ชีวิตบัดซบของคุณแดริล :: บทส่งท้าย [27/01/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตบัดซบของคุณแดริล :: บทส่งท้าย [27/01/2019]  (อ่าน 52259 ครั้ง)

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

------------------------------

หมายหตุ: ติดตามข่าวสารเรื่องนี้ได้ทางทวิตเตอร์ @anonymmeow กับแท็ก #ชีวิตบัดซบของคุณแดริล นะคะ  :hao5:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2019 18:12:40 โดย anonymouslycat »

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
The Unfortunate Life of Daryl Shane

แท็ก: #ชีวิตบัดซบของคุณแดริล

บทนำ

ชีวิตบัดซบเมื่อคุณเป็นเกย์





ชีวิตบัดซบยิ่งกว่า เมื่อคุณเป็นเกย์ที่มีพ่อโหวตทรัมป์เป็นปธน. แม่เป็นคริสเตียนเคร่งศาสนา และพี่ชายถูกเกย์ควีนคุกคามในห้องล็อกเกอร์ทีมบาสชาย





เชื่อผมเถอะ ชีวิตไม่ได้ง่าย





ข้อแรก คุณพูดกับใครไม่ได้ คนใกล้ตัวที่สุดก็พูดไม่ได้ คนหนึ่งมองพวกรักร่วมเพศเป็นประชากรชั้นสอง อีกคนมองเป็นตัวบาป ส่วนอีกคนก็ขยะแขยง





ข้อที่สอง เมื่อคุณต้องซ่อนเรื่องนี้จากครอบครัว ที่พี่ชายซึ่งอายุห่างกันแค่สองปีไปโรงเรียนเดียวกันแล้ว กระทั่งที่โรงเรียนคุณก็ต้องแอ๊บแมนตลอดเวลา เดทเพื่อนเลสเบี้ยนบังหน้าทั้งๆ ที่มันสุดจะผิดผี





ข้อสุดท้ายเมื่อแฟนคนแรกของคุณเป็นไบ วันหนึ่งเขาก็คล้ายจะคิดขึ้นได้ว่าตนเองต้องการชีวิตปกติ แต่งงานมีลูก แล้วเขาก็ทิ้งคุณไปพร้อมกับคำขอโทษ





ครับ ผมเป็นเกย์ชีวิตบัดซบ ที่ปัจจุบันจบไฮสคูลแล้ว จบปริญญาตรีแล้ว จบMBAออกมาแล้วด้วยซ้ำ หนีมาอยู่ถึงนิวยอร์ค แต่ก็ยังคงคบเพื่อนสาวเลสเบี้ยนดีกรีนางแบบวิคตอเรียซีเครตเป็นแฟนบังหน้า อันที่จริงพอมานิวยอร์คก็ว่าจะเลิกแล้วแต่ดันสะบัดมันไม่หลุดจนสุดท้ายก็เลยตามเลย เพราะตอนนั้นเราไปเที่ยวคลับกันแล้วเจอปาปารัสซี่พอดี รูปผมที่ใส่แว่นกันแดดกำลังเมาได้ที่เลยได้ขึ้นหนังสือพิมพ์แทบลอยด์คู่กับเพื่อนรัก พาดหัวข่าว ‘แฟนหนุ่มนอกวงการของซุเปอร์โมเดลสาวสวย’ ...ก็ฟังดูดีครับ ถ้าผมไม่ได้เป็นเกย์





พวกเรามีแผนจะแต่งงานกันด้วยซ้ำเพื่อตัดปัญหาเรื่องทางครอบครัว เอาเป็นว่าพวกเรามีปัญหาน่าปวดหัวเรื่องครอบครัวพอๆ กันทั้งคู่ พ่อแม่ของหล่อนก็เป็นคริสเตียนเหมือนกันแถมยังไปโบสถ์เดียวกับแม่ผมด้วย





แม่ผมก็ถามอยู่เนืองๆ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักที คบกันมาตั้งแต่สมัยไฮสคูล แต่ใครจะไปกล้าพูดว่าสมัยไฮสคูลผมคบกับควอเตอร์แบคโรงเรียนต่างหาก...ส่วนแคทเธอรีนก็คบกับเพื่อนสาวเชียร์ลีดเดอร์ทีมเดียวกัน หล่อนน่ะเป็นควีนบีตัวแม่ แต่ไม่มีใครรู้สักคนว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ชอบผู้ชาย



ฟังดูก็คล้ายว่าชีวิตผมกับหล่อนจะบัดซบพอๆ กัน แต่น่าเศร้าที่ผมไม่มีเพื่อนร่วมด้วยช่วยกันบัดซบขนาดนั้น...





เพราะสิ่งที่แตกต่างระหว่างแคทกับผม ก็คือจนตอนนี้เธอก็ยังคบกับแฟนสาวสมัยไฮสคูลของเธออยู่ ส่วนไอ้แฟนเก่าเฮงซวยของผมมันทิ้งผมไปไกลแล้ว





ส่วนผมตอนนี้นอกจากทุกคนจะเข้าใจกันไปว่าเป็นผู้ชายสุดน่าอิจฉาที่ควงสุดยอดนางแบบบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ระดับโลกแล้ว ก็เป็นCMOของบริษัทสตาร์ทอัพที่กำลังมาแรงแห่งหนึ่ง หากคุณเคยดูหนังเรื่อง The Intern ก็จะพอเข้าใจละมั้ง ว่าเป็นอะไรทำนองนั้น แต่เรากำลังเติบโตและขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น และกำลังขยายไลน์สินค้า เจาะกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ เรียกได้ว่าถึงชีวิตรักจะบัดซบ แต่หน้าที่การงานของผมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นทีเดียวในวัยยังไม่ถึงสามสิบ (แต่ก็ใกล้แล้ว พระเจ้า ในกระจกที่ผมเห็นนั่นรอยตีนกาใช่ไหม)





อันที่จริงผมก็ควรพอใจกับชีวิต ผมอาศัยอยู่ในห้องสตูดิโอเล็กๆ ในทำเลที่ดีของเมืองนิวยอร์ค เดินทางถึงออฟฟิศได้ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีเจ้านายที่… ร็อก… ลูกน้องที่น่ารัก คนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกล่ะคุณว่าไหม?



ทุกเช้าผมจะออกมาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้อพาร์ทเมนต์ ส่องผู้ชายไปเรื่อยเปื่อย เย็นวันศุกร์ก็ไปดื่มกับพวกที่ทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ออกมาแฮงก์เอาท์กับแคทเธอรีนบ้างเป็นบางครั้งบางคราวให้ปาปารัสซี่ถ่ายรูปเล่น (ผมเริ่มชินกับมันขั้นที่สามารถเก๊กมุมที่หล่อที่สุดให้พวกเขาถ่ายได้แล้วให้ตายเถอะ)





ให้ตาย บางทีผมก็อึดอัดเป็นบ้าที่ไม่สามารถประกาศให้ชาวโลกรู้ได้ว่าผมน่ะ… เป็นเกย์โว้ย!!





นอกจากแอบหลบไปเกย์บาร์ (โดยหวังว่าจะไม่เจอคนรู้จัก) เป็นบางครั้งแล้ว ชีวิตรักผมก็จืดสนิทจนแทบจะเหมือนกาแฟจากเครื่องชงแบบหยอดเหรียญที่ออฟฟิศ แต่ผมก็บอกตัวเองเสมอว่าไม่จำเป็นต้องไปเดือดร้อน ในเมื่อตอนนี้หน้าที่การงานกำลังรุ่ง ก็ควรโฟกัสกับงาน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่นให้มันมากนัก หน้าตาและฐานะแบบผม อยากหาใครเมื่อไหร่ก็หาได้อยู่แล้ว





ผมเป็นคนใส่ใจในรูปลักษณ์ตัวเองค่อนข้างมาก เสื้อผ้าข้าวของทุกอย่างต้องเนี๊ยบ ผมจะไม่ยอมออกจากบ้านหากไม่รวบผมให้เรียบร้อยจนเป็นที่น่าพอใจ หรือชุดสูทมีรอยยับ





จะพูดก็พูดสมัยเรียนผมเองก็ป็อปในหมู่สาวๆ เถอะ ถึงจะไม่ใช่นักกีฬาก็ตาม (แต่ไม่ค่อยป็อปในหมู่ผู้ชาย… ให้ตายเถอะเป็นเกย์ไปป็อปในกลุ่มสาวมันมีประโยชน์อะไรฟะ)





เอาเป็นว่า… ผมก็กึ่งจะพอใจในชีวิตตอนนี้ละมั้งครับ…?





ชีวิตที่สงบสุข การงานก้าวหน้า ไม่มีเรื่องความสัมพันธ์อะไรมากวนใจ ทุกอย่างก็ลงตัวดี





แฟนหนุ่มที่นอกใจคุณน่ะ คุณจะเอาไปทำไมกัน ยังไงซะเปอร์เซ็นต์ของการที่คู่ชายรักชายจะไปกันได้มันก็น้อยกว่าคู่รักปกติอยู่แล้ว





ใช่… ทุกอย่างลงตัวดีอยู่แล้ว จนกระทั่งวันนั้น… วันที่บิล ลูกน้องของผม เสนอโปรเจกต์บางอย่างขึ้นมา….





คิดแล้วตอนนั้นผมก็น่าจะตบกะโหลกมันสักที...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2018 21:29:59 โดย anonymouslycat »

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

บทที่ 1 : Sports Project



อีเมลใหม่ในอินบอกซ์ทำให้แดริลเลิกคิ้วเล็กน้อย คิ้วสีดำที่ถูกแต่งมาอย่างเรียบร้อยเลิกขึ้น ขณะที่มือคลิกเมาส์เพื่อเปิดอีเมลฉบับนั้น



ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารมีเรือนผมยาวสีดำสนิทที่มัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ดวงตาสีฟ้าสองชั้นหาตาเฉียงขึ้นเล็กน้อย จมูกโด่งรับกับโครงหน้าค่อนข้างเรียวและริมฝีปากได้รูป ประกอบกับเครื่องแต่งกายแบรนด์ดังที่เลือกมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้เขาดูดีเสียจนมักจะสะดุดตาเหล่าสาวๆ ในออฟฟิศ



ข้อความในอีเมลไม่ยาว เพียงประโยคสั้นๆ ที่ว่ารบกวนพิจารณาด้วยครับ มิสเตอร์เชน ลงชื่อ บิล โอลเว่น



อีเมลน่ะสั้น… แต่พาวเวอร์พอยนต์ในนั้นน่ะยาว…



หน้าแรกเกริ่นถึง proposal ของโปรเจกต์ตัวใหม่ที่ทางฝ่ายบริหารเพิ่งจะยืนยันเรื่องการตัดสินใจขยายไลน์โปรดักต์ไปตีตลาดพวกเสื้อผ้ากีฬาและคนรักสุขภาพ เนื่องเพราะการระดมทุนครั้งใหม่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ฝ่ายบริหารถึงตัดสินใจเช่นนี้



จากผลของงานวิจัยทางการตลาดที่ออกมา มันก็น่าเข้าไปทำตลาดจริงๆ นั่นล่ะ ในยุคที่ทุกอย่างโกดิจิทัล คนก็มีเวลาออกไปชอปปิ้งเลือกเสื้อผ้าที่ห้างน้อยลง คอนเซปต์ของบริษัท fashionistaa.com แห่งนี้ก็คือการเป็น fashion shopping mall ในโลกออนไลน์



แรกเริ่มก็ทำตัวเป็นคนกลาง แต่หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ทางบริษัทก็เริ่มจ้างแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดัง และเข้าไปเป็นสปอนเซอร์รายการเกี่ยวกับแฟชั่นต่างๆ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองออกมาขายในเว็บไซต์ด้วย



และตอนนี้จุดหมายต่อไปของบริษัทก็คือเสื้อผ้ากีฬาที่จะขายภายใต้แบรนด์ใหม่

ชายหนุ่มเคาะปากกากับโต๊ะเป็นจังหวะ ในหัวนึกไปถึงงบประมาณที่ได้รับ ฝ่ายบริหารตกลงกันว่าพวกเขาต้องการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่พอๆ กับแบรนด์เสื้อผ้าไลน์สำหรับสาววัยทำงานที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสองปีที่แล้วและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งในตอนนั้นพวกเขาจ้างแคทเธอรีน บราวน์ (แฟนปลอมๆ ของเขาเอง) เป็นตัวแทนของแบรนด์

นอกจากนี้ก็ยังมีการทำแคมเปญใหญ่โดยการจ้างนางแบบเป็นร้อยคนใส่เสื้อของ fashionistaa ไปนั่งในตู้กระจกเป็นหุ่นโชว์เสื้อที่มีชีวิตใจกลางนิวยอร์ค บวกกับงบประมาณที่มากพอจะผลักดันเรื่องนี้ให้ไวรัล ทำให้แบรนด์Working Lady เป็นที่รู้จักขึ้นมา

อันที่จริงความคิดสร้างสรรค์ก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คืองบประมาณ…

และคราวนี้งบประมาณที่พวกเขาได้นั้นมากกว่าครั้งก่อน หมายความว่าแรงกดดันก็มากขึ้นตามไปด้วย

พาวเวอร์พอยนต์ของบิลลี่เป็นข้อเสนอจากทั้งเอเจนซี่โฆษณา และของเจ้าตัวเอง แดริลกวาดสายตาอ่านรายละเอียดในนั้น

...จะเหมาสเตเดี้ยมกีฬาเพื่อจัดอีเวนท์โดยที่ให้นักกีฬาทุกคนใช้เสื้อผ้าและรองเท้าแบรนด์ใหม่ของเรา? ... งบประมาณพอรับได้แต่ก็ต้องแบ่งสัดส่วนให้ดี ค่าจ้างนักกีฬาดังก็ไม่ได้ถูกเหมือนนางแบบหน้าใหม่ อย่างมากก็คงจ้างได้สองคนหากเราจะทำแคมเปญใหญ่ ส่วนที่เหลืออาจจะเป็นนักกีฬาหน้าใหม่หรือนักกีฬาไฮสคูลที่ดูมีความสามารถ

ดวงตาสีฟ้ากวาดมองข้อความบนพาวเวอร์พอยนต์เรื่อยๆ จนมาถึงหน้าที่หก ดวงตาก็เบิกขึ้นเล็กน้อย

ทำเป็นอีเวนท์การแข่งขันระหว่างนักกีฬาสองคน? นี่ก็น่าสนใจ...

สิ่งที่แดริลให้ความสนใจเป็นส่วนของครีเอทีฟและ Brand Identity เนื้อหาที่เหลือก็ไม่ใช่อะไรที่ชวนให้แปลกใจ เรื่องการขึ้นบิลบอร์ด การปล่อยโฆษณาลงช่องทางโซเชียลมีเดีย ล้วนเป็นเรื่องที่เขาคุ้นเคยดี เพียงกวาดสายตาผ่านๆ อีกไม่นานก็ไปถึงหน้าสุดท้าย

เอเจนซี่ที่รับงานนี้เป็นมาร์เกตติ้งเอเจนซี่ชื่อดังที่มีผลงานการันตีในคานส์ไลออนมาแล้วหลายปี จึงเชื่อถือได้ แต่ถึงแม้ว่าเอเจนซี่จะเชื่อถือได้แต่ก็จำเป็นจะต้องมีคนคอยประสานงาน คุมงบประมาณ อนุมัติงาน และทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ในแบรนด์ไกด์ไลน์

‘บิล มาคุยกันในห้องทำงานผมที’ นิ้วมือเรียวยาวสไลด์ลงไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟน พิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็วและกดส่งไปให้ลูกน้องในโปรแกรมแชทอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

“เข้ามา”

บิลเป็นชายหนุ่มร่างสูง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกการตลาด หน้าตาไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น แต่งตัวเรียบๆ ด้วยเสื้อเชิ้นแขนยาว เนกไท และกางเกงสแล็คขายาว ทุกอย่างเรียบง่ายธรรมดา ประกอบกับรอยยิ้มซื่อๆ บนใบหน้าของเขาแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นบุคคลที่ไม่เข้ากับอุตสาหกรรมแฟชั่นเลยสักนิด

แต่หมอนี่ขยันและทำงานดี ปัจจุบันก็อยู่ในตำแหน่งผู้จัดการ เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของเขาเลยทีเดียว

ทันทีที่ชายร่างสูงผู้ดูจากภายนอกแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อว่าทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของ CMOบริษัทแล้ว แดริลก็เอ่ยปากทันที

“ตัวproposalที่ส่งมา ผมว่าดี” เขาเข้าเรื่องแบบไม่อ้อมค้อม ไม่ยอมเสียเวลาสักนาทีเดียว แม้ว่าบริษัทจะขยายใหญ่มากจนเกือบจะพ้นคำว่าสตาร์ทอัพแล้ว แต่วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความรวดเร็วและกระชับก็ยังคงอยู่ “เรื่องจัดอีเวนท์ในสเตเดี้ยมแล้วทำถ่ายทอดสด หากค่าเช่าสเตเดี้ยมราคาตามนี้ ผมก็ว่าน่าสนใจมาก แต่ที่เราต้องโฟกัสน่าจะเป็นปัญหาที่ว่า นักกีฬาดังสองคนที่เราจะจ้างมา… เราต้องเลือกดีๆ ต้องเป็นคนที่กำลังอยู่ในความสนใจของสื่อ และเป็นคู่ที่ประชาชนอยากเห็นพวกเขาตีกัน”



“ครับบอส นั่นน่ะผมก็คิดอยู่ มีลิสต์ในใจแล้วด้วย ไว้ตกลงดีเทลกับเอเจนซี่ได้แล้วผมจะสรุปมาให้ดูอีกทีนะครับ”

แดริลพยักหน้ารับทราบ

“โปรเจกต์นี้ผมมอบหมายให้คุณแล้ว นั่นแปลว่าผมไว้ใจคุณ บิล คุณเสนอมาได้เลย” หลังจากพูดประโยคนั้นแล้วเจ้าคนซื่อก็เผยยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหารในกองทัพ

“ครับ! ” เห็นดังนั้นแล้วมิสเตอร์เชนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เช่นกัน เขาเชื่อเสมอ ว่าหากปล่อยให้คนได้เป็นตัวของตัวเอง ได้คิดและแสดงความเห็น ก็มักจะมีผลผลิตดีๆ ออกมาจากพวกเขา และตัวเขาเองก็บริหารงานด้วยสไตล์แบบนี้

ไม่มีไอเดียที่โง่ ไม่มีไอเดียที่แย่ มีแต่ไอเดียที่นำไปใช้ และไอเดียที่ต้องพัฒนา อย่าทำให้คนรู้สึกด้อยค่า เพราะเมื่อพวกเขารู้สึกเช่นนั้น สิ่งที่พวกเขาสามารถมอบให้แก่บริษัทก็จะน้อยลงไปด้วย

“ไว้เรียกทีมการตลาดกับทีมโปรดั๊กชั่นมาประชุมพร้อมกัน ผมจะรอฟังความเห็นของทุกคน”



หลังจากมิสเตอร์เชนกล่าวสรุปแล้วพวกเขาก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อเล็กน้อย เช่นเรื่องที่ว่าบิลกำลังจะขอแฟนสาวหมั้นหมายในอีกไม่กี่เดือน กับแผนครอบครัวที่เขาวางไว้ในอนาคต สักพักหนึ่งเมื่อเวลาใกล้สิบเอ็ดโมง ผู้จัดการแผนกก็ขอตัวออกไปเคลียร์รีพอร์ทต่อ

แดริลมองไปยังพาวเวอร์พอยนท์บนจอแมคบุคของตนเอง นิ้วยาวเคาะปากกาลงบนโต๊ะอีกครั้ง และไม่นานริมฝีปากบางก็ระบายด้วยรอยยิ้ม

โปรเจกต์นี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!

….



หนึ่งอาทิตย์ถัดมา...



หลังจากการออกกำลังกายยามเช้า บรรจงแต่งเนื้อแต่งตัวและหวีผม ซื้อกาแฟดำไม่ใส่นม ไม่ใส่ครีม และไม่ใส่น้ำตาล ในที่สุดแดริลก็มาถึงออฟฟิศ

เขาถูกต้อนรับโดยรีเซปชั่นสาวสวยที่พยายามจะชวนเขาไปเดทจนล้มเลิกความตั้งใจไปเมื่อสองเดือนก่อน จากนั้นก็จากแม่บ้าน และสาวๆ แผนกอื่น

มิสเตอร์เดวิด โจนส์ แผนกไอทีวันนี้ก็ไม่โกนหนวดเครา ใส่แว่นตาเลนส์หนาเตอะกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวเดิมมาทำงานตามเคย

อันที่จริงเจ้าตัวเป็นถึง CIO แต่เพราะความที่ไม่ค่อยต้องออกไปเจอคน และงานด้านไอทีก็ไม่ใช่งานเล็ก ซึ่งหลายๆ ครั้งก็บังคับให้ต้องทำงานล่วงเวลา สารร่างในวันที่ไม่มีประชุมนอกบริษัทของเดวิดก็… มักจะเป็นแบบนี้ ซึ่งหลายๆ คนก็ดูจะชินกับเขาแล้ว

“ฮายแดริล วันนี้ก็แต่งตัวชวนให้แสบตาเหมือนเคยนะ” ฟังแล้วมิสเตอร์เชนก็ยกยิ้มบางขึ้นมาตามมารยาท

แต่คุณน่ะแต่งตัวเสียของอีกแล้วนะครับ

เขาคิด ทว่าไม่ได้พูด… คุณโจนส์คนนี้ บทจะโกนหนวด ถอดแว่น หยิบสูทมาใส่ขึ้นมา ก็โคต...รหล่อเลย แต่ก็อย่างที่ว่า หมอนี่เป็นผู้ชาย ‘หล่อเสียของ’ แถมเป็นชายทั้งแท่ง รสนิยมตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดเสียอีก

แดริลแอบถอนหายใจเบาๆ ให้กับความคิดของตัวเอง ไม่บ่อยนักที่เดวิดจะแต่งตัวดีๆ ครั้งล่าสุดก็เป็นตอนประชุมนักลงทุนเมื่อสองเดือนที่แล้ว และเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะชอบออกไปประชุมเสียเท่าใดโดยไม่จำเป็น

“ผมไม่อยากโดนมิสเวสท์บ่นแบบคุณนะครับ” CMO หนุ่มพูดติดตลก หัวหน้าฝ่ายไอทีคนนี้มักจะโดน CEO ของบริษัทบ่นเสมอเรื่องที่อยูในบริษัทแฟชั่นก็ช่วยแต่งตัวให้มันดูได้สมกับที่อยู่ในบริษัทแฟชั่นหน่อย แต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่สนใจแต่อย่างใด...

“มิสวีน่ะเหรอ? ทำหูทวนลมไม่สนใจไปก็ไม่เป็นไรแล้วน่า…”



“อีกอย่าง ผมมีประชุมกับบริษัทพาร์ทเนอร์บ่อยๆ ด้วย ยังไงก็ภาพลักษณ์บริษัทนะครับคุณเดวิด”



“อา...งั้นก็เหนื่อยหน่อยนะ เดี๋ยวฉันต้องไปก่อนล่ะ ระบบหลังบ้านมีปัญหา ต้องไปช่วยเด็กๆ น่ะ”



“ครับ ไว้เจอกัน” แดริลยกยิ้มเล็กน้อย พลางโบกมือให้ตามมารยาท รู้ดีว่าอีกฝ่ายก็แค่รีบเผ่นพอได้ยินคำว่าภาพลักษณ์บริษัทนั่นล่ะ



ชายหนุ่มผู้เป็นเกย์แท้ไม่มีความไบเจือปนยกข้อมือขึ้นมาปรับกระดุมเสื้อให้เข้าที่ ก่อนจะก้าวขาเดินต่อไปทางห้องทำงานของตนเอง

เธอว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า

บ้าเหรอ คุณเชนเขามีแฟนสาวเป็นซุเปอร์โมเดลเชียวนะ

อาจจะคบหลอกๆ ก็ได้นี่! ผู้ชายแท้มีใครเขาเป๊ะขนาดนี้กันบ้างล่ะ

แต่ถ้าเป็นจริงก็น่าเสียดายแย่เลยนะ เฮ้อ

เสียงซุบซิบของสาวๆ แผนกอื่นขณะที่เจ้าตัวเดินผ่านเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มได้ยินผ่านหูเสียจนชิน อาจจะต้องโทษที่ประสาทรับเสียงเขาดีผิดมนุษย์มนา จริงๆ ก็อยากจะประกาศตัวออกไปแทบขาดใจ แต่ก็ไม่เห็นว่าทำแบบนั้นแล้วจะมีข้อดีอะไรนอกจากทำให้หายอึดอัดใจเฉยๆ

การที่เขาเป็นแฟนในนามของแคทเธอรีนก็สะดวกจะตายไป ไม่ต้องมาเสียเวลาอธิบายอะไรกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ส่วนหนุ่มๆ ที่ทำงานน่ะ ไม่เข้าตาสักคน...ถ้าไม่หล่อเสียของแบบคุณเดวิด ก็เป็นเกย์ควีนที่ไม่ใช่ทางเขา สบตามองก็ผีเห็นผี ใจสื่อถึงใจ นี่มันเพื่อนสาวชัดๆ ไม่ใช่แมททีเรียลเอาไปทำแฟน ประเภทสุดท้ายก็เป็นผู้ชายแท้ๆ สุดแสนจะจืดชืดแบบบิล ฉะนั้นการประกาศตัวไปไม่ได้มีผลดีอะไรเลย สู้ปล่อยให้มันเป็นความลับของจักรวาลไปยังดีกว่า

ถึงเวลาสิบโมงตรงแดริล เชน ก็ก้าวขาเข้าห้องประชุม ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแบบรู้หน้าที่ บนโต๊ะมีเอกสารที่ปรินท์วางไว้อย่างเรียบร้อย เครื่องโปรเจกเตอร์และไวท์บอร์ดก็ถูกเตรียมเอาไว้

CMOหนุ่มพยักหน้าพอใจ นั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะพร้อมประสานมือวางลงบนตัก ทอดสายตามองตรงไปยังทุกคนพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา

“ห้าปีแล้ว… ตั้งแต่ผมเริ่มทำงานที่บริษัทนี้ ในวันที่ผมเริ่ม พวกเรายังอยู่ในแชร์ออฟฟิศเล็กๆ ที่มีกันไม่ถึงสิบคนอยู่เลย” พูดถึงความหลังแล้วแดริลก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเพื่อนร่วมงานแต่ละคนด้วย “มาถึงวันนี้.. พวกเราเติบโตเร็วมาก จากสตาร์ทอัพเล็กๆ จนกลายเป็นยูนิคอร์นแล้วด้วยซ้ำ และวันนี้เราก็กำลังจะสร้างแบรนด์กันขึ้นมาอีกแบรนด์...”

เสียงกล่าวนั้นไม่ดังไม่เบา ทว่าทุกคนก็เงียบฟังอย่างตั้งใจ แดริลสบสายตาทุกคนในห้องประชุม จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก และกล่าวออกมาด้วยเสียงกังวานว่า..

“สาดไอเดียออกมาให้เต็มที่เลย พวกคุณทุกคน”

หลังจบประโยคนั้นก็มีเสียงหัวเราะของเหล่าผู้คนในห้องประชุม บรรยากาศนั้นไม่ได้เคร่งเครียดแบบการประชุมสมัยเก่าที่เป็นภาพติดตาแต่อย่างใด

แดริลมักจะถามความเห็น เขารับฟัง และไม่เคยพูดว่าความคิดใครเป็นความคิดที่แย่ แม้มันจะฟังดูไม่เข้าท่า เขาก็แค่ชี้ให้เห็นว่าทำไมความคิดนั้นถึงไม่สามารถปรับใช้ได้จริง เช่นเรื่องนี้กินงบประมาณมากเกินไป เรื่องนี้น่าจะผิดแบรนด์ไกด์ไลน์ ส่วนเรื่องนี้ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย แต่ไม่ใช่ไอเดียที่ไม่ดี

ตั้งแต่ระดับหัวหน้าแผนกจนถึงระดับเด็กฝึกงาน ความคิดของทุกคนต้องได้รับการรับฟัง

แม้ว่าบริษัทจะโตจากสตาร์ทอัพมาจนมีระบบที่เริ่มเหมือนบริษัทใหญ่เข้าไปทุกที แต่เขาก็ยังอยากรักษาวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้เอาไว้ และอีกอย่างคือ ผู้บริหารที่เก่งคือผู้บริหารที่สามารถดึงเอาศักยภาพของคนของเขาออกมาให้เต็มที่ไม่ใช่รึ? นั่นคือสิ่งที่มิสเวสต์บอกกับเขาในวันที่ชายหนุ่มวัยเรียนเริ่มฝึกงานที่บริษัทนี้

มันไม่สำคัญว่าคุณเป็นเด็ก เป็นคนแก่ สำคัญแค่ว่าคุณให้บริษัทได้แค่ไหน และหนึ่งในหน้าที่ของผู้บริหาร ก็คือพัฒนาผู้คน



เพราะพวกเขาเชื่อแบบนั้น ระดับบริหารขององค์กรแห่งนี้ส่วนมากจึงมีแต่คนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับวงการธุรกิจสตาร์ทอัพ



ทุกคนต่างออกความเห็นกันอย่างสนุกสนาน ในห้องประชุมแห่งนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง อย่าดูถูกความคิดของใครทั้งนั้น ฉะนั้นคนในแผนกการตลาดและโปรดั๊กชั่นจึงไม่กลัวที่จะแสดงความคิดเห็นให้หัวหน้าของพวกเขาฟัง ...จนสุดท้ายก็วนมาถึงตาของบิลผู้เป็นหัวหน้าแผนกที่จะออกความเห็น…



“ผมกับทีมได้ทำงานกับทางเอเจนซี่ แล้วคัดเลือกนักกีฬาที่เหมาะสมมาสองคนที่ไม่เกินงบประมาณที่ได้ตั้งไว้อย่างแน่นอน ผมคิดว่าเขาสองคนเพอร์เฟกต์มากสำหรับแคมเปญนี้ อยากให้คุณช่วยพิจารณาหน่อยครับ”



ดวงตาสีเขียวของบิลเป็นประกายวาว เวลาชายหนุ่มมีสายตาเช่นนี้ แดริลรู้ว่าเขาต้องมีไอเดียดีๆ อยู่อย่างแน่นอน



“ว่ามาสิ ผมรอฟังอยู่”

“อย่างที่รู้ๆ กันว่าอีกหกเดือนจะเข้าช่วงซุเปอร์โบล… และแคมเปญของเรากำหนดออกในอีกสี่เดือนพอดี ฉะนั้นผมเลยอยากโฟกัสที่กีฬาอเมริกันฟุตบอล”

แดริลพยักหน้ารับคำ คิ้วสีดำที่ถูกกันมาอย่างเพอร์เฟกต์ออกจะกระตุกน้อยๆ เมื่อได้ยินชื่อกีฬา…





แดริลไม่ดูอเมริกันฟุตบอลมาหลายปีแล้ว เขาบล็อกทุกแฮชแท็กและคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับซุเปอร์โบลบนทวิตเตอร์ และแทบจะงดตามข่าวในช่วงนั้น ซึ่งชายหนุ่มก็มีเหตุผล… ที่เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึงมัน

ไม่หรอกน่า… ไม่หรอก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลก็มีตั้งมากมาย… คงจะไม่ซวย...

“วินเซนต์ ซัมเมอร์ นักกีฬามืออาชีพชื่อดังของลีกเจ้าของสถิติโลก กับ เกรกอรี่ วัตตส์ ดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ที่กำลังทำผลงานได้ดี”

บัดซบเอ๊ย!!

CMOหนุ่มกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกาแฟแสนขมขึ้นมาจิบ แล้วก็รู้สึกขมขื่นในใจกว่าเดิม

“เกรกอรี่ วัตตส์น่ะไม่เป็นไร...ก็ฟังดูดี แต่วินเซนต์น่าจะค่าตัวแพง แล้วเขาอยู่ในวงการมานานอีกไม่กี่ปีก็คงเกษียณแล้ว แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นทางเลือกที่ดี? ”

“เรื่องค่าตัวน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ ทางเอเจนซี่ได้ราคามาถูกกว่าที่คาดไว้มากจนน่าประหลาดใจเลยล่ะ ส่วนเรื่องเกษียณ ยังไงถ้าไม่ใช่ในปีนี้ก็ไม่เป็นไร และผมคิดว่าถึงเขาเกษียณไปแล้วก็ยังเป็นไอคอนของวงการอเมริกันฟุตบอลอยู่ดี แบบนักกีฬาชื่อดังหลายๆ คนที่เลิกเล่นแล้วแต่ก็ยังดังอยู่” แรกเริ่มบิลดูงงเล็กน้อยที่เจ้านายของเขาคัดค้านขึ้นมาอย่างผิดวิสัย

วินเซนต์เป็นตัวเลือกที่ดี เขาดังระดับเดวิด เบคแฮม ของวงการอเมริกันฟุตบอลนั่นล่ะ ยิ่งจ้างมาได้ในราคาตามงบยิ่งดี

แดริลพยายามเค้นสมองหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธ ทว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธได้เลย ครั้นเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาคาดหวัง…. ของทุกคนในห้อง

มันเป็นดีลที่ดี… ไม่ต้องบอกก็รู้ ถ้าได้นักกีฬาดังระดับนี้มาโปรโมท ตอนออกแบรนด์ Working Lady ช่วงนั้นแคทเธอรีนยังไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเป็นซุเปอร์โมเดลแบบทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ



ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ… เขาจะปฏิเสธงานนี้ด้วยเหตุผลส่วนตัวไม่ได้… คนที่เป็นมืออาชีพพอไม่ควรปล่อยให้อารมณ์และเรื่องส่วนตัวมากระทบงาน… หรือกระทบส่วนรวม



ให้ตาย… บางทีเขาก็เกลียดตัวเองที่มีความรับผิดชอบมากเกินไป



แดริลกัดฟันแน่น ก่อนจะหลับตาลง



“ถ้า… เป็นแบบที่คุณว่า บิล… มันเป็นข้อเสนอที่ดี และเราก็ควรจะใช้เขา” ครั้นเมื่อดวงตาสีฟ้าเปิดขึ้นมามองทุกคนอีกครั้ง ริมฝีปากได้รูประบายรอยยิ้มบาง… ที่ไม่มีใครดูออกว่านั่นเป็นการฝืนยิ้ม



ฉันจะฆ่านาย บิล…



จู่ๆ ชายหนุ่มคนที่มีร่างกายสูงใหญ่ที่สุดในห้องเจ้าของเรือนผมสีฟางและดวงตาสีเขียวคนนั้นก็รู้สึกหนาวขั้วสันหลังขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำไมกันนะ… ทั้งๆ ที่บอสของเขาออกจะดูแฮปปี้ขนาดนี้



“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงเรื่องนี้ไปตามนี้แล้วกัน รบกวนสรุปรายงานการประชุมแล้วอีเมลมาให้ผมด้วยนะ”

พูดจบแล้วแดริลก็เก็บข้าวของและเผ่นออกจากห้องประชุมอย่างมีสไตล์… ให้อธิบายอย่างละเอียดหน่อยก็คือก้าวยาวๆ แต่ไม่ได้ดูรีบร้อนเกินไปจนเหมือนว่ากำลังหนีจากอะไรบางอย่าง ปล่อยให้ชายเสื้อสูทขยับไปตามแรงลมต้านน้อยๆ อย่างดูดีมีระดับ… แต่ในความเป็นจริงแล้วเจ้าตัวก็กำลังหนีจริงๆ นั่นล่ะ



เอาล่ะ ถ้ารวมลาพักร้อนกับหาข้ออ้างลากิจแล้วป่วยหนีอีกสักสองวัน คนเราจะสามารถลาหยุดได้ยาวสุดกี่วัน? ทั้งเดือนเลยได้ไหม จะไปไหนดีจะ โรม? ไม่สิ ไปนอนจิบน้ำมะพร้าวมันที่บาหลีเลยดีกว่า

คิดแล้วเขาก็หยิบซองบุหรี่ออกมา ดึงมวนบุหรี่ออกมาจุดไฟแช็กสูบ แล้วก็แทบสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทักที่แสนคุ้นหู



“หืม.. แดริล? ”



“.....” ความคิดจะลาพักร้อนหนีความจริงมลายหายวับไปในพริบตา “ครับ… บอส”



“ไม่เห็นเธอลงมาสูบนานแล้วนะเนี่ย เครียดรึไง? ” ‘บอส’ หรือ CEO ของบริษัทนี้ โค้ดเนม เจ๊วี หรือวิเวียน เวสท์ สาวสวยแต่ยังโสด อายุเป็นความลับ แต่จากข้อมูลวงในเห็นบอกว่าเลขสามต้นๆ



แดริลอัดควันบุหรี่เข้าปอด พ่นลมออกมาช้าๆ ยกยิ้มที่หล่อที่สุดอย่างวางมาดแม้ในใจจะเหงื่อแตกพลั่ก



บอสครับผมอยากลาพักร้อนสักเดือน



ขืนพูดไปคงโดนส้นเข็มเฉาะหัวตาย…



“ครับ” เขารับคำแค่นั้น



“เห็นเธอสูบแค่เฉพาะเวลาเครียดจริงๆ มีเรื่องอะไรกวนใจรึไง” หญิงสาวจรดบุหรี่กับริมฝีปากที่ทาลิปแดงของดิออร์แอดดิคสี 661 (ใช่ครับ ผมแยกสีลิปของสาวๆ ออก ก็ผมเป็นเกย์) แล้วก็พ่นควันออกมาเบาๆ



“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ” อันที่จริงจะว่าเรื่องงานมันก็ใช่ แต่มันก็อยู่ในโซนเรื่องส่วนตัวด้วยเหมือนกันนี่

“ตายจริง จะประกาศตัวแล้วเหรอคุณเชน” คำถามนั่นทำให้แดริลแทบสำลักควัน บอสรู้อยู่แล้วเรื่องที่ว่าเขาชอบผู้ชายเพราะบังเอิญหล่อนไปเจอเขาที่เกย์บาร์… เธอเป็นผู้หญิงประเภทที่ชอบไปนั่งจิบเหล้าที่เกย์บาร์เพราะรู้สึกว่าที่นั่นปลอดภัยและเฟรนด์ลี่กว่าบาร์ปกติ แต่ต่อให้ไม่เจอกันที่เกย์บาร์ วิเวียนก็นึกสงสัยอยู่แล้ว

“ไม่ใช่ครับ! ” ชายหนุ่มกัดฟันตอบ และได้รับเสียงหัวเราะหึหึในลำคอกลับมาแทนคำตอบ บอสหยอกเขาเล่นอีกแล้ว…

“อยากเล่าไหม? ฉันรับฟังได้นะ ถึงไม่เกี่ยวกับงานก็เถอะ”

ไม่ต้องรับฟังแต่อนุมัติให้ลางานไปเลยได้ไหมครับ

คิ้วสีดำขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาชั่งใจอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้าออกมา



ไม่ควรมีใครรู้เรื่องนี้… หากข่าวรั่วออกไป คนที่เดือดร้อนไม่ได้มีแค่เขา



“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ” ฟังดังนั้นแล้วหญิงสาวผมบลอนด์ก็รับคำเบาๆ ส่วนแดริลก้มหน้าก้มตาสูบบุหรี่ต่อไป



ก้นบุหรี่ถูกทิ้งลงพื้น ตามด้วยส้นเข็มสีแดงที่ขยี้มันเสียจนสะเก็ดไฟดับมอด



“อืม… อย่างนั้นก็อย่าให้กระทบงานก็แล้วกัน แต่เรื่องนั้นเธอคงรู้อยู่แล้วล่ะนะ…” บอสใหญ่เงยหน้าขึ้น และคลี่ยิ้มหวานหยดย้อย… ที่ดูชวนให้เสียวสันหลังแปลกๆ

“ฉันไปก่อนล่ะ มีประชุมต่อ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เมลมาแล้วกัน” ...แล้วหล่อนก็จิกส้นสูงเดินจากไปด้วยสีหน้าคล้ายว่าเห็นความคร่ำเครียดของเขาเป็นเรื่องบันเทิง ทิ้งชายหนุ่มให้แอบปาดเหงื่ออยู่ตามลำพัง





โอเค เรื่องลาพักร้อนนั่นเลิกคิดไปได้เลย





เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...

เรื่องที่ต้องเผชิญหน้า ก็จำเป็นต้องเผชิญหน้า… แม้ไม่อยากแค่ไหนก็ตาม





ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก หลับตาลงประหนึ่งกำลังทำใจ… และคิดย้อนไปถึงความหลังอันแสนยาวนาน นานเสียจนความทรงจำทั้งมวลแทบจะสลายกลายเป็นควัน แต่ก็น่าแปลกที่เพียงหลับตาก็ยังเห็นภาพได้ชัดเจน





กี่ปีแล้วนะ… ที่เขาไม่ได้เจอคนคนนั้น…





ตั้งแต่อายุสิบเก้า… ก็เกือบสิบปีมาแล้วสินะ...

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 2 : When We First Met  (1/2)

แดริล เชน ในวัยสิบห้าปีเป็นเด็กหนุ่มที่มีชีวิตปกติ เนื่องเพราะยังไม่ระลึกชาติได้ว่าตัวเองชอบผู้ชาย เป็นคนเรียนดี ป๊อปปูลาร์ ชีวิตดูจะโรยด้วยกลีบกุหลาบและดำเนินไปราบรื่น…





ในตอนนั้นเขาไว้ผมสั้นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนแบบเด็กผู้ชายทั่วไป... และคบหากับเด็กผู้ชายทั่วไป เรียกว่าก็ปกติดีทุกประการ





ถึงแม้ว่าแดริลจะค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาเดทแคทเธอรีนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์สาวสวย ซึ่งเป็นว่าที่ควีนบีกัปตันทีมเชียร์คนต่อไป (และหล่อนเป็นเลสเบี้ยน) จึงทำให้ไม่ค่อยมีสาวๆ กล้าเข้าหาเขานัก ทำให้ไม่เคยมีโอกาสได้เดทกับผู้หญิงจริงๆ สักที





ทั้งคู่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่บ้านอยู่ใกล้กัน โดยที่พี่สาวของแคทเคยเป็นแฟนของพี่ชายแดริล จึงมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เด็กสองคนโดนปล่อยทิ้งไว้ด้วยกันบ่อยๆ แต่เพราะคุยกันถูกคอ ตอนหลังถึงแม้พี่สาวพี่ชายจะเลิกกันแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน





อันที่จริงแดริลไม่ได้คิดเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเองอย่างจริงจังจนกระทั่งอายุได้สิบหกปี แต่เขาก็นึกแปลกใจอยู่บ้างที่ตัวเองไม่ค่อยสนใจจะมองผู้หญิง แต่กลับมองผู้ชายแทน… ส่วนแคทน่ะ หล่อนรู้ว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนตั้งแต่อายุสิบสาม และก็ไม่ลังเลที่จะบอกแดริลเรื่องนี้





ถ้าจะเท้าความถึงจังหวะที่เขาได้รับรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นเกย์ มันก็ออกจะน่าอายอยู่บ้าง และต้นตอของเรื่องน่าอายนั่นก็มาจากวินซ์… หรือวินเซนต์ ซัมเมอร์ ที่ตอนนั้นเป็นควอเตอร์แบคของทีมอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียน และตามจีบแคทเธอรีนอยู่ ซึ่งเพื่อนเลสเบี้ยนก็ดันใช้เขาเป็นโล่กันหมา และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนคิดว่าเขากำลังเดทแคทเธอรีน บราวน์ สาวสวยตัวแม่ของโรงเรียน





หลังจากนั้นแดริลในวัยสิบห้าปีก็โดนพ่อควอเตอร์แบคคนเก่งเขม่นเช้าเขม่นเย็น ไม่เป็นอันอยู่อย่างสงบ...





แม้เด็กหนุ่มมีผลการเรียนที่ดี แต่เขาไม่ได้โดนเหมาเข้ากับกลุ่มเนิร์ด การวางตัวทางสังคมของเขานั้นเรียกได้ว่าดีถึงดีมาก และเพราะปฏิบัติกับทุกคนอย่างสุภาพและไม่แบ่งแยก ก็ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดู จนในภายหลังช่วงปีซีเนียร์ที่ลงเลือกตั้งสภา เขาก็ได้รับตำแหน่งประธานนักเรียน ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านั้นเขาก็อยู่ในสภานักเรียนมาตั้งแต่เกรดสิบแล้ว



เพราะแบบนั้นทีมอเมริกันฟุตบอลชายถึงรังแกแดริลได้ยาก แต่สิ่งที่เห็นบ่อยคือสายตาอิจฉาที่ส่งมาให้ทั้งเช้าทั้งเย็น เพราะล็อกเกอร์ของพวกเขาดันอยู่ติดๆ กัน…





พูดก็พูด วินซ์เองก็อยู่ละแวกบ้านเดียวกับเขาและแคทเธอรีน โดยเพิ่งย้ายมาตอนเกรดเก้า อยู่เยื้องไปไม่กี่หลัง





วินเซนต์มีรูปร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ประกอบกับหน้าตาหล่อเหลา ผมสีบลอนด์ ตาเขียวโดดเด่น และตำแหน่งควอเตอร์แบค เขาก็คือคาร์แรคเตอร์พระเอกสุดหล่อที่หาได้ทั่วไปในหนังวัยรุ่นสไตล์อเมริกันดรีม แต่หมอนั่นก็ไม่ได้โง่ขนาดในหนังเรื่องอเมริกันพาย





ความประทับใจแรกพบระหว่างแดริลและวินซ์นั้น… ถ้าพูดก็ต้องพูดย้อนไปถึงช่วงปลายเกรดเก้า ระหว่างที่เขากำลังเดินกลับบ้านจากโรงเรียนกับแคทเธอรีน จู่ๆ ก็มีลูกอเมริกันฟุตบอลร่วงมาจากฟ้า เฉียดหัวไปไม่กี่มิลลิเมตร

ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มเบิกโตเกือบเท่าไข่ห่าน มองบอลที่กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น สักพักก็กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่อย่างหวาดเสียว





...หากโดนกระแทกเข้าจังๆ คงได้น็อกกันบ้างล่ะงานนี้





ส่วนแคทเธอรีนน่ะหรือ? เดินหลังเขาอยู่ประมาณสามก้าวเพราะมัวแต่ส่องกระจกเช็คหนังหน้า จึงปลอดภัย สบายใจ ไร้กังวล





“เฮ้ ขอโทษที ใครเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงตะโกนนั่นเรียกความสนใจจากแดริลทันที วินเซนต์สวมชุดนักกีฬาสำหรับฝึกซ้อม ผมชุ่มเหงื่อ ในตอนนั้นเด็กหนุ่มยังไม่ได้บึกบึนมากนัก แต่ก็จัดว่าสูงเกินเด็กวัยเดียวกันไปโข

และขณะที่แดริลกำลังจะอ้าปากบอกให้อีกฝ่ายหัดระวังให้มากกว่านี้ (บอลเวรนั่นเกือบจะกระแทกหัวหล่อๆ นี่เต็มๆ แล้ว หน้าเป็นแผลใครจะรับผิดชอบ?) … วินซ์… หมอนั่น…. ก็….





...เมินเขาแล้วเดินเลยไปหาแคทเธอรีน บราวน์หน้าตาเฉย ราวกับเหยื่อเคราะห์ร้ายตัวจริงเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน (ขณะที่หล่อนกำลังส่องเล็บสีชมพูเป็นประกายวิ้งวับของตนเองอย่างไม่สนใจความปลอดภัยของเพื่อนเลย)





แดริลอ้าปากค้าง และยืนค้างอยู่ตรงนั้น...





“เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม? ” น้ำเสียงและสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยนั่นมอบให้สาวน้อยผมบรูเนตต์คนสวยที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นจากการมองเล็บตัวเองมาเลิกคิ้วงง

“ไม่เป็นอะไรนี่… นายเป็นใครน่ะ? ”





เฮ้ คนที่โดนบอลเฉี่ยวหัวเกือบน็อกน่ะมันคนนี้เว้ย!! ไม่ใช่ยัยนั่น!!





“โล่งอกไปที ผมวินเซนต์ เรียกวินซ์ก็ได้ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านคุณห่างออกไปเจ็ดหลัง” โห มันมีนับจำนวนมาด้วย โอ้โห ชัดเจนมากว่ามาหลีสาว!! ดูมันสิ ดู!!





“โอเค วินซ์ ฉันแคทเธอรีน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เพื่อนสาวของเขายิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท ก่อนจะส่งสายตามาทางแดริลอย่างต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่าง





มาช่วยฉันเร็วๆ หน่อยสิ ฉันเป็นเลสเบี้ยนนะยะจะให้ยืนเจ๊าะแจ๊ะกับผู้ชายไปอีกนานไหม





ช่วยตัวเองสิยัยบ้า





แดริล ที่รัก ไม่เอาน่า เธอเป็นเพื่อนรักฉันนะ





เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก็ใช่ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นน้อยเสียเมื่อไหร่เพราะแคทเป็นสาวสวยสุดป๊อบประจำไฮสคูล… และขณะที่วินเซนต์กำลังพยายามจะถามไปถึงวันเดือนปีเกิดของสาวเจ้าแล้วนั้น ร่างหนึ่งก็เข้าไปแทรกกลางระหว่างคู่นักกีฬา-เชียร์ลีดเดอร์คู่นั้น คว้าข้อมือสาวเจ้า แล้วดึงเธอเดินหนีเอาดื้อๆ





“ไปกันได้แล้ว แคทเธอรีน… เธอบอกว่าอยากไปดูหนังเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ ใกล้จะถึงรอบฉายแล้ว เดี๋ยวก็ไปสายหรอก ที่รัก” แดริลเค้นยิ้มออกมาอย่างที่ดู ‘สุภาพบุรุษผู้กำลังหึง’ ที่สุดเท่าที่ทำได้





“ตายจริง… ฉันนี่แย่จัง ลืมไปเลยค่ะที่รัก ขอตัวก่อนนะจ๊ะวินซ์ บาย” หล่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้พ่อนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล โบกมือให้น้อยๆ แบบพยายามรักษาความนิยมของตัวเอง ก่อนจะระริกระรี้เดินตามมาอย่างยินดี

ที่รักบ้านหล่อนสิ น่าขนลุกชะมัด...



และสายตาของหมอนั่นที่มองมาทางเขา… ไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ดูเหมือนกับสิงโตตัวผู้ที่โดนแย่งตัวเมียไปต่อหน้าต่อตาและพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ





แคท… หล่อนน่ะ รักษาความนิยมเอาไว้ได้ แต่เพื่อนนี่สิ… แทบจะได้นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลค่อนทีมเป็นศัตรูแล้ว.. หากไม่ทำตัวเป็นไนซ์กายให้คนรักคนชอบป่านนี้น่าจะโดนอัดจนบี้แบนคาล็อกเกอร์ไปแล้ว





แต่ฮัลโหล เฮ้ พวกนาย ยัยนี่น่ะเป็นเลสเบี้ยน ได้ยินไหม เลสเบี้ยน และนางเบี้ยนกับเพื่อนเชียร์ลีดเดอร์ของตัวเองด้วย!!





เด็กหนุ่มรู้สึกอยากวิ่งไปกลางสนามซ้อมบอลแล้วตะโกนออกมาสุดเสียง แคทเธอรีน บราวน์ เป็นเลสเบี้ยน ฉันไม่เกี่ยวเฟ้ย!!!! แต่นั่นน่ะทำได้ที่ไหนกัน...





พูดไปแล้วแดริลก็ทำได้แค่เพียงถอนหายใจอย่างปลงในชะตากรรมตนเอง แต่พอนึกถึงบอลที่พุ่งเฉียดหัวเขาแล้ว เด็กหนุ่มก็เผลอหลุดยิ้มเย้ย ‘สมน้ำหน้า’ ใส่ไอ้คนสาวไม่แลตรงหน้า…





และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างเขากับวินซ์… ซึ่งคิดแล้วก็ตลกเป็นบ้า





สงครามแย่งเลสเบี้ยน (ที่แดริลไม่ได้อยากจะได้ด้วยซ้ำ)





ในเดือนต่อมาขณะที่แดริล เชนกำลังเก็บหนังสือใส่ล็อกเกอร์ จู่ๆ ประตูล็อกเกอร์สีเทาก็ปิดปังใส่หน้าก่อนที่ทันจะได้เก็บหนังสือเรียนเล่มสุดท้าย...



แดริลไม่ใช่เด็กหนุ่มตัวเล็ก ร่างกายของเขาค่อนไปทางผอม แต่ไม่ได้บางไร้กล้ามเนื้อ เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ และส่วนสูงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายวัยเดียวกัน ทว่าวินซ์นั้นตัวใหญ่เกินมาตรฐานเด็กไฮสคูลไปมาก





ร่างที่เล็กกว่ากันประมาณเจ็ดเซนติเมตรเงยขึ้น พลางหรี่ตามองไอ้คนหยาบคายที่มากระแทกประตูล็อกเกอร์ของเขา





“มีอะไร? ” สิ้นคำถาม วินซ์แสยะยิ้มขณะโน้มหน้าลงมาใกล้ ท่าทางข่มขวัญชัดเจน โดยที่ในแบคกราวนด์มีเพื่อนนักกีฬาสอง-สามคนยืนขำกันอย่างกับฝูงไฮยีน่า





“เปล่า ก็แค่เกะกะ”





เจ้าตัวตอบแค่นั้น ก่อนจะล้วงมือใส่กระเป๋าเสื้อแจ็คเกตและเดินจากไปโดยไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เพื่อนนักกีฬาพวกนั้นก็หัวเราะกันเหมือนกำลังชมเรื่องตลก หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นตบบ่าแดริลแรงๆ สองที

“สู้เขาละเพื่อน” หมอนี่ชื่อเจฟฟ์… อยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่เกรดเจ็ด ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ก็ดูจะสนุกกับเรื่องนี้พอควร





แกงค์นักกีฬาพากันเดินจากไป ทั้งยังหัวเราะครื้นเครงสนุกสนาน





อันที่จริงตอนหลังที่วินซ์ดูเลิกสนใจแคทแล้ว หมอนั่นก็ยังขยันมาหาเรื่องเขาอยู่ดี...





เหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในปีนั้น ทว่าหลังจากเกิดขึ้นสอง-สามครั้ง แดริลก็มั่นใจแล้วว่าหมอนี่จะไม่ลงมือทำร้ายเขา เท่าที่ไปสืบข่าวซุบซิบมาคาดว่าน่าจะโดนทัณฑ์บนจากโค้ชของเจ้าตัวเรื่องการทะเลาะวิวาท... หากมีเรื่องชกต่อยอีกวินเซนต์จะต้องออกจากการเป็นตัวจริงในทีมโรงเรียน





เพราะเหตุนั้นการแกล้งกันจึงออกมาในรูปแบบปัญญาอ่อนเหมือนเด็กประถมแทน… เช่นการเตะถัง… ตบล็อกเกอร์… เล็งปาดอดจ์บอลใส่ระหว่างคาบพละ





แกล้งกันเป็นเด็กๆ … แต่ว่าไปแล้วตอนนั้นพวกเขาก็แค่เด็กสิบห้า…





แดริลเคยนั่งพิจารณาว่าทำไมตัวเองตกเป็นเป้าของเรื่องไร้สาระแบบนี้ ก็คิดได้แค่ว่าทางนั้นคงจะเสียหน้าพอสมควรที่โดนสาวคนดังของโรงเรียนปฏิเสธไปเลือกผู้ชายคนอื่น… ละมั้ง ถึงไม่ยอมล้มเลิกเสียที





วินซ์เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้เพราะทุนกีฬา ในด้านอเมริกันฟุตบอล เด็กหนุ่มมีพรสวรรค์มาก และประกอบกับรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา ก็ดูยากที่จะถูกสาวปฏิเสธจริงๆ





พอผ่านไปเกือบปี จากแรกเริ่มที่เป็นความรำคาญก็กลายเป็นความเคยชินแปลกๆ … จนเหมือนว่าถ้าวันนี้ไม่ได้กระทบกระทั่งกับวินเซนต์จะรู้สึกเหมือนว่ายังมาไม่ถึงโรงเรียน





นิ้วมือยาววางลงบนหนังสือวิทยาศาสตร์ บรรจงจัดมันเข้าไปในล็อกเกอร์เบอร์ 604 ครั้นตรวจความเรียบร้อยของสันหนังสือที่วางเรียงไล่ตามคาบกันอย่างเป็นระเบียบแล้ว เจ้าตัวก็พยักหน้าพอใจ





เขายืนอยู่แบบนั้น เหลือบมองนาฬิกา พร้อมกับนับถอยหลังในใจ





5...4...3...2...1



ปัง!





“...อรุณสวัสดิ์ วินเซนต์” เด็กหนุ่มผมดำกล่าวเสียงเนือย ขณะหยิบกุญแจล็อกเกอร์มาไขปิดอย่างรู้งาน

“อย่าทักเหมือนฉันเป็นเพื่อนนายสิ ไอ้แห้ง” บางทีแดริลก็สงสัยเหลือเกิน ว่าทำไมวินซ์ถึงไม่เรียกเขาไปต่อยให้รู้แล้วรู้รอด แทนที่จะมาทำเรื่องเสียเวลาแบบนี้ทุกวัน ด้วยแรงของอีกฝ่าย ยังไงซะเขาก็สู้ไม่ไหว

“ฉันไม่ได้แห้ง แค่กล้ามนายมันเยอะเกินไปจนขึ้นไปถึงสมองแล้วต่างหาก” เด็กหนุ่มยกยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“เสียใจด้วยนะ เกรดเฉลี่ยฉันเกินสามว่ะ” วินซ์ยิ้มตอบอย่างดูจะใจเย็นเช่นกัน

“ฉัน3.9” แดริล

“ปีนี้ทีมฉันจะไปแข่งระดับประเทศ ใครเขามีเวลาว่างมาปั่นเกรดแบบนายกัน? ” วินซ์

“เฮ้ พวกนายเลิกจีบกันได้แล้ว อีกสิบนาทีโฮมรูมจะเริ่มแล้วนะ” เจฟฟ์ หนึ่งในนักกีฬาทีมอเมริกันฟุตบอลกล่าวขึ้นมาลอยๆ ขณะเดินผ่านไป…

“ไม่ได้จีบกัน!! ” ทั้งคู่





เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก่อนสอบไฟนอลไม่นาน และหลังจากนั้นเมื่อพ้นช่วงสอบแล้วก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอม…





เด็กหนุ่มหลงนึกดีใจว่าปิดเทอมก็เท่ากับว่าง เขาจะได้เล่นเกมและอ่านการ์ตูนเท่าที่ใจอยาก อีกทั้งไม่มีใครมากวนอารมณ์… แต่แดริลคิดผิด... ผิดมหันต์





“ช่วงที้ที่โบสถ์มีงานการกุศล ว่างๆ ก็มาช่วยแม่หน่อยสิ”



แม่ยังไม่ทันพูดจบประโยค ซีมัสพี่ชายตัวดีก็เผ่นแน่บออกนอกประตูราวกับรองเท้าติดจรวดไปเรียบร้อยแล้ว… เด็กหนุ่มได้แต่มองทางซ้ายที ขวาที อย่างน่าสงสาร ไม่มีใครหรืออะไรที่จะช่วยเขาจากเงื้อมมือมารดาที่กระทำในนามของพระผู้เป็นเจ้าได้ทั้งนั้น….





ในวันรุ่งขึ้น แดริล เชน จึงจำใจลากสังขารไปโบสถ์พร้อมกับมารดา เพื่อช่วยงานการกุศล… ซึ่งนั่นก็คือ….ขายคุกกี้….





พวกป้าพวกนี้เห็นเขาเป็นเนตรนารีรึไงกัน ให้ไปตระเวนขายอย่างกับคุกกี้เนตรนารีไม่มีผิด แถมให้เหตุผลว่า ‘ให้เด็กหนุ่มน่ารักๆ อย่างพวกเธอไปขาย รับรองต้องขายดีในหมู่แม่บ้านชัวร์’





… ช่วยด้วยครับ ผมโดนแม่เอามาขาย





จะหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ มองซ้ายมองขวาหันไปมาก็ได้เจอผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน…





วินเซนต์ ซัมเมอร์…. ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่แม่ตัวเองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล





“วินเซนต์มาพอดีเลย พวกเธอไปขายคุกกี้ด้วยกันนะ แล้วเก็บเงินกลับมาให้ครบ กลับมาที่โบสถ์ก่อนหกโมงเย็นล่ะ โชคดีจ้ะ”





แม่พูดแบบนั้น แล้วก็ยัดเยียดกระเป๋าที่อัดแน่นด้วยกล่องคุกกี้ใส่มือเขาและวินซ์คนละใบ จากนั้นก็ชี้มือไปที่จักรยานสองคัน..





พวกเขามองหน้ากันด้วยสายตาเพลียใจ หลังจูงจักรยานออกมาได้สักพักแล้ว วินซ์ก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน





“ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย” วินซ์

“นั่นมันคำพูดของทางนี้ตะหาก” แดริล

“เฉิ่มชะมัด…” วินซ์

“อย่างกับคุกกี้เนตรนารี…” แดริล

“เฮ้อ” วินซ์

“เฮ้อ” แดริล





หลังจากทำหน้าเหม็นเบื่อใส่กันเองแล้วพวกเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาขายคุกกี้เพื่อให้มันหมดๆ ไป จะได้รีบกลับบ้านและไปให้พ้นๆ หน้าอีกฝ่ายได้เป็นดี





กดกริ่งบ้านหลังแล้วหลังเล่า ซึ่งส่วนมากก็เป็นแม่บ้าน และล้วนเอ็นดูพวกเขากันทั้งนั้น…





ราวๆ สี่โมงเย็นคุกกี้ก็ขายออกเกลี้ยงจนหมดกระเป๋า เด็กหนุ่มทั้งสองรีบมุ่งหน้ากลับโบสถ์เพื่อไปส่งมอบเงินจากการขาย โดยไม่พูดอะไรกันเลยระหว่างทางกลับ





“โอ้โห ขายได้ขนาดนี้เลยเหรอ เก่งมากจ้ะพวกเธอ” แม่บังเกิดเกล้าของเขากล่าวชมขณะนับเงินบริจาคที่ได้มาจากการขายคุกกี้





“อย่างนั้นผมกลับบ้านก่อนนะฮะแม่...”





“ขายดีแบบนี้พรุ่งนี้มาช่วยขายใหม่นะ” แม่บังเกิดเกล้าของเขายิ้ม





เขานิ่งไป… วินซ์เองก็ชะงักไป





“เพื่อการกุศลนะจ๊ะ”





“....ครับ” แดริล

“......ครับ” วินซ์





...และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด



แปดโมงเช้าในเดือนปิดเทอมฤดูร้อน แทนที่จะได้นอนอุตุเอาแรงเหมือนเด็กคนอื่นๆ แดริล เชน ลากจักรยานสีแดงคันเก่งของตนออกมาจากโบสถ์และปั่นออกไปด้วยสีหน้าคล้ายปลาตาย ในกระเป๋าเป้อัดแน่นไปด้วยคุกกี้การกุศล ส่วนด้านหลังก็คือเพื่อนร่วมทางที่ไม่อยากจะมีเลยสักนิดเดียว





“นายเอาสมุดจดมาหรือเปล่า? ” เด็กหนุ่มถามเสียงเนือยอย่างคนที่นอนไม่พอ

“เอามา” นักกีฬาโรงเรียนตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกันนัก

“ขอดูหน่อย ฉันจะเช็กว่าเหลือบ้านไหนที่เรายังไม่ได้ไปบ้าง” แดริลหยุดจอดจักรยานข้างทาง แบมือรอรับสมุดปกสีน้ำเงินเรียบที่ด้านในจดลิสต์บ้านที่พวกเขาไปขายคุกกี้กันมาแล้ว “หากตรงไปทางนี้แล้วไปอ้อมที่หัวมุมถนน… ก็น่าจะย่นระยะทางได้อีกหน่อย”

“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเถอะ ฉันอยากกลับบ้านไปเล่นเกมจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าคนสมองกล้ามเนื้อบ่นขณะเท้าแขนกับแฮนด์จักรยาน

“ฉันก็อยาก อย่าบ่นเลยน่า” หลังจากหยิบปากกาออกมาวงทำเครื่องหมายไปสอง-สามทีแล้วแดริลก็ยัดสมุดกลับเข้ากระเป๋าเป้ ในจังหวะที่ออกตัวปั่นจักรยานอีกครั้งมือของเด็กหนุ่มกลับลื่นจับแฮนด์ไว้ไม่อยู่ ทำให้ล้อตกลงจากฟุตบาทข้างทาง พาเอาคนขี่ล้มไปกองไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นคอนกรีต





“อูย… เจ็บชะมัด…” แทนที่จะได้ยินเสียงคำถามเป็นห่วงเป็นใยตามที่เพื่อนมนุษย์ดีๆ พึงจะถามกัน สิ่งแรกที่แดริล เชน ได้ยินคือเสียงระเบิดหัวเราะที่ฟังแล้วรู้สึกอยากเหยียบเจ้าของเสียงให้ตาย





“ทำอะไรของแกวะเนี่ยไอ้แห้ง ท่าล้มตลกเป็นบ้า ฮ่าๆ ๆ ”





ไอ้เวรเอ๊ย





แดริลหรี่ตามองคนขำ สำรวจดูตรงแขนก็พบกับรอยถลอกยาวกับเลือดซิบจากบาดแผล





“ขำพอรึยัง” ร่างซึ่งผอมกว่าบ่นงึมงำด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ขณะพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น มือหนาที่ข้อนิ้วด้านจากการเล่นกีฬาก็เอื้อมมาฉุดแขนเขาดึงขึ้น… ดูๆ แล้วมันก็คือการช่วยพยุง แต่เป็นการช่วยแบบรุนแรงสักหน่อย





“เจ็บนะเฟ้ยไอ้บ้ากล้ามนี่!! ” คนเจ็บพยายามจะสะบัดแขนออก ทว่าคนจับก็จับเสียแน่นเกินไปจนสะบัดไม่หลุด

“ไปทำแผลกันก่อน บ้านฉันอยู่ข้างหน้า” แดริลเบ้ปากลงเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าแรงที่ดึงแขนลดลงไปกว่าครึ่ง เลยกัดฟันเดินตามไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ





แน่ล่ะ ให้คนที่เขาเกลียดขี้หน้ามาเห็นในสภาพดูไม่ได้แบบนี้ ใครมันจะเต็มใจกัน และที่น่าโมโหกว่านั้นคือเจ้าคนที่ว่านั่นกลั้นขำตลอดทางจากจุดเกิดเหตุจนถึงประตูบ้าน





แดริลถลึงตามองร่างที่สูงจนผิดวิสัยเด็กสิบห้าอย่างอดไม่ได้





“ท่าล้มตลกเป็นบ้า อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ ”

“หุบปาก” เด็กหนุ่มมีสีหน้าบึ้งตึงไปจนถึงหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่หน้าบ้านปลูกต้นแอปเปิล วินซ์เดินนำเข้าไปในบ้าน แม้ไฟปิดอยู่แต่แสงจากหน้าต่างที่เปิดม่านอยู่ก็ทำให้ทั้งบ้านสว่างไสว





ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
(2/2)

“ใช้กล่องพยาบาลในห้องฉันแล้วกัน เดี๋ยวเลือดนายเลอะโซฟาแล้วแม่จะดุเอา”

“นี่นายมีกล่องพยาบาลอยู่ในห้องนอน? ” ร่างซึ่งเล็กกว่าเลิกคิ้วเล็กน้อย มองเจ้าของบ้านผลักเปิดประตูห้องนอน

“ฉันเล่นกีฬา ไอ้พวกแผลถลอกก็ได้กลับมาบ่อย ทำแผลในห้องนอนตัวเองมันสะดวกกว่า ไม่ต้องถามนั่นถามนี่มากน่ะ ส่งแขนมา” เด็กหนุ่มผมดำกลอกตาเล็กน้อย พลางยื่นแขนข้างที่บาดเจ็บส่งให้แต่โดยดี





“เพราะไม่อยากให้แม่รู้? ” มือใหญ่ที่ถือสำลีเพื่อล้างทำความสะอาดแผลชะงักเล็กน้อย ต่อมาก็กดลงบนแผลถลอกของเจ้าของคำถามแบบไม่ได้เบานัก





“โอ๊ย ไอ้$@&@ (* เจ็บนะเฟ้ย ปล่อยเลย ฉันทำเอง!! ” คนเจ็บพยายามดึงแขนกลับ ทว่าเพราะแรงจับอีกฝ่ายมากไปถึงพยายามสะบัดแล้วก็ขยับไม่ได้





“นิ่งๆ น่า” วินเซนต์ไมได้ขอโทษหรือยอมปล่อย ทว่าน้ำหนักมือที่ถือสำลีกลับเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “ใครจะไปรู้ว่านายมันบอบบาง นิดๆ หน่อยๆ ก็แหกปากซะ”



“ฉันไม่ได้บอบบาง นายมันถึกทนเกินไปต่างหาก” ดวงตาสีเขียวเหลือบมองคนพูด ก่อนจะระบายลมหายใจออกน้อยๆ





“นายจะไม่พูดจาหาเรื่องสักวันได้ไหม” พอล้างแผลสะอาดแล้วมือใหญ่ก็หยิบขวดยาฆ่าเชื้อออกมาถือเอาไว้ “แสบหน่อย ทนล่ะ”





และโดยไม่ตักไม่เตือน ยาสีเข้มก็ถูกหยดลงบนแผลถลอกทีละหยด ครั้งนี้แดริลไม่ได้โวยวาย แต่หลับตาแน่น เด็กหนุ่มไม่ชอบแผล ไม่ชอบเลือด และยิ่งไม่ชอบเจ็บตัว เขากัดฟันจนน้ำตาซึมน้อยๆ แรกเริ่มที่ยาโดนแผลสด ความเจ็บแสบก็กระจายไปทั่วแขน ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ทุเลาลงจนแดริลค่อยๆ ลืมตาขึ้น





วินซ์แปะผ้ากอซกับเทปให้เรียบร้อยอย่างคนที่ดูจะชินกับการทำเรื่องแบบนี้





อเมริกันฟุตบอลเป็นกีฬาที่รุนแรง ก็ไม่แปลกนักหรอกที่อีกฝ่ายจะบาดเจ็บเป็นแผลบ่อยๆ ….





“นายไม่ได้คบกับแคทจริงๆ หรอกใช่ไหม”





เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ยังคงก้มหน้ามองผ้าปิดแผลไม่ยอมเงยมองสบตาคนถาม





“ทำไมถึงคิดแบบนั้น? ” แดริลเผลอกำมือแน่น พยายามไม่ให้มีพิรุธ





“เพราะหล่อนเป็นเลสเบี้ยน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบคล้ายกำลังกล่าวเรื่องดินฟ้าอากาศ มือคู่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยจากการเล่นกีฬาค่อยๆ เก็บยาและผ้าพันแผลลงกล่องทีละชิ้น





“.....ไม่เอาน่า ต่อให้เธอไม่เลือกนาย นายก็ไม่ควรพูดถึงแฟนฉันแบบนี้นะ” ใจของผู้ฟังหายวูบ แต่เขาก็ยังต้องแกล้งทำเป็นขึ้นเสียงใส่วินเซนต์ หากเรื่องนี้หลุดออกไปแคทต้องประสาทเสียแน่ และคนที่ต้องรับมือกับอารมณ์ประหนึ่งโรลเลอร์โคสเตอร์ของหล่อนก็คือเขา… พระเจ้าช่วยช่วงนี้แคทรอบเดือนมาด้วย





“ฉันเห็นแคทจูบกับแอชลีย์”





“...ก็แค่พวกผู้หญิงเล่นกัน หยุดเซ้าซี้เรื่องนี้ได้แล้ววินเซนต์” ดวงตาสีฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ยอมหันไปสบตาผู้พูด





“ไม่เอาน่า เชน พวกนายไปไหนมาไหนไม่ได้จับมือกันด้วยซ้ำ”

“นายเป็นสตอล์กเกอร์หรือไง น่าขนลุกชะมัด”

“ช่วยไม่ได้ หล่อนเป็นสาวสวย ตาฉันเลยเผลอมอตามตลอด” ฟังแล้วแดริลก็กลอกตาซ้ำอีกรอบ

“ถ้าไม่ใช่ว่านายมันไก่อ่อนจนโดนนอกใจ ก็คือพวกนายกำลังโกหก” นิ้วชี้ที่มีรอยด้านจากการเล่นกีฬาจิ้มเข้าที่อกของคนที่ผอมกว่าซ้ำๆ





แดริลไม่รู้ควรพูดอะไรเพื่อแก้ต่าง เอาล่ะ ข้อแรกมันก็ความผิดของแคทเองที่ไปจูบกับแอชลีย์ที่โรงเรียน ไม่ใช่ความผิดเขาสักหน่อย แม่นั่นจะมาลงกับเขาไม่ได้เด็ดขาด



แต่… อย่างไรซะแคทก็เป็นเพื่อนรัก… หากเพื่อนไม่ระวังหลังให้กันแล้วใครจะทำล่ะ?





“แล้วนายคิดจะทำยังไง แฉเธอแค่เพราะเธอปฏิเสธนาย? ควอเตอร์แบคประจำทีมโรงเรียนรับคำปฏิเสธของสาวไม่ได้เลยจะทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกแทนหรือไง? ” แดริล เชน หรี่ตาลงมองพ่อนักกีฬาร่างใหญ่ที่ดูจะไม่ยี่หระกับท่าทางคล้ายแมวขู่ของเขาเท่าใดนัก…



“ในสายตานายฉันมันเป็นคนที่แย่บัดซบขนาดนั้นเลยสินะ เชน? ” วินซ์ยกยิ้มขำ ขณะเก็บผ้าพันแผลลงกล่องปฐมพยาบาล “ไม่ต้องห่วง ฉันแมนพอที่จะรับเรื่องนี้ได้ ตอนแรกที่แกล้งนายก็แค่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมสาวที่ฮอทที่สุดในโรงเรียนถึงมาเดทไอ้แห้งแบบนาย แค่นั้นเอง”





“ฉัน-ไม่-ได้-แห้ง-เฟ้ย”





“นอกจาก GPA นายก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าฉันเท่าไหร่นี่? ”





แดริลรู้สึกอยากเหวี่ยงหมัดต่อยไอ้ปากหมานี่เหลือเกิน แต่เขาฉลาดเกินกว่าจะทำเช่นนั้นเพราะรู้ว่าสู้ไปก็แพ้ จึงเลือกวางตนเป็นผู้มีอารยะและใช้วาจาแก้ปัญหาแทน (จริงๆ ก็แค่สู้แรงเขาไม่ได้)





“ผู้หญิงเขาไม่ได้วัดผู้ชายดีๆ กันจากมวลกล้ามเนื้อหรอกนะ”

“อ้อ แล้วนายเดทสาวมากี่คนแล้วล่ะเชน? ”

“.....” ก็เขาต้องช่วยแคทกับแอชลีย์ จะให้ไปควงสาวคนอื่นความก็แตกกันพอดี





คล้ายว่าสีหน้าของแดริลจะบอกความในใจออกไปจนหมดเปลือก วินซ์ถึงหลุดหัวเราะออกมา



“นายจะทำเรื่องขาดทุนแบบช่วยแคทปิดบังไปทำไมกัน? ” วินซ์

“เพื่อนมีไว้ระวังหลังให้กันไม่ใช่หรือไง” แดริล

“ไม่ใช่เพื่อนไฮสคูล” วินซ์

“งั้นชีวิตนายก็คงน่าเศร้านะ ว่าที่พรอมคิง” แดริล

“หืม… พรอมคิง? ” วินซ์เลิกคิ้ว

“ควอเตอร์แบคโรงเรียนฝีมือดี ว่าที่กัปตันทีมอนาคตไกล ตัวสูง หน้าตาดี ถามจริง? ไม่ต้องเห็นอนาคตก็เดาได้ว่าขึ้นซีเนียร์เมื่อไหร่นายจะได้เป็นพรอมคิง” คู่สนทนาต้องกลอกตาขึ้นอีกครั้ง พระเจ้าช่วย นี่ต้องให้เขาพูดออกมาจริงๆ หรือไง

“ฉันดีใจนะที่นายยอมรับว่าฉันหน้าตาดี...” นี่เอ็งได้ยินแค่ประโยคนั้นรึไง “... กว่านาย”

“ต่อยกันไหม วินเซนต์ ซัมเมอร์”

“ไม่ล่ะฉันไม่อยากอัดนายจนน่วม ฉันออมมือไม่เก่ง” ...เออ! สู้ไม่ได้



เห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของคนเจ็บแล้วควอเตอร์แบคหนุ่มก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีจนน่าโมโห





“แต่รู้อะไรไหม คุยกับนายก็สนุกดี”

จู่ๆ เขาก็รู้สึกคล้ายใจกระตุกเบาๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มร่างสูงตรงหน้า…. จังหวะนั้นอาจเป็นครั้งแรกที่แดริลเริ่มรู้สึกตัว.. หากตอนนั้นยังไม่เข้าใจ และไม่ยอมรับ



“...นายก็ไม่แย่… เท่าที่คิด” เด็กหนุ่มผมดำพึมพำตอบ

“หายเจ็บรึยัง เรายังมีคุกกี้เนตรนารีอีกทั้งถุงที่ต้องขายให้หมดนะ” คำว่าคุกกี้เนตรนารีทำให้แดริลหลุดขำออกมาในที่สุด

“ดีขึ้นแล้ว ไปกันเถอะ” พูดจบก็ยันตัวลุกขึ้นยืนทันที ความเจ็บบริเวณแขนทุเลาลงมาก แต่บริเวณแผลกลับรู้สึกอุ่นร้อนแปลกๆ ..





เย็นวันนั้นในที่สุดพวกเขาก็ขายคุกกี้จนหมด เงินถูกส่งมอบให้สมาชิกโบสถ์ครบทุกดอลลาร์ และได้เริ่มใช้วันหยุดช่วงปิดเทอมแบบชาวบ้านเขาสักที





จู่ๆ ขวดโค้กเย็นเจี๊ยบก็ถูกโยนมาให้โดยที่ไม่ทันตั้งตัว แต่เคราะห์ดีที่มือไวเลยรับมันไว้ได้แบบท่ายังสวยอยู่ แดริลมองขวดโค้ก เลิกคิ้ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่โยนขวดนั่นมาให้





“แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ เชน”

“อืม… เจอกัน…”





วันนั้นเขาไม่ได้เปิดโค้กขวดนั้นดื่ม แต่เอามันกลับบ้าน… และมองมันอยู่พักใหญ่



สุดท้ายก็ปฏิเสธที่จะคิดเรื่องนี้ต่อและเอามันไปยัดไว้ในตู้เย็น รู้อีกทีมันก็หายไปแล้ว คาดว่าซีมัสคงเอาไปกินอย่างแน่นอน… เด็กหนุ่มตัดสินใจลืมความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ และเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างราบรื่นตลอดซัมเมอร์นั้น







ขึ้นเกรดสิบ…. เป็นปีที่เขาเข้าร่วมสภานักเรียนแบบเต็มตัว ...





พวกนักกีฬาเริ่มหมั่นไส้เขาน้อยลง นับตั้งแต่เหตุการณ์ช่วงปิดเทอมวินซ์ก็เลิกหาเรื่องอย่างถาวร เดินผ่านกันที่โถงทางเดินก็ทักทายกันบ้างตามมารยาท… ทว่าแดริลมักพบว่าสายตาของตนจะมองตามแผ่นหลังกว้างของควอเตอร์แบคคนดังไปเสมอ





เขาพยายามไม่คิดมาก… ก็หมอนั่นเด่นขนาดนั้นจะดึงความสนใจนักก็ไม่แปลกละมั้ง…

ช่วงนี้เห็นว่าวินซ์ไปคบกับแอมเบอร์ รุ่นพี่พวกเขาหนึ่งปี เป็นรองกัปตันทีมเชียร์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ ส่วนตัวเขาเองก็ยุ่งกับงานสภานักเรียนจนไม่ได้สนใจเรื่องราวซุบซิบต่างๆ นัก





ราวๆ ช่วงก่อนงานเต้นรำฤดูหนาวไม่เท่าไหร่ที่เขาได้คุยกับวินซ์อย่างจริงจังอีกครั้ง นั่นเป็นระหว่างที่แดริลกำลังหอบโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานเต้นรำไปติดตามบอร์ดต่างๆ ทั่วโรงเรียน





ขณะที่กำลังจะเลี้ยวไปติดที่มุมหนึ่งของโรงยิม ก็ได้ยินเสียงตบเพี๊ยะดังจนอดเผือกไม่ได้...





แดริลยังไม่ทันได้ชะโงกมอง เด็กสาวคนหนึ่งก็วิ่งตัดหน้าเขาไป หากจำไม่ผิดนั่นคือแอมเบอร์ รองกัปตันทีมเชียร์นี่?





พอหันไปมองอีกทางก็เห็นวินเซนต์ผู้เดินลูบแก้มตนเองตามมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับเท่าใดนัก เหมือนบนแก้มนั่นจะมีรอยข่วนจากเล็บด้วย...





“...นายเองหรอกเหรอ” วินซ์

“ฉันมาติดโปสเตอร์…” แดริล

“...อืม” วินซ์

“.....”

“เฮ้… ฉันมีปลาสเตอร์” แดริล

“....”





วินเซนต์ถอนหายใจ ทิ้งตัวลงบนที่นั่งแถวอัฒจันทร์คนดู เมื่อลดมือลงแล้วก็เผยให้เห็นรอยแดงห้านิ้วพร้อมรอยข่วนที่เรียกเลือดซิบๆ





“ติดให้ที ฉันมองไม่เห็น”

“...”





เด็กหนุ่มวางโปสเตอร์ลงพลางล้วงหยิบปลาสเตอร์ออกมาจากกระเป๋าสตางค์ แกะห่อกระดาษและค่อยๆ ติดมันทับแผลเลือดซึม





ขณะนั้นวินซ์หลับตาลง ขนตายาวแนบกับแก้มที่ออกสีแทนหน่อยๆ จากการเล่นกีฬากลางแจ้ง โครงหน้าของเขาดูล่ำสันขึ้นกว่าเดิม กล้ามเนื้อบนร่างกายทำให้ร่างสูงไม่ดูเก้งก้างเท่าปีที่แล้ว เขารู้อยู่แล้ว่าวินเซนต์หน้าตาดี แต่พอมองใกล้ๆ แบบนี้ก็ยิ่งอดคิดไม่ได้





… แดริลรู้สึกว่าตนเองใจเต้นผิดจังหวะอย่างไม่มีสาเหตุ





“เสร็จหรือยัง? ” คำถามนั่นทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์และรีบชักมือออก

“เรียบร้อย”





ควอเตอร์แบคหนุ่มลืมตาขึ้น รอยยิ้มยียวนที่ปกติจะประดับบนใบหน้าไม่ปรากฏให้เห็น





“โปสเตอร์เหลืออีกเยอะไหม? ”

“หืม… ก็ไม่เยอะนัก อีกประมาณสิบกว่าแผ่น”

“ฉันช่วย”





ไม่พูดเปล่า ยังคว้าปึกโปสเตอร์ที่เหลือไปถือโดยไม่ถามความสมัครใจอีกต่างหาก ครั้นจะอ้าปากบอกว่าไม่ต้องเจ้าเด็กม.ปลายตัวยักษ์ก็เดินลิ่วไปเสียแล้ว





“ต้องติดที่ไหนอีกล่ะเนี่ย? ”

“จริงๆ นายไม่ต้--.”

“ยังไงเราก็กลับบ้านทางเดียวกันอยู่แล้ว วันนี้ฉันกลับกับนายแล้วกัน”

“เดี๋ย--”

“เร็วสิ จะได้กลับไวๆ ”






โว้ย ฟังที่คนอื่นพูดบ้างสิวะไอ้นี่





หลังจากแปะโปสเตอร์ทั่วโรงยิมแล้วแดริลก็โดนลากกลับบ้านทันที เขาเดินไปทางจักรยานของตนเอง แล้วก็พบว่าจักรยานที่ว่าโดนหิ้วโดยไอ้คนบ้าพลังที่เดินตามมาข้างหลัง





“นายจะทำอะไรน่ะนั่น…”

“ฉันขับรถ*มา เดี๋ยวไปส่ง”

(*หมายเหตุ ที่อเมริกาสามารถขอใบขับขี่แบบ restricted permit ได้ตั้งแต่อายุ14-17)





… เขาก็พอรู้อยู่หรอกว่าบ้านหมอนี่ฐานะดี แต่ไม่คิดว่าจะขนาดถอยรถหรูป้ายแดงให้ลูกชายแค่เพราะชนะแมทช์อเมริกันฟุตบอล….



แล้วจักรยานแบบพับได้ของแดริล เชน ก็ลงเอยไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่หลังรถหรูคันที่ว่า พอมองความแตกต่างนั่นแล้วก็ชวนให้รู้สึกหดหู่ใจแปลกๆ





“มองอะไรน่ะ ขึ้นรถได้แล้ว”





เอาแต่ใจชะมัด





เห็นว่าป่วยการที่จะประท้วงก็เลยขึ้นไปนั่งอย่างปลงตก





รถถูกสตาร์ท… แต่ยังไม่เคลื่อนตัวออกจากลานจอดเสียที… วินเซนต์เหม่อมองอะไรบางอย่าง สักพักใหญ่เด็กหนุ่มร่างสูงก็เอ่ยปากออกมาด้วยเสียงเบา





“แอมเบอร์เลิกกับฉันแล้ว” อืม… มันก็… ชัดเจนอยู่อะนะ “นายจะไม่ถามรึไงว่าทำไม”

“อยากให้ถามไหมล่ะ? ” แรกเริ่มเขาไม่อยากล้ำเส้น จึงไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนวินเซนต์จะกำลังหาใครสักคนมาระบายเรื่องนี้.. และบังเอิญแดริลก็ดันเป็นไอ้ทึ่มที่ไปอยู่ตรงนั้นแบบผิดที่ผิดเวลาพอดี

“ฉันไปนอนกับเชียร์ลีดเดอร์อีกคนที่งานปาร์ตี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว… แล้วเธอมารู้เข้า”





...ตามแบบฉบับพวกคาร์แรคเตอร์นักกีฬาในซีรียส์เด็กไฮสคูลเป๊ะ…





แดริลไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจ เขาก็แค่นั่งรับฟังด้วยท่าทางเหมือนมันเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ในจังหวะนั้นรถคันสีแดงแสนแสบตาก็เริ่มเคลื่อนออกจากที่จอดรถ





“เพื่อนในทีมฉันบอกว่าเจ๋งไปเลย” วินซ์

“ก็เหมือนว่านายจะคั่วเชียร์ลีดเดอร์มาครึ่งทีมแล้วนี่นะ” แดริล

“ไม่ใช่ เกินครึ่งแล้วต่างหาก” วินซ์

“.......” แดริล

“ส่วนที่แย่ที่สุดคือ ฉันไม่รู้สึกผิดสักนิด” วินซ์





เชื่อมันเลย…





“นายรู้ว่ามันผิด? ” แดริล

“รู้… แต่ไม่รู้สึกผิด… รู้สึกแย่มากกว่าที่ฉันไม่รู้สึกผิด” วินซ์





แล้วนายมาบอกเรื่องนี้กับฉันทำไมกันเนี่ย…





“พ่อฉันเคยนอกใจแม่… ครอบครัวเราเกือบพัง ตอนนั้นฉันโกรธเขามาก” เจ้าของรถกล่าวต่อด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิม ทำให้บรรยากาศน่าหนักใจยิ่งเพิ่มความอึดอัดเข้าไปอีก

แดริลแสร้งทำเป็นดูวิวนอกหน้าต่างเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ปลอบใจคงไม่ดี จะซ้ำเติมก็ไม่ดีเหมือนกัน…

“แต่พอฉันทำเอง ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย”

“... นายอาจจะแค่ยังจริงจังกับความสัมพันธ์ไม่พอ หรือเธออาจจะยังไม่ใช่คนที่ใช่” เด็กหนุ่มเอ่ยปากออกมาในที่สุดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์โมโหหรือผิดหวัง พยายามจะไม่ไปตัดสินหรือกล่าวโทษ เพราะอย่างไรวะนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรจะสอด...

“หรือฉันอาจเป็นเหมือนเขา” รถคันนั้นเร่งความเร็วขึ้นจนคนนั่งข้างๆ รู้สึกได้

“นั่นมันก็ขึ้นกับสิ่งที่นายเลือกนี่…”

“....”

“ฉันว่า… บางทีมันก็เป็นแค่เรื่องของจังหวะกับความรู้สึก สักวันนายอาจจะเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกอยากจะจริงจังด้วย แค่มันยังไม่ใช่วันนี้”





นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จากบรรยากาศน่าอึดอัดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องน่าซาบซึ้ง… จนกระทั่ง….





“นายมันโคตรน้ำเน่าเลยว่ะ” จบประโยค รถคันนั้นก็จอดเทียบทางเท้า ฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือบ้านหลังเดิมของเขาเอง

แดริลชำเลืองมองไอ้คนปากเสียด้วยหางตา ชูนิ้วกลางใส่ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย

“... ไปตายซะ วินเซนต์ ซัมเมอร์ส”





เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะไล่หลัง แต่เขาไม่สนใจ ลงจากรถแล้วก็กระแทกประตูปิดและเริ่มจ้ำเท้าข้ามถนนตรงไปทางบ้านตัวเองทันที ทั้งรู้สึกหัวร้อนและโมโหว่าไม่น่าไปปลอบใจมันเลย จนเขาไม่ทันระวังมองรอบตัวให้ดี….





เสียงต่อมาที่ได้ยินคือเสียงตะโกนของวินซ์ ตามด้วยเสียงแตรดัง





“แดริล ระวัง!!! ”





รถคันใหญ่ที่พุ่งมาชนจนเขากระเด็นลงไปกองกับพื้น หัวเข่ากระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างแรงจนอดส่งเสียงร้องไม่ได้ เคราะห์ดีที่เจ้าของรถเหยียบเบรกชะลอความเร็วก่อนมาถึงตัวเขาจึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

ความเจ็บปวดแล่นจากเข่าลงไปทั่วขา เขาจำได้แค่ว่ามือดึงแขนเสื้อของวินซ์แน่นขณะถูกอุ้มเข้าโรงพยาบาล… นับเป็นความน่าอับอายอย่างหนึ่งในชีวิตที่ต้องถูกคู่อริอุ้มท่าเจ้าหญิงไปส่งเข้าห้องฉุกเฉิน...





ให้ตายเหอะ น่าขายหน้าชะมัดเลย!!

--------------------------------


เพิ่งลองลงในเล้าครั้งแรก ได้ไล่อ่านกฎแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าครบหรือเปล่าค่ะ หากมีอะไรทำผิดขั้นตอนรบกวนช่วยตักเตือนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
...เขียนได้ชวนอ่านมากครับ...


 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แฟนเก่าดูนิสัยอี๋มากอ่ะ  อย่ากลับหวั่นไหวนะ!!
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชอบพาสธุรกิจค่ะเหมือนจริงมาก

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 3  Oh God... I'm Gay (1/2)

คนเราบทจะซวยก็ซวยอย่างเลี่ยงไม่ได้…





ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นคือกระดูกร้าว เขาต้องใส่เฝือกขาไปโรงเรียนประมาณหนึ่งเดือน กับโดนเทศน์เรื่องก่อนข้ามถนนให้หัดดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง…

และที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขาถีบจักรยานไปโรงเรียนไม่ได้ เลยต้องอาศัยรถของเพื่อนบ้านผู้แสนดีนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถติดไปด้วย





“วันนั้นนายร้องโอดครวญอย่างกับผู้หญิงแน่ะ เจ็บ ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย เจ็บ” วินซ์กล่าวขณะขับรถ เสียงหัวเราะนั่นฟังดูเสียดหูเป็นบ้า ส่วนคนที่ต้องโดยสารมาด้วยความเต็มใจก็ได้แต่นั่งหน้าบูดไม่พูดอะไร “แล้วนายก็ร้องไห้ ตลกเป็นบ้า”





“หุบปาก... วินเซนต์”



ไม่พูดเปล่า ยังหยิบหูฟังวอล์คแมนขึ้นมาสวมเพื่อกันมลภาวะทางเสียง



“ไม่เอาน่าอย่างอนสิเจ้าหญิง”





...แต่เสียงมันก็ยังทะลุผ่านหูฟังมาอยู่ดี





เจ้าหญิงบ้านเอ็งสิ





“ลูกผู้ชายที่ไหนเขาร้องไห้โฮน้ำตาอาบหน้าแค่เพราะเข่าแตกกัน หืม” มันฉีกยิ้มเห็นฟัน จนยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะตั๊นหน้าหล่อๆ นั่นให้ฟันหลุดสักซี่จะได้หล่อน้อยลง





ติดแต่...ข้อแรก เขาแรงน้อยกว่ามัน แถมยังขาเดี้ยงอยู่ และข้อสอง มันขับรถอยู่ หากเกิดอะไรขึ้นก็คงได้ตายหมู่อย่างแน่นอน แดริลจึงยอมสงบไม้สงบมือแต่โดยดี





รถคันใหญ่แล่นเข้าไปจอดในที่จอดรถอย่างราบรื่น ต้องยอมรับว่านอกจากเรื่องกีฬาแล้วหมอนี่ก็ขับรถเก่งใช้ได้





“ต้องให้อุ้มลงไหม เจ้าหญิง? ” วินซ์

“ไม่ต้องเฟ้ย! ” แดริล

“นายยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง” วินซ์

“.....” ชูนิ้วกลาง





เหมือนทุกเช้าเย็นเวลากลับบ้าน วินซ์จะมีความสุขกับการทรมานและกลั่นแกล้งเขาเป็นพิเศษ… โดยการยกเรื่องวันนั้นมาพูดเช้าพูดเย็น ตอกย้ำซะเหมือนว่าชาตินี้จะไม่ปล่อยให้ลืมเป็นอันขาด





ไอ้เวรเอ๊ย…





คนเราอดทนต่อความเจ็บปวดได้ไม่เท่ากัน และเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่อดทนได้มากขนาดนั้น นั่นเป็นสาเหตุที่แดริลไม่เล่นกีฬา และเป็นเหตุให้พ่อชอบเหน็บแนมเขาอยู่บ่อยๆ





หัดดูแบบพี่ชายแกซะบ้าง เป็นกัปตันทีมเบสบอล แล้วยังไปเป็นทหารรับใช้ชาติ





พ่อของเขาเป็นคนขาวตามแบบฉบับคนอเมริกันหัวเก่าที่สนับสนุนสงครามอิรัก… ชอบให้ลูกชายแมนๆ เล่นกีฬา เป็นกัปตันทีม ได้ทุนจากการเล่นกีฬา เหยียดคนผิวสี เหยียดคนรักร่วมเพศ





ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกรัก และไม่มีวันจะเป็น





แดริลเหวี่ยงประตูเปิด ทิ้งน้ำหนักลงบนไม้ค้ำยันในมือและค่อยๆ เดินเหวี่ยงตัวไปข้างหน้าด้วยขาข้างเดียว

“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ช่วย? ”

“แน่”





วินซ์เพียงกอดอกยืนมอง จากนั้นก็ยกยิ้มขำกับท่าเดินประหลาดๆ ของเพื่อนบ้าน ที่ขนาดปล่อยให้เดินนำไปก่อนสักพักแล้วก็ยังไปได้ไม่ไกลอยู่ดี





“เฮ้ นายลืมกระเป๋าเป้” เพิ่งเตือนทั้งที่รู้อยู่แล้ว พูดจบก็เหวี่ยงเป้สองใบขึ้นหลัง เดินก้าวยาวๆ ตามมาแบบสบายๆ





แดริลชะงักเล็กน้อย หยุดมองอีกฝ่าย





“ส่งมา” แดริล

“เราเรียนโฮมรูมห้องเดียวกัน ไว้ฉันหิ้วไปให้ถึงห้อง” วินซ์

“ฉันถือเองได้” แดริล

“เมื่อวันก่อนที่นายถือเอง เราลงเอยที่เกือบสายทั้งคู่ เดินเร็วเข้าสิเชน” วินซ์





...ทำไมยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเอาชนะหมอนี่ไม่ได้กันนะ







ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ทุกคนก็ดูจะเคยชินกับการที่พวกเขามาโรงเรียนด้วยกัน แรกเริ่มพวกก๊วนนักกีฬาก็ถามว่าทำไมวินซ์ต้องมาถือกรเป๋ากับรับส่งเขาด้วย คนถูกถามก็แค่ให้เหตุผลง่ายๆ ออกไปว่า





“แม่ฉันสั่งมา เราเป็นเพื่อนบ้านกัน”





ง่ายๆ แค่นั้นก็ไม่มีใครถามหรือสงสัยอะไรอีก… พาวเวอร์ของพวกป็อปปูลาร์กายนี่มันน่ากลัวชะมัดเลยให้ตายสิ…





ส่วนแคทก็มีเสแสร้งโอดครวญบ้างที่ไม่สามารถติดท้ายจักรยานของเขากลับบ้านได้ แต่ช่วงนี้หล่อนซ้อมเชียร์เสร็จปุ๊บก็ไปกับแอชลีย์ปั๊บ จนเขาต้องกลอกตาให้กับแม่เลสเบี้ยนคู่นี้ เธอสนใจเขาทีไหนกัน มีแฟนแล้วก็ทิ้งเพื่อนชัดๆ





ต่อมาแดริลก็ถูกลากไปนั่งโต๊ะกินข้าวกับพวกกลุ่มนักกีฬาบ้างเป็นบางวัน… หลังเลิกเรียนพอเสร็จงานสภานักเรียนแล้วก็ต้องไปนั่งรอพวกนั้นซ้อม ไปๆ มาๆ ก็โดนโค้ชใช้ให้ช่วยถือนาฬิกาจับเวลากับจดเวลาไปซะแบบนั้น





เดี๋ยวครับเฮีย.. ผมไม่ใช่ผู้จัดการทีมนะ…





แต่เหมือนจะไม่มีใครฟัง………





แดริลได้เพียงปลง ให้นั่งรถบัสกลับบ้านยังไงก็ลำบากกว่านั่งรถของวินซ์อยู่แล้ว ก็ป้ายรถเมล์มันห่างจากบ้านเขาตั้งสิบห้านาที หากใส่เฝือกเดินก็สามสิบนาทีได้





เขานั่งดูนักกีฬาชายร่างใหญ่ที่แย่งบอลลูกจิ๋วกันอย่างเอาเป็นเอาตายกลางสนามหญ้า ส่วนอีกฝั่งคือเชียร์ลีดเดอร์สาวๆ ที่กำลังซ้อมต่อตัวทำพีระมิด





อันที่จริงหากเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบหก วัยที่กำลังมีความต้องการทางเพศสูง… ก็ควรจะต้องมองสาวสวยสุดป๊อบปูล่าร์พวกนั้นก่อน





ไม่ใช่ว่าแดริลไม่นึกประหลาดใจ แต่เขาพยายามจะไม่คิดถึงมัน





เพราะพวกโฮโมน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจผิดปกติ ที่ขัดต่อคำสอนของพระเจ้า





พ่อแม่มักพูดอะไรทำนองนั้นเสมอ.. แค่คิดว่าตัวเองจะสนใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแดริลก็กลัวแล้ว





ถึงจะคิดแบบนั้น พอเผลอตัวสายตาก็มักจะเลื่อนจากเชียร์ลีดเดอร์พวกนั้นกลับมายังคนที่กำลังถือบอลวิ่งอยู่ทุกที





ชั่ววินาทีหนึ่งที่วินซ์คล้ายจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเช่นกัน พวกเขาสบตากันเพียงระยะสั้นๆ ก่อนที่แดริลจะเป็นฝ่ายเบือนสายตาหลบกลับไปมองทางแคทกับแอมเบอร์แทน…





ไม่หรอก… เขาคิดมากไปเอง





เขาก็แค่ไม่มีประสบการณ์เดทสาว… เท่านั้นเอง





….





“ผิดย่ะ นายเป็นเกย์ต่างหาก” เพื่อนสาวคนสนิทเงยหน้าขึ้นมาจากกระจกหลังจากปาดลิปสีชมพูลงบนริมฝีปากอิ่มของหล่อน ดวงตาคู่โตกลอกขึ้นมองบนอย่างระอาใจ “เอาจริงๆ นะแดริล ที่รัก นายเคยสนใจจะมองสาวๆ คนไหนในโรงเรียนด้วยเหรอ”





แคทนั่งอยู่บนเตียงสีชมพูของเจ้าหล่อน กำลังนั่งพิจารณาเครื่องสำอางที่เพิ่งซื้อมาใหม่วันนี้… แน่นอนล่ะว่าเขาโดนลากคอไปช่วยเลือกสีด้วย





เขาอาจจะคิดผิดที่มาปรึกษาเจ้าหล่อน…. แต่เขาก็ไม่มีใครที่ไว้ใจได้ไปกว่าแคทให้ปรึกษาด้วยแล้ว





“ฉันก็แค่อาจจะยังไม่เจอใครที่เข้าตาน่าแคท” แดริล

“ฉันเห็นนะยะ เธอน่ะจ้องเขาตาเป็นมัน อย่างกับแมวจ้องจะขโมยปลา” แคท

“ฉันเปล่า” แดริล

“ต๊าย เธอน่ะจะตบตาใครก็ได้นะคะที่รัก แต่ไม่ใช่แคทเธอรีน เจ้าแม่กอสซิพประจำบลูฮิลล์ไฮ”แคท

“ให้ตายเถอะแคท ฉันไม่ได้เป็นเกย์! ” แดริล

“ผู้ชายที่ไหนเขามานั่งพับผ้าเก็บเรียงสี กับแยกโทนสีแดงปะการังกับแดงสการ์เลตต์ออกกันคะ หืมม? ” แคท

“ฉันไง”

“ไม่ แดริล ที่รัก เธอน่ะเป็นเกย์ ฉันรู้สึกมานานแล้ว แต่ไม่อยากพูดเพราะกลัวเธอจะประสาทเสีย แบบนี้ไง” แคทเธอรีนกวาดสายตามองขึ้นลงอย่างประเมิน เสียจนเพื่อนนึกอยากจิ้มตาเธอจริงๆ …

“แคท…” แดริล

“เอาล่ะๆ เอาอย่างนี้ เธอรู้ไหมว่าสาวๆ หลายคนแอบชอบเธอ” แคท

“...ก็พอจะรู้ แต่--”

“แต่เธอไม่สนใจ ไม่คิดแม้แต่จะพิจารณาเดทใครสักคน ทั้งที่หลายๆ คนก็ออกจะเป็นสาวฮอต” แคทหยิบที่ตะไบเล็บมาเริ่มฝนเล็บให้เข้ารูป

“เช่นใครบ้างล่ะ ฉันรู้แค่ว่ามอลลี่ที่เป็นเด็กเนิร์ดกับเพื่อนของเธอเหมือนจะชอบฉัน… และสาบานได้ นั่นห่างไกลคำว่าฮอตมาก” แดริล

“เอิ่ม… เกรซ ตัวเล็กๆ ที่เป็นรุ่นน้อง รู้ไหมเธอป๊อบมากเลยในกลุ่มพวกนักกีฬา”แคท

“... นั่นใคร ฉันไม่เห็นจะรู้จัก” แดริล

“ปาร์ตี้ที่บ้านแอชลีย์เดือนก่อนไงยะตาทึ่ม หล่อนทั้งจ้องทั้งอ่อยนายซะจนแทบจะมาเลื้อยบนตักนายแล้ว” แคท

“อ๋อ… คนนั้น….” แดริล

“แต่เธอไม่สนใจ เพราะเธอมัวมองแต่พ่อนักกีฬากล้ามโตที่กำลังคั่วสาวอยู่อีกทาง เอาจริงๆ ฉันไม่ว่าหรอกนะหากเธอจะเทิร์นเกย์น่ะแดริล แต่เพื่อนรัก เลือกหน่อยเถอะ วินซ์น่ะไม่ใช่ข่าวดีของใครทั้งนั้นล่ะ” แคท

“...หมอนั่นก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง” แดริล

“แย่สิ เขานอนกับเชียร์ลีดเดอร์เกินครึ่งทีม ตอนหลังมีแฟนแล้วก็ยังจะไปนอนกับอีกคน แอมเบอร์น่ะเฮิร์ทมากเลยนะ ฉะนั้นนายควรตัดใจซะ” แคท

“เดี๋ยวว้อย ฉันไม่ได้ชอบเขา! ” แดริล

“อือฮึ” เคทตะไบเล็บต่อไป

“ฉันไม่ได้เป็น...แบบนั้น… ถ้าฉันเป็นพ่อฆ่าฉันตายแน่” แดริล

“เรื่องนั้นน่ะเธอกลับบ้านไปนอนเถียงกับตัวเองเถอะนะว่าเกย์ไม่เกย์ ตอนช่วงที่ฉันชอบแอชลีย์ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน… ปฏิเสธความจริง” แคทเธอรีนถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับเพื่อนรัก “ฉันน่ะโชคดีที่แอชลีย์เองก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน แต่ฉันเตือนเธอเลยนะแดริล วินซ์ไม่ใช่เกย์ ยังไงซะเรื่องนี้ก็จบไม่ดีแน่ๆ ฉะนั้นเธอควรตัดใจซะ”





แปลกที่พอได้ยินคำว่าตัดใจ ข้างในมันเจ็บแปลบ… จังหวะนั้นที่แดริลเริ่มรู้ตัว… ว่านี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย





----





...เคราะห์ดีที่บทสนทนานี้เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนเขาถอดเฝือก ทำให้การหลบหน้าวินเซนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่น





ในวันจันทร์แดริลตื่นเช้ากว่าปกติ และออกจากบ้านไวกว่าปกติ… ขาของเขาที่เพิ่งหายดียังใช้การได้ไม่ดีนักจึงเลือกไปทางรถบัสแทน… จากนั้นก็หมกตัวอยู่ในห้องสภาจนถึงเวลาโฮมรูมเป๊ะ





เด็กหนุ่มพยายามจะไม่มอง แต่จนแล้วจนรอดสายตาเจ้ากรรมก็ไปตกอยู่ที่วินเซนต์พอดี และเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายกำลังมองมา





แดริลรีบหลบสายตาและเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ซึ่งก็ดูเหมือนจะสายไปแล้ว)





พอพ้นคาบโฮมรูมไปแล้ว กว่าจะเจอวินเซนต์อีกทีก็คาบหลังพักกลางวัน…





และพักเที่ยงก็เป็นอีกครั้งที่เขาหอบแซนด์วิชไปกินในห้องสภานักเรียน… จนลี เพื่อนสภานักเรียนด้วยกันซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเขาอดถามออกมาไม่ได้





“วันนี้ไม่ไปนั่งกับพวกนักกีฬารึไง”





ลีเป็นเด็กหนุ่มชาวเอเชีย เกรด 4.0 ที่บ้านมีฐานะดีและสถานะทางสังคมก็จัดว่าดี… ดีพอที่จะเดทเชียร์ลีดเดอร์ ถึงจะไม่ใช่ตัวท็อปก็เถอะ





“ไม่ล่ะ มาช่วยนายจัดงบชมรมของเทอมแรกดีกว่า” แดริล

“จริงๆ ฉันทำเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ลี

“งั้นงบงานเต้นรำกับงานพรอม” แดริล

“...กินข้าวก่อนไหม” ลี

“.....” แดริล

“ฉันว่านายหลบอะไรมามากกว่า ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมานั่งกินข้าวในนี้” พูดแล้วเพื่อนชาวเอเชียของเขาก็ล้วงหยิบอาหารกลางวันออกจากถุงกระดาษ

“แล้วฉันจะหลบอะไรล่ะ หืม? ” แดริลเท้าคางมอง

“ว่าที่พรอมคิง? นายไปกวนโมโหอะไรเขาอีกรึเปล่า” ลี

“เปล่า” แดริล

“เอาเถอะ… รีบๆ ดีกันล่ะเพื่อน” ลีตบบ่าคนที่นั่งข้างๆ อย่างให้กำลังใจ





นายอย่าพูดเหมือนคนเป็นแฟนกันทะเลาะกันได้ไหมฟะ!





…………..





คาบเลขเขามาเข้าห้องก่อนเวลา… แดริลเลือกที่นั่งหน้าห้องเช่นทุกที ขณะที่ผู้คนทยอยเข้าห้องเรียน ดวงตาสีฟ้ากลับเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง คำพูดของแคทคล้ายจะเล่นย้อนอยู่ในหัว





ตอนนี้เขาก็แค่สับสน ต้องการเวลาคิด





เอาล่ะ… ต่อให้เขาไม่สับสน ต่อให้เขาชอบวินเซนต์ ซัมเมอร์จริงๆ ก็ใช่ว่าเรื่องมันจะเป็นไปได้ หมอนั่นเป็นนักกีฬาเบอร์หนึ่งของโรงเรียน สาวๆ ห้อมล้อม แถมเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ… ฉะนั้นก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปคิดถึงมัน





เลิกคิด และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับหมอนั่นอีกต่อไป ฟังดูเป็นแผนที่ดี ...แต่ขณะที่คิดตกแล้วนั้นก็มีเสียงจากนรกดังขึ้นมา





“ขอโทษนะแอนน์ ฉันขอสลับที่กับเธอวันนึงได้ไหม บังเอิญมีเรื่องต้องคุยกับหมอนี่หน่อยน่ะ” เงยหน้าขึ้นไปก็เจอวินซ์ พร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจที่เจ้าตัวรู้ดีด้วยว่าหากยิ้มแบบนี้เป็นสาวที่ไหนก็ไม่ทน และแอนน์ก็เช่นกัน

เฮ้ แอนน์ เฮ้ย คนทรยศ อย่าทิ้งเพื่อนสิ แอนน์!!





และแล้วหมอนั่นก็หย่อนก้นแน่นๆ ของเขาลงเก้าอี้ตัวข้างๆ หน้าตาเฉยทั้งที่ไม่ได้รับเชิญ





“นายหลบฉันทำไม” ฟังแล้วแดริลก็หันไปอีกทาง

“...เปล่าหลบ ช่วงนี้งานที่สภานักเรียนเยอะเฉยๆ ” แดริล

“โกหก นายหลบชัดๆ ” วินซ์

“ฉันเปล่า” แดริล

“นายไม่มองหน้าฉัน เมสเซนเจอร์ก็ไม่ตอบ” วินซ์

“....”

“ไม่พอใจอะไรล่ะ? ฉันล้อนายมากไปรึไง ต่อไปจะลดก็ได้นะ” มือหยาบขยี้ผมดำของเด็กหนุ่มจนเสียทรง ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงเล็กน้อย เขาใช้เวลาครึ่งชัวโมงทุกเช้าในการพยายามแต่งผม ขยี้แบบนี้มันเสียเวลาไปจัดใหม่รู้ไหม!

“ไม่หรอก… ไม่มีอะไร แต่ถ้านายเลิกเรียกฉันว่าเจ้าหญิงได้ก็ดี” แดริล

“เฮ้ อะไรกัน แค่เรื่องนี้เองเหรอ ก็ได้ ฉันเลิกก็ได้” วินซ์ตอบพร้อมกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ และนั่นทำให้เขาแทบบ้า





ฉัน-แค่-ต้อง-การ-ให้-นาย-ไม่-ต้อง-มา-ยุ่ง-กับ-ฉัน-โว้ย





“อืม…” ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็รับคำง่ายๆ สังคมไฮสคูลจะว่าง่ายก็ง่าย ซับซ้อนก็ซับซ้อน เกิดตะโกนใส่หมอนี่ไปแบบนั้น เขาคงกลายเป็นคนไร้จุดยืนในสังคมกันพอดี…





ยิ่งหากโดนรู้ว่าเป็นเกย์… ก็น่าจะหนัก





ไม่สิ… เขาไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย!! อย่างน้อยก็ยังล่ะน่า!!





“งั้นหลังนายทำงานสภาเสร็จเจอกันที่สนามฟุตบอล” วินซ์ตบบ่าของร่างที่ผอมกว่าอีกที ขณะที่ครูสอนวิชาเลขเดินเข้ามา ทุกคนถึงหันมาสนใจหนังสือเรียนตรงหน้าและเงียบเสียงลง





แดริลรู้สึกอึดอัด… เขาไม่น่าไปคุยเรื่องนี้กับแคทเลย ไม่น่าทำให้ตัวเองคิดเรื่องบ้าๆ พวกนี้… เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงคนที่อยู่ข้างๆ คล้ายว่าการคงอยู่ของอีกฝ่ายเป็นประหนึ่งอะไรบางอย่างที่กำลังลุกเป็นไฟเปรี๊ยะๆ และไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้





เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองทุกสิบนาที เงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวทุกอย่าง…





ให้ตายเถอะแคท นี่เธอยัดอะไรเข้าหัวฉันมาเนี่ย…





กริ่งบอกเวลาหมดคาบดังขึ้น ทุกคนรบแพคหนังสือเพื่อย้ายห้องไปเรียนคาบต่อไป..




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 3 (2/2) เพิ่งทราบว่าในนี้ลง NC ได้เลย edit ลงแบบ uncut นะคะ

“เฮ้ วินซ์ คือว่าฉัน--”

“มีอะไรค่อยคุยกันหลังเลิกเรียนแล้วกันนะ คาบหน้าฉันมีวิชาประวัติศาสตร์ นายก็รู้ว่ามิสเตอร์เฮอร์แมนเฮี้ยนขนาดไหน”





เอ่อ… คือ… วันนี้ฉันต้องกลับเร็วเพราะที่บ้านมีธุระ…

หากคิดว่าจะได้จบประโยคก็ฝันไปเถอะ…. เพราะเงยหน้าอีกทีก็เห็นแต่แผ่นหลังไปไกลลิบโน่นแล้ว





แดริล เชน ถอนหายใจอย่างนึกหนักใจ ในหัวสมองตีกันยุ่งไปหมด





เขาจะใช้อะไรเป็นข้ออ้าง ..แถมพูดความจริงก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากให้คนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ เส้นทางสู่การเป็นประธานสภานักเรียนคงได้จบเห่กันพอดี





เวลาล่วงมาถึงหลังเลิกเรียน แดริลรู้สึกว่าเนื้อหาในคาบทั้งหมดในวันนี้คล้ายจะเข้าหูซ้ายแล้วออกทางหูขวาเกือบหมด



พอลากขากลับไปถึงห้องสภานักเรียนก็พบว่าทุกคนนั่งว่างไม่มีงานทำกัน แถมประธานก็ไม่อยู่… แน่สิ… ก็พวกเขาปิดงบทุกอย่างหมดแล้ว งานเต้นรำทั้งหมดก็วางแผนแล้ว งานของสภามันก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายขนาดนั้น…





“อ้าวแดริล หาตัวอยู่พอดี โค้ชวิทเทคเกอร์เรียกให้นายไปช่วยเขาจดแต้มนักกีฬาแน่ะ” ลีที่เพิ่งเดินเข้ามากล่าวประโยคที่แดริลไม่อยากได้ยินเลยสักนิด





โค้ชนี่ก็เหลือเกิน เด็กหนุ่มอยากตะโกนบอกเต็มทีให้เลิกทำเหมือนเขาเป็นผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนได้แล้วว้อย!





แต่กระนั้นแดริล เชน ก็ยังโผล่หน้าไปอยู่ดี แบบที่นักเรียนตัวอย่างเขาทำกัน… เชื่อฟัง





สุดท้ายหลังจากช่วยโค้ชจดแต้ม จดเวลา จดสถิติ เก็บข้าวของแล้ว เด็กหนุ่มก็นั่งรอวินเซนต์อยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อนักกีฬาชาย



ให้ตายสิ ช้าชะมัด





“วินเซนต์อยู่ในนั้นรึเปล่าน่ะ เจฟฟ์” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็คว้าตัวคนคุ้นเคยมาถามได้





“เห็นเพิ่งเข้าห้องอาบน้ำไปน่ะ มีอะไรนายก็เข้าไปตามเล้ย ไม่ใช่ว่านายห้ามเข้าสักหน่อยนี่? ”





อืม… ก็ถูกของมัน….





แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดของแดริล เชน… เพราะสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขายิ่งมั่นใจแล้วว่า





โอเค... ฉันคงเป็นเกย์จริงๆ





เด็กหนุ่มพยายามหลบตาไม่มองกล้ามท้องและซิกซ์แพคของพวกนักกีฬา นั่งรอที่เก้าอี้อย่างอดทน





คนเริ่มบางตาลงทุกที เหมือนว่าวินซ์จะใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะออกมา รู้ตัวอีกทีทุกคนก็กลับไปหมดแล้ว แต่ฟังจากที่เจฟฟ์บอกเมื่อครู่ ท่าทางหมอนี่คงเข้าไปอาบเป็นคิวท้ายๆ ล่ะนะ





“เฮ้ วินเซนต์ นายจะอาบน้ำอีกนานไหมเนี่ย” แดริลยืนถามอยู่หน้าประตูที่ได้ยินเสียงน้ำไหล “...ยังไงฉันกลับก่อนได้ไหม”





“นายยังเดินไม่ค่อยคล่องเลย รอไป”





...เอาแต่ใจชะมัด





ไม่นานนักประตูห้องอาบน้ำก็เหวี่ยงเปิด และภาพตรงหน้าแทบทำให้แดริลต้องถลึงตามอง ร่างซึ่งสูงกว่าเขาประมาณหนึ่งช่วงหัวพันผ้าขนหนูผืนเดียว เรือนผมและกล้ามเนื้อแน่นเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำ





โอเค… ฉันเป็นเกย์แน่นอน





เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบหันหัวไปทางอื่นอย่างพยายามสงบสติอารมณ์





ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีปฏิกิริยากับผู้หญิง… จะนิตยสารเพลย์บอยหรือหนังโป๊ก็ไม่เคย… แล้วทำไม…





เดี๋ยวนะ….อ๊ากกกกกก ฉันเป็นเกย์!! พ่อต้องฆ่าฉันแน่!!!





ขณะที่กำลังวางแผนรับมือการจะถูกตัดออกจากกองมรดกและอาจจะถูกพ่อฆ่าหั่นศพ แม่เอาไปให้บาทหลวงทำพิธีไล่ผี แดริลก็ถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ด้วยมือหนาที่บีบบ่าเขาเบาๆ





“เฮ้ แดริล ฉันคุยกับนายอยู่นะ” ร่างที่เล็กกว่าสะดุ้งโหยง ก้าวหนีอีกฝ่ายไปสอง-สามก้าว

“ใส่เสื้อผ้าซะ ฉันไม่อยากดูนายแก้ผ้า” ...อันที่จริงก็อยาก แต่ฉันไม่อยากรู้สึกเกย์ไปมากกว่านี้ พระเยซูเจ้าช่วยลูกจากการถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดด้วย

“หืม… ก็ผู้ชายเหมือนกันนายจะอายอะไรของนาย” ไม่พูดเปล่า มือยังกระตุกผ้าขนหนูผืนเล็กที่พันรอบเอวออก.. เผยให้เห็นจนหมดเปลือก





แดริลรู้สึกจะเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมๆ กับผ้าผืนนั้น ณ เดี๋ยวนั้น





ขนาดนั่น… ไม่สิ…. ก่อนอื่นควรคิดก่อนว่าถ้าโดนพ่อจับโยนออกนอกบ้านเขาจะกลายเป็นขอทานโฮมเลสรึเปล่า





เกย์ นี่มันเกย์สุดๆ ไปเลย ฮือ



เด็กหนุ่มยกมือขึ้นนวดขมับ ลอบมองแล้วก็หันไปทางอื่นอย่างรู้สึกกระดาก… สิ่งที่ไม่มีปฏิกิริยากับผู้หญิงตอนนี้กลับเริ่มตื่นตัวอย่างควบคุมไม่ได้ บนแก้มเริ่มรู้สึกเห่อร้อน พระเจ้าช่วยหวังว่าวินซ์จะดูไม่ออกนะ…

“ว่าไป ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย” เขาได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้า น่าจะเป็นกางเกง ดีแล้ว ดี… สงบสติอารมณ์ แดริล นายต้องสงบสติอารมณ์





“เรื่องอะไรล่ะ? ” วินซ์ถาม





“คือว่า ฉันคิดว่าหลังจากนี้นายไม่ต้องคอยรับส่งฉันแล้วก็ได้… ตอนพักเที่ยงก็ไม่ต้องลากฉันไปกินข้าวด้วยหรอก คือฉันก็แค่เจ็บน่ะนะ… ไม่ได้พิการ… แล้วก็หายแล้วด้วย ฉันก็ไม่อยากรบกวนนาย…” เสียงการเคลื่อนไหวด้านหลังหยุดลง “อ...อีกอย่าง ฉันกับนายก็อยู่กันคนละกลุ่มแต่แรกอยู่แล้ว ไปนั่งกับพวกนายบางทีมันก็แปลกๆ น่ะนะ ฉันสบายใจที่จะอยู่กับพวกสภานักเรียนมากกว่า”





คล้ายว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แดริลกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่อีกครั้ง เขาฝืนยิ้มและค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับวินเซนต์





“ยังไงที่ผ่านมาก็ขอบใจมากนะ นายนี่มันมีน้ำใจจริงๆ เอาเป็นว่าฉันติดหนี้นายหนนึง โอเคไ---” ยังไม่ทันจบคำสุดท้าย คางก็โดนบีบแน่นและจับให้เงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้าเสียก่อน ใบหน้าที่เดิมทีร้อนอยู่แล้วยิ่งรู้สึกเห่อร้อนไปถึงใบหู ดวงตาสีเขียวของวินเซนต์แรกเริ่มฉายแววไม่พอใจ ต่อมาก็ดูงุนงง และต่อมาใบหน้าหล่อเหลาก็หลุดยิ้มออกมา





“...แบบนี้นี่เอง”





รู้ตัวอีกที เขาก็โดนจูบ…





ใช่… จูบแรกของแดริล เชน เป็นการจูบกับผู้ชาย… เปลือยท่อนบน… ในห้องเปลี่ยนเสื้อนักกีฬาชายที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นอับของผ้าเปียก





ลิ้นอุ่นที่สอดเข้ามากระหวัดกับลิ้นในปากเริ่มทำให้สติเลือนรางลงทุกที… พร้อมๆ กับอากาศในปอด วินเซนต์จูบย้ำหนัก ขณะที่เขาพยายามพึมพำบอกให้อีกฝ่ายหยุด ต้นขาข้างนั้นก็ดันเข้าแนบกับส่วนกลางลำตัวเสียจนเจ้าของร่างอดครางออกมาไม่ได้





“พอ...พอแล้ว วินซ์” พูดแล้วก็พยายามดันร่างตรงหน้าออก ติดแต่นั่นมันเกิดความสามารถของเด็กหนุ่มจริงๆ ...

วินเซนต์หอบเบา ขณะลากลิ้นเลียมุมปาก ดวงตาสีเขียวเข้มฉายแววกระหายเสียจนดูน่ากลัว

“นายชอบฉัน”

“ไอ้บ้าหลงตัวเอง คิดไปเองทั้งนั้น” แดริลกัดฟันตอบ แล้วก็ต้องกลั้นหายใจเมื่อมือหยาบกร้านตะครุบเข้าจับส่วนที่กำลังตื่นตัว

“ไม่ล่ะ ฉันไม่ได้คิดไปเอง”





แดริลอายเสียจนอยากแทรกแผ่นดินหนี นี่คือจูบแรก… และเขาก็ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน ต่างกับไอ้บ้าตรงหน้าที่นอนกับสาวฮอทมาแล้วครึ่งโรงเรียน





และคำพูดต่อมาของวินเซนต์ก็ทำให้เด็กหนุ่มผมดำแทบจะเป็นลมอีกครั้ง...





“ลองกันไหม? ”





ไอ้ (@#^&$@ ลองอะไร!?!?!



เหมือนว่าเขาจะเผลอหลุดปากพูดความคิดเมื่อครู่ออกไป ถึงเห็นวินเซนต์อมยิ้มขำและโน้มตัวมากระซิบคำตอบให้ที่ข้างหู



เสียงนั้นแผ่วเบา ทว่าผู้ฟังกลับได้ยินชัดเจนครบถ้วนทุกคำพูด ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งออกสีจัดกว่าเดิม

แดริลพยายามขืนตัวออกห่าง แต่มือใหญ่คู่นั้นจับตรึงข้อมือของเขาไว้อย่างแน่นหนา ใบหน้าของเด็กหนุ่มเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในใจคล้ายกำลังรบกันอย่างดุเดือดระหว่างความอยากรู้อยากเห็นกับความกลัว





“ไม่เอาน่า นายคงไม่ต้องใช้เวลาทำใจแบบสาวซิงใช่ไหม ถึงนายจะไม่เคยเหมือนกันก็เถอะ”

“ใครบอกว่าฉันไม่เคยฟะ! ”

นักกีฬาหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายต้องการจะถามเขาว่า ‘ถามจริง? ’





ใครจะไปยอมรับล่ะเว้ย!!





“ฉันก็ไม่เคย… กับผู้ชาย” วินเซนต์ไล้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างที่เริ่มจะแห้งผาก ก่อนจะฉีกยิ้มเห็นฟัน ดวงตาสีเขียวคู่นั้นคล้ายจะฉายประกายบางอย่างที่ทำให้คนมองนึกอยากถอยหนี “นายไม่สงสัยเลยรึไง ว่ามันจะรู้สึกยังไง”





ไอ้สงสัยมันก็สงสัย… แต่ฉันยังไม่ทันทำใจเลยเฮ้ย!





ยังไม่ทันจะได้อ้าปากตอบ เด็กหนุ่มก็โดนลากเข้าห้องอาบน้ำไปเสียแล้ว ประตูถูกปิดลงกลอนสนิท แดริลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ...ไร้ทางหนีอย่างแท้จริง





“จับอะไรฟะ!! ” ร่างซึ่งผอมกว่าสะดุ้งสุดตัวเมื่อซิปกางเกงถูกรูดลง เข็มขัดกับกระดุมถูกปลดออกโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มือใหญ่กอบกุมเข้าที่’ส่วนนั้น’เต็มๆ





“อย่าส่งเสียงดังน่า เดี๋ยวโค้ชก็ได้ยินเข้าหรอก”





ไอ้@#* (#*&@ (^! #@ (* สถานกรณ์แบบนี้ใครมันจะไปสงบใจเย็นได้กันฟะ





แดริล เชน ยืนตัวแข็ง ปล่อยให้มือใหญ่รูดรั้งตามความยาว เขาไม่รู้ควรจะเอามือตนเองไปวางไว้ที่ไหน สายตาก็ไม่ควรจะมองไปทางไหน





มองทางบนก็คือแผงอกเปลือยเปล่าที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ ลงล่างก็จะเห็นกิจกรรมอย่างว่า จะมองซ้ายมองขวามองบนมันก็จะตลกเกินไปหรือเปล่า





ส่วนที่ถูกสัมผัสเริ่มตื่นตัว ทำให้เขาอดหลุดเสียงครางแผ่วไม่ได้ หากเมื่อรู้ตัวก็ยกมือขึ้นตะครุบปิดปากทันที





“หือ.. รู้สึกแล้ว? ” เสียงนั้นเจือด้วยแววขบขันจางๆ คล้ายนักล่าที่กำลังหยอกศัตรู ผู้ฟังนึกอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก





มันจะเร็วเกินไปไหม แต่เอาเข้าจริงเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเดทกันไม่นานก็ได้กันหมดแล้ว… แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือพวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ และแดริลยังตัดสินใจไม่เสร็จว่าตัวเองจะเกย์หรือจะไม่เกย์





จู่ๆ ความร้อนที่ไม่คุ้นชินซึ่งแนบสัมผัสลงบนสิ่งที่กำลังแข็งตัวทำให้ร่างเล็กกว่าถึงกับสะดุ้งอีกครั้ง และเผลอก้มลงไปมองโดยสัญชาตญาณ





…………..





………………….





@Y#*@&! *&#$%@ (*#) ! @ (#&) (! @





“ฉันก็แข็งแล้วเหมือนกัน” พูดแล้วยังยิ้มแบบไม่สะทกสะท้าน ไอ้คนบัดซบไม่มียางอาย!!





เมื่อร่างสูงใหญ่เริ่มขยับสะโพกเสียดสี มือที่ปิดปากเอาไว้สั่นเบา หากยังกลั้นใจไม่ให้ตนหลุดเสียงร้องออกมาได้ แดริลคล้ายได้ยินเสียงหอบเบาที่ข้างหู คนตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิด เหลือเพียงเสื้อตัวบางเป็นปราการด่านสุดท้าย





ใบหน้าของเด็กหนุ่มเห่อร้อน หลับตาแน่นและหันหนี นั่นยิ่งเรียกเสียงหัวเราะขบขันออกมาจากคนตรงหน้า





มือใหญ่อีกข้างล้วงเข้าใต้เนื้อผ้าบาง เลื่อนมือขึ้นไปสัมผัสจากหน้าท้องขึ้นไปถึงอกซ้ายและไล้วนอยู่แบบนั้น จนแดริลอดสั่นสะท้านไม่ได้





“เสื้อนายเกะกะชะมัด”





จู่ๆ สมองของเด็กหนุ่มก็กลับมาใช้การได้ คาดคะเนจากความป่าเถื่อนของหมอนี่แล้ว… มีโอกาสสูงที่มันกำลังคิดจะฉีกเสื้อเขาทิ้งอยู่





“ห้ามฉีก ฉันไม่มีเสื้อตัวอื่--” จังหวะที่ลดมือลงเพื่อกล่าวประโยคนั้น จังหวะการขยับของสะโพกของคนตรงหน้าก็รุนแรงขึ้นอีก จนเขาหลุดร้องครางออกมา





“เสียงนายเร้าอารมณ์ดี” พอรู้ตัวว่าตกหลุมพราง สีแดงบนใบหน้าลามไปจนถึงใบหู แดริลอดไม่ได้ที่จะขยับตอบรับ





เขาไม่ได้รังเกียจ ซ้ำยังชอบอีกต่างหาก





แย่แล้ว… แย่จริงๆ คราวนี้





“คราวหน้าฉันอยากเห็นนายไม่ใส่เสื้อผ้า”





ก่อนอื่นช่วยเลิกพูดจาน่าอายก่อนเถอะ!!!





แดริลไม่ตอบคำ ทั้งยังไม่กล้าจะมอง ไม่กล้าจะแตะ





“จับดูสิ…”

ไม่เอ๊า!!!

ถึงจะร้องปฏิเสธในใจ แต่มือก็ถูกดึงไปแตะสิ่งที่ทั้งร้อนทั้งแข็ง…. เด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ สีแดงบนใบหูเริ่มลามลงไปถึงลำคอ ดวงตาสีเขียวเข้มจับจ้องอากัปกิรยาทั้งหมดและยิ้มอย่างพอใจ

“นายนี่มันน่ารักชะมัด” พูดจบริมฝีปากก็ถูกแนบปิด ลิ้นอุ่นรุดไล้เข้ามาสำรวจหยอกเย้า จนแทบจะหายใจไม่ออก





มือข้างนั้นวางลงบนบ่ากว้างอย่างลืมตัว คล้ายจะหาที่ยึดเหนี่ยว เมื่อวินซ์ถอนริมฝีปากออก ร่างกายส่วนล่างก็เกร็งกระตุก ปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงครางดังที่ฟังแล้วชวนให้หน้าแดง





ริมฝีปากถูกประกบปิดอีกรอบ วินซ์ขยับสะโพกกระแทกแรงอีกสองสามครั้ง หลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบลง





เมื่อนักกีฬาหนุ่มผละออก แดริลแทบล้ม แขนยึดเกาะเกี่ยวกับบ่าเปลือยของคนตรงหน้าเพื่อพยุงตนเองไว้ หน้าผากแนบกับอกแน่นอย่างลืมตัว





“ต้องให้อุ้มอีกไหม เจ้าหญิง? ”

เขารู้สึกตัวเมื่อมือปริศนาสองข้างคืบคลานแตะเอวผอมอย่างช้าๆ จากนั้นก็ล้วงต่ำลงไปบีบก้นทั้งสองข้างเบาๆ … แดริล เชน หลุดจากภวังค์ ดีดตัวออกในทันที ตาเบิกมองวินเซนต์ที่ยืนเปลือยตรงหน้า คล้ายย้ำเตือนว่าเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ความเข้าใจผิด ไม่ใช่เสพกัญชาแล้วละเมอไปเอง





“นาย… ฉัน… นาย…” แดริลอ้าปาก หุบปาก และอ้าปากอีกครั้ง

“อืม เรามีเซกซ์กัน… แต่ก็ยังไม่สุดหรอกนะ” วินเซนต์ลูบคาง ก้มลงมอง และชัดเจนว่ามองอะไรอยู่ คนฟังถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เพียงแต่อาจจะต้มนานจนเปื่อยแล้ว “ไว้คราวหน้า…”





วอทเดอะ….. @Y&#@*! ^#@&^ (! # (@70 คราวหน้าอะไรวะ!?





ร่างซึ่งสูงกว่าก้มลงจูบหนักอีกครั้งก่อนจะผละออก เช็ดมือกับผ้าขนหนู ปลดล็อกกลอนประตูและเดินออกไปด้านนอก





“ฉันไปแต่งตัวก่อน อย่าหนีกลับก่อนซะล่ะ” พูดดักคอทิ้งท้ายแล้วก็หายหัวไป ทิ้งให้แดริลยืนอ้าปากค้างอยู่เพียงลำพัง





เขาไม่รู้ว่าควรจะสู้หน้าอีกฝ่ายอย่างไร จัดการตัวเองเสร็จก็ยืนเครียดซ่อนตัวอยู่หลั้งชั้นล็อกเกอร์ สับสนกับชีวิตและสิ่งที่เพิ่งถูกบังคับให้ยอมรับ เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้อีกหลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด





พระเจ้าช่วย ฉันเป็นเกย์…





“กลับกันเถอะ” เสียงเรียกพร้อมกับมือใหญ่ที่วางลงบนบ่าทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว เงยหน้ามองเจ้าของเสียงแบบปั้นสีหน้าไม่ถูก วินเซนต์แต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มสบายๆ ท่าทางเป็นธรรมชาติไม่ได้ดูเหมือนเพิ่งทำเรื่องแบบนั้นมาเลยสักนิด… มองแล้วน่าหงุดหงิดเป็นบ้า





เอ็งทำมาจนชินแล้วใช่ไหม…





แดริลหรี่ตามอง แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ไม่อยากให้หมอนี่รู้ว่าเขาเพิ่งเคยทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ขณะโดนลากขึ้นรถเจ้าคนน่าตายนั่นก็ยังยิ้มอารมณ์ดี ดูแล้วน่าฆ่าเป็นอย่างมาก





ในรถของวินเซนต์เปิดวิทยุ คนขับฟังเพลงไปฮัมเพลงไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนผู้โดยสารกลับนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เดี๋ยวก้มหน้า เดี๋ยวมองออกนอกหน้าต่างเป็นระยะ





วินซ์สังเกตเห็นการกระทำทั้งหมด เห็นใบหูที่ออกสีแดงน้อยๆ แต่ก็ตัดสินใจทำเป็นไม่สังเกต แค่ฮัมเพลงของเขาไป คนหนึ่งชัดเจนว่าอยากหนีไปจากตรงนี้แต่ไม่มีทางให้หนี ส่วนอีกคนดูคล้ายกำลังสนุก เห็นแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น แถมยังขับรถช้ากว่าปกติจนทำเอาคนนั่งแทบเป็นบ้า





ในที่สุดความทรมานของแดริลก็จบลง รถคันใหญ่จอดลงหน้าบ้านของวินเซนต์ เป็นจังหวะเดียวกับที่ดีเจคลื่นวิทยุดังเริ่มเปิดเพลงบอยแบนด์ของแบคสตรีทบอย





From the first day

That I saw your smiling face

Honey, I knew that we would

Be together forever





...เสี่ยวเกินรับไหว





มันสะเดิดจนเกิดเดดแอร์ระหว่างทั้งคู่….





แดริลแสดงสีหน้าปูเลี่ยนๆ ขยับเปิดประตูรถเตรียมจะเผ่น แต่กลับโดนเจ้าของรถจับข้อมือไว้ด้วยมือข้างหนึ่งเสียก่อน ส่วนมืออีกข้างเอื้อมปิดวิทยุ ทำหน้าราวว่าตนเองก็สุดเอือมกับเพลงบอยแบนด์ที่นับวันจะครองคลื่นวิทยุทุกคลื่นนี่เหมือนกัน





“พรุ่งนี้อย่าหนีไปก่อนอีกล่ะ ขานายยังไม่หายดี”





แดริลไม่ได้ตอบรับ ดวงตาสีฟ้ามองคนพูดอย่างสับสน





“ฉัน… พรุ่งนี้มีงานสภา ต้องประชุมเช้า” พูดแล้วก็หลบตา เขาโกหก งานสภาน่ะจัดการกันหมดแล้ว

“งั้นเราก็ออกเช้า กี่โมงดีล่ะ” วินซ์

“...ไม่ต้องก็ได้” แดริล

“กี่โมง? ” วินซ์

“....หกแล้วกัน” แดริล





ให้ตาย… เขาก็แค่อยากได้เวลาพักไปคิดทบทวนเรื่องต่างๆ สักหน่อย ตอนนี้เด็กหนุ่มสับสนจนจะเป็นบ้า ไม่รู้ว่าควรทำอะไรให้หายลนลาน ยิ่งอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เขามีเวลาได้ตั้งตัว ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่





คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์ ปกติเขาทำยังไงกันล่ะ?





หลังจากได้คำตอบวินซ์ก็ยอมปล่อยมือ ทว่าในจังหวะที่ร่างซึ่งเล็กกว่ากำลังจะพุ่งออกจากรถ มือข้างนั้นก็อ้อมด้านหลังมาดันใบหน้า ให้แก้มของแดริลหันไปชนกับริมฝีปากเย็นนั่นพอดิบพอดี





“แล้วเจอกันพรุ่งนี้” วินเซนต์กระซิบเบาข้างหู และผู้ถูกกระทำก็รู้สึกคล้ายบางอย่างระเบิดตูมออกมาในหัว ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งตัวออกจากรถแล้วหนีเอาชีวิตรอดอย่างเร็วเท่าที่สองขาจะพาตนเองไปได้ แต่ครั้งนี้ไม่ลืมมองซ้ายขวาก่อนจะข้ามถนน เพราะเขาไม่อยากกลับไปใส่เฝือกแล้วตกเป็นเหยื่อของหมอนั่นอีกรอบ





เป็นอีกครั้งที่แดริลได้ยินเสียงหัวเราะดังไล่หลัง แต่เด็กหนุ่มไม่สนใจอีกแล้ว ในอกซ้ายใจเต้นรัวจนแทบระเบิด เข้าไปในบ้านได้ก็วิ่งขึ้นห้องนอนโดยไม่ทักทายใครทั้งสิ้น ปิดประตูลงกลอนและล็อกไว้ จากนั้นสองขาก็หมดเรี่ยวแรง นั่งกองกับพื้น ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง แล้วหยิกแรงๆ ทีหนึ่ง





…. เจ็บ





...แปลว่านี่คือเรื่องจริง พระเจ้าช่วยลูกด้วย





เขาไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้แดริล เชน สับสนจนใกล้บ้า อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ด้วยความอึดอัดใจว่า...





ให้ตายเหอะ บ้าเอ๊ยยย สรุปฉันเป็นเกย์เหรอเนี่ย!!!!!!!!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2018 17:08:14 โดย anonymouslycat »

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชีวิตน้องบัดซบจริงๆ เอ็นดูๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตามอ่านค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Poor shane  :เฮ้อ:
พ่อก็เมกันหัวเก่า แม่ก็คลั่งศาสนา แถมพีคที่ว่าอิตาซัมเมอร์ส์ต้องมาร่วมงานแถม Black flash มาอีก
บัดซบเห้ๆเลย  :really2: :really2:

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 4 Will You Go Out With Me? (1/2)

[เนื่องด้วยแต่ละตอนมีความยาวเกินที่กระทู้อนุญาต เลยจำเป็นต้องหั่น2พาร์ทนะคะ]



แดริล เชน ไม่แน่ใจว่าควรผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างไร





วันรุ่งขึ้นเขานอนไม่หลับ มีถุงดำที่ใต้ตา เดินมาขึ้นรถแต่เช้า พยายามเมินสีหน้าอารมณ์ดีของเพื่อน ร่วมทาง

หลังจากคิดมาทั้งคืน แดริลพยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดไปไกล รู้กันอยู่ว่าหมอนี่มันเสือผู้หญิง ข้อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผลที่สุดคือ… มันคงเกิดอยากจะลองกับผู้ชายขึ้นมาบ้างเลยลากเขาไปเป็นหนูทดลองเพราะอยู่ใกล้ตัวพอดี





กับคนที่ได้กับเชียร์ลีดเดอร์มาแล้วเกินครึ่งทีม… การจะไปคาดหวังว่าเขาจริงจังกับความสัมพันธ์ทางกายเป็นเรื่องโง่

การที่แดริลเป็นเกย์ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าตัวปวดหัวพอแล้ว วินเซนต์ ซัมเมอร์คือเรื่องชวนปวดหัวอีกเรื่อง

บางทีเขาอาจควรพูดให้ชัดเจนให้พ่อควอเตอร์แบคว่าที่พรอมคิงเลิกหยอกเขาเล่นได้แล้ว หากอยากได้หนูทดลองความเป็นไบเซกซ์ชวลก็ช่วยไปหาคนอื่น อย่ามาลงกับเขา…





เคราะห์ดีที่ในวันต่อมาวินเซนต์ไม่ได้ยกเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องล็อกเกอร์มาพูด เพียงหยอกล้อเขาเรื่องอื่นๆ เท่านั้น… จึงทำให้พอจะทำเป็นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้… และแดริลก็จงใจจะทำแบบนั้น… ตั้งมั่นบอกตนเองว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น





คิดแล้วแดริลก็อดเหลือบมองคนที่กำลังขับรถอยู่ไม่ได้ ร่างกายมีกล้ามเนื้อได้สัดส่วน ใบหน้าหล่อเหลา นิสัยเด็ดขาดมีความเป็นผู้นำ และไม่โง่ แถมบ้านยังมีฐานะดี ผู้ชายแบบนี้ ไม่ว่าสาวคนไหนก็คงอยากควงทั้งนั้น





เหมือนว่าวินเซนต์จะสังเกตสายตาที่เขามอง จึงเหลือบมองตอบ ปากก็ถามไปพลาง





“มีอะไรติดหน้าฉันรึไง” วินซ์





….ความหล่อ

ให้ตายก็ไม่พูดหรอกแค่นี้หมอนี่ก็หลงตัวเองมากเกินไปแล้ว…





“แค่คิดว่านายก็พอดูได้”

“พอดูได้? ” วินซ์เลิกคิ้ว “เหอะ ขอโทษนะ เชน แต่ฉันน่ะเลยคำว่าพอดูได้ไปโข”





ฟังแล้วเด็กหนุ่มก็กลอกตาหนึ่งที ชมหนึ่งก็จะเพิ่มให้ตัวเองเป็นสิบ แต่นั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียว ควอเตอร์แบคหนุ่มมีคุณสมบัติครบถ้วนที่ทำให้คนติดตามและชมชอบ กระทั่งคนที่เกลียดเขาที่สุดก็ยังต้องยอมรับในคุณสมบัติเหล่านั้น แม้มันจะเป็นไอ้ชั่วที่นอกใจแฟนและไล่เก็บแต้มฟันสาวฮอทก็เถอะ





และบางทีความเกลียดหรือความไม่ชอบใจก็เกิดจากความอิจฉา ซึ่งวินเซนต์ก็มีเรื่องที่ทำให้คนนึกอิจฉาจริงๆ เหมือนเขาไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆ ทั้งสิ้นในการเอาตนเองเข้าไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของทุกสิ่ง… ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ

คิดแล้วก็รู้สึกขมปร่าในใจ ขณะที่คนอื่นต้องกระเสือกกระสนแทบตาย หมอนี่ก็แค่ขยิบตาทุกอย่างก็มาสยบแทบเท้า

ไม่ยุติธรรมเลยน้า





แดริลลงจากรถที่จอดสนิทอยู่ในลานจอด กระแทกประตูรถปิดอย่างนึกพาล และก้าวขาเดินอย่างเร็วเท่าที่จะเร็วได้ในมาตรฐานคนเพิ่งถอดเฝือกมุ่งหน้าไปยังห้องสภานักเรียน





จู่ๆ กระเป๋าเป้สะพายหลังก็ถูกนักกีฬาโรงเรียนแย่งไปถือ แถมเดินแซงไปอีก คนเจ็บก็ทำได้เพียงทำใจยอมรับสภาพปล่อยให้กระเป๋าเป้ตนเองกลายเป็นตัวประกัน จำใจตามไปอย่างไม่มีทางเลือก





พอถึงหน้าห้องสภานักเรียน เป้ใบนั้นก็ถูกส่งคืน วินซ์โบกมือน้อยๆ บอกว่าจะไปซ้อมกีฬาก่อนเข้าเรียน ส่วนตัวเขานั้น เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับตาชั้นเดียวของนายลีเจ้าเก่า นั่งแทะขนมปังเป็นอาหารเช้า มองมาด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจสักนิด





“อรุณสวัสดิ์” ลี

“...อรุณสวัสดิ์” แดริล

“วันนี้ว่าที่พรอมคิงก็มาส่งนายถึงที่อีกแล้วนะ” ลี

“..........” เอ็งไม่ต้องทักสักเรื่องจะตายไหมวะไอ้จีน



บังเกิดเดดแอร์ระหว่างคนทั้งครู่ เงียบกริบจนได้ยินเสียงฮีตเตอร์เก่าๆ ร้องวี้…





“มีงานอะไรให้ฉันช่วยไหม” แดริลพยายามทำลายความเงียบ

“ไม่มีล่ะฉันทำหมดแล้ว”





เอ็งมันเครื่องจักรทำงานสภาเหรอไอ้คุณลี...





“จะว่าไป… ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายอยู่พอดี” ในห้องสภาที่มีเพียงเด็กเกรดสิบสองคนนั่งอยู่หน้ากองเอกสาร บรรยากาศดูลึกลับอย่างประหลาด เด็กหนุ่มชาวเอเชียประสานมือ วางศอกบนโต๊ะ ท่าทาลึกลับอย่างกับในซีรียส์สืบสวน





“........ร...เรื่อง...อะไร” แดริล

“วินเซนต์ ซัมเมอร์” ลี

โว้ยยยย ไม่อยากคุยโว้ยยยยย!!

“นายอย่าเพิ่งปฏิเสธ ฟังฉันก่อน” ลีพูดต่อ

“...ก็ได้” แดริล

“นายอยากเป็นประธานนักเรียนใช่ไหม” ลี

“..... ดูออกง่ายขนาดนั้นเลย? ” แดริลยกยิ้มน้อยๆ “นายเองก็อยากเป็นนี่ ไม่งั้นคงไม่ตั้งใจทำงานขนาดนี้”

ลีฟังแล้วก็ยิ้มลึกลับออกมาเช่นกัน คิดแล้วก็ตลกดี เด็กอายุสิบหกสองคนวางท่าคุยกันเรื่องการเมือง ซุบซิบอย่างจริงจังราวว่าตนเองอยู่ในซีรียส์ CSI กันก็ไม่ปาน...

“เปล่า นายเคยเห็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่เป็นเอเชียน-อเมริกันไหมล่ะ เชน การที่ฉันจะชนะโหวตในโรงเรียนนี้ได้ โอกาสมีไม่มากหรอก…. ฉันหวังแค่ตำแหน่งรองประธาน”



อันที่จริงตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นประธานรุ่นกับรองประธานรุ่น เพราะยุ่งกับการช่วยงานสภาที่ไม่ค่อยมีใครอยากทำมาตั้งแต่เกรดเก้า ทุกคนจึงยินดีที่จะโยนงานก้อนนี้มาให้ แต่ตำแหน่งประธานสภานักเรียนใช่จะไร้คู่แข่ง





“นายก็รู้ ถ้าได้ชื่อว่าอยู่ในสภานักเรียน สี่ตำแหน่ง ประธาน รองประธาน เลขา เหรัญญิก หนทางสู่มหาวิทยาลัยระดับไอวี่ลีกก็ไม่ไกลเกินเอื้อม” ลีพูดต่อ

“ใช่ เรื่องนั้นใครๆ ก็รู้ เข้าเรื่องเถอะ นายต้องการอะไร” แดริลพูดและเก๊กอย่างจริงจัง รู้สึกอินกับบทการเมืองเข้าไปทุกที

“ฉันอยากให้นายเป็นประธาน แล้วดึงฉันไปเป็นรองประธานของนาย เรื่องนี้ต้องวางแผนกันแต่เนิ่นๆ นี่ก็ใกล้หมดปีแล้ว พวกเรายังเหลืออีกปีเพื่อกว้านฐานเสียง”





“นายเป็นแฟนว่าที่ควีนบี… แคทเธอรีน ฉันมั่นใจว่าปีหน้าเธอจะได้เป็นรองกัปตันทีมเชียร์ พอซีเนียร์เมื่อไหร่ก็จะขึ้นแท่นกัปตัน ย่อมใช้เธอช่วยดึงคะแนนเสียงได้มาก” ลีกล่าว แดริลหรี่ตาลงเล็กน้อย หมอนี่มันอ่านเกมเขาได้ขาดจริงๆ ตอนแรกก็นึกว่าจะลงเลือกตั้งเป็นคู่แข่ง ที่ไหนได้กลับยื่นข้อเสนอ... พอใจกับแค่ตำแหน่งรองประธาน

“อืม… นั่นฉันก็กะจะทำอยู่แล้ว” แดริล

“ทีนี้นายยังสนิทกับวินเซนต์ ซัมเมอร์ ไอ้โง่ที่มีความคิดสักหน่อยที่ไหนก็รู้ ว่าหมอนี่จะเป็นราชาของโรงเรียนในอีกไม่ช้า ขนาดพวกเกรดสิบสองยังไม่กล้ายุ่งกับเขานักเลย” ลี

“....ไม่ได้สนิทกัน” แดริลตอบทันที

“คนไม่สนิทกันเขาจะแบกกระเป๋ามาส่งนายรึไง” ลี

“หมอนั่นก็แค่มีน้ำใจ…” แดริล

“ไม่เอาน่า เชน เลิกปฏิเสธเถอะ นายอยากเป็นประธานนักเรียนหรือไม่อยาก หากวินเซนต์ไม่อยากให้นายได้เป็น แค่เขาพูดคำเดียวฐานเสียงนายก็หาย แคทเธอรีนก็ช่วยนายไม่ได้นะ”





คำพูดของลีทำให้ผู้ฟังหน้าถอดสี นั่นก็จริง วินซ์กว้างขวางขนาดไหนก็รู้ๆ กันอยู่ แค่พวกนักกีฬากับเด็กป๊อบไม่สนับสนุนหรือลงเลือกตั้งแข่ง พวกเขาก็จบเห่แล้ว! ถึงเกรดจะดีแค่ไหน ถึงทำงานมามากแค่ไหน สุดท้ายทุกอย่างก็ถูกตัดสินด้วยคะแนนความนิยมอยู่ดี นี่ล่ะความไม่ยุติธรรมของโลกนี้!!





“นายต้องสนิทกับว่าที่พรอมคิงเข้าไว้ จับหมอนั่นไว้ให้อยู่ ใช้ฐานเสียงของเขาให้ได้! ” เพื่อนลี… นายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องอาบน้ำล็อกเกอร์ชายเมื่อวาน… เพื่อนลี … นายไม่รู้





กันคนที่คิดจะหนีหน้าแล้วสะบัดมันให้หลุด ด้วยเหตุผลและผลประโยชน์ทั้งปวงกลับสะบัดให้หลุดไม่ได้ บัดซบนัก





แดริลน้ำตาตกใน จะพูดออกมาก็ไม่ได้ อยากออกไปตะโกนกรีดร้องกลางสนามอเมริกันฟุตบอลให้มันรู้แล้วรู้รอด





Why me!?!?!!?





……………..







แดริล เชน ใช้วันหยุดในการรวบรวมความคิดและสติ… สุดท้ายก็สติเหลือไม่พอใช้คิดอีกต่อไป ต้องหนีไปหาแคทเธอรีนที่อยู่บ้านถัดไปไม่กี่หลัง





หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้หล่อนฟังแบบคร่าวๆ เท่าที่จะคร่าวได้ แม่เชียร์ลีดเดอร์สาวก็ถึงกับอุทานเสียงหลง





“พระเจ้าช่วย นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย” แคทเธอรีนเอามือที่ทาเล็กสีแดงจัดทั้งห้านิ้ววางบนอก “ฉันขอรายละเอียด เขาใหญ่อย่างที่คนอื่นว่ากันไหม”

“.......................แคท” อยู่ๆ เพื่อนรักก็อยากเอาหัวโขกกำแพง

“ไม่เอาน่า ฉันก็แค่สงสัยว่าพวกหล่อนพูดเกินจริงรึเปล่า”





เด็กหนุ่มหรี่ตามอง จนสาวเจ้ายักไหล่ทีหนึ่ง มือก็เอื้อมหยิบจุปาจุปส์รสช็อกโกแลตวานิลลามาแกะห่อกิน เห็นว่าให้ตายเขาก็ไม่ยอมให้รายละเอียด เจ้าหล่อนก็ยอมแพ้ไปเอง





“แล้ว… เธอจะเอายังไงดีคะที่รัก” แคท

“ฉันจะทำอะไรได้ เกิดหมอนั่นไม่พอใจขึ้นมาอนาคตประธานสภาฉันก็อาจจะปลิวก็ได้ อย่างที่ลีว่า” แดริล

“ข้ออ้าง เธอก็แค่หาเหตุผลในการไม่สลัดเขาทิ้ง” แคท

“.......” นั่นก็แทงใจดำดังฉึก

“อย่างเธอจะปล่อยให้คนที่ไม่ชอบมาทำนั่นทำนี่ขนาดนี้เลยหรือไง ขอทีเถอะย่ะ สมยอมชัดๆ ” แม่เพื่อนเลสเบี้ยนดึงแท่งอมยิ้มออกจากปากมาชี้หน้าเขา “คิดว่าเรารู้จักกันมากี่ปี แดริลที่รัก เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก”

“.........” แทงซะยับจนไม่เหลือข้อโต้แย้ง

“ปากบ่นว่าไม่ชอบใจ แต่ก็ยังยอมไปกับเขา จริงๆ ก็ชอบใจใช่ไหมล่ะที่เขามาวุ่นวายด้วย” แคท

“.........หยุดพูดเถอะ ได้โปรด” แดริล

“ฉะนั้นก็คิดซะสิคะว่าจะเอายังไง” แคท

“ฉันไม่รู้ ให้ตายเหอะแคท ถ้าฉันเป็นเกย์ประกาศตัวจริงๆ พ่อแม่ต้องฆ่าฉันแน่ อาจโดนแม่จับไปทำพิธีไล่ผีปราบซาตานแบบในThe Exorcistเลยก็ได้” เด็กหนุ่มนวดขมับ “อีกอย่าง วินซ์ก็อาจจะแค่เป็นไบ หรือแค่ลองดูเพราะอยากรู้อยากเห็น เมื่อวันที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นอีก ฉันก็ไม่ควรไปคิดจริงจังกับมันหรอก”

“ใช่ เขาเป็นคนแบบนั้น หากแค่สนุกกันชั่วคราวก็ไม่เสียหายหรอก… แต่เธอดูจะชอบเขาจริงๆ ...นั่นละที่ฉันห่วง” แคทพูดแล้วก็อมลูกอมของเธอต่อ “เธอไม่เคยคบใครจริงจังเพราะช่วยฉันปิดบังเรื่องแอชลีย์ เรื่องแบบนี้ฉันห่วงเธอจริงๆ นะแดริล”

ถ้าห่วงก็หัดช่วยเพื่อนให้มากกว่านี้หน่อยสิเฟ้ย ไม่ใช่ขลุกอยู่แต่กับแฟน





“ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง… หากวินเซนต์ไม่พูดอะไร ฉันว่าทำเหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นน่าจะดีที่สุด”





คราวนี้แคทกลับมองด้วยสายตาเป็นกังวล และนานๆ หนที่เธอจะมีสีหน้าแบบนี้ สุดท้ายหญิงสาวก็หลุบตาลง เหมือนจะทำใจส่วนหนึ่ง เข้าใจอีกส่วน





“ความรู้สึกมันห้ามกันไม่อยู่หรอก บางทีก็ต้องให้โดนกระแทกแรงๆ สักทีแล้วก็จะแตกจนค่อยๆ หายไปเอง” แคท

“.... เรื่องพวกนี้มันยากชะมัด ยากกว่าสอบปลายภาควิชาชีวะอีก” แดริลถอนหายใจ

“เธอแค่ไม่มีประสบการณ์ต่างหากย่ะ ตาทึ่ม ตอนนี้อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันจะระวังหลังให้เธอเอง” แคท

เขารู้ดีว่าถึงแม้แม่สาวนี่จะปากร้าย แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นเพื่อนที่ดี หากหล่อนพูดแบบนี้ก็หมายความว่าต่อให้เขาตัดสินใจจะปฏิเสธวินเซนต์จนถึงขั้นแตกหักจริง เธอก็จะช่วยเขา แม้ว่านั่นจะหมายถึงการสั่นคลอนสถานะควีนบีของตนเองก็ตาม หรือหากเขาคิดจะตามน้ำปล่อยให้มันเลยตามเลย เธอก็จะช่วยเขาปิดบังเรื่องนี้จากคนทั้งโรงเรียนอยู่ดี

“ให้ตายสิ... ฉันรักเธอจังเลยแคทเธอรีน”

“ฉันก็รักเธอ แดริลที่รัก หากพวกเราไม่ได้เป็นเกย์ ฉันก็คงไม่ยกเธอให้ใครหรอกรู้ไหม” เด็กสาวยกยิ้มที่ดูคุกคามอยู่เล็กน้อย แต่ก็น่ารักอยู่ในที

“อย่าพูดเรื่องที่ฟังดูน่ากลัวแบบนั้นเลย” ถึงจะยกมือห้าม แต่ในใจของเขาก็คิดแบบเดียวกัน หากเขาชอบผู้หญิง ก็อาจจะชอบหล่อนก็ได้ สาเหตุที่ไม่เคยมองเธอในฐานะผู้หญิง… ก็เพราะเขาไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้หญิง





ความเป็นจริงคือทั้งคู่เป็นเกย์ที่ต้องปิดบังทั้งสังคมและครอบครัว เรื่องที่รักลงตัวแบบนั้นน่ะมันไม่มีอยู่จริงหรอก





ในที่สุดแดริล เชน ก็จำใจต้องยอมรับความจริง.. ว่าเขาน่ะ เกย์ทั้งแท่งแน่นอน 100%





……………………………..







ชีวิตประจำวันดำเนินต่อไปแบบเรื่อยเปื่อย หลังจากนั้นทั้งอาทิตย์วินเซนต์ก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรที่ชวนให้แดริลหัวใจวายตายอีก ตอนเช้านั่งรถก็มีหยอกล้อกันบ้าง และการที่วินเซนต์ไม่ได้ทำอะไรหรือพูดอะไร นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มมั่นใจ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ กับความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น…

ดีไม่ดีพอได้ลองจนรู้แล้วหมอนั่นก็คงอยากทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน แบบนี้ก็สะดวกเขาแล้ว แดริลคิดให้ตนเองสบายใจ





เพราะช่วงนี้ใกล้งานพรอมเข้าไปทุกที สภาจึงยุ่งกับการจัดงานเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มจึงมีข้ออ้างไม่ต้องไปช่วยโค้ชวิทเทคเกอร์จดเวลา จดแต้ม จดสถิติ จัดอุปกรณ์ ฯลฯ หลังเลิกเรียนอีก..

ธีมงานพรอมปีนี้คือ Under The Sea พวกเขาต้องเอาผ้าสีฟ้าและตัวปลาจำนวนมากไปแต่งเวทีโรงยิม โรงเรียนมีงบให้ส่วนหนึ่ง เรี่ยไรมาจากกิจกรรมระหว่างปีเช่นวาเลนไทน์ งานเต้นรำ ขายคุกกี้ อีกส่วนหนึ่ง แต่จะให้ตกแต่งสวยเว่อร์วังแบบในหนังที่ดรูว์ แบรี่มอร์ เล่นมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก…





เป็นเวลาเย็นกว่าที่เขาจะเสร็จงาน คาดว่าพวกทีมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนน่าจะซ้อมเสร็จกลับไปแล้ว แดริลเดินมุ่งหน้าตัดออกไปทางลานจอดรถเพื่อไปขึ้นรถบัส แล้วจู่ๆ ขาก็หยุดก้าว รถหรูคันที่คุ้นตาจอดอยู่กลางลาน ร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตาก็ใส่แจ็คเกตนักกีฬายืนรออยู่ข้างๆ รถคันนั้น





เด็กหนุ่มผมดำเม้มปากเล็กน้อย มือที่ถือสายสะพายเป้กำแน่น.. ความรู้สึกในอกตีกันจนปั่นป่วน ชวนให้สับสนไปหมด





รู้ตัวอีกทีก็ก้าวขาไปหาเขาแล้ว





“วันนี้เลิกช้านะ” วินเซนต์เห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มให้แบบทุกที เปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนบนที่คนขับ

“ช่วงนี้ใกล้งานพรอมแล้วนี่ สมาชิกสภานักเรียนก็ยุ่งกันหมด” คาดเข็มขัดเรียบร้อยก็เบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง หลบสายตาคนข้างๆ อย่างแนบเนียน





รถแล่นไปได้ประมาณห้านาที จู่ๆ วิทยุก็ขึ้นทำนองเพลงช้า.. ที่เนื้อเพลงน้ำเน่าจนชวนให้ขนลุกเกรียว





Close your eyes, make a wish

And blow out the candlelight

For tonight is just your night

We're gonna celebrate,

All through the night

Pour the wine, light the fire

Girl your wish is my command

I submit to your demands---





นับวันบอยแบนด์ยิ่งยึดครองพื้นที่ในวิทยุทุกช่องเข้าไปทุกที... ที่ดังออกมาจากวิทยุติดรถคือเพลงป๊อปยุค 90 ของBoyz II Menที่กำลังดังอยู่ในขณะนั้น พอเพลงดังเด็กหนุ่มทั้งสองก็ส่งเสียงออกมาอย่างรังเกียจแกมไม่ชอบใจ มือของทั้งคู่เอื้อมไปกดปิดวิทยุพร้อมๆ กัน จังหวะที่มือสัมผัสโดน แดริลคล้ายถูกไฟช็อต เขารีบชักมือกลับ เบือนหน้าหนีและหันหัวมองออกนอกหน้าต่างรถ





เจ้าของรถนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หลุดเสียงหัวเราะเบาๆ





ใบหน้ารู้สึกเห่อร้อนไปถึงใบหู เด็กหนุ่มเกลียดปฏิกิริยาแบบนี้ของตนเองจริงๆ

“แค่จับมือนิดหน่อยนายก็หน้าแดงแล้ว” วินซ์

“หนวกหู” แดริล

“ฉันว่าจะเลิกเรียกนายว่าเจ้าหญิงแล้ว แต่จู่ๆ ก็อยากเรียกขึ้นมา เขินเหรอ เจ้าหญิง? ” วินซ์

“ไปตายซะ วินเซนต์ ซัมเมอร์” แดริล

“ไม่ล่ะ นายไม่อยากให้ฉันตายไปจริงๆ หรอก นายชอบฉัน” วินซ์

“.............” เห็นรอดจากเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว เขาก็นึกว่าจะรอดแล้วเสียอีก… นึกว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยเขาไปและทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น




ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
(2/2)

...ว่าแต่ไอ้บ้านี่มันไปเอาความมั่นใจในตัวเองมหาศาลนี่มาจากไหนกันแน่ ถ้าไม่นับเรื่องที่สูงหกฟุตสองนิ้วตั้งแต่ยังไม่จบไฮสคูล เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลฝีมือดี บ้ายรวย กับฟันหญิงมาแล้วครึ่งทีมเชียร์…





…… โอเค… ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าความหลงตัวเองมหาศาลนั่นมาจากไหน… แต่เพลาๆ บ้างเถอะ





จู่ๆ รถก็จอดเข้าที่ข้างทางทั้งที่ยังไม่ถึงจุดหมาย แดริลถึงกับหันหน้ากลับมองคนขับด้วยสายตางุนงง





วินเซนต์ไม่พูดมาก ปลดเข็มขัดนิรภัยฝั่งตัวเอง ขยับกายเอื้อมมาดึงคันโยกให้เบาะของที่นั่งข้างคนขับเอนหลังลงอย่างกะทันหันจนแดริลร่วงลงไปพร้อมกับเบาะ เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ





“ทำอะไรของนายฟะ! ” ร่างสูงใหญ่คร่อมทับอยู่เหนือตัวเด็กหนุ่มที่พยายามดิ้นหนี ดวงตาสีเขียวคู่นั้นจับจ้องมาคล้ายต้องการเรียกร้องอะไรบางอย่าง มันฉายประกายที่เขาไม่เข้าใจ

“นายชอบฉัน แดริล เชน”

“.....” เจ้าของชื่อปิดปากเงียบ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น สีหน้าเหมือนอยากร้องไห้อยู่รอมร่อ ไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ





ทำไมชีวิตที่ราบรื่นมาตลอดของผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย... รู้ตัวว่าเป็นเกย์เพราะโดนผู้ชายลวนลาม ยังสับสนไม่หายว่าจะเอายังไงกับชีวิตดีก็โดนคุกคามอีกแล้ว!!



แต่เดี๋ยวนะ.. สถานการณ์มันควรจะเป็น ฉันชอบนาย แดริล เชน มากกว่า นายชอบฉัน แดริล เชน ไม่ใช่เหรอฟะ!? คนบ้าอะไรทั้งยัดเยียดทั้งหน้าด้านได้ขนาดนี้ นายอย่ามาพูดแทนฉัน!!





“นายคิดว่าฉันไม่สังเกตสายตาที่นายมองฉัน? ” คำถามนั้นกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ เขาถูกจับคางบังคับให้กลับมามองสบตากับวินเซนต์อีกครั้ง เพราะกลัวว่าดวงตาของเขาจะให้คำตอบอะไรออกไป จึงปิดตาเสียสนิท “ไม่เอาน่า เชน… สีหน้านายช่วงหลายเดือนมานี่ มองกันอย่างกับกำลังรอให้ฉันจับกิน”





“ไม่จริง...” นี่มันรอบที่สองแล้วที่วินเซนต์พูดถึงเรื่องบ้าๆ นี่… ชอบ? ต่อให้ชอบจริงใครจะไปยอมรับ คนแบบนายมันตัวอันตราย เชื่อใจไม่ได้ นอกใจแฟน ฟังสาวแล้วทิ้ง แล้วยังถูกยกย่องว่าโคตรเจ๋ง คนจริง แต่ก็ยังมีสาวมาชอบอีก โลกนี้มันคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ!!





“คิดว่าคนอย่างฉันจะมองไม่ออกหรือไง” ร่างที่สูงกว่าเลิกคิ้ว โน้มตัวเข้าใกล้ กระซิบข้างหู “พูดออกมา แดริล ว่านายชอบฉัน”

กับคนที่ถูกสาวนับไม่ถ้วนในโรงเรียนจีบแบบควอเตอร์แบคคนเก่ง ไม่มีทางหรอกที่จะมองเขาไม่ออก เพียงแต่แดริลก็แค่ไม่อยากพูด

ชอบแล้วมันยังไง ไม่ชอบแล้วยังไง? สุดท้ายมันก็แค่เรื่องขำขันฆ่าเวลาของวินเซนต์อยู่ดี ทำไมถึงต้องบีบบังคับให้ยอมรับกันด้วย

….แล้วทำไมเขาถึงชอบเอาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ที่หลบไม่ได้หนีไม่พ้นกันนะ…





ก็เพราะเธอชอบเขาจริงๆ น่ะสิ ตาทึ่ม





เสียงของแคทดังสะท้อนในหัว ขนาดตัวไม่อยู่ยังอุตส่าห์สะท้อนมาจากจิตใต้สำนึก





เงียบไปเลยยัยบ้า





“พูดออกมาสิ… ยอมรับได้แล้ว” น้ำเสียงนั่นติดจะหงุดหงิดอยู่บ้าง

แดริลยอมเปิดตา สบตากับอีกฝ่ายเพียงวูบ แล้วก็เบือนหน้าหนีหลบสายตา ไม่ยอมตอบคำอย่างดื้อดึง ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของรถยิ่งมีสีหน้าดำมืดไม่น่ามองเข้าทุกที





“ให้ตายเหอะเชน…” คางถูกดึงกลับไปอย่างแรง จากนั้นริมฝีปากอุ่นก็ประกบจูบ บดเบียดและรุกรานอย่างจาบจ้วงและเอาแต่ใจแบบที่สมเป็นวินเซนต์

แดริลพยายาม ดิ้นหลบ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เป็นคนที่หน้าแดงตัวแดงง่าย การจะควบคุมสีบนใบหน้ายามนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทำได้เพียงกำหมัดทุบเข้าที่ไหล่ของร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวเอง แล้วข้อมือก็โดนรวบดึงไปอย่างง่ายดาย





ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย





คิดอย่างเจ็บใจจนน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย นึกเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา.. ว่าเขาน่าจะเชื่อฟังพี่ชาย หัดออกกำลังเล่นเวทให้จริงจังกว่านี้ (...)

ริมฝีปากล่างถูกขบย้ำ ลิ้นที่รุกรานบีบบังคับให้เขาตอบสนองอย่างเงอะงะ สุดท้ายเมื่ออีกฝ่ายยอมผละออก เด็กหนุ่มแทบหายใจไม่ทัน





รู้สึกได้ถึงท้องนิ้วสาดที่ปาดน้ำตาซึ่งซึมออกมาบริเวณหางตาของเขาออก





“ร้องไห้ทำไม? ” วินซ์

เพราะเจ็บใจที่ฉันสู้แรงนายไม่ได้ไง

“ไม่ได้ร้อง” แดริล

“ร้องชัดๆ ” วินซ์

“เงียบไปเลย” แดริล





วินเซนต์ไม่เงียบ หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีแทน





“นายเป็นแบบนี้แล้วตลกดี” วินซ์





ไอ้………..





“หุบปากไปเลยซัมเมอร์… แล้วขอบอกไว้เลยว่าฉันจะไม่เป็นเหยื่อทดลองให้นายอีกแล้ว! หากนายอยากลองเล่นเป็นไบก็ไปหาคนอื่น” แดริลยกสองมือที่เป็นอิสระแล้วผลักอกกว้างออก แต่มันก็ไม่เขยื้อน..





นี่นายเป็นก้อนหินหรือกำแพงกันแน่





แดริลรู้สึกว่าไม่ต้องแข่งก็แพ้…. แทนที่จะผลักมันออกไปได้ มือกลับถูกรวบจับ พื้นที่แคบในรถไม่ค่อยเหลือท่ให้เขาขยับตัวเท่าไหร่

“ฉันว่าฉันชอบนาย” วินซ์

“ถึงฉันจะเป็นเกย์ ถึงฉันจะคิดว่านายฮอทนิดหน่อย ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมทำเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหมวินเซนต์ ฉัน-- หา… เดี๋ยวนะ .. เมื่อกี๊นายบอกว่า…? ” แดริล

“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ และฉันดีใจนะที่นายคิดว่าฉันฮอท”





วอทเดอะ...





สีแดงบนใบหน้าลามไปถึงหู ลงไปถึงคอ ไม่นานนักแดริลก็แดงเถือกไปทั้งตัว จะจับประตูรถเปิดก็ไม่อำนวย รถก็แคบแค่นี้ หนีไปไหนก็หนีไม่ได้





“ไม่จริงน่า” ตอบแบบลนลาน หนีไม่ได้ก็ได้แต่นอนหลบตามันอยู่แบบนั้น

“อืม ฉันเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าสุดท้ายทำไมถึงเป็นไอ้แห้งอย่างนายไปได้” ………….ไอ้บ้านี่ เสียมารยาทชิบ นี่มันกำลังสารภาพรักอยู่จริงๆ ใช่ไหม “ฉันก็รอให้นายรีบๆ พูด จะได้ตอบรับ ช้าชะมัดเลย แถมนายก็ไม่ยอมพูดสักที”





มันยังมีหน้ามาด่ากันอีก….

แต่แดริลที่สมองประมวลผลไม่ทันก็นั่งนิ่งราวว่าวิญญาณได้ลอยกลับขึ้นไปหาพระเยซูเจ้าเรียบร้อยแล้ว…





“เฮ้… ฉันเพิ่งเคยพูดอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่อนุญาตให้นายปฏิเสธหรอกนะ” มือใหญ่จับแก้มแดงๆ นั่นไว้แล้วแตะเบาเรียกสติ พูดจาอย่างเอาแต่ใจ “ตอบ”

“.......จะให้ตอบอะไร” ในที่สุดเด็กหนุ่มผมดำก็เค้นเสียงออกมาได้เล็กน้อย

“ว่านายก็ชอบฉัน คิดว่าฉันฮอทมาก หล่อมาก เก่งมาก และรอจะได้เดทกับฉันไม่ไหวแล้ว” ฟังแล้วแดริลถึงกับยกมือขึ้นลูบหน้าเครียด...





นี่ฉันชอบหมอนี่เข้าไปได้ยังไงนะ?





“ว่ายังไง” ...มันยังจะเซ้าซี้ “ฉันให้เวลานายเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่ให้ขอเวลานอกแล้วนะ”





ที่ไม่พูดถึงเรื่องนี้เป็นอาทิตย์นั่นคือการให้เวลาสินะ..





แดริลถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยกับมันเหลือเกิน… ความคิดร้อยแปดแล่นเข้าหัว เช่นเรื่องสถานะทางสังคม โรงเรียน การเลือกตั้งประธานนักเรียน และอื่นๆ อีกมากมาย แต่พอเงยหน้าขึ้นและได้สบกับดวงตาสีเขียวที่เฝ้ารอคอยคำตอบ เหมือนเด็กน้อยที่กำลังรอคอยขนมสักชิ้น หัวของเด็กหนุ่มก็โล่งไปหมด





“อืม… ชอบ” คำนั้นหลุดออกจากปากไปเอง ตอนนี้เขาขี้เกียจคิดแล้วว่าจะยังไงต่อ แค่ปล่อยให้มันออกจากปากไปแบบไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น





วินเซนต์ยิ้มออกมา ดูเจิดจ้าจนต้องเบือนหน้าหนีอีกครั้ง รู้สึกว่าใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนกว่าเดิมเสียอีก

มันเป็นไปได้ยังไง ตัวแดริลเองก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้ว… รู้สึกเหมือนถูกโยนไปซ้ายที ขวาที แล้วก็มัดมือชกให้ยอมรับไปโดยปริยาย





“โว้ย!! ” อดไม่ได้ต้องร้องออกมาสักที ยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆ ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขินก็เขิน เครียดก็เครียด สับสนก็สับสน “แล้วจะเอายังไงต่อ”





“วันนี้พ่อแม่ฉันไม่อยู่บ้านพอดี เราไปต่อกันที่บ้านฉันก็ได้” แดริลเกือบจะเคลิ้มไปกับรอยยิ้มนั้น หากไม่สะดุดที่เนื้อความในประโยค… “...แต่อาจจะต้องแวะซื้อถุงยางก่อน”

……………….ไอ้…$ (#*&# (





“ไม่ใช่เรื่องนั้นเฟ้ย!! ” เด็กหนุ่มถึงกับขยี้หัวอย่างไม่สนใจทรงผมตัวเองที่เซตมาเป็นเวลาสามสิบนาที “ฉันหมายถึง.. ฉันกับนาย สรุปเราเป็นอะไรกัน”

“แฟน” …….ตอบแบบไม่ลังเลสักนิด จนแดริลถึงกับนิ่งอึ้งไป

“ต...แต่พวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ หากคนอื่นรู้เข้า...” ดวงตาสีฟ้าสบเข้ากับคนตรงหน้า ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว วินซ์ก็เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ





เรื่องนี้หลุดออกไป สถานะในสังคมได้เป็นอันพังพินาศย่อยยับแน่





สังคมไฮสคูลแบ่งชนชั้นออกเป็นพวกนักกีฬา เชียร์ลีดเดอร์ ต่อมาก็พวกสภานักเรียน คนปกติทั่วไป ระดับล่างสุดก็มักจะเป็นเนิร์ดที่โดนรังแก หรือพวกที่ดูแปลกแยก… เกย์ก็เช่นกัน

หากร่วงลงไปด้านล่าง ชีวิตของคุณจะเหมือนตกนรกทั้งเป็น ถึงมีข่าวเด็กไฮสคูลที่ฆ่าตัวตายเพราะทนโดนกลั่นแกล้งไม่ไหวให้ได้ยินบ่อยๆ





และการกลั่นแกล้งที่คนพวกนี้ต้องเจอ มันร้ายแรงกว่าการแกล้งแบบงี่เง่าที่วินซ์แกล้งเขาในช่วงเกรดเก้ามาก มีตั้งแต่เบาๆ เช่นเอาของไปซ่อน จนแรงขนาดบางคนโดนถ่ายรูปมาติดบอร์ดประจาน จับไปขังในห้องน้ำแล้วกดชักโครก...





แดริลจำได้ดี รุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นเกย์แบบเปิดเผยตัวโดนเอากระดาษที่เขียนว่า ‘ไอ้ตุ๊ด’ มาแปะประจานหน้าล็อกเกอร์ทุกวัน ไม่สามารถโผล่หน้าไปที่โรงอาหารได้ และเหมือนหนักสุดคือโดนรุมทำร้ายในห้องน้ำชาย...





สังคมเด็กวัยรุ่นไม่ใช่สังคมที่รับความแตกต่างได้ขนาดที่พวกผู้ใหญ่คิดหรอก… แค่คิดถึงมันเด็กหนุ่มก็ตัวสั่นแล้ว





“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะให้ใครรู้นี่ แคทเธอรีนกับแอชลีย์ยังคบกันได้เลยไม่ใช่รึไง? ” บางทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าวินเซนต์เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ หรือแค่บ้าดีเดือดกันแน่… เพราะยังโดนร่างที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักอย่างกับก้อนหินคร่อมทับ ร่างที่ผอมกว่าจึงไม่สามารถขยับตัวหนีได้เลย



อาจจะเพราะอีกฝ่ายรู้ทันว่าถ้าหนีได้แดริลคงหนีไปนานแล้ว… ไม่อยู่รับฟังจนจบแบบนี้หรอก…





มือใหญ่ที่ทั้งด้านและสากไล้นิ้วลงบนแก้มแดง เสียดสีเบาคล้ายต้องการตรวจสอบว่าที่แดงนั่นเป็นสีของเลือดหรือมีอะไรมาเปื้อนหน้าเด็กหนุ่มผมดำกันแน่

ในตอนนั้นหัวใจคล้ายจะเต้นไม่เป็นจังหวะ





“ฉันยังไม่เคยต้องคบใครแบบหลบๆ ซ่อนๆ เลย ก็น่าสนุกดีนะนายว่าไหม? ... ไม่ต้องกลัวหรอก” วินเซนต์คลี่ยิ้ม ดูเจิดจ้าจนต้องหลบตาหนีอีกรอบ

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า… มันคงจะไม่เป็นไร แค่เพราะวินซ์บอกว่าไม่ต้องกลัวก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาแล้ว

ที่ทำให้ทุกคนตามคนคนนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องทักษะด้านกีฬา แต่ก็คงเป็น… ความเป็นตัวเขาที่เป็นแบบนี้ด้วยละมั้ง





“ฉันพูดขนาดนี้แล้วนายยังจะเอาอะไรอีก ฉันไม่เคยต้องขอร้องใครขนาดนี้เลยรู้ไหม” จู่ๆ มือที่ลูบแก้มก็เปลี่ยนเป็นดึงแทน ทำลายบรรยากาศเมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิง





“อื้อ!! อล่อยเอ๊ย! ” (ปล่อยเฟ้ย!)





เห็นท่าแยกเขี้ยวเตรียมข่วนของร่างที่เล็กกว่าตนเองแล้วนักกีฬาหนุ่มก็ขำชอบใจ ยอมปล่อยมือออก

“คำตอบ? ”





แดริลลูบแก้มตนเอง อดมองเคืองไม่ได้ ดวงตากลอกมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจภายในรถยนต์…





นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ส่วนวินเซนต์ก็รอฟังอย่างอดทน สุดท้ายก็ตอบออกไปว่า….





….

..

.

.





“... นายไม่ได้แกล้งฉันอยู่ใช่ไหม… เช่นว่าไม่มีกล้องโฮมวิดีโอแอบถ่าย? ” ...ก็ยังไม่วายระแวงอยู่ดี





พูดจบคล้ายว่าสีหน้าวินเซนต์จะดูมืดลง ดวงตาสีเขียวหรี่เล็กน้อย และโดยไม่เปิดโอกาสให้หนีหรือตั้งตัว ริมฝีปากคู่นั้นประกบลงมาอีกครั้ง จูบดุเดือดจนร่างที่เล็กกว่าหายใจไม่ทัน กำหมัดทุบเพื่อให้มันหยุด แต่ที่เขาทำก็เพียงผละออกเล็กน้อยเพื่อให้เวลาหายใจครู่เดียว แล้วก็จูบต่อ… ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเริ่มจะเป็นความทรมานจากการขาดอากาศหายใจ





ขอโทษ ฉันผิดไปแล้วที่สงสัยนาย ยกโทษให้ด้วย ไว้ชีวิตด้ว--





หลังจากระบายอารมณ์โมโหจนสมใจแล้ววินซ์ถึงยอมผละออก มองริมฝีปากที่บวมแดงน้อยๆ ของผู้ถูกกระทำที่เฉียดจะเป็นลมอย่างพอใจ

“ฉันจับนายปล้ำมันตรงนี้เลยดีไหมจะได้เลิกคิดอะไรไร้สาระ? ” และวาจาก็ยังคงสัปดนไร้ยางอายในแบบของมัน...





“ไม่เอา… พอแล้ว… ไว้ชีวิตด้วย” เด็กหนุ่มกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาซึ่งรื้นขึ้นบริเวณขอบตา ในใจเฝ้าถามว่าพระเจ้าต้องการอะไรถึงส่งแบบทดสอบอันแสนหนักหนาที่ชื่อว่าวินเซนต์ ซัมเมอร์ มาให้เขา





“เป็นแฟนฉัน? ” ก็ยังไม่วายเซ้าซี้… แดริลนอนหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด มองอย่างติดจะขุ่นเคืองอยู่บ้าง จนสุดท้ายก็ยอมแพ้ มาถึงขั้นนี้แล้วยังจะมีอะไรให้เสียอีกล่ะ?





“เออ!! เป็นก็เป็น!! ”

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อร๊ายยย
พัพพี้เลิฟนี่มันกิ๊วใจฝุด
สู้เค้าเชน
+1 ให้คนฮอทๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
แวะมาเชียร์ว่าเรื่องนี้สนุกมากๆ ครับ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมปัจุบันเป็นแบบนั้นล่ะน้อ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุก ชอบบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 5 Summer Vacation (1/2)

เพราะการสอบปลายภาคทำให้แดริลสามารถไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราว... และทุ่มสติทั้งหมดไปกับการสอบ





เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันให้ตั้งตัวนี้ ส่วนวินเซนต์ก็ไม่ได้ดึงดันจะรุกไล่จนอึดอัด





จากที่เด็กหนุ่มสังเกต ถึงอีกฝ่ายจะปากเสียชอบแกล้ง แต่ก็รู้จังหวะรุกจังหวะถอย หากเขาต้องการเวลา วินเซนต์ก็จะให้เวลา... เท่าที่ความอดทนของควอเตอร์แบคทีมโรงเรียนจะให้ได้





และเพราะความสับสนไม่แน่ใจ ซัมเมอร์นั้นแดริลถึงหนีไปตกปลาน้ำจืดที่มิเนโซต้ากับญาติมันเกือบทั้งซัมเมอร์....





คือ...เขาก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจู่ๆ หนีมาแบบนี้มันแย่... ก็มันวางตัวไม่ถูก





การจับมือ คลอเคลีย จูบ เป็นสิ่งที่ยังใหม่สำหรับเขามาก แต่แน่นอนว่ามันไม่ใหม่สำหรับวินซ์





แดริลรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่เป็น...





และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมานั่งริมทะเลสาบ ตกปลาแบสยักษ์ (Great Bass) ที่มิเนโซต้า... แถมหนีมาแบบไม่บอกกล่าวอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ





ในใจมีความกลัวบางประการกับสิ่งที่แปลกใหม่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป พอพี่ชายบอกว่าจะไปตกปลาที่บ้านญาติ เขาก็พ่วงตามมาทันทีแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น





น่าขายหน้าชะมัดเลย...





เขาไม่กล้าต่ออินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ... หากออนไลน์ไปวินเซนต์ต้องทักมาแน่ๆ





อันที่จริงถ้าหมอนั่นไม่พูดเกริ่นว่า... พ่อแม่จะไม่อยู่ บ้านว่าง มานอนค้างได้ กับถามว่าเขาชอบถุงยางแบบไหนแล้วเอากล่องมาวางเรียงแบบมีให้เลือกกระทั่งรสสตรอว์เบอรี่... เด็กหนุ่มคงไม่แพนิคถึงขั้นหนีมาตกปลาถึงนี่...





ไอ้บ้านั่นแค่แกล้ง ก็รู้หรอก แต่ในการหยอกนั่นก็มีความจริงจังอยู่ด้วย.. คนแบบวินซ์ไม่มีทางจะไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่า





แดริลคิดแล้วก็ลูบหน้าแรงๆ ... เรื่องแบบนั้นน่ะยังไงก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นายช่วยสื่อสารแบบเซ้นซิทีฟกว่านี้หน่อยเหอะ นอกจากวันนั้นที่โดนรวบไปลวนลามแบบไม่ทันตั้งตัว เรื่องพวกนี้ก็ดูไกลตัวเขาเหลือเกิน





แถมวันนั้นอันที่จริงก็ยังไม่ได้ไปถึงที่สุดด้วยน่ะนะ...





ระหว่างที่คิดแขนก็ชักรอกดึงเบ็ด ได้ปลาหน้าตาน่าเกลียดแต่เนื้ออร่อยมาตัวหนึ่ง แดริลเพียงมองมันด้วยสีหน้าโมโนโทน...





"เฮ้ ร่าเริงหน่อยสิไอ้น้องชาย" ซีมัสที่เห็นน้องมองปลาที่ดิ้นแด่วๆ ด้วยสีหน้าเหม่อลอยเดินเข้ามาตบหลังเด็กหนุ่มดังอั่ก





"เจ็บนะเฟ้ย! " หันไปแง่งใส่พี่ทีหนึ่งก็โยนปลาใหญ่ลงถังใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาน้ำจืด





"เป็นอะไรไป ช่วงนี้นายดูเหม่อๆ " ชายหนุ่มร่างสูงกว่าก้มมองน้องชาย แล้วลูบหัวน้องแปะๆ อย่างหวังดี แต่หารู้ไม่ว่าน้องผู้เซตผมยามเช้าเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงกำลังสาปแช่งอยู่ในใจ





"ซีมัส... สมมุตินะ ถ้าแฟนพี่อยากมีอะไรด้วย แต่ตัวพี่ไม่พร้อม พี่จะทำยังไง" ก็ไม่แน่ใจว่าคิดถูกไหมที่ถาม... แต่ซีมัสถึงกับทำเบ็ดตกปลาร่วง

"หา นายกับแคทยังไม่ได้กันอีกเหรอ? "

พี่....

"ตอบคำถามมาน่า" แดริลหรี่ตา

"ก็คงขอให้เขารอก่อน แต่จะให้รอตลอดไปน่ะคงไม่ได้หรอก อีกฝ่ายจะหมดความอดทนซะก่อน ถึงจะบอกว่าเราเป็นคริสเตียน แต่สมัยนี้ไม่มีใครเขารอยันแต่งงานกันหรอก" ซีมัสทำท่าโบกมือประกอบ "ยิ่งสาวไฮสคูลเชียร์ลีดเดอร์ ยังซิงถึงสิบหกก็นับว่ามากแล้ว"





ก็ไม่ใช่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคม พวกนี้น่ะสิบสาม-สิบสี่ก็ได้กันแล้ว...





"อย่าบอกนะว่านายกะให้แคทรอยันแต่งงานจริงๆ น่ะ? ... แม่ต้องภูมิใจในตัวนายแน่ๆ " ซีมัสมองเหมือนน้องชายนี่ช่างแปลกคน..

"จะบ้ารึไง ผมก็เชื่อในพระเจ้าน้อยพอๆ กับพี่นั่นแหละ ก็แค่ไม่พร้อมเพราะเหตุผลอื่น"





...เช่นว่าแฟนเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าพี่อีกไง...





"นายขาดความมั่นใจ กลัวว่ามันจะไม่ขึ้นใช่ไหม จริงๆ มันก็มียาช่วยนะ" ผู้เป็นพี่ชายพูดหน้าตาจริงจังมาก....

"...."











"ไม่ต้องอายน่า นายปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง"





เรื่องว่าผมเป็นเกย์นี่คงปรึกษาไม่ได้ล่ะฮะ....





"การรอก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอก... แต่เอาเข้าจริงนะแดริล ปัญหาแบบนี้ที่ฉันเคยเห็นมา ปล่อยไว้นานไปบางทีอีกฝ่ายก็ไม่รอจนนอกใจกันก็มี"





คำว่านอกใจทำให้เด็กหนุ่มชะงักมือที่กำลังเกี่ยวเหยื่อตกปลากับปลายเบ็ด





เขานึกถึงเรื่องที่วินซ์นอนกับสาวทีมเชียร์ทั้งๆ ที่คบกับแอมเบอร์อยู่แล้ว โดยไม่รู้สึกผิดสักนิด...





"ฉะนั้นจะทำอะไรนายก็ต้องคิดถึงใจของอีกฝ่ายด้วย เพราะการเจอกันครึ่งทางคือสิ่งที่เรียกว่า'ความสัมพันธ์' ...มันก็อะไรทำนองนั้นล่ะ" พี่ชายตบบ่าเขาสองที





"แล้วก็อย่าคาดหวังว่าเธอจะอ่านใจนายได้ นายน่ะเป็นประเภทมีอะไรก็ไม่ค่อยพูด หลายๆ เรื่องถ้าไม่พูด คนอื่นเขาก็ไม่เข้าใจหรอกว่านายต้องการอะไร"





นั่นก็จริง....





เครียด....





จริงๆ ที่หนีมาแบบนี้ก็ไม่คิดถึงใจอีกฝ่ายแล้วล่ะนะ... ฮะ..ฮะ





เย็นวันนั้นหลังจากย่างปลากินกันจนอิ่มหนำแล้ว แดริลก็ไปขุดหาสายแลนมาเพื่อต่อเนตความเร็วสุดจะต่ำ





เขาออนไลน์โปรแกรมเมสเซนเจอร์ และตามคาด วินเซนต์ทักมาทันทีราวว่ารอให้เขาออนไลน์อยู่แล้ว





Vince says:

นายอยู่ไหน หายไปไหนมาเกือบเดือน





Daryl says:

มิเนโซต้าน่ะ





Vince says:

นายรู้ไหมว่าฉันพยายามติดต่อนายมากี่อาทิตย์แล้ว!? ถึงขั้นต้องไปถามแม่นายที่โบสถ์ ทำไมถึงไม่บอกกันก่อน?





Daryl says:

ฉันขอโทษ...





ใช่... เรื่องนี้เขาผิดจริง





Vince says:

ยังไม่ให้อภัยหรอกนะ





Daryl is typing....





เขาพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายรอบ...





อันที่จริงการคุยกันแบบไม่เห็นหน้าเป็นเรื่องง่ายกว่า อย่างน้อยก็ไม่เขินจนพูดไม่ออกแบบทุกที....





วินซ์ยังคงออนไลน์ เหมือนรออ่านสิ่งที่เขาจะส่ง





แดริลกลั้นใจกด Send..





Daryl says:

นายเป็นแฟนคนแรกของฉัน อันที่จริงก็เป็นคนแรกที่ฉันชอบ จูบแรก รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย... วินซ์ ฉันรับมือนายไม่ถูก... ก็เลยหนีมาแบบนี้ ขอโทษนะ







การคุยกันผ่านจอมันทำให้เขาสามารถพูดอะไรตรงๆ ได้ง่ายหน่อย.... ก็ถ้าคุยต่อหน้าป่านนี้วินซ์คงแกล้งกันแล้ว





เดิมทีแดริลก็ไม่ใช่คนตรงไปตรงมา แต่ก็อย่างที่พี่ชายพูด ความสัมพันธ์คือการปรับตัว... และเขากำลังพยายาม





Vince says:

กลับมาได้แล้ว





Daryl says:

...ระหว่างนี้นายไปนอนกับสาวคนไหนรึเปล่า





Vince says:

ยังเลย





Daryl says:

ถ้านายทำ เราจบกัน





Vince says:

อืม เข้าใจแล้ว นายนี่พอคุยผ่านจอแล้วเหมือนจะตรงไปตรงมาขึ้นนะ

จะกลับมาเมื่อไหร่? ฉันอยากเจอนาย





Daryl says:

คงอีกไม่กี่วัน...

นี่... วินเซนต์ เรื่องนั้นน่ะ ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม? ไม่นานหรอก





Vince says:

อะไรกัน นายคิดมากเรื่องนี้เองหรอกเหรอ?





Daryl says:

ก็นายดูบ้ากาม แถมชอบเรื่องพรรค์นั้น จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงฟะ





Vince says:

ฉันมันก็แค่วัยรุ่นชายที่มีความต้องการแบบวัยรุ่นปกติ ไม่เหมือนนายที่ใช้ชีวิตอย่างกับชายแก่เกษียณแล้ว





Daryl says:

.....





Vince says:

อย่าคิดมากน่า ฉันไม่ได้คบกับนายแค่เพราะหวังเรื่องบนเตียงซะหน่อย





Daryl is typing....





เขาพิมพ์ๆ ลบๆ แล้วก็ชะงักมือ อ่านทบทวนอย่างลังเล





แดริลกลัวคำตอบ แต่หากกลับวอชิงตันไปคุยกันต่อหน้า เด็กหนุ่มต้องไม่กล้าถามแน่ๆ ... สุดท้ายจึงตัดสินใจกดส่ง





Daryl says:

นายนึกยังไงถึงมาคบกับฉัน นายไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย... สาวๆ ก็ออกจะเยอะแยะ





Vince is typing....





แดริลจ้องรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ....





Vince says:

ไม่รู้สิ ก็นายตลก แกล้งสนุกดี





...... ไปตายซะไอ้บ้า





Vince says:

แค่ชอบ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?





แก้มรู้สึกเห่อร้อนนิดๆ ... แดริลลูบหน้า ให้ตายสิ อยู่ไกลกันคนละรัฐ หมอนี่ยังมีความสามารถทำให้เขาใจเต้นแบบนี้ได้





Vince says:

ถึงนายจะมีเป็นร้อยเหตุผลให้ชอบฉันก็เถอะ ทั้งรูปหล่อ บ้านรวย กีฬาดี นิสัยดี ใจกว้าง เก่งเรื่องบนเตียง





Daryl says:

ฉันไปนอนดีกว่า สวัสดี





**log out**





Daryl is offline







…………….





ฤดูร้อนในดีซีอากาศกำลังดี ลมพัดเอื่อยพาให้กิ่งไม้กระทบกันเป็นเสียงกรอบแกรบ แดริลเชนในเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสไตล์พักร้อนพร้อมกับพี่ชายยืนถือกระเป๋าเดินทางอยู่หน้าบ้าน เพิ่งกลับมาจากทริปตกปลาที่มิเนโซต้าหมาดๆ …





“ฉันลืมกุญแจว่ะ…..” ซีมัสกล่าว สีหน้าโมโนโทน ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างกันถึงกับต้องเลิกคิ้วสูงมาก

“...พ่อกับแม่ไปตาฮิติ อีกหลายวันกลับนะพี่…” แดริลเหลือบมองคนข้างๆ

“อืม…” ซีมัสรับคำง่ายๆ

“....แล้วจะทำไง” แดริล

“ฉันไปค้างบ้านเพื่อนแล้วกัน นายก็… เทคแคร์นะ บาย” เฮ้ย เดี๋ยว พี่ เดี๋ยว!





พูดจบแดริลยังไม่ทันคว้าตัวพี่ชายไว้ได้ทัน คนตัวสูงกว่าก็ก้าวขายาวๆ พร้อมแบกสัมภาระนำลิ่วไปไกลแล้ว





“ซีมัส!! ใจคอพี่จะทิ้งน้องให้นอนข้างถนนไม่ได้นะ!! ”

“นายก็ไปค้างบ้านเพื่อนนายสิ อีกสามวันเจอกันนะ! ” พี่ชายตะโกนตอบกลับ แล้วก็วิ่งหายไปจนไม่เห็นเงาหัว แล้วก็ทิ้งน้องให้ยืนอยู่ตามลำพังกับกระเป๋าสัมภาระอีกใบอยู่หน้าบ้าน





ไอ้พี่…





แดริลถอนหายใจ… ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขามีทางเลือกอะไรบ้าง





แคท? ... เหมือนรายนั้นจะไปเยี่ยมพี่สาวที่นิวยอร์ค จะไปขออาศัยโซฟาคงไม่ได้





เพื่อนลี? ... บ้านเหมือนจะอยู่ไกลไปอีกฝั่งเมือง





คนที่เขาพอสนิทจะแบกหน้าไปขอค้างด้วยก็มีแค่นี้… ซีมัสนะซีมัส จะไปทั้งทีทำไมไม่พาน้องชายไปด้วย!





ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองไปทางบ้านฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องไปอีกหลัง… อันที่จริงก็ยังมีอีกคน…. แต่…. มันจะดีเหรอ





และด้วยความที่เป็นคนดวงไม่ดีนัก จู่ๆ เมฆฝนสีครึ้มก็ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า ส่งเสียงครืนเป็นจังหวะราวกับกำลังข่มขู่ให้แดริลตัดสินใจ





...ก็ได้ ก็ได้ ฉันรู้แล้ว…





ฟ้าผ่าเปรี้ยง





รู้แล้วว้อย!!





เด็กหนุ่มเดินลากกะเป๋าสัมภาระไปถึงหน้าประตูบ้านสีขาวที่คุ้นเคย… กลั้นใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจกดกริ่ง… ขณะที่ลังเลว่าจะวิ่งหนีหรือรอตรงนี้ ฝนก็เริ่มลงเม็ด





สวรรค์กลั่นแกล้งชัดๆ …





ประตูบานนั้นเปิดออกอย่างรวดเร็ว ท่าทางของคนเปิดเหมือนเพิ่งวิ่งลงบันไดมา ผมเผ้าไม่ค่อยเรียบร้อย และยังอยู่ในชุดกีฬาที่ใส่ซ้อมอเมริกันฟุตบอล





“...ฮายวินซ์ ฉันขอเข้าไปหลบฝนหน่อยได้ไหม” แดริลยิ้มเจื่อน เรื่องที่หนีไปตกปลาน้ำจืดก็ยังไม่ได้เคลียร์กันดียังจะมีหน้ามาขออาศัยอีก…





วินเซนต์ไม่ตอบ แต่ดึงเขาเข้าบ้านไปเลย พร้อมปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย…





เอวที่ไม่หนาไม่บางถูกกอดรวบไว้จนขยับไม่ได้ กระเป๋าลากล้อเลื่อนกองอยู่บนพื้น คนที่จู่ๆ โดนกอดมองอีกฝ่ายตาโตด้วยความตระหนก





“วินซ์ ตรงนี้ไม่ได้ พ่อแม่นาย…”

“ไม่อยู่บ้าน ...พวกเขาไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่หรอก” กลิ่นเหงื่อจางจากชุดซ้อมกีฬาค่อนข้างชัดเจน แต่แดริลที่รักความสะอาดยิ่งชีพกลับไม่ถือสา …. ให้ตายสิ… เขาเป็นเอามากจริงๆ ด้วย

มือไม่รู้ควรวางไว้ตรงไหน ยกขึ้นจะกอดตอบ แล้วก็ทิ้งลง เปลี่ยนเป็นยกมือไปลูบหลังร่างที่ใหญ่โตผิดเด็กไฮสคูลแทน





“นายนี่มันใจร้ายชะมัด” วินเซนต์กล่าวพลางถอนหายใจ ขณะเกยคางบนไหล่ของร่างที่เตี้ยกว่า “ทำไมถึงชอบหนีนักนะ หัดเผชิญหน้าบ้างเถอะ”

“ขอโทษ” แดริลก้มหน้า..

“จูบฉัน” ...แล้วเขาก็เงยหน้า





สีหน้าของวินเซนต์ไม่ได้บ่งบอกถึงการหยอกล้อแต่อย่างใด มุมปากที่ปกติมักจะยิ้มแย้มเสมอโค้งลงเล็กน้อย คิ้วสีทองมุ่นเข้าหากัน





“ฉันไม่โอเคที่พอนายทำอะไรไม่ถูกเข้าหน่อยก็วิ่งหนีไปเลยโดยไม่คุยกับฉัน นายอยากคบกับฉันจริงๆ รึเปล่า? ” ท้องนิ้วที่ด้านจากการเล่นกีฬาไล้ริมฝีปากของร่างที่ผอมกว่าอย่างเบามือ “ถ้ารู้สึกผิดจริงๆ ก็จูบฉัน”

พอฟังแล้วแก้มก็ขึ้นสี แม้ที่ผ่านมาพวกเขาจะจูบกันหลายครั้งแล้ว แต่คนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็คือวินเซนต์เสมอ…





มองใบหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงจริงจังและคาดหวัง แดริลก็รู้ว่าครั้งนี้ไม่ควรจะหนี… เด็กหนุ่มเงยหน้าดันตัวขึ้นเล็กน้อย สองมือวางบนบ่าของวินเซนต์ ประทับจูบเบาลงบนมุมปากอีกฝ่าย ชั่วขณะเดียวก่อนที่จะเบือนหน้าหลบไม่ให้เห็นเลือดที่กำลังสูบฉีดขึ้นใบหน้า





“ฉันขอโทษ… ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้”





ครั้งที่ฝ่ายที่ลูบหน้ากลับเป็นร่างที่สูงกว่า




ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
(2/2)

“...จูบอย่างกับเด็กอนุบาล…….เอาเถอะ ฉันยอมแพ้” พูดจบก็เงยหน้าขึ้นถอนหายใจยาว “ฉันไม่ชอบเดทเวอร์จิ้นเพราะแบบนี้แหละ”

“....” จะเถียงไปก็เท่านั้น… ยังไงซะมาขนาดนี้วินเซนต์ไม่รู้ก็แปลกเต็มทนแล้ว “ยุ่งยากเหรอ? ”

“เปล่า เวลานายหนีหรือกลัว ฉันก็รับมือไม่ถูกพอๆ กัน ที่ผ่านมาฉันต้องดีลกับคนแบบนายซะที่ไหน” มือใหญ่ขยี้เรือนผมสีดำจนยุ่งไปหมด “สาวเชียร์ไม่มีที่โง่แบบนายหรอก”

“หาเรื่องรึไง ฉันเป็นนักเรียนดีเด่นกิจกรรมเยอะGPA3.9ขึ้นนะ” แดริลหรี่ตามอง คำว่าโง่กับแดริลเชนไม่ควรจะอยู่ในประโยคเดียวกัน!

“ไม่ใช่โง่เรื่องเรียน... ช่างเถอะ เข้าบ้านไม่ได้หรือไง? ” วินซ์

“พี่ชายลืมกุญแจ ส่วนพ่อแม่ไปตาฮิติ อีกหลายวันกว่าจะกลับ… แล้วพี่ก็ทิ้งฉันไปแล้ว” แดริล

“ก็เลยไม่มีทางเลือกจนต้องมาหาฉัน” วินซ์พยักหน้าเข้าใจ

“....มันก็...ไม่ใช่แบบนั้น” ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว นายหายงอนได้แล้ว ขอร้องเหอะ



อีกฝ่ายไม่พูดอะไร หยิบกระเป๋าลากเดินขึ้นบันไดไปทันที





“วินเซนต์...” แดริลเดินตาม รู้สึกเหมือนพระเอกซีรียส์ที่ต้องง้อแฟนสาวเข้าไปทุกที ติดแต่แฟนสาวที่ว่าไม่ใช่สาวแถมตัวใหญ่เป็นบ้า “นี่ วินซ์ รอก่อนสิ”





ก้าวขายาวๆ ขึ้นบันไดตามไป จู่ๆ คนตรงหน้าก็หยุดอยู่หน้าห้องนอน เด็กหนุ่มเบรกไม่ทันเลยชนเข้ากับแผ่นหลังแข็งๆ เข้าเต็มๆ



นักกีฬาหนุ่มหันกลับมา มุมปากค่อยๆ กระตุกขึ้น สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา





“แค่แกล้งน่ะ ฉันหายโกรธนานแล้ว”





ไอ้...



“ฉันคิดถึงนาย” วินซ์ก้มลง จูบขมับของเด็กหนุ่มผมดำเบาๆ จนแก้มนั่นเริ่มจะขึ้นสี จากนั้นก็หมุนตัวหิ้วกระเป๋าเข้าห้องนอนไปหน้าตาเฉย “คงต้องมาอาศัยหลายวันใช่ไหม? ”





“อืม… โทษทีที่มารบกวนกะทันหัน” แดริลก้มหน้าก้มตาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ รู้สึกไม่รู้จะเอาตัวเองไปอยู่ตรงไหน ดวงตาก็ไล่มองไปเรื่อยๆ





เขาเคยเข้ามาในห้องนี้แล้วหนหนึ่งตอนที่หกล้ม แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากมายนัก





บนผนังห้องเป็นโปสเตอร์ของนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลหลายคนที่แดริลไม่รู้จัก กับถ้วยรางวัลและเหรียญรางวัลจากการเล่นกีฬามากมายตั้งเรียงกันอยู่บนชั้น กับการ์ตูนซุเปอร์ฮีโร่ยัดอยู่เต็มชั้นหนังสือ





แดริลมองโปสเตอร์นักกีฬาบนผนัง ช่วงซุเปอร์โบลพ่อกับพี่ชายของเขาจะชอบมานั่งดูกีฬาด้วยกันพลางกินป็อปคอร์น แต่แดริลไมไ่ด้มีความสนใจในเรื่องกีฬาเลยสักนิด





“นั่นทอม เบรดี้ ไอดอลฉัน” วินซ์ชี้ไปทางโปสเตอร์ชายผิวขาวรูปร่างบึกบึนบนกำแพง “เป็นควอเตอร์แบค เพิ่งเข้าลีกอาชีพได้ไม่นาน แต่นายเชื่อไหมว่าเขาจะต้องกลายเป็นตำนานแน่ๆ ฉันมั่นใจ” วินซ์เดินมานั่งข้างๆ พูดถึงบุคคลในภาพโปสเตอร์ด้วยดวงตาเป็นประกาย





เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่ายมาก่อน





“ข้างๆ นั่นชาร์ลส์ เฮลีย์ ผู้เล่นแนวตั้งรับ แชมป์ซุเปอร์โบวห้าสมัยคนแรกของอเมริกา ตอนนี้เกษียณไปเป็นผู้ช่วยโค้ชของดีทรอยต์ไลออนส์แล้ว แต่ก็ยังเป็นตำนาน…” เจ้าของห้องมองไปทางโปสเตอร์ชายผิวดำข้างๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเอง





“สุดท้ายเทอรี่ ครูวส์ ไม่ใช่นักกีฬาที่เก่งอะไร แต่นิสัยเขาเจ๋งเป็นบ้า เกษียณจากอาชีพนักกีฬาแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เห็นว่าเขาหันไปหาวงการบันเทิงแทน” โปสเตอร์ใบสุดท้ายเป็นชายผิวดำหัวล้าน รูปร่างสมส่วนบึกบึน ที่แดริลในวัยสิบหกปีไม่รู้จัก แต่ต่อมาอีกไม่กี่ปีเขาจะเห็นชายคนนี้ทั่วอินเทอร์เน็ตในโฆษณา Old Spice Bear Gloves ที่กลายเป็นไวรัลที่เป็นตำนานของวงการมาร์เกตติ้ง





“นายดูรักฟุตบอลมาก” แดริลพูดแล้วก็ยกยิ้มขำอย่างนึกเอ็นดู ไม่เคยเห็นวินเซนต์ที่ทำตัวเหมือนเด็กอวดฮีโร่ของตัวเองมาก่อน

“แหงสิ ฉันรักมัน ฉันจริงจังกับมัน และฉันจะเป็นนักกีฬาอาชีพให้ได้” ร่างที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักเอนพิงทิ้งน้ำหนัก ทำให้คนผอมกว่าอึดอัดโดยจงใจ “เป็นความฝันของฉันมาตลอด”

“...เพราะแบบนี้นายเลยไม่มีเรื่องชกต่อยกับใครมาทั้งปี? ”

“ใช่ โค้ชวิทเทกเกอร์บอกว่าจะให้ฉันเป็นตัวสำรองหากทำตัวเกเร” สุดท้ายก็วางหัวลงบนไหล่ แดริลนึกอยากไล่มันไปสระผม แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจมันจนทนไม่ไหว “เลยอดต่อยนายเลย”

“....นายจะต่อยฉันเพื่อแย่งเลสเบี้ยนจริง? ” แดริล เชน เลิกคิ้ว

“ตอนนั้นก็อาจจะ แต่ตอนนี้ฉันอยากต่อยแคทเธอรีนมากกว่า” วินซ์

“....... พวกนายมีเรื่องอะไรกัน? ” แดริล





วินซ์ไม่ตอบคำ แค่หัวเราะเบาๆ เปลี่ยนเรื่องแทบจะทันที





“ฉันไปอาบน้ำก่อน นายเล่นเกมรอไปก่อนก็ได้” พูดจบไม่รอฟัคำตอบ หายเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัวที่เชื่อมกับห้องนอนทันที





ห้องของวินเซนต์ไม่ค่อยสะอาดนัก เสื้อผ้าวางระเกะระกะแบบไม่ใส่ใจ ที่ต่างจากรอบก่อนคงเป็นเครื่องเกมที่เพิ่มมาหนึ่งเครื่อง แผ่นเกมส่วนมากก็มีแต่เกมกีฬาทั้งนั้น...





เล่นได้ไม่ถึงสิบนาทีเด็กหนุ่มก็พ่ายแพ้ราบคาบให้กับคอมพิวเตอร์ ขณะที่กำลังพิจารณาว่าควรเลิกเล่นเกมกีฬาไปตลอดชีวิตไหมวินซ์ก็ออกจากห้องน้ำมาในสภาพไม่ใส่ท่อนบน





“.............” ให้ตายเหอะ… จอยแทบร่วง





ให้อธิบายมันก็เป็นปฏิกิริยาเดียวกับเวลาพวกผู้ชายปกติเห็นสาวอกโตหุ่นมีโค้งเว้า สายตามักจะถูกดึงดูดไปก่อนเสมอ เพียงแต่เขาไม่ได้ตอบสนองกับสาวอกโต แต่เป็นผู้ชายกล้ามอกโตแทน (....)





“มองขนาดนี้จับเลยไหม? ” เจ้าของห้องพูดติดตลก ขณะเช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนู พอคนมองถูกทักก็รู้สึกตัว หน้าแดงไปถึงหูรีบหันหัวกลับไปทางจอทีวี





GAME OVER





...ไม่ต้องย้ำได้ไหม

คล้ายจะนึกสนุก เห็นแดริลยิ่งหลบ อีกคนก็ยิ่งได้ใจ นั่งลงข้างๆ มันทั้งไม่คิดจะใส่เสื้อ ซ้ำยังคว้าจอยไปไล่ดูคะแนนแล้วหยามน้ำหน้าอีกต่างหาก





“ห่วยชะมัด ฮ่าๆ ”



…….ถึงฉันจะเป็นเกย์ฉันก็ควรมีทางเลือกที่ดีกว่าหมอนี่เยอะแยะ ทำไมฉันถึงไปเอาไอ้งี่เง่านี่มาเป็นแฟนวะ





แดริลเพียงคิดในใจอย่างขุ่นเคือง ครั้นจะหันหน้าไปด่า พอเห็นสภาพร่างเปลือยครึ่งบนก็หันหนีอย่างรวดเร็ว





ปฏิกิริยาทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาวินเซนต์ เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มขำ ยิ่งเบียดตัวเข้าใกล้มากระซิบข้างหู ซ้ายังคว้ามือมาจับไว้ไม่ให้ลุกหนีด้วย กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จลอยเข้าจมูก ยิ่งพยายามไม่รับรู้ก็ยิ่งได้กลิ่นชัดเจนขึ้น

“ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้นายมอง”

“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าอยากมอง” เด็กหนุ่มผมดำพึมพำตอบ “...ไปใส่เสื้อผ้า”

“งั้นพูดสิว่านายไม่ชอบ”





ใกล้เกินไปแล้ว!





ทำไมทุกครั้งต้องรู้สึกเหมือนโดนคุกคามอย่างบอกไม่ถูก แดริลอยากร้องไห้ พยายามทำใจให้ชินแต่มันยากเหลือเกิน





นายอย่าใจร้ายกับฉันนักเลย ฉันไม่เคยมีกระทั่งแฟนสาว เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเกย์ก็เพราะนาย หนังโป๊ยังไม่ค่อยจะดู นายจะให้ฉันเอาอะไรมารับมือกับนายกัน!





นิ้วมือหยาบกร้านจับคางของเขาไว้ ออกแรงดึงเบาๆ บังคับให้หันหน้ามาสบตา





“นายชอบมันมาก ใช่ไหม? ” วินเซนต์ยิ้มจนตาโค้งขึ้น (น่าหมั่นไส้เป็นอย่างมาก) ส่วนอีกคนไม่ตอบรับ และไม่ปฏิเสธ แต่แดงลงไปถึงต้นคอแล้ว จากนั้นก็โดนประกบปากจูบหนักสักที





นิ้วมือที่ด้านแข็งจากการเล่นกีฬาค่อยๆ สอดเข้าใต้เสื้อตัวหลวม เมื่อสัมผัสกับผิวกายแดริลก็สะดุ้งตัวเล็กน้อย ปิดเปลือกตาแน่นเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ…. จู่ๆ มือนั้นก็ชะงักและถอนกลับไป





ดวงตาสีฟ้าค่อยๆ ปรือเปิด สังเกตเห็นดวงตาสีเขียวของคนตรงหน้าที่ฉายแววซับซ้อนซึ่งเขาไม่เข้าใจนัก วินเซนต์ขยี้หัวตัวเอง กัดฟันเหมือนกำลังขัดใจ พอสังเกตเห็นท่าทางประหลาดใจของร่างที่เล็กกว่าตัวเอง สายตานั้นก็อ่อนลง เขาเคลื่อนตัวมาประทับริมฝีปากบนแก้มที่ออกสีแดงจัดแทน จากนั้นก็งับเบาทีหนึ่ง





“นายไปอาบน้ำเถอะ ฉันจะไปสั่งพิซซ่า” พูดแล้วก็ไม่รอคำตอบตามเคย เดินออกไปเลยพร้อมคว้าเสื้อยืดไปใส่ไปเดินไป... ท่าทางดูเร่งรีบกว่าปกติ





แดริลเพียงนั่งอยู่ที่เดิม… วางหัวกับเข่าตน หน้าแดงถึงใบหูแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้ พอๆ กับหัวใจที่สูบฉีดเลือดขึ้นใบหน้าอย่างขยันขันแข็ง





เขาเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้จริงๆ ... ให้ตายเถอะ





……………………………..





วันต่อมาผ่านไปแบบปกติดี วินเซนต์หาฟูกมาปูให้แขกจำเป็นนอนบนพื้นพรมในห้องนอน ตอนเช้าทำอาหารง่ายๆ กลางวันออกไปดูทีมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนระหว่างซัมเมอร์ซ้อมเล่นเกม เย็นก็กลับมานั่งเล่นเพลย์สเตชั่นเกมมาริโอ้คาร์ท และแน่นอนว่าคนที่ทั้งหัวไวและฉลาดอย่างแดริลเชน… แพ้หมดรูปและนั่งหน้าบูดโดนหยามน้ำหน้าไปตามระเบียบ





หลายวันที่ผ่านมาทำให้แดริลเปลี่ยนทัศนคติและอคติเกี่ยวกับพวกนักกีฬาไปโข เขาเคยคิดว่าพวกนี้เป็นพวกโง่ไม่เอาไหนที่ก็แค่ร่างกายแข็งแรงหน่อยเลยมาเล่นกีฬาแล้วได้รับสิทธิพิเศษให้เป็นชนชั้นสูงของสังคมไฮสคูล… แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ตื้นเขินแค่นั้น





พวกนี้เล่นกีฬากันอย่างจริงจัง หลายคนมุ่งมั่นจะใช้กีฬาแลกทุนเพราะรู้ว่าหัวไม่ดีพอจะขอทุนแบบปกติ อีกหลายคนเป็นแบบวินเซนต์ มุ่งมั่นอยากเข้าลีกอาชีพ

ช่วงก่อนซีซันแข่งอาหารการกินและน้ำหนัก รวมถึงเรื่องสุขภาพจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด มันไม่ได้ง่ายแบบที่เคยคิด… จนชวนให้นึกรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างที่ด่วนตัดสินคนเกินไป





ส่วนมากแดริลก็ทำงานช่วยจดคะแนน เอาแต้มขึ้นกระดาน จับเวลาจดสถิติ โค้ชวิทเทคเกอร์ก็มาใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ในการฝึกนักกีฬาพวกนี้เหมือนกัน





“เชน เปิดเทอมหน้า ฉันอยากให้เธอมาเป็นผู้จัดการชมรมทีมอเมริกันฟุตบอลด้วย ใช้งานเธอมันคล่องดี” วันหนึ่งใต้แดดจ้าและสามลมพัดเอื่อย โค้ชก็เอ่ยปากออกมา





“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วย แต่ผมติดงานสภานะครับ” แดริลตอบอย่างสุภาพ ขณะที่ดินสอในมือจดคะแนนลงกระดาษ





“ก็เดี๋ยวฉันรับเด็กมาช่วยอีกคน ช่วงที่ว่างจากงานสภาก็มาช่วยงานหน่อย เสียหายอะไร แล้วพอเธอซีเรียร์ฉันจะเขียนจดหมายรับรองให้ไปยื่นมหาวิทยาลัยด้วย” ..มันเป็นข้อเสนอที่ดี สำหรับมหาวิทยาลัยระดับไอวี่ลีก แค่เกรดดีอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเอาตัวคุณเข้าไปอยู่ในนั้นได้ ยิ่งหวังทุนยิ่งยาก กิจกรรมต้องเด่น ประวัติต้องดี หากเป็นหนึ่งในสี่ตำแหน่งใหญ่ในสภานักเรียนได้ก็จะมีโอกาสสูงขึ้น





อีกอย่าง… หากเขาได้รับแรงสนับสนุนจากพวกทีมนักกีฬา มันก็ง่ายขึ้นสำหรับการลงสมัครประธานนักเรียนกับเพื่อนลี เขามั่นใจว่าหากสามารถดึงฐานเสียงได้ เรื่องงานสภาเพื่อนลีมันยินดีช่วยอยู่แล้ว





“หากผมขอตัวไปทำงานสภาได้เป็นบางวัน… ก็ไม่มีปัญหาครับ” ตอบแล้วโค้ชก็ตบหลังแรงๆ จนแดริลแทบกระอัก (ให้ตายสิ พวกบ้ากีฬามันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยรึไง) ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดัง





“ดีดี! ฉันจะรอใบสมัครเธอบนโต๊ะฉันนะ! ”





“ครับ” แดริลรับคำทั้งยิ้มสุภาพ แม้ในใจจะคิดว่า เจ็บหลังชะมัด ก็ตาม







เย็นวันนั้นเขากลับบ้านกับวินเซนต์.. และก็ยังคงโดนแกล้งอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เพียงแต่ตั้งแต่วันก่อน อีกฝ่ายดูจะรักษาระยะห่างจนอยู่ในระดับที่เขาไม่อึดอัดใจ





ระหว่างที่วินเซนต์ไปอาบน้ำ เด็กหนุ่มก็ไล่สายตามองตามสันหนังสือบนชั้น ส่วนมากเป็นการ์ตูน อีกส่วนเป็นหนังสือเกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอล ประวัติโค้ชและผู้เล่นคนดัง ประวัติศาสตร์ของมัน… มีเพียงเล่มเดียวที่ไม่มีตัวอักษรเขียนบนสันหนังสือ





ด้วยความสงสัย แดริลดึงหนังสือเล่มดังกล่าวออกมานั่งดูบนเตียง มันเป็นอัลบั้มภาพ เปิดไปก็เจอวินเซนต์วัยทารกน้อยจิ้มลิ้มยิ้มให้กล้องถ่ายรูป สีของมันค่อนข้างซีดแล้วเพราะอายุน่าจะเกินสิบปีแล้ว ยิ่งเปิดหน้าต่อไปเก็กน้อยคนนั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ เห็นภาพที่ร้องไห้งอแงกับไอติมเปื้อนปากแล้วคนมองก็หลุดหัวเราะออกมา





“ตอนเด็กๆ น่ารักแท้ๆ ทำไมโตมาแบบนี้” เผลอหลุดปากถามออกไปตามที่คิด เขามัวแต่ดูอัลบั้มภาพจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งได้ยินเสียงทักถึงสะดุ้งขึ้นมา

“ดูอะไรน่ะ? ”





วินเซนต์มายืนด้านหลัง ก้มลงมอง บนคอยังพาดผ้าขนหนูชื้นเอาไว้ พอเห็นอัลบั้มภาพก็รีบคว้าทันที





“เอาคืนมา นั่นห้ามดู”





แดริลไวกว่า หยิบหนังสือขึ้นเอื้อมไปสุดแขนยื้อกับคนตัวใหญ่กว่า ริมฝีปากฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์





“มีความลับอะไรอยู่หรือไง? ฉันน่าจะเอาภาพนายฉี่ราดไปอวดเพื่อนนะ”





“ทำได้ก็ลองดู” พูดจบร่างที่สูงใหญ่กว่าก็รวบเอวดึงรวบเข้ามทั้งตัวจนแดริลล้มหงายหลังนอนลงไปบนเตียง เจ้าของบ้านจึงแงะอัลบั้มภาพออกจากมือแขกเพื่อโยนมันไปไกลๆ ได้





แดริลหัวเราะร่วนกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

“ตลกเป็นบ้า นายก็อายเป็นนี่นา”

ดวงตาสีเขียวมองเขา หรี่ลงเล็กน้อยอย่างดูอันตราย..

“อยากหัวเราะใช่ไหม เชน… ได้ หัวเราะให้พอ! ” พูดจบนิ้วมือด้านก็จี้เข้าที่เอวของเหยื่อที่พยายามดิ้นหนี แต่ก็ดิ้นไม่สำเร็จ แถมเป็นคนบ้าจี้ ก็เลยยิ่งหัวเราะไม่หยุด

“พอแล้ว พอ… ฮะ ฮะ… ฉันขอโทษ…ฮะ…. พอแล้ว”





ในที่สุดวินเซนต์ก็หยุดมือ ร่างที่อยู่ด้านใต้หัวเราะออกมาอีกสองทีพร้อมหอบเบา ดวงตาสีฟ้าสบเข้ากับดวงตาสีเขียวของร่างด้านบน จนบังเกิดความนิ่งเงียบไปชั่วขณะ





กลิ่นสบู่กับแชมพูอ่อนจางคล้ายจะทำให้มัวเมา ร่างสูงใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนริมฝีปากแนบสนิท ลิ้นแทรกผ่านกลีบปากเข้าไปสำรวจด้านใน ฟันขบขย้ำเบาจนหลุดเสียงครางออกมาในลำคอ





วินซ์ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกทั้งหอบเบา ดวงตาสีเขียวฉายแววซับซ้อน คิ้วมุ่นลงเล็กน้อย เขาเตรียมจะผละออก

“ฉันไปสั่งอาหารเย็--”

แดริลดึงผ้าขนหนูซึ่งคล้องคอของนักกีฬาหนุ่มไว้ รั้งไม่ให้ไป

“วินซ์... ฉันไม่เป็นไร” เขาดันตัวขึ้นแนบจูบเบาเป็นการยืนยัน

“... จะไม่กลัว แพนิค สติแตก แล้วหนีไปอีกใช่ไหม? ” วินเซนต์ไม่ได้ขืนตัวหนี เพียงมองสบตานิ่ง ในดวงตาคู่นั้นฉายชัดถึงความต้องการ “ฉันเว้นช่องว่างกับให้เวลานายได้”

“...อย่าให้ฉันพูดซ้ำได้ไหม” แก้มเริ่มขึ้นสีขึ้นทุกที แดริลไม่ชอบเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นคนที่หน้าแดงตัวแดงได้ง่ายปานนี้… แต่เขาก็ทำอะไรกับมันไม่ได้





ผู้ฟังหัวเราะเบา ก้มลงกระซิบ





“นายพูดแล้วนะ? ”

“อืม… ไม่กลับคำ” ยังไงซะเขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ให้คนรักรอขนาดนี้ก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว…

“ดี” วินซ์แนบจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้จังหวะเร่งร้อนและดุเดือดกว่าคราวก่อนจนแทบหายใจไม่ทัน ริมฝีปากอุ่นร้อนเลื่อนไปขบขย้ำที่ต้นคอ ทิ้งรอยจูบสีแดงจัดเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ





แดริลสะดุ้งตัวเล็กน้อย เสื้อยืดที่สวมใส่ถูกดึงขึ้นจนถึงใต้คาง อากาศเย็นที่กระทบผิวทำให้หลุดเสียงครางออกมา

ผิวบริเวณใต้นิ้วของวินเซนต์หยาบและสากกร้าน ยิ่งไล้ไปบนผิวหน้าท้องก็ยิ่งรู้สึกถึงสัมผัสที่ไม่คุ้นชิน

แดริลถูกร่างสูงใหญ่แนบร่างทับจนแทบจมลงไปกับเตียง การจูบเริ่มไล่ลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ไหปลาร้า ต่ำลงไปจนถึงหน้าท้อง…





เขาหลุดเสียงครางน่าอาย พยายามไม่ให้คำปฏิเสธหรือคำห้ามหลุดออกจากปาก เป็นวันที่ไม่ได้ร้อนขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นทุกที





วินเซนต์หลุดสบถออกมา ดวงตาสีเขียวเข้มดำมืดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความต้องการ ลิ้นไล้เลียจากมุมปากด้านหนึ่งไปถึงฟันเขี้ยว





และในจังหวะนั้นเอง… ที่…





“วินเซนต์ แม่กลับมาแล้ว!! ”





เจ้าของชื่อถึงกับหน้าทิ่มลงไปบนอกคนใต้ร่าง… สบถอีกรอบ คราวนี้ด้วยความโมโห





“................... รู้แล้วครับแม่!!!! ” ตะโกนตอบกลับไปแบบเสียไม่ได้





แดริลมองหน้ายุ่งๆ ของคนข้างหน้าแล้วก็หลุดขำออกมา ตบบ่าปลอบใจทั้งค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากที่นอน





“ไปคุยกับแม่นายเถอะ”





แม่กลับมาบ้าน ใครมันจะไปมีอารมณ์ทำอะไรอะไรต่อกัน...

“อืม” ร่างที่สูงกว่าคว้าเสื้อมาใส่ให้เรียบร้อย “เดี๋ยวนายไปเจอแม่ฉันด้วย ฉันโทรบอกพ่อแม่แล้วว่าเพื่อนมาค้างบ้าน”

“ได้”

“แล้วก็…” วินเซนต์เดินไปเปิดกล่องยา โยนปลาสเตอร์ให้คู่สนทนา จากนั้นก็ชี้ไปที่ต้นคอ “ปิดซะ”





ตอนแรกผู้ฟังเลิกคิ้วงุนงง ต่อมาหันไปดูในกระจกพบว่าบนต้นคอตนเองมีรอยจูบสีแดงวงเบ้อเริ่ม ใบหน้าที่ตอนแรกสงบดีแล้วกลับขึ้นสีขึ้นมาอีกรอบ พอจะหันไปเอาเรื่องกับตัวต้นเหตุ มันก็หนีจากห้องไปแล้ว

ไอ้@#@$*& (@*&* (! @





แดริลลูบหน้าแรง จะด่าออกไปก็ด่าไม่ได้ สุดท้ายก็แปะปลาสเตอร์ปิดเอาไว้ก่อนลงไปเจอหน้าแม่ของวินเซนต์อยู่ดี…





ให้ตายสิ….





เด็กหนุ่มได้แต่คิดอย่างขัดเขิน





..ไอ้บ้าเอ๊ย




ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ anonymouslycat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บทที่ 6 Junior Year First Semester

   แม่วินเซนต์กลับบ้านมาไม่นาน พ่อแม่ของแดริลก็กลับมาจากตาฮิติเช่นกัน เด็กหนุ่มจึงได้กลับบ้านตัวเอง… เขายังคงไปช่วยงานโค้ชวิทเทกเกอร์กับไปเล่นเกมที่บ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเยื้องไปไม่กี่หลังเกือบทุกวัน



   พอพ่อรู้เข้าว่าเพื่อนสนิทคนใหม่ของแดริลเป็นควอเตอร์แบคทีมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนอนาคตไกล ก็ถึงกับเอ่ยปากชมว่าเขาเลือกเพื่อนดี…

   ก็พอจะรู้หรอกว่าพ่อชอบสไตล์อเมริกันดรีมเดินได้แบบหมอนี่.. นักกีฬา ตัวสูงใหญ่ ผิวขาว บ้านรวย…



   แต่หากรู้ว่านั่นแฟนไม่ใช่เพื่อน… พ่อต้องฆ่ากันแน่ๆ

   แดริลตัดสินใจยิ้มรับคำชมและดำเนินกิจวัตรประจำวันของเขาต่อไป ผ่านไปแปบเดียวก็เปิดเทอมแล้ว

   ระหว่างปิดเทอมนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรที่มันเลยเถิดขึ้นอีกเลย เนื่องเพราะพ่อแม่ของทั้งคู่กลับบ้านมาแล้ว ใครมันจะไปมีอารมณ์ทำอะไร...



   วันๆของแดริลก็ผ่านไปด้วยการจดแต้ม จับเวลา แวะไปหาอะไรกินบ้าง แฮงก์เอาท์กับพวกนักกีฬาจนสนิทกันไปซะอย่างนั้น…



   ไม่นานก็เปิดเทอม เขารู้สึกเหมือนยังพักผ่อนไม่ค่อยจะเต็มอิ่ม ลากขาออกจากบ้านก็เห็นรถสีแดงคันเดิมจอดรออยู่ที่ฝั่งตรงข้ามแล้ว…



   กิจวัตรประจำวันยังคงเหมือนเดิม ต่างแค่ตอนนี้พวกเขาขึ้นเกรดสิบเอ็ดแล้ว ยังคงถูกเลือกเป็นหัวหน้ากับรองหัวหน้าชั้นปีพร้อมๆกับเพื่อนลี เลขากับเหรัญญิกปีนี้เปลี่ยนคน และงานสภาก็ยังคงมีมาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย



   วินเซนต์เองก็ยุ่งกับเรื่องทีม ปีนี้เห็นว่าโค้ชค่อนข้างเคี่ยวเขาหนักเพราะวางแผนจะให้ขึ้นเป็นกัปตันทีมใรปีหน้า ซึ่งตอนนี้สถานะของวินเซนต์ก็กึ่งๆจะเป็นรองกัปตันอยู่แล้ว…




   ในวันหนึ่งช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงหลังเลิกเรียน แดริลที่กลับมาจากการเอาเอกสารไปส่งห้องพักครูแวะเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปก็ได้ยินเสียงผิดปกติ



   นักเรียนชายที่น้ำหนักเกินคนหนึ่งโดนต่อยท้องจนทรุดลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ เหมือนจะเป็นเด็กเกรดเก้าเพราะเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนจนกระทั่งปีนี้ ส่วนคู่กรณีเหมือนจะเป็นรุ่นน้องทีมเบสบอล



   “ดูไอ้ตุ๊ดนี่สิ ร้องไห้อย่างกับเป็นเด็กผู้หญิง ฮ่าๆๆ” คนที่เหมือนจะเป็นหัวโจกจิกผมของเด็กอ้วนคนนั้นขึ้นมา “ว่าไงโจเซฟ ทีนี้แกมีเงินให้พวกเรายืมรึยัง”



   “ถ่ายรูปมันเก็บไว้ดีไหมจอห์นนี่ ไม่ให้มันไปฟ้องครู”



   “จับมันถอดกางเกง”



   แดริลมุ่นคิ้วเมื่อได้ยิน พร้อมทั้งกันฟันแน่น.. สังคมไฮสคูลมักไม่ยอมรับคนที่แตกต่างจากมาตรฐานที่ถูกตีกรอบเอาไว้ ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าช่วย…



การกลั่นแกล้งรังแก (Bullying) พวกนี้ ไม่มีใครให้ความสำคัญกับมันจริงจังด้วยซ้ำ และคนแบบโจเซฟก็เป็นเหยื่อที่ถูกจับขึงประจานเป็นตัวอย่าง ว่าอยู่ในสังคมห้ามทำตัวแปลกแยก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเกิดมาเป็นนักกีฬาได้สักหน่อย ใช่ว่าทุกคนจะเลือกที่จะเกิดมา’ปกติ’ได้



ตัวเขาเองก็เป็นเกย์..



แดริลทนทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ เปิดประตูเสียงดังแล้วเดินก้าวยาวๆเข้าไปในห้องน้ำ ทำเอาทั้งสามคนที่กำลังรุมจับเด็กที่นั่งกับพื้นถอดกางเกงถึงกับชะงักมือ



“พวกเกรดเก้าใช่ไหม ทำอะไรกันอยู่…” เด็กหนุ่มถามเสียงเย็น มองรุ่นน้องที่กำลังก่อเหตุอาชญากรรม แล้วก็หรี่ตา “ทำแบบนี้ผิดกฎโรงเรียน ถ้าไม่อยากให้ฉันไปเรียกอาจารย์ก็รีบไสหัวไปซะ ทั้งสามคนเลย”



ทั้งสามมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  จากนั้นก็มองหน้าแดริล แล้วก็รีบเผ่นหนีไปตามระเบียบ..



เด็กหนุ่มผมดำถอนหายใจเบาอย่างสะท้อนใจ มองร่างอวบอ้วนที่พยายามควานหาแว่นตาอย่างสะเปะสะปะ เขาก้าวยาวๆเข้าไปสองก้าว ก้มลงหยิบแว่นที่มีรอยร้าวส่งให้โจเซฟ



“ไม่เป็นไรนะ?”

“...ไม่เป็นไรครับ”



ทำไมคนเราต้องใจร้ายกันขนาดนี้… เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันและทุกโรงเรียนในอเมริกา ทำไมถึงไม่มีใครแก้ไขมัน?



 “ฉันแดริล… แดริลเชน นายล่ะ?”

“โจเซฟ เวสท์…” เด็กคนนั้นยังคมก้มหน้าไม่ยอมมอง

“ไปกันเถอะ ฉันจะพาไปห้องพยาบาล” แดริลยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ

“ไม่ได้… เรื่องนี้ให้ครูรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนหนักกว่าเดิม” โจเซฟพูดเสียงสั่น



แดริลถึงกับนิ่งไป ก็จริงที่ช่วยไว้ครั้งหนึ่งก็ใช่จะช่วยได้ตลอดไป และพวกครูก็มักเห็นว่าปัญหาแบบนี้เป็นแค่เรื่องเด็กทะเลาะกันเล็กๆ ไม่เคยมาแก้ปัญหาจริงจัง จนกระทั่งมีคนตายแล้วเท่านั้นถึงออกโปรเจกต์ใหญ่โต เช่นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โคลัมไบน์เมื่อปี1999.. แค่สามปีก่อนหน้านี้



เด็กหนุ่มจำได้ดีว่าเขาดูเหตุการณ์นั้นผ่านโทรทัศน์และติดตามสนใจคดีนี้พอสมควร ผู้ก่อเหตุทั้งคู่เป็นเหยื่อการถูกรังแกมาตลอดสี่ปี มีรายงานว่าก่อนเกิดเหตุไม่กี่อาทิตย์ ว่ากันว่าคนร้ายทั้งสองคนโดนพวกนักกีฬาทีมอเมริกันฟุตบอลราดด้วยซอสมะเขือกับมัสตาร์ด.. แล้วด่าว่าพวกเขาว่าเป็นเพศที่สาม

   

   ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเกย์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่มันเป็นข่าวที่ทำให้สะเทือนไปทั้งอเมริกา ไฮสคูลเกือบทั่วประเทศออกแคมเปญต่อต้านการรังแกกันในโรงเรียน แต่สุดท้ายสามปีผ่านไปกระแสซาลง ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม… ดูสิ เรื่องเดิมๆก็ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า



   มันดูไม่มีทางออก… เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดสามคนนั่นโดนพักการเรียนแล้ว เด็กคนนี้จะโดนกลั่นแกล้งหนักกว่าเดิมไหม



   ในปีของแดริลก็เคยมีคนที่โดนแกล้งแบบนี้ สุดท้ายทนไม่ไหวจนย้ายโรงเรียนไป แดริลไม่ได้มีความแค้นอะไรกับคนคนนั้น แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้หรือคบหาสมาคม ด้วยกลัวว่าจะโดนมองเป็นพวกประหลาดนอกคอก กับเป็นเหยื่อพวกนักกีฬาไปด้วย



   ที่ผ่านมาเขาระมัดระวังกับสถานะทางสังคมของตนเองมาก ทั้งทำตัวเป็นไนซ์กาย เข้าหาช่วยงานครู และเข้าสภานักเรียน… แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้



   สังคมไฮสคูล… จริงๆแล้วมันเละเทะจะตายไป



   “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร… แต่มีอะไรก็มาหาฉันได้นะ” พูดจบก็ยัดเยียดผ้าเช็ดหน้าใส่มืออีกฝ่าย แถมด้วยพลาสเตอร์ติดแผลอีกชิ้น



   “....อย่า...อย่ามายุ่งกับผมเลย เดี๋ยวจะ...โดนไปด้วย” แดริลรับฟัง.. แล้วก็หัวเราะเบาๆ



   “โจเซฟ นายกำลังพูดกับคนที่จะเป็นประธานสภานักเรียนในปีหน้าอยู่นะ” ไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจมาจากไหน อาจจะติดโรควินเซนต์มา หรืออาจจะโดนเพื่อนลียัดเรื่องพวกนี้ใส่สมองมากไป… “เชื่อฉัน พวกนั้นแตะฉันไม่ได้”



   โจเซฟกำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านเลนส์แว่นแตกอย่างหวาดๆ



   “เชื่อฉันเถอะ” เด็กหนุ่มยกยิ้ม “แต่ตอนนี้เราควรรีบไปจากที่นี่ก่อนพวกนั้นกลับมา”



   แดริลเดินมาส่งรุ่นน้องถึงหน้าโรงเรียน จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาที่เขาต้องไปเจอวินเซนต์แล้ว…



   รีบวิ่งกลับเข้าโรงเรียนไปเอากระเป๋าจากนั้นก็วิ่งกลับมาถึงลานจอดรถก็เลยเวลานัดไปสิบนาทีแล้ว เห็นเจ้าของรถนั่งรออยู่ในนั้นเขาก็ยิ่งเร่งฝีเท้า เปิดประตูเข้าไปนั่งตามความเคยชิน



   “วันนี้งานเยอะ?” ถามทำนองว่าทำไมถึงสาย แดริลก็ส่ายหน้า

   “เจอเรื่องมานิดหน่อยน่ะ”

   “หืม?” วินซ์

   “นายรู้จักเด็กทีมเบสบอลเกรดเก้าปีนี้ไหม” แดริล

   “ก็พอรู้จักบ้าง… ทำไม พวกนั้นทำอะไร” วินซ์

   “รุมกระทืบคนไม่มีทางสู้” แดริล

   “พวกเนิร์ดน่ะเหรอ? ก็เรื่องปกตินี่…” วินซ์

   “...”



   รถค่อยๆแล่นออกจากลานจอด แดริลมีสีหน้าหนักใจ จริงๆมันก็ไม่แปลกที่วินเซนต์จะพูดอะไรแบบนี้ หากไม่มีคำสั่งห้ามจากโค้ชวิทเทกเกอร์.. หมอนี่ก็เป็นคนประเภทที่จะรังแกชาวบ้านได้อย่างหน้าตาเฉย



   “ถ้าเป็นฉันที่โดนรุมกระทืบล่ะ วินเซนต์” แดริล

   “ใครทำ? ฉันจะไปกระทืบมันคืน” วินซ์

   “ไม่ใช่… หมายถึง… มันยังจะปกติอยู่รึเปล่าที่ถ้าคนที่โดนเป็นคนที่สนิทกับนาย…” แดริลพูดเสียงเบา

   “แต่ฉันไม่สนิทกับพวกขี้แพ้ ไม่คิดจะไปสนิทด้วย” เด็กหนุ่มนักกีฬาหักพวงมาลัยเลี้ยว “ทำไมนายต้องไปสนใจด้วยล่ะ มันก็ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย?”

    “... ถ้าข่าวว่าฉันเป็นเกย์รั่วออกไป ฉันก็อาจจะโดนเหมือนกัน” ผู้พูดฝืนยิ้ม แต่หว่างคิ้วมุ่นจนเป็นรอยย่น

   “แต่มันจะไม่รั่วออกไป” วินเซนต์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นายต้องการอะไร จะมาว่ากันที่ฉันเคยรังแกคนอื่นไว้รึไง?”

   น้ำเสียงในประโยคหลังเริ่มเป็นการใส่อารมณ์ แดริลฟังแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“วินซ์… ถึงนายจะเป็นฝ่ายที่ไปหาเรื่องกระทืบคนอื่น แต่ก่อนที่ฉันจะตกลงคบกับนายฉันก็รู้อยู่แล้วว่านายเป็นคนแบบนี้ พระเจ้า… ตอนเกรดเก้านายหาเรื่องฉันทุกวันด้วยซ้ำไป ฉันไม่ได้จะหาเรื่องทะเลาะหรือต่อว่าอะไร ก็แค่อยากคุยกันในเรื่องที่ไม่สบายใจ…”

“อืม…” คนที่กำลังขับรถรับคำ เหมือนจะอารมณ์เย็นลงพอควร “แต่เรื่องจะไปแก้กฎหมู่ของสังคมแบบนี้… ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ แดริล มันมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ยิ่งนายพยายามจะแก้ ก็จะยิ่งแปลกแยกขึ้นเท่านั้น”

“ฉันเข้าใจ…”

“นายจะช่วยคนอื่นจนตัวเองขาดทุนทุกเรื่องไม่ได้” รถคันสีแดงจอดเทียบที่ข้างทาง มือใหญ่วางลงบนหัวของเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังเซื่องซึม ลูบเบาๆเป็นเชิงปลอบ “ที่ฉันอยู่ในจุดที่ฉันอยู่ได้ ก็เพราะเรื่องบางเรื่องฉันก็ไม่ไปยุ่ง”

“ก็ไม่ได้ขอให้นายยุ่งหรอก…” แดริลถอนหายใจ คิดไปคิดมาวินเซนต์ที่อยู่เป็นจุดศูนย์กลางของพวกกลุ่มนักกีฬา (ซึ่งมักจะเป็นพวกที่ก่อเรื่องบุลลี่ชาวบ้าน) อาจจะเป็นคนที่ไม่น่าคุยเรื่องนี้ด้วยที่สุดแล้ว…

“แต่ถ้านายอยากจะยุ่งฉันก็ไม่ห้าม ถ้าพวกนั้นมากระทืบนาย ปีนี้พวกมันก็คงอยู่ยาก” วินเซนต์โน้มตัวมาจูบแก้มเขาเบาๆทีหนึ่ง

“ระดับนายยังกระทืบฉันไม่ได้ เด็กพวกนั้นก็ทำไม่ได้หรอก วินเซนต์ ซัมเมอร์”

“ตอนนั้นกระทืบไม่ได้ ตอนนี้กระทืบไม่ลง แต่ฉันทำอย่างอื่นกับนายได้นะ” เจ้าของรถยักคิ้วให้สองที ทำเอาคนฟังหน้าขึ้นสีหันหนีไปทางอื่น

“ขับรถต่อ… วันนี้มีการบ้านวิชาสังคมต้องรีบกลับไปทำ”แดริลพึมพำเสียงเบา คนฟังเพียงหัวเราะร่วนและเปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่งพารถคันใหญ่ให้แล่นออกไปอีกครั้ง

“พรุ่งนี้โค้ชบอกให้นายมาช่วยงาน งานสภาเคลียร์ใกล้เสร็จรึยัง?”

“อืม… จริงๆก็พอปลีกตัวมาได้น่ะถ้าโค้ชเรียก”

“ดี ช่วงนี้ต้องคัดตัวเด็กใหม่เข้าทีม อาจจะเหนื่อยหน่อยนะ” รถจอดลงที่หน้าบ้านของวินเซนต์เหมือนเดิม เจ้าของรถยิ้มส่งคนที่กำลังเปิดประตู “ข้ามถนนระวังด้วย”



“ระวังอยู่น่า” กระแทกประตูปิดแล้วก็ไม่ลืมที่จะมองซ้ามองขวาก่อนข้ามถนน เรื่องโดนรถชนขาหักนี่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับชีวิตนี้..

   

อันที่จริงสถานการณ์แปลกๆที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็เริ่มมาจากที่ขาหักนั่นล่ะนะ…




ในวันรุ่งขึ้น…



   หลังเลิกเรียนเป็นเวลาที่แดริลจะยุ่งที่สุดของวัน… นอกจากจะต้องช่วยลีจัดการกับเอกสารแล้วก็ยังต้องวิ่งไปช่วยโค้ชวิทเทกเกอร์ฝึกนักกีฬา



   เป็นวันฤดูใบไม้ร่วงที่ก่อนหน้นี้ฝนตกปรอยจนพื้นเละเป็นโคลนลื่น แต่นักกีฬาทุกคนก็ยังต้องฝึกซ้อมกันต่อไปเพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับฤดูกาลการแข่งขั้นที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า



   แดริล เชน แบกทั้งอุปกรณ์และตะกร้าใส่ลูกอเมริกันฟุตบอลอีกทั้งธงปักมาอย่างพะรุงพะรัง วางทุกอย่างในที่ที่มันควรจะอยู่ ยืนจดสถิติ วิ่งไปจดคะแนนขึ้นกระดาน วุ่นวายจนแทบทำไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นมากแล้ว.. ขณะที่พวกนักกีฬาวิ่งเข้าห้องล็อกเกอร์ไปอาบน้ำ ผู้จัดการทีมที่น่าสงสารก็ยังต้องอยู่เก็บข้าวของ



   เหมือนว่าโค้ชยังหาใครอีกคนที่จะมาช่วยงานไม่ได้ แดริลจึงต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว



   ขณะกลับจากการหิ้วของไปเก็บที่โรงยิม พื้นรองเท้าก็เหยียบเข้ากับสนามหญ้าแฉะเปียกโคลน ล้มหน้าทิ่มลงไปในดินเข้าเต็มๆ



   “...........”

   “ฮ่าๆๆ ทำอะไรของนายน่ะเชน!!” ไอ้เจฟฟ์... “ดูสิวินซ์ หมอนั่นทิ่มลงโคลนเลยว่ะ”

   ...พอยิ่งมีคนชี้ก็ยิ่งเรียกความสนใจมากขึ้น ร่างที่ไม่บางไม่หนา ตามค่าเฉลี่ยของเด็กอายุสิบหกทั่วไปค่อยๆยันกายขึ้น ปาดโคลนที่เลอะใบหน้าแล้วชักสีหน้ารังเกียจกลิ่นดินที่ติดจมูก

   “เห็นแล้ว” คนโดนเรียกขำเบาๆในลำคอ “ไม่ใช่ว่าเจสรอนายอยู่เหรอ เจฟฟ์?”



พูดจบไอ้เจฟฟ์ก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ รีบวิ่งไปหาพวกทีมเชียร์ที่ซ้อมกันอยู่ในโรงยิมทันที ส่วนคนอื่นๆก็โดนวินเซนต์ไล่ให้กลับบ้านไป ไม่ต้องสนใจนัก



“..ขอบใจที่ช่วย” แดริลกล่าวเสียงเบาหลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เขากับพ่อผู้เล่นดาวเด่นของทีม และโคลนเต็มตัว “ฉันไปล้างโคลนสักหน่อยดีกว่า ถ้านายรีบจะกลับก่อนเลยก็ได้นะ”



ในบางวันที่วินเซนต์ต้องไปสังสรรค์กับพวกกลุ่มนักกีฬา บางทีแดริลก็จะโดนลากไปด้วย และอีกหลายๆทีก็จะแยกกันกลับ



ถึงพวกนักกีฬาจะยอมรับเขา แต่แดริลก็ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอะไรขนาดนั้น.. เขาสบายใจที่จะอยู่กับกลุ่มเด็กกิจกรรมกับพวกนักเรียนดีเด่นมากกว่า



“วันนี้ไม่มีนัดอะไร รีบไปล้างตัวเถอะจะได้กลับ” มือข้างหนึ่งดันหลังเป็นเชิงเร่ง แดริลพยักหน้า ไม่วายบ่นงึมงำ

“...ดีนะที่วันนี้มีคาบพละเลยมีชุดเปลี่ยน” พูดจบมือหยิบกระเป๋า เดินลิ่วเข้าห้องล็อกเกอร์สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านในแบ่งเป็นห้องอาบน้ำเล็กๆหายห้อง



ร่างไม่หนาไม่บางหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋ากีฬา ถอดเสื้อผ้า วางพับไว้ลวกๆแล้วรีบก้าวยาวเข้าห้องอาบน้ำ อยากล้างโคลนออกเต็มแก่จนไม่สังเกตว่ามีคนเดินตามมาด้านหลังอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่ายืนมองมานานเท่าไหร่แล้ว



กำลังจะปิดประตูห้องน้ำ มือใหญ่ที่ดูคุ้นตาก็ดันมันเอาไว้เสียก่อน…



แดริลเบิกตาโต ดันประตูปิดสู้เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบแรก แต่อนิจจา ยังไงซะแรงก็สู้เขาไม่ได้..  ร่างที่สูงกว่าเบียดตัวเข้ามาในห้องน้ำแคบ เริ่มถอดเสื้อผ้าด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ



“นายจะทำอะไร!?” เด็กหนุ่มผมดำถามเสียงหลง ขณะที่วินเซนต์โยนเสื้อผ้าและกางเกงของตัวเองออกไปทีละชิ้น

“ต้องถามด้วยเหรอ?” วินเซนต์เลิกคิ้วมอง ประหนึ่งจะถามว่าแค่นี้ยังชัดเจนไม่พอรึไง?

“...นี่มันที่โรงเรียนนะวินซ์” ขณะที่พยายามปราม ประตูห้องน้ำก็โดนปิดแล้วลงกลอน.. หมดทางหนีแบบรู้สึกเดจาวู

“แล้วทำไมล่ะ คนอื่นเขาก็ทำกันที่โรงเรียนนั่นแหละ นายแค่ไม่รู้”



แดริล เชน ทำได้เพียงลูบหน้าแดงๆของตนเอง รู้ตัวอีกทีผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบท่อนล่างก็โดนดึงไปพาดไว้กับขอบประตู ยังไม่ทันได้โวยวาย น้ำเย็นจัดจากฝักบัวก็สาดลงหัวเต็มๆจนเด็กหนุ่มเผลอปิดตาแน่น



“ถือนี่ไว้หน่อย” ไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวอะไรทั้งนั้น… อยู่ๆของชิ้นหนึ่งก็โดนยัดเข้ามือ แดริลเปิดตามามองมันอย่างงุนงง

“?” ซองพลาสติก… ทรงเหลี่ยม.. มันคือ… “.......”



…………………….ถุงยาง



ยังไม่ทันจะโต้ตอบอะไร ท้องนิ้วด้านของคนตรงหน้าก็ค่อยๆปาดเอาโคลนออกจากหน้าเขา เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกแล้ววินเซนต์ก็ยกยิ้มมุมปาก หลุดขำออกมา



“ดูทำหน้าเข้าสิ ไม่ใช่ว่านายบอกฉันว่าทำได้แล้วหรอกเหรอ?” ร่างที่สูงกว่าโน้มลงกระซิบถามข้างหู “ฉันรอนานแล้วนะ”



ไม่ใช่นายรอนานแล้ว แต่มันไม่มีจังหวะให้นายมากกว่า...



ดวงตาสีฟ้าพยายามหลบเลี่ยง แต่มองลงไปเจอร่างเปลือยเปล่าข้างหน้าก็ต้องเงยหนี พอเงยหนีก็สบเข้ากับสายตาของวินซ์แทน… ใบหน้าร้อนเสียจนน้ำเย็นจากฝักบัวก็ไม่ช่วย จนแดริลตัดสินใจหลับตาหนี



---------------------

“ถือว่านายสมยอม” เสียงกระซิบข้างหูนั่นกลั้วด้วยเสียงหัวเราะเบา มือใหญ่ที่หยาบกร้านลูบถูสบู่ลื่นๆบนหน้าท้องของเด็กหนุ่ม ไล่มือขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงเอว และหยุดคลึงที่ยอดอก

ยิ่งหลับตาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงสัมผัสจาบจ้วงบนร่างได้อย่างชัดเจน เสียงครางที่หลุดรอดออกจากลำคอดังก้องไปทั่วห้องแคบจนต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่วินเซนต์กลับดึงมือข้างนั้นออกไป ประสานกดแนบไว้กับกำแพง ขณะที่ฟันขบงับยอดอกสีระเรื่อและดึงเบา

“วินซ์!” แดริลครางออกมา ลืมตาขึ้นทันที มองไอ้คนที่กำลังยิ้มได้ใจทั้งน้ำตาคลอ “เสียง..ดังไม่ได้”
“ไม่มีใครอยู่แล้ว ร้องให้ฉันฟังหน่อยสิ” วินซ์เงยหน้าขึ้น จูบซับน้ำที่เล็ดออกมาจากหางตาของคนที่กำลังโดนรังแก ที่กำลังด่านักกีฬาหนุ่มด้วยสารพัดคำพูดอยู่ในใจแต่กลับปิดปากสนิทพลางก้มหน้าหลบสายตาหิวกระหายคู่นั้น

วินเซนต์หัวเราะเบา แนบจูบสั้นๆ มือไล้ไปบนผิวกายอุ่นจนถึงต้นคอ ทำเอาร่างที่บางกว่าสะดุ้งเล็กน้อย
“ไปทำใน… ที่ที่มัน...ปลอดภัยกว่านี้ไม่ได้รึไง--” เด็กหนุ่มหอบเบา เบือนหน้าตั้งใจมองประตูสีขาวราวว่านั่นคือที่พึ่งสุดท้าย แล้วเสียงก็ขาดช่วงไปเมื่อต้นคอถูกขบและดูดเบา เกิดเป็นรอยแดงจุดใหญ่

“...ไม่ทันแล้ว” วินเซนต์กระซิบตอบที่ต้นคอ มือที่จับประสานกันโดนดึงเลื่อนไปวางบนส่วนที่กำลังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีเขียวจัดฉายแววคล้ายเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ

เจ้าของมือรู้สึกหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จะด่าก็เคยด่าไปหมดจนหมดคำพูดจะด่าแล้ว

   รู้ตัวอีกทีร่างที่เล็กกว่าก็ถูกจับพลิกให้หันหน้าเข้าหากำแพง น้ำเย็นจากฝักบัวไหลกระทบบ่า ค่อยๆกลิ้งลงตามแนวสันหลัง มือใหญ่กดเบาให้แดริลโน้มตัวชิดกำแพง ขณะดึงสะโพกเข้าหาตัว

   ริมฝีปากอุ่นแนบจูบเบาลงบนแผ่นหลังคล้ายจะปลอบประโลม เสียงลมหายใจของร่างที่สูงกว่าถี่กระชั้น คล้ายได้ยินเสียงคำรามเบาในลำคอ

   มือคู่ใหญ่ที่ลื่นเพราะฟองสบู่เลื่อนจากสะโพกขึ้นไปบนแผ่นหลัง อ้อมไปลูบไล้ที่ด้านหน้า ต่ำลงไปเรื่อยจนถึงหน้าท้อง แดริลยิ่งกำมือแน่น ฝังหน้าเข้ากับกำแพงอย่างไม่พร้อมจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์ขณะนี้ เด็กหนุ่มกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดรอดออกจากริมฝีปากจนตัวสั่นเบาๆ เขาหอบหายใจสั้น… และลมหายใจนั่นก็ถึงกับสะดุดเมื่อมือหยาบกอบกุมส่วนกลางลำตัว

   “วินซ์!” แดริลหลุดเสียงร้อง พยายามขยับหนีแต่ด้านหลังก็ชนเข้ากับบางสิ่งที่ทั้งร้อนทั้งแข็ง สีแดงบนใบหน้าที่แดงจัดลามไปถึงใบหู ลงไปถึงต้นคอ
   “ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลย ตรงนี้ก็แข็งซะแล้ว” พูดแล้วก็หัวเราะเบา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแผ่นหลังตามจังหวะเสียงหัวเราะนั้น ไม่พูดเปล่ายังขยับข้อมือเป็นจังหวะเนิบช้า

   เด็กหนุ่มผมดำกัดฟันแน่น ในห้องน้ำแบบนี้แค่ส่งเสียงเล็กน้อยก็ก้องสะท้อนไปทั่วจนน่าอายแล้ว คนหน้าบางแบบเขามีหรือจะอยากฟัง แล้วร่างที่บางกว่าก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อมือใหญ่วางลงบนสะโพก ค่อยๆเลื่อนไปด้านหลัง… และต่ำลงเรื่อยๆ…

   สิ่งแปลกปลอมที่สอดเข้ามาในร่างกายทำให้แดริลหลุดเสียงครางออกมาเล็กน้อย ความลื่นจากสบู่ช่วยให้นิ้วแรกสอดแทรกเข้าไปอย่างง่ายดาย ครั้นจะขยับสะโพกหนี ก็เสียดสีเข้ากับด้านหน้าที่โดนกอบกุมไว้อย่างแน่นหนา จนเผลอตัวขยับถอยไปชนกับนิ้วหยาบที่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองนิ้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว จะหน้าหรือหลังก็ไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง

   “เจ็บไหม?” แดริลส่ายหน้ากับคำถามดังกล่าว มันไม่เชิงว่าเจ็บ แค่รู้สึก… ประหลาด แบบที่อธิบายไม่ถูก สองนิ้วค่อยๆขยับเข้าออก ขยายช่องทางคับแคบเป็นจังหวะเดียวกับมือที่ขยับอยู่ด้านหน้า

   นิ้วนั้นสอดแทรกลึก จู่ๆความรู้สึกชาวาบก็แล่นขึ้นทั่วร่าง จากความรู้สึกแปลกค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแบบอื่น ในลำคอครางออกมาแบบไม่เป็นภาษา สะโพกขยับตอบรัมสัมผัสแบบควบคุมไม่อยู่

   “ตรงนี้?” วินเซนต์กระซิบข้างหู ลิ้นสีสดลากแตะริมฝีปากจากมึมหนึ่งไปถึงอีกมุม นิ้วยาวสอดลึก บดขยี้จุดเมื่อครู่ มือด้านหน้าก็เร่งเร้าจังหวะขึ้นอีก จนเจ้าของร่างทำได้เพียงเปล่งเสียงออกมาอย่างไร้ทางสู้ ร่างกายขยับตอบรับสัมผัสอย่างลืมตัว

   เด็กหนุ่มคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองตามสัญชาตญาณ ลืมที่จะระวังว่าต้องเบาเสียงด้วยซ้ำ

   “นายน่ารักเป็นบ้า” ถึงตรงนี้แดริลฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร คล้ายได้ยินเป็นเสียงคำรามที่แหบพร่าเท่านั้น

   “วินเซนต์… เร็วอีก” เสียงร้องขอกึ่งออกคำสั่ง กึ่งจะอ้อน ฟังเสี่ยงนั่นแล้ววินเซนต์ก็หัวเราะเบา จังหวะของมือคู่นั้นก็ยิ่งเร่งขึ้น แดริลค่อยๆเอนพิงน้ำหนักไปด้านหลัง แผ่นหลังสัมผัสเข้ากับอกกว้าง หยดน้ำที่ร่วงลงมาจากฝักบัวหล่นลงกระทบร่างของทั้งคู่จนเปียกชุ่ม “จะ….แล้ว…”
   “มาสิ” คำอนุญาตมาพร้อมน้ำหนักมือที่กดเพิ่ม สะโพกบางขยับสอดรับกับจังหวะ ทว่าขณะที่กำลังจะส่งเสียงร้องออกมา มือที่เมื่อครู่กำลังเร่งเร้าจังหวะที่ด้านหน้ากลับผละออก ยกขึ้นมาปิดปากแดริลสนิท การเคลื่อนไหวทั้งหมดพลันหยุดลง

   เด็กหนุ่มส่งเสียงเบาในลำคอคล้ายขัดใจ ทว่าจังหวะนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก

   “วินเซนต์ นั่นเธอใช่ไหม?” เป็นโค้ชวิทเทคเกอร์นั่นเอง “รีบๆหน่อย แค่อาบน้ำทำไมชักช้าจริง เดี๋ยวฉันต้องล็อกห้องแล้ว”
   “... ครับ โค้ช” ปลายเสียงที่ตอบกลับสั่นเบา แทบจะเป็นเสียงคำราม

   ร่างกายท่อนล่างเกร็งกระตุกพร้อมปล่อยของเหลวสีขุ่น เสียงทั้งหมดถูกฝืนกลืนเข้าลำคอ ร่างที่บางกว่าเอนพิงคนข้างหลังที่แผ่นอกร้อนอย่างกับไฟ

   เสียงฝีเท้าของโค้ชค่อยๆห่างออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง วินเซนต์ดูเหมือนพร้อมจะฆ่าคน… และพอก้มลงมอง สิ่งนั้นยังคงไม่สงบลง...




---------------------

   “วินซ์”



   รู้ว่าควรจะรีบไป เพราะโค้ชพร้อมกลับมาเรียกพวกเขาได้ทุกเมื่อ… เด็กหนุ่มร่างสูงกัดฟันแน่น หลับตาด้วยต้องการข่มอารมณ์ ก้มลงจูบแดริลเบาๆ จากนั้นจึงเปิดน้ำเย็นให้สาดลงตัวแรงขึ้นอีก



   “นายออกไปแต่งตัวก่อน เดี๋ยวฉันตามไป” วินซ์กดเสียงต่ำ วางมือกับผนังห้องน้ำ ปล่อยให้น้ำเย็นราดรดตัว “ฉันกำลังคิดภาพยายแก่เลี้ยงแมวข้างบ้านอยู่… นายมายืนอยู่แบบนี้ไม่ช่วยเลย”



    แดริลไม่รู้ควรจะช่วยอย่างไร และยิ่งคิดจะช่วยอาจจะยิ่งแย่ จึงเดินออกจากห้องอาบน้ำไปแต่งตัว นั่งรออย่างสงบ เขาคลายมือที่กำไว้ออก… ถุงยางซองนั้นยังอยู่นี่ เห็นแล้วก็กุมขมับเครียด...



ไม่นานวินเซนต์ก็ออกมา เช็ดตัวแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่โยนทิ้งไว้หน้าห้องน้ำลวกๆมาสวมใส่ หน้าบูดบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก



“กลับบ้าน...” พูดเสียงห้วนแล้วก็แบกกระเป๋าเดินลิ่วนำไปทันที แดริลได้เพียงตบบ่าอีกคนอย่างเข้าอกเข้าใจ…



ระหว่างเดินไปขึ้นรถก็เอ่ยปากถามขึ้นมา...

“ไปบ้านนายไหม” แดริล

“... พ่อแม่อยู่น่ะ” วินซ์

“...” แดริล



หลังจากขึ้นรถ บังเกิดความเงียบระหว่างทั้งคู่ไปครู่ใหญ่ วินเซนต์ก็ยังคงมีสีหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้อย่างคงเส้นคงวา

“วินซ์…” แดริล

“ฉันไม่ได้โกรธนาย” วินซ์

“...ฉันรู้” แดริล



เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อของเจ้าของรถ แตะจูบเบาที่แก้มสาก วินเซนต์ไม่ได้ตอบสนองในทันที แค่ลูบแก้มของตนเองเบาๆ



“ให้ตายเหอะ…” นักกีฬาหนุ่มฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ก่อนจะเริ่มโอดครวญ “นายไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ฉันอยากจับนายกินทั้งเป็นขนาดไหน... โหดร้ายชะมัด”

จริงๆนายก็ไม่ควรเลือกทำอะไรแบบนี้ในห้องน้ำโรงเรียนแต่แรกแล้วนะ…



“มิสซิสนอร์ริสที่เลี้ยงแมวอยู่ข้างบ้านนายชอบซื้อคุกกี้จากที่โบสถ์….” ….ช่วยพูดถึงหญิงชราอย่างหวังดี และลูบหลังปลอบใจสองที

“...ขอบใจ” ถึงพูดแบบนั้นแต่วินเซนต์ก็ไม่ได้มีท่าทีกระตือรือล้นขึ้นแต่อย่างใด… และก็ยังไม่ยอมขยับตัว

“คราวหน้านะ….” แดริล

“นายเป็นคนแรกเลย ที่ฉันรอนานขนาดนี้” อันที่จริงมันก็ยังไม่กี่เดือนนะวินเซนต์… “พวกสาวเชียร์นี่เดทกันไม่กี่วันฉันก็ได้แล้ว”



คนฟังแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ



“ที่คบนานขนาดนี้ด้วย ปกติสองเดือนเต็มที่ก็เลิกกันแล้ว” วินซ์

“เพราะพวกเธอทนนายไม่ไหวไงล่ะ…” แดริล

   “ใช่ ส่วนมากพวกเธอจะเลิกไปเอง ก็สะดวกฉันดี” วินซ์

   

   แดริลถอนหายใจ…



   ผู้ชายดีๆมีมากมาย ทำไมเขาถึงเลือกหมอนี่กันนะ



“แต่ฉันไม่ได้นอนกับสาวๆเลยนะหลายเดือนที่ผ่านมา” วินซ์

“อืม” แดริล

“ฉะนั้นนายต้องชดเชยให้ฉัน” วินซ์

“.....” แดริล   

“ทบต้นทบดอกแล้วน่าจะหลายรอบ” วินซ์

“ปล่อยฉันลงตรงป้ายรถบัสข้างหน้าได้เลย..” แดริล



วินเซนต์หัวเราะชอบใจ ยอมเงยหน้าจากพวงมาลัยเพื่อจูบคืน…



ในที่สุดรถคันใหญ่ก็แล่นออกจากลานจอด มุ่งไปตามถนนที่เป็นทางกลับบ้าน…



อย่างน้อยตอนนี้วินเซนต์ก็สงบลงแล้ว… แต่ดูท่าทางว่าวันข้างหน้าของแดริลเชนจะไม่ได้สงบเท่าไหร่เลย..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2019 11:09:11 โดย anonymouslycat »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันเป็นไปตามสังคมที่อยู่ใช่ไหมเรื่องกลั่นแกล้งกันเนี่ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ชอบการแกล้ง ทำร้ายคนอ่อนแอ คนที่ต่างจากตัวเองเลย
ใช้อำนาจ ใช้สิทธิ์เกินกว่าที่จัวเองมี
กฎหมู่เหนือกฎหมาย เหนือสิทธิส่วนบุคคลจริงๆ
มีทุกที่แม้ในประเทศทีึ่เจริญแล้วก็ตาม
 
แดริล จะทนโดนทบต้น ทบดอกไหวไหมนะ   :really2: :serius2: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด