ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019  (อ่าน 70475 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชัดเจนเอาไปหรือไง เฮ้ออออออ แล้วแบบนี้มันจะไปรอดหรือเปล่าเนี่ย หรือต้องแยกทางกันจริง ๆ
ทำไมปาลไม่พักงานไปเที่ยวกับจันทร์บ้างหาเวลาสวีทกันบ้างได้แล้วนะก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไป

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END



              ฉันทัชยังถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ เขากำลังคิดถึงคนที่อยู่นอกห้อง ป่านนี้ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร หรืออาจจะสบายใจก็ไม่รู้เหมือนกัน
 

             ‘ออกไปดูเสียหน่อยดีกว่า’


             เขาลุกไปล้างหน้าล้างตาตามที่อินทัชแนะนำแล้วจึงเดินหน้าเศร้าออกไปหาคนรักเห็นชายหนุ่มนั่งมองโทรทัศน์ทั้งที่มันไม่ได้ถูกเปิดขึ้นมา

            ฉันทัชช่างอ้อนพอๆ กับปาณัสม์ แต่หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยใช้มันเท่าไหร่ เพราะความเบื่อหน่ายในชีวิตคู่ ทำให้เกิดความเฉื่อยชาตามมา ขาเรียวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าปาณัสม์ คนที่นั่งอยู่เงยหน้ามองฉันทัชด้วยความแปลกใจ ปาณัสม์กำลังคิดหาวิธีจะเข้าไปง้ออีกฝ่ายอย่างไรดีกลับเจอคนที่กำลังคิดถึงมาอยู่ตรงหน้าเสียก่อน

            ร่างที่เล็กกว่าก้าวขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาของอีกฝ่ายเอาไว้ ปาณัสม์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป แขนขาวของฉันทัชกอดคอคนรักเอาไว้ ดึงแว่นออกจากหน้าอีกฝ่าย วางมันทิ้งไว้ข้างตัว แล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้จูบเบาๆ บนเปลือกตาที่เขาหลงใหล

            “อย่าให้ใครถอดแว่นนี้นอกจากจันทร์นะ จันทร์หวงไม่อยากให้ใครเห็น” เขาเตือนความจำของชายหนุ่ม

            “ขอไว้คนหนึ่งเพราะคงห้ามน้องปัณณ์ไม่ได้” ปาณัสม์ตอบพลางคิดถึงหลานสาวที่ลอกเลียนพฤติกรรมของอาจันทร์มาอย่างสมบูรณ์แบบ

            “จันทร์ขอโทษ” ฉันทัชกระซิบบอก

            “ขอโทษอะไร”

            “ขอโทษที่เสียงดังใส่”

            “แค่นั้นเหรอ” ปาณัสม์เอื้อมมือมาจับเอว ยึดอีกฝ่ายเอาไว้กลัวว่าจะหล่นลงไปที่พื้น

            “แค่นั้น ส่วนเรื่องโน้ต จันทร์ไม่รู้จริงๆ ว่าหายไปได้ยังไง จันทร์ไม่เคยโกหกปาลไม่ใช่หรือ”

            “อืม”

            “ไม่โกรธจันทร์นะ” ฉันทัชกดจูบลงบนแก้มของชายหนุ่ม

            “ไม่เคยโกรธจันทร์ได้เลยสักที ปาลก็ขอโทษ ยอมรับว่าหัวเสียมากไปหน่อยที่ตื่นมาแล้วไม่เจอจันทร์ คิดว่าจันทร์ไม่อยากอยู่กับปาลอีกแล้ว”

            “จะเป็นแบบนั้นไปได้ไง จันทร์ต้องอยู่กับปาลสิ จะไปไหนได้” คนที่นั่งอยู่ด้านบนหัวเราะกับความคิดอีกฝ่ายพลางเล่นผมไปด้วย ผมของปาณัสม์หนาและนุ่มพอสมควรทั้งที่ทำสีน้ำตาล เขาเป็นคนพาเจ้าตัวไปร้านทำผมและบอกช่างให้ตัดทรง Two block แล้วตามด้วยดัดลอนใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้มาถูกใจเขามาก แต่ก็เซ็งมากเช่นกันเพราะอีกฝ่ายดูดีขึ้นไปอีก

            ทั้งที่ทะเลาะกันอยู่ ทว่าพอได้ใกล้ชิดกัน ทำไมเขาถึงเริ่มรู้สึกเกิดอารมณ์ปรารถนากับคนตรงหน้า ฉันทัชไม่เข้าใจตัวเอง ชายหนุ่มก้มหน้าเลียติ่งหูนั้นอย่างโหยหา พวกเขาทั้งคู่สัมผัสกันน้อยมาก ยิ่งปีหลังๆ เหมือนต่างคนต่างอยู่ด้วยซ้ำ กอดสุดท้ายก็คือการทะเลาะกันครั้งก่อน ซึ่งมันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว

            “อยากหรือไง” ปาณัสม์ช้อนตามองเพราะสัมผัสจากช่วงล่างของอีกฝ่ายกำลังชนอยู่กับท้องของเขา

            “ได้ไหม” ระยะเวลาที่อยู่ด้วยมาเป็นสิบปี โยนทิ้งไปแล้วกับคำว่าอาย

            ปาณัสม์ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ยกมุมปากขึ้นมานิดหนึ่ง เป็นแบบที่ฉันทัชเคยตกหลุมรักคนนี้เพราะยิ้มนี้เลย

“ทำไมจะไม่ได้”     

            ฉันทัชกัดหูอีกฝ่ายไม่แรงนักเป็นอันว่า เขาขอเป็นคนเปิดเกมส์นี้เอง ปาณัสม์ไม่ได้ท้วงอะไร ซ้ำยังช่วยอำนวยความสะดวกให้คนเริ่มเป็นอย่างดี ชายหนุ่มปล่อยให้คนอยู่ด้านบนทำตามอำเภอใจ ส่วนตัวเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าคนรัก รวมถึงตัวเอง

            “ยืดตัวขึ้นหน่อย” ปาณัสม์กระซิบบอก แอร์ในห้องกำลังทำความเย็นตามความสามารถ แต่คนที่อยู่บนโซฟากับร้อนรุ่มด้วยพิษราคะ

            ปาณัสม์ดึงกางเกงของอีกฝ่ายออกไปจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะไรให้ขัดตาอีก ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่ปาณัสม์เข้าใจเป็นอย่างดีที่เจ้าตัวคิดจะทำอะไร ฉันทัชถอยตัวลงมาคุกเข่าอยู่หน้าเขาแล้วค่อยปลดกระดุมดึงกางเกงอีกฝ่ายออกมา ดึงรั้งลงมากองที่พื้นจนหมดเช่นกัน

            ฉันทัชเอียงคอมองสบตาคนด้านบน “เหมือนกันแล้วนะ”

            “ลงมือสิ” ปาณัสม์กำลังรอสิ่งที่จะเกิดขึ้น

            ฉันทัชกอบกุมส่วนล่างของเขาเอาไว้ ลูบไล้อย่างเบามือ ราวกับหลงใหล ก้มลงไปจูบเบาๆ

“นึกว่าจะไม่สู้มือแล้ว”

            “พร้อมใช้งานเสมอแหละน่า”

            คนคุกเข่ายิ้มพลางยืดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยพอที่จะให้ครอบครองเจ้าสิ่งนั้นด้วยปากของตัวเองได้ ปาณัสม์หลับตา เขากัดปากกับความความรู้สึกแรกที่ได้รับ ปาณัสม์มีปากที่ค่อนข้างบางกว่าฉันทัช เมื่อใดก็ตามที่ฉันทัชทำแบบนี้กับเขา ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายมักจะลากผ่านเนื้อนุ่มบริเวณแก่นกายได้เป็นอย่างดี

            เรียวลิ้นดูดดึงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คนอยู่ด้านบนพอใจกับผลงานชิ้นเยี่ยมที่เจ้าตัวสอนมาเองกับมือ วันนี้มันสำเร็จไร้ที่ติ สายน้ำใสไม่รู้ว่าเป็นของใครไหลหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปาณัสม์ไม่คิดจะเช็ดให้เพราะฉันทัชได้กวาดลิ้นเลียเก็บเข้าไปแล้ว

            “จันทร์จ๋า” ชายหนุ่มครางออกมากับรสปรนเปรอจากคนรัก

            “ชอบหรือเปล่า”

            “ชอบสิ ชอบมาก”

            “ดีแล้ว”

            ฉันทัชเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะส่งคนรักให้ถึงฝั่งก่อนสักหนึ่งรอบ เขาหวังดีอยากให้ปาณัสม์มีความสุขก่อนก็เท่านั้นเอง

            ปาณัสม์จับศีรษะของเขาให้ขยับเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงเส้นชัย ฉันทัชไม่ได้อิดออดยอมให้อีกฝ่ายชักนำแต่โดยดีและเมื่อชายหนุ่มกระตุก เขาก็รับมันกลืนผ่านลำคอไปอย่างรวดเร็ว

            “เข้าไปในห้องกัน” ชายหนุ่มที่นั่งพิงโซฟาพูดขึ้นเมื่ออารมณ์ดิ่งลงมาระดับหนึ่งแต่ยังไม่มอดดับ

            “ไม่เอา จันทร์อยากอยู่ตรงนี้”

            ปาณัสม์หรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์ ฉันทัชพูดอย่างนี้แสดงว่าอีกฝ่ายอยากแสดงฝีมือเอง เขาไม่ว่าอะไรนอกจากลุกไปหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ก่อนจะกลับมานั่งแล้วเอาอุปกรณ์นั้นมาวางข้างตัว พลางตบหน้าขาให้อีกฝ่ายขึ้นมาบนตัวเขาเสียที

            “ไหวหรือเปล่า” ปาณัสม์เป็นห่วงเพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้ทำด้วยกันมานาน

            “ปาลล่ะ ไหวหรือเปล่า”

            “อย่าดูถูกพี่นะน้อง”

            “อดใจรอไม่ไหวเลย” ฉันทัชท้า

            ปาณัสม์ชโลมเจลลงทั่วมือและนิ้วก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทางด้านหลังของคนรัก ฉันทัชซบหน้าลงกับบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ พลางกัดฟันแน่นด้วยความอึดอัด เขาพยายามหายใจเข้าปอดเพื่อผ่อนคลายให้มากที่สุด

            “จูบหน่อยเร็ว คิดถึง” ปาณัสม์บอก รสชาตินี้ก็ห่างหายไปเช่นกัน

            ฉันทัชกอดคออีกฝ่ายเอาไว้แล้วทำตามคำขอนั้น จูบที่ร้างราไปนาน บัดนี้เหมือนคนตะกละตะกลามกลัวว่ามันจะหายไป ลิ้นอุ่นพัวพันรัดแน่นแยกแยะเจ้าของไม่ได้ ไม่มีใครยอมใคร ปาณัสม์ใช้มือข้างที่จับเอวของฉันทัชมาลูบไล้วนเวียนอยู่ที่หน้าอกขาวของอีกฝ่าย เขาปัดมือสะกิดสิ่งที่กำลังเบ่งบานด้วยอารมณ์ปรารถนา

            “อื้อ” ปาณัสม์ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ จุดอ่อนของฉันทัชอยู่ที่นี่

            เขาละริมฝีปากออกมามาโรมรันกับยอดอกนี้แทน ฉันทัชแอ่นตัวขึ้นเพราะเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามปฏิกิริยาของร่างกายเพราะมัวแต่หลงใหลกับความรู้สึกด้านบนจนลืมไปว่า ด้านล่างกลับรับทั้งสามนิ้วเข้ามาไว้ภายในตัวเรียบร้อยแล้ว

            “พร้อมหรือยัง” ปาณัสม์กระซิบ จังหวะนั้นเขาก็เทเจลลงบนส่วนล่างของตัวเองจนชุ่มโดยไม่นึกเสียดาย

           ฉันทัชพยักหน้าก่อนจะใช้มือจับแก่นกายของปาณัสม์ให้ตั้งตรงแล้วค่อยๆ กดร่างกายของตัวเองลงมาทีละนิด ทีละนิด

           “เข้าไปหมดแล้ว จันทร์ของปาล” ปาณัสม์บอกพลางจูบปากอิ่มนั้นเป็นรางวัล

            “อื้อ”

           “ให้ช่วยไหม” ปาณัสม์หวังดี

           “ไม่ต้อง จันทร์ทำเอง”

           “จันทร์คนเก่ง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ปาณัสม์ก็ยังช่วยจับเอวอีกฝ่ายเอาไว้อยู่ดี เขาไม่อยากให้ฉันทัชต้องเหนื่อยจนเกินไป แรงขยับร่างกายเวลาที่ขยับขึ้นลงนั้นเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลย

           “เร็วอีกได้ไหม” เขาบอกมือก็รูดรั้งแก่นกายของฉันทัชไปพร้อมกัน

           “จันทร์จะไม่ไหวแล้ว” ฉันทัชเหนื่อยใกล้รู้สึกเหมือนจะเป็นลม

           “แค่นี้ก็ไม่ไหวเหรอ” ปาณัสม์ดูถูกอีกฝ่าย ทำให้ฉันทัชหน้างอ


           ‘อย่ามาว่าเขาแบบนี้เชียว’


            แรงฮึดทำให้ฉันทัชเดินหน้าต่อได้ไม่ยากเย็นนัก ชายหนุ่มขยับตัวอย่างรวดเร็ว แรงเสียดสีภายในทำให้เขาแทบคลั่ง แรงสัมผัสด้านนอกก็ทำให้เขาแทบขาดใจ ไม่รู้ฉันทัชจะทนอะไรได้มากกว่ากัน ปาณัสม์เองก็ไม่ต่างเมื่อไหร่ที่ฉันทัชอารมณ์พุ่งขึ้น ด้านหลังของชายหนุ่มจะบีบรัดแก่นกายของปาณัสม์ไว้แน่น จนทำให้เขาเกือบอดกลั้นไม่ไหว

            สุดท้ายพวกเขาสองคนก็ต้านการปลดปล่อยของร่างกายเมื่อถึงขีดสุดเอาไว้ไม่ได้ ปาณัสม์กอดหลังฉันทัชแน่น ทั้งคู่พากันเหนื่อยหอบ ใจอยากต่ออีกรอบแต่ถ้ามีอีกเขาคงฟุบหลับคาอกฉันทัชแน่นอน ขายหน้าแน่ๆ ฉันทัชรู้ดี ถึงตั้งใจทำให้เขาเสร็จไปก่อนรอบหนึ่ง ร้ายเหลือเกิน

            ภายหลังก่อนจะหลับ ปาณัสม์ก็พูดติดตลกว่า “ถ้าทะเลาะแล้วจะร้อนแรงแบบนี้ ทีหลังจะหาเรื่องชวนทะเลาะบ่อยๆ”
         
            “อะไรเล่า” ฉันทัชโวยวายได้แค่นั้นก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย


            หลังจากเปิดวอร์แล้วตามต่อด้วยกามารมณ์ ฉันทัชรู้สึกว่าชีวิตคู่ของเขาดีขึ้นกว่าเดิม ถึงจะ
ไม่ได้มีการกระทำที่แตกต่างออกไปแต่บรรยากาศตึงเครียดก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้จิตใจของเขาปลอดโปร่ง หัวสมองพลอยผลิตงานออกมาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

            ไม่รู้ว่าเขาคิดว่ามันดีอยู่คนเดียวหรือกำลังหลอกตัวเองว่าดี

            “สวัสดีครับ” ฉันทัชกดรับสายที่ไม่แสดงชื่อ

            “สวัสดีค่ะ คุณฉันทัชใช่ไหมคะ” ทางนั้นรีบระบุชื่อคนที่ต้องการติดต่อ

            “ใช่ครับ”

            “ดิฉันพิมพา จากบริษัทแถวอโศกค่ะ” คุณพิมพาบอกเพิ่มต่อว่าบริษัทที่ว่าคือบริษัทชื่ออะไร ทำอะไร

            “อ่อครับ ได้เบอร์ผมมาได้ยังไงครับ”

            “น้องอินอินให้มาน่ะค่ะ ทางเราเห็นผลงานคุณหลายชิ้นแล้ว ถูกใจค่ะ อยากร่วมงานด้วย” ชายหนุ่มได้ยินก็ตาเป็นประกาย พลางนึกขอบคุณเจ้าตัวแสบที่ช่วยหางานให้ตามที่เคยได้พูดไว้

            “ขอบคุณครับ”

            “เข้าเรื่องเลยนะคะ พอดีเดือนหน้าเราจะมีอีเวนต์ที่ฮ่องกง อยากจะติดต่อว่าจ้างให้คุณฉันทัชช่วยประสานงานเป็นล่ามแปลภายในงานค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะเหนื่อยเกินไปหรือจะรับมือไม่ไหวนะคะ ในงานมีเจ้าหน้าที่แบบคุณฉันทัชหลายท่านค่ะ”

            “ครับ”

            “เรื่องค่าจ้างและรายละเอียดอื่นๆ ดิฉันจะส่งไปให้ทางเมลนะคะ”

            “เอ่อ..ผม” ฉันทัชอยากจะตกปากรับคำเสียเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่ใครอีกคน

            “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

            “ผมขอให้คำตอบทีหลังได้ไหมครับ”

            “ได้ค่ะ รบกวนอย่าเกินวันพุธนะคะ”

            ฉันทัชมองปฏิทินบนโต๊ะ วันนี้วันจันทร์ ทันอยู่แล้ว เขาจะรีบไปหาปาณัสม์วันนี้เลย “ได้ครับ แล้ววันพุธผมจะติดต่อไปหรือไม่ก็อาจจะเร็วกว่านั้น”

            “ขอบคุณค่ะ ยังไงเดี๋ยวดิฉันส่งอีเมลให้เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ”

            “ขอบคุณครับ” ฉันทัชกดวางสายพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

            เขาดีใจสุดๆ ดีใจมากๆ


            ก่อนหน้านี้เขาเคยทำหน้าที่ประเภทนี้มาบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่เพราะปาณัสม์ไม่ชอบ บางงานต้องอยู่ดึกดื่น  รอจนงานเลิกถึงจะกลับบ้านได้ ปาณัสม์จึงไม่ค่อยอนุญาต แต่งานดีๆ โอกาสงามๆ แบบนี้ เขาอยากทำมันจริงๆ หวังว่าจะอีกฝ่ายจะยินยอม

            ฉันทัชรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำอีกรอบ กะเวลาคร่าวๆ ออกไปตอนนี้คงถึงบริษัทของปาณัสม์ช่วงบ่าย เขาจะนั่งรอปาณัสม์อยู่ที่นั่น พอเลิกงานก็จะชวนอีกฝ่ายออกไปกินข้าวด้วยกันและหาโอกาสพูดเรื่องนี้ด้วย เวลาช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้

            วันนี้เขาแต่งตัวเผื่อไปทานข้าวมื้อค่ำ นั่งรถมาบริษัทของอีกฝ่ายด้วยใจเกินร้อย แต่พอมาถึงใจเขาก็เหลือศูนย์เมื่อได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายออกไปคุยงานกับลูกค้าตั้งแต่บ่ายและวันนี้จะไม่กลับเข้ามาบริษัทอีก ฉันทัชพลาดเองที่ไม่โทรถามปาณัสม์ก่อน

            “ขอบคุณ” ฉันทัชบอกเลขาหน้าสวยประจำตัวปาณัสม์

            “คุณเทมส์คะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” จังหวะที่เขาจะถอยกลับ เสียงหญิงสาวก็เรียกเขาไว้

            “ครับ?”

            “สิทราบมาว่าวันนี้บอสจะไปต่อที่ผับนี้นะคะ” หญิงสาวหยิบนามบัตรในลิ้นชักส่งให้ ฉันทัชรับมันมาไว้โดยดี

            “ขอบคุณนะ”

            “ยินดีค่ะ ถ้าเป็นธุระด่วนก็ลองไปตามที่อยู่นี้ดูค่ะ”

            “โอเค”

            ฉันทัชกลับคอนโดด้วยอาการคอตก ใกล้ทุ่มแล้วแต่เขาไม่คิดที่จะทำอาหารเพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าปาณัสม์คงไม่กลับมาทานข้าวด้วย เขาจะเอาไงต่อดี กินข้าว อาบน้ำแล้วนอนเหมือนเดิมเลยดีไหม

            สมองของเขากำลังฟุ้งซ่านเพราะเอาแต่คิดถึงงานที่อยากทำไม่หยุดหย่อน ใจหนึ่งบอกให้เขารออยู่ที่ห้อง แต่อีกใจหนึ่งก็ร้อนรนอยากออกไปคุยให้รู้เรื่องเสียเดี๋ยวนั้น เขาควรจะไปหรือไม่ไปดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2019 16:43:22 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


            ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะไปหรือไม่ไป รู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มายืนหน้าทางเข้าผับแห่งนี้เสียแล้ว กว่าจะมาถึงก็เสียเวลานาน จ่ายค่าแท็กซี่ไปอีกบานเบอะ แต่ช่างเถอะ ยังไงก็มาถึงแล้ว ฉันทัชยกแขนขึ้นมาดูเวลา ใกล้จะสี่ทุ่ม ปาณัสม์คงยังไม่กลับหรอก จริงไหม

            ฉันทัชเดินเข้าไปข้างใน มีคนไม่น้อยพากันมองเขาไม่วางตา ถึงเขาจะเดินผ่านไปแล้วแต่ก็ยังมองไล่หลัง ทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจ สอดส่ายสายตามองหาโต๊ะที่คิดว่าอาจจะมีคนคุ้นหน้าอยู่มุมไหนสักแห่ง ฉันทัชมองหาไม่เจอหากช่วงเวลานั้นกลับมีคนมาแตะไหล่เบาๆ เขาตกใจรีบหันกลับไปจึงเห็นคนรู้จักยืนยิ้มให้

            “จักร?”

            “ใช่ เราเอง มาได้ไงเนี่ย ไอ้ปาลให้มาเหรอ” จักรีจับสังเกตภายในร้านได้ว่าต้องมีอะไรเด็ดๆ เข้ามาแน่ๆ ด้วยความเจ้าชู้เขาเลยออกมาดูเหยื่อ แต่ทำไมกลายเป็นคนของเพื่อนเขาไปได้

            ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ จักรีพลางคิดว่าขนาดไม่ค่อยไปไหนมาไหน เดินเข้ามาในร้านทียังเรียกความสนใจไปเกือบหมด ถึงจะรู้จักมานาน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าทำไมปาณัสม์มันถึงได้หวงนัก แต่ที่ขัดใจเขาก็คือไหนเพื่อนของเขาบอกว่าคนรักแต่งตัวเดิมๆ ไงวะ

            เสื้อสเวตเตอร์สีครีมไม่หนาไม่บางจนเกินไป ตามสภาพอากาศเมืองไทย แต่ช่วยให้ความอบอุ่นเวลาอยู่ในห้องแอร์อุณหภูมิต่ำ ตามด้วยกางเกงผ้าฝ้ายสีดำเนื้อดีแบบลำลองและรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวแบบนี้ นี่เรียกว่าเดิมๆ หรือเปล่า?แล้วแว่นดำที่เจ้าตัวคาดขึ้นไปบนศีรษะนั่นอีกล่ะ ให้ตายเถอะ แบบนี้แล้วปาณัสม์ยังบอกว่าเบื่ออีก เขาอยากจะบ้า

            “ดึกขนาดนี้ยังจะใส่แว่นดำมาอีกเหรอ” จักรีทักพยักเพยิดหน้าไปบนศีรษะของฉันทัช

            “กลางวันผมออกไปข้างนอกมาเลยลืมถอด” ฉันทัชจับแว่นที่คาดอยู่ก็ยิ้มแหย

            “ถึงว่า แล้วนี่มาหาไอ้ปาลมันใช่ไหม”

            “ใช่”

            “มันจะไม่ว่าเอาเหรอ ออกมาข้างนอกเนี่ย” จักรีพูดเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี

            “ไม่เป็นไร ปาลคงไม่ว่าอะไรหรอก...เขาอยู่ไหนเหรอ” ฉันทัชยิ้ม หากในใจนึกหวั่นอยู่เหมือนกัน

            “ไปแถวห้องน้ำอะ เห็นเลขามันเอาเอกสารมาให้บอกว่ามีเรื่องด่วน”

            “เหรอ” ฉันทัชไม่อยากคิดไปไกล เลขาของปาณัสม์นี่ทำงานดีเกินเงินเดือนเหลือเกิน

            “เดินไปหามันสิ ทางซ้ายนั่นอะ”

            “ขอบคุณนะ”

            “อืม โต๊ะเราอยู่ทางนั้น” จักรีชี้ไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ ฉันทัชเห็นชัดเจนก็รู้ว่ามองไม่ผิดโต๊ะ “เห็นไหม”

            “เห็น”

            “โต๊ะนั้นแหละ ถ้าเจอไอ้ปาลแล้วก็บอกให้มันกลับมาที่โต๊ะได้แล้ว”

            “อืม”


            ฉันทัชเดินไปตามที่จักรีบอก แสงไฟสลัวทำให้เขามองทางไม่ค่อยชัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะในร้านไม่ได้มีเส้นทางคดเคี้ยวให้เขาต้องหลง ซ้ำยังมีป้ายบอกทางมาห้องน้ำชัดเจน เขาคิดว่าเดินมาใกล้ถึงดังจุดที่ว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอใคร ชายหนุ่มจึงเดินต่อไปอีกนิด มองเห็นโซฟาขนาดยาวกว่าปกติพิงผนังอยู่ใกล้ห้องน้ำ ฉันทัชยิ้ม ทางร้านก็เข้าใจคิดตั้งสิ่งนี้ไว้เป็นที่นั่งพักของคนเมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆ สายตาเห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนสองคน

            เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ใจเต้นระส่ำ ดังไม่เป็นจังหวะ หัวใจเหมือนจะหลุดออกมาจากอก บอกหน่อยสิว่า เขากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ ภาพชายคนรักยึดไหล่เลขาเอาไว้ พลางก้มหน้าเข้าไปใกล้ ทั้งคู่กำลังจะจูบกันใช่ไหม เขาควรจะเรียกชื่ออีกฝ่ายให้รู้ตัวหรือควรรอให้เขาจูบกันเสร็จก่อน

            “ปาล” เสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้คนสองคนสะดุ้งรีบแยกออกจากกัน

            “จันทร์?มาได้ไง”

            “ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามาได้ไง เรามาสนใจเรื่องนี้กันดีกว่าว่าปาลมาทำอะไรตรงนี้” ฉันทัชมองข้ามไหล่ของปาณัสม์ไปที่เกศสิรี ดวงตาของเขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างไม่พอใจ กล้าดีอย่างไร ถึงอยากจะมาใช้ผู้ชายร่วมกับเขา เกศสิรีถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว

            “มาเซ็นเอกสารน่ะ”

            “เหรอ แต่เมื่อสักครู่นี้ จันทร์เหมือนจะไม่เห็นปาลเซ็นอะไรเลย” ฉันทัชพูดราบเรียบ

            “เซ็นเสร็จแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์คิด” ปาณัสม์พยายามอธิบาย

            ฉันทัชแค่นยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แล้วอย่างไหนล่ะที่เขาควรคิด

            “ออกไปคุยกันข้างนอก จันทร์ไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนนอก” ประโยคแรกเขาบอกปาณัสม์ ส่วนประโยคหลังเขาจงใจบอกเกศสิรี

            ปาณัสม์เดินตามหลังฉันทัชไปห่างๆ ไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกำลังกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก เมื่อครู่นี้เขามาเซ็นเอกสารตามที่เกศสิรีบอกจริงๆ แต่จู่ๆ เลขาของเขาก็ล้มลงกับพื้น เธอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อย ปาณัสม์จึงประคองหญิงสาวไปนั่งตรงโซฟาตัวนั้น เขาถอดแว่นแล้วก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเหมือนหญิงสาวจะหน้าซีดเหลือเกิน

            ไม่รู้ว่าฉันทัชเห็นภาพนั้นแล้วตีความไปอย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

            ขนาดคนรักของเขายังเดาได้ แล้วเขาล่ะจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร ถ้าหากในตอนนั้นฉันทัชไม่เรียกเขาไว้ จะเกิดอะไรขึ้น

            “จันทร์มาได้ไง” ประโยคแรกที่พวกเขาออกมายืนนอกร้าน

            “นั่งแท็กซี่มา”

            “ไม่ใช่แบบนั้น”

            “วันนี้จันทร์ไปหาที่บริษัท แต่ปาลไม่อยู่” ฉันทัชค่อยๆ ข่มใจแล้วพยายามพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง

            “ใช่ ปาลไปคุยกับลูกค้าอีกบริษัทหนึ่ง”

            “เลขาปาล? คุณสิใช่ไหม บอกว่าคืนนี้ปาลจะมาที่นี่”

            “ใช่ ปาลบอกเขาไว้เองเผื่อว่ามีปัญหาอะไร ร้านนี้เป็นร้านของลูกค้าที่เคยติดต่องานที่บริษัท” ปาณัสม์อธิบายเพิ่ม

            “ไม่เป็นไร จันทร์ไม่อยากรู้หรอก”

            “แล้วจันทร์มีอะไร ทำไมไม่รอที่บ้าน”

            “พอดีจันทร์ได้งานมางานหนึ่ง จันทร์อยากทำก็เลยรีบมาหา จะมาถามว่าขอไปทำงานนี้ได้ไหม เสร็จแล้วเราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน”

            “อ่า...”

            “ผิดแผนไปหมดเลย ว่าไหม” ฉันทัชทำเสียงเหมือนกำลังพูดเรื่องตลก

            “งานอะไร”

            “จันทร์คิดว่าไม่ต้องขอปาลแล้วล่ะ”

            “ทำไม?”

            “จำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับจันทร์ได้ไหม”



 
            ...
            ‘จันทร์ ขออะไรจากปาลข้อหนึ่งได้ไหม’
            ‘ได้สิ กี่ข้อก็ได้’
            ‘ข้อเดียวก็พอ’ฉันทัชหัวเราะ
            ‘สัญญากับจันทร์นะ จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ’
            ‘หมายความว่าไง’
            ‘ก็หมายความว่า ถ้าปาลนอกใจเมื่อไหร่ แปลว่าเราจบกัน’
            ‘เชื่อปาลได้เลย จันทร์ไม่มีวันเลิกกับปาลหรอก’
            ...



 
            ปาณัสม์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

            “จำได้ แต่มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์เห็น ปาลไม่ได้..” เขาพูดไม่จบก็ถูกฉันทัชแทรกขึ้นมาก่อน

            “พอเถอะ จันทร์เหนื่อยแล้ว เหนื่อยแล้วจริงๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่งดังเดิม สำหรับคนขี้โมโห ใจร้อน อย่างฉันทัชสงบนิ่งได้แบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ปาณัสม์กลัวที่สุด

            “จันทร์เห็นภาพปลายทางของจันทร์จะมีปาลอยู่ข้างกัน จันทร์รู้ว่าเราต่างอดทน แต่ก็นะ” ฉันทัชถอนหายใจ

“คนอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีแล้วนี่นา เราคงอดทนมันไม่มากพอ ก้าวข้ามผ่านมันไม่ได้ มันถึงได้เป็นแบบนี้ จันทร์จะไม่โทษใครหรือแม้กระทั่งปาลก็ตามที่ทำให้จันทร์อยู่ตรงนี้ การที่จันทร์เลือกอยู่กับปาล จันทร์คิดเสมอว่าจันทร์เลือกไม่ผิดและก็ไม่ผิดจริงๆ” ฉันทัชยิ้มให้แต่ทำไมมันดูเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดที่ปาณัสม์เคยเห็น

            “จันทร์คิดแบบนั้น โดยไม่สนใจจะฟังปาลพูดอะไรหน่อยเหรอ”

            “ตอนนี้จันทร์ไม่อยากฟังอะไร ขอเชื่อสายตาตัวเองแทนได้ไหม” ฉันทัชยังพูดด้วยโทนเสียงเดิมไม่ผิดเพี้ยน

            “แต่ปาลไม่ได้ทำ” เขาพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง

            “จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ” ฉันทัชทวนสัญญาให้ปาณัสม์ฟังอีกครั้ง

            “คืนนี้จันทร์จะไปค้างกับไทน์นะ แล้วจะเข้ามาเก็บของทีหลัง” ฉันทัชพูดจบก็โบกมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกมาจากบริเวณนั้น

            “เดี๋ยว” ช่วงจังหวะที่ถูกเรียกฉันทัชรู้สึกดีใจแต่เขาจะไม่ยอมคืนคำ

“กลับดึกๆ แบบนี้ ปาลเป็นห่วง ให้ปาลไปส่งได้ไหม”

            “จันทร์อยากกลับเอง” ฉันทัชตอบโดยไม่หันหลังกลับไป

            “ปาลขอ ถ้าไม่ให้ปาลไปส่งก็ให้ไอ้ชัดไปส่งนะ รอมันตรงนี้ก่อนได้ไหม”

            ฉันทัชสบตากับปาณัสม์นิ่ง

            “นะ จันทร์นะ” เขาอยากจะใจแข็งกว่านี้ แต่ก็ทนเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่ายไม่ได้

            “อืม จะรอ” ฉันทัชรับคำให้อีกฝ่ายสบายใจ

            ฉันทัชมองตามแผ่นหลังของปาณัสม์กับสถานะใหม่ที่เขาเลือกจะเปลี่ยนมัน‘อดีตคนรัก’ชายหนุ่มหลับตาแน่น ราวกับอยากจะลืมเหตุกาณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

            สุดท้ายเขาก็คิดไปเองคนเดียวว่าดีและหลอกตัวเองไปว่ามันดี ไปพร้อมๆ กัน เพราะแท้จริงแล้วใจของเขามันเปราะบางเหลือเกิน

            ปาณัสม์มาส่งคนรักขึ้นรถเป็นครั้งสุดท้าย เขาย้ำชัดเจนว่าให้ขับรถดีๆ และระมัดระวังให้มากๆ ด้วย ย้ำนักหนาว่าต้องไปส่งอีกฝ่ายให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ชัดเจนรับคำแล้วขับรถออกไปด้วยความนุ่มนวล

            ถ้าถามปาณัสม์ว่าอยากเลิกกับฉันทัชหรือไม่ เขาคงตอบว่าไม่อยาก แต่ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกัน คำพูดของฉันทัชตอนที่บอกว่าจะทนไม่ไหวแล้ว มันทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็ถึงจุดใกล้สิ้นสุดเหมือนกัน ใครต่อใครก็พากันด่าเขา ว่าเขาบังคับฉันทัชจนเกินเหตุในความบ้าบอของตัวเอง

            ยอมรับว่าตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อชีวิตคู่นี้แล้วเหมือนกัน เขาโลเล อยากมีอิสระแต่ไม่อยากปล่อยฉันทัชไป พออีกฝ่ายเป็นคนเสนอจะไปเอง ลึกๆ ก็ทำให้เขาแอบโล่งใจอยู่บ้างเหมือนกัน

            ทั้งโล่งใจและโหวงใจ

            เขาคงเป็นคนบ้าอย่างสมบูรณ์แบบ


 
            .
            .
            ชัดเจนขับรถออกมาตามคำสั่งของปาณัสม์ อีกฝ่ายบอกเขาให้ไปส่งฉันทัชที่บ้านของอินทัช ไม่ใช่ที่คอนโด เขาแปลกใจแต่ไม่ใช่หน้าที่ที่จะถาม ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันทัชเข้าไปเจอปาณัสม์กับเกศสิรี

            บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบ ชัดเจนมองคนนั่งหลังผ่านทางกระจกก็ยิ่งปิดปากสนิทไม่กล้าแม้แต่จะชวนคุย

            แว่นดำที่คาดผมมาแต่แรก บัดนี้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ ฉันทัชดึงแว่นลงมาสวมปิดบังดวงตาที่เจ็บช้ำของตนเองเอาไว้ เขาไม่อยากให้ชัดเจนต้องตกใจว่าเกิดปัญหาอะไร

            เมื่อไหร่จะถึงบ้าน

            อยากให้น้องสาวคอยกอดเขาไว้ทั้งคืน

            คำสัญญามันก็แค่ลมปาก คำพูดสวยหรูที่หลอกล่อให้คนติดกับ มันก็แค่นั้นเอง

            ฉันทัชส่งข้อความไปบอกน้องสาวว่าคืนนี้เขาจะไปค้างที่บ้านด้วย

            เมื่อถึงปลายทาง ฉันทัชเห็นประตูรั้วหน้าบ้านถูกเปิดรอเขาอยู่แล้ว มีร่างสูงของผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้านยามที่เห็นรถยนต์แล่นเข้ามาจอด

            “ขอบใจที่มาส่งนะชัด”

            “ไม่เป็นไรครับคุณเทมส์”

            “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป” ฉันทัชพยายามสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อ “ดูแลปาลให้หน่อยได้ไหม ให้กลับบ้านบ่อยๆ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”

            “ครับ แล้วคุณเทมส์จะไปไหน”

            “อยู่ที่นี่แหละ ไปนะ”

            “คุณเทมส์..” ชัดเจนคิดว่าเขากำลังงง จึงเรียกรั้งอีกฝ่ายเอาไว้

            “ไปนะ” ฉันทัชไม่อยากคุยต่อ เลยตัดบทแล้วลงจากรถไป

            จังหวะที่กลับรถ เขาเห็นคนสองคนยืนกอดกันอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับหญิงสาวที่เช็ดหน้าของพี่ชายให้ด้วยความอ่อนโยน

            ชัดเจนสงสารฉันทัชเหลือเกิน ไม่เข้าใจว่าปาณัสม์ทำอะไรลงไป สถานการณ์ถึงได้เป็นแบบนี้ ปาณัสม์จะมีโอกาสได้เห็นอย่างที่เขาเห็นหรือเปล่าว่าคนคนนั้น


            ร้องไห้มาตลอดทาง โดยไม่มีเสียง 










=============================



ตอนนี้ยาวจนอยากจะแบ่งเป็นอีกพาร์ท แต่ก็กลัวจะค้างคา

และก็เป็นอีกตอนที่เขมคิดอยู่นานมากว่าจะใส่ nc หรือไม่ใส่ดี

คิดหัวแทบตลบ สุดท้ายก็ใส่มาอย่างที่ผู้อ่านได้อ่านค่ะ และหวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจในสิ่งที่เขมสื่อ

ฮือ แต่ถ้าไม่เคลียร์ เขมจะมาอธิบายเพิ่มนะคะ ถือเป็นความผิดของเขมเอง ><

ขอบคุณค่ะ

** เจอกันอีกทีวันศุกร์นะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter และ Facebook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2019 16:44:26 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ถ้าเขาอยากมีอิสระ เราก็ให้เขาไปเถอะ

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ปล่อยไปเถอะในเมื่อเขาก็เบื่อแต่ไม่กล้าที่จะปล่อยเราก็ปล่อยไปซะเองดีแล้ว ในเมื่อปาลก็เริ่มที่จะใจโลเลแล้วปล่อยไปตอนนี้ดีแล้วก่อนที่ปาลจะสวมเขาให้ ดีแล้วเทมส์ ดีแล้ว

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขนาดโดนบอกเลิกยังโล่งใจ
พอกันเท่านี้ก็ดีแล้วแหละ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เลขาวางแผนจับล่ะสิ
ถ้าไม่เห็นค่า ก็อย่ามาเสียดายทีหลังละกัน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารเทมส์มากๆ อะ มีแฟนใหม่ไปเลย

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ดีละ แยกซะจะได้จบๆ เลขานี่ก็เหลือเกินนนน ตั้งธงเกลียดไว้ละ  :angry2:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถึงจะมีเซกส์กันแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
Have sex Not Make love!

ใจมันอยาก จะจากพราก ไปเป็นอื่น
ใจมันเบื่อ หมดสดชื่น เป็นขื่นขม
ใจมันชา สุดจะฝืน หอมดอมดม
ใจมันร้าว ยากจะข่ม ห่มรักเรา

นางวันทอง คนสองใจ ใครก็รู้
นางกากี ชอบคบชู้ แอบสวมเขา
นางโมรา ใจมักง่าย ไม่เลือกเอา
ปาณัสม์เมา ก็เกลือกกลั้ว มั่วเหมือนกัน

เรื่องนี้พระเอก(หราาาาาา)เชี่ยเหลือเกิน
อย่า-กลับ-มา-อีก
หุหุ

ป้อล่อ..ไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าเป็นคนที่เราชื่นชอบ
ยังจำได้นะ...แม่ตะเคียนคนงามในสามโลก
คิดเถิงอ่ะ ดีใจได้อ่านเรื่องนี้จากแม่ตะเคียนอีก
อิอิ
 :L2:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แค่นิสัยของคนมักง่าย  :fire:

สงสารเทมป์  :m15:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ

            “เรียนท่านผู้โดยสาร กัปตันและลูกเรือทุกคนมีความยินดีต้อนรับท่านด้วยบริการของสายการบิน เที่ยวบินที่ EK373ซึ่งจะเดินทางไปนิวยอร์ค โดยจะใช้เวลาบินยี่สิบชั่วโมง สิบนาที กรุณาศึกษาคู่มือความปลอดภัยซึ่งอยู่ในกระเป๋าหน้าที่นั่งด้านหน้าของท่าน เพื่อความปลอดภัยของท่าน และผู้โดยสารท่านอื่น ๆ โปรดเก็บกระเป๋าและสัมภาระของท่านไว้ในที่เก็บของเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่านด้วยค่ะ และเราขอเรียนให้ท่านทราบว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ พนักงานทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ท่านและมีความยินดีที่จะได้รับคำแนะนำจากท่านในเที่ยวบินนี้”


            ปาณัสม์บิดตัวให้คลายความเมื่อยเล็กน้อย เครื่องยังไม่ทันจะบินผ่านพ้นน่านฟ้าเมืองไทย เขาก็เริ่มเบื่อเสียแล้ว ดีที่ยังพอมีภาพยนตร์บนเครื่องให้ดูบ้าง เขากดเลือกเรื่องอย่างเบื่อๆ หลายเรื่องดูเกือบหมดแล้ว ช่วยไม่ได้ สงสัยคงต้องดูซ้ำอีกรอบ

            “พี่เกด?” สายตาเหลือบไปเห็นคนรู้จักที่กำลังตรวจตราความเรียบร้อย

            “อ้าว ปาล” ชลพิกาคุกเข่าลงใกล้ๆ ที่นั่งของปาณัสม์

            “ยืนขึ้นเถอะพี่ ผมเขินอะ”

            “ไม่ได้จ้ะ เป็นถึงลูกค้าเฟิร์สคลาส เดี๋ยวหัวหน้าแอร์เดินมาเห็นเข้า พี่จะโดนดุ”

            “อ่า ครับ”

            “มาเยี่ยมคุณลุงใช่ไหม เหนื่อยแย่เลย บินไปบินมา”

            “ครับ แต่จะทำไงได้ อยู่ทางนั้นผมก็เป็นห่วงพ่อ มาได้ก็อยากมา”

            “ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวท่านก็หาย”

            “ครับ” ปาณัสม์ทำท่ามองซ้ายมองขวา ก่อนจะถามต่อ “แล้วรุ่นน้องแอร์พี่เกดอีกคนล่ะ”

            “ถามแบบนี้ จะจีบเขาหรือไง” หญิงสาวบอกทำท่ารู้ทัน

            “เปล่าครับ เห็นน่ารักดี”

            “น้องแพรไม่ได้ขึ้นบินด้วยหรอก ไม่สบายน่ะ เลยแลกเวรกับเพื่อนเขา”

            “อ้าว แล้วเพื่อนเขา น่ารักปะ?”

            “เจ้าชู้เหมือนใครเนี่ย” ชลพิกาส่ายหน้าพลางถาม

            “เหมือนพี่ปอนด์”

            “เดี๋ยวเถอะ พี่ปอนด์รักพี่คนเดียวจ้ะ” หญิงสาวไม่เชื่อ ซ้ำยังพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจคนรัก “เพื่อนเขาเป็นผู้ชาย อีกเดี๋ยวปาลคงเจอ เพราะเขาดูแลฝั่งนี้แทนน้องแพร”

            “ผู้ชาย โอ่ย” ปาณัสม์พูดแล้วทำหน้าเซ็ง


            ชลพิกาหัวเราะขำกับอาการผิดหวังของน้องชายคนรัก เจ้าตัวขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชู้เพลย์บอยคนหนึ่ง ทั้งรูปทรัพย์ที่โดดเด่น การศึกษาที่กำลังเรียนต่อปริญญาโทอยู่ที่นิวยอร์ก ยิ่งทำให้ผู้หญิงมากหน้าหลายตาหวังจะครอบครองชายหนุ่ม หากเจ้าตัวก็ดูไม่มีทีท่าจะหยุดที่ใครในเวลานี้

            “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” ชลพิกาพูดก่อนจะลดเสียงลง “กลัวโดนดุน่ะ”

            “ครับ” คล้อยหลังหญิงสาว ปาณัสม์ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำบ้าง กลับมาอีกครั้งก็เห็นเงาร่างสูงคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ จัดโต๊ะอาหารให้

            “ขอโทษครับ” ปาณัสม์พูดขึ้นเมื่อหยุดยืนหลังอีกคน

            “สวัสดีครับ สักครู่นะครับ” คนนั้นบอกแล้วรีบเร่งมือให้เร็วขึ้นอีก คงไม่อยากให้เขารอนาน

            “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่รอไม่นาน โต๊ะอาหารของเขาก็พร้อมแล้ว

            “เชิญครับ” ชายหนุ่มบอกพลางขยับถอยออกไปเพื่อให้ปาณัสม์เข้าไปได้อย่างสะดวก เมื่อเสร็จแล้วคนนั้นจึงเริ่มวางอาหารให้เขาด้วยความนุ่มนวล

            “คุณแพร ไม่สบายเหรอครับ” ปาณัสม์ถามเพื่อชวนคุยไม่ให้เงียบเกินไป อย่างน้อยคนที่กำลังดูแลเขาอยู่ก็เป็นเพื่อนของคุณแพร หากว่าอีกฝ่ายจะกลับไปรายงานเพื่อนว่าเขาถามถึง ก็อาจจะเป็นการสร้างคะแนนให้เขาก็ได้

            “ใช่ครับ”

            “ปกติคุณบินรูทไหนเหรอ”

            “ฮ่องกงครับ”

            “โอ้ รอบนี้บินไกลเลยแฮะ เหนื่อยแย่” ชายหนุ่มผิวปากเล็กน้อย

            “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับจานอาหารก็ถูกเสิร์ฟเสร็จเรียบร้อยพอดี “ขาดเหลืออะไร เรียกได้เลยนะครับ” เขาน้อมศีรษะเล็กน้อยเตรียมจะถอยไป

            “ขอบคุณครับ” ปาณัสม์พูดพลางเหลือบสายตามองป้ายชื่อบนหน้าอกของอีกฝ่ายที่ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าชื่อCHANTOUCH เขาก็เลือกที่จะเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า

            “คุณจันทร์”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมชื่อฉันทัชครับ”

            “โอเคครับ คุณจันทร์” ปาณัสม์ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าที่ถูกอีกฝ่ายแก้ชื่อของตัวเองให้ถูกต้อง เขาเพียงยิ้มและรับคำนั้นอย่างเรียบร้อย

            ...




 
            “ผู้โดยสารหมายเลขที่นั่งอะไรคะ” พนักงานต้อนรับยิ้มให้ฉันทัชที่กำลังมองเลขที่นั่งของตน ตอนที่ฉันทัชเงยหน้าแล้วยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้อีกฝ่าย รอยยิ้มนั้นกลับเจื่อนไปเล็กน้อย

            “แพร?” ฉันทัชก็ตกใจที่เจออีกฝ่ายเหมือนกัน หญิงสาวไม่ตอบเพียงหยิบตั๋วไปดู

            “ที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของผู้โดยสารติดทางเดินนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันทัชไปอย่างรวดเร็ว


            ฉันทัชวางสัมภาระไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะเสร็จแล้วจึงนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองพลางรัดเข็มขัด ปฏิกิริยาพวกนี้เขากลับทำไปอย่างอัตโนมัติ ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางบ่อยเท่าเมื่อก่อน


            ‘ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก แพรวา’


            บนเที่ยวบินนี้ไม่มีอะไรให้น่ากังวลเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นจิตใจของฉันทัชที่กำลังว้าวุ่น ในช่วงเวลาที่พนักงานต้อนรับเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เขามองหาแพรวาอยู่ตลอด เห็นหญิงสาวเดินบริการอีกล็อคหนึ่งไม่ใช่ทางเดินที่เขานั่ง ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือจงใจ


            ฉันทัชรอให้เวลาผ่านไปอย่างอดทน เขารอจนกระทั่งไฟในห้องโดยสารถูกหรี่ลงเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน เห็นสัญญาณรัดเข็มขัดไม่ได้แจ้งเตือนแล้ว จึงทำทีท่าว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ

            “ขอโทษนะครับ เห็นแพรวาไหม” เขาเยี่ยมหน้าเข้าไปบริเวณหลังห้องน้ำเล็กน้อย สถานที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า แต่เขาก็ยอมเสียมารยาทเข้าไปถาม

            “สักครู่นะคะ” หญิงสาวคนนั้นว่าพลางหายไปอีกสักครู่หนึ่งจึงเห็นแพรวาเดินตามมา

            “ขอคุยตรงนี้แป๊บหนึ่งได้ไหมแก” แพรวาบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อนคนนั้นทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ยอมเดินออกจากจุดที่ฉันทัชและแพรวายืนอยู่หน้าตู้เสบียง

            “ว่าไง” แพรวากอดอก สะโพกพิงกับชั้นด้านหลัง เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

            “เอ่อ..” ฉันทัชตั้งใจจะพูดอะไรมากมาย พอถึงเวลาจริงๆ เขากลับพูดไม่ออก

            “ถ้าไม่มีอะไร เราไปนะ”

            “เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน” ฉันทัชเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้ “แพร..เราขอโทษ”

            “ขอโทษ?ขอโทษเรื่องอะไร” หญิงสาวถามเสียงเรียบ

            “ไม่รู้ ทุกเรื่อง เรื่องที่แกโกรธ เรื่องที่แกไม่ชอบ เรื่องที่แกไม่สบายใจ”

            “แกก็เป็นเสียอย่างนี้ ไอ้เทมส์” แพรวาเหลือบตามองบน

            “หืม?”

            “เรื่องมันผ่านมาเป็นสิบปี เราไม่โกรธแล้วโว้ย” ถึงแพรวาจะพูดด้วยเสียงเหมือนโมโห แต่ความจริงนั้นเสียงหญิงสาวเบาเสียยิ่งกว่าเบา

            “อืม”

            “เป็นไงบ้างอะ”

            “เรื่องเราเหรอ” ฉันทัชย้อนถาม

            “กับปาลน่ะ”

            “เลิกกันแล้ว” ฉันทัชตอบเสียงเรียบ

            “เหรอ...ดีใจด้วยนะ” หญิงสาวยิ้มให้นิดเดียว

            “ไหนว่าไม่โกรธแล้ว”

            “แกก็รู้ว่าเราชอบประชด โทษที แล้วเลิกกันนานยัง” หญิงสาวบอกพลางตบบ่าฉันทัช

            “ครึ่งเดือนก่อน”

            “แผลสดเวอร์ เออๆ เราไม่ถามละ ไม่อยากกวนตะกอนให้ขุ่นขึ้นมาอีก ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ เหมือนเดิม?”

            “ฟรีแลนซ์น่ะ” ฉันทัชหัวเราะเล็กน้อย

            “กลับมาทำอย่างเดิมไหมอะ เดี๋ยวเราช่วย”

            “ไม่ดีกว่า ทิ้งไปหลายปี ไม่ไหว อีกอย่างอายุก็มากขึ้นแล้ว”

            “ตบปากเสียทีดีไหม พูดเรื่องอายุ หยาบคาย” แพรวามองอย่างโกรธๆ เรื่องอายุมันกระทบจิตใจ

            “โทษที เราไม่นึกว่าแกจะบินรูทนี้” ฉันทัชขอโทษด้วยความเคยชิน

            “อืม เปลี่ยนมาบินใกล้ๆ นานแล้ว คิดถึงลูก ไม่อยากห่างนาน”

            “ลูก?”

            “อืม สี่ขวบละ น่ารักด้วยนะเว้ย” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปลูกชายให้ฉันทัชดู

            “ท่าทางจะหลงลูกน่าดูแต่ก็น่ารัก หน้าเหมือนแกเลย” ฉันทัชไพล่นึกถึงน้องปัณณ์ตอนที่อายุคราวนี้ ก็น่ารักมากเช่นกัน

            “เอาไอดีกับเบอร์แกมาด้วย” หญิงสาวพูดทำลายความคิดของชายหนุ่ม

            “ไอดีเรา?”

            “อืม พอเครื่องลง เราจะแอ๊ดแกเข้ากลุ่ม นังพวกนั้นคงดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ”

            “ขอบใจนะ” ฉันทัชพูดพลางพิมพ์ชื่อไอดีตัวเองให้

            “ไม่เป็นไร” แพรวารับไปดูก่อนจะเก็บมันลง “อย่าหายไปอีกรู้ไหม ถึงแกจะไม่ได้ชื่ออินทัชเหมือนไทน์ แต่ก็อย่าหายไปอีก ฉันกับเพื่อนคิดถึงแกมากนะเว้ย” แพรวาเดินเข้ามากอดจนฉันทัชที่ยังไม่ทันตั้งตัว พอตั้งสติได้ก็รีบตบหลังเพื่อนอย่างปลอบใจ

            “ไม่ร้องดิ”

            “เออ” แพรวาปาดน้ำตาออกอย่างระวังเพราะกลัวคราบเครื่องสำอางค์จะเลอะทั่วใบหน้า

            “เรื่องปาลก็ปล่อยให้มันเป็นอดีต ตอนนั้นมันก็ไม่ได้ตั้งใจจีบเราจริงๆ อยู่แล้ว มีแต่เราที่ดันคิดไปเอง” แพรวาบอกความในใจที่ผ่านมา

            “ขอโทษจริงๆ”

            “เลิกโทษตัวเองได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของแก เราไปทำงานต่อก่อนนะ” หญิงสาวเอ่ยขอตัว

            “แล้วเจอกัน” ฉันทัชกลับมานั่งที ลืมเข้าห้องน้ำไปเสียสนิท




            ...

            วินาทีที่ฉันทัชเห็นชื่อตัวเองถูกดึงเข้ากลุ่ม เขาเกือบจะกดยกเลิก โชคดีที่ฉุกคิดได้ทันเรื่องที่แพรวาบอกมาตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่อง



           
‘มีคนหายไปสิบปี ใครเจอมัน บอกกูด้วย จะตบรางวัลให้’



            ‘กลุ่มอะไรของมัน’


            ฉันทัชโคลงหัวกับคนตั้งชื่อกลุ่ม เขากดรับ ก่อนจะพิมพ์จุดเพียงตัวเดียวเป็นการแสดงตัวตนว่าเขาเข้ามาแล้ว


            MethaVee ^-^
            มันมาแล้ว มาแล้ว โอ๊ย นึกว่าตายไปแล้ว
 
            -AorAae-
            นังแพร เพื่อนรัก แน่นอนที่สุด เจอมันจริงๆ
 
            Yo!!
            สบายดีไหมวะเทมส์
 
            Praewa
            ตบรางวัล เลี้ยงข้าวเราด้วย
 
CHAN_P
หวัดดี เราสบายดี ทุกคนสบายดีไหม

            ฉันทัชพิมพ์ตอบไปแล้วลุกไปรื้อเสื้อผ้ามาเก็บในตู้เสื้อผ้าของโรงแรม
 
            -AorAae-
            โอ๊ย ดี ดีมาก คิดถึงแกมากกกกกกก
 

‘BFF ครบสักที’



            ฉันทัชเห็นชื่อกลุ่มถูกเปลี่ยนทำให้เขาอมยิ้ม ตามหาคนหาย คนคนนั้นคงจะหมายถึงเขา เพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องกระอักกระอ่วนใจในความสัมพันธ์ของเขากับแพรวา เขาเลยเลือกที่จะเงียบหายไปจนหายไปในที่สุด

            ถึงแม้ว่าเราจะมีเพื่อนหลายคนในกลุ่ม แต่เราจะมีคนเดียวในกลุ่มที่เรารู้สึกสนิทมากที่สุด รู้ใจกันมากที่สุด ไม่ได้แปลว่ากับคนอื่นไม่สนิท มันก็สนิท หากระดับความสนิทไม่เท่ากันก็เท่านั้นเอง สำหรับฉันทัชแล้ว แพรวาคือเพื่อนที่เขาสนิทมากที่สุดในช่วงเวลานั้น

 
CHAN_P
เราก็คิดถึงแกทุกคน

 
            ฉันทัชไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ พอตอบเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำ เหนียวตัวมานาน กลับมาอีกทีจึงเห็นข้อความรัวแจ้งเตือนไม่หยุด จากโทรศัพท์ที่เคยเงียบสนิท นี่นับเป็นปรากฎการณ์เลยมั้งที่โทรศัพท์เขามีเสียงเตือนถี่ขนาดนี้
 
            Yo!!
           หายไปไหนมาวะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่
 
            -AorAae-
            เห็นแพรบอกว่าแกบินไปฮ่องกงเหรอ
 
            MethaVee ^-^
            กลับวันไหน กินข้าวกัน
 
            Praewa
            นั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ พักก่อนไหม พวกแกก็เร่งถามมัน ให้มันพักก่อนดีกว่าไหม
 
            -AorAae-
            โอ๊ย ทีแกยังไม่ต้องพักเลยไอ้แพร คนมันคิดถึง ถามๆ ทิ้งไว้ รอมันมาตอบทีหลัง
 
            Yo!!
            มันตอบเสร็จแล้วหายไปเลยเนี่ยนะ
 
            Praewa
            หลับมั้ง พวกแกจะอะไรไอ้เทมส์นักหนา
 
            MethaVee ^-^
            อยากคุยกับมันอะ คอลกลุ่มเลยไหม
 
            -AorAae-
            เอาๆ โทรเลย
 
            Yo!!
            เอา
 
            MethaVee ^-^
            นี่ไง มันรีดแล้ว คนรีดครบแล้ว
 
            Praewa
            นังพวกนี้ บอกให้เทมส์พักก่อน อ่านออกไหม ภาษาไทยน่ะ
 
            ฉันทัชสไลด์หน้าจอจนถึงประโยคนี้ต้องหลุดขำออกมาเพราะแพรวาคงเหนื่อยกับการปราบเจ้าพวกดื้อนี่พอตัว ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกคนยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
 
            Praewa
            เทมส์พักก่อน ไม่ต้องสนใจไอ้อีพวกนี้ ให้มันบ้าไป มีเวลาคุยอีกเยอะ
 
CHAN_P
ขอบใจ บ่ายนี้เราต้องเข้าไปบรีฟงาน เดี๋ยวเสร็จงานเราจะมาคุยด้วยทีเดียวนะ
 

            ฉันทัชสลับหน้าจอเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์หาอีกคนที่ล่วงหน้ามาฮ่องกงก่อนหน้าเขา

            “ถึงโรงแรมหรือยัง” นั่นคือคำแรกที่อีกฝ่ายรับสาย

            “เรียบร้อยแล้ว”

            “เทมส์ต้องไปทำอะไรบ้างอะวันนี้”

            “บ่ายๆ มีไปบรีฟงานนิดหน่อย เย็นๆ ก็ว่าง ไทน์ล่ะ” ฉันทัชบอกตารางให้น้องสาวรับรู้

            “แย่เลย ไทน์มีซ้อมจนดึก อยากเลิกแล้วอะ” อินทัชบ่นอิดออด

            “พูดแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวไม่มีใครจ้างทำงานหรอก”

            “รู้แล้วน่า อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า คืนนี้ไทน์ไปนอนด้วยนะ” ทางนั้นเป็นห่วง

            “โตแล้ว ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้”

            “ก็มันไม่ปกติ”

            “ถ้าเบื่อๆ เดี๋ยวออกไปข้างนอกเองแหละ ไม่มีทางอยู่ในห้องแน่นอน” ฉันทัชบอกด้วยประกายตาวิบวาว

            “ร้านประจำของเทมส์ยังเปิดอยู่นะ ลองไปดูสิ”

            “จริงเหรอ โห คิดถึงเลยอะ คืนนี้ต้องไป” ฉันทัชอยากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้

            “ไปได้ แต่ห้ามวอแวกับใครล่ะ ใครมาจีบก็ห้ามคุย เข้าใจหรือเปล่า” อินทัชเตือนและสั่งห้ามพี่ชายตัวดีสร้างเรื่องราว

            “ห้ามทำไมเนี่ย คนโสดนะ ต้องเต็มที่” ฉันทัชโอด พ้นจากปาณัสม์ยังมีอินทัชอีกหรือ

            “ไม่รู้ล่ะ เพิ่งจะได้สถานะโสดคืนมาอย่าออกตัวแรง” อินทัชยังไม่ยอม

            “อืมๆ ไม่หรอก แค่ไปดื่มนิดเดียว ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน”

            “รู้ตัวก็ดี”

            “ดุจริง นี่น้องหรือเมีย” ฉันทัชกึ่งแซวกึ่งประชด

            “พูดมาก เดี๋ยวได้น้องเป็นเมียแล้วจะพูดไม่ออก” นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว อินทัชยังเล่นด้วย
            “พูดไม่ออกจริงๆ” ฉันทัชหัวเราะ “นอนก่อนนะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน”

            “อืม พักเถอะ เขาเรียกรวมพอดี”

            “เจอกันคืนนี้”

            “บาย”









==============================================


พาเทมส์กลับมาเข้าสังคมเสียทีค่ะ
ตอนที่แล้วเหมือนจะถูกอกถูกใจหลายคนเลย
ช้าก่อน ตอนที่แล้วมันเศร้านะทุกคนนนนนน
พระเอกสำนึกผิดไม่ทันเลย


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter และ Facebook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2019 14:00:03 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เออออออออออ...มันก็ดีจริงแหะ
รู้งี้เชียร์ให้จันทร์กลับไปโสดตั้งนานแว้วววววว
คือดีงาม

ชิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ปาลไปให้ไกลๆเลย อย่ากลับมาวอแวจันทร์อีก
เชิญญญญญ ไสหัวไปไหนก็ได้ อยากจะจุูบกับใครก็ไป..ตามใจสะดวก

จันทร์อยู่คนเดียวไป...สวยสวย

อย่ากลับมา เพื่อทวงถาม หาความรัก
อย่ากลับมา อยากรู้จัก ทักอีกหน
อย่ากลับมา แล้วพูดว่า รู้ใจตน
อย่ากลับมา บอกสับสน ค้นใจเจอ

อย่าทำหน้า โศกเศร้า เคล้าความทุกข์
อย่าทำหน้า หมดสนุก สุขพลั้งเผลอ
อย่าเอาหน้า ของเมิง โผล่มาเจอ
น้ำหน้าเมิง อย่าเสนอ มาเจอกรู

ขอแค่นี้ล่ะ...ปาล
หุหุ
 o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เจอเพื่อนเก่าอาจทำให้เทมส์ดีขึ้นก็ได้นะ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เทมส์สู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ิขนาดใจเขายังโลเลที่จะรั้งเรา  เหมือนยื้อเป็นของตาย  ทำไมต้องเสียดายคนแบบนี้ จริงไหม
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โสดแล้ว​ อยากทำอะไรให้รีบทำ​  :hao3:

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

อ่านแล้วคิดถึงเพลงคาราบาวอ่ะ 555

“ยามเมื่อความอดทนถึงที่สุด จึงต้องหยุดไว้ตรงเลิกรากัน”

ลองแยกกันเดิน ไปตามทางของตัวเอง

แต่ขอให้เดินเป็นวงกลม ที่จะกลับมาบรรจบเส้นทางกันอีกครั้งนะ



 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:




ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถ้าปาลจะกลับมาจริงๆ ขอให้เจอด่านเพื่อนจันทร์กะคุณน้องแบบโหดหินเลย โล่งใจ หื้ยยยย พูดมาได้  :katai4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด