The life is beautiful
ใครๆก็รู้ว่าเวลานั้นไหลไปแบบไม่ย้อนกลับ
ใครๆก็รู้ว่าสักวันก็ต้องตาย
ผมในอดีตส่งผลให้ผมเป็นผมทุกวันนี้
ผมไม่ได้โทษใครเพราะโทษตัวเองไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ผมในวัย 5 ขวบเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีกล่องดินสอลายสวยเหมือนเพื่อน
ผมในวัย 12 เริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีเพื่อน
ผมในวัย 16 เคยกรีดแขนเพราะความน้อยใจพ่อ
ผมในวัย 18 วิ่งไปสอบทุนทุกที่ที่เปิดเพราะอยากเรียนต่อ
ผมในวัย 20 ยืนมองออกไปที่แม่น้ำเชี่ยวกราดในวันที่ฝนตกหนักตอนเที่ยงคืน
“เอาร่มไหมครับ”
ผมยิ้มก่อนจะส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร ผู้ชายที่พูดภาษาไทยติดสำเนียงญี่ปุ่นถอดสูทตัวนอกออกแล้วคลุมตัวผมไว้ เขาในวัย 35 ดูเข้าใจสถานการณ์ข้างหน้าได้โดยที่เราไม่ต้องคุยกันด้วยซ้ำ
“ผมไม่เคยเจอใครนัดเจอบนสะพานแบบนี้” เขาว่ากลั้วหัวเราะก่อนจะรื้อเสื้อยืดตัวหนึ่งจากหลังรถให้ผม
“ทำให้ผมแห้ง” เขาคงหมายถึงเช็ดผม ผมหยิบมันมาเช็ดผมแบบที่เขาบอก
“หนาวไหม” เขาถามพร้อมกับหรี่แอร์บนรถลง ผมไม่ถามเขาว่าเราจะไปที่ไหน ในตอนนี้ผมจะไปที่ไหนคงไม่มีใครสนใจ...และผมเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน
“ขอบคุณครับ” ผมบอก
คนที่แนะนำตัวว่าชื่อฮิโระโบกมือไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร ในตอนที่รถขับเข้ามาในเมือง ไฟที่สว่างขึ้นทำให้ผมมองเห็นหน้าเขาชัดเจน เขาหน้าไม่เหมือนคนญี่ปุ่นผมรู้แค่นั้น เพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชนชาตินี้เลย
ผมรู้เท่าๆกับที่คนทั่วไปรู้ว่าคนญี่ปุ่นสุภาพ มีน้ำใจ น่ารัก...แค่เปลือกนอก
”มาตะโนมุ?”
“อิมะ นังกะอิโซงาชี่ โกเมนเนะ”
ผมไม่รู้เขาคุยอะไรกับปลายสาย มันจะเกี่ยวกับผมรึเปล่า?
“เพื่อนชวนไปดื่มเหล้า ผมไม่อยากไป” เขาหันมาบอกทั้งๆที่ผมไม่ได้ถาม บางทีวันนี้ผมคงเสียมารยาทจนเกินไป
“ผมชื่อกันต์ครับ”
“สวัสดีครับกันต์”
“สวัสดีครับ” เราทักทายกันเป็นครั้งแรก ผมไม่ใช่คนยิ้มเก่งแต่เขาเป็นคนที่ยิ้มในเกือบทุกคำที่พูด เขาเล่าว่าเขาไม่ได้ชื่อฮิโระแต่เขาชื่อไดจิ ที่คนเรียกเขาว่าฮิโระเพราะนามสกุล เขามาทำงานที่ไทยในตำแหน่งวิศวะกรยานยนต์ปีนี้เข้าปีที่สาม เขาเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง
เขามีคิ้วดกดำไม่เหมือนผู้ชายญี่ปุ่นในทีวี เขามีผิวแทน จมูกโด่งกับปากกระจับของเขาสวยแบบที่ไม่ค่อยเห็นในคนไทย ในตอนที่ผมเริ่มรู้ตัวว่าจ้องเขาเยอะเกินไปก็เป็นตอนที่เขามองเสื้อนักศึกษาที่เปียกลู่ลงจนแนบกับตัวของผม
หูเขาแดง ไม่รู้ว่าเขินเพราะตัวผมหรือเขินที่ผมจับได้กันแน่
“เราจะไปไหนกันครับ”
เขาหัวเราะร่วนทันทีที่ผมถามคำถามนี้
“ผมไม่รู้ ผมอยากให้กันต์ feel good ก่อน”
วันนี้หลังจากที่ออกจากร้านซูชิผมก็เดินมาที่สะพานแบบไร้จุดหมาย ผมเปิดโทรศัพท์ดูข้อความก่อนจะส่งโลเคชั่นของตัวเองให้เขาในกล่องแชทแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ
“ไปห้องไดจิก็ได้”
เขาเลิกคิ้วมองคำตอบแบบขอไปทีของผม ยังไงการที่เขามารับผมก็คงไม่พ้นเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว แต่ก่อนผมค่อนข้างที่จะสนุกกับเซ็กส์ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว
...ทำกับใครที่ไม่ใช่กันย์ ผมไม่อยากทำแล้ว...
“เรียกไดจิซัง ผมน่าจะชินกว่า” เขาว่า
“ไดจิซัง” ผมลองเรียก
“อี้โกะ” เขาตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม ผมไม่เข้าใจที่เขาบอกสักนิด
ภัทร : [ชิ่งกูอีกแล้ว]
ภัทร : [กลับมาใช้หนี้ด้วยคนสวย]
กฎของ one night stand คือเราจะไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
“ผมมาจากเซนได เมืองมิยางิ รู้จักไหม” แต่บางทีคงใช้กฎนี้ไม่ได้กับคนต่างชาติที่เขาอยากจะนำเสนอบ้านเกิด ผมส่ายหน้า
“อ้าว” เขาทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มให้ผม
“แต่ผมรู้จักโดเรม่อนนะ”
“โดเรม่อน?”
ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจ พอผมชี้ที่ของชิ้นสีฟ้าเล็กๆเขาถึงร้องออกมา
“อ๋าาา โดราเอมง”
ในตอนนี้เองที่ผมรู้สึกว่าเขายังคล้ายคนญี่ปุ่นที่เห็นตามทีวีอยู่บ้าง เขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาก่อนจะวางลงบนผมที่เปียกลู่ของผม
“นี่คุณ” ไดจิเรียก เขาเบียดร่างกายสูงใหญ่ลงบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วเลื่อนมือแกะกระดุมเสื้อที่เปียกออกให้
“ครับ”
“คุณน่ารักมากเลยนะ ยิ้มหน่อยสิ”
ผมมองตารูปแอลมอนด์สวย มองปากสวยของเขา และจูบเขาเพื่อที่อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องตอบคำถาม เราจูบกันอ้อยอิ่งก่อนที่เขาจะถอนจูบออกแล้วจูบที่หน้าผากผมเบาๆ
“ผมชอบเพลงนี้มากเลยนะ” เขาพูดถึงเสียงเพลงที่กำลังดังคลอไปทั่วห้อง ผมฟังไม่ออกหรอก รู้แค่ว่าเข้ากับเสียงของฝนดี
“คุณมีเพลงที่ชอบไหม” เขาถาม ผมคิดอยู่หน่อยแต่ก็น่าเศร้าที่ผมต้องส่ายหน้า เขาเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดผมให้
“ถ้าผมไม่ไปหา คุณจะกระโดดลงไปไหม”
ผมจ้องหน้าเขา ผมเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร ผมพยายามถามหาคำตอบตั้งแต่จำความได้ แต่ก็ไม่เคยรู้เลย
“ผมไม่มีใครเลย คนที่ผมรักเขาไม่ได้รักผม”
อาจจะเพราะเขาเป็นคนแปลกหน้า
“พ่อกับแม่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมีผมด้วยซ้ำ”
อาจจะเพราะความอบอุ่นที่สัมผัสได้
“เขาเห็นผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์”
ผมถึงได้พูดเรื่องที่อยู่ในหัวให้เขาได้รู้
“ผมรู้สึกว่าผมไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร”
ผมรู้ว่าในหัวผมคิดแต่เรื่องด้านลบ มันบั่นทอนและกัดกินผมทุกครั้ง ผมอยากเลิกคิดแล้วมองไปข้างหน้าเหมือนที่หลายๆคนทำ แต่ผมกลับหยุดคิดไม่ได้ มันวิ่งวนอยู่ในหัว
...จนรู้สึกเหมือนมันจะหายไปก็ต่อเมื่อผมหายไป...
“Life is beautiful you know?” เขาเอื้อมมือมากอดผมไว้แน่นโดยไร้เหตุผล จมูกโด่งกดลงเบาๆที่แก้มผม
“อยู่เพื่อตัวคุณเองสิ”
ผมร้องไห้เพราะความใจดีนั่น เขากอดผม เราจูบกันแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
ผมชอบเซ็กส์เพราะทุกครั้งที่ผมมีเซ็กส์ผมจะลืมเรื่องพวกนี้ได้ แต่ช่วงนี้แม้แต่เซ็กส์ที่ผมชอบก็ช่วยอะไรผมไม่ได้ ผมเคยชอบนอนเพราะได้ฝันในสิ่งที่ตัวผมไม่เคยมี แต่ช่วงนี้ผมนอนหลับไม่สนิท
“Appreciate little things” เขาบอกผม ผมอ่านเจอสิ่งนี้ในอินเตอร์เน็ตแต่ผมยังไม่เข้าใจว่าผมต้องทำยังไง ไดจิผละตัวออก เขามองหน้าผมแล้วยิ้ม
“วันนี้การได้เจอคุณเป็นความสุขของผม เพราะคุณน่ารักและคุณก็จะมีความสุขเพราะคุณน่ารัก” เขาเหมือนคิดว่าควรจะเรียบเรียงคำพูดยังไงดี
“ภาษาไทยนี่ยากจัง”
ผมยิ้ม อาจจะไม่กว้างเท่าเขาแต่ก็เป็นยิ้มแรกของหลายวัน และคงเป็นยิ้มจริงใจในรอบปี
“ยาเบ้ คาวาอี้สุงิรุ” เขาว่า ดูท่าทางหัวเสียไม่น้อยแต่ใบหูแดงแจ๋ของเขาทำให้ผมเดาไม่ออกว่าเขากำลังว่าอะไรผมอยู่รึเปล่า
“หลอกด่าผมหรือเปล่า”
คนถูกถามรีบปัดมือปฏิเสธ
“ผมบอกว่าคุณน่ารักมากๆ น่ารักเกินไป”
อย่างหนึ่งที่ผมเคยรู้มา คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองเหลือเกิน
“นี่รู้ไหม ถ้าผมเป็นเขา ผมจะรักคุณ” เขาบอก ผมก้มมองมือตัวเองก่อนจะตอบเขา
“เขามีคนที่เขารักอยู่แล้วครับ”
命は逞しい
この世に生まれてから
どんなに傷付いても立ち上がろうか
เพราะชีวิตนั้นเด็ดเดี่ยว
เมื่อได้เกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว
ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องยืนหยัดขึ้นมา
“It’s out of your control ความรู้สึกของคนอื่นเป็นสิ่งที่คอนโทรลไม่ได้นะ”
ผมรู้แล้ว
“คุณคาดหวัง คุณเลยผิดหวัง”
ผมรู้ แต่ลึกๆผมยังคิดว่าเขาจะหันมามองผมบ้าง ผมก็แค่หวังว่าเขาน่าจะรักผมสักเสี้ยววินาทีที่เรากอดกัน
“ผมรู้” ผมบอกเขา น้ำตาที่ยังไม่หายไปจากใบหน้าไหลออกมาอีกครั้ง
ผมเคยอ่านเจอว่าคนเรามักจะคุยกับคนที่แปลกหน้าได้เยอะกว่าคนที่สนิทกัน แต่ผมที่ไม่เคยสนิทกับใครเลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่าผมถึงอยากเล่าให้เขาฟัง
“ไม่เป็นไรนะ” ไดจิวางมือบนหัวผม เขาดูใจดีโดยไม่มีเหตุผลกับคนที่เจอกันครั้งแรก
“เหลืออะไรบนโลกที่ยังอยากทำอีกไหม นอกจากรักเขา” เขาถามผม
“ผมอยากรวย” เขาหัวเราะกับความฝันไร้สาระของผมแต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังตลกจริงๆ
“ถ้าคุณอยากรวยคุณต้องตั้งใจทำงาน”
“ตั้งใจยังไงก็คงไม่รวยเท่าพวกเขา” ผมบอก
“ผมก็ไม่รวยเลยไม่รู้จะสอนคุณยังไง” เขาว่ากลั้วเสียงหัวเราะ ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วเพราะมืออุ่นๆของเขา ผมสอดตัวเข้าไปกอดเขาเอาไว้ ผมแค่อยากกอดเขาไว้แน่นๆ
“ทำไมถึงช่วยผม” ผมถามถึงเหตุผลของเขา
“เหตุผลคือไม่มีเหตุผลครับ”
“มึงจะเสือกไปอีกกี่ที่เนี่ย” ผมเคาะกระจกถามเจ้าของรถยุโรปคันหรู ภัทรเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางตกใจก่อนจะรวบผมเข้าไปกอดไว้แน่น
“เจ็บ” ผมร้องบอกแล้วทุบหลังมันแรงๆ
“Gps ล่าสุดของมึงอยู่ที่สะพานตรงแม่น้ำ” ภัทรบอกเสียงสั่น ผมยืนเงียบและหวังว่าใจที่เต้นรัวและแรงของภัทรจะเบาลงเสียที
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“มึงเถอะ เป็นอะไร” ผมถามพร้อมกับยิ้ม
บางทีความสุขเล็กมากๆของผมตอนนี้อาจจะเป็นเพราะมีคนที่รออยู่ก็ได้ แม้คนรออาจจะรอเพราะมันอยากทวงหนี้ก็ตาม
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
คนที่เหมือนจะรู้ตัวว่ารุ่มร่ามถอยห่างออกไป ผมเดินนำเขาเข้ามาในห้องแคบๆที่มีเพียงเตียงและราวแขวนผ้าโง่ๆ
“มาทวงเงินใช่ไหม” ผมถามคนที่นั่งลงบนเตียงโดยไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจผ้าห่มสีหม่นๆ
“เออ” ภัทรตอบ
“รีบไหม กูอยากจ่ายคืนเป็นเงินสด”
“มึงก็รู้ว่าเงินกูมีเยอะพอแล้ว”
ไอ้ตี๋ยิ้มเหยียด บางทีภัทรคนเดิมอาจจะกลับมาแล้ว
“เบาภัทร” ผมบอกคนที่กำลังมัวเมากับการงับยอดอกผม มันเสียวก็จริง แต่เจ็บมากกว่า
“ภัทรกูเจ็บ” ผมฟาดมันไปที เจ้าตัวโถมตัวลงมาเต็มแรงแล้วจับขาผมแยกออก
“ไอ้เหี้ยภัทร!” ผมทุบคนที่รีบร้อนจนไม่เตรียมพร้อมอะไรสักอย่าง มันไม่สวมถุงยางแถมยังไม่รู้ว่าผมจะเจ็บถ้ายัดเข้ามาแบบนั้น
“อะไร” ภัทรดูท่าทางงุ่นง่านและหัวเสีย ผมชี้ให้มันหยุดก่อนที่เราจะเสียงดังจนคนข้างห้องมาด่า
Kant : ‘เจ วันนั้นเพื่อนพี่ทำเจเจ็บไหม’
“มึงไม่มีเจลหล่อลื่น มึงไม่มีถุงยาง คิดอะไรอยู่วะ” ผมถามคนที่ดูน่าจะเตรียมตัวมาดีแต่เปล่าเลย ภัทรดูไม่ได้รู้เลยว่าควรทำยังไง
“Forgot it” ภัทรดูอารมณ์เสีย มันค้างเติ่ง ดูจากตรงกลางลำตัวที่ยังแข็งอยู่ คงทำให้หนุ่มตี๋หงุดหงิดไม่น้อย
“ภัทร” ผมเรียกคนที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า
“มึงนอนไปเลย เดี๋ยวกูก็กลับแล้ว”
“ภัทร”
“ถ้ามึงไม่นอนกูจับยัดแน่”
ผมขมวดคิ้วมองมัน พลางนึกไปถึงเรื่องที่ส่งคอนแทคน้องเจให้ภัทรไป
J : วันนั้น พอผมโทรไปเพื่อนพี่กันต์ก็ตัดสายทิ้งครับ
J : โคตรเสียมารยาท
“ภัทร” ผมเรียกคนที่หน้าแดงจัดเพราะอาจจะทั้งโมโหและเสียฟอร์ม ถ้ามันฉลาดหน่อยน่าจะหามาบ้างว่าทำกับผู้ชายครั้งแรกต้องทำยังไง
“หยุดยิ้มเลยมึง”
วันนี้ผมยิ้มกว้างจนปวดแก้มมาสองครั้งแล้ว
“กันต์ มึงหยุดยิ้มเลยนะ”
tbc.
______________________________________
theme track : Nogizaka46 - The life is beautiful
https://youtu.be/bS-1v7O2asQแหมพ่อมังกรปักกิ่ง แหมมมมม 55555555
ทุกคนได้แต่หวังว่ากันต์จะออกจากวังวนแบบนี้ได้แล้วชีวิตน้องจะดีขึ้น แต่กันต์จะทำไหมเราก็ไม่รู้
ส่วนไดจิคือคนที่จะมาแบบไร้เหตุผล ส่วนเขาจะ take advantage อะไรไปไหมก็ไม่รู้เหมือนกัน
จริงๆก่อนเอาลงไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วยซ้ำค่ะ ._.
เพราะโทนเรื่องมันหม่น ทั้งตัวเนื้อเรื่องก็ดูไมมีอะไรให้ฟินเลย
ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์มากเลย เขียนแล้วมีคนอ่านแล้วมันสนุกกว่าเขียนอยู่คนเดียวจริงๆ :]