สวัสดีครับแฟนๆ
ขอบคุณสำหรับ comments นะครับ เมื่อวานได้โพสครั้งเดียว คิดถึงคนอ่านใจจะขาด
ขอบคุณทุกคนที่กด +1 ให้คะแนนครับ ใกล้ถึงร้อยแล้วสิ อืมมม ยังยุ่งๆ อยู่เลย จะต้องเขียนบทรักสารวัตรอธิคมมอบความเป็นชายให้แฟนแล้วเหรอเนี่ย
เอ่อ...ขอยืดคะแนนไปอีกซัก 100 จะโดนดุรึเปล่านี่
บทที่ 40
“นุ...เกิดอะไรขึ้น” ธนาภพเดินออกมาจากประตู รีบก้าวเข้าประชิดตัวอนุภาพ "มาทำอะไรที่นี่ นุเป็นอะไรหรือเปล่า”
อนุภาพกำลังจะหันหลังกลับ แต่ธนาภพเดิมอ้อมมายืนขวางไว้ แววตาห่วงใย
เขาไม่เคยเห็นอนุภาพในสภาพเช่นนี้มาก่อน เนื้อตัวเปียกปอน ใบหน้าหม่นเศร้า นัยย์ตาแดงก่ำ เหมือนคนที่เพิ่งร้องให้...
...ใครทำให้คนที่เขารักเป็นอย่างนี้...ใคร...
“บอกภพสิ เป็นอะไร...”
อนุภาพก้มหน้า...ในใจนึกว่าวันนี้เป็นวันโลกาวินาศ...เจอมาแล้วตั้งสามคน อุตส่าห์หนีมาแต่ก็ยังมาเจอธนาภพอีกคน
---อนุภาพ...แล้วจะหนีอย่างนี้ตลอดไปหรือ ทำไมไม่หันกลับมาสู้ ไหนว่ามาตั้งหลัก...คราวนี้จะหนีไปตั้งหลักที่ไหนอีก...
เสียงในหัวของอนุภาพเตือนสติ...แต่อีกเสียงก็ขัดแย้งว่าไม่อยากให้ธนาภพเห็นว่าเขากำลังอ่อนแอ ตัวเปียกปอน ผมเปียกลู่ หมดสภาพ ตาแดงก่ำเพราะร้องให้
“นุ...เอ่อ...จะมาพักโรงแรม...แต่ว่าไม่เป็นไรแล้ว...นุ...จะกลับบ้านแล้ว” อนุภาพเสียงเบา กระท่อนกระแท่น
“นุ...ยังไม่ต้องบอกอะไรภพก็ได้ ไม่ต้องบอกเลยก็ได้ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปไหนเลยนะ”
ธนาภพเริ่มเรียนรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเซ้าซี้อนุภาพ...บุคลิกใหม่ของชายหนุ่ม ที่เขาไม่เคยเห็น ต่างจากเมื่อก่อนที่เวลาเขาขอร้องอะไร เขาจะกระโดดกอดชายหนุ่มกลม...ออดอ้อนเสียงหวานจนอนุภาพทนไม่ได้ ต้องพยักหน้าตามใจเขา
เขาตระหนักแล้วว่าเวลาที่ผ่านมาหลายปีเปลี่ยนแปลงอดีตคนรักของเขา แต่ก่อนอนุภาพร่าเริง สดใส ขี้เล่น เจ้าอารมณ์และโวยวายทุกครั้งที่ใครขัดใจ แต่นุ่มนวลน่ารักเวลาเขาเว้าวอน
หากเมื่อพบอนุภาพอีกครั้ง...คนที่เขารัก กลายมาเป็นคนนิ่งเรียบ เงียบและเย็นชา เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูด ไม่ยอมเปิดเผย
“นุ เข้ามาข้างก่อนเถอะ เดี๋ยวภพจะหาห้องพักให้นะ” ธนาภพรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าอนุภาพกำลัง ‘หนี’ อะไรบางอย่าง หรือใครบางคน
...อะไรกันที่ทำให้คนที่เขารักต้องมาพักโรงแรมในสภาพเช่นนี้…
...ใครกันทำให้อนุภาพเสียใจ...ใครที่ทำร้าย ‘หัวใจ’ ของเขา…
อารมณ์เขาคุกรุ่น ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว
...ผู้ชายคนนั้น!...ผู้ชายคนที่เข้ามาขวางเขาไม่ให้ตามอนุภาพคืนนั้น...คืนที่เขาพบชายหนุ่มครั้งแรก...คืนที่เขาพบอนุภาพอีกครั้งหลังจากตามหามานานกว่าห้าปี…
...อนุภาพต้องทะเลาะกับผู้ชายคนนั้นแน่นอน...ต้องเป็นเขาที่ทำให้อนุภาพเสียใจ แล้วหนีมาตั้งหลัก…
...รอก่อนเถอะ...เขาจะตามหาแล้วไปจัดการให้สาสม...
อนุภาพยังลังเลอยู่ ไม่ยอมขยับตัว
“นุเห็นภพเป็นเพื่อนไม่ใช่หรือ ให้ภพได้ช่วยเพื่อนซักครั้งนะ เข้าไปข้างในเถอะ นุคงยังไม่อยากกลับบ้านใช่ไม๊”
อนุภาพส่ายหน้า...ในใจที่สับสนเริ่มรวบรวมความคิดได้
เขาตัดสินใจแล้ว...หนีมาตลอด คราวนี้เขาไม่หนีอีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ขอให้เป็นไปเถิด...ภาพทับซ้อนของชายหนุ่มสองคนในชีวิตเขาจะได้หายไปเสียที...ภาพอธิคมหรือภาพธนาภพจะเด่นชัดกว่ากัน...เขารักใคร...อนาคตของเขาจะอยู่กับใคร...
อนุภาพตัดสินใจเดินตามธนาภพเข้าไปข้างในโรงแรม พนักงานที่ประตูค้อมศรีษะแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมเกินความพอดี
...ช่างตลกสิ้นดี...ครั้งที่แล้ววิ่งหนีธนาภพ แต่อธิคมพาเขาไปปลอบ...มอบความอบอุ่นให้...และบอกรัก
คราวนี้...วิ่งหนีอธิคม ธนาภพกำลังปลอบเขา
...แต่เขาต้องการความอบอุ่นจากธนาภพหรือ...
...หรืออธิคม...
ภาพของนายตำรวจมาดเข้มติดอยู่ในหัวเขา สลัดอย่างไรก็ไม่ยอมหายไป...
ธนาภพนำเขาไปยังลิฟท์แก้วด้านข้างของลอบบี้โรงแรมที่โอ่อ่า ประดับประดาอย่างหรูหราสวยงาม เขากดลิฟท์เปิด แล้วเดินนำอนุภาพเข้าไปในลิฟท์ เอื้อมมือกดชั้น 91
“แล้วรีเซฟชั่น?” อนุภาพหันหน้าไปมองเคาท์เตอร์ลงทะเบียนแขกเข้าพัก “ไม่ต้องรีจิสเตอร์หรือ”
“โรงแรมภพเอง” ธนาภพกดลิฟท์ปิด หันมายิ้มให้บางๆ แววตาอบอุ่น
อนุภาพถอนหายใจ...หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น...ไม่ว่าจะหนีธนาภพ...หรืออธิคม...
มาถึงขนาดนี้ จะให้เขาหันกลับวิ่งเตลิดออกไปจากโรงแรมเพียงเพราะว่าเป็นโรงแรมของธนาภพก็เกินไป...ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้ผ่านมาทำให้เขาสงบลงมากกว่าเดิม
...หนีมาพอแล้ว...คราวนี้ขอสู้สักครั้งเถอะ...
---ทำตัวงี่เง่ามามากพอแล้วนะอนุภาพ...ขึ้นไปอาบน้ำอุ่น แล้วนอนพักเสียก็สิ้นเรื่อง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่...
สติของอนุภาพเริ่มกลับมา...เหลือเพียงเสียงเดียวก้องอยู่ในหัว...
...ความเข้มแข็งของเขาเริ่มกลับมา...
“The Cliff เพิ่งสร้างเสร็จต้นปีที่แล้ว ก่อนภพทำคอนโดพาโนวิว...นุจำได้ไม๊ The Cliff ที่เราไปห้อยต่องแต่งอยู่ที่มอนทาน่า เพราะนุปวดฉี่จน...”
“อย่าพูดนะ...นุไม่อยากนึกถึงตอนนั้นอีก”
ธนาภพยิ้มขำๆ นึกถึงอดีต...ความทรงจำดีๆ ระหว่างเขากับอนุภาพมีมากมายเหลือเกิน
...อดีตที่เขาได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำ...ส่วนปัจจุบัน...เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแตะต้อง...อนาคตเล่า...ยังจะนึกถึงได้อยู่อีกหรือเปล่า
อนุภาพยอมรับชะตากรรมของตนเอง แม้จะหนีมาพักโรงแรมเพราะต้องการความเงียบและเป็นที่รโหฐาน ไม่มีความสัมพันธ์พิเศษกับความทรงจำใดๆ ของเขาร่วมกันใคร...
แต่ทว่า...กลับเป็นหนึ่งในความฝันของธนาภพ...ความฝันที่เขาเลือก ก่อนที่จะละทิ้งความฝันระหว่างเขาและอนุภาพที่เคยมีร่วมกัน
...หนีไม่พ้นแล้ว...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องเผชิญกับมันเสียแล้ว
...อดีต...หนีอย่างไรก็ไม่พ้น
ธนาภพคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพูดอะไรสองสามประโยคแล้วประตูลิฟท์ก็เปิดออก เขานำอนุภาพเดินผ่านโถงหน้าลิฟท์ตรงไปยังประตูบานใหญ่ไม่ไกล
The Avalon Suite...
ธนาภพควักบัตรกุญแจขึ้นมาเสียบที่ประตูเพื่อปลดล๊อค อนุภาพเริ่มตระหนักว่า ที่ที่เขาหนีมาอยู่เพราะต้องการ ‘หนี’ ความทรงจำที่แย่ๆ กลับเป็นที่ที่มีความทรงจำมากที่สุด
เขาสังเกตว่าโรงแรมตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลเข้ม...ชื่อโรงแรม...ชื่อห้องพักที่กำลังจะเข้าไป...ลิพท์...ภาพแขวนบนฝาผนัง...ทุกอย่างล้วนสะท้อนความทรงจำระหว่างเขากับธนาภพทั้งนั้น
The Avalon ป้ายชื่อหน้าห้องพักของเขาในหอพักมหาวิทยาลัย...เขาเคยเรียกมันบ่อยๆ ว่า ‘ที่พักพิงใจ’ ทุกครั้งที่ไม่สบายใจ...บ้านคือที่เดียวที่เขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น...บ้านของเขากับธนาภพ...ห้องเล็กๆ บนชั้นสองของหอพักที่แอบตัวอยู่ท่างกลางต้นไม้เขียวขจี
ธนาภพยืนอยู่ใกล้ๆ ไหล่พิงอยู่กับกรอบประตู มือยังจับลูกบิดค้างไว้ อนุภาพยืนพิงอยู่อีกด้าน ก้มหน้านิ่งเงียบ
“ภพ...” อนุภาพถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองอดีตคนรัก
“เพื่อนุ...ภพทำทุกอย่างเพื่อนุ...แม้จะสายไปบ้าง...ภพรู้ อะไรต่างๆ ที่กำลังเห็นอาจจะสะกิดใจนุบ้าง แต่อย่าตีความหมายของภพผิดที่พานุขึ้นมาพักบนนี้...”
ทั้งสองยังยืนนิ่ง ตาประสานตา เสียงลมหายใจแผ่วเบา ทั้งที่ใจเต้นแรงด้วยอารมณ์หลากหลายที่อัดแน่นอยู่ภาพในอก
“นุจำได้ไม๊ นุบอกเองว่าที่ที่น่ากลัวที่สุดคือที่ที่จะทำให้นุหายกลัว เอาชนะความกลัวและค้นพบความเข้มแข็งของตนเอง ภพรู้ว่านุเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่านุกำลังจะหนีอะไร ภพก็อยากให้นุรุ้ว่าที่นี่คือที่พักพิงใจของนุ ภพขอให้นุรู้ว่าภพเป็นกำลังใจให้นุเสมอนะ”
ธนาภพสื่อความนัยถึงอดีต ความสูงคือสิ่งที่อนุภาพกลัวและเขาก็พาไปปีนเขา เมื่อปีนถึงความสูงระดับกว่าสองร้อยเมตร ชายหนุ่มกลัวจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาคว้าเอามากอดและปลอบขวัญจนอนุภาพสงบแต่ต้องเสียสละขวดน้ำดื่มให้ไปเพราะชายหนุ่มจำเป็นต้องใช้เมื่อธรรมชาติเรียกร้อง
ธนาภพไม่เคยลืมคำพูดที่อนุภาพกระซิบหูเขาเบาๆ หลังจากเสร็จภารกิจแล้วว่า “ภพเป็น Avalon ของนุ...ขอบคุณนะที่รัก…แต่ระวังดื่มน้ำผิดขวดนะ” จากนั้นบทรักเล็กๆ กลางเวหาก็เริ่มขึ้น...ช่วงเวลาห้านาทีที่ตรึงอยู่ในใจเขาไม่เคยลืม...จำได้ถึงรายละเอียดทุกอย่าง...แม้แต่จังหวะของการเต้นของหัวใจ...
“ขอบคุณนะภพ” อนุภาพมองป้ายชื่อห้อง แล้วก้มมองหน้าอกของชายหนุ่ม...อกกว้างที่เขาเคยซบเมื่อไม่สบายใจ อกกว้างที่เคยให้ความอบอุ่น...ปลอบประโลมเมื่อต้องการพลัง
...แต่ในใจลึกๆ เขากลับนึกถึงอกกว้างของอีกคน...
คืนนั้น อธิคมกอดเขาแน่น ให้ความอบอุ่นและความเข้มแข็งแก่เขา...บอกรัก...
คืนนี้ เขาจะได้ความอบอุ่นจากที่ไหน...ในเมื่ออธิคมเองเป็นคนทำให้เขาเสียใจ...
“นุรีบอาบน้ำอุ่นนอนเลยนะ เดี๋ยวภพจะสั่งให้แม่บ้านมารับเสื้อผ้าไปซัก รับรองเสร็จทันใส่พรุ่งนี้เช้า แต่ถ้าอยากจะอยู่ต่อก็ไม่เป็นไร...ค่าห้องพักฟรีพร้อมเอบีเอฟ” ธนาภพยิ้ม
อนุภาพยิ้มเศร้าๆ “ยังไงก็ต้องฟรี เพราะนุไม่มีเงินจ่ายแพงขนาดนี้หรอก...พรุ่งนี้บ่ายนุต้องไปกระบี่เรื่องงาน มีห้องสวีทฟรีที่กระบี่ซักห้องไม๊”
“ยังจ๊ะ...ยังไม่ได้มีโครงการ แต่ถ้านุอยากพัก ภพจะสร้างให้ซักตึก”
ในใจของธนาภพร่ำร้องอยากให้ชายหนุ่มอยู่ตลอดไป...อยู่กับเขา..ต่อจากนี้เขาจะไม่มีวันทิ้งอนุภาพอีกแล้ว...เขาจะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก...บทเรียนที่ได้รับมีราคาแพงมากเท่ากับค่าของหัวใจสองดวง...เขาซึ้งถึงราคาของมันแล้ว
...ตอนนี้รอก่อน...เขายังมีเวลา...เขารออนุภาพมาได้ตั้งหลายปี รอต่ออีกสักนิดจะเป็นไรไป เขาต้องทำให้อนุภาพรู้สึกเชื่อใจในตัวเขาเสียก่อน...เมื่อเวลามาถึง...เขาจะไขว่คว้าหัวใจเขากลับคืนมา
“ราตรีสวัสดิ์” ธนาภพยิ้มอบอุ่น แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ลิฟท์
“ภพ”
ชายหนุ่มหยุดเดิน รีบหันหน้ากลับมา
“นุไม่เคยเกลียดภพนะ ภพไม่ต้องโทษตัวเอง...” อนุภาพพูดเบาๆ ก่อนส่งยิ้มให้บางๆ แล้วปิดประตูห้อง
ธนาภพยืนนิ่งอยู่เนิ่นนาน ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในใจ ทั้งดีใจที่ได้ยินจากปากอนุภาพว่าไม่ได้เกลียดเขา ทั้งเสียใจที่ไม่มีโอกาสกอดปลอบขวัญเหมือนเคย ทั้งโล่งใจ ทั้งว้าวุ่น ทั้งกังวล...แต่เหนือทั้งมวลคือความแน่ใจว่าเขารักชายหนุ่มอยู่...รักแบบคนรัก...ไม่มีทางที่จะให้รักกันแบบเพื่อนอย่างที่อนุภาพขอร้อง...ไม่มีทาง
ชายหนุ่มตัดใจหันหลังกลับ เดินตรงไปที่ลิฟท์ กรามขบกันแน่นจนปวด พยายามกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ที่คอลงไป...น้ำตาผู้ชายเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาร้าวราน
ธนาภพกดลิฟท์ชั้นที่ 93...ชั้นบนสุด...สองชั้นถัดขึ้นไปจากอนุภาพ...ห้องที่อยู่เหนือห้องพักของชายหนุ่ม...ใกล้กันเพียงนิด...แต่รู้สึกไกลเหลือเกิน...
สายตาเหม่อมองไปออกไปนอกลิฟท์แก้ว...แสงไฟยามค่ำคืนของกรุงเทพระยิบระยับ...แต่หัวใจของเขากำลังหม่นหมอง...แสงสว่างน้อยนิดแห่งความหวังในใจของเขาแทบจะไม่เหลือ...
... The Cliff…สูงเสียดฟ้าอันว่างเปล่า...สูงจนเขารู้สึกเดียวดาย
ธนาภพถอนหายใจ แสงแห่งความหวังริบหรี่ยังเตือนเขาอยู่...ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ...เขาก็คิดว่าตัวเองยังมีโอกาส...
**************