หัวใจขายฝาก
บทที่ 4
กว่าจอมภพจะกลับบ้านมาอีกครั้งเวลาก็ล่วงเลยมาถึงสามทุ่มเศษหลังจากที่งานเสริฟอาหารเสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อถึงบ้านชายหนุ่มก็ต้องส่ายหน้ากับสภาพบิดาที่เมามายอยู่บนพื้นบ้าน ขวดเหล้าเบียร์กองอยู่ข้างกายอย่างคนไม่คิดที่จะเลิกให้เด็ดขาด จอมภพได้แต่ตรงเข้าไปดึงภวัตขึ้นมานอนบนเตียงเล็กประจำกายของพ่อ
“จะดื่มอะไรขนาดนี้นะพ่อ หมอเขายิ่งห้ามอยู่ นี่เห็นท้องตัวเองไหมว่าบวมหนักเข้าไปใหญ่แล้ว”
ทุกอย่างที่พร่ำพูดเพราะเป็นห่วงบิดา ล่าสุดที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหมอบอกกับเขาว่าอาการของบิดาไม่ดีนัก ฤทธิ์สุราทำลายทั้งสมองและตับไตจนเกิดอาการหลอนและบวมน้ำ ตัวตาเหลืองซีดเพราะขับของเสียออกจากร่างกายไม่ได้
“นิดหน่อยน่าจอม วันนี้พ่อซักผ้าให้ลูกแล้วไปเจอเงินมันร่วงมา โอ้โห ตั้งเป็นพันแน่ะ พ่อก็เลยย้อมใจหน่อย”
เสียงอ้อแอ้และกลิ่นคล้ายละมุดเน่าประดังออกมาจากลมหายใจ บอกให้รู้ว่าคงไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่ภวัตแก้ตัว แต่ที่จอมภพทั้งตกใจและโมโหนั่นคือเงินที่บิดาพบและนำไปซื้อเหล้ามาดื่ม
“พ่อว่าไงนะ เอาผมในกระเป๋าเสื้อผมไปซื้อเหล้า พ่อจะบ้าเหรอ รู้ไหมว่านั่นมันเงินที่ผมจะเอาไปซื้อหนังสือเรียน”
สีหน้าผิดหวังของจอมภพทำให้บิดานิ่งงัน ชั่วครู่ที่สติอันน้อยนิดคืนสู่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
“จอม พ่อไม่รู้ พ่อขอโทษ จอม...”
RRRR
เสียงโทรศัพท์มือถือของจอมภพดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาอันรุนแรง ชายหนุ่มสบถระบายความหงุดหงิดก่อนจะรับสาย คนโทรมาคือลูกค้าที่เคยซื้อบริการจากเขาและกระเป๋าหนักพอควร
“ครับคุณสมศักดิ์ คืนนี้เดี๋ยวนี้เลยหรือครับ เอ่อ ก็พอได้แต่คงเหมาถึงเช้าไม่ได้เพราะมีเรียน คงได้แค่รอบเดียว ได้ครับที่เดิมนะครับ”
ตลอดเวลาที่จอมภพหันหลังพูดคุยโทรศัพท์ เขาไม่รู้ว่าภวัตที่มีสภาพเมามายจะลุกขึ้นมาเงี่ยหูฟังอย่างเอะใจ และเมื่อบุตรชายหันหน้ากลับมาคนเป็นพ่อจึงถามเสียงเครียดแทบจะหายเมา
“ไอ้จอม งานพิเศษที่ทำอยู่เนี่ย มันงานอะไรกันแน่”
จอมภพนิ่งงัน เขาไม่นึกว่าบิดาจะมีสติพอรับฟังการสนทนาของเขา ชายหนุ่มพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของภวัตเพราะยังไม่อยากให้บิดารู้ความจริง
“ก็งานเสิร์ฟอาหารนั่นแหละ พ่อจะสงสัยอะไร”
“พ่อไม่เชื่อ อย่าคิดว่าพ่อโง่สิจอม ตอบพ่อมาตรงๆนะ ไอ้ที่แกหายหัวไปตอนดึกๆทั้งคืนบ่อยๆ แกไปทำอะไรกันแน่ บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้”
“เออ ใช่ ผมไปขายตัว อย่างที่พ่อคิดนั่นแหละ พอใจหรือยัง” จอมภพเผลอตัวตวาดลั่นอย่างเหลืออด
“พ่อคิดว่าคนที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยอย่างผมจะไปทำงานอะไรจนมีรายได้พอที่จะใช้หนี้ที่พ่อก่อได้ แล้วยังค่าเทอมของผมและค่ารักษาตัวของพ่ออีกล่ะ ถ้าผมไม่ใช้วิธีนี้ผมก็คงไม่มีเงินไถ่หนี้บ้าน ไม่มีเงินมาซื้อข้าวกินรวมทั้งไอ้ขวดเหล้าที่กองรอบๆพ่อนั่นอีก พ่อจะให้ผมทำยังไงถึงจะหาเงินได้ขนาดนั้นบอกมาสิ”
ภวัตตะลึงงันกับความจริงที่บุตรชายสารภาพ นัยน์ตาอดสูเจ็บช้ำนั่นอีกเล่ายิ่งเหมือนคมมีดกรีดลึกจนเลือดในหัวใจไหลซิบ ว่าตนเองคือภาระที่ทำให้จอมภพถึงกับยอมขายศักดิ์ศรีของตน
“จอม พ่อขอโทษ พ่อเสียใจ”
จอมภพเหยียดยิ้ม ดวงตาของเขาร้อนผ่าวเมื่อเห็นสีหน้าสลดของบิดา ไม่ใช่ว่าจอมภพจะไม่รักพ่อแต่เขาหมดความเชื่อมั่นในตัวภวัตไปแล้ว
“เก็บความเสียใจของพ่อใส่ขวดเหล้าต่อไปเถอะ ผมจะไปทำงานแล้ว”
คว้ากระเป๋าเป้คู่ใจแล้วเดินดุ่มออกจากบ้าน ปล่อยให้ภวัตนั่งจมกับความผิดหวังในตัวเอง เขาเหลียวมองรอบบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามแต่มันพังไปเพราะความผิดหวังจากความรักและไม่อาจประคองตนไว้ได้ ภวัตมองดูมือตนเองที่ทั้งด้านและซีดเหลือง มือคู่นี้เคยอุ้มชูบุตรชายในอดีต แต่ปัจจุบันเขากลับทำลายคนที่รักด้วยมือคู่นี้เช่นกัน น้ำตาของภวัตพรั่งพรูออกมาอย่างสุดกลั้น
จะสายเกินไปหรือไม่หากเขาจะปรับปรุงตนเองเพื่อจอมภพคนที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้ อย่างน้อยก็เพื่อให้บุตรชายไม่มองเขาด้วยสายตาแห่งความผิดหวังอีกต่อไป
รอจนกลางดึกล่วงเข้าวันใหม่พักใหญ่จอมภพจึงกลับบ้านอีกครั้ง เขาพบบิดานั่งซึมอยู่ที่เดิม ภวัตเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาของบิดาคนเดิมในอดีต
“จอม มาหาพ่อ”
ชายหนุ่มนิ่งงัน เขาก้าวเดินเข้าไปหาและทรุดนั่งเคียงข้างภวัต ผู้เป็นบิดาก้มหน้าลงต่ำอย่างคนละอายแก่ใจ
“พ่อขอโทษจริงๆ คราวนี้พ่อสำนึกผิดแล้วว่าสร้างความเดือดร้อนให้ลูก จอมจะยกโทษให้พ่อได้ไหม”
จอมภพถอนหายใจ ถึงอย่างไรเขาก็ตัดบิดาไม่ขาด สายใยพ่อลูกมีมากเกินกว่าจะโกรธขึ้งกัน เขาฝืนยิ้มส่งให้ภวัต
“ถ้าผมยกโทษให้พ่อ แล้วพ่อจะยกโทษให้ตัวเองไหม พ่อต้องเลิกโทษตัวเองว่าไม่ดีพอจนแม่ทิ้งไปได้แล้ว พ่อน่าจะเข้าใจว่าแม่ไม่เคยพอใจกับอะไรสักอย่างบนโลกนี้ ปล่อยแม่ไปให้สมกับที่แม่ทิ้งเราทั้งคู่แล้วกลับมารักษาตัว พ่อทำได้หรือเปล่า”
คนเป็นลูกพูดจาราวกับเป็นผู้ใหญ่กว่าเขามาก ภวัตน้ำตารื้นแต่กระนั้นเขาก็ยิ้มออกมาได้ มือหนาเหลืองซีดยื่นออกไปวางบนศีรษะบุตรชายแล้วขยี้ผมเบาๆ
“ได้ พ่อจะทำ พ่ออยากให้จอมกลับมาภูมิใจในตัวพ่อ พ่อจะเลิกเหล้าให้ได้”
จอมภพยิ้มได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี มันเป็นยิ้มที่ไม่ต้องฝืนขณะที่เขาสบตากับพ่อ ขอเพียงภวัตโยนความทุกข์ออกจากหัวใจได้ก็เพียงพอแล้วสำหรับลูกชายอย่างเขา
แต่ราวๆสองสามหลังจากที่จอมภพสบายใจขึ้นมาบ้างเพราะภวัตไม่ได้แตะต้องสิ่งมึนเมาอีก เหตุตระหนกก็เกิดขึ้นเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านที่ฝากให้ช่วยสอดส่องบิดาของเขา
“จอมเอ๊ย แย่แล้ว ภวัตอ้วกเป็นเลือด หน้าซีดตัวสั่นไปหมด ลุงเรียกรถพยาบาลมารับไปแล้ว จอมรีบตามไปที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะ”
เกือบสัปดาห์กว่าภวัตจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาสู่ร่างกายอ่อนแรงของเขา หมอบอกว่าเป็นเพราะเขาหยุดเหล้ากะทันหันทำให้เกิดอาการชัก ประสาทหลอนและเลือดออกในทางเดินอาหาร ภวัตอยู่ในภาวะเพ้อคลั่งจนต้องถูกจับมัดติดเตียงในโรงพยาบาลของรัฐที่เขารักษาอยู่กว่าจะสงบก็สามถึงสี่วัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มได้สติมาบ้าง
ตอนนี้ร่างกายของภวัตเหลืองเพราะของพิษของเสียในร่างกาย แก้มตอบลึก ท้องบวมโตจนหายใจไม่เต็มอิ่มต้องให้ออกซิเจนช่วยไว้ ตลอดเวลาจอมภพมาคอยดูแลจนกระทั่งวันนี้ภวัตจึงบอกให้บุตรชายไปเรียน
“แต่ว่าพ่อยังไม่มีแรงเลยนะ”
จอมภพเอ่ยค้านแต่ภวัตก็ยังยืนยันคำเดิม
“ไปเรียนเถอะจอม ขาดเรียนมากๆเดี๋ยวไม่มีสิทธิ์สอบ นี่ก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วไม่ใช่เหรอ พ่ออยู่ได้ มีอะไรรุนแรงเดี๋ยวพยาบาลก็โทรหาลูกเองนั่นแหละ”
จอมภพยอมไปเรียนอย่างไม่เต็มใจนักด้วยความห่วงใยบิดา แต่ภวัตจำเป็นจะต้องให้จอมภพห่างเขาในวันนี้ วันที่เขายังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่มากที่สุด
“คุณพยาบาลครับ ช่วยเหลือผมหน่อย โทรไปที่เบอร์นี้ให้ผมทีเถิด ผมจะขอความช่วยเหลือจากเขา”
เอ่ยปากขอร้องและจดเบอร์โทรศัพท์ที่เขาท่องไว้จนขึ้นใจตั้งแต่ได้รับนามบัตรมา นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ภวัตจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
ปาณัทกระหืดกระหอบมาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ท่ามกลางผู้ป่วยจำนวนมากที่มารับบริการ เขาตามหาจนกระทั่งได้พบกับอดีตอาจารย์ของเขาบนเตียงคนไข้ในหอผู้ป่วยสามัญ
“อาจารย์”
ช่างน่าเวทนาเหลือเกินกับบุรุษคนหนึ่งที่เคยหล่อเหลาสดชื่นแจ่มใสท่ามกลางนักศึกษารายล้อม แต่บัดนี้คนๆนั้นนอนพังพาบจนลมหายใจอาจจะปลิดปลิวได้ตลอดเวลา
“เปา”
น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายใบไม้แห้งร่วงหล่นจากต้น ปาณัทรีบก้าวไปหาและกุมมือซีดนั้นพลางกล่าวรับเสียงนุ่ม
“ครับอาจารย์ ผมมาแล้ว”
ร่างสูงโปร่งในเครื่องแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสมกับเจ้าตัว เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เล็กสำหรับญาติและส่งยิ้มให้ภวัต
“ผมเพิ่งรู้ว่าอาจารย์ป่วยหนัก พยาบาลโทรไปหาผม”
ภวัตพยักหน้ารับ เขาฝืนยิ้มตอบกลับทั้งที่ยังอ่อนแรง
“ผมให้พยาบาลช่วยโทรหาเปา รอบนี้อาการของผมหนักมากจนกลัวว่าจะไม่ไหว ต้องรีบทำอะไรให้ทันก่อนตาย”
“ทำไมอาจารย์พูดแบบนั้น ผมว่า...”
“ยอมรับความจริงเถอะเปา ตอนนี้ผมแย่จริงๆ แต่จะตายก็ยังเป็นห่วงลูก รู้มาตลอดว่ามันทำงานหนักเพราะพ่อของมันเป็นภาระ แต่ไม่นึกว่ามันจะเดือดร้อนถึงขนาดขายตัวแลกเงินด้วย”
มือเรียวที่เกาะกุมมือของภวัตเผลอบีบแรง หัวใจของปาณัทเต้นถี่ ภวัตหันมาสบตากับเขา นัยน์ตาเหลืองซ่านมองปาณัทราวกับเดาใจอดีตลูกศิษย์ได้
“ถามตรงๆนะเปา ที่เปาบอกกับผมว่าเจอจอมเพราะมันไปทำงานด้วย ใช่งานนี้ไหม”
ปาณัทหลบสายตา สีหน้าเกลื่อนไปด้วยความรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าจอมเป็นลูกอาจารย์ครับ”
กลายเป็นภวัตที่ต้องยิ้มปลอบโยนก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่มีใครผิดหรอก จะผิดก็คงเป็นผมที่เป็นสาเหตุหลัก แต่นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ผมก็คงจะไม่ได้พบกับเปาอีกครั้ง ผมมีเรื่องจะให้เปาช่วย”
“อาจารย์จะให้ผมช่วยอะไรครับ ถ้าทำได้ผมจะทำให้ทุกอย่าง”
ภวัตยิ้มอย่างยินดี นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อลูก
“ขอบใจมากเปา ผมจะได้ตายตาหลับเสียที”
มีต่ออีกนิด...