พิมพ์หน้านี้ - END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Hazel_nut ที่ 19-11-2018 15:10:36

หัวข้อ: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 19-11-2018 15:10:36
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



#สระของพยัญชนะ

by Hazel_nut


ผมชื่อสระ (สะ-หระ) ส่วนมันชื่อพยัญชนะ
ชื่อเราคล้องกัน และเราเป็นเพื่อนกัน
แต่พอคลิปที่เราไปว่ายน้ำเล่นที่สระน้ำของมหา'ลัยถูกเผยแพร่ออกไปในโซเชียล
เราก็กลายเป็นคู่จิ้นกันซะงั้น!



หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Zero - สระ (สะ-หระ) : สระน้ำ (สาด) [09-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 19-11-2018 15:13:46
Zero

สระ (สะ-หระ) : สระน้ำ (สาด)

 

[สระ]


“ร้อนว่ะ”

ผมบ่น มือก็ปาดเหงื่อตามลำคอไปด้วย เพราะหอพักที่ผมอยู่ไม่มีแอร์ อยากได้หอที่ราคาถูกก็ต้องทนร้อนไงครับ แล้วอากาศอันร้อนอบอ้าวในเวลาบ่ายสามก็กำลังจะทำให้ผมละลายกลายเป็นแอ่งน้ำในไม่ช้านี้แล้ว

“พัดลมไม่ช่วยเลยเหรอ”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ คิ้วขมวดอย่างหงุดหงิดกับความเหนียวเหนอะหนะของผิวกาย เหงื่อออกเยอะมากเลยอะ แล้วสีหน้าของผมก็คงจะแสดงออกชัดเจนว่าใกล้จะเป็นบ้าเพราะความร้อนแล้ว เพื่อนสนิทผู้แสนดีที่หนึ่งในโลกถึงได้ลุกออกจากโต๊ะญี่ปุ่น ที่มันกำลังคร่ำเคร่งทำรายงานส่วนสุดท้ายอยู่ตรงหน้าจอโน้ตบุ๊ค

“นี่โลกหรือนรกวะมึง กูกำลังทดลองอยู่ในนรกหรือเปล่าเนี่ยยย” ผมโวยวายโหยหวนไปตามเรื่อง

พยัญชนะ...หรือเรียกสั้นๆ ว่าไอ้นะ มันเป็นเพื่อนสนิทของผม เรารู้จักกันครั้งแรกในวันสอบสัมภาษณ์ของคณะ และตอนนี้เราอยู่ปีสองใกล้จะจบปีสามแล้ว เท่ากับว่าผมกับมันรู้จักกันมานานเกือบสองปีเห็นจะได้

เรื่องตลกก็คือมันชื่อพยัญชนะใช่ไหมครับ? ส่วนผมชื่อสระ (แบบว่า ‘สะ-หระ’ น่ะครับ) เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยที่คนชื่อแปลกอย่างเราสองคนได้มาเจอกัน ทุกวันนี้ยังโดนเพื่อนร่วมคณะล้ออยู่เลยว่าเราเป็นเนื้อคู่กัน ชื่อคล้องจองกันแล้วยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีก

“กูบอกแล้วว่าให้ไปอยู่กับกู หอกูมีแอร์” มันบ่น แต่มือมันก็ช่วยเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมและกรอบหน้าให้ ซึ่งผมก็ยอมนั่งนิ่งแล้วปล่อยให้มันทำไป ปากผมก็เถียงมันไปด้วย

“ก็หอมึงราคาแพงอะ”

“หารกับกูสิ บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

“กูก็บอกหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ว่าหารกับมึงก็ยังแพงกว่าค่าหอที่กูอยู่คนเดียวนี่อยู่ดี”

“แพงกว่าแค่พันกว่าบาท เดี๋ยวกูออกให้ก็ได้ไง” ไอ้นะไม่ยอมแพ้ ยังคงเอาเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง มันพูดตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว จนตอนนี้พอมีโอกาสมันก็พูดอีก ขุดมาพูดเป็นสิบยี่สิบครั้งในรอบหกเดือนได้แล้วมั้งเนี่ย

“ไม่เอาอะ กูเกรงใจมึง”

อีกฝ่ายกอบกุมสองข้างแก้มของผมเอาไว้ บังคับให้จ้องตากับมัน และมันกำลังทำหน้าขึงขังใส่ผม น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยโทนเสียงเข้มขึ้นหนึ่งระดับ เป็นโทนเสียงในแบบที่มันมีไว้เพื่อดุหรือปรามผมโดยเฉพาะนั่นล่ะ

“สระ อย่าดื้อดิ”

“สระไม่ได้ดื้อออ” ผมโอดครวญ เอนหัวลงพิงหน้าผากกับหน้าอกของไอ้นะ โขกหัวใส่ไปเบาๆ เริ่มใช้การออดอ้อนมาทำให้มันเลิกดุผม “เงินตั้งเป็นพันมันไม่ใช่น้อยๆ อะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่ละเดือนแทบไม่พอใช้”

“กูถึงได้บอกว่าจะออกให้ไง”

“เรื่องนั้นกูก็บอกแล้วไงว่าเกรงใจ ถึงเงินไม่กี่พันสำหรับมึงมันจะน้อยนิด แต่สำหรับกูมันเยอะมากนะเว้ย”

“กูไม่ได้ดูถูกมึงนะสระ”

“ก็รู้” ผมผ่อนลมหายใจยาว กะพริบตาปริบๆ ใส่อีกฝ่ายแล้วยิ้มแบบที่ไอ้นะชอบบอกว่ามันคือ ‘ยิ้มหน้าซื่อตาใส’ ให้มันไปด้วย “ตกลงเรากำลังคุยเรื่องไหนอยู่กันแน่เนี่ย”

ได้ยินแบบนั้นไอ้นะก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ขยี้หัวผมพลางว่า “ยังไงกูก็อยากให้มึงย้ายไปอยู่กับกูอยู่ดี จะได้ไม่ร้อนไง...เอางี้ กูให้เวลามึงคิด แล้วเย็นๆ ค่อยให้คำตอบกูว่าตกลงจะย้ายไม่ย้าย”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ!” ผมแย้ง แต่มันไม่ฟังครับ

“ส่วนตอนนี้มึงไปเตรียมตัวไป กูจะพาไปว่ายน้ำเล่น”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาโตทันที ผลักเรื่องที่เถียงกันก่อนหน้านี้ทิ้งออกไปจากสมอง “สระว่ายน้ำในมอปะ!?”

“จะมีที่ไหนได้อีกล่ะครับคุณสระ”

รออะไรล่ะครับ คนชอบเล่นน้ำอย่างผมก็วิ่งไปเปลี่ยนชุดทันทีเลยสิ อากาศร้อนก็ต้องไปว่ายน้ำเล่นอะถูกต้องที่สุดแล้ว วู้ว!



เกือบสี่โมงเย็นแต่แสงแดดยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกดีเกินกว่าจะหงุดหงิดใจได้อีก เพราะตอนนี้ผมกำลังเหยียบยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำของมหา’ลัย

วันนี้คนมาเล่นน้ำน้อยมาก แถมยังเป็นวันที่ไม่มีสอนว่ายน้ำอีกด้วย คนก็เลยไม่เยอะเหมือนปกติมากนัก ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดไปเลย ผมจะได้ครองสระน้ำไว้คนเดียว เย้!

เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำแล้ววอร์มร่างกายเล็กน้อยจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกต่อไป กระโดดลงสระทันทีไม่คิดจะรีรอ ดำผุดดำว่ายอยู่แป๊บหนึ่ง โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำอีกทีก็เห็นไอ้นะกระโดดตามลงมาพอดี

ผมตีขาลอยตัวนิ่งๆ รอมัน อีกฝ่ายว่ายมาทางผม พอมันโผล่หัวขึ้นมาผมก็หัวเราะให้กับเส้นผมที่เปียกลู่แนบใบหน้าหล่อๆ ของมันจนดูไม่ได้ อดใจไม่ไหวต้องขยับเข้าไปจัดทรงให้มันดูดีขึ้น

“หายร้อนยัง?” ไอ้นะถาม

“เย็นสบายยย” ผมยิ้มกว้าง ไอ้นะเลยหัวเราะ

“แต่มึงคงนอนแช่ในสระทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หรอกนะ”

“ทำแบบนั้นจริงตัวกูคงเปื่อยเป็นทิชชูเปียกน้ำ”

แล้วเราสองคนก็หัวเราะด้วยกันเสียงดังชนิดที่ผมลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่เรา แต่แล้วยังไงล่ะ ก็ผมมีความสุขนี่หว่า ได้มาว่ายน้ำเล่นอย่างที่ชอบ คลายร้อนจนเหงื่อท่วมก่อนหน้านี้ได้ดีที่สุด แถมยังมีเพื่อนสนิทที่รู้ใจเรายิ่งกว่าใครมาเล่นน้ำเป็นเพื่อนด้วยอีกต่างหาก มีอะไรดีกว่านี้อีกเหรอ

เราเล่นน้ำกันพักใหญ่ แล้วก็มีเสียงเรียกจากริมสระที่ทำให้เราต้องหันไปมอง อีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษาของมหา’ลัย ในมือถือกล้องวิดิโอเอาไว้ เห็นดังนั้นผมกับไอ้นะที่ลอยคออยู่กลางสระก็เลยว่ายเข้าไปหาอีกฝ่าย

“คือว่าผมจะขออนุญาตถ่ายวิดีโอน่ะครับ จะเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของคลิปโปรโมตมหา’ลัย ซึ่งอาจจะถ่ายติดทั้งสองคนเข้าไปด้วย คนอื่นๆ ผมไปถามมาแล้วและทุกคนไม่ว่าอะไร ผมก็เลยมาถามทั้งสองคนด้วยว่าสะดวกไหมน่ะครับ?”

ผมหันไปมองไอ้นะ พอเพื่อนสนิทพยักหน้าให้ผมก็เลยตอบอีกฝ่ายไป “ครับ ตามสบายเลย”

“ขอบคุณมากครับ”

คล้อยหลังตากล้องของมหา’ลัยคนนั้นไป ผมกับไอ้นะก็กลับมาเล่นน้ำกันอีกครั้ง หลังจากผมว่ายวนไปมาได้สองรอบ จู่ๆ ไอ้นะก็ถามขึ้นเป็นเชิงท้าท้าย

“แข่งกันเปล่า”

ผมเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “แน่ใจเหรอครับคุณพยัญชนะ ผมน่ะเด็กต่างจังหวัด เล่นน้ำคลองประจำนะครับคุณ”

“กูรู้ว่ามึงอะนักว่ายน้ำประจำหมู่บ้าน มึงอวดเรื่องนี้กับกูหลายรอบแล้ว” ไอ้นะยิ้มขำ ผมขึงตาใส่มันที่มันกล้าล้อเลียนผม “แต่ครั้งนี้มีเดิมพันนะเว้ย”

“เดิมพันไรวะ?”

“แข่งกันว่ายน้ำจากตรงนี้...” มันชี้ไปที่ต้นสระ ซึ่งห่างจากพวกเราไม่ไกลนัก ก่อนจะชี้ไปที่ปลายสระ “ถึงตรงนั้น ถ้ากูชนะมึงต้องยอมย้ายไปอยู่กับกู”

“โอ้โห กล้ามากที่ท้าทายแชมป์ประจำหมู่บ้านอย่างกู มาครับ จัดไป มึงแพ้แน่”

เราสองคนว่ายย้อนกลับไปที่ขอบสระฝั่งหนึ่ง ปีนกลับขึ้นไปเพื่อตั้งท่าเตรียมแข่ง เดิมพันครั้งนี้สูงมากครับและผมจะแพ้ไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่อยากไปรบกวนมัน ถึงเราจะสนิทกันมากเหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็เถอะ แต่ผมก็ยังเกรงใจอยู่ดีถ้าต้องให้มันช่วยออกค่าหอซึ่งเป็นส่วนต่างที่ผมไม่มีกำลังจะจ่ายเอง นี่ยังไม่นับรวมค่าน้ำค่าไฟอะไรอีก

ไอ้นะเป็นคนให้สัญญาณ “เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง...สาม!”

ตูม!!

เราโดดลงน้ำพร้อมกันหลังสิ้นเสียงคำว่าสาม ผมว่ายเอาๆ จนกระทั่งมือแตะเข้าที่ขอบสระอีกฟากฝั่ง แต่พอโงหัวขึ้นมาจากน้ำได้ ผมกลับเจอไอ้นะกอดอกลอยตัวพิงแผ่นหลังกับขอบสระอยู่ ท่าทางของมันเหมือนคนที่ว่ายมาถึงก่อนหน้าผมนานแล้ว

“เฮ้ยยย เป็นไปไม่ได้! มึงมาถึงก่อนกูได้ไงวะ!?”

ไอ้นะยักคิ้ว “คนเราก็ต้องมีการพัฒนาครับเพื่อน”

“ตกลงมึงชนะกูจริงดิ” ผมทำหน้าไม่อยากจะเชื่อใส่มัน เลยโดนมันบีบจมูกเบาๆ ไปหนึ่งที

“อ่าฮะ กูมาถึงก่อนมึงแป๊บเดียวเอง” ได้ไงวะ ปกติเราแข่งกันทีไรมันก็แพ้ผมตลอดอะ...หรือจริงๆ ที่ผ่านมามันออมมือให้ผม? “สรุปว่ามึงย้ายไปอยู่กับกูเนอะ”

ผมกัดปาก แต่ไอ้นะก็ยื่นมือมาเกลี่ยริมฝีปากผม “อย่ากัดดิ เดี๋ยวเป็นแผล”

“มึงแม่ง ขี้โกงอะ” ผมอดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่มัน แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้โกงหรอก แต่ก็นั่นแหละ แชมป์หมู่บ้านอย่างผมทำไมแพ้ไอ้คนเมืองกรุงอย่างมันได้วะ!

“กูไม่ได้โกง” มันปฏิเสธ แถมยังมีหน้ามาหัวเราะขำผมอีกที่ผมทำหน้างอใส่ “น่า ไปอยู่กับกูออกจะแสนสบายนะเว้ย มีแอร์เย็นๆ แล้วยังมีบริการทำอาหารให้กินด้วย”

ผมชะงัก “มึงจะทำอาหารให้กูกิน?”

“แน่นอนสิครับเพื่อน คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมน่ะเชฟประจำหมู่บ้าน”

“ไม่ต้องมาล้อเลียนกูเลย” ผมว่ามันพลางวักน้ำสาดใส่หน้าหล่อๆ ของมันไปด้วย

ไอ้นะหลับตาปี๋เอียงหน้าหลบ แต่ไม่พ้นไง อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไงน้ำก็เข้าหน้ามันอยู่ดี สุดท้ายมันก็เลยหันมาสาดน้ำใส่ผมบ้างเป็นการเอาคืน...เราผลัดกันสาดน้ำใส่อีกฝ่าย ว่ายน้ำหนี ว่ายตามไปล็อกคออีกคน และส่งเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างไม่คิดจะเกรงใจใคร เชื่อว่าตอนนี้น่าจะมีคนก่นด่าเราในใจหรือกระซิบด่าอยู่แน่ๆ

กลับขึ้นจากสระน้ำอีกทีก็เป็นตอนเกือบๆ หกโมงเย็น หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเราสองคนก็สะพายเป้ออกไปหาอะไรกินแถวหน้ามอทันที เล่นน้ำนานๆ ก็เสียพลังงานจนหิวไม่น้อยเลยแฮะ

“ตกลงมึงย้ายไปอยู่กับกูนะ?” เพื่อนรักเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

ผมกลอกตา “ไอ้นี่ก็ถามจริงเว้ย เออๆ ไปก็ไป กูพูดคำไหนคำนั้น เดิมพันไว้แล้วและกูแพ้นี่หว่า”

“เยี่ยม!” ไอ้นะยิ้มกว้าง ชูกำปั้นขึ้นแสดงความดีใจ ผมล่ะหมั่นไส้

“เว่อร์ไปแล้วมึงอะ”

มันหัวเราะกับคำด่าของผม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ข้าวที่พวกเราสั่งไปมาเสิร์ฟให้พอดี ผมจัดการคว้าช้อนส้อมออกมา วางลงบนจานไอ้นะคู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบให้ตัวเองอีกคู่หนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายทำหน้าที่รินน้ำใส่แก้วน้ำแข็งให้

เรากินกันไปคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แต่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของทั้งผมกับไอ้นะก็ดังขึ้นพร้อมกัน และแน่นอนว่ามีแค่แอปพลิเคชั่นเดียวเท่านั้นที่ทั้งของผมและของมันจะดังขึ้นพร้อมกันได้ นั่นก็คือไลน์กรุ๊ป

ผมพยักพเยิดหน้าให้ไอ้นะเป็นคนเปิด อีกฝ่ายเปิดดูแล้วก็นิ่งไปซะงั้น

“อะไรวะ?” เอ่ยถาม แต่ไอ้นะไม่ยอมตอบ มันจ้องเขม็งที่หน้าจออยู่นานจนผมทนไม่ไหว หยิบเครื่องของตัวเองออกมาเปิดดูบ้าง แล้วก็ต้องอึ้งไปไม่ต่างกัน

มันเป็นเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัย (ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะว่าจะมีเพจอะไรแบบนี้ด้วย ปกติเคยเห็นแต่คิ้วท์บอย เซ็กซี่บอย เหอๆ) แอดมินจะหยิบเอาคู่จิ้นของคนในมอมาลงเพจ ไม่ว่าจะเป็นคู่ชายชาย หญิงหญิง หรือชายหญิง

แต่ผมก็ไม่คิดไงว่าตัวเองจะมีวันได้ลงเพจนี้ ปกติเคยแต่โดนโพสต์รูปลงเพจแฮนด์ซัมบอย เป็นเพจรวมหนุ่มหล่อของมอเรา...และใช่ครับ ผมหล่อไง เลยได้ลงเพจด้วย :)

แล้วดูเนื้อหาโพสต์ของแอดมินดิ...



ไม่รู้แอดไปหลบอยู่มุมไหนของโลกใบนี้มา ทำไมถึงได้ไม่เคยเห็นเคมีของคู่นี้มาก่อนเลยคะ อร๊ายยย เด็กวิศวะที่ได้ลงเพจเพื่อนบ้านของเราอยู่บ่อยๆ เพิ่งได้รู้วันนี้เองว่าเขามีโมเมนต์มุ้งมิ้งชวนจิ้นกันได้ขนาดนี้ นังแอดมินเพจแฮนด์ซั่มบอยก็ไม่เค๊ย ไม่เคยจะบอกกันว่าเขานุ้งนิ้งกันได้มากมายถึงเพียงนี้อะ ฮึ่ย!

ว่าแต่เพื่อนกันจริงปะจ๊ะเธอ ทำไมมันดูเรียลเหมือนเป็นแฟนกันเลยอะ แล้วดู๊ดูสิ ชื่อก็ยังคล้องจองกันอีก นี่มันคู่สร้างคู่สมชัดๆ เลยค่ะคุณขา! ต่อไปนี้แอดจะตามแชร์โมเมนต์ของคู่นี้ เอาให้โลกรู้ไปเลยว่าเขาเหมาะสมกันมาก!

สระ – สรัลภัทร

ชนะ – พยัญชนะ

#ปีสองวิศวะ #สระของพยัญชนะ



ด้านล่างแนบคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย เป็นคลิปที่ผมกับไอ้นะเล่นน้ำด้วยกันอยู่ในสระเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นล่ะ ดูเหมือนว่านักศึกษาคนนั้น (ที่ผมก็เดาไม่ออกว่าเขาเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง หรือว่ารุ่นเดียวกันกับผม) เป็นคนถ่ายเอาไว้ เพราะตัวคลิปที่แอดมินเพจนี้เอามาลงเป็นตัวตัดมาจากคลิปหลัก สังเกตได้จากมุมขวาของคลิปที่มีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยอยู่ด้วย

ว่าแต่ทำไมเขาตัดต่อคลิปเสร็จไวจังวะ เพิ่งสองชั่วโมงเองมั้งที่เขามาขออนุญาตถ่ายคลิปอะ หรือคลิปมันไม่ยาวมาก แนะนำแค่สระว่ายน้ำ ก็เลยใช้เวลาทำแค่แป๊บเดียว...ว่าแต่ผมจะสงสัยทำไมล่ะเนี่ย ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าคลิปมันถูกโพสต์ลงโซเชียลแล้ว และแอดมินเพจคู่จิ้นก็ไปเอามาตัดเฉพาะช่วงที่ผมกับไอ้นะเล่นน้ำกัน

แถมในคลิปนั้นยังเป็นช่วงที่เราแข่งว่ายน้ำกันเสร็จแล้ว และผมกำลังถกเถียงกับเพื่อนสนิทอยู่ แม้แต่ตอนที่ผมกัดปากแล้วไอ้นะลูบปากบอกไม่ให้กัดเขาก็ยังเอามาลง! ไหนจะคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้อีก มีแต่คนเข้ามาหวีดใส่ มากรี๊ดกร๊าดกันระนาว

อะ...นั่นมันรุ่นน้องในคณะนี่หว่า เฮ้ย! มีรุ่นพี่ด้วย เอ๊า ไอ้ฉิบหาย ไอ้พวกเพื่อนเวรตะไลก็ไปคอมเมนต์ และผมจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะมันไปคอมเมนต์ว่า...



สรพงษ์ที่ไม่ใช่ชาตรี โมเมนต์ชวนจิ้นของพวกมันมีเยอะกว่านี้อีกครับ ลองมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับมันสองคนดูสิ แหมมมม ตัวติดกันแทบตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยกัน ปากเปื้อนก็เช็ดปากให้ เหงื่อออกก็ซับหน้าให้ อย่างกับผัวเมีย



ไอ้เหี้ยพี! ไอ้เลววววว เจอหน้ามึงเมื่อไหร่กูจะกระทืบมึง ไอ้ฟักข้าว!

“สาบานเลยว่ากูจะตื้บมัน ไอ้สารชั่วพี”

คนที่ตกเป็นประเด็นคู่จิ้นกับผมส่งเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เงียบไปนานหลังเห็นคลิป ที่มันเงียบก็คงเพราะไล่อ่านคอมเมนต์เหมือนผมน่ะแหละ

“คิดมากเหรอวะ ก็แค่กระแสคู่จิ้นเอง หรือมึงไม่ชอบ?”

“ไม่ใช่ไม่ชอบ กูแค่ไม่อยากเป็นประเด็นอะ แค่ลงเพจหนุ่มหล่อก็เจอคนมองเยอะแยะแล้ว นี่ยังไปลงเพจคู่จิ้นอีก คนได้มองกูมากกว่าเดิม มึงก็รู้ว่ากูไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้” ผมบ่นอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่หรอก อย่างที่บอกว่าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาเฉยๆ มันแอบอึดอัดนะเวลาคนมองเราเยอะๆ น่ะ

“อืม กูเข้าใจ แต่ผิดคาดนะเนี่ย นึกว่ามึงจะกังวลเรื่องจีบสาวไม่ได้เพราะถูกเข้าใจว่าเป็นแฟนกูซะอีก”

ผมส่ายหน้าหวือ “หึ ไม่อะ กูไม่แคร์หรอก เป็นคู่จิ้นกับมึงดีจะตาย ดีกว่าไปเป็นคู่จิ้นกับไอ้เหี้ยพีอะ”

“เหรอ” ไอ้นะยิ้มขำ ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าน้ำเสียงมันดูดี๊ด๊าแปลกๆ

“อีกอย่างกูไม่สนใจจะจีบสาวที่ไหนด้วย แค่เลี้ยงตัวเองยังลำบาก ถ้ามีแฟนก็ต้องเจียดเงินพาแฟนไปกินข้าว โห ไม่เอาอะ เงินไม่มีมากมายขนาดนั้น เกิดไปเจอสาวสวยที่ชอบช็อปปิ้งกูได้แห้งตายกันพอดี”

เท่านั้นแหละไอ้นะก็หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิม แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้ดังมาก ไม่งั้นคนทั้งร้านได้หันมามองเราแน่ ดีที่มีความเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง แม้ตอนที่เราอยู่ที่สระว่ายน้ำจะทำตัวไม่เกรงใจใครก็เถอะ แหะๆ

“งั้นก็ดีแล้วที่มึงถูกจับจิ้นกับกู” ไอ้นะว่ายิ้มๆ

ผมเลิกคิ้ว “อะไรดี?”

“อ้าว ก็กูออกจะเหมาะกับมึงไง มีเงินเปย์มึงด้วย ทำอาหารให้กินก็ได้ด้วย ดูแลมึงดีมากๆ ด้วย” ผมเบะปากเมื่อได้ฟังอย่างนั้น ไอ้นะเลยเลิกคิ้วถามกลับมาบ้าง “หรือมึงจะเถียงว่ากูดูแลมึงไม่ดี”

“ไม่เถียงเรื่องนั้น แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเป็นคู่จิ้นกันนี่หว่า มึงพูดเหมือนเราเป็นแฟนกันมากกว่าเหอะ”

“คู่จิ้นก็เหมือนแฟนกันแหละน่า ว่าแต่มึงสนใจมาเป็นแฟนกูเลยมั้ยล่ะ?" ผมชะงักมือที่กำลังจะวางโทรศัพท์ลง ไอ้นะยังมีการพูดต่ออีกด้วย "จะได้ใช้คำว่าแฟนแทนคำว่าคู่จิ้น ดูดีกว่าเยอะ แถมไม่ยาวมากด้วย”

ผมนิ่ง จ้องหน้าเพื่อนสนิทอยู่หลายวินาที ก่อนสุดท้ายจะแยกเขี้ยวใส่มัน “เลิกเล่นได้แล้ว กินข้าว”

“ฮะๆ” มันหัวเราะอีกครั้ง แล้วยอมตักข้าวใส่ปากตามคำสั่งของผม

ผมเหลือบมองหน้ามันก่อนจะคิดในใจ...

คู่จิ้นกับแฟน ยังไงๆ มันก็ไม่เหมือนกันปะวะ?


___________________________

ตอนแข่งว่ายน้ำพยัญชนะได้โกงไหมอะ? ทำไมแชมป์ประจำหมู่บ้านอย่างสระถึงแพ้ได้ล่ะเนี่ย :)
#สระของพยัญชนะ


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ [09-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-11-2018 18:13:27
เรื่องนี้ มันต้องตาม  :katai5:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ [09-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-11-2018 20:17:16
 ปูเสื่อรอตอนต่อไปเลยจ้า
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-11-2018 22:57:49
One

(ก.) : กุหลาบ (กัด)

 

[พยัญชนะ]


ผมยกของกล่องสุดท้ายขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ตัวเองอยู่ หอพักของผมราคาราวๆ หกพันกว่าบาท (แน่นอนว่ามันมีแอร์ด้วย) เป็นราคาที่รวมค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเตอร์เน็ตเอาไว้แล้วคร่าวๆ แต่มันก็ยังแพงกว่าหอพักของสระอยู่ดี

ผมไม่ใช่คนรวยอะไรนักหรอก แต่ก็ไม่เคยขัดสน ต่างจากสระ...เพราะที่บ้านค่อนข้างลำบาก สระเลยยอมทนอยู่ในหอราคาแค่สามพันกว่าบาทมาเป็นปี

ผมอยากให้เขาย้ายมาอยู่กับผมนานแล้ว เพราะเวลาไปทำรายงานที่หอพักของเขาทีไร ก็เห็นเขาบ่นว่าร้อนตลอด แถมสระยังเป็นคนเหงื่อออกง่าย ร้อนนิดร้อนหน่อยก็เหงื่อแตกพลั่กเหมือนไปอาบน้ำมา ผมเห็นแล้วก็สงสาร พยายามทู่ซี้ให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันอยู่ครึ่งปี และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จสักที แม้จะเป็นการมัดมือชกและใช้เล่ห์กลอยู่นิดหน่อยก็ตาม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมเลยมัดมือชกขอยืมแรงเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนมาช่วยกันขนสัมภาระของสระย้ายมาไว้ที่หอผม แน่นอนว่ายืมรถเพื่อนด้วย ผมไม่มีรถส่วนตัว แม้ว่าแม่จะให้เอารถของแม่มาใช้ได้ก็ตาม แต่ผมก็เลือกที่จะไม่เอาเพราะแม่จำเป็นต้องใช้มากกว่าผม ถ้าเอามาแล้วแม่จะใช้อะไรล่ะครับ

ลิฟต์เปิดออก พอดีกับที่สระเดินมาถึง อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “หมดยังอะ”

“หมดแล้ว นี่กล่องสุดท้าย”

“มา กูถือเอง” สระยื่นมือมาจะรับกล่องใบใหญ่ในมือผมไปถือ แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ

“ไม่ต้องหรอกน่า อีกนิดเดียวก็ถึงห้องแล้ว เดี๋ยวกูถือเอง”

“กูเกรงใจนะเว้ย มึงขึ้นลงไปขนของให้กูตั้งหลายรอบ กูแทบไม่ได้ลงไปเองเลยเนี่ย” สระบ่นหน้ายุ่งใส่ผม เท้าเอวมองหน้าผมอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่สีหน้าของเขามันออกไปทางตัดพ้อมากกว่าจะโกรธกัน

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า “คิดมากน่า กูเต็มใจช่วย อีกอย่างมึงต้องคอยกำกับให้พวกไอ้พีมันวางของให้ถูกที่ด้วย ไม่ต้องลงไปก็ถูกแล้วปะวะ”

“มึงนี่นะ” สระไม่ได้เถียงอะไรอีกเพราะน่าจะคิดคำมาเถียงผมไม่ออกมากกว่า แต่ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่ายังรู้สึกไม่ดี คนขี้เกรงใจนี่มันขี้เกรงใจจริงๆ เลยว่ะ หึๆ น่ารักชะมัด

ผมเอาไหล่ตัวเองกระแซะไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย “น่า ไม่งอแงดิครับ”

“ไม่ได้งอแง”

“เหรอ หน้าหงิกแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่น่ารักหรอก”

สระกลอกตาใส่ “ก็มีแต่มึงอะที่มองว่ากูน่ารัก”

“ใครบอก ตอนนี้คนแทบทั้งมหา’ลัยเขาก็มองว่ามึงน่ารักกันหมดแล้วนะ” ผมหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเพจคู่จิ้นที่ลงคลิปของพวกเราไปเมื่อวันก่อน “ตอนนี้ไม่ได้มีแต่กูที่มองว่ามึงน่ารักแล้วอะ แย่จังเลย”

“แย่?” คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจแทนแล้วตอนนี้

“ช่ายยย” ผมพยักหน้ารับ “กูอยากให้มีแค่กูที่ได้เห็นความน่ารักของมึง”

“...ไอ้ประสาท” สระด่าก่อนจะเดินนำลิ่วๆ ไปเปิดประตูห้อง แต่ผมเห็นนะว่าเขาหูแดงขึ้นมาด้วย

อย่าน่ารักให้มากนักดิวะ

“เอาโน้ตบุ๊ควางตรงนี้ได้มั้ยวะไอ้หระ!” ได้ยินเสียงไอ้พีตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ

เดี๋ยวนะ...ห้องน้ำ? โน้ตบุ๊ค?

“ไอ้เหี้ยพี! โน้ตบุ๊คพ่อมึงไว้ในห้องน้ำเหรอไอ้สัส!”

“ฮ่าๆๆๆ มึงก็ไปกวนตีนมันไอ้สรพงษ์” ไอ้เจ็มเพื่อนอีกคนหัวเราะดังลั่นห้อง

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ก็อดจะยิ้มขำไม่ได้เหมือนกัน ไอ้พีมันชอบแหย่สระ แล้วสระก็ชอบไปต่อยตีกับมันทั้งที่รู้ว่ามันจงใจกวนประสาท

หลังจากเคลียร์ของหมดเรียบร้อยไอ้พี ไอ้เจ็ม แล้วก็ไอ้ยู (ทั้งหมดคือเพื่อนที่มาช่วยในวันนี้น่ะครับ) ก็พากันนอนแผ่หลาบนพื้นห้อง สระเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างไอ้พีแล้วใช้นิ้วจิ้มแขนมัน

“แดกไรมะ เดี๋ยวกูไปซื้อให้ ตอบแทนที่มาช่วย”

“เอา!!!” ทั้งสามคนประสานเสียงกันทันที

ผมหยิบคีย์การ์ดห้องมาถือ “งั้นเดี๋ยวกูกับสระลงไปซื้อให้ อยากกินไรว่ามา”

“อะไรก็ได้ แต่ขอขนมกับน้ำอัดลมเย็นๆ ด้วย” ไอ้เจ็มตอบ

ไอ้ยูที่มักจะพูดน้อยก็ตอบแค่สั้นๆ “ขอกาแฟ”

“ไอ้พี มึงล่ะจะเอาอะไร” สระยืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วใช้เท้าเขี่ยขามันแทน ตลกว่ะ เดี๋ยวจิ้มเดี๋ยวเขี่ย ฮะๆ

“เอาไรก็ได้”

“ตีนกูปะ ให้แดกฟรี”

ก่อนที่พวกมันจะเถียงกันไปมากกว่านี้ ผมก็ก้าวเข้าไปคว้าแขนสระแล้วลากให้เดินตามมาอย่างไว รอสองคนนี้ทะเลาะกัน กว่าจะได้ลงไปซื้ออะไรมาให้กินก็คงจะเสียเวลาไปอีกนานเลย

“สระไม่ทะเลาะกับเพื่อนครับ มาเถอะ ไปหาขนมกินกัน”

“สระไม่ได้อยากทะเลาะเปล่าวะนะ ไอ้พีมันหาเรื่องก่อน” คนน่ารักทำเสียงงอแงใส่ผมอีกแล้ว น่ามันเขี้ยวจริงๆ เลย อยากหยิกปากที่ยื่นออกมานั่นสักที

“ครับๆ ไว้ค่อยกลับมาตีกับมันนะ ตอนนี้ไปร้านสะดวกซื้อกันก่อนเนอะ”

ร้านสะดวกซื้อที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่ พอมาถึงผมก็หยิบเอาตะกร้ามาถือแล้วปล่อยให้สระเป็นฝ่ายเลือกของกินที่อยากซื้อ โดยไม่ลืมหยิบเอาน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเจี๊ยบให้ไอ้เจ็ม แต่มาคิดดูอีกทีผมว่าผมซื้อเป็นขวดไปเลยน่าจะดีกว่า สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนเป็นแบบขวดใหญ่ไป แล้วก็พวกน้ำผลไม้กับชาเขียว ขนมอีกสี่ห้าห่อ ขนมปังอีกสองสามชิ้น ไม่ลืมกดกาแฟให้ไอ้ยูมันด้วย แล้วเราก็ไปจ่ายเงินเมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว

“รับขนมปังเพิ่มไหมคะ ได้แต้มเพิ่มนะ” พนักงานหน้าคุ้นเคยยิ้มให้ผม

ผมหันไปหาสระทันที “เอามั้ย?”

“เอามาก็ได้”

นั่นคือข้อสรุป...สระเตรียมจะหยิบเงินออกมาจ่ายแต่ผมรั้งข้อมือเขาเอาไว้ แล้วหยิบแบงก์ห้าร้อยของตัวเองออกมาจ่ายแทน รวดเร็วว่องไวชนิดที่คนน่ารักข้างตัวตามไม่ทัน...สระอ้าปากหวอ มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เรียกว่า ‘ตัดพ้อ’ อีกแล้ว

“เฮ้ย เดี๋ยวกูจ่ายเอง วันนี้กูเป็นคนขอให้พวกมันมาช่วยนะเว้ย”

“ไม่ต้องหรอก กูจ่ายน่ะดีแล้ว” ผมส่ายหน้าทันที ดันมือที่ยื่นแบงก์ห้าร้อยเหมือนกันลงไป

“ไม่เอาดิ ของที่ขนมาวันนี้ก็ของของกูอะ มึงจะจ่ายได้ไง”

“เถอะน่า แค่นี้เอง กูจ่ายได้” ผมยักคิ้วให้สระ “กูเปย์ให้มึงจนเงินหมดบัญชียังได้เลย”

สระอึ้งจนตาค้าง ผมก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหยิบเงินในมืออีกฝ่ายยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่มันใส่อยู่ทันที ส่วนพนักงานสาวที่มองเราอยู่ตลอดก็ทอนเงินให้ผมแล้วอมยิ้ม เหลือบมองผมกับสระสลับไปมา ดูท่าทางเธอจะอยากหัวเราะให้กับความเหวอของสระ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะมารยาทที่ดีของพนักงาน

ไม่แปลกล่ะนะ ก็สระของผมน่ารักน่าเอ็นดูมากออกขนาดนี้ เห็นไหมล่ะครับ :)

จ่ายเงินรับของและรับเงินทอนมาเสร็จ ผมก็จับข้อมือสระแล้วจูงพาอีกฝ่ายเดินออกมาจากร้านทันที ตลอดทางเจ้าตัวเงียบอยู่นาน เงียบชนิดไม่ยอมพูดอะไรสักคำ กระทั่งเรากลับมาอยู่ในลิฟต์ของหอพักผมอีกครั้งนั่นล่ะ คนน่ารักของผมถึงได้โวยวายขึ้นมาจนได้

“ไอ้นะ มึงแม่ง...พูดออกมาได้”

“ทำไม?” ผมเลิกคิ้ว ทำสีหน้ายียวนใส่ ชนิดที่สระถึงกับแยกเขี้ยวตอบกลับมา

อีกฝ่ายพ่นลมหายใจแรง “กูเป็นเพื่อนมึงนะครับ ไม่ใช่สาวสวยที่มึงต้องเปย์เพราะจะจีบ”

ผมได้แต่หัวเราะโดยไม่ตอบคำ...ให้เข้าใจว่ามันไม่มีอะไรน่ะดีแล้ว ผมยังไม่อยากให้ไก่ตื่นครับ



สระมาอยู่กับผมได้สามวันแล้ว และทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แม้ว่าเตียงนอนจะมีแค่เตียงเดียว แต่มันก็ใหญ่พอให้เรานอนด้วยกันสองคนได้สบายๆ อาจจะมีปัญหานิดหน่อยก็ตรงที่สระเป็นคนนอนดิ้น สุดท้ายผมก็เลยต้องกอดเขาเอาไว้เวลานอน

ช่วยไม่ได้นี่นา ผมไม่อยากโดนแขนเขาฟาดหน้าครับ :)

“ชนะ อย่าลืมนะเว้ย เย็นนี้มีซ้อมจริง”

“ซ้อม? ซ้อมไรวะ” ผมย้อนถามเกรซ เพื่อนผู้หญิงที่มีแค่ไม่กี่คนในกลุ่ม

เกรซเท้าเอวจิกตาใส่ผม “พรุ่งนี้มึงมีร้องเพลงโชว์ในงานคณะ ลืมเหรอไอ้ห่า”

“เออว่ะ เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย” หลายวันมานี้พวกผมวิ่งวุ่นกับหลายเรื่องน่ะครับ ทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องกิจกรรมอีกมากมายหลายอย่าง ผมเกือบลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตัวเองต้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีของงานคณะด้วย

“ไปซ้อมด้วยนะเย็นนี้”

“ครับๆ” ผมตอบรับพลางถอนหายใจยาว ทำไมช่วงนี้งานรัดตัวผมจังเลยวะเนี่ย

เหนื่อยอะ อยากอ้อนสระจัง เฮ้อออ

พอตกเย็นเลิกเรียนตอนสี่โมงผมก็ตรงดิ่งไปที่เวทีใต้คณะทันที โดยไม่ลืมลากสระมาด้วย แม้ว่าอีกฝ่ายจะงอแงไม่อยากจะตามมาก็เถอะ

“เอากูมาทำไมอะ มึงซ้อมกูไม่ได้ซ้อมนี่”

“ก็อยากให้มา” ผมตอบ ยิ้มให้เขา “มาเป็นกำลังใจให้กูไง”

...สุดท้ายสระก็พ่ายแพ้ให้กับการอ้อนของผม เขายอมตามมานั่งดูและเตรียมน้ำเตรียมผ้าไว้ซับเหงื่อให้ผมด้วย

น่ารักฉิบหายเลยว่ะ อยากบีบแก้ม

หลังซ้อมไปประมาณสี่รอบผมก็ได้รับอิสระ ไอ้เกรซที่เป็นคนคุมเวทีนัดแนะเวลากับผมและคนอื่นๆ ที่ต้องขึ้นแสดงอีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้ผมได้กลับหอสักที

“เหนื่อยปะวะ” สระถาม เขายื่นน้ำเปล่าเย็นๆ มาให้ผม

“นิดหน่อย” ผมดูดน้ำอึกใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ แถมยังรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อสระเอาผ้ามาซับเหงื่อให้ สีหน้าจริงจังและการดูแลเอาใจใส่ของเขาทำให้ผมโคตรจะมีความสุขเลยครับ

“กูก็รู้นะว่ามึงร้องเพลงเพราะ แต่ฟังกี่ครั้งกูก็ชอบเสียงมึงตอนร้องเพลงว่ะ”

“มันดีขนาดนั้นเลย?”

“เออดิ ฝึกอีกหน่อยไปเป็นนักร้องได้สบายเลย” สระว่า เราเดินออกจากคณะอย่างไม่เร่งรีบนัก “มึงไม่สนใจบ้างเหรอ เป็นนักร้องดังมีคนชอบเยอะแยะ เงินก็จะไหลมาเทมาด้วย”

ผมหัวเราะ เรื่องเงินดูจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของอีกฝ่าย...ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอาหรอก”

“ทำไมอะ หล่อๆ อย่างมึง เสียงก็ดี เป็นได้จริงๆ นะเว้ย” สระเลิกคิ้ว

“ขอรับคำว่าหล่อเอาไว้นะ อ้อ เสียงดีด้วย แต่กูไม่อยากได้เงินอะไรขนาดนั้น เพราะกูมีเงินพอใช้อยู่แล้ว”

ได้ฟังที่ผมพูดสระก็เบะปาก ต่อยไหล่ผมเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “เหอะ พ่อคนมีเงิน พ่อคนสายเปย์”

“อ่าฮะ กูสายเปย์” ผมไหวไหล่ “แต่ก็เปย์ให้มึงคนเดียวไงสระ”

เป็นอีกครั้งที่สระเถียงไม่ออก ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้ากึ่งเบื่อหน่ายกึ่งเขินอายนั่น...อยากจะพูดอีกครั้งว่าเขาโคตรน่ารักเลยว่ะ

“เออ ไม่พูดเรื่องเงินก็ได้ งั้นพูดเรื่องชื่อเสียง ถ้ามึงเป็นนักร้องมึงต้องโด่งดังมากแน่ๆ กูมั่นใจ”

ผมส่ายหน้า “ก็ไม่อยากดังอยู่ดีว่ะ”

“ทำไมอีกล่ะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา” ไอ้ตัวน่ารักทำหน้าเอือมระอาผมเต็มทน แต่ผมกลับมองว่าแม่งน่ารักอีกแล้ว

“กูไม่ได้อยากเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากดังซะหน่อย อีกอย่างทุกวันนี้กูก็ดังอยู่แล้วหรือเปล่า?”

สระกลอกตา “ครับผม ดังครับผม เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อปีสองประจำคณะ ไม่ดังได้ไงเนอะ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ทำให้กูดังก็เพราะ...” ผมลากเสียยาว ยื่นหน้าไปหาสระแล้วยิ้มกริ่ม

“อะไร?”

“...เพราะกูได้เป็นคู่จิ้นกับคนน่ารักอย่างมึงไง”

“เงียบไปเลย เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วไอ้ห่า” สระผลักหน้าผมออก แต่ผมเห็นนะว่าหูเขาแดงเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว หึๆ

ผมหัวเราะ ก่อนจะรั้งมืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว “มึงอยากกินบะหมี่หมูแดงไม่ใช่เหรอ”

“เออว่ะ โห กูบ่นตั้งแต่เมื่อเช้า มึงยังจำได้อีกเหรอเนี่ย”

“กูเป็นคนดีของมึงไง จำเรื่องของมึงได้ทุกอย่างแหละ”

สระหัวเราะ “เออ คนดีของกูจริงๆ นั่นแหละ”

เราเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ผมต้องสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ยิ้มกว้างออกมา ประโยคเมื่อกี้น่ะ...สระมันจะรู้บ้างหรือเปล่าวะว่ามันทำให้ผมใจเต้นแรงมาก แรงจนแทบจะหลุดออกมาเต้นนอกอกแล้ว

ไอ้ห่าเอ๊ย อยู่กับคนน่ารักที่แสนซื่ออย่างมันแล้วผมจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนวะ



วันแห่งการขึ้นเวทีของจริงมาถึงจนได้

เพราะว่าเป็นกิจกรรมคณะ ก็เลยงดคลาสทุกชั้นปี ผมมาแสตนด์บายที่หลังเวทีตั้งแต่บ่ายสาม แต่ครั้งนี้ไม่ได้ลากสระมาด้วย อีกฝ่ายต้องไปช่วยรุ่นพี่ปีสามขนดอกไม้ไปตกแต่งสถานที่น่ะครับ งานของมันยังไม่เสร็จดี แต่งานจะเริ่มห้าโมงเย็นนี้แล้ว คงต้องเร่งมือหน่อยล่ะนะ

ผมอดจะเป็นห่วงไม่ได้ ก็สระน่ะขี้ร้อนจะตายไปนี่หว่า วิ่งวุ่นแบบนั้นคงได้เหงื่อท่วมตัวแล้วก็คงจะงอแงไม่เลิกแน่ๆ สงสัยพรุ่งนี้ผมคงต้องพาไปว่ายน้ำที่สระมหา’ลัยอีกแล้วล่ะมั้ง แชมป์หมู่บ้านผู้ชื่นชอบการว่ายน้ำจะได้มีความสุขมากๆ และเลิกบ่นว่าร้อน

ระหว่างรอแต่งตัวแต่งหน้า (ซึ่งผมมองไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าจะแต่งหน้าทำไม) ผมก็หยิบเอากีตาร์ขึ้นมาซ้อมดีดไปด้วย ถึงจะจำได้แม่นแต่ผมก็ไม่อยากทำพลาดเวลาขึ้นเวที

เพลงนี้น่ะ...ผมตั้งใจเลือกมาร้องให้เขาเลยนะ :)

ซ้อมแล้วซ้อมอีก จนกระทั่งถูกเรียกไปแต่งหน้าแต่งตัว ชุดที่ผมใส่ไม่ได้อลังการอะไรนัก ก็แค่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบนที่ทำให้เห็นแผ่นอกรำไรๆ เท่านั้น ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีซีดที่ตัดกันได้ดีกับสีเสื้อ ใบหน้าไม่ได้แต่งอะไรมากนอกจากทาแป้งแล้วก็กรีดตาให้ดูคมขึ้น จากที่ตาผมคมเข้มอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็เลยถูกขับเน้นให้ดวงตาของผมดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม

“ต่อไปเป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งมีรูปลงเพจคู่จิ้นของมหา’ลัยไปเองค่า แหมๆ ดิฉันแอบเห็นด้วยค่ะคุณขา ว่าคู่จิ้นของเขาก็มาให้กำลังใจอยู่ไม่ไกลจากหน้าเวที...”

ผมแทบจะชะโงกหน้าออกไปมองว่าสระยืนอยู่ตรงไหน แต่เกรซก็จับคอผมกระชากกลับมา โห นี่มึงเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหมไอ้เกรซ! คอกูเกือบเคล็ด

“ขึ้นเวทีไปมึงก็มองเห็นมันเองล่ะน่า ห่างกันสักนิดไม่ได้เลยนะอีห่า”

ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับคำแซวของอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยให้มันเช็กความเรียบร้อยบนตัวผมอีกเล็กน้อย และเมื่อพิธีกรประกาศเรียก ผมก็ก้าวขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจ ริมฝีปากติดรอยยิ้มน้อยๆ

“กรี๊ดดด!!!”

เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ดังต้อนรับ ผมหยิบเอากีตาร์ขึ้นมาก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ แล้วเอ่ยทักทายผู้ชมด้วยรอยยิ้มหวานๆ แต่สายตาพยายามมองหาสระของผมไปด้วย

และในที่สุดผมก็เห็นเขา อีกฝ่ายยืนกอดช่อดอกกุหลาบเล็กๆ อยู่หน้าเวทีไม่ไกลนัก รอบตัวมีพวกไอ้พียืนอยู่ด้วย พอเราสบตากันเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างโบกมือมาให้ผม ไม่ได้นำพาต่อสายตารอบข้างที่มองเจ้าตัวกับช่อดอกไม้ในมือเลยสักนิด อ่า อย่าบอกนะว่านั่นจะเอามาให้ผมน่ะ ถ้าใช่ล่ะก็...

น่ารักอีกแล้ว แม่งเอ๊ย

“เพลงที่ผมจะร้องก็คือเพลง ‘ไม่อยากจะคิด’ ของ NANTCXP ครับ จริงๆ เพลงนี้ต้นฉบับร้องสองคน แต่วันนี้ผมเอามาร้องเองแค่คนเดียว หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”

ปลายนิ้วดีดกีตาร์เข้าสู่ท่วงทำนองที่ผมจำได้ขึ้นใจเพราะซ้อมมานานเกือบเดือน...มันเป็นเพลงที่ตรงกับความรู้สึกของผมมากที่สุด เป็นเพลงที่ผมอยากให้คนที่ผมแอบรักได้ฟัง อยากให้เขาได้รับรู้ถึงความในใจของผมที่มีต่อเขา และหวังว่าจะไม่ได้มีแค่ผมที่คิดไปเองฝ่ายเดียว

“หวั่นไหวทุกครั้งที่เธอสบตา เหมือนมีเวทมนตร์สะกดทุกครั้งที่เธอยิ้มมา อยากจะบอกว่าเธอน่ารัก...แต่ฉันก็ไม่กล้า หยุดความรู้สึกเอาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็เผลอใจ ทุกครั้งที่ใกล้กัน ฉันก็รู้สึกดี...เธอจะเป็นเหมือกนันบ้างไหม”

ผมลุกขึ้นยืน สายตายังคงจดจ่อไปที่สระ อีกฝ่ายยิ้มหวานร้องเพลงคลอตามผม...กระทั่งผมร้องจบ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดและเสียงโห่เชียร์

“ก็จบไปแล้วกับเพลงไม่อยากจะคิด ที่ดูเหมือนนักร้องจะอยากมอบเพลงนี้ให้กับใครบางคนเลยนะคะ เอ๊...ใครกันน้า ที่คุณพยัญชนะสุดหล่ออยากจะสื่อสารเพลงนี้ไปให้”

“สระไง!”

เสียงใครสักคนตะโกนขึ้นมา และนั่นทำให้เสียงโห่แซวดังมากขึ้น อ้อ มันทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อเห็นว่าสระหน้าแดงแปร๊ดทันทีเพราะถูกคนรอบข้างเอ่ยแซว

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองผม ก่อนจะก้มลงไปและแทบจะซุกหน้ากับช่อดอกกุหลาบ แต่พอไอ้เจ็มกระซิบอะไรสักอย่าง เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าดูตื่นตระหนกและส่ายหน้าหวืออย่างน่ารัก

อะไร...ไอ้เจ็มพูดอะไร

“สระ” ผมเผลอเรียกอีกฝ่ายออกมาผ่านไมโครโฟน

เจ้าของชื่อเบิกตากว้าง ขณะที่เสียงผู้ชมรอบด้านเงียบลงไปชั่วอึดใจ ก่อนจะดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อสระเดินมาที่หน้าเวทีช้าๆ เมื่อผมกวักมือเรียก แถมไอ้พวกเพื่อนๆ ก็พากันดันหลังเจ้าตัวให้เดินมาหาผมที่หน้าเวทีด้วย

ผมสาวเท้าไปที่ขอบเวทีแล้วนั่งยองๆ ตรงหน้าเขา โดยที่พยายามห้ามตัวเองแล้วไม่ให้ยิ้มกว้างมากเกินไป แต่ผมก็ทำไม่ได้จริงๆ เหมือนกับเพลงที่ผมร้องให้เขาเลย...พยายามจะหยุดความรู้สึกแล้ว แต่ผมก็เผลอใจทุกที

“อะ เอาไป” มันว่า พลางยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ผมด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก

ผมเลิกคิ้วยียวน หากแต่ริมฝีปากยิ้มกว้างไม่เลิก แกล้งถามออกไปทั้งที่ยังจ่อไมค์กับปากนั่นล่ะ “ให้กู?”

“เออดิ แต่กูไม่ได้ซื้อเองคนเดียวหรอกนะ พวกไอ้พีมันหารตังค์กะกูอะ”

ผมหัวเราะ รู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายฉิบหายเลยว่ะ “แค่รู้ว่ามีเงินมึงรวมอยู่ด้วยกูก็ดีใจแล้ว”

“อือ” มันพยักหน้ารับพลางหลุบตาหนีสายตาของผม และผมเห็นนะ...ใบหูมันแดงไม่เลิกเลย หึๆ

“ขอบคุณนะ” ผมรับดอกไม้มา ก่อนจะเด็ดเอากุหลาบสีแดงสวยออกมาหนึ่งดอก แล้วยื่นกลับไปให้เขา “อะ”

สระเงยหน้าขึ้นมาทำหน้างงใส่ผม “ให้กูทำไม?”

“ก็อยากให้”

“...?” สระยังคงมองผมอย่างไม่เข้าใจ

ผมยิ้มหวานให้เขา “นะอยากให้เฉยๆ สระรับไว้ไม่ได้เหรอครับ”

คนน่ารักแก้มแดงขึ้นมาอีกรอบแล้วตอนนี้ แต่แทนที่เขาจะรับดอกไม้ สระกลับอ้าปากกัดกลีบดอกกุหลาบในมือของผมจนติดหลุดปากไปสองสามกลีบ แล้ววิ่งหนีออกไปจากงานทันที

ทุกคนพากันอึ้ง คงมีแต่ผมที่หลุดหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจว่ามันจะดังออกไมค์หรือคนในงานจะมองยังไง...ผมกดปิดไมค์ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ

“กุหลาบมันกินไม่ได้นะสระ”



_________________
อยากจะจับสระเข้าปากแล้วกลืนลงท้อง ลูกแม่น่ารักจังเลยลูก

แล้วคุณพยัญชนะอะ หยอดเก่งเหลือเกินเนอะ : )

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2018 23:29:24
ิอายได้สมชื่อสระจริง ๆ ด้วย สระไอไม้ "ม้วน"  :laugh:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-11-2018 05:05:02
 :hao3:  :hao3:  :hao7: ทำไมน่ารักน่าฟัดน่าจับกลืนลงท้องขนาดนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-11-2018 09:46:54
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-11-2018 11:00:33
เอ็นดู ตอนสระแทนตัวเองด้วยชื่อนี่เอ็นดูแต้ เขืนจนกินดอกไม้ หนูลูก
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 23-11-2018 13:02:29
สระน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-11-2018 13:42:58
สระน่ารัก อ้อนๆ แบบไม่รู้ตัว
เชียร์พยัญชนะปลูกอ้อยและหวงคนน่ารักต่อไป สู้ๆ
+1 ขอบคุณ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 23-11-2018 14:26:03
สระน่ารักจังเลย  ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: One - (ก.) : กุหลาบ (กัด) [22-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-11-2018 19:07:01
พยัญชนะนี่เป็นทั้งสายเปย์ และสายอ่อยเลยนะ วางแผนมาดีซะด้วย สระน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Two - (ข.) : ของหวาน (ข่มใจ) [08-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 08-01-2019 23:27:51
Two

(ข.) : ของหวาน (ข่มใจ)

 

[สระ]


“สระ มึงจะวิ่งไปไหน”

ไอ้นะหัวเราะเสียงดังไล่หลังผมที่กำลังวิ่งหนีดุ๊กๆๆ ออกจากคณะ เอี้ยวหน้าไปมองเพื่อนสนิทก่อนจะตะโกนตอบกลับไปโดยไม่ยอมหยุดวิ่ง

“ไปไหนก็ได้! แต่ต้องออกไปจากมอก่อน!”

“ทำไมต้องรีบด้วยวะ”

ยังมีหน้ามาถามอีกไอ้ฟักกก “หนีไง! กูอายนะโว้ย เมื่อกี้นี้น่ะ!”

ผมวิ่งออกมาจนถึงหน้ามอ ดีนะตึกคณะวิศวะอยู่ไม่ไกลจากหน้ามอเท่าไหร่ แต่วิ่งออกมาแบบนี้โดยไม่หยุดพักก็ยังทำให้ผมเหนื่อยอยู่ดี หันมองซ้ายขวา...กูจะไปทางไหนก่อนดีวะเนี่ย

เออ กลับหอไง กลับหอ!

คิดได้ดังนั้นก็ตั้งใจจะวิ่งไปทางซ้าย ซึ่งเป็นทางไปหอพักของผม ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นหอพักของผมกับไอ้นะ...หอพักของเราต่างหาก ดีนะที่มันเช่าหอใกล้มหา’ลัย เลยเดินมาเรียนได้โดยไม่ต้องอาศัยรถสาธารณะ และตอนนี้ผมก็สามารถวิ่งกลับได้โดยไม่ต้องรอรถเมล์ รอพี่วินมอ’ไซค์ที่ไปส่งลูกค้ากันจนหมดคิววิน หรือแม้กระทั่งไม่ต้องโบกแท็กซี่ที่อาจจะไม่รับลูกค้า

แต่ยังไม่ทันได้สับขาวิ่ง แขนของผมก็ถูกดึงเอาไว้ด้วยมือเย็นๆ ของคนเพียงคนเดียวที่วิ่งตามผมมา

“หยุดเลยสระ หยุดวิ่ง”

“กูจะกลับหอออ”

ผมโอดครวญ เหลือบมองไปรอบๆ ว่ามีใครสนใจเราสองคนไหม ซึ่งมันมีอะมันมี! แล้วดูจากท่าทีที่มองมาแถมยังหันไปกระซิบคิกคักกันเองของสาวๆ สองสามคนตรงนั้น ผมเดาได้เลยว่าพวกเธอต้องเป็นแฟนเพจคู่จิ้นของมหา’ลัยแน่ๆ และก็คงจะเห็นคลิปเล่นน้ำที่เป็นประเด็นร้อนแรงของผมกับไอ้นะแล้วแน่ๆ เหมือนกัน โอย

“รีบกลับทำไมวะ?”

“มันเป็นเซฟโซนมึงเข้าใจป่ะ หลบหนีจากสายตาคนอื่นได้ มันคือสถานที่ปลอดภัยของกูเว้ย”

ไอ้นะหัวเราะอีกครั้ง “แล้วมึงจะหนีใคร”

“หนีกล้องไงล่ะครับคุณชนะครับ ไม่รู้คนในงานถ่ายคลิปกูตอนแดกกุหลาบของมึงไปแล้วหรือยัง ไอ้ฉิบหาย ไม่น่าทำงั้นเลยแม่ง” ผมบ่นกับตัวเอง ขยี้เส้นผมจนมันยุ่งเหยิงไปหมด แต่ไอ้นะก็ปัดมือผมออกแล้วใช้เรียวนิ้วสวยๆ ของมันสางหัวของผมให้กลับมาดูดีเหมือนเดิม

“ว่าแต่อร่อยไหมวะ?”

“อะไรอร่อย?”

“กลีบกุหลาบที่มึงกัดไปไง” เพื่อนสนิทสุดหล่อของผมหลิ่วตาเอ่ยแซว

ผมขึงตาใส่มัน “ไม่ขำเลยครับเพื่อน”

คนฟังหัวเราะขำ รู้สึกว่ามึงจะตลกบ่อยไปละนะ “กูนึกว่ามึงหิว อ่า แต่คงไม่ใช่ ที่จริงแล้วมึง...”

“มึงอะไร?”

“มึงเขินกูล่ะสิ”

กล้า กล้ามากกก กล้าสุดๆ ที่พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ!

“กูไม่ได้เขินมึงเลยเว้ย”

“แล้วจะงับกุหลาบวิ่งหนีมาทำไม”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากโดนถ่ายคลิป” ผมโอดใส่มันอีกครั้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! มึงออกมาได้ไง ร้องเพลงเสร็จแล้วเหรอวะ ไม่ต้องทำอะไรอีกเหรอ?”

“ใช่ ไม่มีอะไรแล้ว นี่ก็ลงจากเวทีวิ่งตามมึงมาเลยเนี่ย นอกจากเป็นแชมป์ว่ายน้ำแล้วยังเป็นแชมป์วิ่งประจำหมู่บ้านด้วยใช่ป่ะครับคุณสระ” ไอ้นะหัวเราะ ทำหน้าทำตาหยอกล้อใส่ผม ผมก็เลยตบแก้มมันไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ “โอ๊ย เจ็บบบ”

“เกินไปล่ะ กูตบเล่นเบาๆ ป่ะจ๊ะ หื้อออ”

ไอ้นะไม่ตอบอะไร มันแค่ยิ้มแล้วดึงมือผมที่แตะแก้มมันออก แต่ก็ยังไม่ปล่อยเช่นกัน...มันเปลี่ยนเป็นจับจูงผมพาเดินไปด้านขวาแทนที่จะกลับหอซึ่งอยู่ทางด้านซ้าย ผมกำลังจะถามว่ามันจะไปไหน แต่มันก็เอ่ยขึ้นมาก่อนราวกับรู้ว่าผมสงสัยอะไร

“หิวแล้ว ไปกินชาบูกัน”

“ชาบู!” ผมตาวาว

“ช่าย มึงบ่นอยากกินเมื่อวันก่อนนี่”

“มึงจำได้ด้วยเหรอ”

“อะไรที่เกี่ยวกับมึงกูจำได้หมดแหละ”

ผมยิ้ม มันรู้สึกดีนะที่เราได้มีโอกาสเจอเพื่อนดีๆ เข้ามาในชีวิตน่ะ...เพื่อนที่เอาใจใส่เรา เพื่อนที่คอยดูแล แนะนำ ช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้เรา ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยที่ได้มารู้จักไอ้นะ มันเป็นเพื่อนที่ดีมาก เทกแคร์ผมดีเกินกว่าที่คนเป็นเพื่อนกันจะทำให้กันด้วยซ้ำ

บางทีผมก็คิดนะว่าผมเอาใจใส่มันได้ไม่เท่ากับที่มันเอาใจใส่ผมด้วยซ้ำ มันจำได้ทุกครั้งเลยเวลาผมบ่นว่าอยากกินอะไร แล้วมันก็จะพาไปกินตลอด ต่อให้ไม่ได้ไปทันที แต่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์มันก็ยังพาไปแม้ว่าผมจะลืมไปแล้วว่าอยากกินก็ตาม

เป็นเพื่อนที่ดีเกินไป เฮ้อ ผมรู้สึกผิดเลยอะที่เทกแคร์มันได้ไม่ดีเท่าที่มันทำให้ผม

“ว่าแต่มึงเลี้ยงป่ะ?” ผมถามขึ้นทั้งที่ยังอมยิ้ม ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้รับคำตอบ

“อยากให้เลี้ยงก็จะเลี้ยง อยากหารก็หารได้ แล้วแต่มึงอะ”

“...”

“เพราะกูตามใจมึงทุกอย่างอยู่แล้ว”

เนี่ย มาเป็นผัวกูเลยมั้ยนะ มึงแม่งเหมือนผัวกูเข้าไปทุกทีแล้วอะ ฮ่าๆๆๆ

ผมลอบขำคนเดียวในใจ ปากก็ตอบมันไป “งั้นครั้งนี้กูให้มึงตัดสินใจ”

“..?” พยัญชนะชะลอฝีเท้าจนกลายเป็นหยุดนิ่ง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงร้านชาบูอยู่แล้ว มันหันมาสบตาผม เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

ผมยิ้มให้มัน ยิ้มกว้างจนตาหยี

“เพราะกูอยากตามใจมึงบ้าง” สีหน้าของไอ้นะตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให้ผมหลุดขำ “ทำไมทำหน้างั้นอ่า อึ้งเลยเหรอที่กูอยากดูแลมึงเหมือนที่มึงดูแลกูบ้าง”

“อึ้งดิ แต่กูดีใจมากกว่า” เพื่อนสนิทของผมยิ้มกว้างหลังจากหายตกใจแล้ว

“ดีใจที่กูเอาใจใส่มึงใช่ป่ะ”

“ดีใจที่กูได้เจอมึงต่างหาก”

“...”

“มึงมันน่ารักสระ อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่านี้เลย”

“หา?” ผมเหวอ อ้าปากค้าง...เดี๋ยวครับ งงครับ จู่ๆ มาบอกไม่ให้กูทำตัวน่ารัก กูทำอะไรที่มันส่อไปทางนั้นวะเนี่ย แล้วขอโทษเถอะครับ กูหล่อเว้ย!

“ไปเถอะ ไม่รู้ยังมีโต๊ะว่างให้นั่งหรือเปล่า นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย”

เราเดินจูงมือไปด้วยกันอีกครั้ง ที่จริงต้องบอกว่าตอนนี้ใกล้ค่ำแล้วต่างหาก และคนในร้านชาบูต้องเยอะมากแน่ๆ แถมร้านนี้ยังเป็นร้านดังของมหา’ลัยด้วย ถ้าไม่ใช่ชาบูในห้าง ร้านนี้ก็คือร้านยอดฮิตของเด็กมอเรา เพราะมันอยู่ใกล้ ราคากำลังดี แถมยังอร่อยอีกด้วย

“คนไม่ค่อยเยอะแฮะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเรามาถึงหน้าร้านแล้ว

“งานที่คณะเราคงดึงนักศึกษาเอาไว้ได้เยอะอยู่ล่ะมั้ง คนเลยยังไม่ออกมาหาอะไรกินกัน ไปเถอะ มีโต๊ะว่างตำแหน่งดีๆ เหลืออยู่พอดี” ไอ้นะบอกยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนจากจูงมือเป็นโอบไหล่ผมพาเดินเข้าร้าน

อีกนิดก็จะดูเหมือนเสี่ยพาเด็กมาแดกข้างแล้วนะเพื่อนนะ...ผมคิดขำๆ แต่ไม่ได้พูดออกไป

หลังจากเราเลือกน้ำซุปได้เรียบร้อยผมก็หันไปกวาดของที่อยู่บนสายพานมาใส่หม้อทันที โอ๊ะ นั่นเห็ดเข็มทอง ผมจำได้ว่าไอ้นะมันชอบกินมาก

“นี่ของโปรดมึง”

“ขอบคุณครับ” มันตอบ สุภาพจนผมเผลอชะงักมือไปเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยผ่าน...บางทีเราก็พูดสุภาพใส่กันเป็นเรื่องปกติ ไม่รู้ผมจะแปลกใจอะไรล่ะเนี่ย “อันนี้ของโปรดมึง”

ไอ้นะหยิบเอาจานผักกาดขาวมาให้ผม หูย รู้ใจ ผมโคตรชอบผักกาดขาว โอ๊ะๆ หมูสไลซ์มาแล้ววว...ผมหยิบจานหมูทุกจานที่วิ่งผ่านสายพานมาตรงหน้าผมแล้วจับโยนลงหม้อทันที เป็นสิบจานจนไอ้นะต้องยื่นมือมาตีมือผมแล้วบอกให้พอ

“หยุดเลยสระ หมูเต็มหม้อแล้วเนี่ย ใส่อย่างอื่นบ้าง”

ผมยิ้มแหย เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่โดนจับได้ว่าทำผิดแต่พยายามยิ้มอ้อนเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนดุ “โทษที มันเพลินไปหน่อย”

“จริงๆ เล้ย” พยัญชนะส่ายหน้ายิ้มๆ ให้ผม มันเอื้อมไปหยิบจานลูกชิ้นอะไรสักอย่างมาใส่ลงไปในหม้อน้ำซุปฝั่งตัวเอง เพราะมันรู้ว่าผมไม่กินลูกชิ้นอันนี้ มันไม่อร่อยอะครับ “เอาซูชิมั้ย?”

“เอา!” ผมตอบ ตั้งท่าจะลุกไปตัก แต่เพื่อนสนิทสุดหล่อก็เบรกเอาไว้อีกครั้ง

“นั่งเถอะ เดี๋ยวกูไปตักให้ เอาแซลม่อนเยอะๆ เนอะ”

“เอาเทมปุระด้วยยย”

“ได้ครับผม” ไอ้นะลูบหัวผมสองทีก่อนจะเดินไปยังโซนซูชิ...ผมมองตาม ยิ้มกว้างให้กับแผ่นหลังของผู้ชายที่นิสัยดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รู้จักมา รู้ใจผมไปหมด รู้ว่าผมชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงได้ทำดีกับผมมากมายขนาดนี้ ถ้าผมตกหลุมรักมันขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย

คิดแล้วก็ได้แต่แอบขำ มันก่ำกึ่งระหว่างตลกกับ...เขินแปลกๆ แฮะ

“คิดอะไรอยู่”

เสียงไอ้นะทำให้ผมหลุดจากความคิดพิลึกพิลั่น หันไปมองมันก็เห็นอ้อมแขนมันเต็มไปด้วยจานสี่ใบที่มันพยายามหอบหิ้วมาด้วยสองมือ บนนั้นอัดแน่นไปด้วยซูชิเรียงตัวสวยและเทมปุระแสนน่ากิน

ผมขยับเข้าไปช่วยหยิบมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปคีบเอาหมูที่สุกแล้วออกมาใส่จานให้ไอ้นะ “กินๆๆ วันนี้กูจะเอาใจมึงบ้าง”

“เอาใจกู?”

“ช่าย จะคอยตักให้มึงกินเอง”

“กูจะรอดูแล้วกันว่ามึงจะลืมตักให้กูแล้วเอาแต่ยัดเข้าปากตัวเองหรือเปล่า”

“นะ~ มึงหาว่ากูเห็นแก่กินป่ะว้าา”

“ฮ่าๆๆๆ” มันไม่ตอบแต่หัวเราะแทน ผมเลยคีบหมูที่ตักขึ้นมานานจนหายร้อนแล้วยัดใส่ปากมันไปทั้งอย่างนั้น ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มด้วย กินไปแบบจืดๆ นั่นแหละ!

“แดกเองเลย ปากไม่ดีพูดไม่เข้าหูกู”

“กูล้อเล่นนน”

เรากินกันไปคุยกันไป ผมกับมันผลัดกันคีบนั่นคีบนี่ใส่ปากตัวเองบ้าง ใส่ปากอีกฝ่ายบ้าง จนเริ่มจะอิ่มของคาวผมก็เลยหยุดมือแล้ววางตะเกียบลง

“อิ่มแล้วเหรอวะ”

ผมพยักหน้า “ย่อยรอกินของหวาน”

คนฟังถึงกับส่ายหน้าขำ “กินเก่งจริงๆ”

“จะด่ากูตะกละก็ว่ามาเพื่อนรัก” ผมกอดอกทำหน้ามุ่ยใส่มัน ไอ้นะถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมาเลยทีนี้ ถามว่าดังขนาดไหนน่ะเหรอ? ก็ไม่ได้ดังลั่นร้านชาบูหรอก แต่ดังจนโต๊ะใกล้ๆ สองสามโต๊ะหันมามองเท่านั้นเอง

“ไม่ตะกละหรอก เขาเรียกกินอย่างคุ้มค่า”

หมั่นไส้โว้ย ดูสีหน้าที่มันมองผมแบบหยอกๆ นั่นดิ บางทีไอ้นะมันก็แสนดี แต่บางทีมันก็กวนตีนผมอะ!

“กูไม่คุยกับมึงละ ไปตักไอติมดีกว่า”

“เดี๋ยวกูไปตัก...”

ผมยกมือเป็นปางห้ามญาติใส่ไอ้นะทันทีที่มันทำท่าจะลุกขึ้นทั้งที่ยังกินไม่อิ่มเลย “ไม่ต้องเลย กูไปตักเอง มึงกินไปเถอะ ให้กูลุกไปเองบ้างก็ได้ นั่งจนตูดชาแล้วเนี่ย”

“กูอยากบริการมึงนี่นา ไม่อยากให้มึงลุกไปเอง ไม่อยากให้มึงเหนื่อย”

“...” ผมอ้าปากจะแย้งว่าแค่ลุกไปตักไอติมไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นป่ะ แต่...

“แค่มึงนั่งน่ารักๆ อยู่ตรงนี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว”

“ไอ้นะะะ มึงพูดอะไรของมึ้งงง” ผมโอดใส่มัน หยอดกูเหมือนกูเป็นขนมครก เป็นทาโกยากิเลยไอ้ห่า คิดว่ากูจะเขินมั้ยล่ะ?

เออ ผมเขิน ถึงเป็นเพื่อนกันแต่มันก็ทำให้เขินได้นะเว้ย

“กูพูดความจริง”

“กูหล่อไอ้สัด หล่อครับหล่อ ลงเพจแฮนด์ซั่มบอยของมหา’ลัยเลยนะ!”

“เพจนั้นก็ไม่ได้ลงแต่หนุ่มหล่อป่ะ ลงรูปหนุ่มน่ารักตั้งเยอะ มึงก็เป็นหนึ่งในนั้น” ไอ้นะแย้ง “อีกอย่างพอรูปเราสองคนไปลงในเพจคู่จิ้นอะไรนั่น คนก็ยิ่งมองว่ามึงน่ารักมากกว่าเดิม”

“อ้าว ทำไมเป็นงั้น?” ผมมุ่นคิ้ว

ไอ้นะยิ้มมุมปาก สีหน้ามันเจ้าเล่ห์จนน่าตบ กวนตีนนน “เพราะกูหล่อกว่ามึงไง พอเราอยู่ด้วยกันมึงก็เลยกลายเป็นคน่ารักมากกว่าคนหล่อ”

“กำลังจะบอกว่ามึงหล่อกว่ากูสินะ” ผมกลอกตา

“ช่ายยย”

“เออ กูไม่เถียง” ผมมองเพื่อนสนิทนั่งหัวเราะจนตาหยีแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะลุกขึ้นไปตักไอติมอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ “กูจะกินชาเขียว มึงชอบวานิลลาใช่ป่ะ”

“อืม ตักอะไรมาก็ได้ กูชอบหมดแหละ”

“...”

“ขอแค่มึงเป็นคนตักให้กู จะอะไรกูก็ชอบทั้งนั้น”

“งั้นกูจะตักน้ำแข็งมาให้มึงแดกเปล่าๆ แทนไอติม”

“ฮ่าๆๆๆ”

ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาผมก็เดินถือถ้วยไอติมสองถ้วยกลับมาที่โต๊ะ พอดีกับที่ไอ้นะจัดการทุกอย่างในหม้อชาบูจนหมดแล้ว มันวางตะเกียบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ลูบพุงตัวเอง สงสัยจะอิ่มจัด ถึงกับพ่นปากเลย ฮะๆ

“จะกินไอติมไหวป่ะวะเนี่ย” ผมถามมัน

“ไหว แต่ขอพักพุงสักแป๊บ”

“ฮ่าๆ ระวังมันจะละลายหมดซะก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไร กินตอนมันเป็นน้ำกูก็กินได้ บอกแล้วกูกินทุกอย่างที่มึงตักมาให้อะแหละ”

“เลิกหยอดมุกใส่กูได้แล้วป่ะ นี่เพื่อนไง ไม่ใช่สาว จะมาจีบกันเพื่อ?” ผมบอกกับมัน ยัดช้อนที่มีไอติมชาเขียวคำโตใส่ปาก อ่า ผมไม่ได้โกรธมันหรอกนะที่มันพูดอะไรแบบนั้น แต่โดนบ่อยๆ เข้ามันก็อดจะเขินแปลกๆ ไม่ได้...ก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละ เพื่อนกันแต่มันก็เขินนะเว้ย

“มึงไม่ชอบเหรอ?”

นั่นไง เข้าใจกูผิดจนได้ “เปล่า แต่กูเขินต่างหาก”

“มึงเขินกู”

“เออ เขินมึงนั่นแหละ”

ไอ้นะเงียบไปหลังจากที่ผมพูดจบ มันก้มหน้าเล็กน้อยแล้ว ขยับตัวนั่งยืดหลังตรงแล้วหยิบเอาถ้วยไอติมของตัวเองไปตักกินโดยไม่พูดอะไรอีก ผมขมวดคิ้วเหล่มองมันเล็กน้อย แต่พอเห็นแวบๆ ว่าริมฝีปากของมันกำลังฉีกยิ้ม ผมก็อดจะยิ้มตามไม่ได้

ดีใจที่กูบอกว่าเขินหรือไงวะ ตลกว่ะ ฮ่าๆๆๆ

เราไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมกินของผมเงียบๆ รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ไอ้นะมันโน้มตัวข้ามโต๊ะมาหาแล้วใช้นิ้วปาดริมฝีปากของผมเบาๆ

“กินยังไงให้เลอะเนี่ยสระ”

“อ้าว เปื้อนด้วยเหรอ”

ผมตั้งใจจะยกหลังมือเช็ดปากตัวเอง แต่ไอ้นะก็กดมือผมลงแล้วช่วยเช็ดปากให้ผมแทน มันไม่ได้หยิบทิชชู่มาเช็ด แต่ใช้นิ้วอันแข็งแรงของมันนั่นล่ะเช็ดออกให้อย่างช้าๆ และนุ่มนวลโดยไม่คิดรังเกียจ แต่มันไม่สกปรกหรอก ปากผมสะอาดมาก ไม่เชื่อมาพิสูจน์ได้ อิอิ

ผมนั่งนิ่งรอให้ไอ้นะเช็ดปากให้จนกว่าจะเสร็จ แต่ก็เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว ปลายลิ้นก็เลยไปแตะนิ้วเพื่อนสนิทเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และนั่นทำให้ทั้งผมทั้งมันชะงัก

“เอ้ย กูขอโทษ” ผมตาโตใส่มัน

ไอ้นะหลุบตามองปลายนิ้วตัวเองก่อนจะส่ายหน้าแล้วดึงมือกลับไป จากนั้นมันก็หยิบทิชชู่มาเช็ดมือตัวเอง ผมเอียงคอมองท่าทีของมันอย่างไม่เข้าใจนัก...เป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ดีๆ ก็เงียบไปอะ

“นะ...ไอ้นะ...นะ!”

“หา? ว่าไงๆ” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม

“กูไหมล่ะครับที่ต้องเป็นฝ่ายงง มึงเป็นอะไรวะ จู่ๆ ก็แปลกไป อิ่มจัดจนพูดไม่ออกเลยเหรอ ฮะๆ”

ไอ้นะนิ่งไปอีกเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับมาแจกยิ้มอีกครั้ง “กูกำลังคิด...”

“คิดว่า?”

“คิดว่ามึงอ่อยกูอยู่หรือเปล่า”

“อ่อยพ่อมึงงง” ผมโวยวาย หยิบเอาเศษผักที่หลงเหลืออยู่ในจานบนโต๊ะมาโยนใส่มัน

ไอ้นะกลับมาหัวเราะอีกครั้ง “ก็มึงเลียนิ้วกูอะ”

“กูแค่ลืมตัว จะเลียปากต่างหาก แต่นิ้วมึงแหละมาอยู่ผิดที่”

“อ้าว ความผิดกูซะงั้น กูอุตส่าห์เช็ดปากให้”

“คร้าบๆ ขอบใจนะคร้าบบบ” ผมบอกมันยิ้มๆ แล้วตักไอติมคำสุดท้ายยัดเข้าปากพลางหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาของร้าน อ่า อีกสิบนาทีก็หมดเวลาแล้วนี่นา ผมกับไอ้นะคงต้องหยุดกินแล้วไปจ่ายตังค์ได้แล้ว

แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเพื่อนสนิทพูดอะไรสักอย่างเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน และถึงได้ยินก็ฟังไม่ออกเลยสักคำ

“มึงไม่รู้หรอกสระว่ากูต้องข่มใจขนาดไหนที่โดนมึงเลียนิ้วเนี่ย”

“นะ มึงพูดไร กูไม่ได้ยิน” ผมถาม มุ่นคิ้วมองมันที่กลับมามีท่าทีประหลาดอีกแล้ว

คนถูกเรียกเงยหน้ามาสบตาแล้วยิ้มให้ “เปล่า มึงอิ่มยัง กลับเลยมั้ย?”

“กูกำลังจะบอกมึงว่าเหลือสิบนาที ไปจ่ายเงินกันเถอะ”

“งั้นไป เดี๋ยวมื้อนี้กูจ่ายเอง”

“เฮ้ย หารกันดิ” ผมแย้ง แต่ก็ต้องจนมุมเมื่อคุณพยัญชนะมันสวนกลับมาว่า...

“ไหนมึงบอกว่าจะตามใจกูไง ให้กูเลือกว่าจะจ่ายเองหรือหารกัน เนี่ย กูก็เลือกจ่ายเองแล้วไง”

ผมเลิกคิ้ว “เอาจริง?”

“ถ้ามึงให้เอากูก็เอาจริง”

“คนละเอาแล้วไอ้เหี้ยนะ!”

“ฮ่าๆๆๆ”


_____________________

หายไปนานมากกกกก ยังรอกันอยู่ไหม แง หลังจากนี้จะอัพเรื่องนี้เป็นหลักค่ะ ตั้งใจว่าจะเขียนนิยายทีละเรื่อง จะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่อยากเป็นคนประสาทแดกเหมือนเมื่อปีที่แล้วค่ะ แง T T ฝากติดตามด้วยนะคะ หวังว่าจะรักสระกับพยัญชนะของเราน้าา เรื่องนี้จะออกไปทางฟีลกู๊ดฟุ้งๆ หน่อย อยากเขียนอะไรที่มันน่ารักกก อิอิ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Two - (ข.) : ของหวาน (ข่มใจ) [08-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-01-2019 02:21:45
หนูสระก็ยังอาย ยังเขินอยู่อีกเหมือนเดิม กินไป เขินไป  o18
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Two - (ข.) : ของหวาน (ข่มใจ) [08-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 10-01-2019 23:24:45
 :o8: เขินแทนสระได้มั้ยคะ กุ๊กกิ๊กน่ารักกันเชียว คุณณัฐไฟจงลุกโชน :fire: รอตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Two - (ข.) : ของหวาน (ข่มใจ) [08-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-01-2019 23:32:44
 o13 สู้ๆค่ะ  o13 สระยังน่ารักน่าฟัดเหมือนเดิม  :hao7: ส่วนพยัญชนะก็สู้ๆน้าาาาา  o13
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-01-2019 00:25:06

Three

(ค.) : ครีม (ความขาว)

 

[พยัญชนะ]


สระเป็นคนน่ารัก ใช่ น่ารักมากๆ ใครจะมองว่าเขาหล่อก็ช่าง แต่สำหรับผม...เขาคือความน่ารักของโลกใบนี้ น่ารักที่สุดในโลกเลย เฮ้อ

“นะ อยากได้นาฬิกาข้อมือ”

“หือ? ปกติไม่เคยเห็นจะใส่”

จู่ๆ เจ้าดื้อของผมก็เอ่ยขึ้นมาแบบนั้น ผมเห็นเขาไถหน้าจอโทรศัพท์ดูอะไรสักอย่างอยู่นานสองนาน ตอนนี้ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นร้านนาฬิกาข้อมือล่ะมั้ง ไปเจอแบบไหนมาล่ะถึงได้ถูกใจจนอยากได้ ทั้งที่ไม่เห็นจะเคยใส่เลยสักครั้ง

“อยากลองใส่ดูบ้าง อันนี้สวยมากเลย ลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นพอดีด้วย” เขาบอก เอี้ยวตัวมาใกล้ผมแล้วเอียงหน้าจอให้ดู

ผมหลุบสายตาลงมอง “อ่า สวยจริงๆ ด้วย หน้าปัดด้านในมีแต่สีทองเหรอ?”

“ไม่ๆ มีสีดำกับสีขาวด้วย มึงว่าสีไหนเหมาะกับกูวะ” สระกดเลื่อนให้ดูแต่ละสี ผมมองเปรียบเทียบอยู่สักพักก็ให้คำตอบกับเขา

“สีทองน่าจะเข้ากับข้อมือขาวๆ ของมึง”

“เหรอ งั้นกูสั่งซื้อสีนี้เลยนะ?”

“อือ สั่งสีดำเผื่อกูด้วย”

สระเลิกคิ้ว “มึงจะใส่ด้วยเหรอ มึงก็มีอยู่แล้วไม่ใช่ไง?”

“กูอยากซื้อมาใส่คู่กับมึง”

ผมบอกเขาไปตามตรง สระหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะไหวไหล่แล้วหันไปจิ้มโทรศัพท์เพื่อทำการสั่งซื้อ ปากเขาก็พึมพำพูดกับตัวเองไปด้วย แต่เพราะเรานั่งใกล้กันมาก ผมเลยได้ยินชัดเจนทุกคำ

“ใส่นาฬิกาคู่อย่างกับเป็นแฟนกัน”

ผมล่ะอยากจะบอกกับเขาเหลือเกินว่าใช่...ผมอยากใส่คู่กับเขาเพราะมันจะทำให้เราดูเหมือนแฟนกันมากขึ้นจริงๆ นั่นแหละ หึๆ

“ทั้งหมดกี่บาท เดี๋ยวกูโอนเงินให้”

“เฉพาะของมึงก็...”

“ไม่ใช่สิ” ผมแย้งก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ “ทั้งหมดเลย รวมของมึงกับของกู รวมค่าจัดส่งมาด้วย”

คนฟังทำหน้างงไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นเหวอ “เดี๋ยววว มึงจะจ่ายให้กู?”

“อ่าฮะ แค่ไม่กี่บาท เดี๋ยวกูจ่ายเอง”

“ไม่ได้ดิครับคุณพยัญชนะ ผมซื้อเองผมก็ต้องจ่ายเอง คุณจะมาจ่ายให้ผมได้ไง”

“กูบอกแล้วไงว่ากูเปย์มึงได้”

“อันนั้นคือพูดเล่นถูกมั้ย?” สระถาม มันเหล่ตามองผมยิ้มๆ ด้วยซ้ำ..แต่พอดีว่าผมจริงจังน่ะสิครับ

“ไม่ กูพูดจริง”

คราวนี้เจ้าดื้อของผมถึงกับหน้าเหวอ ให้ตาย นี่มันคิดว่าผมหยอกมันเล่นมาตลอดเลยเหรอเนี่ย สระเอ๊ยสระ กูจริงจังกว่าที่มึงคิดด้วยซ้ำ ถ้าวันหนึ่งมึงรู้ความจริงว่ากูคิดไม่ซื่อกับมึงขึ้นมา มึงจะรับได้ไหมวะ...ไม่ดิ จะตามกูทันหรือเปล่า ผมนึกภาพตอนสารภาพรักใส่มันแล้วมันทำหน้าเหวอตอบกลับมาได้เลยเถอะ เหอๆ

“ทีนี้ก็บอกจำนวนเงินมาได้แล้ว จะได้โอนเลย”

“มันไม่มีเหตุผลเลยนะเว้ยที่กูจะให้มึงจ่ายให้เนี่ย เออ ถ้าเป็นของกิน ขนมนั่นนี่กูยังพอรับไว้ได้ แต่นี่มันของใช้ แถมราคาก็สูงกว่าพวกอาหารที่มึงซื้อมาเปย์กูด้วยซ้ำ”

ผมนิ่งคิด เข้าใจที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อทุกอย่าง แต่ยังไงผมก็อยากซื้อให้อยู่ดี...ให้เราได้มีไอเทมคู่กันอยู่ดี

“ให้กูซื้อเถอะน่า นะ...อยากให้เฉยๆ ไม่ได้เหรอ” ผมถามสระ พยายามทำหน้าให้ออกไปทางเว้าวอนขอร้อง ทั้งที่ปกติคนที่จะอ้อนกันอยู่เสมอก็คือเขาไม่ใช่ผม

สระน่ะขี้อ้อนมาก และผมก็โคตรชอบด้วยเวลาเขามาอ้อนผม แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้ว่าเขาน่ะแพ้ลูกอ้อนคนอื่นเช่นกัน ยิ่งกับผมนี่ยิ่งแพ้ง่ายเป็นพิเศษเพราะผมไม่ค่อยอ้อนเขา นานๆ ทีจะทำสักทีเขาก็เลยยิ่งไม่กล้าปฏิเสธผมเข้าไปใหญ่ ครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกัน...

สระถอนหายใจ “ก็ได้ๆ อยากเปย์กูนักงั้นตามสบายเลยยย”

“ดีมาก” ผมยิ้มกว้าง หัวเราะเมื่อสระทำหน้ามุ่ยแล้วยกมือปัดมือผมออกจากหัวของเขา หลังจากที่ผมทำการขยี้เส้นผมของเจ้าตัวจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว “บอกยอดเงินมาได้แล้ว”

สระบอกยอดเงินที่ต้องชำระกับผม ผมหยิบสมาร์ทโฟนตัวเองมากดเข้าแอปฯ ธนาคารแล้วทำการชำระค่าสินค้า

“จะส่งของให้ภายในสามวัน อืม กูกดเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสไป งั้นของก็น่าจะมาไม่เกินสี่ถึงห้าวันเนอะ” สระนับวันที่ของจะมาส่ง ได้ยินดังนั้นผมก็พยักหน้ารับ

“ก็น่าจะราวๆ นั้น”

หลังจากโอนเงินเสร็จก็แค่ต้องรอของมาส่ง...อ่า ผมอยากได้นาฬิกามาใส่คู่กับเขาไวๆ แล้วสิ :)

 

สี่วันต่อมานาฬิกาข้อมือที่สั่งซื้อไปก็มาถึงมือเราสองคน ผมมอบหน้าที่แกะพัสดุให้กับสระที่ดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เข้ายิ้มกว้างจนผมล่ะกลัวว่าแก้มจะแตก ท่าทางมีความสุขเสียจนผมอดจะเอ็นดูไม่ได้

จะมีกี่คนกันล่ะครับที่มานั่งเอ็นดูความน่ารักของเพื่อนตัวเอง ผมคนหนึ่งล่ะที่เป็นอย่างนั้น แม้จะไม่ได้คิดแค่เพื่อนก็ตามทีเถอะ

“ว้าว ว้าววว”

หลังแกะกล่องพัสดุออกได้สำเร็จ สระก็ตาลุกวาว หยิบเอานาฬิกาเรือนสีเงินสวยเงาวับที่มีหน้าปัดเป็นสีทอง ผมชะโงกหน้าไปมองในกล่องก่อนจะหยิบเอาเรือนที่เป็นของผมออกมา ผิวปากอย่างชอบใจ ราคาเหมาะสมกับภาพลักษณ์ แต่จะเหมาะสมกับคุณภาพไหมคงต้องลองใช้ดูก่อน ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบมันนะ ได้คะแนนโดนใจไปแล้วหนึ่ง

“ใส่เลยเนอะๆ”

สระทำการสวมนาฬิกาเข้ากับข้อมือด้านซ้ายของตัวเอง จากนั้นเขาก็หันมาหาผมที่ยังคงนั่งสำรวจของในมือ เห็นดังนั้นเจ้าตัวก็ดึงนาฬิกาของผมออกไป แล้วทำการสวมมันให้กับผม

“รีบเหรอ?” ผมเอ่ยแซว คนถูกแซวยู่หน้าเล็กน้อย

“อยากถ่ายรูปลงไอจีอะ”

ผมเลิกคิ้ว อ่อ อยากอวดของว่างั้น “เอาดิ”

เราสองคนรัวถ่ายรูปกันไปหลายต่อหลายรูป ทั้งรูปที่เห็นหน้าพวกเราและรูปที่เห็นเพียงนาฬิกาบนข้อมือ แต่สุดท้ายแล้วสระก็เลือกเอารูปที่เราวางแขนแทบจะพาดทับกัน เพื่อโชว์ให้เห็นนาฬิกาทั้งสองเรือนซึ่งมีหน้าตาคล้ายกันทุกประการ ยกเว้นสีพื้นหน้าปัด เขาแต่งรูปอีกนิดหน่อยก่อนจะถามขึ้น

“แคปชั่นว่าไรดี?”

ผมกลอกตา คิดอะไรขำๆ ขึ้นมาได้เลยบอกไปว่า “นาฬิกาเพื่อนซื้อให้ครับ ไม่ได้ยืมมา”

กึก

คนฟังถึงกับชะงักงัน เงยหน้าขวับขึ้นมามองผมตาโต ปากอ้าค้างเล็กน้อยแล้วสุดท้ายก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นห้อง

“ไอ้นะ~ มึงล่อคุกล่อตารางมากไปมั้ย ฮ่าๆๆๆ”

“เฮ้ย มึงอะคิดมาก แค่แคปชั่นไอจีจะไปเสียงคุกได้ไง”

“โอ๊ยย ยอมใจมึงเลยว่ะ เออๆ เอาอันนี้ก็ได้ กวนตีนดี”

ผมนั่งมองเขาหัวเราะไปกดพิมพ์แคปชั่นไป จนกระทั่งเขาอัปรูปนั้นลงไอจี เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของผมบ่งบอกว่าเขาลงรูปไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงกดเข้าไปดู

รูปก็เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ปรับฟิลเตอร์นิดหน่อย ส่วนแคปชั่นนั้นเป็นไปตามที่ผมบอกเป๊ะ เห็นแบบนี้แล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน

จะว่าไปในที่สุดผมก็ได้ใส่นาฬิกาคู่กับสระสักที...ยอดเยี่ยมที่สุดเลยครับ :)

 

หลายวันผ่านไปแต่กระแสไอเทมคู่ของเรายังไม่จางหาย

...ใช่ครับ หลังจากที่สระลงรูปไปก็มีทั้งคอมเมนต์ตลกขบขันกับแคปชั่นของพวกเรา และคอมเมนต์กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ที่จับเราจิ้นกัน อ้อ แน่นอนว่าเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัยต้องไม่พลาดที่จะเอาเรื่องนี้ไปลงเพจ กลายเป็นว่าการใส่นาฬิกาคู่กันของเราสองคนทำให้โดนแซวไปเยอะไม่น้อยเลยทีเดียว

แรกๆ สระก็กระอักกระอ่วนใจ เขาไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ ผมต้องคอยปลอบคอยบอกให้เขาช่างแม่งมันไปแล้วจะดีเอง ก็เพิ่งจะมีสองวันมานี้นี่ล่ะที่เจ้าตัวดูเฉยๆ กับคนที่คอยกรี๊ดใส่เราสองคนได้บ้างแล้ว

วันนี้พอเรียนเสร็จตอนเย็นเราทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้องทันที แวะซื้อกับข้าวและของกินสองสามอย่างเข้ามาด้วย วันนี้เราจะกินข้าวเย็นที่หอกันครับ สระบอกว่าเบื่ออาหารตามสั่ง อยากกินกับข้าวหลายๆ อย่างมากกว่า

“อาบน้ำก่อนมั้ยไอ้นะ?”

“มึงไปอาบก่อนเลย” ผมบอกกับเขา แต่สระส่ายหน้า

“ไม่เอา มึงแหละไปก่อน เร็ววว”

ผมยอมเออออตามใจเขา คว้าผ้าขนหนูได้ก็ก้าวเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายจากสิ่งสกปรกทั้งหลายที่สะสมมาทั้งวันจนสะอาดดีแล้วก็พันผ้ารอบเอวออกมาแต่งตัว

“เร็วจังวะ แค่ครึ่งชั่วโมงเอง” เจ้าดื้อของผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมออกมาไวกว่าทุกที

“หิวน่ะ เลยอาบให้ไวที่สุด”

“เออ หิวเหมือนกัน งั้นกูขอไปอาบน้ำก่อน มึงจะกินเลยก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็รอมึงก่อนก็ได้”

“ตามใจ”

ระหว่างนั่งรออีกฝ่ายอาบน้ำผมก็จัดการเอากับข้าวที่ซื้อมาสามอย่างแกะใส่จานชาม ตอนกลับมาถึงสระหุงข้าวทันที พอมาตอนนี้ข้าวก็ดีดพร้อมให้กินเรียบร้อยแล้ว ผมจึงตักมันใส่จานสองจานแล้ววางลงกับโต๊ะญี่ปุ่น รอให้สระแต่งตัวเสร็จค่อยกินด้วยกัน

“อ้าว ข้าวดีดแล้วเหรอวะ งั้นรอแป๊บ แต่งตัวสามนาที”

“ไม่ต้องรีบหรอก” ผมบอกกับเขา มองตาแผ่นหลังขาวเนียนก้าวไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะดึงสายตากลับมา

ที่จริงแล้วการมีสระเป็นรูมเมตก็ค่อนข้างทำให้ผมทำใจลำบากในบางครั้งอยู่ไม่น้อย อย่างที่รู้กันดีว่าผมคิดยังไงกับเขา และการได้อยู่ใกล้ชิดก็ทำให้ยิ่งใจสั่น ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าบางทีก็คิดอะไรเกินเลยไปเยอะเวลามองอีกฝ่าย ยิ่งเวลาที่สระโชว์ผิวขาวๆ แบบนี้ผมยิ่งระงับอาการตัวเองลำบาก

อ่า ผู้ชายนะครับย่อมอยากสัมผัสตัวคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?

“เสร็จละ กินเลยๆ”

ผมถูกดึงให้กลับมาสู่ความเป็นจริงว่าผมทำได้แค่มองและคิด แต่ยังไม่กล้ามากพอและไม่มีเหตุผลให้ได้สัมผัสอีกฝ่ายในแบบที่อยากจะทำ เรายังมีสถานะที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ ค้ำคอเอาไว้อยู่ และผมไม่อยากจะรีบร้อนทำลายมิตรภาพของเราในตอนนี้ ตราบใดที่สระยังไม่มีทีท่าว่าจะหวั่นไหวหรือชอบผมตอบ ผมจะไม่ทำอะไรเขาเด็ดขาดเลย

“อันนี้อร่อย” ผมตักกับข้าวใส่จานเขา “มึงชอบอันนี้มาก กูจำได้”

“หูย มึงนี่รู้ใจกูดีจริงๆ”

“แน่นอน” ผมยักไหล่ ทำหน้าอวดดีกึ่งยิ้มกริ่ม สระเห็นแบบนั้นก็คงหมั่นไส้ เขาดีดเม็ดข้าวใส่ผม ก่อนจะกรอกตาทำหน้าเอือมระอาแบบไม่จริงจังนักตอบกลับมา

เรากินข้าวด้วยกันพักหนึ่ง จนเมื่ออิ่มผมกับเขาก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและเก็บเศษอาหารไปทิ้ง เสร็จสิ้นทุกอย่างเราก็กลับมานอนแผ่หลาบนเตียง

“วันนี้เหนื่อยๆ เนอะ มึงว่าป่ะ?”

“อือ นั่งเลกเชอร์จนเมื่อยมืออะ ไม่รู้อาจารย์จะเร่งเนื้อหาไปไหน จดแทบไม่ทัน” ผมตอบ มือก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น กดเข้าเช็กโซเชียลต่างๆ จนกระทั่งไปสะดุดตาเข้ากับคอมเมนต์มากมายในโพสต์ไอจีล่าสุดของผม ส่วนใหญ่คอมเมนต์จะไม่ค่อยเกี่ยวกับโพสต์นั้นนัก แต่เป็น... “สระ มีคนอยากให้เราไลฟ์ไอจีด้วยกันว่ะ”

“หะ? ใครวะ?”

“พวกที่จับเราจิ้นกัน”

“เหอๆ อะไรวะน่ะ ถึงขั้นขอให้ไลฟ์เลยเหรอะ ดาราก็ไม่ใช่ จะให้ไลฟ์ทำไมวะ?” สระผุดลุกขึ้นนั่ง คว้าเอาหมอนมาวางบนตักและเท้าแขนลงไป ดวงตาจ้องมองมาที่ผมซึ่งยังคงไล่อ่านคอมเมนต์ในไอจีต่อไป “มึงอยากไลฟ์ไหมล่ะ?”

ผมเลื่อนสายตาไปมองเขาอย่างแปลกใจ “มึงจะไลฟ์?”

“กูถามมึงก่อนป่ะนะ แหม่ คือถ้ามึงอยากไลฟ์กูก็ไลฟ์ด้วยได้”

“งั้นไลฟ์” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เมื่อสมองเล็งเห็นอะไรดีๆ ได้จากการไลฟ์ไอจีตามคำเรียกร้องของใครหลายๆ คนที่เป็นแฟนคลับคู่จิ้นของเรา

ผมจะถือโอกาสนี้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าสระน่ะ...เป็นของผม :)

หลังจากนั้นผมก็ทำการกดไลฟ์ไอจีทันที จำนวนคนดูค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วจนเข้าหลักพัน เล่นเอาทั้งผมทั้งสระตาโต...ทั้งที่เราสองคนยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำเพราะนี่มันเพิ่งจะสองนาทีเอง แต่คนดูนี่สิมาจากไหน!

“โห มาจากไหนกันครับเป็นพันคน” สระถามแทนสิ่งที่ผมสงสัย

ผมไล่สายตาอ่านคอมเมนต์ให้เขา “ติดตามอยู่ค่า ชอบพี่ๆ ทั้งสองคนมากเลย”

“โหย ขอบคุณนะครับที่ชอบเรา”

ผมไล่อ่านคอมเมนต์สลับกับตอบบ้างมองหน้าสระบ้าง จนมาถึงคำถามที่พูดถึงนาฬิกาคู่ของเราสองคน

“ได้ใส่นาฬิกาอยู่ไหมตอนนี้...อ๋อ ไม่ได้ใส่ครับ กลับมาถึงก็ถอดออกแล้วไปอาบน้ำกินข้าว จะนอนแล้วเลยไม่ใส่น่ะครับ” ผมตอบคอมเมนต์นั้น ใช่ว่าเราจะใส่นาฬิกาข้อมือทั้งวันทั้งคืนไม่ถอดออกนี่นา

เราคุยไปเรื่อยเปื่อยกับคนดูไลฟ์ หันมาคุยกันเองบ้างเวลานึกเรื่องอะไรออก จนกระทั่งผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงได้ สระก็มีท่าทีง่วงงุน ดวงตาปรือปรอย

ผมหัวเราะ “นอนไหมสระ”

“อื้อ ไม่ไหวแล้วอะ ตาจะปิดให้ได้เลย”

“งั้นปิดไลฟ์เนอะ” ผมถาม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “มึงไปหยิบขวดครีมมาทาก่อนนอนด้วยสระ ช่วงนี้ผิวมึงแห้งมาก ถ้าไม่อยากให้ผิวแตกก็ทาซะ”

“กูเป็นผู้ชายนะเว้ย ไม่ต้องทาก็ได้ป่ะวะ ครีมทาตัวเนี่ย”

“ผู้ชายจะดูแลตัวเองไม่ได้หรือไงล่ะ ไปเลย ไปหยิบมา”

“ง่วงแล้วนะ~ สระไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากล้มตัวลงนอน” เขาเริ่มออกอาการงอแง

ผมแกล้งทำหน้าเข้ม “สระ ไม่ดื้อดิครับ”

เจ้าตัวเลยยู่หน้าใส่ผมแล้วยอมเดินไปหยิบครีมทาผิว แต่แทนที่เขาจะทาเองกลับยื่นขวดครีมมาให้ผม

“เอ้า”

“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ

สระถอนหายใจ “ทาให้หน่อย จะนอนแล้ว”

เท่านั้นล่ะผมก็หลุดหัวเราะออกมาทันที เจ้าดื้อของผมเวลางอแงก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย แต่ถามว่าผมตามใจเขาไหม? แน่นอนว่าใช่ ถ้ามันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงผมก็พร้อมจะทำให้เขาทุกอย่างแหละ

ผมกำลังจะวางโทรศัพท์ในมือลง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไลฟ์ไอจีทิ้งไว้อยู่ และ...ฉิบหายแล้ว ทุกอย่างที่ผมกับสระคุยกันเมื่อกี้เท่ากับว่ามันออกอากาศสู่สายตาประชนชนเป็นพันคนไปหมดเลยน่ะสิ!

ผมยิ้มแหย เอ่ยลาเร็วๆ กับทุกคนแล้วกดปิดการไลฟ์ทันที ขณะที่สระดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากอยากนอน เขาล้มตัวลงนอนแผ่ หลับตาพริ้มอย่างน่ารัก ทิ้งให้ผมต้องมานั่งทาครีมให้เขาทั้งแขนและขา

ผมบีบครีมใส่ฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ทามันลงที่แขนของอีกฝ่ายก่อน สระไม่ได้ผอมมากแต่ก็ไม่ได้ร่างกายใหญ่โตนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาดูโดดเด่นก็คือผิวที่ขาวไปทั้งตัว เจ้าตัวไม่ค่อยชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ก็เลยไม่ค่อยได้เจอแดด ผิวเลยขาวมากมายขนาดนี้ แถมมันยังนุ่มมือมากอีกต่างหาก สาบานสิว่านี่ผิวผู้ชายจริงๆ

ผมทาครีมให้เขาไปก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว...อย่างที่เคยบอก ใครบ้างจะไม่อยากสัมผัสคนที่ตัวเองชอบ และถึงแม้ว่าผมจะได้รับโอกาสนั้นแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้ทำอะไรเกินกว่าที่ควรจะทำ ผมต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้จุ๊บไปตามเรียวนิ้วของสระ

ความขาวกับความนุ่มของผิวกายอีกฝ่ายกำลังทำให้ผมจะบ้าตายแล้ว เฮ้อ!

สระนะสระ ทำไมไม่ทาเองล่ะเนี่ย! ทาครีมมันยากตรงไหน

แล้วดูมันนะ...ชิงหลับไม่ให้ทันได้รู้เนื้อรู้ตัวเลย ไอ้เจ้าดื้อเอ๊ย :)


_____________________________

กลับมาแล้ววว หายไปปิดต้นฉบับเรื่องอื่นมาค่ะ แฮ่ หลังจากนี้น่าจะได้อัพยาวๆ แล้วแหละ สักที เลิกดองสักทีสิ! แง้ 555 มันก็จะน่ารักไปแบบนี้เรื่อยๆ ค่ะ ว่าแต่สงสารพยัญชนะเนอะ แอบชอบเพื่อนสนิทก็ว่าแย่แล้ว ยังคิดอกุศลกับเขาแต่ทำอะไรไม่ได้อี๊ก แต่อย่าให้ทำได้นะ สระมีช้ำอะพูดแค่นี้ หึๆ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-01-2019 01:00:29
เอาใจช่วยพยัญชนะนะ ป่านนี้คนดูไลฟ์ฟินตายไปล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 20-01-2019 01:43:37
เอ็นดูเด็กน้อยทั้งคู่ ชอบที่สระเวลาอ้อนๆกรืองอแงจะแทนชื่อตัวเอง สระอย่างนั้น สระอย่างนี้ สระง่วงแล้ว น้องนะต้องใจเย็นๆนะ ขยันหยอดเยอะๆ  :o8: ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: vipsky ที่ 20-01-2019 09:54:59
นะก็เนียนเก่งจังน้าาาาา สระก็น่ารัก ขี้อ้อนแบบนี้ใครจะทนไหวว คนดูในไลฟ์น่าจะฟินตายไปละ เพื่อนบ้าอะไรอ้อนกันขนาดนี้ งุ้ยๆ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ku_nan_jung ที่ 20-01-2019 10:14:38
น่าสนใจมากๆ
น่าอ่านๆ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Three - (ค.) : ครีม (ความขาว) [20-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-01-2019 03:44:06
จะรอวันที่ลงไอจีแบบโต้รุ่ง  :z1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Four - (ง.) : เงาะ (งอน) [21-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 21-01-2019 22:29:47
Four

(ง.) : เงาะ (งอน)

 

[สระ]


“หน้าบูดเลยนะมึงไอ้หระ”

ผมหันไปทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมใส่ไอ้พี ไอ้เพื่อนทรพีก็เลยยิ่งแหย่ผมเข้าไปใหญ่ด้วยการเดินมาหยิกแก้มผมเล่น พ่อมึงไอ้สัด! เพื่อนเล่นเหรอ!?

ผมปัดมือมันออกเสียงดังเพี๊ยะ! “ไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้พี!”

“เอ๊า นี่ไปแดกรังแตนที่ไหนมา หงุดหงิดขั้นสุดมาก”

“มึงรู้ว่ามันอารมณ์ไม่ดีก็ยังไปแหย่มันนะไอ้พี” ไอ้ยูที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น พยักพเยิดหน้าแล้วเอ่ยอีกว่า “ดูหน้ามัน หงิกยิ่งกว่าขนในที่ลับ...”

“เชี่ยยู!” ผมงี้ถลึงตาใส่มันทันที จะเปรียบเทียบกับอะไรก็ได้ แต่ทำไมต้องเปรียบไปในทางจัญไรแบบนี้ด้วยวะ

“พูดถูกใจว่ะยู”

แล้วมันสองคนก็หันไปแท็กมือใส่กัน ส่งเสียงหัวเราะลั่นห้อง ไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจใครทั้งนั้น จะมีก็แต่ไอ้เจ็มที่ส่ายหน้าเอือมๆ แล้วเดินมานั่งลงข้างผม กวาดสายตามองไปรอบห้อง

“รูมเมทมึงไปไหนอะสระ”

“ไอ้นะไปซื้อขนม”

“อ่อ แล้วตกลงมึงเป็นอะไร ทำไมหน้าตาดูไม่ได้เลยวะ?”

ผมถอนหายใจใส่ไอ้เจ็ม “ก็กระแสคู่จิ้นของกูกับไอ้นะอะดิ แม่ง เพราะมันคนเดียวเลย เสือกลืมปิดไลฟ์เมื่อวาน ตอนนี้เหมือนกูโดนคนทั้งโลกจ้องมองมาทุกครั้งที่เดินออกไปนอกหอพักเลย”

“มึงก็เว่อร์ แค่มีสายตามองมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ ยังไม่ชินอีกรึไง”

“ไม่ชิน!” ผมหันไปเถียงใส่ไอ้พี “แค่มองกูจะไม่ว่าเลย แต่กรี๊ดใส่เอย ซุบซิบกันเองแต่ดังมาเข้าหูกูเอย ไอ้เหี้ยใครมันจะไปชินได้บ้างวะ”

“แล้วเขาซุบซิบกันว่าไรวะ ทำไมมึงต้องไปใส่ใจขนาดนั้นด้วย?” คราวนี้ไอ้ยูถามบ้าง

คำถามของมันทำให้ผมหน้าบูดลงอีกครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากันจนไม่ต้องส่องกระจกผมก็รู้ได้ว่าหัวคิ้วมันต้องชนกันแล้วแน่ๆ ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ไล่ความหงุดหงิดที่ยังตกค้างอยู่ไม่หาย ไอ้คำซุบซิบที่ลอยมากระแทกหูน่ะ ผมไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ แต่มันทำให้เขินแปลกๆ มากกว่าน่ะสิ

แต่ผมจะไม่พูดแบบนี้ออกไปให้พวกเพื่อนส้นตีนนี่ฟังเด็ดขาด!

“ช่างมันเถอะ” สุดท้ายผมก็ตัดบท เป็นฝ่ายเอ่ยถามพวกมันแทน “แล้วนี่พวกมึงมาทำอะไรกันที่หอกู”

“อ้าว มึงไม่รู้เหรอ?”

“รู้อะไรอีกอะ กูไม่รู้ไงถึงได้ถามเนี่ย มึงก็พูดอะไรโง่ๆ อีกแล้วว่ะพี”

“เอ้าไอ้สาสสส กวนตีนนักนะครับ”

ไอ้พียื่นมือมาตบหัวผมเบาๆ แต่มีหรือที่ผมจะยอม ตบกลับสิครับงานนี้ ใครกันแน่ที่กวนตีนกันก่อน มันทั้งนั้นเหอะ ชอบหาเรื่องแหย่ผมให้หงุดหงิดใจ ส่วนผมรู้ทั้งรู้ว่าโดนเพื่อนหยอกเล่นแต่ก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้ อ่า ผมว่าทั้งผมทั้งมันนี่พอกันเลยว่ะ เหมือนคนบ้า เฮ้อออ

“พวกกูมาเพราะไอ้นะโทรตาม”

“ไอ้นะ?” ผมทวนถาม หันไปมองไอ้เจ็มอย่างต้องการคำอธิบายมากขึ้น

“เออ มันบอกว่ามึงงอนมัน เลยอยากให้พวกกูมาช่วยง้อ” ไอ้ยูช่วยขยายความ

“ห่า งอนกันเองแทนที่จะง้อกันเอง ดันมาขอให้พวกกูช่วย งงมากครับเพื่อน บอกเลยว่าไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้มันคิดว่าพวกกูมาช่วยแล้วมึงจะหายงอน”

“กูไม่ได้งอน” ผมขึงตาใส่ไอ้พี ย้ำแม่งอยู่นั่นว่ากูงอน กูเปล่าซะหน่อย

“เหรอออ หน้ามึงหงิกยิ่งกว่าขนในที่ลับอย่างที่ไอ้ยูมันว่าเป๊ะ ถ้าไม่งอนเรียกว่าอะไร?”

“เรียกว่าหงุดหงิดใจ และกูขอเถอะเลิกเปรียบเทียบกับขนไอ้นั่นสักทีได้มั้ยสัส!” ผมด่าไอ้พีแล้วเราสองคนก็ตบตีกันอีกรอบ ไอ้เจ็มเลยต้องเข้ามาจับแยก

“พอเลยๆ พวกมึงนี่อย่างกับเด็กสองขวบตีกันแย่งจุกนม”

“แต่ไอ้นะมันบอกว่ามึงไม่ยอมคุยกับมันเลยไม่ใช่เหรอ?” ไอ้ยูดึงเราทั้งหมดกลับเข้าประเด็นเดิม

ผมกลอกตา “เออ กูไม่คุยกับมัน เพราะกูโกรธที่มันไม่ยอมปิดไลฟ์”

“เรื่องแค่นี้เอง มึงก็รู้ว่าไอ้นะมันแคร์มึงฉิบหาย อย่าไปโกรธมันเลยน่า มันคงลืมแหละ ไม่ได้ตั้งใจหรอกปะ?”

เอาล่ะ ผมรู้ว่าพวกมันกำลังกล่อมให้ผมเลิกงอน...ไม่ดิ เรียกว่าเลิกโกรธต่างหาก ใครงอน บ้า! ไม่มีสักหน่อย และใช่ พวกมันกำลังโน้มน้าวให้ผมเลิกโกรธไอ้นะ ถึงอย่างนั้นเอาเข้าจริงผมก็รู้แหละว่าไอ้นะมันไม่ได้ตั้งใจ มันมัวแต่ห่วงผมว่าจะไม่ยอมทาครีมก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นในไลฟ์นั่น

“ใช่ อย่างไอ้นะถ้ามันไม่ลืมมันก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครได้เห็นมึงแบบนั้นแน่”

ผมขมวดคิ้ว “มึงหมายความว่าไงวะเจ็ม?”

คนถูกถามไหวไหล่ เหมือนจะบอกว่าเป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว พอผมหันไปไล่สายตามองไอ้พีกับไอ้ยูก็ดูเหมือนพวกมันจะรู้เช่นกัน แต่คือกูไม่รู้ไงเพื่อน กูตามไม่ทันนน

“เพราะกูไม่มีทางยอมให้ใครได้เห็นความน่ารักของมึงไง”

เสียงของคนที่ถูกพูดถึงดังขึ้นแทรกการสนทนาของเราสี่คน ไอ้นะยืนอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งเอาไว้ตั้งแต่พวกไอ้พีเดินเข้ามา ในมือของอีกฝ่ายมีถุงผ้าใบใหญ่สองใบ ในนั้นอัดแน่นไปด้วยของกินอย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่มึงเอาถุงผ้าไปซื้อขนมมาเหรอวะไอ้ชนะ?” ไอ้ยูถาม มันรับเอาถุงผ้ามาเปิดดู

“เออ ลดการใช้ถุงพลาสติกไง กูเลยพกถุงผ้าไป”

“คนดีของสังคมจริงๆ” ไอ้พีหันไปสุมหัวรื้อหาของกินกับไอ้ยู ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่ที่เดิมเพราะตามสิ่งที่พวกมันพูดไม่ทัน เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดไวมาก เดี๋ยว มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนได้ไหมเนี่ยยย

ไอ้เจ็มตบบ่าผมแล้วทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “มีแค่ไอ้นะที่มึงชอบอ้อนใส่ ความน่ารักของมึงตรงนั้นไอ้นะมันก็คงอยากจะให้มีแค่มันที่ได้เห็นคนเดียว ทีนี้เข้าใจยัง?”

ผมไม่ทันได้ตอบไอ้เจ็มก็ถลาไปแย่งขนมกับพวกไอ้พีซะแล้ว...ผมมุ่นคิ้วคิดตาม ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนสนิทมาทรุดลงนั่งบนเตียงข้างกัน รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่อีกฝ่ายคว้ามือผมไปจับเอาไว้ บีบที่ฝ่ามือเบาๆ เหมือนจะเรียกร้องความสนใจไปพร้อมๆ กับง้อผมให้ใจอ่อน

“กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะเว้ยสระ”

ผมมองหน้ามัน ไม่ตอบอะไรทำเพียงถอนหายใจใส่ ไอ้ห่า วันนี้ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ววะ

เห็นดังนั้นไอ้นะก็หน้าเสียไปอีกรอบ “สระ นะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ หายโกรธเถอะน้าา”

“เออๆ ไม่โกรธแล้วก็ได้” ผมคงต้องยอมแพ้ มีไม่กี่ครั้งที่ไอ้นะจะอ้อนผม พอมันอ้อนมาทีผมก็ใจบางไปหมด จริงๆ ก็หายโกรธตั้งนานแล้ว ที่เหลืออยู่คืออาการหงุดหงิดงุ่นง่านมากกว่า

“จริงปะ?!”

ผมไหวไหล่ “อือ มึงลืมนี่หว่า กูก็โกรธไปงั้น ไม่ได้จริงจังอะไร”

“นี่ขนาดมึงไม่จริงจังยังไม่คุยกับกูเป็นวันๆ”

“กูพาลเองงง ขอโทษได้ปะล่ะ” ผมขึงตาใส่มัน

ไอ้นะหัวเราะพลางยิ้มจนตาหยี “ขอโทษเหมือนกันที่ทำให้คนจับตามองมึงมากขึ้น ทั้งที่มึงไม่ชอบ”

“กูควรทำใจให้ชินใช่หรือเปล่า ไหนๆ ก็ถูกจับเป็นคู่จิ้นกับมึงและคงต้องเจอเรื่องพวกนี้อีกเยอะอะ”

“อือฮึ ถ้ามึงทำใจให้ชินแล้วมึงจะเฉยๆ กับทุกสายตาไปเอง เชื่อกู” พยัญชนะบีบมือผม แถมยังส่งยิ้มกว้างๆ นั่นมาให้ด้วย แล้วผมจะไปพูดอะไรได้ล่ะนอกจาก...

“จะพยายามแล้วกัน”



พอลองทำตามที่พยัญชนะเพื่อนรักบอก ผมก็พบว่ามันทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นเยอะเลย แบบว่าถ้าเราไม่สนใจกับสายตาที่มองมา เราก็จะไม่ต้องหงุดหงิดใจ ยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ได้มองเพราะผมไปทำเรื่องอื้อฉาวหรือสิ่งที่ไม่ดี แต่เขามองเพราะชื่นชอบ แม้จะเป็นความชื่นชอบที่ชวนให้ผมกระอักกระอ่วนใจไปหน่อยก็เถอะ

“สระ เร็วเข้า จะสายแล้ว” ไอ้นะเอ่ยเร่งผมที่กำลังใส่รองเท้าก่อนออกจากห้อง

“รู้แล้วๆ”

“บอกแล้วว่าอย่านอนดึก ตื่นสายจนได้เนี่ยเห็นมั้ยไอ้ดื้อ”

“ขอโทษได้ไหมอ่า เล่นเกมติดลมไปหน่อยนี่หว่า” ผมเถียงอุบอิบ ปิดประตูห้องแล้วถอยออกมาให้ไอ้นะล็อกกุญแจ เรียบร้อยแล้วเราก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟต์

“ไอ้ดื้อเอ๊ย สอนไม่รู้จักจำว่าอย่าเล่นเกมถ้าอีกวันมีเรียนเช้า” เพื่อนรักบ่น ยัง ยังไม่เลิกบ่นอีก

ผมแกล้งขึ้นเสียงใส่มัน “มึงเป็นพ่อกูเหรอมาสั่งมาสอนเนี่ยหา!?”

ไอ้นะเห็นผมทำขึงขังใส่ก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากผมไม่แรงนัก สีหน้าของมันติดไปทางตลกขบขันมากกว่าจะโกรธกับคำพูดของผม แถมมันยังเลื่อนมือไปขยี้หัวผมอีกต่างหาก โว้ย ผมกูยุ่งหมดแล้ว! ถึงปกติจะยุ่งเหยิงเพราะไม่ค่อยหวีอยู่แล้วก็เหอะ

“กูไม่ใช่พ่อมึงหรอก”

“ช่าย เพราะงั้นมึงไม่ควรบ่นกูเยอะแย...”

“แต่เป็นว่าที่แฟนของมึงอะ”

กึก

เหวอสิครับ เชี่ยนะ ว่าที่แฟนเฟินห่าอะไรล่ะไอ้สัส!

“ส้นตีนกูมั้ยครับเพื่อน” ผมยกกำปั้นต่อยไหล่อีกฝ่ายไปหนึ่งทีถ้วน คนโดนต่อยนอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังหัวเราะดังลั่นลิฟต์อีกต่างหาก

“อ้าว กูจริงจังนะเนี่ย”

“รอให้กูอยากเป็นแฟนมึงก่อนแล้วกัน จะยอมให้มึงเป็นแฟนกูทันทีเลย” ผมพูดออกไปส่งๆ ก้าวเท้าออกจากลิฟต์เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เลยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของเพื่อนสนิท

“มึงพูดแล้วนะ อย่าลืม”

“เออออ ไม่ลืม แต่ตอนนี้รีบไปมหา’ลัยได้แล้วปะ? เดี๋ยวก็สายจริงๆ หรอก” ผมว่าพลางจับมือมันลากให้เดินตามมาไวๆ พอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ไอ้นะมันซื้อให้ แล้วเห็นว่าเหลือไม่ถึงสิบห้านาทีก็มีแต่ต้องรีบวิ่งเท่านั้น

สุดท้ายเราทั้งคู่ก็วิ่งกันมาจนถึงห้องเรียนทันแปดโมงครึ่งแบบเฉียดฉิว นั่งลงได้ก็พากันเหนื่อยหอบ หายใจเฮือกๆ เอาอากาศเข้าปอด แต่ก่อนที่จะทันได้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ประธานรุ่นหรือก็คือไอ้เจ็มเพื่อนผมก็เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องแล้วประกาศเสียงดังให้นักศึกษากว่าสามสิบชีวิตได้ยินโดยพร้อมเพรียงว่า...

“อาจารย์แจ้งมาว่าจะเข้าสอนช้าหนึ่งชั่วโมงครับทุกคน!”

“โหยยย”

แน่นอนครับว่าเสียงโหยหวนของพวกเราดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายเช่นกัน อะไรว้า แล้วที่กูเหนื่อยวิ่งมาสุดตีนคืออีหยัง ว้อยยย เสียแรงฟรีเลยไอ้หำ!

“กูไม่น่ารีบเล้ย!” ผมโวยวาย “เหงื่อที่เสียไปใครจะชดใช้ให้กูอะ!”

“ตลกแดกเหรอสระ” ไอ้นะหัวเราะ มันขยับเข้ามาช่วยสางเส้นผมของผมที่ชี้ฟูไปหมดเพราะรีบวิ่งมา เห็นแบบนั้นผมก็เลยยื่นมือไปลูบผมให้มันบ้าง แต่เอาเข้าจริงหัวไอ้นะแทบไม่ต้องจัดทรงเลยอะ มันได้วิ่งหน้าตั้งมากับผมจริงๆ หรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมหัวไม่ฟูเลยวะ

“กูรีบมาเพื่ออะไรอะ หิวเลยเนี่ย” ผมยังคงบ่นต่อไป

“หิว?” พยัญชนะเลิกคิ้ว “แต่ก่อนออกมาก็กินข้าวไปแล้วนี่”

“กินแบบรีบๆ ยังไม่ทันอิ่มเลยเหอะ แม่ง อาจารย์ก็น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้หน่อย”

“กูพกเงาะมากินเปล่า?” ไอ้พีเสนอหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังชูถุงเงาะมาให้ดูด้วยอีกต่างหาก

ผมมุ่นคิ้ว กะพริบตามองไอ้เพื่อนตัวดี “มึงพกเงาะมาเรียนทั้งถุง?”

“เออ แวะซื้อเมื่อเช้าอะ เลยหิ้วมาด้วยเลย” ไอ้พีขยายความ ก่อนจะผลักหัวผมทีหนึ่ง “ไม่แดกก็จบ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกูแปลกประหลาดไอ้ฟาย!”

“มึงมันแปลกจริงๆ นี่หว่า”

“แค่พกเงาะมาเรียนด้วยมันแปลกตรงไหน?”

ผมยิ้มกริ่ม “ไม่ได้แปลกที่เงาะ แต่แปลกที่มึงอะ หน้าตาแปลกประหลาด”

ผัวะ!

เท่านั้นล่ะผมก็โดนตบกะโหลกดังลั่น โอ๊ย! เจ็บนะไอ้เหี้ยพี๊!

“นะ ไอ้พีมันตบหัวสระอะ!” ผมหันไปอ้อนเพื่อนรักทันทีที่โดนประทุษร้าย “จัดการมันให้สระหน่อยดิ”

แล้วมีหรือคนที่ตามใจผมยิ่งกว่าใครอย่างไอ้นะจะไม่จัดการให้ตามคำขอ มันยื่นมือไปโบกหัวไอ้พีกลับเต็มแรง ผมงี้หัวเราะสะใจไม่สนด้วยว่าจะเสียงดังลั่นห้องเรียนมากแค่ไหน นาทีนี้ขอขำให้เต็มที่ก่อนครับ มีความสุขโว้ย!

“ไอ้เชี่ยนะ มึงแม่งตามใจแฟนมากไปล่ะ มันขอให้ทำอะไรให้ก็ทำงี้เหรอ” ไอ้พีแยกเขี้ยวใส่ไอ้นะ ลูบหัวตัวเองตรงที่โดนโบกป้อยๆ

“แฟนพ่องงง” ผมอ้าปากด่าทันที แต่....

“คำสั่งแฟน กูจะกล้าปฏิเสธได้ไง”

กึก

ครั้งที่สองของวันที่ผมต้องชะงักงันไปกับคำพูดคำจาของไอ้นะ โว้ยยย

“ก็บอกว่าไม่ใช่แฟนไง!”

นอกจากไม่ฟังแล้วยังหันไปหัวเราะกันเองอีก ไอ้พวกเพื่อนเวรรร

ผมระบายความหงุดหงิดที่เพื่อนไม่ยอมฟังกันด้วยการแย่งถุงเงาะจากไอ้พีมากิน ไอ้ยูที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามากินด้วยทันที สายแดกอย่างมันมีหรือจะพลาด อีกนิดก็แดกโต๊ะแดกเก้าอี้ด้วยแล้ว...กำลังจะแกะเปลือกเงาะออกแต่ไอ้นะดันมาแย่งไปแกะให้แล้วยื่นเงาะที่แกะแล้วมาจ่อปากผม

“อะ เร็ว เดี๋ยวมือกูเปื้อน”

พอโดนเร่งผมก็เลยรีบงับเนื้อเงาะเข้าปากทั้งลูก เคี้ยวจนเนื้อหลุดออกจากเม็ดจนหมดก็คายเม็ดออกมาทิ้งใส่ถุงพลาสติกที่ไอ้นะมักจะพกติดกระเป๋าไว้เสมอ มันบอกว่าเอาไว้ใส่ของจุกจิก บางทีผมก็คิดนะว่านิสัยบางอย่างของมันไม่เหมือนใครดี จะมีผู้ชายกี่คนที่พกถุงไว้ใส่ของกันครับ อ้อ ไม่นับถุงยางนะ อันนั้นไม่แปลกที่จะพก

“ขออีก”

“รู้แล้วว่าลูกเดียวมึงกินไม่อิ่มหรอก” ไอ้นะพูดยิ้มๆ ผมเลยยู่หน้าใส่มันแล้วอ้าปากรับเงาะชิ้นต่อไปเข้าปาก กินจนหมดไปอีกลูกก็เพิ่งจะเห็นว่านิ้วไอ้นะมันเปื้อนน้ำเงาะ จะว่าไปเงาะลูกเมื่อกี้ก็ฉ่ำน้ำมากด้วย ยังไงก็ต้องมือเปื้อนอยู่ดี

ผมหันรีหันขวางมองหาทิชชู่ ไอ้นะเองก็รื้อกระเป๋าหาของที่ว่านั่นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะหาไม่เจอแฮะ

“วันนี้ลืมหยิบทิชชู่ติดมาเหรอ?” ผมถาม

“คงงั้นอะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไป...”

จ๊วบ

ถ้าถามว่าเมื่อกี้เสียงอะไร ผมก็จะตอบให้ว่าเป็นเสียงดูดนิ้วของผมเอง ไม่ดิ...นิ้วไอ้นะ แต่คนดูดคือผม

ผมเห็นว่ามันกำลังจะหยดเปื้อนโต๊ะเลกเชอร์ก็เลยคว้ามาเอาเข้าปากโดยไม่ทันได้คิดให้ดีอะ รู้ตัวอีกทีก็ดูดจนเกิดเสียงดังลั่นไปซะแล้ว อ่า...ฉิบหายเถอะ นี่กูทำอะไรลงป๊ายยย

ไอ้นะเบิกตาโตมองผมอย่างอึ้งๆ ส่วนผมก็ได้แต่ผละปากออกแล้วยิ้มแหยให้มัน “ขอโทษที มันไปเอง”

“...” ไอ้นะยังคงเงียบ มันเหลือบมองนิ้วมือตัวเองที่เพิ่งโดนผมลวนลามด้วยปากไป

“นะ มึงโกรธกูเหรอ...” ผมเม้มปากแน่น คือบางทีมันอาจจะรังเกียจน้ำลายผมก็ได้ไง ทุกอย่างมันไปเองทันทีที่สมองคิดออกอะ “กูไม่อยากให้มันหยดเปื้อนโต๊ะเรียนอ่า จะเอามือกูไปเช็ดเองก็ไม่อยากเปื้อนด้วย “นะ โกรธจริงดิ?”

“เปล่าๆ” เพื่อนสนิทของผมส่ายหน้ารัวๆ ทั้งที่สีหน้ามันยังดูอึ้งงันอยู่เลย “กูไมได้โกรธนะ กูก็แค่...”

“แค่อะไร?”

ไอ้นะมีสีหน้าลังเล แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก งั้นเดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“อ่อ เออๆ รีบกลับมาก่อนอาจารย์เข้าคลาสนะเว้ย”

“อืม”

ผมมองตามหลังไอ้นะที่ก้าวไวๆ ออกจากห้องเรียนไป รู้สึกผิดไม่น้อยที่เอาน้ำลายไปป้ายอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็หันกลับมามองรอบกาย แล้วพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาสารพัดแบบ มันมีทั้งอึ้ง ตกใจ ยิ้มกริ่ม เพื่อนผู้หญิงบางคนพากันกรี๊ดกร๊าดอะไรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

อะ...หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้พวกมันเห็นกันหมดเลย!?

ผมเบิกตากว้างบ้างแล้วทีนี้ มองทุกคนหน้าเหลอ รู้สึกแก้มมันร้อนๆ ขึ้นมา ไม่ต้องเดาใครก็บอกได้ว่าผมกำลังอับอายมากขนาดไหน อ๊ากกก นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ยยย

ได้ยินเสียงไอ้เพื่อนเฮงซวยสามคนมันคุยกันแว่วมาเข้าหู...

“มึงว่าจะมีรูปหลุดออกไปอีกเปล่าวะ?”

“ไม่เหลือ เมื่อกี้กูเห็นพวกไอ้กิ่งแอบถ่ายรูปพวกแม่งตั้งแต่ป้อนเงาะลูกแรกแล้ว”

“แล้วมึงว่าไอ้นะมันออกไปทำอะไรที่ห้องน้ำวะ?”

“อ้าว มันไม่ได้ไปล้างมือเหรอ?”

“ก็ด้วย แต่กูว่ามันไปสงบสติอารมณ์เป็นหลักว่ะ”

“ทำไมต้องทำงั้นอะ?”

“เอ๊า โดนไอ้หระดูดนิ้วขนาดนั้น เป็นกูนี่เสียวไปถึงไข่แล้วสาสสส หวิวมากกูมั่นใจ”

ผมเองก็มั่นใจว่าหน้าตัวเองต้องแดงแปร๊ด่ไปถึงลำคอแล้วตอนนี้ เมื่อพอจะเข้าใจได้ว่าที่พวกมันพูดถึงน่ะคืออะไร แล้วในท้ายที่สุดผมก็เลยได้แต่แก้ความเขินด้วยการ...

“ไอ้พวกเหี้ย!!!”

หันไปตะโกนด่าเพื่อนเหี้ยทั้งสามตัวแล้วซัดหมัดใส่พวกมันคนละตุ้บสองตุ้บ



______________________

คิดว่าพยัญชนะไปทำอะไรที่ห้องน้ำคะ ._.



หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Four - (ง.) : เงาะ (งอน) [21-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2019 01:26:16
สระเอ้ย ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Four - (ง.) : เงาะ (งอน) [21-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2019 01:37:33
นี่มัน.......ฉากดูดนิ้วในหนังจีนสมัยก่อนนิ เปลี่ยนจากน้ำเชื่อมเป็นน้ำเงาะแทน   :laugh:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Five - (จ.) : จมูก (จุ๊บ) [29-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 29-01-2019 21:23:38

Five

(จ.) : จมูก (จุ๊บ)

 

[พยัญชนะ]


ไม่ไหวแล้วว่ะ

ผมคิดแบบนี้จริงๆ นะ ผมว่ามันเริ่มจะไม่ไหวแล้วอะ บางทีสระก็เป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ขี้โกงเก่ง แต่บางทีมันแม่งก็โคตรจะซื่อบื้อ เด๋อด๋า ตามคนไม่ค่อยทัน (หรือจะพูดให้ถูกก็คืออะไรที่เกี่ยวกับความรักหรือเรื่องเพศ มันไม่เคยตามใครทันเลยจะถูกกว่า)

อย่างเมื่อวันก่อนนั่นก็เหมือนกัน มันจะรู้บ้างไหมวะว่าการถูกเลียนิ้วแบบนั้นน่ะ ทำให้คนถูกกระทำอย่างผมใจเต้นแรงแค่ไหน และจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันส่งผลกับหัวใจแค่อย่างเดียว แต่นี่ไม่ใช่ไง มันส่งผลกับส่วนอื่นของร่างกายผมด้วย เล่นเอาผมต้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์แทบไม่ทัน เฮ้อ

ช่วงนี้ผมก็เลยเลี่ยงที่จะแตะตัวมันเกินความจำเป็น ไม่อยากจะถูกทำอะไรให้ต้องใจสั่นตัวสั่นอีก แม่งเอ๊ย บาปกรรมของคนแอบรักป่ะวะ ทำไมต้องมาทรมานใจกับการถูกอ่อยโดยที่คนอ่อยไม่รู้ตัวด้วยเนี่ย

“นะ”

“อะไร” ผมขานรับเสียงเรียกของรูมเมทตัวเองโดยไม่หันไปมอง

“อยากกินหมูกระทะว่ะ”

“วันนี้?”

“อือ อยากกินมากเลยอะ เย็นนี้ไปกินด้วยกันเถอะ นะๆๆ” สระก้าวเข้ามานั่งข้างๆ ผมบนเตียงนอน และก่อนที่ผมจะได้ทันขยับถอยห่าง อีกฝ่ายก็โผลงนอนหนุนตักผมอย่างรวดเร็ว เล่นเอาผมไม่กล้าหลีกหนีไปไหน หนำซ้ำมันยังทำหน้าอ้อน ทำเสียงอ้อนใส่อีกต่างหาก

ตาย ผมต้องตายเพราะความน่ารักของมันเข้าสักวันแน่ๆ เลย

“...ก็ได้ ไปก็ไป”

“เยี่ยม! งั้นกูโทรชวนพวกไอ้พีเลยนะ”

“อ้าว นึกว่าอยากไปกับกูแค่สองคน”

ถึงจะพยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้มัน แต่เรื่องหยอดเรื่องจีบเนี่ยผมยังคงเดิมนะครับ มีโอกาสก็ต้องเล่นสักหน่อย มันอดไม่ได้น่ะ ปกติก็คอยหย่อนมุกจีบใส่อีกฝ่ายตลอดนี่นา แม้มันจะคิดว่าพูดเล่นก็เถอะ เฮ้อ

“อะ” สระชะงักไปเล็กน้อย สีหน้ามันเหลอหลาไปหมด มันจะยิ้มแหย “กูอยากกินเบียร์ด้วยอะ แต่กลัวไม่มีคนช่วยหารค่าเบียร์ เลยกะจะชวนพวกมันไปด้วย แฮะๆ แต่ถ้ามึงอยากไปแค่สองคนกับกูก็ได้นะ กูตามใจมึง”

ได้ยินแบบนั้นผมก็หลุดหัวเราะ ลูบหัวคนที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนไปหยิกจมูกอีกฝ่ายเบาๆ อย่างมันเขี้ยว สระร้องโวยวายแบบโอเวอร์ไปนิด น่าตีจริงๆ เลยว่ะไอ้ดื้อเอ๊ย

“ชวนพวกมันเถอะ กี่โมงร้านไหนก็บอกมันไป

“จริงป่ะ?” สระแหงนหน้าขึ้นมองสบตาผม สายตาของมันมีประกายความหวังเต็มเปี่ยม พอผมพยักหน้ารับมันก็ร้องเย้ดีใจยกใหญ่ แถมยังจับเอามือผมไปหอมอีกต่างหาก

สระโว้ยยย ทำอะไรของมึงงง

ผมแทบจะสิ้นสติ โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว โอย ทำไมหลังๆ มานี้ไอ้ดื้อของผมถึงได้เป็นฝ่ายทำดาเมจใส่ผมวะ ปกติมันต้องเป็นผมดิที่ทำให้อีกฝ่ายตาโตหรือตกตะลึงน่ะ

ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้สระหยิบโทรศัพท์มากดไลน์กลุ่มเพื่อชวนเพื่อนอีกสามคนไปกินหมูกระทะด้วยกัน ระหว่างพิมพ์แชตด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล มืออีกข้างของมันก็ยังเล่นนิ้วมือของผมไปด้วยพร้อมๆ กัน ผมก็อยากจะทักท้วงอยู่หรอกนะว่าจะทำให้ตัวเองลำบากทำไม แต่สัมผัสนุ่มนิ่มทำให้ผมเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้มันเล่นกับมือผมต่อไปเรื่อยๆ

ผมลอบยิ้ม หันกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ เหลือบมองสมาร์ตโฟนของตัวเองที่สั่นครืดๆ อยู่บนหมอนอีกใบ เห็นความเคลื่อนไหวบนหน้าจอเป็นข้อความที่พวกมันคุยกันในไลน์กลุ่มก็ได้แต่ส่ายหน้า คุยกันยาวเหยียดไม่หยุดแบบนี้ คงกำลังทะเลาะอะไรกันอยู่แน่ๆ และคนที่เถียงกันไม่เลิกก็คงไม่พ้นสระกับไอ้พี

“ไอ้เชี่ยพีแม่งกวนตีน”

นั่นไง เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด

ผมหลุดขำเบาๆ กับสีหน้าหงุดหงิดใจของสระ “มันทำอะไรมึงอีกอะ?”

“มันบอกจะไม่ช่วยหารค่าเบียร์ กูจะได้อดแดก โคตรชั่ว”

“มันไม่หารเดี๋ยวกูจ่ายให้เองก็ได้น่า”

“กูรู้ว่ามึงมันรวย อยากเลี้ยง ใจป้ำ...”

“ไม่ใช่แค่ใจที่ป้ำ ตัวกูก็อยากจะปล้ำมึงเหมือนกัน :)” ผมเอ่ยขัด ส่วนคนถูกขัดจังหวะก็ชะงักไปเล็กน้อย มันเหลือบขึ้นสบตาผม เหมือนกำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนหน้ามันจะแดงเรื่อขึ้นมานิดๆ แล้วฟาดมือลงบนต้นขาผมเสียงดังฉาดใหญ่ “โอ๊ย!”

“คนละปล้ำแล้วโว้ย!”

ผมหัวเราะ คว้ามือข้างที่เพิ่งตีผมไปมาจับ “มึงก็รู้ว่าไอ้พีมันกวนตีนไปงั้นเอง ยังไงมันก็ช่วยหารตลอด”

“ก็รู้ แต่เวลามันกวนตีนมาก็อดจะโมโหไม่ได้นี่หว่า”

“แล้วนัดพวกมันไว้กี่โมง”

“หมูกระทะก็ต้องกินตอนมืดๆ ค่ำๆ หน่อยดิ”

“ก็แล้วมันกี่โมงล่ะครับคุณสระ” ผมกลอกตาใส่อีกฝ่าย ว่าแต่ไอ้พี่กวนตีน มันเองก็จอมกวนเหมือนกันแหละ

สระหัวเราะชอบใจที่แกล้งกวนประสาทผมได้ “ประมาณหกโมงครึ่งอะ”

“นั่นเรียกว่ามืดค่ำเหรอ?”

“ก็มืดอยู่นะ”

“กวนตีน” ผมด่ามัน แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกัน

 

“จะไปยัง จะหกโมงแล้วนะ”

ผมถาม คว้าเอาเสื้อยืดสีขาวมาใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จ มาคิดๆ ดูแล้วทำไมต้องอาบด้วยวะ เดี๋ยวไปกินหมูกระทะก็ตัวเหม็นหัวเหม็นกลิ่นควันอยู่ดี แต่ก็นั่นล่ะ อาบไปแล้วก็แล้วกันไป กลับมาอาบใหม่ไม่ยากเย็นอะไรนักหรอก

“ไปเลยก็ได้ เผื่อรถติด” สระบอก แต่พอเขาหันมาเห็นผม เจ้าตัวก็เท้าเอวทำหน้าขึงขังใส่แล้วว่า “เปลี่ยนเป็นเสื้อสีเข้มๆ เดี๋ยวนี้เลยไอ้นะ เกิดกินๆ อยู่แล้วทำน้ำจิ้มทำอะไรหกใส่ขึ้นมา ซักยากตายห่า”

“โยนลงเครื่องซักไม่ยากหรอก”

“แต่ถ้ามันซักไม่ออกล่ะไอ้ควาย”

“โห แค่ใส่เสื้อสีขาวนี่กูกลายเป็นควายเลยเหรอวะ” ผมแกล้งทำหน้าเหลอหลา

สระเดินเข้ามาต่อยไหล่ผม “ตลกแดกเหรอพยัญชนะ”

“นั่นคำพูดกู”

“โว้ย! เปลี่ยนเสื้อ!”

ผมแกล้งยกมือยอมแพ้ “ครับที่รัก ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยครับ”

“กวนตีน”

ผมหัวเราะแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อทันทีก่อนจะโดนสระต่อยแขนเข้าอีกรอบ จะว่าไปอีกฝ่ายก็เหมือนภรรยาที่คอยดูแลสามีเลยเนอะ แต่อย่าพูดออกไปเชียว เดี๋ยวสระจะแยกเขี้ยวใส่ผม ฮะๆ

พอหกโมงผมกับสระก็ออกจากหอพักด้วยสภาพกางเกงขาสั้นสบายๆ กับเสื้อยืดสีเข้ม ตอนแรกอีกฝ่ายจะขึ้นรถเมล์ แต่ผมกลัวว่ารถจะติดก็เลยลากมันโบกแท็กซี่ไปร้านหมูกระทะร้านดังเจ้าประจำของเราแทน เป็นโชคดีที่แท็กซี่คันแรกที่เราโบกไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร เราก็เลยไปถึงร้านก่อนเวลานัดเกือบสิบนาทีได้

เลือกโต๊ะนั่งที่พอดีกับกลุ่มของพวกเราห้าคนถ้วนเรียบร้อย พอดีกับที่ไอ้เจ็มโทรมาหาผมเพื่อถามว่านั่งตรงไหน ห้านาทีต่อมาพวกมันอีกสามคนก็มาถึง พนักงานมาตั้งเตาให้พวกเราสองเตา แน่นอนว่าสระไม่ลืมที่จะสั่งเบียร์เพิ่มไปด้วย

“ผลัดกันไปตักของป่ะมึง” ไอ้ยูเอ่ยขึ้น

ผมลุกพรึ่บ “กูไป สระเฝ้าโต๊ะไว้นะ เดี๋ยวกูหยิบมาให้”

“อื้อๆ เอาสามชั้นมาเยอะๆ นะเว้ย”

“รู้แล้วว่ามึงชอบมาก ไม่ลืมหรอก”

“ดีมาก” ไอ้ดื้อของผมยกนิ้วโป้งพลางขยิบตาให้

ผมขยี้หัวมันเบาๆ ก่อนจะเดินไปยังโซนอาหารโดยมีไอ้พีกับไอ้ยูเดินตามหลังมา จากนั้นผมก็จัดการกวาดทุกอย่างที่สระชอบจนเต็มมือแล้วทยอยเดินกลับไปวางที่โต๊ะ เดินอยู่สองสามรอบนั่นล่ะถึงคิดว่าพอแล้ว ไว้อันไหนหมดแล้วอยากได้เพิ่มค่อยมาตัก

มหกรรมการย่างหมูเกิดขึ้นหลังจากนั้น เตาของผมมีแค่ผมกับสระ ส่วนอีกเตาไอ้สามคนนั้นจับจองไป ไอ้พีให้เหตุผลว่าไม่อยากแย่งพื้นที่บนเตากับสระ กลัวเด็กน้อยกินไม่ทันใจ เลยโดยไอ้ดื้อของผมฟาดหน้าด้วยต้นผักบุ้ง ทะเลาะกันได้ทะเลาะกันดีจริงๆ เลยพวกมันเนี่ย ฮะๆ

“สระ” ผมเรียกคนที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เพื่อนให้หันมาสนใจกัน พอเขาหันกลับมาผมก็คีบหมูสามชั้นที่จิ้มน้ำจิ้มเรียบร้อยไปจ่อปากเขา “อะ กินแล้วมาช่วยกันย่างได้แล้วครับคนดี”

สระชะงักไปแป๊บหนึ่งก่อนจะอ้าปาก แต่ผมดันนึกขึ้นได้ซะก่อนเลยดึงมือออก เจ้าตัวเลยเหวอแดก “เอ๊า ตกลงจะให้กูกินมั้ยเนี่ย”

“ลืมเป่า มันร้อน รอก่อนๆ” ผมบอกพลางเป่าให้หมูมันเย็นลง คีบจากเตาก็จ่อปากมันเลย เกิดสระกินเข้าไปแล้วปากพองขึ้นมาคงไม่สนุกแน่ “กินได้ละๆ”

ไอ้ดื้อของผมรับเอาหมูอร่อยๆ เข้าปาก ท่าทางเคี้ยวอย่างน่ารักทำให้ผมต้องอมยิ้ม ยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำจิ้มที่เปื้อนนิดๆ ตรงมุมปากอีกฝ่ายออก แล้วหันกลับมาย่างหมูต่อ

“มึงกินบ้างดิ อย่าเอาแต่ย่างให้กู”

สระบอกพลางคีบหมูชิ้นที่สุกพอดีมาเป่าแล้วจิ้มน้ำจิ้มจ่อปากผมบ้าง ผมรับมากินโดยไม่คิดอิดออด กลายเป็นว่าหลังจากนั้นทั้งผมทั้งสระก็สลับกันย่างหมูยัดใส่ปากตัวเองบ้าง ป้อนอีกฝ่ายบ้าง...ผมกระดกเบียร์ดื่มในจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เจ็มถือโทรศัพท์หันมาทางเราสองคน

“คุณสระกับคุณพยัญชนะครับ ทักทายผู้ชมหน่อยเร๊ววว”

ผมเลิกคิ้ว “มึงไลฟ์เหรอ?”

“เออ ให้ไวเพื่อน ทักทายหน่อย สาวๆ ฟัดคำว่ากรี๊ดมาเต็มช่องคอมเมนต์เลยเนี่ย” ไอ้พีที่นั่งข้างไอ้เจ็มเอ่ยเร่ง สระเลยหันไปยิ้มใส่กล้องโทรศัพท์ไอ้เจ็ม โบกมือไหวๆ หน้ายิ้มแฉ่ง

โคตรน่ารัก

“หวัดดีคร้าบบ สระรายงานตัวครับผม”

“ดีครับ” ผมโบกมือให้กล้องบ้าง แล้วหันมาย่างหมูต่อ “สระกินผักด้วย”

“ไม่เอาผักบุ้ง” อีกฝ่ายจ้องผักบุ้งที่ผมคีบขึ้นมาเขม็ง ช้อนตามองผมอ้อนๆ แล้วชี้ไปที่ผักกาดขาวแทน “กินอันนี้ แต่ไม่เอาผักบุ้ง”

“กินผักบุ้งแล้วสายตาดีนะไม่รู้เหรอ?” ผมบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหันไปใช้ช้อนตักเอาผักกาดขาวที่เปื่อยกำลังดีมาใส่ถ้วยพักไว้จนหายร้อนจัดก็ตักมันป้อนใส่ปากเพื่อนสนิท

“เอาเห็ดด้วยดิ เห็ดเข็มทองอะ”

“รู้แล้วจ้า”

“หมูๆ” สระคีบหมูป้อนให้ผมบ้าง ฉับพลันสายตาผมก็เบือนไปเห็นสีหน้ายิ้มกริ่มของเพื่อนอีกสามคน พวกมันกำลังมองมาที่เราสองครด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วไหนจะโทรศัพท์ที่ยังจ่อกล้องมาทางนี้อีก

อ่า...เมื่อกี้ก็คือเห็นกันหมดทั้งไลฟ์อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย เวรเถอะ เดี๋ยวไอ้สระก็โหวกเหวกโวยวายอายคนทั้งมหา’ลัยอีกรอบแน่เลย

ดูเหมือนไอ้พีจะคิดเหมือนผม เพราะมันรีบยกนิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบๆ ไว้ แล้วปล่อยให้ไลฟ์ดำเนินต่อไปแบบเงียบๆ คือหมายถึงพวกเราพากันทำทุกอย่างเป็นปกติ แค่ไม่ได้พูดคุยกับคนที่กำลังดูไลฟ์นี้อยู่ก็เท่านั้น

“นะ”

“ครับ” ผมหันไปตอบรับเสียงเรียก

สระยิ้มกว้าง “อยากกินไอติม”

“อิ่มหมูกระทะแล้วเหรอวะ”

“ยัง แต่อยากกิน”

“กินของคาวให้หมดก่อนสิ เบียร์น่ะยังเหลือด้วย อยากกินก็กินไปให้หมดเลย” ผมบอกหน้าตาย

คนฟังตาโต “โห ให้กูกินหมดนั่นก็สลบคาโต๊ะแน่ กี่ขวดที่เหลืออยู่ มึงนับ!”

“เอ๊า ก็มึงเป็นคนสั่งป่ะครับ”

“แต่ก็สั่งมาเผื่อพวกมึงนี้หว่า ไม่ได้จะแดกคนเดียว”

“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่หาร” ไอ้พี่เอ่ยแทรกขึ้น สระเลยหันไปจวกใส่มัน มองผ่านโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไอ้พีเหมือนลืมไปแล้วว่ากำลังไลฟ์อยู่

“งั้นมึงก็อย่าแดกสิวะ เปิดไปสองขวดมาบอกไม่หาร พ่องงง ใครจ่ายล่ะไอ้ฟัก!”

“มึงจ่ายไงหระ”

“ถ้ากูจ่ายได้กูจะชวนมึงมาหารค่าเบียร์ป่ะเชี่ยพี มึงแม่งส้นตีนอะ รู้งี้กูมากับไอ้นะสองคนดีกว่า ชวนพวกมึงมาแล้วกวนประสาทกูฉิบหาย” สระเริ่มงอแงนิดๆ แล้ว ส่วนผมก็ได้แต่นั่งดูพวกมันลับฝีปากกันโดยไม่ห้าม เพราะรู้ว่าแม่งก็ทะเลาะกันเล่นๆ ไปงั้น ไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่

“อ้าว เกี่ยวไรกับกูวะเพื่อน” ไอ้เจ็มถึงกับเหวอ

ไอ้ยูกระตุกยิ้มมุมปาก “มึงอยากมาเดตกับไอ้นะแค่สองคนก็บอก”

สระถึงกับเหวอบ้างแล้วคราวนี้ อีกฝ่ายอ้าปากค้างเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาเห็ดหอมชิ้นหนึ่งปาใส่คนพูด ตามด้วยผักบุ้งหนึ่งกำมือที่เกือบจะปลิวกระจายลงทั่วโต๊ะไปแล้ว ดีที่ผมเอื้อมมือไปจับกุมมือบางเอาไว้ได้ทัน รีบแกะนิ้วมันเพื่อเอาผักบุ้งออกมาวางลงที่เดิม ก่อนเกี่ยวปลายนิ้วของตัวเองเข้ากับปลายนิ้วของอีกฝ่าย บีบมือนิ่มเบาๆ เป็นการปลอบให้อารมณ์ดี

“อย่าทำร้ายผักสิสระ มันไม่ผิดนะ”

“แค่มันเป็นผักบุ้งก็ผิดแล้วเว้ยมึง” สระเถียง

ผมหัวเราะ “อันนี้ไม่ใช่ประเด็นแล้วครับที่รัก หาเรื่องโยนผักที่ตัวเองไม่ชอบกินทิ้งก็บอก”

“เกลียดคนรู้ทัน”

“ในคอมเมนต์รัวเสียงกรีดร้องมาเต็มเลยไอ้ห่า” ได้ยินเสียงกระซิบคุยกันเบาๆ ของเพื่อนอีกสามคนมาเข้าหู...ผมลอบยิ้มโดยไม่พูดอะไร หันไปฟังสระพูดต่อแทน

“ไอ้นะมึงอย่าลืมเก็บเงินไอ้พีนะ มันแดกเบียร์ไปตั้งสองขวดแล้ว ต้องจ่ายเว้ย”

“โถ ไอ้ขี้งก!”

“กูไม่ได้รวยเหมือนมึงนี่”

เอาล่ะ มันหันไปเถียงกันอีกแล้วครับ ฮะๆ

“ถึงกูจะรวย แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่รวยกว่ากูนะ”

“ใครวะ?” ไอ้เจ็มเสนอหน้าเข้ามาถาม แต่คนตอบดันเป็นไอ้ยู

“ก็คุณพยัญชนะสุดที่รักของน้องสระไงครับผม ใช่ป่ะ?” แถมมันยังหันมายักคิ้วถามผมอีกต่างหาก

...แน่นอนว่าผมต้องรับมุกมันอยู่แล้ว เพื่อนชงให้ขนาดนี้ :)

“เออ กูรวย” ผมหันไปสบตาเพื่อนสนิทที่ผมไม่เคยคิดซื่อกับมันเลยสักนิด “แต่รวยแค่พอเลี้ยงสระคนเดียว”

ผมไม่รู้หรอกว่าปฏิกิริยาของเพื่อนที่เหลือจะเป็นยังไง หรือคนในไลฟ์จะรัวคอมเมนต์อะไรมา ผมรู้แค่ว่าหลังจากผมพูดจบ ไอ้ดื้อของผมก็ทำอีท่าไหนไม่รู้ให้น้ำซุปกระเด็นไปลวกจมูกตัวเองเข้าซะงั้น

“โอ๊ย!”

“เฮ้ย!” ผมลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วอ้อมไปนั่งข้างอีกฝ่ายทันที “ไหนมาดูหน่อยสิ ทำยังไงให้โดนลวกวะไอ้ดื้อ”

“ก็เผลอปัดมือไปโดนช้อนแล้วน้ำซุปมันก็กระเด็นมาโดนเองนี่หว่า”

“จริงๆ เลยมึงเนี่ย” ผมบ่นได้แค่นั้น ปัดมือขาวออกเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันมีสิทธิ์ที่จะเป็นแผลพุพองหรือเปล่า แต่ถึงไม่เป็นก็คงจะแสบนิดๆ อยู่พักหนึ่งแหละนะ “แสบป่ะ?”

“แสบดิ แต่ไม่มากหรอก”

“ทำไงให้หายแสบดีวะ”

“แค่นี้เอง เดี๋ยวกูก็หาย”

ผมส่ายหน้า ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะปิ๊งไอเดียดีๆ ขึ้นมาได้ “รู้ละทำไง”

“..?” สระเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย

ผมยิ้มกริ่ม สองมือโอบกระชับใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ปลายจมูกไอ้ดื้อเบาๆ

จุ๊บ

“จุ๊บแบบนี้ก็น่าจะดีขึ้นเนอะ”

หลังจากนั้นสระก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันทีทันใด แถมยังต่อยไหล่ผมเต็มแรงแล้วบ่นหงุงหงิงแก้เขินว่า...

“ไอ้นะ~ แบบนี้เขาเรียกหลอกแต๊ะอั๋งกูแล้วไอ้สัด!”

ว้า โดนรู้ทันแฮะ :)



___________________

คิดว่าคนที่ดูไลฟ์ตายกันหมดหรือยังคะ? 55555

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Five - (จ.) : จมูก (จุ๊บ) [29-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-01-2019 23:29:17
นะร้ายมาก!!
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Five - (จ.) : จมูก (จุ๊บ) [29-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2019 03:15:24
สระเขินร้ายไปไหมเนี่ย  o18
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Six - (ฉ.) : ฉลาม (ฉิบหาย) [13-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-02-2019 20:47:17
Six

(ฉ.) : ฉลาม (ฉิบหาย)
 

[สระ]


ผม! จะไม่พูดถึงรูปที่ถูกแคปจากไลฟ์ของไอ้พีเมื่อวานว่ามันกระจายไปตามอินเตอร์เน็ตกี่พันรูป ทั้งที่ทุกรูปคือรูปคล้ายกันหมดเลย...ก็รูปที่ไอ้นะมันจุ๊บจมูกผมนั่นล่ะ ฮึ่ย!

เอาล่ะ ถึงแม้จะหงุดหงิดนิดหน่อยที่กระแสของผมกับไอ้นะกระพือขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมจะยึดมั่นตามความตั้งใจเดิม นั่นก็คือการช่างแม่งมัน กล่อมตัวเองว่าก็แค่กระแสคู่จิ้น ตราบใดที่การจิ้นของบรรดาสาววายทั้งหลายไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผม ผมก็ควรจะปล่อยเบลอต่อไป

ส่วนไอ้นะน่ะเหรอ? ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรมันเลยสักคำ เพราะแค่มันเห็นหน้าบูดบึ้งของผม มันก็ยิ้มแหย ยิ้มหน้าแห้งใส่ แล้วเอ่ยมาแค่สองประโยคเท่านั้น

‘กูขอโทษ’

กับ...

‘กูจุ๊บมึงเพราะมึงน่ารักนี่หว่า’

จบเลยครับ ผมพูดอะไรไม่ออกในทันที คิดมาตลอดว่าโดนคนชมว่าน่ารักยังไม่เท่าไหร่ โดนเพื่อนชมว่าน่ารักก็คงมีอย่างเดียวคือทำให้ผมขนลุก แต่พอเป็นไอ้นะที่พูดออกมา ผมกลับอายซะงั้น หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อน จะเปิดปากด่ามันยังทำไม่ได้เลย อึ้งเกินกว่าจะอ้าปากครับ

เพราะเห็นว่าผมไม่ได้ต่อว่าหรือต่อยมันเหมือนทุกทีล่ะมั้ง ไอ้นะก็เลยยิ่มแฉ่ง แล้วเอ่ยชวนผมไปเที่ยวเล่นบ้านมันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วพอนึกถึงแมวที่บ้านมันขึ้นมา ผมก็หายโกรธมันเป็นปลิดทิ้ง

“ไป!”

...และนั่นคือคำตอบของผมอย่างไม่ต้องสงสัย

ผมเคยไปบ้านไอ้นะอยู่สองสามครั้ง บ้านมันอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ถ้าไม่ติดงานอะไรที่มหา’ลัย ไอ้นะก็จะกลับบ้านช่วงวันหยุดทุกสัปดาห์ บางทีผมก็ไปด้วย บางทีผมก็ไม่ไป ส่วนบ้านผมอยู่ต่างจังหวัดก็เลยนานๆ กลับที อย่างมากก็เดือนละครั้งอะไรแบบนั้น

“สระ แวะกินข้าวเช้าก่อนมั้ย มึงหิวยัง”

“ไม่หิวเท่าไหร่ รอไปกินข้าวบ้านมึงก็ได้”

“อยากกินอาหารฝีมือแม่กูมากก็บอกมาเหอะ”

“ช่าย แม่มึงทำอาหารอร่อยจะตายไป ไม่เหมือนแม่กู นอกจากทำอาหารไม่เป็นแล้วยังชี้นิ้วสั่งพ่อให้ทำให้กินอีกต่างหาก” นินทาแม่ไปก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แม่ผมน่ะทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง ให้ทอดไข่ก็กลัวน้ำมันกระเด็นแล้ว อย่างว่าแหละเป็นลูกสาวคนเล็กของยาย ถูกเลี้ยงดูมาแบบประคมประหงมแทบไม่ต้องทำอะไรเอง ไม่แปลกเลยถ้าคุณนายของผมจะทำอาหารไม่เป็น

แต่อย่างน้อนแม่ก็ทำงานบ้านอย่างอื่นเป็นนะเว้ย ซักผ้า ล้างจานงี้ แม้ว่าเวลาขี้เกียจจะโยนให้พ่อทำให้หมดทุกอย่างเลยก็เถอะ ฮะๆๆ

“กูจะฟ้องป้าว่ามึงนินทาเขา”

“แม่ไม่เชื่อมึงหรอก!” ผมหันไปขึงตาใส่เพื่อนสนิทที่คิดจะสร้างความร้าวฉานให้ผมกับแม่

ไอ้นะหัวเราะ ขยี้หัวผมเล่นด้วยสีหน้าเหมือนพี่ชายที่กำลังมันเขี้ยวน้องชาย ผมปัดมือมันออกก่อนจะคว้ามือมันเมื่อเห็นว่ารถเมล์สายที่เรารอกำลังวิ่งมาจอดเทียบป้าย

“อ้าว รถมาไวแฮะ”

“ก็ดีแล้วไง” ผมดึงมือเพื่อนให้วิ่งขึ้นรถเมล์แล้วเลือกนั่งที่นั่งริมหน้าต่าง ให้ไอ้นะนั่งด้านนอกแทน ผมชอบมองวิว แม้ว่ามันจะมีแค่ตึก ถนน รถรา ร้านค้า และผู้คน อ้อ อาจจะมีนกกับเศษขยะบ้างนิดหน่อย แต่ก็นั่นล่ะ ผมก็ชอบที่จะมองมันอยู่ดี “ว่าแต่มึงจะกลับหอวันไหน”

“เช้าวันจันทร์มั้ง มีเรียนบ่ายก็น่าจะกลับมาทัน ถ้ารถไม่ติด”

“เช้าวันจันทร์นะเพื่อน มีด้วยเหรอที่รถในกรุงเทพฯ จะไม่ติดอะ” ผมยิ้มขำ ไอ้นะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วหันไปจ่ายเงินค่ารถเมล์ให้เราสองคน

ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบหูฟัง กดเลื่อนหาเพลงแรกที่อยากฟังที่สุดแล้วกดเล่นมัน เสียงเพลงจังหวะไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปไหลเข้าหู แต่แล้วเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้างก็ลดเหลือเพียงข้างเดียว เมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างกันเอื้อมมือมาดึงสายหูฟังออกไปข้างหนึ่ง แล้วเอาไปยัดใส่หูตัวเอง

ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ไอ้นะแค่ยักคิ้วให้ จากนั้นก็เอนหัวลงนอนซบไหล่ผม...คือจะฟังเพลงด้วยก็ไม่ว่า แต่มานอนซบไหล่นี่คืออะไรครับเพื่อน

“เพิ่งตื่นมึงก็ง่วงอีกแล้วเหรอ”

“กูไม่ได้ง่วง แค่อยากซบไหล่มึงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ เพราะกูเมื่อ...”

“ฝึกเอาไว้ก่อนได้เป็นแฟนกันจริงๆ ไง”

“...”

แฟน?

ผมตาโต รู้สึกว่าหน้ามันร้อนอีกแล้ว บ้าาา ผมไม่ได้เขินนะเว้ย “แฟนพ่องงง”

“แฟนมึงต่างหาก ไม่ใช่แฟนพ่อ”

“ตลกแดกเหรอไอ้นะ” ผมขุดเอาคำพูดประจำออกมาพูดอัดหน้าไอ้เพื่อนเวร คนฟังหัวเราะจนไหล่สั่น สะเทือนมาถึงตัวผมด้วยซ้ำเพราะมันยังนอนซบไหล่ผมไม่เลิก แต่ผมก็ขี้เกียจจะเถียงกับมันอีก เลยทำแค่ถอนใจใส่แล้วกลับไปฟังเพลงมองวิวนอกหน้าต่างเหมือนเดิม

เพลงในเพลย์ลิสต์เล่นไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากเพลงแรกไปเพลงที่สอง สาม สี่ มีทั้งเพลงไทย สากล หรือกระทั่งเพลงเกาหลี เพลงไหนที่ผมฟังแล้วคิดว่าเพราะผมก็ฟังหมดแหละครับ ดนตรีเป็นเรื่องของศิลปะไม่ใช่ความเข้าใจทางภาษา แค่ฟังโดยไม่ต้องเข้าใจความหมายมันก็มีความสุขได้

จู่ๆ ไอ้นะก็เอื้อมมือมาดึงโทรศัพท์ผมไป กดเลื่อนรายชื่อเพลงในเพลย์ลิสต์อยู่นาน ผมก็ได้แต่มองว่ามันอยากจะฟังเพลงอะไรกันแน่ และในที่สุดมันก็จิ้มเพลง Maybe I love you ของ Lenka

ทำนองเพลงจังหวะน่ารักสดใส เสียงหวานๆ ของคนร้องดังเข้ามาในหูของผมแทนที่เพลงไทยจังหวะเชื่องช้า ที่จริงแล้วเพลงนี้เป็นเพลงเก่านานหลายปีมากๆ แล้ว แต่ผมก็ชอบมันนะ เนื้อเพลงน่ารักดี

ฟังไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนักหรอก มาคิดเอาก็ตอนที่ไอ้นะสะกิดเรียกผมให้หันไปหามัน...อีกฝ่ายเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อสบตากับผมให้ถนัด เขาส่งยิ้มบางมาให้ น้ำเสียงทุ้มนุ่มส่งเสียงร้องตามเพลงที่เราทั้งคู่กำลังฟังอยู่

“And if I love you, and if I do”

“...”

“Then maybe baby, maybe you love me too”

ผมรู้ว่ามันมีความหมาย เขาไม่ได้เรียกผมเพื่อร้องเพลงให้ฟังเฉยๆ หรอก และที่จริง...ผมรู้ว่ามันมีอะไรมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมก็แค่ไม่เก็บมันมาคิด บางทีผมอาจจะยังไม่พร้อมที่จะยอมรับมันก็ได้ อะไรก็ตามที่ผมรู้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้นั่นล่ะ

ถึงอย่างนั้นเนื้อเพลงที่ไอ้นะเพิ่งร้องออกมาก็ดันกระตุกใจผมได้ เหมือนทุกครั้งที่มันแสดงท่าทีเกินเพื่อนกับผมออกมาอะแหละ

และถ้าฉันรักเธอ ถ้าฉันทำอย่างนั้น

บางทีนะที่รัก บางทีเธออาจจะรักฉันบ้างเหมือนกัน

อ่า งั้นเหรอ

 

เรามาถึงบ้านของไอ้นะตอนเกือบๆ เก้าโมง รถไม่ติดเข้าขั้นฉิบหายตายห่าก็เลยมาถึงไว ถ้ารถติดมากก็นั่นล่ะครับ น่าจะมาถึงสิบโมงนู่นมั้ง

“มาแล้วเหรอลูก”

“แม่คร้าบบ สวัสดีครับ คิดถึงจังเลยอะแม่” เห็นหน้าแม่(ไอ้นะ)ปุ๊บ ผมก็พุ่งเข้าไปหาทันที อ้าแขนโอบกอดหญิงสาววัยสี่สิบกว่าที่ยังหน้าตาสะสวยเหมือนยังมีอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น เมื่อเธออ้าแขนออกเป็นสัญญาณบอกให้ผมเข้าไปกอดได้

“แม่ก็คิดถึงสระเหมือนกันจ้า”

“อะไรกันเนี่ยแม่ ผมเป็นลูกแม่นะ ไม่ใช่สระซะหน่อย” ไอ้นะที่เดินตามหลังมาเอื่อยๆ โอดครวญใหญ่ ผมเลยหันไปยักคิ้วให้มันแบบกวนตีนๆ เลยโดนมันเคาะหัวไปหนึ่งที โอ๊ย เจ็บนะเว้ย!

“ก็เราเจอกันแทบทุกสัปดาห์นี่นา แต่แม่ไม่ได้เจอสระบ่อยเหมือนเจอลูกนี่”

“ผมก็พูดไปงั้นแหละแม่ ถึงสระจะไม่ใช่ลูกชายของแม่ แต่...” ไอ้นะลากเสียงยาว ทำสายตากรุ้มกริ่ม แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมหน้าตาแทบถลน “ก็ถือว่าเขาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ได้แล้วกัน”

“โอ๊ะโอ” แม่ไอ้นะยิ้มกว้างทันทีที่ผมผละออกจากอ้อมกอดของเธอ แถมยังส่งสายตาล้อเลียนให้กันอีกต่างหาก

ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนสนิทตาค้าง ก่อนจะหน้าร้อนวาบขึ้นมาอีกรอบ (ซึ่งผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆ มานี้หน้าผมร้อนบ่อยมากเกินไปแล้ว) เมื่อไอ้นะอาศัยจังหวะที่ผมกำลังอึ้งโน้มหน้ามาจุ๊บหัวผม ต่อหน้าต่อตาแม่ของมันนั่นแหละ!

“ไอ้เชี่ยนะ!”

“หัวเหม็นนะเนี่ยที่รัก ไม่ได้สระมากี่วันแล้ว”

“ไอ้สลัดผักกกก”

แล้วหลังจากนั้นผมก็วิ่งไล่ทุบมันไปทั่วบ้าน โดยมีแม่มันมองตามแล้วหัวเราะขบขันเสียยกใหญ่ สักพักแหละกว่าที่ผมจะหยุด ถ้าไม่ใช่เพราะวิ่งจนเหนื่อยนะ ผมคงไม่ยอมแพ้ที่จะได้กระโดดถีบไอ้เพื่อนเวรสักทีสองที

“เหนื่อยแล้วก็ไปนั่งพักแล้วมากินข้าวนะลูก นี่ก็สายมากแล้ว ไม่หิวกันเหรอ”

“หิวสิครับแม่ แต่ไอ้นะอะแหละแกล้งผม”

“กูแกล้งอะไร ที่หอมหัวมึงนั่นกูจริงจังตั้งใจที่จะทำสุดๆ เลยนะ”

“มึงทำเพราะมึงรู้ว่ากูจะ...!” ผมชะงักปากได้ทันก่อนที่จะเผลอหลุดพูดออกไปว่า...กูจะหวั่นไหวน่ะสิ!

“มึงทำแมะ?”

ดูมันทำเสียงสินั่น ตั้งใจกวนตีนนนนนน

“ไม่คุยด้วยแล้วไอ้สัด”

ผมเชิดหน้าแล้วเดินหนีมันไปที่ห้องครัวกึ่งห้องกินข้าว บ้านไอ้นะเป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดกลาง อยู่ด้วยกันสามคนคือมัน แม่มัน แล้วก็พี่สาว แต่วันนี้วันเสาร์ พี่อัลน่าจะไปทำงานเหมือนทุกที กลับมาก็คงจะเย็นๆ โน่น

“งอนกูเหรอ?”

ได้ยินมันถามแต่ผมทำเป็นเมินไม่สนใจ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แม่ไอ้นะเพื่อรอกินข้าว ที่จริงผมก็แค่แกล้งทำเป็นเมินใส่มันไปงั้นแหละ ผมเคยโกรธไอ้นะมันซะที่ไหนกันล่ะ เราสองคนแทบไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่เถียงกันนิดๆ หน่อยๆ เอง

“อ้าว ทะเลาะกันเหรอ?” แม่ไอ้นะเอ่ยถาม

ผมส่ายหน้า หันไปยิ้มกว้างให้เธอ “ผมเปล่า”

“ใช่แม่ สระมันงอนที่ผมไปจุ๊บหัวมันอะ”

ไอ้สาดดด ไม่ต้องขยี้นักก็ได้ว่ามึงเพิ่งทำอะไรกับกูมา มัน...มันชวนให้เขินนะโว้ย!

“กูไม่ได้งอนมึง”

“ไม่เชื่อ มึงงอนกู” ไอ้นะโต้กลับ สีหน้ามันดูจริงจัง แต่มุมปากมันยกยิ้มแบบว่ากวนตีนฉิบหายยย

“หุบปากแล้วกินข้าวเข้าไปไป๊!” ผมว่าพลางตักข้าวเปล่าในจานตัวเองยื่นไปยัดปากมัน แต่นอกจากมันจะไม่สำนึกแล้วยัง...

“อยากป้อนข้าวกูก็ไม่บอก :)”

“ไอ้ฟาย หลงตัวเองจังเลยนะมึง”

“อยากให้มึงมาหลงกูมากกว่า เพราะทุกวันนี้เหมือนมีแค่กูอะที่หลงมึงจะตายอยู่แล้ว”

“ไอ้!...” ผมอยากจะพูดอะไรกลับไปบ้างแต่ก็เหมือนทุกครั้ง ผมพูดไม่ออก มันเขินจนคิดอะไรมาโต้ไม่ทันอะ!

“เลิกจีบกันได้แล้วจ้าหนุ่มๆ กินข้าวได้แล้ว”

“ไม่ได้จีบกันครับแม่!” ผมหันไปบอกเธอหน้าตาตื่น

ไอ้นะพยักหน้าเห็นด้วย “เราไม่ได้จีบกันแม่”

“ใช่ครั...”

“มีแต่ผมที่จีบมัน”

“...”

โว้ยยยย เลิกหยอดกูได้แล้วไอ้หอกหักกกกกกกก

ผมได้แต่โวยวายในใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถลึงตาใส่ลูกชายเจ้าของบ้านเมื่อแม่ของมันพูดขึ้นมาว่า...

“ความรักของคนหนุ่มนี่มันดีจังเลยน้า”

 

หลังกินข้าวผมช่วยเก็บล้างจานชามจนเสร็จ ระหว่างล้างก็ไม่วายถูกไอ้นะแกล้งเล่น เข้ามากอดเอวแล้วจั๊กจี้กันบ้างล่ะ เป่าลมรดหลังหูผมบ้างล่ะ ไม่รู้รึไงว่ามันสยิวกิ้วไอ้สัดดด

กว่าจะล้างเสร็จก็คือเปียกไปแล้วครึ่งร่าง เพราะไอ้นะมัวแต่แกล้งผมอะแหละเลยเผลอสะบัดน้ำไปทั่ว เปียกทั้งมันเปียกทั้งผม เสื้อนี่โชกตั้งแต่แผ่นอกยันหน้าท้อง

“ล้างจานกันยังไงเปียกถึงขนาดนั้นเนี่ย” แม่ไอ้นะร้องทัก ผมเลยกลอกตาใส่เพื่อนสนิทแล้วชี้เป้าไปที่มัน

“ไอ้นะมันแกล้งผมอะแม่ แม่ตีมันเลย”

“มึงก็ทำกูเปียกป่ะเพื่อน”

“ถ้ามึงไม่แกล้งกู เราก็คงไม่เปียกป่ะไอ้ฟาย”

“ไปๆ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลูก” แม่ไอ้นะโพล่งขึ้นห้ามกันถกเถียงของเรา ผมเห็นเธอสะพายกระเป๋าก็เลยต้องเอ่ยถาม

“อ้าว จะไปไหนเหรอครับ?”

“แม่จะไปทำสีผมน่ะ”

ไอ้นะเสนอ “ให้ผมไปส่งมั้ยแม่”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวแม่ขับรถไปเอง เราจะได้ไม่ต้องขับไปๆ กลับๆ ให้เหนื่อย เพิ่งมาถึงไปพักผ่อนกันเถอะไป”

“งั้นขับรถดีๆ นะครับแม่” ผมบอกกับเธอ เลยได้รอยยิ้มพิมพ์ใจแสนสวยมาเป็นของตอบแทน ถึงแม่ของผมจะน่ารักมาก แต่แม่ของไอ้นะก็น่ารักไม่ต่างกัน ชักอยากจะเป็นลูกของแม่เพื่อนบ้างเหมือนกันนะเนี่ย

เอ...หรือผมจะยอมเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ดี?

ส้นตีนเถอะ ล้อเล่นเว้ย! คิดบ้าอะไรวะเนี่ยกู

ผมแอบส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆ บอๆ ของตัวเอง ก่อนจะเดินนำไอ้นะขึ้นชั้นสองของบ้าน เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของมันเสมือนว่าเป็นห้องของผมเอง และแน่นอน...ล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ที่พอให้นอนได้สองคน

“อิ่มแล้วก็ง่วงทันทีเลยเหรอวะ” เจ้าของห้องถาม เดินเอากระเป๋าเป้ทั้งของผมและของมันไปวางไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ

“อือ” ผมส่งเสียงตอบ ตาปรือเริ่มง่วงขึ้นมาแล้วจริงๆ

ไอ้นะไม่ได้พูดอะไรอีก มันเงียบไปเลยเหมือนไม่ได้อยู่ในห้อง พอผมผงกหัวขึ้นมองก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ผมก็เลยฟุบกลับลงซุกหน้าเข้าหาหมอนใบนุ่มเหมือนเดิม และคงจะหลับไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของห้องมันกลับเข้ามา

“ถ้าหลับมึงก็อดเห็นเบบี้ใส่หมวกคอสเพลย์ดิว้า”

หมวกคอสเพลย์เหรอ?

ผมผงกหัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง พลิกตัวนอนตะแคงมองไปทางเจ้าของห้อง ก่อนจะต้องเบิกตากว้าง ความง่วงแทบปลิวหายไปเสียสนิทเมื่อได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในอ้อมแขน

“เบบี้!”

ผมกระโจนจากเตียงนอนไปยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อนสนิท ก้มมองเจ้าเหมียวลายปลาสลิดตัวอ้วนกลม ที่ตอนนี้บนหัวของมันถูกสวมเอาไว้ด้วยหมวกไหมพรมรูปฉลาม สภาพน้องตอนนี้เลยดูเหมือนว่าหัวกำลังจะถูกฉลามงับ

โอยย น่ารักจังเลยน้องงง

“น่ารักป่ะ หมวกนี่พี่กูซื้อมาให้เบบี้มันใส่เมื่อวานนี้เอง ตอนพี่อัลส่งรูปมาให้ดูกูโคตรจะเอ็นดูมันเลย น่ารักเนอะ”

“มากกก” ผมตอบพลางเอื้อมมือไปอุ้มแมวเหมียวตัวอ้วนมาเล่นบ้าง อดใจไม่ไหวถ่ายรูปมันรัวๆ แล้วอัพลงไอจีด้วยความเห่อเหมือนว่านี่เป็นแมวของผมเอง

ฉับพลันนั้นมีแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คเด้งขึ้นมาว่ามีใครบางคนแท็กโพสต์หาผม พอกดเข้าไปก็พบว่าเป็นเฟซบุ๊คของไอ้นะ แต่ที่ต้องโฟกัสก็คือรูปที่มันอัพลงกับ...แคปชั่นของมัน

มันเป็นรูปที่ผมกำลังอุ้มเบบี้ขึ้นมาจนหน้าเราเสมอกัน ส่วนแคปชั่นก็คือ...

 

ไม่รู้หรอกว่าคนกับแมวใครน่ารักกว่ากัน

แต่สำหรับผม...ผมคิดว่าคนน่ารักกว่าเยอะเลย :)

 

“ไอ้นะ~~” ผมโอดใส่มัน เนี่ยยย “หาเรื่องให้กระแสคู่จิ้นมันบูมอีกแล้วนะมึงเนี่ย!”

“ดี ทุกคนจะได้รู้ว่ากูจองมึงแล้ว”

“จองพ่องงง”

“ไม่จองพ่อ จะจองมึง”

“ตลกแดกเหรอไอ้สลัดผัก” คนถูกด่าหัวเราะร่าลั่นห้อง ผมเลยคว้าหมอนปาอัดหน้ามันไป ก่อนจะหันกลับมาเล่นกับไอ้เบบี้ตามเดิม จะว่าไปพอมันใส่หมวกรูปฉลามแบบนี้แล้วเหมาะเลยแฮะ “นึกถึงเพลงนั้นเลยว่ะไอ้นะ”

“เพลงอะไร?”

“เนี่ย” ผมชูเจ้าเหมียวให้เพื่อนดู ก่อนจะร้องเพลงออกมา “เบบี้ชาร์ก จึ๊ดจื๊อดือดึ๊ด~”

เท่านั้นล่ะไอ้เพื่อนเวรก็หลุดหัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก ถึงกับต้องลงไปนั่งกองกับพื้นเพื่อทิ้งตัวหัวเราะกันเลยด้วยซ้ำ ควรดีใจไหมเนี่ยที่ผมทำให้ไอ้นะมันขำได้มากขนาดนี้ แค่กูร้องเบบี้ชาร์กมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฮ่าๆ

“มึงแม่ง จะน่ารักเกินไปแล้ว”

“น่ารักเหี้ยไรล่ะ กูแค่คิดว่าแมวมึงชื่อเบบี้แล้วใส่หมวกฉลามก็เลยนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ก็แค่นั้นเองป่ะ”

ไอ้นะไม่ตอบ มันแค่มองผมแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจู่ๆ มันจะผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหายออกจากห้องไป เอ๊า ไปไหนของแม่งอีกล่ะ ไปไม่บอกด้วย

ผมนั่งเล่นกับไอ้เหมียวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าของแมวกลับเข้ามาอีกครั้ง และนั่น...

“เป็นไง กูน่ารักได้เท่าไอ้เบบี้ยัง”

บนหัวไอ้นะมีหมวดฉลามหนึ่งใบสวมอยู่

“เฮ้ยยย เข้ากันกับแมวมึงเลยอะ ฮ่าๆๆๆ”

“มึงชอบป่ะ?” ไอ้นะเอ่ยถาม

ผมกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้าให้รัวๆ “ชอบดิ ชอบมากด้วย”

คนฟังยิ้มกว้างอีกครั้ง ขยิบตาให้ผมแล้วทิ้งประโยคดาเมจหัวใจผมเอาไว้ว่า...

“กูก็ชอบมึงเหมือนกัน”

ฉิบหายเถอะ พูดอะไรของมึงเนี่ยไอ้นะ~


______________

มาแล้ว แฮ่ เบบี้ชาร์กป่ะล่ะะะ คนกับแมวใครน่ารักกว่ากันล่ะเนี่ย :) เออคุณ เรามีไฟละนะ ถ้ามาอัพรัวๆ ก็อย่าเบื่อกันล่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไปทันทีเลย เพราะงั้นส่งฟีดแบ็กให้กันบ้างเด้อ เป็นกำลังใจเนอะ ฮื่อ จุ๊บๆ นะ >3<
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Six - (ฉ.) : ฉลาม (ฉิบหาย) [13-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-02-2019 23:53:13
อันนี้ถึงเป็นการบอกรักนะแล้วนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 14-02-2019 20:50:30
Seven

(ช.) : ชิงช้า (ชอบ)

 

[พยัญชนะ]


สระหลับไปแล้ว หลับไปพร้อมกับแมวของผมนั่นล่ะ

ใบหน้าน่ารักเอียงซุกหมอน ในอ้อมกอดมีไอ้เบบี้นอนขดอยู่ข้างๆ หมวกฉลามยังสวมเอาไว้เหมือนเดิม ส่วนของผมน่ะถอดออกไปแล้ว ใครจะใส่เอาไว้นานๆ ล่ะครับ น่าอายอยู่เหมือนกันนะ ฮะๆ

ผมเหลือบมองนาฬิกา...ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ แม่คงกลับมาในอีกสองสามชั่วโมง พี่สาวของผมด้วยเหมือนกัน

ทรุดลงนั่งข้างๆ เพื่อนสนิท เขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าขาวใสออก เจ้าตัวขยับหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะกลับไปนอนนิ่งเหมือนเดิม

"อย่าน่ารักให้มากไปกว่านี้เลยว่ะสระ กูไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหนแล้วเนี่ย" ผมกระซิบบอกกับมัน ลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของมันเล่นไปด้วย "ไม่รู้เหรอว่ายิ่งอยู่ใกล้คนที่ชอบยิ่งห้ามใจได้ยากอะ"

ผมถอนหายใจทั้งที่ยังระบายยิ้มอยู่เต็มริมฝีปาก บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังอึดอัดหรือมีความสุข มันผสมปนเปกันไปหมด แน่นอนผมชอบที่ได้อยู่ใกล้สระ ได้ดูแล ได้เอาใจใส่ ไม่มีปัญหาเลยสักนิดถ้าจะต้องตามใจมัน อยากให้มันเอาแต่ใจกับผมเยอะๆ งอแงหรือออดอ้อนใส่ผมแค่คนเดียวยิ่งดีเข้าไปใหญ่

แต่ก็นั่นล่ะ ในเวลาเดียวกันผมก็รู้สึกอึดอัดกับความสัมพันธ์ของเรา หลายครั้งผมก็อดจะคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นแค่เพื่อนกับมันได้ก็คงดี ถ้าผมรู้สึกกับมันแค่นั้น ผมก็คงไม่ต้องมาทรมานกับการต้องคอยหักห้ามใจไม่สัมผัสมันเกินเลยกว่าสิ่งที่เพื่อนควรทำ

ผมถอนหายใจอีกครั้ง ก็ได้แค่คิดนั่นล่ะครับ เพราะสุดท้ายแล้วผมก็หนีความจริงไม่ได้ ผมชอบมันไปแล้ว...ผมรักสระ และถ้าทุกอย่างที่ผมแสดงออกไปจะพอทำให้มันรักผมกลับมาบ้าง ผมก็หวังให้มันถึงวันนั้นเร็วๆ

วันที่สระจะบอกว่าชอบผมเหมือนกัน

ผมล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย พาดแขนวางไว้บนเอวสระแต่ไม่ได้กระชับกอดเพราะมีไอ้เบบี้ขวางอยู่ตรงกลาง ผมไม่อยากปลุกเจ้านายให้ตื่นหรอกนะครับ เดี๋ยวทาสแมวคนนี้จะโดนข่วนเอา ฮะๆ

ผมมองสระอีกพักหนึ่ง ปิดเปลือกตาลงแล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะหลับตามอีกฝ่ายไปจริงๆ ว่า...

"รีบๆ ชอบกูได้แล้วนะไอ้ดื้อ"

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายสามกว่าๆ กะพริบตาไล่ความความง่วงงุนที่ยังหลงเหลืออยู่ เหลือบมองสระที่ยังไม่ตื่นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ผมชอบมองเวลาอีกฝ่ายนอน หรือที่จริงแล้วบางทีผมอาจจะชอบทุกอย่างที่มันทำมากกว่า ไม่ว่าจะนิ่ง ขยับ กิน หรือทำอะไรก็แล้วแต่

เฮ้อ เวลาชอบใครสักคน เราจะหลงเขามากเหมือนที่ผมรู้สึกแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่าวะ? ผมอยากรู้

ขยับตัวลุกออกจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะยังไม่อยากปลุกให้คนขี้เซาตื่น ไว้อีกสักพักค่อยมาปลุกมันแล้วกัน...คิดได้แบบนั้นผมก็พาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จะสี่โมงแล้วไม่รู้ว่าแม่กับพี่อัลจะซื้อกับข้าวเข้ามาหรือเปล่า ถ้าไม่ผมก็คงต้องทำเอง

“อ้าว นะ ลงมาพอดีเลย”

“เอ๊า แม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ผมร้องทักเมื่อเห็นว่าแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว

แม่เด็ดใบกะเพราไปด้วยตอนตอบ “เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี่เอง เป็นไงสีผมแม่ สวยมั้ย”

ผมมองเส้นผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงของแม่แล้วขยับเข้าไปจับปลายผมเพื่อดูว่ามันนิ่มไหม ทำสีผมบ่อยก็ไม่ดีต่อเส้นผมนี่นา มันจะทำให้ผมเสีย ร่วงง่าย แล้วก็แห้งกรอบ

“สวยดีครับ สีนี้แม่ไม่เคยทำใช่ป่ะ?”

“อื้อหึ ไม่เคย มันเข้ากับแม่ไหมล่ะ”

“เข้าครับ ดูเด็กลงตั้งเยอะแหนะ งี้ถ้ามีใครมาจีบแม่ผมไม่แย่เหรอเนี่ย” ผมแกล้งแซว เพราะตั้งแต่ที่พ่อแยกทางกับแม่เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก แม่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ลูกๆ อย่างผมกับพี่อัลก็ทำแค่ติดต่อกับพ่อผ่านโทรศัพท์เท่านั้น เพราะว่าพ่อย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดและมันไกลมาก เราเลยไม่ได้เจอกันบ่อยนัก จะเจอก็เฉพาะตอนที่พ่อกลับมาเยี่ยมปู่ย่าปีละสองสามครั้งเท่านั้น

“ใครจะจีบแม่ ไม่ได้นะ อัลไม่ยอม” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นหน้าประตูครัว เรียกให้เราสองคนแม่ลูกหันไปมอง เป็นพี่อัลที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน “อ้าว นะมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อสายๆ อะพี่อัล นะมากับสระ”

“ว้าย สระมาด้วยเหรอ ไหนๆ อยู่ไหน”

ผมเท้าเอวมองหน้าพี่อัลทันที “หยุดเลย ห้ามฟัดสระ”

“ทำไมยะ ก็น้องมันน่ารักอะ!”

“ผมฟัดสระได้คนเดียว”

พี่อัลถึงกับตาโต ยืนเท้าเอวจ้องหน้าผมกลับ “แล้วยังไง ก็สระยอมให้พี่ฟัดได้นี่”

“แต่ผมไม่ให้ไง”

“เถียงอะไรกันเป็นเด็กๆ ไปได้เจ้าลูกพวกนี้” และก่อนที่เราพี่น้องจะทะเลาะกันจนบ้านแตก (ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงสักครั้ง) แม่ก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน “ไปอาบน้ำไปอัล แล้วลงมากินข้าวด้วยนะ”

“วันนี้ทำอะไรอะแม่”

“กะเพราหมูสับ ต้มยำกุ้งน้ำข้น แล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบ”

“หูย แค่ได้ยินก็หิวแล้วอะ งั้นอัลไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบพี่อัลก็วิ่งฉิวขึ้นชั้นบนไป ผมก็เลยหันกลับมาหาแม่

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมแม่”

“ไม่ต้องหรอก แม่ทำเอง นะขึ้นไปปลุกสระได้แล้วไป คืนนี้มีงานวัดนะ เผื่ออยากจะพาสระไป”

“โอ๊ะ สระต้องอยากไปแน่ๆ” ผมตาโต จำได้ว่าสระเคยบอกเอาไว้ว่าตั้งแต่มาเรียนกรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวงานวัดเหมือนตอนอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด แชมป์ว่ายน้ำประจำหมู่บ้านรักการเล่นเกมปาลูกโป่งมาก ผมเคยไปเที่ยวบ้านมันที่ต่างจังหวัดแล้วมีงานวัดพอดี เลยได้เห็นเซียนปาลูกโป่งก็วันนั้น

ขึ้นมาถึงก็เห็นสระกำลังจะตื่นพอดี อีกฝ่ายยังนอนอยู่กลางเตียงแต่ก็ยกมือขยี้ตาแล้วค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงไปหมด ไอ้เบบี้ไม่อยู่แล้ว สงสัยจะตื่นแล้ววิ่งออกไปหาพี่อัลแล้วล่ะมั้ง มันติดพี่อัลจะตายไป

ผมมองคนขี้เซาที่ยังไม่ตื่นดีแล้วใจก็เต้นแรงขึ้นมา ถึงจะเห็นมันตอนตื่นนอนอยู่ทุกวัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสระโคตรจะน่ารักเลยเวลาที่หน้ามันยังยุ่ง ตาปรือๆ โอยยย อยากฟัดแก้มว่ะ ทำได้ไหมอะ มันจะด่าผมมั้ย ฮึ่ย

หักห้ามใจตัวเองแล้วก้าวไปนั่งลงตรงหน้าไอ้ดื้อ เลื่อนมือไปเกลี่ยนปอยผมที่ปิดหน้าปิดตามันออกแล้วลูบแก้มมันเบาๆ พอให้คนถูกลูบลืมตาขึ้นมามองกัน

ผมยิ้มให้มัน “ตื่นได้แล้วสระ สี่โมงกว่าแล้วนะ ไม่หิวเหรอ”

“หะ? สี่โมงแล้วเหรอวะ!?” เท่านั้นล่ะเจ้าตัวก็ตาโตขึ้นมาทันที คงไม่คิดว่าจะนอนยาวตั้งแต่เที่ยงยันเย็น “แล้วคืนนี้จะได้นอนกี่โมงเนี่ย เล่นนอนกลางวันไปซะเยอะ”

“นอนดึกก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว มีงานวัดพอดี อยากไปมั้ย?”

“งานวัด!” ถ้าคิดว่าก่อนหน้านี้มันตาโตแล้ว ตอนนี้สระตาโตยิ่งกว่าเดิมซะอีก ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กกำลังจะได้ไปเที่ยวไม่มีผิด น่ารักจังเลยโว้ยยย

“ถ้าอยากไปก็ลุกขึ้นแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำได้แล้วครับผม แม่ทำกับข้าวแล้ว พี่อัลก็กลับมาแล้วด้วย จะได้กินข้าวก่อนออกไปเดินงานวัด”

“พี่อัลมาแล้วเหรอ” สระทำหน้าเบ้ ยิ้มแห้งก่อนจะรั้งแขนผมไปจับเขย่าๆ ราวกับจะออดอ้อนกัน “มึงต้องปกป้องกูนะ ไม่อยากโดนพี่อัลฟัดแก้ม”

เท่านั้นล่ะผมก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่เกรงใจ ฮ่าๆๆๆๆ

“ไม่ตลกนะมึง พี่มึงทำแก้มกูช้ำมาแล้วนะเว้ย”

ผมโบกมือไปมา สะกดเสียงหัวเราะก่อนจะตอบว่า “เออ ไม่ยอมให้เขาได้ฟัดแก้มมึงอีกแน่”

“ดีมาก”

“เพราะกูหวง”

“...”

สระไม่ได้ตอบอะไร นอกจากหน้าแดงเรื่อขึ้นมาแล้วรีบกระโจนลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไป ผมมองตาม...เนี่ย มันทำตัวน่ารักใส่ผมอีกแล้ว เฮ้อ แล้วยังงี้ผมจะห้ามตัวเองไม่ให้ปล้ำมันได้ยังไงเล่า

พูดเล่นครับ ใครจะไปกล้าปล้ำเพื่อนสนิท บ้าแล้ว

...แม้จะแอบคิดจริงก็เถอะ แฮะๆ

 

มื้อเย็นเริ่มขึ้นแบบทุลักทุเลเพราะพี่อัลพยายามที่จะดึงสระไปกอด ส่วนไอ้ดื้อของผมก็พยายามวิ่งหลบไปรอบๆ ตัวผม และคงจะไม่ได้กินข้าวไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะแม่ลากพี่สาวจอมซ่าของผมไปนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมออกคำสั่งให้กินข้าว

“จะกลัวอะไรพี่นักหนาเนี่ยสระ แค่กอดเอง”

“กอดไม่ได้ครับ ผมหวงตัว”

“ย่ะพ่อหนุ่มน้อยแฮนด์ซั่มบอยแห่งมหา’ลัย ทีกับไอ้นะไม่เห็นจะหวงตัวเหมือนที่เป็นกับพี่เลย” พี่อัลตัดพ้อ ยกมือสะบัดเส้นผมยาวสีดำพลางเชิดหน้าใส่เหมือนจะบอกว่าไม่ง้อก็ได้

ผมได้ทีรีบเอ่ยแทรก “เพราะผมพิเศษไงพี่อัล”

“พิเศษยังไง?”

“เป็นคนพิเศษของสระ”

“มั่นหน้าาา”

เราคุยกันไปกินกันไปสักพักก็เสร็จ พี่อัลอาสาจะเก็บจานชามไปล้างเอง แล้วไล่ให้เราสองคนไปเที่ยวงานวัดได้แล้ว ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย วัดอยู่ไม่ไกลจากบ้าน เดินไปก็ได้แต่กว่าจะเดินไปถึงฟ้าก็คงมืดพอดี

“แล้วพี่อัลไม่ไปเหรอ?” สระหันไปเอ่ยถามพี่สาวของผม หลังจากที่มันช่วยยกจานไปวางในซิงก์เรียบร้อยแล้ว

พี่อัลโยกหัว “พี่กะจะไปกับแม่น่ะ สระไปกับนะได้เลยไม่ต้องรอ”

“โอเค งั้นผมพาสระไปเลยนะ”

“จ้า”

ผมลากสระไปหน้าบ้าน หยิบเอารองเท้าแตะที่ผมมีอีกคู่ให้มันใส่ ก่อนเราจะเดินออกจากบ้านมาด้วยกัน ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะลาลับขอบฟ้า ลมเย็นพัดโชยมาพาให้รู้สึกสดชื่น

“นะๆ อยากนั่งชิงช้าอันนั้น”

ผมมองตามที่สระชี้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ห่างจากบ้านมาไม่ไกลมากเท่าไหร่มีชิงช้าไม้ถูกผูกเอาไว้ ตรงนี้เป็นโซนของสนามเด็กเล่น แต่ตอนนี้ไม่มีเด็กสักคนเพราะคงไปงานวัดกันหมด...ผมพยักหน้าแทนคำตอบ สระเลยวิ่งฉิวไปเล่นมันทันที

“มากูแกว่งให้”

ผมเดินไปซ้อนหลังมันแล้วช่วยไกวชิงช้าเบาๆ เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิทที่กำลังยิ้มร่าอย่างชอบใจก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ สระมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสมอ และนั่นเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ผมตกหลุมรักมัน

“ที่งานวัดจะมีชิงช้าสวรรค์ป่ะวะ”

ผมเลิกคิ้ว “ก็น่าจะมี แต่เราจะนั่งได้หรือเปล่า ตัวโตขนาดนี้แล้ว”

“ต้องได้ดิ กูอยากนั่ง”

“โอเคครับๆ เดี๋ยวพาไปนั่งเนอะ น้องสระ”

“น้องพ่องงง”

“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะก็เลยโดนเจ้าตัวดื้อหันมาขึงตาใส่

เรานั่งเล่นที่นี่อยู่พักหนึ่ง แสงแดดอ่อนลงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับเป็นภาพที่สวยงาม เงาที่ตกกระทบร่างของสระทำให้ผมต้องยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมัน

“สระ” ผมเอ่ยเรียก

คนถูกเรียกหันมามอง พอเห็นว่าผมกำลังทำอะไร เจ้าตัวก็ยกยิ้มบางอย่างน่ารักให้กล้อง แต่ดวงตาของมันไม่ได้มองเลนส์กล้องเลยแม้แต่น้อย...มันมองมาที่ผม

ผมกดถ่ายรูปมันรัวๆ ทั้งที่มันไม่ได้ขยับเปลี่ยนท่าเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้สิ ผมก็แค่รู้สึกว่าผมต้องเก็บรูปนี้เอาไว้เยอะๆ เก็บเอารอยยิ้มที่แสนน่ารักของสระเอาไว้ให้มากๆ

ผมอยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้แต่เพียงผู้เดียว แม้รู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“ถ่ายเสร็จก็ส่งมาให้กูบ้างนะ”

“โอเค” ตอบรับพลางกดเข้าแอปฯ ไลน์ ส่งรูปที่ไม่พร่ามัวให้มันไปสองสามรูป

สระหยิบเอาสมาร์ตโฟนตัวเองออกมากดเปิดอ่าน พิมพ์อะไรยุกยิกอยู่สักพักเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนที่ผมติดตามอยู่เพิ่งอัพเดตบางอย่างในโซเชียล

มันคือเฟซบุ๊คกับไอจี ดูเหมือนสระจะอัพเดตรูปลงไปในไอจีแล้วลิงก์หาเฟซบุ๊คด้วย และทันทีที่ผมกดเข้าไปผมก็ต้องนิ่งงันเพราะแคปชั่นของมัน

 

ชอบนะ

 

มัน...หมายถึงอะไรงั้นเหรอ

ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของผมก็เต้นรัวแรงทั้งที่ยังไม่รู้ความหมายของคำว่าชอบนะของมันเลยด้วยซ้ำ

ชอบรูปที่ผมถ่าย หรือ...ชอบคนถ่าย?

“รูปสวยมาก” สระบอกกับผม โดยไม่คิดขยายความว่าทำไมถึงขึ้นแคปชั่นแบบนี้ ท่าทีมันดูเก้อเขิน และผมก็ไม่คิดจะถามด้วย ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะถามอะไรออกไป...ไม่ใช่ครั้งนี้

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปมันอีกครั้ง รูปที่ตอนนี้มันกำลังยิ้มกว้างจนตาหยี ยิ้มกว้างยิ่งกว่ารูปก่อนหน้าที่ผมเพิ่งส่งให้มันไปอัพลงโซเชียล จากนั้นผมก็กดเข้าไอจีและเพิ่มโพสต์ใหม่ลิงก์ไปเฟซบุ๊คเหมือนที่สระทำ กดพิมพ์แคปชั่นที่มีอยู่เพียงสามคำลงไป

 

ชอบเหมือนกัน

 

ความหมายของคำว่า ‘ชอบ’ ระหว่างเราจะเหมือนกันหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ผมอยากให้มันรู้ว่าผมน่ะชอบมันมาก ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

“ไปกันเถอะ”

“หะ? ไปไหน?” ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อสระลุกขึ้นจากชิงช้าแล้วก้าวมามจับข้อมือผม

“ไปงานวัดไง อยากไปปาลูกโป่งเอาหมีตัวใหญ่ ครั้งก่อนตอนมึงไปเที่ยวบ้านกูกูปาได้ตุ๊กตาหมาใช่ม้า ครั้งนี้กูจะเอาหมี แต่ไม่เอากลับไปใช้เองหรอกนะ”

“อ้าว แล้วจะเอาไปให้ใคร”

สระเอียงหน้ามามองสบตาผม สองเท้าของเราก้าวเดินเคียงคู่กันไปเรื่อยๆ บนทางเท้าที่ทอดยาว โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นวัดที่มองเห็นไกลๆ ว่าถูกประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟหลากสี กับเสียงเพลงจากเครื่องเสียงขนาดใหญ่ในงานที่ดังมาเข้าหูมากขึ้นเรื่อยๆ

“กูจะเอาให้มึงน่ะแหละ”

“...”

“ถือเป็นของขอบคุณที่มึงชอบกูไง :)"



__________

เอาล่ะ คำถามประจำตอนนี้คือ...คิดว่าสระชอบพยัญชนะหรือยังคะ? //ยิ้มกริ่ม

แล้วก็...แฮปปี้วันวาเลนไทน์นะคะทุกคน //ส่งจูบ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-02-2019 23:38:00
เกินชอบแล้วล่ะ ถึงขั้นรักเลยมากกว่า จริงป่ะ สระ  :m11:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2019 00:58:36
แหมมมมมม บอกชอบนะแบบนี้นี่รู้ใจตัวเองแล้วหรอน้องสระ ชอบเวลานะหยอดจีบสระมากเลย น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-02-2019 17:16:38
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบแล้ว
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2019 06:08:20
โอ๊ยยย นะหยอดหนักมาก ป้อทุกวัน
ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว คนอะไรดูแลดีมาก
พูดย้ำตลอดเวลามากด้วย 5555

สระ ถ้าไม่ตกหลุมบ้างก็ให้รู้ไป
ชอบความอ้อน ความงอแง และความไม่คิดอะไรมาก
ถึงสระจะรู้ แต่ก็นะบางทียังไม่ถึงเวลาที่จะรับรู้เนาะ

สระชอบนะแล้ว ชอบมานานแล้วด้วย แต่ยังไม่ทันได้คิด
ใจบางมากค่ะ แคปชั่นโดนมาก นะมีเพ้อน่ะ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seven - (ช.) : ชิงช้า (ชอบ) [14-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-02-2019 13:13:44
หวานกันจนน่าอิจฉา

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eight - (ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว) [18-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-02-2019 16:31:11
Eight

(ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว)
 

[สระ]


ระหว่างทางเต็มไปด้วยความเงียบ ผมคิดว่าไอ้นะอาจจะอยากถามว่าที่ผมพูดนั่นมันหมายความว่ายังไง แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้อีกนั่นล่ะว่ามันคงกลัว เพราะผมเองก็กลัวคำถามของมันเหมือนกัน

ที่จริงแล้วมีความกลัวมากมายฝังอยู่ในใจของเราทุกคน อย่างผมก็คงเป็น...ความกลัวที่จะยอมรับว่าระหว่างผมกับไอ้นะมันมีอะไรมากกว่าแค่เป็นเพื่อนกันมาสักพักแล้ว สักพักแบบว่านานมากๆ

“มึงจะเงียบอีกนานป่ะไอ้นะ?”

“หือ?” คนถูกถามหันมาเลิกคิ้วงงๆ ใส่ผม เห็นแบบนั้นผมก็เลยถอนหายใจใส่แล้วโบกหัวมันไปที

“คิดอะไรอยู่ พูดออกมาดิ”

ไอ้นะนิ่งไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็ส่ายหน้า “กูไม่ถามดีกว่า”

“เอ๊า นี่กูเปิดโอกาสให้มึงถามได้เลยนะ จะไม่ถามจริงดิ?!”

“อือ”

“ทำไมอะ” จากที่ควรจะกระอักกระอ่วน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมมีแต่ความสงสัย ความองความอายอะไรหายหมด ตอนนี้เหลือแต่ความอยากรู้เท่านั้น “เต๊าะกูมาตั้งนาน พอกูเอาจริงเข้าหน่อยดันป๊อดเหรอมึง”

ไอ้นะชะงักอีกรอบ มันเบิกตากว้าง สีหน้าดูเลิกลั่ก แววตามันเหมือนอยากจะถามว่าผมรู้ด้วยเหรอ

เฮ้อ กูก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนถึงขั้นโง่ซะหน่อย โดนจีบขนาดนั้นไม่รู้ก็บ้าแล้วป่ะ

“กู...กูยืนยันคำเดิม”

“ไม่ถาม?”

“...อือ”

“ตามใจ โอกาสแบบนี้กูไม่มีให้บ่อยๆ นะเว้ย ครั้งหน้าไม่รู้จะมีอีกเมื่อไหร่ เกิดมึงอยากถามขึ้นมาแต่กูไม่อยากตอบก็ไม่รู้ด้วยนะ” ผมหยั่งเชิง แต่ไอ้นะก็ยังเงียบเหมือนเดิม

“...”

ผมลอบถอนหายใจ “งั้นรีบเดินเลย กูหิวแล้ว อยากกินลูกชิ้นปิ้ง”

พูดจบก็จับมือไอ้หล่อแล้วดึงให้มันเร่งเท้า จนก้าวผ่านประตูวัดมาแล้วนั่นล่ะกว่าที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาได้

“ไม่หรอก”

“หะ? อะไรคือไม่หรอก?”

ไอ้นะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม “โอกาสไม่ได้มีน้อยหรอก ยังมีอีกเยอะเลยแหละ ตราบใดที่กูไม่เลิกเต๊าะมึงอะ”

“หราาา” ผมเบะปากใส่คนมั่นหน้ามั่นกระโปก ยื่นปากใส่มันแล้วทำตาล้อเลียน เลยโดนไอ้นะดึงปากเล่น “โอ๊ยๆๆ เจ็บนะเว้ย”

“แค่นี้เจ็บ นี่ถ้ากูกัดปากมึงขึ้นมามึงไม่เจ็บกว่าเหรอ”

“!!!”

กัดปาก!?

ผมหน้าเหวอ อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายตาโต รู้สึกว่าแก้มมันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้เชี่ยยย มึงจะไม่หยุดหยอดมุกขายขนมจีบกูจริงๆ ใช่ป่ะไอ้เพื่อนชั่ววว

“มึงแม่ง”

พูดได้แค่นั้นแล้วผมก็เดินไวๆ หนีมันมา สบถด่ามันไปด้วยตลอดทาง ไอ้นะ ไอ้สันขวาน รู้ว่ากูรู้แล้วแต่ก็ยังไม่เลิกสักทีไอ้มุกจีบที่โคตรจะเสี่ยว แต่แม่งเสือกเรียกหัวใจกูให้เต้นผิดจังหวะได้ตลอด จงใจแกล้งกูใช่ป่ะไอ้เห็บหมา แล้วนั่นน่ะ...ถ้ามึงถามออกมาก็จบแล้ว กูจะได้ตอบๆ ไปว่าคิดเหมือนกันอะ

คิดเหมือนที่ใส่แคปชั่นใต้รูปในไอจีเมื่อกี้นั่นแหละ!

“สระ~ จะไปไหนเนี่ย” เสียงไอ้นะดังไล่หลังมาไม่ไกล “มึงเดินผ่านร้านลูกชิ้นปิ้งมาแล้วนะ อยากกินไม่ใช่เหรอ”

ผมชะงัก หมุนตัวกลับไปหาไอ้นะ ถลึงตาใส่มันแล้วจ้ำเท้าย้อนกลับไปทางเดิม “ไหนร้าน”

“ตรงนู้น” ไอ้หล่อยิ้มล้อเลียน ดึงมือผมไปจับอีกรอบแล้วจูงเดินไปที่ร้านขายลูกชิ้น ผมก็อยากจะต่อยมันสักทีที่ทำหน้าตากวนส้นตีนดีแท้ แต่พอเห็นลูกชิ้นที่อยากกินเรื่องนั้นก็กระเด็นหายออกไปจากสมองทันที

“น่ากินไปหมดเลยอะ”

“เอากี่ไม้”

ปากถามแต่มือไอ้นะหยิบไม้ลูกชิ้นรัวๆ ไปวางใส่จานที่แม่ค้ามีไว้ให้เป็นสิบไม้ และทั้งหมดนั่นเป็นลูกชิ้นในแบบที่ผมชอบทั้งสิ้น...ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ ไส้กรอกไก่ เนี่ย แล้วแม่งมันก็จำได้หมดว่าผมชอบกินอะไร เฮ้อ กูจะหาคนแบบมึงได้จากที่ไหนอีกวะเนี่ยไอ้คุณพยัญชนะ

“พอแล้ววว” ผมบอกมันหลังจากมันหยิบไปทั้งสิ้นสิบห้าไม้ถ้วน “กะไม่ให้กูกินอย่างอื่นเลยเหรอวะ”

“มึงกินไม่หมดเดี๋ยวกูช่วยกินเอง”

“แต่มึงไม่กินเนื้อไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ให้มึงกินลูกชิ้นเนื้อให้หมด มีแค่สี่ไม้เอง”

ผมไหวไหล่เป็นการตอบรับ สอดส่ายสายตามองหาของกินอย่างอื่น บริเวณลานวัดเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย แบ่งเป็นโซนๆ ชัดเจนมาก อย่างตรงที่ผมยืนอยู่นี่ก็เป็นโซนอาหาร มีทั้งร้านซื้อกลับและร้านนั่งกิน โอ๊ะ นั่นร้านขนมจีน ตรงนั้นหอยทอด อูย น่ากินอะ กลิ่นงี้โชยมาเลย หอมสัด ตรงนู้นก็ร้านน้ำแข็งไส เช็ดดด ไม่ได้กินมานานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย ถึงบิงซูจะอร่อย แต่ออริจินัลของความเป็นไทคือน้ำแข็งก้อนที่ไสกับเครื่องไสไม้เว้ย

“นะๆ ไปกินหอยทอดกัน” กระตุกเสื้อมันยิกๆ แล้วชี้ไปทางร้านหอยทอดที่ว่า ก่อนสายตาจะเลื่อนไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ฉิบหายยย นั่นก็ของโปรดผม “โอย จะกินไรดีวะเนี่ย เตี๋ยวก็อยากกิน หอยทอด ขนมจีน”

“ก็ไปกินให้หมดทุกอย่างเลยเป็นไง”

“กินหมดนั่นกูจุกตายกันพอดี เดี๋ยวไม่ได้กินน้ำแข็งไส อะ..เฮ้ย! นั่นสายไหมนี่หว่า แล้วตรงโน้นก็ขนมถ้วย ฮือ ไอ้นะ กูอยากกินทุกอย่างเลยว่ะ ทำไงดีวะ”

“ก็ไปกินมันทุกอย่าง กินไม่ไหวก็ซื้อกลับบ้าน เดี๋ยวดึกๆ มึงหิวก็ค่อยหยิบมากิน”

“เออ เป็นความคิดที่ดี” ผมหันมายิ้มร่าให้เพื่อนสนิท ยื่นมือไปหยิกแก้มมันเล่นเบาๆ “เก่งจังเลยน้องนะ”

“กูไม่ใช่หมา”

“นี่ก็ไม่ได้เอ็นดูเหมือนหมาซะหน่อย”

“เอ็นดูกูอย่างเดียวเหรอ?” มันถาม

ผมหรี่ตามองมันอย่างรู้ทัน “จะชวนกูดูเอ็นมึงด้วยล่ะสิ มุกเก่า กูรู้ทันโว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ ว้า โดนจับได้อีกละ”

ผมยู่หน้าใส่มัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูงข้อมือมันให้เดินไปที่ร้านหอยทอด “คนกำลังไม่เยอะ รีบไปก่อนต้องต่อคิวนาน เรากินด้วยกันแทนได้ป่ะไอ้นะ แบบสั่งจานเดียวแล้วช่วยกันกินอะ กูจะได้มีพื้นที่ว่างในท้องไปกินอย่างอื่นได้อีก”

“ไงก็ได้ กูตามใจมึง”

“ตามใจกูมากๆ ระวังกูเคยตัวนะเว้ย” ผมพูดไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่สายตามองสำรวจร้านต่างๆ ไปด้วย อันไหนน่ากินไว้ต้องแวะมาซื้อกลับบ้านบ้างละ

“มันเป็นแผนของกูมึงไม่รู้เหรอ”

“แผนอะไร?” ผมหันไปถามมัน มุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ไอ้นะยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วใส่ผมก่อนจะตอบ “แผนทำให้มึงเคยตัวแค่กับกูเท่านั้น ทำให้มึงติดกูจนขาดกูไม่ได้”

“...” ผมหันหน้ากลับ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรามาถึงร้านหอยทอดพอดี กลิ่นอันหอมหวนชวนน้ำลายสอทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลาย แต่ถึงอย่างนั้นสมองก็ยังคิดคำพูดออกมาโต้ตอบไอ้นะกลับไปว่า “แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้กูก็คิดว่ากูขาดมึงไม่ได้แล้วไอ้ห่า”

 

“อร่อยว่ะ อร่อยเหี้ยๆ เลย” ผมพูดทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยเส้นขนมจีน

หลังจากที่เราซัดหอยทอดกันไปคนละจาน (มันน่ากินมากจนผมตัดสินใจว่าเราควรจะแยกกันสั่งดีกว่า) ตอนนี้เราก็มานั่งที่ร้านขนมจีนด้วยกัน และคราวนี้ผมก็เลือกที่จะสั่งแยกจานเหมือนเดิม ยังไม่อิ่มครับ สามารถกินคนเดียวได้สบาย แต่ถ้าเริ่มอิ่มเมื่อไหร่ค่อยกินจานเดียวกันกับไอ้นะ แหะๆ

“ตกลงมันอร่อยหรือมันเหี้ย”

ผมมองคนพูดตาขวาง “เหี้ยเป็นคำสร้อยไอ้สัด ไม่เคยได้ยินเหรอ อย่างมึงก็หล่อเหี้ยๆ เงี้ย หมายความว่าหล่อมาก หล่อจนบรรยายออกมาไม่ถูกว่าหล่อขนาดไหน”

“นี่มึงเพิ่งชมกูไปใช่ป่ะวะ” ไอ้นะทำตาโต

ผมกลอกตาใส่มัน “คือก็รู้ๆ กันอยู่หรือเปล่าว่ามึงหล่อ กูก็หล่อเหมือนกันด้วย เราสองคนอะสมกับเป็นเพื่อนกัน คนหล่ออยู่กับคนหล่อ ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

คราวนี้ไอ้นะหลุดหัวเราะจนเกือบสำลักเส้นขนมจีน มันรีบกลืนลงคอแล้วดื่มน้ำตาม “ต้องเรียกว่าเราสองคนน่ะนะ เหมาะกับการเป็น...”

“เป็นอะไร?” ลีลาอีกแล้วไอ้เห็บหมา มาลากเสียงยงเสียงยาวทำหน้าตากรุ้มกริ่ม คิดจะหยอดมุกอะไรใส่กูอีกล่ะ

ไอ้นะทำตาหวานใส่ผม “เป็นคู่แท้ของกันและกัน”

“...”

ผมพ่นลมหายใจแรง หยิบแตงกวาดองในจานตัวเองยัดใส่ปากคนพูด เน่ามาก คู่ทงคู่แท้เชี่ยไรล่ะ มึงคิดว่ามึงเป็นโกโบริ ส่วนกูเป็นอังศุมาลินเหรอ เจอกันที่ดาวลูกไก่น้าา ถุ้ย!

จีบผมด้วยมุกเห่ยๆ ได้ (หรือจะเรียกว่ากวนตีนผมมากกว่า?) ไอ้นะก็หัวเราะมีความสุขแล้วจัดการขนมจีนน้ำยาป่าของมันจนหมดจาน ผมกินเสร็จทีหลังมันเล็กน้อย เรานั่งอืดด้วยกันอีกสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นควักตังค์เตรียมจ่ายแม่ค้า แต่...

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจ่ายเอง”

“จะเลี้ยงกูอีกแล้วเหรอวะ ตั้งแต่มาถึงนี่กูไม่ได้ออกเงินจ่ายอะไรเองเลยนา”

“กูบอกแล้วไงกูเลี้ยงมึงได้ ให้เลี้ยงตลอดชีวิตยังไหว”

“เหรอออ งั้นถ้าเราแต่งงานกันเมื่อไหร่กูจะนอนอยู่บ้านแล้วปล่อยให้มึงเลี้ยง” ผมกระตุกยิ้มหน้าเป็นให้มันแล้วเดินนำไปที่หน้าร้าน แต่เมื่อไม่เห็นมันเดินมาสักทีก็หันไปกวักมือเรียก “เอ๊า ยืนงงอะไรครับคุณพยัญชนะ มาจ่ายเงินสิครับพ่อสายเปย์ แล้วจะได้พาผมไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวน้ำตกต่อ”

ไอ้นะเดินมาตามที่ผมเรียก แต่ถ้าผมไม่ได้มองผิดไป...ผมสังเกตเห็นว่านัยน์ตาสีเข้มของมันวูบไหวเป็นประกาย ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่สองแก้มของมันมีริ้วแดงนิดๆ ติดอยู่ อ่า...อย่าบอกนะว่าเขินกับสิ่งที่ผมพูด?

จะว่าไปผมบอกกับมันว่า ‘ถ้าเราแต่งงานกัน’ นี่หว่า อย่าบอกนะว่ามันคิดจริงจังแล้วเก็บเอาไปเขินน่ะ!

ไอ้ฉิบหายยย ตอนพูดผมไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเขินเหมือนกันแล้วนะโว้ย!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรแก้ต่างให้ความน่าอายของตัวเอง ไอ้นะก็คว้ามือผมไปจับอีกครั้ง เหมือนหลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้ที่มันคอยจูงมือผมเดินไปไหนมาไหนนั่นล่ะ...ดวงตาของเราสบกัน ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเที่ยวงานวัด ท่ามกลางเสียงดังของเพลงงานวัดที่ห่างไกลออกไปไม่ออก

“มึงบอกเองนะว่าเราจะแต่งงานกัน”

ผมอ้าปากพะงาบๆ หน้าร้อนวาบหัวใจเต้นรัวแรงแทบเด้งออกมานอกอก ยิ่งเมื่อไอ้นะมันรั้งมือผมขึ้นมาแล้วกดจูบที่ข้อนิ้ว ผมก็แทบจะสติแตก ตะโกนอัดหน้าใส่มันไปอย่างลืมตัว

“แต่งบ้าอะไรเล่า!”

ฮื่อ ไอ้เหี้ยยย พอรู้ว่ากูคิดเหมือนกันก็ขยันหยอดหนักกว่าเดินอีกนะ ว้อยยย

 

หลังจากผมวิ่งหนีตายมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ทันทีที่ได้กลิ่นน้ำซุปกระดูกหมูหอมๆ ผมก็ลืมความเขินอายก่อนหน้านี้ไปเกือบสิ้น รีบสั่งเมนูที่ต้องการ และไม่ลืมสั่งให้ไอ้นะด้วยเพราะรู้ว่าถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกมันจะกินอยู่เส้นเดียวคือเส้นเล็ก...กินเหมือนผม

นั่งได้ที่ก็รอเวลาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ไอ้นะที่ตามมาทีหลังนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่คิดจะถามว่าผมสั่งอะไรให้มันหรือเปล่า เพราะมันรู้ดีว่าถ้าผมมาถึงก่อนผมก็จะสั่งเผื่อมันเสมอ เราสองคนน่ะรู้จักกันดีซะจนดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งได้รู้จักกันแค่ปีกว่าเกือบสองปีเลยเนอะ

ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยมที่ได้มาเจอคนอย่างมัน...จริงๆ นะ นอกจากครอบครัวก็มีมันนี่ล่ะที่ใส่ใจผมในทุกๆ เรื่อง และผม...ก็ใส่ใจมันในทุกๆ เรื่องเหมือนกัน :)

“เล็กน้ำตกหมูสดหนึ่ง หมูตุ๋นหนึ่งได้แล้วคร้าบ”

เด็กผู้ชายที่น่าจะเป็นลูกเจ้าของร้านนำก๋วยเตี๋ยวที่ผมสั่งมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะหายไปแป๊บหนึ่งแล้วก็มีแก้วน้ำแข็งสองแก้วมาวางลงตามหลัง...ผมหยิบเหยือกน้ำมารินน้ำใส่แก้ว ขณะที่ไอ้นะดึงเอาชามเส้นเล็กหมูสดไปปรุง ส่วนของผมหมูตุ๋นครับ ปรุงด้วยการใส่น้ำตาลนิดนึง น้ำส้มอีกหน่อย แล้วก็พริกป่นน้อยๆ น้ำปลาไม่ต้องเพราะเมื่อกี้ชิมไปมันเค็มกำลังพอดีแล้ว

ผมมองไอ้นะคีบเส้นเข้าปากตามด้วยซดน้ำซุป ลุ้นเต็มที่ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า อีกฝ่ายเหลือบขึ้นมาสบตาผม มันเคี้ยวอยู่ครึ่งนาทีแล้วถึงเอ่ยตอบคำถามที่ผมถามออกไปทางสายตาเมื่อกี้

“อร่อย”

“Good job!” ผมปรบมือแปะๆ แล้วกินของตัวเองบ้าง สำหรับผมมันอร่อยแล้ว แต่ไม่รู้ไอ้นะมันจะอร่อยด้วยหรือเปล่าไง เลยต้องคอยลุ้นว่ามันจะชอบเหมือนกันไหม

เรากินไปได้สักพัก จู่ๆ ก็มีมือตะปบลงมาบนไหล่ไอ้นะ ตามด้วยเสียงร้องทักอย่างร่าเริง

“นะ!”

“อ้าวเฮ้ย ไอ้กร” ไอ้นะหันไปมองคนทักก่อนจะทักตอบอย่างร่าเริงไม่ต่างกัน “เป็นไงบ้างวะมึง นั่งก่อนๆ มึงมากับใครเนี่ย”

“กูมากับพวกไอ้มิว ไอ้ไท พอดีอาจารย์เอกกูไปสัมมนาทั้งอาทิตย์ หยุดยาวกูก็เลยบินกลับมาเยี่ยมบ้าน ถือโอกาสนัดเจอเพื่อนเก่าด้วย ว่าแต่มึงเถอะ ทักไปก็ไม่เห็นตอบ จะชวนให้มาเจอกันนี่แหละ ดีนะที่ได้มาเจอกันที่นี่”

“อ้าว มึงทักกูมาเหรอ ทางไหนวะ?”

“ไลน์กลุ่มของพวกเราไง”

“เหรอวะ กูไม่เห็นมันแจ้งเตือนเลย”

“มึงไม่เข้าไปอ่านมากกว่า ชอบดองไลน์ไงไอ้ควาย” เพื่อนไอ้นะ ที่เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าชื่อกรบ่น ผลักหัวไอ้นะไปทีหนึ่งด้วย ผมงี้แทบจะยกมือขึ้นปรบ ไอ้นะมันชอบดองไลน์จริงๆ ครับ คนอื่นบ่นมันบ่อยๆ แต่กับผมมันก็ไม่เคยดองนะ อ่านตลอด

ก็งี้แหละ ผมเป็นคนสำคัญของมันนี่นา :)

ผมลอบสังเกตเพื่อนเก่าไอ้นะ ดูท่าทางจะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแหละ กรหน้าตาออกไปทางตี๋จีน ผิวขาวตาเรียวเล็ก ยิ้มทีมีลักยิ้มโผล่มาข้างแก้มขวา ตัวสูงน่าจะพอๆ กับผมได้ แล้วแม่งโคตรเจ๋งตรงที่ทำผมสีออกไปทางน้ำตาลส้มอะ เด่นเหี้ยๆ เลยครับ

“ไหนว่ามากับไอ้มิวไอ้ไท ไม่เห็นพวกมัน...อ้าว พูดถึงก็มาพอดี ตายยากสัด”

“ใครตายยากไอ้วะไอ้หล่อ” ผู้ชายตัวผอมสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เลิกคิ้ว อีกฝ่ายสวมแว่นกรอบน้ำเงิน หน้าตาดูเป็นเด็กเรียนมากๆ เขามากับผู้ชายอีกคนที่หน้าตาหล่อสูสีกับไอ้นะเลย ทำผมสีเทาด้วย เช็ดโด้ อย่างหล่อ

“มึงสองคนไง กูเพิ่งถามหาแม่งโผล่มาอย่างไว”

“กูเป็นผี มึงจุดธูปเรียกกูเลยมา”

“ไม่มีธูปไอ้สัด ไม่ได้เรียก”

“เล่นส้นตีนไรกันครับ มานี่ นั่งลงแล้วทักทายเพื่อนไอ้นะมันหน่อยดิ นั่งมองตาแป๋วนานแล้ว”

“เอ่อ” ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเพื่อนทั้งสามคนของไอ้นะหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว ดีนะผมเคี้ยวลูกชิ้นกลืนลงท้องไปแล้ว ไม่งั้นคงมีสำลัก “หวัดดี เราชื่อสระ แล้วก็คุยกันตามสบายเลย”

“สระ?” ผู้ชายคนที่หน้าหล่อๆ ทวนถามชื่อผม ก่อนจะหันไปหลิ่วตามองไอ้นะ

คนถูกมองทำหน้าซื่อ “อะไรมึงไอ้ไท”

อ่อ คนนี้ชื่อไท งั้นคนใส่แว่นคงชื่อมิว

“สระที่เป็นคู่จิ้นของมึงในเพจแฮนด์ซั่มบอยป่ะ!?” คราวนี้คนชื่อมิวตาโตเอ่ยถามเสียงเกือบดังลั่นร้านก๋วยเตี๋ยว ว่าแต่จะมานั่งคุยกันไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอวะน่ะ

“อือหึ” ไอ้นะตอบ เพื่อนมันสามคนเลยพากันผิวปาก

แล้วกรก็โพล่งขึ้นมาว่า “งั้นคนนี้ก็คงไม่ใช่แค่เพื่อนแล้ว”

ผมหน้าร้อนวาบ ยิ่งเมื่อสายตาสามคู่มองมาเหมือนจะล้อๆ ผมก็เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เลยชี้นิ้วไปที่หน้าร้านแล้วเอ่ยบอก “ไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวหน่อยเหรอ”

ไทมองตานิ้วผม พอเห็นแม่ค้าเมียงๆ มองๆ มาเหมือนจะถามว่าจะสั่งอะไรไหม เขาก็เลยลุกขึ้นไปสั่งเมนูที่ต้องการ ดูเหมือนจะสั่งเผื่อเพื่อนอีกสองคนด้วย ขณะที่มิวหยิบเอาบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ไอ้นะ

“สูบป่ะ?”

ยังไม่ทันที่ไอ้นะจะตอบหรือยื่นมือไปรับ ผมก็มือไวไปก่อนสมอง รีบเอื้อมไปรั้งแขนไอ้นะเอาไว้หมับ! เขม่นตามองเพื่อนรักที่ไม่ได้รักแค่เพื่อนนิ่ง

ไอ้นะดูเหมือนจะเข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อ มันดึงมือผมไปกุมไว้หลวมๆ ดวงตาของมันทอประกายอ่อนโยนจนน่าขนลุก แต่ก็ทำให้ผมใจหวิวได้ในคราวเดียวกัน ริมฝีปากมันจึดยิ้มอ่อน ลูบปลายนิ้วกับหลังมือผมเบาๆ พลางว่า...

“ไม่หรอกน่า กูเลิกสูบไปนานแล้ว”

“...” ผมกำลังจะถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ต้องเผลอกลั้นหายใจแทนเมื่อมันเอ่ยขึ้นอีกประโยค

“กูเลิกสูบเพราะมึงขออะแหละ”

ใจเต้นรัวเหมือนปืนกลเวลาถูกเหนี่ยวไก เหมือนแผ่นดินจะไหว หรือผมกำลังเขินจนใกล้จะเป็นลมวะ

...รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงโห่แซวของเพื่อนไอ้นะ

“ทำได้ทุกอย่างที่เธอขอว่ะ วู้ววว”

“รักจริงต้องตามใจแฟนเว้ย”

“โหยๆๆ อิจฉาคร้าบบบ”

ห่าเอ๊ย อยากมุดชามก๋วยเตี๋ยวแล้วหายตัวไป!


__________

มาแล้ววว หายไปเพราะติดซีรี่ส์ค่ะ ด้วยความที่เห็นคนหวีด Skam ฝรั่งเศสเยอะมาก เลยทนไม่ไหวไปกดขอเข้ากลุ่มเพื่อดูบ้าง มีคนแนะนำว่าให้ดูต้นฉบับก่อน ซึ่งเป็นของนอร์เวย์ ถ้าอยากดูคู่วายก็ให้ไปดูซีซั่นสามเลย เราก็แบบอยากดูตั้งแต่ซีซั่นแรก ดูไปนิดๆ ก็สนุกดีนะคะ แต่เริ่มทนไม่ไหวแล้วล่ะ ว่าจะไปดูซีซั่นสามก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาดูซีซั่นที่เหลือ จากนั้นก็จะโดดไปดูของฝรั่งเศสบ้างแล้ว พระเอกหล่อดีจัง แอร๊ 55555

พูดเรื่องอื่นซะยืดยาว ก่อนจะยาวไปมากกว่านี้ก็อยากจะบอกว่า...น้องสระไม่ได้ซื่อบื้อน้าา ก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดออกมาตรงๆ ไง รักนะ แสดงออก หยอดเก่ง แต่ไม่บอกตรงๆ ว่าชอบอะเนอะ หึๆ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ แต่คงไม่ใช่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะหนีไปเที่ยวชะอำ อิอิ บับบายยย

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eight - (ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว) [18-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-02-2019 18:23:37
 :o8: กรี๊ดดด
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eight - (ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว) [18-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-02-2019 19:15:07
สระ กินเก่งขึ้นนะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eight - (ซ.) : ซิกาเร็ต (แซว) [18-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-02-2019 22:17:50
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-02-2019 22:37:23

Nine

(ด.) : ดาว (ดูด)

 

[พยัญชนะ]


ผมบอกลากับเพื่อนเก่า ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุยกัน แต่พวกมันบอกว่าไม่อยากเป็นก้างขวางคอผมกับแฟน...สระงี้แยกเขี้ยวใส่ทันทีเลย บ่นงึมงำว่าแซวอยู่ได้ ดูหงุดหงิดแต่แก้มมันดันแดงขึ้นมาซะงั้น น่ารักว่ะ :)

เราเดินเที่ยวเล่นในโซนขายอาหารไปเรื่อย ซื้อนั่นนี่ติดมือกลับบ้าน ขนมถ้วยเอย สายไหมเอย ของกินที่ไอ้ดื้อมันชอบทั้งนั้นนั่นล่ะ ซื้อไปเยอะจนคิดว่าคืนนี้ไม่มีทางกินหมด ต้องแช่ตู้เย็นไว้กินพรุ่งนี้แล้ว

สระท่าทางแฮปปี้มาก ตลอดทางมันยิ้มแทบจะตลอดเวลา เหมือนคนบ้าเลย แต่ก็เป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดสำหรับผมแหละ หึๆ

"พอยัง เต็มมือไปหมดแล้วเนี่ย" ผมถามกึ่งแซวที่มันไม่เลิกซื้อของกินสักที "ไม่ไปเล่นแาลูกโป่งรึไง"

"เออว่ะ! ลืมไปเลย" สระหน้าตาตื่นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขารีบจ่ายเงินค่าหม้อแกงสองถาดเล็ก รับของมาแล้วคว้าแขนผมลากไปทางร้านปาลูกโป่งทันที

ผมส่ายหน้าให้กับความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย...ด้วยความเอ็นดูน่ะนะ พอมาถึงมันก็ยื่นของทั้งหมดให้ผมถือ ทำหน้าทำตาออดอ้อนให้ผมช่วยถือหน่อยนะ แล้วผมเคยปฏิเสธมันได้ที่ไหนล่ะ ก็รับของมาถือเอาไว้อย่างไวเลยสิครับ

"จะเอาตัวไหน" ผมถามหลังจากที่มันซื้อลูกดอกเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเจ็ดอัน ถ้าพลาดแม้แต่อันเดียวก็อดได้ตุ๊กตาตัวใหญ่

"หมาตัวนั้น" สระชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาหมาตัวใหญ่สีน้ำตาล แต่หน้าท้องกับข้อเท้าทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว หน้าตามันน่ารักดี เหมือนหมาจริงเลยแฮะ "จะเอาให้มึงให้ได้เลย"

"ให้กูจริงดิ?" ผมเลิกคิ้ว คิดว่าที่มันพูดก่อนหน้านี้แค่พูดเล่นเฉยๆ ซะอีก เห็นเล่นเกมอะไรพวกนี้แล้วหวงของที่ได้มาจะตาย

สระยิ้มมุมปาก ทำหน้าทำตากวนตีนกึ่งๆ เก๊กหล่อ ทั้งที่มันออกมาน่ารักฉิบหายในสายตาผมมากกว่า

"กูบอกแล้วไงว่ากูจะเอาให้มึง ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ"

"งั้นที่มึงบอกชอบกูก็อย่าคืนคำแล้วกัน" ผมสวนกลับ ทำเอาคนฟังชะงักท่าทางที่กำลังเตรียมเพื่อปาลูกดอก หันมามองหน้าผมงงๆ

"กูไปบอกชอบมึงตอนไหน?"

"อ้าว ก็แคปชั่นไอจีมึงไง"

สระทำหน้าเหลอหลา "อะไรรร นั่นกูหมายถึงรูปที่มึงถ่ายให้เว้ย"

"บ่ายเบี่ยงได้ตลอดก็ให้มันรู้ไป"

"เงียบไปเลยมึงน่ะ" พอเถียงผมไม่ได้ก็ขู่ใส่ เหมือนลูกแมวไม่มีผิด "กูจะปาแล้ว มึงหยุดพูดเลย ทำลายสมาธิกู"

ผมเงียบลงตามที่มันขอ ยืนดูมันปาลูกดอกด้วยความตั้งใจ ดอกแรกปักลงที่ลูกโป่งสีชมพูเข้าเต็มๆ ตามด้วยดอกที่สอง สาม แต่ดันมาพลาดให้กับดอกที่สี่

"ไอ้เชี่ยยย" สระโวยวายทันที กำหมัดชกอากาศอย่างหงุดหงิดใจที่ตัวเองพลาดเข้าซะได้

ผมหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ เลยโดนทันขึงตาใส่ แล้วมันก็หันไปปาลูกดอกที่เหลือจนหมด สิ่งที่ได้มาคือพวกกุญแจตุ๊กตาตัวเท่าฝ่ามือแค่นั้น

"เอาอีกเปล่า?"

"เอา! ต้องแก้มือดิวะ ไงกูก็จะเอาตุ๊กตาหมาให้ได้อะ" ว่าแล้วก็หันไปซื้อลูกดอกชุดใหม่ มันมุ่งมั่นตั้งใจจนผมยิ่งมองว่าโคตรน่ารัก

ผมกดเข้าไอจี ถ่ายสตอรี่ในตอนที่สระปาลูกดอกลูกที่ห้าได้สำเร็จ โดยที่ไม่พลาดเลยสักดอก เหลืออีกแค่สองดอกเท่านั้น และนั่นทำให้ผมลุ้นตามสุดๆ จนกระทั่ง...

ดอกที่เจ็ดปักลงเข้าที่ลูกโป่งสีเหลืองเต็มๆ เลย!

ผมโห่ร้อง ส่วนสระหันมากระโจนกอดผมจนเกือบทำโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ อีกฝ่ายกระโดดดีใจไม่หยุด จนผมต้องบอกให้มันไปเลือกตุ๊กตาได้แล้ว นั่นล่ะมันถึงได้ผละออกไป

ผมยิ้มกว้าง ก้มมองไอจีสตอรี่ที่ตัดจบพอดีกับตอนที่สระโดดมากอดผมจนกล้องสั่นไปวูบหนึ่ง อ่า...คงต้องอัปลงไปแบบนี้ล่ะนะ ให้ทุกคนเห็นไปเลยว่ามันกอดผมก่อน :)

กดใส่แคปชั่นแล้วอัปเดตเรียบร้อย ก็พอดีกับที่สระเดินกลับมาพร้อมตุ๊กตาหมาตัวที่มันเล็งเอาไว้

"น่ารักเนอะ" มันฉีกยิ้มกว้าง จับขาหน้าของตุ๊กตาขึ้นมาโบกๆ ใส่ผม "นี่หมาของมึง"

ผมยิ้มตอบ "คนให้หมาตัวนี้กับกูก็เป็นของกูเหมือนกัน"

คนฟังชะงัก หน้าเหวอไปเลย หยุดมือที่กำลังเล่นตุ๊กตาแล้วเปลี่ยนเป็นจับมันขว้างใส่ผม ดีนะที่ผมรับทัน ไม่งั้นคงได้หล่นลงไปเปื้อนดินแน่ๆ

"ใครของมึงไอ้ฟายยย"

ผมหัวเราะ "ให้กูดีๆ ก็ได้ ขว้างมาซะเจ็บหน้าเลย"

"เว่อร์ แค่นิดเดียวเอง" มันว่า แต่สระก็เดินมาหาผมแล้วช่วยปัดๆ เส้นผมที่ปรกหน้าเพราะโดนตุ๊กตาอัดกระแทกให้เป็นทรงเรียบร้อยเหมือนเดิม ลูบเบาๆ ที่ปลายจมูกของผมด้วย คงจะแดงนิดๆ ล่ะมั้ง ถึงจะไม่เจ็บเท่าไหร่แต่ก็ทำเอาหน้าสั่นอยู่นะเมื่อกี้

"กูไม่เป็นไร อะ มึงถือให้กูหน่อย มือกูเต็มแล้วเนี่ย" ผมยื่นตุ๊กตาให้มัน สระรับไปกอดอย่างไม่คิดบ่น "ไปไหนต่อ"

"เล่นยิงปืน"

เราเดินไปยังร้านถัดไป ซึ่งเป็นร้านยิงปืนแบบที่มีในงานวัดนั่นล่ะ คราวนี้ผมควักเงินจ่ายค่าลูกยางให้อีกฝ่าย สระยิ้มร่ารับเอาลูกยางมาใส่ที่ปืน ยกขึ้นเล็งไปยังกระป๋องที่ตั้งเรียงซ้อนกันสามชั้นด้วยท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจอีกครั้ง

ผมชอบนะเวลาที่สระทำสีหน้าแบบนี้ มันดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย :)

ลูกยางดอกแรกชนกระป๋องบนสุดหล่นลงไป ตามมาด้วยลูกยางดอกที่สองที่ฉแลบออกข้างแทนที่จะโดนกระป๋องหล่น หลังจากยิงครบสุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้กระป๋องทั้งหมดหล่นได้

"ยิงอีกเปล่า?" ผมถาม

สระส่ายหน้า "ไม่เอาอะ กูไม่ค่อยถนัดเกมนี้ว่ะ"

"งั้นถือของหน่อย กูจะยิงเอง"

"มึงยิงเป็นด้วยเหรอ?"

ผมยักคิ้ว "เห็นงี้ก็เซียนเกมยิงปืนนะครับ"

"ยิงซอมบี้ในเกมหรือยิงคนในพับจีไม่เหมือนยิงปืนงานวัดนะไอ้ห่า"

"ฮ่าๆๆ เอาน่า ก็คงคล้ายๆ กัน"

ผมจ่ายเงินค่าลูกยาง รับมาใส่ปืนแล้วเล็งยิงด้วยความตั้งใจเหมือนที่สระทำ แล้วมันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ในใจ หลังจากที่ผมยิงจนหมด เพราะว่า...ผมยิงให้หล่นไม่หมดครับ เซียนเกมในจอไม่สามารถเป็นเซียนเกมจริงๆ ในงานวัดได้เลย เฮ้อออ

สระหัวเราะเยาะเย้ยใส่อย่างไม่ไว้หน้า "เป็นไงครับคุณเซียนเกม"

"อ่อนด๋อยจนน่าอายเลยครับ" ผมถอนหายใจ แต่ริมฝีปากยิ้มขำ

ไอ้ดื้อตบบ่าผมอย่างชอบใจ แล้วชวนให้ไปเล่นอย่างอื่นต่อ ผมรับเอาถุงของกินมาถือไว้เหมือนเดิมแล้วเราก็เดินเล่นด้วยกันไปทั่วงาน ก่อนเราจะปิดท้ายการเที่ยวงานวัดด้วยการไปนั่งชิงช้าสวรรค์

"เดี๋ยวก่อนไอ้นะ" สระรั้งแขนผมให้หยุดเดิน "สายไหมแบบไม้!"

ผมมองตามที่อีกฝ่สยชี้ ไอ้ดื้อวิ่งรี่เข้าไปหาร้านขายสายไหมทันที ก่อนหน้านี้เราซื้อแบบที่เป็นสายไหมใส่ถุงมีแป้งห่อมาให้ด้วย แต่อันนี้เป็นสายไหมล้วนๆ ม้วนใส่ไม้

"เอาสีไร"

"มึงอยากกินสีไรอะ" ไอ้ดื้อย้อนถามผมกลับมา

ผมไล่สายตามองสีสายไหม แล้วจิ้มไปที่สีม่วง สระก็ซื้อตามสีที่ผมเลือก เอาเข้าจริงมันก็คือน้ำตาลธรรมที่ผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็นขนมสีสันสดใสพองๆ ฟูๆ แค่นั้นเอง แต่เวลาจะเลือกสีทีหนึ่งก็ต้องใช้เวลาคิดล่ะนะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ฮะๆ

ได้สายไหมมาผมก็ยื่นให้สระถือทันที คนชอบกินน่ะคืออีกฝ่าย ส่วนผมไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นแต่ก็กินได้

เราเดินไปที่ชิงช้าสวรรค์ เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้

"มึงว่าผู้ชายตัวโตๆ สองคนอย่างมึงกะกูจะนั่งด้วยกันได้เหรอวะ?"

"ก็น่าจะได้นะ เพราะที่ตัวโตอะกู ส่วนมึงเป็นไอ้ดื้อตัวเล็กกว่า"

"เล็กพ่องงง" สระหันมาถลึงตาใส่ผม ถ้ามือมันว่างคงต่อยไหล่ผมไปแล้ว ฮะๆ

ที่จริงเขาก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรหรอก เตี้ยกว่าผมนิดเดียวเอง แล้วก็ผมกว่าหน่อย ผิวขาวมากทั้งที่เป็นเด็กต่างจังหวัดแท้ๆ แต่ก็นะ...ใช่ว่าเด็กต่างจังหวัดจะต้องผิวแทนผิวคล้ำเหมือนกันหมดซะหน่อยนี่นะ มายด์เซ็ตแบบนั้นก็แค่เรื่องที่คนคิดไปเอง จนบางทีก็หยิบเอามาแบ่งแยกคนอื่น

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปถามเจ้าของชิงช้า "พี่ครับ ผมสองคนนั่งได้ไหมครับ?"

"ได้อยู่แล้วน้อง แต่ก็นั่งให้สมดุลกันล่ะกัน อย่าขยับเยอะ ถึงพี่มั่นใจว่ากระเช้าพี่แข็งแรง แต่ถ้าน้องทำอะไรกันรุนแรงพี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหล่นมั้ย"

ไอ้ดื้อหน้าเหวอเป็นรอบที่สองของคืนนี้ ให้กับประโยคที่ว่า 'ถ้าน้องทำอะไรกันรุนแรง' ผมได้ยินยังเผลอชะงักเลย ฮ่าๆๆ

"สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรกันรุนแรงครับพี่"

"ดีมากไอ้น้อง งั้นคนละยี่สิบต่อคิวขึ้นกระเช้าได้เลย!"

หลังจ่ายเงินเสร็จผมก็โดนไอ้ดื้อต่อยไหล่เต็มแรง เล่นเอาเกือบเซ

"มึงพูดส้นตีนอะไรออกไปเนี่ยยย"

ผมเบ้หน้า ลูบไหล่ไปด้วยเพราะอันนี้เจ็บจรังจังมากครับ ต่อยเต็มเหนี่ยวขนาดนี้คงขุ่นเคืองของจริงแล้ว

ผมรีบง้อมันทันที "พูดเล่นไงมึง กระเช้าก็แค่นี้คิดว่าจะทำอะไรกันได้วะ"

"แล้วถ้าพี่เขาเข้าใจผิดล่ะไอ้ควายยย"

"น่า อย่าคิดมากดิ เขาไม่คิดอะไรหรอก ไม่งั้นคงไม่แซวเราขำๆ แบบนั้นไหมล่ะ"

สระฮึดฮัดนิดหน่อยก่อนจะยอมปล่อนผ่านเพราะถึงคิวขึ้นชิงช้าของเราพอดี

"นั่งดีๆ นะมึง อย่าโยกตัวไปมาให้มันโคลงเคลงล่ะ" อีกฝ่ายบอกกับผม

"มึงมากกว่ามั้ยที่จะทำแบบนั้น อยู่นิ่งๆ นานๆ ได้ที่ไหนมึงอะ"

"ว่ากูซนเหรอ"

"เออ"

"สัด!"

"ฮ่าๆๆๆ"

"แดกสายไหมป่ะ อะ" สระยื่นไม้สายไหมมาตรงหน้าผม แต่ผมส่ายหน้า

"ป้อนกู"

"ไอ้เห็บหมา แดกเองมือจะพังรึไง ต้องให้กูป้อนเนี่ย" มันบ่น แต่ไอ้ดื้อของผมก็หยิบสายไหมขึ้นมายัดปากผมหนึ่งคำอยู่ดี...ใช้คำว่ายัดนั่นล่ะครับ เกือบอ้าปากรับไม่ทัน โหดจังวะ

กระเช้าชิงช้าเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมทอดสายตามองคนตรงหน้าตลอดเวลา...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ชอบที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ มองดูคนพิเศษของผมที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข สระเป็นหนึ่งในความสุขของผม และผมไม่อยากจะเสียเขาไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ผมคิด...คิดมาตลอดว่าถ้าวันหนึ่งเรื่องระหว่างเรามันชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ ผมก็จะหยุดตัวเองเอาไว้ในอาณาเขตที่เรียกว่าเฟรนด์โซน มันคงจะอึดอัดไม่น้อย แต่ผมยอมเจ็บปวดดีกว่าให้เราสองคนต้องเลิกคบกันแม้กระทั่งในสถานะเพื่อน

แต่ดูเหมือนผมจะมีความหวัง เพราะถ้าสิ่งที่ไอ้ดื้อมันพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง ผมก็คงไม่ผิดถ้าคิดจะเข้าข้างตัวเองว่ามันคิดตรงกันกับผมจริงๆ เราชอบกัน...ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกไปเอง

“มองกูทำไม”

ผมเลิกคิ้ว เพิ่งรู้ตัวว่าเอาแต่มองอีกฝ่ายอยู่นาน จนตอนนี้กระเช้าชิงช้าเคลื่อนจากตรงกลางลงมาแล้ว “ว้า ไม่ทันเลย”

“หะ? อะไรไม่ทัน?” สระขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ผมไหวไหล่ “เคยได้ยินมาว่าถ้าได้จูบกันคนที่ชอบตอนชิงช้าขึ้นมาถึงจุดยอดสุด จะทำให้รักกันยืนยาว แต่กูมองมึงเพลินไปหน่อย เลยอดจูบมึงเลย”

“!!!”

สระช็อกไปแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ

ไอ้ดื้อมองผมตาโต มือที่กำลังเด็ดสายไหมกินนิ่งงัน ร่างทั้งร่างแข็งทื่อประหนึ่งโดนสาปไปแล้ว คงมีแค่แก้มอย่างเดียวที่แดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุด

“หน้าแดงว่ะ กิ๊วๆ” ผมหยอกล้อ ไม่อยากให้มันระเบิดตัวตายเพราะความเขินเอาตอนนี้ แต่นอกจากมันจะไม่พูดอะไรสักคำแล้วมันยังอ้าปากหวอใส่ ผมก็เลยอาศัยจังหวะที่มันยังเหวอไม่เลิกนี่แหละจู่โจมมันอีกรอบแทน

ผมดึงมือที่หยิบสายไหมค้างไว้เข้าหาตัว ก่อนจะงับก้อนน้ำตาลสีม่วงเข้าปากทั้งที่ตายังจ้องสบเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ปลายนิ้วของสระเปื้อนน้ำตาลที่แห้งเล็กน้อย ผมก็เลย...แลบลิ้นเลียทำความสะอาดให้ :)

ก็ไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่ แต่แบบนี้เขาเรียกว่าการอ่อยครับ หึๆ

แค่เลียคงไม่พอ เพราะผมดูดเบาๆ ด้วย จนแน่ใจว่าสะอาดแล้วถึงได้ปล่อยมือมันให้เป็นอิสระ

ยิ้มแฉ่งรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แล้วสิ่งที่ได้รับก็ไม่เหนือไปจากความคาดหมายของผม เพราะหลังจากที่สระได้สติ มันก็แทบจะกระโจนมาต่อยหน้าผม ดีที่ผมเบรกมันเอาไว้ทันด้วยการบอกว่าเดี๋ยวกระเช้าโคลงเคลง นั่นล่ะมั่นถึงยอมนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม แต่ตางี้มองผมเขม็ง ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้ผมคงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ฮะๆ

“มึงแม่งงง เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

“:)”

“ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยไอ้สัด กวนตีน” มันยังบ่นต่อไปทั้งที่หน้ายังไม่หายแดงเลยด้วยซ้ำ “สกปรกไหมเนี่ย มือกูเปื้อนน้ำลายมึงอะ”

“ฝึกไว้ไง”

“ฝึกอะไรของ...”

“ตอนเราจูบกันเมื่อไหร่มึงจะได้ชินกับน้ำลายกู”

“!!!”

เป็นอีกครั้งที่สระโดนขัดจังหวะตอนพูดและมันก็หาคำมาโต้ตอบผมไม่ได้ ช็อกอ้าปากค้างไปอีกรอบ กระทั่งกระเช้ามาถึงด้านล่างสุด ผมจูงข้อมือมันพาเดินออกจากชิงช้า เดินไปเรื่อยจนถึงทางออกจากวัด เราเดินไปด้วยกันเงียบๆ เพื่อกลับบ้าน...นานทีเดียวกว่าไอ้ดื้อจะพูดอะไรออกมาได้

“นับวันมึงยิ่งสรรหาคำพูดมาเต๊าะกูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะไอ้นะ”

ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “กูก็แค่พูดในสิ่งที่กูคิด และที่กูอยากทำกับมึง”

คนฟังหน้าแดงอีกแล้ว ใครบอกคนหน้าตาหล่อน่ารักจะหน้าแดงไม่ได้ ผมขอเถียงจนกว่าคอจะแตกเลยว่าคนหล่อ คนน่ารักอะ เวลาหน้าแดงไม่ได้ดูทุเรศเลย มันน่าหยิกน่าหยอก น่าฟัดฉิบหาย

เดินมาถึงชิงช้าตัวเดิมที่สระนั่งเล่นเมื่อเย็น อีกฝ่ายเดินไปนั่งลงแล้วไกวช้าๆ สายลมยามกลางคืนพัดผ่านร่างกายของเราทำให้รู้สึกเย็นนิดๆ จนเกือบหนาว ท้องฟ้าคืนนี้ไร้เมฆ ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่าง แถมมีดวงดาวมากมายกระจายเกลื่อน เป็นคืนที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนมากทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ที่นี่มันกรุงเทพฯ นะครับ ดาวบนพื้นดินมันสว่างจนกลบดาวบนฟ้าซะหมดนี่นา

ผมเงยหน้ามองดาวก่อนจะก้มลงมองคนที่มาด้วยกัน...สระเองก็กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาของมันเป็นประกายสดใส ริมฝีปากยิ้มกว้าง วันนี้มันยิ้มบ่อยมากจนทำให้หัวใจคนมองอย่างผมสั่นไหวไปหมด

“ดาวสวยเนอะ” สระพูดขึ้น เบือนหน้ากลับมาสบตาผม

เราจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน ไอ้ดื้อเงยขึ้นมองผม และผมต้องหักห้ามใจเป็นอย่างมากไม่ให้ตัวเองทำอะไรอย่างที่ใจคิดอยากจะทำมาตลอด

ห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอไปจูบมันเข้าทั้งที่สถานะของเรายังเป็นแค่เพื่อนกัน

ผมลูบปลายนิ้วเข้ากับแก้มใสๆ ของไอ้ดื้อ มันคงจะชอบเพราะเผลอตัวเอียงแก้มตอบรับสัมผัสของผมอย่างน่ารัก ไม่รู้ว่าผมใช้คำว่าน่ารักกับสระไปกี่ครั้งแล้วนับตั้งแต่ได้รู้จักมัน แต่ผมรู้ตัวดีเลยว่าผมใช้คำนี้ได้เปลืองมากแค่ไหน

“ดาวสวยจริงๆ นั่นล่ะ” ผมตอบรับ เลื่อนฝ่ามือไปจับที่ต้นคอเล็กไว้หลวมๆ ก่อนจะกดจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “สวยเหมือนดวงตาของมึงเลย”

สระอมยิ้ม หัวเราะคิกคักทั้งที่บรรยากาศระหว่างเราไม่มีอะไรน่าขำสักนิด แต่ก็นั่นล่ะ...เพราะเป็นสระ และเป็นผม เพราะเป็นเรา มันจึงไม่แปลกอะไร

“อันนี้หวานจนเลี่ยนเลยอะไอ้นะ”

“กูก็เพิ่งจะเคยพูดอะไรแบบนี้กับมึงคนแรกน่ะแหละ” ผมหัวเราะตามอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอีกว่า “เพราะงั้นรู้ตัวได้แล้วว่ามึงน่ะพิเศษกับกูมากขนาดไหน”

สระสวมกอดเอวผมแล้วซบหน้ากับหน้าท้องของผม แล้วตอบกลับมาเสียงเบาจนผมเกือบจะไม่ได้ยิน ด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดออกมา

“กูรู้มานานแล้วเว้ย”


________________
เขินกันมั้ยอะ เราเขียนเองแต่เราเขินมาก แง 55555 เรื่องนี้เราแต่งด้วยความรู้สึกว่าอยากให้มันเป็นความรักแบบเรื่อยๆ มุ้งมิ้งกันไปวันๆ แต่ถามว่ามีจุดหักเหมั้ย? แน่นอนค่ะว่ามี คริคริ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ //ส่งจูบ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2019 00:10:54
นะเต๊าะได้รุนแรงกับใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-02-2019 00:23:01
หวานไปหมดเลยตอนนี้  :hao6:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 21-02-2019 09:50:06
หวานจนมดขึ้นตาไปหมดล๊าววววว


 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-02-2019 10:30:03
งานวัดนี้อยู่หนใด อยากไปกินสายไหมหวานๆ ด้วยคน
หวาๆๆๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-02-2019 14:29:59
รู้มานานแล้ววววววววววววววว :o8:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nine - (ด.) : ดาว (ดูด) [20-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 23-02-2019 09:56:59
สระกับนะเป็นคู่ที่เคมีเข้ากันมากเลย
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Ten - (ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล) [24-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 24-02-2019 23:20:20

Ten

(ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล)

 

[สระ]


เรากลับมาถึงมอก่อนเวลาเข้าเรียนตอนบ่ายสองชั่วโมง ดีที่กินข้าวมาแล้วเลยแวะเข้าหอไปเปลี่ยนชุดเท่านั้น ออกมานั่งเล่นใต้ตึกรอเวลาเข้าเรียนคาบบ่าย แล้วปากมันก็ว่างด้วยอะครับ เลยจบลงที่...

“ไปเซเว่นนะ” ไอ้นะบอกพลางลุกขึ้นยืน “หาขนมให้สระมันกินเล่น”

“แหมๆๆ เอาอกเอาใจเหลือเกินนะครับคุณพยัญชนะ เมื่อวันก่อนยังเอาใจไม่พออีกเหรอออ” ไอ้พีเอ่ยแซว

วันก่อนก็วันที่ผมกับไอ้นะไปเดินเล่นที่งานวัดกันนั่นล่ะครับ ผมเพิ่งมาเห็นตอนกลับมาถึงบ้านคืนนั้นว่าโซเชียลสารพัดอย่างที่พวกเราอัปเดตลงไปกลายเป็นประเด็นฮอตประเด็นฮิตของเพจรวมคู่จิ้นประจำมหา’ลัยอย่างรวดเร็ว

เริ่มจากโพสต์แรก...ที่ไอ้นะลงรูปผมเล่นกับเบบี้ แคปชั่นมันบอกว่าผมน่ารักกว่าแมวใช่ปะ? อะ นั่นคือประเด็นแรกที่แอดมินเพจนั้นแชร์โพสต์ไปแปะหน้าเพจแล้วทำเอาคอมเมนต์ไหลเหมือนไฟลามทุ่ง รัวคำว่ากรี๊ดกันซะจนดอเด็กบนแป้นพิมพ์แทบค้าง (ผมเดาเอานะ คือมันยาวมาก ไม่รู้จะรัวคำว่ากรี๊ดดดด อะไรกันขนาดนั้น ฮะๆ)

ถัดมาคือโพสต์ที่แอดมินลงรูปซึ่งแคปมาจากไอจีของผมกับไอ้นะ เน้นข้อความด้วยวงกลมสีแดงตรงแคปชั่นของทั้งสองรูป...ก็ไอ้คำว่า ‘ชอบนะ’ กับ ‘ชอบเหมือนกัน’ อันนั้นไงล่ะครับ เล่นเอาเพจแทบแตกอีกรอบในระยะภายในไม่กี่ชั่วโมง เหล่าแฟนเพจต่างวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่าผมหมายถึงชอบไอ้นะ ชอบรูปที่ลงไปหรือชอบอะไรกันแน่ แต่ส่วนใหญ่ก็คิดว่าเป็นผมชอบไอ้นะซะส่วนใหญ่ บางคนถึงกับบอกว่าต่อให้ไม่ใช่ก็จะคิดว่าใช่ ลงเรือจิ้นคู่นี้แล้วโมเมนต์อะไรโผล่มาให้เก็บเกี่ยวให้คิดก็จะคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน เออดี ตลกดีว่ะ ฮ่าๆๆ

ส่วนประเด็นฮือฮาอันสุดท้ายก็คือไอจีสตอรี่ของไอ้นะ สงสัยกันใช่ป่ะว่ามันใส่แคปชั่นว่าอะไร? ผมจะบอกให้ มันใส่ลงไปว่า ‘กล้องสั่นเพราะโดนกอดแน่นมากครับ’ คือว่านะไอ้ฉิบหายยย เกลียดมันชะมัด กูกอดเพราะดีใจเหอะ ไม่ได้ตั้งใจจะกอดเพราะหลงใหลคลั่งไคล้ซะหน่อย!

แต่สตอรี่อันนั้นแหละที่ทำให้ลุกเป็นไฟของจริง เพราะนอกจากคอมเมนต์ในเพจรวมคู่จิ้นจะเกินห้าพันเมนต์ไปแล้ว คอมเมนต์ในเฟซและไอจีของผมกับไอ้นะก็แทบแตกด้วยเหมือนกัน ล่าสุดผมถึงกับต้องสมัครทวิตเตอร์เพราะไอ้เจ็มบอกว่าในทวิตเตอร์มีแฮชแท็กคู่จิ้นของผมกับไอ้นะด้วย คนเล่นเพียบ และตอนนี้ผมกำลังนั่งส่องไอ้แท็กที่ว่านั่นอยู่

แท็ก #สระของพยัญชนะ นั่นแหละ คนแรกที่คิดแท็กนี้ขึ้นมาก็คือแอดมินเพจรวบรวมคู่จิ้นของมหา’ลัย

“หุบปากไปเลยเชี่ยพี” ผมเงยหน้าขึ้นขึงตาใส่มัน ก่อนจะหันไปหาไอ้นะ “ขอลาเต้แก้วหนึ่งด้วยนะ”

“กินกาแฟเหรอ?”

“อือ รู้สึกง่วงๆ อะ”

“โอเค แล้วอยากกินขนมอะไรเป็นพิเศษไหม”

“ไม่อะ เอาไรมาก็ได้ มึงรู้อยู่แล้วว่ากูชอบกินอะไร” ผมว่าพลางยิ้มแฉ่งให้มัน เพื่อนรักผมยิ้มตอบ ยกมือลูบหัวผมด้วยแล้วถึงได้เดินไปเซเว่น

“ไอ้นะซื้อชาเขียวมาฝากกูด้วย!” ไอ้ยูตะโกนไล่หลัง แต่ไอ้นะชูนิ้วกลางให้แล้วตะโกนตอบกลับมาว่า...

“ไปซื้อเองดิ!”

“ไอ้เชี่ย ทีกับไอ้หระไม่เห็นพูดงี้เลย”

“เพราะกูเป็นคนพิเศษไง : )” ผมหลิ่วตาให้เพื่อนสามคนที่หันมามอง เลยโดนพวกแม่งปาลิขวิด ปาปากกา ฟาดฝ่ามือลงกลางหัวด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ ใส่ “ไอ้เหี้ยยย กูเจ็บนะโว้ย!”

“ตกลงพวกมึงสองคนนี่ยังไงวะ เป็นแฟนกันแล้ว?” ไอ้พีถาม

ผมส่ายหน้า “เพื่อน”

“เพื่อนพ่อมึงดิ”

“เอ๊า ก็ยังเป็นแค่เพื่อนจะให้ตอบว่าอะไรวะ”

“อ่อววว ยังเป็นแค่เพื่อน ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน” ไอ้เจ็มทำหน้าทำตาหยอกล้อ ผมล่ะเกลียดคำว่า ‘อ่อววว’ ของมันฉิบหาย ไอ้ฟัค กวนส้นตีนมาก

ผมมองบนใส่พวกมันที่พากันผิวปากวี๊ดวิ่วแซวผม ล้อไปเลยยย กูไม่เขินหรอก กูเลิกเขินแล้ว ชิน!

“กูตามไอ้นะไปเซเว่นดีกว่า พวกมึงอยากได้อะไรป่ะ” ไอ้ยูลุกขึ้นบ้าง

ไอ้พียกมือ “กูเอาปังปิ้ง”

“กูเอาโค้กป๋องนึง” ไอ้เจ็มยกตาม

ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากกินเปาหมูแดงเลยยกมือตาม “ขอเปาหมูแดงลูกใหญ่ให้กูด้วย”

“บอกผัวมึงเองดิไอ้สัด ไม่รับฝากหรอก”

“ผัวพ่องงง” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ยู

“นั่นแหละ โทรไปหาไอ้นะมันเอง มันไม่รับฝากของกู กูเลยไม่รับฝากของแฟนมันบ้าง”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่แฟนกันโว้ย!”

“ไม่รู้ไม่ชี้” พูดพลางโคลงหัวไปมา จนผมอดไม่ได้ต้องยกเท้าขึ้นหวังถีบมันให้ล้ม แต่ไอ้ยูดันไหวตัวทัน ขยับหลบแล้วรีบหนีไปเซเว่น ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะ ตลกเนอะ ตลกเหลือเกินไอ้ห่า

เพราะโดนเพื่อนทิ้งไม่ยอมซื้อซาลาเปาให้ ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์โทรหาไอ้นะ รอไม่ถึงสองวิอีกฝ่ายก็รับสาย

[เอาอะไรอีกเหรอ?]

“อยากกินเปาหมูแดง”

[ลูกใหญ่เนอะ]

“อือ เอาน้ำเปล่ามาด้วยนะ”

[กาแฟยังเอาเหมือนเดิมป่ะ]

“อือฮึ” ผมตอบรับ “แล้วมึงกินไรวะ?”

[ว่าจะซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่นไปกิน]

ผมเลิกคิ้ว “เพิ่งกินข้าวเมื่อสองชั่วโมงก่อนเองป่ะ หิวอีกแล้วเหรอ ฮะๆ”

[นิดหน่อยว่ะ แต่ที่จริงคือตอนเดินผ่านน้ำซุปโคตรหอม ยั่วน้ำลายโคตร]

“พูดซะน่ากินเลยไอ้สัด”

[กินกะกูไง กูจะซื้อไปกินด้วยกันกับมึงเนี่ยแหละ]

“ดีมาก” ผมยิ้มกว้าง แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น และเพราะยิ้มที่กว้างจัดนั่นล่ะทำให้ไอ้พีกับไอ้เจ็มหันไปทำท่างุ้งงิ้งๆ กันสองคนเป้นการล้อเลียนผม สนุกใหญ่ไอ้เห็บหมาาา “ว่าแต่จะแดกไงวะ ไม่มีชามป่ะมึง”

[กูยืมชามป้าเขาอะ เดี๋ยวเลิกเรียนเอามาคืน]

“เชี่ย โคตรลงทุน ฮ่าๆๆๆ”

[ความอยากชนะทุกสิ่ง]

[อ้าว ไม่ใช่ความรักเหรอวะที่ชนะทุกสิ่ง?]

“นั่นเสียงไอ้ยู มันไปถึงเซเว่นแล้วเหรอวะ” ผมถามเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนที่เพิ่งผละไปได้ไม่นานดังรอดออกมาจากปลายสาย ไวจังวะ สงสัยวิ่งไป

[อือ...ไอ้ยูกูไปก่อนนะ สั่งก๋วยเตี๋ยวไว้ เจอกันที่โต๊ะเว้ย]

[ไอ้หระมันโทรมาสั่งเปาหมูแดงละใช่ป่ะวะ?]

[ใช่] ผมได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอีกสองสามคำก่อนจะกลายเป็นเสียงไอ้นะคุยกันแม่ค้า [ป้าคร้าบบ ที่ผมสั่งไว้ได้หรือยังครับ]

[ได้แล้วลูก ป้าใส่ถุงไปก่อนนะ ใส่ชามไปเลยเดี๋ยวเดินไปจะทำหกเอา อะนี่ชาม ช้อน ตะเกียบ]

[ขอบคุณครับป้า กินเสร็จผมจะรีบเอามาคืนนะครับ]

ผมฟังมันคุยกับแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วก็อดจะหัวเราะไม่ได้ เออ มันเอาจริงว่ะ ยืมอุปกรณ์การกินของเขามาครบเลย ดีนะแม่ค้าร้านนี้ใจดี ผมแวะกินอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน...ก็แวะกับไอ้นะอะแหละ ป้าเขาคงจำหน้าได้เลยยอมให้ยืม

“งั้นกูวางสายแล้วนะ มึงจะกลับมาแล้วนี่”

[ไม่คุยกับกูจนกว่ากูจะไปถึงตัวมึงเหรอ?]

“เพื่ออะไรครับคุณพยัญชนะ~ เปลืองตังค์ค่าโทร แค่นี้นะ”

[คร้าบบบ] วางสายไปแป๊บเดียวไอ้นะก็กลับมาถึงโต๊ะ มันวางชามก๋วยเตี๋ยวลงตรงหน้าผม “แกะให้หน่อย”

ผมแกะให้ตามคำขอ เตรียมตะเกียบกับช้อนจนพร้อมก็ยื่นถุงเครื่องปรุงให้มัน “อะ ปรุงเอง”

“มึงปรุงรสที่มึงชอบเลย กูกินได้”

“โอเค” เข้าทางผมสิครับ ยังไงรสชาติที่ผมชอบมากที่สุดก็คือรสชาติในแบบที่ผมปรุงเอง อย่างไอ้นะก็ปรุงอร่อยอยู่ แต่มันหนักหวานไปนิดหนึ่ง ผมชอบหนักเปรี้ยวมากกว่า “งั้นกูกินก่อนเลยนะ?”

“ครับผม” ไอ้นะพยักหน้าให้ส่งๆ ตอนนี้มันกำลังรื้อของในถุงเซเว่นออกมาวางข้างนอก ยื่นลาเต้มาวางข้างๆ ชามก๋วยเตี๋ยวของผมก่อนกลับไปหยิบถุงซาลาเปามาวางลงข้างกัน

ผมมองมันวุ่นวายกับของในถุงอยู่สองนาที ไม่รู้มันซื้ออะไรมาเยอะแยะ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว คีบเส้นบะหมี่ม้วนใส่ช้อนก่อนจะยื่นไปตรงหน้ามัน...ชนะถถึงกับหยุดกึก มันมองช้อนตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมาสบตาผม

ผมพเยิดหน้าไปทางช้อน “กินดิ”

“แต้ง” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง อ้าปากรับก๋วยเตี๋ยวที่ผมป้อนด้วยท่าทางระริกระรี้ เออ รู้ว่าดีใจ แต่เก็บอาการบ้างก็ได้ หึ

“ช่วยอย่ามาป้อนข้าวกันสองคนงุ้งงิ้งๆ ต่อหน้าต่อตาผมได้ไหมครับ”

“ทำไมครับคุณพี อิจฉาเหรอ?”

“เกลียดขี้หน้ามึงสองตัวต่างหากล่ะครับ ไอ้สัดอยากจะโดดถีบขาคู่ใส่สักที บัดซบ!”

“ผมเห็นด้วยกับคุณครับ ผมล่ะหมั่นไส้คนมีฟามร๊ากกก” ไอ้ยูผสมโรง

และแน่นอนว่าจะขาดไอ้เจ็มไม่ได้ “ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าผมต้องไปจากที่นี่~”

“พวกมึงเป็นเหี้ยไรกันครับ หมอไม่ได้ให้ยาเหรอ โหยหวนกันไม่เลิกเลยยย”

“ไอ้สัดหระ”

“กูชื่อสระ!”

ฮึ่มๆ ใส่กันจนไอ้นะต้องเข้ามาขัดจังหวะห้ามทัพอีกครั้ง “หยุดเลย รีบกินกันได้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้าเรียนแล้วนะเว้ย”

“รีบไปไหนวะ ตั้งครึ่งชั่วโมง”

“แดกไม่ทันกูจะหัวเราะให้ไอ้ยู”

“โหดร้ายยย”

ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนเรียกร้องความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ข้างกัน...ไอ้นะสะกิดมือผม พอหันไปมองมันก็จ้องช้อนกับตะเกียบในมือผมแล้วยิ้มแฉ่งให้อีกแล้ว ท่าทางแบบนี้แปลได้ว่ามันรอให้ผมป้อนอยู่

ผมยัดตะเกียบใส่มือมัน “กินเองสิวะ”

“โธ่ ก็อยากให้มึงป้อนนี่หว่า” เพื่อนรักบ่น แต่ก็คีบเส้นบะหมี่เข้าปาก ผมกำลังจะร้องทักแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะ... “ร้อน!”

“ไอ้ควาย ควันขึ้นขนาดนั้นไม่เป่าก่อน มึงบ้าป่ะ” ผมด่ามันแต่มือก็ควานหาทิชชู่มาเช็ดให้มันด้วย เพราะเมื่อกี้มันสะดุ้งจนเผลอปล่อยตะเกียบหล่นลงชามแล้วทำน้ำซุปแสนอร่อยกระเด็นมาเปื้อนมือ

“ร้อนอะสระ~” มันทำเสียงอ่อน สีหน้ามันตอนนี้เหมือนน้องหมาที่กำลังทำหูตูบตาตกใส่เจ้าของเลย ฮะๆ

“ตอแหลมากกก ร้อนนิดร้อนหน่อยทำเหมือนโดนน้ำก๋วยเตี๋ยวทั้งชามหกใส่เป้ากางเกง” ไอ้เจ็มแขวะมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ คำพูดของมันทำให้ผมหลุดขำอีกยกใหญ่

พยัญชนะจิ๊ปากแต่มันก็ยังไม่เลิกอ้อนผม ส่งสายตาปิ๊งๆ วิ้งๆ มาให้พลางว่า “จุ๊บตรงที่โดนลวกให้หน่อยดิสระ”

“..!”

“จะได้หายแสบ : )”

ผมเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา ขณะที่ไอ้พี่ผิวปากหวือ มีไอ้ยูกับไอ้เจ็มรับลูกคู่ด้วยการเอ่ยแซวว่า “มันร้ายว่ะครับหัวหน้าาา”

“ส้นตีน” ผมด่ามันไปแทนคำตอบ สะบัดทิชชู่ใส่หน้ามันแล้วหันกลับมากินต่อ...คีบเส้นเข้าปาก กัดปลายตะเกียบแก้เขินไปด้วย เออ ผมเขินอยู่แหละ โดนเต๊าะเท่าไหร่ก็ไม่ชินสักที ไอ้นะแม่งก็ขยันหยอดมุกจีบไม่เลิก หัวใจกูทำงานหนักเกินไปแล้วเนี่ย

“กินบ้าง” มันว่าพลางยื่นมือมาขอตะเกียบ ผมก็ให้มันไปโดยไม่ได้พูดอะไร

มาอ้าปากค้างอีกรอบก็ตอนที่พยัญชนะเพื่อนรักแตะปลายตะเกียบเข้ากับริมฝีปากตัวเองแล้วเรียกผมให้หันไปมองเพื่อดูดปลายตะเกียบนั่นแล้วบอกว่า...

“เหมือนเรากำลังจูบทางอ้อมกันเลยว่ะ :)”

“!!!”

ไอ้เหี้ยยยยยยยย

 

ผมเข้าเรียนด้วยสมองเบลอๆ ยอมรับครับว่ามุกล่าสุดของแม่งทำเอาเสียศูนย์เลย

คือมุกจีบมันก็รุนแรงต่อหัวใจผมมาตลอดแหละ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับจุ๊บๆ จูบๆ แล้วมันก็ดันพูดให้ผมจินตนาการไปไกล ผมก็เลย...เป็นอย่างที่เห็นครับ สตันท์จนหาคำไปโต้ตอบมันไม่ออก ได้แต่นั่งโง่หยิบกาแฟมาดูดแล้วอ้าปากรับก๋วยเตี๋ยวที่มันป้อน ไม่ต้องกินมันเองแล้ว มือเป็นง่อยชั่วคราว

พวกไอ้พีงี้ล้อไม่เลิกเลยด้วย แล้วเหมือนผมจะเห็นแวบๆ ว่ามันยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นถ่าย ไม่รู้ถ่ายอะไร แต่ถ้ามีรูปหรือคลิปของผมกับไอ้นะหลุดออกไปแบบที่เรียกว่ามุมกล้องระยะประชิด ก็ให้รู้ไว้เลยว่าเป็นพวกมันสามตัวนั่นล่ะที่ปล่อยรูปออกไป

เข้ามาเรียนก่อนเวลาเข้าเรียนจริงๆ ห้านาที อาจารย์ยังไม่มาพวกผมก็หาอะไรคุยกันไปเรื่อยเปื่อย

“พวกมึง เราเหลือวิชาเลือกเสรีกี่ตัววะ?”

“สองป่ะ?”

“เออ สอง”

“แล้วเทอมหน้าเราจะลงทั้งสองตัวเลยหรือลงตัวเดียวก่อน อีกตัวค่อยไปลงตอนขึ้นปีสาม”

“ลงเทอมละตัวดิวะ เกิดวิชาหลักของเทอมหน้ามันหนัก ไปลงเสรีสองตัวก็เหนื่อยตายเลยไอ้ห่า”

“ก็จริงอย่างที่ไอ้นะมันบอก”

“งั้นเราจะลงวิชาอะไรกันดี ไปเรียนด้วยกันทั้งหมดนี่เลยนะมึง กูขี้เกียจแยกกับพวกมึงอะ”

“เออ เอาวิชาไรดี” ไอ้พีถาม “ของ่ายๆ นะ วิชาเลือกไม่ควรยากป่ะ”

“ช่ายยย” ผมพยักหน้าเห็นด้วย

ไอ้เจ็มเสนอเป็นคนแรก “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเบื้องต้นเป็นไง?”

“พ่อมึ้งงง รัฐศาสตร์นะเว้ย ของ่ายกว่านี้!” ไอ้พีโวยวาย ผมพยักหน้าเห็นด้วย

ไอ้ยูเสนอเป็นคนต่อมา “ลงพละกันป่ะ?”

“ไม่เอา ขี้เกียจออกแรง”

“ไอ้ควายพี แค่เล่นกีฬาจะตายรึไงสัด!”

“มึงคิดดูไปเล่นกีฬาเหนื่อยๆ แล้วต้องกลับมารายงานเงี้ย มึงไม่เหนื่อยเหรอ?”

“เออว่ะ” คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง คือไม่ใช่พวกผมไม่ชอบเล่นกีฬานะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นงานอดิเรกเฉพาะเวลาว่างมากกว่า ให้เป็นเล่นเป็นวิชาเรียนนี่ดูท่าจะไม่ไหว

“ไอ้นะว่าไง วิชาไรดีอะ?”

คนถูกถามหันมามองผม “กูแล้วแต่สระ”

“ถุ้ย! ตามใจมันเหลือเกินนะ”

“แน่นอน เราต้องตามใจคนที่เราชอบดิวะ”

ทุกคนพากันอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้นะพูด ผมเองก็เหมือนกัน...ฉิบหาย ดาเมจกูอีกแล้วนะ!

“โห นี่เป็นครั้งแรกที่กูได้ยินมึงพูดออกมาตรงๆ ป่ะ” ไอ้ยูถึงกับอึ้งจัด

“ไอ้เหี้ย กูช็อก” ไอ้เจ็มยกมือกุมหัวใจ

พยัญชนะหันมายักคิ้วให้ผม ผมก็เลยขึงตาใส่มันไปทั้งที่หน้าร้อนผ่าวไปหมด ไม่รู้แก้มแดงรึเปล่า ผมเคยได้ยินมาว่าถ้าเราเขินมากๆ หน้าจะแดงหูจะแดงอะ

ผมหักห้ามใจตัวเองไม่ยกมือขึ้นจับใบหู ก่อนจะพูดออกไปว่า “ลงวิชาประวัติศาสตร์ไทยแล้วกัน”

กะ...ก็ก่อนหน้านี้มันถามเรื่องวิชาเลือกที่จะลงเทอมหน้าใช่ไหมล่ะ ผมก็แค่ให้คำตอบมันไง เอ้อออ


_____________
คนมีความรักกก มักน่าอิจฉาาา ผ่าง! 555 เขียนเรื่องนี้บางทีก็เขินมุกตัวเองที่คิดลงไปให้ชนะใช้เวลาจีบสระค่ะ จริงๆ เราจีบใครไม่เป็นค่ะ เคยแต่เต๊าะผู้ชายด้วยมุกเสี่ยวๆ (เดี๋ยวนะ?...) //ยิ้มขำ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Ten - (ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล) [24-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-02-2019 02:09:14
ดูดตะเกียบ = จูบทางอ้อม คือ ยอมใจนะเลย ดีกว่ากินหมูปิ้ง แล้วดูดไม้ปิ้งหมู เด๋วไม้ปิ้งหมูจิ๋มคอหอย  :laugh:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Ten - (ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล) [24-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2019 22:47:35
คุณพยัญชนะคะ ขอพื้นที่ให้คุณสระหายใจบ้าง
จะจมน้ำตาลตายแล้ว หยอดจังเลยนะ ทุกจังหวะ

สระน่ารัก เขินก็บอกเขิน แต่บางทีก็ต้องเก็บไว้บ้างอะเนาะ
ต้องมีไว้ตัวบ้างไรบ้าง ให้ได้หยอดกันบ่อยๆ

พยัญชนะก็รุกหนักมากค่ะ ตั้งแต่แรก จนมาวันนี้
ตอกย้ำความเป็นเจ้าของมาก และประเด็นชอบนะ
ยังไม่หนักเท่ากล้องสั่นเพราะถูกโดดกอด จ้าาา พ่อคนขี้อวด
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Ten - (ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล) [24-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-02-2019 09:42:44
คนอ่านก็เขินตามสระนะคะ

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Ten - (ต.) : ตะเกียบ (ตอแหล) [24-02-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-02-2019 10:04:02
ใช่เลย ต้องตามใจคนที่เราชอบ ถูกแล้ว
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 03-03-2019 13:49:27
Eleven

(ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป)
 

[พยัญชนะ]


ตอนกำลังตัดสินใจว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ไหนกันดี เพื่อนสมัยมัธยมของผมก็โผล่หน้ามาหาที่ใต้ตึกคณะวิศวะ

“ชนะ!”

“อ้าว มาทำไรที่คณะกูวะไอ้กล้า” ผมเลิกคิ้ว ไอ้กล้าเป็นเพื่อนสนิทตอนเรียนม.ปลายของผม เราสอบเข้ามหา’ลัยเดียวกันแต่มันเลือกเรียนคณะเกษตรฯ ตอนปีหนึ่งก็ยังเจอกันอยู่บ้าง แต่พอขึ้นปีสองมาเราก็แทบไม่ค่อยได้คุยกัน รู้สึกว่ามันจะยุ่งกับการเพาะต้นไม้อะไรสักอย่างนี่แหละ เห็นมันอัปเดตในเฟซบุ๊คอยู่ผ่านๆ

“มีเรื่องมาขอให้ช่วยว่ะ”

“อะไร?”

“วันหยุดนี้มึงว่าบ้างมั้ยอะ”

ผมหันไปมองสระ “เราต้องไปไหนหรือเปล่าเสาร์อาทิตย์นี้?”

“ไม่นะ ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหน”

“วันศุกร์ด้วย” ไอ้ยูโพล่ขึ้น “วันศุกร์อาจารย์ยกคลาส เขาบอกไว้ตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว มึงลืมกันเหรอ”

“เออว่ะ” ไอ้พีดีดนิ้ว ทำหน้านึกขึ้นได้

ผมหันไปบอกไอ้กล้า “กูว่างตั้งแต่วันศุกร์”

“งั้นดีเลย มึงมาทำกิจกรรมให้ชมรมกูหน่อยดิ”

“ชมรม?” ผมทวนถาม

สระที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ เป็นฝ่ายถามบ้าง “ชมรมการเกษตรของมึงอะเหรอ?”

“ใช่ๆ พอดีชมรมกูคิดกิจกรรมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเทอมที่แล้ว เป็นกิจกรรมง่ายๆ อย่างการไปเก็บผลไม้และลงต้นกล้าต้นใหม่ที่สวนผลไม้แห่งหนึ่งในจันทบุรี พอดีเพื่อนกูคนหนึ่งในคณะที่บ้านมันทำสวนผลไม้น่ะ”

“เฮ้ย น่าสนใจ!” ไอ้เจ็มที่ฟังเงียบๆ อยู่นานถึงกับถลามายืนขวางหน้าผม “ไปๆ กูไปด้วยได้ป่ะ”

“ได้ดิ ไปกันเยอะๆ เลยยิ่งดี”

“ทำไมวะ ไม่มีคนไปเหรอถึงได้มาชวนกู” ผมผลักไอ้เจ็มออกไปก่อนจะถามเพื่อนเก่า

ไอ้กล้ายิ้มแหย “มีดิ คนชมรมกูก็เยอะอยู่แหละ แต่ทางเราอยากได้เพิ่ม อีกอย่างมึงก็ดังด้วยช่วงนี้ ได้มึงกับสระไปร่วมกิจกรรมคงโปรโมตชมรมเพื่อเรียกสมาชิกได้เยอะขึ้น”

“กูดัง? ดังอะไรวะ?”

“ฟาย” สระต่อยไหล่ผมเบาๆ “ก็ที่มึงกับกูเป็นคู่จิ้นกันไง น่าจะดังมาจากเรื่องนี้แหละ”

“นั่นล่ะๆ กูก็เลยคิดว่าได้คนดังมาร่วมด้วยคงช่วยได้เยอะขึ้น”

“ตรงไหนวะ คนจะเข้าชมรมเกษตรมันไม่ได้อยู่ที่แค่ว่ามีคนดังร่วมกิจกรรมอย่างเดียวป่ะ เกษตรนะเว้ย กูไม่ได้ดูถูก แต่ถ้าไม่ใช่คนที่เรียนคณะนี้จริงๆ ก็น้อยคนอะที่จะอยากไปปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ขุดดิน” ไอ้พีพูดขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย มีผมหรือไม่มีผม มีคนดังหรือไม่มีก็น่าจะค่าเท่ากันป่ะวะ

สีหน้าไอ้กล้าดูหมองลง มันยิ้มแหยจนดูน่าสงสารเลยด้วยซ้ำ

“ก็ไม่เสมอไปนะมึง คือมันก็แค่กิจกรรมปลูกต้นไม้เก็บผลไม้อะ อย่างน้อยคนไม่เข้าชมรมเพิ่ม แต่คนอยากร่วมกิจกรรมครั้งนี้มันต้องมีบ้างแหละ แล้วนี่ก็ถือเป็นกิจกรรมดีๆ ต่อสังคม ลองช่วยดูก็ไม่เสียหายป่ะวะ” สระแย้ง มันเดินไปโอบบ่าไอ้กล้า “พวกมึงเอาไงไม่รู้แต่กูจะช่วยไอ้กล้ามันเอง”

“กูไปด้วย!” ไอ้เจ็มโบกมือ “ว่าแต่ผลไม้ที่เก็บนี่กูกินได้ป่ะ?”

“โถ ไอ้เห็นแก่กิน!” พวกเราเกือบทุกคนพากันตะโกนใส่หน้าไอ้ห่าเจ็ม

ไอ้กล้าหัวเราะ “กินได้ แบ่งกลับบ้านได้ด้วยแต่คงไม่เยอะนะ เจ้าของเขาต้องกันไปขายด้วย”

“แค่ได้กินกูก็พอใจแล้ว ไปๆ กูไป พวกมึงเอาไง ไอ้พี ไอ้ยู”

“ไปด้วยก็ได้” ไอ้ยูบอก ขณะที่ไอ้พีแค่พยักหน้า

ผมหันไปสบตาสระ ดวงตาของอีกฝ่ายจ้องมองผมราวกับรู้ว่าผมไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ซึ่งก็ใช่...สระไปแล้วคิดว่าผมจะไม่ไปเหรอ หึ ไม่มีทาง

“สระไปแล้วกูจะไม่ไปได้ไงวะ”

 

เพราะข้อตกลงเมื่อหลายวันก่อนระหว่างพวกผมกับไอ้กล้า ทำให้วันเสาร์ตอนตีสี่พวกเราก็เลยมารวมตัวกันที่หน้าคณะเกษตรศาสตร์ในเวลานี้ ผมนั่งนิ่งพิงเสา ทรงตัวนิ่งๆ เพื่อให้สระที่ยังง่วงงุนได้นอนหนุนไหล่ผม ป้องกันการไหลวูบหัวโขกพื้นด้วยการโอบบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย

สระไถศีรษะเบาๆ สองทีแล้วขยับหามุมดีๆ ให้ตัวเองก่อนจะนิ่งไปในที่สุด เสียงลมหายใจเข้าออกบ่งบอกว่าไอ้ดื้อของผมหลับลงไปอีกครั้งแล้วจริงๆ

ผมลอบยิ้ม เกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าสระออก ไล้ปลายนิ้วกับข้างแก้มขาวเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้นเสียงลั่นของชัตเตอร์ก็ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง...เป็นไอ้พีที่เพิ่งลดกล้องโปรในมือลง มันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม

“กูจะส่งให้แอดมินเพจรวบรวมคู่จิ้น หึๆ”

ผมกระตุกมุมปาก “ตามใจ”

“ไม่ห้ามด้วยเว้ยคนเรา อะงั้นเสร็จกู”

ผมได้แต่ส่ายหน้า ห้ามแล้วมันจะฟังเหรอคนอย่างไอ้เหี้ยพีอะ ปวารณาตัวเป็นต้นหนเรือสระของพยัญชนะเต็มตัวแล้วมั้ง มีอะไรที่เป็นโมเมนต์ระหว่างผมกับสระก็เอาไปลงโซเชียลซะหมด สระที่ทั้งเขินทั้งโกรธก็คือโดนบ่อยจนเลิกอายไปแล้ว ปลงตกแล้วก็บอกตัวเองว่าช่างแม่งมัน

แต่แบบนั้นก็ดี ผมจะได้ไม่โดนมันงอนใส่อีก : )

เรานั่งรอให้คนมาครบอยู่อีกพักใหญ่ จนไอ้กล้าตะโกนใส่โทรโข่งว่าให้มารวมตัวกันเพื่อเซ็นชื่อรายงานตัวก่อนขึ้นรถ ผมถึงได้ปลุกให้สระตื่น

“สระครับ ตื่นเร็ว ได้เวลาขึ้นรถแล้ว”

“อือ” ไอ้ดื้องัวเงีย หน้ายุ่งเหมือนกำลังจะเริ่มงอแงใส่ผม เมื่อเช้ามืดตอนที่ผมปลุกมัน มันก็มีท่าทางอย่างนี้แหละ อีกครึ่งนาทีมันก็จะเอาหัวโขกหน้าอกผมแล้วโวยวายไม่เป็นภาษา เพราะยังไม่ตื่นดี ลิ้นยังเปลี้ยอยู่ ฮะๆ

“”จะเดินไปเองหรือจะให้นะอุ้มไป?”

“อุ้มพ่อง” อ้าว ที่งี้ล่ะพูดชัดถ้อชัดคำเลยเว้ย

“ไหวเปล่าเนี่ยถามจริง”

“ไหวๆ” สระผละออกจากการนั่งพิงอกผม เขายกมือตบแก้มตัวเองหวังปลุกให้สมองตื่นตัว ผมรีบปัดมือเขาออกแล้วช่วยปลุกเขาด้วยการจุ๊บแก้มไปหนึ่งที...สระถึงกับสะดุ้ง “เฮ้ย”

“ตาสว่างกว่าตบหน้าตัวเองอีกป่ะ? หึๆ”

“ไอ้นะ~”

โดนมันต่อยไหล่เหมือนอย่างทุกที ก่อนมันจะผุดลุกขึ้นแล้วลากแขนพาผมไปที่รถ ผมเลยได้แต่เดินตามแล้วหัวเราะไปตลอดทาง ไอ้ดื้อเลยหันมาขึงตาใส่ตอนที่เรามาถึงตัวไอ้กล้าพอดี

“สระกับพยัญชนะขึ้นรถคันที่สองเลย เพื่อนมึงสามคนขึ้นไปแล้ว” ไอ้กล้ายื่นกระดาษรายชื่อมาให้ผมเซ็น แล้วตรงนี้มันไม่มีโต๊ะผมก็เลยต้องอาศัยแผ่นหลังของสระเป็นที่รองเขียน ไอ้นี่ก็ไม่หาตงหาโต๊ะมาใช้งานเล้ย สร้างความลำบากจังวะ

ผมเซ็นเสร็จก็ยื่นให้สระเซ็นต่อ “อะ เซ็นตรงนี้”

“ตรงนั้น?” สระมองหน้าผม ก่อนจะลดสายตาไปมองมือผมที่กำลังตบอกตัวเองอยู่

“ช่าย กูขี้เกียจหันหลัง มึงเซ็นชื่นแล้วใช้หน้าอกกูนี่แหละรอง”

สระดูเหมือนจะขี้เกียจเถียงกับผมแล้ว เพราะมันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้ววางกระดาษลงบนตัวผม จากนั้นก็จรดปากกาเซ็นชื่อ โดยมีผมโอบเอวมันเอาไว้หลวมๆ

นิดหนึ่งครับ ถึงจะได้แตะตัวมันอยู่บ่อยๆ แต่อะไรแบบนี้ถ้ามีโอกาสผมก็ต้องคว้าไว้ไม่ให้เสียเปล่าสิ :)

เงยหน้าขึ้นมาเห็นไอ้พีโผล่มายืนอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่แน่ๆ ในมือมันมีโทรศัพท์ และมันกำลังกดถ่ายรูปอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย พอผมสบตากับมัน ไอ้พีก็ยักคิ้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ ขณะที่ไอ้กล้าซึ่งมองเห็นทุกอย่างก็ถึงกับเบิกตาโตขึ้นนิดหน่อย แล้วขยับปากพูดกับผมแบบไม่มีเสียงว่า...

“มึงมันร้ายไอ้นะ!”

ผมแค่ยิ้ม พยายามกลั้นขำเพราะไม่อยากให้สระเซ็นชื่อเบี้ยว จนไอ้พีวิ่งกลับขึ้นรถไปแล้ว ไอ้ดื้อถึงได้เซ็นชื่อเสร็จ

ไอ้เจ็มยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างแล้วตะโกนมาจากบนรถ “กูจองที่ให้แล้ว”

“แต้งเว้ย!” สระตอบ ยื่นกระดาษคืนไอ้กล้าแล้วลากผมก้าวเท้าขึ้นรถ

ที่นั่งของเราเป็นฝั่งขวาแถวที่สี่ สระจองที่ริมหน้าต่างอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ ใครๆ ก็อยากนั่งริมหน้าต่างนี่ครับ แต่ผมยังไงก็ได้ซะมากกว่าก็เลยไม่มีปัญหาแย่งที่นั่งกับไอ้ดื้อมัน ลองถ้าเป็นสระไปนั่งกับไอ้ยูดิ คงได้มีวางมวย ไอ้ยูก็ชอบนั่งริมหน้าต่าง เลยนั่งกับไอ้พีได้เพราะไอ้ห่านี่มันเมารถง่าย ไม่อยากมองวิวให้ตาลาย

“พีมึงแดกยาแก้เมารถยัง?” เสียงไอ้เจ็มดังมาจากด้านหน้าแถวที่สอง

“แดกแล้ว”

“เออ ดี จะได้ไม่อ้วกออกมาอีกตอนเมารถ มึงจำได้ป่ะ เมื่อปีก่อนที่เราตัดสินใจนั่งรถไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันตอนปิดเทอมเล็กอะ เชี่ยพีแม่ง เกือบหาถุงให้ไม่ทัน”

“ไอ้สัด ก็ไม่ต้องขุดเรื่องเก่ามาพูดมั้ย กูอายเน้อ”

“ฮ่าๆๆๆ” พวกเราที่เหลือระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างลืมตัว ลืมไปว่าบนรถไม่ได้มีแค่แก๊งพวกเรา แต่ดูเหมือนคนที่ขึ้นมานั่งก่อนจะไม่ได้ว่าอะไร แถมยังขำไปกับพวกเราอีกต่างหาก

“กูหายง่วงเลยแม่ง พอนึกหน้าไอ้พีตอนนั้นแล้วยิ่งขำ” สระพูดขึ้นแล้วหลุดหัวเราะอีกครั้ง พาเอาพวกเราต้องหัวเราะตามอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน เพราะหน้าไอ้พีตอนนั้นโคตรหมดสภาพ ฮ่าๆ ยกนี้ไอ้พีโดนแกล้งไปเต็มๆ

 

พอเรามาถึงสวนผลไม้ก็มีเวลาให้พักแค่กินข้าวเช้ากับเดินสำรวจไปรอบๆ สวนเท่านั้น เพราะมาแบบเช้าเย็นกลับจึงต้องทำงานแข่งกับเวลาหน่อย

“อย่างแรกที่เราจะทำกันก็คือการปลูกผลใม้ต้นใหม่ เพราะถ้าไปทำตอนบ่ายเดี๋ยวจะร้อนจนไม่มีแรงขุดดินกัน” ไอ้กล้าเริ่มอธิบายสิ่งที่ต้องทำในวันนี้หลังจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบห้าสิบชีวิตกินข้าวเสร็จแล้ว “ให้ช่วยกันปลูกคนละสองต้นเท่านั้นครับ จะได้ทันพักเที่ยง พอบ่ายเราก็จะไปเก็บผลไม้และเดินเที่ยวกันต่อ ประมาณสี่โมงเย็นเราก็จะมหา’ลัยกัน มีใครมีคำถามอะไรไหมเอ่ย?”

ทุกคนพยักหน้ารับว่าเข้าใจ และเมื่อไม่เห็นว่ามีใครยกมือถาม ไอ้กล้าก็ปล่อยให้พวกเราไปทำความรู้จักกับเจ้าของสวนและคนงานของเขา รับต้นกล้าผลไม้กันคนละสองต้นพร้อมฟังวิธีการปลูกต่างๆ เรียบร้อย พวกเราก็ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มล่ะห้าคนและแยกกันตามพี่เลี้ยง (ซึ่งก็คือคนงานของสวนแห่งนี้) ไปยังจุดเพาะปลูก

“ไหนในมือทุกคนคือต้นเงาะจ๊ะ” พี่เลี้ยงของกลุ่มเราเป็นผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี เธอกวาดตามองต้นไม้ในมือพวกเราแล้วว่า “และตรงนี้คือแปลงปลูกเงาะ เอาล่ะ ที่นี้เรามาเริ่มการขุดดินกันได้เลยจ้า จอมอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวป้าจะมาร์กจุดที่ต้องขุดดินลงต้นกล้าไว้ให้ หนุ่มๆ ก็ขุดตามที่ป้าบอกนะลูก”

“คร้าบบ”

ได้รับจอบมาคนละอันก็ลงมือขุดทันที ที่จริงแล้วก็น่าสนุกเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ได้ปลูกต้นไม้นานแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนผมยังอยู่บ้านแม่มักจะซื้อต้นไม้มาปลูกในรั้วบ้านบ่อยๆ ผมก็จะไปช่วยแม่ขุดดินแบบนี้แหละ แต่พอผมเข้ามหา’ลัยก็ไม่ค่อยได้ทำแบบนั้นเท่านั้น

น่าจะต่างจากสระ ไอ้ดื้อเคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านมันชอบปลูกต้นไม้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผักกับไม้ดอกมากกว่า อย่างกะเพรา โหระพา ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด กับพวกกุหลาบ ดาวเรือง ชวนชม และอีกสารพัด ตอนฟังมันเล่าผมล่ะอยากจะไปบ้านมันชะมัด

“กูไปขอถุงมือเขาหน่อยดีกว่า กลัวเจ็บมือว่ะ” ไอ้ยูพูดมาให้ได้ยินแว่วๆ แล้วมันก็เดินลิ่วไปหาป้าเขา ผมหันไปมองสระที่มุ่งมั่นกับการขุดดินอยู่แป๊บหนึ่งก็เดินตามไอ้ยูไปขอถุงมือป้าเขาบ้าง

“หยุดก่อนสระ”

“หือ?”

สระหยุดมือตามที่ผมบอก ผมคว้ามืออีกฝ่ายมาสวมถุงมือผ้าสีขาวนุ่มให้ “เดี๋ยวเจ็บมือ ด้ามจอบเป็นไม้ด้วย เดี๋ยวเสี้ยนตำ”

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนนิ่งให้ผมสวมถุงมือให้จนเสร็จทั้งสองข้าง แต่พอผมจะผละกลับไปขุดหลุมของตัวเองต่อสระกลับยื้อผมเอาไว้แล้วดึงเอาถุงมืออีกคู่ที่ผมเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงไป

“มึงก็ต้องใส่เหมือนกัน” สระดึงมือผมไปสวมถุงมือให้ แต่จู่ๆ มันก็ชะงักแล้วเหลือบไปมองทางซ้าย พอผมมองตามก็เห็นเป็นไอ้เจ็มกำลังจ่อโทรศัพท์มาทางเราอยู่ ได้ยินสระถอนหายใจ “ถ่ายแล้วส่งมาให้กูด้วย”

“กูอัปเป็นไอจีสตอรี่” ไอ้เจ็มบอก

“งั้นมึงขึ้นแคปชั่นไปเลยนะว่า ‘คนอย่างสระก็เทคแคร์พยัญชนะเป็น’ ตามนี้”

เพื่อนอีกสองคนพากันผิวปากแซว ส่วนผม...กลั้นยิ้มจนเหนื่อยแล้วครับ ไม่กลงไม่กลั้นมันแล้ว

“นั่น ไอ้นะปากฉีกแล้วเหี้ยเอ๊ย หน้าบานยิ่งกว่ายานเอนเตอร์ไพรส์ในหนังสตาร์เทร็ก”

“ฮ่าๆๆๆ”

“อะๆ กูถ่ายเป็นรูปให้ด้วย ส่งไปในแชตเฟซแล้ว มึงเอาไปลงเองเลยแล้วกัน”

“แล้วตกลงได้อัปสตอรี่ป่ะวะ?” ไอ้ดื้อหันกลับมาใส่ถุงมือให้ผมต่อจนเสร็จ ปากมันก็ถามไอ้เจ็มไปด้วย

“อัปแล้ว กูว่ากูได้อานิสงค์จากมึงสองคนเลยว่ะ พอเขารู้ว่ากูเป็นเพื่อนกับคู่จิ้นที่กำลังมาแรงของมหา’ลัยตอนนี้ คนก็แห่มากดติดตามกูกันเพียบ กูก็เลยไม่อยากทำให้เขาฟอลกูเสียเปล่า ต้องอัปรูปอัปสตอรี่เกี่ยวกับพวกมึงบ้าง”

“สัด นั่นเขาเรียกสาระแน”

“เขาเรียกเผื่อแผ่โว้ยยย”

ผมยิ้มขำ มองสองมือที่ตอนนี้สวมถุงมือเรียบร้อยแล้วอย่างชอบใจ สิ่งที่สระทำให้ผมเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่ผมกลับรู้สึกดีมากจนเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาเลย...ผมไม่เคยรู้สึกว่าการดูแลอีกฝ่ายมันพิเศษตรงไหน ผมก็แค่อยากทำ อยากเอาใจ อยากดูแลสระให้มีความสุขเพราะผมชอบเขา และการได้รับความเอาใจใส่ตอบกลับมาจากเขา ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็รู้สึกดีจนแทบบ้าเสมอ

และไม่รู้ว่าผมเผลอยืนนิ่งอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่สระเดินมาดีดนิ้วใส่หน้าผม

“เลิกเพ้อได้แล้ว”

ผมกะพริบตา อมยิ้มให้เขา “กูเพ้อเพราะมึงมานานแล้วสระ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวซะหน่อย”

พอโดนผมจู่โจมใส่ไอ้ดื้อของผมก็ถึงกับเงียบกริบ แต่ผมเห็นนะว่าหูมันแดงเรื่อเลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ชอบที่ได้เห็นมันเขินเพราะผมแฮะ โคตรน่ารัก

“กูไปปลูกเงาะต่อดีกว่า” มันทำท่าจะเดินหนีกลับไปที่หลุมดินของมันอีกครั้ง แต่ผมรั้งมันเอาไว้แล้วควักเอาสมาร์ตโฟนของตัวเองออกมา

“อย่าเพิ่งไป มาเซลฟี่กันก่อน”

“ตอนนี้เนี่ยนะ?”

“เออ ตอนนี้แหละ หลังๆ มานี้เราไมได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย”

“รูปมึงกับกูมีเยอะแยะป่ะ”

“นั่นมันรูปแอบถ่าย ไม่เหมือนกันเว้ย”

“อะๆ ตามใจมึงครับคุณพยัญชนะ”

ผมปรับกล้องเป็นกล้องหน้า โอบไหล่ไอ้ดื้อของผมให้เข้ามาแนบชิดกับตัวผมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แนบแก้มเข้ากับข้างขมับของอีกฝ่าย อดใจไม่ไหวหอมหัวมันไปทีตอนกดถ่ายด้วย เลยด้วยสระเขกหน้าผากหนึ่งที

“ให้ถ่ายรูป ไม่ใช่มาหอมหัวกู”

“ก็อยากหอม” ผมเอียงคอมองมันยิ้ม “อยากหอมไปทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”

“สัด!”

“ครั้งหน้ากูซื้อถุงมือมาให้มึงใส่ดีกว่า” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้ “ถุงมือที่เป็นรูปอุ้งมือแมวอะ ต้องเข้ากับมึงมากแน่ๆ เลย ชักอยากจะเห็นแล้วว่ะ”

“สัด!”

สระด่าผมอีกรอบแล้วเดินหนีทันที ดูจะเขินผมมากกว่าเดิมเข้าไปอีก ในหัวมันคงเข้าใจว่าถุงมือที่ผมพูดถึงคืออะไร อ่า จะว่าไปเวลาสระเขินจัดๆ นี่ตัวมันจะแดงไปทั้งตัวเลยหรือเปล่านะ?

...น่าคิดเนอะ : )


_________________

ไม่ให้ได้แอ้มสระง่ายๆ หรอกเจ้าพยัญชนะ ฉันเป็นแม่น้อง ฉันไม่ยอมง่ายๆ แน่! //ยืนเท้าเอวปกป้องลูก 555


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2019 20:07:12
ด่า แปลว่า รัก  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 03-03-2019 21:56:06
ชนะคิดไปไกลเลยนะ 555
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-03-2019 01:40:04
ชนะนี่หลงสระจนไม่รู้จะพูดยังไงล่ะ ถ้าจับปั้นเป็นก้อนๆแล้วกลืนลงท้องได้คงทำไปแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-03-2019 08:57:35
คุณแม่อย่าให้สระโดนกินง่าย ๆ นะคะ
เจ้าพยัญชนะมันร้ายมากค่ะ


 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eleven - (ถ.) : ถุงมือ (ถ่ายรูป) [03-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-03-2019 23:16:29
ชอบความเขินของสระ เขินขนาดไหน ก็ใจสู้
ต้องเอาคืนบ้าง จนกว่าจะพูดไม่ออก บอกได้คำเดียว
เอ็นดูสระ โดนหยอด โดนรุก จนหลุมทะลุไปดาวอังคารแล้วจ้า

พยัญชนะคือทนมาก หยอดได้คือชนะมาก ตลก
แล้วอะไรคืออยากเห็นตอนเขิน ตัวจะแดงไหม ยังไงล่ะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 23-03-2019 00:09:41

Twelve

(ท.) : ทะเล (ทายา)

 

[สระ]


เกิดการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย แทนที่พวกเรา...ผมหมายถึงพวกผมห้าคนจะนั่งรถกลับมหา’ลัยตามกำหนดการเดิม ไอ้เจ็มกับไอ้พีก็ดันร้องอยากไปเที่ยวทะเล สุดท้ายพวกเราก็เลยตัดสินใจแจ้งไอ้กล้าไปว่าจะไปเที่ยวกันต่อเดี๋ยวกลับเอง ซึ่งไอ้กล้าก็ไม่ได้ว่าอะไร มันถามแค่ว่าจะไปไหน แล้วพอรู้ว่าพวกเราจะไปทะเลที่ระยอง มันก็อวยพรแค่ขอให้เราหาที่พักดีๆ ได้

ก็นะ...คิดจะไปก็ไปเลยนี่นา ไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า ไม่รู้จะเจอบังกะโลดีๆ บ้างหรือเปล่า ถึงช่วงนี้จะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าบ้านพักหรือห้องพักจะไม่เต็ม

เรานั่งรถไปกันเองจากจันทรบุรีจนถึงระยอง ต่อรถไปจนถึงทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด ระหว่างนั่งรถผมก็ใช้เวลาทั้งหมดเหล่านั้นเอาหน้าซุกคอไอ้นะแล้วหลับไปตลอดทาง กว่าเราจะมาถึงและหาที่พักได้ก็เป็นตอนมืดค่ำไปมากแล้ว

“ตกลงเอาบังกะโลหลังนี้เนอะ?” ไอ้ยูถาม

ไอ้เจ็มเสยผม ท่าทางมันดูอ่อนล้า “เออ เอาๆ ไปเหอะ กูอยากพักแล้ว”

ผมเองก็เห็นด้วยกับมันนะ เอาไปเถอะ ราคากำลังดี หารห้าไม่แพงมากไปแถมบ้านพักยังกว้างขวางมากพอที่ผู้ชายตัวโตๆ ห้าชีวิตจะนอนด้วยกันได้

“เอาที่นี่แหละ จะได้ไปหาอะไรกินกัน สระมันหิวแล้ว” ไอ้นะตัดสินใจให้ มันลูบหัวปลอบผมที่เริ่มทำหน้างอแงเพราะทั้งกำลังเหนื่อยและหิว

“โอเคๆ งั้นกูจ่ายเกิน เดี๋ยวค่อยมาเก็บพวกมึงทีหลัง” ไอ้ยูบอกแล้วมันก็ควักกระเป๋าเดินดุ่มๆ ไปหาเจ้าของบังกะโล จ่ายเงินอะไรเรียบร้อยพวกเราก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน

เพราะมากะทันหันเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นอะไรมาเลยสักอย่าง ก่อนมาหาที่พักพวกผมก็เลยแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่คนละชุดกับของจำพวกแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า บลาๆ เราจะพักกันแค่คืนเดียว พรุ่งนี้เย็นๆ ก็กลับแล้ว เสื้อผ้าแค่ชุดเดียวก็เพียงพอ ส่วนตอนกลางคืนก็ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนอน จบ!

ทำไมล่ะ ก็ผู้ชายเหมือนกัน ใส่แค่บ็อกเซอร์นอนด้วยกันมันแปลกตรงไหน?! ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่! ใจอกุศลกันมาก! ให้ตายเถอะ ผมรับไม่ได้!

พอ ผมว่าผมเพ้อมากพอแล้ว ตอนนี้ผมต้องการล้างหน้าล้างตาแล้วรีบออกไปหาอะไรกินมากที่สุดในโลก ผมหิวมากกก และมาทะเลทั้งทีผมต้องได้กินซีฟู๊ด!

แยกย้ายกันไปสำรวจบ้านและสลับกันเข้าห้องน้ำจนเสร็จก็พากันเดินเกาะกลุ่มออกไปหาอะไรกิน ตอนนี้สามทุ่มแล้ว ร้านที่ยังเปิดอยู่ก็มีแต่ร้านอาหารใหญ่ๆ กับร้านเหล้า ร้านริมชายหาดน่ะอย่าหวัง ปิดไปหมดแล้วครับตอนนี้

“อยากกินอะไรกันวะพวกมึง”

“ซีฟู๊ดดิวะ ทะเลทั้งทีเลยนะเว้ย” ไอ้พีบอก ผมรีบพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

ไอ้นะที่เดินอยู่ข้างกันยิ้มขำ แล้วชี้ไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล “ร้านนั้นเป็นไง”

คนที่เหลือมองตาม ร้านนั้นดูเหมือนจะเป็นประเภทตามสั่งและปิ้งย่าง ผมเห็นไกลๆ ว่าบนโต๊ะของลูกค้าบางรายมีเตาปิ้งย่างและนั่น! นั่นกุ้งเผาแน่ๆ สีส้มๆ แบบนั้นผมมั่นใจ!

“เอาร้านนี้แหละ”

ผมบอกโดยไม่คิดจะรอให้เพื่อนที่เหลือออกความเห็น จับแขนไอ้นะลากมันให้เดินไปด้วยกัน และเพราะผมออกนำ ไอ้พวกที่เหลือจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตาม หรืออีกนัยพวกมันก็ไม่ได้อยากเดินไปไหนไกลจากนี้หรอกครับ หมดแรงกันแล้วแหละ วันนี้ทำงานแทบทั้งวันนี่นา ไหนจะตากแดดตากลม กว่าจะออกมาขึ้นรถ นั่งรถจนถึงระยองก็คือเหนื่อยมากแล้วตอนนี้ ต้องการอาหารและการพักผ่อนที่สุด

เราได้โต๊ะเอาท์ดอร์มุมดี ลมทะเลพัดโชยมาพาให้เย็นสบายพอๆ กับเหนียวตัว อาหารที่สั่งเป็นข้าวผัดปู ต้มยำกุ้งน้ำข้น หอยแครงลวกสุก และแน่นอนว่าต้องไม่พลาดการตั้งเตาเผากุ้ง เผาหมึก โอย แค่เห็นกุ้งตัวโตๆ หมึกตัวใหญ่ๆ ผมก็น้ำลายสอแล้ว

รออยู่พักใหญ่เพราะลูกค้าเยอะมาก ในที่สุดเวลาเกือบสี่ทุ่มเราก็ได้กินมื้อเย็นกันเสียที ผมจ้วงข้าวไม่คิดชีวิต ขณะที่ไอ้นะเอาแต่ย่างกุ้งให้ผม มันแทบไม่กินอะไรเลยด้วยซ้ำ จนผมทนไม่ไหวต้องตักข้าวไปจ่อปากมัน

ไอ้นะมองแล้วเลิกคิ้ว ผมเลยพยักหน้าให้ “กิน”

“ป้อนเหรอ?” มันถาม

ผมกรอกตา “ถามไรโง่ๆ ว่ะนะ กูจ่อปากมึงขนาดนี้เรียกไม่ป้อนมั้ง”

คนถูกด่าหัวเราะขบขัน แล้วยอมอ้าปากงับข้าวผัดปูที่ผมป้อนให้ไปกิน พอเห็นมันกินผมก็หันกลับมาตักกินเองบ้าง สลับไปกับป้อนมันบ้าง โดยที่มันก็แกะกุ้งมาใส่จานผมให้ตลอด ผมเลยย่างหมึกไปป้อนใส่ปากมันเป็นการตอบแทน

ไอ้พีที่เริ่มอิ่มหนำสำราญก็ได้เวลาเปิดปากที่หุบไปนานขึ้นแซว “พวกมึงนี่เหมือนแฟนกันเลยว่ะ”

“จริง ป้อนกันไปป้อนกันมา จะมีเพื่อนที่ไหนทำให้กันแบบนี้วะ?” ไอ้ยูได้ทีเอ่ยสนับสนุน

“พวกมึงนี่พออาหารเต็มกระเพาะก็ปากดีกันขึ้นมาทันทีเลยเนอะ ไอ้ที่สงบเสงี่ยมก่อนหน้านี้ก็คือโมโหหิวถูกมั้ย?” ผมว้ากใส่พวกมันเสียงนิ่ง ไอ้พีกับไอ้ยูหัวเราะดี๊ด๊ามีความสุข ขณะที่ไอ้เจ็มเคี้ยวหอยแครงไวๆ กลืนลงคอก่อนจะเสริมทัพอีกแรง

“แต่มันก็จริงอย่างที่พวกแม่งบอกอะ มึงกับไอ้นะทำอย่างกับเป็นแฟนกันจริงๆ นะเว้ย”

“แล้วไง?” ไอ้นะที่ไร้การตอบโต้ก่อนหน้านี้เปิดปากขึ้นย้อนถามบ้างแล้ว เออดี ช่วยกันห้ามพวกแม่งหน่อยดิ ชงกันเก่งงง กูล่ะเอือม

“แล้วไงอะเหรอ? ก็แล้วทำไมพวกมึงไม่เป็นแฟนกันไปให้จบๆ เลยวะ กูเห็นนะว่าเมื่อเช้ามึง...” ไอ้พีชี้ไปที่หน้าไอ้นะ “จุ๊บแก้มปลุกไอ้หระมัน”

“..!” ผมเหวอ อ้าปากหวอ

หะ...เห็นด้วยเหรอวะ!?

“ไหนจะตอนเซ็นชื่ออีก ให้ไอ้หระเซ็นโดยใช้อกมึงต่างโต๊ะ หลอกกอดก็บอกเถอะ มือนี่โอบเอวไอ้หระมันซะขนาดนั้น” ไอ้เจ็มขยี้อีกหนึ่งจุด และทิ้งท้ายด้วยไอ้ยู

“ไม่เชื่อดูรูปได้ พวกกูถ่ายโมเมนต์พวกมึงเก็บไว้เพียบครับเพื่อน”

“ส่งให้แอดมินเพจคู่จิ้นนั่นแล้วด้วย”

คราวนี้ล่ะผมเหวอแดกหนักกว่าเดิม “อะไรนะ!?!”

“ใจเย็นๆๆ” ไอ้นะที่เห็นว่าผมมีโอกาสจะกระโจนเข้าไปต่อยพวกแม่งเรียงตัวก็ถึงกับรั้งผมเอาไว้ให้นั่งอยู่กับที่ “มึงควรชินได้แล้วนะเว้ยสระ”

“กูชินแล้ว แต่จะชินกว่านี้ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องของกูกับมึง ไม่ต้องมีคนนอกมารับรู้อะ!”

กึก

ผมชะงักทันทีหลังจากพูดจบ ไอ้นะเองก็เหมือนกัน ไม่ดิ...ทุกคนเลยต่างหาก แล้ว! แล้วพวกมึงจะอึ้งอะไรกันวะ เรื่องที่กูพูดมันก็เรื่องปกติป่ะ! ระหว่างผมกับไอ้นะมันคือเรื่องของเราสองคนอะ คนอื่นไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าผมกับไอ้นะอยู่ในสถานะหรือสถานการณ์แบบไหนไหมเล่า!

“โว้วๆๆ เพื่อนคร้าบบ กำลังจะบอกว่าพวกมึงสองคนมีซัมติงกันใช่มั้ยพวก” ไอ้ยุชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างผมกับไอ้นะ ส่วนไอ้พีหันไปทำท่าปลาบเปรียบเหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ ไอ้นี่ก็เว่อร์ ปัญญาอ่อนจริงๆ

และไอ้ยู... “เรื่องของคนสองคนสินะ เออ ก็ใช่แหละ”

เฮ้อ อย่างน้อยก็มีมันที่เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อ แม่งงง มีเพื่อนเป็นชิปเปอร์เรากับเพื่อนอีกคนในกลุ่มแล้วรู้สึกโคตรจะบ้า ไอ้พีเลยตัวดี มีโมเมนต์อะไรหน่อยไม่ได้เป็นต้องแอบถ่ายรูปไปอวดชาวโซเชียลว่าตัวเองเห็นก่อนใครเพื่อน ถุย! อยากจะฟาดหน้ามันด้วยช้างดาวเบอร์สี่สิบสองที่บ้าน

“คุยกับพวกมึงแล้วปวดหัวสัด” ผมบ่นแล้วกลับมากินข้าวต่อ ทิ้งให้พวกแม่งมันล้อไป

เหลือบมองคนข้างตัวก็พบว่าไอ้นะกำลังยิ้มจนหน้าจะบานเป็นจานข้าวหมาอยู่แล้ว เหอๆ มีความสุขเหลือเกินเนอะ ทีตอนกูถามว่าจะเอายังไงล่ะไม่พูด ไอ้ฟายยย

กินข้าวเสร็จพวกเราก็ตัดสินใจเดินกลับบังกะโลทันที ด้วยความที่ยังอิ่มจัด การเข้าไปอาบน้ำเลยคงไม่ดีนัก ผมก็เลยทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง ว้าว เตียงนุ่มนะเนี่ย

บังกะโลที่เราพักเป็นแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำครับ ผมกับไอ้นะนอนด้วยกัน ไอ้พีกับไอ้ยู ส่วนไอ้เจ็มมันไม่ชอบนอนเบียด มันเลยเลือกที่จะไม่นอนห้องผมหรือห้องไอ้พี แต่ออกไปนอนที่โซฟาด้านนอกห้องนอนที่มีอยู่สองห้องนี่แทน เออ ชอบความไม่เรื่องเยอะของแม่งว่ะ เพราะแบบนี้เลยคบกันได้ ฮะๆ

ผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาเล็กน้อย มันก็ไม่ได้ง่วงเท่าตอนที่มาถึงแรกๆ นักหรอก แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าอยากอาบน้ำแล้วนอนกลิ้งเล่นจนกว่าจะหลับไปเอง มองหาไอ้นะก็ไม่รู้มันหายไปไหนของมัน สักพักใหญ่มันก็ยังไม่กลับมา เอ๊า หายไปไหนวะ เมื่อกี้ก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยกันนี่หว่า

อ่า แต่เดี๋ยวมันก็กลับมาล่ะมั้ง งั้นผมไปอาบน้ำเลยดีกว่า ตอนที่แวะซื้อเสื้อผ้าแน่นอนว่าเราไม่ลืมที่จะซื้อบ็อกเซอร์มาด้วย อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ต้องมีชั้นในไว้เพื่อใส่กลับหอล่ะน่า

 

ผมออกมาอีกทีตอนเที่ยงคืนกว่าๆ และพบว่ารูมเมทกำลังนั่งเอนหลังเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เห็นดังนั้นผมก็เอ่ยทักมันไปตามที่สงสัยก่อนหน้านี้

“หายไปไหนมาวะ”

ไอ้นะเงยหน้าขึ้นมามองผม แวบหนึ่งผมเห็นนะว่ามันชะงักไปแต่ก็ควบคุมตัวเองจนกลับมาแสดงท่าทีได้อย่างปกติ หึ! อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่ามันชะงักเพราะอะไร...ก็สภาพของผมตอนนี้น่ะเหลือแค่บ็อกเซอร์ติดตัวนี่หว่า : )

“ไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลมา เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ แล้วจะออกมาทำแผลให้” พูดจบมันก็ลงจากเตียงแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำไป...ผมมองตามมันอย่างงุนงง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วก้มมองหัวเข่าของตัวเองที่เวลานี้มีรอยแผลถลอกและฟกช้ำเกิดขึ้นเล็กน้อย

อ่า เมื่อกลางวันผมสะดุดรากไม้แล้วล้มลงเข่ากระแทกพื้นน่ะครับ ดีนะที่ได้แค่แผลถลอกมา แต่ตอนนั้นคนอยู่กันเยอะ ก็น่าอายเหมือนกันนะเนี่ย โอย

ผมนั่งรอไอ้นะอาบน้ำอยู่พักหนึ่ง เริ่มจะง่วงแล้วด้วยมันจะออกมาเมื่อไหร่เนี่ย ถ้าผมชิงหลับไปก่อนมันจะว่าอะไรไหมอะ? คงไม่หรอกเนอะๆ งั้นผมนอนแล้วน้า

คิดจบก็ทิ้งตัวนอนแผ่ทันที หลับตาลงเพื่อพาตัวเองเข้าสู่กระแสธารแห่งความสงบ แต่แล้วเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาก็ทำให้สติของผมกลับเข้าที่ แต่ผมยังไม่ทันได้ลืมตา ที่ขาก็โดนสัมผัสด้วยมือที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี...มือไอ้นะ

“นอนไปแล้วก็ดี จะได้ไม่แหกปากตอนกูทำแผล” ได้ยินเสียงไอ้นะบ่นออกมาเบาๆ แต่เพราะห้องมันเงียบและผมก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย มันก็เลยดังในระดับที่ทำให้ผมได้ยินได้อย่างชัดเจน

แหกปากนี่คือยังไง กูก็ไม่ได้กลัวยาทำแผลขนาดนั้นเปล่าวะ เอ้อ

ผมหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองว่าเพื่อนสนิท(ที่คิดไม่ซื่อระหว่างกัน)กำลังทำอะไรอยู่...พยัญชนะหยิบเอาน้ำเกลือออกมาล้างแผลให้ผมก่อน อ้อ เขาไม่ลืมเอาแอลกอฮอล์เช็ดรอบปากแผลผมด้วย แล้วค่อยๆ บรรจงซับจนแห้งมากพอที่จะทายาแล้วปิดผ้าก็อตให้ แผลมันใหญ่น่ะครับ แค่พลาสเตอร์ยาคงไม่พอ

เวลานี้ผมลืมตาขึ้นมามองมันเต็มตาตั้งแต่ที่มันเริ่มทำแผลให้ผมแล้ว พอมันทำเสร็จก็เหลือบขึ้นมามองผม แล้วก็นั่นล่ะ...เราสบตากันพอดี ไอ้นะถึงกับสะดุ้งโหยง และนั่นทำให้ผมเป็นฝ่ายได้หัวเราะเยาะใส่มันบ้าง

“ตกใจอะไรวะ ฮะๆๆๆ”

“กูนึกว่ามึงหลับแล้ว”

“ก็เกือบอะ แต่พอมึงทำแผลให้กูเลยยังไม่อยากนอน”

“เออ อย่าให้แผลโดนน้ำอีกนะ ถึงแผลจะไม่ใหญ่มากแต่ก็ต้องรักษาดีๆ”

“คร้าบบบ พ่อ” ผมตอบรับเสียงยาวยืด ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดออกไปอีกประโยคว่า “จะทำตามที่พ่อทูนหัวของผมสั่งทุกอย่างเลยครับ”

นิ่ง...

ไอ้นะนิ่งไปแล้วครับ และนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ยักคิ้วข้างเดียวให้มันที่ถูกผมสตันท์ไปด้วยประโยคอันแสนจะเสี่ยว ปกติเคยแต่หยอดผม เป็นไงล่ะโดนผมหยอดกลับถึงกับไปไม่เป็น หึๆ

“มึงนี่มัน...” ไอ้นะเปิดปากพูดออกมาได้สักที แต่ก็แค่นั้น มันชี้หน้าผมแล้วจากนั้นก็ถอนหายใจแต่หน้าตายิ้มแย้ม แล้วมันก็ดาเมจตอกกลับใส่ผมยกใหญ่

“ดีแล้วครับทูนหัวที่ไม่คิดจะดื้อกับผม”

ไอ้เหี้ยยย กูยอมมม

 

เช้าวันต่อมาผมพาตัวเองตื่นขึ้นแบบงัวๆ เงียๆ แต่เพราะว่าอยากจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นผมก็เลยลงทุนตั้งนาฬิกาปลุกทั้งที่เพิ่งจะนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ลืมเขย่าปลุกไอ้คนที่นอนข้างกันให้ตื่นขึ้นมาด้วย

“ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้น”

ไอ้นะมีท่าทีสะลึมสะลือนิดหน่อย ผมปล่อยให้มันตั้งสติอีกราวๆ สองนาทีถ้วน แล้วจากนั้นมันก็พยักหน้าหงึกหงัก ลงจากเตียงไปคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ ส่วนผมน่ะแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ก่อนจะปลุกมันแล้ว

เราสองคนเดินออกจากบังกะโลเอาตื่นเช้ามืด ไม่ได้ไปไหนไกลแค่ยืนอยู่หน้าบ้านพักด้วยกัน จนในที่สุดแสงแรกของวันก็ปรากฎขึ้นที่ขอบของรอยต่อระหว่างทะเลและแผ่นฟ้า มันเป็นแสงสีสมอ่อนทอประกายสวยงาม

“ว้าว สวยว่ะ ไม่ได้มองพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลมานานแค่ไหนแล้วน้า”

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแสงของลูกไฟสีส้มหลายต่อหลายช็อต และแน่นอนว่าต้องถ่ายเซลฟี่ตัวเองด้วย อ้อ รูปคู่กับไอ้นะก็มี หรือแม้แต่รูปเดี่ยวของมันผมก็ถ่ายเอาไว้ด้วย เราสองคนเรียกว่าสลับกันถ่ายรูปไปมานั่นล่ะ จนกระทั่งดวงตะวันทอแสงให้ความสุกสว่างไปทั่วท้องฟ้าผมก็หยุดถ่าย

“จะเอารูปลงไอจีมั้ยสระ”

“ลงดิ”

“งั้นเดี๋ยวกูส่งรูปที่กูถ่ายจากเครื่องกูไปให้มึงในไลน์นะ เผื่อมึงจะเลือกเอาไปอัปลงโซเชียล”

“ดีๆ ขอบใจมาก” ผมตอบรับ กดเลื่อนดูรูปที่เพิ่งถ่ายไปเรื่อยๆ พอไลน์ไอ้นะเด้งมาผมก็กดเข้าไปเซฟรูปรัวๆ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสิบห้านาทีถ้วนในการเลือกรูปสี่รูปอัปลงไปในเวลาติดๆ กัน โดยให้แคปชั่นเหมือนกันหมดทั้งสี่โพสต์

เป็นรูปตะวันทอแสงหนึ่ง รูปผมอีกหนึ่ง รูปไอ้นะอีกหนึ่ง แล้วก็รูปเราทั้งคู่เซลฟี่กับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่เหนือหัวอีกหนึ่ง และแคปชั่นที่ว่า...

More than friend

สำหรับผมน่ะ ไอ้นะเป็นมากกว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว : )

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากเครื่องของเพื่อนสนิท ผมเงยหน้าขึ้นมองมันยิ้มๆ ขณะที่คุณพยัญชนะมองผมด้วยสายตาค้นหา ก่อนจะกดเข้าไปในแจ้งเตือนโพสต์เหล่านั้น แล้วจู่ๆ มันก็ชะงักงันไปในทันที

ให้เดามั้ยครับ?

...มันเห็นแคปชั่นของผมแล้วไงล่ะ หึๆ

เงียบอยู่นานกว่ามันจะพูดออกมาได้

“มากกว่าเหรอ?”

ผมยิ้มกว้าง “อื้อ มากกว่านั้นมาสักพักแล้ว”

“จริง?”

“ไม่โกหกหรอกน่า คิดว่ากูจะโกหกเรื่องแบบนี้ได้ลงคอเหรอ”

“ไม่” พยัญชนะส่ายหน้า “มึงมันน่ารัก จริงจัง ตั้งใจ และเป็นคนเดียวที่กูชอบมากกว่าใครๆ”

คราวนี้เป็นผมบ้างแล้วที่นิ่งงัน เริ่มหน้าร้อนผะผ่าว ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป อ่า ผมชินเวลาที่มันสรรหาคำพูดมาเต๊าะมาจีบผม แต่พอมันพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่เหมือนทุกที แบบว่ามันดู...อ่อนหวานมากกก ผมก็รู้สึกว่าไปไม่เป็นยิ่งกว่าทุกครั้งเหมือนกัน

พอเห็นผมไม่พูดอะไรมันก็พูดต่อ...

“ขอบคุณนะที่อย่างน้อยมึงก็แสดงให้กูได้เห็นว่ามึงรับรู้ถึงความรู้สึกของกูจริงๆ”

“กูรู้แล้ว” ผมบอก และรู้สึกโง่มากที่พูดออกไปอย่างนั้น ไม่รู้ดิ มันแปลกๆ อะ!

ไอ้นะก็เหมือนจะรู้นะว่าผมประหม่า เพราะมันหัวเราะแล้วยื่นมือมาลูบหัวผมเล่นเบาๆ อย่างปลอบโยน ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตกใจจนสะดุ้งเลย

ถึงอย่างนั้นผมก็ปล่อยให้มันกอด และผมเอง...ก็กอดมันกลับเหมือนกัน

ระหว่างเรามีเส้นคั่นบางๆ ที่ยังทำให้ไม่กล้าก้าวข้ามมันไป แต่ผมคิดว่าสักวันหนึ่งเราทั้งคู่คงก้าวผ่านมันไปได้

...ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ



____________
หายไป 20 วันเห็นจะได้ 5555 ติดฟิคค่ะ ช่วงนี้บ้าคลั่งกับการหาฟิค Harry Potter อ่านมาก ไปเจอเรื่องสนุกๆ มาเยอะเลย ก็เลยอ่านเพลินจนไม่เป็นอันทำอะไร //ยิ้มแห้ง

ใกล้จะถึงครึ่งเรื่องแล้วค่ะ เรื่องนี้เราดำเนินเรื่องแบบวันๆ ของผมกับเพื่อนสนิทก็แบบนี้แหละ 55555 ก็เลยจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ เน้นพระนายเขางุ้งงิ้งกันมากกว่า อยากเขียนอะไรใสๆ สบายๆ ค่า แฮ่ เราพูดเรื่องนี้กี่รอบแล้วเนี่ย //ยิ้มแห้งยิ่งกว่าเดิม

ไว้เจอกันตอนหน้ากับตัวอักษร ธ.ธง ฮับผม : )

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-03-2019 01:24:18
 ไหน อยู่ตรงไหน ไอ้เส้นที่ว่านะ จะตัดมันให้เอง :pigangry2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2019 01:10:23
 ตอนนี้ให้สถานะที่มากกว่าเพื่อนไปแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะให้สถานะแฟนสักที
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-03-2019 10:28:53
น้ำทะเลอย่างหวานนนนนนนน
เลิฟๆๆๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-03-2019 16:31:47
หวานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twelve - (ท.) : ทะเล (ทายา) [23-03-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-03-2019 07:47:11
ทะเลหวานไปเลยจ้า
ทะเล ทายา ทะเล้น บอกรัก
เหลือตกลงคบกันเป็นแฟน

ซื่อตรงกันดีค่ะ สระกับชนะ
ความชัดเจนก็มีมาก แต่ยังไม่ลงตัวอะเนาะ

ทีมเพื่อนคือเชียร์ให้เปิดตัวกันมาก
แต่ก็แอบอึ้งกันแปบที่สระโวย
ตอนแรกนึกว่าจะก่อดราม่า
ดีที่เพื่อนเข้าใจ และยังตั้งหน้าแซ็วต่อไป 5555
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Thirteen - (ธ.) : ธนบัตร (ธนาคารส่วนตัว) [12-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 12-04-2019 21:31:15

Thirteen

(ธ.) : ธนบัตร (ธนาคารส่วนตัว)

 

[พยัญชนะ]


ผมมองไอ้ตัวดีที่นอนหลับอุตุยังไม่ตื่น แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องพักของเราแล้ว ลืมความคิดที่จะตื่นขึ้นมาดูแสงแรกที่ขอบทะเลได้เลย เมื่อวานเป็นวันที่หนักหนาสำหรับพวกเรา ถึงการปลูกต้นไม่จะไม่ได้ยากอะไร แต่อากาศที่ร้อนแล้วไหนจะการเดินทางที่ต้องนั่งอยู่บนรถแคบๆ เป็นชั่วโมง ไม่เหนื่อยเมื่อยล้าก็ไม่ใช่คนแล้วครับ

เกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากมนออกอย่างเบามือ สระขยับตัวเล็กน้อยเมื่อโดนรบกวน แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็นอนนิ่งเหมือนเดิม ผมได้แต่หัวเราะให้กับคนขี้เซา อีกสักพักค่อยปลุกแล้วกัน ระหว่างนี้ผมควรออกไปซื้ออาหารมาให้ไอ้ดื้อของผมกินรองท้องตอนตื่น แล้วค่อยออกไปร้านอาหารข้างนอกอีกที

ขยับลงจากเตียงอย่างเชื่องช้าเพราะกลัวจะทำให้สระสะดุ้งตื่น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็คว้ากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ก้าวออกจากห้องพัก น่าแปลกที่ดันเจอไอ้เจ็มยืนอยู่หน้าประตูทางออกจากบังกะโล

“ตื่นเช้าจังวะ”

“ปกติกูก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว”

“ไอ้พีกับไอ้ยู?” ผมเลิกคิ้วถาม

มันไหวไหล่ “ยังหลับอยู่ แล้วนี่มึงจะออกไปข้างนอกใช่ป่ะ?”

“เออ ว่าจะซื้อของกินนิดหน่อยมาให้สระอะ”

“กูไปด้วย อยากแดกกาแฟ”

“ไปดิ”

สองข้างทางริมชายหาดมีร้านอาหารมากมาย ผมเล็งเฉพาะที่เป็นร้านรถเข็นอาหาร ได้หมูปิ๊ง ก๋วยเตี๋ยว กับขนมสารพัดอย่างมาเต็มสองมือ ก่อนปิดท้ายด้วยกาแฟสามแก้ว ชาเขียวอีกหนึ่ง แล้วก็แดงโซดาสำหรับสระของผม :)

“มึงกับไอ้หระนี่ยังไงวะ” เจ็มถามขึ้น

ผมเลิกคิ้ว “หมายถึงอะไร?”

“ก็เรื่องของมึงสองคนเนี่ย ตกลงเป็นอะไรกัน”

“...เพื่อนไง” ผมตอบ ระบายยิ้มบาง

เพื่อนนั่นแหละคือนิยามความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่

“ไม่ใช่ ‘มากกว่าเพื่อน’ หรอกเหรอวะ?”

ผมหลุดหัวเราะ “ก็ยังเป็นเพื่อนอยู่ไม่ใช่รึไง แค่มีคำว่ามากกว่าเติมเข้าไป”

“กูล่ะปวดหัวกับมึง นี่กวนตีนกูอยู่หรือพูดจริงครับเพื่อน”

“พูดจริง” ผมดูดกาแฟหนึ่งอึกก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อมันไม่มีคำนิยามที่ชัดเจน คำว่ามากกว่าเพื่อนก็ชัดเจนพอแล้วเว้ย เป็นเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ก็มากกว่าเพื่อนไง”

“ครับๆ เรื่องของพวกมึงเลยครับ นิยามความสัมพันธ์ที่เข้าใจกันได้แค่สองคน กูไม่เสือกแล้วครับ ปวดหัว”

“มึงไม่ควรเสือกตั้งแต่แรกแล้วเปล่า”

“อ้าวไอ้นี่”

“ฮ่าๆๆๆ”

ไอ้เจ็มถอนหายใจ กระแทกไหล่ผมเบาๆ ทีหนึ่งแล้วมันก็พูดขึ้นอีก “ว่าก็ว่าเถอะ มึงไม่อึดอัดบ้างเหรอกับสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วถ้าเกิดผลลัพธ์สุดท้ายมันออกมาว่าไม่ มึงจะเข้าหน้ากันติดมั้ยวะ กูอยากจะรู้”

ผมคิดตาม และใช่ว่าเรื่องนี้ผมจะไม่เคยคิดมาก่อน ผมคิดมาเป็นร้อยครั้งแล้วด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ที่เริ่มชอบสระนั่นแหละ แต่สุดท้ายแค่ได้เห็นหน้ามันความคิดเหล่านี้ก็ปลิวหายไปแทบจะในทันที

ผมชอบเขาไปแล้ว ไม่สามารถดึงความรู้สึกกลับมาได้แล้วด้วย ดังนั้นผมก็มีแต่เดินหน้าต่อไปเท่านั้น ทำเท่าที่จะทำได้ ให้เขาได้รู้ว่าผมคิดยังไงกับเขา และถ้าสุดท้ายแล้วมันต้องผิดหวัง ผมพร้อมจะยอมรับและยอมถอยออกมา

อืม...แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมยังมองไม่เห็นความผิดหวังเลยนะ เห็นแต่คำว่าความหวังที่กำลังจะเป็นจริงมากกว่า หึ : )

“กูเตรียมตัวมาดีเจ็ม ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง กูคิดหาวิธีให้ตัวเองและสระเอาไว้แล้ว ต่อให้กูต้องอกหัก แต่ระหว่างเราจะเหลือความทรงจำดีๆ เอาไว้จนหยดสุดท้าย มึงไม่ต้องห่วง”

ไอ้เจ็มทำหน้ายู่ยี่ มันโบกมือไปมาตรงหน้าตัวเอง “กูอยากจะอ้วกกับคำพูดพระเอ๊กพระเอกของมึง แหวะ”

“กวนตีน”

ผมยกเท้าขึ้นจะเตะมัน แต่ไอ้เจ็มก็รีบขยับหนี เราเลยวิ่งไล่กันขำๆ ไปตลอดทางจนมาถึงที่พัก เปิดประตูเข้าไปก็เจอไอ้พีกับไอ้ยูเดินออกมาจากห้องนอนพอดี พวกมันเห็นผมกับไอ้เจ็มก็พากันเอ่ยทักทั้งที่หน้ายังง่วงๆ งงๆ

“ไปไหนกันมาวะ”

ผมชูของในมือ “ซื้อของกิน”

“มีกาแฟของมึงด้วยไอ้พี ของไอ้ยูเป็นชาเขียว” ไอ้เจ็มว่าพลางวางของในมือตัวเองลงกับโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ริมหน้าต่าง ไอ้สองตัวที่เพิ่งตื่นพอเห็นอาหารก็วิ่งรี่เข้าไปหาเหมือนลูกหมากำลังหิวข้าวไม่มีผิด หยิบเอาน้ำไปดื่มแล้วรื้อๆ ถุงของกินที่ไอ้เจ็มซื้อมาด้วย

ผมเอาบางถุงที่อยู่ในมือตัวเองไปวางเพิ่มให้พวกมัน ก่อนจะหิ้วที่เหลือไปทางห้องนอนของผมกับสระ

“ในมือมึงนั่น...อย่าบอกนะว่าของไอ้สระหมดเลย?” ไอ้พีเอ่ยถามทั้งที่ปากยังเคี้ยวปาท่องโก๋อยู่

ผมโคลงศีรษะแล้วยิ้มให้มัน “ของกูสองคน”

“แล้วนั่นจะเอาไปประเคนให้ยันเตียงนอนเลยเรอะ มันยังไม่ตื่นอีกหรือไง นี่เก้าโมงครึ่งแล้วนา” ไอ้ยูพูดขึ้นบ้าง

“ถ้าถึงขั้นนำไปเสิร์ฟบนเตียงนี่พวกกูต้องคิดแล้วมั้ย ว่าเมื่อคืนพวกมึงทำอะไรกันจนไอ้สระไม่มีแรงจะลุกอะ” คราวนี้เป็นไอ้เจ็มเสริมโรงบ้าง

ไอ้พวกเหี้ยนี่นะ คิดแต่ละอย่าง ผมได้แต่ส่ายหน้าให้พวกมันกก่อนจะตอบคำถามคลายความสาระแน “กูแค่จะหิ้วเข้าไปด้วยเพราะกลัวพวกมึงแดกของโปรดของสระหมดต่างหาก”

“โหยยย” พวกมันพากันโห่ใส่ ผมเลิกสนใจแล้วพาตัวเองหนีจากคำแซวเข้าห้องนอนทันที

สระยังไม่ตื่น ไอ้ดื้อของผมยังนอนหลับอยู่ในท่าเดิมเด๊ะ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า นอนได้นอนดี แอร์เย็นสินะถึงได้ไม่ยอมตื่นเลยเนี่ย เฮ้อ ไอ้ขี้เซาเอ๊ย

“สระ ตื่นเถอะ”

ผมเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ สระมีปฏิกิริยาทันที “อือ...”

“อือแล้วก็ลุกเร็ว สายแล้วนะ ไม่หิวเหรอ”

“...หิว” มันตอบ เสียงอู้อี้จนเกือบฟังไม่เข้าใจ ผมต้องใช้เวลาประมวลผลสิ่งที่ได้ยินอยู่หนึ่งนาทีเต็มถึงจะพอเดาออกว่าสระพูดอะไร

ทิ้งตัวลงนั่งยังขอบเตียง เอื้อมมือไปหยิกแก้มน่ารักเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว

“หิวก็ตื่นสิครับ กูไปซื้อของกินมาให้เพียบเลยเนี่ย ไม่อยากกินเหรอ?”

คราวนี้สระเริ่มขยับตัวมากขึ้นแล้ว เขาปรือตามองผม ไถแก้มกับหมอนไปมา ท่าทางน่ารักเสียจนผมอยากจะก้มหน้าลงไปงับแก้มเขาสักที แม่งเอ๊ย ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยวะ ตอนปกติก็น่ารักอยู่หรอก แต่ตอนเพิ่งตื่นเนี่ยจะน่ารักมากเป็นพิเศษ

น่ารักจนอยากจะกลืนลงท้อง จะกินให้เป็นของผมแค่คนเดียว

“อย่าทำแบบนี้สระ” ผมหลุดปากพูดสิ่งที่คิดออกไป รู้ตัวอีกทีก็ห้ามปากตัวเองไม่ทันซะแล้ว

สระเลิกคิ้ว เอียงหน้ามองสบตาผมให้ชัดๆ ยกมือขึ้นมาจับข้อมือของผมที่ยังไม่ผละห่างจากแก้มของเขา แล้วเจ้าตัวก็ทำให้ผมหัวสมองว่างเปล่าไปเลยเมื่อเขาแนบฝ่ามือของผมกับแก้มของเขาเอง เปลี่ยนจากถูหมอนมาเป็นถูมือผม...

เหมือนแมวที่กำลังคลอเคลียเจ้าของ

ผมมองเขาไม่ละสายตา รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในแผ่นอกกำลังเต้นรัวแรง ความน่ารักของคนที่เราชอบมีพลังทำลายล้างสูง...ใช่ ผมแน่ใจในเรื่องนี้เลย เพราะผมกำลังพิสูจน์มันอยู่นี่ไง ต่อให้คนตรงหน้าจะหล่อแค่ไหน แต่ผมก็มองเห็นแค่ความน่ารักของเขาเท่านั้นจริงๆ

“ทำแบบนี้อะเหรอ?” น้ำเสียงนุ่มๆ ที่ตอนนี้แหบพร่าเล็กน้อยเพราะความที่ยังไม่ตื่นดี มีอานุภาพรุนแรงพอๆ กับการกระทำของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

ผมโน้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่าย มองเห็นเงาของผมสะท้อนอยู่ในดวงตาของสระชัดเจน ลมหายใจของเราเป่ารดกันและกันแผ่วเบา...จนเหมือนสัมผัสไม่ได้

“ใช่” ไอ้ดื้อเม้มปากเมื่อได้ยินผมตอบ มันหลุบตาหนีสายตาของผม แต่ผมก็เลื่อนปลายนิ้วที่แนบแก้มขาวอยู่ไปเกลี่ยหางตาอีกฝ่ายแทน “มองตากูดิครับคนเก่ง”

มันยอมทำตาม ผมรู้สึกได้เลยว่าสระกำลังประหม่า ไงล่ะพ่อคนเก่ง พอผมเอาจริงเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็นเลยล่ะสิ หึๆ เห็นอย่างนี้แล้วผมชักไม่อยากจะทำแค่แกล้งแล้วแฮะ

อยาก...ทำมากกว่านี้

“สระ กูทำได้ป่ะ”

“ทำ...อะไร”

ผมยิ้ม “จูบมึง”

มันชะงัก แล้วแก้มของมันก็แดงเรื่อขึ้นมาในทันที ผมอดใจไม่ไหวเกลี่ยเล่นจนไอ้ดื้อยิ่งหน้าแดง เหนือสิ่งอื่นใดคือผมกำลังจะตายเพราะการรอคอยคำตอบ หัวใจของผมเต้นเป็นจังหวะหนักหน่วง มันดังก้องอยู่ในหูของผม เหมือนมันพร้อมที่จะเต้นจนกว่าผมจะช็อกตายแล้วหยุดแรงสั่นไหวของมันไปเองในที่สุดอย่างไรอย่างนั้น

ผมเฝ้ารอ ไม่กี่วินาทีแต่เหมือนยาวนานไม่สิ้นสุด แล้วคำตอบที่ผมอยากได้ยินก็หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่ผมอยากจะสัมผัสมานาน

“กูอนุญาต”

ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง คำว่า ‘กูอนุญาต’ ดังขึ้นซ้ำๆ อยู่ในหัว รู้ตัวอีกที...ปากของผมก็แนบสนิทกับปากของสระไปแล้ว

สัมผัสนุ่มนิ่มแต่แห้งผากคือสิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ เขาเพิ่งตื่นนอนนี่นา ปากไม่แห้งสิแปลก...ความคิดนั้นทำให้ผมยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ปากของเราสองคนยังแนบสนิทติดกัน ผมนิ่งรอ...ให้แน่ใจว่าไอ้ดื้อไม่ได้รังเกียจกับสิ่งนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าการรอของผมจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น!

เป็นสระที่ขยับก่อน เขาเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เราได้แนบชิดกันมากขึ้น ริมฝีปากแดงๆ นั่นบดเบียดปากของผมอย่างใจเย็น กระตุ้นให้ผมต้องเคลื่อนไหวบ้าง

ดูดดึงเรียวปากล่างของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนทำใจกล้าแตะปลายลิ้นเลียไล้ริมฝีปากที่แห้งผากของไอ้ดื้อจนชุ่มฉ่ำ แล้วสระก็จู่โจมผมอีกครั้งด้วยการอ้าปากออก ยื่นปลายลิ้นของตัวเองมาแตะกับปลายลิ้นของผม ชักนำให้ผมแทรกเข้าหาความอุ่นนุ่มในโพรงปากเขา

เราต่างฝ่ายต่างสัมผัสลุกไล่กันไปมาด้วยจูบที่ไม่คาดคิดว่าจะเลยเถิดมาได้ถึงขนาดนี้ ผมไล่สำรวจไปทั่วทุกซอกมุม หยอกเย้าเรียวลิ้นของเขาเล่น เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ตอนนี้ท่าทางของเรากลายเป็นการบดเบียดเสียดสีร่างกายเข้าหากันมากกว่าเดิม

สระโอบลำคอของผมด้วยสองแขน ปลายนิ้วมือลูบไล้หลังคอและเส้นผมของผมไปด้วยในระหว่างที่เรากำลังจูบกันไม่หยุดหย่อน ส่วนผมก็คร่อมทับเขาไปครึ่งตัว มือหนึ่งกอบกุมแก้มนุ่มเอาไว้ อีกมือเลื่อนลงไปลูบที่ปลายคางและต้นคอขาว สัมผัสผิวเนียนนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน

“แฮ่ก...”

ผมถอนจูบออกในเวลาต่อมา เราต่างฝ่ายต่างหอบหายใจแผ่วเบา...เป็นจูบที่ยาวนานในความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่อยากหยุด ผมคิดว่าผมยังไม่พอ...ผมต้องการอีก

เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวฉิบหาย แต่ให้ทำยังไงได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรอมาตลอดเลยนี่นา

หลุบสายตามองเรียวปากอิ่มที่เวลานี้เจ่อบวมและเปียกลื่นเล็กน้อยจากน้ำลายของเราทั้งสองคน ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ ส่งสายตาโหยหาและอยากทำอีกออกไปโดยไม่รู้ตัว และนั่นทำให้สระหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

“สายตามึงหื่นมากไอ้นะ”

“เชื่อเถอะว่าในหัวกูหื่นกามยิ่งกว่าที่แสดงออกให้มึงเห็นซะอีก”

คนฟังเบิกตาโต “อะ...ไอ้เหี้ย”

“นี่” ผมหัวเราะเสียงเบาในลำคอ เลื่อนสายตาขึ้นไปสบกับดวงตาไอ้ดื้ออีกครั้ง “อีกครั้งได้มั้ย”

สระเม้มปากแน่น จากนั้นมันก็กระชากคอเสื้อของผมลงไปอย่างแรงจนปากของเราสองคนจุ๊บกันหนึ่งที ก่อนมันจะเอ่ยคำอนุญาตที่ทำให้ผมโน้มลงตักตวงความหอมหวานอีกครั้ง และอีกครั้ง

...อีกหลายครั้งจนปากเราแทบเปื่อยกันเลยทีเดียว : )

 

“นี่มึงซื้ออะไรมาบ้างเนี่ย เยอะจังวะ”

“ของชอบของมึงทั้งนั้นแหละ”

“ก็เยอะไปป่ะ กูกินหมดก็ไม่ใช่คนแล้ว”

“หิวโซขนาดนี้ กินหมดแน่นอน” ผมบอกกับไอ้ดื้อ หลังจากที่มันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทรุดลงนั่งตรงขอบเตียง “หรือถ้าไม่หมดก็เอาไปให้พวกข้างนอกมันช่วยแดก”

“พวกมันกินอะไรกันยังอะ?”

“กินแล้ว” ผมหยิบเอาน้ำแดงโซดาส่งให้สระ มันรับไปดูดอึกใหญ่ก่อนเอ่ยปากถาม

“ว่าแต่ทั้งหมดเท่าไหร่วะ เดี๋ยวกูช่วยหาร”

“ไม่ต้อง” ผมรีบห้าม “กูเลี้ยงเอง”

“เอาอีกแล้วนะไอ้คนรวย เอะอะเลี้ยงๆ”

“ว่าที่แฟนคนเดียวกูเลี้ยงได้”

สระหน้าเหวอเมื่อเจอผมฮุคใส่แบบไม่ทันตั้งตัว มันเหลอหลาเลี่ยงที่จะสบตาผมก่อนจะบ่นอุบ “หมั่นไส้ว่ะ ขนาดนี้เอาเงินสดมาให้กูถือเลยดิ ทั้งกระเป๋ามึงอะ”

“ก็ได้นะ” ผมตอบ ลุกไปหยิบกระเป๋าเงินก่อนจะหยิบธนบัตรทั้งหมดที่มีอยู่ในนั้นมายื่นให้เจ้าตัว “กูเป็นคนกลัวเมียครับ ถ้าเมียอยากควบคุมเงินเองกูก็พร้อมยกให้เลย”

“เมียพ่องงง” สระด่า มันปัดมือที่ถือเงินอยู่ออก ก่อนจะหันไปคว้าหมอนมาปาใส่ผม แต่ผมหลบทัน หึๆ

“ว่าที่เมียก็ได้เอ้า”

“ไอ้ฉิบหาย หยุดพูดเลย!”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะให้กับหน้าแดงๆ ของไอ้ดื้อ แล้วก่อนที่มันจะเขินจนหาเรื่องไล่เตะผม ผมก็เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น “ตกลงจะกินในห้องหรือออกไปกินข้างนอก”

“ไปข้างนอกดีกว่า กินในห้องแม่งอย่างกับลูกคุณหนูที่ตื่นสายแล้วต้องให้คนเอาข้าวมาประเคนยันเตียงเลยอะ ไม่ดีๆ กูรับไม่ได้ หน่อมแน้มเกินไป”

“งั้นออกไปกันเถอะ ไม่รู้พวกแม่งทำอะไรกันอยู่”

สระช่วยผมหิ้วถุงของกินเดินออกจากห้อง “ตกลงไม่ให้กูช่วยค่าของพวกนี้จริงดิ?”

“เออ ไม่ต้องหรอก”

“เพราะมึงรวยถูกมะ อยากเป็นป๋ากู”

“อ่าฮะ เรียกกูว่าป๋านะเร็ว” ผมหันไปเย้าแหย่มัน เลยโดนไอ้ดื้อเตะก้นหนึ่งที เล่นเอาเซเลยครับ แหม่ ไม่ออมแรงเลยเว้ยคนเรา

“ไม่มีทาง”

“ฮะๆๆ” ผมอดไม่ไหวต้องหัวเราะอีกแล้ว เวลาแหย่คนที่ชอบให้หงุดหงิดได้นี่มันก็สนุกไปอีกแบบนะ เพราะแบบนี้สินะถึงมีคติที่ว่า ‘ผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ’

“หัวเราะๆ เดี๋ยวกูถีบหน้าคะมำเลย” สระทำท่าจะยกเท้าขึ้นถีบจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำ

ผมยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “เรื่องเงินน่ะกูพูดจริงนะ”

“อะไร?”

“ก็ที่ว่าถ้ามึงอยากกุมเงินกูไว้ทั้งหมดกูก็จะยอมให้มึงทำ”

“...”

“กูอยากเป็นธนาคารส่วนตัวของมึง : )”


______________________
สายเปย์ที่พร้อมเทเงินให้เธอ 555 เขียนมาจะครึ่งเรื่อง ในที่สุดพวกนางก็ได้ดูดปากกันสักที เฮ้อ ลูกชายฉันโตเป็นหนุ่มแล้ว //ผิด! 555555555555

สงกรานต์แล้วนะคะ ใครเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็ระมัดระวังกันน้าา ขอให้เที่ยวอย่างปลอดภัยและสนุกสนานค่า ส่วนเราไม่ได้ออกไปไหน เลิกเล่นสงกรานต์มาจะสิบปีแล้ว ไม่อยากออกไปเปียกน้ำ เป็นหมาที่กลัวน้ำมากๆ ค่ะ //ผิดโว้ย! 5555

เอาเป็นว่ากลางวันไปเที่ยว กลางคืนก็กลับมาอ่านนิยายเราเนอะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะเขียนสเปวันสงกรานต์ของสระกับพยัญชนะให้ค่ะ น่าจะได้อัปในวันใดวันหนึ่งของช่วงเทศกาลนี่แหละ มีแผนจะเขียนสเปหลายเรื่อง เลยคิดว่าอัปเรื่องละวันเลยดีกว่า แฮ่ แล้วพบกันครับผม สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะคะ //ส่งจูบ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Thirteen - (ธ.) : ธนบัตร (ธนาคารส่วนตัว) [12-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-04-2019 21:52:59
อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อยากได้บางอ่ะ ธนาคารส่วนตัวเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ : สงกรานต์สาดใจ [15-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 15-04-2019 00:20:27


วันพิเศษ

สงกรานต์สาดใจ


 

ปีนี้สระก็ยังกลับบ้านเหมือนเดิม และ...มีเพื่อนตามกลับบ้านไปด้วยโขยงใหญ่เหมือนเดิมเช่นกัน

สงกรานต์เป็นช่วงเวลาไม่กี่วันที่สระชอบมาก เมื่อปีที่แล้วพวกเพื่อนๆ ของเขาขอตามเขากลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วย แน่นอนว่าเขาบอกพวกมันแล้วด้วยนะว่าบ้านของเขาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด ก็แค่ตำบลเล็กๆ ธรรมดา ไอ้พีก็เลยถามออกมาแค่อย่างเดียว...

‘บ้านมึงมีคลองชลฯ ให้เล่นน้ำได้บ้างป่ะล่ะ?’

พอสระตอบว่ามี พวกมันก็พร้อมใจกันยิ้มร่าแล้วบอกว่าจะไปบ้านเขา แล้วหลังจากไปถึงน่ะเหรอ? นอกจากพ่อแม่จะต้อนรับพวกมันดีมากๆๆ แล้ว วันที่ออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยกันพวกมันยังสนุกกันมากด้วย ยิ่งตอนที่พามันไปโดดน้ำคลองนะ เหมือนสระกำลังเด็กๆ เล่นน้ำไม่มีผิด

อ่า ปีนี้เองก็คงไม่ต่างกันมั้ง

“ไม่ลืมอะไรกันใช่ป่ะวะ” สระถาม หลังจากไอ้ยูโยนกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของใช้ของมันใส่ท้ายรถแล้ว ขณะที่ไอ้พีวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ

“อันนี้เป็นผลไม้จากสวนของบ้านปู่กูเอง เมื่อวันก่อนปู่เอามาให้ กูเลยขอแบ่งไปฝากพ่อแม่มึง”

“โห ขอบใจมากเว้ย”

พยัญชนะที่กอดอกยืนพิงประตูรถรออยู่ เมื่อเห็นว่าทุกคนเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นบ้าง “ไปเลยมั้ย?”

“ตกลงไม่มีใครลืมอะไรนะ?” สระถามย้ำ

“ไม่ลืม” ไอ้เจ็มเป็นตอบแทนทุกคน “ขึ้นรถเลย”

“โอเค”

คราวนี้พวกเขาทั้งห้าไม่ได้นั่งรถตู้เหมือนคราวก่อน เพราะลุงไอ้ยูให้ยืมฟอร์จูนเนอร์มาใช้ ถือเป็นโชคดีล่ะนะ แต่ก็อาจจะลำบากคนที่ทำหน้าที่สารถีหน่อย เพราะเดินทางกว่าจะถึงบ้างของเขาก็ใช้เวลาสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แล้ววันนี้ต้องรถติดมากแน่ๆ อีกต่างหากเพราะคนแห่กันกลับต่างจังหวัด ได้อยู่บนรถกันครึ่งค่อนวันแน่

“สักครึ่งทางแวะปั้มพักหน่อยก็ได้ไอ้นะ แล้วหลังจากนั้นเดี๋ยวกูขับแทน” ไอ้ยูบอก

พยัญชนะพยักหน้ารับว่าเข้าใจ ก่อนจะเคลื่อนเกียร์แล้วพารถคันโตออกสู่ท้องถนนมุ่งหน้าถนนขาออกทันที

“ปีนี้ไปเล่นน้ำคลองอีกได้ป่ะวะไอ้หระ?” เจ็มถามหลังจากรถวิ่งออกมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว

สระไหวไหล่ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะวะ”

“ก็เห็นข่าวว่าปีนี้น้ำแล้ง”

“ก็แล้งอะแหละ แต่คลองไม่ได้แห้งขอดขนาดนั้น ยังไงชลประทานก็ต้องปล่อยน้ำมาให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวแล้วใช้ ไม่งั้นต้นข้าวตายหมดก็ฉิบหายดิ”

“แล้วมีแพลนไปเที่ยวไหนอีกป่ะ?” ไอ้พีถาม ปากก็เคี้ยวขนมไปด้วย

สระแกะถึงขนมปังมินิบันไส้กรอกออก ก่อนจะหยิบชิ้นหนึ่งไปจ่อปากคนขับรถ...พยัญชนะเหลือบมองคนป้อนแล้วอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะงับมันเข้าปาก

“ก็เหมือนปีที่แล้วแหละว่ะ ไปเล่นที่ตัวอำเภอ เล่นคลองแถวบ้านกู แล้วก็ไปงานวัดที่เขาจัด”

“ปีนี้กูจะปาลูกโป่งให้ได้ตุ๊กตา” ไอ้เจ็มทำท่าหมายมาด เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เพราะเมื่อปีที่แล้วมันหมดเงินไปหลายร้อยแต่ก็ปาไม่ได้สักที ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาห้ามไว้ มันคงเสียอีกหลายร้อย

เบื่อพวกคนรวยใช้เงินแก้ปัญหาโคตร

สระแอบกลอกตาเมื่อนึกเรื่องเมื่อปีที่แล้วขึ้นมาได้ เขาเปิดขวดน้ำก่อนหย่อนหลอดแล้วเอาไปจ่อปากพยัญชนะเมื่ออีกฝ่ายเคี้ยวขนมหมดปากแล้ว

“ขอบคุณครับ” คนขับส่งยิ้มมาให้ ไหนจะน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลนั่นอีก เล่นเอาคนป้อนทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะเลยทีเดียว

“กินเข้าไปเงียบๆ ดิ”

“เขินเหรอ?”

“ก็เหี้ยละ”

พยัญชนะลอบขำเบาๆ ก่อนจะต้องขำออกเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อพวกเพื่อนที่นั่งข้างหลังล้อเลียนและทำเสียงโห่ใส่ จนคนโดนแซวต้องหันไปโวยวาย และเกือบจะปีนข้ามเบาะไปตบเกรียนพวกแม่งแล้ว แต่พยัญชนะห้ามเอาไว้ได้ทัน

 

เกือบห้าชั่วโมงคือระยะเวลาในการเดินทางของพวกเขา รถติดนั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็มีช่วงที่แวะพักครึ่งทางเพื่อหาอะไรกินและเปลี่ยนคนขับ พอมาถึงบ้านสระ ทุกคนก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนเดิมเป๊ะ ห้องนอนถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้พร้อมแล้วเรียบร้อย สระนอนกับพยัญชนะ ส่วนอีกสามหน่อนอนห้องพักแขก

แต่จะเรียกห้องพักแขกก็ไม่ถูกนักหรอก เรียกว่ามันเคยเป็นห้องนอนของตากับยายเขาจะดีกว่า แต่ท่านทั้งสองย้ายไปอยู่กับญาติที่อีกจังหวัดนานแล้ว ห้องมันก็เลยว่างเอาไว้ใช้ให้แขกมานอนพักได้พอดี

“มากันเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนนะลูก พรุ่งนี้ค่อยออกไปเล่นน้ำกัน” แม่พูดขึ้น หลังจากกอดสระจนเต็มอิ่ม...ไม่สิ ต้องบอกว่าสระกอดแม่จนเต็มอิ่มต่างหาก

พ่อของเขาเองก็ยิ้มกว้าง ลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู “เราทำกับข้าวไว้ให้แล้ว ถ้าหายเหนื่อยเมื่อไหร่ก็ลงมากินกันได้นะลูก ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับพ่อ แม่” เพื่อนๆ พากันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนพวกมันจะขออนุญาตพาตัวเองเดินขึ้นชั้นสองไป เหลือแค่สระกับพยัญชนะที่ยังอยู่

“เราก็ไปพักเถอะสระ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปช่วยงานบวชที่วัดแล้วเย็นๆ จะกลับ”

“หือ? มีงานบวชช่วงสงกรานต์ด้วยเหรอครับ”

“อื้ม ลูกชายอาสำลีเขาน่ะ”

“ผมอยากไปด้วยนะ แต่เมื่อยตัวมากเลย”

“ไม่ต้องหรอกๆ ไปนอนไป หน้าตางัวเงียเตรียมงอแงขนาดนี้ ใครจะให้ไปล่ะไอ้ดื้อ” พ่อบอกพลางขยี้เส้นผมของสระเล่น

สระมองส่งพ่อกับแม่ออกไปจากบ้าน หลังจากนั้นจึงลากแขนเพื่อนสนิทเดินขึ้นชั้นสองไปยังห้องนอนตัวเองบ้างเช่นกัน เข้ามาถึงเจ้าตัวก็โยนกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กลงข้างเตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่

“โอย เมื่อยมากกก มึงเมื่อยป่ะไอ้นะ”

“นิดหน่อย” คนโดนถามวางกระเป๋าของตัวเองไว้ที่เก้าอี้ของโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะเดินมาทรุดลงนั่งข้างตัวไอ้ดื้อของเขาแล้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าน่ารักให้พ้นทาง “ง่วงก็นอนนะ”

“ไม่อยากนอน”

“อ้าว ทำ...”

“ไม่อยากนอนคนเดียว”

“...”

สระคว้ามือหนาของเพื่อนมาแนบแก้ม ส่งสายตาเป็นประกายระยิบระยับให้ แล้วเอ่ยออกมาอีกประโยคหนึ่ง หากแต่เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังตะลึงงันกันไปเลยทีเดียว

“มานอนด้วยกันนะ”

แล้วมีหรือที่พยัญชนะที่ปฏิเสธ เขาก้มลงฟัดแก้มไอ้ดื้ออย่างอดใจไม่ไหว ทั้งหอมทั้งจุ๊บจนหนำใจชนิดสระซุกหน้าหนีเพราะจั๊กจี้และส่งเสียงโวยวายยกใหญ่เลยด้วย ก่อนชายหนุ่มจะล้มตัวลงนอนข้างคนดื้อของเขา พาดแขนบนเอวอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ

“อย่าเชิญชวนแบบนี้อีกนะ”

“ทำไม?” สระขยับตัวเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงแล้วเลิกคิ้วถาม ก่อนคำตอบที่ได้จะทำให้เขาหน้าแดงเถือก

“เพราะมันอาจจะไม่จบแค่นอนเฉยๆ น่ะสิ”

 

วันต่อมาพวกเขาก็พากันออกจากบ้านไปทำบุญตักบาตรและสรงน้ำพระที่วัดตั้งแต่เช้า แยกกับพ่อแม่ของสระเพื่อไปหาอะไรกิน จากนั้นจึงตกลงปลงใจกันว่าจะไปเล่นน้ำที่คลองชลฯ ก่อน ส่วนในตัวเมืองค่อยไปเล่นพรุ่งนี้

คลองสายเล็กที่แตกแขนงมาจากคลองใหญ่มีคนเล่นอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังพอมีที่ว่างให้ห้าหนุ่มได้ลงไปผสมโรงเล่นด้วย แน่นอนว่าความหน้าตาดีของสองหนุ่มแฮนด์ซั่มบอยอย่างสระกับพยัญชนะย่อมเรียกสายตาสาวๆ ที่มาเล่นน้ำด้วยเหมือนกันได้ไม่ยาก

“น้ำอุ่นจังวะ” ไอ้พีพูดขึ้นหลังจากหย่อนตัวลงน้ำไปเป็นคนแรก

“มึงดูแดดด้วย ร้อนออกขนาดนี้น้ำคลองไม่อุ่นได้ไง” ไอ้ยูชี้มือไปที่ดวงอาทิตย์ที่เห็นอยู่ไกลๆ ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว และแดดก็ร้อนแรงมากด้วย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่แคร์ ในเมื่ออยากเล่นน้ำนักก็ต้องทนให้ได้แหละนะ

“มันอุ่นขนาดไหนวะ ร้อนเลยป่ะ แบบ...ร้อนแรงเท่ากูไหมอะ?” ไอ้เจ็มพูดขึ้นบ้าง และนั่นเรียกเสียงโห่จากพวกเขาได้เป็นอย่างดี ไอ้เชี่ยยย กล้าพูดมาได้

“ถุ้ย! ร้อนแรงมากมั้งงง”

“ก็นิดหนึ่งป่ะวะ”

“อยากรู้ว่าร้อนแค่ไหนเดี๋ยวกูช่วยให้มึงลงไปพิสูจน์ได้ไวขึ้น” พูดจบไอ้ยูก็...ถีบไอ้เจ็มลงน้ำดังตูมใหญ่ เล่นเอาคนอื่นๆ ที่เล่นอยู่ใกล้ๆ พากันหลับตาปี๋เมื่อน้ำสาดไปโดน

“แค่ก! ไอ้เหี้ยเจ็ม!”

สระมองเพื่อนสามคนที่ผลัดกันสาดน้ำใส่หน้ากันไปมา เขาทรุดลงนั่งข้างคลองก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวเองลงไป โดยมีพยัญชนะช่วยพยุงทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นคนดื้อก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง เลยไม่ได้ว่าอะไร หนำซ้ำยังลอบยิ้มเพราะรู้สึกดีสุดๆ ไปเลยอีกด้วย

“ลงมาดิ มึงคงไม่ได้มาเพื่อนั่งมองพวกกูเล่นหรอกใช่ป่ะ?” สระถามหลังจากเขาทิ้งตัวลงไปในน้ำแล้ว น้ำไม่ลึกนักแต่ก็สูงระดับไหล่เขาพอดี

พยัญชนะแค่ยิ้ม ก่อนเจ้าตัวจะทำเท่ด้วยการถอดเสื้อยืดลายดอกคูลๆ ออกแล้ววางไว้ข้างคลอง จากนั้นจึงกระโดดลงมา และแน่นอนว่าน้ำสาดโดนหน้าคนดื้อเข้าเต็มๆ

“ไอ้ห่า ต้องทำเท่ก่อนลงน้ำเหรอ!? ถอดเสื้อด้วยไอ้ฉิบหาย อยากโชว์ว่างั้น” สระด่า

คนถูกด่าเสยเส้นผมที่เปียกโชกขึ้นแล้วส่งยิ้มหล่อให้คนตัวเล็กกว่าพลางว่า “ใช่ อยากโชว์ให้มึงเห็นอะ”

เจ้าบ้านถึงกับแค่นหัวเราะ แต่สองแก้มก็แดงขึ้นมาเพราะความเขิน โดนไอ้เวรนี่เต๊าะออกจะบ่อย แต่ให้ตายยังไงก็ไม่เคยชิน ไอ้นะแม่ง...ขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกจีบเขาอีก

“เล่นน้ำไปเลยไอ้สัด”

สระวักน้ำสาดหน้าไอ้เพื่อนบ้ารัวๆ จนพยัญชนะต้องเบี่ยงหน้าหลบแล้วสาดกลับ พวกเขาเล่นกันห้าคนก่อนจะเริ่มกระจายออกไปเล่นกับคนที่มาก่อน เพื่อนของเขาไม่ได้รู้จักมักจี่กับคนอื่นๆ หรอก แต่ก็ทักทายกันด้วยความมีอัธยาศัยดี ส่วนสระน่ะพอจะรู้จักคนที่มาเล่นน้ำอยู่บ้าง ก็นะ...บรรดาเพื่อนบ้านและคนในหมู่บ้านของเขาทั้งนั้นนี่นา

เล่นกันอยู่พักใหญ่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

จู่ๆ ก็มีสาวน้อยน่ารักเล่นน้ำอีท่าไหนไม่รู้ดันถอยมาชนสระเข้าซะได้ แล้วมันคงจะไม่เป็นไรถ้าไม่ใช่เพราะขาของคุณเธอขัดเข้ากับขาของเขาใต้น้ำ ทำให้ชายหนุ่มลื่นพรืดล้มหน้าคะมำลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว!

จังหวะที่หน้าจุ่มน้ำแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้สระเผลอกลืนน้ำและสำลักน้ำเข้าไป เจ้าตัวทะลึ่งพรวดขึ้นมาเพราะได้แรงดึงจากคนที่หัวอยู่เหนือน้ำอย่างพยัญชนะช่วยอีกแรง พอกลับมาสู่อากาศบริสุทธิ์ได้ คนดื้อก็สำลักน้ำไอโขลกๆ ไม่หยุด หน้าเหน้องี้แดงก่ำ

“เป็นไงบ้างสระ” พยัญชนะเอ่ยถาม มือก็ปาดไล้หยดน้ำออกจากใบหน้าน่ารักไปด้วย อีกมือก็ประคองต้นคอของสระเอาไว้

“แค่ก กูไม่...แค่กๆ เป็นไร”

“แสบจมูกมั้ย? สำลักน้ำเข้าไปขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ”

“นิดหน่อย...แค่ก น่า กูโอเคๆ”

พยัญชนะขมวดคิ้วแน่น ปลายนิ้วลูบแก้มใสเบาๆ “ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยไอ้ดื้อ”

“ไม่ใช่ความผิดกูสักหน่อยที่สำลักน้ำเนี่ย”

คนฟังถอนหายใจแผ่วเบา โน้มหน้าลงจุ๊บปลายจมูกของไอ้ดื้อหนึ่งทีก่อนจะถาม “หายแสบยังครับ?”

“หะ...หายแล้ว”

“แน่ใจนะ?”

“แน่...แน่ใจ”

สระถึงกับหน้าร้อนวาบ ปกติไอ้นะก็ชอบอ่อนโยนกับเขาอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว เรียกว่าแทบจะตลอดเวลาเลยดีกว่า แต่ครั้งนี้น่ะมันออกจะเกินไปหน่อยนะ มันลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้เราอยู่กันกลางคลองชลประทาน มีคนมากมายกำลังเล่นน้ำและบางส่วนอาจจะกำลังมองเราอยู่ด้วยซ้ำ

อ๊าก ไอ้เหี้ยนะ มึงทำอะไรเนี่ยยย

“ถอยไปเลยนะ คนมองหมดแล้วมั้งไอ้เวรรร”

“ช่างดิ กูเป็นห่วงมึงนี่หว่า”

“แค่สะดุดขาใครไม่รู้แล้วลื่นล้มลงไปนิดหน่อยเอง”

“เอ่อ...” เสียงของผู้หญิงเอ่ยแทรกขึ้นมาหลังจากที่สระพูดจบ เรียกความสนใจของทั้งสระและพยัญชนะให้หันไปมองได้ หลังจากทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ที่มีแค่กันและกันมานานสองนาน

“ครับ?” ไอ้นะเลิกคิ้วถามสั้นๆ

เด็กสาวที่น่าจะอายุแค่สิบห้าสิบหกยิ้มแหย เธอยกมือโบกเบาๆ แล้วบอกว่า “เมื่อกี้เป็นหนูเองที่เซมาชนพี่”

“อ่อ เอ่อ...” สระถึงกับไปไม่เป็น ไม่รู้จะพูดอะไร จะด่าก็ไม่ใช่เรื่องเพราะน้องมันคงไม่ได้ตั้งใจ

“หนูขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ” เด็กสาวคนเดิมยกมือไหว้ปล่กๆ จนสุดท้ายสระก็ต้องโบกมือให้เป็นพัลวัน

“ไม่เป็นไรน้อง ไม่เป็นไร”

“ขอบคุณนะคะ” เธอยังมีสีหน้ารู้สึกผิด เอ่ยขอโทษอีกสองสามคำก็รีบแยกตัวหนีห่างออกไปทันที แถมก่อนไปยังดูกลัวๆ ในอะไรสักอย่าง เล่นเอาสระงงไปเลย

จนกระทั่งเขาหันมาเห็นสีหน้าไอ้นะนั่นแหละ

“ไอ้นะ~ อย่าทำหน้าโหดแบบนั้นดิ”

“กูเปล่า”

“แต่มึงกำลังทำ สายตามึงดุมากด้วย”

“กู...” พยัญชนะคลายสีหน้าเคร่งขรึมลง “กูเป็นห่วงมึงนี่หว่า ถ้าเมื่อกี้มึงจมน้ำไปจะทำไง”

“แค่สะดุดขาน้องแล้วลื่นเว้ยลื่นนน”

“นั่นแหละ เล่นเอากูใจหายใจคว่ำหมด”

“น้องมันก็ขอโทษแล้ว มึงก็อย่าโกรธไปเลยน่า” สระพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แล้วมีหรือที่พยัญชนะจะปฏิเสธได้ แค่เห็นหน้าคาออดอ้อนของไอ้ดื้อเขาก็แพ้ราบคาบแล้ว

“เฮ้อ โอเค แต่กูว่าเลิกเล่นเหอะ”

“เอางั้นก็ได้ หิวแล้วเหมือนกัน” สระยอมตามใจคนตัวโตกว่า เขารู้ว่ามันห่วงเขามากจริงๆ และนั่นทำให้เขาใจพองโตสุดๆ อีกอย่างคือเขาไม่อยากให้มันกังวลอีกว่าเขาจะเผลอเอาหน้าจุ่มน้ำสำลักเหมือนจะตายอีกรอบด้วยแหละนะ ก็เลยยอมตามใจมันหน่อยแล้วกัน

“พวกมึงกูสองคนขึ้นก่อนนะ” ไอ้นะหันไปบอกเพื่อนทั้งสาม

ไอ้พียิ้มล้อเลียน “แหม่ นึกว่าจะลืมพวกกูซะแล้ว และเผื่อพวกมึงไม่รู้นะ ฉากจุ๊บจมูกเมื่อกี้คนมองกันครึ่งคลองอะเพื่อน หึๆ ทำอะไรไม่เกรงใจเล้ย!”

สระหน้าร้อนวาบ รีบตะกายขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว...ไอ้ฉิบหาย เขาไม่กล้ามองหน้าใครเลยโว้ยยย

ได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้นะแว่วมา พอมันหยิบเสื้อมาใส่เรียบร้อยเขาก็หันไปต่อยไหล่มันหนึ่งทีแล้วจ้ำเท้าเดินนำมาโดยไม่คิดจะมองคนรอบข้าง ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเจอสายตาที่มองมาแล้วจะบ้าเอา

หมายถึงเขาเนี่ยจะบ้าเอา เขินจะบ้าอะ ฮึ่ย!

“สระ”

“อะไร!?”

หันกลับไปมองคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนด้วยความงุ่นง่านใจ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ ของมันเขากลับรู้สึกว่าในอกมันอุ่นฟูไปหมด ลืมความเขินอายและความเคืองขุ่นเล็กๆ ก่อนหน้านี้ไปจนหมด

“สวัสดีปีใหม่ไทยนะไอ้ดื้อ”

ในท้ายที่สุดสระก็ยิ้มตาม เอื้อมมือไปจับมือไอ้นะแล้วจูงให้มันเดินเคียงข้างกัน ก่อนจะตอบกลับไปว่า...

“อื้อ สุขสันต์วันสงกรานต์ : )”



____________________________

กว่าจะเข็นตอนพิเศษออกมาได้ 555 หวานเบาๆ นะคะ หวานน้อยๆ พอประมาณ เพราะความหวานที่แท้จริงอยู่ในตอนหลัก แฮ่ สวัสดีปีใหม่ไทยน้าทุกคนน แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ //ส่งจูบ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ : สงกรานต์สาดใจ [15-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-04-2019 17:11:23
หวานกันได้ทุกเทศกาลและทุกสถานที่เลยนะคะ
เบื่อ!!!!!!! พวกมีฟามรัก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ : สงกรานต์สาดใจ [15-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-04-2019 22:26:22
ตะลึงกันไปทั้งงาน  o22
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fourteen - (น.) : นม (น่ารัก) [17-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 17-04-2019 22:07:05

Fourteen

(น.) : นม (น่ารัก)

 

[สระ]


หลังกลับจากทะเลได้สองวันผมก็ป่วย ป่วยได้ยังไงยังไม่รู้เลย จู่ๆ ก็ครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วก็ปวดหัวนิดๆ ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นเพราะอากาศร้อนทำพิษเหมือนอย่างทุกครั้ง เหงื่อผมก็ออกง่ายแถมยังออกมากเป็นเรื่องปกติ วันแรกก็เลยไม่ได้ใส่ใจนัก จนกระทั่งวันที่สอง...ผมวูบตอนเดินลงจากตึกเรียน นั่นล่ะที่ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ปกติแล้ว

จังหวะกำลังจะก้าวลงบัน สายตาของผมพร่ามัวไปชั่วขณะ แล้วก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างเซไปด้านหน้า ในใจคิดแล้วว่าฉิบหายเถอะ แค่วูบก็เสียเชิงชายมากพอแล้ว นี่ยังจะตกบันไดให้อับอายขายขี้หน้าอีกเหรอ

แต่แล้วโชคดีก็ยังคงอยู่เคียงข้างผม ไม่สิ...ต้องบอกว่าเพราะผมยังมีไอ้นะอยู่ข้างๆ ต่างหาก มันที่ไม่เคยละสายตาจากผมเลยทันเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วรับร่างผมเอาไว้ได้ทัน

ผมได้ยินเสียงโวยวายกับเสียงกรี๊ด น่าจะเป็นของเพื่อนร่วมเซคที่เดินออกมาด้วยกันนี่แหละ รู้ตัวอีกทีผมก็อยู่บนหลังไอ้นะแล้ว มันกำลังแบกผมก้าวลงจากตึกเรียน

“...ไม่หนักเหรอ” ผมถามมันเสียงเบา แต่เพราะปากของผมอยู่ข้างๆ หูมันพอดี มันก็เลยได้ยินชัดเจนเต็มสองหูอย่างไม่ต้องสงสัย

ไอ้นะเหลือบหางตามามองกันนิดหน่อยแล้วหันกลับไปมองทางเหมือนเดิม “นิดหน่อย”

“ไม่นิดมั้ง กูตัวเล็กกว่ามึงนิดเดียวเองป่ะ”

“ต่อปากต่อคำกับกูได้เนี่ยหายหน้ามืดแล้วเหรอ?” มันถามกลับ

ผมขมวดคิ้ว “ใครหน้ามืด กูแค่...”

“ถ้าเถียงไม่ออกก็อย่าเถียงเลยครับคุณสรัลภัทร”

ผมเบะปากก่อนจะซบแก้มกับต้นคอของอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไรอีก ปิดตาลงเพราะรู้สึกว่าอะไรๆ ที่มองอยู่มันเบลอๆ เห็นไม่ชัด และมันทำให้ผมปวดขมับเอามากๆ จนกระทั่งไอ้นะพาผมมาถึงห้องพยาบาล พูดกับเจ้าหน้าที่ไม่ถึงสองนาทีก็ได้เข้าไปด้านใน

คนตัวสูงเอี้ยวหน้ามาถาม “ลงยืนไหวหรือเปล่าสระ?”

“ได้” ผมหย่อนตัวลงยืนที่พื้น ขณะที่ไอ้นะรีบหันมาพยุงตัวผมเอาไว้กันไม่ให้ล้ม แล้วพาผมนอนลงบนเตียงพักของห้องพยาบาล ซึ่งผมก็ทำตามแต่โดยดีไม่คิดอิดออด พลังร่างกายผมถดถอยมากครับ ทั้งร้อน ทั้งปวดหัว ตอนนี้ผมอยากนอนมากเลย

พยัญชนะหลบทางให้พี่เจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลเข้ามาดูอาการผม ผมได้แต่นอนหลับตา รู้สึกได้ถึงมือที่แตะบนหน้าผากกับอะไรอีกหลายอย่าง จนกระทั่งได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่บอกว่าผมไม่สบาย มีไข้นิดๆ เดี๋ยวให้ยาไปกิน ส่วนตอนนี้จะนอนไปก่อนก็ได้แล้วค่อยตื่นขึ้นกลับหอพัก

ตลอดเวลาที่ไอ้นะคุยกับเจ้าหน้าที่ผมยังคงหลับตาตลอดเวลา จนเมื่อเพื่อนสนิทลูบแก้มผม นั่นล่ะผมถึงได้ลืมตาขึ้นมองเขา

“นอนนี่ก่อนหรือกลับไปนอนห้อง?”

“...ห้อง”

“ไหวเหรอวะ”

“ไหว ถ้ามึงช่วยพยุง”

“ให้กูอุ้มมึงกลับยังได้เลย”

“เกินไป กูผู้ชายมั้ย” ผมแหวใส่มันเสียงเบา ไม่มีแรงตะโกนครับ ได้แค่นี้ ฮื่อ

“ไม่เกี่ยวกับเพศป่ะวะ กูทำได้ทุกอย่างแหละถ้าเป็นมึงอะ ไม่เคยได้ยินเหรอ...” ไอ้นะแย้ง มันเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผมออกให้ก่อนจะว่าต่อ “กับคนที่เราชอบอะ ทำให้ได้ทุกอย่างแหละ”

โอเค ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่หน้ามันร้อนๆ เนี่ยเพราะเป็นไข้หรือเพราะเขินมัน ไอ้ฉิบหาย เวลานี้ก็ยังจะเต๊าะกูเนอะ ให้กูได้พักบ้างเถอะเพื่อน

ผมไม่พูดอะไร ทำเพียงลุกขึ้นยืนแล้วรับเอาถุงยาที่พี่เจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลนำมาให้ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับหอโดยมีไอ้นะประกบไม่ห่าง มันกลัวผมจะล้มหน้าคว่ำลงไปกองกับพื้นอีกน่ะสิ ถ้าผมยอมให้อุ้มมันคงทำไปแล้วแน่ๆ

เพราะหออยู่ไม่ไกลมหา’ลัย ทนเดินกลางแดดยามเย็นสิบนาทีเราทั้งคู่ก็กลับมาถึงห้อง

ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก พาสารร่างเหนื่อยอ่อนไปทิ้งตัวลงบนเตียงทันที รองเท้าอะไรก็ไม่มีแรงจะถอด ผมง่วงและปวดหัวมากจริงๆ นะครับ ไม่ไหวแล้ว ต้องนอน

เพื่อนร่วมห้องไม่ได้พูดอะไร มันแค่เดินเข้ามาถอดรองเท้าให้แล้วจับผมนอนหงายดีๆ จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนักศึกษาออกให้ ปกติผมก็แทบไม่ได้ใส่หรอก เพราะอาจารย์ในสาขาไม่เคร่งเรื่องนี้เท่าไหร่ พวกท่านขอแค่วันที่ต้องนำเสนองานให้แต่งตัวให้เรียบร้อย และวันนี้ก็คือวันที่มีนำเสนองานพอดี

ไอ้นะปลดกระดุมกางเกงผมต่อ เล่นเอาผมคว้ามือมันแทบไม่ทัน “ทำไร”

“จะถอดกางเกงให้ไง มึงจะได้นอนสบายๆ”

“เหรอ นึกว่าจะลวนลามกู”

คนฟังหลุดหัวเราะ ส่ายหน้าขำขณะมือกลับไปทำหน้าที่ดังเดิมเมื่อผมปล่อยมือมันให้เป็นอิสระแล้ว

“กูไม่ใช้ช่วงเวลาที่มึงกำลังอ่อนแอทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“กูไม่ได้อ่อนแอ แค่ป่ว...”

“ถ้าจะลวนลามมึงอะ ทำตอนมึงมีแรงเยอะๆ ดีกว่า” ผมยังพูดไม่ทันจบไอ้เพื่อนหน้าหล่อก็เอ่ยแทรก แถมคำพูดของมันยังทำให้ผมสงสัยอีกต่างหาก

“ทำไมวะ?”

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน มือที่กำลังรั้งขอบกางเกงนักศึกษาให้ร่นลงเกือบถึงสะโพกแล้วก็หยุดไปด้วยเช่นกัน จากนั้น...คำพูดของมันก็ทำให้ผมเขินหน้าร้อนเป็นรอบที่สองของวัน!

“มึงจะได้ทำอะไรๆ ด้วยกันกับกูได้แบบจัดเต็มไง”

แล้วผมจะไปตอบอะไรได้นอกจาก...

“ทำเหี้ยไรล่ะ มึงนี่แม่ง ทะลึ่งว่ะ”

ไอ้นะหัวเราะ มันกลับไปให้ความสนใจกับการถอดกางเกงผมออกอีกครั้ง จนในที่สุดท่อนล่างของผมก็เหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์ขาบานๆ ตัวบางๆ สีเขียวเข้ม พอถอดกางเกงผมเสร็จมันก็เลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อ ตลอดเวลานั้นผมมองมันไม่ละสายตา และมันก็รู้ด้วยว่าผมมอง เพราะมันอมยิ้มไม่เลิก ก่อนสุดท้ายจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง แล้วทำปากจู๋ส่งจุ๊บให้

ผมหลุดหัวเราะทันที “ฮ่าๆๆๆ ไอ้นะ~”

คนโดนเรียกหัวเราะตาม พอดีกับที่ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อนักศึกษาเสร็จเรียบร้อย “ลุกหน่อย จะถอดเสื้อออกให้ มึงจะนอนสบายๆ”

ผมทำตามทั้งที่ยังไม่เลิกหัวเราะ เวลาคนหล่อๆ อย่างมันทำอะไรแบบเมื่อกี้ก็ดูน่ารักดีแฮะ

พอเสื้อปลิวออกไปผมก็รู้สึกสบายตัวขึ้น...ไอ้นะลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กที่ผ่านการชุบน้ำมาจนเปียกหมาดแล้ว มันอ้อมไปนั่งด้านหลังผม ใช้ผ้าเช็ดเหงื่ออันแสนเหนอะเหนียวออกให้ผม ไล่ไปตามบ่าและแขน รอบคอแล้วค่อยขยับมานั่งด้านหน้าอีกครั้ง เช็ดไปตามแผ่นอกและหน้าท้องของผม

ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นมากกว่าเดิมเข้าไปอีก แต่จะดีกว่านี้ถ้า... “เปิดแอร์ได้ไหมอะ”

“ได้ แต่คงเปิดไม่แรงเหมือนทุกทีนะ ไม่อยากให้มึงหนาวจนไข้ขึ้นยิ่งกว่าเดิม”

“อืม ไงก็ได้”

มันลุกไปกดเปิดแอร์และปรับเบอร์ที่เบากว่าปกติให้ จากนั้นก็เดินหายไปในห้องน้ำอีกครั้ง สงสัยจะไปชุบน้ำผ้ามาใหม่ล่ะมั้ง ผมก็เลยทิ้งตัวลงนอนแผ่หลา หัวยังคงปวดตุบๆ แต่ก็พอทนไหว ตาที่พร่าเบลอก็กลับมามองอะไรๆ ได้เด่นชัดมากขึ้น เป็นสัญญาณว่าผมหายหน้ามืดแล้ว

“มีโจ๊กซองอยู่ เดี๋ยวต้มให้กิน จะได้กินยาแล้วนอนพักผ่อน”

“อือ” ผมตอบรับ หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย สัมผัสได้ถึงมือหนาที่ทาบลงมาบนหน้าผาก ก่อนตามด้วยผ้าผืนขนหนูที่พับจนสามารถวางซับไข้ได้

“นอนไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูปลุก”

ไม่ได้ตอบรับเพราะสมองเริ่มไม่รับรู้อะไรแล้ว ผมทิ้งทุกความนึกคิดออกไปจากหัว ไม่นานก็หลับไป

 

ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะแรงเขย่าที่ไหล่ ปรือตามองอย่างอยากลำบาก หัวที่ปวดก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะปวดเข้าไปอีก

“ตื่นมากินโจ๊กหน่อยสระ”

“...อือ” ผมตอบรับ เคลื่อนร่างกายตามแรงพยุงของเพื่อนสนิทเพื่อลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็รับเอาถ้วยโจ๊กมากิน ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหิวก็ตอนที่ได้กลิ่นมันเนี่ยแหละ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น “นี่กี่โมงแล้ว”

“มึงหลับไปสิบห้านาทีได้ ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว”

“เหรอ”

ไอ้นะยื่นนิ้วมาเกลี่ยที่ปลายหางตาของผม สีหน้ามันดูกังวล “ตามึงโคตรฉ่ำ แดงนิดๆ ด้วย เพราะเป็นไข้แน่ๆ”

“อือ” ผมตอบแค่นั้น ปล่อยให้มันลูบหางตาโดยไม่พูดอะไรอีก ทำแค่กินโจ๊กจนหมดถ้วย พอเห็นว่าผมกินจนหมดไอ้นะก็ยิ้มกว้าง กุลีกุจอเอายามาให้กินตามหลัง

หลังผมกลืนยาเข้าไปจนหมดทุกเม็ดมันก็เอ่ยถาม “อยากได้อะไรอีกไหม?”

“อยากเช็ดตัวอีก รู้สึกว่ามันร้อนๆ ไปทั้งตัวเลยว่ะ”

ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็แตะๆ ตามลำตัวของผมเล็กน้อยแล้วลุกหายไปเอาผ้าอีกผืนมาเช็ดตัวให้ เพราะผืนแรกที่แนบกับหน้าผากของผมตอนนี้หล่นอยู่ข้างหมอนนู่น

“มา เดี๋ยวเช็ดให้”

“เดี๋ยวกูเช็ดเองก็ได้...”

คนตัวสูงกว่าชักมือหนีมือผมที่กำลังจะยื่นไปคว้าผ้ามาเช็ดอีก แถมมันยังมองมาด้วยสายตาดุๆ อีกต่างหาก “ไม่ต้องเลย เดี๋ยวนะทำให้ สระนั่งนิ่งๆ ก็พอ”

อ่า จู่ๆ ก็ใช้คำแทนตัวแบบที่นานๆ ครั้งเราจะใช้กัน เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยไอ้ฉิบหาย ปกติมันก็ทำตัวน่ารักกับผมอยู่ตลอด หมายถึง...นิสัยมันน่ารักอะ คอยดูแลเอาใจใส่ผม แต่พอบวกรวมคำพูดเพราะๆ นุ่มๆ นี่เข้าไปก็ทำให้ผมเถียงไม่ออกเข้าไปใหญ่น่ะสิ

ผมปล่อยให้มันทำตามใจ จนมันเลื่อนผ้ามาเช็ดแผ่นอกผม ผมก็รู้สึกว่าสายตามันแปลกๆ ละ เดี๋ยววว

“มองกูแบบนั้นแดกกูเข้าไปเลยมั้ยล่ะ” ผมถาม คือไงดี...สายตามันดูกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์อะ เหมือนกำลังคิดอะไรในใจแล้วก็หลุดยิ้มออกมา

พยัญชนะเลิกคิ้ว “ก็อยากแดกอยู่ รอมึงอนุญาต”

“ตลกแล้วครับคุณ”

“หึ แต่จะว่าไปนมมึงน่ารักดีนะ”

ผมก้มมองหัวนมตัวเองเมื่อโดนมันทัก ก่อนจะยิ้มพราย “แน่นอน สีชมพูเหมือนนมของมาริโอ้ เมาเร่อเลยใช่ป่ะล่ะ ตอนกูไปเกณฑ์ทหาร หัวนมกูต้องเป็นที่จารึกในสายตาสาวๆ ในโลกโซเชียลแน่นอน”

“หลงตัวเองเกินไปไหมสระ ฮะๆ”

“เอ๊า ก็คนมันมีดีให้หลงนี่หว่า”

“อือ จริง” ไอ้นะพยักหน้ารับ “กูยังหลงมึงเลย”

“...”

“คนอะไรน่ารักฉิบหาย”

ผมหน้าร้อนเป็นรอบที่สามของวันแล้วครับ!

“หุบปากไปเลยไอ้เหี้ย ขยันหยอดกูจั๊ง”

“เขินใช่ป่ะล่ะ หึ”

ผมถอนหายใจใส่หน้ามัน “เออ ไม่เขินก็ไม่ใช่คนแล้ว”

“มึงเขินกูแปลว่ามึงคิดไม่ซื่อกับกู”

“ทุกอย่างมันก็ชัดเจนตั้งแต่กูยอมให้มึงจูบแล้วป่ะนะ”

ไอ้นะไม่โต้ตอบอะไรกลับมาอีก มันแค่ยิ้ม...ยิ้มกว้างมากๆ แล้วพอเช็ดตัวให้ผมเสร็จ มันก็หยิบเอาเสื้อนอนในตู้เสื้อผ้ามายื่นให้ผม

“ใส่ซะ ถึงแอร์จะเบาแต่มึงก็ไม่ควรนอนถอดเสื้อ”

“ครับพ่อ เข้าใจแล้วคร้าบบ”

“หึ ไอ้ดื้อเอ๊ย”

ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะสวมเสื้อมจนเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง พยัญชนะเอาผ้ามาโปะหน้าผากให้ผมเหมือนเดิม จัดผ้าห่มให้ผมจนมิดถึงคอ

“เดี๋ยวกูจะลงไปซื้อเจลลดไข้ให้มึง มึงอยากได้อะไรไหม”

ตอนแรกผมส่ายหน้า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกอย่างที่จู่ๆ ก็อยากกินขึ้นมา “มีๆ”

“เอาอะไรล่ะ แต่ถ้าเป็นน้ำเย็นๆ นี่ไม่ให้กินนะ งดจนกว่ามึงจะหายป่วยเลย”

“เอานมจืดกล่องหนึ่ง”

“นม?” มันทวนถามเหมือนไม่แน่ใจ เพราะปกติผมไม่ค่อยกินนมเท่าไหร่ แต่วันนี้ผมเกิดอยากขึ้นมานี่นา ต้องโทษมันนั่นล่ะที่พูดเรื่องนม...แม้จะหมายถึงหัวนมของผมต่างหากก็เถอะ

“ก็มึงอยากพูดเรื่องนมทำไม กูเลยอยากกินขึ้นมาเลยเนี่ย”

“อ๋อ ฮ่าๆๆๆ โอเค เดี๋ยวกูซื้อมาให้ เอาอะไรอีกมั้ย?”

คราวนี้ผมส่ายหน้าของจริง “ไม่แล้ว มึงเองก็อย่าลืมซื้อข้าวกินนะเว้ย มัวแต่ดูแลกู ไม่หิวข้าวรึไงวะ”

“นิดหน่อย งั้นกูไปละ มึงก็นอนได้แล้ว”

“อือ” ผมตอบรับพลางปิดเปลือกตาลง แต่แล้วก็ต้องลืมขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อไอ้เพื่อนเวรมันพูดขึ้นาอีกครั้ง

“ที่จริงหัวนมของมึงก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละสระ”

“...อะไรของมึงอีกกก”

คนโดนถามยิ้มหยอกล้อใส่ผม แล้วทิ้งดาเมจสุดท้ายไว้ก่อนออกจากห้องไปว่า...

“แต่สำหรับกูมึงน่ารักไปทั้งตัวเลยว่ะ”

“..!”

“อยากฟัดแล้วเนี่ย”

ไอ้สัดนะะะะะ

ผมยกมือปิดหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าวเพราะเขินไม่ใช่เพราะไข้เป็นรอบที่สี่...ใช่มั้ย? ใช่แหละ น่าจะเป็นรอบที่สี่ของวันแล้ว ฮื่อ ชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้เพื่อนเหี้ย คิดไม่ซื่อกับกูไปหมดทุกอย่างเลยไอ้ห่าเอ๊ย!

“อย่าหวังว่าจะได้ฟัดกูง่ายๆ เลยไอ้เห็บหมา ว้อย!”


________________________
อยากกินนมจังงง : P

เอ๊ะ? หมายถึงนมอันไหนนะ? 55555 เจอกันตอนหน้าค่ะ ถ้าเราอัปถี่อย่าว่ากันนะ พอดีช่วงนี้กลับมาขยันและมีไฟแล้ว จะแต่งรัวๆ เก็บไว้ก่อนไฟมอด แฮ่


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fourteen - (น.) : นม (น่ารัก) [17-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-04-2019 23:04:12
มีนายพยาบาลแบบนี้ ป่วยไปทั้งเดือนเลยแล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fourteen - (น.) : นม (น่ารัก) [17-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-04-2019 15:01:05
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fifteen - (บ.) : บั้นท้าย (บีบ) [18-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-04-2019 21:24:40

Fifteen

(บ.) : บั้นท้าย (บีบ)

 

[พยัญชนะ]


กลางดึกสระไข้ขึ้นอีกรอบ ผมที่เป็นห่วงมันจนนอนหลับๆ ตื่นๆ พอเห็นอีกฝ่ายกระสับกระส่ายก็เลยเช็ดตัวให้มันเป็นรอบที่สาม ไม่ลืมแปะเจลลดไข้ที่ลงไปซื้อเมื่อหัวค่ำให้ใหม่ด้วย

“สระ สระครับ” ผมลองเรียกคนไม่สบาย อีกฝ่ายหอบหายใจเล็กน้อย ดวงตาฉ่ำปรือขึ้นมองกัน ผมเลยลองถามเพื่อเช็กว่าเขารับรู้สิ่งที่ผมพูดหรือเปล่า “ปวดหัวมั้ย?”

“อือ”

“งั้นกินยาแก้ปวดอีกรอบนะ ผ่านมาจะเจ็ดชั่วโมงแล้ว น่าจะกินได้แล้วล่ะ”

ผมพยุงคนป่วยขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้อนยา สระกินมันแต่โดยดี เป็นโชคดีจริงๆ ที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนดื้อในเรื่องนี้ แต่ถึงจะกินเข้าไปแล้วเจ้าตัวก็ยังสำลักน้ำจนไอออกมา น้ำบางส่วนเปียกริมฝีปากกับปลายคางจนผมต้องรีบวางแก้วน้ำแล้วเช็ดให้ด้วยปลายนิ้วตัวเอง

“โอเคขึ้นมั้ย แสบจมูกหรือเปล่าครับ?”

สระส่ายหน้าแทนคำตอบ หน้าซีดๆ ของเขาทำให้ผมยิ่งกังวล ถ้าพรุ่งนี้เขายังไม่ดีขึ้นผมคงต้องพาไปหาหมอแล้วล่ะ ต่อให้ไม่อยากไปผมก็จะบังคับอุ้มพาเขาไปให้ได้เลย

“นอนต่อนะ จะได้หายไวๆ” เขายอมขยับตัวลงนอนเหมือนเดิม แต่มือบางกลับกำชายเสื้อผมเอาไว้ไม่ปล่อย “จะเอาอะไรเหรอ?”

“...นอนด้วยกัน”

ได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าบอกมาแบบนั้นผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วโอบคนป่วยเอาไว้หลวมๆ ขนาดเปิดแอร์แบบนี้สระก็ยังเหงื่อออกจนเปียกไปหมดทั้งตัว ตอนแรกตั้งใจว่าจะปิดแอร์ แต่เห็นทีคงปิดไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเขาได้นอนไม่หลับเพราะอากาศร้อนแน่ๆ

ไอ้ดื้อซุกหน้ากับซอกคอของผม ลมหายใจร้อนๆ เพราะฤทธิ์ไข้เป่ารดไหปลาร้าผมแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร สระยังกำชายเสื้อผมเอาไว้ไม่ปล่อย ผมก็เลยต้องแกะมือเขาออกมากุมเอาไว้แทน แล้วกล่อมเขาให้หลับ...พอป่วยแบบนี้แล้วดูสงบเสงี่ยมมากเลยแฮะ ติดจะอ้อนกว่าปกติด้วย

“นอนนะคนเก่ง เดี๋ยวก็หายแล้ว”

จุ๊บหน้าผากไปอีกหนึ่งทีแล้วลูบแผ่นหลังกล่อมไปด้วยจนกระทั่งสระหลับ ผมจึงเบาใจหลับลงบ้าง อ่า คืนนี้ยาวนานเหลือเกิน ผมหวังว่าพรุ่งนี้ไอ้ดื้อจะหายไวๆ นะ

 

อาการหวัดของสระยังไม่หายสนิท แต่ก็ดีขึ้นมาก เขาไม่มีไข้แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีปวดหัวบ้างนิดหน่อย แล้วก็น้ำมูกไหล เจ็บคอ กับไอบ้างเป็นบางที หน้าตาไอ้ดื้อตอนนี้ซีดเซียวสุดๆ หมดสภาพหนุ่มน้อยน่ารักของเพจแฮนด์ซั่มบอยไปเลยล่ะ แต่เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่แยแสภาพลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่ เพราะมันยังคงฝืนไปเรียนโดยใส่แมสก์ปิดปากไป

“ให้นอนพักก็ไม่เชื่อ ฝืนมาเรียนทำไมก็ไม่รู้ เดี๋ยวกูลาอาจารย์ให้ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”

“อย่าบ่นน่า กูไม่อยากขาดเรียนนี่หว่า จะสอบมิดเทอมแล้วนะเว้ย”

“กูเลกเชอร์ให้ก็ได้ไง”

“เลกเชอร์มึงน่ะกูเอาแน่ แต่กูก็อยากมาฟังอาจารย์สอนด้วย” มันเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจบลงที่การเอียงหัวมาโขกไหล่ผมสองสามทีแล้วทำตาวิ้งๆ ใส่อย่างออดอ้อน “น่า กูไม่ได้เป็นหนักเหมือนเมื่อวานแล้วไง”

“แล้วถ้าเกิดมึงไข้ขึ้นขึ้นมาอีกรอบทำไงอะ?”

“ก็ให้มึงพากลับห้อง”

ได้ยินคำตอบแบบนั้นผมก็ถึงกับต้องถอนหายใจ ดื้อจริงๆ เลย

เรามาถึงห้องเรียน อย่างน้อยวันนี่ก็มีเรียนแค่ตอนบ่าย เมื่อเช้าไอ้ดื้อตื่นขึ้นมาตอนเกือบๆ แปดโมง ผมก็เลยดูอาการแล้วให้กินข้าวกินยา จากนั้นมันก็นอนไปอีกพักใหญ่ ตื่นอีกทีเกือบเที่ยง พอเห็นว่ามีเวลามันเลยลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวมาเรียน และเชื่อเถอะผมพยายามห้ามมันตั้งแต่อยู่ที่ห้องแล้วแต่มันก็ไม่ยอมนั่นแหละ ไม่งั้นมันคงมามายืนเถียงกับผมอยู่แบบนี้

“ไงไอ้หมา หายดีแล้วเหรอวะถึงมาเรียน” ไอ้พีร้องทัก มันหยิบเอากระเป๋าออกจากที่โต๊ะเรียนตัวหนึ่งเพื่อให้สระได้วางของตัวเองลงไปแทน

“เมื่อวานมึงดูแย่มาก กูนึกว่าจะมาเรียนวันนี้ไม่ไหวแล้วซะอีก” ไอ้เจ็มเอ่ยขึ้นเป็นคนถัดมา ก่อนจะยื่นแก้วน้ำอัดลมให้สระ แต่ผมมือไวคว้ามาได้ก่อน

“บ้าเปล่าสัดเจ็ม มันเจ็บคอแดกน้ำเย็นได้ที่ไหน”

“เออว่ะ ลืม โทษทีเว้ย”

“อ่ะนี่น้ำเปล่า ไม่เย็น กูซื้อมาเผื่อไว้” ไอ้ยูยื่นขวดน้ำให้แทน สระก็เลยรับมาเปิดดื่ม ปากมันก็ยิ้มขำผมที่จ้องไอ้เจ็มตาดุไม่เลิก จนคนโดนจ้องต้องยกมือไหว้

“ขอโทษจริงๆ ครับพ่อทูนหัวของไอ้หระ ผมไม่ได้ตั้งใจครับผมมม”

“ลองมึงตั้งใจดิ กูจะกระทืบมึงตรงนี้” ผมแกล้งบอกเสียงนิ่ง เอาเข้าจริงก็รู้ว่ามันลืมตัวนั่นล่ะ แต่ขอขู่ไว้ก่อน ครั้งหน้าเกิดสระไม่สบายอีกแล้วผมไม่ได้อยู่ดูแล พวกมันจะได้ไม่เอาน้ำเย็นๆ หรืออะไรที่คนเป็นหวัดไม่ควรกินมาให้กินอีก

“โหย จะฆ่ากันเลยเหรอวะ ไอ้หระ ผัวมึงจะฆ่ากูแล้วเนี่ย!”

“ไม่เป็นไรนะ เพราะถ้ากูเผลอรับมากินกูก็คงโดนเหมือนกัน”

“หราา กูว่าไม่ใช่มั้งงง ไอ้นะน่ะเหรอจะกล้าทำร้ายมึง ดูแลมึงดีออกขนาดนี้ แค่มดกัดมึงกูว่ามันคงวิ่งถือไฟแช็กไปจุดไฟเผารังมดอะ ประคมประหงมมึงฉิบหาย อย่างกับพ่อหวงลูก” ไอ้พีแซว

“อย่างกับผัวหวงเมียมากกว่า” ไอ้ยูเสริม

“พวกมึงก็เว่อร์ไอ้สัด” สระด่าอย่างไม่จริงจังนัก ส่วนผมก็ลอบอมยิ้มคนเดียว เพราะ...

“มันไม่เถียงด้วยว่ะ สงสัยยอมรับแล้วว่าเป็นผัวเมียกัน” ไอ้เจ็มพูดขึ้นเบาๆ แต่เบาแบบที่เรียกว่าได้ยินกันทั้งกลุ่ม และนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มกว้างก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนได้

สระกลอกตาใส่ มันถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาแค่สองประโยค แต่กลับเป็นสองประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นแรงไปทั้งบ่าย

“เออ อีกหน่อยเดี๋ยวกูกับมันก็ได้กัน พวกมึงอยากเรียกอะไรก็เชิญ”

ทุกคนอึ้ง...แต่เชื่อเถอะไม่มีใครอึ้งเท่าไอ้พยัญชนะคนนี้อีกแล้วครับ

สระแม่ง

“ปากจะฉีกถึงรูตูดแล้วครับเพื่อน” ไอ้พีหันมาแซวผมแทน เลยทำให้ผมได้รู้ตัวว่ากำลังยิ้มกว้างมากแค่ไหน หัวใจผมก็เต้นรัวแรงมากด้วย ส่วนคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้น่ะเหรอ?

เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เพราะแก้มมันแดงเรื่อขึ้นเฉยเลย หลบตาผมไม่กล้าหันมามองแม้แต่หางตาอะครับ หึๆ

พวกเพื่อนสามตัวยังคงหยอกล้อเราทั้งคู่อยู่อีกหลายนาที แล้วสุดท้ายเมื่อเห็นว่าทั้งผมทั้งสระไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ไอ้ยูก็เลยเปลี่ยนเรื่องไปถามคนป่วย

“แล้วนี่ตกลงหายดีแล้วเหรอวะมึงอะ?”

สระไหวไหล่ “ยังหรอก แต่ก็ดีขึ้นแล้ว”

“พวกมึง” เสียงของเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลตะโกนมาทางกลุ่มเรา เป็นไอ้เกรซขาใหญ่ประจำสาขาเราเองนี่แหละ ไม่ใช่ใครอื่น

“ไรวะ?”

“พี่ปีสามกับปีสี่ชวนไปแดกเหล้า ไปป่ะ?”

“ที่ไหน?” ไอ้พีตะโกนถามกลับไป แต่ดูจากสีหน้ามันแล้ว ต่อให้ไปยันเชียงใหม่มันก็คงไป ไม่ได้ดื่มมาสักพักใหญ่แล้วนี่นะ หน้ามันนี่ออกหมดแล้วว่าอยากไปโคตรๆ

“ถัดไปสี่ซอย”

“ใครเลี้ยง”

“พวกพี่ๆ เขาเหมาร้านแล้วรวมตังค์กันเลี้ยงอะ เอาไง ไปไม่ไป?”

“ต้องไปดิวะ!!!” ไอ้สามหน่อพูดขึ้นมาพร้อมกัน ท่าทางระริกระรี้อยากไปมากถึงมากที่สุด มันหันมาจ้องผมกับสระเขม็ง แล้วไอ้ยูก็โพล่งขึ้นว่า “มึงสองคนก็ต้องไปด้วย”

ผมส่ายหน้าทันที “ไม่”

“เอ๊า ทำไมวะ?” ไอ้เกรซที่ได้ยินคำตอบผมถึงกับลุกเดินมาหา “นานๆ ทีจะโชคดีแบบนี้นะเว้ย”

“สระไม่สบาย และมันยังไม่หายดี กูไม่ยอมให้มันไปนั่งแดกเหล้าแน่ๆ”

“อ๋อออ แฟนไม่สบายนี่เองงง” เสียงของคนทั้งห้องดังขึ้นพร้อมกัน เล่นเอาผมกับสระเหวอ เดี๋ยวนะ นี่พวกมึงตั้งใจฟังกูพูดกันขนาดนี้เลยเรอะ?

สระถึงกับหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “แฟนพ่อง!”

“แต่จะว่าไปหน้ามึงก็ยังซีดๆ อยู่นี่นะ” ไอ้เกรซบอก มือมันก็ยื่นไปพลิกหน้าสระซ้ายทีขวาที มองทั้งๆ ที่แมสก์ยังปิดหน้าสระไปครึ่งหนึ่งนั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมองออกว่าสีหน้าคนป่วยซีดเซียวขนาดไหน

“กูไปได้” สระบอก

ผมหันขวับไปมองหน้าเขาเขม็งทันที “สระ”

“พ่อมึงคงให้ไปหรอกไอ้หระ ดูหน้าด้วย โกรธแล้วมั้งน่ะ” ไอ้เกรซว่า

สระยิ้มหน้าเป็นให้ผม มันเอื้อมมาเขย่าแขนเสื้อผมแล้วเริ่มใช้กลยุทธออดอ้อนในแบบที่ผมต้องยอมแพ้ “น่า กูแค่ไปด้วยเฉยๆ กินแค่น้ำอัดลมก็ได้เอ้า นานๆ ทีสาขาเราจะได้ไปสังสรรค์กันทุกชั้นปีนะเว้ย แถมยังฟรีอีก ต่อให้เป็นแค่น้ำเปล่ากับกับแกล้มกูก็อยากไปกินอะ”

“มึงนี่น้า” ผมถอนใจ ก่อนจะยอมพยักหน้าอนุญาต “ก็ได้ แต่ให้กินแค่น้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมที่ไม่เย็น แล้วก็ต้องกินข้าวกินยาด้วย”

“แน่นอนครับผม! สัญญาเลย”

“พ่อทูนหัวอนุญาตแล้วเว้ย! เฮสิครับพวกเรา!” ไอ้ยูตะโกนบอกคนทั้งห้อง แล้วพวกแม่งก็บ้าจี้เฮออกมาพร้อมกัน ทำเอาสระหัวเราะร่า ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอาพวกมัน

“งั้นเย็นนี้เจอกันหกโมงครึ่งที่ซอยสี่นะ มีอยู่ร้านเดียวพวกมึงคงรู้ว่าร้านไหน ถ้าหลงก็แดกหญ้าเถอะ” เกรซบอกพลางเดินกลับไปที่โต๊ะของมัน เล่นเอาเพื่อนหลายคนโห่ร้องขึ้นมาอย่างขบขัน แล้วทุกอย่างก็เงียบลงเมื่ออาจารย์เข้าคลาส

 

หลังเลิกเรียนผมพาสระกลับหอเพื่อกินข้าวกินยา แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปร้านเหล้า พอหกโมงเราก็ออกจากหอและตัดสินใจว่าจะเดินไป หอเราอยู่ซอยหนึ่ง ดังนั้นซอยสี่จึงอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ อากาศร้อนนิดหน่อย แต่เพราะไม่มีแดดแล้วเลยยังพอทน ไปถึงร้านเหงื่อออกก็เป่าพัดลมเอา ร้านเหล้าร้านนั้นพัดลมตัวใหญ่ เย็นดี

เดินกันมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงร้านเอาตอนเกือบๆ หกโมงครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นคนที่มาก็แทบจะเต็มร้านแล้ว ผมเห็นรุ่นพี่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคน เราเลยเดินเข้าไปทักทายยกมือไหว้ ได้รับคำทักทายตอบกลับมา จนกระทั่งมองเห็นกลุ่มเพื่อนของตัวเอง พวกมันนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

“เลือกที่นั่งได้ดีว่ะ” สระบอก มันนั่งลงริมหน้าต่าง แน่นอนผมนั่งข้างมันแต่เป็นริมทางเดิน

ไอ้เจ็มยักคิ้วหลิ่วตา “แน่นอนดิคร้าบบ”

“พวกรุ่นพี่มากันหมดยัง?”

“หมดแล้วมั้ง ไม่รู้ดิ สาขารุ่นพี่ไม่ใช่น้อยๆ บางคนก็ยังจำไม่ได้เลย” ไอ้พีตอบ

ผมพยักหน้าเห็นด้วย สักพักรุ่นน้องปีหนึ่งก็ทยอยกันมา โห สงสัยนัดมาพร้อมกันสินะ ไม่เหมือนปีอื่นๆ ที่มากันเป็นกลุ่มใครกลุ่มมัน...ผมรินน้ำอัดลมใส่แก้วให้สระ และด้วยความเห็นใจบวกกับถามมันมาก่อนหน้านี้ว่ายังเจ็บคอไหม พออีกฝ่ายบอกว่าไม่แล้ว ผมก็เลยใจดีหย่อนน้ำแข็งใส่ลงไปให้หนึ่งก้อน

สระหันมายิ้มกว้างให้ผมทันที แล้วยิ้มมันก็น่ารักซะจนทำเอาผมใจสั่น เวรเอ๊ย ชอบทำตัวน่ารัก นับวันยิ่งน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ไหนจะปากที่ยิ้มไม่หุบนั่นอีก ทำเอาผมอยากจะโผเข้าไปจูบหนักๆ สักที

มีคนทยอยมาเรื่อยๆ แล้วนั่น...โห พวกน้องปีหนึ่งมันมาพร้อมกันหมดเลยแฮะ คงนัดกันก่อนมาล่ะมั้ง เพราะบางคนก็รู้จักร้าน แต่บางคนคงไม่ เด็กใหม่ก็ต้องเกาะกลุ่มกันมาแบบนี้แหละ

กว่าปาร์ตี้จะเริ่มจริงๆ ก็สองทุ่ม ตัวแทนรุ่นพี่ปีสามกับปีสี่ที่เป็นเจ้ามือในวันนี้ขอยืมไมค์ของทางร้านมาพูดคุยกับทุกคน ก็นะ นานๆ ทีจะเกิดงานเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้ขึ้นในเอกวิชาของเรา มีไม่บ่อยจริงๆ นะครับ เพราะตอนพวกผมอยู่ปีหนึ่งไม่เคยมีหรอก นี่เป็นครั้งแรก ฮ่าๆ

พี่รหัสของผมเป็นผู้หญิง เธอเดินมาทักทายเมื่องานเริ่มอย่างเป็นทางการได้สักพักหนึ่งแล้ว

“ไงไอ้น้อง ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนอะ”

“ก็พี่แนนไม่ว่างนี่ครับ ผมเห็นนะว่างานยุ่งตลอดเลย”

“งี้แหละ คนต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนนี่นา ฮะๆ” ผมยิ้มให้พี่เขาเล็กน้อย พี่รหัสของผมสวยนะ แต่ออกจะห้าวๆ ถึงงั้นเห็นแบบนี้น่ะขยันมาก เรียนก็เก่งแล้วยังทำงานพาร์ทไทม์ตลอด ไม่ค่อยจะว่างหรอก ผมเห็นแบบนั้นก็เลยไม่เคยไปรบกวนอะไรเขา “ไหนๆ แล้วลุกมากับพี่หน่อยดิ แฟนพี่อยากเจอ คราวก่อนที่ช่วยแนะนำร้านซ่อมรองเท้าดีๆ ให้ แฟนพี่มันชมใหญ่ว่าแกแนะนำดี”

“อ้าว พี่พาแฟนมาด้วยเหรอ” ผมถาม ก่อนจะรีบเอื้อมมือไปจับข้อมือสระเอาไว้ ไม่ให้เจ้าตัวแอบคีบน้ำแข็งหย่อนใส่แก้วน้ำอัดลมเพิ่ม “หยุดเลยสระ แค่ก้อนเดียวเท่านั้น”

“แต่มันไม่เย็นพออะ”

“ยังไงก็ไม่ได้ อยากเป็นไข้อีกหรือไง”

“ไม่เป็นแล้วน่า นะๆ ขออีกก้อนน้า~” เขาทำเสียงอ้อน ยู่จมูกใส่ผมอีกต่างหาก สายตางี้วอนขอเหมือนลูกหมากำลังอ้อนเจ้าของ ให้ตายเถอะว้อย

“ก็ได้ แต่ห้ามมากกว่านั้นแล้วนะ”

“รับทราบครับผม!” มันตอบรับ ผมก็เลยปล่อยมือออกก่อนจะหันมาสนใจพี่แนนอีกครั้ง

“ขอโทษนะพี่ เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะครับ?”

พี่แนนไม่ตอบในทันที เธอมองผมสลับกับสระก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว?”

“ยังครับ” ผมตอบ ยิ้มน้อยๆ เหลือบมองสระ ก็เห็นอีกฝ่ายเสหลบตาไปมองอย่างอื่น หึ

“เหมือนแฟนกันเลยนะเนี่ย เออ พี่จะบอกว่าไปทักทายแฟนพี่หน่อย พอดีต้องไปธุระกันต่อพี่เลยพาเขามาด้วยน่ะ พี่มาแป๊บเดียว อยู่ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“โอเคครับ” ผมตอบรับ ก่อนจะหันไปบอกสระ “เดี๋ยวนะมา อย่าแอบใส่น้ำแข็งเพิ่งล่ะ”

“รู้แล้วล่ะน่า รีบไปได้แล้วไป”

“ครับ รอก่อนนะ อย่างอแง” พูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะมาเลย ถึงงั้นหูก็ยังได้ยินเสียงโห่แซวของเพื่อนคนอื่นๆ และเสียงสระบ่นอุบ

“งอแงเหี้ยไรล่ะไอ้ห่า”

ผมได้แต่ส่ายหน้าขำกับตัวเอง พอตามพี่แนนมาถึงโต๊ะที่อยู่ห่างออกมาจากโต๊ะของผมไม่ไกล ผมก็ยกมือไหว้พวกรุ่นพี่มที่นั่งกันอยู่เต็ม เอ่ยทักทายคนที่พอจะรู้จักหน้ากันเพราะเจอบ่อย แล้วจึงไหว้แฟนพี่แนนอีกครั้ง

“เออ พี่ขอบใจเรื่องร้านซ่อมรองเท้ามากนะเว้ยน้อง ช่างโคตรดี ทำงานเนี้ยบมาก”

“ไม่เป็นไรครับพี่ เรื่องเล็กน้อยเอง”

“ชนแก้วหน่อยๆ”

ผมที่ถือแก้วเบียร์มาด้วยเลยต้องยื่นออกไปชนอย่างช่วยไม่ได้ ดื่มพอให้ดูเป็นคนมีมารยาท แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเซมาชนผม เล่นเอาผมเกือบทำแก้วเบียร์หก ดีที่ประคองไว้ได้ทัน

“โอ๊ะ ขอโทษด้วยน้อง”

ผมหันไปมองคนพูด อ่า เหมือนจะเป็นรุ่นพี่ปีสี่สักคนหนึ่งที่ผมไม่รู้ชื่อ แต่เคยเห็นหน้าเธอบ้างบางครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ” ผมบอก

พี่ผู้หญิงที่ดูท่าว่าจะเริ่มเมานิดๆ หรี่ตามองผม ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มร่า “อ๋อ น้องที่เป็นเด็กปีสองที่ดังๆ คนนั้นนี่เอง”

“เอ่อ ครับ”

“หูย ตัวจริงหล่อนะเนี่ย หล่อกว่าในรูปที่พี่เห็นจากเพจแฮนด์ซั่มบอยอีกอะ”

“ขอบคุณครับ” ผมตอบไปตามมารยาท ก่อนจะต้องนิ่งค้างเมื่อจู่ๆ พี่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอม ไหนจะมือเรียวบางที่เลื่อนมาโอบเอวของผมอย่างไม่บอกกล่าว

และผมจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะเธอเลื่อนลงไปลูบบั้นท้ายของผมอย่างรวดเร็ว ก่อนตามด้วยบีบก้นผมเต็มแรง ทำเอาคนทั้งโต๊ะมองตาค้าง และผม...ตกใจจนได้ตาเบิกตาโต

เชี่ย กูโดนผู้หญิงจับก้น!


______________
พระเอกโดนจับก้นแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว สงสารเขานะคะ โดนลวนลาม ถ้าเปลี่ยนคนจับเป็นสระ พยัญชนะคงไม่ช็อกขนาดนี้ 55555

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fifteen - (บ.) : บั้นท้าย (บีบ) [18-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2019 23:09:38
ทำเป็นโวยวาย เด๋วรอบหน้าจะเปลี่ยนจากบั้นท้ายเป็นกลางเป้ากุงเกง จะได้เลิกโวยวายเสียที จบนะ น้องนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fifteen - (บ.) : บั้นท้าย (บีบ) [18-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2019 09:28:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Fifteen - (บ.) : บั้นท้าย (บีบ) [18-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-04-2019 11:41:18
สระเห็นมั้ยนะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Sixteen - (ป.) : ปาก (ป้อน) [19-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 19-04-2019 20:33:00

Sixteen

(ป.) : ปาก (ป้อน)

 

[สระ]


“ไข่กูร่วง!”

ไอ้เจ็มร้องขึ้นมาเมื่อผมทำแก้วน้ำอัดลมหลุดมือหล่นโครมลงบนโต๊ะ จนน้ำแข็งที่เพิ่งคีบใส่ลงไปกระเด็นเกลื่อน โชคดีที่ไม่มีน้ำสักหยด และเป็นแก้วพลาสติกเลยไม่แตก แต่เหมือนว่าจะมีน้ำแข็งก้อนหนึ่งปลิวไปกระแทกหน้าไอ้เจ็มมันด้วย

ผมก็อยากจะขอโทษอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้สายตาของผมมองไม่เห็นอะไรแล้วนอกจากพยัญชนะที่ยืนนิ่งอยู่ตรงโต๊ะเหล้าของพวกรุ่นพี่ และที่ก้นข้างหนึ่งของมันมีมือของผู้หญิงคนหนึ่งบีบขยำอยู่

เชี่ย...

ผมเบิ่งตามองภาพตรงหน้า ผ่านไปเป็นนาทีแล้วไอ้นะก็ยังปล่อยให้พี่เขาลูบก้นไม่เลิก ไอ้ควายยย ทำไมไม่ขยับหนีวะ! ยืนให้เขาลวนลามอยู่ได้ หรือที่จริงแล้วมึงชอบ ไอ้เวรเอ๊ยยย

ผมเผลอกำหมัดทุบโต๊ะอย่างหัวเสีย ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกโกรธมาก อาจเป็นเพราะผมไม่ชอบใจ หรือจะเรียกว่า ‘หวง’ ก็ได้เอ้า! มาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องปิดบังความรู้สึกหรือหลอกตัวเอง ทุกอย่างมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และมากกว่าครั้งไหนก็หลังจากที่เราจูบกัน

ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้ผมคิดกับไอ้นะเหมือนอย่างที่มันคิดต่อผม อาจจะเป็นความเอาใจใส่ ความจริงใจ ความอ่อนโยน หรือตัวตนของมัน...ทุกอย่างเหล่านั้นที่ผมได้สัมผัส มันทำให้ผมเสพติด และถ้าถามว่าผมขาดมันได้ไหม?

ผมบอกได้ทันทีเลยว่า...ไม่!

“อะ สระ มึง...ใจเย็นๆ เว้ย” ไอ้พีรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าผมจะทุบโต๊ะอีกรอบแล้ว

ไอ้ยูเองก็รีบเข้ามารั้งข้อมือผมไว้ “ไม่มีไรหรอกน่า คงแหย่กันเล่นอะแหละ”

“แหย่พ่องดิไอ้สัด!” ผมแหวใส่เสียงห้วน เล่นเอาพวกมันหน้าแห้งกันไปเป็นแถบๆ

“ดูดีๆ ดิ มันขยับตัวหนีไม่ได้เพราะเขากอดมันอยู่ไงมึง เขากอดมันไม่ให้ถอยหนีอะ” ไอ้เจ็มที่น่าจะเก็บไข่ของมันแล้วเรียบร้อยช่วยกล่อมผมอีกแรง “แล้วคนนั้นเขาก็เป็นผู้หญิงด้วย ทำรุนแรงคงไม่ดีป่ะ จะให้มันผลักออกก็ยังไงอยู่”

“เออ เป็นมึงจะกล้าผลักมั้ยไอ้หระ คิดสิคิ...”

“ผลัก!” ผมโพล่งขึ้น หันไปมองพวกมันตาขวาง “จะแถมถีบให้ด้วย แม่ง!”

เพื่อนทั้งสามคนพากันกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อเห็นผมโหมดไฟลุกท่วมหัวในจินตนาการ ไอ้พีถึงกับขยับเข้าไปเบียดตัวนั่งชิดกับไอ้ยู ทั้งที่ผมน่ะนั่งฝั่งตรงข้ามและเอื้อมไปไม่ถึงตัวพวกมันด้วยซ้ำ แต่พวกมันกลับทำท่าทางเหมือนจะโดนผมแดกหัวงั้นแหละ

เฮอะ คนที่กูจะแดกหัวคือไอ้นะต่างหาก ดูมันนะ จนตอนนี้มันก็ยังสลัดผู้หญิงคนนั้นออกไปไม่ได้สักที แล้วยัยนั่นมันเป็นใครวะ ทำไมกล้ามาลวนลามผู้ชายถึงกลางร้านเหล้า หน้าไม่อายยย

ไอ้เจ็มที่นั่งหัวโต๊ะถึงกับเอียงตัวหนีหน่อยๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงอ่อยตามมาอีกว่า “หึงจนขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันอีกเหรอวะ”

“ก็ยังไม่ได้เป็นไง!” ผมโพล่งขึ้นอีก และคราวนี้พวกมันสะดุ้ง ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงหลุดหัวเราะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ครับ ตอนที่ผมกำลังโกรธ “แต่เป็นมากกว่าเพื่อนอะ พวกมึงเข้าใจมั้ย!? กูมีสิทธิ์หวงมันนะเว้ย!”

“โห ปกติเก็บอาการฉิบหาย แต่พอมีคนเข้ามายุ่งกับไอ้นะหน่อยละหัวร้อนขึ้นมาทันที” ไอ้ยูพูดขึ้น

ไอ้พี่พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าไม่มีคนเข้ามายุ่งกับไอ้นะ มึงคงไม่ออกอาการไปจนตายเลยมั้งเนี่ย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นไอ้พวกเหี้ย!” และผมเถียง

ด้วยความโมโห ผมยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้าของใครสักคนบนโต๊ะที่แหละ มากระดกดื่มรวดเดียวหมดแบบไม่ให้ใครได้ทันตั้งตัว กว่าพวกแม่งจะร้องห้ามผมก็วางแก้วกระแทกลงกับโต๊ะแล้ว

“ไอ้หระะะ ไอ้เช็ดโด้! มึงไม่สบาย แดกเหล้าไม่ได้ไม่ใช่หรือไงวะ!” ไอ้เจ็มถึงกับเหวอ

“ช่างแม่ง กูจะแดก”

แล้วผมก็แย่งแก้วเหล้าจากมือมันมาดื่มอีกแก้ว ดื่มเอาๆ จนพวกมันร้องห้ามไม่หยุด มีเข้ามายื้อมือผมไว้ด้วย แต่พอผมทำท่าจะสาดใส่หน้าพวกแม่งก็หนีกันไปหมด สุดท้ายก็คงขี้เกียจจะห้ามแหละ เลยมองผมแบบปลงๆ แล้วชงเหล้าให้ผมดื่มแทน

เออ เพื่อนที่ดีต้องทำแบบนี้

ดื่มไปไม่รู้กี่แก้ว รู้ตัวอีกทีก็เหมือนหัวมันจะหมุนๆ อะไรวะ ผมว่าผมก็คอแข็งในระดับหนึ่งนะ แค่เหล้าไม่กี่แก้วไม่น่าจะทำให้เมาได้ไวขนาดนี้ดิ

ระหว่างนั่งนิ่งจ้องมองถังน้ำแข็งเพื่อตั้งสติ คนที่หายไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็เดินกลับมาทรุดนั่งลงข้างกันเหมือนเดิม ตอนแรกมันก็ยังไม่พูดอะไรหรอก แต่พอเห็นสภาพเอียงไปเอนมาของผม มันก็คว้าไหล่ผมหมับแล้วมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ

“สระ แอบกินเหล้าเหรอวะ!”

“อะไร!” ผมขึ้รนเสียงใส่มัน พยายามจะปัดมือมันออกแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอม มีแต่จะจับไหล่ผมแน่นขึ้น

พยัญชนะหันไปถามพวกที่เหลือ “ทำไมปล่อยมันกินเหล้าวะ กูบอกแล้วไงมันยังไม่หายดี”

“ก็มันดื้ออะไอ้เหี้ย โมโหก็แย่งเหล้าพวกกูไปแดกซะงั้น ห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่ แก้วแรกๆ ก็ยังผสมโซดาอยู่หรอก แต่หลังๆ แม่งล่อเพียวๆ คนเดียวเลยเกือบขวด” ผมได้ยินเสียงไอ้พีบอก

“โมโห? มันโมโหอะไร?”

โมโหมึงไงที่ปล่อยให้ผู้หญิงจับก้น ไอ้สัด!

“โมโหมึงอะแหละ”

“กู?” ไอ้นะทำหน้างง “กูทำไม กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“เออ มึงไม่ได้ทำ แต่...เอาเป็นว่ามึงสองคนเคลียร์กันเองเถอะว่ะ” ไอ้ยูตัดบทพลางถอนหายใจ “พามันกลับไปก่อนที่มันจะกินจนหมดร้านด้วย”

เว่อร์ไปแล้วไอ้ฉิบหาย แดกเหล้าหมดร้านกูก็ไม่ใช่คนแล้ว

ดูเหมือนพยัญชนะจะเห็นด้วย เพราะมันคว้าเอาโทรศัพท์ทั้งของผมและของมันยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง จากนั้นมันก็พยุงผมขึ้น

“กลับห้องกันเถอะสระ มึงเมามากแล้ว”

ผมไม่พูดอะไรสักคำ ไม่หือ ไม่อือ ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ไม่อยากคุยด้วย!

ก็ผมโกรธอะ โกรธมาก ฮึ่ย!

ผมเดินตามแรงพยุงของคนตัวโตกว่า ถึงจะดูเหมือนเมาแต่ผมก็ยังมองเห็นทางชัดเจน ไม่ได้มองเห็นอะไรๆ เป็นสองร่างสามร่าง มีสติรับรู้ทุกอย่าง และยังไม่เดินเซจนหมดสภาพด้วย

“เดินกลับคงไม่ไหว เดี๋ยวนะเรียกแท็กซี่แล้วกัน”

ผมแค่พยักหน้า ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำอีกเหมือนเดิม ไอ้นะมีสีหน้าสงสัย ก่อนเปลี่ยนเป็นกังวลแต่มันก็ไม่ได้ถามอะไร ซึ่งดีแล้ว ผมไม่พร้อมจะฟังอะไรที่ไม่เข้าหู

รู้นะว่าผมแม่งโคตรปากแข็ง กับอีแค่ความรู้สึกตัวเองผมยังไม่กล้าจะพูดมันออกไป แต่ให้ทำไงได้วะ ผมยังไม่พร้อมนี่หว่า คนนอกอาจจะบอกว่าก็แค่พูดมันออกไป ไม่เห็นยากตรงไหน...ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นไง ไม่ได้เป็นเจ้าของความรู้สึก ไม่ใช่คนที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน คนนอกพวกนั้นก็พูดได้ดิว่ามันง่าย

อย่าเอาความคิดของตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานตัดสินคนอื่นกันนักเลย

หลังจากโบกแท็กซี่ไปสามคัน ในที่สุดก็มีคันที่รับเราไปส่ง พอไปไกลๆ แม่งก็ไม่อยากจะไป พอไปใกล้ๆ ก็ยังไม่อยากจะไปอีก แท็กซี่เหี้ยไรวะเรื่องมากฉิบหาย

ตลอดทางไร้เสียงพูดคุย ผมไม่พูด มันก็ไม่(กล้า)พูด บรรยากาศอึมครึมและน่าอึดอัดจนแม้แต่พี่คนขับแท็กซี่ยังต้องเหลือบมองและไม่กล้าแม้แต่จะกดเปิดเพลง...ผมรู้ได้ไงอะเหรอ? เห็นพี่เขายื่นมือไปจะกดไง แต่พอเหลือบมองกระจกหลังแล้วเห็นหน้าบึ้งๆ ของผมกับหน้าหงอยๆ ของไอ้นะก็เลยชักมือกลับ

นับเป็นแท็กซี่ที่ดี ผมจะจดเลขทะเบียนของเขาเอาไว้แล้วเอาไปทวีตบอกว่าแท็กซี่คันนี้ดีแค่ไหน

เอาล่ะ ผมว่าผมเริ่มจะเพ้อเจ้อแล้ว

มาถึงหน้าหอผมก็ก้าวลงจากรถทันที ปล่อยให้พยัญชนะจ่ายค่ารถแล้วตามมาทีหลัง ผมรู้ตัวด้วยว่าแม่งโคตรจะงี่เง่าเลยที่ผมโกรธมันแบบนี้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ใช่ความผิดของมันร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเองก็คงไม่อยากโดนจับก้นหรอก แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ชอบใจตรงที่มันไม่หาทางถอยออกมาอะ ยืนให้เขาลวนลามได้อีกตั้งนานสองนาน แม่ง!

พยายามเปิดประตูห้องแบบทุลักทุเล ถึงจะเดินตรงแต่เสือกไขกุญแจไม่ตรงรูลูกบิดประตูสักที จนคนที่เดินตามมาทีหลังต้องรั้งมือผมออกแล้วแย่งกุญแจไปเปิดให้

ผมสบตามันแค่เสี้ยววิแล้วมองเมิน เดินเข้าห้องถอดรองเท้าอะไรเรียบร้อยก็พาตัวเองไปทิ้งตัวลงบนเตียงทันที ที่จริงผมรู้สึกว่ามันร้อนไปทั้งตัวมาสักพักแล้วแต่ไม่ได้ใส่ใจ พอกลับมานั่นล่ะถึงได้เริ่มทนไม่ไหว เหงื่อนี่ไหลโชก ผมว่าผมต้องเปิดแอร์แล้วว่ะ

กำลังดันตัวลุกขึ้นก็ได้ยินเสียงดังติ๊ดๆ พอหันไปมองก็พบว่าไอ้นะเพิ่งเปิดแอร์ให้ มันหันมายิ้มให้ผม แต่ก็อีกนั่นล่ะ ผมเมินมันเป็นครั้งที่สอง ฟุบหน้าฝังลงบนหมอนอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจใครหรืออะไรอื่นอีก

ขอผมนอนก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที

หลับตาลงหวังไหลไปสู้ห้วงนิทรา แต่เพื่อนร่วมห้องกลับไม่ยอม...มันทิ้งตัวลงนั่งข้างตัวผมแล้วพยายามดึงผมให้นอนหงาย ปากก็พล่ามไปด้วย

“ลุกขึ้นมาก่อนสระ ต้องไปอาบน้ำ ตัวมึงเหม็นเหล้ามาก”

ผมเบะปาก ยื้อตัวไม่ยอมขยับ ไอ้นะก็เลยงัดแรงมากกว่าเดิมมาใช้ จนมันสามารถบังคับให้ผมนอนหงายได้สำเร็จ ผมก็เลยทะลึ่งตัวพรวดลุกขึ้นนั่ง ไอ้นะเบี่ยงหลบแทบไม่ทัน และถ้ามันไม่หลบหัวผมคงโขกกับคางมันไปแล้ว ถึงงั้นผมก็ยังทันได้กลิ่นอื่นที่ติดอยู่บนตัวมัน

มาบอกว่าผมเหม็นกลิ่นเหล้า ตัวมันเองนอกจากกลิ่นเหล้ากับกลิ่นบุหรี่ ก็มีกลิ่นน้ำหอมติดมาด้วยเหมือนกัน เฮอะ และผมรู้ด้วยว่าไม่ใช่น้ำหอมมัน เพราะมันไม่เคยใช้น้ำหอมเลยสักครั้งเถอะ!

ต้องเป็นน้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ

โว้ยยย ไม่ชอบ! ไม่พอใจฉิบหายเลยยย

ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตูปังแล้วยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเร่งอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน นุ่งแค่ผ้าขนหนูพันเอวก้าวออกมาแล้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่คิดจะมองไอ้นะ

รับรู้ได้ถึงสายตาของมันที่มองตามตลอด กระทั่งผมแต่งตัวเสร็จแล้วเดินกลับไปนอนอีกครั้ง อีกฝ่ายก็รั้งผมเอาไว้เป็นรอบที่สอง หรืออาจจะมากกว่านั้น

“ก่อนนอนดื่มน้ำให้สร่างเมาหน่อยดีกว่านะ”

ผมมองหน้ามัน สลับกับขวดน้ำเปล่าในมือมัน และเงียบ “...”

“ดื่มเข้าไปเลยสระ นะบอกอย่าดื่มก็ยังดื่ม ดูสิตัวรุมๆ อีกแล้ว ไข้กลับหรือเปล่าก็ไม่รู้” มันบ่น ผมถอนหายใจ ปัดมือมันออกแล้วทิ้งตัวลงนอน “สระ”

ไม่รับรู้ ไม่คุยด้วย ไม่มีอารมณ์โว้ย!

“ถ้าสระไม่ดื่มเอง นะจะป้อนให้แล้วนะ”

“...”

“...ดื้อจริงๆ เลย”

ก็รู้ว่ากูดื้อแล้วยังจะบังคับ ไอ้ควาย ปล่อยกูอยู่เงียบๆ ไม่ได้ไง๊

ผมคิด แต่แล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อพยัญชนะกระโจนขึ้นมาคร่อมทับร่างของผมทั้งร่าง อาศัยช่วงเวลาที่ผมไม่ทันตั้งตัวคว้าคอผมให้ยกสูงขึ้นด้วยมือเดียว ก่อนอีกมือมันจะกระดกน้ำดื่มเข้าปากตัวเอง

“มึงจะทำอะ...อื้อ!”

พอผมเปิดปากพูด ก็ดันได้พูดไม่จบเพราะไอ้นะมันปิดปากผมด้วยปากของมัน...หยาดน้ำเปล่าในปากของมันไหลเข้ามาในปากของผม เล่นเอาผมตะลึงตาเบิกโต และได้แต่ตัวแข็งค้างเมื่อไอ้เพื่อนเหี้ยมันหันไปอมน้ำมาป้อนผมด้วยปากอีกรอบ อีกรอบ และอีกรอบ

กระทั่งผมได้สติ ก็เผลอสำลักเล็กน้อยจนหยดน้ำไหลซึมออกมานอกปาก หยดไปตามปลายคางจนถึงอกเสื้อ

“แค่ก!”

“บอกแล้วไงว่าจะป้อน” พยัญชนะบอกเสียงเข้ม สีหน้ามันเองก็เข้มขรึมขึ้นเหมือนกัน

ผมปาดเช็ดปากตัวเอง ไออีกสองสามทีแล้วผลักอกมันจนมันหงายลงไปนั่งทับขาของผม “ทำอะไรของมึงเนี่ย! คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายเหรอสัด”

“เออ กูคิด”

“น้ำเน่าไปแล้ว...”

“คิดว่าเป็นพระเอกของมึงอะ”

ไอ้!

“ใช่เวลามาหยอดกูเหรอไอ้หน้าเหี้ย!”

ไอ้นะยิ้มบาง “เผื่อมึงหายโกรธกู”

“กูไม่ได้โกรธ!” ปากผมพูดออกไปแล้ว สวนทางกับความเป็นจริงมาก หน้าโง่

“ไม่เชื่อหรอก หน้ามึงออกมาตลอดตั้งแต่ที่ร้านเหล้ายันมาถึงหอเนี่ย โกรธอะไรกูทำไมไม่พูดว่ะ มึงไม่เคยโกรธกูถึงขนาดไม่คุยด้วยแบบนี้อะ กูทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะง้อมึงยังไงนะเว้ย”

“ก็ไม่ต้องง้อสิวะ!”

“ไม่ได้หรอก คนที่กูชอบงอนกูทั้งที กูต้องง้อให้หายดิ”

“หุบปากไปเลย!”

ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้กำลังโกรธหรือเขิน ไอ้ฟัค! ไม่เคยจะโกรธคนตรงหน้าได้นานเลยจริงๆ นั่นแหละ แม่ง

“ตกลงจะบอกได้ยังว่าโกรธอะไร”

ผมกลอกตาใส่มัน “ไม่มีอะไร”

“ไม่บอกใช่ป่ะ” ไอ้นะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง “งั้นกูจะง้างปากมึงอีก”

แล้วจากนั้นมันก็จู่โจมจูบผม บดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็วจนผมไหวยวบทิ้งตัวลงนอนหัวหนุนหมอน และไอ้ห่านี่ก็ตามติดมาไม่ห่าง โอ๊ยยย อย่ามาหาเรื่องจูบกูไปหน่อยเลยไอ้เวรรร

ผมผลักมันออกอีกครั้ง “ตลกแล้วสัด ต่อให้จูบกูจนปากเปื้อยกูก็ไม่บอกมึงหรอก!”

“งั้นกูจะจูบมึงให้ปากเปื่อย”

“ไอ้ควายนะะะ กูบอกก็ได้โว้ยยย” ผมรีบแย้งเมื่อมันตั้งท่าจะก้มลงมาจูบผมอีกแล้ว ก่อนจะโพล่งทุกอย่างออกไปรัวเร็วก่อนจะโดนปิดปากอีกครั้ง “มึงโดนผู้หญิงจับก้นอะ กูไม่ชอบ!”

ไอ้นะนิ่งไปบ้างแล้วคราวนี้ มันเลิกคิ้ว “โกรธกูเรื่องนี้?”

“เออ มึงปล่อยให้เขาจับได้ไงวะ หรือที่จริงชอบ”

“ชอบก็บ้าแล้วป่ะสระ กูไม่ทันตั้งตัวเว้ย แล้วพี่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้กูถอยหนีเลย ล็อกกูแน่นแล้วยังบีบก้นกูไม่เลิก พวกพี่ๆ คนอื่นก็มัวแต่อึ้งบ้างขำบ้าง กว่าจะมาช่วยกู ก้นกูแม่งโดนบีบจนช้ำหมดแล้วมั้ง”

“เฮอะ”

“สรุปโกธกูเรื่องนี้จริงดิ?”

“เออ!” ผมกระแทกเสียงใส่หน้ามัน

“ทำไมโกรธวะ ไม่เห็นมีอะไรต้องโกรธเลย แค่โดนบีบก้น”

“แค่เหรอ!?” ผมโวยวายใส่มัน “แค่พ่อมึงอะ โดนลวนลามเลยนะเว้ย!”

“แต่คนโดนก็กูป่ะวะ ไม่ใช่มึง”

“ก็กูไม่ชอบไงควาย บอกไปแล้วนี่!”

“ทำไมไม่ชอบ?”

“เห็นคนอื่นมาลวนลามคนของเรา ใครบ้างไม่หวง”

กึก

ฉิบหาย เมื่อกี้ผมพูดอะไรออกไปวะ!?

ผมเม้มปากแน่น ขณะที่ไอ้นะยิ้ม...กว้างมากกก

แล้วมันก็ทิ้งประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมต้องพลิกตัวแล้วเอาหน้าซุกหมอนหนีอาย

“ดีใจจังที่กูกลายเป็นคนของมึงแล้ว : )”

“...”

“แถมมึงยังหวงกูด้วย”

...ทีหลังกูจะไม่พูดอะไรแบบนี้ออกไปอีกแล้ว!


______________________

จะดึงดราม่าแต่ทำไม่ได้ 55555 เป็นนิยายที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากพระนายจีบกันไปวันๆ ค่ะ แง ช่วงนี้เขียนลื่นมาก เพราะมันไม่มีปมซับซ้อนอะไรเลยจริงๆ นะ เลยแบบไหลพรืดๆ 555 เจอกันตอนหน้าค่าา

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Sixteen - (ป.) : ปาก (ป้อน) [19-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-04-2019 22:24:39
จับน้องนะแก้ผ้า และทำการลบรอยโดยด่วน โดยการจับแช่น้ำร้อนฆ่าเชื้อ และราดLกฮ.ซ้ำอีกที  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Sixteen - (ป.) : ปาก (ป้อน) [19-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2019 09:55:35
 :L2: :pig4:

หึงแรง
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seventeen - (ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง) [20-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-04-2019 22:33:34

Seventeen

(ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง)

 

[พยัญชนะ]


‘เห็นคนอื่นมาลวนลามคนของเรา ใครบ้างไม่หวง’

เมื่อคืนไอ้ดื้อโคตรน่ารักเลย เชื่อมั้ยว่าคำพูดของมันยังวนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่หยุด และทำให้ผมปลื้มใจยิ้มหน้าบานได้ทั้งวัน จนเพื่อนคนอื่นๆ พากันงุนงง ไอ้พียังถึงกับทักว่าผมไปเล่นยามา

ก็อาจจะใช่ เพราะสระโคตรเหมือนยาเสพติดสำหรับผมเลย

ไม่อยากหยุดเสพด้วย : )

ส่วนสระน่ะเหรอ? นอกจากหลบตาผมอยู่เรื่อยๆ ก็คงจะเป็น... “เลิกยิ้มเหมือนเป็นบ้าสักทีได้ป่ะไอ้นะ”

“กูห้ามปากตัวเองได้ที่ไหนล่ะ” ผมบอกมัน พยายามจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตัวเล็กกว่า แต่อีกฝ่ายก็แสร้งหลุบตามองพื้น “มึงมาห้ามเองดิ”

“...”

“เนี่ย ห้ามด้วยปากของมึงเลย”

“เชี่ยยย”

“เอาว่ะ คุณพยัญชนะรุกแรงมากครับผม”

“คุณสรัลภัทรเขินจนตายแน่นอนด้วยเหมือนกันครับ!”

“พวกมึงนี่ก็ชงเก่งกันนักนะ!” สระหันไปขึงตาใส่

“เมื่อวานนี่เห็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ถ้ามึงเป็นลมพายุ คนทั้งร้านเหล้าคงปลิวหายไปหมดแล้ว” ไอ้ยูว่า

ผมยิ้มขำ ตาเป็นประกายโดยไม่ต้องมีใครบอก เพราะนอกจากจะฟังดูตลกแล้ว ยังทำให้ผมใจฟูด้วยเหมือนกัน แปลว่าเมื่อวานก่อนผมกลับไปที่โต๊ะมันต้องออกอาการมากกว่าที่ผมเห็นแน่เลย

“เมื่อวานทำไมวะ?” ผมถาม

สระหันมามองตาโต พอไอ้เจ็มอ้าปากจะพูด มันก็กระโจนไปปิดปาก พอไอ้ยูเกริ่นขึ้นมานิดหน่อย มันก็พุ่งเข้าไปตบปาก สุดท้ายคนโดนห้ามทั้งสองคนก็จับยึดแขนมันคนละข้าง แล้วพยักหน้าบอกไอ้พีให้เป็นคนเล่า

“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ไอ้นะ”

“ไอ้เชี่ยพี หุบปากกก” สระร้องโวยวาย แต่คนโดนห้ามก็ไม่สนใจ ยังเล่าต่อไปเรื่อยๆ

“ตอนมึงโดนจับตูด ไอ้หระถึงกับทำแก้วน้ำหลุดมือ พอเห็นมึงยืนนิ่งไม่ยอมหนี มันก็ทุบโต๊ะปังๆ สายตาเนี่ยโคตรเกรี้ยวกราด โวยวายไม่หยุดเลย แล้วก็คว้าเอาเหล้าพวกกูไปแดกซะหมด พวกกูงี้ห้ามจนห้ามไม่ไหว เลยปล่อยแม่งให้แดกไปเลยจ้า เพียวๆ ก็แดกไป จนมึงมาอะถึงได้คีพลุคนิ่ง ทำเป็นเย็นชา”

“เย็นชาพ่อง!” สระด่า พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการถูกจับกุม

“อะไรก็ไม่เด็ดเท่าตอนพวกกูแซวว่าหึงออกขนาดนี้แต่ปากบอกไม่ได้เป็นแฟนกัน รู้มะ นอกจากมันจะไม่ปฏิเสธแล้ว มันยังบอกอีกว่า...”

“ไอ้พี ไอ้ชาติชั่วอย่าพูดดด!!!” สระหน้าแดงก่ำ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาหน้าแดงเพราะออกแรงยื้อตัวไปมากับไอ้ยูไอ้เจ็ม หรือแดงเพราะนึกถึงบทสนทนาน่าอายที่พูดกันเมื่อวานตอนผมไม่อยู่กันแน่

ไอ้พียิ้มร้าย “ก็ยังไม่ได้เป็นไง! แต่เป็นมากกว่าเพื่อนอะ พวกมึงเข้าใจมั้ย!? กูมีสิทธิ์หวงมันนะเว้ย!”

ตึกตัก

หัวใจผมเต้นแรงมาก ดังก้องไปมาอยู่ในหูของผมไม่หยุดเลยว่ะ

“เนี่ย มันบอกแบบนี้ กูสาบานได้ว่าไม่ได้โกหก หรือพูดเสริมเติมแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่เชื่อให้ไอ้เจ็มเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดให้มึงดูได้เลย พอดีมันอัดคลิปวิดีโอเล่นแล้วตอนมึงโดนจับก้นมันไม่ได้ปิด เลยบันทึกเสียงพูดคุยของพวกกูเอาไว้หมดเลย”

ผมกะพริบตาปริบ ขณะที่สระตะลึงค้างตัวแข็งทื่อไปแล้ว

“ไหนเอามาดูดิ!” ผมยื่นมือไปทางไอ้เจ็ม ตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้ยินเองกับหู แม้จะเป็นแค่เสียงอัดจากวิดีโอก็เถอะ

เจ็มจำต้องปล่อยแขนสระออกเพื่อหยิบโทรศัพท์ให้ผม แต่พอเหลือไอ้ยูที่รั้งคนตัวเล็กของผมเอาไว้ มันก็แทบจะเอาไม่อยู่เพราะสระออกแรงสะบัดมากขึ้นกว่าเดิม หวังจะแย่งโทรศัพท์ไอ้เจ็มไป

“มึงถ่ายเอาไว้ตอนไหนทำไมกูไม่รู้วะไอ้เจ็ม! ไอ้เลววว”

“กูถ่ายวงดนตรีที่เล่นอยู่บนเวทีต่างหาก พอมึงทำแก้วหล่นก็เลยลืมปิดคลิป มันอัดได้โดยบังเอิญเว้ย” ไอ้เจ็มเอียงตัวหลบสระที่โผเข้าหา ผมก็เลยอาศัยจังหวะนั้นเอื้อมไปหยิบมือถือในมือมันมาเอง แล้วกดเข้าค้นหาคลิปที่ว่าในคลังวิดีโออย่างรวดเร็ว ซึ่งหาได้ไม่ยากเลยเพราะมันเป็นคลิปล่าสุด

ผมกดเปิด แล้วทุกเสียงพูดคุยในนั้นก็ดังเข้ากระทบโสตประสาทของผม มันคุยกันไม่เยอะ แต่สิ่งที่มันคุยกันทำให้ผม...ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าเดิม และถึงคลิปจะจบไปแล้ว แต่ผมก็กดฟังวนซ้ำอีกหลายรอบ สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมองไอ้ดื้อของผมที่เลิกพยายามจะห้ามจะด่าแล้ว มันแค่ทำหน้าบึ้ง มองพวกไอ้พีตาขวาง และไม่กล้ามองสบตาผมเหมือนเดิม

ไอ้ดื้อกำลังเขิน โอย อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ มันน่ารักมากเกินไป กูรับไม่ไหวเว้ย!

“สระครับ” ผมเรียกเขาเสียงอ่อน คนถูกเรียกเหลือบมองนิดๆ ผมก็เลยเอ่ยต่อ “หวงได้ครับ นะไม่ว่า”

“!!!”

“หวงอีกเยอะๆ เลยยิ่งดี นะชอบ :)”

 

หลังเลิกเรียนตอนสองโมงครึ่ง (เพราะอาจารย์ต้องรีบไปทำธุระเลยปล่อยเร็วกว่าเวลาปกติน่ะครับ) ผมก็พาสระแยกตัวออกมาจากพวกเพื่อนๆ ที่เหลือ ด้วยเหตุผลข้อเดียวเลยคือผมอยากอยู่กับมันแค่สองคน ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่เขาโดนแฉว่าเมื่อคืนพูดอะไรเอาไว้บ้าง เขาก็ไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ สักที ผมไม่เคยเห็นสระเขินขนาดนี้มาก่อนเลย

“หิวมั้ยสระ”

“อือ”

“อยากกินอะไร?”

“...อะไรก็ได้”

ผมเลิกคิ้ว “งั้นกลับหอเลยแล้วกัน”

“เอ๊า คือยังไง หมายถึงซื้ออะไรไปกินที่ห้องเหรอวะ?” เขาสบตาผมโดยบังเอิญ ก่อนจะรีบหลุบตาหนีอีกครั้ง เชื่อเขาเลย เขินอะไรกันนักเนี่ย คนเก่งของผมหายไปไหนแล้ว ทำไมเหลือแต่คนขี้เขิน ฮะๆ

“ไม่ซื้อ ที่ห้องมีของกินอยู่แล้ว” ผมตอบ

สระมุ่นคิ้ว “แต่กูจำได้ว่าไม่มีไม่ใช่เหรอวะ เมื่อเช้ากูเปิดตู้เย็นดูไม่เห็นมีอะไรเลย”

“กูไง”

“ห๊ะ?”

“ก็มึงบอกกินอะไรก็ได้” ผมยิ้มกว้าง “กูเลยจะให้กลับไปกินกูไง”

สระเงียบไปพักหนึ่งเหมือนยังประมวลผลไม่ได้ แต่พอเขาตั้งสติได้เขาก็หันมาต่อยไหล่ผมเต็มแรง เจ็บนะแต่ผมกลับมีความสุขมากกว่าที่ได้เห็นสีหน้ายุ่งๆ เหยิงๆ ของสระ เวลาได้แกล้งคนที่ชอบแล้วเห็นปฏิกิริยาน่ารักๆ ของเขานี่แม่งเป็นอะไรที่ทำให้ใจฟูโคตรๆ เลยว่ะ

“กูจะกินข้าวยำไก่แซ่บร้านซอยสอง!” พูดจบเจ้าตัวก็เดินนำลิ่วๆ ไปเลย ทิ้งให้ผมวิ่งตามแทบไม่ทัน เดี๋ยวนี้เขินแล้วเกรี้ยวกราดกว่าปกติด้วยรึเปล่าเนี่ย ฮะๆ

ผมเดินตามสระจนทัน แล้วเราก็เดินข้างกันไปเรื่อยๆ ผ่านซอยหอเพื่อไปยังซอยสอง ผมชอบนะ...การได้เดินไปด้วยกันไม่ว่าจะที่แห่งไหน และผมหวังเหลือเกินว่าผมจะได้ทำอย่างนี้จนกว่าเราทั้งคู่จะแหลกสลาย

ตั้งใจพาไอ้ดื้อไปกินข้าวยำอย่างที่มันลั่นปากบอกเมื่อกี้นั่นล่ะ แต่ระหว่างทางก็ดันมีคนโผล่มาขัดจังหวะจนได้

“พี่คะ พี่”

เสียงเรียกตามมาด้วยแรงสะกิดจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมอง

“ครับ?” คนที่เรียกผมคือผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวมชุดนักศึกษา และดูจากท่าทางแล้วคงเป็นปีหนึ่งไม่ผิดแน่ “มีอะไรเหรอครับน้อง?”

“พี่คือพยัญชนะ ปีสองวิศวะฯ ที่ลงเพจแฮนด์ซั่มบอยอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมคะ?”

ผมพยักหน้ารับ “ครับ เอ่อ ทำไมเหรอ?”

“คือหนู...” สายน้อยตรงหน้ามีท่าทีตื่นเต้นปนไปกับเขินอาย เธอยิ้มกว้างให้ผม ก่อนจะยื่นของบางอย่างมาให้ “หนูชอบพี่ค่ะ!”

“..!” ผมชะงัก คือก็มีบ้างที่เจอคนมาบอกชอบ แต่ส่วนใหญ่จะแอดเพื่อนในเฟซแล้วทักมาบอกทางแชตมากกว่า ประเภทโผล่หน้ามาหาเนี่ยนานๆ จะเจอสักที “เอ่อ...”

“หนูมีของมาให้พี่ด้วย พี่ยังไม่ต้องตอบหนูก็ได้ แต่หนูก็...” เธอยื่นกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งมาให้ผม “คืออย่างน้อยเราลองคุยๆ กันก่อนก็ได้น่ะค่ะ ถ้าพี่สนใจก็ช่วยแอดไลน์หนูมาด้วยนะคะ ไปแล้วค่ะ!”

แล้วเธอก็หันหลังวิ่งกลับไป ทิ้งให้ผมยืนงง อ้าปากตะโกนเรียกแต่น้องเขาก็ไม่หันกลับมา ทั้งที่ผมกะจะบอกว่าผมคงไม่สามารถตอบรับคำขอของเธอได้...ก็ผมน่ะมีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่หว่า ทุกคนก็น่าจะรู้นี่ใช่มั้ย? ยิ่งคนที่เห็นเพจแฮนด์ซัมบอยกับสื่อโซเชียลต่างๆ ของผมที่มักลงรูปเกี่ยวกับสระประจำ ก็น่าจะรู้ไหมอะว่าผมชอบใคร มันออกจะชัดเจนขนาดนั้น

ผมมองกล่องเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่ได้มา กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดดีไหมแต่แล้วก็มีมือหนึ่งคว้าไปมัน และคงไม่ใช่ใครอื่นหรอกนอกจากสระน่ะ

“อะไรวะ กูเปิดนะ” มันบอก

ผมตั้งใจจะห้าม แต่ไม่ทันแล้ว สระเปิดฝากล่องของขวัญแบบสำเร็จออก ก่อนจะหยิบของในนั้นขึ้นมาดู ของที่ทำให้ทั้งผมทั้งมันพากันนิ่งค้าง

“ผ้าเช็ดหน้า?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

สระกะพริบตาปริบ “ปักชื่อด้วย โห นี่เราอยู่ในยุค...ยุคไหนนะที่ผู้หญิงมักให้ผ้าเช็ดหน้าผู้ชายที่ชอบอะ?”

“มันมีด้วยเหรอยุคสมัยที่มึงว่าเนี่ย” ผมมุ่นคิ้วนิดๆ ขณะที่สระส่งกล่องเปล่ามาให้ผมถือ แล้วจัดการคลี่ผืนผ้าสีขาวสะอาดออกเพื่อมองชื่อที่ปักเอาไว้ชัดๆ

“พลอย...โอ้โห ปักชื่อตัวเองเหรอเนี่ย กูนึกว่าปักชื่อมึงซะอีก” สระเลิกคิ้ว สีหน้ามันดูเหวอปนไปกับไม่อยากจะเชื่อ “มันแบบว่า...ว้าว”

“อืม กูก็ว้าว นี่คนแรกเลยนะที่มาจีบกันแบบนี้”

“หือ? มีคนจีบมึงเยอะเหรอวะ เออ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ก็มึงหล่อออกขนาดนี้”

ผมยิ้มกว้าง “ชมกันแบบนี้กูดีใจจนตายขึ้นมาจะทำไงวะ”

“อย่าเยอะไอ้สัด คนชมมึงหล่อเยอะแยะป่ะครับ คนชมกูหล่อก็เยอะเหมือนกัน” สระต่อยไหล่ผมเบาๆ

“แต่ใครชมก็ไม่เหมือนมึงชมนี่หว่า”

“เฮอะ เลิกเต๊าะกูได้ละ แล้วเอาไงกับนี่อะ” ไอ้ดื้อชูของในมือแกว่งไปมา ผมเลยเปิดกล่องของขวัญออกแล้วยื่นไปตรงหน้ามัน

“ใส่กลับมา ไว้กูเจอน้องเขากูจะได้คืน”

“ไม่เอาไว้ใช้เหรอวะ?”

“ไม่” ผมส่ายหน้า “ถ้ารับมาก็เท่ากับกูรับคำขอของเขาไหมล่ะ ไม่เอาหรอก กูไม่อยากให้ความหวังใครแบบนั้น แล้วกูก็จะบอกเขาให้ชัดๆ ด้วยว่ากูน่ะ”

“ว่า...?”

ผมขยี้เส้นผมอีกฝ่าย “มีคนที่ชอบจนตัดใจไม่ได้อยู่คนหนึ่งแล้ว”

สระไม่ตอบอะไร เขารีบพับผ้าเช็ดหน้าลวกๆ แล้วยัดกลับลงกล่องก่อนจะเดินนำผมไปร้านข้าวอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทันเห็นว่าใบหูของเขาแดงขึ้นมาอีกแล้ว อ่า วันนี้ผมทำเขาหน้าแดงไปกี่รอบแล้วล่ะเนี่ย : )

เดินตามเขาจนทันผมก็คว้าคอเขามากอดแน่นทันที สระโวยวายพยายามดิ้นออกแต่มีหรือที่ผมจะยอมปล่อย จนเรามาถึงร้านข้าวยำ ได้โต๊ะนั่งก็สั่งกันไปคนละเมนู หลังจากนั้นผมก็ลุกไปเอาน้ำดื่มที่จุดบริการตัวเอง เลือกเอาน้ำอัดลมมาอีกขวดเผื่อไอ้ดื้ออยากกิน

สระยิ้มกริ่มเมื่อเห็นของในมือผม “รู้ใจว่ะ”

“แน่นอน นี่ใครครับ?”

“ใครอะ?” มันแกล้งถามกลับ และนั่นเข้าทางผม

“คนที่ชอบมึงที่สุดไง”

“มึงแม่งงง” สระเกือบทำแก้วน้ำที่ยกขึ้นดื่มหลุดมือ ดีที่ผมช่วยจับเอาไว้ได้ทัน “กูบอกแล้วไงว่าให้เลิกหยอดมุกใส่กูได้แล้ว ขนลุกเว้ย”

“อ้าว ไม่ได้เขินหรอกเหรอ”

“ก็ด้วย เพราะงั้นถ้ามึงเห็นใจกูนะ พักบ้างไอ้ฉิบหาย”

“พักไม่ได้หรอก”

“ทำไม!?” มันขึงตาใส่ หยิบหลอดออกจากแก้วน้ำแล้วสะบัดๆ หยดน้ำที่ค้างหลอดอยู่ใส่หน้าผม

“เวลาเราชอบใครเราพักจากการชอบเขาได้ที่ไหนล่ะ”

“ฮื่อ ไอ้นะ~ กูบอกให้พอไง!”

“ฮ่าๆๆๆ”


______________________
มีคนมาจีบพยัญชนะว่ะพวกคุณ เนี่ย อยากข้ามไปอัปตอนที่ 20 มากเลย //ยิ้มร้าย

พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้อัปนะคะ ขอดูอีกทีนะ ปกติวันอาทิตย์เราจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาจะจับโน้ตบุ๊คเลย แง แต่ก็อยากทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เขียนให้ได้วันละสองตอนก่อนจะหมดไฟกลับไปขี้เกียจหรือตันอีก แฮ่ เอาใจช่วยผมด้วยฮะ


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seventeen - (ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง) [20-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-04-2019 23:15:19
งั้นเราจะรออ่านอีกทีตอน21ละกัน 555555555555
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seventeen - (ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง) [20-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-04-2019 23:20:42
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seventeen - (ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง) [20-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-04-2019 00:06:13
นี่แค่เขินแบบเบาะ ๆ นะ  o18
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Seventeen - (ผ.) : ผ้าเช็ดหน้า (ผู้หญิง) [20-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2019 20:39:03
เอ็นดูสระ โดนพยัญชนะหยอดจนหลุมลึกแล้ว

ตลกตอนโมโห ของขึ้น ลืมตัว และชัดเจนไปอีกจ้าสระ
พยัญชนะได้กำไรมาก บอกเลย ถึงจะไม่ได้ยินเอง
ถึงจะมาแค่คลิป ก็พาฟิน พาฝันได้จ้า

ทีมเพื่อนชงเก่งกันมาก ทั้งอยากแกล้ง ทั้งอยากเชียร์
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eighteen - (ฝ.) : ฝน (ฝืนยิ้ม) [26-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 26-04-2019 20:37:17
Eighteen

(ฝ.) : ฝน (ฝืนยิ้ม)
 

[สระ]


ผมรู้สึกว่านับตั้งแต่วันที่มีน้องพลอยอะไรนั่นมาสารภาพรักกับไอ้นะ ก็เริ่มมีอีกหลายคนโผล่มาบอกรักบ้างล่ะ ให้ของบ้างล่ะ เข้ามาตามจีบบ้างล่ะ เยอะขึ้นมากๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนแรกก็งงกันตาแตกว่าอะไรทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ จนกระทั่งไปเจอโพสต์ของเพจดังประจำมอเราเข้า...ก็เพจแฮนด์ซั่มบอยนั่นล่ะ

มันเป็นโพสต์ที่แอบถ่ายผมกับไอ้นะยืนข้างกัน โดยที่ตรงหน้าของไอ้นะคือน้องผู้หญิงปีหนึ่งที่ชื่อพลอยคนนั้น กับกล่องของขวัญที่ไอ้นะรับมาจากมือของเธอ เนื้อหาของโพสต์ก็เป็น...

 

เหยี่ยวข่าวของเราส่งรูปนี้มาให้เมื่อวานค่ะคุณขา มีสาวน้อยใจกล้าโผล่ไปสารภาพรักพ่อหนุ่มพยัญชนะสุดหล่อแห่งวิศวะซะได้ แถมยังไปให้ของขวัญแทนใจต่อหน้าต่อตาคู่จิ้นที่น่าลุ้นว่าจะกลายเป็นคู่จริงของเขาอีก แหมๆ ช่างกล้านะยะหล่อน งานนี้น้องสระจะว่ายังไงเจ๊ล่ะอยากรู้จริงๆ ไม่งอนคุณ(ว่าที่)แฟนข้อหาเนื้อหอมเกินไปไปแล้วเหรอจ๊ะ คริๆ

 

โพสต์นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน และก็อย่างที่ผมบอกไปว่าหลังจากวันนั้นก็มีคนใจกล้าอีกมากโผล่มาจีบไอ้นะมันเพียบ! ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย (ที่แน่นอนว่าไม่ใช่ชายแท้) และไอ้นะก็ทำได้แค่ยิ้มให้พลางบอกปฏิเสธ ไม่รับของอะไรจากใครทั้งนั้น

“แต่มึงรับผ้าเช็ดหน้าของน้องพลอยมานะเว้ย” ไอ้เจ็มเลิกคิ้วถาม “แล้วของของคนอื่นก็ดันไม่รับ ทั้งที่บางอย่างน่าจะรับไว้ เอามาให้เพื่อนฝูงก็ได้ ช็อกโกแลตกล่องนั้นของน้องผู้ชายนุ่มนิ่มๆ คนนั้นอะ น่ากินชะมัด”

ผมที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับหลุดหัวเราะ “เห็นแกของฟรีนี่เองนะมึงอะ”

“กูไม่อยากรับไว้ เพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่ากูให้ความหวัง”

“แล้วน้องพลอยอะไรนั่นมึงไม่กลัวเป็นการให้ความหวังบ้างเหรอ” ไอ้พีถามขึ้นอีกคน ขนาดเล่นเกมอยู่มันยังมีหูไว้คอยฟังพวกผมคุยกัน แยกประสาทสัมผัสเก่งจังไอ้เหี้ย

“กูจะเอาไปคืนเขา”

“แล้วรออะไร ทำไมไม่รีบไปคืน” ไอ้ยูถามบ้าง นิ้วก็รัวหน้าจอจนอีกนิดผมว่านิ้วมันต้องล็อกแน่ๆ

“กูไม่รู้ว่าน้องเขาอยู่ที่ไหนอะดิ เรียนคณะอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ถามไว้”

“ง่ายจะตาย มึงก็ประกาศตามหาไง”

ผมเลิกคิ้ว หันไปสบตาเพื่อนรักแล้วยักคิ้วให้ เออ ง่ายจะตายอย่างที่ไอ้เจ็มมันบอก ทำไมไอ้นะถึงคิดไม่ได้ ไม่สิ...ผมเองก็คิดไม่ได้เหมือนกัน ฮะๆ

“ก็จริงของมึง กูลืมนึกไปเลย” ไอ้นะถอนหายใจ มันแบมือมาทางผม “ขอโทรศัพท์หน่อยสระ”

ผมควานหาในเป้ตัวเอง ตอนแรกหยิบออกมาเป็นเครื่องของผมก็เลยวางไว้บนโต๊ะ ล้วงไปควานหาอีกรอบก็จับได้ของไอ้นะสักที ของผมก็ไม่ได้เยอะ แต่ของมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปนกันมั่วเลยหายากหน่อย มันมีทั้งกระเป๋าตังค์ของผมกับไอ้นะ มีสายหูฟัง สายชาร์ตแบตกับพาวเวอร์แบงก์ แล้วไหนจะปากกา เศษเหรียญ

“นี่มึงใช้กระเป๋าเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับเพื่อน” ไอ้ยูแซว มันเงยหน้าขึ้นมาได้สักที สงสัยจะเล่นเกมจบแล้ว

ผมมุ่นคิ้ว “แล้วมันทำไม แปลกเหรอวะ?”

“ไม่แปลกจ้า แฟนกันก็ทำแบบนี้เป็นเรื่องธรรมด๊า” ไอ้พีทำเสียงสูง หลิ่วตามองล้อๆ และผมก็ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกแม่ง เลยทำแค่ถอนหายใจใส่เท่านั้น เลยโดนพวกมันล้ออีกยกใหญ่

ผมเลิกสนใจพวกมันแล้วหันไปมองไอ้นะกดโทรศัพท์ยิกๆ สักพักก็มีโนติเด้งขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ตโฟนของผม เป็นแจ้งเตือนจากไอจีและเฟซบุ๊คเด้งขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แน่นอนมันจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของไอ้นะ เพราะมันเป็นคนเดียวที่ผมตั้งแจ้งเตือนเอาไว้

กดเข้าไปในเฟซก่อน เนื้อหาของโพสต์ก็เป็นการประกาศตามหาน้องผู้หญิงที่ชื่อพลอย มันบอกว่าพี่อยากพบเพื่อคืนของที่ให้มา ถ้ายังไงติดต่อมาทางแชตด้วยนะครับ บลาๆ เออ โจ่งแจ้งอย่างนี้เลยเนอะ ไม่กลัวเขาเสียความรู้สึกหน่อยเหรอวะไอ้นี่

กดเข้าไอจีก็เจอภาพแคปจากหน้าจอมือถือ เป็นโน้ตโทรศัพท์ที่มีเนื้อหาเหมือนกับที่มันโพสต์ในเฟซไม่มีผิดเพี้ยน ผมว่าหลังจากนี้ต้องกลายเป็นประเด็นดังแน่ๆ เพจแฮนด์ซั่มบอยไม่พลาดต้องแชร์เอาไปลงชัวร์ๆ

“โพสต์ตรงฉิบหาย ไม่กลัวน้องมันเสียใจหน่อยเหรอไอ้คุณนะ” ไอ้พีเอ่ยขึ้น มันคงเห็นโพสต์แล้ว และใช่...มันคิดเหมือนผมเด๊ะๆ เลย

ไอ้นะระบายยิ้มบาง หันมาสบตาผม ดวงตาของมันสื่อความหมายบางอย่าง...เป็นบางอย่างที่ผมเข้าใจดี แต่มันคงกลัวผมไม่เข้าใจล่ะมั้ง ถึงได้เอ่ยออกมาเพื่อตอกย้ำอีกครั้ง

“ก็ต้องตรงๆ แบบนี้แหละ”

“...”

“ดีกว่าทำให้คนที่กูชอบเขาไม่สบายใจ”

ผมก้มหน้า อมยิ้มกับตัวเอง เดี๋ยวนี้เวลาได้ฟังอะไรแบบนี้แล้วผมอดไม่ได้ต้องยิ้มอยู่ร่ำไป มันก็ยังเขินๆ อยู่แหละ แค่ว่าผมไม่ได้โวยวายกลบเกลื่อนเหมือนทุกที แล้วมีอย่างที่ไหนไม่อยากให้คนที่ตัวเองชอบไม่สบายใจ เขามีแต่ไม่อยากให้คนที่ชอบเราหรือแฟนเราไม่สบายใจไม่ใช่รึไง ไอ้บ้าเอ๊ย

“อยากยิ้มกว้างๆ ก็ยิ้มเถอะจ้าน้องหระ ผัวหยอดขนาดนี้อนุญาตให้ยิ้มจนแก้มแตกได้ ไม่ว่ากันจ้า”

“ผัวพ่อง!” แต่อันนี้ผมต้องเถียงครับ ไอ้เชี่ยพีแม่งกวนตีนกูตลอดดด

“อ้าว เขินแล้วปากร้ายอีกละนะคนเรา”

ไม่คุยด้วยแล้วแม่ง ไอ้สัดดด

ผมลุกขึ้นแล้วบอกแค่สั้นๆ “จะไปร้านน้ำ”

“เดี๋ยวกูไปด้วย” ไอ้นะทำท่าจะลุกขึ้นตาม แต่ผมจับบ่ามันกดให้นั่งตามเดิม

“มึงอะนั่งอยู่นี่แหละไม่ต้องตามไป กูไปคนเดียวได้” ตบแก้มมันเบาๆ สองทีเป็นเชิงหยอกเย้าก่อนจะว่าต่อ “ให้กูได้พักหายใจหายคอบ้าง อยู่กับมึงแล้วเขินวันละเป็นสิบๆ รอบ”

“...”

“กูเหนื่อยจะเขินแล้วเว้ย”

“อะโห้ยยย วู้วๆๆ”

พวกเพื่อนเหี้ยพากันโห่แซว ส่วนไอ้นะน่ะเหรอครับ? นั่งอึ้งก่อนจะยิ้มหน้าบานอีกแล้ว แถมแก้มมันยังแดงนิดๆ ด้วย เฮ้ย! นี่ผมทำให้มันเขินได้ด้วยเหรอวะเนี่ย

ผมยิ้มกว้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ เลยยิ่งทำให้ไอ้นะมันหน้าแดงหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก โว้ยยย อยากถ่ายรูปเก็บไว้ว่ะ...แล้วมือก็ไวเท่าความคิด ผมหยิบโทรศัพท์มาเปิดโหมดกล้องถ่ายรูป จ่อหน้าไอ้นะในระยะประชิดแล้วกดถ่ายรัวๆ แบบไม่ให้มันได้ตั้งตัว แต่พอมันตั้งตัวได้แล้วทำท่าจะคว้าเอาของในมือผมไป ผมก็รีบโยกแขนหลบแล้วคว้ากระเป๋าตังค์วิ่งลิ่วหนีมาทันที

ได้ยินเสียงไอ้นะตะโกนตามหลัง

“ลบรูปเดี๋ยวนี้เลยนะสระ!!!”

“ไม่!” ผมตะโกนตอบกลับไปก่อนจะหัวเราะตามหลัง ไอ้นะทำท่าจะวิ่งตามนั่นทำให้ผมรีบออกตัววิ่งหนี รู้หรอกน่ะว่ามันไม่ตามมาจริงๆ แต่ก็อดจะเล่นไปกับมันเหมือนเด็กๆ เล่นวิ่งไล่จับไม่ได้ ฮะๆ

ร้านน้ำที่ผมมาซื้ออยู่ตรงกลางระหว่างสองคณะ คือวิศวะของผมกับบริหารเพื่อนบ้านข้างเคียง คนซื้อก่อนหน้าผมไม่เยอะเท่าไหร่ เลยต่อคิวไม่นาน...ผมสั่งแตงโมปั่นหนึ่งแก้วของตัวเองกับไอ้นะ อากาศร้อนแบบนี้ต้องการอะไรที่มันกินแล้วให้ความสดชื่นครับ ก็หวังว่าแตงโมจะช่วยผมได้ จากนั้นผมก็สั่งโกโก้ปั่นอีกแก้วให้พวกเพื่อนอีกสามคนมันแบ่งกันแดก

ระหว่างรอผมก็กดโทรศัพท์เลื่อนดูรูปไอ้นะที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อกี้ หน้าแดงนิดๆ ของมันทำให้ผมต้องหลุดยิ้มออกมาจนได้ ไงล่ะมึง ชอบทำกูเขินดีนัก เห็นมันเขินบ้างแล้วผมชอบใจจังเลยว่ะ หึๆ

กดเลือกรูปหนึ่งที่คิดว่าดูดีที่สุดออกมาอัปเดตลงไอจีตัวเอง เขียนแคปชั่นเล่นคำว่า ‘you are sh(y)ine’ จากนั้นก็ทำการกดอัปโดยไม่ลืมแท็กคนในรูปด้วย สมน้ำหน้า ชอบทำให้กูอายนัก ถึงทีกูทำมึงอายบ้างแล้ว

ผมเงยหน้ากะจะมองว่าป้าแม่ค้าคนสวยทำของผมเสร็จหรือยัง แต่หูเจ้ากรรมก็ดันไปได้ยินอะไรบางอย่างเข้า และเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจตลอดการฟังเลยด้วย

“มึงเห็นที่พี่ชนะโพสต์ตัสยังพลอย”

พลอย...พลอย?

“เห็นแล้ว”

“แล้วมึงทักแชตพี่เขาไปยัง”

“ยังเลย กูไม่อยากทักอะ ไม่อยากได้ของคืน”

“อะไรของมึงพลอยยย ทำไมมึงไม่คิดบ้างว่าถ้านัดเจอกัน มึงจะได้คุยกับพี่เขาต่อหน้าต่อตาอีกรอบนึงเลยนะเว้ย โอกาสแบบนี้น่ะมีง่ายก็จริง แต่ใช่ว่าจะมีบ่อยที่พี่เขานัดเจอเอง มึงต้องฉวยโอกาสไว้ดิวะ”

“แล้วมึงก็รุกใส่เลย เนี่ย โอกาสดีอย่างที่ฝ้ายมันว่า กูเห็นด้วย”

มีเสียงผู้หญิงคุยกันทั้งสิ้นสามเสียงด้วยกัน และผมพอจะเดาออกว่าสองในสามเป็นเพื่อนของน้องที่ชื่อพลอยอะไรนั่น แถมเสียงมันยังดังมาจากข้างหลังผมอีกต่างหาก ดังนั้นเดาว่าพวกเธอต้องอยู่ไม่ไกลจากผม รอต่อคิวซื้อน้ำอยู่เหมือนกันแน่ๆ

เวรเอ๊ย แล้วทำไมผมถึงต้องมาได้ยินพวกน้องมันคุยกันด้วยวะ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้หรอกนะครับคุณครับ มันออกจะให้ความรู้สึกประหลาดไปหน่อยไหมล่ะถ้าคิดว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงคือเพื่อนของเรา เพื่อนที่เราคิดไม่ซื่อด้วยอีกต่างหาก

กระอักกระอ่วนเป็นบ้า

“มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีพี่เขาอาจจะมีแฟนจริงๆ ก็ได้” นี่น่าจะเสียงน้องพลอย ผมพอจะจำได้เลาๆ

“ไม่คิด เพราะไม่มีทางหรอกว่ะที่พี่ชนะจะคบกับไอ้พี่สระอะไรนั่นอะ”

ผมนิ่งงัน เดี๋ยวนะ? ทำไมสองมาตรฐานจังวะ กับไอ้นะเรียกพี่ กับผมเรียกไอ้พี่...ได้เหรอวะ?

“ทำไมคิดงั้น กูว่าเค้าดูแลกันดีเกินเพื่อน มีความเป็นไปได้มากเลยนะเว้ยว่าพี่เขาจะชอบกัน”

“ก็แล้วยังไง เป็นแฟนกันจริงคงออกมาประกาศแล้วไหมอะ อีกอย่างหล่อขนาดนั้นจะเป็นเกย์ได้เหรอวะ กูไม่เชื่อหรอก กูว่าที่เห็นโมเมนต์ต่างๆ นานาอะ สร้างกระแสมากกว่า”

“ก็ไม่แน่อีกนั่นแหละ มึงอย่ามั่นใจนักเลย คนหล่อเป็นเกย์มีเยอะแยะไป”

“ถ้ามึงคิดว่าพี่เขาเป็นเกย์ แล้วมึงไปสารภาพรักกับเขาทำไมวะพลอย”

“กูคิดว่าอย่างน้อยขอให้ได้บอกอะมึง แค่อยากบอกแค่นั้นเองว่ากูชอบเขา”

“โลกสวยตลอดดด”

“แต่เอาเข้าจริงกูก็หวังนะว่าพี่เขาจะไม่ได้เป็นเกย์หรือมีแฟนแล้ว ถ้าเป็นงั้นจริงกูจะเดินหน้าจีบเต็มตัวเลย”

“หรือถ้ามีก็แย่งมาเลย” เสียงของน้องที่น่าจะชื่อฝ้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดูท่าจะเป็นพวกใจร้อน โผงผาง แล้วก็...พวกยุแยงเก่งล่ะมั้ง เหอๆ “ไม่ก็เปลี่ยนเกย์ให้กลับมาเป็นผู้ชาย”

“มึงจะบ้าเหรอ ทำไม่ได้หรอก มันน่าเกลียดเกินไป”

“กูถือคติอยากได้ต้องแย่งชิงว่ะ”

“มึงถึงได้โดนดักตบตอนมัธยมบ่อยๆ เพราะนิสัยเลวๆ ของมึงนี่ไง ตัวเองทำแล้วยังมาสอนคนอื่นทำอีก บ้าป่ะฝ้าย อันนี้กูไม่เห็นด้วยนะ”

“มึงก็โลกสวยอีกคนนุ้ย” ไอ้น้องฝ่ายถอนหายใจเสียงดังจนแม้แต่ผมยังได้ยินอะคิดดู “แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าพี่มันเป็นเกย์จริงๆ กูว่ามึงตัดใจเหอะ พวกผิดเพศ ขนลุกว่ะ”

“ฝ้าย มึงอย่าเหยียดเพศดิ โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วป่ะ”

“ก็ไม่ได้เหยียด แต่ถ้ามึงจะไปชอบเกย์ กูว่ามึงเลิกชอบดีกว่า ก็เห็นๆ อยู่ว่ามึงต้องเสียใจแน่”

“แต่กูว่าพี่ชนะไม่ได้เป็นเกย์อะ” น้องพลอยแย้ง เงียบไปนานจนผมนึกว่าคล้อยตามเพื่อนไปแล้ว

“งั้นก็จีบ ระหว่างมึงกับเพื่อนที่ชื่อสระอะไรนั่นของเขา กูว่ามึงน่ารักกว่าตั้งเยอะ ยังไงผู้หญิงก็ดีกว่าผู้ชาย”

“อีกแล้วนะ มึงเลิกแบ่งแยกเพศจะได้...”

“ไอ้หนุ่มได้แล้วลูก”

ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมัวแต่จดจ่อกับการสนทนาของน้องๆ สามคนนั้น รู้ตัวอีกทีเครื่องดื่มที่สั่งไปสองแก้วก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว...ผมยื่นมือไปรับ จ่ายเงินและยิ้มให้ป้าคนขายหลังจากได้รับเงินทอน หมุนตัวเตรียมเดินกลับคณะ แต่ก็ดันบังเอิญไปสบตาน้องพลอยคนนั้นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผมไม่ได้มองน้องนานมากนัก แต่ก็ทันเห็นสีหน้าตกตะลึงของพวกเธอ ก็นะ...คงไม่คิดว่าคนที่ตัวเองนินทาจะยืนฟังมาตั้งแต่ต้น และผมก็ไม่ได้ใจดีถึงขนาดที่จะยิ้มให้หลังจากได้ยินคำพูดของพวกเธอด้วย

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำสีหน้ายังไงออกไป แต่แวบหนึ่งผมเห็นน้องฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลายหน้าซีดเผือด

เดินถือแก้วน้ำกลับไปที่ใต้ตึกคณะ ลมพัดแรงจนผมต้องหยีตาเมื่อฝุ่นฟุ้งขึ้นมา จะว่าไปฟ้าก็ครึ้มมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ก็คิดอยู่หรอกว่าฝนอาจจะตก และดูเหมือนมันกำลังจะตกในไม่ช้านี้แล้วด้วย เพราะเมฆเทาๆ ลอยปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเลยตอนนี้

อ่า ผมมัวแต่สนใจอย่างอื่นจนลืมสังเกตรอบตัวด้วยเหรอเนี่ย

เงยหน้ามองฟ้า หยุดยืนอยู่หน้าคณะแล้วในหัวก็หวนคิดถึงสิ่งที่ได้ยิน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ทุกถ้อยคำที่ได้ฟังมันทำให้ผมรู้สึกแย่...แย่มากๆ เลย

‘ไม่คิด เพราะไม่มีทางหรอกว่ะที่พี่ชนะจะคบกับไอ้พี่สระอะไรนั่นอะ’

‘ไม่ก็เปลี่ยนเกย์ให้กลับมาเป็นผู้ชาย’

‘ถ้าพี่มันเป็นเกย์จริงๆ กูว่ามึงตัดใจเหอะ พวกผิดเพศ ขนลุกว่ะ’

‘ระหว่างมึงกับเพื่อนที่ชื่อสระอะไรนั่นของเขา กูว่ามึงน่ารักกว่าตั้งเยอะ ยังไงผู้หญิงก็ดีกว่าผู้ชาย’

แปะ...แปะ แปะ แปะ

ฝนตกแล้ว แต่ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อคำพูดพวกนั้นยังวนเวียนไม่เลิกอยู่ในความคิด จนกระทั่งห่าฝนกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันได้ตั้งตัว หลายคนถึงกับวิ่งเข้าไปหลบในตึกกันแทบไม่ทัน

“สระ!”

น้ำเสียงอันคุ้นหูดังฝ่าสายฝนมากระทบโสตประสาท ผมหันไปตามเสียงนั้น เห็นพยัญชนะมองมา ก่อนมันจะขอยืมร่มของเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งที่เดินผ่านมันพอดี แล้วกางวิ่งมาหาผม

“ทำไมมายืนตากฝนอยู่ตรงนี้ มึงเพิ่งหายป่วยนะ!”

“...” ผมไม่ตอบ แค่มองมันแล้วยกยิ้มบาง ความรู้สึกของผมมันหม่นมัวเหมือนสายฝนยามนี้ไม่มีผิด และผมยังหาสาเหตุที่แท้จริงของมันไม่ได้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกแย่มากมายถึงขนาดนี้ ผมรู้แต่ว่ารอยยิ้มของผมมันฝืนสิ้นดี

ฝืนยิ้มเพราะไม่อยากให้คนที่ผมชอบไม่สบายใจ



_______________

สระเป็นอะไรอะ โอ๋ๆ นะลูกนะ //ลูบหัว

เดินทางมาเกินครึ่งเรื่องแล้วนะคะ แง เมื่อไหร่จะจบฟะ อยากให้เขาได้กันแล้ว! 55555 เมื่อวันก่อนไปดูเอนด์เกมมาค่ะ หน่วงไปทั้งวัน จนวันนี้เราก็ยังมูฟออนจากหนังไม่ได้ สมองว่างเปล่าทีไรน้ำตาซึมทุกที แล้วยัยสระของแม่ก็ดันมาดราม่ากับตัวเองอีก โถลูก มากอดคอกันร้องไห้กับแม่นะลูกนะ //หอมหัวน้อง

ไปละค่ะ ชักจะเพ้อเจ้อ 555 แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าฮับผม

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eighteen - (ฝ.) : ฝน (ฝืนยิ้ม) [26-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-04-2019 22:02:37
เด็กแก นังนะ ทำให้ใจน้องสระอ่อนแอ รีบ ๆ จัดการเข้านะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eighteen - (ฝ.) : ฝน (ฝืนยิ้ม) [26-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 26-04-2019 23:09:33
สระต้องมั่นใจในตัวนะ มั่นใจในความรักของนะด้วย
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Eighteen - (ฝ.) : ฝน (ฝืนยิ้ม) [26-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-04-2019 00:07:18
สระต้องเชื่อมั่นในตัวของชนะนะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nineteen - (พ.) : พัดลม (พ่อทูนหัว) [27-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 27-04-2019 20:01:05

Nineteen

(พ.) : พัดลม (พ่อทูนหัว)

 

[พยัญชนะ]


“ถอดเสื้อช็อปออกก่อนสระ”

ผมบอกกับไอ้ดื้อเมื่อเราเข้ามาในห้องพักแล้ว มันทำตามแต่โดยดี ถอดช็อปออกเสร็จก็ถอดเสื้อยืดตัวในออกตาม ถึงจะโดนฝนไปแค่แป๊บเดียว แต่ตัวของมันก็เปียกโชกไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะหัวเนี่ย ผมลีบไปกับกรอบหน้าเล็กๆ ของมันหมดแล้ว

“กูไปอาบน้ำก่อนนะ” สระเอ่ยบอกพลางยิ้มน้อยๆ

ผมพยักหน้าให้ ดึงเอาเสื้อจากมือมันมา “เดี๋ยวกูเอาไปซักเอง กางเกงด้วย ถอดออกมาเลย”

“อืม”

สระถอดให้ตามที่ขอ เล่นเอาผมเบือนสายตาไปมองทางอื่นแทบไม่ทัน ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เห็นมันเปลือยแบบที่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวมาหลายหน แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากมองนานๆ นักหรอกครับ กลัวตัวเองห้ามใจไม่อยู่เผลอพุ่งตัวเข้าไปสัมผัสมันเกินเลยกว่าที่ควรจะเป็น เฮ้อ

“สระผมด้วยล่ะ หัวเปียกขนาดนั้น เดี๋ยวเป็นไข้ขึ้นมาอีกกูจะตีก้นทำโทษมึง”

คนโดนคาดโทษหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ โยนกางเกงยีนใส่หน้าผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป...ผมมองตามหลังอีกฝ่าย และผมมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน สระมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่กลับมาจากซื้อน้ำ ประหลาดตั้งแต่มันยืนตากฝนแล้วด้วย

ผมน่ะคิดว่ามันผิดสังเกตมากๆ แต่พวกไอ้พีกลับไม่ทันมองออก มันบ่นเรื่องน้ำที่สระซื้อมาว่าละลายแถมยังมีน้ำฝนปนด้วยไม่หยุด จนถ้าผมไม่ได้มัวเป็นห่วงไอ้ดื้อที่เปียกปอนไปหมดทั้งตัว ผมคงได้ตบกะโหลกพวกแม่งไปคนละทีแล้ว สระอุตส่าห์ซื้อมาให้แดกแล้วยังจะบ่นกันอีก

ว่าแต่สระไปเจออะไรมาหรือเปล่านะ เดี๋ยวไว้ต้องเค้นถามมันหน่อยแล้ว

ระหว่างรอมันอาบน้ำผมก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง ถึงผมจะมีร่มแต่บางส่วนของร่างกายก็เปียกอยู่บ้างเหมือนกัน ก็นะ...ร่มที่ยืมเพื่อนในคณะมามันเล็กนิดเดียวเอง ผู้ชายสองคนเบียดกันยังไงก็ต้องมีเปียกบ้าง

ถอดเสร็จผมก็โยนเสื้อผ้าใส่รวมกันในตะกร้าแล้วยกทั้งหมดลงไปซักทีเดียวเลยที่เครื่องซักผ้าใต้หอ ดีหน่อยที่ผมมีชุดคลุมอาบน้ำแบบที่ในโรงแรมหรูๆ มักจะมีให้ลูกค้า พี่สาวผมซื้อให้ ไม่รู้เธอไปซื้อมาจากที่ไหนแต่ผมก็ชอบมันมาก เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องเป็นไอ้โป๊เปลือยตอนเอาผ้าลงไปซักนี่ล่ะ

เสร็จจากหย่อนผ้าลงเครื่องอะไรเรียบร้อยผมก็กลับขึ้นห้องมา คว้าโทรศัพท์กดเล่นดูยูทูปรอไอ้ดื้ออาบน้ำให้เสร็จ แต่แล้วก็มีแชตหนึ่งเด้งขึ้นมา เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะผมรับเพื่อนแทบทุกคนที่แอดมา จะยกเว้นก็แต่พวกขายของกับพวกที่ไม่น่าไว้ใจ

ตอนแรกผมไม่คิดจะกดเข้าไปอ่าน เพราะหลังๆ มีคนทักมาจีบเยอะมากกว่าปกติจนผมเลือกที่จะไม่คุยกับใครเลยดีกว่า พวกเพื่อนๆ ก็เหมือนจะรู้มันเลยทักมาทางไลน์เวลามีธุระอะไรเกี่ยวกับเรื่องเรียน...

หนูพลอยเองนะคะ

มือที่กำลังจะปัดแจ้งเตือนทิ้งชะงัก พลอยงั้นเหรอ? หรือจะเป็นน้องพลอยคนนั้น

ผมกดเข้าไปอ่านข้อความ เปิดรูปโปรไฟล์ดูก็พบว่าเป็นน้องพลอยที่ให้ผ้าเช็ดหน้าผมมาจริงๆ ด้วย สงสัยน้องมันจะเห็นที่ผมโพสต์ตามหาแล้ว ดีเหมือนกัน ผมจะได้นัดเจอเพื่อเอาของไปคืน

ครับ ทักมาก็ดีแล้ว พี่จะเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนน่ะครับ

รอไม่นานน้องพลอยก็ตอบกลับมา

ไม่ต้องคืนหรอกค่ะพี่ หนูอยากให้พี่รับไว้

ไม่ได้หรอกครับ พี่ไม่รับของใครทั้งนั้น เพราะงั้นของน้องพี่ก็เลยอยากคืน คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าพี่ลำเอียง

แต่หนูอยากให้พี่จริงๆ นะคะ หนูชอบพี่

ผมถอนหายใจ ดูจะขี้ตื๊อเหมือนกันแฮะ แต่ยังไงผมก็ต้องคืนให้ได้อะ ถ้าคนอื่นเห็นว่าผมคืนของน้องไปแล้ว จะได้ไม่มีใครเอาอะไรมาให้ผมอีก อย่างที่บอกว่าผมไม่อยากให้สระไม่สบายใจ และวิธีที่จะทำให้มันสบายใจก็คือการชัดเจนว่าผมจะไม่คิดไปชอบใครนอกจากมัน

รับคืนไปเถอะ พี่มีคนที่ชอบแล้ว

ฝั่งนั้นขึ้นว่าอ่านแล้วแต่เงียบไปเลย ไม่มีแม้แต่ขึ้นว่ากำลังพิมพ์ ผมก็เลยได้แต่รอ จนผ่านไปหลายนาทีอยู่กว่าที่น้องจะตอบกลับมาได้สักที

หนูถามได้ไหมว่าใครคือคนที่พี่ชอบเหรอคะ

คนที่ใครๆ ก็รู้กันดีนั่นล่ะครับน้อง

ผมตัดสินใจตอบไปตามตรง ผมไม่สนหรอกนะว่าใครจะมองผมเป็นเกย์หรือว่าอะไร ผมคิดว่าเรื่องของเพศมันไม่มีการแบ่งแยกอะไรทั้งนั้น มันก็แค่เราชอบคนคนหนึ่ง คนที่ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศไหน แต่สิ่งที่เราชอบก็คือตัวตนของเขาไม่ใช่เพศสภาพที่เขาเป็น

ผมชอบสระเพราะสระเป็นตัวเอง เป็นคนในแบบที่รู้ตัวอีกทีผมก็ละสายตาไปจากมันไม่ได้แล้ว ถ้าการที่ผมชอบมันจะทำให้ผมโดนหาว่าเป็นเกย์ผมก็ไม่สนใจหรอก เกย์ก็ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่ คนที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นหรือทำตัวไม่ดีต่างหากที่ผิด

พี่ชนะเป็นเกย์เหรอคะ...

ถ้าการชอบเขาหมายความว่าพี่เป็นเกย์ ก็ใช่ครับ ตามนั้น

อ่า แย่จัง หนูอกหักซะแล้วสินะคะ

ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นะครับ แต่ก็ต้องขอโทษด้วยที่พี่ตอบรับน้องไม่ได้

ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่ หนูเข้าใจ

งั้นก็ช่วยรับผ้าเช็ดหน้าของน้องคืนไปด้วยได้ไหมครับ

มันขึ้นว่าอ่านอยู่และกำลังพิมพ์ แต่เหมือนจะพิมพ์นานมากเพราะผมรอมานาทีกว่าแล้วยังไม่เห็นน้องกดส่งข้อความมาสักที อ่า ให้ตายเถอะ หรือน้องมันจะปฏิเสธไม่รับคืนอีก

ผมกำลังจะพิมพ์ย้ำไปว่าผมต้องการคืนของให้และไม่อยากรับไว้จริงๆ ก็พอดีกับที่สระอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ผมมองตามไอ้ดื้อไปโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนเจ้าตัวก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนออกมาใส่

มันพยักพเยิดหน้าให้พลางว่า “ไปอาบต่อจากกูเลยดิ”

“แป๊บหนึ่ง คุยกับน้องพลอยอยู่”

ผมก้มหน้าลงมองจออีกครั้งเมื่อน้องมันส่งข้อความตอบกลับมาแล้ว

ก็ได้ค่ะ พี่ชนะว่างเมื่อไหร่คะ เดี๋ยวพลอยไปเอาที่คณะพี่ก็ได้

ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปหาน้องเอง ว่าแต่น้องเรียนคณะไหนครับ

บริหารค่ะ ข้างๆ คณะพี่นี่เองค่ะ

โอเคครับ งั้นเวลาเป็นพรุ่งนี้เที่ยงได้มั้ย เจอกันที่ร้านน้ำป้าหวาน

ได้ค่ะพี่ พรุ่งนี้เที่ยงหนูว่าง

ครับ ไว้เจอกัน

ผมยิ้มหน้าบานเมื่อพบว่าน้องมันยอมเข้าใจเจตนาของผม แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าสระกำลังทำหน้าแหย หน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้...หรือเปล่าวะ?

“เป็นอะไร...”

“ไปอาบน้ำได้แล้วมึงอะ มึงก็เปียกเหมือนกันไม่ใช่เหรอวะ?”

“อืม” ผมตอบรับ จ้องมองไอ้ดื้อเพื่อเช็กให้แน่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอะไร แต่เมื่อมันยังแสดงออกอย่างปกติผมก็เลยยอมโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงแล้วลุกไปอาบน้ำบ้าง ก่อนเข้าห้องน้ำไม่ลืมบอกคนดื้อด้วยว่า “เช็ดผมด้วยนะสระ”

“คร้าบพ่อ” ไอ้ดื้อตอบรับเสียงยานคาง ผมก็เลยหยิกจมูกมันไปเบาๆ ทีหนึ่งแล้วก้าวเข้าห้องน้ำหนีมาก่อนมันจะได้โวยวายแล้วต่อยไหล่ผมสองสามตุ๊บ

ผมอาบน้ำไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้รีบออกไปเช็ดผมให้สระ ถ้าให้ผมเดามันต้องแต่งตัวเสร็จแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์แน่ๆ ดื้อจะตายเรื่องเช็ดผมให้แห้งเนี่ย แต่ไหนแต่ไรผมต้องคอยเช็ดให้มันตลอดนี่นะ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก้าวออกจากห้องน้ำ มองหาไอ้ดื้อก็เห็นมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่กับใครก็ไม่รู้ตรงระเบียงห้อง ประตูแง้มเปิดไว้เล็กน้อยพอให้ผมได้ยินบทสนทนาของมันกับใครสักคนที่ว่านั่น

“กูไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลยเกรซ ไม่ได้กลัวคนมองไม่ดีด้วย...ก็นั่นล่ะกูถึงได้โทรไปปรึกษามึงไง ก็ไม่ใช่อีกแหละเกรซ กูจะต้องมาเสียใจแค่เพราะผู้หญิงคนหนึ่งน่ารักกว่ากูเหรอ ไม่ใช่เรื่องป่ะ?”

สระถอนหายใจใส่คนปลายสาย แล้วมันก็เงียบไปอีกหลายนาทีเหมือนกำลังตั้งใจฟังฝั่งนั้นพูด ว่าแต่อะไรทำให้ไอ้ดื้อต้องโทรไปหาไอ้เกรซวะ ทำไมไม่ปรึกษาผม ผมอยู่ตรงนี้กับมันแทบจะตลอดเวลาไหมอะ

“เกรซมึงอย่าอินเกิน เออ กูว่ากูรู้แต่กูก็อยากได้คำยืนยันจากใครสักคน แล้วถ้ากู...มึงคิดงั้นเหรอ” จู่ๆ สระก็เงียบไปอีก ก่อนมันจะจบการสนทนาอย่างรวดเร็ดเมื่อเหลือบมาเห็นผมยืนมองอยู่ไม่ไกล “โอเค เข้าใจแล้ว ขอบใจมึงมากเกรซ กูวางก่อนนะ บาย”

ผมกับสระสบตากันโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเป็นผมเองอีกเหมือนเคยที่กวักมือเรียกมันให้เดินกลับเข้ามา “ถึงฝนจะหยุดตกแล้วแต่อากาศก็เย็นนะสระ เดี๋ยวมึงก็ไม่สบายอีกหรอก แล้วก็มานั่งนี่ด้วย กูจะเช็ดผมให้”

“เอ่อ กูลืมอะ”

“ไม่ต้องมาลืมเลยไอ้ดื้อ ขี้เกียจก็บอก” ผมกดอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียง แล้วเดินไปหยิบพัดลมขึ้นมาวางข้างๆ มัน กดปุ่มเปิดเพื่อให้ลมเย็นช่วยพัดเส้นผมอีกแรง จะได้แห้งเร็วมากขึ้น จากนั้นก็คว้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่มันพาดบ่าเอาไว้มาเช็ดหัวเปียกๆ ให้มันไปด้วย

สระนั่งนิ่งยอมให้ผมทำให้ ปากมันก็ถามไปด้วย “แล้วไมมึงไม่แต่งตัวก่อนวะ”

“กูอยากแน่ใจว่าหัวมึงจะแห้งก่อนเปิดแอร์”

“คร้าบๆ ขอโทษด้วยคร้าบที่ไม่ยอมเช็ดผม”

“กูไม่อยากให้มึงป่วยอีกหรอกนะสระ” ผมบอกมัน รั้งแก้มมันขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ให้เราได้สบตากันอีกครั้ง “กูเป็นห่วงมึงมาก มึงก็น่าจะรู้”

สระยิ้มบาง “กูรู้ กูเองก็เป็นห่วงมึงมากเหมือนกันเหอะ”

“งั้นก็อย่าดื้อให้มันมากแล้วฟังกันบ้าง”

“มึงนี่บ่นเป็นพ่อกูเลยนะไอ้ห่า”

ผมกระตุกยิ้ม กลับไปเช็ดผมให้อีกฝ่ายต่อหลังจากมองตากันจนพอใจแล้ว “ที่ทำให้อยู่ตอนนี้ก็คาดหวังว่าจะได้เป็นพ่อมึงอยู่นะ”

“...”

“พ่อทูนหัวอะ”

สระพ่นลมหายใจแรงหลังจากผมพูดจบ มันบ่นอุบอิบ แต่ผมเห็นนะว่าหูมันแดงเรื่อขึ้นมา และผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันเขินผม หึ : )

“มุกเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างรึไง”

“ไม่เบื่อหรอก” ผมตอบ “เหมือนที่ชอบมึงอะ”

“...”

“กูไม่เคยเบื่อที่จะชอบมึงเลยรู้ป่ะ”

คราวนี้คนฟังถึงกับตัวแข็งทื่อ ก่อนมันจะกำหมัดต่อยหน้าท้องผมเบาๆ สองสามที เขินแล้วเถียงไม่ออกก็ใช้กำลังตลอด คนอะไรวะน่ารักไปหมดทุกการกระทำขนาดนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้ฟัดมันแบบที่ผมไม่ต้องกังวลกับสถานะที่ยังค้ำคออยู่ตอนนี้

“พูดมากไอ้สัด ไปแต่งตัวไป กูเช็ดต่อเอง”

ผมหัวเราะให้กับการแก้อาการขัดเขินของอีกฝ่าย ก่อนตัดสินใจรั้งใบหน้าน่ารักให้เงยขึ้นมามองกันอีกครั้ง ก่อนจะร้องขอในสิ่งที่ทำให้คนฟังหน้าแดงอีกรอบ

“ขอหอมแก้มทีได้ป่ะ”

สระอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะตกใจที่ผมขออะไรแบบไม่ทันได้ตั้งแต่ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็พยักหน้าให้ ผมก็เลยยิ้มกว้าง โน้มลงไปฟัดแก้มขาวทั้งสองข้างสลับไปมาหลายรอบจนอีกฝ่ายดิ้นขลุกขลัก

“ไอ้เหี้ยนะ~ หอมเยอะเกินไปแล้วไอ้ฟัก!”

“ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าขอหอมกี่ที”

“พอแล้วไอ้เวร ไปแต่งตัว!”

ผมหัวเราะส่งท้ายแล้วยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ เดินไปแต่งตัวแต่ปากก็เอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังคาใจ เหลือบมองปฏิกิริยาคนโดนถามไปด้วยว่ามันจะเลิ่กลั่กใส่เพราะไม่อยากตอบหรือเปล่า

“คุยอะไรกับเกรซวะ”

สระชะงักอย่างที่ผมคิด ก่อนมันจะไหวไหล่ “เรื่องทั่วไปอะ”

“เหรอ ถึงกับต้องปรึกษามัน กูว่าไม่ทั่วไปแล้วมั้ง”

“...”

“ทำไมมีอะไรไม่ปรึกษากูอะ กูอยู่กับมึงตลอดเวลาหรือเปล่าวะสระ” ผมหันไปพูดกับอีกฝ่ายตรงๆ จะหาว่าผมงี่เง่าก็ได้แต่ผมก็แอบน้อยใจนะที่มันไม่เห็นผมมาเป็นอันดับในเวลาที่มันมีปัญหาน่ะ

“คือกู...” สระเม้มปาก ดูหน้ามันก็รู้ว่าลังเลที่จะพูด “คือวันนี้กูไปเจอน้อง...”

ติ๊ง

เสียงแชตเด้งแจ้งเตือนดังขึ้นขัดจังหวะเราทั้งคู่ และผมคงจะปล่อยผ่านถ้าไม่ใช่เพราะมันคือแชตของผมและคนที่ทักมาคือน้องพลอย อะไรอีกล่ะวะ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจอีกแล้ว

ผมคว้าสมาร์ตโฟนมากดอ่านข้อความ แต่พอน้องเขาส่งแชตมาเพื่อบอกแค่ว่าขอเลื่อนเป็นห้าโมงเย็นได้ไหมเพราะเที่ยงไม่ว่างแล้ว ผมก็เลยตอบกลับไปว่าได้แล้วจบกัน เฮ้อ นึกว่าจะต้องหาทางตื๊อให้น้องมันยอมรับของคืนไปซะอีก

หันมาอีกทีเพราะคิดจะคุยกับสระให้รู้เรื่อง แต่ผมก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้างอใส่จนอะไรที่จะหลุดออกไปจากปากถึงกับชะงักค้างอยู่กลางลำคอ อะ...อะไรวะ เหมือนสระไม่พอใจอะไรผมเลยแฮะ รึเปล่า?

“สระ...”

“กูนอนแล้วนะ ฝันดี”

“อ้าวเฮ้ย เดี๋ยวก่อนดิสระ!”

ผมขยับเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ไอ้ดื้อก็ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ผม เป็นสัญญาณว่าไม่อยากคุยและจะนอนจริงๆ และแม้ว่าผมจะอยากเคลียร์ให้รู้เรื่องมากแค่ไหน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่สระแสดงอาการว่าไม่พอใจและไม่อยากจะคุย ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เขาใจเย็นลง

นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?


_____________________

พ่อทูนหัวงงเลย ทำไมลูกรักงอนกันได้ 55555 สำหรับตอนที่แล้ว ดีใจที่มีคนอินไปด้วยกันกับเรานะคะ ตอนเขียนก็ด่าฝ้ายไปเยอะ เขียนเองด่าเองนี่ล่ะ 555 บนสังคมมีคนแบบนี้อยู่จริงเนอะ เราก็เคยเจอๆ มาบ้าง ตอนแรกก็โมโห แต่ตอนหลังปลงไปแล้วเพราะจะเปลี่ยนทัศนคติคนในบางเรื่องนั้นยากเกินไป ส่วนตอนหน้าเป็นตอนที่เราอยากเขียนมาก เขียนไปเขินไป ฮื่อ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ ขอคนละเมนต์ได้มั้ย แค่คำว่าน่ารักกกกกกกก ก็ได้ แง T_T


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nineteen - (พ.) : พัดลม (พ่อทูนหัว) [27-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2019 00:00:52
จับมือกันทั้งสองคน แล้วเดินไปเคลียร์กับพลอยเลยไป  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Nineteen - (พ.) : พัดลม (พ่อทูนหัว) [27-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-04-2019 13:58:39
มีคนขี้หึงขี้งอนก็ต้องเข้าใจหน่อยนะพยัญชนะ ส่วนสระก็ได้เวลาที่ต้องชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty - (ฟ.) : แฟน (ฟัด) [29-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 29-04-2019 23:31:34

Twenty

(ฟ.) : แฟน (ฟัด)

 

[สระ]


ผมนอนไม่หลับ

ใช่ ตรงตัวนั่นล่ะ เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ทั้งที่ล้มตัวลงนอนและบอกกับไอ้นะว่าจะนอนแล้ว แต่เอาเข้าจริงผมก็แค่นอนหลับตา แล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังค้างคาลอยวนอยู่ในหัว ทั้งเรื่องที่ไปได้ยินน้องพลอยคุยกับเพื่อนของเธอ คำแนะนำของไอ้เกรซ แล้วไหนจะที่ไอ้นะคุยแชตกับน้องพลอยนั่นอีก

ไม่รู้หรอกว่าคุยอะไรกัน แต่ผมแม่งโคตรไม่ชอบเลยว่ะที่เห็นมันคุยกับคนที่เป็นประเด็นค้างใจผมอยู่ตั้งแต่เมื่อวานอะ ตอนแรกผมก็ไม่ทันฉุกคิดหรอกว่าทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้น แต่พอเล่าให้ไอ้เกรซฟัง มันก็บอกว่าผมน่ะ ‘หึง’ ไอ้นะไงล่ะ ไม่มีเหตุผลอื่นหรอกที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้ นอกจากคำนี้คำเดียว

‘มึงหึงมัน เพราะมึงชอบมัน มึงไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมัน’

ก่อนหน้านี้แค่ไอ้นะโดนจับก้นผมยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่พอใจและหวงมันอย่างกับอะไรดี แต่กับเหตุการณ์นี้ผมดันมืดแปดด้านไปซะดื้อๆ ไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังหึง กำลังรู้สึกแย่เมื่อเห็นว่าคนที่ผมแคร์มากโดนคนอื่นจับจ้องและหวังจะจับจอง

ตลกเป็นบ้าเลย ทำไมผมถึงคิดไม่ออกกันนะ จู่ๆ ก็เกิดโง่ขึ้นมาจนรู้ไม่เท่าทันความรู้สึกตัวเองหรือยังไง นี่หรือเปล่าที่คนชอบพูดกันว่าความรักทำให้เราตาบอด ผมว่าผมใกล้เคียงกับอาการนั้นมาก แต่ไม่ใช่ตาที่บอด เป็นสมองต่างหากที่ดันอ๊องขึ้นมาซะได้

และเพราะนอนไม่หลับ เช้าวันนี้ผมก็เลยตาโหลลึก ขอบตาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่ควรจะตื่นจนไอ้นะยังแปลกใจ เพราะปกติมีแต่มันต้องปลุกผมไปเรียน แต่นี่ดันกลายเป็นผมปลุกมัน

“ทำไมตาเป็นแบบนั้น”

“ตาเป็นอะไร กูไม่มีตา ตากูตายไปนานแล้ว”

“ไม่ตลกเลยสระ นะหมายถึงขอบตาสระอะ ทำไมมันคล้ำขนาดนั้น เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”

ผมหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้นของอีกฝ่าย “หลับๆ ตื่นๆ อะ ฝันร้าย”

“หือ? ฝันอะไร”

ไอ้นะเดินเข้ามาใกล้ผม จับแก้มผมแล้วบังคับให้หันไปสบตามัน ก่อนปลายนิ้วเรียวยาวของมันจะเลื่อนมาลูบที่ใต้ตาผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน

ผมมองอีกฝ่ายในระยะใกล้ชิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ผมกลับคิดว่ามันแตกต่างจากทุกครั้ง ผมอาจจะเคยใจเต้นแรงเวลาโดนไอ้นะสัมผัสแบบนี้ แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันเต้นจนแทบหลุดออกมาจากอก และราวกับมีอะไรบางอย่างบินวนอยู่ในท้องของผมเหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้

รู้ตัวอีกทีผมก็เป็นฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้าไปแนบชิดเพื่อนสนิทมากขึ้นกว่าเดิม ลมหายใจของเรารินรดกันและกัน ก่อนริมฝีปากผมจะประกบเข้ากับอวัยวะเดียวกัน ความนุ่มนิ่มที่ผสานเข้าหากันพาให้หัวใจผมสั่นไหวรุนแรงหนักขึ้นกว่าเดิม

เป็นแค่การแนบจุมพิตแผ่วเบา...ผมผละออกห่างเพื่อมองปฏิกิริยาและสีหน้าของไอ้นะให้ชัดๆ และผมเห็นประกายความแปลกใจระคนชอบใจจากดวงตาของอีกฝ่าย

“ถามกูใหม่สิ”

“หา?”

ผมอมยิ้มเมื่อไอ้นะเหมือนจะยังมึนงง “เมื่อกี้มึงถามกูว่าอะไร ถามใหม่ดิ”

“อ๋อ เอ่อ...” ไอ้หน้าหล่อเด๋อๆ ด๋าๆ ไปชั่วขณะ กว่ามันจะเอ่ยออกมาได้ก็ผ่านไปเป็นนาที “กูถามว่ามึงฝันร้ายเรื่องอะไร”

ผมยิ้มกว้างเลยคราวนี้ อดใจไม่ไหวอยากออดอ้อนอีกฝ่ายขึ้นมา เลยเขี่ยปลายจมูกตัวเองเข้ากับจมูกของไอ้นะเล่น ทำเอาคนถูกผมอ้อนเบิกตาโต...อะไรวะ ผมออกจะอ้อนมันบ่อย ยังไม่ชินอีกหรือไง หึ :)

“กูฝันว่ากำลังจะเสียมึงไป”

“..!”

“ไม่ชอบเลยว่ะความฝันแบบนี้”

พยัญชนะดูจะตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่ผมพูดออกไป เขามองผมตาโตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมือหนาเปลี่ยนมาจับต้นคอผมแทนข้างแก้ม ดันให้หน้าผากเราแนบสนิทกัน ก่อนเจ้าตัวจะจุ๊บปากผมเบาๆ แล้วยิ้มกว้าง

“มึงไม่มีวันเสียกูไปหรอก เพราะต่อให้มึงไล่กู”

“...”

“กูก็ไม่มีวันไปจากมึง”

ผมตอบแทนคำพูดของไอ้นะด้วยการจูบมันอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ดูดดื่มและลึกซึ้งกว่าเดิม

นี่ไม่ใช่การจูบกันครั้งแรก และไม่ใช่การจูบกันครั้งสุดท้ายด้วย ผมแน่ใจเลยล่ะ

 

เรามาเรียนคาบเช้าตอนเก้าโมง คลาสแรกของวันกลางสัปดาห์คือวิชาเลือกเสรี ผมก็เลยไม่รู้สึกเครียดเท่าไหร่ถ้าเกิดจะแอบงีบหลับสักชั่วโมง ไม่ได้หมายความว่าวิชานี้ไม่สำคัญนะครับ แต่เพราะว่ามันคือวิชาที่ไม่เคร่งเครียดเท่าวิชาเอก ผมก็เลยสบายใจได้บ้างว่าสามารถไปอ่านเอาเองย้อนหลังได้

“หน้ามึงโคตรโทรมเลยไอ้หระ โดนไอ้นะจัดหนักมาเหรอวะเมื่อคืนนี้”

ไอ้พีทักทายกันด้วยคำพูดไม่เข้าหู ถ้าเป็นทุกทีผมคงด่าพ่อมันไปแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้ครับ วันที่อารมณ์ผมไม่คงที่เพราะมีเรื่องคาใจ และเป็นวันที่ผมนอนไม่พอจนไม่อยากจะพูดคุยกับใครด้วย แค่เปิดปากก็เหนื่อยแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดจะฉะกับมันสักคำสองคำไม่ได้ว่า...

“ถ้าจัดหนักกันจริงๆ วันนี้กูคงไม่ได้มาเรียนมั้ยล่ะ”

“...” เพื่อนทั้งสี่คน (ที่หนึ่งในนั้นเป็นมากกว่าเพื่อนสำหรับผม) ถึงกับนิ่งงันแล้วมองหน้าผมเหมือนเห็นตัวประหลาด แถมพวกมันยังกะพริบตาปริบๆ ราวกับไม่ได้แน่ใจว่าไอ้ที่ได้ยินไปนั้นถูกต้องหรือไม่

“เป็นบ้าอะไรอีก งงเหี้ยไรกัน” ผมด่า

ไอ้ยูขยับเข้ามาหาแล้วโบกมือผ่านหน้าผมไปมา “นี่มึงใช่ไอ้สระจริงป่ะวะ?”

“ก็กูดิ เห็นเป็นหน้าพ่อมึงเหรอ”

“แต่เมื่อกี้ที่หลุดออกมาจากปากมึงเหมือนไม่ใช่คำพูดที่ควรเป็นของมึงอะ” ไอ้เจ็มเสริม

ผมถอนหายใจ “พอกูเล่นด้วยก็มาทำงง ทำไม? กูจะตบมุกแทนด่าพวกมึงบ้างไม่ได้รึไง?”

ไอ้พีเป็นคนแรกที่หลุดหัวเราะลั่น มันตบบ่าผมปั้กๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ขณะทีไอ้เจ็มนะเป็นคนต่อมาที่หัวเราะขำ มันส่ายหน้าให้กับการละเล่นของพวกเราแล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะเรียนมุมประจำ

ไอ้เจ็มยังคงกะพริบตา ส่วนไอ้ยูตบมือแปะๆ แล้วพูดแค่ว่า “เพื่อนเราไม่เขินอายเวลาโดนแซวแล้ว แปลว่ามันกำลังจะได้เสียกันในไม่ช้านี้แน่นอน”

ไอ้!

ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ยู ทำท่าจะเขกมะเหงกลงหัวมันแต่เจ้าตัวก็ฉากหลบแล้วเดินหนีไปนั่งที่ ทิ้งให้ไอ้เจ็มตาโตแล้วเอ่ยถามเสียงเกือบดังลั่นห้องเรียน

“นี่เมื่อคืนมึงกับไอ้นะได้กัน...อุ๊บ!”

“ตะโกนทำห่าไรไอ้ฟัค!” ผมตบปากมันเต็มแรง ก่อนจะลากคอมันให้เดินตามไปนั่งที่บ้าง “เงียบปากไปเลย กูกับมันได้กันเมื่อไหร่มึงได้รู้แน่ แต่เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกันโว้ย!”

ทันทีที่ผมพูดจบ ทุกคนก็พากันอึ้งค้างอีกรอบ ส่วนไอ้นะนี่ถึงกับหน้าแดงเลยอะ อะไรวะ เต๊าะกูได้เต๊าะกูดี แต่พอเจอกูพูดสองแง่สองง่ามบ้างทำมาเขิน ใช้เหรอออ มันใช่เหรอครับคุณครับบบ

“สระนั่งลงสักทีดิ” จู่ๆ ไอ้นะก็พูดขึ้น เล่นเอาผมเอ๋อแดก อะไรวะ? “เชือกรองเท้ามึงหลุด”

ผมก้มมองก็เห็นว่าหลุดจริง เลยนั่งลงกะว่าจะผูกเอง แต่ไอ้นะดันแย่งทำแทนซะงั้น...มันเดินมาทรุดลงนั่งตรงหน้าผม จัดการผูกเชือกรองเท้าให้ผม และการกระทำของมันกำลังจะทำให้ผมหัวใจเต้นแรง มันเอาใจใส่ผมอยู่เสมออันนั้นผมรับรู้มาโดยตลอด แต่การถูกผูกเชือกรองเท้าให้มันออกจะพิเศษมากเกินไป

มากจนทำให้ผมมีความสุขจะตายอยู่แล้วเนี่ย!

 

ผมสบายใจขึ้นเยอะหลังจากใช้เวลาตกผลึกความคิดตัวเองตลอดเช้า และตัดสินใจได้แล้วด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อไป กะว่าเย็นนี้ถ้าไอ้นะเคลียร์กับน้องพลอยเสร็จ ผมจะทำทุกอย่างระหว่างเราให้ชัดเจน

เป็นผมที่ไม่กล้าข้ามผ่านคำว่าเพื่อน ให้ได้แค่สถานะมากกว่าเพื่อน จนมีคนอื่นเข้ามาและทำเหมือนอยากจะแทรกกลางระหว่างเรา มันเลยทำให้ผมคิดได้ว่าผมควรแสดงออกให้มากกว่านี้ ก่อนที่ใครจะมาแย่งมันไปจากผม

ค่อนข้างจะเป็นความคิดที่เชื่องช้าและฟังดูเห็นแก่ตัวเนอะ ก็ผมน่ะปล่อยเวลาให้มันไหลผ่านเพราะคิดว่าระหว่างเรามันเป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าอะไรที่เรามองว่าดีมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และความอดทนของคนเรามีจำกัด วันนี้ไอ้นะบอกว่าชอบผมมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตมันจะไม่หมดความอดทนในการชอบผม

ตกเย็นหลังเลิกเรียน ผมกับไอ้นะแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพราะพวกมันจะเป็นเกมเซนเตอร์กัน แต่ไอ้นะมีนัดกับน้องพลอยก็เลยไปด้วยไม่ได้ ส่วนผมไม่อยากไปเพราะอะไรทุกคนก็น่าจะรู้ดี

ใครจะไปยอมให้คนของเราไปเจอกับผู้หญิงที่เข้ามาชอบเขากันล่ะ

“นัดเจอกันที่ไหนวะ?” ผมถาม

“ร้านน้ำเจ้าประจำของเราอะแหละ”

ผมชะงัก...ฉิบหาย นัดที่ไหนไม่นัด ดันนัดกันในสถานที่ที่เพิ่งสร้างความทรงจำแย่ๆ ให้ผมเมื่อวานเนี่ยนะ? เฮ้อ แต่จะโทษมันก็ไม่ได้ ก็มันไม่รู้นี่นาว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง

“งั้นกูไปรอที่ใต้ตึก...”

“ไปกับกูดิวะ จะทิ้งกันเหรอ” ไอ้หน้าหล่อรั้งแขนผมเอาไว้ไม่ยอมให้เดินหนี แถมยังมาทำตาลูกหมาอ้อนใส่อีก ถึงมันจะอ้อนผมไม่บ่อย แต่อยากให้รู้ไว้ว่าผมก็แพ้ลูกอ้อนมันเหมือนที่มันก็แพ้ทางผมนั่นล่ะ

“ไม่อาววว” ผมตอบ เริ่มใช้กลยุทธงอแงใส่มันบ้าง แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้ยื้อยุดกันไปมากกว่านี้ เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกเข้ามาขัดซะก่อน

“เอ่อ พี่ชนะคะ”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ก็เจอเข้ากับน้องพลอยและผองเพื่อน พวกเธอมองผมแบบกระอักกระอ่วน คงทำตัวไม่ถูกเพราะเมื่อวานผมดันไปได้ยินอะไรดีๆ จากพวกเธอมาซะเยอะ และก่อนที่มันจะเด๋อด๋าไปมากกว่านี้ ผมว่าผมควรพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว

“กูไปรอใต้ตึกนะ เห็นไอ้เกรซแวบๆ ว่าจะไปคุยอะไรกับมันหน่อย”

“เอางั้นเหรอ?”

“อือ เสร็จแล้วก็โทรมาละกัน” ผมตัดบท ยิ้มให้มันกับน้องๆ อีกเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินหนี แต่...

“เอ่อ พี่สระคะ”

ผมลอบกลอกตา เรียกกูทำไมอี๊ก! ไม่อยากคุยด้วยเว้ย!

ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็ยังหันกลับไปมองคนเรียกอยู่ดี อ่า รู้สึกว่าน้องคนนี้จะชื่อนุ้ยป่ะวะ? หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ “ครับ มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ?”

“คือเรื่องเมื่อวานน่ะค่ะ” น้องพลอยเป็นคนเอ่ยขึ้น หน้าเจื่อนหนักมากจนผมล่ะสงสาร “ขอโทษด้วยนะคะที่พูดจนไม่ดี เพื่อนพลอยไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ มันก็แค่...”

“ไม่เป็นไรครับ!” ผมโพล่งแทรก หลบตาไอ้นะที่มองมาเหมือนจะถามว่าเรื่องอะไรกัน “พี่ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเรื่องจริงเป็นยังไงพี่รู้ดีอยู่แล้ว ไม่เก็บมาคิดหรอกครับ เอ่อ พี่ไปนะ คุยกันตามสบายเลย”

แล้วผมก็หมุนตัวก้าวเท้าไวๆ เดินหนีมาก่อนที่จะถูกรั้งเอาไว้อีก หลังจากไอ้นะกลับมาผมต้องโดนคาดคั้นยกใหญ่แน่เลย พวกน้องมันแม่งก็กล้ามาพูดกันตรงๆ แฮะ ผมไม่คิดว่าจะได้รับคำขอโทษด้วยซ้ำ แต่ก็ดันได้ แถมได้ต่อหน้าคนที่ไม่อยากให้รู้เรื่องมากที่สุดด้วย

“สระ!”

“เกรซ!” ผมถลาเข้าไปหาเพื่อนหญิงพลังแกร่งประจำสาขาวิชาของเราด้วยสีหน้าเหยเก พอมันเห็นหน้าผมก็ดึงไปนั่งข้างๆ แล้วถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยเล่าให้มันฟังไปจนหมด ก่อนตบท้ายด้วย “กูจะทำไงดีวะ ไม่อยากให้ไอ้นะมันรู้อะว่ากูไปได้ยินอะไรมาบ้าง”

“แต่กูว่ามึงบอกไปเถอะ ไหนๆ มึงก็จะเคลียร์ใจกันแล้วนี่” เกรซหลิ่วตามองอย่างล้อเลียน ก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้นยืน “ไปดีกว่า ไปแอบดูกัน”

“ห๊ะ? แอบดูอะไร!?”

“แอบดูไอ้นะกับยัยเด็กพลอยอะไรนั่นไง”

“เฮ้ย ไม่เอา!” ผมยื้อฝีเท้าไม่ยอมก้าวต่อ แต่แรงไอ้เกรซอย่างเยอะ มันรวบรวมพลังแล้วกระชากทีเดียวผมปลิวตามมันไปห้าก้าว ไอ้เหี้ยยย แรงเยอะเกินไปแล้วเกรซ!

“ไปเถอะน่า เผื่อยัยเด็กนั่นลวนลามผู้ชายของมึงจะได้เข้าไปขัดได้ทัน”

“แต่กูไม่อยาก...”

ราวกับทั้งโลกหยุดหมุน ในตอนที่ผมกำลังจะแย้งไอ้เกรซก็ลากผมมาจนถึงหน้าคณะซะแล้ว แถมยังได้เห็นว่าไอ้นะกำลังกอดกับน้องพลอยอะไรนั่นอยู่...ผมกะพริบตาปริบ อึ้งงันกับสิ่งที่เห็นจนทำอะไรไม่ถูก ปลอบตัวเองว่าก็แค่กอด อย่าคิดมากดิวะ แต่พอเห็นไอ้นะโน้มหน้าลงไปใกล้น้องพลอยมากขึ้นจนดูเหมือนกำลังจะโดนหอมแก้ม ใจผมก็สั่นไหวอย่างรุนแรง รู้สึกขาอ่อนแรงแทบทรุดลงพื้น

“เฮ้ย!” เกรซร้องเสียงหลง หลงจนทำให้คนแถวนี้ได้ยินกันหมด รวมไปถึงไอ้นะด้วย

เพื่อนสนิทที่ผมโคตรหวงหันมามอง ผมไม่รู้ว่าผมทำสีหน้าแบบไหน แต่มันทำให้ไอ้นะลนลานจนถึงกับรีบผลักน้องพลอยออกแล้ววิ่งมาหาผม แต่ผมไม่พร้อมจะสบตามันตอนนี้ ผมก็เลยก้มหน้าหลบ มองพื้นเสมือนว่าที่ตรงนั้นมีอะไรให้มองมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ของมัน

“สระ”

น้ำเสียงนุ่มนวลที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายทำให้ผมเม้มปากแน่น ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น รู้ตัวอีกทีผมก็โดนจูงพาไปขึ้นมอ’ไซค์ใครก็ไม่รู้ โดยมีไอ้นะเป็นคนขี่...ได้ยินมันบอกให้จับเอวมันไว้ดีๆ จากนั้นรถก็ออกตัวเคลื่อนจากมหา’ลัยมาจนถึงหอพักของเรา

และตลอดทางผมก้มหน้าไม่สบตาใครเหมือนเดิม

ความรู้สึกของผมมันตีกันมั่วไปหมด รู้สึกว่ามันทุเรศเกินไปไหมที่ผมจะมาอ่อนไหวกับสิ่งที่เห็น มากมายซะจนน้ำตาเอ่อออกมาซะงั้น ผมไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายนะเว้ย แต่ไหงดันมาเป็นเอาตอนนี้ได้วะ

เข้ามาถึงในห้องผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งบนเตียงนอน โดยมีไอ้นะนั่งอยู่ด้านหลังแล้วโอบเอวเอาไว้ ไม่ได้แน่นหรือหลวมจนเกินไป ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองมัน

“สระ คุยกับนะหน่อยสิ เป็นอะไรครับ หึ?” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่แม่งเสือกไหลซะงั้น แล้วจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะมันดันหยดลงไปโดนแขนไอ้นะที่กอดเอวผมอยู่ไม่ยอมปล่อย “สระครับ โธ่”

“...”

“ร้องไห้ทำไมครับดื้อ"

ผมเม้มปาก ยอมเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหมุนตัวไปมองคนด้านหลัง ไอ้นะก็เหมือนจะรู้ว่าถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้ว มันก็เลยขยับตัวนั่งให้ถนัด และไม่ลืมจับผมให้หันมาสบตากันตรงๆ ด้วย ไอ้ห่า ล็อกกูไว้ทุกทางเลย กะไม่ให้กูหนีเลยอะ

“ไอ้นะ”

“ครับ ว่าไง ร้องไห้ทำไมบอกนะสิครับ”

ผมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เอาวะ ถึงเวลาที่ต้องพูดแล้ว เลิกขี้ขลาดสักทีไอ้สระ

“นะ” ผมจับมือมันไปกุมเอาไว้แน่น อีกมือปาดน้ำตาออก ดีนะร้องไห้ไม่เยอะ แค่น้ำตาไม่กี่หยด น่าขายหน้าชะมัด "พอกูรู้ตัวว่ากูชอบมึง กูก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งมึงไปอะ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้มึงด้วย"

"..."

"มึงเป็นของกูป่ะวะ"

ไอ้นะฉีกยิ้มกว้าง ผมอยากจะต่อยมันสักทีที่ดันมายิ้มตอนที่ผมกำลังเครียด แต่ก็ทำไม่ลงเพราะที่พูดไปใช่ว่าจะไม่เขิน แล้วยิ่งเขินเข้าไปอีกด้วยเมื่อจู่ๆ ไอ้นะก็ก้มลงมาหอมแก้มผมรัวๆ ไอ้เหี้ยยย มาฟัดกูเฉย ขออนุญาตกูยัง!

"ครับผม นะเป็นของสระคนเดียวเท่านั้นครับ” มันพูดออกมาก่อนที่ผมจะได้ผลักหน้ามันออกห่าง เล่นเอาผมนิ่งงัน ปล่อยให้มันใช้มือเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่ยังเปียกหางตาออกให้ผมไปด้วย "ชอบสระมาตั้งนาน นะจะไปชอบคนอื่นได้ยังไง ยิ่งตอนนี้สระก็ชอบนะเหมือนกัน นะยิ่งทิ้งสระไปไหนไม่ได้เข้าไปใหญ่"

"มึงแม่ง"

"ครับ นะทำไมเหรอ? นี่ไง โอ๋แล้วนะ ไม่ร้องๆ"

"กูจะไม่ทนเห็นใครเข้ามาวอแวมึงอีกแล้วนะ" ผมบอก จ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง “กูชอบมึง”

“อืม นะก็ชอบสระเหมือน...”

"เป็นแฟนกันเหอะ"

"..!"

"ตอนนี้เลย"



_____________________

เป็นแฟนกันได้แล้วโว้ยยย //เสียงตะโกนจากกองเชียร์

55555 ชื่อเรื่องน่ะ สระของพยัญชนะ แต่ความเป็นจริงคือพยัญชนะต่างหากที่เป็นของสระ งุ้ยๆ ตอนหน้าไปเดตกันนน แต่ก่อนไปต้องเคลียร์ก่อนนะทำไมนะไปกอดกับยัยน้องพลอยได้ หึ!

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty - (ฟ.) : แฟน (ฟัด) [29-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 30-04-2019 00:05:52
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty - (ฟ.) : แฟน (ฟัด) [29-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-04-2019 00:38:57
เขาขอเป็นแฟนกันแล้ว นับนิ้ว นับวันที่จะเสียตัว  :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty - (ฟ.) : แฟน (ฟัด) [29-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 30-04-2019 11:36:40
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

รีบเคลียร์เดี๋ยวนี้เลย
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty - (ฟ.) : แฟน (ฟัด) [29-04-19]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 30-04-2019 20:41:57
ไม่คิดจะอธิบายเรื่องพลอยให้เข้าใจหน่อยหรอนะ :ruready
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-one - (ภ.) : ภัตตาคาร (ภาษากาย) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-05-2019 00:34:17

Twenty-one

(ภ.) : ภัตตาคาร (ภาษากาย)

 

[พยัญชนะ]


ผม...กำลังคิดว่าบางทีตอนนี้ตัวเองอาจจะกำลังฝันอยู่ แต่ถ้ามันเป็นฝัน...ก็จะเป็นความฝันที่สมจริงมากทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส

รูปที่ผมกำลังเห็นคือใบหน้าของสระจ้องมองมาทั้งที่ดวงตายังเปียกชื้นนิดๆ จากหยดน้ำ

รสที่ผมได้รับคือรสชาติหวานๆ ในอก เป็นรสทางความรู้สึกที่กำลังตีตื้นขึ้นมาในตัวผม

กลิ่นที่หอมอบอวลอยู่ตรงปลายจมูก เป็นกลิ่นโคโลญที่สระใช้และผมจำมันได้ขึ้นใจ

เสียงที่เพิ่งลอยมาเข้าหูผม เป็นถ้อยคำที่ทำให้ผมใจเต้นแรงแทบบ้าคลั่ง

และสัมผัสของมือนุ่มที่วางทาบอยู่บนบ่าของผม

 

เป็นแฟนกันเหอะ

ตอนนี้เลย


 

ใครก็ได้ตบหน้าผมสักที ให้แน่ใจว่าผมไม่ได้กำลังหลับ นี่ผมตื่นอยู่จริงๆ น่ะเหรอ

“ว่าไงไอ้นะ จะเป็นมั้ยแฟนกันอะ!?”

พอเห็นผมเงียบไม่ตอบสักที สระก็เริ่มงอแงใส่ มันเขย่าตัวไปมา และผมรู้ว่ามันกำลังประหม่าเพราะมันมักจะทำแบบนี้แค่เฉพาะเวลาแบบนั้นเท่านั้น...ผมเปิดปากพูด และไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ได้ว่าสีหน้าตัวเองกำลังเหวอขนาดไหน

“นี่เรื่องจริงใช่ป่ะวะ?”

“เออสิวะไอ้เวรเอ๊ย!” สระตะโกนโวยวาย ก่อนมือมันจะตบหัวผมเข้าเต็มๆ หนึ่งที เล่นเอาผมสะดุ้ง...เฮ้ย! ไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย! ผมเจ็บหัวตรงที่โดนตี นั่นแปลว่าผมไม่ได้กำลังนอนหลับแล้วฝันไปเอง

“สระ~” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม รั้งตัวมันเข้ามากอดแน่น แถมฟัดแก้มมันไปอีกหลายๆ ทีด้วย ไม่ไหวครับ ผมกำลังจะตายเพราะต้านทานความน่ารักของสระไม่ไหว ทำไมไอ้ดื้อมันน่ารักจัง น่ารักมากเกินไป น่ารักเท่าโลก น่ารักจนไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักของมัน

ให้ตาย นี่ผมพูดคำว่าน่ารักไปกี่คำแล้วเนี่ย!

“โอ๊ย! ไอ้นะ! หยุดหอมแก้มกูได้แล้วโว้ยยย”

“อยากหอมเยอะๆ มึงน่ารักเกินไปแล้วสระ กูจะหัวใจวายตายเพราะความน่ารักของมึงแล้วเนี่ย” ผมบอกออกไปตรงๆ และนั่นทำเอาคนที่กำลังดิ้นหนีถึงกับนิ่งงัน ใบหน้าน่ารักสำหรับผมแต่หล่อสำหรับคนอื่น แดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“มะ มึงก็พูดเกินจริงไปแล้วไอ้สัด”

“กูพูดความจริงต่างหาก อย่าน่ารักไปกว่านี้เลยนะกูขอ” ผมแนบแก้มตัวเองกับหน้าผากมน ก่อนจะโยกตัวไปมาเหมือนกำลังกล่อมเด็กน้อยให้หายตื่นกลัว “แค่นี้กูก็หลงความน่ารักของมึงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

สระไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา เขาทำแค่...ซุกหน้ากับอกของผมแล้วร้องครางหงุงหงิงๆ เหมือนลูกหมากำลังโวยวายใส่เจ้าของ และมันน่ารักมากๆ อีกแล้ว โอย ผมจะบ้าตายแล้วนะ เมื่อไหร่จะหยุดน่ารักกันล่ะเนี่ยไอ้ดื้อ!

“ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ป่ะวะ?” ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้

เท่านั้นล่ะสระเงยหน้าขวับขึ้นมามองกันทันที “กูถามมึงว่าเป็นแฟนกันมั้ยตอนนี้เลย แต่มึงก็ยังไม่ตอบกูอะ แล้วตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วหรือยังล่ะ”

“เป็น!” ผมโพล่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับคำยืนยันที่หนักแน่น “เป็นแฟนกัน!”

“โอเค เป็นแฟนกันแล้วนะ?”

“ใช่ครับ เราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว : )” ผมย้ำ

สระยิ้มกว้าง มันเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาหาแล้วจุ๊บลงมาเบาๆ ที่ปลายจมูกของผม เล่นเอาผมแทบไหลลงไปตายบนพื้นเพราะความฟินและความเขิน บทจะรุกใส่ผม ไอ้ดื้อก็เล่นซะผมไปไม่เป็นเลยว่ะ

“มึงหน้าแดงนะ” สระพูดขึ้นพลางหลิ่วตาล้อเลียน

ผมรัดแขนกอดมันแน่นขึ้น “เพราะสระไงนะถึงได้เป็นแบบนี้”

คนโดนหยอดเสตาหลบไปมองทางอื่น เป็นท่าทีประจำตัวเวลาเขินแล้วไม่กล้าสู้หน้า แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็หันกลับมามองกันตาขวาง ทำเอาผมเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจเลยทีเดียว

“งั้น...ในเมื่อเราเป็นแฟนกันแล้ว” สระเกริ่นขึ้น และเจาะตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม “ไหนอธิบายมาดิว่าทำไมไปกอดยัยน้องพลอยอะไรนั่นได้วะ!”

อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่กูกำลังจะแยกกับน้องเขา หลังจากเคลียร์กันจบแล้วว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับน้องและมีคนที่ชอบแล้ว แต่ตอนที่น้องจะเดินกลับคณะก็ดันสะดุดชายกระโปรงตัวเองแล้วเซล้มมาทางกู กูก็เลยช่วยคว้าเอาไว้ได้ทัน มันก็เลยดูเหมือนกอดกันล่ะมั้ง เพราะกว่าน้องจะตั้งหลักกลับมายืนได้ก็เป็นนาทีอยู่เหมือนกัน แล้วมึงก็ดันมาเห็นพอดี”

“...”

“มึงอย่าเข้าใจผิดนะเว้ย กูไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาจริงๆ”

“แล้วที่จะหอมกันนั่นอีกล่ะ!?” สระยังคงถามต่อ แววตาของมันคบกริบมากยามมองสบตาผม เหมือนว่ามันพร้อมจะขย้ำคอผมถ้าคำตอบของผมไม่ถูกใจมัน แต่เดี๋ยวนะ...

“เฮ้ย! ไม่ได้หอม เอาอะไรไปหอมวะ มึงมองผิดแล้ว”

“มองผิดเหี้ยไร ก็มึงก้มหน้าลงไปหาน้องเขาอะ เหมือนจะหอมแก้มกันเลย”

“ไม่ได้หอมจริงๆ คงเป็นตอนกูก้มลงไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่ามากกว่า” ผมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น สระเงียบไปและทำหน้าลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าควรเชื่อดีหรือไม่ ผมเลยยืนยันอีกครั้ง “สาบานได้เลยสระ แล้วคนเดียวที่กูอยากหอมแก้มก็มีแต่มึงด้วย กูจะไปหอมแก้มคนอื่นได้ไง”

สระหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ เขาพยายามลุกออกห่างจากอ้อมแขนของผม แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะยอมปล่อยให้ไอ้ดื้อมันลุกหนีไปง่ายๆ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“แล้วเมื่อวานที่มึงคุยกับน้องพลอยแล้วยิ้มอะ...”

ผมขมวดคิ้ว นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็จำไม่ได้หรอกว่าเป็นตอนไหน แต่คำตอบที่ผมมีให้สระได้คงเป็น... “กูน่าจะยิ้มเพราะดีใจที่น้องเขายอมรับผ้าเช็ดหน้าคืน แต่เดี๋ยวนะ? ที่มึงจู่ๆ ก็ดูโกรธๆ แล้วรีบนอนเพราะโกรธกูเรื่องนี้เหรอ?”

“...”

“แล้วที่โมโหตอนนี้คือหึงกูใช่ป่ะ ที่ร้องไห้ก็เพราะหวงกูใช่มั้ยไอ้ดื้อ!”

สระต่อยไหล่ผมซะหลายทีก่อนจะตอบ “ก็เออดิวะ พอกูคิดว่าจะมีใครมาทำให้มึงเปลี่ยนใจไปจากกู กูก็เกิดหวงมึงขึ้นมา ไม่อยากให้ใครได้มึงไป กูแม่งคิดช้าเองแหละ มัวแต่กลัวอะไรก็ไม่รู้ พอรู้สึกว่าอาจจะเสียมึงไปในสักวัน กูก็เลยกลัวขึ้นมา แล้วยิ่งไปเห็นมึงกอดหอมกับน้องพลอยอะไรนั่น น้ำตาแม่งมาได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกตัวเองโคตรกากเลยไอ้ฉิบหาย ร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“สระ~~ มึงน่ารักใส่กูอีกแล้ว” ผมบอกพลางกอดมันแน่นขึ้นอีก “แต่กูดีใจนะที่ได้ยินมึงพูดความในใจออกมา ดีใจโคตรๆ ที่มึงยอมเปิดใจและเป็นแฟนกับกู”

“กู...ก็ดีใจที่ไม่ได้ตัดสินใจช้าไป แต่พูดก็พูดเถอะ ไอ้สะดุดล้มแล้วกอดกับน้องพลอยนั่น แม่งอย่างกับนิยายหรือละครน้ำเน่า มึงแน่ใจนะว่าน้องมันไม่ได้แกล้งใช้มุกแกล้งล้มแบบในละคร?”

ผมหลุดหัวเราะ “ไม่รู้ว่ะ แต่กูเป็นพระเอกไง ถึงเขาจะแกล้งล้มกูก็ต้องรับไว้ก่อนไหมล่ะ”

“จ้า พ่อพระเอก เหอะ นี่ถ้ามีล้มไปจูบกันแบบในละครด้วยกูคงได้กระทืบมึงอะ”

“โห คนโหด พอเป็นแฟนกันแล้วโหดใส่ผมเลยนะครับคุณสระ”

“แน่นอน รู้ไว้เลยนะมึงว่ากูอะขี้หึงมาก”

“งั้นคุณก็ควรรู้ไว้ว่าผมเองก็ขี้หึงมากเหมือนกัน : )”

สระยิ้มกริ่ม “ก็ดี ถือว่าวินวินกันทั้งคู่”

“โธ่เอ๊ย ไอ้ดื้อของกูทำไมน่ารักจังว้า”

“หยุดเรียกกูว่าน่ารักได้แล้วโว้ย!”

...คงยากว่ะ เพราะความน่ารักของมึงฝังรากลึกในสมองและหัวใจกูไปแล้ว เฮ้อ

 

และเพราะว่าเราเป็นแฟนกันได้สักที ผมก็เลยอยากทำให้ความสัมพันธ์ของเราหลังจากนี้มันพิเศษขึ้นบ้าง ผมก็เลยใช้เวลาคิดแผนเดตอยู่นานหลายวัน เปลี่ยนแผนไปแล้วสารพัด เพราะอยากให้เดตครั้งแรกของเรามันน่าประทับใจและเป็นที่จดจำสำหนับสระ

โอเค ที่จริงผมไม่ต้องคิดทำอะไรแบบนี้ก็ได้ เพราะผมรู้นิสัยสระดีว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้เลย เขาพอใจกับในทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน มีกันและกันทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากทำอยู่ดี ถือเป็นการฉลองที่เราได้คบกันก็ได้

แล้วแผนการเดตแรกแบบจริงๆ จังๆ ของเราสองคนก็จบลงตรงที่ผมจะพาสระไปกินอาหารในภัตตาคารหรู ตอนแรกมันไม่ได้อยู่ในความคิดผมหรอก แต่เมื่อวันก่อนสระดูยูทูปแล้วไปเจอแนะนำร้านนี้เข้า เจ้าตัวก็บ่นว่าอยากลองกินดูสักครั้ง ราคาไม่แรงมากด้วยทั้งที่ใช้คำว่าภัตตาคาร ผมก็เลยปิ๊งไอเดียว่าจะใช้ที่นี่แหละเป็นที่เดตของเรา

พอวันเสาร์มาถึงอีกครั้งผมก็ลากสระลุกจากเตียงนอนในตอนบ่ายแก่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีอิดออดเพราะอยากนอนต่อ ทั้งที่ก็นอนๆ ตื่นๆ มาทั้งวันแล้ว แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมไปอาบน้ำแต่งตัว

มันก็ถามผมอยู่หรอกนะว่าจะพาไปไหน แต่ผมบอกไปแค่ว่าเดี๋ยวก็รู้ สระก็เลยบ่นๆ ว่าจะเซอร์ไพรส์แบบที่คนเป็นแฟนกันเขาชอบทำเหรอ ผมก็เลยตอบไปด้วยการหอมแก้มเขาหนึ่งทีแล้วยิ้มหวานให้ แค่นั้นล่ะไอ้ดื้อก็ถึงกับหน้าแดงแล้วไม่ถามอะไรต่ออีกเลย

“เดี๋ยว นี่มึงไปเอารถใครมาเนี่ย” สระถามเมื่อผมพามันมาขึ้นรถยนต์

“ยืมไอ้พีมา” ผมยิ้มให้คนถาม “กูเริ่มคิดแล้วว่าควรมีรถของตัวเอง จะได้พามึงไปเที่ยวได้ง่ายขึ้น”

“ไม่ต้องหรอกน่า กูไปได้หมดแหละต่อให้ต้องโหนรถเมล์ไป ขอแค่มีมึงไปด้วยกูพร้อมลุย”

ผมโอดครวญ “น่ารักใส่กูอีกแล้วนะดื้อ”

“อะไรอีกเล่า ขับรถไปเลยไอ้ควาย พูดมาก”

ผมหัวเราะให้กับคนขี้เขิน แล้วตั้งใจขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงร้านที่ทำการจองโต๊ะเอาไว้ ทันทีที่สระเห็นว่าเป็นที่ไหน เจ้าตัวก็ถึงกับตาโต ก่อนจะหันมามองผมอย่างอึ้งๆ

“นี่มึง...”

“กูเห็นว่ามึงอยากมา เลยพามาไง ถือเป็นเดตแรกหลังเราคบกัน”

สระหน้าแดงแต่ก็ยิ้มกว้าง เขาบ่นอุบอิบถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยิน “ใครกันแน่ที่ชอบทำตัวน่ารักวะ”

ผมไม่ตอบอีกตามเคย ทำเพียงหัวเราะแผ่วในลำคอแล้วพาคนดื้อของผมเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ พนักงานสาวมองเราด้วยสายตาเป็นประกาย ถ้าให้เดาเธอต้องเป็นสาววายแน่ๆ เพราะผู้ชายสองคนมาด้วยกัน จองโต๊ะกินข้าวด้วยกัน เป็นใครก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าแฟนกันแน่ๆ นี่ถ้าเธอถามผมก็จะบอกว่าใช่ทันทีเลยล่ะ ฮะๆ

“ไม่ต้องสั่งอาหารหรอกสระ นะสั่งไว้ให้แล้ว”

“หือ? ถามจริง? เตรียมพร้อมขนาดนี้เลย”

“อืม นะจำได้ว่าสระชอบกินอะไรบ้าง”

คนฟังเม้มปากกลั้นยิ้ม “อย่าทำให้สระอยากยิ้มได้ป่ะนะ รู้สึกดีเหมือนจะตายแล้วเนี่ย”

“ฮะๆ ตายไม่ได้ เดี๋ยวนะเป็นม่ายทำไงอะ”

“ม่ายพ่อง”

“ฮ่าๆๆๆ”

อาหารทยอยมาเสิร์ฟหลังจากเรานั่งได้สิบนาที ผมกับสระผัดกันตักอาหารให้กัน พูดคุยถึงเรื่องต่างๆ เท่าที่จะคิดขึ้นมาพูดได้ มันเป็นมื้อเย็นที่เรียบง่าย ดูไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่ผมเชื่อว่ามันพิเศษสำหรับเราสองคน เพราะผมพาเขามาด้วยใจ และผมรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของผม

บางอย่างก็ไม่ได้ต้องบอกออกไปตรงๆ ด้วยคำพูด แต่แสดงออกให้เห็นได้ด้วยการกระทำ เป็นภาษากายที่สื่อสารกันได้ถ้าตั้งใจมากพอ : )

“อิ่มหรือยังสระ”

“นิดหน่อย แต่อยากได้ของหวานเพิ่ม”

“นะก็ว่าสระต้องอยากกิน เอาอะไรล่ะ?”

“ไหนว่ารู้ไงว่าสระชอบกินอะไร นะก็เลือกมาให้สระสิ” ไอ้ดื้อตอบอย่างน่ารักอีกแล้ว ผมล่ะชอบเวลาเราแทนตัวกันด้วยชื่อ เพราะเจ้าตัวดีของผมจะดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกองเลย

“งั้นกลับห้องกัน”

“อ้าว ทำไมอะ?”

“ก็ไปกินนะไง สระชอบนะไม่ใช่เหรอ” ผมตอบหน้าตาย “กินนะเป็นของหวานได้เลยเนี่ย”

“ไอ้ห่า พอเลย เลิกหยอดมุกใส่กูเดี๋ยวนี้!”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะอีกครั้ง นับๆ ดูแล้วผมหัวเราะเพราะอีกฝ่ายไปกี่ครั้งกันแล้วล่ะเนี่ย แต่ผมมีความสุขมากจริงๆ นะครับที่ได้อยู่กับสระในสถานที่ดีๆ แบบนี้ “นี่ มาถ่ายรูปกันเถอะ”

“เอาดิ อยากถ่ายอยู่พอดี”

สระเป็นฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วตั้งกล้องถ่าย เราจัดมุมให้ตัวเองนิดหน่อย ก่อนได้เป็นภาพผมนั่งมองกล้องจากฝั่งนี้ของโต๊ะ คั่นกลางระหว่างเราด้วยจานอาหารที่เกือบจะหมดแล้วทุกจาน และสระที่กำลังฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง

หลังจากรัวรูปไปหลายรูป สลับกันถ่ายมุมใครมุมมันจนพอใจ ผมก็เลือกรูปหนึ่งมาอัปลงไอจี ไม่ลืมแท็กไปทางเฟซบุ๊คด้วย แคปชั่นไม่ต้องคิดนานด้วยซ้ำ เพราะมันวิ่งวนอยู่ในหัวของผมตั้งแต่เริ่มถ่ายรูปกันแล้ว

 

Dinner with my BF : )



_________________________

เคลียร์แล้วนะว่าทำไมไปกอดน้องพลอย 55555 แล้วก็...เขาประกาศตัวแล้วน้า BF แปลว่าอะไรเอ่ยยย อิอิ เหลืออีกสิบตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ นอกจากท่านเจ้าที่ เราก็ไม่ได้เคยเรื่องไหนยาวเกินสามสิบตอนเลย หลังจากนี้จะไม่เขียนยาวแล้วค่ะ เหนื่อย แง้ 55555 แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-one - (ภ.) : ภัตตาคาร (ภาษากาย) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2019 01:45:49
ต่อไปทำอะไรถามสระก่อนจะทำนะ หนูนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-one - (ภ.) : ภัตตาคาร (ภาษากาย) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-05-2019 20:40:18
ดีมาก อธิบายเคลียร์ๆ o13
เป็นแฟนอย่างเป็นทางการ  :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-two - (ม.) : มีดโกน (เมา) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-05-2019 23:24:11

Twenty-two

(ม.) : มีดโกน (เมา)

 

[สระ]


“จั๊กจี้ว่ะ”

“อะไร?”

ผมเหลือบมองคนที่กำลังขับรถ มือซ้ายของมันกุมมือผมไว้ ส่วนมือขวาหมุนพวงมาลัยด้วยมือเดียว เป็นฉากที่เห็นได้บ่อยๆ ในหนัง แต่พอไอ้นะทำแล้ว...เท่จริงๆ ว่ะ

“ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้อะ โคตรจั๊กจี้เลย” ผมบอกกับมัน และคนฟังก็หลุดขำออกมา

“เดี๋ยวมึงก็ชิน”

“คงงั้น” ผมพยักหน้ารับ กุมกระชับมือหนาที่สอดประสานเข้าหากันแน่นขึ้น ไอ้นะบีบมือผมเล่นไปด้วย และผมก็ทำได้แค่อมยิ้ม จะว่าไปแล้วก็มีความสุขจังเลยแฮะ ปกติระหว่างเรามันดีอยู่แล้วก็จริง แต่มันก็ดีเข้าไปอีกพอสถานะของเราสองคนเปลี่ยนไป

ผมใช้มือข้างที่ว่างกดสารพัดแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาไม่หยุด นับตั้งแต่ที่เราออกจากร้านอาหาร รู้แล้วล่ะครับว่าไอ้นะมันโพสต์อะไรลงไป ซึ่ง...ผมจะน้อยหน้าได้ยังไงล่ะ ก็ต้องโพสต์ลงไปบ้างเหมือนกันสิ จะได้เท่าเทียม :)

ผมกดถ่ายรูปมือของเราสองคนที่จับกันอยู่ ไอ้นะหันมามองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม ปากของมันยิ้มกว้างมาก แทบจะฉีกไปถึงรูหูแล้วมั้งน่ะ

กดอัปรูปใหม่ลงไปในอินสตาแกรม แคปชั่นสั้นๆ แบบที่เรียกว่าสั้นเสียยิ่งกว่าของไอ้นะซะอีก

 

BFF = BFF

 

กดโพสต์แล้วนั่งรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ และไม่ช้าเกินคาด คนแรกที่ทักมาหาผมก่อนก็คือเพื่อนๆ นี่ล่ะ หึ สอดรู้สอดเห็นและช่างเสือกเรื่องคนอื่นเก่งจริงๆ

ผมกดโทรแบบวิดีโอคอลในไลน์กรุ๊ปที่มีพวกเราทั้งห้าคนอยู่ด้วยกัน ไม่นานเกินรอไอ้พีก็กดรับคอล อีกฝั่งคือพวกมันสามคนนั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า อ้าว นี่มันอยู่ด้วยกันหรอกเหรอเนี่ย แต่เห็นหน้าตาตื่นเต้นของพวกมันแล้วก็ประหลาดดี จะตื่นเต้นอะไรกันขนาดนั้นวะ อ่า แต่จะว่าไปตั้งแต่ตกลงคบกันผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลยนี่นะ

“ที่มึงโพสต์หมายความว่าไงวะไอ้หระ ไอ้นะ!” ไอ้พีถามก่อนเป็นคนแรก อีกสองหน่อพยักหน้าเห็นด้วยกันรัวๆ

ผมยิ้มมุมปาก “ไอ้นะอัปรูปไปตั้งนานแล้ว พวกมึงเพิ่งเห็นเหรอถึงได้พึ่งทักมาเนี่ย”

“ก็เออดิวะ! มากินเหล้าด้วยกันอะ เพิ่งได้จับโทรศัพท์นี่แหละไอ้ห่า พอจับปั๊บเลยเพิ่งรู้ข่าว อะไรยังไง พวกมึงคบกันแล้ว?” คราวนี้เป็นไอ้เจ็มถาม

ผมไหวไหล่ให้แทนคำตอบ พวกมันพากันทำตาโต

“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ วันนี้เหรอ?!” ไอ้ยูถามบ้าง

“ไม่ใช่ หลายวันแล้ว”

“โหไอ้เหี้ย แล้วก็ไม่บอกกันบ้าง”

“ก็บอกแล้วนี่ไง”

“ปล่อยให้พวกกูเห็นเองต่างหาก ถ้าพวกมึงไม่อัปรูปพร้อมแคปชั่นแบบนั้น กว่าพวกกูจะรู้คงเป็นตอนที่มึงสองคนมีลูกด้วยกันอะ”

“มีลูกพ่อง! กูเป็นผู้ชายมีลูกไม่ได้เว้ย!”

“อ้าว พูดแบบนี้แปลว่ามึงเป็นเมียเหรอไอ้หระ”

“มึงก็ถามไม่คิดเลยไอ้ยู ดูตัวมันกับตัวไอ้นะดิ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าใครควรเป็นผัวเป็นเมีย”

“ความเป็นผัวเมียไม่มีผลในแนวราบและรูปร่างป่ะวะ”

“ไอ้เจ็มพูดถูก ไม่แน่สระอาจจะเป็นคนเสียบไอ้นะก็ได้”

“โว้ยยย พวกมึงแม่งคุยเหี้ยอะไรกันวะ!? ไม่มีเรื่องจะพูดหรือไง กูว่างละไอ้สัด บาย”

“เฮ้ยเดี๋ยว...”

ผมกดวางทันทีโดยไม่สนใจว่าพวกมันจะถามอะไรอีก เพราะผมไม่คิดจะตอบอะไรทั้งนั้น จู่ๆ ก็ลากไปเรื่องใครผัวใครเมีย ส้นตีนเถอะ เรื่องบนเตียงของกูจะยุ่งกันทำไมวะ

ได้ยินเสียงไอ้นะหัวเราะหึๆ ผมก็เลยหันไปเยแกเขี้ยวใส่มัน ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก เดี๋ยวกูต่อยคว่ำเลย

“ตกลงเป็นเมียนะหรือจะเป็นผัวนะ?”

“ไอ้นะ!”

“เอ๊า นี่ถามให้เลือกเลยนะ”

ผมหรี่ตามองอีกฝ่าย เม้มปากไม่กล้าถาม แต่ก็อยากจะรู้ว่ามันต้องการอยู่โพซิชั่นไหน เอาวะ ถามก็ถาม เรื่องแบบนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นในสักวัน คนเป็นแฟนกันนะเว้ย

“มึงอยากเป็นอะไรอะ” ถามจบก็เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างรถแทนที่จะมองคนถูกถาม ไม่เอาหรอก เกิดมันส่งสายตาแปลกๆ มาให้ผมได้ทำตัวไม่ถูกกันพอดี

มือที่กุมกันเอาไว้ถูกบีบกระชับแน่นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบที่ทำให้หัวใจผมพองฟู

“จะเป็นอะไรก็ได้ นะไม่คิดมากหรอก สุดท้ายไม่ว่าตำแหน่งไหนเราก็ทำมันด้วยความรักไม่ใช่เหรอครับ?”

เลี่ยนนะ แต่ก็ทำให้รู้สึกดีชะมัดเลย

ผมบีบมืออีกฝ่ายตอบกลับไป กลั้นยิ้มจนเหนื่อยจะกลั้นแล้วนั่นล่ะถึงได้เผยยิ้มกว้างออกมา หันกลับไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตั้งใจขับรถแล้วอดไม่ได้ต้องตอบกลับไปว่า...

“ขอบคุณนะ”

พยัญชนะยิ้มกว้างอีกแล้ว เขาดึงมือผมไปจุ๊บที่หลังมือรัวๆ จนทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับความอ่อนโยนนี้ ส่วนเรื่องโพซิชั่นบนเตียงน่ะ...เอาไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีละกัน :)

 

“เห็นโพสต์ยัง?”

“โพสต์อะไรวะ?”

“นี่ไง”

 

BFF = BFF

Best friend forever = Boyfriend forever

ไม่รู้ว่าใช่ไหม แต่เจ๊จะมโนว่ามันใช่ค่ะ กรี๊ด! ก่อนหน้านั้นน้องพยัญชนะก็อัปไอจีว่าดินเนอร์กับบีเอฟ ที่น่าจะแปลว่าบอยเฟรนด์ แล้วไม่กี่นาทีต่อมาน้องสระก็ดันอัปอะไรคล้ายกันอีก เจ๊จะบ้าตาย นี่เขากำลังประกาศตัวว่าคบกันแล้วใช่ไหมคะ เป็นความจริงใช่มั้ยใครก็ได้บอกเจ๊ที อ๊ายยย ฟินตายแล้วค่า


 

ผมขำให้กับโพสต์ของเพจแฮนด์ซัมบอย กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อสบตากับแฟนของผม ก่อนเราทั้งคู่จะขำออกมาพร้อมกันอีกรอบ แต่พอส่องคอมเมนต์ก็แอบขำไม่ออกเหมือนกันนะ เพราะมีทั้งเมนต์ที่แสดงความยินดี เมนต์ฟินกรี๊ดกร๊าด เมนต์เสียดายความหล่อ เมนต์เหยียดว่าเป็นเกย์ บางอันก็หยาบคายเกินจะทนอ่านไหว

แต่ดีนะที่ผมไม่ได้ใส่ใจนัก ไอ้นะก็เหมือนกัน นี่เป็นเรื่องของเราสองคน แค่ว่าเราเป็นที่รู้จักก็เลยกลายเป็นเรื่องดังขึ้นมาก็เท่านั้น ผมไม่เคยใส่ใจว่าคนจะมองยังไง ในเมื่อผมก็ยังเป็นผม ไม่ได้กลายเป็นคนอื่นเพียงเพราะผมคบกับผู้ชาย และครอบครัวของผมก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย

ช่ายยย ผมโทรไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟังแล้ว พวกท่านอาจมีแปลกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร แถมยังบอกว่าดีแล้วที่เป็นไอ้นะ ดูเหมือนจะเอ็นดูไอ้นะมันมากเลยอะ เจอกันแค่สองสามครั้งเองแต่กลับเอ็นดูมันเหลือเกิน พอบอกว่าคบกันก็เห็นดีเห็นงามซะจนผมแทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบายอะไรสักอย่าง

ส่วนแม่กับพี่สาวไอ้นะน่ะเหรอ? พวกเขารู้ตั้งแต่ที่ไอ้นะแอบชอบผมแล้วเถอะ พอไปบอกว่าคบกันก็แทบจะกรีดร้องใส่ (หมายถึงพี่สาวมันน่ะนะ ส่วนแม่แค่แสดงความยินดีด้วย) เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกไปเลย ฮื่อ

“เออ เมื่อกี้พี่รหัสกูทักมา ชวนไปเลี้ยงสายอะ ไปด้วยกันมั้ย?”

ผมเลิกคิ้ว “เลี้ยงสายก็แปลว่ามีแต่สายมึงไหมล่ะ ไม่เอาอะ กูไม่ไปหรอก”

“พวกพี่เขาไม่ว่าหรอก เขารู้ว่ามึงเป็นแฟนกู”

“ไม่เอา ไม่อยากไปให้ถูกล้อ พวกพี่ๆ มันต้องแกล้งแซวจนกูทำหน้าไม่ถูกแหง”

“ก็ปล่อยให้เขาแซวไปดิ เรื่องจริงจะกลัวอะไรล่ะ” ไอ้นะว่าพลางเดินมาทิ้งตัวลงนอนหนุนตักผมที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่ มันดึงมือผมไปจับ หอมแล้วหอมอีกพลางทำตาอ้อน “นะ ไปด้วยกัน”

“ไม่...”

“อยากอวดแฟน”

ผมหน้าร้อน “ไปใหญ่ละ อวดแฟนอะไรของมึง”

“ก็อยากอวด ให้คนอื่นได้เห็นว่ากูรักมึงมากกก”

“..!”

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นี้มัน...ครั้งแรกป่ะวะที่ไอ้นะบอกว่ารักอะ!

“เถอะน่า ไปด้วยกัน”

“เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้มึง...” ผมยื้อมือที่ถูกมันหอมไม่หยุดเอาไว้ “มึงบอกว่ารัก...กูเหรอ?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว แล้วมันก็ยิ้มกว้าง ผุดลุกขึ้นนั่งพลางกอบกุมแก้มทั้งสองข้างของผมด้วยอุ้งมือหนา บีบจนปากผมจู๋ หน้าผมยู่ไปหมด แล้วมันก็จุ๊บลงมาซ้ำๆ จนผมได้แต่ร้องประท้วงในคอ

“ฟังให้ชัดๆ นะครับสระ”

“...” ผมนิ่ง จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่คมที่ผมเพิ่งค้นพบว่ามันน่าหลงใหลมากแค่ไหน รอฟังสิ่งที่จะหลุดออกมาจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่เลื่อนสถานะเป็นแฟนเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างใจจดใจจ่อ

“นะรักสระนะครับ”

ตึกตัก...ตึกตัก...

“รักมาก รักเท่าโลก เท่ามหาสมุทร เท่าจักรวาล”

...หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นเลย

“รักโคตรๆ เลยครับที่รัก : )”

แล้วผมจะตอบอะไรได้ล่ะนอกจาก...

“ผมก็รักคุณเหมือนกันครัยคุณพยัญชนะ : )”

 

สุดท้ายผมก็ทนลูกอ้อนไอ้นะไม่ไหว มาเลี้ยงสายกับมันด้วยจนได้ แล้วพอพวกพี่ๆ รู้ว่าผมมา อีท่าไหนไม่รู้ก็โทรไปชวนพี่รหัสผมออกมาเลี้ยงสายด้วย กลายเป็นว่าทั้งสายรหัสผมและสายรหัสไอ้นะนัดมาดื่มด้วยกันซะงั้น

“ถือเป็นการเลี้ยงสายโคแล้วกันเว้ย น้องมึงกับน้องกูคบกันพอดี”

“เออ จริงด้วย น้องนะกับน้องสระเป็นแฟนกันแล้วนี่นา”

พี่รหัสของผมซึ่งเป็นผู้หญิง เห็นดีเห็นงามไปกับพี่รหัสไอ้นะด้วย ส่วนลุงรหัสกับทวดรหัสก็แค่ส่งเสียงโห่แซว และน้องรหัสของเราสองคนก็แค่ยิ้มกับปรบมือให้เป็นการแสดงความยินดี เอาเข้าไป ล้อกันเข้าไป

“พอเลยๆ ถ้าแซวไม่เลิกผมจะกลับแล้วนะ”

“เฮ้ย ไม่ได้ๆ เรียกมาเลี้ยงเหล้า ไม่เมาห้ามกลับเว้ย”

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ เพราะพวกพี่มันชงเหล้าส่งให้ไม่หยุดเลย แรกๆ ก็ชงอ่อนๆ โซดาเยอะกว่าเหล้า แต่หลังๆ นี่เริ่มจะเหล้าเยอะกว่าโซดา อีกนิดผมว่าพี่มันต้องใส่เหล้าเพียวให้กินแน่ๆ

โชคดีหน่อยที่ผมน่ะคอแข็ง เลยยังพยุงตัวเองอยู่ได้แม้จะซดไปไม่ต่ำกว่าสิบแก้วแล้ว ส่วนไอ้นะก็ยังมีสติอยู่บ้าง แต่ก็เริ่มจะรั่วๆ เลื้อยๆ แล้วเหมือนกัน...ที่ว่าเลื้อยก็คือมันเลื้อยมากอดเอวผมไม่ปล่อยเลย ไอ้ฉิบหาย อยากบอกว่ามีสติหน่อยเถอะไอ้ห่า อายบ้างไหมเนี่ย

“นะ หยุดเลื้อยเป็นงูได้แล้ว”

“ก็ตัวสระหอม นะอยากกอด”

“แต่นี่มันร้านเหล้าป่ะ”

“ทำไม อายเหรอ?”

“ไม่ได้อาย” ผมพ่นลมหายใจ ขยี้หัวที่จัดทรงมาอย่างหล่อของมันจนยุ่งเหยิง “แต่เขินเว้ย คนมองกันแล้วเนี่ย”

“ตามสบายไอ้น้อง กอดกันได้ๆ แต่อย่าเอากันเป็นพอ”

“บ้าเหรอพี่แทน! ใครมันจะมาเอากันต่อหน้าคนเป็นสิบวะพี่!” ผมแย้งเสียงหลง หน้าร้อนผ่าวเข้าไปอีกยิ่งกว่าเดิมเลยทีนี้ ไอ้ลุงรหัสคนชั่ว พูดออกมาได้ไงวะ แล้วน้องรหัสไอ้นะก็เป็นผู้หญิงด้วย น้องมันทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย!

“กลับกันดีกว่า”

“หา? อะไรของมึงเนี่ยนะ จู่ๆ ก็จะกลับ” พี่แก้วทวดรหัสไอ้นะถึงกับเหวอ ผมเองยังเหวอเลย เอ๊า นึกอยากจะกลับก็กลับ ได้เหรอวะ?

“อือ ผมอยากกลับแล้ว รู้สึกเหมือนจะไม่สบายขึ้นมาว่ะพี่”

“มึงแค่เมาหรือเปล่า”

“ไม่พี่ มันปวดท้องแปลกๆ”

ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเช็กสภาพอีกฝ่ายทันที “ปวดท้องเหรอ เป็นอะไรวะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันอะ เลยอยากกลับห้องก่อน”

“งั้นกลับ” ผมบอกโดยไม่คิดอ้อมค้อม “พี่ๆ ผมพามันกลับก่อนนะครับ”

“เออๆ งั้นไปเถอะ ไว้วันหลังค่อยมากินด้วยกันใหม่”

บอกลารุ่นพี่และรับไหว้รุ่นน้องเรียบร้อยผมก็โอบเอวไอ้นะพาเดินออกจากร้านเหล้า และเพราะว่าเรามาด้วยแท็กซี่ผมก็เลยโบกแท็กซี่กลับ สิบห้านาทีต่อมาเราทั้งคู่ก็มาถึงหอ

“รู้สึกไงบ้างวะ อยากอ้วกหรืออะไรงี้มั้ย?”

“ไม่” มันส่ายหน้าก่อนจะพาร่างตัวเองไปทิ้งตัวลงบนเตียง “ที่จริงไม่ได้เป็นอะไร”

“อ้าว แล้วรีบกลับไหมอะ!” งงครับ อะไรของมันเนี่ย หรือเมาจนไปหมดแล้วสตงสติ

“กูกลับเพราะมีคนมองมึง”

ห๊ะ? “ขอชัดๆ อีกรอบสิครับคุณแฟน”

แทนที่มันจะตอบกลับยิ้มหน้าบานซะงั้น “เรียกใหม่อีกทีได้ป่ะ ชอบว่ะคำว่าคุณแฟนเนี่ย”

“โอ๊ย ไอ้นะ มึงแม่งงง” ผมหลุดขำ แต่ก็ยอมทำตามที่มันขอ “ตกลงรีบกลับทำไมครับคุณแฟนนน”

พอได้รับสิ่งที่ต้องการเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะหุบยิ้มแล้วบอกคำตอบที่ทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะดังลั่น “มีคนมองมึงเพียบเลย กูไม่ชอบว่ะ”

“คุณแฟนครับ เขาก็แค่มองมั้ย”

“บางคนก็มองเหมือนอยากได้มึง ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย ก็น่าจะรู้ป่ะวะว่ามึงมีแฟนแล้ว”

“เขาอาจจะไม่ได้ตามเพจนั้นก็ได้ อีกอย่างมึงอาจจะคิดมากไปเองด้วย” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนที่นอนแผ่บนเตียงนุ่ม ยื่นมือไปบีบจมูกไอ้หน้าหล่ออย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เอ่ยปลอบมัน “มึงเมาป่ะเนี่ย คิดอะไรเพ้อเจ้อ”

“กูคงเมาจริงๆ อะแหละ เมารักมึงอะ”

“ขออ้วกได้ป่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมขำอัดหน้ามัน “อีกอย่างใครจะมองกูก็ช่างมันสิ กูมองแค่มึง มึงจะกลัวอะไรอะ”

คราวนี้ล่ะคนฟังได้กลับมายิ้มหน้าบานอีกครั้ง “กูก็มองแค่มึง”

พูดแค่นั้นแล้วมันก็รั้งตัวผมลงไปนอนกอด แถมยังฟัดแก้มผมอีกต่างหาก และผมคงจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะตอหนวดที่เพ่งขึ้นของมันบาดผิวแก้มผมจนทำให้รู้สึกแสบๆ คันๆ จั๊กจี้แปลกๆ

“โอยไอ้นะ~ หนวดมึงอะ ไปโกนออกเลย”

“โกนให้หน่อย” มันทำเสียงอ้อนๆ แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ เลยลุกขึ้นแล้วลากมันลุกตาม พามันเข้าไปในห้องน้ำแล้วเริ่มลงมือโกนหนวดให้มันทันที

ไอ้นะก็ดีใจจนออกนอกหน้า กับอีแค่โกนหนวดดีใจจนตาเป็นประกายอะไรขนาดนั้นวะ “อยู่นิ่งๆ นะมึง”

“ครับผม”

ผมเริ่มโกนหนวดไอ้คุณแฟนอย่างใจเย็น และมันก็อยู่นิ่งๆ ตามที่ผมบอก จนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้น ผมใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้มันอย่างอ่อนโยน รู้ตัวอีกสายตาของเราก็สบเข้าหากันในระยะประชิด และราวกับโลกหยุดนิ่ง ใบหน้าของเราเคลื่อนเข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด

ริมฝีปากเราประกบเข้าหากัน จูบที่ไม่ใช่จูบแรก แต่ไม่ว่าจะเป็นจูบที่เท่าไหร่ก็ทำให้ผมใจสั่นได้เสมอ

ผมโอบศีรษะไอ้นะเอาไว้ด้วยสองมือ มันเองก็กอบกุมใบหน้าของผมเอาไว้ เราจูบกันดูดดื่ม ปลายลิ้นร้อนที่ซุกซนเข้ามาในปากของผมทำเอาใจผมพองโตพอๆ กับอ่อนระทวย แค่จูบกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะอ่อนแรง ไอ้ฉิบหาย ทำไมผมอ่อนหัดขนาดนี้

พอเริ่มหายใจไม่ออกเราถึงได้ผละออกจากกัน ไอ้นะแนบหน้าผากเข้าหาผม หอบหายใจแผ่วเบา จุ๊บปากผมอีกซ้ำๆ เหมือนว่ามันยังรู้สึกไม่พอ และเชื่อเถอะ ผมเองก็คิดว่ามันไม่พอเหมือนกัน

“อยากสัมผัสมึงมากกว่านี้” มันกระซิบบอก และทำเอาผมหน้าร้อนผะผ่าว “แต่กูว่ามึงยังไม่พร้อม”

“กูไม่ห้ามนะ ถ้ามึงอยากทำจริงๆ” ผมบอก และผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ

ไอ้นะยิ้มให้ผม จูบผมหนักๆ อีกครั้ง ก่อนผละออก “วันหลังแล้วกัน วันนี้กูอยากทำแค่จูบมึงจนกว่าปากจะเปื่อยกันไปข้าง”

“...”

“ได้มั้ย?”

ผมหัวเราะ ให้คำตอบกับมันก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบครั้งต่อไปเสียอีก

“ได้เท่าที่ต้องการเลยครับคุณแฟน : )”


_______________________
ต้องมีคนแอบคิดว่าเมาแล้วเข้าต้องได้กัน แต่ขอโทษด้วยนะคะที่คุณคิดผิด! 55555 บ้า เพิ่งคบกันเอง งุ้งงิ้งๆ กันก่อนนน ได้กันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที อิอิ เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-two - (ม.) : มีดโกน (เมา) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-05-2019 00:05:41
โธ่.... เราก็นึกว่าไปถึงไหน ๆ กันแล้ว ที่ไหนได้ พึ่งเลิก (ผ้าคลุมเตียง) กันนี่เอง ช้าจังอ่ะ ขอไว ๆ หน่อยน้องนะ ฉุดได้ ฉุด  :hao6:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-two - (ม.) : มีดโกน (เมา) [02-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-05-2019 07:56:05
เอ็นดูสระ บ้าบออยู่คนเดียว คิดมากไปเองคนเดียว
พยัญชนะก็งงไปเหอะ แบบมีอะไร หรือเคืองอะไร งงใจ

พอรู้ว่ามีคนมาชอบเยอะขึ้น ออกตัวกันแรงขึ้น สระถึงกับร้อนรนเลยจ้า
ไม่ต้องออกแรงทำไรมากเลยนะ พยัญชนะ มีคนมากระตุ้นแทน

สระถึงกับต้องรีบชัดเจน รีบทวงความแฟน และแสดงตัว 5555
พยัญชนะก็เขินแล้วเขินอีก อึ้งไปหลายตลบ และแล้วก็มีแฟน

ชอบความเอ็นดูสระของพยัญชนะ
สระคะ รอก่อน ใจเย็น ไม่ต้องรีบ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-05-2019 23:31:37

Twenty-three

(ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน)
 

[พยัญชนะ]


ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เมามากเท่าไหร่นักหรอก เพราะตื่นมาผมก็ยังจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นตอนตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหนักๆ ที่หัว มึนๆ งงๆ ไปหมด ก็รู้เลยว่าที่จริงแล้วผมเมา และตอนนี้ก็กำลังแฮงก์อยู่ด้วย

“โอย”

ผมโอดครวญอย่างอดไม่ได้ ขมับสองข้างมันตื้อๆ ไปหมด บีบนวดอยู่พักหนึ่งแหละถึงจะรู้สึกดีขึ้น ว่าแต่...สระหายไปไหนล่ะเนี่ย

กวาดสายตามองหาแฟนที่น่ารักแต่ก็ไม่เห็นแม้เงา เงี่ยหูฟังในห้องน้ำก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเดาได้ว่าสระไม่อยู่ในห้อง แต่วันนี้ไม่มีคลาสเรียนนี่นา แล้วเจ้าตัวออกไปไหนตั้งแต่เช้ากันล่ะ ปกติผมมักเป็นคนที่ตื่นก่อนเสมอ มาครั้งนี้กลายเป็นผมที่ตื่นสาย

ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ใจอยากจะตื่นแต่ร่างกายดูจะไม่อยากทำอย่างนั้น ผมก็เลยได้แต่นอนแผ่ลืมตามองเพดานห้อง ฟังเสียงแอร์ดังเบาๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่ผมมองหาก้าวเข้ามาหลังจากนั้น

“ตื่นแล้วเหรอ” สระถาม

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามแทน “ไปไหนมาอะ”

อะ ให้ตาย ทำไมเสียงผมแหบแห้งขนาดนี้วะเนี่ย

“เสียงอย่างแหบ” สระหลุดขำอย่างไม่ไว้หน้ากันสักนิด ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาหนึ่งขวด ก่อนจะเอามายื่นให้ผม “ลุกขึ้นมากินน้ำก่อน แล้วจะได้ไปล้างหน้าล้างตามากินข้าว”

“ข้าวเหรอ...”

“เออดิ กูตื่นไวอะเลยออกไปซื้อมื้อเช้ามา มีโจ๊กร้านประจำของมึงด้วยนะ วันนี้พอกูบอกว่ามึงไม่สบายเลยไม่ได้ลงมาด้วย ป้างี้ตักหมูเพิ่มให้มึงอีกหลายชิ้นเลย ดีสัดๆ อะ”

ผมยิ้ม เอ็นดูความชอบของฟรีหรือของแถมเยอะๆ ของเขา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ผมก็ยังมองว่าสระน่ารักเสมอ น่ารักจนไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักนี้ ผมอยากเห็นมันแค่คนเดียวเรื่อยไป

ตื่นมาก็เกิดความคิดเห็นแก่ตัวอีกแล้วสิผม เฮ้อ

“มึงไหวป่ะวะเนี่ย กูซื้อน้ำขิงมาด้วยนะ น่าจะช่วยแก้แฮงก์ได้บ้าง”

“ขอบใจ งั้นเดี๋ยวกูไปล้างหน้าก่อน”

“โอเค รีบออกมานะ”

ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวไปห้องน้ำ หันไปมองคนพูดพลางเลิกคิ้วใส่ “..?”

ไอ้ดื้อยิ้มทะเล้นก่อนจะว่า “กูคิดถึง : )”

“ไอ้ตัวแสบ” ผมกลั้นยิ้มจนแก้มแทบจะแตก อยากกระโจนเข้าไปฟัดสระของผมให้น่วมแต่ก็ต้องหักห้ามใจแล้วรีบเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างด่วนจี๋ อ่า ก็สระบอกให้ผมรีบนี่นา เขาบอกว่าคิดถึงผม ซึ่ง...ผมเองก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

อันที่จริงก็คิดถึงตลอดเวลานั่นล่ะ หึ

ออกมาอีกทีสระก็เตรียมมื้อเช้าเสร็จพอดี มันกวักมือเรียกผมไปนั่ง กลิ่นน้ำขิงโชยเข้าจมูก ผมสูดหายใจเข้าลึก น่าแปลกที่มันทำให้ผมหายมึนหัวได้บ้างนิดหน่อย

“จิบน้ำขิงก่อนนิดหนึ่งแล้วกัน จากนั้นค่อยแดกโจ๊ก”

“ครับแฟน”

สระขึงตาใส่เมื่อผมที่ยิ้มละไมรับคำอย่างว่าง่าย มันทรุดลงนั่งข้างกันที่พื้น โต๊ะญี่ปุ่นตัวไม่ใหญ่มากแต่ก็พอที่จะวางชามโจ๊กสองใบและแก้วน้ำสองแก้วได้อย่างพอดี

“รู้สึกเป็นไงบ้างอะ” สระถามขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก

ผมเลิกคิ้ว “ก็แฮงก์นิดหน่อย”

“ปวดหัวมากเปล่าวะ”

“ไม่นะ ดีขึ้นแล้ว” ผมบอก จิบน้ำขิงไปด้วยหลังจากกินโจ๊กหมด

“แต่เมื่อคืนมึงก็ดื่มไปเยอะอยู่นา”

“อ่าฮะ บางทีที่กูไม่เมาหนักอาจเป็นเพราะนั่นล่ะมั้ง”

“นั่น?” สระทวนถาม มันงับช้อนโจ๊กเอาไว้ในปาก ดวงตามองมาที่ผมเหมือนแมวที่กำลังตั้งใจมองสิ่งที่ตนเองสนใจไม่มีผิด “ไอ้นั่นที่มึงว่านี่อะไรวะ?”

ผมยิ้มกว้าง วางแก้วลงแล้วเท้าศอกกับโต๊ะ เอียงหน้ามองสบตาอีกฝ่าย รองคางด้วยฝ่ามือ

“เพราะมึงช่วยดูดเอาความเมาของกูไปไง”

“.!?”

“ที่เราจูบกันไปเมื่อคืนนั่นล่ะที่ทำให้กูสร่างเมา”

“ไอ้ปัญญาอ่อน!” สระด่า แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้ว่าเขาไม่ได้ด่าจริงจัง เพราะตอนนี้แก้มอีกฝ่ายแดงระเรื่อเลยน่ะสิ เอาเข้าจริงถึงจะคบกันแล้ว แต่ผมก็ยังรักที่จะได้เต๊าะมันในทุกวัน และรักที่จะได้เห็นสระเขินเพราะสิ่งที่ผมทำให้เขา “กินเข้าไปเลย กินเข้าไปให้หมดแล้วไปนอนซะ”

“นอนอะไรอีก ไม่นอนแล้วครับไอ้ดื้อ”

“ใครดื้อ แล้วที่กูบอกว่าไปนอนน่ะหมายถึงกู กูตื่นเช้าเพราะมึงเลยอะ เนี่ยยังไม่หายง่วง เดี๋ยวจะไปนอนต่อเว้ย”

ผมใจพองฟู เข้าใจนะว่าเขาจะสื่ออะไรแต่ผมก็ยังอยากถามอยู่ดี “ตื่นเช้าเพราะกูเหรอเนี่ย”

“เออดิ กูรู้ว่ามึงต้องตื่นมาแฮงก์แน่เลยลงไปซื้อของมาให้กินนี่ไง”

“สระ” ผมเรียกเขา โทนเสียงปรับเป็นจริงจังจนคนที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วบ่นผมถึงกับชะงัก สีหน้าดูเหวอๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว แต่พอได้ยินที่ผมบอกเป็นประโยคถัดไป ไอ้ดื้อก็ถึงกับอ้าปากพะงาบๆ “หยุดน่ารักเดี๋ยวนี้!”

“!!!”

“ยัง ยังไม่หยุดอีก นะบอกให้สระหยุดน่ารักไง”

“ละ แล้วมันหยุดได้ที่ไหนกันวะไอ้ควายยย”

“ด่านะว่าควายเหรอ!?”

“เออ! ก็มึงพูดอะไรโง่ๆ อะ” สระโวยวาย ต่อยไหล่ผมอีกแล้วด้วย ผมก็เลยรวบมือเขาไว้แล้วดึงมาจุ๊บๆ รัวๆ จนอีกฝ่ายยอมสงบลง แถมผมยังงับข้อนิ้วคนน่ารัก และนั่นทำให้สระที่ไม่เคยโดนผมจู่โจมแบบนี่หน้าแดงยิ่งกว่าเก่า

“กูยอมเป็นควายก็ได้” ผมบอกกับเขา “แต่มึงต้องเป็นคนจูงจมูกกูนะ”

“ห๊ะ...”

“เนี่ย ยอมโง่ให้มึงจูงเลย เจ้าของกูน่ารัก”

สระสะบัดมือหนีแล้วต่อยไหล่ผมอีกหนึ่งทีเต็มแรง เล่นเอาผมสะดุ้งเพราะความเจ็บ ร้องโอดโอยไปก็หลบหมัดมันไปมา แถมมันยังตะโกนโวยวายไม่หยุดอีกต่างหาก

“เลิกจีบกูได้แล้วไอ้ห่า เป็นแฟนกันแล้วป่ะ!”

ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบแย้งอย่างไว “เป็นแฟนแล้วก็ช่างดิ กูชอบจีบแฟนกูทุกวันอะ ทำไม่ได้เหรอ?”

“มันได้ แต่ก็สงสารกูบ้างไอ้นะ~ ให้กูพักบ้าง หัวใจกูทำงานหนักเพราะมึงเลยเนี่ย”

“หัวใจกูก็ทำงานหนักเพราะมึงเหมือนกัน เนี่ย มันเต้นว่ารักสระ รักสระ รักกก สระะะ ไม่หยุดเลย กูก็เหนื่อยเหมือนมึงอะแหละ”

“โว้ยยย บอกให้พอไง หยอดอยู่ได้ กูเขินเป็นนะเว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ”

 

การทุ่มเถียงแบบไม่จริงจังของเราจบลงตรงที่ผมเก็บเอาชามกับแก้วไปล้าง ส่วนสระนอนกลิ้งเล่นบนเตียง พอเห็นผมหันมามองเจ้าตัวก็ตบเตียงดังปุๆ แล้วเรียกให้ผมไปนอนด้วยกัน

ผมทำตามอย่างว่าง่ายอีกครั้ง ก็ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องปฏิเสธนี่นา

ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ สระ อีกฝ่ายกลิ้งเข้ามาใกล้ผม ก่อนสุดท้ายท่าทางของเรากลายเป็นผมนอนตะแคงข้าง ด้านหน้ามีสระนอนพิงแผ่นหลังมาทางผมทั้งตัว ในมือไอ้ดื้อถือโทรศัพท์ของผมเอาไว้และกำลังกดดูนั่นนี่ไปเรื่อย ไม่ได้มีความเกรงใจเจ้าของโทรศัพท์อย่างผมเลย แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรมันหรอกนะ ของของผมก็เหมือนของมันด้วยนั่นล่ะ สระอยากได้อะไร อยากทำอะไร ถ้ามันไม่ได้มากเกินไปกว่าที่ควร ผมก็ไม่ขัดไอ้ดื้อของผมหรอก

ขนาดนี้แล้วต้องยกตำแหน่งแฟนดีเด่นให้ผมแล้วล่ะครับคุณ

“ดูอะไรหึ?” ผมร้องถาม มือข้างที่ว่างก็เกี่ยวปอยผมตรงหลังหูสระเล่นไปด้วย เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนจะโดนรื้อไปถึงอัลบั้มรูปถ่ายเข้าซะแล้ว

“อันนี้อะไร?” สระถาม จิ้มนิ้วลงไปบนอัลบั้มที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ยาเสพติด’ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ คำตอบของคำถามนั้นก็ปรากฎขึ้นให้ได้เห็น และคนถามก็ถึงกับนิ่งงัน

ผมลอบยิ้ม กดจูบที่หลังหัวสระก่อนจะเอื้อมมือไปกดเลื่อนหน้าจอ รูปถ่ายหลายร้อยไหลไปตามการปัดนิ้วของผม และในทุกๆ รูปคือคนคนเดียวกัน...มันคือรูปของสระ และทุกรูปไอ้ดื้อของผมกำลังยิ้มอยู่

“กูเก็บรูปของมึงเอาไว้ในอัลบั้มนี้ ทุกรูปที่มีรอยยิ้มของมึง”

“แล้วทำไมต้องตั้งชื่อว่ายาเสพติดด้วยอะ” สระถาม หลังจากเงียบไปนานหลายนาที เจ้าตัวขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย เอียงคอมาเพื่อจะได้สบตากับผมให้ชัดๆ

ผมยิ้ม ไม่ตอบคำถามของเขาในทันที แต่ฉกเอาโทรศัพท์คืนมาแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายภาพ “ยิ้มให้ก่อนดิ แล้วจะบอกเหตุผล”

“จะถ่ายรูปรอยยิ้มของกูอีกว่างั้นเถอะ?”

“แสนรู้จังเลย~”

สระแยกเขี้ยว “กูไม่ใช่หมา!”

“แล้วแยกเขี้ยวใส่ผมทำไมอะครับ เนี่ย ทำหน้าเหมือนน้องหมาเวลาหัดขู่เลย”

“ว่ากูเป็นหมานักใช่ป่ะ!” สระถลึงตาใส่ผม แล้วจู่ๆ มันก็ดึงมือผมไปกัด งับเข้ามาเต็มๆ บนข้อมือ เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง แถมไอ้เดื้อยังส่งเสียงขู่เหมือนหมาจริงๆ อีกต่างหาก “แฮ่ๆๆ”

“ดื้อออ ฮ่าๆๆๆ สระครับ คันฟันเหรอตัวเอง”

“ตัวเองพ่องงง อึ๋ยอะ ขนลุกฉิบหาย มาตัวองตัวเองอะไรของมึง!”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ นะถามว่าสระคันไฟใช่มั้ยยังไม่ตอบนะเลย”

“ไม่ได้คันฟัน!”

“ฮ่าๆๆๆ”

สระพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผม แล้วต่อยท้องผมเบาๆ เหมือนอยากจะระบายความงุ่นง่านที่โดนผมแกล้ง “เลิกหัวเราะแล้วบอกมาสักทีว่าทำไมตั้งชื่ออัลบั้มแบบนั้นวะ?”

“รอยยิ้มของมึง” ผมยอมตอบในที่สุด “กูเสพติดรอยยิ้มของมึง”

“...”

“เลยเป็นที่มาของอัลบั้มรูปถ่ายอันนี้ เก็บแต่รอยยิ้มของมึงเอาไว้ ยาเสพติดที่ทำให้กูมีความสุข มัวเมาลุ่มหลง รู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่ในอวกาศ”

“หะ?”

ผมยิ้มกวนๆ เลิกคิ้วถาม “เคยฟังเพลงนี้ป่ะล่ะ...ฉันจะพาเธอลอยยย ล่องไปในอวกาศ”

“นอกเรื่องแล้วไอ้สัดนะ!” สระขัดผมที่กำลังโก่งคอร้องเพลง “ตลอดอะมึงเนี่ย”

“ใครบอกกูนอกเรื่อง นี่กำลังร้องเพลงจีบมึงอยู่ป่ะครับ”

พอเถียงอะไรไม่ออกสระก็เงียบกริบ พลิกตัวกลับไปนอนหันหลังให้ผมเหมือนเดิมราวกับมันไม่อยากจะมองหน้าผมอีก แต่ตอนที่มันทำท่าจะกลิ้งตัวออกห่างจากผมไป ผมก็ชิงรวบมันเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆ เสียก่อน ไอ้ดื้อเลยได้แต่ดิ้นขลุกขลัก ร้องโวยวายเสียงเบาจนแทบฟังไม่ออก

“เออ ที่จริงมีอีกอย่างในตัวมึงนะที่กูเสพติดมากๆ”

“อะไร?”

ผมกระซิบข้างใบหูอีกฝ่าย “เสียงหัวเราะ”

แล้วจากนั้นผมก็ชิงจี้เอวอีกฝ่ายรัวๆ แบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว พอโดนจี้ก็ดิ้นหนักว่าเก่า ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้นะปล่อย ไม่...ฮ่าๆ ไม่เอา! แล้ว!”

ผมเล่นกับสระอีกนิดหน่อย จนเห็นว่าคนบ้าจี้ขำจนหอบแล้วเลยหยุด เราสองคนนอนหายใจแรงอย่างหมดสภาพ ถึงผมจะเป็นฝ่ายจี้เอวมัน แต่ก็ต้องใช้แรงไปมหาศาลกับการบังคับเจ้าตัวไว้ไม้ให้เผลอดิ้นจนเราตกเตียงกันไปทั้งคู่

“สรุปมีแค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของกูที่มึงเสพติดเหรอ?”

สระถามขึ้นหลังจากหายใจได้คล่องคอมากพอแล้ว...ผมยิ้มหวานให้เขา รู้ดีว่าถ้ายิ้มแบบนี้คนขี้เขินอย่างสระต้องหน้าแดงแน่ๆ และผมก็ไม่ผิดหวังเลยสักนิดเมื่อเพียงไม่กี่วินาทีคนตัวขาวจะผิวแก้มระเรื่อสีขึ้นมา

ผมกดจูบที่หน้าผากเขาหนักๆ หนึ่งทีก่อนจะให้คำตอบ...

“ที่จริงกูเสพติดทุกอย่างที่เป็นมึงนั่นแหละสระ”

“...”

“มึงเป็นยาเสพติดชนิดเดียวบนโลกที่กูจะเสพ : )”


____________________

มาแล้ว หายไปพักผ่อนมาหนึ่งสัปดาห์ค่ะ แฮ่ ไปจัดตารางงานที่ต้องเคลียร์มาด้วย แล้วก็วันนี้มาช้าเพราะเปิด Iron Man ดูใหม่ตั้งแต่ภาคแรก แฮะๆ ติดลมไปหน่อย กว่าจะได้อัป 5555 พูดถึงตอนนี้ก็คือรอยยิ้มหวานๆ ของสระเป็นยาเสพติดของคุณพยัญชนะเขาล่ะ อิอิ เจอกันตอนหน้านะคะ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-05-2019 08:27:57
 :katai2-1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-05-2019 11:52:27
น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-05-2019 16:37:56
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-05-2019 22:47:09
น้องนะติดยาาาาาาาาาาาาาา ตราสระะะะะะะะะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-05-2019 15:09:27
จ้า ไม่เหลือให้ได้จิ้นแล้วจ้า สระพยัญชนะคะแนนนำไปไกลแล้ว

พยัญชนะหยอดสระจนหลุมทะลุไปหมดละมั้ง
เอ็นดูสระ ชอบก็ชอบอยู่ แต่ก็เขินมากอยู่เหมือนกัน
ตลกความบ้าบอของพยัญชนะ ทั้งรักทั้งหลงเบอร์แรง
เค้าหวานไม่เกรงใจเราบ้างเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-three - (ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน) [13-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-05-2019 21:47:45
สระยาเสพติดของพยัญชนะ ขอดูดทีดิ55555
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-05-2019 22:15:39
Twenty-four

(ร.) : ร่างกาย (รัก)
 

[สระ]


วันนี้วันเกิดไอ้พี เราก็เลยมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านมันเพื่อฉลองเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ผมเคยถามมันว่าทำไมไม่ไปที่ร้านเหล้าอย่างที่หลายคนชอบทำ และมันบอกว่าวันเกิดอะควรอยู่กับคนที่สำคัญก็พอ ปาร์ตี้เล็กๆ ไม่กี่คน เปิดเพลงฟังและเมาอย่างหมาในบ้านได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องโบกแท็กซี่แล้วอ้ วกใส่เบาะหลังรถเขาให้สกปรก

เออ เป็นความคิดที่น่ารักดี คราวก่อนที่ได้ยินคำตอบของมันครั้งแรกผมยังนึกทึ่งเลย ไม่คิดว่าคนปากหมาอย่างมันจะมีความคิดดีๆ แบบคนทั่วไปเขาได้

หยอกเล่นนะครับ ถึงไอ้พีมันจะปากหมา แต่ที่จริงมันเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลยล่ะ

“แม่มึงอะพี” ไอ้ยูถาม พวกเรานัดมาพร้อมกันโดยใช้รถไอ้เจ็ม ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเท่านั้น มีเวลาสองชั่วโมงให้ทำของกินแกล้มเหล้าเบียร์

“อ้าว อะไรวะ มาถึงก็ด่าแม่กูเลย”

“กูไม่ได้ด่า! ถามถึงโว้ยยย”

ไอ้พีหัวเราะ เลยโดนผมตบหัวไปหนึ่งทีแทนไอ้ยู หมั่นไส้ ไอ้ยูไม่ตบกูตบเอง กวนตีนเก่งนักนะมึง

“โอ๊ย! เออๆ แม่กำลังจะไปนอนบ้านยายแล้ว”

“ไม่รบกวนแม่มึงมากเกินไปเหรอวะ ฉลองวันเกิดมึงวันเดียวต้องให้ท่านลำบากย้ายไปนอนที่อื่น” พยัญชนะถามขึ้นอย่างคนขี้เกรงใจ ผมอมยิ้มให้กับสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย ขยับเข้าไปโอบบ่ามันแล้วลูบไหล่ปลอบโยน

ไอ้พีโบกมือ “แม่บอกให้เรามากินกันที่นี่ยังดีกว่าไปเมาข้างนอก ขับรถกลับบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเขาคงเสียใจและลำบากมากกว่านี้”

“ลำบากทำศพถ้าเผื่อมึงตายงี้ป่ะ” ไอ้เจ็มถาม

“ปากไม่ดีเลยนะมึงเนี่ย” ผมว่าเข้าให้ “วันเกิดมันทั้งทีไปแช่งให้มันตาย เอ้อ”

“ใช่ๆ ปากไม่เป็นมงคลเลยนะมึงเนี่...”

“รอให้พ้นวันเกิดมันก่อนแล้วมึงค่อยแช่ง”

“ถุ้ย! เป็นคนแบบนี้เหรอวะไอ้หระ!?”

“ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนพากันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน ก่อนเสียงจะเงียบลงเมื่อหญิงสาววัยกลางคนเดินออกมาจากมุมหนึ่งข้างบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อม “แม่ สวัสดีครับ”

ผมบอกมือไหว้ทันทีที่เห็นเธอ คนอื่นๆ รีบไหว้ตามหลังทันที

“สวัสดีจ้าเด็กๆ มากันแล้วสินะ งั้นแม่ไปเลยดีกว่า”

“แม่อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนสิฮะ” เจ้าของวันเกิดเข้าไปกอดแม่บังเกิดเกล้า นานๆ ทีจะได้เห็นคนปากหมาอ้อนแม่ อยากจะถ่ายคลิปเก็บไว้ประจานจริงๆ ปกติชอบนักทำตัวเถื่อนถ่อยคิดว่าเท่ ฟาย

ผมแอบด่ามันในใจ แต่ที่ด่านี่หมั่นไส้ล้วนๆ ครับ ไม่ได้เกลียดอะไรมันนะสาบานได้

“จะดีเหรอ แม่ไม่อยากทำให้เด็กๆ อึดอัดนะ”

“ไม่อึดอัดเลยครับแม่ กินข้าวฉลองวันเกิดให้ไอ้ลูกหมาของแม่สักมื้อก่อนแล้วกันนะครับ” ไอ้ยูเข้าไปเกาะแขนแม่ไอ้พีอีกคน ในบรรดาพวกเราทั้งหมดก็เห็นจะมีแต่ไอ้ยูนี่แหละที่ชอบอ้อนแม่เพื่อน เจอแม่เพื่อนกี่คนมันก็ชอบเข้าไปตีซี้เสมอ

และ...ไอ้พีหวงแม่มันมากด้วย เพราะงั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แบบที่ผมไม่ต้องเดาให้เสียเวลานานนักก็คือ...

เพี๊ยะ!

“ถอยไปจากแม่กูเลย ไม่ต้องมาเกาะ นี่แม่กู” ไอ้พีปัดมือไอ้ยูทิ้งอย่างรวดเร็ว

“เป็นเด็กเหรอมึงอะ งอแง”

“กูโตพอจะเป็นผัวมึงได้แล้วกัน”

“ผัวพ่อง...เอ่อ ยูขอโทษครับแม่” ไอ้ยูไหวตัวทันหุบปากฉับ หันไปทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมใส่แม่เพื่อนเพราะเผลอหลุดคำหยาบคายต่อหน้าผู้ใหญ่ออกมา แต่แทนที่แม่ไอ้พีจะโกรธกลับหัวเราะขำแล้วลูบหัวลูกชายตัวเองกับเพื่อนลูกชายอย่างเอ็นดู

“ไม่ต้องทะเลาะกันๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่อยู่ดินเนอร์ด้วยแล้วค่อยไป ดีไหมจ๊ะ?”

“ดีครับ!” ผมร้องบอกอย่างยินดี ก่อนจะดึงแขนไอ้นะไปทางห้องครัว “งั้นเดี๋ยวเราไปทำอาหารก่อนนะครับแม่ แม่ไปนั่งรอสวยๆ ก่อนได้เลย หรือถ้าร้อนจะเข้าห้องไปนอนตากแอร์ก่อนก็ได้ อีกหนึ่งชั่วโมงรับรองได้กินของอร่อยแน่นอน!”

“โอเคจ้า สระนี่น่ารักจริงๆ เลยน้า”

ผมชะงักกึก เกือบสะดุดอากาศล้ม! “แม่ครับบบ ผมไม่ได้น่ารัก ผมหล่อ หล่อมากด้วยยย”

“อ้าวเหรอ”

“น่ารักน่ะถูกแล้วแม่ แม่อย่าไปเชื่อมัน หล่อตรงไหน หน้าตางุ้งงิ้งออกขนาดนี้” ไอ้เจ็มเอ่ยแทรก แถมยังแฉผมอีกต่างหาก “นี่นะแม่ พอเป็นแฟนกับไอ้นะ ออร่าความน่ารักของมันก็ยิ่งกระจายเลยครับ”

“ความรักทำให้คนดูสดใสไงล่ะลูก” แม่ไอ้พีว่าพลางหัวเราะคิกคัก แล้วทุกคนก็พากันมองล้อเลียนผม ผมก็เลยได้แต่หน้าร้อนผ่าวเดินหนีเข้าห้องครัวมาคนเดียว

ล้อกันเก่งงง ฮึ่ย!

 

ปาร์ตี้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นหลังจากส่งแม่ไอ้พีขึ้นรถเรียบร้อย พวกเราห้าคนเลยย้ายตัวเองมาล้อมวงอยู่กลางบ้าน อาหารจานหลักกินไปแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแค่กับแกล้มและเหล้าเบียร์เท่านั้น

“แดกให้เต็มที่ เมาเมื่อไหร่ไหลตายลงตรงนี้!”

“ส้นตีนเถอะ ไหลตายพ่องง”

“ขยันด่าพ่อกูจั๊งงง พ่อกูผิดอะไรนักหนา แค่ทิ้งเมียกับลูกไปอยู่กับเมียน้อยเอง”

“อ้าว ดราม่าซะงั้น”

“ฮ่าๆๆๆ”

เหล้ายังไม่ทันเข้าปากได้เกินห้าแก้วแม่งก็ไร้สติกันซะแล้ว เฮ้อ

ผมจิบพอประมาณเพราะยังไม่อยากเมาตอนนี้ ไอ้นะก็ดูเหมือนจะคิดเหมือนกันเพราะมันดื่มมากกว่าผมไปนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่เท่าเจ้าของวันเกิดกับเพื่อนอีกสองคน ซดพรวดๆ เหมือนดื่มน้ำเปล่า จะรีบเมากันไปไหนไอ้ห่าเอ๊ย

“ยำปะ?” แฟนผมเอ่ยถาม มือมันก็ม้วนวุ้นเส้นใส่ช้อนไปด้วย

ผมไม่ตอบแต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วอ้าปาก ไอ้นะเห็นแบบนั้นก็อมยิ้มแล้วป้อนผม ก่อนมันจะหันไปกินเองบ้างเหมือนกัน...เราสลับกันป้อนนั่นป้อนนี่ให้กัน ผมคีบหมูกรอบที่มันเป็นแผ่นบางๆ ไม่รู้เรียกอะไรลืมไปแล้ว แต่พอคีบขึ้นมาได้ก็จ่อปากไอ้นะทันที

ป้อนกันไม่หยุดราวกับกินเองไม่ได้ ออกจะบ้าบอไปหน่อยแต่ผมก็ชอบนะที่เราทำอะไรแบบนี้ด้วยกันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่เขินอายด้วย แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะ...

“แหมๆ อยากมีแฟนดีๆ ป้อนของให้กินบ้างจังงง” ไอ้พีปากหมาเริ่มแซวผมอีกครั้งแล้วครับ

“มือเป็นง่อยแน่ๆ แดกเองไม่ได้ อิ๊อิ๊ววว”

“ง่อยพ่อง”

“เอ๊า คราวนี้เป็นกูที่โดนด่าพ่อว่ะ” ไอ้ยูแสร้งเกาหัวแกรกๆ ทำเป็นงงนักหนาที่ตัวเองโดนด่า ผมเลยหยิบฝาขวดเบียร์เขวี้ยงใส่หน้า “โอ๊ย!”

โดนด้วย แต่ร้องซะดังเกินไปละ เว่อร์มากไอ้ฉิบหาย

กินดื่มกันไปค่อนคืน เหล้าเบียร์เริ่มกองเกลื่อนรวมกันมากกว่าสิบขวดเข้าไปแล้ว ผมที่ตั้งใจจิบไปเรื่อยๆ ก็เพลินมือจนเผลอกระดกเอาๆ กระทั่งคนแรกที่ฟุบไปก่อนเป็นเจ้าของวันก่อน แขกเหรื่อที่เหลือเลยพากันล้มลงที่ละคน จนกระทั่งเหลือไอ้นะเป็นคนสุดท้าย

คอแข็งที่แท้คือชายคนนี้...แฟนผมเองครับ ฮิๆ

“ไปนอนข้างบนดีกว่าไหมสระ”

“อื้อ” ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ ยิ้มหวานให้สุดที่รัก ตัวก็อ่อนไหลไปตามการจับพยุง จนในที่สุดก็ยืนขึ้นได้ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาผมก็เซจะล้มอีกรอบ ดีที่ไอ้นะคว้าเอวเอาไว้ได้ทัน

“ยืนดีๆ ครับ”

“ขี่หลัง”

“หือ?”

ผมเอียงหน้ามองคนหล่อของผมทั้งที่ยังยิ้มหวานเหมือนเดิม “ขี่หลังหน่อยยย”

“มึงนี่น้า” ไอ้นะเหมือนจะบ่น แต่มันก็ยิ้มตอบแล้วนั่งยองๆ ให้ผมได้ขึ้นขี่หลังมัน พอผมทิ้งตัวลงไปเขาก็บ่นอุบ “ไม่ได้ตัวเบาเลยนะสระ นึกยังไงอ้อนขี่หลังวะ”

“ขี้เกียจ...เดิน” ผมตอบแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ได้ยินแฟนหนุ่มบ่นงึมงำว่าไอ้ตัวแสบ ดูท่าจะมันเขี้ยวผมแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือไม่ว่าง

ช่ายยย มือมันรั้งข้อพับขาผมไว้อยู่ ถ้าปล่อยผมก็หล่น และเชื่อเถอะไอ้นะไม่กล้าทำผมหล่นหรอก มันกลัวผมเจ็บจะตายไป แค่โดนยุงกัดเป็นตุ่มแดงนิดเดียวมันยังหายามาทาให้ ปล่อยไปไม่นานเดี๋ยวก็หายแท้ๆ

เนี่ย มีแฟนรักแฟนหลงแล้วโคตรดีเลยเนอะ อิๆ

ไอ้นะเลี้ยวไปทางห้องนอนแขก ปีที่แล้วผมกับมันก็นอนด้วยกันที่ห้องนี้ ส่วนพวกไอ้พีไปนอนอีกห้องที่ใหญ่กว่า ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร แต่มาคิดดูเอาตอนนี้ผมว่าพวกมันตั้งใจแหงๆ เลยว่ะ...ให้ผมนอนห้องเดียวกับไอ้นะสองต่อสอง

“เอ้า ลงไปได้แล้วครับ”

ผมเหลือบมองด้านหลังก็พบว่าเป็นเตียงนอน เลยปล่อยแขนทิ้งตัวหงายหลังลงไป แต่สองขายังเกี่ยวเอวสอบเอาไว้แน่น เลยทำให้อีกฝ่ายหงายหลังตามลงมาด้วย

“โอ๊ย! ไอ้ดื้อ!”

“ฮ่าๆๆ”

“แกล้งกูเหรอแฟน” ผมกลิ้งหลบตอนไอ้นะพลิกตัวหันมาหา แต่สุดท้ายด้วยความกว้างของเตียงที่น้อยทำให้ยังไงผมก็โดนไอ้นะคร่อมทับอยู่ดี “มึงเจอดีแน่”

ผมดิ้นพร่านเมื่อโดนจี้เอว “อะ ไอ้นะ อย่าจี้ ฮะ ฮ่าๆๆๆ อย่าจี้เอวกู๊!”

“จะจี้”

“ฮ่าๆๆๆ”

จากจี้เอวกลายเป็นผมโดนไอ้นะหอมแก้มด้วย ไอ้เชี่ยยย หัวเราะจนเหนื่อยแล้วโว้ยยย

กว่าจะเล่นกับจนพอใจผมก็นอนหอบแฮ่กๆ อยู่ใต้ร่างอีกฝ่าย เป็นนาทีกว่าจะกลับมาหายใจได้คล่องขึ้น ไอ้นะอมยิ้ม เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผมออกก่อนเคลื่อนไปไล้แก้มผมเล่นต่อ

“หน้าแดงเลยว่ะ เมาหรือขำจนเหนื่อยหึ?”

“ทั้งสองอย่าง” ผมตอบ ยื่นมือไปตบแก้มไอ้หล่อเบาๆ “สร่างเลยไอ้ห่า”

“เหรอ ดีแล้ว เพราะถ้ามึงยังใช้ตาเยิ้มๆ มองกู กูต้องอดใจไม่ไหวแน่”

ผมเลิกคิ้ว “ทำไม? กูน่าแดกเหรอ ฮะๆ”

“เออ”

“...” ผมชะงัก สบตาไอ้นะ หัวใจเหมือนจะเต้นแรงขึ้นมา รู้สึกวูบวาบแปลกๆ ในช่องท้อง เป็นความวูบวาบที่ควบคุมไม่ได้ และยิ่งยากจะควบคุมเมื่อไอ้นะก้มลงมาจูบผม

“อยากกินมึงจะแย่แล้ว”

ริมฝีปากเราสัมผัสกัน เนิบนาบใจเย็นในคราแรก ก่อนเปลี่ยนเป็นดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ขบเม้มปากอีกฝ่ายเป็นเชิงส่งสัญญาณให้เขาอ้าปากซะ ได้ยินเสียงไอ้นะหัวเราะขลุกขลักในลำคอ ก่อนมันจะยอมเปิดปากให้ผมเป็นฝ่ายล่วงล้ำเข้าไป

ลิ้นเราหยอกล้อกัน ผมโอบคอไอ้นะดึงลงมา ปล่อยให้มือของอีกฝ่ายลูบไล้ไปตามร่างกายโดยไม่ขัดขืน ลมหายใจเป่ารินรดกันไปมาพาให้ใจสั่นยิ่งกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้ตัวอีกทีเสื้อยืดผมก็ถูกถอดออก แน่นอนว่าผมไม่ยอมถอดคนเดียวอยู่แล้ว เลยพลิกตัวดันไอ้นะให้เป็นฝ่ายนอนลงไปแทนที่ผม จากนั้นก็ถลกเสื้อมันออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงแบบส่งๆ และตลอดเวลานั้นเรายังคงสบตากันไม่คลาดไปไหน

“แปลกมั้ย?” มันถาม

ผมเลิกคิ้ว พลางย้อนถาม “อะไรแปลก?”

“ที่กำลังทำอยู่ และอาจจะทำในอีกไม่ช้า รู้สึกว่ามันแปลกมั้ยล่ะ”

“ไม่เห็นแปลก” ผมส่ายหน้า ก้มลงไปจูบมันหนักๆ หนึ่งทีแล้วยอมทิ้งตัวกลับไปนอนราบกับเตียงอีกครั้ง “เรื่องปกติของคนเป็นแฟนกันนะเว้ย แปลกตรงไหน”

“งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”

มือไอ้นะเลื่อนไปรั้งขอบกางเกงผมลงจนไปกองอยู่ที่ปลายเท้าข้างหนึ่ง เราจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่รู้จักพอ มือลูบไล้ร่างกายของกันและกันอย่างหลงใหล กล้ามเนื้อแข็งแรง แผ่นหลังกว้าง หยดเหงื่อที่พร่างพราย กลิ่นอ่อนจางของแอลกอฮอล์ในปาก

รู้สึกดีจังแฮะ

“อืม”

ผมปัดป่ายมือไปโดนเป้ากางเกงอีกฝ่าย ไอ้นะสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้าม มันแค่ผละจากปากผมไปจูบซับที่สันกราม ก่อนเคลื่อนไปทั่วลำคอและแผ่นอก ปล่อยให้ผมปลดกระดุมกางเกงมันจนหลุดหมด แล้วทั้งเนื้อทั้งตัวเราก็เหลือเพียงบ็อกเซอร์คนละตัวเท่านั้น

“หยุดมั้ย...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเสมอ เวลานี้พร่าสั่นเล็กน้อย เดาได้ไม่ยากว่าเกิดจากแรงอารมณ์ที่เรามอบให้แก่กัน

ผมหัวเราะแผ่วเบา เผลอกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากอีกฝ่ายกดจูบลงบนหน้าท้อง เวรเอ๊ย มัน...โคตรจะวูบวาบ

“ว่าไงครับดื้อ ไปต่อหรือพอแค่นี้?”

“ไปต่อ”

“ต่อแค่ไหนดีล่ะ” เขาถามผมอีก และนั่นทำให้ผมเริ่มหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแปลกๆ

“ถามมากว่ะ อยากไปถึงไหนก็แล้วแต่มึงดิ”

แฟนผมหลุดขำออกมาบ้างเหมือนกัน ปลายนิ้วมันเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์ช้า เหลือบขึ้นสบตาผมไปด้วยในตอนที่ตัวตนของผมปรากฏออกมาสู่ภายนอก

“...แค่มือก่อนแล้วกัน”

ผมเม้มปากแน่นยามเมื่อมือหนาเลื่อนไปโอบรัดความต้องการของผมอย่างนุ่มนวลใจเย็น ปลุกเร้าจนมันขยับขยายแข็งขืนจนเต็มขนาด แต่สุดท้ายผมก็ส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจเมื่อการปรนเปรอของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกดีมากจนแทบบ้า

“อ่า...”

“รู้ปะ” ไอ้นะชะโงกตัวกลับมาจูบปากผมอีกครั้ง “กูฝันถึงวันที่จะได้แตะต้องมึงแบบนี้มานานแล้ว”

“แอบเก็บกูไปฝันเปียกว่างั้นเถอะ?”

“ไอ้เชี่ย รู้ได้ไงวะ”

“ทะลึ่งนะมึงเนี่ย” หลุดขำอีกจนได้ ทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้ควรวาบหวามแต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนปนตลกซะมากกว่า “ขอจับของมึงบ้างดิ”

“ใครห้ามล่ะครับแฟน”

ผมเอื้อมไปจับเป้าไอ้นะ ลูบผ่านเนื้อผ้าบางเบา ก่อนสอดมือผ่านขอบกางเกงลงไปสัมผัสความเป็นชายใหญ่โตโดยตรง...เผลอกระตุกตัวเมื่ออีกฝ่ายขยี้ส่วนปลายหนักหน่วงจนทำเอาผมเอวลอย

“อย่า อะ ทำแบบนั้นดิวะ”

“รู้สึกดีใช่ปะล่ะ : )”

“มัน...เสียวๆ อะ”

เป็นอีกครั้งที่ผมทำให้คุณแฟนหัวเราะทั้งที่เรากำลังใช้มือให้กัน ผมก็เลยขยี้ของมันหนักๆ บ้างเป็นการเอาคืน คนที่กำลังหัวเราะอยู่ก็เลยเปลี่ยนเป็นร้องซี๊ดแทน

“เอาคืนเหรอดื้อ”

ผมกระตุกยิ้ม ผลักอีกฝ่ายให้นอนลงแล้วโถมทับลงไป “แบบนี้ดีกว่า”

ดึงมือไอ้นะออกจากอาวุธคู่กายของผม แล้วเปลี่ยนเป็นให้มันรวบจับของเราสองคนเข้าด้วยกัน ความแข็งขึงสองส่วนเสียดสีกันโดยตรง รู้สึกดีสุดๆ จนผมต้องผ่อนลมหายใจครางแผ่วในลำคอ ขยับมือบังคับให้มืออีกฝ่ายเคลื่อนไหวในจังหวะที่ผมชอบ และแฟนที่แสนดีก็ยอมทำตามโดยไม่ทักท้วงด้วย

แอบน่าอายเหมือนกันนะเนี่ยที่ผมเป็นฝ่ายเรียกร้องก่อน แต่แล้วไงวะ ผู้ชายเหมือนกัน มีความต้องการทางเพศเหมือนคนทั่วไปอะ แล้วก็ทำกับแฟนด้วย ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่หว่า

คิดได้ดังนั้นก็ข่มความอายลึกๆ ในใจ ถึงไอ้นะจะชอบผมก่อน แต่ใช่ว่าผมจะชอบมันน้อยกว่าที่มันชอบผม การแสดงออกด้านความรักผมพร้อมทุ่มให้เสมอ เพราะผมรักไปแล้วนี่นะ

“จูบหน่อยดิครับ นะอยากจูบสระ”

ไม่ตอบแต่โน้มหน้าลงไปกดจูบไอ้หน้าหล่ออย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นปัดป่ายกันไปมา ลมหายใจกอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ และทั้งตัวเราก็เปียกไปด้วยหยดเหงื่อเหนียวเหนอะ แต่แบบนี้แหละเร้าใจดี : )

“อะ จะเสร็จ”

“ปล่อยออกมาเลย” ไอ้นะบอกแต่ผมส่ายหน้า

“ไม่เอา ปล่อยก่อนก็แพ้ดิวะ”

“ใช่เรื่องมาแข่งไหมเนี่ยหึ อ่า ไอ้ดื้อ”

“อยากแข่ง ฮ้า อึก...และกูต้องชนะด้วย”

ผมบอกอย่างไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็...แพ้จนได้ แพ้เพราะคำพูดไอ้นะนั่นแหละ!

“กูให้มึงชนะกูได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ที่กูรู้ตัวว่าชอบมึงแล้วไอ้ดื้อ”

“ฮะ เฮือก!”

เต็มๆ ครับ...ผมเสร็จแบบที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คามือไอ้นะกับมือผมนี่ล่ะ!

“อึก!” ไอ้นะเองก็เสร็จตามผมมาติดๆ มือเราตอนนี้เลยเต็มไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่น

ผมทิ้งตัวลงนอนทับอีกฝ่ายทั้งอย่างนั้น หนักก็ช่างแม่งอะตอนนี้ ขอโทษด้วยแล้วกันนะแฟน แต่ตอนนี้ผมหมดแรงจะขยับไปทางไหนเพราะมันรู้สึกอิ่มสุขจนแทบคลั่ง ความวูบไหวก่อนหน้านี้ราวกับเหมือนฝัน แต่หลักฐานที่คามืออยู่ก็บอกว่าไม่ได้ฝันไปแน่นอน

“ชอบว่ะ” ผมบอกกับไอ้นะทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

คนข้างใต้หัวเราะขลุกขลัก แผ่นอกกระเพื่อมเล็กน้อย ก่อนคำพูดโต้ตอบผมจะตามมา...

“ไว้มาทำกันอีกนะ”

“...”

“ครั้งหน้าไม่หยุดแค่มือด้วย”

อ่า ตื่นเต้นเลยอะ : )



_______________________________

มาแล้ววว และมีมินิคัทให้แบบกรุบกริบ 55555 ใครคาดหวังให้เขาได้กันก็รออีกนิดนะคะ แฮ่

ใกล้จบเข้าไปทุกที อยากให้จบแต่ก็แอบคิดถึงนะเนี่ย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เราย้ำตลอดว่าเรื่องนี้มีแต่ความฟีลกู๊ดเพราะเขียนฮีลใจตัวเอง 555 งุ้ย ไปละ เจอกันตอนหน้าค่ะ



หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-05-2019 22:22:18
ต่อเลยหนูนะ ทำต่อเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-05-2019 09:19:39
 :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-05-2019 09:02:22
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-05-2019 10:11:03
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย  คุณขา
พอตกลงเป็นแฟนกันได้ ก็หวานกันจน เบาหวานขึ้นตาเลยจ้าาาาาา

 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-05-2019 11:21:14
นิดๆพอกรุบกริบ รอเวลาจัดเต็ม :z1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-four - (ร.) : ร่างกาย (รัก) [20-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-05-2019 19:18:40
จ้า ไม่ยอมกันเลยจ้า ไหลลื่นเลยนะ
ชอบสระที่ซื่อตรงดี ไม่มีกั๊ก

พยัญชนะก็เทคแคร์มาก เอาใจมาก
แถมใจเย็นพอที่จะรอมากกว่าจะรุกหนัก

คนตามใจแฟน คนยอมแฟน ก็จะใครล่ะ
ทั้งพยัญชนะ และสระ ไม่ยอมแพ้กันเลย

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-five - (ล.) : ลูกอม (ละลาย) [24-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 24-05-2019 23:26:03

Twenty-five

(ล.) : ลูกอม (ละลาย)

 

[พยัญชนะ]


ผมตื่นได้สักพักแล้ว แต่ไอ้ดื้อน่ะยังไม่ตื่น เจ้าตัวนอนเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากของผม และเราสองคนยังคงกอดก่ายกันราวกับอีกฝ่ายเป็นหมอนข้าง

นอนมองใบหน้ายามหลับของคุณแฟนมาสักพัก ผมมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ ยิ้มมาเป็นชั่วโมงได้แล้วมั้ง เฮ้อ ก็ใครใช้ให้แฟนผมน่ารักล่ะ น่ารักไปทั้งตัวเลยด้วย

“อื้อ”

สระยู่หน้าเล็กน้อยเมื่อผมเอานิ้วไปจิ้มแก้มเขาเล่น อย่างที่ผมเคยบอก คนอื่นมองว่าสระหล่อ หน้าตาดี เป็นเด็กวิศวะฯ ห้าวๆ คนหนึ่ง แต่สำหรับผมเขาน่ะโคตรจะน่ารัก ตอนงอแงใส่ผมเพราะหิว ร้อน หรือง่วง ตอนโวยวายที่โดนล้อ โดนแซว ตอนอ้อนขอให้ผมทำอะไรบางอย่างให้ หรือแม้แต่ตอนที่เขาเขินอายใส่ผมจนทำอะไรไม่ถูก

น่ารักไปหมดทุกอย่างจริงๆ นะครับ น่ารักเท่าโลกเลย

ลมหายใจอุ่นๆ ของสระเป่ารดเหนือริมฝีปากของผม ปากอีกฝ่ายบวมเจ่อเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนเราจูบกันเยอะมาก จูบกันซ้ำๆ เหมือนไม่รู้จักพอ รสชาติแอลกอฮอล์ยังฝืดเฝื่อนอยู่ในปากของผมอยู่เลย

อ่า เมื่อคืน...หลังจากเราก้าวไปอีกขั้นกันแล้วนี่นะ ผมก็ทำความสะอาดลวกๆ แล้วลากไอ้ดื้อมานอนกอด ลูบหลังกันไปมาอยู่ไม่นานก็หลับไปด้วยกันทั้งคู่ น้ำท่าหรือแม้แต่แปรงฟันเลยไม่ได้ทำสักอย่าง ฮะๆ

“ตื่นได้แล้วสระ” พูดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มกะพริบตาปริบๆ เกลี่ยเศษขนตาที่หลุดติดอยู่ตรงหางตาเขาออกก่อนเปลี่ยนเป็นเป็นลูบแก้มขาว “สายแล้วนะ”

“กี่...โมงแล้ว”

“สิบโมงครับผม”

“หือ? สิบโมงแล้วเหรอ เมื่อคืนเรานอนกี่โมงนะ?”

ผมนึก จำได้ว่าตอนเข้ามาในห้องก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว อ่า “น่าจะตีสองเกือบตีสามมั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“เหรอ งั้นนี่ก็ไม่เรียกว่าสายหรอก ยังนอนไม่ครบแปดชั่วโมงเลย”

“ได้เหรอวะไอ้ดื้อ” ผมเลิกคิ้วพลางหัวเราะอย่างอดไม่ได้

คนถูกถามพยักหน้าหงึกหงัก ยกมือขยี้ตาไปด้วย “ได้ดิ”

“ครับๆ ได้ก็ได้ครับ แล้วจะเอายังไง นอนต่อเหรอ?”

“ม่ายยย” สระส่ายหน้าหวืออีกรอบ “หิวแล้ว”

“ฮะๆ อยากกินอะไรล่ะหึ?”

“พวกนั้นอะ มันตื่นกันยัง”

“ไม่รู้ดิ นะก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนเลย”

“อืมม บ้านไอ้พีจะมีอะไรให้ทำกินไหมวะ?”

ผมหวนนึกไปถึงเมื่อวาน เราซื้อของสดมาเยอะพอสมควร และผมจำได้ว่ามันยังเหลือของมากพอจะทำข้าวต้มหมูได้สักหม้อหนึ่ง ให้พวกเราทั้งห้าคนคนละชามก็น่าจะพอรองท้องได้ก่อนหาอะไรหนักๆ กินทีหลัง

“ข้าวต้มหมูน่าจะได้ มีของเหลือจากเมื่อวาน”

“กินนน”

“โอเค งั้นสระนอนต่ออีกนิดก็ได้ ไว้นะทำเสร็จจะมาเรียก”

“ไม่เอาอะ เดี๋ยวไปอาบน้ำเลย เหนียวตัวมาก” ว่าพลางลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องลุกตาม อดไม่ได้ต้องยื่นมือไปสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เจ้าตัว เลยได้รับรอยยิ้มหวานจนตาปิดมาให้ ผมก็เลยจุ๊บปลายจมูกไปหนึ่งที มั่นเขี้ยวว่ะ อยากงับแต่กลัวโดนด่า

“ตามใจครับ งั้นขอนะอาบน้ำก่อนแป๊บหนึ่ง เนี่ย...” ชี้ตรงกางเกงตัวเองที่ไม่รู้ไปเปื้อนเอาตอนไหน “เปื้อนของใครก็ไม่รู้”

“..!” สระตาโต มองรอยเปื้อนที่ผมว่าก่อนจะกลับมาสบตาผม แล้วจากนั้นมันก็คว้าหมอนเขวี้ยงใส่หน้าผมทันที “ไอ้เหี้ยนะ!”

“โอ๊ย อะไรวะ ก็พูดความจริงอะ”

“แต่เป็นความจริงที่ไม่ควรเอามาล้อกูเว้ย!” มันโวยวายเสียงดัง รู้เลยว่าอันนี้กำลังกลบเกลื่อนความอาย “แล้วอีกอย่างมันก็อาจจะเป็นของมึงด้วยเหมือนกันปะ!?”

“เออว่ะ” ผมเบิกตาโตแข่งกับอีกคน “ตอนนั้นมึงบังคับให้รวบเอาไว้ด้วยกั...โอ๊ย!”

“หุบปากไปเลยไอ้เหี้ย!”

สระคว้าหมอนกลับไปจากมือผมแล้วเปลี่ยนเป็นยกขึ้นฟาดใส่ผมไม่ยั้งแทน เล่นเอาผมต้องโยกตัวหลบเป็นพัลวัน เมื่อคืนก็น่าจะเหนื่อยหรือแฮงก์บ้างไม่ใช่เหรอวะ แต่ทำไมเช้ามาแรงเยอะขนาดนี้ได้เนี่ย

“ไปแล้วๆ” ผมบอกพลางกระโดดหนี คว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็พุ่งเข้าห้องน้ำทันที สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือหมอนปลิวมากระแทกประตูตอนที่ผมปิดมันลงพอดีเป๊ะ ฮะๆ

ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่กี่นาทีเพราะอยากรีบไปทำข้าวต้มให้ไอ้ดื้อกิน ออกมาอีกทีก็เห็นสระเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเช่นกัน เหลือบไปมองที่นอน...ว้าว สระเก็บพับเรียบร้อยเลยแฮะ

“อะไร?” มันถามเมื่อเห็นสายตาของผม

ผมอมยิ้ม “ก็แค่คิดว่าดีนะ...ที่เมื่อคืนไม่ได้ทำที่นอนเลอะ”

“ไอ้นะ~”

“ฮ่าๆๆ” หัวเราะอย่างอดไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วจุ๊บปากบวมเจ่อนั่นหนึ่งที “ปวดหัวหรือเปล่า เมื่อคืนดื่มไปเยอะเหมือนกันนี่”

“ไม่เท่าไหร่”

“เหรอ เอายาแก้แฮงก์มั้ย?”

“ไม่เอาอะ หิวข้าวมากกว่า”

“โอเค งั้นรีบไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวกูจะรีบทำข้าวต้มให้กิน”

“เค” สระรับคำ แต่ก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไปก็นึกขึ้นได้ล่ะมั้งเลยเรียกผมเอาไว้ “ไอ้นะ”

“ว่า?”

“ถ้าพวกมันยังไม่ตื่นก็ปลุกด้วยนะ”

ผมพยักหน้ารับ เราก็เลยแยกกันชั่วคราว มันเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมเดินออกจากห้องนอนแขกมาก็เจอซากมนุษย์สามศพยังคงนอนเกลื่อนอยู่ที่พื้นกลางบ้าง

“ตื่นได้แล้วเฮ้ย!” ใช้เท้าเขี่ยไอ้ยู แต่นอกจากมันจะปัดมือใส่เหมือนปัดแมลงวันแล้ว มันยังไม่ตื่นแล้วกลิ้งตัวหนีอีกต่างหาก “เอ๊า ตื่นดิวะ เที่ยงแล้วนะ ไม่แดกข้าวกันรึไง?”

“แดกกกก” ส่งเสียงตอบรับโดยพร้อมเพรียง แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตากันอยู่ดี

หรือจะใช้มุกนี้ดี... “ถ้าไม่ตื่นงั้นกูให้สระมาปลุกนะ”

พรึ่บ!

ทันทีทันใด พวกมันสามตัวกระเด้งลุกขึ้นนั่ง ตานี่เปิดกว้างอย่างกับไปเจอผีมา ตลกว่ะ แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็ได้ผล พวกมันนี่แทบจะกระโจนลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำ

“เอาเมียมาขู่เหรอไอ้เหี้ยนะ” ไอ้เจ็มมองผมตาขวาง

“ไม่ได้ขู่ กูพูดจริง”

“หราาา ไอ้แม่ย้อย มึงก็รู้ว่าถ้าให้ไอ้หระมาปลุก พวกกูได้เปียกโชกแน่ แล้วบ้านกูก็จะเปียกไปด้วย” ไอ้พีแยกเขี้ยวใส่ผมอีกคน มันหันมองไปรอบตัว “แล้วมันอยู่ไหนอะ?”

“อาบน้ำอยู่ มันให้กูมาปลุกพวกมึง เดี๋ยวกูจะไปทำข้าวต้มให้แดก แต่พวกมึงอะตื่นได้แล้ว”

“โอยย ปวดหัวสัด ขอน้ำขิงด้วยได้ไหมวะ” ไอ้ยูว่าพลางบีบขมับเบาๆ

ผมพยักหน้าให้ “เดี๋ยวหายาแก้แฮงก์ให้ด้วย เก็บที่เดิมปะวะไอ้พี”

“เออ งั้นกูไปอาบน้ำก่อน” เจ้าของบ้านบอกพลางลุกขึ้นยืน แต่ก็โซเซ ดูท่าคนแฮงก์จะไม่ได้มีแค่หนึ่งแฮะ “ไอ้เชี่ย พื้นเอียงอะ”

“มึงหน้ามืดแล้วไอ้ฟาย”

“เจ็ม ถ้ามึงลุกแล้วไม่เซกูให้บาทหนึ่ง”

แล้วพวกมันก็เล่นตลกอะไรกันอีกนิดหน่อย กว่าจะพาสารร่างไปเข้าห้องน้ำกันได้ อย่างกับแก๊งเด็กโข่งไม่รู้จักโต สาบานสิว่าพวกมันเรียนปีสองแล้ว อ่า จะว่าไปผมก็มัวโอ้เอ้อยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วแฮะ สระออกมาแล้วข้าวยังไม่เสร็จ มีหวังงอแงใส่ผมอีกแน่เลย

 

บ่ายกว่าๆ ก็ได้เวลาที่พวกเราต้องกลับบ้านกลับหอตัวเองแล้ว แม่ไอ้พีกลับมาตอนพวกเรากำลังจะออกพอดี เลยได้ทักทายบวกบอกลากันนิดหน่อย ก่อนผมกับสระจะขอแยกกับไอ้ยูไอ้เจ็ม คิดว่าจะแวะซื้อของก่อนกลับหอเลยไม่อยากให้มันไปส่ง ผมคิดว่ามันสองคนก็คงอยากกลับไปนอนต่อแล้วแหละ ยังไม่สร่างเมากันสักเท่าไหร่นี่นะ

“มึงจะซื้ออะไรวะไอ้นะ”

“จริงๆ ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก แต่อยากกินไอติมอะ”

“หะ?” สระทำหน้างง มันมองผมเหมือนเห็นเรื่องประหลาด

“ก็อยากกินอะไรเย็นๆ ไง เลยจะแวะห้างก่อนกลับหอ” ตอบพลางโบกมือเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี พอรถจอดผมก็หันมาดันสระขึ้นรถ “เร็วเข้า กินเสร็จจะได้กลับไปนอนต่อ”

“เออๆๆ”

ครึ่งชั่วโมงต่อมาแอร์เย็นของห้างก็ปะทะร่างกายเราทั้งคู่ ขนาดลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าห้างใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่แป๊บเดียวที่ว่านั่นก็ทำเอาเหงื่อผุดตามกรอบหน้าได้อย่างรวดเร็ว

“ไอติม ไอติม ไอติม” ผมพูดขึ้นเป็นทำนอง ก้าวฉับๆ เดินไปทางที่จำได้ว่าร้านไอติมอยู่ทางนั้น แต่แล้วผมก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ มือที่ว่างกลับมีมือของใครอีกคนจับประสานเข้าด้วยกัน และคนคนนั้นก็คือสระของผม

“เดี๋ยวกูหลง”

ได้ยินที่อีกฝ่ายพูดก็เล่นเอาผมหลุดยิ้มกว้าง “ทำตัวน่ารักตอนนี้กูก็ลำบากดิวะ”

“เพราะฟัดกูไม่ได้ใช่ปะล่ะ หึ”

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

มันเขี้ยวว่ะ อยากหยิกแก้มมม

“แล้วมึงเป็นอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมอยากกินไอติมขึ้นมาซะงั้น”

“ไม่รู้ว่ะ จู่ๆ ก็อยาก อากาศมันร้อนมั้ง”

ถึงร้านไอติมก็เลือกที่นั่งติดกระจกมองเห็นด้านนอก สั่งแบบถ้วยใหญ่มากินด้วยกันเพราะมองว่าคุ้มกว่าแยกถ้วย เปลี่ยรสไอติมด้วยสองรสเพราะผมไม่ชอบวานิลลาเลยสั่งช็อกมินต์มา ส่วนสระอยากกินรสมะนาวเลยเปลี่ยนเอาสตอว์เบอร์รี่ออก

“อยากกินแซลม่อน”

“เอาดิ”

“แหม่ ห้ามกูหน่อยก็ได้ กูไม่มีตังค์เว้ย แซลม่อนจะแดกให้อิ่มก็เสียเป็นพัน”

ผมยักคิ้วพลางว่า “ลืมไปหรือเปล่าว่ากูเป็นอะไร? ธนาคารส่วนตัวของมึงนะครับแฟน”

“...”

“เดี๋ยวเลี้ยงเอง แฟนทั้งคนกูเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว”

“งั้นกูไม่ปฏิเสธ”

เห็นดวงตาเป็นประกายของอีกฝ่ายแล้วผมล่ะอยากจะฟัดจริงๆ เลยให้ตาย น่ารักอีกแล้ว เฮ้อ

เสร็จจากไอติมก็เดินไปกินบุฟเฟ่ต์แซลม่อนต่อ ไม่ลืมถ่ายรูปอัปลงไอจีอย่างทุกที ความจริงทั้งผมทั้งสระไม่ได้ติดโซลเชี่ยลหรอก แต่ก็มีลงรูปลงคลิปบ้างเพราะแฟนคลับเราเรียกร้องมา อ่า เรียกแฟนคลับแล้วจั๊กจี้แปลกๆ แฮะ

กว่าจะกลับหอก็เล่นเอาเกือบหกโมงเย็น คนเยอะมากและผมขี้เกียจรอรถเมล์เลยโบกแท็กซี่อีกรอบ ไอ้ดื้อแอบงอแงนิดหน่อยเพราะมันเสียดายค่ารถ รถเมล์สิบกว่าบาทกับแท็กซี่ร้อยกว่าบาท ต่างกันออกขนาดนี้แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันรอรถเมล์อะ ผมอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว

รถติดโคตรๆ อย่างที่คิดไว้ แต่ในที่สุดเราก็กลับมาถึงหอก่อนจะเผลอหลับบนรถ จ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยผมก็ลากไอ้ดื้อวิ่งขึ้นห้องทันที

“เปิดแอร์ๆ ห้องร้อนมากกก”

ผมเปิดแอร์ให้ตามคำขอของสระ แล้วก็ต้องรีบฉุดแขนเขาเอาไว้ก่อนจะได้เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง “อย่ามา ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

“โห่ ของีบสักสิบห้านาทีก่อนไม่ได้เหรอว้า~”

“มันจะกลายเป็นสามชั่วโมงแทนน่ะสิ ไม่ได้ ตัวเหม็น”

“ไอ้นะ~” แฟนขี้ดื้อขืนตัวไม่ยอมขยับตามแรงฉุดรั้งของผม แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็เบิ่งตาโตแล้วถลาไปตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่มีโน้ตบุ๊ควางไว้บนนั้นพร้อมชีทเรียนอีกปึกใหญ่ “มึงงง”

“อะไรวะ?” ผมเดินตามอีกฝ่ายไป พอเห็นของที่สระหยิบขึ้นมาก็อดขำไม่ได้ “ลูกอมตั้งแต่เมื่อไหร่ โห ห้องร้อนจัดจนลูกอมละลายเลยเว้ย”

“ก็เออดิ ฮือ ไอ้นะ แล้วกูจะแดกยังไงอะ”

“ก็ไม่เห็นยาก ซื้อใหม่”

“กูเสียดายเม็ดนี้!” มันเถียง เอ๊า แค่ลูกอมเม็ดเดียวเองไหมวะ

“งั้นก็เอาไปแช่ตู้เย็น” ผมบอก แย่งลูกอมที่ละลายแล้วมาถือ “แต่ก็มีอีกวิธีนะ”

พูดพลางแกะเปลือกห่อลูกอมออก เพราะมันละลายจนเกือบเหลว ตอนห่อมันเปิดมือผมก็เลยเปื้อนน้ำเหนียวๆ ในทันที แต่ไม่เป็นไรเพราะผมต้องแตะมันอยู่แล้ว

“จะทำอะไรวะ”

“นี่ไง ทำแบบนี้” ผมปาดนิ้วเอาเนื้อลูกอมมานิดหน่อย ก่อนจะทาลงบนปากตัวเองประหนึ่งกำลังทาลิป แล้วจากนั้นก็ทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ทำเสียงจุ๊บๆๆ ด้วยอีกอย่าง “กินจากปากนี่มา”

“...”

“เร็วเข้าาา อร่อยนะ มากินเร๊ววว”

ผมหลิ่วตาหยอกล้อไอ้ดื้อ คาดหวังให้มันจุ๊บอยู่หรอก แต่อยากแกล้งมันมากกว่า ถ้าโดนตบปากกลับมาก็ไม่แปลกใจหรอกครับ ฮ่าๆ

แต่สระดันทำสิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้ซะงั้น!

อีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้ผมก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากเปื้อนคราบลูกอมจนแวววาว แล้วไม่ได้เลียแค่ครั้งเดียวแต่ยังทำหลายครั้ง เหมือนลูกหมากำลังเลียปากเจ้าของ แต่มันพิเศษกับผมมากกว่านั้น

นี่น่ะเรียกว่าคุณแฟนเลียปาก โอยยย ช่วยด้วย น่ารักฉิบหาย ผมหัวใจจะวายแล้ว!

ลูกอมไม่ได้ละลายอย่างเดียวแล้วล่ะ เพราะผมก็กำลังละลายเหมือนกัน ใจเหลวเป็นน้ำแล้วครับ แถมไอ้ดื้อยังมีการยักคิ้วข้างเดียวให้ตอนผละออกไป

“อย่าท้อผม ผมกล้าเล่นมากกว่าที่คิดนะครับคุณพยัญชนะ : )”

อ่า ยอมแพ้เลยจริงๆ ให้ตายสิ!



_____________________________

กว่าจะเขียนตอนนี้จบ ใช้เวลานานถึงสามวัน ปกติการเขียนเรื่องนี้มักไม่นานเพราะเราตั้งใจให้มันเป็นการเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ บรรยายความมุ้งมิ้งของชีวิตในแต่ละวันของสระกับพยัญชนะ ความฟีลกู๊ดที่อ่านแล้วอมยิ้ม และหวังว่าทุกคนจะยิ้มนะคะ : )


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-five - (ล.) : ลูกอม (ละลาย) [24-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-05-2019 23:54:22
หนูนะ แค่โดนเลียทีเดียว ไปไม่เป็นเลยนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-five - (ล.) : ลูกอม (ละลาย) [24-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-05-2019 08:38:56
 :-[ :-[
คาดว่าเขาน่าจะท้ากันบ่อยๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-six - (ว.) : วงแหวน (วางแผน) [31-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 31-05-2019 20:36:17

Twenty-six

(ว.) : วงแหวน (วางแผน)

 

[สระ]


“ตกลงมึงจะไม่บอกพวกกูจริงดิ?”

ไอ้เจ็มพูดขึ้นในระหว่างที่เราทั้งหมดนั่งหล่อปล่อยออร่าวิ้งวับอยู่หน้าลานคณะ กำลังปั่นการบ้านที่ต้องส่งในวันพรุ่งนี้ยิกๆ เพราะทำมาสามวันแล้วแต่ไม่เสร็จสักที งานเยอะมากกก ใกล้มิดเทอมแล้วแท้ๆ แต่อาจารย์ก็ขยันสั่งงานยากตลอด ผมอยากตายเหลือเกินนน

โอดครวญไปก็เท่านั้น สุดท้ายพวกเราก็ต้องเร่งมือเคลียร์งานทั้งหมดให้ทันส่งก่อนสอบกลางภาคอยู่ดี ก็ถ้าไม่อยากได้เอฟมากินล่ะก็นะ เฮ้อ นี่แหละครับชีวิตนักศึกษา ตอนสอบติดได้เข้ามาเรียน หลังเรียนจบก็เหนื่อยตายพอดี

ล้อเล่นนะครับ อย่าไปฟ้องอาจารย์ผมนะ แหะ

“อะไร?” ผมถามกลับทั้งที่ตายังมองเนื้อหาในหนังสือเรียนไม่ละไปไหน

“ก็รูปที่มึงอัปลงไอจีเมื่อหลายวันก่อนนั่นไง”

“นี่มึงยังคาใจเรื่องนี้ไม่จบอีกเหรอวะ” คราวนี้ผมจำต้องเงยหน้าขึ้น มุ่นคิ้วเล็กน้อยให้กับความขี้เสือกของเพื่อน แล้วพอไอ้เจ็มพูดขึ้นมา คนที่เหลือก็พากันหยุดมือจากสิ่งที่ทำเพื่อมาฝอยเรื่องนี้ในทันทีราวกับนัดกันไว้

ไอ้พีควงปากกาเล่นไปด้วยตอนเอ่ยสนับสนุนไอ้เจ็ม “ไม่ได้มีแต่พวกกูนะที่สงสัย แฟนคลับมึงสองคนก็สงสัย เขายังหาความหมายกันอยู่เลยว่าไอ้เปลือกลูกอมนั่นมันคืออะไร”

“ก็แค่เปลือกลูกอม ส่วนลูกอมมันละลายหมดแล้ว กูก็เลยโพสต์ลงขำๆ เองปะ?”

“แต่แคปชั่นมึงมันกำกวมมากไอ้หระ” คราวนี้เป็นไอยูเอ่ยแย้ง

โอ๊ยยย อะไรของพวกมึงวะเนี่ย แคปชั่นมันก็แค่ ‘อย่าท้า ผมกล้ากว่าที่คุณคิด’ เองเปล่าวะ! คือยังไง กูต้องมานั่งชี้แจงอะไรแบบนี้ให้พวกมึงฟังแบบรายวันแล้วเหรอออ

“เรื่องของกู เสือกเก่งกันจริงๆ ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องจะได้ไหมเนี่ย!”

“อ้าว ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า กว่ามึงสองคนจะคบกันได้พวกกูก็ลุ้นก็ชงกันจนเหนื่อย เวลาคบกันแล้วพวกกูก็อยากจะรู้ความเป็นไป เกิดวันหนึ่งเลิกกันขึ้นมา...”

“ปากเหรอที่พูดออกมาน่ะ ไอ้เหี้ยพี”

ว่ะ ไอ้นะที่เงียบอยู่นานโพล่งขัดขึ้นมา ตามันงี้เขียวปั๊ดเลย หึ สมน้ำหน้าไอ้เหี้ยพี ปากไม่มีหูรูดจริงๆ อะแหละ เรื่องอะไรมาแช่งผมกับไอ้นะว่าอาจจะเลิกกัน เดี๋ยวต่อยคว่ำ

ถึงกูรักมันทีหลัง รักมันช้าไปหน่อย แต่กูก็รักมันมากนะเว้ย ไม่เลิกง่ายๆ แน่!

เป็นไง นอกจากผมจะหล่อแล้วยังรักแฟนมากอีกด้วย ครบเครื่องจริงๆ

“พวกมึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง ลูกอมเกี่ยวอะไรกับแคปชั่น จงอธิบาย” ไอ้ยูดึงกลับเข้าประเด็นเดิม

ผมขยี้หัว “โว้ยยย อยากรู้อะไรนักหนา ไม่เสือกสักเรื่องจะตายมั้ย!?”

“ตาย!!!”

เอ๊าไอ้เวร ดันหันมาตอบพร้อมกันสามคนเลยด้วยนะ

“ช่างมันเถอะน่าสระ ปล่อยให้พวกมัน...”

“เออ กูบอกก็ได้” ผมเอ่ยแทรกไอ้นะที่คิดจะบอกปัดไม่ยอมตอบคำถาม ก็ผมเบื่ออะ ถามแม่งทุกวัน เรื่องก็ผ่านมาเป็นหลายวันแล้วยังไม่เลิกสงสัย ฮ่วย! “ลูกอมมันละลาย มึงเห็นในรูปมั้ยว่าเปลือกมันเหนียวๆ อะ”

“ครับ เห็นครับ” ไอ้ยูเป็นฝ่ายตอบรับ ขณะที่คนอื่นๆ พยักหน้าตาม

“กูก็บ่นว่ากินไม่ได้ เสียดาย”

“แค่ลูกอมซื้อใหม่ก็ได้ปะ”

“ตกลงจะฟังกูมั้ยครับ?” ผมแทบจะแยกเขี้ยวใส่ไอ้พีที่ขัดจังหวะ ไอ้เจ็มเลยตบหัวมันไปทีหนึ่ง แถมคำด่าด้วย

“ตั้งใจฟังสิไอ้ควาย!”

ถอนหายใจให้กับเพื่อนบ้าๆ ของตัวเองเสร็จผมก็เล่าต่อ หางตาเหลือบไปมองไอ้นะที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ผมเล่าแต่ก็ไม่ห้าม จนทำให้ผมต้องหลุดยิ้ม

“เออ แล้วทีนี้ไอ้นะมันก็เลยเอาน้ำลูกอมที่มันละลายมาป้ายปากตัวเอง แล้วบอกให้กูกินจากปากมันแทน”

“เชี่ย...”

“โอ้มายก็อด”

“มันคงคิดว่ากูไม่กล้า แต่พอดีกูกล้าครับเพื่อนๆ เลยบอกว่าอย่าท้าไง :)”

“เชร้ดโด้ว เดี๋ยวนี้มึงแน่มากไอ้หระ”

“คนขี้เขินแห่งปากแรตหายไปไหน”

“กูคือสระคนใหม่ หล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่เขินเก่งแล้วครับผม” ตบอกตัวเองปุกๆ ยักคิ้วหลิ่วตาให้รู้ว่าคนมันแน่จริง เลยโดนพวกมันโห่ใส่

“อ้าว ทำไมไอ้นะหน้าแดง...เฮ้ย!” ไอ้ยูถึงกับเบิกตาโต “อย่าบอกนะว่ามึงเขิน!”

“ว้ายๆๆ คราวนี้เป็นไอ้นะเขินเว้ย”

พวกมันหันไปเล่นงานไอ้นะแทน ส่วนผมนั่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บอกแล้วไงว่าสระคนเดิมน่ะเปลี่ยนไปแล้ว!

ผมแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายหน้าแดงๆ ของไอ้นะ แล้วอัปลงไอจีพร้อมแคปชั่นไม่สั้นไม่ยาว...

พบคนเขินหนึ่งอัตรา : )

 

ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าหลังจากผมโพสต์รูปไอ้นะลงไปแล้วเกิดอะไรขึ้น...ใช่ครับ กล่องคอมเมนต์แทบแตก มีแต่คนเข้ามากรี๊ด มาถามว่าพยัญชนะเขินอะไร สระทำให้นะเขินเหรอ แล้วก็บลาๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ออกไปทางจิ้นผมกับไอ้นะนั่นล่ะ นี่ขนาดใบ้เป็นนัยยะด้วยการใส่แคปชั่นว่า BF แล้วนะ แต่ก็ยังมีคนไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเราคบกันจริงหรือแค่เซอร์วิส

ก็ดี ผมก็ขี้เกียจโดนพวกเหยียดเพศด่าในสื่อโซเชียลเหมือนกัน ต้องยอมรับว่าสังคมที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นสังคมของการตัดสินคนอื่นแค่เพียงภายนอก ไม่ได้รู้อะไรก็ด่าไว้ก่อน หรือมองว่าการคบเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดปกตินั่นก็อีก ใครมันปลูกฝังความคิดว่าต้องมีแต่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นที่รักกันได้ ผมล่ะอยากจะรู้นัก

“เคยคิดจะประกาศออกไปไหมวะว่าเราเป็นแฟนกันจริง” ผมถามคนที่กำลังเก็บของกินเข้าตู้เย็น ก่อนแวะเข้าหอดันนึกขึ้นได้ว่าไม่มีอาหารหรือขนมอะไรเหลือสักอย่าง ไอ้นะเลยชวนผมแวะซื้อที่เซเว่น

คนที่กำลังวุ่นวายกับถุงหลายใบหยุดมือแล้วหันมาสบตากัน “ทำไมถามขึ้นมา”

“กูก็อยากรู้ไงว่ามึงอยากบอกให้ใครรู้ไหม หรือคิดจะคบกันไปแบบนี้โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะเชื่อไม่เชื่อเรื่องที่เราเป็นแฟนกัน”

“มึงอยากประกาศไหมล่ะ?” แทนที่มันจะตอบผม มันกลับย้อนถามอีกครั้ง

ผมเม้มปาก หันกลับมานอนมองเพดานห้อง ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ผมไม่เคยคิด ผมคิดอยู่หลายครั้งแต่ไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น ไม่รู้สิ เพราะถ้าถามความคิดเห็นผมล่ะก็...

“กูคิดว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แค่มึงกับกู และเพื่อนๆ ครอบครัว แค่พวกเขารู้ว่าเราเป็นอะไรกันมันก็มากพอแล้วอะ”

“เหรอ”

“แต่อีกใจกูก็อยากบอกคนอื่น” ผมพลิกตัวนอนตะแคงหาไอ้นะอีกครั้ง ส่งยิ้มกว้างจนตาหยีให้คุณแฟนของผม “อยากบอกให้รู้ว่ามึงมีกูเป็นเจ้าของแล้ว”

ผมว่าเดี๋ยวนี้ผมพัฒนาขึ้นเยอะเลยแฮะ เอาแบบเจาะจงก็ตั้งแต่ที่คบกับไอ้นะ อาการขี้เขินของผมก็ลดน้อยลง เป็นฝ่ายหยอดให้ไอ้นะเขินเก่งแทนผมซะแทน ฮ่าๆๆ

“มึงมันชักจะน่ารักมากขึ้นทุกๆ วัน”

“ไม่ต้องบอกก็รู้ มึงชมกูในใจทุกวันไหมล่ะ”

“รู้ได้ไง กูชมในใจนะ มึงอ่านใจกูได้เหรอ”

“เออ สีหน้ามึงเวลามองกูน่ะบอกหมดแล้ว เหมือนมีเขียนไว้บนหน้าเลยเถอะ”

ไอ้นะไม่พูดอะไรอีก มันแค่ยิ้มกว้างงง แล้วก็รีบจับของที่เหลือยัดๆ ใส่ตู้เย็น ก่อนจะกระโจนเข้าใส่ผมที่นอนอยู่บนเตียง แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะเพราะโดนมันฟัดหอมแก้มจนจั๊กจี้ไปหมด ไอ้บ้าเอ๊ย ฮ่าๆๆๆ

“พอ ฮ่าๆ พอแล้วไอ้นะ~”

“แฟนใครวะ น่ามันเขี้ยวจริงเว้ย!”

“มึงยังไม่ตอบกูเลย”

“อืม” ไอ้นะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่ยังพาดแขนกอดเอวผมไว้เหมือนเดิม “เหตุผลกูก็เหมือนมึงนั่นล่ะครับไอ้ดื้อ”

“ว่ะ สมแล้วที่เราเป็นแฟนกัน ใจตรงกันด้วย”

“ฮะๆ เนี่ย แล้วจะไม่ให้กูบอกว่ามึงน่ารักได้ยังไง” คุณพยัญชนะถอนหายใจอย่างเป็นสุข ผมเลยหมุนตัวหันหน้าเข้าหามันแล้วยกขาตัวเองก่ายขาอีกฝ่าย จับมือมันมาเล่นนิ้ว

“รักมึงนะ”

คนฟังกะพริบตาปริบ “นึกไงพูดออกมาเนี่ย เดี๋ยวนี้เห็นกูเขินง่ายก็เอาใหญ่เลยนะ”

“ก็อยากบอก” ผมแลบลิ้นใส่มัน เลยโดนหยิกจมูก

“กูมีอะไรให้มึงด้วย” มันพูดขึ้นมา ผุดลุกเอี้ยวตัวไปทางหัวเตียงฝั่งตัวเอง ไม่นานก็กลับมาพร้อมกล่องของขวัญใบเล็กกว่าฝ่ามือนิดหน่อย “วางแผนไว้หลายวันแล้วว่าจะให้มึงแต่ยังไม่มีโอกาสดีๆ สักที”

“ถึงขั้นวางแผนเลยเหรอ” ผมแซว “แล้วตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้ว?”

“กูไม่รู้ว่าโอกาสดีๆ มันต้องเป็นยังไง แต่ใจบอกว่าตอนนี้แหละเหมาะ กูก็เลยเลือกเวลานี้”

ได้ฟังแบบนั้นผมก็ลุกขึ้นนั่ง ก้มมองของในมืออีกฝ่าย “มันคืออะไร ของขวัญครบรอบที่คบกันเหรอ? แต่นี่ยังไม่ถึงปีนะ จะว่านับเป็นเดือนกูว่าก็เว่อร์ไปเน้อ ฮะๆ”

“ไม่มีของครบรอบรายเดือนแบบนั้นหรอกน่า ยุ่งยากตายห่า มึงก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”

“รู้ใจที่สุด แฟนใครวะ”

“แฟนสระไงครับ”

ใจผมเต้นรัวขึ้นมาซะงั้นพอได้ยินคำพูดหวานหูแสนอบอุ่นของอีกฝ่าย ชอบจังเลยเวลาเราพูดคำว่าแฟนกันออกมา ผมว่ามันเป็นคำที่ดีต่อใจเราทั้งคู่ ได้ยินเท่าไหร่ก็มาน่าเบื่อ

“ตกลงของในกล่องคืออะไร”

“คือ...”

ผมเฝ้ารออีกฝ่ายเปิดกล่อง กระทั่งมันถูกเปิดออกผมก็ไม่พบอะไรนอกจากเศษกระดาษสีขาวถูกฉีกเป็นเส้นฝอยๆ แต่ผมรู้ว่าใต้นั้นต้องมีอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ และผมก็คิดไม่ผิด เพราะ...

“แหวน”

ไอ้นะยิ้ม “ใช่ กูเตรียมไว้มาเป็นเดือนแล้ว อยากให้มึงใส่ อยากจับจองเป็นเจ้าของมึงเหมือนที่คนเป็นแฟนกันเขาจะทำ...แลกแหวนกันใส่ เป็นการบอกให้คนอื่นได้รู้ว่ามึงมีเจ้าของแล้ว”

“แต่กูไม่มีแหวนมาแลก”

“ไม่จำเป็นหรอก กูให้มึงคนเดียวก็ได้ สิ่งสำคัญคือกูอยากให้มึง ไม่ได้อยากได้อะไรตอบกลับจากมึง เพราะแค่ความรู้สึกของกูที่มึงรับไปและให้ความรู้สึกของมึงตอบกลับมา มันก็มาเกินพอแล้วว่ะ”

ผมก้มหน้า ไม่รู้สิ...หัวใจมันเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะกระดอนออกมาจากอก ผมรู้สึกมีความสุขจนแทบกระอั่กออกมา ทั้งดีใจและคิดว่าตัวเองโชคดีฉิบหายที่ได้มาเจอกับไอ้นะ จะมีใครรักผมได้มากเท่านี้อีกไหมในโลกใบกว้างใหญ่แห่งนี้

ผมมือสั่นในตอนที่ไอ้นะจับมือผมไปสวมแหวนให้ แน่นอนว่าต้องเป็นนิ้วนางข้างซ้าย

“ตอนนี้ถือว่ากูหมั้นมึงไว้ก่อนก็ได้ ไว้ตอนแต่งค่อยซื้อใหม่”

“คิดถึงขั้นแต่งงานเลยเหรอวะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน กะพริบตาปริบแต่แก้มรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ให้เชี่ย มันกำลังโยนคืนตำแหน่งขี้เขินกลับมาให้ผมเหรอออ

“คิดถึงขั้นว่าจะใช้ชีวิตกับมึงไปจนแก่ตายเลยด้วยซ้ำ”

“ไอ้นะ~~”

“ไม่ต้องมีพิธีเหมือนที่ชายหญิงเขามีก็ได้ แค่ให้รู้ว่าเราหมั้นกัน และในอนาคตก็จะแต่งงานกัน อ้อ อาจจะมีเพื่อนๆ กับคนในครอบครัวของเรา จัดเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว”

ผมเม้มปาก โผเข้ากอดอีกฝ่าย ซบหน้าลงกับต้นคอของมัน เอ่ยกระซิบคำพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะได้รับอ้อมกอดแน่นๆ ตอบกลับมา แบบที่ทำให้ผมต้องเผยอยิ้มกว้าง

“ไว้ถึงวันแต่งเมื่อไหร่ มึงต้องให้กูช่วยออกค่าแหวนแต่งงานนะ : )”




___________________________
หายไปนานอีกแล้วเนอะ แหะ จะพยายามกลับมาต่อไวๆ ค่ะ เพราะนี่ก็ใกล้จบแล้วแหละ เหลืออีก 5 ตอนเองจ้า อิอิ เขียนตอนนี้แล้วแฮปปี้มาก เหมือนเจ้าสระกับคุณนะช่วยฮีลใจเรา เขียนเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากเลยค่ะ ไม่กดดันเหมือนเรื่องก่อนๆ ที่แล้วมา ไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาดีพอไหม และหวังว่าเรื่องราวน่ารักๆ ของทั้งคู่จะทำให้ทุกคนยิ้มได้เหมือนเรานะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ



หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-six - (ว.) : วงแหวน (วางแผน) [31-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-05-2019 22:09:01
หวานขึ้นทุกวัน สระเห็นนะเขินก็แกล้งใหญ่เลยนะ o18
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-six - (ว.) : วงแหวน (วางแผน) [31-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-05-2019 23:32:47
หนูสระ ลุคใหม่ไม่เขินแล้ว ให้หนูนะเขินแทน เลิศจ้า  o13
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-six - (ว.) : วงแหวน (วางแผน) [31-05-19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-06-2019 02:43:07
เขินมากเลย :-[
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-seven - (ส.) : สุนัข (สัญญา) [04-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 04-06-2019 18:05:55
Twenty-seven

(ส.) : สุนัข (สัญญา)
 

[พยัญชนะ]


เป็นวันหยุดในแบบที่ผมค่อนข้างงุนงง เช้าวันเสาร์ตื่นก่อนเวลาเพราะโดนสระปลุก เจ้าตัวบอกว่าอยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน เห็นว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยม อีกฝ่ายเพิ่งซิ่วมาเรียนอยู่มหา’ลัยไม่ไกลจากที่เราอยู่เท่าไหร่ ไม่ได้เจอกันนานแถมตอนนี้ก็ว่างตรงกันแล้วด้วย ก็เลยได้โอกาสนัดเจอกันสักที

เป็นการออกจากหอแบบกะทันหัน แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก ดีซะอีกที่อย่างน้อยสระก็ยังชวนผมไปด้วย แต่ผมก็อดจะกังวลไม่ได้ว่าอาจจะทำให้บรรยากาศระหว่างสระกับเพื่อนกร่อย ก็ผมเป็นคนนอกนี่นา ไม่เคยเจอเพื่อนเก่าของเขามาก่อนเลยสักครั้ง มันต้องกระอักกระอ่วนมากแน่ๆ

“มึงว่าเพื่อนมึงซิ่วมาจากที่ไหนนะ?”

“ภาคเหนือ”

“อ้าว แล้วมีบ้านอยู่ที่กรุงเทพเหรอ?”

“อื้อ จริงๆ มันเป็นคนกรุงเทพนี่แหละ แต่ตอนมัธยมไปอยู่บ้านยายก็เลยได้รู้จักกัน พอสอบติดมหา’ลัยดันไปไกลยันเหนือ กูก็เลยไม่ได้เจอกับมันมาเป็นปีๆ แล้ว”

“สนิทกันมากเหรอวะ?”

“ซี้ที่สุดเลยแหละ” สระตอบ แต่พอเห็นผมเงียบมันก็หันมาหลิ่วตาทำเสียงงุ้งงิ้งใส่ “ฮันแน่ คิดอะไรอยู่”

ผมเลิกคิ้ว “อะไร?”

“หึงกูอยู่ปะเนี่ย นั่นเพื่อนนะครับเพื่อน อย่าหึงดิ”

อ่า ที่จริงผมไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด แต่พอสระพูดออกมาผมก็เลยอยากจะแกล้งเขาขึ้นมาทันทีเลย

“ใครบอกกูหึงมึง”

“อ้าว”

“ไม่ได้หึงเลยครับคุณแฟน”

“เออออ อย่าให้รู้ว่าหึงแล้วกันนน”

ผมหลุดขำ “ไม่ใช่กูไม่หึงมึงหรอกนะ ถ้ามีใครมายุ่งกับมึงกูก็หวงของกูทั้งนั้นแหละ แต่นี่เพื่อนมึงนี่นา กูจะหึงทำไมล่ะ แบบนั้นงี่เง่าจะตายไป”

“ก็เห็นมีเยอะแยะไปที่แฟนหึงเพื่อนของแฟนอะ”

“มันก็แล้วแต่คู่แล้วแต่คนไงสระ อย่างกูกับมึงเราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน กูรู้จักมึงดี มึงเองก็น่าจะรู้จักกูดี เรารู้นิสัยกันและกันดีมากพอที่จะรู้ว่าการหึงเพื่อนเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่า แต่ถ้ามึงไปนัวเนียดูดปากกับเพื่อน แบบนั้นกูค่อยหึงค่อยหวง”

สระเบิกตาโต “ใครจะไปดูดปากกับเพื่อนวะ! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!”

“ฮ่าๆๆๆ”

ผมหัวเราะ ก่อนจะรีบโบกเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี เข้าไปนั่งและบอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อยก็หันมาก่อกวนไอ้ดื้อเล่น ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจิ้มแก้มขาว จี้เอว แล้วก็วอแวให้มันรำคาญ สุดท้ายมันก็เลยโบกหัวผมเต็มแรง

“สมควรโดนแล้วไอ้สัด”

“โหย กูเป็นแฟนมึงนะ ทำร้ายกันขนาดนี้เลย? ใช้ความรุนแรงว่ะ”

“ทำไมจ๊ะ เป็นแฟนกันแล้วต้องอ่อนโยนขึ้นงี้เหรอออ”

“ไม่อะ เป็นมึงในแบบที่เคยเป็นน่ะดีแล้ว” ผมรีบส่ายหน้า เป็นฝ่ายเอียงหัวซบไหล่ไอ้ดื้อ ตามองตรงไปที่หน้ารถ แอบเห็นพี่คนขับแท็กซี่เหลือบมองเราสองคนผ่านทางกระจกมองหลังด้วย อะ...นั่นเขากำลังยิ้มอยู่หรือเปล่าวะ? “เพราะเป็นมึงกูถึงได้รัก”

ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาด เพราะหลังจากผมพูดจบพี่แท็กซี่ทำหน้าอึ้งแดกในทันทีทันใดเลย อ่า ถ้าเขาเป็นพวกเกลียดเกย์ขึ้นมา เขาจะไล่เราสองคนลงจากรถหรือเปล่าวะ?

คิดฟุ้งซ่านจนลืมสนใจปฎิกิริยาของสระ มารู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ผมสัมผัสได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มจุ๊บลงมาที่ข้างขมับ อะ...สระจุ๊บหัวผม!

เงยหน้าขึ้นมองคุณแฟนสุดที่รัก เจ้าตัวยิ้มจนตาหยีมาให้ เอ่ยกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู...

“เพราะมึงเป็นแบบนี้กูถึงได้รักมึงตอบไง”

 

เชื่อมั้ย ผ่านมาเป็นชั่วโมง รถยังติดอยู่บนถนนไม่ถึงที่หมายสักที แต่ผมกลับไม่รู้สึกหงุดหงิด ตรงกันข้ามกลับยิ้มหน้าบานไม่หุบ ยิ้มจนปวดแก้มสุดๆ เลยตอนนี้

ใครใช้ให้แฟนผมน่ารักล่ะครับ เริ่มจะเหนื่อยใจกับความน่ารักของมันว่ะ สักวันผมต้องหัวใจวายตายแน่เลยถ้าสระยังขยันตัวทำให้ผมรักผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้

“เลิกยิ้มได้แล้วโว้ยยย” ไอ้ดื้อโวยวาเมื่อหันมาเห็นว่าผมไม่เลิกยิ้มสักที

“มึงหยุดน่ารักเมื่อไหร่กูถึงจะหยุดยิ้ม”

“กูหล่อครับ”

“ไม่ มึงน่ารัก” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ยืนยันคำเดิม “น่ารักโคตรๆ”

“ไอ้นะ~”

คุณแฟนโอดครวญใส่ สองแก้มแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองพี่แท็กซี่ให้ผมต้องแอบชำเลืองตาม อ่า พี่เค้ามองพวกเราอีกแล้ว แต่เขายิ้มนะ ยิ้มกว้างไม่ต่างจากผมเลย ผมจะปักใจเชื่อแล้วนะว่าพี่เค้ามองเราสองคนน่ารัก ไม่งั้นเขาจะยิ้มทำไมล่ะจริงมั้ย?

“เมื่อไหร่จะถึงวะเนี่ย” สระบ่น

“หลุดตรงนี้ไปก็โล่งแล้วน้อง อดทนอีกนิด” พี่คนขับแท็กซี่บอก

“อ่า ครับ”

ผมกลั้นขำ ใครจะไปคิดว่าบ่นกับตัวเองเสียงเบาแล้วแต่ยังมีคนได้ยิน ไอ้ผมนั่งข้างๆ มันได้ยินคงไม่แปลกเท่าไหร่ แต่พี่คนขับนั่งห่างออกไปดันได้ยินด้วย เออ แต่รถมันก็มีพื้นที่แค่นี้น่ะนะ ได้ยินคงไม่แปลกหรอก

รออยู่สิบนาทีเห็นจะได้ พอหลุดจากตรงที่พี่แท็กซี่บอก ถนนก็โล่งขึ้นเยอะจริงๆ ไม่ถึงห้านาทีเราก็มาถึงบ้านเพื่อนของสระ จุดหมายปลายทางในวันนี้ของเรา

จ่ายเงินค่ารถเรียบร้อยผมก็ก้าวเท้าเดินตามสระไปกดกริ่งหน้ารั้วเหล็กดัดสีน้ำเงินขอบทอง รอเพียงไม่นานก็มีผู้ชายตัวสูงพอๆ กับสระวิ่งออกมาจากบ้าน เปิดประตูได้ทั้งสองก็โผเข้ากอดกัน ตบไหล่ดังปึกปัก ดูดีใจมากจริงๆ ที่ได้เจอกัน

“ไงมึง สบายดีใช่ปะวะ”

“นอกจากเป็นหวัดเมื่อเดือนก่อนกูก็ไม่ได้เป็นอะไรอีกนะ ถือว่าสบายดีแหละว่ะ”

“กวนตีนตลอดด ตอบแค่สบายหรือไม่สบายก็จบแล้วมั้ย”

สระหัวเราะร่า ผละออกจากอ้อมกอดของเพื่อนได้ก็หันมามองผมแล้วดึงแขนเสื้อยิกๆ เพื่อให้ผมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น “นี่พยัญชนะ...”

“แฟนมึงหล่อกว่าในรูปที่กูเคยเห็นอีกว่ะ เฮ้ย! อย่างกับเดือนมหา’ลัย”

ผมชะงักปากที่กำลังจะเอ่ยทักทายอีกฝ่าย เปลี่ยนเป็นทำหน้าไม่ถูกแทน โดนชมไม่ทันตั้งตัว ใครบ้างจะไปทำตัวถูกล่ะครับ แต่เขาเรียกผมว่าแฟนของสระ หมายความว่าเขารู้แล้วน่ะสิว่าเราคบกัน อ่า แต่ก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง สองคนนี้เป็นเพื่อนกัน สระคงจะเล่าอะไรให้ฟังบ้างแหละน่า

“มึงทำแฟนกูตกใจไอ้เหี้ยปอนด์”

“อ้าวเหรอ ขอโทษๆ” เพื่อนสระที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าชื่อปอนด์หันมาโบกมือยิ้มทักทายผม “หวัดดีนาย เราปอนด์ เพื่อนสนิทไอ้สระตั้งแต่ม.ต้น”

“เอ่อ สวัสดีครับ เรียกผมว่านะก็ได้ครับ”

“เข้ามาในบ้านกันก่อน อากาศร้อน เดี๋ยวคุณสระเขาเป็นลม ดูดิยืนแค่แป๊บเดียวเหงื่ออาบเลย” ปอนด์นำทางเราเข้าไปในบ้านพลางพูดไปถึงเรื่องในอดีตระหว่างเขากับสระ “จำได้ปะว่าตอนมอสี่มึงเคยเป็นลมตอนเตะบอล เล่นเพื่อนทั้งห้องตกใจกันหมด แถมพวกกูยังต้องหิ้วปีกแบกมึงไปห้องพยาบาล หนักก็หนัก เฮ้อ”

“ใช่เรื่องที่ควรมาพูดไหมเนี่ย!”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ฟัง ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยแฮะ ก็รู้ว่าสระเป็นพวกขี้ร้อน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นร้อนจนเป็นลม

“เรื่องจริงนี่หว่า แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มึงไปต่อแถวรอซื้อน้ำ มึงร้อนมากแต่คิวก็ยาวจัด มีก็เลยหงุดหงิดงุ่นง่าน พอดีมีคนมาแทรกคิวข้างหน้าเพราะรู้จักกัน มึงก็เลยโวยวายเม้งแตกกลางโรงอาหาร...”

“หึ...” ผมหลุดหัวเราะ พอนึกภาพไอ้ดื้อแหกปากด่ากลางที่สาธารณะก็กลั้นไม่ไหวจริงๆ “ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้นะ! ขำพ่อง!”

“หึๆๆ”

“กูบอกให้หยุดไงงง” สระถลาเข้ามากระชากคอเสื้อผม ไม่ได้รุนแรงอะไรมากแต่ก็ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซเล็กน้อย “ถ้าไม่หยุดกูจะปิดปากมึง เอาให้หัวเราะไม่ออกเลย”

ผมเลิกคิ้ว “ทำไง? จะจูบปิดปากกูเหรอ?”

“อย่าท้านะครับผมเคยบอกไปแล้ว คุณพยัญชนะอยากโดนจูบก็บอกม๊า บอกมาเลย”

“ถ้าบอกว่าใช่จะจูบกู?”

“เออ จูบด้วยเท้าอะ”

“โห ทำแฟนได้ลงคอเหรอ”

สระยักคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหลุดยิ้มขำตามผม “ทำไมลงหรอกน่า กูรักมึงจะตาย”

“..!”

“จะกล้าทำร้ายมึงได้ไง”

ให้แมวดิ้นตายเถอะ เดี๋ยวนี้ขยันหยอดผมกลับ คิดจะแก้แค้นที่ผมเคยเต๊าะมันบ่อยๆ หรือยังไงวะเฮ้ย!

“อะแฮ่มๆ”

เสียงกระแอมไอทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งโหยง ผละออกห่างจากกันอย่างรวดเร็ว สระทำหน้าไม่ถูกไปเลยเมื่อหันไปเจอสายตาล้อเลียนขอปอนด์ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหย ลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่หอ พอได้หยอกเล่นกับสระแล้วผมก็มักจะไม่สนใจรอบข้าง

ก็ความสนใจทั้งหมดของผมมันอยู่ที่เขานี่นา

“ไม่อยากจะขัดจังหวะเท่าไหร่ แต่ก็ต้องขัดเพราะอิจฉาครับ อยากมีแฟนบ้าง”

“มึงเรื่องมากเอง เปลี่ยนแฟนละหลายคน เคยรักคนที่คบบ้างปะวะไอ้สัด”

“เอ๊า กูก็รักก็ชอบนะเว้ย แต่ไม่มากพอให้คบกันไปยาวๆ นี่หว่า” ปอนด์ไหวไหล่พลางเชื้อเชิญให้นั่งเมื่อเราเข้ามาถึงในบ้าน “พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะตอนนี้มึงมีแฟนแล้ว ชีวิตอินเลิฟเกินกว่าจะมาเข้าใจความคิดคนโสด”

“ปากดีจัดดด เดี๋ยวต่อยปากแตก”

“ชอบใช้กำลังเหมือนเดิม เออ กูลืมบอกไปเลยว่าเอาไอ้วินนี่มาด้วยนะ”

สระทำหน้างงไปแป๊บหนึ่ง ส่วนผมไม่รู้หรอกว่าวินนี่คืออะไร แต่พอเจ้าตัวนึกขึ้นได้ก็เบิกตาโต “เฮ้ยยย ไหนๆๆ มันอยู่ไหน กูโคตรคิดถึงมันเลย!”

“นอนอยู่ในห้องกูอะ”

“หะ? จะเที่ยงแล้วแต่หมามึงยังนอนอยู่อีกเนี่ยนะ!?”

โอเค ผมรู้ละ...วินนี่คือหมานี่เอง

“เออ หมากูขี้เซา ไปหามันปะละ ไปกับแฟนมึงอะ เดี๋ยวกูไปตั้งสำรับกับข้าวก่อน พวกมึงยังไม่ได้กินอะไรมาใช่ไหมล่ะ?”

“ยังๆ ฝากด้วยมึง อยากไปช่วยนะแต่กูคิดถึงวินนี่”ฃ

“เออ ไปเหอะไม่ต้องช่วยหรอก” ปอนด์โบกมือส่งๆ แล้วหันมายิ้มให้ผม “ไปกับไอ้สระมันได้เลย เดี๋ยวเราไปเรียกถ้าอาหารเสร็จหมดแล้ว”

“อ่า ครับ”

ผมเดินตามหลังไอ้ดื้อต้อยๆ มาจนถึงห้องนอนด้านในสุด ดูท่าเจ้าของห้องอย่างปอนด์จะชอบที่ที่แสงน้อย เพราะห้องเขามีหน้าต่างแค่บานเดียวแถมยังปิดม่านสีขาวผืนบางเอาไว้ ถึงอย่างนั้นแสงก็ยังสว่างมากพอให้มองเห็นทุกอย่างในห้อง และนั่น...บนเตียงนอนมีเจ้าหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้สีขาวน้ำตาลนอนหลับปุ๋ยอยู่ ห่มผ้าให้เสร็จสรรพเลยด้วยเพราะแอร์ค่อนข้างเย็นไม่หยอก

เป็นหมาที่โคตรโชคดี เจ้าของดูท่าจะรักมันมาก ให้นอนบนเตียงแล้วยังเปิดแอร์ให้อีกต่างหาก

“วินนี่!”

สระตะโกนเรียกเจ้าหมาจนมันสะดุ้งตื่น ผงกหัวขึ้นมองด้วยความตกใจ หน้ามันโคตรตลกจนทำเอาผมหลุดขำอีกจนได้ ก่อนมันจะตาเหลือกมากขึ้นเมื่อไอ้ดื้อกระโจนไปทับแล้วกอดฟัดมันยกใหญ่

“สระ มันตกใจนะเว้ย”

“น่า เดี๋ยวมันก็จำกูได้” นอกจากไอ้ดื้อจะไม่เลิกฟัดหมาแล้ว ยังกอดรัดมันแน่นกว่าเดิม แต่เพียงพักเดียวเจ้าวินนี่ก็ดมๆ กลิ่นสระ ก่อนมันจะสะบัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วกระดิกหางยิกๆ เลียหน้าสระเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจำได้แล้วว่านี่คือใคร

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่ใช่เหรอ ทำไมมันจำมึงได้อะ?”

“วินนี่มันเป็นหมาแสนรู้ ฉลาดเป็นกรด แล้วสมัยก่อนกูก็ไปเล่นกับมันบ่อยตอนมันยังอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดของไอ้ปอนด์อะ เลยซี้กัน” ไอ้ดื้ออธิบายพลางล้มตัวลงปล่อยให้วินนี่นอนทับหน้าท้อง

ผมพยักหน้าหงึกหงึก “ส่วนมึงก็แสนรู้เหมือนวินนี่นี่เอง”

“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ สระ ยื่นมือไปลูบขนนุ่มๆ ของเจ้าหมา เป็นหมาที่เชื่องดีแฮะ ไม่ตื่นคนแปลกหน้า แต่แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอก เกิดมีโจรเข้าบ้านคงได้วิ่งไปเล่นกับโจรแทนเห่าไล่ “จะว่าไปถ้าเรียนจบมึงย้ายไปอยู่กับกูนะ แล้วเรามาเลี้ยงหมาด้วยกันสักตัว”

“มึงหมายถึงถ้ากูหางานทำในกรุงเทพอะเหรอ?”

ผมชะงัก “อ่า กูไม่เคยถามมึงเลยนี่หว่าว่าหลังเรียนจบมึงจะทำงานที่ไหน แล้ว...จะยังอยากอยู่กับกูหรือเปล่า”

“ถ้ากูอยากอยู่กับมึง แล้วเราจะอยู่กันยังไง เช่าหอเหมือนเดิมเหรอ?”

“ไม่ กูกะว่าถ้าใกล้บ้านกูก็จะชวนมึงกลับไปอยู่บ้านกู” ผมเงยหน้ามองเพดานพลางครุ่นคิดถึงอนาคตข้างหน้าไปด้วย “แม่กับพี่เต็มใจให้มึงไปอยู่ด้วยมากๆ แต่ถ้าที่ทำงานอยู่ไกลกูก็จะเช่าบ้านสักหลังอยู่กับมึง อย่างน้อยก็ต้องเป็นบ้านที่เลี้ยงหมาแมวได้”

“...เหรอ”

“แต่ถ้ามึงไม่อยากอยู่กับกู...”

“ใครบอกไอ้ห่า กูอยากอยู่กับมึงตลอดเวลาเลยเหอะ” สระแย้ง เขาขยับยุกยิกเป็นเหตุให้ผมต้องหันกลับมาหาเขา แล้วเราก็ได้สบตากันพอดี “มีบ้านด้วยกัน เลี้ยงหมาแมวด้วยกัน อีกหน่อยก็ออกรถมาขับด้วยกัน มึงได้คิดถึงตรงนี้บ้างปะล่ะ?”

ผมยิ้ม “คิดดิ คิดตั้งแต่ที่มึงตอบรับเป็นแฟนกูแล้ว”

“ดี งั้นสัญญานะว่าเราจะสร้างครอบครัวของเราด้วยกัน”

“...” ผมนิ่งอึ้ง คำว่า สร้างครอบครัว แม่งโคตรทัชใจผมเลยว่ะ

“กูจริงจังขนาดนี้ มึงห้ามทิ้งกูแล้วนะเว้ย ตกลงตามนี้นะ สัญญามั้ย?”

ผมยิ้มกว้างกว่าเก่า ขยับไปสวมกอดอีกฝ่ายแน่นๆ โดยไม่สนว่าเจ้าวินนี่จะโดนรบกวนหรือไม่ ก่อนจะตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงว่า...

“สัญญา”




__________________________________

ใช้เวลาสามวันกว่าจะปั่นตอนนี้จบ แง ช่วงนี้ทำอะไรก็ช้าไปหมด เบื่อตัวเองงงง


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-seven - (ส.) : สุนัข (สัญญา) [04-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-06-2019 01:30:32
คู่นี้หยอกกันแรงนิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-seven - (ส.) : สุนัข (สัญญา) [04-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-06-2019 12:22:27
สร้างครอบครัวด้วยกัน โอ้ยยยยย :-[
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-seven - (ส.) : สุนัข (สัญญา) [04-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-06-2019 18:13:41
ชอบตอนนี้จังเลย
เค้ากำลังวางแผนสร้างครอบครัวกัน
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-06-2019 23:35:00

Twenty-eight

(ห.) : เหล้า (หลงใหล)

 

[สระ]


“แล้วมึงมาอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่เหงาเหรอวะ?”

ผมถามไอ้ปอนด์ หลังจากทั้งวันที่เราหมดเวลาไปกับการเล่นเกมด้วยกัน หลังจากที่ไม่ได้แข่งกันเองมานาน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะนั่งคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันแบบจริงๆ จังๆ ได้สักที

ไอ้ปอนด์บอกว่ามันซิ่วกลับมาเรียนกรุงเทพฯ เพราะคณะที่มันลงไม่คลิกกับตัวมันเท่าไหร่ จากเด็กรัฐศาสตร์ของมหา’ลัยทางเหนือ เลยกลายมาเป็นเด็กนิเทศฯ ของมหา’ลัยในกรุงเทพฯ แทน คนละสายกันเลยไอ้ห่าเอ๊ย

“ทำไงได้ล่ะวะ แม่ก็ดันย้ายไปเป็นครูที่อีสานปีนี้พอดี แต่กูโตแล้วแม่เลยไม่ห่วงอะไรเท่าไหร่ บอกแค่ว่าอย่าเข้าร้านเหล้าบ่อยนัก”

“แม่มึงรู้อะดิว่ามึงมันสายน้ำเมา แดกเหล้าเก่งงง” ผมแซว เลยโดนมันแย่งแก้วในมือไป

“ไม่ต้องแดกละ กวนตีน”

“เอ๊าเฮ้ย! ไม่ได้ดิวะ เหล้ากู!”

แย่งแก้วเหล้ากันไปมาแบบไม่จริงจังนัก สุดท้ายไอ้เพื่อนเก่าก็ยอมคืนให้ผม แถมยังรินเหล้าเพิ่มให้อีกต่างหาก...หลังชนแก้วกันไปหนึ่งกิ๊ง ไอ้ปอนด์ก็เปิดปากเล่าเรื่องราวชีวิตของมันต่อ

“ตอนเรียนที่นู่นก็ดีนะมึง รถไม่ติดเหมือนที่นี่ อาหารก็แปลกใหม่ เพื่อนก็อู้กำเมืองกันเยอะอยู่ แต่ก็มีพวกเด็กจากภาคอื่นไปเรียนด้วยเหมือนกัน นี่นะ กูมีเพื่อนมาจากใต้ด้วย เวลามันแหลงใต้กูโคตรชอบไปนั่งฟัง สำเนียงแม่งอย่างเท่”

“เออๆ กูก็เคยเจอเพื่อนในสาขาเป็นคนใต้ ชอบเหมือนกัน เป็นภาษาที่มีเสน่ห์มาก”

“แต่ภาษาเหนือกับอีสานก็มีเสน่ห์นะมึง ตอนเพื่อนอีสานพูดรัวๆ กับแม่มันกูก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ฮะๆ” ไอ้ปอนด์ยิ้มชอบใจ ก่อนจะหันไปชวนไอ้นะคุยบ้าง เพราะวันนี้แฟนผมแทบไม่พูดอะไรเท่าไหร่ ไม่เชิงว่าอึดอัดหรอกผมดูออก แต่เหมือนมันจะไม่อยากขัดจังหวะการรำลึกความหลังของผมกับเพื่อนมากกว่า “แล้วนะล่ะ เป็นคนกรุงเทพอยู่แล้วใช่ปะ?”

“อ๋อ ใช่ ตั้งแต่เกิดก็อยู่ที่กรุงเทพไม่เคยย้ายไปอยู่ที่อื่นหรอก”

“เจอรถติดตั้งแต่เด็กไม่เบื่อบ้างเหรอ?”

แฟนผมพยักหน้ารับ “เบื่อดิ ตอนอายุได้แปดเดือนยังเคยบ่นกับแม่เลยว่าทำไมไม่พากูไปเกิดที่ต่างจังหวัด ออกจากโรง’บาลกว่าจะนั่งรถถึงบ้าน นอนในอ้อมแขนแม่จนเมื่อยตัวไปหมด”

“ไอ้เหี้ย แปดเดือนคิดได้ขนาดนั้นเลยนะ”

แล้วเราสามคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันดังลั่นบ้าน ได้ตบมุกกันพอขำขันก็ดูเหมือนแฟนกับเพื่อนเก่าของผมจะผ่อนคลายกันมากขึ้น หลังจากนั้นเลยชนแก้วกันโครมๆ แล้วในที่สุดก็ถึงจุดที่ดื่มต่อไม่ไหว

ช่ายยย เมาครับ ไอ้นะกับไอ้ปอนด์เมาแล้วแหละ

“กูว่าถึงเวลาต้องกลับแล้วแหละว่ะ”

“หือ?” ไอ้ปอนด์ผงกหัวขึ้นจากโต๊ะ เหลือบมองนาฬิกาที่ข้างผนังด้วยตาลอยๆ ถามดีกว่าว่าแม่งมองออกไหมเข็มสั้นเข็มยาวชี้เลขไหน เมาขนาดนี้ “รีบกลับ...ไปหนายวะ เพิ่งเที่ยงเอง”

“เที่ยงคืนเถอะไอ้สัด”

“หราวะ อึก” ไอ้เพื่อนเก่านั่งหน้ามึน ก่อนจะชี้ส่งๆ ไปทั่ว “นอนบ้านกูกะด้ายย มีห้องว่างน่า”

ผมนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าจำยอมเพราะดูท่าจะให้หิ้วไอ้นะขึ้นแท็กซี่มันค่อนข้างจะลำบากเกินไป ไม่ได้คิดว่าจะมาเมาหยำเปกันด้วยนี่สิ

“ห้องไหนนอนได้บ้างวะ”

“ข้างบนๆ ห้อง...ที่มีสติกเกอร์บาร์บี้ติดอยู่”

“บาร์บี้?” ผมได้ยินผิดหรือเปล่าวะน่ะ

“เออออ บาร์บี้งายยย ห้องลูกพี่น้องพี่กู แต่มันย้ายออกไปตั้ง อึก แต่หลายปีก่อนแล้ว”

“ลูกพี่ลูกน้องไหมล่ะ ลิ้นพันแล้วไอ้เชี่ยปอนด์ มึงก็ไปนอนได้แล้วไป”

“เออๆ เจอกานพรุ่งเน้นะ”

ผมมองส่งไอ้เพื่อนเก่าเดินเกาะราวบันไดขึ้นไปห้องนอนของมัน ลุ้นอยู่ทุกย่างก้าวว่ามันจะลื่นขั้นบันไดแล้วไหลลงมากองด้านล่างหรือเปล่า แต่พอเห็นมันขึ้นไปจนได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ผมก็เลยเบาใจแล้วหันมาให้ความสนใจคุณแฟนของผมต่อ

“นะ คืนนี้ค้างที่นี่แล้วกัน”

“หือ อือ” พยัญชนะปรือตามอง ผงกหัวยึกยักแล้วยอมขยับตัวตามแรงพยุงของผม

“ค่อยๆ ก้าวนะมึง บันไดๆ”

กว่าจะพาคนมาขึ้นมาถึงชั้นบนก็เล่นเอาเหนื่อยจนหอบ ถึงผมจะตัวเล็กกว่ามันนิดหน่อยแต่เรื่องน้ำหนักมันเยอะกว่าผมเป็นสิบโลเห็นจะได้ ผมมีแรงลากมันขึ้นมาทั้งที่ตัวเองก็ดื่มไปตั้งเยอะเนี่ยโคตรนับถือตัวเองแล้วครับ

“ห้องบาร์บี้ๆ” พึมพำพลางมองหาห้องที่ว่าไปด้วย ก่อนจะมาเจอเอาสุดทางเดิน อ่า สติกเกอร์รูปยัยผู้หญิงผมทองหน้าตาน่ารักแปะหราอยู่กลางประตูเลยแฮะ เชื่อแล้วว่าชอบมาก

“อืมมม”

“นะอย่าลากเท้าดิวะ เดินดีๆ ก่อนน เตียงอยู่ไม่ไกลแล้วโว้ย!”

คนเมาดูจะให้ความร่วมมือมากขึ้น ผมค่อยโล่งใจหน่อยว่าแฟนผมไม่ได้เมาจนไร้สติอะไรมากมายขนาดนั้น พอมาถึงเตียงเลยทิ้งตัวใหญ่ๆ ของมันลงไปโดยไม่สนว่ามันจะเจ็บไหม เพราะตอนนี้ผมหนักมาก จะตายแล้วครับ แอร๊ก!

ตุบ!

“เหวอออ” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ก็ถูงวงแขนแกร่งลากลงไปนอนด้วย หลับตาปี๋ตอนที่ใบหน้ากระทบเข้ากับแผ่นอกอีกฝ่าย “โอ๊ยยย เจ็บนะเว้ยไอ้นะ~”

“กอดกัน”

“กอดอะไรวะ เหนียวตัวเว้ย”

โวยวายไปก็เท่านั้นเพราะไอ้คนเมาไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ มีแต่จะกอดแน่นขึ้นแล้วยังถูแก้มที่มีตอหนวดบางๆ ไปตามข้างแก้มและลำคอของผมอีกต่างหาก เจ็บนิดๆ แต่ออกไปทางจั๊กจี้มากกว่า แต่ถ้ามันยังไม่เลิกเป่าลมหายใจร้อนๆ ใส่ใบหูผมล่ะก็ จากแค่จั๊กจี้จะกลายเป็นรู้สึกอย่างอื่นแทน

“หอม”

ผมมุ่นคิ้ว “หอมอะไรของมึงครับแฟน ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อกับกลิ่นเหล้า”

“หอมกลิ่นตัวมึง” มันตอบเสียงพร่าอยู่ข้างหู แถมยังจุ๊บลงมาอีกต่างหาก เล่นเอาผมย่นคอหนีแทบไม่ทัน ขนลุกอะ! จะกอดจะหอมไม่ว่าแต่อย่าทำตรงจุดที่มันอ่อนไหวง่ายดิวะ “ทำได้ปะ”

กึก

นิ่งครับ อึ้ง ตะลึง ตัวแข็งค้างไปแล้วตอนนี้!

มะ เมื่อกี้มันบอกว่าขอทำเหรอวะ? ใช่...ใช่ไหมวะ ผมไม่ได้หูฝาด?

“มึง...ว่าไรนะ?” เพื่อความแน่ใจขอถามอีกครั้งก่อนครับ

ไอ้นะพลิกผมลงไปนอนด้านล่าง ดวงตามันปรือปรอยฉ่ำน้ำ ดูมีสติพอๆ กับไม่มี แต่มันก็ยังพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ “อยากแดกมึงแล้วอะ ขอแดกวันนี้เลยได้มั้ย”

“อะ...” หน้าร้อนวาบขึ้นมาซะเฉยๆ หลังจากที่ได้ยินชัดแล้วเต็มสองหู

“ให้กูทำได้ไหมสระ”

มากระซิบถามน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ แล้วผมมีเหตุผลอะไรจะไปปฏิเสธมันได้อะครับ ฮื่อ “ก็ทำดิ ไม่...ไม่ได้ห้ามซะหน่อย กูเคยบอกแล้วนี่”

“งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”

ไม่เกรงใจจริงๆ ครับ เพราะหลังจากนั้นมันโน้มหน้าลงมาจูบปากผมอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่จูบนุ่มนวลเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันร้อนแรงและดูดดื่มกว่าเดิมมาก ปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาในปากทำให้ผมใจสั่น มือไม้ไม่รู้จะไปไว้ตรงไหนเลยได้แต่กอดคอมันเอาไว้หลวมๆ

“อืม”

ฝ่ามือร้อนสอดไล้ผิวกายใต้เสื้อของผม สะกิดเขี่ยเม็ดกลางอกเหมือนหยอกเล่น แต่การกระทำของเขากลับทำให้ผมสะท้านไปทั้งร่าง อารมณ์วูบไหวจุดติดขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเหมือนกองไฟที่ได้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมันชั้นดี

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราจูบกัน ลูบไล้กันไปมา กระทั่งในที่สุดทั้งร่างของเราก็ไร้เสื้อผ้าชิ้นใดปกปิด แสงสว่างในห้องยิ่งทำให้ผมได้เห็นทุกอย่างของไอ้นะ ทั้งร่างกายแข็งแรง ไลน์กล้ามเนื้อสวย ผิวสัมผัสที่มือผมลากผ่านให้ความรู้สึกดี เหมือนที่ไอ้นะเองก็กำลังทำให้ผมรู้สึกวูบไหวไปทั้งตัวเพราะมือร้อนๆ ของมัน

ตัวตนของเราเสียดสีกันไปมา กระตุ้นเร้าจนความแข็งขืนลุกชัน ความกระสันอยากเข้าจู่โจมจนหัวใจสั่นรัวอยู่ในอก ปากเราจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมชอบจูบของไอ้นะ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แม้ไม่พูดออกมา แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน

“อึก นะ...ไอ้นะ”

“อือ” คนถูกเรียกครางแผ่วในลำคอเป็นการตอบรับ ปากก็พรมจูบไปทั่วแผ่นอกของผม มือเลื่อนไปกอบกุมความต้องการของเราที่ผงาดกล้า รวบเอาไว้และเสียดสีกันไปมา

ผมหอบหายใจ กระสันจนแทบบ้า ปัดมือหนาออกไปแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมคุณแฟนแทน ไอ้นะยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่...ผมคิดว่านะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีสติมากพอจะจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของผมด้วยดวงตาที่เป็นประกายตื่นเร้า

ผมขยิบตาให้อีกฝ่าย ได้รับเสียงหัวเราะตอบกลับมา ก่อนลมหายใจไอ้นะจะสะดุดเมื่อผมเคลื่อนตัวลงต่ำ จนข้างแก้มแนบอยู่กับแก่นกายของมัน

“สะ...สระ อย่าได้คิดที่จะ...อึก!”

ผมเลิกคิ้ว อยากถามว่าอีกฝ่ายคิดจะพูดอะไร แต่ปากผมดันไม่ว่างซะแล้วนี่สิ :)

ปลายลิ้นแตะไล้ไปตามความยาว ก่อนรับทั้งหมดเข้าปากอย่างทุลักทุเล ผมไม่เคยออรัลให้ใครมาก่อน แน่สิ นี่น่ะแฟนผู้ชายคนแรกของผมนะเว้ย ถ้าเผลอกัดเข้าไปไอ้นะจะสูญพันธุ์ไหมวะ

“อ่า ระวังฟัน” ไอ้นะครางเสียงแผ่วในลำคอ มือหนาวางลงบนหัวผม แทรกปลายนิ้วเข้ามาในเส้นผม ลูบสลับขยุ้มเบาๆ ตามแรงอารมณ์ที่ได้รับ “เด็กดี อย่างนั้นแหละ”

ผมชะงัก...เด็กดีเนี่ยนะ?

เป็นคำที่อาจจะหลุดออกมาจากปากคุณแฟนของผมโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง แต่น่าแปลกที่มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก ความร้อนรุ่มกลางกายปวดร้าวไปหมด แต่ผมรู้ว่าคืนนี้เราจะไม่จบกันแค่ใช้มือหรือปาก

“หยุดก่อน สระ กูจะ...แฮ่ก จะเสร็จ”

ผมยอมปล่อยให้ท่อนเนื้อร้อนผ่าวได้เป็นอิสระ ยอมทิ้งตัวลงนอนแทนที่อีกฝ่ายตามการชักนำ ไอ้นะจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากผมก่อนจะผละหายไปข้างเตียง คว้าหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าตังค์ที่เหน็บเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วเพียงไม่นานผมก็ได้รู้ว่ามันเอาอะไรออกมา

เจลหล่อลื่นแบบซองกับถุงยางอนามัย

หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นหัวใจพลันเต้นรัวแรงจนแทบคลั่ง นี่ผมกับไอ้นะกำลังจะ...กันจริงๆ เหรอวะ? อยากจะบ้าตาย ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น แต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน ถึงงั้นผมก็ไม่หยุดหรอก มาถึงขั้นนี้แล้วนี่หว่า

พยัญชนะบีบเจลก่อนป้ายลงมาที่ช่องทางด้านหลังของผม เคล้าคลึงปากทางอย่างใจเย็นและอ่อนโยน สายตาของมันจับจ้องมองผมตลอดเวลาเพื่อดูว่าผมพร้อมจะรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ และผมก็ทำเพียงแค่มองมันตอบ เม้มปากหอบหายใจ เผลอเกร็งตัวสลับกับผ่อนคลาย

กระทั่งไอ้นะเห็นว่าผมใจเย็นลงแล้ว มันถึงค่อยๆ สอดแทรกปลายนิ้วเข้ามาด้านในอย่างเชื่องช้าใจเย็น แต่แม้ว่ามันจะอ่อนโยนมากแค่ไหน ผมก็ยังรู้สึกเจ็บเสียดปนอึดอัดแปลกๆ อยู่ดี

“ไหวหรือเปล่าสระ”

ผมหอบอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “อือ ไหว”

หนึ่งนิ้วกลายเป็นสองและสามไล่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จากที่เสียดๆ ก็กลายเป็นรู้สึกวูบวาบอย่างน่าประหลาด กระทั่งปลายนิ้วแข็งแรงสะกิดเข้ากับจุดหนึ่งด้านใน ทำให้ผมเผลอหลุดเสียงร้องอกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ...

“อ๊า!” เราทั้งคู่ต่างพากันชะงัก ไอ้นะขยี้ที่จุดเดิมซ้ำและทำให้ผมบิดเร้าอย่างห้ามไม่ได้ “พอ อย่าจี้ดิ...วะ!”

“รู้สึกดีก็บอก”

“เออ!” ผมตอบรับ หน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง “มัวแต่พูดมาก รีบๆ ทำเข้าดิ”

“ถ้ารีบก็ไม่สนุกสิ”

ไอ้นะก้มลงมาจูบผมอีกครั้งในตอนที่ถอนนิ้วออก ขาผมถูกรั้งให้อ้าออกกว้างกว่าเดิมเพื่อรอรับบางอย่างซึ่งใหญ่กว่า  ไอ้นะยุกยิกอยู่กับการสวมใส่ถุงยาง กระทั่งเสร็จสิ้น ความร้อนผ่าวก็แตะที่ปากทางของผม ตัวตนแข็งขึงดุนดันเข้ามาทีละนิด แต่ทำให้ดวงตาผมพร่าเบลอไปชั่วขณะ

บรรยายความรู้สึกตอนนี้ไม่ออกเลยอะ มันจุกมาก ฮื่อ

“ไหวไหมสระ” ไอ้นะถามอีกครั้ง แช่กายเอาไว้แค่เพียงส่วนหัว มันไม่กล้าดันตัวเข้ามาให้ลึกไปมากกว่านี้เพราะกลัวผมเจ็บ และนั่นทำให้ผมโคตรจะรักมันเลย “อย่าโกหก พูดออกมาตรงๆ เลย”

ผมส่ายหน้า “นิดหน่อย แต่กูทนไหว”

“แน่ใจนะครับ?”

“อื้อ เข้ามา...อึก เถอะ ขยับสิ เร็วเข้า”

ผมเร่งเร้า และแฟนผมก็ดีใจหาย ยอมผลักดันตัวตนเข้ามาลึกขึ้นจนสุดกาย ความใหญ่โตของมันสอดลึกเข้ามาก่อนถอยห่าง ขยับเข้าออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจังหวะเนิบช้าจะกลายเป็นรัวแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเสียงหยาบโลนของเนื้อกระทบเนื้อที่สอดประสานไปกับเสียงครางสั่นพร่าแหบต่ำของสองเรา

ความรู้สึกดีโบยบินไปทั่วร่างของผม เสียวซ่านไปทั้งสรรพางกาย แม้เริ่มแรกจะอึดอัดชวนให้ไม่อยากไปต่อ แต่ในเวลาต่อมามันก็ช่างดีเหลือเกิน...ดีจนผมแทบบ้าตาย

ไอ้นะก็ยังเป็นไอ้นะ มันอ่อนโยนกับผมเสมอแม้ในตอนที่เอวสอบกระแทกกระทั้นเข้ามาเร็วแรง บดขยี้ความกระสันของผมจนได้แต่นอนหอบหายใจ หยัดสะโพกขึ้นตอบรับแรงกระทำอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“ดี ดีมากเลย” มันพูด โน้มลงมาจูบซับไปทั่วใบหน้าผม

ผมกอดเกี่ยวร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้ จูบตอบกลับไปและกระซิบถ้อยคำที่วนเวียนในหัวอยู่ตลอดเวลาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน “รักมึง รักมึงไอ้นะ กูรักมึง”

ผมปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเอ่อล้อเลอะเทอะ เผลอบีบรัดความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแน่น ได้ยินเสียงกัดฟันหอบครางของไอ้นะอยู่ข้างหู ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความอุ่นบางอย่างที่แผ่ซ่านอยู่ในตัว

เหงื่อซึมไปทั่วผิวกายเราสองคน เสียงกระซิบแผ่วพร่าดังขึ้นที่ข้างหู...

“มึงทำให้กูหลงใหลมึงไม่หยุดเลยสระ”

ผมเลิกคิ้ว เม้มปากยามเมื่ออีกฝ่ายถอนกายออกไป ก่อนเตรียมรับบทรักครั้งใหม่ เพราะไอ้นะรูดรั้งแก่นกายของตัวเองอีกครั้ง หวังปลุกเร้ามันให้กลับมาตื่นตัว...แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าครั้งเดียวมันไม่พอ

ไม่เหลือแล้วคนเมาที่ผมลากขึ้นมานอน มีแต่คนที่คิดจะมอบความรักให้ผมไม่รู้จบในค่ำคืนนี้

“กูก็หลงใหลมึงมากเหมือนกันแหละไอ้นะ”




_________________________________

ไม่หวือหวาเท่าไหร่ แต่อยากให้เห็นว่าเขารักกันแบบอบอุ่นอ่อนโยนนะคะ แฮ่ ใกล้จบแล้วสิ ใจหายเหมือนกันน้า อีกสามตอนจะพยายามเข็นมาให้ได้อ่านไวๆ ค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ //ส่งจุ๊บ


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-06-2019 08:22:37
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-06-2019 22:52:28
หวานไม่สนว่าเป็นห้องใครเลยนะ ระวังเพื่อน ๆ ได้ยินนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-06-2019 07:25:15
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-06-2019 21:23:00
ดีนะที่ปอนด์เมา ไม่งั้นคงโครมครามน่าดู 5555

เค้าหวานกันมาก หวานกันไม่เกรงใจใครเลยจ้า
แถมมีจับจองเป็นคู่ครองกันแล้วด้วย
ครอบครัวนี้ไม่ไกลเกินฝันแน่นอนแล้ว

ตลกทีมเพื่อน จะเผือกก็ต้องให้สุดเนาะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
อ่านได้เรื่อยๆ ชิลๆ เขินด้วยตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-eight - (ห.) : เหล้า (หลงใหล) [07-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 11-06-2019 21:30:22
ติดตามค่า ชอบมากๆเลยยยยย น่ารัก แงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-nine - (อ.) : อ่างน้ำ (อาบน้ำ) [15-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 15-06-2019 22:55:26
Twenty-nine

(อ.) : อ่างน้ำ (อาบน้ำ)
 

[พยัญชนะ]


ความรู้สึกหนักอึ้งแผ่ไปทั่วศีรษะของผม ปวดหัวตุบๆ ขนาดนี้คงหนีไม่พ้นแฮงก์เหล้าแน่นอน เมื่อวานผมดื่มไปเยอะมาก คงเพราะว่าอยู่ในบ้านไม่ใช่ร้านเหล้าผมก็เลยดื่มแบบไม่ยั้ง เมาหนักกว่าสระอีกเถอะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แทบสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากถูกลากมานอน

อ่า เมื่อคืนผมโคตรจะมีความสุขเลยครับ ในที่สุดเราสองคนก็ลึกซึ่งกันยิ่งกว่าเดิม

ผมอยากกอดอีกฝ่ายมาตลอด มีใครบ้างไม่อยากกลายเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ตัวเองรัก มันคือหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์นะครับ และผมก็แค่มีความต้องการนั้น...กับคนที่ผมรัก

เป็นสระคนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากจะมอบความรักให้อย่างมากมายกับเขา

แรงขยับเขยื้อนด้านข้างบ่งบอกว่าผมกำลังกอดไอ้ดื้อเอาไว้หลวมๆ ผิวเนื้อเปลือยเปล่าของเราสองคนแนบชิดกัน ผมรู้สึกเหมือนมองเห็นแสงวิบวับส่องประกายอยู่รอบตัวเราทั้งคู่

บางทีมันอาจจะเป็นแสงแห่งความสุขที่ผมแผ่ออกมาล่ะมั้ง ฮะๆ

ผงกหัวมองใบหน้าคนหลับที่ซุกอยู่ข้างไหล่ สระยังคงหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมก็เลยทิ้งหัวลงนอนมองเพดาน รอเวลาให้ความปวดหนึบบรรเทาลง ขณะเดียวกันก็ทบทวนไปด้วยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน

จริงสิ เราอยู่บ้านของปอนด์ เพื่อนเก่าของสระ แล้วเมื่อคืนที่เราทำกัน...เวรล่ะ! ปอนด์จะได้ยินไหมวะเนี่ย!

มาทำอะไรๆ กันในบ้านคนอื่น ผมว่ามันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ให้ตาย จะว่าไปครั้งแรกที่เราเกินเลยกันก็เป็นที่บ้านไอ้พีนี่หว่า โชคดีที่ตอนนั้นพวกมันก็เมาอย่างหมาเลยไม่รับรู้อะไร แต่วันนี้นี่สิ เจ้าของบ้านจะรู้ไหมวะ เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้อายนักหรอก แต่เกรงใจเจ้าของบ้าน นั่นล่ะคือเหตุผลหลัก

อ้อ กลัวสระจะอายด้วย ก็นี่น่ะบ้านเพื่อนสนิทมันเลยนะเว้ย

“ดื้อครับ ดื้อ”

“อืม อะไรรร” สระงัวเงียเอ่ยถาม น้ำเสียงงุ้งงิ้งอยู่ในลำคอ แถมยังซุกหน้าเข้าหาผมมากขึ้นกว่าเดิมราวกับไม่อยากถูกรบกวน ท่าทางน่ารักจนผมทนไม่ไหวรั้งอีกฝ่ายมากอดแน่นขึ้นแล้วหอมแก้มเจ้าตัวรัวๆ “อื้อ!”

ผมหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ เชยคางไอ้ดื้อขึ้นเพื่อจูบที่ปากแดงๆ นั่น สระก็ดีใจหาย ตายังหลับอยู่แต่ก็เปิดปากรับจูบที่ผมมอบให้โดยไม่คิดปฏิเสธ แถมยังเกี่ยวปลายลิ้นหยอกล้อผมด้วยต่างหาก

น่ารักฉิบหายเลยไอ้สัดเอ๊ย

ผมถอนจูบออกมาก่อนจะกระซิบบอกอีกฝ่ายเสียงพร่าสั่น “อย่าน่ารักให้มากนักสระ เดี๋ยวกูอดใจไม่ไหวฟัดมึงอีกรอบแล้วจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมนะ”

“นะ...” สระปรือตาขึ้นมามองผมแบบคนที่ยังไม่พร้อมตื่น เรียกชื่อผมด้วยเสียงแหบแห้ง กอดวงแขนอีกฝ่ายจะกอดตอบผมแน่นไม่ต่างกัน “เมื่อคืนไม่เห็นเจ็บตรงไหนเลย”

ผมนิ่งงัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรแบบนี้ สงสัยสระคนขี้เขินจะหายไปแล้วจริงๆ เหลือแต่สระที่กล้าพูดทุกอย่างในใจออกมา

“มากไปแล้วดื้อ อยากให้กูกระอักความสุขจนตายเหรอ”

คนโดนถามหัวเราะ เรียวขาของอีกฝ่ายสอดเกี่ยวกับขาของผม เสียดสีกันไปมาจนบางอย่างที่นิ่งสงบมาตั้งแต่แรกถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง และดูท่าจะไม่ใช่แค่ผมที่ถูกกระตุ้น แม้แต่คนเริ่มเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

“สระ” ผมปรามเขาแต่ก็ทำเสียงเข้มได้ไม่เต็มที่นัก เพราะจู่ๆ มืออีกฝ่ายที่ตอนแรกวางอยู่บนเอวผมกลับเลื่อนมาลูบหน้าท้องผมแทน “อย่าคิดที่จะ...”

ผมไม่ทันจบก็ต้องเปลี่ยนเป็นสูดหายใจเข้าลึกเมื่อมือนุ่มแตะต้องตัวตนของผม พอเห็นสระยักคิ้วหลิ่วตามาให้ก็มันเขี้ยวจนต้องจูบเขาหนักๆ อีกทีแล้วเลื่อนมือไปบีบก้นอีกฝ่ายเป็นการเอาคืน

...แล้วเราก็เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการฟัดกันอีกรอบบนเตียง

 

“น้ำเย็นไปมั้ยสระ?” ผมถาม หลังจากไอ้ดื้อหย่อนขาลงไปในอ่างอาบน้ำแล้วขาหนึ่ง พอเจ้าตัวส่ายหน้าผมก็เลยปิดก๊อกน้ำอุ่นก่อนจะบอกให้สระนั่งลงไป แต่เขาก็ทำท่าอิดออด สีหน้าเหยเกจนผมต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “เป็นไรวะ?”

สระยิ้มแหย “เจ็บอะ”

“เจ็บเหรอ...” ผมทวนถาม ก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา “อ้าว ไหนบอกไม่เจ็บ”

“มันก็ไม่ได้เจ็บมากอะ แบบ...มันเสียดๆ อะ”

“ไหวปะเนี่ย ถ้านั่งไม่ได้ก็อาบน้ำแต่งตัวเลยดีกว่ามั้ยวะ”

“ไม่เอา อยากแช่น้ำ” สระส่ายหน้าหวือ ก่อนจะพยายามฝืนนั่งลง ผมที่เห็นท่าทียึกยักของอีกฝ่ายก็เลยเข้าไปช่วยพยุงจนในที่สุดเขาก็นั่งลงไปได้ แม้จะมีร้องซี๊ดเวลาเจ็บขึ้นมาบ้างก็ตาม

“นั่งดีๆ อยู่เฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูอาบให้”

“ไม่เข้ามานั่งด้วยกันเหรอ?” ไอ้ดื้อแกล้งถามหยอก ผมก็เลยบีบจมูกมันไปทีหนึ่ง

“อ่างอาบน้ำเล็กแค่นี้ กูลงไปนั่งกับมึงคงได้เบียดกันตาย”

“โด่ ก็นึกว่าอยากจะทำแบบไหนฟิค”

“ฟิค?” เป็นอีกครั้งที่ผมทวนถาม “ฟิคไรวะ?”

สระยิ้มร่า “ก็ฟิคที่พวกสาววายจับเราสองคนไปเขียนเป็นนิยายไง มึงไม่เคยอ่านอะดิ”

“มึงอ่าน!?”

“ก็มีบ้าง อยากรู้ว่าจินตนาการสาวๆ เค้าเป็นยังไง” สระเปิดปากเล่าว่าเจออะไรบ้างในฟิคคู่จิ้นที่เคยอ่าน “อย่างฉากอาบน้ำนอนแช่อ่างด้วยกันนี่ก็มี กูนึกขึ้นมาได้พอดีก็เลยถามมึงไง ฮ่าๆ”

“งั้นมีฉากไหนบ้างที่ตรงกับความจริงของเรา”

“ก็มีเยอะอยู่นะ อย่างฉากนั่งแท็กซี่ไปเที่ยวด้วยกัน หรือฉากกินข้าวแล้วป้อนให้อีกคนกินด้วย แม้แต่ฉากเอ็นซียังใกล้เคียงเลย”

“เอ็นซี?” เป็นอีกครั้งที่ผมต้องถาม เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่สระพูด

“เอ็นซีก็คือฉากเอากันอะ” ผมหยุดมือที่กำลังลูบฟองสบู่ไปตามแขนไอ้ดื้อทันที เบิกตากว้างมองคนพูดเพื่อจะถามว่าจริงดิ? สระที่เห็นสีหน้าของผมก็หลุดหัวเราะดังลั่น แล้วพยักหน้ายืนยันรัวๆ ว่าไม่ได้พูดเล่น “คนเขียนแม่งโคตรมีจินตนาการ อย่างฉากมึงใช้มือให้กูนี่ก็มีในฟิค ฉากตอนสวมถุงยางของมึงก็มี”

“โอ้โห กูพูดไม่ออกเลยนะเนี่ย”

“ใช่ปะ ตอนอ่านครั้งแรกๆ กูก็ช็อกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชินละ ก็ขำปนน่ารักดี เวลาเจออะไรที่มันใกล้เคียงกับความจริงก็เขินเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”

ผมหลิ่วตามองแฟนตัวเอง “งั้นเดี๋ยวกูต้องไปอ่านบ้างละ เผื่อเจอฉากไหนน่ารักจะได้เอามาทำกับมึง : )”

“ไอ้นะ~~ แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้หัวใจกูก็ทำงานหนักแล้วเว้ย ถ้ามึงไปศึกษาจากฟิคพวกนั้นเพิ่มกูได้หัวใจวายตายแน่ๆ บางฉากนี่หวานเลี่ยนจนกูยังคิดเลยว่ามันน่าอายแต่ก็น่าขนลุก”

“ฮ่าๆๆๆ”

ถึงจะไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ผมก็คิดในใจแล้วล่ะว่ายังไงก็คงต้องไปหาฟิคเหล่านั้นอ่านบ้างซะแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย ปกติผมก็ไม่ได้อ่านนิยายอะไรอยู่แล้ว ถ้าอ่านก็อ่านแต่พวกไลท์โนเวลมากกว่า อยากรู้เหมือนกันว่าแฟนคลับมองเราสองคนในฟิลเตอร์ไหน

แต่ฉากเอ็นซีนี่น่าสนใจที่สุดเลยว่ะ เผื่อผมจะเก็บจินตนาการของสาววายมาใช้กับสระได้บ้าง : )

“อ๊ะ” เสียงร้องของไอ้ดื้อทำให้ผมที่กำลังคิดเพลินๆ ถึงกับนิ่งไป เมื่อได้สติอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้มือของผมกำลังปัดผ่านยอดอกของอีกฝ่าย และนั่นคือที่มาที่ทำให้สระร้อง

ผมกะพริบตาปริบ ปัดมือลูบเม็ดเล็กนั่นอีกครั้งและทำให้สระสะดุ้งเบาๆ แถมเขายังโวยวายใส่ผมอีกต่างหาก “อย่าทำแบบนี้ดิวะ แม่งเหมือนในฟิคเลย”

“ที่กูอาบน้ำให้มึงอะนะ?” ผมเลิกคิ้ว ปัดมือถูไปตามซอกคอและแผ่นอกที่โผล่พ้นเหนือน้ำขึ้นมา

สระร้องหงุงหงิงในลำคอ “หมายถึงลูบหัวนมกูเนี่ย! แม่งเหมือนในฟิคเลย”

“จริงดิ? งั้นยิ่งต้องถู”

“ว้าก! ไอ้นะหยุด!”

แล้วผมก็หมดเวลาไปหลายนาทีกับการแกล้งไอ้ดื้อให้ดิ้นปั่นป่วนอยู่ในอ่างอาบน้ำ...จะว่าไปอาบน้ำให้แฟนเนี่ยก็มีอะไรสนุกๆ ให้ทำเยอะเลยแฮะ หึ : )

 

ตอนที่เจ้าของบ้านมาเคาะประตูเรียก ผมกับสระก็จัดการเก็บกวาดห้องจนเรียบร้อย และอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเดิมเสร็จพอดี กวาดตามองรอบสุดท้ายว่าไม่ได้ลืมถุงยางใช้แล้วไว้แม้แต่ชิ้นเดียว พอเห็นว่าทุกอย่างสะอาดเอี่ยมไม่เหลือร่องรอย ผมก็หิ้วปากถุงขยะสีดำที่ไม่ต้องถามก็น่าจะรู้ว่าในถุงมีอะไรบ้างออกไปด้วย

“ไง แฮงก์กันปะ?”

“นิดหน่อยว่ะ แต่กูว่าคนที่น่าจะเป็นหนักคือมึงกับไอ้นะ”

ปอนด์หันมามองผมพลางเลิกคิ้ว “เอาน้ำขิงหน่อยมั้ย? หรือยาแก้แฮงก์?”

“ยาดีกว่า”

เราทั้งหมดเดินมาถึงห้องครัว ผมรับยากับแก้วน้ำจากปอนด์มากิน ขณะที่สระเปิดตู้เย็นรื้อหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง อ่าฮะ ควรเรียกว่ามื้อเที่ยงเพราะนี่เที่ยงวันแล้ว และผมเชื่อว่าทุกคนต้องหิวมากแน่ๆ

“ไม่มีอะไรกินเลยว่ะ”

“อยากกินไรอะ ออกไปกินด้วยกันเลยดิ” ปอนด์บอก ก่อนจะทำหน้านึกขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อน พวกมึงมีเรียนกันปะเนี่ย!?”

ผมชะงัก ส่วยสระเบิกตากว้าง แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “คลาสบ่ายสอง!”

“เวรละ” ผมวางแก้วน้ำลงในซิงก์ล้างจาน อยากจะล้างให้อยู่หรอกนะแต่กลัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ทัน วันนี้ภาคปฏิบัติด้วย โอย ซวยแล้ววว “โทษทีนะปอนด์ เราคงต้องรีบไปแล้ว”

“ไม่เป็นไรเว้ย งั้นก็โชคดีนะพวกมึง ขอให้ไปทัน ครั้งหน้าค่อยนัดไปกินข้าวด้วยกันใหม่”

“เคมึง บาย” สระโบกมือลาเพื่อนเก่าก่อนจะคว้าแขนผมวิ่งออกจากบ้านโดยไม่ลืมคว้าเอากระเป๋าเป้ที่สะพายติดตัวมากลับไปด้วย แล้วพอเจอแท็กซี่เราก็โบกเรียกทันที บอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อยก็ไม่ลืมกำชับ “ด่วนๆ เลยครับพี่ ตรงไหนรถไม่ติดพี่เหยียบได้เต็มเหนี่ยวเท่าที่กฎหมายกำหนดเลย”

ได้สมใจเพราะพี่แท็กซี่เหยียบเก้าสิบกิโลเมตรเมื่อพบว่าถนนโล่งมากพอให้ซิ่งแหลก แต่ตรงไหนติดพี่เขาก็ชะลอและไปแบบเอื่อยๆ กระทั่งในที่สุดเราก็มาถึงหอพักเอาตอนบ่ายโมงครึ่ง

จ่ายเงินเสร็จก็วิ่งอย่างไวขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนชุด คว้าช็อปมาใส่ปิดท้ายเรียบร้อยก็พากันวิ่งออกจากห้องอีกรอบ จะบ่ายสองแล้วครับ ถึงหอพักจะไม่ไกลมหา’ลัยเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดจะเดินไปก็ต้องรีบอยู่ดี ใช้เวลาอย่างต่ำสิบนาที และตอนนี้เหลือไม่ถึงสิบห้านาทีแล้ว

“นะเร็ววว”

“รู้แล้วๆ ว่าแต่มึงล่กๆ ขนาดนี้ ไม่เจ็บแล้วเหรอวะ?”

“เจ็บไร?” สระทำหน้างง ผมก็เลยหลุบตามองสะโพกอีกฝ่าย

“ข้างหลังที่กูเพิ่งทำให้มึงเจ็บไปไง ไหนบอกว่ามันเสียดๆ ไม่ใช่เหรอ?”

สระหน้าแดงวาบขึ้นมาทันที “ไอ้นะ! ใช่เรื่องที่ต้องถามเหรอวะ!?”

แล้วก็โดนหมัดมันซัดตุบเข้าที่แขนไปหลายที...หลังจากนั้นเราก็พากันวิ่งไปที่คณะ ตั้งแต่มาถึงหอพักยันมาถึงห้องเรียนนี่เร่งๆๆ จนไม่ได้พักหายใจเลยเหอะ

“โอย ถึงสักที” สระหอบหายใจขณะเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน กวาดตามองหาแก๊งเพื่อนของเราเจอก็เดินเข้าไปหาพวกมันทันที แต่พอนั่งได้ยังไม่ทันหายเหนื่อย หัวหน้าเซคก็ลุกขึ้นเพื่อประกาศว่าอาจารย์จะเข้าช้าชั่วโมงหนึ่ง ทำเอาทั้งผมทั้งสระนิ่งอึ้ง แล้วคุณแฟนของผมก็โวยวายหน้าหงิก “ไอ้เหี้ยยย แล้วกูรีบเพื่ออะไรวะ โอ๊ยยย!!!”

“ใจเย็นไอ้หระ เย๊น!” ไอ้ยูที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ถึงกับเข้ามาห้ามไม่ให้สระขยุ้มหัวตัวเอง แต่ทุกอย่างเป็นอันต้องชะงักเมื่อมีเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น

เป็นไอ้พีที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอะไรสักอย่าง ก่อนก้มลงไปกดยิกๆ แล้วจากนั้นถึงจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเผล่ให้เราทุกคน “ช็อตเด็ดเลยนะเนี่ย ส่งให้แอดมินเพจแฮนด์ซั่มบอยไปละ”

“ช็อตเด็ดไรวะ” ไอ้เจ็มถามพลางชะโงกหน้าไปมองจอสมาร์ตโฟนไอ้พี ก่อนมันจะหันมามองสระตาโต...ต้องบอกว่ามันมองคอสระมากกว่า

“มองอะไรวะ?” สระถาม พลางก้มมองตัวเอง ทำให้เราที่เหลือต้องมองตาม แล้วพอผมได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ตรงคอของผม ปากผมก็เม้มเข้าหากันทันที

เวรละ

พอเห็นไม่มีใครตอบ สระก็เลยหยิบโทรศัพท์ไอ้พีมาดูเอง และเพราะผมนั่งอยู่ข้างๆ เลยได้เห็นไปด้วยว่าบนหน้าจอปรากฎช่องแชตของเพจแฮนด์ซั่มบอย ข้อความสุดท้ายคือคำว่า ‘กรี๊ดดดดดด’ ยาวเหยียดของแอดมิน แต่เหนือขึ้นไปเป็นรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่ และเมื่อไอ้ดื้อกดเข้าไปดู เจ้าตัวก็อ้าปากค้างหน้าแดงเถือกอย่างรวดเร็ว

เพราะมันเป็นรูปที่ถ่ายให้เห็นใบหน้าไล่ลงมาจนเกือบถึงไหปลาร้า แต่ที่เด่นชัดที่สุดในภาพก็คือรอยจ้ำสีแดงช้ำสองสามรอยบนคอขาวของอีกฝ่าย...ที่ผมเป็นคนทำเอาไว้

โอย ผมต้องโดนคุณแฟนต่อยเอาอีกแน่ๆ เลยว่ะครับ


__________________________________________

คิดว่าแอดมินเพจจะเอารูปโพสต์ลงหน้าเพจไหมคะ? 555


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-nine - (อ.) : อ่างน้ำ (อาบน้ำ) [15-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-06-2019 23:13:01
เขินนนน
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-nine - (อ.) : อ่างน้ำ (อาบน้ำ) [15-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2019 05:37:53
หลักฐานเด็ด o18 สาววายฟินไปดิ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Twenty-nine - (อ.) : อ่างน้ำ (อาบน้ำ) [15-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-06-2019 06:01:44
 :pig4:
 :mew3:
 :L2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Thirty - (ฮ.) : ฮัก (แฮปปี้) [16-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 16-06-2019 20:26:47

Thirty

(ฮ.) : ฮัก (แฮปปี้)

 

[สระ]


ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าแอดมินเพจแฮนด์ซั่มบอยยอมทำตามที่ผมขอ โพสต์ล่าสุดที่เจ้าตัวอัปเดตบนหน้าเพจมีแค่ข้อความแต่ไม่มีรูป

 

เจ๊ได้รูปเด็ดมาค่ะทุกคน แต่เพราะว่าน้องสระขอไว้ เจ๊ก็เลยไม่เอามาโพสต์ เสียดายจังอยากให้แฟนคลับคู่ #สระของพยัญชนะ ได้เห็นมากๆๆๆ แต่ก็นั่นแหละค่า เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของน้องๆ เนอะ ถึงอย่างนั้นข่าวดีก็คือแม้รูปจะไม่ได้เอามาให้ทุกคนได้ชม กระนั้นเจ๊ก็ทดแทนให้ลูกเพจด้วยการขอให้น้องทั้งสองมาไลฟ์เพจด้วยกัน คืนนี้สองทุ่มรอชมกันได้เลยค่า! ที่เพจนี้แหละตัวเอง อิอิ

 

ช่ายครับ เพราะผมเอาเฟซตัวเองทักแอดมินไปเพื่อขอไม่ให้เขาเอารูปคอแดงๆ ของผมไปลงเพจ ซึ่งที่จริงผมไม่จำเป็นต้องขอร้องก็ได้เพราะเขาไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว มันเป็นรูปส่วนตัวของผมอะ คือยังไงดี...มันเป็นรูปเบื้องลึกเบื้องหลัง ส่วนตัวมากๆๆๆ ถ้าผมไม่อนุญาตเขาก็ไม่ควรเอาไปโพสต์อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังป้องกันไว้ก่อนด้วยการทักไปหาแอดมินนั่นแหละ

เรื่องบางเรื่องก็ควรให้มันเป็นเรื่องของคนสองคนนี่ครับ ป่าวประกาศออกไปไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมยังจะโดนพวกเหยียดเพศหาเรื่องด่าเอาอีกต่างหาก ถึงผมจะไม่แคร์สายตาตนนอก แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องของตัวเองกลายเป็นประเด็นสังคมนะครับ เหตุผลง่ายๆ เลยก็คือ...

มัน น่า รำ คาญ มากกกกกกกกกก

ต้องมาโดนคนมองเวลาเดินไปไหนมาไหน ได้ยินเสียงซุบซิบนินทา หรือโซเชียลถูกคนถล่มข้อความมาหาไม่ว่าจะด่าหรือให้กำลังใจ เป็นพวกคุณไม่รำคาญกันเหรอ?

จะว่าไปสองทุ่มคืนนี้ผมควรไลฟ์อะไรอะ หมายถึงจะคุยอะไรดี ตอบคำถามลูกเพจแฮนด์ซั่มบอยงี้เหรอวะ เอ้อ อะไรก็ได้ ทำหมดอะ จะได้ไม่ต้องโดนโพสต์รูปน่าอายนั่น ผมบอกไปหรือยังว่าไอ้พีโดนผมต่อยซะแขนช้ำ เสือกเอารูปไม่ควรไปส่งให้คนอื่น ไม่กระทืบก็ดีแค่ไหนแล้วเถอะ

ส่วนไอ้นะน่ะเหรอ?

“สระ โกโก้ปั่นมาแล้ว”

“ป้อนหน่อย” ผมบอกกับแฟนผมเพราะหลังอ่านเพจจบก็กดเข้าเล่นเกมทันที ตอนนี้ผมต้องโฟกัสกับตัวเกมครับ ละสายตาไม่ได้

ไม่นานก็มีหลอดมาจ่อปาก ผมดูดโกโก้แสนอร่อยกิน มือก็กดยิกๆๆ บนหน้าจอไปด้วย อ้อ ผมยังไม่ได้บอกว่ากับกรณีที่ไอ้นะดันทำรอยไว้บนคอผมน่ะ ผมไม่ได้ว่าอะไรมันเท่าไหร่หรอก ก็แค่บ่นว่าทีหลังทำในที่ลับหน่อยก็ดี ผมขี้เกียจมาระวังหาเสื้อใส่ปิดหรือโดนแอบถ่ายแบบที่ไอ้เชี่ยพีทำอีก

คิดว่าผมจะต่อยมันเหรอ? ไม่หรอก นี่แฟนผมนะครับคุณ ใครจะไปทำร้ายแฟนตัวเองได้ลง เอ้อ

อะไรนะ? ที่ผมเคยต่อยไหล่ไอ้นะอยู่หลายหนนั่นน่ะนะ? โธ่ อันนั้นไม่ได้จริงจังนี่ครับ ก็ต่อยไปงั้นเอง

“อยากกินอะไรอีกมั้ย กว่าจะไลฟ์ก็เหลือตั้งเกือบชั่วโมง”

“หนม” ผมตอบทั้งที่ตายังไม่ละจากหน้าจอโทรศัพท์ “เอาหนมมาไว้กินตอนไลฟ์ได้ปะวะ?”

“ได้ดิ ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ไม่น่าเกลียดเหรอ?” ผมหันมาถามเพราะเกมจบที่ผมชนะพอดี

ไอ้นะยิ้ม “ไม่หรอก ก่อนจะพูดก็เคี้ยวให้หมดก่อนไง จะได้ไม่ดูไร้มารยาท”

“โอเค”

“งั้นไปเซเว่นกันเถอะ ซื้อขนม”

หลังจากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันขนขนมมาเป็นถุงใหญ่ มีทั้งแบบคบเขี้ยวและขนมปัง ได้แซนวิชแฮมชีสมากินด้วยอีกสองห่อ อร่อยแหละคืนนี้ กินข้าวไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนแต่ผมก็หิวแล้วอะ ช่วงนี้กินจุไปปะวะ ฮะๆ

ตอนที่กลับมาถึงห้องได้ไม่นาน แอดมินเพจแฮนด์ซั่มบอยก็ทักมาหาพอดีเพื่อบอกให้เตรียมตัวไลฟ์ ผมกับไอ้นะเลือกที่จะนั่งข้างเตียง เบื้องหน้าเราเป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่บนนั้นเต็มไปด้วยห่อขนม ผมกัดแซนวิชกินหนึ่งคำในขณะที่ไอ้นะกดเริ่มต้นการไลฟ์สด

“สวัสดีครับทุกคน” แฟนผมเอ่ยทักทาย ส่วนผมเคี้ยวของในปากอยู่เลยทำได้แค่โบกมือให้กล้อง แถมยิ้งตาหยีไปด้วย คอมเมนต์แรกๆ โผล่มาก็ชมผมใหญ่เลยว่าน่ารักจัง เคี้ยวแก้มตุ่ยเหมือนแฮมสเตอร์เลย อะไรวะ ผมแค่กินขนมเองมั้ย

ยอดคนดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยเป็นพัน เชี่ย เยอะว่ะ ไม่คิดว่าจะถึงหลักพันนะเอาจริง ถึงลูกเพจนี้จะเป็นหลักหมื่นเกือบแสน แต่เขาไม่ได้ชอบผมกับไอ้นะกันหมดทั้งเพจซะหน่อยนี่จริงมั้ย? แค่ไม่กี่ร้อยผมก็ทึ่งแล้วที่มีคนชอบ แต่หลักพันนี่แบบ...โอ้โหอะครับ

จากพันเป็นสามพัน ห้าพัน โว้วๆๆ “มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย หลายพันคนเลย”

“มาเพราะรักสระไง” ไอ้นะอ่านคอมเมนต์หนึ่ง ก่อนมันจะทำหน้านิ่ง “รักไม่ได้ครับ ผมรักได้คนเดียว”

ผมตาโต ก่อนจะหลุดหัวเราะ “อะไรของคุณเนี่ย คุณพยัญชนะ ฮ่าๆๆๆ”

เราตกลงกันว่าจะเรียกกันด้วยคำว่าผมกับคุณ นิดนึงน่า ไลฟ์กับคนเยอะแยะ อาจจะมีเด็กๆ อยู่ด้วย ต้องสุภาพหน่อยครับ

 

เจอคนหวงแฟนแหละ

ตายแล้ววว ชนะหวงสระด้วยยย

กรี๊ดดด พี่นะหวงแฟน!


 

คอมเมนต์หวีดมาอีกหลายบรรทัดเลยครับ ฮะๆ

ผมเช็ดมือที่เปื้อนแซนวิชด้วยทิชชู ก่อนจะเริ่มต้นพูดคุย “มาครับ วันนี้เราให้ทุกคนถามคำถามอะไรก็ได้ ถ้าเราตอบได้เราจะตอบให้”

“มีคนถามมาแล้วหนึ่งคน” คุณแฟนอ่านเมนต์คำถามอันแรกที่ไหลผ่านตามาพอดี “เป็นแฟนกันจริงๆ ใช่มั้ย? อ่า คำถามนี้ผมขอไม่ตอบนะครับ ให้ทุกคนคิดกันเอาเองเนอะ : )”

ร้ายยย ผมกลั้นขำกับคำตอบของแฟนผม ก่อนจะเป็นคนอ่านคำถามต่อไปที่ไหลเข้ามาในสายตาพอดี “รูปเด็ดที่แอดมินพูดถึงคืออะไร? อ่า ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่รูปไอ้นะกำลังจะกินมะม่วงแต่ดันทำหลุดจากปาก หน้าตามันตอนนั้นนะโคตรตลกเลยครับ”

“เฮ้ย!” แฟนผมถึงกับหน้าเหวอ ทำท่าจะแย้งด้วยแต่ผมก็หันไปเลิกคิ้วยิ้มยียวน เจ้าตัวก็เลยแค่ถอนหายใจแล้วบ่นแค่ว่า...

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

 อ่า ใครใช้ให้มึงมาทำหน้ารักกูฉิบหายตอนกำลังไลฟ์สดอยู่วะ

ผมเลิ่กลั่ก รีบกลับมามองกล้องและเมินเฉยต่อคอมเมนต์กรีดร้องต่างๆ ก่อนจะมองหาคำถามต่อไป

“อะ เรียนหนักไหมช่วงนี้? โหยย หนักมากก งานเพียบเลย...เหนื่อยไหม? เหนื่อยคร้าบบ แต่พอได้คุยกับทุกคนผมก็หายเหนื่อยเลยแหละ นี่! เป็นไง ผมพูดขนาดนี้หลงผมกันมากขึ้นหรือยัง ฮ่าๆๆๆ”

“กูจะอ้วก” ไอ้นะอ่านคอมเมนต์หนึ่งขึ้นมา และมันผ่านตาผมพอดี “คุณยู อิจฉาก็บอกครับ”

ใช่ คนเมนต์คือไอ้ยูเอง แถมพอมันโผล่มา ไอ้พีกับไอ้เจ็มก็โผล่มาด้วย

 

เหม็นคนหลงตัวเองครับ

เบื่อพวกน่ารักแต่ชอบคิดว่าตัวเองหล่อครับ


 

“กูหล่อ!” ผมรีบเถียง ก่อนจะโดนไอ้นะขยี้หัว

“ไหนบอกจะไม่พูดคำหยาบไงสระ”

“ก็ไอ้พีมันว่าสระอะ!” ผมฟ้อง แทบลืมไปแล้วครับว่ากำลังไลฟ์ “ดูมันดินะ~ โง่แน่ๆ ไม่รู้ตัวเองน่ารักมากกว่าหล่อ ไอ้นี่ ไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนจะพุ่งไปตบหัวหลุดตอนนี้เลย!”



โหดจังเลยน้องสระ

พี่สระใจเย็นๆ นะคะ แง

กรี๊ด สระแทนตัวเองด้วยชื่อ น่ารักมากกกก

หนูน่ารักน่ะถูกแล้วลูก ส่วนหล่อยกให้พยัญชนะไปเถอะ


 

ฮื่อ ทำไมใครๆ ก็เห็นด้วยกับไอ้พีวะ ผมหล่อดิโว้ยยย!!!

ไอ้นะเห็นผมหน้ามุ่ยก็รีบลูบหัวปลอบ “เอาน่า ยังไงสระก็หล่อสำหรับนะแล้วกัน”

“อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วปะ?” ผมตอบ เมินเฉยคอมเมนต์หวีดร้องอีกครั้ง ก่อนจะมองหาคำถามใหม่ “ช่วงนี้อยากไปเที่ยวที่ไหน? อืมมม ผมอยากไปเที่ยวตลาดน้ำครับ อยุธยาก็ดีนะ ได้ไปไหว้พระด้วย”

“ไหว้พระไหว้ที่ไหนก็ได้เปล่า วัดเยอะแยะ”

“เอ๊า มันไม่เหมือนกันอะนะ ไปไหว้ที่จังหวัดอื่นมันก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศอย่างหนึ่งไง”

“อยากไปอยุธยาเพราะอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือก็บอก” แฟนผมทำหน้ารู้ทัน “จำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนบ่นอยากกิน”

“จำได้ด้วย ทำไมน่ารักจังว้า” ผมชม เลยโดนไอ้นะเขกหัวเบาๆ หนึ่งที

“งั้นไปกันไหมล่ะ? วันหยุดคราวหน้านั่งรถไฟไปกัน”

“รถไฟเหรอ เฮ้ย น่าสน แต่กว่าจะไปถึง...” ผมนับวันเวลา ก่อนจะนึกขึ้นได้ “วันหยุดครั้งหน้านี่หมายถึงวันหยุดที่อาจารย์ยกคลาสด้วยใช่ปะวะ!?”

“ใช่ ไปค้างคืนก็ได้ หยุดยาวติดกันสี่วันเลยไม่ใช่เหรอ?”

“งั้นต้องรีบจองที่พักแล้ว” ผมบอกพลางยิ้มกว้าง ก้มอ่านคอมเมนต์อีกครั้ง “ไปเดตกันด้วยอะ แอร๊ยยย ใช่คร้าบบ ไปเดต : )”

ไอ้นะหัวเราะเมื่อได้ยินผมตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนมันจะอ่านเมนต์บ้าง แล้วก็เจอเมนต์ไอ้พวกเพื่อนตัวป่วนงอแงขอไปเที่ยวอยุธยาด้วย แต่ผมแกล้งเมินไม่สนใจ เปลี่ยนไปอ่านเมนต์ของลูกเพจคนอื่นๆ แทน

เราตอบคำถามไปอีกหลายคำถาม ในเรื่องทั่วไปก็ตอบตามปกติ แต่ในเรื่องของความสัมพันธ์ของเรา ส่วนใหญ่ผมก็กับไอ้นะก็เลือกเฉพาะคำถามที่ตอบได้และไม่เปิดเผยความจริงจนเกินไป ไงดีล่ะ...คือผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง แต่ก็ไม่อยากเปิดเผยตรงๆ เอาเป็นว่าให้คนไปคิดกันเอาเองเหมือนเดิมแหละดีแล้ว

จนมาถึงคำถามหนึ่งที่ผมต้องหันไปขอความเห็นจากคุณแฟน

อะไรในตอนนี้ที่ถ้าได้ทำแล้วจะรู้สึกแฮปปี้สุดๆ ว่าไงครับคุณนะ อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขในตอนนี้”

แฟนผมไม่ได้ตอบทันที เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ผมเพื่อมองอะไรบางอย่าง “อยู่นิ่งๆ ก่อนสระ มีเศษขนตาติดข้างแก้ม”

“เหรอ?” ผมเลิกคิ้ว ยอมอยู่นิ่งตามที่เขาบอก...ไอ้นะใช้ปลายนิ้วเขี่ยข้างแก้มของผมอย่างตั้งใจ กระทั่งเศษขนตาที่มันบอกหลุดออก แถมหลุดติดนิ้วมันมาพอดี มันก็เลยชูให้ผมดู ก่อนจะหันไปชูให้กล้อง

“ขนตาอย่างยาวเลยครับ”

 

กรี๊ดดดด โมเมนต์ที่รอคอย

โอยยย หนูจะเป็นลม ทำไมพวกพี่มุ้งมิ้งกันจัง

เขาเขี่ยขนตาให้กันด้วยแม่ ฮือออ ชีวิตชิปเปอร์นิพพานแล้ว


 

อะ...อะไรกันวะ แค่เขี่ยขนตาแค่นี้สาววายเขาดีใจกันขนาดนี้เลยเหรอ ผมล่ะเป็นงง

“คำถามเมื่อกี้ว่าไงนะ?” ไอ้นะหันมาถามผมใหม่

“อ๋อ ถามว่าอะไรที่ทำตอนนี้แล้วจะแฮปปี้สุดๆ” ผมบอก ก่อนจะตอบของตัวเองก่อน “สำหรับผมคือการได้กินขนมครับ เนี่ย ซื้อขนมมาเยอะแยะ เอาเข้าจริงก็มัวแต่คุยกับทุกคนเพลินจนลืมกินเลย”

ไม่ว่าเปล่าแต่ยังหยิบห่อขนมต่างๆ มาชูให้ดูด้วยว่าเยอะแค่ไหน ส่วนไอ้นะก็คว้าถุงหนึ่งมาแกะแล้วยื่นให้ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับมากิน จู่ๆ ไอ้นะก็เบี่ยงมือหลบแล้วคว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่น

แล้วคำตอบของคำถามเมื่อกี้ก็ดังตามมาให้ผม...รวมถึงคนในไลฟ์ได้ยิน

“ได้ฮักสระแบบนี้ไงครับ ที่ทำให้ผมแฮปปี้ : )”

ไอ้เหี้ยยย แบบนี้ก็ได้เหรอออ




____________________________________

ตอนหน้าบทส่งท้ายแล้วนะคะ แง ต้องคิดถึงไอ้ดื้อกับคุณแฟนของเขามากแน่ๆ เลย หวังว่าทุกคนจะสนุกกับในทุกๆ ตอนที่ผ่านมานะคะ หลังจบเรื่องนี้เราจะอัป #อาณาเขตทัพฟ้า ต่อทันที และถ้าใครตามทวิตเตอร์หรือเพจของเราก็อาจจะรู้มาบ้างแล้วว่าเราจะอัปเรื่องไหนอีกบ้าง ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องใหม่ของเราด้วยนะคะ //ส่งจูบ


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Thirty - (ฮ.) : ฮัก (แฮปปี้) [16-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-06-2019 22:54:16
นิสัยนะเนี่ย มันฮักกี้ชัด ๆ  o18
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Thirty - (ฮ.) : ฮัก (แฮปปี้) [16-06-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-06-2019 14:03:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 17-06-2019 20:50:50

Infinity

พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ)

 

[พยัญชนะ]


ผมเหลือบมองสระที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากถูกผมปลุกเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในคลาสเช้าตอนเก้าโมงครึ่ง พอเสียงประตูห้องน้ำปิดลงผมก็หยิบของในกระเป๋าเป้ออกมาเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง อ่า เหลือผูกเชือกกับเหน็บดอกไม้อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว ไว้ผมค่อยทำตอนบ่ายนี้แล้วกัน ตอนบ่ายสระต้องไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ผมคิดว่าน่าจะมีเวลามากพอให้ทำสิ่งนี้จนเสร็จก่อนเขาจะกลับมา

แอบตื่นเต้นเหมือนกันแฮะพอคิดจะทำเซอร์ไพรส์ให้ไอ้ดื้อ แต่ก็กลัวมันจับได้เนี่ยแหละ

ผมเก็บของในมือกลับไปตามเดิม หยิบสมุดหนังสือที่ต้องเรียนในเช้านี้ยัดใส่กระเป๋าเป้ของสระ หยิบช็อปออกมาแขวนรออีกฝ่าย พอสระออกมาเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหยิบเอง

สระเป็นคนอาบน้ำไม่นาน เข้าไปแค่ยี่สิบนาทีก็ออกมาแล้ว พอเห็นผมเตรียมเสื้อช็อปไว้ให้ก็ส่งยิ้มน่ารักมาให้ผมทันที หน้าตาที่ง่วงงุนก่อนหน้านี้สดชื่นขึ้นเยอะ เฮ้อ ไอ้ดื้อเอ๊ย เช้ามาก็ทำตัวน่ารักเลยเหรอวะ เหนื่อยจะหลงรักแล้วนะเนี่ย

“กินอะไรวะเช้านี้?” เขาถาม

“ตามใจมึงดิ อยากกินอะไรอะ”

“กูอยากตามใจมึงบ้างอะไอ้นะ มึงนั่นแหละอยากกินอะไร”

ผมยิ้มกว้าง เอ็นดูความน่ารักของมันขึ้นไปอีกเป็นกอง “กูกินอะไรก็ได้เลยไม่รู้จะเลือกอะไร”

“เลือกมาสักร้านครับคุณแฟน วันนี้ผมยกหน้าที่เลือกร้านอาหารทั้งสามมื้อให้คุณ”

“เอางั้นเหรอ?”

“เออดิ ปกติมึงเอาแต่ตามใจกูอะ นานๆ ทีจะเลือกร้านเอง” สระพูดไปก็แต่งตัวไปด้วย “เป็นแฟนกันก็ต้องแชร์ทุกความชอบด้วยกันดิว้า มึงจะมาตามใจให้กูเลือกคนเดียวได้ไงล่ะ ทำให้กูเคยตัวว่ามึงกินได้หมดทุกอย่าง เกิดวันหนึ่งกูพามึงเข้าร้านที่มึงไม่ชอบ หรือกินอะไรที่มึงไม่ชอบ แล้วเดี๋ยวมันก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก”

“...”

“มึงอาจจะคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ แต่กูคิดนะเว้ยว่ามันคือการไม่นึกถึงใจแฟน กูไม่อยากเป็นคนแบบนั้น คนที่เอาแต่คิดไปเองว่ามึงโอเคกับทุกสิ่ง ถ้าเกิดวันหนึ่งมึงไม่พอใจแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา เราก็จะต้องมาทะเลาะกัน มารู้สึกแย่ๆ ใส่กัน จนอาจจะเลิกกันก็ได้”

ผมเลิกคิ้ว “มันแย่ขนาดนั้นเลย?”

“เออดิ กูไม่อยากเลิกกับมึงนะเว้ย อยากคบกับมึงไปจนกว่าจะแก่ตายอะ”

ได้ยินแบบนั้นหัวใจของผมก็พลันเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมาจากอก ไม่บ่อยที่สระจะพูดอะไรแบบนี้กับผม อาจไม่หวานเลี่ยน ไม่เต๊าะจนเสี่ยวเหมือนที่ผมทำกับเขา แต่ทุกอย่างที่เขาพูดออกมามันทัชใจผมมากๆ มันทำให้ผมรู้สึกดีฉิบหายที่ได้รักเขา

คนน่ารัก ยังไงก็ยังเป็นคนน่ารัก ไม่ได้น่ารักในแง่หน้าตา แต่เป็นนิสัย...สระน่ารักในสายตาของผมเสมอ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้รู้จักกัน จนถึงวินาทีนี้ที่ผมรักเขาในทุกลมหายใจ

คนอื่นมีระยะเวลาในการรักใครสักคนจนมั่นใจว่าเขาคือทั้งหมดของชีวิตเรานานแค่ไหนผมไม่รู้หรอกครับ อาจจะปี สามปี ห้าปี หรือสิบปี แต่สำหรับผมถึงจะได้รู้จักและตกหลุมรักสระแค่ปีกว่าๆ แต่ผมก็แน่ใจแล้วว่าผมรักคนไม่ผิด

และอยากขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้สระรักผมตอบ : )

ผมขยับเข้าไปหาเขา เจ้าตัวมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มแล้วเป็นฝ่ายสวมกอดผมก่อน แน่นอนว่าผมต้องกอดตอบเขา กระซิบบอกเขาด้วยความรักทั้งหมดที่มี

“กูก็อยากอยู่กับมึงไปจนตายเหมือนกัน”

 

หลังมื้อกลางวันหมดลง สระก็ปลีกตัวไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ผมนั่งรออีกฝ่ายในร้านกาแฟไม่ไกลจากคณะมากนัก ส่วนพวกไอ้พียกแก๊งกันไปร้านเกมแล้วครับ พอเริ่มกลับมามีเวลาว่างก็ต้องหาอะไรผ่อนคลายกันหน่อย ก่อนจะต้องกลับมาโหมงานอีกรอบ

ผมหยิบเอาของที่ยังทำไม่เสร็จออกมา กล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลเรียบร้อย หน้าห่อวาดรูปแจกันเปล่าๆ เอาไว้ ก่อนจะหยิบเอาเชือกเส้นเล็กสีคล้ายกันออกมาผูกตัวห่อเหมือนผูกกล่องพัสดุ และปิดท้ายด้วยการเหน็บดอกไม้ที่แวะซื้อหลังแยกกับสระตรงหน้าห่อ ใช้เชือกที่ผูกช่วยทับไม่ให้มันหล่น และทำให้มันเหมือนดอกไม้กำลังอยู่ในแจกันที่ผมวาดเอาไว้

ถ้าสระได้เห็นเขาจะชอบมากไหมนะ ผมอยากเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วสิ ฮะๆ

นั่งดื่มกาแฟรออยู่พักใหญ่ จนเกือบจะบ่ายสองโมงนั่นล่ะกว่าที่สระจะมา เจ้าตัวเดินเหงื่อท่วมมาที่โต๊ะหลังจากระหว่างทางแวะไปสั่งเครื่องดื่มไว้แล้ว ใบหน้าขาวใสแสดงออกมาว่าร้อนและเหนื่อยล้าสุดๆ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเดินตากแดดมาที่นี่มากกว่าเหนื่อยเรื่องงานล่ะนะ

“หิวมั้ย?”

“นิดหน่อย กูสั่งเค้กไปด้วยเมื่อกี้” สระตอบ “สั่งเค้กช็อกฯ มาเผื่อมึงด้วยนะ แต่ถ้ามึงไม่กินก็เก็บกลับหอได้ เอาไว้ค่อยกินทีหลัง”

“ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มให้เขา นอกจากผมที่รู้ใจมัน เอาเข้าจริงมันเองก็รู้ใจผมเช่นกัน...มันอาจจะไม่ได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม แต่อย่างน้อยสระก็ใส่ใจและพยายามถามผมว่าอยากได้อะไร ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เขาพยายามทำหน้าที่แฟนที่ดีต่อผม เหมือนที่ผมเองก็พยายามเป็นคนที่ดีสำหรับเขา

“แล้วนั่นอะไรวะ?” สระเหลือบมองของที่ผมวางไว้กลางโต๊ะ

ผมยังคงยิ้ม เลื่อนห่อพัสดุนั้นไปตรงหน้าเขา “ของมึง”

“ของกู?”

“อือหึ” ผมพยักหน้ารับ “กูทำมาให้มึง”

สระตาเป็นประกาย เขาหยิบไปพลิกดู แอบดมดอกไม้ที่เหน็บเอาไว้ด้วย ดูจากสีหน้าแล้วเขาดูตื่นเต้นมากกว่าที่ผมคาดเดาเอาไว้

“แกะเลยนะ?”

“อืม” ผมมองอีกฝ่ายวางของในมือลงกับโต๊ะตามเดิม แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ค่อยๆ บรรจงแกะทุกอย่างอย่างตั้งใจและเบามือ แม้แต่กระดาษสีน้ำตาลที่ห่อหุ้มตัวกล่องเอาไว้ยังไม่ยอมฉีกทิ้งเลยแฮะ ฮะๆ

“เบาว่ะ มีอะไรในนี้กันแน่”

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

สระเขย่ากล่องในมือเบาๆ เขามองผมอย่างลุ้นๆ ในตอนที่เปิดฝากล่องด้านบนออก ไอ้ดื้อมุ่นคิ้วเล็กน้อย หยิบปลายเชือกเส้นบางที่โผล่พ้นออกมาจากกล่องขึ้น ก่อนจะดึงของข้างในออกมาอย่างช้าๆ

ริบบิ้นหลากสีที่ถูกนำมาผูกติดกันไว้ไหลออกมาจากภายในกล่องเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ความยาวของมันทำให้สระต้องวางริบบิ้นเหล่านั้นลงกับโต๊ะ ผมรีบขยับเอาเค้กกับน้ำที่พนักงานนำมาเสิร์ฟก่อนหน้าที่ไอ้ดื้อจะเริ่มแกะพัสดุออกห่าง

กระทั่งริบบิ้นหมด และสิ่งสุดท้ายที่หลุดออกมาจากในกล่องกก็คือ...สร้อยคอสองเส้น

มันไม่ใช่สร้อยที่มีราคาแพงหรือสวยงามอะไร เป็นสร้อยที่ผมใช้บางอย่างของเราสองคนทำมันขึ้นมา จี้ที่ห้อยอยู่กับสายสร้อยเงินคือ ‘เกียร์’ ซึ่งเป็นของสำคัญสำหรับเด็กวิศวะ เกียร์ที่ผมกับสระไม่เคยสวมติดตัวแต่เก็บเอาไว้ในที่ที่จะไม่เผลอทำมันหาย

“แอบหยิบไปทำสร้อยตอนไหนวะเนี่ย” สระถาม มันพลิกดูจี้ทั้งสองอัน

ผมหยิบมันมาจากมืออีกฝ่าย ดึงเอาเกียร์ที่เป็นของผมออกแล้วลุกขึ้นไปยืนด้านหลังเขา สวมสร้อยให้เขาอย่างเบามือ ก่อนจะโดนแย่งเกียร์อีกอันไปแล้วสระก็บังคับให้ผมนั่งลงเพื่อใส่ให้ผมด้วยเช่นกัน

จากที่นั่งตรงข้ามกันก็กลายเป็นผมย้ายมานั่งข้างสระ หยิบเอาเครื่องดื่มกับเค้กที่เขาสั่งมาให้เขากิน เรายังไม่ได้พูดอะไรกันอีกหลังจากใส่สร้อยให้กันเสร็จ แต่มือของสระก็ยังจับเกียร์ที่คอเอาไว้ไม่ปล่อย และดูจะมีความสุขมากจนมันแสดงออกมาทางสีหน้า แววตา และรอยยิ้มน้อยๆ นั่นตลอดเวลา

ผมเท้าคางเอียงคอมองอีกฝ่ายตลอดเวลาเช่นกัน ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกรักที่มอบให้เขาออกมาเป็นคำพูดยังไง เคยไหมล่ะครับที่รักใครสักคนมากๆ จนพูดไม่ถูก ผมกำลังเป็นแบบนั้นเลย : )

“ถ้าเป็นเด็กคณะอื่นก็คงได้เกียร์ไปเฉยๆ” ไอ้ดื้อพูดขึ้น  เอียงหน้ามามองผมเช่นกัน “แต่เราเป็นเด็กวิศวะเหมือนกัน ก็เลยถือว่าเป็นการแลกเกียร์กันใช่ปะ?”

ผมหัวเราะ อดใจไม่ไหวยื่นนิ้วไปเขี่ยจมูกอีกฝ่ายเล่น “ใช่ ตามนั้นแหละ”

“คราวก่อนก็ให้แหวน คราวนี้ยังแอบทำสร้อยร้อยเกียร์มาให้อีก”

“กูอยากทำให้ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า” ผมพยิบเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องถ่ายรูป “นั่งนิ่งๆ นะ มุมนี้แสงสวย จะถ่ายเกียร์ที่คอมึงหน่อย”

“ฮันแน่ จะอวดลงไอจีว่างั้น?”

“อือหึ” ผมตอบก่อนจะกดถ่ายรัวๆ หลายมุม จากนั้นก็เลือกมาแค่สองรูปอัปลงไอจี...รูปแรกคือรูปสระยิ้มให้กล้องอย่างน่ารัก จะว่าไปก็ชักหวงแล้วนะเนี่ย แฟนผมยิ้มน่าเอ็นดูมากเลยอะ เฮ้อ อีกรูปเป็นรูปที่ถ่ายโคลสอัพเข้าไปให้เห็นเลขรุ่นและเลขศูนย์เก้าสามซึ่งเป็นรหัสนักศึกษาของผมที่อยู่บนเกียร์ ใส่แคปชั่นเรียบร้อยก็กดโพสต์ทันที

แจ้งเตือนโทรศัพท์ของไอ้ดื้อดังขึ้น อีกฝ่ายรีบหยิบมากดดูก่อนจะยิ้มกว้าง

 

พยัญชนะ สักขพิพิฒน์ รหัส 093

 

เห็นแบบนั้นสระก็สั่งให้ผมนั่งนิ่งแล้วถ่ายรูปผมด้วยเช่นกัน สักพักแจ้งเตือนของผมก็เด้งขึ้นมาให้ผมต้องกดเข้าไปดู รูปที่ไอ้ดื้อลงมีด้วยกันทั้งหมดสามรูป เป็นรูปกล่องของขวัญก่อนหน้านี้ที่เขาถ่ายไว้ อีกรูปเป็นรูปผมยิ้มให้คนหลังกล้อง และรูปสุดท้ายคือรูปโคลสอัพเกียร์บนคอผมเช่นกัน

แคปชั่นของอีกฝ่ายไปในทางเดียวกันกับผมเป๊ะ…

 

สรัลภัทร วิวัฒนาวงศ์ รหัส 102

 

“เฮ้อ รักพยัญชนะจัง” สระถอนหายใจก่อนจะโพล่งออกมาซะดื้อๆ จนเล่นเอาผมไปไม่เป็น พอเห็นผมเหวอไอ้ตัวดีก็หัวเราะร่า ผมเลยหยิกจมูกมันไปเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า...

“รักสระเหมือนกัน : )”



____________________________

ตอนจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ 5 พ.ย. 61 ถึงวันนี้ 17 มิ.ย. 62 นานมากๆ เลย แง แต่ในที่สุดเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบค่ะ และเป็นนิยายเรื่องแรกของปีนี้ที่เราเขียนจบด้วย ดีใจมาก แต่ก็คงเหมือนทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องราวหนึ่งๆ จบไป ต้องคิดถึงมากแน่ๆ เลย แง

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าเรื่องราวของสระและพยัญชนะจะสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้บ้าง เราเขียนเพื่อฮีลตัวเองจากความรู้สึกแย่ๆ และถ้ามันทำให้คนที่กำลังรู้สึกแย่ยิ้มได้เวลาอ่าน เราจะดีใจมากเลยค่ะ : )

ต้องบอกลากันแล้ว แต่ยังเจอกันได้ใหม่ในเรื่องอื่นๆ นะคะ รักทุกคนนะ ขอบคุณมากจริงๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเกือบเจ็ดเดือน หวังว่าทุกคนจะคิดถึงไอ้ดื้อกับคุณแฟนของเขานะคะ จุ๊บๆ



หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-06-2019 21:37:21
 :กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-06-2019 09:15:40
หวานจนตาลุกในไฟหมดแล้วจ้าาาาาาา
รอตอนพิเศษนะคะ
หวานกันให้เบาหวานขึ้นไปเล๊ย

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-06-2019 12:29:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 19-06-2019 00:04:34
ขอบคุณที่แต่งสระของพยัญชนะมาให้อ่านนะคะ เพิ่งมาอ่าน ฮีลเรามากๆเลย อิ่มเอมไปหมดดด
เหมือนสระและพยัญชนะเป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว เหมือนอยู่ในเหตุการณ์กับเค้าเลย
คุณคนเขียนสุดยอดไปเลยค่ะ ถ่ายทอดน้องๆออกมาได้น่ารักมากๆๆๆ เราหลงจะแย่แล้ว แงงงง
จากนี้ไปต้องคิดถึงน้องมากๆแน่ๆเลย เป็นกำลังใจให้ในผลงานต่อไปนะคะ ติดตามค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-06-2019 12:02:59
น่ารักจังเลยทั้งสระและพยัญชนะ อ่านแล้วมีความสุขขอบคุณคนเขียนค่ะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 20:46:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-06-2019 15:21:01
อ่านแล้วอมยิ้มไปตลอดที้งเรื่องเลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-06-2019 16:49:35
น่ารักน่าชังหลงสุดตอนสระแทนตัวว่าสระนี่แหล่ะ มันน่าฟัดมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-06-2019 20:57:46
โอย!!!คุณน้องจะหวานกันไปไหน สงสารคนโสดด้วยนะคะ  :ling1:

รักกันหวานหยด  :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-06-2019 22:44:24
แฮปปี้มากค่ะ ชอบความคิดทั้งคู่เลย
ออกตัวชัดเจน และทำให้ตัวเองมีความสุข
ไม่จำเป็นต้องเปิดตัวแรง แต่เรารู้กันก็พอ
ดูแลกันดีมากค่ะ สระก็น่าเอ็นดู คนน่ารักก็คิดว่าตัวเองหล่อ
คนหล่อก็หลงคนน่ารักหนักมาก พยัญชนะรักสระ ขิง

จ๊ะ ชอบนอกสถานที่หรอ เปิดใจก็ทีนึง เปิดตัวก็อีกทีนึง 5555

ขอบคุณมากเลยนะคะ เป็นเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดเลย
ชอบความหลงตัวเองของสระที่รู้ว่ายังไงพยัญชนะก็รัก
ชอบความหลงแฟนหนักมาของพยัญชนะ เอาใจดูแลทุกอย่าง

รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ แต่ถ้าคิดถึงเรื่องนี้ ใส่ตอนพิเศษด้วยก็ได้น้า

หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-06-2019 14:21:32
หวานกันตั้งแต่ต้นจนจบ  น้ำตาลเกาะจอจ้า  :o8:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 29-06-2019 15:18:46
อยากเห็นทั้งคู่แต่งงานกันจังค่ะ มีตอนพิเศษไหมคะ รอค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: Infinity - พยัญชนะ : พัสดุ (เพียงคุณ) [17-06-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 07-09-2019 10:53:14
หู้ยยยยย หวานมากอ่ะ โมเม้นท์ฟินสุดดดด  :impress2:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: ตอนพิเศษ - Alway 1 [30-10-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 30-10-2019 11:48:13

Always 1

 

[สระ]

พยัญชนะยังไม่ตื่น ก็น่าอยู่หรอก เมื่อคืนกว่าจะได้นอนนี่นะ ช่วงนี้ใกล้สอบไฟนอลเลยต้องเคลียร์งานทั้งหมดให้ทันส่งก่อนสอบ อาจารย์ก็แปลก ไม่รู้ทำไมชอบสั่งงานโบ้มๆ เอาตอนจะสอบทุกที เหมือนแกล้งอะ ผมเองก็แทบไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วเหมือนกัน โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด หลังจากโหมทำงานจนเสร็จหมดทุกชิ้นเมื่อคืน วันนี้ล่ะที่เราจะได้พักผ่อนแบบเต็มเวลาสองวัน ก่อนที่วันจันทร์จะต้องไปเรียน

ผมเอื้อมหยิบเอาสมาร์ตโฟนมากดดูเวลา ตอนนี้สิบโมงแล้ว ผมคิดว่าเราควรลุกไปอาบน้ำแล้วหาอะไรกินก่อนที่จะหิวตายคงดีกว่า...คิดได้ดังนั้นเลยพลิกตัวขึ้นนอนทับไอ้นะ ทิ้งน้ำหนักลงไปแบบไม่มีกั๊ก ปฏิบัติการก่อกวนเจ้าแฟนให้ตื่นเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!

“นะะะ”

“...อื้อ”

ผมเป่าลมใส่ปลายคางไอ้คนหล่อ สลับกับจุ๊บๆ ไปตามต้นคอแกร่ง สักพักใหญ่เหมือนกันกว่าที่อีกฝ่ายจะเอียงหน้ามาหาแล้วลืมตาปรือๆ ขึ้นมอง ผมเห็นแบบนั้นก็เลยโน้มลงจุ๊บปากมันไปหนึ่งทีก่อนจะยิ้มเผล่

“ตื่นเถอะ ไปกินข้าวกัน”

“อืม ขออีกห้านาที” ว่าไม่พอยังใช้สองแขนรัดเอวผมเอาไว้เป็นการบังคับให้นอนนิ่งๆ อีกต่างหาก

ผมหัวเราะ ก็เข้าใจหรอกว่าง่วงจริงๆ และยังไม่พร้อมตื่น แต่ผมก็ไม่อยากให้หิวจนปวดท้องขึ้นซะก่อนเหมือนกันนี่นา เพราะงั้นให้อีกห้านาทีก็ได้ ถ้าไม่ตื่นนะ ผมจะกัดคอให้

เอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลมากดจับเวลา ระหว่างนั้นผมก็นอนนิ่งๆ บนตัวคุณแฟน ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ใต้แผ่นอกกว้าง จนครบตามที่อีกฝ่ายขอผมก็จัดการปลุกคนง่วงให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

“พยัญชนะ ตื่นนน”

“อีกนิด...”

“ไม่นิดแล้ว เกินห้านาทีแล้วเนี่ย” ผมบ่นแต่ไม่จริงจัง จุ๊บๆ ไปทั่วสันกรามก่อนเลื่อนขึ้นไปจุ๊บทั่วใบหน้าหล่อ “ตัวเองคร้าบบบ ตื่นเถอะ เค้าหิว”

เหมือนจะได้ผล เพราะพอผมทำเสียงอ้อนๆ ใช้คำเรียกน่ารักๆ แบบที่ไอ้นะมันชอบ มันก็ยอมลืมตาขึ้นมามองกันทันที แต่ก็ยังดูเบลอๆ ง่วงๆ แบบว่าตื่นไม่เต็มตา ผมเห็นแบบนั้นก็อดจะขำอีกครั้งไม่ได้ ไม่บ่อยหรอกนะที่จะได้เห็นคุณแฟนทำหน้างอแงแบบนี้

“สระ...”

“ครับผม” ตอบรับพลางขยับขึ้นมาอีกนิดก่อนทิ้งหัวลงนอนหนุนหมอนใบเดียวกันกับไอ้นะ เอียงหน้าเพื่อจะได้สบตากันได้ถนัดๆ และอีกคนก็เอียงหน้าตามเพื่อ...จูบผม

มอร์นิ่งคิส :)

ปากล่างผมถูกดูดเบาๆ พอมันทำแบบนั้นผมก็เลยดูดตอบ กลายเป็นเราแนบปากเข้าหากันแน่น ผลัดกันดูดดึงเพียงริมฝีปากแต่ไม่มีการลุกล้ำเกินไปกว่านั้น มือข้างหนึ่งของผมถูกมืออุ่นๆ ของคุณแฟนดึงไปสอดประสานปลายนิ้วเข้าหากัน ส่วนมืออีกข้างผมวางนิ่งๆ ไว้ข้างตัวเท่านั้น

จูบกันจนจะหมดอากาศหายใจถึงได้ผละออก เรายังคงสบตากันเช่นเดิม ก่อนจะจูบกันใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จู่ๆ ไอ้นะก็ทำท่าจะหลับอีกรอบ ผมก็เลยยู่จมูกใส่ ถอนปากออกแล้วเลื่อนหน้าไปงับต้นคออีกฝ่ายแทน

“โอ๊ย! สระ กัดนะทำไมครับเนี่ยย”

ไม่ตื่นเต็มตาก็ให้มันรู้ไป หึ :)

“ก็นะทำท่าจะนอนอีกแล้วน่ะสิ สระไม่อยากให้นอนแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะน่า” บอกพลางตีขาตัวเองไปมา ตั้งใจจะลุกขึ้นแต่ก็โดนแขนอีกข้างที่ยังว่างอยู่ของไอ้นะกอดเอวไว้แน่นกว่าเดิม ผมก็เลยดิ้นยุกยิกๆ ไม่หยุด “ปล่อยยย”

“สระ อย่าดิ้นมากดิ”

“ก็มึงไม่ปล่อยกูอะ”

“เดี๋ยวปล่อย แต่ตอนนี้นอนนิ่งๆ ก่อน” พยัญชนะบอก น้ำเสียงดูชัดถ้อยชัดคำขึ้น เป็นสัญญาณว่าเขาตื่นเต็มตาแล้ว พร้อมกับอะไรบางอย่างด้านล่างที่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยเหมือนกัน และนั่นทำให้ผมชะงัก เบิกตาโตใส่ไอ้คุณแฟน พอมันเห็นสีหน้าผม ไอ้นะก็ยิ้มขำทันที “กูบอกแล้วว่าให้อยู่นิ่งๆ ตื่นเลย”

“ไอ้ควาย กูจะรู้มั้ยว่ามึงจะตื่นง่ายขนาดนี้”

“ตื่นเพราะมึงอะแหละสระ”

แล้วมันก็ปิดปากที่กำลังจะอ้าออกด่ามัน แถมคราวนี้ยังส่งลิ้นเข้ามาหยอกเย้าผมอีกต่างหาก ไอ้...โว้ยยย

ถึงจะไม่ทันตั้งตัว แต่เพราะเราเป็นแฟนกันและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสัมผัสกันด้วย สุดท้ายผมก็โอนอ่อนตามอีกฝ่าย กลายเป็นว่าแทนที่เราจะลุกไปอาบน้ำและหาข้าวกิน กลับปล่อยตัวเองให้นอนอยู่ที่เดิม

“สระ...”

“หือ” ผมขานรับทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียกับไอ้นะไม่ห่าง เราจูบกันเหมือนไม่มีวันรู้จักพอ แต่ผมชอบนะ ไม่ปฏิเสธหรอกเพราะผมก็ต้องการเหมือนกัน :)

“ไม่ได้ทำกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”

“อือ”

“ขอทำได้ไหมครับ?”

ผมงับปากคุณแฟนเบาๆ สอดมือเข้าไปใต้เสื้อกล้ามของอีกฝ่ายก่อนจะตอบแทนคำตอบ พยัญชนะได้รับสัญญาณอนุญาตก็ถึงกับยิ้มกริ่ม สอดมือผ่านเสื้อเพื่อสัมผัสลูบไล้แผ่นหลังของผมด้วยเช่นกัน

แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง

เสื้อเป็นชิ้นส่วนแรกที่ถูกถอดทิ้งข้างเตียง ผ้าห่มถูกปัดออกจนยุ่งเหยิง ผมเป็นฝ่ายถูกพลิกให้นอนราบไปกับเตียง ถูกคร่อมทับและส่วนกลางลำตัวของเราสัมผัสเสียดสีกันผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของกางเกงนอน

ไอ้นะยกยิ้มมุมปากในตอนที่มือสองข้างเลื่อนลงไปถอดกางเกงของผมออกอย่างช้าๆ และสายตาร้อนแรงของมันที่กวาดมองไปทั่วร่างกายของผม ก็ทำให้ผมร้อนผ่าวไปทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้...อีกฝ่ายอ้อยอิ่งฝ่ามือร้อนๆ กับสะโพกของผม ไล้ปลายนิ้วเบาๆ อยู่นาน จนผมต้องเอ่ยปากต่อว่า

“อย่าแกล้งกันดินะ”

“นะอยากมองสระให้ละเอียดทุกซอกทุกมุมนี่นา”

“เห็นมากี่ครั้งแล้วยังไม่ครบทุกมุมอีกเหรอออ” อดแขวะไม่ได้ แต่การที่มันทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมเขินอะ! และเหมือนมันจะรู้ด้วย เพราะมันหัวเราะอีกแล้ว! “มึงถอดของมึงบ้างเลย”

“ถอดให้หน่อยดิ”

“เหวอ!”

ผมร้องด้วยความตกใจ เพราะจู่ๆ ไอ้คุณแฟนดันสอดแขนแกร่งสองข้างรั้งร่างผมให้พลิกขึ้นเป็นฝ่ายคร่อมมัน ส่วนตัวมันก็กลับลงไปนอนด้านล่างตามเดิม

“ถอดเร็วสระ”

“ไอ้หื่นนน”

“กับมึงกูยอมเป็นคนหื่น :)” ผมต่อยอกมันไปทีหนึ่ง ก่อนจะใช้ความรวดเร็วถอดกางเกงอีกฝ่ายออกพรวดเดียว ไอ้นะถึงกับสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว และคงไม่คิดว่าผมจะทำแบบนี้

ผมขำคิกคักทันที “ตกใจเหรอคุณแฟน”

“เออดิ ร้อนแรงนะเราอะ”

“ร้อนได้มากกว่านี้อีก”

ปากพูดออกไปแบบนั้นแต่หน้าผมนี่ร้อนผ่าวๆ เพราะเขิน หัวใจก็เต้นแรงกว่าเดิมขึ้นมาอีกจังหวะ ไอ้ฉิบหาย พูดเองเขินเองวุ้ย! แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ยังใจกล้ามากพอที่จะยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสกลางกายของอีกฝ่าย แตะเย้าหยอกเล่น ขยิบตาให้ไอ้นะด้วยเป็นการกวนตีนมัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ดันต่างออกไป

ไอ้นะโผลุกขึ้นนั่ง รวบเอวผมเอาไว้ไม่ให้หงายหลัง แต่กลายเป็นว่าร่างกายเปลือยเปล่าของเราแนบสนิทกัน ไอ้ที่กำลังแข็งขืนก็เลยแตะโดนกันไปด้วย

ผมเม้มปากแน่น สบตากับคุณแฟนในระยะประชิดชนิดลมหายใจเป่ารดกันแผ่วๆ ก่อนจะรินรดโดนเต็มๆ เอาตอนที่ไอ้นะยื่นหน้ามากดจูบผมอีกครั้ง อ่า นี่เราจะไม่หยุดจูบกันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ฮะๆ

มือของเราทั้งคู่สัมผัสไปตามร่างกายของกันและกัน จากนั้นไอ้นะก็รวบความแข็งแกร่งของเราให้เสียดสีกันมากขึ้น ผมครางอื้ออึงในลำคอ สอดมือเข้าไปในเรือนผมสีเข้มแล้วกุมขยุ้มเบาๆ

อุณหภูมิร่างกายร้อนผ่าวและเริ่มมีเหงื่อผุดซึม แอร์ในห้องไม่ช่วยให้ลดความร้อนแรงนี้ได้เลย ผมเป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าไปจุ๊บข้างแก้มไอ้นะ ก่อนไล่ลงไปจูบรอยกัดก่อนหน้านี้แล้วซุกหน้ากับบ่าแกร่ง ส่งเสียงครางเครือออกมาเบาๆ ข้างใบหูอีกฝ่าย

“อื้อ...ฮ้า...”

“สระครับ สระ คนดี”

“อะไร” ผมถามเมื่อโดนเรียกชื่อซ้ำๆ

พยัญชนะเอียงหน้ามาหอมแก้มผมขณะที่มือมันเร่งจังหวะเร็วมากขึ้น ความเปียกลื่นผุดซึมออกมาชะโลมแกนกายจนเปียกฉ่ำ ทำให้เกิดเสียงน่าอายขึ้นผสานไปกับเสียงหอบครางของเราทั้งสอง

“วันนี้สระเป็นคนนำได้หรือเปล่าครับ”

“อะ...” ผมเกี่ยวแขนข้างหนึ่งกับต้นคอแกร่ง ยามเมื่อแรงกระตุ้นเร้าด้านล่างกำลังจะพาผมไปถึงฝั่งฝัน แต่ผมก็ยังได้ยินคำถามของอีกฝ่ายชัดเจน และให้คำตอบเป็นการพยักหน้ากับบ่าของเจ้าตัว

“รักจังเลยไอ้ดื้อ”

“อึก...” แค่โดนบอกรักก็ปล่อยออกมาแล้วอะ ฮือ นี่ผมอ่อนไหวอะไรกับคำๆ นี้นักเนี่ย ได้ยินทีไรเป็นใจอ่อนยวบทุกที “มึงแม่ง”

“นะทำไม?”

“บอกรักตอนนี้เนี่ยนะ?” ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “แล้วยังให้กูเสร็จคนเดียวอีก”

“ก็นะยังไม่อยากเสร็จนี่นา” มันบอก พลางเอี้ยวตัวไปด้านหลังก่อนสอดมือเข้าไปใต้หมอนแล้วหยิบกล่องอันแสนคุ้นตาออกมา “อยากเสร็จในตัวสระมากกว่า :)”

“ไอ้นะะ” โวยวายใส่อย่างไม่จริงจังออกไปทางเขินๆ มากกว่า แต่มือผมก็นั่นล่ะ...คว้ากล่องถุงยางอนามัยจากมืออีกฝ่ายมาแล้วแกะออกหยิบซองสีเงินออกมาซองหนึ่ง ยื่นมุมซองไปจ่อปากคุณแฟนตัวดี “ฉีก”

พยัญชนะทำตามที่ผมบอก เขางับมุมซองแล้วฉีกมันออกช้าๆ ในขณะเดียวกันก็สบตากับผมไปด้วย ในดวงตาคู่นั้นมีประกายวิบวับหวามไหม พาให้ผมที่เพิ่งปลดปล่อยไปหมาดๆ กลับมาอารมณ์ลุกโชนอีกครั้ง

ผมดึงของในซองออกมาสวมให้ไอ้นะ รูดมือสองสามทีกระตุ้นเขาไปด้วย และนั่นทำให้ผมได้ยินเสียงสูดปากกับเสียงลมหายใจหอบแรง ก่อนจะเป็นฝ่ายสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คุณแฟนก็โผมางับยอดอกผมเล่น

“อ๊ะ...”

“เร็วเข้าคนดี นะไม่ไหวแล้ว”

ผมรั้งใบหน้าคมขึ้นมาจูบ เป็นฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้าหาบ้าง แล้วเราก็แลกจูบกันอย่างหนักหน่วง เคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมๆ กันด้วยการผลักไอ้นะให้เอนลงไปด้านหลัง พอให้ผมจัดระเบียบท่าทางได้สะดวก มือผมก็ควานหาขวดเจลหล่อลื่นที่น่าจะซุกไว้ใต้หมอนเหมือนกันออกมาด้วย

หลังๆ ผมกับไอ้นะทิ้งของพวกนี้เอาไว้เพราะบางครั้งอารมณ์ของเราก็ถูกจุดติดบนเตียงนี่ ถ้าให้ลุกไปหยิบจากที่อื่นก็ชวนให้เสียเวลา เลยเอาไว้ใต้หมอนนี่แหละสะดวกดี หึๆ

“นะ...ขยายให้หน่อย” ผมบอกเขา ดึงมือข้างหนึ่งมาบีบเจลใส่ปลายนิ้วแกร่ง และพยัญชนะก็เลื่อนมือไปด้านหลังของผม ปัดไล้ช่องทางเล็กๆ นั่น ก่อนกดสอดเรียวนิ้วเข้าไปอย่างใจเย็น “อืม อ๊ะ...”

“เจ็บก็บอกนะครับ”

นิ้วแข็งแรงขยับขยายช่องทางให้ผมอยู่สักพัก จนผมคิดว่าน่าจะพอแล้วเลยดึงมือเขาออก เป็นฝ่ายกอบกุมตัวคนร้อนผ่าวของไอ้นะเอาไว้ แล้วค่อยๆ กดสอดร่างกายตัวเองลงไปกลืนกิน

เมื่อเราสองคนประสานกันเป็นหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้อีก

ผมขยับโยกร่างกายเป็นจังหวะ เนิบช้าทว่าอ่อนหวาน บางครั้งก็ถี่รัวจนแทบขาดใจเพราะความรู้สึกดีที่มากเกินไป ไม่บ่อยที่ผมจะเป็นฝ่ายขยับเอง ไม่ใช่เพราะผมไม่ชอบออนท็อป แต่เป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วพยัญชนะมักเป็นฝ่ายชักนำผม เขาชอบที่จะทำให้ผมมากกว่าให้ผมทำให้เขา

“อ๊ะ อื้อ”

“อืม อย่างนั้นครับคนเก่ง”

เลื่อนใบหน้าไปจูบต้นคอแกร่ง “จะเสร็จ...”

“เหมือนกันครับ”

สะโพกผมกระทั้นรับแรงสวนกลับของคนใต้ร่าง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผสานไปกับเสียงกระซิบของคำว่ารักระหว่างเรา ผมแนบปากกับใบหูอีกฝ่าย เอ่ยคำนั้นซ้ำๆ

“รักนะ รักมาก”

และได้คำเดียวกันตอบกลับมา...

“รักสระมากเหมือนกัน”

 

กว่าพวกเราจะลุกจากเตียงกันได้จริงๆ ก็เป็นตอนเที่ยงกว่า ผมตั้งใจว่าจะอาบน้ำก่อน แต่กลายเป็นว่าไอ้นะลากผมเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันแล้วจากนั้นมันก็ไม่ใช่แค่การอาบน้ำ...จนได้สิน่า

“อ๊ะ อ๊า ไอ้นะ ฮื่อ”

“เกาะไว้ไอ้ดื้อ”

สองมือผมจับกับขอบอ่างล้างหน้า โน้มตัวลงส่งเสียงครางก้องห้องน้ำ ขณะที่ช่วงล่างถูกกระแทกกระทั้นจากทางด้านหลัง ความใหญ่โตร้อนผ่าวสอดเข้าออกในช่องทางของผมอย่างหนักหน่วง กระทบเข้ากับจุดกระสันภายในจนทำให้ผมแข้งขาสั่นไปหมด มันรู้สึกดีจนผมแทบขาดใจ

“แค่ครั้งนี้นะ ไม่ อ๊ะ ไม่ต่อรอบสามแล้ว”

“ครับผม อ่า...”

มือแกร่งเลื่อนมารูดรั้งแกนกายของผมไปด้วย กระตุ้นให้ผมยิ่งรู้สึกวูบวาบ “นะ มัน...อื้อ...”

“ปล่อยออกมาเลย...”

ผมเม้มปากกลั้นเสียงคราง แล้วในที่สุดปลายทางของผมก็มาถึงอีกครั้ง...ไอ้นะตามมาติดๆ

พออารมณ์รุนแรงลดระดับลง พยัญชนะก็ถอนกายออกไปเพื่อถอดถุงยางทิ้ง ส่วนผมหันหน้ากลับมามองไอ้แฟนบ้าทั้งที่ยังหอบหายใจอย่างหนักนั่นแหละ แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายลากผมไปที่ฝาชักโครก ก่อนที่มันจะนั่งลงแล้วดึงให้ผมนั่งทับตักมันอีกที

นั่งทับแบบที่ช่องทางรักของผมถูกสอดใส่เข้ามาอีกครั้งแล้วด้วย!

“นะ” โอดครวญใส่ไอ้คนหื่น

“เห็นหน้าแดงๆ ของมึงแล้วกูอดใจไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

“มึงแม่ง”

“น่านะ ขออีกรอบ” มันอ้อน จุ๊บไปทั่วใบหน้าของผม เหมือนที่ผมทำตอนพยายามปลุกมันให้ตื่นไม่มีผิด แต่ใครจะไปคิดว่าจากที่ต้องการจะปลุกให้ตื่นนอน ดันกลายเป็นปลุกไอ้ลูกชายของมันให้ตื่นตัวไปด้วย

แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะนอกจาก...

“อ๊ะ...อ่า ฮื่อ...”

ยอมตามใจมันไงครับ เห็นแก่ที่มันมักจะตามใจผมซะส่วนใหญ่หรอกนะ ปกติมันไม่ค่อยขออะไรผมอะ จะมีก็เรื่องนี้เท่านั้นล่ะที่มันอ้อนขอผมอยู่บ่อยๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยปฏิเสธ เพราะก็อย่างที่บอก...ผมเองก็ชอบเหมือนกัน

ขออนุญาตไปต่อยกที่สามก่อนนะครับ :)




____________________________

เพราะคิดถึงจึงมาหาาา มีใครคิดถึงสระของพยัญชนะบ้างไหมเอ่ย แง ทางนี้คิดถึงมากกก มาหาแล้วนะ มาพร้อมตอนพิเศษแบบแซ่บๆ 55555 ได้ไอเดียมาพอดีเลยต้องรีบเขียนค่ะ เดี๋ยวจะหนีไปปั่นต้นฉบับต่อแล้วค้าบ ชอบก็คอมเมนต์บอกกันบ้างน้า เราไมไ่ด้เขียนฉากคัทนาน ไม่รู้มันโอเคไหม แหะ


หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: ตอนพิเศษ - Alway 1 [30-10-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-10-2019 14:03:18
เป็นตอนพิเศษที่ดีต่อใจมากค่ะ

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: ตอนพิเศษ - Alway 1 [30-10-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-10-2019 22:23:57
 :haun4:เลือดหมดตัว
หัวข้อ: Re: #สระของพยัญชนะ :: ตอนพิเศษ - Alway 1 [30-10-19] END
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 12-11-2019 19:22:20
เรื่องนี้เปิดผ่านไปผ่านมาหลายรอบ แล้วก็ได้อ่านจนได้ เป็นเรื่องที่น่ารักมุ้งมิ้งมากมาย ชอบค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 12-11-2019 21:58:21

วันพิเศษ

กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู


 

วันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดปีนี้ค่อนข้างจะพิเศษกว่าปีก่อนๆ เพราะนอกจากจะเป็นวันป๊อกกี้แล้ว ยังตรงกับวันลอยกระทงอีกด้วย แน่นอนว่าผู้ชายโรแมนติกอย่างพยัญชนะ ต่อให้เป็นวันธรรมดาเขาก็อยากจะทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษของเขากับสระ

ชายหนุ่มเริ่มต้นวันด้วยการปลุกคนขี้เซาของเขาขึ้นมาอาบน้ำในตอนสิบโมงกว่าๆ เพราะพวกเขามีเรียนคาบบ่าย สระงอแงนิดหน่อยเพราะอยากนอนต่อ แต่เขาก็ไม่ยอมให้เจ้าคนน่ารักทำแบบนั้น ดึงอีกฝ่ายขึ้นมานั่งก่อนจุ๊บหน้าผากสระรัวๆ จนสระเขินแทบตาสว่าง ผลักหน้าหล่อๆ ของแฟนหนุ่มออกเบาๆ แล้วโดดลงจากเตียงเดินหนีเข้าห้องน้ำไป

พยัญชนะหัวเราะแผ่วเบาก่อนลุกไปเตรียมเสื้อผ้าให้คนน่ารักของเขา พออีกฝ่ายออกมาจากห้องน้ำเขาก็หันไปเตรียมกระเป๋าต่อ ยัดสมุดงานและหนังสือที่ต้องเรียนวันนี้ใส่กระเป๋า ตามด้วยเช็กความเรียบร้อยเรื่องน้ำไฟในห้อง รออีกนิดหน่อยสระก็แต่งตัวเสร็จพอดี

“ไปกันเถอะ กินอะไรเป็นมื้อกลางวันดีครับ” พยัญชนะถาม

สระอ้าปากหาวก่อนจะตอบ “อะไรก็ได้”

“ราดหน้าไหม เห็นไลก์รูปในไอจีเมื่อคืน”

“ตาไวไปอีก แต่ก็ดีนะ ที่โรงอาหารคณะแล้วกัน ร้านลุงเพิ่มอร่อย”

“ตามนั้น”

มาถึงโรงอาหารคณะก็เจอเพื่อนอีกสามคนนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงโต๊ะหน้าร้านราดหน้าพอดี พยัญชนะให้สระนั่งรอส่วนเขาไปซื้อราดหน้าให้ เห็นแบบนั้นบรรดาเพื่อนๆ เลยเอ่ยแซว

“แหม่ๆๆ มีผัวนี่มันดีจริงๆ เลยโว้ย” พีเป็นคนแรกที่พูดขึ้น ตามด้วยเจ็ม

“จริงมึง นั่งรอเฉยๆ มีผัวหาข้าวหาปลาให้กิน”

แต่ก่อนที่ยูจะได้สบทบทิ้งท้าย สระก็โพล่งขึ้นมาว่า “อยากได้ผัวสักคนไหมล่ะ กูหาให้ได้นะ”

ทั้งพีทั้งเจ็มต่างพากันสะดุ้ง ขณะที่ยูเปลี่ยนใจไปหัวเราะร่าให้หน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ถูกตอกกลับ พอดีกับที่พยัญชนะเดินกลับมา ในมือถือชามราดหน้าสองชาม

“เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำเอง มึงนั่ง” สระบอก และไม่รอให้แฟนหนุ่มได้ปฏิเสธ คนตัวสูงจึงต้องนั่งลง รอเพียงไม่นานสระก็กลับมา แล้วทั้งสองก็ลงมือจัดการอาหารกลางวันจนหมด โดยมีเพื่อนอีกสามคนนั่งคุยรอ

“เออ วันนี้พวกมึงไปลอยกระทงกันปะวะ”

คนถูกถามทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม ก่อนจะหันไปมองกันเองแล้วสระก็ไหวไหล่ เป็นคนตอบ “ยังไม่รู้ พวกมึงจะไปกันเหรอ?”

“ก็ว่าจะไปนะ แต่คงไม่ลอยอะ ไปเดินเที่ยวงานหาอะไรกินเฉยๆ มึงสองคนไปด้วยกันปะล่ะ?”

“เดี๋ยวดูอีกที” พยัญชนะตอบปัด แต่นั่นเป็นการเปิดทางให้โดนเพื่อนแซวอีกรอบ

“แหม่ๆ จะไปกันสองคนก็พูดมา”

“เออ ไม่เห็นต้องบ่ายเบี่ยงเลย”

“รู้นี่ว่าเป็นก้าง” สระว่าแต่ไม่จริงจังนัก เลยโดนโห่ใส่ มีเพียงพยัญชนะที่นั่งขำ

วันนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะตามใจสระ ถ้าเจ้าตัวอยากไปลอยกระทงเขาก็จะพาไป ถ้าไม่อยากไปเขาก็จะไม่บังคับ เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเป็นพิเศษอยู่แล้ว หาอย่างอื่นทำด้วยกันก็ได้ อะไรที่สระอยากทำเขาจะทำด้วย ถือเป็นการสร้างความทรงจำดีๆ ระหว่างกัน

 

สุดท้ายหลังเลิกคลาสตอนห้าโมงทั้งห้าคนก็ไปเดินงานลอยกระทงด้วยกัน แต่ไม่มีใครซื้อกระทงไปลอยสักใบ จุดประสงค์หลักคือการหาของกินอย่างเดียวเท่านั้น หิวจนแทบบ้า วันนี้อาจารย์ก็ดันปล่อยช้าไปชั่วโมงหนึ่ง เล่นเอาหมดแรงกันไปทั้งคลาส

เดินเล่นด้วยกันจนหนึ่งทุ่มก็พากันแยกย้ายกลับ สระตัดสินใจกลับไปลอยกระทงออนไลน์ที่ห้อง ก่อนขึ้นห้องพยัญชนะเลยชวนแวะเซเว่นเพื่อซื้อขนมอีกนิดหน่อย และแน่นอนสิ่งที่เขาไม่ลืมหยิบมาด้วยก็คือป๊อกกี้ : )

“นึกไงกินป๊อกกี้วะ” สระถาม

คนถูกถามหันไปมองก่อนหยิบเอาป๊อกกี้รสดั้งเดิมสองรสออกมาชู “ชอบรสไหน”

“ช็อกโกแลต”

“โอเค”

“ตกลงใครกินวะ ให้กูกินเหรอ?”

พยัญชนะยิ้มหวาน “ก็วันนี้ป๊อกกี้เดย์”

“อ๋อออ แหม่ อินเทรนด์นะมึง อยากเล่นเกมกินป๊อกกี้กับกูเหรอออ” คนน่ารักยักคิ้วหลิ่วตา ทำหน้าล้อเลียน เลยได้รับฝ่ามือใหญ่ขยี้หัว

“ก็ถ้ากูอยากเล่นมึงจะเล่นกับกูปะล่ะ?”

“เอาดิ : )”

“มึงเสร็จกูแน่” พยัญชนะยิ้มกว้างกว่าเก่า “จะกินไม่ให้เหลือเลย”

“ไอ้นะ เฮ้ย เดี๋ยวก่อน นี่มึงพูดถึงป๊อกกี้จริงปะเนี่ย เฮ้ยยย”

คนถูกถามไม่ตอบแต่เดินหนีมาจ่ายเงิน เห็นแบบนั้นสระเลยหยุดถามเพราะไม่อยากตกเป็นประเด็นคู่รักหวานแหววให้ชาวสาววายวี๊ดว้ายกันอีก แค่นี้ก็ดังมากพอแล้ว

กลับมาถึงห้องก็สลับกันอาบน้ำ สระที่อาบก่อนเลยทิ้งตัวลงนั่งพิงหัวเตียงแล้วเปิดเว็บลอยกระทงออนไลน์เอาไว้ รอให้คุณแฟนของเขาออกมาลอยด้วยกัน

สักพักใหญ่พยัญชนะก็ออกมาพร้อมชุดนอนใส่สบาย สระเห็นแบบนั้นก็กวักมือเรียกยิกๆ “มานี่เร็ว มาลอยกระทงกันมึง กูเปิดเว็บรอแล้วเนี่ย”

“ครับผม”

ทรุดลงนั่งข้างๆ คนน่ารักแต่ยังทิ้งขาข้างหนึ่งวางบนพื้นข้างเตียง จากนั้นก็ลอยกระทงออนไลน์ด้วยกัน สระหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ประหลาดดีที่มาทำอะไรแบบนี้ เขาเลิกลอยกระทงตั้งแต่จบมอห้า และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลอยกระทงออนไลน์

พยัญชนะเอื้อมไปหยิบป๊อกกี้ในถุงที่เขาวางเอาไว้ไม่ไกล แกะออกก็คาบปลายด้านหนึ่งเอาไว้ในปาก ก่อนยื่นหน้าเข้าไปหาคนน่ารักของเขาแล้วสะกิดเรียก

สระละสายตาจากโทรศัพท์มามอง หลุดขำเบาๆ ก่อนจะยอมเล่นด้วยแต่โดยดี ชายหนุ่มงับปลายป๊อกกี้อีกด้าน แล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆ กินมันไปเรื่อยๆ ทีละนิดละหน่อย กระทั่งปลายจมูกแตะกันจึงหยุดจ้องตากันเล็กน้อย

พยัญชนะเลิกคิ้ว เหล่มองความสั้นของป๊อกกี้ที่เหลืออยู่ไม่มาก ใช้สายตาเป็นเชิงบอกให้คนรักขยับเข้าหาเขาเอง และเพราะรู้จักกันดี สระจึงเข้าใจความนัยนั้น เริ่มขยับปากกินป๊อกกี้อีกครั้ง

ความสั้นของป๊อกกี้หดลงเรื่อยๆ แล้วในที่สุดมันก็สั้นมากพอที่ปากของพวกเขาจะแตะกัน คราวนี้สระเป็นฝ่ายยักคิ้วหลิ่วตา ท้าทายให้แฟนสุดหล่อเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวบ้าง ก่อนจะต้องเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อพยัญชนะจู่โจมเขาอย่างรวดเร็ว!

ร่างสูงใช้ปลายลิ้นดันเศษป๊อกกี้ที่เหลืออยู่น้อยนิดเข้าปากสระ จากนั้นจูบหวานๆ รสช็อกโกแลตก็เกิดขึ้นตามมา ลิ้นร้อนกวาดต้อนภายในจนป๊อกกี้ชิ้นนั้นละลายจนหมด พอดีกับที่อาการหายใจเริ่มน้อยลง ต่างฝ่ายจึงผละห่างจากกันเพื่อกอบโกยอากาศ

เป็นแฟนกันมาหลายเดือน ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบกันจนแทบลืมหายใจ เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วพยัญชนะจะอ่อนโยนกับสระมากๆ มีก็แค่ตอนที่มันเลยเถิดมากกว่าจูบเท่านั้นที่อีกฝ่ายจะจูบแบบนี้ มันเป็นสัญญาณ...ว่าคืนนี้คงไม่หยุดแค่จูบกันแล้วนอนหลับไป

พยัญชนะยื่นหน้าไปจุ๊บปากเล็กรัวๆ สลับกับงับเบาๆ แล้วดึงออก มันเป็นการหยอกเย้าที่ทำให้คนถูกหยอกใจสั่นแทบบ้า ความต้องการถูกกระตุ้นให้ก่อเกิดขึ้น คนน่ารักยกมือโอบแก้มแฟนหนุ่มสุดหล่อทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่เลิกเล่นกับปากของเขา ก่อนจะเคลื่อนอีกมือสอดเข้าไปในเส้นผมนุ่ม หยอกปลายนิ้วเล่นกับเส้นผมเหล่านั้น แล้วผลักดันเบาๆ พอให้ปากของพยัญชนะแนบกับปากของเขาอีกครั้ง

“อืม...”

หลังจูบดูดดื่มหนที่สอง พยัญชนะก็เอ่ยถาม “ป๊อกกี้อีกอันมั้ยครับสระ”

“ไม่เอาป๊อกกี้อันนั้นแล้ว” สระตอบยิ้มๆ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย แต่ชวนให้คนฟังใจหวิวเป็นอย่างมาก ก่อนคนตัวสูงจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มือที่โอบแก้มเขาไว้เลื่อนไปแปะที่กลางกายเขา “อยากกินป็อกกี้อันนี้มากกว่า : )”

“สระ!”

“อะไรรร”

“นะเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่ายั่วกัน!”

“ไม่ได้ทำสักหน่อยยย”

“ไอ้ตัวดีเอ๊ย! คืนนี้ไม่ออมแรงให้แน่”

“แล้วใครห้าม”

เสียงหัวเราะดังคลอไปทั่วห้อง ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วสอดประสานกันไปครึ่งคืน : )





_________________________

มาช้าไปหน่อย แต่หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ คิดถึงเรื่องนี้มากเลยยย มีใครคิดถึงบ้างงง




หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 12-11-2019 22:15:14
 :z1:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-11-2019 11:31:28
 :z1: :z1: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-11-2019 21:23:13
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 21-11-2019 22:31:12
น่ารักมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:52:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-05-2020 10:43:54
น่ารักมาก..กกกกกกกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 09-09-2020 23:50:03
เบาสมอง ละมุน ชอบมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 16-01-2021 07:36:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 o13 o13 มันดีมากเลย ชอบบบบบบ ขอบคุณมากนะคะ รักกกกก  :L1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 22-05-2021 17:04:00
 :-[