ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ
แม็กซ์เวลเหม่อมองแผ่นกระดานที่ฉายสไลด์เนื้อหาเรียนผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีจุดหมาย จนภูรินที่นั่งข้างๆ ต้องหันมาสะกิดถามว่าไม่สบายหรือเปล่า...ปกติเขาไม่เคยเป็นเด็กไม่ตั้งใจเรียน แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างวนเวียนรบกวนอยู่หัว พยายามขจัดออกไปเท่าไหร่ก็เอาไม่ออก
“ที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช่มิวนิคนิเทศปะ”
“เรื่องผู้ชายล่ะจำแม่นเชียวนะมึงอีแม่”
“อ้าว...ถ้าจำผู้ชายหล่อไม่ได้ก็อย่ามาเรียกชั้นว่าเจนนิษฐ์”
ตรงโต๊ะมุมสุดที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น คุณมิวนิคอาจไม่รู้ว่าวันนั้นเขานั่งอยู่ในร้านด้วย ทีแรกกะว่าจะไปรอใครบางคนที่กองถ่าย แต่เผอิญน้องยูชวนมานั่งชิว เขาเลยถือซะว่าเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว หากสิ่งที่เห็นดันทำเอามนุษย์แว่นถึงกับพูดไม่ออก เป็นคุณมิวนิคและผู้ชายคนนั้นกำลังจับมือกัน
“ขอโทษนะครับที่ไปรับช้า”
“ไม่เป็นไร ให้เราได้รอแม็กซ์บ้าง”
“คุณมิว...รอที่กองตลอดเลยหรือเปล่าครับ?”
“ก็ตลอดนะ”
แม็กซ์เวลเกลียดการโกหก ไม่สิ...เขาเกลียดการโกหกแบบที่จับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่ เพราะมันเสียความรู้สึกเสียยิ่งกว่าการจับโกหกไม่ได้ เป็นการรับรู้คำโกหกทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก
‘คุณกับผู้ชายคนนั้น...มันยังไงกันหรอครับ’
เขาไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่กลืนคำถามทั้งหมดลงท้อง ปล่อยให้การหลับใหลทำหน้าที่คลายความเจ็บแปล้บตรงอวัยวะบางส่วน แต่นั่นมันก็เป็นแค่คำโกหกที่เขาสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองอยู่ดี
มันไม่ได้เจ็บน้อยลงเลย
มันดีจริงๆ หรือเปล่าที่เลือกไม่พูด เขาอยากมองผ่านเรื่องวุ่นวายในใจนี้ออกไปเหลือเกิน แค่เพียงคิดว่าคุณมิวนิคมีโอกาสกลับไปสานสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายก็ปวดหน่วงไปหมด
“ความรักก็งี้แหละแม็กซ์ มีดีบ้าง ร้ายบ้าง”
“ความรัก?”
“กับคนที่มึงไม่ยอมบอกพวกกูว่าเป็นใคร ใช่มั้ย?”
แม็กซ์เวลหลบสายตาเพื่อนรักที่กำลังเดินกอดคอไปด้วยกัน ข้างหน้าเป็นเจนนิษฐ์กับน้องยูที่กำลังคุยเจี้ยวจ้าวเสียงดังตามประสาคนอะเลิร์ท ไม่ถามซอกแซกแต่ก็สังเกตอาการของเขามาตลอดสินะ
“ที่บอกไม่ได้ก็เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างเรากับเค้าคนนั้น...มันคืออะไร...”
“เค้าคุยหลายคนรึไงถึงบอกไม่ได้ว่ามึงกับเค้าเป็นอะไร”
“ก็ไม่เชิง...”
คุณมิวนิคอาจแค่ยังไม่ได้เลือก
“กูเป็นห่วงมึงนะ” ภูรินตบบ่าเปาะแปะ “จำไว้ว่าพวกกูเห็นอีน้องมีความสุขยังไง พวกกูก็อยากให้มึงมีความสุขแบบนั้นเหมือนกัน คนอย่างมึงน่ะ...สมควรกับการมีรักดีๆ ที่สุดแล้ว”
“…ขอบคุณนะ”
และเขาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณมิวนิคจะเลือกอะไร
ถ้าที่ผ่านมาเป็นแค่การรักสนุก เป็นแค่นิสัยขี้อ้อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะรับความจริงได้หรือเปล่า และถ้าเป็นแบบนั้น...คุณกามเทพจะช่วยเขาหรือเปล่า
แม็กซ์เวลตัดสินใจกลับหอแม้ว่าเพื่อนๆ จะชวนไปปาร์ตี้หมูกระทะร้านเจ้าประจำต่อ มันกระวนกระวายใจเกินไป เขาไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมสังสรรค์ได้ในตอนนี้ คิดแค่เพียงว่าอยากเปิดอกคุยกับคุณมิวนิคเร็วๆ
แต่จะทำได้หรือเปล่า...แค่โดนอีกฝ่ายเข้าใกล้กลิ่นกายหอมๆ ก็ทำร่างเขารวนไปหมด
เพล้งงง!!
เสียงภาชนะอะไรบางอย่างดังขึ้นขณะที่ลูกกุญแจสีเงินกำลังสอดเข้าไปในลูกบิดประตู แม็กซ์เวลปรี่เข้าไปในห้องอย่างเร็วพลันก่อนจะพบซากปรักหักพักที่ย่ำแย่กว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา
เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องถูกกัดกระจุยกระจาย พวกฟูกนอนไม่ต้องพูดถึง ชิ้นส่วนนุ่นหลุดลุ่ยเต็มพื้นไปหมด บนเตียงเป็นร่างสีขาวที่กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาสั่นระริก ตรงอุ้งเท้าและฟันคมๆ เปรอะเลอะไปด้วยซากนุ่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่า...
ปุ้ง!
“เราไม่ได้ทำนะแม็กซ์!”
มิวมิวคืนร่างเป็นมิวนิคทันทีพร้อมส่ายมือปฏิเสธไปมา คนมองได้แต่กำหมัดแน่น หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกหรอคุณ แม็กซ์เวลไม่เคยโกรธที่มิวนิคมีนิสัยเกเร...แต่มันเสียความรู้สึกมากขึ้นตรงที่รับรู้ได้ว่าคำสัญญาในครั้งนั้นมิวนิคไม่ยอมรักษาไว้เลย
“คุณมิวไม่ต้องโกหกหรอกครับ...” พยายามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากโกรธอีกฝ่าย
“ไม่ได้โกหกนะ พวกนั้นมันเข้ามารื้อของในห้องจริงๆ”
“คุณอย่าโยนความผิดให้คนอื่นได้มั้ย ชิโน่กับชิลลี่ก็นอนอยู่ข้างล่าง ก่อนผมขึ้นมาก็เห็น”
“มะ...ไม่ใช่พวกโน่” มิวนิคพูดอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่เคยเห็นแววตาแม็กซ์เวลดุขนาดนี้มาก่อน “เป็นแมวตัวสีเทาต่างหาก! แมวตัวนั้นไงที่เราเคยขับชน ต้องใช่แน่ๆ”
“คุณมั่นใจได้ไงครับว่าเป็นแมวตัวนั้นทั้งๆ ที่เคยเจอแค่ครั้งเดียว”
“มั่นใจดิ เราชนเองกับมือเลยนะ แถมวันพิพากษาเราก็เห็นแมวตัวนั้นมาด้อมๆ มองๆ แถวหอเรา”
บอกตามตรงว่าเขาไม่รู้จะเชื่อคุณมิวนิคแบบสนิทใจเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เพราะเมื่อนึกถึงเรื่องโกหกวันก่อน ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายก็ลดลงไปเยอะ
เขาไม่เคยโกหกคุณมิวนิคเลย...ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าสำหรับอีกฝ่ายนั้น สำหรับคนที่ผ่านประสบการณ์ความรักมามากขนาดนั้น เขาเหมือนกลายเป็นแค่ลูกไก่กระจอกๆ ในกำมือ
แม็กซ์เวลพยายามสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านโดยการหันมองไปทางอื่น แต่เหมือนเรื่องราวยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม เพราะตรงชั้นไม้ติดพนัง มีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาแตกกระจาย
ตุ๊กตาดารุมะสีแดง...
“...น่าจะเป็นตอนที่เราแปลงเป็นมิวมิวกระโดดขึ้นไปฟัดกับไอ้แมวตัวนั้นจนไม่ทันได้ระวัง...”
“คุณ...” ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกสุดปอด “....ไม่เคยระวังอะไรหรอก”
“นี่! เรารู้ว่าเราผิด แต่ปกติไม่เห็นเคยโกรธขนาดนี้เลย”
“ยอมรับแล้วหรอครับ?”
“แม็กซ์! บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ”
มิวนิคขมวดคิ้วมุ่น โดยพื้นฐานที่เป็นคนไม่ค่อยยอมคนอยู่แล้ว พอเจอคนที่จากเยือกเย็นเปลี่ยนมาเป็นน้ำร้อนก็เลยยิ่งกลายเป็นร้อนเข้าไปใหญ่
“แล้วพวกค่าเสียหายก็ไม่ต้องห่วงหรอก เรากลับมาเป็นคนแล้ว เราชดใช้ให้ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง...ไอ้ตุ๊กตาดารุมะอะไรนั่น เดี๋ยวเราฝากเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นซื้อมาให้ซักยี่สิบตัวเลยดีไหม น่าจะสวยกว่าของเก่านายตั้งเยอะ”
“คุณมิว!”
มนุษย์แว่นที่กำลังเก็บเศษกระเบื้องสีแดงยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกำหมัดแน่นกว่าเก่า เขาคิดว่าที่คำสาปคลายลงน่าจะเป็นเพราะมิวนิคค้นพบความหมายดีๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่เห็นกลับเหมือนไม่ใช่เลย มิวนิคก็ยังคงเป็นมิวนิคคนเดิม
เป็นมิวนิคที่ไม่เคยสนความรู้สึกของคนอื่นเช่นเดิม
“คุณไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งของหรอก”
“นี่...มันจะมากเกินไปมั้ย เราอุตส่าห์ยอมชดใช้ความผิดที่เราไม่ได้ทำนะ แล้วนายยังจะมาขึ้นเสียงแบบนี้อีกหรอ ทำไมอ่ะแม็กซ์ ปกติไม่เห็นเคยเป็นงี้เลย เพราะอะไรอ่ะ!? เพราะตุ๊กตาตัวนั้นหรอ!?”
“เพราะมันเป็นของคุณแม่ผมยังไงล่ะครับ!” นัยน์ตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นลุกโชนราวกับจะพ่นไฟออกมาให้ได้ “คุณแม่ที่เป็นคุณแม่จริงๆ คุณแม่ที่ให้ชีวิตผม...คุณแม่ที่ทิ้งผมไป!”
สัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวที่ผู้เป็นแม่แท้ๆ หลงเหลือไว้ให้ เป็นเครื่องเตือนจำว่าเขาเกิดมาจากใคร
“ซิสเตอร์ๆ แม่ผมอยู่ไหนหรอครับ?”
“คุณแม่แม็กซ์เวลไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกจ้ะ แต่ท่านฝากตัวแทนเอาไว้นะ”
เขาเก็บตุ๊กตาตัวนั้นไว้เสมอแม้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่มูมินจะมารับไปอยู่ด้วย และก็คิดเสมอว่าตนเองพิเศษกว่าคนอื่น ก็ไม่มีเด็กคนไหนที่จะมีคุณพ่อและคุณแม่อย่างละสองคนเหมือนเขานี่นา
“แม็กซ์....คือเรา...” มิวนิคตอบเสียงอ่อย
“เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอกนะครับ”
ประโยคสุดฮิตที่ผู้คนรู้จักกันดี แม้ในปัจจุบันเงินจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ในทุกๆ ด้าน เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้เกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้น...มันก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นที่เงินจะซื้อทุกอย่างได้อยู่ดี
“ขอโทษ...” ชายหนุ่มในชุดขาวก้มหน้าจ๋อย
แม็กซ์เวลเม้มริมฝีปากก่อนจะถามสิ่งที่ยังค้างคาใจออกไปอีกครั้ง “เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ”
เรื่องตุ๊กตาดารุมะเขาก็โกรธ แต่ของที่แตกไปแล้วคงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ทำให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เหลือคงมีเพียงอนาคตตรงหน้า...อนาคตระหว่างเขาและคุณมิวนิค
“...เคยถามไปแล้วนี่”
“เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ” มนุษย์แว่นยังคงยืนกร้านคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง
“ก็...อยู่ที่กองไง”
และโอกาสหนึ่งเดียวที่เขาเพิ่งหยิบยื่นให้อีกฝ่ายไปก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตา มิวนิคเลือกที่จะโกหกเขาอีกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้ข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เจ้าตัวกล่าวมาไร้ซึ่งน้ำหนักอันน่าเชื่อถือ
“ผมอยู่ในร้านนั้น...ในวันที่คุณนั่งจับมือกับผู้ชายคนนั้น”
ทำไมต้องโกหกกันด้วยมิวนิค...
“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!”
“.....” แม็กซ์เวลถอนหายใจยืนมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆ รวบฝ่ามือทั้งสองของเขาขึ้นมากุม
“นัทมาขอคืนดีกับเรา แต่เราบอกปฏิเสธไปก็แค่นั้น” เหมียวน้อยในร่างคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุกลน “ที่ไม่บอกก็เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย สิ่งที่นายควรรู้ควรเป็นแค่เรื่องของเรา ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”
ไม่ใช่เรื่องสำคัญงั้นหรอ? ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับคุณมิวนิคโดยตรง แต่คุณมิวนิคกลับบอกว่ามันไม่สำคัญ หมายความว่าเขาก็ไม่ได้สำคัญพอที่จะรับรู้เลยสินะ
สาบานว่าตอนนี้สมองสับสนไปหมด เขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งหมดที่คุณมิวนิคเอ่ยออกมาคือความจริง พอลองมองย้อนดู...ชีวิตของเขาและคุณมิวนิคก็เหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งไลฟสไตล์และภาระหน้าที่
คนนึง...วันๆ ก็เอาแต่ขลุกอยู่กับกองหนังสือหรือไม่ก็หน้าจอคอม ขณะที่อีกคนต้องคอยพบปะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเยอะแยะเพราะเป็นศิลปิน นั่นสินะ...เราทั้งสองช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
มีแนวโน้มว่าขืนยังอยู่ด้วยกันไปอาจเป็นเขาเองที่จะไม่สามารถทนได้ ถ้าวันหนึ่งคุณมิวนิคเจอคนที่ดีกว่าเขา
คิดไว้แล้วแหละว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่คำสาปคลายลง วันที่มิวมิวกลับไปเป็นมิวนิค วันที่เขาต้องเริ่มจมอยู่กับความหวาดระแวงว่าคุณมิวนิคอาจทิ้งเขาไปในซักวัน
“คุณมิว...กลับไปก่อนเถอะครับ”
อาจเป็นคำพูดที่อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เขามองดวงตาที่กำลังสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้ด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ไม่กี่วินาทีริมฝีปากบางกระจับก็ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาประกบจนทาบทับไปกับริมฝีปากเขาทั้งหมด
สัมผัสนุ่มหยุ่นของคุณมิวนิคพยายามสอดแทรกเข้ามา ทว่าแม็กซ์เวลไม่ยอมเปิดปากทาง ไม่ยอมให้ความรู้สึกอ่อนไหวครอบงำได้โดยง่าย มือหนาค่อยๆ ผละร่างที่แนบชิดเข้ามาออก
“…จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย”
คงถึงเวลาที่ต้องทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคุณมิวนิคใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีเหมียวน้อยจอมดื้ออยู่ใกล้ๆ ตัว แต่เขาต้องตระหนักให้ได้ก่อนว่าตนเองจะสามารถรับมือกับความเจ็บปวดอันแสนทรมานได้ไหมถ้าวันหนึ่งไม่มีเหมียวน้อยตัวนี้อยู่ข้างๆ แล้ว...
บางทีคนบางคนอาจเหมาะแก่การเป็นไอดอลให้เราชื่นชมอยู่ห่างๆ หากแต่ไม่ได้เหมาะแก่การเป็นตัวจริงในชีวิตจริง
“…รบกวนด้วยนะครับ”
และถ้าวันนั้นมาถึง คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงเป็นเขา
tbc.
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ
==============================================
พอได้มั้ยคะดราม่านี้ แง่งงงงง
ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า
คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว