ตอนที่ 5 : ระเบิดลูกโตผมยืนรอพี่โชที่หน้าคณะเมื่ออีกฝ่ายโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ข้อดีของการเป็นแฟนหลอกๆ คือผมได้เบอร์โทรกับไอดีไลน์กับพี่โชมาครอบครอง
“ขึ้นมา” พี่โชโน้มตัวมาเปิดประตูให้ รถที่พี่โชขับเป็นรถญี่ปุ่นราคากลางๆ อายุการใช้งานน่าจะหลายปีแล้ว
“สวัสดีครับ” ผมส่งยิ้มกว้างให้ก่อนเป็นอันดับแรก
“แต่งตัวอะไรของเรา”
ผมก้มหน้าลงมองตัวเอง เมื่อคำทักทายแรกที่ได้ดันเกี่ยวกับเสื้อผ้าของผมเสียนี่
“ก็พี่โชไม่ยอมบอกผมนี่ครับว่าจะพาไปไหน ผมเลยแต่งให้เรียบร้อยไว้ก่อน”
พี่โชถอนใจหนักๆ ตวัดตามามองผมด้วยสายตาเหลือจะกล่าว “ชุดนักศึกษาเนี่ยนะ”
“แล้วสุภาพไหมครับ”
“ไอ้เด็กเพี้ยนเอ๊ย” พี่โชหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่เคยเฉยชาเสมอเป็นประกายขำ
“หัวเราะจริงๆ ด้วย” ผมยิ้มกว้าง จัดการเปิดกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนตัก หยิบเสื้อเชิ้ตตัวเก่งออกมา
“เปลี่ยนแป๊บเดียวเอง”
“นี่ตั้งใจใส่มาเล่นตลกเหรอ”
“เปล่า ผมใส่มาตกคนขี้เก๊กต่างหาก”
พี่โชเงียบกริบ ดูจากสายตาแล้วถ้าไม่ขับรถอยู่ผมคงถูกทุบหัวแตก ผมสบตาคู่นั้นปริบๆ ก่อนหัวเราะแห้งๆ ออกมา สงสัยคุณปลาฉลามจะไม่ชอบให้ตั้งคณะตลกตลอดเวลา ต้องกลับไปบอกพี่เดียวใหม่เสียแล้ว
ใช่ครับ ผมแอบเรียกพี่โชว่าคุณปลาฉลาม เหตุผลง่ายๆ คือพี่โชเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เป็นชายหนุ่มขี้โมโห ท่าทางดุดัน เป็นฉลามขาวที่สวยงามแต่น่ากลัว
“ผมล้อเล่นครับ ไหนๆ ก็นัดพี่โชมารับที่มหาลัย ผมเลยนัดเอางานมาให้อาจารย์ช่วยดู วันนี้แกมีสอนคลาสพิเศษ”
“วันเสาร์ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษาก็ได้”
“จริงด้วยผมลืม!” ผมหันไปมองพี่โชตาโต สีหน้าบ่งบองความเอ๋อชัดเจน พี่โชเบือนหน้ามามองผมก่อนหันกลับไป ผมคิดว่าเรื่องนี้คงจบแล้วแต่จู่ๆ พี่โชก็หัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะแบบคนขำจริงๆ ขำจนกลั้นไม่ไหว ผมทำหน้ามู่ทู่รอให้อีกฝ่ายหันมามอง แต่เมื่อพี่โชไม่หันมาใบหน้าของผมจึงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง ดีจริง บรรยากาศแบบนี้มันดีจริงๆ นะ
• • • • • • • •
“กว่าจะยอมโผล่หัวมาได้”
ผมเอามือลงหลังจากทำความเคารพผู้ใหญ่ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินประโยคทักทายของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณปู่ของพี่โช ความตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังใหญ่โตโออ่าหายไปในพริบตา เพราะความอึดอัดเข้ามาแทนที่
“ปู่สบายดีนะครับ”
“ถ้าปู่สบายดีแกจะยอมโผล่หัวมาไหม” คุณปู่ของพี่โชดูน่าเกรงขามแต่ท่าทางจะหัวรั้นพอๆ กับหลาน
“มาแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเบรกการสนทนาเอาไว้ ร่างสูงของพี่ธามเดินเข้ามาในห้อง ผมรีบยกมือขึ้นไหว้ สายตาคู่นั้นหรี่ลงมองผมด้วยความสงสัย “พาใครมาด้วย”
“ผมกำลังจะแนะนำให้รู้จักอยู่พอดี พี่ธามมาก็ดีแล้วครับจะได้แนะนำพร้อมกัน” สายตาสี่คู่มองตรงมาที่ผมด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เตรียมตัวรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเต็มที่
“ลี นี่คุณปู่พี่ ป้านาง อานรี พี่ธาม ขาดอีกสองคนพ่อกับแม่ของพี่ธามไม่อยู่”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ ทำทุกอย่างด้วยความระวังให้แน่ใจว่าสุภาพเรียบร้อยพอ
“คนนี้ชื่อลีครับ” พี่โชวางมือลงบนไหล่ผม “เป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัยแล้วก็เป็นแฟนผมด้วย”
ทั้งห้องเงียบกริบ ผมเพิ่งเข้าใจคำว่าวังเวงจนหัวขนลุกว่ามันเป็นอย่างไร จู่ๆ ก็รู้สึกขนคอลุกชัน
“แกเสียสติไปแล้วหรือไง นี่มันผู้ชาย!” สีหน้าของคุณปู่พี่โชเกรี้ยวกราด ร่างกายสั่นด้วยความโกรธ
“โอ๊ยนรีจะเป็นลม พ่อไม่รู้จักเลือกแล้วลูกยังยิ่งกว่า”
ดวงตาของพี่โชวาวโรจน์ มือกำเข้าหากันแน่น “หรือต้องเลือกเก่งเหมือนคุณอาคมสันต์ครับป่านนี้ถึงยังเลือกไม่หยุด”
ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมสั่นระริก ดวงตาเบิกโพลง
“ดู..ดูมันนะคะคุณพ่อ”
“เลิกเถียงกันได้แล้ว” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น “ธามพาเด็กคนนี้ออกไปก่อนปู่มีเรื่องต้องพูดกับโช”
“ไม่ต้องครับ ผมกับลีไม่มีความลับต่อกัน ปู่อยากพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลย” สายตาสองคู่ประสานกันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างดื้อดึง
“เลิกกันซะ แกต้องดูแลบริษัท เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลจะคบกับผู้ชายไม่ได้”
ดูเหมือนพี่โชไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว ใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มหยัน ผมว่าเหมือนพี่โชกำลังหยันตัวเองมากกว่า
“ไม่อย่างนั้นอะไรครับ ไม่อย่างนั้นปู่จะยึดมรดกของพ่อคืน หรือจะไล่ผมออกจากบ้าน”
“โช! พูดกับคุณปู่ดีๆ” พี่ธามส่งสียงปรามพี่โช ผมรับรู้ได้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย
“ผมขอโทษครับ” ผมดีใจที่พี่โชยอมเอ่ยปากขอโทษ ถึงอย่างไรก็เป็นปู่เป็นหลานกัน
“แต่ผมไม่เลิกกับลีแน่นอน เรารักกัน” จังหวะที่พี่โชหันมามองผมด้วยสายตาซึ้งๆ เป็นจังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัว สีหน้าเลยดูประหลาด เป็นการบอกรักที่บรรยากาศน่ากลัวที่สุด
“ถ้าคุณปู่เห็นว่าผมไม่เหมาะสมก็ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีคืนทุกอย่างให้ปู่ ทุกวันนี้ผมกับแม่ไม่ได้แตะต้องอะไรอยู่แล้ว”
“แต่แกเป็นลูกหลานบ้านนี้!”
“คุณพ่อคะถ้ามันเกินเยียวยานรีว่าปล่อยไปเถอะค่ะ ดีกว่าต้องมานั่งอับอายกัน”
“พอเถอะนรีคุณพ่อไม่สบาย จะมาพูดให้เครียดทำไม ป้าว่าโชกลับไปก่อนไปวันหลังค่อยมาเยี่ยมใหม่” ผู้หญิงที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น
“ครับ”
“ยังกลับไม่ได้! แกต้องพูดกับปู่ให้รู้เรื่อง”
“คุณพ่อคะเชื่อนางนะคะ เรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที สุขภาพต้องมาก่อนอย่าเพิ่งโมโห”
“ป้านางพูดถูกวันนี้ผมควรกลับก่อน คุณปู่รักษาสุขภาพด้วย อย่าลืมทานยา”
“ถ้าแกห่วงปู่จริงแกคงไม่ทำเหมือนพ่อแก”
สายตาของพี่โชไหววูบ สายตาคู่นั้นเหมือนกำลังถามกลับว่าแล้วคุณปู่รักเคยพี่โชบ้างไหม
“ป้านางพาปู่ขึ้นไปพักเถอะครับเดี๋ยวผมส่งโชเอง” พี่ธามลุกขึ้นยืน ตั้งใจพูดตัดบทเพื่อไม่ให้เรื่องยืดยาวออกไป
“แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ครับ สวัสดีครับ”
ผมรีบยกมือไหว้ทุกคนตามพี่โช ไม่มีใครรับไหว้ผมซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ผมเหมือนระเบิดลูกโตที่พี่โชถือติดมือเข้าบ้านมาด้วย
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” พี่ธามหยุดเดินเมื่อออกมาถึงห้องรับแขกขนาดใหญ่
“เอากับเขาด้วยเหรอครับ ผมว่าอย่าดีกว่า” พี่โชพูดด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่แปร่งหู
“โช! นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
“ผมก็ไม่ได้ล้อเล่นครับ เราคบกัน” มือของพี่โชพาดลงมาบนไหล่ของผมดึงให้เข้าไปยืนชิด อย่าถามว่าผมใจเต้นแรงไหม ถ้าเต้นแรงก็เป็นเพราะเหตุผลอื่นมากกว่า
“อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้”
“ผมกำลังทำให้มันง่ายขึ้นมากกว่าครับ”
สองพี่น้องประสานสายตากัน แต่คนนอกอย่างผมขนลุกซู่ ถึงแม้ผมจะจินตนาการไปไกลถึงขั้นว่าวันนี้อาจโดนผู้หญิงตบหน้าเพราะยอมเป็นแฟนหลอกๆ ให้พี่โช แต่นี่มันเกินกว่าที่ผมคิดไปเยอะมาก น่ากลัวกว่ามากและรู้สึกไม่สบายใจกว่ามาก ใครมาก็ต้องรับรู้ได้ถึงความอึมครึมของครอบครัวนี้ ปู่กับหลานเหมือนมีเรื่องไม่เข้าใจกัน อาทำท่าเกลียดหลาน พี่ที่วางตัวดีมากและอยากให้น้องชายทำตาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ทำให้ผมเข้าใจในตัวพี่โชมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องแม่ ผมยังไม่รู้ที่มาที่ไปแต่เท่าที่ฟังเหมือนบ้านนี้ไม่ชอบแม่ของพี่โชเท่าไหร่ แล้วคนเป็นลูกคนไหนจะยังยิ้มได้
“ผมว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยครับ ฝากพี่ธามดูแลคุณปู่ด้วยผมเป็นห่วง” เสียงช่วยท้ายของพี่โชให้ความรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ยังอยู่อีกเหรอนึกว่ากลับไปแล้ว” เสียงทักดังขึ้น ไม่ต้องหันไปมองผมก็พอเดาได้ว่าเป็นใคร ขนาดผมเพิ่งมาวันแรกยังรู้
“ครับ” เสียงพี่โชเฉยชาจนผมอดมองด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ใฝ่ต่ำทั้งพ่อทั้งลูก” เสียงที่หลุดลอดออกมาเต็มไปด้วยความดูถูก วิธีการพูดเหมือนใครอยากรับก็รับไป เพราะฉันไม่ได้พูดกับเธอ
“อานรีครับ!” พี่ธามใช้สายตาและน้ำเสียงเบรกอาสาวไว้ แต่ริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะไม่ได้แสดงถึงความเสียใจสักนิด มือของพี่โชกำเข้าหากันแน่น เหมือนคนใกล้หมดความอดทนเต็มที
ผมสอดมือเข้าไปจับมือของพี่โช สายตาที่ตวัดมามองวาวโรจน์ ผมคลี่ยิ้มออกช้าๆ มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก่อนหันไปส่งยิ้มให้กับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่
“ไม่ใช่นะครับ” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส อานรีหันมามองผมด้วยสายตาไม่พอใจ
“อะไร?”
“ผมไม่ต่ำนะครับ ผมสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบเซ็นฯแหนะ” ผมยิ้มกว้างขึ้นดวงตาเป็นประกาย ยกมือขึ้นทาบบนศีรษะตัวเองแล้วดันออกไปด้านหน้าเหมือนกำลังเทียบความสูงกับใครบางคนอยู่ “ผมว่า...ผมสูงกว่าอานรีอีกครับ”
!!!
“กล้าดียังไง!..”
“ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ” ผมหันไปมองพี่โชก่อนหันไปมองพี่ธาม และจบลงที่อานรี ผมสบตากินเลือดกินเนื้อคู่นั้นด้วยดวงตาซื่อๆ
“ผมสูงร้อยเจ็ดสิบเซ็นฯ จริงๆ ครับ ถ้าอานรีไม่เชื่ออยากลองวัดดูก็ได้ครับ” ผมก้าวเท้าไปหาอานรีแต่อีกฝ่ายรีบชักเท้าหนี
“ธามอาจะกลับแล้ววันหลังค่อยมาเยี่ยมคุณพ่อใหม่ แถวนี้มันน่าขยะแขยง วิปริต”
อานรีเชิดหน้าขึ้น เดินจากไปราวกับนางพญา ผมได้แต่มองตามตาปริบๆ ก่อนหันมายิ้มกว้างให้กับคนที่ยืนอยู่
“สงสัยอานรีจับได้ว่าเมื่อเช้าผมไม่ได้อาบน้ำ” ผมยกแขนตัวเองขึ้นดม ทำจมูกฟุดฟิด “เก่งจังรู้ได้ไงเนี่ย”
“หึๆ” พี่ธามหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นตบบ่าของพี่โช “อย่าคิดมากเรื่องอานรี พี่เองก็ใช่ว่าอาจะชอบ อาไม่ชอบหลานทุกคนที่ใช้นามสกุลปู่ หวงของให้ลูกสาวลูกชาย”
“ผมรู้” พี่โชถอนใจเบาๆ สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “ผมกลับดีกว่า”
“ได้ ไว้ค่อยคุยกัน”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่ธามเมื่อเห็นพี่โชขยับตัว
“สวัสดี” พี่ธามไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจผมแต่ก็เป็นอีกคนที่ไม่เห็นด้วย
ผมเดินตามหลังพี่โชไปช้าๆ เมื่อพ้นจากประตูบ้านผมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด สอดมือเข้าไปจับมือใหญ่ พี่โชหันมามองผม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เผื่อใครมองมาจากข้างบนไงครับ” ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง กระชับมือเข้ากับมือของพี่โช บีบมือใหญ่เบาๆ
“เข้าใจแล้ว” พี่โชไม่สะบัดมือของผม เราเดินคู่กันไปที่รถ ผมได้แต่หวังว่าความอุ่นจากมือของผมจะทำให้พี่โชไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
“แสบเหมือนกันนะเรา”
“อะไรเหรอครับ” ผมสบตาคู่นั้นด้วยดวงตาซื่อๆ ที่ซ่อนประกายขำไว้ข้างใน
“หึๆ”
“ก็ผมสูงจริงๆ”
“ไม่โกรธเหรอ”
“โกรธทำไมครับ ผมสงสารมากกว่า”
“สงสาร?”
“ใช่ครับ คนที่เอาแต่ติเตียนคนอื่นคือคนที่มองหาแต่เรื่องแย่ๆ และคนที่มองแต่เรื่องแย่ๆ จะมีความสุขได้ยังไงครับ”
พี่โชหยุดเดิน จ้องมองหน้าผมนิ่ง ผมคลี่ยิ้มออกช้าๆ มองพี่โชด้วยดวงตาสดใส
“อย่าโมโหอานรีเลยครับ สิ่งที่อานรีพูดออกมา ไม่ใช่ปมของพี่โชแต่เป็นปมในใจของอานรีเองต่างหากครับ น่าสงสารออก”
ดวงตาของพี่โชอ่อนลง “เข้าใจพูด ฉลาดเหมือนกันนี่เรา”
ผมยิ้มกว้างขึ้น ทำตาหยีๆ ใส่พี่โช “ของมันแน่อยู่แล้ว นี่ผมแฟนสุดที่รักของพี่โชไงครับ”
พี่โชชะงักกึก สีหน้ากลายเป็นกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง สุดท้ายก็แยกเขี้ยวใส่ผม “แค่ชั่วคราว”
“ผมรู้น่า ไม่ค้างคืนด้วยผมจำได้”
“เจ้าเด็กเพี้ยน”
“ไม่เถียงสักคำ”
“หึๆ” พี่โชออกเดินต่อ ผมแกว่งแขนพี่โชเล่นเบาๆ บ้านหลังใหญ่ก็ดีแบบนี้ที่จอดรถอยู่ไกล
“ขอบใจนะที่มา” เสียงทุ้มพูดเบาแต่ผมก็ได้ยิน
“ได้เสมอครับ”
ผมยิ้มด้วยความยินดี กระชับมือที่จับไว้ให้แน่นขึ้น มือที่ทุกคนรอบข้างมองว่าเข้มแข็ง มือของผู้ชายหยิ่งทะนง ไม่พึ่งพาใคร แต่แท้จริงแล้วคือผู้ชายคนหนึ่งที่ฝืนตัวเองให้เข้มแข็งพอจะผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้
โลกของผมกับพี่โชต่างกันมาก ราวกับโลกสีฟ้ากับดาวอังคารสีแดง แต่ผมเชื่อว่าสักวันเราจะปลูกต้นไม้สีเขียวลงบนดาวที่แห้งแล้งและเต็มไปด้วยฝุ่นได้ แม้มันจะยากแค่ไหนก็ตาม
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin