นิยายรักผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ - คดีรัก -
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายรักผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ - คดีรัก -  (อ่าน 844408 ครั้ง)

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
จับผู้ร้ายมาตั้งเยอะ
แต่ ทำไม๊ ทำไม คุณนุผู้น่ารัก เสน่ห์แรงถึงจับไม่อยู่ซะที หุหุ

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้ เหมือนกันครับ

ชอบๆๆ มาไวๆนะครับ

ถ้ามาวันละ 2 ตอน +1 ให้ทุกวันเลย 555555

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป

bank_book

  • บุคคลทั่วไป
ผู้ กอง เรา นี้ ลูก เล่น ดี จิง จิง   :laugh:   :laugh:

คน เจ้า ชู้ ก็ งี้ แหละ

แล้ว อย่าง นี้ คุณ นุ จะ ตาม ทัน ไหม นะ   :t2:   :t2:


:L2:รัก คน เจ้า ชู้ ต้อง อด ทน :L2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เห็นเกียร์มัวเลยอ่ะ
แค่เกรงใจอะนะ  :serius2:
ขอบคุณทุกท่านผู้น่ารักที่ จิ้ม + ให้ผมนะคร้าบบบ
รักทุกคนเลย ให้ตายสิ  :c5:  :L1:  :L2:  :กอด1:  :m1:

pipechan

  • บุคคลทั่วไป

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ตัวอย่าง - เกมรัก พนันหัวใจ -

"สนุกมากหรือไงกับเกมไร้สาระของคุณ" ชานนท์กระชากเสียง "สนุกที่ได้ปั่นหัวผมให้หลงรักเพื่อคุณจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชนะเพื่อนคุณใช่ไม๊" หมอหนุ่มหน้าเข้มบีบแขนอิสราแล้วเขย่าแรงๆ ชายหนุ่มยังนิ่ง อ้ำอึ้ง ไม่ยอมสบตา
"ตอบมาสิ บอกว่าคุณแค่อยากจะเล่นๆ กับหัวใจของผม"
อิสราไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ที่ผ่านมาเขารู้สึกสับสนและไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เกมสนุกที่เล่นแข่งกันกับเพื่อนคู่หู ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นละครชีวิตเศร้า
"อิสรา...ถ้าไม่รักผม คุณน่าจะบอกผมตั้งแต่แรก ไม่น่าปล่อยให้มันมาไกลถึงขนาดนี้ ไม่น่าต้องรอให้ผมรักคุณมากจนผมอาจจะลืมคุณไม่ได้" ชานนท์ตัดพ้อ เสียงขมขื่น
"หมอ...ผมขอโทษ" ในที่สุด อิสราก็เอ่ยขึ้นมาเสียงกระท่อนกระแท่น
"ขอโทษที่เกมการละเล่นกับหัวใจของผมถึงเวลาหยุดแล้วใช่ไม๊ คุณจะได้ไปหาเกมอื่นเล่นต่อ" ชานนท์ปล่อยมือ ก้าวถอยหลัง นัยน์ตาปวดร้าว...เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะรักอิสรามากขนาดนี้
"ตัวตนจริงๆ ของคุณเป็นยังไงอิสรา ที่ผ่านมาคุณสวมบทบาทไหนอยู่"
...ชานนท์...ที่ผ่านมานั่นคือตัวตนของผมจริงๆ...ตั้งแต่วันที่ผมผิดกฎข้อบังคับ นั่นล่ะคือตัวตนผมจริงๆ...อิสราได้แต่ร่ำร้องในใจ
-------------
กฎของเกมนี้มีอยู่ว่า แต่ละคนจะมีเวลากับเป้าหมายคนละหนึ่งอาทิตย์สลับกันไป ช่วงเวลาที่คนหนึ่งกำลัง 'กระทำภารกิจพิชิตใจหนุ่ม' อยู่นั้น อีกคนหนึ่งจะเข้ามาวุ่นวายก่อกวนไม่ได้เด็ดขาด ห้าม 'นอน' กับเป้าหมายภายในเดือนแรก และต้องเลิกภายในสามเดือน และที่สำคัญ "ห้ามตกหลุมรัก"
คำขวัญ - ใช้รูปร่างหน้าตาเป็นอาวุธ ใครสะดุดต้องสะกดให้หลงรัก และเมื่ออีกฝ่ายบอกรักแล้ว...ต้องทิ้ง และห้ามหวนกลับไปคบกันอีก...
--------
ภีรวัฒน์พับโทรศัพท์เก็บ...ถอนหายใจ...หากอิสรารู้ว่าเขาผิดกฎ จะต้องถูกเพื่อนรักเหยียบแน่นอน แค่สามอาทิตย์เขาก็ผิดกฎไปหลายข้อ เริ่มจากไปทานข้าวกับสินธพในช่วงอาทิตย์ที่เป็นเวลาของอิสรา นอนกับสินธพไปแล้วตั้งแต่อาทิตย์ที่สาม และที่สำคัญ เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลัง 'ชักจะชอบ' อาจารย์หนุ่มคนนี้มากขึ้นทุกวัน...ระยะอันตรายของการใกล้ตกหลุมรัก...
สินธพกระชับอ้อมแขน ดึงชายหนุ่มเข้าไปแนบอก ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูเบาๆ
"ภีร์...พรุ่งนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะ อยู่ต่ออีกซักคืน เช้าวันจันทร์ค่อยกลับ"
ภีรวัฒน์อยากจะพยักหน้า แต่หากค้างคืนวันอาทิตย์ต่อ เขาก็จะใช้เวลาที่ตกลงกันไว้เกินไปหลายชั่วโมง หกโมงเช้าของวันจันทร์เป็นเวลาเริ่มต้นอาทิตย์ของอิสรา...หากเพื่อนรักรู้ เขาคงแย่...
...แต่เช้าวันจันทร์อิสราก็ต้องไปทำงาน ถ้าอิสราจะ 'ทำงาน' กับเป้าหมายก็ต้องรอจนกว่าอิสราหรือ ดร. สินธพจะเลิกงาน...อีกเสียงหนึ่งในความคิดของภีรวัฒน์ประท้วง...
"เอ่อ...ไม่ได้หรอกครับ เช้าตรู่วันจันทร์ผมมีนัด ต้องรีบเข้าออฟฟิส ยังไงคืนนี้ก็ต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ"
"แต่คุณบอกว่าคุณไม่เคยทำนัดเช้านี่นา"
...ภีร์วัฒน์ตาโต...พลาดไปถนัด...สินธพเป็นคนความจำดี
"เอ่อ คือพอดี แขกวีไอพีครับ เลยต้องไป"
"ผมไม่ให้คุณไป" สินธพกระชับแขนแน่นเข้า เบียดอกกว้างเข้ามาจนแทบเป็นเนื้อเดียวกันกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม "คืนนี้จะกักตัวไว้ที่นี่ ไม่ให้ไปกลับ พรุ่งนี้อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน"
...ตายล่ะ...ทำยังไงดี...ภีร์วัฒน์พยายามใช้ความคิด...บางครั้งเขาก็นึกเบื่อที่จะเล่นเกมนี้เสียแล้ว เขายอมรับว่าหลังๆ ที่ผ่านมา เขารู้สึกดีกับ 'เหยื่อ' สองสามคน แต่พอสองเดือนผ่านไป ไม่ถึงกลางเดือนที่สามก็ต้องตัดความสัมพันธ์ ทั้งที่ลึกๆ ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน
-------------------

"ผมรักคุณทั้งสองคน...รักเท่ากัน" ศรุตหน้านิ่ง ก่อนจะเติมว่า"เริ่มรักพร้อมๆ กัน"
อิสราอึ้ง ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากนายทหาร ส่วนภีรวัฒน์เม้มปากแน่น ในใจรู้สึกเจ็บแปลบที่ได้ยินศรุตพูดออกมาหน้านิ่งๆ เขาเคยคิดลึกๆ ว่าที่ผ่านมา ศรุตรักเขา ไม่ใช่อิสรา ท่าทางของศรุตบอกเช่นนั้น เท่าที่สังเกต อิสราเองก็ดูเหมือนจะรับรู้ความจริงข้อนี้อยู่เหมือนกัน
...แต่ทำไม...ตอนนี้ผู้กองศรุตถึงมาบอกว่ารักทั้งสองคน...เป็นไปได้ยังไง…
"ผู้กองหลายใจ" ในที่สุดอิสราก็ทำลายความเงียบ
"ผมรู้ว่ามันลำบากใจสำหรับคุณทั้งสองคน" ศรุตพูดเสียงเรียบ ยอมเสี่ยงที่จะเล่นไปตามเกม ทั้งที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเกมที่เขาเริ่มเล่นนั้น จะออกมารูปแบบไหน "ผมก็ลำบากใจเหมือนกัน"
...นี่คือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะยืนยันว่าใครรักเขาจริง...วิธีเดียวที่จะจัดการกับคนเจ้าเล่ห์...วิธีเดียวที่จะดัดหลังคนที่มาทำให้เขารัก...คนใจกล้าที่อาจหาญมาตอแยกับหัวใจนักรบอย่างเขาได้...คราวนี้ล่ะ...จะได้รับบทเรียนเสียบ้าง...ลองดูสิว่าจะใจแข็ง โกหกตัวเองไปได้นานสักเพียงใด
"ลำบากมากเลยล่ะทีนี้ ผู้กองกำลังจะทำให้เพื่อนสองคนมองหน้ากันไม่ติด" อิสราพูดต่อ หันไปมองภีรวัฒน์ คาดคั้นให้เพื่อนพูดอะไรเสียบ้าง
จากที่เคยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ภีรวัฒน์ไม่ยอบรับลูกต่อ ชายหนุ่มหันหลัง เดินหนีไปเสียดื้อๆ
"ภีร์..." อิสราร้องเรียก แล้วหันมาคาดโทษร้อยเอกศรุต "ผู้กองตัดสินใจใหม่นะ ตัดสินใจดีๆ เลือกให้ได้ซักคน อย่าจับปลาสองมือ เดี๋ยวจะไม่เหลือให้จับ" อิสราหันหลังกลับ เดินตามเพื่อนไปช้าๆ
ศรุตยังยืนหน้านิ่ง อมยิ้มเล็กน้อย แม้จะยอมรับว่าตัวเองหนักใจอยู่พอสมควร แต่เขาก็เลือกที่จะดำเนินภารกิจนี้ต่อไป
...ภารกิจดัดหลังคนเจ้าเล่ห์...คิดว่าเก่งนักนะ...คราวนี้เจอความร้ายกาจของเขาบ้างเสียเถอะ...จะเอาให้ร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเขาเลย...คอยดูสิ...
------------


pipechan

  • บุคคลทั่วไป
โหหหหห   นึกว่าเป็นคนที่ 300 แล้วอะ sad sad sad!!!!!


มาลงอีกเร็วๆนะค่ะ  หนูช๋อบ ชอบ เรื่องนี้

กด +1 ให้ด้วย ในฐานะที่เรื่องสนุก แล้วก็ลงเร็ว  :m1:

 :L2: :L2: :L2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ โพสผิด โทษครับ (ข้าน้อยสมควรถูกตีก้น)

บทที่ 16

“คัท” เสียงผู้กำกับสั่งเป็นครั้งที่ห้า อธิคมพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ขมวดคิ้ว
‘เขาทำอะไรผิดอีกล่ะ’ ทุกทีที่สั่งคัท ผู้กำกับต้องตะโกนคุยกับเขาบอกให้พูดใหม่ให้เป็นธรรมชาติ อย่าท่อง...ไม่ท่องได้ยังไง ไม่ท่องแล้วจะจำได้หรือ...นี่เขาพูดประโยคเดิมๆ มาห้าครั้งแล้ว
“ผู้กอง...เอ่อ...” ผู้กำกับกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูด “ผู้กอง...พูดเร็วกว่านี้ซักหน่อยนะครับ แต่ให้มีจังหวะจะโคน เสียงสูง เสียงต่ำบ้าง...เมื่อกี้มัน...”
“ทื่อไป” อธิคมเติมคำลงในช่องว่างอย่างรู้ดี
เขาหันไปมองอนุภาพ ชายหนุ่มยืนมองอยู่ในเต้นท์เล็กๆ ข้างต้นไม้ ส่วนสมบัตินั่งหลับอยู่บนเก้าอี้
เขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นดารา ทุกครั้งที่เดินกล้อง แสงไฟสาดส่อง เริ่มแสดงท่าทางสมมุติตามที่ถูกสั่ง และพูดตามบทที่ท่องมา เขาก็กลายเป็นคนคนละคน ยิ่งทุกคนเงียบกริบ จ้องมองเขาเป็นจุดเดียว โดยเฉพาะอนุภาพที่ยืดกอดอกนิ่งมองมาที่เขาแทบไม่กระพริบตา อธิคมยิ่งรู้สึกประหม่า ในท้องขมวดเกร็ง ในคอเหมือนมีก้อนแข็งจุกอยู่จนหายใจไม่ค่อยออก ตาพร่า หูได้ยินแต่เสียงหวีดหวิวก้องอยู่ในโสตประสาท...แล้วจากนั้นเขาก็จะลืมว่าต้องทำอะไรต่อไป

ผู้กำกับสั่งเดินกล้องอีกครั้ง ไม่นานก็สั่งคัทอีก
“คัท” ผู้กำกับส่งเสียง ถอนหายใจลึกๆ ด้วยความอดทน หันมามองอนุภาพแวบหนึ่ง แล้วเดินไปหาอธิคม...ทั้งสองคุยกันเบาๆ
“ผู้กองครับ จำที่ผมสอนได้ไหม ผู้กองจินตนาการว่าตัวเองเป็นตำรวจกำลังห้ามชาวบ้านให้วางใจว่าตำรวจจะช่วยแก้ปัญหาให้...ผู้กองทำตัวเป็นธรรมชาติครับ ไม่ต้องเกร็ง”
‘จินตนาการเป็นตำรวจ ทั้งที่เป็นตำรวจนี่นะ’ อธิคมคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“ธรรมชาติผมก็เป็นตำรวจ ต้องจินตนาการด้วยหรือ” อธิคมแย้ง “เวลาผมพูดกันประชาชน ผมไม่ได้พูดอย่างนี้นี่นา แล้วมันจะเป็นธรรมชาติได้ยังไง”
“คือมันต้องเป็นการแสดงหน่อยๆ ครับ เอาของจริงทั้งหมดเลยไม่ได้...แต่ว่าก็ต้องพูดแบบเป็นธรรมชาติครับ” ผู้กำกับเริ่มมีปัญหาเรื่องการอธิบาย
“ก็ผมไม่ใช่นักแสดงอาชีพนี่นา”
“ผมรู้...แต่ว่าผู้กองอย่าลืมนะว่า...” แล้วหลังจากนั้นผู้กำกับก็ต้องพยายามอธิบายอีกยืดยาวจนอธิคมพยักหน้า
“ครับๆ “นายตำรวจหนุ่มตัวจริงทำท่าทางขึงขัง เตรียมพร้อมสำหรับเทคใหม่

ผู้กำกับสั่งเดินกล้อง ฝ่ายเอฟเฟ็คทำหน้าหน้าที่พ่นละอองฝน ตัวประกอบที่เริ่มเหนื่อยล้าวิ่งสวนไปสวนมา อธิคมขับรถกระบุพุ่งเข้ามากลางลานวัด กระโดดลงมาตะโกนเรียกให้ทุกคนหยุดฟังเขา นักแสดงที่รับบทชาวบ้านหัวรุนแรงสี่คนวิ่งกรูเข้าไปจะทำร้ายชายสูงวัยที่รับบทเจ้าของโรงสี อธิคมกระโดดเข้าขวางผลักอกจนชาวบ้านล้มไป พร้อมพูดตามบท...
“คัท” ผู้กำกับส่งเสียงอีกครั้ง

อนุภาพถอนหายใจ ก่อนละสายตาหันมามองสมบัติที่เพิ่งตื่นจากหลับกลางวัน
“อ้าวยังฉากเดิมอีก” สมบัติเขม้นมองการถ่ายทำ
“พระเอกของพี่ เทคแล้วเทคอีก...ผู้กำกับเสียงแหบหมดแล้ว...น้ำทำละอองฝนก็คงใกล้หมดแท้งค์แล้วมั๊ง” อนุภาพหันกลับไปมองเหล่านักแสดงที่กำลังยืนฟังผู้กำกับ
อนุภาพนั่งลงบนเก้าอี้ เขายืนกอดอกมองการถ่ายทำมาตลอดชั่วโมงกว่าแล้ว
“น้ำมันรถตำรวจใจเด็ดก็ใกล้จะหมดถังเหมือนกัน” พจนีย์เสริม หัวเราะคิกคัก
ทั้งสามหันไปฟังเสียงผู้กำกับอธิบาย
“ชาวบ้านสี่คนให้วิ่งดาหน้าเข้ามาพร้อมกัน อีกสามคมทำไมวิ่งไม่ทัน คุณเข้ามาช้าไป แล้วผู้กองก็ไม่ต้องผลักแรงขนาดนั้น แล้วอย่าพูด...”
“ทื่อๆ” สมบัติกับพจนีย์กระซิบกระซาบกันเบาๆ พร้อมผู้กำกับ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันคิกคัก
อนุภาพหันไปมองตาเขียว
“เพราะพี่บั๊ดนั่นแหล่ะ เลือกผู้กองมาแสดง”
“อ้าว ซวยละตู” สมบัติทำหน้าเหรอหรา
“ผมไม่ได้ผลักแรง...” ทั้งสามได้ยินเสียงอธิคมเถียง
“แรงยังกะม้าศึก ผลักแค่นั้นชาวบ้านก็ล้มแล้ว ใครเป็นคนแคสติ้งชาวบ้านหัวรุนแรงว่ะ มีแต่คนผอมแห้งแรงน้อย หาล่ำๆ บึกๆ มาหน่อยก็ไม่ได้” สมบัติบ่น...เข้าข้างอธิคม
“ผมลื่นล้มเองครับ” ชาวบ้านเสียงอ่อยๆ และปรากฏว่าอีกสามคนวิ่งไม่ทันเพราะวิ่งกันหลายรอบจนเหนื่อยไปตามๆ กัน
“ตอนห้ามชาวบ้าน ผู้กองต้องพูดอ่อนกว่านี้” ผู้กำกับแนะนำ
“ผู้กำกับบอกให้ผมพูดเข้มแข็ง”
“ครับ...เข้มแข็ง จริงจัง แต่ไม่ใช่ขู่เหมือนจะจับผู้ร้าย แล้วผู้กองอย่าชะงัก มูฟเม้นท์ต้องให้ไหลไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกังวล”
อธิคมคิด…ไม่ให้กังวลได้ยังไง เขาต้องท่องจำคำพูดตามบท จำคำอธิบายท่าทางการแสดง คุณนุก็จ้องมองอยู่ไม่วางตา ยิ่งถูกจ้องเขาก็ยิ่งประหม่า…
ในที่สุดชายหนุ่มก็สรุปว่าปัญหาของเขาคือ ‘อนุภาพ’…
 
ผู้กำกับสั่งพักเพราะสงสารทุกคนที่เหนื่อยล้ากันเต็มที่ ความเป็นจริงเขาสงสารตัวเอง...เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ...กำกับใครก็ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้

“พี่ภูมิ น้ำเย็นๆ ฮ่ะ” สมบัติยื่นขวดน้ำให้ผู้กำกับ
“บั๊ด พี่ว่าเปลี่ยนเรื่องเป็นแฟรงเกนสไตน์ขับรถกระบะไปล่าหัวมนุษย์ดีกว่า”
“แหมพี่ภูมิ ให้โอกาสผู้กองหน่อยสิ เพิ่งแสดงครั้งแรก”
“พี่ให้โอกาสมาสิบเทคแล้วนะ”
“หกเทค...เรานับกันอยู่” สมบัติตอบ
“อย่างอื่นก็ดีอยู่หรอก แต่พอต้องพูดตามบทนี่กลายเป็นแฟรงเกนสไตน์ไปทู๊กที บั๊ดไม่ได้ให้เรียนการแสดงมาก่อนรึไง หรือจะเอาหน้าหล่อหุ่นล่ำอย่างเดียว” ผู้กำกับกระทบกระเทียบ
“เวลาจำกัดฮ่ะพี่ กว่าจะได้ผู้กองมาถ่ายนี่เลือดตาแทบกระเด็น”
“บั๊ดเอาไปสอนอีกหน่อยสิ ช่วยพี่พูด ช่วยพี่อธิบายหน่อย” ผู้กำกับเริ่มจะถอดใจ
“บั๊ดสอนมาเยอะแล้ว...คนนี้...ต้องให้นุคุย”

สมบัติกลับมานั่งข้างอนุภาพ ผู้กองอธิคมเดินโซโซเข้ามาในเต็นท์แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนผืนผ้าใบข้างๆ ชายหนุ่ม
“คุณนุนะคุณนุ ที่ผมรับแสดงเพื่อเป็นการไถ่โทษเรื่องรถนี่ กะจะเอาผมถึงตาย ต้องแลกด้วยชีวิตเลยหรือครับ” อธิคมเสียงหอบ มือประสานท้ายทอย หลับตา ปากยังพูด
“ผมจะไม่ไหวอยู่แล้ว สงสารผมเถอะ” ผู้กองอธิคมอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“ผมว่าคำพูดนี้น่าจะผู้กำกับเป็นคนพูดนะ”
“ใจร้าย”
“ผู้กองก็แสดงให้เป็นธรรมชาติหน่อยสิครับ อย่าทำเหมือนท่องบทอาขยาน” อนุภาพปลอบเสียงเรียบ
“ผมไม่ใช่ดาราตุ๊กตาทองนี่นา”
“ทีบทอื่นละตีบทแตก...” อนุภาพประชด “ตั้งใจหน่อยนะครับ อีกไม่กี่ฉากก็เสร็จแล้ว อีกแป๊บเดียว...จำได้ไหม แป๊ปเดียวเหมือนตอนที่ซ่อมรถ”
“โธ่คุณนุคนดี จำไม่ลืมเลยนะ”
อนุภาพอมยิ้ม...สมน้ำหน้า
“ผู้กองฮะ อย่ามัวแต่กังวลสิ ลืมๆ ไปว่านี่เป็นการแสดง แล้วไม่ต้องเกร็ง คิดเสียว่ามันเป็นชีวิตจริง ใช้จินตนาการ เข้าใจไหมจินตนาการ” สมบัติช่วยเสริม
“ผมก็ลองใช้อยู่ แต่มันนึกภาพไม่ออก” ชายหนุ่มลืมตา มือประสานท้ายทอย หันมองอนุภาพ
“เหนื่อย ปวดเมื่อยไปทั้งตัวจะแย่อยู่แล้ว” นายตำรวจทำเสียงออดอ้อน ส่งสายตาวิบวับ
อนุภาพนั่งนิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน
“งั้นเดี๋ยวบั๊ดนวดให้” สมบัติขยับตัวนั่งลงข้างอธิคม เอื้อมมือไปจับต้นขาแกร่งทำท่าจะบีบนวด
“ผู้กองหลับตา แล้วลองจินตนาการว่าไม่ใช่มือบั๊ดแล้วกันนะฮะ” สมบัติปรายตาไปมองอนุภาพ อธิคมหัวเราะชอบใจ
“ยังสนุกกันอยู่ได้ ฉากนี้ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า” อนุภาพกระพิบตาช้าๆ หันหน้าไปมองทางอื่น ไม่อยากจะมองคู่หูสองคนที่ทำหน้าระรื่น...ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวว่ากำลังค้อน
...ค้อนก็เป็นแฮะ...อธิคมนึกในใจ เห็นว่าน่ารัก
“ถ้าจินตนาการแบบนี้ ผมนึกภาพออก” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอีก
อนุภาพส่ายหน้า แล้วลุกหนีไป...อธิคม สมบัติ...เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
...ขวางนัก...เวลาไม่ได้อยู่หน้ากล้องนี่กลายเป็นคนละคน

“พี่บั๊ด ผมจะบอกความลับอะไรอย่าง” อธิคมทำเสียงจริงจัง “ผมอายคุณนุ รู้สึกประหม่าที่ถูกจ้องเอาๆ พี่บั๊ดช่วยบอกให้คุณนุไปที่อื่นตอนถ่ายทำได้ไหมครับ”
 “ล้อเล่นหรือผู้กอง” สมบัติตาโต มือของเขายังวางอยู่บนต้นขากำยำของนายตำรวจหนุ่ม
อธิคมยันตัวขึ้นตั้งศอกกับพื้น ยังเอนตัวอยู่
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ...พูดจริง ก็คุณนุเล่นจ้องเขม็งแบบนี้ เป็นใครก็เขิน”
สมบัติหัวเราะก๊าก อธิคมทำหน้ามุ่ย “ไม่เห็นตลกเลยพี่บั๊ด”
“แล้วก็ไม่บอกแต่แรก”
“ตอนแรกๆ ผมยังไม่มั่นใจ แต่ตอนผู้กำกับสั่งเทคล่าสุดผมถึงรู้ตัว”
“หลายเทคนะกว่าจะรู้ตัว...มิน่า เห็นหันมามองทางนี้บ่อยๆ สมบัติพยักหน้าช้าๆ “ผู้กองต้นขาแข็งปั๊กเลยอ่ะ”
อธิคมยิ้มกว้าง “จินตนาการจบแล้วครับ...หยุดแต๊ะอั๋งผมได้แล้ว”
“บ้า ผู้กองนี่” สมบัติตีแขนผู้กองหนุ่มเบาๆ

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้คุยกันต่อ รถเก๋งคันหรูสีดำขลับแล่นเข้ามาจอดที่ลานใกล้ๆ เต้นท์พัก ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดมาดดีก้าวลงจากรถ
“คุณอัสนัย” สมบัติอุทาน “มาทำไมนี่”
“ใครหรือครับ” อธิคมถาม
“ก็ลูกค้าที่จ้างเราทำโฆษณาชิ้นโบว์แดงของผู้กองนี่ล่ะ” สมบัติลุกขึ้น มองหาอนุภาพแต่ไม่พบ จึงจำต้องเดินไปต้อนรับ
“พี่บั๊ด เมื่อกี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ให้คุณนุไปที่อื่น อย่าให้มาดู” อธิคมรีบย้ำ เกรงว่าจะไม่ได้คุยกันอีก

อัสนัยแต่งตัวลำลอง เสื้อเชิ้ทลายทางสีขาวสลับฟ้าอ่อน กางเกงขาสามส่วนสมัยนิยมสีเบจ ชายหนุ่มแต่งตัวเนี๊ยบ ราวกับนายแบบแฟชั่น
“คุณอัสนัยมาดูการถ่ายทำหรือครับ” สมบัติทัก
“ครับผม...พอดีผมมาทำธุระในเมืองกาญจน์ ก็เลยถือโอกาสออกมาดูการถ่ายทำที่นี่ คุณสมบัติคงไม่ขัดข้อง” อัสนัยยิ้มให้อย่างสุภาพ
สมบัติยอมรับว่าชายตรงหน้ามาดดี แต่งตัวเนี๊ยบ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ
“ไม่ขัดข้องหรอกครับ ดีใจเสียอีก คุณอัสนัยน่าจะโทรมาบอกก่อน เราจะได้เตรียมต้อนรับ วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวนะครับ เกรงว่าจะนั่งไม่สบาย...ตอนนี้กำลังพักกองครับ นักแสดงเหนื่อย”
อัสนัยมองหาคนที่เขาอยากเจอ อธิคมยืนอยู่ในเต้นท์เล็กๆ ใกล้ต้นไม้ สวมชุดเครื่องแบบตำรวจเนื้อตัวมอมแมม ชายหนุ่มกำลังถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกบึกบึนใต้เสื้อกล้ามบางๆ สีขาวเปียกแนบเนื้อ หญิงสาวร่างท้วมถือไม้แขวนเสื้อชุดเครื่องแบบตัวใหม่ยืนรออยู่ใกล้ๆ
“คุณอธิคม นักแสดงนำใช่ไหมครับ” อธิคมถามสมบัติแล้วเดินนำไป
“ใช่ครับ...คนที่คุณอัสนัยเลือกกับมือ...เชิญที่เต้นท์ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามไป” สมบัติหรี่ตามองตาม สัญชาตญาณบอกว่าอัสนัยไม่ได้แวะผ่านมาดูการถ่ายทำธรรมดา
สมบัติหันซ้ายหันขวามองหาอนุภาพ เห็นว่ากำลังยืนคุยอยู่กับผู้กำกับข้างๆ รถพ่นละอองฝน จึงตรงลิ่วไปหาเพื่อรายงาน ‘ข่าว’

อธิคมถอดเสื้อออกเพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบชุดใหม่เตรียมตัวถ่ายซ้ำฉากเดิม หญิงสาวฝ่ายเสื้อผ้าก้มหน้าเอียงอายเพราะกำลังใกล้ชิดชายหนุ่มรูปหล่อหุ่นดีที่กำลังยืนเปลือยอก
อัสนัยเดินเข้ามาใกล้ ไม่อยากละสายตาจากใบหน้าคมเข้มและท่อนบนเปลือยเปล่าของนายตำรวจหนุ่ม...ผู้ชายที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขา
อธิคมในวัยสามสิบกว่าในวันนี้ดูไม่ค่อยต่างจากอดีตเท่าใดนัก หากคมเข้มหล่อล่ำขึ้นมากกว่าเดิม
อัสนัยทักทายอธิคมและแนะนำตัวเอง
“พี่คมคงจำผมไม่ได้ เพราะครั้งล่าสุดที่พบกันก็เกือบจะสามปีแล้ว”
อธิคมขมวดคิ้ว...อัสนัย...ชื่อนี้คุ้นๆ หน้าตาก็คุ้นๆ แต่เขานึกไม่ออก
อัสนัยเล่าเรื่องงานเลี้ยงส่งไปเรียนต่อเมืองนอก...ร้านอาหารเซอรอคโค่...งานเลี้ยงหรูหราบนชั้นสูงสุดของตึกสูง...นักร้องดังระดับประเทศที่จ้างมาร้องในงานโดยเฉพาะ...ฮาเลย์ เดวิตสันที่เขาซ้อนท้ายตระเวนทั่วกรุง...ผับหรูเปิดใหม่ที่อธิคม ธงรบ อัสนัย และพิพัฒน์ แข่งกันดื่มเหล้าราคาแพงนำเข้าจากฝรั่งเศสที่เหลือเพียงสี่ขวด”
“อ๋อ ผมจำได้แล้ว” อธิคมเริ่มนึกออก เด็กหนุ่มคนนั้นเอง...ที่เพิ่งเรียนจบ...เขาพาไปตระเวนราตรีกรุงเทพฯ แล้วมีความสัมพันธ์ช่วงสั้นๆ ไม่กี่อาทิตย์ก่อนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ...หลังจากนั้นหลายปีก็เจอกันอีกไม่กี่ครั้งตามที่เที่ยวกลางคืน...ภาพในอดีตเริ่มกลับมา---บางฉากเลือนลาง บางฉากเริ่มเด่นชัด
“ไม่นึกเลย ตอนนี้เป็นผู้บริหารบริษัทระดับประเทศ แถมยังเป็นนายจ้างผมอีก”
“ผมขอแวะมาดูการถ่ายทำ พี่คมคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
“ไม่หรอกครับ...เชิญตามสบาย แต่ต้องอดทนหน่อยนะครับ เพราะนี่เทคมาเกือบจะสิบครั้งแล้ว”
“หกค่ะ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แก้จำนวนครั้งให้ถูก
“เดี๋ยวผมแถมให้ครบสิบ” อธิคมหัวเราะ
อธิคมรับผ้าขนหนูจากหญิงสาวผู้ช่วย เขาพันผ้าผืนใหญ่รอบเอว ล้วงมือเข้าไปปลดกระดุมกางเกง
“โทษนะครับ” ชายหนุ่มเอียงหน้า ยักคิ้วเล็กน้อย แล้วหันหลังให้ อัสนัยเมินมองไปทางอื่นทั้งที่อยากจะเก็บภาพนั้นเอาใว้ในความทรงจำ

สมบัติลากแขนอนุภาพเดิมเข้ามาถึงเต้นท์พอดี
“ตายแล้วยัยแวว ทำไมให้ผู้กองเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนี้” สมบัติเสียงดัง หญิงสาวฝ่ายเสื้อผ้าอึกอัก “ผู้กองฮ่ะ ไปเปลี่ยนตรงข้างรถตู้ไม่ดีกว่าหรือฮ่ะ เขาขึงผ้ากันเอาไว้แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อาย” อธิคมพูดหน้าตาเฉย
“รู้ว่าผู้กองไม่อาย แต่หนูแววหน้าแดงจนเป็นลูกตำลึงสุกอยู่แล้ว” หญิงสาวยังก้มหน้างุด แต่ก็แอบช้อนตามองนายตำรวจหนุ่ม
อัสนัยแนะนำตัวกับอนุภาพและขออนุญาตอยู่ดูการถ่ายทำ
“เคยเห็นแต่เบื้องหน้าในทีวี ผมอยากดูเบื้องหลังบ้าง” อัสนัยให้เหตุผล
อนุภาพยืนคุยกับอัสนัยเรื่องการถ่ายทำ อธิคมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างๆ ทำท่าไม่สนใจใคร สมบัติหยิบเครื่องแบบตำรวจชุดเก่าที่เปื้อนแล้วขึ้นกาง ทำทีเป็นม่านกั้น ท่าทางตลกของสมบัติทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังคุยกันอยู่อดยิ้มไม่ได้
อนุภาพสังเกตว่าอัสนัยเหลือบตามองอธิคมอยู่บ่อยๆ นึกในใจว่า...แหงหล่ะ มายืนแต่งตัวยั่วใครเขาขนาดนี้ ใครก็อดมองไม่ได้
จังหวะที่อัสนัยหันไปมองทางอื่น อนุภาพปรายตามองมองผู้กองหนุ่มว่าแต่งตัวเสร็จหรือยัง ก็พบว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว ยักคิ้วให้อย่างทะเล้น
ผู้กำกับเรียกนักแสดงให้เริ่มการถ่ายทำ อธิคมรีบเอ่ยกับสมบัติ
“พี่บั๊ด ตกลงที่ผมขอ เรียบร้อยใช่ไหมครับ”
สมบัติยังไม่ทันตอบนายตำรวจหนุ่ม อนุภาพรีบแทรก
“เรียบร้อยครับผู้กอง ไม่ต้องห่วง รับรองจะไม่เห็นหน้าแม้แต่แว็บเดียว” ชายหนุ่มหรี่ตามอง ’นักแสดงขี้อาย’ อย่างคาดโทษ “แล้วไม่รู้จะให้ผมมาทำไม”
“คุณอัสนัยครับเชิญนั่งตามสบายนะครับ” อนุภาพเลื่อนเก้าอี้ให้ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วพลางคิดว่าดีเหมือนกันที่เขาจะได้ใช้เวลาไปทำงานอื่น

อธิคมวิ่งเหยาะๆ ไปที่ฉาก ขึ้นนั่งในรถกระบะ เตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำเทคใหม่...ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะ...เขานึกในใจ...เช่นเดียวกับความคิดในใจของคนหลายๆ คน ณ ที่นั้น
เสียงผู้กำกับสั่งเดินกล้อง ทุกคนเงียบกริบ...

อัสนัยนั่งมองชายหนุ่มเบื้องหน้า...อธิคมดูกร้าวแกร่งในเครื่องแบบตำรวจ หน้าเคร่งขรึมแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
อธิคมในความทรงจำของเขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดี ระบายยิ้มอยู่บนใบหน้าแทบตลอดเวลา นัยน์ตาคมกริบพราวระยับ ลมหายใจอุ่น กลิ่นกายเย้ายวน อ้อมกอดแข็งแรง และบทบาทเร้าใจลืมไม่ลง...
อัสนัยยิ้ม...คนที่เขาต้องการอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
'แต่สายตาที่เขาเห็นอธิคมมองอนุภาพนั่นเล่า...หมายความว่าอย่างไร'
ชายหนุ่มสลัดความคิดนั้นทิ้ง
จะอย่างไร...นี่คือปัจจุบันของเขา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาขอลองทำตามใจปรารถนาสักครั้ง...เพื่ออนาคต...อนาคตที่เขาจะมีอธิคมเป็นคนรัก
*********************

อย่าลืมไปดูเจมส์บอนด์กันนะครับ

pipechan

  • บุคคลทั่วไป
55555 ตกลง ที่ลงเนี่ยข้างบนเนี่ย post ผิดหรอเนี่ย


เอาเรื่อง นี้มาลงด้วยก็ได้นะค่ะ   อ่านไปแล้วอะ น่าสนุกดี  :t2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ life_fracture

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +518/-4
เมื่อคืนไปดูเจมส์ บอนด์มาแล้ว :laugh:

เหอ เหอ เหอ
ว่าแต่
เรื่องที่ลงก่อนตอนล่าสุดนี่
เอามายั่วกันเหรอ :m13:

ท่าทางจะน่าสนุกนะเนี่ย

juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
เรื่อง ที่ลงผิด ก็สนุกคับ

เอามาลงด้วยก็ดีนะ :laugh:

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
ตอนตัวอย่างนี้  :m16: มาทำอยากแล้วก็จากไปนะ :o12:
ยังไม่ดูเจมส์ เดี๋ยวไปดู :t2:

three

  • บุคคลทั่วไป

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป


ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
สู๊ดดดดด ตอนตัวอย่างน่ากิน เอ๋ยน่าอ่านมากกกกก 555555

เห็นแววยุ่งยากมาแต่ไกลๆๆแล้ว  เฮ้อ จะไปรอดไปหนอคู่นี้ อุปสรรคเยอะเหลือเกิน

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป

Kipper

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: +1 เป็นค่าน้ำมันให้ผู้กอง Katawoot นะครับ


 :o8: ขอบคุณนะครับที่ขยันมาลงบ่อย ๆ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

pipechan

  • บุคคลทั่วไป
ชัวร์ป๊าบ แฟนเก่านุ ต้องกลับมา :laugh: :laugh:

ลงเร็วๆ :oni3:ลงเร็วๆ :oni3:ลงเร็วๆ :oni3:

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
เอาอีกๆๆๆๆ


อยากอยู่กองถ่ายด้วยจัง  อิอิ

จะดูผู้กองเปลี่ยนชุด กร๊ากๆๆ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
พอตัดพ้อหน่อย ได้ค่าน้ำมันมาหลาย + เลยนะครับ

เมื่อได้ค่าน้ำมันแล้ว ก็รีบมาลงให้มาก ๆ นะ ไม่งั้นถูกทวงค่าน้ำมันคืนแน่ ๆ  :m20:

คราวนี้ ผมให้ค่าอาหารแล้วกัน +1  :bye2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับค่าน้ำมันและค่าอาหารครับ
ขอค่าหมึกปากกาเขียนนิยายหน่อยสิคร้าบ  :m23:  :m1:
เมื่อคืนทนไม่ไหว ไปดูก้นเจมส์ บอนด์มาแล้วครับ สนุกดี

บทที่ 17 มาแล้วครับ ตอนโปรดของผม เขียนไปก็นึกถึงความหลังครั้งเก่าบนสันเขื่อนศรีนครินทร์  :เฮ้อ:
อดีตนี่มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปจริงๆ
คิดแล้วอยากมีแฟนเป็นโดเรมอน

 :เฮ้อ:

บทที่ 17

บ่ายแก่ ตะวันกำลังทอแสงอ่อนๆ อนุภาพนั่งทำงานอยู่ริมธารน้ำ สายลมเย็นๆ พัดมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่น ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สบายใจว่าทำงานเสร็จแล้ว แต่พลันต้องสะดุ้งเมื่อหันไปเห็นอธิคมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ชวนไปทานอาหารเย็นอร่อยๆ ที่ร้านอาหารโรแมนติกเชิงเขา
อนุภาพสัพยอกว่า “ต้องยื่นคำขาดหรือไม่ครับว่าถ้าไม่ไปทานจะไม่ยอมถ่ายโฆษณาต่อ ผมจะได้ยุให้บริษัทฟ้องเรียกค่าเสียหาย”
“ผมไม่กลัว ฟ้องก็ฟ้องไป ผมมีเงินจ่าย” ผู้กองคนเก่งท้า
 “อ้อ ลืมไปว่ารูปหล่อพ่อรวย” อนุภาพย้อน บอกว่าจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย อธิคมไม่ยอมเพราะต้องการไปกันสองคน
“ถ้าไม่ไปกันแค่สองคน ผมจะไม่ตั้งใจถ่ายทำ แล้วคุณก็จะปวดหัวเพราะงานไม่เสร็จเสียที ท้ายที่สุดผู้กำกับก็ต้องเปลี่ยนตัว...ลองคิดดูนะครับ” อธิคมขู่
“เห็นไหมล่ะ ลงท้ายผู้กองก็ยื่นคำขาดอีกแล้ว...ระวังผมจะยื่นคำขาดบ้างนะ จะหาว่าไม่เตือน”
“กลัวจัง” อธิคมทำท่าทางขนลุก
ความเป็นจริงเขาออกจะหวั่นๆ อยู่ว่า หากอนุภาพยื่นคำขาดเรื่องใดๆ กับเขาขึ้นมาจริงๆ เขาจะทัดทานได้หรือเปล่า ไม่ใช่เพราะว่ากลัว แต่เพราะไม่แน่ใจตนเองว่าจะทนใจแข็งกับชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้หรือไม่
อนุภาพบอกว่าต้องรักษาสัจจะที่ว่าจะไถ่บาปถ่ายโฆษณาให้ เพื่อทดแทนที่โกหกเรื่องรถ
“ผมรู้ครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมแค่เป็นห่วง เพราะถ้าถ่ายทำไม่ดีคุณก็จะปวดหัวเพราะงานไม่เสร็จ ไม่อยากเห็นคุณนุขมวดคิ้วหน้ายุ่ง เดี่ยวจะดูแก่ก่อนวัย” อธิคมตัดบท
"ไม่เคยกลัวว่าจะดูแก่ก่อนวัย"
“เถอะน่า คุณนุ ไปทานข้าวกับผมแค่วันเดียวไม่เสียหายซักเท่าไหร่หรอก ถือเสียว่าคุณดูแลผมอย่างที่เจ้านายคุณสั่ง” อธิคมอดประชดคำพูดของตฤณไม่ได้---นึกถึงใบหน้าขรึมๆ นั้นแล้วก็เกิดอาการหมั่นใส้
“ไม่ใช่ผม คุณตฤณสั่งพจนีย์ต่างหาก”
“มิน่า คุณพจนีย์ดูแลผมแจ ขยับตัวแทบไม่ได้ นี่ไม่รู้ว่าแอบถ่ายคลิปพฤติกรรมผมไปรายงานฮ่องเต้ด้วยหรือเปล่า”
อนุภาพกลั้นหัวเราะ อธิคมเรียนศัพท์ใหม่จากสมบัติและพจนีย์ได้เร็วมาก เขาอดคิดแผลงๆ ไม่ได้ว่าหากผู้กองอธิคมไปพูดให้ตฤณได้ยิน ฝ่ายนั้นจะออกอาการอย่างไร หวังว่าคงไม่ออกอาการมังกรพ่นไฟอย่างที่สมบัติเคยล้อว่า “คุณตฤณเขาดุไออีกแล้ว ไม่รู้จะดุไปถึงไหน นี่ถ้าพ่นไฟได้คงเผาไอให้ใหม้เป็นจุล”

อนุภาพตัดความรำคาญ “ที่จะไปนี่ไม่ใช่กลัวเสียหายหรอก แต่เพราะหิวข้าว แล้วจะได้เสร็จเรื่องภารกิจการทานข้าวเอาใจนายแบบเสียที ไม่งั้นผู้กองก็คงเซ้าซี้ไม่ยอมหยุด ใช่ไม๊”
“คุณก็รู้อยู่นี่ แล้วยังจะถ่วงเวลาอยู่ได้” นายตำรวจหนุ่มยิ้มกริ่มตามแบบฉบับ ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนยามทอดสายตามองมายังชายหนุ่มหน้าดุที่กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะ หากอนุภาพที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่มองไม่เห็นใบหน้าของผู้กองอธิคม
“ขอเอาของไปเก็บก่อนนะ” อนุภาพลุกขึ้น เตรียมจะหันหลังเดินกลับไปห้องพัก
ผู้กองหนุ่มก้าวเท้าเข้าขวาง ผายมือให้ชายหนุ่มเดินไปทางที่จอดรถโดยแย้งว่า “ไม่ต้องหรอกครับ แฟ้มไม่กี่แฟ้ม เก็บเอาไว้ในรถก็ได้ ผมหิวข้าวจนใส้จะขาดอยู่แล้ว”
'ดูเอาเถอะ ยังจะถ่วงเวลาอีก...บทอนุภาพจะรั้นก็ไม่ต่างไปจากเด็กๆ'
อนุภาพทำเสียงฮึดฮัดในลำคอและเดินนำหน้าไปที่ลานจอดรถเพราะรู้ดีว่า คุณตำรวจเจ้าปัญหาคงไม่ยอมให้เขาถ่วงเวลาต่อไปอีก
“หิวข้าวมากเหรอคร้าบ” อธิคมตะโกนยั่วพลางเดินตามหลังมาช้าๆ
อนุภาพยังเดินฉับๆ ไปข้างหน้าไม่หันมามอง ชายหนุ่มกรอกตาเพราะระอากับความช่างยั่วของอธิคม เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นคน ‘ยั่วขึ้น’ แต่หลายครั้งก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ส่วนอธิคมนั้นเล่า สดชื่นรื่นเริงไปได้เรื่อยๆ
‘เกลียดนัก หน้าตากรุ้มกริ่มอย่างนั้น ชอบอมยิ้มทำตาระยิบระยับอยู่ได้’

ชายหนุ่มสองคนนั่งทานข้าวเงียบๆ อธิคมปล่อยให้อนุภาพทานอาหารเย็นช้าๆ ไม่ชวนคุยมากนัก ตักอาหารชนิดอื่นให้บ้างเป็นบางครั้งเมื่อสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มทานแต่แกงจืดและผัดผักเป็นส่วนมาก อนุภาพบอกว่าทานเผ็ดไม่ได้ แต่ก็ยอมทานแกงคั่วสับปะรดที่อธิคมตักให้ ใบหน้าขาวเนียนเริ่มแดงระเรื่อเพราะไม่คุ้นกับอาหารรสจัด อธิคมทอดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน...อนุภาพทานข้าวมากกว่าที่เคย
'ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนทานเยอะ'
เขาล้อชายหนุ่มด้วยซ้ำเมื่อสั่งอาหาร “โอ้โหคุณ ไม่ได้ทานข้าวมากี่มื้อแล้วนี่”
แต่อนุภาพกลับย้อนว่า “กลัวไม่มีเงินจ่ายหรือไง”
“เรื่องจ่ายเงินผมไม่กลัวหรอก ผมกลัวว่าคุณนุจะอ้วน พอตุ้ยนุ้ยแล้วเดี๋ยวไม่มีใครมาจีบนะ”
“ดี...มีคนมาจีบแล้วปวดหัว” อนุภาพตอบสั้นๆ แล้วทานอาหารต่อ ทำเป็นไม่สนใจคนที่ชอบล้อ
"ไม่ต้องห่วง ผมมียาพาราให้กิน"

นานแล้วที่เขาไม่รู้สึกสบายใจเช่นนี้ ชายหนุ่มที่กำลังมีความสุขกับอาหารตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลิน นานแล้วที่อาหารเย็นแต่ละวันของเขาจืดชืด ไร้ชีวิตชีวา หลายครั้งที่นั่งทานข้าวคนเดียวในร้านอาหาร หลายครั้งที่ทานข้าวกับคู่หูธงรบ หรือกับสาวๆ ที่เข้ามาติดพันเขา ไม่ก็หนุ่มๆ ที่เขารู้จักและ ‘สนุก’ ด้วยชั่วข้ามคืน
อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารเย็นที่มีรสชาติอย่างที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน ‘รสชาติ’ นุ่มๆ ที่ทำให้เขารู้สึกอร่อยและอยากจะ “ทาน” อีก...รสชาติที่เขารู้ว่าคงจะหาทานไม่ได้ง่ายๆ...รสชาติที่เขาจะไม่มีวันลืม

ชีวิตหนุ่มของเขาดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้สนุกสนานกับชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสชาติของความหฤหรรษ์จากคนที่เขาพึงใจและคนที่พึงใจเขาแทบจะทุกสุดสัปดาห์ ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างเขา แถมพ่วงด้วยการเป็นหนุ่มในเครื่องแบบยิ่งดึงดูดใจผู้คนรอบข้าง ยามเขาเดินเข้าไปในแหล่งเที่ยวยามค่ำคืน อธิคมมีเสน่ห์ดึงดูดใจใครต่อใครหลายคนได้ไม่ยาก ไม่มีสักคืนที่เขาจะกลับบ้านคนเดียวหากคืนนั้นอยากจะมีใครสักคนนอนแนบข้าง
อนุภาพรู้ว่านายตำรวจหนุ่มตรงหน้ามองเขาอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มรู้สึกขัดเขินที่มีคนจ้องมองจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารแทบไม่เงยหน้าขึ้น เขารู้ว่าร้อยตำรวจเอกอธิคมเริ่มจีบเขาแล้ว ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ และมีความมุ่งมั่นเป็นที่สุดหากอยากได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
สิ่งหนึ่งที่คอยดึงชายหนุ่มไว้คือข้อเท็จจริงที่ว่า บางครั้ง คนหนึ่งเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนาแล้วก็จะหมดความปรารถนาอีกต่อไป ผู้ชายสายตากรุ้มกริ่มอย่างอธิคมต้องเจ้าชู้พอสมควร อนุภาพไม่กล้าที่จะนึกถึงอนาคตที่จะตกลงปลงใจไปกับคนเจ้าชู้ เขาเคยได้ยินใครบางคนพูดว่า “คบคนเจ้าชู้ น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า ตัวเราจะเร่าร้อนอยู่ตลอดว่าเวลานี้ ร่างกายของ ‘คนของเรา’ จะไปอิงแอบแนบชิดอยู่กับใครที่ไหน” เขาเองคงทนไม่ได้ที่ ‘คนของเรา’ จะไปเป็นของคนอื่น...แม้เพียงชั่วขณะ
“อาหารอร่อยนะครับ ผมไม่นึกว่าคุณนุจะทานเยอะขนาดนี้ ใครได้ไปเป็นแฟนจะเลี้ยงไหวไหมนี่” อธิคมทำลายความเงียบ
อนุภาพรวบช้อน “ไม่คิดจะให้ใครมาเลี้ยง”
“แล้วถ้ามีคนอยากเลี้ยงล่ะครับ” อธิคมยิ้ม
...อนุภาพหันไปมองไปยังแนวต้นไม้ที่ยืนต้นสล้างอยู่ริมธารน้ำ นิ่งอยู่ชั่วอึดใจ แล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เหมือนกับจะพูดกับตัวเอง “หายากนะครับ คนที่จะเลี้ยงคนอื่นให้อิ่มได้ คนเราไม่ได้กินข้าวเพียงอย่างเดียวนะ”
อธิคมนิ่ง ไตร่ตรองคำพูดของอนุภาพชั่วครู่
วูบหนึ่ง เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอนุภาพจะต้องมีความหลังอะไรบางอย่างแน่นอน ซึ่งเขาจะต้องค้นหาให้ได้ เขารู้สึกว่าราวกับว่าชายหนุ่มหน้าดุกำลังก่อกำแพงกั้นอะไรบางอย่างเอาไว้...แต่ไม่ว่าจะเป็นกำแพงอะไร เขาจะลองฝ่าข้ามไปดู...
'ลองกันสักตั้งหน่อยเถอะ' ร้อยตำรวจเอกหนุ่มมุ่งมั่นกับภารกิจหัวใจครั้งนี้

เมื่อทานข้าวเสร็จ อธิคมชวนอนุภาพไปเดินเล่นที่จุดชมวิวใกล้สันเขื่อน เขาแปลกใจที่อนุภาพไม่อิดออด แม้จะมีคำถามว่า “มืดอย่างนี้จะดูอะไรได้”
ผู้กองหนุ่มบอกว่าดูดาวตก ไปยืนรับลมเย็นอากาศบริสุทธิ์ ชื่นชมกับธรรมชาติ เดินย่อยอาหาร อนุภาพยกมือขึ้นปรามพลางเอ่ยว่า “เหตุผลผู้กองดีๆ ทั้งนั้น...พอแล้ว...ไปครับไป” แล้วเดินตรงลิ่วไปที่รถ

ที่ลานกว้างริมหน้าผาข้างถนนที่ไต่พาดขึ้นไปบนสันเขาอีกฝากหนึ่งของเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสลัว พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวส่องสว่างทอดแสงตกกระทบผืนน้ำในเขื่อนระยิบระยับเห็นอยู่ไกลๆ ต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้นเป็นแนวทางด้านซ้ายของลานจุดชมวิว ลมเอื่อยๆ พัดกิ่งใบของปราการธรรมชาติให้ขยับไหว เสียงหวีดหวิวเบาๆ ราวกับกระซิบกระซาบกัน ด้านขวาเปิดโล่งมองออกไปเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนทอดตัวอยู่ท่ามกลางความมืด
อนุภาพกระชับแขนที่กอดอก พลางเดินออกไปที่แนวรั้วไม้ไผ่เล็กๆ ที่กั้นระหว่างผืนดินกับความว่างเปล่าเบื้องหน้า ลมเย็นๆ พัดโชยมาปะทะใบหน้าเบาๆ ชายหนุ่มก้มลงมองไปยังหน้าผาลึกเบื้องล่างเห็นแต่ความมืดดำ
“ดาวสวยนะครับ” เสียงทุ้มข้างหูดังขึ้นทำลายความเงียบ
ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าของเสียง ผู้กองหนุ่มยืนอยู่ใกล้ๆ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า สันจมูกโด่งคมทาบเป็นเงาจางๆ ในแสงเดือนจากพระจันทร์เสี้ยวของคืนข้างแรม  ณ วินาทีนี้ อนุภาพตระหนักว่านายตำรวจเจ้าปัญหาคนนี้ตัวสูงใหญ่เหลือเกิน ดูราวกับภูผาทมึนที่ยืนบดบังสายลมเอื่อยๆ ที่พัดมาปะทะร่างเขาเสียหมดสิ้น ในใจอดคิดไม่ได้ว่า...ภูผาแข็งแกร่งนี้ จะเป็นที่พักพิงให้เขาได้ไหมหนอ ภูผาอย่างธนาภพยังพังทลายได้เลย...
“ประเดี๋ยวมีดาวตก” ผู้กองหนุ่มเอ่ยขัดจังหวะความคิดล่องลอยของชายหนุ่ม
“มีญาณวิเศษหรือไง” ชายหนุ่มอดแขวะไม่ได้
ผู้กองภูผาหัวเราะหึๆ ในลำคอ “จากประสบการณ์ที่ผมเคยยืนดูดาวบนภูเขาตอนกลางคืนหลายๆ ครั้ง ผมเห็นดาวตกบ่อยๆ”
“อ้อคงพาใครมาดูบ่อยๆ” ชายหนุ่มอดเน้นเสียง ‘ดู’ ไม่ได้
“คุณนุครับ อย่าทำลายบรรยากาศสิ” นักดูดาวประท้วงอย่างอ่อนใจ...ดูเอาเถอะ บทจะกวนก็กวนได้เหมือนกันนะ...อธิคมนึกในใจ หางตาแอบมองอนุภาพ
ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร บนฟากฟ้าที่ระบายสีด้วยจุดสีขาวระยิบระยับของดวงดาวก็มีดาวตกสองดวงไล่เลี่ยกัน
อนุภาพเบิกตากว้าง อุทานเบาๆ ซึมซับเอาความสวยงามของธรรมชาติที่เขาแทบจะจำไม่ได้ว่าเคยสัมผัสความสวยงามของท้องฟ้าเช่นนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อใด
ตั้งแต่เรียนจบ ชีวิตในเมืองใหญ่ที่วิ่งวุ่นกับงาน แม้พระจันทร์เต็มดวงก็แทบไม่เคยเห็น
“เขาบอกว่า ถ้าเห็นดาวตกให้อธิฐานขอพรอะไรก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาวตกเริ่มสาธยาย
“คุณนุลองอธิษฐานสิครับ”
“ผู้กองเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ” ชายหนุ่มถาม ใบหน้ายังแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เผื่อจะเห็นดาวตกอีก
นายตำรวจหนุ่มหันมามองชายหนุ่มด้านข้างด้วยสายตาอ่อนโยน “ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา”
ทั้งสองยืนเงียบ ครู่ใหญ่ก็เกิดดาวตกอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นเป็นลำแสงสีขาวนวลพาดยาวบนท้องฟ้าอย่างชัดเจน ก่อนจะเคลื่อนคล้อยตกลงอีกฟากหนึ่งของเส้นขอบฟ้าช้าๆ เหมือนจะรอให้สองหนุ่มอธิษฐานได้ทันท่วงที
อธิคมถามว่าอนุภาพอธิษฐานอะไร ชายหนุ่มยักใหล่และบอกว่าขอให้งานสำเร็จ
“แน่ใจหรือครับว่าอธิษฐานแค่นั้น”
“ก็แค่นั้น จะให้ผมขออะไรล่ะ” คนห่วงงานหันมามองตำรวจช่างสงสัยแล้วกลับไปมองท้องฟ้าต่อ
“ก็เขามักอธิษฐานกันว่า ให้เจอเนื้อคู่ เจอคนรัก สมหวังเรื่องความรัก อะไรแบบนี้” อธิคมก้าวเท้ามายืนตรงหน้าอนุภาพ ก้มหน้าลงมองด้วยสายตาแพรวพราว สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงดูผ่อนคลายสบายใจเหลือเกิน
“ใครจะอธิษฐานแบบนั้น งมงาย” อนุภาพอึกอัก ระดับสายตาของเขาอยู่ตรงริมฝีปากของผู้ชายตัวใหญ่เบื้องหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังระบายยิ้มอ่อนๆ หนวดเคราที่เพิ่งโกนใหม่เป็นแนวเข้ม ชายหนุ่มได้กลิ่นอ่อนๆ ของครีมโกนหนวด...อมานี่เสียด้วย...อนุภาพคิด เริ่มประหม่า เพราะไม่นึกว่าอธิคมจะรุกประชิดเช่นนี้
“ผมนี่ไง ผมอธิษฐานว่าขอให้เจอคนที่รัก”
“งั้นก็ขอให้สมหวังนะครับ” อนุภาพไม่รู้จะพูดอะไร อธิคมทำให้เขาเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนวูบวาบผสมผสานกับเย็นสะท้าน สายลมเอื่อยเริ่มแรงขึ้น การที่อธิคมผละมายืนข้างหน้าเขาทำให้ลมที่พัดมาด้านข้างปะทะตัวเขาเต็มๆ เพราะ ‘ภูผาสูงใหญ่มีชีวิต’ ไม่ได้ยืนบังเอาไว้อีกแล้ว
“แน่นอน ผมว่าผมใกล้จะสมหวังแล้วล่ะ อย่างน้อยก็เจอคนที่ชอบแล้ว อีกหน่อยก็กลายเป็นรักได้ไม่ยาก”
...อะไรนะ เจออะไรแล้ว...อนุภาพได้ยินเสียงอธิคมอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขากระทบหน้าผากเบาๆ...เป็นตำรวจอะไรใช้ครีมโกนหนวดอมานี่...อนุภาพรู้สึกราวถูกสะกด...เขาอมหมากฝรั่งรสอะไรนี่ กลิ่นเย็นๆ...
อนุภาพยืนนิ่ง
“คุณนุ” เสียงทุ้มๆ เรียก
อนุภาพเผลอเงยหน้าขึ้นมองคนอยากสมหวังตรงหน้า ก็พบว่าสายตาที่อธิคมกำลังทอดมองมานั้นส่องแสงระยิบระยับเหมือนผิวน้ำในเขื่อนที่ถูกสายลมพัดไหวระริกต้องกับแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบ ริมฝีปากได้รูปอมยิ้มนิดๆ ใบหน้ากรุ้มกริ่มทำให้อนุภาพรู้สึกขัดเขิน
ชายหนุ่มหลบตาหันหน้าไปมองความมืดว่างเปล่าซ้ายขวาสลับไปมา พลางกระชับแขนที่กอดอกให้แน่นขึ้น ห่อไหล่เล็กน้อย พ่นลมออกมาเบาๆ หารู้ไม่ว่าลมที่พ่นออกมาปะทะเข้ากับซอกคอของผู้กองหนุ่ม ทำให้อธิคมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าฟาดกระทบที่หน้าอกแผ่ซ่านเป็นริ้วลงไปถึงหน้าท้องแกร่งเกร็ง
“ฮื่อ เริ่มหนาวแล้ว กลับกันเถอะ”
“หนาวเหรอครับ” ผู้กองหนุ่มถามเสียงนุ่ม พลางขยับตัวช้าๆ เข้ามาใกล้อีก ราวกลับจะบอกว่า...ถ้าหนาว ผมจะทำให้หายหนาว
อนุภาพก้าวเท้าซ้ายไปข้างหลัง หันกลับ แล้วรีบเดินอ้าวไปที่รถ อธิคมส่ายหน้าเบาๆ พร้อมระบายยิ้มอย่างถูกใจที่ได้หยอกล้อให้อนุภาพเขิน
ทั้งสองนั่งนิ่งเงียบตลอดทาง ความรู้สึกพึงพอใจกันและกันเริ่มก่อตัวขึ้น...

อนุภาพมองออกไปนอกหน้าต่างฝ่าความมืดออกไปเบื้องหน้า ในใจสับสนพลุ่งพล่าน ต่อสู้กับความรู้สึกข้างใน กำแพงที่เคยสร้างขึ้นปิดกั้นใครต่อใครมานานหลายปีถูกสั่นคลอน แต่เขาเองยังรู้สึกสับสนในใจ ในหัวมีแต่ความวุ่ยวายไม่แน่ใจในเรื่องสารพัดเรื่องซึ่งเขาเองก็บอกเหตุผลไม่ได้
ที่ลานจอดรถของอิงธารรีสอร์ท อนุภาพกล่าวขอบคุณอธิคมเบาๆ ก่อนเปิดประตูรถลงเดินกลับที่พัก นายตำรวจหนุ่มมองตามร่างนั้นไปจนลับตา ความรู้สึกอิ่มเอมเริ่มพองขึ้นในอกเหมือนจะดันทะลุออกมา นี่ล่ะหนาที่เขาพูดกันว่า หัวใจพองโต เขารู้สึกถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นถี่ขึ้น ดังขึ้น เหมือนเสียงกลองยามงานฉลองพิธีสำคัญ
ชายหนุ่มส่ายหน้า หัวเราะกับตัวเองเบาๆ นึกเขินตัวเองที่รู้สึกมีชีวิตชีวิตราวกับเป็นหนุ่มน้อยที่เริ่มริรัก
...'คืนนี้สงสัยคงนอนไม่หลับแน่เลยเรา' ร้อยตำรวจเอกอธิคมคิด 'ถ้าไอ้ธงรบรู้คงหัวเราะเยาะแน่เลย'

อธิคมเดินผิวปากกลับที่พัก สลับกับแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเป็นระยะ เผื่อจะเห็นดาวตกอีกครั้ง
คืนนี้เขาต้องพยายามนอนหลับให้ได้ "ตื่นมาจะได้หน้าตาหล่อสดใส" อย่างที่อนุภาพเคยบอก
อนุภาพ...อนุภาพ...อนุภาพ...ชื่อนี้ดังก้องอยู่ในหัวเขาทั้งคืน
ภาพใบหน้าขัดเขินของอนุภาพก่อนที่จะหันหลัง “วิ่งหนี” เขากลับไปที่รถ ตามหลอกหลอนจนนอนแทบไม่หลับ
หากมีใครถ่ายรูปผู้กองหนุ่มยามนอนหลับก็คงจะเห็นใบหน้าเหล่อเหลาคร้ามเข้มนั้นระบายยิ้มอ่อนๆ ทั้งคืน
**********



[attachment deleted by admin]

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
  :m29: สมชื่ออนุภาพจิ๊งจิง ตามหลอนแม้ในฝัน

ชอบมัีกมากเลย เอาเรื่องที่ลงผิดมาลงด้วยดิ น้านะนะ

คนดี๊คนดี เด่ยให้อมยิ้มอัน นะนะ :jul3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2008 09:03:18 โดย ไต๋ »

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ทั้งสองคนเริ่มไปกันได้ด้วยดีแฮะ  แต่อัสนัยจะมาทำเสียเรื่องป่าววะเนี่ยยยยยยยย

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2

benxine

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
วุ้ย เขินแทนคุณนุเจ้าค่า~ เดินหนีทำไมกันเนี่ย  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด