Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}  (อ่าน 88350 ครั้ง)

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ร้องไห้ให้พอ ร้องไห้หนักๆจนกว่ามันจะเหนื่อยเลยนะเมล เหนื่อยเมื่อไหร่จะได้ไม่มีแรงมาร้องไห้ให้มีน้ำตาอีก เข้าใจที่ว่าทำไหมถึงปล่อยให้ใจหลงเดินเล่นไปในทุ่งดอกไม้ ก็เพราะเขาทำให้เราเป็นแบบนั้น คิดไปแบบนั้นจนเผลอลืมตัวไป แต่เมื่อคิดได้ตั้งสติดีเมื่อไหร่ เอาให้สาสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับมาตลอดเถอะ นะ สงสารอะ ทั้งเป็นเหยื่อ ถูกเข้าใจผิด โดนกระทำ ยังให้อภัยเขาได้ซ้ำๆ ฮึบเว้ยยยย พอแล้วววว กูนี่ทั้งเจ็บแทนทั้งสงสาร แม่งเอ๊ย!! ขอให้เรียกคุณค่าตัวเองกลับมาเถอะ นายโดนทำร้ายจิตใจไปเยอะ มันใช่หรอ ห๊ะ!! สุขก็มีแต่มันก็ทุกข์มากกว่า ทั้งเจ็บตัวอีก ฮึบเว้ยเมล! มานี่มา กอดปลอบ ไม่เป็นไรๆ มันต้องใช้เวลา แต่ว่ามันจะผ่านไป เมลทำดีที่สุดแล้ว กอดๆ // ฉันจะไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นจากแกไอ้พี่ทัพ คนผิดสัญญา ถึงจะเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นแบบนี้มันก็ยากที่จะเลี่ยงได้ แต่แกก็ควรบอกเมลไม่ให้รอไหม ให้ใครมารับกลับ หรือยังไงก็ได้ ไม่ใช่ลืมให้รอจนปานนั้น หน่ำซ้ำเขายังเป็นห่วงแกอีก ไอ้พี่ทัพบ้าเอ๊ยยยยย อยู่กับเมียไปเถอะ ตอนนี้พาล บอกเลย โอ้ยยยอินค่ะ 5555555555 สนุกๆ //ส่วนกุ๊กนั้น อย่าหลงกลตกบ่วงคนเจ้าเล่ห์อย่างบิน รู้ตัวให้ทันไม่งั้นเสร็จโจร ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ โอ๊ยยยยยยหมั่นไส้วุ้ยยยย 55555 //สำหรับป๋าอู๋คือ เสียเป็นแสน แขนก็ไม่ได้จับป่ะ สงสารรรร 555555 น้องแจเขาก็เคลิ้มๆไปพอประมาณละ ด่ากันทะเลาะกันตลอด ก็นะ วันไหนไม่มีปากเสียงกันคงเหงาน่าดู 55555555 //โอ้ยยยยยสนุกกกกกกมากกกค่าาาาาาา รอรอรอตอนต่อไปเลย ต่างคนจะทำไงเอาไงดีทีนี้ รรรร ขอบคุณนะคะที่มาแต่งและมาต่อ เลิฟ ^_^

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย พลิกมากจ้า พลิกมาก อะไรจะพอดีได้ขนาดนี้
ทำไมทัพหน้าใจร้ายแบบนี้ โทรบอกน้องสักนิดก็ยังดี
เป็นแบบนี้ ยังบอกได้อีกหรอว่ารัก และจะดูแลอย่างดีน่ะ

สงสารเมลมาก ใจเจ็บซ้ำๆ ทั้งที่เตรียมใจไว้บ้าง
แต่พอต้องเจอเรื่องจริง ในเวลาที่ไม่ใช่
ใครจะทันตั้งตัวได้อีก อยากให้เมลใจแข็งกว่านี้
ให้ทัพหน้ารู้ว่า เมลสำคัญจริง ไม่ใช่มาเนียนๆ แล้วทำไม่สนใจ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ถ้าเป็นหนูกุ๊กมาปลอบก็จะบอกว่าฮึบ ฮึบนะเมล  :o12:

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่27



สายลมอ่อนๆที่พัดมาจากแม่น้ำสายใหญ่ตรงหน้าปะทะเข้ากับใบหน้าของคนทั้งสองที่กำลังนั่งเคียงกัน พร้อมกับมองตรงไปที่ภาพตรงหน้านิ่งๆ ข้างๆตัวของทั้งสองคนมีกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่ข้างๆตัวกันคนละกระป๋อง นานหลายนาทีที่ไม่มีใครยอมพูดอะไรกันอยู่แบบนี้ ถ้าเป็นในนิยายอาจคล้ายคนมาเดท แต่ในความเป็นจริง ... เราเป็นแค่เพื่อนกัน



“มึงโอเคไหมวะบิน”  เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป สุดท้ายก็เป็นผมอีกแล้วที่อ้าปากออกมาก่อน



“ห๊ะ...อ่อ ...อืม” 



มันที่หันมาทำหน้างงใส่ผมแว๊บนึง ก่อนที่สีหน้าของมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นเศร้า ฝ่ามือหนาของมันที่หยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบ สันกรามที่ทำมุมรับกับจมูกโด่งคมของมัน เป็นภาพที่ดูดีจนละสายตาไปไหนไม่ได้ ลูกกระเดือกที่ค่อยๆขยับตอนที่มันกลืนน้ำ ก็เป็นผู้ชายที่ดูดีไปหมด ใช่มันดูดี ดูดีจนไม่เคยมองมันไม่ดี



“แล้วมึงล่ะ...”



“หื้ม?”  เป็นงงๆตอนที่อยู่ๆมันก็ถามออกมาแบบนั้น ไอ้บินที่หันหน้ากลับมามองกันด้วยสายตานิ่งๆของมัน มองตรงมาที่ตาของผมอยู่แบบนั้น



“มึงล่ะโอเคไหม ที่ต้องมานั่งปลอบใจกูอยู่ตอนนี้” 



“......กู” 



เงียบไปขนเรียกได้ว่า พออ้าปากออกมาก็ต้องอึกอัก เสหน้าหนีสายตาของมันมองไปทางอื่น ก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแบบทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะตอบอะไรมันออกไป จริงๆไม่ได้คิดว่ามันจะถามออกมาแบบนี้ด้วยซ้ำ



“มึงใจดีกุ๊ก”



“หรอ...”



“คนใจดี ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตกเป็นเหยื่อของคนใจร้ายเสมอนะมึงรู้ไหม”



“หรอ....”   



เป็นอีกครั้งที่ได้แต่ถามตอบคำถามของมันออกไปแบบคนโง่ที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป จริงๆกลัวใจมันจะพูดอะไรออกมาแบบที่ผมเองไม่อยากฟัง



“อืม...แล้วกูก็เป็นคนใจร้าย ไม่ได้เป็นคนดีเหมือนมึงหรือใคร มึงรู้หรือเปล่า”



“อืม มึงมันคือคนใจร้ายจริงๆนั่นแหล่ะ ใจร้ายเหี้ยๆ โดยเฉพาะกับกู มึงมันไม่เคยใจดี”



“จริงหรอ”



“ถามมาได้หมาไม่แดกเดี๋ยวกูถีบยอดหน้าให้” 



ขมวดคิ้วสะบัดหน้ากลับไปด่ามันตอนที่มันถามออกมาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนส้นตีนแบบนั้น แต่พอหันหน้าไปมองมันก็รู้สึกได้ถึงคำว่าพลาดในทันที  ไอ้บินที่มองมาพร้อมรอยยิ้มทั้งหูทั้งตา สีหน้าแพรวพราวต่างจากก่อนหน้านี้แบบสิ้นเชิง



มึงไม่ทำกูหรอก”



“ต่อจากนี้กูจะทำ...”



“มึงจะทำอะไรก็ได้กูยอมทั้งนั้นแหล่ะ แค่อย่าไปกับไอ้ตุ๊ดปลอมนั่นอีกก็พอ”



“มึงอย่ามาว่าว่าพี่มันแบบได้ไหมวะ พี่มันเป็นคนด... อื้มม อื้ออ” 



“มึงไม่ไปหรอก กูรู้...”  มันผละหน้าออกไปน้อยๆ แม้ว่าตอนนี้ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะยังคงคลอเคลียจูบซับไปตามริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิ่งอยู่ก็ตาม



“แต่กูไม่รู้ว่ากูจะอยู่ตรงนี้ บนความสัมพันธ์ที่มึงไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ได้นานหรอกนะบิน”



“ฟังกูนะกุ๊ก...มันไม่มีหรอก ความสัมพันธ์ที่มันไม่คิดอะไร มันไม่มีหรอก



“แล้วมึงคิด...อื้ออ” 



มันที่ผละหน้าออกมาพร้อมพูดชิดริมฝีปากของผมในตอนนั้น มองตาของมันทั้งๆที่ตัวเองยังคงสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูดเลยสักนิด ไม่เข้าใจมันเลยสักอย่าง ยังไม่ทันที่จะเข้าใจอะไรมากไปกว่าเมื่อก่อน แค่อ้าปากถามมันกับสิ่งที่อยากจะรู้ แต่อีกฝ่ายก็แนบริมฝีปากอุ่นร้อนของมันก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง ทั้งร้อนทั้งอบอุ่น เป็นความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งหัวใจพร้อมๆกับความรู้สึกของน้ำตาที่อยากไหลลงมาพร้อมๆกัน



คุณเคยเป็นหรือเปล่า ที่รู้ว่าทางข้างหน้าเป็นปากเหว แต่เราก็เลือกที่จะตกลงไป เพราะคิดว่าคนที่อยู่บนพื้นดินข้างใต้ จะเป็นใครสักคนที่เรารอคอย



...



(คาราเมล)


‘ปึก’



ผมที่ปิดประตูลงกลอนเข้ามาในห้องใหม่ ห้องๆนึงที่พอมองไปรอบๆแล้วในตอนนี้มันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย



ห้องนอนแขก



“คุณเมลพักที่ห้องนี้ก่อนนะคะ ป้า...คือป้าเอาข้าวของมาไว้ให้แล้วค่ะ คุณทัพฝากป้าจัดการ คือ...หวังว่าคุณเมลจะอยู่ได้นะคะ”



คำพูดของป้าแม่บ้านก่อนหน้านี้ดังเตือนเข้ามาในสมอง ท่าทางลำบากใจที่ป้าก็ไม่รู้จะพูดกับผม ข้อความที่บอกว่าผมต้องย้ายมานอนที่นี่เพราะใครสั่ง ผมเข้าใจป้าแกดี ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาที่นี่ที่ก็เห็นคนงานวิ่งกันวุ่นไปหมด ที่จริงก็คงเพราะวุ่นวายที่จะขนข้าวของของผมให้ออกมาจากห้องๆนั้น ห้องที่เจ้าของตัวจริงเค้ากลับมาแล้วและกำลังนอนอยู่ด้วยกันบนนั้น ...



จริงๆก็ไม่น่าสำคัญตัวผิดเอาของไปไว้เยอะแยะจนชินเลยจริงๆ ...



 คิดแบบนั้นแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอนหลังใหม่ที่ผมไม่เคยมานอน มองเห็นข้าวของที่ผมไม่คุ้นเคยเพราะเฟอนิเจอร์พวกนี้เป็นสีโทนอ่อนแตกต่างจากห้องนอนที่ผมเคยนอนที่เน้นสีแดงสีดำเอาไว้เป็นหลัก มองไปที่มุมห้อง มองเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่พอมองดูก็รู้ว่ามันคงเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระต่างๆของผมที่อยู่ในนั้น



“อึก ฮึก ฮึก” 



ความร้อนที่กระบอกตาลามลงมาถึงหัวใจ และน้ำตาของผมก็ไหลลงมาอีกครั้งในตอนนั้น ได้แต่ยกขาขึ้นชันเข่าอยู่บนเตียงกว้าง เอามือมากอดตัวเองไว้เท่าที่จะทำได้ พยายามกอดตัวเองเอาไว้เพื่อเยียวยาเศษเสี้ยวหัวใจของตัวเองที่ยังพอเหลืออยู่



“ฮึก...อึก ฮื่ออ”



‘สวบ สาบ สวบ พลึบ’



“เมี้ยววว งึด”  ผมที่เงยหน้าขึ้นมาตอนที่รู้สึกถึงแรงยวบไปของเตียง และความนุ่มที่ดุนดันอยู่ที่ขาของผม พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องน้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร



“ห...หลง ไอ้...หลง ฮึก อึก”



เอื้อมมือไปรวบตัวเจ้าตัวเล็กตัวนั้นมาไว้ในอ้อมแขน พอดีกับที่เจ้าตัวเล็กก็ซุกตัวเข้าหาผมทันทีเหมือนกัน เหมือนกับว่ามันกำลังรอคอยที่จะกอดปลอบผมอยู่นานแล้ว ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่รู้ว่ามันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้หัวใจผมเจ็บ ผมอยากตีอกชกหัวและกรีดร้องออกมาให้ลั่นเท่าที่ผมกำลังรู้สึกเจ็บปวด แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ มีเพียงแค่นั่งร้องไห้กลั้นเสียงร้องไม่ให้ดังออกไปให้ใครได้ยิน การร้องไห้ที่ทรมารมากที่สุดก็คือเวลาที่เราเสียใจ แต่ทำได้แค่เงียบเสียงแล้วร้องไห้อยู่คนเดียว



“อึก หลง ฮึก... เมล เมลไม่เหลือใครเลย”



พูดออกไปแบบนั้นทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาแบบไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุด กระซิบคำสั้นๆที่พอพูดออกมามันกลับทำได้ยากยิ่งกว่าการร้องไห้  หัวใจของผมเจ็บ เจ็บเพราะคนที่ผมรัก แต่เพราะผมที่มันเป็นคนแบบนี้



มุ่งมั่นและยังไม่เจียมตัว



หลายครั้งก็เลยหลงระเริงไปว่าจริงๆแล้วที่เค้าใจดีกับผมอยู่ทุกวันเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเรามันดีขึ้น ดีขึ้นจนเค้าอาจจะรักผมจริงๆ เหมือนที่ผมรักเค้า...แต่จริงๆแล้วเปล่า เค้าอาจจะแค่ใจดี เค้าอาจจะแค่หลอกผม ทุกอย่างมันอาจจะเป็นแค่ละครฉากหนึ่ง มันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ...ยกเว้น เป็นจริง



“เมี้ยวว เมลล เมี้ยวว”



“ฮึก หลง ฮึก อย่าทิ้งเมลนะ ท...ทัพ อึก ฮึก ทัพก็ทิ้งเมลไปแล้ว ฮึก ฮื่ออ” 



กอดเจ้าลูกแมวตรงหน้าแน่นๆแล้วร้องไห้ออกมาแบบสุดจะทน ไม่ไหว...คาราเมลในวันนี้ ก็คือน้ำตาลที่ถูกเคี้ยวจากไฟจนมันไหม้จนมันขมและใช้การไม่ได้



“เมล เมลจะทำยังไงดี ฮึก อึก ฮื่ออ”



“เมี้ยวว งึด เมี้ยวว” 



เจ้าแมวตัวเล็กที่ทำอะไรมากไปกว่าการยกขาหน้าสั้นๆของมันขึ้นมากอด กอดเท่าที่ขาสั้นๆของมันจะทำได้ เสียงร้องที่ทุกวันจะสดใส แต่วันนี้ไอ้หลงทำได้แค่ช้อนตากลมๆของมันมองหน้าผมที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาแล้วส่งเสียงร้องออกมาแบบแผ่วๆ เหมือนมันกำลังบอกผมว่ายังมีมันอยู่ตรงนี้ เหมือนกับว่ามันกำลังพยายามที่จะปลอบใจผมอยู่ เสียงร้องเล็กๆของมันที่หลายๆครั้งก็เหมือนว่าเป็นเสียงที่มันกำลังเรียกชื่อผมอยู่ ลิ้นเล็กๆของเจ้าลูกแมวที่พยายามเลียไปตามหน้าของผมเหมือนกับมันกำลังเช็ดน้ำตาให้ผม ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้น้ำตาไหล



“อึก ฮึก ฮื่อออ”



.

.

.



   เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมาในชุดนักศึกษาตัวเดิม ชุดเดิม พร้อมๆกับหัวที่รู้สึกปวดจี๊ดๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างมาทุบตุบๆอยู่ข้างในหัว มองเห็นไอ้หลงตัวเล็กนอนซุกอยู่ข้างๆ เมื่อคืนมันไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย แม้ว่าตลอดทั้งคืนผมแทบจะไม่ได้นอน หลับไปสักพักก็สะดุ้งตื่น เผลอหลับไปนิดหน่อยๆพร้อมๆกับน้ำตามาตลอดคืน เป็นความรู้สึกที่โคตรแย่ เหมือนคนขี้แพ้ แต่จริงๆแล้วกูก็ไม่เคยชนะไหมวะ



เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วมองสภาพตัวเองแล้วยิ่งอยากร้องไห้ออกมาอีก โคตรน่าสมเพช หัวฟู ตาดำคล้ำ แถมยังตาบวม สภาพเฮงซวยแบบนี้กูจะไปสู้อะไรคุณณราชาที่แสนสวยแบบนั้นได้วะ คิดได้ไงวะกู โคตรโง่



ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกวัน จริงๆเพราะเข้าไปนั่งงงๆในห้องน้ำนานไปหน่อย เหมือนไม่รู้ตัวว่าควรทำอะไร และเริ่มอะไรจากตรงไหนก่อนดีมากกว่า ผมที่แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ พอเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับไอ้หลงที่นั่งช้อนตามองรอผมออกมาจากห้องน้ำรออยู่แล้ว ท่าทางของมันที่ดูเป็นห่วงผม ถ้ามันเป็นคนก็คงจะดี



“ว่าไงไอ้หนู เป็นห่วงกูหรอ”



“เมี้ยววว”  ยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ อีกฝ่ายก็ค้อมหัวลงมาหาให้ผมลูบให้อย่างออดอ้อน



“ไปกันเถอะไอ้หนู วันนี้เมลจะไปเรียนนะ แล้วจะรีบกลับมา ...ไอ้หลง”



“เมี้ยวว?”   พอเรียกชื่อมันออกไปแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กก็ทำแค่เงยหน้ามองพร้อมเอียงหัว เหมือนกำลังสงสัยว่าเรียกมันทำไม



“ถ้ากูพามึงไปอยู่ที่อื่น จะไปด้วยกันไหม”   



ถามมันออกไปแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กก็ยกอุ้งขาหน้าเล็กๆสั้นๆของมันขึ้นมาตะบบกางเกงของผม แววตาสั่นไหวหน่อยๆที่เหมือนจะสับสน ผมยิ้มให้มันน้อยๆ



“ช่างเถอะ กูก็ถามเหมือนมึงพูดรู้เรื่องอ่ะเนอะ”



“เมี้ยวๆๆ” 



ไอ้ตัวเล็กที่เอาขาดึงขากางเกงผมไม่หยุดพอผมพูดออกไปแบบนั้น ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ก็ตัดสินใจอุ้มมันขึ้นมาแนบอก มองไปรอบๆห้องนี้แล้วถอนหายใจหนักๆ ข้าวของๆผมที่ไม่ได้เอาออกจากกระเป๋าเลยแม้สักชิ้น ลากกระเป๋ามาไว้ที่ประตูเรียบร้อย ก็แค่...เตรียมตัว



‘แกร๊ก’



“อ๊ะ”



“เอ่อ...ขอ ขอโทษครับ”   



เดินออกมาจากห้องก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ผมแทบไม่อยากเจอหน้า ดันอยู่ต่อหน้าในตอนนี้  อาจเป็นเพราะห้องนอนของแขกอยู่ชั้นล่าง โซนช่วงต้องเดินผ่านก่อนไปห้องครัว เพราะแบบนั้นเลยบังเอิญที่ต้องเจอกันแบบนี้



“สวัสดีจ๊ะ น้องเมลใช่ไหม” 



หญิงสาวตรงหน้าที่ผมรู้ดีว่าเธอเป็นใครเอ่ยทักทายผมออกมาด้วยรอยยิ้ม  สมัยผมเข้าเรียนปี1 เคยเห็นหน้าตาของเธอแปะอยู่ตามป้ายแบรนเนอร์โปรโมทมหาลัย เป็นผู้หญิงสวย เรียนเก่ง ฉลาด และมีฐานะดี โปรไฟล์สวยหรูเกรดพรีเมี่ยมที่ไม่มีใครเทียบได้  ดาวมหาลัยในตอนนั้น  ... ณราชา



“อ...เอ่....ครับ สวัสดีครับ”



“หิวอะไรไหม มากินกับพี่สิ” 



เธอว่าออกมาแบบนั้นก่อนจะดึงแขนของผมให้เดินตามเธอไปที่ห้องทานอาหาร  ท่าทางใจดีและสดใสของเธอในตอนนี้ยิ่งทำผมรู้สึกแย่ และกำลังกลัว กลัวที่ต้องเผชิญหน้า...ผมกลัวที่จะต้องเจอกับทัพหน้า และบรรยากาศที่ชวนอึดอัดระหว่างเราสามคน



“วันนี้ทัพหน้าออกไปทำงานแล้ว พี่เลยอยู่คนเดียวเลย มีข้าวต้มกุ้งนะ ว่าแต่ลูกแมวน่ารักจังเลย แมวของบ้านนี้ใช่ไหมเนี่ย”



“เอ่อ...”  ตอนที่ผมนั่งลงบนโต๊ะทานอาหาร เธอเองก็มองมาที่เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนผม หน้าตาน่ารักของไอ้หลงตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่ ไอ้ตัวเล็กของผมทำเสียงขู่ฟ่อๆเบาๆแบบหงุดหงิด



“เอ่อ มันชื่อไอ้หลงครับ”



“ทัพหน้าให้เลี้ยงหรอ หน้าตาน่ารักจังเลยน้า...เห็นทัพหน้าบอกว่าน้องเมลเป็นรุ่นน้องที่คณะ พาเมลมาติว ทัพหน้าดุหรือเปล่า ถ้าดุบอกพี่ได้นะพี่จะจัดการอิตาสามีตัวดีนี่ให้เลย”



รุ่นน้องที่คณะ

พามาติว

สามีของเธอ




...


(มีต่อจ้าาาา)


ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


เธอที่ว่าออกมาแบบเป็นกันเองและใจดีเหมือนคนที่พยายามชวนคนแปลกหน้าคุย คำพูดแบบนั้นที่คนทั่วไปคงไม่รู้สึกอะไร แต่กับตัวผม มันกลับทำให้ลำคอของผมตีบตัน และน้ำตาก็เหมือนจะรื่นขึ้นมาที่ขอบตาแบบไม่มีใครเชื้อเชิญ



ผมมาทำอะไรที่นี่  ผมมานั่งทำอะไรอยู่ที่ตรงนี้  ที่ๆไม่ใช่ที่ของผมเลย



ได้แต่กำมือแน่นๆอยู่ใต้โต๊ะอาหาร อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ แต่ทำไม อย่านะไอ้เมล แค่นี้มึงก็น่าสมเพชมากพอแล้ว อย่าเสือกร้องออกมานะมึง



“น้องเมลดูเพลียๆนะ พี่ขอโทษทีที่ชวนคุยมากไปหน่อย พี่อยากให้เรารู้สึกสบายๆน่ะ”



“ม...ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร ...ผมแค่...พูดไม่เก่ง”



“อ่า เหมือนทัพหน้าเลยน้า รายนั้นก็พูดไม่เก่งค่ะ แต่ทำเก่ง อุ้ย ...พี่หมายถึงการจัดการเรื่องต่างๆน่ะ อย่าคิดลึกน้า ฮ่าๆๆ” 



เสียงหัวเราะที่สดใสมาพร้อมหน้าตาที่สดชื่น  ตัดภาพมาที่ผม หน้าเหี้ยเหมือนมีเมฆฝนเทลงมาที่บนหัวเลยล่ะตอนนี้  ผมเองที่ไม่รู้ตัวว่าควรทำหน้ายังไงดีตอบกลับเธอไปในตอนนั้น ไอ้หลงตัวเล็กที่นั่งทำเสียงฟ่อๆอยู่บนตักก็กระโดดออกไปจากตัวผม



“เห้ย!”



‘เคร้ง เพล้ง’



“ว๊ายย”



“ไอ้หลง! ไอ้เด็กดื้อ”



ทั้งผมทั้งเธอที่เด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้พร้อมๆกัน เพราะทั้งถ้วยขาวต้มแก้วกาแฟที่แตกกระจายหล่นลงไปตามพื้นทำเอาตกอกตกใจ  ผมมองเห็นไอ้ตัวเล็กที่ยืนจังก้าทำหน้าเป็นอยู่บนโต๊ะพร้อมหน้าตาพออกพอใจ



“เมี้ยยววว”



“ไม่ต้องมามงมาเมี้ยวเลยมึง ดื้อจังวะ”



“เมี้ยวๆๆๆ”  มันที่ร้องแบบนั้นตอนที่ผมคว้าตัวมันมาจากโต๊ะ ไอ้ตัวเล็กที่พยายามชี้ไม้ชี้มือไปที่โต๊ะให้ผมดูพร้อมร้องออกมาเรื่อยๆ



“เอ่อ ผมขอโทษทีครับ”



“ไม่เป็นไรจ๊ะๆ ไม่ใช่ความผิดเมลหรอก ส่วนตัวนี้ ดื้อเหมือนกันนะเรา...ถ้าทำแบบนี้ต่อหน้าทัพหน้านะ เรื่องใหญ่แน่เลยน้า” 



เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเสแสร้งอยู่บนหน้าของเธอ แต่ผมกลับไม่ชอบ ไม่ชอบสักอย่างที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้  ผมรู้ดีเธอไม่ผิด  ผมรู้ดีว่าเธอไม่รู้อะไรด้วยเลยสักอย่าง  เธอเป็นแค่ภรรยาสาวแสนดีที่ตั้งท้อง และอยู่ๆก็ถูกลากเข้าไปในแผนฆาตกรรมเธอและลูก แต่เธอรอด...เธอรอดแต่เธอก็เสียลูก  มันคงเป็นความผิดพลาดที่เธอเองก็คงได้รับบาดแผล แต่ผมก็ยังไม่ชอบเธอ ไม่มีตรงไหนที่จะทำให้ผมชอบเธอเลย ผมอยากจะผลักเธอให้กระเด็นแล้วตะโกนถามว่ากลับมาทำไม!



กลับมาทำไมในเวลาที่ผมกับทัพหน้ากำลังดีๆกัน  ทุกอย่างมันกำลังดี เธอกลับมาทำไม!!



“น...น้องเมล ร้องไห้ทำไมคะ” 



“ห๊ะ...ผม...ป...ปะ..เปล่าครับ”   



ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าน้ำตาผมไหล มันไหลลงมาตอนไหนไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ผมที่ทำได้แค่ยกมือเช็ดหน้าของตัวเองลวกๆแล้วจ้ำเท้าเดินหนีออกมา  เดินออกมาเรื่อยๆจนถึงโถงทางเดินติดแอร์ที่ตอนนี้ก็ยังคงเปิดแอร์ฉ่ำๆอยู่เหมือนเดิม



“น้องเมล  น้องเมลคะ น้องเมลเดี๋ยวก่อน เป็นอะไรไปคะ”  เธอที่เดินตามมาแบบไม่เข้าใจ  เป็นผมเองที่ผิด  ผิดที่เข้ามายุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ผมเอง...



ผมผิดเองไม่ใช่เธอ



“ขอโทษครับ ผมต้องไปเรียน”



“อ่า จริงสิ เมลคงรีบและคงเครียดใช่ไหม ... ทัพบอกว่าใกล้จะสอบ เมลอาจจะเครียด ไม่ร้องนะครับ สู้ๆน้า” 



เธอที่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบใจ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมอยากตะโกนบอกว่าอย่ามายุ่ง!  แล้วเธอมารู้เรื่องราวของผมได้ยังไง แค่คิดว่าเรื่องราวของผมถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของทัพหน้าที่นอนกอดกันมาเมื่อคืนผมก็อยากจะอ้วก มันเจ็บจนจุกเหมือนโดนต่อยด้วยหมัดปริศนาซ้ำๆ ต่อยย้ำๆจนจุกแล้วอยากจะอ้วกออกมาตอนนี้



“ถ้าเมลจะไปเรียน งั้นส่งเจ้าตัวดื้อนั่นมาให้พี่มา”



“ไม่!” 



แทบจะทันทีที่ปากไปก่อนสมอง ผมที่จ้องตาเธอเขม็งพร้อมกอดไอ้หลงแน่นๆ  ความรู้สึกวูบนึงที่บอกว่าอย่ามาแย่ง ทำไมเธอชอบแย่ง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เธอไม่ได้แย่ง...ผมต่างหากที่กำลังทำ



“เอ่อ...”



“ขอโทษครับ” 



ได้แต่ตอบออกไปเสียงอ่อย รู้สึกผิดและละอายใจแปลกๆ ก้มหน้ามองไอ้ตัวเล็กที่พยายามเกาะเสื้อผมแน่นๆ มันที่ช้อนตามองหน้าผมแล้วเริ่มร้องโวยวาย



“เมี้ยวๆๆๆ เมลลๆๆ เมี้ยววๆ”



“งื้ม น่าจะติดน้องเมลน่าดู แกติดทัพหน้าแบบนี้บ้างไหมเนี่ย ไม่ติดเจ้าของเท่านี้ ทัพจะดุเอาน้า”



“ไม่ๆๆเมี้ยววๆ” 



ไอ้หลงที่หันไปเถียงแบบเอาเป็นเอาตายทำผมตกใจนิดหน่อย แว๊บนึงที่ผมเหมือนได้ยินมันแหกปากเถียงว่าทัพหน้าไม่ใช่เจ้านายมันด้วยซ้ำ  เธอที่เอื้อมมือสวยมาดึงตัวไอ้หลงไปจากผม ขาสั้นๆของมันที่ยื่นออกมาหาผม  แววตากลมใสสั่นระริกเหมือนมันกำลังจะร้องไห้



“เมลลลลล”



ขาสั้นๆที่ยื่นออกมาพร้อมนิ้วมังคุดของมันที่ทำท่าแบเข้าแบบออกเหมือนกับเด็กที่กำลังกวักมือเรียกให้ผมอย่าทิ้งมัน  น้ำตาใสๆที่คลออยู่บนลูกตาใสของสัตว์ตัวเล็กๆมีหูตั้งๆสีขาว  ผมรู้สึกวูบโหวงตอนที่มันมองมาที่ผมแบบจะร้องไห้



“อะไรกันเนี่ย ฉันเองก็เป็นนายบ้านนี้นะ ทำไมไม่ติดฉันบ้างล่ะหื้ม”



“แง่งงงง”  ไอ้หลงที่ดิ้นตะกุยตะกาย กงเล็บของไอ้ตัวเล็กที่ยกขึ้นมาทั้งน้ำตา  ง้างเตรียมจะฟาดเข้าหน้าสวยๆนั่นในตอนนั้น



“หยุด! ไอ้หลงหยุด”   ไอ้ตัวเล็กที่ชะงักลงไปทันที   ดวงตากลมโตที่วาววับเพราะน้ำตาของไอ้หลงหันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ



“อย่า...อย่าทำคุณณราชา เธอเป็นภรรยาของทัพหน้านะ” 



บอกมันออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ใจผมเจ็บ และเหมือนไอ้ตัวเล็กนั่นจะเข้าใจผมที่ร้องไห้ออกมาไม่ได้  เพราะแบบนั้นที่จบคำพูดของผม ไอ้ตัวเล็กก็กระพริบตาทีนึงและหยาดน้ำตาใสของมันก็ทะลักออกมาจากดวงตากลมโตนั่นอย่างน่าสงสาร  เหมือนมันกำลังเสียใจ เสียใจจากอะไรไม่รู้ แต่ผมเองก็เช่นกัน อยากจะร้องไห้ออกมาแบบนั้น แต่ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ



“ไม่ต้องร้องน่า เดี๋ยวเมลก็กลับมาเย็นนี้ ใช่ไหมจ๊ะ” 



เธอที่ก้มลงบอกไอ้หลงแบบนั้น แล้วเงยหน้ามายิ้มให้ผม  ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้าไอ้ตัวเล็กที่ยังคงส่งขาหน้าของมันยื่นมาหาผม แม้ว่าจะไกลกันจนเอื้อมไปจับมือมันไว้ไม่ได้ก็ตาม



“งั้นไปเรียนเอะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปเดินไปส่งนะ ... เฮ้อ แล้วตรงนี้ทำไมหนาวแบบนี้นะ ทัพเอาแอร์มาติดทำไมเยอะแยะ พี่ขี้หนาวแท้ๆ”  เสียงบ่นไล่หลังที่ทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น



“อ๊ะ ดอกพิทูเนียออกดอกสวยจัง น้องเมลเคยไปดูตรงสวนนั้นหรือยัง?”



“ครับ...เคยครับ”   



เธอที่ถามออกมาตอนที่หันไปเห็น สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งด้านขวามือถ้าหันออกจากตัวบ้าน ที่นั่นผมรู้จัก...มันเป็นสวนที่ทำให้ผมเจอไอ้หลง ตอนนั้นไอ้ทัพหน้าแอบยืนดูผมอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ๆตรงนั้น ผมเองยังจำได้



“ดอกพิทูเนียสวยมากๆเลย ทัพหน้าสั่งคนมาปลูกเอาไว้ให้พี่ล่ะ เพราะพี่กับทัพน่ะสไตล์ต่างกันจะตาย ใครจะทนอยู่บ้านทึมๆทมึนๆแถมมีสิงโตอยู่ด้วยได้ล่ะ อึดอัดมากๆจนต้องแบ่งกันตกแต่งเรือนหอ สุดท้ายทัพหน้าเลยยอมให้พี่ปลูกดอกไม้ตรงฝั่งนั้น ส่วนเค้าไปสร้างกรงเลี้ยงสัตว์อยู่อีกฝั่งนึงล่ะ” 



เธอที่เล่าออกมาพร้อมสายตาที่มองไปที่แปลงดอกไม้ สายตาที่กำลังลำลึกความหลังวันดีๆที่พวกเค้าเคยมีกันออกมาให้ผมฟัง



ที่นี่...ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่พวกเค้าเริ่มต้นสร้างมาด้วยกัน ...



แล้วผม .... คนแบบผมน่ะ



“ดอกพิทูเนียน่ะความหมายมันดีนะ มันเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความไม่สิ้นหวัง เวลาพี่มองไปที่มัน...พี่เองก็จะไม่ยอมสิ้นหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตัวเองกำลังจะหมดหวังเด็ดขาด แม้มันจะยาก แต่พี่จะไม่หมดหวัง” 



เธอที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะสะดุ้งนิดหน่อยเหมือนพูดอะไรออกมามากจนเกินไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ด้วยท่าทีสงบเหมือนเดิม



“พี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ตั้งใจเรียนนะคะน้องเมล คิดว่าพี่เป็นพี่สาวคนนึงก็ได้ ยังไงทัพหน้าก็เหมือนพี่ชายของเรา ก็ให้พี่เป็นพี่สาวละกันนะ”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมหน้าตาที่ยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม



พี่ชาย

พี่สาว

น้องชายงั้นหรอ...



“ผมขอตัวก่อนนะครับ”



“จ้า”



ก้าวขึ้นรถไปในตอนนั้น  ได้ยินเสียงร้องดังระงมมาจากไอ้หลงไม่หยุด  ผมที่ก้าวขึ้นรถไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาแบบไม่สนใจใครอีกต่ไปตอนที่ประตูปิดลง



“อึก...”



พี่ชาย น้องชายหรอวะ .... พี่น้องบ้านไหนเค้าเอากันวะไอ้สัด!



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามา  ปรายสายตามองดูว่าเป็นสายจากใคร แค่มองเห็นชื่อผมก็ต้องกำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่นๆเอาไว้ในตอนนี้   โทรมาทำKอะไรตอนที่กูไม่อยากคุยกับมึงแล้วไอ้ส้นตีน! ... ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังสติแตกจากการอดทนมาก่อนหน้านี้  ก้มหน้าลงพร้อมสะอึกสะอื้นออกมาแบบไม่อายพี่คนขับที่มองมาที่ผมแบบไม่รู้จะทำยังไงดีผ่านทางกระจกมองหลัง



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์ที่สั่นต่อไปแล้วหยุด แล้วกลับมาสั่นอีกซ้ำๆวนไปเป็นสิบๆสายไม่ทำให้ผมยอมลืมตาขึ้นมารับโทรศัพท์  ผมเหนื่อย ผมเจ็บ ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ผมไม่ผิด  ผมเป็นคนที่อยากช่วยแท้ๆทำไมผมถึงต้องมาเจ็บซ้ำๆแบบนี้ ทำไม! ผมอยากรู้ว่าทำไม!!



‘ครืดๆ’



และเพราะความเจ็บจนไม่ไหว ผมตัดสินใจกดรับสายในตอนนั้น



“เมล....”



“โทรมาทำKอะไร!!” ผมที่ตะคอกออกไปจนเรียกได้ว่าเป็นตะโกน  เสียงจากปลายสายยังคงนิ่งทุ้มไม่ต่างจากทุกวันที่ผมเคยได้ยิน  มันดูสบายดี  คงจะดีแน่ล่ะเพราะเมียพึ่งกลับมาไง



“ฟังก่อนเมล...”



“กูไม่ฟัง! มันหมดเวลาที่จะฟังแล้ว อึก ปล่อย! ปล่อยกูไป!”



“เมลใจเย็น กูอธิ...”



“กูไม่อยากฟัง! มึงต่างหากที่ถึงเวลาต้องฟัง ฮึก อึก...กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ ฮึก อึก กูไม่ได้วางแผนฆ่าเมียมึง แต่มึงก็ยังเชื่อ! กูไม่รู้ว่าหลักฐานที่มึงได้มามันมาจากไหน แต่มันไม่ใช่ กูไม่ได้ทำ กูไม่ได้จากลูกน้องไปตัดสายเบรคเมียมึง อึก...กูเปล่าทัพ ฮึก”



ผมที่ระล่ำระลักบอกมันออกไปแบบสุดจะทน  มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันจนแน่น รู้สึกถึงความเจ็บที่เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ท้ายเสียงของผมที่เรียกชื่อมันออกมาอย่างอ่อนแรกทั้งน้ำตา  นี่คือชื่อของผู้ชายที่ผมรักมากๆ .... ทัพหน้า



“เมล...มึงอยู่ไหน ใจเย็นก่อน”



“ฮึก ฮื่อออ กูเคยคิด เคยคิดว่าเวลาจะทำให้มึงเชื่อกูอ่ะทัพ  ฮึก ฮื่ออ... กูไม่ได้ทำ ทัพ กูไม่เคยทำ กูแค่อยากช่วยมึง กูรักมึง กูตามเรื่องของมึง กูให้ลูกน้องพ่อตามมึง ฮึก ตาม ตามจริงๆ แต่เพราะกูรู้ ฮึก...กูได้ยินว่าจะมีคนตั้งใจทำร้ายมึง มีคนตั้งใจรอบฆ่ามึง ฮื่ออ กูเลยให้ลูกน้องตาม แต่ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องไปตัดสายเมียมึง กูไม่ได้วาง อึก แผนแบบนั้น ฮื่ออ ทำไม ทำไมวะ...แค่เพราะกูเป็นห่วงมึง กลัวจะเป็นจะตายว่ามึงจะเป็นอะไรไป แต่ทุกครั้ง ทุกครั้งเลย สิ่งที่กูได้ตอบแทนมาจากมึงมันถึงเป็นแค่ความเจ็บปวดวะ ทำไมวะทัพ ทำไม....”



“เมล ฟังกู...กูเชื่อมึง กูเชื่อแล้ว เมล...ฟังพี่ พี่เชื่อเมล” 



ผมแค่นยิ้มออกมาตอนที่ได้ยินคำตอบจากปลายสาย  ทัพหน้าที่ดูร้อนรนมากกว่าปกติ ผมได้ยินเสียงมันที่ตะโกนสั่งลูกน้องอย่างเร่งรีบ ได้ยินเหมือนชื่อผม ไม่เข้าใจด้วยว่ามันกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจ  ไม่อยากสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว



“ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...”



“เมลเดี๋ยว...จะพูดอะไร ....”



“วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว



“คาราเมล ฟังพี่ก่อน...”



‘ติ๊ด’



ผมที่กดวางสายโทรศัพท์ลงในตอนนั้น  ไม่ได้ฟังว่ามันจะพูดอะไรอีกต่อไป ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ออกมาลั่นรถ สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่นไปหมด ผมเจ็บ ผมแพ้ ผมยอมแล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ไม่เหลือหัวใจ ไม่เหลือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวเอง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่คนขับดังขึ้นมาใน



“ครับนาย ...อยู่ตรง...”



“จอดรถ!” 



ผมที่ตะโกนออกมาเสียงดัง มองลอดม่านน้ำตาตัวเอง มองเห็นพี่คนขับที่ทำตัวไม่ถูก ดูเลิกลั่ก และผมรู้ดีว่าปลายสายของคนที่กำลังพูดอยู่กับพี่คนขับต้องเป็นไอ้ทัพหน้าแน่ๆ  และตอนนี้ผมจะไม่ทน ผมจะไม่กลับไปหามันอีกแล้ว



“จอดรถ! ถ้าไม่จอดผมจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้”



“คุณเมลครับ ใจเย็นก่อนครับ”



“ได้!”  ผมที่เอื้อมมือไปที่ประตูรถในตอนนั้น  ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของไอ้ทัพหน้าที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ที่ฟังไม่ได้ศัพท์  ผมตายก็ได้ ตายก็อาจจะดีกว่าตอนนี้



‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด’



‘ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’



เสียงเบรคยาวเหยียดทั้งลั่นถนน พร้อมๆกับเสียงแตรรถที่ดังลั่นของคันอื่นๆที่ขับตามมา โชคดีที่รถไม่ติด ถนนค่อนข้างโล่งในช่วงนี้  ไม่งั้นคงชนกันยาวเหยียด ผมที่กระชากประตูรถเปิดออกแล้วเดินลงมาจากรถในตอนนั้น  เสียงแตรรถจากคันอื่นๆดังอึกทึกครึกโครม ดังพอๆกับเสียงร้องสะอื้นของผมในตอนนี้  ผมที่ก้าวขาฉับๆออกมาจากถนน คนขับรถที่เปิดประตูตามลงมาแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำหน้าเลิกลักแบบไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ตอนนี้ดี มือของเค้ายังคงถือโทรศัพท์แนบหูอยู่เลย  ผมไม่สนใจแค่ก้าวออกมาจากถนนสองเล่นนั่น รถที่ขับมาไม่ว่ากี่คันในตอนนั้นต้องเบรคกันตัวโก่งเพื่อให้ผมข้ามถนน   



“ฮึก ฮื่อออ”   



เดินมาจนถึงฟุตบาท สุดจะทนสุดจะกลั้น ผมทำได้แค่ทรุดตัวลงนั่งกับฟื้นและร้องไห้แค่นั้น ผมเจ็บ ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องไปไหน ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  เหมือนเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมามันนาน นานจนกัดกินหัวใจของผม ทำให้ตัวผมกลายเป็นคนง่อยเบี้ยเสียขาและไม่รู้ทางไป



‘ครืดๆ’



น้ำตาผมไหลตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา สะอึกสะอื้นมากขึ้นไปอีกในตอนนี้



“ติ๊ด...ฮะ...ฮัลโหล”



“น้องเมลครับ หายไปไหนไม่ติดต่อคุณแม่มาหลายเดือนแล้วนะครับลูก ติดสาวหรอครับ หื้ม คุณแม่ไม่โทรตาม น้องเมลเลยดื้อแบบนี้เลยใช่ไหมเนี่ย”  น้ำเสียงใจดีที่ทำให้ผมต้องสะอื้นออกมาอย่างหนัก ได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วสะอื้นแบบกลั้นเสียงร้องไห้อย่างหนัก ...



“คุ...คุณแม่”



“หื้ม ว่าไงครับลูก ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”



“คุณแม่ครับ”



“เมล เป็นอะไรลูก อยู่ไหน มีอะไรบอกแม่มาเลยครับ” 



น้ำเสียงที่เริ่มร้อนใจของแม่ ทำให้ผมยิ่งอยากร้องไห้  ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ผมพึ่งรู้สึกอยากตาย  เป็นชั่วพลิบตาเดียวเท่านั้นที่ผมอยากกระโดดออกมาจากรถและหายไปให้พ้นๆจากความเจ็บปวดตรงนี้  แต่ถ้าผมกระโดดลงมาเมื่อก่อนหน้านี้  ผู้หญิงคนนี้...เธอผู้ที่ให้ชีวิตกับผม คนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่เรื่องเดียวว่าผมทำอะไรไปบ้าง เธอรู้แค่ความเป็นห่วงและรักผม  แม่เลี้ยงผมมาแบบไม่กดดันและปล่อยให้ผมได้ทำตามใจในสิ่งที่ผมอยากทำ เพราะแบบนั้นผมเลยออกจากบ้านมาเพื่ออยู่คอนโด นานๆทีจะกลับบ้านไปหาแม่ ผมไม่อยากเจอกับพ่อ เพราะพ่อเป็นนักการเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวายในประเทศสีเทาๆนี้  เพราะงั้นหลายสิ่งหลายอย่างเลยทำให้ผมไม่สนิทกับพ่อ แต่สนิทกับแม่มากที่สุด และทำไม...ทำไมผมถึงกำลังจะทำร้ายชีวิตที่เธอมอบให้ผมด้วยความรักมาทั้งชีวิตไป



“ฮึก แม่...แม่ครับ”



“น้องเมล เป็นอะไรลูก ไม่ร้องนะครับ แม่อยู่นี่แล้วลูก”



“แม่ ...ฮึก อึก เมลรักแม่นะครับ”



“ครับลูก ... กลับบ้านไหม แม่จะทำอาหารอร่อยๆที่น้องเมลชอบรอนะครับ แม่รักเมลนะลูก”  น้ำตาผมไหลลงมาในตอนนั้น  ได้แต่สะอื้นตัวสั่นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างถนนในตอนนี้



“เมลรักแม่ครับ”



“ครับลูก”



“เมล ฮึก....เมลไม่เป็นไรครับแม่ เมลแค่เครียดจะสอบ”  เลือกที่จะโกหกแม่ออกไปแบบนั้น ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆดังออกมาจากปลายสาย  อย่าเลย...อย่าให้แม่ต้องเสียใจไปกับผมเลย  แค่แม่รักก็มากพอแล้ว



“เมลครับลูก เกรดไม่ได้วัดความสามารถ ไม่ต้องเครียดมาก เท่าสุดความสามารถของเมล แม่ก็ภูมิใจมากแล้ว รู้ไหมครับลูก”



“ครับคุณแม่”



“เมลครับ ฟังแม่นะ ... ถึงเมลจะไม่เหลือใคร เมลยังเหลือแม่นะครับลูก”



“ครับคุณแม่”



ผมที่รีบกดวางสายลงไปตอนคำสุดท้ายของแม่ เพราะมันกั้นไม่ไหวอีกต่อไป ผมทนไม่ไหว ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ข้างถนนเหมือนคนโง่ กลัว...กลัวว่าแม่จะได้ยินว่าผมร้องไห้หนักเหมือนจะขาดใจแบบนี้แม่จะยิ่งเป็นห่วง



“ฮึก อึก ฮื่อออออ”



‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด’



เสียงล้อรถบดไปกับพื้นถนน ทำให้ผมต้องสะดุ้งตกใจ พร้อมๆกับล้อแม็กสวยที่จอดเทียบฟุตบาธข้างๆผม ได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองผ่านม่านน้ำตา รถสี่ห่วงสีดำคันหรูที่ถูกกดเปิดหน้าต่างด้านข้างคนขับลงมา พร้อมๆกับเสื้อเชิ๊ตสีเหลืองสว่างแสบตาและรอยยิ้มสว่างสดใสที่โผล่มาให้ผมได้เห็นในตอนนี้



“อึก ฮึก ฮึก”



“ฮัลโหลโอโม่ ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย หื้มมม”



“อึก ...นะ...นักรบ”



“เยส และมีไอ้หน้าเสล่อรุกฆาตนี่มาด้วยนะ”  เจ้าตัวที่ยิ้มกว้างถอยตัวหลบให้ผมมองเห็นหน้าคนขับที่ปรายตามามองผมนิดหน่อย



“ดีครับ”  พูดออกมาสั้นๆแค่นั้นพร้อมหน้าตาไม่เป็นมิตร



“ทะ....ทัพหน้าให้ ฮึก พวกนายมาหรอ ฮึก ไม่!”  ผมที่เขยิบถอยตัวหนีทันที แต่นักรบมองมาที่ผมแบบงงๆ พร้อมๆกับรุกฆาตที่ขมมวดคิ้ว



“เห้ยพี่ ขึ้นมา รถข้างหลังด่า”



“มาจ้าโอโม่ พี่จะพาไปลอยทะเลน้าาา~~~~~”



“โดนเมียตบไม่เข็ดไอ้สัด”



“เสือกจ้าไอ้น้อง”



ได้ยินสองพี่น้องที่ตะโกนด่ากันแบบนั้น และเป็นนักรบที่เปิดประตูรถเดินลงมาดึงผมขึ้นไปจากพื้นถนนในตอนนี้...ขอแค่สักที่...ที่ไหนก็ได้ ที่ห่างไกลจากทัพหน้าก็พอ



...



ฮัลโหลดีจ้าาา (ยื่นทิชชู่ให้) อิอิ... แคทหวังว่าทุกคนจะชอบในตอนนี้นะคะ

ขอบคุณคอมเม้นท์ของตอนที่แล้วด้วยนะคะ เยอะมากกกกก

รวมถึงในตอนนี้ แคทอยากฝากข้อคิดไว้ว่า การตัดสินใจชั่ววูบ มันคือการชั่ววูบจริงๆนะคะ แค่วินาทีเดียวเท่านั้น

ที่เราตัดสินใจทำเรื่องน่ากลัว มันเกิดขึ้นได้จริง แคทอยากฝากถึงคนอ่านทุกๆท่าน

หากว่าใครก็ตามที่ตกอยู่ในภาวะนั้น ไม่ว่าจะเสียใจจากเรื่องใดก็ตาม พยายามนะคะ ตั้งสติให้มากๆ

หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ และพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นมากกว่าวันนี้

แคทเป็นกำลังใจให้ และขอให้คนอ่านของแคททุกๆท่านมีความสุขในทุกๆวันเสมอนะคะ^_^ :mew1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o22 อ่านมากำลังหน่วงไฟ เจอพี่รบเข้าไป ต้องปรับอารมณ์ยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอ่อ  นังพี่เหลืองคะ

แกจะเอานายเอกทุกคนไปซ่อนไม่ได้!!!

โดนรุกฆาตต่อยไม่เข็ดช่ะ

แต่มีพี่รุกมาด้วย ให้อภัย :katai3:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอยยยย สงสารคาราเมลมากเลย
เข้ามาก็เจอเรื่องแล้ว ยังทำใจพังซ้ำคือย้ายห้อง

หลงคงดูผู้หญิงออก ดูต่อต้าน และไม่อยากอยู่ด้วย
ไม่เป็นไรนะหลง ถ้าเค้าทำไร เชอร์รี่มาช่วยแน่นอน

ไม่รู้คิดไปเองไหม เหมือนผู้หญิงพยายามแสดงตัว

ทัพหน้าออกตัวตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไร
เพราะน้องคิดว่าถูกหลอกไปแล้ว

เอิ่มมม พี่กล้วยจะมาแบบนี้ไม่ได้นะ
อารมณ์พลิกมากจ้า 5555

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เฮียรบบบบบบบ เนี้ยยพระเอกตัวจริง  :m20:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
มาต่อบ่อยๆนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอออออหลบไปพักใจสักพักเถอะ สติดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมา คุณแม่ก็โทรมาได้จังหวะพอดี เกือบไปแล้วไหมละเมล จากนี้จะเอาไง ให้คิดดีๆแล้วกัน ณราชาก็พอรู้อะไรบางอย่างกับสองคนนี้รึป่าวว่ะ?? ถึงได้ดูพยายาม เซ้นท์มันบอกอะ 5555555 แต่นางก็ไม่ผิดนะ ผู้ซึ่งไม่รู้อะไรอย่างนางดูน่าสงสารออก เว้นแต่บริบทนางจะเปลี่ยนไปเป็นร้าย แต่ถึงยังไงเราก็คิดว่าเข้าใจนางนะ //นี่ถ้าเมลรู้ว่าทัพรู้อยู่แล้วว่าเมลไม่ผิด ยิ่งเหมือนโดนหักหลัง2ชั้นเลยนะ ที่พ่นความจริงออกมานั้น เขารู้ตั้งนานแล้ว เรานี่สับสนเหมือนกันว่าอยากจะให้เมลรู้ว่าเขารู้นานแล้ว หรือจะไม่ต้องรู้ แต่เอาจริงใจก็เลือกให้รู้นะ จะได้เจ็บปวดให้สุดกว่านี้ ทำไมชอบเห็นเมลเจ็บปวดวะ 55555555 อยากให้หนีไม่อะไรกับทัพหน้ามันแล้วไง ปล่อยอ่ะปล่อย อยากเห็นคนทุรนทุราย เมล? ป่าวววว ทัพสิทัพ!! โว้ยยยยย 55555 น้องหลงปลอบเมลใหญ่เลย แต่บทจะร้ายนี่ ไม่มีใครเอาอยู่ ดื้อมากเหมือนกันนะเราเนี้ย 5555 //ว่าแต่บินกุ๊กนี่คืออะไร๊ โอเคแล้วใช่ไหม จูบปานนั้นและพูดแบบนั้น ยิ่งกว่าชัวร์ วุ้ยยยยยยยยยยยอมง่ายจริงเว้ย น่าจะเล่นอีกสักหน่อย แหมะหมั่นไสไง ให้เจ็บมาตั้งนาน ฮอลล นาทีนี้มี10พี่ดาบก็ไม่สู้อ่ะ 5555 //โว้ยยยยยยสนุกกกกกก อยากอ่านต่อ กำลังมันส์ ตอนนี้ในหัวมีแต่เมลหนีไปปปปปปปปปป 55555 ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาต่อ รอตอนหน้าต่อไปเลยค่ะ รรรรรรรร ^^ พี่รบจะพาเมลไปไหนเนี้ย?

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

บทที่28


‘ครืด ครืด’



“สัด รับโทรศัพท์ดิไอ้ห่ารุก เมียมึงตามไง๊ โทรมาขนาดนี้คือไข่ใหญ่ไข่ยานไปแล้วมั้ง สั่นจนจะเสร็จ”



“ไม่ใช่ของกู”



“เอ้า”



“ของกูเอง” 



ผมที่นั่งอยู่ด้านหลังของสองพี่น้องนักรบ รุกฆาต อ้าปากขัดบทสนทนาของพวกมันออกไปแบบนั้น มองเห็นนักรบที่วันนี้ก็เด่นแสบตามาในชุดเสื้อฮาวายสีเหลืองลายสับปะรด ถ้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนที่เจอก็กันมันก็ใส่เสื้อสีโทนนี้ ส่วนรุกฆาตที่ผมพึ่งรู้จักจากการแนะนำตัวจากนักรบ มันใส่เสื้อฮาวายสบายๆแต่เน้นสีดำเป็นหลักลายเดียวกันกับพี่มัน



“ของมึงเองหรอจ๊ะโอโม่ แล้วทำไมมึงไม่รับ กูเสียวฟัน ครืดๆคราดๆอยู่นั่น”



“กูไม่อยากรับ”



“ทำไมวะ”



“แล้วทำไมมึงต้องเสือกเรื่องของเค้าวะ”  เป็นรุกฆาตที่ถามออกมาด้วยเสียงติดจะรำคาญ สายตาคมแค่ปรายตามองพี่ชายตัวเองนิดๆ



“ไอ้ไม่มีน้ำใจ โลกทั้งใบมึงจะมีน้ำใจแค่ไอ้เลิฟไม่ได้ไงสัด สัตว์โลกบนโลกอ่ะเราต้องรู้เรื่องราวบ้าง แบบคะแนนเลือกตั้งจะโผล่ขึ้นมาลอยๆมันก็ไม่ได้ป๊ะ”



“อะ หาคุก”



“ขอโทษ กูอินการเมือง”



“หึ แต่เสือกเรื่องคนอื่นก็เก่งเหมือนกัน”



“เอ๊า! นี่มึงจะเอาใช่ไหม จอดๆลงไปต่อยกับกูให้รู้เรื่องไอ้สัด”



“เห้ยๆ มึงสองคนใจเย็นๆโว้ย! เงียบๆกันหน่อยได้ไหมวะ กูรำค๊าญ!!” 



มองพวกมันเถียงกันจนเหนื่อย สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องยื่นแขนไปกันทั้งสองคนให้ออกห่างจากกัน นักรบที่ยืนมือไปโบกหัวน้องและรุกฆาตก็ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยมาดันหน้าพี่มัน เฮ้อ... มองเห็นมันสองคนที่แยกเขี้ยวใส่กันแล้วปวดหัว  คนนึงพูดมาก อีกคนไม่ค่อยพูดแต่เสือกขัดเก่ง พวกมันสองคนเถียงกันได้ตลอด ตั้งแต่ที่ผมถูกนักรบหิ้วขึ้นมาบนรถ จนตอนนี้ที่มองเห็นเส้นทางที่บอกได้ว่าเป็นทางออกไปชลบุรี พวกมันก็ยังเถียงกันได้เรื่อยๆ ... เถียงกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องไฟเขียวไฟแดง คนขายพวงมาลัยข้างทาง หรือกล้วยน้ำว้าที่ขายตามถนนข้างๆที่นักรบอยากให้จอดซื้อแต่รุกฆาตบอกว่าเกลียดและไม่ยอมจอดให้ พวกมันก็สรรหามาทะเลาะกันได้ โคตรน่าเหนื่อยใจ จริงๆผมโคตรปวดหัว และจิตใจไม่สู้ดี ... แต่ตอนนี้กลับต้องคอยห้ามทัพพวกมัน เพราะกูกลัวตาย เสือกอยู่บนรถมหาภัยตีนผีของสองพี่น้องนี่น่ะสิ  แม่งเอ๊ย รู้งี้นั่งร้องไห้โง่ๆอยู่ที่ฟุตบาธก็ดี ได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมาตอนที่แหกปากตะโกนใส่หน้าพวกมันไปแบบนั้น ก่อนจะถอยตัวกลับมาพิงพนักพิงเสหน้ามองออกไปนอกกระจกอย่างเหนื่อยๆ  ... เสียงสองเสียงที่ทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนหน้าเงียบกริบลงทันที ก่อนจะได้ยินเสียงซุบซิบๆแทน



“โหดว่ะ”



“มาก โอโม่แม่งโหดเนอะ”



“บ่นซุบซิบไรกันวะพวกมึง”



“เปล่าจ้า~~”



“เปล่าครับ~~”   



อยากด่าว่าสัด กระล่อนนักไอ้สองตัวพี่น้อง ... ได้แต่คิดอยู่ในใจ เหนื่อยจนไม่อยากจะเถียง ตอนนี้ผมอยากพัก และอยากหนีไปไกลๆจากที่ๆทำให้ผมเจ็บปวด และที่ๆนั้น ดันเป็นพื้นที่ๆผมอยากอยู่แต่ดันอยู่ไม่ได้ เพราะพื้นที่นั้นไม่มีที่ให้เราอยู่



“นี่โอโม่ ว่าแต่ใครโทรมาหรอ”  ไอ้นักรบถามออกมาแบบนั้นพร้อมหันหน้ามาหาผม มองเห็นสายตาคมๆของมันที่ถอดแบบออกมาจากพี่ชายของมันแล้วต้องเสหน้าหนี



“คนที่ไม่อยากรับ”



“หรอ อยากหนีหรอวะ”   มันที่ถามออกมาด้วยเสียงเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่สายตาคมๆของมันกลับมองแบบคาดคั้น ดูเป็นคนที่ดื้อดึงแตกต่างจากไอ้ทัพที่ชอบทำหน้าตายๆ  มองเห็น



“อืม อยากหนี”



“งั้นวันนี้ไปเที่ยวกับพวกกู”



“ที่ไหน”



“มึงจะอยากรู้ทำไมอ่ะ หน้าตาเหมือนอยากพักไม่ใช่ไง งั้นก็ไปพักแบบไม่ต้องรู้ก็ดีแล้วไหมวะ”



“ตรรกะมึงแปลก”



“มันแปลกได้กว่านี้อีกอยากจะบอกไว้” 



รุกฆาตว่าออกไปมาแบบนั้น ดูเป็นน้องชายที่รักพี่ดี ซึ่งคำพูดของมันดันเป็นคำพูดที่ผมโคตรคิดว่าใช่ แปลกตั้งแต่ที่มันใส่เสื้อสีเหลืองกางเกงเหลืองอ่อนแล้วรองเท้าก็สีเหลืองแล้วล่ะ สดใสจนผมอยากยืมความสดใสของมันมาให้ตัวเองบ้าง



“แปลกที่หน้าตากูนี่ล่ะ ที่เกิดมาแล้วหล่อกว่าพี่น้องน่ะ”



“สัด”



“แล้วนี่พวกมึงจะไปไหน มึงจอดให้กูลงสักที่ก็ได้ เดี๋ยวกูเรียกรถกลับเอง” 



ถามพวกมันออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่ก็นั่งอยู่บนรถของพวกมันมานานแล้ว จริงๆเหมือนพึ่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันอาจจะพาผมกลับไปหาไอ้ทัพก็ได้  พอคิดขึ้นมาได้แบบนี้ ใจมันก็สั่นเต้นรัวเลยทันที



“จริงๆวันนี้ว่าจะไปเที่ยวทะเล ใกล้ๆ”



“มึงไปกันสองคน?”



“ก็บ้าแล้วครับ มีแฟนพวกกูไปด้วย แต่พวกมันไปรออยู่ที่นู้นแล้ว เสือกนัดกันไปแรดจะทิ้งผัว เหอะ ฝัน กูตามแน่” อ๋อ ที่แท้พวกเมียหนี



“เมียหนี?”



“ตบปากเท่าอายุของโอโม่เดี๋ยวนี้ ไอ้ฝาไม่ได้หนีกู”



“ไอ้เลิฟก็อย่าฝัน”



“พวกมึงนี่ล่ะน่าหนีที่สุด”



“พวกผมยังไม่น่าหนีเท่าเฮียทัพหรอกมั้ง เนอะไอ้รุกเนอะ”



“นั่นสิ”  ผมสะดุ้งตอนที่พวกมันว่ากันออกมาแบบนั้น  ตาเบิกกว้างขึ้นไปมองกระจก มองเห็นรุกฆาตที่มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว



“พว...พวกมึงรู้”



“หึ ไม่รู้ แต่หน้าซ้อมันบอก”



“ซ้อพ่อง!” 



“คิกค้าก เอ็นดูเค้านะครับ ซ้อวันนี้ไปเที่ยวกับพวกผมเหอะ สัญญาด้วยเกียรติของคนชอบสีเหลือง กูไม่บอกเฮียหรอก”



“อืม อยากเห็นมันหัวปั่น”



ไอ้สองตัวว่าออกมาแบบนั้น ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจพวกมันได้ไหม แต่ผมไม่รู้ว่าจะไปไหน อยากโทรหาไอ้บินหรือไอ้กุ๊ก แต่คิดว่าพวกมันสองคนก็คงมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ของมันมากพอแล้ว ถ้ามีเรื่องของผมเข้าไปอีกมันจะยิ่งเป็นปัญหา ผมไม่อยากเอาตัวเข้าไปเป็นตัวแปรของพวกมัน  ถ้าจะบอกไอ้อู๋ ก็กลัวเรื่องจะไปถึงหูไอ้แจ ....



“มึงสัญญาว่าทัพหน้าจะไม่รู้ว่ากูอยู่ไหน”



“นี่สรุปหนีเฮียมันจริงๆดิ”  ไอ้รบที่หันมาหาทั้งตัวทั้งหน้า เอาหน้าหล่อๆของมันวางอยู่ที่เบาะของตัวเองจ้องผมแบบไม่อยากจะเชื่อ



“ทำไม”



“ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครหนีเฮียมันไงวะ คิดไงหนีเฮียมันวะ”



“นั่นดิ ยังกับว่ามันจะตามไม่เจอ”



“แต่กูไม่อยากเจอ กู...กูขอร้องพวกมึงได้หรือเปล่า นะ...”  นักรบที่มองผมนิ่งๆ ก่อนจะเบนสายตาไปหาน้องชายตัวเอง พวกมันที่มองตากันนิ่งๆผ่านไปหลายอึดใจ รุกฆาตที่พยักหน้าออกมาน้อยๆแต่ไม่ยอมพูดอะไร ผมมองไปที่นักรบที่หันกลับมาจ้องหน้าผม ก่อนจะถามออกมาต่อ



“งั้นซ้อโอโม่บอกกูมาก่อนว่าคิดยังไงถึงหนีเฮียมัน ทะเลาะกัน?”



“แค่คิดว่าเมียมันกลับมาแล้ว กูจะอยู่บ้านมันต่อทำไม”



“อ่า...เข้าใจแล้ว ว่าแต่...พี่ณราชาฟื้นแล้วหรอ?”



“อืม เมื่อวานกลับมาที่บ้าน”



“เชี่ย ไอ้สัดเฮียทำไมไม่แจ้งเราวะ”



“มึงเป็นพ่อเฮียหรอ ขนาดป๊าเองจะรู้แล้วรึยังเถอะ”



“แปลกๆแหะ ... แต่ถ้าแบบนั้น ซ้อไม่ต้องกลัวนะ กูจะพาซ้อโอโม่หนีเองงงงง ไปเที่ยวกันนะ กูล่ะอยากเห็นคนคลั่งตายจริงๆ”



“สันดานชอบลักพาตัวเมียชาวบ้าน ไอ้K”



“กูสดวกแบบนี้!”



...





“ไอ้สัดบิน มึงจะเรียนหรือจะกดโทรศัพท์กูถามแค่นี้”



“แล้วมึงเสือกไรสัดอู๋”



“ใช่ ดูเสือกจ้า จิ้มไปไหนนักไอ้เหี้ย กูเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว พูดตรงๆเลยว่าอยากรู้อยากเห็นมากครับ”



“กูจิ้มหาไอ้เมล ไม่รู้มันไปอยู่ไหน ถ้าไม่มาเรียนก็น่าจะบอกเพื่อนฝูงหน่อย ใช่ไหมไอ้กุ๊ก...เมลมันโทรหามึงไหม”  ไอ้บินที่ตอบไอ้อู๋ทั้งๆที่ไม่มองหน้าไอ้อู๋ไปแบบนั้น มันแค่ก้มหน้าก้มตากดไลน์ส่งข้อความหาไอ้เมลมาตั้งแต่เช้า มันเงยหน้าขึ้นมาตอนที่หันมาถามผม



“อืม”   



ตอบมันออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ไม่อยากจะตอบ แต่ทำอะไรไม่ได้ ... จากใจจริงๆอยากจะตะโกนออกไปว่า มึงเป็นเหี้ยอะไรมันอาจจะไม่สบายเพราะเอากับผัวหนักก็ได้ไปเสือกเหี้ยอะไรกับมันนักหนา มันมีพี่ทัพหน้าดูแลอยู่แล้วไอ้สัดสาระแน กูนี่!คนที่อยู่กับมึงเวลาที่มึงเสียใจนี่ที่ไม่มีใคร โดยเฉพาะไม่มีมึง! .... อยากตะโกนบอกมันออกไปแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมทำได้ สุดท้ายก็เป็นแค่การตอบรับเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำเป็นจดอะไรลงสมุด ทั้งๆที่การบรรยายของอาจารย์ตรงหน้า มันไม่ได้เข้าหูผมสักนิด



“แม่งเอ๊ย มันยิ่งเอ๋อๆอยู่ จะเป็นไรไหมวะ”  มันที่ยังบ่นออกมาอยู่แบบนั้น  ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ พยายามจะรักษาสีหน้าของตัวเองไว้ให้มากที่สุด ... มึงไม่มีสิทธิ์โกรธมันนะกุ๊ก มึงไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ... ใช่ ไม่ได้เป็นเลย แม้ว่ามึงกับมันจะจูบกันจน



แต่พวกมึงจูบกันแล้วนะ ... แล้วไงกูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน



แต่พวกมึงช่วยกันอะบะล่ะฮึ่มบึ้มบัมไปแล้วนะ .... แล้วไง แค่เพื่อนกันช่วยกันเสร็จ



แต่พวกมึง ...



แล้วไง! มันไม่ได้รักกู!!



‘โครม!’



เสียงของบนโต๊ะแลคเชอร์ที่ร่วงกระจายหล่นลงไปกองกับพื้นดังสนั่นจนอาจารย์หน้าชั้นต้องหยุดบรรยาย  เพื่อนๆในเซคที่หันมองมาเป็นตาเดียว รวมถึงไอ้เพื่อนข้างๆตัวผมทั้งสองคนที่ก็เงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่พวกมันทำอยู่อย่างตกใจไม่แพ้กัน



“กฤติธี มีปัญหาอะไร”



“อ่ะ..เอ่อ ขอโทษครับอาจารย์พอดีผมอยากจะไปเข้าห้องน้ำครับ”



“เสียงดังจริง จะไปก็รีบไป”  ผมที่รีบยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์ไป แล้วก้าวพรวดๆออกมาจากตรงนั้น ไม่ได้หันไปมองว่าไอ้อู๋หรือไอ้บินทำหน้ายังไง  ผมก็แค่อยากไปจากตรงนั้น ที่ๆมีไอ้บินอยู่ แต่มันไม่เคยมีผมอยู่เลยตรงนั้น  ... หลับตาลงช้าๆก่อนที่สมองจะวิ่งไปชนเข้ากับเหตุการณ์ครั้งก่อน ก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้



.

.

.


‘ปัง โครม!’



ขายาวๆของคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากข้อมือของผมยกขาขึ้นถีบประตูห้องของมันปิดเสียงดังสนันหวั่นไหว ก่อนจะพยายามลากตัวผมให้เข้าไปยืนกลางห้องด้วยกันกับมัน



“กูเจ็บ มึงปล่อยกูนะโว้ย!”



“กูไม่ปล่อย!”



“มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะบิน ไอ้สัด! เป็นบ้าก็กลับไปนอนดิวะ แล้วมึงมาพูดจากแบบนั้นกับไอ้เบนได้ไง!”



“ทำไมกูจะพูดไม่ได้”



“มึงพูดไม่ได้ไอ้สัด กูไม่ใช่เมียมึง!”



“งั้นมึงเป็นตอนนี้เลยไหมล่ะ มึงจะได้เลิกสะดีดสะดิ้งออกไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีสักที!เป็นผัวมึงไปเลยจะได้เลิกไปแรดที่ไหนอีด”



“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ! กูจะไปกับใครก็ได้ มันเรื่องของกูไอ้หน้าสัด!”   คำพูดของมันที่ทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าจนสะบัดมือของตัวเองจากข้อมือของมันได้ ก่อนจะผลักอกของมันที่ไม่ได้ตั้งตัวจนเซถอยหลังไปหลายก้าว



“มึงแม่งเหี้ยว่ะบิน”



“เออ กูจะเหี้ยได้มากกว่านี้อีก มึงมานี่!”



“เห้ย มึงปล่อยกูนะเว้ย!!” 



ผมที่ตาเบิกกว้างขึ้นตอนที่มันกระชากตัวผมเข้าไปใกล้จนหน้าชนเข้ากับอกของมัน ไอ้บินที่ดูหน้ากลัวมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับผมสักครั้ง แตกต่างจากครั้งนี้  มันที่มองหน้าผมเขม็งก่อนจะก้มตัวลงแล้วยกตัวผมขึ้นพาดบ่า ก่อนจะก้าวขายาวๆของมันตรงไปที่ห้องนอนของมันเอง



“ไอ้บิน!! ไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย”



“สัด ดื้อนักนะมึง....เออ กูปล่อยแน่!”



‘พลัก’



“โอ๊ย” 



แผ่นหลังของผมที่กระแทกเข้ากับเตียงนอนกว้างในห้องของมัน ได้แต่ร้องออกมาแบบนั้นเพราะว่ามันโยนลงมาไม่เบาสักนิด ในตอนที่ผมตั้งท่าจะเด้งตัวขึ้นมากลับถูกอีกฝ่ายผลักลงไปให้ลงไปนอนหงายอีกครั้ง และเป็นมันที่ตามขึ้นมาคล่อมทับตัวของผมไว้ สายตาที่จ้องผมเป็นสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันทำแบบนี้ทำไม



“ปล่อยกู มาคล่อมไว้ทำเหี้ยอะไร ถอย!”  ว่าออกไปแบบนั้นทั้งดิ้นทั้งผลักอกมัน อีกคนที่จ้องตาผมดุๆแวบนึงก่อนที่มันจะรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมกดลงไปให้จมลงกับเตียง ท่อนขาแข็งแกร่งของมันที่แทรกเข้ามาที่กลางตัวทำให้ท่อนขาของผมต้องแยกอ้ากว้างออกจากกัน ในตอนนั้นที่หัวใจเต้นตึกตัก ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว  ไอ้บินเป็นเหี้ยอะไร!



“ปล่อยกู มึงจะทำอะไร ปล่อย”



“ปล่อยให้มึงออกไปแรดกับไอ้ตุ๊ด ไปอ่อยไอ้เหี้ยเบนรึไง”



“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร มาเสือกอะไรกับเรื่องของเพื่อนแบบกู...อะ อึก อื้มมม” 



ในตอนที่กำลังอ้าปากเถียงมันออกไปแบบเอาเป็นเอาตาย อีกฝ่ายที่แค่ก้มลงกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของผม มันไม่ใช่จูบแรกของเราสองคน เพราะเราจูบกันมาจนเหนื่อยตั้งแต่มัธยม ด้วยความอยากรู้และอยากลองของไอ้บิน และผม คนที่ตามใจมันมาตลอด เพราะคำๆเดียว ..ผมชอบมัน



แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้  ...



ริมฝีปากอุ้นที่กดจูบดูดดุนบดเบียดเข้ามาแบบรุนแรง ลิ้นร้อนๆของมันที่แทรกเข้ามาในโพรงปากของผมเพราะมันที่เอื้อมมือลงไปที่หัวนม นิ้วของมันที่กดและบีบที่ยอดอกของผมจนรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว



“อื้ออ”  ผมที่พยายามจะดิ้นหนีออกจากการเกาะกุมของมันให้มากที่สุด เพราะสภานการณ์ตอนนี้ที่ไม่เหมือนเดิม ไอ้บินที่เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อของผมออกและแหวกสาบเสื้อออกจากกัน ในตอนที่มันผละหน้าออกจากริมฝีปากของผม ก่อนจะตรงไปกดจูบที่ซอกคอ หัวไหล่  ริมฝีปากอุ่นที่กดจูบดูดดุนแรงๆให้เนื้อของผมขึ้นสี  ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของมันที่ไม่ต่างจากกระทิงดุตอนเห็นผ้าแดง



“อ๊ะ บิน...อึก กูเจ็บ”  บอกมันออกไปด้วยเสียงสั่นๆ ตอนที่อีกคนกัดลงที่ข้างๆหัวนม มันที่ตั้งใจเหมือนจะทำรอยไปทั่ว



“ดี กูจะกัดให้มึงจำ กูจะทำรอยให้คนอื่นแม่งรู้เลย”



“อื้ออ อย่า”  ร้องออกมาตอนที่มันครอบริมฝีปากลงที่หัวนม  ลิ้นร้อนของมันที่ถูวนไปรอบๆก่อนจะขบกัดเบาๆลงไป ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็เลื่อนไปบีบเฟ้นอีกข้างอย่างเท่าเทียมพร้อมๆกันไป



“บ...บิน”



“มึงชอบกูไอ้กุ๊ก”  เสียงเข้มที่ทำให้ดวงตาของผมต้องเบิกกว้างขึ้นมาตอนที่เสียงกระซิบแต่ชัดเจนไปทั้งหัวใจ  มองหน้าคนบนตัวที่จ้องมองหน้าผมนิ่งๆในตอนนี้



“...มะ...มึง...มึงรู้”



“หึ มีแต่มึงที่ไม่รู้”



“กู...กูไม่รู้อะไ...อื้อออ” 



ริมฝีปากร้อนที่ไม่ยอมให้ผมได้พูดจบประโยค มันที่กดจูบลงมาอีกครั้ง พร้อมๆกับช่วงล่างของมันที่บดเบียดเข้ามาหาช่วงล่างของผม รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ได้แต่จิกเกร็งปลายเท้าในตอนนั้น ตัวตนของไอ้บินที่ถูไถผ่านกางเกงทำให้ผมขนลุก รับรู้ถึงขนาดและความแข็งขืนที่ดุนดันอยู่ในตอนนี้



“บ...บิน”  ร้องออกมาตอนที่อีกคนกระชากกางเกงของผมออกจากตัว ผวาเฮือกจนต้องเด้งตัวขึ้นนั่ง  รู้สึกเหมือนสติกำลังจะแตก  ไอ้บินรู้ ไอ้บินรู้ว่าผมชอบมัน  มันรู้ว่าผมคิดอะไรกับมัน  แล้ว...แล้วตอนนี้ ผมกับมัน



“มะ...ไม่เอาบิน ไม่”



“ทำไม!” 



มันที่ตะคอกเสียงดุแล้วกระชากกางเกงผมออกจากข้อเท้า  สายตาดุๆที่มองมาที่ผมอย่างหัวเสียทำเอาผมตัวสั่น รู้สึกร้อนไปทั้งขอบตา  ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผมรู้สึกเกินมา กำลังจะถูกมันเกลียด  มันทำแบบนี้กับผมเพราะมันเกลียดผม



“มึง อึก...มึงเกลียดกูมากเลยหรอวะ ฮึก...แค่เพราะกูชอบมึง มึงเลยต้องโกรธต้องเกลียดกูมากขนาดนี้เลยหรอวะ” 

ผมที่ถามมันออกไปแบบนั้น  พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด  ไอ้บินที่เห็นผมถามออกไปแบบนั้น เหมือนมันจะชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เจ้าตัวเริ่มถอดกางเกงตัวเอง  ได้ยินเสียงมันถอนหายใจหนักๆแล้วผมยิ่งอยากร้องไห้



“เฮ้ออ มึงคิดไปไหนวะไอ้กุ๊ก”



“ฮึก มึงเกลียดกู แล้วจะมาทำแบบนี้ทำไมวะ ของขวัญปลอบใจกับคำอำลาสุดท้ายของคำเป็นเพื่อนหรอ ฮึก”



“สัด คิดไปใหญ่ คิดเองเก่ง”



“ก็แล้วมันจริงใช่ไหมล่ะ มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู แล้วจะมาเอากู อึก อื้มมม” 



ตัวผมที่ถูกผลักจนหงายหลังลงไปนอนอีกครั้งด้วยแรงของคนตรงหน้า มันที่ขึ้นมาคล่อมทับผมเอาไว้อีกครั้งแล้วกดจูบลงมาหนักๆเหมือนจะทำโทษ



“อึก อื้มมม”



“กูเกลียดน้ำตาของมึงที่สุด”  ผละออกมามองหน้าผมที่นอนหอบเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างของมันในตอนนี้  ผมได้แต่มองมันอย่างสับสนไปหมด



“มึงไม่ได้ชอบกู มึงชอบไอ้เมล” 



ผมเองก็พูดออกไปแบบนั้น มองเห็นไอ้บินที่ชะงักไป สายตาของมันที่เหมือนจะสาดแสงโมโหใส่หน้าผมหน่อยๆ ก่อนมันจะหายไปในนาทีต่อมา



“อย่าทำอะไรกูเลยนะ ถ้าไม่รักกัน ก็ปล่อยกูไปเถอะ กูจะไป...ไปจากมึงและกลับมาเป็นเพื่อนกับมึงเองนะ”  แค่ขอร้อง ขอร้องให้ผมได้มีเวลาทำใจบ้าง



“กูไม่ให้ไป!”



“แต่กู...”



“ลองมึงไปจากกูสิ ลองมึงไปกับไอ้ตุ๊ดนั่นอีกครั้งสิ กูปล้ำมึงแน่ไอ้กุ๊ก”



“พูดเหี้ยอะไรของมึงวะบิน ไอ้เหี้ย กูขอเวลาหน่อย มึงทำไมใจร้ายจังวะ”



“กูใจร้ายกว่านี้อีกกุ๊ก กูไม่ยอมให้มึงไปหลอก”



“อ๊ะ อื้ออบิน...อย...อย่า”   



ร้องห้ามออกมาตอนที่มันเริ่มขยับตัวเอาแกนกายขนาดใหญ่ที่ผมพึ่งเคยเห็นและสัมผัสเป็นครั้งแรกทาบทับลงมาที่แกนกายของผม ดันอกแกร่งของมันออกไป ไม่..เราจะเกินเส้นของเพื่อนไปมากกว่านี้ไม่ได้



“กู ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึง มึงต้องรับผิดชอบสิ” 



มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มร้าย อยากจะดิ้นหนี แต่อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมาดูดดึงที่หัวนมกันอีกครั้ง  สะท้านไปทั้งตัวได้แต่แอ่นหน้าอกขึ้นอย่างน่าไม่อาย ปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายเริ่มลากไล้ไปบนไหล่ และเอวของผม



“เดี๋ย..ว.. “ “ไม่เดี๋ยว”   



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น มันที่เอื้อมมือลงไปกอบกุมแก่นกายที่ชูชันของผมและของมันเอาไว้เต็มกำมือ ก่อนจะเริ่มถูส่วนปลายเล่นอย่างหยอกล้อ เสียงครางฮือในลำคอดังขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือหนาของมันที่โอบรูดแกนกายของผมและมันตั้งแต่โคนจรดปลาย แม้จะกำไม่รอบแต่กูยังคงถูไถแกนกายของกันและกันเข้าด้วยกัน



“ซี๊ด…อ๊ะ” 



หน้าท้องหดเกร็งเพราะความเสียวจนต้องร้องครางออกมา ไอ้บินที่ผละหน้าลงไปกดจูบที่ซอกคออย่างแผ่วเบา เริ่มปวดหนึบกลางลำตัว รู้สึกดีมากทั้งๆที่ใจก็อยากจะห้าม



ร่างสูงที่เลื่อนมือไปประครองใบหน้าแล้วโน้มตัวลงจูบริมฝีปากบดคลึงเล่นเพียงน้อยนิดแล้วจูบแนบลงไปอีกครั้งทว่าร้อนแรงกว่าเดิม ทั้งๆที่มือก็ยังคงขยับเข้าออกเป็นจังหวะ



 “อื้ออ… …” ขยับฝ่ามือไปพร้อมๆกับที่สะโพกแกร่งและสะโพกของผมก็โยกตามจังหวะขยับมือ…



“มะ… มันเสี…เร็ว อ๊าส์…”   ร้องออกไปแบบนั้นพร้อมๆกับฝ่ามือหนาชักรูดเร็วแรงไม่หยุดมือ จนต้องครางเสียงกระเส่าอย่างลืมอาย



 “เสร็จพร้อมกันนะ”



“ม- ไม่… ไหว… อะ..อ๊ะ”



ความปวดหนึบเริ่มก่อตัวจนแกนกายแข็งขืนสู้กัน บีบรัดจนอยากแตกเสียตอนนี้ ฝ่ามือหนาที่รูดถี่ยิบพร้อมกับสบตามองมาที่ผม



“อืม… ซี๊ดด”  ไอ้บินที่ใช้นิ้วขยี้ส่วนปลายทั้งสองเข้าหากันอีกครั้ง รั้งมือแรงๆ อีกสองสามทีก่อนที่แกนกายทั้งสองอันจะกระตุกพร้อมกันสองสามครั้ง ฉีดพ่นน้ำออกมาตามแรง



“บิน.. อ๊ะ… อ๊า!!”



“ซี๊ดดด ...กุ๊ก”   



แฉะเปื้อนเต็มมือที่กอบกุมแท่งเอ็นสองแท่งไว้ แถมเลอะเปรอะไปยังขาของผม เสียงหอบหายใจดังแข่งกันท่ามกลางความเงียบ  ใบหน้าคมของมันที่จ้องมองมาที่ผมอย่างมีความหมาย แต่ผมกลับไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร



“บ...บิน เพื่อนกัน...มันไม่ทำแบบนี้”



“ก็แล้วใครว่าเพื่อนกันล่ะครับ”



“มึง...”



“รอดูกูนะกุ๊ก...แค่รอดูกู”




.

.

​.



รอดูงั้นหรอวะ มึงให้กูรอดูอะไร.



‘ครืดๆ’



แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารทำให้ผมต้องสะดุ้งออกจากภวังค์  เรื่องราวเลยเถิดจนมาถึงตอนนี้  ... ยกมือถือขึ้นดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว  ลืมไปเลย



“ฮัลโหล”



[หนูกุ๊กๆกิ๊กๆ ยังไม่ตายยังมีชีวิตอยู่ดีใช่ไหมคะ?]  เสียงสองที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้ต้องกรอกตามองบนกับประโยคแรกที่ทักทายกัน



“ยังไม่ตาย ปากเจ๊มึงนะ”



[ปากสวยๆหรอ ชิมไหม หวานๆค่ะ อิอิ]  อีกฝ่ายที่ตอบกลับมาออกมาตามสไตล์ ผมยิ้มอ่อนตอนได้ยินแบบนั้น เอาตัวพิงกับที่ล้างมือในห้องน้ำออกมาอย่างเหนื่อยๆ เงียบเสียงไปยังไม่ได้ตอบอีกฝ่ายออกไปในตอนนั้น



[หนูคะ เป็นอะไร?]   



“หื้ม...ทำไมคิดงั้น”



[เป็นอะไรคะ? พี่ไปหาไหม?]



“ไม่ทำงานหรอวะพี่”



[เดี๋ยวไปหา มีเรียนไหม] 



ปลายสายที่ว่าออกมาแบบนั้น คนที่ไม่ยอมตอบคำถามของผม แต่น้ำเสียงกลับเปลี่ยนไปไร้ซึ่งเสียงสองแบบปกติ   ผมที่ชั่งใจนิดหน่อยในตอนนั้น แต่พอสมองที่นึกไปถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ก็ต้องเม้มปากเข้าหากันจนแน่น ผมไม่อยากกลับไปในตอนนี้  ไม่อยากรู้ว่าไอ้บินสนใจไอ้เมลมากเท่าไหร่ มันไม่ใช่ความผิดของเมล แต่ผมก็โกรธ ผมอิจฉาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ บินก็ไม่เคยมองเห็นผมเลย



"ผม...ผมรอนะ”



“ครึ่งชั่วโมงนะคะ”  อีกฝ่ายที่ตอบออกมาในทันที  ผมหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะตอบรับออกไปด้วยเสียงเบาๆแค่คำว่า “ครับ” แค่คำเดียวแล้ววางสายไป



.

.

.


(มีต่อจ้าาา)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


(ต่อจ้า)



(บิน)



“สัด ไอ้เมลแม่งตายหรอวะ ไลน์หาโทรเท่าไหร่ก็ไม่รับ แล้วนี่ไอ้กุ๊กแม่งหายไปไหนวะ”  ผมที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ หันไปถามไอ้อู๋ที่มันเองก็พึ่งเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือมันเหมือนกัน  เห็นก่อนหน้านั้นมันเข้าไลน์ไปเต๊าะเด็ก



“มึงพึ่งรู้ตัวหรอวะว่าไอ้กุ๊กไม่อยู่”  มันหันหน้ามาถาม หน้าตาของมันที่มองผมแบบไม่พอใจเท่าไหร่



“ทำไม”



“ถามคำถามเหมือนแดกหญ้านะไอ้สัด”



“เอ้า มึงมาเหวี่ยงกูทำไมวะ”



“กูถามจริง ตอนนี้มึงกับไอ้กุ๊กเป็นอะไรกัน”   



มันที่ถามออกมาแบบนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย มองหน้ามันที่มองตาผมนิ่งๆ  เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานเลยยากที่จะโกหกคนแบบมันได้ ทำได้แค่เสหน้าหนีไปแล้วเงียบ ... จะพูดว่าเพื่อนก็ไม่เต็มปาก จะพูดว่าแฟนก็ยังไม่ใช่



“กูเห็นรอยที่อกไอ้กุ๊ก”



“สัดอู๋”  ตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจจนต้องจ้องหน้ามันเขม็ง เป็นห่าอะไรต้องมาดูหน้าอกมันวะแม่ง!



“มึงจะมาโมโหกูทำเหี้ยอะไร กูจะมองอกมันยังไงก็ได้ เพื่อนแบบมึงไม่มีสิทธิ์โมโหด้วยซ้ำกูจะบอกให้ ต่อให้ใครจะขึ้นคล่อมดูดหัวนมมันมึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำเหี้ยอะไรทั้งนั้น เพราะมึงกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน”



“แม่ง มึงกวนตีนยั่วโมโหกูหรอไอ้สัดอู๋”



“หึ กูไม่กล้ากวนตีนมึงหรอกเพื่อน คนที่กวนตีนมึงได้คือไอ้กุ๊กนู่น”



“ทำไมมึงหมายความว่าอะไร”



“ไม่ได้หมายความว่าอะไร แค่จะบอกว่ามันไม่กลับมาเรียนแล้วนะ”



“มึงรู้ได้ไง ทำไม”  รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกตอนที่เห็นไอ้อู๋ยกยิ้มทำหน้ากวนตีนไม่ยอมบอกกันสักที  ไอ้สัดเอ๊ย หงุดหงิดว่ะแม่ง



“ไม่ทำไม ไอ้กุ๊กมันก็แค่ออกไปกับเจ๊ดานี่แล้ว”



“มึงว่าไงนะ!” 



ถามมันออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับที่เด้งตัวลุกขึ้นยืนจ้องหน้าไอ้อู๋เขม็ง ความรู้สึกร้อนๆในอกคันยุบยับๆแบบอธิบายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือรู้สึกอยากทำลายข้าวของและอยากถีบไอ้อู๋ที่ยังทำหน้ากวนตีนใส่กันอยู่ในตอนนี้ด้วย



“บุลิน ส่งเสียงดังอะไรไม่ทราบ นี่เธอกำลังอยู่ในห้องเรียนนะ!” 



เสียงจากอาจารย์ประจำวิชาที่ตะโกนออกมาในตอนนั้น หันไปมองก็เห็นจารย์มองลอดแว่นตรงมา ในมือมีปากกาที่เตรียมพร้อมจะเขียนหักคะแนน แม่งเอ๊ย!



“โทษครับอาจารย์ ผมขอตัวไปห้องน้ำ” 



บอกอาจารย์ออกไปแบบนั้นแล้วเดินออกไปจากห้องแม่งเลย  ได้ยินเสียงอาจารย์ดังไล่หลังมาว่า ‘ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันเสียงดังอะไรกันนักกันหนา’  ไม่สนใจเสียงดังของอาจารย์  ผมแค่จ้ำพรวดๆออกมาจากห้องแล้ววิ่งลงไปจากตึกเรียน ตั้งใจว่าจะต้องไปตามไอ้กุ๊กออกมาจากไอ้ตุ๊ดปลอมร่างควายนั่นให้ได้ แม่งเอ๊ย หงุดหงิดชิพหาย ไหนพูดกันแล้วไงวะ อย่าให้เจอนะไอ้กุ๊ก กูจะไม่ปล่อยมึงเลยแม่ง



หันซ้ายหันขวา เดินตามไปจนถึงลานจอดรถแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของมัน  สัดเอ๊ย  ... หงุดหงิดจนต้องหันไปถีบถังขยะแถวๆนั้นระบายอารมณ์



‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความไลน์ที่ดังขึ้นมาในตอนนั้น ทำให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพอเห็นข้อความที่เข้ามายิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปอีก



อู๋:[[มึงไม่ต้องตามหาไอ้กุ๊กให้เหนื่อยหรอกเพิ่ล มันขึ้นรถไปกับพี่ดาบนั่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่กูพึ่งบอกมึงน่ะ อิอิ]]



“ไอ้สัด!”  หงุดหงิดจนต้องสบถออกมา ถ้าอยู่ใกล้ๆกูจะถีบหน้ามึง



อู๋:[[มึงน่ะขึ้นมาเก็บกระเป๋าเลย ไอ้กุ๊กก็บอกให้กูเก็บให้แล้วคนนึง กูหนัก ไวๆจ้า เมี้ยวๆ]]



บิน:[[K!]]



แม่ง  ไอ้กุ๊กนะไอ้กุ๊ก เดี๋ยวมึงเจอ!



...



“ยู้ฮู้ววววว ลมเย็นๆเรามานั่งชักว่าวววว”



“เพลงเหี้ยอะไรของมึงวะ” 



อยากขอบคุณไอ้รุกฆาตที่อ้าปากออกมาขัดพี่ชายมันเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยของวัน แต่ก็ถูกของมัน เพลงเหี้ยอะไรของมันวะ  ...



ผมที่ยืนงงๆอยู่บนชายหาด ลมเย็นๆพัดตีหน้า มองไปที่ด้านหน้าเป็นทะเลที่สีไม่ถึงกับเขียวครึ้มเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ก็มีความใสบ้าง ทะเลชลบุรีไม่ได้น่ากลัวสกปรกเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ



“มึงโทรหาไอ้ฝายัง”



“นู่นไง พวกมันมากันนู่นแล้ว” 



นักรบที่ว่าออกมาแบบนั้น พรางบุ้ยปากไปทางด้านหลังของผม พอหันกลับไปก็มองเห็นผู้ชายร่างโปร่งสองคนที่กำลังเดินมา คนนึงที่ผิวขาวจัด ใบหน้าได้รูปที่มีแพขนตาสวยและทำผมสีน้ำตาลแดง ส่วนอีกคนที่มีใบหน้าได้รูปดวงตากลมโตที่กำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้มน่ารักและกำลังหัวเราะสดใสให้กับคนข้างๆ



“ขำเหี้ยไรนักไอ้เลิฟ หน้าตาทุเรศ”



“ปากมึงหรอ หยาบคายไอ้เหี้ย” 



เป็นการทักทายที่ค่อนข้างจะน่ารัก เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เถียงออกมาแบบไม่ยอม กูก็พึ่งเคยเห็นคนที่จะกล้าเถียงคนหน้าตายๆแบบไอ้รุกนี่ล่ะ



“หืม สัดพี่มึง นั่นใครหรอ?”  เจ้าของผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองผมน้อยๆก่อนจะถามออกมา



“อ๋ออ นี่ซ้อโอโม่น่ะไอ้จืด”



“ซ้อโอโม่พ่อง!”  อดไม่ได้ที่จะโพร่งออกไปด่าพวกมันแบบนั้น  มองเห็นน้องผมสีน้ำตาลแดงกับอีกคนที่ถูกรุกฆาตเรียกว่าเลิฟทำหน้าเหวอหน่อยๆตอนที่เห็นผมด่าออกไปแบบนั้น  ก่อนที่ทั้งสองคนจะโพร่งขำออกมาเสียงดัง



“ฮ่าๆๆ ชอบๆ พี่นี่เด็ดมาก ขอบคุณที่ช่วยด่าไอ้สัดพี่ให้นะครับ”



“มึงนี่ยังไงวะไอ้ฝา ผัวโดนด่ามึงชอบใจ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย”



“โดนมากกว่านี้กูก็ตายแล้วไอ้สัดกล้วย”



“เรียกกูกล้วยอีกแล้ว หึ ท่าทางอยากโดนกลัวยนะเมีย”



“ไปไกลๆกู อย่ามากอด แล้วเนี่ย มึงจะเหลืองเหี้ยอะไรนักอ่ะสัดพี่มึง กูคิดว่ากูคบกับพระ Kเอ๊ย”



“ปากมึงนี่นะไอ้ฝา นรกกินหัวมึงแน่” 



นักรบที่ว่าแฟนมันออกไปแบบนั้น ก่อนจะกระชากตัวฝาเข้ามาในอ้อมแขนแล้วลงมือขยี้ผมคนตรงหน้าตัวเองแบบเอาเป็นเอาตาย แต่มองเห็นจากมุมนี้ก็ยังมองเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่มีท่าทางเล่นๆแบบปกติที่ชอบเห็นจากนักรบ สายตาที่มันมองฝาแตกต่างออกไปจนผมอดจะแปลกใจไม่ได้



“ว่าแต่พี่ชื่อโอโมหรอครับ”  คนที่ยืนอยู่ข้างๆตัวผม คิดว่าน่าจะเป็นแฟนไอ้รุก ... พวกห่านี่หาแฟนน่ารักแบบนี้ขัดกับสันดานมาได้ไงกูงง



“อ่อเปล่าหรอก พี่ชื่อคาราเมล เรียกเมลเฉยๆก็ได้”



“คร๊าบบบ ผมเลิฟนะพี่เมลเฉยๆ”



“เอ๊ะ เลิฟ...นี่มึงกวนตีนหรอ”



“ฮ่าๆ หยอกครับพี่ เลิฟอยากเห็นพี่ยิ้มเยอะๆนะ ยิ้มออกมาแล้วน่ารักดีนะครับ” 



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มจนตาปิดส่งมาให้ผม รอยยิ้มน่ารักที่ทำให้ผมต้องสะกิดใจ คำพูดจากอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่ทำให้ผมสงสัยว่าตอนนี้หน้าตาผมมันแย่มากจนคนอื่นๆมองออกเลยหรอวะ



“เค้าน่ะยิ้มน่ารัก แต่มึงน่ะยิ้มหน้าเหี้ย” 



รุกฆาตที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นผลักหัวเลิฟจนหน้าหงายไปข้างหลัง  เลิฟที่มองค้อนใส่ทันทีในตอนนั้น หน้าตาน่ารักๆของมันมองแรงใส่แฟนตัวเองที่ทำแค่ยกยิ้มมุมปาก



“Kรุก เกลียดมึงแล่ว”



“หรอ แต่กูรักมึงนะ”



“ฮิ้วววว เขิลๆโน๊ะ หน้าด้านเนอะฝาเนอะ บอกรักกันเฉ๊ย”



“โว้ยย ไม่อยากอยู่กับพวกพี่แล้วแม่ง ชอบแกล้งว่ะ”  เป็นเลิฟที่โดนทั้งแฟนและพี่ชายของแฟนล้อออกมาแบบนั้น เจ้าตัวที่หน้าแดงแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปในรีสอร์ทที่จองไว้ทันที



“หึ ทำเป็นเขิน น่ารักตาย” 



ได้ยินเสียงของรุกฆาตที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามแฟนของตัวเองไปติดๆ  ผมมองภาพรอบๆตัวที่ดูจะมีความสุขมากๆแล้วก็ดีใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่รู้สึกว่า กูมาทำเชี่ยอะไรที่นี่วะ ... ที่ๆผมไม่สนิทกับใคร ไม่คุ้นเคย และไม่สบายใจ



“เห้ยซ้อ ถือว่ากูเป็นเพื่อนเป็นน้องก็ได้ อย่าอึดอัดเลย ลืมเรื่องบางอย่างทิ้งไปซะ พักบ้างเหอะซ้อโอโม่” 



หันไปมองไอ้นักรบ มันที่จ้องมาทางผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว สายตานิ่งๆที่ไม่มีแววล้อเล่นเหมือนทุกทีที่ชอบทำ มันที่แค่บอกออกมาแบบนั้น มองเห็นฝาแฟนของมันที่มองมาที่ผมแบบไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทำหน้างงๆเข้ามาใกล้ๆผม เป็นคนที่ถ้าไม่มองนานๆก็จะค่อนข้างจางไปกับพื้นหลังแปลกๆ อาจเพราะฝามันไม่ค่อยพูดหรือเปล่า  แต่ตอนนี้มันกลับเดินเข้ามายืนใกล้ๆผม  ได้แต่มองมันแบบไม่เข้าใจ



“คนเรามันไม่ดีไปทุกวันหรอกพี่ คิดว่าผมเป็นน้องอีกคนนะ เรามาสนิทกันตอนนี้เลยเป็นไง เพื่อนกันพี่กันใจๆกันไป คูลๆอ่ะพี่”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง  พอมันยิ้มออกมากลับสดใสซะแบบนั้น สดใสจนต้องเผลอยิ้มตามมันออกมาเลย ว่าแต่คูลๆเชี่ยไรนะ



“เชรดดด พี่เมลยิ้มแล้วว่ะ กูเก่งไหมสัดพี่รบมึง เนี่ย พี่ฝาคนคูลอ่ะมึงเชื่อยัง คนคูลๆมันเป็นแบบกูนี่แหล่ะครับ” 



มันที่โพร่งออกมาแบบนั้นอีกครั้ง แล้วหันไปทำหน้าโชว์เหนือใส่แฟนมันที่มองมาแบบ ‘เออ แล้วแต่มึงเลยฝา’  หน้าตาไอ้รบมันบอกแบบนั้น  ผมที่เห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มตามออกมาไม่ได้



“ไปๆ พี่เมลเข้าไปข้างในกัน ในนั้นมีเพื่อนผมอยู่ด้วย ถือว่าไปเจอเพื่อนใหม่นะพี่ คนเราอ่ะก็เป็นมิตรกับคนทั่วโลกได้เหมือนลูกเสือสำรองไงพี่”  เอ่อ....อะไรนะ?



“พอๆ ซ้อ มึงไม่ต้องฟังมันมากหรอก เมียกูมันคูล บางทีก็เข้าใจยาก อย่าว่าแต่คนอื่นกูยังไม่ค่อยเข้าใจเลยเถอะ”



“อะไรซิ นี่มึงด่าพี่ฝาคนคูลแบบกูหรือเปล่าไอ้สัดพี่มึง”



“บ้าน่า คิดมากนะมึงอ่ะ”



“ถ้ามึงว่างั้นกูก็สบายใจ”  อะ เป็นคนสบายใจง่ายดี



เอาวะ...มาถึงขนาดนี้กูก็คงวิ่งหนีหารถตู้กลับไปกรุงเทพตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ ถือซะว่ามาพักแล้วกันวะตัวกู



.

.

.

.



“กรี๊ดๆๆผู้ชายจ้า ผู้ชายนะคุณขา หน้าตานัลล๊อกอ่า มีแฟนยังคะ ชื่อซินเซียร์นะคะ”



“แต่มีผัวแล้ว อย่าไปใกล้มันครับพี่เมลเดี๋ยวนอทิ่มพี่นะ” 



ไอ้ฝาที่นั่งอยู่ข้างๆผมร้องบอกออกมาแบบนั้นขัดคำพูดของน้องเซียร์ เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับน้องฝา  ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงจะหกโมง พวกเราออกออกมาเตรียมปิ้งกุ้งปิ้งปู บรรยากาศแบบมาเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อน มองเห็นเบียร์ไวน์ต่างๆอยู่ในลังน้ำแข็งแบบจัดเต็ม



“กรี๊ดดด อิฝา อยากตบค่ะมึง อย่ามาขัดคอกูแบบนี้ มึงควรให้มดลูกกูได้ระริกระรี้บ้าง กูยังไม่มีผัวค่ะ”



“งั้นกูจะโทรบอกน้องจอม ให้น้องจอมบอกน้องชิน”



“กรี๊ดดด อิฝาหอย กูอยากข่วนหน้ามึ๊ง”



“ชอบก็บอกน้องไปสิ มึงจะมาแรดกับคนทั่วโลกแบบนี้ไม่ได้”



“อิฝาหอยมันร้ายนะคะหัวหน้า พออยู่กับผัวนี่มันดื้อนัก”



“ยุ่ง”  ไอ้ฝ่าที่ทำปากยื่นแล้วเถียงน้องเซียร์ออกไปแบบนั้น  น้องเซียร์เป็นผู้หญิงสวย รูปร่างดี ดูคุณหนูสุดๆ ยกเว้นตอนน้องอ้าปากด่าแบบเมื่อกี้นี่แหล่ะครับ



“พี่เมลอย่าตื่นตกใจเซียร์นะคะ จริงๆเซียร์ค่อนข้างเป็นผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ อิอิ”



“ครับ”



“เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่ถูกพับไว้น่ะครับพี่เมล”



“กรี๊ดดดด อิฝา คือมึงจะเอาใช่ไหมคะ”



“เอากับมึงหรอ ไม่เอาอ่ะ กูกลัว”



“มึงต้องโดนกูตีค่ะอินี่”



“เห้ยๆๆ อย่าเข้ามานะโว้ยยยย”   



ผมยิ้มอ่อนๆออกมาในตอนที่น้องเซียร์ถกกระโปรงเดรสลายดอกของตัวเองขึ้นแล้ววิ่งตรงมาหาน้องฝา ไอ้ฝาที่เถียงเพื่อนอยู่ก่อนหน้าก็ยิ้มกว้างแล้วถือกุ้งสดวิ่งหนีไปด้วย คือกูล่ะกลัวพวกมึงวิ่งแล้วหน้าทิ่มเตามากจริงๆ ผมละสายตาออกจากตรงนั้นกลับมามองภาพตรงหน้า ภาพของพระอาทิตย์สีส้มๆเหลืองๆที่เตรียมตัวจะลาลับขอบฟ้า ยกเบีนร์กระป๋องนึงที่ก่อนหน้านี้ไอ้รบเอามาให้กระดกเข้าปาก ก่อนจะหยิบมือถือออกมาดู  วันนี้ทั้งวันพึ่งจะยอมจับ มองเห็นสายไม่ได้รับเป็นร้อยๆสายที่มาจากไอ้ทัพหน้า และไลน์ที่แจ้งเตือนมาจากไอ้บินและเพื่อนๆของผมอีกเป็นร้อย ทักมาเหมือนมีใครตาย ผมถอนหายใจออกมาในตอนนั้น ก่อนจะเลือกกดเข้าไปในแชทเดี่ยวของไอ้กุ๊ก เห็นข้อความล่าสุดที่ส่งมาจากมัน



กุ๊ก:[[เมล มึงไม่มาเรียนหรอวะ]]



กุ๊ก:[[มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเป็นห่วง]]



กุ๊ก:[[ไอ้บินไม่มีสมาธิเรียนแล้ว มันเป็นห่วงมึงมากนะ ตอบมันเถอะ]]



ข้อความที่มาจากมันทำผมต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่ไอ้กุ๊กก็เป็นเพื่อนคนเดียวในตอนนี้ที่ผมอยากจะติดต่อด้วยมากที่สุด เพราะคิดแบบนั้นเลยกดพิมพ์ข้อความไปหามัน



เมล:[[กุ๊ก ... กูอยู่ชล กับกลุ่มเพื่อนของนักรบที่กูไม่รู้จัก กูเหนื่อยว่ะ แต่พวกน้องๆพวกนี้ก็ดีกับกูนะ]]



เลือกที่จะพิมพ์บอกมันออกไปแบบนั้นไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร  แต่ก็อยากจะบอกมันว่าผมยังอยู่ดี ไม่ได้ตาย ถึงแม้หัวใจผมจะเจ็บจนอยากตายก็เถอะ ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกอึก ก้มลงมองข้อความที่ถูกเปิดอ่านในทันที



‘ตื่อดึ้ง’



กุ๊ก:[[ไอ้สัดเมล ไอ้เพือนเหี้ย กูเป็นห่วงแทบตาย อย่าให้เจอนะมึง กูจะโบ้หน้าให้!!]]



เกรี้ยวกราดแม้จะไม่ได้ยินน้ำเสียง  ผมยิ้มออกมาในตอนที่เห็นข้อความของมัน  ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับไป มันก็พิมพ์ตอบกลับมาอีกในตอนนั้น



กุ๊ก:[[มึงอยู่ไหน แชร์โลมา!]]



กุ๊ก:[[แล้วถ้ามึงส่งหน้าปลาโลมามา กูจะถีบหน้ามึง]]



ก็ทำไมต้องดักมุขกูด้วยวะแม่ง



เมล:[[มึง กูไม่อยากให้ใครรู้ ไม่อยากให้ทัพหน้ารู้ด้วย]]



กุ๊ก:[[หมายความว่าไงวะ นี่พี่ทัพไม่รู้หรอ มีเรื่องอะไรวะไอ้เมล รีบบอกกูมา กูสัญญาจะไม่บอกใคร รวมถึงไอ้บินด้วย]]



มันที่ตอบออกมาแบบนั้น มันยังคงเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจได้เสมอ เหมือนมันพร้อมจะช่วยคนนั้นคนนี้ตลอด จนบางทีคนก็ไม่ค่อยจะเกรงใจมัน  ผมถอนหายใจหนักๆตอนที่กำลังคิดว่าจะส่งโลเคชั่นให้มันดีไหม



กุ๊ก:[[กูเป็นห่วงมึงนะ บอกกูเถอะมึงว่าอยู่ไหน ถ้ามึงไม่มีใคร แต่มึงยังมีกูนะ]]



มันที่บอกออกมาแบบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมๆน้ำตาที่ไหลลงมา สุดท้ายก็กดส่งข้อความออกไปบอกมันว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งโง่ๆอยู่ตรงไหน



ผมอยากรู้ว่าจะมีใครเคยเป็นไหม เราได้รับความรักมากมาย จากครอบครัว จากเพื่อน ทุกคนพร่ำบอกว่าเค้ารักเรา ผมรู้อยู่เต็มหัวใจว่าผมไม่ได้ขาดอะไร แต่ความรักพวกนี้มันกลับไม่ทำให้ผมหายเจ็บในตอนนี้  ผมรู้ดีว่าทุกคนรักและเป็นห่วงผม แต่ตอนนี้ผมกลับต้องการความรักจากใครอีกคนที่เป็นไปไม่ได้...มองดูเหมือนการไขว่คว้าความรักจากคนที่ไม่เคยให้เราเป็นการไม่รักตัวเอง  แต่เปล่าเลย...เพราะผมกำลังรักตัวเองอยู่ต่างหาก ผมถึงยังอยากได้ความรักจากคนๆนั้นอยู่ เพื่อให้หัวใจของเราได้เต้นแบบสุขใจอีกครั้งต่างหาก



แต่แน่นอนว่า ... มันเป็นไปไม่ได้



...



“เฮงซวย! คนๆเดียวเป็นเหี้ยอะไรถึงตามหากันไม่ได้!”



เสียงเข้มที่ตะคอกออกมาลั่นห้องทำงาน  ทำเอาพวกลูกน้องใกล้ชิดถึงกับต้องหัวหด  ดวงตาคมที่มักจะเย็นชาและสุขุมอยู่เสมอในตอนนี้เหมือนมีกองเพลิงสุมอยู่ แฟ้มงานที่ถูกปากออกไปเกือบโดนหัวลูกน้องรายนึง ทำเอาเหล่าชายชุดดำลูกน้องใกล้ชิดของทัพหน้าถึงกับต้องก้มหน้ากันพร้อมๆกับตัวสั่น ใบหน้าเกรี้ยวกราดพร้อมสายตาคมที่มองเหมือนแทบจะฉีกร่างลูกน้องทุกๆคนไปรอบห้องช้าๆ



“มึง พวกมึง!อยากให้กูโมโหมากใช่ไหมห๊ะ!!”



“ม...ไม่ ไม่ครับนาน”



“สะเพร่า เลินเล่อ ไร้ประสิทธิภาพ” 



ขายาวที่ก้าวออกจากด้านหลังโต๊ะทำงานช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาที่ละคำๆที่ทำให้ยิ่งกดดันลูกน้องจนเหงื่อแตก  ทัพหน้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องคนนึงที่ก่อนหน้านี้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ให้มาทำหน้าที่แทนธร สายตาคมที่มองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของลูกน้องช้าๆ  ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายจนแน่น



“อึก อัก...น...นาย อึก”  ดวงตาคมเหยี่ยวที่ไม่ต่างจากมจุราชเดินดินถูกจ้องกลับเข้าไปในดวงตาลูกน้อง ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของผู้เป็นนาย มีแต่ดวงตาที่มองสบได้บอกความหมายของความเกรี้ยวโกรธทั้งหมดที่โหมไปทั่วร่างในตอนนี้



“มึง...มึงทำให้เมลมันหายไป!”



“น...นายครับ ใจเย็นครับๆ” 



ลูกน้องคนอื่นๆที่เห็นเพื่อนเริ่มจะหมดลมหายใจรีบเอ่ยเตือนสติ ทัพหน้าที่แสยะยิ้มร้ายๆออกมายังไม่ยอมปล่อย กลับกดหัวแม่มือลงไปที่หลอดลมแรงขึ้นกว่าเดิม  ในจังหวะที่ลมหายใจใกล้หมดลม ความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาช้าๆ ทัพหน้ายิ้มร้ายๆ ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วถีบร่างตรงหน้าลงไปกองกับพื้น



“เฮือกกก แฮกๆ”



“มึง...มึงและพวกมึงทุกคนต้องไปตามหาไอ้เมลให้เจอ! ถ้าไม่เจอ กูจะไม่ปล่อยให้ใครมีลมหายใจต่อไปอีกเป็นครั้งที่สอง จำเอาไว้!”



“ครับนาย!!”  เสียงตอบรับอย่างแข็งขันจากลูกน้องดังตอบรับขึ้นมาพร้อมๆกันพร้อมการก้มหัวให้ผู้เป็นนาย ด้วยรู้ดีว่า...มันจะไม่มีครั้งที่สองจริงๆ



บรรดาลูกน้องที่เฮโลวิ่งกันออกไปจากห้องทำงานทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง ทำให้ทัพหน้าต้องทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องทำงานอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน



เป็นครั้งแรกที่ตัวเค้ารู้สึกอับจนหนทาง ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนหัวใจของผมถูกกระชากออกไปจากตัว ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงล้อบดกับถนน รู้ว่าไอ้เมลมันวิ่งหายไป ห่วงกลัวมันจะเป็นอะไร กลัวไปสารพัด แล้วตอนนี้อีก มันไปอยู่ไหน กับใคร ไม่เคยมีครั้งไหนที่อำนาจของผมจะทำให้หาตัวใครไม่เจอ มันไปไหน...



ได้แต่เอนหัวลงพิงกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆ ต้องขบกรามแน่นๆพร้อมกับกำมือถือไว้แน่นๆ กลัวว่าเกิดไอ้เมลมันโทรกลับมาหาผมจะไม่ได้ยินเสียง กลัวว่าถ้าลูกน้องรู้เรื่องแล้วโทรมาแจ้งผมจะรับโทรศัพท์ไม่ทัน



‘พรึบ’



ลืมตาขึ้นมาในทันที ตอนที่รับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมและความเย็นที่สัมผัสอยู่ข้างแก้ม อาการตอบสนองรวดเร็วจนต้องคว้ามือนั้นไว้



“โอ๊ย ทัพคะ ฉันเองค่ะ” 



ณราชา ... เธอที่เบิกตากว้างมองผมอย่างตกใจตอนที่โดนมือผมกระชากข้อมือของเธอไว้ อาจจะแรงไปจนเธอต้องร้องเจ็บ  ค่อยๆคลายมือออกในตอนนั้น



“ทัพเป็นอะไรไปค่ะ ดูเครียดๆ”  เธอที่นั่งลงข้างๆผมพร้อมๆกับเอาผ้าเย็นเช็ดไปให้ตามลำคอ ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ตอนที่ฝ่ามือสวยเลื่อนลงมาปลดกระดุมที่หน้าอกออกช้าๆ



“เปล่าครับ ชาไปนอนเถอะ”



“ทำไมทัพไม่ไปด้วยกันล่ะคะ” 



เธอถามออกมาอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนหวาน  เธอก็เป็นแบบนี้เสมอเป็นผู้หญิงน่ารักที่ช่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ยิ้มอ่อนๆมาให้ผม ในตอนที่เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ผมชะงักไปในตอนนั้น ใบหน้าสวยที่เอียงเข้ามาหอมแก้มกันพร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่เลื่อนปลดกระดุมตรงหน้าผมออก เธอในชุดเสื้อนอนบางเบาที่ทิ้งตัวลงนั่งตัก ฝ่ามือของผมที่เอื้อมไปวางที่เอวคอด เลื่อนขึ้นไปหาหน้าอกหน้าใจของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน ในตอนที่เอียงหน้าเข้าไปใกล้ หน้าของใครอีกคนที่หายไปก็ทาบทับเข้ามาแทน



‘ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว’



เสียงร้องของใครอีกคนที่ยังดังอยู่ในหูทำเอาผมต้องสะดุ้ง ผละใบหน้าที่กำลังจะเอียงเข้าไปกดจูบคนตรงหน้าถึงกับต้องผละออกในตอนนั้น



“หื้ม ทัพคะ...”



“ขอโทษทีนะชา พอดีผมต้องทำงานต่อ” 



บอกเธอออกไปแบบนั้น ตอนที่อุ้มเธอลงจากตักของตัวเอง ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับดึงคอเสื้อเพื่อติดกระดุมอีกครั้ง  ผมไม่ได้มองว่าณราชาทำหน้ายังไงต่อ เพียงแค่เดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นแค่ใบหน้าสวยที่ยังคงยิ้มอ่อนๆออกมาให้ผม เธอลุกขึ้นในตอนนั้น



“งั้นชาไปนอนนะคะทัพ รีบตามมานอนนะ”



“ครับ ชานอนก่อนเลย”  บอกเธอไปแบบนั้น อีกคนก็แค่พยักหน้าซะห้องรับแขกโซฟาพังไปหมดแล้ว ชาไม่รู้เลยว่าทัพจะยอมให้เลี้ยงแมวด้วย เมื่อก่อนชาขอเลี้ยงทัพยังบอกไม่ชอบเลย”



“อ่อ..มันไม่ใช่แมวของผมหรอก แมวของเมลน่ะ” 



บอกกลับออกไปแบบนั้น เธอก็แค่ยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจส่งมาให้ก่อนจะเดินออกไป  ผมที่มองเธอเดินออกไปจนลับตาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วถอนหายใจออกมาช้าๆอีกครั้งอย่างเหนื่อยๆ



ภาพและกลิ่นสัมผัสของใครอีกคนที่ไม่ควรคุ้นเคย ตอนนี้มันกลับคุ้นเคยจนผมทำใจไปทำอะไรกับใครอีกไม่ได้ ในหัวใจมันเรียกร้องแต่ชื่อคาราเมล  ร่างบางๆที่แอ่นอกตอบรับตอนที่ผมกดจูบลงไปที่หน้าอก ใบหน้าเรียวได้รูปกับแพขนตาชุ่มน้ำที่เชิดขึ้นตอนที่ผมสอดแทรกความเป็นตัวเองเข้าไปในร่าง  เสียงหอบกระเส่าและเสียงครางเรียกชื่อของผมมันไม่ไปไหน ผมยังจดจำมันได้ และตอนนี้...แค่วันเดียว ผมกลับร้อนลุ่มไปหมดทั้งใจ



“มึงหายไปไหนวะไอ้เมล”



‘ตื่อดึ้ง’



เสียงข้อความไลน์ที่เด้งเตือนขึ้นมา ทำให้ผมต้องรีบกดเปิดดูอย่างร้อนใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา กลับทำให้หัวร้อนมากกว่า



“ไอ้สักรบรุก!!”



ได้แต่กำมือแน่นๆตอนที่มองเห็นภาพที่ถูกส่งมาจากไอ้นักรบและรุกฆาตน้องชายตัวเอง ภาพจากไอ้รบเป็นรูปที่มันกอดเอวไอ้เมลเต้น ส่วนอีกรูปจากไอ้รุก คือภาพที่มันกำลังเอียงหน้ากระซิบข้างหูไอ้เมล



‘เพล้ง!’



ขว้างมือถือตัวเองออกไปชนเข้ากับกำแพงกระจกจนหน้าจอแตกและตกกระแทกลงกับพื้น  ไอ้น้องทรพี กูไม่น่าช่วยพวกมึงตอนมึงทะเลาะกับเมียเลย สัดเอ้ย กวนตีนกูนัก



‘ตื่อดึ้ง’



“สัด! จอแตกยังจะยังไม่พังอีก”  โมโหจนต้องสบถออกมาและย่ำเท้าเข้าไปหามือที่สภาพอนาถที่นอนตายแต่ยังทำงานได้ เปิดข้อความที่เด้งมาอีกรอบแล้วยิ่งอยากซัดหน้าคน



นักรบ:[[เฮียยยย อย่าเขวี้ยงมือถือแตกน้า เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้อีกน้า]]



รุกฆาต:[[หึ แต่คิดว่าไม่น่าทัน จอน่าจะแตกไปแล้ว]]



“สัด! พวกน้องเหี้ยยยยยยยย”



อย่าให้กูตามพวกมึงเจอสักคนนะ กูจะไม่เอาไว้สักตัว ...โดยเฉพาะมึงไอ้เมล ให้ไอ้พวกเหี้ยนี่แอบแต๊ะอั๋งอยู่ได้



มึงคือของกูคนเดียว!



จำเอาไว้!!



...



ในตอนนี้ รวมพลคนคิดถึงน้องๆ น้องเลิฟน้องฝาน้องเซียร์ รวมถึงผองเพื่อนนน และความสัมพันธ์ของบินกุ๊กที่ชวนสงสัย มาเฉลยเรื่องในคอนนั้น และพี่ทัพ อิย๊ะฮ่าๆๆ เธอต้องดิ้นตายจ้าาาา

ส่วนเรื่องนิยายมาลงช้า แคทต้องขอโทษนะคะจริงๆนะคะ เพราะแคทไม่เก่งมากเลยทำให้เขียนได้ช้า คนอ่านหลายๆคนที่อยากให้มาลงหลายๆวัน แคทเองก็อยากค่ะ แต่แคทเขียนไม่ไวเลยทำให้มาลงได้ช้า แต่แคทก็พยายามจะมาลงยาวๆแทน แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ (กราบ) งื้อออ :mew1: :hao7:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 ชอบ ชอบ ชอบ ให้ไอ้เฮียมันดิ้นบ้าง

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
รุกฆาตกับนักรบทำดีมากจ้าาาาาาาาาา :hao3:

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทุกอย่างเป็นไอเดียนังเหลืองค่ะ พี่ทัพจัดการมันเลยยย พี่รุกไม่ผิดค่ะ

แต่ก่อนอื่นพี่ทัพต้องจัดการตัวเองก่อนนะคะ

จริงๆไม่ต้องจัดการก็ได้ค่ะ แค่อย่ามาให้น้องเมลเห็นหน้าอีกก็พอ บัยยยยย

#เรื่องนี้ไม่มีพระเอก  :katai2-1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากครับ,,,

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


บทที่29




“ฮิ้ววว ชนค่าชนนน ชลบุรี ระยอง ระนองกันเนอะ!”



“มุขหรือเปลือกหอยวะ โคตรกาก”



“อิฝา มึงคือฝาหรือสก็อตไบร์ทขัดกูจั๊ง นี่ถ้าไม่มีติดว่ามึงมีผัวกูจะวิ่งเอานมไปหนีบหน้ามึงนะบอกก่อน!” 



ผมสะดุ้งตอนที่ได้ฟัง น้องเซียร์คนสวยที่ค่อนข้างจะ...เอ่อ...เป็นผู้หญิงยุคใหม่อ่ะเนอะ คำพูดคำจาเลยรว้ายๆ



“แต่ว่าเสียดายจังอิธารไม่ได้มาด้วยอ่ะ น้องจอมไม่น่าไม่สบายเลย ไม่งั้นครบแก๊งเราเลยนะคะเนี่ย”



“คนติดเมียไง”



“เหมือนที่มึงติดผัวชิมิคะอิน้องฝาหอย ฮิ้ววว”   



เสียงโห่แซวดังออกมาจากปากน้องเซียร์ เพื่อนกลุ่มเดียวกับฝาที่ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งล้อมวงร้องเพลงเล่นกีต้าร์กันอยู่ริมชายหาด  บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังหรือเอ็มวีที่พอคนอกหักเพื่อนๆก็จะนัดพามาที่ทะเล โคตรตลก ... ทำไมอกหักต้องมาทะเลวะ อยู่ที่ไหนมันก็ไม่ช่วยทำให้ดีขึ้นทั้งนั้นแหล่ะ  ผมคิดว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ช่วยทำให้เราสบายใจมากขึ้นหรอก เพราะสิ่งที่ทำให้เราเสียใจไม่ใช่สถานที่ แต่มันเป็นเพราะคนต่างหาก



มองไปรอบๆตัวเห็นกลุ่มเพื่อนๆของฝาและเลิฟที่ดูสนิทกันดีทั้งๆที่อายุไม่เท่ากันก็น่ารักดี เด็กพวกนี้ตอนแรกนึกว่าจะหยิ่งๆ แต่ที่จริงมันบ้าๆบอๆและพร้อมจะเป็นมิตรกับคนทั่วโลกแบบที่มันว่าจริงๆ ขนาดผมที่ไม่รู้จัก พวกมันยังเข้ามาพูดคุยได้เหมือนรู้จักกันมานานเฉยเลย ... แต่ถึงแบบนั้น ผมก็อดจะเกร็งไม่ได้อยู่ดี



“อะ ซ้อ แดกกุ้ง” 



นักรบที่เดินมาจากเตาย่างพร้อมถือจานมาด้วยสองใบ ใบนึงถูกยื่นไปให้ไอ้ฝา และอีกจานยื่นมาให้ผม  รับมาจากมันแบบเกรงใจ



“ขอบใจ เดี๋ยวกูช่วยจ่ายนะ”



“เสือกจังวะซ้อ กูรวยมากมึงรู้ไหม”



“ไอ้สัด”



ไม่รู้จะด่าอะไรในเมื่อไอ้รบแค่ทำหน้าตายแล้วยักคิ้วใส่แค่นั้น มันนั่งลงข้างๆผม แล้วหันไปแกะกุ้งให้แฟนตัวเอง  ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีปนอิจฉาในความรักของไอ้รบกับฝา มันน่ารักดีครับกับการที่คนบ้าๆแบบมันแต่กลับอบอุ่นกับแฟนคนเดียว แต่มันก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆที่คนแบบผม ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนั้น ... ละสายตาออกจากภาพตรงหน้านั่นแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดดู ยังคงเห็นสายเรียกเข้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆมาจากทัพหน้า แต่ผมไม่รู้นะ เพราะปิดเสียงปิดสั่น ปัดเลขจำนวนสายเรียกเข้าออกไปจากหน้าจอให้พ้นตาแล้วกดเข้าไอจีเพื่อฆ่าเวลา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเหมือนกำลังฆ่าตัวเอง



ไอจีของทัพหน้า ที่มีภาพใหม่ขึ้นมา ... ไอจีที่มันบอกให้ผมสมัครให้มันในตอนนั้น



ภาพบนโต๊ะอาหารสุดหรูที่ไม่แน่ใจว่าตั้งใจถ่ายภาพอาหารหรือตั้งใจจะถ่ายภาพของฝ่ามือหนาและฝ่ามือเรียวที่ที่นั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะแต่เอื้อมมาจับกุมกันไว้ที่บนโต๊ะกันแน่ ... แคปชั่นข้อความที่เขียนไว้ว่า



‘ในที่สุด สุดที่รัก❤’



... ได้แต่แค่นยิ้มออกมาบางๆ ... นี่หรือเปล่าคำตอบที่ผมอยากรู้ ว่าถ้าผมไม่อยู่เค้าจะเป็นยังไง



หึ ไม่มีเราเขาก็มีความสุขดี



“พี่รบทำไมเรียกพี่เมลว่าซ้ออ่ะคะ นี่เซียร์คิดแล้วนะ...แบบๆ...แบบคนหล่อๆของกูจะเป็นพี่สะไภ้พี่หรอคะ”  คำพูดของน้องเซียร์ทำผมสะดุ้งออกจากความคิดในตอนนี้



“หึ”  เป็นไอ้รุกที่หัวเราะหึออกมาคำเดียว มันที่หันมามองหน้าผมก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ... สัด



“ไม่มีอะไรหรอกครับ ไอ้พวกนี้มันกวนส้นตีน”



“อ่อค่ะ ก็ว่าอยู่ เพราะเหมือนเซียร์เคยได้ยินมาว่าพี่ทัพหน้านี่มีภรรยาแล้วใช่ไหมอ่ะ กรี๊ดดดดด กูอิจฉาชะนีตนนั้นมาก ชาติที่แล้วกูชาติมาหรอย๊ะ”



น้องเซียร์ที่ว่าออกมาแบบนั้นทำผมชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะเสหน้าหนี ... ใครๆก็รู้ว่าทัพหน้ามีเมียแล้ว แล้วผมน่ะเป็นใคร คิดยังไงจะเข้าไปแทนเมียเค้า ทั้งๆที่ผมเข้าไปอยู่ในฐานะฆาตกรในสายตาของเค้าว่ะ น่าตลกชิพหาย เหอะ คิดไปได้ยังไงกันวะไอ้เมล ไอ้โง่เอ๊ย



“พี่เมล พี่ร้องไห้ทำไมอ่ะ”



“เฮ้ย ไม่เอาโอ๋ๆดิพี่ คนคูลเค้าไม่ร้องไห้กันนะ แต่จริงๆกูก็เคยร้องนี่หว่า งั้นอ่ะ ทิชชู่ครับ” 



ไอ้เลิฟกับไอ้ฝาที่มองตรงมาที่ผมแบบเลิกลั่ก พร้อมๆกับที่ไอ้ฝายื่นทิชชู่มาให้แบบหน้าตาตื่น ... ผม ผมร้องไห้หรอวะ?  ... ยกมือขึ้นจับๆที่หน้าของตัวเองงงๆ มีน้ำเกาะอยู่เต็มใบหน้า ... ร้องไห้ ผมร้องไห้อีกแล้วหรอวะ



‘ปรี้นๆ’



ในจังหวะที่เป็นช่วงเดดแอร์ที่ทุกคนจ้องมาที่ผมแบบไม่รู้จะทำยังไง คิดว่าแบบไอ้เลิฟกับไอ้ฝาก็อาจจะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร น้องเซียร์ดูจะตกใจนิดหน่อยที่เห็นผมเป็นแบบนี้ คงมีแต่ไอ้รบกับไอ้รุกที่น่าจะรู้ดีกว่าใคร ... เสียงแตรรถยนต์ที่มาพร้อมๆกับไฟหน้ารถที่สาดมาทางพวกเรา ก็ทำให้ทุกคนต้องละสายตาออกจากผมแล้วหันไปมองรถหรูที่อยู่ๆก็มาจอดใกล้ๆบริเวณที่พักของเรา



“ยู้ฮูค่ะหนุ่มๆ เฮลโหลลลทำไรกันคะพวกมึ๊ง” 



เสียงร่าเริงที่มาพร้อมๆกับริมฝีปากสีแดงสดและวงแขนแข็งแกร่งที่โบกมือมาให้พวกเราตอนที่เดินลงมาจากรถ ประตูข้างๆคนขับที่เปิดลงมา มีร่างของเพื่อนสนิทของผมยืนอยู่ตรงนั้น



“ไอ้กุ๊ก” ผมที่พึมพำชื่อของมันออกมาเบาๆ มันเองที่มองไปรอบๆแบบงงๆ ก่อนสายตาจะมาหยุดอยู่ที่ผมตอนที่มันมองหาเจอพอดี  ไม่พูดพรำทำเพลงอะไร มันก้าวพรวดๆเข้ามาหาด้วยท่าทางถมึงทึง แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม



“ไอ้สัด! คนเค้าเป็นห่วงไอ้ชิพหาย!”



‘หมับ’



คำด่าที่กระแทกหน้าผมแรงๆแบบนั้นมาพร้อมวงแขนของมันที่กอดผมเข้าไปทั้งตัว ไอ้กุ๊กที่กอดผมแน่นๆ ผมที่ยืนงงแข็งเป็นท่อนไม้ในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นไปกอดตอบเพื่อน



“มึงรู้ไหมกูเป็นห่วงมึงแค่ไหน สัดเอ๊ย”  มันที่ยังคงกอดผมไปและด่าผมไปแบบนั้น ผมเงียบไม่ตอบอะไรมันออกไป ทำแค่กอดมันตอบและเอาหน้าซบลงตรงบ่าของมัน ...ผมเหนื่อย



“มึงบอกกูได้ไหม เกิดอะไรขึ้นวะเมล”  เราที่ผละออกจากกัน มันที่จ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเครียดๆ ผมแค่ยิ้มให้มันอ่อนๆ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้พี่ดานี่ที่ยืนมองนิ่งๆอยู่ข้างๆไอ้รุก



“หิวไหม แดกกันมายัง”  ผมที่ถามออกไปแบบนั้นแล้วไอ้กุ๊กก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ



“ต๊าย น้องคาราเมลหวานๆนี่รู้ใจ ไม่เหมือนไอ้ญาติทรพีพวกนี้ไม่คิดจะชวน หลบค่ะ กูหิวมาก ไหนมีอะไรแดกบ้างวะ”  พี่ดานี่ที่ว่าแบบนั้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดในตอนนี้ว่าออกมาแบบนั้น แล้วทุกๆคนเหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าควรทำอะไร ก็พากันขยับวงให้ผู้มาใหม่ได้เข้ามานั่งดีๆ  ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆดังมาจากน้องเซียร์



‘พี่กล้ามแน่นคนนี้เป็นใครอ่ะมึง เป็นตุ๊ดได้ไงอ่ะอิเหี้ย เสียดายยย’



อย่าว่าแต่น้องเซียร์เสียดาย ใครๆก็เสียดายครับ...ยกเว้นแต่ว่า มันจะเป็นแค่ตุ๊ดปลอมที่กำลังพยายามจีบเพื่อนผมอยู่ละนะ



“แดกดิ ไอ้รบเลี้ยง” 



ผมหันไปบอกไอ้กุ๊ก มันที่รับกระป๋องเบียร์มาจากไอ้รุกแล้วเปิดกิน แต่หน้าตาก็ยังชวนเครียดอยู่แบบนั้น ผมแค่ยิ้มอ่อนๆให้มันแล้วก็ยกเบียร์อีกกระป๋องมาเปิดแล้วยกขึ้นดื่มบ้าง ...



เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เบียร์กระป๋องที่เริ่มหมดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเหล้า ที่แต่ละคนชงเก่งกันหมดไปกลมนึงแล้ว ไอ้รุกเอาBlue Labelมาเปิด เหล้าราคานี้ก็กินเพียวๆไปหลายแก้ว จนตอนนี้เริ่มรู้สึกที่จะมึนไปหมดแล้ว



“ไอ้เมล”  เป็นไอ้กุ๊กที่เลือกจะพูดกับผม รอบๆตัวน้องๆบางคนไม่ไหวก็เข้าไปนอนบ้างแล้ว ตรงนี้เลยเหลือแค่ผมไอ้กุ๊ก ไอ้รบและเจ๊ดานี่



“หื้ม?”



“มึงมีเรื่องอะไรบอกกูได้นะเว่ย”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น ผมมองไปรอบๆตัว มองเห็นไอ้รบที่มองมาแบบสงสัยแต่มันก็เลือกที่จะไม่ถาม



“กูอ่ะ...ทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยว่ะ”



“ทำไมมึงถึงว่าแบบนั้นวะ  วันนี้มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ วันก่อนกูยังเห็นมึงดีๆ รอพี่ทัพจะมารับอยู่เลย”



“อ๋ออออ ฮ่าๆ วันนั้น”



“ทำไมวะ มีอะไร”



“ไม่มีว่ะ...ไม่มีอะไรเลย มันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยต่างหาก ... มึงรู้ไหมไอ้กุ๊ก วันนั้นอ่ะกูรอมันอยู่ที่ม.คนเดียวจนสองทุ่มมันก็ยังไม่มารับกูว่ะ กูแม่งโคตรกลัวเลยตอนนั้น ไม่ได้กลัวมหาลัยนะ กูอ่ะ...กูกลัวว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่าถึงติดต่อไม่ได้ กูกลัวว่ามันจะเป็นอันตราย กูนั่งรถกลับไปหามันที่บ้าน แทนที่กูจะนั่งรถกลับบ้านกู ไม่มีลูกน้องมันมาจับตัวกูไว้สักหน่อย แต่กูก็ไม่หนี ก็ยังกลับไปหามันที่บ้านเพราะกลัวมันจะเป็นอะไร ... กูเห็นคนวิ่งวุ่นเต็มบ้านไปหมด ตอนนั้นใจกูแม่งโคตรบีบเลย กูคิดว่ามันบาดเจ็บ มันป่วยหรอวะ .... แต่มึงรู้ไหม  มันไม่ได้ป่วยว่ะ มันไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ที่มันปล่อยกูไว้ และลืมกูไปเลยมันก็แค่มีธุระ ธุระที่มันต้องไปรับเมียมันกลับมาจากโรงพยาบาลว่ะ อึก... กูอ่ะ คนที่เดินเข้าไปในห้องที่กูเคยนอน กูยืนอยู่ตรงนั้นต่อหน้ามันที่กำลังกอดเมียมันอยู่บนเตียง ฮึก...กูที่แม่งโคตรเป็นคนนอก ฮึก ไปเสนอหน้าอะไรตรงนั้นวะ ตรงที่ๆไม่ใช่ที่ของกู ...ฮึก มันไม่ใช่ที่ของกู แต่เมื่อไม่กี่วันกูยังนอนอยู่ตรงนั้น นอนอยู่ใต้ตัวมันด้วยซ้ำ ฮึก ฮื่อออ....”



น้ำตาที่ผมพยายามจะกลั้นไว้ตั้งแต่เจอหน้าเพื่อนมันไหลทะลักออกมาแบบสุดจะทน  ไม่มีแล้วคนที่ร้องไห้เงียบๆ ... ลานกว้างติดทะเลที่มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ในตอนนี้กลับมีเสียงร้องไห้อย่างปวดใจดังคลอไปด้วย



“ไอ้...เมล”  มือของมันที่เอื้อมมาบีบไหล่ มืออีกข้างก็จับมือของผมเอาไว้แน่น



“ฮึก ฮื่ออออ อึก...ฮึก ฮื่อออ”



“เมล ... ร้องออกมาเถอะมึง มึงทนมามากพอแล้วนะ” 



เสียงกระซิบเบาๆของมันที่มาพร้อมๆกับมือที่กอดผมแน่นๆ ผมได้แต่กอดมันเอาหน้าซุกลงไปที่ไหลของมันแล้วร้องออกมาแบบเขื่อนแตก ความรู้สึกที่เรียกได้ว่าพัง มันพังไปหมดทุกอย่าง



“ฮึก กู...อึก กูคิดว่าเรื่องของเรามันจะดี ฮึก แต่เปล่า ไม่...มันไม่ใช่เลยว่ะ กูไม่เคยเป็นใครในสายตามันเลย สิ่งเดียวที่มันทำกับกู ก็แค่การแก้แค้น ฮึก แก้แค้นให้เมียมันก็แค่นั้นเอง ฮึก ฮื่อออ”



“เมล”



“ทำไมว่ะทำไมต้องเป็นกูที่เจ็บ ทั้งๆที่กูก็แค่รักมัน กูแค่รักมันเอง ฮึก..กูผิดอะไรนักหนาวะ ฮึก ทำไมกูต้องเจ็บขนาดนี้ ฮึก ในขณะที่มันไปมีความสุขกับเมียมัน แต่กู...แค่จะหายใจต่อไปด้วยตัวเองกูยังทำลำบากเลย ฮึก เพราะอะไรว่ะ "



“เพราะอะไรมึงเองก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะ



“ฮึก...เพราะกูรักมัน”



“อื้ม”



“แต่มันไม่ได้รักกู...ฮึก นี่สินะ คำตอบของความเจ็บที่กูกำลังเผชิญ”



ผมที่หลับตาลงอีกครั้งแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เสียงสะอื้นของผมที่ดังปนแข่งกับเสียงคลื่น  มองเห็นหน้าไอ้กุ๊กที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปกับผม ไอ้นักรบที่มองมาด้วยสีหน้าเครียดๆ มันที่สบถด่าออกมาครั้งนึง ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมแค่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเจ็บ ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก มันเหมือนมีมีกรีดผ่านลมหายใจของผม กรีดยาวไปจนถึงลำไส้ เจ็บเหมือนอยากจะตาย แค่หลับตาลงเห็นภาพที่เขานั่งจับมือกัน ผมก็ไม่อยากจะทนหายใจที่มีแต่ความปวดร้าวต่อไปอีกแล้ว



...





“ณราชา นี่คุณทำบ้าอะไร!” 



เสียงเข้มที่ตวาดขึ้นดังลั่นห้องโถงกลางของบ้านในเช้าวันใหม่  ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาวหลุดลุ่ย ใต้ตาที่คล้ำลงมากกว่าปกติ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดูแลตัวเองเป็นอย่างเดียว แต่นี่แค่ผ่านไปแค่วันเดียว สภาพของเขากลับดูแทบไม่ได้



ภรรยาสาวที่ขมวดคิ้วพร้อมๆกับเงยหน้าสวยขึ้นมาจากชามข้าวต้มกุ้ง



“อะไรของคุณคะทัพ ทำไมต้องเอะอะเสียงดังด้วย”  เธอที่ถามออกมาแบบนั้น ก่อนจะมองหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองแบบไม่เข้าใจ



“แล้วคุณทำบ้าอะไรลงไปล่ะ” 



ถามออกไปแบบนั้น ในมือแข็งแกร่งยังคงถือมือถือเครื่องหรูเครื่องใหม่ที่พึ่งได้มา พอเปิดเครื่องจัดการกับแอพพลิเคชั่นต่างๆก็ต้องหงุดหงิดเมื่ออยู่ๆมือถือเจ้ากรรมก็ดันมีแจ้งเตือนเป็นร้อยเข้ามาให้รำคาญใจ แต่พอเปิดเข้าไปในแจ้งเตือนยิ่งต้องหงุดหงิดมากเป็นเท่าตัว



“ฉันทำอะไรคะทัพ”  ณราชาที่ยังคงถามออกมาอย่างใจเย็น รอยยิ้มสวยๆยังคงมีประดับที่ใบหน้าสวยเหมือนเช่นทุกที



“แล้วนี่คืออะไร ถ้าไม่ใช่คุณมันจะเป็นใคร”  ว่าออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ยังคงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ



“อะไรกันคะ แค่ลงรูปเอง แต่ชาก็แปลกใจนะ ทัพเนี่ยนะมีไอจี แถมยังฟลอแค่น้องเมลซะด้วย”



“แล้วมันใช่เรื่องของคุณไหมที่ต้องมาอัพภาพบ้าบอแบบนี้อ่ะห๊ะ เป็นบ้าอะไรของคุณ!”



‘พรึบ’



“ทัพหน้าคะ” 



เธอที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเป็นบ้าอะไร ทำไมคุณถึงต้องมาขึ้นเสียงแบบนี้ใส่ชาด้วย ชาทำอะไรผิดคะคุณถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงทำแบบนี้กับชา”



“ผมทำอะไร มีแต่คุณที่กำลังล้ำเส้นของผมณราชา”



“เส้นของคุณงั้นหรอ เส้นอะไรของคุณ เราเคยมีเส้นกันหรอ ชาถามจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ แล้วอย่ามาพูดว่าตัวเองไม่เปลี่ยนไป สามสี่เดือนที่ชานอนหลับเป็นผักไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ ชาไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ... แต่ชาขอถามว่าชาผิดอะไร ตอนนี้คุณถึงทำตัวห่างเหินกับชาแบบนี้ คุณเปลี่ยนไปค่ะทัพหน้า เราคบกันมากี่ปีทำไมชาจะไม่รู้ หรือเพราะว่าชาทำให้ลูกของเราตายหรอ คุณคิดว่าชาดูแลลูกไม่ดีหรอ ฮึก...คุณคิดว่าชาไม่เสียใจหรอ นั่นลูกของชานะ คุณคิดว่าชาอยากเสียเขาไปหรอ คุณคิดว่าชาไม่เสียใจหรอคะ ฮึก เพราะเรื่องลูกหรอ ทัพถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”



“ผ...ผม”



“ฮึก ชาขอถามว่าชาทำอะไรผิด ชาหรือทัพที่กำลังทำให้ครอบครัวของเราพัง”



คำพูดของณราชาที่อัดกระแทกหน้าของผมอย่างจัง 



มันเป็นเรื่องจริง  เธอทำผิดอะไร....เธอไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ



มีแค่ผม...ผมเองที่เป็นคนทำ ผมเองที่เป็นคนเปลี่ยน  ไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของลูกผม เธอที่เป็นผู้หญิงที่แสนดีมาเสมอ ... เราที่หมั้นและกำลังมีลูก กำลังจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่ทุกอย่างพังลงในวันที่ณราชาประสบอุบัติเหตุ ผมเสียลูก และผมก็แทบจะเสียเธอ ...



ผมก้าวไปดึงคาราเมลเข้ามา ทรมารมัน มันที่เป็นคนที่รักผมหมดใจ โยนทุกความผิดบาปให้มันรับเอาไว้ ทั้งๆที่ทุกเรื่องมันไม่ได้ทำ และในวันนี้ ... ผมเองก็กำลังจะโยนทุกเรื่องให้ณราชา เธอที่ไม่ได้ผิดอะไรสักอย่าง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เธอที่กำลังมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจและผิดหวัง



ก่อนหน้านี้ผมโกรธ โกรธที่ณาชามาวุ่นวายกับมือถือของผม  ผมกลัวว่าเมลมันจะเห็นภาพนั้น กลัวไปหมด กลัวว่าจะหามันไม่เจอ  ...  แต่คำพูดของณราชาก็เหมือนหมัดฮุกที่กระแทกเข้าปลายคางของผมจังๆจนมึนงงไปหมด



เธอถามว่าเธอทำอะไรผิด .... ใช่เธอไม่ได้ทำ



เธอถามว่าทำไมผมเปลี่ยนไป ทั้งๆที่เธอเองก็เสียใจกับเรื่องลูกของเรา 



เพราะเรื่องนี้ผมเลยเปลี่ยนไปหรอ ... แน่นอนว่าไม่ใช่



และทั้งหมดทั้งมวลนั่น ไม่มีตรงไหนที่เป็นความผิดของเธอแม้แต่ข้อเดียว



“ชา”



“ฮึก ชาไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาที่ชาหลับไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง อึก...ชาไม่สนใจนะคะ ชาที่ผ่านความตายมาครั้งนึง และชาได้เสียลูกของเราไปแล้ว ฮึก...ทัพจะไม่ทำให้ชาเสียครอบครัวของเราไปอีกใช่ไหม”



แววตาที่มองมาที่ผมยังคงเป็นสายตาสวยๆไม่ต่างจากวันก่อนๆ  สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่ตอนนี้น้ำตาของเธอไหลมาเปื้อนไปทั้งหน้า และนั่น...มันเกิดจากฝีมือของผมเอง



หัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เรื่อง...ผมเอง



“ขอโทษครับ” 



บอกเธอไปแบบนั้น ก่อนที่ใบหน้าสวยจะตรงเข้ามาซุกที่อกของผม เธอที่สะอื้นหนักๆ อาจจะทั้งตกใจและเสียใจ ผมที่ไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนั้นใส่เธอแม้แต่ครั้งเดียว ... กลับกัน กับคนบางคนผมก็เลือกที่จะตะคอกใส่แบบไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกอะไรหรือเปล่า  ไม่ว่ามันจะเสียใจหรือร้องไห้ก็แทบจะไม่แยแส...และตอนนี้มันคนนั้นก็คงจะร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที ที่ๆผมเอื้อมไปคว้ามือมันไว้ไม่ถึง



.

.

.




‘เพล้ง’



เสียงแก้ววิสกี้เนื้อดีที่ถูกเขวี้ยงออกไปจากฝ่ามือหนาก่อนมันจะกระแทกเข้ากับผนังแตกร้าวลงพื้นแบบไร้ค่า



“เรื่องง่ายๆแค่นี้เป็นเหี้ยอะไรถึงยังหาไม่เจอวะ!” 



เป็นอีกครั้งที่เจ้าของร่างสูงตะคอกใส่ลูกน้องแบบไม่มีเหตุผล เหล่าลูกน้องที่ได้แต่ก้มหน้ากลัวจนหัวหด เพราะรู้ดีว่าคนแบบเจ้านายของเขาถ้าคิดจะฆ่าก็ฆ่าได้แน่ๆ



"ไป! ออกไปให้หมด ไอ้พวกไร้ประโยชน์!!” 



เสียงตะคอกเข้มๆที่ดังขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าใคร ทำเอาพวกลูกน้องแตกกระเจิงวิ่งออกจากห้องไปแบบไม่มีใครเข้าหน้าติด  ... ดวงตาคมที่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานหรู ได้แต่นึกถึงร่างบางๆที่ปกติจะอยู่แทบไม่ห่าง แต่ตอนนี้ ผ่านไปสี่วันแล้วกลับตามหาไม่เห็นเงา



“ไอ้พวกน้องส้นตีน” พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง แล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟาสีแดงเพลิงอย่างเหนื่อยๆ



‘แกร๊ก’



“ไอ้สัดทัพ มึงมาสิงอยู่ที่นี่เอง กูไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ” 



เสียงของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้ทัพหน้าลุกขึ้นไปต้อนรับชับสู้แบบที่ควรจะเป็น  ร่างสูงทำแค่เพียงนอนแผ่อยู่บนโซฟานิ่งๆ สายตาคมที่ดูจะอ่อนล้าปลายตามองผู้มาใหม่นิดๆ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อยๆส่งไปให้



“ทำไมมึงมานอนคอนโดวะ”



“เสือก”



“เอ้าไอ้สัดนี่” 



ปืนที่ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมยกเท้าเขี่ยร่างของเพื่อนสนิทที่กำลังนอนตายอย่างเอน็ดอนาถอย่างสมเพช 



ทัพหน้า...คนที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ตอนนี้สภาพแม่งอย่างกุ๊ย



“ทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้ อย่าบอกกูว่าไปตามหาไอ้เมล”



“มึงได้ข่าวมันบ้างไหมวะ” 



ไม่สนใจคำถามของเพื่อน แต่เลือกที่จะถามถึงคนที่เค้าเฝ้าตามหามาสามวันแล้ว ... เมื่อวานนี้ลูกน้องรายงานว่าได้เบาะแสของไอ้เมลอยู่ที่ชลบุรี ที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวเขาเอง ยิ่งคิดยิ่งฉุน ทัพหน้าที่เลิกงานเสร็จแล้วบึ่งรถจากที่ทำงานไปที่นั่นทันที แต่พอไปถึงกลับไม่เจอใคร เจอแค่ กล้วยสีเหลืองที่วางทับกระดาษโน๊ตเขียนเอาไว้ว่า



’คนโลเลไม่มีสิทธิ์เจอซ้อ ว้าย แพ้’



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลายมือใคร ...ไอ้สัดนักรบ น้องชายตัวดีของเขาเอง  อย่าให้เจอนะแม่ง กูจะเอาตีนแนบหน้าให้ ตอนนั้นกูไม่น่าช่วยเรื่องของมึงกับเมียมึงเลย  แล้วดูแม่งตอบแทนกู ไอ้สัด



“มึงจะตามหาไอ้เมลมันอีกทำไมวะ” ไอ้ปืนที่ถามออกมาแบบนั้น  มันที่หันมามองหน้าผมเครียดๆแล้วถอนหายใจหนักๆ



“มันไม่มีสิทธิ์หายไปจากกู กูไม่อนุญาต”



“มึงเป็นใครถึงจะไปมีสิทธิ์อนุญาตไม่อนุญาตมันวะ”



“กูเป็นผัวมันไง!”  ตะคอกมันออกไปแบบนั้นแล้วมองหน้ามันด้วยสายตาขุ่นๆ  มองเห็นไอ้ปืนที่ถอนหายใจออกมานิดหน่อยแล้วมันก็เปิดปากพูดต่อ



“อืม เต็มปากเต็มคำดีแท้...แต่นอกจากมึงจะเป็นผัวมัน มึงยังเป็นผัวณราชาด้วย มึงจำได้ไหม”



“กู...”



“เฮ้อ ไอ้สัดทัพ มึงต้องเลือกเอาสักทางว่ะ มึงจะมาจับปลาสองมือไม่ได้ไหมวะ ร่มคันเดียว มันกางเพื่อคนสามคนในวันที่ฝนตกไม่ได้หรอกนะเว่ย...มันต้องมีสักคนที่เปียก



“กู...กู...ไม่รู้เว้ยแม่ง! กูรู้แค่ว่ากูปล่อยไอ้เมลไปไม่ได้”



“มึงรักมันเข้าแล้วล่ะสิ ... ไอ้เด็กที่มึงบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาคนนั้นน่ะ มึงรักมันเข้าแล้วล่ะสิ”



“กูอาจจะไม่ได้พึ่งรักมันก็ได้” 



บอกมันออกไปแบบนั้น แล้วเสหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างบานเดิม  มองเห็นรถที่ยังคงคราคร่ำเต็มท้องถนนอย่างวุ่นวาย  ... วุ่นวายไม่ต่างจากความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้



“มึงปล่อยไอ้เมลไปไม่ได้ แล้วมึงปล่อยณราชาได้ไหมล่ะ”



“...ชา ... ณราชาไม่ได้ทำอะไรผิด มึงจะให้กูทิ้งเค้าหรอวะ”



“สัด มึงแดกตีนไหม ดูงงวุ่นวายกับชีวิตเหลือเกินไอ้สัด”



“กูก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ไหมวะ แต่มึงจะให้กูทำไงล่ะ สิ่งที่กูต้องทำตอนนี้ก็คือกูต้องหามันให้เจอ”



“เจอมันแล้วมึงจะทำยังไง จะดึงมันไว้กับมึง ทั้งๆที่มึงยังมีใครอีกคนอยู่ข้างๆหรอวะ”



“แม่ง...” 



ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ได้แต่เอามือยกขึ้นมากุมขมับอย่างคิดไม่ตก .... ผมอยากจะปล่อยมันไปแบบที่มันบอก

แต่แค่คิดว่าอยากจะปล่อย หัวใจก็ดันเจ็บ แค่คิดว่าอยากจะเก็บ ใจก็เจ็บไม่ต่างกัน ...

มันไม่เลยหรอวะสักทาง ทางออกให้กับคนเลวๆแบบผม



“ไอ้ทัพ”



“ไม่ต้องมาเรียกกู มึงจะไปไหนก็ไปเถอะว่ะ ปล่อยกูนอนอยู่นี่แหล่ะ”  บอกมันไปแบบนั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิม



“มึงนี่โคตรไม่เหมือนไอ้ทัพหน้าที่กูรู้จักเลยว่ะ สภาพโคตรลูซเซ่อร์”



“มึงจะให้สภาพกูเหมือนวินเนอร์ได้ยังไงไอ้สัด เมียกูหาย”



“เมียมึงไม่ได้หาย เมียมึงอยู่บ้าน”



“K ไอ้เมลเมียกูอ่ะหาย กวนตีนจังวะ เดี๋ยวกูเอาตีนแนบหน้ามึงนะ”



“ฮ่าๆ ตลกชิพหาย สภาพโคตรขี้เมา อีกอย่างเมียมึงไม่ได้หาย เมียมึงหนีมึง หรือถ้าจะพูดง่ายๆก็คือไอ้เมลอ่ะไม่เอามึงแล้ว ใครเค้าจะเอาคนที่มีเมียนั่งเชิดอยู่ที่บ้านวะ มึงเห็นเค้าเป็นเมียน้อยหรอไอ้สัด”



“กูไม่เคยเห็นมันเป็นเมียน้อย กูเห็นมันเป็นเมียกู!”



“งั้นมึงก็ไปเลิกกับณราชาดิ”



“ไอ้สัดนี่พูดไม่เข้าใจ ชาไม่ได้ทำไรผิด มึงจะให้กูเดินไปบอกว่าเลิกกันเถอะได้ไงวะ”



“แล้วถ้าณราชาทำผิดมึงจะเลิกไหมล่ะ”



“ไหนล่ะสักข้อ กูขอสักข้อที่เค้าทำผิด!”



“งั้นมึงเอานี่ไป แล้วไปจัดการต่อเอง”



‘พลัก’



ซองเอกสารปึกใหมญ่ที่ถูกโยนลงบนตัวของผม ขมวดคิ้วแน่นตอนที่ดึงกระดาษต่างๆออกมาจากซอง รู้สึกเหมือนสันหลังเย็นเฉียบขึ้นมาในตอนนั้น



“นี่มัน...”



“อย่าช้า ก่อนที่หมาจะคาบเมียมึงไปแดก”



“หมายความว่าไง”



“อะ...ภาพจากไอ้ดาบ” 



รับโทรศัพท์มือถือของไอ้ปืนมาดู เป็นภาพของไอ้เมลกับผู้ชายร่างสูงคนนึงที่ผมไม่รู้จัก เห็นมันยืนซ้อนหลังไอ้เมลอยู่ในครัว และไม่รู้ด้วยว่ามันครัวบ้านใคร ไอ้สัดเอ๊ย นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ



“ไอ้เหี้ย!”



“จุ๊ๆ จัดการเรื่องที่ควรจัดการซะ อย่าช้าล่ะ”



‘พลึบ’



เด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาแล้วก้มมองเอกสารในมืออีกรอบ กำมันแน่นๆจนมือสั่น



“กูจะไม่เอาไว้สักคน”



“แบบนี้สิครับ ค่อยฉลาดสมเป็นเพื่อนกูหน่อย”



“กูโง่มานานแล้วนี่”



“เฉียบ”



มองไอ้ปืนที่ยกนิ้วโป้งชูมาให้แบบถูกใจ  ได้แต่ขยำเอกสารและภาพถ่ายในมือจนมันยับ  ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็กดรับ



[[ฮัลโหลค่ะทัพ ทัพหายไปไหนคะ ทิ้งชาอยู่บ้านคนเดียวหลายวันแล้วนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกคะ]]  ผมยกยิ้มเหี้ยมๆออกมาตอนที่ได้ยิน



“เหงาหรอครับ งั้นหรอผมนะ ผมกำลังจะกลับไปหาคุณ”



--------------------------



จ๊ะ....อะไรจะเกิดขึ้นอีกอ่ะ ... ไม่รู้เหมือนกันนนน แต่เหลืออีกประ6บทจะจบนะรู้ยังงงง คิกค้ากกกก

ตอนที่ผ่านมาเหมือนไม่อาจจะไม่ค่อยสนุกใช่เปล่า ก็...หวังว่าจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ :ling3:



ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อมก เจ๊ชาทำอะไรรรรร

ขอวาร์ปไปเสาร์หน้าทีค่ะ

เมลไปมีชีวิตที่ดีแล้วน่อออ ยินดีด้วย ลืมพี่ทัพไปเลยยย

ส่วนนังเหลือง เตรียมรับทีนเลยน้าาา ทั้งหมดเป็นความผิดนังเหลืองค่ะเฮียทัพ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่รบกวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย o13
ระวังพี่ทัพมันเอาคืนน้า :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เกิดไรขึ้นนะ.  อยากรู้,,,,

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เกลียด "คิกค้ากกกก" ของคนเขียนได้ไหม โอ้ยยยย บิ้วมาทั้งตอน คนเขียนจะมาคิกค้ากกกกแบบนี้ไม่ได้ 55555

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

บทที่30



“มึงจะไปทั้งแบบนี้เลย?”



“ไปแบบนี้ให้โง่รึไง ไอ้ปืน ... มึงรู้ใช่ไหมว่ามันอยู่ไหน” 



สายตาคมที่ละสายตาออกมาจากท้องถนนตอนกลางคืน กลับมามองหน้าเพื่อนสนิทนิ่งๆ  ในดวงตาคมที่มักจะนิ่งสนิทอยู่เสมอตอนนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเจ็บ สับสน และเสียใจ แต่ทัพหน้าก็ยังคงพยายามสงบนิ่งไม่ต่างจากที่เคย ...



คนแบบทัพหน้า จะไม่ยอมให้ใครมันมาลูบคม



“อ๊ะ ขอซีนให้เพื่อนพระเอกแบบกูด้วยครับ ... และแน่นอนกูรู้ เอาไง มึงให้กูไปลากตัวมันมากระทืบอีกเลยไหม”



 “มึงดูอินนะ ...”



“แน่นอนสิ ไม่อินได้ไง เพื่อนกูดูเป็นควายมากอ่ะ กูรับไม่ได้”



“หึ กูคงดูโง่มากเลยสินะ ไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรสักอย่าง”  ผมที่แค่นยิ้มออกมา พร้อมๆกับหันไปมองหน้าไอ้ปืนที่แค่ส่ายหัวตอบมาหน่อยๆ ก่อนมันจะอ้าปากพูดต่อ



“อย่าพูดแบบนั้นเลยมึง คนเรามันก็มักจะฉลาดในเรื่องของคนอื่นและโง่ในเรื่องของตัวเองเสมอแหล่ะว่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของคนอื่น เราเลยมองเห็นอะไรได้ชัดกว่า ลองเป็นเรื่องของตัวเองสิ ใครมันก็โง่กันได้ทั้งนั้นแหล่ะมึง เพราะมันใกล้ตา จนไม่ทันได้สังเกต”



“หึ ขอบใจ ... ว่าแต่มึงแน่ใจนะว่าข้อมูลนี้มันจริง”



“สัดทัพ กูเป็นเพื่อนมึง แถมเป็นญาติมึงด้วยนะ กูไม่โกหกมึงหรอก และที่สำคัญ กูไม่ใช่ไอ้ธร” 



ผมมองหน้าไอ้ปืนที่ตอบออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะก้มหน้าลงดูเอกสารในมืออีกครั้งด้วยสายตานิ่งๆ ประสบการณ์มันสอนให้ผมกลัว เพราะเรื่องของไอ้เมลกับข้อมูลที่ผิดพลาด มันทำให้ผมกลัวว่าครั้งนี้ก็จะพลาดเหมือนกัน แถมที่สำคัญ ภาพถ่ายในมือของผมตอนนี้ ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง



 “...จริงๆตอนแรกกูก็ไม่คิดว่านี่มันเรื่องจริง แต่เพราะมึงเองบอกให้กูตามสืบ”



“กูบอกให้มึงตามสืบ แต่กูไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้...”



“อย่าว่าแต่มึงไม่คิด กูว่าก็ไม่มีใครคิดทั้งนั้นแหล่ะ แม้แต่ป๊ามึงก็คงคิดไม่ถึง” 



ผมหลับตาลงช้าๆอีกครั้งทั้งๆที่คิ้วยังขมวดแบบคนคิดไม่ตก ได้แต่กัดฟันจนแน่นและถอนหายใจออกมาหนักๆ ... เป็นความรู้สึกที่ทั้งสับสน ทั้งเจ็บใจ ... ได้แต่พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามกลับมาเป็นทัพหน้าที่ไร้ซึ่งช่องโหว่เหมือนทุกที  แต่ครั้งนี้มันกลับเป็นเหมือนเดิมได้ยากเหลือเกิน



“กูอยากไปหาเมล”



“นิ่งหน่อยเว่ยเพื่อน นี่มึงหลุดแล้วนะ”  ไอ้ปืนที่ท้วงออกมาแบบนั้น มันที่มองหน้าผมเหมือนทั้งอยากจะขำและอยากจะเดินเข้ามาตบ



“กูไม่เจอหน้ามันมาสี่วันแล้ว มึงเข้าใจไหมไอ้สัด สี่วัน กูอยากไปหามัน กูอยากไปอธิบายตอนนี้”



“แต่มึงยังเคลียร์ทุกอย่างไม่เรียบร้อยไอ้สัด ไปเคลียร์เรื่องพวกนี้ให้เสร็จไม่ดีกว่าหรอวะ ไอ้เมลไม่หนีไปไหนหรอก”   



“แต่ตอนนี้มันกำลังหนีกู! และนั่น! รูปที่ไอ้สัดดาบส่งมา มันอยู่กับใครวะไอ้เหี้ย ใครมันกอดเมียกู แล้วนี่ยังไง ไอ้สัดดาบเป็นหนึ่งในขบวนการหอบเมียกูหนีด้วยใช่ไหม กูหมายหัวแม่งอีกคนละ”



“ใจเย็นพ่อหนุ่ม มึงอย่าทำไรน้องกูเลย มันเป็นแค่ผู้หญิงสวย”



“ผู้หญิงสวยก็เหี้ย ตัวยังกับควายป่า แล้วเมื่อไหร่แม่งจะเลิกเป็นกระเทย”



“จริงๆกูก็เฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองมาหลายปีแล้วเหมือนกันไอ้สัดเอ๊ย”



“พักเรื่องน้องตุ๊ดมึงไป สัด...หงุดหงิด”



“ครั้งนี้มึงหลุดจริงๆแล้วนะเพื่อน มึงไม่เคยดิ้นแบบนี้เลยนะ”



“มึงคิดว่ากูจะนิ่งเรื่องของไอ้เมลได้รึไง”



“กูก็เห็นมึงนิ่งมาได้ตั้งหลายปีนี่ หึ...ใช่ไหม”



“เสือก!”



ด่าไอ้ปืนออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับที่ยกเท้าขึ้นถีบขามัน แต่อีกฝ่ายทำได้แค่หัวเราะขบขันแบบตลกกับการกระทำของผม ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งน่าหงุดหงิด ... ผมอยากไปตามหาไอ้เมล อยากเจอหน้ามันและกอดมันไว้ อยากขอโทษกับอะไรหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไปแบบที่มันขอ แค่นึกถึงเสียงของมันผ่านสายโทรศัพท์ในวันนั้นก็รู้สึกเจ็บยอกในอก เสียงร้องสะอื้นของมันที่กำลังบอกว่ามันเองทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มันกำลังยอมแพ้กับเรื่องของผม เรื่องราวมากมายที่ผมลากมันเข้ามาเกี่ยว ทั้งๆที่มันไม่ได้ทำผิด ไอ้เมลที่ร้องไห้ด้วยเสียงที่เหมือนจะขาดใจในวันนั้น มันกำลังบอกผมว่ามันทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ... หึ สมน้ำหน้ามึงไอ้ทัพหน้า



“เลิกนอนซึมแดกเหล้าไปวันๆได้แล้วไอ้สัด แค่นี้ก็ไม่เหมือนคุณทัพหน้าที่แสนจะเพรียบพร้อมเลยว่ะ ถ้าป๊ากับแม่มึงมาเห็นต้องช็อคตายแน่ๆ”



“กูจะเพรียบพร้อมไปทำไมวะ เพื่ออะไรวะถ้ากูไม่มีความสุข กูเบื่อกับหัวโขนที่กูต้องสวมนี่เต็มที”



“กูรู้ว่ามันยาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่มึงเลี่ยงไม่ได้ มึงเองก็รู้ตัวไม่ใช่หรอวะ”



“เพราะกูเป็นเตชะณรงกรค์หรอวะ เพราะกูเป็นลูกคนโตของเตชะณรงกรค์หรอวะกูถึงต้องทนอยู่แบบนี้”



“ไอ้ทัพ”



“กูเหนื่อยกับการแบกรับความหวังของลูกชายคนโตเต็มทน กูเหนื่อยกับคนรอบข้างที่คิดว่ากูต้องทำทุกอย่างออกมาให้เพอร์เฟค บางทีคนอื่นเค้าลืมไปหรือเปล่าวะ ว่ากูเองก็เป็นแค่คนๆนึงเหมือนกัน”



“พวกเราเลี่ยงไม่ได้มึงก็รู้ ไม่ว่าจะมึงรู้กูเราก็รู้อยู่เต็มอกไม่ใช่รึไง หรือมึงจะให้ไอ้รบมาดูแลทุกอย่างแทนมึงล่ะ แค่หลับตาก็มองเห็นภาพตึกบริษัทมึงกลายเป็นสีเหลืองทั้งตึก มึงคิดว่าใครจะมายำเกรง หุ้นมึงไม่ตกกูจะแปลกใจมาก หรือมึงจะให้ไอ้รุกมาดู ถ้าลูกน้องทำผิดพลาดมันคงเตะหัวขาด ใจร้อนแบบนั้นบริษัทที่พ่อมึงสร้างมาคงพัง หรือมึงคิดว่าน้องจอมจะทำได้ล่ะ...ถ้าไม่ใช่มึง มันจะเป็นใครวะ”



“มึงคิดว่า...ป๊ากับแม่จะเสียใจมากไหม ถ้าเค้ารู้เรื่องนี้”



“เค้าคงเสียใจ แต่ไม่มากเท่าความเสียใจของมึงหรอกเพื่อน”



“กูเอง...ก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”



ผมที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองภาพถ่ายที่ได้มาจากไอ้ปืนอีกครั้ง  ...



สิ่งที่กัดกร่อนหัวใจของคนเราให้ตายด้าน คือความเชื่อใจที่พังลง ... และสิ่งที่ทำให้ใจเราพังลง มันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขอความเห็นใจ



...



“น้องเมลลูก ตื่นแล้วหรอ มาทานข้าวต้มกุ้งกับคุณแม่ดีกว่ามา”  เสียงใสที่มาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมคุ้นชิน เป็นเรื่องราวดีๆที่ผมมีอยู่ในชีวิตนี้



“เหอะ บ้านช่องไม่กลับ หายหน้าไปหลายเดือน พอกลับมาทีก็ขี้เกียจสันหลังยาว” 



และตามมาด้วยเสียงเข้มๆที่ทำให้ขาของผมต้องชะงัก มองตรงไปที่หัวโต๊ะกินข้าว พ่อของผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนทุกทีที่เคยเห็น มาดนักการเมืองที่กำลังกางหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านเหมือนอยากรู้ว่าผลเลือกตั้งสรุปจะมีพรรคไหนที่ได้เก้าอี้ที่นั่งไปมากที่สุด เหอะ คงจะได้รู้คำตอบหรอก



“คุณ พูดมาก”  แม่ของผมที่ขัดคอพ่อแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาจับมือผม



“มาทานข้าวต้มกับคุณแม่ดีกว่านะลูก”



‘พลึบ’



“คุณก็ให้ท้ายมันตลอดมันถึงเป็นแบบนี้ไง” 



พ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างแรง  หน้าตาสูงวัยที่ถือว่าไม่มากสำหรับผู้ชายวัยหกสิบปี พ่อยังหน้าตาดีและดูมุ่งมั่นไม่ต่างจากวันก่อนๆ  แต่เพราะว่าพ่อเป็นแบบนั้น เลยทำให้ขัดแข้งขัดขากับนักการเมืองคนอื่นๆ ... เป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง ตรงฉิน ฉลาด มุ่งมั่น และเพรียบพร้อม ทุกๆอย่างภายใต้ชื่อและวงตระกูลของเราจึงต้องใสสะอาด แต่จุดต่ำตมทุกอย่างของนามสกุลเรา ก็คือตัวผมเอง...เพราะแบบนั้น ผมและพ่อถึงไม่เคยจะกินเส้นกัน แค่เจอหน้า ก็ไม่รู้สึกว่าจะพูดคุยกันได้



“เมลเป็นแบบไหน”  ผมที่พูดออกไปแบบนั้น เรียกสายตาตำหนิติติงมาจากพ่อได้ทันที



“ยังจะมีหน้ามาถาม ดูแกทำตัวให้ชัดๆฉันก็ไม่ต้องตอบแล้ว หาเรื่องใส่ตัว ดีแต่ทำให้ขายหน้า”



“คุณ นี่พอสักทีได้ไหม!”  เสียงของแม่ที่ขึ้นเสียงใส่พ่อแบบทนไม่ไหว และทุกๆครั้งมันก็เป็นแบบนี้  แม่จะคอยปกป้องผมอยู่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่



“เออ ดี ให้ท้ายมันเข้าไปมันถึงไม่ได้เรื่องได้ราว”



“นี่คุณจะเอายังไงห๊ะ ต้องการจะเอายังไง” 



แม่ที่ลุกขึ้นเถียงกับพ่อในตอนนั้นทำเอาผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง  รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวชิพหาย ไม่ว่าจะเริ่มทำหรืออยู่ที่ไหนก็ดีแต่ทำให้พินาศไปหมด  แม้ว่าผมอยากจะโอบกอดทุกอย่างไว้ให้มันดีที่สุด แต่สุดท้ายมันก็มักจะพังลงเสมอ



“ไม่ต้องเอายังไงทั้งนั้น  เมลจะไปเอง!” 



ผมที่ลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาในตอนนั้น  น้ำตาผมไหลลงมาอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที ได้แต่ลุกขึ้นและเดินหันหลังออกไปจากตรงนี้  .... ผมไม่ชอบบ้านตัวเอง แต่ผมรักแม่  ผมไม่ใช่ลูกที่เชื่อฟัง ไม่ได้เข้าคณะรัฐศาสตร์แบบที่พ่อมุ่งมั่นเพราะผมเรียนไม่เก่ง  และสิ่งสุดท้ายที่ผิดแสนจะผิดในสายตาของพ่อ คือผม...ลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันชอบผู้ชาย ไม่เคยเป็นความภูมิใจให้ใคร และล่าสุดสิ่งที่ทำให้พ่อต้องเจ็บใจและเสียแรงมากที่สุดคือการที่ผมขับรถพุ่งชนใครบางคนให้พ่อต้องเร่งปิดข่าว  .... และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมด ก่อนที่ผมจะเจอทัพหน้า



“ฮึก ฮึก...ฮื่อออ”



‘หมับ’



แรงกอดรัดจากทางด้านหลังทำให้ผมที่กำลังยกมือขึ้นปิดหน้าต้องเอามือออก แม้ว่าตอนนี้จะยังสะอื้นไม่หยุด วงแขนแข็งแกร่งที่จับตัวของผมให้หันหน้าไปหา ผมที่ได้แต่เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มบางๆส่งมาให้ผมพร้อมๆกับเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้



“ร้องไห้ทำไม”



“อึก ฮึก...เมล เมล...”



“ชู่ว ร้องอะไรนักหนา ขี้เหร่หมด”



“ฮึก อึก...สะ...เสือก”



“ดูปาก ปากหมา”



“ฮึก ฮื่ออออ”



“หึ ตลกว่ะ ไหนมากอด” 



คนตรงหน้าที่ว่าผมเสร็จให้ร้องไห้ ก็ทำแค่ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆจนจมอกแกร่ง  ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะกี่ปี คนๆนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม



“ปล...ปล่อยเมล อึก”



“ทำไมเดี๋ยวนี้ร้องไห้เก่งจะวะ ใครทำอะไรมึง บอกกูดิ เดี๋ยวจะไปต่อยให้”



“อึก มึงอย่าเก่ง มึงไม่เก่งอ่ะพี่ก้า”



ก้า หรือจริงๆมันชื่อชูก้า 



ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อคมแม้ว่าจะมีเชื้อสายจีน มันกับผมต่างกันทุกอย่างตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา สีผิว รวมถึงมันสมอง ... เป็นลูกชายคนโตที่สอบติดคณะรัฐศาสตร์ด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง และไม่เคยหลุดพ้นคำว่าเพอร์เฟค หรืออีกอย่างเรียกได้ว่า หน้าตาของครอบครัวเรา  พี่ชายที่อายุมากกว่าผม6ปี ตอนนี้ยังหล่อและทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ แต่งงานกับลูกสาวท่านทูตอังกฤษ ... ตัดภาพมาที่ผม เรียนงูๆปลาๆ อย่าพูดถึงอนาคตของการทำงาน แค่คิดก็ชิพหายลงตรงนี้



“หึ ใครจะเก่งเหมือนมึงล่ะ ไอ้น้องเมล” 



มันที่ยิ้มออกมาหน่อยๆ แล้วกอดตัวผมไว้แน่นๆ ฝ่ามือหนาของมันที่ยังคงลูบหัวปลอบผมอยู่แบบนั้น  เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต จะมีแม่กับก้าที่คอยกอดปลอบผมแบบเสมอเวลาที่โดนดุ



“เมลอ่ะเก่งสุด ก้าก็รู้”



“แน่นอน มึงน่ะเก่งที่สุดแล้ว น้องกูนี่นา”



“โอ๊ย เจ็บนะ อย่ามายืดแก้มกันเดะ”



“หมั่นไส้นัก แก้มอ้วน กินเก่ง”



“อย่ามาว่าเมลนะโว้ย” 



ยกมือขึ้นต่อยแขนแม่ง ชอบมาว่า มองแรงใส่แม่งพร้อมๆกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง ก้าที่มองมาแบบห่วงๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเสหน้าหนีมันแทน



“มีอะไรอยากบอกกูไหมล่ะ”



“บอกว่าก้าเสือกได้ไหมอ่ะ”



“มึงนี่นะ”



“ฮ่าๆ เมลไม่เป็นไรน่า”  หันไปยิ้มให้มันอีกที ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง โดยเฉพาะก้ากับแม่



“ทำไมวันนี้ถึงมาบ้านอ่ะ ไม่อยู่กับเมียหรอ”



“ไม่อยู่ วันนี้กูอยากมาดูน้องกู เห็นว่ากลับมาอยู่บ้านจะเป็นอาทิตย์แล้ว เป็นอะไร”



“ทำไมก้าชอบถามอ่ะ เยอะจั๊ง”



“ก็เพราะห่วงไงไอ้ดื้อ”



“เมลเปล่าดื้อน่า” 



ฉีกยิ้มกว้างๆ แล้วมันก็ทำได้แค่ส่ายหน้านิดหน่อยแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมอีกครั้ง  ไม่ชอบเลยว่ะ ไม่ชอบเวลาก้าลูบหัว เพราะทุกๆครั้งที่มันลูบหัวผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ทุกที  น้ำตามันเอ่อขึ้นมาที่ตาจนต้องก้มหน้าหลบ และสุดท้ายก็พุ่งเข้ากอดมันอีกครั้งแน่นๆ



“เมลเหนื่อยอ่ะก้า อึก เมลแม่งไม่ดีเลย ไม่มีใครต้องการเมลเลย”



“ทำไมพูดแบบนั้น มึงมีกู มีคุณแม่...”



“ฮึก แต่ไม่มีคุณพ่อ แล้วก็ไม่มี...”



“หื้ม?”



“เปล่า”



“คุณพ่อก็รักมึงนะ เค้าแค่แสดงออกไม่เก่ง” 



ผมที่ยิ้มออกมาอ่อนๆตอนที่ได้ยินแบบนั้น ก้ามันพูดแบบนี้มาตั้งแต่ที่ผมอายุ16 วันที่พ่อรู้ว่าผมชอบผู้ชาย และก้าก็คอยกอดปลอบและพูดปลอบแต่แบบนี้ ผ่านมานานกี่ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเห็นการแสดงออกอะไรมากกว่านี้ของพ่อเลยสักที ... บางทีพ่อของผมอาจจะเป็นผู้ชายประเภทเดียวกัน ผู้ชายที่มีเพอร์เฟค และ...ไม่เคยคิดจะรักผม



“ไม่เอาน่า วันนี้เดี๋ยวกูพาไปหาของอร่อยกินดีไหม”



“อยากกิน แต่ว่าถามอีกทีก่อน ทำไมไม่อยู่กับเมียกับไอ้แฝด”



“เอาน่า นานๆทีน้องกูจะกลับมางอแง วันนี้อยู่กับน้องได้เต็มที่” 



ก้ามันว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับขยิบตาใส่ ผมอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่แบบหมั่นไส้นิดๆ แต่สุดท้ายเราสองคนก็ขำก๊ากออกมาใส่กันทั้งแบบนั้น  ก้าที่ดันหลังผมให้เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อนเปลี่ยนชุด มันบอกส่งท้ายว่าจะพาไปกินของที่ผมชอบและปิดประตูไล่หลัง ...



ได้แต่ยืนพิงอยู่ที่ประตูพร้อมทำหน้าโง่ๆ มองไปรอบๆห้องของตัวเองที่นานแล้วผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ... ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ... อดคิดไม่ถึงห้องโทนสีดำแดงที่ครั้งนึงผมเคยนอนในอ้อมกอดของใครบางคนไม่ได้



“พอไอ้เมล เลิกคิดถึงคนที่ไม่รักมึงสักที”  บอกกับตัวเองแบบนั้นแล้วเม้มปากเข้าหากันแน่นๆ



“กูจะไม่ร้องไห้ให้ใครอีกแล้วโว้ยยยย แค่กๆๆ” สัด ตะโกนเสียงดังจนสำลักน้ำลาย จะเท่ห์ก็ไม่เคยสุดหรอกกูเนี่ย แม่ย้อยจริงๆ



...



รถมัสแตงคันหรูที่ขับมาอย่างเร็วเหมือนว่าเจ้าของกำลังรีบร้อนที่จะไปไหนสักทีหนึ่ง ในที่สุดมัสแตงสีแดงก็ชะลอความเร็วลงพร้อมๆกับตบไฟเลี้ยวก่อนจะเลี้ยวเข้าไปบ้านหลังใหญ่ที่ประตูรั้วถูกเปิดรอคอยไว้อยู่ก่อนแล้ว ...

ขายาวที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปดึงกรอบแว่นตากันแดดสีชาออกจากใบหน้าหล่อ  ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มร้ายๆตอนที่ก้าวลงจากรถทักทายลูกน้องที่กรูกันออกมาต้อนรับแล้วรีบโค้งรับหลบสายตาของคนร่างสูงทันที

“หึ”  เสียงหัวเราะในลำคอสั้นๆ มาพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้นิ่งสนิทไม่ต่างจากทุกทีที่ควรจะเป็น ...



40%



ถ้าคนอ่านยอมให้ลง ก็กล้าลง กล้าลงแล้วคนอ่านจะกล้าอ่านไหมมมม มาาาาา คิ้กค้ากกกก  :mew1: :hao3:


ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กล้าลงก็กล้าอ่านค่าาา มาไวแต่ค้างกว่าเดิมอีกค่าาาา แง้  :katai1:  :z3:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เอาให้เด็ดขาดน่ะเฮียทัพ  :katai4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
กล้าๆหน่อย คนอ่านกล้าอ่าน คนเขียนกล้าลงป่ะหล้าาาา. ก็มาดิค้าบบบบบ,,,

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
น่าจะปล่อยให้ทัพหน้าโง่ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ จะได้ทรมานกับความโลเลของตัวเอง  :katai1: อีกอย่างให้นักรบเป็นผู้บริหารก็ดีเหมือนกันนอกจากตึกจะสีเหลืองแล้วฟอร์มพนักงานก็คงไม่พ้นสีเหลือง555 น่าสนุก  :laugh:
ป.ล. ไม่อยากให้เมลยอมคืนดีง่าย ๆ เลย  :call:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :angry2: ความโง่ของพี่ทัพ ต้องให้เมลเอาคืนให้หนัก ทำเมลร้องให้ตลอด

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
กล้าลงก็กล้าอ่าน ไม่โกงงงงงงงง :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด