15
พอได้นึกถึงความสวยงาม
ในหัวก็มีแต่ใบหน้าของคุณ
“ตอนนี้งานเดินไปเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับคุณชาย ผมคิดว่ายังไงก็สามารถเปิดตัวรีสอร์ตทันปลายปีหน้าแน่นอนครับ”
ฝนตกพรำๆ ในช่วงเย็นของเชียงรายกับพื้นดินเฉอะแฉะทำให้เอ็นดูต้องยืนถูปลายรองเท้ากับขอบปูนซีเมนต์เพื่อให้ก้อนดินก้อนหินที่ติดพื้นรองเท้าหลุดออก
ถึงจะจดจ่อกับการขูดดินออกจากรองเท้าแต่หูก็ยังฟังเสียงสนทนาของผู้ชายสองคนที่คุยกับเรื่องความคืบหน้าของงาน
“เดินไปตรงเต็นท์คนงานมั้ยครับคุณเอ็นดู ตรงนั้นมีก๊อกน้ำ ล้างรองเท้าได้นะครับ”
เอ็นดูเงยหน้าส่งยิ้มให้พี่บอลซึ่งเป็นคนของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดที่ถูกส่งให้มาดูแลรีสอร์ตที่เชียงราย คนผิวขาวเลิกขูดดินออกจากรองเท้า ยิ้มแหยให้ทรงโปรดที่ยืนกางร่มให้อยู่ข้างๆ
“เดินได้หรือเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะน้องไม่ทันระวัง เพิ่งเดินเหยียบโคลนเกือบลื่นเมื่อกี้นี้เอง
เอ็นดูคิดว่าเดินตามรอยเท้าพี่บอลกับทรงโปรดแล้วจะปลอดภัยนี่นา ที่ไหนได้ล่ะ ได้โคลนติดรองเท้าเยอะกว่าคนตัวสูงทั้งสองคนอีก
คนผิวขาวผงกศีรษะเบาๆ ก่อนที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจะจับหมับเข้าที่ต้นแขน มือซ้ายของคนสูงกว่าถือร่ม มือขวาก็คอยเป็นหลักประคองไม่ให้เอ็นดูลื่นล้ม
“เดินลำบากนิดหนึ่งนะครับ พอดีตรงนี้รอทำถนนตอนที่สร้างตัวรีสอร์ตเสร็จแล้ว” พี่บอลอธิบายตอนที่ทรงโปรดก้าวเท้านำเอ็นดูไปหนึ่งก้าว พี่บอลชี้นิ้วไปทางข้างหน้าที่เป็นบ้านของคนงานก่อสร้าง
“ก๊อกน้ำอยู่ข้างหน้าครับคุณชาย”
“คุณ...ผมเดินเองได้ครับ” กระซิบบอกคนตัวสูง
“อย่าดิ้น เดี๋ยวก็ลื่นอีก” เขาก็กระซิบกลับ
จากที่จับต้นแขนเอ็นดูอยู่ดีๆ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปโอบไหล่แล้วรั้งให้อยู่ในอ้อมกอดไปซะแล้ว
เอ็นดูไม่กล้ามองหน้าพี่บอลเลย เพราะเมื่อกี้เห็นว่าพี่เขากลั้นยิ้มด้วย แถมยังเปิดทางให้ทรงโปรดกอดเอ็นดูได้ง่ายขึ้นด้วยการขอร่มไปถือเองอีกต่างหาก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเอ็นดูตกอยู่ในอ้อมกอดของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเต็มๆ
เอ็นดูเลยได้แต่จำใจให้เขากอดแล้วพาเดินไปที่ก๊อกน้ำ แต่เพราะทางตรงนี้มันลื่นมากๆ เอ็นดูเลยวางเเขนไว้กับเอวของคนตัวสูง ใช่ หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดยกยิ้มพอใจกับท่อนแขนเล็กๆ ที่คล้องเอวเขา คนตัวสูงก้มหน้าลง กระซิบเสียงทุ้มนุ่มใกล้ใบหูของคนผิวขาว
“กอดแน่นกว่าที่พี่กอดอีก”
เอ็นดูเงยหน้ามองค้อน เกลียดรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ของคุณชายทรงโปรดจริงๆ นะ ไม่รู้ว่ามีใครเคยบอกหรือเปล่าว่ามันเป็นยิ้มที่เหมือนจะชวนหาเรื่องทุกครั้งที่มองเลย
หาเรื่องชวนให้ยิ้ม ชวนให้ใจสั่นจนต้องก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ
“หิวหรือยังล่ะเรา”
“นิดหน่อยครับ”
“เดี๋ยวกลับไปหาอะไรกินที่โรงแรมเลยแล้วกัน”
ชะลอเท้าตอนที่เดินมาถึงก๊อกน้ำ เอ็นดูมองซ้ายมองขวา บริเวณเชิงเขาตรงนี้เป็นเต็นท์คนงานก่อสร้างกับบ้านชั่วคราวของผู้รับเหมา สร้างใกล้ๆ กับพื้นที่ของรีสอร์ต จมูกโด่งสวยฟุดฟิดสูดกลิ่นอาหารหอมๆ ที่คนงานก่อสร้างทำเพื่อเป็นมื้อเย็นของวันนี้...เอ็นดูหิวข้าวขึ้นมาทันทีเลย
“เอ็นดู นั่งลง”
“คุณ! ไม่เอาครับ...ลุกขึ้นเลยนะ”
ทรงโปรดที่ลงไปนั่งยองใกล้ๆ กับก๊อกน้ำพลางกระตุกมือขาวให้ลงมานั่งบนตักของเขา เอ็นดูส่ายหน้ารัว เป็นฝ่ายดึงคนโตกว่าให้ลุกขึ้นยืน แต่มีเหรอที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจะยอม เขาเองก็ส่ายหน้า แถมยังพเยิดหน้าไปทางพี่บอลที่ยืนกางร่มให้
“นั่งเร็ว เดี๋ยวพี่บอลยืนรอจนเมื่อยนะ”
“คุณอ่ะ...”
“เร็วๆ เอ็นดู จะได้รีบล้างรองเท้ารีบกลับโรงแรม”
“ไม่เอาครับ คุณลุกขึ้นมาเลย--เฮ้ย!”
สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ตัวปลิวนั่งจุมปุ๊กบนตักของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด คนตัวสูงเกือบเซล้มเพราะน้องดิ้นขัดขืน แต่เพราะว่าต้นขาแกร่งของทรงโปรดแข็งแรงพอที่จะประคองตัวเองไว้ได้ เอ็นดูกับเขาเลยไม่ล้มลงไปกองบนพื้น
“อยู่นิ่งๆ”
“พอเลยคุณ ผมทำเองได้ครับ”
เอ็นดูตีมือหนาเมื่อคนที่ให้ยืมตักนั่งเอื้อมมือทำท่าจะถอดรองเท้าให้ แต่สุดท้ายก็ถูกดุด้วยตาคม เอ็นดูเลยต้องนั่งทำหน้ามู่ทู่ ปล่อยให้คุณชายทรงโปรดถอดรองเท้าราคาแพงของตัวเองออกจากเท้า
คนผิวขาวนั่งมองหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดที่จัดการขูดดินโคลนออกจากพื้นรองเท้าให้ทั้งสองข้าง มือหนาจับรองเท้ามาถูขณะที่เปิดให้น้ำไหลออกจากก๊อก คนสูงกว่าขยับหนีละอองน้ำที่กระเด็นโดนเอ็นดู แขนแกร่งของเขาโอบเอวน้องอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้การทำความสะอาดพื้นรองเท้าเป็นอุปสรรคสำหรับทรงโปรดเลยสักนิด
“ลำบากเกินไปมั้ยคุณ”
เอ็นดูไม่ได้เบาเหมือนปุยนุ่นสักหน่อย หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดยังให้เอ็นดูนั่งทับตักทั้งที่เขายังนั่งยองๆ อยู่
“ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน”
“แล้วเมื่อยมั้ยครับ ให้ผมลุกขึ้นดีกว่า”
“ยกเท้าขึ้นอีกหน่อย เดี๋ยวถุงเท้าจะเปื้อนโคลน”
สนใจที่เอ็นดูพูดซะที่ไหน
ในเมื่อทรงโปรดเลือกที่จะเมิน เอ็นดูเลยแกล้งเขาด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตักไปเต็มๆ...คนตัวสูงเหลือบมองเจ้าเด็กน่ารักที่นั่งลอยหน้าลอยตา ทรงโปรดยกมุมปากก่อนยื่นหน้ากระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“เดี๋ยวคืนนี้เจอดี”
“ไม่เจอดีอะไรทั้งนั้นแหละครับ...เพราะนอนกันคนละห้อง”
เอ็นดูกระซิบตอบเบาๆ แถมยังแกล้งเป่าลมใส่ใบหูของทรงโปรดอีกด้วย
คนขี้แกล้งเลยถูกมือหนาตีเข้าที่ต้นขา เอ็นดูจิ๊ปาก ทำหน้ามุ่ยก่อนก้มลงใส่รองเท้าข้างที่ล้างโคลนออกหมดแล้ว
“ขอบคุณครับ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นหอมแก้มดีกว่า”
“คุณนี่จริงๆ เลย”
พอรองเท้าข้างที่สองล้างโคลนเสร็จเรียบร้อย เอ็นดูก็รีบหยิบมาสวมแล้วเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที คนผิวขาวฉีกยิ้ม โน้มตัวยื่นมือขวาส่งให้หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดพยุงเพื่อลุกขึ้นยืนบ้าง
“ถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยเหรอคุณ”
“แค่นี้จิ๊บๆ”
ทรงโปรดแข็งแรงจะตาย เอ็นดูนั่งทับไม่กี่นาที...ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
“คุณชายกับคุณเอ็นดูรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมขับรถมารับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดพยักหน้ารับ เอื้อมมือจับด้ามร่มมาถือไว้เอง เอ็นดูพยายามยืนให้พ้นดินโคลนมากที่สุด
ไม่ได้กลัวดินนะ รองเท้าของเอ็นดูจะกลับไปเปื้อนดินอีกครั้งยังได้เลย แต่เอ็นดูกลัวว่าทรงโปรดจะจับเขานั่งลงบนตักแล้วถอดรองเท้าไปล้างโคลนออกให้อีกต่างหาก เจ้าตัวเลยพยายามเลี่ยงๆ โคลนเข้าไว้
“คุณไม่อายพี่บอลเหรอครับ”
“อายอะไร”
“ก็...ที่คุณล้างรองเท้าให้ผม”
“น่าอายตรงไหน”
คนเด็กกว่าช้อนตามองคนตัวสูง เอ็นดูเอียงหน้าเล็กน้อยก่อนขยับปากเปล่งเสียงนุ่มๆ
“คุณเป็นถึงเจ้าของรีสอร์ต ต้องทำเก๊กๆ ขรึมๆ ต่อหน้าลูกน้องไม่ใช่เหรอครับ”
“แล้วยังไง...” ทรงโปรดหัวเราะเบาๆ
“คุณมานั่งล้างรองเท้าให้ผม...ก็ไม่ขรึมกันพอดี”
จบประโยคปลายจมูกโด่งของเอ็นดูก็ถูกข้อนิ้วแกร่งบีบเบาๆ น้องยู่ปากยืนกอดอกพลางหันหน้าหนีมือของคนตัวสูง แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้น สุดท้ายจมูกของเอ็นดูก็ถูกบีบไว้แบบนั้น
“เราอยู่ด้วยจะขรึมไปทำไม”
“คีพลุคเจ้าของรีสอร์ตไงคุณ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดส่ายหน้า ยกยิ้มก่อนรั้งเอวคนตัวขาวเข้ามากอด มือหนายกขึ้นยีผมนุ่มเบาๆ คนตัวสูงอาศัยช่วงที่ตรงนี้ไม่มีใครก้มหน้าหอมหัวน้องฟอดใหญ่
“คุณ...”
“ว่าไงครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณเรื่องอะไร” ทรงโปรดก้มหน้ามองคนน่ารัก กระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าเอ็นดูไม่ได้ก้มหน้างุดหนีสายตาของเขา
“ขอบคุณทุกเรื่องเลยครับ”
“พี่ก็ขอบคุณเราเหมือนกัน”
“...เรื่องอะไรเหรอครับ นี่ๆๆ ห้ามตอบเหมือนผมนะ”
“ขอบคุณที่รักพี่”
“ใครรักคุณครับ”
“เอ็นดูไง”
“มั่ว...”
“เอ็นดูรักพี่โปรดไม่ใช่เหรอ”
“ม ไม่ใช่นะครับ”
“อ้าว...”
“คุณมั่วเก่งตลอดเลย”
เอ็นดูเลิ่กลั่กเหมือนคนถูกจับได้ โชคดีที่พี่บอลขับรถกระบะมารับถึงที่ซะก่อน เจ้าคนตัวขาวเลยพาแก้มกลมๆ ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงวิ่งขึ้นรถไปนู่นแล้ว
อือ...ก็ถูกจับได้จริงๆ นั่นแหละ
*****
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดมองเอ็นดูที่นั่งตักอาหารมื้อเย็นเข้าปาก
เขาต้องขอบคุณอะไรดีที่ทำให้น้องเปลี่ยนใจยอมมาเชียงรายด้วยกัน
จริงๆ แล้วตอนนี้น้องอยู่ในช่วงเตรียมสอบไฟนอล คนเด็กกว่าตั้งใจจะเก็บตัวอ่านหนังสือแล้วอยู่แต่ในห้อง แต่ก็ถูกทรงโปรดรบเร้าจนได้มาอยู่ที่เชียงรายด้วยกัน
เขาอยากให้น้องพักสมองก่อนสอบ
“พรุ่งนี้พี่จะออกไปคุยกับหัวหน้าที่รับเหมาก่อสร้าง เราจะไปด้วยมั้ย”
“ไปครับ”
น้องพยักหน้าหงึกๆ ปากจิ้มลิ้มยังเคี้ยวอาหารจนแก้มป่อง
น่ารักจริงๆ เหมือนกระต่ายตอนกินแครอทเลย
“กินข้าวสิคุณ มองอยู่ได้...”
“อยากมอง” ทรงโปรดหัวเราะ
เขาชอบเวลาที่เอ็นดูเบ้ปากใส่มันทำให้ดูรั้นๆ ดื้อๆ อยากลองดีกับเขายังไงก็ไม่รู้
ตาคมมองสร้อยข้อมือของน้อง เอ็นดูใส่มันไว้ตลอด และเหมือนว่าที่ส่งให้หม่อมราชวงศ์ทรงคุณซ่อมคราวนั้นสร้อยดูแข็งแรงดีไม่ขาดง่ายเหมือนเมื่อก่อน
ใช่ เพราะว่าตอนที่เขากับน้องจูบกัน...กอดกันแน่นๆ แขนกับมือของพวกเขาพันกันยุ่งไปหมด สร้อยข้อมือของเอ็นดูขูดผิวเนื้อของทรงโปรดจนเลือดซิบก็ยังไม่เห็นว่าสร้อยของน้องจะขาดเหมือนที่ผ่านๆ มาเลยสักครั้ง
“ตอนไปดูที่ไซต์งานผมเห็นแบบรีสอร์ตตั้งอยู่ในออฟฟิศน่ะครับ” ทรงโปรดจ้องคนเสียงนุ่ม “แบบรีสอร์ตสวยดี...พี่บอลบอกว่าคุณเป็นคนนั่งทำเองเหรอครับ”
ทรงโปรดขมวดคิ้วพลางคลายออกแล้วผงกศีรษะเบาๆ ก่อนจะได้เข้าไปสำรวจงานเขาแวะออฟฟิศที่พี่บอลประจำอยู่เพื่อเซ็นเอกสาร เดาว่าเอ็นดูคงเห็นแบบจำลองรีสอร์ตที่ตั้งอยู่กลางออฟฟิศแล้ว...แต่ไม่รู้ว่าเอ็นดูแอบไปคุยกับพี่บอลตอนไหน
ถึงพี่บอลจะมีลูกมีเมียแล้ว แต่คุณชายทรงโปรดก็ไม่อยากให้เอ็นดูคุยกับใครทั้งนั้น
หึงได้มั้ยวะแบบนี้
“ใช่ พี่ทำเอง”
แต่เพราะวันนี้น้องน่ารักมาก และเขาชวนน้องมาที่นี่เอง...ฉะนั้นหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเลยพักเรื่องหึงหวงไว้ก่อน
“คุณสอนผมทำบ้างได้มั้ย...ผมอยากทำโมเดลบ้านเป็นบ้าง”
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากทำ”
“ก็...ผมอยากทำเอาไว้ดูเล่น เวลาไปเดินงานแฟร์แล้วเจอโมเดลบ้านก็ชอบคิดตามตลอดเลยครับ ว่าถ้าวันหนึ่งได้สร้างโมเดลตามแบบในฝันได้ก็คงดี”
หม่อมราชวงศ์พยักหน้าเบาๆ
คนอย่างหม่อมหลวงจิรามีวังที่ใหญ่กว่าวังภัสร์ฤทัยตั้งหลายเท่า แถมยังตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สงบโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ไม่น่าเชื่อว่าเอ็นดูจะมีแบบบ้านในฝันที่นอกเหนือจากวังวงศ์ประดิษฐ์ ซึ่งนั่นก็เป็นบ้านในฝันของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว
“วังวงศ์ประดิษฐ์ยังไม่ใช่บ้านในฝันเหรอ”
เอ็นดูชะงักเมื่อเสียงทุ้มกับคำถามของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดดังขึ้น น้องคลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า แน่นอนว่าการที่อีกฝ่ายส่ายหน้าทำให้ทรงโปรดเลิกคิ้วสงสัย
“ที่นั่นใหญ่ไปครับ”
“แล้วเราอยากได้บ้านแบบไหน”
“บ้านเดี่ยวสองชั้นทั่วไปครับ”
ทรงโปรดระบายยิ้มเมื่อนึกขนาดบ้านในฝันตามเอ็นดู คนผิวขาวเองก็ยิ้มออกมาก่อนก้มหน้าตักอาหารในจานเข้าปาก
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วผมจะเปิดรูปในอินเตอร์เน็ตให้ดูนะครับ”
“ได้ แต่ว่าอุปกรณ์ทำโมเดลบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ นะ”
“อ่า...ที่วังเหรอครับ”
“เปล่า”
“...”
“ที่ห้องพี่”
“จะชวนผมไปห้องคุณหรือไงครับ” มุมปากของเอ็นดูยกยิ้ม เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ น้องรู้ทันเขาหลายอย่างแล้ว
“ถ้าชวนแล้วเราจะไปหรือเปล่า”
คุณชายวางช้อนลงบนจาน ก่อนประสานมือหนาสองข้างไว้ด้วยกันแล้วใช้เป็นที่พักคางของเขา ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนผิวขาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม พอเอ็นดูช้อนตามองน้องก็เขินจนต้องกลั้นยิ้มก้มหน้าซ่อนแก้มสีชมพู
เขาไม่ได้รอเอาคำตอบจากน้องหรอก รายนั้นคงเขินจนพูดไม่ออก แต่จู่ๆ เสียงนุ่มนิ่มที่หม่อมราชวงศ์มักจะตั้งใจฟังทุกครั้งที่ได้ยินก็ดังขึ้น
“ไปครับ”
ทรงโปรดหัวเราะในลำคอ เขานึกว่าน้องคงตอบว่าไม่ หรือทำเป็นเฉไฉไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นี้ซะอีก
“ไปเพื่อเรียนทำโมเดลบ้านนะครับ ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย”
“พี่ยิ้มแบบไหน?”
“ส่องกระจกเอาสิคุณ”
หม่อมราชวงศ์ก็ทำตามที่ว่าที่คู่หมั้นบอก เพราะในห้องอาหารของโรงแรมมีกระจกใสอยู่ พอแสงไฟจากเพดานกระทบโดนมันก็เกิดเป็นเงาสะท้อนเลยพอเป็นกระจกเงาให้คนตัวสูงส่องดูใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองได้
พอทรงโปรดเห็นรอยยิ้มของตัวเอง เขาก็ถามเอ็นดูอีกครั้ง
“ยิ้มหล่อ?”
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่ใช่แล้วพี่ยิ้มแบบไหน”
“ยิ้มแบบคนเจ้าชู้”
แล้วคนที่บอกว่าเขายิ้มเจ้าชู้ก็คลายยิ้มกว้างเมื่อแก้มกลมๆ ถูกมือหนาบีบ...หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดมือหนักจะตาย ใครจะพูดว่าเขาแตะๆ จับๆ นิดเดียวก็เหมือนคนออกแรงบีบให้แหลกคามือแล้ว แต่นั่นกับคนอื่นไง ถ้าเป็นเอ็นดูเขาต้องจับแบบทะนุถนอมเต็มที่
ถนอมแล้วนะ แต่พอปล่อยมือออก แก้มน้องนี่แดงเป็นรอยบีบเลย
“เจ็บมั้ย” คนตัวสูงเปลี่ยนจากบีบแก้มเป็นใช้นิ้วโป้งแกร่งเกลี่ยตามรอยแดงเบาๆ
“ไม่ครับ...” น้องยิ้มตาหยี ส่ายหน้าไปมาแล้วสุดท้ายก็แนบแก้มลงบนฝ่ามือหนาของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด
โคตรจะขี้อ้อน
อือ แบบนี้ไงถึงห้ามใจไม่ค่อยได้...เผลอทำให้น้องมีรอยบนตัวทุกที
แต่คนที่กำลังแนบแก้มบนฝ่ามือหนาอยู่ต้องชะงักเมื่อเสียงริงโทนจากโทรศัพท์ของทรงโปรดดังขึ้น ปากจิ้มลิ้มมุบมิบเล็กน้อยก่อนที่เอ็นดูจะยกแก้มของตัวเองออกจากมือหนาแล้วก้มหน้างุดจัดการกับอาหารที่ตัวเองยังกินไม่เสร็จอีกครั้ง
ส่วนหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดน่ะเหรอ เขาก่นด่าคนที่โทรเข้ามาไปหลายคำ กระทั้งเหลือบตามองชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ต้องส่ายหน้าแล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
ถึงแม้ว่าโทรศัพท์จะแนบใบหูเขาแล้ว แต่เชื่อเถอะ ตาคมของคุณชายทรงโปรดละออกจากใบหน้าน่ารักของเอ็นดูไม่ได้เลย
“ครับพี่บอล”
[ตอนนี้คุณชายพักผ่อนอยู่ใช่มั้ยครับ]
“ครับ ผมกำลังกินข้าวอยู่”
[ผมขอโทษด้วยนะครับที่ต้องรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณชาย แต่ตอนนี้ที่ไซต์งานเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ]
เสียงพี่บอลหอบหายใจทำให้ทรงโปรดขมวดคิ้ว
“มีอะไรครับพี่บอล”
และน้ำเสียงทุ้มที่ไม่ได้นุ่มนวลก็ทำให้เอ็นดูเงยหน้าขึ้นมอง
[คนงานก่อสร้างจุดไฟเผาหนังสือพิมพ์ในที่พักครับ แล้วในบ้านก็มียางรถยนต์ด้วย ตอนนี้ไฟลุกถึงตัวรีสอร์ตใกล้ๆ กับที่พักคนงาน เสียหายไปหนึ่งหลังแล้วครับคุณชาย]
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาขมวดคิ้ว หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดขบกราม
[ยังดับไฟไม่ได้เลยครับคุณชาย ผมให้คนโทรเรียกรถดับเพลิงมาแล้ว แต่บ้านคนงานมียางรถยนต์เยอะมากไฟเลยรุก ตอนนี้กำลังช่วยเอาน้ำมาดับไฟอยู่ครับ]
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เอ็นดูวางช้อนลงบนจาน น้องเงยหน้ามองหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
[คนงานที่จุดไฟน่าจะเมายาครับคุณชาย ตอนนี้ผมยังหาตัวมันไม่เจอเลย]
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
[ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยครับ]
“ขอบคุณครับพี่บอล ผมจะไปที่รีสอร์ตเดี๋ยวนี้ครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดกดวางสาย คนตัวสูงที่ขมวดคิ้วแน่นสบตากับคนผิวขาวที่ยืนทำหน้าเครียดไม่แพ้กัน เอ็นดูเลิกคิ้วเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูขยับเล็กน้อยคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายน้องก็เม้มปาก
“ที่รีสอร์ตไฟไหม้ เดี๋ยวพี่ต้องไปหน้างาน เราอยู่โรงแรมคนเดียวได้ใช่มั้ย”
“ไฟไหม้เหรอครับ แล้ว...ตอนนี้ไฟดับหรือยังครับ”
“ยัง แต่พี่บอลเรียกรถดับเพลิงแล้ว”
“อ่อ...” ดวงตาเรียวรีของเอ็นดูหรี่ลง คนผิวขาวค่อยๆ สาวเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด “ผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ...เผื่อจะช่วยอะไรได้”
“อยู่โรงแรมดีกว่าเอ็นดู ที่นั่นมันอันตราย” มือหนาวางลงบนศีรษะกลมพร้อมกับลูบผมสีน้ำตาลนุ่มเบาๆ
“...”
“พี่กลัวว่าเราจะเป็นอะไรไป พี่เป็นห่วงเรา”
“ผมก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันครับ”
“...”
“...เป็นห่วงรีสอร์ต แล้วก็คนอื่นๆ ด้วย”
มุมปากของคุณชายทรงโปรดยกยิ้มทันที เพราะเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาที่มีปัญหาแล้วเขาไม่รู้สึกว่าต้องเผชิญกับปัญหานั้นเพียงลำพัง ทรงโปรดรับรู้ได้ถึงความวุ่นวานใจและเครียดไม่แพ้กันผ่านปลายนิ้วมือเรียวของเอ็นดูที่แตะอยู่บนท่อนแขนแกร่ง
“ให้ผมช่วยเหลือคุณบ้างนะครับ”
ขอบคุณเอ็นดูจริงๆ
ขอบคุณที่ในเวลาแบบนี้น้องยังไม่ทิ้งกัน
ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าหัวใจของเขาที่ฝากไว้กับเอ็นดู
เขาฝากไว้ถูกคนแล้ว
*****
“คุณบอลเข้าไปในบ้านหลังนั้นยังไม่ออกมาเลยค่ะคุณชาย”
“พี่บอลเข้าไปทำอะไรครับ”
“เข้าไปยกแจกันดอกไม้ที่แพงๆ ออกน่ะค่ะ เห็นคุณบอลเคยเล่าให้ฟังว่าคุณชายไปประมูลมาแพง เลยไม่อยากให้มันไหม้ไปกับไฟค่ะคุณชาย”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดอยากทึ้งหัวตัวเอง ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจแจกันโบราณที่ไปประมูลมาหลักล้านเลยสักนิด แต่ที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือชีวิตของทุกคน
พอมาถึงไซต์งาน คนแรกที่เขาถามถึงก็คือพี่บอล แต่เลขาฯ ของพี่บอลกลับบอกว่าอีกฝ่ายวิ่งเข้าไปในบ้านหลังที่ถูกไฟไหม้เพื่อเอาของราคาแพงของเขาออกมา ในรีสอร์ตนี้มีบ้านห้าหลังที่สร้างเสร็จและเอาเฟอร์นิเจอร์เข้าไปวางเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในนั้นโดนไฟไหม้เพราะตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักคนงานมากที่สุด
“รถดับเพลิงยังไม่มาอีกเหรอครับพี่เปิ้ล” หันไปถามเลขาฯ ของพี่บอลที่ยืนทำหน้าว้าวุ่น
“อีกสิบนาทีจะถึงค่ะคุณชาย”
“ไม่ทัน...”
ไฟลุกโชนแรงกว่าเดิม ทั้งยังไม่มีวี่แววของพี่บอลเลยสักนิด หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดมองซ้าย-ขวา พอเห็นถังน้ำสีดำที่บรรจุน้ำอยู่ก็รีบยกขึ้นมาราดจนเปียกไปทั้งตัว
“คุณทำอะไรครับ เอาน้ำมาราดตัวทำไม”
คนผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาถามหน้าเครียด เหมือนว่าหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดกำลังจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่เอ็นดูคาดไม่ถึง
คนตัวสูงจับไหล่แคบของเอ็นดู หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดบีบไหล่กลมเบาๆ พลางใช้ตาคมที่แสดงถึงความอ่อนโยนจับจ้องใบหน้าหวานฉ่ำ
“รอพี่อยู่ตรงนี้ เข้าใจมั้ยครับ”
“คุณจะไปไหน” เอ็นดูขมวดคิ้วแน่น ยกมือขึ้นจับท่อนแขนแกร่งของทรงโปรดไว้ “คุณจะเข้าไปข้างในเหรอครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดพยักหน้า แต่ฉับพลันเอ็นดูกลับสั่นศีรษะรัว
“มันอันตราย ผมไม่ให้คุณเข้าไปนะครับ”
“รอพี่อยู่ตรงนี้ พี่จะรีบออกมา”
“คุณ!”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจูบหน้าผากว่าที่คู่หมั้น เอ็นดูไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ถือถังน้ำที่บรรจุน้ำจนเต็ม สาวเท้าวิ่งเข้าไปในบ้านหลังที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงไฟ
เอ็นดูอ้าปากค้าง แทบล้มลงกองบนพื้นเดี๋ยวนั้นเลย...
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดย้ำนักย้ำหนาว่าให้เขารออยู่ในที่ที่ปลอดภัย แต่กลับเป็นเจ้าของร่างสูงเองที่เสี่ยงอันตรายเข้าไปแบบนั้น
ยืนกระวนกระวายใจไม่ถึงนาที เสียงไซเลนของรถดับเพลิงและรถตำรวจก็ร้องดังทั้งบริเวณพร้อมๆ กับร่างของพี่บอลที่หอบเอาแจกันออกมาจากบ้าน เอ็นดูเกือบจะเบาใจแล้วถ้าพี่บอลออกมาพร้อมกับ...คนที่เพิ่งหายเข้าไป
เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งวิ่งเข้าไปพยุงพี่บอลที่ยิ้มเจื่อน เอ็นดูก้าวเท้าฉับๆ ตามไปติดๆ ตาเรียวรีสำรวจคนของทรงโปรดว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่พี่บอลส่ายหน้าเหมือนรู้ว่าเอ็นดูกำลังตั้งคำถาม
“ผมไม่เป็นอะไรครับคุณ--”
“แล้วคุณชายโปรดล่ะครับ”
“คุณชาย? ทำไมครับ”
“เขาเข้าไปตามพี่บอลออกมา พี่บอลเห็นเขามั้ยครับ”
คนตรงหน้าถูกหิ้วปีกส่ายหน้าพร้อมขมวดคิ้วแน่น นั่นยิ่งทำให้เอ็นดูอยากจะร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนั้นเลย คนผิวขาวมองเข้าไปในบ้านก่อนจะหันไปมองรถดับเพลิงที่ต่อสายเตรียมดับไฟ เอ็นดูกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนวิ่งฝ่าเพลิงเข้าไปในบ้านพร้อมกับเสียงร้องเรียกของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
พอเข้ามาแล้วเอ็นดูก็ร้อนผ่าวไปทั้งตัว แสบผิวไปหมด เอ็นดูสำลักควันทั้งๆ ที่ยังเดินเข้ามาไม่ถึงไหน คนผิวขาวในเพลิงไหม้น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะแสบตา หรือเพราะหาทรงโปรดไม่เจอ
“คุณอยู่ไหน ได้ยินผมมั้ย โอ๊ย!”
เอ็นดูล้มลงเมื่ออะไรบางอย่างหล่นทับหลัง มันหนัก และร้อน ร้อนจนแสบ อยากลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว เขานอนคว่ำอยู่บนพื้นกระเบื้องที่ร้อนพอกัน พยายามคลานหนีแต่ก็ต้องทรุดลงบนพื้นเหมือนเดิมเมื่อตัวเองเกิดสำลักควันไฟ
“คุณ...อยู่ไหน”
“เอ็นดู! เอ็นดู!”
เจ้าของชื่อตาพร่ามัว เอ็นดูได้ยินแต่เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยตะโกนออกมา แม้พยายามลืมตามองก็ลำบาก ตอนนี้เอ็นดูแสบตามากจริงๆ
“เอ็นดู ลืมตามองพี่”
กระทั้งอะไรบางอย่างที่ทับแผ่นหลังถูกยกออก เอ็นดูได้ยินเสียงแต่ทำตามที่ทรงโปรดบอกไม่ได้
“คุณ...”
ทรงโปรดพยุงตัวน้องขึ้น สอดแขนแกร่งใต้ท้ายทอย น้ำในกระป๋องที่ถือเข้ามาด้วยถูกราดใส่ตัวของเอ็นดูจนเปียก มือหนาควักน้ำที่เหลือลูบหน้าลูบตาน้อง
“อย่าหลับนะครับ เอ็นดู ได้ยินเสียงพี่มั้ย”
ทรงโปรดเสียงสั่น เขารีบช้อนตัวน้องแนบอก คนตัวสูงหรี่ตาหลบควันไฟ เขามองหาประตูทางออก และเมื่อเจอแล้วทรงโปรดก็รีบสาวเท้าหลบหลีกไฟที่ลุกโชนออกไปทันที
“เอ็นดู อย่าหลับ”
พอพ้นเขตอันตราย ทรงโปรดทรุดนั่งบนหญ้า ในอ้อมแขนของเขามีคนผิวขาวที่นอนหมดสติอยู่ มือหนาตบแก้มนุ่มของเอ็นดูเบาๆ ปลุกให้น้องตื่น แต่ไม่ ตอนนี้เอ็นดูหลับลึกจนเขาปลุกไม่ได้
“พาคนเจ็บขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลเร็ว”
ทรงโปรดไม่รู้แล้วว่านั่นเป็นเสียงของใคร แต่เขาเห็นเตียงหามคนป่วยตรงมาทางนี้
“เอ็นดู พี่อยู่นี่แล้วครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเขย่าตัวเอ็นดู แต่น้องหลับไม่ตอบสนองอะไรสักอย่าง
คนตัวสูงแนบหน้าลงบนหน้าผากของคนที่หมดสติ เขารู้สึกว่าขอบตาของตัวเองมันร้อนผ่าวและปวดหนึบ...และรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่น้ำจากดวงตาไหลหยดลงบนแก้มกลมของน้อง
“เอ็นดู ตื่นเถอะ พี่โปรดอยู่นี่แล้ว”
ในชีวิตนี้หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร
“เด็กดี...ลืมตามองพี่โปรดหน่อยสิครับ”
แต่ตอนนี้...ทรงโปรดเสียน้ำตาให้กับเด็กที่นอนหน้าซีดตัวร้อนผ่าวในอ้อมกอด
น้ำตาของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด มีไว้ร้องไห้กับเรื่องของเอ็นดูเท่านั้น
“คุณชาย อุ้มน้องขึ้นเตียงไปส่งโรงพยาบาลเร็ว” ชาวบ้านสะกิดไหล่
ทรงโปรดพยักหน้า เขาค่อยๆ อุ้มน้องขึ้นไปนอนบนเตียงเล็กๆ สำหรับแบกคนป่วย รัดนิรภัยอย่างดีเพื่อไม่น้องกลิ้งตกลงมา มือหนาจับมือขาวไว้แน่น
ทรงโปรดไม่สนอะไรแล้ว ไม่สนว่ารีสอร์ตจะไหม้กี่หลัง เสียหายเท่าไหร่
เขาสนใจแต่เอ็นดูเท่านั้น
“เอ็นดู...พี่โปรดรักเอ็นดูนะครับ” ทรงโปรดสาวเท้าพลางก้มหน้าแนบริมฝีปากลงบนแก้มขาวขณะที่ชาวบ้านกำลังช่วยหามเอ็นดูขึ้นรถ
เขารักเอ็นดูมาก
รักมากจนคิดว่าชีวิตนี้ทรงโปรดคงขาดเอ็นดูไปไม่ได้
#ทำแบบนี้ขาดอากาศหายใจพอดี