END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]  (อ่าน 37379 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อันนี้ถึงเป็นการบอกรักนะแล้วนะ  :hao3:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Seven

(ช.) : ชิงช้า (ชอบ)

 

[พยัญชนะ]


สระหลับไปแล้ว หลับไปพร้อมกับแมวของผมนั่นล่ะ

ใบหน้าน่ารักเอียงซุกหมอน ในอ้อมกอดมีไอ้เบบี้นอนขดอยู่ข้างๆ หมวกฉลามยังสวมเอาไว้เหมือนเดิม ส่วนของผมน่ะถอดออกไปแล้ว ใครจะใส่เอาไว้นานๆ ล่ะครับ น่าอายอยู่เหมือนกันนะ ฮะๆ

ผมเหลือบมองนาฬิกา...ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ แม่คงกลับมาในอีกสองสามชั่วโมง พี่สาวของผมด้วยเหมือนกัน

ทรุดลงนั่งข้างๆ เพื่อนสนิท เขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าขาวใสออก เจ้าตัวขยับหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะกลับไปนอนนิ่งเหมือนเดิม

"อย่าน่ารักให้มากไปกว่านี้เลยว่ะสระ กูไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหนแล้วเนี่ย" ผมกระซิบบอกกับมัน ลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของมันเล่นไปด้วย "ไม่รู้เหรอว่ายิ่งอยู่ใกล้คนที่ชอบยิ่งห้ามใจได้ยากอะ"

ผมถอนหายใจทั้งที่ยังระบายยิ้มอยู่เต็มริมฝีปาก บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังอึดอัดหรือมีความสุข มันผสมปนเปกันไปหมด แน่นอนผมชอบที่ได้อยู่ใกล้สระ ได้ดูแล ได้เอาใจใส่ ไม่มีปัญหาเลยสักนิดถ้าจะต้องตามใจมัน อยากให้มันเอาแต่ใจกับผมเยอะๆ งอแงหรือออดอ้อนใส่ผมแค่คนเดียวยิ่งดีเข้าไปใหญ่

แต่ก็นั่นล่ะ ในเวลาเดียวกันผมก็รู้สึกอึดอัดกับความสัมพันธ์ของเรา หลายครั้งผมก็อดจะคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นแค่เพื่อนกับมันได้ก็คงดี ถ้าผมรู้สึกกับมันแค่นั้น ผมก็คงไม่ต้องมาทรมานกับการต้องคอยหักห้ามใจไม่สัมผัสมันเกินเลยกว่าสิ่งที่เพื่อนควรทำ

ผมถอนหายใจอีกครั้ง ก็ได้แค่คิดนั่นล่ะครับ เพราะสุดท้ายแล้วผมก็หนีความจริงไม่ได้ ผมชอบมันไปแล้ว...ผมรักสระ และถ้าทุกอย่างที่ผมแสดงออกไปจะพอทำให้มันรักผมกลับมาบ้าง ผมก็หวังให้มันถึงวันนั้นเร็วๆ

วันที่สระจะบอกว่าชอบผมเหมือนกัน

ผมล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย พาดแขนวางไว้บนเอวสระแต่ไม่ได้กระชับกอดเพราะมีไอ้เบบี้ขวางอยู่ตรงกลาง ผมไม่อยากปลุกเจ้านายให้ตื่นหรอกนะครับ เดี๋ยวทาสแมวคนนี้จะโดนข่วนเอา ฮะๆ

ผมมองสระอีกพักหนึ่ง ปิดเปลือกตาลงแล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะหลับตามอีกฝ่ายไปจริงๆ ว่า...

"รีบๆ ชอบกูได้แล้วนะไอ้ดื้อ"

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายสามกว่าๆ กะพริบตาไล่ความความง่วงงุนที่ยังหลงเหลืออยู่ เหลือบมองสระที่ยังไม่ตื่นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ผมชอบมองเวลาอีกฝ่ายนอน หรือที่จริงแล้วบางทีผมอาจจะชอบทุกอย่างที่มันทำมากกว่า ไม่ว่าจะนิ่ง ขยับ กิน หรือทำอะไรก็แล้วแต่

เฮ้อ เวลาชอบใครสักคน เราจะหลงเขามากเหมือนที่ผมรู้สึกแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่าวะ? ผมอยากรู้

ขยับตัวลุกออกจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะยังไม่อยากปลุกให้คนขี้เซาตื่น ไว้อีกสักพักค่อยมาปลุกมันแล้วกัน...คิดได้แบบนั้นผมก็พาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จะสี่โมงแล้วไม่รู้ว่าแม่กับพี่อัลจะซื้อกับข้าวเข้ามาหรือเปล่า ถ้าไม่ผมก็คงต้องทำเอง

“อ้าว นะ ลงมาพอดีเลย”

“เอ๊า แม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ผมร้องทักเมื่อเห็นว่าแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว

แม่เด็ดใบกะเพราไปด้วยตอนตอบ “เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี่เอง เป็นไงสีผมแม่ สวยมั้ย”

ผมมองเส้นผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงของแม่แล้วขยับเข้าไปจับปลายผมเพื่อดูว่ามันนิ่มไหม ทำสีผมบ่อยก็ไม่ดีต่อเส้นผมนี่นา มันจะทำให้ผมเสีย ร่วงง่าย แล้วก็แห้งกรอบ

“สวยดีครับ สีนี้แม่ไม่เคยทำใช่ป่ะ?”

“อื้อหึ ไม่เคย มันเข้ากับแม่ไหมล่ะ”

“เข้าครับ ดูเด็กลงตั้งเยอะแหนะ งี้ถ้ามีใครมาจีบแม่ผมไม่แย่เหรอเนี่ย” ผมแกล้งแซว เพราะตั้งแต่ที่พ่อแยกทางกับแม่เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก แม่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ลูกๆ อย่างผมกับพี่อัลก็ทำแค่ติดต่อกับพ่อผ่านโทรศัพท์เท่านั้น เพราะว่าพ่อย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดและมันไกลมาก เราเลยไม่ได้เจอกันบ่อยนัก จะเจอก็เฉพาะตอนที่พ่อกลับมาเยี่ยมปู่ย่าปีละสองสามครั้งเท่านั้น

“ใครจะจีบแม่ ไม่ได้นะ อัลไม่ยอม” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นหน้าประตูครัว เรียกให้เราสองคนแม่ลูกหันไปมอง เป็นพี่อัลที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน “อ้าว นะมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อสายๆ อะพี่อัล นะมากับสระ”

“ว้าย สระมาด้วยเหรอ ไหนๆ อยู่ไหน”

ผมเท้าเอวมองหน้าพี่อัลทันที “หยุดเลย ห้ามฟัดสระ”

“ทำไมยะ ก็น้องมันน่ารักอะ!”

“ผมฟัดสระได้คนเดียว”

พี่อัลถึงกับตาโต ยืนเท้าเอวจ้องหน้าผมกลับ “แล้วยังไง ก็สระยอมให้พี่ฟัดได้นี่”

“แต่ผมไม่ให้ไง”

“เถียงอะไรกันเป็นเด็กๆ ไปได้เจ้าลูกพวกนี้” และก่อนที่เราพี่น้องจะทะเลาะกันจนบ้านแตก (ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงสักครั้ง) แม่ก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน “ไปอาบน้ำไปอัล แล้วลงมากินข้าวด้วยนะ”

“วันนี้ทำอะไรอะแม่”

“กะเพราหมูสับ ต้มยำกุ้งน้ำข้น แล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบ”

“หูย แค่ได้ยินก็หิวแล้วอะ งั้นอัลไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบพี่อัลก็วิ่งฉิวขึ้นชั้นบนไป ผมก็เลยหันกลับมาหาแม่

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมแม่”

“ไม่ต้องหรอก แม่ทำเอง นะขึ้นไปปลุกสระได้แล้วไป คืนนี้มีงานวัดนะ เผื่ออยากจะพาสระไป”

“โอ๊ะ สระต้องอยากไปแน่ๆ” ผมตาโต จำได้ว่าสระเคยบอกเอาไว้ว่าตั้งแต่มาเรียนกรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวงานวัดเหมือนตอนอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด แชมป์ว่ายน้ำประจำหมู่บ้านรักการเล่นเกมปาลูกโป่งมาก ผมเคยไปเที่ยวบ้านมันที่ต่างจังหวัดแล้วมีงานวัดพอดี เลยได้เห็นเซียนปาลูกโป่งก็วันนั้น

ขึ้นมาถึงก็เห็นสระกำลังจะตื่นพอดี อีกฝ่ายยังนอนอยู่กลางเตียงแต่ก็ยกมือขยี้ตาแล้วค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงไปหมด ไอ้เบบี้ไม่อยู่แล้ว สงสัยจะตื่นแล้ววิ่งออกไปหาพี่อัลแล้วล่ะมั้ง มันติดพี่อัลจะตายไป

ผมมองคนขี้เซาที่ยังไม่ตื่นดีแล้วใจก็เต้นแรงขึ้นมา ถึงจะเห็นมันตอนตื่นนอนอยู่ทุกวัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสระโคตรจะน่ารักเลยเวลาที่หน้ามันยังยุ่ง ตาปรือๆ โอยยย อยากฟัดแก้มว่ะ ทำได้ไหมอะ มันจะด่าผมมั้ย ฮึ่ย

หักห้ามใจตัวเองแล้วก้าวไปนั่งลงตรงหน้าไอ้ดื้อ เลื่อนมือไปเกลี่ยนปอยผมที่ปิดหน้าปิดตามันออกแล้วลูบแก้มมันเบาๆ พอให้คนถูกลูบลืมตาขึ้นมามองกัน

ผมยิ้มให้มัน “ตื่นได้แล้วสระ สี่โมงกว่าแล้วนะ ไม่หิวเหรอ”

“หะ? สี่โมงแล้วเหรอวะ!?” เท่านั้นล่ะเจ้าตัวก็ตาโตขึ้นมาทันที คงไม่คิดว่าจะนอนยาวตั้งแต่เที่ยงยันเย็น “แล้วคืนนี้จะได้นอนกี่โมงเนี่ย เล่นนอนกลางวันไปซะเยอะ”

“นอนดึกก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว มีงานวัดพอดี อยากไปมั้ย?”

“งานวัด!” ถ้าคิดว่าก่อนหน้านี้มันตาโตแล้ว ตอนนี้สระตาโตยิ่งกว่าเดิมซะอีก ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กกำลังจะได้ไปเที่ยวไม่มีผิด น่ารักจังเลยโว้ยยย

“ถ้าอยากไปก็ลุกขึ้นแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำได้แล้วครับผม แม่ทำกับข้าวแล้ว พี่อัลก็กลับมาแล้วด้วย จะได้กินข้าวก่อนออกไปเดินงานวัด”

“พี่อัลมาแล้วเหรอ” สระทำหน้าเบ้ ยิ้มแห้งก่อนจะรั้งแขนผมไปจับเขย่าๆ ราวกับจะออดอ้อนกัน “มึงต้องปกป้องกูนะ ไม่อยากโดนพี่อัลฟัดแก้ม”

เท่านั้นล่ะผมก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่เกรงใจ ฮ่าๆๆๆๆ

“ไม่ตลกนะมึง พี่มึงทำแก้มกูช้ำมาแล้วนะเว้ย”

ผมโบกมือไปมา สะกดเสียงหัวเราะก่อนจะตอบว่า “เออ ไม่ยอมให้เขาได้ฟัดแก้มมึงอีกแน่”

“ดีมาก”

“เพราะกูหวง”

“...”

สระไม่ได้ตอบอะไร นอกจากหน้าแดงเรื่อขึ้นมาแล้วรีบกระโจนลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไป ผมมองตาม...เนี่ย มันทำตัวน่ารักใส่ผมอีกแล้ว เฮ้อ แล้วยังงี้ผมจะห้ามตัวเองไม่ให้ปล้ำมันได้ยังไงเล่า

พูดเล่นครับ ใครจะไปกล้าปล้ำเพื่อนสนิท บ้าแล้ว

...แม้จะแอบคิดจริงก็เถอะ แฮะๆ

 

มื้อเย็นเริ่มขึ้นแบบทุลักทุเลเพราะพี่อัลพยายามที่จะดึงสระไปกอด ส่วนไอ้ดื้อของผมก็พยายามวิ่งหลบไปรอบๆ ตัวผม และคงจะไม่ได้กินข้าวไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะแม่ลากพี่สาวจอมซ่าของผมไปนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมออกคำสั่งให้กินข้าว

“จะกลัวอะไรพี่นักหนาเนี่ยสระ แค่กอดเอง”

“กอดไม่ได้ครับ ผมหวงตัว”

“ย่ะพ่อหนุ่มน้อยแฮนด์ซั่มบอยแห่งมหา’ลัย ทีกับไอ้นะไม่เห็นจะหวงตัวเหมือนที่เป็นกับพี่เลย” พี่อัลตัดพ้อ ยกมือสะบัดเส้นผมยาวสีดำพลางเชิดหน้าใส่เหมือนจะบอกว่าไม่ง้อก็ได้

ผมได้ทีรีบเอ่ยแทรก “เพราะผมพิเศษไงพี่อัล”

“พิเศษยังไง?”

“เป็นคนพิเศษของสระ”

“มั่นหน้าาา”

เราคุยกันไปกินกันไปสักพักก็เสร็จ พี่อัลอาสาจะเก็บจานชามไปล้างเอง แล้วไล่ให้เราสองคนไปเที่ยวงานวัดได้แล้ว ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย วัดอยู่ไม่ไกลจากบ้าน เดินไปก็ได้แต่กว่าจะเดินไปถึงฟ้าก็คงมืดพอดี

“แล้วพี่อัลไม่ไปเหรอ?” สระหันไปเอ่ยถามพี่สาวของผม หลังจากที่มันช่วยยกจานไปวางในซิงก์เรียบร้อยแล้ว

พี่อัลโยกหัว “พี่กะจะไปกับแม่น่ะ สระไปกับนะได้เลยไม่ต้องรอ”

“โอเค งั้นผมพาสระไปเลยนะ”

“จ้า”

ผมลากสระไปหน้าบ้าน หยิบเอารองเท้าแตะที่ผมมีอีกคู่ให้มันใส่ ก่อนเราจะเดินออกจากบ้านมาด้วยกัน ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะลาลับขอบฟ้า ลมเย็นพัดโชยมาพาให้รู้สึกสดชื่น

“นะๆ อยากนั่งชิงช้าอันนั้น”

ผมมองตามที่สระชี้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ห่างจากบ้านมาไม่ไกลมากเท่าไหร่มีชิงช้าไม้ถูกผูกเอาไว้ ตรงนี้เป็นโซนของสนามเด็กเล่น แต่ตอนนี้ไม่มีเด็กสักคนเพราะคงไปงานวัดกันหมด...ผมพยักหน้าแทนคำตอบ สระเลยวิ่งฉิวไปเล่นมันทันที

“มากูแกว่งให้”

ผมเดินไปซ้อนหลังมันแล้วช่วยไกวชิงช้าเบาๆ เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิทที่กำลังยิ้มร่าอย่างชอบใจก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ สระมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสมอ และนั่นเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ผมตกหลุมรักมัน

“ที่งานวัดจะมีชิงช้าสวรรค์ป่ะวะ”

ผมเลิกคิ้ว “ก็น่าจะมี แต่เราจะนั่งได้หรือเปล่า ตัวโตขนาดนี้แล้ว”

“ต้องได้ดิ กูอยากนั่ง”

“โอเคครับๆ เดี๋ยวพาไปนั่งเนอะ น้องสระ”

“น้องพ่องงง”

“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะก็เลยโดนเจ้าตัวดื้อหันมาขึงตาใส่

เรานั่งเล่นที่นี่อยู่พักหนึ่ง แสงแดดอ่อนลงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับเป็นภาพที่สวยงาม เงาที่ตกกระทบร่างของสระทำให้ผมต้องยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมัน

“สระ” ผมเอ่ยเรียก

คนถูกเรียกหันมามอง พอเห็นว่าผมกำลังทำอะไร เจ้าตัวก็ยกยิ้มบางอย่างน่ารักให้กล้อง แต่ดวงตาของมันไม่ได้มองเลนส์กล้องเลยแม้แต่น้อย...มันมองมาที่ผม

ผมกดถ่ายรูปมันรัวๆ ทั้งที่มันไม่ได้ขยับเปลี่ยนท่าเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้สิ ผมก็แค่รู้สึกว่าผมต้องเก็บรูปนี้เอาไว้เยอะๆ เก็บเอารอยยิ้มที่แสนน่ารักของสระเอาไว้ให้มากๆ

ผมอยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้แต่เพียงผู้เดียว แม้รู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“ถ่ายเสร็จก็ส่งมาให้กูบ้างนะ”

“โอเค” ตอบรับพลางกดเข้าแอปฯ ไลน์ ส่งรูปที่ไม่พร่ามัวให้มันไปสองสามรูป

สระหยิบเอาสมาร์ตโฟนตัวเองออกมากดเปิดอ่าน พิมพ์อะไรยุกยิกอยู่สักพักเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนที่ผมติดตามอยู่เพิ่งอัพเดตบางอย่างในโซเชียล

มันคือเฟซบุ๊คกับไอจี ดูเหมือนสระจะอัพเดตรูปลงไปในไอจีแล้วลิงก์หาเฟซบุ๊คด้วย และทันทีที่ผมกดเข้าไปผมก็ต้องนิ่งงันเพราะแคปชั่นของมัน

 

ชอบนะ

 

มัน...หมายถึงอะไรงั้นเหรอ

ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของผมก็เต้นรัวแรงทั้งที่ยังไม่รู้ความหมายของคำว่าชอบนะของมันเลยด้วยซ้ำ

ชอบรูปที่ผมถ่าย หรือ...ชอบคนถ่าย?

“รูปสวยมาก” สระบอกกับผม โดยไม่คิดขยายความว่าทำไมถึงขึ้นแคปชั่นแบบนี้ ท่าทีมันดูเก้อเขิน และผมก็ไม่คิดจะถามด้วย ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะถามอะไรออกไป...ไม่ใช่ครั้งนี้

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปมันอีกครั้ง รูปที่ตอนนี้มันกำลังยิ้มกว้างจนตาหยี ยิ้มกว้างยิ่งกว่ารูปก่อนหน้าที่ผมเพิ่งส่งให้มันไปอัพลงโซเชียล จากนั้นผมก็กดเข้าไอจีและเพิ่มโพสต์ใหม่ลิงก์ไปเฟซบุ๊คเหมือนที่สระทำ กดพิมพ์แคปชั่นที่มีอยู่เพียงสามคำลงไป

 

ชอบเหมือนกัน

 

ความหมายของคำว่า ‘ชอบ’ ระหว่างเราจะเหมือนกันหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ผมอยากให้มันรู้ว่าผมน่ะชอบมันมาก ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

“ไปกันเถอะ”

“หะ? ไปไหน?” ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อสระลุกขึ้นจากชิงช้าแล้วก้าวมามจับข้อมือผม

“ไปงานวัดไง อยากไปปาลูกโป่งเอาหมีตัวใหญ่ ครั้งก่อนตอนมึงไปเที่ยวบ้านกูกูปาได้ตุ๊กตาหมาใช่ม้า ครั้งนี้กูจะเอาหมี แต่ไม่เอากลับไปใช้เองหรอกนะ”

“อ้าว แล้วจะเอาไปให้ใคร”

สระเอียงหน้ามามองสบตาผม สองเท้าของเราก้าวเดินเคียงคู่กันไปเรื่อยๆ บนทางเท้าที่ทอดยาว โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นวัดที่มองเห็นไกลๆ ว่าถูกประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟหลากสี กับเสียงเพลงจากเครื่องเสียงขนาดใหญ่ในงานที่ดังมาเข้าหูมากขึ้นเรื่อยๆ

“กูจะเอาให้มึงน่ะแหละ”

“...”

“ถือเป็นของขอบคุณที่มึงชอบกูไง :)"



__________

เอาล่ะ คำถามประจำตอนนี้คือ...คิดว่าสระชอบพยัญชนะหรือยังคะ? //ยิ้มกริ่ม

แล้วก็...แฮปปี้วันวาเลนไทน์นะคะทุกคน //ส่งจูบ



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เกินชอบแล้วล่ะ ถึงขั้นรักเลยมากกว่า จริงป่ะ สระ  :m11:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แหมมมมมม บอกชอบนะแบบนี้นี่รู้ใจตัวเองแล้วหรอน้องสระ ชอบเวลานะหยอดจีบสระมากเลย น่ารักมาก

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบแล้ว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย นะหยอดหนักมาก ป้อทุกวัน
ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว คนอะไรดูแลดีมาก
พูดย้ำตลอดเวลามากด้วย 5555

สระ ถ้าไม่ตกหลุมบ้างก็ให้รู้ไป
ชอบความอ้อน ความงอแง และความไม่คิดอะไรมาก
ถึงสระจะรู้ แต่ก็นะบางทียังไม่ถึงเวลาที่จะรับรู้เนาะ

สระชอบนะแล้ว ชอบมานานแล้วด้วย แต่ยังไม่ทันได้คิด
ใจบางมากค่ะ แคปชั่นโดนมาก นะมีเพ้อน่ะ


ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หวานกันจนน่าอิจฉา

 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Eight

(ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว)


[สระ]


ระหว่างทางเต็มไปด้วยความเงียบ ผมคิดว่าไอ้นะอาจจะอยากถามว่าที่ผมพูดนั่นมันหมายความว่ายังไง แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้อีกนั่นล่ะว่ามันคงกลัว เพราะผมเองก็กลัวคำถามของมันเหมือนกัน

ที่จริงแล้วมีความกลัวมากมายฝังอยู่ในใจของเราทุกคน อย่างผมก็คงเป็น...ความกลัวที่จะยอมรับว่าระหว่างผมกับไอ้นะมันมีอะไรมากกว่าแค่เป็นเพื่อนกันมาสักพักแล้ว สักพักแบบว่านานมากๆ

“มึงจะเงียบอีกนานป่ะไอ้นะ?”

“หือ?” คนถูกถามหันมาเลิกคิ้วงงๆ ใส่ผม เห็นแบบนั้นผมก็เลยถอนหายใจใส่แล้วโบกหัวมันไปที

“คิดอะไรอยู่ พูดออกมาดิ”

ไอ้นะนิ่งไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็ส่ายหน้า “กูไม่ถามดีกว่า”

“เอ๊า นี่กูเปิดโอกาสให้มึงถามได้เลยนะ จะไม่ถามจริงดิ?!”

“อือ”

“ทำไมอะ” จากที่ควรจะกระอักกระอ่วน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมมีแต่ความสงสัย ความองความอายอะไรหายหมด ตอนนี้เหลือแต่ความอยากรู้เท่านั้น “เต๊าะกูมาตั้งนาน พอกูเอาจริงเข้าหน่อยดันป๊อดเหรอมึง”

ไอ้นะชะงักอีกรอบ มันเบิกตากว้าง สีหน้าดูเลิกลั่ก แววตามันเหมือนอยากจะถามว่าผมรู้ด้วยเหรอ

เฮ้อ กูก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนถึงขั้นโง่ซะหน่อย โดนจีบขนาดนั้นไม่รู้ก็บ้าแล้วป่ะ

“กู...กูยืนยันคำเดิม”

“ไม่ถาม?”

“...อือ”

“ตามใจ โอกาสแบบนี้กูไม่มีให้บ่อยๆ นะเว้ย ครั้งหน้าไม่รู้จะมีอีกเมื่อไหร่ เกิดมึงอยากถามขึ้นมาแต่กูไม่อยากตอบก็ไม่รู้ด้วยนะ” ผมหยั่งเชิง แต่ไอ้นะก็ยังเงียบเหมือนเดิม

“...”

ผมลอบถอนหายใจ “งั้นรีบเดินเลย กูหิวแล้ว อยากกินลูกชิ้นปิ้ง”

พูดจบก็จับมือไอ้หล่อแล้วดึงให้มันเร่งเท้า จนก้าวผ่านประตูวัดมาแล้วนั่นล่ะกว่าที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาได้

“ไม่หรอก”

“หะ? อะไรคือไม่หรอก?”

ไอ้นะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม “โอกาสไม่ได้มีน้อยหรอก ยังมีอีกเยอะเลยแหละ ตราบใดที่กูไม่เลิกเต๊าะมึงอะ”

“หราาา” ผมเบะปากใส่คนมั่นหน้ามั่นกระโปก ยื่นปากใส่มันแล้วทำตาล้อเลียน เลยโดนไอ้นะดึงปากเล่น “โอ๊ยๆๆ เจ็บนะเว้ย”

“แค่นี้เจ็บ นี่ถ้ากูกัดปากมึงขึ้นมามึงไม่เจ็บกว่าเหรอ”

“!!!”

กัดปาก!?

ผมหน้าเหวอ อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายตาโต รู้สึกว่าแก้มมันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้เชี่ยยย มึงจะไม่หยุดหยอดมุกขายขนมจีบกูจริงๆ ใช่ป่ะไอ้เพื่อนชั่ววว

“มึงแม่ง”

พูดได้แค่นั้นแล้วผมก็เดินไวๆ หนีมันมา สบถด่ามันไปด้วยตลอดทาง ไอ้นะ ไอ้สันขวาน รู้ว่ากูรู้แล้วแต่ก็ยังไม่เลิกสักทีไอ้มุกจีบที่โคตรจะเสี่ยว แต่แม่งเสือกเรียกหัวใจกูให้เต้นผิดจังหวะได้ตลอด จงใจแกล้งกูใช่ป่ะไอ้เห็บหมา แล้วนั่นน่ะ...ถ้ามึงถามออกมาก็จบแล้ว กูจะได้ตอบๆ ไปว่าคิดเหมือนกันอะ

คิดเหมือนที่ใส่แคปชั่นใต้รูปในไอจีเมื่อกี้นั่นแหละ!

“สระ~ จะไปไหนเนี่ย” เสียงไอ้นะดังไล่หลังมาไม่ไกล “มึงเดินผ่านร้านลูกชิ้นปิ้งมาแล้วนะ อยากกินไม่ใช่เหรอ”

ผมชะงัก หมุนตัวกลับไปหาไอ้นะ ถลึงตาใส่มันแล้วจ้ำเท้าย้อนกลับไปทางเดิม “ไหนร้าน”

“ตรงนู้น” ไอ้หล่อยิ้มล้อเลียน ดึงมือผมไปจับอีกรอบแล้วจูงเดินไปที่ร้านขายลูกชิ้น ผมก็อยากจะต่อยมันสักทีที่ทำหน้าตากวนส้นตีนดีแท้ แต่พอเห็นลูกชิ้นที่อยากกินเรื่องนั้นก็กระเด็นหายออกไปจากสมองทันที

“น่ากินไปหมดเลยอะ”

“เอากี่ไม้”

ปากถามแต่มือไอ้นะหยิบไม้ลูกชิ้นรัวๆ ไปวางใส่จานที่แม่ค้ามีไว้ให้เป็นสิบไม้ และทั้งหมดนั่นเป็นลูกชิ้นในแบบที่ผมชอบทั้งสิ้น...ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ ไส้กรอกไก่ เนี่ย แล้วแม่งมันก็จำได้หมดว่าผมชอบกินอะไร เฮ้อ กูจะหาคนแบบมึงได้จากที่ไหนอีกวะเนี่ยไอ้คุณพยัญชนะ

“พอแล้ววว” ผมบอกมันหลังจากมันหยิบไปทั้งสิ้นสิบห้าไม้ถ้วน “กะไม่ให้กูกินอย่างอื่นเลยเหรอวะ”

“มึงกินไม่หมดเดี๋ยวกูช่วยกินเอง”

“แต่มึงไม่กินเนื้อไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ให้มึงกินลูกชิ้นเนื้อให้หมด มีแค่สี่ไม้เอง”

ผมไหวไหล่เป็นการตอบรับ สอดส่ายสายตามองหาของกินอย่างอื่น บริเวณลานวัดเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย แบ่งเป็นโซนๆ ชัดเจนมาก อย่างตรงที่ผมยืนอยู่นี่ก็เป็นโซนอาหาร มีทั้งร้านซื้อกลับและร้านนั่งกิน โอ๊ะ นั่นร้านขนมจีน ตรงนั้นหอยทอด อูย น่ากินอะ กลิ่นงี้โชยมาเลย หอมสัด ตรงนู้นก็ร้านน้ำแข็งไส เช็ดดด ไม่ได้กินมานานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย ถึงบิงซูจะอร่อย แต่ออริจินัลของความเป็นไทคือน้ำแข็งก้อนที่ไสกับเครื่องไสไม้เว้ย

“นะๆ ไปกินหอยทอดกัน” กระตุกเสื้อมันยิกๆ แล้วชี้ไปทางร้านหอยทอดที่ว่า ก่อนสายตาจะเลื่อนไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ฉิบหายยย นั่นก็ของโปรดผม “โอย จะกินไรดีวะเนี่ย เตี๋ยวก็อยากกิน หอยทอด ขนมจีน”

“ก็ไปกินให้หมดทุกอย่างเลยเป็นไง”

“กินหมดนั่นกูจุกตายกันพอดี เดี๋ยวไม่ได้กินน้ำแข็งไส อะ..เฮ้ย! นั่นสายไหมนี่หว่า แล้วตรงโน้นก็ขนมถ้วย ฮือ ไอ้นะ กูอยากกินทุกอย่างเลยว่ะ ทำไงดีวะ”

“ก็ไปกินมันทุกอย่าง กินไม่ไหวก็ซื้อกลับบ้าน เดี๋ยวดึกๆ มึงหิวก็ค่อยหยิบมากิน”

“เออ เป็นความคิดที่ดี” ผมหันมายิ้มร่าให้เพื่อนสนิท ยื่นมือไปหยิกแก้มมันเล่นเบาๆ “เก่งจังเลยน้องนะ”

“กูไม่ใช่หมา”

“นี่ก็ไม่ได้เอ็นดูเหมือนหมาซะหน่อย”

“เอ็นดูกูอย่างเดียวเหรอ?” มันถาม

ผมหรี่ตามองมันอย่างรู้ทัน “จะชวนกูดูเอ็นมึงด้วยล่ะสิ มุกเก่า กูรู้ทันโว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ ว้า โดนจับได้อีกละ”

ผมยู่หน้าใส่มัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูงข้อมือมันให้เดินไปที่ร้านหอยทอด “คนกำลังไม่เยอะ รีบไปก่อนต้องต่อคิวนาน เรากินด้วยกันแทนได้ป่ะไอ้นะ แบบสั่งจานเดียวแล้วช่วยกันกินอะ กูจะได้มีพื้นที่ว่างในท้องไปกินอย่างอื่นได้อีก”

“ไงก็ได้ กูตามใจมึง”

“ตามใจกูมากๆ ระวังกูเคยตัวนะเว้ย” ผมพูดไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่สายตามองสำรวจร้านต่างๆ ไปด้วย อันไหนน่ากินไว้ต้องแวะมาซื้อกลับบ้านบ้างละ

“มันเป็นแผนของกูมึงไม่รู้เหรอ”

“แผนอะไร?” ผมหันไปถามมัน มุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ไอ้นะยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วใส่ผมก่อนจะตอบ “แผนทำให้มึงเคยตัวแค่กับกูเท่านั้น ทำให้มึงติดกูจนขาดกูไม่ได้”

“...” ผมหันหน้ากลับ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรามาถึงร้านหอยทอดพอดี กลิ่นอันหอมหวนชวนน้ำลายสอทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลาย แต่ถึงอย่างนั้นสมองก็ยังคิดคำพูดออกมาโต้ตอบไอ้นะกลับไปว่า “แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้กูก็คิดว่ากูขาดมึงไม่ได้แล้วไอ้ห่า”

 

“อร่อยว่ะ อร่อยเหี้ยๆ เลย” ผมพูดทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยเส้นขนมจีน

หลังจากที่เราซัดหอยทอดกันไปคนละจาน (มันน่ากินมากจนผมตัดสินใจว่าเราควรจะแยกกันสั่งดีกว่า) ตอนนี้เราก็มานั่งที่ร้านขนมจีนด้วยกัน และคราวนี้ผมก็เลือกที่จะสั่งแยกจานเหมือนเดิม ยังไม่อิ่มครับ สามารถกินคนเดียวได้สบาย แต่ถ้าเริ่มอิ่มเมื่อไหร่ค่อยกินจานเดียวกันกับไอ้นะ แหะๆ

“ตกลงมันอร่อยหรือมันเหี้ย”

ผมมองคนพูดตาขวาง “เหี้ยเป็นคำสร้อยไอ้สัด ไม่เคยได้ยินเหรอ อย่างมึงก็หล่อเหี้ยๆ เงี้ย หมายความว่าหล่อมาก หล่อจนบรรยายออกมาไม่ถูกว่าหล่อขนาดไหน”

“นี่มึงเพิ่งชมกูไปใช่ป่ะวะ” ไอ้นะทำตาโต

ผมกลอกตาใส่มัน “คือก็รู้ๆ กันอยู่หรือเปล่าว่ามึงหล่อ กูก็หล่อเหมือนกันด้วย เราสองคนอะสมกับเป็นเพื่อนกัน คนหล่ออยู่กับคนหล่อ ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

คราวนี้ไอ้นะหลุดหัวเราะจนเกือบสำลักเส้นขนมจีน มันรีบกลืนลงคอแล้วดื่มน้ำตาม “ต้องเรียกว่าเราสองคนน่ะนะ เหมาะกับการเป็น...”

“เป็นอะไร?” ลีลาอีกแล้วไอ้เห็บหมา มาลากเสียงยงเสียงยาวทำหน้าตากรุ้มกริ่ม คิดจะหยอดมุกอะไรใส่กูอีกล่ะ

ไอ้นะทำตาหวานใส่ผม “เป็นคู่แท้ของกันและกัน”

“...”

ผมพ่นลมหายใจแรง หยิบแตงกวาดองในจานตัวเองยัดใส่ปากคนพูด เน่ามาก คู่ทงคู่แท้เชี่ยไรล่ะ มึงคิดว่ามึงเป็นโกโบริ ส่วนกูเป็นอังศุมาลินเหรอ เจอกันที่ดาวลูกไก่น้าา ถุ้ย!

จีบผมด้วยมุกเห่ยๆ ได้ (หรือจะเรียกว่ากวนตีนผมมากกว่า?) ไอ้นะก็หัวเราะมีความสุขแล้วจัดการขนมจีนน้ำยาป่าของมันจนหมดจาน ผมกินเสร็จทีหลังมันเล็กน้อย เรานั่งอืดด้วยกันอีกสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นควักตังค์เตรียมจ่ายแม่ค้า แต่...

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจ่ายเอง”

“จะเลี้ยงกูอีกแล้วเหรอวะ ตั้งแต่มาถึงนี่กูไม่ได้ออกเงินจ่ายอะไรเองเลยนา”

“กูบอกแล้วไงกูเลี้ยงมึงได้ ให้เลี้ยงตลอดชีวิตยังไหว”

“เหรอออ งั้นถ้าเราแต่งงานกันเมื่อไหร่กูจะนอนอยู่บ้านแล้วปล่อยให้มึงเลี้ยง” ผมกระตุกยิ้มหน้าเป็นให้มันแล้วเดินนำไปที่หน้าร้าน แต่เมื่อไม่เห็นมันเดินมาสักทีก็หันไปกวักมือเรียก “เอ๊า ยืนงงอะไรครับคุณพยัญชนะ มาจ่ายเงินสิครับพ่อสายเปย์ แล้วจะได้พาผมไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวน้ำตกต่อ”

ไอ้นะเดินมาตามที่ผมเรียก แต่ถ้าผมไม่ได้มองผิดไป...ผมสังเกตเห็นว่านัยน์ตาสีเข้มของมันวูบไหวเป็นประกาย ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่สองแก้มของมันมีริ้วแดงนิดๆ ติดอยู่ อ่า...อย่าบอกนะว่าเขินกับสิ่งที่ผมพูด?

จะว่าไปผมบอกกับมันว่า ‘ถ้าเราแต่งงานกัน’ นี่หว่า อย่าบอกนะว่ามันคิดจริงจังแล้วเก็บเอาไปเขินน่ะ!

ไอ้ฉิบหายยย ตอนพูดผมไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเขินเหมือนกันแล้วนะโว้ย!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรแก้ต่างให้ความน่าอายของตัวเอง ไอ้นะก็คว้ามือผมไปจับอีกครั้ง เหมือนหลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้ที่มันคอยจูงมือผมเดินไปไหนมาไหนนั่นล่ะ...ดวงตาของเราสบกัน ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเที่ยวงานวัด ท่ามกลางเสียงดังของเพลงงานวัดที่ห่างไกลออกไปไม่ออก

“มึงบอกเองนะว่าเราจะแต่งงานกัน”

ผมอ้าปากพะงาบๆ หน้าร้อนวาบหัวใจเต้นรัวแรงแทบเด้งออกมานอกอก ยิ่งเมื่อไอ้นะมันรั้งมือผมขึ้นมาแล้วกดจูบที่ข้อนิ้ว ผมก็แทบจะสติแตก ตะโกนอัดหน้าใส่มันไปอย่างลืมตัว

“แต่งบ้าอะไรเล่า!”

ฮื่อ ไอ้เหี้ยยย พอรู้ว่ากูคิดเหมือนกันก็ขยันหยอดหนักกว่าเดินอีกนะ ว้อยยย

 

หลังจากผมวิ่งหนีตายมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ทันทีที่ได้กลิ่นน้ำซุปกระดูกหมูหอมๆ ผมก็ลืมความเขินอายก่อนหน้านี้ไปเกือบสิ้น รีบสั่งเมนูที่ต้องการ และไม่ลืมสั่งให้ไอ้นะด้วยเพราะรู้ว่าถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกมันจะกินอยู่เส้นเดียวคือเส้นเล็ก...กินเหมือนผม

นั่งได้ที่ก็รอเวลาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ไอ้นะที่ตามมาทีหลังนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่คิดจะถามว่าผมสั่งอะไรให้มันหรือเปล่า เพราะมันรู้ดีว่าถ้าผมมาถึงก่อนผมก็จะสั่งเผื่อมันเสมอ เราสองคนน่ะรู้จักกันดีซะจนดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งได้รู้จักกันแค่ปีกว่าเกือบสองปีเลยเนอะ

ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยมที่ได้มาเจอคนอย่างมัน...จริงๆ นะ นอกจากครอบครัวก็มีมันนี่ล่ะที่ใส่ใจผมในทุกๆ เรื่อง และผม...ก็ใส่ใจมันในทุกๆ เรื่องเหมือนกัน :)

“เล็กน้ำตกหมูสดหนึ่ง หมูตุ๋นหนึ่งได้แล้วคร้าบ”

เด็กผู้ชายที่น่าจะเป็นลูกเจ้าของร้านนำก๋วยเตี๋ยวที่ผมสั่งมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะหายไปแป๊บหนึ่งแล้วก็มีแก้วน้ำแข็งสองแก้วมาวางลงตามหลัง...ผมหยิบเหยือกน้ำมารินน้ำใส่แก้ว ขณะที่ไอ้นะดึงเอาชามเส้นเล็กหมูสดไปปรุง ส่วนของผมหมูตุ๋นครับ ปรุงด้วยการใส่น้ำตาลนิดนึง น้ำส้มอีกหน่อย แล้วก็พริกป่นน้อยๆ น้ำปลาไม่ต้องเพราะเมื่อกี้ชิมไปมันเค็มกำลังพอดีแล้ว

ผมมองไอ้นะคีบเส้นเข้าปากตามด้วยซดน้ำซุป ลุ้นเต็มที่ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า อีกฝ่ายเหลือบขึ้นมาสบตาผม มันเคี้ยวอยู่ครึ่งนาทีแล้วถึงเอ่ยตอบคำถามที่ผมถามออกไปทางสายตาเมื่อกี้

“อร่อย”

“Good job!” ผมปรบมือแปะๆ แล้วกินของตัวเองบ้าง สำหรับผมมันอร่อยแล้ว แต่ไม่รู้ไอ้นะมันจะอร่อยด้วยหรือเปล่าไง เลยต้องคอยลุ้นว่ามันจะชอบเหมือนกันไหม

เรากินไปได้สักพัก จู่ๆ ก็มีมือตะปบลงมาบนไหล่ไอ้นะ ตามด้วยเสียงร้องทักอย่างร่าเริง

“นะ!”

“อ้าวเฮ้ย ไอ้กร” ไอ้นะหันไปมองคนทักก่อนจะทักตอบอย่างร่าเริงไม่ต่างกัน “เป็นไงบ้างวะมึง นั่งก่อนๆ มึงมากับใครเนี่ย”

“กูมากับพวกไอ้มิว ไอ้ไท พอดีอาจารย์เอกกูไปสัมมนาทั้งอาทิตย์ หยุดยาวกูก็เลยบินกลับมาเยี่ยมบ้าน ถือโอกาสนัดเจอเพื่อนเก่าด้วย ว่าแต่มึงเถอะ ทักไปก็ไม่เห็นตอบ จะชวนให้มาเจอกันนี่แหละ ดีนะที่ได้มาเจอกันที่นี่”

“อ้าว มึงทักกูมาเหรอ ทางไหนวะ?”

“ไลน์กลุ่มของพวกเราไง”

“เหรอวะ กูไม่เห็นมันแจ้งเตือนเลย”

“มึงไม่เข้าไปอ่านมากกว่า ชอบดองไลน์ไงไอ้ควาย” เพื่อนไอ้นะ ที่เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าชื่อกรบ่น ผลักหัวไอ้นะไปทีหนึ่งด้วย ผมงี้แทบจะยกมือขึ้นปรบ ไอ้นะมันชอบดองไลน์จริงๆ ครับ คนอื่นบ่นมันบ่อยๆ แต่กับผมมันก็ไม่เคยดองนะ อ่านตลอด

ก็งี้แหละ ผมเป็นคนสำคัญของมันนี่นา :)

ผมลอบสังเกตเพื่อนเก่าไอ้นะ ดูท่าทางจะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแหละ กรหน้าตาออกไปทางตี๋จีน ผิวขาวตาเรียวเล็ก ยิ้มทีมีลักยิ้มโผล่มาข้างแก้มขวา ตัวสูงน่าจะพอๆ กับผมได้ แล้วแม่งโคตรเจ๋งตรงที่ทำผมสีออกไปทางน้ำตาลส้มอะ เด่นเหี้ยๆ เลยครับ

“ไหนว่ามากับไอ้มิวไอ้ไท ไม่เห็นพวกมัน...อ้าว พูดถึงก็มาพอดี ตายยากสัด”

“ใครตายยากไอ้วะไอ้หล่อ” ผู้ชายตัวผอมสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เลิกคิ้ว อีกฝ่ายสวมแว่นกรอบน้ำเงิน หน้าตาดูเป็นเด็กเรียนมากๆ เขามากับผู้ชายอีกคนที่หน้าตาหล่อสูสีกับไอ้นะเลย ทำผมสีเทาด้วย เช็ดโด้ อย่างหล่อ

“มึงสองคนไง กูเพิ่งถามหาแม่งโผล่มาอย่างไว”

“กูเป็นผี มึงจุดธูปเรียกกูเลยมา”

“ไม่มีธูปไอ้สัด ไม่ได้เรียก”

“เล่นส้นตีนไรกันครับ มานี่ นั่งลงแล้วทักทายเพื่อนไอ้นะมันหน่อยดิ นั่งมองตาแป๋วนานแล้ว”

“เอ่อ” ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเพื่อนทั้งสามคนของไอ้นะหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว ดีนะผมเคี้ยวลูกชิ้นกลืนลงท้องไปแล้ว ไม่งั้นคงมีสำลัก “หวัดดี เราชื่อสระ แล้วก็คุยกันตามสบายเลย”

“สระ?” ผู้ชายคนที่หน้าหล่อๆ ทวนถามชื่อผม ก่อนจะหันไปหลิ่วตามองไอ้นะ

คนถูกมองทำหน้าซื่อ “อะไรมึงไอ้ไท”

อ่อ คนนี้ชื่อไท งั้นคนใส่แว่นคงชื่อมิว

“สระที่เป็นคู่จิ้นของมึงในเพจแฮนด์ซั่มบอยป่ะ!?” คราวนี้คนชื่อมิวตาโตเอ่ยถามเสียงเกือบดังลั่นร้านก๋วยเตี๋ยว ว่าแต่จะมานั่งคุยกันไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอวะน่ะ

“อือหึ” ไอ้นะตอบ เพื่อนมันสามคนเลยพากันผิวปาก

แล้วกรก็โพล่งขึ้นมาว่า “งั้นคนนี้ก็คงไม่ใช่แค่เพื่อนแล้ว”

ผมหน้าร้อนวาบ ยิ่งเมื่อสายตาสามคู่มองมาเหมือนจะล้อๆ ผมก็เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เลยชี้นิ้วไปที่หน้าร้านแล้วเอ่ยบอก “ไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวหน่อยเหรอ”

ไทมองตานิ้วผม พอเห็นแม่ค้าเมียงๆ มองๆ มาเหมือนจะถามว่าจะสั่งอะไรไหม เขาก็เลยลุกขึ้นไปสั่งเมนูที่ต้องการ ดูเหมือนจะสั่งเผื่อเพื่อนอีกสองคนด้วย ขณะที่มิวหยิบเอาบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ไอ้นะ

“สูบป่ะ?”

ยังไม่ทันที่ไอ้นะจะตอบหรือยื่นมือไปรับ ผมก็มือไวไปก่อนสมอง รีบเอื้อมไปรั้งแขนไอ้นะเอาไว้หมับ! เขม่นตามองเพื่อนรักที่ไม่ได้รักแค่เพื่อนนิ่ง

ไอ้นะดูเหมือนจะเข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อ มันดึงมือผมไปกุมไว้หลวมๆ ดวงตาของมันทอประกายอ่อนโยนจนน่าขนลุก แต่ก็ทำให้ผมใจหวิวได้ในคราวเดียวกัน ริมฝีปากมันจึดยิ้มอ่อน ลูบปลายนิ้วกับหลังมือผมเบาๆ พลางว่า...

“ไม่หรอกน่า กูเลิกสูบไปนานแล้ว”

“...” ผมกำลังจะถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ต้องเผลอกลั้นหายใจแทนเมื่อมันเอ่ยขึ้นอีกประโยค

“กูเลิกสูบเพราะมึงขออะแหละ”

ใจเต้นรัวเหมือนปืนกลเวลาถูกเหนี่ยวไก เหมือนแผ่นดินจะไหว หรือผมกำลังเขินจนใกล้จะเป็นลมวะ

...รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงโห่แซวของเพื่อนไอ้นะ

“ทำได้ทุกอย่างที่เธอขอว่ะ วู้ววว”

“รักจริงต้องตามใจแฟนเว้ย”

“โหยๆๆ อิจฉาคร้าบบบ”

ห่าเอ๊ย อยากมุดชามก๋วยเตี๋ยวแล้วหายตัวไป!


__________

มาแล้ววว หายไปเพราะติดซีรี่ส์ค่ะ ด้วยความที่เห็นคนหวีด Skam ฝรั่งเศสเยอะมาก เลยทนไม่ไหวไปกดขอเข้ากลุ่มเพื่อดูบ้าง มีคนแนะนำว่าให้ดูต้นฉบับก่อน ซึ่งเป็นของนอร์เวย์ ถ้าอยากดูคู่วายก็ให้ไปดูซีซั่นสามเลย เราก็แบบอยากดูตั้งแต่ซีซั่นแรก ดูไปนิดๆ ก็สนุกดีนะคะ แต่เริ่มทนไม่ไหวแล้วล่ะ ว่าจะไปดูซีซั่นสามก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาดูซีซั่นที่เหลือ จากนั้นก็จะโดดไปดูของฝรั่งเศสบ้างแล้ว พระเอกหล่อดีจัง แอร๊ 55555

พูดเรื่องอื่นซะยืดยาว ก่อนจะยาวไปมากกว่านี้ก็อยากจะบอกว่า...น้องสระไม่ได้ซื่อบื้อน้าา ก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดออกมาตรงๆ ไง รักนะ แสดงออก หยอดเก่ง แต่ไม่บอกตรงๆ ว่าชอบอะเนอะ หึๆ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ แต่คงไม่ใช่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะหนีไปเที่ยวชะอำ อิอิ บับบายยย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2019 20:05:27 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :o8: กรี๊ดดด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สระ กินเก่งขึ้นนะเนี่ย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Nine

(ด.) : ดาว (ดูด)

 

[พยัญชนะ]


ผมบอกลากับเพื่อนเก่า ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุยกัน แต่พวกมันบอกว่าไม่อยากเป็นก้างขวางคอผมกับแฟน...สระงี้แยกเขี้ยวใส่ทันทีเลย บ่นงึมงำว่าแซวอยู่ได้ ดูหงุดหงิดแต่แก้มมันดันแดงขึ้นมาซะงั้น น่ารักว่ะ :)

เราเดินเที่ยวเล่นในโซนขายอาหารไปเรื่อย ซื้อนั่นนี่ติดมือกลับบ้าน ขนมถ้วยเอย สายไหมเอย ของกินที่ไอ้ดื้อมันชอบทั้งนั้นนั่นล่ะ ซื้อไปเยอะจนคิดว่าคืนนี้ไม่มีทางกินหมด ต้องแช่ตู้เย็นไว้กินพรุ่งนี้แล้ว

สระท่าทางแฮปปี้มาก ตลอดทางมันยิ้มแทบจะตลอดเวลา เหมือนคนบ้าเลย แต่ก็เป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดสำหรับผมแหละ หึๆ

"พอยัง เต็มมือไปหมดแล้วเนี่ย" ผมถามกึ่งแซวที่มันไม่เลิกซื้อของกินสักที "ไม่ไปเล่นแาลูกโป่งรึไง"

"เออว่ะ! ลืมไปเลย" สระหน้าตาตื่นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขารีบจ่ายเงินค่าหม้อแกงสองถาดเล็ก รับของมาแล้วคว้าแขนผมลากไปทางร้านปาลูกโป่งทันที

ผมส่ายหน้าให้กับความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย...ด้วยความเอ็นดูน่ะนะ พอมาถึงมันก็ยื่นของทั้งหมดให้ผมถือ ทำหน้าทำตาออดอ้อนให้ผมช่วยถือหน่อยนะ แล้วผมเคยปฏิเสธมันได้ที่ไหนล่ะ ก็รับของมาถือเอาไว้อย่างไวเลยสิครับ

"จะเอาตัวไหน" ผมถามหลังจากที่มันซื้อลูกดอกเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเจ็ดอัน ถ้าพลาดแม้แต่อันเดียวก็อดได้ตุ๊กตาตัวใหญ่

"หมาตัวนั้น" สระชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาหมาตัวใหญ่สีน้ำตาล แต่หน้าท้องกับข้อเท้าทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว หน้าตามันน่ารักดี เหมือนหมาจริงเลยแฮะ "จะเอาให้มึงให้ได้เลย"

"ให้กูจริงดิ?" ผมเลิกคิ้ว คิดว่าที่มันพูดก่อนหน้านี้แค่พูดเล่นเฉยๆ ซะอีก เห็นเล่นเกมอะไรพวกนี้แล้วหวงของที่ได้มาจะตาย

สระยิ้มมุมปาก ทำหน้าทำตากวนตีนกึ่งๆ เก๊กหล่อ ทั้งที่มันออกมาน่ารักฉิบหายในสายตาผมมากกว่า

"กูบอกแล้วไงว่ากูจะเอาให้มึง ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ"

"งั้นที่มึงบอกชอบกูก็อย่าคืนคำแล้วกัน" ผมสวนกลับ ทำเอาคนฟังชะงักท่าทางที่กำลังเตรียมเพื่อปาลูกดอก หันมามองหน้าผมงงๆ

"กูไปบอกชอบมึงตอนไหน?"

"อ้าว ก็แคปชั่นไอจีมึงไง"

สระทำหน้าเหลอหลา "อะไรรร นั่นกูหมายถึงรูปที่มึงถ่ายให้เว้ย"

"บ่ายเบี่ยงได้ตลอดก็ให้มันรู้ไป"

"เงียบไปเลยมึงน่ะ" พอเถียงผมไม่ได้ก็ขู่ใส่ เหมือนลูกแมวไม่มีผิด "กูจะปาแล้ว มึงหยุดพูดเลย ทำลายสมาธิกู"

ผมเงียบลงตามที่มันขอ ยืนดูมันปาลูกดอกด้วยความตั้งใจ ดอกแรกปักลงที่ลูกโป่งสีชมพูเข้าเต็มๆ ตามด้วยดอกที่สอง สาม แต่ดันมาพลาดให้กับดอกที่สี่

"ไอ้เชี่ยยย" สระโวยวายทันที กำหมัดชกอากาศอย่างหงุดหงิดใจที่ตัวเองพลาดเข้าซะได้

ผมหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ เลยโดนทันขึงตาใส่ แล้วมันก็หันไปปาลูกดอกที่เหลือจนหมด สิ่งที่ได้มาคือพวกกุญแจตุ๊กตาตัวเท่าฝ่ามือแค่นั้น

"เอาอีกเปล่า?"

"เอา! ต้องแก้มือดิวะ ไงกูก็จะเอาตุ๊กตาหมาให้ได้อะ" ว่าแล้วก็หันไปซื้อลูกดอกชุดใหม่ มันมุ่งมั่นตั้งใจจนผมยิ่งมองว่าโคตรน่ารัก

ผมกดเข้าไอจี ถ่ายสตอรี่ในตอนที่สระปาลูกดอกลูกที่ห้าได้สำเร็จ โดยที่ไม่พลาดเลยสักดอก เหลืออีกแค่สองดอกเท่านั้น และนั่นทำให้ผมลุ้นตามสุดๆ จนกระทั่ง...

ดอกที่เจ็ดปักลงเข้าที่ลูกโป่งสีเหลืองเต็มๆ เลย!

ผมโห่ร้อง ส่วนสระหันมากระโจนกอดผมจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ อีกฝ่ายกระโดดดีใจไม่หยุด จนผมต้องบอกให้มันไปเลือกตุ๊กตาได้แล้ว นั่นล่ะมันถึงได้ผละออกไป

ผมยิ้มกว้าง ก้มมองไอจีสตอรี่ที่ตัดจบพอดีกับตอนที่สระโดดมากอดผมจนกล้องสั่นไปวูบหนึ่ง อ่า...คงต้องอัปลงไปแบบนี้ล่ะนะ ให้ทุกคนเห็นไปเลยว่ามันกอดผมก่อน :)

กดใส่แคปชั่นแล้วอัปเดตเรียบร้อย ก็พอดีกับที่สระเดินกลับมาพร้อมตุ๊กตาหมาตัวที่มันเล็งเอาไว้

"น่ารักเนอะ" มันฉีกยิ้มกว้าง จับขาหน้าของตุ๊กตาขึ้นมาโบกๆ ใส่ผม "นี่หมาของมึง"

ผมยิ้มตอบ "คนให้หมาตัวนี้กับกูก็เป็นของกูเหมือนกัน"

คนฟังชะงัก หน้าเหวอไปเลย หยุดมือที่กำลังเล่นตุ๊กตาแล้วเปลี่ยนเป็นจับมันขว้างใส่ผม ดีนะที่ผมรับทัน ไม่งั้นคงได้หล่นลงไปเปื้อนดินแน่ๆ

"ใครของมึงไอ้ฟายยย"

ผมหัวเราะ "ให้กูดีๆ ก็ได้ ขว้างมาซะเจ็บหน้าเลย"

"เว่อร์ แค่นิดเดียวเอง" มันว่า แต่สระก็เดินมาหาผมแล้วช่วยปัดๆ เส้นผมที่ปรกหน้าเพราะโดนตุ๊กตาอัดกระแทกให้เป็นทรงเรียบร้อยเหมือนเดิม ลูบเบาๆ ที่ปลายจมูกของผมด้วย คงจะแดงนิดๆ ล่ะมั้ง ถึงจะไม่เจ็บเท่าไหร่แต่ก็ทำเอาหน้าสั่นอยู่นะเมื่อกี้

"กูไม่เป็นไร อะ มึงถือให้กูหน่อย มือกูเต็มแล้วเนี่ย" ผมยื่นตุ๊กตาให้มัน สระรับไปกอดอย่างไม่คิดบ่น "ไปไหนต่อ"

"เล่นยิงปืน"

เราเดินไปยังร้านถัดไป ซึ่งเป็นร้านยิงปืนแบบที่มีในงานวัดนั่นล่ะ คราวนี้ผมควักเงินจ่ายค่าลูกยางให้อีกฝ่าย สระยิ้มร่ารับเอาลูกยางมาใส่ที่ปืน ยกขึ้นเล็งไปยังกระป๋องที่ตั้งเรียงซ้อนกันสามชั้นด้วยท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจอีกครั้ง

ผมชอบนะเวลาที่สระทำสีหน้าแบบนี้ มันดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย :)

ลูกยางดอกแรกชนกระป๋องบนสุดหล่นลงไป ตามมาด้วยลูกยางดอกที่สองที่ฉแลบออกข้างแทนที่จะโดนกระป๋องหล่น หลังจากยิงครบสุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้กระป๋องทั้งหมดหล่นได้

"ยิงอีกเปล่า?" ผมถาม

สระส่ายหน้า "ไม่เอาอะ กูไม่ค่อยถนัดเกมนี้ว่ะ"

"งั้นถือของหน่อย กูจะยิงเอง"

"มึงยิงเป็นด้วยเหรอ?"

ผมยักคิ้ว "เห็นงี้ก็เซียนเกมยิงปืนนะครับ"

"ยิงซอมบี้ในเกมหรือยิงคนในพับจีไม่เหมือนยิงปืนงานวัดนะไอ้ห่า"

"ฮ่าๆๆ เอาน่า ก็คงคล้ายๆ กัน"

ผมจ่ายเงินค่าลูกยาง รับมาใส่ปืนแล้วเล็งยิงด้วยความตั้งใจเหมือนที่สระทำ แล้วมันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ในใจ หลังจากที่ผมยิงจนหมด เพราะว่า...ผมยิงให้หล่นไม่หมดครับ เซียนเกมในจอไม่สามารถเป็นเซียนเกมจริงๆ ในงานวัดได้เลย เฮ้อออ

สระหัวเราะเยาะเย้ยใส่อย่างไม่ไว้หน้า "เป็นไงครับคุณเซียนเกม"

"อ่อนด๋อยจนน่าอายเลยครับ" ผมถอนหายใจ แต่ริมฝีปากยิ้มขำ

ไอ้ดื้อตบบ่าผมอย่างชอบใจ แล้วชวนให้ไปเล่นอย่างอื่นต่อ ผมรับเอาถุงของกินมาถือไว้เหมือนเดิมแล้วเราก็เดินเล่นด้วยกันไปทั่วงาน ก่อนเราจะปิดท้ายการเที่ยวงานวัดด้วยการไปนั่งชิงช้าสวรรค์

"เดี๋ยวก่อนไอ้นะ" สระรั้งแขนผมให้หยุดเดิน "สายไหมแบบไม้!"

ผมมองตามที่อีกฝ่สยชี้ ไอ้ดื้อวิ่งรี่เข้าไปหาร้านขายสายไหมทันที ก่อนหน้านี้เราซื้อแบบที่เป็นสายไหมใส่ถุงมีแป้งห่อมาให้ด้วย แต่อันนี้เป็นสายไหมล้วนๆ ม้วนใส่ไม้

"เอาสีไร"

"มึงอยากกินสีไรอะ" ไอ้ดื้อย้อนถามผมกลับมา

ผมไล่สายตามองสีสายไหม แล้วจิ้มไปที่สีม่วง สระก็ซื้อตามสีที่ผมเลือก เอาเข้าจริงมันก็คือน้ำตาลธรรมที่ผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็นขนมสีสันสดใสพองๆ ฟูๆ แค่นั้นเอง แต่เวลาจะเลือกสีทีหนึ่งก็ต้องใช้เวลาคิดล่ะนะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ฮะๆ

ได้สายไหมมาผมก็ยื่นให้สระถือทันที คนชอบกินน่ะคืออีกฝ่าย ส่วนผมไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นแต่ก็กินได้

เราเดินไปที่ชิงช้าสวรรค์ เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้

"มึงว่าผู้ชายตัวโตๆ สองคนอย่างมึงกะกูจะนั่งด้วยกันได้เหรอวะ?"

"ก็น่าจะได้นะ เพราะที่ตัวโตอะกู ส่วนมึงเป็นไอ้ดื้อตัวเล็กกว่า"

"เล็กพ่องงง" สระหันมาถลึงตาใส่ผม ถ้ามือมันว่างคงต่อยไหล่ผมไปแล้ว ฮะๆ

ที่จริงเขาก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรหรอก เตี้ยกว่าผมนิดเดียวเอง แล้วก็ผมกว่าหน่อย ผิวขาวมากทั้งที่เป็นเด็กต่างจังหวัดแท้ๆ แต่ก็นะ...ใช่ว่าเด็กต่างจังหวัดจะต้องผิวแทนผิวคล้ำเหมือนกันหมดซะหน่อยนี่นะ มายด์เซ็ตแบบนั้นก็แค่เรื่องที่คนคิดไปเอง จนบางทีก็หยิบเอามาแบ่งแยกคนอื่น

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปถามเจ้าของชิงช้า "พี่ครับ ผมสองคนนั่งได้ไหมครับ?"

"ได้อยู่แล้วน้อง แต่ก็นั่งให้สมดุลกันล่ะกัน อย่าขยับเยอะ ถึงพี่มั่นใจว่ากระเช้าพี่แข็งแรง แต่ถ้าน้องทำอะไรกันรุนแรงพี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหล่นมั้ย"

ไอ้ดื้อหน้าเหวอเป็นรอบที่สองของคืนนี้ ให้กับประโยคที่ว่า 'ถ้าน้องทำอะไรกันรุนแรง' ผมได้ยินยังเผลอชะงักเลย ฮ่าๆๆ

"สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรกันรุนแรงครับพี่"

"ดีมากไอ้น้อง งั้นคนละยี่สิบต่อคิวขึ้นกระเช้าได้เลย!"

หลังจ่ายเงินเสร็จผมก็โดนไอ้ดื้อต่อยไหล่เต็มแรง เล่นเอาเกือบเซ

"มึงพูดส้นตีนอะไรออกไปเนี่ยยย"

ผมเบ้หน้า ลูบไหล่ไปด้วยเพราะอันนี้เจ็บจรังจังมากครับ ต่อยเต็มเหนี่ยวขนาดนี้คงขุ่นเคืองของจริงแล้ว

ผมรีบง้อมันทันที "พูดเล่นไงมึง กระเช้าก็แค่นี้คิดว่าจะทำอะไรกันได้วะ"

"แล้วถ้าพี่เขาเข้าใจผิดล่ะไอ้ควายยย"

"น่า อย่าคิดมากดิ เขาไม่คิดอะไรหรอก ไม่งั้นคงไม่แซวเราขำๆ แบบนั้นไหมล่ะ"

สระฮึดฮัดนิดหน่อยก่อนจะยอมปล่อนผ่านเพราะถึงคิวขึ้นชิงช้าของเราพอดี

"นั่งดีๆ นะมึง อย่าโยกตัวไปมาให้มันโคลงเคลงล่ะ" อีกฝ่ายบอกกับผม

"มึงมากกว่ามั้ยที่จะทำแบบนั้น อยู่นิ่งๆ นานๆ ได้ที่ไหนมึงอะ"

"ว่ากูซนเหรอ"

"เออ"

"สัด!"

"ฮ่าๆๆๆ"

"แดกสายไหมป่ะ อะ" สระยื่นไม้สายไหมมาตรงหน้าผม แต่ผมส่ายหน้า

"ป้อนกู"

"ไอ้เห็บหมา แดกเองมือจะพังรึไง ต้องให้กูป้อนเนี่ย" มันบ่น แต่ไอ้ดื้อของผมก็หยิบสายไหมขึ้นมายัดปากผมหนึ่งคำอยู่ดี...ใช้คำว่ายัดนั่นล่ะครับ เกือบอ้าปากรับไม่ทัน โหดจังวะ

กระเช้าชิงช้าเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมทอดสายตามองคนตรงหน้าตลอดเวลา...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ชอบที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ มองดูคนพิเศษของผมที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข สระเป็นหนึ่งในความสุขของผม และผมไม่อยากจะเสียเขาไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ผมคิด...คิดมาตลอดว่าถ้าวันหนึ่งเรื่องระหว่างเรามันชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ ผมก็จะหยุดตัวเองเอาไว้ในอาณาเขตที่เรียกว่าเฟรนด์โซน มันคงจะอึดอัดไม่น้อย แต่ผมยอมเจ็บปวดดีกว่าให้เราสองคนต้องเลิกคบกันแม้กระทั่งในสถานะเพื่อน

แต่ดูเหมือนผมจะมีความหวัง เพราะถ้าสิ่งที่ไอ้ดื้อมันพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง ผมก็คงไม่ผิดถ้าคิดจะเข้าข้างตัวเองว่ามันคิดตรงกันกับผมจริงๆ เราชอบกัน...ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกไปเอง

“มองกูทำไม”

ผมเลิกคิ้ว เพิ่งรู้ตัวว่าเอาแต่มองอีกฝ่ายอยู่นาน จนตอนนี้กระเช้าชิงช้าเคลื่อนจากตรงกลางลงมาแล้ว “ว้า ไม่ทันเลย”

“หะ? อะไรไม่ทัน?” สระขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ผมไหวไหล่ “เคยได้ยินมาว่าถ้าได้จูบกันคนที่ชอบตอนชิงช้าขึ้นมาถึงจุดยอดสุด จะทำให้รักกันยืนยาว แต่กูมองมึงเพลินไปหน่อย เลยอดจูบมึงเลย”

“!!!”

สระช็อกไปแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ

ไอ้ดื้อมองผมตาโต มือที่กำลังเด็ดสายไหมกินนิ่งงัน ร่างทั้งร่างแข็งทื่อประหนึ่งโดนสาปไปแล้ว คงมีแค่แก้มอย่างเดียวที่แดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุด

“หน้าแดงว่ะ กิ๊วๆ” ผมหยอกล้อ ไม่อยากให้มันระเบิดตัวตายเพราะความเขินเอาตอนนี้ แต่นอกจากมันจะไม่พูดอะไรสักคำแล้วมันยังอ้าปากหวอใส่ ผมก็เลยอาศัยจังหวะที่มันยังเหวอไม่เลิกนี่แหละจู่โจมมันอีกรอบแทน

ผมดึงมือที่หยิบสายไหมค้างไว้เข้าหาตัว ก่อนจะงับก้อนน้ำตาลสีม่วงเข้าปากทั้งที่ตายังจ้องสบเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ปลายนิ้วของสระเปื้อนน้ำตาลที่แห้งเล็กน้อย ผมก็เลย...แลบลิ้นเลียทำความสะอาดให้ :)

ก็ไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่ แต่แบบนี้เขาเรียกว่าการอ่อยครับ หึๆ

แค่เลียคงไม่พอ เพราะผมดูดเบาๆ ด้วย จนแน่ใจว่าสะอาดแล้วถึงได้ปล่อยมือมันให้เป็นอิสระ

ยิ้มแฉ่งรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แล้วสิ่งที่ได้รับก็ไม่เหนือไปจากความคาดหมายของผม เพราะหลังจากที่สระได้สติ มันก็แทบจะกระโจนมาต่อยหน้าผม ดีที่ผมเบรกมันเอาไว้ทันด้วยการบอกว่าเดี๋ยวกระเช้าโคลงเคลง นั่นล่ะมั่นถึงยอมนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม แต่ตางี้มองผมเขม็ง ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้ผมคงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ฮะๆ

“มึงแม่งงง เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

“:)”

“ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยไอ้สัด กวนตีน” มันยังบ่นต่อไปทั้งที่หน้ายังไม่หายแดงเลยด้วยซ้ำ “สกปรกไหมเนี่ย มือกูเปื้อนน้ำลายมึงอะ”

“ฝึกไว้ไง”

“ฝึกอะไรของ...”

“ตอนเราจูบกันเมื่อไหร่มึงจะได้ชินกับน้ำลายกู”

“!!!”

เป็นอีกครั้งที่สระโดนขัดจังหวะตอนพูดและมันก็หาคำมาโต้ตอบผมไม่ได้ ช็อกอ้าปากค้างไปอีกรอบ กระทั่งกระเช้ามาถึงด้านล่างสุด ผมจูงข้อมือมันพาเดินออกจากชิงช้า เดินไปเรื่อยจนถึงทางออกจากวัด เราเดินไปด้วยกันเงียบๆ เพื่อกลับบ้าน...นานทีเดียวกว่าไอ้ดื้อจะพูดอะไรออกมาได้

“นับวันมึงยิ่งสรรหาคำพูดมาเต๊าะกูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะไอ้นะ”

ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “กูก็แค่พูดในสิ่งที่กูคิด และที่กูอยากทำกับมึง”

คนฟังหน้าแดงอีกแล้ว ใครบอกคนหน้าตาหล่อน่ารักจะหน้าแดงไม่ได้ ผมขอเถียงจนกว่าคอจะแตกเลยว่าคนหล่อ คนน่ารักอะ เวลาหน้าแดงไม่ได้ดูทุเรศเลย มันน่าหยิกน่าหยอก น่าฟัดฉิบหาย

เดินมาถึงชิงช้าตัวเดิมที่สระนั่งเล่นเมื่อเย็น อีกฝ่ายเดินไปนั่งลงแล้วไกวช้าๆ สายลมยามกลางคืนพัดผ่านร่างกายของเราทำให้รู้สึกเย็นนิดๆ จนเกือบหนาว ท้องฟ้าคืนนี้ไร้เมฆ ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่าง แถมมีดวงดาวมากมายกระจายเกลื่อน เป็นคืนที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนมากทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ที่นี่มันกรุงเทพฯ นะครับ ดาวบนพื้นดินมันสว่างจนกลบดาวบนฟ้าซะหมดนี่นา

ผมเงยหน้ามองดาวก่อนจะก้มลงมองคนที่มาด้วยกัน...สระเองก็กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาของมันเป็นประกายสดใส ริมฝีปากยิ้มกว้าง วันนี้มันยิ้มบ่อยมากจนทำให้หัวใจคนมองอย่างผมสั่นไหวไปหมด

“ดาวสวยเนอะ” สระพูดขึ้น เบือนหน้ากลับมาสบตาผม

เราจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน ไอ้ดื้อเงยขึ้นมองผม และผมต้องหักห้ามใจเป็นอย่างมากไม่ให้ตัวเองทำอะไรอย่างที่ใจคิดอยากจะทำมาตลอด

ห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอไปจูบมันเข้าทั้งที่สถานะของเรายังเป็นแค่เพื่อนกัน

ผมลูบปลายนิ้วเข้ากับแก้มใสๆ ของไอ้ดื้อ มันคงจะชอบเพราะเผลอตัวเอียงแก้มตอบรับสัมผัสของผมอย่างน่ารัก ไม่รู้ว่าผมใช้คำว่าน่ารักกับสระไปกี่ครั้งแล้วนับตั้งแต่ได้รู้จักมัน แต่ผมรู้ตัวดีเลยว่าผมใช้คำนี้ได้เปลืองมากแค่ไหน

“ดาวสวยจริงๆ นั่นล่ะ” ผมตอบรับ เลื่อนฝ่ามือไปจับที่ต้นคอเล็กไว้หลวมๆ ก่อนจะกดจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “สวยเหมือนดวงตาของมึงเลย”

สระอมยิ้ม หัวเราะคิกคักทั้งที่บรรยากาศระหว่างเราไม่มีอะไรน่าขำสักนิด แต่ก็นั่นล่ะ...เพราะเป็นสระ และเป็นผม เพราะเป็นเรา มันจึงไม่แปลกอะไร

“อันนี้หวานจนเลี่ยนเลยอะไอ้นะ”

“กูก็เพิ่งจะเคยพูดอะไรแบบนี้กับมึงคนแรกน่ะแหละ” ผมหัวเราะตามอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอีกว่า “เพราะงั้นรู้ตัวได้แล้วว่ามึงน่ะพิเศษกับกูมากขนาดไหน”

สระสวมกอดเอวผมแล้วซบหน้ากับหน้าท้องของผม แล้วตอบกลับมาเสียงเบาจนผมเกือบจะไม่ได้ยิน ด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดออกมา

“กูรู้มานานแล้วเว้ย”


________________
เขินกันมั้ยอะ เราเขียนเองแต่เราเขินมาก แง 55555 เรื่องนี้เราแต่งด้วยความรู้สึกว่าอยากให้มันเป็นความรักแบบเรื่อยๆ มุ้งมิ้งกันไปวันๆ แต่ถามว่ามีจุดหักเหมั้ย? แน่นอนค่ะว่ามี คริคริ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ //ส่งจูบ


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นะเต๊าะได้รุนแรงกับใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หวานไปหมดเลยตอนนี้  :hao6:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หวานจนมดขึ้นตาไปหมดล๊าววววว


 :-[ :-[

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
งานวัดนี้อยู่หนใด อยากไปกินสายไหมหวานๆ ด้วยคน
หวาๆๆๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
รู้มานานแล้ววววววววววววววว :o8:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
สระกับนะเป็นคู่ที่เคมีเข้ากันมากเลย

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Ten

(ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล)

 

[สระ]


เรากลับมาถึงมอก่อนเวลาเข้าเรียนตอนบ่ายสองชั่วโมง ดีที่กินข้าวมาแล้วเลยแวะเข้าหอไปเปลี่ยนชุดเท่านั้น ออกมานั่งเล่นใต้ตึกรอเวลาเข้าเรียนคาบบ่าย แล้วปากมันก็ว่างด้วยอะครับ เลยจบลงที่...

“ไปเซเว่นนะ” ไอ้นะบอกพลางลุกขึ้นยืน “หาขนมให้สระมันกินเล่น”

“แหมๆๆ เอาอกเอาใจเหลือเกินนะครับคุณพยัญชนะ เมื่อวันก่อนยังเอาใจไม่พออีกเหรอออ” ไอ้พีเอ่ยแซว

วันก่อนก็วันที่ผมกับไอ้นะไปเดินเล่นที่งานวัดกันนั่นล่ะครับ ผมเพิ่งมาเห็นตอนกลับมาถึงบ้านคืนนั้นว่าโซเชียลสารพัดอย่างที่พวกเราอัปเดตลงไปกลายเป็นประเด็นฮอตประเด็นฮิตของเพจรวมคู่จิ้นประจำมหา’ลัยอย่างรวดเร็ว

เริ่มจากโพสต์แรก...ที่ไอ้นะลงรูปผมเล่นกับเบบี้ แคปชั่นมันบอกว่าผมน่ารักกว่าแมวใช่ปะ? อะ นั่นคือประเด็นแรกที่แอดมินเพจนั้นแชร์โพสต์ไปแปะหน้าเพจแล้วทำเอาคอมเมนต์ไหลเหมือนไฟลามทุ่ง รัวคำว่ากรี๊ดกันซะจนดอเด็กบนแป้นพิมพ์แทบค้าง (ผมเดาเอานะ คือมันยาวมาก ไม่รู้จะรัวคำว่ากรี๊ดดดด อะไรกันขนาดนั้น ฮะๆ)

ถัดมาคือโพสต์ที่แอดมินลงรูปซึ่งแคปมาจากไอจีของผมกับไอ้นะ เน้นข้อความด้วยวงกลมสีแดงตรงแคปชั่นของทั้งสองรูป...ก็ไอ้คำว่า ‘ชอบนะ’ กับ ‘ชอบเหมือนกัน’ อันนั้นไงล่ะครับ เล่นเอาเพจแทบแตกอีกรอบในระยะภายในไม่กี่ชั่วโมง เหล่าแฟนเพจต่างวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่าผมหมายถึงชอบไอ้นะ ชอบรูปที่ลงไปหรือชอบอะไรกันแน่ แต่ส่วนใหญ่ก็คิดว่าเป็นผมชอบไอ้นะซะส่วนใหญ่ บางคนถึงกับบอกว่าต่อให้ไม่ใช่ก็จะคิดว่าใช่ ลงเรือจิ้นคู่นี้แล้วโมเมนต์อะไรโผล่มาให้เก็บเกี่ยวให้คิดก็จะคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน เออดี ตลกดีว่ะ ฮ่าๆๆ

ส่วนประเด็นฮือฮาอันสุดท้ายก็คือไอจีสตอรี่ของไอ้นะ สงสัยกันใช่ป่ะว่ามันใส่แคปชั่นว่าอะไร? ผมจะบอกให้ มันใส่ลงไปว่า ‘กล้องสั่นเพราะโดนกอดแน่นมากครับ’ คือว่านะไอ้ฉิบหายยย เกลียดมันชะมัด กูกอดเพราะดีใจเหอะ ไม่ได้ตั้งใจจะกอดเพราะหลงใหลคลั่งไคล้ซะหน่อย!

แต่สตอรี่อันนั้นแหละที่ทำให้ลุกเป็นไฟของจริง เพราะนอกจากคอมเมนต์ในเพจรวมคู่จิ้นจะเกินห้าพันเมนต์ไปแล้ว คอมเมนต์ในเฟซและไอจีของผมกับไอ้นะก็แทบแตกด้วยเหมือนกัน ล่าสุดผมถึงกับต้องสมัครทวิตเตอร์เพราะไอ้เจ็มบอกว่าในทวิตเตอร์มีแฮชแท็กคู่จิ้นของผมกับไอ้นะด้วย คนเล่นเพียบ และตอนนี้ผมกำลังนั่งส่องไอ้แท็กที่ว่านั่นอยู่

แท็ก #สระของพยัญชนะ นั่นแหละ คนแรกที่คิดแท็กนี้ขึ้นมาก็คือแอดมินเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัย

“หุบปากไปเลยเชี่ยพี” ผมเงยหน้าขึ้นขึงตาใส่มัน ก่อนจะหันไปหาไอ้นะ “ขอลาเต้แก้วหนึ่งด้วยนะ”

“กินกาแฟเหรอ?”

“อือ รู้สึกง่วงๆ อะ”

“โอเค แล้วอยากกินขนมอะไรเป็นพิเศษไหม”

“ไม่อะ เอาไรมาก็ได้ มึงรู้อยู่แล้วว่ากูชอบกินอะไร” ผมว่าพลางยิ้มแฉ่งให้มัน เพื่อนรักผมยิ้มตอบ ยกมือลูบหัวผมด้วยแล้วถึงได้เดินไปเซเว่น

“ไอ้นะซื้อชาเขียวมาฝากกูด้วย!” ไอ้ยูตะโกนไล่หลัง แต่ไอ้นะชูนิ้วกลางให้แล้วตะโกนตอบกลับมาว่า...

“ไปซื้อเองดิ!”

“ไอ้เชี่ย ทีกับไอ้หระไม่เห็นพูดงี้เลย”

“เพราะกูเป็นคนพิเศษไง : )” ผมหลิ่วตาให้เพื่อนสามคนที่หันมามอง เลยโดนพวกแม่งปาลิขวิด ปาปากกา ฟาดฝ่ามือลงกลางหัวด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ ใส่ “ไอ้เหี้ยยย กูเจ็บนะโว้ย!”

“ตกลงพวกมึงสองคนนี่ยังไงวะ เป็นแฟนกันแล้ว?” ไอ้พีถาม

ผมส่ายหน้า “เพื่อน”

“เพื่อนพ่อมึงดิ”

“เอ๊า ก็ยังเป็นแค่เพื่อนจะให้ตอบว่าอะไรวะ”

“อ่อววว ยังเป็นแค่เพื่อน ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน” ไอ้เจ็มทำหน้าทำตาหยอกล้อ ผมล่ะเกลียดคำว่า ‘อ่อววว’ ของมันฉิบหาย ไอ้ฟัค กวนส้นตีนมาก

ผมมองบนใส่พวกมันที่พากันผิวปากวี๊ดวิ่วแซวผม ล้อไปเลยยย กูไม่เขินหรอก กูเลิกเขินแล้ว ชิน!

“กูตามไอ้นะไปเซเว่นดีกว่า พวกมึงอยากได้อะไรป่ะ” ไอ้ยูลุกขึ้นบ้าง

ไอ้พียกมือ “กูเอาปังปิ้ง”

“กูเอาโค้กป๋องนึง” ไอ้เจ็มยกตาม

ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากกินเปาหมูแดงเลยยกมือตาม “ขอเปาหมูแดงลูกใหญ่ให้กูด้วย”

“บอกผัวมึงเองดิไอ้สัด ไม่รับฝากหรอก”

“ผัวพ่องงง” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ยู

“นั่นแหละ โทรไปหาไอ้นะมันเอง มันไม่รับฝากของกู กูเลยไม่รับฝากของแฟนมันบ้าง”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่แฟนกันโว้ย!”

“ไม่รู้ไม่ชี้” พูดพลางโคลงหัวไปมา จนผมอดไม่ได้ต้องยกเท้าขึ้นหวังถีบมันให้ล้ม แต่ไอ้ยูดันไหวตัวทัน ขยับหลบแล้วรีบหนีไปเซเว่น ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะ ตลกเนอะ ตลกเหลือเกินไอ้ห่า

เพราะโดนเพื่อนทิ้งไม่ยอมซื้อซาลาเปาให้ ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์โทรหาไอ้นะ รอไม่ถึงสองวิอีกฝ่ายก็รับสาย

[เอาอะไรอีกเหรอ?]

“อยากกินเปาหมูแดง”

[ลูกใหญ่เนอะ]

“อือ เอาน้ำเปล่ามาด้วยนะ”

[กาแฟยังเอาเหมือนเดิมป่ะ]

“อือฮึ” ผมตอบรับ “แล้วมึงกินไรวะ?”

[ว่าจะซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่นไปกิน]

ผมเลิกคิ้ว “เพิ่งกินข้าวเมื่อสองชั่วโมงก่อนเองป่ะ หิวอีกแล้วเหรอ ฮะๆ”

[นิดหน่อยว่ะ แต่ที่จริงคือตอนเดินผ่านน้ำซุปโคตรหอม ยั่วน้ำลายโคตร]

“พูดซะน่ากินเลยไอ้สัด”

[กินกะกูไง กูจะซื้อไปกินด้วยกันกับมึงเนี่ยแหละ]

“ดีมาก” ผมยิ้มกว้าง แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น และเพราะยิ้มที่กว้างจัดนั่นล่ะทำให้ไอ้พีกับไอ้เจ็มหันไปทำท่างุ้งงิ้งๆ กันสองคนเป้นการล้อเลียนผม สนุกใหญ่ไอ้เห็บหมาาา “ว่าแต่จะแดกไงวะ ไม่มีชามป่ะมึง”

[กูยืมชามป้าเขาอะ เดี๋ยวเลิกเรียนเอามาคืน]

“เชี่ย โคตรลงทุน ฮ่าๆๆๆ”

[ความอยากชนะทุกสิ่ง]

[อ้าว ไม่ใช่ความรักเหรอวะที่ชนะทุกสิ่ง?]

“นั่นเสียงไอ้ยู มันไปถึงเซเว่นแล้วเหรอวะ” ผมถามเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนที่เพิ่งผละไปได้ไม่นานดังรอดออกมาจากปลายสาย ไวจังวะ สงสัยวิ่งไป

[อือ...ไอ้ยูกูไปก่อนนะ สั่งก๋วยเตี๋ยวไว้ เจอกันที่โต๊ะเว้ย]

[ไอ้หระมันโทรมาสั่งเปาหมูแดงละใช่ป่ะวะ?]

[ใช่] ผมได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอีกสองสามคำก่อนจะกลายเป็นเสียงไอ้นะคุยกันแม่ค้า [ป้าคร้าบบ ที่ผมสั่งไว้ได้หรือยังครับ]

[ได้แล้วลูก ป้าใส่ถุงไปก่อนนะ ใส่ชามไปเลยเดี๋ยวเดินไปจะทำหกเอา อะนี่ชาม ช้อน ตะเกียบ]

[ขอบคุณครับป้า กินเสร็จผมจะรีบเอามาคืนนะครับ]

ผมฟังมันคุยกับแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วก็อดจะหัวเราะไม่ได้ เออ มันเอาจริงว่ะ ยืมอุปกรณ์การกินของเขามาครบเลย ดีนะแม่ค้าร้านนี้ใจดี ผมแวะกินอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน...ก็แวะกับไอ้นะอะแหละ ป้าเขาคงจำหน้าได้เลยยอมให้ยืม

“งั้นกูวางสายแล้วนะ มึงจะกลับมาแล้วนี่”

[ไม่คุยกับกูจนกว่ากูจะไปถึงตัวมึงเหรอ?]

“เพื่ออะไรครับคุณพยัญชนะ~ เปลืองตังค์ค่าโทร แค่นี้นะ”

[คร้าบบบ] วางสายไปแป๊บเดียวไอ้นะก็กลับมาถึงโต๊ะ มันวางชามก๋วยเตี๋ยวลงตรงหน้าผม “แกะให้หน่อย”

ผมแกะให้ตามคำขอ เตรียมตะเกียบกับช้อนจนพร้อมก็ยื่นถุงเครื่องปรุงให้มัน “อะ ปรุงเอง”

“มึงปรุงรสที่มึงชอบเลย กูกินได้”

“โอเค” เข้าทางผมสิครับ ยังไงรสชาติที่ผมชอบมากที่สุดก็คือรสชาติในแบบที่ผมปรุงเอง อย่างไอ้นะก็ปรุงอร่อยอยู่ แต่มันหนักหวานไปนิดหนึ่ง ผมชอบหนักเปรี้ยวมากกว่า “งั้นกูกินก่อนเลยนะ?”

“ครับผม” ไอ้นะพยักหน้าให้ส่งๆ ตอนนี้มันกำลังรื้อของในถุงเซเว่นออกมาวางข้างนอก ยื่นลาเต้มาวางข้างๆ ชามก๋วยเตี๋ยวของผมก่อนกลับไปหยิบถุงซาลาเปามาวางลงข้างกัน

ผมมองมันวุ่นวายกับของในถุงอยู่สองนาที ไม่รู้มันซื้ออะไรมาเยอะแยะ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว คีบเส้นบะหมี่ม้วนใส่ช้อนก่อนจะยื่นไปตรงหน้ามัน...ชนะถถึงกับหยุดกึก มันมองช้อนตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมาสบตาผม

ผมพเยิดหน้าไปทางช้อน “กินดิ”

“แต้ง” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง อ้าปากรับก๋วยเตี๋ยวที่ผมป้อนด้วยท่าทางระริกระรี้ เออ รู้ว่าดีใจ แต่เก็บอาการบ้างก็ได้ หึ

“ช่วยอย่ามาป้อนข้าวกันสองคนงุ้งงิ้งๆ ต่อหน้าต่อตาผมได้ไหมครับ”

“ทำไมครับคุณพี อิจฉาเหรอ?”

“เกลียดขี้หน้ามึงสองตัวต่างหากล่ะครับ ไอ้สัดอยากจะโดดถีบขาคู่ใส่สักที บัดซบ!”

“ผมเห็นด้วยกับคุณครับ ผมล่ะหมั่นไส้คนมีฟามร๊ากกก” ไอ้ยูผสมโรง

และแน่นอนว่าจะขาดไอ้เจ็มไม่ได้ “ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าผมต้องไปจากที่นี่~”

“พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันครับ หมอไม่ได้ให้ยาเหรอ โหยหวนกันไม่เลิกเลยยย”

“ไอ้สัดหระ”

“กูชื่อสระ!”

ฮึ่มๆ ใส่กันจนไอ้นะต้องเข้ามาขัดจังหวะห้ามทัพอีกครั้ง “หยุดเลย รีบกินกันได้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้าเรียนแล้วนะเว้ย”

“รีบไปไหนวะ ตั้งครึ่งชั่วโมง”

“แดกไม่ทันกูจะหัวเราะให้ไอ้ยู”

“โหดร้ายยย”

ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนเรียกร้องความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ข้างกัน...ไอ้นะสะกิดมือผม พอหันไปมองมันก็จ้องช้อนกับตะเกียบในมือผมแล้วยิ้มแฉ่งให้อีกแล้ว ท่าทางแบบนี้แปลได้ว่ามันรอให้ผมป้อนอยู่

ผมยัดตะเกียบใส่มือมัน “กินเองสิวะ”

“โธ่ ก็อยากให้มึงป้อนนี่หว่า” เพื่อนรักบ่น แต่ก็คีบเส้นบะหมี่เข้าปาก ผมกำลังจะร้องทักแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะ... “ร้อน!”

“ไอ้ควาย ควันขึ้นขนาดนั้นไม่เป่าก่อน มึงบ้าป่ะ” ผมด่ามันแต่มือก็ควานหาทิชชู่มาเช็ดให้มันด้วย เพราะเมื่อกี้มันสะดุ้งจนเผลอปล่อยตะเกียบหล่นลงชามแล้วทำน้ำซุปแสนอร่อยกระเด็นมาเปื้อนมือ

“ร้อนอะสระ~” มันทำเสียงอ่อน สีหน้ามันตอนนี้เหมือนน้องหมาที่กำลังทำหูตูบตาตกใส่เจ้าของเลย ฮะๆ

“ตอแหลมากกก ร้อนนิดร้อนหน่อยทำเหมือนโดนน้ำก๋วยเตี๋ยวทั้งชามหกใส่เป้ากางเกง” ไอ้เจ็มแขวะมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ คำพูดของมันทำให้ผมหลุดขำอีกยกใหญ่

พยัญชนะจิ๊ปากแต่มันก็ยังไม่เลิกอ้อนผม ส่งสายตาปิ๊งๆ วิ้งๆ มาให้พลางว่า “จุ๊บตรงที่โดนลวกให้หน่อยดิสระ”

“..!”

“จะได้หายแสบ : )”

ผมเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา ขณะที่ไอ้พี่ผิวปากหวือ มีไอ้ยูกับไอ้เจ็มรับลูกคู่ด้วยการเอ่ยแซวว่า “มันร้ายว่ะครับหัวหน้าาา”

“ส้นตีน” ผมด่ามันไปแทนคำตอบ สะบัดทิชชู่ใส่หน้ามันแล้วหันกลับมากินต่อ...คีบเส้นเข้าปาก กัดปลายตะเกียบแก้เขินไปด้วย เออ ผมเขินอยู่แหละ โดนเต๊าะเท่าไหร่ก็ไม่ชินสักที ไอ้นะแม่งก็ขยันหยอดมุกจีบไม่เลิก หัวใจกูทำงานหนักเกินไปแล้วเนี่ย

“กินบ้าง” มันว่าพลางยื่นมือมาขอตะเกียบ ผมก็ให้มันไปโดยไม่ได้พูดอะไร

มาอ้าปากค้างอีกรอบก็ตอนที่พยัญชนะเพื่อนรักแตะปลายตะเกียบเข้ากับริมฝีปากตัวเองแล้วเรียกผมให้หันไปมองเพื่อดูดปลายตะเกียบนั่นแล้วบอกว่า...

“เหมือนเรากำลังจูบทางอ้อมกันเลยว่ะ :)

“!!!”

ไอ้เหี้ยยยยยยยย

 

ผมเข้าเรียนด้วยสมองเบลอๆ ยอมรับครับว่ามุกล่าสุดของแม่งทำเอาเสียศูนย์เลย

คือมุกจีบมันก็รุนแรงต่อหัวใจผมมาตลอดแหละ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับจุ๊บๆ จูบๆ แล้วมันก็ดันพูดให้ผมจินตนาการไปไกล ผมก็เลย...เป็นอย่างที่เห็นครับ สตันท์จนหาคำไปโต้ตอบมันไม่ออก ได้แต่นั่งโง่หยิบกาแฟมาดูดแล้วอ้าปากรับก๋วยเตี๋ยวที่มันป้อน ไม่ต้องกินมันเองแล้ว มือเป็นง่อยชั่วคราว

พวกไอ้พีงี้ล้อไม่เลิกเลยด้วย แล้วเหมือนผมจะเห็นแวบๆ ว่ามันยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นถ่าย ไม่รู้ถ่ายอะไร แต่ถ้ามีรูปหรือคลิปของผมกับไอ้นะหลุดออกไปแบบที่เรียกว่ามุมกล้องระยะประชิด ก็ให้รู้ไว้เลยว่าเป็นพวกมันสามตัวนั่นล่ะที่ปล่อยรูปออกไป

เข้ามาเรียนก่อนเวลาเข้าเรียนจริงๆ ห้านาที อาจารย์ยังไม่มาพวกผมก็หาอะไรคุยกันไปเรื่อยเปื่อย

“พวกมึง เราเหลือวิชาเลือกเสรีกี่ตัววะ?”

“สองป่ะ?”

“เออ สอง”

“แล้วเทอมหน้าเราจะลงทั้งสองตัวเลยหรือลงตัวเดียวก่อน อีกตัวค่อยไปลงตอนขึ้นปีสาม”

“ลงเทอมละตัวดิวะ เกิดวิชาหลักของเทอมหน้ามันหนัก ไปลงเสรีสองตัวก็เหนื่อยตายเลยไอ้ห่า”

“ก็จริงอย่างที่ไอ้นะมันบอก”

“งั้นเราจะลงวิชาอะไรกันดี ไปเรียนด้วยกันทั้งหมดนี่เลยนะมึง กูขี้เกียจแยกกับพวกมึงอะ”

“เออ เอาวิชาไรดี” ไอ้พีถาม “ของ่ายๆ นะ วิชาเลือกไม่ควรยากป่ะ”

“ช่ายยย” ผมพยักหน้าเห็นด้วย

ไอ้เจ็มเสนอเป็นคนแรก “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเบื้องต้นเป็นไง?”

“พ่อมึ้งงง รัฐศาสตร์นะเว้ย ของ่ายกว่านี้!” ไอ้พีโวยวาย ผมพยักหน้าเห็นด้วย

ไอ้ยูเสนอเป็นคนต่อมา “ลงพละกันป่ะ?”

“ไม่เอา ขี้เกียจออกแรง”

“ไอ้ควายพี แค่เล่นกีฬาจะตายรึไงสัด!”

“มึงคิดดูไปเล่นกีฬาเหนื่อยๆ แล้วต้องกลับมารายงานเงี้ย มึงไม่เหนื่อยเหรอ?”

“เออว่ะ” คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง คือไม่ใช่พวกผมไม่ชอบเล่นกีฬานะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นงานอดิเรกเฉพาะเวลาว่างมากกว่า ให้เป็นเล่นเป็นวิชาเรียนนี่ดูท่าจะไม่ไหว

“ไอ้นะว่าไง วิชาไรดีอะ?”

คนถูกถามหันมามองผม “กูแล้วแต่สระ”

“ถุ้ย! ตามใจมันเหลือเกินนะ”

“แน่นอน เราต้องตามใจคนที่เราชอบดิวะ”

ทุกคนพากันอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้นะพูด ผมเองก็เหมือนกัน...ฉิบหาย ดาเมจกูอีกแล้วนะ!

“โห นี่เป็นครั้งแรกที่กูได้ยินมึงพูดออกมาตรงๆ ป่ะ” ไอ้ยูถึงกับอึ้งจัด

“ไอ้เหี้ย กูช็อก” ไอ้เจ็มยกมือกุมหัวใจ

พยัญชนะหันมายักคิ้วให้ผม ผมก็เลยขึงตาใส่มันไปทั้งที่หน้าร้อนผ่าวไปหมด ไม่รู้แก้มแดงรึเปล่า ผมเคยได้ยินมาว่าถ้าเราเขินมากๆ หน้าจะแดงหูจะแดงอะ

ผมหักห้ามใจตัวเองไม่ยกมือขึ้นจับใบหู ก่อนจะพูดออกไปว่า “ลงวิชาประวัติศาสตร์ไทยแล้วกัน”

กะ...ก็ก่อนหน้านี้มันถามเรื่องวิชาเลือกที่จะลงเทอมหน้าใช่ไหมล่ะ ผมก็แค่ให้คำตอบมันไง เอ้อออ


_____________
คนมีความรักกก มักน่าอิจฉาาา ผ่าง! 555 เขียนเรื่องนี้บางทีก็เขินมุกตัวเองที่คิดลงไปให้ชนะใช้เวลาจีบสระค่ะ จริงๆ เราจีบใครไม่เป็นค่ะ เคยแต่เต๊าะผู้ชายด้วยมุกเสี่ยวๆ (เดี๋ยวนะ?...) //ยิ้มขำ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดูดตะเกียบ = จูบทางอ้อม คือ ยอมใจนะเลย ดีกว่ากินหมูปิ้ง แล้วดูดไม้ปิ้งหมู เด๋วไม้ปิ้งหมูจิ๋มคอหอย  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คุณพยัญชนะคะ ขอพื้นที่ให้คุณสระหายใจบ้าง
จะจมน้ำตาลตายแล้ว หยอดจังเลยนะ ทุกจังหวะ

สระน่ารัก เขินก็บอกเขิน แต่บางทีก็ต้องเก็บไว้บ้างอะเนาะ
ต้องมีไว้ตัวบ้างไรบ้าง ให้ได้หยอดกันบ่อยๆ

พยัญชนะก็รุกหนักมากค่ะ ตั้งแต่แรก จนมาวันนี้
ตอกย้ำความเป็นเจ้าของมาก และประเด็นชอบนะ
ยังไม่หนักเท่ากล้องสั่นเพราะถูกโดดกอด จ้าาา พ่อคนขี้อวด

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คนอ่านก็เขินตามสระนะคะ

 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ใช่เลย ต้องตามใจคนที่เราชอบ ถูกแล้ว
 :mew1:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Eleven

(ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป)


[พยัญชนะ]


ตอนกำลังตัดสินใจว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ไหนกันดี เพื่อนสมัยมัธยมของผมก็โผล่หน้ามาหาที่ใต้ตึกคณะวิศวะ

“ชนะ!”

“อ้าว มาทำไรที่คณะกูวะไอ้กล้า” ผมเลิกคิ้ว ไอ้กล้าเป็นเพื่อนสนิทตอนเรียนม.ปลายของผม เราสอบเข้ามหา’ลัยเดียวกันแต่มันเลือกเรียนคณะเกษตรฯ ตอนปีหนึ่งก็ยังเจอกันอยู่บ้าง แต่พอขึ้นปีสองมาเราก็แทบไม่ค่อยได้คุยกัน รู้สึกว่ามันจะยุ่งกับการเพาะต้นไม้อะไรสักอย่างนี่แหละ เห็นมันอัปเดตในเฟซบุ๊คอยู่ผ่านๆ

“มีเรื่องมาขอให้ช่วยว่ะ”

“อะไร?”

“วันหยุดนี้มึงว่าบ้างมั้ยอะ”

ผมหันไปมองสระ “เราต้องไปไหนหรือเปล่าเสาร์อาทิตย์นี้?”

“ไม่นะ ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหน”

“วันศุกร์ด้วย” ไอ้ยูโพล่ขึ้น “วันศุกร์อาจารย์ยกคลาส เขาบอกไว้ตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว มึงลืมกันเหรอ”

“เออว่ะ” ไอ้พีดีดนิ้ว ทำหน้านึกขึ้นได้

ผมหันไปบอกไอ้กล้า “กูว่างตั้งแต่วันศุกร์”

“งั้นดีเลย มึงมาทำกิจกรรมให้ชมรมกูหน่อยดิ”

“ชมรม?” ผมทวนถาม

สระที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ เป็นฝ่ายถามบ้าง “ชมรมการเกษตรของมึงอะเหรอ?”

“ใช่ๆ พอดีชมรมกูคิดกิจกรรมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเทอมที่แล้ว เป็นกิจกรรมง่ายๆ อย่างการไปเก็บผลไม้และลงต้นกล้าต้นใหม่ที่สวนผลไม้แห่งหนึ่งในจันทบุรี พอดีเพื่อนกูคนหนึ่งในคณะที่บ้านมันทำสวนผลไม้น่ะ”

“เฮ้ย น่าสนใจ!” ไอ้เจ็มที่ฟังเงียบๆ อยู่นานถึงกับถลามายืนขวางหน้าผม “ไปๆ กูไปด้วยได้ป่ะ”

“ได้ดิ ไปกันเยอะๆ เลยยิ่งดี”

“ทำไมวะ ไม่มีคนไปเหรอถึงได้มาชวนกู” ผมผลักไอ้เจ็มออกไปก่อนจะถามเพื่อนเก่า

ไอ้กล้ายิ้มแหย “มีดิ คนชมรมกูก็เยอะอยู่แหละ แต่ทางเราอยากได้เพิ่ม อีกอย่างมึงก็ดังด้วยช่วงนี้ ได้มึงกับสระไปร่วมกิจกรรมคงโปรโมตชมรมเพื่อเรียกสมาชิกได้เยอะขึ้น”

“กูดัง? ดังอะไรวะ?”

“ฟาย” สระต่อยไหล่ผมเบาๆ “ก็ที่มึงกับกูเป็นคู่จิ้นกันไง น่าจะดังมาจากเรื่องนี้แหละ”

“นั่นล่ะๆ กูก็เลยคิดว่าได้คนดังมาร่วมด้วยคงช่วยได้เยอะขึ้น”

“ตรงไหนวะ คนจะเข้าชมรมเกษตรมันไม่ได้อยู่ที่แค่ว่ามีคนดังร่วมกิจกรรมอย่างเดียวป่ะ เกษตรนะเว้ย กูไม่ได้ดูถูก แต่ถ้าไม่ใช่คนที่เรียนคณะนี้จริงๆ ก็น้อยคนอะที่จะอยากไปปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ขุดดิน” ไอ้พีพูดขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย มีผมหรือไม่มีผม มีคนดังหรือไม่มีก็น่าจะค่าเท่ากันป่ะวะ

สีหน้าไอ้กล้าดูหมองลง มันยิ้มแหยจนดูน่าสงสารเลยด้วยซ้ำ

“ก็ไม่เสมอไปนะมึง คือมันก็แค่กิจกรรมปลูกต้นไม้เก็บผลไม้อะ อย่างน้อยคนไม่เข้าชมรมเพิ่ม แต่คนอยากร่วมกิจกรรมครั้งนี้มันต้องมีบ้างแหละ แล้วนี่ก็ถือเป็นกิจกรรมดีๆ ต่อสังคม ลองช่วยดูก็ไม่เสียหายป่ะวะ” สระแย้ง มันเดินไปโอบบ่าไอ้กล้า “พวกมึงเอาไงไม่รู้แต่กูจะช่วยไอ้กล้ามันเอง”

“กูไปด้วย!” ไอ้เจ็มโบกมือ “ว่าแต่ผลไม้ที่เก็บนี่กูกินได้ป่ะ?”

“โถ ไอ้เห็นแก่กิน!” พวกเราเกือบทุกคนพากันตะโกนใส่หน้าไอ้ห่าเจ็ม

ไอ้กล้าหัวเราะ “กินได้ แบ่งกลับบ้านได้ด้วยแต่คงไม่เยอะนะ เจ้าของเขาต้องกันไปขายด้วย”

“แค่ได้กินกูก็พอใจแล้ว ไปๆ กูไป พวกมึงเอาไง ไอ้พี ไอ้ยู”

“ไปด้วยก็ได้” ไอ้ยูบอก ขณะที่ไอ้พีแค่พยักหน้า

ผมหันไปสบตาสระ ดวงตาของอีกฝ่ายจ้องมองผมราวกับรู้ว่าผมไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ซึ่งก็ใช่...สระไปแล้วคิดว่าผมจะไม่ไปเหรอ หึ ไม่มีทาง

“สระไปแล้วกูจะไม่ไปได้ไงวะ”

 

เพราะข้อตกลงเมื่อหลายวันก่อนระหว่างพวกผมกับไอ้กล้า ทำให้วันเสาร์ตอนตีสี่พวกเราก็เลยมารวมตัวกันที่หน้าคณะเกษตรศาสตร์ในเวลานี้ ผมนั่งนิ่งพิงเสา ทรงตัวนิ่งๆ เพื่อให้สระที่ยังง่วงงุนได้นอนหนุนไหล่ผม ป้องกันการไหลวูบหัวโขกพื้นด้วยการโอบบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย

สระไถศีรษะเบาๆ สองทีแล้วขยับหามุมดีๆ ให้ตัวเองก่อนจะนิ่งไปในที่สุด เสียงลมหายใจเข้าออกบ่งบอกว่าไอ้ดื้อของผมหลับลงไปอีกครั้งแล้วจริงๆ

ผมลอบยิ้ม เกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าสระออก ไล้ปลายนิ้วกับข้างแก้มขาวเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้นเสียงลั่นของชัตเตอร์ก็ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง...เป็นไอ้พีที่เพิ่งลดกล้องโปรในมือลง มันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม

“กูจะส่งให้แอดมินเพจรวบรวมคู่จิ้น หึๆ”

ผมกระตุกมุมปาก “ตามใจ”

“ไม่ห้ามด้วยเว้ยคนเรา อะงั้นเสร็จกู”

ผมได้แต่ส่ายหน้า ห้ามแล้วมันจะฟังเหรอคนอย่างไอ้เหี้ยพีอะ ปวารณาตัวเป็นต้นหนเรือสระของพยัญชนะเต็มตัวแล้วมั้ง มีอะไรที่เป็นโมเมนต์ระหว่างผมกับสระก็เอาไปลงโซเชียลซะหมด สระที่ทั้งเขินทั้งโกรธก็คือโดนบ่อยจนเลิกอายไปแล้ว ปลงตกแล้วก็บอกตัวเองว่าช่างแม่งมัน

แต่แบบนั้นก็ดี ผมจะได้ไม่โดนมันงอนใส่อีก : )

เรานั่งรอให้คนมาครบอยู่อีกพักใหญ่ จนไอ้กล้าตะโกนใส่โทรโข่งว่าให้มารวมตัวกันเพื่อเซ็นชื่อรายงานตัวก่อนขึ้นรถ ผมถึงได้ปลุกให้สระตื่น

“สระครับ ตื่นเร็ว ได้เวลาขึ้นรถแล้ว”

“อือ” ไอ้ดื้องัวเงีย หน้ายุ่งเหมือนกำลังจะเริ่มงอแงใส่ผม เมื่อเช้ามืดตอนที่ผมปลุกมัน มันก็มีท่าทางอย่างนี้แหละ อีกครึ่งนาทีมันก็จะเอาหัวโขกหน้าอกผมแล้วโวยวายไม่เป็นภาษา เพราะยังไม่ตื่นดี ลิ้นยังเปลี้ยอยู่ ฮะๆ

“”จะเดินไปเองหรือจะให้นะอุ้มไป?”

“อุ้มพ่อง” อ้าว ที่งี้ล่ะพูดชัดถ้อชัดคำเลยเว้ย

“ไหวเปล่าเนี่ยถามจริง”

“ไหวๆ” สระผละออกจากการนั่งพิงอกผม เขายกมือตบแก้มตัวเองหวังปลุกให้สมองตื่นตัว ผมรีบปัดมือเขาออกแล้วช่วยปลุกเขาด้วยการจุ๊บแก้มไปหนึ่งที...สระถึงกับสะดุ้ง “เฮ้ย”

“ตาสว่างกว่าตบหน้าตัวเองอีกป่ะ? หึๆ”

“ไอ้นะ~”

โดนมันต่อยไหล่เหมือนอย่างทุกที ก่อนมันจะผุดลุกขึ้นแล้วลากแขนพาผมไปที่รถ ผมเลยได้แต่เดินตามแล้วหัวเราะไปตลอดทาง ไอ้ดื้อเลยหันมาขึงตาใส่ตอนที่เรามาถึงตัวไอ้กล้าพอดี

“สระกับพยัญชนะขึ้นรถคันที่สองเลย เพื่อนมึงสามคนขึ้นไปแล้ว” ไอ้กล้ายื่นกระดาษรายชื่อมาให้ผมเซ็น แล้วตรงนี้มันไม่มีโต๊ะผมก็เลยต้องอาศัยแผ่นหลังของสระเป็นที่รองเขียน ไอ้นี่ก็ไม่หาตงหาโต๊ะมาใช้งานเล้ย สร้างความลำบากจังวะ

ผมเซ็นเสร็จก็ยื่นให้สระเซ็นต่อ “อะ เซ็นตรงนี้”

“ตรงนั้น?” สระมองหน้าผม ก่อนจะลดสายตาไปมองมือผมที่กำลังตบอกตัวเองอยู่

“ช่าย กูขี้เกียจหันหลัง มึงเซ็นชื่นแล้วใช้หน้าอกกูนี่แหละรอง”

สระดูเหมือนจะขี้เกียจเถียงกับผมแล้ว เพราะมันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้ววางกระดาษลงบนตัวผม จากนั้นก็จรดปากกาเซ็นชื่อ โดยมีผมโอบเอวมันเอาไว้หลวมๆ

นิดหนึ่งครับ ถึงจะได้แตะตัวมันอยู่บ่อยๆ แต่อะไรแบบนี้ถ้ามีโอกาสผมก็ต้องคว้าไว้ไม่ให้เสียเปล่าสิ :)

เงยหน้าขึ้นมาเห็นไอ้พีโผล่มายืนอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่แน่ๆ ในมือมันมีโทรศัพท์ และมันกำลังกดถ่ายรูปอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย พอผมสบตากับมัน ไอ้พีก็ยักคิ้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ ขณะที่ไอ้กล้าซึ่งมองเห็นทุกอย่างก็ถึงกับเบิกตาโตขึ้นนิดหน่อย แล้วขยับปากพูดกับผมแบบไม่มีเสียงว่า...

“มึงมันร้ายไอ้นะ!”

ผมแค่ยิ้ม พยายามกลั้นขำเพราะไม่อยากให้สระเซ็นชื่อเบี้ยว จนไอ้พีวิ่งกลับขึ้นรถไปแล้ว ไอ้ดื้อถึงได้เซ็นชื่อเสร็จ

ไอ้เจ็มยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างแล้วตะโกนมาจากบนรถ “กูจองที่ให้แล้ว”

“แต้งเว้ย!” สระตอบ ยื่นกระดาษคืนไอ้กล้าแล้วลากผมก้าวเท้าขึ้นรถ

ที่นั่งของเราเป็นฝั่งขวาแถวที่สี่ สระจองที่ริมหน้าต่างอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ ใครๆ ก็อยากนั่งริมหน้าต่างนี่ครับ แต่ผมยังไงก็ได้ซะมากกว่าก็เลยไม่มีปัญหาแย่งที่นั่งกับไอ้ดื้อมัน ลองถ้าเป็นสระไปนั่งกับไอ้ยูดิ คงได้มีวางมวย ไอ้ยูก็ชอบนั่งริมหน้าต่าง เลยนั่งกับไอ้พีได้เพราะไอ้ห่านี่มันเมารถง่าย ไม่อยากมองวิวให้ตาลาย

“พีมึงแดกยาแก้เมารถยัง?” เสียงไอ้เจ็มดังมาจากด้านหน้าแถวที่สอง

“แดกแล้ว”

“เออ ดี จะได้ไม่อ้วกออกมาอีกตอนเมารถ มึงจำได้ป่ะ เมื่อปีก่อนที่เราตัดสินใจนั่งรถไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันตอนปิดเทอมเล็กอะ เชี่ยพีแม่ง เกือบหาถุงให้ไม่ทัน”

“ไอ้สัด ก็ไม่ต้องขุดเรื่องเก่ามาพูดมั้ย กูอายเน้อ”

“ฮ่าๆๆๆ” พวกเราที่เหลือระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างลืมตัว ลืมไปว่าบนรถไม่ได้มีแค่แก๊งพวกเรา แต่ดูเหมือนคนที่ขึ้นมานั่งก่อนจะไม่ได้ว่าอะไร แถมยังขำไปกับพวกเราอีกต่างหาก

“กูหายง่วงเลยแม่ง พอนึกหน้าไอ้พีตอนนั้นแล้วยิ่งขำ” สระพูดขึ้นแล้วหลุดหัวเราะอีกครั้ง พาเอาพวกเราต้องหัวเราะตามอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน เพราะหน้าไอ้พีตอนนั้นโคตรหมดสภาพ ฮ่าๆ ยกนี้ไอ้พีโดนแกล้งไปเต็มๆ

 

พอเรามาถึงสวนผลไม้ก็มีเวลาให้พักแค่กินข้าวเช้ากับเดินสำรวจไปรอบๆ สวนเท่านั้น เพราะมาแบบเช้าเย็นกลับจึงต้องทำงานแข่งกับเวลาหน่อย

“อย่างแรกที่เราจะทำกันก็คือการปลูกผลใม้ต้นใหม่ เพราะถ้าไปทำตอนบ่ายเดี๋ยวจะร้อนจนไม่มีแรงขุดดินกัน” ไอ้กล้าเริ่มอธิบายสิ่งที่ต้องทำในวันนี้หลังจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบห้าสิบชีวิตกินข้าวเสร็จแล้ว “ให้ช่วยกันปลูกคนละสองต้นเท่านั้นครับ จะได้ทันพักเที่ยง พอบ่ายเราก็จะไปเก็บผลไม้และเดินเที่ยวกันต่อ ประมาณสี่โมงเย็นเราก็จะมหา’ลัยกัน มีใครมีคำถามอะไรไหมเอ่ย?”

ทุกคนพยักหน้ารับว่าเข้าใจ และเมื่อไม่เห็นว่ามีใครยกมือถาม ไอ้กล้าก็ปล่อยให้พวกเราไปทำความรู้จักกับเจ้าของสวนและคนงานของเขา รับต้นกล้าผลไม้กันคนละสองต้นพร้อมฟังวิธีการปลูกต่างๆ เรียบร้อย พวกเราก็ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มล่ะห้าคนและแยกกันตามพี่เลี้ยง (ซึ่งก็คือคนงานของสวนแห่งนี้) ไปยังจุดเพาะปลูก

“ไหนในมือทุกคนคือต้นเงาะจ๊ะ” พี่เลี้ยงของกลุ่มเราเป็นผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี เธอกวาดตามองต้นไม้ในมือพวกเราแล้วว่า “และตรงนี้คือแปลงปลูกเงาะ เอาล่ะ ที่นี้เรามาเริ่มการขุดดินกันได้เลยจ้า จอมอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวป้าจะมาร์กจุดที่ต้องขุดดินลงต้นกล้าไว้ให้ หนุ่มๆ ก็ขุดตามที่ป้าบอกนะลูก”

“คร้าบบ”

ได้รับจอบมาคนละอันก็ลงมือขุดทันที ที่จริงแล้วก็น่าสนุกเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ได้ปลูกต้นไม้นานแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนผมยังอยู่บ้านแม่มักจะซื้อต้นไม้มาปลูกในรั้วบ้านบ่อยๆ ผมก็จะไปช่วยแม่ขุดดินแบบนี้แหละ แต่พอผมเข้ามหา’ลัยก็ไม่ค่อยได้ทำแบบนั้นเท่านั้น

น่าจะต่างจากสระ ไอ้ดื้อเคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านมันชอบปลูกต้นไม้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผักกับไม้ดอกมากกว่า อย่างกะเพรา โหระพา ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด กับพวกกุหลาบ ดาวเรือง ชวนชม และอีกสารพัด ตอนฟังมันเล่าผมล่ะอยากจะไปบ้านมันชะมัด

“กูไปขอถุงมือเขาหน่อยดีกว่า กลัวเจ็บมือว่ะ” ไอ้ยูพูดมาให้ได้ยินแว่วๆ แล้วมันก็เดินลิ่วไปหาป้าเขา ผมหันไปมองสระที่มุ่งมั่นกับการขุดดินอยู่แป๊บหนึ่งก็เดินตามไอ้ยูไปขอถุงมือป้าเขาบ้าง

“หยุดก่อนสระ”

“หือ?”

สระหยุดมือตามที่ผมบอก ผมคว้ามืออีกฝ่ายมาสวมถุงมือผ้าสีขาวนุ่มให้ “เดี๋ยวเจ็บมือ ด้ามจอบเป็นไม้ด้วย เดี๋ยวเสี้ยนตำ”

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนนิ่งให้ผมสวมถุงมือให้จนเสร็จทั้งสองข้าง แต่พอผมจะผละกลับไปขุดหลุมของตัวเองต่อสระกลับยื้อผมเอาไว้แล้วดึงเอาถุงมืออีกคู่ที่ผมเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงไป

“มึงก็ต้องใส่เหมือนกัน” สระดึงมือผมไปสวมถุงมือให้ แต่จู่ๆ มันก็ชะงักแล้วเหลือบไปมองทางซ้าย พอผมมองตามก็เห็นเป็นไอ้เจ็มกำลังจ่อโทรศัพท์มาทางเราอยู่ ได้ยินสระถอนหายใจ “ถ่ายแล้วส่งมาให้กูด้วย”

“กูอัปเป็นไอจีสตอรี่” ไอ้เจ็มบอก

“งั้นมึงขึ้นแคปชั่นไปเลยนะว่า ‘คนอย่างสระก็เทคแคร์พยัญชนะเป็น’ ตามนี้”

เพื่อนอีกสองคนพากันผิวปากแซว ส่วนผม...กลั้นยิ้มจนเหนื่อยแล้วครับ ไม่กลงไม่กลั้นมันแล้ว

“นั่น ไอ้นะปากฉีกแล้วเหี้ยเอ๊ย หน้าบานยิ่งกว่ายานเอนเตอร์ไพรส์ในหนังสตาร์เทร็ก”

“ฮ่าๆๆๆ”

“อะๆ กูถ่ายเป็นรูปให้ด้วย ส่งไปในแชตเฟซแล้ว มึงเอาไปลงเองเลยแล้วกัน”

“แล้วตกลงได้อัปสตอรี่ป่ะวะ?” ไอ้ดื้อหันกลับมาใส่ถุงมือให้ผมต่อจนเสร็จ ปากมันก็ถามไอ้เจ็มไปด้วย

“อัปแล้ว กูว่ากูได้อานิสงค์จากมึงสองคนเลยว่ะ พอเขารู้ว่ากูเป็นเพื่อนกับคู่จิ้นที่กำลังมาแรงของมหา’ลัยตอนนี้ คนก็แห่มากดติดตามกูกันเพียบ กูก็เลยไม่อยากทำให้เขาฟอลกูเสียเปล่า ต้องอัปรูปอัปสตอรี่เกี่ยวกับพวกมึงบ้าง”

“สัด นั่นเขาเรียกสาระแน”

“เขาเรียกเผื่อแผ่โว้ยยย”

ผมยิ้มขำ มองสองมือที่ตอนนี้สวมถุงมือเรียบร้อยแล้วอย่างชอบใจ สิ่งที่สระทำให้ผมเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่ผมกลับรู้สึกดีมากจนเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาเลย...ผมไม่เคยรู้สึกว่าการดูแลอีกฝ่ายมันพิเศษตรงไหน ผมก็แค่อยากทำ อยากเอาใจ อยากดูแลสระให้มีความสุขเพราะผมชอบเขา และการได้รับความเอาใจใส่ตอบกลับมาจากเขา ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็รู้สึกดีจนแทบบ้าเสมอ

และไม่รู้ว่าผมเผลอยืนนิ่งอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่สระเดินมาดีดนิ้วใส่หน้าผม

“เลิกเพ้อได้แล้ว”

ผมกะพริบตา อมยิ้มให้เขา “กูเพ้อเพราะมึงมานานแล้วสระ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวซะหน่อย”

พอโดนผมจู่โจมใส่ไอ้ดื้อของผมก็ถึงกับเงียบกริบ แต่ผมเห็นนะว่าหูมันแดงเรื่อเลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ชอบที่ได้เห็นมันเขินเพราะผมแฮะ โคตรน่ารัก

“กูไปปลูกเงาะต่อดีกว่า” มันทำท่าจะเดินหนีกลับไปที่หลุมดินของมันอีกครั้ง แต่ผมรั้งมันเอาไว้แล้วควักเอาสมาร์ตโฟนของตัวเองออกมา

“อย่าเพิ่งไป มาเซลฟี่กันก่อน”

“ตอนนี้เนี่ยนะ?”

“เออ ตอนนี้แหละ หลังๆ มานี้เราไมได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย”

“รูปมึงกับกูมีเยอะแยะป่ะ”

“นั่นมันรูปแอบถ่าย ไม่เหมือนกันเว้ย”

“อะๆ ตามใจมึงครับคุณพยัญชนะ”

ผมปรับกล้องเป็นกล้องหน้า โอบไหล่ไอ้ดื้อของผมให้เข้ามาแนบชิดกับตัวผมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แนบแก้มเข้ากับข้างขมับของอีกฝ่าย อดใจไม่ไหวหอมหัวมันไปทีตอนกดถ่ายด้วย เลยด้วยสระเขกหน้าผากหนึ่งที

“ให้ถ่ายรูป ไม่ใช่มาหอมหัวกู”

“ก็อยากหอม” ผมเอียงคอมองมันยิ้ม “อยากหอมไปทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”

“สัด!”

“ครั้งหน้ากูซื้อถุงมือมาให้มึงใส่ดีกว่า” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้ “ถุงมือที่เป็นรูปอุ้งมือแมวอะ ต้องเข้ากับมึงมากแน่ๆ เลย ชักอยากจะเห็นแล้วว่ะ”

“สัด!”

สระด่าผมอีกรอบแล้วเดินหนีทันที ดูจะเขินผมมากกว่าเดิมเข้าไปอีก ในหัวมันคงเข้าใจว่าถุงมือที่ผมพูดถึงคืออะไร อ่า จะว่าไปเวลาสระเขินจัดๆ นี่ตัวมันจะแดงไปทั้งตัวเลยหรือเปล่านะ?

...น่าคิดเนอะ : )


_________________

ไม่ให้ได้แอ้มสระง่ายๆ หรอกเจ้าพยัญชนะ ฉันเป็นแม่น้อง ฉันไม่ยอมง่ายๆ แน่! //ยืนเท้าเอวปกป้องลูก 555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2019 13:53:34 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ด่า แปลว่า รัก  :hao3:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ชนะคิดไปไกลเลยนะ 555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ชนะนี่หลงสระจนไม่รู้จะพูดยังไงล่ะ ถ้าจับปั้นเป็นก้อนๆแล้วกลืนลงท้องได้คงทำไปแล้วใช่ไหม

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คุณแม่อย่าให้สระโดนกินง่าย ๆ นะคะ
เจ้าพยัญชนะมันร้ายมากค่ะ


 :o8: :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ชอบความเขินของสระ เขินขนาดไหน ก็ใจสู้
ต้องเอาคืนบ้าง จนกว่าจะพูดไม่ออก บอกได้คำเดียว
เอ็นดูสระ โดนหยอด โดนรุก จนหลุมทะลุไปดาวอังคารแล้วจ้า

พยัญชนะคือทนมาก หยอดได้คือชนะมาก ตลก
แล้วอะไรคืออยากเห็นตอนเขิน ตัวจะแดงไหม ยังไงล่ะ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twelve

(ท.) : ทะเล (ทายา)

 

[สระ]


เกิดการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย แทนที่พวกเรา...ผมหมายถึงพวกผมห้าคนจะนั่งรถกลับมหา’ลัยตามกำหนดการเดิม ไอ้เจ็มกับไอ้พีก็ดันร้องอยากไปเที่ยวทะเล สุดท้ายพวกเราก็เลยตัดสินใจแจ้งไอ้กล้าไปว่าจะไปเที่ยวกันต่อเดี๋ยวกลับเอง ซึ่งไอ้กล้าก็ไม่ได้ว่าอะไร มันถามแค่ว่าจะไปไหน แล้วพอรู้ว่าพวกเราจะไปทะเลที่ระยอง มันก็อวยพรแค่ขอให้เราหาที่พักดีๆ ได้

ก็นะ...คิดจะไปก็ไปเลยนี่นา ไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า ไม่รู้จะเจอบังกะโลดีๆ บ้างหรือเปล่า ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าบ้านพักหรือห้องพักจะไม่เต็ม

เรานั่งรถไปกันเองจากจันทรบุรีจนถึงระยอง ต่อรถไปจนถึงทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด ระหว่างนั่งรถผมก็ใช้เวลาทั้งหมดเหล่านั้นเอาหน้าซุกคอไอ้นะแล้วหลับไปตลอดทาง กว่าเราจะมาถึงและหาที่พักได้ก็เป็นตอนมืดค่ำไปมากแล้ว

“ตกลงเอาบังกะโลหลังนี้เนอะ?” ไอ้ยูถาม

ไอ้เจ็มเสยผม ท่าทางมันดูอ่อนล้า “เออ เอาๆ ไปเหอะ กูอยากพักแล้ว”

ผมเองก็เห็นด้วยกับมันนะ เอาไปเถอะ ราคากำลังดี หารห้าไม่แพงมากไปแถมบ้านพักยังกว้างขวางมากพอที่ผู้ชายตัวโตๆ ห้าชีวิตจะนอนด้วยกันได้

“เอาที่นี่แหละ จะได้ไปหาอะไรกินกัน สระมันหิวแล้ว” ไอ้นะตัดสินใจให้ มันลูบหัวปลอบผมที่เริ่มทำหน้างอแงเพราะทั้งกำลังเหนื่อยและหิว

“โอเคๆ งั้นกูจ่ายเกิน เดี๋ยวค่อยมาเก็บพวกมึงทีหลัง” ไอ้ยูบอกแล้วมันก็ควักกระเป๋าเดินดุ่มๆ ไปหาเจ้าของบังกะโล จ่ายเงินอะไรเรียบร้อยพวกเราก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน

เพราะมากะทันหันเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นอะไรมาเลยสักอย่าง ก่อนมาหาที่พักพวกผมก็เลยแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่คนละชุดกับของจำพวกแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า บลาๆ เราจะพักกันแค่คืนเดียว พรุ่งนี้เย็นๆ ก็กลับแล้ว เสื้อผ้าแค่ชุดเดียวก็เพียงพอ ส่วนตอนกลางคืนก็ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนอน จบ!

ทำไมล่ะ ก็ผู้ชายเหมือนกัน ใส่แค่บ็อกเซอร์นอนด้วยกันมันแปลกตรงไหน?! ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่! ใจอกุศลกันมาก! ให้ตายเถอะ ผมรับไม่ได้!

พอ ผมว่าผมเพ้อมากพอแล้ว ตอนนี้ผมต้องการล้างหน้าล้างตาแล้วรีบออกไปหาอะไรกินมากที่สุดในโลก ผมหิวมากกก และมาทะเลทั้งทีผมต้องได้กินซีฟู๊ด!

แยกย้ายกันไปสำรวจบ้านและสลับกันเข้าห้องน้ำจนเสร็จก็พากันเดินเกาะกลุ่มออกไปหาอะไรกิน ตอนนี้สามทุ่มแล้ว ร้านที่ยังเปิดอยู่ก็มีแต่ร้านอาหารใหญ่ๆ กับร้านเหล้า ร้านริมชายหาดน่ะอย่าหวัง ปิดไปหมดแล้วครับตอนนี้

“อยากกินอะไรกันวะพวกมึง”

“ซีฟู๊ดดิวะ ทะเลทั้งทีเลยนะเว้ย” ไอ้พีบอก ผมรีบพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

ไอ้นะที่เดินอยู่ข้างกันยิ้มขำ แล้วชี้ไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล “ร้านนั้นเป็นไง”

คนที่เหลือมองตาม ร้านนั้นดูเหมือนจะเป็นประเภทตามสั่งและปิ้งย่าง ผมเห็นไกลๆ ว่าบนโต๊ะของลูกค้าบางรายมีเตาปิ้งย่างและนั่น! นั่นกุ้งเผาแน่ๆ สีส้มๆ แบบนั้นผมมั่นใจ!

“เอาร้านนี้แหละ”

ผมบอกโดยไม่คิดจะรอให้เพื่อนที่เหลือออกความเห็น จับแขนไอ้นะลากมันให้เดินไปด้วยกัน และเพราะผมออกนำ ไอ้พวกที่เหลือจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตาม หรืออีกนัยพวกมันก็ไม่ได้อยากเดินไปไหนไกลจากนี้หรอกครับ หมดแรงกันแล้วแหละ วันนี้ทำงานแทบทั้งวันนี่นา ไหนจะตากแดดตากลม กว่าจะออกมาขึ้นรถ นั่งรถจนถึงระยองก็คือเหนื่อยมากแล้วตอนนี้ ต้องการอาหารและการพักผ่อนที่สุด

เราได้โต๊ะเอาท์ดอร์มุมดี ลมทะเลพัดโชยมาพาให้เย็นสบายพอๆ กับเหนียวตัว อาหารที่สั่งเป็นข้าวผัดปู ต้มยำกุ้งน้ำข้น หอยแครงลวกสุก และแน่นอนว่าต้องไม่พลาดการตั้งเตาเผากุ้ง เผาหมึก โอย แค่เห็นกุ้งตัวโตๆ หมึกตัวใหญ่ๆ ผมก็น้ำลายสอแล้ว

รออยู่พักใหญ่เพราะลูกค้าเยอะมาก ในที่สุดเวลาเกือบสี่ทุ่มเราก็ได้กินมื้อเย็นกันเสียที ผมจ้วงข้าวไม่คิดชีวิต ขณะที่ไอ้นะเอาแต่ย่างกุ้งให้ผม มันแทบไม่กินอะไรเลยด้วยซ้ำ จนผมทนไม่ไหวต้องตักข้าวไปจ่อปากมัน

ไอ้นะมองแล้วเลิกคิ้ว ผมเลยพยักหน้าให้ “กิน”

“ป้อนเหรอ?” มันถาม

ผมกรอกตา “ถามไรโง่ๆ ว่ะนะ กูจ่อปากมึงขนาดนี้เรียกไม่ป้อนมั้ง”

คนถูกด่าหัวเราะขบขัน แล้วยอมอ้าปากงับข้าวผัดปูที่ผมป้อนให้ไปกิน พอเห็นมันกินผมก็หันกลับมาตักกินเองบ้าง สลับไปกับป้อนมันบ้าง โดยที่มันก็แกะกุ้งมาใส่จานผมให้ตลอด ผมเลยย่างหมึกไปป้อนใส่ปากมันเป็นการตอบแทน

ไอ้พีที่เริ่มอิ่มหนำสำราญก็ได้เวลาเปิดปากที่หุบไปนานขึ้นแซว “พวกมึงนี่เหมือนแฟนกันเลยว่ะ”

“จริง ป้อนกันไปป้อนกันมา จะมีเพื่อนที่ไหนทำให้กันแบบนี้วะ?” ไอ้ยูได้ทีเอ่ยสนับสนุน

“พวกมึงนี่พออาหารเต็มกระเพาะก็ปากดีกันขึ้นมาทันทีเลยเนอะ ไอ้ที่สงบเสงี่ยมก่อนหน้านี้ก็คือโมโหหิวถูกมั้ย?” ผมว้ากใส่พวกมันเสียงนิ่ง ไอ้พีกับไอ้ยูหัวเราะดี๊ด๊ามีความสุข ขณะที่ไอ้เจ็มเคี้ยวหอยแครงไวๆ กลืนลงคอก่อนจะเสริมทัพอีกแรง

“แต่มันก็จริงอย่างที่พวกแม่งบอกอะ มึงกับไอ้นะทำอย่างกับเป็นแฟนกันจริงๆ นะเว้ย”

“แล้วไง?” ไอ้นะที่ไร้การตอบโต้ก่อนหน้านี้เปิดปากขึ้นย้อนถามบ้างแล้ว เออดี ช่วยกันห้ามพวกแม่งหน่อยดิ ชงกันเก่งงง กูล่ะเอือม

“แล้วไงอะเหรอ? ก็แล้วทำไมพวกมึงไม่เป็นแฟนกันไปให้จบๆ เลยวะ กูเห็นนะว่าเมื่อเช้ามึง...” ไอ้พีชี้ไปที่หน้าไอ้นะ “จุ๊บแก้มปลุกไอ้หระมัน”

“..!” ผมเหวอ อ้าปากหวอ

หะ...เห็นด้วยเหรอวะ!?

“ไหนจะตอนเซ็นชื่ออีก ให้ไอ้หระเซ็นโดยใช้อกมึงต่างโต๊ะ หลอกกอดก็บอกเถอะ มือนี่โอบเอวไอ้หระมันซะขนาดนั้น” ไอ้เจ็มขยี้อีกหนึ่งจุด และทิ้งท้ายด้วยไอ้ยู

“ไม่เชื่อดูรูปได้ พวกกูถ่ายโมเมนต์พวกมึงเก็บไว้เพียบครับเพื่อน”

“ส่งให้แอดมินเพจคู่จิ้นนั่นแล้วด้วย”

คราวนี้ล่ะผมเหวอแดกหนักกว่าเดิม “อะไรนะ!?!”

“ใจเย็นๆๆ” ไอ้นะที่เห็นว่าผมมีโอกาสจะกระโจนเข้าไปต่อยพวกแม่งเรียงตัวก็ถึงกับรั้งผมเอาไว้ให้นั่งอยู่กับที่ “มึงควรชินได้แล้วนะเว้ยสระ”

“กูชินแล้ว แต่จะชินกว่านี้ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องของกูกับมึง ไม่ต้องมีคนนอกมารับรู้อะ!”

กึก

ผมชะงักทันทีหลังจากพูดจบ ไอ้นะเองก็เหมือนกัน ไม่ดิ...ทุกคนเลยต่างหาก แล้ว! แล้วพวกมึงจะอึ้งอะไรกันวะ เรื่องที่กูพูดมันก็เรื่องปกติป่ะ! ระหว่างผมกับไอ้นะมันคือเรื่องของเราสองคนอะ คนอื่นไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าผมกับไอ้นะอยู่ในสถานะหรือสถานการณ์แบบไหนไหมเล่า!

“โว้วๆๆ เพื่อนคร้าบบ กำลังจะบอกว่าพวกมึงสองคนมีซัมติงกันใช่มั้ยพวก” ไอ้ยุชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างผมกับไอ้นะ ส่วนไอ้พีหันไปทำท่าปลาบเปรียบเหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ ไอ้นี่ก็เว่อร์ ปัญญาอ่อนจริงๆ

และไอ้ยู... “เรื่องของคนสองคนสินะ เออ ก็ใช่แหละ”

เฮ้อ อย่างน้อยก็มีมันที่เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อ แม่งงง มีเพื่อนเป็นชิปเปอร์เรากับเพื่อนอีกคนในกลุ่มแล้วรู้สึกโคตรจะบ้า ไอ้พีเลยตัวดี มีโมเมนต์อะไรหน่อยไม่ได้เป็นต้องแอบถ่ายรูปไปอวดชาวโซเชียลว่าตัวเองเห็นก่อนใครเพื่อน ถุย! อยากจะฟาดหน้ามันด้วยช้างดาวเบอร์สี่สิบสองที่บ้าน

“คุยกับพวกมึงแล้วปวดหัวสัด” ผมบ่นแล้วกลับมากินข้าวต่อ ทิ้งให้พวกแม่งมันล้อไป

เหลือบมองคนข้างตัวก็พบว่าไอ้นะกำลังยิ้มจนหน้าจะบานเป็นจานข้าวหมาอยู่แล้ว เหอๆ มีความสุขเหลือเกินเนอะ ทีตอนกูถามว่าจะเอายังไงล่ะไม่พูด ไอ้ฟายยย

กินข้าวเสร็จพวกเราก็ตัดสินใจเดินกลับบังกะโลทันที ด้วยความที่ยังอิ่มจัด การเข้าไปอาบน้ำเลยคงไม่ดีนัก ผมก็เลยทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง ว้าว เตียงนุ่มนะเนี่ย

บังกะโลที่เราพักเป็นแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำครับ ผมกับไอ้นะนอนด้วยกัน ไอ้พีกับไอ้ยู ส่วนไอ้เจ็มมันไม่ชอบนอนเบียด มันเลยเลือกที่จะไม่นอนห้องผมหรือห้องไอ้พี แต่ออกไปนอนที่โซฟาด้านนอกห้องนอนที่มีอยู่สองห้องนี่แทน เออ ชอบความไม่เรื่องเยอะของแม่งว่ะ เพราะแบบนี้เลยคบกันได้ ฮะๆ

ผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาเล็กน้อย มันก็ไม่ได้ง่วงเท่าตอนที่มาถึงแรกๆ นักหรอก แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าอยากอาบน้ำแล้วนอนกลิ้งเล่นจนกว่าจะหลับไปเอง มองหาไอ้นะก็ไม่รู้มันหายไปไหนของมัน สักพักใหญ่มันก็ยังไม่กลับมา เอ๊า หายไปไหนวะ เมื่อกี้ก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยกันนี่หว่า

อ่า แต่เดี๋ยวมันก็กลับมาล่ะมั้ง งั้นผมไปอาบน้ำเลยดีกว่า ตอนที่แวะซื้อเสื้อผ้าแน่นอนว่าเราไม่ลืมที่จะซื้อบ็อกเซอร์มาด้วย อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ต้องมีชั้นในไว้เพื่อใส่กลับหอล่ะน่า

 

ผมออกมาอีกทีตอนเที่ยงคืนกว่าๆ และพบว่ารูมเมทกำลังนั่งเอนหลังเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เห็นดังนั้นผมก็เอ่ยทักมันไปตามที่สงสัยก่อนหน้านี้

“หายไปไหนมาวะ”

ไอ้นะเงยหน้าขึ้นมามองผม แวบหนึ่งผมเห็นนะว่ามันชะงักไปแต่ก็ควบคุมตัวเองจนกลับมาแสดงท่าทีได้อย่างปกติ หึ! อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่ามันชะงักเพราะอะไร...ก็สภาพของผมตอนนี้น่ะเหลือแค่บ็อกเซอร์ติดตัวนี่หว่า : )

“ไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลมา เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ แล้วจะออกมาทำแผลให้” พูดจบมันก็ลงจากเตียงแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำไป...ผมมองตามมันอย่างงุนงง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วก้มมองหัวเข่าของตัวเองที่เวลานี้มีรอยแผลถลอกและฟกช้ำเกิดขึ้นเล็กน้อย

อ่า เมื่อกลางวันผมสะดุดรากไม้แล้วล้มลงเข่ากระแทกพื้นน่ะครับ ดีนะที่ได้แค่แผลถลอกมา แต่ตอนนั้นคนอยู่กันเยอะ ก็น่าอายเหมือนกันนะเนี่ย โอย

ผมนั่งรอไอ้นะอาบน้ำอยู่พักหนึ่ง เริ่มจะง่วงแล้วด้วยมันจะออกมาเมื่อไหร่เนี่ย ถ้าผมชิงหลับไปก่อนมันจะว่าอะไรไหมอะ? คงไม่หรอกเนอะๆ งั้นผมนอนแล้วน้า

คิดจบก็ทิ้งตัวนอนแผ่ทันที หลับตาลงเพื่อพาตัวเองเข้าสู่กระแสธารแห่งความสงบ แต่แล้วเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาก็ทำให้สติของผมกลับเข้าที่ แต่ผมยังไม่ทันได้ลืมตา ที่ขาก็โดนสัมผัสด้วยมือที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี...มือไอ้นะ

“นอนไปแล้วก็ดี จะได้ไม่แหกปากตอนกูทำแผล” ได้ยินเสียงไอ้นะบ่นออกมาเบาๆ แต่เพราะห้องมันเงียบและผมก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย มันก็เลยดังในระดับที่ทำให้ผมได้ยินได้อย่างชัดเจน

แหกปากนี่คือยังไง กูก็ไม่ได้กลัวยาทำแผลขนาดนั้นเปล่าวะ เอ้อ

ผมหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองว่าเพื่อนสนิท(ที่คิดไม่ซื่อระหว่างกัน)กำลังทำอะไรอยู่...พยัญชนะหยิบเอาน้ำเกลือออกมาล้างแผลให้ผมก่อน อ้อ เขาไม่ลืมเอาแอลกอฮอล์เช็ดรอบปากแผลผมด้วย แล้วค่อยๆ บรรจงซับจนแห้งมากพอที่จะทายาแล้วปิดผ้าก็อตให้ แผลมันใหญ่น่ะครับ แค่พลาสเตอร์ยาคงไม่พอ

เวลานี้ผมลืมตาขึ้นมามองมันเต็มตาตั้งแต่ที่มันเริ่มทำแผลให้ผมแล้ว พอมันทำเสร็จก็เหลือบขึ้นมามองผม แล้วก็นั่นล่ะ...เราสบตากันพอดี ไอ้นะถึงกับสะดุ้งโหยง และนั่นทำให้ผมเป็นฝ่ายได้หัวเราะเยาะใส่มันบ้าง

“ตกใจอะไรวะ ฮะๆๆๆ”

“กูนึกว่ามึงหลับแล้ว”

“ก็เกือบอะ แต่พอมึงทำแผลให้กูเลยยังไม่อยากนอน”

“เออ อย่าให้แผลโดนน้ำอีกนะ ถึงแผลจะไม่ใหญ่มากแต่ก็ต้องรักษาดีๆ”

“คร้าบบบ พ่อ” ผมตอบรับเสียงยาวยืด ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดออกไปอีกประโยคว่า “จะทำตามที่พ่อทูนหัวของผมสั่งทุกอย่างเลยครับ”

นิ่ง...

ไอ้นะนิ่งไปแล้วครับ และนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ยักคิ้วข้างเดียวให้มันที่ถูกผมสตันท์ไปด้วยประโยคอันแสนจะเสี่ยว ปกติเคยแต่หยอดผม เป็นไงล่ะโดนผมหยอดกลับถึงกับไปไม่เป็น หึๆ

“มึงนี่มัน...” ไอ้นะเปิดปากพูดออกมาได้สักที แต่ก็แค่นั้น มันชี้หน้าผมแล้วจากนั้นก็ถอนหายใจแต่หน้าตายิ้มแย้ม แล้วมันก็ดาเมจตอกกลับใส่ผมยกใหญ่

“ดีแล้วครับทูนหัวที่ไม่คิดจะดื้อกับผม”

ไอ้เหี้ยยย กูยอมมม

 

เช้าวันต่อมาผมพาตัวเองตื่นขึ้นแบบงัวๆ เงียๆ แต่เพราะว่าอยากจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นผมก็เลยลงทุนตั้งนาฬิกาปลุกทั้งที่เพิ่งจะนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ลืมเขย่าปลุกไอ้คนที่นอนข้างกันให้ตื่นขึ้นมาด้วย

“ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้น”

ไอ้นะมีท่าทีสะลึมสะลือนิดหน่อย ผมปล่อยให้มันตั้งสติอีกราวๆ สองนาทีถ้วน แล้วจากนั้นมันก็พยักหน้าหงึกหงัก ลงจากเตียงไปคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ ส่วนผมน่ะแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ก่อนจะปลุกมันแล้ว

เราสองคนเดินออกจากบังกะโลเอาตื่นเช้ามืด ไม่ได้ไปไหนไกลแค่ยืนอยู่หน้าบ้านพักด้วยกัน จนในที่สุดแสงแรกของวันก็ปรากฎขึ้นที่ขอบของรอยต่อระหว่างทะเลและแผ่นฟ้า มันเป็นแสงสีสมอ่อนทอประกายสวยงาม

“ว้าว สวยว่ะ ไม่ได้มองพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลมานานแค่ไหนแล้วน้า”

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแสงของลูกไฟสีส้มหลายต่อหลายช็อต และแน่นอนว่าต้องถ่ายเซลฟี่ตัวเองด้วย อ้อ รูปคู่กับไอ้นะก็มี หรือแม้แต่รูปเดี่ยวของมันผมก็ถ่ายเอาไว้ด้วย เราสองคนเรียกว่าสลับกันถ่ายรูปไปมานั่นล่ะ จนกระทั่งดวงตะวันทอแสงให้ความสุกสว่างไปทั่วท้องฟ้าผมก็หยุดถ่าย

“จะเอารูปลงไอจีมั้ยสระ”

“ลงดิ”

“งั้นเดี๋ยวกูส่งรูปที่กูถ่ายจากเครื่องกูไปให้มึงในไลน์นะ เผื่อมึงจะเลือกเอาไปอัปลงโซเชียล”

“ดีๆ ขอบใจมาก” ผมตอบรับ กดเลื่อนดูรูปที่เพิ่งถ่ายไปเรื่อยๆ พอไลน์ไอ้นะเด้งมาผมก็กดเข้าไปเซฟรูปรัวๆ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสิบห้านาทีถ้วนในการเลือกรูปสี่รูปอัปลงไปในเวลาติดๆ กัน โดยให้แคปชั่นเหมือนกันหมดทั้งสี่โพสต์

เป็นรูปตะวันทอแสงหนึ่ง รูปผมอีกหนึ่ง รูปไอ้นะอีกหนึ่ง แล้วก็รูปเราทั้งคู่เซลฟี่กับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่เหนือหัวอีกหนึ่ง และแคปชั่นที่ว่า...

More than friend

สำหรับผมน่ะ ไอ้นะเป็นมากกว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว : )

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากเครื่องของเพื่อนสนิท ผมเงยหน้าขึ้นมองมันยิ้มๆ ขณะที่คุณพยัญชนะมองผมด้วยสายตาค้นหา ก่อนจะกดเข้าไปในแจ้งเตือนโพสต์เหล่านั้น แล้วจู่ๆ มันก็ชะงักงันไปในทันที

ให้เดามั้ยครับ?

...มันเห็นแคปชั่นของผมแล้วไงล่ะ หึๆ

เงียบอยู่นานกว่ามันจะพูดออกมาได้

“มากกว่าเหรอ?”

ผมยิ้มกว้าง “อื้อ มากกว่านั้นมาสักพักแล้ว”

“จริง?”

“ไม่โกหกหรอกน่า คิดว่ากูจะโกหกเรื่องแบบนี้ได้ลงคอเหรอ”

“ไม่” พยัญชนะส่ายหน้า “มึงมันน่ารัก จริงจัง ตั้งใจ และเป็นคนเดียวที่กูชอบมากกว่าใครๆ”

คราวนี้เป็นผมบ้างแล้วที่นิ่งงัน เริ่มหน้าร้อนผะผ่าว ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป อ่า ผมชินเวลาที่มันสรรหาคำพูดมาเต๊าะมาจีบผม แต่พอมันพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่เหมือนทุกที แบบว่ามันดู...อ่อนหวานมากกก ผมก็รู้สึกว่าไปไม่เป็นยิ่งกว่าทุกครั้งเหมือนกัน

พอเห็นผมไม่พูดอะไรมันก็พูดต่อ...

“ขอบคุณนะที่อย่างน้อยมึงก็แสดงให้กูได้เห็นว่ามึงรับรู้ถึงความรู้สึกของกูจริงๆ”

“กูรู้แล้ว” ผมบอก และรู้สึกโง่มากที่พูดออกไปอย่างนั้น ไม่รู้ดิ มันแปลกๆ อะ!

ไอ้นะก็เหมือนจะรู้นะว่าผมประหม่า เพราะมันหัวเราะแล้วยื่นมือมาลูบหัวผมเล่นเบาๆ อย่างปลอบโยน ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตกใจจนสะดุ้งเลย

ถึงอย่างนั้นผมก็ปล่อยให้มันกอด และผมเอง...ก็กอดมันกลับเหมือนกัน

ระหว่างเรามีเส้นคั่นบางๆ ที่ยังทำให้ไม่กล้าก้าวข้ามมันไป แต่ผมคิดว่าสักวันหนึ่งเราทั้งคู่คงก้าวผ่านมันไปได้

...ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ



____________
หายไป 20 วันเห็นจะได้ 5555 ติดฟิคค่ะ ช่วงนี้บ้าคลั่งกับการหาฟิค Harry Potter อ่านมาก ไปเจอเรื่องสนุกๆ มาเยอะเลย ก็เลยอ่านเพลินจนไม่เป็นอันทำอะไร //ยิ้มแห้ง

ใกล้จะถึงครึ่งเรื่องแล้วค่ะ เรื่องนี้เราดำเนินเรื่องแบบวันๆ ของผมกับเพื่อนสนิทก็แบบนี้แหละ 55555 ก็เลยจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ เน้นพระนายเขางุ้งงิ้งกันมากกว่า อยากเขียนอะไรใสๆ สบายๆ ค่า แฮ่ เราพูดเรื่องนี้กี่รอบแล้วเนี่ย //ยิ้มแห้งยิ่งกว่าเดิม

ไว้เจอกันตอนหน้ากับตัวอักษร ธ.ธง ฮับผม : )



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด