะจิณณะคงตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว เหมือนที่มันลาออกโดยไม่บอกเขาล่วงหน้านั่นล่ะ


ปลัดหนุ่มฝ่ายป้องกันได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือกอย่างอับจนคำพูด


   “เลิกถอนหายใจได้แล้ว ตอนนี้มึงควรจะยิ้มสิ ที่กลับมามีชีวิตอย่างเดิมไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว”


 เพราะถูกลอบยิง จิณณะเลยยอมเล่าเรื่องทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ตนเองอยู่กับทองสุกในคืนวันเกิดเหตุและเป็นเหตุให้ไพศาลเข้าใจผิดคิดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือวรชิต ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีที่กลายเป็นเป้าแทนเพื่อน หนำซ้ำเพื่อนยังไม่บอกอะไรสักคำ แต่เพื่อนคนนั้นก็ไม่วางเฉย หากจะบอกว่าวรชิตยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้เพราะคนของคุณเทียมที่มาช่วยดูแลก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือถ้าไม่มีจิณณะ พิทักษ์ก็คงไม่ส่งคนมาดูแลเขา พอหักลบกลบหนี้กันแล้ว แม้จะถูกหมายหัวเพราะไพศาลเข้าใจผิด แต่ที่รอดตายมาได้ก็เพราะจิณณะ


   “ทีมึงยังไม่ยิ้มเลยนี่หว่า กูจะไปยิ้มออกได้ไงล่ะ”


   “กูก็ยิ้มนี่ไง” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่ให้เพื่อนดู วรชิตส่ายหน้า สายตายังจับจ้องจนริมฝีปากที่ฉีกยิ้มค่อยๆหุบลงในที่สุด พอๆกับที่ดวงตาของจิณณะหม่นหมองอับแสงลงทุกที


   “มึงได้ไปเยี่ยมคุณพิทักษ์บ้างไหม” คำถามของวรชิตยิ่งทำเอาจิณณะต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากตอบ


“เขาช่วยมึงไว้นะไอ้จิณ”


“กูรับปากน้าภาไว้แล้ว”


“แต่คุณพิทักษ์ไม่ได้รับรู้ด้วยนี่หว่า มึงกับน้ามึงตกลงกันเองทั้งๆที่เขาอยู่ในห้องผ่าตัดแบบนั้นมันไม่แฟร์”


“แล้วอะไรคือความแฟร์? ความแฟร์คือการที่กูยังหน้าด้านกลับเข้าไปในชีวิตพี่ทิศทั้งๆที่กูทำให้เขาถูกยิงน่ะเหรอ!” จิณณะพูดแล้วได้แต่เม้มปาก มันไม่ใช่ความผิดของวรชิตที่ทำให้เขาฉุนเฉียว แต่มันเป็นเพราะอารมณ์ของเขาเองที่อัดอั้นอยู่ในใจ ไม่ใช่แค่ข้อตกลงที่จิดาภาขอ แต่เพราะจิณณะเองก็ตระหนักว่าเขาคือกาลกิณีในชีวิตของพิทักษ์


และในเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นตัวซวย เป็นต้นเหตุให้พิทักษ์บาดเจ็บ จะยังมีหน้ากลับไปอยู่ข้างๆได้อย่างไรกัน


จิณณะสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์และอาการปวดหนึบในอก


“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มึงช่วยกูยกลังนั่นไปใส่รถที” เขาว่าอย่างนั้นแล้วชี้กล่องกระดาษข้างประตู ก่อนจะหมุนตัวหันไปเก็บของต่อ วรชิตได้แต่มองแผ่นหลังของเพื่อนด้วยความสงสาร ดูก็รู้ว่าจิณณะจงใจตัดบทเพราะเรื่องของพิทักษ์กระทบจิตใจมากกว่าเรื่องใดๆทั้งหมด


“คุณพิทักษ์ไม่ได้ถูกยิงเพราะมึง แต่เขาถูกยิงเพราะตั้งใจปกป้องมึง ชีวิตมึงมีค่าสำหรับเขา แต่วันนี้ที่เขารอดตาย มึงกลับพาสิ่งมีค่าไปจากเขาอีก...กูถึงได้บอก ว่ามึงไม่แฟร์”


คำพูดของเพื่อนยิ่งตอกย้ำความเจ็บในใจ จิณณะไม่กล้าหันกลับไปมอง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินหายออกไปจากบ้านก็พอจะรู้ว่าวรชิตปล่อยเขาไว้เพียงลำพังแล้ว


   หยดน้ำใสหล่นจากดวงตาลงสู่พื้น แม้จะตระหนักได้ว่าสิ่งใดมีค่าสำหรับพิทักษ์ แต่ก็ไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ตอนที่แล้วก็คือน้าภาโดนเละตุ้มเป๊ะ ขอพื้นที่เป็นกระบอกเสียงให้น้าภาสักหน่อยนะคะ ฮ่าฮ่า


ในเรื่องนี้มีชุดความคิดหนึ่งที่บัวเขียนถึงบ่อยๆคือ ‘ถ้าเป็นคนของเราได้รับผลกระทบ เรื่องนั้นๆจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาทันที’ หรือ ‘ยังไงก็ได้ ถ้าคนของเราไม่ได้รับผลกระทบ’  ระหว่างทิศกับจิณ คนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงที่เลี้ยงมาแต่เล็ก อีกคนเป็นหลาน ทั้งสองคนใกล้ชิดน้าภา แต่ระดับของความใกล้ชิด/ระดับความเป็นคนของน้าภา ยังไงพี่ทิศก็มากกว่า


พอพี่ทิศถูกยิง(ได้รับผลกระทบ) ก็เลยกลายเป็นปัญหา/มองหาคนผิด เป้าก็เลยพุ่งไปที่จิณ อย่างแรกคือจิณปิดบังตอนไปขอความช่วยเหลือให้พี่ทิศมาเป็นแฟน (จิณหลอกใช้พี่ทิศจริงๆค่ะ แต่พี่ทิศแกมีแหล่งข่าวอย่างคุณเทียม เลยตามทัน) อย่างที่สองคือทำให้ลูกเลี้ยงแกตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย พอรวมกับความรู้สึกแย่ๆเพราะน้าภาเป็นคนกลางระหว่างพี่ทิศกับจิณ ก็เลยยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก


ทีนี้ถ้าเป็นจิณถูกยิง น้าภาก็เป็นห่วงจิณเช่นกัน (แต่ไม่เท่าที่ห่วงพี่ทิศ) และจะมองหาคนผิดเช่นกันค่ะ(+รู้สึกว่าโชคดีที่พี่ทิศไม่ได้รับอันตราย) ส่วนเป้าความผิดก็จะเบี่ยงไปที่คนลงมือแทน


น้าภาแกเป็นคนกลาง น่าสงสารค่ะ แต่...เรามาเชียร์คุณย่ากอบกุลกันดีกว่า (คุณย่าเป็นคาแรกเตอร์ที่เวลาเขียนจะรู้สึกสนุกมาก ในหัวมีแต่ภาพผู้หญิงสูงวัยสายแข็ง สู้มาแล้วทั้งวงการ ประมาณนั้นเลยค่ะ ฮ่าฮ่า)


ป.ล. จากนี้เรียกปลัดจิณไม่ได้แล้วนะ เรียกพระเอกแล้วกัน เพราะจิณณะถือสโลแกนเมี...คนของข้าใครอย่าแตะ วะฮ่าฮ่า


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดค่ะ


เจอกันพฤหัสหน้า (ใครไม่มีแพลนเที่ยวสงกรานต์ล่วงหน้า แวะมาให้กำลังใจคนอยากเป็นพระเอกกันนะคะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2019 19:32:24 โดย Dezair »

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
เอ้าปลัดเป็นพระเอกหรอกเหรอ  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ถึงขั้นน้ำตาไหล
มนเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆอยู้บ้างนะจิณ
สู้ววว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ย่าหลานมหาภัยกำลังจะมาเยือนไพศาลสินะ 5555

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณย่านางเอกมากน่ารักที่สุด

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชอบคุณย่า หลานข้าใครอย่าแตะ ขนาดจิณเป็นหลานชังยังของขึ้นซะขนาดนี้ นายไพศาลจองวัดรอเลยเหอะ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แงงงงงง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


คุณย่า จัดการมันเลยยยย

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ขุ่นย่า!!!! หากช่วยหลานสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องบังคับหลานให้แต่งงานกับสาวคนไหนอีกนะคะ
สงสารพี่ทิศ ผู้อุทิศชีวิตให้แก่พระเอกจิณ แต่พระเอกไม่มาเยี่ยมกันบ้างเลย  น้อยใจจุง :m15:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่แล้วว่าเสียน้ำตา ตอนนี้ร้องซะหมอนชุ่ม
สงสารน้องจิณ สงสารพี่ทิศ  :mew2:  ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
โอ๊ย...ยิ่งสงสารน้องจิณไปใหญ่ << น้องคงได้เนาะ ไม่เรียกปลัด 555

แต่นี่ยังเคืองน้าภา คือโกรธหลานได้ รักลูกเลี้ยงได้ แต่ก็ทำทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติดเลย น้าภาไม่รู้สึกอะไรนอกจากจะปกป้องคนของตัวเองเลยเหรอ ไม่เห็นความผิดปกตินี้จริงดิ

หวังว่าการลาออกของจิณจะคุ้มค่ากับทุกความรู้สึกที่เขาเสียไป รัก ถูกรัก ภูมิใจ มีคุณค่า...เพื่อทุกคนรอบตัวเขา ทุกคนคงพอใจนะ หวังว่า...

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรีดดดดเรื่องกำลังเข้มข้นเลยพี่ทิศและจิณณะสู้ๆนะ... ขอบคุณคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด