บทที่ 4
“ทำไมมึงแข็ง?”
คำถามนั้นเขย่าหัวใจของผมอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งแช่แข็งทุกส่วนของร่างกายให้ไม่อาจขยับหนี
ผมยืนนิ่งและกลั้นลมหายใจ ช่วงท้องยังมีฝ่ามืออุ่นร้อนทาบทับลงมา หลังจากนั้นเขื่อนก็ค่อยๆ สอดแขนซ้ายเข้าโอบรอบบั้นเอวของผมแล้วดึงกระชับให้ร่างกายของเราสองคนแนบชิดกัน
“มึงมีอารมณ์กับกูเหรอ?” เสียงทุ้มนั้นกระซิบถามชิดใบหู
ไอร้อนจากลมหายใจถูกพรูเข้าใส่ด้วยความตั้งใจ ผมตัวแข็งตรง เส้นขนบริเวณหลังคอพร้อมใจกันลุกชันพร้อมกับอาการเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปตามกระดูกไขสันหลัง เส้นไหมสีดำยาวสลวยตกระลงมาคลอเคลียที่หัวไหล่และลำคอของผมเมื่อเขื่อนโน้มหน้าเข้ามาหา
ผมไม่ได้ตอบคำถามเลยสักคำ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะกล้าพูดออกไปได้ ในเมื่อส่วนที่อยู่กลางกายยังดุนดันให้เกิดความอึดอัดจนนึกอยากสอดมือเข้าไปจัดที่จัดทางให้เรียบร้อย
ไม่อาจยอมรับได้เลยว่าเผลอมีอารมณ์กับริมเขื่อนไปจริงๆ
“ไผ่...” เสียงแหบพร่านั้นเรียกร้องให้ผมตอบคำถามของเขาอีกครั้ง พร้อมกับริมฝีปากชื้นที่กดเข้ามาตรงกกหู
ผมสะดุ้งได้สติ จึงได้ออกแรงดิ้นรนหมายจะพาตัวเองออกมาจากพันธนาการแสนอันตราย
“เขื่อน ปล่อยกู กูจะไปกินน้ำ”
“มึงหิวน้ำจริงๆ เหรอ”
“เออสิวะ” ผมขึ้นเสียงและออกแรงผลักแขนที่โอบเอวอยู่สุดแรง และมันได้ผลเมื่อเขื่อนยอมจำนน เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นราวกับผู้ร้ายที่ถูกตำรวจจ่อปืนใส่ ผมเลยได้โอกาสขยับขาพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำนั้นทันที ไม่แม้จะกันกลับไปมองหน้าของใครอีกคนสักนิด
รู้แค่ว่าต้องออกจากที่ตรงนี้เดี๋ยวนี้!
“เฮ้ออ” ผมพ้นลมหายใจระหว่างที่เดินไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินใส่แก้วแล้วกระดกลงคออักๆ ซัดไปทั้งหมดสามแก้วก็เริ่มรู้สึกร่างกายเย็นลง อะไรๆ มันก็สงบกลับไปแล้ว
ผมทิ้งสายตาไปที่ประตูห้องนอนของเขื่อน แอบเบ้ปากเพราะเริ่มไม่อยากกลับเข้าไปแล้ว คิดว่าภาพที่ได้มาร้อยกว่ารูปนี้ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ
คงถึงเวลาต้องกลับบ้านสักที
ผมล้างแก้วแล้วเอาคว่ำไว้ที่ข้างซิงค์อยากเรียบร้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าสุดปอดแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายแบบนั้นอีกครั้ง
“เขื่อน กูว่าพอแค่นี้แหละ...ว่ะ”
ผมไม่ได้สามารถพูดจบประโยคได้เลย เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วมองเห็นภาพตรงหน้าเต็มๆ ตา
ภาพของผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่นั่งเอนหลังพิงหมอนอยู่บนเตียง เส้นผมยาวที่เปียกชื้นยังถูกปล่อยสยายแม้มีบางช่วงเริ่มจับกันเป็นก้อน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อพร้อมกับริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยจนเห็นฟันกระต่ายเล็กๆ โผล่พ้นออกมา ดวงตาปรือปรอยฉ่ำไปด้วยน้ำตาสีใส พร้อมกับเรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว
ริมเขื่อนสวมเพียงอันเดอร์แวร์สีดำสนิทที่แนบกับตัวจนเห็นส่วนโค้งเว้าชัดเจน มือเรียวสวยแต่ยังคงมองออกว่าเป็นมือผู้ชายกำลังลูบไล้ไปตามร่างกายตัวเองอย่างแช่มช้า
ปลายนิ้วชี้บนขยี้แผ่นอกให้ขึ้นรอยแดง ขาขวาก็ยกขึ้นชันเข่าเผยสัดส่วนที่นูนเด่นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตา สะโพกแกร่งขยับเล็กน้อยสอดประสานกับแรงเคลื่อนของข้อมือที่ลูบวนอยู่ด้านล่าง และเมื่อดวงตาสีนิลหันมาเห็นผม เขาก็กัดริมฝีปากยั่วหนึ่งที่แล้วส่งเสียงเครือครางในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน
“กู กู...” ผมหาเสียงตัวเองไม่เจอ เลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างน่าสมเพช
“ไผ่ ถ่ายสิ แค่หน้านะ” เขื่อนร้องเรียกผมด้วยเสียงที่ยังแหบพร่าและทุ้มต่ำ
“คือกู-” และก็เป็นผมเองที่ยังตั้งสติไม่ได้ จึงทำได้แค่ร้องอืมเอ่อไปเรื่อย จนคนบนเตียงยกนิ้วชี้กระดิกเรียกพร้อมส่งสายตาเชิญชวน
“มาถ่ายสิไผ่”
เหมือนมีมนต์สะกด เหมือนมีแรงดึงดูดจากหลุมขนาดใหญ่ที่กระชากร่างผมให้เดินเข้าหาโดยไม่อาจต้านทาน
ผมไม่รู้ว่าพาตัวเองมายืนข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายืนสบตาดวงตาสีดำสนิทที่เยิ้มไปด้วยอารมณ์ปรารถนานั้นนานแค่ไหนแล้ว กล้องที่คล้องคออยู่ถูกยกขึ้นมาช้าๆ แม้ว่าสายตาของผมจะยังจับจ้องใบหน้าสวยที่กำลังคลี่ยิ้มยวนใจ ดั่งปีศาจสาวแสนร้ายกาจที่หมายหลอกล่อให้ผมเข้าไปติดกับดัก
ผมแนบรูกล้องไว้ที่ดวงตา มองความงดงามตรงหน้าผ่านเลนส์กล้อง แม้จะถ่ายโคลสอัพแต่ผิวที่เรียบเนียนของเขื่อนก็ยังรับกับแสงไฟที่ตกกระทบลงมาเป็นอย่างดี
ผมกดชัตเตอร์ด้วยปลายนิ้วสั่นระริก
กดมันอีกครั้งเพราะหัวใจเต้นระรัวจนไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้
และกดมันเป็นครั้งที่สามเพราะดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมามองกล้อง พร้อมกับฟันขาวที่กัดลงบนริมฝีปากล่างอีกครั้ง
หลังจากนั้นผมก็วางกล้องไว้บนโต๊ะข้างเตียง ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ถูกเตะไปกองไว้ปลายเท้าขึ้นมาตลบคลุมคนที่ยังไม่หยุดไล้ผิวกายตัวเองเล่น เขื่อนร้องลั่นด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาถูกคลุมทับปิดความสวยหยาดเยิ้มที่กำลังเป็นพิษร้ายแก่ตัวผม ในขณะที่ผมนั้นรีบลุกขึ้นจากเตียง หมายจะหนีออกไปสงยสติอารมณ์ที่ไหนสักที่ที่ห่างไกลจากคนช่างยั่วอย่างริมเขื่อนให้มากที่สุด
หมับ!
“จะไปไหน” คนที่ควรจะยังอยู่ใต้ผ้าห่มกลับพุ่งเข้ามาคว้าแขนผมที่กำลังจะหมุนลูกบิดประตูห้องนอน เขื่อนออกแรงกระชากอย่างแรงจนผมปลิวเข้าสู้อ้อมแขนแกร่ง จากนั้นทุกอย่างก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อผมถูกดันเข้าชิดผนังแล้วจับพลิกตัวให้หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย
“มึงจะไปไหน” เขื่อนถาม
“ปล่อย” ผมบอก เบนสายตาเลี่ยงสบกับดวงตาที่ยังมีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มเบ้า
“ไผ่ มองหน้ากูหน่อย”
“ไม่ ปล่อยกู”
“มองหน้ากูหน่อยครับ” เขื่อนพยายามจับปลายคางผมให้หันกลับมา แต่ผมก็ขืนหน้าเอาไว้อย่างสุดแรงจนกล้ามเนื้อที่คอขึ้นรอยนูนชัด
“เขื่อน กูจะกลับบ้านแล้ว”
“เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่มองหน้ากันงี้คือไม่เป็นอะไร?”
“...” ผมเงียบ เม้มปากเข้าหากันเพราะไม่สามารถสรรหาคาเถียงได้
เขื่อนขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนสันจมูกแตะลงที่โหนกแก้มของผม เขาเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิดจนผมแทบจะสิงเข้าไปในผนังห้องอยู่แล้ว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กับไอร้อนจากตัวอีกฝ่ายส่งผลให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากหลุดพ้นออกไปจากตรงนี้สักที แต่เพราะสู้แรงเขื่อนไม่ไหว เลยยังตกอยู่ในพันธนาการของร่างกายสูงใหญ่ที่ปิดทุกทางออกไว้ด้วยท่อนแขนแกร่ง
“มึงจะออกไปทั้งอย่างนี้เหรอ” เขื่อนกระซิบตอนที่แนบริมฝีปากลงมาบนแก้ม ผมผลักอกเขาอย่างแรง แม้มันจะทำให้เขาขยับเล็กน้อยแต่เขื่อนก็รีบเคลื่อนกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมภายในเสี้ยววิ ผลสุกท้ายคือผมก็ยังถูกจับกุมไว้ในท่าเดิม แขนสองข้างโดนรวบด้วยมือข้างเดียว พร้อมกับท่าทางคุกคามที่มากขึ้นทุกที
เขื่อนใช้เข่าข้างขวาของตัวเองบดเข้ามาที่เป้ากางเกงของผม!
“ไอ้เขื่อน!” ผมร้องลั่น เริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่ทุกการขยับก็ทำให้เกิดการบดเบียดที่รุนแรงขึ้น
มันไม่ได้ทำให้เจ็บเพราะเขื่อนรู้ว่าจะยั้งขาตัวเองยังไงตอนผมดิ้น ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ดีว่าต้องลงแรงไปตรงจุดไหน ร่างกายผมจะได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่เขาต้องการ
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเพราะอะไรทำไมสถาณการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น
เข่าของคนตัวสูงยังเสียดสีอย่างต่อเนื่องไม่หยุด พร้อมทั้งริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนจูบอยู่ที่ข้างแก้มด้านขวา เอวของผมถูกท่อนแขนแกร่งโอบเอาไว้รอบ รั้งกายให้เราสองคนแนบกันสนิท
และในตอนท้าย ริมฝีปากนั้นก็บดจูบเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว!
“อื้อ”
ผมร้องครางประท้วงในลำคอ เบี่ยงหน้าหนีแต่เขื่อนก็ยังตามมาฉกจูบไปได้ทันท่วงที เขาคว้าคางของผมไว้ บีบลงที่แก้มเพื่อกดกรามทั้งบนล่างให้แยกออกจากกัน ผมเผยอปากตามแรงบังคับ ส่งผลให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นของผมเล่นอย่างย่ามใจ
“อื้อ อื้ออ!!” ผมต้านทานสุดแรงเกิด แต่ช่วงล่างที่ยังถูกเสียดสีอยู่นั้นกลับดูดเรี่ยวแรงผมให้หายไปกว่าครึ่ง ผมตัวอ่อนปวกเปียก ยินยอมรับจูบร้อนแรงนั้นเมื่อฝ่ามือหนาเริ่มรุกรานเข้ามาที่ตัวตนกลางกาย
เพราะมันไม่เคยถูกสัมผัสโดยบุคคลอื่น เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแตะลงมา ร่างทั้งร่างของผมก็กระตุกเกร็งด้วยความตกใจ ก่อนที่มันจะสั่นระริกและอ่อนยวบยามที่เขื่อนแทรกมือเข้าไปในขอบกางเกงแล้วรั้งเจ้าตัวเล็กด้านในให้ตั้งตรงตามความยาวของมัน
“ขะ เขื่อน ไม่เอา” ผมร้องบอกตอนที่จูบร้อนผละออกไป เสียงมันตะกุกตะกักเพราะผมยังหอบแฮก
“ไผ่” เขื่อนผละจูบออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ขยับหน้าออกห่าง ทำให้ทุกๆ การพูดริมฝีปากของเราเสียดสีกับไปมา ผมตาปรือปรอย พยายามเพ่งมองผ่านม่านน้ำตาที่คลอจนแทบล้นออกจากเบ้า ไม่ต่างจากแพขนตายาวของคนตรงหน้าที่ก็ชื้นฉ่ำ ริมฝีปากของเขื่อนบวมเจอจากแรงบดขยี้ มันเผยอขึ้นแม้ไม่ได้ตั้งใจ ผมมองลิ้นเล็กสีแดงที่ค่อยๆ แลบออกมาเลียขอบปาก มองจมูกโด่งสวยที่คลอเคลียผิวแก้มของผม
“ให้กูช่วย” คนตัวสูงกระซิบเสียงแผ่ว ข้อมือแกร่งก็ขยับรูดรั้งสิ่งในมือนั้นเป็นจังหวะ
ขาของผมสั่น ทุกการขยับส่งผลให้ร่างกายผมกระตุกริกๆ ผมกลั้นลมหายใจอีกครั้งจากความกระสันที่สาดเข้าโครมใหญ่ เผลอซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวแล้วโอบแขนรอบลำตัวหนา
เขื่อนหายใจแรงขึ้น ได้ยินเสียงกัดกรามดังกรอดแว่วมาเบาๆ ผมไม่รู้เป็นเพราะอะไรเพราะมัวแต่สะท้านเสียวกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ มันให้ความรู้สึกดีกว่าทำด้วยตัวเองประมาณสิบเท่า ผมที่มีแม่นางทั้งห้าเป็นภรรยามาโดยตลอดถึงกับไม่อาจยืนอยู่บนขาตัวเองได้อีกต่อไป
ร่างของผมล่วงไปกองที่พื้น แม้จะมีอ้อมแขนแกร่งช่วยรั้งแต่เขื่อนก็ไม่สามารถสู้น้ำหนักของผมได้ ผลคือเราทั้งคู่ทรุดนั่งในท่าประหลาดๆ ผมชันเข่าทั้งสองข้าง เอนหลังพิงหนังและยังโอบกอดร่างกายได้รูปของคนตรงหน้าไว้แน่น ปากก็ขบกัดหัวไหล่ขาวจนขึ้นรอยฟัน น้ำลายสีใสไหลเปื้อนเล็กๆ จนผิวหนังบริเวณนั้นแวววาว ฝ่ามือของเขื่อนยังไม่ปล่อยออกจากตัวตนของผม เขาคุกเข่า ขยับท่าให้พวกเราแนบชิดกันอย่างถนัดถนี่ พร้อมกับเริ่มตอกมือด้วยความรุนแรงและระรัวเร็วมากกว่าเก่า
“ยะ อย่า อ๊ะ” สะโพกของผมลอยเหนือจากพื้น ทั้งพยายามหดตัวหนีความรู้สึกที่มากจนเกินรับไหว แต่เขื่อนกลับไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาป้อนจูบให้ผมอีกครั้ง มัวเมาผมด้วยเรียวลิ้นเล็กกับดวงตาคู่สวยที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์
ผมไม่ได้หลับตาตอนได้รับจูบดูดดื่ม อีกฝ่ายก็เหมือนกัน เราต่างสบดวงตาที่สื่อความต้องการอยู่เนิ่นนาน ขยับผิวปากเคลื่อนไปมาตอบสนองสัมผัส ผมจ้องเข้าไปในแก้วตาสีดำสนิท ก่อนที่ทัศนียภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนเมื่อก้อนอารมณ์ม้วนตัวกันกระจุกอยู่ที่ส่วนปลาย
“ขะ เขื่อน เขื่อน อื้อ!” ผมเกี่ยวแผ่นหลังเนียนละเอียดนั้นไว้แน่น จิกนิ้วทั้งห้าลงไปในจังหวะที่ร่างกายกระตุกเกร็ง ช่วงล่างเปรอะเปื้อนจากของเหลวบางอย่างจนเหนอะหนะ กลิ่นคาวของมันลอยอบอวลทั่วห้อง แต่เขื่อนก็ยังไม่ยอมหยุดขยับมือ เขาปาดสิ่งนั้นจนทั่วตัวตนของผม ขยับรูดรั้งจนเกิดสัมผัสประหลาดขึ้น
ผมครางฮือ มุดหน้าลงซูดกลิ่นกายหอมที่ซอกคอของเขาอีกครั้ง ในขณะที่เขื่อนเองก็เบียดกายเข้ามายิ่งกว่าเก่า เขาพ่นลมหายใจใส่รูหูของผม ใช้ลิ้นเล็กๆ สะกิดติ่งเนื้อเบาๆ แล้วครอบฟันขบเม้มอย่างกลั่นแกล้ง
“ไผ่ครับ”
“ฮ้า ฮ้า”
“ช่วยกูด้วย”
“ไม่เอา!” ผมได้สติทันทีที่ได้ยินคำขอร้องนั้น ผ่ามือที่โอบกอดเขื่อนเปลี่ยนเป็นผลักอกเขาอย่างแรง อีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัวก็กระเด็นออกไปประมาณหนึ่ง
ผมรีบหุบขา เก็บซ่อนความหน้าอายเอาไว้พร้อมกับแกล้งตีสีหน้าโกรธเคืองปิดกั้นความเขินอาย
แม่ง นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!
ผมอยากสบถ อยากกรีดร้องออกมาเมื่อจำได้ทุกอย่างว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาจนแทบทอดไข่ดาวสุก ไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิดแม้ว่าเสื้อผ้าขะยังกองอยู่ที่ข้อเท้าไม่ได้หลุดไปไหน
ไอ้เขื่อนทำบ้าอะไรของมันวะ
ผมอยากถาม แต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังขยับเข้ามาใกล้
“ออกไป ไอ้เขื่อน อย่ามาใกล้กู”
“ไผ่”
“ไอ้เหี้ย กูบอกให้ถอยออกไป” ผมแหกปาก ยกตีนขึ้นถีบอกคนที่คลานเข่าเข้ามาหา แต่อีกฝ่ายกลับจับข้อเท้าของผมไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ปลายนิ้วพร้อมช้อนตาขึ้นมองกันอย่างอ้อนวอน
“กูขอโทษ” เขื่อนบอกเสียงหวาน แถมยังจุมพิตซ้ำๆ ลงที่ฝ่าเท้า
มึงทำอะไรไอ้หมีควาย!
ผมชักเท้าหนี ส่งผลให้เขื่อนสามารถคลานเข้ามาใกล้ได้ในที่สุด เขาพยายามขยับหน้าหามุมสบตากับผม ในขณะที่ผมก็หลบเลี่ยงสุดความสามารถ
“ไผ่ ช่วยกูหน่อย”
“ไปตายที่ไหนก็ไป!”
“ไผ่ครับ”
แม่งๆๆๆๆๆ
ทำไมต้องมาทำสีหน้าออดอ้อนวะ
ทำไมต้องช้อนตามองแล้วกระพริบตาช้าๆ พร้อมกับหลุบตาลงบ้างเหมือนตัดพ้อต่อว่า
แล้วไอ้ริมฝีปากสีแดงก่ำที่บวมเจ่อชวนให้เข้าไปย่ำยีนั่นอีก
ผมกัดปากตัวเอง หันหน้าหนีภาพยั่วยวนตรงหน้า เจ้าของใบหน้าสวยที่ยังอยู่ในท่าคลานเข่า กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการมากมาย ผิวกายขาวแดงระเรื่อพอๆ กับแก้มเนียน
ผมเกลียดที่ตัวเองดันมีอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว ชิบหาย!
“มึง กูไม่ไหวแล้ว” ไผ่บอกเสียงเบา เขาพลิกตัวกลับมานั่งชันเข่าท่าเดียวกับผม ก้อนกล้ามเนื้อที่หน้าท้องขึ้นชัดเพราะท่อนบนที่หดตัว กางเกงแนบเนื้อสีดำถูกรั้งลงไปเกาะที่ต้นขา และคนตรงหน้าก็ค่อยๆ สอดมือเข้าไปปรนเปรอส่วนนั้นของตัวเองเบาๆ
ผมไม่ได้มองการกระทำนั้นของเขา เพราะสายตาดันติดอยู่บนใบหน้าที่เริ่มเหยเกจากความเสียวซ่าน หน้าอกขาวกับเม็ดสีชมพูแอ่นสูง เสียงครางผะแผ่วในลำคอ
ผมคิดว่าเขื่อนตั้งใจสบตาและส่งความเว้าวอนปนกระหายอยากมาให้
“อ...อืม ไผ่” เขาครางเรียกชื่อผม อ้าปากตะครุบอากาศพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง
บังเกิดความรู้สึกอยากยำยีคนตรงหน้าขึ้นในจิตใจ
เลือดของชายหนุ่มวัยกลัดมันกำลังพุ่งพล่าน หัวใจของผมเต้นแรง ความรู้สึกกำลังควบคุมสมองทีละนิด จนในที่สุดผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ วางมือลงบนหลังมือที่ขยับขึ้นลงอยู่ที่ตรงนั้น
“เขื่อน” ผมเรียกเขาและจ้องดวงตาหวานฉ่ำไม่ละหนี
คนตัวสูงคลี่ยิ้มบางๆ ยอมถอนมือตัวเองออกมาให้ผมสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขารูดอันเดอร์แวร์ออกทางปลายเท้า ขยับแขนโอบตัวผมให้เลื่อนเข้าไปใกล้
“อย่างนั้น” เขื่อนว่าเสียงสั่นเมื่อผมค่อยๆ ขยี้ปลายยอดพร้อมกอบกุมไว้เต็มกำมือ
ผมมองใบหน้าที่กำลังบิดเบี้ยวมากขึ้นทุกทียามที่มือของผมขยับ เสียงครางฮือฮาพร้อมน้ำตาสีใสทีจับตัวเป็นก้อนกลมที่หัวตา
ผมอยากทำให้สีหน้านั้นบิดเบี้ยวยิ่งกว่านี้
อยากได้ยินเสียงหวานร้องให้ดังมากกว่าเก่า
กรอบหน้าสวยเมื่อแต่งแต้มด้วยอารมณ์ใคร่ยากนั้นกลับดูงามล้ำยิ่งกว่าเก่า ผิวกายขาวแดงระเรื่อตัดกับเส้นไหมสีดำสนิท เมื่อมันคลอเคลียไปกับหัวไหล่และแผ่นอกเนียนละเอียด ก็ยิ่งขับให้ภาพตรงหน้าน่ามองมากยิ่งขึ้น
น้องเขื่อนของผมขยับตัวบิดกาย ยันสะโพกสวนเข้ามารับแรงกระแทกจากข้อมือ ผมรู้สึกถึงไอร้อนระอุจากร่างกายเปลือยเปล่า เห็นดวงตาพราวระยับปรือปรอยน่าเอ็นดู
ถึงแม้ตัวจะหนา กล้ามจะแน่นมากแค่ไหน เขื่อนก็ยังน่ามองในทุกท่วงท่าที่ขยับ
ผมรูดให้แรงขึ้น ขยี้ให้หนักข้อ และซึมซับทุกการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้านั้นด้วยความหฤหรรษ เราจูบกันนัวเนียในตอนที่เขื่อนดึงร่างผมให้ลอยเข้าไปหา อารมณ์ของเขาเคลื่อนมาถึงจุดบนสุดของยอดเขาสูงชัน ก่อนที่จะหล่นกระแทกมาที่ทะเลกว้างจนหยาดน้ำกระเซ็นเปื้อนเลอะเทอะ
เสียงหอบหายใจของเขาดังประสานกับเครื่องปรับอากาศ
เขื่อนยังจูบผมไม่เลิกแม้ทุกอย่างจะจบลงแล้ว ส่วนผมก็ถูกมัวเมาให้เคลิ้มรับความหวานที่แตะละเลียตส่งตรงถึงปลายลิ้น ร่างของผมถูกผลักเอนลงนอนตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ แต่เมื่อความเย็นจากพื้นประเบื้องปะทะเข้ากับแผ่นหลัง ผมก็ลืมตาโพลงด้วยความตกใจในทันที
“อื้อ!” ผมผลักหน้าผากของคนที่หลับตาพริ้มออก กดเข่ากระแทกต้นขาแข็งที่แรกอยู่ตรงหว่างขา
“กูเจ็บ” เขื่อนโอดครวญ แต่ผมไม่สนใจ รีบกระโจนพุ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะกดล็อกกลอนให้แน่นหนา
ผมถูกหน้าสวยๆ นั่นล่อลวง
เขื่อนมันเป็นงูพิษชัดๆ!
แล้วหลังจากนี้ผมจะมองหน้าเพื่อนตัวเองต่อไปยังไง ผมไม่สามารถน้องเขื่อนในฟิลเตอร์ใสซื่อน่าปกป้องได้อีกแล้วใช่ไหม เพราะไอ้เขื่อนร่างยักษ์มันทลายกล่องความทรงจำของผมจนเละเทะไปหมด
“ไผ่ กูอยากอาบน้ำ”
“เรื่องของมึง”
“มึง... มันเหนียว”
แล้วคำพูดมันก็ทำให้ผมก้มลงมองมือตัวเองที่ยังเต็มไปด้วยความเหนอะหนะ
หลังจากนั้นสมองผมก็เตะประตูห้องน้ำดังปัง! ไปหนึ่งทีก่อนจะลากตัวเองไปใต้ฝักบัวแล้วกดสบู่เหลวออกมาหลายปั้มเพื่อชำระไอ้ของเหลวน่าขยะแขยงบนมือทิ้งไปให้หมด
ผมจะไม่มาเหยียบห้องนี้อีกแน่ๆ
ไม่มีวัน!
_____________________
Talk: ไม่ - รอด!!!!!
นังเขื่อนมันเป็นงูพิษ งูพิษที่ผมยาวๆ หน้าสวยๆ ที่รู้ดีกว่าจะใช้ประโยชน์จากหน้าตาตัวเองยังไง
ข่นร้ายกาจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
ขออภัยที่มาช้าค่า แง้ๆๆๆๆ
แนะนำติชมได้เสมอนะคะ ตรงไหนไม่ดี อ่านแล้วขัดหูขัดตา
พร้อมน้อมรับนำไปแก้ไขน้า ขอบคุณค่า รักกกกก