END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]  (อ่าน 37498 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************



#สระของพยัญชนะ

by Hazel_nut


ผมชื่อสระ (สะ-หระ) ส่วนมันชื่อพยัญชนะ
ชื่อเราคล้องกัน และเราเป็นเพื่อนกัน
แต่พอคลิปที่เราไปว่ายน้ำเล่นที่สระน้ำของมหา'ลัยถูกเผยแพร่ออกไปในโซเชียล
เราก็กลายเป็นคู่จิ้นกันซะงั้น!



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2019 21:57:21 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Zero

สระ (สะ-หระ) : สระน้ำ (สาด)

 

[สระ]


“ร้อนว่ะ”

ผมบ่น มือก็ปาดเหงื่อตามลำคอไปด้วย เพราะหอพักที่ผมอยู่ไม่มีแอร์ อยากได้หอที่ราคาถูกก็ต้องทนร้อนไงครับ แล้วอากาศอันร้อนอบอ้าวในเวลาบ่ายสามก็กำลังจะทำให้ผมละลายกลายเป็นแอ่งน้ำในไม่ช้านี้แล้ว

“พัดลมไม่ช่วยเลยเหรอ”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ คิ้วขมวดอย่างหงุดหงิดกับความเหนียวเหนอะหนะของผิวกาย เหงื่อออกเยอะมากเลยอะ แล้วสีหน้าของผมก็คงจะแสดงออกชัดเจนว่าใกล้จะเป็นบ้าเพราะความร้อนแล้ว เพื่อนสนิทผู้แสนดีที่หนึ่งในโลกถึงได้ลุกออกจากโต๊ะญี่ปุ่น ที่มันกำลังคร่ำเคร่งทำรายงานส่วนสุดท้ายอยู่ตรงหน้าจอโน้ตบุ๊ค

“นี่โลกหรือนรกวะมึง กูกำลังทดลองอยู่ในนรกหรือเปล่าเนี่ยยย” ผมโวยวายโหยหวนไปตามเรื่อง

พยัญชนะ...หรือเรียกสั้นๆ ว่าไอ้นะ มันเป็นเพื่อนสนิทของผม เรารู้จักกันครั้งแรกในวันสอบสัมภาษณ์ของคณะ และตอนนี้เราอยู่ปีสองใกล้จะจบปีสามแล้ว เท่ากับว่าผมกับมันรู้จักกันมานานเกือบสองปีเห็นจะได้

เรื่องตลกก็คือมันชื่อพยัญชนะใช่ไหมครับ? ส่วนผมชื่อสระ (แบบว่า ‘สะ-หระ’ น่ะครับ) เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยที่คนชื่อแปลกอย่างเราสองคนได้มาเจอกัน ทุกวันนี้ยังโดนเพื่อนร่วมคณะล้ออยู่เลยว่าเราเป็นเนื้อคู่กัน ชื่อคล้องจองกันแล้วยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีก

“กูบอกแล้วว่าให้ไปอยู่กับกู หอกูมีแอร์” มันบ่น แต่มือมันก็ช่วยเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมและกรอบหน้าให้ ซึ่งผมก็ยอมนั่งนิ่งแล้วปล่อยให้มันทำไป ปากผมก็เถียงมันไปด้วย

“ก็หอมึงราคาแพงอะ”

“หารกับกูสิ บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

“กูก็บอกหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ว่าหารกับมึงก็ยังแพงกว่าค่าหอที่กูอยู่คนเดียวนี่อยู่ดี”

“แพงกว่าแค่พันกว่าบาท เดี๋ยวกูออกให้ก็ได้ไง” ไอ้นะไม่ยอมแพ้ ยังคงเอาเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง มันพูดตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว จนตอนนี้พอมีโอกาสมันก็พูดอีก ขุดมาพูดเป็นสิบยี่สิบครั้งในรอบหกเดือนได้แล้วมั้งเนี่ย

“ไม่เอาอะ กูเกรงใจมึง”

อีกฝ่ายกอบกุมสองข้างแก้มของผมเอาไว้ บังคับให้จ้องตากับมัน และมันกำลังทำหน้าขึงขังใส่ผม น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยโทนเสียงเข้มขึ้นหนึ่งระดับ เป็นโทนเสียงในแบบที่มันมีไว้เพื่อดุหรือปรามผมโดยเฉพาะนั่นล่ะ

“สระ อย่าดื้อดิ”

“สระไม่ได้ดื้อออ” ผมโอดครวญ เอนหัวลงพิงหน้าผากกับหน้าอกของไอ้นะ โขกหัวใส่ไปเบาๆ เริ่มใช้การออดอ้อนมาทำให้มันเลิกดุผม “เงินตั้งเป็นพันมันไม่ใช่น้อยๆ อะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่ละเดือนแทบไม่พอใช้”

“กูถึงได้บอกว่าจะออกให้ไง”

“เรื่องนั้นกูก็บอกแล้วไงว่าเกรงใจ ถึงเงินไม่กี่พันสำหรับมึงมันจะน้อยนิด แต่สำหรับกูมันเยอะมากนะเว้ย”

“กูไม่ได้ดูถูกมึงนะสระ”

“ก็รู้” ผมผ่อนลมหายใจยาว กะพริบตาปริบๆ ใส่อีกฝ่ายแล้วยิ้มแบบที่ไอ้นะชอบบอกว่ามันคือ ‘ยิ้มหน้าซื่อตาใส’ ให้มันไปด้วย “ตกลงเรากำลังคุยเรื่องไหนอยู่กันแน่เนี่ย”

ได้ยินแบบนั้นไอ้นะก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ขยี้หัวผมพลางว่า “ยังไงกูก็อยากให้มึงย้ายไปอยู่กับกูอยู่ดี จะได้ไม่ร้อนไง...เอางี้ กูให้เวลามึงคิด แล้วเย็นๆ ค่อยให้คำตอบกูว่าตกลงจะย้ายไม่ย้าย”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ!” ผมแย้ง แต่มันไม่ฟังครับ

“ส่วนตอนนี้มึงไปเตรียมตัวไป กูจะพาไปว่ายน้ำเล่น”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาโตทันที ผลักเรื่องที่เถียงกันก่อนหน้านี้ทิ้งออกไปจากสมอง “สระว่ายน้ำในมอปะ!?”

“จะมีที่ไหนได้อีกล่ะครับคุณสระ”

รออะไรล่ะครับ คนชอบเล่นน้ำอย่างผมก็วิ่งไปเปลี่ยนชุดทันทีเลยสิ อากาศร้อนก็ต้องไปว่ายน้ำเล่นอะถูกต้องที่สุดแล้ว วู้ว!



เกือบสี่โมงเย็นแต่แสงแดดยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกดีเกินกว่าจะหงุดหงิดใจได้อีก เพราะตอนนี้ผมกำลังเหยียบยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำของมหา’ลัย

วันนี้คนมาเล่นน้ำน้อยมาก แถมยังเป็นวันที่ไม่มีสอนว่ายน้ำอีกด้วย คนก็เลยไม่เยอะเหมือนปกติมากนัก ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดไปเลย ผมจะได้ครองสระน้ำไว้คนเดียว เย้!

เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำแล้ววอร์มร่างกายเล็กน้อยจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกต่อไป กระโดดลงสระทันทีไม่คิดจะรีรอ ดำผุดดำว่ายอยู่แป๊บหนึ่ง โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำอีกทีก็เห็นไอ้นะกระโดดตามลงมาพอดี

ผมตีขาลอยตัวนิ่งๆ รอมัน อีกฝ่ายว่ายมาทางผม พอมันโผล่หัวขึ้นมาผมก็หัวเราะให้กับเส้นผมที่เปียกลู่แนบใบหน้าหล่อๆ ของมันจนดูไม่ได้ อดใจไม่ไหวต้องขยับเข้าไปจัดทรงให้มันดูดีขึ้น

“หายร้อนยัง?” ไอ้นะถาม

“เย็นสบายยย” ผมยิ้มกว้าง ไอ้นะเลยหัวเราะ

“แต่มึงคงนอนแช่ในสระทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หรอกนะ”

“ทำแบบนั้นจริงตัวกูคงเปื่อยเป็นทิชชูเปียกน้ำ”

แล้วเราสองคนก็หัวเราะด้วยกันเสียงดังชนิดที่ผมลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่เรา แต่แล้วยังไงล่ะ ก็ผมมีความสุขนี่หว่า ได้มาว่ายน้ำเล่นอย่างที่ชอบ คลายร้อนจนเหงื่อท่วมก่อนหน้านี้ได้ดีที่สุด แถมยังมีเพื่อนสนิทที่รู้ใจเรายิ่งกว่าใครมาเล่นน้ำเป็นเพื่อนด้วยอีกต่างหาก มีอะไรดีกว่านี้อีกเหรอ

เราเล่นน้ำกันพักใหญ่ แล้วก็มีเสียงเรียกจากริมสระที่ทำให้เราต้องหันไปมอง อีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษาของมหา’ลัย ในมือถือกล้องวิดิโอเอาไว้ เห็นดังนั้นผมกับไอ้นะที่ลอยคออยู่กลางสระก็เลยว่ายเข้าไปหาอีกฝ่าย

“คือว่าผมจะขออนุญาตถ่ายวิดีโอน่ะครับ จะเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของคลิปโปรโมตมหา’ลัย ซึ่งอาจจะถ่ายติดทั้งสองคนเข้าไปด้วย คนอื่นๆ ผมไปถามมาแล้วและทุกคนไม่ว่าอะไร ผมก็เลยมาถามทั้งสองคนด้วยว่าสะดวกไหมน่ะครับ?”

ผมหันไปมองไอ้นะ พอเพื่อนสนิทพยักหน้าให้ผมก็เลยตอบอีกฝ่ายไป “ครับ ตามสบายเลย”

“ขอบคุณมากครับ”

คล้อยหลังตากล้องของมหา’ลัยคนนั้นไป ผมกับไอ้นะก็กลับมาเล่นน้ำกันอีกครั้ง หลังจากผมว่ายวนไปมาได้สองรอบ จู่ๆ ไอ้นะก็ถามขึ้นเป็นเชิงท้าท้าย

“แข่งกันเปล่า”

ผมเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “แน่ใจเหรอครับคุณพยัญชนะ ผมน่ะเด็กต่างจังหวัด เล่นน้ำคลองประจำนะครับคุณ”

“กูรู้ว่ามึงอะนักว่ายน้ำประจำหมู่บ้าน มึงอวดเรื่องนี้กับกูหลายรอบแล้ว” ไอ้นะยิ้มขำ ผมขึงตาใส่มันที่มันกล้าล้อเลียนผม “แต่ครั้งนี้มีเดิมพันนะเว้ย”

“เดิมพันไรวะ?”

“แข่งกันว่ายน้ำจากตรงนี้...” มันชี้ไปที่ต้นสระ ซึ่งห่างจากพวกเราไม่ไกลนัก ก่อนจะชี้ไปที่ปลายสระ “ถึงตรงนั้น ถ้ากูชนะมึงต้องยอมย้ายไปอยู่กับกู”

“โอ้โห กล้ามากที่ท้าทายแชมป์ประจำหมู่บ้านอย่างกู มาครับ จัดไป มึงแพ้แน่”

เราสองคนว่ายย้อนกลับไปที่ขอบสระฝั่งหนึ่ง ปีนกลับขึ้นไปเพื่อตั้งท่าเตรียมแข่ง เดิมพันครั้งนี้สูงมากครับและผมจะแพ้ไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่อยากไปรบกวนมัน ถึงเราจะสนิทกันมากเหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็เถอะ แต่ผมก็ยังเกรงใจอยู่ดีถ้าต้องให้มันช่วยออกค่าหอซึ่งเป็นส่วนต่างที่ผมไม่มีกำลังจะจ่ายเอง นี่ยังไม่นับรวมค่าน้ำค่าไฟอะไรอีก

ไอ้นะเป็นคนให้สัญญาณ “เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง...สาม!”

ตูม!!

เราโดดลงน้ำพร้อมกันหลังสิ้นเสียงคำว่าสาม ผมว่ายเอาๆ จนกระทั่งมือแตะเข้าที่ขอบสระอีกฟากฝั่ง แต่พอโงหัวขึ้นมาจากน้ำได้ ผมกลับเจอไอ้นะกอดอกลอยตัวพิงแผ่นหลังกับขอบสระอยู่ ท่าทางของมันเหมือนคนที่ว่ายมาถึงก่อนหน้าผมนานแล้ว

“เฮ้ยยย เป็นไปไม่ได้! มึงมาถึงก่อนกูได้ไงวะ!?”

ไอ้นะยักคิ้ว “คนเราก็ต้องมีการพัฒนาครับเพื่อน”

“ตกลงมึงชนะกูจริงดิ” ผมทำหน้าไม่อยากจะเชื่อใส่มัน เลยโดนมันบีบจมูกเบาๆ ไปหนึ่งที

“อ่าฮะ กูมาถึงก่อนมึงแป๊บเดียวเอง” ได้ไงวะ ปกติเราแข่งกันทีไรมันก็แพ้ผมตลอดอะ...หรือจริงๆ ที่ผ่านมามันออมมือให้ผม? “สรุปว่ามึงย้ายไปอยู่กับกูเนอะ”

ผมกัดปาก แต่ไอ้นะก็ยื่นมือมาเกลี่ยริมฝีปากผม “อย่ากัดดิ เดี๋ยวเป็นแผล”

“มึงแม่ง ขี้โกงอะ” ผมอดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่มัน แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้โกงหรอก แต่ก็นั่นแหละ แชมป์หมู่บ้านอย่างผมทำไมแพ้ไอ้คนเมืองกรุงอย่างมันได้วะ!

“กูไม่ได้โกง” มันปฏิเสธ แถมยังมีหน้ามาหัวเราะขำผมอีกที่ผมทำหน้างอใส่ “น่า ไปอยู่กับกูออกจะแสนสบายนะเว้ย มีแอร์เย็นๆ แล้วยังมีบริการทำอาหารให้กินด้วย”

ผมชะงัก “มึงจะทำอาหารให้กูกิน?”

“แน่นอนสิครับเพื่อน คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมน่ะเชฟประจำหมู่บ้าน”

“ไม่ต้องมาล้อเลียนกูเลย” ผมว่ามันพลางวักน้ำสาดใส่หน้าหล่อๆ ของมันไปด้วย

ไอ้นะหลับตาปี๋เอียงหน้าหลบ แต่ไม่พ้นไง อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไงน้ำก็เข้าหน้ามันอยู่ดี สุดท้ายมันก็เลยหันมาสาดน้ำใส่ผมบ้างเป็นการเอาคืน...เราผลัดกันสาดน้ำใส่อีกฝ่าย ว่ายน้ำหนี ว่ายตามไปล็อกคออีกคน และส่งเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างไม่คิดจะเกรงใจใคร เชื่อว่าตอนนี้น่าจะมีคนก่นด่าเราในใจหรือกระซิบด่าอยู่แน่ๆ

กลับขึ้นจากสระน้ำอีกทีก็เป็นตอนเกือบๆ หกโมงเย็น หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเราสองคนก็สะพายเป้ออกไปหาอะไรกินแถวหน้ามอทันที เล่นน้ำนานๆ ก็เสียพลังงานจนหิวไม่น้อยเลยแฮะ

“ตกลงมึงย้ายไปอยู่กับกูนะ?” เพื่อนรักเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

ผมกลอกตา “ไอ้นี่ก็ถามจริงเว้ย เออๆ ไปก็ไป กูพูดคำไหนคำนั้น เดิมพันไว้แล้วและกูแพ้นี่หว่า”

“เยี่ยม!” ไอ้นะยิ้มกว้าง ชูกำปั้นขึ้นแสดงความดีใจ ผมล่ะหมั่นไส้

“เว่อร์ไปแล้วมึงอะ”

มันหัวเราะกับคำด่าของผม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ข้าวที่พวกเราสั่งไปมาเสิร์ฟให้พอดี ผมจัดการคว้าช้อนส้อมออกมา วางลงบนจานไอ้นะคู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบให้ตัวเองอีกคู่หนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายทำหน้าที่รินน้ำใส่แก้วน้ำแข็งให้

เรากินกันไปคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แต่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของทั้งผมกับไอ้นะก็ดังขึ้นพร้อมกัน และแน่นอนว่ามีแค่แอปพลิเคชั่นเดียวเท่านั้นที่ทั้งของผมและของมันจะดังขึ้นพร้อมกันได้ นั่นก็คือไลน์กรุ๊ป

ผมพยักพเยิดหน้าให้ไอ้นะเป็นคนเปิด อีกฝ่ายเปิดดูแล้วก็นิ่งไปซะงั้น

“อะไรวะ?” เอ่ยถาม แต่ไอ้นะไม่ยอมตอบ มันจ้องเขม็งที่หน้าจออยู่นานจนผมทนไม่ไหว หยิบเครื่องของตัวเองออกมาเปิดดูบ้าง แล้วก็ต้องอึ้งไปไม่ต่างกัน

มันเป็นเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัย (ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะว่าจะมีเพจอะไรแบบนี้ด้วย ปกติเคยเห็นแต่คิ้วท์บอย เซ็กซี่บอย เหอๆ) แอดมินจะหยิบเอาคู่จิ้นของคนในมอมาลงเพจ ไม่ว่าจะเป็นคู่ชายชาย หญิงหญิง หรือชายหญิง

แต่ผมก็ไม่คิดไงว่าตัวเองจะมีวันได้ลงเพจนี้ ปกติเคยแต่โดนโพสต์รูปลงเพจแฮนด์ซัมบอย เป็นเพจรวมหนุ่มหล่อของมอเรา...และใช่ครับ ผมหล่อไง เลยได้ลงเพจด้วย :)

แล้วดูเนื้อหาโพสต์ของแอดมินดิ...



ไม่รู้แอดไปหลบอยู่มุมไหนของโลกใบนี้มา ทำไมถึงได้ไม่เคยเห็นเคมีของคู่นี้มาก่อนเลยคะ อร๊ายยย เด็กวิศวะที่ได้ลงเพจเพื่อนบ้านของเราอยู่บ่อยๆ เพิ่งได้รู้วันนี้เองว่าเขามีโมเมนต์มุ้งมิ้งชวนจิ้นกันได้ขนาดนี้ นังแอดมินเพจแฮนด์ซั่มบอยก็ไม่เค๊ย ไม่เคยจะบอกกันว่าเขานุ้งนิ้งกันได้มากมายถึงเพียงนี้อะ ฮึ่ย!

ว่าแต่เพื่อนกันจริงปะจ๊ะเธอ ทำไมมันดูเรียลเหมือนเป็นแฟนกันเลยอะ แล้วดู๊ดูสิ ชื่อก็ยังคล้องจองกันอีก นี่มันคู่สร้างคู่สมชัดๆ เลยค่ะคุณขา! ต่อไปนี้แอดจะตามแชร์โมเมนต์ของคู่นี้ เอาให้โลกรู้ไปเลยว่าเขาเหมาะสมกันมาก!

สระ – สรัลภัทร

ชนะ – พยัญชนะ

#ปีสองวิศวะ #สระของพยัญชนะ



ด้านล่างแนบคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย เป็นคลิปที่ผมกับไอ้นะเล่นน้ำด้วยกันอยู่ในสระเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นล่ะ ดูเหมือนว่านักศึกษาคนนั้น (ที่ผมก็เดาไม่ออกว่าเขาเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง หรือว่ารุ่นเดียวกันกับผม) เป็นคนถ่ายเอาไว้ เพราะตัวคลิปที่แอดมินเพจนี้เอามาลงเป็นตัวตัดมาจากคลิปหลัก สังเกตได้จากมุมขวาของคลิปที่มีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยอยู่ด้วย

ว่าแต่ทำไมเขาตัดต่อคลิปเสร็จไวจังวะ เพิ่งสองชั่วโมงเองมั้งที่เขามาขออนุญาตถ่ายคลิปอะ หรือคลิปมันไม่ยาวมาก แนะนำแค่สระว่ายน้ำ ก็เลยใช้เวลาทำแค่แป๊บเดียว...ว่าแต่ผมจะสงสัยทำไมล่ะเนี่ย ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าคลิปมันถูกโพสต์ลงโซเชียลแล้ว และแอดมินเพจคู่จิ้นก็ไปเอามาตัดเฉพาะช่วงที่ผมกับไอ้นะเล่นน้ำกัน

แถมในคลิปนั้นยังเป็นช่วงที่เราแข่งว่ายน้ำกันเสร็จแล้ว และผมกำลังถกเถียงกับเพื่อนสนิทอยู่ แม้แต่ตอนที่ผมกัดปากแล้วไอ้นะลูบปากบอกไม่ให้กัดเขาก็ยังเอามาลง! ไหนจะคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้อีก มีแต่คนเข้ามาหวีดใส่ มากรี๊ดกร๊าดกันระนาว

อะ...นั่นมันรุ่นน้องในคณะนี่หว่า เฮ้ย! มีรุ่นพี่ด้วย เอ๊า ไอ้ฉิบหาย ไอ้พวกเพื่อนเวรตะไลก็ไปคอมเมนต์ และผมจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะมันไปคอมเมนต์ว่า...



สรพงษ์ที่ไม่ใช่ชาตรี โมเมนต์ชวนจิ้นของพวกมันมีเยอะกว่านี้อีกครับ ลองมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับมันสองคนดูสิ แหมมมม ตัวติดกันแทบตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยกัน ปากเปื้อนก็เช็ดปากให้ เหงื่อออกก็ซับหน้าให้ อย่างกับผัวเมีย



ไอ้เหี้ยพี! ไอ้เลววววว เจอหน้ามึงเมื่อไหร่กูจะกระทืบมึง ไอ้ฟักข้าว!

“สาบานเลยว่ากูจะตื้บมัน ไอ้สารชั่วพี”

คนที่ตกเป็นประเด็นคู่จิ้นกับผมส่งเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เงียบไปนานหลังเห็นคลิป ที่มันเงียบก็คงเพราะไล่อ่านคอมเมนต์เหมือนผมน่ะแหละ

“คิดมากเหรอวะ ก็แค่กระแสคู่จิ้นเอง หรือมึงไม่ชอบ?”

“ไม่ใช่ไม่ชอบ กูแค่ไม่อยากเป็นประเด็นอะ แค่ลงเพจหนุ่มหล่อก็เจอคนมองเยอะแยะแล้ว นี่ยังไปลงเพจคู่จิ้นอีก คนได้มองกูมากกว่าเดิม มึงก็รู้ว่ากูไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้” ผมบ่นอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่หรอก อย่างที่บอกว่าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาเฉยๆ มันแอบอึดอัดนะเวลาคนมองเราเยอะๆ น่ะ

“อืม กูเข้าใจ แต่ผิดคาดนะเนี่ย นึกว่ามึงจะกังวลเรื่องจีบสาวไม่ได้เพราะถูกเข้าใจว่าเป็นแฟนกูซะอีก”

ผมส่ายหน้าหวือ “หึ ไม่อะ กูไม่แคร์หรอก เป็นคู่จิ้นกับมึงดีจะตาย ดีกว่าไปเป็นคู่จิ้นกับไอ้เหี้ยพีอะ”

“เหรอ” ไอ้นะยิ้มขำ ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าน้ำเสียงมันดูดี๊ด๊าแปลกๆ

“อีกอย่างกูไม่สนใจจะจีบสาวที่ไหนด้วย แค่เลี้ยงตัวเองยังลำบาก ถ้ามีแฟนก็ต้องเจียดเงินพาแฟนไปกินข้าว โห ไม่เอาอะ เงินไม่มีมากมายขนาดนั้น เกิดไปเจอสาวสวยที่ชอบช็อปปิ้งกูได้แห้งตายกันพอดี”

เท่านั้นแหละไอ้นะก็หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิม แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้ดังมาก ไม่งั้นคนทั้งร้านได้หันมามองเราแน่ ดีที่มีความเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง แม้ตอนที่เราอยู่ที่สระว่ายน้ำจะทำตัวไม่เกรงใจใครก็เถอะ แหะๆ

“งั้นก็ดีแล้วที่มึงถูกจับจิ้นกับกู” ไอ้นะว่ายิ้มๆ

ผมเลิกคิ้ว “อะไรดี?”

“อ้าว ก็กูออกจะเหมาะกับมึงไง มีเงินเปย์มึงด้วย ทำอาหารให้กินก็ได้ด้วย ดูแลมึงดีมากๆ ด้วย” ผมเบะปากเมื่อได้ฟังอย่างนั้น ไอ้นะเลยเลิกคิ้วถามกลับมาบ้าง “หรือมึงจะเถียงว่ากูดูแลมึงไม่ดี”

“ไม่เถียงเรื่องนั้น แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเป็นคู่จิ้นกันนี่หว่า มึงพูดเหมือนเราเป็นแฟนกันมากกว่าเหอะ”

“คู่จิ้นก็เหมือนแฟนกันแหละน่า ว่าแต่มึงสนใจมาเป็นแฟนกูเลยมั้ยล่ะ?" ผมชะงักมือที่กำลังจะวางโทรศัพท์ลง ไอ้นะยังมีการพูดต่ออีกด้วย "จะได้ใช้คำว่าแฟนแทนคำว่าคู่จิ้น ดูดีกว่าเยอะ แถมไม่ยาวมากด้วย”

ผมนิ่ง จ้องหน้าเพื่อนสนิทอยู่หลายวินาที ก่อนสุดท้ายจะแยกเขี้ยวใส่มัน “เลิกเล่นได้แล้ว กินข้าว”

“ฮะๆ” มันหัวเราะอีกครั้ง แล้วยอมตักข้าวใส่ปากตามคำสั่งของผม

ผมเหลือบมองหน้ามันก่อนจะคิดในใจ...

คู่จิ้นกับแฟน ยังไงๆ มันก็ไม่เหมือนกันปะวะ?


___________________________

ตอนแข่งว่ายน้ำพยัญชนะได้โกงไหมอะ? ทำไมแชมป์ประจำหมู่บ้านอย่างสระถึงแพ้ได้ล่ะเนี่ย :)
#สระของพยัญชนะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2020 21:17:21 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: #สระของพยัญชนะ [09-11-18]
«ตอบ #2 เมื่อ19-11-2018 18:13:27 »

เรื่องนี้ มันต้องตาม  :katai5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: #สระของพยัญชนะ [09-11-18]
«ตอบ #3 เมื่อ19-11-2018 20:17:16 »

 ปูเสื่อรอตอนต่อไปเลยจ้า

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
One

(ก.) : กุหลาบ (กัด)

 

[พยัญชนะ]


ผมยกของกล่องสุดท้ายขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ตัวเองอยู่ หอพักของผมราคาราวๆ หกพันกว่าบาท (แน่นอนว่ามันมีแอร์ด้วย) เป็นราคาที่รวมค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเตอร์เน็ตเอาไว้แล้วคร่าวๆ แต่มันก็ยังแพงกว่าหอพักของสระอยู่ดี

ผมไม่ใช่คนรวยอะไรนักหรอก แต่ก็ไม่เคยขัดสน ต่างจากสระ...เพราะที่บ้านค่อนข้างลำบาก สระเลยยอมทนอยู่ในหอราคาแค่สามพันกว่าบาทมาเป็นปี

ผมอยากให้เขาย้ายมาอยู่กับผมนานแล้ว เพราะเวลาไปทำรายงานที่หอพักของเขาทีไร ก็เห็นเขาบ่นว่าร้อนตลอด แถมสระยังเป็นคนเหงื่อออกง่าย ร้อนนิดร้อนหน่อยก็เหงื่อแตกพลั่กเหมือนไปอาบน้ำมา ผมเห็นแล้วก็สงสาร พยายามทู่ซี้ให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันอยู่ครึ่งปี และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จสักที แม้จะเป็นการมัดมือชกและใช้เล่ห์กลอยู่นิดหน่อยก็ตาม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมเลยมัดมือชกขอยืมแรงเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนมาช่วยกันขนสัมภาระของสระย้ายมาไว้ที่หอผม แน่นอนว่ายืมรถเพื่อนด้วย ผมไม่มีรถส่วนตัว แม้ว่าแม่จะให้เอารถของแม่มาใช้ได้ก็ตาม แต่ผมก็เลือกที่จะไม่เอาเพราะแม่จำเป็นต้องใช้มากกว่าผม ถ้าเอามาแล้วแม่จะใช้อะไรล่ะครับ

ลิฟต์เปิดออก พอดีกับที่สระเดินมาถึง อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “หมดยังอะ”

“หมดแล้ว นี่กล่องสุดท้าย”

“มา กูถือเอง” สระยื่นมือมาจะรับกล่องใบใหญ่ในมือผมไปถือ แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ

“ไม่ต้องหรอกน่า อีกนิดเดียวก็ถึงห้องแล้ว เดี๋ยวกูถือเอง”

“กูเกรงใจนะเว้ย มึงขึ้นลงไปขนของให้กูตั้งหลายรอบ กูแทบไม่ได้ลงไปเองเลยเนี่ย” สระบ่นหน้ายุ่งใส่ผม เท้าเอวมองหน้าผมอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่สีหน้าของเขามันออกไปทางตัดพ้อมากกว่าจะโกรธกัน

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า “คิดมากน่า กูเต็มใจช่วย อีกอย่างมึงต้องคอยกำกับให้พวกไอ้พีมันวางของให้ถูกที่ด้วย ไม่ต้องลงไปก็ถูกแล้วปะวะ”

“มึงนี่นะ” สระไม่ได้เถียงอะไรอีกเพราะน่าจะคิดคำมาเถียงผมไม่ออกมากกว่า แต่ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่ายังรู้สึกไม่ดี คนขี้เกรงใจนี่มันขี้เกรงใจจริงๆ เลยว่ะ หึๆ น่ารักชะมัด

ผมเอาไหล่ตัวเองกระแซะไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย “น่า ไม่งอแงดิครับ”

“ไม่ได้งอแง”

“เหรอ หน้าหงิกแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่น่ารักหรอก”

สระกลอกตาใส่ “ก็มีแต่มึงอะที่มองว่ากูน่ารัก”

“ใครบอก ตอนนี้คนแทบทั้งมหา’ลัยเขาก็มองว่ามึงน่ารักกันหมดแล้วนะ” ผมหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเพจคู่จิ้นที่ลงคลิปของพวกเราไปเมื่อวันก่อน “ตอนนี้ไม่ได้มีแต่กูที่มองว่ามึงน่ารักแล้วอะ แย่จังเลย”

“แย่?” คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจแทนแล้วตอนนี้

“ช่ายยย” ผมพยักหน้ารับ “กูอยากให้มีแค่กูที่ได้เห็นความน่ารักของมึง”

“...ไอ้ประสาท” สระด่าก่อนจะเดินนำลิ่วๆ ไปเปิดประตูห้อง แต่ผมเห็นนะว่าเขาหูแดงขึ้นมาด้วย

อย่าน่ารักให้มากนักดิวะ

“เอาโน้ตบุ๊ควางตรงนี้ได้มั้ยวะไอ้หระ!” ได้ยินเสียงไอ้พีตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ

เดี๋ยวนะ...ห้องน้ำ? โน้ตบุ๊ค?

“ไอ้เหี้ยพี! โน้ตบุ๊คพ่อมึงไว้ในห้องน้ำเหรอไอ้สัส!”

“ฮ่าๆๆๆ มึงก็ไปกวนตีนมันไอ้สรพงษ์” ไอ้เจ็มเพื่อนอีกคนหัวเราะดังลั่นห้อง

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ก็อดจะยิ้มขำไม่ได้เหมือนกัน ไอ้พีมันชอบแหย่สระ แล้วสระก็ชอบไปต่อยตีกับมันทั้งที่รู้ว่ามันจงใจกวนประสาท

หลังจากเคลียร์ของหมดเรียบร้อยไอ้พี ไอ้เจ็ม แล้วก็ไอ้ยู (ทั้งหมดคือเพื่อนที่มาช่วยในวันนี้น่ะครับ) ก็พากันนอนแผ่หลาบนพื้นห้อง สระเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างไอ้พีแล้วใช้นิ้วจิ้มแขนมัน

“แดกไรมะ เดี๋ยวกูไปซื้อให้ ตอบแทนที่มาช่วย”

“เอา!!!” ทั้งสามคนประสานเสียงกันทันที

ผมหยิบคีย์การ์ดห้องมาถือ “งั้นเดี๋ยวกูกับสระลงไปซื้อให้ อยากกินไรว่ามา”

“อะไรก็ได้ แต่ขอขนมกับน้ำอัดลมเย็นๆ ด้วย” ไอ้เจ็มตอบ

ไอ้ยูที่มักจะพูดน้อยก็ตอบแค่สั้นๆ “ขอกาแฟ”

“ไอ้พี มึงล่ะจะเอาอะไร” สระยืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วใช้เท้าเขี่ยขามันแทน ตลกว่ะ เดี๋ยวจิ้มเดี๋ยวเขี่ย ฮะๆ

“เอาไรก็ได้”

“ตีนกูปะ ให้แดกฟรี”

ก่อนที่พวกมันจะเถียงกันไปมากกว่านี้ ผมก็ก้าวเข้าไปคว้าแขนสระแล้วลากให้เดินตามมาอย่างไว รอสองคนนี้ทะเลาะกัน กว่าจะได้ลงไปซื้ออะไรมาให้กินก็คงจะเสียเวลาไปอีกนานเลย

“สระไม่ทะเลาะกับเพื่อนครับ มาเถอะ ไปหาขนมกินกัน”

“สระไม่ได้อยากทะเลาะเปล่าวะนะ ไอ้พีมันหาเรื่องก่อน” คนน่ารักทำเสียงงอแงใส่ผมอีกแล้ว น่ามันเขี้ยวจริงๆ เลย อยากหยิกปากที่ยื่นออกมานั่นสักที

“ครับๆ ไว้ค่อยกลับมาตีกับมันนะ ตอนนี้ไปร้านสะดวกซื้อกันก่อนเนอะ”

ร้านสะดวกซื้อที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่ พอมาถึงผมก็หยิบเอาตะกร้ามาถือแล้วปล่อยให้สระเป็นฝ่ายเลือกของกินที่อยากซื้อ โดยไม่ลืมหยิบเอาน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเจี๊ยบให้ไอ้เจ็ม แต่มาคิดดูอีกทีผมว่าผมซื้อเป็นขวดไปเลยน่าจะดีกว่า สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนเป็นแบบขวดใหญ่ไป แล้วก็พวกน้ำผลไม้กับชาเขียว ขนมอีกสี่ห้าห่อ ขนมปังอีกสองสามชิ้น ไม่ลืมกดกาแฟให้ไอ้ยูมันด้วย แล้วเราก็ไปจ่ายเงินเมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว

“รับขนมปังเพิ่มไหมคะ ได้แต้มเพิ่มนะ” พนักงานหน้าคุ้นเคยยิ้มให้ผม

ผมหันไปหาสระทันที “เอามั้ย?”

“เอามาก็ได้”

นั่นคือข้อสรุป...สระเตรียมจะหยิบเงินออกมาจ่ายแต่ผมรั้งข้อมือเขาเอาไว้ แล้วหยิบแบงก์ห้าร้อยของตัวเองออกมาจ่ายแทน รวดเร็วว่องไวชนิดที่คนน่ารักข้างตัวตามไม่ทัน...สระอ้าปากหวอ มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เรียกว่า ‘ตัดพ้อ’ อีกแล้ว

“เฮ้ย เดี๋ยวกูจ่ายเอง วันนี้กูเป็นคนขอให้พวกมันมาช่วยนะเว้ย”

“ไม่ต้องหรอก กูจ่ายน่ะดีแล้ว” ผมส่ายหน้าทันที ดันมือที่ยื่นแบงก์ห้าร้อยเหมือนกันลงไป

“ไม่เอาดิ ของที่ขนมาวันนี้ก็ของของกูอะ มึงจะจ่ายได้ไง”

“เถอะน่า แค่นี้เอง กูจ่ายได้” ผมยักคิ้วให้สระ “กูเปย์ให้มึงจนเงินหมดบัญชียังได้เลย”

สระอึ้งจนตาค้าง ผมก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหยิบเงินในมืออีกฝ่ายยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่มันใส่อยู่ทันที ส่วนพนักงานสาวที่มองเราอยู่ตลอดก็ทอนเงินให้ผมแล้วอมยิ้ม เหลือบมองผมกับสระสลับไปมา ดูท่าทางเธอจะอยากหัวเราะให้กับความเหวอของสระ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะมารยาทที่ดีของพนักงาน

ไม่แปลกล่ะนะ ก็สระของผมน่ารักน่าเอ็นดูมากออกขนาดนี้ เห็นไหมล่ะครับ :)

จ่ายเงินรับของและรับเงินทอนมาเสร็จ ผมก็จับข้อมือสระแล้วจูงพาอีกฝ่ายเดินออกมาจากร้านทันที ตลอดทางเจ้าตัวเงียบอยู่นาน เงียบชนิดไม่ยอมพูดอะไรสักคำ กระทั่งเรากลับมาอยู่ในลิฟต์ของหอพักผมอีกครั้งนั่นล่ะ คนน่ารักของผมถึงได้โวยวายขึ้นมาจนได้

“ไอ้นะ มึงแม่ง...พูดออกมาได้”

“ทำไม?” ผมเลิกคิ้ว ทำสีหน้ายียวนใส่ ชนิดที่สระถึงกับแยกเขี้ยวตอบกลับมา

อีกฝ่ายพ่นลมหายใจแรง “กูเป็นเพื่อนมึงนะครับ ไม่ใช่สาวสวยที่มึงต้องเปย์เพราะจะจีบ”

ผมได้แต่หัวเราะโดยไม่ตอบคำ...ให้เข้าใจว่ามันไม่มีอะไรน่ะดีแล้ว ผมยังไม่อยากให้ไก่ตื่นครับ



สระมาอยู่กับผมได้สามวันแล้ว และทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แม้ว่าเตียงนอนจะมีแค่เตียงเดียว แต่มันก็ใหญ่พอให้เรานอนด้วยกันสองคนได้สบายๆ อาจจะมีปัญหานิดหน่อยก็ตรงที่สระเป็นคนนอนดิ้น สุดท้ายผมก็เลยต้องกอดเขาเอาไว้เวลานอน

ช่วยไม่ได้นี่นา ผมไม่อยากโดนแขนเขาฟาดหน้าครับ :)

“ชนะ อย่าลืมนะเว้ย เย็นนี้มีซ้อมจริง”

“ซ้อม? ซ้อมไรวะ” ผมย้อนถามเกรซ เพื่อนผู้หญิงที่มีแค่ไม่กี่คนในกลุ่ม

เกรซเท้าเอวจิกตาใส่ผม “พรุ่งนี้มึงมีร้องเพลงโชว์ในงานคณะ ลืมเหรอไอ้ห่า”

“เออว่ะ เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย” หลายวันมานี้พวกผมวิ่งวุ่นกับหลายเรื่องน่ะครับ ทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องกิจกรรมอีกมากมายหลายอย่าง ผมเกือบลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตัวเองต้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีของงานคณะด้วย

“ไปซ้อมด้วยนะเย็นนี้”

“ครับๆ” ผมตอบรับพลางถอนหายใจยาว ทำไมช่วงนี้งานรัดตัวผมจังเลยวะเนี่ย

เหนื่อยอะ อยากอ้อนสระจัง เฮ้อออ

พอตกเย็นเลิกเรียนตอนสี่โมงผมก็ตรงดิ่งไปที่เวทีใต้คณะทันที โดยไม่ลืมลากสระมาด้วย แม้ว่าอีกฝ่ายจะงอแงไม่อยากจะตามมาก็เถอะ

“เอากูมาทำไมอะ มึงซ้อมกูไม่ได้ซ้อมนี่”

“ก็อยากให้มา” ผมตอบ ยิ้มให้เขา “มาเป็นกำลังใจให้กูไง”

...สุดท้ายสระก็พ่ายแพ้ให้กับการอ้อนของผม เขายอมตามมานั่งดูและเตรียมน้ำเตรียมผ้าไว้ซับเหงื่อให้ผมด้วย

น่ารักฉิบหายเลยว่ะ อยากบีบแก้ม

หลังซ้อมไปประมาณสี่รอบผมก็ได้รับอิสระ ไอ้เกรซที่เป็นคนคุมเวทีนัดแนะเวลากับผมและคนอื่นๆ ที่ต้องขึ้นแสดงอีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้ผมได้กลับหอสักที

“เหนื่อยปะวะ” สระถาม เขายื่นน้ำเปล่าเย็นๆ มาให้ผม

“นิดหน่อย” ผมดูดน้ำอึกใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ แถมยังรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อสระเอาผ้ามาซับเหงื่อให้ สีหน้าจริงจังและการดูแลเอาใจใส่ของเขาทำให้ผมโคตรจะมีความสุขเลยครับ

“กูก็รู้นะว่ามึงร้องเพลงเพราะ แต่ฟังกี่ครั้งกูก็ชอบเสียงมึงตอนร้องเพลงว่ะ”

“มันดีขนาดนั้นเลย?”

“เออดิ ฝึกอีกหน่อยไปเป็นนักร้องได้สบายเลย” สระว่า เราเดินออกจากคณะอย่างไม่เร่งรีบนัก “มึงไม่สนใจบ้างเหรอ เป็นนักร้องดังมีคนชอบเยอะแยะ เงินก็จะไหลมาเทมาด้วย”

ผมหัวเราะ เรื่องเงินดูจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของอีกฝ่าย...ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอาหรอก”

“ทำไมอะ หล่อๆ อย่างมึง เสียงก็ดี เป็นได้จริงๆ นะเว้ย” สระเลิกคิ้ว

“ขอรับคำว่าหล่อเอาไว้นะ อ้อ เสียงดีด้วย แต่กูไม่อยากได้เงินอะไรขนาดนั้น เพราะกูมีเงินพอใช้อยู่แล้ว”

ได้ฟังที่ผมพูดสระก็เบะปาก ต่อยไหล่ผมเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “เหอะ พ่อคนมีเงิน พ่อคนสายเปย์”

“อ่าฮะ กูสายเปย์” ผมไหวไหล่ “แต่ก็เปย์ให้มึงคนเดียวไงสระ”

เป็นอีกครั้งที่สระเถียงไม่ออก ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้ากึ่งเบื่อหน่ายกึ่งเขินอายนั่น...อยากจะพูดอีกครั้งว่าเขาโคตรน่ารักเลยว่ะ

“เออ ไม่พูดเรื่องเงินก็ได้ งั้นพูดเรื่องชื่อเสียง ถ้ามึงเป็นนักร้องมึงต้องโด่งดังมากแน่ๆ กูมั่นใจ”

ผมส่ายหน้า “ก็ไม่อยากดังอยู่ดีว่ะ”

“ทำไมอีกล่ะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา” ไอ้ตัวน่ารักทำหน้าเอือมระอาผมเต็มทน แต่ผมกลับมองว่าแม่งน่ารักอีกแล้ว

“กูไม่ได้อยากเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากดังซะหน่อย อีกอย่างทุกวันนี้กูก็ดังอยู่แล้วหรือเปล่า?”

สระกลอกตา “ครับผม ดังครับผม เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อปีสองประจำคณะ ไม่ดังได้ไงเนอะ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ทำให้กูดังก็เพราะ...” ผมลากเสียยาว ยื่นหน้าไปหาสระแล้วยิ้มกริ่ม

“อะไร?”

“...เพราะกูได้เป็นคู่จิ้นกับคนน่ารักอย่างมึงไง”

“เงียบไปเลย เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วไอ้ห่า” สระผลักหน้าผมออก แต่ผมเห็นนะว่าหูเขาแดงเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว หึๆ

ผมหัวเราะ ก่อนจะรั้งมืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว “มึงอยากกินบะหมี่หมูแดงไม่ใช่เหรอ”

“เออว่ะ โห กูบ่นตั้งแต่เมื่อเช้า มึงยังจำได้อีกเหรอเนี่ย”

“กูเป็นคนดีของมึงไง จำเรื่องของมึงได้ทุกอย่างแหละ”

สระหัวเราะ “เออ คนดีของกูจริงๆ นั่นแหละ”

เราเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ผมต้องสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ยิ้มกว้างออกมา ประโยคเมื่อกี้น่ะ...สระมันจะรู้บ้างหรือเปล่าวะว่ามันทำให้ผมใจเต้นแรงมาก แรงจนแทบจะหลุดออกมาเต้นนอกอกแล้ว

ไอ้ห่าเอ๊ย อยู่กับคนน่ารักที่แสนซื่ออย่างมันแล้วผมจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนวะ



วันแห่งการขึ้นเวทีของจริงมาถึงจนได้

เพราะว่าเป็นกิจกรรมคณะ ก็เลยงดคลาสทุกชั้นปี ผมมาแสตนด์บายที่หลังเวทีตั้งแต่บ่ายสาม แต่ครั้งนี้ไม่ได้ลากสระมาด้วย อีกฝ่ายต้องไปช่วยรุ่นพี่ปีสามขนดอกไม้ไปตกแต่งสถานที่น่ะครับ งานของมันยังไม่เสร็จดี แต่งานจะเริ่มห้าโมงเย็นนี้แล้ว คงต้องเร่งมือหน่อยล่ะนะ

ผมอดจะเป็นห่วงไม่ได้ ก็สระน่ะขี้ร้อนจะตายไปนี่หว่า วิ่งวุ่นแบบนั้นคงได้เหงื่อท่วมตัวแล้วก็คงจะงอแงไม่เลิกแน่ๆ สงสัยพรุ่งนี้ผมคงต้องพาไปว่ายน้ำที่สระมหา’ลัยอีกแล้วล่ะมั้ง แชมป์หมู่บ้านผู้ชื่นชอบการว่ายน้ำจะได้มีความสุขมากๆ และเลิกบ่นว่าร้อน

ระหว่างรอแต่งตัวแต่งหน้า (ซึ่งผมมองไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าจะแต่งหน้าทำไม) ผมก็หยิบเอากีตาร์ขึ้นมาซ้อมดีดไปด้วย ถึงจะจำได้แม่นแต่ผมก็ไม่อยากทำพลาดเวลาขึ้นเวที

เพลงนี้น่ะ...ผมตั้งใจเลือกมาร้องให้เขาเลยนะ :)

ซ้อมแล้วซ้อมอีก จนกระทั่งถูกเรียกไปแต่งหน้าแต่งตัว ชุดที่ผมใส่ไม่ได้อลังการอะไรนัก ก็แค่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบนที่ทำให้เห็นแผ่นอกรำไรๆ เท่านั้น ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีซีดที่ตัดกันได้ดีกับสีเสื้อ ใบหน้าไม่ได้แต่งอะไรมากนอกจากทาแป้งแล้วก็กรีดตาให้ดูคมขึ้น จากที่ตาผมคมเข้มอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็เลยถูกขับเน้นให้ดวงตาของผมดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม

“ต่อไปเป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งมีรูปลงเพจคู่จิ้นของมหา’ลัยไปเองค่า แหมๆ ดิฉันแอบเห็นด้วยค่ะคุณขา ว่าคู่จิ้นของเขาก็มาให้กำลังใจอยู่ไม่ไกลจากหน้าเวที...”

ผมแทบจะชะโงกหน้าออกไปมองว่าสระยืนอยู่ตรงไหน แต่เกรซก็จับคอผมกระชากกลับมา โห นี่มึงเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหมไอ้เกรซ! คอกูเกือบเคล็ด

“ขึ้นเวทีไปมึงก็มองเห็นมันเองล่ะน่า ห่างกันสักนิดไม่ได้เลยนะอีห่า”

ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับคำแซวของอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยให้มันเช็กความเรียบร้อยบนตัวผมอีกเล็กน้อย และเมื่อพิธีกรประกาศเรียก ผมก็ก้าวขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจ ริมฝีปากติดรอยยิ้มน้อยๆ

“กรี๊ดดด!!!”

เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ดังต้อนรับ ผมหยิบเอากีตาร์ขึ้นมาก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ แล้วเอ่ยทักทายผู้ชมด้วยรอยยิ้มหวานๆ แต่สายตาพยายามมองหาสระของผมไปด้วย

และในที่สุดผมก็เห็นเขา อีกฝ่ายยืนกอดช่อดอกกุหลาบเล็กๆ อยู่หน้าเวทีไม่ไกลนัก รอบตัวมีพวกไอ้พียืนอยู่ด้วย พอเราสบตากันเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างโบกมือมาให้ผม ไม่ได้นำพาต่อสายตารอบข้างที่มองเจ้าตัวกับช่อดอกไม้ในมือเลยสักนิด อ่า อย่าบอกนะว่านั่นจะเอามาให้ผมน่ะ ถ้าใช่ล่ะก็...

น่ารักอีกแล้ว แม่งเอ๊ย

“เพลงที่ผมจะร้องก็คือเพลง ‘ไม่อยากจะคิด’ ของ NANTCXP ครับ จริงๆ เพลงนี้ต้นฉบับร้องสองคน แต่วันนี้ผมเอามาร้องเองแค่คนเดียว หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”

ปลายนิ้วดีดกีตาร์เข้าสู่ท่วงทำนองที่ผมจำได้ขึ้นใจเพราะซ้อมมานานเกือบเดือน...มันเป็นเพลงที่ตรงกับความรู้สึกของผมมากที่สุด เป็นเพลงที่ผมอยากให้คนที่ผมแอบรักได้ฟัง อยากให้เขาได้รับรู้ถึงความในใจของผมที่มีต่อเขา และหวังว่าจะไม่ได้มีแค่ผมที่คิดไปเองฝ่ายเดียว

“หวั่นไหวทุกครั้งที่เธอสบตา เหมือนมีเวทมนตร์สะกดทุกครั้งที่เธอยิ้มมา อยากจะบอกว่าเธอน่ารัก...แต่ฉันก็ไม่กล้า หยุดความรู้สึกเอาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็เผลอใจ ทุกครั้งที่ใกล้กัน ฉันก็รู้สึกดี...เธอจะเป็นเหมือกนันบ้างไหม”

ผมลุกขึ้นยืน สายตายังคงจดจ่อไปที่สระ อีกฝ่ายยิ้มหวานร้องเพลงคลอตามผม...กระทั่งผมร้องจบ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดและเสียงโห่เชียร์

“ก็จบไปแล้วกับเพลงไม่อยากจะคิด ที่ดูเหมือนนักร้องจะอยากมอบเพลงนี้ให้กับใครบางคนเลยนะคะ เอ๊...ใครกันน้า ที่คุณพยัญชนะสุดหล่ออยากจะสื่อสารเพลงนี้ไปให้”

“สระไง!”

เสียงใครสักคนตะโกนขึ้นมา และนั่นทำให้เสียงโห่แซวดังมากขึ้น อ้อ มันทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อเห็นว่าสระหน้าแดงแปร๊ดทันทีเพราะถูกคนรอบข้างเอ่ยแซว

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองผม ก่อนจะก้มลงไปและแทบจะซุกหน้ากับช่อดอกกุหลาบ แต่พอไอ้เจ็มกระซิบอะไรสักอย่าง เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าดูตื่นตระหนกและส่ายหน้าหวืออย่างน่ารัก

อะไร...ไอ้เจ็มพูดอะไร

“สระ” ผมเผลอเรียกอีกฝ่ายออกมาผ่านไมโครโฟน

เจ้าของชื่อเบิกตากว้าง ขณะที่เสียงผู้ชมรอบด้านเงียบลงไปชั่วอึดใจ ก่อนจะดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อสระเดินมาที่หน้าเวทีช้าๆ เมื่อผมกวักมือเรียก แถมไอ้พวกเพื่อนๆ ก็พากันดันหลังเจ้าตัวให้เดินมาหาผมที่หน้าเวทีด้วย

ผมสาวเท้าไปที่ขอบเวทีแล้วนั่งยองๆ ตรงหน้าเขา โดยที่พยายามห้ามตัวเองแล้วไม่ให้ยิ้มกว้างมากเกินไป แต่ผมก็ทำไม่ได้จริงๆ เหมือนกับเพลงที่ผมร้องให้เขาเลย...พยายามจะหยุดความรู้สึกแล้ว แต่ผมก็เผลอใจทุกที

“อะ เอาไป” มันว่า พลางยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ผมด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก

ผมเลิกคิ้วยียวน หากแต่ริมฝีปากยิ้มกว้างไม่เลิก แกล้งถามออกไปทั้งที่ยังจ่อไมค์กับปากนั่นล่ะ “ให้กู?”

“เออดิ แต่กูไม่ได้ซื้อเองคนเดียวหรอกนะ พวกไอ้พีมันหารตังค์กะกูอะ”

ผมหัวเราะ รู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายฉิบหายเลยว่ะ “แค่รู้ว่ามีเงินมึงรวมอยู่ด้วยกูก็ดีใจแล้ว”

“อือ” มันพยักหน้ารับพลางหลุบตาหนีสายตาของผม และผมเห็นนะ...ใบหูมันแดงไม่เลิกเลย หึๆ

“ขอบคุณนะ” ผมรับดอกไม้มา ก่อนจะเด็ดเอากุหลาบสีแดงสวยออกมาหนึ่งดอก แล้วยื่นกลับไปให้เขา “อะ”

สระเงยหน้าขึ้นมาทำหน้างงใส่ผม “ให้กูทำไม?”

“ก็อยากให้”

“...?” สระยังคงมองผมอย่างไม่เข้าใจ

ผมยิ้มหวานให้เขา “นะอยากให้เฉยๆ สระรับไว้ไม่ได้เหรอครับ”

คนน่ารักแก้มแดงขึ้นมาอีกรอบแล้วตอนนี้ แต่แทนที่เขาจะรับดอกไม้ สระกลับอ้าปากกัดกลีบดอกกุหลาบในมือของผมจนติดหลุดปากไปสองสามกลีบ แล้ววิ่งหนีออกไปจากงานทันที

ทุกคนพากันอึ้ง คงมีแต่ผมที่หลุดหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจว่ามันจะดังออกไมค์หรือคนในงานจะมองยังไง...ผมกดปิดไมค์ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ

“กุหลาบมันกินไม่ได้นะสระ”



_________________
อยากจะจับสระเข้าปากแล้วกลืนลงท้อง ลูกแม่น่ารักจังเลยลูก

แล้วคุณพยัญชนะอะ หยอดเก่งเหลือเกินเนอะ : )


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2020 21:18:05 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ิอายได้สมชื่อสระจริง ๆ ด้วย สระไอไม้ "ม้วน"  :laugh:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3:  :hao3:  :hao7: ทำไมน่ารักน่าฟัดน่าจับกลืนลงท้องขนาดนี้  :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เอ็นดู ตอนสระแทนตัวเองด้วยชื่อนี่เอ็นดูแต้ เขืนจนกินดอกไม้ หนูลูก

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
สระน่ารักมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สระน่ารัก อ้อนๆ แบบไม่รู้ตัว
เชียร์พยัญชนะปลูกอ้อยและหวงคนน่ารักต่อไป สู้ๆ
+1 ขอบคุณ
 :mew1:

ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สระน่ารักจังเลย  ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พยัญชนะนี่เป็นทั้งสายเปย์ และสายอ่อยเลยนะ วางแผนมาดีซะด้วย สระน่ารักกกกกก

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Two

(ข.) : ของหวาน (ข่มใจ)

 

[สระ]


“สระ มึงจะวิ่งไปไหน”

ไอ้นะหัวเราะเสียงดังไล่หลังผมที่กำลังวิ่งหนีดุ๊กๆๆ ออกจากคณะ เอี้ยวหน้าไปมองเพื่อนสนิทก่อนจะตะโกนตอบกลับไปโดยไม่ยอมหยุดวิ่ง

“ไปไหนก็ได้! แต่ต้องออกไปจากมอก่อน!”

“ทำไมต้องรีบด้วยวะ”

ยังมีหน้ามาถามอีกไอ้ฟักกก “หนีไง! กูอายนะโว้ย เมื่อกี้นี้น่ะ!”

ผมวิ่งออกมาจนถึงหน้ามอ ดีนะตึกคณะวิศวะอยู่ไม่ไกลจากหน้ามอเท่าไหร่ แต่วิ่งออกมาแบบนี้โดยไม่หยุดพักก็ยังทำให้ผมเหนื่อยอยู่ดี หันมองซ้ายขวา...กูจะไปทางไหนก่อนดีวะเนี่ย

เออ กลับหอไง กลับหอ!

คิดได้ดังนั้นก็ตั้งใจจะวิ่งไปทางซ้าย ซึ่งเป็นทางไปหอพักของผม ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นหอพักของผมกับไอ้นะ...หอพักของเราต่างหาก ดีนะที่มันเช่าหอใกล้มหา’ลัย เลยเดินมาเรียนได้โดยไม่ต้องอาศัยรถสาธารณะ และตอนนี้ผมก็สามารถวิ่งกลับได้โดยไม่ต้องรอรถเมล์ รอพี่วินมอ’ไซค์ที่ไปส่งลูกค้ากันจนหมดคิววิน หรือแม้กระทั่งไม่ต้องโบกแท็กซี่ที่อาจจะไม่รับลูกค้า

แต่ยังไม่ทันได้สับขาวิ่ง แขนของผมก็ถูกดึงเอาไว้ด้วยมือเย็นๆ ของคนเพียงคนเดียวที่วิ่งตามผมมา

“หยุดเลยสระ หยุดวิ่ง”

“กูจะกลับหอออ”

ผมโอดครวญ เหลือบมองไปรอบๆ ว่ามีใครสนใจเราสองคนไหม ซึ่งมันมีอะมันมี! แล้วดูจากท่าทีที่มองมาแถมยังหันไปกระซิบคิกคักกันเองของสาวๆ สองสามคนตรงนั้น ผมเดาได้เลยว่าพวกเธอต้องเป็นแฟนเพจคู่จิ้นของมหา’ลัยแน่ๆ และก็คงจะเห็นคลิปเล่นน้ำที่เป็นประเด็นร้อนแรงของผมกับไอ้นะแล้วแน่ๆ เหมือนกัน โอย

“รีบกลับทำไมวะ?”

“มันเป็นเซฟโซนมึงเข้าใจป่ะ หลบหนีจากสายตาคนอื่นได้ มันคือสถานที่ปลอดภัยของกูเว้ย”

ไอ้นะหัวเราะอีกครั้ง “แล้วมึงจะหนีใคร”

“หนีกล้องไงล่ะครับคุณชนะครับ ไม่รู้คนในงานถ่ายคลิปกูตอนแดกกุหลาบของมึงไปแล้วหรือยัง ไอ้ฉิบหาย ไม่น่าทำงั้นเลยแม่ง” ผมบ่นกับตัวเอง ขยี้เส้นผมจนมันยุ่งเหยิงไปหมด แต่ไอ้นะก็ปัดมือผมออกแล้วใช้เรียวนิ้วสวยๆ ของมันสางหัวของผมให้กลับมาดูดีเหมือนเดิม

“ว่าแต่อร่อยไหมวะ?”

“อะไรอร่อย?”

“กลีบกุหลาบที่มึงกัดไปไง” เพื่อนสนิทสุดหล่อของผมหลิ่วตาเอ่ยแซว

ผมขึงตาใส่มัน “ไม่ขำเลยครับเพื่อน”

คนฟังหัวเราะขำ รู้สึกว่ามึงจะตลกบ่อยไปละนะ “กูนึกว่ามึงหิว อ่า แต่คงไม่ใช่ ที่จริงแล้วมึง...”

“มึงอะไร?”

“มึงเขินกูล่ะสิ”

กล้า กล้ามากกก กล้าสุดๆ ที่พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ!

“กูไม่ได้เขินมึงเลยเว้ย”

“แล้วจะงับกุหลาบวิ่งหนีมาทำไม”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากโดนถ่ายคลิป” ผมโอดใส่มันอีกครั้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! มึงออกมาได้ไง ร้องเพลงเสร็จแล้วเหรอวะ ไม่ต้องทำอะไรอีกเหรอ?”

“ใช่ ไม่มีอะไรแล้ว นี่ก็ลงจากเวทีวิ่งตามมึงมาเลยเนี่ย นอกจากเป็นแชมป์ว่ายน้ำแล้วยังเป็นแชมป์วิ่งประจำหมู่บ้านด้วยใช่ป่ะครับคุณสระ” ไอ้นะหัวเราะ ทำหน้าทำตาหยอกล้อใส่ผม ผมก็เลยตบแก้มมันไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ “โอ๊ย เจ็บบบ”

“เกินไปล่ะ กูตบเล่นเบาๆ ป่ะจ๊ะ หื้อออ”

ไอ้นะไม่ตอบอะไร มันแค่ยิ้มแล้วดึงมือผมที่แตะแก้มมันออก แต่ก็ยังไม่ปล่อยเช่นกัน...มันเปลี่ยนเป็นจับจูงผมพาเดินไปด้านขวาแทนที่จะกลับหอซึ่งอยู่ทางด้านซ้าย ผมกำลังจะถามว่ามันจะไปไหน แต่มันก็เอ่ยขึ้นมาก่อนราวกับรู้ว่าผมสงสัยอะไร

“หิวแล้ว ไปกินชาบูกัน”

“ชาบู!” ผมตาวาว

“ช่าย มึงบ่นอยากกินเมื่อวันก่อนนี่”

“มึงจำได้ด้วยเหรอ”

“อะไรที่เกี่ยวกับมึงกูจำได้หมดแหละ”

ผมยิ้ม มันรู้สึกดีนะที่เราได้มีโอกาสเจอเพื่อนดีๆ เข้ามาในชีวิตน่ะ...เพื่อนที่เอาใจใส่เรา เพื่อนที่คอยดูแล แนะนำ ช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้เรา ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยที่ได้มารู้จักไอ้นะ มันเป็นเพื่อนที่ดีมาก เทกแคร์ผมดีเกินกว่าที่คนเป็นเพื่อนกันจะทำให้กันด้วยซ้ำ

บางทีผมก็คิดนะว่าผมเอาใจใส่มันได้ไม่เท่ากับที่มันเอาใจใส่ผมด้วยซ้ำ มันจำได้ทุกครั้งเลยเวลาผมบ่นว่าอยากกินอะไร แล้วมันก็จะพาไปกินตลอด ต่อให้ไม่ได้ไปทันที แต่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์มันก็ยังพาไปแม้ว่าผมจะลืมไปแล้วว่าอยากกินก็ตาม

เป็นเพื่อนที่ดีเกินไป เฮ้อ ผมรู้สึกผิดเลยอะที่เทกแคร์มันได้ไม่ดีเท่าที่มันทำให้ผม

“ว่าแต่มึงเลี้ยงป่ะ?” ผมถามขึ้นทั้งที่ยังอมยิ้ม ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้รับคำตอบ

“อยากให้เลี้ยงก็จะเลี้ยง อยากหารก็หารได้ แล้วแต่มึงอะ”

“...”

“เพราะกูตามใจมึงทุกอย่างอยู่แล้ว”

เนี่ย มาเป็นผัวกูเลยมั้ยนะ มึงแม่งเหมือนผัวกูเข้าไปทุกทีแล้วอะ ฮ่าๆๆๆ

ผมลอบขำคนเดียวในใจ ปากก็ตอบมันไป “งั้นครั้งนี้กูให้มึงตัดสินใจ”

“..?” พยัญชนะชะลอฝีเท้าจนกลายเป็นหยุดนิ่ง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงร้านชาบูอยู่แล้ว มันหันมาสบตาผม เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

ผมยิ้มให้มัน ยิ้มกว้างจนตาหยี

“เพราะกูอยากตามใจมึงบ้าง” สีหน้าของไอ้นะตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให้ผมหลุดขำ “ทำไมทำหน้างั้นอ่า อึ้งเลยเหรอที่กูอยากดูแลมึงเหมือนที่มึงดูแลกูบ้าง”

“อึ้งดิ แต่กูดีใจมากกว่า” เพื่อนสนิทของผมยิ้มกว้างหลังจากหายตกใจแล้ว

“ดีใจที่กูเอาใจใส่มึงใช่ป่ะ”

“ดีใจที่กูได้เจอมึงต่างหาก”

“...”

“มึงมันน่ารักสระ อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่านี้เลย”

“หา?” ผมเหวอ อ้าปากค้าง...เดี๋ยวครับ งงครับ จู่ๆ มาบอกไม่ให้กูทำตัวน่ารัก กูทำอะไรที่มันส่อไปทางนั้นวะเนี่ย แล้วขอโทษเถอะครับ กูหล่อเว้ย!

“ไปเถอะ ไม่รู้ยังมีโต๊ะว่างให้นั่งหรือเปล่า นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย”

เราเดินจูงมือไปด้วยกันอีกครั้ง ที่จริงต้องบอกว่าตอนนี้ใกล้ค่ำแล้วต่างหาก และคนในร้านชาบูต้องเยอะมากแน่ๆ แถมร้านนี้ยังเป็นร้านดังของมหา’ลัยด้วย ถ้าไม่ใช่ชาบูในห้าง ร้านนี้ก็คือร้านยอดฮิตของเด็กมอเรา เพราะมันอยู่ใกล้ ราคากำลังดี แถมยังอร่อยอีกด้วย

“คนไม่ค่อยเยอะแฮะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเรามาถึงหน้าร้านแล้ว

“งานที่คณะเราคงดึงนักศึกษาเอาไว้ได้เยอะอยู่ล่ะมั้ง คนเลยยังไม่ออกมาหาอะไรกินกัน ไปเถอะ มีโต๊ะว่างตำแหน่งดีๆ เหลืออยู่พอดี” ไอ้นะบอกยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนจากจูงมือเป็นโอบไหล่ผมพาเดินเข้าร้าน

อีกนิดก็จะดูเหมือนเสี่ยพาเด็กมาแดกข้างแล้วนะเพื่อนนะ...ผมคิดขำๆ แต่ไม่ได้พูดออกไป

หลังจากเราเลือกน้ำซุปได้เรียบร้อยผมก็หันไปกวาดของที่อยู่บนสายพานมาใส่หม้อทันที โอ๊ะ นั่นเห็ดเข็มทอง ผมจำได้ว่าไอ้นะมันชอบกินมาก

“นี่ของโปรดมึง”

“ขอบคุณครับ” มันตอบ สุภาพจนผมเผลอชะงักมือไปเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยผ่าน...บางทีเราก็พูดสุภาพใส่กันเป็นเรื่องปกติ ไม่รู้ผมจะแปลกใจอะไรล่ะเนี่ย “อันนี้ของโปรดมึง”

ไอ้นะหยิบเอาจานผักกาดขาวมาให้ผม หูย รู้ใจ ผมโคตรชอบผักกาดขาว โอ๊ะๆ หมูสไลซ์มาแล้ววว...ผมหยิบจานหมูทุกจานที่วิ่งผ่านสายพานมาตรงหน้าผมแล้วจับโยนลงหม้อทันที เป็นสิบจานจนไอ้นะต้องยื่นมือมาตีมือผมแล้วบอกให้พอ

“หยุดเลยสระ หมูเต็มหม้อแล้วเนี่ย ใส่อย่างอื่นบ้าง”

ผมยิ้มแหย เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่โดนจับได้ว่าทำผิดแต่พยายามยิ้มอ้อนเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนดุ “โทษที มันเพลินไปหน่อย”

“จริงๆ เล้ย” พยัญชนะส่ายหน้ายิ้มๆ ให้ผม มันเอื้อมไปหยิบจานลูกชิ้นอะไรสักอย่างมาใส่ลงไปในหม้อน้ำซุปฝั่งตัวเอง เพราะมันรู้ว่าผมไม่กินลูกชิ้นอันนี้ มันไม่อร่อยอะครับ “เอาซูชิมั้ย?”

“เอา!” ผมตอบ ตั้งท่าจะลุกไปตัก แต่เพื่อนสนิทสุดหล่อก็เบรกเอาไว้อีกครั้ง

“นั่งเถอะ เดี๋ยวกูไปตักให้ เอาแซลม่อนเยอะๆ เนอะ”

“เอาเทมปุระด้วยยย”

“ได้ครับผม” ไอ้นะลูบหัวผมสองทีก่อนจะเดินไปยังโซนซูชิ...ผมมองตาม ยิ้มกว้างให้กับแผ่นหลังของผู้ชายที่นิสัยดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รู้จักมา รู้ใจผมไปหมด รู้ว่าผมชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงได้ทำดีกับผมมากมายขนาดนี้ ถ้าผมตกหลุมรักมันขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย

คิดแล้วก็ได้แต่แอบขำ มันก่ำกึ่งระหว่างตลกกับ...เขินแปลกๆ แฮะ

“คิดอะไรอยู่”

เสียงไอ้นะทำให้ผมหลุดจากความคิดพิลึกพิลั่น หันไปมองมันก็เห็นอ้อมแขนมันเต็มไปด้วยจานสี่ใบที่มันพยายามหอบหิ้วมาด้วยสองมือ บนนั้นอัดแน่นไปด้วยซูชิเรียงตัวสวยและเทมปุระแสนน่ากิน

ผมขยับเข้าไปช่วยหยิบมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปคีบเอาหมูที่สุกแล้วออกมาใส่จานให้ไอ้นะ “กินๆๆ วันนี้กูจะเอาใจมึงบ้าง”

“เอาใจกู?”

“ช่าย จะคอยตักให้มึงกินเอง”

“กูจะรอดูแล้วกันว่ามึงจะลืมตักให้กูแล้วเอาแต่ยัดเข้าปากตัวเองหรือเปล่า”

“นะ~ มึงหาว่ากูเห็นแก่กินป่ะว้าา”

“ฮ่าๆๆๆ” มันไม่ตอบแต่หัวเราะแทน ผมเลยคีบหมูที่ตักขึ้นมานานจนหายร้อนแล้วยัดใส่ปากมันไปทั้งอย่างนั้น ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มด้วย กินไปแบบจืดๆ นั่นแหละ!

“แดกเองเลย ปากไม่ดีพูดไม่เข้าหูกู”

“กูล้อเล่นนน”

เรากินกันไปคุยกันไป ผมกับมันผลัดกันคีบนั่นคีบนี่ใส่ปากตัวเองบ้าง ใส่ปากอีกฝ่ายบ้าง จนเริ่มจะอิ่มของคาวผมก็เลยหยุดมือแล้ววางตะเกียบลง

“อิ่มแล้วเหรอวะ”

ผมพยักหน้า “ย่อยรอกินของหวาน”

คนฟังถึงกับส่ายหน้าขำ “กินเก่งจริงๆ”

“จะด่ากูตะกละก็ว่ามาเพื่อนรัก” ผมกอดอกทำหน้ามุ่ยใส่มัน ไอ้นะถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมาเลยทีนี้ ถามว่าดังขนาดไหนน่ะเหรอ? ก็ไม่ได้ดังลั่นร้านชาบูหรอก แต่ดังจนโต๊ะใกล้ๆ สองสามโต๊ะหันมามองเท่านั้นเอง

“ไม่ตะกละหรอก เขาเรียกกินอย่างคุ้มค่า”

หมั่นไส้โว้ย ดูสีหน้าที่มันมองผมแบบหยอกๆ นั่นดิ บางทีไอ้นะมันก็แสนดี แต่บางทีมันก็กวนตีนผมอะ!

“กูไม่คุยกับมึงละ ไปตักไอติมดีกว่า”

“เดี๋ยวกูไปตัก...”

ผมยกมือเป็นปางห้ามญาติใส่ไอ้นะทันทีที่มันทำท่าจะลุกขึ้นทั้งที่ยังกินไม่อิ่มเลย “ไม่ต้องเลย กูไปตักเอง มึงกินไปเถอะ ให้กูลุกไปเองบ้างก็ได้ นั่งจนตูดชาแล้วเนี่ย”

“กูอยากบริการมึงนี่นา ไม่อยากให้มึงลุกไปเอง ไม่อยากให้มึงเหนื่อย”

“...” ผมอ้าปากจะแย้งว่าแค่ลุกไปตักไอติมไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นป่ะ แต่...

“แค่มึงนั่งน่ารักๆ อยู่ตรงนี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว”

“ไอ้นะะะ มึงพูดอะไรของมึ้งงง” ผมโอดใส่มัน หยอดกูเหมือนกูเป็นขนมครก เป็นทาโกยากิเลยไอ้ห่า คิดว่ากูจะเขินมั้ยล่ะ?

เออ ผมเขิน ถึงเป็นเพื่อนกันแต่มันก็ทำให้เขินได้นะเว้ย

“กูพูดความจริง”

“กูหล่อไอ้สัด หล่อครับหล่อ ลงเพจแฮนด์ซั่มบอยของมหา’ลัยเลยนะ!”

“เพจนั้นก็ไม่ได้ลงแต่หนุ่มหล่อป่ะ ลงรูปหนุ่มน่ารักตั้งเยอะ มึงก็เป็นหนึ่งในนั้น” ไอ้นะแย้ง “อีกอย่างพอรูปเราสองคนไปลงในเพจคู่จิ้นอะไรนั่น คนก็ยิ่งมองว่ามึงน่ารักมากกว่าเดิม”

“อ้าว ทำไมเป็นงั้น?” ผมมุ่นคิ้ว

ไอ้นะยิ้มมุมปาก สีหน้ามันเจ้าเล่ห์จนน่าตบ กวนตีนนน “เพราะกูหล่อกว่ามึงไง พอเราอยู่ด้วยกันมึงก็เลยกลายเป็นคน่ารักมากกว่าคนหล่อ”

“กำลังจะบอกว่ามึงหล่อกว่ากูสินะ” ผมกลอกตา

“ช่ายยย”

“เออ กูไม่เถียง” ผมมองเพื่อนสนิทนั่งหัวเราะจนตาหยีแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะลุกขึ้นไปตักไอติมอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ “กูจะกินชาเขียว มึงชอบวานิลลาใช่ป่ะ”

“อืม ตักอะไรมาก็ได้ กูชอบหมดแหละ”

“...”

“ขอแค่มึงเป็นคนตักให้กู จะอะไรกูก็ชอบทั้งนั้น”

“งั้นกูจะตักน้ำแข็งมาให้มึงแดกเปล่าๆ แทนไอติม”

“ฮ่าๆๆๆ”

ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาผมก็เดินถือถ้วยไอติมสองถ้วยกลับมาที่โต๊ะ พอดีกับที่ไอ้นะจัดการทุกอย่างในหม้อชาบูจนหมดแล้ว มันวางตะเกียบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ลูบพุงตัวเอง สงสัยจะอิ่มจัด ถึงกับพ่นปากเลย ฮะๆ

“จะกินไอติมไหวป่ะวะเนี่ย” ผมถามมัน

“ไหว แต่ขอพักพุงสักแป๊บ”

“ฮ่าๆ ระวังมันจะละลายหมดซะก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไร กินตอนมันเป็นน้ำกูก็กินได้ บอกแล้วกูกินทุกอย่างที่มึงตักมาให้อะแหละ”

“เลิกหยอดมุกใส่กูได้แล้วป่ะ นี่เพื่อนไง ไม่ใช่สาว จะมาจีบกันเพื่อ?” ผมบอกกับมัน ยัดช้อนที่มีไอติมชาเขียวคำโตใส่ปาก อ่า ผมไม่ได้โกรธมันหรอกนะที่มันพูดอะไรแบบนั้น แต่โดนบ่อยๆ เข้ามันก็อดจะเขินแปลกๆ ไม่ได้...ก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละ เพื่อนกันแต่มันก็เขินนะเว้ย

“มึงไม่ชอบเหรอ?”

นั่นไง เข้าใจกูผิดจนได้ “เปล่า แต่กูเขินต่างหาก”

“มึงเขินกู”

“เออ เขินมึงนั่นแหละ”

ไอ้นะเงียบไปหลังจากที่ผมพูดจบ มันก้มหน้าเล็กน้อยแล้ว ขยับตัวนั่งยืดหลังตรงแล้วหยิบเอาถ้วยไอติมของตัวเองไปตักกินโดยไม่พูดอะไรอีก ผมขมวดคิ้วเหล่มองมันเล็กน้อย แต่พอเห็นแวบๆ ว่าริมฝีปากของมันกำลังฉีกยิ้ม ผมก็อดจะยิ้มตามไม่ได้

ดีใจที่กูบอกว่าเขินหรือไงวะ ตลกว่ะ ฮ่าๆๆๆ

เราไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมกินของผมเงียบๆ รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ไอ้นะมันโน้มตัวข้ามโต๊ะมาหาแล้วใช้นิ้วปาดริมฝีปากของผมเบาๆ

“กินยังไงให้เลอะเนี่ยสระ”

“อ้าว เปื้อนด้วยเหรอ”

ผมตั้งใจจะยกหลังมือเช็ดปากตัวเอง แต่ไอ้นะก็กดมือผมลงแล้วช่วยเช็ดปากให้ผมแทน มันไม่ได้หยิบทิชชู่มาเช็ด แต่ใช้นิ้วอันแข็งแรงของมันนั่นล่ะเช็ดออกให้อย่างช้าๆ และนุ่มนวลโดยไม่คิดรังเกียจ แต่มันไม่สกปรกหรอก ปากผมสะอาดมาก ไม่เชื่อมาพิสูจน์ได้ อิอิ

ผมนั่งนิ่งรอให้ไอ้นะเช็ดปากให้จนกว่าจะเสร็จ แต่ก็เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว ปลายลิ้นก็เลยไปแตะนิ้วเพื่อนสนิทเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และนั่นทำให้ทั้งผมทั้งมันชะงัก

“เอ้ย กูขอโทษ” ผมตาโตใส่มัน

ไอ้นะหลุบตามองปลายนิ้วตัวเองก่อนจะส่ายหน้าแล้วดึงมือกลับไป จากนั้นมันก็หยิบทิชชู่มาเช็ดมือตัวเอง ผมเอียงคอมองท่าทีของมันอย่างไม่เข้าใจนัก...เป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ดีๆ ก็เงียบไปอะ

“นะ...ไอ้นะ...นะ!”

“หา? ว่าไงๆ” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม

“กูไหมล่ะครับที่ต้องเป็นฝ่ายงง มึงเป็นอะไรวะ จู่ๆ ก็แปลกไป อิ่มจัดจนพูดไม่ออกเลยเหรอ ฮะๆ”

ไอ้นะนิ่งไปอีกเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับมาแจกยิ้มอีกครั้ง “กูกำลังคิด...”

“คิดว่า?”

“คิดว่ามึงอ่อยกูอยู่หรือเปล่า”

“อ่อยพ่อมึงงง” ผมโวยวาย หยิบเอาเศษผักที่หลงเหลืออยู่ในจานบนโต๊ะมาโยนใส่มัน

ไอ้นะกลับมาหัวเราะอีกครั้ง “ก็มึงเลียนิ้วกูอะ”

“กูแค่ลืมตัว จะเลียปากต่างหาก แต่นิ้วมึงแหละมาอยู่ผิดที่”

“อ้าว ความผิดกูซะงั้น กูอุตส่าห์เช็ดปากให้”

“คร้าบๆ ขอบใจนะคร้าบบบ” ผมบอกมันยิ้มๆ แล้วตักไอติมคำสุดท้ายยัดเข้าปากพลางหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาของร้าน อ่า อีกสิบนาทีก็หมดเวลาแล้วนี่นา ผมกับไอ้นะคงต้องหยุดกินแล้วไปจ่ายตังค์ได้แล้ว

แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเพื่อนสนิทพูดอะไรสักอย่างเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน และถึงได้ยินก็ฟังไม่ออกเลยสักคำ

“มึงไม่รู้หรอกสระว่ากูต้องข่มใจขนาดไหนที่โดนมึงเลียนิ้วเนี่ย”

“นะ มึงพูดไร กูไม่ได้ยิน” ผมถาม มุ่นคิ้วมองมันที่กลับมามีท่าทีประหลาดอีกแล้ว

คนถูกเรียกเงยหน้ามาสบตาแล้วยิ้มให้ “เปล่า มึงอิ่มยัง กลับเลยมั้ย?”

“กูกำลังจะบอกมึงว่าเหลือสิบนาที ไปจ่ายเงินกันเถอะ”

“งั้นไป เดี๋ยวมื้อนี้กูจ่ายเอง”

“เฮ้ย หารกันดิ” ผมแย้ง แต่ก็ต้องจนมุมเมื่อคุณพยัญชนะมันสวนกลับมาว่า...

“ไหนมึงบอกว่าจะตามใจกูไง ให้กูเลือกว่าจะจ่ายเองหรือหารกัน เนี่ย กูก็เลือกจ่ายเองแล้วไง”

ผมเลิกคิ้ว “เอาจริง?”

“ถ้ามึงให้เอากูก็เอาจริง”

“คนละเอาแล้วไอ้เหี้ยนะ!”

“ฮ่าๆๆๆ”


_____________________

หายไปนานมากกกกก ยังรอกันอยู่ไหม แง หลังจากนี้จะอัพเรื่องนี้เป็นหลักค่ะ ตั้งใจว่าจะเขียนนิยายทีละเรื่อง จะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่อยากเป็นคนประสาทแดกเหมือนเมื่อปีที่แล้วค่ะ แง T T ฝากติดตามด้วยนะคะ หวังว่าจะรักสระกับพยัญชนะของเราน้าา เรื่องนี้จะออกไปทางฟีลกู๊ดฟุ้งๆ หน่อย อยากเขียนอะไรที่มันน่ารักกก อิอิ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนูสระก็ยังอาย ยังเขินอยู่อีกเหมือนเดิม กินไป เขินไป  o18

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :o8: เขินแทนสระได้มั้ยคะ กุ๊กกิ๊กน่ารักกันเชียว คุณณัฐไฟจงลุกโชน :fire: รอตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 สู้ๆค่ะ  o13 สระยังน่ารักน่าฟัดเหมือนเดิม  :hao7: ส่วนพยัญชนะก็สู้ๆน้าาาาา  o13

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Three

(ค.) : ครีม (ความขาว)

 

[พยัญชนะ]


สระเป็นคนน่ารัก ใช่ น่ารักมากๆ ใครจะมองว่าเขาหล่อก็ช่าง แต่สำหรับผม...เขาคือความน่ารักของโลกใบนี้ น่ารักที่สุดในโลกเลย เฮ้อ

“นะ อยากได้นาฬิกาข้อมือ”

“หือ? ปกติไม่เคยเห็นจะใส่”

จู่ๆ เจ้าดื้อของผมก็เอ่ยขึ้นมาแบบนั้น ผมเห็นเขาไถหน้าจอโทรศัพท์ดูอะไรสักอย่างอยู่นานสองนาน ตอนนี้ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นร้านนาฬิกาข้อมือล่ะมั้ง ไปเจอแบบไหนมาล่ะถึงได้ถูกใจจนอยากได้ ทั้งที่ไม่เห็นจะเคยใส่เลยสักครั้ง

“อยากลองใส่ดูบ้าง อันนี้สวยมากเลย ลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นพอดีด้วย” เขาบอก เอี้ยวตัวมาใกล้ผมแล้วเอียงหน้าจอให้ดู

ผมหลุบสายตาลงมอง “อ่า สวยจริงๆ ด้วย หน้าปัดด้านในมีแต่สีทองเหรอ?”

“ไม่ๆ มีสีดำกับสีขาวด้วย มึงว่าสีไหนเหมาะกับกูวะ” สระกดเลื่อนให้ดูแต่ละสี ผมมองเปรียบเทียบอยู่สักพักก็ให้คำตอบกับเขา

“สีทองน่าจะเข้ากับข้อมือขาวๆ ของมึง”

“เหรอ งั้นกูสั่งซื้อสีนี้เลยนะ?”

“อือ สั่งสีดำเผื่อกูด้วย”

สระเลิกคิ้ว “มึงจะใส่ด้วยเหรอ มึงก็มีอยู่แล้วไม่ใช่ไง?”

“กูอยากซื้อมาใส่คู่กับมึง”

ผมบอกเขาไปตามตรง สระหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะไหวไหล่แล้วหันไปจิ้มโทรศัพท์เพื่อทำการสั่งซื้อ ปากเขาก็พึมพำพูดกับตัวเองไปด้วย แต่เพราะเรานั่งใกล้กันมาก ผมเลยได้ยินชัดเจนทุกคำ

“ใส่นาฬิกาคู่อย่างกับเป็นแฟนกัน”

ผมล่ะอยากจะบอกกับเขาเหลือเกินว่าใช่...ผมอยากใส่คู่กับเขาเพราะมันจะทำให้เราดูเหมือนแฟนกันมากขึ้นจริงๆ นั่นแหละ หึๆ

“ทั้งหมดกี่บาท เดี๋ยวกูโอนเงินให้”

“เฉพาะของมึงก็...”

“ไม่ใช่สิ” ผมแย้งก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ “ทั้งหมดเลย รวมของมึงกับของกู รวมค่าจัดส่งมาด้วย”

คนฟังทำหน้างงไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นเหวอ “เดี๋ยววว มึงจะจ่ายให้กู?”

“อ่าฮะ แค่ไม่กี่บาท เดี๋ยวกูจ่ายเอง”

“ไม่ได้ดิครับคุณพยัญชนะ ผมซื้อเองผมก็ต้องจ่ายเอง คุณจะมาจ่ายให้ผมได้ไง”

“กูบอกแล้วไงว่ากูเปย์มึงได้”

“อันนั้นคือพูดเล่นถูกมั้ย?” สระถาม มันเหล่ตามองผมยิ้มๆ ด้วยซ้ำ..แต่พอดีว่าผมจริงจังน่ะสิครับ

“ไม่ กูพูดจริง”

คราวนี้เจ้าดื้อของผมถึงกับหน้าเหวอ ให้ตาย นี่มันคิดว่าผมหยอกมันเล่นมาตลอดเลยเหรอเนี่ย สระเอ๊ยสระ กูจริงจังกว่าที่มึงคิดด้วยซ้ำ ถ้าวันหนึ่งมึงรู้ความจริงว่ากูคิดไม่ซื่อกับมึงขึ้นมา มึงจะรับได้ไหมวะ...ไม่ดิ จะตามกูทันหรือเปล่า ผมนึกภาพตอนสารภาพรักใส่มันแล้วมันทำหน้าเหวอตอบกลับมาได้เลยเถอะ เหอๆ

“ทีนี้ก็บอกจำนวนเงินมาได้แล้ว จะได้โอนเลย”

“มันไม่มีเหตุผลเลยนะเว้ยที่กูจะให้มึงจ่ายให้เนี่ย เออ ถ้าเป็นของกิน ขนมนั่นนี่กูยังพอรับไว้ได้ แต่นี่มันของใช้ แถมราคาก็สูงกว่าพวกอาหารที่มึงซื้อมาเปย์กูด้วยซ้ำ”

ผมนิ่งคิด เข้าใจที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อทุกอย่าง แต่ยังไงผมก็อยากซื้อให้อยู่ดี...ให้เราได้มีไอเทมคู่กันอยู่ดี

“ให้กูซื้อเถอะน่า นะ...อยากให้เฉยๆ ไม่ได้เหรอ” ผมถามสระ พยายามทำหน้าให้ออกไปทางเว้าวอนขอร้อง ทั้งที่ปกติคนที่จะอ้อนกันอยู่เสมอก็คือเขาไม่ใช่ผม

สระน่ะขี้อ้อนมาก และผมก็โคตรชอบด้วยเวลาเขามาอ้อนผม แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้ว่าเขาน่ะแพ้ลูกอ้อนคนอื่นเช่นกัน ยิ่งกับผมนี่ยิ่งแพ้ง่ายเป็นพิเศษเพราะผมไม่ค่อยอ้อนเขา นานๆ ทีจะทำสักทีเขาก็เลยยิ่งไม่กล้าปฏิเสธผมเข้าไปใหญ่ ครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกัน...

สระถอนหายใจ “ก็ได้ๆ อยากเปย์กูนักงั้นตามสบายเลยยย”

“ดีมาก” ผมยิ้มกว้าง หัวเราะเมื่อสระทำหน้ามุ่ยแล้วยกมือปัดมือผมออกจากหัวของเขา หลังจากที่ผมทำการขยี้เส้นผมของเจ้าตัวจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว “บอกยอดเงินมาได้แล้ว”

สระบอกยอดเงินที่ต้องชำระกับผม ผมหยิบสมาร์ทโฟนตัวเองมากดเข้าแอปฯ ธนาคารแล้วทำการชำระค่าสินค้า

“จะส่งของให้ภายในสามวัน อืม กูกดเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสไป งั้นของก็น่าจะมาไม่เกินสี่ถึงห้าวันเนอะ” สระนับวันที่ของจะมาส่ง ได้ยินดังนั้นผมก็พยักหน้ารับ

“ก็น่าจะราวๆ นั้น”

หลังจากโอนเงินเสร็จก็แค่ต้องรอของมาส่ง...อ่า ผมอยากได้นาฬิกามาใส่คู่กับเขาไวๆ แล้วสิ :)

 

สี่วันต่อมานาฬิกาข้อมือที่สั่งซื้อไปก็มาถึงมือเราสองคน ผมมอบหน้าที่แกะพัสดุให้กับสระที่ดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เข้ายิ้มกว้างจนผมล่ะกลัวว่าแก้มจะแตก ท่าทางมีความสุขเสียจนผมอดจะเอ็นดูไม่ได้

จะมีกี่คนกันล่ะครับที่มานั่งเอ็นดูความน่ารักของเพื่อนตัวเอง ผมคนหนึ่งล่ะที่เป็นอย่างนั้น แม้จะไม่ได้คิดแค่เพื่อนก็ตามทีเถอะ

“ว้าว ว้าววว”

หลังแกะกล่องพัสดุออกได้สำเร็จ สระก็ตาลุกวาว หยิบเอานาฬิกาเรือนสีเงินสวยเงาวับที่มีหน้าปัดเป็นสีทอง ผมชะโงกหน้าไปมองในกล่องก่อนจะหยิบเอาเรือนที่เป็นของผมออกมา ผิวปากอย่างชอบใจ ราคาเหมาะสมกับภาพลักษณ์ แต่จะเหมาะสมกับคุณภาพไหมคงต้องลองใช้ดูก่อน ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบมันนะ ได้คะแนนโดนใจไปแล้วหนึ่ง

“ใส่เลยเนอะๆ”

สระทำการสวมนาฬิกาเข้ากับข้อมือด้านซ้ายของตัวเอง จากนั้นเขาก็หันมาหาผมที่ยังคงนั่งสำรวจของในมือ เห็นดังนั้นเจ้าตัวก็ดึงนาฬิกาของผมออกไป แล้วทำการสวมมันให้กับผม

“รีบเหรอ?” ผมเอ่ยแซว คนถูกแซวยู่หน้าเล็กน้อย

“อยากถ่ายรูปลงไอจีอะ”

ผมเลิกคิ้ว อ่อ อยากอวดของว่างั้น “เอาดิ”

เราสองคนรัวถ่ายรูปกันไปหลายต่อหลายรูป ทั้งรูปที่เห็นหน้าพวกเราและรูปที่เห็นเพียงนาฬิกาบนข้อมือ แต่สุดท้ายแล้วสระก็เลือกเอารูปที่เราวางแขนแทบจะพาดทับกัน เพื่อโชว์ให้เห็นนาฬิกาทั้งสองเรือนซึ่งมีหน้าตาคล้ายกันทุกประการ ยกเว้นสีพื้นหน้าปัด เขาแต่งรูปอีกนิดหน่อยก่อนจะถามขึ้น

“แคปชั่นว่าไรดี?”

ผมกลอกตา คิดอะไรขำๆ ขึ้นมาได้เลยบอกไปว่า “นาฬิกาเพื่อนซื้อให้ครับ ไม่ได้ยืมมา”

กึก

คนฟังถึงกับชะงักงัน เงยหน้าขวับขึ้นมามองผมตาโต ปากอ้าค้างเล็กน้อยแล้วสุดท้ายก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นห้อง

“ไอ้นะ~ มึงล่อคุกล่อตารางมากไปมั้ย ฮ่าๆๆๆ”

“เฮ้ย มึงอะคิดมาก แค่แคปชั่นไอจีจะไปเสียงคุกได้ไง”

“โอ๊ยย ยอมใจมึงเลยว่ะ เออๆ เอาอันนี้ก็ได้ กวนตีนดี”

ผมนั่งมองเขาหัวเราะไปกดพิมพ์แคปชั่นไป จนกระทั่งเขาอัปรูปนั้นลงไอจี เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของผมบ่งบอกว่าเขาลงรูปไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงกดเข้าไปดู

รูปก็เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ปรับฟิลเตอร์นิดหน่อย ส่วนแคปชั่นนั้นเป็นไปตามที่ผมบอกเป๊ะ เห็นแบบนี้แล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน

จะว่าไปในที่สุดผมก็ได้ใส่นาฬิกาคู่กับสระสักที...ยอดเยี่ยมที่สุดเลยครับ :)

 

หลายวันผ่านไปแต่กระแสไอเทมคู่ของเรายังไม่จางหาย

...ใช่ครับ หลังจากที่สระลงรูปไปก็มีทั้งคอมเมนต์ตลกขบขันกับแคปชั่นของพวกเรา และคอมเมนต์กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ที่จับเราจิ้นกัน อ้อ แน่นอนว่าเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัยต้องไม่พลาดที่จะเอาเรื่องนี้ไปลงเพจ กลายเป็นว่าการใส่นาฬิกาคู่กันของเราสองคนทำให้โดนแซวไปเยอะไม่น้อยเลยทีเดียว

แรกๆ สระก็กระอักกระอ่วนใจ เขาไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ ผมต้องคอยปลอบคอยบอกให้เขาช่างแม่งมันไปแล้วจะดีเอง ก็เพิ่งจะมีสองวันมานี้นี่ล่ะที่เจ้าตัวดูเฉยๆ กับคนที่คอยกรี๊ดใส่เราสองคนได้บ้างแล้ว

วันนี้พอเรียนเสร็จตอนเย็นเราทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องทันที แวะซื้อกับข้าวและของกินสองสามอย่างเข้ามาด้วย วันนี้เราจะกินข้าวเย็นที่หอกันครับ สระบอกว่าเบื่ออาหารตามสั่ง อยากกินกับข้าวหลายๆ อย่างมากกว่า

“อาบน้ำก่อนมั้ยไอ้นะ?”

“มึงไปอาบก่อนเลย” ผมบอกกับเขา แต่สระส่ายหน้า

“ไม่เอา มึงแหละไปก่อน เร็ววว”

ผมยอมเออออตามใจเขา คว้าผ้าขนหนูได้ก็ก้าวเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายจากสิ่งสกปรกทั้งหลายที่สะสมมาทั้งวันจนสะอาดดีแล้วก็พันผ้ารอบเอวออกมาแต่งตัว

“เร็วจังวะ แค่ครึ่งชั่วโมงเอง” เจ้าดื้อของผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมออกมาไวกว่าทุกที

“หิวน่ะ เลยอาบให้ไวที่สุด”

“เออ หิวเหมือนกัน งั้นกูขอไปอาบน้ำก่อน มึงจะกินเลยก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็รอมึงก่อนก็ได้”

“ตามใจ”

ระหว่างนั่งรออีกฝ่ายอาบน้ำผมก็จัดการเอากับข้าวที่ซื้อมาสามอย่างแกะใส่จานชาม ตอนกลับมาถึงสระหุงข้าวทันที พอมาตอนนี้ข้าวก็ดีดพร้อมให้กินเรียบร้อยแล้ว ผมจึงตักมันใส่จานสองจานแล้ววางลงกับโต๊ะญี่ปุ่น รอให้สระแต่งตัวเสร็จค่อยกินด้วยกัน

“อ้าว ข้าวดีดแล้วเหรอวะ งั้นรอแป๊บ แต่งตัวสามนาที”

“ไม่ต้องรีบหรอก” ผมบอกกับเขา มองตาแผ่นหลังขาวเนียนก้าวไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะดึงสายตากลับมา

ที่จริงแล้วการมีสระเป็นรูมเมตก็ค่อนข้างทำให้ผมทำใจลำบากในบางครั้งอยู่ไม่น้อย อย่างที่รู้กันดีว่าผมคิดยังไงกับเขา และการได้อยู่ใกล้ชิดก็ทำให้ยิ่งใจสั่น ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าบางทีก็คิดอะไรเกินเลยไปเยอะเวลามองอีกฝ่าย ยิ่งเวลาที่สระโชว์ผิวขาวๆ แบบนี้ผมยิ่งระงับอาการตัวเองลำบาก

อ่า ผู้ชายนะครับย่อมอยากสัมผัสตัวคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?

“เสร็จละ กินเลยๆ”

ผมถูกดึงให้กลับมาสู่ความเป็นจริงว่าผมทำได้แค่มองและคิด แต่ยังไม่กล้ามากพอและไม่มีเหตุผลให้ได้สัมผัสอีกฝ่ายในแบบที่อยากจะทำ เรายังมีสถานะที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ ค้ำคอเอาไว้อยู่ และผมไม่อยากจะรีบร้อนทำลายมิตรภาพของเราในตอนนี้ ตราบใดที่สระยังไม่มีทีท่าว่าจะหวั่นไหวหรือชอบผมตอบ ผมจะไม่ทำอะไรเขาเด็ดขาดเลย

“อันนี้อร่อย” ผมตักกับข้าวใส่จานเขา “มึงชอบอันนี้มาก กูจำได้”

“หูย มึงนี่รู้ใจกูดีจริงๆ”

“แน่นอน” ผมยักไหล่ ทำหน้าอวดดีกึ่งยิ้มกริ่ม สระเห็นแบบนั้นก็คงหมั่นไส้ เขาดีดเม็ดข้าวใส่ผม ก่อนจะกรอกตาทำหน้าเอือมระอาแบบไม่จริงจังนักตอบกลับมา

เรากินข้าวด้วยกันพักหนึ่ง จนเมื่ออิ่มผมกับเขาก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและเก็บเศษอาหารไปทิ้ง เสร็จสิ้นทุกอย่างเราก็กลับมานอนแผ่หลาบนเตียง

“วันนี้เหนื่อยๆ เนอะ มึงว่าป่ะ?”

“อือ นั่งเลกเชอร์จนเมื่อยมืออะ ไม่รู้อาจารย์จะเร่งเนื้อหาไปไหน จดแทบไม่ทัน” ผมตอบ มือก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น กดเข้าเช็กโซเชียลต่างๆ จนกระทั่งไปสะดุดตาเข้ากับคอมเมนต์มากมายในโพสต์ไอจีล่าสุดของผม ส่วนใหญ่คอมเมนต์จะไม่ค่อยเกี่ยวกับโพสต์นั้นนัก แต่เป็น... “สระ มีคนอยากให้เราไลฟ์ไอจีด้วยกันว่ะ”

“หะ? ใครวะ?”

“พวกที่จับเราจิ้นกัน”

“เหอๆ อะไรวะน่ะ ถึงขั้นขอให้ไลฟ์เลยเหรอะ ดาราก็ไม่ใช่ จะให้ไลฟ์ทำไมวะ?” สระผุดลุกขึ้นนั่ง คว้าเอาหมอนมาวางบนตักและเท้าแขนลงไป ดวงตาจ้องมองมาที่ผมซึ่งยังคงไล่อ่านคอมเมนต์ในไอจีต่อไป “มึงอยากไลฟ์ไหมล่ะ?”

ผมเลื่อนสายตาไปมองเขาอย่างแปลกใจ “มึงจะไลฟ์?”

“กูถามมึงก่อนป่ะนะ แหม่ คือถ้ามึงอยากไลฟ์กูก็ไลฟ์ด้วยได้”

“งั้นไลฟ์” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เมื่อสมองเล็งเห็นอะไรดีๆ ได้จากการไลฟ์ไอจีตามคำเรียกร้องของใครหลายๆ คนที่เป็นแฟนคลับคู่จิ้นของเรา

ผมจะถือโอกาสนี้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าสระน่ะ...เป็นของผม :)

หลังจากนั้นผมก็ทำการกดไลฟ์ไอจีทันที จำนวนคนดูค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วจนเข้าหลักพัน เล่นเอาทั้งผมทั้งสระตาโต...ทั้งที่เราสองคนยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำเพราะนี่มันเพิ่งจะสองนาทีเอง แต่คนดูนี่สิมาจากไหน!

“โห มาจากไหนกันครับเป็นพันคน” สระถามแทนสิ่งที่ผมสงสัย

ผมไล่สายตาอ่านคอมเมนต์ให้เขา “ติดตามอยู่ค่า ชอบพี่ๆ ทั้งสองคนมากเลย”

“โหย ขอบคุณนะครับที่ชอบเรา”

ผมไล่อ่านคอมเมนต์สลับกับตอบบ้างมองหน้าสระบ้าง จนมาถึงคำถามที่พูดถึงนาฬิกาคู่ของเราสองคน

“ได้ใส่นาฬิกาอยู่ไหมตอนนี้...อ๋อ ไม่ได้ใส่ครับ กลับมาถึงก็ถอดออกแล้วไปอาบน้ำกินข้าว จะนอนแล้วเลยไม่ใส่น่ะครับ” ผมตอบคอมเมนต์นั้น ใช่ว่าเราจะใส่นาฬิกาข้อมือทั้งวันทั้งคืนไม่ถอดออกนี่นา

เราคุยไปเรื่อยเปื่อยกับคนดูไลฟ์ หันมาคุยกันเองบ้างเวลานึกเรื่องอะไรออก จนกระทั่งผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงได้ สระก็มีท่าทีง่วงงุน ดวงตาปรือปรอย

ผมหัวเราะ “นอนไหมสระ”

“อื้อ ไม่ไหวแล้วอะ ตาจะปิดให้ได้เลย”

“งั้นปิดไลฟ์เนอะ” ผมถาม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “มึงไปหยิบขวดครีมมาทาก่อนนอนด้วยสระ ช่วงนี้ผิวมึงแห้งมาก ถ้าไม่อยากให้ผิวแตกก็ทาซะ”

“กูเป็นผู้ชายนะเว้ย ไม่ต้องทาก็ได้ป่ะวะ ครีมทาตัวเนี่ย”

“ผู้ชายจะดูแลตัวเองไม่ได้หรือไงล่ะ ไปเลย ไปหยิบมา”

“ง่วงแล้วนะ~ สระไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากล้มตัวลงนอน” เขาเริ่มออกอาการงอแง

ผมแกล้งทำหน้าเข้ม “สระ ไม่ดื้อดิครับ”

เจ้าตัวเลยยู่หน้าใส่ผมแล้วยอมเดินไปหยิบครีมทาผิว แต่แทนที่เขาจะทาเองกลับยื่นขวดครีมมาให้ผม

“เอ้า”

“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ

สระถอนหายใจ “ทาให้หน่อย จะนอนแล้ว”

เท่านั้นล่ะผมก็หลุดหัวเราะออกมาทันที เจ้าดื้อของผมเวลางอแงก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย แต่ถามว่าผมตามใจเขาไหม? แน่นอนว่าใช่ ถ้ามันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงผมก็พร้อมจะทำให้เขาทุกอย่างแหละ

ผมกำลังจะวางโทรศัพท์ในมือลง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไลฟ์ไอจีทิ้งไว้อยู่ และ...ฉิบหายแล้ว ทุกอย่างที่ผมกับสระคุยกันเมื่อกี้เท่ากับว่ามันออกอากาศสู่สายตาประชนชนเป็นพันคนไปหมดเลยน่ะสิ!

ผมยิ้มแหย เอ่ยลาเร็วๆ กับทุกคนแล้วกดปิดการไลฟ์ทันที ขณะที่สระดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากอยากนอน เขาล้มตัวลงนอนแผ่ หลับตาพริ้มอย่างน่ารัก ทิ้งให้ผมต้องมานั่งทาครีมให้เขาทั้งแขนและขา

ผมบีบครีมใส่ฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ทามันลงที่แขนของอีกฝ่ายก่อน สระไม่ได้ผอมมากแต่ก็ไม่ได้ร่างกายใหญ่โตนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาดูโดดเด่นก็คือผิวที่ขาวไปทั้งตัว เจ้าตัวไม่ค่อยชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ก็เลยไม่ค่อยได้เจอแดด ผิวเลยขาวมากมายขนาดนี้ แถมมันยังนุ่มมือมากอีกต่างหาก สาบานสิว่านี่ผิวผู้ชายจริงๆ

ผมทาครีมให้เขาไปก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว...อย่างที่เคยบอก ใครบ้างจะไม่อยากสัมผัสคนที่ตัวเองชอบ และถึงแม้ว่าผมจะได้รับโอกาสนั้นแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้ทำอะไรเกินกว่าที่ควรจะทำ ผมต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้จุ๊บไปตามเรียวนิ้วของสระ

ความขาวกับความนุ่มของผิวกายอีกฝ่ายกำลังทำให้ผมจะบ้าตายแล้ว เฮ้อ!

สระนะสระ ทำไมไม่ทาเองล่ะเนี่ย! ทาครีมมันยากตรงไหน

แล้วดูมันนะ...ชิงหลับไม่ให้ทันได้รู้เนื้อรู้ตัวเลย ไอ้เจ้าดื้อเอ๊ย :)


_____________________________

กลับมาแล้ววว หายไปปิดต้นฉบับเรื่องอื่นมาค่ะ แฮ่ หลังจากนี้น่าจะได้อัพยาวๆ แล้วแหละ สักที เลิกดองสักทีสิ! แง้ 555 มันก็จะน่ารักไปแบบนี้เรื่อยๆ ค่ะ ว่าแต่สงสารพยัญชนะเนอะ แอบชอบเพื่อนสนิทก็ว่าแย่แล้ว ยังคิดอกุศลกับเขาแต่ทำอะไรไม่ได้อี๊ก แต่อย่าให้ทำได้นะ สระมีช้ำอะพูดแค่นี้ หึๆ


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอาใจช่วยพยัญชนะนะ ป่านนี้คนดูไลฟ์ฟินตายไปล่ะมั้ง

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เอ็นดูเด็กน้อยทั้งคู่ ชอบที่สระเวลาอ้อนๆกรืองอแงจะแทนชื่อตัวเอง สระอย่างนั้น สระอย่างนี้ สระง่วงแล้ว น้องนะต้องใจเย็นๆนะ ขยันหยอดเยอะๆ  :o8: ขอบคุณมากนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ vipsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นะก็เนียนเก่งจังน้าาาาา สระก็น่ารัก ขี้อ้อนแบบนี้ใครจะทนไหวว คนดูในไลฟ์น่าจะฟินตายไปละ เพื่อนบ้าอะไรอ้อนกันขนาดนี้ งุ้ยๆ

ออฟไลน์ ku_nan_jung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่าสนใจมากๆ
น่าอ่านๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะรอวันที่ลงไอจีแบบโต้รุ่ง  :z1:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Four

(ง.) : เงาะ (งอน)

 

[สระ]


“หน้าบูดเลยนะมึงไอ้หระ”

ผมหันไปทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมใส่ไอ้พี ไอ้เพื่อนทรพีก็เลยยิ่งแหย่ผมเข้าไปใหญ่ด้วยการเดินมาหยิกแก้มผมเล่น พ่อมึงไอ้สัด! เพื่อนเล่นเหรอ!?

ผมปัดมือมันออกเสียงดังเพี๊ยะ! “ไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้พี!”

“เอ๊า นี่ไปแดกรังแตนที่ไหนมา หงุดหงิดขั้นสุดมาก”

“มึงรู้ว่ามันอารมณ์ไม่ดีก็ยังไปแหย่มันนะไอ้พี” ไอ้ยูที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น พยักพเยิดหน้าแล้วเอ่ยอีกว่า “ดูหน้ามัน หงิกยิ่งกว่าขนในที่ลับ...”

“เชี่ยยู!” ผมงี้ถลึงตาใส่มันทันที จะเปรียบเทียบกับอะไรก็ได้ แต่ทำไมต้องเปรียบไปในทางจัญไรแบบนี้ด้วยวะ

“พูดถูกใจว่ะยู”

แล้วมันสองคนก็หันไปแท็กมือใส่กัน ส่งเสียงหัวเราะลั่นห้อง ไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจใครทั้งนั้น จะมีก็แต่ไอ้เจ็มที่ส่ายหน้าเอือมๆ แล้วเดินมานั่งลงข้างผม กวาดสายตามองไปรอบห้อง

“รูมเมทมึงไปไหนอะสระ”

“ไอ้นะไปซื้อขนม”

“อ่อ แล้วตกลงมึงเป็นอะไร ทำไมหน้าตาดูไม่ได้เลยวะ?”

ผมถอนหายใจใส่ไอ้เจ็ม “ก็กระแสคู่จิ้นของกูกับไอ้นะอะดิ แม่ง เพราะมันคนเดียวเลย เสือกลืมปิดไลฟ์เมื่อวาน ตอนนี้เหมือนกูโดนคนทั้งโลกจ้องมองมาทุกครั้งที่เดินออกไปนอกหอพักเลย”

“มึงก็เว่อร์ แค่มีสายตามองมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ ยังไม่ชินอีกรึไง”

“ไม่ชิน!” ผมหันไปเถียงใส่ไอ้พี “แค่มองกูจะไม่ว่าเลย แต่กรี๊ดใส่เอย ซุบซิบกันเองแต่ดังมาเข้าหูกูเอย ไอ้เหี้ยใครมันจะไปชินได้บ้างวะ”

“แล้วเขาซุบซิบกันว่าไรวะ ทำไมมึงต้องไปใส่ใจขนาดนั้นด้วย?” คราวนี้ไอ้ยูถามบ้าง

คำถามของมันทำให้ผมหน้าบูดลงอีกครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากันจนไม่ต้องส่องกระจกผมก็รู้ได้ว่าหัวคิ้วมันต้องชนกันแล้วแน่ๆ ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ไล่ความหงุดหงิดที่ยังตกค้างอยู่ไม่หาย ไอ้คำซุบซิบที่ลอยมากระแทกหูน่ะ ผมไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ แต่มันทำให้เขินแปลกๆ มากกว่าน่ะสิ

แต่ผมจะไม่พูดแบบนี้ออกไปให้พวกเพื่อนส้นตีนนี่ฟังเด็ดขาด!

“ช่างมันเถอะ” สุดท้ายผมก็ตัดบท เป็นฝ่ายเอ่ยถามพวกมันแทน “แล้วนี่พวกมึงมาทำอะไรกันที่หอกู”

“อ้าว มึงไม่รู้เหรอ?”

“รู้อะไรอีกอะ กูไม่รู้ไงถึงได้ถามเนี่ย มึงก็พูดอะไรโง่ๆ อีกแล้วว่ะพี”

“เอ้าไอ้สาสสส กวนตีนนักนะครับ”

ไอ้พียื่นมือมาตบหัวผมเบาๆ แต่มีหรือที่ผมจะยอม ตบกลับสิครับงานนี้ ใครกันแน่ที่กวนตีนกันก่อน มันทั้งนั้นเหอะ ชอบหาเรื่องแหย่ผมให้หงุดหงิดใจ ส่วนผมรู้ทั้งรู้ว่าโดนเพื่อนหยอกเล่นแต่ก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้ อ่า ผมว่าทั้งผมทั้งมันนี่พอกันเลยว่ะ เหมือนคนบ้า เฮ้อออ

“พวกกูมาเพราะไอ้นะโทรตาม”

“ไอ้นะ?” ผมทวนถาม หันไปมองไอ้เจ็มอย่างต้องการคำอธิบายมากขึ้น

“เออ มันบอกว่ามึงงอนมัน เลยอยากให้พวกกูมาช่วยง้อ” ไอ้ยูช่วยขยายความ

“ห่า งอนกันเองแทนที่จะง้อกันเอง ดันมาขอให้พวกกูช่วย งงมากครับเพื่อน บอกเลยว่าไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้มันคิดว่าพวกกูมาช่วยแล้วมึงจะหายงอน”

“กูไม่ได้งอน” ผมขึงตาใส่ไอ้พี ย้ำแม่งอยู่นั่นว่ากูงอน กูเปล่าซะหน่อย

“เหรอออ หน้ามึงหงิกยิ่งกว่าขนในที่ลับอย่างที่ไอ้ยูมันว่าเป๊ะ ถ้าไม่งอนเรียกว่าอะไร?”

“เรียกว่าหงุดหงิดใจ และกูขอเถอะเลิกเปรียบเทียบกับขนไอ้นั่นสักทีได้มั้ยสัส!” ผมด่าไอ้พีแล้วเราสองคนก็ตบตีกันอีกรอบ ไอ้เจ็มเลยต้องเข้ามาจับแยก

“พอเลยๆ พวกมึงนี่อย่างกับเด็กสองขวบตีกันแย่งจุกนม”

“แต่ไอ้นะมันบอกว่ามึงไม่ยอมคุยกับมันเลยไม่ใช่เหรอ?” ไอ้ยูดึงเราทั้งหมดกลับเข้าประเด็นเดิม

ผมกลอกตา “เออ กูไม่คุยกับมัน เพราะกูโกรธที่มันไม่ยอมปิดไลฟ์”

“เรื่องแค่นี้เอง มึงก็รู้ว่าไอ้นะมันแคร์มึงฉิบหาย อย่าไปโกรธมันเลยน่า มันคงลืมแหละ ไม่ได้ตั้งใจหรอกปะ?”

เอาล่ะ ผมรู้ว่าพวกมันกำลังกล่อมให้ผมเลิกงอน...ไม่ดิ เรียกว่าเลิกโกรธต่างหาก ใครงอน บ้า! ไม่มีสักหน่อย และใช่ พวกมันกำลังโน้มน้าวให้ผมเลิกโกรธไอ้นะ ถึงอย่างนั้นเอาเข้าจริงผมก็รู้แหละว่าไอ้นะมันไม่ได้ตั้งใจ มันมัวแต่ห่วงผมว่าจะไม่ยอมทาครีมก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นในไลฟ์นั่น

“ใช่ อย่างไอ้นะถ้ามันไม่ลืมมันก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครได้เห็นมึงแบบนั้นแน่”

ผมขมวดคิ้ว “มึงหมายความว่าไงวะเจ็ม?”

คนถูกถามไหวไหล่ เหมือนจะบอกว่าเป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว พอผมหันไปไล่สายตามองไอ้พีกับไอ้ยูก็ดูเหมือนพวกมันจะรู้เช่นกัน แต่คือกูไม่รู้ไงเพื่อน กูตามไม่ทันนน

“เพราะกูไม่มีทางยอมให้ใครได้เห็นความน่ารักของมึงไง”

เสียงของคนที่ถูกพูดถึงดังขึ้นแทรกการสนทนาของเราสี่คน ไอ้นะยืนอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งเอาไว้ตั้งแต่พวกไอ้พีเดินเข้ามา ในมือของอีกฝ่ายมีถุงผ้าใบใหญ่สองใบ ในนั้นอัดแน่นไปด้วยของกินอย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่มึงเอาถุงผ้าไปซื้อขนมมาเหรอวะไอ้ชนะ?” ไอ้ยูถาม มันรับเอาถุงผ้ามาเปิดดู

“เออ ลดการใช้ถุงพลาสติกไง กูเลยพกถุงผ้าไป”

“คนดีของสังคมจริงๆ” ไอ้พีหันไปสุมหัวรื้อหาของกินกับไอ้ยู ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่ที่เดิมเพราะตามสิ่งที่พวกมันพูดไม่ทัน เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดไวมาก เดี๋ยว มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนได้ไหมเนี่ยยย

ไอ้เจ็มตบบ่าผมแล้วทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “มีแค่ไอ้นะที่มึงชอบอ้อนใส่ ความน่ารักของมึงตรงนั้นไอ้นะมันก็คงอยากจะให้มีแค่มันที่ได้เห็นคนเดียว ทีนี้เข้าใจยัง?”

ผมไม่ทันได้ตอบไอ้เจ็มก็ถลาไปแย่งขนมกับพวกไอ้พีซะแล้ว...ผมมุ่นคิ้วคิดตาม ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนสนิทมาทรุดลงนั่งบนเตียงข้างกัน รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่อีกฝ่ายคว้ามือผมไปจับเอาไว้ บีบที่ฝ่ามือเบาๆ เหมือนจะเรียกร้องความสนใจไปพร้อมๆ กับง้อผมให้ใจอ่อน

“กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะเว้ยสระ”

ผมมองหน้ามัน ไม่ตอบอะไรทำเพียงถอนหายใจใส่ ไอ้ห่า วันนี้ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ววะ

เห็นดังนั้นไอ้นะก็หน้าเสียไปอีกรอบ “สระ นะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ หายโกรธเถอะน้าา”

“เออๆ ไม่โกรธแล้วก็ได้” ผมคงต้องยอมแพ้ มีไม่กี่ครั้งที่ไอ้นะจะอ้อนผม พอมันอ้อนมาทีผมก็ใจบางไปหมด จริงๆ ก็หายโกรธตั้งนานแล้ว ที่เหลืออยู่คืออาการหงุดหงิดงุ่นง่านมากกว่า

“จริงปะ?!”

ผมไหวไหล่ “อือ มึงลืมนี่หว่า กูก็โกรธไปงั้น ไม่ได้จริงจังอะไร”

“นี่ขนาดมึงไม่จริงจังยังไม่คุยกับกูเป็นวันๆ”

“กูพาลเองงง ขอโทษได้ปะล่ะ” ผมขึงตาใส่มัน

ไอ้นะหัวเราะพลางยิ้มจนตาหยี “ขอโทษเหมือนกันที่ทำให้คนจับตามองมึงมากขึ้น ทั้งที่มึงไม่ชอบ”

“กูควรทำใจให้ชินใช่หรือเปล่า ไหนๆ ก็ถูกจับเป็นคู่จิ้นกับมึงและคงต้องเจอเรื่องพวกนี้อีกเยอะอะ”

“อือฮึ ถ้ามึงทำใจให้ชินแล้วมึงจะเฉยๆ กับทุกสายตาไปเอง เชื่อกู” พยัญชนะบีบมือผม แถมยังส่งยิ้มกว้างๆ นั่นมาให้ด้วย แล้วผมจะไปพูดอะไรได้ล่ะนอกจาก...

“จะพยายามแล้วกัน”



พอลองทำตามที่พยัญชนะเพื่อนรักบอก ผมก็พบว่ามันทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นเยอะเลย แบบว่าถ้าเราไม่สนใจกับสายตาที่มองมา เราก็จะไม่ต้องหงุดหงิดใจ ยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ได้มองเพราะผมไปทำเรื่องอื้อฉาวหรือสิ่งที่ไม่ดี แต่เขามองเพราะชื่นชอบ แม้จะเป็นความชื่นชอบที่ชวนให้ผมกระอักกระอ่วนใจไปหน่อยก็เถอะ

“สระ เร็วเข้า จะสายแล้ว” ไอ้นะเอ่ยเร่งผมที่กำลังใส่รองเท้าก่อนออกจากห้อง

“รู้แล้วๆ”

“บอกแล้วว่าอย่านอนดึก ตื่นสายจนได้เนี่ยเห็นมั้ยไอ้ดื้อ”

“ขอโทษได้ไหมอ่า เล่นเกมติดลมไปหน่อยนี่หว่า” ผมเถียงอุบอิบ ปิดประตูห้องแล้วถอยออกมาให้ไอ้นะล็อกกุญแจ เรียบร้อยแล้วเราก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟต์

“ไอ้ดื้อเอ๊ย สอนไม่รู้จักจำว่าอย่าเล่นเกมถ้าอีกวันมีเรียนเช้า” เพื่อนรักบ่น ยัง ยังไม่เลิกบ่นอีก

ผมแกล้งขึ้นเสียงใส่มัน “มึงเป็นพ่อกูเหรอมาสั่งมาสอนเนี่ยหา!?”

ไอ้นะเห็นผมทำขึงขังใส่ก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากผมไม่แรงนัก สีหน้าของมันติดไปทางตลกขบขันมากกว่าจะโกรธกับคำพูดของผม แถมมันยังเลื่อนมือไปขยี้หัวผมอีกต่างหาก โว้ย ผมกูยุ่งหมดแล้ว! ถึงปกติจะยุ่งเหยิงเพราะไม่ค่อยหวีอยู่แล้วก็เหอะ

“กูไม่ใช่พ่อมึงหรอก”

“ช่าย เพราะงั้นมึงไม่ควรบ่นกูเยอะแย...”

“แต่เป็นว่าที่แฟนของมึงอะ”

กึก

เหวอสิครับ เชี่ยนะ ว่าที่แฟนเฟินห่าอะไรล่ะไอ้สัส!

“ส้นตีนกูมั้ยครับเพื่อน” ผมยกกำปั้นต่อยไหล่อีกฝ่ายไปหนึ่งทีถ้วน คนโดนต่อยนอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังหัวเราะดังลั่นลิฟต์อีกต่างหาก

“อ้าว กูจริงจังนะเนี่ย”

“รอให้กูอยากเป็นแฟนมึงก่อนแล้วกัน จะยอมให้มึงเป็นแฟนกูทันทีเลย” ผมพูดออกไปส่งๆ ก้าวเท้าออกจากลิฟต์เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เลยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของเพื่อนสนิท

“มึงพูดแล้วนะ อย่าลืม”

“เออออ ไม่ลืม แต่ตอนนี้รีบไปมหา’ลัยได้แล้วปะ? เดี๋ยวก็สายจริงๆ หรอก” ผมว่าพลางจับมือมันลากให้เดินตามมาไวๆ พอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ไอ้นะมันซื้อให้ แล้วเห็นว่าเหลือไม่ถึงสิบห้านาทีก็มีแต่ต้องรีบวิ่งเท่านั้น

สุดท้ายเราทั้งคู่ก็วิ่งกันมาจนถึงห้องเรียนทันแปดโมงครึ่งแบบเฉียดฉิว นั่งลงได้ก็พากันเหนื่อยหอบ หายใจเฮือกๆ เอาอากาศเข้าปอด แต่ก่อนที่จะทันได้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ประธานรุ่นหรือก็คือไอ้เจ็มเพื่อนผมก็เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องแล้วประกาศเสียงดังให้นักศึกษากว่าสามสิบชีวิตได้ยินโดยพร้อมเพรียงว่า...

“อาจารย์แจ้งมาว่าจะเข้าสอนช้าหนึ่งชั่วโมงครับทุกคน!”

“โหยยย”

แน่นอนครับว่าเสียงโหยหวนของพวกเราดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายเช่นกัน อะไรว้า แล้วที่กูเหนื่อยวิ่งมาสุดตีนคืออีหยัง ว้อยยย เสียแรงฟรีเลยไอ้หำ!

“กูไม่น่ารีบเล้ย!” ผมโวยวาย “เหงื่อที่เสียไปใครจะชดใช้ให้กูอะ!”

“ตลกแดกเหรอสระ” ไอ้นะหัวเราะ มันขยับเข้ามาช่วยสางเส้นผมของผมที่ชี้ฟูไปหมดเพราะรีบวิ่งมา เห็นแบบนั้นผมก็เลยยื่นมือไปลูบผมให้มันบ้าง แต่เอาเข้าจริงหัวไอ้นะแทบไม่ต้องจัดทรงเลยอะ มันได้วิ่งหน้าตั้งมากับผมจริงๆ หรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมหัวไม่ฟูเลยวะ

“กูรีบมาเพื่ออะไรอะ หิวเลยเนี่ย” ผมยังคงบ่นต่อไป

“หิว?” พยัญชนะเลิกคิ้ว “แต่ก่อนออกมาก็กินข้าวไปแล้วนี่”

“กินแบบรีบๆ ยังไม่ทันอิ่มเลยเหอะ แม่ง อาจารย์ก็น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้หน่อย”

“กูพกเงาะมากินเปล่า?” ไอ้พีเสนอหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังชูถุงเงาะมาให้ดูด้วยอีกต่างหาก

ผมมุ่นคิ้ว กะพริบตามองไอ้เพื่อนตัวดี “มึงพกเงาะมาเรียนทั้งถุง?”

“เออ แวะซื้อเมื่อเช้าอะ เลยหิ้วมาด้วยเลย” ไอ้พีขยายความ ก่อนจะผลักหัวผมทีหนึ่ง “ไม่แดกก็จบ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกูแปลกประหลาดไอ้ฟาย!”

“มึงมันแปลกจริงๆ นี่หว่า”

“แค่พกเงาะมาเรียนด้วยมันแปลกตรงไหน?”

ผมยิ้มกริ่ม “ไม่ได้แปลกที่เงาะ แต่แปลกที่มึงอะ หน้าตาแปลกประหลาด”

ผัวะ!

เท่านั้นล่ะผมก็โดนตบกะโหลกดังลั่น โอ๊ย! เจ็บนะไอ้เหี้ยพี๊!

“นะ ไอ้พีมันตบหัวสระอะ!” ผมหันไปอ้อนเพื่อนรักทันทีที่โดนประทุษร้าย “จัดการมันให้สระหน่อยดิ”

แล้วมีหรือคนที่ตามใจผมยิ่งกว่าใครอย่างไอ้นะจะไม่จัดการให้ตามคำขอ มันยื่นมือไปโบกหัวไอ้พีกลับเต็มแรง ผมงี้หัวเราะสะใจไม่สนด้วยว่าจะเสียงดังลั่นห้องเรียนมากแค่ไหน นาทีนี้ขอขำให้เต็มที่ก่อนครับ มีความสุขโว้ย!

“ไอ้เชี่ยนะ มึงแม่งตามใจแฟนมากไปล่ะ มันขอให้ทำอะไรให้ก็ทำงี้เหรอ” ไอ้พีแยกเขี้ยวใส่ไอ้นะ ลูบหัวตัวเองตรงที่โดนโบกป้อยๆ

“แฟนพ่องงง” ผมอ้าปากด่าทันที แต่....

“คำสั่งแฟน กูจะกล้าปฏิเสธได้ไง”

กึก

ครั้งที่สองของวันที่ผมต้องชะงักงันไปกับคำพูดคำจาของไอ้นะ โว้ยยย

“ก็บอกว่าไม่ใช่แฟนไง!”

นอกจากไม่ฟังแล้วยังหันไปหัวเราะกันเองอีก ไอ้พวกเพื่อนเวรรร

ผมระบายความหงุดหงิดที่เพื่อนไม่ยอมฟังกันด้วยการแย่งถุงเงาะจากไอ้พีมากิน ไอ้ยูที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามากินด้วยทันที สายแดกอย่างมันมีหรือจะพลาด อีกนิดก็แดกโต๊ะแดกเก้าอี้ด้วยแล้ว...กำลังจะแกะเปลือกเงาะออกแต่ไอ้นะดันมาแย่งไปแกะให้แล้วยื่นเงาะที่แกะแล้วมาจ่อปากผม

“อะ เร็ว เดี๋ยวมือกูเปื้อน”

พอโดนเร่งผมก็เลยรีบงับเนื้อเงาะเข้าปากทั้งลูก เคี้ยวจนเนื้อหลุดออกจากเม็ดจนหมดก็คายเม็ดออกมาทิ้งใส่ถุงพลาสติกที่ไอ้นะมักจะพกติดกระเป๋าไว้เสมอ มันบอกว่าเอาไว้ใส่ของจุกจิก บางทีผมก็คิดนะว่านิสัยบางอย่างของมันไม่เหมือนใครดี จะมีผู้ชายกี่คนที่พกถุงไว้ใส่ของกันครับ อ้อ ไม่นับถุงยางนะ อันนั้นไม่แปลกที่จะพก

“ขออีก”

“รู้แล้วว่าลูกเดียวมึงกินไม่อิ่มหรอก” ไอ้นะพูดยิ้มๆ ผมเลยยู่หน้าใส่มันแล้วอ้าปากรับเงาะชิ้นต่อไปเข้าปาก กินจนหมดไปอีกลูกก็เพิ่งจะเห็นว่านิ้วไอ้นะมันเปื้อนน้ำเงาะ จะว่าไปเงาะลูกเมื่อกี้ก็ฉ่ำน้ำมากด้วย ยังไงก็ต้องมือเปื้อนอยู่ดี

ผมหันรีหันขวางมองหาทิชชู่ ไอ้นะเองก็รื้อกระเป๋าหาของที่ว่านั่นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะหาไม่เจอแฮะ

“วันนี้ลืมหยิบทิชชู่ติดมาเหรอ?” ผมถาม

“คงงั้นอะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไป...”

จ๊วบ

ถ้าถามว่าเมื่อกี้เสียงอะไร ผมก็จะตอบให้ว่าเป็นเสียงดูดนิ้วของผมเอง ไม่ดิ...นิ้วไอ้นะ แต่คนดูดคือผม

ผมเห็นว่ามันกำลังจะหยดเปื้อนโต๊ะเลกเชอร์ก็เลยคว้ามาเอาเข้าปากโดยไม่ทันได้คิดให้ดีอะ รู้ตัวอีกทีก็ดูดจนเกิดเสียงดังลั่นไปซะแล้ว อ่า...ฉิบหายเถอะ นี่กูทำอะไรลงป๊ายยย

ไอ้นะเบิกตาโตมองผมอย่างอึ้งๆ ส่วนผมก็ได้แต่ผละปากออกแล้วยิ้มแหยให้มัน “ขอโทษที มันไปเอง”

“...” ไอ้นะยังคงเงียบ มันเหลือบมองนิ้วมือตัวเองที่เพิ่งโดนผมลวนลามด้วยปากไป

“นะ มึงโกรธกูเหรอ...” ผมเม้มปากแน่น คือบางทีมันอาจจะรังเกียจน้ำลายผมก็ได้ไง ทุกอย่างมันไปเองทันทีที่สมองคิดออกอะ “กูไม่อยากให้มันหยดเปื้อนโต๊ะเรียนอ่า จะเอามือกูไปเช็ดเองก็ไม่อยากเปื้อนด้วย “นะ โกรธจริงดิ?”

“เปล่าๆ” เพื่อนสนิทของผมส่ายหน้ารัวๆ ทั้งที่สีหน้ามันยังดูอึ้งงันอยู่เลย “กูไมได้โกรธนะ กูก็แค่...”

“แค่อะไร?”

ไอ้นะมีสีหน้าลังเล แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก งั้นเดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“อ่อ เออๆ รีบกลับมาก่อนอาจารย์เข้าคลาสนะเว้ย”

“อืม”

ผมมองตามหลังไอ้นะที่ก้าวไวๆ ออกจากห้องเรียนไป รู้สึกผิดไม่น้อยที่เอาน้ำลายไปป้ายอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็หันกลับมามองรอบกาย แล้วพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาสารพัดแบบ มันมีทั้งอึ้ง ตกใจ ยิ้มกริ่ม เพื่อนผู้หญิงบางคนพากันกรี๊ดกร๊าดอะไรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

อะ...หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้พวกมันเห็นกันหมดเลย!?

ผมเบิกตากว้างบ้างแล้วทีนี้ มองทุกคนหน้าเหลอ รู้สึกแก้มมันร้อนๆ ขึ้นมา ไม่ต้องเดาใครก็บอกได้ว่าผมกำลังอับอายมากขนาดไหน อ๊ากกก นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ยยย

ได้ยินเสียงไอ้เพื่อนเฮงซวยสามคนมันคุยกันแว่วมาเข้าหู...

“มึงว่าจะมีรูปหลุดออกไปอีกเปล่าวะ?”

“ไม่เหลือ เมื่อกี้กูเห็นพวกไอ้กิ่งแอบถ่ายรูปพวกแม่งตั้งแต่ป้อนเงาะลูกแรกแล้ว”

“แล้วมึงว่าไอ้นะมันออกไปทำอะไรที่ห้องน้ำวะ?”

“อ้าว มันไม่ได้ไปล้างมือเหรอ?”

“ก็ด้วย แต่กูว่ามันไปสงบสติอารมณ์เป็นหลักว่ะ”

“ทำไมต้องทำงั้นอะ?”

“เอ๊า โดนไอ้หระดูดนิ้วขนาดนั้น เป็นกูนี่เสียวไปถึงไข่แล้วสาสสส หวิวมากกูมั่นใจ”

ผมเองก็มั่นใจว่าหน้าตัวเองต้องแดงแปร๊ด่ไปถึงลำคอแล้วตอนนี้ เมื่อพอจะเข้าใจได้ว่าที่พวกมันพูดถึงน่ะคืออะไร แล้วในท้ายที่สุดผมก็เลยได้แต่แก้ความเขินด้วยการ...

“ไอ้พวกเหี้ย!!!”

หันไปตะโกนด่าเพื่อนเหี้ยทั้งสามตัวแล้วซัดหมัดใส่พวกมันคนละตุ้บสองตุ้บ



______________________

คิดว่าพยัญชนะไปทำอะไรที่ห้องน้ำคะ ._.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2020 15:32:53 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สระเอ้ย ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นี่มัน.......ฉากดูดนิ้วในหนังจีนสมัยก่อนนิ เปลี่ยนจากน้ำเชื่อมเป็นน้ำเงาะแทน   :laugh:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Five

(จ.) : จมูก (จุ๊บ)

 

[พยัญชนะ]


ไม่ไหวแล้วว่ะ

ผมคิดแบบนี้จริงๆ นะ ผมว่ามันเริ่มจะไม่ไหวแล้วอะ บางทีสระก็เป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ขี้โกงเก่ง แต่บางทีมันแม่งก็โคตรจะซื่อบื้อ เด๋อด๋า ตามคนไม่ค่อยทัน (หรือจะพูดให้ถูกก็คืออะไรที่เกี่ยวกับความรักหรือเรื่องเพศ มันไม่เคยตามใครทันเลยจะถูกกว่า)

อย่างเมื่อวันก่อนนั่นก็เหมือนกัน มันจะรู้บ้างไหมวะว่าการถูกเลียนิ้วแบบนั้นน่ะ ทำให้คนถูกกระทำอย่างผมใจเต้นแรงแค่ไหน และจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันส่งผลกับหัวใจแค่อย่างเดียว แต่นี่ไม่ใช่ไง มันส่งผลกับส่วนอื่นของร่างกายผมด้วย เล่นเอาผมต้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์แทบไม่ทัน เฮ้อ

ช่วงนี้ผมก็เลยเลี่ยงที่จะแตะตัวมันเกินความจำเป็น ไม่อยากจะถูกทำอะไรให้ต้องใจสั่นตัวสั่นอีก แม่งเอ๊ย บาปกรรมของคนแอบรักป่ะวะ ทำไมต้องมาทรมานใจกับการถูกอ่อยโดยที่คนอ่อยไม่รู้ตัวด้วยเนี่ย

“นะ”

“อะไร” ผมขานรับเสียงเรียกของรูมเมทตัวเองโดยไม่หันไปมอง

“อยากกินหมูกระทะว่ะ”

“วันนี้?”

“อือ อยากกินมากเลยอะ เย็นนี้ไปกินด้วยกันเถอะ นะๆๆ” สระก้าวเข้ามานั่งข้างๆ ผมบนเตียงนอน และก่อนที่ผมจะได้ทันขยับถอยห่าง อีกฝ่ายก็โผลงนอนหนุนตักผมอย่างรวดเร็ว เล่นเอาผมไม่กล้าหลีกหนีไปไหน หนำซ้ำมันยังทำหน้าอ้อน ทำเสียงอ้อนใส่อีกต่างหาก

ตาย ผมต้องตายเพราะความน่ารักของมันเข้าสักวันแน่ๆ เลย

“...ก็ได้ ไปก็ไป”

“เยี่ยม! งั้นกูโทรชวนพวกไอ้พีเลยนะ”

“อ้าว นึกว่าอยากไปกับกูแค่สองคน”

ถึงจะพยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้มัน แต่เรื่องหยอดเรื่องจีบเนี่ยผมยังคงเดิมนะครับ มีโอกาสก็ต้องเล่นสักหน่อย มันอดไม่ได้น่ะ ปกติก็คอยหย่อนมุกจีบใส่อีกฝ่ายตลอดนี่นา แม้มันจะคิดว่าพูดเล่นก็เถอะ เฮ้อ

“อะ” สระชะงักไปเล็กน้อย สีหน้ามันเหลอหลาไปหมด มันจะยิ้มแหย “กูอยากกินเบียร์ด้วยอะ แต่กลัวไม่มีคนช่วยหารค่าเบียร์ เลยกะจะชวนพวกมันไปด้วย แฮะๆ แต่ถ้ามึงอยากไปแค่สองคนกับกูก็ได้นะ กูตามใจมึง”

ได้ยินแบบนั้นผมก็หลุดหัวเราะ ลูบหัวคนที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนไปหยิกจมูกอีกฝ่ายเบาๆ อย่างมันเขี้ยว สระร้องโวยวายแบบโอเวอร์ไปนิด น่าตีจริงๆ เลยว่ะไอ้ดื้อเอ๊ย

“ชวนพวกมันเถอะ กี่โมงร้านไหนก็บอกมันไป

“จริงป่ะ?” สระแหงนหน้าขึ้นมองสบตาผม สายตาของมันมีประกายความหวังเต็มเปี่ยม พอผมพยักหน้ารับมันก็ร้องเย้ดีใจยกใหญ่ แถมยังจับเอามือผมไปหอมอีกต่างหาก

สระโว้ยยย ทำอะไรของมึงงง

ผมแทบจะสิ้นสติ โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว โอย ทำไมหลังๆ มานี้ไอ้ดื้อของผมถึงได้เป็นฝ่ายทำดาเมจใส่ผมวะ ปกติมันต้องเป็นผมดิที่ทำให้อีกฝ่ายตาโตหรือตกตะลึงน่ะ

ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้สระหยิบโทรศัพท์มากดไลน์กลุ่มเพื่อชวนเพื่อนอีกสามคนไปกินหมูกระทะด้วยกัน ระหว่างพิมพ์แชตด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล มืออีกข้างของมันก็ยังเล่นนิ้วมือของผมไปด้วยพร้อมๆ กัน ผมก็อยากจะทักท้วงอยู่หรอกนะว่าจะทำให้ตัวเองลำบากทำไม แต่สัมผัสนุ่มนิ่มทำให้ผมเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้มันเล่นกับมือผมต่อไปเรื่อยๆ

ผมลอบยิ้ม หันกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ เหลือบมองสมาร์ตโฟนของตัวเองที่สั่นครืดๆ อยู่บนหมอนอีกใบ เห็นความเคลื่อนไหวบนหน้าจอเป็นข้อความที่พวกมันคุยกันในไลน์กลุ่มก็ได้แต่ส่ายหน้า คุยกันยาวเหยียดไม่หยุดแบบนี้ คงกำลังทะเลาะอะไรกันอยู่แน่ๆ และคนที่เถียงกันไม่เลิกก็คงไม่พ้นสระกับไอ้พี

“ไอ้เชี่ยพีแม่งกวนตีน”

นั่นไง เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด

ผมหลุดขำเบาๆ กับสีหน้าหงุดหงิดใจของสระ “มันทำอะไรมึงอีกอะ?”

“มันบอกจะไม่ช่วยหารค่าเบียร์ กูจะได้อดแดก โคตรชั่ว”

“มันไม่หารเดี๋ยวกูจ่ายให้เองก็ได้น่า”

“กูรู้ว่ามึงมันรวย อยากเลี้ยง ใจป้ำ...”

“ไม่ใช่แค่ใจที่ป้ำ ตัวกูก็อยากจะปล้ำมึงเหมือนกัน :)” ผมเอ่ยขัด ส่วนคนถูกขัดจังหวะก็ชะงักไปเล็กน้อย มันเหลือบขึ้นสบตาผม เหมือนกำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนหน้ามันจะแดงเรื่อขึ้นมานิดๆ แล้วฟาดมือลงบนต้นขาผมเสียงดังฉาดใหญ่ “โอ๊ย!”

“คนละปล้ำแล้วโว้ย!”

ผมหัวเราะ คว้ามือข้างที่เพิ่งตีผมไปมาจับ “มึงก็รู้ว่าไอ้พีมันกวนตีนไปงั้นเอง ยังไงมันก็ช่วยหารตลอด”

“ก็รู้ แต่เวลามันกวนตีนมาก็อดจะโมโหไม่ได้นี่หว่า”

“แล้วนัดพวกมันไว้กี่โมง”

“หมูกระทะก็ต้องกินตอนมืดๆ ค่ำๆ หน่อยดิ”

“ก็แล้วมันกี่โมงล่ะครับคุณสระ” ผมกลอกตาใส่อีกฝ่าย ว่าแต่ไอ้พี่กวนตีน มันเองก็จอมกวนเหมือนกันแหละ

สระหัวเราะชอบใจที่แกล้งกวนประสาทผมได้ “ประมาณหกโมงครึ่งอะ”

“นั่นเรียกว่ามืดค่ำเหรอ?”

“ก็มืดอยู่นะ”

“กวนตีน” ผมด่ามัน แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกัน

 

“จะไปยัง จะหกโมงแล้วนะ”

ผมถาม คว้าเอาเสื้อยืดสีขาวมาใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จ มาคิดๆ ดูแล้วทำไมต้องอาบด้วยวะ เดี๋ยวไปกินหมูกระทะก็ตัวเหม็นหัวเหม็นกลิ่นควันอยู่ดี แต่ก็นั่นล่ะ อาบไปแล้วก็แล้วกันไป กลับมาอาบใหม่ไม่ยากเย็นอะไรนักหรอก

“ไปเลยก็ได้ เผื่อรถติด” สระบอก แต่พอเขาหันมาเห็นผม เจ้าตัวก็เท้าเอวทำหน้าขึงขังใส่แล้วว่า “เปลี่ยนเป็นเสื้อสีเข้มๆ เดี๋ยวนี้เลยไอ้นะ เกิดกินๆ อยู่แล้วทำน้ำจิ้มทำอะไรหกใส่ขึ้นมา ซักยากตายห่า”

“โยนลงเครื่องซักไม่ยากหรอก”

“แต่ถ้ามันซักไม่ออกล่ะไอ้ควาย”

“โห แค่ใส่เสื้อสีขาวนี่กูกลายเป็นควายเลยเหรอวะ” ผมแกล้งทำหน้าเหลอหลา

สระเดินเข้ามาต่อยไหล่ผม “ตลกแดกเหรอพยัญชนะ”

“นั่นคำพูดกู”

“โว้ย! เปลี่ยนเสื้อ!”

ผมแกล้งยกมือยอมแพ้ “ครับที่รัก ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยครับ”

“กวนตีน”

ผมหัวเราะแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อทันทีก่อนจะโดนสระต่อยแขนเข้าอีกรอบ จะว่าไปอีกฝ่ายก็เหมือนภรรยาที่คอยดูแลสามีเลยเนอะ แต่อย่าพูดออกไปเชียว เดี๋ยวสระจะแยกเขี้ยวใส่ผม ฮะๆ

พอหกโมงผมกับสระก็ออกจากหอพักด้วยสภาพกางเกงขาสั้นสบายๆ กับเสื้อยืดสีเข้ม ตอนแรกอีกฝ่ายจะขึ้นรถเมล์ แต่ผมกลัวว่ารถจะติดก็เลยลากมันโบกแท็กซี่ไปร้านหมูกระทะร้านดังเจ้าประจำของเราแทน เป็นโชคดีที่แท็กซี่คันแรกที่เราโบกไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร เราก็เลยไปถึงร้านก่อนเวลานัดเกือบสิบนาทีได้

เลือกโต๊ะนั่งที่พอดีกับกลุ่มของพวกเราห้าคนถ้วนเรียบร้อย พอดีกับที่ไอ้เจ็มโทรมาหาผมเพื่อถามว่านั่งตรงไหน ห้านาทีต่อมาพวกมันอีกสามคนก็มาถึง พนักงานมาตั้งเตาให้พวกเราสองเตา แน่นอนว่าสระไม่ลืมที่จะสั่งเบียร์เพิ่มไปด้วย

“ผลัดกันไปตักของป่ะมึง” ไอ้ยูเอ่ยขึ้น

ผมลุกพรึ่บ “กูไป สระเฝ้าโต๊ะไว้นะ เดี๋ยวกูหยิบมาให้”

“อื้อๆ เอาสามชั้นมาเยอะๆ นะเว้ย”

“รู้แล้วว่ามึงชอบมาก ไม่ลืมหรอก”

“ดีมาก” ไอ้ดื้อของผมยกนิ้วโป้งพลางขยิบตาให้

ผมขยี้หัวมันเบาๆ ก่อนจะเดินไปยังโซนอาหารโดยมีไอ้พีกับไอ้ยูเดินตามหลังมา จากนั้นผมก็จัดการกวาดทุกอย่างที่สระชอบจนเต็มมือแล้วทยอยเดินกลับไปวางที่โต๊ะ เดินอยู่สองสามรอบนั่นล่ะถึงคิดว่าพอแล้ว ไว้อันไหนหมดแล้วอยากได้เพิ่มค่อยมาตัก

มหกรรมการย่างหมูเกิดขึ้นหลังจากนั้น เตาของผมมีแค่ผมกับสระ ส่วนอีกเตาไอ้สามคนนั้นจับจองไป ไอ้พีให้เหตุผลว่าไม่อยากแย่งพื้นที่บนเตากับสระ กลัวเด็กน้อยกินไม่ทันใจ เลยโดยไอ้ดื้อของผมฟาดหน้าด้วยต้นผักบุ้ง ทะเลาะกันได้ทะเลาะกันดีจริงๆ เลยพวกมันเนี่ย ฮะๆ

“สระ” ผมเรียกคนที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เพื่อนให้หันมาสนใจกัน พอเขาหันกลับมาผมก็คีบหมูสามชั้นที่จิ้มน้ำจิ้มเรียบร้อยไปจ่อปากเขา “อะ กินแล้วมาช่วยกันย่างได้แล้วครับคนดี”

สระชะงักไปแป๊บหนึ่งก่อนจะอ้าปาก แต่ผมดันนึกขึ้นได้ซะก่อนเลยดึงมือออก เจ้าตัวเลยเหวอแดก “เอ๊า ตกลงจะให้กูกินมั้ยเนี่ย”

“ลืมเป่า มันร้อน รอก่อนๆ” ผมบอกพลางเป่าให้หมูมันเย็นลง คีบจากเตาก็จ่อปากมันเลย เกิดสระกินเข้าไปแล้วปากพองขึ้นมาคงไม่สนุกแน่ “กินได้ละๆ”

ไอ้ดื้อของผมรับเอาหมูอร่อยๆ เข้าปาก ท่าทางเคี้ยวอย่างน่ารักทำให้ผมต้องอมยิ้ม ยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำจิ้มที่เปื้อนนิดๆ ตรงมุมปากอีกฝ่ายออก แล้วหันกลับมาย่างหมูต่อ

“มึงกินบ้างดิ อย่าเอาแต่ย่างให้กู”

สระบอกพลางคีบหมูชิ้นที่สุกพอดีมาเป่าแล้วจิ้มน้ำจิ้มจ่อปากผมบ้าง ผมรับมากินโดยไม่คิดอิดออด กลายเป็นว่าหลังจากนั้นทั้งผมทั้งสระก็สลับกันย่างหมูยัดใส่ปากตัวเองบ้าง ป้อนอีกฝ่ายบ้าง...ผมกระดกเบียร์ดื่มในจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เจ็มถือโทรศัพท์หันมาทางเราสองคน

“คุณสระกับคุณพยัญชนะครับ ทักทายผู้ชมหน่อยเร๊ววว”

ผมเลิกคิ้ว “มึงไลฟ์เหรอ?”

“เออ ให้ไวเพื่อน ทักทายหน่อย สาวๆ ฟัดคำว่ากรี๊ดมาเต็มช่องคอมเมนต์เลยเนี่ย” ไอ้พีที่นั่งข้างไอ้เจ็มเอ่ยเร่ง สระเลยหันไปยิ้มใส่กล้องโทรศัพท์ไอ้เจ็ม โบกมือไหวๆ หน้ายิ้มแฉ่ง

โคตรน่ารัก

“หวัดดีคร้าบบ สระรายงานตัวครับผม”

“ดีครับ” ผมโบกมือให้กล้องบ้าง แล้วหันมาย่างหมูต่อ “สระกินผักด้วย”

“ไม่เอาผักบุ้ง” อีกฝ่ายจ้องผักบุ้งที่ผมคีบขึ้นมาเขม็ง ช้อนตามองผมอ้อนๆ แล้วชี้ไปที่ผักกาดขาวแทน “กินอันนี้ แต่ไม่เอาผักบุ้ง”

“กินผักบุ้งแล้วสายตาดีนะไม่รู้เหรอ?” ผมบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหันไปใช้ช้อนตักเอาผักกาดขาวที่เปื่อยกำลังดีมาใส่ถ้วยพักไว้จนหายร้อนจัดก็ตักมันป้อนใส่ปากเพื่อนสนิท

“เอาเห็ดด้วยดิ เห็ดเข็มทองอะ”

“รู้แล้วจ้า”

“หมูๆ” สระคีบหมูป้อนให้ผมบ้าง ฉับพลันสายตาผมก็เบือนไปเห็นสีหน้ายิ้มกริ่มของเพื่อนอีกสามคน พวกมันกำลังมองมาที่เราสองครด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วไหนจะโทรศัพท์ที่ยังจ่อกล้องมาทางนี้อีก

อ่า...เมื่อกี้ก็คือเห็นกันหมดทั้งไลฟ์อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย เวรเถอะ เดี๋ยวไอ้สระก็โหวกเหวกโวยวายอายคนทั้งมหา’ลัยอีกรอบแน่เลย

ดูเหมือนไอ้พีจะคิดเหมือนผม เพราะมันรีบยกนิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบๆ ไว้ แล้วปล่อยให้ไลฟ์ดำเนินต่อไปแบบเงียบๆ คือหมายถึงพวกเราพากันทำทุกอย่างเป็นปกติ แค่ไม่ได้พูดคุยกับคนที่กำลังดูไลฟ์นี้อยู่ก็เท่านั้น

“นะ”

“ครับ” ผมหันไปตอบรับเสียงเรียก

สระยิ้มกว้าง “อยากกินไอติม”

“อิ่มหมูกระทะแล้วเหรอวะ”

“ยัง แต่อยากกิน”

“กินของคาวให้หมดก่อนสิ เบียร์น่ะยังเหลือด้วย อยากกินก็กินไปให้หมดเลย” ผมบอกหน้าตาย

คนฟังตาโต “โห ให้กูกินหมดนั่นก็สลบคาโต๊ะแน่ กี่ขวดที่เหลืออยู่ มึงนับ!”

“เอ๊า ก็มึงเป็นคนสั่งป่ะครับ”

“แต่ก็สั่งมาเผื่อพวกมึงนี้หว่า ไม่ได้จะแดกคนเดียว”

“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่หาร” ไอ้พี่เอ่ยแทรกขึ้น สระเลยหันไปจวกใส่มัน มองผ่านโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไอ้พีเหมือนลืมไปแล้วว่ากำลังไลฟ์อยู่

“งั้นมึงก็อย่าแดกสิวะ เปิดไปสองขวดมาบอกไม่หาร พ่องงง ใครจ่ายล่ะไอ้ฟัก!”

“มึงจ่ายไงหระ”

“ถ้ากูจ่ายได้กูจะชวนมึงมาหารค่าเบียร์ป่ะเชี่ยพี มึงแม่งส้นตีนอะ รู้งี้กูมากับไอ้นะสองคนดีกว่า ชวนพวกมึงมาแล้วกวนประสาทกูฉิบหาย” สระเริ่มงอแงนิดๆ แล้ว ส่วนผมก็ได้แต่นั่งดูพวกมันลับฝีปากกันโดยไม่ห้าม เพราะรู้ว่าแม่งก็ทะเลาะกันเล่นๆ ไปงั้น ไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่

“อ้าว เกี่ยวไรกับกูวะเพื่อน” ไอ้เจ็มถึงกับเหวอ

ไอ้ยูกระตุกยิ้มมุมปาก “มึงอยากมาเดตกับไอ้นะแค่สองคนก็บอก”

สระถึงกับเหวอบ้างแล้วคราวนี้ อีกฝ่ายอ้าปากค้างเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาเห็ดหอมชิ้นหนึ่งปาใส่คนพูด ตามด้วยผักบุ้งหนึ่งกำมือที่เกือบจะปลิวกระจายลงทั่วโต๊ะไปแล้ว ดีที่ผมเอื้อมมือไปจับกุมมือบางเอาไว้ได้ทัน รีบแกะนิ้วมันเพื่อเอาผักบุ้งออกมาวางลงที่เดิม ก่อนเกี่ยวปลายนิ้วของตัวเองเข้ากับปลายนิ้วของอีกฝ่าย บีบมือนิ่มเบาๆ เป็นการปลอบให้อารมณ์ดี

“อย่าทำร้ายผักสิสระ มันไม่ผิดนะ”

“แค่มันเป็นผักบุ้งก็ผิดแล้วเว้ยมึง” สระเถียง

ผมหัวเราะ “อันนี้ไม่ใช่ประเด็นแล้วครับที่รัก หาเรื่องโยนผักที่ตัวเองไม่ชอบกินทิ้งก็บอก”

“เกลียดคนรู้ทัน”

“ในคอมเมนต์รัวเสียงกรีดร้องมาเต็มเลยไอ้ห่า” ได้ยินเสียงกระซิบคุยกันเบาๆ ของเพื่อนอีกสามคนมาเข้าหู...ผมลอบยิ้มโดยไม่พูดอะไร หันไปฟังสระพูดต่อแทน

“ไอ้นะมึงอย่าลืมเก็บเงินไอ้พีนะ มันแดกเบียร์ไปตั้งสองขวดแล้ว ต้องจ่ายเว้ย”

“โถ ไอ้ขี้งก!”

“กูไม่ได้รวยเหมือนมึงนี่”

เอาล่ะ มันหันไปเถียงกันอีกแล้วครับ ฮะๆ

“ถึงกูจะรวย แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่รวยกว่ากูนะ”

“ใครวะ?” ไอ้เจ็มเสนอหน้าเข้ามาถาม แต่คนตอบดันเป็นไอ้ยู

“ก็คุณพยัญชนะสุดที่รักของน้องสระไงครับผม ใช่ป่ะ?” แถมมันยังหันมายักคิ้วถามผมอีกต่างหาก

...แน่นอนว่าผมต้องรับมุกมันอยู่แล้ว เพื่อนชงให้ขนาดนี้ :)

“เออ กูรวย” ผมหันไปสบตาเพื่อนสนิทที่ผมไม่เคยคิดซื่อกับมันเลยสักนิด “แต่รวยแค่พอเลี้ยงสระคนเดียว”

ผมไม่รู้หรอกว่าปฏิกิริยาของเพื่อนที่เหลือจะเป็นยังไง หรือคนในไลฟ์จะรัวคอมเมนต์อะไรมา ผมรู้แค่ว่าหลังจากผมพูดจบ ไอ้ดื้อของผมก็ทำอีท่าไหนไม่รู้ให้น้ำซุปกระเด็นไปลวกจมูกตัวเองเข้าซะงั้น

“โอ๊ย!”

“เฮ้ย!” ผมลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วอ้อมไปนั่งข้างอีกฝ่ายทันที “ไหนมาดูหน่อยสิ ทำยังไงให้โดนลวกวะไอ้ดื้อ”

“ก็เผลอปัดมือไปโดนช้อนแล้วน้ำซุปมันก็กระเด็นมาโดนเองนี่หว่า”

“จริงๆ เลยมึงเนี่ย” ผมบ่นได้แค่นั้น ปัดมือขาวออกเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันมีสิทธิ์ที่จะเป็นแผลพุพองหรือเปล่า แต่ถึงไม่เป็นก็คงจะแสบนิดๆ อยู่พักหนึ่งแหละนะ “แสบป่ะ?”

“แสบดิ แต่ไม่มากหรอก”

“ทำไงให้หายแสบดีวะ”

“แค่นี้เอง เดี๋ยวกูก็หาย”

ผมส่ายหน้า ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะปิ๊งไอเดียดีๆ ขึ้นมาได้ “รู้ละทำไง”

“..?” สระเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย

ผมยิ้มกริ่ม สองมือโอบกระชับใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ปลายจมูกไอ้ดื้อเบาๆ

จุ๊บ

“จุ๊บแบบนี้ก็น่าจะดีขึ้นเนอะ”

หลังจากนั้นสระก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีทันใด แถมยังต่อยไหล่ผมเต็มแรงแล้วบ่นหงุงหงิงแก้เขินว่า...

“ไอ้นะ~ แบบนี้เขาเรียกหลอกแต๊ะอั๋งกูแล้วไอ้สัด!”

ว้า โดนรู้ทันแฮะ :)



___________________

คิดว่าคนที่ดูไลฟ์ตายกันหมดหรือยังคะ? 55555


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นะร้ายมาก!!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สระเขินร้ายไปไหมเนี่ย  o18

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Six

(ฉ.) : ฉลาม (ฉิบหาย)


[สระ]


ผม! จะไม่พูดถึงรูปที่ถูกแคปจากไลฟ์ของไอ้พีเมื่อวานว่ามันกระจายไปตามอินเตอร์เน็ตกี่พันรูป ทั้งที่ทุกรูปคือรูปคล้ายกันหมดเลย...ก็รูปที่ไอ้นะมันจุ๊บจมูกผมนั่นล่ะ ฮึ่ย!

เอาล่ะ ถึงแม้จะหงุดหงิดนิดหน่อยที่กระแสของผมกับไอ้นะกระพือขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมจะยึดมั่นตามความตั้งใจเดิม นั่นก็คือการช่างแม่งมัน กล่อมตัวเองว่าก็แค่กระแสคู่จิ้น ตราบใดที่การจิ้นของบรรดาสาววายทั้งหลายไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผม ผมก็ควรจะปล่อยเบลอต่อไป

ส่วนไอ้นะน่ะเหรอ? ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรมันเลยสักคำ เพราะแค่มันเห็นหน้าบูดบึ้งของผม มันก็ยิ้มแหย ยิ้มหน้าแห้งใส่ แล้วเอ่ยมาแค่สองประโยคเท่านั้น

‘กูขอโทษ’

กับ...

‘กูจุ๊บมึงเพราะมึงน่ารักนี่หว่า’

จบเลยครับ ผมพูดอะไรไม่ออกในทันที คิดมาตลอดว่าโดนคนชมว่าน่ารักยังไม่เท่าไหร่ โดนเพื่อนชมว่าน่ารักก็คงมีอย่างเดียวคือทำให้ผมขนลุก แต่พอเป็นไอ้นะที่พูดออกมา ผมกลับอายซะงั้น หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อน จะเปิดปากด่ามันยังทำไม่ได้เลย อึ้งเกินกว่าจะอ้าปากครับ

เพราะเห็นว่าผมไม่ได้ต่อว่าหรือต่อยมันเหมือนทุกทีล่ะมั้ง ไอ้นะก็เลยยิ่มแฉ่ง แล้วเอ่ยชวนผมไปเที่ยวเล่นบ้านมันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วพอนึกถึงแมวที่บ้านมันขึ้นมา ผมก็หายโกรธมันเป็นปลิดทิ้ง

“ไป!”

...และนั่นคือคำตอบของผมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมเคยไปบ้านไอ้นะอยู่สองสามครั้ง บ้านมันอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ถ้าไม่ติดงานอะไรที่มหา’ลัย ไอ้นะก็จะกลับบ้านช่วงวันหยุดทุกสัปดาห์ บางทีผมก็ไปด้วย บางทีผมก็ไม่ไป ส่วนบ้านผมอยู่ต่างจังหวัดก็เลยนานๆ กลับที อย่างมากก็เดือนละครั้งอะไรแบบนั้น

“สระ แวะกินข้าวเช้าก่อนมั้ย มึงหิวยัง”

“ไม่หิวเท่าไหร่ รอไปกินข้าวบ้านมึงก็ได้”

“อยากกินอาหารฝีมือแม่กูมากก็บอกมาเหอะ”

“ช่าย แม่มึงทำอาหารอร่อยจะตายไป ไม่เหมือนแม่กู นอกจากทำอาหารไม่เป็นแล้วยังชี้นิ้วสั่งพ่อให้ทำให้กินอีกต่างหาก” นินทาแม่ไปก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แม่ผมน่ะทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง ให้ทอดไข่ก็กลัวน้ำมันกระเด็นแล้ว อย่างว่าแหละเป็นลูกสาวคนเล็กของยาย ถูกเลี้ยงดูมาแบบประคมประหงมแทบไม่ต้องทำอะไรเอง ไม่แปลกเลยถ้าคุณนายของผมจะทำอาหารไม่เป็น

แต่อย่างน้อนแม่ก็ทำงานบ้านอย่างอื่นเป็นนะเว้ย ซักผ้า ล้างจานงี้ แม้ว่าเวลาขี้เกียจจะโยนให้พ่อทำให้หมดทุกอย่างเลยก็เถอะ ฮะๆๆ

“กูจะฟ้องป้าว่ามึงนินทาเขา”

“แม่ไม่เชื่อมึงหรอก!” ผมหันไปขึงตาใส่เพื่อนสนิทที่คิดจะสร้างความร้าวฉานให้ผมกับแม่

ไอ้นะหัวเราะ ขยี้หัวผมเล่นด้วยสีหน้าเหมือนพี่ชายที่กำลังมันเขี้ยวน้องชาย ผมปัดมือมันออกก่อนจะคว้ามือมันเมื่อเห็นว่ารถเมล์สายที่เรารอกำลังวิ่งมาจอดเทียบป้าย

“อ้าว รถมาไวแฮะ”

“ก็ดีแล้วไง” ผมดึงมือเพื่อนให้วิ่งขึ้นรถเมล์แล้วเลือกนั่งที่นั่งริมหน้าต่าง ให้ไอ้นะนั่งด้านนอกแทน ผมชอบมองวิว แม้ว่ามันจะมีแค่ตึก ถนน รถรา ร้านค้า และผู้คน อ้อ อาจจะมีนกกับเศษขยะบ้างนิดหน่อย แต่ก็นั่นล่ะ ผมก็ชอบที่จะมองมันอยู่ดี “ว่าแต่มึงจะกลับหอวันไหน”

“เช้าวันจันทร์มั้ง มีเรียนบ่ายก็น่าจะกลับมาทัน ถ้ารถไม่ติด”

“เช้าวันจันทร์นะเพื่อน มีด้วยเหรอที่รถในกรุงเทพฯ จะไม่ติดอะ” ผมยิ้มขำ ไอ้นะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วหันไปจ่ายเงินค่ารถเมล์ให้เราสองคน

ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบหูฟัง กดเลื่อนหาเพลงแรกที่อยากฟังที่สุดแล้วกดเล่นมัน เสียงเพลงจังหวะไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปไหลเข้าหู แต่แล้วเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้างก็ลดเหลือเพียงข้างเดียว เมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างกันเอื้อมมือมาดึงสายหูฟังออกไปข้างหนึ่ง แล้วเอาไปยัดใส่หูตัวเอง

ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ไอ้นะแค่ยักคิ้วให้ จากนั้นก็เอนหัวลงนอนซบไหล่ผม...คือจะฟังเพลงด้วยก็ไม่ว่า แต่มานอนซบไหล่นี่คืออะไรครับเพื่อน

“เพิ่งตื่นมึงก็ง่วงอีกแล้วเหรอ”

“กูไม่ได้ง่วง แค่อยากซบไหล่มึงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ เพราะกูเมื่อ...”

“ฝึกเอาไว้ก่อนได้เป็นแฟนกันจริงๆ ไง”

“...”

แฟน?

ผมตาโต รู้สึกว่าหน้ามันร้อนอีกแล้ว บ้าาา ผมไม่ได้เขินนะเว้ย “แฟนพ่องงง”

“แฟนมึงต่างหาก ไม่ใช่แฟนพ่อ”

“ตลกแดกเหรอไอ้นะ” ผมขุดเอาคำพูดประจำออกมาพูดอัดหน้าไอ้เพื่อนเวร คนฟังหัวเราะจนไหล่สั่น สะเทือนมาถึงตัวผมด้วยซ้ำเพราะมันยังนอนซบไหล่ผมไม่เลิก แต่ผมก็ขี้เกียจจะเถียงกับมันอีก เลยทำแค่ถอนใจใส่แล้วกลับไปฟังเพลงมองวิวนอกหน้าต่างเหมือนเดิม

เพลงในเพลย์ลิสต์เล่นไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากเพลงแรกไปเพลงที่สอง สาม สี่ มีทั้งเพลงไทย สากล หรือกระทั่งเพลงเกาหลี เพลงไหนที่ผมฟังแล้วคิดว่าเพราะผมก็ฟังหมดแหละครับ ดนตรีเป็นเรื่องของศิลปะไม่ใช่ความเข้าใจทางภาษา แค่ฟังโดยไม่ต้องเข้าใจความหมายมันก็มีความสุขได้

จู่ๆ ไอ้นะก็เอื้อมมือมาดึงโทรศัพท์ผมไป กดเลื่อนรายชื่อเพลงในเพลย์ลิสต์อยู่นาน ผมก็ได้แต่มองว่ามันอยากจะฟังเพลงอะไรกันแน่ และในที่สุดมันก็จิ้มเพลง Maybe I love you ของ Lenka

ทำนองเพลงจังหวะน่ารักสดใส เสียงหวานๆ ของคนร้องดังเข้ามาในหูของผมแทนที่เพลงไทยจังหวะเชื่องช้า ที่จริงแล้วเพลงนี้เป็นเพลงเก่านานหลายปีมากๆ แล้ว แต่ผมก็ชอบมันนะ เนื้อเพลงน่ารักดี

ฟังไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนักหรอก มาคิดเอาก็ตอนที่ไอ้นะสะกิดเรียกผมให้หันไปหามัน...อีกฝ่ายเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อสบตากับผมให้ถนัด เขาส่งยิ้มบางมาให้ น้ำเสียงทุ้มนุ่มส่งเสียงร้องตามเพลงที่เราทั้งคู่กำลังฟังอยู่

“And if I love you, and if I do”

“...”

“Then maybe baby, maybe you love me too”

ผมรู้ว่ามันมีความหมาย เขาไม่ได้เรียกผมเพื่อร้องเพลงให้ฟังเฉยๆ หรอก และที่จริง...ผมรู้ว่ามันมีอะไรมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมก็แค่ไม่เก็บมันมาคิด บางทีผมอาจจะยังไม่พร้อมที่จะยอมรับมันก็ได้ อะไรก็ตามที่ผมรู้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้นั่นล่ะ

ถึงอย่างนั้นเนื้อเพลงที่ไอ้นะเพิ่งร้องออกมาก็ดันกระตุกใจผมได้ เหมือนทุกครั้งที่มันแสดงท่าทีเกินเพื่อนกับผมออกมาอะแหละ

และถ้าฉันรักเธอ ถ้าฉันทำอย่างนั้น

บางทีนะที่รัก บางทีเธออาจจะรักฉันบ้างเหมือนกัน

อ่า งั้นเหรอ

 

เรามาถึงบ้านของไอ้นะตอนเกือบๆ เก้าโมง รถไม่ติดเข้าขั้นฉิบหายตายห่าก็เลยมาถึงไว ถ้ารถติดมากก็นั่นล่ะครับ น่าจะมาถึงสิบโมงนู่นมั้ง

“มาแล้วเหรอลูก”

“แม่คร้าบบ สวัสดีครับ คิดถึงจังเลยอะแม่” เห็นหน้าแม่(ไอ้นะ)ปุ๊บ ผมก็พุ่งเข้าไปหาทันที อ้าแขนโอบกอดหญิงสาววัยสี่สิบกว่าที่ยังหน้าตาสะสวยเหมือนยังมีอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น เมื่อเธออ้าแขนออกเป็นสัญญาณบอกให้ผมเข้าไปกอดได้

“แม่ก็คิดถึงสระเหมือนกันจ้า”

“อะไรกันเนี่ยแม่ ผมเป็นลูกแม่นะ ไม่ใช่สระซะหน่อย” ไอ้นะที่เดินตามหลังมาเอื่อยๆ โอดครวญใหญ่ ผมเลยหันไปยักคิ้วให้มันแบบกวนตีนๆ เลยโดนมันเคาะหัวไปหนึ่งที โอ๊ย เจ็บนะเว้ย!

“ก็เราเจอกันแทบทุกสัปดาห์นี่นา แต่แม่ไม่ได้เจอสระบ่อยเหมือนเจอลูกนี่”

“ผมก็พูดไปงั้นแหละแม่ ถึงสระจะไม่ใช่ลูกชายของแม่ แต่...” ไอ้นะลากเสียงยาว ทำสายตากรุ้มกริ่ม แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมหน้าตาแทบถลน “ก็ถือว่าเขาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ได้แล้วกัน”

“โอ๊ะโอ” แม่ไอ้นะยิ้มกว้างทันทีที่ผมผละออกจากอ้อมกอดของเธอ แถมยังส่งสายตาล้อเลียนให้กันอีกต่างหาก

ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนสนิทตาค้าง ก่อนจะหน้าร้อนวาบขึ้นมาอีกรอบ (ซึ่งผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆ มานี้หน้าผมร้อนบ่อยมากเกินไปแล้ว) เมื่อไอ้นะอาศัยจังหวะที่ผมกำลังอึ้งโน้มหน้ามาจุ๊บหัวผม ต่อหน้าต่อตาแม่ของมันนั่นแหละ!

“ไอ้เชี่ยนะ!”

“หัวเหม็นนะเนี่ยที่รัก ไม่ได้สระมากี่วันแล้ว”

“ไอ้สลัดผักกกก”

แล้วหลังจากนั้นผมก็วิ่งไล่ทุบมันไปทั่วบ้าน โดยมีแม่มันมองตามแล้วหัวเราะขบขันเสียยกใหญ่ สักพักแหละกว่าที่ผมจะหยุด ถ้าไม่ใช่เพราะวิ่งจนเหนื่อยนะ ผมคงไม่ยอมแพ้ที่จะได้กระโดดถีบไอ้เพื่อนเวรสักทีสองที

“เหนื่อยแล้วก็ไปนั่งพักแล้วมากินข้าวนะลูก นี่ก็สายมากแล้ว ไม่หิวกันเหรอ”

“หิวสิครับแม่ แต่ไอ้นะอะแหละแกล้งผม”

“กูแกล้งอะไร ที่หอมหัวมึงนั่นกูจริงจังตั้งใจที่จะทำสุดๆ เลยนะ”

“มึงทำเพราะมึงรู้ว่ากูจะ...!” ผมชะงักปากได้ทันก่อนที่จะเผลอหลุดพูดออกไปว่า...กูจะหวั่นไหวน่ะสิ!

“มึงทำแมะ?”

ดูมันทำเสียงสินั่น ตั้งใจกวนตีนนนนนน

“ไม่คุยด้วยแล้วไอ้สัด”

ผมเชิดหน้าแล้วเดินหนีมันไปที่ห้องครัวกึ่งห้องกินข้าว บ้านไอ้นะเป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดกลาง อยู่ด้วยกันสามคนคือมัน แม่มัน แล้วก็พี่สาว แต่วันนี้วันเสาร์ พี่อัลน่าจะไปทำงานเหมือนทุกที กลับมาก็คงจะเย็นๆ โน่น

“งอนกูเหรอ?”

ได้ยินมันถามแต่ผมทำเป็นเมินไม่สนใจ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แม่ไอ้นะเพื่อรอกินข้าว ที่จริงผมก็แค่แกล้งทำเป็นเมินใส่มันไปงั้นแหละ ผมเคยโกรธไอ้นะมันซะที่ไหนกันล่ะ เราสองคนแทบไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่เถียงกันนิดๆ หน่อยๆ เอง

“อ้าว ทะเลาะกันเหรอ?” แม่ไอ้นะเอ่ยถาม

ผมส่ายหน้า หันไปยิ้มกว้างให้เธอ “ผมเปล่า”

“ใช่แม่ สระมันงอนที่ผมไปจุ๊บหัวมันอะ”

ไอ้สาดดด ไม่ต้องขยี้นักก็ได้ว่ามึงเพิ่งทำอะไรกับกูมา มัน...มันชวนให้เขินนะโว้ย!

“กูไม่ได้งอนมึง”

“ไม่เชื่อ มึงงอนกู” ไอ้นะโต้กลับ สีหน้ามันดูจริงจัง แต่มุมปากมันยกยิ้มแบบว่ากวนตีนฉิบหายยย

“หุบปากแล้วกินข้าวเข้าไปไป๊!” ผมว่าพลางตักข้าวเปล่าในจานตัวเองยื่นไปยัดปากมัน แต่นอกจากมันจะไม่สำนึกแล้วยัง...

“อยากป้อนข้าวกูก็ไม่บอก :)

“ไอ้ฟาย หลงตัวเองจังเลยนะมึง”

“อยากให้มึงมาหลงกูมากกว่า เพราะทุกวันนี้เหมือนมีแค่กูอะที่หลงมึงจะตายอยู่แล้ว”

“ไอ้!...” ผมอยากจะพูดอะไรกลับไปบ้างแต่ก็เหมือนทุกครั้ง ผมพูดไม่ออก มันเขินจนคิดอะไรมาโต้ไม่ทันอะ!

“เลิกจีบกันได้แล้วจ้าหนุ่มๆ กินข้าวได้แล้ว”

“ไม่ได้จีบกันครับแม่!” ผมหันไปบอกเธอหน้าตาตื่น

ไอ้นะพยักหน้าเห็นด้วย “เราไม่ได้จีบกันแม่”

“ใช่ครั...”

“มีแต่ผมที่จีบมัน”

“...”

โว้ยยยย เลิกหยอดกูได้แล้วไอ้หอกหักกกกกกกก

ผมได้แต่โวยวายในใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถลึงตาใส่ลูกชายเจ้าของบ้านเมื่อแม่ของมันพูดขึ้นมาว่า...

“ความรักของคนหนุ่มนี่มันดีจังเลยน้า”

 

หลังกินข้าวผมช่วยเก็บล้างจานชามจนเสร็จ ระหว่างล้างก็ไม่วายถูกไอ้นะแกล้งเล่น เข้ามากอดเอวแล้วจั๊กจี้กันบ้างล่ะ เป่าลมรดหลังหูผมบ้างล่ะ ไม่รู้รึไงว่ามันสยิวกิ้วไอ้สัดดด

กว่าจะล้างเสร็จก็คือเปียกไปแล้วครึ่งร่าง เพราะไอ้นะมัวแต่แกล้งผมอะแหละเลยเผลอสะบัดน้ำไปทั่ว เปียกทั้งมันเปียกทั้งผม เสื้อนี่โชกตั้งแต่แผ่นอกยันหน้าท้อง

“ล้างจานกันยังไงเปียกถึงขนาดนั้นเนี่ย” แม่ไอ้นะร้องทัก ผมเลยกลอกตาใส่เพื่อนสนิทแล้วชี้เป้าไปที่มัน

“ไอ้นะมันแกล้งผมอะแม่ แม่ตีมันเลย”

“มึงก็ทำกูเปียกป่ะเพื่อน”

“ถ้ามึงไม่แกล้งกู เราก็คงไม่เปียกป่ะไอ้ฟาย”

“ไปๆ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลูก” แม่ไอ้นะโพล่งขึ้นห้ามกันถกเถียงของเรา ผมเห็นเธอสะพายกระเป๋าก็เลยต้องเอ่ยถาม

“อ้าว จะไปไหนเหรอครับ?”

“แม่จะไปทำสีผมน่ะ”

ไอ้นะเสนอ “ให้ผมไปส่งมั้ยแม่”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวแม่ขับรถไปเอง เราจะได้ไม่ต้องขับไปๆ กลับๆ ให้เหนื่อย เพิ่งมาถึงไปพักผ่อนกันเถอะไป”

“งั้นขับรถดีๆ นะครับแม่” ผมบอกกับเธอ เลยได้รอยยิ้มพิมพ์ใจแสนสวยมาเป็นของตอบแทน ถึงแม่ของผมจะน่ารักมาก แต่แม่ของไอ้นะก็น่ารักไม่ต่างกัน ชักอยากจะเป็นลูกของแม่เพื่อนบ้างเหมือนกันนะเนี่ย

เอ...หรือผมจะยอมเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ดี?

ส้นตีนเถอะ ล้อเล่นเว้ย! คิดบ้าอะไรวะเนี่ยกู

ผมแอบส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆ บอๆ ของตัวเอง ก่อนจะเดินนำไอ้นะขึ้นชั้นสองของบ้าน เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของมันเสมือนว่าเป็นห้องของผมเอง และแน่นอน...ล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ที่พอให้นอนได้สองคน

“อิ่มแล้วก็ง่วงทันทีเลยเหรอวะ” เจ้าของห้องถาม เดินเอากระเป๋าเป้ทั้งของผมและของมันไปวางไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ

“อือ” ผมส่งเสียงตอบ ตาปรือเริ่มง่วงขึ้นมาแล้วจริงๆ

ไอ้นะไม่ได้พูดอะไรอีก มันเงียบไปเลยเหมือนไม่ได้อยู่ในห้อง พอผมผงกหัวขึ้นมองก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ผมก็เลยฟุบกลับลงซุกหน้าเข้าหาหมอนใบนุ่มเหมือนเดิม และคงจะหลับไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของห้องมันกลับเข้ามา

“ถ้าหลับมึงก็อดเห็นเบบี้ใส่หมวกคอสเพลย์ดิว้า”

หมวกคอสเพลย์เหรอ?

ผมผงกหัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง พลิกตัวนอนตะแคงมองไปทางเจ้าของห้อง ก่อนจะต้องเบิกตากว้าง ความง่วงแทบปลิวหายไปเสียสนิทเมื่อได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในอ้อมแขน

“เบบี้!”

ผมกระโจนจากเตียงนอนไปยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อนสนิท ก้มมองเจ้าเหมียวลายปลาสลิดตัวอ้วนกลม ที่ตอนนี้บนหัวของมันถูกสวมเอาไว้ด้วยหมวกไหมพรมรูปฉลาม สภาพน้องตอนนี้เลยดูเหมือนว่าหัวกำลังจะถูกฉลามงับ

โอยย น่ารักจังเลยน้องงง

“น่ารักป่ะ หมวกนี่พี่กูซื้อมาให้เบบี้มันใส่เมื่อวานนี้เอง ตอนพี่อัลส่งรูปมาให้ดูกูโคตรจะเอ็นดูมันเลย น่ารักเนอะ”

“มากกก” ผมตอบพลางเอื้อมมือไปอุ้มแมวเหมียวตัวอ้วนมาเล่นบ้าง อดใจไม่ไหวถ่ายรูปมันรัวๆ แล้วอัพลงไอจีด้วยความเห่อเหมือนว่านี่เป็นแมวของผมเอง

ฉับพลันนั้นมีแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คเด้งขึ้นมาว่ามีใครบางคนแท็กโพสต์หาผม พอกดเข้าไปก็พบว่าเป็นเฟซบุ๊คของไอ้นะ แต่ที่ต้องโฟกัสก็คือรูปที่มันอัพลงกับ...แคปชั่นของมัน

มันเป็นรูปที่ผมกำลังอุ้มเบบี้ขึ้นมาจนหน้าเราเสมอกัน ส่วนแคปชั่นก็คือ...

 

ไม่รู้หรอกว่าคนกับแมวใครน่ารักกว่ากัน

แต่สำหรับผม...ผมคิดว่าคนน่ารักกว่าเยอะเลย :)

 

“ไอ้นะ~~” ผมโอดใส่มัน เนี่ยยย “หาเรื่องให้กระแสคู่จิ้นมันบูมอีกแล้วนะมึงเนี่ย!”

“ดี ทุกคนจะได้รู้ว่ากูจองมึงแล้ว”

“จองพ่องงง”

“ไม่จองพ่อ จะจองมึง”

“ตลกแดกเหรอไอ้สลัดผัก” คนถูกด่าหัวเราะร่าลั่นห้อง ผมเลยคว้าหมอนปาอัดหน้ามันไป ก่อนจะหันกลับมาเล่นกับไอ้เบบี้ตามเดิม จะว่าไปพอมันใส่หมวกรูปฉลามแบบนี้แล้วเหมาะเลยแฮะ “นึกถึงเพลงนั้นเลยว่ะไอ้นะ”

“เพลงอะไร?”

“เนี่ย” ผมชูเจ้าเหมียวให้เพื่อนดู ก่อนจะร้องเพลงออกมา “เบบี้ชาร์ก จึ๊ดจื๊อดือดึ๊ด~”

เท่านั้นล่ะไอ้เพื่อนเวรก็หลุดหัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก ถึงกับต้องลงไปนั่งกองกับพื้นเพื่อทิ้งตัวหัวเราะกันเลยด้วยซ้ำ ควรดีใจไหมเนี่ยที่ผมทำให้ไอ้นะมันขำได้มากขนาดนี้ แค่กูร้องเบบี้ชาร์กมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฮ่าๆ

“มึงแม่ง จะน่ารักเกินไปแล้ว”

“น่ารักเหี้ยไรล่ะ กูแค่คิดว่าแมวมึงชื่อเบบี้แล้วใส่หมวกฉลามก็เลยนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ก็แค่นั้นเองป่ะ”

ไอ้นะไม่ตอบ มันแค่มองผมแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจู่ๆ มันจะผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหายออกจากห้องไป เอ๊า ไปไหนของแม่งอีกล่ะ ไปไม่บอกด้วย

ผมนั่งเล่นกับไอ้เหมียวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าของแมวกลับเข้ามาอีกครั้ง และนั่น...

“เป็นไง กูน่ารักได้เท่าไอ้เบบี้ยัง”

บนหัวไอ้นะมีหมวดฉลามหนึ่งใบสวมอยู่

“เฮ้ยยย เข้ากันกับแมวมึงเลยอะ ฮ่าๆๆๆ”

“มึงชอบป่ะ?” ไอ้นะเอ่ยถาม

ผมกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้าให้รัวๆ “ชอบดิ ชอบมากด้วย”

คนฟังยิ้มกว้างอีกครั้ง ขยิบตาให้ผมแล้วทิ้งประโยคดาเมจหัวใจผมเอาไว้ว่า...

“กูก็ชอบมึงเหมือนกัน”

ฉิบหายเถอะ พูดอะไรของมึงเนี่ยไอ้นะ~


______________

มาแล้ว แฮ่ เบบี้ชาร์กป่ะล่ะะะ คนกับแมวใครน่ารักกว่ากันล่ะเนี่ย :) เออคุณ เรามีไฟละนะ ถ้ามาอัพรัวๆ ก็อย่าเบื่อกันล่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไปทันทีเลย เพราะงั้นส่งฟีดแบ็กให้กันบ้างเด้อ เป็นกำลังใจเนอะ ฮื่อ จุ๊บๆ นะ >3<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2019 20:51:11 โดย Hazel_nut »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด