10
ยิ่งขับรถไปเรื่อยๆ ไคล์ยิ่งรู้สึกเครียดฝ่ามือที่กุมกันไว้นั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ ในหูได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง ความวิตกกังวนทำให้ใบหน้าหวานขาวซีดจนโนเอลที่ขับรถคอยหันมามองเป็นระยะเพราะเป็นห่วงพอเห็นท่าทางของไคล์แล้วโนเอลตัดสินใจตบไฟเลี้ยวจอดที่ข้างทาง
“ไคล์ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ผะ..ผมกลัว” น้ำเสียงหวานสั่นรัวดวงตากลมสั่นระริกเพราะความวิตกกังวลต่างๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัว
“ไม่ต้องกลัวไม่ต้องคิดมาก พี่จะดูแลน้องเอง” ไม่บ่อยที่โนเอลจะเรียกไคล์ว่าน้อง ปกติจะเรียกเพียงชื่อ พอได้ยินร่างสูงพูดแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายดูท่าจะเชี่ยวชาญกับการที่ทำให้ร่างบางเขินจริงๆ ว่าที่คุณแม่ขยับเข้าไปกอดคู่ของตัวเองแน่นสูดกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เข้าเต็มปอดแล้วค่อยผละออก
“ขอบคุณนะครับ” ไคล์สบตาคมพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าดวงตากลมคู่นั้นสื่อความหมายแค่ไหนมันทั้งเปล่งประกายและบ่งบอกว่าเชื่อใจร่างสูงอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ นั่นทำให้โนเอลไม่อยากที่จะไปบ้านใหญ่แล้ว เลี้ยวรถพากลับบ้านแล้วฟัดให้จมเตียง อ่าคงต้องอดทนไปก่อนสินะ ร่างสูงคิดพร้อมกับจดลงบัญชีไว้ค่อยคิดทีเดียวและต้องคิดดอกเบี้ยด้วยสิ
เมื่อเห็นว่าน้องโอเคโนเอลก็ค่อยออกรถ ไม่นานนักรถหรูก็มาจอดหน้าประตูรั้วใหญ่เมื่อประตูเปิดออกโนเอลขับรถเข้าไปด้านใน ที่พอไคล์เห็นภายในรั้วสูงแล้วต้องตาโตมันไม่ได้เหมือนอย่างที่ไคล์คิดเท่าไหร่ ระหว่างทางที่จะเข้าไปในบ้านมีร่มเงาจากต้นไม้ที่ปลูกอยู่มากมายแต่ไม่ได้ดูรกเป็นป่าขับไม่ไกล ก็ผ่านวงเวียนน้ำพุก็เห็นบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ โนเอลขับไปจอดยังโรงจอดรถดับเครื่องแล้วลงมาเปิดประตูรถให้กับไคล์
“พร้อมไหมครับ”
“อือ” ร่างเล็กตอบแล้วบีบมือที่กุมกันไว้แน่น โนเอลประคองว่าทีคุณแม่เข้าบ้าน ทั้งบ้านเงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ โนเอลประคองไคล์ไปนั่งห้องนั่งเล่นเพียงแค่นั่งลงแม่บ้านก็เดินเอาน้ำผลไม้มาเสิร์ฟ
“ท่านยายล่ะ” โนเอลถามขึ้นแต่ยังไม่ทันที่แม่บ้านจะตอบเสียงดุๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ยายอยู่นี่” เป็นครั้งแรกที่ไคล์ได้เห็นท่านประธานหญิงแกร่งที่คุมบังเหียนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
“สวัสดีครับ” ร่างบางรีบลุกขึ้นโค้งทำความเคารพทันที แม้พี่โนเอลจะเรียกว่ายายแต่ท่านประธานกลับยังดูอ่อนวัย เหมือนผู้หญิงวัย 40 เท่านั้นเอง ดวงตาที่เหมือนกับหลานกวาดมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนที่จะหยุดนิ่งที่ท้องนูน
“เจ้าหลานไม่รักดี” ไคล์ตาโตเมื่อท่านประธานตรงเข้ามาหาโนเอลแล้วยกมือขึ้นฟาดไหล่หนาแรงๆ หลายที่ก่อนที่จะตวัดสายตามามองเขาจนสะดุ้งก็ดวงตาสีฟ้านั้นดูดุน้อยเสียที่ไหน ท่านประธานเดินปรี่เข้ามาหาท่าทางยังเอาเรื่อง
“น้องไคล์ใช่ไหมคะ ยายขอโทษแทนเจ้าโนเอลด้วยนะลูก” แต่สิ่งที่ท่านประธานพูดทำให้ผมตกใจจนเผลอทำหน้าประหลาดๆ ออกไปแน่ๆ เพราะร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังหลุดขำออกมา
“ไม่เป็นไรครับ พี่โนเอล...ดีกับผมมากๆ เลยครับ” แม้จะเสียงเบาแต่ผมก็พูดอย่างมั่นใจ
“ดีแล้วลูกมานั่งเถอะ ยืนนานๆ จะปวดขา”
“ขอบคุณครับท่านประธาน” ผมรีบขอบคุณเมื่อท่านประธานประคองนั่งลงที่โซฟา
“ประธานอะไรเรียกเหมือนเจ้าโนเอลสิ เจ้าไฮด์บอกยายหมดแล้วว่าเราโดนไอ้หลานตัวแสบนี่ทำอะไรไปบ้าง ยังดีที่ตอนนี้ทำตัวดีไม่งั้นยายจะตัดออกจากกองมรดก” ผมหลุดยิ้มกับสิ่งที่ท่านประธานพูดแต่ดูเหมือนพี่โนเอลจะไม่ชอบใจเท่าไหร่
“ไฮด์มันก็แค่ใส่ร้ายผม เดี๋ยวนี้มันก็เกเรเหมือนกัน” ผมคิดว่าพี่โนเอลก็เริ่มที่จะใส่ไฟพี่ไฮด์แล้ว สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ใช่ไหมครับ เรียวปากบางยกยิ้มกว้างก่อนที่จะหันไปบอกกับท่านประธาน
“พี่โนเอลดีมากๆ เลยครับ แม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจกันแต่ตอนนี้ผม..ดีใจที่พี่โนเอลคอยดูแลครับ” พูดจบผมก็ไม่กล้าที่หันไปมองร่างสูงที่นั่งข้างๆ
“ดีแล้วงั้นรอทานข้าวเย็นกันนะ เจ้าไฮด์ก็จะพาแฟนมาด้วย อยู่แถวเดียวกันกับหนูใช่ไหม ยายไปทำงานก่อนรอเจอแม่เขาด้วยนะโนเอล” ท่านประธานพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่น ทิ้งผมนั่งอึ้งลืมกระทั่งโค้งให้ ท่านประธานรู้ทุกเรื่องหมดเลยเหรอเนี้ย
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ” น้ำเสียงที่เคยเย็นชาเปลี่ยนกลับมาอบอุ่นเหมือนที่เคยได้ยิน
“ผมแค่ตกใจที่ท่านประธานรู้ทุกอย่าง” เอนตัวพิงร่างหนาตามแรงโอบที่ไหล่เป็นท่าทางปกติยามที่อยู่กันสองคน และผมก็ชอบมันมากๆ วงแขนแกร่งโอบรอบเอวไว้หลวมๆ ให้คุณแม่นอนพิงตัวใบหน้าหวานซุกกับอกเขาอาจจะไม่สบายตัวแต่ไคล์ก็ชอบนอนแบบนี้ไม่นานว่าที่ก็หลับไป เพราะได้เวลาและเหมือนเจ้าแสบจะหลับไปเหมือนกัน
ภายในห้องนั่งเล่นหรูร่างสองร่างที่อิงแอบซบพากันหลับใหลช่างเป็นภาพที่ดูน่ารักเสียจนประมุขของบ้านที่จะลงมาคุยต้องอมยิ้มแล้วสั่งแม่บ้านไม่ให้ไปรบกวนคู่ที่กำลังพักผ่อน
++++++++++++++++++++++
“น้องน่ารักดีนะโนเอล” ระหว่างทานอาหารมื้อเย็น คุณแม่ที่มองร่างเล็กอยู่นานเอ่ยปากคุยกับลูกชายที่เพียงพยักหน้าสนับสนุน “ดูแลกันดีๆ นะคะทั้งสองคนเลย แม่ดีใจที่ได้เจอหนูนะ” แววตาสีฟ้าหม่นทอประกายเศร้าอย่างที่ไคล์ไม่เข้าใจและเมื่อหันไปมองร่างสูงก็เห็นสีหน้าเครียดๆ เลยต้องกลืนคำพูดลงไป บรรยากาศเหมือนจะหนักอึ้งหากไม่เพราะไฮด์หันมากวนน้องชายตัวเอง
“แล้วนี่คืนนี้จะกลับบ้านไหม”
“คงไม่เดี๋ยวน้องจะเหนื่อยเกินไป”
“ดีงั้นพี่ยึดบ้านเรานะ” ไฮด์หันไปถามน้องที่กำลังคุยกับธารกันมุ้งมิ้งสองคน
“พี่ไฮด์คงจะไม่ทำอะไรแปลกๆ กับพี่ธารใช่ไหมครับ” ไคล์กอดแขนเรียวธารทันทีหันไปทำหน้าบึ้งแก้มพองใส่ไฮด์ที่นั่งตรงข้าม
“ถ้าพี่จะทำเราจะทำอะไรพี่ได้” ไฮด์หยักคิ้วกวนๆ ส่งให้
“ผมจะให้พี่ธารนอนด้วยคืนนี้”
“ไม่ได้/ไม่ได้” อัลฟ่าหนุ่มทั้งสองตะโกนลั่นพร้อมกันเรื่องอะไรต้องให้คู่และว่าที่คู่ของเขาไปนอนด้วยกันแล้วพวกเขาต้องนอนคนเดียวกันเล่า
“ฮ่าๆ ๆ ไว้เราหนีเที่ยวกันดีกว่านะครับพี่ธาร” อัลฟ่าสบตากันทันที่ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้สองคนนี่อยู่ด้วยกันเด็ดขาด
แม้มื้ออาหารนั้นจะไม่ได้คุยกับทั้งคุณยายและคุณแม่เท่าไหร่นักพี่ไฮด์ลากพี่ธารกลับทันทีหลังจากร่ำลาไม่รู้ว่าจะรีบกลับไปไหนกลัวว่าเขาจะรั้งพี่ธารไว้สินะ หึ คนขี้หวง ตอนนี้อยู่เขาอยู่ในห้องของโนเอลห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ จนผมอยากจะอยู่ในห้องนี้ทั้งวันเลย
“ไคล์ไปอาบน้ำก่อน”
“งือ..นอนเลยไม่ได้เหรอครับ” เพราะบนเตียงนุ่มหลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นของโนเอลไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้ติดกลิ่นของคู่ตัวเองนัก ติดมากขนาดที่ลุงหมอยังแปลกใจที่ติดกลิ่นเหมือนจะสร้างรังอยู่ตลอดเวลาและผมก็ไม่รู้ตัวเพราะไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งตอนนี้รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นของโนเอลยิ่งทำให้ผมอยากจะซุกตลอดเวลา
“ไม่ได้เด็กดื้อลุกเร็วครับ พี่เปิดน้ำไว้ให้แล้ว” ยิ่งร่างสูงขึ้นเตียงมาแงะผมออกจากเตียงผมยิ่งมุดลงใต้ผ้าห่ม มันเหมือนการเล่นกันเสียมากกว่าจะจริงจัง
“ฮ่าๆ ๆ พอแล้วครับ ผมยอมแล้ว” สุดท้ายผมก็แพ้เมื่อพี่โนเอลสอดมือเข้ามาใต้ผ้าห่มจิ้เอวเขาเบาๆ แต่เพราะตั้งแต่ท้องมาผมกลายเป็นคนอ่อนไหวและเหมือนเจ้าตัวแสบจะจั๊กจี้ตามดิ้นแรงมาก
“พี่ครับเจ้าตัวแสบดิ้นแรงมากเลยครับ” ผมจับมือใหญ่มาทาบที่หน้าท้องพอเจ้าตัวแสบรู้ว่าพ่อมาจับยิ่งดิ้นหนักขึ้นไปอีก
“ไม่รู้ว่าคุณแม่หรือลูกจะดื้อกว่ากัน ไปอาบน้ำกันครับ” เพราะมัวว่าสนใจกับเจ้าตัวแสบดิ้นเลยไม่ทันฟังกับประโยคลงท้ายพอมาเข้าห้องน้ำมาผมถึงได้รู้ว่าคำพูดนั้นคืออะไร
“ฮืออ ผมถอดเอง”
“อ๊ะ...อย่า..อือ..ลูบ”
“ไคล์..ที่รัก”
+++++++++++++++
ให้ตายเถอะไม่น่าตามใจคนเอาแต่ใจนั่นเลยแม้จะไม่ได้ถึงขั้นกว่านั้นเพราะหมอห้ามแต่มันก็ชวนน่าอาย ทั้งมือหนาที่ลูบไล้ตามเนื้อตัว ทั้งที่ผมช่วยทำ...อะไรๆ แบบนั้นอีก อ๊า จะไปคิดถึงทำไมเนี้ย แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ในหัวก็ยังรีรันภาพในห้องน้ำมาตลอด
“วันนี้พี่ต้องเข้าประชุมทั้งวัน” จู่ๆ พี่โนเอลก็พูดขึ้นตอนที่ผมกำลังผูกไทให้
“เดี๋ยวผมกลับบ้านนะครับ” เพราะที่นี่เป็นบ้านของโนเอลจะให้ผมอยู่ทั้งวันผมก็รู้สึกแปลกๆ
“ที่นี่ก็บ้านเรา อยู่ที่นี่มีคนดูแลพี่จะได้วางใจ” แม้อยากจะค้านแต่ก็พยักหน้า เพราะไม่อยากให้พี่โนเอลคอยระแวงกับผมเพราะพี่โนเอลเป็นห่วง
“ครับ แต่ผม..” เพราะยังดูแปลกที่ผมเลยกังวลนิดหน่อย
“ที่นี่ก็เป็นบ้านของเรา ไม่ต้องกลัว”
“ครับ ผมจะเชื่อพี่”
“เด็กดี” มืออุ่นยกขึ้นลูบแก้มผมเบาๆ พร้อมกับคำพูดนี้ อ่าแย่แล้วหัวใจผมเต้นแรงมากเลย ยังไม่พอยังหอมแมผมทั้งสองข้าง “เป็นเด็กดีกับแม่ด้วยนะเจ้าตัวแสบ” แล้วค่อยไปทำงาน ปล่อยให้ผมยืนเขินอยู่กลางห้อง
“คนบ้า” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่เรียวปากบางก็ระบายยิ้มกว้างหุบยิ้มไม่ลงจริงๆ หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็คิดว่าจะลงไปนั่งเล่นข้างล่างในมือมีตระกล้าผ้าที่คิดไว้จะเอามาทำเป็นผ้ากันเปื้อนให้เจ้าตัวแสบ แต่ก่อนที่จะได้ลงบันไดแม่บ้านก็รีบเดินเข้ามาหาดึงตระกล้าไปถือส่วนอีกคนก็มาประคองผม
“เอ่อ..เดี๋ยวผมถือเองก็ได้ครับ” ผมไม่รั้นเดินลงบันไดไปเองแต่ก็เกรงใจที่แม่บ้านอีกคนถือตระกล้าอุปกรณ์ของตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะค่อยๆ เดินลงนะคะ” ผมค่อยๆ เดินลงบันไดออกไปนั่งที่สวนเพราะคุณแม่บ้านแนะนำให้ไปและก็ดีแล้วที่เชื่อคุณแม่บ้านที่สวนมันดีมากๆ เลย คุณแม่บ้านปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวแต่ผมก็รู้ว่าคงจะคอยดูแลอยู่ห่างไม่นานก็มีขนมกับน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้ผมต้องรีบลุกขึ้นขอบคุณ ผมนั่งตัดผ้าเพื่อทำผ้ากันเปื้อนไปเรื่อยๆ ถามว่าผมรู้วิธีทำได้ยังไงนะเหรอครับ พอรู้ว่าเป็นโอเมก้าแม่ก็สอนงานบ้านงานเรือนผมทุกอย่างผมเลยทำได้หมด
“หนูไคล์”
“คะ..ครับคุณแม่” ผมรีบวางกรรไกรแล้วลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างระหงของคุณแม่ กำลังเดินเข้ามาในสวน คุณแม่เดินเข้ามานั่งโดยมาคุณแม่บ้านประคองมา
“กำลังทำอะไรอยู่” น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนิทสนมทำให้ผมรู้สึกเกร็ง
“กำลังเย็บผ้ากันเปื้อนครับ” นัยน์ตาสีฟ้าโศกเหลือบมองผ้าที่ตัดไว้แล้วถอนหายใจ ท่าทางเหม่อลอยและเศร้าโศกจนรู้สึกอึดอัด
“หากว่าโนเอลไม่ยอมรับหนู แม่คงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต การเป็นโอเมก้าก็แย่แล้วแต่สิ่งที่โอเมก้าหวาดกลัวที่สุดคือการถูกทอดทิ้ง” คุณแม่เว้นวรรคไปชั่วครู่ท่าทางเหมือนจมอยู่ในความทรงจำ ใช่สิ่งพูดมามันเป็นสิ่งที่เขากลัว โอเมก้าเมื่อถูกกัดแล้วชีวิตก็ผูกติดกับคู่ชีวิตจากที่อ่อนแอยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม ทั้งร่างกายและจิตใจ “ทั้งแม่และยายต่างเป็นโอเมก้าที่ถูกทอดทิ้ง” สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมตกใจเพราะไม่คิดว่าท่านประธานผู้กุมอำนาจบริษัทมากมายในเครือและธุรกิจต่างๆ เป็นโอเมก้า
“ทั้งแม่และยายต่างเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง แม่ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนยายชีวิตตอนนั้นมันน่ากลัวมาก” เพราะเห็นท่าทางเศร้าๆ ของคุณแม่เลยขยับเข้าไปชิดแล้วกุมมือผอมเรียวไว้
“พ่อของโนเอลเขาเป็นอัลฟ่าที่ดูดีเชียวล่ะจ๊ะ ครั้งแรกที่เจอกันแม่ก็รู้เลยว่าคนคนนี้คือคนที่แม่จะฝากทั้งชีวิต แรกๆ มันเหมือนดีทุกอย่าง.....เหมือนฝันเลยล่ะ แต่สุดท้ายก็ต้องตื่นจากฝันเพราะเขาไม่คิดจะจริงจังแม้จะเกิดการกัดแล้วแต่เขาก็ทิ้งแม่ไป โชคดีที่โนเอลเกิดมาอย่างปลอดภัยแต่มันก็แลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง” ผมไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวของโนเอลจะเจอเรื่องราวแบบนี้ การให้กำเนิดลูกโดยไม่มีอัลฟ่าคู่มันน่ากลัวขนาดไหนผมเข้าใจดี ผมลูบมือคุณแม่เบาๆ เพราะตอนนี้คุณแม่ร้องไห้ถ้าหากโนเอลไม่ยอมรับตัวผมแล้วล่ะก็ผมก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วครับคุณแม่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ”
“จ๊ะ” ดวงตาสีฟ้าหม่นดูจะทอประกายจ้าขึ้นมาเพียงชั่วครู่หนึ่งแล้วหันมาถามเรื่องเจ้าตัวแสบผมเลยถามเรื่องที่โนเอลไม่เคยพูด
“ตอนพี่โนเอลเกิดเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตัวโตทีเดียวล่ะ ได้พ่อเขามาทุกอย่างยกเว้นดวงตาที่ได้จากทางแม่ ตอนเกิดไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้งจนแม่แปลกใจรู้ไหมนิสัยเขาเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลยล่ะ” แสดงว่าเป็นคนนิสัยแบบนี้ตั้งแต่เด็กสินะ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เล่าเรื่องวีรกรรมแสบๆ ของโนเอลให้ผมฟังหลายเรื่องผมก็ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะทำ
อย่างเช่นการเข้าครัวครั้งแรกและครั้งเดียว เพราะทำครัวไฟไหม้
การโดนพี่ไฮด์แกล้งโดยปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้ข้ามคืน (อันนี้คุณแม่บอกเป็นการเอาคืนของพี่ไฮด์ที่โดนขังในห้องใต้หลังคา)
“เผาอะไรผมอยู่ครับ” ผมไม่แปลกใจที่พี่โนเอลมายืนอยู่ด้านหลังเพราะได้กลิ่นมาตั้งนานแล้ว มีเพียงคุณแม่ที่ดูจะตกใจแล้วก็หันมาค้อนผม
“ทำไมกลับมาเร็วครับ” เพราะตอนนี้มันแค่ตอนบ่ายเอง หันไปถามพี่โนเอลที่เดินมานั่งข้างๆ แล้วโอบผมเอวผมรั้งให้เข้าไปใกล้ อย่าบอกนะว่าหวงกระทั่งคุณแม่ซึ่งผมก็เดาไม่ผิด
“พี่เป็นห่วงแล้วคุยอะไรอยู่ครับ”
“คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ พี่เป็นยังไง”
“คิกๆ แม่ไม่กวนแล้วจ๊ะ แม่ขึ้นไปพักก่อนนะ”
“ครับ” คุณแม่ลุกขึ้นพอดีคุณแม่บ้านก็เดินมาพยุงเดินเข้าบ้าน พออยู่กันสองคนผมก็ขยับเข้าไปพิงร่างสูงเต็มตัวอย่างที่ชอบทำ
“ทำงานเหนื่อยไหมครับ”
“หึๆ ไม่เหนื่อยหรอกแต่น่ารำคาญ” น้ำเสียงทุ้มเจืออารมณ์หงุดหงิดคงจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับการประชุมวันนี้ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะขยับลำบากเพราะท้องนูนแต่ผมก็โอบแขนรอบเอวหนาลูบแผ่นหลังกว้างๆ นั่นเบาๆ
“ไม่หงุดหงิดนะครับแดดดี้”
“ไม่หงุดหงิดแล้วเด็กดี พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา” ผมขยับมานั่งดีๆ รอฟังว่าพี่โนเอลจะพูดอะไร “ย้ายมาอยู่ที่เถอะนะ”
“แล้วบ้านผมล่ะ”
“ให้ไฮด์กับธารอยู่ก็ได้ พี่ไม่อยากให้เราอยู่บ้านคนเดียว อยู่นี่พี่ก็ยังวางใจเพราะมีคนอยู่ด้วย” แม้จะห่วงบ้านแต่ถ้ามีพี่โนเอลกับลูกที่ไหนก็คือบ้านของผมจริงอย่างที่พี่บอกอยู่ที่นี่จะสะดวกหลายๆ อย่าง
“ครับ ผมจะอยู่ที่นี่”
“เด็กดี” มือหนายกขึ้นลูบผมเบาๆ พี่โนเอลโอบเอวให้นั่งพิงมือยาวเอื้อมไปหยิบตระกล้ามาวางตรงหน้าให้ผมทำงานเย็บผ้ากันเปื้อนต่อบรรยากาศเงียบสงบนาน จนผมเย็บผ้ากันเปื้อนได้สามสี่ผืนถึงได้หยุดเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ ที่นั่งไถมือถือ
“น่ารักไหมครับ”
“หึๆ เข้าบ้านกันดีกว่า” ผมยู่ปากขัดใจแต่คนที่เป็นเบาะก็ยังไม่สนใจพยุงผมเดินเข้าบ้านส่วนข้าวของก็มีแม่บ้านมาเก็บเข้าไปให้
“เจ้าแสบดื้อหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ..พี่โนเอลวันนี้ลูกไม่ดิ้น!!” ผมกำต้นแขนแน่นแกร่งแน่นเพราะมัวคุยและจดจ่อกับเรื่องร่างสูงทำให้เขาละเลยลูก
“ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวพี่ให้ลุงหมอมาตรวจ....โทรหาลุงหมอ...ขึ้นไปรอลุงหมอด้านบนเถอะ” ผมรู้สึกกลัวถ้าผมสังเกตคงรู้ได้เร็วกว่านี้เอนหลังนอนบนเตียงโดยมีร่างสูงนั่งกุมมืออยู่ไม่ห่างไม่นานลุงหมอก็เดินเข้ามาพร้อมกับนางพยาบาลกับเครื่องมือ
“ลุงหมอครับลูกผม” ผมแทบจะร้องไห้เมื่อคิดว่าลูกจะเป็นอะไร
“ไม่ต้องกังวลให้ลุงดูก่อนนะ” ลุงหมอนั่งลงข้างๆ เลิกเสื้อขึ้นพยาบาลก็ส่งสายรัดสีดำพร้อมกับเครื่องมือลุงหมอทาเจลลงที่หน้าท้องแล้ววางเครื่องอัลตราซาวด์ขนาดเล็กลงพร้อมกับเครื่องรัดที่วัดจังหวะการเต้นของเจ้าตัวแสบ
“ดูท่าเจ้าหลานตัวแสบจะขี้เซานะ ทุกอย่างปกติดีเหมือนว่าจะหลับวันนี้ไม่ดิ้นเลยเหรอ”
“ไม่เลยครับลุงหมอ”
“อืม ไม่เป็นไรหลานแค่ขี้เซาไปหน่อย”
“ครับ” พอได้ยินคำยืนยันจากลุงหมอผมก็ค่อยวางใจก่อนที่พี่โนเอลจะออกไปส่งลุงหมอ ผมลูบที่ท้องเบาๆ
“อย่าขี้เซานักสิตัวแสบ” แม้จะมีรอยยิ้มแต่ความรู้สึกกังวลที่ยังอยู่มันคืออะไรกัน
+++++++++++++++++++++++
นอกประตูบานหนาไม่ได้มีรอยยิ้มบนใบหน้ามีเพียงสีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มสองวัย สิ่งที่บอกคนท้องนั้นไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด
“เกิดอะไรขึ้นครับลุงหมอ”
“ลุงอยากให้เราสังเกตท้องของไคล์ด้วยนะ ลุงให้ยาทานแล้วถ้าเจ้าตัวเล็กยังไม่ดิ้นให้เรียกลุงทันทีคืนนี้ลุงจะพักที่นี่”
“มันร้ายแรงมากเหรอครับ” เมื่อได้ยินความจริงโนเอลรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบแทบถล่มถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกและไคล์เขาคง..ทนไม่ไหว
“ลุงก็คิดไว้แล้วว่าไคล์จะมีอาการแบบนี้ เพราะตอนความเครียดและตอนตั้งท้องแรกๆ ก็มีอาการเสี่ยงแล้ว แต่อาการของน้องยังดีกว่าอาการของแม่เราตอนท้อง เข้าไปอยู่กับน้องดีกว่านะ อย่าพึ่งทำให้น้องเครียดนะ” ลุงหมอเดินจากไปแล้ว เหลือเพียงร่างสูงที่ต้องปรับสีหน้าจะทำให้คนท้องคิดมากไม่ได้
++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดฉับ
ฮ่าๆๆ ช่วงนี้ก็จะเอื่อยๆหน่อยนะคะ น้องจะน่ารักไปไหน บีบน้อง
จริงๆว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวานแต่มีเหตุการณ์ให้เฟลเลยเขียนต่อจนจบตอนไม่ได้
อ่านแล้วเป็นอย่างไรอย่าลืมบอกกันนะ
กดถูกใจ ติดตามให้เราด้วยเน้อออออ
ขอบคุณค่ะ
sailom_orn ฮ่าๆๆ ตระกูลนี้จะล่มไหม
tasteurr ตอนนี้แค่เอ็นดูเฉยๆค่ะ
miikii คุณแม่เราน่าสงสารค่ะ
หลานเทียน อีกหน่อยเลขาคงยึดตำแหน่งแล้วค่ะ
mild-dy
azure ขึ้นชื่อว่าแม่สามีก็นะคะ