...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305297 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
นั่นไง ชัดเจนขึ้น จนพ่อแม่ยังมองออก
แต่เชื่อเถอะยังไง จิณก็ไม่ยอมมา หรือถ้ายอมมา
พี่ทิศก็มาหาได้อยู่ดี ความห่างไกลไม่ใช่อุปสรรค

จิณเอ้ยย ทำพี่ทิศเป็นห่วง ทั้งที่หาเรื่องใส่ตัว
ทั้งที่ทำตัวแปลกไป ทำยังไงดีล่ะจะยอมห่างจริงหรอ

ทิศคือรู้ใจมากค่ะ เดาอารมณ์ ดูสถานการณ์ออก
แล้วแบบนี้จะไม่ใช่ห่วงยังไงไหวเนาะ แถมอยู่รอรับส่งอีก
คนเรา แค่ห่วงไม่ขนาดนี้หรอก อาจรอจังหวะดูอาการก็ได้

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่ทิศสู้ๆอดทนอยู่เคียงข้างน้องจิณให้ตลอดลอดฝั่งหน่อยนะ


สงสารคนดื้อหัวแข็งแบบน้องจิณด้วยน้องไม่มีใคร

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
พี่ทิศคะ ทำแบบนี้ เป็นใครก็หวั่นไหว
ปลัดจะชอบพี่ทิศก็ไม่แปลกใจ ดีขนาดนี้ไม่มีแล้ว
แล้วพี่ทิศชอบน้องจิณตรงไหนบ้าง อยากรู้ความคิดคุณเขา
แล้วก็เบื่อครอบครัวของจิณเหลือเกิน ปัญหาเยอะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
   ตอนที่ 7


   เพราะโกศลไม่ได้เป็นอะไรมากนัก จิณณะค้างที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน คืนต่อมาเป็นจารีต เขาจึงกลับไปทำงาน ขามาคนพามากรุงเทพคือพิทักษ์ ขากลับก็ยังเป็นพิทักษ์ที่พาเขากลับไปที่บ้านพักข้าราชการ


   “ขอบคุณครับ” ปลัดหนุ่มลงจากรถพร้อมสัมภาระ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเจ้าของรถที่เดินลงมาส่ง


   “ไม่ต้องขอบคุณบ่อยนักหรอก”


   “ไม่ขอบคุณได้ไง พี่...ช่วยผมตั้งหลายอย่าง”


ไม่ต้องให้แจกแจง ต่างคนต่างรู้ดีว่าพิทักษ์ช่วยอะไรบ้าง อย่างน้อยๆก็ช่วยอยู่เคียงข้างในเวลาที่ถูกตราหน้าว่าเนรคุณ


   “ผมรับปากแล้วก็คือรับปาก”


จิณณะชะงักไปเล็กน้อย คำว่ารับปากของอีกฝ่ายทำให้เขาสะท้อนใจ พิทักษ์เป็นคนทำตามคำพูด เมื่อรับปากว่าจะช่วยเหลือเขา ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี ฝ่ายเขาเองก็เคยรับปากว่าถ้าทุกอย่างสิ้นสุด จะปล่อยพิทักษ์ให้กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม แต่...เวลานี้ที่ความรู้สึกในใจเริ่มเปลี่ยนแปลง จิณณะก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าเมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างจบลง เขาจะทำใจปล่อยอีกฝ่ายไปจากมือได้หรือไม่


   เสียงประตูบ้านพักด้านหลังดังขึ้น ดึงสติปลัดหนุ่มออกมาจากภวังค์ เขาหันไปมองก็พบว่าคนที่เปิดประตูบ้านออกมาต้อนรับคือวรชิตที่ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่


   วรชิตส่งยิ้มแย้ม แล้วเดินออกมาหา


   “พ่อมึงเป็นไงบ้างวะ” แม้ก่อนหน้านี้ จิณณะจะโทร.มาแจ้งข่าวทางโทรศัพท์แล้ว แต่วรชิตก็ยังถามย้ำด้วยความห่วงใย    

“ไม่เป็นอะไรมาก”


   พิทักษ์เห็นว่าเย็นมากแล้ว และจิณณะก็มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้ว จึงเอ่ยปากขอตัว


   “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อน” 2 ปลัดหันมอง ก่อนจะเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านพักท้วง


   “ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนหรือ”


   “ไม่เป็นไร ผมต้องเข้าไปเคลียร์งาน”


เพียงเท่านั้นก็ไม่มีใครรั้งพิทักษ์เอาไว้อีก จิณณะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับมาทำงานเลยตลอด 2 วันที่เขาอยู่กรุงเทพฯ แม้จะไม่ได้อยู่กับเขาในห้องพักพิเศษของบิดา แต่พิทักษ์ก็วนเวียนอยู่แถวละแวกโรงพยาบาล เมื่อไรที่เขาจะออกไปไหน เมื่อนั้นพิทักษ์จะพร้อมขับรถให้เสมอ


   รถหรูเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักข้าราชการไปแล้ว จิณณะและวรชิตจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน คราวนี้กลายเป็นฝ่ายจิณณะที่ถามไถ่บ้าง


   “แล้วเมื่อคืนมึงนอนได้รึเปล่า”


   “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”


   จิณณะไม่อยากพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะเกรงว่าจะไปเบียดเบียนศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเพื่อนเข้า วรชิตหัวเราะเบาๆ


   “มึงบอกเองนี่หว่า ว่าคนของคุณเทียมก็อยู่ จะกลัวอะไร” อันที่จริง เมื่อคืนวรชิตแทบไม่ได้นอน ถึงแม้จะรู้ว่ามีคนของคุณเทียมคอยสอดส่องรอบบ้านให้ แต่อย่างไรเขาก็ยังกลัว


   ความกลัวตาย...เมื่อมันเข้ามาในใจแล้ว จะให้ออกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


   จิณณะวางกระเป๋าเสื้อผ้าลง ก่อนจะหันมาทางเพื่อน


   “ชิต มึงก็รู้ว่าคนของคุณเทียมดูแลไปตลอดไม่ได้...” รอยยิ้มของอีกฝ่ายหืดแห้ง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ทำเป็นลืม อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้สภาพจิตใจในตอนนี้ย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่


   “มึงบอกกูได้ไหม ว่ามึงคิดว่าเป็นใคร”


มีความเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง คนถามไม่ได้เร่งรัด แต่ก็ยังจับจ้องอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวรชิตพ่นลมหายใจออกมา


   “ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวทลายบ่อน...พี่สุกเป็นสาย...”


ก่อนหน้านี้ ในจังหวัดมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง คือตำรวจบุกจับบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง แต่ก็เป็นแค่ข่าวระดับจังหวัด ในไม่ช้าก็หายไปจากกระแสสังคม ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นตามเก็บ


   “จริงๆพี่สุกเป็นสายให้ทั้งทางเรา แล้วก็ทางตำรวจ”


   “แต่นั่นมันบ่อนชาวบ้านไม่ใช่หรือ”


   “นั่นไม่ใช่บ่อนชาวบ้าน...” วรชิตเปรย ทอดถอนหายใจยาว


   “บ่อนนั่นมีทุกอย่างที่ปอยเปตมี แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพ มึงคิดว่าลูกค้าของบ่อนเป็นใครล่ะ ไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้หรอก...”


   “แสดงว่าเจ้าของบ่อน...เส้นใหญ่มาก”


ถ้าพูดถึงเส้นสายในจังหวัดนี้ ชื่อเดียวที่ดังก้องหัวของจิณณะในเวลานี้คือคุณเทียม


   “ของคุณเทียมหรือ?” พอเปรยชื่อออกไป คนพูดก็ใจหายวาบ ไม่ใช่แค่เพราะคุณเทียมคือคนที่เขาเข้าไปอาศัยบารมี แต่...เพราะพิทักษ์เป็นหลานของคุณเทียม


   พิทักษ์รู้เห็นด้วยไหม? พิทักษ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?


   พิทักษ์...เชื่อใจได้รึเปล่า?


   ใจ...ที่แอบวางลงไปในมือของผู้ชายคนนั้น หากต้องดึงกลับมา ก็สู้ให้บดขยี้ไปเสียดีกว่า เพราะอย่างไรก็เจ็บไม่ต่างกัน


   “ไม่ใช่คุณเทียม...” คำตอบของวรชิตทำเอาจิณณะโล่งใจจนเผลอถอนหายใจเบา


“...เจ้าของบ่อนคือนายไพศาล”


ในจังหวัดนี้นอกจากคุณเทียมที่เป็นผู้มีอิทธิพลแล้ว ยังมีคนที่กว้างขวางไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นายไพศาลคนนี้ไม่ใช่นักการเมืองระดับประเทศหรือระดับท้องถิ่น แต่วางรกรากเส้นสายในจังหวัดผ่านทางการปล่อยเงินกู้และการค้าขาย


   “มันเป็นคนสั่งเก็บพี่สุกหรือ?”


คราวนี้วรชิตส่ายหน้า


   “กูก็ไม่รู้ แต่ถ้าพี่สุกจะขัดแข้งขัดขาใครก็น่าจะเป็นเรื่องทลายบ่อคราวนั้น”


   “แต่นายไพศาลกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าจำไม่ผิด หมอนี่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อคุณเทียม...” 


ถ้ามีคนอยู่ใต้อาณัติ ก็ย่อมต้องมีคนที่ไม่อยากอยู่ใต้อาณัติ แต่ถึงอย่างนั้น ยามพบปะ พ่อค้าอย่างไพศาลก็ทำตัวมีสัมมาคารวะ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ ทว่า...ก็ไม่อยู่ใต้อำนาจคุณเทียมเช่นกัน


   “มีคนบอกว่ามันมีแบ็กใหญ่” 


จิณณะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถ้ากล้าเปิดธุรกิจสีเทาสีดำในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ แถมพอมีคนขัดแข้งขัดขาก็กระทำการอุกอาจส่งคนมาตามเก็บแบบนี้ หากไม่มี ‘แบ็กใหญ่’ ก็คงไม่กล้าหาญขนาดนี้


   มาถึงตรงนี้ วรชิตก็ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรง ยิ่งตระหนักถึงสิ่งที่เกิดกับทองสุก ก็ยิ่งหวาดหวั่น แม้จะไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงจะต้องกลายเป็นรายต่อไป


   “แต่เรื่องทลายบ่อนคราวนั้น กูไม่ได้เกี่ยวด้วยเลย...กูไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงเล็งมาที่กู...” เขาครวญอย่างสับสน ทว่าจิณณะไม่กล้าพูดว่าต้นเหตุที่ทำให้วรชิตถูกหมายหัว เป็นเพราะพวกนั้นรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่กับทองสุกในคืนสุดท้ายของชีวิต ได้แต่ตบไหล่หนักๆ แล้วปลอบเสียงพร่าด้วยความอัดอั้นเพราะไม่กล้าบอกเพื่อนตามตรง


   “มึงต้องไม่เป็นอะไร”


วรชิตเงยหน้ามอง สายตาเต็มไปด้วยความกังวล


   “มึงรับราชการด้วยตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็ต้องเกษียณที่ตำแหน่งปลัดกระทรวง” จิณณะย้ำ คำพูดของเขาก็พอจะทำให้คนฟังยิ้มได้อยู่บ้าง


   “กูเป็นปลัดกระทรวง แล้วมึงเป็นอะไร ปลัดกระทรวงมีได้แค่คนเดียว”


   “กูจะออกจากราชการไปเป็นรัฐมนตรี จะได้สั่งงานมึงอีกทีไง”


   เสียงหัวเราะดังหึของวรชิตช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด


มิตรภาพ...เป็นแสงไฟดวงเล็กๆในวันที่มืดมนเต็มไปด้วยปัญหา ต่อให้ไม่อาจชี้ทางออก แต่ก็ทำให้มองเห็นว่าไม่ได้มีเพียงตนเองที่เดินอยู่เพียงลำพัง

............................

เรื่องที่รู้มาจากวรชิต ย่อมไม่หยุดอยู่แค่จิณณะ เช้าวันต่อมาปลัดหนุ่มหิ้วโจ๊กสิบห้าถุงไปถึงสนามกอล์ฟ ฝากคนอื่นๆเสียสิบสามถุง อีกสองถุงให้แม่บ้านช่วยจัดใส่ถ้วยยกเข้าไปให้ที่ห้องทำงานของพิทักษ์


“คราวนี้ซื้อมากี่ถุง” พอถ้วยโจ๊กถูกวางลงตรงหน้าเจ้าของห้อง คำถามก็ดังขึ้นทันที จิณณะทำหน้าเบ้ ทว่าประไพผู้เป็นแม่บ้านกลับหัวเราะคิก


“ป้าไพ บอกผมมา” พิทักษ์รู้ดีว่าเขาควรถามใคร เพราะคนเบ้หน้าย่อมหุบปากเงียบ ประไพเหล่มองปลัดหนุ่มอย่างสัพยอก จิณณะเห็นสายตาของหล่อนก็ได้แต่พยักหน้าเนือยๆ


“บอกไปเถอะป้า แต่ลดจำนวนให้ผมหน่อยก็ดีนะ”


“สิบห้าค่ะ” ทว่าประไพนั้นสมกับเป็นคนของพิทักษ์ แม้จะถูกบอกให้โกหกช่วยๆกันหน่อย หล่อนกลับบอกตรงเป๊ะ เจ้าของห้องสูดลมหายใจลึกแล้วหันมามองแขกเจ้าของโจ๊กสิบห้าถุง


“พนักงานของพี่ตั้งเยอะ จะให้ผมซื้อมาน้อยได้ไงล่ะ พี่ลดพนักงานลงสิ ผมจะได้ซื้อน้อยๆ” คนซื้อของฝากมือเติบออกตัวเหมือนตัวเองไม่ผิด หนำซ้ำยังแนะให้ลดจำนวนพนักงานอีกต่างหาก


“แล้วถ้าที่นี่มีพนักงานเป็นร้อย ไม่ต้องซื้อโจ๊กมาร้อยถุงรึไง” ถูกย้อนเข้าแบบนั้น จิณณะก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบ


“ใครที่ไหนจะซื้อโจ๊กเป็นร้อยถุง”


“แต่ก็ไม่ควรซื้อมาเป็นสิบถุงเหมือนกัน”


“ผมมีน้ำใจไง”


“น้ำใจมีแค่พอสมควร ไม่ใช่ทุกครั้ง” ต่อให้เถียงยังไง พิทักษ์ก็มีวิธีโต้กลับ จิณณะเลยเลือกจะเบี่ยงความสนใจด้วยการเลื่อนชามโจ๊กเข้าไปใกล้เจ้าของห้อง


“ผมว่าโจ๊กจะเย็นหมดแล้วนะ”


เจ้าของห้องทำงานมองคนเปลี่ยนเรื่องตาใสแล้วถอนหายใจ รู้ดีว่าบ่นอะไรไป อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง เขาหยิบช้อนขึ้นมาคนโจ๊กในชาม เพียงเท่านั้นประไพที่ยืนสังเกตการณ์ก็หัวเราะออกมาอีกยกใหญ่ ชายหนุ่มสองคนที่กำลังจะจัดการอาหารเช้าต้องพากันหันมอง


หญิงร่างอวบผู้เป็นแม่บ้าน หัวเราะหน้าตาสดใส พอเห็นสายตาของสองหนุ่มที่คนหนึ่งหล่อนใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนอีกคนก็เคยเห็นผ่านตามาสมัยเด็กๆ ก็ยิ่งหยุดหัวเราะไม่ได้


“ขอโทษค่ะ ป้าเห็นแล้วคิดถึงสมัยก่อน”


“สมัยก่อน?” จิณณะทวนถาม


“สมัยเด็กๆ คุณจิณเคยมาเล่นกับคุณทิศ เล่นกันไปเถียงกันไป เถียงสู้กันได้พักนึงก็พากันเงียบ แล้วก็เล่นด้วยกันต่อ แล้วก็เถียงกันใหม่ ตอนแรก คุณยากับคุณภาก็พากันกลุ้มใจ กลัวจะเล่นแล้วทะเลาะกัน ที่ไหนได้ ไม่ทะเลาะแถมยังยอมกันอีก แต่ยอมกันได้แป๊บเดียวก็เถียงกันใหม่ แบบนี้เด๊ะเลย”


จิณณะและพิทักษ์พากันเงียบ จากที่มองประไพเมื่อครู่ก็กลายเป็นหันมามองกันเอง


ไม่ทะเลาะกัน แถมยังยอมกันอีก


จิณณะรู้สึกน้ำลายหนืดคอไปหมด เขากะพริบตาปริบๆก่อนจะเป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาลงมองโจ๊กในถ้วยตัวเอง แล้วตักเข้าปาก อย่างน้อยก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยอม แต่หิวจนไม่อยากเถียงแล้วต่างหาก


ทว่าจะมีใครรู้ดีกว่าหัวใจ


...ยอมจริง...


...ยอมพี่ทิศจริงๆ...


“อ้าว ตายจริง ป้าลืมยกเครื่องปรุงเข้ามา”


“ไม่ต้องครับ ตอนเช้าไม่ปรุงจะดีกว่า” พิทักษ์สั่ง แม้จิณณะจะอยากปรุงแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดจะเงยหน้าจากถ้วยโจ๊กในเวลานี้ ตักกินไปแล้วหลายคำ จะมาอยากปรุงเอาตอนนี้ก็จะกลายเป็นดูไม่เนียนน่ะสิ


ประไพรับคำ ก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยชายหนุ่มสองคนเอาไว้กับความเงียบ


เจ้าของห้องมองคนที่ก้มหน้าก้มตาตักโจ๊กเข้าปากแล้วก็พาลรู้สึกอึดอัด เมื่อครู่นี้พวกเขายังทุ่มเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เลย แม้จะเป็นการทุ่มเถียงที่ไม่ค่อยมีสาระนัก แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับมัน บรรยากาศจึงเป็นกันเองและสบาย จนกระทั่ง...ถูกทักว่าเถียงกัน แล้วก็ยอมกัน


...ไม่ทะเลาะ...เพราะก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ต่างคนต่างก็ยอมเป็นฝ่ายเงียบ


ตัวเขานั้นติดนิสัยไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังทุ่มเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องกับจิณณะ


ส่วนจิณณะ...รายนี้ช่างพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังยอมเงียบให้เขา


เราต่างคนต่างยอมกัน


ความรู้สึกบางอย่างทับถมในใจของพิทักษ์ช้าๆ สายตาของเขายังเอาแต่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ดูเหมือนคนถูกมองจะไม่ได้รับรู้เลย เพราะเอาแต่ตักโจ๊กเข้าปาก


“แล้ววันนี้มีอะไรรึเปล่า ถึงมาทานข้าวเช้าที่นี่”


แล้วก็เป็นฝ่ายพิทักษ์ที่ยอมอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่ใช่คนช่างพูด แต่เขาก็ยอมเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมาก่อน


จิณณะเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เขามีเรื่องอยากจะพูดคุยด้วย ถึงได้ซื้อโจ๊กมาเป็นใบเบิกทางหาเรื่องมาพบหน้าพิทักษ์แต่เช้า


“ผมคุยกับไอ้ชิตแล้ว เรื่องพี่สุก” ปลัดหนุ่มเอ่ยหน้าตาจริงจัง วางช้อนลงกับถ้วย ในขณะที่พิทักษ์เองก็พลอยตั้งอกตั้งใจฟังไปด้วย


“ไอ้ชิตบอกว่าพี่สุกเป็นสายตอนที่ทลายบ่อนพนันคราวก่อน มันว่าบ่อนนั่นเป็นของนายไพศาล ไม่ใช่บ่อนธรรมดาด้วย” พิทักษ์รับฟังอย่างเงียบๆ เขาเคยพบหน้านายไพศาลคนนี้หลายครั้งตามงานใหญ่ๆของจังหวัด ไพศาลเป็นพ่อค้าคนกลาง รู้จักคนนั้น พบปะคนนี้ เป็นเศรษฐีใหญ่คนหนึ่งที่นี่ แน่นอนว่าหลังฉากอาชีพค้าขายสุจริตคือการปล่อยเงินกู้ให้ทั้งคนในระบบราชการและชาวบ้านทั่วไป


ส่วนเรื่องบ่อน...เรื่องนี้พิทักษ์เองก็เพิ่งรู้เช่นกัน


“ไอ้ชิตบอกว่ามันมีแบ็กใหญ่” นั่นก็ฟังสมเหตุสมผลอยู่ การเปิดบ่อนในยามที่การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ย่อมทำเองโดยอาศัยเม็ดเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอำนาจด้วย


“พี่ว่า...ลุงพี่รู้เรื่องนี้ไหม” เป็นคำถามที่ทำให้พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นหลานของคุณเทียม แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ล่วงรู้ทุกเรื่องที่ลุงของเขารู้ เขาสบตากับคนถาม จิณณะเองก็มีแววไม่แน่ใจ ก่อนจะเปรยขึ้นมาอีกครั้ง


“แล้ว...เรื่องของพี่สุกจะเกี่ยวกับเรื่องทลายบ่อนอย่างเดียวจริงรึเปล่า...” เป็นคำถามที่แม้แต่คนถามก็ไม่กล้าคิดถึงคำตอบ ได้แต่เม้มปากแน่น แล้วถามอีกครั้งราวกับขอความเห็น


“ถ้ามันไม่ใช่แค่เรื่องบ่อน...เราจะทำยังไงดี” จิณณะแอบเหมารวมอีกฝ่ายไปด้วย อย่างน้อยก็รู้สึกดีว่ายังมีอีกคนที่รวมกันแล้วกลายเป็น ‘เรา’


“จะถอยหรือ” พิทักษ์ถาม


“ลุงของพี่ก็เคยบอกว่าถ้าเข้าไปยุ่ง จะถอยออกมาไม่ได้อีก...” ในแววตาของจิณณะมีแววไม่แน่ใจและเป็นกังวล หากว่าเรื่องที่ทองสุกเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว หากไม่ใช่แค่เรื่องบ่อนการพนัน หากเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่มากกว่า เขาจะรับมือไหวหรือ


“ถ้าจะถอย คุณต้องหาทางออกให้ตัวเองกับเพื่อนของคุณให้ได้”


คำแนะนำของพิทักษ์ทำให้คนที่ต้องควานหาทางออกในเวลาที่ปัญหาประเดประดังได้แต่เม้มปากแน่น การตัดสินใจนี้ ทำให้อัดอั้นเสียจนริมฝีปากยังสั่นระริก


“ผม...ออกจากราชการ กลับกรุงเทพฯดีไหม”


ไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นความตายที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่มีเรื่องที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเนรคุณปล่อยให้บิดาทำงานหนักทั้งๆที่ควรจะเป็นกำลังสำคัญให้ครอบครัวด้วย


ราวกับชะตาชีวิตชี้ทางเดียวให้เขา คือทิ้งอาชีพที่ทำอยู่เวลานี้เอาไว้ที่นี่ แล้วกลับไปรับช่วงต่อจากบิดาที่กรุงเทพ


ปลอดภัยจากภยันตราย แบ่งเบาภาระพ่อแม่


วิถีกตัญญู


“แล้วเพื่อนของคุณล่ะ” พิทักษ์ไม่ได้คิดจะรั้ง แต่เวลานี้คนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่จิณณะ แต่วรชิตก็ถูกเพ่งเล็งเช่นกัน


มาถึงตรงนี้ จิณณะก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


“ผมว่าจะเข้าไปคุยกับคุณย่า คุณย่าเคยพูดว่ารู้จักคนที่จะย้ายผมเข้ากรุงเทพได้ ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะย้ายไอ้ชิตไปไหนก็ได้ แลกกับการที่ผมจะกลับไปทำงานตามที่เขาอยากให้ทำ”


“แต่ถ้ามันคิดจะเก็บพวกคุณ ต่อให้เพื่อนคุณถูกย้ายไปอยู่บนเกาะ หรือคุณอยู่ในกรุงเทพ มันก็ส่งคนไปเก็บอยู่ดี” พิทักษ์แย้ง เรื่องนี้จิณณะเองก็พอเดาได้ เขารู้ว่าถ้าถูกหมายหัว อย่างไรก็ไม่รอด


“ฟังดูเหมือนผมถอยไม่ได้เลย...” จิณณะไม่ใช่คนคร่ำครวญกับอดีต แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถ้า’ เขายอมตามใจคุณกอบกุล กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ หรือแม้แต่ไม่ขวนขวายสอบปลัด ไม่ดื้อแพ่งเรียนมาทางสายนี้แต่แรก ชีวิตก็คงไม่ต้องพบเจอปัญหาแบบนี้


ผิดที่เขาเอง ผิดที่ตนเอง


“จิณ...” เจ้าของชื่อที่กำลังจมจ่อมอยู่กับภวังค์เงยหน้ามองตามเสียงเรียก พิทักษ์ยังมองตรงมาที่เขา ดวงตาคู่นี้จะว่าดุก็ดุ แต่ในเวลาที่กำลังไหวเอนเพราะปัญหารุมล้อม ดวงตาคู่นี้กลับเหมือนกำแพงแข็งแกร่งที่โอบล้อม...ให้ปลอดภัย


หนักแน่น จริงจังและเต็มไปด้วยสติ


จิณณะกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนจู่ๆก็ถูกดึงกลับขึ้นมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ไม่ได้สวยงาม โลกที่เขาต้องต่อสู้ โดยมีเจ้าของดวงตาคู่นี้สู้ไปด้วยกัน


“ถ้าคุณถอยแต่แรก ป่านนี้เพื่อนคุณอาจเป็นศพที่สอง...ส่วนทองสุก เขาน่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรสักอย่าง ที่ทำให้พวกคุณโดนลูกหลง ถ้าเป็นเพราะเรื่องบ่อน ทำไมคนทำไม่เล็งไปที่ตำรวจที่อยู่ในทีมวันนั้น ทำไมถึงล็อคเป้าที่ปลัดอำเภออย่างพวกคุณ” จิณณะนิ่งคิดตามที่อีกฝ่ายพูด เลยพลอยเป็นทิ้งความรู้สึกผิดและการโทษตนเองเมื่อครู่ไปเสียสิ้น


“พี่ทิศว่า...พี่สุกจะเป็นสายให้...นายไพศาลด้วยไหม”


“ถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เขาถูกฆ่า ก็อาจเพื่อปิดปาก” แม้จะเห็นด้วย แต่เพราะพิทักษ์รู้ว่าจิณณะกับทองสุกรู้จักคุ้นเคยกันดี เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกกับการถูกคนคุ้นเคยหักหลังเพราะเป็นสายให้หลายทาง แค่เมื่อครู่นี้ที่เจ้าตัวดำดิ่งกับความคิดจนส่อความรู้สึกเจ็บปวดทางสีหน้า พิทักษ์ก็ใจหายจนต้องเรียกชื่อเพื่อดึงสติจิณณะกลับมา


“หรือไพศาลอาจจะมีกิจการอย่างอื่น...ที่ไม่ใช่บ่อน และไม่ถูกกฎหมาย...” แม้เวลานี้สีหน้าของปลัดหนุ่มจะไม่มีวี่แววสนุกสนานรื่นเริงเหมือนเคย หนำซ้ำยังเคร่งเครียดคิ้วขมวดด้วยใช้ความคิดหนัก แต่ก็ยังดูดีกว่าตอนนิ่งเงียบเหมือนเมื่อครู่


ความมีชีวิตชีวา บางทีก็ไม่ใช่การยิ้มหรือหัวเราะ แต่มันคือการรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว


“ถ้าเราอยากรู้ว่านายไพศาลทำอะไร เราต้องรู้ว่าแบ็คของมันคือใคร”


“ยาก...” จิณณะตอบอย่างไม่ต้องคิด ทว่าพิทักษ์กลับส่ายหน้า


“ไม่ยากหรอก”


“พี่ทิศหาได้หรือ? หาจากไหน?!” จากคนเคร่งเครียดใช้ความคิด กลายเป็นทำตาโตด้วยความอยากรู้ นี่ล่ะ...ชีวิตชีวาที่พิทักษ์อยากเห็น


มันดีกว่าตอนที่จิณณะจมอยู่กับตัวเองเยอะเลย


“ลุงของผม”


“...ที่ให้ผมช่วยมาตั้งแต่แรก ก็เพราะลุงผมไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาให้ลุงผมช่วยแล้ว”

.............................

ถึงแม้พิทักษ์ออกปากว่าจะเข้าไปพบคุณเทียมเพียงลำพัง แต่จิณณะยืนกรานหนักแน่นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเขาโดยตรง ดังนั้นต้องให้เขาไปด้วย แต่เพราะกว่าพิทักษ์จะเลิกงานก็เกือบหกโมงแล้ว ข้าราชการหนุ่มที่เลิกงานก่อนจึงมาคอยที่บ้านพัก หกโมงเล็กน้อย รถยุโรปคุ้นตาก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน


วรชิตที่ย้ายมาอยู่บ้านพักของจิณณะแทบจะเป็นการถาวรกำลังกินข้าวอยู่ก็ถึงกับต้องหันไปยิ้มแซวคนที่ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกจากบ้านทันที


“ถึงว่า เมื่อกี้กูชวนไปกินส้มตำไม่ไป ที่แท้มีนัด”


จิณณะไม่อยากบอกเลยว่านัดที่ว่าคือนัดเพื่อความปลอดภัยอย่างยั่งยืนของพวกเขาสองคนนี่ล่ะ แต่เรื่องนี้จะให้วรชิตรู้ไม่ได้ คนกะล่อนเลยทำเป็นเกาศีรษะเขิน


“แฟนกันน่ะมึง” คนฟังถึงกับทำตาโต


“เต็มปากเต็มคำมาก” พอดีกับที่เจ้าของรถที่ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านโผล่หน้ามาที่ประตูซึ่งเปิดเอาไว้ วรชิตเลยหันไปส่งยิ้มยกมือไหว้


“เข้ามาก่อนไหมครับ”


“ไม่เป็นไรครับ พอดีรีบ” ผู้มาเยือนว่าอย่างนั้นก่อนจะหันไปมองจิณณะที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงขายาวสีเข้ม เวลาเจ้าตัวแต่งตัวลำลองแบบนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีอยู่หรอก แตกต่างจากคราวที่ใส่ชุดเดินแคทวอล์กหรือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ลิบลับ


“จองโต๊ะไว้กี่โมง” วรชิตหันมาถามหยอกเพื่อนข้างกาย จิณณะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะอาศัยไหวพริบเอาตัวรอดไปได้อีกรอบ


“ของอย่างงี้ต้องบอกมึงด้วยหรือวะ เรื่องของคนสองคนไหม” คนสองคนที่ว่า เขาทำเป็นชี้ที่ตนเองและพิทักษ์ วรชิตพยักหน้าเออออ


“คนสองคนที่เป็นแฟนกันสินะ” ถึงแม้จะเป็นคนบอกเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรชิตรู้ด้วยตัวเอง แต่พอถูกล้อต่อหน้าในเวลาที่เขาและพิทักษ์อยู่ด้วยกัน ก็พาลเอานึกเก้อขึ้นมาดื้อๆ


จิณณะรู้สึกเหมือนจะเอาตัวไม่รอดยังไงไม่รู้ เลยต้องรีบเอ่ยปาก


“ไปกันเถอะพี่ทิศ ไปก่อนนะไอ้ชิต เดี๋ยวดึกๆกลับ”


“ไม่กลับก็ได้ กูเข้าใจ” จิณณะพูดไม่ออก อยากสวนแทบตายว่าไม่เข้าใจอะไรเลยต่างหากล่ะ แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่พ้นกลายมาเป็นบ่วงรัดคอตัวเอง เขารีบเดินไปดันพิทักษ์ออกจากบ้าน


อึดใจต่อมารถของพิทักษ์ก็เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักราชการ ภายในรถเงียบกริบ โดยเฉพาะจิณณะที่ยังเก้อกับสิ่งที่เพื่อนแซวทิ้งท้ายเอาไว้


ความรู้สึกในใจของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับรู้ แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือความรู้สึกของคนข้างกายต่างหาก


“เอ่อ...ไอ้ชิตมันคิดว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ อย่างที่ผมเคยบอกไงว่าคนที่ที่ว่าการเขารู้กันหมดเรื่องผมกับพี่...”


“ผมรู้...” พอคนขับว่ามาอย่างนั้น จิณณะก็นึกคำพูดต่อไม่ออก


พิทักษ์รู้ ใช่ พิทักษ์ต้องรู้อยู่แล้ว แต่เขาจะบอกอีกทำไมวะ ร้อนตัวจนแสดงพิรุธออกไปหมด!


“กังวลอะไร” คราวนี้คนถูกถามกลายเป็นจิณณะเสียเอง


“เอ่อ...ก็...ก็เรื่องที่มีคนจ้องจะเก็บผมกับไอ้ชิตไง”


“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น คำพูดของเพื่อนคุณทำให้คุณกังวลใช่ไหม” จิณณะรู้สึกเหมือนวันนี้น้ำท่วมปากท่วมคอไปหมด


“ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเข้าใจ”


เข้าใจ?


ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเคยดุเรื่องที่เขาแสดงความชัดเจนกลางที่สาธารณะอยู่เลย


เพราะอะไร ถึงเริ่มใจดีกับเขาขนาดนี้


จิณณะอยากถาม นิสัยอยากรู้อยากเห็นในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่สมควร แต่...ก็อยากรู้


ทำไมถึงไม่ว่าอะไร เพราะเป็นคนรับปากคำไหนก็คำนั้นหรือ? หรือเพราะอย่างอื่น...


หัวใจคาดหวังเหตุผลอื่น แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม


คนขับเหลือบตามองคนข้างกายที่นิ่งเงียบไป เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆอีกฝ่ายถึงเงียบ แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ปกติมาตั้งแต่ก่อนจะออกจากบ้านแล้ว


วันนี้จิณณะไม่เหมือนเดิม และตัวเขาเองก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม


เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่น่าจะต้องใส่ใจ เขากลับ...อดให้ความสำคัญไม่ได้


“ตอนนี้คุณมีเรื่องต้องคิดเยอะแล้ว เรื่องของผมไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล” คำพูดของเขาทำเอาคนที่กำลังตัดสินใจอยากถามในสิ่งที่รู้ต้องหันมอง พิทักษ์ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับถนน


ใช่...เวลานี้มีเรื่องอื่นที่จิณณะต้องจัดการ แล้วไว้หลังจากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้น เขาจะยกเรื่องของเขาและพิทักษ์ขึ้นมาใคร่ครวญอีกครั้ง


ถ้าถึงเวลานั้น...เขาจะถามในสิ่งที่ ‘หัวใจ’ อยากรู้

.........................


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


พิทักษ์ไม่ใช่แขกของบ้านคุณเทียมเพียงคนเดียวในวันนี้ พอเขาจอดรถภายในอาณาเขตรั้วอัลลอย สายตาก็เห็นรถยนต์อีกคันจอดรออยู่ที่หน้าบันไดเตี้ยของตัวบ้าน เดิมทีจำไม่ได้ว่าเป็นรถใคร แต่พอเห็นเจ้าของรถเดินออกมาจากบ้านพร้อมด้วยคนของคุณเทียมที่ออกมาส่ง เขาก็หันมองจิณณะทันที


ดูเหมือนปลัดหนุ่มเองก็จำชายคนนั้นได้เช่นกัน เพราะเจ้าตัวก็หันมามองเขา


...ไพศาลมาหาคุณเทียม...


...มาเรื่องอะไร?...


พวกเขาไม่พูดอะไรกัน แต่ก้าวเท้าเดินไปยังประตูบ้านทันที


“อ้าว! คุณพิทักษ์” ชายวัยห้าสิบร่างเตี้ยท้วมหันมาเห็นก็ร้องทักพร้อมด้วยรอยยิ้ม คนถูกทักกดมุมปากยกยิ้มกลับไปเล็กน้อยก่อนจะยกมือไหว้


“สวัสดีครับ คุณไพศาล”


ไพศาลยกมือรับไหว้ แย้มยิ้มอย่างมีไมตรีแล้วเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายพิทักษ์ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนทบวนความทรงจำ


“นี่คือ...” แน่นอนว่าปลัดอำเภอตัวเล็กๆไม่ได้อยู่ในความทรงจำเท่าไรนัก แต่เพราะหมู่นี้จำต้องใกล้ชิดกับพวกปลัดอำเภอมากหน่อย จึงคุ้นหูคุ้นตาอีกฝ่ายเหลือเกิน


“ปลัดจิณณะครับ” พิทักษ์เป็นคนแนะนำ จิณณะยกมือไหว้ ไพศาลอาจจะจำเขาไม่ได้ แต่จิณณะจำอีกฝ่ายได้ดี เพราะนอกจากจะเป็นพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ของจังหวัดแล้ว เมื่อครั้งงานศพของทองสุก ไพศาลก็ไปร่วมตอนเผา


“อ้อ...ขอโทษทีที่จำไม่ได้นะ ผมแก่แล้ว ความจำไม่ดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ” ไพศาลพูดแล้วหัวเราะเอิ้กอ้าก จิณณะเพียงยิ้มจาง


“คุณไพศาลพบคุณลุงเรียบร้อยแล้วหรือ” หลานชายเจ้าของบ้านพูดแทรกขึ้นมา ไพศาลจึงหันมาทางเขาแทนแล้วพยักหน้า


“มาเชิญคุณเทียมน่ะ งานวันเกิดผมวันเสาร์นี้แล้วก็ควบงานเปิดตัวปั๊มน้ำมันใหม่ของผมด้วย เชิญคุณพิทักษ์และปลัดด้วยนะครับ” เดิมทีไม่ได้คิดจะเชิญพิทักษ์หรือปลัดจิณณะ แต่ในเมื่อพบหน้ากันโดยตรง และการเชิญเเขกเพิ่มอีกสองคนก็ไม่ได้ทำให้งานเลี้ยงขาดเหลืออะไรมากนัก เขาจึงออกปากชวนด้วย


พิทักษ์ไม่ทันตอบ แต่จิณณะกลับยกยิ้มออกหน้า


“พวกเราไปแน่นอนครับ”


ไพศาลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขอตัวขึ้นรถ พวกเขารอจนรถยนต์ยุโรปคันใหญ่เคลื่อนตัวออกนอกรั้วไปแล้วปลัดหนุ่มก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้อง เขาหันมาเห็นสายตาของพิทักษ์เข้า ก็เริ่มรู้ชะตาชีวิตตัวเองในวินาทีถัดไปว่าจะต้องถูกดุเรื่องที่ด่วนรับปากแน่ แต่โอกาสมาตรงหน้า เขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ


“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือหรือ”


เหตุผลมีแค่นี้เอง ถ้าอยากเข้าใกล้ไพศาล ก็มีแต่จะต้องตกลงไปงานเลี้ยงของไพศาลเท่านั้น


“มีอีกตั้งหลายวิธีที่จะได้ลูกเสือโดยไม่ต้องเข้าถ้ำเสือ” ทว่าสำหรับนักธุรกิจอย่างพิทักษ์นั้น เขามองเห็นทางอีกมากที่จะเข้าใกล้นายไพศาลโดยไม่ต้องไปเอาตัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่


จิณณะทำหน้าหน่าย “แต่ผมรับนัดจะเข้าถ้ำเสือแล้วนี่”


ฝ่ายพิทักษ์ถอนหายใจ


“เข้ามือเปล่าไม่ได้” เขาดุ จิณณะยักไหล่


“ผมเข้าคนเดียวหน่า ไม่ได้จะลากพี่เข้าไปด้วยเสียหน่อย”


“ใครจะปล่อยให้เข้าคนเดียว” ปลัดเจ้าเล่ห์หัวเราะเบาๆ สุดท้ายก็มีคนยอมเข้าถ้ำเสือกับเขาอยู่ดี ดวงตามองคนพูดด้วยประกายระยิบ


“ถ้าพี่เข้าด้วย ก็ไม่เรียกว่าผมเข้ามือเปล่าแล้ว...” เขาตั้งใจหยอก แต่พอพูดออกไปแล้วก็เพิ่งประมวลผลได้ว่าคำพูดของตนนั้นสื่อชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือ ‘สิ่งจำเป็น’ ต่อให้การเข้าถ้ำเสือจะอันตรายแค่ไหน แต่ถ้ามีพิทักษ์ไปด้วย...ก็อุ่นใจ


ดูเหมือนคนที่เข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างชัดเจนจะไม่ใช่เพียงคนพูด แต่คนฟังก็ถึงกับนิ่งไปเช่นกัน พวกเขาสบตากันชั่ววินาที แล้วก็พาลเป็นเก้อกันไปทั้งคู่ ก่อนจะพากันหันหนีไปคนละทาง ทางฝั่งจิณณะนั้นแย่หน่อย เพราะพอหันมองไปทางอื่นก็สบตาเข้ากับสายตาของคนของคุณเทียมพอดี เขากระแอมไอตั้งสติแล้วเอ่ยเรียบๆอย่างขรึม


“เอ่อ...น้ามิตร พวกผมเข้าไปพบคุณเทียมได้เลยไหม”


มิตรกะพริบตาปริบๆ หากไม่ได้ตาฝาด เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้...เห็นคนเขินกัน แต่...เรื่องอย่างนี้พูดตรงๆไม่เหมาะ ในเมื่อฝั่งหนึ่งคือหลานชายของคุณเทียม อีกฝั่งคือข้าราชการหนุ่มประจำอำเภอ


“เชิญทางนี้ครับ” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าบ้าน แต่ไม่วายแอบมองเหลือบไปข้างหลัง ก็พบว่าจิณณะและพิทักษ์ยังคงเดินคู่กัน เพียงแต่ไม่มองกันแม้แต่นิดเดียว

...................................

คุณเทียมรับฟังคำพูดของจิณณะอย่างสงบ โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าตัวอ้างถึงคำพูดของเพื่อนปลัดคนหนึ่งว่าไพศาลเป็นเจ้าของบ่อนที่ถูกทลายคราวก่อน


คราวนั้นคนที่ออกมารับหน้าเสื่อคือผู้จัดการบ่อนที่แสร้งทำตัวเป็นชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ซัดทอดไปยังเจ้าของตัวจริง และย่อมไม่มีทางไปถึงเส้นสายของไพศาล


“ทองสุกคือสายให้คราวนั้นสินะ” คุณเทียมถาม ดวงตาจับจ้องปลัดหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ครับ” ชายผู้มีเส้นผมสีดำแซมขาวเอนหลังพิงพนัก ขณะที่สายตายังไม่ถอนไปจากชายหนุ่มอายุคราวลูกที่นั่งอยู่เบื้องหน้า


ก่อนหน้านี้พิทักษ์มาขอคนของเขาให้ช่วยดูแลความปลอดภัยปลัดคนหนึ่งที่ชื่อวรชิต เพราะกำลังถูกเพ่งเล็งจากคนบางกลุ่ม ยามนั้นเขาให้ความช่วยเหลือโดยไม่ถามอะไร วันนี้พิทักษ์มาพบเขาอีกครั้งพร้อมด้วยจิณณะ และพูดถึงปลัดที่ชื่อวรชิตอีกครั้ง


คนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ย่อมประมวลเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน ชาวบ้านอย่างทองสุกถูกคนกลุ่มหนึ่งยิงถล่มบ้านจนตัวตาย ไหนจะเรื่องที่จู่ๆหลานชายอย่างพิทักษ์ที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร กลับพาจิณณะมาพบเขาพร้อมกับออกปากว่ากำลังคบหากันอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อปลัดวรชิตเดือดร้อนจากการถูกคนตามก่อกวน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่เก็บทองสุก คนที่มาขอความช่วยเหลือจากเขาก็คือพิทักษ์


จิณณะสนิทสนมกับปลัดวรชิต จิณณะรู้จักมักจี่กับนายทองสุก


โลกไม่ได้หมุนรอบจิณณะ แต่เรื่องนี้กลับมีชื่อของปลัดจิณณะแทรกซึมวนเวียน


“ลุงครับ” เสียงเรียกของพิทักษ์ดังขึ้นเบาๆ คุณเทียมหันไปมองหลานชาย


“ลุงพอจะทราบไหม ว่าเส้นของนายไพศาลเป็นใคร”


วงการผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ๆ มองซ้ายมองขวาก็เจอคนกันเอง สำหรับธุรกิจสีเทาสีดำอย่างบ่อนการพนันระดับ VIP นั้น แน่นอนว่าในหมู่นักเชื่อมผลประโยชน์ย่อมรู้กันดี


คุณเทียมเพียงพยักหน้าเล็กน้อย


พิทักษ์กับจิณณะมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นฝ่ายหลานชายที่ขยับตัว


“ลุงพอจะคุยกับเขาได้ไหม เราไม่รื้อฟื้นเรื่องคนที่ตายไปแล้ว แต่คนเป็น จะให้ตายอีกไม่ได้” แม้จะไม่ดีต่อศักดิ์ศรีของคนตาย แต่เวลานี้การเจรจาดูจะเป็นหนทางเดียวที่จะจัดการเรื่องให้ละม่อมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาอันสั้นก่อนที่จะมีใครต้องเป็นศพเพิ่ม


คุณเทียมมองหน้าพิทักษ์ หลานชายที่เขาคุ้นเคยมาแต่เล็ก มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยและนิ่งสงบเป็นน้ำแข็ง วันนี้กลับพูดเรื่องคนเป็นคนตายด้วยสีหน้าเรียบเช่นเดิม ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึก


“สมแล้วที่คบกันนะ” เขาเปรย เพียงเท่านั้นพิทักษ์ก็ถึงกับชะงัก


“ครับ?”


“ทิศกับจิณ ห่วงใยกันดี” เดิมที คุณเทียมมองปราดเดียวในวันที่พิทักษ์พาจิณณะมาพบ ก็ดูออกแล้วว่าทั้งสองคนมีข้อตกลงร่วมกันในความสัมพันธ์นี้ เพียงแต่...วันนี้สิ่งที่ชัดกว่าข้อตกลงใดๆ คือความรู้สึกของหลานชาย


ชายหนุ่มอายุคราวลูกทั้งสองคนพากันเงียบกริบ พิทักษ์ได้แต่อ้าปากพะงาบ ในขณะที่ปลัดจิณณะกะพริบตาปริบๆ กลืนน้ำลายเอื้อกๆ


“คุณกอบกุลไม่ว่าอะไรเลยหรือ” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเรื่องนายไพศาล เส้นสาย ผลประโยชน์ และคนตาย แต่เวลานี้ คุณเทียมกลับถามเรื่องญาติผู้ใหญ่ของจิณณะแทน


หลานชายคุณกอบกุลยังทำหน้าเด๋อด๋าเหมือนจูนคลื่นสมองไม่ทัน


“คุณย่าของเราน่ะ ไม่ว่าอะไรหรือ ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เข้าหาท่านเสรีบ่อยๆ ตอนแรกนึกว่าจะจับคู่หลานสักคนกับลูกสาวท่านเสรีเสียอีก” แม้จะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ แต่เรื่องในห้องทำงานของผู้หลักผู้ใหญ่ผู้มีบารมีทั้งหลาย ก็เข้าหูคุณเทียมเสมอ


“เอ่อ...ก็...ว่าอะไรไม่ออกเท่าไรครับ”


คุณเทียมยกยิ้มเล็กน้อย กระทั่งเรื่องในเมืองเขายังรู้ เรื่องที่คุณกอบกุลบุกไปที่ว่าการเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เข้าหูเขาเช่นกัน


“เราก็รู้จักหาคนมาชนย่าเรานะ ทิศเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเจอกับคุณกอบกุล”


ตัวเลือกที่ดีที่คุณเทียมว่าขยับตัวเล็กน้อย ไม่แน่ใจนักว่านี่คือคำชมหรือไม่


แม้ไม่ได้เลี้ยงดูประคบประหงม แต่คุณเทียมก็สนิทสนมกับหลานชายคนนี้ อย่างน้อยก็เพราะเป็นหลานที่ถูกชะตาที่สุด วันนี้หลานคนนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาชนกับนักธุรกิจเขี้ยวลากดินอย่างคุณกอบกุลได้อย่างสมศักดิ์ศรี กับนายไพศาล คุณเทียมก็เชื่อว่าหลานคนนี้รับมือได้ เพียงแต่คนที่นั่งอยู่ข้างพิทักษ์ต่างหาก ที่อาจขมวดปมปัญหา


เอาเถอะ เห็นแก่ว่าเป็นลุงแท้ๆของพิทักษ์ ส่วนจิณณะแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ก็ถือว่า ‘ตาถึง’ ที่เลือกพิทักษ์มาช่วยแก้ปัญหา หนำซ้ำยัง ‘มือถึง’ ที่ดึงพิทักษ์ลงเรือลำเดียวกันได้


คนแบบนี้มีไม่มาก หรือคุณเทียมอาจจะไม่พบอีกเลยชั่วชีวิตก็ได้


“ลุงจะไปคุยให้แล้วกัน เราสองคนช่วงนี้ก็เก็บตัว ไม่ต้องเจอหน้านายไพศาลล่ะ”


พิทักษ์กับจิณณะมองหน้ากัน ก่อนที่จะเป็นฝ่ายหลานชายของคุณเทียมถอนหายใจเบาๆแล้วหันมาเอ่ย


“จิณรับปากว่าจะไปงานวันเกิดของนายไพศาลแล้วครับ”


คุณเทียมได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก หันมองคนที่นั่งข้างพิทักษ์ที่กำลังทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมเพราะถูกลุงหลานถล่มเรื่องที่ใจเร็วด่วนได้รับปากส่งเดชไปเสียแล้ว


“ลุงบอกแล้วว่าเส้นทางนี้สร้างปัญหา ทิศเชื่อลุงรึยัง”


โดยเฉพาะเจ้าของเส้นทางที่ชื่อจิณณะนั้น เป็นคนก่อปัญหาตัวเป้งเลยทีเดียว!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

อย่าถล่มปลัดแรงนะคะ แค่นี้ก็โดนทั้งคุณเทียม โดนทั้งพี่ทิศว่าแล้วววววว ปลัดใจร้อน มุทะลุ คิดแต่จะลุย เพราะฉะนั้นพี่ทิศเลยจำเป็นสำหรับปลัดนะคะ ฮ่าฮ่า

ที่สำคัญ เรามาเป็นสักขีพยานร่วมกันว่าพี่ทิศคือคนที่รั้งปลัดเอาไว้ไม่ให้หนีปัญหา ต่อจากนี้พี่ทิศไม่มีสิทธิ์ทิ้งปลัดในทุกๆกรณีค่ะ ฮ่าฮ่า

มีคนถามว่าทำไมเรียก “ที่ว่าการอำเภอ” ว่า “ที่ว่าการ” (โดยทั่วๆไปน่าจะเรียกว่า “อำเภอ”) บัวเองก็เรียกว่า “อำเภอ” ค่ะ แต่เพื่อนที่เป็นปลัดเรียกว่า “ที่ว่าการ” ก็เลยใช้คำว่า “ที่ว่าการ” (อีกอย่างนึงก็เพื่อไม่ให้ซ้ำกับคำว่า “อำเภอ” ที่หมายถึงอำเภอจริงๆด้วยค่ะ) ส่วนที่ว่าจิณณะเป็นปลัดอยู่พื้นที่ไหน ทำไมว่าง จริงๆ ไม่ว่าง ปลัดไปเต๊าะพี่ทิศเฉพาะช่วงเช้าก่อนเข้างาน ช่วงพักกลางวันกับหลังเลิกงานเท่านั้นเอง ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกๆกำลังใจเช่นเคยค่ะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันใหม่พฤหัสหน้าค่ะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
จับปลัดมาตีตูดซักหลายๆที แก้ปัญหาหรือสร้างปัญหาฮะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชีวิตมีสีสันดีนะคะตั้งแต่คบปลัดจิณ มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ปลัดสู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตอนนี้ประดักประเดิดมากค่ะ ชอบมาก คนสองคนค่อยๆชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง จิณณะก็คือดื้อมาก เอาแต่ใจ ไม่ทันได้ฟังความเห็นพี่ทิศเล้ยย พี่ทิศต้องหัดตีก้นสั่งสอนแล้วนะคะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ถึงคุณปลัดจะสร้างปัญหา แต่คนพี่ก็พร้อมที่จะช่วยตลอดเลย คราวนี้ไม่ใช่แค่น้องที่รู้สึกฝ่ายเดียวแล้ว คนพี่ก็ออกอาการจนลุงเทียมทักเลย :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกเขิลแทน  :-[ :-[
 รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ปลัดนี่น่าตีจริงๆเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สติค่ะสติ

น้องจิณใช้สติหน่อยค่ะ

พี่ทิศคนดี

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เส้นทางนี้สร้างปัญหา   :m20:
ลุงเทียมคะ ถึงแม้จิณจะสร้างปัญหาให้พี่ทิศไม่เว้นแต่ละวัน
แต่จิณก็เป็นตัวกระตุ้นให้หัวใจพี่ด้านชาของพี่ทิศ
ได้สูบฉีดกระชุ่มกระชวยบ้างอยู่นะคะ
* yodrak เราจะเข้าข้างจิณให้ถึงที่สุด  :mew3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ปัญหาใหญ่ซะด้วยนะเส้นทางนี้อ่ะ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จับน้องมาฟาดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปากเร็วใจเร็วเหลือเกินนน แต่พี่ทิศต้องรู้สึกอะไรกับจิณมาก่อนบ้างแหล่ะ ไม่งั้นสปาร์คติดแบบนี้หรอก

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ต่างคนต่างหวั่่่่นไหว อยากจะแหม..มม ยาวให้ถึงดาวอังคาร
พี่ทิศชอบอะไรที่มันท้าทาย ชวนปั่นประสาทแบบน้องจิณสินะ
จบงานนี้ต้องคิดดอกเบี้ยให้คุ้มค่ะคุณพี่ทิศ เก็บหนักๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ popuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นความเขินเล็กๆกันไปกันมาของตัวละครที่ทำให้คนอ่านอย่างเราเขินสุดๆไปเลยค่ะ เริ่มรู้สึกกันทั้งคู่แล้ว ><

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้ามิตร สายตาเฉียบคม เห็นเค้าเขิลกันด้วยล่ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ปลัดคนขยัน(สร้างปัญหาให้พี่ทิศ)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจดัง เฮือก!!!!! ก่อเรื่องอีกแล้ว

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
เส้นทางนี้สร้างปัญหา พี่ทิศเข้าใจแจ่มแจ้ง

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ปลัดนี่น่าตีิจริงๆ แต่ก็นะ พี่ทิศเลือก(จะช่วย)น้องแล้วนี่นา พี่ทิศต้องหาวิธีปราบต่อไป

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ดื้อแต่น่ารัก ให้อภัยได้ค่ะ :o8:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ปลัดควรอยู่นิ่งๆ

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปลัดใจร้อนอยู่นิ่งไม่เป็นหาเรื่องตลอด

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มามะคุณปลัดจิณณะมาให้หอมหัวปลอบใจสักสองที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด