อรุณสวัสดิครับ โทษทีที่ปล่ยอให้รอนาน คงไม่ทรมานเพราะคิดถึงคนเขียนหรอกใช่ป่ะ
(แต่คนเขียนกลับทุรนทุรายคิดถึงคนอ่านที่น่ารัก เพราะสุดสัปดาห์ไม่ได้ใช้เน็ต มัวแต่ไปเดินหลงที่เซ็นทรัลเวิลด์กับสยามกินพาราก่อน) สองห้างนี่มันใหญ่จริงๆ ไปกี่ครั้งกี่ครั้งก็เดินหลง กว่าจะหาทางออกจากห้างได้แทบร้องให้
บทที่ 12 มาแล้วครับผม
บทที่ 12
อธิคมกับอนุภาพไปถึงอู่ประมาณหกโมงครึ่ง ก็พบว่าอู่ปิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้อนุภาพทัดทานว่าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่อู่แล้วเพราะคงไปไม่ทัน แต่อธิคมรั้นและบอกว่าจะรีบไปให้ทัน อนุภาพจึงต้องอดทนกับการขับรถฉวัดเฉวียนของนายตำรวจหนุ่มอีกครั้ง เขาใช้ความเร็วพอสมควร ปาดไปปาดมาทำเอาชายหนุ่มเวียนหัวจนอดบ่นไม่ได้ว่ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพราะยังมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้ทำ
“บอกแล้วไม่เชื่อ” อนุภาพขมวดคิ้ว
“ผม...เอ่อ” อธิคมอ้ำอึ้ง
นายตำรวจนิ่งอยู่ชั่วครูก็โพล่งออกมาว่า “เอ๊ะ ทำไมวันนี้อู่ปิดเร็วกว่าปรกติ" อธิคมทำเสียงสงสัย ยังไปได้น้ำขุ่นๆ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเสียงนุ่ม หันมากล่าวกับอนุภาพว่า "คุณนุครับ ผมขอ...”
“ไม่ต้องขอโทษผมนะ ไม่อยากฟัง ผู้กองไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่ต้องรับผิดชอบ” อนุภาพพูดเสียงเรียบ อดประชดไม่ได้
“แต่ผมอยากรับผิดชอบคุณนี่นา...” เขากล่าวยิ้มๆ “ตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบคุณนุเรื่องอาหารเย็น...ผมว่าเราไปหาอะไรทานดีกว่าครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง...อ๊ะ อ๊ะ ห้ามปฏิเสธว่าไม่หิว”
“หิว หิวมากๆ ด้วย หิวตั้งแต่ผมบอกผู้กองแล้วว่ายังไงเราก็มาถึงอู่ไม่ทัน เพราะเรามัวแต่ไปวิ่งไล่จับโจรอยู่...ที่พูดนี่ไม่ได้ประชดนะครับ”
“แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” อธิคมอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “ขี้งอน”
อนุภาพจำต้องทานข้าวกับอธิคมเพราะไม่เห็นว่าจะโยกโย้ทำไม ยังไงอธิคมก็ต้องทานข้าวเย็นกับเขาให้ได้ อีกอย่าง เขาก็หิวมากจนไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกแล้ว
ผ่านหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เคยมาทานอาหารเย็นมื้อแรกด้วยกัน ผู้กองหนุ่มอดล้อไม่ได้
“วันนี้ทานร้านหรูหน่อยก็แล้วกัน ถือว่าผมเลี้ยงขอโทษที่ทำให้เสียเรื่อง เว้นแต่ว่าคุณอยากทานก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่ผัก” เขายิ้มกว้างนัยน์ตาเป็นประกาย
------------------------
ร้านหรูของร้อยตำรวจเอกอธิคมคือสวนอาหารริมคลองข้างถนน โต๊ะและเก้าอี้ไม้ไผ่แบบลูกทุ่ง พนักงานสวมเสื้อลายดอกสีแดงสลับขาวเดินขวักไขว่ ร้านอาหารมีลูกค้าพลุกพล่าน ท่าทางจะรับประกันได้เรื่องความอร่อย
“ไม่ทราบว่าคุณนุจะทานได้หรือเปล่า อาหารที่นี่อร่อยนะครับ รสเด็ด แต่ถ้าไม่ไหวก็สั่งไข่เจียวหมูสับกับแกงจืดก็ได้นะครับ” อธิคมถามอย่างห่วงใย แต่อนุภาพคิดว่าเขากำลังล้อเล่น
“นี่ก็ไม่ได้ว่าคุณจืดชืดนะครับ” เขารีบออกตัว “ผมแค่เป็นห่วง”
ตำรวจหนุ่มมือปราบสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ อนุภาพมองตาโต “จะทานไหวหรือ”
“ผมหิวมาก แทบกินคนได้ทั้งคน” อธิคมทำตาเชื่อม
อนุภาพเมินหันไปมองพนักงานเสริฟ “เขามีแต่กินช้างได้ทั้งตัว”
“ผมไม่ได้อยากกินช้างนี่นา...” อนุภาพไม่ได้หันไปมองหน้าผู้กองเจ้าชู้ แต่ก็นึกภาพออกว่าอธิคมจะทำหน้าตาอย่างไร
ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตารับประทานผัดผักและยำวุ้นเส้นช้าๆ ตอบคำถามเขาบ้างเวลาชวนคุย อธิคมทำตัวดี ไม่กวน ไม่ยั่วเย้า ชายหนุ่มทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระ อธิคมเป็นคนคุยเก่ง เขาอธิบายเรื่องการสืบสวนสอบสวนให้อีกฝ่ายฟัง อนุภาพอธิบายเรื่องงานโฆษณา...เวลาที่อธิคมไม่ยั่วเย้าล้อเลียนเขา อนุภาพก็คุยกับเขาได้ยืดยาวเป็นพิเศษ
อธิคมมองชายหนุ่มตรงหน้ากำลังอธิบายเรื่องการทำสเปเชี่ยลเอฟเฟคในงานโฆษณา อนุภาพบอกว่าทำให้ผู้หญิงหุ่นดียุบได้พองได้ด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิค งานโฆษณาบางชิ้นลงทุนสูงมาก มีนักแสดงเป็นร้อยๆ ใช้เวลาถ่ายทำหลายอาทิตย์ แต่ตัดต่อจนเหลือเพียงสี่สิบวินาที
อธิคมมองอนุภาพจนเพลิน เขาฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม...ปากเวลาพูด เวลายิ้ม ทำให้เขามองได้ไม่เบื่อ
เวลาอนุภาพคุยถึงสิ่งที่ตนเองชอบและถนัด ชายหนุ่มดูร่าเริงสดใสเป็นธรรมชาติ นัยน์ตาเป็นประกายอย่างที่ธงรบเล่าให้ฟัง...แต่รอยยิ้มกว้างสดใสนี้สิ เขายังไม่เห็นอย่างชัดๆ เสียที
‘คงจะต้องไปแอบดูเวลาอนุภาพคุยเล่นสนุกสนานอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ กระมัง’
เพื่อน...อธิคมนึกถึงสมบัติ พจนีย์ ชายหนุ่มร่างโย่งที่ชื่ออธิป และตี๋หนุ่มหน้าเข้มที่แสดงท่าทางไม่เป็นมิตรกับเขา---อาทิตย์
เขาสังเกตว่าอนุภาพค่อนข้างระวังตัวเมื่ออยู่กับเขาต่อหน้าคนอื่น นายตำรวจหนุ่มชอบเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้มากกว่า...เขาคิดว่าคงจะดีที่ได้นั่งใกล้ๆ บนเก้าอี้นุ่มๆ ด้วยกัน ตัวแนบชิด หรือไม่ก็...แทนที่จะนั่งตรงข้ามกันเช่นนี้
อธิคมปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอย...อาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ
ขากลับอนุภาพคุยเรื่องถ่ายโฆษณารถกระบะให้เขาฟัง พูดถึงพจนีย์กับอธิป นินทาสมบัติเมื่อไปถ่ายโฆษณาที่ญี่ปุ่นแล้วถูกนายแบบตามจีบ แต่ชายหนุ่มไม่พูดถึงอาทิตย์เลย
ผู้กองหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้ต่างจากวันอื่นๆ ที่อนุภาพนั่งรถกับเขาซึ่งส่วนมากเอาแต่นิ่งเงียบมองข้างทาง...อธิคมเริ่มเห็นแสงแห่งความหวังรำไร หัวใจเขาพองโต ชายหนุ่มบอกตัวเองว่า ที่เคยลองคิดจะจีบเล่นๆ คงต้องเปลี่ยนใจเสียแล้ว...
...อนุภาพทำให้เขารู้สึกแบบที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
“ผมจะให้อู่เอารถไปส่งคุณที่ออฟฟิศพรุ่งนี้เช้า” ผู้กองอธิคมบอกอนุภาพก่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์ ชายหนุ่มยิ้มขอบคุณอธิคม คืนนี้เขาไม่กวนอารมณ์ให้ฉุน อนุภาพอดคิดไม่ได้ว่าอธิคมทำตัวสุภาพอ่อนโยนก็เป็น
อธิคมขับรถช้าๆ ตรงกลับที่พักซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในซอย เขาอมยิ้มโล่งใจ ตอนแรกเขากลัวว่าอนุภาพจะโกรธที่เขาขับรถไล่จับผู้ร้ายและไปรับรถที่อู่ไม่ทัน แต่อนุภาพก็มีเหตุผลและไม่โวยวายอย่างที่เขาเกรง ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มยังคุยกับเขามากกว่าที่เคยแบบ ‘ถามคำตอบคำ’
เขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง---อนุภาพเป็นคนฉลาด ความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอด ชอบทำอะไรที่แหวกกรอบเดิมๆ และมีไอเดียที่เป็นเอกลัษณ์ไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังทำอะไรบางอย่างตามแบบแผน เหมือนมีสองบุคลิกอยู่ในคนคนเดียวกัน
อธิคมจอดรถหน้าคอนโด เดินผิวปากขึ้นไปบนห้องพักอย่างสบายใจ เขารู้สึกเหมือนเดินล่องลอยบนปุยนุ่น...
...เออหนอ คนเราเมื่อใจพองโตนี่มันดูตัวลอยๆ พิกล...เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มน้อยวัยกระเตาะอีกครั้ง
‘คืนนี้จะนอนคิดถึงคุณนุทั้งคืน’ อธิคมยิ้มกับกระจกในลิฟท์
‘ขออย่างเดียวอย่าเปิดห้องเข้าไปพบพ่อตัวดีธงรบเข้ามายุ่มย่ามเลย’
------------------------
กรรมเวรอันใดของอธิคมไม่อาจทราบได้ ‘พ่อตัวดี’ นอนเอกเขนกบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จ้องดูทีวีตาไม่กระพริบ ไม่รับรู้ว่าเจ้าของห้องชุดตัวจริงเดินเข้ามา
“ไอ้ธง ไม่มีบ้านอยู่หรือยังไง” อธิคมเดินมายืนขวางหน้าทีวี
ธงรบใส่กางเกงวอร์มตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า มือหยิบองุ่นเข้าปาก เอียงคอพยายามดูทีวีที่อธิคมยืนบังอยู่
“เฮ้ย หลีกไปสิวะ กำลังดูน้องแม๊ค”
ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ หน้าตาใสสะอาดน่ารักในทีวีกำลังให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์คโชว์
“ข้าขับรถไล่จับโจรแต่เอ็งมานอนเอกเขนกบนโซฟาข้า ดูทีวีข้า กินองุ่นข้า เปิดไฟเปิดแอร์ข้าสบายใจ”
“ไม่ใช่คดีข้านี่หว่า” ธงรบยิ้มทะเล้น
“แล้วนี่ไม่ออกไปท่องราตรีกับน้องอะไรที่ไหนของแกหรือ” อธิคมแดกดัน ด้วยรู้ว่าธงรบมีเด็กในสังกัดเยอะ
“คืนนี้เหนื่อยว่ะ หมดแรง ขอนอนพักผ่อน”
“อย่างเอ็งนี่ต้องพักด้วยหรือ” อธิคมปลดกระดุมเสื้อ ถอดเครื่องแบบโยนไปที่ตะกร้ามุมห้อง
“คม ไปถอดเสื้อผ้าโชว์จ้ำบ๊ะไกลหูไกลตาข้าหน่อย” ธงรบโบกมือ ยืดคอดูทีวี อธิคมส่ายหน้าช้าๆ เดินไปที่ตู้เย็นหยิบขวดน้ำดื่มยกขึ้นมากรอกปาก
“น้องๆ ของแกไม่รอแกไปหาอยู่หรือไง” อธิคมเห็นโน๊ตโทรศัพท์...โทรกลับอัสนัย? อัสนัยไหน?...
“วันนี้น้องไม่ว่างโว้ย น้องอั๊ตถ่ายหนัง”
“ก็เลยมานอนน้ำลายยืดดูน้องแม๊คอยู่หน้าทีวีในบ้านข้า”
“น่ารักใช่ไม๊ คนนี้น้องแม๊คที่ข้ากำลังสอบสวนอยู่ ใกล้ปิดคดีแล้ว...ส่วนน้องอั๊ตปิดคดีไปหลายวันแล้ว รู้จักไม๊น้องอั๊ต นักร้องใหม่ที่เพิ่งชนะไอเดิลสตาร์ไง”
“ไอดอลสตาร์” อธิคมแก้
“อ้าวแกรู้จักด้วยเหรอ...ฮั่นแน่ แอบนอกใจคุณนุสิท่า” พักโฆษณา ธงรบลุกขึ้นเดินส่ายอาดๆ มาที่เค้าท์เตอร์บาร์หน้าตู้เย็นที่อธิคมกำลังนั่งอยู่
“อ้อ มีโทรศัพท์ ชื่ออัสนัย เสียงเพราะเชียว อยากจีบเหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นเด็กแก เลยไม่กล้ายุ่ง กลัวโดนต่อย”
“ข้าไม่มีเด็กอะไรที่ไหนแล้วโว้ย”
“อ๋อ ข้าลืมไป แกกลายมาเป็นคนรักเดียวใจเดียวแล้วนี่นา” ธงรบทำตาล้อเลียน
“น้องอั๊ตของแกเนี่ยเขาให้เบอร์ข้าด้วยล่ะ เมื่อวาน...ตอนข้าไปบริษัทเอเว็กซ์คุยกับคุณฉัตรชัยเรื่องนักร้องวัยรุ่นในสังกัดที่ต้องสงสัยซื้อยาไอ้แก็งค์มังกรจีน”
“ได้ไงว่ะ เด็กข้านะเว้ย” ธงรบทำตาโต โวยวาย
“เด็กคนนี้ไม่เบาว่ะ” อธิคมลุกขึ้น ทำตายิ้มๆ “เขาให้เบอร์ข้าได้ ก็ให้เบอร์คนอื่นได้ ไม่ได้มีแกคนเดียว เหมือนที่แกไม่ได้มีเขาคนเดียว”
“ข้าไม่ถือว่ะ” ธงรบยักไหล่ “แกไปทำเจ้าชู้อีท่าไหนน้องอั๊ตเขาถึงให้เบอร์แก”
“ไม่ได้ทำอะไร เขาเข้ามาหาข้าเอง บอกว่าเห็นรูปข้าตอนไปเทสท์หน้ากล้องแสดงโฆษณาที่บริษัทคุณนุ”
“แล้วก็เดินมาจีบเอ็งเฉยๆ นี่นะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ที่ข้าหล่อ” อธิคมยักไหล่
“เออ หล่ออย่างเอ็งนี่ไงถึงได้วิ่งตามคุณนุอยู่...ไม่ได้แอ้มซักที” ธงรบปรามาส
“เฮ๊ย คุณนุนี่รักจริงหวังแต่งโว้ย” อธิคมพูดจริงๆ
“แสดงว่าแกเอาจริง ไม่ได้กะจะคิดจีบเล่นเพื่อฟันแล้วทิ้งอย่างเคย” ธงรบไม่ค่อยเชื่อ
“อือ” อธิคมทำเสียงในคอเบาๆ แววตาคิดคำนึง “ตอนแรกก็กะจะจีบเล่นๆ แต่นานไปก็...”
“มิน่าแกถึงยอมเอาตัวเข้าแลก” ธงรบหมายถึงเรื่องงานแสดงโฆษณา “นี่แกเอาจริงหรือเรื่องโฆษณา” ธงรบเสียงจริงจัง
“ก็ตกลงเขาไปแล้ว ทำไงได้ คิดอีกที เข้าไปในวงการก็อาจได้เบาะแสเรื่องยาอี กับเรื่องโคเคนด้วยนะ”
“ข้าว่าไม่ใช่มั๊ง ไม่ต้องเป็นนายแบบเราสองคนก็คลุกคลีวงในกับไฮโซดารานักร้องนายแบบอยู่นี่ ข้านี่ไง สายของเอ็ง นายแบบหรือนักร้องน้องรักคนไหน ข้าสืบให้ได้” ธงรงอาสา
“คงได้หรอก เอ็งคงได้สืบ ได้สังเกตอะไรหรอก เห็นน้องๆ ตี๋หล่อคนไหนแกก็หน้ามืดมองไม่เห็นอะไรนอกจากก้นข้าวๆ” อธิคมเบ้ปาก ไม่เชื่อน้ำหน้าเพื่อนคู่หู
ชายหนุ่มเดินหนีเข้าห้องนอนเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
ธงรบหัวเราะชอบใจ
“เฮ้ย เมื่อไหร่แกเริ่มซ้อมถ่ายทำ ข้าขอไปดูด้วย” ธงรบยังตามมาตอแย หยุดยืนที่ประตู
“ฝันไปเถอะ” อธิคมปลดกระดุม ก้มลงถอดกางเกง
“หันหน้าไปโว้ย ห้ามมองเบื้องหลังข้าเด็ดขาด” อธิคมล้อ
“อืม จะว่าไป แกนี่ก็ใช่ย่อย” ธงรบแกล้งทำเสียงแหบ
เขายืนมองอธิคม แผ่นหลังหนากว้างเป็นรูปตัววี เบื้องหลังแน่นบึกได้รูป ต้นขาและปลีน่องล่ำสัน แต่กลับไม่เร้าอารมณ์อะไรเขาเลย--เขากับอธิคมเห็นกันและกันเปลือยกายมาตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมถึงโรงเรียนนายร้อยตำรวจมานับครั้งไม่ถ้วนจนทำงานเป็นตำรวจด้วยกัน ความเป็นเพื่อนสนิทและเป็น ‘ขั้วเดียวกัน’ ทำให้ทั้งสองหนุ่มไม่มีความอายต่อกัน
ธงรบชอบคนขาวๆ บางๆ หน้าตาน่ารักอย่าง ‘ตี๋หล่อ’ ที่เขาตามจีบอยู่ แต่แว่บหนึ่งเขานึกถึงชายหนุ่มหน้าคมที่หล่อเย็นๆ นิ่งๆ แบบไทยๆ ...อนุภาพ... ใบหน้านั้นลอยเด่นขึ้นมาในห้วงคำนึง
“ไอ้บ้า ออกไปได้แล้ว จะอาบน้ำนอน” อธิคมพันผ้าขนหนูรอบกายท่อนล่าง เดินเข้าไปในห้องน้ำ
“สเป็คข้า...ต้องตี๋เข้มโว้ย” ธงรบหัวเราะอารมณ์ดี เดินกลับไปห้องนั่งเล่น
อธิคมเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำเย็นราดรดศรีษะ “ตี๋เข้มหรอ...อืม...อาทิตย์ก็ตี๋เข้ม ตัวหนาไปสักหน่อยแต่ก็สเป็คธงรบ”
ชายหนุ่มเกิดความคิด ‘สร้างสรรค์’ ผุดขึ้นมาทันใด ยิงนกทีเดียวได้ถึงสองตัว
ขจัดอาทิตย์ให้พ้นทาง...กันธงรบมาเกาะแกะอนุภาพ
*******************************