ชีวิตบัดซบของคุณแดริล :: บทส่งท้าย [27/01/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตบัดซบของคุณแดริล :: บทส่งท้าย [27/01/2019]  (อ่าน 52274 ครั้ง)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
สนุกดี อ่านรวดเดียวเลย
J.W.จะน่ากลัวไหมนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากๆๆๆในที่สุดก็ตามอ่านทัน เราว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่เลย รอตอนต่อไป มาอัพเร็วๆน้า เป็นกลจให้นักเขียน สุดท้ายHNY2K19นะคะ ขอให้เป็นปีที่ดีและเขียนนิยายดีๆสนุกๆมาให้เราอ่านเรื่อยๆเลยนะคะ จะคอยติดตามผลงานน้าา

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 16 Intuition (1/2)



“ช่วงนี้ฉันไม่ว่างเลยน่ะทูนหัว ขอโทษนะ ต้องไปลองชุดแต่งงานที่แอชออกแบบให้ฉัน แอชออกแบบเองเชียวนะคะ” เสียงของแคทเธอรีนที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้เขาส่ายหัวกับแม่คนขี้อวด ชายหนุ่มโทรมาด้วยว่าตั้งใจจะชวนเธอไปดูละครบรอดเวย์ด้วยกัน แต่ถูกปฏิเสธตั้งแต่เริ่ม...





ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้คุยกับแคทเพราะงานการรัดตัวทั้งคู่ อีกทั้งหญิงสาวยังต้องวางแผนงานแต่งของตนเองก็เลยยิ่งทำให้ไม่ว่างคุยกันใหญ่ ชายหนุ่มเลยค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันให้เธอฟัง…





หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้หล่อนฟังหญิงสาวก็รับคำสั้นๆ ในลำคอ มีจิ๊ปากเล็กน้อยพอพูดถึงวินเซนต์...

“จริงๆ เลยจะมายึกยักอยู่ทำไมกัน เขาอยากประกาศตัวเธอก็ปล่อยเขาประกาศตัวไปสิยะ”

“ก็แค่สองปีเองน่า…”



ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอจะเดาได้ว่าแคทคงกำลังกลอกตาอยู่เป็นแน่



“ไม่ ‘เอง’ ค่ะที่รัก… ฉันล่ะไม่เข้าใจเธอเลย... จริงๆ นะ คนเขาก็ไม่ได้อยากซ่อน เธอกลับซ่อนตัวเอง นี่คิดอะไรของเธออยู่” แคท

“ฉันไม่อยากเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไปไม่ถึงเป้าหมายที่เขาอยากไป” แดริล

“เอาจริงนะ... ฉันว่าเธอกำลังคิดมากไป… อีกแล้ว” แคทถอนหายใจ “หมอนั่นประสบความสำเร็จตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังจะเอาอะไรจากอาชีพนี้อีก”

“แต่ตราบใดที่เขายังอยู่ในวงการ ฉันว่าอย่าให้ต้องโดนกดดันอะไรเลยจะดีกว่า” แดริลตอบเสียงเบา

“เธอปกป้องเขามากไปนะคะที่รัก” แคท

“ไม่หรอก… เพราะฉันยังคิดว่าหากเขาต้องเลือกระหว่างฉันกับฟุตบอล เขาคงเลือกอย่างหลังเหมือนเดิม..”

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนรักฉันต้องมาแย่งผู้ชายกับลูกบอล” ฟังจากเสียงก็รู้ว่าหญิงสาวต้องกลอกตาเป็นรอบที่ร้อยแล้ว “นี่หมอนั่นรู้รึเปล่าเนี่ยว่าเธอยังคิดอะไรแบบนี้อยู่? ”

“.....” แดริล

“เขาไม่รู้สินะ” แคท “ทูนหัว เธอจะคิดเองเออเองสรุปเองแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

“....ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเลือกแบบนั้นมาแล้ว…ที่เขากลับมาก็แค่เพราะเขาไม่ต้องเลือกแล้วไงล่ะ” ชายหนุ่มตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาสีฟ้าดูหมองลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าฉันโกรธหรอกนะ… หากตอนนั้นเขาเลือกฉันแล้วสุดท้ายกลายเป็นโค้ชโรงเรียนหรือพนักงานประจำที่เกลียดงานตัวเอง ฉันก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”

“แต่ก็ปล่อยเขาไปไม่ลงด้วย อา ทำไมเธอถึงทำให้มันยากนักนะ” แคท

“แคท....เธอรู้ใช่ไหมว่านักกีฬาNFLคนล่าสุดที่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นเกย์ต้องเจอกับแรงกดดันอะไรบ้าง… อาชีพที่กำลังไปได้สวย สุดท้ายร่วงไม่เป็นท่า” แดริล

“ฉันไม่ได้อ่านหรอกนะที่รัก แต่คนคนนั้นไม่ใช่วินเซนต์ พอต่างคนต่างนิสัย เรื่องมันอาจจะจบในแบบที่ต่างออกไปก็ได้นี่” แคท

“ขนาดเป็นฉัน ถึงที่บริษัทจะไม่มีใครเหยียดLGBTแบบโจ่งแจ้ง เวลาเข้าห้องน้ำชายบางทีก็ยังสังเกตเลยว่าพนักงานบางคนมีท่าทางเกร็งๆ รีบๆ แบบที่ก่อนหน้านี้ไม่มี... มันน่าอึดอัดนะ สำหรับบางคน มันก็คงเกร็งเหมือนการให้ผู้ชายไปใช้ห้องน้ำหญิงนั่นแหละ... แล้วเธอคิดดูสินักกีฬาต้องแชร์ห้องอาบน้ำรวม หนักกว่าห้องน้ำอีก” แดริลพูดยาว ระบายความกังวลทั้งหมดทั้งมวลของตนเองออกมา “แล้วมันจะกระทบทีมเวิร์กในสนามไหม เขาจะโดนกดดันแบบคนก่อนหน้านี้หรือเปล่า เรื่องพวกนี้ฉันไม่อยากให้เขาต้องเจอ”

“โอเคค่ะ โอเค ฉันเข้าใจแล้วก็ได้” น้ำเสียงนางแบบสาวคล้ายจะปลงแล้ว… “แล้วเรื่องพ่อนักแสดงบรอดเวย์ที่เธอหลวมตัวรับปากเขาไปแล้ววันนี้ จะเอาไงดีคะเบ้บ? ”



“...ไม่รู้สิ ตอนแรกโทรชวนลีแล้ว ลีก็ไม่ว่าง” แดริล

“หมอนั่นไม่ใช่อยู่แมตซาชูเซตส์ทำปริญญาเอกอยู่เหรอ? ” แคท

“เห็นว่าช่วงนี้ทำวิจัย แล้วพอมีเวลาว่าง เลยโดนพ่อลากมานิวยอร์กเพื่อมาลงทุนเปิดกิจการ ‘ชานมไข่มุก’ แถวย่านคนจีน…” แดริล

“.... ชานั่นชื่อฟังดูแปลกๆ นะคะทูนหัว ฟังเหมือนเมนูวันฮัลโลวีนยังไงชอบกล” แคท

“ลีว่ามันฮิตมากในเอเชีย… ฉันเหมือนจะเคยได้ยินคนพูดถึงแต่ไม่เคยกิน” แดริล

“ฉันเพิ่งกูเกิ้ลดู พระเจ้าช่วย ส่วมผสมมันดูมีแต่ของห้ามกินในลิสต์ฉันทั้งนั้น” แคท

“.....แล้วเรื่องโจเซฟฉันควรจะทำยังไงดี” ชายหนุ่มลากบทสนทนากลับเข้าเรื่อง...

“วินเซนต์ล่ะ หมอนั่นก็ไปกับเธอได้นี่? ”

“ฉันควรไปไหนมาไหนกับเขาที่ไหนกัน อีกอย่างช่วงนี้วินเซนต์ก็ยุ่งมากด้วย ไม่เจอกันมาสามวันแล้ว” แดริลถอนหายใจ

“งั้นถ้าต้องไปก็ไป ทำให้มันจบซะ พูดจาให้ชัดเจนค่ะ ถ้าจะมาแนวนี้เพื่อนก็ไม่ต้องเป็น” แคท

“จริงๆ ฉันก็ไม่อยากใจร้ายนักหรอก ยังไงซะคุยกับเขาในบางหัวข้อมันก็สนุกดี…” แดริล

“แปลว่าหลังจากปฏิเสธไปวันนั้นก็ยังตอบข้อความเขาอยู่? ” แคท

“พวกเมสเสจในแอปแชทน่ะ.. ตอบเฉพาะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ แต่ที่ชวนไปกินกาแฟอะไรพวกนี้ฉันก็ปฏิเสธไปหมดแล้ว” แดริล

“... แล้วก็ยังส่งกุหลาบมาให้เนี่ยนะ ที่รักคะ… ฉันว่ามันแปลกๆ คนอะไรจะตามตื๊อได้ขนาดนี้กัน” แคท

“ก็แค่… เป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ...ละมั้ง” แดริล

“ทำสิ่งที่ต้องทำเถอะค่ะ บอกให้ชัดไปเลยว่าเธอมีผู้ชายที่ทั้งรักทั้งหลงอยู่ทั้งคนแล้วจะใครมันก็คงไม่เข้าตาทั้งนั้น” แคท

“....” แดริล

“อะไรกันคะ หรือว่าที่พูดมาเนี่ยไม่จริง? ”

“...เงียบเถอะน่า” คนฟังแก้มขึ้นสีเล็กน้อย อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแทงกลางอกดังฉึก “แค่นี้ก่อนล่ะ… ฉันต้องไปแล้ว”

“โชคดีนะคะที่รัก จบยังไงอย่าลืมมาเล่าให้ฉันฟังด้วยล่ะ จุ๊บ” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มได้ยินก่อนที่แคทเธอรีนจะวางสายไป…





………...





ที่หน้าโรงละครในย่านบรอดเวย์แขวนป้ายเรื่องต่างๆ และเวลาแสดงของเย็นวันนี้





แดริล เชน ถือตั๋วที่ตนได้รับมา ใบหน้าไม่ได้แสดงออกอะไรแต่เขากำลังกระวนกระวายใจ… อันที่จริงเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรปฏิเสธอย่างไรให้เรื่องนี้มันจบดีที่สุด





การถนอมน้ำใจคนนี่มันยากจริงๆ เลย…





ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้บุผ้าแสนสบาย บรรยากาศรอบด้านมืดสนิทเว้นเพียงบริเวณเวที พลันนั้นเองสายไฟก็ฉายลงมา ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดขาวร่างแบบบาง ออกมาร้องเพลงที่แสนจะคุ้นหูเป็นการเปิดเรื่อง จากนั้นชายสวมหน้ากากครึ่งซีกก็ปรากฏตัว ออกมาประสานเสียงร้องไปกับหล่อน





ใช่… นี่คือเรื่องPhantom of the Operaสุดคลาสสิคที่ตัวเขาดูมาหลายรอบจนจำเนื้อเรื่องได้หมดแล้ว แต่การดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและการแสดงบนเวทีก็เป็นอะไรที่แดริลชื่นชอบ





สองฉากผ่านไปดวงตาสีฟ้าเพิ่งเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคย ที่ยืนเต้นประกอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนในบทซัพพอร์ทคาร์แรคเตอร์ คล้ายว่าวูบหนึ่งที่อีกฝ่ายจะหันมามองทางที่นั่งของเขา ทว่าสีหน้าท่าทางก็ไม่ได้เปลี่ยนหรือแสดงพิรุธอะไรเลย





แดริลอยากจะดื่มด่ำไปกับการแสดงอย่างสบายใจ แต่เอาเข้าจริงมันทำได้ยากมากเลยในเวลานี้…





มือสองข้างประสานวางลงที่กลางลำตัว แม้จะนั่งดูการแสดงด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่งแต่ในหัวก็ทวนบทพูดที่คิดเอาไว้ไปด้วย..





ฉันคงมาพบนายไม่ได้แล้ว

ฉันคิดว่าฉันอาจจะไม่ควรตอบข้อความของนาย

ฉันมีคนรักแล้ว ของแบบนี้น่ะอย่าส่งมาอีก ฉันไม่สบายใจ





….จะแบบไหนก็ฟังดูแย่ทั้งนั้นล่ะ







มัวแต่คิดมากอยู่นาน รู้ตัวอีกทีละครเวทีก็จบแล้ว เหล่านักแสดงต่างมายืนเรียงหน้ากระดานและโค้งให้กับผู้ชม โจเซฟเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งยังยิ้มเห็นฟันโบกมือมาทางนี้ด้วย





..ลำบากใจจริงๆ เลย

แดริลได้แต่ตัดพ้อกับตนเองถึงชีวิตที่น่าเศร้า ว่าช่วงนี้ตนต้องเผชิญหน้ากับหลายสิ่งมากเกินไปแล้ว… ปีนี้มันปีอะไรกันแน่เนี่ยทำไมชีวิตถึงมีแต่เรื่อง





กระทั่งละครจบ ถึงมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ ต่อให้เขาอันอินสตอลแอปหาคู่นั่นออกไปจากมือถือแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังติดต่อได้ทางแชทแอปอื่นอยู่ดีเพราะมีเบอร์โทร…

‘รอก่อนนะครับ เดี๋ยวผมรีบไป รอบนี้รอบสุดท้ายของวันแล้วล่ะ’





ชายหนุ่มผมดำเพียงตอบรับไปคำสั้นๆ นั่งรออยู่ที่นั่งด้านนอกตามที่ได้นัดกันเอาไว้ ไม่นานนักอีกฝ่ายก็ออกมาในชุดธรรมดา ใบหน้าเหมือนจะล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแล้ว





“รอนานรึเปล่าครับ” อีกฝ่ายดูจะมีท่าทางเกรงอกเกรงใจ ดูท่าทางเหมือนจะรีบร้อนออกมา





แดริลยกยิ้มตามมารยาท

“ไม่นานหรอก วันนี้นายทำได้ดีมาก”

ได้รับคำชมแล้วอีกฝ่ายก็มีท่าทางขัดเขินเล็กน้อย ดูจะดีใจอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

“อันที่จริงผมดีใจที่คุณมาดู…”





นายช่วยอย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ไหม





“...ไปหาที่นั่งคุยดีๆ กันไหม โจเซฟ” จะคุยเรื่องอะไรๆ หน้าทางเข้าโรงละครดูอย่างไรก็ไม่เหมาะ คนอายุมากกว่าเลยเอ่ยปากชวนก่อน

“ได้ครับ แถวนี้มีร้านอาหารแนวแฟมิลี่เรสเตอรองก์อยู่เจ้าหนึ่ง ราคาไม่แพง รสชาติก็ไม่เลว… คุณคงไม่รังเกียจ?” อีกฝ่ายมีท่าทีไม่มั่นใจ จนเขาต้องยิ้มปลอบ

“ไม่เป็นไรหรอกฉันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ”





เห็นท่าทางดีใจเหมือนกับลูกหมาที่กระดิกหางดิ๊กๆ นั่นแล้วแดริลก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องพูดสิ่งที่เขาต้องพูดอยู่ดี



ระหว่างมื้ออาหารไม่ค่อยเงียบนัก โจเซฟชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องนิยายเรื่องล่าสุดของนักเขียนชื่อดัง ไปถึงเรื่องหนัง บทละคร และข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งบทสนทนาเป็นไปอย่างลื่นไหล ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะพวกเขามีความสนใจตรงกันหลายอย่าง





แดริลละเลียดอาหารจนหมดจาน สุดท้ายก็ไม่แน่ใจว่าควรเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี แต่คิดว่ามันก็ไม่น่าจะจบลงด้วยดีเท่าใดนัก…





“โจเซฟ… ฟังนะ…”

“ครับ?”

“คือฉันคิดว่า… เราไม่ควรพบกันอีก... เรื่องส่งข้อความก็ด้วย”





เกิดความเงียบขึ้นยาวนาน





“...ทำไมล่ะครับ” จนสุดท้ายโจเซฟก็ปริปากถามขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าลำบากใจ เบือนมองออกไปนอกกระจก “ผมทำอะไรให้คุณรำคาญหรือลำบากใจรึเปล่า”





แดริลจิบกาแฟราคาถูกที่ขมแสนขม… ขมพอๆ กับสถานการณ์ตอนนี้ที่จำเป็นต้องรับมือ





“...ไม่ใช่หรอก… แค่ว่า… ตอนนี้ฉันกำลังคบกับคนคนหนึ่งอยู่ แล้วก็… ฉันคงไม่สามารถเป็นสิ่งที่นายหวังให้เป็นได้หรอก ต้องขอโทษจริงๆ”





เกิดความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นอีกครั้ง….





“...ไม่มีทางเลยจริงๆ เหรอครับ” โจเซฟก้มหน้าลงเล็กน้อย บนใบหน้าดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ในหลายๆ เรื่อง… คิดมาตลอด”





แดริลรู้ดีว่าอีกฝ่ายพยายามกับเรื่องนี้ พยายามจนเขาอดคิดบ่อยๆ ไม่ได้ว่าตนเองไม่สมควรจะได้รับความรู้สึกดีๆ แบบนี้เลย





“ความเข้ากันได้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องความรักนะ… โจเซฟ”

“...” ร่างซึ่งสูงกว่าก้มหน้าลงมองจานอาหารว่างเปล่า สักพักก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ทว่าเสียงหัวเราะนั่นฟังดูเหยียดหยันตนเองเสียมากกว่าเป็นเสียงหัวเราะขบขัน “กระทั่งพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว… มันก็ยังลงเอยเหมือนเดิมสินะ”





“.......” แดริลไม่รู้ว่าควรตอบอะไรในสถานการณ์ที่ยิ่งพูดก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่ จึงปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบในตัวมันเอง





สุดท้ายก็ตอบออกมาได้แค่คำสั้นๆ

“ฉันขอโทษ”

“...ไม่หรอกครับ เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้นี่” โจเซฟฝืนยิ้ม ดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นทรงเหลี่ยมดูขุ่นมัวกว่าปกติ “จะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ…”





คนที่เดิมทีก็ไม่มีอารมณ์จะกินอยู่แล้วส่ายหน้าน้อยๆ





“..กลับกันเถอะ”





หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยทั้งคู่ก็ออกมายืนริมถนน บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและความเงียบ





“...คุณกลับยังไงครับ”

“แท็กซี่น่ะ” วันนี้ชายหนุ่มเอารถที่ใช้มาอย่างสมบุกสมบันเป็นเวลาสี่ปีของตนเองไปซ่อมพอดี… ช่วงนี้ไปไหนมาไหนจึงต้องโบกรถเอา

“...ให้ผมไปส่งได้ไหมครับ”

“อย่าเลย...”

“อย่างน้อยก็ครั้งสุดท้าย… หลังจากนี้คุณจะไม่ตอบข้อความผมอีกแล้วใช่ไหม”





แดริลมีสีหน้าลำบากใจอย่างปิดไม่มิด สุดท้ายก็รับคำในลำคอเบาๆ ตลอดทางไปรถรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มากดทับบ่า กระทั่งที่รถแล่นออกจากที่จอดแล้วก็ยังอธิบายได้ด้วยคำเดียว ว่าน่าหนักใจ





หลังจากตอบคำถามเรื่องที่อยู่แล้ว รถทั้งคันก็กลับสู่ความเงียบ… เป็นเวลาสามทุ่มที่ด้านนอกเปิดไฟสว่างไสว คนใช้ชีวิตกลางคืนเริ่มออกเดินตามถนนข้างทางกันเต็มไปหมด





แต่ระหว่างพวกเขาที่อยู่ด้านในรถก็ยังมีเพียงความเงียบสงบที่น่าอึดอัด





“...ถึงยังไงก็ขอบคุณนะครับ ที่ยอมมาพบผมวันนี้” ระหว่างติดไฟแดงสี่แยก เจ้าของรถก็เอ่ยปากขึ้นมา

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง”

“... อันที่จริงก็ต้องขอบคุณคุณหลายเรื่อง.. ตั้งแต่สมัยไฮสคูลแล้ว คุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอด”

“....”

“คุณเป็นคนแรกที่กล้าช่วยผมจากคนพวกนั้น… ทั้งใจดี และก็เข้มแข็ง ไม่รังเกียจคนอื่น ไม่ปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนเขาเป็นแค่ขยะ” สีหน้าของโจเซฟขณะกำลังเล่าดูเหมือนเขานึกย้อนกลับไปในความทรงจำอันแสนไกล “...ผมอยากเป็นแบบคุณมาตลอด”

“... ฉันไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก โจเซฟ แล้วก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นด้วย… เอาเข้าจริงต่อให้ฉันช่วยนาย ต่อให้ทำแคมเปญรณรงค์ต่อต้านการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับพวกนักกีฬาอยู่ดี… สุดท้ายมันก็ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ใครไม่ได้อยู่ดี” ดวงตาสีฟ้าเบือนมองออกนอกหน้าต่าง ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงอย่างเชื่องช้า หลบซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้อย่างมิดชิด

“ไม่หรอกครับ อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเราได้รู้ว่ายังมีคนที่สนใจ…”

“แม้ว่าปีต่อมาจะมีเด็กผู้หญิงฆ่าตัวตายเพราะโดนแกล้งรุนแรงขนาดโดนล่วงละเมิดทางเพศน่ะเหรอ สุดท้ายฉันเองก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ประธานนักเรียนมันก็เหมือนตำแหน่งว่างๆ ที่เป็นใบเบิกทางเข้าไอวี่ลีกเท่านั้นล่ะ”

“นั่นไม่ใช่ความผิดคุณ”

“... แต่มันเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันรณรงค์ให้คนหยุดแกล้งกันมาทั้งปี มันก็เป็นข้อพิสูจน์พอแล้วว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย”





เรื่องพวกนี้แดริลไม่เคยพูดให้ใครฟัง กระทั่งแคทหรือวินเซนต์เขาก็ไม่เคยระบายมันออกมา… เพราะถึงพูดไปสองคนนั้นที่อยู่แทบจะระดับบนสุดของพีระมิดสังคมไฮสคูลก็ใช่จะเข้าใจ และเขาก็เก็บฝังมันไว้ลึกจนเรียกได้ว่าแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำหากโจเซฟไม่พูดถึง





“... คุณพยายามแล้ว ผมรู้” รถสีดำแล่นไปตามทาง เสียงจีพีเอสในโทรศัพท์มือถือแจ้งเตือนให้เลี้ยวขวา อีกไม่นานก็จะถึงที่หมาย

“สิ่งที่ฉันทำลงไปก็แค่ติดโปสเตอร์ที่ไม่มีใครอ่าน… จริงๆ นะ”

“... ไม่หรอกครับ คุณทำยิ่งกว่านั้น คุณให้ความหวังผมในการใช้ชีวิตต่อ.. คุณทำให้ผมรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่พวกงี่เง่าที่เอาแต่กดคนอื่นให้ต่ำ… และนั่น ผมก็ต้องขอบคุณจริงๆ ”





“ก่อนจะพบคุณผมเคยคิดว่าโลกนี้มันไม่มีที่ให้คนแบบผม… ไอ้อ้วนขี้แพ้ ที่ทำได้อย่างเดียวคือเรียนหนังสือ ไม่ว่าจะขอโทษ ขอร้อง พูดออกไปจากใจจริง สิ่งที่ผมได้คืนมาก็คือการหัวเราะเยาะ การเหยียดหยาม… บางทีแค่ผมมองพวกเชียร์ลีดเดอร์ พวกหล่อนก็ตั้งท่ารังเกียจเหมือนผมเป็นตัวน่าขยะแขยงแล้ว”





“....” คนฟังนิ่งเงียบไปนาน นึกย้อนไปถึงตอนที่โจเซฟเคยแอบมองเขาอย่างหวาดกลัวจากหลังกำแพงบ่อยๆ ในปีนั้น





“แต่คุณไม่เหมือนกัน… ผมรู้สึกได้ ทั้งสีหน้าท่าทาง คุณไม่เคยตั้งท่ารังเกียจพวกเรา ไม่เคยพูดจาใจร้าย… มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคุณ แต่ในโลกที่เลวร้ายแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องที่มีความหมายสำหรับหลายๆ คนแล้วล่ะครับ”





“...ฉันไม่เคยรู้เลย ขอโทษนะ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” รถจอดลงหน้าอพาร์ทเมนต์ของชายหนุ่มพอดิบพอดี โจเซฟยกยิ้มบางให้กับคนที่มองตอบอย่างเศร้าใจ “ไปเถอะครับ”





“อืม…” แดริลเปิดประตูรถ ขาก้าวลงไปแล้วข้างหนึ่ง เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดทิ้งท้าน “ฉันหวังว่านายจะเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตต่อจากนี้นะ…”





“...ครับ”





ทุกสิ่งคล้ายจะจบลงด้วยดี เขาก้าวลง ปิดประตูรถ หากแต่ภาพที่เห็นคือบนถนนฝั่งตรงข้าม คนที่คุ้นเคยกันดีกำลังมองตรงมาทางนี้ สีหน้าเหมือนภรรยาที่จับชู้สามีได้ไม่มีผิด





วินเซนต์ในชุดวอร์มกางเกมวอร์มกับเสื้อยืดที่ดูสบายๆ และเป็นลุคที่แสนจะเหมาะกับการอยู่บ้านเดินข้ามถนนมาพร้อมถุงของชำ หยุดอยู่หน้ารถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม





“วินซ์…” ชายหนุ่มร้องเตือน แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะร่างสูงเกินมาตรฐานคนทั่วไปก้มลงเคาะกระจกรถฝั่งคนขับ ซึ่งโจเซฟเองก็หาได้แสดงท่าทีเกรงกลัว เปิดกระจกออกมาจ้องหน้าตอบอย่างไม่เกรงใจ





“ฉันก็นึกว่าใคร… ไอ้เด็กอ้วนตอนนั้นนี่เอง” พูดทั้งๆ ที่ยกยิ้มอยู่แต่ก็รู้สึกได้ถึงท่าทีข่มขู่กดดันอย่างเห็นได้ชัด

“...ซัมเมอร์” โจเซฟตอบกลับสั้นๆ จ้องตอบกับนักกีฬาคนดังอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ท่าทางคราวที่แล้วนายจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย...” ชายหนุ่มหรี่ตา ท่าทางคุกคามจนน่ากลัวว่าจะได้มีเรื่องกัน จังหวะนั้นเองที่แดริลเดินไปถึงตัวร่างซึ่งสูงกว่า ดึงแขนแข็งแรงนั่นเอาไว้





“วินซ์… ฉันขอร้อง หยุดเถอะ”





วินเซนต์มีสายตาไม่พอใจชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ชักแขนหลบ กลับจับมือข้างนั้นไว้แทนแล้วออกแรงดึง





“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”





ร่างซึ่งเล็กกว่าโดนดึงไปตามแรง แต่ขาก็ก้าวเดินตามไปแบบไม่ได้ขัดขืนเพราะไม่อยากให้สถานการณ์แย่กว่านี้ จังหวะหนึ่งที่หันไปมองโจเซฟก็เป็นสายตาที่เศร้ากว่าเดิมมองตอบกลับมา





“... คุณโกหกผม”





เสียงพูดแสนเบาทว่าได้ยินชัดทุกคำ แต่ไม่ทันจะได้ตอบก็โดนลากเข้ามาในอพาร์ทเมนต์แล้ว





วินเซนต์ไม่ได้ออมแรงเท่าใดนักจนข้อมือของคนโดนดึงออกสีแดง ดูก็รู้ว่ากำลังโมโห… แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ร้องเจ็บอะไร และแดริลก็ไม่คิดว่าตัวเองบอบบางจนต้องร้องเจ็บให้อีกฝ่ายสงสาร ทั้งๆ ที่ถ้าร้องอาจจะดีกว่า...





หลายๆ ทีเขาก็หน้าบางไม่เข้าเรื่อง ซ้ำยังห่วงศักดิ์ศรีไม่เข้าเรื่อง





ขึ้นมาถึงห้องแล้ววินเซนต์ถึงยอมปล่อย ชายหนุ่มมองข้อมือของตนที่แดงเป็นรอยมือคนจับ ขยับมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดถึงมัน





“ทำไมถึงกลับมากับหมอนั่น” วินเซนต์นั่งลงบนโซฟา ใบหน้ายังคงไม่ยิ้ม มือข้างหนึ่งหยิบกระป๋องเบียร์จากถุงร้านสะดวกซื้อออกมาเปิดดื่ม…





“เขาขอมาส่ง…” แดริลไม่แน่ใจว่าควรเริ่มอธิบายจากตรงไหนดี เขาพยายามใจเย็น ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ วินซ์ รู้สึกเหนื่อยกับการรับมือกับอารมณ์คนเสียเหลือเกิน “วันนี้ฉันไปดูละครบรอดเวย์ที่เขาแสดง”

“นายชอบหมอนั่น? ดูๆ กันอยู่รึไง? ”

“เปล่า.. ฉันชอบผู้ชายตัวสูงกว่านี้ ที่เป็นนักกีฬา… ที่อ่านนิยายคลาสสิคไม่รู้เรื่อง” ร่างเล็กกว่าแย่งกระป๋องเบียร์มาวางไว้บนโต๊ะ “...ที่ต้องควบคุมอาหารเตรียมเปิดซีซันใหม่แต่ดันมานั่งดื่มเบียร์ด้วย”





“วันนี้ชีทเดย์” วินเซนต์พึมพำตอบ “ทำไมถึงปล่อยให้มาส่งได้ แล้วรถนายล่ะ”

“...รถซ่อมอยู่ แล้วเจ้าตัวยืนกรานขอมาส่ง…. มันไม่มีอะไรทั้งนั้น วันนี้ฉันปฏิเสธเขาไปชัดเจนแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ตอบข้อความ ไม่ไปเจออีกแล้ว”





คล้ายว่าวินเซนต์จะอารมณ์เย็นลงมากแล้ว… แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจจางๆ





“...นายจะไม่นอกใจเพื่อเอาคืนฉันใช่ไหม” วินซ์

“พูดอะไรบ้าๆ ฉันเป็นคนงี่เง่าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” แดริล

“อืม…” วินเซนต์ดึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้ามากอดแน่น “โทษที เมื่อกี๊เจ็บไหม”

“ฉันไม่เป็นไร” มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ “แค่ตกใจนิดหน่อย นายอย่าใจร้อนทำอะไรบุ่มบ่ามนักสิ เจอปาปารัสซี่เข้าจะทำยังไง”

“...ขอโทษ” อันที่จริงวินเซนต์ ซัมเมอร์ ไม่ใช่คนที่จะขอโทษใครง่ายๆ แม้เจ้าตัวจะผิดจริงๆ ก็ตาม “แต่นายก็น่าจะบอกฉันบ้าง…”

“ถ้าบอกแล้วจะให้ไปคุยไหม? ” แดริล

“ข้ามศพฉันไปก่อน” วินซ์

“.... นั่นแหละ” แดริล

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาวอแวกับนาย ฉันจีบนายได้คนเดียว”วินซ์

“อย่าพูดจาเอาแต่ใจนักสิ” แดริล

“เกิดหมอนั่นพานายไปที่ไหนไกลๆ หรือเกิดฉันไม่อยู่แล้วดึงดันบุกรุกเข้าอพาร์ทเมนต์นายล่ะ” วินซ์

“........... ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนนายนะวินเซนต์” แดริลพอเข้าใจความกังวลของอีกฝ่าย เพราะที่พูดมาแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่วินเซนต์สามารถทำได้ทั้งนั้นเลย… “...ฉันว่าคนที่น่ากลัวสุดก็นายนี่แหละ”

ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงจูบเบาแทนคำตอบ


ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนที่ 16 (2/2)

“....แล้วพวกนายเคยมีเรื่องอะไรกัน? ทำไมเหมือนจะรู้จักกันล่ะ? ”





พอมาถึงตรงนี้ กลับเป็นวินเซนต์ที่หลบตา





“นายกินอะไรมาหรือยัง? สั่งอะไรมากินกันไหม” พูดแล้วก็ทำท่าจะลุกไป แต่แดริลจับเสื้อวอร์มของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

“... วินซ์… นายไปทำอะไรมา” ถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้มั่นใจว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน...





วินเซนต์เมื่อเห็นหนีไม่พ้นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ





“ทำเรื่องที่นายน่าจะไม่ชอบ” วินซ์

“... บอกมาเถอะ ปกตินายก็ทำหลายเรื่องที่ฉันไม่ชอบอยู่แล้ว” แดริล

“... ช่วงเกรดสิบเอ็ด จำได้ไหม หมอนั่นตามนายแจเลย แล้วก็ชอบแอบมองนายจนน่ารำคาญ” วินซ์

“อืม…” แดริล

“ฉันอาจจะ… ส่งเพื่อนไป… ข่มขู่นิดหน่อย” วินซ์

“.................” แดริล





มิน่า หลังจากปีนั้นก็เหมือนจะไม่ค่อยเห็นโจเซฟอีกเลยจนแทบลืมไปแล้ว





แดริลนวดขมับ อันที่จริงก็ไม่แปลกใจ นิสัยของวินเซนต์สมัยนั้นเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่ ตอนนี้ถึงจะเบาลงแล้วแต่ก็ยังมีความเอาแต่ใจอยู่ดี





“นายนี่นะ… รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบก็ยังจะทำ แล้วทำไมต้องขยันสร้างศัตรูนัก” การบ่นนั้นมีเพียงความไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้มีอารมณ์โมโห ชายหนุ่มผมดำกดวินเซนต์ไว้กับโซฟาไม่ให้ลุกหนี ซ้ำยังปีนขึ้นตักคร่อมทับเอาไว้ ก้มลงสบตาตรงๆ “...อย่าทำอะไรแบบนี้อีกได้ไหม? ขอร้องล่ะ”

“ก็อย่าทำให้ฉันหึง” วินเซนต์เพียงเลิกคิ้ว สองมือวางบนต้นขาแล้วเริ่มนวดคลึงหนัก ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจูบอีกฝ่ายบนริมฝีปาก

“อย่าทำตัวไม่มีเหตุผลสิ นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ” จบประโยคแดริลก็สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อต้นคอถูกขบขย้ำ ไม่ได้แรงจนรู้สึกเจ็บแต่ก็พอที่จะเรียกเสียงครางแผ่ว

“อืม... รู้แล้ว ฉันโตแล้วไม่ทำอะไรเด็กๆ แบบนั้นหรอก” เห็นไม่มีเสียงห้าม มือหยาบก็ยิ่งล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตขาว ปลายนิ้วกดหนักหยอกล้อยอดอกที่แข็งขึ้นรับสัมผัส “พรุ่งนี้วันหยุด…”





วินเซนต์ยกยิ้มขณะกระซิบข้างหูคนในอ้อมแขน ที่กำลังนั่งหน้าแดง ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ





ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ดวงตาสีเขียวเหลือบขึ้นมอง จับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ทำเอาคนโดนมองนึกอยากมุดหนีไปไกลๆ





มือข้างหนึ่งแหวกสาบเสื้อเชิ้ตออก ท้องนิ้วสากที่สัมผัสผิวกายชวนให้ถูกกระตุ้นมากกว่าเก่า ไฟยังเปิดสว่าง ดวงตาคู่นั้นไล่มองตั้งแต่ต้นคอลงไปถึงหน้าท้องราบ





“ไม่มีรอย…” วินเซนต์ยกยิ้มขำ ไล่จูบทิ้งร่องรอยสีแดงเป็นจ้ำตั้งแต่อกต่ำลงไปเรื่อยๆ

“แน่สิ จะไปมีได้ยังไง ฉันไม่เหมือนนายสักหน่อย” น้ำเสียงนั่นแฝงความขัดเขินปนขุ่นเคืองเบาๆ ลมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากอุ่นแนบลงบนผิวกาย

“ตอนนั้นฉันไม่ดีเอง ฉันขอโทษ” การได้ยินคำว่าขอโทษสองครั้งจากปากวินเซนต์ในวันเดียวทำให้รู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มและวันสิ้นโลกจะมาถึงในพรุ่งนี้อย่างไรชอบกล

“ช่างเถอะ มันผ่านมานานแล้ว”

“ผ่านนานแล้วแต่นายปล่อยมันไปได้จริงๆ หรือเปล่า? ” สองมือเคลื่อนลงไปที่เอว รู้ตัวอีกทีเข็มขัดหนังเส้นยาวก็ถูกปลดออกเสียแล้ว

“นี่เราจะคุยเรื่องนี้กันตอนนี้จริงๆ เหรอวินซ์? ” คนที่ทั้งเสื้อผ้าหลุดลุ่ยทั้งแก้มขึ้นสีมุ่นคิ้วถาม ทำเอาวินเซนต์ที่กำลังมืออยู่ไม่สุขถึงกับหลุดขำ

“ไม่คุยก็ไม่คุย” มือหยาบเอื้อมไปหลังศีรษะ นิ้วชี้เกี่ยวดึงยางรัดผมออก ปล่อยให้เรือนผมสีดำยาวตกระบ่า ร่างสูงใหญ่หัวเราะเบา จับรวบเอวดันให้ร่างที่บางกว่านอนลงบนโซฟาหนัง จับลอกคราบเสื้อผ้าแล้วโยนไว้ลวกๆ บนพื้น

ร่างในอ้อมแขนตอบสนอง ยกแขนขึ้นโอบรอบบ่าอีกฝ่าย กระซิบบอกเบาๆ ที่ข้างหู

“...ถุงยาง… ในลิ้นชัก”

“... โทษทีนะที่รัก แต่ฉันใช้ของนายไม่ได้หรอก มันคับ” คนพูดไม่ได้พูดเปล่า ยังฉีกยิ้มกวนจนอีกฝ่ายหน้าเสีย ยกขาถีบมันไปทีหนึ่ง แต่กลับโดนจับไว้ได้เสียก่อน

“วินเซนต์!!”

“อะไรกัน? ฉันแค่พูดความจริง” คนหน้าด้านยักไหล่ ท่าทางราวว่าตนเองไม่มีความผิดอะไรเลย ก่อนจะดึงเสื้อยืดของตนเองขึ้นเหนือศีรษะ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นหลักฐานของการฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก เขาโยนผ้าชิ้นนั้นมั่วๆ ไว้ที่มุมห้อง หยิบกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมออกจากถุงร้านสะดวกซื้อมาวางไว้ใกล้ๆ

เจ้าของห้องเริ่มหน้าแดงขึ้นทุกที ขณะพยายามจะลุกไปปิดไฟเอวก็ถูกดึงรั้งไว้

“จะไปไหน?” วินเซนต์ถาม ขณะดึงร่างซึ่งบางกว่ากลับมาให้นอนอยู่ท่าเดิม

“...ปิดไฟ”

“ไม่ต้องปิด ฉันชอบดูนายเขิน” นึกอยากด่าแล้วทุบมันสักที แต่ยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้นสองขาก็ถูกจับยกขึ้น ร่างที่บางกว่านอนหงายกลับลงไปแบบไม่ทันตั้งตัว

ไฟห้องยังสว่างจ้า ทั้งยังไม่มีที่ให้หลบ จึงได้เพียงยกมือขึ้นปิดใบหน้าแดงๆ ของตนเองอย่างไม่มีทางเลือก

“นายมันแย่--” ปลายเสียงหายไปพร้อมกับสองนิ้วที่เปียกชุ่มด้วยของเหลวซึ่งสอดเข้ามาในร่างกาย ทำเอาแดริลเผลอหลุดเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ

มือของวินเซนต์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดันเข้าลึกแล้วค่อยๆ นวดคลึงให้ช่องทางนั้นผ่อนคลายลง





“อย่าปิดหน้าแบบนั้นสิ” วินเซนต์พูดกลั้วด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ลมหายใจระบายออกหนักขึ้นอย่างรู้สึกได้

“ไม่” ตอนกลับอย่างหนักแน่น แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเมื่อสัมผัสชุ่มชื้นไล้ลงบนยอดอกแล้วขบเบา พร้อมๆ กับสองนิ้วที่กดย้ำบริเวณจุดอ่อนไหวด้านหลัง จนเจ้าของร่างเผลอยกสองมือออกไปขยุ้มเรือนผมสีทองตัดสั้น

ดวงตาที่ฉายแววหยอกล้อปนกระหายคล้ายกำลังรอปฏิกิริยานั้นอยู่แล้ว วินเซนต์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่มองสบกับเจ้าของดวงตาสีฟ้าที่กำลังหน้าแดงจัด ที่หางตามีน้ำคลอออกมาเล็กน้อย





“ทำไมต้องแกล้งทุกทีเล--” ยังไม่ทันจบประโยคเสียงพูดก็ขาดช่วงและเปลี่ยนเป็นเสียงคราง ท่อนแขนแข็งแรงที่ยังว่างก็รวบดึงแผ่นหลังของอีกฝ่ายให้เอนขึ้น ขบขย้ำยอดอกสีเรื่อแล้วดูดซ้ำจนเริ่มรู้สึกเจ็บ นิ้วที่สามที่สอดเข้ามาทำให้อึดอัด แต่ก็กระตุ้นเร้าไปพร้อมๆ กัน





“ก็นายชอบให้ฉันแกล้ง รู้ตัวไหม?” วินซ์ตวัดลิ้นหยอก ดวงตาไม่ยอมย้ายจากใบหน้าที่กำลังแดงจัดเลยสักนิด ระหว่างนั้นมือก็ทำงานไปด้วย หลังจากสอดนิ้วกระแทกเข้าลึก คนในอ้อมแขนก็ผวากอด สักพักสะโพกถึงขยับรับไปเองอย่างห้ามไม่อยู่ “เห็นไหม? … นายชอบ”

คนพูดยกยิ้มร้าย กระซิบข้างหูเสียงเบา ทำเอาใบหูที่แดงอยู่แล้วยิ่งออกสีไปกันใหญ่





สามนิ้วค่อยๆ ถอนออกจากกาย เจ้าของร่างส่งเสียงครางแผ่วคล้ายจะไม่ชอบใจ แต่ก็ยังไม่ยอมตอบคำถามอยู่ดี ทั้งๆ ที่ในใจมีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว





วินเซนต์ขยับตัวถอยไปเล็กน้อย เอื้อมหยิบกล่องถุงยางที่วางไว้บนโต๊ะข้างๆ มือเปิดกล่องหยิบออกมาซองหนึ่ง แต่แทนที่จะจัดการเอง ก็กลับยัดใส่มือเจ้าของห้อง จากนั้นก็โน้มลงกระซิบข้างหู ด้วยประโยคออกคำสั่ง “ใส่ให้ฉัน”





แดริลทั้งฉุนทั้งเขิน สีแดงบนใบหน้าลามลงไปถึงบนต้นคอ ดวงตาสีฟ้าเบือนมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตา แต่ถึงอย่างนั้นมือก็รับซองพลาสติกที่ว่ามาอยู่ดี





ความร้อนบนใบหน้าคล้ายจะแผ่ลามไปถึงใบหู สองนิ้วเกี่ยวขอบกางเกงของอีกฝ่าย ดึงรั้งลงเสียจนส่วนนั้นปรากฏแก่สายตา ยิ่งรู้สึกถึงสายตากระหายของวินเซนต์ที่จ้องมา ประกอบกับท่าทีรอคอยนั่นแล้วก็ยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก...

ฟันเขี้ยวงับเข้าที่มุมซอง ก่อนจะใช้มือช่วยดึงให้ขาด หยิบชิ้นของที่อยู่ข้างในออกมาแล้วมองส่วนที่กำลังแข็งขึ้นของอีกฝ่ายอย่างกระดากอาย ยิ่งไฟสว่างจ้าก็ยิ่งเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนเกินไป หน้าร้อนเสียจนแทบไหม้ แล้วก็ไม่รู้ว่าควรเอาไปฝังไว้ที่ไหนดี แต่กระนั้นมือก็ยังเอื้อมออกไปอยู่ดี

สองนิ้วค่อยๆ รูดลงจนสุดความยาว ขณะที่ทำก็ทั้งไม่มองหน้า ไม่สบตา แต่หูก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอีกฝ่ายที่โน้มลงมากระซิบข้างๆ “นายเห็นมากี่รอบแล้ว จะเขินอะไรอีก”





“...ปิดไฟ” เสียงตอบกระซิบแผ่ว น้ำเสียงฟังดูคล้ายเป็นการร้องขอ วินเซนต์ฟังแล้วก็เพียงฉีกยิ้ม และตอบสั้นๆ ว่า…





“ไม่”





ต้นขาทั้งสองข้างถูกจับยกขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกำสิ่งที่ค่อยๆ ดันตัวเข้ามาในช่องทางด้านหลัง เจ้าของร่างสูงใหญ่ลากลิ้นเลียริมฝีปาก ค่อยๆ เริ่มเคลื่อนตัวจังหวะช้า ดวงตาสีเขียวไล่มองบนร่างกายของอีกฝ่ายที่แทบจะแดงไปทั้งตัว





แดริลหลุดเสียงร้องเมื่อจู่ๆ วินซ์ก็กระแทกเข้ามาจนสุดความยาว ร่างที่บางกว่าสะท้านเบาเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนสะโพกขยับตอบสนองตามจังหวะอีกฝ่าย





วินซ์ไล่มองร่างนั้นแทบทุกสัดส่วน กระทั่งหยุดลงที่เอวซึ่งกำลังเคลื่อนไหวตอบสนองอย่างเต็มที่





“เอวนายดี” แล้วก็พูดออกมาตามที่คิด ซ้ำร้ายมือหยาบยังลูบขยำตามใจ เลื่อนลงไปเรื่อยจนถึงสะโพก แล้วตีเบา “สะโพกก็ดี…”





บริเวณที่ถูกตีสะดุ้งเล็กน้อย แดริลเบือนหน้าหลบสายตาคู่นั้นที่มองมาอย่างหิวกระหาย

“จะหยุดพูดได้รึยัง…”

“พอฉันพูด.. ด้านหลังนายยิ่งตอดแน่นเลยรู้ไหม” เสียงทุ้มกล่าวปนหอบเบา มือหยาบลูบไล้สะโพกที่กำลังยกขึ้นเพื่อขยับตอบรับตนเอง “เซ็กซี่เป็นบ้า…”

พูดจบก็ก้มลงจูบสั้น ขยับท่อนล่างเร่งจังหวะจนทำเอาอีกฝ่ายร้องครางไม่เป็นภาษา

“ชอบไหม?” วินเซนต์ถามแล้วก็จูบอีกที ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนริมฝีปากเริ่มจะบวมแดง

“.............ชอบ” คนตอบยอมรับเสียงเบา

“ชอบแบบไหน?" สิ้นคำถาม สองมือของแดริลก็ยกขึ้นบังใบหน้าแดงจัดของตนเองอีกครั้ง

“........แรงๆ ”





วินซ์ยิ้มกว้าง ยิ่งยกสะโพกของอีกฝ่ายขึ้นสูง โถมตัวกระแทกย้ำจนสุดความยาว





“แบบนี้?” ถามปนเสียงหอบหนัก เสียงการกระทบที่ฟังดูลามกดังสะท้อนไปทั้งห้อง ถึงแดริลไม่อยากฟังก็ต้องฟัง แต่ครั้นอ้าปากจะตอบ ก็กลับหลุดเสียงครางพอใจออกมาแทน

“วินซ์… จะ… ไม่ไหวแล้ว”

“ไหนให้ฉันดูชัดๆ หน่อย” ไม่ทันจะได้พูดปฏิเสธ มือก็ถูกดึงออก เรือนผมสีดำค่อนข้างยุ่งเหยิง ใบหน้าแดงจัดกำลังหอบหนัก หยดน้ำซึมออกมาจากหางตาทั้งสองข้าง





วินซ์มองแล้วก็ลากลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก จังหวะการขยับเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ





ร่างข้างใต้ร้องดัง มือประสานบีบมืออีกฝ่ายแน่น เอวเหยียดกายยกตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ส่วนกลางลำตัวจะชุ่มไปด้วยของเหลวสีขุ่น





วินเซนต์กัดฟันแน่น ในลำคอคล้ายจะหลุดเสียงคำราม ขยับสะโพกกระแทกหนักเข้ามาอีกสองที และทุกอย่างก็สงบลง



ร่างสูงใหญ่รวบคนรักของตนที่ยังนอนหอบไร้เรี่ยวแรงมากอดเบาพร้อมก้มลงจูบขมับอย่างพอใจ





“ฉันว่าเราควรเปิดไฟบ่อยๆ”



อีกคนไม่ตอบ เพียงเบือนหน้าหนี… แต่วินเซนต์ก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือกระทบอะไรแต่อย่างใด มือหยาบลูบบนเอวอีกฝ่ายเล่นอย่างเพลิดเพลิน แล้วเลื่อนลงมาถึงต้นขา





“ฉันจะไปอาบน้ำ” พูดจบแดริลก็ลุกหนี ก้าวขามุ่งไปทางห้องน้ำอย่างเร่งรีบ หากแต่อีกคนกลับเดินตามมา รวบตัวเอาไว้ และจับหิ้วเดินไปทางห้องน้ำ





“อีกรอบในห้องน้ำก็ไม่เลว” คนโดนหิ้วแก้มขึ้นสีขึ้นมาอีกเล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ…





และเช้าวันรุ่งขึ้นกว่าเขาจะตื่นเต็มตาก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว….





…………….





เช้าวันอาทิตย์ แดริลยืนมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก สำรวจร่องรอยตามตัวมากมายที่ถูกทิ้งไว้เมื่อคืน ไล่ตั้งแต่ต้นคอลงไปถึงหน้าท้องและต่ำลงกว่านั้น แทบไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกประทับตรา





ชายหนุ่มมุ่นคิ้วไม่พอใจ นิ้วปาดรอยบนต้นคอให้หายแดง แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล จึงได้แต่พยายามหาอะไรมาทาตามตัวเพื่อให้มันจางลง แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางทันวันจันทร์





ใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวจนจะหมดตู้แล้ว.. บ้าเอ๊ย



ตอนออกไปวิ่งออกกำลังทุกวันนี้ก็ต้องใส่เสื้อวอร์มแขนยาวตลอด ใส่เสื้อเชิ้ตก็ต้องติดกระดุมแทบทุกเม็ดเลยลงเอยที่ช่วงนี้เขาผูกเนกไทไปเกือบทุกวันไม่ก็ใส่เสื้อคอเต่า จนคนในทีมแตกตื่นนึกว่านักลงทุนจะมาวันเว้นวันแล้วช่วงนี้





ปลดผ้าเช็ดตัวที่พันร่างกายท่อนล่างออกดู ก็พบรอยแดงที่ต้นขาเต็มไปหมด กับรอยช้ำที่ใต้เข่า





แดริล เชนลูบหน้าแดงๆ ของตน ขณะนั้นวินซ์ก็ออกจากห้องน้ำมาอย่างได้จังหวะ ร่างซึ่งสูงกว่ายืนพิงตู้เสื้อผ้า ผิวปากเบาเป็นเชิงหยอกล้อ





“วิวดีแต่เช้า” คนฟังตอบสนองด้วยการหันหลังใส่ กระทั่งบนแผ่นหลังยังมีรอยแดงกระจายอยู่หลายจุด

ชยหนุ่มรีบสวมเสื้อผ้า เดินหลบวินเซนต์ไปหยิบกุญแจรถที่แขวนอยู่บนตะขอเกี่ยวติดกำแพง





“นายจะออกไปไหน? ”

“ไปซื้อโซฟาใหม่” แดริลพึมพำตอบขณะหยิบกระเป๋าสตางค์หนังมายัดใส่กระเป๋ากางเกง และสวมนาฬิกาแบรนด์ดังใส่ข้อมือ

“ฉันไปด้วย”





คนที่กำลังพยายามสวมนาฬิกาให้เข้าที่ถึงกับชะงัก ก่อนจะตอบเสียงเบา





“อย่าเลย แปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ”

“แต่โซฟาฉันใช้เยอะสุด ฉันควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการจ่ายเงินด้วย”





แดริลมีสีหน้าลำบากใจชัดเจน





“ทำไม? นายขายหน้าที่ให้ใครเห็นว่าไปไหนมาไหนกับฉันหรือไง” วินเซนต์ยิ้มหยอก ก่อนก้มลงจูบเบาบนริมฝีปาก

“ไม่ใช่อย่างนั้น… ก็แค่--”

“ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่? เลยคิดจะซ่อนฉันไว้ไม่ใช่ใครเห็น… อา ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังเล่นชู้กันอยู่เลย” คนพูดหัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาแดริลถอนหายใจทีหนึ่ง

“นายก็รู้นี่..”

“ไม่เอาน่า แค่ผู้ชายสองคนไปเดินดูเฟอร์นิเจอร์ด้วยกันเฉยๆ ไม่มีใครคิดว่าแปลกหรอก” พูดแล้วก็แย่งกุญแจรถไปถือเอง เดินไปหยิบแจ็คเกตมาสวม แล้วก็ชิงเดินออกจากห้องไปก่อนโดยไม่ฟังความเห็นอีกคนเลย





“วินเซนต์! ” แดริลก้าวขายาวๆ ตามไป ต้องหยุดล็อกประตูทำให้คว้าตัวห้ามไม่ทัน กว่าจะตามทันเจ้าคนเอาแต่ใจก็ไปนั่งในที่นั่งฝั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว





ไอ้บ้านี่...





“เร็วหน่อยสิ ฉันว่าจะแวะซื้อกาแฟด้วย”

“......”





สุดท้ายตั้งแต่เด็กยันโต ทักษะการรับมือวินเซนต์ ซัมเมอร์ของเขาก็เหมือนจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยสักนิด ได้แต่นั่งหน้าบูดในที่นั่งข้างคนขับระหว่างทางไปซื้อโซฟาตัวใหม่ ตรงข้ามกับคนข้างๆ ซึ่งดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

สุดท้ายพวกเขาก็ได้โซฟาหนังตัวใหม่ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมและปรับเป็นโซฟาเบ้ดได้ หลังจากได้ของก็แวะกินข้าวกลางวัน และมุ่งหน้ากลับบ้าน





ระหว่างการเดินข้ามลานจอดรถ จู่ๆ แดริลก็รู้สึกถึงสัมผัสหยาบจากปลายนิ้วอีกฝ่ายบนฝ่ามือของตนเอง

แดริลรีบดึงมือกลับ เร่งฝีเท้าเดินด้วยสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาสีฟ้ากวาดมองบริเวณรอบๆ อย่างหวาดระแวง จนไม่ทันได้มองสายตาผิดหวังของคนข้างๆ





เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นอีกทีวินเซนต์ก็ขยับตัวมาประทับจูบเบา ดวงตาสีเขียวสะท้อนความไม่ชอบใจจางๆ





ในจังหวะนั้นที่หางตาแดริลเหมือนจะเห็นแสงสีขาววูบหนึ่ง อาจเพราะแกล้งเป็นแฟนแคทมาหลายปีทำให้ความรู้สึกไวกับอะไรพวกนี้ สองมือของชายหนุ่มรีบดันอกวินซ์ออกห่าง





คนที่โดนปฏิเสธสามรอบในวันเดียวยิ่งมีหน้าตาไม่น่ามองเข้าไปอีก

“.... ฉันว่ามีแสงแฟลช” คิ้วสีดำมุ่นลง หันมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างระมัดระวังก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่แถวนั้น

“นายกังวลมากไป” วินเซนต์ถอนหายใจ แค่มองก็รู้ว่าหงุดหงิดไปแล้ว เจ้าตัวออกรถโดยเหยียบคันเร่ง รถคันที่ธรรมดาสามัญพอๆ กับราคาของมันแล่นออกจากที่จอด สู่ถนนใหญ่ที่หนาแน่น “เราจะปล่อยตัวตามสบายกันไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม”





ชายหนุ่มพยายามคิดปลอบใจตนเอง ว่าอาจจะคิดมากไปจริงๆ …. ทุกครั้งที่ออกมากับวินเซนต์เขาจะทั้งเกร็งทั้งระวังตัวเกินกว่าเหตุเสมอจนบางทียังรำคาญตัวเอง





วินเซนต์ไม่ใช่คนที่ทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ กระทั่งนอกใจแฟนสมัยไฮสคูลยังนอกใจอย่างเปิดเผยจนโดนตบหน้าหันมาแล้วไม่รู้กี่รอบ… นั่นแดริลก็รู้ดี





“อีกสองปี… รอให้นายทำลายสถิติของตัวเองได้…”

“นายถึงจะยอมไปไหนมาไหนด้วยกัน ให้ฉันจับมือ ไปเดท ใช่ไหม? ”

“อืม…”

“... ให้ตายสิ ตั้งแต่สมัยไฮสคูล ฉันไม่เคยพานายไปเลี้ยงข้าวหรือเที่ยวที่ไหนเลยนี่” วินเซนต์ยิ่งพูดและยิ่งนึกย้อนไปก็ยิ่งมุ่นคิ้ว “วันเกิดนายก็ไม่เคยซื้ออะไรให้ ไม่มีกระทั่งภาพคู่”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว ไว้ถ้าอยากไปจริงๆ ฉันก็พานายไปเองนั่นล่ะ” ในน้ำเสียงไร้ซึ่งแววประชดประชันหรือน้อยใจสักเศษเสี้ยว...

“.... นายจะเรียกร้องเอาอะไรจากฉันให้มากกว่านี้สักหน่อยก็ได้นะ แดริล” คนฟังเลิกคิ้วให้กับประโยคนั้น…

เดี๋ยวนะ… มันฟังดูมีอะไรไม่ถูกต้องชอบกล





“ฉันก็เรียกร้องในแบบของฉันแล้ว…”

“หมายถึงให้พาไปเที่ยวบ้าง ให้ซื้อของขวัญวันเกิดให้บ้าง ให้จำวันครบรอบให้ได้ ให้สนใจนายมากๆ หน่อย อะไรทำนองนี้”

“..... นี่หัวไปกระแทกอะไรมา” แดริลมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์





“หัดอ้อนฉันบ้าง”





ฟังแล้วก็เกิดความเงียบกริบไปพักหนึ่ง แดริลหันไปปิดปากกลั้นขำ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวขำออกมาจริงๆ ขำหนักจนถึงขั้นงอตัวลงเล็กน้อย





“นายก็ไม่ใช่ประเภทที่จะมาใส่ใจทำอะไรพวกนี้ให้ใครอยู่แล้ว วันเกิดแม่ยังแทบจำไม่ได้เลยมั้ง ฉันต้องคิดมากด้วยเหรอ? ” ชายหนุ่มปาดน้ำตาที่เล็ดออกมากเพราะหัวเราะมากไป

“ถ้าเป็นคนอื่นเรียกร้องมันก็น่ารำคาญอยู่หรอก…..นี่ฉันเป็นแฟนที่ห่วยแตกมากเลยใช่ไหม” ชายร่างใหญ่ถอนหายใจออกมา





นายเพิ่งรู้ตัวเหรอ….





“.......ใช่ แต่บังเอิญรสนิยมเรื่องผู้ชายของฉันก็ห่วย… คำพูดแคท” รถคันใหญ่แล่นเข้าที่จอดในอพาร์ทเมนต์ แล้ววินซ์ก็ดับเครื่องยนต์

“นายควรจะบอกว่า ‘ไม่ใช่ นายเป็นผู้ชายที่วิเศษมาก’ มากกว่านะ” วินเซนต์หรี่ตามองคนข้างๆ

“วันนี้ไม่ใช่เอพริลฟูล” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ขยับตัวมาจูบแก้มคนพูดหนักๆ อีกครั้ง “... วินซ์ ไม่ใช่ตรงนี้”





คนที่ถูกห้ามเป็นรอบที่สองของวันถอนหายใจ ยอมถอยไปแต่โดยดีพร้อมขยี้หัวตัวเองเบาๆ





“ก็ได้… ก็ได้” วินเซนต์ยกมือยอมแพ้ ยอมเปิดประตูก้าวลงจากรถแต่โดยดี ร่างซึ่งบางกว่าก้าวตามลงมา ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วก็ค่อยๆ เดินตามไป





จังหวะนั้นหางตาเหมือนจะเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก… เหมือนกับจะเห็นที่ร้านอาหารวันนี้

คนคนนั้นคล้ายสังเกตเห็นสายตาของเขาก็หันหลังเดินหนีไปทันที





“แดริล ลิฟต์มาแล้ว” เสียงเรียกของวินเซนต์ดึงความสนใจกลับไป ชายหนุ่มตอบรับและรีบก้าวขายาวๆ เพื่อตามอีกฝ่ายให้ทัน





เขาอาจจะคิดมากไปเอง…. ใช่… ก็คงคิดมากไปเองนั่นละ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

โดนเล่นแล้ววววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คงจะมีข่าวใหญ่เร็วๆนี้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่อยากเปิด ก็ต้องเปิดแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากให้เป็นแค่เรื่องคิดมาก จะดราม่าหรอแต่แกเขาพึ่งจะคืนดีกันหลังจากห่างกันไป9ปีเลยนะ :katai1: :hao5: แล้วก็พึ่งเคลียร์กันเสร็จ ชอบฉากต่อจากเคลียร์เสร็จเวอร์ แซ่บเผ็ชมาก :haun4: จะรอตอนต่อไป ได้โปรดอย่าทำร้ายใจกันเลย :กอด1: 

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
พึ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบมาก สนุกมากกก ภาษาก็ดีอ่านแล้วเพลิน มาลงให้เรื่อยๆนะครับ

 o13

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เราชอบสำนวนของเรื่องนี้จังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่นิวยอร์กไปด้วย ส่วนเรื่องปาปารัสซี่นี่ใช่แน่ๆ หนูแดริลจะทำยังไงต่อ  :katai3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แวะเข้ามาอ่าน สนุกกว่าที่คิด  :pig4:

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตามคุณหมีมาอ่าน เรื่องนี้ภาษาดีมากกกกกก แง้เราพลาดไปได้ยังไง เป็นกำลังใจให้น้อง

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
เป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ
สำนวนเหมือนอ่านนิยายแปลเลย
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะที่สละเวลามาเขียนนิยายดีๆภาษาสวยแบบนี้ให้เราอ่าน
ชอบนายเอกมากๆๆๆ แต่ดูเหมือนจะชอบคิดเยอะไปหน่อย
รอวันที่นายเอกยอมรับอะไรหลายไปอย่างได้นะคะ 5555555
รอตอนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากเลยค่ะ พึ่งมาอ่าน สำนวนไม่เหมือนนิยายไทยเลย ชอบมากเลยค่า
ขอบคุณนะคะ

ปาปาตามถ่ายแน่ๆเลย น่าจะใกล้เป็นข้าวแล้วใช่มั้ยนะคู่นี้ อยากให้แดริลก้าวผ่านไปได้กับวินซ์แบบเข้มแข็งนะ

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ mew.kani

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต้องมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีกแน่ๆ
ไม่อยากให้แดริลคิดมากกเลย
อยากให้คุณเค้ามีความสุขซักที ฮือออ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สนุกมากค่ะ สำนวนเหมือนอ่านนิยายแปล เปิดไว้นานแล้วเพิ่งได้มาอ่าน อยากโอนตังซื้อเล่มเลย  :hao5:

คนเขียนมีนิยายเรื่องอื่นที่เคยแต่งไหมคะ อยากตามไปอ่านงานเขียน ดีมากเลย ประทับใจจจจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ภาษาอ่านเพลินมากๆๆเป็นกำลังใจให้นะคะ o13
รอติดตามค้าาาาาา :pig4:

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเป็นมากกว่านิยายวายจริงๆนะคะ ดีมากเลย รอตอนต่อไปค่าาา

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาละสิถ้าเป็นข่าวขึ้นมาจะเป๋นไงเนี่ย

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมากภาษาดีมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องก็สนุกมากกกก

ทำไมเรารู้สึกระแวงโจเซฟยังไงก็ไม่รู้ ลางสังหรณ์มันบอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องแน่ๆเลย :katai1:

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 17 Exposed (1/2)

   ทุกอย่างผ่านไปโดยปกติดี จนกระทั่งสองอาทิตย์ถัดมา…

   ช่วงนี้วินซ์ค่อนข้างยุ่งกับการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง จึงต้องฟิตร่างกายเป็นพิเศษ ทำให้ไม่ค่อยจะโผล่มากวนใจเขาบ่อยเท่าช่วงก่อน

   วันนี้เป็นบ่ายวันหยุด แดริลชงกาแฟจิบ เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ดื่มด่ำกับช่วงเวลาเป็นส่วนตัวอันสงบสุขที่ค่อนข้างห่างหายไปนาน… แต่แล้วจู่ๆมือถือก็สั่น

   ชายหนุ่มถอนหายใจ คิดในใจว่าอาจจะเป็นปัญหาเรื่องงาน บางทีเว็บไซต์ล่มวันหยุดก็ต้องลุกมาแก้ปัญหากันบ้าง แม้จะเป็นวันหยุดแต่ยอดขายไม่ได้หยุดตามคนเสียหน่อย

   ปรากฏว่าเว็บไซต์ปลอดภัยดี คนที่ส่งข้อความมาคือแคทเธอรีน บราวน์

   ‘ทูนหัว ทำใจดีๆนะคะ เธอเห็นข่าวนี้หรือยัง?’ แคทแนบลิงก์มาด้วย มันเป็นลิงก์ข่าวแทบลอยด์ซุบซิบคนดัง เจ้าที่คุณแบล็ควู้ดชอบเป็นหัวข้อข่าวบ่อยๆนั่นละ….

   แดริลสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่ออ่านประโยคนั้น แต่มือก็กดเข้าไปอ่านอยู่ดีเพราะความอยากรู้อยากเห็น

สายตาอ่านพาดหัวประโยคแรก หน้าก็ถึงกับชาไปวูบหนึ่ง

‘ภาพหลุดนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลดัง วินเซนต์ซัมเมอร์กันแฟนหนุ่มไม่ทราบชื่อ’
 
   ภาพถ่ายที่ปรากฏในหน้าข่าวเป็นรูปของวินเซนต์กับตัวเขาเองในที่จอดรถห้างในวันก่อน ภาพของตัวเขาไม่ค่อยชัดนักเพราะมุมกล้อง มันป็นภาพที่วินซ์ขยับตัวมาจูบในรถพอดิบพอดี

   ‘แหล่งข่าวนิรนามกล่าวว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตั้งแต่สมัยไฮสคูล มักไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ และยังเคยเห็นพวกเขาจูบกันที่ลานจอดรถของโรงเรียนอีกด้วย’

   ชายหนุ่มผมดำมือสั่น จนมือถือลื่นหลุดมือ ร่วงลงบนพื้นพรม

   ค่อนข้างนาน…. เขาไม่ได้ใส่ใจจะหยิบมันขึ้นมา ใบหน้าถอดสี คิดถึงเรื่องต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพราะข่าวนี้ ผ่านไปประมาณหนึ่งถึงตั้งสติได้ รีบกดเบอร์มือถือ โทรหาใครบางคนทันที

   รับสิ รับสิ.. รับ

   “ฮัลโหล” ในที่สุดก็มีเสียงดังออกมาจากปลายสาย เสมือนห่วงยางชูชีพกลางคลื่นลมแรงให้สติของเขาเกาะเกี่ยวเอาไว้

   “วินซ์…นายรู้เรื่องหรือยัง” เสียงนั้นติดสะอื้นเบา ฟังดูคล้ายจะร้องไห้ อีกฝ่ายถอนหายใจ คล้ายจะแทนคำตอบทั้งมวลว่าเขารู้หมดแล้ว
   “แดริล… นายต้องใจเย็นๆ อย่าพึ่งทำอะไรทั้งนั้น รอฉันก่อน เข้าใจไหม” เสียงที่ปลายสายพูดเบาเป็นพิเศษ ดูเหมือนกำลังเป็นกังวล “ฉันอยู่กับผู้จัดการ… คงต้องเคลียร์เรื่องนี้กันอีกสักพัก ช่วงนี้ฉันน่าจะกลับไปไม่ได้ นายโอเคหรือเปล่า”

   “อืม… ฉันโอเค” เขาตอบสียงเบา พยายามคุมสติตนเองไม่ให้เตลิดไปเสียก่อน

วินซ์… ฉันต้องการนาย ตอนนี้

แดริลอ้าปากออก แล้วก็ปิดมันลง หลับตาข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ปะทุออกมา

“ฉันไม่เป็นไร นายทำเรื่องที่ต้องทำเถอะ” แม้อีกฝ่ายจะไม่อยู่ตรงหน้า เขาก็ฝืนยิ้มอยู่ดี… ก็แค่จัดการอารมณ์ตัวเอง อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ต้องมีปัญญาทำอยู่แล้ว เขาจะทำตัวให้วินซ์เป็นกังวลไม่ได้ ในเวลานี้ที่อีกฝ่ายน่าจะมีเรื่องต้องให้จัดการเยอะกว่าเขาอีก

“แน่ใจนะ?…. ฉันเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วจะรีบไปหานาย”
   “อืม แน่ใจ อย่าห่วงเลย” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง ทั้งที่มือกำลังสั่น
   “ฉันต้องไปคุยกับทีมพีอาร์ต่อแล้ว… นาย…. หาอะไรกินด้วยล่ะ”
   “ได้”

   รับปากแล้ววินเซนต์ก็วางสายไป…

   แดริลยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือถือเปิดกลับไปหน้าเดิม อ่านข่าวหน้านั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

   ‘แล้วแบบนี้NFLฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง เขาจะติดลิสต์ผู้เล่นอีกไหม? แบบนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไป’

   ‘ที่เดทสาวไม่ซ้ำหน้าที่ผ่านๆมาเป็นเรื่องหลอกลวงหรือเปล่า?’

‘วินเซนต์ ซัมเมอร์ เป็นเกย์’ ‘วินเซนต์ ซัมเมอร์ เป็นเกย์’ ‘วินเซนต์ ซัมเมอร์ เป็นเกย์’

ตัวอักษรตัวหนาที่ถูกย้ำตลอดบทความทำให้คนอ่านยิ่งรู้สึกโมโหเสียจนมือสั่น… ไม่ใช่สักหน่อย วินซ์ไม่ได้เป็นเกย์ มันก็แค่บังเอิญที่อีกฝ่ายมาคบกับผู้ชาย

หากให้พูดกันตามตรง เขารู้มาตลอดว่าหากนับกันแค่ภายนอก อีกฝ่ายดูจะชอบผู้หญิงมากกว่าด้วยซ้ำ
เขาต่างหากที่เป็นเกย์ และเขาก็ลากอีกฝ่ายมาในความสัมพันธ์ที่ผิดปกติไปกับตนเองด้วย

เป็นเขาเองที่ทำอีกฝ่ายพัง…

บางทีก็รู้สึกว่าแค่มีตัวตนอยู่ก็ผิดแล้ว...

แดริลไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร รู้สึกคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิด และเขาก็ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น…
นั่งเครียดจนสมองตื้ออยู่นาน... สุดท้ายจึงหยิบยานอนหลับในลิ้นชักมากิน ปิดมือถือไม่ยอมรับสายจากแคทเธอรีน และฝืนตนเองให้หลับตั้งแต่บ่าย…

เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริงเอาเสียเลย...

แต่ปัญหาบางอย่าง ถึงจะพยายามหนีจากมันได้ก็เพียงชั่วคราว… ในเช้าวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มก็ตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก และปัญหาของเขาก็ยังคงกองอยู่ตรงนั้นที่ข้างเตียง ไม่ได้หายไปไหน กำลังรอให้เขาไปเผชิญกับมัน…


แดริล เชน ไม่ได้ออกไปวิ่งออกกำลังยามเช้าก่อนไปทำงานเป็นครั้งแรกในรอบปี…

แม้จะนอนมาเกินสิบชั่วโมง แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกอยากล้มตัวลงนอนต่อ อีกทั้งไม่มีความอยากอาหารแต่อย่างใด… แต่เขาก็ยังต้องมาทำงาน

เพราะคำว่าความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้างาน… ไม่ว่าอยากลาป่วยเพียงใด เขาก็จำเป็นต้องมาเผชิญหน้ากับมัน

ชายหนุ่มยืนถอนหายใจอยู่หน้าลิฟต์ กำลังใจนั้นติดลบ การที่มีข่าวของวินเซนต์ออกมาเช่นนี้ มันไม่ได้กระทบแค่ฝั่งวินซ์ ทางบริษัทที่จ้างเขาเป็นตัวแทนแบรนด์ก็ย่อมต้องได้รับผลกระทบ หากเป็นไลน์ผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงทำงาน หรือไลน์เน้นแฟชั่นหนักๆ การใช้ LGBT เป็นตัวแทนแบรนด์นั้นแทบไม่มีผลกระทบ อาจจะเป็นผลดีด้วยซ้ำเพราะเป็นการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศด้วยซ้ำไป

แต่แบรนด์กีฬาไม่เหมือนกัน… ปัจจุบันนี้โลกของแฟนกีฬาก็ยังถูกปกครองด้วยชายแท้เป็นส่วนมาก และกระแสโซเชียลก็เอาแน่เอานอนไม่ได้

ยังไม่ถึงเวลาเริ่มงาน ก็มีข้อความมาจากมิสวีแล้ว

‘ถึงอ๊อฟฟิศแล้วมาพบฉันด้วย….’

เขาพอเดาออก… ว่าจะเป็นเรื่องอะไร

ก้าวเข้าไปในห้อง นิตยสารข่าวซุบซิบก็ถูกโยนลงบนโต๊ะแผ่หราให้เห็นหน้าที่วินเซนต์ขึ้นพาดหัว กับภาพแดริลที่เห็นไม่ค่อยชัด แต่ถ้าเป็นคนรู้จักก็อาจจะเดาได้ว่าเป็นเขา

“เธอรู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทฉันจะไม่พูด… แต่เรื่องนี้สามารถกระทบแบรนด์ใหม่ของเราได้นะ แดริล” วิเวียนในชุดสูทสีเทานั่งนวดขมับหน้าเครียด “ฉันเข้าใจว่าพวกเธอจะรักกันมันเรื่องส่วนบุคคล และเรื่องรสนิยมน่ะมันก็ไม่ผิด… แต่กลไกตลาดไม่ได้ทำงานแบบนั้น

“....ครับ ผมเข้าใจ… ผมควรจะระวังกว่านี้”

หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีการใส่อารมณ์ แต่ก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนหรือปลอบประโลม

“ในแง่คนทั่วไปที่รักกัน พวกเธอไม่ได้ทำผิด แต่ในฐานะCMOบริษัทกับคนที่เราจ้างมาให้เป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ มันผิด โดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งเปิดตัวแบรนด์กีฬาไปไม่ทันไร และยังต้องระดมทุนอีกครั้งในปลายปี ยอดของเราต้องถึง เธอเองก็รู้นี่”

“ครับ… ผมเข้าใจ ผมต้องขอโทษจริงๆ” ชายหนุ่มนั่งก้มหน้า ยอมรับข้อกล่าวหาทุกอย่าง
“ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจจริงๆนะเชน… ฉันไม่ได้เหยียดในสิ่งที่เธอหรือเขาเป็น… สำหรับฉัน มันคือเรื่องของตัวเลข ของการแบกบริษัทต่อไป เรื่องของการรับผิดชอบพนักงานหลายสิบชีวิต ตอนนี้ที่เกิดปัญหาที่จะกระทบกับยอดขาย ฉันจำเป็นต้องตักเตือน”

   เขาไม่มีคำพูดจะแก้ตัวกับหล่อนได้เลย… เพราะเขาไม่ระวังเอง...

   นิ่งเงียบไปสักพัก หยิงสาวก็นั่งกอดอก หลับตาลง และถามคำถามออกมา

   “เธอคิดแผนแก้ไขและรับมือเรื่องนี้ไว้ยังไงบ้าง?”

   อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องที่เขาคิดมาตลอดเช้า

   “อย่างแรกคือทำพีอาร์ครับ ให้คุณซัมเมอร์แก้ข่าวว่าตัวเองไม่ได้คบกับผู้ชาย… ที่เห็นในภาพแค่คนหน้าคล้าย” พูดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็กำมือแน่น ทว่าสีหน้าก็ยังคงเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ “หลังจากนั้นก็หา ‘แหล่งข่าวนิรนาม’ มาให้สัมภาษณ์เรื่องสมัยไฮสคูลและมหาวิทยาลัย ว่าคุณซัมเมอร์เดทสาวมากี่คน… อีกสักพัก ก็ประโคมข่าว ว่าเขาเดทกับสาวคนดังสักคน จนกว่าเรื่องจะเงียบลง”

“นันเป็นเรื่องที่ทางทีมพีอาร์ของทางนั้นต้องจัดการให้เรา…ไม่ใช่งบประมาณที่เราควรต้องแบก เธอคิดว่าจะคุยให้ได้ไหม”
“...ได้ครับ… ส่วนทางฝั่งเราก็ไม่ควรเคลื่อนไหวอะไรมาก การปลดคุณซัมเมอร์ออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์ทันทีอาจเป็นผลเสียต่อธุรกิจโดยรวม เพราะจะเป็นการแสดงออกว่าเราเหยียดเพศ… เราควรแสดงออกในแง่ที่เป็นกลางมากกว่า และหากพีอาร์ของฝั่งนั้นไม่ได้ผล เราก็อาจจะต้องเตรียม…. จ้างคนอื่นมาแทนในปีหน้าหลังสัญญาหมด”

มือที่กำลังกำแน่นรู้สึกเจ็บขึ้นมา ทว่าเขาก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย

เรื่องที่ตลกร้ายที่สุดของเรื่องทั้งหมดนี่ก็คือ คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากตนเอง

ปลด… จ้างคนอื่น… แค่เพราะวินเซนต์เลือกที่จะอยู่กับเขา

“...การที่จะเป็นระดับC… ที่ต้องตัดสินใจเพื่อบริษัท มันก็แบบนี้ล่ะ แดริล ไม่ว่าจะบริษัทเล็กหรือใหญ่ก็ตาม” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย “บางทีตัวเลข… มันก็ต้องมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องส่วนตัว ความรู้สึกส่วนตัว อารมณ์ ความถูกต้อง… นั่นคือสาเหตุที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทนนั่งเก้าอี้พวกนี้ได้”

แดริลฝืนกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันยังไว้ใจให้เธอทำสิ่งที่ควรทำ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทได้อยู่ใช่ไหม?”

เพราะมันคือโลกของธุรกิจ… เพราะสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้นำมาซึ่งตัวเลขที่จะทำให้บริษัทไปต่อเสมอไป
เพราะการเป็นผู้บริหาร… คุณไม่สามารถทำตามใจตนเอง แต่ต้องทำโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก...
 
   แม้บางทีการทำสิ่งที่ควรทำมันจะขัดต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้สึกอยู่ก็ตามที

   “ผมจะไปจัดการให้เรียบร้อยครับ…”

   เพราะเราเป็นเพียงปลาตัวเล็กๆที่เวียนว่ายอยู่ในกระแสสังคมที่เชี่ยวกราก การไปฝืนมันก็คงมีแต่ความตายเท่านั้น

และโลกของธุรกิจสตาร์ทอัพก็เป็นเหมือนแดนเถื่อน เราวัดตัวเลขกันเป็นรายวัน เป็นรายชั่วโมง เพราะการเติบโตต้องรวดเร็วพอที่จะระดมทุนในรอบต่อไป หากทำไม่ได้… ก็มีแต่ตาย แบบที่เห็นการล้มมาแล้วในหลายๆธุรกิจ

   แดริลเดินออกจากห้องทำงานของCEOด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

   เขาลากตนเองกลับลงมานั่งในห้องทำงานของตน จ้องหน้าจอที่เต็มไปด้วยอีเมลและรายงานมากมาย… และก็เริ่มต้นทำงานไปทั้งแบบนั้น วันนี้แทบไม่มีใครเข้ามาทัก แม้กระทั่งบิล คล้ายว่าทุกคนจะรู้กันหมดแล้วว่าชายปริศนาที่อยู่ในภาพกับวินเซนต์คือใคร… มีแค่อีเมลที่ส่งงานเข้ามาเท่านั้น

   ก็ไม่แปลก ยิ่งบทสัมภาษณ์นั่นบอกว่า ‘ตั้งแต่ไฮสคูล’ ก็เดาไม่ยากเลย

   แดริลไม่อยากอาหารนัก เขาจมตนเองลงกับงานจนเลยเที่ยงไปแล้ว ถึงลุกขึ้นพาตนเองไปเข้าห้องน้ำ พอเข้าไปในคอกเล็กแคบได้ก็ปิดประตูลงกลอน

   เขาเพียงดันฝาชักโครกลง และนั่งเงียบๆอย่างเหนื่อยล้าด้วยต้องการจะหลับตาผ่อนคลายสักเล็กน้อย แต่หูก็กลับได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคน

   “ข่าวแทบลอยด์นั่นเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เลยน้า แล้วแบบนี้ทางแผนกนายจะเอายังไงล่ะนั่น” เสียงนั่นเป็นเสียงผู้ชาย น่าจะเป็นระดับผู้จัดการแผนกบริการลูกค้า
   “ไม่รู้สิ คุณเชนยังไม่ได้ว่าอะไร” เสียงที่สองเป็นเสียงที่แดริลคุ้นเคยดี นั่นทำให้เขาเกร็งเล็กน้อย… เพราะมันเป็นเสียงของบิล
   “นายว่าเรื่องนั้นมันจริงไหม ที่ว่าคนที่อยู่ในข่าวกับวินเซนต์ ซัมเมอร์คือ--”
   “จะจริงหรือไม่จริงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา” บิลพูดเสียงเรียบเพื่อตัดบท จากนั้นเสียงน้ำไหลแถวอ่างล้างมือก็ดังขึ้น
   “แต่เรื่องส่วนตัวที่ว่ามันดูจะกระทบยอดแคมเปญใหม่น่าดู นี่ก็ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า… เห็นว่าวันนี้ยอดแบรนด์กีฬาเริ่มลงแล้วนี่” ข่าวลือเป็นเหมือนไฟลามทุ่งในยุคที่อินเทอร์เนตกำลังเฟื่องฟู ไม่นานก็กลายเป็นไวรัลในอินเทอร์เนตที่ทุกคนรู้กันทั่ว “ฉันเข้าไปดูคอมเมนท์ในโซเชียล ก็ดูคนจะตั้งคำถามอย่างสนุกปากกันเยอะอยู่นะว่าจริงหรือเปล่า”
   “...ก็มีพวกโทรลบ้างล่ะนะ”

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 17 2/2

   “พอเป็นคนดังแล้วจะใช้คำว่าเรื่องส่วนตัวมันก็ไม่ได้น่ะน้าของแบบนี้” ชายหนุ่มอีกคนถอนหายใจ “คุณเชนนั่นตอนแรกฉันเคยสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นเกย์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงๆ แถมคดีพลิก ไม่ได้ควงแคทเธอรีน บราวน์ แต่ควงวินเซนต์ ซัมเมอร์ โคตรเหนือความคาดหมาย”
   บิลไม่ได้ตอบ แต่ถอนหายใจแทน

   “แถมในบทความก็บอกว่าคบกันตั้งแต่ไฮสคูล นี่สงสัยที่ยอมรับงานบริษัทเราคงเพราะเห็นแก่หน้าแฟนแหงๆ ทำไมไม่ระวังกันให้ดีกว่านี้นะ เดือดร้อนกันไปหมด”
   
   “พอเถอะ...ฉันว่านายกำลังล้ำเส้น เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก จะโทษก็ควรโทษพวกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่ขุดเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องแบบนี้” บิลเอ่ยปราม

   “ฉันไม่คิดแบบนั้น… ในเมื่อเขาเป็นคนดังไอ้คำว่าเรื่องส่วนตัวมันก็ใช้ไม่ค่อยได้แล้ว เขาควรจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำน่ะ นิดๆหน่อยๆก็เป็นข่าว ยิ่งเป็นตัวแทนแบรนด์ตั้งหลายแบรนด์ แถมตัวเองขายความเป็นนักกีฬาแมนๆอีก ทำไมไม่ระวังตัว”

   บิลนิ่งเงียบไป คล้ายจะพูดไม่ออก

   “เอาล่ะๆ ฉันไม่ว่าบอสที่รักของนายกับคู่เกย์ของเขาแล้วก็ได้ ฉันไปทำงานต่อล่ะ” สิ้นประโยค เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็ค่อยๆห่างออกไป หลงเหลือเพียงบิล ที่ก็ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ

   แดริลผู้ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดตัดสินใจเปิดประตูออกไป ชายหนุ่มร่างสูงกว่าที่ยืนหน้าอ่างล้างมือเห็นเงาสะท้อนของอีกฝ่ายในกระจก ก็มีท่าทางตกใจอยู่บ้าง

   “บอสครับ… เมื่อครู่”
   “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ทำหลายคนเดือดร้อนจริงๆนี่” ชายหนุ่มก้าวมายืนข้างๆลูกน้องคนสนิท เปิดก๊อกปล่อยให้น้ำไหลและถูมือของตนกับสบู่เบาๆ “ฉันขอโทษนะ บิล”
   “ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ” ร่างซึ่งสูงกว่าตอบเสียงเรียบ หลุบสายตาลง “...แค่อยากให้คุณบอกพวกเราทีว่าจะทำยังไงต่อดีมากกว่าครับ ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาหรือเปล่า หรือให้อยู่เฉยรอดูสถานการณ์ไปก่อน”
   “...อืม”

   แดริลนวดหว่างคิ้ว เขามัวแต่เครียดทั้งเช้าจนไม่ได้สั่งงานลงไปจริงๆว่าบิลต้องรับมือกับเรื่องนี้แบบไหน บริษัทจะเลือกจุดยืนแบบใด

   “ฉันรอสรุปกับทางนั้นอยู่ ว่าพีอาร์จะเอายังไง… จะติดต่อผู้จัดการส่วนตัวของคุณซัมเมอร์ในวันนี้ล่ะ”
   “ครับ… ผมน่ะ… ไม่ได้สนใจเรื่องข่าวอะไรพวกนั้นหรอกครับบอส ปัญหามีเสมอในทุกๆงาน สิ่งสำคัญคือเราต้องแก้มัน และตอนนี้ทีมต้องการการนำทางของคุณนะครับ”

สิ่งที่บิลพูดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกดดันกว่าเดิม... ทุกคนมีปัญหา แต่โลกไม่ได้หยุดหมุนเพื่อให้คุณแก้ปัญหาของคุณ… ถึงจะเครียดแค่ไหนงานก็ต้องเดินต่อไปอยู่ดี…
   
   ถึงเขาเหนื่อยจนอยากจะพักให้มันผ่านพ้นไป ก็ทำไม่ได้

   “อืม ฉันเข้าใจ ฉันไม่ได้ทิ้งงานหรอก”
   “....ถ้าพูดมากไปก็ขอโทษนะครับ” บิลพูดจบก็ค้อมตัวเล็กน้อย ไม่นานนักก็ขอตัวเดินจากไป

   ชายหนุ่มผมดำจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ใต้ตาดูจะคล้ำเล็กน้อย สภาพดูเหนื่อยล้าอย่างที่ปกติเขาจะระวังไม่ให้แสดงออกมา

   … ไม่ได้เรื่องเลย แดริล เชน

…………..

   ผู้จัดการส่วนตัวของวินเซนต์เพียบอกว่าพวกเขาจะพยายามแก้ไขปัญหา ตอนนี้กำลังปรึกษากับทีมพีอาร์อยู่ว่าจะหาทางกลบข่าวลือเรื่องนี้ได้อย่างไร

   เขาออกคำสั่งให้ฝ่ายการตลาดรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งกระทั่งวันต่อมาก็ยังไม่มีข่าวใดเข้ามาเลย

   แดริลนอนไม่หลับ ถึงหลับก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาทั้งที่ไม่มีอะไร คอยมองโทรศัพท์มือถือรอสายเข้าจากใครคนหนึ่งเสมอ พอลองโทรไปก็พบว่าเครื่องปิด ส่งข้อความก็ไม่ขึ้นว่าอ่านแล้ว

   เป็นยังไงบ้างแล้วนะ… วินซ์

   จนเย็นวันถัดมา ถึงไม่มีประโยค ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’ แต่เป็นเสียงรอสายแทน…

   หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและเป็นกังวล ในที่สุดปลายสายก็มีเสียงคล้ายการกดรับ

   “วินซ์ ตอนนี้--” ยังไม่ทันจบประโยค ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน
   “สวัสดีค่ะ ตอนนี้คุณซัมเมอร์ไม่ว่างรับสาย ไม่ทราบว่าใครกำลังพูดอยู่คะ”
   “.......... ไม่มีอะไรหรอกครับ”
   “ค่ะ จะทิ้งข้อความอะไรเอาไว้ไหมคะ”
   “ไม่มีครับ”

   นิ้วมือกดตัดสาย ร่างไม่หนาไม่บางทิ้งตัวลงบนโซฟา วางอุปกรณ์เครื่องนั้นไว้ข้างตัว ยกมือขึ้นนวดขมับและถอนหายใจยาว

   เหตุการณ์เมื่อตอนอายุสิบแปดกำลังย้อนกลับมาเล่นวนไปวนมาในหัวซ้ำอีกครั้ง… เงียบหายไป แล้วสุดท้ายก็คงเลือกเหมือนเดิม
   
   ขณะที่ใต้ตาสองข้างเริ่มจะแสบร้อน สมาร์ตโฟนข้างตัวก็สั่นไม่หยุด เขายกมันขึ้นมาอ่านชื่อบนนั้น… เป็นชื่อของวินเซนต์

   พอกดรับสาย คราวนี้เป็นเสียงของคนที่คุ้นเคยดี

   “เฮ้ แดริล เมื่อกี๊ทีมพีอาร์ฉันรับสาย นายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ--” เสียงนั้นฟังดูเหมือนจะถูกกล่าวอย่างรีบร้อน
“ซัมเมอร์!! หยุดเดี๋ยวนี้ บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ห้ามติดต่อ!!” เหมือนจะเป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นหู… น่าจะเป็นผู้จัดการหัวล้านของวินซ์คนนั้นที่เขาเคยพบ
“วินซ์… นี่นาย...” แดริลชะงักไปเล็กน้อยพอได้ยินอีกเสียงที่เหมือนจะอยู่ใกล้ๆวินเซนต์
“สองวันมานี้พวกเขาให้ฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้คุยกับใครเลย โซเชียลมีเดียก็ห้ามเข้าจนกว่าจะสรุปสคริปต์ที่ต้องเล่นให้ฉันได้ นายคิดมากรึเปล่า”
“คุณซัมเมอร์!! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!!”
“.... นายวิ่งหนีผู้จัดการอยู่เหรอ” แดริล
“เอ่อ...ก็… ทำนองนั้น” วินซ์
“ใครก็ได้จับเขาไว้ที!! ช่วยกันหน่อยเซ่!” ผู้จัดการ
“.....” เสียงความวุ่นวายจากทางด้านหลังทำให้แดริลรู้สึกสงสารผู้จัดการส่วนตัวคนนั้นเป็นอย่างมาก
“พวกเขาจะให้ฉันทำเป็นควงสาวออกสื่อ... เพื่อปิดข่าวลือ”

แดริลรู้สึกใจหาย… แม้จะเข้าใจแต่ก็ใช่จะรู้สึกดีกับเรื่องนี้นัก

“แล้วนายว่ายังไง…”
“ฉันอยากคุยกับนายก่อนจะตัดสินใจทำอะไร” พูดจบก็มีเสียงโครมครามดังมาจากปลายสาย
“....ฉันว่า… นายน่าจะควงสาวไปจริงๆเลย วินเซนต์” แดริล
“เดี๋ยวสิ นี่นายโอเคกับเรื่องนี้เหรอ” วินซ์
“.... มันน่าจะดีกับชีวิตนายมากกว่า คนแบบนายไม่ควรจะมีคนรักเป็นผู้ชายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว... ” แดริล
“เลิกคิดแทนแล้วตัดสินว่าอะไรดีกับฉันที่สุดสักที แดริล! นี่นายอยู่ที่ไหน อยู่บ้านหรือเปล่า ฉันจะไปหา รอแปบนะ” วินซ์
“ห้ามไป!!” เสียงโหวกเหวกเหมือนจะมาจากผู้จัดการคนเดิมคนนั้น...
   “...พอเถอะ วินเซนต์… พอแล้วล่ะ”
   “แดริล ห้ามวางสาย แดริล! แดริ--”

   ชายหนุ่มกดตัดสาย นั่งหลับตาคิดย้ำว่าเขาทำถูกแล้ว

   หากวินเซนต์เป็นดารา นักร้อง ไม่ใช่นักกีฬาที่ขายภาพลักษณ์ความเป็นเพลย์บอยแมนๆ เรื่องมันก็คงไม่ซับซ้อนขนาดนี้

   และหากเขาไม่ได้ทำงานอยู่ในบริษัทที่จ้างอีกฝ่าย… ก็คงไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อหลายฝ่ายขนาดนี้

   สักพักสองขาถึงลุกขึ้น ไปคล้องโซ่ประตู และเลื่อนตู้รองเท้ามากั้นเอาไว้ จากนั้นก็ทรุดลงนั่งอยู่หน้าประตูทางเข้าอยู่นาน น้ำอุ่นค่อยไหลลงจากดวงตา อาบแก้มและหยดลงกระทบหลังมือ ชายหนุ่มนั่งขดตัวอยู่เพียงลำพัง

   ไม่อยากเลิก… ไม่อยากปล่อยมือเลยสักนิด

   ไม่อยาก...

   ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อกกุญแจตามคาด.. วินเซนต์พยายามจะดันประตูเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ประตูจึงถูกแง้มออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

   “แดริล เปิดประตู ฉันรู้นายอยู่ในนั้น” นักกีฬาหนุ่มเคาะประตูแรง เจ้าของห้องนั่งส่ายหน้ากับตนเอง ไม่ยอมตอบอะไร

“ฟังนะ ฉันไม่เคยคิดจะเลิกกับนาย… ที่ให้ควงสาวบังหน้าเป็นข้อเสนอของทีมพีอาร์ ฉันไม่ได้จะทำ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูสิ้นหวังเสียจนคนฟังนึกปวดใจ
“...ฉันรู้” แดริลตอบเสียงเบา “ฉันไม่ได้โทษนาย”
“แล้วทำไมถึงพูดจาเหมือนจะเลิก?”
   “ถ้าสมมุติว่าครั้งนี้นายแถลงข่าวปฏิเสธ… แล้วคราวหน้าที่พวกเขาพบว่าเราไปไหนมาไหนด้วยกันอีกล่ะวินซ์ หรือหากมีคนรู้ว่าเราอยู่ด้วยกันล่ะ เรื่องมันจะไม่ยิ่งแย่กว่านี้สำหรับนายเหรอ?”
   “แดริล…”
   “นายเห็นหรือเปล่าว่าแฟนกีฬาหลายๆคนพูดถึงนายในโซเชียลยังไงบ้าง… ‘ตุ๊ด’ ‘หลอกลวง’ ‘ไม่รู้โดนไปกี่ทีแล้ว’ ‘อยากรู้จังว่าอยู่บนหรือล่าง’ มีบางคนที่เผาโปสเตอร์นายด้วย…” ยิ่งพูดคำเหล่านั้นออกมาเสียงของชายหนุ่มก็ยิ่งสั่น กระทั่งมือก็สั่ง เขาต้องประสานสองมือไว้ด้วยกันให้มันหยุด
   “เห็นสิ แล้วจะทำไม? นอกจากคนพวกนั้นก็มีคนมากมายยิ่งกว่าที่ให้กำลังใจและเข้าใจฉัน ทำไมนายต้องมองแต่ด้านที่มันเลวร้ายด้วยล่ะ?”
   “ผลกระทบจะตามมาอีกมาก นายก็รู้นี่…”
   “เราผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันไม่ได้รึไง แดริล.. ขอร้องล่ะ” ทั้งคำพูด ทั้งน้ำเสียง ยิ่งทำให้คนฟังปวดใจ เขาอยากจะเปิดประตูให้วินเซนต์เข้ามา แล้วบอกว่าจะอยู่ข้างๆอีกฝ่าย

   แต่เมื่อต้นตอของปัญหาทั้งหมดคือตนเอง จะทำแบบนั้นได้ยังไง…

   จนสุดท้ายแล้ว เขาก็จำใจต้องยื่นคำขาด ในรูปแบบของคำถาม… ที่ไม่อยากจะถาม

   “... ระหว่างฉันกับฟุตบอล นายเลือกสักอย่างได้หรือเปล่าล่ะ?” หลังจากคำถามนั่น วินเซนต์ก็นิ่งเงียบไปยาวนาน จนในที่สุดก็มีเสียงถอนหายใจดัง

   “............. ก็ได้”

   วินซ์พูดเท่านั้นว่า…. ‘ก็ได้’ และเขาก็จากไป..

   ชายหนุ่มได้เพียงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน… จนถึงเช้า เขาก็นั่งอยู่แบบนั้น

   และในเวลาเช้าตรู่ เขาก็ส่งข้อความไปลาป่วยเป็นวันแรกในรอบปี


……………………….


   วินเซนต์ไม่อยู่แล้ว...

   ...สุดท้ายเรื่องก็จบลงแบบเดิมๆ วินซ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตตนเอง...
   ...และมันก็คงดีแล้ว ที่ทุกอย่างจบแบบนี้

   และตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเผชิญความจริงเลยสักนิด…


   สิ่งที่ทำให้แดริลสะดุ้งตื่นคือเสียงเคาะประตู พร้อมกับเสียงแหลมที่เสียดแก้วหู

   “ที่รักคะ นี่ฉันเอง ยู้ฮู เปิดประตูค่ะ เปิดประตู นี่เรื่องด่วน!”

   เป็นแคทเธอรีน.. แดริลลากสังขารโทรมๆที่ทั้งไม่ได้อาบน้ำโกนหนวด และแทบไม่ได้นอนไปเปิดประตูบานนั้น ระยะทางระหว่างเตียงจนถึงทางเข้าห้องตนเองช่างห่างไกลเหลือเกิน

   “มีอะไร แคท?” เปิดประตูออกไปรับเพื่อนสาวด้วยสีหน้าไม่กระตือรือร้นเท่าใดนัก แคทเห็นสภาพแล้วก็ต้องป้องปากอุทานพระเจ้าช่วยออกมาทีหนึ่ง
   “ทำไมโทรมแบบนี้ล่ะยะ? เอาเถอะ เรื่องด่วนๆ รีโมททีวีเธออยู่ไหนน่ะ?” แคท
   “...ข้างทีวีนั่นล่ะ” น้ำเสียงที่ใช้ตอบดูเหนื่อยหน่ายและไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คว้าเอาหมอนมานั่งกอดและเหม่อมองเพดาน
   “อย่ามาดราม่าอะไรตอนนี้ย่ะ อันนี้เธอต้องดู” นางแบบสาวกดสวิตช์เปิดและรีบเปลี่ยนช่องอย่างว่องไว
   “ดูอะไ--” พอเงยหน้ามองจอ คนถามก็ต้องมองตาค้าง กล้องกำลังจับอยู่บนใบหน้าของวินเซนต์ซัมเมอร์ที่นั่งคู่กับพิธีกรชื่อดังในรายการทอล์กโชว์ “...ปิดซะ”
“ไม่ เธอต้องดู ฟังซะ”

เจ้าของห้องที่โดนบังคับให้ฟัง จะไม่ฟังก็ไม่ได้ จึงจำใจนั่งดูรายการทอล์กโชว์นั้นอย่างไม่มีทางเลือก

“เรื่องข่าวลือในหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่ตีพิมพ์รูปคุณกับผู้ชายคนหนึ่ง มันยังไงกันแน่ครับ เรื่องจริงหรือเปล่า?” วินเซนต์รับฟังคำถามอย่างดูตั้งใจ ยกยิ้มให้พิธีกรด้วยท่าทางสบายๆ
“เรื่องจริงครับ”

หากแดริลจิบกาแฟยามเช้าอยู่คงได้พ่นพรู่ดใส่หน้าเพื่อนสาวไปแล้ว

หมอนั่นกำลังทำอะไรของเขา!!!

“แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าควรเรียกตัวเองว่าเกย์ไหม ไบอาจจะเหมาะกว่าละมั้งครับ ผมก็ยังชอบผู้หญิง เรื่องที่เดทใครที่ผ่านๆมาก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด แค่ว่าสุดท้ายแล้วคนคนนั้นที่ผมรักบังเอิญเป็นผู้ชาย” วินซ์จ้องตรงมาทางกล้อง จนคล้ายกำลังพูดกับใครบางคนผ่านจอโทรทัศน์
   “โอ้โห แล้วช่วงนี้ก็ยิ่งใกล้คัดตัวนักกีฬาเข้าไปทุกทีแล้ว ทำไมคุณถึงตัดสินใจเปิดเผยความจริงเอาเวลานี้ล่ะครับ แล้วคิดว่ามันจะส่งผลกับงานหรือเปล่า” พิธีกรไม่ได้ดูแปลกใจนัก และถามคำถามต่อไปได้อย่างลื่นไหล
   “ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะยอมรับความจริง อีกอย่างยิ่งมีรูปหลุดออกมาแล้ว ผมก็ไม่สบายใจนักที่จะปิดบังต่อไป แล้วผมก็ไม่อยากให้คนรักของผมเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วด้วย” วินเซนต์หัวเราะเบา “ส่วนเรื่องจะส่งผลกับงานไหม ผมจะคบกับใคร ผมก็ยังเป็นผมนี่ครับ ฝีมือการเล่นของผมก็เท่าเดิม และการที่ผมจะรักใครสักคน มันกำหนดตัวตนของผมขนาดนั้นเลยเหรอ? มันทำให้ค่าในการเป็นนักกีฬาของผมลดลงขนาดนั้นเลย? ก็เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองอยู่บ่อยๆ”
   “นั่นสินะครับ แต่ก็มีตัวอย่างในอดีตให้เห็นอยู่ว่ามันสามารถส่งผลกระทบกับ...หลายๆอย่างได้ คุณกังวลหรือเปล่า”
   “ก็มีบ้าง… แต่การกังวลไม่ใช่นิสัยผมเท่าไหร่ ผมเป็นคนประเภทที่เอาแต่มองไปข้างหน้า อะไรที่ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว มันไม่มีทางที่ผิดหรอกครับ ก็มีแต่ทางที่เลือกไปแล้ว และการกังวลก็ไม่ช่วยอะไร ผมคิดว่าฤดูกาลนี้ผมจะทำให้ดีที่สุด แล้วได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นล่ะ”
“ผมนับถือคุณเลยนะ คุณซัมเมอร์ แล้วมีอะไรที่อยากฝากถึงนักกีฬา LGBT คนอื่นๆที่ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวไหมครับ”
   “ครับ… ผมคิดว่าความรักมันไม่ใช่เรื่องผิด การที่เราจะรักใครสักคนไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพศอะไร มันไม่ควรจะลดค่าความเป็นคนของเรา สังคมของเรากำลังเปิดกว้างมากขึ้นสู่ยุคที่เรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ผมอยากให้พวกเขามีกำลังใจและรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะคนรักของผมเองก็เป็นทุกข์กับเรื่องนี้มานานแล้ว”

   แดริลนั่งฟังบทสัมภาษณ์ทั้งหมดนั่นด้วยสีหน้าเหม่อลอย… รู้สึกเหมือนยังคงติดอยู่ในฝันที่ไม่แน่ใจว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้ายกันแน่ น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วเอ่อคลอที่หางตา

   ไม่มีใครรู้หรอกว่าวินเซนต์รักอาชีพนักกีฬาของตนเองแค่ไหน ไม่มีใครเข้าใจว่าวินเซนต์พยายามแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ เพราะนิสัยที่ว่าอะไรๆก็ไม่ทำให้มันดูเป็นเรื่องใหญ่ของเจ้าตัว

   ทั้งกินอาหารอย่างเคร่งครัด ออกกำลังอย่างเคร่งครัด และดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่สมัยเรียนก็แทบไม่เคยเหลวไหลขาดซ้อม เกรดก็ไม่ยอมให้ตกต่ำกว่าสามจนมีปัญหาโดนถอดออกจากทีมแบบหลายๆคน… แต่ก็ทำท่าราวว่าทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายทั้งๆที่พยายามมาตลอด

   ไอ้คนที่ทั้งเผด็จการ นิสัยเสีย ชอบบังคับ เอาใจคนไม่ค่อยเป็น ง้อใครไม่เก่ง แถมอยากได้อะไรก็จะเอาจนได้ของเขาน่ะ… จริงๆแล้วก็แค่คนอวดดีที่ทำเป็นเก่งคนหนึ่งเท่านั้นเอง

   “... เขารักเธอนะ แดริล และฉันว่าเขาก็เลือกแล้วล่ะ” แคทซึ่งนั่งดูอยู่ข้างๆทักขึ้นมา ส่งทิชชู่แผ่นหนึ่งให้ชายหนุ่มไปซับน้ำตา “ไปหาเขาเถอะ”
   “อืม… แต่ฉันควรจัดการตัวเองก่อน” แดริล
   “ใช่ สภาพเธออย่างกับไปปาร์ตี้มาทั้งคืน อาบน้ำโกนหนวดซะค่ะ” แคท

   ขณะอ้าปากกำลังจะตอบ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างโซฟาก็สั่นขึ้นเสียก่อน

   แดริล เชน หยิบสมาร์ตโฟนมากดดู พบว่าเป็นสายจากวิเวียน และด้วยความที่เป็นคนให้ความสำคัญกับงานเป็นอันดับหนึ่ง เขาจึงกดรับทันทีก่อนจะทันได้คิดเสียอีก

   “ครับบอส” รับสายด้วยเสียงค่อนข้างแห้ง เพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักแก้ว
   “แดริล… พอจะคุยได้ไหม ฉันรู้ว่าวันนี้เธอลา… แต่เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญ” แดริลหลับตาลง ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่วินเซนต์ให้สัมภาษณ์
   “...ได้ครับ”
   “ฉันเพิ่งรู้ว่า คนที่ให้ข่าวเรื่องเธอกับคุณซัมเมอร์กับปาปารัสซี่ และให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์แทบลอยด์… คือโจเซฟ” ประโยคนั้นไม่ใช่ประโยคที่เขาคาดเดาว่าจะได้ยินจากปากหล่อน
   “.......แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนรึครับ”
   “น่าจะอยู่ที่โรงละคร…” มิสวีตอบ น้ำเสียงฟังดูลังเล
   “ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขา… ส่วนแผนแก้ไขปัญหาจะส่งให้พรุ่งนี้นะครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดทั้งนั้น
   “ฉันโทรไปตำหนิเขาแล้วรอบนึง เย็นนี้ก็จะไปดุอีกรอบ… เธอก็… เฮ้อ… เอาเป็นว่าผลกระทบจากช่วงไฮสคูลทำให้จนถึงทุกวันนี้โจเซฟยังต้องไปหาจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมออยู่เลย ฉันเข้าใจหากเธอจะโกรธ เรื่องนี้เธอมีสิทธิโกรธ แต่หากเป็นไปได้ก็อย่ารุนแรงนักนะ”
   “... ผมจะพยายาม” แดริล
   “ฉันขอโทษนะ… ฉันไม่น่าช่วยเขาเลย” มิสวี
   “ไม่หรอกครับ… สุดท้ายคนที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ก็ตัวเขา ไม่เกี่ยวกับคุณ” แดริล

   หลังจากวางสายแล้วเขาก็เตรียมตัวและไปจัดการตนเองให้เรียบร้อย ล้างหน้า โกนหนวด เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อใหม่

   “เมื่อครู่นั่นคุณเวสเหรอ… แล้วเธอกำลังจะไปไหนกัน” แคท
“… โจเซฟเป็นคนปล่อยข่าว ฉันจะไปคุยกับเขาหน่อย” แดริล
“ไม่ติดต่อวินซ์ก่อนเหรอ เขารออยู่นะ” แคท
“.... ให้ฉันไปจัดการจบเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน”

พูดจบแคทก็มีสีหน้าไม่เห็นด้วย แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยปากห้าม เขาก็ก้าวไวๆออกจากอพาร์ทเมนต์ไปเสียแล้ว…


………………………..


   ‘ออกมาพบฉันที่ลานจอดรถที’

   หลังจากส่งข้อความดังกล่าวไปแล้ว แดริล เชนก็ก้าวลงจากรถมายืนรออยู่ที่ชั้นใต้ดินของลานจอด สองมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เหม่อมองเพดานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
   
   รอไม่นานนัก คนที่เขารอก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางรีบร้อน

   “คุณเชน…”
   “นายทำไปเพื่ออะไร” แดริลถามเสียงเย็น ดวงตาสีฟ้ามองสบตากับอีกฝ่ายอย่างเฉยชา
   “...ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันกระทบคุณ… วิเวียนอธิบายหมดแล้ว ผมขอโทษ” ท่าทางสำนึกผิดไม่สามารถลดโทสะของคนฟังได้สักนิด จนเผลอขึ้นเสียงขึ้นมาอีกเล็กน้อย
   “นายทำร้ายวินเซนต์ของฉันทำไม!”
   “....” โจเซฟนิ่งไป สักพักก็หัวเราะออกมาเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูประชดประชันอย่างประหลาด “สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเรื่องเขา… เกี่ยวกับเขา เหมือนสมัยไฮสคูลไม่มีผิด”

   โจเซฟยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนหน้าผากจนบดบังดวงตาสีเขียวไปข้างหนึ่ง

   “ผมเกลียดเขา…. เกลียดมานานแล้วรู้ไหม” ชายหนุ่มยังคงหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไมคนแบบเขาต้องได้ทุกอย่างมาง่ายๆโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไร ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนดีเลยสักนิด โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”

   “กระทั่งผมเจอคุณ.. ผมรู้สึกเหมือนเจอทางออก แต่แล้วมันก็ไม่ใช่… เขาส่งคนมาทั้งข่มขู่ทั้งรุมกระทืบผม คุณรู้หรือเปล่า” ในดวงตาสีเขียวเต็มไปด้วยแววเจ็บปวดขณะเล่าถึงเรื่องในอดีต เหมือนกับว่าเขายังไม่สามารถจะหลุดพ้นออกมาจากช่วงเวลานั้นได้ “ผมแค้น… จนอยากให้เขารู้สึกบ้างว่าความพังมันเป็นยังไง ว่าไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งก็พังเขาได้เหมือนกัน ทำไมคนเลวๆแบบเขาถึงได้ทุกอย่าง ทำไมคุณถึงรักเขาขนาดนี้ ทำไมกัน?!”
   “..... คำถามที่นายถาม ฉันก็เคยถามเหมือนกัน… ใช่ วินซ์เป็นไอ้สารเลว เขาอาจไม่สมควรได้รับหลายๆอย่าง และเขาก็เป็นคนแย่ๆที่ทำร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉย จะโดนประณามก็สมควร… แต่เรื่องที่นายเลือกใช้มาประณามเขา กลับไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองโดนเขารังแก แต่นายใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการทำลายเขา” มือข้างหนึ่งดึงกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายลงมาโดยไม่ออมแรง

“ที่นายกำลังพยายามทำคือบอกสังคมว่าการที่เขารักฉันเป็นเรื่องผิดพลาด เรื่องน่ารังเกียจ…. สิ่งที่นายทำลงไปน่ะ มันเหมือนนายจะบอกว่าฉันเป็นตัวบัดซบอะไรกัน!! เขาทำร้ายนาย แล้วฉันทำผิดอะไร!?!”

ในสายตาของโจเซฟคล้ายจะเข้าใจอะไรในที่สุด ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิด ทว่าแดริลไม่คิดจะมองดู มืออีกข้างกำแน่น เงื้อขึ้นเตรียมจะเหวี่ยงหมัดอัดใบหน้านั่นเต็มแรง

ทว่าก่อนที่จะได้ต่อย ข้อมือกลับถูกจับยึดไว้เสียก่อน

“เซฟ…” เป็นเสียงที่คุ้นเคย พอหันไปก็เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย และร่างสูงที่คุ้นเคยดี “ไอ้ขี้แพ้นี่ไม่มีค่าพอให้นายลงมือหรอกที่รัก เก็บหมัดของนายไว้ต่อยฉันเถอะ”
“... วินซ์” มือที่กำลังกำอยู่ค่อยๆคลาย อีกข้างที่ดึงคอเสื้อของโจเซฟก็ปล่อยออกเช่นกัน… “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่…”
“แคทบอก”

พูดจบวินเซนต์ก็ดึงร่างซึ่งเล็กกว่าตัวเองมากอดแนบอก ดวงตาสีเขียวเหลือบมองโจเซฟที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเหม่อมองไปยังพื้นคอนกรีต คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคร่ำเครียด

 “เฮ้ ไอ้ขี้แพ้… ฉันจะบอกอะไรให้ว่าไม่มีใครพังฉันได้นอกจากตัวฉันเอง และฉันเลือกที่จะไม่พังว่ะ” เจ้าของร่างสูงใหญ่ชี้นิ้วโป้งลงพื้น แสยะยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก “และฉันต่างกับนายตรงไหนรู้ไหม ตราบใดที่นายคิดจะเอาชนะชาวบ้านด้วยการฉุดคนอื่นลง ไม่ใช่ดันตัวเองขึ้น นายก็ยังจะเป็นไอ้ขี้แพ้อยู่วันยังค่ำ”

“... เลิกเรียกฉันว่าขี้แพ้สักที” โจเซฟกัดฟันตอบ มือกำแน่น ท่าทางดูไม่พอใจและพร้อมจะสู้กับวินเซนต์... แต่เมื่อดวงตาเหลือบมองไปทางแดริลที่ไม่ได้มองเขากลับ ก็คล้ายว่าความโกรธทั้งปวงจะสลายลง “...ผมขอโทษ… ที่มันกระทบคุณขนาดนี้”

   “ไปเถอะ…. ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว” มีเรื่องบางอย่างที่แดริล เชนไม่สามารถอภัยให้ใครได้ และเรื่องที่โจเซฟทำลงไปก็เป็นหนึ่งในเรื่องบางอย่างที่ว่า…
   
   การทำร้ายวินเซนต์โดยใช้เขาเป็นเครื่องมือ...

   ชายหนุ่มอีกคนก้มหัวลงพร้อมกับหลุบตามองพื้น อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจไม่พูด
   สุดท้ายก็ดูพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และเจ้าตัวก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นแต่โดยดี...

คนคนนั้นค่อยๆเดินหันหลัง ลากขาจากไปโดยไม่ได้ว่าอะไรอีก

   ก่อนที่โจเซฟจะเปิดประตูกลับเข้าไปในอาคาร ก็หันกลับมองคนสองคนที่ยังคงยืนกอดกันอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว ด้วยท่าทีสิ้นหวัง

   และพึมพำคำขอโทษเบาๆ ที่ไม่อาจชดเชยอะไรได้ และไม่มีใครได้ยิน
 
……………..

   “ ‘วินเซนต์ของฉัน’? ตอนนายเกรี้ยวกราดนี่ก็น่ารักดีนะ” พอไล่คนไปแล้ววินเซนต์ก็เลิกคิ้วพลางยิ้มหยอก สีหน้าเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
   “...........” แดริลไม่ยอมตอบ
   “เรียก วินเซนต์ของฉัน อีกทีสิ” วินซ์
   “...ไม่” แดริลรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็น่าจะโดนล้อไปอีกนานแน่ๆ
   “วินเซนต์ของนายกำลังต้องการกำลังใจ เขาเพิ่งทำร้ายอาชีพตัวเองไปช่วงก่อนเปิดฤดูกาลแค่นิดเดียว” วินซ์
   “... นายไม่น่าทำแบบนั้น” แดริล
   “ถ้าฉันไม่เลือก นายก็จะเลือกให้ฉัน ไม่เอาด้วยหรอกแบบนั้น ต้องเกษียณเร็วสักสองปีก็ไม่เป็นไร” มือที่วางบนเอวดึงร่างข้างๆเข้ามากอดแน่น
   “... แบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอ พวกแบรนด์สปอนเซอร์ของนายจะว่ายังไง” แดริล
   “เลิกจ้างก็เลิกจ้าง… แต่มันก็มีแบนด์ที่ต้องการแนวLGBTหรือโอเคกับความแตกต่างอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก หลังจากเทปนั่นออกอากาศ เห็นผู้จัดการว่ามีงานใหม่เสนอเข้ามาหลายงานเหมือนกัน” วินซ์
   “...ฟุตบอลล่ะ” แดริล
   “ฉันว่าพวกเขาคงให้ฉันลงซีซันนี้ ไม่งั้นคงได้โดนข้อกล่าวหาเหยียดเพศกันพอดี… แต่ซีซันหน้านั่นอีกเรื่อง ฉันว่าจะลองสู้กับบรรทัดฐานสังคมดูสักตั้ง” วินซ์
   “มันคุ้มกันเหรอ… วินซ์” แดริล
   “คุ้ม ฉันไม่อยากปล่อยมือจากนาย” วินซ์
   “.....” แดริลถอนหายใจ แนบแก้มกับอกอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยล้า “ตัวฉันเองยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายรักฉัน...”
   “ฉันไม่เคยคิดถึงมัน ฉันก็แค่มีความสุข อยากเจอนาย อยากกอดนาย อยากอยู่กับนาย ก็แค่นั้นเอง”
“...คำตอบก็สมเป็นนายดี” แดริล
“นายก็ช่วยอย่าปล่อยฉันไปง่ายๆได้ไหม ฉันก็เสียใจเป็นนะ” วินเซนต์ก้มลงจูบหน้าผากคนฟัง
   “...ขอโทษ” แดริล
   “ทั้งที่ฉันเคยรับปากนายไว้แล้วแท้ๆ ว่าต่อให้โดนนายไล่ก็จะหน้าด้านไม่ไปไหน” วินซ์
   “....ตอนไหนกัน” แดริล
   “ตอนที่นายเมาวันนั้น นายพูดอะไรออกมาเยอะแยะเลยรู้ไหม” วินซ์
   “....” แดริล

   นี่เขาพูดอะไรออกไปบ้างฟะเนี่ย….

   วินเซนต์เห็นสีหน้ายุ่งยากใจของอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะเบา ก้มลงจูบที่ริมฝีปากคนช่างคิดมาก พอเห็นว่าแดริลไม่ได้มีท่าทีหวาดระแวงแบบก่อนหน้านี้แล้วก็ยิ่งได้ใจ จับพรมจูบไปทั่วใบหน้าจนแก้มนั่นเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย

“อย่าไล่ฉันอีก” วินเซนต์กระซิบ
“...ได้ จะไม่ให้ไปแล้ว ต่อให้ตกงานเป็นNEETนายก็ต้องอยู่บ้านให้ฉันเลี้ยง” แดริลหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ตัวเขายิ้มออก
“พูดว่านายรักฉัน” ...ไอ้ความวินเซนต์แบบนี้ก็ไม่เปลี่ยนเลย ให้ตาย… นายควรจะบอกว่า ฉันรักนาย มากกว่า

...แต่เห็นแก่ที่ว่าต่อจากนี้วินซ์จะต้องรับมือกับเรื่องยุ่งยากที่จะตามมาอีกหลายเรื่อง เขาก็ใจอ่อนอีกจนได้…

“ฉันรักนาย วินเซนต์”   
   “ฉันก็รู้ว่านายรักฉัน แดริล”

   และสุดท้ายแล้ววินเซนต์ก็ยังเป็นวินเซนต์อยู่วันยังค่ำนั่นละ……….


------------------------

เห็นมีสอบถามกันเรื่องงานเขียนอื่นๆด้วย สามารถตามที่เฟสบุคเราได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะเอามาทยอยลงในเล้าด้วยค่ะแต่ตอนนี้กำลังวุ่นๆกับการทำเล่มคุณแดริลอยู่เลยดองเค็มทุกอย่างลงไหชั่วคราวค่ะ  :hao5:  https://www.facebook.com/anonymouslycatwrite/?ref=br_rs

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โล่งใจ

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนนี้ทำเอารุ้นมากๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จริงๆเรื่องรั่วไหลก็ดีนะ สองคนนี้จะได้เข้าใจกัน เป็นกำลังใจให้วินเซนผ่านเรื่องราวไปให้ได้น้า

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ชอบแบบชอบมากๆๆๆๆๅ เลยค่ะ แงงง ชอบประเด็นในเรื่องด้วย คือเข้าใจความเจ็บปวดของแดริลมี่พยายามแทบตายแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย สำหรับเรื่องนี้มันทัขมากสำหรับหลายๆ เรื่องที่เจอ อ่านแล้วจะร้องไห้เลยค่ะ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด