Impossible
I remember years ago
Someone told me I should take
Caution when it comes to love
I did, I did
ผมจำได้ว่าแต่ก่อนก็บอกตัวเองอยู่ตลอดว่าไม่ควรรัก
…แต่ก็รักไปแล้ว...ผมเจอกันย์ครั้งแรกในวิชาเรียนเลขพื้นฐานตอนปี1ผมสงสัยว่าทำไมคนดังของสาขาบริหารอุตสาหกรรมนานาชาติถึงได้เข้ามาเรียนที่คลาสนี้ ผมเป็นผู้ช่วยสอนสังเกตกระดาษคำตอบเขาอยู่หลายครั้ง เขาตอบถูกน่าจะเท่าๆกับสมองของเด็กม.ต้น ได้ข่าวว่าตอนม.ปลายเขาอยู่ที่ต่างประเทศคงไม่คุ้นกับโจทย์ปัญหายากๆ ผมได้รับหน้าที่สอนพื้นฐานเล็กๆน้อยๆให้กันย์ ใบหน้าติดเฉยชาของเขาทำให้ผมกลัวอยู่ในตอนแรก แต่พอเขาหัวเราะ กลับดูดีเสียจนใจเต้น
Kantarat : กันต์ คุณขาดเรียนเยอะแล้วนะ
Kantarat : ผมช่วยคุณมากกว่านี้ไม่ได้
ผมที่ขาดเรียนไปเกือบอาทิตย์เพราะป่วยโผล่เข้ามาในห้องเรียนรวมวิชาบริหารของอาจารย์กานต์
“หายไปไหนมา” ปกติผมไม่มีคนคบ วันนี้กลับมีคนมานั่งด้วย
“กูป่วย” ผมตอบภัทร
“กูไปถามที่หอเก่ามึงมา ยามบอกย้ายออกไปเป็นเดือนแล้ว ย้ายไปไหน”
“นี่คือการเสือกที่มึงว่าใช่ไหม” ภัทรหัวเราะพร้อมกับตอบ
“ถึงตัวจะเด็กแต่ของเขาเท่าผู้ใหญ่ ชื่อของเขาคือโคนัน”
ผมขมวดคิ้วกับมุขไร้สาระของมัน
“จังไรฉิบหาย” ภัทรเดาะลิ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“So baby, How large am I?” ผมดันหน้ามันออก
“ไอ้สัด” ภัทรขำแต่ยังไม่หยุดเล่น
“อิมพอร์ตจากปักกิ่ง” ผมว่ามันไม่ได้เป็นคนแย่อะไรหรอกนอกจากพูดไม่คิด
“มึงพอสักทีภัทร” คนโดนว่ายักไหล่
“อย่ามารำคาญกูเพราะวันนี้ต้องทำงานกลุ่ม คู่อื่นเขาจะเสร็จแล้ว มึงมันตัวถ่วง”
คงเพราะผมหายไปหลายวัน ผมบอกแพทไปแล้วว่าป่วย ซึ่งไม่ได้โกหก ผมใช้เงินน้อยนิดของตัวเองในการไปเช่าอพาร์ตเมนต์โกโรโกโสแห่งหนึ่งเพื่อซุกหัวนอน ดีที่ยังมีเงินจากลูกค้าคนแรกและคนเดียวอย่างภัทรที่ทำให้ผมหายใจได้คล่อง ไม่ต้องเครียดกว่าที่เป็นอยู่
“มานั่งทำไมตรงนี้ เพื่อนมึงนั่งนู้น” ผมบอกคนที่ดูเหมือนจะปักหลักนั่งตรงนี้เสียแล้ว หนุ่มตี๋หันมามองผมก่อนจะเลิกคิ้วมอง
“มึงเป็นเจ้าของม.เหรอ? ก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นกูจะนั่งตรงไหนก็เรื่องของกู”
ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงเกลียดมัน แต่ตอนนี้ผมกลับทำได้แค่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้ภัทรทำสิ่งที่อยากทำ
“มีงานเลี้ยง ไปไหม” หลานเจ้าสัวพูดถึงงานเลี้ยงประจำเดือนของคณะที่จะมีธีมต่างๆกันไป
“ไม่”
“Why?”
“ไม่อยากไป” ผมตอบตามความจริง ผมไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคนจะไปที่นั่นทำไม
ผมเคยมองโลกในแง่ดีคิดว่าไปเพื่อหาเพื่อนหรือหาคอนเนคชัน แต่มันทำให้ผมรู้ความจริงว่าผมต่างจากพวกเขามากเหลือเกิน ผมไม่มีประโยชน์หรือมีค่าพอสำหรับพวกเขา
“It’s non of my business though” คนถามว่าก่อนจะยืดตัวนั่งให้ตรงเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา ผมมองอาจารย์กานต์ที่จ้องมาทางเรานิ่ง ผมละสายตาจากอาจารย์ก่อนจะมองไปที่ประตูที่ถูกปิดลงแล้ว
“ไม่มาหรอก วันนี้ป๋ามึงมันลาไปงานกับที่บ้าน” ภัทรบอก ผมไม่ได้พูดอะไรต่อแต่หันมาตั้งใจเรียนแทน
“ไปไหนมา”
ผมว่าผมเลือกเวลาดีแล้วนะ ไหนภัทรบอกว่ากันย์ไปงานกับที่บ้าน ผมที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าเป้ไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
“กันต์” กันย์เรียกผม
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมป่วย ผมเฝ้ารอว่าคนๆนี้จะโทรหาเพื่อถามว่าผมยังสบายดีไหม ผมรอแล้วรอเล่าโทรศัพท์เครื่องแพงกลับไม่ได้ทำความปรารถนาให้เป็นจริง ในความทรมานนั้นมีเพียงข้อความเดียวจากภัทรเท่านั้นที่ถามว่าผมตายไปหรือยัง ผมเริ่มอยากรู้จริงๆแล้วว่าผมอยู่เพื่ออะไร
“ทำไมผอมแบบนี้”
ผมไม่ได้พูดอะไรแค่หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายหลังเงียบๆ แม้ผมจะย้ำตัวเองบ่อยแค่ไหน แต่พอได้รู้ว่าตัวเองไม่มีค่าเลยจริงๆกลับรู้สึกแย่กว่านั้นหลายเท่า
“อย่ามาประชดนะกันต์!”
กันย์กระชากกระเป๋าผมจนตัวผมเซ ภาพเลือดวันนั้นยังติดอยู่ในหัว
“กูไม่มีสิทธิ์กูรู้” ผมบอกเบาๆ วันนี้ผมไม่มีแรงพอที่จะเถียงเขา ไม่แม้อยากจะมองใบหน้าที่ชอบ ถึงได้จ้องแค่แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายที่แต่ก่อนกันย์ไม่เคยสวม นี่คงเป็นงานที่บ้านที่ภัทรบอก
“เอาอาซาฮีแก้วครับ”
ผมเงยหน้ามองแขกคนใหม่แต่คุ้นหน้าดีเหลือเกิน
“นี่ก็คือเสือกจนมาถึงนี่ใช่ไหม”
ภัทรหัวเราะพลางยักไหล่ สำหรับภัทรแล้วผมคงเป็นตัวตลกหรือเป็นของแก้เบื่อที่เพื่อนไฮโซของมันคงไม่ตอบโจทย์
ผมคิดว่าภัทรจะแวะมากวนตีนหรือมาเสียดสีอะไรเรื่องงานหมั้นของกันย์ให้ผมฟัง แต่เปล่ามันแค่มานั่งดื่มเบียร์สามแก้วแล้วนั่งมองวงดนตรีสดที่สลับกันขึ้นมาเล่น จนกระทั่งได้เวลาปิดบาร์
“20,000 ได้แค่ไหน”
ในที่สุดผมก็รู้ว่าไอ้ตี๋นี่มาทำไม
“20,000 ตรงนู้นได้สิบคน” ผมชี้ออกไปตรงที่เขามีเด็กนั่งดริ๊งก์ทั้งหญิงและชายบริการเพราะเริ่มรำคาญ ผมรู้ว่าภัทรมันไม่ได้ติดใจอะไรผมหรอก กินของเหลือของเพื่อนใครเขาจะชอบ
“มึงโก่งราคาเหรอวะ” เพื่อนร่วมชั้นถามหน้าตาเครียด
“เออ” ผมตอบพร้อมกับยกลังเบียร์มาเติมในตู้แช่ คิดว่าถ้าตัวเองพร้อมเมื่อไหร่จะโอนเงินคืนให้ภัทร อย่างที่เห็นว่าผมไม่ได้เป็นคนดี แต่ผมแค่ไม่อยากให้ใครใช้เรื่องนี้มาทวงนั่นนี่กับผม ผมไม่อยากติดค้างใคร
“แม่ง” ภัทรสบถพร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
J : พี่กันต์ครับ เจคิดถึง
J : ไม่มีกำลังใจจะอ่านหนังสือเลย
J : ส่งรูปภาพให้คุณ
“ใครวะ” คนที่กำลังขับรถชะโงกหน้ามาดูรูปเด็กมัธยมปลายที่ถ่ายรูปเปลือยท่อนล่างมาให้หลายรูป รูจีบสีอ่อนของก้นสวยทำให้ผมรีบโคลงหัวแล้วปิดลง เพราะถ้าผมอารมณ์ขึ้นมันจะแย่ ยิ่งผมยังอยู่บนรถคันนี้ด้วย
“แข็งเลยกู” ภัทรบอก ผมมองส่วนที่นูนดันกางเกงยีนส์สีสวยออกมา
“เร็วกันต์ มึงจะโก่งค่าตัวก็เอา” ผมส่ายหน้าก่อนจะชี้ไปที่ซอยเปลี่ยวข้างหน้า
“เลี้ยวซ้าย หอกูอยู่ตรงนั้น” ผมชี้บอก
“30,000 ก็ได้” ภัทรเย้าหน้าตาจริงจัง
“ไม่ว่ะ” ผมส่ายหน้าพลางมองหน้าอีกคนที่ดูเหมือนอีกหน่อยคงได้จับผมกดตรงนี้ กับไอ้ตี๋กล้ามแบบภัทรผมไม่อยากเสี่ยงเท่าไหร่ ไหนๆน้องเจเป็นสาเหตุน้องเจคงต้องรับผิดชอบ ผมส่งคอนแทคของน้องเจให้ภัทร
Kant : น้องเจครับ เพื่อนพี่สนใจ
J : เป็นรุกใช่ไหมครับ ได้ครับ
“แดกเหี้ยอะไร” นี่คือคำทักทายในห้องเรียนของเช้าวันจันทร์
“แดกเหี้ย” ผมตอบพร้อมกับเคี้ยวแซนวิชสิบสามบาทจากเซเว่น
“กวนตีน” ภัทรนั่งลงข้างผม
“น้องเจชอบมึงไหม” ผมถามถึงเรื่องวันก่อน ภัทรยักไหล่
“ของดีจากเมืองจีน ใครๆก็ชอบ” ผมแทบจะสำลักขนมปังในปาก
“มุขนี้เมื่อไหร่มึงจะเลิก”
“จนกว่ามึงจะลอง ว่ามันดีแค่ไหน”
ผมยกนิ้วกลางให้มันทีหนึ่ง แต่ภัทรกลับทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวและหยิบหนังสือเรียนขึ้นมา ผมสังเกตมาตั้งแต่คราวที่แล้วว่าภัทรเป็นคนตั้งใจเรียนขัดกับลุคพอสมควร
แม้จะบิดเบี้ยวแต่รู้ไหม ผมดีใจนะที่ตรงข้างผมมันว่างมาจะสองปีแล้ว ผมแค่หวังลมๆแล้งๆหวังว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับภัทร ต่อให้จะคบด้วยความสัมพันธ์ผิวเผิน ต่อให้คบด้วยผลประโยชน์สกปรก แม้เรื่องที่จะคุยของเราจะเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ แต่ผมก็ดีใจ
“มึงรู้จักกับเขาด้วยเหรอ” คนที่มองมาตั้งนานแล้วเดินเข้ามาถามภัทร หนุ่มตี๋ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกับตอบเพื่อน
“ซื้อไม่แพงเท่ามึงหรอก มันโก่งราคามึงนะ รู้ไหม” ภัทรบอกกลั้วหัวเราะ กันย์ยืนมองผมนิ่ง ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงมองออกไปข้างหน้าต่าง จนกระทั่งมีคนเดินเข้ามาทำลายความอึดอัดนี่
“งานหมั้นหล่อเชียวนะครับกันย์ อาจารย์เพิ่งเห็นในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ”
อาจารย์กานต์เดินเข้ามาแสดงความยินดี ผมยิ้มเพื่อบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
“อ้าว มึงหมั้นแล้วเหรอวะ ทำไมไม่เห็นบอกพวกกู” ภัทรถามเหมือนไม่รู้ ผมมองหน้าภัทร พวกกูที่หมายถึงน่าจะหมายถึงกลุ่มเพื่อนเขาที่อยู่ด้วยกันตอนนี้
“เงียบๆ มีแค่ผู้ใหญ่”
ภัทรเลิกคิ้วก่อนจะถาม
“แล้วนักข่าวกับตากล้องที่ถ่ายลงทีวีนั่นญาติฝั่งไหนของมึงเหรอ”
ผมว่านิยามคำว่าเพื่อนของผมคงไม่แย่เท่ากับของพวกเขามั้ง
Kayn : ที่หนีไปจากกูเพราะไอ้ภัทรใช่ไหม
Kayn : กันต์ ตอบกู!
TBC.
___________________________________________________
*Theme track -James Arthur - Impossible
จริงๆตอนนี้ภัทร กันต์และน้องเจจะมีอะไรกันค่ะ
แต่เขียนแล้วก็ลบเพราะสงสารกันต์ ไม่อยากให้ดิ่งไปกว่านี้
