อาคเนย์ ◈ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อาคเนย์ ◈ THE END  (อ่าน 168681 ครั้ง)

ออฟไลน์ MsMin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #120 เมื่อ15-02-2019 18:39:00 »

ย้อนไปอ่านแล้วนะจ๊ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #121 เมื่อ15-02-2019 21:44:37 »

 ไม่มีตอนไหนที่ไม่สงสารเนย์ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ mafinnoey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #122 เมื่อ15-02-2019 23:11:09 »

อยากเข้าไปโอ๋น้องจังเลย อาคเนย์ต้องสู้นะลูก อดทนไว้

จิตติก็สู้ๆด้วย รอจ้า


ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #123 เมื่อ16-02-2019 13:12:23 »

สู้ๆนะอาคเนย์ ผ่านมันไปให้ได้นะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #124 เมื่อ17-02-2019 23:20:03 »

อ่านย้อนแล้วน้าา เป็นกำลังใจจิตตินะคะ

โล่งงงงงง ที่เป็นแค่การจะแกล้งขู่เนย์
แต่ถึงงั้น เนย์ก็บอบช้ำทั้งใจทั้งกายเพราะบู
มากเหลือเกิน และมันคงไม่จบง่ายๆ ฮือออ สงสารเนย์ /คนที่ตายไปคนรักของบูรพา สินะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #125 เมื่อ18-02-2019 23:39:51 »

หนักเกินไป

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่4 [13/02/62] *หน้า4
«ตอบ #126 เมื่อ20-02-2019 18:34:14 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #127 เมื่อ21-02-2019 22:11:58 »



CHAPTER 5
FORGOTTEN



มนุษย์เกิดมาพร้อมพรอันประเสริฐอยู่ข้อหนึ่ง สิ่งนั้นเรียกว่าความทรงจำ
สำหรับผมแล้วบางความทรงจำนั้นมีค่า ขณะที่บางความทรงจำ
เฝ้าแต่ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะลืมเสียที



   ‘ให้...’

   ผมจ้องมองเจ้าของเสียงเข้มนั้นไม่วางตา ขณะเจ้าตัวกำลังยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้กับใครคนหนึ่ง

   บูรพาเป็นคนเก่งโดยเฉพาะเรื่องสร้างความสนใจ ผมรู้สึกอย่างนั้นเพราะมันทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้เลย

   วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่คงไม่ได้สำคัญเท่าไหร่สำหรับใครบางคน แต่กับอีกฟากหนึ่งมันแตกต่างออกไป เด็กในโรงเรียนเราจะตื่นเต้นมากกับวันสำคัญวันนี้ ซึ่งผมกับไอ้บูเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

   ‘ขอบคุณนะ’ เสียงหวานตอบกลับทันทีพร้อมกับยื่นมือมารับดอกไม้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

   แทนที่คำตอบนี้จะเป็นของผม มันกลับเป็นประโยคของคนอื่น

   จีน...เธอเรียนศิลป์ฝรั่งเศส คนที่เป็นเหมือนกับรักแรกของบู ก่อนจะได้คบกันอย่างจริงจังหลังขึ้น ม.ปลาย ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไงผมยังจำได้อยู่เลย วินาทีที่เห็นร่างสูงเดินมาเคาะห้องนอนของผม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดีใจสุดชีวิตว่าได้คบกับเธอแล้ว แม่งไม่ต่างอะไรกับการผลักร่างทั้งร่างให้ตกลงไปในธารน้ำแข็งเลยว่ะ

   คืนนั้นเราแทบนอนไม่หลับเพราะบูรพากำลังจมอยู่กับความสมหวังที่มันได้รับ ขณะที่ผมต้องฝืนยิ้มเอ่ยดีใจไปกับมันทั้งที่ในใจร้องไห้แทบเสียสติ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เราตัวติดกันมาตลอด ไอ้บูไม่เคยแสดงท่าทีชอบใครจริงๆ จังๆ สักครั้ง แถมเราก็เคยมีเซ็กซ์กันด้วยความเต็มใจทั้งคู่ นั่นทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าความรักของเรายังพอมีหวัง

   มันไม่ได้สูญเปล่า เมื่อหัวใจดวงนั้นยังมีผมแค่คนเดียว

   แต่พอได้รู้ความจริงผมถึงได้เข้าใจว่าการรออย่างไร้ความหมายมีหน้าตาเป็นยังไง   

   เราเป็นเพื่อนรักที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตอาคเนย์มีบูรพา และคิดว่าในหัวใจของบูรพาเองก็คงมีคนชื่ออาคเนย์สลักเอาไว้เหมือนกัน แต่มันโคตรผิดเลย ผิด...ที่คิดไปเองเพราะความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก

   ‘จีนรู้มั้ย เธอเป็นคนแรกเลยที่เราอยากคบ และเรารักก็เธอมาก’ ประโยคที่ได้ยินเสียดแทงไปถึงความรู้สึก

   ทำไมผมจะไม่รู้จักนิสัยของบูล่ะ มันเป็นคนไม่คิดจริงจังกับเรื่องความรักมาก่อน แต่พอมาเจอผู้หญิงคนนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เหมือนมันได้รู้จักความรักในอีกรูปแบบหนึ่งที่พยายามตามหามานาน และคงจะดีไม่น้อยถ้าผมไม่ได้รู้สึกอิจฉา หรือเสียใจทุกครั้งเวลาเห็นคนทั้งคู่เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน

   ‘เราก็รักบูเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับกุหลาบนะ’

   เมื่อก่อนไอ้บูมีผม จะไปไหนก็เรียกหาแต่อาคเนย์ พอวันหนึ่งที่มีความรักก็ขลุกอยู่กับเขาจนหลงลืมคนๆ หนึ่งเอาไว้ข้างหลัง หลายครั้งหลายหนที่ผมพยายามปลอบใจตัวเอง   

   ผมไม่เคยมีใครแต่ทำไมเขาถึงผิดสัญญา

   สัญญา...เมื่อตอนเด็กที่บอกว่าเราจะรักกัน ทำไมวันนี้ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไปล่ะ   นี่ก็ผ่านไปปีกว่าแล้วที่สองคนนั้นคบกัน และคงยาวนานไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับบูมั้ย แล้วถ้าบอกความเป็นเพื่อนของเราจะเป็นยังไง จะยังมีโอกาสได้เดินเคียงข้างกันเหมือนเดิมหรือกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าของกันและกัน

   ความสับสนเหล่านี้ตีกันอยู่ในหัวไม่หยุด แม้บูกับจีนจะเดินแยกออกไปแล้ว ผมก็ยังคงจมจ่อมกับความคิดวุ่นวายในหัว จนกระทั่งความอดทนทั้งหมดสิ้นสุดและผมเลือกที่จะเดินไปสารภาพความจริงกับมันก่อนวันสิ้นปี

   ก่อนที่วันสำคัญอีกวันหนึ่งจะมาถึง...วันเกิดของบูรพา

   เรายังมาเรียนปกติ ตอนเช้าเพื่อนๆ ในห้องหอบเอาเค้กวันเกิดก้อนมโหฬารมาเซอร์ไพรส์ถึงในห้องเรียน บรรยากาศสนุกสนานเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เป็นภาพโดยหัวหน้าห้องจอมเนี๊ยบ ก่อนสงครามปาเค้กจะเริ่มต้นและจบลงตรงที่ทุกคนถูกลากเข้าห้องปกครอง

   ‘สนุกดีว่ะ ปีหน้าเอาแบบนี้อีกนะ’ ไอ้บูพูดกลั้วเสียงหัวเราะ สองมือพยายามวักน้ำจากก๊อกขึ้นมาล้างตามแขนขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเค้ก

   ‘ปีหน้าก็มอหกแล้ว’

   ‘แล้วไง’

   ‘มึงอาจกำลังเครียดอยู่กับการอ่านหนังสือสอบก็ได้’ บูอยากเป็นหมอ เพราะงั้นเลยต้องขยันกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ส่วนผมก็เริ่มมีความคิดที่อยากตามมันไปเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

   ‘เออลืมไป อนาคตไม่แน่นอนจริงว่ะ’ เจ้าตัวพูดอย่างปลงตก ก่อนต่างคนต่างหันไปจดจ่อกับการทำความสะอาดคราบเค้กออกจากร่างกาย นานเหมือนกันก่อนผมจะนึกขึ้นได้

   ‘กับจีนเป็นไงบ้าง เห็นว่าทะเลาะกัน’ ในใจโคตรอยากให้เลิกเลย แต่พอเห็นมันเสียใจแล้วผมก็รู้ในทันทีว่าความคิดแบบนี้แม่งโคตรแย่

   ‘ก็ยังไม่ดีกันอ่ะ งี่เง่าใส่กูเยอะไง’ คนเคียงข้างตอบเสียงเอื่อย

   ‘รีบปรับความเข้าใจกันเถอะ’

   ‘มันหลายครั้งแล้วมึง มาระแวงหาว่ากูนอกใจ ถามหน่อยเหอะว่ากูเคยไปทำอย่างนั้นที่ไหน’

   ‘มึงต้องใจเย็นๆ แล้วนี่เจอจีนบ้างมั้ย’

   ‘ไม่คุยกันมาอาทิตย์นึงแล้ว’

   ผมถอนหายใจ ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏอยู่บนกระจก ตอนนั้นเองที่จังหวะหัวใจซึ่งเต้นปกติมาตลอดรัวกระหน่ำขึ้นมา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงธันวาคมไม่มีวันไหนเลยที่ผมหยุดถามตัวเอง ถามย้ำๆ อยู่อย่างนั้นว่าควรบอกความรู้สึกของตัวเองไปดีมั้ย ทว่าวันนี้...ตอนที่เราได้อยู่กันตามลำพังความรู้สึกต่างๆ ที่อัดแน่นเอาไว้ก็พรั่งพรูออกมา

   ‘บู มึงว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันจะเป็นยังไงวะ’ ถามออกไปแล้ว ด้วยอาการหายใจไม่ทั่วท้อง

   ‘ก็แก่ไปด้วยกันไงมึง’

   ‘กูคิดถึงอนาคตที่ไม่มีมึงไม่ออกเลยว่ะ’

   ‘เหมือนกันนั่นแหละ’

   ‘บู...กูรักมึง’

   ‘กูก็รักมึงเหมือนกันเว้ย’ มือหนาที่ยังคงเปียกน้ำเอื้อมมาสัมผัสหัวของผมเบาๆ อย่างนึกเอ็นดู ถ้าเป็นปกติผมคงกลัวแล้วรีบเออออห่อหมกไปกับมัน แต่คราวนี้กลับไม่อยากทำอย่างนั้นแล้ว

   ‘กูรักมึงจริงๆ รักมาตลอด’

   รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาหายไป ทว่าผมก็ยังคงพูดต่อ

   ‘รักแบบที่ไม่ใช่เพื่อน รักโดยที่หวังว่าวันหนึ่งเราจะมีกัน...มีแค่เราสองคน’

   ‘เนย์ มึงพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า’

   ‘กูคิดมานานแล้ว หลายครั้งที่กูถามตัวเองว่าควรพูดออกไปดีมั้ย แต่สุดท้าย...’

   ‘แล้วทำไมมึงไม่เก็บต่อไปวะ’

   ‘…!!’

   ราวกับมีท่อนไม้หนาหนักตีลงมาตรงกลางกะโหลกอย่างจัง ผมยืนนิ่ง มองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทเนิ่นนานก่อนน้ำตาเม็ดใสจะไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

   ‘พูดแบบนี้หมายความว่าไง’

   ‘กูชอบจีนนะเนย์ มึงลืมไปแล้วเหรอ’

   ‘แล้วที่มึงมาเอากูล่ะ ที่เรา...กอดกัน จูบกัน มีอะไรกันมันหมายความว่ายังไง’

   ‘ที่ผ่านมามันไม่ใช่ความอยากรู้อยากลองของเราทั้งคู่เหรอ มึงพูดแบบนี้ต้องการอะไร มึงมาพูดตอนนี้ทั้งที่กูกำลังคบกับจีนอยู่เนี่ยนะ’

   ‘เห็นมึงทะเลาะกัน กูคิดว่า...’

   ‘กูรักจีน ยังไงก็ไม่มีทางเลิกกันเว้ย แต่จะบอกอะไรให้นะ’

   ‘…’

   ‘ต่อให้ไม่มีเขากูก็ไม่เอามึง’

   ผมได้แต่ยืนร้องไห้เงียบๆ มองดูคนตัวสูงกว่าเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง

   ตอนแรกก็คิดว่าความเป็นเพื่อนจะช่วยให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และมันก็น่าจะมากพอให้อีกฝ่ายยอมเปิดใจกันสักที ทั้งที่ความจริงมันต่างกันสิ้นเชิง ผมมีความกล้ามากพอจะบอกรักออกไปตรงๆ ไม่นึกเลยว่าท้ายที่สุดแล้วนอกจากไม่ได้เป็นคนรัก ผมก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้ยืนเคียงข้างมันอีกต่อไป

   สิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกันสลายหายไปพร้อมกับอากาศ ผมโกรธตัวเอง โกรธที่ไม่ยอมเก็บเงียบเพื่อให้เราอยู่กันได้นานขึ้น โกรธที่สิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยรู้เลยว่าบูรพาเป็นคนยังไง ผมควรฉลาดสักนิด ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วทำไมถึงเลือกพูดมันออกมา

   เพราะถ้ามันรักผมตั้งแต่แรก คงไม่ปล่อยให้มีอะไรกันแล้วเลือกเงียบมานานขนาดนี้โดยไม่คิดเลื่อนความสัมพันธ์

   ‘ไอ้โง่เอ๊ย’ ผมด่าเจือเสียงสะอื้นเพื่อตอกย้ำตัวเอง ก่อนจะหมกตัวอยู่ในห้องน้ำตลอดคาบบ่าย

   ใช้เวลาเพื่อร้องไห้ไม่ต่างจากผู้หญิง พิมพ์ข้อความมากมายส่งไปหาอีกฝ่ายไม่ขาดแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมา เลยยิ่งตอกย้ำว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ









   หลังเลิกเรียนผมลากสังขารแย่ๆ กับตาบวมๆ ออกจากห้องน้ำ เดินขึ้นไปเก็บกระเป๋าในห้องเรียนก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถ ที่โรงเรียนเราเด็ก ม.ปลายเอารถพ่อแม่มาขับกันเองเยอะมาก แน่นอนว่าผมก็ไม่พลาดจัดการกดรีโมทแล้วโยนกระเป๋าไปยังเบาะหลัง

   ตอนนั้นเองที่มือของใครคนหนึ่งรั้งฉุดเอาไว้ เราเลยได้เผชิญหน้ากัน

   ‘จีน’ ไม่ใช่บูรพาอย่างที่ผมคาดหวัง แต่กลับเป็นแฟนของมัน

   ‘เนย์กำลังจะกลับแล้วเหรอ’

   ‘อือ’

   ‘ช่วยเราหน่อยสิ มะรืนวันเกิดบู เราอยากง้อเขา’

   ‘เราช่วยอะไรไม่ได้หรอก’ ผมปฏิเสธทันที แค่ตัวเองยังสะบักสะบอมเอาตัวแทบไม่รอด จะมีหน้าไปช่วยเหลือคนอื่นได้ยังไง

   ‘เนย์ช่วยได้ เนย์รู้ดีว่าบูชอบหรือไม่ชอบอะไร’

   ‘แล้วเธอไม่เคยรู้หรือไง’ ผมขึ้นเสียง อีกฝ่ายเลยผงะเล็กน้อยพร้อมกับเบะปากราวกับจะร้องไห้

   ‘เราก็แค่อยากให้เนย์ช่วย’

   ถึงผมจะรู้สึกแย่กับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยังไง แต่เวลาเห็นจีนเป็นแบบนี้มันก็ปฏิเสธไม่ลงทุกที แปลกดีเนอะ เกลียดเขา แต่ก็อยากช่วยเหลือเขาในเวลาเดียวกัน คงเป็นเพราะเขาคือคนเดียวที่ทำให้คนที่เรารักมีความสุขล่ะมั้ง

   ‘สรุปจะให้ช่วยอะไร’

   ‘ไปซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์บูเป็นเพื่อนเราหน่อย’

   ‘ตอนไหน’   

   ‘ไปตอนนี้เลยได้มั้ย พรุ่งนี้โรงเรียนก็ปิดปีใหม่แล้วอ่ะ แถมเราก็โทรบอกที่บ้านว่าจะกลับกับเพื่อนแล้วด้วย น้า...ช่วยหน่อยน้า’ เหมือนเธอรู้คำตอบอยู่แล้วเลยโทรบอกที่บ้านซะเสร็จสรรพ เลยไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากชวนเธอขึ้นรถและขับออกไปด้วยกัน

   จีนไม่รู้จะซื้ออะไรไปง้อไอ้บู ส่วนในหัวของผมมีอะไรเยอะแยะมากมายที่อยากทำเพื่อมันแต่ก็ปล่อยให้เป็นเพียงความคิด เวลานั้นเราเดินเข้าช็อปนั้นช็อปนี้ไปทั่วแต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับ ผมเลยออกความเห็นว่าควรซื้อนาฬิกาข้อมือให้

   มีรุ่นและยี่ห้อหนึ่งที่เห็นมานานแล้ว ผมเก็บเงินจำนวนหนึ่งกะว่าจะซื้อเป็นของขวัญให้มันในวันสิ้นปี ถึงตอนนี้คงไม่มีโอกาสมอบให้มันอีก

   ‘จีน ซื้อนาฬิกามั้ย’ คิดได้เท่านั้นจึงรีบเอ่ยถามความเห็น

   ‘เอาดิ’

   ทว่าหลังเดินเข้าช็อปผมก็ได้ยินเสียงบ่นเล็กๆ ตามมา

   ‘แพงมากเลยเนย์ เราซื้อไม่ไหวหรอก ถ้าแม่รู้ต้องด่าเรายับแน่เลย’

   ‘เราซื้อให้’ ผมบอกเสียงหนักแน่น

   ใครจะมอบให้ไม่สำคัญหรอก สำหรับผมแค่บูรพาได้รับสิ่งดีๆ ผมก็พอใจมากแล้ว

   ‘ไม่เห็นต้องใจดีขนาดนี้เลย มันแพงมากนะ’

   ‘ถือเป็นของขวัญที่จีนกับไอ้บูคบกันไง’

   ‘ไม่เห็นเกี่ยวเลย’

   ‘เชื่อเถอะว่าบูมันต้องชอบมากแน่ๆ เดี๋ยวเราไปกดตังค์ก่อนนะ’

   ‘เนย์ จะซื้อจริงเหรอ’ ผมพยักหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มฝืนๆ ไปให้เธอ

   ‘ไม่ต้องบอกไอ้บูนะว่าเราซื้อให้ บอกแค่ว่าเป็นของขวัญจากจีนก็พอ’

   ‘ขอบคุณนะ แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรากับบูเลย’

   ‘อืม’

   ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนสักนิด ไม่ได้อยากหวังดีกับจีน แต่ในเมื่อตัวเองไม่ได้อยู่ในจุดที่ถูกเลือกก็จำต้องอยู่เป็นคนข้างหลังคอยผลักดันเขาอยู่ห่างๆ เท่านั้น

   หลังใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดจ่ายไปกับนาฬิกาเรือนแพง ผมก็ต้องทำหน้าที่เป็นสารถีพาเธอไปส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย แย่หน่อยที่ตอนอยู่ในห้างไม่ทันได้สังเกตบรรยากาศภายนอก รู้ตัวอีกทีเราก็ขับรถออกมาภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำไม่หยุด

   ถนนทุกพื้นที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำ ท้องฟ้าก็มืดแล้วเนื่องจากเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม เสียงเรียกเข้าดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นของจีน เธอเร่งเร้าและตั้งท่าจะร้องไห้ออกมาอีกรอบเพราะถูกที่บ้านโทรตาม

   ผมไม่มีทางเลือกมานักนอกจากขึ้นทางด่วนเพื่อหนีปัญหารถติด ดีหน่อยที่เวลานี้มีรถไม่มากเลยขับได้เร็วขึ้น ทว่าแค่นี้ก็ยังไม่พอ ความกดดันทั้งหมดถูกโยนมาที่ผมเมื่อจีนตัดสินในกดรับสายจากที่บ้านและอ้อนวอนให้ผมพาเธอไปส่งให้เร็วที่สุด

   เข็มหน้าปัดรถยนต์เลื่อนไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมไม่เคยขับเร็วกว่านี้ตอนฝนตก แถมยังไม่ชินเส้นทางมากนักเนื่องจากไม่ค่อยได้ไปที่บ้านของเธอ นั่นยิ่งสร้างความหนักใจเป็นเท่าตัว

   ‘เนย์...เนย์! กรี๊ดดดดดดดดดด’

   ปัง!!

   เสียงกรีดร้องดังก้องในโสตประสาท ร่างกายทุกส่วนแข็งค้างราวกับถูกตะปูตอกยึดอยู่กับที่

   ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มือที่ประคองพวงมาลัยไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างใจคิด ก่อนภาพที่เห็นตรงหน้าจะถูกตัดจากท้องถนนแล้วถูกเหวี่ยงแรงๆ จนเกิดภาพหมุนคว้างหลายตลบ

   ความกลัวผลักดันให้ผมเอาตัวรอดด้วยการบังคับเบรก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น

   เสียงของแข็งกระทบพื้นดังทะลุแก้วหูจนทุกอย่างอื้ออึงไปหมด สติที่เหลืออันน้อยนิดนั้นยังพอให้ผมคาดเดาสถานการณ์หลังจากรถหยุดตัวลง ความเจ็บสาหัสพลันแล่นเข้ามาทั่วร่าง แม้แต่คอยังตั้งแทบไม่ตรงแถมเราทั้งคู่ยังอยู่ในสภาพกลับหัว

   ตาของผมตอนนั้นมองเห็นเพียงสิ่งเดียวในม่านสายตา นั่นคือภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งเคียงข้างมาด้วยกันกำลังหมดสติคาเบาะ ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ด้านข้างกระจกมีส่วนหนึ่งของรถยนต์อีกคันกระแทกอัดก๊อบปี้กับรถของผม ซึ่งแน่นอนมันอาจส่งผลอย่างมากกับคนที่นั่งฝั่งนั้น

   ผมพยายามแล้ว...พยายามเอื้อมมือไปเขย่าตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา ผมกลัวจริงๆ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป แต่ความเจ็บมันก็แผลงฤทธิ์ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้

   ที่รู้สึกคงจะมีเพียงน้ำตาที่ไหลกลิ้งบนใบหน้าของตัวเอง เอาแต่ตอกย้ำซ้ำๆ ว่าไม่น่าเลย...ไม่น่าพาเธอมา เพราะถ้าเจ็บอยู่คนเดียวก็คงไม่รู้สึกแย่เท่านี้

   ‘ไอ้เหี้ยเนย์ มึง!!’

   นั่นแหละประโยคสุดท้ายหลังตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ก่อนที่ผมจะหลับไปยาวนานเกือบสัปดาห์

   จีน...จากโลกนี้ไป กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมกับบูรพาอย่างสิ้นเชิง มันตราหน้าว่าผมคือฆาตรกรที่ฆ่าคนรักของมัน

   ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็อยากขอให้ตัวเองตายไปตั้งแต่ตอนนั้นซะ อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องมาเกลียดกันเหมือนที่เป็นอยู่ ผมรู้ว่าสิ่งที่เจอมันยังไม่สาสมกับหนึ่งชีวิตที่ต้องจากไป

   แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ผมก็ต้องยอมรับความจริงใช่มั้ย

   ยอมรับที่ต้องแลกชีวิตไร้ค่ากับผลกรรมที่เคยก่อ





   เฮือก!!

   “มึงทำเหี้ยอะไร! คิดว่าจะตายหนีปัญหาแล้วทุกอย่างจะจบงั้นเหรอ”

   “...”

   “แค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มึงทำเลย เพราะมึงต้องเจ็บกว่านี้ เจ็บกว่าที่กูรู้สึก”

   สติที่ขาดหายค่อยๆ กลับมา ผมสำลักน้ำจำนวนมากจนรู้สึกเจ็บ ได้แต่ปล่อยให้ร่างสูงใหญ่ลากตัวออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกโชก ไม่รู้ว่ามันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมรอดจากการฆ่าตัวตายมาอีกครั้งแม้จะไม่อยากรอดเลยก็ตาม

   “อยากตายนักเหรอ” เสียงนั้นยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ “ขอโทษทีที่มึงยังไม่ได้ตายตอนนี้!”

   แล้วทุกอย่างก็ขาดหายไป

   ภาพตรงหน้าดับลงเหลือเพียงความดำมืด ผมไม่ฝัน ไม่คิดถึงอดีตอะไรอีก คงเหนื่อยแล้วจริงๆ ที่ต้องมีชีวิตเพื่อเผชิญกับความทรมาน จะอยู่ก็ทุกข์ จะตายก็ไม่ได้ ไม่ว่าเลือกทางไหนคงเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น

   ไม่อยากเลือกเลย...


อ่านต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 21:40:01 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #128 เมื่อ21-02-2019 22:13:22 »



ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องที่มืดสนิท ยังดีที่มีแสงสว่างจากหน้าต่างทำให้พอเดาได้บ้างว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ที่นี่เป็นห้องของผมในคอนโดของไอ้บู ร่างกายยังคงร้อนผ่าวจากพิษไข้ที่เป็นมาก่อนหน้า โชคดีที่มันไม่ปล่อยให้ผมนอนตัวเปียกอยู่ที่ห้องเลยจัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ จะมีก็แต่กางเกงเท่านั้นที่ไม่ได้สวม

   ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ดังนั้นกระเพาะเลยร้องประท้วงไม่หยุด แต่ถึงเป็นอย่างนั้นผมก็ยังไม่คิดหาอะไรรองท้องนอกจากกัดฟันยันตัวขึ้นมาเพื่อเก็บของจำเป็นบางอย่าง ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ถึงจะปวดหัวแทบระเบิดหรือเดินไม่ไหวยังไงก็ต้องไป

   สิ่งของจำเป็นถูกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางที่ผมพาติดตัวมาตั้งแต่ครั้งแรก บางอย่างก็กะทิ้งเอาไว้เพราะเหนือบ่ากว่าแรงจะแบกไป พอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จเวลาก็ปาไปเกือบตีหนึ่ง

   ผมค่อยๆ ลากกระเป๋าไปยังประตูอย่างเงียบเชียบ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดเบาๆ ทว่าความจริงที่ได้รับกลับทำให้ผมอยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ ไอ้บูล็อกประตูจากด้านนอก มันขังผมไว้อีกครั้งเหมือนที่เคยทำ

   “ไอ้บู ปล่อยกู!” ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบพร่า สองมือละจากกระเป๋าแล้วตบลงบนบานประตูจนเกิดเสียง “ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”

   ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

   แต่ผมไม่หมดความพยายามจนกว่าจะได้คำตอบ

   “ปล่อยกูออกไป”

   วินาทีต่อมาผมได้ยินเสียงฝีเท้าบริเวณห้องนั่งเล่น เดาว่ามันคงรู้อยู่แล้วแต่ไม่นานทุกอย่างก็เงียบไป จึงตั้งท่าอ้าปากตะโกนอีกหนทว่าสิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ร้องไม่ออก

   เสียงครางของผู้หญิง...

   มันมาเอากันตรงโซฟา

   เหยียบย่ำความรู้สึกของผมป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี

   นานมาแล้วตอนเรายังรักกัน ตอนที่ผมได้อยู่เคียงข้างกับมัน ก่อนที่ผมจะสารภาพรักออกไปตรงๆ เราเคยมีความสุขกว่านี้ เคยรักและดูแลกันมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันกลับต้องมานั่งรอว่าวันไหนไอ้บูจะสาดความทรมานมาให้อีกไม่จบสิ้น

   มันรู้ดี...รู้ว่าผมรักมัน รู้ว่าผมต้องรับไม่ได้กับการกระทำแบบนี้มันก็ยิ่งอยากทำ

   “ฮึก” แข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรงไปหมด จนในที่สุดก็ทรุดลงนั่งกับพื้นร้องไห้อยู่ตรงประตูเพียงลำพัง

   ผมอยากหนีแต่มันก็รั้งไว้เพื่อให้เผชิญหน้ากับการแก้แค้นไม่มีที่สิ้นสุด

   “ฮืออออออ”

   พอแล้วบูรพา...

   เมื่อไหร่จะจบสักที เมื่อไหร่กัน







   [ บูรพา ]

   เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาจากในห้องทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมดแม้กระทั่งตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม คืนนี้ผมพาผู้หญิงคนหนึ่งมาเพื่อตอกย้ำให้ไอ้เนย์ได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ไม่คิดว่าเลยสุดท้ายผมกลับต้องฝ่ายปวดประสาทกับมันแทน

   “กลับไปก่อน” ผมผละจากร่างเปลือยเปล่าซึ่งนอนอยู่ตรงโซฟาด้วยความหัวเสีย ต่อให้ยกมือขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงแค่ไหนก็ไม่สามารถขจัดความหงุดหงิดงุ่นง่านที่อยู่ภายในใจออกไปได้

   “บู จะทำค้างๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”

   “หมามันเห่าอยู่ไม่ได้ยินหรือไง บอกให้กลับไปก่อนเดี๋ยวโอนเงินให้”

   “อือ”

   คนฟังทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะชันตัวขึ้น เธอหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่คิดหันหลังกลับ หลังจากนี้แหละที่ผมจะได้คิดบัญชีกับคนด้านในอีกรอบ

   ตอนแรกกะพาผู้หญิงมานอนด้วยเพื่อทำลายข้อตกลงที่อีกฝ่ายคิดเองเออเองอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายเสียงร้องไห้ของมันกลับหลอนอยู่ในหูจนทำอะไรไม่ได้ ผมเลยต้องเลือกความเจ็บปวดอีกทางให้กับมันแทน

   “เป็นเหี้ยอะไรของมึง” ผมสาดคำด่าใส่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป

   “ฮึก...ฮือออออออ” ไอ้เนย์นอนกองกับพื้นในสภาพโคตรแย่ ร่างกายบิดเร่าไปมา เอาแต่กัดปากตัวเองแน่นจนเลือดไหลซึมพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่ขาดสาย

   “เงียบ! มึงอยากโดนดีใช่มั้ย”

   “อะ...ไอ้บู ฮึก...”

   “อยากเรียกร้องความสนใจนักเหรอ ร้องไห้จนกูเอาใครไม่ลงแล้วเนี่ย” ผมจ้องหน้าของคนที่กำลังนอนกอดตัวเองบนพื้นอย่างโมโห ก่อนจะย่อเข่าลงตรงหน้าแล้วเชยคางของมันขึ้นมามองชัดๆ

   “ฮือ...บู...กะ...กูปวดหัว” มันบอกกับผมอย่างน่าสงสาร ไม่เหมือนอาคเนย์ที่เคยรู้จักเลยสักนิด ยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจใดๆ นอกจากส่งยิ้มกลับไปให้

   ตอนนั้นเองที่ไอ้เนย์เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเองเลยกลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ พยายามกระถดกายหนีแต่ผมไวกว่านั้นตรงที่คว้ามือบางเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที   

   “มึงทำให้กูเอาใครไม่ได้ เพราะงั้นคืนนี้กูขอเอามึงได้มั้ย”

   “ยะ...อย่าทำกูเลย”

   “มึงไม่รักกูแล้วเหรอ มีเซ็กซ์ก็เป็นการแสดงความรักนะ”

   ผมรู้ว่ามันยังรัก รักเหมือนวันที่มันหน้าด้านพูดประโยคนั้นออกมา

   ยอมรับว่าโกรธมากและก็สมเพชกับการกระทำหลายๆ อย่างของมัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งสิบปี มันไม่เคยรู้เลยหรือไงว่าผมคิดกับมันแค่เพื่อน แต่ที่ตลกก็คือแทนที่จะปรับปรุงตัวหลังถูกปฏิเสธ มันกลับฆ่าคนที่ผมรักตายเพื่อให้ตัวเองสมหวัง โคตรน่าขยะแขยงเลยว่ะ

   “มึง ไม่เคยรักกู” ไอ้เนย์กันฟันพูดประโยคหนึ่งออกมา

   “ก็รู้ตัวหนิ แต่สำหรับกู...”

   “...”

   “จะรักหรือไม่รักกูก็เอามึงได้หมดนั่นแหละ” พูดจบผมเอื้อมมือไปจับแขนเล็กเอาไว้แน่น ความแรงของฝ่ามือทำให้ไอ้เนย์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถูกลากกับพื้นตรงไปยังเตียงซึ่งอยู่ไม่ไกล

   ผมใช้แขนทั้งสองข้างโอบอุ้มคนตัวเล็กกว่าโยนลงเตียงอย่างไม่ถนอม ก่อนจะรีบคลานตามขึ้นมาหมายจับข้อมือของคนป่วยเอาไว้ไม่ให้ขัดขืนใดๆ

   “บูกูเจ็บ กูยังไม่หาย...ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรกูเลย” น้ำเสียงแหบพร่าขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด

   “มึงไม่เจ็บหรอกไอ้เนย์ มึงไม่เคยเจ็บเลย หลายปีที่ผ่านมามึงยังยิ้มได้หัวเราะได้ อย่างนี้ยังจะมาโกหกหน้าตายว่าเจ็บอีกเหรอ” ผมยังคงพูดค่อนแขวะ รู้สึกเกลียดคนคนนี้เป็นเท่าทวี เพราะเมื่อไหร่ที่เห็นหน้ามันภาพของใครอีกคนหนึ่งมักจะผุดขึ้นมาในความคิดของผมเสมอ

   ฝันร้าย...

   ร้องไห้ เสียใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่าคิดว่าผมไม่เคยสัมผัส

   “กูไม่ได้ตั้งใจ ฮือ...กูไม่ได้ตั้งใจ” ใบหน้าซีดเผือดสะบัดไปมา น้ำตารินไหลลงบนปลอกหมอนจนเปียกชื้น แต่ผมก็ไม่คิดหยุด ยังคงเถียงกับมันอย่างต่อเนื่อง

   “มึงไม่ได้ตั้งใจแต่มึงทำแฟนกูตาย!”

   “กูไม่ได้ตั้งใจ”

   “กูปล่อยมึงมาตลอด มึงแย่งผู้หญิงกู มึงเรียนแข่งกู หรือแม้กระทั่งตอนที่มึงส่งคนมากระทืบ กูก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง เพราะคิดมาตลอดว่าความสัมพันธ์ตลอดสิบกว่าปีมันคงพอให้อภัยมึงได้บ้าง”

   “...!!”

   “แต่มึงรู้อะไรมั้ย เวลาที่กูให้มึงไปมันหมดแล้ว” พูดแค่นั้นผมก็รีบกดหน้าลงกับซอกคอขาว ใช้คมฟันกัดลงบนผิวนุ่มจนเลือดไหลซิบ ยิ่งไอ้เนย์ดิ้นพล่านไปมามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนของผมได้มากขึ้นเท่านั้น   

   “ไอ้บูอย่าทำกู...กูเจ็บ ฮึก...ปล่อยกูเถอะ” คนใต้ร่างอ้อนวอนทั้งน้ำตา ทำได้แค่ขยับตัวไปมาเมื่อถูกรุกล้ำจาบจ้วง ทว่าผมไม่ฟังยังคงใช้คมฟันดึงเสื้อผ้าของมันขึ้น ก่อนจะใช้มือถอดออกจากตัวอย่างง่ายดาย

   “เจ็บเหรอ เจ็บเท่ากับที่กูเจอมามั้ยล่ะ”

   “กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ ฮึก วันนั้น...วันนั้นกูไม่รู้ อื้อออออ” ผมไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองเกลียดพูดพล่ามใดๆ เพราะมันโคตรหนวกหูเต็มแก่ รีบจัดการประกบปากลงบนริมฝีปากร้อนรุ่มเนื่องจากพิษไข้ สอดลิ้นรุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างรุนแรง

   “โอ๊ยยยยย!”

ปฏิกิริยาตอบกลับเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น หลังผมเผลอฟาดมือลงบนซีกหน้าด้านซ้ายของไอ้เนย์ทันทีที่ถูกคมฟันของมันกัดเข้าอย่างแรงจนอีกฝ่ายร้องครวญเสียงแผ่ว เจ้าตัวยกมือข้างหนึ่งที่ไม่ถูกยึดไว้ขึ้นมาประกบข้างแก้ม ขณะร่างกายบอบบางนั้นแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์

“อะ...ไอ้บู”

“ใครบอกให้มึงกัดกูวะ”

“อย่าทำอะไรกูเลย มึงไม่เคยคิดจะข่มขืนกูอยู่แล้ว ใช่มั้ย...ใช่มั้ย”

เนย์รู้ดีว่าผมไม่ทำ มันรู้เหมือนที่ผมเองก็รู้ว่าความรู้สึกดีๆ ยังคงเหลืออยู่ แต่กลับถูกฝังกลบเอาไว้ด้วยความแค้นและความเจ็บปวดที่ผ่านมา ในวันที่จีนตาย ผมสูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง

“กู...รักมึงบู” ถึงกับชะงักค้างเพราะไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคดังกล่าวจากปากของคนชื่ออาคเนย์ “ที่ตอนนั้นเรานอนกอดกัน เราจูบกันก็เพราะรัก”

“พูดเพื่ออะไร คาดหวังจะขอให้กูรักมึงตอบเหรอ”

“กูรักมึง” มันยังพูดประโยคเดิมด้วยสายตาเลื่อนลอยจนน่าใจหาย

“หุบปาก”

“กูรักมึงบูรพา”

“...”

“กูเคยรักมึง”

ใบหน้าขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังยิ้มคล้ายกับว่าตัวเองได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไรกันแน่

ผมผละออกจากร่างบาง ความคิดทุกอย่างถูกตีแตกกระจายจนไม่มีอารมณ์จะกลั่นแกล้งอีก นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายนอนคุดคู้อยู่บนเตียงพลางกอดตัวเองแน่น ทว่าสายตากลับยังคงจดจ้องผมไม่คลาดเคลื่อน

   “มองกูทำไม”

   เอ่ยถามออกไป สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ

   “กูถาม!”

   ไอ้เนย์ยังคงมองมาตาไม่กะพริบ มีหลายอย่างที่แปลกไปจากทุกครั้งตรงที่มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับเลย เพียงเสี้ยววินาทีที่การกระทำไวกว่าความคิด รีบเอื้อมมือจับไหล่คนตรงหน้าเอาไว้แน่นพร้อมกับเขย่าไปมา จนรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวจากร่างกายของคนป่วยซึ่งกำลังแผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำให้มันรู้สึกตัวสักที

   ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและร่องรอยการถูกทำร้ายจากฝีมือของผมหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากห้อเลือด รอยแดงจากฝ่ามือที่ฟาดใส่อย่างแรงด้วยความโมโห ซอกคอ หรือแม้กระทั่งจุดอื่นที่มองเห็นผ่านสายตาทำให้ต้องถอนหายใจออกมาในที่สุด

   ผมพลั้งมือแรงไปหน่อย ด้วยความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกตามเคย

   “เป็นเหี้ยอะไรอีก”

   สายตาที่มองตรงมายังผมในคราแรกไม่ได้เปลี่ยนวิถี แม้ผมจะขยับเข้าใกล้มันก็ยังมองไปยังจุดเดิม ที่ที่มีแค่เพดานสีขาวเพียงเท่านั้น

   “กูถามมึงก็ต้องตอบ” ผมขู่เสียงเข้ม พยายามเขย่าตัวมันเบาๆ

   “ไอ้เนย์” ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห แต่เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดใสไหลลงเงียบๆ ความรู้สึกโกรธแค้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เจือจางไป

   “ทะ...ที่นี่หนาวจังเลย” นานเหมือนกันกว่าริมฝีปากแห้งกรังจะละเมอออกมา

   “มึงพูดอะไรวะ”

   “ยะ...อย่าทำอะไรกูเลยนะ กูกลัวแล้ว”

   “มึงมองกูก่อน”

   “อย่าทำอะไรเลย เนย์กลัวครับแม่ แม่ช่วยเนย์ด้วย” ไม่นานอาคเนย์ก็ดิ้นพล่านไปมา อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจนผมเองก็สับสน มันยกมืออ่อนแรงขึ้นมาไหว้ไปสะเปะสะปะ หากแต่สายตากลับไม่ได้จดจ้องอยู่กับผมแม้แต่เสี้ยว หลงเหลือแค่ความว่างเปล่าเพียงอย่างเดียว

   “...!!”

   เป็นอะไรไป มึงเป็นอะไร

   คำถามที่ผุดอยู่ในหัวตีกันยุ่งเหยิงไม่หยุด เลยเลื่อนมือจับใบหน้าของมันเอาไว้พร้อมกับตบเบาๆ เพื่อเรียกสติ

   “ไอ้เนย์มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ”

   “กูไม่ได้อยากเป็นฆาตกร ฮือ...” คำพูดที่ได้ยินจากปากทำเอาผมอึ้ง เจ็บเหมือนกับการถูกมีดแทงเข้าไปที่หัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

   นี่เรียกว่าคำสารภาพแล้วหรือยังอาคเนย์ คำสารภาพตลอดหลายปีที่ผมไม่เคยได้ยิน

   “แต่มึงฆ่าไปแล้ว”

   “ยกโทษให้กูด้วย กูไม่ได้ตั้งใจ”

   “ไม่ได้ตั้งใจแล้วมึงพาจีนไปทำไม มึงพาแฟนกูไปทำไม!” ผมอยากรู้ถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมาเนิ่นนานแล้วไม่ได้รับคำตอบ สิ่งที่ไอ้เนย์เลือกปกปิดเอาไว้ เหตุผลอะไรที่ต้องพาเขาไปกับมึงในวันนั้น

   “...”

   “ไอ้เนย์ตอบ!”

   “เนย์ไม่อยากเจอหมอ เนย์เจ็บครับแม่ ฮึก เจ็บจังเลย”

   “มึงพูดเรื่องอะไร”

   “จีน กูเห็นจีนอยู่ตรงนั้น”

   “ตั้งสติ!”

   “หมอบอกว่าจีนจะไม่กลับมา หมอบอก...”

   “...”

   “นั่นมันไม่จริง”

   ในหัวของผมยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าควรจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไงนอกจากปล่อยให้คนใต้ร่างพูดพล่ามเจือเสียงสะอื้นออกมาไม่หยุด

   “หมอบอกให้เนย์ ให้เนย์เลือกได้หนึ่งอย่าง เนย์เลยอยากย้อนเวลา”

   “...”

   “กลับไปวันนั้นได้มั้ย”

   “...”

   “เป็นผมได้มั้ยที่ตาย”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 21:41:22 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #129 เมื่อ21-02-2019 22:31:32 »

โอ้ยยยยย ทำไมมันหน่วงขนาดนี้คะคุณจิตติ :hao5: :hao5: รอพาร์ทอดีตของน้องเนย์อยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณจิตติค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
« ตอบ #129 เมื่อ: 21-02-2019 22:31:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #130 เมื่อ21-02-2019 22:40:25 »

 ปวดใจมากเลย :o12:

ออฟไลน์ Aomalisa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #131 เมื่อ21-02-2019 22:58:29 »

 :sad11:
โอ้ยยยยย ทำไมมันหน่วงขนาดนี้คะคุณจิตติ :hao5: :hao5: รอพาร์ทอดีตของน้องเนย์อยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณจิตติค่ะ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #132 เมื่อ21-02-2019 23:05:13 »

 :z10: เนย์

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #133 เมื่อ21-02-2019 23:40:33 »

เหอออออ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #134 เมื่อ22-02-2019 00:47:43 »

รู้ว่าเนย์ไม่ได้ตั้งใจ หน่วงจิตสุด ๆ  :sad4:

ออฟไลน์ fun_la_ong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #135 เมื่อ22-02-2019 10:15:44 »

บูจะใจร้ายกับเนย์ไปอีกนานแค่ไหน พอเถอะ!

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #136 เมื่อ22-02-2019 10:29:29 »

 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #137 เมื่อ22-02-2019 13:55:18 »

ไม่มีตอนไหนที่ไม่น้ำตาไหลเลยอ่ะ สงสารเนย์จัง  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ usguinus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #138 เมื่อ22-02-2019 14:37:53 »

แงงง วงวารเนย์มาก T_ T
รอตอนต่อไปนะคะ ชอบมากกก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #139 เมื่อ22-02-2019 16:13:33 »

ร้องไห้สงสารเนย์
อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ
และเนย์เองก็คงไม่อยากเจ็บหรอก
ใครจะอยากเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อให้อีกคนตาย
สำหรับบูการที่เนย์บอกรักตนเอง คงจะหนักหนากว่าจีนตายล่ะมั้ง
เพราะถ้าเนย์ไม่เคยบอกรักบู บูจะยังว่าเนย์เป็นฆาตกรอยู่ไหมนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
« ตอบ #139 เมื่อ: 22-02-2019 16:13:33 »





ออฟไลน์ jin_kazu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #140 เมื่อ22-02-2019 18:54:57 »

สงสารเนย์ T^T
เนย์พังไปหมดแล้วทั้งร่ายการทั้งจิตใจ โดนทำร้ายซ้ำๆ
บูคงไม่รุนแรงขนาดนี้ถ้าวันที่เกิดอุบัติเหตุไม่ใช่วันเดียวกับที่เนย์สารภาพว่ารักบู
แต่ที่บอกรอดจากการฆ่าตัวตายอีกครั้ง เนย์เคยจะฆ่าตัวตายแล้วหรอ T^T
รอวันที่เนย์ได้รับการรักษาแล้วหายจากบาดแผลนี้
กลับมามีความสุขจริงๆซักทีนะเนย์  :กอด1:
ส่วนบูรพา .. ฮึ ทำร้ายเนย์ไปเถอะแล้วสักวันจะรู้สึก วันที่เสียเค้าไปแล้วอะ  :angry2:

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #141 เมื่อ22-02-2019 21:08:36 »

ก็ยังคงร้องให้กับอาร์คเนย์ในทุกตอน

ออฟไลน์ italy18

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #142 เมื่อ22-02-2019 23:24:33 »

อ่านกี่ที ๆ ก้อหน่วงสลัดบาร์ :sad11:

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #143 เมื่อ23-02-2019 00:33:25 »

ฮืออออออออออออออออออออออ  :sad4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #144 เมื่อ23-02-2019 10:13:08 »

กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากที่ทิ้งช่วงไปนาน ไม่เห็นด้วยกับการข่มขืนเลยนะเอาจริงๆ เกลีนดกันมากแค่ไหนแต่ไม่ควรใช้วิธีนี้มาทำร้ายกัน คนที่โดนคือเหมือนตายทั้งเป็นเลยนะ บูก็เรียนหมอแท้ๆทำไมไม่คิด ความแค้นบังตาบังใจหมดเลยสินะ ตอนนี้เลยเหมือนเนย์รับกรรมไว้คนเดียวอะ ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นต้องใช้ชีวิตแบบนี้จนกว่าจะหมดลมอะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #145 เมื่อ23-02-2019 11:22:39 »

เนย์พังไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #146 เมื่อ23-02-2019 16:57:10 »

ฮืออออออ อยากโอบกอดร่างเเตกสลายทั้งกายทั้งใจของเนย์
ทำไมแค่เนย์บอกรัก นี่เลวร้ายน่าเกียจขนาดจนต้องต่อว่าแรงขนาดนั้นเลยเหรอ สงสารเนย์

เข้าใจที่บูเสียใจเรื่องแฟนตาย
คิดว่าการทรมานกันให้ตายเป็น โยนความผิดให้เนย์แล้วมันคงทำให้บูรู้สึกเจ็บน้อยลง บูเองก็อ่อนแอ ไม่ต่างจากเนย์ แล้วเนย์ต้องชดใช้ให้บูไปอีกนานแค่ไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2019 00:47:35 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ farafang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #147 เมื่อ23-02-2019 23:03:33 »

เนย์เอ้ยทำไมมันหนักหนาขนาดนี้

ออฟไลน์ MsMin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่5 [21/02/62] *หน้า5
«ตอบ #148 เมื่อ26-02-2019 07:43:24 »

ผิดจังหวะ ผิดพลาดทุกสิ่งจนนำมาถึงตอนนี้ ทั้งที่เผลอสารภาพรักไป ทั้งอุบัติเหตุวันฝนตก ยิ่งทำให้บูปักใจไปอีกว่าเนย์ตั้งใจฆ่าจีน แต่ก็เนย์ก็เกือบตายเหมือนกันนะ บูควรจะรู้ว่าไม่ตั้งใจ
ในความคิดเราคิดว่า *ต่อให้บูรู้ว่าเนย์ไม่ได้ตั้งใจแต่บูก็ไม่ให้อภัยอยู่ดีเพราะเนย์ก็เป็นคนให้จีนตาย*

ยิ่งก่อนหน้าทะเลาะกันอีก เพราะงั้นคนแอบรักเพื่อนอ่ะมันถึงต้องเลือกไง ว่าสารภาพไปแล้วเสียเพื่อน หรือเก็บไว้แล้วทนเจ็บมองเขามีคนอื่น
ผลออกมาแย่สุดๆไปเลยว่ะเนย์ มันสงสารตรงที่เนย์คิดว่าถ้าเลือกได้ ขอให้เป็นตัวเองที่ตายแทน
กลายเป็นตอนนี้ถูกคนที่รักทำร้าย มันคือตายทั้งเป็นรึเปล่า

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: อาคเนย์ ◈ ตอนที่6 [28/02/62] *หน้า5
«ตอบ #149 เมื่อ28-02-2019 23:07:43 »



CHAPTER 6
BIRTHDAY MEMORY



บูรพา (1) ว. ทิศตะวันออก
บูรพา (2) น. รักแรกของอาคเนย์



   ‘ถ้าโลกมีสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ สักอย่าง มึงอยากให้มันมีอะไรวะ’
   ‘นี่มึงอินกับหนังโดเรม่อนอยู่ใช่มั้ยไอ้บู’
   ‘เออ ตอบๆ มาเหอะน่า’
   ‘ถ้าอยากให้มีเลยก็คงเป็นเครื่องย้อนเวลา’
   ‘ย้อนทำไมวะ ไปอนาคตไม่ดีกว่าเหรอ’
   ‘อดีตมันดีจะตาย’
   ‘พูดอย่างกับว่าตอนนี้ชีวิตมันแย่อย่างนั้นแหละ’
   ‘เผื่ออนาคตไง มีเครื่องย้อนเวลามันดีนะ เวลาเศร้าๆ ก็จะได้พาตัวเองกลับไปตอนที่ยังมีความสุข หรือถ้าเผลอทำผิดพลาดเราก็แก้ไขได้ทันที ไม่ต้องเครียดหรือกังวลถึงผลกระทบที่ตามมาไง’
   ‘ขืนมึงย้อนได้โลกก็วุ่นวายหมดอ่ะดิ’
   ‘คงงั้น’
   ‘เอางี้ดีกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จริงแต่ทำได้แค่ครั้งเดียว มึงจะทำอะไรวะเนย์’
   ‘กูเหรอ อืม...กูอยากกลับไปในที่ที่กูมีความสุขที่สุด ที่นั่นเป็นห้องสีขาวกับผ้าปูเตียงสีเดียวกัน ห้องที่มีหมอนเน่าๆ สองใบ ใบหนึ่งใช้หนุน อีกใบใช้ถีบตอนหลับ กูจะเดินเข้าไปในห้องนั้น ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง มองดูนาฬิกาหกเหลี่ยมที่แขวนอยู่บนผนังเพื่อรอเจ้าของห้องกลับมา’
   ‘ที่มึงพูดนั่นห้องกูป่ะ’
   ‘อือ แล้วมึงจำวันนั้นได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น’
   ‘วันเกิดมึงไง’
   ‘ใช่ แล้วมึงก็เอาของขวัญให้กู เป็นของขวัญเดิมๆ ที่ชอบให้ทุกปี และกูก็มักจะตอบกลับมึงซ้ำๆ ว่าขอบคุณ’
   ‘...’
   ‘ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง กูจะไม่พูดขอบคุณแต่จะบอกความในใจแทน’
   ‘สมกับเป็นเพื่อนที่โรแมนติกฉิบหาย ว่าแต่...มึงจะบอกอะไรกูล่ะ’
   ‘กูจะบอกว่ากูรักมึง’




   ผมไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นถูกทำลายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

   ภาพของเพื่อนสนิทที่รักที่สุดกลายเป็นศัตรู ความทรงจำสวยงามในอดีตมันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้นแหละ พอโตขึ้นและได้เผชิญโลกอันกว้างใหญ่อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปหมด แม้แต่คำว่ารักที่เข้าใจมาตลอดว่าคงหมายถึงมิตรภาพของเรา ความจริงแม่งกลับเกินเลยกว่านั้น

   เราไม่มีไทม์แมชชีนเพื่อย้อนกลับไปในอดีต เรามีแต่ปัจจุบันที่เจ็บปวด เป็นรอยแผลที่ไม่มีทางรักษาหาย นอกจากปล่อยมันเอาไว้เพื่อย้ำเตือนความขมขื่นที่ผ่านมา

   “เป็นผมได้มั้ยที่ตาย”

   “...”

   “เป็นผมได้มั้ย...”

   จู่ๆ บทสนทนาในอดีตของเราทั้งคู่ก็วิ่งวนเข้ามาในหัว หลังจากได้ยินเสียงสั่นเครือของไอ้เนย์ละเมอออกมาไม่ขาดปาก ร่างกายทุกส่วนสั่นหงัก มีไข้สูง สายตาเลื่อนลอย ซึ่งผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับมันยังไง

   “หยุดเพ้อได้แล้ว” ผมเขย่าตัวมันแรงๆ เพื่อเรียกสติ ทว่าผลตอบรับกลับยังเหมือนเดิม “มึงรู้ดีว่าไม่มีทางย้อนเวลากลับไปได้ มึงรู้ดีว่ายังไงมึงก็ไม่มีทางตายแทนจีน”

   “เมื่อไหร่...เมื่อไหร่จะจบ แม่เนย์เจ็บ แม่ ฮือ...”

   ผมไม่รู้ว่าไอ้เนย์มันเกิดบ้าอะไรขึ้นถึงได้ละเมอเพ้อแต่ประโยคที่จับใจความไม่ได้ พอบอกให้หยุดมันก็ยิ่งแสดงอาการหนักกว่าเก่า ซึ่งเดาว่าคงมาจากพิษไข้ที่รุมเร้าจนร่างกายอ่อนปวกเปียกอย่างที่เห็น

   ยิ่งตะคอกอีกฝ่ายมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ผลตรงข้ามจนรู้สึกหัวเสีย เลยต้องเปลี่ยนวิธีค่อยๆ ใช้สองมือกอบกุมใบหน้าร้อนผ่าวนั้นเอาไว้ จดจ้องไปยังดวงตาซึ่งเอ่อรื้นไปด้วยน้ำตาโดยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมองเห็นผมหรือเปล่า

   “อาคเนย์” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปอ่อนลงกว่าตอนแรกมาก

   “พอแล้ว ฮึก พอ...”

   “เนย์ มองหน้ากู กลับมาได้แล้ว” ไม่รู้ว่าสติของมันหลุดลอยไปไหน แต่มันถึงเวลาที่ควรกลับสู่ความเป็นจริงสักที ยังไงมันก็คงหนีความเจ็บปวดไปไม่ได้หรอก

   “บู”

   น้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้โฟกัสสายตาจะกลับมาจดจ้องที่ผมแล้ว

   “เงียบซะ”

   “บูรพา...”

   ใบหน้าที่บิดเบ้ค่อยๆ ผ่อนคลาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำเอาผมแช่ค้างอยู่กับที่ บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจเหตุผลในการยิ้มของมันเลยสักนิด ไม่เข้าใจพอๆ กับเหตุผลว่าทำไมผมยังไม่ยอมผลักตัวเองออกไปสักที

   “นอนซะ” แม้จะสงสัยเกี่ยวกับความจริงที่ค้างคาอยู่ในใจมาตลอดหลายปีแค่ไหน ผมก็จำต้องปล่อยไปก่อนเพราะต่อให้พยายามบีบเค้นยังไง คงได้ยินเพียงเสียงร้องไห้แทบขาดใจของมันเพียงอย่างเดียว

   หลังจีนจากไปในอุบัติเหตุคืนนั้นไอ้เนย์ก็หายหัว

   ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายออกจากโรงพยาบาลหลังรักษาตัวจนหายดีแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย พอกลับมาเรียนตามปกติมันก็ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ที่สำคัญคือไม่เคยรับผิดชอบต่อการกระทำแย่ๆ ของตัวเองสักนิดนอกจากให้แม่กับพ่อมาช่วยจ่ายเงินค่าทำศพ

   ผมรู้ดีในคืนนั้นมีรถคู่กรณีอีกคันที่มีสภาพเละเทะไม่ต่างกับเจ้าของ แถมฝ่ายนั้นก็ยอมรับผิดเองทั้งหมดเนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ รถยนต์คันดังกล่าวพุ่งมาด้วยความเร็วจนชนเข้ากับรถที่จีนนั่งมา แรงกระแทกของมันรุนแรงมากบวกกับความลื่นของถนนในคืนฝนตกทำให้รถเกิดการพลิกคว่ำหลายตลบก่อนจะจอดสนิท

   อุบัติเหตุในคืนนั้นอาคเนย์ไม่ผิดก็จริง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จีนตาย

   ถ้ามันไม่พาจีนออกไป ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้...

   ผมดึงมือออกจากใบหน้าขาวซีด มองดูอีกฝ่ายค่อยๆ พาตัวเองจมสู่ภวังค์อย่างช้าๆ ส่วนตัวเองก็รีบเร่งแล้วต่อสายหาใครบางคนที่พอจะช่วยเหลือได้บ้าง

   “พี่ว่างอยู่มั้ย พอดีมีเรื่องรบกวนนิดหน่อย อือ...คอนโดผม”

   คุยกับปลายสายเรียบร้อยผมก็วกกลับมาที่เตียง หลุบตามองคนที่นอนคุดคู้อยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดขยับไปไหน คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัว ทำไมผมต้องช่วยมัน ทำไมถึงต้องเห็นใจ ในเมื่อที่ผ่านมามันก็จ้องจะทำลายชีวิตผมไม่จบสิ้น

   แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าทำได้ผมก็อยากให้มันเจ็บปวดกว่านี้อีกหลายเท่า

   ครึ่งชั่วโมงให้หลังคนที่ผมได้ขอความช่วยเหลือเอาไว้ก็ติดต่อกลับมา โฟมเป็นรุ่นพี่เอ็กซ์เทิร์น  ที่ผมค่อนข้างสนิทและไว้ใจในระดับหนึ่งเนื่องจากอยู่สายรหัสเดียวกัน ประกอบกับสภาพของไอ้เนย์ในตอนนี้ค่อนข้างแย่ เลยจำต้องรบกวนอีกฝ่ายให้มาดูอาการตอนกลางดึกอย่างช่วยไม่ได้

   ความจริงหากพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดเรื่องก็คงหมดปัญหา แต่เพราะกลัวว่าสุดท้ายเรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านั้นเลยเลือกที่จะไม่ทำ

   “โทรเรียกกูซะดึกดื่นเลยนะมึง มีปัญหาอะไรวะ” ประโยคแรกโพล่งขึ้นหลังผมเปิดประตูเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

   “จะขอให้มาช่วยดูอาการใครบางคนนิดหน่อย”

   “ไม่พาไปโรง’บาลวะ”

   “ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่” คนฟังขมวดคิ้ว รู้ดีว่ามันคงระแคะระคายกับคำพูดของผมค่อนข้างมาก พี่โฟมเป็นพวกที่ภายนอกดูสุขุมดูเยือกเย็นก็จริง ทว่าตัวตนจริงๆ นั้นกลับเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์แกะดำที่มีนิสัยไม่ต่างผมเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เก่งและเรียนมามากพอจะช่วยดูอาการของไอ้เนย์ในตอนนี้ได้

   “เออๆ แล้วไหนล่ะคนที่มึงอยากให้ดู”

   ผมเดินนำไปยังห้องนอนเล็กจากนั้นก็หมุนลูกบิดประตู โฟมรู้จักไอ้เนย์ดี ถึงตอนนี้คงไม่ต้องเดาแล้วว่ามันกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนหลังจากเห็นสภาพย่ำแย่ของคนที่มันรู้จัก

   “เนย์หนิ มึงทำอะไรมันวะ”

   “มีเรื่องกันนิดหน่อย”

   สองขาของคนอายุมากกว่าก้าวไปประชิดกับขอบเตียง เอื้อมมือไปแตะตรงหน้าผากขาวซีดของคนตรงหน้า

   อาคเนย์ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ถึงจะหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่ก็ไม่สามารถปกปิดความเจ็บปวดที่ฉายสะท้อนเข้ามาในสายตาได้เลย นั่นจึงทำให้โฟมหันมามองผมด้วยสายตาไม่พอใจ

   “มีเรื่องจำเป็นต้องเล่นกันหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ”

   “ผมกับมันก็เล่นแรงกันตลอดยังไม่ชินอีกเหรอ ตอนนี้พี่ช่วยดูมันหน่อย ก่อนหน้ามันเอาแต่เพ้อไม่หยุด โคตรรำคาญเลยว่ะ”

   “ดูท่าทางแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัวร้อนมากนะ” มือที่แตะหน้าผากเลื่อนไปบนซอกคอ จากนั้นก็ค่อยๆ รั้งผ้าห่มออกจนเห็นร่องรอยที่ผมลงมือทำกับมันอยู่เต็มไปหมด

   “มึงทำเหรอ”

   “พี่ช่วยดูให้หน่อย”

   “กูถามว่ามึงทำมันเหรอ!”

   “อือ”

   “ได้ขืนใจมันมั้ย”

   “เปล่า แค่ต่อยตีกันธรรมดา”

   “เล่นแรงไปนะ จิตใจของมึงอย่าว่าแต่เป็นหมอเลย เป็นคนปกติยังไม่ได้ด้วยซ้ำ”

   “เก็บไว้ด่าทีหลังได้มั้ย ตอนนี้ช่วยดูมันก่อนเถอะ”

   “แล้วนอกจากตัวร้อนก่อนหน้านี้มันมีอาการอย่างอื่นด้วยมั้ย”

   “แม่งเพ้อไม่หยุด ตาลอย ไม่ตอบสนอง”

   “ต้องพาไอ้เนย์ไปโรง’บาล ยาพาราไม่ได้ช่วยให้หายหรอกนะ” หลังได้ข้อสรุป ผมรีบเถียงกลับทันที ยังไงก็จะไม่ยอมพาไปไหนทั้งนั้น

   “ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่”

   “ไอ้เนย์ไข้สูงมาก อีกอย่างรอยนิ้วมือนิ้วตีนมึงกระจายตามตัวมันขนาดนี้จะให้อาการดีขึ้นในเร็ววันนี่ยิ่งไม่มีทาง” พี่รหัสส่ายหน้าไปมา ไม่มีใครพูดหรือขยับอะไรอีก นานเหมือนกันกว่าเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงเรียบ

   “พาไปคลินิกพี่กู ปล่อยไว้แบบนี้ต้องแย่แน่”

   “อือ”

   ผมไม่ได้ทักท้วงนอกจากทำตามคำสั่งของคนอายุมากกว่า ใช้เวลาไม่นานก็อุ้มร่างติดสั่นและเพ้อออกมาเป็นครั้งคราวเข้าไปในรถ ระหว่างทางก็ยังไม่วายถูกก่นด่าไม่หยุดหย่อน

   “อย่าทำแบบนี้กับไอ้เนย์อีก กูไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะร้ายแรงแค่ไหนมันก็ไม่ควรลงเอยที่การใช้กำลัง อย่าทำเหมือนมันเป็นสิ่งของไม่มีหัวใจสิ”

   “ทีมันยังทำกับผมเหมือนไม่มีหัวใจเลย”

   “อีกหน่อยถ้ามึงโตขึ้นก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง”

   “ผมโตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วกัน”

   “ถามจริง มึงเกลียดอะไรมันนักหนา”

   “เรื่องนี้พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

   “จบกันได้แล้ว”

   “เดี๋ยวผมสะใจเมื่อไหร่ก็เลิกทะเลาะไปเองนั่นแหละ”

   “ได้ยินข่าวลือมาว่ามึงสองคนเคยเป็นเพื่อนกัน ถามจริงเถอะตอนนี้มึงยังรู้สึกรักมันสักนิดหนึ่งมั้ย” ไม่เคยมีใครถามผมแบบนี้สักครั้ง เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกจู่โจมและผมก็ได้แต่แค่นยิ้มออกมา “ที่ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง”

   “เคยรู้สึก...”

   “...”

   “ก็แค่เคย”

   ประโยคในรูปอดีต ยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องที่เคยผ่านมาแล้วเท่านั้น...













   ครอบครัวของพี่รหัสผมเป็นหมอกันทั้งตระกูล และคลินิกที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นของพี่สาวคนโตของบ้าน แถมยังโยนภาระให้เธอเป็นฝ่ายดูแลคนป่วยให้อีก ผมต้องให้ไอ้เนย์นอนพักที่นี่ไปก่อน พออาการดีขึ้นถึงค่อยพามันกลับไปที่คอนโดอีกครั้ง

   “บูไปนอนพักก่อนเถอะ ข้างบนมีห้องนอนแขกอยู่ ไปนอนกับโฟมก่อนได้”

   “ขอบคุณครับพี่เฟย์ แต่...”

   “ทางนี้พี่ช่วยดูให้เอง อีกอย่างเพิ่งให้ยาลดไข้ไป เนย์คงยังไม่ตื่นเร็วๆ นี้แน่” พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกวางใจเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของคลินิก ตรงดิ่งไปยังมุมสุดของอาคารก่อนจะขอตัวเป็นกาฝากนอนกับรุ่นพี่ปีหกชั่วคราว

   ผมนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเพราะมีเรื่องให้กังวลเต็มไปหมด กว่าจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในความฝันก็เกือบเช้า นอนได้ไม่เท่าไหร่สองหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งแว่วเข้ามา ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

   ปังๆๆ

   คนเคียงข้างสบถออกมาไม่หยุดก่อนจะลุกงัวเงียไปเปิดประตู

   ภาพแรกที่เห็นคือสีหน้าไม่สู้ดีนักของคุณหมอเจ้าของคลินิก เธอมองมาที่ผม เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเต็มไปด้วยความกังวล

   “บูลงไปข้างล่างหน่อย”

   “มีอะไรเหรอครับ”

   “เนย์ตื่นแล้วนะ”

   มันควรโล่งใจไม่ใช่เหรอเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ผมกลับไม่ถามอะไรเพิ่มเติมนอกจากตามคนตัวเล็กลงไปยังชั้นล่าง ที่นี่มีห้องพักสำหรับคนไข้อยู่ห้องหนึ่ง ภายในมีเตียงขนาดเล็ก ถูกปิดล้อมด้วยผนังสีขาวสะอาดตาทั้งสี่มุม สิ่งที่ผมคิดเอาไว้คือการเห็นร่างบอบบางและซีดเซียวนอนอยู่บนเตียง แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น

   “แม่อยู่ไหน...”

   น้ำเสียงแผ่วเบาดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง

   อาคเนย์ในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อมันกำลังกอดเข่าตัวเองแน่น สายน้ำเกลือยังคาอยู่ที่มือ ริมฝีปากพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้น ไม่โวยวาย ไม่ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

   “ไอ้เนย์” ผมเรียกชื่อมัน ก่อนจะได้รับสายตาว่างเปล่ากลับมา

   “ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ครับ มัน...น่ากลัว”

   “เดี๋ยวถ้าหายดีก็จะได้กลับบ้านแล้วนะคะ” ท่ามกลางความสับสนงุนงงของคนในห้อง ดูเหมือนพี่เฟย์จะได้สติสุดเพราะยังคงสื่อสารกับคนตรงหน้าอย่างใจเย็น เธอพยายามย่างเท้าเข้าไปประชิด ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัสตัวไอ้เนย์ก็แหกปากร้องลั่นขึ้นมาซะก่อน

   “อย่าเข้ามา! อย่าทำอะไรผมนะ”

   “ไม่ทำจ้ะ พี่อยู่แค่นี้เอง ไม่เข้าใกล้นะ” ไม่มีใครขยับเข้าใกล้มากกว่านั้น “น้องไม่ปกติแล้วนะบู จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ต้องพาไปโรง’บาลแล้วติดต่อแผนกจิตเวช”

   ความง่วงงุนในคราแรกหายเป็นปลิดทิ้งหลังได้ยินคำแนะนำจากอีกฝ่าย

   “ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้” ที่ผ่านมาเราทำร้ายกันมาตลอด เข้าใจว่าบาดแผลที่มีล้วนเกิดจากแผลทางร่างกาย แต่ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจ บางที...ผมก็อยากให้สิ่งที่คาดคะเนไม่เกิดขึ้นจริง

   “เราไม่มีประวัติการรักษาของเขา ยังไงก็ต้องไป”

   “โอเคครับ” ไม่มีทางเลือกแล้ว ที่สำคัญคืออาการของไอ้เนย์ดันหนักหนากว่าที่คิด

   “แต่ตอนนี้เราเข้าถึงตัวเนย์ไม่ได้กลัวมันจะยิ่งไปกันใหญ่ ไข้ก็ยังไม่ค่อยลด ยังไงก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

   “ผมรู้”

   “โฟมไปรอข้างนอกพี่จะคุยกับเนย์หน่อย” เจ้าของชื่อพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางเดินออกไปตามคำขอ มีเพียงผมที่ยังอยู่และยืนห่างจากคนทั้งคู่ค่อนข้างมาก

   “เนย์...ไม่สบายตรงไหนบอกพี่หน่อยได้มั้ยคะ” น้ำเสียงที่ดูใจเย็นนั้นทำให้บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลายลงมาก เธอค่อยๆ ย่อเข่านั่งลงกับพื้นในระดับเดียวกัน ส่วนคนฟังเองก็ไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่าจ้องมองกลับด้วยสายตาเลื่อนลอย “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

   “บูรพา”

   “...!!” อาคเนย์เรียกชื่อผมแทนการตอบคำถาม ผมเลยก้าวเท้าเข้าไปหาแต่กลับต้องชะงักค้างอยู่กับที่เมื่อมันห่อตัวแน่นกว่าเดิมพร้อมกับร้องเสียงหลง

   “เจ็บ อย่าทำได้มั้ย เจ็บ”

   “ไม่มีใครทำอะไรนะคะ ไม่มีอะไร” พี่เฟย์ส่งสายตากลับมาให้ผมออกไปก่อน ด้วยไม่อยากขัดคำสั่งเลยยอมเดินออกไปเงียบๆ และปักหลักอยู่ข้างประตูเพื่อเฝ้ามองสถานการณ์ไปด้วย

   ในหัวมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด เฝ้าแต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือนี่เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่อีกฝ่ายกำลังแสดงเพื่อให้ผมประสาทเสียตาม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นไอ้เนย์ก็คงทำสำเร็จไปแล้วเพราะผมกำลังจะเป็นบ้าอยู่รอมร่อ

   “แม่อยู่ไหน”

   น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นยังคงถาม

   “เดี๋ยวพี่โทรหาคุณแม่ให้น้า”

   “แม่มารับผมหน่อย ผมไม่อยากอยู่ที่นี่” ไม่มีเสียงสะอื้น มีเพียงประโยคบอกเล่าแบบโมโนโทนเท่านั้นที่ดังก้องในโสตประสาทคล้ายกับว่าคนพูดกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน

   “อีกไม่นานคุณแม่ก็จะมารับกลับแล้ว เพราะงั้นเนย์บอกพี่ได้มั้ยว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

   “เจ็บตรงนี้” เพราะประตูห้องไม่ได้ปิด ผมเลยเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือบางเลื่อนมาจับแขนของตัวเองพร้อมกับลูบไปมา

   “เจ็บที่แขนเหรอคะ” คราวนี้มันพยักหน้า พี่เฟย์เลยถามต่อ “แล้วเนย์เจ็บตรงไหนอีก”

   “ตรงนี้...” มือตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ

   “งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยดูให้นะ พี่เข้าไปได้ใช่มั้ยคะ” เจ้าตัวส่ายหัวเป็นคำตอบ

   “ผมมีวิธี มันจะหาย...”

   ว่าแล้วใบหน้าไร้สีเลือดนั้นก็คลี่ยิ้มมุมปาก ผมไม่แน่ใจนักว่ามันตื่นขึ้นมาหรือกำลังอยู่ในภวังค์ที่ลึกที่สุดกันแน่ เพราะท่าทีที่แสดงออกในตอนนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาซะเลย

   “ปกติเนย์ทำยังไงถึงจะหายคะ พี่เองก็พอช่วยได้เหมือนกัน”

   “ไม่มีใครช่วยได้ หมอก็ช่วยไม่ได้ มีแต่ผม...”

   “...”

   “จีนบอกให้ผมขับรถ แต่ผมขี้ขลาด ผมไม่กล้าพอที่จะแตะต้องมันอีก” น้ำเสียงราบเรียบเริ่มสั่นเครือลงเรื่อยๆ คนพูดเองก็ค่อยๆ ก้มหน้างุ้มจนตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ “เธอบอกให้ผมลองขับ ขับไปบนถนน”

   “เธอบอกเนย์เหรอ ในความฝันหรือเปล่า”

   “เธอมา” ไม่มีจีนบนโลกนี้อีกแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะมา มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่ไอ้เนย์พยายามสร้างขึ้นและนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปอีก

   “มาหาบ่อยแค่ไหนคะ”

   “ผมไม่รู้ แต่พอผมไม่ทำตามเธอก็จะมาเรื่อยๆ ผมขับรถไม่ได้เพราะไม่มีความกล้าพอ แต่ในคืนนั้นผมจำได้ดี เลือดท่วมตัวเราทั้งคู่ ผมนับเลข...ร้องให้ใครสักคนมาช่วย หนึ่ง สอง สาม สี่”

   “เนย์นับถึงเท่าไหร่”

   “ห้า หก เจ็ด แปด เก้า...” ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดนอกจากการนับเลขไปเรื่อยๆ ราวกับคนละเมอ

   ห้องทั้งห้องไร้เสียงรบกวน มีแต่เสียงของอาคเนย์เท่านั้นที่ยังเปล่งออกมาไม่หยุด ทั้งอึดอัดและทรมาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลขพวกนี้หมายถึงอะไร จนอยากจบทุกอย่างด้วยการโทรหารถพยาบาลให้รีบพาตัวออกไปซะ แต่ติดตรงที่ผมดันปล่อยให้มันเป็นแค่ความคิดเพียงอย่างเดียว

   “หนึ่งร้อยสิบสาม หนึ่งร้อยสิบสี่ นับเลขทำให้ผมหายเจ็บ”

   และนั่นคือคำตอบของคำถามในตอนแรก

   “ผมนับมันเรื่อยๆ เบื่อหน่อยก็เลยลองหยิบก้อนหินขึ้นมา ตอนนั้นผมดูหนังอยู่เรื่องหนึ่ง  นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ดูแต่ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี วินาทีที่ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่าใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เดินลงไปในน้ำ ผมชอบนะ...”

   ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ผมในตอนนี้ไม่ต่างกับการเดินลงไปในน้ำเหมือนผู้หญิงในจินตนาการของอาคเนย์เลย

   “ความรู้สึกนั้นดูไม่เศร้าเท่าไหร่ เหมือนจะ...ผ่อนคลายด้วยซ้ำ เลยลองทำตามบ้าง”

   “...”

   “หนึ่งก้อน สองก้อน สามก้อน...ตัวผมหนักไปหมด เดินก็ลำบาก แต่ไม่รู้คิดอะไรถึงรู้สึกว่ามันน่าสนุกดี”

   ผมไม่ได้อยากฟังต่อ แต่สองเท้ากลับเหมือนมีอะไรบางอย่างตรึงเอาไว้ให้อยู่กับที่

   “วันนั้นจีนมาหาผม เธอบอกมันน่าสนใจเลยอยากลองทำบ้าง เราเดินไปที่สนามหญ้ากว้างๆ ของสวนสาธารณะ ตรงนั้นมีสระที่กว้างมาก ผมถามเธอว่าเล่นน้ำตอนกลางคืนได้มั้ย เธอเลยตอบว่าได้”

   ไอ้เนย์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง วนนิ้วชี้ไปมาบนพื้นราวกับกำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีต

   “เราเดินลงไปด้วยกัน หินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อและกางเกงดึงผมให้จมลงไปใต้น้ำ นั่นเป็นครั้งแรกเลย ครั้งแรกที่ไม่รู้สึกเจ็บอีก ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยอยู่ในความมืด ในใจเต้นลิงโลดเหมือนได้รับอิสระ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า...ผมรู้แล้ว”

   “...”

   “การหายไปคือสิ่งที่ทำให้ผมไม่ต้องเจ็บปวดอีก”



อ่านต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 21:48:45 โดย Jittirain12 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด