อิ อิ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ พอดีบนเขาไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ครับ เลยไม่แข็ง และยังรอดชีวิตกลัับมาได้ครับ
ไปตากไม่ค่อยได้เที่ยวหรอกครับ กินซะเป็นสวนมาก แล้วก็นอน แล้วก็เดินดูคนหล่อๆ สวยๆ ที่กางเตนท์อยู่ใกล้ๆ กัน
อากาศดีมากจริงๆ ครับ สดชื่นที่สุด สุดสัปดาห์หน้าไปอีก คราวนี้จะไปหาภูเขาที่สูงกว่าที่ตาก เพราะมันหนาวไม่ได้ใจ มีรูปเล็กๆ มาฝากด้วยครับ คิดถึงผู้่อ่านทุกคนเลยนะครับ
ยังไงก็ขอบคุณนะครับ เรื่องอายุอะถึงไม่บอกก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วไม่เป็นไร ไปนอนแก้ผ้าจริงเหรอครับถ้าไม่แข็งตายซะก่อนละนะ เป็นกำลังใจให้นะครับแล้วจะติดตามต่อจนถึงภาค 2 ด้วยก็แล้วกัน ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ
บทที่ 28 "บอกรัก"
อธิคมเทียบรถหน้าคอนโด หันมายิ้มอบอุ่นให้อนุภาพ....ไม่มีแววยั่วเย้าเช่นเคย
"ผมขึ้นไปส่งนะครับ"
อนุภาพพยักหน้าช้าๆ นายตำรวจหนุ่มแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะยอมง่ายๆ เช่นนี้
อธิคมเปิดประตูรถ มองหาลูกน้องคนสนิทคนใหม่ สิงห์รปภ. ประจำคอนโดรีบวิ่งเข้ามาหา ทำความเคารพ
"สวัสดีตอนดึกครับสารวัตร"
อธิคมยกมือขึ้นวันทยหัตถ์ตอบ แล้วยื่นกุญแจรถให้สิงห์ช่วยเอารถไปจอด อนุภาพมองตามอย่างไม่เชื่อสายตา
"สารวัตรไปสนิทกับพี่สิงห์ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ก็ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ผมมารอรับคุณนุไปทำงานไงครับ" อธิคมยิ้ม...พยายามกลบเกลื่อนและบังคับตนเองไม่ให้พลั้งปากบอกอะไรออกมา เพราะสายตาส่งคำถามคู่นั้น...ที่เขาเคยถูกบีบให้คายคำตอบออกมาแล้วอย่างง่ายดายเมื่อครั้งอยู่ด้วยกันที่บ้านริมทะเล
ทั้งสองยืนนิ่งในลิฟท์...ตามองตา
อนุภาพยิ้มเศร้าๆ แล้วหันไปมองตัวเลขเหนือประตูลิฟท์ อธิคมยิ้มบางๆ ส่งสายตาห่วงหาอาทร...เขาอยากดึงร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ เข้ามากอดปลอบขวัญ...มอบความมั่นคงให้...ปกป้องไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจ...ปกป้องอนุภาพ...ไม่ให้ผู้ชายคนนั้นข้ามาใกล้
ถึงกอดไม่ได้ แต่นายตำรวจหนุ่มก็อดไม่ได้ที่ขยับตัวเข้าไปใกล้ให้ไหล่ชนกัน ถ่ายเทไออุ่นจากตัวเขาให้ชายหนุ่มที่กำลังเสียขวัญ
อธิคมก้มลงยิ้มอ่อนโยน...อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมองแล้วยิ้มมุมปากบางๆ หันหน้ากลับไปมองประตูนิ่ง
ช่วงเวลาสั้นๆ ในลิฟท์ อนุภาพปล่อยใจตัวเองให้คิดเรื่อยเปื่อย ในเวลานี้ที่จริงเขาควรจะผลักใสให้คนอื่นไปไกลๆ แล้วใช้เวลาอยู่คนเดียว...เวลาเสียใจคนเรามักจะอยากอยู่คนเดียว...
…อยู่คนเดียว ครุ่นคิดไตร่ตรอง...คิดหาเหตุผล
'แต่อธิคมไม่ใช่คนอื่น...จะผลักใสเขาไปทำไม"
--'ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนอื่น แล้วเขาเป็นอะไรกับเราล่ะ'
'เป็นคนรักหรือ...ไม่รู้สิ...ยังไม่รู้...ยังไม่แน่ใจ'
--'ใช้เวลาอยู่คนเดียวซักพัก คิดใตร่ตรองให้ดี'
'เขาอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอบอุ่นดี มีใครอยู่ใกล้ๆ ยังดีกว่าอยู่เดียวดาย ต้องคิดอะไรอีก'
--'อยากให้เขาอยู่ด้วยหรือ'
อนุภาพตกอยู่ในภวังค์ เสียงในความคิดเถียงกันอีกแล้ว...สับสน...วุ่นวาย
-----------------
อธิคมเดินตามหลังอนุภาพช้าๆ อยากให้เวลาหยุดนิ่ง...หนึ่งนาทีจากลิพท์ถึงหน้าห้องของชายหนุ่มเขาอยากให้กลายเป็นชั่วโมง...มีความสุขที่จะได้มองอนุภาพจากข้างหลังเช่นนี้ มีความสุขที่จะได้เก็บภาพทุกภาพของคนที่เขารักให้ตรึงอยู่ในความทรงจำ
รัก?...เขารักอนุภาพ!...เขาแน่ใจแล้ว...เขารักอนุภาพ...ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตหนุ่มรักสนุกอย่างเขา...
ทีนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอาทิตย์ชอบเดินตามหลังอนุภาพ...
การเดินทางชั่วนาทีสิ้นสุดลงที่หน้าประตูห้อง...อนุภาพล้วงกุญแจ อธิคมยืนพิงไหล่ซ้ายกับผนังข้างประตู...รอกล่าวราตรีสวัสดิ์
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนายตำรวจหนุ่มอย่างครุ่นคิดชั่วครู่
“ขอบคุณนะครับสารวัตร...ที่เป็นเพื่อน”
อธิคมขมวดคิ้ว...’เพื่อนหรือ...ไม่ใช่สิ...เขาไม่อยากเป็นเพื่อน’
“คุณนุ...” เสียงนายตำรวจหนุ่มผ่านริมฝีปากออกมาแผ่วเบา แทบไม่ได้ยิน แววตาทักท้วง...ลมหายใจสะดุด
‘อย่านะอนุภาพ...อย่าให้ผมเป็นเพื่อน...ผมไม่อยากเป็นเพื่อนคุณ...ผมอยากเป็นคนรัก’
"ผมเอ่อ...หมายความว่าคืนนี้ผู้กองเป็นเพื่อนไปงานแล้วก็พามาส่งที่บ้าน...ขอบคุณครับ"
อธิคมยิ้มออก...'อนุภาพยังไม่ตัดโอกาสเขาจริงๆ ด้วย...โอย...หัวใจจะวาย...ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะขอเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่น'
"ยินดีครับ" อธิคมตอบ ยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายวูบวาบ
สารวัตรหนุ่มกระแอมเบาๆ "คอแห้งจัง"
อนุภาพอมยิ้ม ไขกุญแจเปิดประตู ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง...อธิคมมองตามตาละห้อย
"เข้ามาดื่มอะไรก่อนไม๊ครับ ถ้าสารวัตรยังไม่ง่วง"
"ไม่ง่วงครับ ไม่ง่วง...ตาสว่างโร่เลยทีเดียว"
อธิคมยิ้มกว้างจนตาหยี...หัวใจเต้นแรงเพราะดีใจ...บรรยากาศมืดสลัวรอบข้างสว่างวาบ
อนุภาพไม่อยากอยู่คนเดียว--เวลาที่อ่อนแอเขาอยากมีใครสักคนคอยเป็นเพื่อน...คอนหนุนใจให้เข้มแข็ง ทำให้เขามีสติ ไม่ปล่อยให้ใจฟุ้งซ่าน
อพาร์ทเมนต์ของชายหนุ่มตกแต่งเรียบๆ ผนังทาสีน้ำตาลอ่อนแบบเอิร์ธโทน โซฟาผ้าสีดำตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ถัดไปเป็นครัวโทนสีน้ำตาลเข้ม โต๊ะทำครัวตัวใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางมีเตาและซิงค์ล้างจานฝังเรียบบนเคาท์เตอร์หินแกรนิตสีดำ ด้านหลังเป็นหน้าต่างกระจกบานกว้างเกือบจรดเพดาน
"ไหนคุณนุบอกว่าไม่มีครัว" อธิคมนั่งลงบนสตูลตัวสูงข้างโต๊ะทำครัว แหงนหน้ามองท่อดูดควันสแตนเลสขนาดใหญ่เหนือโต๊ะ "นี่ครัวใหญ่ทำอาหารเลี้ยงคนได้เป็นสิบๆ"
"ผมโกหก" ชายหนุมบอกหน้าตาเฉย
"ผมรู้แล้ว คุณนุไม่อยากให้ผมมาทานข้าวด้วยใช่ไหมล่ะ"
อนุภาพไม่ตอบ เดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มที่สูงกว่าตัวเอง
"ดื่มอะไรดีครับ"
"ผมขอกาแฟครับ...กาแฟดำไม่ใส่นม"
"ผมว่าดื่มน้ำส้มคั้นดีกว่าไม๊ครับ...เมื่อกี้เห็นผู้กองบอกว่าไม่ง่วง แล้วน้ำร้อนก็ยังไม่ได้ต้ม"
"ไมโครเวฟก็มี" อธิคมประท้วง "ใส่แก้วน้ำเข้าไปเดี๋ยวเดียวก็เดือด"
"กาแฟหมดพอดี"
"จะรีบไล่ผมใช่ไหมล่ะ" อธิคมหรี่ตา แล้วแกล้งทำหน้ามุ่ย "ใจร้าย"
"เปล่า..." อนุภาพดูสดชื่นขึ้น...ต่างไปจากตอนที่เดินหนีผู้ชายคนนั้นที่หน้าโรงแรม "แต่ถ้าอยากกินจริงๆ ผมจะโทรสั่งสตาร์บั๊คให้ เห็นว่าตอนนี้เขามีบริการส่งตามบ้านแล้ว" ชายหนุ่มประชดยิ้มๆ การที่ได้ต่อปากต่อคำกับอธิคมทำให้เขาลืมเรื่องต่างๆ ไปชั่วขณะ
อนุภาพยืนถือเหยือกน้ำส้มคั้นกับแก้วยืนรออยู่หน้าตู้เย็น
"น้ำส้มคั้นก็ดีครับ...ที่จริงก็อยากดื่มอะไรหวานๆ เปรี้ยวอยู่เหมือนกัน น้ำส้มนี่ล่ะเหมาะกับผมที่สุด"
อธิคมยิ้มประจบ กลัวว่าจะไม่ได้ดื่มอะไรแล้วยังจะถูกไล่ให้ออกจากบ้านไปเร็วๆ อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า 'พันตำรวจตรีอธิคม...มีแววจะกลายเป็นคนกลัวแฟนเสียแล้ว'
อนุภาพเดินเข้ามาใกล้ ยื่นแก้วน้ำส้มให้
"กาแฟหมดจริงๆ ครับ ไม่ได้แกล้ง"
"ถึงแกล้งผมก็ยอม" อธิคมกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้...ยกแก้วน้ำส้มในมืออีกข้างขึ้นดื่ม
"อร่อยจัง" ชายหนุ่มยิ้ม ทำตาซึ้งมองคนตรงหน้า
การถกเถียงเรื่องเครื่องดื่มจบลง ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุม อนุภาพยืนนิ่ง นัยน์ตาครุ่นคิด
อธิคมทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก...อธิคมยามนี้ทำให้รู้สึกอบอุ่น...มั่นคง...ปลอดภัย อนุภาพไม่นึกว่าคนเจ้าเล่ห์...ช่างยั่ว...จอมกวน...ขี้เล่นอย่างนายตำรวจคนนี้จะทำตัวสุภาพอ่อนโยนก็เป็น
อะไรบางอย่างทำให้อนุภาพรู้สึกผ่อนคลาย...สติเริ่มกลับมา...สมองเริ่มปรับภาพความคิดพร่ามัวให้คมชัดขึ้น
"คุณนุครับ...ผมรู้ว่าคุณนุยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ ทั้งที่ผมอยากรู้ใจจะขาดว่าเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร และท่าทางเขาคงสำคัญกับคุณนุมาก..." อธิคมกลั้นหายใจ "แต่ว่าผมอยากให้คุณนุอย่าลืมนึกถึงผมด้วย นึกถึงว่าผมรู้สึกกับคุณนุยังไง"
"..."
อธิคมนิ่งอยู่ชั่วครู่ มือที่เกาะกุมมือของอนุภาพกระชับแน่นเข้า
"คุณนุครับ...อดีตผมก็ไม่ค่อยดีนักหรอก แต่ปัจจุบันนี้ ผมมีคุณนุคนเดียวเท่านั้น อนาคตผมก็ยังอยากมีคุณนุคนเดียว"
อนุภาพยืนนิ่ง ก้มหน้าลงมองมือใหญ่แข็งแรงที่กุมมือเขาอยู่...ในใจสับสน ขัดกับอาการนิ่งเงียบ
...ชายหนุ่มสองคนในชีวิต...อดีตกับปัจจุบัน
...คนที่เป็นอดีตก็อยากเป็นปัจจุบัน...คนนี้ที่อยู่ในปัจจุบันก็พร่ำอยากเป็นอนาคต
...เขาเองยังลบอดีตออกจากใจไม่ได้ทั้งหมด...แต่ก็อยากก้าวต่อไปในชีวิต
...แล้วเขาจะมั่นใจได้อย่างไร...อนาคตที่รออยู่จะหอมหวานหรือขมขื่น...จะสวยงามหรือโหดร้าย...
'อธิคมยังไม่เคยบอกรักเขาสักคำ'
---'แต่สิ่งที่เขาพูดหลายครั้งหลายครามันก็เหมือนการบอกรักนี่นา...เราต้องได้ยินคำว่ารักจากปากหรือ...สำคัญมากหรือยังไง'
'ธนาภพยังพูดว่ารักทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง'
---'คำว่ารักช่วยอะไรได้บ้างล่ะ...เกือบสิบปี...เห็นไหมเกิดอะไรขึ้น...บทเรียนราคาแพง จำไม่ได้หรือยังไง'
'เพราะเขารัก...เขาจึงบอกว่ารัก'
---'แต่ถ้าเขารัก...แล้วทำไมเขาทิ้งเราได้'
'เขาไม่ได้ทิ้ง...ถึงทิ้ง เขาก็ยังรักเราอยู่เต็มหัวใจ...ตลอดเวลา...ไม่เคยหยุดรัก'
---'แล้วอธิคมรักเราหรือเปล่า'
'แล้วเราล่ะ...รักเขาหรือไม่ ...ยังรักธนาภพอยู่...หรือรักอธิคมแล้ว...เรารักใคร...รักสองคนหรือ...
...ใคร...ใคร...ใคร...'
ชายหนุ่มเถียงกับตัวเอง...ในหัวเหมือนมีเสียงดังก้องกังวานฟังไม่ได้สรรพ
"คุณนุครับ" อธิคมยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก เสียงนุ่มทุ้มลึกดังอยู่ใกล้หู
อนุภาพเงยหน้ามองนายตำรวจหนุ่ม นัยน์ตาคู่นั้นของอธิคมทอดมองเขาอย่างอ่อนโยน...ประกายตาบ่งบอกความในใจ
"คุณนุครับ...ผมรักคุณ...เรามาเป็นแฟนกันนะ ผมไม่อยากรออีกแล้ว"
อธิคมถือโอกาสประยุกต์ใช้กลยุทธ์สอบสวนผู้ต้องหา อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังสับสนยิงปืนเจาะเข้ากลางหัวใจ...บีบให้คิด
อนุภาพต้องตัดสินใจอะไรบ้างอยู่แล้ว...ใครล่ะจะไม่ไตร่ตรอง
...ไม่เขาก็ผู้ชายคนนั้น...ใครจะอยู่ใครจะไป เดี๋ยวก็ได้รู้กัน...
แต่คืนนี้ เขาขอฉวยโอกาสตอนที่อนุภาพอ่อนแอที่สุดมอบความเข้มแข็งให้
...จะว่าเจ้าเล่ห์ก็ยอม...
ไหนๆ ก็เป็นคนเจ้าเล่ห์มาตลอดชีวิต...คราวนี้ขอใช้ให้เป็นประโยชน์สักครั้ง
อธิคมขยับตัวเข้าใกล้อนุภาพ ชายหนุ่มตัวเย็นเฉียบ ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาที่ยังครึ่งนั่งครึ่งยืนอยู่บนสตูลตัวสูง ขาซ้ายงอพับพิงกับผนังโต๊ะ เท้าวางอยู่บนที่พักขาใต้เก้าอี้ ขาขวาแบะออกเล็กน้อย ยืดตรงวางเท้าบนพื้นห้อง อนุภาพยืนอยู่ตรงหน้า ใกล้จนเขาได้ยินเสียงหายใจ
นายตำรวจหนุ่มดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้ อนุภาพไม่ขืนตัว โอนอ่อนตามมาเหมือนตุ๊กตา อธิคมโอบกอดร่างนั้นไว้แน่น ก้มหน้าซุกลงตรงซอกคอ ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับบนเนื้อแน่นต้นคอของชายหนุ่ม จมูกโด่งสูดดมแก้มเนียนด้วยความรัญจวน
กระแสไฟฟ้าวิ่งจากริมฝีปากของเขาแทรกลงไปถึงกลางอก...ผ่านหน้าท้องแกร่งจนถึงหน้าขา ร่างสะท้านด้วยแรงเสน่หาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ แผ่นท้องเกร็งแน่น กล้ามเนื้อส่วนนั้นกระตุกเบาๆ ราวกับโดนนาบด้วยไฟ ท่อนขากำยำอ่อนกำลังจนแทบจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
อธิคมไม่รู้ว่าอนุภาพก็รู้สึกไม่ต่างกัน ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาทำให้ร่างเย็นเฉียบของชายหนุ่มเหมือนถูกเพลิงลามเลีย...อ่อนแรงจนต้องยกมือขึ้นมายึดต้นแขนแกร่งที่โอบรัดอยู่เพื่อพยุงตัวเอาไว้
ภาพหลายภาพในความคิดคำนึงเริ่มเลือนจาง ความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่...อนุภาพหลับตาลง...รู้สึกราวกับอากาศรอบตัวยกเขาให้ลอยขึ้นไปเบื้องบน
...เงียบสงัด...กาลเวลาหยุดนิ่ง...เสียงเดียวที่ได้ยินคือจังหวะหัวใจสองดวงเต้นประสานกัน
*****************************
ขากลับกรุงเทพขับรถมันส์มากครับ ถนนจากตากถึงกำแพงเพชรผิวถนนไม่ดีเลย ต้องขับหลบหลีกหลุมกลางถนนเหมือนเ่ล่นเกมส์คอมพิวเตอร์เลยอ่ะ (แต่ว่าปิ๊งเด็กปั๊มที่นครสวรรค์ น่ารักมาก ปากแดงสุดๆ - สงสัยนิยายเรื่องต่อไปอาจชื่อว่า ปิ๊งรักเด็กปั๊ม)
ว่างๆ ก็ไปชื่นชมกับธรรมชาติกันบ้างนะคร้าบ สูดโอโซนบริสุทธิ์ อยู่แต่หน้าคอมในห้องแอร์และอากาศในกรุงเทพฯ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ....ด้วยรักและเป็นห่วงครับ
[attachment deleted by admin]